• Microsoft ได้ประกาศยุติการสนับสนุน Cortana ซึ่งเป็นผู้ช่วย AI ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2014 โดย Cortana เคยเป็นส่วนสำคัญของระบบปฏิบัติการ Windows และแอปพลิเคชันต่างๆ ของ Microsoft อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงในตลาด AI และการมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีใหม่ เช่น Microsoft Copilot ทำให้ Cortana ถูกแทนที่ด้วยเครื่องมือที่มีความสามารถมากขึ้น

    ✅ Cortana เปิดตัวครั้งแรกในปี 2014
    - เปิดตัวพร้อมกับ Windows Phone 8.1 และได้รับแรงบันดาลใจจากตัวละครในเกม Halo
    - มีฟีเจอร์เด่น เช่น การสั่งงานด้วยเสียง การตั้งค่าการแจ้งเตือน และการควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮม

    ✅ เหตุผลที่ Microsoft ยุติการสนับสนุน Cortana
    - การแข่งขันที่รุนแรงจาก Siri, Google Assistant และ Alexa
    - Cortana ไม่สามารถแข่งขันในตลาดมือถือได้ เนื่องจาก Windows Phone ไม่ประสบความสำเร็จ
    - การเปลี่ยนกลยุทธ์ไปสู่การรวมฟีเจอร์ AI ใน Microsoft 365 และ Windows

    ✅ การแทนที่ด้วย Microsoft Copilot
    - Copilot ใช้เทคโนโลยี GPT-4 เพื่อช่วยสร้างเนื้อหา สรุปอีเมล และทำงานอัตโนมัติ
    - มีความสามารถที่เหนือกว่า Cortana เช่น การเขียนรายงานและตอบคำถามที่ซับซ้อน

    ✅ การเปลี่ยนแปลงในตลาดผู้ช่วย AI
    - ผู้ช่วย AI ในยุคใหม่เน้นการสร้างภาษาและการรวมเข้ากับเครื่องมือผลิตภาพ

    https://computercity.com/software/windows/goodbye-cortana-why-microsoft-pulled-the-plug-on-its-ai-assistant
    Microsoft ได้ประกาศยุติการสนับสนุน Cortana ซึ่งเป็นผู้ช่วย AI ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2014 โดย Cortana เคยเป็นส่วนสำคัญของระบบปฏิบัติการ Windows และแอปพลิเคชันต่างๆ ของ Microsoft อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงในตลาด AI และการมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีใหม่ เช่น Microsoft Copilot ทำให้ Cortana ถูกแทนที่ด้วยเครื่องมือที่มีความสามารถมากขึ้น ✅ Cortana เปิดตัวครั้งแรกในปี 2014 - เปิดตัวพร้อมกับ Windows Phone 8.1 และได้รับแรงบันดาลใจจากตัวละครในเกม Halo - มีฟีเจอร์เด่น เช่น การสั่งงานด้วยเสียง การตั้งค่าการแจ้งเตือน และการควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮม ✅ เหตุผลที่ Microsoft ยุติการสนับสนุน Cortana - การแข่งขันที่รุนแรงจาก Siri, Google Assistant และ Alexa - Cortana ไม่สามารถแข่งขันในตลาดมือถือได้ เนื่องจาก Windows Phone ไม่ประสบความสำเร็จ - การเปลี่ยนกลยุทธ์ไปสู่การรวมฟีเจอร์ AI ใน Microsoft 365 และ Windows ✅ การแทนที่ด้วย Microsoft Copilot - Copilot ใช้เทคโนโลยี GPT-4 เพื่อช่วยสร้างเนื้อหา สรุปอีเมล และทำงานอัตโนมัติ - มีความสามารถที่เหนือกว่า Cortana เช่น การเขียนรายงานและตอบคำถามที่ซับซ้อน ✅ การเปลี่ยนแปลงในตลาดผู้ช่วย AI - ผู้ช่วย AI ในยุคใหม่เน้นการสร้างภาษาและการรวมเข้ากับเครื่องมือผลิตภาพ https://computercity.com/software/windows/goodbye-cortana-why-microsoft-pulled-the-plug-on-its-ai-assistant
    COMPUTERCITY.COM
    Goodbye, Cortana: Why Microsoft Pulled the Plug on Its AI Assistant
    Microsoft’s once-promising virtual assistant, Cortana, has reached the end of the road. Originally introduced in 2014 as a bold step into the AI assistant
    0 Comments 0 Shares 6 Views 0 Reviews
  • ตั้งราคาถูกจนเจ๊ง! หรือขายสมราคาแล้วรอด กลยุทธ์ตั้งราคาร้านอาหาร ให้มีกำไรและอยู่รอดในระยะยาว อย่าหลงทางด้วยราคาถูก! ตั้งราคาที่สมคุณค่า เพื่อร้านอาหารอยู่รอด ลูกค้าไม่หาย กำไรยังงาม


    เรียนรู้วิธีตั้งราคาร้านอาหารให้คุ้มค่า มีกำไร และอยู่รอดในระยะยาว ลูกค้าเข้าใจ ไม่หาย พร้อมเทคนิคเพิ่มราคาอย่างชาญฉลาด ร้านอาหารจะอยู่รอด ต้องตั้งราคาอย่างมีกลยุทธ์ จะพาเข้าใจว่าการขายถูก อาจทำให้เจ๊งได้อย่างไร และจะแก้เกมยังไง ให้ลูกค้าไม่หาย กำไรยังคงอยู่

    📌 ขายดีแต่เจ๊ง? ปัญหาที่เจ้าของร้านอาหารไม่เคยอยากเจอ “ขายดีไม่ได้แปลว่ามีกำไร” หลายร้านขายดี จนลูกค้าแน่นทุกวัน แต่เมื่อดูบัญชีปลายเดือน กลับพบว่ากำไรแทบไม่มี หรือแม้แต่ขาดทุน! ทำไมจึงเกิดปัญหานี้?

    เพราะหลายร้าน “ตั้งราคาผิด” ด้วยความเข้าใจผิดว่า ราคาถูก = ลูกค้าเยอะ = รายได้เยอะ = ธุรกิจดี
    แต่มันไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป...

    จะพาสำรวจความจริง ของการตั้งราคาในร้านอาหาร พร้อมเผยกลยุทธ์การตั้งราคาที่ “ไม่จำเป็นต้องถูกที่สุด” แต่ “คุ้มค่าที่สุด” จนลูกค้าพร้อมจ่าย และร้านของคุณก็อยู่รอดได้อย่างยั่งยืน

    ร้านอาหารจะอยู่รอด ต้องกล้าราคา ขายแพงขึ้นยังไงไม่ให้ลูกค้าหาย? ความกลัวที่เจ้าของร้านอาหารทุกคนเคยมี...
    😨 “กลัวลูกค้าจะหาย ถ้าขึ้นราคา”
    😓 “กลัวโดนบ่นในโซเชียล”
    😔 “กลัวเสียลูกค้าประจำ”

    แต่...คุณลองถามตัวเองดูไหมว่า ทุกวันนี้คุณขายอาหารที่ “สมราคา” แล้วหรือยัง? หากคุณตั้งราคาถูกจนไม่มีกำไร แปลว่า “คุณกำลังทำธุรกิจโดยไม่มีอนาคต” และกำลังสร้างร้านที่ไม่มีพลังจะเติบโต

    ทำไมขายดีแต่ร้านยังเจ๊ง? จุดบอดที่หลายคนมองไม่เห็น มีหลายร้านที่ขายได้เยอะ คนต่อคิวยาว แต่สุดท้ายก็ปิดตัวในเวลาไม่นาน ทำไม?

    📉 เพราะราคาที่ตั้ง “ไม่ครอบคลุมต้นทุน” หรือ “กำไรต่อจานน้อยเกินไป”

    ต้นทุนที่คุณอาจลืมคำนวณ
    วัตถุดิบที่ราคาขึ้นทุกเดือน 🥬🍗
    ค่าเช่า ค่าไฟ ค่าน้ำ 💡
    ค่าจ้างพนักงาน 👨‍🍳👩‍🍳
    ค่าการตลาด โปรโมชัน 📱
    ค่าเสื่อมของอุปกรณ์ต่างๆ

    เมื่อลบทุกอย่างแล้ว บางครั้งเหลือ “กำไรหลักสิบต่อวัน” หรือ “ติดลบ” ด้วยซ้ำ!

    ความเข้าใจผิดของเจ้าของร้าน:ราคาถูก = ลูกค้าเยอะ = ดี? แนวคิดนี้อาจถูกบางส่วน แต่ใช้ไม่ได้กับระยะยาว ลูกค้าเยอะไม่ใช่คำตอบ ถ้ากำไรหาย ขายวันละ 200 จาน กำไรจานละ 5 บาท = กำไรวันละ 1,000 บาท

    แต่ถ้าใช้ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทุกเดือน โดยไม่ปรับราคา = กำไรหาย

    🎯 สิ่งที่คุณควรตั้งเป้าคือ “ขายได้น้อยลง แต่กำไรมากขึ้น และยังรักษาฐานลูกค้าไว้ได้” “คุณค่า” มาก่อน “ราคา”: ลูกค้าซื้อเพราะอะไร? ในยุคที่ผู้บริโภคฉลาดขึ้น การขายถูกอย่างเดียวไม่พอ

    ลูกค้าเลือกจ่ายให้ร้านที่มี คุณค่า เช่น... รสชาติอร่อยคงที่ การบริการดี ความสะอาด บรรยากาศดี ใช้วัตถุดิบที่ปลอดภัย มีเรื่องราว หรือ Storytelling 🧑‍🍳

    🔍 ตัวอย่าง “เราใช้เนื้อวัวจากฟาร์มออร์แกนิค ในเชียงใหม่” หรือ “สูตรน้ำซุปจากรุ่นยาย อายุกว่า 40 ปี” = เพิ่มคุณค่าโดยไม่ต้องลดราคา

    กลยุทธ์ตั้งราคาที่สมคุณค่า ขายแพงขึ้นยังไง ให้ลูกค้าเข้าใจ เพิ่มคุณค่าก่อนเพิ่มราคา อัปเดตเมนูใหม่ให้ดูดี ปรับปรุงร้าน เพิ่มแสงไฟ เพลง บรรยากาศ ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ แล้วแจ้งให้ลูกค้ารู้ สื่อสารอย่างตรงไปตรงมา ใช้ป้ายในร้าน หรือโพสต์ในเพจ

    “เพื่อรักษาคุณภาพ เราจึงจำเป็นต้องปรับราคาบางเมนู” ขึ้นราคาอย่างมีชั้นเชิง ค่อยๆ เพิ่ม เช่น เมนูละ 5 บาท ทุก 6 เดือน ตัดเมนูที่ไม่ทำกำไรออก แล้วเสริมเมนูที่มีกำไรสูงแทน ใช้โปรโมชันแบบไม่ลดราคา แจกของแถมเล็กๆ น้อยๆ 🎁 จัดเซ็ตเมนูที่ดูคุ้มค่า ใช้โปรโมชั่นเฉพาะเวลา เช่น Happy Hour

    อันตรายของการติดกับดักราคาถูก ไม่มีเงินพัฒนา จ้างพนักงานที่มีศักยภาพไม่ได้ ลดคุณภาพวัตถุดิบ ไม่มีแรงสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ขึ้นราคาทีหลัง ลูกค้าบ่นเพราะไม่เคยชิน

    เรื่องเล่าจากร้านก๋วยเตี๋ยว กล้าขึ้นราคา แล้วเกิดอะไรขึ้น? ร้านหนึ่งขายก๋วยเตี๋ยว 35 บาทมา 5 ปี ไม่กล้าขึ้นราคา
    จนวันหนึ่งเขาตัดสินใจขึ้นเป็น 40 บาท ลูกค้าบ่นนิดหน่อย แต่เขาพูดว่า 🗣️ “ผมทำอาหารด้วยใจ แต่ถ้าไม่มีทุน ผมก็อยู่ต่อไม่ได้”

    ผลคือ ลูกค้าที่เข้าใจยังอยู่ ลูกค้าที่ไม่เห็นคุณค่าก็จากไป แต่ที่สำคัญคือ “ร้านยังอยู่ และมีกำไร”

    ร้านที่อยู่รอด คือร้านที่รู้จักคุณค่าของตัวเอง 🎯 ตั้งราคาไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลข แต่คือ “จุดยืนของธุรกิจ” ถ้าคุณกลัวจะขึ้นราคา แล้วไม่มีคนมา อย่าลืมว่า “ฝีมือของคุณมีค่า” อย่ายอมขายของถูกๆ เพียงเพราะกลัวเปลี่ยนแปลง

    คุณไม่จำเป็นต้องขายถูกที่สุด แต่คุณต้อง “ให้มากกว่าที่ลูกค้าคาด” ลูกค้าที่ดีจะเข้าใจ และพร้อมจ่ายในราคาที่เหมาะสม

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 232230 เม.ย. 2568

    📲 #ตั้งราคาร้านอาหาร #กลยุทธ์ธุรกิจ #เคล็ดลับร้านอาหาร #ราคาสมเหตุสมผล #SMEไทย #ขายดีแต่ไม่เจ๊ง #ธุรกิจอาหาร #กำไรยั่งยืน #ร้านอาหารอยู่รอด #เพิ่มราคายังไงไม่ให้ลูกค้าหาย
    ตั้งราคาถูกจนเจ๊ง! หรือขายสมราคาแล้วรอด กลยุทธ์ตั้งราคาร้านอาหาร ให้มีกำไรและอยู่รอดในระยะยาว อย่าหลงทางด้วยราคาถูก! ตั้งราคาที่สมคุณค่า เพื่อร้านอาหารอยู่รอด ลูกค้าไม่หาย กำไรยังงาม เรียนรู้วิธีตั้งราคาร้านอาหารให้คุ้มค่า มีกำไร และอยู่รอดในระยะยาว ลูกค้าเข้าใจ ไม่หาย พร้อมเทคนิคเพิ่มราคาอย่างชาญฉลาด ร้านอาหารจะอยู่รอด ต้องตั้งราคาอย่างมีกลยุทธ์ จะพาเข้าใจว่าการขายถูก อาจทำให้เจ๊งได้อย่างไร และจะแก้เกมยังไง ให้ลูกค้าไม่หาย กำไรยังคงอยู่ 📌 ขายดีแต่เจ๊ง? ปัญหาที่เจ้าของร้านอาหารไม่เคยอยากเจอ “ขายดีไม่ได้แปลว่ามีกำไร” หลายร้านขายดี จนลูกค้าแน่นทุกวัน แต่เมื่อดูบัญชีปลายเดือน กลับพบว่ากำไรแทบไม่มี หรือแม้แต่ขาดทุน! ทำไมจึงเกิดปัญหานี้? เพราะหลายร้าน “ตั้งราคาผิด” ด้วยความเข้าใจผิดว่า ราคาถูก = ลูกค้าเยอะ = รายได้เยอะ = ธุรกิจดี แต่มันไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป... จะพาสำรวจความจริง ของการตั้งราคาในร้านอาหาร พร้อมเผยกลยุทธ์การตั้งราคาที่ “ไม่จำเป็นต้องถูกที่สุด” แต่ “คุ้มค่าที่สุด” จนลูกค้าพร้อมจ่าย และร้านของคุณก็อยู่รอดได้อย่างยั่งยืน ร้านอาหารจะอยู่รอด ต้องกล้าราคา ขายแพงขึ้นยังไงไม่ให้ลูกค้าหาย? ความกลัวที่เจ้าของร้านอาหารทุกคนเคยมี... 😨 “กลัวลูกค้าจะหาย ถ้าขึ้นราคา” 😓 “กลัวโดนบ่นในโซเชียล” 😔 “กลัวเสียลูกค้าประจำ” แต่...คุณลองถามตัวเองดูไหมว่า ทุกวันนี้คุณขายอาหารที่ “สมราคา” แล้วหรือยัง? หากคุณตั้งราคาถูกจนไม่มีกำไร แปลว่า “คุณกำลังทำธุรกิจโดยไม่มีอนาคต” และกำลังสร้างร้านที่ไม่มีพลังจะเติบโต ทำไมขายดีแต่ร้านยังเจ๊ง? จุดบอดที่หลายคนมองไม่เห็น มีหลายร้านที่ขายได้เยอะ คนต่อคิวยาว แต่สุดท้ายก็ปิดตัวในเวลาไม่นาน ทำไม? 📉 เพราะราคาที่ตั้ง “ไม่ครอบคลุมต้นทุน” หรือ “กำไรต่อจานน้อยเกินไป” ต้นทุนที่คุณอาจลืมคำนวณ วัตถุดิบที่ราคาขึ้นทุกเดือน 🥬🍗 ค่าเช่า ค่าไฟ ค่าน้ำ 💡 ค่าจ้างพนักงาน 👨‍🍳👩‍🍳 ค่าการตลาด โปรโมชัน 📱 ค่าเสื่อมของอุปกรณ์ต่างๆ เมื่อลบทุกอย่างแล้ว บางครั้งเหลือ “กำไรหลักสิบต่อวัน” หรือ “ติดลบ” ด้วยซ้ำ! ความเข้าใจผิดของเจ้าของร้าน:ราคาถูก = ลูกค้าเยอะ = ดี? แนวคิดนี้อาจถูกบางส่วน แต่ใช้ไม่ได้กับระยะยาว ลูกค้าเยอะไม่ใช่คำตอบ ถ้ากำไรหาย ขายวันละ 200 จาน กำไรจานละ 5 บาท = กำไรวันละ 1,000 บาท แต่ถ้าใช้ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทุกเดือน โดยไม่ปรับราคา = กำไรหาย 🎯 สิ่งที่คุณควรตั้งเป้าคือ “ขายได้น้อยลง แต่กำไรมากขึ้น และยังรักษาฐานลูกค้าไว้ได้” “คุณค่า” มาก่อน “ราคา”: ลูกค้าซื้อเพราะอะไร? ในยุคที่ผู้บริโภคฉลาดขึ้น การขายถูกอย่างเดียวไม่พอ ลูกค้าเลือกจ่ายให้ร้านที่มี คุณค่า เช่น... รสชาติอร่อยคงที่ การบริการดี ความสะอาด บรรยากาศดี ใช้วัตถุดิบที่ปลอดภัย มีเรื่องราว หรือ Storytelling 🧑‍🍳 🔍 ตัวอย่าง “เราใช้เนื้อวัวจากฟาร์มออร์แกนิค ในเชียงใหม่” หรือ “สูตรน้ำซุปจากรุ่นยาย อายุกว่า 40 ปี” = เพิ่มคุณค่าโดยไม่ต้องลดราคา กลยุทธ์ตั้งราคาที่สมคุณค่า ขายแพงขึ้นยังไง ให้ลูกค้าเข้าใจ เพิ่มคุณค่าก่อนเพิ่มราคา อัปเดตเมนูใหม่ให้ดูดี ปรับปรุงร้าน เพิ่มแสงไฟ เพลง บรรยากาศ ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ แล้วแจ้งให้ลูกค้ารู้ สื่อสารอย่างตรงไปตรงมา ใช้ป้ายในร้าน หรือโพสต์ในเพจ “เพื่อรักษาคุณภาพ เราจึงจำเป็นต้องปรับราคาบางเมนู” ขึ้นราคาอย่างมีชั้นเชิง ค่อยๆ เพิ่ม เช่น เมนูละ 5 บาท ทุก 6 เดือน ตัดเมนูที่ไม่ทำกำไรออก แล้วเสริมเมนูที่มีกำไรสูงแทน ใช้โปรโมชันแบบไม่ลดราคา แจกของแถมเล็กๆ น้อยๆ 🎁 จัดเซ็ตเมนูที่ดูคุ้มค่า ใช้โปรโมชั่นเฉพาะเวลา เช่น Happy Hour อันตรายของการติดกับดักราคาถูก ไม่มีเงินพัฒนา จ้างพนักงานที่มีศักยภาพไม่ได้ ลดคุณภาพวัตถุดิบ ไม่มีแรงสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ขึ้นราคาทีหลัง ลูกค้าบ่นเพราะไม่เคยชิน เรื่องเล่าจากร้านก๋วยเตี๋ยว กล้าขึ้นราคา แล้วเกิดอะไรขึ้น? ร้านหนึ่งขายก๋วยเตี๋ยว 35 บาทมา 5 ปี ไม่กล้าขึ้นราคา จนวันหนึ่งเขาตัดสินใจขึ้นเป็น 40 บาท ลูกค้าบ่นนิดหน่อย แต่เขาพูดว่า 🗣️ “ผมทำอาหารด้วยใจ แต่ถ้าไม่มีทุน ผมก็อยู่ต่อไม่ได้” ผลคือ ลูกค้าที่เข้าใจยังอยู่ ลูกค้าที่ไม่เห็นคุณค่าก็จากไป แต่ที่สำคัญคือ “ร้านยังอยู่ และมีกำไร” ร้านที่อยู่รอด คือร้านที่รู้จักคุณค่าของตัวเอง 🎯 ตั้งราคาไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลข แต่คือ “จุดยืนของธุรกิจ” ถ้าคุณกลัวจะขึ้นราคา แล้วไม่มีคนมา อย่าลืมว่า “ฝีมือของคุณมีค่า” อย่ายอมขายของถูกๆ เพียงเพราะกลัวเปลี่ยนแปลง คุณไม่จำเป็นต้องขายถูกที่สุด แต่คุณต้อง “ให้มากกว่าที่ลูกค้าคาด” ลูกค้าที่ดีจะเข้าใจ และพร้อมจ่ายในราคาที่เหมาะสม ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 232230 เม.ย. 2568 📲 #ตั้งราคาร้านอาหาร #กลยุทธ์ธุรกิจ #เคล็ดลับร้านอาหาร #ราคาสมเหตุสมผล #SMEไทย #ขายดีแต่ไม่เจ๊ง #ธุรกิจอาหาร #กำไรยั่งยืน #ร้านอาหารอยู่รอด #เพิ่มราคายังไงไม่ให้ลูกค้าหาย
    0 Comments 0 Shares 78 Views 0 Reviews
  • ลุงสรุปให้สั้นๆ กระชับ --> ยอมจ่ายเงินเพิ่มซื้อรุ่น "16GB" สบายใจกว่า

    Nvidia RTX 5060 Ti รุ่นใหม่มีให้เลือกทั้งแบบ 8GB และ 16GB VRAM โดยมีการเปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่างสองรุ่นนี้ในแง่ของการเล่นเกมและการใช้งานในปี 2025 โดยรุ่น 16GB มีความสามารถในการรองรับเกมที่ต้องการ VRAM สูงกว่า เช่น Cyberpunk 2077 และ Starfield ในขณะที่รุ่น 8GB เหมาะสำหรับเกมที่มีการปรับแต่งมาอย่างดีหรือเกมเก่า

    ✅ RTX 5060 Ti 16GB เหมาะสำหรับเกมที่ต้องการ VRAM สูง
    - รองรับการเล่นเกมที่ความละเอียด 1440p และ 4K ได้ดีกว่า
    - มีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 4060 Ti 8GB ถึง 19% ที่ 1080p และ 21% ที่ 1440p

    ✅ RTX 5060 Ti 8GB เหมาะสำหรับเกมที่ปรับแต่งมาอย่างดี
    - เหมาะสำหรับการเล่นเกมที่ความละเอียด 1080p เช่น Apex Legends และ Valorant
    - อาจมีปัญหาเรื่องการโหลด texture ในเกมใหม่ที่ต้องการ VRAM สูง

    ✅ การเปรียบเทียบระหว่างสองรุ่น
    - รุ่น 16GB มีความสามารถในการรองรับ ray tracing และ DLSS 4 ได้ดีกว่า
    - รุ่น 8GB มีราคาถูกกว่า แต่มีข้อจำกัดในเกมที่ต้องการ VRAM สูง

    ✅ แนวโน้มของตลาด GPU ในปี 2025
    - รุ่น 16GB มีความต้องการสูงและมักขายเกินราคา MSRP
    - Nvidia อาจต้องปรับกลยุทธ์การผลิตเพื่อรองรับความต้องการ

    https://computercity.com/hardware/video-cards/16gb-vs-8gb-rtx-5060-ti-how-much-vram-do-you-actually-need-in-2025
    ลุงสรุปให้สั้นๆ กระชับ --> ยอมจ่ายเงินเพิ่มซื้อรุ่น "16GB" สบายใจกว่า Nvidia RTX 5060 Ti รุ่นใหม่มีให้เลือกทั้งแบบ 8GB และ 16GB VRAM โดยมีการเปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่างสองรุ่นนี้ในแง่ของการเล่นเกมและการใช้งานในปี 2025 โดยรุ่น 16GB มีความสามารถในการรองรับเกมที่ต้องการ VRAM สูงกว่า เช่น Cyberpunk 2077 และ Starfield ในขณะที่รุ่น 8GB เหมาะสำหรับเกมที่มีการปรับแต่งมาอย่างดีหรือเกมเก่า ✅ RTX 5060 Ti 16GB เหมาะสำหรับเกมที่ต้องการ VRAM สูง - รองรับการเล่นเกมที่ความละเอียด 1440p และ 4K ได้ดีกว่า - มีประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 4060 Ti 8GB ถึง 19% ที่ 1080p และ 21% ที่ 1440p ✅ RTX 5060 Ti 8GB เหมาะสำหรับเกมที่ปรับแต่งมาอย่างดี - เหมาะสำหรับการเล่นเกมที่ความละเอียด 1080p เช่น Apex Legends และ Valorant - อาจมีปัญหาเรื่องการโหลด texture ในเกมใหม่ที่ต้องการ VRAM สูง ✅ การเปรียบเทียบระหว่างสองรุ่น - รุ่น 16GB มีความสามารถในการรองรับ ray tracing และ DLSS 4 ได้ดีกว่า - รุ่น 8GB มีราคาถูกกว่า แต่มีข้อจำกัดในเกมที่ต้องการ VRAM สูง ✅ แนวโน้มของตลาด GPU ในปี 2025 - รุ่น 16GB มีความต้องการสูงและมักขายเกินราคา MSRP - Nvidia อาจต้องปรับกลยุทธ์การผลิตเพื่อรองรับความต้องการ https://computercity.com/hardware/video-cards/16gb-vs-8gb-rtx-5060-ti-how-much-vram-do-you-actually-need-in-2025
    COMPUTERCITY.COM
    Nvidia RTX 5060 Ti 8GB vs 16GB: Which One Should You Buy
    The debate between 8GB and 16GB VRAM on the RTX 5060 Ti is heating up—and for good reason. In 2025, modern games are pushing GPU memory harder than ever.
    0 Comments 0 Shares 60 Views 0 Reviews
  • Nvidia และ AMD กำลังแข่งขันกันในตลาด GPU โดย Nvidia มีโอกาสครองตลาดด้วย RTX 5060 Ti เนื่องจาก AMD อาจเลื่อนการเปิดตัว RX 9060 XT และ RX 9070 GRE ไปจนถึงไตรมาสที่ 4 ปี 2025 การเลื่อนนี้อาจทำให้ Nvidia ไม่มีคู่แข่งโดยตรงในตลาด GPU ระดับกลางในช่วงหลายเดือนข้างหน้า

    ✅ Nvidia RTX 5060 Ti อาจไม่มีคู่แข่งโดยตรงในตลาด
    - AMD อาจเลื่อนการเปิดตัว RX 9060 XT และ RX 9070 GRE ไปจนถึงไตรมาสที่ 4 ปี 2025
    - RX 9070 GRE อาจเปิดตัวในจีนก่อน และเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ในปี 2026

    ✅ RX 9060 XT และ RX 9070 GRE มีประสิทธิภาพที่น่าสนใจ
    - RX 9060 XT อาจไม่สามารถแข่งขันกับ RTX 5060 Ti ได้โดยตรง
    - RX 9070 GRE มีสเปคที่น่าสนใจและอาจทำให้ RTX 5060 Ti ต้องเผชิญกับความท้าทาย

    ✅ AMD ใช้กลยุทธ์การเลื่อนการเปิดตัวเพื่อปรับปรุงราคาและประสิทธิภาพ
    - การเลื่อนนี้ช่วยให้ AMD มีเวลาในการปรับปรุงราคาและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์

    ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภคในตลาด GPU
    - ผู้บริโภคอาจต้องรอผลิตภัณฑ์ใหม่จาก AMD ในช่วงปลายปี 2025

    https://www.neowin.net/news/nvidia-could-again-have-a-free-5060-ti-reign-before-amd-has-an-answer-with-rx-9060-9070-gre/
    Nvidia และ AMD กำลังแข่งขันกันในตลาด GPU โดย Nvidia มีโอกาสครองตลาดด้วย RTX 5060 Ti เนื่องจาก AMD อาจเลื่อนการเปิดตัว RX 9060 XT และ RX 9070 GRE ไปจนถึงไตรมาสที่ 4 ปี 2025 การเลื่อนนี้อาจทำให้ Nvidia ไม่มีคู่แข่งโดยตรงในตลาด GPU ระดับกลางในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ✅ Nvidia RTX 5060 Ti อาจไม่มีคู่แข่งโดยตรงในตลาด - AMD อาจเลื่อนการเปิดตัว RX 9060 XT และ RX 9070 GRE ไปจนถึงไตรมาสที่ 4 ปี 2025 - RX 9070 GRE อาจเปิดตัวในจีนก่อน และเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ในปี 2026 ✅ RX 9060 XT และ RX 9070 GRE มีประสิทธิภาพที่น่าสนใจ - RX 9060 XT อาจไม่สามารถแข่งขันกับ RTX 5060 Ti ได้โดยตรง - RX 9070 GRE มีสเปคที่น่าสนใจและอาจทำให้ RTX 5060 Ti ต้องเผชิญกับความท้าทาย ✅ AMD ใช้กลยุทธ์การเลื่อนการเปิดตัวเพื่อปรับปรุงราคาและประสิทธิภาพ - การเลื่อนนี้ช่วยให้ AMD มีเวลาในการปรับปรุงราคาและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภคในตลาด GPU - ผู้บริโภคอาจต้องรอผลิตภัณฑ์ใหม่จาก AMD ในช่วงปลายปี 2025 https://www.neowin.net/news/nvidia-could-again-have-a-free-5060-ti-reign-before-amd-has-an-answer-with-rx-9060-9070-gre/
    WWW.NEOWIN.NET
    Nvidia could again have a free 5060 Ti reign before AMD has an answer with RX 9060, 9070 GRE
    There are reports that the alleged AMD RX 9070 GRE is delayed, which means Team Red may have no answer to Nvidia's 5060 Ti for a long time.
    0 Comments 0 Shares 42 Views 0 Reviews
  • Sophos ได้เปิดเผยรายงานเกี่ยวกับการโจมตีทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการโจมตีที่มุ่งเป้าไปยังอุปกรณ์เครือข่าย เช่น firewalls, VPNs และ routers ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการบุกรุกเครือข่ายองค์กร โดยการโจมตีเหล่านี้คิดเป็นเกือบ 30% ของการบุกรุกทั้งหมดในรายงานประจำปีของ Sophos และ ransomware ยังคงเป็นประเภทการโจมตีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

    ✅ อุปกรณ์เครือข่ายเป็นจุดเริ่มต้นของการบุกรุกเครือข่าย
    - การโจมตีผ่าน VPNs คิดเป็น 25% ของการบุกรุกทั้งหมด
    - การโจมตีด้วย ransomware คิดเป็น 90% ของกรณีที่เกิดขึ้นในองค์กรขนาดกลาง

    ✅ การโจมตีทางไซเบอร์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
    - ผู้โจมตีใช้เทคนิค social engineering เพื่อเก็บข้อมูล credentials
    - AI ช่วยให้การโจมตี phishing มีความซับซ้อนและรวดเร็วมากขึ้น

    ✅ อุปกรณ์ที่หมดอายุการใช้งาน (EOL) เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ
    - อุปกรณ์เหล่านี้มักไม่ได้รับการอัปเดตและกลายเป็นช่องโหว่ที่ง่ายต่อการโจมตี

    ✅ การเปลี่ยนแปลงในกลยุทธ์ของผู้โจมตี
    - ผู้โจมตีไม่จำเป็นต้องใช้มัลแวร์ที่ซับซ้อน แต่สามารถใช้ระบบขององค์กรเองเพื่อโจมตี

    https://www.techradar.com/pro/security/hackers-are-hitting-firewalls-and-vpns-to-breach-businesses
    Sophos ได้เปิดเผยรายงานเกี่ยวกับการโจมตีทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการโจมตีที่มุ่งเป้าไปยังอุปกรณ์เครือข่าย เช่น firewalls, VPNs และ routers ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการบุกรุกเครือข่ายองค์กร โดยการโจมตีเหล่านี้คิดเป็นเกือบ 30% ของการบุกรุกทั้งหมดในรายงานประจำปีของ Sophos และ ransomware ยังคงเป็นประเภทการโจมตีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ✅ อุปกรณ์เครือข่ายเป็นจุดเริ่มต้นของการบุกรุกเครือข่าย - การโจมตีผ่าน VPNs คิดเป็น 25% ของการบุกรุกทั้งหมด - การโจมตีด้วย ransomware คิดเป็น 90% ของกรณีที่เกิดขึ้นในองค์กรขนาดกลาง ✅ การโจมตีทางไซเบอร์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง - ผู้โจมตีใช้เทคนิค social engineering เพื่อเก็บข้อมูล credentials - AI ช่วยให้การโจมตี phishing มีความซับซ้อนและรวดเร็วมากขึ้น ✅ อุปกรณ์ที่หมดอายุการใช้งาน (EOL) เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ - อุปกรณ์เหล่านี้มักไม่ได้รับการอัปเดตและกลายเป็นช่องโหว่ที่ง่ายต่อการโจมตี ✅ การเปลี่ยนแปลงในกลยุทธ์ของผู้โจมตี - ผู้โจมตีไม่จำเป็นต้องใช้มัลแวร์ที่ซับซ้อน แต่สามารถใช้ระบบขององค์กรเองเพื่อโจมตี https://www.techradar.com/pro/security/hackers-are-hitting-firewalls-and-vpns-to-breach-businesses
    WWW.TECHRADAR.COM
    Hackers are hitting firewalls and VPNs to breach businesses
    Network edge devices are a key point of entry for attackers
    0 Comments 0 Shares 40 Views 0 Reviews
  • Intel ได้ประกาศความร่วมมือกับ TSMC ในการผลิตชิป Nova Lake โดยใช้เทคโนโลยี N2 process ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระดับ 2 นาโนเมตรที่ล้ำสมัยที่สุดในปัจจุบัน การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นจากความต้องการเพิ่มกำลังการผลิตและลดความเสี่ยงในการเกิดความล่าช้าในผลิตภัณฑ์ของ Intel โดย Nova Lake จะเป็นรุ่นต่อจาก Arrow Lake และมีการเปลี่ยนแปลงด้านสถาปัตยกรรมที่สำคัญ

    ✅ Nova Lake ใช้เทคโนโลยี N2 process ของ TSMC
    - เทคโนโลยีนี้ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์และลดการใช้พลังงาน
    - Nova Lake จะมี CPU สูงสุดถึง 52 hybrid cores ที่แบ่งเป็น P-cores, E-cores และ LPE cores

    ✅ Intel ใช้กลยุทธ์การผลิตแบบ dual-sourcing
    - Nova Lake จะผลิตโดยใช้เทคโนโลยี N2 ของ TSMC สำหรับรุ่น high-end และ Intel 18A สำหรับรุ่น low-end
    - การผลิตแบบ dual-sourcing ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดความล่าช้า

    ✅ Nova Lake มีการเปลี่ยนแปลงด้านสถาปัตยกรรมที่สำคัญ
    - ใช้ socket ใหม่ LGA1954 ซึ่งไม่สามารถใช้งานร่วมกับเมนบอร์ดรุ่น 800-series ได้
    - มีการพัฒนาสถาปัตยกรรม P-cores และ E-cores รุ่นใหม่ เช่น Coyote Cove และ Arctic Wolf

    ✅ Intel มีแผนเปิดตัว Nova Lake ในปี 2026
    - Nova Lake จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่สำคัญในกลยุทธ์การพัฒนาของ Intel

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/tsmcs-n2-process-reportedly-lands-orders-from-intel-nova-lake-is-the-likely-application
    Intel ได้ประกาศความร่วมมือกับ TSMC ในการผลิตชิป Nova Lake โดยใช้เทคโนโลยี N2 process ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระดับ 2 นาโนเมตรที่ล้ำสมัยที่สุดในปัจจุบัน การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นจากความต้องการเพิ่มกำลังการผลิตและลดความเสี่ยงในการเกิดความล่าช้าในผลิตภัณฑ์ของ Intel โดย Nova Lake จะเป็นรุ่นต่อจาก Arrow Lake และมีการเปลี่ยนแปลงด้านสถาปัตยกรรมที่สำคัญ ✅ Nova Lake ใช้เทคโนโลยี N2 process ของ TSMC - เทคโนโลยีนี้ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์และลดการใช้พลังงาน - Nova Lake จะมี CPU สูงสุดถึง 52 hybrid cores ที่แบ่งเป็น P-cores, E-cores และ LPE cores ✅ Intel ใช้กลยุทธ์การผลิตแบบ dual-sourcing - Nova Lake จะผลิตโดยใช้เทคโนโลยี N2 ของ TSMC สำหรับรุ่น high-end และ Intel 18A สำหรับรุ่น low-end - การผลิตแบบ dual-sourcing ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดความล่าช้า ✅ Nova Lake มีการเปลี่ยนแปลงด้านสถาปัตยกรรมที่สำคัญ - ใช้ socket ใหม่ LGA1954 ซึ่งไม่สามารถใช้งานร่วมกับเมนบอร์ดรุ่น 800-series ได้ - มีการพัฒนาสถาปัตยกรรม P-cores และ E-cores รุ่นใหม่ เช่น Coyote Cove และ Arctic Wolf ✅ Intel มีแผนเปิดตัว Nova Lake ในปี 2026 - Nova Lake จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่สำคัญในกลยุทธ์การพัฒนาของ Intel https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/tsmcs-n2-process-reportedly-lands-orders-from-intel-nova-lake-is-the-likely-application
    0 Comments 0 Shares 39 Views 0 Reviews
  • Intel กำลังวางแผนลดจำนวนพนักงานกว่า 20% เพื่อปรับปรุงการดำเนินงานและลดความซับซ้อนในโครงสร้างองค์กร โดยการลดจำนวนพนักงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการสร้างวัฒนธรรมที่ขับเคลื่อนด้วยวิศวกรรม และแก้ไขปัญหาการจัดการที่ซับซ้อนในระดับกลาง

    ✅ Intel วางแผนลดจำนวนพนักงานกว่า 20%
    - การลดจำนวนพนักงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการปรับปรุงโครงสร้างองค์กร
    - CEO คนใหม่ Lip-Bu Tan ระบุว่าการลดจำนวนพนักงานเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก

    ✅ การลดจำนวนพนักงานเป็นส่วนหนึ่งของแผนลดค่าใช้จ่ายมูลค่า 10 พันล้านดอลลาร์
    - Intel เผชิญกับต้นทุนที่สูงและกำไรที่ลดลงในกลุ่ม PC และ Data Center
    - การเปลี่ยนแปลงนี้ยังรวมถึงการปรับกลยุทธ์ด้าน AI เพื่อแข่งขันกับ Nvidia

    ✅ Intel มีการปรับโครงสร้างทีมผู้นำ
    - กลุ่มชิปสำคัญรายงานตรงต่อ CEO เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ

    ✅ การลดจำนวนพนักงานในปี 2024 มีผลกระทบต่อพนักงานประมาณ 15,000 คน
    - การลดจำนวนพนักงานในปี 2025 จะมีผลกระทบมากขึ้น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/23/intel-to-cut-over-20-of-workforce-bloomberg-news-reports
    Intel กำลังวางแผนลดจำนวนพนักงานกว่า 20% เพื่อปรับปรุงการดำเนินงานและลดความซับซ้อนในโครงสร้างองค์กร โดยการลดจำนวนพนักงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการสร้างวัฒนธรรมที่ขับเคลื่อนด้วยวิศวกรรม และแก้ไขปัญหาการจัดการที่ซับซ้อนในระดับกลาง ✅ Intel วางแผนลดจำนวนพนักงานกว่า 20% - การลดจำนวนพนักงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการปรับปรุงโครงสร้างองค์กร - CEO คนใหม่ Lip-Bu Tan ระบุว่าการลดจำนวนพนักงานเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก ✅ การลดจำนวนพนักงานเป็นส่วนหนึ่งของแผนลดค่าใช้จ่ายมูลค่า 10 พันล้านดอลลาร์ - Intel เผชิญกับต้นทุนที่สูงและกำไรที่ลดลงในกลุ่ม PC และ Data Center - การเปลี่ยนแปลงนี้ยังรวมถึงการปรับกลยุทธ์ด้าน AI เพื่อแข่งขันกับ Nvidia ✅ Intel มีการปรับโครงสร้างทีมผู้นำ - กลุ่มชิปสำคัญรายงานตรงต่อ CEO เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ ✅ การลดจำนวนพนักงานในปี 2024 มีผลกระทบต่อพนักงานประมาณ 15,000 คน - การลดจำนวนพนักงานในปี 2025 จะมีผลกระทบมากขึ้น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/23/intel-to-cut-over-20-of-workforce-bloomberg-news-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Intel to cut over 20% of workforce, Bloomberg News reports
    (Reuters) -Intel is set to unveil plans this week to slash more than 20% of its workforce, in a move to streamline operations and reduce bureaucratic inefficiencies, Bloomberg News reported on Tuesday, citing a person familiar with the matter.
    0 Comments 0 Shares 26 Views 0 Reviews
  • บทความนี้กล่าวถึงการเดินทางขององค์กรต่างๆ ในการนำแนวคิด Zero Trust มาใช้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในระบบ โดย Zero Trust เป็นแนวคิดที่ไม่ไว้วางใจบุคคลหรืออุปกรณ์ใดๆ ทั้งภายในและภายนอกเครือข่ายขององค์กร และต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง

    ✅ องค์กรทั่วโลกกว่า 63% ได้นำกลยุทธ์ Zero Trust มาใช้บางส่วน
    - จากการสำรวจของ Gartner ในปี 2024 พบว่า 58% ขององค์กรเหล่านี้ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น
    - มีเพียงไม่ถึง 50% ของสภาพแวดล้อมที่ครอบคลุมด้วย Zero Trust

    ✅ Zero Trust ต้องการการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านวัฒนธรรมและเทคโนโลยี
    - การเปลี่ยนแปลงนี้รวมถึงการนำเทคโนโลยี เช่น Multi-Factor Authentication (MFA) และ Privileged Access Management (PAM) มาใช้
    - ต้องมีการจัดการสิทธิ์การเข้าถึงและการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง

    ✅ การนำ Zero Trust มาใช้ต้องการการสนับสนุนจากผู้บริหารระดับสูง
    - การเปลี่ยนแปลงนี้เกี่ยวข้องกับหลายฝ่ายในองค์กร เช่น ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและผู้นำธุรกิจ
    - การสร้างความเข้าใจและการฝึกอบรมเป็นสิ่งสำคัญ

    ✅ Zero Trust ช่วยให้องค์กรสามารถจัดการความปลอดภัยได้อย่างละเอียด
    - เช่น การกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงตามระดับความสำคัญของข้อมูล
    - ช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์

    https://www.csoonline.com/article/3965399/security-leaders-shed-light-on-their-zero-trust-journeys.html
    บทความนี้กล่าวถึงการเดินทางขององค์กรต่างๆ ในการนำแนวคิด Zero Trust มาใช้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในระบบ โดย Zero Trust เป็นแนวคิดที่ไม่ไว้วางใจบุคคลหรืออุปกรณ์ใดๆ ทั้งภายในและภายนอกเครือข่ายขององค์กร และต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง ✅ องค์กรทั่วโลกกว่า 63% ได้นำกลยุทธ์ Zero Trust มาใช้บางส่วน - จากการสำรวจของ Gartner ในปี 2024 พบว่า 58% ขององค์กรเหล่านี้ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น - มีเพียงไม่ถึง 50% ของสภาพแวดล้อมที่ครอบคลุมด้วย Zero Trust ✅ Zero Trust ต้องการการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านวัฒนธรรมและเทคโนโลยี - การเปลี่ยนแปลงนี้รวมถึงการนำเทคโนโลยี เช่น Multi-Factor Authentication (MFA) และ Privileged Access Management (PAM) มาใช้ - ต้องมีการจัดการสิทธิ์การเข้าถึงและการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง ✅ การนำ Zero Trust มาใช้ต้องการการสนับสนุนจากผู้บริหารระดับสูง - การเปลี่ยนแปลงนี้เกี่ยวข้องกับหลายฝ่ายในองค์กร เช่น ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและผู้นำธุรกิจ - การสร้างความเข้าใจและการฝึกอบรมเป็นสิ่งสำคัญ ✅ Zero Trust ช่วยให้องค์กรสามารถจัดการความปลอดภัยได้อย่างละเอียด - เช่น การกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงตามระดับความสำคัญของข้อมูล - ช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์ https://www.csoonline.com/article/3965399/security-leaders-shed-light-on-their-zero-trust-journeys.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Security leaders shed light on their zero trust journeys
    Most CISOs recognize the improved security posture zero trust will bring. But cultural and technological changes make for an arduous path that takes business savvy and technical acumen to navigate.
    0 Comments 0 Shares 56 Views 0 Reviews
  • อย่ายอมแพ้แค่เพราะมันยาก แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต ในวันที่โลกทั้งใบไม่เข้าข้างคุณ ชีวิตมันไม่ง่าย...แต่ก็คุ้มค่าที่จะ "ไม่ยอมแพ้"

    🔍 แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต ไม่หยุด = ชนะ สำหรับคนที่เจอวิกฤต ชีวิตมันยาก...แต่คุณ "ต้องรอด ✨

    📌 บทความนี้ถูกเขียนขึ้นเพื่อคุณ...ผู้ที่กำลังเผชิญช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในชีวิต ชีวิตอาจไม่ง่าย แต่คุณยังมีพลังเงียบในตัวเองเสมอ ขอแค่คุณไม่หยุดเดิน ก็ถือว่าคุณ "ชนะ" แล้ว

    💪 ชีวิตไม่ได้ง่ายสำหรับใครเลย...แต่คุณก็ยังไปต่อได้เสมอ ทุกคนล้วนมี "วันที่เหนื่อยแทบล้มทั้งยืน" วันที่เหมือนถูกทั้งโลก ผลักให้จมดิ่งลงไปเรื่อยๆ วันที่ไม่เหลือแม้แต่ "คำปลอบใจ" จากใครสักคน...

    แต่รู้ไหม? คุณไม่ได้อ่อนแอที่รู้สึกท้อ และคุณไม่ได้อยู่คนเดียวในความรู้สึกแบบนี้... บทความนี้...เขียนเพื่อคุณ เพื่อบอกคุณว่า "แค่ไม่ยอมแพ้...ก็ถือว่าชนะแล้ว"

    🌟 แรงบันดาลใจ ไม่ใช่พลังวิเศษ ไม่ใช่พลังมหาศาลแบบในหนังฮีโร่ แต่มันคือ “พลังเงียบ” ที่ช่วยให้เรา "ลุกจากเตียง" ในวันที่ไม่อยากตื่นเลยด้วยซ้ำ...

    แรงบันดาลใจ... ไม่ต้องใหญ่ ไม่ต้องเว่อร์ แค่คิดถึง "คนที่เรารัก" ก็เป็นพลัง หรือบางทีแค่ "ประโยคหนึ่ง" จากบทความนี้
    ก็อาจเปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิตของคุณได้

    🎯 ทำไมเราต้องมีแรงบันดาลใจ? เพราะในวันที่ไม่มีอะไรเป็นไปตามแผน แรงบันดาลใจจะคอย "เตือนใจ" เราว่า ชีวิตยังมีความหมายอยู่...แม้มันจะยังไม่ง่ายก็ตาม

    🧩 เมื่อทุกอย่างพังทลาย...อะไรคือสิ่งที่ยังเหลืออยู่ ชีวิตบางครั้งเหมือนห้องที่ถูกพายุถล่ม จนเละไม่มีชิ้นดี บ้านอาจพอซ่อมได้...แต่ “ใจ” ที่พังนี่แหละ ซ่อมยากที่สุด 🧱

    ในวันที่คุณรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจ ไม่มีแสง ไม่มีทางเริ่มต้นใหม่ ลองมองดูให้ดี... คุณยังมี “ตัวเอง” ยังมี หัวใจ ที่ยังเต้น แปลว่าคุณยัง "มีโอกาส" ยังมี สมอง ที่จะเปลี่ยนความคิดทุกอย่างได้ และที่สำคัญ...ยัง เลือกได้ เสมอว่าจะ “ลุก” หรือ “นอนจม” ต่อไป

    ❤️ อย่าลืมว่า...ต่อให้โลกจะไม่เข้าใจ แต่คุณยัง "เข้าใจตัวเอง" ได้เสมอ ❤️

    🎁 บทเรียนจากวิกฤต ทุกปัญหาคือของขวัญ ในรูปแบบที่เราไม่คาดคิด หลายคนค้นพบ "ตัวเอง" ในช่วงที่ยากที่สุดของชีวิต เพราะชีวิตไม่ได้ส่งวิกฤตมาเพื่อ "ทำร้ายเรา" แต่มันส่งมาเพื่อ "ทำให้เราเติบโต"

    คนที่เคยกลัวความล้มเหลว กลายเป็นคนที่ไม่กลัวอะไรอีกแล้ว

    คนที่เคยอ่อนแอ กลายเป็นคนที่เข้มแข็งจนคนรอบข้างทึ่ง

    ทุกปัญหา…มีของขวัญซ่อนอยู่ ถ้าคุณ “กล้าพอ” ที่จะเปิดมันออกมาดู

    🤝 อย่ายอมแพ้…แม้ในวันที่ไม่มีใครอยู่ข้างคุณ ในวันที่คุณไม่มีใคร คุณยังมี “ตัวเอง” และคุณต้องเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ของตัวเองให้ได้ พูดกับตัวเองในกระจกว่า “เก่งมากแล้วนะ ที่ยังยืนอยู่ได้” ให้กำลังใจตัวเอง แบบที่คุณอยากได้จากคนอื่น

    และจงจำไว้เสมอว่า คุณคือคนเดียวที่อยู่กับตัวเอง ไปจนวันสุดท้าย อย่าให้ความโดดเดี่ยวทำให้คุณยอมแพ้ เพราะคุณไม่จำเป็นต้องมีทุกคนเข้าใจ แค่คุณ “เข้าใจตัวเอง” ก็เพียงพอแล้ว

    ✨ ความหวัง & ความเชื่อ พลังเล็กๆ ที่เปลี่ยนโลกทั้งใบได้ ความหวัง คือ "แสง" ที่ปลายอุโมงค์ มันอาจจะไกล...แต่มัน "มีอยู่จริง" 💡 คนที่เชื่อว่า "ชีวิตจะดีขึ้น" มักมีโอกาส “เจอสิ่งดีๆ” มากกว่าคนที่หมดหวัง

    ความเชื่อ คือ “พลังล่องหน” ที่สามารถขับเคลื่อนเรา แม้ในวันที่ดูเหมือนไม่เหลืออะไรเลย ความหวังไม่ใช่คำปลอบใจ
    แต่มันคือเครื่องมือในการ “เอาตัวรอด” อย่างแท้จริง

    🛠️ กลยุทธ์ฟื้นตัวในวันที่ชีวิตพัง ทำอย่างไรให้กลับมายืนได้อีกครั้ง

    ตั้งสติ ไม่โทษตัวเอง ความผิดพลาดไม่ใช่สิ่งที่ต้อง “ลงโทษตัวเอง” แต่เป็นสิ่งที่ต้อง “เรียนรู้”

    พัก แต่ไม่ถอย เหนื่อยได้ ร้องไห้ได้ แต่ขอแค่ “อย่าถอยกลับไปที่เดิม”

    มองหาความสุขเล็กๆ อย่ามองหาแต่เป้าหมายใหญ่ จนลืมว่ารอยยิ้มจากกาแฟแก้วหนึ่ง...ก็เป็นพลังได้เหมือนกัน ☕

    เขียนไดอารี่ บันทึกความรู้สึก เพราะเมื่อคุณย้อนกลับมาอ่าน มันจะเตือนว่าคุณ "ผ่านอะไรมาได้มากแค่ไหนแล้ว"

    หาคนฟังที่ไม่ตัดสิน บางครั้งเราต้องการแค่คนที่ “ฟังเรา” โดยไม่พยายามแก้ไขอะไรเลย แค่รับฟัง

    🏁 ไม่หยุด = ชนะแล้ว คุณไม่ต้อง "ชนะทุกอย่าง" แค่คุณ “ไม่ยอมแพ้” ก็ถือว่า “คุณชนะแล้ว” ล้มได้ แต่ลุกอีกครั้ง เดินช้าได้ แต่ขอแค่อย่าหยุด เหนื่อยได้ แต่จงจำไว้ว่า "พัก" ไม่ใช่ "ถอย"

    อย่าลืมว่า… คนที่ผ่านช่วงมืดที่สุดมาได้ คือคนที่จะ "สว่างกว่าใคร" เมื่อถึงเวลา

    💬 คำคมสร้างพลังใจ
    "ถ้าคุณยังหายใจอยู่ แปลว่าคุณยังเปลี่ยนทุกอย่างได้เสมอ"

    "ชีวิตมันไม่ง่าย...แต่มัน ‘คุ้มค่า’ ที่จะใช้"

    "ล้มได้ ไม่เป็นไร ขอแค่ ‘อย่าล้มเลิก’"

    ถ้ารู้สึกท้อทุกวัน ควรเริ่มจากการดูแลตัวเองทีละนิด พักผ่อนให้เพียงพอ หาแรงบันดาลใจจากสิ่งเล็กๆ และอย่าลืมหาคนที่พร้อมจะฟังคุณอย่างแท้จริง

    หากแรงบันดาลใจหายไป ให้กลับไปหา "จุดเริ่มต้น" ที่ทำให้คุณเริ่มฝัน ลองนึกถึงคนที่คุณอยากภูมิใจในตัวคุณ แล้วเริ่มใหม่จากตรงนั้น

    หากรู้สึกไม่มีค่าเลย เพราะคุณกำลังใช้มาตรฐานของคนอื่น ตัดสินตัวเอง ลองกลับมาโฟกัสที่สิ่งที่คุณทำได้ดี แม้จะเล็กน้อย ก็ยังมีคุณค่า

    ถ้าคุณยังยืนอยู่ได้หลังจากที่เจ็บมา นั่นแปลว่าคุณ “ผ่านวิกฤตมาแล้วครึ่งหนึ่ง”

    เขียนจดหมายถึงตัวเองในอนาคต เดินเล่นคนเดียว ไปเที่ยวธรรมชาติ หรือฟังเพลงที่ให้พลังบวก เพื่อฟืเนพลังใจ

    ไม่มีใครเก่งพอจะไม่ล้ม แต่ทุกคนเก่งพอที่จะ “ลุก” ได้เสมอ

    🔑 สาระสำคัญที่ควรจดจำ ชีวิตไม่ได้ต้องการให้เราชนะทุกวัน แค่คุณ “ไม่ยอมแพ้” ก็คือ “คุณเก่งมากแล้ว”

    จงเลือกที่จะเดินต่อ...แม้จะช้าก็ตาม เพราะความหวังอยู่ที่ปลายทางเสมอ พร้อมหรือยังที่จะ "ไม่ยอมแพ้"...? 💥
    คุณไปต่อได้แน่นอน ✨

