• Lenovo ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่ของจีน ได้ประกาศในงาน Tech World India 2025 ว่าจะย้ายสายการผลิตทั้งหมดไปยังประเทศอินเดียภายในสามปีข้างหน้า รวมถึงการผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI GPU ที่เมือง Pondicherry การย้ายการผลิตนี้เป็นการตอบโต้กับภาษีการนำเข้าสินค้าจากจีนที่ถูกเรียกเก็บโดยรัฐบาลของประธานาธิบดี Trump ที่สูงถึง 20% และจากเม็กซิโกถึง 25%

    การย้ายสายการผลิตนี้มีเป้าหมายเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าสูงที่ทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น ซึ่ง Lenovo ถือครองส่วนแบ่งตลาดแล็ปท็อปในสหรัฐฯ ถึง 12% การย้ายการผลิตไปยังอินเดียจะช่วยลดต้นทุนและปรับปรุงกลยุทธ์การตั้งราคาของบริษัทให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้

    Lenovo ไม่ใช่บริษัทเดียวที่ตัดสินใจย้ายการผลิตออกจากจีนเพื่อลดภาระภาษีนี้ บริษัทรายใหญ่อื่น ๆ เช่น ASRock, HP, และ Dell ก็มีแผนย้ายการผลิตไปยังประเทศที่ไม่มีภาระภาษีสูง เช่น เวียดนาม ไต้หวัน และอินโดนีเซีย

    นอกจากภาษีแล้ว การควบคุมการส่งออกชิป AI ล่าสุดจากทำเนียบขาวยังเป็นแรงกดดันให้ผู้ผลิตส่วนใหญ่ต้องย้ายฐานการผลิต PC และชิปไปยังประเทศอื่น เช่น PC Partner, ผู้ผลิตแบรนด์ Zotac, Inno3D, และ Manli กำลังย้ายสำนักงานใหญ่ไปยังสิงคโปร์ และวางแผนย้ายการผลิตไปยังอินโดนีเซีย ในขณะที่บริษัทอย่าง Amkor Technology, Hana Micron, และ Intel กำลังลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในเวียดนาม

    แม้ว่าบางบริษัทจะย้ายการผลิตไปยังประเทศที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี การย้ายการผลิตกลับเข้าสู่สหรัฐฯ ยังคงเป็นทางเลือกที่ยากลำบากสำหรับบริษัทขนาดเล็ก ส่วนบริษัทขนาดใหญ่เช่น TSMC ได้ประกาศการลงทุนเพิ่มอีก 100 พันล้านดอลลาร์ในโรงงานใหม่สามแห่งและศูนย์วิจัยและพัฒนาในแอริโซนา

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/lenovo-joins-growing-china-exodus-as-manufacturers-flee-us-tariffs-oem-moving-production-lines-to-india
    Lenovo ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่ของจีน ได้ประกาศในงาน Tech World India 2025 ว่าจะย้ายสายการผลิตทั้งหมดไปยังประเทศอินเดียภายในสามปีข้างหน้า รวมถึงการผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI GPU ที่เมือง Pondicherry การย้ายการผลิตนี้เป็นการตอบโต้กับภาษีการนำเข้าสินค้าจากจีนที่ถูกเรียกเก็บโดยรัฐบาลของประธานาธิบดี Trump ที่สูงถึง 20% และจากเม็กซิโกถึง 25% การย้ายสายการผลิตนี้มีเป้าหมายเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าสูงที่ทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น ซึ่ง Lenovo ถือครองส่วนแบ่งตลาดแล็ปท็อปในสหรัฐฯ ถึง 12% การย้ายการผลิตไปยังอินเดียจะช่วยลดต้นทุนและปรับปรุงกลยุทธ์การตั้งราคาของบริษัทให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ Lenovo ไม่ใช่บริษัทเดียวที่ตัดสินใจย้ายการผลิตออกจากจีนเพื่อลดภาระภาษีนี้ บริษัทรายใหญ่อื่น ๆ เช่น ASRock, HP, และ Dell ก็มีแผนย้ายการผลิตไปยังประเทศที่ไม่มีภาระภาษีสูง เช่น เวียดนาม ไต้หวัน และอินโดนีเซีย นอกจากภาษีแล้ว การควบคุมการส่งออกชิป AI ล่าสุดจากทำเนียบขาวยังเป็นแรงกดดันให้ผู้ผลิตส่วนใหญ่ต้องย้ายฐานการผลิต PC และชิปไปยังประเทศอื่น เช่น PC Partner, ผู้ผลิตแบรนด์ Zotac, Inno3D, และ Manli กำลังย้ายสำนักงานใหญ่ไปยังสิงคโปร์ และวางแผนย้ายการผลิตไปยังอินโดนีเซีย ในขณะที่บริษัทอย่าง Amkor Technology, Hana Micron, และ Intel กำลังลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในเวียดนาม แม้ว่าบางบริษัทจะย้ายการผลิตไปยังประเทศที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐฯ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี การย้ายการผลิตกลับเข้าสู่สหรัฐฯ ยังคงเป็นทางเลือกที่ยากลำบากสำหรับบริษัทขนาดเล็ก ส่วนบริษัทขนาดใหญ่เช่น TSMC ได้ประกาศการลงทุนเพิ่มอีก 100 พันล้านดอลลาร์ในโรงงานใหม่สามแห่งและศูนย์วิจัยและพัฒนาในแอริโซนา https://www.tomshardware.com/tech-industry/lenovo-joins-growing-china-exodus-as-manufacturers-flee-us-tariffs-oem-moving-production-lines-to-india
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Lenovo joins growing China exodus as manufacturers flee US tariffs — OEM moving production lines to India
    This is just one of the growing companies setting up shop elsewhere to escape the US-China trade war.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี Trump จะประกาศเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกออกไปหนึ่งเดือน การเก็บภาษี 25% สำหรับสินค้าจากเม็กซิโกในอนาคตอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อการผลิตเกมวิดีโอแบบแผ่น ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของราคาหรือการย้ายไปสู่การขายเกมแบบดิจิทัลเท่านั้น

    ปัจจุบัน เม็กซิโกมีบทบาทสำคัญในการผลิตเกมแบบแผ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผ่นเกมสำหรับเครื่องเล่น PlayStation ของ Sony ซึ่งเคยผลิตในโรงงานที่อินเดียนา แต่ตอนนี้ได้ย้ายไปที่เม็กซิโกแล้ว การเก็บภาษีใหม่นี้อาจทำให้บริษัทผู้ผลิตเกมและผู้ค้าปลีกต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น และอาจผลักดันค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไปยังผู้บริโภค

    ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าการเก็บภาษีใหม่นี้อาจเร่งให้เกิดการย้ายไปสู่การขายเกมแบบดิจิทัลมากขึ้น ถึงแม้ว่ายอดขายเกมแบบแผ่นจะลดลงครึ่งหนึ่งตั้งแต่ปี 2021 แต่ผู้เล่นยังคงชอบการซื้อเกมแบบแผ่นเนื่องจากสามารถนำไปขายต่อหรือให้ยืมได้ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นไปได้มากขึ้นในอนาคตใกล้ ๆ โดยมีตัวอย่างเช่นเกม Alan Wake 2 ที่เปิดตัวโดยไม่มีเวอร์ชันแผ่นในปี 2023 และลดราคาเกมดิจิทัลลง

    การเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลกระทบหลายอย่าง:
    1) ราคาสูงขึ้น: หากมีการเก็บภาษี 25% ราคาของเกมแบบแผ่นจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
    2) เกมดิจิทัลมากขึ้น: บริษัทผู้ผลิตเกมอาจเพิ่มการขายเกมแบบดิจิทัลเพื่อหลีกเลี่ยงต้นทุนการผลิตแผ่น
    3) การย้ายการผลิตกลับสหรัฐฯ: แม้จะเป็นทางเลือก แต่ก็ใช้เวลานานและมีค่าใช้จ่ายสูง ทำให้ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน

    แม้ว่าการกลับไปผลิตแผ่นเกมในสหรัฐฯ จะมีค่าใช้จ่ายสูง แต่มีความเป็นไปได้ที่ผู้ผลิตจะตัดสินใจย้ายไปยังโมเดลการขายแบบดิจิทัลเท่านั้นเร็วขึ้น ซึ่งเป็นแนวโน้มที่เริ่มเห็นได้ชัดในตลาดเกมคอนโซล

    https://www.techspot.com/news/107053-import-tariffs-may-accelerate-death-physical-video-games.html
    แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี Trump จะประกาศเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกออกไปหนึ่งเดือน การเก็บภาษี 25% สำหรับสินค้าจากเม็กซิโกในอนาคตอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อการผลิตเกมวิดีโอแบบแผ่น ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของราคาหรือการย้ายไปสู่การขายเกมแบบดิจิทัลเท่านั้น ปัจจุบัน เม็กซิโกมีบทบาทสำคัญในการผลิตเกมแบบแผ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผ่นเกมสำหรับเครื่องเล่น PlayStation ของ Sony ซึ่งเคยผลิตในโรงงานที่อินเดียนา แต่ตอนนี้ได้ย้ายไปที่เม็กซิโกแล้ว การเก็บภาษีใหม่นี้อาจทำให้บริษัทผู้ผลิตเกมและผู้ค้าปลีกต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น และอาจผลักดันค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไปยังผู้บริโภค ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าการเก็บภาษีใหม่นี้อาจเร่งให้เกิดการย้ายไปสู่การขายเกมแบบดิจิทัลมากขึ้น ถึงแม้ว่ายอดขายเกมแบบแผ่นจะลดลงครึ่งหนึ่งตั้งแต่ปี 2021 แต่ผู้เล่นยังคงชอบการซื้อเกมแบบแผ่นเนื่องจากสามารถนำไปขายต่อหรือให้ยืมได้ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นไปได้มากขึ้นในอนาคตใกล้ ๆ โดยมีตัวอย่างเช่นเกม Alan Wake 2 ที่เปิดตัวโดยไม่มีเวอร์ชันแผ่นในปี 2023 และลดราคาเกมดิจิทัลลง การเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลกระทบหลายอย่าง: 1) ราคาสูงขึ้น: หากมีการเก็บภาษี 25% ราคาของเกมแบบแผ่นจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน 2) เกมดิจิทัลมากขึ้น: บริษัทผู้ผลิตเกมอาจเพิ่มการขายเกมแบบดิจิทัลเพื่อหลีกเลี่ยงต้นทุนการผลิตแผ่น 3) การย้ายการผลิตกลับสหรัฐฯ: แม้จะเป็นทางเลือก แต่ก็ใช้เวลานานและมีค่าใช้จ่ายสูง ทำให้ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน แม้ว่าการกลับไปผลิตแผ่นเกมในสหรัฐฯ จะมีค่าใช้จ่ายสูง แต่มีความเป็นไปได้ที่ผู้ผลิตจะตัดสินใจย้ายไปยังโมเดลการขายแบบดิจิทัลเท่านั้นเร็วขึ้น ซึ่งเป็นแนวโน้มที่เริ่มเห็นได้ชัดในตลาดเกมคอนโซล https://www.techspot.com/news/107053-import-tariffs-may-accelerate-death-physical-video-games.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Import tariffs may accelerate the death of physical video games
    Analysts predict that a 25 percent tariff on goods imported from Mexico would substantially affect the U.S. retail console game market. Since Mexico plays a crucial role...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • สินค้าไทย เจอศึกหนัก!! : [Biz Talk]
    ในระหว่างที่ประเทศเศรษฐกิจหลักของโลก กำลังทำสงครามทางการค้ากันเข้มข้น/ ภาคเอกชนไทย ก็กังวลนโยบาย Trump 2.0 ที่จะขึ้นภาษีนำเข้าเหล็ก,อลูมิเนียม จาก10%เป็น25%มีผล12มี.ค.68และมีแนวโน้มจะขึ้นภาษีนำเข้า ทั้งแบบเจาะจงและแบบครอบคลุม ทำให้ผู้ประกอบการ ต้องแบกภาระภาษีเพิ่มขึ้น แถมสินค้าทั้งจีนและชาติอื่นอาจทะลักเข้าไทยมากขึ้น
    สินค้าไทย เจอศึกหนัก!! : [Biz Talk] ในระหว่างที่ประเทศเศรษฐกิจหลักของโลก กำลังทำสงครามทางการค้ากันเข้มข้น/ ภาคเอกชนไทย ก็กังวลนโยบาย Trump 2.0 ที่จะขึ้นภาษีนำเข้าเหล็ก,อลูมิเนียม จาก10%เป็น25%มีผล12มี.ค.68และมีแนวโน้มจะขึ้นภาษีนำเข้า ทั้งแบบเจาะจงและแบบครอบคลุม ทำให้ผู้ประกอบการ ต้องแบกภาระภาษีเพิ่มขึ้น แถมสินค้าทั้งจีนและชาติอื่นอาจทะลักเข้าไทยมากขึ้น
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1036 มุมมอง 32 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เรียกร้องให้สภาคองเกรสยกเลิกกฎหมายอุดหนุนอุตสาหกรรมการผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์วงเงิน 52,700 ล้านดอลลาร์ปี 2022 ที่ออกโดยรัฐบาล โจ ไบเดน พร้อมเสนอให้เอาดอกผลมาชำระหนี้ของรัฐบาลแทน
    .
    ถ้อยแถลงของผู้นำสหรัฐฯ มีขึ้นหลังจากที่ TSMC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่จากไต้หวัน เพิ่งจะประกาศทุ่มเงินลงทุนอีก 100,000 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างโรงงานอีก 5 แห่งในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันจันทร์ (3 มี.ค.)
    .
    "กฎหมาย CHIPS Act ของพวกคุณมันแย่มาก เราจ่ายเงินหลายแสนล้านดอลลาร์แต่ไม่มีความหมายอะไรเลย พวกเขาเอาเงินเราไปแต่ไม่ใช้" ทรัมป์ กล่าวระหว่างการแถลงนโยบายประจำปีต่อสภาคองเกรสหนแรกหลังเข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (4)
    .
    "พวกคุณควรยกเลิกกฎหมาย CHIPS Act และอะไรก็ตามที่เหลืออยู่ ท่านประธาน... ท่านควรเอาเงินส่วนนี้มาลดหนี้"
    .
    กฎหมาย CHIPS and Science Act ถูกลงนามประกาศใช้โดยประธานาธิบดี ไบเดน ในเดือน ส.ค. ปี 2022 ซึ่งรวมถึงวงเงิน 39,000 ล้านดอลลาร์สำหรับอุดหนุนภาคการผลิตเซมิคอนดักเตอร์และองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องในสหรัฐฯ และยังมีวงเงินกู้จากรัฐบาลอีก 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
    .
    คำพูดของ ทรัมป์ เมื่อวานนี้ (4) ถือเป็นการโจมตีกฎหมาย CHIPS Act หนักที่สุดเท่าที่เคยมีมา
    .
    ทรัมป์ ยังบอกด้วยว่า"เราไม่จำเป็นต้องให้เงินพวกเขา" และเพียงแค่มาตรการรีดภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ก็น่าจะเพียงพอแล้วที่จะกระตุ้นให้บริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามาตั้งฐานการผลิตชิปในอเมริกา
    .
    โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เคยกล่าวชื่นชมโครงการนี้ แต่ก็บอกว่าอยากจะทบทวนเงินอุดหนุนต่างๆ ที่ออกโดยรัฐบาล ไบเดน
    .
    ทั้งนี้ จีนา ไรมอนโด อดีตรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ในยุคไบเดน เคยไปโน้มน้าวผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำ 5 รายของโลกให้มาตั้งโรงงานผลิตชิปในอเมริกาโดยใช้เงินอุดหนุนเป็นสิ่งล่อใจ เพื่อที่จะลดความเสี่ยงในด้านความมั่นคงจากการพึ่งพาชิปนำเข้า
    .
    ในช่วงสัปดาห์ท้ายๆ ก่อน ไบเดน หมดวาระ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้อนุมัติเงินอุดหนุนมากกว่า 33,000 ล้านดอลลาร์ โดยแบ่งเป็นเงินอุดหนุนซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ 4,745 ล้านดอลลาร์ อินเทลสูงสุด 7,860 ล้านดอลลาร์ TSMC 6,600 ล้านดอลลาร์ และ ไมครอน 6,100 ล้านดอลลาร์
    .
    เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บางคนเคยแสดงความวิตกกังวลว่า ทรัมป์ อาจจะเข้ามาฉีกข้อตกลงเงินอุดหนุนที่ ไบเดน เคยทำเอาไว้ โดย เคธี โฮชุล ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก เตือนว่ากฎหมาย CHIPS Act คือเหตุผลที่ไมครอนทุ่มเงิน 100,000 ล้านดอลลาร์สร้างงาน 50,000 ตำแหน่งที่ตอนกลางของรัฐแห่งนี้ "แต่อยู่ๆ ทรัมป์ กลับพูดว่าจะยกเลิกมัน"
    .
    ลุตนิค อ้างถึงเงินอุดหนุน 6,600 ล้านดอลลาร์สำหรับ TSMC ในอีเวนต์ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ (3) และย้ำว่ากระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ยังไม่มีแผนที่จะใหัเงินอุดหนุนเพิ่มเติมแก่บริษัทชิปไต้หวันรายนี้ แต่ TSMC ยังมีสิทธิได้รับประโยชน์จากเครดิตภาษีการลงทุนในภาคการผลิต 25%
    .
    TSMC แถลงเมื่อเดือน ก.พ. ว่าได้รับเงินอุดหนุนจากสหรัฐฯ มาแล้ว 1,500 ล้านดอลลาร์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021619
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เรียกร้องให้สภาคองเกรสยกเลิกกฎหมายอุดหนุนอุตสาหกรรมการผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์วงเงิน 52,700 ล้านดอลลาร์ปี 2022 ที่ออกโดยรัฐบาล โจ ไบเดน พร้อมเสนอให้เอาดอกผลมาชำระหนี้ของรัฐบาลแทน . ถ้อยแถลงของผู้นำสหรัฐฯ มีขึ้นหลังจากที่ TSMC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่จากไต้หวัน เพิ่งจะประกาศทุ่มเงินลงทุนอีก 100,000 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างโรงงานอีก 5 แห่งในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันจันทร์ (3 มี.ค.) . "กฎหมาย CHIPS Act ของพวกคุณมันแย่มาก เราจ่ายเงินหลายแสนล้านดอลลาร์แต่ไม่มีความหมายอะไรเลย พวกเขาเอาเงินเราไปแต่ไม่ใช้" ทรัมป์ กล่าวระหว่างการแถลงนโยบายประจำปีต่อสภาคองเกรสหนแรกหลังเข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (4) . "พวกคุณควรยกเลิกกฎหมาย CHIPS Act และอะไรก็ตามที่เหลืออยู่ ท่านประธาน... ท่านควรเอาเงินส่วนนี้มาลดหนี้" . กฎหมาย CHIPS and Science Act ถูกลงนามประกาศใช้โดยประธานาธิบดี ไบเดน ในเดือน ส.ค. ปี 2022 ซึ่งรวมถึงวงเงิน 39,000 ล้านดอลลาร์สำหรับอุดหนุนภาคการผลิตเซมิคอนดักเตอร์และองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องในสหรัฐฯ และยังมีวงเงินกู้จากรัฐบาลอีก 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ . คำพูดของ ทรัมป์ เมื่อวานนี้ (4) ถือเป็นการโจมตีกฎหมาย CHIPS Act หนักที่สุดเท่าที่เคยมีมา . ทรัมป์ ยังบอกด้วยว่า"เราไม่จำเป็นต้องให้เงินพวกเขา" และเพียงแค่มาตรการรีดภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ก็น่าจะเพียงพอแล้วที่จะกระตุ้นให้บริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามาตั้งฐานการผลิตชิปในอเมริกา . โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เคยกล่าวชื่นชมโครงการนี้ แต่ก็บอกว่าอยากจะทบทวนเงินอุดหนุนต่างๆ ที่ออกโดยรัฐบาล ไบเดน . ทั้งนี้ จีนา ไรมอนโด อดีตรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ในยุคไบเดน เคยไปโน้มน้าวผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำ 5 รายของโลกให้มาตั้งโรงงานผลิตชิปในอเมริกาโดยใช้เงินอุดหนุนเป็นสิ่งล่อใจ เพื่อที่จะลดความเสี่ยงในด้านความมั่นคงจากการพึ่งพาชิปนำเข้า . ในช่วงสัปดาห์ท้ายๆ ก่อน ไบเดน หมดวาระ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้อนุมัติเงินอุดหนุนมากกว่า 33,000 ล้านดอลลาร์ โดยแบ่งเป็นเงินอุดหนุนซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ 4,745 ล้านดอลลาร์ อินเทลสูงสุด 7,860 ล้านดอลลาร์ TSMC 6,600 ล้านดอลลาร์ และ ไมครอน 6,100 ล้านดอลลาร์ . เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บางคนเคยแสดงความวิตกกังวลว่า ทรัมป์ อาจจะเข้ามาฉีกข้อตกลงเงินอุดหนุนที่ ไบเดน เคยทำเอาไว้ โดย เคธี โฮชุล ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก เตือนว่ากฎหมาย CHIPS Act คือเหตุผลที่ไมครอนทุ่มเงิน 100,000 ล้านดอลลาร์สร้างงาน 50,000 ตำแหน่งที่ตอนกลางของรัฐแห่งนี้ "แต่อยู่ๆ ทรัมป์ กลับพูดว่าจะยกเลิกมัน" . ลุตนิค อ้างถึงเงินอุดหนุน 6,600 ล้านดอลลาร์สำหรับ TSMC ในอีเวนต์ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ (3) และย้ำว่ากระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ยังไม่มีแผนที่จะใหัเงินอุดหนุนเพิ่มเติมแก่บริษัทชิปไต้หวันรายนี้ แต่ TSMC ยังมีสิทธิได้รับประโยชน์จากเครดิตภาษีการลงทุนในภาคการผลิต 25% . TSMC แถลงเมื่อเดือน ก.พ. ว่าได้รับเงินอุดหนุนจากสหรัฐฯ มาแล้ว 1,500 ล้านดอลลาร์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021619 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1611 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังจากทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดา 25% แคนาดาประกาศตอบโต้มาตรการภาษีของทรัมป์ทันที

    จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาประกาศขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ ซึ่งจะเริ่มมีผลพรุ่งนี้

    ทรูโดวิจารณ์มาตรการภาษีของทรัมป์ที่กำหนดภาษีนำเข้าสินค้าของแคนาดา 25% และภาษีพลังงาน 10% โดยเรียกภาษีเหล่านี้ว่า “ไม่ยุติธรรม”

    เพื่อเป็นการตอบโต้ แคนาดาจะกำหนดภาษีศุลกากร 25% สำหรับสินค้านำเข้าของสหรัฐจากมูลค่าทั้งหมด 155,000 ล้านดอลลาร์ โดยจะเริ่มขึ้นภาษีที่สินค้ารวมมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ทันที และอีก 21 วันหลังจากนี้สินค้าอีก 125,000 ล้านดอลลาร์ จะมีผลบังคับใช้

    ทรูโดเตือนว่าภาษีศุลกากรจะทำให้ราคาสินค้าของชาวอเมริกันสูงขึ้นและละเมิดข้อตกลงการค้าของทรัมป์เอง

    ทรัมป์เพิ่งยืนยันขึ้นภาษีแคนาดา 25% ชิ้นส่วนรถยนต์และสินค้าอื่นๆ โดยกล่าวว่า หากพวกเขาไม่อยากเสียภาษี จะต้องมาตั้งโรงงานเหล่านี้ในสหรัฐ
    หลังจากทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดา 25% แคนาดาประกาศตอบโต้มาตรการภาษีของทรัมป์ทันที จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาประกาศขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ ซึ่งจะเริ่มมีผลพรุ่งนี้ ทรูโดวิจารณ์มาตรการภาษีของทรัมป์ที่กำหนดภาษีนำเข้าสินค้าของแคนาดา 25% และภาษีพลังงาน 10% โดยเรียกภาษีเหล่านี้ว่า “ไม่ยุติธรรม” เพื่อเป็นการตอบโต้ แคนาดาจะกำหนดภาษีศุลกากร 25% สำหรับสินค้านำเข้าของสหรัฐจากมูลค่าทั้งหมด 155,000 ล้านดอลลาร์ โดยจะเริ่มขึ้นภาษีที่สินค้ารวมมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ทันที และอีก 21 วันหลังจากนี้สินค้าอีก 125,000 ล้านดอลลาร์ จะมีผลบังคับใช้ ทรูโดเตือนว่าภาษีศุลกากรจะทำให้ราคาสินค้าของชาวอเมริกันสูงขึ้นและละเมิดข้อตกลงการค้าของทรัมป์เอง ทรัมป์เพิ่งยืนยันขึ้นภาษีแคนาดา 25% ชิ้นส่วนรถยนต์และสินค้าอื่นๆ โดยกล่าวว่า หากพวกเขาไม่อยากเสียภาษี จะต้องมาตั้งโรงงานเหล่านี้ในสหรัฐ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 183 มุมมอง 0 รีวิว
  • อัลเบิร์ต บัวร์ลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารไฟเซอร์ (Pfizer) ผู้ผลิตยาและเวชภัณฑ์ชั้นนำของโลก ระบุในวันจันทร์ (3 มี.ค.) ว่าบริษัทอาจตัดสินใจย้ายฐานการผลิตในต่างประเทศกลับเข้ามายังสหรัฐฯ หากมีความจำเป็น หลังจากรัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ใช้มาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากหลายประเทศ

    บัวร์ลา กล่าวในเวทีเสวนาด้านสุขภาพประจำปี TD Cowen ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ว่า "เรามีศักยภาพด้านการผลิตทุกอย่างที่นี่ และโรงงานผลิตต่างๆ ก็มีกำลังผลิตที่มากพอ หากมีอะไรเกิดขึ้น เราจะพยายามบรรเทาผลกระทบด้วยการย้ายฐานผลิตจากภายนอกเข้ามายังโรงงานที่นี่"

    เดือนที่แล้ว ทรัมป์ ได้มอบหมายให้ทีมงานด้านเศรษฐกิจไปจัดทำแผนรีดภาษีตอบโต้ประเทศต่างๆ ที่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากอเมริกา โดยผู้นำสหรัฐฯ ได้สั่งรีดภาษีสินค้าจากจีนทุกชนิดในอัตรา 10% ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ. และเตรียมที่จะบังคับใช้มาตรการรีดภาษีสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% สัปดาห์นี้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000020858

    #MGROnline #ไฟเซอร์ #Pfizer
    อัลเบิร์ต บัวร์ลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารไฟเซอร์ (Pfizer) ผู้ผลิตยาและเวชภัณฑ์ชั้นนำของโลก ระบุในวันจันทร์ (3 มี.ค.) ว่าบริษัทอาจตัดสินใจย้ายฐานการผลิตในต่างประเทศกลับเข้ามายังสหรัฐฯ หากมีความจำเป็น หลังจากรัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ใช้มาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากหลายประเทศ • บัวร์ลา กล่าวในเวทีเสวนาด้านสุขภาพประจำปี TD Cowen ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ว่า "เรามีศักยภาพด้านการผลิตทุกอย่างที่นี่ และโรงงานผลิตต่างๆ ก็มีกำลังผลิตที่มากพอ หากมีอะไรเกิดขึ้น เราจะพยายามบรรเทาผลกระทบด้วยการย้ายฐานผลิตจากภายนอกเข้ามายังโรงงานที่นี่" • เดือนที่แล้ว ทรัมป์ ได้มอบหมายให้ทีมงานด้านเศรษฐกิจไปจัดทำแผนรีดภาษีตอบโต้ประเทศต่างๆ ที่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากอเมริกา โดยผู้นำสหรัฐฯ ได้สั่งรีดภาษีสินค้าจากจีนทุกชนิดในอัตรา 10% ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ. และเตรียมที่จะบังคับใช้มาตรการรีดภาษีสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% สัปดาห์นี้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000020858 • #MGROnline #ไฟเซอร์ #Pfizer
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่...ของคนไทยหรือไม่

    หลังจากตลาดรถยนต์🚘ชะลอตัวมาตั้งเเต่ ปี 2567 เเละคาดว่าจะซึมยาวไปจนอย่างน้อยถึงกลางปี 2568 ✅กำลังซื้อระดับกลาง-ล่างอ่อนแอหนัก ขณะที่ด้านปัจจัยลบราคาน้ำมัน⛽ที่สูงขึ้นเป็นตัวฉุดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ชะลอการตัดสินใจซื้อรถยนต์ออกไป จริงหรือไม่ บทความนี้จะพาไปค้นหาคำตอบภายใน 5 นาที!!🎯
    สถานการณ์ตอนนี้ ✨ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอยู่ในช่วงซึม ยอดขายรถยนต์หดตัวอย่างหนัก👉เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีแนวโน้มที่ยอดขายรถยนต์ทั้งปี 2568 จะหดตัวรุนแรงสุดในรอบ 15 ปี

    ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) มองว่า ยอดขายรถยนต์ในประเทศไทย อยู่ในช่วงชะลอตัวลงในระยะยาว จาก 5 สถานการณ์หลักตอนนี้ คือ...

    1. ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอิ่มตัว ⚠️

    ตอนนี้ถ้าดูจำนวนรถยนต์ที่วิ่งบนถนนสะสมทั่วประเทศ สูงถึงเกือบ 20 ล้านคัน หรือคิดเป็น 277 คันต่อประชากรไทย 1,000 คน เทียบแล้วของไทยค่อนข้างสูงเมื่อมองไปที่เวียดนาม 50 คัน ฟิลิปปินส์ 38 คัน และอินโดนีเซีย 78 คันต่อประชากร 1,000 คน และนิสัยการใช้รถของคนไทยที่ค่อนข้างนานเฉลี่ยถึง 12 ปี เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยประเทศหลัก ๆ ที่ใช้งานรถยนต์ประมาณ 6-8 ปี โอกาสที่ซื้อรถยนต์ใหม่แทนรถคันเก่าเลยค่อนข้างต่ำ

    2. พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ➡️

    หลังการบุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์ผู้ผลิตจีน ทำให้มาตรฐานการตั้งราคารถใหม่🧾ในท้องตลาด มีแนวโน้มลดลงจากเดิม ผู้บริโภคเลยมีตัวเลือกมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ขณะที่บางส่วนชะลอการซื้อรถยนต์ออกไปจนกว่าจะเจอราคาที่เหมาะสมกับกำลังซื้อ รวมไปถึงทัศนคติต่อการซื้อรถยนต์ของคนยุคใหม่ ที่หันมาใช้การเช่าแทนการซื้อครอบครอง เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต และลดภาระค่าใช้จ่ายที่จะตามมา ทำให้การซื้อรถยนต์ในยุคสมัยนี้อาจน้อยกว่าในอดีต

    3. โครงสร้างประชากรกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ 👴🏻

    เห็นชัดจากยอดขายที่อยู่อาศัย และรถยนต์ในประเทศ ระยะหลังชะลอการเติบโตลง 👵🏼ส่วนหนึ่งมาจากโครงสร้างประชากรไทยที่อยู่ในภาวะ “สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์” และกำลังจะขยับเป็น “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด” ในอีกไม่ถึง 10 ปีข้างหน้า สวนทางกับสัดส่วนประชากรที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่มีกำลังซื้อรถยนต์อย่างกลุ่มอายุ 25-49 ปี กลับมีสัดส่วนลดลงอย่างต่อเนื่อง

    4. เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตช้าลง 📉

    การลงทุนโดยรวมอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน ภาคการผลิตและส่งออกก็กำลังเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างรุนแรงขึ้น รวมไปถึงการบุกตลาดของสินค้าราคาถูกจากจีน ที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กระทบความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตช้าลงในระยะยาว บั่นทอนการเติบโตของรายได้ และกำลังซื้อ💵💰💳ของภาคครัวเรือน

    5. หนี้ครัวเรือนสูงกำลังเพิ่มข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อ 📈

    หนี้ครัวเรือนไทยในปัจจุบันสูงถึง 91.3% ของจีดีพี ซึ่งสูงเกินกว่าระดับที่เหมาะสมที่เอื้อต่อการบริโภคที่ 80% ของจีดีพี และสูงกว่าประเทศที่มีรายได้ต่อหัวใกล้เคียงกัน ทำให้สถาบันการเงิน มีข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อแก่รายย่อยมากขึ้น

    ขณะที่ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า⚡ที่จำหน่ายได้ภายใต้มาตรการของรัฐบาล ที่ลงนามเข้าโครงการ ดึงดูดความสนใจ ที่ลดลงไปแล้วอย่างน้อย 70,000 - 1.5 แสนบาท ก็สามารถที่จะกระตุ้นให้คนสนใจ😘 เเละยอดจองได้ไม่น้อยทีเดียว เพราะอย่างน้อยๆ ราคาที่ดึงดูดนี้ ก็ยังทำให้คนที่ถึงเวลาจะต้องเปลี่ยนรถคันใหม่ หรือหาซื้อรถเพิ่มเข้ามาอีกคัน ก็พิจารณาตัดสินใจได้ไม่ยาก

    ข้อมูลจากคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ กระทรวงพลังงาน ระบุว่า ในกรณีที่เป็นรถยนต์ที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน☝️ ราคา🗺️ไม่เกิน 2 ล้านบาท จะได้รับการลดภาษีนำเข้า 40% ตั้งเเต่ ปี 2565-2566 แล้วยังได้ลดภาษีสรรพสามิต เหลือ 2% ในปี 2565-2568

    ไม่เพียงเท่านี้!! ยังแถมด้วยเงินอุดหนุนจากรัฐบาล 70,000 บาท และ 1.5 แสนบาท ตามขนาดของแบตเตอรี่...
    แต่หากมีราคา 2-7 ล้านบาท ได้ลดภาษีนำเข้า 20% และได้ลดภาษีสรรพสามิตเหลือ🤑 2% (ในช่วงปี 2565-2566 ที่ผ่านมา) แต่จะไม่ได้รับเงินอุดหนุนใดๆ จากรัฐบาล

    ส่วนกรณีรถกระบะที่ผลิตในประเทศ ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท จะไม่มีภาษีสรรพสามิต ในช่วง 3 ปี คือตั้งแต่ปี 2565 - 2568 ได้รับเงินอุหนุน 1.5 แสนบาท โดยขนาดแบตเตอรี่ 30 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง เป็นเวลา 3 ปี จนถึงปี 2568

    ขณะที่รถมอเตอร์ไซค์ ราคาไม่เกิน 1.5 แสนบาท จะได้รับเงินอุดหนุน💵 18,000 บาท เป็นเวลา 3 ปี (ตั้งเเต่ปี 2566-68) มาตรการของรัฐบาลครั้งนี้!! สามารถดึงดูดความสนใจ…แรงซื้อ…จากคนที่ยังมีกำลังซื้อได้ไม่ไม่น้อย

    📌ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่ของคนไทย ทั้งชะลอเวลาการซื้อรถคันใหม่ที่เป็นรถใหม่ออกไป เเละ เปลี่ยนใจจากรถน้ำมันหันไปหารถใหม่ที่เป็น EV⚡ สำหรับคนที่มีรถใช้น้ำมันอยู่เเล้ว หรือ เเม้กระทั่ง Plug-in Hybrid 🔌ที่เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่จะมีรถคันเเรก เเละยอมใจกับราคาน้ำมัน🛢️เเละกลุ่มที่กำลังมาเเรง คือกลุ่มที่หันไปซบรถใช้น้ำมันมือสอง ที่มาจากเตนท์ หรือจากลานประมูลรถมือสอง ที่เริ่มมีลูกค้าประเภทประมูลซื้อใช้เอง จำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

    ปัญหาน้ำมัน⛽แพง เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนสนใจจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV บวกกับการที่รัฐบาลให้เงินอุดหนุน💰70,000 บาท - 150,000 บาทต่อคัน ยิ่งเป็นแรงจูงใจให้คนสนใจรถอีวีมากขึ้นนั่นเอง
    เมื่อเรายังต้องอยู่ในยุคที่สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น💹อย่างต่อเนื่อง เพราะความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว☣จากโควิด-19 🤧ในขณะที่กลุ่มโอเปกยังคงยืนยันที่จะส่งออกน้ำมันดิบ⛽เพียง 400,000 บาร์เรล🛢️ต่อวัน ทำให้ราคาน้ำมันในไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น

    เเละเมื่อเรายังจำเป้นต้องใช้รถเติมน้ำมัน บทความนี้มีเทคนิคการประหยัดน้ำมันแบบง่าย ๆ เพื่อฝ่าวิกฤตน้ำมันราคาแพงครั้งนี้ไปด้วยกัน มาเเชร์ให้ค่ะ

    1. ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว เปลี่ยนไปใช้ระบบขนส่งสาธารณะในการเดินทาง โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน นอกจากจะช่วยประหยัดค่าน้ำมันแล้ว ยังลดความเครียด 🤝😊จากปัญหาจราจรอีกด้วย
    2. หากจำเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนตัว การขับรถที่ความเร็วที่ 60 – 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง คืออัตราความเร็วที่เหมาะสมที่สุด🙌ในการประหยัดน้ำมันรถได้มากที่สุด ที่สำคัญช่วยทำให้ปลอดภัยลดอุบัติเหตุได้ด้วย
    3. ตรวจเช็คสภาพรถและลมยางเป็นประจำเพื่อให้พร้อมใช้งาน🥰การตรวจสอบลมยางทั้ง 4 เส้นเป็นประจำ ให้มีปริมาตรลมตามมาตรฐานที่กำหนด เพราะยางที่อ่อนเกินไปจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมาก
    4. เลือกใช้การเดินเท้า🚶‍♀️‍➡️ในระยะที่น้อยกว่า 1 กิโลเมตร เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดน้ำมันแล้ว ยังได้ออกกำลังกาย 🏃🏻‍♂️‍➡️ ทำให้สุขภาพของเราแข็งแรงขึ้น💪🏼
    5. เลือกซื้อ🛒🛍️สินค้าในชุมชนที่อยู่อาศัย เมื่อต้องการออกไปจับจ่ายใช้สอยซื้อหาอาหาร หรือสินค้าจำเป็นต่างๆ เพื่อลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากการเดินทาง

    จบไปเเล้วสำหรับ "ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่...ของคนไทยหรือไม่" เเละหากว่าพี่ๆ ท่านใด สนใจอยากจะมีรถไว้ใช้งานที่ประหยัดงบประมาณ สามารถเหลือเงินไว้เก็บงานต่างๆ ของรถมือสอง หรืออาจจะไม่ต้องเก็บอะไรใดใดเลยก็เป็นได้ โดยทั้งนี้📌คุณภาพขึ้นอยู่กับอายุการใช้งาน สภาพตัวถัง และระบบเกียร์ รถที่เข้าลานประมูลจะเป็นไปตามสภาพจริง ถ้าสนใจขอเชิญ @ลานประมูลของ สยามอินเตอร์การประมูล หรือ SIA กันได้นะคะ ยินดีให้คำเเนะนำเเละบริก่ารค่ะ

    อ่านต่อเลย: จะเข้าใจว่าทำไมต้องรถมือ2 !?! https://citly.me/esgxY

    ✅ดูรายการรถทุกประเภทที่เว็บไซต์ home.sia.co.th ในเมนูการประมูล เเละกดเข้าไปที่รายการรถยนต์ เเละติดตามอัปเดตได้ทุกสัปดาห์
    ✅ลงทะเบียนได้ที่: home.sia.co.th
    ✅ติดต่อสอบถาม: ☎️02-119-7111 หรือ LINE:@sia.co.th
    🎉นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสนุกๆ พร้อมคูปองอาหาร 🌮 และเครื่องดื่ม 🥤แจกฟรี!
    📌อย่าลืมติดตามรายการใหม่ทุกสัปดาห์ แล้วพบกันที่ SIA! 🚛✨

    ขอขอบคุณแหล่งที่มาของภาพเเละข้อมูล (บางส่วน)

    https://www.ttbbank.com/th/newsroom/detail/ttba-5megatrend-july-2024
    https://www.ttbbank.com/th/analytics
    https://www.thairath.co.th/news/auto/evcar/2755876
    www.dailynews.co.th/articles/899255
    https://th.jobsdb.com/th/careeradvice/article/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99
    ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่...ของคนไทยหรือไม่ หลังจากตลาดรถยนต์🚘ชะลอตัวมาตั้งเเต่ ปี 2567 เเละคาดว่าจะซึมยาวไปจนอย่างน้อยถึงกลางปี 2568 ✅กำลังซื้อระดับกลาง-ล่างอ่อนแอหนัก ขณะที่ด้านปัจจัยลบราคาน้ำมัน⛽ที่สูงขึ้นเป็นตัวฉุดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ชะลอการตัดสินใจซื้อรถยนต์ออกไป จริงหรือไม่ บทความนี้จะพาไปค้นหาคำตอบภายใน 5 นาที!!🎯 สถานการณ์ตอนนี้ ✨ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอยู่ในช่วงซึม ยอดขายรถยนต์หดตัวอย่างหนัก👉เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีแนวโน้มที่ยอดขายรถยนต์ทั้งปี 2568 จะหดตัวรุนแรงสุดในรอบ 15 ปี ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) มองว่า ยอดขายรถยนต์ในประเทศไทย อยู่ในช่วงชะลอตัวลงในระยะยาว จาก 5 สถานการณ์หลักตอนนี้ คือ... 1. ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอิ่มตัว ⚠️ ตอนนี้ถ้าดูจำนวนรถยนต์ที่วิ่งบนถนนสะสมทั่วประเทศ สูงถึงเกือบ 20 ล้านคัน หรือคิดเป็น 277 คันต่อประชากรไทย 1,000 คน เทียบแล้วของไทยค่อนข้างสูงเมื่อมองไปที่เวียดนาม 50 คัน ฟิลิปปินส์ 38 คัน และอินโดนีเซีย 78 คันต่อประชากร 1,000 คน และนิสัยการใช้รถของคนไทยที่ค่อนข้างนานเฉลี่ยถึง 12 ปี เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยประเทศหลัก ๆ ที่ใช้งานรถยนต์ประมาณ 6-8 ปี โอกาสที่ซื้อรถยนต์ใหม่แทนรถคันเก่าเลยค่อนข้างต่ำ 2. พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ➡️ หลังการบุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์ผู้ผลิตจีน ทำให้มาตรฐานการตั้งราคารถใหม่🧾ในท้องตลาด มีแนวโน้มลดลงจากเดิม ผู้บริโภคเลยมีตัวเลือกมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ขณะที่บางส่วนชะลอการซื้อรถยนต์ออกไปจนกว่าจะเจอราคาที่เหมาะสมกับกำลังซื้อ รวมไปถึงทัศนคติต่อการซื้อรถยนต์ของคนยุคใหม่ ที่หันมาใช้การเช่าแทนการซื้อครอบครอง เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต และลดภาระค่าใช้จ่ายที่จะตามมา ทำให้การซื้อรถยนต์ในยุคสมัยนี้อาจน้อยกว่าในอดีต 3. โครงสร้างประชากรกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ 👴🏻 เห็นชัดจากยอดขายที่อยู่อาศัย และรถยนต์ในประเทศ ระยะหลังชะลอการเติบโตลง 👵🏼ส่วนหนึ่งมาจากโครงสร้างประชากรไทยที่อยู่ในภาวะ “สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์” และกำลังจะขยับเป็น “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด” ในอีกไม่ถึง 10 ปีข้างหน้า สวนทางกับสัดส่วนประชากรที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่มีกำลังซื้อรถยนต์อย่างกลุ่มอายุ 25-49 ปี กลับมีสัดส่วนลดลงอย่างต่อเนื่อง 4. เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตช้าลง 📉 การลงทุนโดยรวมอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน ภาคการผลิตและส่งออกก็กำลังเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างรุนแรงขึ้น รวมไปถึงการบุกตลาดของสินค้าราคาถูกจากจีน ที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กระทบความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตช้าลงในระยะยาว บั่นทอนการเติบโตของรายได้ และกำลังซื้อ💵💰💳ของภาคครัวเรือน 5. หนี้ครัวเรือนสูงกำลังเพิ่มข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อ 📈 หนี้ครัวเรือนไทยในปัจจุบันสูงถึง 91.3% ของจีดีพี ซึ่งสูงเกินกว่าระดับที่เหมาะสมที่เอื้อต่อการบริโภคที่ 80% ของจีดีพี และสูงกว่าประเทศที่มีรายได้ต่อหัวใกล้เคียงกัน ทำให้สถาบันการเงิน มีข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อแก่รายย่อยมากขึ้น ขณะที่ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า⚡ที่จำหน่ายได้ภายใต้มาตรการของรัฐบาล ที่ลงนามเข้าโครงการ ดึงดูดความสนใจ ที่ลดลงไปแล้วอย่างน้อย 70,000 - 1.5 แสนบาท ก็สามารถที่จะกระตุ้นให้คนสนใจ😘 เเละยอดจองได้ไม่น้อยทีเดียว เพราะอย่างน้อยๆ ราคาที่ดึงดูดนี้ ก็ยังทำให้คนที่ถึงเวลาจะต้องเปลี่ยนรถคันใหม่ หรือหาซื้อรถเพิ่มเข้ามาอีกคัน ก็พิจารณาตัดสินใจได้ไม่ยาก ข้อมูลจากคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ กระทรวงพลังงาน ระบุว่า ในกรณีที่เป็นรถยนต์ที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน☝️ ราคา🗺️ไม่เกิน 2 ล้านบาท จะได้รับการลดภาษีนำเข้า 40% ตั้งเเต่ ปี 2565-2566 แล้วยังได้ลดภาษีสรรพสามิต เหลือ 2% ในปี 2565-2568 ไม่เพียงเท่านี้!! ยังแถมด้วยเงินอุดหนุนจากรัฐบาล 70,000 บาท และ 1.5 แสนบาท ตามขนาดของแบตเตอรี่... แต่หากมีราคา 2-7 ล้านบาท ได้ลดภาษีนำเข้า 20% และได้ลดภาษีสรรพสามิตเหลือ🤑 2% (ในช่วงปี 2565-2566 ที่ผ่านมา) แต่จะไม่ได้รับเงินอุดหนุนใดๆ จากรัฐบาล ส่วนกรณีรถกระบะที่ผลิตในประเทศ ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท จะไม่มีภาษีสรรพสามิต ในช่วง 3 ปี คือตั้งแต่ปี 2565 - 2568 ได้รับเงินอุหนุน 1.5 แสนบาท โดยขนาดแบตเตอรี่ 30 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง เป็นเวลา 3 ปี จนถึงปี 2568 ขณะที่รถมอเตอร์ไซค์ ราคาไม่เกิน 1.5 แสนบาท จะได้รับเงินอุดหนุน💵 18,000 บาท เป็นเวลา 3 ปี (ตั้งเเต่ปี 2566-68) มาตรการของรัฐบาลครั้งนี้!! สามารถดึงดูดความสนใจ…แรงซื้อ…จากคนที่ยังมีกำลังซื้อได้ไม่ไม่น้อย 📌ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่ของคนไทย ทั้งชะลอเวลาการซื้อรถคันใหม่ที่เป็นรถใหม่ออกไป เเละ เปลี่ยนใจจากรถน้ำมันหันไปหารถใหม่ที่เป็น EV⚡ สำหรับคนที่มีรถใช้น้ำมันอยู่เเล้ว หรือ เเม้กระทั่ง Plug-in Hybrid 🔌ที่เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่จะมีรถคันเเรก เเละยอมใจกับราคาน้ำมัน🛢️เเละกลุ่มที่กำลังมาเเรง คือกลุ่มที่หันไปซบรถใช้น้ำมันมือสอง ที่มาจากเตนท์ หรือจากลานประมูลรถมือสอง ที่เริ่มมีลูกค้าประเภทประมูลซื้อใช้เอง จำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาน้ำมัน⛽แพง เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนสนใจจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV บวกกับการที่รัฐบาลให้เงินอุดหนุน💰70,000 บาท - 150,000 บาทต่อคัน ยิ่งเป็นแรงจูงใจให้คนสนใจรถอีวีมากขึ้นนั่นเอง เมื่อเรายังต้องอยู่ในยุคที่สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น💹อย่างต่อเนื่อง เพราะความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว☣จากโควิด-19 🤧ในขณะที่กลุ่มโอเปกยังคงยืนยันที่จะส่งออกน้ำมันดิบ⛽เพียง 400,000 บาร์เรล🛢️ต่อวัน ทำให้ราคาน้ำมันในไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น เเละเมื่อเรายังจำเป้นต้องใช้รถเติมน้ำมัน บทความนี้มีเทคนิคการประหยัดน้ำมันแบบง่าย ๆ เพื่อฝ่าวิกฤตน้ำมันราคาแพงครั้งนี้ไปด้วยกัน มาเเชร์ให้ค่ะ 1. ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว เปลี่ยนไปใช้ระบบขนส่งสาธารณะในการเดินทาง โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน นอกจากจะช่วยประหยัดค่าน้ำมันแล้ว ยังลดความเครียด 🤝😊จากปัญหาจราจรอีกด้วย 2. หากจำเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนตัว การขับรถที่ความเร็วที่ 60 – 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง คืออัตราความเร็วที่เหมาะสมที่สุด🙌ในการประหยัดน้ำมันรถได้มากที่สุด ที่สำคัญช่วยทำให้ปลอดภัยลดอุบัติเหตุได้ด้วย 3. ตรวจเช็คสภาพรถและลมยางเป็นประจำเพื่อให้พร้อมใช้งาน🥰การตรวจสอบลมยางทั้ง 4 เส้นเป็นประจำ ให้มีปริมาตรลมตามมาตรฐานที่กำหนด เพราะยางที่อ่อนเกินไปจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมาก 4. เลือกใช้การเดินเท้า🚶‍♀️‍➡️ในระยะที่น้อยกว่า 1 กิโลเมตร เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดน้ำมันแล้ว ยังได้ออกกำลังกาย 🏃🏻‍♂️‍➡️ ทำให้สุขภาพของเราแข็งแรงขึ้น💪🏼 5. เลือกซื้อ🛒🛍️สินค้าในชุมชนที่อยู่อาศัย เมื่อต้องการออกไปจับจ่ายใช้สอยซื้อหาอาหาร หรือสินค้าจำเป็นต่างๆ เพื่อลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากการเดินทาง จบไปเเล้วสำหรับ "ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่...ของคนไทยหรือไม่" เเละหากว่าพี่ๆ ท่านใด สนใจอยากจะมีรถไว้ใช้งานที่ประหยัดงบประมาณ สามารถเหลือเงินไว้เก็บงานต่างๆ ของรถมือสอง หรืออาจจะไม่ต้องเก็บอะไรใดใดเลยก็เป็นได้ โดยทั้งนี้📌คุณภาพขึ้นอยู่กับอายุการใช้งาน สภาพตัวถัง และระบบเกียร์ รถที่เข้าลานประมูลจะเป็นไปตามสภาพจริง ถ้าสนใจขอเชิญ @ลานประมูลของ สยามอินเตอร์การประมูล หรือ SIA กันได้นะคะ ยินดีให้คำเเนะนำเเละบริก่ารค่ะ อ่านต่อเลย: จะเข้าใจว่าทำไมต้องรถมือ2 !?! https://citly.me/esgxY ✅ดูรายการรถทุกประเภทที่เว็บไซต์ home.sia.co.th ในเมนูการประมูล เเละกดเข้าไปที่รายการรถยนต์ เเละติดตามอัปเดตได้ทุกสัปดาห์ ✅ลงทะเบียนได้ที่: home.sia.co.th ✅ติดต่อสอบถาม: ☎️02-119-7111 หรือ LINE:@sia.co.th 🎉นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสนุกๆ พร้อมคูปองอาหาร 🌮 และเครื่องดื่ม 🥤แจกฟรี! 📌อย่าลืมติดตามรายการใหม่ทุกสัปดาห์ แล้วพบกันที่ SIA! 🚛✨ ขอขอบคุณแหล่งที่มาของภาพเเละข้อมูล (บางส่วน) https://www.ttbbank.com/th/newsroom/detail/ttba-5megatrend-july-2024 https://www.ttbbank.com/th/analytics https://www.thairath.co.th/news/auto/evcar/2755876 www.dailynews.co.th/articles/899255 https://th.jobsdb.com/th/careeradvice/article/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 358 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใคร ได้/เสีย ‘Tariff ทรัมป์ 2.0’ : [Biz Talk]

    การกลับมาอีกครั้ง ของ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่ 2 ทำให้สงครามการค้า เริ่มระอุ! ‘ทรัมป์ 2.0’ ยังคงใช้ภาษีนำเข้า เป็นเครื่องมือเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสหรัฐฯ ตามนโยบาย America First /ประเทศไทย คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากการที่ไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ เป็นอันดับที่ 10 ของโลก
    ใคร ได้/เสีย ‘Tariff ทรัมป์ 2.0’ : [Biz Talk] การกลับมาอีกครั้ง ของ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่ 2 ทำให้สงครามการค้า เริ่มระอุ! ‘ทรัมป์ 2.0’ ยังคงใช้ภาษีนำเข้า เป็นเครื่องมือเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสหรัฐฯ ตามนโยบาย America First /ประเทศไทย คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากการที่ไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ เป็นอันดับที่ 10 ของโลก
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 903 มุมมอง 30 0 รีวิว
  • ดันเศรษฐกิจโลกสู่ปากเหว

    🗣️ นับตั้งแต่ทรัมป์หาเสียงเลือกตั้ง โดยขายนโยบายตั้งกำแพงภาษี ต่อคู่ค้าของสหรัฐฯ

    เศรษฐกิจทั่วโลกก็ต้องเตรียมใจอยู่แล้ว

    แต่ข้อมูลล่าสุด แนวคิดของทรัมป์ จะดันเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ใกล้ริมปากเหวมากขึ้น

    รูป 1 ทรัมป์เพิ่งประกาศนโยบายเพิ่มเติม จะขึ้นกำแพงภาษี กับประเทศที่ค้าขายกับสหรัฐทั่วโลก

    โดยไม่ใช่คำนึงแต่เฉพาะว่า ประเทศนั้นกำหนดภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าสหรัฐเท่าใด

    🧶 แต่จะขยายไปถึงภาษีมูลค่าเพิ่ม VAT ด้วย

    ทรัมป์ทึกทักเอาว่า กรณีประเทศใดนำเข้าสินค้าสหรัฐ ถ้าราคาที่นำไปขายภายในประเทศนั้นมี VAT

    เขาถือเป็นการกีดกันอย่างหนึ่ง

    ตรงนี้แหวกกฎเศรษฐศาสตร์ เพราะ VAT เป็นภาษีที่เก็บจากการบริโภคภายในประเทศ

    และปกติ จะเก็บ VAT ในอัตราเดียวสำหรับสินค้าชนิดเดียวกัน ไม่ว่าผลิตในประเทศนั้น หรือนำเข้า

    🪢 VAT จึงเป็นนโยบายภาษีเฉพาะ domestic เน้นเก็บจากยอดบริโภค (ขารายจ่าย) แตกต่างจากภาษีเงินได้ ที่เก็บจากขารายได้

    กรณี VAT คือ ใครจ่ายบริโภคมาก ก็ต้องจ่ายมาก ยังไม่คำนึงว่ามีรายได้หรือไม่

    กรณีภาษีเงินได้ คือ ใครรับรายได้มาก ก็ต้องจ่ายมาก ยังไม่คำนึงว่าเอารายได้ไปใช้จ่ายหรือไม่

    ภาษีทั้งสองชนิด ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่การนำเข้า ไม่ใช่เพื่อปกป้องการผลิตภายในประเทศ

    👗 การที่ทรัมป์จะขึ้นภาษีนำเข้าสหรัฐ โดยเอา VAT ไปรวมด้วย จึงผิดหลักเศรษฐศาสตร์

    แต่ดูเหมือนไม่มีใครทัดทานทรัมป์

    รูป 2 แสดงอัตราภาษีนำเข้าสหรัฐ ที่กำลังศึกษา และมีกำหนดจะประกาศต้นเดือน เม.ย.

    ซ้ายมือ ไม่คำนึงถึง VAT ขวามือ คำนึง

    น่าตกใจ ไทยอาจจะโดนถึงระดับ 5% อันดับที่ 23

    👙 รูป 3 นักวิเคราะห์ลองหักตัวเลขภาษีการค้าภายในสหรัฐออก อัตราลดลงบ้าง

    ที่น่ากลัวมากคือ กลุ่มยุโรป เพราะอัตรา VAT สูงมหาศาล หลายประเทศทะลุระดับ 20%

    ปริมาณการค้าโลก จะถูกกระทบอย่างกว้างขวางไม่น่าเชื่อ

    รูป 4 นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังสั่งให้ทีมงานศึกษาเพื่อเก็บภาษีตอบโต้

    จากการที่ฝรั่งเศสและอิตาลี เก็บภาษีจากบริษัทโซเชียลมีเดีย

    👘 เขาอ้างแนวคิดวิตถารว่า รัฐบาลสหรัฐเท่านั้น ที่จะมีสิทธิ์เก็บภาษีจากบริษัทสหรัฐ

    ทั้งที่ ถ้าหากบริษัทโซเชียลมีเดียสหรัฐ ได้รายได้จากการทำธุรกิจในประเทศหนึ่ง เช่น Facebook ได้ค่าโฆษณา

    ด้วยหลักการปกติ ประเทศที่เป็นผู้จ่ายค่าโฆษณา ย่อมมีสิทธิ์ที่จะเก็บภาษีจากบริษัทโซเชียลมีเดีย

    รูป5 กำแพงภาษีสหรัฐ จะกระทบส่งออกของไทยอย่างมาก เนื่องจากสหรัฐเป็นตลาด 17% ของส่งออกทั้งหมด

    🩲 รูป 6-7 ไทยส่งออกไปสหรัฐ สูงสุดเป็นอันดับที่ 1 แต่ละปี 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์ เกินดุลอยู่ 3.5 หมื่นล้านดอลล่าร์

    แนวคิดของทรัมป์ นอกจากจะดันเศรษฐกิจโลกสู่ปากเหวแล้ว ยังก่อความเสี่ยงต่อการเมืองโลกอีกด้วย

    รูป 8 แสดงแนวโน้มการค้าของโลกย้อนหลัง 200 ปี จะเห็นได้ว่า มีช่วงที่การค้าลดต่ำกว่า trend

    เส้นสีแดงสองเส้น แสดงห้วงเวลาสงครามโลกทั้งสองครั้ง

    🩴 นักประวัติศาสตร์หลายคนลงความเห็นว่า ปัจจัยหลักที่นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่สองอย่างชัดเจน

    คือประเทศสหรัฐขึ้นกำแพงภาษีสองครั้ง เส้นสีดำ

    ซึ่งนำไปสู่เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก และก่อความตึงเครียดทางการเมือง

    รูป 9-10 ปัจจัยสำคัญหนึ่ง ที่นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ก็เกิดจากสหรัฐขึ้นกำแพงภาษีเช่นเดียวกัน

    ที่สำคัญก็คือ มีการผสมโรงด้วย วิกฤติในตลาดการเงิน ปี 1907 ไปถึงปี 1913 เริ่มต้น WW1 พอดี

    🧐 ขณะนี้ สภาวะตลาดทุนตลาดเงิน ทั้งในสหรัฐ ยุโรป มีความเสี่ยงฟองสบู่ใกล้แตกเต็มที

    ถ้าเกิดวิกฤตในปีนี้ ดังที่ผมคาดไว้

    ก็จะต้องจับตาให้ดี เงื่อนไขที่นำไปสู่สงครามโลกในอดีต จะกลับมาอีกหรือไม่

    วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568

    นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ
    ประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
    ดันเศรษฐกิจโลกสู่ปากเหว 🗣️ นับตั้งแต่ทรัมป์หาเสียงเลือกตั้ง โดยขายนโยบายตั้งกำแพงภาษี ต่อคู่ค้าของสหรัฐฯ เศรษฐกิจทั่วโลกก็ต้องเตรียมใจอยู่แล้ว แต่ข้อมูลล่าสุด แนวคิดของทรัมป์ จะดันเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ใกล้ริมปากเหวมากขึ้น รูป 1 ทรัมป์เพิ่งประกาศนโยบายเพิ่มเติม จะขึ้นกำแพงภาษี กับประเทศที่ค้าขายกับสหรัฐทั่วโลก โดยไม่ใช่คำนึงแต่เฉพาะว่า ประเทศนั้นกำหนดภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าสหรัฐเท่าใด 🧶 แต่จะขยายไปถึงภาษีมูลค่าเพิ่ม VAT ด้วย ทรัมป์ทึกทักเอาว่า กรณีประเทศใดนำเข้าสินค้าสหรัฐ ถ้าราคาที่นำไปขายภายในประเทศนั้นมี VAT เขาถือเป็นการกีดกันอย่างหนึ่ง ตรงนี้แหวกกฎเศรษฐศาสตร์ เพราะ VAT เป็นภาษีที่เก็บจากการบริโภคภายในประเทศ และปกติ จะเก็บ VAT ในอัตราเดียวสำหรับสินค้าชนิดเดียวกัน ไม่ว่าผลิตในประเทศนั้น หรือนำเข้า 🪢 VAT จึงเป็นนโยบายภาษีเฉพาะ domestic เน้นเก็บจากยอดบริโภค (ขารายจ่าย) แตกต่างจากภาษีเงินได้ ที่เก็บจากขารายได้ กรณี VAT คือ ใครจ่ายบริโภคมาก ก็ต้องจ่ายมาก ยังไม่คำนึงว่ามีรายได้หรือไม่ กรณีภาษีเงินได้ คือ ใครรับรายได้มาก ก็ต้องจ่ายมาก ยังไม่คำนึงว่าเอารายได้ไปใช้จ่ายหรือไม่ ภาษีทั้งสองชนิด ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่การนำเข้า ไม่ใช่เพื่อปกป้องการผลิตภายในประเทศ 👗 การที่ทรัมป์จะขึ้นภาษีนำเข้าสหรัฐ โดยเอา VAT ไปรวมด้วย จึงผิดหลักเศรษฐศาสตร์ แต่ดูเหมือนไม่มีใครทัดทานทรัมป์ รูป 2 แสดงอัตราภาษีนำเข้าสหรัฐ ที่กำลังศึกษา และมีกำหนดจะประกาศต้นเดือน เม.ย. ซ้ายมือ ไม่คำนึงถึง VAT ขวามือ คำนึง น่าตกใจ ไทยอาจจะโดนถึงระดับ 5% อันดับที่ 23 👙 รูป 3 นักวิเคราะห์ลองหักตัวเลขภาษีการค้าภายในสหรัฐออก อัตราลดลงบ้าง ที่น่ากลัวมากคือ กลุ่มยุโรป เพราะอัตรา VAT สูงมหาศาล หลายประเทศทะลุระดับ 20% ปริมาณการค้าโลก จะถูกกระทบอย่างกว้างขวางไม่น่าเชื่อ รูป 4 นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังสั่งให้ทีมงานศึกษาเพื่อเก็บภาษีตอบโต้ จากการที่ฝรั่งเศสและอิตาลี เก็บภาษีจากบริษัทโซเชียลมีเดีย 👘 เขาอ้างแนวคิดวิตถารว่า รัฐบาลสหรัฐเท่านั้น ที่จะมีสิทธิ์เก็บภาษีจากบริษัทสหรัฐ ทั้งที่ ถ้าหากบริษัทโซเชียลมีเดียสหรัฐ ได้รายได้จากการทำธุรกิจในประเทศหนึ่ง เช่น Facebook ได้ค่าโฆษณา ด้วยหลักการปกติ ประเทศที่เป็นผู้จ่ายค่าโฆษณา ย่อมมีสิทธิ์ที่จะเก็บภาษีจากบริษัทโซเชียลมีเดีย รูป5 กำแพงภาษีสหรัฐ จะกระทบส่งออกของไทยอย่างมาก เนื่องจากสหรัฐเป็นตลาด 17% ของส่งออกทั้งหมด 🩲 รูป 6-7 ไทยส่งออกไปสหรัฐ สูงสุดเป็นอันดับที่ 1 แต่ละปี 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์ เกินดุลอยู่ 3.5 หมื่นล้านดอลล่าร์ แนวคิดของทรัมป์ นอกจากจะดันเศรษฐกิจโลกสู่ปากเหวแล้ว ยังก่อความเสี่ยงต่อการเมืองโลกอีกด้วย รูป 8 แสดงแนวโน้มการค้าของโลกย้อนหลัง 200 ปี จะเห็นได้ว่า มีช่วงที่การค้าลดต่ำกว่า trend เส้นสีแดงสองเส้น แสดงห้วงเวลาสงครามโลกทั้งสองครั้ง 🩴 นักประวัติศาสตร์หลายคนลงความเห็นว่า ปัจจัยหลักที่นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่สองอย่างชัดเจน คือประเทศสหรัฐขึ้นกำแพงภาษีสองครั้ง เส้นสีดำ ซึ่งนำไปสู่เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก และก่อความตึงเครียดทางการเมือง รูป 9-10 ปัจจัยสำคัญหนึ่ง ที่นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ก็เกิดจากสหรัฐขึ้นกำแพงภาษีเช่นเดียวกัน ที่สำคัญก็คือ มีการผสมโรงด้วย วิกฤติในตลาดการเงิน ปี 1907 ไปถึงปี 1913 เริ่มต้น WW1 พอดี 🧐 ขณะนี้ สภาวะตลาดทุนตลาดเงิน ทั้งในสหรัฐ ยุโรป มีความเสี่ยงฟองสบู่ใกล้แตกเต็มที ถ้าเกิดวิกฤตในปีนี้ ดังที่ผมคาดไว้ ก็จะต้องจับตาให้ดี เงื่อนไขที่นำไปสู่สงครามโลกในอดีต จะกลับมาอีกหรือไม่ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ ประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 354 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตั้ง ‘War’room รับมือ Trade‘War’ : [Biz Talk]

    ประเทศไทย ต้องรีบตั้ง ‘วอร์รูม รับมือนโยบายทรัมป์ 2.0’ เพื่อลดผลกระทบจาก‘สงครามการค้า’ที่เปิดฉากขึ้นแล้ว /สภาผู้ส่งออก มองไตรมาสแรกปีนี้ ยังไม่น่าห่วง แต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป ส่งออกไทยมีความเสี่ยงสูง คาดไทย โดนสหรัฐฯขึ้นภาษีนำเข้าแน่หลัง เม.ย.68 !?
    ตั้ง ‘War’room รับมือ Trade‘War’ : [Biz Talk] ประเทศไทย ต้องรีบตั้ง ‘วอร์รูม รับมือนโยบายทรัมป์ 2.0’ เพื่อลดผลกระทบจาก‘สงครามการค้า’ที่เปิดฉากขึ้นแล้ว /สภาผู้ส่งออก มองไตรมาสแรกปีนี้ ยังไม่น่าห่วง แต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป ส่งออกไทยมีความเสี่ยงสูง คาดไทย โดนสหรัฐฯขึ้นภาษีนำเข้าแน่หลัง เม.ย.68 !?
    Like
    Angry
    Love
    Haha
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1017 มุมมอง 41 0 รีวิว
  • สรุปการพบกันระหว่างนายกฯโมดี ของอินเดีย กับ ปธน.ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่ทำเนียบขาว

    สิ่งที่สหรัฐฯได้จากอินเดีย :
    > ยอดขายด้านการป้องกันประเทศมูลค่าหลายพันล้านเหรียญ
    > อินเดียลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ
    > น้ำมันของสหรัฐฯ เข้ามาแทนที่น้ำมันของรัสเซีย
    > เพิ่มการเนรเทศผู้อพยพชาวอินเดียออกจากสหรัฐฯ โดยนายกฯโมดีตกลงที่จะรับชาวอินเดียที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมายกลับคืนประเทศ
    > โมดีถอยห่างจากสกุลเงิน BRICS เพื่อเอาใจทรัมป์

    สิ่งที่อินเดียได้จาก :
    > การโอนย้ายผู้ก่อการร้ายหนึ่งคนกลับมารับโทษที่อินเดีย (ทรัมป์ประกาศส่งผู้ร้ายข้ามแดนผู้ก่อการร้ายระเบิดที่มุมไบ Tahawwur Rana ไปยังอินเดีย)
    > ลายเซ็นทรัมป์ พร้อมระบุว่า “Mr Prime Minister, You are GREAT!“ See less
    สรุปการพบกันระหว่างนายกฯโมดี ของอินเดีย กับ ปธน.ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่ทำเนียบขาว สิ่งที่สหรัฐฯได้จากอินเดีย : > ยอดขายด้านการป้องกันประเทศมูลค่าหลายพันล้านเหรียญ > อินเดียลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ > น้ำมันของสหรัฐฯ เข้ามาแทนที่น้ำมันของรัสเซีย > เพิ่มการเนรเทศผู้อพยพชาวอินเดียออกจากสหรัฐฯ โดยนายกฯโมดีตกลงที่จะรับชาวอินเดียที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมายกลับคืนประเทศ > โมดีถอยห่างจากสกุลเงิน BRICS เพื่อเอาใจทรัมป์ สิ่งที่อินเดียได้จาก : > การโอนย้ายผู้ก่อการร้ายหนึ่งคนกลับมารับโทษที่อินเดีย (ทรัมป์ประกาศส่งผู้ร้ายข้ามแดนผู้ก่อการร้ายระเบิดที่มุมไบ Tahawwur Rana ไปยังอินเดีย) > ลายเซ็นทรัมป์ พร้อมระบุว่า “Mr Prime Minister, You are GREAT!“ See less
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 256 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘ทีมไทยแลนด์’ สู้ ‘สงครามการค้า : [Biz Talk]
    รัฐบาล ควรดึงเอกชน ร่วม‘ทีมไทยแลนด์’ วางแผน แก้เกม เจรจาต่อรองการค้าไทย-สหรัฐ เหตุไทย สุ่มเสี่ยงเป็นกลุ่มต่อไป ที่จะถูกสหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้น ตามนโยบายทรัมป์ 2.0 มองระยะสั้น เป็นโอกาสดีต่อสินค้าไทยและอาเซียน ที่จะเข้าไปแข่งขันชิงตลาดในสหรัฐฯ หลังจากสินค้าแคนาดาและเม็กซิโก มีต้นทุนสูงขึ้น
    ‘ทีมไทยแลนด์’ สู้ ‘สงครามการค้า : [Biz Talk] รัฐบาล ควรดึงเอกชน ร่วม‘ทีมไทยแลนด์’ วางแผน แก้เกม เจรจาต่อรองการค้าไทย-สหรัฐ เหตุไทย สุ่มเสี่ยงเป็นกลุ่มต่อไป ที่จะถูกสหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้น ตามนโยบายทรัมป์ 2.0 มองระยะสั้น เป็นโอกาสดีต่อสินค้าไทยและอาเซียน ที่จะเข้าไปแข่งขันชิงตลาดในสหรัฐฯ หลังจากสินค้าแคนาดาและเม็กซิโก มีต้นทุนสูงขึ้น
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 732 มุมมอง 28 0 รีวิว
  • สถานการณ์ราคาทองในตลาดโลก โดยระหว่างวันมีการเปลี่ยนแปลงราคารวม 13 ครั้ง ราคาเพิ่มขึ้นจากเมื่อวานรวมบาททองคำละ 850

    โดยเมื่อเวลา 16.59. สมาคมค้าทองคำ รายงานว่า ราคาทองแท่งรับซื้อบาททองคำละ 46,500ขายออกบาททองคำละ 46.600 ส่วนทองรูปพรรณ รับซื้อบาททองคำละ 45,661.92 ขายออกบาททองคำละ 47,100

    บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด ระบุว่า ความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า ยังคงทำให้มีแรงซื้อทองคำเข้ามาในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ราคาทองคำจึงยังปรับตัวขึ้นทำ All-time high ใหม่ต่อเนื่อง ซึ่งสัปดาห์ก่อนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ากับจีน ขณะที่ทรัมป์ได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเพิ่มเติม โดยจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมในอัตรา 25% จากทุกประเทศ แต่ยังไม่ได้ระบุวันที่จะมีผลบังคับใช้ ซึ่งถือว่าเป็นการยกระดับการทำสงครามการค้า ขณะที่ทรัมป์ก็กำลังพิจารณาเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหภาพยุโรปเช่นกัน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/stockmarket/detail/9680000013416

    #MGROnline #ราคาทอง
    สถานการณ์ราคาทองในตลาดโลก โดยระหว่างวันมีการเปลี่ยนแปลงราคารวม 13 ครั้ง ราคาเพิ่มขึ้นจากเมื่อวานรวมบาททองคำละ 850 • โดยเมื่อเวลา 16.59. สมาคมค้าทองคำ รายงานว่า ราคาทองแท่งรับซื้อบาททองคำละ 46,500ขายออกบาททองคำละ 46.600 ส่วนทองรูปพรรณ รับซื้อบาททองคำละ 45,661.92 ขายออกบาททองคำละ 47,100 • บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด ระบุว่า ความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า ยังคงทำให้มีแรงซื้อทองคำเข้ามาในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ราคาทองคำจึงยังปรับตัวขึ้นทำ All-time high ใหม่ต่อเนื่อง ซึ่งสัปดาห์ก่อนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ากับจีน ขณะที่ทรัมป์ได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเพิ่มเติม โดยจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมในอัตรา 25% จากทุกประเทศ แต่ยังไม่ได้ระบุวันที่จะมีผลบังคับใช้ ซึ่งถือว่าเป็นการยกระดับการทำสงครามการค้า ขณะที่ทรัมป์ก็กำลังพิจารณาเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหภาพยุโรปเช่นกัน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/stockmarket/detail/9680000013416 • #MGROnline #ราคาทอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 247 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไปรษณีย์สหรัฐ (USPS) ประกาศหยุดรับพัสดุจากจีนและฮ่องกงเมื่อช่วงปลายวันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ 2024 เนื่องจากผลกระทบจากภาษีใหม่ของประธานาธิบดีทรัมป์ที่เพิ่มขึ้นกับจีนและประเทศอื่น ๆ รวมถึงการยกเลิก 'de minimis exemption' ซึ่งหมายความว่าพัสดุที่มีมูลค่าน้อยกว่า 800 ดอลลาร์สหรัฐ จะไม่ได้รับการยกเว้นจากภาษีนำเข้าและการตรวจสอบอีกต่อไป

    การยกเลิกนี้คาดว่าจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อชิ้นส่วนพีซีราคาถูกจากจีนและฮ่องกง ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ต้องการสร้างสถานีทำงานและชุดเล่นเกมต้องจ่ายมากขึ้น รวมถึงระยะเวลาการส่งของที่นานขึ้นเนื่องจากต้องผ่านการตรวจสอบจากศุลกากร

    ผู้ใช้ทั่วไปในอเมริกาจะต้องจ่ายแพงขึ้นและใช้เวลารอนานขึ้นสำหรับสินค้าเทคโนโลยีจากจีน นอกจากนี้ การที่ USPS กลับมารับพัสดุอีกครั้งไม่ได้หมายความว่าปัญหาจะหายไป เพราะยังต้องรอให้มีการพัฒนาระบบการเก็บภาษีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/usps-had-ceased-accepting-parcels-from-china-and-hong-kong-late-tuesday-potentially-affecting-numerous-pc-parts-service-was-restored-by-early-wednesday
    ไปรษณีย์สหรัฐ (USPS) ประกาศหยุดรับพัสดุจากจีนและฮ่องกงเมื่อช่วงปลายวันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ 2024 เนื่องจากผลกระทบจากภาษีใหม่ของประธานาธิบดีทรัมป์ที่เพิ่มขึ้นกับจีนและประเทศอื่น ๆ รวมถึงการยกเลิก 'de minimis exemption' ซึ่งหมายความว่าพัสดุที่มีมูลค่าน้อยกว่า 800 ดอลลาร์สหรัฐ จะไม่ได้รับการยกเว้นจากภาษีนำเข้าและการตรวจสอบอีกต่อไป การยกเลิกนี้คาดว่าจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อชิ้นส่วนพีซีราคาถูกจากจีนและฮ่องกง ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ต้องการสร้างสถานีทำงานและชุดเล่นเกมต้องจ่ายมากขึ้น รวมถึงระยะเวลาการส่งของที่นานขึ้นเนื่องจากต้องผ่านการตรวจสอบจากศุลกากร ผู้ใช้ทั่วไปในอเมริกาจะต้องจ่ายแพงขึ้นและใช้เวลารอนานขึ้นสำหรับสินค้าเทคโนโลยีจากจีน นอกจากนี้ การที่ USPS กลับมารับพัสดุอีกครั้งไม่ได้หมายความว่าปัญหาจะหายไป เพราะยังต้องรอให้มีการพัฒนาระบบการเก็บภาษีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น https://www.tomshardware.com/tech-industry/usps-had-ceased-accepting-parcels-from-china-and-hong-kong-late-tuesday-potentially-affecting-numerous-pc-parts-service-was-restored-by-early-wednesday
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 200 มุมมอง 0 รีวิว
  • "กูไม่กลัวมึง!"

    ปักกิ่งตอบโต้การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าส่งออกสำคัญของสหรัฐ โดยการประกาศขึ้นภาษี
    - น้ำมันดิบ เครื่องจักรกลการเกษตร และยานยนต์ 10%
    - ถ่านหิน และก๊าซ LNG 15%

    โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์

    การตอบโต้ของจีนครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่จีนยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ WTO และให้คำมั่นว่าจะ "ปกป้องสิทธิของตนอย่างแข็งขัน"
    "กูไม่กลัวมึง!" ปักกิ่งตอบโต้การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าส่งออกสำคัญของสหรัฐ โดยการประกาศขึ้นภาษี - น้ำมันดิบ เครื่องจักรกลการเกษตร และยานยนต์ 10% - ถ่านหิน และก๊าซ LNG 15% โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ การตอบโต้ของจีนครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่จีนยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ WTO และให้คำมั่นว่าจะ "ปกป้องสิทธิของตนอย่างแข็งขัน"
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 373 มุมมอง 0 รีวิว
  • #จีน ขึ้น ภาษีนำเข้า น้ำมัน_US 10%
    และ ขี้นภาษีนำเข้า #ถ่านหิน และ
    #ก๊าซธรรมชาติ เป็น 15% กลัวซะที่ไหน

    China to impose 10% tariff on U.S. Oil; 15% tariff on coals and LNG
    #จีน ขึ้น ภาษีนำเข้า น้ำมัน_US 10% และ ขี้นภาษีนำเข้า #ถ่านหิน และ #ก๊าซธรรมชาติ เป็น 15% กลัวซะที่ไหน China to impose 10% tariff on U.S. Oil; 15% tariff on coals and LNG
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 0 รีวิว
  • #จีน ขึ้น #ภาษีนำเข้า #สินค้า_US 10%
    และ ขี้น #ภาษีนำเข้า #ถ่านหิน และ
    #ก๊าซธรรมชาติ เป็น 15% กลัวซะที่ไหน

    China to impose 10% tariff on U.S. Oil; 15% tariff on coals and LNG
    #จีน ขึ้น #ภาษีนำเข้า #สินค้า_US 10% และ ขี้น #ภาษีนำเข้า #ถ่านหิน และ #ก๊าซธรรมชาติ เป็น 15% กลัวซะที่ไหน China to impose 10% tariff on U.S. Oil; 15% tariff on coals and LNG
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 204 มุมมอง 0 รีวิว
  • #จีน ขึ้น #ภาษีนำเข้า #สินค้า_US 10%
    และ ขี้น #ภาษีนำเข้า #ถ่านหิน และ
    #ก๊าซธรรมชาติ เป็น 15% กลัวซะที่ไหน
    China to impose 10% tariff on U.S. Oil; 15% tariff on coals and LNG
    #จีน ขึ้น #ภาษีนำเข้า #สินค้า_US 10% และ ขี้น #ภาษีนำเข้า #ถ่านหิน และ #ก๊าซธรรมชาติ เป็น 15% กลัวซะที่ไหน China to impose 10% tariff on U.S. Oil; 15% tariff on coals and LNG
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 200 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ออก executive order จัดตั้งกองทุนความมั่งคั่ง ( sovereign wealth fund --U.S. government-owned investment fund) ระบุ กองทุนนี้จะเข้าลงทุนใน TikTok และสินทรัพย์อื่นที่มีแนวโน้มสร้างผลตอบแทนได้ดี โดยเงินกองทุนจะมาจากการเก็บภาษีนำเข้า คาร์บอนเครดิต รายได้รัฐบาล
    *ทรัมป์ต้องการที่จะให้สหรัฐถือหุ้นใน tiktok 50% (เบื้องต้นยังไม่ระบุว่าจะให้ใครเข้าไปซื้ออย่างชัดเจน)
    **แต่อย่างไรก็ตามยังต้องผ่านสภาก่อน สหรัฐไม่เคยมีกองทุนความมั่งคั่งมาก่อน

    sovereign wealth fund เป็นกองทุนการลงทุนที่รัฐบาลเป็นเจ้าของทำหน้าที่บริหารเงินของประเทศ ส่วนใหญ่จะเกิดจากเงินรายได้ของประเทศที่มีในระดับสูง อยู่ในภาวะเกินดุล กองทุนฯ จะนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น ตลาดหุ้น พันธบัตร อสังหาฯ บริษัทต่าง ๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนและสนับสุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ สร้างความมั่นคงให้กับเศรษฐกิจ หรืออาจจะเพื่อหาเงินทุนให้กับโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาล ประเทศที่มี SWF เช่น สวีเดน นอร์เวย์
    ..........................
    พลังงาน
    นโยบายทรัมป์ที่จะหนุนการขุดเจาะน้ำมันในประเทศ
    บริษัทขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐและทางซาอุฯ ปฏิเสธที่จะเพิ่มกำลังการผลิต
    บริษัทขุดเจาะสหรัฐ มุ่งความสนใจไปที่การลดต้นทุนและสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนมากกว่าจะลงทุนเพิ่ม
    ทรัมป์ระบุว่า ราคาน้ำมันที่ลดต่ำลง (จากซัพพลายที่เพิ่ม) จะช่วยแก้ปัญหาให้กับหลาย ๆ ประเทศ
    ทรัมป์ออก executive order จัดตั้งกองทุนความมั่งคั่ง ( sovereign wealth fund --U.S. government-owned investment fund) ระบุ กองทุนนี้จะเข้าลงทุนใน TikTok และสินทรัพย์อื่นที่มีแนวโน้มสร้างผลตอบแทนได้ดี โดยเงินกองทุนจะมาจากการเก็บภาษีนำเข้า คาร์บอนเครดิต รายได้รัฐบาล *ทรัมป์ต้องการที่จะให้สหรัฐถือหุ้นใน tiktok 50% (เบื้องต้นยังไม่ระบุว่าจะให้ใครเข้าไปซื้ออย่างชัดเจน) **แต่อย่างไรก็ตามยังต้องผ่านสภาก่อน สหรัฐไม่เคยมีกองทุนความมั่งคั่งมาก่อน sovereign wealth fund เป็นกองทุนการลงทุนที่รัฐบาลเป็นเจ้าของทำหน้าที่บริหารเงินของประเทศ ส่วนใหญ่จะเกิดจากเงินรายได้ของประเทศที่มีในระดับสูง อยู่ในภาวะเกินดุล กองทุนฯ จะนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น ตลาดหุ้น พันธบัตร อสังหาฯ บริษัทต่าง ๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนและสนับสุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ สร้างความมั่นคงให้กับเศรษฐกิจ หรืออาจจะเพื่อหาเงินทุนให้กับโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาล ประเทศที่มี SWF เช่น สวีเดน นอร์เวย์ .......................... พลังงาน นโยบายทรัมป์ที่จะหนุนการขุดเจาะน้ำมันในประเทศ บริษัทขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐและทางซาอุฯ ปฏิเสธที่จะเพิ่มกำลังการผลิต บริษัทขุดเจาะสหรัฐ มุ่งความสนใจไปที่การลดต้นทุนและสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนมากกว่าจะลงทุนเพิ่ม ทรัมป์ระบุว่า ราคาน้ำมันที่ลดต่ำลง (จากซัพพลายที่เพิ่ม) จะช่วยแก้ปัญหาให้กับหลาย ๆ ประเทศ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 0 รีวิว
  • "กูไม่กลัวมึง!"
    เม็กซิโกและแคนาดาประกาศตอบโต้มาตรกาภาษีนำเข้า 25% ของทรัมป์ ส่วนจีนขอใช้วิธีฟ้องไปที่ WTO แทน

    นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ประกาศตอบโต้มาตรการจัดเก็บภาษีของทรัมป์ โดยแคนาดาจะจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ 25% กับสินค้านำเข้าเกือบทุกประเภท ซึ่งรวมถึงสินค้าในกลุ่มพลังงานด้วย

    รัฐบาลแคนานาจะดำเนินการเพิ่มภาษี 25% สำหรับนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ที่มีมูลค่าราว 1.55 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (5.23 ล้านล้านบาท) โดยราว 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (1 ล้านล้านบาท) จะเกิดขึ้นหลังจากมาตรการนี้มีผลบังคับใช้ในวันอังคารนี้ และอีก 1.25 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (4.22 ล้านล้านบาท) จะมีผลในอีก 21 วัน

    ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดี Sheinbaum แห่งเม็กซิโก สั่งการให้รัฐมนตรีที่ดูแลงานด้านเศรษฐกิจให้ตอบโต้ด้วยมาตรการทั้งในรูปแบบภาษีและไม่ใช่ภาษี ซึ่งคาดว่าในจำนวนนั้นจะมีมาตรการตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ 25%

    สำหรับทางการ "จีน" ที่โดนมาตรการภาษีจากทรัมป์ 10% ออกแถลงการณ์ล่าสุด ประกาศจะตอบโต้กลับสหรัฐ แต่ยังไม่ถึงขั้นตอบโต้ด้านภาษีศุลกากรโดยตรง โดยกระทรวงพาณิชย์ของจีนประกาศยื่นฟ้องสหรัฐต่อองค์การการค้าโลก (WTO) พร้อมประณามการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนว่าเป็น “การละเมิดกฎการค้าระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง” และปักกิ่งจะ “ใช้มาตรการตอบโต้เพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของตนเองอย่างมั่นคง” ทว่ายังไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
    "กูไม่กลัวมึง!" เม็กซิโกและแคนาดาประกาศตอบโต้มาตรกาภาษีนำเข้า 25% ของทรัมป์ ส่วนจีนขอใช้วิธีฟ้องไปที่ WTO แทน นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ประกาศตอบโต้มาตรการจัดเก็บภาษีของทรัมป์ โดยแคนาดาจะจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ 25% กับสินค้านำเข้าเกือบทุกประเภท ซึ่งรวมถึงสินค้าในกลุ่มพลังงานด้วย รัฐบาลแคนานาจะดำเนินการเพิ่มภาษี 25% สำหรับนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ที่มีมูลค่าราว 1.55 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (5.23 ล้านล้านบาท) โดยราว 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (1 ล้านล้านบาท) จะเกิดขึ้นหลังจากมาตรการนี้มีผลบังคับใช้ในวันอังคารนี้ และอีก 1.25 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (4.22 ล้านล้านบาท) จะมีผลในอีก 21 วัน ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดี Sheinbaum แห่งเม็กซิโก สั่งการให้รัฐมนตรีที่ดูแลงานด้านเศรษฐกิจให้ตอบโต้ด้วยมาตรการทั้งในรูปแบบภาษีและไม่ใช่ภาษี ซึ่งคาดว่าในจำนวนนั้นจะมีมาตรการตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ 25% สำหรับทางการ "จีน" ที่โดนมาตรการภาษีจากทรัมป์ 10% ออกแถลงการณ์ล่าสุด ประกาศจะตอบโต้กลับสหรัฐ แต่ยังไม่ถึงขั้นตอบโต้ด้านภาษีศุลกากรโดยตรง โดยกระทรวงพาณิชย์ของจีนประกาศยื่นฟ้องสหรัฐต่อองค์การการค้าโลก (WTO) พร้อมประณามการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนว่าเป็น “การละเมิดกฎการค้าระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง” และปักกิ่งจะ “ใช้มาตรการตอบโต้เพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของตนเองอย่างมั่นคง” ทว่ายังไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 311 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ขู่ประเทศกลุ่ม BRICS ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้า 100 เปอร์เซ็นต์หากเลิกใช้ดอลลาร์

    รัสเซียเป็นประเทศเดียวในกลุ่ม BRICS ที่ส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐ ที่มีมูลค่าเพียงเล็กน้อยตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา ซึ่งไม่น่าจะได้รับผลกระทบมากเท่าไหร่

    แต่ประเทศอื่นๆ ที่ยังคงพึ่งพาตลาดส่งออกสู่สหรัฐจะมีความเสี่ยงกว่า
    ทรัมป์ขู่ประเทศกลุ่ม BRICS ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้า 100 เปอร์เซ็นต์หากเลิกใช้ดอลลาร์ รัสเซียเป็นประเทศเดียวในกลุ่ม BRICS ที่ส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐ ที่มีมูลค่าเพียงเล็กน้อยตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา ซึ่งไม่น่าจะได้รับผลกระทบมากเท่าไหร่ แต่ประเทศอื่นๆ ที่ยังคงพึ่งพาตลาดส่งออกสู่สหรัฐจะมีความเสี่ยงกว่า
    Angry
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 270 มุมมอง 0 รีวิว
  • "หมาป่ากับลูกแกะ"

    - สหรัฐส่งผู้อพยพผิดกฎหมายชาวโคลอมเบียกลับประเทศด้วยเครื่องบินขนส่งทหาร C- 17 จำนวน 2 ลำ แต่ละลำมีผู้อพยพประมาณ 80 คนต่อลำ แต่ถูกประธานาธิบดีกุสตาโว เปตรอฟแห่งโคลัมเบียปฏิเสธการลงจอด ทำให้ต้องบินกลับสหรัฐ

    - เปตรอฟอ้างเหตุผลว่า ผู้อพยพเหล่านั้นไม่ควรถูกปฏิบัติเยี่ยงอาชญากรรุนแรง ที่ต้องใส่กุญแจมือ บางรายถึงกับตีตรวนที่ขา และการใช้เครื่องบินทหารไม่มีประเทศไหนทำกัน การส่งผู้อพยพกลับควรเป็นไปในช่องทางการทูต

    - โดนัลด์ ทรัมป์ โกรธจัด และถือว่านี่เป็นการท้าทายอำนาจสหรัฐ ประกาศภาษีนำเข้า 25% จะถูกปรับขึ้นเป็น 50% ใน 1 สัปดาห์

    - มีคำสั่งปิดแผนกวีซ่าที่สถานทูตสหรัฐฯ ในเมืองหลวงของโคลอมเบีย เพื่อยกเลิกการเดินทางเข้าสหรัฐ

    - เปโตรตอบโต้ทรัมป์ ด้วยการโพสต์ท้าทายบน "X" โดยขู่ว่าจะตอบโต้ภาษีของทรัมป์ในลักษณะเดียวกัน “ผมรับแจ้งว่าคุณกำลังกำหนดภาษี เป็น 50% และผมจะทำเช่นเดียวกัน”

    - แม้ว่าเปโตรจะออกแถลงการณ์ตอบโต้ทรัมป์ ในอีกด้านหนึ่ง รัฐบาลโคลอมเบียกำลังเร่งเจรจากับสหรัฐอย่างจริงจังเพื่อหาข้อตกลงในการรับผู้อพยพกลับโคลอมเบีย

    - หลังการเจรจาสิ้นสุดลง ประธานาธิบดีโคลอมเบีย "ยอมจำนน" โดยประกาศส่งเครื่องบินจำนวน 2 ลำไปรับผู้อพยพทั้งหมด และทำเนียบขาวยืนยันโคลอมเบียตกลงตามเงื่อนไขทั้งหมดของทรัมป์

    - และไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่ประธานาธิบดีกุสตาโว เปตรอฟแห่งโคลัมเบียยอมจำนนต่อภาษีศุลกากรและข้อจำกัดด้านวีซ่าของทรัมป์ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้โพสต์ภาพตัวเองสวมหมวกคาวบอยลงโซเชียล (รูป-1)

    "หมาป่ากับลูกแกะ" - สหรัฐส่งผู้อพยพผิดกฎหมายชาวโคลอมเบียกลับประเทศด้วยเครื่องบินขนส่งทหาร C- 17 จำนวน 2 ลำ แต่ละลำมีผู้อพยพประมาณ 80 คนต่อลำ แต่ถูกประธานาธิบดีกุสตาโว เปตรอฟแห่งโคลัมเบียปฏิเสธการลงจอด ทำให้ต้องบินกลับสหรัฐ - เปตรอฟอ้างเหตุผลว่า ผู้อพยพเหล่านั้นไม่ควรถูกปฏิบัติเยี่ยงอาชญากรรุนแรง ที่ต้องใส่กุญแจมือ บางรายถึงกับตีตรวนที่ขา และการใช้เครื่องบินทหารไม่มีประเทศไหนทำกัน การส่งผู้อพยพกลับควรเป็นไปในช่องทางการทูต - โดนัลด์ ทรัมป์ โกรธจัด และถือว่านี่เป็นการท้าทายอำนาจสหรัฐ ประกาศภาษีนำเข้า 25% จะถูกปรับขึ้นเป็น 50% ใน 1 สัปดาห์ - มีคำสั่งปิดแผนกวีซ่าที่สถานทูตสหรัฐฯ ในเมืองหลวงของโคลอมเบีย เพื่อยกเลิกการเดินทางเข้าสหรัฐ - เปโตรตอบโต้ทรัมป์ ด้วยการโพสต์ท้าทายบน "X" โดยขู่ว่าจะตอบโต้ภาษีของทรัมป์ในลักษณะเดียวกัน “ผมรับแจ้งว่าคุณกำลังกำหนดภาษี เป็น 50% และผมจะทำเช่นเดียวกัน” - แม้ว่าเปโตรจะออกแถลงการณ์ตอบโต้ทรัมป์ ในอีกด้านหนึ่ง รัฐบาลโคลอมเบียกำลังเร่งเจรจากับสหรัฐอย่างจริงจังเพื่อหาข้อตกลงในการรับผู้อพยพกลับโคลอมเบีย - หลังการเจรจาสิ้นสุดลง ประธานาธิบดีโคลอมเบีย "ยอมจำนน" โดยประกาศส่งเครื่องบินจำนวน 2 ลำไปรับผู้อพยพทั้งหมด และทำเนียบขาวยืนยันโคลอมเบียตกลงตามเงื่อนไขทั้งหมดของทรัมป์ - และไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่ประธานาธิบดีกุสตาโว เปตรอฟแห่งโคลัมเบียยอมจำนนต่อภาษีศุลกากรและข้อจำกัดด้านวีซ่าของทรัมป์ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้โพสต์ภาพตัวเองสวมหมวกคาวบอยลงโซเชียล (รูป-1)
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 256 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐ
    ทรัมป์ขู่ปูตินให้รีบยุติสงครามกับยูเครน ถ้าไม่ยุติจะคว่ำบาตรครั้งใหม่
    ทรัมป์ 1.0 ไม่มีสงครามสู้รบ มีแต่ trade war ครั้งนี้มองว่าอาจจะเหมือนเดิม แต่อาจจะมีการเดินเกมเพื่อสร้างอำนาจต่อรองให้สหรัฐเพิ่ม เช่น ความต้องการพื้นที่ greenland คลองปานามา

    Elon แฉ stargate Masayoshi Son (ที่จะเป็นประธานโครงการ) ไม่มีเงินลงทุนสูงตามที่โครงการต้องการ (หุ้นเทสล่า -2% เมื่อคืน สวนกับหุ้นอื่นในกลุ่ม MEG 7 อาจจะเกิดจากนโยบายทรัมป์ที่ยกเลิกคำสั่งใช้รถยนต์ไฟฟ้าของไบเดน และอาจจะประเด็นการออกมาแฉครั้งนี้)

    เจมี่ ไดมอน ผู้บริหาร JP Morgan: มองราคาหุ้นสหรัฐสูงเกิน แม้พื้นฐานหุ้นจะยังดี ความเสี่ยงเงินเฟ้อ ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ยังอยู่ เตือนว่าท้ายสุดราคาหุ้นอาจจะกลับไปสะท้อนมูลค่าพื้นฐานที่แท้จริง (หุ้นตก)
    *ก่อนหน้านี้ เซียน Howard Mask, วอร์เรน ผ่าน เบิร์คไชน์ เตือนภาวะฟองสบู่

    ค่าเงินดอลลาร์ อ่อนค่า

    ทอง ราคาเพิ่มต่อ จากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า ความเสี่ยงการเมืองของโลก ทองทะลุ $2720 มีโอกาสทดสอบ $2780, $2800 ถ้าผ่านเป้าทดสอบถัดไปคือ $3022/oz. แต่ต้องระวังปัจจัยความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์อาจจะลดลงจากนโยบายทรัมป์ที่ต้องการลดความร้อนแรงความขัดแย้งระหว่างประเทศ ดังนั้นปัจจัยสำคัญกับราคาทองคำจะโฟกัสที่การแข็งค่า-อ่อนค่าของดอลลาร์เป็นหลัก
    ทองไทย เพิ่มได้ไม่แรงเนื่องจากเงินบาทแข็งค่า รับ: 44,150, 44,000 บาท << 2 แนว, ต้าน: 44,450, 44,650 บาท << 2 แนว

    น้ำมัน ราคาลดลง รับแรงกดดันจากนโยบายทรัมป์ที่จะขยายการผลิตเพิ่มในสหรัฐ

    อัตราผลตอบแทน
    ...................................
    วันนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่นประชุม ลุ้นนโยบายดอกเบี้ย (ปีที่แล้วจขึ้นดอกเบี้ย เกิด black monday) อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์มองว่า มีโอกาสจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้ จากค่าแรงงานขึ้นในทุกภาคส่วน
    .........................................................
    จีน ตลาดเงิน ตลาดทุน หยุดตรุษจีน 28 มค. - 4 กพ.
    ช่วงก่อนเข้าวันหยุดยาว PBoC (ธนาคารกลางจีน) จะอัดฉีดเงินเข้าระบบ เพื่อดูแลสภาพคล่อง เนื่องจาก

    1. ความต้องการเงินสดเพิ่ม คนจีนจะถอนเงินสดเพื่อใช้ในการเดินทาง ท่องเที่ยว ของขวัญ (อั่งเปา) (红包, hóngbāo)
    2. ความต้องการเงินทุนจากบริษัทต่าง ๆ ช่วงตรุษจีนเป็นช่วงที่บริษัทจ่ายโบนัสให้กับพนักงานก่อนวันหยุดยาว และอาจจะต้องจ่ายคืนเงินกู้ (ล่วงหน้า) ก่อนจะหยุดยาวด้วย
    3. สภาพคล่องธนาคารที่ตึง จากการถอนเงินสดที่เร่งตัวและการใช้จ่ายจากบริษัทเอกชน ทำให้สภาพคล่องของธนาคารมีภาวะตึง ทำให้ต้องการเงินทุนระยะสั้นเพื่อรักษาเสถียรภาพของการดำเนินการและการให้กู้ยืม
    4. ป้องกันความผันผวนในตลาดเงิน เนื่องจากถ้าเกิดภาวะสภาพคล่องหายไปจากระบบ อัตรากู้ยืมระหว่างสถาบันการเงิน (เช่น SHIBOR) อาจจะพุ่งแรงกระทบเสถียรภาพของตลาดเงิน
    5. สนับสุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่น ตรุษจีนเป็นเทศกาลหลักที่มียอดใช้จ่ายสูงและมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเยอะ
    การดูแลภาพรวมสภาพคล่องของตลาดเงินจะช่วยสนับสนุนโมเมนตัมของเศรษฐกิจโดยรวม

    PBoC เตรียมวงเงินให้บริษัทกู้ยืมเพื่อซื้อหุ้นคืน ตอนนี้มีบริษัทตอบรับร่วมโครงการมากกว่า 300 แห่ง มาร์เก็ตแคปรวมกว่า 10 พันล้านหยวน อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมโครงการนี้ ~2%
    ................................
    ไทย
    คาดส่งออกเดือนธ.ค. $24,000 ล้าน +7.4% y/y (พย. ~$25,000 ล้าน) ส่วนส่งออกปี 2568 ถ้านโยบายทรัมป์ไม่กระทบแรงมาก มองส่งออกยังไปได้
    สหรัฐเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของสินค้าไทย (~18% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด) ปี 67 ไทยส่งออกไปสหรัฐ $54,956.2 ล้าน // นำเข้าสินค้าจากสหรัฐเป็นอันดับ 4 (6% ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด) $19,528.6 ล้าน ไทยเป็นฝ่าย “เกินดุล” การค้ากับสหรัฐ $35,427.6 ล้าน ไทยเกินดุลการค้าสหรัฐต่อเนื่อง ~5 ปี (2561-2566)
    - สินค้าไทยที่มีมูลค่าการนำเข้าสูงจนทำให้สหรัฐตกเป็นฝ่ายขาดดุลการค้ากับไทย และมีความเสี่ยงถูกปรับขึ้นภาษีนำเข้า ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ, โทรศัพท์มือถือ, ไดโอด-ทรานซิสเตอร์/อุปกรณ์กึ่งตัวนำแบบไวแสง (โซลาร์เซลส์), ยางนอกชนิดอัดลมที่เป็นของใหม่,
    เครื่องเปลี่ยนไฟฟ้าชนิดคงที่, เครื่องพิมพ์ป้อนกระดาษเป็นม้วน, หม้อแปลงไฟฟ้า, เครื่องส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์, เครื่องปรับอากาศ, แผงวงจรรวมอิเล็กทรอนิกส์, เพชร พลอย และรูปพรรณพร้อมส่วนประกอบ, เครื่องจักรไฟฟ้า, ตู้เย็น/ตู้แช่แข็ง, เฟอร์นิเจอร์, ผลิตภัณฑ์จากไม้, ขนมหวานที่ไม่มีส่วนผสมของโกโก้ และสินค้าเกษตร/แปรรูป
    #เศรษฐกิจ

    สหรัฐ ทรัมป์ขู่ปูตินให้รีบยุติสงครามกับยูเครน ถ้าไม่ยุติจะคว่ำบาตรครั้งใหม่ ทรัมป์ 1.0 ไม่มีสงครามสู้รบ มีแต่ trade war ครั้งนี้มองว่าอาจจะเหมือนเดิม แต่อาจจะมีการเดินเกมเพื่อสร้างอำนาจต่อรองให้สหรัฐเพิ่ม เช่น ความต้องการพื้นที่ greenland คลองปานามา Elon แฉ stargate Masayoshi Son (ที่จะเป็นประธานโครงการ) ไม่มีเงินลงทุนสูงตามที่โครงการต้องการ (หุ้นเทสล่า -2% เมื่อคืน สวนกับหุ้นอื่นในกลุ่ม MEG 7 อาจจะเกิดจากนโยบายทรัมป์ที่ยกเลิกคำสั่งใช้รถยนต์ไฟฟ้าของไบเดน และอาจจะประเด็นการออกมาแฉครั้งนี้) เจมี่ ไดมอน ผู้บริหาร JP Morgan: มองราคาหุ้นสหรัฐสูงเกิน แม้พื้นฐานหุ้นจะยังดี ความเสี่ยงเงินเฟ้อ ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ยังอยู่ เตือนว่าท้ายสุดราคาหุ้นอาจจะกลับไปสะท้อนมูลค่าพื้นฐานที่แท้จริง (หุ้นตก) *ก่อนหน้านี้ เซียน Howard Mask, วอร์เรน ผ่าน เบิร์คไชน์ เตือนภาวะฟองสบู่ ค่าเงินดอลลาร์ อ่อนค่า ทอง ราคาเพิ่มต่อ จากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า ความเสี่ยงการเมืองของโลก ทองทะลุ $2720 มีโอกาสทดสอบ $2780, $2800 ถ้าผ่านเป้าทดสอบถัดไปคือ $3022/oz. แต่ต้องระวังปัจจัยความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์อาจจะลดลงจากนโยบายทรัมป์ที่ต้องการลดความร้อนแรงความขัดแย้งระหว่างประเทศ ดังนั้นปัจจัยสำคัญกับราคาทองคำจะโฟกัสที่การแข็งค่า-อ่อนค่าของดอลลาร์เป็นหลัก ทองไทย เพิ่มได้ไม่แรงเนื่องจากเงินบาทแข็งค่า รับ: 44,150, 44,000 บาท << 2 แนว, ต้าน: 44,450, 44,650 บาท << 2 แนว น้ำมัน ราคาลดลง รับแรงกดดันจากนโยบายทรัมป์ที่จะขยายการผลิตเพิ่มในสหรัฐ อัตราผลตอบแทน ................................... วันนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่นประชุม ลุ้นนโยบายดอกเบี้ย (ปีที่แล้วจขึ้นดอกเบี้ย เกิด black monday) อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์มองว่า มีโอกาสจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้ จากค่าแรงงานขึ้นในทุกภาคส่วน ......................................................... จีน ตลาดเงิน ตลาดทุน หยุดตรุษจีน 28 มค. - 4 กพ. ช่วงก่อนเข้าวันหยุดยาว PBoC (ธนาคารกลางจีน) จะอัดฉีดเงินเข้าระบบ เพื่อดูแลสภาพคล่อง เนื่องจาก 1. ความต้องการเงินสดเพิ่ม คนจีนจะถอนเงินสดเพื่อใช้ในการเดินทาง ท่องเที่ยว ของขวัญ (อั่งเปา) (红包, hóngbāo) 2. ความต้องการเงินทุนจากบริษัทต่าง ๆ ช่วงตรุษจีนเป็นช่วงที่บริษัทจ่ายโบนัสให้กับพนักงานก่อนวันหยุดยาว และอาจจะต้องจ่ายคืนเงินกู้ (ล่วงหน้า) ก่อนจะหยุดยาวด้วย 3. สภาพคล่องธนาคารที่ตึง จากการถอนเงินสดที่เร่งตัวและการใช้จ่ายจากบริษัทเอกชน ทำให้สภาพคล่องของธนาคารมีภาวะตึง ทำให้ต้องการเงินทุนระยะสั้นเพื่อรักษาเสถียรภาพของการดำเนินการและการให้กู้ยืม 4. ป้องกันความผันผวนในตลาดเงิน เนื่องจากถ้าเกิดภาวะสภาพคล่องหายไปจากระบบ อัตรากู้ยืมระหว่างสถาบันการเงิน (เช่น SHIBOR) อาจจะพุ่งแรงกระทบเสถียรภาพของตลาดเงิน 5. สนับสุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่น ตรุษจีนเป็นเทศกาลหลักที่มียอดใช้จ่ายสูงและมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเยอะ การดูแลภาพรวมสภาพคล่องของตลาดเงินจะช่วยสนับสนุนโมเมนตัมของเศรษฐกิจโดยรวม PBoC เตรียมวงเงินให้บริษัทกู้ยืมเพื่อซื้อหุ้นคืน ตอนนี้มีบริษัทตอบรับร่วมโครงการมากกว่า 300 แห่ง มาร์เก็ตแคปรวมกว่า 10 พันล้านหยวน อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมโครงการนี้ ~2% ................................ ไทย คาดส่งออกเดือนธ.ค. $24,000 ล้าน +7.4% y/y (พย. ~$25,000 ล้าน) ส่วนส่งออกปี 2568 ถ้านโยบายทรัมป์ไม่กระทบแรงมาก มองส่งออกยังไปได้ สหรัฐเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของสินค้าไทย (~18% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด) ปี 67 ไทยส่งออกไปสหรัฐ $54,956.2 ล้าน // นำเข้าสินค้าจากสหรัฐเป็นอันดับ 4 (6% ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด) $19,528.6 ล้าน ไทยเป็นฝ่าย “เกินดุล” การค้ากับสหรัฐ $35,427.6 ล้าน ไทยเกินดุลการค้าสหรัฐต่อเนื่อง ~5 ปี (2561-2566) - สินค้าไทยที่มีมูลค่าการนำเข้าสูงจนทำให้สหรัฐตกเป็นฝ่ายขาดดุลการค้ากับไทย และมีความเสี่ยงถูกปรับขึ้นภาษีนำเข้า ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ, โทรศัพท์มือถือ, ไดโอด-ทรานซิสเตอร์/อุปกรณ์กึ่งตัวนำแบบไวแสง (โซลาร์เซลส์), ยางนอกชนิดอัดลมที่เป็นของใหม่, เครื่องเปลี่ยนไฟฟ้าชนิดคงที่, เครื่องพิมพ์ป้อนกระดาษเป็นม้วน, หม้อแปลงไฟฟ้า, เครื่องส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์, เครื่องปรับอากาศ, แผงวงจรรวมอิเล็กทรอนิกส์, เพชร พลอย และรูปพรรณพร้อมส่วนประกอบ, เครื่องจักรไฟฟ้า, ตู้เย็น/ตู้แช่แข็ง, เฟอร์นิเจอร์, ผลิตภัณฑ์จากไม้, ขนมหวานที่ไม่มีส่วนผสมของโกโก้ และสินค้าเกษตร/แปรรูป #เศรษฐกิจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 664 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ลงนามยกเลิกคำสั่งไบเดนแล้ว 78 ฉบับ เผยเริ่มเก็บภาษีสินค้านำเข้าแคนาดา-เม็กซิโก 1 กุมภาพันธ์นี้

    บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานความเคลื่อนไหววันแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) หลังเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม 2025 ว่า ทรัมป์ยังดำเนินแผนการอันทะเยอทะยานของเขาต่อไป โดยลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารจำนวนมาก

    บลูมเบิร์กระบุว่า ณ เวลาประมาณ 19.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐ (ช้ากว่าไทย 12 ชั่วโมง) โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารจำนวนมาก ซึ่งส่วนหนึ่งในนั้นเป็นการเพิกถอนคำสั่งหรือแผนริเริ่มต่าง ๆ ในยุคของประธานาธิบดี โจ ไบเดน (Joe Biden) ถึง 78 ฉบับ ต่อหน้าฝูงชนจำนวนมากที่สนามกีฬาแคปิตอลวัน (Capital One Arena)

    บรรดาคำสั่งที่ทรัมป์ยกเลิกคำสั่งของไบเดนนั้น รวมถึงการถอนตัวจากความตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Paris Agreement), คำสั่งให้ทุกกระทรวงจัดการกับภาวะเงินเฟ้อ, การดำเนินการเรียกพนักงานของรัฐบาลกลางกลับเข้าทำงาน และคำสั่งคืนเสรีภาพในการพูดและป้องกันไม่ให้รัฐบาลเซ็นเซอร์เสรีภาพในการพูดในอนาคต

    ต่อจากนั้นทรัมป์ย้ายไปที่ห้องทำงานรูปไข่ (The Oval Office) ในทำเนียบขาว แล้วลงนามคำสั่งต่อไป ซึ่งคำสั่งฝ่ายบริหารฉบับแรกที่ทรัมป์ลงนามในห้องทำงานรูปไข่ คือการอภัยโทษให้กับผู้คนจำนวน 1,500 คน ที่ได้รับโทษจากการปิดล้อมอาคารรัฐสภาสหรัฐเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021

    จากนั้นในเวลาประมาณ 19.50 น. บลูมเบิร์กรายงานว่า ทรัมป์ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามถึงเรื่องภาษีศุลกากรว่า “เราคิดอัตราภาษีนำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาจะอยู่ที่ 25% ผมคิดว่าเราจะดำเนินการในวันที่ 1 กุมภาพันธ์”

    ในเวลาเดียวกัน ทรัมป์กล่าวถึงจีนว่า จะประชุมและโทรศัพท์หารือกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง (Xi Jinping) ของจีน

    นอกจากนั้น ทรัมป์กล่าวว่าประเทศสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ต้องใช้จ่ายงบประมาณ 5% ของจีดีพี สำหรับการป้องกันประเทศ

    ผู้สื่อข่าวประชาชาติธุรกิจรายงานเพิ่มเติมว่า จากการสืบค้นข้อมูลในเว็บไซต์ทำเนียบขาว (The White House) หรือสำนักงานประธานาธิบดีสหหรัฐ พบว่า ทรัมป์ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารจำนวนมากที่จะส่งผลกระทบต่อต่างประเทศ ยกตัวอย่างเช่น

    -ถอนสหรัฐออกจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ยุติรายจ่ายที่เป็นภาระและไม่เป็นธรรมต่อสหรัฐอเมริกา ยกเลิกการเจรจาข้อตกลงว่าด้วยโรคระบาด (Pandemic Agreement) และการแปรญัตติกฎอนามัยระหว่างประเทศ (International Health Regulations)

    -ประกาศใช้นโยบายการค้าที่ให้ความสำคัญกับอเมริกาเป็นอันดับแรก (America First Trade Policy) หน่วยงานเกี่ยวข้องต้องกำหนดนโยบายการค้าที่ส่งเสริมการลงทุนในประเทศ แก้ไขการค้าที่ไม่เป็นธรรมและไม่สมดุล โดยใช้มาตรการที่เหมาะสม อย่างเช่น ภาษีศุลกากร

    -ปรับโครงสร้างโครงการรับผู้ลี้ภัยของสหรัฐ (USRAP) ใหม่ และระงับการรับผู้ลี้ภัยผ่าน USRAP จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าการเข้าสู่สหรัฐอเมริกาของผู้ลี้ภัยจะสอดคล้องกับผลประโยชน์ของสหรัฐ

    -ยกเลิกการให้สถานะพลเมืองอเมริกันโดยกำเนิด เด็กที่เกิดในสหรัฐอเมริกาแต่เกิดจากพ่อและแม่ที่ไม่ใช่พลเมืองอเมริกัน จะไม่ได้สถานะพลเมืองโดยกำเนิดอีกต่อไป

    -เพิ่มการรักษาความปลอดภัยชายแดน โดยสร้างกำแพงและสิ่งกีดขวางต่าง ๆ ที่มีการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่และการใช้เทคโนโลยี เพื่อขัดขวางและป้องกันการเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย และดำเนินการเนรเทศผู้ลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย โดยมีกระบวนการคุมขังระหว่างรอส่งตัวออกจากประเทศ

    -ลดการให้ความช่วยเหลือต่างประเทศ โดยจะหยุดให้ความช่วยเหลือต่างประเทศที่ไม่สอดคล้องกับนโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีสหรัฐ 90 วันเพื่อประเมินประสิทธิภาพโครงการและความสอดคล้องกับนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐว่าควรได้รับการช่วยเหลือต่อไปหรือไม่

    ​ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ
    โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ลงนามยกเลิกคำสั่งไบเดนแล้ว 78 ฉบับ เผยเริ่มเก็บภาษีสินค้านำเข้าแคนาดา-เม็กซิโก 1 กุมภาพันธ์นี้ บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานความเคลื่อนไหววันแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) หลังเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม 2025 ว่า ทรัมป์ยังดำเนินแผนการอันทะเยอทะยานของเขาต่อไป โดยลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารจำนวนมาก บลูมเบิร์กระบุว่า ณ เวลาประมาณ 19.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐ (ช้ากว่าไทย 12 ชั่วโมง) โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารจำนวนมาก ซึ่งส่วนหนึ่งในนั้นเป็นการเพิกถอนคำสั่งหรือแผนริเริ่มต่าง ๆ ในยุคของประธานาธิบดี โจ ไบเดน (Joe Biden) ถึง 78 ฉบับ ต่อหน้าฝูงชนจำนวนมากที่สนามกีฬาแคปิตอลวัน (Capital One Arena) บรรดาคำสั่งที่ทรัมป์ยกเลิกคำสั่งของไบเดนนั้น รวมถึงการถอนตัวจากความตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Paris Agreement), คำสั่งให้ทุกกระทรวงจัดการกับภาวะเงินเฟ้อ, การดำเนินการเรียกพนักงานของรัฐบาลกลางกลับเข้าทำงาน และคำสั่งคืนเสรีภาพในการพูดและป้องกันไม่ให้รัฐบาลเซ็นเซอร์เสรีภาพในการพูดในอนาคต ต่อจากนั้นทรัมป์ย้ายไปที่ห้องทำงานรูปไข่ (The Oval Office) ในทำเนียบขาว แล้วลงนามคำสั่งต่อไป ซึ่งคำสั่งฝ่ายบริหารฉบับแรกที่ทรัมป์ลงนามในห้องทำงานรูปไข่ คือการอภัยโทษให้กับผู้คนจำนวน 1,500 คน ที่ได้รับโทษจากการปิดล้อมอาคารรัฐสภาสหรัฐเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 จากนั้นในเวลาประมาณ 19.50 น. บลูมเบิร์กรายงานว่า ทรัมป์ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามถึงเรื่องภาษีศุลกากรว่า “เราคิดอัตราภาษีนำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาจะอยู่ที่ 25% ผมคิดว่าเราจะดำเนินการในวันที่ 1 กุมภาพันธ์” ในเวลาเดียวกัน ทรัมป์กล่าวถึงจีนว่า จะประชุมและโทรศัพท์หารือกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง (Xi Jinping) ของจีน นอกจากนั้น ทรัมป์กล่าวว่าประเทศสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ต้องใช้จ่ายงบประมาณ 5% ของจีดีพี สำหรับการป้องกันประเทศ ผู้สื่อข่าวประชาชาติธุรกิจรายงานเพิ่มเติมว่า จากการสืบค้นข้อมูลในเว็บไซต์ทำเนียบขาว (The White House) หรือสำนักงานประธานาธิบดีสหหรัฐ พบว่า ทรัมป์ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารจำนวนมากที่จะส่งผลกระทบต่อต่างประเทศ ยกตัวอย่างเช่น -ถอนสหรัฐออกจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ยุติรายจ่ายที่เป็นภาระและไม่เป็นธรรมต่อสหรัฐอเมริกา ยกเลิกการเจรจาข้อตกลงว่าด้วยโรคระบาด (Pandemic Agreement) และการแปรญัตติกฎอนามัยระหว่างประเทศ (International Health Regulations) -ประกาศใช้นโยบายการค้าที่ให้ความสำคัญกับอเมริกาเป็นอันดับแรก (America First Trade Policy) หน่วยงานเกี่ยวข้องต้องกำหนดนโยบายการค้าที่ส่งเสริมการลงทุนในประเทศ แก้ไขการค้าที่ไม่เป็นธรรมและไม่สมดุล โดยใช้มาตรการที่เหมาะสม อย่างเช่น ภาษีศุลกากร -ปรับโครงสร้างโครงการรับผู้ลี้ภัยของสหรัฐ (USRAP) ใหม่ และระงับการรับผู้ลี้ภัยผ่าน USRAP จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าการเข้าสู่สหรัฐอเมริกาของผู้ลี้ภัยจะสอดคล้องกับผลประโยชน์ของสหรัฐ -ยกเลิกการให้สถานะพลเมืองอเมริกันโดยกำเนิด เด็กที่เกิดในสหรัฐอเมริกาแต่เกิดจากพ่อและแม่ที่ไม่ใช่พลเมืองอเมริกัน จะไม่ได้สถานะพลเมืองโดยกำเนิดอีกต่อไป -เพิ่มการรักษาความปลอดภัยชายแดน โดยสร้างกำแพงและสิ่งกีดขวางต่าง ๆ ที่มีการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่และการใช้เทคโนโลยี เพื่อขัดขวางและป้องกันการเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย และดำเนินการเนรเทศผู้ลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย โดยมีกระบวนการคุมขังระหว่างรอส่งตัวออกจากประเทศ -ลดการให้ความช่วยเหลือต่างประเทศ โดยจะหยุดให้ความช่วยเหลือต่างประเทศที่ไม่สอดคล้องกับนโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีสหรัฐ 90 วันเพื่อประเมินประสิทธิภาพโครงการและความสอดคล้องกับนโยบายของประธานาธิบดีสหรัฐว่าควรได้รับการช่วยเหลือต่อไปหรือไม่ ​ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 502 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าว BYD ผลิตเรือบรรทุกรถยนต์ได้ 9,200 คัน สำหรับส่งออก แล้วเค้ามีหุ่นยนต์แบบมนุษย์ทำงานสายการผลิต
    ประเทศไทยใกล้ๆ ก็อาจใช้วิธีนำเข้าก็ได้ หากค่าแรงแพง รวมๆ การผลิตแบบแมว คุ้มก็ว่า ยอมเสียภาษีนำเข้า อะไรจะเกิดขึ้น
    ข่าว BYD ผลิตเรือบรรทุกรถยนต์ได้ 9,200 คัน สำหรับส่งออก แล้วเค้ามีหุ่นยนต์แบบมนุษย์ทำงานสายการผลิต ประเทศไทยใกล้ๆ ก็อาจใช้วิธีนำเข้าก็ได้ หากค่าแรงแพง รวมๆ การผลิตแบบแมว คุ้มก็ว่า ยอมเสียภาษีนำเข้า อะไรจะเกิดขึ้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 284 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts