• ปส. ขับเคลื่อนนโยบายรัฐมนตรี อว. เตรียมพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์-รังสี สร้างความมั่นคงปลอดภัยระดับชาติ
    https://www.thai-tai.tv/news/19021/
    ปส. ขับเคลื่อนนโยบายรัฐมนตรี อว. เตรียมพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์-รังสี สร้างความมั่นคงปลอดภัยระดับชาติ https://www.thai-tai.tv/news/19021/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔮 #ห้องพิธีดูดทรัพย์
    #เงินเข้าไม่มีทางออก
    #ห้องดูดทรัพย์ไม่มีวันออก
    #เงินพันดูดเงินหมื่น
    #เงินหมื่นดูดเงินเเสน
    #เงินเเสนดูดเงินล้าน
    พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์
    ของผู้ศรัทธาในพลังเงินสด
    และรักตัวเองอย่างสูงสุด
    “ห้องพิธีดูดทรัพย์” คือ
    พื้นที่พิเศษสำหรับผู้มีจิตตั้งมั่น
    ผู้ที่ไม่ได้สะสมทรัพย์เพราะกลัวอด…
    แต่สะสมเพราะ รักตัวเอง
    จนอยากมอบอนาคตที่ดีที่สุด
    #ให้กับชีวิตของตนเอง
    ไม่ใช่ห้องแห่งความโลภ
    แต่คือ
    “ห้องแห่งพลังศรัทธา
    ในตนเองขั้นสูงสุด”
    👁 เจ้าพิธีผู้ดูดทรัพย์ คือใคร?
    คือ ผู้ที่จิตมั่น… ใจนิ่ง… และรักตัวเอง
    ในระดับที่ลึกจนไม่อาจปล่อยชีวิต
    ให้รั่วไหลออกไปโดยเปล่าประโยชน์อีกต่อไป
    เขา คือ ผู้ที่ไม่สะสมเพื่ออวด
    หรือ แข่งขันกับใคร
    แต่สะสมเพื่อให้ตนเองปลอดภัย
    อิ่มเอม และมั่นคงตลอดกาล
    🕯 องค์ประกอบของห้องพิธีดูดทรัพย์ (สมบูรณ์ที่สุด)
    1. เทียนสีเขียว – เสาสัญญาณเรียกเงิน
    จุดเพื่อเปิดคลื่นพลังทรัพย์เข้าสู่ห้อง
    เสมือนส่งสัญญาณวิทยุเรียกทรัพย์กลับบ้าน
    จุดพร้อมภาวนา:
    “ทรัพย์จงมา เงินจงไหล
    ความมั่นคงจงอยู่กับข้าตลอดกาล”
    2. เจ้าพิธีต้องอยู่ในห้องอย่างสงบ สม่ำเสมอ
    ฟังบทโปรแกรมจิตเงินซ้ำๆ
    นั่งสงบนิ่ง ปล่อยใจนิ่งลึก
    รับพลังงานทรัพย์เข้ามาโดยไม่ต่อต้าน
    3. ต้องทำเมื่อจิต “อิ่มเอม” เท่านั้น
    การดูดทรัพย์จะเกิดได้
    เฉพาะเมื่อหัวใจเปี่ยมสุข
    ห้ามทำเมื่อรู้สึกกลัวว่าทรัพย์จะหมด
    หรือ ทำเพราะขาดแคลน
    หากยังมีพลังงานกลัว ขาด กังวล
    ให้หยุด! แล้วออกไป
    ทำให้ตนเองมีความสุขก่อน
    เมื่อใจอิ่มจริงๆ
    จึงกลับมาเปิดห้องพิธีรอบใหม่
    4. ไอเดีย = สัญญาณทองคำ
    ทุกความคิดที่แวบขึ้นมาในห้องพิธี
    คือ คำสั่งซื้อจากจักรวาล
    ห้ามนิ่งเฉย ต้องลงมือทันที
    เพราะนั่น คือ เงินในอนาคตที่กำลังเรียกเข้า
    5. การใช้เงิน = คาถาสะท้อนทรัพย์กลับมา
    ทุกการใช้เงิน ต้องมี “ความหมาย” ว่า:
    ใช้เพื่อเงินกลับมาไวขึ้น
    ใช้เพื่อทำให้พลังเงินโต
    ใช้เพื่อจ้างคลื่นพลังให้หมุนเงินคืนคลัง
    เงินไม่ใช่แค่จ่าย… แต่คือ
    “การส่งพลังงานออกไปเพื่อดึงทรัพย์กลับคืน”
    6. ข้อห้ามศักดิ์สิทธิ์
    ห้ามเด็ดขาด:
    ใช้เงินด้วยความกลัว
    ใช้เงินสนองอารมณ์ต่ำ
    ใช้เงินทำลายพลังของผู้อื่น
    ใช้เงินโดยไม่เห็นคุณค่าของเงิน
    7. วงจรศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าพิธี
    เจ้าพิธีจะอยู่ใน 2 โหมด:
    🧘‍♀️ ช่วงสะสม:
    เก็บเงินนิ่งๆ ไม่รั่วไหล
    ไม่ใช้เลยถ้าไม่จำเป็น
    เติมพลังให้คลังทรัพย์หนาแน่น
    💖 ช่วงเบิกใช้ (เมื่อใจอิ่มแล้ว):
    ใช้เงินเยียวยาหัวใจ
    ใช้เท่าที่ทำให้รู้สึก “สมบูรณ์”
    พักใจ แล้วกลับมาสะสมรอบใหม่
    🗝 คาถาเจ้าพิธีดูดทรัพย์:
    "ข้าพเจ้า คือ ผู้เก็บทรัพย์
    ข้าพเจ้า คือ ผู้ดูแลพลังเงินสด
    ข้าพเจ้าจะสะสมทรัพย์
    ด้วยความสุขอย่างแท้จริง
    และจักรวาลจะคืนเงินข้าพเจ้าเสมอ
    ในรูปแบบที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม"
    🔁 สรุปแก่นลึก:
    ห้องพิธีดูดทรัพย์ ไม่ได้เปิดด้วยเทียน...
    แต่มันเปิดด้วย “หัวใจที่เปี่ยมสุข”
    หากใจยังกลัว ยังขาด ยังหวั่นไหว
    ให้ไปเติมพลังรักตัวเองก่อน
    แล้วกลับมาเปิดห้องอีกครั้ง
    ด้วยหัวใจที่สง่างาม
    พร้อมรับคลื่นเงินอย่างบริบูรณ์
    🔮 #ห้องพิธีดูดทรัพย์ #เงินเข้าไม่มีทางออก #ห้องดูดทรัพย์ไม่มีวันออก #เงินพันดูดเงินหมื่น #เงินหมื่นดูดเงินเเสน #เงินเเสนดูดเงินล้าน พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ของผู้ศรัทธาในพลังเงินสด และรักตัวเองอย่างสูงสุด “ห้องพิธีดูดทรัพย์” คือ พื้นที่พิเศษสำหรับผู้มีจิตตั้งมั่น ผู้ที่ไม่ได้สะสมทรัพย์เพราะกลัวอด… แต่สะสมเพราะ รักตัวเอง จนอยากมอบอนาคตที่ดีที่สุด #ให้กับชีวิตของตนเอง ไม่ใช่ห้องแห่งความโลภ แต่คือ “ห้องแห่งพลังศรัทธา ในตนเองขั้นสูงสุด” 👁 เจ้าพิธีผู้ดูดทรัพย์ คือใคร? คือ ผู้ที่จิตมั่น… ใจนิ่ง… และรักตัวเอง ในระดับที่ลึกจนไม่อาจปล่อยชีวิต ให้รั่วไหลออกไปโดยเปล่าประโยชน์อีกต่อไป เขา คือ ผู้ที่ไม่สะสมเพื่ออวด หรือ แข่งขันกับใคร แต่สะสมเพื่อให้ตนเองปลอดภัย อิ่มเอม และมั่นคงตลอดกาล 🕯 องค์ประกอบของห้องพิธีดูดทรัพย์ (สมบูรณ์ที่สุด) 1. เทียนสีเขียว – เสาสัญญาณเรียกเงิน จุดเพื่อเปิดคลื่นพลังทรัพย์เข้าสู่ห้อง เสมือนส่งสัญญาณวิทยุเรียกทรัพย์กลับบ้าน จุดพร้อมภาวนา: “ทรัพย์จงมา เงินจงไหล ความมั่นคงจงอยู่กับข้าตลอดกาล” 2. เจ้าพิธีต้องอยู่ในห้องอย่างสงบ สม่ำเสมอ ฟังบทโปรแกรมจิตเงินซ้ำๆ นั่งสงบนิ่ง ปล่อยใจนิ่งลึก รับพลังงานทรัพย์เข้ามาโดยไม่ต่อต้าน 3. ต้องทำเมื่อจิต “อิ่มเอม” เท่านั้น การดูดทรัพย์จะเกิดได้ เฉพาะเมื่อหัวใจเปี่ยมสุข ห้ามทำเมื่อรู้สึกกลัวว่าทรัพย์จะหมด หรือ ทำเพราะขาดแคลน หากยังมีพลังงานกลัว ขาด กังวล ให้หยุด! แล้วออกไป ทำให้ตนเองมีความสุขก่อน เมื่อใจอิ่มจริงๆ จึงกลับมาเปิดห้องพิธีรอบใหม่ 4. ไอเดีย = สัญญาณทองคำ ทุกความคิดที่แวบขึ้นมาในห้องพิธี คือ คำสั่งซื้อจากจักรวาล ห้ามนิ่งเฉย ต้องลงมือทันที เพราะนั่น คือ เงินในอนาคตที่กำลังเรียกเข้า 5. การใช้เงิน = คาถาสะท้อนทรัพย์กลับมา ทุกการใช้เงิน ต้องมี “ความหมาย” ว่า: ใช้เพื่อเงินกลับมาไวขึ้น ใช้เพื่อทำให้พลังเงินโต ใช้เพื่อจ้างคลื่นพลังให้หมุนเงินคืนคลัง เงินไม่ใช่แค่จ่าย… แต่คือ “การส่งพลังงานออกไปเพื่อดึงทรัพย์กลับคืน” 6. ข้อห้ามศักดิ์สิทธิ์ ห้ามเด็ดขาด: ใช้เงินด้วยความกลัว ใช้เงินสนองอารมณ์ต่ำ ใช้เงินทำลายพลังของผู้อื่น ใช้เงินโดยไม่เห็นคุณค่าของเงิน 7. วงจรศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าพิธี เจ้าพิธีจะอยู่ใน 2 โหมด: 🧘‍♀️ ช่วงสะสม: เก็บเงินนิ่งๆ ไม่รั่วไหล ไม่ใช้เลยถ้าไม่จำเป็น เติมพลังให้คลังทรัพย์หนาแน่น 💖 ช่วงเบิกใช้ (เมื่อใจอิ่มแล้ว): ใช้เงินเยียวยาหัวใจ ใช้เท่าที่ทำให้รู้สึก “สมบูรณ์” พักใจ แล้วกลับมาสะสมรอบใหม่ 🗝 คาถาเจ้าพิธีดูดทรัพย์: "ข้าพเจ้า คือ ผู้เก็บทรัพย์ ข้าพเจ้า คือ ผู้ดูแลพลังเงินสด ข้าพเจ้าจะสะสมทรัพย์ ด้วยความสุขอย่างแท้จริง และจักรวาลจะคืนเงินข้าพเจ้าเสมอ ในรูปแบบที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม" 🔁 สรุปแก่นลึก: ห้องพิธีดูดทรัพย์ ไม่ได้เปิดด้วยเทียน... แต่มันเปิดด้วย “หัวใจที่เปี่ยมสุข” หากใจยังกลัว ยังขาด ยังหวั่นไหว ให้ไปเติมพลังรักตัวเองก่อน แล้วกลับมาเปิดห้องอีกครั้ง ด้วยหัวใจที่สง่างาม พร้อมรับคลื่นเงินอย่างบริบูรณ์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง ,จังหวัดนครราชสีมา และ ปปส.ภาค ๓ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดรายสําคัญ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด

    คณะรัฐมนตรีโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กรอบ นโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นําความ ปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรีและนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนไทย นโยบายด้านความปลอดภัย จะทำงาน รวมกับทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึด หลัก “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเขารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ส่วนผู้ผลิตผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย อย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดพร้อมดำเนินการเจรจาทางการทูต กับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร และตึง และปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนถือเป็นนโยบายเร่งด่วนต้อง ทําทันที

    ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓, พล.ต.ต.ประสงค์ เรื่องเดช รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.๓/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวน จับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายวงจร ยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน
    .
    พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, พ.ต.ท.สมาน เชาว์มะเริง รอง ผกก.สส. สภ.โพธิ์กลาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ชัยพล คงขุนทด สว.สส.สภ.โพธิ์กลาง, พธิ์กลาง, ร.ต.อ.ภาคิน พิทักษ์ศุภกร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ร่วมสืบสวนจับกุมตัว
    ๑. นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๑)
    ๒. นายยุทธ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๒)
    ๓. นายมอล (นามสมมุติ) อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๓)
    ๔. นางสาวพลอย (นามสมุติ) อายุ ๒๑ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๔)
    พร้อมด้วยของกลาง
    .
    ๑. ยาบ้า จํานวน ๒ เม็ด
    ๒. ยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด
    ๓. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น ๑๑ สีดำ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๔. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ ๒๔ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๕. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ๕๘ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๖. น้ำปัสสาวะบรรจุขวดพลาสติก จำนวน ๔ ขวด
    .
    พฤติการณ์แห่งคดี วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๘ เวลาประมาณ 00.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมและลำเลียงยาเสพติดที่ถนนมิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ชุดสนับสนุน จึงได้ทำการออกตรวจในบริเวณก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัดฯ ดังกล่าว
    .
    ต่อมาเวลา ๐๐.๒๐ น. พบว่ามีรถยนต์กลับรถก่อนถึงจุดตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงถนนหมายเลข ๒๙๐ บ้านหนองกุ้ง หมู่ที่ ๑๓ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา พบรถยนต์กระบะแค๊ปสีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ จังหวัดบุรีรัมย์ เลี้ยวเข้าไปจอดที่บริเวณอยู่หน้าสนามชนไก่แก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลชาย ๒ คน คือนายเสือ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นคนขับรถ และนายยุทธ (ผู้ต้องหาที่ ๒) นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร ท่าทางมีพิรุธสงสัย จึงได้ทำการสอบ ทั้งสองแจ้งว่ารถยนต์เสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้สอบถามจนทั้งสองคนยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาและเป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถที่ขนยาบ้า แต่ระหว่างขับรถมาทราบว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวกลับรถก่อนถึงจุดตรวจแล้วมาจอดรถรอเพื่อให้จุดตรวจเลิกก่อนจึงจะเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ดังกล่าวพบยาบ้าจำนวน ๒ เม็ด ของกลางลำดับที่ ๑) จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพ ติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบ
    .
    นายเสือฯ และนายยุทธฯ ทราบสิทธิดังกล่าวดีโดยละเอียดแล้วได้สมัครใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่าได้เป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถคันที่ขนยาบ้า จะขับรถนำทางห่างกันประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ซึ่งรถขนยาบ้ามีจำนวน ๓ คน ชื่อนายต้า (คนขับรถ), นายมอล และ น.ส.พลอย ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กทม. เดินทางไปรับยาบ้ามาจาก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งจะติดต่อกันผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของนายต้า ตลอดเวลาที่เดินทาง
    .
    เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ติดต่อกับรถคันที่ขนยาบ้าให้มาพบที่จุดที่ตนเอง
    อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้ๆจุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. รถยนต์เป้าหมายได้มาจอดที่จุดนัดหมาย โดยไม่ดับเครื่องและไม่ลงจากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่า เป้าหมายจะหลบหนีจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่รถยนต์เป้าหมายได้ขับ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา จนมาถึงจุดสร้างสะพานแห่งใหม่บ้านหนองบัวศาลา ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา รถยนต์เป้าหมายได้เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าข้างถนนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนภายในรถทั้ง ๓ คน ได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ามันสำปะหลังข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ จำนวน ๒ คน คือนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ส่วนผู้ชายอีก ๑ คน (นายต้า) หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาตรวจค้นรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาทั้งสองนั่งมา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด
    .
    เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ให้การว่าเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายต้าฯ ขับรถยนต์คันดังกล่าว มาพบและชวนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนที่ จว.สระบุรี โดยนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) นั่งข้างคนขับ ส่วน น.ส.พลอยฯ (ผู้ต้องหาที่ ๔) นั่งที่เบาะหลัง เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ได้จอดรถริมทางบริเวณทุ่งนาที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี นายต้าฯ ก็ได้ให้นายมอลฯ ลงไปเอาถุงสีดำที่วางไว้ข้างทางขึ้นมาเก็บบนรถ จำนวน ๑ ถุง แล้วเดินทางกลับ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ โดยให้รถยนต์ของนายเสือฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นรถนำเพื่อคอยดูเส้นทางว่ามีด่านตำรวจหรือไม่ จนมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งผู้ต้องหาทราบสิทธิ์และข้อกล่าวหาดีโดยละเอียดแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
    .
    ตำารวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้ง เบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถาน ประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งขอมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙ สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นเพื่อให้สั งคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป.
    ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง ,จังหวัดนครราชสีมา และ ปปส.ภาค ๓ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดรายสําคัญ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด คณะรัฐมนตรีโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กรอบ นโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นําความ ปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรีและนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนไทย นโยบายด้านความปลอดภัย จะทำงาน รวมกับทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึด หลัก “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเขารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ส่วนผู้ผลิตผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย อย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดพร้อมดำเนินการเจรจาทางการทูต กับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร และตึง และปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนถือเป็นนโยบายเร่งด่วนต้อง ทําทันที ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓, พล.ต.ต.ประสงค์ เรื่องเดช รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.๓/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวน จับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายวงจร ยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน . พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, พ.ต.ท.สมาน เชาว์มะเริง รอง ผกก.สส. สภ.โพธิ์กลาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ชัยพล คงขุนทด สว.สส.สภ.โพธิ์กลาง, พธิ์กลาง, ร.ต.อ.ภาคิน พิทักษ์ศุภกร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ร่วมสืบสวนจับกุมตัว ๑. นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๑) ๒. นายยุทธ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๒) ๓. นายมอล (นามสมมุติ) อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๓) ๔. นางสาวพลอย (นามสมุติ) อายุ ๒๑ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๔) พร้อมด้วยของกลาง . ๑. ยาบ้า จํานวน ๒ เม็ด ๒. ยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด ๓. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น ๑๑ สีดำ จำนวน ๑ เครื่อง ๔. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ ๒๔ จำนวน ๑ เครื่อง ๕. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ๕๘ จำนวน ๑ เครื่อง ๖. น้ำปัสสาวะบรรจุขวดพลาสติก จำนวน ๔ ขวด . พฤติการณ์แห่งคดี วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๘ เวลาประมาณ 00.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมและลำเลียงยาเสพติดที่ถนนมิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ชุดสนับสนุน จึงได้ทำการออกตรวจในบริเวณก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัดฯ ดังกล่าว . ต่อมาเวลา ๐๐.๒๐ น. พบว่ามีรถยนต์กลับรถก่อนถึงจุดตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงถนนหมายเลข ๒๙๐ บ้านหนองกุ้ง หมู่ที่ ๑๓ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา พบรถยนต์กระบะแค๊ปสีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ จังหวัดบุรีรัมย์ เลี้ยวเข้าไปจอดที่บริเวณอยู่หน้าสนามชนไก่แก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลชาย ๒ คน คือนายเสือ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นคนขับรถ และนายยุทธ (ผู้ต้องหาที่ ๒) นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร ท่าทางมีพิรุธสงสัย จึงได้ทำการสอบ ทั้งสองแจ้งว่ารถยนต์เสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้สอบถามจนทั้งสองคนยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาและเป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถที่ขนยาบ้า แต่ระหว่างขับรถมาทราบว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวกลับรถก่อนถึงจุดตรวจแล้วมาจอดรถรอเพื่อให้จุดตรวจเลิกก่อนจึงจะเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ดังกล่าวพบยาบ้าจำนวน ๒ เม็ด ของกลางลำดับที่ ๑) จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพ ติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบ . นายเสือฯ และนายยุทธฯ ทราบสิทธิดังกล่าวดีโดยละเอียดแล้วได้สมัครใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่าได้เป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถคันที่ขนยาบ้า จะขับรถนำทางห่างกันประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ซึ่งรถขนยาบ้ามีจำนวน ๓ คน ชื่อนายต้า (คนขับรถ), นายมอล และ น.ส.พลอย ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กทม. เดินทางไปรับยาบ้ามาจาก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งจะติดต่อกันผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของนายต้า ตลอดเวลาที่เดินทาง . เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ติดต่อกับรถคันที่ขนยาบ้าให้มาพบที่จุดที่ตนเอง อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้ๆจุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. รถยนต์เป้าหมายได้มาจอดที่จุดนัดหมาย โดยไม่ดับเครื่องและไม่ลงจากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่า เป้าหมายจะหลบหนีจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่รถยนต์เป้าหมายได้ขับ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา จนมาถึงจุดสร้างสะพานแห่งใหม่บ้านหนองบัวศาลา ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา รถยนต์เป้าหมายได้เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าข้างถนนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนภายในรถทั้ง ๓ คน ได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ามันสำปะหลังข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ จำนวน ๒ คน คือนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ส่วนผู้ชายอีก ๑ คน (นายต้า) หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาตรวจค้นรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาทั้งสองนั่งมา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด . เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ให้การว่าเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายต้าฯ ขับรถยนต์คันดังกล่าว มาพบและชวนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนที่ จว.สระบุรี โดยนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) นั่งข้างคนขับ ส่วน น.ส.พลอยฯ (ผู้ต้องหาที่ ๔) นั่งที่เบาะหลัง เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ได้จอดรถริมทางบริเวณทุ่งนาที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี นายต้าฯ ก็ได้ให้นายมอลฯ ลงไปเอาถุงสีดำที่วางไว้ข้างทางขึ้นมาเก็บบนรถ จำนวน ๑ ถุง แล้วเดินทางกลับ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ โดยให้รถยนต์ของนายเสือฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นรถนำเพื่อคอยดูเส้นทางว่ามีด่านตำรวจหรือไม่ จนมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งผู้ต้องหาทราบสิทธิ์และข้อกล่าวหาดีโดยละเอียดแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป . ตำารวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้ง เบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถาน ประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งขอมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙ สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นเพื่อให้สั งคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง, จังหวัดนครราชสีมา และ ปปส.ภาค ๓ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดรายสําคัญ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด

    คณะรัฐมนตรีโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กรอบ นโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นําความ ปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรีและนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนไทย นโยบายด้านความปลอดภัย จะทำงาน รวมกับทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึด หลัก “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเขารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ส่วนผู้ผลิตผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย อย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดพร้อมดำเนินการเจรจาทางการทูต กับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร และตึง และปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนถือเป็นนโยบายเร่งด่วนต้อง ทําทันที

    ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓, พล.ต.ต.ประสงค์ เรื่องเดช รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.๓/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวน จับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายวงจร ยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน
    .
    พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, พ.ต.ท.สมาน เชาว์มะเริง รอง ผกก.สส. สภ.โพธิ์กลาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ชัยพล คงขุนทด สว.สส.สภ.โพธิ์กลาง, พธิ์กลาง, ร.ต.อ.ภาคิน พิทักษ์ศุภกร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ร่วมสืบสวนจับกุมตัว
    ๑. นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๑)
    ๒. นายยุทธ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๒)
    ๓. นายมอล (นามสมมุติ) อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๓)
    ๔. นางสาวพลอย (นามสมุติ) อายุ ๒๑ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๔)
    พร้อมด้วยของกลาง
    .
    ๑. ยาบ้า จํานวน ๒ เม็ด
    ๒. ยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด
    ๓. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น ๑๑ สีดำ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๔. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ ๒๔ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๕. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ๕๘ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๖. น้ำปัสสาวะบรรจุขวดพลาสติก จำนวน ๔ ขวด
    .
    พฤติการณ์แห่งคดี วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๘ เวลาประมาณ 00.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมและลำเลียงยาเสพติดที่ถนนมิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ชุดสนับสนุน จึงได้ทำการออกตรวจในบริเวณก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัดฯ ดังกล่าว
    .
    ต่อมาเวลา ๐๐.๒๐ น. พบว่ามีรถยนต์กลับรถก่อนถึงจุดตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงถนนหมายเลข ๒๙๐ บ้านหนองกุ้ง หมู่ที่ ๑๓ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา พบรถยนต์กระบะแค๊ปสีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ จังหวัดบุรีรัมย์ เลี้ยวเข้าไปจอดที่บริเวณอยู่หน้าสนามชนไก่แก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลชาย ๒ คน คือนายเสือ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นคนขับรถ และนายยุทธ (ผู้ต้องหาที่ ๒) นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร ท่าทางมีพิรุธสงสัย จึงได้ทำการสอบ ทั้งสองแจ้งว่ารถยนต์เสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้สอบถามจนทั้งสองคนยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาและเป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถที่ขนยาบ้า แต่ระหว่างขับรถมาทราบว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวกลับรถก่อนถึงจุดตรวจแล้วมาจอดรถรอเพื่อให้จุดตรวจเลิกก่อนจึงจะเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ดังกล่าวพบยาบ้าจำนวน ๒ เม็ด ของกลางลำดับที่ ๑) จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพ ติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบ
    .
    นายเสือฯ และนายยุทธฯ ทราบสิทธิดังกล่าวดีโดยละเอียดแล้วได้สมัครใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่าได้เป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถคันที่ขนยาบ้า จะขับรถนำทางห่างกันประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ซึ่งรถขนยาบ้ามีจำนวน ๓ คน ชื่อนายต้า (คนขับรถ), นายมอล และ น.ส.พลอย ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กทม. เดินทางไปรับยาบ้ามาจาก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งจะติดต่อกันผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของนายต้า ตลอดเวลาที่เดินทาง
    .
    เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ติดต่อกับรถคันที่ขนยาบ้าให้มาพบที่จุดที่ตนเอง
    อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้ๆจุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. รถยนต์เป้าหมายได้มาจอดที่จุดนัดหมาย โดยไม่ดับเครื่องและไม่ลงจากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่า เป้าหมายจะหลบหนีจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่รถยนต์เป้าหมายได้ขับ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา จนมาถึงจุดสร้างสะพานแห่งใหม่บ้านหนองบัวศาลา ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา รถยนต์เป้าหมายได้เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าข้างถนนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนภายในรถทั้ง ๓ คน ได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ามันสำปะหลังข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ จำนวน ๒ คน คือนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ส่วนผู้ชายอีก ๑ คน (นายต้า) หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาตรวจค้นรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาทั้งสองนั่งมา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด
    .
    เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ให้การว่าเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายต้าฯ ขับรถยนต์คันดังกล่าว มาพบและชวนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนที่ จว.สระบุรี โดยนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) นั่งข้างคนขับ ส่วน น.ส.พลอยฯ (ผู้ต้องหาที่ ๔) นั่งที่เบาะหลัง เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ได้จอดรถริมทางบริเวณทุ่งนาที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี นายต้าฯ ก็ได้ให้นายมอลฯ ลงไปเอาถุงสีดำที่วางไว้ข้างทางขึ้นมาเก็บบนรถ จำนวน ๑ ถุง แล้วเดินทางกลับ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ โดยให้รถยนต์ของนายเสือฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นรถนำเพื่อคอยดูเส้นทางว่ามีด่านตำรวจหรือไม่ จนมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งผู้ต้องหาทราบสิทธิ์และข้อกล่าวหาดีโดยละเอียดแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
    .
    ตำารวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้ง เบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถาน ประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งขอมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙ สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นเพื่อให้สั งคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป.
    ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง, จังหวัดนครราชสีมา และ ปปส.ภาค ๓ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดรายสําคัญ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด คณะรัฐมนตรีโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กรอบ นโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นําความ ปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรีและนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนไทย นโยบายด้านความปลอดภัย จะทำงาน รวมกับทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึด หลัก “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเขารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ส่วนผู้ผลิตผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย อย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดพร้อมดำเนินการเจรจาทางการทูต กับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร และตึง และปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนถือเป็นนโยบายเร่งด่วนต้อง ทําทันที ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓, พล.ต.ต.ประสงค์ เรื่องเดช รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.๓/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวน จับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายวงจร ยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน . พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, พ.ต.ท.สมาน เชาว์มะเริง รอง ผกก.สส. สภ.โพธิ์กลาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ชัยพล คงขุนทด สว.สส.สภ.โพธิ์กลาง, พธิ์กลาง, ร.ต.อ.ภาคิน พิทักษ์ศุภกร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ร่วมสืบสวนจับกุมตัว ๑. นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๑) ๒. นายยุทธ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๒) ๓. นายมอล (นามสมมุติ) อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๓) ๔. นางสาวพลอย (นามสมุติ) อายุ ๒๑ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๔) พร้อมด้วยของกลาง . ๑. ยาบ้า จํานวน ๒ เม็ด ๒. ยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด ๓. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น ๑๑ สีดำ จำนวน ๑ เครื่อง ๔. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ ๒๔ จำนวน ๑ เครื่อง ๕. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ๕๘ จำนวน ๑ เครื่อง ๖. น้ำปัสสาวะบรรจุขวดพลาสติก จำนวน ๔ ขวด . พฤติการณ์แห่งคดี วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๘ เวลาประมาณ 00.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมและลำเลียงยาเสพติดที่ถนนมิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ชุดสนับสนุน จึงได้ทำการออกตรวจในบริเวณก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัดฯ ดังกล่าว . ต่อมาเวลา ๐๐.๒๐ น. พบว่ามีรถยนต์กลับรถก่อนถึงจุดตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงถนนหมายเลข ๒๙๐ บ้านหนองกุ้ง หมู่ที่ ๑๓ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา พบรถยนต์กระบะแค๊ปสีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ จังหวัดบุรีรัมย์ เลี้ยวเข้าไปจอดที่บริเวณอยู่หน้าสนามชนไก่แก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลชาย ๒ คน คือนายเสือ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นคนขับรถ และนายยุทธ (ผู้ต้องหาที่ ๒) นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร ท่าทางมีพิรุธสงสัย จึงได้ทำการสอบ ทั้งสองแจ้งว่ารถยนต์เสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้สอบถามจนทั้งสองคนยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาและเป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถที่ขนยาบ้า แต่ระหว่างขับรถมาทราบว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวกลับรถก่อนถึงจุดตรวจแล้วมาจอดรถรอเพื่อให้จุดตรวจเลิกก่อนจึงจะเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ดังกล่าวพบยาบ้าจำนวน ๒ เม็ด ของกลางลำดับที่ ๑) จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพ ติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบ . นายเสือฯ และนายยุทธฯ ทราบสิทธิดังกล่าวดีโดยละเอียดแล้วได้สมัครใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่าได้เป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถคันที่ขนยาบ้า จะขับรถนำทางห่างกันประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ซึ่งรถขนยาบ้ามีจำนวน ๓ คน ชื่อนายต้า (คนขับรถ), นายมอล และ น.ส.พลอย ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กทม. เดินทางไปรับยาบ้ามาจาก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งจะติดต่อกันผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของนายต้า ตลอดเวลาที่เดินทาง . เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ติดต่อกับรถคันที่ขนยาบ้าให้มาพบที่จุดที่ตนเอง อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้ๆจุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. รถยนต์เป้าหมายได้มาจอดที่จุดนัดหมาย โดยไม่ดับเครื่องและไม่ลงจากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่า เป้าหมายจะหลบหนีจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่รถยนต์เป้าหมายได้ขับ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา จนมาถึงจุดสร้างสะพานแห่งใหม่บ้านหนองบัวศาลา ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา รถยนต์เป้าหมายได้เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าข้างถนนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนภายในรถทั้ง ๓ คน ได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ามันสำปะหลังข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ จำนวน ๒ คน คือนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ส่วนผู้ชายอีก ๑ คน (นายต้า) หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาตรวจค้นรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาทั้งสองนั่งมา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด . เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ให้การว่าเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายต้าฯ ขับรถยนต์คันดังกล่าว มาพบและชวนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนที่ จว.สระบุรี โดยนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) นั่งข้างคนขับ ส่วน น.ส.พลอยฯ (ผู้ต้องหาที่ ๔) นั่งที่เบาะหลัง เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ได้จอดรถริมทางบริเวณทุ่งนาที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี นายต้าฯ ก็ได้ให้นายมอลฯ ลงไปเอาถุงสีดำที่วางไว้ข้างทางขึ้นมาเก็บบนรถ จำนวน ๑ ถุง แล้วเดินทางกลับ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ โดยให้รถยนต์ของนายเสือฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นรถนำเพื่อคอยดูเส้นทางว่ามีด่านตำรวจหรือไม่ จนมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งผู้ต้องหาทราบสิทธิ์และข้อกล่าวหาดีโดยละเอียดแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป . ตำารวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้ง เบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถาน ประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งขอมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙ สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นเพื่อให้สั งคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • อดีตหัวหน้าทีม Optimus ของ Tesla ชี้ หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์อาจไม่เหมาะกับงานในโรงงาน

    Tesla กำลังพัฒนา Optimus หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่ Elon Musk เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าของบริษัทเป็นหลายล้านล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม อดีตหัวหน้าทีมพัฒนา Optimus มองว่าหุ่นยนต์รูปแบบนี้อาจไม่เหมาะกับงานในโรงงานที่ต้องการความเร็วและความแม่นยำสูง

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ Optimus และบทบาทในโรงงาน
    ✅ Tesla เปิดตัว Optimus ในปี 2021 โดยออกแบบให้เป็นหุ่นยนต์อเนกประสงค์ที่สามารถทำงานที่อันตราย ซ้ำซาก หรือไม่น่าสนใจสำหรับมนุษย์
    - มีการปรับปรุงด้าน ความเร็ว, ความมั่นคง, น้ำหนัก และสมดุล

    ✅ Musk คาดการณ์ว่า Tesla จะผลิต Optimus หลายล้านตัวภายในปี 2030
    - และ จะมีหุ่นยนต์ทำงานในโรงงาน Tesla หลายพันตัวภายในสิ้นปีนี้

    ✅ Optimus ถูกนำเสนอในงาน "We, Robot" เมื่อปี 2024 โดยสามารถเดิน, เสิร์ฟเครื่องดื่ม และเต้นรำ
    - อย่างไรก็ตาม มีการเปิดเผยว่าหุ่นยนต์ยังคงถูกควบคุมจากระยะไกล

    ✅ Chris Walti อดีตหัวหน้าทีม Optimus มองว่าหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ไม่เหมาะกับงานในโรงงาน
    - เนื่องจาก งานในอุตสาหกรรมต้องการความเร็วและความแม่นยำสูง ซึ่งหุ่นยนต์รูปแบบอื่นอาจมีประสิทธิภาพมากกว่า

    ✅ Walti ก่อตั้งบริษัท Mytra ซึ่งพัฒนา "Slab-like Robots" สำหรับขนส่งสินค้าในคลังสินค้า
    - หุ่นยนต์ของ Mytra มีโครงสร้างที่เรียบง่ายและเหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วสูง

    ✅ บริษัทอื่น ๆ เช่น Agility Robotics และ Apptronik กำลังพัฒนาหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์สำหรับงานในโรงงาน
    - BMW และ Jabil เริ่มนำหุ่นยนต์ประเภทนี้มาใช้ในการผลิตแล้ว

    https://www.techspot.com/news/108056-tesla-humanoid-robots-arent-right-fit-factories-former.html
    อดีตหัวหน้าทีม Optimus ของ Tesla ชี้ หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์อาจไม่เหมาะกับงานในโรงงาน Tesla กำลังพัฒนา Optimus หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่ Elon Musk เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าของบริษัทเป็นหลายล้านล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม อดีตหัวหน้าทีมพัฒนา Optimus มองว่าหุ่นยนต์รูปแบบนี้อาจไม่เหมาะกับงานในโรงงานที่ต้องการความเร็วและความแม่นยำสูง 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ Optimus และบทบาทในโรงงาน ✅ Tesla เปิดตัว Optimus ในปี 2021 โดยออกแบบให้เป็นหุ่นยนต์อเนกประสงค์ที่สามารถทำงานที่อันตราย ซ้ำซาก หรือไม่น่าสนใจสำหรับมนุษย์ - มีการปรับปรุงด้าน ความเร็ว, ความมั่นคง, น้ำหนัก และสมดุล ✅ Musk คาดการณ์ว่า Tesla จะผลิต Optimus หลายล้านตัวภายในปี 2030 - และ จะมีหุ่นยนต์ทำงานในโรงงาน Tesla หลายพันตัวภายในสิ้นปีนี้ ✅ Optimus ถูกนำเสนอในงาน "We, Robot" เมื่อปี 2024 โดยสามารถเดิน, เสิร์ฟเครื่องดื่ม และเต้นรำ - อย่างไรก็ตาม มีการเปิดเผยว่าหุ่นยนต์ยังคงถูกควบคุมจากระยะไกล ✅ Chris Walti อดีตหัวหน้าทีม Optimus มองว่าหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ไม่เหมาะกับงานในโรงงาน - เนื่องจาก งานในอุตสาหกรรมต้องการความเร็วและความแม่นยำสูง ซึ่งหุ่นยนต์รูปแบบอื่นอาจมีประสิทธิภาพมากกว่า ✅ Walti ก่อตั้งบริษัท Mytra ซึ่งพัฒนา "Slab-like Robots" สำหรับขนส่งสินค้าในคลังสินค้า - หุ่นยนต์ของ Mytra มีโครงสร้างที่เรียบง่ายและเหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วสูง ✅ บริษัทอื่น ๆ เช่น Agility Robotics และ Apptronik กำลังพัฒนาหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์สำหรับงานในโรงงาน - BMW และ Jabil เริ่มนำหุ่นยนต์ประเภทนี้มาใช้ในการผลิตแล้ว https://www.techspot.com/news/108056-tesla-humanoid-robots-arent-right-fit-factories-former.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Tesla's humanoid robots aren't the right fit for factories, says former Optimus lead
    In August 2021, Tesla announced that it was creating a general-purpose, bipedal, humanoid robot capable of performing tasks that are unsafe, repetitive, or boring for humans to...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • 7 กฎสำคัญในการนำองค์กรผ่านวิกฤต

    แม้ว่าองค์กรส่วนใหญ่จะมีแผนจัดการวิกฤตอยู่แล้ว แต่การนำทีมผ่านสถานการณ์ฉุกเฉินต้องอาศัยมากกว่าขั้นตอนที่กำหนดไว้ โดยบทความนี้นำเสนอ 7 กฎสำคัญที่ช่วยให้ผู้นำสามารถจัดการวิกฤตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    🔍 กฎสำคัญในการนำองค์กรผ่านวิกฤต
    ✅ ความยืดหยุ่นต้องมาพร้อมกับความสงบ ไม่ใช่ความเงียบ
    - ผู้นำต้อง แจ้งข้อมูลให้ทีมและลูกค้าทราบอย่างตรงไปตรงมา
    - การปิดบังข้อมูล ทำให้เกิดความสับสนและความไม่ไว้วางใจ

    ✅ แนวคิดเชิงรุกช่วยให้ทีมเรียนรู้ร่วมกัน
    - การให้ข้อมูลที่ชัดเจน ช่วยลดความสับสนและสร้างความมั่นใจ
    - การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า อาจทำให้สถานการณ์แย่ลง

    ✅ การสื่อสารที่เปิดเผยทำให้ทีมมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหา
    - การตอบสนองแบบปิดกั้น ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจ
    - การแจ้งปัญหาอย่างรวดเร็ว ช่วยรักษาความน่าเชื่อถือขององค์กร

    ✅ ความโปร่งใสและการตอบสนองอย่างตรงไปตรงมาสร้างความไว้วางใจ
    - การซ่อนปัญหา ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง
    - การให้ข้อมูลที่ชัดเจน ช่วยให้ทีมสามารถรับมือกับวิกฤตได้ดีขึ้น

    ✅ ทีมที่อยู่ภายใต้ความกดดันต้องการผู้นำที่เข้มแข็ง
    - หากผู้นำไม่มีความมั่นคง ทีมจะเกิดความสับสนและตัดสินใจผิดพลาด
    - ความไว้วางใจในผู้นำ เป็นปัจจัยสำคัญในการจัดการวิกฤต

    ✅ องค์กรที่เตรียมพร้อมสามารถรับมือกับแรงกดดันได้ดีขึ้น
    - การกำหนดบทบาทล่วงหน้า ช่วยให้ทีมสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว
    - การฝึกซ้อมเป็นประจำ ช่วยลดความผิดพลาดในการตัดสินใจ

    ✅ การตัดสินใจต้องอาศัยข้อมูลที่แม่นยำ ไม่ใช่แค่ความเร่งด่วน
    - การตอบสนองโดยไม่มีข้อมูล อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดร้ายแรง
    - การใช้ข้อมูลข่าวกรองช่วยให้สามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    https://www.csoonline.com/article/3992768/the-7-unwritten-rules-of-leading-through-crisis.html
    7 กฎสำคัญในการนำองค์กรผ่านวิกฤต แม้ว่าองค์กรส่วนใหญ่จะมีแผนจัดการวิกฤตอยู่แล้ว แต่การนำทีมผ่านสถานการณ์ฉุกเฉินต้องอาศัยมากกว่าขั้นตอนที่กำหนดไว้ โดยบทความนี้นำเสนอ 7 กฎสำคัญที่ช่วยให้ผู้นำสามารถจัดการวิกฤตได้อย่างมีประสิทธิภาพ 🔍 กฎสำคัญในการนำองค์กรผ่านวิกฤต ✅ ความยืดหยุ่นต้องมาพร้อมกับความสงบ ไม่ใช่ความเงียบ - ผู้นำต้อง แจ้งข้อมูลให้ทีมและลูกค้าทราบอย่างตรงไปตรงมา - การปิดบังข้อมูล ทำให้เกิดความสับสนและความไม่ไว้วางใจ ✅ แนวคิดเชิงรุกช่วยให้ทีมเรียนรู้ร่วมกัน - การให้ข้อมูลที่ชัดเจน ช่วยลดความสับสนและสร้างความมั่นใจ - การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า อาจทำให้สถานการณ์แย่ลง ✅ การสื่อสารที่เปิดเผยทำให้ทีมมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหา - การตอบสนองแบบปิดกั้น ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจ - การแจ้งปัญหาอย่างรวดเร็ว ช่วยรักษาความน่าเชื่อถือขององค์กร ✅ ความโปร่งใสและการตอบสนองอย่างตรงไปตรงมาสร้างความไว้วางใจ - การซ่อนปัญหา ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง - การให้ข้อมูลที่ชัดเจน ช่วยให้ทีมสามารถรับมือกับวิกฤตได้ดีขึ้น ✅ ทีมที่อยู่ภายใต้ความกดดันต้องการผู้นำที่เข้มแข็ง - หากผู้นำไม่มีความมั่นคง ทีมจะเกิดความสับสนและตัดสินใจผิดพลาด - ความไว้วางใจในผู้นำ เป็นปัจจัยสำคัญในการจัดการวิกฤต ✅ องค์กรที่เตรียมพร้อมสามารถรับมือกับแรงกดดันได้ดีขึ้น - การกำหนดบทบาทล่วงหน้า ช่วยให้ทีมสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว - การฝึกซ้อมเป็นประจำ ช่วยลดความผิดพลาดในการตัดสินใจ ✅ การตัดสินใจต้องอาศัยข้อมูลที่แม่นยำ ไม่ใช่แค่ความเร่งด่วน - การตอบสนองโดยไม่มีข้อมูล อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดร้ายแรง - การใช้ข้อมูลข่าวกรองช่วยให้สามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ https://www.csoonline.com/article/3992768/the-7-unwritten-rules-of-leading-through-crisis.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    The 7 unwritten rules of leading through crisis
    Your crisis management playbook may look fail-proof on paper, but leadership and culture offer intangibles that can make or break execution when emergency strikes.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตั้งแต่เช้าวันนี้ ชาวอิสราเอลมากกว่า 1,000 คน ซึ่งนำโดยอิตามาร์ เบน กวีร์ รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งชาติอิสราเอล พร้อมด้วยภริยา รวมทั้งสมาชิกรัฐสภาอีกหลายคน ได้บุกรุกเข้าไปภายในพื้นที่มัสยิดอัลอักซอ (Al-Aqsa) ซึ่งเป็นมัสยิดหนึ่งในสามที่มีความสําคัญเป็นอันดับต้นๆของโลกอิสลาม โดยมีเจ้าหน้าที่อิสราเอลคุ้มกันอย่างเข้มงวด เพื่อเฉลิมฉลอง “วันเยรูซาเล็ม” ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองการยึดครองเมือง

    นอกจากนี้ ชาวอิสราเอลที่บุกร่วมกันบุกเข้าไป ยังมีการโบกธงชาติอิสราเอล และร้องเพลงชาติ รวมทั้งปรบมือและตะโกนคำพูดปลุกใจ ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ไม่เคารพต่อสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
    ตั้งแต่เช้าวันนี้ ชาวอิสราเอลมากกว่า 1,000 คน ซึ่งนำโดยอิตามาร์ เบน กวีร์ รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งชาติอิสราเอล พร้อมด้วยภริยา รวมทั้งสมาชิกรัฐสภาอีกหลายคน ได้บุกรุกเข้าไปภายในพื้นที่มัสยิดอัลอักซอ (Al-Aqsa) ซึ่งเป็นมัสยิดหนึ่งในสามที่มีความสําคัญเป็นอันดับต้นๆของโลกอิสลาม โดยมีเจ้าหน้าที่อิสราเอลคุ้มกันอย่างเข้มงวด เพื่อเฉลิมฉลอง “วันเยรูซาเล็ม” ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองการยึดครองเมือง นอกจากนี้ ชาวอิสราเอลที่บุกร่วมกันบุกเข้าไป ยังมีการโบกธงชาติอิสราเอล และร้องเพลงชาติ รวมทั้งปรบมือและตะโกนคำพูดปลุกใจ ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ไม่เคารพต่อสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 26 0 รีวิว
  • แนวคิด "เขตกันชน" ที่น่าสนใจของ ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย 
    แนวคิด "เขตกันชน" ที่น่าสนใจของ ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย 
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • สิ่งแรกที่คริสตี โนม (Kristi Noem) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิ (US Secretary of the Department of Homeland Security - DHS) เดินทางมาถึงอิสราเอล คือการเยือนกำแพงร้องไห้ หรือ "Wailing Wall" ศาสนสถานที่เคารพสักการะของชาวยิวในอิสราเอล
    สิ่งแรกที่คริสตี โนม (Kristi Noem) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิ (US Secretary of the Department of Homeland Security - DHS) เดินทางมาถึงอิสราเอล คือการเยือนกำแพงร้องไห้ หรือ "Wailing Wall" ศาสนสถานที่เคารพสักการะของชาวยิวในอิสราเอล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 20 0 รีวิว
  • ภาพระบบป้องกันภัย Patriot ของยูเครนยิงขีปนาวุธออกเป็นชุดจำนวนมากเหมือนปืนกล เพื่อพยายามสกัดกั้นโดรนราคาถูกจากรัสเซีย ถูกวิจารณ์จากหลายฝ่าย ว่ายูเครนใช้ทรัพยากรที่ยุโรปอุตส่าห์หารวบรวมมาให้เป็นเวลาหลายเดือนอย่างสิ้นเปลือง

    เป็นสาเหตุให้หน่วยงานความมั่นคงของยูเครนคุมเข้มอย่างหนักในการเผยแพร่ภาพเหล่านี้



    ภาพระบบป้องกันภัย Patriot ของยูเครนยิงขีปนาวุธออกเป็นชุดจำนวนมากเหมือนปืนกล เพื่อพยายามสกัดกั้นโดรนราคาถูกจากรัสเซีย ถูกวิจารณ์จากหลายฝ่าย ว่ายูเครนใช้ทรัพยากรที่ยุโรปอุตส่าห์หารวบรวมมาให้เป็นเวลาหลายเดือนอย่างสิ้นเปลือง เป็นสาเหตุให้หน่วยงานความมั่นคงของยูเครนคุมเข้มอย่างหนักในการเผยแพร่ภาพเหล่านี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 19 0 รีวิว
  • 3/
    เป็นคืนที่สองที่รัสเซียระดมโจมตียูเครนด้วยโดรนมากกว่าร้อยลำ

    มีรายงานว่าหน่วยงานด้านความมั่นคงของยูเครนตรวจสอบสื่อยูเครนอย่างหนัก หลังจากเมื่อวานมีภาพความเสียหายหลายแห่งหลุดสู่โซเชียล
    3/ เป็นคืนที่สองที่รัสเซียระดมโจมตียูเครนด้วยโดรนมากกว่าร้อยลำ มีรายงานว่าหน่วยงานด้านความมั่นคงของยูเครนตรวจสอบสื่อยูเครนอย่างหนัก หลังจากเมื่อวานมีภาพความเสียหายหลายแห่งหลุดสู่โซเชียล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 226 มุมมอง 11 0 รีวิว
  • 2/
    เป็นคืนที่สองที่รัสเซียระดมโจมตียูเครนด้วยโดรนมากกว่าร้อยลำ

    มีรายงานว่าหน่วยงานด้านความมั่นคงของยูเครนตรวจสอบสื่อยูเครนอย่างหนัก หลังจากเมื่อวานมีภาพความเสียหายหลายแห่งหลุดสู่โซเชียล
    2/ เป็นคืนที่สองที่รัสเซียระดมโจมตียูเครนด้วยโดรนมากกว่าร้อยลำ มีรายงานว่าหน่วยงานด้านความมั่นคงของยูเครนตรวจสอบสื่อยูเครนอย่างหนัก หลังจากเมื่อวานมีภาพความเสียหายหลายแห่งหลุดสู่โซเชียล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 219 มุมมอง 8 0 รีวิว
  • 1/
    เป็นคืนที่สองที่รัสเซียระดมโจมตียูเครนด้วยโดรนมากกว่าร้อยลำ

    มีรายงานว่าหน่วยงานด้านความมั่นคงของยูเครนตรวจสอบสื่อยูเครนอย่างหนัก หลังจากเมื่อวานมีภาพความเสียหายหลายแห่งหลุดสู่โซเชียล
    1/ เป็นคืนที่สองที่รัสเซียระดมโจมตียูเครนด้วยโดรนมากกว่าร้อยลำ มีรายงานว่าหน่วยงานด้านความมั่นคงของยูเครนตรวจสอบสื่อยูเครนอย่างหนัก หลังจากเมื่อวานมีภาพความเสียหายหลายแห่งหลุดสู่โซเชียล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 219 มุมมอง 9 0 รีวิว
  • รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เคลื่อนไหวอย่างน่าตกตะลึงหวังยกเครื่องสภาความมั่นคงแห่งชาติ (NSC) มีรายงานว่ากำหนดให้เจ้าหน้าที่มากกว่า 100 คน ลาพักโดยได้รับค่าจ้างและปรับลดเจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาและประสานงานที่ทรงอิทธิพลขององค์กรแห่งนี้ ในความเคลื่อนไหวที่แหล่งข่าวทำเนียบขาวรายหนึ่งให้คำจำกัดความว่าเป็นความพยายาม "คว้านไส้รัฐพันลึก (Deep State)"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000048742

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เคลื่อนไหวอย่างน่าตกตะลึงหวังยกเครื่องสภาความมั่นคงแห่งชาติ (NSC) มีรายงานว่ากำหนดให้เจ้าหน้าที่มากกว่า 100 คน ลาพักโดยได้รับค่าจ้างและปรับลดเจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาและประสานงานที่ทรงอิทธิพลขององค์กรแห่งนี้ ในความเคลื่อนไหวที่แหล่งข่าวทำเนียบขาวรายหนึ่งให้คำจำกัดความว่าเป็นความพยายาม "คว้านไส้รัฐพันลึก (Deep State)" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000048742 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1099 มุมมอง 0 รีวิว
  • "One Big Beautiful Bill": สภาผู้แทนฯ สหรัฐฯ สนับสนุนแผนของทรัมป์ในการระงับกฎหมาย AI ระดับรัฐเป็นเวลา 10 ปี

    สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมาย "One Big Beautiful Bill" ของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีเป้าหมาย ปรับโครงสร้างภาษีและนโยบายตรวจคนเข้าเมือง แต่ที่เป็นประเด็นร้อนแรงคือ ข้อกำหนดที่ห้ามรัฐออกกฎหมายควบคุม AI เป็นเวลา 10 ปี

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับร่างกฎหมาย "One Big Beautiful Bill"
    ✅ ร่างกฎหมายนี้ห้ามรัฐออกกฎหมายควบคุม AI เป็นเวลา 10 ปี
    - ครอบคลุม ทั้งโมเดล AI และผลิตภัณฑ์ที่ใช้ AI เช่น รถยนต์, IoT, โซเชียลมีเดีย และอุปกรณ์ทางการแพทย์

    ✅ นักวิจารณ์กังวลว่าการระงับกฎหมายระดับรัฐอาจเปิดช่องให้ AI ถูกใช้ในทางที่ผิด
    - อาจทำให้ นักพัฒนา AI สามารถสร้างระบบที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและความมั่นคง

    ✅ สมาชิกพรรครีพับลิกันบางส่วนเตือนว่าร่างกฎหมายนี้อาจกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
    - วุฒิสมาชิก Marsha Blackburn และ Josh Hawley ระบุว่าอาจทำให้ Deepfake และภัยคุกคาม AI เพิ่มขึ้น

    ✅ องค์กรด้านสิทธิและความเป็นส่วนตัว เช่น Electronic Frontier Foundation คัดค้านร่างกฎหมายนี้
    - มองว่า เป็นความพยายามของ Big Tech ในการลดข้อจำกัดด้าน AI

    ✅ ผู้สนับสนุนร่างกฎหมายมองว่าการระงับกฎหมายระดับรัฐช่วยให้บริษัทสหรัฐฯ แข่งขันกับจีนได้ดีขึ้น
    - เชื่อว่า กฎระเบียบที่เข้มงวดอาจขัดขวางนวัตกรรมและลดโอกาสของสหรัฐฯ ในการเป็นผู้นำด้าน AI

    ✅ ร่างกฎหมายยังต้องผ่านการพิจารณาของวุฒิสภาก่อนที่ทรัมป์จะลงนามเป็นกฎหมาย
    - นักวิเคราะห์มองว่า ทรัมป์อาจเผชิญแรงต้านจากวุฒิสมาชิกที่กังวลเรื่องอำนาจของรัฐ

    https://www.techspot.com/news/108036-one-big-beautiful-bill-house-backs-trump-plan.html
    "One Big Beautiful Bill": สภาผู้แทนฯ สหรัฐฯ สนับสนุนแผนของทรัมป์ในการระงับกฎหมาย AI ระดับรัฐเป็นเวลา 10 ปี สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมาย "One Big Beautiful Bill" ของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีเป้าหมาย ปรับโครงสร้างภาษีและนโยบายตรวจคนเข้าเมือง แต่ที่เป็นประเด็นร้อนแรงคือ ข้อกำหนดที่ห้ามรัฐออกกฎหมายควบคุม AI เป็นเวลา 10 ปี 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับร่างกฎหมาย "One Big Beautiful Bill" ✅ ร่างกฎหมายนี้ห้ามรัฐออกกฎหมายควบคุม AI เป็นเวลา 10 ปี - ครอบคลุม ทั้งโมเดล AI และผลิตภัณฑ์ที่ใช้ AI เช่น รถยนต์, IoT, โซเชียลมีเดีย และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ✅ นักวิจารณ์กังวลว่าการระงับกฎหมายระดับรัฐอาจเปิดช่องให้ AI ถูกใช้ในทางที่ผิด - อาจทำให้ นักพัฒนา AI สามารถสร้างระบบที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและความมั่นคง ✅ สมาชิกพรรครีพับลิกันบางส่วนเตือนว่าร่างกฎหมายนี้อาจกระทบต่อความมั่นคงของชาติ - วุฒิสมาชิก Marsha Blackburn และ Josh Hawley ระบุว่าอาจทำให้ Deepfake และภัยคุกคาม AI เพิ่มขึ้น ✅ องค์กรด้านสิทธิและความเป็นส่วนตัว เช่น Electronic Frontier Foundation คัดค้านร่างกฎหมายนี้ - มองว่า เป็นความพยายามของ Big Tech ในการลดข้อจำกัดด้าน AI ✅ ผู้สนับสนุนร่างกฎหมายมองว่าการระงับกฎหมายระดับรัฐช่วยให้บริษัทสหรัฐฯ แข่งขันกับจีนได้ดีขึ้น - เชื่อว่า กฎระเบียบที่เข้มงวดอาจขัดขวางนวัตกรรมและลดโอกาสของสหรัฐฯ ในการเป็นผู้นำด้าน AI ✅ ร่างกฎหมายยังต้องผ่านการพิจารณาของวุฒิสภาก่อนที่ทรัมป์จะลงนามเป็นกฎหมาย - นักวิเคราะห์มองว่า ทรัมป์อาจเผชิญแรงต้านจากวุฒิสมาชิกที่กังวลเรื่องอำนาจของรัฐ https://www.techspot.com/news/108036-one-big-beautiful-bill-house-backs-trump-plan.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    "One Big Beautiful Bill": House backs Trump plan to freeze state AI laws for a decade
    The moratorium applies not only to AI models but also to any products or services integrating AI, effectively banning and overriding state regulations in those areas. The...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว

  • อันตรายมากๆ,นี้ถ้าใช้ตังดิจิดัลนะยิ่งโคตรอันตรายมหาศาลความเสี่ยงสูงหลายเท่า,จริงๆรัฐบาลควรลงมาควบคุมและดำเนินการเองทั้งกมด,ยกเลิกใบอนุญาตทุกๆรายที่ปล่อยไป,นี้คือความมั่นคงอีกนัยยะหนึ่งแห่งโลกยุคต่อไป,แต่รัฐบาลเราผีบ้า ไปยกให้เอกชนทำ,ผูกขาดอีกด้วย,เสือกไม่ทำเอง ให้บริการถูกๆแบบสาธารณะเป็นธรรม กระทั้งปล่อยคลื่นเน็ตฟรีๆทั่วไทยก็ได้,จะสิ้นเปลืองงบดูแลรักษาระบบอะไร,ยิ่งดาวเทียมเน็ตยิ่งตรงลงมือถือประชาชนแบบฟรีอีก เหมือนระบบstarlinkแต่ไทยเราไม่เก็บตังอะไรแก่คนไทยสัญชาติไทย,1idบัตร 1ชิมมือถือ เข้าโค้ตยืนยันสถานะคนไทยก็ใช้เน็ตฟรีทั่วไทย อำนวยการแข่งขันทางเศรษฐกิจและการเรียนรู้ประชาชนจริงอีก,กำจัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ด้วยเพราะบัตรประชาชนต่อ1ซิมแค่นั้น,โละของเก่าทิ้งทั้งหมด,ติดตามใครที่กระทำผิดสายโชเชียล&ดูดตังประชาชนคนไทยได้สาระพัดอีก.,นี้คือความมั่นคงทางข้อมูลดาต้าของประชาชนจริงๆ,แก้ไขทันทีเมื่อผิดพลาด,อย่าไม่แก้ไขและให้เอกชนร่ำรวยบนความเอารัดเอาเปรียบประชาชนในความยากจนอีกเลย,ทาสคนไทยต้องจ่ายค่าดำรงชีวิตค่าคุ้มครองการสื่อสารทุกๆเดือนหรือรายปีจริงๆ เราจะมีวิถีการปกครองเพื่ออำนวยให้คนไทยประชาชนคนไทยเป็นทาสสไตล์ต่างๆอีกนานมั้ย,แล้วจะเก็บการปกครองที่ปล้นความร่ำรวยมั่งคั่งของประชาชนไว้ทำไม.
    https://www.amarintv.com/spotlight/business-marketing/514934
    อันตรายมากๆ,นี้ถ้าใช้ตังดิจิดัลนะยิ่งโคตรอันตรายมหาศาลความเสี่ยงสูงหลายเท่า,จริงๆรัฐบาลควรลงมาควบคุมและดำเนินการเองทั้งกมด,ยกเลิกใบอนุญาตทุกๆรายที่ปล่อยไป,นี้คือความมั่นคงอีกนัยยะหนึ่งแห่งโลกยุคต่อไป,แต่รัฐบาลเราผีบ้า ไปยกให้เอกชนทำ,ผูกขาดอีกด้วย,เสือกไม่ทำเอง ให้บริการถูกๆแบบสาธารณะเป็นธรรม กระทั้งปล่อยคลื่นเน็ตฟรีๆทั่วไทยก็ได้,จะสิ้นเปลืองงบดูแลรักษาระบบอะไร,ยิ่งดาวเทียมเน็ตยิ่งตรงลงมือถือประชาชนแบบฟรีอีก เหมือนระบบstarlinkแต่ไทยเราไม่เก็บตังอะไรแก่คนไทยสัญชาติไทย,1idบัตร 1ชิมมือถือ เข้าโค้ตยืนยันสถานะคนไทยก็ใช้เน็ตฟรีทั่วไทย อำนวยการแข่งขันทางเศรษฐกิจและการเรียนรู้ประชาชนจริงอีก,กำจัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ด้วยเพราะบัตรประชาชนต่อ1ซิมแค่นั้น,โละของเก่าทิ้งทั้งหมด,ติดตามใครที่กระทำผิดสายโชเชียล&ดูดตังประชาชนคนไทยได้สาระพัดอีก.,นี้คือความมั่นคงทางข้อมูลดาต้าของประชาชนจริงๆ,แก้ไขทันทีเมื่อผิดพลาด,อย่าไม่แก้ไขและให้เอกชนร่ำรวยบนความเอารัดเอาเปรียบประชาชนในความยากจนอีกเลย,ทาสคนไทยต้องจ่ายค่าดำรงชีวิตค่าคุ้มครองการสื่อสารทุกๆเดือนหรือรายปีจริงๆ เราจะมีวิถีการปกครองเพื่ออำนวยให้คนไทยประชาชนคนไทยเป็นทาสสไตล์ต่างๆอีกนานมั้ย,แล้วจะเก็บการปกครองที่ปล้นความร่ำรวยมั่งคั่งของประชาชนไว้ทำไม. https://www.amarintv.com/spotlight/business-marketing/514934
    WWW.AMARINTV.COM
    สรุป #ทรูล่ม เน็ต-มือถือใช้ไม่ได้ ผู้ใช้บ่นระงม งานนี้ใครต้องรับผิดชอบ?
    ทรูล่มทั่วประเทศตั้งแต่เช้า ผู้ใช้งานเดือดร้อนทั้งอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ ขึ้นเทรนด์ #ทรูล่ม อันดับ 1 บนโซเชียล ขณะที่ กสทช. เร่งติดตามและขอคำชี้แจงจากทรู ด้านผู้บริโภคเรียกร้องความรับผิดชอบและการเยียวยา พร้อมตั้งคำถามถึงแผนควบรวมทรู-ดีแทคที่อาจกระทบเสถียรภาพระบบเครือข่ายในอนาคต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 178 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เสนอร่างกฎหมายภาษีและงบประมาณขนาดใหญ่ที่เรียกว่า"One Big Beautiful Bill" ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของวาระที่สองของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ร่างกฎหมายยาว 1,116 หน้านี้มีเนื้อหาครอบคลุมหลายด้าน ตั้งแต่การลดภาษี การปรับโครงสร้างสวัสดิการสังคม ไปจนถึงการเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคงสาระสำคัญของร่างกฎหมายนโยบายด้านภาษีแกนหลักของร่างกฎหมายคือการขยายระยะเวลาTax Cuts and Jobs Act (TCJA) ปี 2017 ให้มีผลถาวร ซึ่งจะเป็นประโยชน์โดยตรงต่อผู้มีรายได้สูงและชนชั้นมั่งคั่ง นอกจากนี้ยังรวมถึงการยกเลิกภาษีเงินทิปสำหรับพนักงานในอุตสาหกรรมบริการและพนักงานความงาม รวมทั้งการยกเลิกภาษีค่าตอบแทนล่วงเวลา ซึ่งทั้งสองมาตรการนี้จะมีผลชั่วคราวจนถึงสิ้นปี 2028ร่างกฎหมายยังรวมถึงการเพิ่มการหักลดหย่อนภาษีState and Local Tax Deduction (SALT)จาก 10,000 ดอลลาร์ (330,000 บาท) เป็น 40,000 ดอลลาร์ (1.32 ล้านบาท) ต่อครัวเรือนสำหรับรายได้ถึง 500,000 ดอลลาร์ (16.5 ล้านบาท) การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นผลจากแรงกดดันจากสมาชิกรีพับลิกันในรัฐที่มีภาษีรัฐและท้องถิ่นสูง เช่น นิวยอร์ก และแคลิฟอร์เนีย ซึ่งประชาชนในรัฐเหล่านี้ต้องจ่ายภาษีรัฐและภาษีทรัพย์สินจำนวนมากมาตรการภาษีอื่นๆ ได้แก่ การยกเลิกภาษี 200 ดอลลาร์ (6,600 บาท) สำหรับเครื่องเก็บเสียงปืน การเพิ่มเครดิตภาษีเด็กจาก 2,000 ดอลลาร์เป็น 2,500 ดอลลาร์ (82,500 บาท) และการอนุญาตให้หักลดหย่อนดอกเบี้ยสินเชื่อรถยนต์สูงสุด 10,000 ดอลลาร์สำหรับรถที่ประกอบในสหรัฐฯโครงการ "Trump Accounts"ร่างกฎหมายสร้างบัญชีออมทรัพย์สำหรับเด็ก 1,000 ดอลลาร์ (33,000บาท) ที่เรียกว่า"Trump Accounts" (เดิมชื่อ "MAGA Accounts") รัฐบาลกลางจะสมทบ 1,000 ดอลลาร์ให้เด็กที่เกิดระหว่างปี 2024-2028 พ่อแม่สามารถสมทบเพิ่มได้ปีละ 5,000 ดอลลาร์ (165,000 บาท) เงินในบัญชีสามารถใช้สำหรับการศึกษาต่อ การฝึกอาชีพ และการซื้อบ้านหลังแรกเมื่อบุตรอายุครบ 18 ปีการปฏิรูป Medicaid และ SNAPร่างกฎหมายเสนอการปฏิรูป Medicaid ของรัฐบาลไบเดนอย่างถอนรากถอนโคน โดยกำหนดให้ผู้ใหญ่ที่สุขภาพดีอายุ 18-65 ปีที่ไม่มีบุตรต่ำกว่า 7 ปีต้องทำงานเพื่อได้รับสวัสดิการ นอกจากนี้ยังห้ามใช้ Medicaid สำหรับการรักษาเปลี่ยนเพศและตัดงบประมาณสำหรับรัฐที่ให้ความช่วยเหลือผู้อพยพผิดกฎหมายการปฏิรูปSupplemental Nutrition Assistance Program (SNAP) จะขยายเงื่อนไขการทำงานให้ครอบคลุมผู้ใหญ่อายุ 18-64 ปี และเปลี่ยนการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายระหว่างรัฐบาลกลางกับรัฐต่างๆ โดยในปัจจุบันรัฐบาลกลางรับผิดชอบค่าใช้จ่ายการให้ผลประโยชน์ 100% และค่าดำเนินการ 50% แต่ร่างกฎหมายใหม่จะให้รัฐต่างๆ รับผิดชอบค่าใช้จ่ายการให้ผลประโยชน์ 5% และค่าดำเนินการ 75% โปรแกรมนี้ให้ความช่วยเหลือคนอเมริกันกว่า 42 ล้านคนงบประมาณด้านความมั่นคงร่างกฎหมายจัดสรรงบประมาณ 4.65 หมื่นล้านดอลลาร์ (1.53 ล้านล้านบาท) สำหรับกำแพงชายแดน 4.1 พันล้านดอลลาร์ (135,000 ล้านบาท) สำหรับการจ้างเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ (66,000 ล้านบาท) สำหรับเงินรางวัลจูงใจให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเข้ามาทำงานใหม่และคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปการยุติโครงการพลังงานสะอาดร่างกฎหมายจะยุติเครดิตภาษีสำหรับพลังงานสะอาดหลายรายการ โดยกำหนดให้โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนใหม่ต้องเริ่มก่อสร้างภายใน 60 วันหลังจากกฎหมายมีผลบังคับใช้และเปิดให้บริการภายในสิ้นปี 2028 ยกเว้นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่มีเวลาถึงสิ้นปี 2028โอกาสการผ่านกฎหมายและขั้นตอนที่เหลือร่างกฎหมายผ่านคณะกรรมการงบประมาณสภาผู้แทนราษฎรด้วยคะแนนเสียงเพียงเล็กน้อย 17-16 เสียงในการประชุมวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จากนั้นได้ผ่านการลงมติในสภาผู้แทนราษฎรด้วยคะแนนเสียงเกินมาเพียงหนึ่งเสียงหลังจากการประชุมตลอดคืนขั้นตอนต่อไปคือการส่งไปยังคณะกรรมการกฎระเบียบสภาผู้แทนราษฎรในช่วงกลางสัปดาห์เพื่อกำหนดเงื่อนไขการอภิปรายและพิจารณาการแก้ไข ก่อนนำเสนอต่อที่ประชุมใหญ่สภาผู้แทนราษฎร หากผ่านสภาผู้แทนราษฎร จะส่งต่อไปยังวุฒิสภา ซึ่งอาจพบกับความท้าทายเพิ่มเติมเนื่องจากสมาชิกวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกันหลายคนต้องการการแก้ไขเพิ่มเติมร่างกฎหมายนี้การที่ผ่านด้วยคะแนนเสียงเพียงเล็กน้อยในสภาผู้แทนราษฎรแสดงให้เห็นถึงความแตกแยกภายในพรรครีพับลิกัน ทำให้การผ่านในวุฒิสภาอาจมีความท้าทายมากกว่าผู้ได้รับประโยชน์และผู้เสียประโยชน์ผู้ได้รับประโยชน์บริษัทผู้รับเหมาด้านการป้องกันประเทศจะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มงบประมาณอย่างมีนัยสำคัญ RTX Corp (NYSE:RTX) และ Lockheed Martin Corp (NYSE:LMT) ถือเป็นผู้ได้รับประโยชน์โดยตรง รวมถึงบริษัทเทคโนโลยีที่ให้บริการภาครัฐ เช่น Palantir Technologies (NASDAQ:PLTR) และ Booz Allen Hamilton (NYSE:BAH)ผู้มีรายได้สูงและชนชั้นมั่งคั่งจะได้รับประโยชน์จากการขยายเวลา TCJA และการเพิ่ม SALT deduction ขีดจำกัด พนักงานในอุตสาหกรรมบริการจะได้รับประโยชน์จากการยกเลิกภาษีเงินทิปและค่าล่วงเวลาผู้เสียประโยชน์บริษัทประกันสุขภาพที่ให้บริการ Medicaid จะเผชิญกับความไม่แน่นอนอย่างมาก UnitedHealth Group (NYSE:UNH), Centene Corp (NYSE:CNC) และ Elevance Health (NYSE:ELV) อาจได้รับผลกระทบจากความผันผวนของจำนวนผู้เอาประกันและความท้าทายในการกำหนดราคาเบี้ยประกันคนอเมริกันรายได้น้อยกว่า 42 ล้านคนที่พึ่งพา SNAP จะได้รับผลกระทบจากการเพิ่มเงื่อนไขการทำงานและการโยกภาระไปยังรัฐต่างๆอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดจะได้รับผลกระทบอย่างมาก หุ้นพลังงานสะอาด ได้แก่ Enphase Energy (NASDAQ:ENPH), First Solar (NASDAQ:FSLR) และ Sunrun (NASDAQ:RUN) ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในวันจันทร์หลังจากข่าวออกมาปฏิกิริยาของตลาดและนักลงทุนความกังวลในตลาดพันธบัตรตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ มูลค่า 28 ล้านล้านดอลลาร์ (924 ล้านล้านบาท) แสดงสัญญาณความไม่สบายใจอย่างชัดเจน พันธบัตรอายุ 30 ปีได้เพิ่มขึ้นประมาณ 0.11% นับตั้งแต่วันจันทร์ที่ 19 พ.ค. และแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2023ด้านนักเศรษฐศาสตร์หัวหน้าของ FWDBONDS ระบุว่า ร่างกฎหมายนี้ "ดูเหมือนจะทำลายงบประมาณในระยะใกล้เมื่อพิจารณาจากการใช้จ่าย" อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้นเนื่องจากคาดการณ์ว่าจะมีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มเติมเพื่อหาเงินทุนสำหรับการขาดดุลงบประมาณความต้องการอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นในการประมูลพันธบัตรอายุ 20 ปี มูลค่า 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ (528,000 ล้านบาท) เมื่อวันพุธที่ผ่านมา นักลงทุนเรียกร้องอัตราผลตอบแทนสูงกว่า 5% เปรียบเทียบกับ 4.6% ที่เคยเป็นบรรทัดฐานในการประมูลก่อนหน้านี้ สะท้อนความกังวลที่เพิ่มขึ้นต่อความเสี่ยงการลงทุนในหนี้รัฐบาลสหรัฐฯความกลัว "Bond Vigilantes"นักลงทุนแสดงความกังวลต่อการเกิดขึ้นของ "Bond Vigilantes" หรือนักลงทุนที่บังคับให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนโยบายโดยการขายหรือขู่ว่าจะขายหนี้ของรัฐบาล ปรากฏการณ์นี้เป็นหนึ่งในเหตุผลที่การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสามารถสร้างความไม่แน่นอนในตลาดหุ้นได้ผลกระทบที่คาดการณ์หากตลาดไม่พอใจหากตลาดพันธบัตรยังคงแสดงความไม่พอใจต่อร่างกฎหมายนี้ อาจส่งผลให้เกิดการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยทั่วไปในระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยจำนองที่อยู่อาศัยจะปรับตัวตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปี การเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจึงหมายถึงต้นทุนการกู้เงินที่สูงขึ้นสำหรับผู้บริโภคทั่วไปนอกจากนี้ การลดอันดับเครดิตของสหรัฐฯ โดย Moody's เมื่อเร็วๆ นี้ ประกอบกับความกังวลเรื่องการขาดดุลงบประมาณที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลกระทบแบบต่อเนื่องไปยังรัฐและท้องถิ่น ดังเช่นกรณีรัฐแมริแลนด์ที่ถูก Moody's ลดอันดับเครดิต Aaa ส่งผลให้ต้นทุนการกู้เงินสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน อาคารโรงเรียน และสาธารณูปโภคของรัฐและท้องถิ่นเพิ่มสูงขึ้นท้ายที่สุด ร่างกฎหมาย "One Big Beautiful Bill" ของทรัมป์จึงเป็นการทดสอบที่สำคัญต่อความสามารถในการสร้างสมดุลระหว่างนโยบายการคลังที่ต้องการและความยั่งยืนทางการเงินในระยะยาว ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีต่อๆ ไป. . https://www.cbsnews.com/news/whats-in-trumps-one-big-beautiful-bill-medicaid-taxes/#
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เสนอร่างกฎหมายภาษีและงบประมาณขนาดใหญ่ที่เรียกว่า"One Big Beautiful Bill" ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของวาระที่สองของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ร่างกฎหมายยาว 1,116 หน้านี้มีเนื้อหาครอบคลุมหลายด้าน ตั้งแต่การลดภาษี การปรับโครงสร้างสวัสดิการสังคม ไปจนถึงการเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคงสาระสำคัญของร่างกฎหมายนโยบายด้านภาษีแกนหลักของร่างกฎหมายคือการขยายระยะเวลาTax Cuts and Jobs Act (TCJA) ปี 2017 ให้มีผลถาวร ซึ่งจะเป็นประโยชน์โดยตรงต่อผู้มีรายได้สูงและชนชั้นมั่งคั่ง นอกจากนี้ยังรวมถึงการยกเลิกภาษีเงินทิปสำหรับพนักงานในอุตสาหกรรมบริการและพนักงานความงาม รวมทั้งการยกเลิกภาษีค่าตอบแทนล่วงเวลา ซึ่งทั้งสองมาตรการนี้จะมีผลชั่วคราวจนถึงสิ้นปี 2028ร่างกฎหมายยังรวมถึงการเพิ่มการหักลดหย่อนภาษีState and Local Tax Deduction (SALT)จาก 10,000 ดอลลาร์ (330,000 บาท) เป็น 40,000 ดอลลาร์ (1.32 ล้านบาท) ต่อครัวเรือนสำหรับรายได้ถึง 500,000 ดอลลาร์ (16.5 ล้านบาท) การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นผลจากแรงกดดันจากสมาชิกรีพับลิกันในรัฐที่มีภาษีรัฐและท้องถิ่นสูง เช่น นิวยอร์ก และแคลิฟอร์เนีย ซึ่งประชาชนในรัฐเหล่านี้ต้องจ่ายภาษีรัฐและภาษีทรัพย์สินจำนวนมากมาตรการภาษีอื่นๆ ได้แก่ การยกเลิกภาษี 200 ดอลลาร์ (6,600 บาท) สำหรับเครื่องเก็บเสียงปืน การเพิ่มเครดิตภาษีเด็กจาก 2,000 ดอลลาร์เป็น 2,500 ดอลลาร์ (82,500 บาท) และการอนุญาตให้หักลดหย่อนดอกเบี้ยสินเชื่อรถยนต์สูงสุด 10,000 ดอลลาร์สำหรับรถที่ประกอบในสหรัฐฯโครงการ "Trump Accounts"ร่างกฎหมายสร้างบัญชีออมทรัพย์สำหรับเด็ก 1,000 ดอลลาร์ (33,000บาท) ที่เรียกว่า"Trump Accounts" (เดิมชื่อ "MAGA Accounts") รัฐบาลกลางจะสมทบ 1,000 ดอลลาร์ให้เด็กที่เกิดระหว่างปี 2024-2028 พ่อแม่สามารถสมทบเพิ่มได้ปีละ 5,000 ดอลลาร์ (165,000 บาท) เงินในบัญชีสามารถใช้สำหรับการศึกษาต่อ การฝึกอาชีพ และการซื้อบ้านหลังแรกเมื่อบุตรอายุครบ 18 ปีการปฏิรูป Medicaid และ SNAPร่างกฎหมายเสนอการปฏิรูป Medicaid ของรัฐบาลไบเดนอย่างถอนรากถอนโคน โดยกำหนดให้ผู้ใหญ่ที่สุขภาพดีอายุ 18-65 ปีที่ไม่มีบุตรต่ำกว่า 7 ปีต้องทำงานเพื่อได้รับสวัสดิการ นอกจากนี้ยังห้ามใช้ Medicaid สำหรับการรักษาเปลี่ยนเพศและตัดงบประมาณสำหรับรัฐที่ให้ความช่วยเหลือผู้อพยพผิดกฎหมายการปฏิรูปSupplemental Nutrition Assistance Program (SNAP) จะขยายเงื่อนไขการทำงานให้ครอบคลุมผู้ใหญ่อายุ 18-64 ปี และเปลี่ยนการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายระหว่างรัฐบาลกลางกับรัฐต่างๆ โดยในปัจจุบันรัฐบาลกลางรับผิดชอบค่าใช้จ่ายการให้ผลประโยชน์ 100% และค่าดำเนินการ 50% แต่ร่างกฎหมายใหม่จะให้รัฐต่างๆ รับผิดชอบค่าใช้จ่ายการให้ผลประโยชน์ 5% และค่าดำเนินการ 75% โปรแกรมนี้ให้ความช่วยเหลือคนอเมริกันกว่า 42 ล้านคนงบประมาณด้านความมั่นคงร่างกฎหมายจัดสรรงบประมาณ 4.65 หมื่นล้านดอลลาร์ (1.53 ล้านล้านบาท) สำหรับกำแพงชายแดน 4.1 พันล้านดอลลาร์ (135,000 ล้านบาท) สำหรับการจ้างเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ (66,000 ล้านบาท) สำหรับเงินรางวัลจูงใจให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเข้ามาทำงานใหม่และคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปการยุติโครงการพลังงานสะอาดร่างกฎหมายจะยุติเครดิตภาษีสำหรับพลังงานสะอาดหลายรายการ โดยกำหนดให้โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนใหม่ต้องเริ่มก่อสร้างภายใน 60 วันหลังจากกฎหมายมีผลบังคับใช้และเปิดให้บริการภายในสิ้นปี 2028 ยกเว้นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่มีเวลาถึงสิ้นปี 2028โอกาสการผ่านกฎหมายและขั้นตอนที่เหลือร่างกฎหมายผ่านคณะกรรมการงบประมาณสภาผู้แทนราษฎรด้วยคะแนนเสียงเพียงเล็กน้อย 17-16 เสียงในการประชุมวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จากนั้นได้ผ่านการลงมติในสภาผู้แทนราษฎรด้วยคะแนนเสียงเกินมาเพียงหนึ่งเสียงหลังจากการประชุมตลอดคืนขั้นตอนต่อไปคือการส่งไปยังคณะกรรมการกฎระเบียบสภาผู้แทนราษฎรในช่วงกลางสัปดาห์เพื่อกำหนดเงื่อนไขการอภิปรายและพิจารณาการแก้ไข ก่อนนำเสนอต่อที่ประชุมใหญ่สภาผู้แทนราษฎร หากผ่านสภาผู้แทนราษฎร จะส่งต่อไปยังวุฒิสภา ซึ่งอาจพบกับความท้าทายเพิ่มเติมเนื่องจากสมาชิกวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกันหลายคนต้องการการแก้ไขเพิ่มเติมร่างกฎหมายนี้การที่ผ่านด้วยคะแนนเสียงเพียงเล็กน้อยในสภาผู้แทนราษฎรแสดงให้เห็นถึงความแตกแยกภายในพรรครีพับลิกัน ทำให้การผ่านในวุฒิสภาอาจมีความท้าทายมากกว่าผู้ได้รับประโยชน์และผู้เสียประโยชน์ผู้ได้รับประโยชน์บริษัทผู้รับเหมาด้านการป้องกันประเทศจะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มงบประมาณอย่างมีนัยสำคัญ RTX Corp (NYSE:RTX) และ Lockheed Martin Corp (NYSE:LMT) ถือเป็นผู้ได้รับประโยชน์โดยตรง รวมถึงบริษัทเทคโนโลยีที่ให้บริการภาครัฐ เช่น Palantir Technologies (NASDAQ:PLTR) และ Booz Allen Hamilton (NYSE:BAH)ผู้มีรายได้สูงและชนชั้นมั่งคั่งจะได้รับประโยชน์จากการขยายเวลา TCJA และการเพิ่ม SALT deduction ขีดจำกัด พนักงานในอุตสาหกรรมบริการจะได้รับประโยชน์จากการยกเลิกภาษีเงินทิปและค่าล่วงเวลาผู้เสียประโยชน์บริษัทประกันสุขภาพที่ให้บริการ Medicaid จะเผชิญกับความไม่แน่นอนอย่างมาก UnitedHealth Group (NYSE:UNH), Centene Corp (NYSE:CNC) และ Elevance Health (NYSE:ELV) อาจได้รับผลกระทบจากความผันผวนของจำนวนผู้เอาประกันและความท้าทายในการกำหนดราคาเบี้ยประกันคนอเมริกันรายได้น้อยกว่า 42 ล้านคนที่พึ่งพา SNAP จะได้รับผลกระทบจากการเพิ่มเงื่อนไขการทำงานและการโยกภาระไปยังรัฐต่างๆอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดจะได้รับผลกระทบอย่างมาก หุ้นพลังงานสะอาด ได้แก่ Enphase Energy (NASDAQ:ENPH), First Solar (NASDAQ:FSLR) และ Sunrun (NASDAQ:RUN) ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในวันจันทร์หลังจากข่าวออกมาปฏิกิริยาของตลาดและนักลงทุนความกังวลในตลาดพันธบัตรตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ มูลค่า 28 ล้านล้านดอลลาร์ (924 ล้านล้านบาท) แสดงสัญญาณความไม่สบายใจอย่างชัดเจน พันธบัตรอายุ 30 ปีได้เพิ่มขึ้นประมาณ 0.11% นับตั้งแต่วันจันทร์ที่ 19 พ.ค. และแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2023ด้านนักเศรษฐศาสตร์หัวหน้าของ FWDBONDS ระบุว่า ร่างกฎหมายนี้ "ดูเหมือนจะทำลายงบประมาณในระยะใกล้เมื่อพิจารณาจากการใช้จ่าย" อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้นเนื่องจากคาดการณ์ว่าจะมีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มเติมเพื่อหาเงินทุนสำหรับการขาดดุลงบประมาณความต้องการอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นในการประมูลพันธบัตรอายุ 20 ปี มูลค่า 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ (528,000 ล้านบาท) เมื่อวันพุธที่ผ่านมา นักลงทุนเรียกร้องอัตราผลตอบแทนสูงกว่า 5% เปรียบเทียบกับ 4.6% ที่เคยเป็นบรรทัดฐานในการประมูลก่อนหน้านี้ สะท้อนความกังวลที่เพิ่มขึ้นต่อความเสี่ยงการลงทุนในหนี้รัฐบาลสหรัฐฯความกลัว "Bond Vigilantes"นักลงทุนแสดงความกังวลต่อการเกิดขึ้นของ "Bond Vigilantes" หรือนักลงทุนที่บังคับให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนโยบายโดยการขายหรือขู่ว่าจะขายหนี้ของรัฐบาล ปรากฏการณ์นี้เป็นหนึ่งในเหตุผลที่การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสามารถสร้างความไม่แน่นอนในตลาดหุ้นได้ผลกระทบที่คาดการณ์หากตลาดไม่พอใจหากตลาดพันธบัตรยังคงแสดงความไม่พอใจต่อร่างกฎหมายนี้ อาจส่งผลให้เกิดการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยทั่วไปในระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยจำนองที่อยู่อาศัยจะปรับตัวตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปี การเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจึงหมายถึงต้นทุนการกู้เงินที่สูงขึ้นสำหรับผู้บริโภคทั่วไปนอกจากนี้ การลดอันดับเครดิตของสหรัฐฯ โดย Moody's เมื่อเร็วๆ นี้ ประกอบกับความกังวลเรื่องการขาดดุลงบประมาณที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลกระทบแบบต่อเนื่องไปยังรัฐและท้องถิ่น ดังเช่นกรณีรัฐแมริแลนด์ที่ถูก Moody's ลดอันดับเครดิต Aaa ส่งผลให้ต้นทุนการกู้เงินสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน อาคารโรงเรียน และสาธารณูปโภคของรัฐและท้องถิ่นเพิ่มสูงขึ้นท้ายที่สุด ร่างกฎหมาย "One Big Beautiful Bill" ของทรัมป์จึงเป็นการทดสอบที่สำคัญต่อความสามารถในการสร้างสมดุลระหว่างนโยบายการคลังที่ต้องการและความยั่งยืนทางการเงินในระยะยาว ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีต่อๆ ไป. . https://www.cbsnews.com/news/whats-in-trumps-one-big-beautiful-bill-medicaid-taxes/#
    WWW.CBSNEWS.COM
    What's in Trump's House-passed "one big, beautiful bill"
    Republicans made a number of last-minute changes to the legislation that passed in the lower chamber early Thursday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 379 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหราชอาณาจักรเป็นผู้นำในการนำ AI มาใช้ในภาครัฐของยุโรป

    รายงานจาก Capgemini ระบุว่า 75% ขององค์กรภาครัฐในสหราชอาณาจักรกำลังสำรวจหรือใช้งาน Generative AI (GenAI) ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 64% โดยภาค กลาโหม, สาธารณสุข และความมั่นคง เป็นกลุ่มที่มีการนำ AI มาใช้มากที่สุด

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการนำ AI มาใช้ในภาครัฐของสหราชอาณาจักร
    ✅ 75% ขององค์กรภาครัฐในสหราชอาณาจักรใช้งานหรือกำลังสำรวจ GenAI
    - สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 64%

    ✅ ภาคกลาโหม (82%), สาธารณสุข (75%) และความมั่นคง (70%) เป็นกลุ่มที่ใช้ AI มากที่สุด
    - เนื่องจาก ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลและการตัดสินใจ

    ✅ องค์กรภาครัฐกำลังมองหาผู้บริหารด้านข้อมูลและ AI
    - 24% วางแผนแต่งตั้ง Chief Data Officer (CDO)
    - 41% วางแผนแต่งตั้ง Chief AI Officer (CAIO)

    ✅ องค์กรภาครัฐเผชิญข้อจำกัดด้านข้อมูลและความสามารถในการฝึก AI
    - มีเพียง 21% ที่มีข้อมูลเพียงพอสำหรับการฝึกโมเดล AI
    - 12% มีความพร้อมในการใช้ข้อมูล และเพียง 7% มีทักษะด้าน AI ที่เพียงพอ

    ✅ AI ช่วยให้ภาครัฐสามารถให้บริการประชาชนได้ดีขึ้น
    - เช่น การวิเคราะห์นโยบาย, การตัดสินใจ และการตอบคำถามของประชาชน

    https://www.techradar.com/pro/uk-is-paving-the-way-for-european-government-ai-adoption
    สหราชอาณาจักรเป็นผู้นำในการนำ AI มาใช้ในภาครัฐของยุโรป รายงานจาก Capgemini ระบุว่า 75% ขององค์กรภาครัฐในสหราชอาณาจักรกำลังสำรวจหรือใช้งาน Generative AI (GenAI) ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 64% โดยภาค กลาโหม, สาธารณสุข และความมั่นคง เป็นกลุ่มที่มีการนำ AI มาใช้มากที่สุด 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการนำ AI มาใช้ในภาครัฐของสหราชอาณาจักร ✅ 75% ขององค์กรภาครัฐในสหราชอาณาจักรใช้งานหรือกำลังสำรวจ GenAI - สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 64% ✅ ภาคกลาโหม (82%), สาธารณสุข (75%) และความมั่นคง (70%) เป็นกลุ่มที่ใช้ AI มากที่สุด - เนื่องจาก ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลและการตัดสินใจ ✅ องค์กรภาครัฐกำลังมองหาผู้บริหารด้านข้อมูลและ AI - 24% วางแผนแต่งตั้ง Chief Data Officer (CDO) - 41% วางแผนแต่งตั้ง Chief AI Officer (CAIO) ✅ องค์กรภาครัฐเผชิญข้อจำกัดด้านข้อมูลและความสามารถในการฝึก AI - มีเพียง 21% ที่มีข้อมูลเพียงพอสำหรับการฝึกโมเดล AI - 12% มีความพร้อมในการใช้ข้อมูล และเพียง 7% มีทักษะด้าน AI ที่เพียงพอ ✅ AI ช่วยให้ภาครัฐสามารถให้บริการประชาชนได้ดีขึ้น - เช่น การวิเคราะห์นโยบาย, การตัดสินใจ และการตอบคำถามของประชาชน https://www.techradar.com/pro/uk-is-paving-the-way-for-european-government-ai-adoption
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ โดยกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิประกาศ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ไม่สามารถรับนักศึกษาต่างชาติเข้าเรียนได้ และนักศึกษาที่มีอยู่แล้วจะต้องโอนย้ายไปเรียนที่อื่น

    จดหมายจาก คริสตี โนม (Kristi Noem) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิ (US Secretary of the Department of Homeland Security - DHS) ถึงมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ไม่เพียงแต่จะห้ามไม่ให้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดรับนักศึกษาต่างชาติเข้าเรียนในอนาคตเท่านั้น

    แต่ชาวต่างชาติที่ลงทะเบียนเรียนอยู่จะต้องโอนไปยังมหาวิทยาลัยอื่นเพื่อรักษาสถานะของตนไว้ด้วย

    "การเพิกถอนการรับรองนี้ยังหมายถึงคนต่างด้าวที่มีสถานะไม่อพยพระดับ F หรือ J จะต้องโอนไปยังมหาวิทยาลัยอื่นเพื่อรักษาสถานะไม่อพยพของตนไว้"

    จดหมายของ Noem อ้างว่ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามคำขอข้อมูลจากกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิหลายครั้งเกี่ยวกับการคุกคามนักศึกษาชาวยิวของนักศึกษาต่างชาติ รวมถึงโครงการ DEI ด้วย

    มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดมีเวลา 72 ชั่วโมงในการปฏิบัติตาม มิฉะนั้นการห้ามดังกล่าวจะคงอยู่ต่อไป

    โดยพื้นฐานแล้ว นี่จะเท่ากับโทษประหารชีวิตสำหรับนักศึกษา รวมทั้งตัวมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในฐานะสถาบันการศึกษาชั้นนำระดับโลก
    รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ โดยกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิประกาศ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ไม่สามารถรับนักศึกษาต่างชาติเข้าเรียนได้ และนักศึกษาที่มีอยู่แล้วจะต้องโอนย้ายไปเรียนที่อื่น จดหมายจาก คริสตี โนม (Kristi Noem) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิ (US Secretary of the Department of Homeland Security - DHS) ถึงมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ไม่เพียงแต่จะห้ามไม่ให้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดรับนักศึกษาต่างชาติเข้าเรียนในอนาคตเท่านั้น แต่ชาวต่างชาติที่ลงทะเบียนเรียนอยู่จะต้องโอนไปยังมหาวิทยาลัยอื่นเพื่อรักษาสถานะของตนไว้ด้วย "การเพิกถอนการรับรองนี้ยังหมายถึงคนต่างด้าวที่มีสถานะไม่อพยพระดับ F หรือ J จะต้องโอนไปยังมหาวิทยาลัยอื่นเพื่อรักษาสถานะไม่อพยพของตนไว้" จดหมายของ Noem อ้างว่ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามคำขอข้อมูลจากกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิหลายครั้งเกี่ยวกับการคุกคามนักศึกษาชาวยิวของนักศึกษาต่างชาติ รวมถึงโครงการ DEI ด้วย มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดมีเวลา 72 ชั่วโมงในการปฏิบัติตาม มิฉะนั้นการห้ามดังกล่าวจะคงอยู่ต่อไป โดยพื้นฐานแล้ว นี่จะเท่ากับโทษประหารชีวิตสำหรับนักศึกษา รวมทั้งตัวมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในฐานะสถาบันการศึกษาชั้นนำระดับโลก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันที่ true ล่ม บอกอะไรเรา

    10 โมงเช้า 22 พ.ค. ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือเครือข่ายทรู (True) ที่หลังควบรวมกับดีแทค (dtac) กลายเป็นเครือข่ายอันดับหนึ่งด้วยผู้ใช้งานรวม 48.8 ล้านเลขหมาย ประสบปัญหาเครือข่ายล่ม ขึ้นข้อความว่าไม่มีบริการ (No Service) ไม่สามารถโทรออกและรับสายได้ อินเทอร์เน็ตใช้งานไม่ได้ ยกเว้นลูกค้าดีแทคประมาณ 20 ล้านเลขหมายไม่ได้รับผลกระทบ ก่อนที่จะกลับมาใช้ได้เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. สำนักงาน กสทช. สั่งให้ทรูหาทางเยียวยาลูกค้า ขณะผู้ใช้งานที่ไม่ได้เชื่อมต่อไว-ไฟต่างไม่ทราบข่าว พยายามเปิด-ปิดเน็ตและมือถือ เพราะคิดว่ามือถือมีปัญหา กว่าจะรู้ตัวก็ทราบข่าวจากคนรอบข้าง เมื่อโทรศัพท์มือถือกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ในชีวิตประจำวัน ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง

    ตัวอย่างเช่น ใช้แอปฯ ธนาคารไม่ได้ สแกนจ่ายไม่ได้ ร้านอาหาร ข้าวแกง อาหารตามสั่งที่รับสแกนจ่ายก็รับเงินจากลูกค้าไม่ได้ แพลตฟอร์มส่งอาหารเกิดออเดอร์ค้าง ติดต่อไรเดอร์ไม่ได้ ส่วนฝั่งไรเดอร์ที่ใช้ซิมทรูก็ติดต่อลูกค้าไม่ได้ ติดต่อร้านอาหารไม่ได้ ยกเลิกก็ไม่ได้ ส่วนคนที่ทำธุรกิจ คนที่ใช้ซิมทรูติดต่อประสานงานไม่ได้ ธุรกิจได้รับความเสียหายอย่างประเมินค่าไม่ได้ และคนที่ปฎิบัติภารกิจเกี่ยวกับความเป็นความตาย เช่น คนที่ทำหน้าที่รถฉุกเฉินในโรงพยาบาล แต่ใช้ซิมทรู ก็ติดต่อห้องฉุกเฉินไม่ได้ จะส่งรายงานคลื่นไฟฟ้าหัวใจก็ใช้เน็ตมือถือไม่ได้ ต้องใช้วิทยุสื่อสารแทน

    ที่ผ่านมาคนที่รู้ตัวดีว่าค่ายมือถือในไทยยุคนี้มีลักษณะกึ่งผูกขาด เพราะแข่งขันจริงจังแค่สองค่าย คือทรูและเอไอเอส (AIS) พึ่งพาอะไรไม่ได้ จะมีโทรศัพท์มือถือสองเครื่องหรือสองซิมการ์ดต่างเครือข่าย ประกอบด้วยเบอร์ที่ใช้ประจำและเบอร์อีกค่ายที่ใช้สำรอง ย่อมเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

    จุฑา สังขชาติ อนุกรรมการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาผู้บริโภค มองว่า ความเสียหายของประชาชนกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศที่ใช้ทรูประเมินค่าไม่ได้ เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง บางครั้งก็ไม่มีการเยียวยา สะท้อนว่าปัญหาไม่ได้อยู่แค่จำนวนผู้ให้บริการ แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ขณะที่ประเทศไทยมีผู้ให้บริการโทรคมนาคมหลักเหลือเพียง 2 ราย กำลังสร้างความเสี่ยงต่อความมั่นคงทางไซเบอร์ สิทธิของผู้บริโภค และระบบเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยเฉพาะหลังควบรวมกิจการ

    ทั้งนี้ สภาผู้บริโภค เรียกร้องให้ กสทช.เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง และออกมาตรการชดเชยแบบอัตโนมัติให้ผู้บริโภคทุกคนที่ได้รับผลกระทบ ส่งเสริมระบบอินเทอร์เน็ตกลางของภาครัฐ เพื่อใช้เป็นเครือข่ายสำรองในกรณีฉุกเฉินและลดการพึ่งพาเอกชน

    #Newskit
    วันที่ true ล่ม บอกอะไรเรา 10 โมงเช้า 22 พ.ค. ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือเครือข่ายทรู (True) ที่หลังควบรวมกับดีแทค (dtac) กลายเป็นเครือข่ายอันดับหนึ่งด้วยผู้ใช้งานรวม 48.8 ล้านเลขหมาย ประสบปัญหาเครือข่ายล่ม ขึ้นข้อความว่าไม่มีบริการ (No Service) ไม่สามารถโทรออกและรับสายได้ อินเทอร์เน็ตใช้งานไม่ได้ ยกเว้นลูกค้าดีแทคประมาณ 20 ล้านเลขหมายไม่ได้รับผลกระทบ ก่อนที่จะกลับมาใช้ได้เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. สำนักงาน กสทช. สั่งให้ทรูหาทางเยียวยาลูกค้า ขณะผู้ใช้งานที่ไม่ได้เชื่อมต่อไว-ไฟต่างไม่ทราบข่าว พยายามเปิด-ปิดเน็ตและมือถือ เพราะคิดว่ามือถือมีปัญหา กว่าจะรู้ตัวก็ทราบข่าวจากคนรอบข้าง เมื่อโทรศัพท์มือถือกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ในชีวิตประจำวัน ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ตัวอย่างเช่น ใช้แอปฯ ธนาคารไม่ได้ สแกนจ่ายไม่ได้ ร้านอาหาร ข้าวแกง อาหารตามสั่งที่รับสแกนจ่ายก็รับเงินจากลูกค้าไม่ได้ แพลตฟอร์มส่งอาหารเกิดออเดอร์ค้าง ติดต่อไรเดอร์ไม่ได้ ส่วนฝั่งไรเดอร์ที่ใช้ซิมทรูก็ติดต่อลูกค้าไม่ได้ ติดต่อร้านอาหารไม่ได้ ยกเลิกก็ไม่ได้ ส่วนคนที่ทำธุรกิจ คนที่ใช้ซิมทรูติดต่อประสานงานไม่ได้ ธุรกิจได้รับความเสียหายอย่างประเมินค่าไม่ได้ และคนที่ปฎิบัติภารกิจเกี่ยวกับความเป็นความตาย เช่น คนที่ทำหน้าที่รถฉุกเฉินในโรงพยาบาล แต่ใช้ซิมทรู ก็ติดต่อห้องฉุกเฉินไม่ได้ จะส่งรายงานคลื่นไฟฟ้าหัวใจก็ใช้เน็ตมือถือไม่ได้ ต้องใช้วิทยุสื่อสารแทน ที่ผ่านมาคนที่รู้ตัวดีว่าค่ายมือถือในไทยยุคนี้มีลักษณะกึ่งผูกขาด เพราะแข่งขันจริงจังแค่สองค่าย คือทรูและเอไอเอส (AIS) พึ่งพาอะไรไม่ได้ จะมีโทรศัพท์มือถือสองเครื่องหรือสองซิมการ์ดต่างเครือข่าย ประกอบด้วยเบอร์ที่ใช้ประจำและเบอร์อีกค่ายที่ใช้สำรอง ย่อมเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จุฑา สังขชาติ อนุกรรมการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาผู้บริโภค มองว่า ความเสียหายของประชาชนกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศที่ใช้ทรูประเมินค่าไม่ได้ เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง บางครั้งก็ไม่มีการเยียวยา สะท้อนว่าปัญหาไม่ได้อยู่แค่จำนวนผู้ให้บริการ แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ขณะที่ประเทศไทยมีผู้ให้บริการโทรคมนาคมหลักเหลือเพียง 2 ราย กำลังสร้างความเสี่ยงต่อความมั่นคงทางไซเบอร์ สิทธิของผู้บริโภค และระบบเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยเฉพาะหลังควบรวมกิจการ ทั้งนี้ สภาผู้บริโภค เรียกร้องให้ กสทช.เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง และออกมาตรการชดเชยแบบอัตโนมัติให้ผู้บริโภคทุกคนที่ได้รับผลกระทบ ส่งเสริมระบบอินเทอร์เน็ตกลางของภาครัฐ เพื่อใช้เป็นเครือข่ายสำรองในกรณีฉุกเฉินและลดการพึ่งพาเอกชน #Newskit
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 308 มุมมอง 0 รีวิว
  • อบจ.โคราช จัดหนัก!! 4 ปี มอบทุนฯ ทะลุ 13.9 ล้านบาท ช่วยเหลือนักเรียนยากจนและด้อยโอกาส ร่วม 5,235 คน “เพราะโอกาสทางการศึกษา” มีความหมายต่ออนาคตเด็ก !!
    .
    อบจ.โคราช มอบทุนการศึกษาต่อเนื่องยาว 4 ปี หนุนเด็กเก่ง เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือ ด้อยโอกาส ร่วม 5 พันคน กว่า 13.9 ล้านบาท เน้นการ “สร้างคน” ผ่านระบบการศึกษาที่ดี เพื่ออนาคตที่ดี ของเด็กนักเรียนที่จะเติบโตไปเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ
    .
    #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา กล่าวว่า “ทุนการศึกษา ทุกทุน มีความหมาย เพราะผู้ที่ได้รับทุนจะสามารถนำเงินไปใช้จ่ายด้านการศึกษา ช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ฉะนั้น ต้องขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทั้งในสังกัด และนอกสังกัด ที่ได้รับโอกาสในวันนี้ เพราะโอกาสทางการศึกษา จะส่งผลดีต่อตัวผู้เรียนในอนาคต ปัจจุบัน ระบบการศึกษาก้าวล้ำไปมาก มีความทันสมัย มีการนำนวัตกรรมมาใช้พัฒนาระบบการเรียนการสอน ส่วนสถานศึกษาเองก็มีการพัฒนาเพื่อกระตุ้นให้เด็กอยากเข้ามาเรียน สร้างความมั่นคง สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง ชุมชน กล้าที่จะให้บุตรหลานเข้ามาเรียนในโรงเรียนของ อบจ. มากขึ้น อีกทั้งการศึกษาดี เศรษฐกิจก็จะดีตามไปด้วย เพราะการศึกษาจะเป็นก้าวแรกของการ “สร้างคน” ต่อยอดไปจนถึง “สร้างเศรษฐกิจ” ฉะนั้น นักเรียนจะต้องไม่หยุดแสวงหาความรู้ รู้ว่าตนเองถนัดสายวิชาการ สายศิลป์ หรือ สายอาชีพ ก็นำพาตนเองเข้าไปเรียนตรงนั้น ทุกคนก็จะประสบความสำเร็จ สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวต่อไป”
    .
    โดยทุนการศึกษาที่ อบจ.ได้มอบให้กับนักเรียนนั้น เน้นให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือด้อยโอกาส เพื่อให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา บรรเทาความยากจน เพราะเล็งเห็นปัญหาจากความยากจน ส่งผลให้เด็กไม่ได้เรียนต่อเป็นจำนวนมาก อบจ. จึงได้จัดโครงการฯ ขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 4 ปี จำนวน 5,235 คน เป็นเงิน 13,872,840 บาท แบ่งเป็น ทุนสำหรับนักเรียนโรงเรียนในสังกัดฯ ซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาส ของ อบจ. ระดับ ม.ปลาย, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ., ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบไม่ต่อเนื่อง, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบต่อเนื่อง ในสาขาที่ขาดแคลน, ทุนการศึกษาช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. สำหรับนักเรียนนอกสังกัดฯ
    .
    และในวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 อบจ.นครราชสีมา ได้จัดพิธีมอบทุนช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือด้อยโอกาสของ อบจ. ปีการศึกษา 2568 ระดับ ม.ปลาย โรงเรียนในสังกัด อบจ. และ โรงเรียนนอกจากสังกัด อบจ. จำนวน 1,400 คน คนละ 2,000 บาท เป็นเงิน 2,800,000 บาท โดยได้รับเกียรติจาก นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ. เป็นประธานในพิธีมอบทุนดังกล่าว พร้อมทั้งแสดงความยินดีกับนักเรียนที่ได้รับทุนทั้ง 1,400 คน ณ หอประชุมโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นครราชสีมา
    .
    #นายกหน่อย #อบจโคราช
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    #prkoratpao
    อบจ.โคราช จัดหนัก!! 4 ปี มอบทุนฯ ทะลุ 13.9 ล้านบาท ช่วยเหลือนักเรียนยากจนและด้อยโอกาส ร่วม 5,235 คน “เพราะโอกาสทางการศึกษา” มีความหมายต่ออนาคตเด็ก !! . อบจ.โคราช มอบทุนการศึกษาต่อเนื่องยาว 4 ปี หนุนเด็กเก่ง เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือ ด้อยโอกาส ร่วม 5 พันคน กว่า 13.9 ล้านบาท เน้นการ “สร้างคน” ผ่านระบบการศึกษาที่ดี เพื่ออนาคตที่ดี ของเด็กนักเรียนที่จะเติบโตไปเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ . #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา กล่าวว่า “ทุนการศึกษา ทุกทุน มีความหมาย เพราะผู้ที่ได้รับทุนจะสามารถนำเงินไปใช้จ่ายด้านการศึกษา ช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ฉะนั้น ต้องขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทั้งในสังกัด และนอกสังกัด ที่ได้รับโอกาสในวันนี้ เพราะโอกาสทางการศึกษา จะส่งผลดีต่อตัวผู้เรียนในอนาคต ปัจจุบัน ระบบการศึกษาก้าวล้ำไปมาก มีความทันสมัย มีการนำนวัตกรรมมาใช้พัฒนาระบบการเรียนการสอน ส่วนสถานศึกษาเองก็มีการพัฒนาเพื่อกระตุ้นให้เด็กอยากเข้ามาเรียน สร้างความมั่นคง สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง ชุมชน กล้าที่จะให้บุตรหลานเข้ามาเรียนในโรงเรียนของ อบจ. มากขึ้น อีกทั้งการศึกษาดี เศรษฐกิจก็จะดีตามไปด้วย เพราะการศึกษาจะเป็นก้าวแรกของการ “สร้างคน” ต่อยอดไปจนถึง “สร้างเศรษฐกิจ” ฉะนั้น นักเรียนจะต้องไม่หยุดแสวงหาความรู้ รู้ว่าตนเองถนัดสายวิชาการ สายศิลป์ หรือ สายอาชีพ ก็นำพาตนเองเข้าไปเรียนตรงนั้น ทุกคนก็จะประสบความสำเร็จ สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวต่อไป” . โดยทุนการศึกษาที่ อบจ.ได้มอบให้กับนักเรียนนั้น เน้นให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือด้อยโอกาส เพื่อให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา บรรเทาความยากจน เพราะเล็งเห็นปัญหาจากความยากจน ส่งผลให้เด็กไม่ได้เรียนต่อเป็นจำนวนมาก อบจ. จึงได้จัดโครงการฯ ขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 4 ปี จำนวน 5,235 คน เป็นเงิน 13,872,840 บาท แบ่งเป็น ทุนสำหรับนักเรียนโรงเรียนในสังกัดฯ ซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาส ของ อบจ. ระดับ ม.ปลาย, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ., ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบไม่ต่อเนื่อง, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบต่อเนื่อง ในสาขาที่ขาดแคลน, ทุนการศึกษาช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. สำหรับนักเรียนนอกสังกัดฯ . และในวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 อบจ.นครราชสีมา ได้จัดพิธีมอบทุนช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือด้อยโอกาสของ อบจ. ปีการศึกษา 2568 ระดับ ม.ปลาย โรงเรียนในสังกัด อบจ. และ โรงเรียนนอกจากสังกัด อบจ. จำนวน 1,400 คน คนละ 2,000 บาท เป็นเงิน 2,800,000 บาท โดยได้รับเกียรติจาก นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ. เป็นประธานในพิธีมอบทุนดังกล่าว พร้อมทั้งแสดงความยินดีกับนักเรียนที่ได้รับทุนทั้ง 1,400 คน ณ หอประชุมโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นครราชสีมา . #นายกหน่อย #อบจโคราช #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช #prkoratpao
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 383 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • อบจ.โคราช จัดหนัก!! 4 ปี มอบทุนฯ ทะลุ 13.9 ล้านบาท ช่วยเหลือนักเรียนยากจนและด้อยโอกาส ร่วม 5,235 คน “เพราะโอกาสทางการศึกษา” มีความหมายต่ออนาคตเด็ก !!
    .
    อบจ.โคราช มอบทุนการศึกษาต่อเนื่องยาว 4 ปี หนุนเด็กเก่ง เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือ ด้อยโอกาส ร่วม 5 พันคน กว่า 13.9 ล้านบาท เน้นการ “สร้างคน” ผ่านระบบการศึกษาที่ดี เพื่ออนาคตที่ดี ของเด็กนักเรียนที่จะเติบโตไปเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ
    .
    #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา กล่าวว่า “ทุนการศึกษา ทุกทุน มีความหมาย เพราะผู้ที่ได้รับทุนจะสามารถนำเงินไปใช้จ่ายด้านการศึกษา ช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ฉะนั้น ต้องขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทั้งในสังกัด และนอกสังกัด ที่ได้รับโอกาสในวันนี้ เพราะโอกาสทางการศึกษา จะส่งผลดีต่อตัวผู้เรียนในอนาคต ปัจจุบัน ระบบการศึกษาก้าวล้ำไปมาก มีความทันสมัย มีการนำนวัตกรรมมาใช้พัฒนาระบบการเรียนการสอน ส่วนสถานศึกษาเองก็มีการพัฒนาเพื่อกระตุ้นให้เด็กอยากเข้ามาเรียน สร้างความมั่นคง สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง ชุมชน กล้าที่จะให้บุตรหลานเข้ามาเรียนในโรงเรียนของ อบจ. มากขึ้น อีกทั้งการศึกษาดี เศรษฐกิจก็จะดีตามไปด้วย เพราะการศึกษาจะเป็นก้าวแรกของการ “สร้างคน” ต่อยอดไปจนถึง “สร้างเศรษฐกิจ” ฉะนั้น นักเรียนจะต้องไม่หยุดแสวงหาความรู้ รู้ว่าตนเองถนัดสายวิชาการ สายศิลป์ หรือ สายอาชีพ ก็นำพาตนเองเข้าไปเรียนตรงนั้น ทุกคนก็จะประสบความสำเร็จ สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวต่อไป”
    .
    โดยทุนการศึกษาที่ อบจ.ได้มอบให้กับนักเรียนนั้น เน้นให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือด้อยโอกาส เพื่อให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา บรรเทาความยากจน เพราะเล็งเห็นปัญหาจากความยากจน ส่งผลให้เด็กไม่ได้เรียนต่อเป็นจำนวนมาก อบจ. จึงได้จัดโครงการฯ ขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 4 ปี จำนวน 5,235 คน เป็นเงิน 13,872,840 บาท แบ่งเป็น ทุนสำหรับนักเรียนโรงเรียนในสังกัดฯ ซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาส ของ อบจ. ระดับ ม.ปลาย, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ., ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบไม่ต่อเนื่อง, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบต่อเนื่อง ในสาขาที่ขาดแคลน, ทุนการศึกษาช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. สำหรับนักเรียนนอกสังกัดฯ
    .
    และในวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 อบจ.นครราชสีมา ได้จัดพิธีมอบทุนช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือด้อยโอกาสของ อบจ. ปีการศึกษา 2568 ระดับ ม.ปลาย โรงเรียนในสังกัด อบจ. และ โรงเรียนนอกจากสังกัด อบจ. จำนวน 1,400 คน คนละ 2,000 บาท เป็นเงิน 2,800,000 บาท โดยได้รับเกียรติจาก นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ. เป็นประธานในพิธีมอบทุนดังกล่าว พร้อมทั้งแสดงความยินดีกับนักเรียนที่ได้รับทุนทั้ง 1,400 คน ณ หอประชุมโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นครราชสีมา
    .
    #นายกหน่อย #อบจโคราช
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    #prkoratpao
    อบจ.โคราช จัดหนัก!! 4 ปี มอบทุนฯ ทะลุ 13.9 ล้านบาท ช่วยเหลือนักเรียนยากจนและด้อยโอกาส ร่วม 5,235 คน “เพราะโอกาสทางการศึกษา” มีความหมายต่ออนาคตเด็ก !! . อบจ.โคราช มอบทุนการศึกษาต่อเนื่องยาว 4 ปี หนุนเด็กเก่ง เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือ ด้อยโอกาส ร่วม 5 พันคน กว่า 13.9 ล้านบาท เน้นการ “สร้างคน” ผ่านระบบการศึกษาที่ดี เพื่ออนาคตที่ดี ของเด็กนักเรียนที่จะเติบโตไปเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ . #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา กล่าวว่า “ทุนการศึกษา ทุกทุน มีความหมาย เพราะผู้ที่ได้รับทุนจะสามารถนำเงินไปใช้จ่ายด้านการศึกษา ช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ฉะนั้น ต้องขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทั้งในสังกัด และนอกสังกัด ที่ได้รับโอกาสในวันนี้ เพราะโอกาสทางการศึกษา จะส่งผลดีต่อตัวผู้เรียนในอนาคต ปัจจุบัน ระบบการศึกษาก้าวล้ำไปมาก มีความทันสมัย มีการนำนวัตกรรมมาใช้พัฒนาระบบการเรียนการสอน ส่วนสถานศึกษาเองก็มีการพัฒนาเพื่อกระตุ้นให้เด็กอยากเข้ามาเรียน สร้างความมั่นคง สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง ชุมชน กล้าที่จะให้บุตรหลานเข้ามาเรียนในโรงเรียนของ อบจ. มากขึ้น อีกทั้งการศึกษาดี เศรษฐกิจก็จะดีตามไปด้วย เพราะการศึกษาจะเป็นก้าวแรกของการ “สร้างคน” ต่อยอดไปจนถึง “สร้างเศรษฐกิจ” ฉะนั้น นักเรียนจะต้องไม่หยุดแสวงหาความรู้ รู้ว่าตนเองถนัดสายวิชาการ สายศิลป์ หรือ สายอาชีพ ก็นำพาตนเองเข้าไปเรียนตรงนั้น ทุกคนก็จะประสบความสำเร็จ สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวต่อไป” . โดยทุนการศึกษาที่ อบจ.ได้มอบให้กับนักเรียนนั้น เน้นให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือด้อยโอกาส เพื่อให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา บรรเทาความยากจน เพราะเล็งเห็นปัญหาจากความยากจน ส่งผลให้เด็กไม่ได้เรียนต่อเป็นจำนวนมาก อบจ. จึงได้จัดโครงการฯ ขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 4 ปี จำนวน 5,235 คน เป็นเงิน 13,872,840 บาท แบ่งเป็น ทุนสำหรับนักเรียนโรงเรียนในสังกัดฯ ซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาส ของ อบจ. ระดับ ม.ปลาย, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ., ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบไม่ต่อเนื่อง, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบต่อเนื่อง ในสาขาที่ขาดแคลน, ทุนการศึกษาช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. สำหรับนักเรียนนอกสังกัดฯ . และในวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 อบจ.นครราชสีมา ได้จัดพิธีมอบทุนช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือด้อยโอกาสของ อบจ. ปีการศึกษา 2568 ระดับ ม.ปลาย โรงเรียนในสังกัด อบจ. และ โรงเรียนนอกจากสังกัด อบจ. จำนวน 1,400 คน คนละ 2,000 บาท เป็นเงิน 2,800,000 บาท โดยได้รับเกียรติจาก นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ. เป็นประธานในพิธีมอบทุนดังกล่าว พร้อมทั้งแสดงความยินดีกับนักเรียนที่ได้รับทุนทั้ง 1,400 คน ณ หอประชุมโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นครราชสีมา . #นายกหน่อย #อบจโคราช #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช #prkoratpao
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 7 0 รีวิว
  • อบจ.โคราช จัดหนัก!! 4 ปี มอบทุนฯ ทะลุ 13.9 ล้านบาท ช่วยเหลือนักเรียนยากจนและด้อยโอกาส ร่วม 5,235 คน “เพราะโอกาสทางการศึกษา” มีความหมายต่ออนาคตเด็ก !!

    อบจ.โคราช มอบทุนการศึกษาต่อเนื่องยาว 4 ปี หนุนเด็กเก่ง เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือ ด้อยโอกาส ร่วม 5 พันคน กว่า 13.9 ล้านบาท เน้นการ “สร้างคน” ผ่านระบบการศึกษาที่ดี เพื่ออนาคตที่ดี ของเด็กนักเรียนที่จะเติบโตไปเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ

    #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา กล่าวว่า “ทุนการศึกษา ทุกทุน มีความหมาย เพราะผู้ที่ได้รับทุนจะสามารถนำเงินไปใช้จ่ายด้านการศึกษา ช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ฉะนั้น ต้องขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทั้งในสังกัด และนอกสังกัด ที่ได้รับโอกาสในวันนี้ เพราะโอกาสทางการศึกษา จะส่งผลดีต่อตัวผู้เรียนในอนาคต ปัจจุบัน ระบบการศึกษาก้าวล้ำไปมาก มีความทันสมัย มีการนำนวัตกรรมมาใช้พัฒนาระบบการเรียนการสอน ส่วนสถานศึกษาเองก็มีการพัฒนาเพื่อกระตุ้นให้เด็กอยากเข้ามาเรียน สร้างความมั่นคง สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง ชุมชน กล้าที่จะให้บุตรหลานเข้ามาเรียนในโรงเรียนของ อบจ. มากขึ้น อีกทั้งการศึกษาดี เศรษฐกิจก็จะดีตามไปด้วย เพราะการศึกษาจะเป็นก้าวแรกของการ “สร้างคน” ต่อยอดไปจนถึง “สร้างเศรษฐกิจ” ฉะนั้น นักเรียนจะต้องไม่หยุดแสวงหาความรู้ รู้ว่าตนเองถนัดสายวิชาการ สายศิลป์ หรือ สายอาชีพ ก็นำพาตนเองเข้าไปเรียนตรงนั้น ทุกคนก็จะประสบความสำเร็จ สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวต่อไป”

    โดยทุนการศึกษาที่ อบจ.ได้มอบให้กับนักเรียนนั้น เน้นให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือด้อยโอกาส เพื่อให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา บรรเทาความยากจน เพราะเล็งเห็นปัญหาจากความยากจน ส่งผลให้เด็กไม่ได้เรียนต่อเป็นจำนวนมาก อบจ. จึงได้จัดโครงการฯ ขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 4 ปี จำนวน 5,235 คน เป็นเงิน 13,872,840 บาท แบ่งเป็น ทุนสำหรับนักเรียนโรงเรียนในสังกัดฯ ซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาส ของ อบจ. ระดับ ม.ปลาย, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ., ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบไม่ต่อเนื่อง, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบต่อเนื่อง ในสาขาที่ขาดแคลน, ทุนการศึกษาช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. สำหรับนักเรียนนอกสังกัดฯ

    และในวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 อบจ.นครราชสีมา ได้จัดพิธีมอบทุนช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือด้อยโอกาสของ อบจ. ปีการศึกษา 2568 ระดับ ม.ปลาย โรงเรียนในสังกัด อบจ. และ โรงเรียนนอกจากสังกัด อบจ. จำนวน 1,400 คน คนละ 2,000 บาท เป็นเงิน 2,800,000 บาท โดยได้รับเกียรติจาก นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ. เป็นประธานในพิธีมอบทุนดังกล่าว พร้อมทั้งแสดงความยินดีกับนักเรียนที่ได้รับทุนทั้ง 1,400 คน ณ หอประชุมโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นครราชสีมา

    #นายกหน่อย #อบจโคราช
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    #prkoratpao
    อบจ.โคราช จัดหนัก!! 4 ปี มอบทุนฯ ทะลุ 13.9 ล้านบาท ช่วยเหลือนักเรียนยากจนและด้อยโอกาส ร่วม 5,235 คน “เพราะโอกาสทางการศึกษา” มีความหมายต่ออนาคตเด็ก !! อบจ.โคราช มอบทุนการศึกษาต่อเนื่องยาว 4 ปี หนุนเด็กเก่ง เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือ ด้อยโอกาส ร่วม 5 พันคน กว่า 13.9 ล้านบาท เน้นการ “สร้างคน” ผ่านระบบการศึกษาที่ดี เพื่ออนาคตที่ดี ของเด็กนักเรียนที่จะเติบโตไปเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา กล่าวว่า “ทุนการศึกษา ทุกทุน มีความหมาย เพราะผู้ที่ได้รับทุนจะสามารถนำเงินไปใช้จ่ายด้านการศึกษา ช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ฉะนั้น ต้องขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทั้งในสังกัด และนอกสังกัด ที่ได้รับโอกาสในวันนี้ เพราะโอกาสทางการศึกษา จะส่งผลดีต่อตัวผู้เรียนในอนาคต ปัจจุบัน ระบบการศึกษาก้าวล้ำไปมาก มีความทันสมัย มีการนำนวัตกรรมมาใช้พัฒนาระบบการเรียนการสอน ส่วนสถานศึกษาเองก็มีการพัฒนาเพื่อกระตุ้นให้เด็กอยากเข้ามาเรียน สร้างความมั่นคง สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง ชุมชน กล้าที่จะให้บุตรหลานเข้ามาเรียนในโรงเรียนของ อบจ. มากขึ้น อีกทั้งการศึกษาดี เศรษฐกิจก็จะดีตามไปด้วย เพราะการศึกษาจะเป็นก้าวแรกของการ “สร้างคน” ต่อยอดไปจนถึง “สร้างเศรษฐกิจ” ฉะนั้น นักเรียนจะต้องไม่หยุดแสวงหาความรู้ รู้ว่าตนเองถนัดสายวิชาการ สายศิลป์ หรือ สายอาชีพ ก็นำพาตนเองเข้าไปเรียนตรงนั้น ทุกคนก็จะประสบความสำเร็จ สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวต่อไป” โดยทุนการศึกษาที่ อบจ.ได้มอบให้กับนักเรียนนั้น เน้นให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือด้อยโอกาส เพื่อให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา บรรเทาความยากจน เพราะเล็งเห็นปัญหาจากความยากจน ส่งผลให้เด็กไม่ได้เรียนต่อเป็นจำนวนมาก อบจ. จึงได้จัดโครงการฯ ขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 4 ปี จำนวน 5,235 คน เป็นเงิน 13,872,840 บาท แบ่งเป็น ทุนสำหรับนักเรียนโรงเรียนในสังกัดฯ ซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาส ของ อบจ. ระดับ ม.ปลาย, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ., ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบไม่ต่อเนื่อง, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบต่อเนื่อง ในสาขาที่ขาดแคลน, ทุนการศึกษาช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. สำหรับนักเรียนนอกสังกัดฯ และในวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 อบจ.นครราชสีมา ได้จัดพิธีมอบทุนช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือด้อยโอกาสของ อบจ. ปีการศึกษา 2568 ระดับ ม.ปลาย โรงเรียนในสังกัด อบจ. และ โรงเรียนนอกจากสังกัด อบจ. จำนวน 1,400 คน คนละ 2,000 บาท เป็นเงิน 2,800,000 บาท โดยได้รับเกียรติจาก นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ. เป็นประธานในพิธีมอบทุนดังกล่าว พร้อมทั้งแสดงความยินดีกับนักเรียนที่ได้รับทุนทั้ง 1,400 คน ณ หอประชุมโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นครราชสีมา #นายกหน่อย #อบจโคราช #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช #prkoratpao
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 232 มุมมอง 0 รีวิว
  • อบจ.โคราช จัดหนัก!! 4 ปี มอบทุนฯ ทะลุ 13.9 ล้านบาท ช่วยเหลือนักเรียนยากจนและด้อยโอกาส ร่วม 5,235 คน “เพราะโอกาสทางการศึกษา” มีความหมายต่ออนาคตเด็ก !!