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 222210 เม.ย. 2568

    📱 #แรงบันดาลใจ #ชีวิตไม่ง่ายแต่ต้องรอด #อย่ายอมแพ้ #กำลังใจดีๆ #สู้ชีวิต #พลังใจ #ความหวังยังมีเสมอ #คำคมชีวิต #เอาชนะใจตัวเอง #ชีวิตคือการเดินทาง
    อย่ายอมแพ้แค่เพราะมันยาก แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต ในวันที่โลกทั้งใบไม่เข้าข้างคุณ ชีวิตมันไม่ง่าย...แต่ก็คุ้มค่าที่จะ "ไม่ยอมแพ้" 🔍 แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต ไม่หยุด = ชนะ สำหรับคนที่เจอวิกฤต ชีวิตมันยาก...แต่คุณ "ต้องรอด ✨ 📌 บทความนี้ถูกเขียนขึ้นเพื่อคุณ...ผู้ที่กำลังเผชิญช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในชีวิต ชีวิตอาจไม่ง่าย แต่คุณยังมีพลังเงียบในตัวเองเสมอ ขอแค่คุณไม่หยุดเดิน ก็ถือว่าคุณ "ชนะ" แล้ว 💪 ชีวิตไม่ได้ง่ายสำหรับใครเลย...แต่คุณก็ยังไปต่อได้เสมอ ทุกคนล้วนมี "วันที่เหนื่อยแทบล้มทั้งยืน" วันที่เหมือนถูกทั้งโลก ผลักให้จมดิ่งลงไปเรื่อยๆ วันที่ไม่เหลือแม้แต่ "คำปลอบใจ" จากใครสักคน... แต่รู้ไหม? คุณไม่ได้อ่อนแอที่รู้สึกท้อ และคุณไม่ได้อยู่คนเดียวในความรู้สึกแบบนี้... บทความนี้...เขียนเพื่อคุณ เพื่อบอกคุณว่า "แค่ไม่ยอมแพ้...ก็ถือว่าชนะแล้ว" 🌟 แรงบันดาลใจ ไม่ใช่พลังวิเศษ ไม่ใช่พลังมหาศาลแบบในหนังฮีโร่ แต่มันคือ “พลังเงียบ” ที่ช่วยให้เรา "ลุกจากเตียง" ในวันที่ไม่อยากตื่นเลยด้วยซ้ำ... แรงบันดาลใจ... ไม่ต้องใหญ่ ไม่ต้องเว่อร์ แค่คิดถึง "คนที่เรารัก" ก็เป็นพลัง หรือบางทีแค่ "ประโยคหนึ่ง" จากบทความนี้ ก็อาจเปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิตของคุณได้ 🎯 ทำไมเราต้องมีแรงบันดาลใจ? เพราะในวันที่ไม่มีอะไรเป็นไปตามแผน แรงบันดาลใจจะคอย "เตือนใจ" เราว่า ชีวิตยังมีความหมายอยู่...แม้มันจะยังไม่ง่ายก็ตาม 🧩 เมื่อทุกอย่างพังทลาย...อะไรคือสิ่งที่ยังเหลืออยู่ ชีวิตบางครั้งเหมือนห้องที่ถูกพายุถล่ม จนเละไม่มีชิ้นดี บ้านอาจพอซ่อมได้...แต่ “ใจ” ที่พังนี่แหละ ซ่อมยากที่สุด 🧱 ในวันที่คุณรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจ ไม่มีแสง ไม่มีทางเริ่มต้นใหม่ ลองมองดูให้ดี... คุณยังมี “ตัวเอง” ยังมี หัวใจ ที่ยังเต้น แปลว่าคุณยัง "มีโอกาส" ยังมี สมอง ที่จะเปลี่ยนความคิดทุกอย่างได้ และที่สำคัญ...ยัง เลือกได้ เสมอว่าจะ “ลุก” หรือ “นอนจม” ต่อไป ❤️ อย่าลืมว่า...ต่อให้โลกจะไม่เข้าใจ แต่คุณยัง "เข้าใจตัวเอง" ได้เสมอ ❤️ 🎁 บทเรียนจากวิกฤต ทุกปัญหาคือของขวัญ ในรูปแบบที่เราไม่คาดคิด หลายคนค้นพบ "ตัวเอง" ในช่วงที่ยากที่สุดของชีวิต เพราะชีวิตไม่ได้ส่งวิกฤตมาเพื่อ "ทำร้ายเรา" แต่มันส่งมาเพื่อ "ทำให้เราเติบโต" คนที่เคยกลัวความล้มเหลว กลายเป็นคนที่ไม่กลัวอะไรอีกแล้ว คนที่เคยอ่อนแอ กลายเป็นคนที่เข้มแข็งจนคนรอบข้างทึ่ง ทุกปัญหา…มีของขวัญซ่อนอยู่ ถ้าคุณ “กล้าพอ” ที่จะเปิดมันออกมาดู 🤝 อย่ายอมแพ้…แม้ในวันที่ไม่มีใครอยู่ข้างคุณ ในวันที่คุณไม่มีใคร คุณยังมี “ตัวเอง” และคุณต้องเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ของตัวเองให้ได้ พูดกับตัวเองในกระจกว่า “เก่งมากแล้วนะ ที่ยังยืนอยู่ได้” ให้กำลังใจตัวเอง แบบที่คุณอยากได้จากคนอื่น และจงจำไว้เสมอว่า คุณคือคนเดียวที่อยู่กับตัวเอง ไปจนวันสุดท้าย อย่าให้ความโดดเดี่ยวทำให้คุณยอมแพ้ เพราะคุณไม่จำเป็นต้องมีทุกคนเข้าใจ แค่คุณ “เข้าใจตัวเอง” ก็เพียงพอแล้ว ✨ ความหวัง & ความเชื่อ พลังเล็กๆ ที่เปลี่ยนโลกทั้งใบได้ ความหวัง คือ "แสง" ที่ปลายอุโมงค์ มันอาจจะไกล...แต่มัน "มีอยู่จริง" 💡 คนที่เชื่อว่า "ชีวิตจะดีขึ้น" มักมีโอกาส “เจอสิ่งดีๆ” มากกว่าคนที่หมดหวัง ความเชื่อ คือ “พลังล่องหน” ที่สามารถขับเคลื่อนเรา แม้ในวันที่ดูเหมือนไม่เหลืออะไรเลย ความหวังไม่ใช่คำปลอบใจ แต่มันคือเครื่องมือในการ “เอาตัวรอด” อย่างแท้จริง 🛠️ กลยุทธ์ฟื้นตัวในวันที่ชีวิตพัง ทำอย่างไรให้กลับมายืนได้อีกครั้ง ตั้งสติ ไม่โทษตัวเอง ความผิดพลาดไม่ใช่สิ่งที่ต้อง “ลงโทษตัวเอง” แต่เป็นสิ่งที่ต้อง “เรียนรู้” พัก แต่ไม่ถอย เหนื่อยได้ ร้องไห้ได้ แต่ขอแค่ “อย่าถอยกลับไปที่เดิม” มองหาความสุขเล็กๆ อย่ามองหาแต่เป้าหมายใหญ่ จนลืมว่ารอยยิ้มจากกาแฟแก้วหนึ่ง...ก็เป็นพลังได้เหมือนกัน ☕ เขียนไดอารี่ บันทึกความรู้สึก เพราะเมื่อคุณย้อนกลับมาอ่าน มันจะเตือนว่าคุณ "ผ่านอะไรมาได้มากแค่ไหนแล้ว" หาคนฟังที่ไม่ตัดสิน บางครั้งเราต้องการแค่คนที่ “ฟังเรา” โดยไม่พยายามแก้ไขอะไรเลย แค่รับฟัง 🏁 ไม่หยุด = ชนะแล้ว คุณไม่ต้อง "ชนะทุกอย่าง" แค่คุณ “ไม่ยอมแพ้” ก็ถือว่า “คุณชนะแล้ว” ล้มได้ แต่ลุกอีกครั้ง เดินช้าได้ แต่ขอแค่อย่าหยุด เหนื่อยได้ แต่จงจำไว้ว่า "พัก" ไม่ใช่ "ถอย" อย่าลืมว่า… คนที่ผ่านช่วงมืดที่สุดมาได้ คือคนที่จะ "สว่างกว่าใคร" เมื่อถึงเวลา 💬 คำคมสร้างพลังใจ "ถ้าคุณยังหายใจอยู่ แปลว่าคุณยังเปลี่ยนทุกอย่างได้เสมอ" "ชีวิตมันไม่ง่าย...แต่มัน ‘คุ้มค่า’ ที่จะใช้" "ล้มได้ ไม่เป็นไร ขอแค่ ‘อย่าล้มเลิก’" ถ้ารู้สึกท้อทุกวัน ควรเริ่มจากการดูแลตัวเองทีละนิด พักผ่อนให้เพียงพอ หาแรงบันดาลใจจากสิ่งเล็กๆ และอย่าลืมหาคนที่พร้อมจะฟังคุณอย่างแท้จริง หากแรงบันดาลใจหายไป ให้กลับไปหา "จุดเริ่มต้น" ที่ทำให้คุณเริ่มฝัน ลองนึกถึงคนที่คุณอยากภูมิใจในตัวคุณ แล้วเริ่มใหม่จากตรงนั้น หากรู้สึกไม่มีค่าเลย เพราะคุณกำลังใช้มาตรฐานของคนอื่น ตัดสินตัวเอง ลองกลับมาโฟกัสที่สิ่งที่คุณทำได้ดี แม้จะเล็กน้อย ก็ยังมีคุณค่า ถ้าคุณยังยืนอยู่ได้หลังจากที่เจ็บมา นั่นแปลว่าคุณ “ผ่านวิกฤตมาแล้วครึ่งหนึ่ง” เขียนจดหมายถึงตัวเองในอนาคต เดินเล่นคนเดียว ไปเที่ยวธรรมชาติ หรือฟังเพลงที่ให้พลังบวก เพื่อฟืเนพลังใจ ไม่มีใครเก่งพอจะไม่ล้ม แต่ทุกคนเก่งพอที่จะ “ลุก” ได้เสมอ 🔑 สาระสำคัญที่ควรจดจำ ชีวิตไม่ได้ต้องการให้เราชนะทุกวัน แค่คุณ “ไม่ยอมแพ้” ก็คือ “คุณเก่งมากแล้ว” จงเลือกที่จะเดินต่อ...แม้จะช้าก็ตาม เพราะความหวังอยู่ที่ปลายทางเสมอ พร้อมหรือยังที่จะ "ไม่ยอมแพ้"...? 💥 คุณไปต่อได้แน่นอน ✨ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 222210 เม.ย. 2568 📱 #แรงบันดาลใจ #ชีวิตไม่ง่ายแต่ต้องรอด #อย่ายอมแพ้ #กำลังใจดีๆ #สู้ชีวิต #พลังใจ #ความหวังยังมีเสมอ #คำคมชีวิต #เอาชนะใจตัวเอง #ชีวิตคือการเดินทาง
    0 Comments 0 Shares 109 Views 0 Reviews
  • "ไพศาล" แนะไทยปรับกลยุทธ์คุยสหรัฐฯ ปมถูกรีดภาษี หวั่นโดนจีนตอบโต้
    https://www.thai-tai.tv/news/18280/
    "ไพศาล" แนะไทยปรับกลยุทธ์คุยสหรัฐฯ ปมถูกรีดภาษี หวั่นโดนจีนตอบโต้ https://www.thai-tai.tv/news/18280/
    0 Comments 0 Shares 57 Views 0 Reviews
  • บทวิเคราะห์ของ สมหมาย ภาษี อดีตรัฐมนตรีคลัง “นโยบายปรับภาษี (Tariff) ของ Trump จะทำให้โลกใบนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วพัฒนาการของการค้าโลกในช่วงประมาณ 50 ปีที่ผ่านมา มีการตั้งองค์การด้านการค้าโลกขึ้น เริ่มด้วยการตั้ง GATTS แล้วต่อมาปรับเป็น WTO (World Trade Organization) เพื่อสร้างกฎเกณฑ์การค้าขายระหว่างประเทศและกำกับให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามแนวทางการค้าเสรี ช่วงนี้จะมีประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา รัสเซีย ประเทศใหญ่ๆในยุโรป และประเทศญี่ปุ่นได้ปรับตัวให้ตนเองมั่งคั่งและสะสมความร่ำรวย เข้าไปควบคุมตลาดเงินและสกุลเงินตราสำคัญ รวมทั้งควบคุมตลาดการค้าหลักๆให้เป็นระเบียบและเอื้อต่อการขยายตัวของการค้าขายของแต่ละประเทศเพื่อประโยชน์ต่อตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ .แต่แล้วในช่วงดังกล่าวนี้ประเทศจีนเสือหลับแห่งเอเชีย ที่ได้ผู้นำประเทศที่ขึ้นมาพลิกผันประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรมได้รวดเร็วและต่อเนื่อง ชื่อ เติ้ง เสี่ยวผิง เติ้งได้ทำการปฏิวัติและปฏิรูปประเทศในทุกด้านโดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมตั้งแต่แบบเก่าจนแบบที่ต้องใช้เทคนิคล้ำหน้า จนขณะนี้จีนภายใต้ผู้นำชื่อ สี จิ้น ผิง ที่เข้มแข็ง มือสะอาด มีฝีมือ มีคุณธรรม มีความตั้งใจจริง เข้ามาบริหารประเทศที่มีพลเมืองมากที่สุดให้ใหญ่โตจนทัดเทียมกับประเทศสหรัฐอเมริกาในทุกด้าน จนผู้นำของสหรัฐอย่าง Trump รู้สึกเสียหน้ามาก. ที่มาของการใช้มาตรการทำสงครามการค้าของ Trump ความแข็งแกร่งของจีนในขณะนี้ Trump ได้เฝ้าดูแลมาร่วม 8 ปี เมื่อเขาสามารถเข้ามาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอีกครั้งก็ไม่รีรอที่จะลงมือนำนโยบายปรับภาษีสินค้านำเข้าและส่งออก (Tariff) ชนิดสุดโต่งและจำเพาะเจาะจงมาใช้กับประเทศจีนโดยทันที ขณะเดียวกันก็ได้ประกาศใช้กับประเทศคู่ค้าอื่นๆ ทั่วโลกด้วย แต่มาตรการจะเบากว่าที่ใช้กับจีน. สิ่งที่เห็นตามที่เป็นข่าวอยู่ทุกวันนี้ก็คือ การเกิดแรงกระแทกอย่างมากต่อวิถีการค้าระหว่างประเทศที่เป็นอยู่ทั่วโลก ไม่ต้องถามว่าทำไม Trump ต้องทำแบบนี้ เพราะเขาเองเห็นชัดว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาของเขากำลังตกต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดดุลการค้าอย่างมากที่เกิดต่อเนื่องมานานและมีหนี้สาธารณะสูงมาก .Trump ยังได้เห็นชัดว่า ฝ่ายของจีนมีพวกพ้องมากขึ้น โดยเฉพาะการจัดตั้งกลุ่ม BRICS ประกอบด้วย Brazil, Russia, India, China และ South Africa รวมหัวกันทำการค้าต่อกันอย่างใกล้ชิด คิดใช้สกุลเงินตราของตนเอง โดยหันหน้าหนีการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ.เท่านั้นยังไม่พอ กลุ่ม BRICS ยังค่อยๆลดการลงทุนในพันธบัตรของสหรัฐที่แต่ละประเทศถือไว้มากมายลงไปโดยการขายออก และหันไปซื้อทองคำหรือกระจายการลงทุนเป็นอย่างอื่น ขณะเดียวกันนักลงทุนรายใหญ่อื่นๆ ในตลาดเงินก็ทำการทิ้งพันธบัตรสหรัฐตามกันไปด้วย มีผลทำให้พันธบัตรซึ่งเป็นสินทรัพย์ในอนาคตจำนวนมากของสหรัฐด้อยค่าลงมากอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน.สรุปได้ว่า Trump ได้มองเห็นอย่างชัดเจนว่าสหรัฐอเมริกาตอนนี้ได้ต่ำต้อยลงอย่างรวดเร็วมาก ตัวเองจึงจำเป็นต้องทำตัวเป็นอัศวินขี่ม้าขาวเข้ามากู้ประเทศให้พลิกผันให้สหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งอย่างเต็มตัวต่อไป ที่ Trump ตั้งใจจะทำก่อนและให้แรงมากคือเล่นงานด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าของสินค้าจีนอย่างบ้าระห่ำ ซึ่งจีนก็ได้ตอบโต้ด้วยมาตรการทำนองเดียวกัน แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน นี่เป็นแค่ยกแรกแค่นั้น.ประเทศน้อยใหญ่ และสถาบันการเงินระหว่างประเทศทั้งหลายต่างก็มองการกระทำของ Trump ในแง่ลบ แม้แต่ประธาน Federal Reserve ของสหรัฐเองอย่าง Jerome Powell เองก็มีอาการกึ่งช็อคกึ่งหัวหมุนกับนโยบายประเภทบ้าบิ่นที่ประธานาธิบดีของเขาจัดมาเป็นชุดๆ Powell ถึงกับกล่าวว่านโยบายของ Trump ที่นำออกมาใช้นี้จะเป็นสิ่งกระตุ้นให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ภาวะเศรษฐกิจจะตกต่ำและการว่างงานจะมีมากขึ้น ตลาดหลักทรัพย์หรือตลาดหุ้นก็จะปั่นป่วนมาก ความตั้งใจที่ Fed จะลดดอกเบี้ยลงจึงทำได้ยากขึ้นซึ่งความเห็นของประธาน Fed ดังกล่าว Trump ไม่พอใจมากเพราะเขาอยากให้มีการลดดอกเบี้ยถึงกับเอ่ยออกมาว่าคงต้องคิดเรื่องการเด้งประธาน Fed ซะแล้ว ฟังคล้ายกำลังจะเอาอย่างประเทศไทย.แนวทางของไทยที่จะรับมือเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประเทศทุกประเทศที่โดนผลกระทบในเรื่องการขึ้น Tariff ของ Trump ต่างก็กำลังระดมความคิดและเตรียมตัวที่จะส่งผู้แทนไปเจรจา ยกเว้นจีนประเทศเดียวที่ขึ้นป้ายจะสู้กับสหรัฐอย่างแน่วแน่.สำหรับประเทศไทย ยังฟังไม่ได้ศัพท์จากฝ่ายรัฐบาลว่าจะมีกลยุทธ์ในการรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ชี้ให้เห็นชัดว่าศักยภาพของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหาใหญ่ต่ำมาก ฟังความได้อย่างเดียวจากท่านนายกรัฐมนตรีว่าจะใช้นโยบายและแนวทางเหมือนกับประเทศอาเซียนอื่นๆเท่านั้นตอนนี้ก็เห็นภาพชัดขึ้นอีกจากคณะผู้แทนที่เตรียมการจะไปเจรจา โดยจะไปบอกทางสหรัฐว่าไทยเราจะซื้อสินค้าจากเขามากขึ้น เช่น LNG ข้าวโพด ถั่วเหลือง เป็นต้น ถ้าจะเดาก็จะขอให้ทางสหรัฐบันยะบันยังกับการเพิ่มภาษีสินค้าที่นำเข้าจากไทยที่มีมูลค่าถึง 18 % ของมูลค่าการส่งออกของไทยทั้งหมด.ส่วนผลกระทบต่อไทย เท่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พยายามจะบอกพอสังเขป สรุปได้ว่าการส่งออกของไทยจะโดนกระทบมากโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอาหารแปรรูป และจะทำให้การเติบโตของ GDP ในปีนี้ลดต่ำกว่าเป้าเหลือโตไม่ถึง 2.5 % และอัตราเงินเฟ้อของไทยก็จะชะลอลงด้วย นี่ยังไม่พูดถึงผลกระทบในปีหน้าและต่อๆไป ว่าจะรุนแรงสักแค่ไหน เชื่อได้เถอะครับมันแรงเกินคาด.ความเห็นผมนั้น เห็นว่าไทยเราจะโดนหนักกว่าที่รัฐบาลและหน่วยราชการไทยประเมินไว้มาก เกินศักยภาพของรัฐบาลไทยชุดนี้จะรับมือได้ วิกฤตที่จะเกิดขึ้นจากเรื่อง Tariff หนนี้ ไม่ใช่ Covid 19 นะครับ มันเป็นเรื่องประเทศใครประเทศมัน ใครมีผู้นำเก่งก็ทำให้เบาได้ สามารถเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้.แนวทางในการคิดแก้วิกฤตของประเทศขนาดเล็กผมอยากนำท่านผู้อ่านไปดูว่าผู้นำของสิงคโปร์อย่างอดีตนายกลี เซียนลุง ได้พูดเมื่อไม่กี่วันมานี้ซึ่งดีมาก เขาเริ่มบอกประชาชนรวมทั้งคณะรัฐมนตรีที่บริหารประเทศและนักธุรกิจ นักลงทุนของเขาว่าแม้จะมีความไม่แน่นอนในช่วง 90 วันที่ Trump จะให้ประเทศอื่นๆ นอกจากจีนไปคิดกันให้ดี แต่ก็ต้องมองให้ออกว่าทุกอย่างจะไม่กลับไปเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว ดังนั้น เราต้องกังวลและคิดให้ตกว่ามันจะส่งผลกับเรามากแค่ไหน ต้องตระหนักให้ได้ว่าวิกฤตที่จะเกิดทั่วโลกนี้ บางสิ่งบางอย่างที่สำคัญมันแตกต่างไปจากเดิมมาก .ลี เซียนลุง ชี้ให้เห็นชัดว่า การขึ้นภาษีหรือ Tariff ไปทั่วโลกครั้งนี้มันจะก่อกวนต่อการผลิตมากกว่าที่คิด เพราะ Supply Chain หรือ ห่วงโซ่การผลิตทุกอย่างจะหยุดชะงัก แผนการผลิตเดิมทุกอย่างจะหายไป และจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (Recession) อย่างรวดเร็ว และขอให้คาดหวังไว้ได้เลยว่า ปัญหานี้จะอยู่กับเราไปอีกนาน.หลังจากลี เซียนลุง พูดเรื่องนี้ได้ไม่กี่วัน นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ที่มีเสียงสนับสนุนหนาแน่นอยู่ได้ประเทศยุบสภาไปเมื่อวันที่ 18 เมษายน นี้เอง เหตุผลเพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเลือกผู้นำใหม่ขึ้นมา นี่คือสิงคโปร์ นี่คือสิ่งที่เขาเป็นชาติที่เจริญได้อย่างรวดเร็วและมั่นคงจนเราไม่สามารถแหงนหน้าขึ้นไปมองเขาได้แล้ว.ทางรอดของไทยจะเป็นอย่างไร ท้ายที่สุดนี้ เรามาดูว่าประเทศไทยเราจะมีทางรอดแค่ไหนก่อนเราต้องส่องกระจกดูตัวเอง และต้องฟังดูว่ามีใครมองเราอย่างไรบ้างให้ชัดก่อน เมื่อไม่กี่เดือนมานี้เองได้มีการชี้แนะจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศแห่งหนึ่งว่า “ประเทศไทยนั้นมีเรื่องคอร์รัปชั่นเป็นตัวหลักที่ทำให้การบริหารประเทศในทุกด้านเดินหน้าไม่ได้” และเมื่อมีนาคม 2568 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยน่าห่วงเทียบได้เป็น “คนป่วยแห่งเอเชีย”เป็นคนป่วยยังไงหรือ ทางด้านเศรษฐกิจก็เห็นกันชัดอยู่แล้วว่าไทยเรา กำลังเผชิญกับหนี้สาธารณะสูงมาก ภาษีเก็บได้น้อย ช่องทางในการหาเงินมาบริหารประเทศยังชักหน้าไม่ถึงหลัง อนาคตด้านการคลังริบหรี่ ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจเรื่องหนี้ครัวเรือนก็ไม่มีทางจะแก้ให้เบาบางลงได้ แม้ไม่มีเรื่องการปรับ Tariff ของ Trump ประเทศไทยเราก็มีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากเกินอยู่แล้ว นี่คืออาการของคนป่วยเรื้อรังแห่งเอเชีย.ไม่ต้องสาธยายกันมาก อีกเรื่องทุกคนก็รู้ดีอยู่ว่า การเมืองของไทยยักแย่ยักยันอยู่ในปลักโคลนตมเดิมจนโงหัวไม่ขึ้นมานานแล้ว การเล่นการเมืองของนักการเมืองไทยเด็กๆก็รู้ว่าเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องเท่านั้น ใครจะเห็นต่างกี่คนก็บอกมา.เมื่อองคาพยพของการเมืองไทยซึ่งมีการแต่งตั้งคณะรัฐบาลมาบริหารประเทศจากรากเหง้าเก่าๆที่รู้กันอยู่ เมื่อเจอกับปัญหาใหญ่ระดับโลกชนิดที่ว่าหันไปทางไหนก็มากระทบเราทั้งนั้น ท่านผู้ที่ได้ใช้สิทธิใช้เสียงเลือกพวกเขาเข้ามาบริหารประเทศ เชื่อและมั่นใจหรือไม่ว่าเขาจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมากระทบประเทศเราได้ .หันไปดูนโยบายของพรรคการเมืองผู้กุมอำนาจบริหารประเทศอยู่ในขณะนี้ก็จะเห็นชัดเจนว่า ตอนนี้นโยบายของพวกเขาเหล่านั้น มันเน่าบูดกันแทบหมดแล้วครับ ถ้าจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมีแรงกระแทกก่อให้เกิดวิกฤตที่ใหญ่เกินคาด ด้วยการปรับ ครม. แต่ยังดันทุรังคงสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ไว้ น่าจะไม่เป็นการกระทำของผู้นำที่รักชาติจริง”
    บทวิเคราะห์ของ สมหมาย ภาษี อดีตรัฐมนตรีคลัง “นโยบายปรับภาษี (Tariff) ของ Trump จะทำให้โลกใบนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วพัฒนาการของการค้าโลกในช่วงประมาณ 50 ปีที่ผ่านมา มีการตั้งองค์การด้านการค้าโลกขึ้น เริ่มด้วยการตั้ง GATTS แล้วต่อมาปรับเป็น WTO (World Trade Organization) เพื่อสร้างกฎเกณฑ์การค้าขายระหว่างประเทศและกำกับให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามแนวทางการค้าเสรี ช่วงนี้จะมีประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา รัสเซีย ประเทศใหญ่ๆในยุโรป และประเทศญี่ปุ่นได้ปรับตัวให้ตนเองมั่งคั่งและสะสมความร่ำรวย เข้าไปควบคุมตลาดเงินและสกุลเงินตราสำคัญ รวมทั้งควบคุมตลาดการค้าหลักๆให้เป็นระเบียบและเอื้อต่อการขยายตัวของการค้าขายของแต่ละประเทศเพื่อประโยชน์ต่อตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ .แต่แล้วในช่วงดังกล่าวนี้ประเทศจีนเสือหลับแห่งเอเชีย ที่ได้ผู้นำประเทศที่ขึ้นมาพลิกผันประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรมได้รวดเร็วและต่อเนื่อง ชื่อ เติ้ง เสี่ยวผิง เติ้งได้ทำการปฏิวัติและปฏิรูปประเทศในทุกด้านโดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมตั้งแต่แบบเก่าจนแบบที่ต้องใช้เทคนิคล้ำหน้า จนขณะนี้จีนภายใต้ผู้นำชื่อ สี จิ้น ผิง ที่เข้มแข็ง มือสะอาด มีฝีมือ มีคุณธรรม มีความตั้งใจจริง เข้ามาบริหารประเทศที่มีพลเมืองมากที่สุดให้ใหญ่โตจนทัดเทียมกับประเทศสหรัฐอเมริกาในทุกด้าน จนผู้นำของสหรัฐอย่าง Trump รู้สึกเสียหน้ามาก. ที่มาของการใช้มาตรการทำสงครามการค้าของ Trump ความแข็งแกร่งของจีนในขณะนี้ Trump ได้เฝ้าดูแลมาร่วม 8 ปี เมื่อเขาสามารถเข้ามาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอีกครั้งก็ไม่รีรอที่จะลงมือนำนโยบายปรับภาษีสินค้านำเข้าและส่งออก (Tariff) ชนิดสุดโต่งและจำเพาะเจาะจงมาใช้กับประเทศจีนโดยทันที ขณะเดียวกันก็ได้ประกาศใช้กับประเทศคู่ค้าอื่นๆ ทั่วโลกด้วย แต่มาตรการจะเบากว่าที่ใช้กับจีน. สิ่งที่เห็นตามที่เป็นข่าวอยู่ทุกวันนี้ก็คือ การเกิดแรงกระแทกอย่างมากต่อวิถีการค้าระหว่างประเทศที่เป็นอยู่ทั่วโลก ไม่ต้องถามว่าทำไม Trump ต้องทำแบบนี้ เพราะเขาเองเห็นชัดว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาของเขากำลังตกต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดดุลการค้าอย่างมากที่เกิดต่อเนื่องมานานและมีหนี้สาธารณะสูงมาก .Trump ยังได้เห็นชัดว่า ฝ่ายของจีนมีพวกพ้องมากขึ้น โดยเฉพาะการจัดตั้งกลุ่ม BRICS ประกอบด้วย Brazil, Russia, India, China และ South Africa รวมหัวกันทำการค้าต่อกันอย่างใกล้ชิด คิดใช้สกุลเงินตราของตนเอง โดยหันหน้าหนีการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ.เท่านั้นยังไม่พอ กลุ่ม BRICS ยังค่อยๆลดการลงทุนในพันธบัตรของสหรัฐที่แต่ละประเทศถือไว้มากมายลงไปโดยการขายออก และหันไปซื้อทองคำหรือกระจายการลงทุนเป็นอย่างอื่น ขณะเดียวกันนักลงทุนรายใหญ่อื่นๆ ในตลาดเงินก็ทำการทิ้งพันธบัตรสหรัฐตามกันไปด้วย มีผลทำให้พันธบัตรซึ่งเป็นสินทรัพย์ในอนาคตจำนวนมากของสหรัฐด้อยค่าลงมากอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน.สรุปได้ว่า Trump ได้มองเห็นอย่างชัดเจนว่าสหรัฐอเมริกาตอนนี้ได้ต่ำต้อยลงอย่างรวดเร็วมาก ตัวเองจึงจำเป็นต้องทำตัวเป็นอัศวินขี่ม้าขาวเข้ามากู้ประเทศให้พลิกผันให้สหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งอย่างเต็มตัวต่อไป ที่ Trump ตั้งใจจะทำก่อนและให้แรงมากคือเล่นงานด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าของสินค้าจีนอย่างบ้าระห่ำ ซึ่งจีนก็ได้ตอบโต้ด้วยมาตรการทำนองเดียวกัน แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน นี่เป็นแค่ยกแรกแค่นั้น.ประเทศน้อยใหญ่ และสถาบันการเงินระหว่างประเทศทั้งหลายต่างก็มองการกระทำของ Trump ในแง่ลบ แม้แต่ประธาน Federal Reserve ของสหรัฐเองอย่าง Jerome Powell เองก็มีอาการกึ่งช็อคกึ่งหัวหมุนกับนโยบายประเภทบ้าบิ่นที่ประธานาธิบดีของเขาจัดมาเป็นชุดๆ Powell ถึงกับกล่าวว่านโยบายของ Trump ที่นำออกมาใช้นี้จะเป็นสิ่งกระตุ้นให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ภาวะเศรษฐกิจจะตกต่ำและการว่างงานจะมีมากขึ้น ตลาดหลักทรัพย์หรือตลาดหุ้นก็จะปั่นป่วนมาก ความตั้งใจที่ Fed จะลดดอกเบี้ยลงจึงทำได้ยากขึ้นซึ่งความเห็นของประธาน Fed ดังกล่าว Trump ไม่พอใจมากเพราะเขาอยากให้มีการลดดอกเบี้ยถึงกับเอ่ยออกมาว่าคงต้องคิดเรื่องการเด้งประธาน Fed ซะแล้ว ฟังคล้ายกำลังจะเอาอย่างประเทศไทย.แนวทางของไทยที่จะรับมือเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประเทศทุกประเทศที่โดนผลกระทบในเรื่องการขึ้น Tariff ของ Trump ต่างก็กำลังระดมความคิดและเตรียมตัวที่จะส่งผู้แทนไปเจรจา ยกเว้นจีนประเทศเดียวที่ขึ้นป้ายจะสู้กับสหรัฐอย่างแน่วแน่.สำหรับประเทศไทย ยังฟังไม่ได้ศัพท์จากฝ่ายรัฐบาลว่าจะมีกลยุทธ์ในการรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ชี้ให้เห็นชัดว่าศักยภาพของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหาใหญ่ต่ำมาก ฟังความได้อย่างเดียวจากท่านนายกรัฐมนตรีว่าจะใช้นโยบายและแนวทางเหมือนกับประเทศอาเซียนอื่นๆเท่านั้นตอนนี้ก็เห็นภาพชัดขึ้นอีกจากคณะผู้แทนที่เตรียมการจะไปเจรจา โดยจะไปบอกทางสหรัฐว่าไทยเราจะซื้อสินค้าจากเขามากขึ้น เช่น LNG ข้าวโพด ถั่วเหลือง เป็นต้น ถ้าจะเดาก็จะขอให้ทางสหรัฐบันยะบันยังกับการเพิ่มภาษีสินค้าที่นำเข้าจากไทยที่มีมูลค่าถึง 18 % ของมูลค่าการส่งออกของไทยทั้งหมด.ส่วนผลกระทบต่อไทย เท่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พยายามจะบอกพอสังเขป สรุปได้ว่าการส่งออกของไทยจะโดนกระทบมากโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอาหารแปรรูป และจะทำให้การเติบโตของ GDP ในปีนี้ลดต่ำกว่าเป้าเหลือโตไม่ถึง 2.5 % และอัตราเงินเฟ้อของไทยก็จะชะลอลงด้วย นี่ยังไม่พูดถึงผลกระทบในปีหน้าและต่อๆไป ว่าจะรุนแรงสักแค่ไหน เชื่อได้เถอะครับมันแรงเกินคาด.ความเห็นผมนั้น เห็นว่าไทยเราจะโดนหนักกว่าที่รัฐบาลและหน่วยราชการไทยประเมินไว้มาก เกินศักยภาพของรัฐบาลไทยชุดนี้จะรับมือได้ วิกฤตที่จะเกิดขึ้นจากเรื่อง Tariff หนนี้ ไม่ใช่ Covid 19 นะครับ มันเป็นเรื่องประเทศใครประเทศมัน ใครมีผู้นำเก่งก็ทำให้เบาได้ สามารถเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้.แนวทางในการคิดแก้วิกฤตของประเทศขนาดเล็กผมอยากนำท่านผู้อ่านไปดูว่าผู้นำของสิงคโปร์อย่างอดีตนายกลี เซียนลุง ได้พูดเมื่อไม่กี่วันมานี้ซึ่งดีมาก เขาเริ่มบอกประชาชนรวมทั้งคณะรัฐมนตรีที่บริหารประเทศและนักธุรกิจ นักลงทุนของเขาว่าแม้จะมีความไม่แน่นอนในช่วง 90 วันที่ Trump จะให้ประเทศอื่นๆ นอกจากจีนไปคิดกันให้ดี แต่ก็ต้องมองให้ออกว่าทุกอย่างจะไม่กลับไปเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว ดังนั้น เราต้องกังวลและคิดให้ตกว่ามันจะส่งผลกับเรามากแค่ไหน ต้องตระหนักให้ได้ว่าวิกฤตที่จะเกิดทั่วโลกนี้ บางสิ่งบางอย่างที่สำคัญมันแตกต่างไปจากเดิมมาก .ลี เซียนลุง ชี้ให้เห็นชัดว่า การขึ้นภาษีหรือ Tariff ไปทั่วโลกครั้งนี้มันจะก่อกวนต่อการผลิตมากกว่าที่คิด เพราะ Supply Chain หรือ ห่วงโซ่การผลิตทุกอย่างจะหยุดชะงัก แผนการผลิตเดิมทุกอย่างจะหายไป และจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (Recession) อย่างรวดเร็ว และขอให้คาดหวังไว้ได้เลยว่า ปัญหานี้จะอยู่กับเราไปอีกนาน.หลังจากลี เซียนลุง พูดเรื่องนี้ได้ไม่กี่วัน นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ที่มีเสียงสนับสนุนหนาแน่นอยู่ได้ประเทศยุบสภาไปเมื่อวันที่ 18 เมษายน นี้เอง เหตุผลเพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเลือกผู้นำใหม่ขึ้นมา นี่คือสิงคโปร์ นี่คือสิ่งที่เขาเป็นชาติที่เจริญได้อย่างรวดเร็วและมั่นคงจนเราไม่สามารถแหงนหน้าขึ้นไปมองเขาได้แล้ว.ทางรอดของไทยจะเป็นอย่างไร ท้ายที่สุดนี้ เรามาดูว่าประเทศไทยเราจะมีทางรอดแค่ไหนก่อนเราต้องส่องกระจกดูตัวเอง และต้องฟังดูว่ามีใครมองเราอย่างไรบ้างให้ชัดก่อน เมื่อไม่กี่เดือนมานี้เองได้มีการชี้แนะจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศแห่งหนึ่งว่า “ประเทศไทยนั้นมีเรื่องคอร์รัปชั่นเป็นตัวหลักที่ทำให้การบริหารประเทศในทุกด้านเดินหน้าไม่ได้” และเมื่อมีนาคม 2568 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยน่าห่วงเทียบได้เป็น “คนป่วยแห่งเอเชีย”เป็นคนป่วยยังไงหรือ ทางด้านเศรษฐกิจก็เห็นกันชัดอยู่แล้วว่าไทยเรา กำลังเผชิญกับหนี้สาธารณะสูงมาก ภาษีเก็บได้น้อย ช่องทางในการหาเงินมาบริหารประเทศยังชักหน้าไม่ถึงหลัง อนาคตด้านการคลังริบหรี่ ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจเรื่องหนี้ครัวเรือนก็ไม่มีทางจะแก้ให้เบาบางลงได้ แม้ไม่มีเรื่องการปรับ Tariff ของ Trump ประเทศไทยเราก็มีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากเกินอยู่แล้ว นี่คืออาการของคนป่วยเรื้อรังแห่งเอเชีย.ไม่ต้องสาธยายกันมาก อีกเรื่องทุกคนก็รู้ดีอยู่ว่า การเมืองของไทยยักแย่ยักยันอยู่ในปลักโคลนตมเดิมจนโงหัวไม่ขึ้นมานานแล้ว การเล่นการเมืองของนักการเมืองไทยเด็กๆก็รู้ว่าเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องเท่านั้น ใครจะเห็นต่างกี่คนก็บอกมา.เมื่อองคาพยพของการเมืองไทยซึ่งมีการแต่งตั้งคณะรัฐบาลมาบริหารประเทศจากรากเหง้าเก่าๆที่รู้กันอยู่ เมื่อเจอกับปัญหาใหญ่ระดับโลกชนิดที่ว่าหันไปทางไหนก็มากระทบเราทั้งนั้น ท่านผู้ที่ได้ใช้สิทธิใช้เสียงเลือกพวกเขาเข้ามาบริหารประเทศ เชื่อและมั่นใจหรือไม่ว่าเขาจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมากระทบประเทศเราได้ .หันไปดูนโยบายของพรรคการเมืองผู้กุมอำนาจบริหารประเทศอยู่ในขณะนี้ก็จะเห็นชัดเจนว่า ตอนนี้นโยบายของพวกเขาเหล่านั้น มันเน่าบูดกันแทบหมดแล้วครับ ถ้าจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมีแรงกระแทกก่อให้เกิดวิกฤตที่ใหญ่เกินคาด ด้วยการปรับ ครม. แต่ยังดันทุรังคงสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ไว้ น่าจะไม่เป็นการกระทำของผู้นำที่รักชาติจริง”
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 203 Views 0 Reviews
  • Synology กำลังเปลี่ยนแนวทางการใช้งานฮาร์ดไดรฟ์ใน NAS รุ่นใหม่ โดยจะ บังคับให้ใช้ฮาร์ดไดรฟ์ที่ได้รับการรับรองจาก Synology เท่านั้น สำหรับ NAS รุ่น Plus Series ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ สร้างระบบนิเวศแบบปิด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์

    ✅ Synology จะบังคับใช้ฮาร์ดไดรฟ์ที่ได้รับการรับรองใน NAS รุ่นใหม่
    - NAS รุ่น Plus Series ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไปจะต้องใช้ฮาร์ดไดรฟ์ที่ได้รับการรับรองจาก Synology
    - Synology อ้างว่าการใช้ฮาร์ดไดรฟ์ที่ผ่านการรับรองจะช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพ, ความน่าเชื่อถือ และการสนับสนุนที่ดีขึ้น

    ✅ ฮาร์ดไดรฟ์ที่ได้รับการรับรองมาจากผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น Toshiba และ Seagate
    - แม้ว่าจะเป็นฮาร์ดไดรฟ์ที่ได้รับการรับรองจาก Synology แต่จริงๆ แล้วผลิตโดยบริษัทอื่น

    ✅ NAS รุ่นเก่าที่ยังใช้ฮาร์ดไดรฟ์ทั่วไปจะยังคงทำงานได้
    - NAS รุ่น Plus Series ที่เปิดตัวก่อนปี 2025 จะยังสามารถใช้ฮาร์ดไดรฟ์ทั่วไปได้
    - อย่างไรก็ตาม อาจมีข้อจำกัด เช่น ไม่สามารถสร้าง Storage Pool และไม่ได้รับการสนับสนุนจาก Synology

    ✅ Synology เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ส่งฮาร์ดไดรฟ์ของตนเองไปตรวจสอบ
    - ผู้ใช้สามารถส่งฮาร์ดไดรฟ์ของตนไปให้ Synology ตรวจสอบเพื่อดูว่าผ่านมาตรฐานหรือไม่

    https://www.techspot.com/news/107622-synology-require-branded-hard-drives-future-nas-models.html
    Synology กำลังเปลี่ยนแนวทางการใช้งานฮาร์ดไดรฟ์ใน NAS รุ่นใหม่ โดยจะ บังคับให้ใช้ฮาร์ดไดรฟ์ที่ได้รับการรับรองจาก Synology เท่านั้น สำหรับ NAS รุ่น Plus Series ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ สร้างระบบนิเวศแบบปิด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ ✅ Synology จะบังคับใช้ฮาร์ดไดรฟ์ที่ได้รับการรับรองใน NAS รุ่นใหม่ - NAS รุ่น Plus Series ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไปจะต้องใช้ฮาร์ดไดรฟ์ที่ได้รับการรับรองจาก Synology - Synology อ้างว่าการใช้ฮาร์ดไดรฟ์ที่ผ่านการรับรองจะช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพ, ความน่าเชื่อถือ และการสนับสนุนที่ดีขึ้น ✅ ฮาร์ดไดรฟ์ที่ได้รับการรับรองมาจากผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น Toshiba และ Seagate - แม้ว่าจะเป็นฮาร์ดไดรฟ์ที่ได้รับการรับรองจาก Synology แต่จริงๆ แล้วผลิตโดยบริษัทอื่น ✅ NAS รุ่นเก่าที่ยังใช้ฮาร์ดไดรฟ์ทั่วไปจะยังคงทำงานได้ - NAS รุ่น Plus Series ที่เปิดตัวก่อนปี 2025 จะยังสามารถใช้ฮาร์ดไดรฟ์ทั่วไปได้ - อย่างไรก็ตาม อาจมีข้อจำกัด เช่น ไม่สามารถสร้าง Storage Pool และไม่ได้รับการสนับสนุนจาก Synology ✅ Synology เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ส่งฮาร์ดไดรฟ์ของตนเองไปตรวจสอบ - ผู้ใช้สามารถส่งฮาร์ดไดรฟ์ของตนไปให้ Synology ตรวจสอบเพื่อดูว่าผ่านมาตรฐานหรือไม่ https://www.techspot.com/news/107622-synology-require-branded-hard-drives-future-nas-models.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Synology to require branded hard drives for future NAS models
    The next high-end NAS line from Synology will require the use of the company's branded hard disk drives. The manufacturer announced the change in a recent press...
    0 Comments 0 Shares 72 Views 0 Reviews
  • วางกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นอย่างไรดี ?
    วางกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นอย่างไรดี ?
    0 Comments 0 Shares 59 Views 0 0 Reviews
  • "อมพระมาพูด" ดรามาอันวาร์ อิบราฮิม

    การมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เพื่อการเจรจาทำงาน (Working Visit) และหารือติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับความร่วมมือไทย-มาเลเซีย ระหว่างวันที่ 17-18 เม.ย. ที่ผ่านมา กลายเป็นดรามาสนั่นโซเชียลฯ เมื่อกองสื่อสารมวลชนและกลยุทธ์ สำนักนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้เผยแพร่วีดีโอคลิป "LAWATAN KERJA KE THAILAND" (เยี่ยมชมและทำงานที่ประเทศไทย) เผยแพร่ภารกิจของนายอันวาร์และคณะในไทย แล้วปรากฎว่ามีการใช้เพลง "อมพระมาพูด" ของเบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ และ เสกสรรค์ สุขพิมาย หรือ เสก โลโซ ซึ่งเป็นเพลงฮิตเมื่อปี 2547

    ด้วยเนื้อหาเพลงที่ออกแนวตอบโต้คนรักที่ไม่เชื่อใจกัน โดยเฉพาะท่อนฮุคที่ร้องว่า "อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ หน้าเนื้อใจเสืออย่างเธอ ใครเตือนไม่ฟังว่าอย่าเผลอ มีใจให้ อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ หน้าใสใจเสือเชื่อไม่ได้ ประวัติโชกโชนเชือดใจ มากี่คน เคยนับบ้างไหม" กลายเป็นที่วิจารณ์แก่ชาวเน็ตไทยว่าสื่อถึงอะไร มีนัยยะทางการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศใดๆ หรือไม่ โดยเฉพาะกับ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษาประธานอาเซียน และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลูกสาวนายทักษิณ ภายหลังจึงได้ลบคลิปแล้วเปลี่ยนเพลงใหม่ไปใช้เพลงพระราชนิพนธ์ "ยามเย็น" ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ แทน

    ที่ผ่านมามักจะพบเห็นเพลงไทยนำมาใช้กับสื่อประชาสัมพันธ์ของมาเลเซียนานๆ ครั้ง เช่น การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) นำเพลง "ผมรักเมืองไทย" ของ Mocca Garden มาโปรโมตขบวนรถไฟ My Sawasdee บัตเตอร์เวิร์ธ-หาดใหญ่ เมื่อวันที่ 1 ม.ค. หรือย้อนกลับไปเมื่อเดือน ต.ค. 2565 เผยแพร่วิดีโอคลิป VLOG ที่ชื่อว่า "Syoknya Naik Keretapi ke Hatyai, Thailand" แนะนำการขึ้นรถไฟท่องเที่ยวที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในช่วงเทศกาลวันมาเลเซีย ก็ใช้เพลง "ชอบเธออะ" ของ แมน ภัทรพล ซึ่งเป็นเพลงฮิตในติ๊กต็อก ส่วนผู้ใช้ทั่วไปพบว่าบัญชี @khairulnikahthailand ที่รับจ้างชาวมุสลิมมาเลเซียมาแต่งงานที่สงขลา ประเทศไทย ก็เคยใช้เพลง "คุณไสย" (อะนันตะปัตชะเย) ซึ่งมีเนื้อหาโจ๊ะๆ สนุกสนาน

    แม้ Newskit จะสอบถามแหล่งข่าวจากสื่อมวลชนชาวมาเลเซีย ที่ทำงานในประเทศไทย แต่ไม่ได้รับคำตอบใดๆ กลับมาก็ตาม ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่า อาจเป็นความผิดพลาดของทางการมาเลเซียเลือกเพลงตามทำนอง (Melody) โดยมองข้ามเนื้อร้อง หรือเนื้อหาเพลง ที่คนท้องถิ่นซึ่งก็คือคนไทยอาจเข้าใจไปอีกทาง มองโลกในแง่ดีอาจเป็นเพียงแค่เรื่องตลกขบขัน ไม่ถึงขั้นกลายเป็นการเล่นการเมืองแบบสองหน้า จากปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งไม่มีทีท่าว่าสงบลง

    #Newskit
    "อมพระมาพูด" ดรามาอันวาร์ อิบราฮิม การมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เพื่อการเจรจาทำงาน (Working Visit) และหารือติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับความร่วมมือไทย-มาเลเซีย ระหว่างวันที่ 17-18 เม.ย. ที่ผ่านมา กลายเป็นดรามาสนั่นโซเชียลฯ เมื่อกองสื่อสารมวลชนและกลยุทธ์ สำนักนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้เผยแพร่วีดีโอคลิป "LAWATAN KERJA KE THAILAND" (เยี่ยมชมและทำงานที่ประเทศไทย) เผยแพร่ภารกิจของนายอันวาร์และคณะในไทย แล้วปรากฎว่ามีการใช้เพลง "อมพระมาพูด" ของเบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ และ เสกสรรค์ สุขพิมาย หรือ เสก โลโซ ซึ่งเป็นเพลงฮิตเมื่อปี 2547 ด้วยเนื้อหาเพลงที่ออกแนวตอบโต้คนรักที่ไม่เชื่อใจกัน โดยเฉพาะท่อนฮุคที่ร้องว่า "อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ หน้าเนื้อใจเสืออย่างเธอ ใครเตือนไม่ฟังว่าอย่าเผลอ มีใจให้ อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ หน้าใสใจเสือเชื่อไม่ได้ ประวัติโชกโชนเชือดใจ มากี่คน เคยนับบ้างไหม" กลายเป็นที่วิจารณ์แก่ชาวเน็ตไทยว่าสื่อถึงอะไร มีนัยยะทางการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศใดๆ หรือไม่ โดยเฉพาะกับ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษาประธานอาเซียน และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลูกสาวนายทักษิณ ภายหลังจึงได้ลบคลิปแล้วเปลี่ยนเพลงใหม่ไปใช้เพลงพระราชนิพนธ์ "ยามเย็น" ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ แทน ที่ผ่านมามักจะพบเห็นเพลงไทยนำมาใช้กับสื่อประชาสัมพันธ์ของมาเลเซียนานๆ ครั้ง เช่น การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) นำเพลง "ผมรักเมืองไทย" ของ Mocca Garden มาโปรโมตขบวนรถไฟ My Sawasdee บัตเตอร์เวิร์ธ-หาดใหญ่ เมื่อวันที่ 1 ม.ค. หรือย้อนกลับไปเมื่อเดือน ต.ค. 2565 เผยแพร่วิดีโอคลิป VLOG ที่ชื่อว่า "Syoknya Naik Keretapi ke Hatyai, Thailand" แนะนำการขึ้นรถไฟท่องเที่ยวที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในช่วงเทศกาลวันมาเลเซีย ก็ใช้เพลง "ชอบเธออะ" ของ แมน ภัทรพล ซึ่งเป็นเพลงฮิตในติ๊กต็อก ส่วนผู้ใช้ทั่วไปพบว่าบัญชี @khairulnikahthailand ที่รับจ้างชาวมุสลิมมาเลเซียมาแต่งงานที่สงขลา ประเทศไทย ก็เคยใช้เพลง "คุณไสย" (อะนันตะปัตชะเย) ซึ่งมีเนื้อหาโจ๊ะๆ สนุกสนาน แม้ Newskit จะสอบถามแหล่งข่าวจากสื่อมวลชนชาวมาเลเซีย ที่ทำงานในประเทศไทย แต่ไม่ได้รับคำตอบใดๆ กลับมาก็ตาม ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่า อาจเป็นความผิดพลาดของทางการมาเลเซียเลือกเพลงตามทำนอง (Melody) โดยมองข้ามเนื้อร้อง หรือเนื้อหาเพลง ที่คนท้องถิ่นซึ่งก็คือคนไทยอาจเข้าใจไปอีกทาง มองโลกในแง่ดีอาจเป็นเพียงแค่เรื่องตลกขบขัน ไม่ถึงขั้นกลายเป็นการเล่นการเมืองแบบสองหน้า จากปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งไม่มีทีท่าว่าสงบลง #Newskit
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 217 Views 0 Reviews
  • Keppel บริษัทด้านการจัดการสินทรัพย์จากสิงคโปร์ ประกาศว่าได้รับเงินลงทุนกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากนักลงทุนสถาบันทั่วโลกสำหรับกองทุนหลักของบริษัท ซึ่งรวมถึง Keppel Data Centre Fund III, Keppel Education Asset Fund II และกลยุทธ์การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน

    Christina Tan ซึ่งเป็น CEO ของฝ่ายบริหารกองทุนและ CIO ของ Keppel ระบุว่าการได้รับเงินลงทุนครั้งนี้สะท้อนถึงความต้องการที่แข็งแกร่งสำหรับสินทรัพย์ทางเลือกที่สอดคล้องกับแนวโน้มระดับมหภาค เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน, การขยายตัวของเมือง และ ปัญญาประดิษฐ์ (AI)

    ✅ Keppel ได้รับเงินลงทุนกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
    - เงินลงทุนนี้มาจากนักลงทุนสถาบัน เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญและกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ
    - เงินทุนจะถูกนำไปใช้ในกองทุนที่เกี่ยวข้องกับศูนย์ข้อมูล, การศึกษา และการพัฒนาเมือง

    ✅ Keppel มุ่งเป้าไปที่การบริหารสินทรัพย์มูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ภายในปี 2026
    - บริษัทตั้งเป้าขยายสินทรัพย์ภายใต้การบริหารให้ถึง 200 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ภายในปี 2030

    ✅ การลงทุนสะท้อนถึงแนวโน้มระดับมหภาคที่สำคัญ
    - นักลงทุนให้ความสนใจในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับ AI, พลังงานสะอาด และ การพัฒนาเมือง

    ✅ Keppel ไม่เปิดเผยรายชื่อนักลงทุนที่เข้าร่วมการลงทุนครั้งนี้
    - แม้ว่าจะมีการกล่าวถึงกองทุนบำเหน็จบำนาญและกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/21/singapore039s-keppel-gets-15-billion-in-capital-commitments-for-its-funds
    Keppel บริษัทด้านการจัดการสินทรัพย์จากสิงคโปร์ ประกาศว่าได้รับเงินลงทุนกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากนักลงทุนสถาบันทั่วโลกสำหรับกองทุนหลักของบริษัท ซึ่งรวมถึง Keppel Data Centre Fund III, Keppel Education Asset Fund II และกลยุทธ์การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน Christina Tan ซึ่งเป็น CEO ของฝ่ายบริหารกองทุนและ CIO ของ Keppel ระบุว่าการได้รับเงินลงทุนครั้งนี้สะท้อนถึงความต้องการที่แข็งแกร่งสำหรับสินทรัพย์ทางเลือกที่สอดคล้องกับแนวโน้มระดับมหภาค เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน, การขยายตัวของเมือง และ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ✅ Keppel ได้รับเงินลงทุนกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ - เงินลงทุนนี้มาจากนักลงทุนสถาบัน เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญและกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ - เงินทุนจะถูกนำไปใช้ในกองทุนที่เกี่ยวข้องกับศูนย์ข้อมูล, การศึกษา และการพัฒนาเมือง ✅ Keppel มุ่งเป้าไปที่การบริหารสินทรัพย์มูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ภายในปี 2026 - บริษัทตั้งเป้าขยายสินทรัพย์ภายใต้การบริหารให้ถึง 200 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ภายในปี 2030 ✅ การลงทุนสะท้อนถึงแนวโน้มระดับมหภาคที่สำคัญ - นักลงทุนให้ความสนใจในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับ AI, พลังงานสะอาด และ การพัฒนาเมือง ✅ Keppel ไม่เปิดเผยรายชื่อนักลงทุนที่เข้าร่วมการลงทุนครั้งนี้ - แม้ว่าจะมีการกล่าวถึงกองทุนบำเหน็จบำนาญและกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/21/singapore039s-keppel-gets-15-billion-in-capital-commitments-for-its-funds
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Singapore's Keppel gets $1.5 billion in capital commitments for its funds
    SINGAPORE (Reuters) - Keppel, a Singapore-based manager and operator of assets such as data centres, said on Monday that it has secured close to S$2.0 billion ($1.53 billion) of capital commitments from global institutional investors for its flagship funds.
    0 Comments 0 Shares 188 Views 0 Reviews
  • บทความนี้กล่าวถึงคำแนะนำจาก Anjul Bhambhri รองประธานอาวุโสของ Adobe Experience Cloud ในการสร้างกลยุทธ์ AI ที่มีประสิทธิภาพ โดยเน้นความสำคัญของ ความโปร่งใส และ การจัดการข้อมูล เพื่อให้ธุรกิจสามารถสร้างความไว้วางใจและเพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้าได้ นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงวิธีการจัดการทรัพยากรเพื่อความยั่งยืน เช่น การแบ่งประเภทข้อมูลเป็น hot, warm และ cold storage เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

    ✅ ความโปร่งใสเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างกลยุทธ์ AI
    - ธุรกิจควรเปิดเผยข้อมูลและให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในกระบวนการ
    - การฟังความคิดเห็นของลูกค้าช่วยให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ได้มากขึ้น

    ✅ การจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
    - Adobe ใช้การแบ่งประเภทข้อมูลเป็น hot, warm และ cold storage เพื่อจัดการทรัพยากร
    - การใช้ SSD และ HDD อย่างเหมาะสมช่วยลดการใช้พลังงาน

    ✅ การปฏิบัติตามกฎระเบียบช่วยสร้างความไว้วางใจ
    - กฎระเบียบ เช่น GDPR, HIPAA และ FERPA ช่วยกำหนดแนวทางการจัดการข้อมูล
    - ธุรกิจควรมีบทบาทชัดเจนในการกำกับดูแลข้อมูล

    ✅ การสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการจัดการข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ
    - ปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้การจัดการข้อมูลมีความสำคัญมากขึ้น

    https://www.techradar.com/pro/want-to-build-an-ai-strategy-adobe-svp-advises-you-start-with-transparency
    บทความนี้กล่าวถึงคำแนะนำจาก Anjul Bhambhri รองประธานอาวุโสของ Adobe Experience Cloud ในการสร้างกลยุทธ์ AI ที่มีประสิทธิภาพ โดยเน้นความสำคัญของ ความโปร่งใส และ การจัดการข้อมูล เพื่อให้ธุรกิจสามารถสร้างความไว้วางใจและเพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้าได้ นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงวิธีการจัดการทรัพยากรเพื่อความยั่งยืน เช่น การแบ่งประเภทข้อมูลเป็น hot, warm และ cold storage เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ✅ ความโปร่งใสเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างกลยุทธ์ AI - ธุรกิจควรเปิดเผยข้อมูลและให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในกระบวนการ - การฟังความคิดเห็นของลูกค้าช่วยให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ได้มากขึ้น ✅ การจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม - Adobe ใช้การแบ่งประเภทข้อมูลเป็น hot, warm และ cold storage เพื่อจัดการทรัพยากร - การใช้ SSD และ HDD อย่างเหมาะสมช่วยลดการใช้พลังงาน ✅ การปฏิบัติตามกฎระเบียบช่วยสร้างความไว้วางใจ - กฎระเบียบ เช่น GDPR, HIPAA และ FERPA ช่วยกำหนดแนวทางการจัดการข้อมูล - ธุรกิจควรมีบทบาทชัดเจนในการกำกับดูแลข้อมูล ✅ การสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการจัดการข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ - ปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้การจัดการข้อมูลมีความสำคัญมากขึ้น https://www.techradar.com/pro/want-to-build-an-ai-strategy-adobe-svp-advises-you-start-with-transparency
    WWW.TECHRADAR.COM
    Want to build an AI strategy? Adobe SVP advises you start with transparency
    Start with transparency and honesty, and the rest will follow
    0 Comments 0 Shares 199 Views 0 Reviews
  • Huawei ได้เปิดตัวชิป AI รุ่นใหม่ Ascend 920 ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อเติมเต็มช่องว่างที่เกิดขึ้นหลังจากการห้ามส่งออกชิป Nvidia H20 ไปยังจีน โดย Ascend 920 มีประสิทธิภาพที่สามารถเทียบเคียงกับ Nvidia H20 และคาดว่าจะเข้าสู่การผลิตในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 ชิปนี้ใช้กระบวนการผลิตแบบ 6 นาโนเมตร และมีแบนด์วิดท์หน่วยความจำสูงถึง 4 TB/s ด้วยโมดูล HBM3

    ✅ Ascend 920 มีประสิทธิภาพที่เทียบเคียงกับ Nvidia H20
    - ชิปนี้สามารถประมวลผลได้ถึง 900 TFLOPs ต่อการ์ด
    - ใช้กระบวนการผลิตแบบ 6 นาโนเมตร และโมดูล HBM3

    ✅ Ascend 920C รุ่นพิเศษสำหรับโมเดล AI ขั้นสูง
    - รุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับโมเดล Transformer และ Mixture of Experts
    - มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นประมาณ 30-40% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

    ✅ Huawei เปิดตัว Ascend 920 หลังการประกาศห้ามส่งออกชิป Nvidia H20
    - การเปิดตัวนี้เกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากการประกาศห้ามส่งออกชิปของสหรัฐฯ

    ✅ Ascend 920 เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ AI ของ Huawei
    - Huawei ยังเปิดตัวโซลูชัน AI CloudMatrix 384 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่า Nvidia GB200

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/huawei-introduces-the-ascend-920-ai-chip-to-fill-the-void-left-by-nvidias-h20
    Huawei ได้เปิดตัวชิป AI รุ่นใหม่ Ascend 920 ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อเติมเต็มช่องว่างที่เกิดขึ้นหลังจากการห้ามส่งออกชิป Nvidia H20 ไปยังจีน โดย Ascend 920 มีประสิทธิภาพที่สามารถเทียบเคียงกับ Nvidia H20 และคาดว่าจะเข้าสู่การผลิตในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 ชิปนี้ใช้กระบวนการผลิตแบบ 6 นาโนเมตร และมีแบนด์วิดท์หน่วยความจำสูงถึง 4 TB/s ด้วยโมดูล HBM3 ✅ Ascend 920 มีประสิทธิภาพที่เทียบเคียงกับ Nvidia H20 - ชิปนี้สามารถประมวลผลได้ถึง 900 TFLOPs ต่อการ์ด - ใช้กระบวนการผลิตแบบ 6 นาโนเมตร และโมดูล HBM3 ✅ Ascend 920C รุ่นพิเศษสำหรับโมเดล AI ขั้นสูง - รุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับโมเดล Transformer และ Mixture of Experts - มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นประมาณ 30-40% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ✅ Huawei เปิดตัว Ascend 920 หลังการประกาศห้ามส่งออกชิป Nvidia H20 - การเปิดตัวนี้เกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากการประกาศห้ามส่งออกชิปของสหรัฐฯ ✅ Ascend 920 เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ AI ของ Huawei - Huawei ยังเปิดตัวโซลูชัน AI CloudMatrix 384 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่า Nvidia GB200 https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/huawei-introduces-the-ascend-920-ai-chip-to-fill-the-void-left-by-nvidias-h20
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Huawei introduces the Ascend 920 AI chip to fill the void left by Nvidia's H20
    The Ascend 920 supposedly offers a performance comparable to the Nvidia H20.
    0 Comments 0 Shares 113 Views 0 Reviews
  • 5 สัญญาณที่บ่งชี้ว่าคุณอาจต้องการเมนทอร์

    1.คุณมีเป้าหมายใหญ่ แต่ไม่มีแผนที่ชัดเจนในการทำให้สำเร็จ
    การมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม แต่หากปราศจากแผนการที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมในการดำเนินการ เป้าหมายเหล่านั้นก็มีแนวโน้มที่จะยังคงเป็นเพียงความฝัน การขาดแผนที่นำทางที่ชัดเจนอาจทำให้คุณรู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหน หรือดำเนินการอย่างไรต่อไป

    เมนทอร์ที่มีประสบการณ์สามารถช่วยคุณในการกำหนดขั้นตอนที่จำเป็นในการบรรลุเป้าหมายเหล่านั้น โดยให้คำแนะนำในการวางแผน กลยุทธ์ และการจัดลำดับความสำคัญ เพื่อเปลี่ยนเป้าหมายที่ดูเหมือนเป็นนามธรรมให้กลายเป็นเส้นทางที่สามารถปฏิบัติได้จริง

    2.คุณรู้สึกว่าตัวเองติดอยู่ในวังวน
    เมื่อคุณรู้สึกว่าตัวเองติดอยู่ในวังวน ไม่สามารถก้าวหน้าไปได้ ไม่ว่าจะเป็นในชีวิตส่วนตัวหรือการทำงาน
    นั่นเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ามุมมองและแนวทางที่คุณใช้อยู่อาจไม่เพียงพออีกต่อไป ความรู้สึกเหมือนถูกจำกัดหรือขาดแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเอง อาจเป็นเพราะคุณขาดความรู้ใหม่ๆ กลยุทธ์ที่แตกต่าง หรือแม้แต่การชี้แนะจากผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่า

    เมนทอร์สามารถช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ ท้าทายความคิดเดิมๆ และให้คำแนะนำที่ช่วยให้คุณหลุดพ้นจากสภาวะที่หยุดนิ่งนี้ เพื่อให้คุณสามารถกลับมาเติบโตและก้าวหน้าได้อีกครั้ง

    3.คุณทำผิดพลาดซ้ำๆ โดยไม่เห็นความคืบหน้าใดๆ
    การทำผิดพลาดซ้ำๆ โดยไม่เห็นความคืบหน้าใดๆ บ่งชี้ว่าคุณอาจขาดความเข้าใจในสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา หรือขาดมุมมองใหม่ๆ ในการแก้ไขสถานการณ์ การที่คุณไม่สามารถเรียนรู้จากความผิดพลาดเดิมๆ อาจเป็นเพราะคุณขาดการไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง หรือไม่มีใครชี้แนะให้เห็นถึงจุดบอดของคุณ

    เมนทอร์สามารถช่วยให้คุณระบุรูปแบบของความผิดพลาด วิเคราะห์หาสาเหตุ และนำเสนอแนวทางแก้ไขที่แตกต่างออกไป เพื่อให้คุณสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์และเริ่มก้าวไปข้างหน้าได้อย่างแท้จริง

    4.การเดินทางในฐานะผู้นำอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายและโดดเดี่ยว
    การเดินทางในฐานะผู้นำอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายและโดดเดี่ยวได้ โดยเฉพาะเมื่อคุณเผชิญกับความรับผิดชอบที่หนักอึ้ง การตัดสินใจที่ซับซ้อน หรือความรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจความกดดันที่คุณกำลังเผชิญอยู่ ความเหงาในเส้นทางผู้นำอาจนำไปสู่ความไม่มั่นใจ ความเครียด และการขาดมุมมองที่หลากหลาย

    เมนทอร์ที่มีประสบการณ์ในการเป็นผู้นำสามารถเป็นแหล่งสนับสนุนที่สำคัญ พวกเขาสามารถมอบคำแนะนำที่เป็นกลาง แบ่งปันประสบการณ์ และช่วยให้คุณรู้สึกว่าไม่ได้เผชิญกับความท้าทายเหล่านี้เพียงลำพัง การมีเมนทอร์จึงเป็นการสร้างเครือข่ายและมีคู่คิดที่จะช่วยให้คุณเติบโตเป็นผู้นำที่เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

    5.ความชัดเจนในเป้าหมายและวิธีการ
    ประโยคนี้สรุปถึงคุณสมบัติหลักที่เมนทอร์สามารถมอบให้ได้ นั่นคือ ความชัดเจนในเป้าหมายและวิธีการ ความมีทิศทางในการดำเนินงาน และความรับผิดชอบในการลงมือทำ เมื่อคุณรู้สึกสับสน ไม่แน่ใจในเส้นทาง หรือขาดแรงจูงใจในการผลักดันตัวเอง

    เมนทอร์จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมได้ชัดเจนขึ้น กำหนดทิศทางที่ถูกต้อง และช่วยติดตามความคืบหน้าของคุณ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณกำลังเดินหน้าไปสู่เป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ

    ดูสาระดีๆ ของ How-to สำหรับพัฒนาการจัดการทั้งระดับบุคคล ทีม และองค์กร ได้ที่ WWW.10-XCONSULTING.COM และ WWW.LIFEALIGNMENTOR.COM
    5 สัญญาณที่บ่งชี้ว่าคุณอาจต้องการเมนทอร์ 1.คุณมีเป้าหมายใหญ่ แต่ไม่มีแผนที่ชัดเจนในการทำให้สำเร็จ การมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม แต่หากปราศจากแผนการที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมในการดำเนินการ เป้าหมายเหล่านั้นก็มีแนวโน้มที่จะยังคงเป็นเพียงความฝัน การขาดแผนที่นำทางที่ชัดเจนอาจทำให้คุณรู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหน หรือดำเนินการอย่างไรต่อไป เมนทอร์ที่มีประสบการณ์สามารถช่วยคุณในการกำหนดขั้นตอนที่จำเป็นในการบรรลุเป้าหมายเหล่านั้น โดยให้คำแนะนำในการวางแผน กลยุทธ์ และการจัดลำดับความสำคัญ เพื่อเปลี่ยนเป้าหมายที่ดูเหมือนเป็นนามธรรมให้กลายเป็นเส้นทางที่สามารถปฏิบัติได้จริง 2.คุณรู้สึกว่าตัวเองติดอยู่ในวังวน เมื่อคุณรู้สึกว่าตัวเองติดอยู่ในวังวน ไม่สามารถก้าวหน้าไปได้ ไม่ว่าจะเป็นในชีวิตส่วนตัวหรือการทำงาน นั่นเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ามุมมองและแนวทางที่คุณใช้อยู่อาจไม่เพียงพออีกต่อไป ความรู้สึกเหมือนถูกจำกัดหรือขาดแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเอง อาจเป็นเพราะคุณขาดความรู้ใหม่ๆ กลยุทธ์ที่แตกต่าง หรือแม้แต่การชี้แนะจากผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่า เมนทอร์สามารถช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ ท้าทายความคิดเดิมๆ และให้คำแนะนำที่ช่วยให้คุณหลุดพ้นจากสภาวะที่หยุดนิ่งนี้ เพื่อให้คุณสามารถกลับมาเติบโตและก้าวหน้าได้อีกครั้ง 3.คุณทำผิดพลาดซ้ำๆ โดยไม่เห็นความคืบหน้าใดๆ การทำผิดพลาดซ้ำๆ โดยไม่เห็นความคืบหน้าใดๆ บ่งชี้ว่าคุณอาจขาดความเข้าใจในสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา หรือขาดมุมมองใหม่ๆ ในการแก้ไขสถานการณ์ การที่คุณไม่สามารถเรียนรู้จากความผิดพลาดเดิมๆ อาจเป็นเพราะคุณขาดการไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง หรือไม่มีใครชี้แนะให้เห็นถึงจุดบอดของคุณ เมนทอร์สามารถช่วยให้คุณระบุรูปแบบของความผิดพลาด วิเคราะห์หาสาเหตุ และนำเสนอแนวทางแก้ไขที่แตกต่างออกไป เพื่อให้คุณสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์และเริ่มก้าวไปข้างหน้าได้อย่างแท้จริง 4.การเดินทางในฐานะผู้นำอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายและโดดเดี่ยว การเดินทางในฐานะผู้นำอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายและโดดเดี่ยวได้ โดยเฉพาะเมื่อคุณเผชิญกับความรับผิดชอบที่หนักอึ้ง การตัดสินใจที่ซับซ้อน หรือความรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจความกดดันที่คุณกำลังเผชิญอยู่ ความเหงาในเส้นทางผู้นำอาจนำไปสู่ความไม่มั่นใจ ความเครียด และการขาดมุมมองที่หลากหลาย เมนทอร์ที่มีประสบการณ์ในการเป็นผู้นำสามารถเป็นแหล่งสนับสนุนที่สำคัญ พวกเขาสามารถมอบคำแนะนำที่เป็นกลาง แบ่งปันประสบการณ์ และช่วยให้คุณรู้สึกว่าไม่ได้เผชิญกับความท้าทายเหล่านี้เพียงลำพัง การมีเมนทอร์จึงเป็นการสร้างเครือข่ายและมีคู่คิดที่จะช่วยให้คุณเติบโตเป็นผู้นำที่เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 5.ความชัดเจนในเป้าหมายและวิธีการ ประโยคนี้สรุปถึงคุณสมบัติหลักที่เมนทอร์สามารถมอบให้ได้ นั่นคือ ความชัดเจนในเป้าหมายและวิธีการ ความมีทิศทางในการดำเนินงาน และความรับผิดชอบในการลงมือทำ เมื่อคุณรู้สึกสับสน ไม่แน่ใจในเส้นทาง หรือขาดแรงจูงใจในการผลักดันตัวเอง เมนทอร์จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมได้ชัดเจนขึ้น กำหนดทิศทางที่ถูกต้อง และช่วยติดตามความคืบหน้าของคุณ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณกำลังเดินหน้าไปสู่เป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ดูสาระดีๆ ของ How-to สำหรับพัฒนาการจัดการทั้งระดับบุคคล ทีม และองค์กร ได้ที่ WWW.10-XCONSULTING.COM และ WWW.LIFEALIGNMENTOR.COM
    0 Comments 0 Shares 238 Views 0 Reviews
  • Intel ได้ประกาศการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ โดยแต่งตั้ง Sachin Katti เป็น CTO และหัวหน้าด้าน AI เพื่อเสริมสร้างกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีและ AI ของบริษัท การเปลี่ยนแปลงนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจและสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับชุมชนผู้พัฒนาและสตาร์ทอัพ

    ✅ Sachin Katti ได้รับการแต่งตั้งเป็น CTO และหัวหน้าด้าน AI
    - เขาจะดูแลกลยุทธ์ด้าน AI และแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ AI ของ Intel
    - รับผิดชอบการวิจัยพื้นฐานและประยุกต์ใน Intel Labs รวมถึงการพัฒนากระบวนการผลิตชิป

    ✅ การปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ
    - ผู้นำด้านเทคนิคจากกลุ่มสำคัญจะมีสายตรงถึง CEO เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการตัดสินใจ
    - ตัวอย่างเช่น Rob Bruckner ดูแลสถาปัตยกรรมแพลตฟอร์มลูกค้า และ Lisa Pearce ดูแล GPU และ NPU

    ✅ Intel มุ่งเน้นการพัฒนากลยุทธ์ด้าน AI
    - การแต่งตั้งหัวหน้าด้าน AI เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เนื่องจาก AI เคยเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยข้อมูลศูนย์กลาง
    - การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ AI ได้รับทรัพยากรและความสนใจมากขึ้น

    ✅ CEO Lip-Bu Tan มีบทบาทสำคัญในการปรับโครงสร้างองค์กร
    - เขาเน้นการมีส่วนร่วมโดยตรงกับทีมวิศวกรรมและผลิตภัณฑ์
    - มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานร่วมกับหัวหน้าฝ่ายกิจการรัฐบาลเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านกฎระเบียบ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/ceo-reorganizes-intel-with-new-cto-and-ai-lead
    Intel ได้ประกาศการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ โดยแต่งตั้ง Sachin Katti เป็น CTO และหัวหน้าด้าน AI เพื่อเสริมสร้างกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีและ AI ของบริษัท การเปลี่ยนแปลงนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจและสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับชุมชนผู้พัฒนาและสตาร์ทอัพ ✅ Sachin Katti ได้รับการแต่งตั้งเป็น CTO และหัวหน้าด้าน AI - เขาจะดูแลกลยุทธ์ด้าน AI และแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ AI ของ Intel - รับผิดชอบการวิจัยพื้นฐานและประยุกต์ใน Intel Labs รวมถึงการพัฒนากระบวนการผลิตชิป ✅ การปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ - ผู้นำด้านเทคนิคจากกลุ่มสำคัญจะมีสายตรงถึง CEO เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการตัดสินใจ - ตัวอย่างเช่น Rob Bruckner ดูแลสถาปัตยกรรมแพลตฟอร์มลูกค้า และ Lisa Pearce ดูแล GPU และ NPU ✅ Intel มุ่งเน้นการพัฒนากลยุทธ์ด้าน AI - การแต่งตั้งหัวหน้าด้าน AI เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เนื่องจาก AI เคยเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยข้อมูลศูนย์กลาง - การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ AI ได้รับทรัพยากรและความสนใจมากขึ้น ✅ CEO Lip-Bu Tan มีบทบาทสำคัญในการปรับโครงสร้างองค์กร - เขาเน้นการมีส่วนร่วมโดยตรงกับทีมวิศวกรรมและผลิตภัณฑ์ - มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานร่วมกับหัวหน้าฝ่ายกิจการรัฐบาลเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านกฎระเบียบ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/ceo-reorganizes-intel-with-new-cto-and-ai-lead
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    CEO reorganizes Intel with new CTO and AI lead
    Tan gains tighter control over strategic developments.
    0 Comments 0 Shares 199 Views 0 Reviews
  • Huawei ได้เปิดตัว AI CloudMatrix Cluster รุ่นใหม่ ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่า Nvidia GB200 NVL72 โดยใช้พลังงานมากกว่า 4 เท่า แม้จะมีข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีการผลิตชิปขั้นสูง Huawei ใช้กลยุทธ์ที่เน้นการเพิ่มจำนวนโปรเซสเซอร์เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่เทียบเท่ากับคู่แข่งในอุตสาหกรรม

    ✅ CloudMatrix 384 ใช้โปรเซสเซอร์ Ascend 910C จำนวน 384 ตัว
    - ระบบนี้ประกอบด้วย 16 racks โดยมี 12 racks สำหรับการประมวลผล และ 4 racks สำหรับการเชื่อมต่อเครือข่าย
    - ใช้การเชื่อมต่อแบบ optical mesh network เพื่อเพิ่มความเร็วในการสื่อสาร

    ✅ ประสิทธิภาพสูงกว่า Nvidia GB200 NVL72
    - CloudMatrix 384 ให้ประสิทธิภาพ 300 PFLOPs ซึ่งสูงกว่า Nvidia GB200 NVL72 ที่ 180 PFLOPs
    - มีความจุหน่วยความจำ HBM มากกว่า 3.6 เท่า และแบนด์วิดท์หน่วยความจำสูงกว่า 2.1 เท่า

    ✅ ข้อเสียคือการใช้พลังงานมากกว่า Nvidia GB200 NVL72
    - CloudMatrix 384 ใช้พลังงาน 559 kW ซึ่งมากกว่า Nvidia GB200 NVL72 ที่ใช้ 145 kW
    - ประสิทธิภาพต่อพลังงานต่ำกว่า Nvidia ถึง 2.3 เท่า

    ✅ Huawei ใช้ชิป Ascend 910C ที่ผลิตในจีนและต่างประเทศ
    - ชิป Ascend 910C ใช้เทคโนโลยี 7nm-class และหน่วยความจำ HBM2E ที่จัดหาโดย Samsung

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/huaweis-new-ai-cloudmatrix-cluster-beats-nvidias-gb200-by-brute-force-uses-4x-the-power
    Huawei ได้เปิดตัว AI CloudMatrix Cluster รุ่นใหม่ ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่า Nvidia GB200 NVL72 โดยใช้พลังงานมากกว่า 4 เท่า แม้จะมีข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีการผลิตชิปขั้นสูง Huawei ใช้กลยุทธ์ที่เน้นการเพิ่มจำนวนโปรเซสเซอร์เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่เทียบเท่ากับคู่แข่งในอุตสาหกรรม ✅ CloudMatrix 384 ใช้โปรเซสเซอร์ Ascend 910C จำนวน 384 ตัว - ระบบนี้ประกอบด้วย 16 racks โดยมี 12 racks สำหรับการประมวลผล และ 4 racks สำหรับการเชื่อมต่อเครือข่าย - ใช้การเชื่อมต่อแบบ optical mesh network เพื่อเพิ่มความเร็วในการสื่อสาร ✅ ประสิทธิภาพสูงกว่า Nvidia GB200 NVL72 - CloudMatrix 384 ให้ประสิทธิภาพ 300 PFLOPs ซึ่งสูงกว่า Nvidia GB200 NVL72 ที่ 180 PFLOPs - มีความจุหน่วยความจำ HBM มากกว่า 3.6 เท่า และแบนด์วิดท์หน่วยความจำสูงกว่า 2.1 เท่า ✅ ข้อเสียคือการใช้พลังงานมากกว่า Nvidia GB200 NVL72 - CloudMatrix 384 ใช้พลังงาน 559 kW ซึ่งมากกว่า Nvidia GB200 NVL72 ที่ใช้ 145 kW - ประสิทธิภาพต่อพลังงานต่ำกว่า Nvidia ถึง 2.3 เท่า ✅ Huawei ใช้ชิป Ascend 910C ที่ผลิตในจีนและต่างประเทศ - ชิป Ascend 910C ใช้เทคโนโลยี 7nm-class และหน่วยความจำ HBM2E ที่จัดหาโดย Samsung https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/huaweis-new-ai-cloudmatrix-cluster-beats-nvidias-gb200-by-brute-force-uses-4x-the-power
    0 Comments 0 Shares 137 Views 0 Reviews
  • Google ได้ประกาศข้อเสนอพิเศษสำหรับนักศึกษาวิทยาลัยในสหรัฐฯ โดยให้ใช้งาน Google One AI Premium Plan ฟรีจนถึงเดือนมิถุนายน 2026 ซึ่งรวมถึง เครื่องมือ AI Gemini Advanced และพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ 2TB โดยข้อเสนอนี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยนักศึกษาในการเรียนรู้และสร้างความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว

    ✅ Google One AI Premium Plan ฟรีสำหรับนักศึกษาวิทยาลัยในสหรัฐฯ
    - นักศึกษาที่มีอีเมล .edu สามารถสมัครใช้งานได้ฟรีจนถึงเดือนมิถุนายน 2026
    - แผนนี้รวมพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ 2TB และเครื่องมือ AI ที่ช่วยในการเรียนรู้

    ✅ Gemini Advanced ช่วยนักศึกษาในการเรียนรู้และสร้างสรรค์
    - เครื่องมือ Deep Research ช่วยสรุปหัวข้อที่ซับซ้อนและแปลงรายงานเป็นเสียงพอดแคสต์
    - NotebookLM Plus ช่วยในการวิจัยและเขียนงาน
    - Veo 2 และ Whisk ช่วยสร้างวิดีโอและเนื้อหาจากข้อความและภาพ

    ✅ Google ตั้งเป้าหมายเพิ่มผู้ใช้งาน Gemini เป็น 500 ล้านคนภายในปี 2025
    - ข้อเสนอนี้เป็นกลยุทธ์เพื่อสร้างความภักดีต่อแบรนด์ในกลุ่มนักศึกษา

    ✅ การแข่งขันในตลาด AI ด้านการศึกษา
    - OpenAI และ Anthropic ก็มีข้อเสนอสำหรับนักศึกษา เช่น ChatGPT Plus และ Claude for Education

    https://www.techspot.com/news/107605-google-offers-free-ai-tools-2tb-storage-eligible.html
    Google ได้ประกาศข้อเสนอพิเศษสำหรับนักศึกษาวิทยาลัยในสหรัฐฯ โดยให้ใช้งาน Google One AI Premium Plan ฟรีจนถึงเดือนมิถุนายน 2026 ซึ่งรวมถึง เครื่องมือ AI Gemini Advanced และพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ 2TB โดยข้อเสนอนี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยนักศึกษาในการเรียนรู้และสร้างความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว ✅ Google One AI Premium Plan ฟรีสำหรับนักศึกษาวิทยาลัยในสหรัฐฯ - นักศึกษาที่มีอีเมล .edu สามารถสมัครใช้งานได้ฟรีจนถึงเดือนมิถุนายน 2026 - แผนนี้รวมพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ 2TB และเครื่องมือ AI ที่ช่วยในการเรียนรู้ ✅ Gemini Advanced ช่วยนักศึกษาในการเรียนรู้และสร้างสรรค์ - เครื่องมือ Deep Research ช่วยสรุปหัวข้อที่ซับซ้อนและแปลงรายงานเป็นเสียงพอดแคสต์ - NotebookLM Plus ช่วยในการวิจัยและเขียนงาน - Veo 2 และ Whisk ช่วยสร้างวิดีโอและเนื้อหาจากข้อความและภาพ ✅ Google ตั้งเป้าหมายเพิ่มผู้ใช้งาน Gemini เป็น 500 ล้านคนภายในปี 2025 - ข้อเสนอนี้เป็นกลยุทธ์เพื่อสร้างความภักดีต่อแบรนด์ในกลุ่มนักศึกษา ✅ การแข่งขันในตลาด AI ด้านการศึกษา - OpenAI และ Anthropic ก็มีข้อเสนอสำหรับนักศึกษา เช่น ChatGPT Plus และ Claude for Education https://www.techspot.com/news/107605-google-offers-free-ai-tools-2tb-storage-eligible.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google offers free Gemini AI tools and 2TB storage to US college students
    Applicants must verify their student status using a valid .edu email address to qualify. Once enrolled, students will receive an email reminder as their complimentary subscription nears...
    0 Comments 0 Shares 271 Views 0 Reviews
  • Sondhitalk EP289 : 16ปีที่รอดตาย สังคมไทยยังไม่รอดโกง (Full)
    - ความในใจ “สนธิ” สังคมไทยยังไม่หมดโกง
    - โกงซ้อนโกง ตึก สตง. ถล่ม
    - ยกแรก จีน ชนะขาด สหรัฐฯ
    - จีนปรับกลยุทธ์พึ่งพาตัวเอง
    - “ดอลลาร์” จะเป็น “แบงก์กงเต๊ก”

    #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #ความจริงมีหนึ่งเดียว #ตึกสตง #ปลอมลายเซ็น #คอร์รัปชัน #โกงซ้อนโกง #สงครามการค้า #ภาษีทรัมป์ #ดอลล่าร์ #แบงก์กงเต๊ก #ความในใจสนธิ
    Sondhitalk EP289 : 16ปีที่รอดตาย สังคมไทยยังไม่รอดโกง (Full) - ความในใจ “สนธิ” สังคมไทยยังไม่หมดโกง - โกงซ้อนโกง ตึก สตง. ถล่ม - ยกแรก จีน ชนะขาด สหรัฐฯ - จีนปรับกลยุทธ์พึ่งพาตัวเอง - “ดอลลาร์” จะเป็น “แบงก์กงเต๊ก” #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #ความจริงมีหนึ่งเดียว #ตึกสตง #ปลอมลายเซ็น #คอร์รัปชัน #โกงซ้อนโกง #สงครามการค้า #ภาษีทรัมป์ #ดอลล่าร์ #แบงก์กงเต๊ก #ความในใจสนธิ
    Like
    Love
    Yay
    Sad
    Wow
    48
    0 Comments 2 Shares 1764 Views 259 7 Reviews
  • Intel กำลังเผชิญกับข้อจำกัดใหม่ในการส่งออกชิป Gaudi AI ไปยังจีน โดยต้องได้รับ ใบอนุญาตส่งออก ตามนโยบายการค้าล่าสุดของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทในตลาดจีน

    ✅ Intel ต้องได้รับใบอนุญาตส่งออกเพื่อขายชิป Gaudi AI ไปยังจีน
    - ข้อจำกัดนี้มีผลกับ ชิปที่มีแบนด์วิดท์ DRAM 1,400 GB/s หรือสูงกว่า
    - Intel เคยมีลูกค้ารายใหญ่ในจีน เช่น ByteDance ซึ่งซื้อชิปของบริษัทเป็นทางเลือกแทน Nvidia

    ✅ ข้อจำกัดนี้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ AI ของ Intel ในจีน
    - แม้ Intel จะมีธุรกิจในจีนที่เล็กกว่า Nvidia แต่ก็ยังต้องเผชิญกับ กระบวนการทางกฎหมายที่ซับซ้อน
    - Nvidia และ AMD ก็ถูกจำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังจีนเช่นกัน

    ✅ นโยบายการค้าของสหรัฐฯ อาจช่วยให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง
    - จีนอาจหันไปใช้ ชิป Ascend ของ Huawei แทนชิปจากบริษัทสหรัฐฯ
    - ข้อจำกัดนี้อาจกระตุ้นให้จีน เร่งพัฒนาโซลูชัน AI ในประเทศ

    ✅ Intel อาจต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาตลาดในจีน
    - บริษัทอาจต้อง นำเสนอชิปที่มีสเปคต่ำลง เพื่อให้ผ่านข้อกำหนดการส่งออก
    - หรืออาจต้อง หาทางเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อขอผ่อนปรนข้อจำกัด

    https://wccftech.com/intel-sees-no-leverage-from-the-trump-administration-now-requires-license-to-sell-gaudi-chips-to-china/
    Intel กำลังเผชิญกับข้อจำกัดใหม่ในการส่งออกชิป Gaudi AI ไปยังจีน โดยต้องได้รับ ใบอนุญาตส่งออก ตามนโยบายการค้าล่าสุดของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทในตลาดจีน ✅ Intel ต้องได้รับใบอนุญาตส่งออกเพื่อขายชิป Gaudi AI ไปยังจีน - ข้อจำกัดนี้มีผลกับ ชิปที่มีแบนด์วิดท์ DRAM 1,400 GB/s หรือสูงกว่า - Intel เคยมีลูกค้ารายใหญ่ในจีน เช่น ByteDance ซึ่งซื้อชิปของบริษัทเป็นทางเลือกแทน Nvidia ✅ ข้อจำกัดนี้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ AI ของ Intel ในจีน - แม้ Intel จะมีธุรกิจในจีนที่เล็กกว่า Nvidia แต่ก็ยังต้องเผชิญกับ กระบวนการทางกฎหมายที่ซับซ้อน - Nvidia และ AMD ก็ถูกจำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังจีนเช่นกัน ✅ นโยบายการค้าของสหรัฐฯ อาจช่วยให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง - จีนอาจหันไปใช้ ชิป Ascend ของ Huawei แทนชิปจากบริษัทสหรัฐฯ - ข้อจำกัดนี้อาจกระตุ้นให้จีน เร่งพัฒนาโซลูชัน AI ในประเทศ ✅ Intel อาจต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาตลาดในจีน - บริษัทอาจต้อง นำเสนอชิปที่มีสเปคต่ำลง เพื่อให้ผ่านข้อกำหนดการส่งออก - หรืออาจต้อง หาทางเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อขอผ่อนปรนข้อจำกัด https://wccftech.com/intel-sees-no-leverage-from-the-trump-administration-now-requires-license-to-sell-gaudi-chips-to-china/
    WCCFTECH.COM
    Intel Sees No Leverage From the Trump Administration, Now Requires Export License to Sell Gaudi Chips to China
    US chipmaker Intel hasn't seen any exemption at all, as it is reported that the firm would require a license to sell its chips in China.
    0 Comments 0 Shares 221 Views 0 Reviews
  • Intel กำลังปรับโครงสร้างองค์กรภายใต้การนำของ Lip-Bu Tan CEO คนใหม่ โดยมีการลดชั้นการบริหารและแต่งตั้ง Sachin Katti เป็นหัวหน้าเทคโนโลยีและ AI เพื่อเร่งพัฒนาแนวทางแข่งขันกับ Nvidia

    ✅ Intel ลดชั้นการบริหารเพื่อให้การตัดสินใจรวดเร็วขึ้น
    - กลุ่มชิป Data Center & AI และ Personal Computer จะรายงานตรงต่อ CEO
    - ก่อนหน้านี้กลุ่มเหล่านี้อยู่ภายใต้การดูแลของ Michelle Johnston Holthaus ซึ่งยังคงดำรงตำแหน่ง CEO ของ Intel Products

    ✅ Sachin Katti ได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าเทคโนโลยีและ AI
    - Katti จะเป็นผู้นำ กลยุทธ์ AI และแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ AI
    - เขาจะดูแล Intel Labs และความสัมพันธ์กับสตาร์ทอัพและนักพัฒนา

    ✅ Intel มุ่งเน้นการเป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยวิศวกรรม
    - Tan ระบุว่า โครงสร้างองค์กรที่ซับซ้อนและระบบราชการกำลังขัดขวางนวัตกรรม
    - การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ ผู้บริหารทำงานใกล้ชิดกับทีมวิศวกรรมมากขึ้น

    ✅ Intel ต้องแข่งขันกับ Nvidia ในตลาด AI
    - Nvidia ครองตลาดชิป AI และ Intel ต้องเร่งพัฒนา กลยุทธ์ใหม่เพื่อแข่งขัน
    - Intel เคยพยายามพัฒนา Falcon Shores แต่โครงการถูกยกเลิกในเดือนมกราคม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/18/exclusive-intel-ceo-lip-bu-tan-streamlines-leadership-team-names-new-technology-chief-memo-says
    Intel กำลังปรับโครงสร้างองค์กรภายใต้การนำของ Lip-Bu Tan CEO คนใหม่ โดยมีการลดชั้นการบริหารและแต่งตั้ง Sachin Katti เป็นหัวหน้าเทคโนโลยีและ AI เพื่อเร่งพัฒนาแนวทางแข่งขันกับ Nvidia ✅ Intel ลดชั้นการบริหารเพื่อให้การตัดสินใจรวดเร็วขึ้น - กลุ่มชิป Data Center & AI และ Personal Computer จะรายงานตรงต่อ CEO - ก่อนหน้านี้กลุ่มเหล่านี้อยู่ภายใต้การดูแลของ Michelle Johnston Holthaus ซึ่งยังคงดำรงตำแหน่ง CEO ของ Intel Products ✅ Sachin Katti ได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าเทคโนโลยีและ AI - Katti จะเป็นผู้นำ กลยุทธ์ AI และแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ AI - เขาจะดูแล Intel Labs และความสัมพันธ์กับสตาร์ทอัพและนักพัฒนา ✅ Intel มุ่งเน้นการเป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยวิศวกรรม - Tan ระบุว่า โครงสร้างองค์กรที่ซับซ้อนและระบบราชการกำลังขัดขวางนวัตกรรม - การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ ผู้บริหารทำงานใกล้ชิดกับทีมวิศวกรรมมากขึ้น ✅ Intel ต้องแข่งขันกับ Nvidia ในตลาด AI - Nvidia ครองตลาดชิป AI และ Intel ต้องเร่งพัฒนา กลยุทธ์ใหม่เพื่อแข่งขัน - Intel เคยพยายามพัฒนา Falcon Shores แต่โครงการถูกยกเลิกในเดือนมกราคม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/18/exclusive-intel-ceo-lip-bu-tan-streamlines-leadership-team-names-new-technology-chief-memo-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Intel CEO Lip-Bu Tan flattens leadership structure, names new AI chief, memo says
    SAN FRANCISCO (Reuters) - Intel's new CEO, Lip-Bu Tan, is flattening the semiconductor giant's leadership team, with important chip groups reporting directly to him, according to a memo from Tan seen by Reuters.
    0 Comments 0 Shares 190 Views 0 Reviews
  • Kraken ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำลังปรับโครงสร้างองค์กรโดย ลดจำนวนพนักงานในตำแหน่งที่ซ้ำซ้อน และรวมทีมที่มีบทบาทคล้ายกัน ขณะที่ยังคงเปิดรับสมัครในตำแหน่งสำคัญ

    ✅ Kraken ลดจำนวนพนักงานในตำแหน่งที่ซ้ำซ้อนเพื่อปรับโครงสร้างองค์กร
    - บริษัทกำลัง ปรับทีมงานให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ระยะยาว
    - การปรับลดนี้เกิดขึ้นหลังจาก Kraken ลดพนักงานลง 15% เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งส่งผลกระทบต่อพนักงานประมาณ 400 คน

    ✅ Kraken กำลังขยายธุรกิจไปยังตลาดการเงินแบบดั้งเดิม
    - บริษัทประกาศซื้อ NinjaTrader ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายฟิวเจอร์สสำหรับนักลงทุนรายย่อย
    - การเข้าซื้อกิจการนี้มีมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ และช่วยให้ Kraken สามารถขยายไปยังสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ

    ✅ Kraken ได้รับผลกระทบจากการดำเนินคดีของ SEC
    - คดีที่ SEC กล่าวหา Kraken ว่า ดำเนินธุรกิจโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ถูกยกเลิกในเดือนมีนาคม
    - Kraken ระบุว่าการยกเลิกคดีนี้เป็น จุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมคริปโต

    ✅ Kraken เปิดตัวบริการซื้อขายหุ้นแบบไม่มีค่าคอมมิชชัน
    - บริษัทเริ่มให้บริการ ซื้อขายหุ้นและ ETF ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ กว่า 11,000 รายการ
    - นี่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการ ขยายผลิตภัณฑ์และเพิ่มฐานผู้ใช้

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/18/kraken-lays-off-hundreds-ahead-of-ipo-coindesk-reports
    Kraken ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำลังปรับโครงสร้างองค์กรโดย ลดจำนวนพนักงานในตำแหน่งที่ซ้ำซ้อน และรวมทีมที่มีบทบาทคล้ายกัน ขณะที่ยังคงเปิดรับสมัครในตำแหน่งสำคัญ ✅ Kraken ลดจำนวนพนักงานในตำแหน่งที่ซ้ำซ้อนเพื่อปรับโครงสร้างองค์กร - บริษัทกำลัง ปรับทีมงานให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ระยะยาว - การปรับลดนี้เกิดขึ้นหลังจาก Kraken ลดพนักงานลง 15% เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งส่งผลกระทบต่อพนักงานประมาณ 400 คน ✅ Kraken กำลังขยายธุรกิจไปยังตลาดการเงินแบบดั้งเดิม - บริษัทประกาศซื้อ NinjaTrader ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายฟิวเจอร์สสำหรับนักลงทุนรายย่อย - การเข้าซื้อกิจการนี้มีมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ และช่วยให้ Kraken สามารถขยายไปยังสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ✅ Kraken ได้รับผลกระทบจากการดำเนินคดีของ SEC - คดีที่ SEC กล่าวหา Kraken ว่า ดำเนินธุรกิจโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ถูกยกเลิกในเดือนมีนาคม - Kraken ระบุว่าการยกเลิกคดีนี้เป็น จุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมคริปโต ✅ Kraken เปิดตัวบริการซื้อขายหุ้นแบบไม่มีค่าคอมมิชชัน - บริษัทเริ่มให้บริการ ซื้อขายหุ้นและ ETF ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ กว่า 11,000 รายการ - นี่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการ ขยายผลิตภัณฑ์และเพิ่มฐานผู้ใช้ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/18/kraken-lays-off-hundreds-ahead-of-ipo-coindesk-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Cryptocurrency exchange Kraken cuts redundant roles amid traditional finance push
    (Reuters) - Kraken, one of the world's largest cryptocurrency exchanges, is reorganizing its workforce by reducing some positions and consolidating teams where redundancies exist, while continuing to hire in key areas, a company spokesperson said on Thursday.
    0 Comments 0 Shares 223 Views 0 Reviews
More Results