    อบจ.โคราช มอบทุนการศึกษาต่อเนื่องยาว 4 ปี หนุนเด็กเก่ง เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือ ด้อยโอกาส ร่วม 5 พันคน กว่า 13.9 ล้านบาท เน้นการ “สร้างคน” ผ่านระบบการศึกษาที่ดี เพื่ออนาคตที่ดี ของเด็กนักเรียนที่จะเติบโตไปเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ

    #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา กล่าวว่า “ทุนการศึกษา ทุกทุน มีความหมาย เพราะผู้ที่ได้รับทุนจะสามารถนำเงินไปใช้จ่ายด้านการศึกษา ช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ฉะนั้น ต้องขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทั้งในสังกัด และนอกสังกัด ที่ได้รับโอกาสในวันนี้ เพราะโอกาสทางการศึกษา จะส่งผลดีต่อตัวผู้เรียนในอนาคต ปัจจุบัน ระบบการศึกษาก้าวล้ำไปมาก มีความทันสมัย มีการนำนวัตกรรมมาใช้พัฒนาระบบการเรียนการสอน ส่วนสถานศึกษาเองก็มีการพัฒนาเพื่อกระตุ้นให้เด็กอยากเข้ามาเรียน สร้างความมั่นคง สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง ชุมชน กล้าที่จะให้บุตรหลานเข้ามาเรียนในโรงเรียนของ อบจ. มากขึ้น อีกทั้งการศึกษาดี เศรษฐกิจก็จะดีตามไปด้วย เพราะการศึกษาจะเป็นก้าวแรกของการ “สร้างคน” ต่อยอดไปจนถึง “สร้างเศรษฐกิจ” ฉะนั้น นักเรียนจะต้องไม่หยุดแสวงหาความรู้ รู้ว่าตนเองถนัดสายวิชาการ สายศิลป์ หรือ สายอาชีพ ก็นำพาตนเองเข้าไปเรียนตรงนั้น ทุกคนก็จะประสบความสำเร็จ สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวต่อไป”

    โดยทุนการศึกษาที่ อบจ.ได้มอบให้กับนักเรียนนั้น เน้นให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือด้อยโอกาส เพื่อให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา บรรเทาความยากจน เพราะเล็งเห็นปัญหาจากความยากจน ส่งผลให้เด็กไม่ได้เรียนต่อเป็นจำนวนมาก อบจ. จึงได้จัดโครงการฯ ขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 4 ปี จำนวน 5,235 คน เป็นเงิน 13,872,840 บาท แบ่งเป็น ทุนสำหรับนักเรียนโรงเรียนในสังกัดฯ ซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาส ของ อบจ. ระดับ ม.ปลาย, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ., ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบไม่ต่อเนื่อง, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบต่อเนื่อง ในสาขาที่ขาดแคลน, ทุนการศึกษาช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. สำหรับนักเรียนนอกสังกัดฯ

    และในวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 อบจ.นครราชสีมา ได้จัดพิธีมอบทุนช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือด้อยโอกาสของ อบจ. ปีการศึกษา 2568 ระดับ ม.ปลาย โรงเรียนในสังกัด อบจ. และ โรงเรียนนอกจากสังกัด อบจ. จำนวน 1,400 คน คนละ 2,000 บาท เป็นเงิน 2,800,000 บาท โดยได้รับเกียรติจาก นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ. เป็นประธานในพิธีมอบทุนดังกล่าว พร้อมทั้งแสดงความยินดีกับนักเรียนที่ได้รับทุนทั้ง 1,400 คน ณ หอประชุมโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นครราชสีมา

    #นายกหน่อย #อบจโคราช
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    #prkoratpao
    อบจ.โคราช จัดหนัก!! 4 ปี มอบทุนฯ ทะลุ 13.9 ล้านบาท ช่วยเหลือนักเรียนยากจนและด้อยโอกาส ร่วม 5,235 คน “เพราะโอกาสทางการศึกษา” มีความหมายต่ออนาคตเด็ก !! อบจ.โคราช มอบทุนการศึกษาต่อเนื่องยาว 4 ปี หนุนเด็กเก่ง เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือ ด้อยโอกาส ร่วม 5 พันคน กว่า 13.9 ล้านบาท เน้นการ “สร้างคน” ผ่านระบบการศึกษาที่ดี เพื่ออนาคตที่ดี ของเด็กนักเรียนที่จะเติบโตไปเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา กล่าวว่า “ทุนการศึกษา ทุกทุน มีความหมาย เพราะผู้ที่ได้รับทุนจะสามารถนำเงินไปใช้จ่ายด้านการศึกษา ช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ฉะนั้น ต้องขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทั้งในสังกัด และนอกสังกัด ที่ได้รับโอกาสในวันนี้ เพราะโอกาสทางการศึกษา จะส่งผลดีต่อตัวผู้เรียนในอนาคต ปัจจุบัน ระบบการศึกษาก้าวล้ำไปมาก มีความทันสมัย มีการนำนวัตกรรมมาใช้พัฒนาระบบการเรียนการสอน ส่วนสถานศึกษาเองก็มีการพัฒนาเพื่อกระตุ้นให้เด็กอยากเข้ามาเรียน สร้างความมั่นคง สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง ชุมชน กล้าที่จะให้บุตรหลานเข้ามาเรียนในโรงเรียนของ อบจ. มากขึ้น อีกทั้งการศึกษาดี เศรษฐกิจก็จะดีตามไปด้วย เพราะการศึกษาจะเป็นก้าวแรกของการ “สร้างคน” ต่อยอดไปจนถึง “สร้างเศรษฐกิจ” ฉะนั้น นักเรียนจะต้องไม่หยุดแสวงหาความรู้ รู้ว่าตนเองถนัดสายวิชาการ สายศิลป์ หรือ สายอาชีพ ก็นำพาตนเองเข้าไปเรียนตรงนั้น ทุกคนก็จะประสบความสำเร็จ สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวต่อไป” โดยทุนการศึกษาที่ อบจ.ได้มอบให้กับนักเรียนนั้น เน้นให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือด้อยโอกาส เพื่อให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา บรรเทาความยากจน เพราะเล็งเห็นปัญหาจากความยากจน ส่งผลให้เด็กไม่ได้เรียนต่อเป็นจำนวนมาก อบจ. จึงได้จัดโครงการฯ ขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 4 ปี จำนวน 5,235 คน เป็นเงิน 13,872,840 บาท แบ่งเป็น ทุนสำหรับนักเรียนโรงเรียนในสังกัดฯ ซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาส ของ อบจ. ระดับ ม.ปลาย, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ., ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบไม่ต่อเนื่อง, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบต่อเนื่อง ในสาขาที่ขาดแคลน, ทุนการศึกษาช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. สำหรับนักเรียนนอกสังกัดฯ และในวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 อบจ.นครราชสีมา ได้จัดพิธีมอบทุนช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือด้อยโอกาสของ อบจ. ปีการศึกษา 2568 ระดับ ม.ปลาย โรงเรียนในสังกัด อบจ. และ โรงเรียนนอกจากสังกัด อบจ. จำนวน 1,400 คน คนละ 2,000 บาท เป็นเงิน 2,800,000 บาท โดยได้รับเกียรติจาก นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ. เป็นประธานในพิธีมอบทุนดังกล่าว พร้อมทั้งแสดงความยินดีกับนักเรียนที่ได้รับทุนทั้ง 1,400 คน ณ หอประชุมโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นครราชสีมา #นายกหน่อย #อบจโคราช #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช #prkoratpao
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 209 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌑⭐️🪐ดาวตรีเทพย้ายในเดือนพฤษภาคม2568..
    ดาวราหูย้ายเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2568
    ดาวพฤหัสย้ายเมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2568 และดาวสุดท้าย ดาวเสาร์ 7 โคจรอยู่ในราศีกุมภ์จนถึงวันที่ 19 พ.ค. 2568 ย้ายมาอยู่ในราศีมีน ทำมุมจตุโกณฑ์กับอังคาร ๓ ตนุลัคน์ของเมืองและดาวมฤตยู ๐ จรในราศีพฤษภ เป็นระยะเชิงมุมที่มีสัมพันธ์ร้ายต่อกัน ในโหราศาสตร์ชะตาบ้านเมืองได้กล่าวถึงการที่ดาวเสาร์ 7 และดาวมฤตยู ๐ มีสัมพันธ์ร้ายต่อกันไว้ว่า จะนำความยุ่งยากมาสู่รัฐบาลและผู้มีอำนาจปกครองประเทศ การเมืองของประเทศจะถูกรบกวนและเกิดการเปลี่ยนแปลง มีความผันแปรและมีอุปสรรคขัดขวางการทำงานของผู้มีอำนาจ รัฐบาลต้องเผชิญหน้ากับความปั่นป่วนซึ่งอาจทำให้สูญเสียความนิยมหรือพ่ายแพ้ เกิดการเปลี่ยนแปลงในคณะรัฐมนตรี อาจมีการตายหรือลาออก การแตกแยกภายในพรรคการเมือง มีการเลือกตั้งทั่วไปหรือการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ที่ยังผลถึงรัฐสภา

    ดาวเสาร์ 7 โคจรในราศีกุมภ์ทำมุมจตุโกณฑ์กับดาวอังคาร ๓ ตนุลัคน์ของเมืองถึงวันที่ 19 พ.ค. 2568 เป็นระยะเชิงมุมที่มีสัมพันธ์ร้ายต่อกัน ซึ่งจะยังความอับโชคมาสู่รัฐบาล เกิดความยุ่งยากภายในประเทศ ความไม่พอใจของประชาชน เกิดความวุ่นวาย อาชญากรรม ฆาตกรรม รัฐบาลอาจถึงกับเสื่อมเสียความนิยมหรือการสนับสนุน คนสำคัญบางคนอาจถึงแก่ความตายหรือถูกลอบปองร้ายชีวิต ความไม่พอใจอาจพาดพิงมาถึงกองทัพ และอาจเกิดการปฏิวัติ รัฐประหารขึ้นได้

    ดาวมฤตยู (๐) โคจรในราศีพฤษภ ภพกดุมภะ เรือนของดาวศุกร์ ขณะที่ราหู 8 โคจรในภพวินาศของดวงเมืองจนถึงวันที่ 5 พ.ค. 68และสัมพันธ์ถึงดาวศุกร์ (๖) เจ้าเรือนกดุมภะ ในพื้นดวงเมือง จะก่อให้เกิดความผันผวนทางด้านเศรษฐกิจภายในประเทศ อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากเศรษฐกิจโลก ธุรกิจ การค้าขายเกิดภาวะฝืดเคือง เจ้าของกิจการ ห้างร้าน บริษัท โรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งปิดตัวลง เนื่องมาจากต้นทุนการผลิตสูงขึ้นมาก ประสบภาวะขาดทุนเพราะประชาชนไม่มีกำลังซื้อ และเกิดภาวะว่างงานเป็นจำนวนมาก ทำให้รัฐบาลต้องเพิ่มงบประมาณในการช่วยเหลือประชาชนและเพื่อพยุงเศรษฐกิจ ขณะที่รายได้จากภาษีอากรไม่สอดคล้องกับภาระค่าใช้จ่ายของรัฐบาล

    รัฐบาลจะออกพันธบัตรขายให้แก่นักลงทุนและประชาชนทั่วไป รวมถึงการกู้เงินเพื่อมาใช้จ่ายในกิจการของรัฐ ขณะที่หน่วยงานที่ดำเนินการเกี่ยวกับความมั่นคงทางการเงินและการจัดการเกี่ยวกับระบบการเงินของชาติต้องทำงานกันอย่างหนัก เพื่อดูแลระบบการเงินให้มีเสถียรภาพ มีการปรับปรุงระบบการจัดเก็บภาษีอากรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และอาจมีการเพิ่มภาษีบางอย่าง ปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับสวัสดิการของรัฐและเงินบำเหน็จบำนาญให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ มีการติดต่อเจรจาค้าขายรวมถึงการใช้สกุลเงินของประเทศที่ปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์มากขึ้นและสกุลเงินเหล่านี้จะมีบทบาทมากขึ้นในเวทีการค้าโลกซึ่งได้ปรากฎให้เห็นมาแล้วเป็นระยะ

    ที่มา..ส่องดวงเมืองผ่านดวงดาว 2568 (ตอนที่ 1) โดย พล พยากรณ์
    🌑⭐️🪐ดาวตรีเทพย้ายในเดือนพฤษภาคม2568.. ดาวราหูย้ายเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2568 ดาวพฤหัสย้ายเมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2568 และดาวสุดท้าย ดาวเสาร์ 7 โคจรอยู่ในราศีกุมภ์จนถึงวันที่ 19 พ.ค. 2568 ย้ายมาอยู่ในราศีมีน ทำมุมจตุโกณฑ์กับอังคาร ๓ ตนุลัคน์ของเมืองและดาวมฤตยู ๐ จรในราศีพฤษภ เป็นระยะเชิงมุมที่มีสัมพันธ์ร้ายต่อกัน ในโหราศาสตร์ชะตาบ้านเมืองได้กล่าวถึงการที่ดาวเสาร์ 7 และดาวมฤตยู ๐ มีสัมพันธ์ร้ายต่อกันไว้ว่า จะนำความยุ่งยากมาสู่รัฐบาลและผู้มีอำนาจปกครองประเทศ การเมืองของประเทศจะถูกรบกวนและเกิดการเปลี่ยนแปลง มีความผันแปรและมีอุปสรรคขัดขวางการทำงานของผู้มีอำนาจ รัฐบาลต้องเผชิญหน้ากับความปั่นป่วนซึ่งอาจทำให้สูญเสียความนิยมหรือพ่ายแพ้ เกิดการเปลี่ยนแปลงในคณะรัฐมนตรี อาจมีการตายหรือลาออก การแตกแยกภายในพรรคการเมือง มีการเลือกตั้งทั่วไปหรือการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ที่ยังผลถึงรัฐสภา ดาวเสาร์ 7 โคจรในราศีกุมภ์ทำมุมจตุโกณฑ์กับดาวอังคาร ๓ ตนุลัคน์ของเมืองถึงวันที่ 19 พ.ค. 2568 เป็นระยะเชิงมุมที่มีสัมพันธ์ร้ายต่อกัน ซึ่งจะยังความอับโชคมาสู่รัฐบาล เกิดความยุ่งยากภายในประเทศ ความไม่พอใจของประชาชน เกิดความวุ่นวาย อาชญากรรม ฆาตกรรม รัฐบาลอาจถึงกับเสื่อมเสียความนิยมหรือการสนับสนุน คนสำคัญบางคนอาจถึงแก่ความตายหรือถูกลอบปองร้ายชีวิต ความไม่พอใจอาจพาดพิงมาถึงกองทัพ และอาจเกิดการปฏิวัติ รัฐประหารขึ้นได้ ดาวมฤตยู (๐) โคจรในราศีพฤษภ ภพกดุมภะ เรือนของดาวศุกร์ ขณะที่ราหู 8 โคจรในภพวินาศของดวงเมืองจนถึงวันที่ 5 พ.ค. 68และสัมพันธ์ถึงดาวศุกร์ (๖) เจ้าเรือนกดุมภะ ในพื้นดวงเมือง จะก่อให้เกิดความผันผวนทางด้านเศรษฐกิจภายในประเทศ อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากเศรษฐกิจโลก ธุรกิจ การค้าขายเกิดภาวะฝืดเคือง เจ้าของกิจการ ห้างร้าน บริษัท โรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งปิดตัวลง เนื่องมาจากต้นทุนการผลิตสูงขึ้นมาก ประสบภาวะขาดทุนเพราะประชาชนไม่มีกำลังซื้อ และเกิดภาวะว่างงานเป็นจำนวนมาก ทำให้รัฐบาลต้องเพิ่มงบประมาณในการช่วยเหลือประชาชนและเพื่อพยุงเศรษฐกิจ ขณะที่รายได้จากภาษีอากรไม่สอดคล้องกับภาระค่าใช้จ่ายของรัฐบาล รัฐบาลจะออกพันธบัตรขายให้แก่นักลงทุนและประชาชนทั่วไป รวมถึงการกู้เงินเพื่อมาใช้จ่ายในกิจการของรัฐ ขณะที่หน่วยงานที่ดำเนินการเกี่ยวกับความมั่นคงทางการเงินและการจัดการเกี่ยวกับระบบการเงินของชาติต้องทำงานกันอย่างหนัก เพื่อดูแลระบบการเงินให้มีเสถียรภาพ มีการปรับปรุงระบบการจัดเก็บภาษีอากรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และอาจมีการเพิ่มภาษีบางอย่าง ปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับสวัสดิการของรัฐและเงินบำเหน็จบำนาญให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ มีการติดต่อเจรจาค้าขายรวมถึงการใช้สกุลเงินของประเทศที่ปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์มากขึ้นและสกุลเงินเหล่านี้จะมีบทบาทมากขึ้นในเวทีการค้าโลกซึ่งได้ปรากฎให้เห็นมาแล้วเป็นระยะ ที่มา..ส่องดวงเมืองผ่านดวงดาว 2568 (ตอนที่ 1) โดย พล พยากรณ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts