• อาทิตย์นี้มาโพสต์เร็วหน่อย เรามาคุยต่อกับ <ตำนานหมิงหลัน> เพราะละครเรื่องนี้มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยทางวัฒนธรรมให้เรียนรู้พอควร วันนี้ว่าด้วยฉากแต่งงานของพระนาง

    ความมีอยู่ว่า
    “ได้ยินมานานว่าผู้บังคับบัญชากู้เก่งด้านวรรณกรรม งั้นมาแต่งกลอนเร่งเจ้าสาวกันหน่อยดีกว่า ทุกคนรู้สึกว่าดี ถึงจะอนุญาตให้เข้าประตูมารับเจ้าสาวได้” คุณชายเขยห้ากล่าว
    - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> (ตามที่มีแปลซับไทยจ้า)

    เพื่อนเพจเชื้อสายจีนน่าจะคุ้นเคยดีกับธรรมเนียมที่ขบวนเจ้าบ่าวจะโดน ‘กั้นประตู’ ก่อนเข้าไปรับเจ้าสาวที่แต่งตัวเสร็จรออยู่แล้ว โดยปัจจุบันอาจต้องเล่นเกมต่างๆ เพื่อแลกกับการเปิดประตู และที่แน่ๆ ต้องมีแจกซองอั่งเปา

    ธรรมเนียมนี้ถูก ‘แปลงร่าง’ มาจากประเพณีเดิมตอนรับตัวเจ้าสาวในจีนโบราณ ในบันทึกประเพณีสมัยราชวงศ์เหนือใต้มีการระบุว่า หนึ่งในขั้นตอนการรับตัวเจ้าสาวคือมีการตะโกนเรียกเร่งให้นางแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จออกมาไวๆ ขั้นตอนนี้เรียกว่า ‘ชุยจวง’ (催装) เนื่องจากสมัยจีนโบราณจริงๆ แล้วมักจัดพิธีกราบไหว้ฟ้าดินในตอนเย็นก่อนมืด ซึ่งโดยปกติเจ้าสาวจะใช้เวลาแต่งตัวแต่งหน้านานมาก จึงมีการเร่งให้เจ้าสาวออกมาก่อนฟ้าจะมืด และเกิดการ ‘แกล้ง’ ขบวนเจ้าบ่าวก่อนจะเปิดประตูให้รับเจ้าสาวได้ ถึงขนาดใช้ไม้พลองหวดเจ้าบ่าวก็มี (!) ซึ่งการกลั่นแกล้งเหล่านี้เจ้าบ่าวต้องยอมรับแต่โดยดีและมีชื่อเรียกวิธีปฏิบัตินี้ว่า ‘เซี่ยซวี่’ (下婿 แปลตรงตัวได้ประมาณว่าเขยยอมเป็นเบี้ยล่าง)

    ต่อมาในยุคสมัยราชวงศ์ถังที่การอักษรและโคลงกลอนรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก จึงเกิดเป็นธรรมเนียมการแต่ง ‘กลอนเร่งเจ้าสาว’ หรือที่เรียกว่า ‘ชุยจวงซือ’ (催妆诗) สำหรับชนชั้นสูงที่มีการศึกษา โดยเจ้าบ่าวจะแต่งกลอนเองก็ได้หรือให้เพื่อนเจ้าบ่าวแต่งก็ได้ เมื่อแต่งกลอนเสร็จแล้วก็จะมีคนนำไปเล่าให้เจ้าสาวฟังถึงในห้องเพื่อว่านางจะได้รีบออกมา

    กลอนเร่งเจ้าสาวจะมีเนื้อหาแตกต่างจากบทกวีสมัยถังทั่วไป โดยเอกลักษณ์ของมันคือมีเนื้อหาออกแนวเกี้ยวพาราสีหรือชมความงามเจ้าสาว ได้อารมณ์ประมาณว่า เจ้าอย่าเอียงอายรีบออกมาเถิดเราจะได้รีบไปกัน! จะเห็นว่าบทกลอนเร่งเจ้าสาวในเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> ก็ได้อารมณ์นี้เช่นกัน

    และเนื่องจากในสมัยราชวงศ์ซ่งมีการนิยมบทกวีในลักษณะ ‘ฉือ’ (词) มากกว่า ‘ซือ’ (诗) (Storyฯ เคยเขียนถึงความแตกต่างของบทกวีสองประเภทนี้ไปแล้วในตอนชื่อนิยายหมิงหลัน) ดังนั้นในสมัยซ่งจึงมีการแต่งกลอนเร่งเจ้าสาวในแบบสไตล์ ‘ฉือ’ ด้วย เรียกว่า ‘ชุยจวงฉือ’

    เมื่ออยู่ในห้องหอแล้วจะมีขั้นตอนการปลดพัดเจ้าสาวเรียกว่า ‘เชวี่ยซ่าน’ (却扇) แต่ในละครทำอย่างง่ายๆ หากทำแบบเต็มพิธีการจริงๆ ในสมัยถังเขาจะให้เจ้าบ่าวแต่งกลอนอีกรอบค่ะ เรียกว่า ‘เชวี่ยซ่านซือ’ หากเจ้าสาวพอใจจึงจะวางพัดลง แต่ Storyฯ หาข้อมูลไม่มีว่าเขาอนุญาตให้เพื่อนเจ้าบ่าวตามเข้ามาช่วยแต่งกลอนหรือไม่ (555) ดูไปแล้ว กว่าจะรับตัวเจ้าสาวได้นี่ไม่ง่ายเลย

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.sohu.com/a/295145859_100301735
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://rijifang.com/index.php/post/9230.html
    https://www.52lishi.com/article/65423.html
    https://www.zhihu.com/question/446052944/answer/1747492245
    http://travel.china.com.cn/txt/2020-11/10/content_76894055.html

    #หมิงหลัน #กู้ถิงเยี่ย #งานแต่งงานจีนโบราณ #กวีจีน #ประเพณีจีนโบราณ #เซี่ยซวี่ #กลอนเร่งเจ้าสาว #ชุยจวง #ชุยจวงซือ #ชุยจวงฉือ #เชวี่ยซ่าน
    อาทิตย์นี้มาโพสต์เร็วหน่อย เรามาคุยต่อกับ <ตำนานหมิงหลัน> เพราะละครเรื่องนี้มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยทางวัฒนธรรมให้เรียนรู้พอควร วันนี้ว่าด้วยฉากแต่งงานของพระนาง ความมีอยู่ว่า “ได้ยินมานานว่าผู้บังคับบัญชากู้เก่งด้านวรรณกรรม งั้นมาแต่งกลอนเร่งเจ้าสาวกันหน่อยดีกว่า ทุกคนรู้สึกว่าดี ถึงจะอนุญาตให้เข้าประตูมารับเจ้าสาวได้” คุณชายเขยห้ากล่าว - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> (ตามที่มีแปลซับไทยจ้า) เพื่อนเพจเชื้อสายจีนน่าจะคุ้นเคยดีกับธรรมเนียมที่ขบวนเจ้าบ่าวจะโดน ‘กั้นประตู’ ก่อนเข้าไปรับเจ้าสาวที่แต่งตัวเสร็จรออยู่แล้ว โดยปัจจุบันอาจต้องเล่นเกมต่างๆ เพื่อแลกกับการเปิดประตู และที่แน่ๆ ต้องมีแจกซองอั่งเปา ธรรมเนียมนี้ถูก ‘แปลงร่าง’ มาจากประเพณีเดิมตอนรับตัวเจ้าสาวในจีนโบราณ ในบันทึกประเพณีสมัยราชวงศ์เหนือใต้มีการระบุว่า หนึ่งในขั้นตอนการรับตัวเจ้าสาวคือมีการตะโกนเรียกเร่งให้นางแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จออกมาไวๆ ขั้นตอนนี้เรียกว่า ‘ชุยจวง’ (催装) เนื่องจากสมัยจีนโบราณจริงๆ แล้วมักจัดพิธีกราบไหว้ฟ้าดินในตอนเย็นก่อนมืด ซึ่งโดยปกติเจ้าสาวจะใช้เวลาแต่งตัวแต่งหน้านานมาก จึงมีการเร่งให้เจ้าสาวออกมาก่อนฟ้าจะมืด และเกิดการ ‘แกล้ง’ ขบวนเจ้าบ่าวก่อนจะเปิดประตูให้รับเจ้าสาวได้ ถึงขนาดใช้ไม้พลองหวดเจ้าบ่าวก็มี (!) ซึ่งการกลั่นแกล้งเหล่านี้เจ้าบ่าวต้องยอมรับแต่โดยดีและมีชื่อเรียกวิธีปฏิบัตินี้ว่า ‘เซี่ยซวี่’ (下婿 แปลตรงตัวได้ประมาณว่าเขยยอมเป็นเบี้ยล่าง) ต่อมาในยุคสมัยราชวงศ์ถังที่การอักษรและโคลงกลอนรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก จึงเกิดเป็นธรรมเนียมการแต่ง ‘กลอนเร่งเจ้าสาว’ หรือที่เรียกว่า ‘ชุยจวงซือ’ (催妆诗) สำหรับชนชั้นสูงที่มีการศึกษา โดยเจ้าบ่าวจะแต่งกลอนเองก็ได้หรือให้เพื่อนเจ้าบ่าวแต่งก็ได้ เมื่อแต่งกลอนเสร็จแล้วก็จะมีคนนำไปเล่าให้เจ้าสาวฟังถึงในห้องเพื่อว่านางจะได้รีบออกมา กลอนเร่งเจ้าสาวจะมีเนื้อหาแตกต่างจากบทกวีสมัยถังทั่วไป โดยเอกลักษณ์ของมันคือมีเนื้อหาออกแนวเกี้ยวพาราสีหรือชมความงามเจ้าสาว ได้อารมณ์ประมาณว่า เจ้าอย่าเอียงอายรีบออกมาเถิดเราจะได้รีบไปกัน! จะเห็นว่าบทกลอนเร่งเจ้าสาวในเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> ก็ได้อารมณ์นี้เช่นกัน และเนื่องจากในสมัยราชวงศ์ซ่งมีการนิยมบทกวีในลักษณะ ‘ฉือ’ (词) มากกว่า ‘ซือ’ (诗) (Storyฯ เคยเขียนถึงความแตกต่างของบทกวีสองประเภทนี้ไปแล้วในตอนชื่อนิยายหมิงหลัน) ดังนั้นในสมัยซ่งจึงมีการแต่งกลอนเร่งเจ้าสาวในแบบสไตล์ ‘ฉือ’ ด้วย เรียกว่า ‘ชุยจวงฉือ’ เมื่ออยู่ในห้องหอแล้วจะมีขั้นตอนการปลดพัดเจ้าสาวเรียกว่า ‘เชวี่ยซ่าน’ (却扇) แต่ในละครทำอย่างง่ายๆ หากทำแบบเต็มพิธีการจริงๆ ในสมัยถังเขาจะให้เจ้าบ่าวแต่งกลอนอีกรอบค่ะ เรียกว่า ‘เชวี่ยซ่านซือ’ หากเจ้าสาวพอใจจึงจะวางพัดลง แต่ Storyฯ หาข้อมูลไม่มีว่าเขาอนุญาตให้เพื่อนเจ้าบ่าวตามเข้ามาช่วยแต่งกลอนหรือไม่ (555) ดูไปแล้ว กว่าจะรับตัวเจ้าสาวได้นี่ไม่ง่ายเลย (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.sohu.com/a/295145859_100301735 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://rijifang.com/index.php/post/9230.html https://www.52lishi.com/article/65423.html https://www.zhihu.com/question/446052944/answer/1747492245 http://travel.china.com.cn/txt/2020-11/10/content_76894055.html #หมิงหลัน #กู้ถิงเยี่ย #งานแต่งงานจีนโบราณ #กวีจีน #ประเพณีจีนโบราณ #เซี่ยซวี่ #กลอนเร่งเจ้าสาว #ชุยจวง #ชุยจวงซือ #ชุยจวงฉือ #เชวี่ยซ่าน
    WWW.SOHU.COM
    《知否?知否?应是绿肥红瘦》过百亿的播放量能说明什么?_顾廷烨
    作为近150万字的长篇小说,实在是有些长,我并没有看完,也理解作者的不易,本身作为兼职作者,平时工作也比较繁忙,可能只有夜晚的四五个小时可以利用,也会有家里的各种繁杂琐事时不时骚扰,从写法来看,看得出…
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว
  • OpenAI ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน ChatGPT ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถช้อปปิ้งสินค้าได้โดยตรงผ่านแชทบอท โดยฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเปรียบเทียบสินค้า เช่น อิเล็กทรอนิกส์ แฟชั่น ความงาม และของใช้ในบ้าน พร้อมลิงก์ไปยังเว็บไซต์ร้านค้าเพื่อทำการซื้อสินค้า ฟีเจอร์นี้ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความสะดวกในการค้นหา เปรียบเทียบ และซื้อสินค้า โดย OpenAI ยืนยันว่าผลลัพธ์ที่แสดงในแชทไม่ได้เป็นโฆษณา

    นอกจากนี้ OpenAI ยังได้ปรับปรุงฟีเจอร์อื่นๆ เช่น การอ้างอิงข้อมูลที่มีแหล่งที่มาหลายแหล่ง การแสดงข้อมูลที่เกี่ยวข้องในรูปแบบภาพ และการเพิ่มความเร็วในการค้นหาด้วยคำแนะนำอัตโนมัติ ฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบข้อมูลและค้นหาหัวข้อที่สนใจได้ง่ายขึ้น

    ✅ ฟีเจอร์ช้อปปิ้งในแชท
    - ช่วยให้ผู้ใช้งานเปรียบเทียบสินค้าและซื้อสินค้าได้โดยตรง
    - รองรับสินค้าหลายประเภท เช่น อิเล็กทรอนิกส์ แฟชั่น ความงาม และของใช้ในบ้าน

    ✅ การปรับปรุงฟีเจอร์อื่นๆ
    - การอ้างอิงข้อมูลที่มีแหล่งที่มาหลายแหล่ง
    - การแสดงข้อมูลในรูปแบบภาพและการค้นหาที่รวดเร็วขึ้น

    ✅ เป้าหมายของ OpenAI
    - เพิ่มความสะดวกในการค้นหาและซื้อสินค้า
    - แข่งขันกับแพลตฟอร์มอื่น เช่น Google Shopping

    https://www.neowin.net/news/openai-introduces-shopping-in-chatgpt-in-fresh-challenge-to-google/
    OpenAI ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน ChatGPT ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถช้อปปิ้งสินค้าได้โดยตรงผ่านแชทบอท โดยฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเปรียบเทียบสินค้า เช่น อิเล็กทรอนิกส์ แฟชั่น ความงาม และของใช้ในบ้าน พร้อมลิงก์ไปยังเว็บไซต์ร้านค้าเพื่อทำการซื้อสินค้า ฟีเจอร์นี้ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความสะดวกในการค้นหา เปรียบเทียบ และซื้อสินค้า โดย OpenAI ยืนยันว่าผลลัพธ์ที่แสดงในแชทไม่ได้เป็นโฆษณา นอกจากนี้ OpenAI ยังได้ปรับปรุงฟีเจอร์อื่นๆ เช่น การอ้างอิงข้อมูลที่มีแหล่งที่มาหลายแหล่ง การแสดงข้อมูลที่เกี่ยวข้องในรูปแบบภาพ และการเพิ่มความเร็วในการค้นหาด้วยคำแนะนำอัตโนมัติ ฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบข้อมูลและค้นหาหัวข้อที่สนใจได้ง่ายขึ้น ✅ ฟีเจอร์ช้อปปิ้งในแชท - ช่วยให้ผู้ใช้งานเปรียบเทียบสินค้าและซื้อสินค้าได้โดยตรง - รองรับสินค้าหลายประเภท เช่น อิเล็กทรอนิกส์ แฟชั่น ความงาม และของใช้ในบ้าน ✅ การปรับปรุงฟีเจอร์อื่นๆ - การอ้างอิงข้อมูลที่มีแหล่งที่มาหลายแหล่ง - การแสดงข้อมูลในรูปแบบภาพและการค้นหาที่รวดเร็วขึ้น ✅ เป้าหมายของ OpenAI - เพิ่มความสะดวกในการค้นหาและซื้อสินค้า - แข่งขันกับแพลตฟอร์มอื่น เช่น Google Shopping https://www.neowin.net/news/openai-introduces-shopping-in-chatgpt-in-fresh-challenge-to-google/
    WWW.NEOWIN.NET
    OpenAI introduces shopping in ChatGPT in fresh challenge to Google
    OpenAI has introduced a new feature in ChatGPT that lets users shop directly within the service, presenting another potential challenge to Google.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว

  • ดูดวงทั้ง 12 นักษัตร เดือนพฤษภาคม 2568
    .................................................................................
    คำทำนายของพื้นดวงชะตา ในเดือนพฤษภาคม 2568 ของคนที่เกิดในแต่ละปีนักษัตร ทั้ง 12 ราศี ว่าพื้นดวงชะตาของแต่ละคนมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านบวกหรือด้านลบอย่างไร เรื่องใดโดดเด่นและเรื่องใดต้องระมัดระวังแก้ไข
    ในเดือน พฤษภาคมเป็นเดือน ซิน จี๋นักษัตร มะเส็งพลังไฟ ธาตุโลหะ ตามหลักโป้ยหยี่ซีเถียวโหราศาสตร์จีน พลังของปีเกื้อกูลและเป็นโชคลาภแก่พลังธาตุของเดือน ส่งผลให้ในเดือนนี้มีพลังแห่งการต่อสู้แข่งขันสูง ช่วงชิงโอกาสชิงไหวชิงพริบ ส่งผลดีต่อธุรกิจค้าส่งค้าปลีก สถานเสริมความงาม สถานบันเทิง โรงแรม ร้านอาหาร ธุรกิจท่องเที่ยว ในเดือนนี้ คนที่เกิดในนักษัตรที่มีพลังธาตุสอดคล้องกับเดือนมะเส็งจะได้รับผลดีและหากนักษัตรใด มีพื้นดวงขัดแย้ง ก็ต้องระวังผลเสียที่เข้ากระทบ เช่นกัน

    https://youtu.be/88I1tFuXUYg



    ดูดวง 12 นักษัตร เดือนพฤษภาคม 2568
    .......................................................................
    00:00 บทนำ
    01:21 ดวง ปีชวด (หนู)
    03:01 ดวง ปีฉลู (วัว)
    05:04 ดวง ปีขาล (เสือ)
    06:57 ดวง ปีเถาะ (กระต่าย)
    09:02 ดวง ปีมะโรง (งูใหญ่)
    10:55 ดวง ปีมะเส็ง (งูเล็ก)
    12:53 ดวง ปีมะเมีย (ม้า)
    14:42 ดวง ปีมะแม (แพะ)
    16:31 ดวง ปีวอก (ลิง)
    18:44 ดวง ปีระกา (ไก่)
    20:47 ดวง ปีจอ (หมา)
    22:28 ดวง ปีกุน (หมู)
    ** คำทำนายนี้มีผล ตั้งแต่วันที่ วันที่ 5 พฤษภาคมถึงวันที่ 4 มิถุนายน 2568 **
    ดูดวงทั้ง 12 นักษัตร เดือนพฤษภาคม 2568 ................................................................................. คำทำนายของพื้นดวงชะตา ในเดือนพฤษภาคม 2568 ของคนที่เกิดในแต่ละปีนักษัตร ทั้ง 12 ราศี ว่าพื้นดวงชะตาของแต่ละคนมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านบวกหรือด้านลบอย่างไร เรื่องใดโดดเด่นและเรื่องใดต้องระมัดระวังแก้ไข ในเดือน พฤษภาคมเป็นเดือน ซิน จี๋นักษัตร มะเส็งพลังไฟ ธาตุโลหะ ตามหลักโป้ยหยี่ซีเถียวโหราศาสตร์จีน พลังของปีเกื้อกูลและเป็นโชคลาภแก่พลังธาตุของเดือน ส่งผลให้ในเดือนนี้มีพลังแห่งการต่อสู้แข่งขันสูง ช่วงชิงโอกาสชิงไหวชิงพริบ ส่งผลดีต่อธุรกิจค้าส่งค้าปลีก สถานเสริมความงาม สถานบันเทิง โรงแรม ร้านอาหาร ธุรกิจท่องเที่ยว ในเดือนนี้ คนที่เกิดในนักษัตรที่มีพลังธาตุสอดคล้องกับเดือนมะเส็งจะได้รับผลดีและหากนักษัตรใด มีพื้นดวงขัดแย้ง ก็ต้องระวังผลเสียที่เข้ากระทบ เช่นกัน https://youtu.be/88I1tFuXUYg ดูดวง 12 นักษัตร เดือนพฤษภาคม 2568 ....................................................................... 00:00 บทนำ 01:21 ดวง ปีชวด (หนู) 03:01 ดวง ปีฉลู (วัว) 05:04 ดวง ปีขาล (เสือ) 06:57 ดวง ปีเถาะ (กระต่าย) 09:02 ดวง ปีมะโรง (งูใหญ่) 10:55 ดวง ปีมะเส็ง (งูเล็ก) 12:53 ดวง ปีมะเมีย (ม้า) 14:42 ดวง ปีมะแม (แพะ) 16:31 ดวง ปีวอก (ลิง) 18:44 ดวง ปีระกา (ไก่) 20:47 ดวง ปีจอ (หมา) 22:28 ดวง ปีกุน (หมู) ** คำทำนายนี้มีผล ตั้งแต่วันที่ วันที่ 5 พฤษภาคมถึงวันที่ 4 มิถุนายน 2568 **
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 0 รีวิว
  • #วันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา "เฉินเยว่" นักศึกษาหญิงผู้พิการทางการได้ยิน จากวิทยาลัยการศึกษาพิเศษ มหาวิทยาลัยศิลปะซีอาน กลายเป็นกระแสโด่งดังในโลกออนไลน์ หลังมีชาวเน็ตจำนวนมากตั้งข้อสงสัยว่าใบหน้าของเธอสวยเกินจริงจนดูเหมือนภาพที่สร้างขึ้นโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI)

    ความงดงามของ “เฉินเย่ว์”สร้างกระแสสงสัยในหมู่ชาวเน็ตจีนว่า “ของจริงหรือ?” “นางสวยเป๊ะราวกับใช้ เอไอ วาด!”

    เรื่องความงามและความอ่อนน้อมของ "เฉินเย่ว์" กลายเป็นหัวข้อที่ชาวเน็ตจีนเข้ามาค้นหาและพูดคุย จนขึ้นแท่น “ฮอตเสิร์ช” อันดับหนึ่ง ในโลกโซเชียลฯแดนมังกร

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/china/detail/9680000037844

    #MGROnline #นักศึกษาหญิง #วิทยาลัยการศึกษาพิเศษ #มหาวิทยาลัยศิลปะซีอาน
    #วันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา "เฉินเยว่" นักศึกษาหญิงผู้พิการทางการได้ยิน จากวิทยาลัยการศึกษาพิเศษ มหาวิทยาลัยศิลปะซีอาน กลายเป็นกระแสโด่งดังในโลกออนไลน์ หลังมีชาวเน็ตจำนวนมากตั้งข้อสงสัยว่าใบหน้าของเธอสวยเกินจริงจนดูเหมือนภาพที่สร้างขึ้นโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) • ความงดงามของ “เฉินเย่ว์”สร้างกระแสสงสัยในหมู่ชาวเน็ตจีนว่า “ของจริงหรือ?” “นางสวยเป๊ะราวกับใช้ เอไอ วาด!” • เรื่องความงามและความอ่อนน้อมของ "เฉินเย่ว์" กลายเป็นหัวข้อที่ชาวเน็ตจีนเข้ามาค้นหาและพูดคุย จนขึ้นแท่น “ฮอตเสิร์ช” อันดับหนึ่ง ในโลกโซเชียลฯแดนมังกร • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/china/detail/9680000037844 • #MGROnline #นักศึกษาหญิง #วิทยาลัยการศึกษาพิเศษ #มหาวิทยาลัยศิลปะซีอาน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 316 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้มาคุยเรื่องบทกวีกันอีกสักหน่อย

    ในละครเรื่อง <ตำนานรักช่างภูษา> มีฉากหนึ่งเล่าถึงการเตรียมชุดเข้าวังถวายตัวของอู่ไฉเหริน โดยมีการปักบทกวีและลวดลายดอกท้อไว้บนชุด อู่ไฉเหรินกล่าวไว้ในฉากนี้ว่า “ดอกท้อผลิบานพันหมื่นดอก สีสันแดงสดดั่งเปลวเพลิง สตรีจะออกเรือน สุขศรีอยู่ฝ่ายบุรุษ... นำบทกลอนมาลงปักทำเป็นชุดมงคลแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร... กลอนเถาเยาบทนี้ตรงประเด็นนัก”
    - ถอดบทสนทนาจากละครนี้ตามซับไทย

    บทกวี ‘เถาเยา’ ที่กล่าวถึงนี้ เป็นหนึ่งในบทกวีที่ถูกรวบรวมไว้ใน ‘ซือจิง’ (诗经 แปลตรงตัวว่าคัมภีร์บทกวี) ซึ่งเป็นคอลเลคชั่นบทกวีจีนที่เก่าแก่ที่สุด โดยรวบรวมไว้ถึง 311 บท เป็นบทกวีตั้งแต่สมัยโจวตะวันตกตอนปลายจนถึงยุคชุนชิว (ประมาณปี1066 - 479 ก่อนคริสตกาล)

    ‘เถาเยา’ มีทั้งหมดสามท่อน แต่ละท่อนมีสี่วรรค เป็นหนึ่งในบทกวีที่นิยมในวงการศึกษาจวบจนปัจจุบันด้วยความไพเราะของคำที่ใช้ (ดูกวีบทเต็มได้ตามรูป)

    วรรคที่เป็นวรรคยอดนิยมจากกวีบทนี้ก็คือสองวรรคแรก ‘เถาจือเยาเยา จั๋วจั๋วฉีหัว’ ซึ่งเป็นสองประโยคแรกที่ยกมาจากในละครข้างต้น Storyฯ แปลและเรียบเรียงใหม่ว่า ‘ดอกท้อชูช่อดารดาษ งามสะพรั่งโดดเด่นจับตา’ เป็นวลีที่ใช้บรรยายถึงความงามของสตรีที่ดูโดดเด่นจนมิอาจสายตาไปได้เลย

    แล้วบทกวี ‘เถาเยา’ นี้ ‘ตรงประเด็น’ กับเรื่องราวในละครตอนนี้อย่างไร?

    Storyฯ ขอแปลและเรียบเรียงใหม่ดังนี้ เพื่อนเพจอ่านจบคงเข้าใจ
    ดอกท้อชูช่อดารดาษ งามสะพรั่งโดดเด่นจับตา สตรีนี้เข้าเรือนมา สุขคู่ชูชื่นเคียงใจ
    ดอกท้อชูช่อดารดาษ กิ่งก้านเติบใหญ่มั่นคง สตรีนี้เข้าเรือนมา บุตรหลานสมบูรณ์
    ดอกท้อชูช่อดารดาษ ใบดกหนาเข้มงดงาม สตรีนี้เข้าเรือนมา สัมพันธ์กระชับมั่นคง

    ถูกแล้วค่ะ ‘เถาเยา’ เป็นบทกวีที่ไม่เพียงชื่นชมความงามของสตรี แต่เป็นการชื่นชมความงามของเจ้าสาวที่มิเพียงงามโดดเด่น แต่ยังครบถ้วนด้วยจรรยาของสตรี เมื่อเข้าเรือนมาก็จะนำพาความสุขมาสู่สามี ในฉากละครนี้จึงเหมาะกับอู่ไฉเหรินที่กำลังจะออกเรือน ถึงแม้ว่าในความเป็นจริงคือเข้าวังไปเป็นสนม ไม่ใช่ออกเรือนธรรมดา

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/321636860
    https://new.qq.com/rain/a/20210207A09M7U00
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://shijing.5000yan.com/guofeng-zhounan/taoyao.html
    https://so.gushiwen.cn/mingju/juv_e2608d9927eb.aspx
    https://baike.baidu.com/item/诗经/168138
    https://baike.baidu.com/item/周南·桃夭/4982214

    #เถาเยา #บทกวีจีน #ดอกท้อ #โจวหนาน
    วันนี้มาคุยเรื่องบทกวีกันอีกสักหน่อย ในละครเรื่อง <ตำนานรักช่างภูษา> มีฉากหนึ่งเล่าถึงการเตรียมชุดเข้าวังถวายตัวของอู่ไฉเหริน โดยมีการปักบทกวีและลวดลายดอกท้อไว้บนชุด อู่ไฉเหรินกล่าวไว้ในฉากนี้ว่า “ดอกท้อผลิบานพันหมื่นดอก สีสันแดงสดดั่งเปลวเพลิง สตรีจะออกเรือน สุขศรีอยู่ฝ่ายบุรุษ... นำบทกลอนมาลงปักทำเป็นชุดมงคลแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร... กลอนเถาเยาบทนี้ตรงประเด็นนัก” - ถอดบทสนทนาจากละครนี้ตามซับไทย บทกวี ‘เถาเยา’ ที่กล่าวถึงนี้ เป็นหนึ่งในบทกวีที่ถูกรวบรวมไว้ใน ‘ซือจิง’ (诗经 แปลตรงตัวว่าคัมภีร์บทกวี) ซึ่งเป็นคอลเลคชั่นบทกวีจีนที่เก่าแก่ที่สุด โดยรวบรวมไว้ถึง 311 บท เป็นบทกวีตั้งแต่สมัยโจวตะวันตกตอนปลายจนถึงยุคชุนชิว (ประมาณปี1066 - 479 ก่อนคริสตกาล) ‘เถาเยา’ มีทั้งหมดสามท่อน แต่ละท่อนมีสี่วรรค เป็นหนึ่งในบทกวีที่นิยมในวงการศึกษาจวบจนปัจจุบันด้วยความไพเราะของคำที่ใช้ (ดูกวีบทเต็มได้ตามรูป) วรรคที่เป็นวรรคยอดนิยมจากกวีบทนี้ก็คือสองวรรคแรก ‘เถาจือเยาเยา จั๋วจั๋วฉีหัว’ ซึ่งเป็นสองประโยคแรกที่ยกมาจากในละครข้างต้น Storyฯ แปลและเรียบเรียงใหม่ว่า ‘ดอกท้อชูช่อดารดาษ งามสะพรั่งโดดเด่นจับตา’ เป็นวลีที่ใช้บรรยายถึงความงามของสตรีที่ดูโดดเด่นจนมิอาจสายตาไปได้เลย แล้วบทกวี ‘เถาเยา’ นี้ ‘ตรงประเด็น’ กับเรื่องราวในละครตอนนี้อย่างไร? Storyฯ ขอแปลและเรียบเรียงใหม่ดังนี้ เพื่อนเพจอ่านจบคงเข้าใจ ดอกท้อชูช่อดารดาษ งามสะพรั่งโดดเด่นจับตา สตรีนี้เข้าเรือนมา สุขคู่ชูชื่นเคียงใจ ดอกท้อชูช่อดารดาษ กิ่งก้านเติบใหญ่มั่นคง สตรีนี้เข้าเรือนมา บุตรหลานสมบูรณ์ ดอกท้อชูช่อดารดาษ ใบดกหนาเข้มงดงาม สตรีนี้เข้าเรือนมา สัมพันธ์กระชับมั่นคง ถูกแล้วค่ะ ‘เถาเยา’ เป็นบทกวีที่ไม่เพียงชื่นชมความงามของสตรี แต่เป็นการชื่นชมความงามของเจ้าสาวที่มิเพียงงามโดดเด่น แต่ยังครบถ้วนด้วยจรรยาของสตรี เมื่อเข้าเรือนมาก็จะนำพาความสุขมาสู่สามี ในฉากละครนี้จึงเหมาะกับอู่ไฉเหรินที่กำลังจะออกเรือน ถึงแม้ว่าในความเป็นจริงคือเข้าวังไปเป็นสนม ไม่ใช่ออกเรือนธรรมดา (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://zhuanlan.zhihu.com/p/321636860 https://new.qq.com/rain/a/20210207A09M7U00 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://shijing.5000yan.com/guofeng-zhounan/taoyao.html https://so.gushiwen.cn/mingju/juv_e2608d9927eb.aspx https://baike.baidu.com/item/诗经/168138 https://baike.baidu.com/item/周南·桃夭/4982214 #เถาเยา #บทกวีจีน #ดอกท้อ #โจวหนาน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 372 มุมมอง 0 รีวิว
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 12 อยู่กินอย่างไรไม่ให้เดือดร้อน
    .
    การจับจ่ายใช้สอยซื้อของที่ตนเองต้องการเป็นเรื่องสนุก หลายคนมีสติในเรื่องการใช้จ่าย แต่หลายคนก็ขาดสติ ใช้จ่ายจนเกิดความเดือดร้อนในเรื่องเงินทอง ซึ่งมีผลกระทบไปถึงการดำเนินชีวิตด้วย
    .
    บ่อยครั้งคนที่เริ่มเดือดร้อนเรื่องเงิน ยังไม่ตระหนักถึงสภานะของตนเอง เพราะไม่มีไฟแดงกระพริบเตือนเป็นสัญญาณให้ทราบว่ากำลังใช้จ่ายเกินตัว กินอยู่เกินฐานะ และชีวิตในอนาคตกำลังจะลำบาก สิ่งที่อาจเป็นตัวแทนของไฟแดงกระพริบได้แก่ (1) รายได้ส่วนหนึ่งถูกใช้ชำระหนี้เพิ่มมากขึ้นทุกที (2) จ่ายเงินชำระหนี้บัตรเครดิตหรือเงินกู้ด้วยจำนวนเงินต่ำที่สุดเท่าที่เจ้าหนี้จะยอมให้ได้ (3) ใช้เงินเต็มวงกู้ของบัตรเครดิต (4) ต้องเอาเงินส่วนที่ตั้งใจไว้ทำอย่างอื่น มาจ่ายชำระเงินตามใบเรียกเก็บเงิน (5) ใช้บัตรเครดิตชำระเงินสำหรับหลายสิ่งทั้ง ๆ ที่แต่เดิมใช้เงินสด (6) ชำระเงินตามใบเรียกเก็บเกินกำหนดเวลาอยู่เนืองๆ (7) ถูกเตือนให้จัดการกับบิลค้างชำระอยู่บ่อย ๆ (8) ทำงานล่วงเวลาหรือหาเงินพิเศษตัวเป็นเกลียวเพื่อหาเงินสดมาชำระบิลที่ส่งมาเรียกเก็บ (9) หากต้องออกจากงานที่ทำอยู่ก็จะเกิดปัญหาการเงินขึ้นมาทันที (10) นึกกังวลถึงเรื่องเงินอยู่เสมอ
    .
    สัญญาณข้างต้นไม่จำเป็นต้องมีครบทุกอย่างก็แสดงว่า กำลังกินอย่างเดือดร้อนแล้ว สาเหตุก็มาจากความไม่สมดุลระหว่างรายได้และรายจ่าย หนทางแก้ไขแรกคือ ต้องหารายได้ให้พอกับรายจ่ายที่กำลังเกิดขึ้น หรือพูดอีกอย่างว่า ยกฐานะการเงินขึ้นมาให้ทัดเทียมกับระดับการอยู่กิน หนทางที่สองคือ ลดรายจ่ายลงให้พอดีกับรายได้ หรือลดการอยู่กินลงมาให้พอดีหรือต่ำกว่าฐานะ หรือทั้งสองหนทาง
    .
    การแก้ไขด้วยวิธีแรกนั้นยากมาก และไม่มีวันจบสิ้นได้เลย เพราะเคยชินกับการใช้จ่ายสูงจนเสมือนกับไล่จับเงาตัวเอง หามาได้เท่าใดก็ไม่มีวันเพียงพอ การใช้ทั้งสองวิธี หรือใช้วิธีที่สองคือ ลดรายจ่ายลงให้พอดีกับรายได้ มีเหตุมีผลมากกว่า เพราะถึงแม้จะเจ็บปวดแต่ก็กระทำได้ง่ายกว่าการหารายได้ให้เพียงพอกับรายจ่าย และที่สำคัญที่สุด เกิดเป็นมรรคเป็นผลในระยะยาว
    .
    อย่างไรก็ดีในการหาทางแก้ไข จะจ้องเข้าใจว่าอะไรเป็นสาเหตุของการอยู่กินอย่างเดือดร้อนของคนไฟแดงกะพริบเหล่านี้ หากมองในภาพรวมก็จะเห็นว่า ปัญหาเริ่มจากความต้องการที่ไม่มีวันพอ เป็นสาเหตุแรก กล่าวคือ ความต้องการมีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังที่มาสโลว์ กล่าวไว้ โดยเริ่มต้นจากต้องการบำบัดความหิว ต้องการอยู่รอดอย่างมั่นคงปลอดภัย ต้องการความรักและมีพรรคพวก ต้องการความสำเร็จและได้รับการชื่นชมยอมรับ ต้องการมีความรู้และความเข้าใจ ต้องการความงามและความเป็นระเบียบ สุดท้ายต้องการบรรลุศักยภาพของตนเอง ดังนั้นโดยพื้นฐาน มนุษย์ต้องการการบริโภคมากอยู่แล้ว ซึ่งย่อมทำให้ใช้จ่ายมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
    .
    สาเหตุที่ 2 คือ ความเข้าใจโลกที่ไม่เหมาะสม หลายคนมักนึกว่าการดำเนินชีวิตของผู้คนและครอบครัวกังที่ปรากฏในสื่อ คือวิถีการดำเนินชีวิตจริงของคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบริโภค การใช้ชีวิต และค่านิยม ดังนั้นเมื่อผู้เสพสื่อเหล่านี้ต้องการเป็นเช่นเดียวกับคนอื่นๆ จึงจำเป็นต้องบริโภคในลักษณะนั้นๆ เพื่อให้ได้ใช้ชีวิต และมีค่านิยมแบบเดียวกัน การเลียนแบบเหล่านี้ ย่อมเกิดค่าใช้จ่ายขึ้นมากมายอีกเช่นกัน
    .
    สาเหตุที่ 3 คือ อิทธิพลของสิ่งแวดล้อม ในปัจจุบันโทรศัพท์สื่อโซเชี่ยลมิเดียหลายแพลทฟอร์ม เป็นสื่อที่ทรงอิทธิพลอย่างมาก มีหลายครั้งที่ผู้โฆษณาพยายามบอกผู้ชมว่า ถ้าใช้สินค้านั้น หรือไปสถานที่นี้ ทำอย่างนั้นแล้วจะเป็น “คนมีระดับ” จะทำให้เป็นคนที่สังคมยอมรับ และ “คนปกติ” เขาก็ปฎิบัติเช่นนั้น การสื่อเช่นนี้ทำให้ผู้คนคล้อยตามได้โดยง่าย
    .
    ทั้งสามสาเหตุ นำไปสู่การใช้จ่ายที่สูง ดังนั้นการขาดความสมดุลระหว่างรายได้และรายจ่ายจึงเป็นเหตุที่ทำให้คนจำนวนมากอยู่ในสภาวะอยู่กินอย่างเดือดร้อน
    .
    ผู้ที่ดื่มด่ำกับการบริโภคในปัจจุบันจนลึมนึกถึงอนาคต ลืมนึกถึงความมั่นคงในชีวิตตนเองและครอบครัวในวันข้างหน้า มักจะนึกเอาว่า เอาไว้อีกสักพักค่อยออมเงินเพื่อสร้างอนาคตก็ได้ แต่ “สักพัก” นั้นก็ไม่มาถึงซักที พร้อมกับจมดิ่งลงไปในหนี้สินที่พอกพูนขึ้นทุกวัน สำหรับคนเหล่านี้ อย่าว่าแต่จะออมได้เลย แค่มีเงินใช้จ่ายให้ตลอดเดือนได้ก็ยากเต็มทีแล้ว
    .
    กลุ่มคนเหล่านี้จะหลุดพ้นจากการอยู่กินอย่างเดือดร้อนได้ก็ด้วยหลัก 4 ประการ ดังต่อไปนี้
    (1) ต้องมองโลกในแง่ใหม่ ว่าเงินเป็นได้ทั้งมิตรและศัตรู การมีหนี้สินที่ไม่นำไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น เท่ากับเปิดช่องให้เงินเป็นศัตรู โดยทำร้ายตนเองตลอดเวลาด้วยดอกเบี้ย ดังนั้นจึงต้องพยายามแก้ไขให้เงินเป็นมิตรด้วยการมีเงินออมแทน
    (2) อยู่กินต่ำกว่าฐานะ
    (3) ทำให้เงินทำงานรับใช้ โดยเริ่มจากการมีเงินออม
    (4) ควบคุมความต้องการของตนเองโดยยึด “แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง” นั่นคือดำรงตนอย่างมีสติ ไม่ใช้เงินอย่างประมาท รู้จักความพอดี ความพอประมาณ มีเหตุมีผล และมีวุฒิภาวะควบคุมความต้องการของตนเองให้ได้
    .
    การอยู่กินอย่างเดือดร้อน คือการอยู่กินอย่างขาดความหวังว่าชีวิตในอนาคตจะมีความมั่นคงทางการเงิน เป็นการดำรงชีวิตอย่างทุกข์ใจ ต้องนึกถึงแต่เรื่องเงินอยู่ตลอดเวลาจนชีวิตเปราะบาง เอื้อต่อการกระทำที่ผิดจริยธรรม
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 12 อยู่กินอย่างไรไม่ให้เดือดร้อน . การจับจ่ายใช้สอยซื้อของที่ตนเองต้องการเป็นเรื่องสนุก หลายคนมีสติในเรื่องการใช้จ่าย แต่หลายคนก็ขาดสติ ใช้จ่ายจนเกิดความเดือดร้อนในเรื่องเงินทอง ซึ่งมีผลกระทบไปถึงการดำเนินชีวิตด้วย . บ่อยครั้งคนที่เริ่มเดือดร้อนเรื่องเงิน ยังไม่ตระหนักถึงสภานะของตนเอง เพราะไม่มีไฟแดงกระพริบเตือนเป็นสัญญาณให้ทราบว่ากำลังใช้จ่ายเกินตัว กินอยู่เกินฐานะ และชีวิตในอนาคตกำลังจะลำบาก สิ่งที่อาจเป็นตัวแทนของไฟแดงกระพริบได้แก่ (1) รายได้ส่วนหนึ่งถูกใช้ชำระหนี้เพิ่มมากขึ้นทุกที (2) จ่ายเงินชำระหนี้บัตรเครดิตหรือเงินกู้ด้วยจำนวนเงินต่ำที่สุดเท่าที่เจ้าหนี้จะยอมให้ได้ (3) ใช้เงินเต็มวงกู้ของบัตรเครดิต (4) ต้องเอาเงินส่วนที่ตั้งใจไว้ทำอย่างอื่น มาจ่ายชำระเงินตามใบเรียกเก็บเงิน (5) ใช้บัตรเครดิตชำระเงินสำหรับหลายสิ่งทั้ง ๆ ที่แต่เดิมใช้เงินสด (6) ชำระเงินตามใบเรียกเก็บเกินกำหนดเวลาอยู่เนืองๆ (7) ถูกเตือนให้จัดการกับบิลค้างชำระอยู่บ่อย ๆ (8) ทำงานล่วงเวลาหรือหาเงินพิเศษตัวเป็นเกลียวเพื่อหาเงินสดมาชำระบิลที่ส่งมาเรียกเก็บ (9) หากต้องออกจากงานที่ทำอยู่ก็จะเกิดปัญหาการเงินขึ้นมาทันที (10) นึกกังวลถึงเรื่องเงินอยู่เสมอ . สัญญาณข้างต้นไม่จำเป็นต้องมีครบทุกอย่างก็แสดงว่า กำลังกินอย่างเดือดร้อนแล้ว สาเหตุก็มาจากความไม่สมดุลระหว่างรายได้และรายจ่าย หนทางแก้ไขแรกคือ ต้องหารายได้ให้พอกับรายจ่ายที่กำลังเกิดขึ้น หรือพูดอีกอย่างว่า ยกฐานะการเงินขึ้นมาให้ทัดเทียมกับระดับการอยู่กิน หนทางที่สองคือ ลดรายจ่ายลงให้พอดีกับรายได้ หรือลดการอยู่กินลงมาให้พอดีหรือต่ำกว่าฐานะ หรือทั้งสองหนทาง . การแก้ไขด้วยวิธีแรกนั้นยากมาก และไม่มีวันจบสิ้นได้เลย เพราะเคยชินกับการใช้จ่ายสูงจนเสมือนกับไล่จับเงาตัวเอง หามาได้เท่าใดก็ไม่มีวันเพียงพอ การใช้ทั้งสองวิธี หรือใช้วิธีที่สองคือ ลดรายจ่ายลงให้พอดีกับรายได้ มีเหตุมีผลมากกว่า เพราะถึงแม้จะเจ็บปวดแต่ก็กระทำได้ง่ายกว่าการหารายได้ให้เพียงพอกับรายจ่าย และที่สำคัญที่สุด เกิดเป็นมรรคเป็นผลในระยะยาว . อย่างไรก็ดีในการหาทางแก้ไข จะจ้องเข้าใจว่าอะไรเป็นสาเหตุของการอยู่กินอย่างเดือดร้อนของคนไฟแดงกะพริบเหล่านี้ หากมองในภาพรวมก็จะเห็นว่า ปัญหาเริ่มจากความต้องการที่ไม่มีวันพอ เป็นสาเหตุแรก กล่าวคือ ความต้องการมีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังที่มาสโลว์ กล่าวไว้ โดยเริ่มต้นจากต้องการบำบัดความหิว ต้องการอยู่รอดอย่างมั่นคงปลอดภัย ต้องการความรักและมีพรรคพวก ต้องการความสำเร็จและได้รับการชื่นชมยอมรับ ต้องการมีความรู้และความเข้าใจ ต้องการความงามและความเป็นระเบียบ สุดท้ายต้องการบรรลุศักยภาพของตนเอง ดังนั้นโดยพื้นฐาน มนุษย์ต้องการการบริโภคมากอยู่แล้ว ซึ่งย่อมทำให้ใช้จ่ายมากขึ้นเป็นเงาตามตัว . สาเหตุที่ 2 คือ ความเข้าใจโลกที่ไม่เหมาะสม หลายคนมักนึกว่าการดำเนินชีวิตของผู้คนและครอบครัวกังที่ปรากฏในสื่อ คือวิถีการดำเนินชีวิตจริงของคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบริโภค การใช้ชีวิต และค่านิยม ดังนั้นเมื่อผู้เสพสื่อเหล่านี้ต้องการเป็นเช่นเดียวกับคนอื่นๆ จึงจำเป็นต้องบริโภคในลักษณะนั้นๆ เพื่อให้ได้ใช้ชีวิต และมีค่านิยมแบบเดียวกัน การเลียนแบบเหล่านี้ ย่อมเกิดค่าใช้จ่ายขึ้นมากมายอีกเช่นกัน . สาเหตุที่ 3 คือ อิทธิพลของสิ่งแวดล้อม ในปัจจุบันโทรศัพท์สื่อโซเชี่ยลมิเดียหลายแพลทฟอร์ม เป็นสื่อที่ทรงอิทธิพลอย่างมาก มีหลายครั้งที่ผู้โฆษณาพยายามบอกผู้ชมว่า ถ้าใช้สินค้านั้น หรือไปสถานที่นี้ ทำอย่างนั้นแล้วจะเป็น “คนมีระดับ” จะทำให้เป็นคนที่สังคมยอมรับ และ “คนปกติ” เขาก็ปฎิบัติเช่นนั้น การสื่อเช่นนี้ทำให้ผู้คนคล้อยตามได้โดยง่าย . ทั้งสามสาเหตุ นำไปสู่การใช้จ่ายที่สูง ดังนั้นการขาดความสมดุลระหว่างรายได้และรายจ่ายจึงเป็นเหตุที่ทำให้คนจำนวนมากอยู่ในสภาวะอยู่กินอย่างเดือดร้อน . ผู้ที่ดื่มด่ำกับการบริโภคในปัจจุบันจนลึมนึกถึงอนาคต ลืมนึกถึงความมั่นคงในชีวิตตนเองและครอบครัวในวันข้างหน้า มักจะนึกเอาว่า เอาไว้อีกสักพักค่อยออมเงินเพื่อสร้างอนาคตก็ได้ แต่ “สักพัก” นั้นก็ไม่มาถึงซักที พร้อมกับจมดิ่งลงไปในหนี้สินที่พอกพูนขึ้นทุกวัน สำหรับคนเหล่านี้ อย่าว่าแต่จะออมได้เลย แค่มีเงินใช้จ่ายให้ตลอดเดือนได้ก็ยากเต็มทีแล้ว . กลุ่มคนเหล่านี้จะหลุดพ้นจากการอยู่กินอย่างเดือดร้อนได้ก็ด้วยหลัก 4 ประการ ดังต่อไปนี้ (1) ต้องมองโลกในแง่ใหม่ ว่าเงินเป็นได้ทั้งมิตรและศัตรู การมีหนี้สินที่ไม่นำไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น เท่ากับเปิดช่องให้เงินเป็นศัตรู โดยทำร้ายตนเองตลอดเวลาด้วยดอกเบี้ย ดังนั้นจึงต้องพยายามแก้ไขให้เงินเป็นมิตรด้วยการมีเงินออมแทน (2) อยู่กินต่ำกว่าฐานะ (3) ทำให้เงินทำงานรับใช้ โดยเริ่มจากการมีเงินออม (4) ควบคุมความต้องการของตนเองโดยยึด “แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง” นั่นคือดำรงตนอย่างมีสติ ไม่ใช้เงินอย่างประมาท รู้จักความพอดี ความพอประมาณ มีเหตุมีผล และมีวุฒิภาวะควบคุมความต้องการของตนเองให้ได้ . การอยู่กินอย่างเดือดร้อน คือการอยู่กินอย่างขาดความหวังว่าชีวิตในอนาคตจะมีความมั่นคงทางการเงิน เป็นการดำรงชีวิตอย่างทุกข์ใจ ต้องนึกถึงแต่เรื่องเงินอยู่ตลอดเวลาจนชีวิตเปราะบาง เอื้อต่อการกระทำที่ผิดจริยธรรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 383 มุมมอง 0 รีวิว
  • ** บทกวีทับทิมจาก <ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ>**

    สวัสดีค่ะ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้เราได้คุยถึงเรื่องสีแดงในเรื่อง <ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ> เพื่อนเพจที่ได้ดูซีรีส์เรื่องนี้คงจะจำได้ว่าพ่อของนางเอกทิ้งสูตรเกี่ยวกับการผสมสีแดงของตระกูลไว้ในบทกวีที่เกี่ยวกับทับทิม Storyฯ เห็นว่ามีเกร็ดประวัติศาสตร์เล็กๆ สอดแทรกอยู่ในนี้ที่เพื่อนเพจคงไม่รู้ เลยมาแบ่งปันให้ฟัง... เป็นเรื่องราวชีวิตคู่ของหลี่ไป๋

    บทกวีดังกล่าวมีชื่อว่า ‘หย่งหลินหนี่ว์ตงชวงไห่สือหลิ่ว’ (咏邻女东窗海石榴 แปลได้ประมาณว่า ชื่นชมสตรีข้างบ้านผ่านหน้าต่างและต้นทับทิม) เป็นผลงานของหลี่ไป๋ เซียนกวีแห่งราชวงศ์ถัง ถูกประพันธ์ขึ้นสมัยที่เขาพำนักอยู่ในเขตซานตง ใจความบรรยายถึงความงามของสตรีข้างบ้านที่เขามองเห็นผ่านหน้าต่าง ซึ่งเขาเรียกในบทกวีว่า ‘สตรีจากแดนหลู่’ ความงามของนางถูกเสริมด้วยความงามของต้นทับทิมที่มีดอกสีแดงจัดตัดกับใบเขียว เขาถึงกับรำพันว่าจะยอมเป็นกิ่งทับทิมที่ทอดเกยอาภรณ์ของนางเพื่อขอเพียงให้ได้ใกล้ชิดอนงค์นาง แต่จนใจได้แต่ชะเง้อมองผ่านหน้าต่าง

    แน่นอนว่ามันเป็นกลอนบอกรัก และสตรีดังกล่าวเป็นหนึ่งในภรรรยาของหลี่ไป๋

    เพื่อนเพจหลายท่านอาจไม่คุ้นเคยกับชีวประวัติของหลี่ไป๋และคงไม่ทราบว่าหลี่ไป๋มีภรรยาสี่คน จริงๆ แล้วเขาแต่งงานอย่างถูกต้องตามธรรมเนียมสองครั้ง ส่วนภรรยาอีกสองคนไม่ได้แต่งงานแต่อยู่กินด้วยกันเฉยๆ

    เขาแต่งงานครั้งแรกเมื่ออายุยี่สิบเจ็ดปีกับภรรยาคนแรกคือสตรีสกุลสวี่ผู้เป็นหลานของอดีตอัครเสนาบดีในรัชสมัยขององค์ถังเกาจง ถูกรับเข้าจวนสกุลสวี่เป็นเขยแต่งเข้าหรือที่เรียกว่า ‘จุ้ยซวี่’ มีลูกด้วยกันสองคน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง แต่ลูกทั้งสองได้ใช้แซ่หลี่ตามหลี่ไป๋ผู้เป็นบิดา (อนึ่ง ปกติจุ้ยซวี่แต่งเข้าเรือนของสตรี เมื่อมีลูกก็จะใช้แซ่ของผู้เป็นมารดาไม่ใช่บิดา Storyฯ เคยเขียนถึงแล้ว แปะลิ้งค์ไว้ให้อ่านใหม่ที่ท้ายเรื่อง) ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันกับนางสกุลสวี่นี้ หลี่ไป๋มีชีวิตค่อนข้างสบายเพราะฝ่ายหญิงมีฐานะดีและเขามีอิสระที่จะเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ ตามใจหมาย ว่ากันว่าเขารักภรรยาคนนี้มากแต่นางป่วยตายหลังจากใช้ชีวิตคู่ด้วยกันนานสิบเอ็ดปี

    เมื่อสิ้นภรรยาคนแรก หลี่ไป๋ก็พาลูกจากจวนสกุลสวี่ออกเดินทาง มาหยุดพำนักที่บริเวณพื้นที่แถบซานตง หลังจากนั้นหนึ่งปีเขาก็อยู่กินกับนางสกุลหลิว ว่ากันว่าเป็นเพราะต้องการหาคนมาช่วยเลี้ยงลูกเพื่อว่าตนเองจะได้มีอิสระในการเดินทาง ส่วนนางสกุลหลิวเองก็คาดหวังว่าหลี่ไป๋จะมีอนาคตขุนนางสวยงาม แต่ หลี่ไป๋ก็ยังไม่ได้เข้ารับราชการเสียที สุดท้ายนางทนไม่ได้กับความเป็นกวีขี้เมาของหลี่ไป๋ ทั้งสองจึงแยกทางกันอย่างไม่แฮปปี้

    ต่อมาอีกประมาณหกปี หลี่ไป๋ยังคงอยู่ในละแวกพื้นที่ซานตงหรือที่เรียกว่าพื้นที่หลู่นี้ และได้อยู่กินกับภรรยาคนที่สาม ซึ่งก็คือ ‘สตรีจากแดนหลู่’ ในบทกวีข้างต้นนั่นเอง เขาซื้อที่ดินทำกินให้นางดูแลทรัพย์สินอย่างไว้ใจ นางเองก็ขยันขันแข็งทำมาหากิน ส่วนตัวเขายังคงออกเดินทางไปตามพื้นที่ต่างๆ และใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในเมืองหลวง พวกเขามีบุตรชายด้วยกันหนึ่งคน แต่ไม่มีการบันทึกถึงรายละเอียดว่าเกิดอะไรกับลูกชายคนนี้ และไม่มีหลักฐานปรากฏด้วยซ้ำว่าสตรีนางนี้มีชื่อสกุลใด บ้างว่านางเป็นแม่หม้ายบ้างว่านางได้หมั้นหมายแล้วแต่คู่หมายหายไปหลายปีกลายเป็นหม้ายขันหมาก แต่ที่แน่ๆ คือนางอยู่ข้างบ้าน มองกันไปมองกันมาก็เกิดปิ๊งกันเลยอยู่กินกัน เล่าขานกันต่อมาเพียงว่าอยู่ด้วยกันเพียงห้าปีนางก็ตายจากไป

    หลี่ไป๋แต่งงานครั้งที่สองกับภรรยาคนสุดท้ายคือสตรีสกุลจง เป็นหลานปู่ของจงฉู่เค่อ อดีตอัครเสนาบดีอีกท่านหนึ่งและเขาแต่งเข้าเรือนฝ่ายหญิงอีกครั้ง อยู่ด้วยกันสิบปีอย่างสมบูรณ์พูนสุขแต่ไม่มีบุตร แต่สุดท้ายหลี่ไป๋เข้าไปพัวพันกับคดีการเมืองและนางเสียชีวิตลง ส่วนเขาถูกเนรเทศและแม้ว่าในบั้นปลายชีวิตจะได้รับอิสรภาพแต่ก็ต้องจบชีวิตลงอย่างเดียวดาย

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    บทความในอดีตเกี่ยวกับเจ้าบ่าวจุ้ยซวี่ https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/134357391983589

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.gdzjdaily.com.cn/p/2903387.html
    https://www.photophoto.cn/pic/11693708.html
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://m.thepaper.cn/baijiahao_7753758
    https://gushici.china.com/srgushi/10.html
    https://www.163.com/dy/article/G328S2640543SC39.html
    https://baike.baidu.com/item/咏邻女东窗海石榴/9436296
    https://www.sohu.com/a/341251009_100053536

    #ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ #กวีเอก #หลี่ไป๋ #เซียนกวี #ราชวงศ์ถัง #สาระจีน
    ** บทกวีทับทิมจาก <ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ>** สวัสดีค่ะ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้เราได้คุยถึงเรื่องสีแดงในเรื่อง <ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ> เพื่อนเพจที่ได้ดูซีรีส์เรื่องนี้คงจะจำได้ว่าพ่อของนางเอกทิ้งสูตรเกี่ยวกับการผสมสีแดงของตระกูลไว้ในบทกวีที่เกี่ยวกับทับทิม Storyฯ เห็นว่ามีเกร็ดประวัติศาสตร์เล็กๆ สอดแทรกอยู่ในนี้ที่เพื่อนเพจคงไม่รู้ เลยมาแบ่งปันให้ฟัง... เป็นเรื่องราวชีวิตคู่ของหลี่ไป๋ บทกวีดังกล่าวมีชื่อว่า ‘หย่งหลินหนี่ว์ตงชวงไห่สือหลิ่ว’ (咏邻女东窗海石榴 แปลได้ประมาณว่า ชื่นชมสตรีข้างบ้านผ่านหน้าต่างและต้นทับทิม) เป็นผลงานของหลี่ไป๋ เซียนกวีแห่งราชวงศ์ถัง ถูกประพันธ์ขึ้นสมัยที่เขาพำนักอยู่ในเขตซานตง ใจความบรรยายถึงความงามของสตรีข้างบ้านที่เขามองเห็นผ่านหน้าต่าง ซึ่งเขาเรียกในบทกวีว่า ‘สตรีจากแดนหลู่’ ความงามของนางถูกเสริมด้วยความงามของต้นทับทิมที่มีดอกสีแดงจัดตัดกับใบเขียว เขาถึงกับรำพันว่าจะยอมเป็นกิ่งทับทิมที่ทอดเกยอาภรณ์ของนางเพื่อขอเพียงให้ได้ใกล้ชิดอนงค์นาง แต่จนใจได้แต่ชะเง้อมองผ่านหน้าต่าง แน่นอนว่ามันเป็นกลอนบอกรัก และสตรีดังกล่าวเป็นหนึ่งในภรรรยาของหลี่ไป๋ เพื่อนเพจหลายท่านอาจไม่คุ้นเคยกับชีวประวัติของหลี่ไป๋และคงไม่ทราบว่าหลี่ไป๋มีภรรยาสี่คน จริงๆ แล้วเขาแต่งงานอย่างถูกต้องตามธรรมเนียมสองครั้ง ส่วนภรรยาอีกสองคนไม่ได้แต่งงานแต่อยู่กินด้วยกันเฉยๆ เขาแต่งงานครั้งแรกเมื่ออายุยี่สิบเจ็ดปีกับภรรยาคนแรกคือสตรีสกุลสวี่ผู้เป็นหลานของอดีตอัครเสนาบดีในรัชสมัยขององค์ถังเกาจง ถูกรับเข้าจวนสกุลสวี่เป็นเขยแต่งเข้าหรือที่เรียกว่า ‘จุ้ยซวี่’ มีลูกด้วยกันสองคน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง แต่ลูกทั้งสองได้ใช้แซ่หลี่ตามหลี่ไป๋ผู้เป็นบิดา (อนึ่ง ปกติจุ้ยซวี่แต่งเข้าเรือนของสตรี เมื่อมีลูกก็จะใช้แซ่ของผู้เป็นมารดาไม่ใช่บิดา Storyฯ เคยเขียนถึงแล้ว แปะลิ้งค์ไว้ให้อ่านใหม่ที่ท้ายเรื่อง) ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันกับนางสกุลสวี่นี้ หลี่ไป๋มีชีวิตค่อนข้างสบายเพราะฝ่ายหญิงมีฐานะดีและเขามีอิสระที่จะเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ ตามใจหมาย ว่ากันว่าเขารักภรรยาคนนี้มากแต่นางป่วยตายหลังจากใช้ชีวิตคู่ด้วยกันนานสิบเอ็ดปี เมื่อสิ้นภรรยาคนแรก หลี่ไป๋ก็พาลูกจากจวนสกุลสวี่ออกเดินทาง มาหยุดพำนักที่บริเวณพื้นที่แถบซานตง หลังจากนั้นหนึ่งปีเขาก็อยู่กินกับนางสกุลหลิว ว่ากันว่าเป็นเพราะต้องการหาคนมาช่วยเลี้ยงลูกเพื่อว่าตนเองจะได้มีอิสระในการเดินทาง ส่วนนางสกุลหลิวเองก็คาดหวังว่าหลี่ไป๋จะมีอนาคตขุนนางสวยงาม แต่ หลี่ไป๋ก็ยังไม่ได้เข้ารับราชการเสียที สุดท้ายนางทนไม่ได้กับความเป็นกวีขี้เมาของหลี่ไป๋ ทั้งสองจึงแยกทางกันอย่างไม่แฮปปี้ ต่อมาอีกประมาณหกปี หลี่ไป๋ยังคงอยู่ในละแวกพื้นที่ซานตงหรือที่เรียกว่าพื้นที่หลู่นี้ และได้อยู่กินกับภรรยาคนที่สาม ซึ่งก็คือ ‘สตรีจากแดนหลู่’ ในบทกวีข้างต้นนั่นเอง เขาซื้อที่ดินทำกินให้นางดูแลทรัพย์สินอย่างไว้ใจ นางเองก็ขยันขันแข็งทำมาหากิน ส่วนตัวเขายังคงออกเดินทางไปตามพื้นที่ต่างๆ และใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในเมืองหลวง พวกเขามีบุตรชายด้วยกันหนึ่งคน แต่ไม่มีการบันทึกถึงรายละเอียดว่าเกิดอะไรกับลูกชายคนนี้ และไม่มีหลักฐานปรากฏด้วยซ้ำว่าสตรีนางนี้มีชื่อสกุลใด บ้างว่านางเป็นแม่หม้ายบ้างว่านางได้หมั้นหมายแล้วแต่คู่หมายหายไปหลายปีกลายเป็นหม้ายขันหมาก แต่ที่แน่ๆ คือนางอยู่ข้างบ้าน มองกันไปมองกันมาก็เกิดปิ๊งกันเลยอยู่กินกัน เล่าขานกันต่อมาเพียงว่าอยู่ด้วยกันเพียงห้าปีนางก็ตายจากไป หลี่ไป๋แต่งงานครั้งที่สองกับภรรยาคนสุดท้ายคือสตรีสกุลจง เป็นหลานปู่ของจงฉู่เค่อ อดีตอัครเสนาบดีอีกท่านหนึ่งและเขาแต่งเข้าเรือนฝ่ายหญิงอีกครั้ง อยู่ด้วยกันสิบปีอย่างสมบูรณ์พูนสุขแต่ไม่มีบุตร แต่สุดท้ายหลี่ไป๋เข้าไปพัวพันกับคดีการเมืองและนางเสียชีวิตลง ส่วนเขาถูกเนรเทศและแม้ว่าในบั้นปลายชีวิตจะได้รับอิสรภาพแต่ก็ต้องจบชีวิตลงอย่างเดียวดาย (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) บทความในอดีตเกี่ยวกับเจ้าบ่าวจุ้ยซวี่ https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/134357391983589 Credit รูปภาพจาก: https://www.gdzjdaily.com.cn/p/2903387.html https://www.photophoto.cn/pic/11693708.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://m.thepaper.cn/baijiahao_7753758 https://gushici.china.com/srgushi/10.html https://www.163.com/dy/article/G328S2640543SC39.html https://baike.baidu.com/item/咏邻女东窗海石榴/9436296 https://www.sohu.com/a/341251009_100053536 #ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ #กวีเอก #หลี่ไป๋ #เซียนกวี #ราชวงศ์ถัง #สาระจีน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 495 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🙏✨เหรียญเจริญพรวาระเก้ารอบ #หลวงปู่อิ่ม ปัญญาวุโธ วัดทุ่งนาใหม่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งปีนี้ท่านมีอายุหนึ่งร้อยแปดปีแล้ว นับเป็นพระอริยะสงฆ์ที่มีธาตุขันธ์ยืนยาวอีกรูปหนึ่ง ปัจจุบันสุขภาพท่านก็ยังแข็งแรงแต่ก็จำเป็นที่ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด ดังนั้นวัดจึงจัดสร้างวัตถุมงคลเพื่อระดมทุนสร้างห้องปลอดเชื้อถวายด้วยพลังเมตตาบารมีของหลวงปู่อิ่ม ผู้เป็นทั้งหลานและผู้ได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมจากพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ แห่งวัดสวนขัน ขณะที่ได้ฝีมือการแกะแม่พิมพ์ของช่างระดับชาติอย่างอาจารย์บิ๊กบางใหญ่ ทำให้รูปเหมือนบนเหรียญของหลวงปู่ดุจดั่งมีชีวิต รับรู้ได้ถึงใบหน้า แววตาที่เปี่ยมด้วยเมตตา เหรียญรุ่นนี้จึงถือว่าลงตัวทั้งความสวยงามและความเข้มขลัง หรือ เรียกว่าเป็นงานศิลปะชั้นเยี่ยมที่รวมความเข้มขลังและความงามไว้ในเหรียญเดียว
    🙏✨เหรียญเจริญพรวาระเก้ารอบ #หลวงปู่อิ่ม ปัญญาวุโธ วัดทุ่งนาใหม่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งปีนี้ท่านมีอายุหนึ่งร้อยแปดปีแล้ว นับเป็นพระอริยะสงฆ์ที่มีธาตุขันธ์ยืนยาวอีกรูปหนึ่ง ปัจจุบันสุขภาพท่านก็ยังแข็งแรงแต่ก็จำเป็นที่ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด ดังนั้นวัดจึงจัดสร้างวัตถุมงคลเพื่อระดมทุนสร้างห้องปลอดเชื้อถวายด้วยพลังเมตตาบารมีของหลวงปู่อิ่ม ผู้เป็นทั้งหลานและผู้ได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมจากพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ แห่งวัดสวนขัน ขณะที่ได้ฝีมือการแกะแม่พิมพ์ของช่างระดับชาติอย่างอาจารย์บิ๊กบางใหญ่ ทำให้รูปเหมือนบนเหรียญของหลวงปู่ดุจดั่งมีชีวิต รับรู้ได้ถึงใบหน้า แววตาที่เปี่ยมด้วยเมตตา เหรียญรุ่นนี้จึงถือว่าลงตัวทั้งความสวยงามและความเข้มขลัง หรือ เรียกว่าเป็นงานศิลปะชั้นเยี่ยมที่รวมความเข้มขลังและความงามไว้ในเหรียญเดียว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • ทีฉันเธอไม่ให้ฉันชื่นชม แต่หันไปด้านหน้าบ้านแทน🙄🙄

    เดินชมความงาม แอบสงสัย .. ทำไม ส่วนด้านในบ้านมีแต่ใบเขียวๆ แล้วส่วนด้านหน้าบ้าน ออกดอกสีสวยตัดกับใบเขียวๆ น่ามองเลย

    #วันพุธสีเขียว💚
    ทีฉันเธอไม่ให้ฉันชื่นชม แต่หันไปด้านหน้าบ้านแทน🙄🙄 เดินชมความงาม แอบสงสัย .. ทำไม ส่วนด้านในบ้านมีแต่ใบเขียวๆ แล้วส่วนด้านหน้าบ้าน ออกดอกสีสวยตัดกับใบเขียวๆ น่ามองเลย #วันพุธสีเขียว💚
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • 👍มัดรวมครีมโลชั่นกันแดดคุณภาพดี📣สั่งซื้อกดลิ้งค์เลยค่ะมีรูปในคอมเม้นต์
    โลชั่นกันแดดไม่ใช่แค่ไอเทมเสริมความงาม แต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคนในประเทศไทย เพื่อปกป้องผิวจาก แสงแดด มลภาวะ และปัญหาผิวต่างๆ การใช้กันแดดทุกวันช่วยให้ผิวสุขภาพดี กระจ่างใส และลดความเสี่ยงของปัญหาผิวระยะยาว อย่ารอให้ผิวเสียก่อนเริ่มปกป้อง ลงกันแดดทุกวัน!
    📌 Banana Boat Sport Ultra Sunscreen Lotion SPF50+ PA+++ 90ml บานาน่า โบ๊ท โลชั่นกันแดด สำหรับผิวกาย ในราคา ฿99 - ฿318 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/8KbQfJmm2u
    📌 กันแดด AR SPF30 เอ อาร์ แอดวานซ์ ซัน โพรเทค บอดี้ โลชั่น ในราคา ฿53 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/7zyaGWxdsi
    📌 [โค้ดลดเพิ่ม 15%] นีเวีย ซัน กันแดดผิวกาย โพรเท็คแอนด์มอยซ์เจอร์ บอดี้ โลชั่น เอสพีเอฟ30 พีเอ+++ 125 มล. NIVEA ในราคา ฿329 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/7V2JfBx3VA
    📌 Jabs กันแดด แจ๊บส์ ไบรท์บูสเตอร์ ยูวี โพรเทคชั่น บอดี้โลชั่น SPF50 PA+++ 450มล. x1 ในราคา ฿185 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/8KbQeWCXWS
    📌โลชั่นกันเเดดมะพร้าว Coconut Suncreen Lotion สูตรเข้มข้น ผิวขาวใส พร้อมสู้เเดด กลิ่นตัวหอม กันเเดดได้ 50 เท่า วิตซี +++ ในราคา ฿89 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/3LCkhCBqRW
    📌 [แพ็คคู่] MizuMi UV Bright Body Serum (180 ml) เซรั่มกันแดดทาผิวกาย เบาสบายผิว หอมละมุน ในราคา ฿390 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/1Vl6VEKZTG
    📌 แพ็กคู่สุดคุ้ม! ลอรีอัล ปารีส ยูวี ดีเฟนเดอร์ อินวิซิเบิ้ล รีซิส เดลี่ ซันสกรีนX2 (กันแดด,กันแดดลอรีอัล) ในราคา ฿799 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/6pmcqkcXie
    📌 DEOdore’ ACNE CLEAR and Brightening Body Serum เซรั่มลดรอยสิวหลัง ในราคา ฿350 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/9f6oDZoNLK
    📌 Mizumi UV Body Serum มิซึมิ ครีมกันแดดสำหรับผิวกาย (UV Bright/Fragrance Free/Cooling) ในราคา ฿45 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/4VOi42J5SS
    📌 VENITA ครีมกันแดดเวนิต้า Venita Anti-Acne Care Sunscreen SPF50/PA+++plus เนื้อครีมเจล ซึมเร็ว ในราคา ฿130 - ฿259 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/4q1YSVkgQFลอ📌 ครีมกันแดด สำหรับผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย ใช้ทาได้ตั้งแต่เด็ก จนถึงผู้ใหญ่ ไม่ขาว ไม่ลอย ไม่แพ้ นำเข้าจากาเกาหลี ในราคา ฿490 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/8Uuqp2kuee
    👍มัดรวมครีมโลชั่นกันแดดคุณภาพดี📣สั่งซื้อกดลิ้งค์เลยค่ะมีรูปในคอมเม้นต์ โลชั่นกันแดดไม่ใช่แค่ไอเทมเสริมความงาม แต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคนในประเทศไทย เพื่อปกป้องผิวจาก แสงแดด มลภาวะ และปัญหาผิวต่างๆ การใช้กันแดดทุกวันช่วยให้ผิวสุขภาพดี กระจ่างใส และลดความเสี่ยงของปัญหาผิวระยะยาว อย่ารอให้ผิวเสียก่อนเริ่มปกป้อง ลงกันแดดทุกวัน! 📌 Banana Boat Sport Ultra Sunscreen Lotion SPF50+ PA+++ 90ml บานาน่า โบ๊ท โลชั่นกันแดด สำหรับผิวกาย ในราคา ฿99 - ฿318 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/8KbQfJmm2u 📌 กันแดด AR SPF30 เอ อาร์ แอดวานซ์ ซัน โพรเทค บอดี้ โลชั่น ในราคา ฿53 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/7zyaGWxdsi 📌 [โค้ดลดเพิ่ม 15%] นีเวีย ซัน กันแดดผิวกาย โพรเท็คแอนด์มอยซ์เจอร์ บอดี้ โลชั่น เอสพีเอฟ30 พีเอ+++ 125 มล. NIVEA ในราคา ฿329 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/7V2JfBx3VA 📌 Jabs กันแดด แจ๊บส์ ไบรท์บูสเตอร์ ยูวี โพรเทคชั่น บอดี้โลชั่น SPF50 PA+++ 450มล. x1 ในราคา ฿185 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/8KbQeWCXWS 📌โลชั่นกันเเดดมะพร้าว Coconut Suncreen Lotion สูตรเข้มข้น ผิวขาวใส พร้อมสู้เเดด กลิ่นตัวหอม กันเเดดได้ 50 เท่า วิตซี +++ ในราคา ฿89 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/3LCkhCBqRW 📌 [แพ็คคู่] MizuMi UV Bright Body Serum (180 ml) เซรั่มกันแดดทาผิวกาย เบาสบายผิว หอมละมุน ในราคา ฿390 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/1Vl6VEKZTG 📌 แพ็กคู่สุดคุ้ม! ลอรีอัล ปารีส ยูวี ดีเฟนเดอร์ อินวิซิเบิ้ล รีซิส เดลี่ ซันสกรีนX2 (กันแดด,กันแดดลอรีอัล) ในราคา ฿799 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/6pmcqkcXie 📌 DEOdore’ ACNE CLEAR and Brightening Body Serum เซรั่มลดรอยสิวหลัง ในราคา ฿350 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/9f6oDZoNLK 📌 Mizumi UV Body Serum มิซึมิ ครีมกันแดดสำหรับผิวกาย (UV Bright/Fragrance Free/Cooling) ในราคา ฿45 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/4VOi42J5SS 📌 VENITA ครีมกันแดดเวนิต้า Venita Anti-Acne Care Sunscreen SPF50/PA+++plus เนื้อครีมเจล ซึมเร็ว ในราคา ฿130 - ฿259 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/4q1YSVkgQFลอ📌 ครีมกันแดด สำหรับผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย ใช้ทาได้ตั้งแต่เด็ก จนถึงผู้ใหญ่ ไม่ขาว ไม่ลอย ไม่แพ้ นำเข้าจากาเกาหลี ในราคา ฿490 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/8Uuqp2kuee
    11 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 748 มุมมอง 0 รีวิว

  • ❌️รังสี UVA สามารถทะลุเข้าไปถึงชั้นลึกของผิว ทำลายคอลลาเจนและกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้เกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำที่รักษายาก กันแดดที่มี SPF 50+ PA++++ สามารถลดโอกาสการเกิดปัญหาผิวเหล่านี้ได้
    ❌️UVB เป็นตัวการหลักที่ทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง การได้รับแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานานโดยไม่ใช้กันแดดจะเพิ่มความเสี่ยงของโรคร้ายแรงนี้ ดังนั้น โลชั่นกันแดดเป็นเกราะป้องกันที่สำคัญ
    📌โลชั่นกันแดดไม่ใช่แค่ไอเทมเสริมความงาม แต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคนในประเทศไทย เพื่อปกป้องผิวจาก แสงแดด มลภาวะ และปัญหาผิวต่างๆ การใช้กันแดดทุกวันช่วยให้ผิวสุขภาพดี กระจ่างใส และลดความเสี่ยงของปัญหาผิวระยะยาว อย่ารอให้ผิวเสียก่อนเริ่มปกป้อง ลงกันแดดทุกวัน!
    ❌️รังสี UVA สามารถทะลุเข้าไปถึงชั้นลึกของผิว ทำลายคอลลาเจนและกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้เกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำที่รักษายาก กันแดดที่มี SPF 50+ PA++++ สามารถลดโอกาสการเกิดปัญหาผิวเหล่านี้ได้ ❌️UVB เป็นตัวการหลักที่ทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง การได้รับแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานานโดยไม่ใช้กันแดดจะเพิ่มความเสี่ยงของโรคร้ายแรงนี้ ดังนั้น โลชั่นกันแดดเป็นเกราะป้องกันที่สำคัญ 📌โลชั่นกันแดดไม่ใช่แค่ไอเทมเสริมความงาม แต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคนในประเทศไทย เพื่อปกป้องผิวจาก แสงแดด มลภาวะ และปัญหาผิวต่างๆ การใช้กันแดดทุกวันช่วยให้ผิวสุขภาพดี กระจ่างใส และลดความเสี่ยงของปัญหาผิวระยะยาว อย่ารอให้ผิวเสียก่อนเริ่มปกป้อง ลงกันแดดทุกวัน!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 296 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้มาคุยกันเรื่องดอกเหมย (ดอกบ๊วย) ที่เพื่อนเพจเห็นบ่อยในวัฒนธรรมจีน เคยมีคนเขียนถึงความหมายของดอกเหมยไปไม่น้อย แต่ Storyฯ หวังว่าบทความนี้จะให้อีกมุมมองที่แตกต่าง

    ดอกเหมยจีนมีทั้งหมดกว่า 30 สายพันธุ์หลัก (แบ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยได้อีกรวมกว่า 300 ชนิด) ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในสี่ยอดบุปผาของจีนโดยเป็นตัวแทนแห่งฤดูหนาว และเป็นดอกไม้ประจำชาติของไต้หวัน ความหมายที่มักถูกเอ่ยถึงคือความอดทนและความเพียรเพราะเป็นดอกไม้ที่บานในช่วงฤดูหนาว บานทนได้ถึง 2-3 เดือน เป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังและเป็นที่นิยมในช่วงตรุษจีนเพราะมันเป็นสัญญาณว่าใกล้ถึงฤดูใบไม้ผลิแล้ว

    ในซีรีย์หรือนิยายจีนเรามักจะเห็นดอกเหมยถูกนำมาใช้เป็นตัวแทนแห่งความรักที่มั่นคง ดังเช่นในเรื่อง <ฝ่ามิติพิชิตบัลลังก์> (ปู้ปู้จิงซิน) ที่เหมยแดงเบ่งบานกลางหิมะ เปรียบเสมือนความรักที่มั่นคงแม้อีกฝ่ายจะไม่เหลียวแล จนStoryฯ อดรู้สึกไม่ได้ว่า หลายท่านอาจไม่ทราบว่าการใช้ดอกเหมยมาเปรียบเปรยถึงความอดทนนั้น สามารถใช้ได้ในหลายบริบท

    จริงแล้วดอกเหมยใช้ในบริบทอื่นใดได้อีก?

    บทกวีโบราณหลายยุคหลายสมัยใช้ดอกเหมยเปรียบเปรยถึงการยึดมั่นในอุดมการณ์ ยกตัวอย่างมาจากบทกวีที่ชื่อว่า “เหมยฮวา” (ดอกเหมย) ผลงานของหวางอันสือในยุคสมัยซ่งเหนือ เขาผู้นี้ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ในฐานะนักปฏิรูปและนักเศรษฐกิจชื่อดัง ดำรงตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีในรัชสมัยขององค์ซ่งเสินจง (ฮ่องเต้องค์ที่หกแห่งราชวงศ์ซ่ง) แต่ภายหลังนโยบายใหม่ๆ ของเขาถูกต่อต้านอย่างแรงจากขุนนางอื่น จนสุดท้ายเขาต้องลาออกจากราชการกลับบ้านเกิดไป บทกวีนี้ถูกแต่งขึ้นในภายหลัง Storyฯ แปลและเรียบเรียงได้ดังนี้ (ขออภัยหากไม่สละสลวยนัก)
    “เหมยแตกกิ่งอยู่มุมรั้ว ผลิบานเดียวดายรับความหนาว
    แลเห็นมิใช่หิมะขาว ด้วยกรุ่นกลิ่นจางมิคลาย”
    ความนัยหมายถึงว่า อันอุดมการณ์สูงส่งนั้น ดำรงไว้ได้ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพอับจนเพียงใด (เช่นซอกมุมรั้วมุมกำแพง) และแม้ดูแต่ไกลขาวกลมกลืนไปกับหิมะ แต่กลิ่นหอมโชยบ่งบอกถึงตัวตน ดังนั้น ดอกเหมยในบริบทนี้หมายถึงผู้ที่ยึดมั่นในอุดมคติ ชวนให้ชื่นชมจากเนื้อแท้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ถ้านึกแบบง่ายๆ Storyฯ คงนึกถึงสำนวน “เพชรในตม”

    และมีอีกบริบทหนึ่งของดอกเหมยที่คนไม่ค่อยกล่าวถึง นั่นคือความแร้นแค้นเดียวดาย Storyฯ ยกมาเป็นตัวอย่างอีกบทกวีหนึ่งคือ “อี้เหมย” (รำลึกเหมย) ของหลี่ซันอิ่งในสมัยถัง
    “จองจำอยู่ปลายฟ้า ถวิลหาความงามแห่งวสันต์
    เหมันต์เหมยชวนชิงชัง เป็นบุปผาแห่งปีกลาย”
    - คำแปลจาก <หรูซือ... กุ้ยฮวาผลิบานในใจข้า> โดยหวินไฉ่เฟยหยาง
    โดยสองวรรคแรกบรรยายถึงคนที่จำเป็นต้องจากบ้านไปไกล ได้แต่รอคอยสิ่งดีๆ และสองวรรคสุดท้ายกล่าวถึงดอกเหมยที่ชูช่อให้ชมในความกันดารแห่งเหมันต์ แต่แล้วเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ ดอกเหมยกลับถูกรังเกียจว่าเป็นดอกไม้ที่บานตั้งแต่ฤดูหนาวปีที่แล้ว เป็นความเก่าไร้ความสดชื่น ผู้คนหันไปตื่นตาตื่นใจกับดอกไม้อื่นที่เริ่มผลิบานแทน เป็นบทกวีที่บ่งบอกถึงความขมขื่นของคนที่ถูกลืมหรือถูกมองว่าหมดประโยชน์แล้ว

    ดังนั้น Storyฯ ขอสวมวิญญาณนักประพันธ์มาสรุปให้ดังนี้:
    หากเปรียบรัก ดอกเหมยคือรักที่คงทนฟันฝ่าอุปสรรค
    หากเปรียบคน ดอกเหมยคือคนที่ยึดมั่นในคุณค่าของตนแม้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย
    และธรรมชาติของดอกเหมยนั้น ดูงดงามทั้งในห้วงเวลาแห่งความสุขและในยามทุกข์
    เมื่อสุข ดอกเหมยคือความหวังและความแน่วแน่ที่จะผ่านความลำบากไปได้
    เมื่อทุกข์ ดอกเหมยคือความเดียวดายและความขมขื่นของคนที่ถูกลืม

    เพื่อนเพจดูซีรีย์และอ่านนิยายแล้ว ‘อิน’ กับดอกเหมยอย่างไรบ้างไหม? มาเล่าสู่กันฟังนะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    http://ent.sina.com.cn/v/m/2011-03-31/14353269488.shtml
    http://5sing.kugou.com/fc/13497084.html
    http://m.qulishi.com/article/202011/459819.html
    https://www.sgss8.net/tpdq/2670634/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.cmeii.com/xinwenzhongxin/2190.html
    http://m.qulishi.com/article/202011/459819.html
    https://so.gushiwen.cn/mingju/juv_aed4fe678529.aspx
    https://www.sohu.com/a/239647354_661147

    #ดอกบ๊วย #ดอกเหมย #เหมยฮวา #อี้เหมย #รำลึกเหมย #บุปผาปีกลาย
    วันนี้มาคุยกันเรื่องดอกเหมย (ดอกบ๊วย) ที่เพื่อนเพจเห็นบ่อยในวัฒนธรรมจีน เคยมีคนเขียนถึงความหมายของดอกเหมยไปไม่น้อย แต่ Storyฯ หวังว่าบทความนี้จะให้อีกมุมมองที่แตกต่าง ดอกเหมยจีนมีทั้งหมดกว่า 30 สายพันธุ์หลัก (แบ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยได้อีกรวมกว่า 300 ชนิด) ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในสี่ยอดบุปผาของจีนโดยเป็นตัวแทนแห่งฤดูหนาว และเป็นดอกไม้ประจำชาติของไต้หวัน ความหมายที่มักถูกเอ่ยถึงคือความอดทนและความเพียรเพราะเป็นดอกไม้ที่บานในช่วงฤดูหนาว บานทนได้ถึง 2-3 เดือน เป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังและเป็นที่นิยมในช่วงตรุษจีนเพราะมันเป็นสัญญาณว่าใกล้ถึงฤดูใบไม้ผลิแล้ว ในซีรีย์หรือนิยายจีนเรามักจะเห็นดอกเหมยถูกนำมาใช้เป็นตัวแทนแห่งความรักที่มั่นคง ดังเช่นในเรื่อง <ฝ่ามิติพิชิตบัลลังก์> (ปู้ปู้จิงซิน) ที่เหมยแดงเบ่งบานกลางหิมะ เปรียบเสมือนความรักที่มั่นคงแม้อีกฝ่ายจะไม่เหลียวแล จนStoryฯ อดรู้สึกไม่ได้ว่า หลายท่านอาจไม่ทราบว่าการใช้ดอกเหมยมาเปรียบเปรยถึงความอดทนนั้น สามารถใช้ได้ในหลายบริบท จริงแล้วดอกเหมยใช้ในบริบทอื่นใดได้อีก? บทกวีโบราณหลายยุคหลายสมัยใช้ดอกเหมยเปรียบเปรยถึงการยึดมั่นในอุดมการณ์ ยกตัวอย่างมาจากบทกวีที่ชื่อว่า “เหมยฮวา” (ดอกเหมย) ผลงานของหวางอันสือในยุคสมัยซ่งเหนือ เขาผู้นี้ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ในฐานะนักปฏิรูปและนักเศรษฐกิจชื่อดัง ดำรงตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีในรัชสมัยขององค์ซ่งเสินจง (ฮ่องเต้องค์ที่หกแห่งราชวงศ์ซ่ง) แต่ภายหลังนโยบายใหม่ๆ ของเขาถูกต่อต้านอย่างแรงจากขุนนางอื่น จนสุดท้ายเขาต้องลาออกจากราชการกลับบ้านเกิดไป บทกวีนี้ถูกแต่งขึ้นในภายหลัง Storyฯ แปลและเรียบเรียงได้ดังนี้ (ขออภัยหากไม่สละสลวยนัก) “เหมยแตกกิ่งอยู่มุมรั้ว ผลิบานเดียวดายรับความหนาว แลเห็นมิใช่หิมะขาว ด้วยกรุ่นกลิ่นจางมิคลาย” ความนัยหมายถึงว่า อันอุดมการณ์สูงส่งนั้น ดำรงไว้ได้ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพอับจนเพียงใด (เช่นซอกมุมรั้วมุมกำแพง) และแม้ดูแต่ไกลขาวกลมกลืนไปกับหิมะ แต่กลิ่นหอมโชยบ่งบอกถึงตัวตน ดังนั้น ดอกเหมยในบริบทนี้หมายถึงผู้ที่ยึดมั่นในอุดมคติ ชวนให้ชื่นชมจากเนื้อแท้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ถ้านึกแบบง่ายๆ Storyฯ คงนึกถึงสำนวน “เพชรในตม” และมีอีกบริบทหนึ่งของดอกเหมยที่คนไม่ค่อยกล่าวถึง นั่นคือความแร้นแค้นเดียวดาย Storyฯ ยกมาเป็นตัวอย่างอีกบทกวีหนึ่งคือ “อี้เหมย” (รำลึกเหมย) ของหลี่ซันอิ่งในสมัยถัง “จองจำอยู่ปลายฟ้า ถวิลหาความงามแห่งวสันต์ เหมันต์เหมยชวนชิงชัง เป็นบุปผาแห่งปีกลาย” - คำแปลจาก <หรูซือ... กุ้ยฮวาผลิบานในใจข้า> โดยหวินไฉ่เฟยหยาง โดยสองวรรคแรกบรรยายถึงคนที่จำเป็นต้องจากบ้านไปไกล ได้แต่รอคอยสิ่งดีๆ และสองวรรคสุดท้ายกล่าวถึงดอกเหมยที่ชูช่อให้ชมในความกันดารแห่งเหมันต์ แต่แล้วเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ ดอกเหมยกลับถูกรังเกียจว่าเป็นดอกไม้ที่บานตั้งแต่ฤดูหนาวปีที่แล้ว เป็นความเก่าไร้ความสดชื่น ผู้คนหันไปตื่นตาตื่นใจกับดอกไม้อื่นที่เริ่มผลิบานแทน เป็นบทกวีที่บ่งบอกถึงความขมขื่นของคนที่ถูกลืมหรือถูกมองว่าหมดประโยชน์แล้ว ดังนั้น Storyฯ ขอสวมวิญญาณนักประพันธ์มาสรุปให้ดังนี้: หากเปรียบรัก ดอกเหมยคือรักที่คงทนฟันฝ่าอุปสรรค หากเปรียบคน ดอกเหมยคือคนที่ยึดมั่นในคุณค่าของตนแม้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย และธรรมชาติของดอกเหมยนั้น ดูงดงามทั้งในห้วงเวลาแห่งความสุขและในยามทุกข์ เมื่อสุข ดอกเหมยคือความหวังและความแน่วแน่ที่จะผ่านความลำบากไปได้ เมื่อทุกข์ ดอกเหมยคือความเดียวดายและความขมขื่นของคนที่ถูกลืม เพื่อนเพจดูซีรีย์และอ่านนิยายแล้ว ‘อิน’ กับดอกเหมยอย่างไรบ้างไหม? มาเล่าสู่กันฟังนะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: http://ent.sina.com.cn/v/m/2011-03-31/14353269488.shtml http://5sing.kugou.com/fc/13497084.html http://m.qulishi.com/article/202011/459819.html https://www.sgss8.net/tpdq/2670634/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.cmeii.com/xinwenzhongxin/2190.html http://m.qulishi.com/article/202011/459819.html https://so.gushiwen.cn/mingju/juv_aed4fe678529.aspx https://www.sohu.com/a/239647354_661147 #ดอกบ๊วย #ดอกเหมย #เหมยฮวา #อี้เหมย #รำลึกเหมย #บุปผาปีกลาย
    ?????????ġ?ɱ?? ????¡??ʫʫ??????ӵ?????_Ӱ?????_????
    ?????????ġ?ɱ?? ????¡??ʫʫ??????ӵ?????
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 879 มุมมอง 0 รีวิว
  • Tatler Taiwan | ปกฉบับเดือนมีนาคม: เจย์ โจว และเฟอร์รารี่
    ร่วมกันสร้างซูเปอร์คาร์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

    เจย์ โจว 周杰倫 Jay Chou ศิลปินระดับตำนานแห่งเอเชีย ไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์ด้านดนตรีที่โด่งดังไปทั่วโลก แต่ยังเป็นคนที่หลงใหลในซูเปอร์คาร์เป็นอย่างมาก

    เราถามเขาว่าเขารักรถมากแค่ไหน? เขาตอบว่า :
    “แฟนๆ ของผมรู้ดีว่าภาพยนตร์เรื่องแรกที่ผมแสดง Initial D มีธีมเกี่ยวกับการแข่งรถ อีกทั้งฉากเปิดของภาพยนตร์ The Green Hornet ก็มีรถ The Black Beauty ปรากฏในภาพยนตร์แบบเต็มๆ และที่จริงแล้ว ผมอยากให้ทุกคนสัมผัสถึงความรักของผมที่มีต่อรถผ่านผลงานเหล่านี้”

    ในฐานะนักสะสมซูเปอร์คาร์ โรงเก็บรถของเจย์ โจว เปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์ศิลปะยานยนต์ ตั้งแต่ Ferrari F12tdf รุ่นคลาสสิกไปจนถึง LaFerrari Aperta รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น ทุกคันสะท้อนถึงรสนิยมเฉพาะตัวและความหลงใหลในความเร็วของเขา เจย์กล่าวต่อว่า :

    “ความรู้สึกของการขับรถที่แรงและเร็ว มันเหมือนกับการแสดงบนเวที เต็มไปด้วยอารมณ์และพลังแห่งการควบคุม”
    ความหลงใหลในความเร็วและพลังของเครื่องยนต์นี้ ไม่เพียงแต่สะท้อนผ่านชีวิตประจำวันของเขา แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจในงานสร้างสรรค์ของเขาด้วย

    การร่วมมือกับแบรนด์ Ferrari ครั้งนี้เป็นการจับคู่ที่ลงตัวอย่างแท้จริง เจย์ ได้เข้าร่วมในทุกขั้นตอนของการออกแบบรถรุ่นพิเศษ ตั้งแต่การเลือกวัสดุ การตกแต่งภายใน ไปจนถึงสีของตัวรถ ทุกองค์ประกอบสะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขา สร้างสรรค์เป็นผลงานศิลปะที่ไม่เหมือนใคร
    เขาบอกกับเราว่า :

    “ศิลปะและดนตรีคือช่องทางที่เชื่อมโยงจิตวิญญาณของผม ดนตรีป๊อปคือเวทีของผม ส่วนการสะสมงานศิลปะคืออีกหนึ่งรูปแบบของความหลงใหล แม้ว่าทั้งสองอย่างจะดูแตกต่างกัน แต่สำหรับผม ทั้งคู่ล้วนเป็นการแสวงหาความงามในแบบของตัวเอง นั้นแหละคือตัวผม”

    Talent / Jay Chou
    Editor / Huan Chen and Maosheng Qi
    Photography / Andrea Frazzetta
    Style / Ferrari Style

    #TatlerTaiwan #TatlerPeople #TatlerCover #CoverStory

    #jaychou #周杰伦 #周杰倫
    #เจย์โจว #โจวเจี๋ยหลุน
    #jaychouthailand
    Tatler Taiwan | ปกฉบับเดือนมีนาคม: เจย์ โจว และเฟอร์รารี่ ร่วมกันสร้างซูเปอร์คาร์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เจย์ โจว 周杰倫 Jay Chou ศิลปินระดับตำนานแห่งเอเชีย ไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์ด้านดนตรีที่โด่งดังไปทั่วโลก แต่ยังเป็นคนที่หลงใหลในซูเปอร์คาร์เป็นอย่างมาก เราถามเขาว่าเขารักรถมากแค่ไหน? เขาตอบว่า : “แฟนๆ ของผมรู้ดีว่าภาพยนตร์เรื่องแรกที่ผมแสดง Initial D มีธีมเกี่ยวกับการแข่งรถ อีกทั้งฉากเปิดของภาพยนตร์ The Green Hornet ก็มีรถ The Black Beauty ปรากฏในภาพยนตร์แบบเต็มๆ และที่จริงแล้ว ผมอยากให้ทุกคนสัมผัสถึงความรักของผมที่มีต่อรถผ่านผลงานเหล่านี้” ในฐานะนักสะสมซูเปอร์คาร์ โรงเก็บรถของเจย์ โจว เปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์ศิลปะยานยนต์ ตั้งแต่ Ferrari F12tdf รุ่นคลาสสิกไปจนถึง LaFerrari Aperta รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น ทุกคันสะท้อนถึงรสนิยมเฉพาะตัวและความหลงใหลในความเร็วของเขา เจย์กล่าวต่อว่า : “ความรู้สึกของการขับรถที่แรงและเร็ว มันเหมือนกับการแสดงบนเวที เต็มไปด้วยอารมณ์และพลังแห่งการควบคุม” ความหลงใหลในความเร็วและพลังของเครื่องยนต์นี้ ไม่เพียงแต่สะท้อนผ่านชีวิตประจำวันของเขา แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจในงานสร้างสรรค์ของเขาด้วย การร่วมมือกับแบรนด์ Ferrari ครั้งนี้เป็นการจับคู่ที่ลงตัวอย่างแท้จริง เจย์ ได้เข้าร่วมในทุกขั้นตอนของการออกแบบรถรุ่นพิเศษ ตั้งแต่การเลือกวัสดุ การตกแต่งภายใน ไปจนถึงสีของตัวรถ ทุกองค์ประกอบสะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขา สร้างสรรค์เป็นผลงานศิลปะที่ไม่เหมือนใคร เขาบอกกับเราว่า : “ศิลปะและดนตรีคือช่องทางที่เชื่อมโยงจิตวิญญาณของผม ดนตรีป๊อปคือเวทีของผม ส่วนการสะสมงานศิลปะคืออีกหนึ่งรูปแบบของความหลงใหล แม้ว่าทั้งสองอย่างจะดูแตกต่างกัน แต่สำหรับผม ทั้งคู่ล้วนเป็นการแสวงหาความงามในแบบของตัวเอง นั้นแหละคือตัวผม” Talent / Jay Chou Editor / Huan Chen and Maosheng Qi Photography / Andrea Frazzetta Style / Ferrari Style #TatlerTaiwan #TatlerPeople #TatlerCover #CoverStory #jaychou #周杰伦 #周杰倫 #เจย์โจว #โจวเจี๋ยหลุน #jaychouthailand
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 761 มุมมอง 0 รีวิว
  • สัปดาห์นี้มาโพสต์เร็วกว่าปกติเพราะ Storyฯ จะไปเที่ยววีคเอนด์นี้ เลยรีบมาคุยให้ฟังเกี่ยวกับเกร็ดเล็กๆ จากละครจีนโบราณเรื่อง <ดุจฝันบันดาลใจ> ซึ่งมีเรื่องราวให้พูดคุยเกี่ยวกับวัฒนธรรมไม่น้อย มีตอนหนึ่งที่หนึ่งในตัวละครสมทบคือซูวุ่ยถูกกักบริเวณโดยแม่ของนาง และจะสามารถก้าวเท้าออกจากบ้านได้ก็ต่อเมื่อนางเรียนงานปัก ‘เปี้ยนซิ่ว’ ได้สำเร็จ สร้างความหนักใจให้แก่นางนัก เป็นการบอกเล่าให้พวกเราทราบได้ว่า งานปักชนิดนี้ยากนักหนา

    ‘เปี้ยนซิ่ว’ (汴绣)คืออะไร? มันคือสไตล์การปักที่มีมาแต่สมัยซ่งเหนือ มีชื่อมาจากเมืองหลวงเปี้ยนจิง (หรือที่เราคุ้นหูว่าตงจิง) บ้างเรียกว่า ‘ซ่งซิ่ว’ (宋绣) บ้างจำแนกละเอียดกว่านั้นว่า เปี้ยนซิ่วเป็นงานชาววังในขณะที่ซ่งซิ่วเป็นงานของชาวบ้านทั่วไป

    Storyฯ ลองไปหาข้อมูลดูเลยพบเจอคลิปวีดีโอนี้ https://www.youtube.com/watch?v=y0eKsCI4cVk เลยอยากให้เพื่อนๆ ได้ลองดูกัน อาจจะยาวสักนิด แต่จะเห็นภาพได้ดีถึงขั้นตอนการทำต่างๆ ตั้งแต่เลือกผ้าจนปลดออกจากสะดึง และที่สำคัญมีการซูมให้ดูถึงรายละเอียดของงานปักที่ทำเอา Storyฯ รู้สึกทึ่งไม่น้อย

    งานปักจีนโบราณพัฒนาขึ้นมากในสมัยถังแต่ในสมัยนั้นยังมีเทคนิคการปักไม่กี่แบบ และเมื่อมาถึงสมัยซ่งก็ได้รับการพัฒนายิ่งขึ้นไปอีกเป็นกว่ายี่สิบเทคนิค จากบันทึกโบราณพบว่างานปักเปี้ยนซิ่วโดยหลักเกิดขึ้นจากในวัง เรียกได้ว่าเป็นงานปักชาววัง รับผิดชอบงานฉลองพระองค์และของใช้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในวัง ความนิยมและเทคนิคการปักได้รับความสำคัญจนถึงกับมีการก่อตั้งวิทยาลัยเฉพาะทาง (เหวินซิ่วย่วน / 文绣院) ขึ้นเมื่อปี 1005 มีช่างปักกว่าสามร้อยคน

    เปี้ยนซิ่วถูกหลงลืมไปตามกาลเวลาจนแทบจะสูญหาย มีไม่กี่คนที่ยังสืบทอดมาภายหลังจากสิ้นราชวงศ์ งานเปี้ยนซิ่วรับการฟื้นฟูเมื่อมีผู้ที่สืบทอดเอาผลงานเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองครบสิบปีของการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อปีค.ศ. 1959 โดยผลงานที่สร้างชื่อเสียงชิ้นนี้ก็คืองานปัก <ชิงหมิงซ่างเหอถู> เป็นผลงานที่ได้รับการชื่นชมเป็นอย่างมากจากประธานเหมา และปัจจุบันถูกจัดเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์วังต้องห้าม (ดูได้จากรูป 1 และรูป 2 บน และจากคลิปวีดีโอที่เป็นการสาธิตการปัก) ต่อมาเปี้ยนซิ่วถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในห้าของสไตล์การปักที่โด่งดังที่สุดของจีน จัดเป็นศิลปะแห่งชาติแขนงหนึ่ง มีการสืบทอดอย่างเป็นทางการ

    เอกลักษณ์ของเปี้ยนซิ่วคืออะไร?

    เปี้ยนซิ่วขึ้นชื่อว่าเป็นงานละเอียด ใช้เส้นด้ายเพียงหนึ่งหรือสองเส้นเท่านั้น (หมายเหตุ หากสังเกตดีๆ ไหมปักที่เราใช้ทั่วไปปัจจุบันนี้เป็นเกลียวที่ประกอบขึ้นจากด้ายปักหลายเส้น) นำมาปักจนทึบโดยไม่เห็นรอยช่องไฟใดๆ ริมขอบลายปักเลย และอาศัยเทคนิคการปักต่างๆ ไม่ว่าจะความหนานูน ทิศทางของฝีเข็มที่แตกต่าง หรือการคัดสีไหม เพื่อสร้างมิติให้แก่ภาพปัก เพราะเอกลักษณ์ของเปี้ยนซิ่วนี้คือการนำงานศิลปะภาพวาดพู่กันจีนมาถ่ายทอดลงบนผืนผ้า ไม่ว่าจะเป็นลายภูผาวารี นก ดอกไม้ คนและสัตว์ รวมถึงบทกวีโคลงกลอนด้วย (ดูตัวอย่างได้ในรูป 2) เรียกได้ว่า งานปักสมัยซ่งนี้ ไม่เพียงปักสิ่งของใช้สอย แต่เป็นงานศิลปะที่มีไว้ชมอีกด้วย (เช่นภาพติดผนัง ภาพติดฉากกั้น ฯลฯ) นอกจากนี้ ยังมีการปักแบบสองด้าน ไม่แพ้งานปักสไตล์ชื่อดังอื่นๆ ของจีนที่เราอาจเคยผ่านตากันมา

    Storyฯ รู้สึกว่า เขียนอย่างไรก็บรรยายความงามของเปี้ยนซิ่วออกมาไม่ได้เพียงพอ ยังอยากให้เพื่อนเพจเข้าไปดูคลิปวีดิโอตามคลิปข้างบน ชอบไม่ชอบอะไรมาเม้นท์ให้ฟังกันบ้างนะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://baike.baidu.com/item/雁归西窗月
    https://www.tvzn.com/15774/role/226234.html
    https://www.youtube.com/watch?v=y0eKsCI4cVk
    http://m.news.xixik.com/content/55c6bf156997ce9f/
    http://5b0988e595225.cdn.sohucs.com/images/20190514/7e22d3dd9d0244ddada007df51228ee0.jpeg
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    http://www.yxhenan.com/info/kf/scyjl_13025_1289.html
    https://kknews.cc/collect/4xyn5m2.html
    https://baike.baidu.com/item/汴绣/1124193
    #ดุจฝันบันดาลใจ #เปี้ยนซิ่ว #ซ่งซิ่ว #งานปักจีนโบราณ #ชิงหมิงซ่างเหอถู
    สัปดาห์นี้มาโพสต์เร็วกว่าปกติเพราะ Storyฯ จะไปเที่ยววีคเอนด์นี้ เลยรีบมาคุยให้ฟังเกี่ยวกับเกร็ดเล็กๆ จากละครจีนโบราณเรื่อง <ดุจฝันบันดาลใจ> ซึ่งมีเรื่องราวให้พูดคุยเกี่ยวกับวัฒนธรรมไม่น้อย มีตอนหนึ่งที่หนึ่งในตัวละครสมทบคือซูวุ่ยถูกกักบริเวณโดยแม่ของนาง และจะสามารถก้าวเท้าออกจากบ้านได้ก็ต่อเมื่อนางเรียนงานปัก ‘เปี้ยนซิ่ว’ ได้สำเร็จ สร้างความหนักใจให้แก่นางนัก เป็นการบอกเล่าให้พวกเราทราบได้ว่า งานปักชนิดนี้ยากนักหนา ‘เปี้ยนซิ่ว’ (汴绣)คืออะไร? มันคือสไตล์การปักที่มีมาแต่สมัยซ่งเหนือ มีชื่อมาจากเมืองหลวงเปี้ยนจิง (หรือที่เราคุ้นหูว่าตงจิง) บ้างเรียกว่า ‘ซ่งซิ่ว’ (宋绣) บ้างจำแนกละเอียดกว่านั้นว่า เปี้ยนซิ่วเป็นงานชาววังในขณะที่ซ่งซิ่วเป็นงานของชาวบ้านทั่วไป Storyฯ ลองไปหาข้อมูลดูเลยพบเจอคลิปวีดีโอนี้ https://www.youtube.com/watch?v=y0eKsCI4cVk เลยอยากให้เพื่อนๆ ได้ลองดูกัน อาจจะยาวสักนิด แต่จะเห็นภาพได้ดีถึงขั้นตอนการทำต่างๆ ตั้งแต่เลือกผ้าจนปลดออกจากสะดึง และที่สำคัญมีการซูมให้ดูถึงรายละเอียดของงานปักที่ทำเอา Storyฯ รู้สึกทึ่งไม่น้อย งานปักจีนโบราณพัฒนาขึ้นมากในสมัยถังแต่ในสมัยนั้นยังมีเทคนิคการปักไม่กี่แบบ และเมื่อมาถึงสมัยซ่งก็ได้รับการพัฒนายิ่งขึ้นไปอีกเป็นกว่ายี่สิบเทคนิค จากบันทึกโบราณพบว่างานปักเปี้ยนซิ่วโดยหลักเกิดขึ้นจากในวัง เรียกได้ว่าเป็นงานปักชาววัง รับผิดชอบงานฉลองพระองค์และของใช้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในวัง ความนิยมและเทคนิคการปักได้รับความสำคัญจนถึงกับมีการก่อตั้งวิทยาลัยเฉพาะทาง (เหวินซิ่วย่วน / 文绣院) ขึ้นเมื่อปี 1005 มีช่างปักกว่าสามร้อยคน เปี้ยนซิ่วถูกหลงลืมไปตามกาลเวลาจนแทบจะสูญหาย มีไม่กี่คนที่ยังสืบทอดมาภายหลังจากสิ้นราชวงศ์ งานเปี้ยนซิ่วรับการฟื้นฟูเมื่อมีผู้ที่สืบทอดเอาผลงานเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองครบสิบปีของการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อปีค.ศ. 1959 โดยผลงานที่สร้างชื่อเสียงชิ้นนี้ก็คืองานปัก <ชิงหมิงซ่างเหอถู> เป็นผลงานที่ได้รับการชื่นชมเป็นอย่างมากจากประธานเหมา และปัจจุบันถูกจัดเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์วังต้องห้าม (ดูได้จากรูป 1 และรูป 2 บน และจากคลิปวีดีโอที่เป็นการสาธิตการปัก) ต่อมาเปี้ยนซิ่วถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในห้าของสไตล์การปักที่โด่งดังที่สุดของจีน จัดเป็นศิลปะแห่งชาติแขนงหนึ่ง มีการสืบทอดอย่างเป็นทางการ เอกลักษณ์ของเปี้ยนซิ่วคืออะไร? เปี้ยนซิ่วขึ้นชื่อว่าเป็นงานละเอียด ใช้เส้นด้ายเพียงหนึ่งหรือสองเส้นเท่านั้น (หมายเหตุ หากสังเกตดีๆ ไหมปักที่เราใช้ทั่วไปปัจจุบันนี้เป็นเกลียวที่ประกอบขึ้นจากด้ายปักหลายเส้น) นำมาปักจนทึบโดยไม่เห็นรอยช่องไฟใดๆ ริมขอบลายปักเลย และอาศัยเทคนิคการปักต่างๆ ไม่ว่าจะความหนานูน ทิศทางของฝีเข็มที่แตกต่าง หรือการคัดสีไหม เพื่อสร้างมิติให้แก่ภาพปัก เพราะเอกลักษณ์ของเปี้ยนซิ่วนี้คือการนำงานศิลปะภาพวาดพู่กันจีนมาถ่ายทอดลงบนผืนผ้า ไม่ว่าจะเป็นลายภูผาวารี นก ดอกไม้ คนและสัตว์ รวมถึงบทกวีโคลงกลอนด้วย (ดูตัวอย่างได้ในรูป 2) เรียกได้ว่า งานปักสมัยซ่งนี้ ไม่เพียงปักสิ่งของใช้สอย แต่เป็นงานศิลปะที่มีไว้ชมอีกด้วย (เช่นภาพติดผนัง ภาพติดฉากกั้น ฯลฯ) นอกจากนี้ ยังมีการปักแบบสองด้าน ไม่แพ้งานปักสไตล์ชื่อดังอื่นๆ ของจีนที่เราอาจเคยผ่านตากันมา Storyฯ รู้สึกว่า เขียนอย่างไรก็บรรยายความงามของเปี้ยนซิ่วออกมาไม่ได้เพียงพอ ยังอยากให้เพื่อนเพจเข้าไปดูคลิปวีดิโอตามคลิปข้างบน ชอบไม่ชอบอะไรมาเม้นท์ให้ฟังกันบ้างนะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://baike.baidu.com/item/雁归西窗月 https://www.tvzn.com/15774/role/226234.html https://www.youtube.com/watch?v=y0eKsCI4cVk http://m.news.xixik.com/content/55c6bf156997ce9f/ http://5b0988e595225.cdn.sohucs.com/images/20190514/7e22d3dd9d0244ddada007df51228ee0.jpeg Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: http://www.yxhenan.com/info/kf/scyjl_13025_1289.html https://kknews.cc/collect/4xyn5m2.html https://baike.baidu.com/item/汴绣/1124193 #ดุจฝันบันดาลใจ #เปี้ยนซิ่ว #ซ่งซิ่ว #งานปักจีนโบราณ #ชิงหมิงซ่างเหอถู
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 874 มุมมอง 0 รีวิว
  • สวัสดีค่ะ Storyฯ หายไปตามรอยซากุระมา จำได้ว่าตอนที่เคยเล่าถึงความหมายของดอกเหมยในวัฒนธรรมจีน มีเพื่อนเพจถามถึงดอกซากุระด้วย วันนี้เลยมาคุยกันสั้นๆ

    เพื่อนเพจคงทราบดีว่าดอกซากุระเป็นดอกไม้ประจำชาติของญี่ปุ่น มีคนกล่าวถึงความหมายของมันต่อคนญี่ปุ่นว่าจริงแล้วคือ Rebirth หรือการเกิดใหม่ กล่าวคือการยอมรับความไม่จีรังในชีวิตแต่ยังเปี่ยมด้วยความหวังว่าสิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นใหม่ เฉกเช่นดอกซากุระที่บานให้ชื่นชมเพียงไม่นานก็ร่วงโรยแต่แล้วก็จะผลิใหม่และเบ่งบานให้ชมอีกเรื่อยไป นอกจากนี้ยังมีอีกหลายความหมาย เช่น ความสำเร็จ หัวใจที่เข้มแข็ง ความรัก ความบริสุทธิ์ และความอ่อนโยน ฯลฯ ซึ่งเหล่านี้ล้วนให้อารมณ์แห่งความหวังและความสุข

    แล้วที่จีนล่ะ?

    ดอกซากุระมีชื่อจีนว่า ‘อิงฮวา’ (樱花) หรือโบราณเคยเรียกว่า ‘อิงเถา’ แต่มีการระบุชัดว่าไม่ใช่ดอกท้อ (เถาฮวา) เฉพาะในประเทศจีนมีกว่าสี่สิบสายพันธุ์ เชื่อว่ามีการเริ่มปลูกต้นอิงฮวาในเขตพระราชฐานมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น แต่แพร่สู่บ้านเรือนสามัญชนและพบเห็นได้ทั่วไปในสมัยราชวงศ์ถัง (บ้างก็ว่าในช่วงสมัยถังนี่เองที่ อิงฮวาหรือซากุระถูกเผยแพร่ในญี่ปุ่น) ต่อมาในสมัยซ่งเหนือคนหันมานิยมดอกเหมยมากกว่า ทำให้ดอกอิงฮวาถูกกล่าวขานถึงน้อยลง

    ผลงานทางศิลปะเกี่ยวกับอิงฮวามีน้อยมาก ไม่ว่าจะเป็นบทกวีหรือภาพวาด โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับดอกบ๊วยหรือดอกท้อที่ดูจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับผลงานมากกว่า แรกเริ่มเลยในงานประพันธ์ต่างๆ จะเรียกมันว่า ‘ซันอิง’ หมายถึงต้นอิงฮวาที่โตตามป่าเขา โดยบทกวีที่เก่าแก่ที่สุดเกี่ยวกับอิงฮวาคือในสมัยราชวงศ์ใต้ ประพันธ์โดยเสิ่นเยวี้ย (ค.ศ. 441-513) เป็นการบรรยายถึงดอกซันอิงบานรับฤดูใบไม้ผลิ คงจะกล่าวได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ดอกอิงฮวาถูกโยงเข้ากับการมาเยือนของวสันตฤดู

    ในสมัยถังมีบทกวีเกี่ยวกับดอกอิงฮวามากกว่ายุคสมัยอื่น บ่งบอกถึงความนิยมในสมัยนั้น โดยนักการเมืองไป๋จวีอี (ค.ศ. 772-846) ได้สร้างผลงานบทกวีชื่นชมความงามของดอกอิงฮวาไว้หลายบท แต่ผลงานของเขามักบ่งบอกถึงอารมณ์แห่งความเสียดายยามบุปผาโรยรา ทว่าแฝงไว้ซึ่งความหวังเพราะซันอิงยังจะคงอยู่และผลิบานใหม่ท่ามกลางป่าเขา โดยผลงานเหล่านี้สะท้อนถึงชีวิตทางการเมืองที่ผ่านร้อนผ่านหนาวของเขา

    อิงฮวากลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบได้ แต่ในช่วงยุคสมัยถังเช่นเดียวกัน มีการกล่าวถึงธรรมเนียมการหักกิ่งอิงฮวามอบให้กันยามคู่รักต้องจากลา โดยใช้อิงฮวาเป็นตัวแทนแห่งความคนึงหา และในหลายบทกวีในยุคนั้น ใช้อิงฮวาเปรียบเปรยถึงความคิดถึงและความอ้างว้าง ดุจฉากดอกอิงฮวาร่วงโรยโปรยพลิ้วในสายลม Storyฯ ขอยกตัวอย่างจากบทกวี <หักกิ่งบุปผามอบอำลา> ของหยวนเจิ่นในสมัยถัง (ขออภัยหากแปลไม่สละสลวย) ที่กล่าวถึงความอาลัยอาวรณ์ของสตรียามต้องส่งชายคนรักจากไป:
    “ส่งท่านใต้ร่มเงาอิงเถา ใจวสันต์ฝากไว้ในกิ่ง
    ที่ใดชวนให้คำนึงถึงที่สุด นั่นคือป่าอิงเถาอันดารดาษ”

    ต่อมาอิงฮวากลายมาเป็นสัญลักษณ์ของสตรีเพศที่อ่อนหวานและอ่อนโยน ไม่ปรากฏชัดเจนว่ามุมมองในลักษณะนี้เกิดขึ้นเมื่อใด แต่ในบทกวี <ซันอิง> ของหวางอันสือในยุคสมัยซ่งเหนือ (คนเดียวกับที่ฝากผลงานอันโดดเด่น <เหมยฮวา> ที่ Storyฯ เคยเขียนไปแล้ว) มีการบรรยายเปรียบเปรยอิงฮวาดุจสตรีที่เอียงอายหลบอยู่ใต้เงาไม้และเบ่งบานหลังดอกไม้อื่น แต่เมื่อลมวสันต์โชยก็พัดพากลิ่นหอมขจรขจายให้ความงามเป็นที่ประจักษ์ต่อผู้คน

    จะเห็นได้ว่า ในวัฒนธรรมจีนนั้น ความหมายของดอกอิงฮวาคล้ายคลึงกับซากุระในวัฒนธรรมญี่ปุ่น คือเป็นตัวแทนแห่งความไม่จีรัง ความบริสุทธิ์ และความอ่อนหวาน

    แต่ในความคล้ายคลึงก็มีความแตกต่าง เพราะซากุระในญี่ปุ่นแฝงไว้ด้วยความหวังท่ามกลางความไม่จีรังในชีวิต แต่โดยส่วนตัวแล้ว Storyฯ รู้สึกว่าบทกวีเกี่ยวกับอิงฮวาของจีนมักแฝงไว้ด้วยความเศร้า หากจะกล่าวว่าดอกบ๊วยเป็นตัวแทนแห่งความงามที่คงทน ดอกอิงฮวาก็คงเป็นตัวแทนแห่งความงามที่เปราะบาง

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    รูปภาพจาก: พี่ชายของ Storyฯ เอง
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://news.bjd.com.cn/2022/04/08/10066983.shtml
    https://www.baike.com/wikiid/4777101092071907963?from=wiki_content&prd=innerlink&view_id=32kicegvg8m000
    https://www.163.com/dy/article/HV0LDNRE05418YI9.html

    #อิงฮวา #ซากุระจีน
    สวัสดีค่ะ Storyฯ หายไปตามรอยซากุระมา จำได้ว่าตอนที่เคยเล่าถึงความหมายของดอกเหมยในวัฒนธรรมจีน มีเพื่อนเพจถามถึงดอกซากุระด้วย วันนี้เลยมาคุยกันสั้นๆ เพื่อนเพจคงทราบดีว่าดอกซากุระเป็นดอกไม้ประจำชาติของญี่ปุ่น มีคนกล่าวถึงความหมายของมันต่อคนญี่ปุ่นว่าจริงแล้วคือ Rebirth หรือการเกิดใหม่ กล่าวคือการยอมรับความไม่จีรังในชีวิตแต่ยังเปี่ยมด้วยความหวังว่าสิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นใหม่ เฉกเช่นดอกซากุระที่บานให้ชื่นชมเพียงไม่นานก็ร่วงโรยแต่แล้วก็จะผลิใหม่และเบ่งบานให้ชมอีกเรื่อยไป นอกจากนี้ยังมีอีกหลายความหมาย เช่น ความสำเร็จ หัวใจที่เข้มแข็ง ความรัก ความบริสุทธิ์ และความอ่อนโยน ฯลฯ ซึ่งเหล่านี้ล้วนให้อารมณ์แห่งความหวังและความสุข แล้วที่จีนล่ะ? ดอกซากุระมีชื่อจีนว่า ‘อิงฮวา’ (樱花) หรือโบราณเคยเรียกว่า ‘อิงเถา’ แต่มีการระบุชัดว่าไม่ใช่ดอกท้อ (เถาฮวา) เฉพาะในประเทศจีนมีกว่าสี่สิบสายพันธุ์ เชื่อว่ามีการเริ่มปลูกต้นอิงฮวาในเขตพระราชฐานมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น แต่แพร่สู่บ้านเรือนสามัญชนและพบเห็นได้ทั่วไปในสมัยราชวงศ์ถัง (บ้างก็ว่าในช่วงสมัยถังนี่เองที่ อิงฮวาหรือซากุระถูกเผยแพร่ในญี่ปุ่น) ต่อมาในสมัยซ่งเหนือคนหันมานิยมดอกเหมยมากกว่า ทำให้ดอกอิงฮวาถูกกล่าวขานถึงน้อยลง ผลงานทางศิลปะเกี่ยวกับอิงฮวามีน้อยมาก ไม่ว่าจะเป็นบทกวีหรือภาพวาด โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับดอกบ๊วยหรือดอกท้อที่ดูจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับผลงานมากกว่า แรกเริ่มเลยในงานประพันธ์ต่างๆ จะเรียกมันว่า ‘ซันอิง’ หมายถึงต้นอิงฮวาที่โตตามป่าเขา โดยบทกวีที่เก่าแก่ที่สุดเกี่ยวกับอิงฮวาคือในสมัยราชวงศ์ใต้ ประพันธ์โดยเสิ่นเยวี้ย (ค.ศ. 441-513) เป็นการบรรยายถึงดอกซันอิงบานรับฤดูใบไม้ผลิ คงจะกล่าวได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ดอกอิงฮวาถูกโยงเข้ากับการมาเยือนของวสันตฤดู ในสมัยถังมีบทกวีเกี่ยวกับดอกอิงฮวามากกว่ายุคสมัยอื่น บ่งบอกถึงความนิยมในสมัยนั้น โดยนักการเมืองไป๋จวีอี (ค.ศ. 772-846) ได้สร้างผลงานบทกวีชื่นชมความงามของดอกอิงฮวาไว้หลายบท แต่ผลงานของเขามักบ่งบอกถึงอารมณ์แห่งความเสียดายยามบุปผาโรยรา ทว่าแฝงไว้ซึ่งความหวังเพราะซันอิงยังจะคงอยู่และผลิบานใหม่ท่ามกลางป่าเขา โดยผลงานเหล่านี้สะท้อนถึงชีวิตทางการเมืองที่ผ่านร้อนผ่านหนาวของเขา อิงฮวากลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบได้ แต่ในช่วงยุคสมัยถังเช่นเดียวกัน มีการกล่าวถึงธรรมเนียมการหักกิ่งอิงฮวามอบให้กันยามคู่รักต้องจากลา โดยใช้อิงฮวาเป็นตัวแทนแห่งความคนึงหา และในหลายบทกวีในยุคนั้น ใช้อิงฮวาเปรียบเปรยถึงความคิดถึงและความอ้างว้าง ดุจฉากดอกอิงฮวาร่วงโรยโปรยพลิ้วในสายลม Storyฯ ขอยกตัวอย่างจากบทกวี <หักกิ่งบุปผามอบอำลา> ของหยวนเจิ่นในสมัยถัง (ขออภัยหากแปลไม่สละสลวย) ที่กล่าวถึงความอาลัยอาวรณ์ของสตรียามต้องส่งชายคนรักจากไป: “ส่งท่านใต้ร่มเงาอิงเถา ใจวสันต์ฝากไว้ในกิ่ง ที่ใดชวนให้คำนึงถึงที่สุด นั่นคือป่าอิงเถาอันดารดาษ” ต่อมาอิงฮวากลายมาเป็นสัญลักษณ์ของสตรีเพศที่อ่อนหวานและอ่อนโยน ไม่ปรากฏชัดเจนว่ามุมมองในลักษณะนี้เกิดขึ้นเมื่อใด แต่ในบทกวี <ซันอิง> ของหวางอันสือในยุคสมัยซ่งเหนือ (คนเดียวกับที่ฝากผลงานอันโดดเด่น <เหมยฮวา> ที่ Storyฯ เคยเขียนไปแล้ว) มีการบรรยายเปรียบเปรยอิงฮวาดุจสตรีที่เอียงอายหลบอยู่ใต้เงาไม้และเบ่งบานหลังดอกไม้อื่น แต่เมื่อลมวสันต์โชยก็พัดพากลิ่นหอมขจรขจายให้ความงามเป็นที่ประจักษ์ต่อผู้คน จะเห็นได้ว่า ในวัฒนธรรมจีนนั้น ความหมายของดอกอิงฮวาคล้ายคลึงกับซากุระในวัฒนธรรมญี่ปุ่น คือเป็นตัวแทนแห่งความไม่จีรัง ความบริสุทธิ์ และความอ่อนหวาน แต่ในความคล้ายคลึงก็มีความแตกต่าง เพราะซากุระในญี่ปุ่นแฝงไว้ด้วยความหวังท่ามกลางความไม่จีรังในชีวิต แต่โดยส่วนตัวแล้ว Storyฯ รู้สึกว่าบทกวีเกี่ยวกับอิงฮวาของจีนมักแฝงไว้ด้วยความเศร้า หากจะกล่าวว่าดอกบ๊วยเป็นตัวแทนแห่งความงามที่คงทน ดอกอิงฮวาก็คงเป็นตัวแทนแห่งความงามที่เปราะบาง (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) รูปภาพจาก: พี่ชายของ Storyฯ เอง Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://news.bjd.com.cn/2022/04/08/10066983.shtml https://www.baike.com/wikiid/4777101092071907963?from=wiki_content&prd=innerlink&view_id=32kicegvg8m000 https://www.163.com/dy/article/HV0LDNRE05418YI9.html #อิงฮวา #ซากุระจีน
    樱花 花开花谢皆诗意的早春花木_北京日报网
    我国野生樱花品种最多 樱属植物广泛分布于北半球的温带与亚热带地区。亚洲、欧洲、北美洲均有分布,但主要集中在东亚地区。中国的西南、华南、长江流域、华北、东北地区,俄罗斯、日本、朝鲜一线,以及缅甸、不丹...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 857 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก่อนหน้านี้มีคุยเรื่องความหมายของดอกไม้ วันนี้เลยมาคุยกันสั้นๆ เรื่องสุภาษิตจีนที่เกี่ยวกับดอกไม้

    เพื่อนเพจที่ได้ดูละคร <เทียบท้าปฐพี> คงเคยผ่านตาฉากที่พระเอกต้องแกล้งเป็นดื่มเหล้าเมาแล้วนางเอกเตือนไม่ให้ดื่มเยอะ ตัวร้ายถึงกับออกปากว่า “นางข้าหลวงคนนี้ มาจากในวังหรือ? ทั้งซื่อสัตย์และงดงามนัก เป็นดอกไม้งามที่เฉลียวฉลาด” (หมายเหตุ คำแปลยกมาจากซับไทยของละครเรื่องนี้)

    แต่เพื่อนเพจที่ไม่ทราบภาษาจีนคงไม่รู้ว่า ‘ดอกไม้งามที่เฉลียวฉลาด’ นี้ ในฉบับภาษาจีนใช้คำว่า ‘เจี๋ยอวี่ฮวา’ (解语花) แปลตรงตัวว่า เข้าใจ+ภาษา+ดอกไม้ (อุ้ย... ความหมายเพี้ยน!) เปรียบเปรยถึงหญิงงามที่ฉลาดมีความเข้าอกเข้าใจคนอื่น เป็นวลีที่นิยมใช้ในสมัยซ่ง

    สุภาษิตนี้มีจุดกำเนิดจากบทประพันธ์เชิงประวัติศาสตร์ของนักอักษรศาสตร์ในช่วงปลายราชวงศ์ถังนามว่า หวางเหรินอี้ (ค.ศ. 880-956) เป็นเรื่องเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากสมัยองค์ถังเสวียนจง ฮ่องเต้องค์ที่เจ็ดแห่งราชวงศ์ถัง โดยฉากที่กล่าวถึงนี้บรรยายว่า วันหนึ่งในสารทฤดู เดือนแปด องค์ถังเสวียนจงทรงชื่นชมความงามของธรรมชาติอยู่ในอุทยานกับญาติๆ และนางใน ดอกบัวขาวบานสะพรั่งชูช่อเป็นที่ชื่นชมของผู้คน แต่แล้วทรงหันมาชี้นิ้วไปยังหยางกุ้ยเฟยที่ตามเสด็จมาด้วยแล้วเอ่ยว่า “ไยจะสู้เจี๋ยอวี่ฮวาของเรา” (ขออภัยไม่ใช้ราชาศัพท์) เป็นเหตุการณ์ที่ถูกเล่ากันต่อๆ มาให้เป็นตัวอย่างว่าหยางกุ้ยเฟยเป็นที่โปรดปรานขององค์ถังเสวียนจงเพียงใด

    ความหมายดั้งเดิมของ ‘เจี๋ยอวี่ฮวา’ ในตอนนั้นคือ บุปผาที่พูดได้ ย่อมงดงามกว่าบุปผาธรรมดา ใช้เปรียบเปรยสตรีที่งดงามยิ่งนัก และในเวลานั้นใช้หมายถึงหยางกุ้ยเฟยนั่นเอง

    ต่อมาคำว่า ‘เจี๋ยอวี่ฮวา’ ถูกนำมาใช้ในบทกวีและบทประพันธ์ของชนรุ่นหลัง ปัจจุบันเป็นสุภาษิตที่แปลว่าสตรีที่งามยิ่งนัก หรือสตรีที่ทั้งงามและมีเสน่ห์ (เพราะมีความเข้าอกเข้าใจคน)

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://baike.baidu.com/item/解语花/9250245
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/解语花/9250245
    https://baike.baidu.com/item/王仁裕
    https://www.sohu.com/a/273086275_100069764
    https://cidian.qianp.com/ci/%E8%A7%A3%E8%AF%AD%E8%8A%B1

    #เทียบท้าปฐพี #หยางกุ้ยเฟย #เจี๋ยอวี่ฮวา
    ก่อนหน้านี้มีคุยเรื่องความหมายของดอกไม้ วันนี้เลยมาคุยกันสั้นๆ เรื่องสุภาษิตจีนที่เกี่ยวกับดอกไม้ เพื่อนเพจที่ได้ดูละคร <เทียบท้าปฐพี> คงเคยผ่านตาฉากที่พระเอกต้องแกล้งเป็นดื่มเหล้าเมาแล้วนางเอกเตือนไม่ให้ดื่มเยอะ ตัวร้ายถึงกับออกปากว่า “นางข้าหลวงคนนี้ มาจากในวังหรือ? ทั้งซื่อสัตย์และงดงามนัก เป็นดอกไม้งามที่เฉลียวฉลาด” (หมายเหตุ คำแปลยกมาจากซับไทยของละครเรื่องนี้) แต่เพื่อนเพจที่ไม่ทราบภาษาจีนคงไม่รู้ว่า ‘ดอกไม้งามที่เฉลียวฉลาด’ นี้ ในฉบับภาษาจีนใช้คำว่า ‘เจี๋ยอวี่ฮวา’ (解语花) แปลตรงตัวว่า เข้าใจ+ภาษา+ดอกไม้ (อุ้ย... ความหมายเพี้ยน!) เปรียบเปรยถึงหญิงงามที่ฉลาดมีความเข้าอกเข้าใจคนอื่น เป็นวลีที่นิยมใช้ในสมัยซ่ง สุภาษิตนี้มีจุดกำเนิดจากบทประพันธ์เชิงประวัติศาสตร์ของนักอักษรศาสตร์ในช่วงปลายราชวงศ์ถังนามว่า หวางเหรินอี้ (ค.ศ. 880-956) เป็นเรื่องเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากสมัยองค์ถังเสวียนจง ฮ่องเต้องค์ที่เจ็ดแห่งราชวงศ์ถัง โดยฉากที่กล่าวถึงนี้บรรยายว่า วันหนึ่งในสารทฤดู เดือนแปด องค์ถังเสวียนจงทรงชื่นชมความงามของธรรมชาติอยู่ในอุทยานกับญาติๆ และนางใน ดอกบัวขาวบานสะพรั่งชูช่อเป็นที่ชื่นชมของผู้คน แต่แล้วทรงหันมาชี้นิ้วไปยังหยางกุ้ยเฟยที่ตามเสด็จมาด้วยแล้วเอ่ยว่า “ไยจะสู้เจี๋ยอวี่ฮวาของเรา” (ขออภัยไม่ใช้ราชาศัพท์) เป็นเหตุการณ์ที่ถูกเล่ากันต่อๆ มาให้เป็นตัวอย่างว่าหยางกุ้ยเฟยเป็นที่โปรดปรานขององค์ถังเสวียนจงเพียงใด ความหมายดั้งเดิมของ ‘เจี๋ยอวี่ฮวา’ ในตอนนั้นคือ บุปผาที่พูดได้ ย่อมงดงามกว่าบุปผาธรรมดา ใช้เปรียบเปรยสตรีที่งดงามยิ่งนัก และในเวลานั้นใช้หมายถึงหยางกุ้ยเฟยนั่นเอง ต่อมาคำว่า ‘เจี๋ยอวี่ฮวา’ ถูกนำมาใช้ในบทกวีและบทประพันธ์ของชนรุ่นหลัง ปัจจุบันเป็นสุภาษิตที่แปลว่าสตรีที่งามยิ่งนัก หรือสตรีที่ทั้งงามและมีเสน่ห์ (เพราะมีความเข้าอกเข้าใจคน) (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://baike.baidu.com/item/解语花/9250245 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/解语花/9250245 https://baike.baidu.com/item/王仁裕 https://www.sohu.com/a/273086275_100069764 https://cidian.qianp.com/ci/%E8%A7%A3%E8%AF%AD%E8%8A%B1 #เทียบท้าปฐพี #หยางกุ้ยเฟย #เจี๋ยอวี่ฮวา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 532 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🍊 Exciting News! Telvada is thrilled to announce our exclusive partnership with OleOilO, Calabria's finest citrus essential oil producer!

    Since 1954, this family-owned estate in the south of Italy has masterfully cultivated the world's most exquisite Bergamot, lemon, and mandarin orchards. Now, their legendary citrus essential oils are available in Thailand exclusively through Telvada.

    Experience the Mediterranean in every drop - from the sun-kissed groves of Calabria to your home. Discover why OleOilO's Bergamot is considered the finest in the world.

    ✨ Pure, authentic Italian craftsmanship
    🌿 Family traditions since 1954
    🍋 Premium citrus essential oils
    🤝 Exclusive Thai distribution

    Ready to explore these extraordinary Italian essential oils? Contact us to learn more!

    ✨ การแจ้งเตือนความร่วมมืออันทรงเกียรติ ✨

    นำน้ำมันหอมระเหยส้มชั้นดีจากอิตาลีมาสู่ประเทศไทย! เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวของ @OleOilO แหล่งปลูกส้มในตำนานของแคว้นคาลาเบรียในประเทศอิตาลี

    🍊 ความเชี่ยวชาญในครอบครัวกว่า 70 ปี
    🌿 เบอร์กาม็อตบริสุทธิ์จากแคว้นคาลาเบรีย
    🍋 น้ำมันหอมระเหยส้มคุณภาพเยี่ยม
    🇮🇹 มรดกทางวัฒนธรรมอิตาลีแท้ๆ

    สัมผัสกับแก่นแท้ของความเป็นเลิศของอิตาลี - มีจำหน่ายแล้วที่ Telvada Thailand

    #น้ำมันหอมระเหย #ซิตรัสอิตาลี #น้ำมันเบอร์กาม็อต #น้ำมันหอมระเหยระดับพรีเมียม #TelvadaThailand #น้ำมันซิตรัส #ความเป็นเลิศของอิตาลี #ซิตรัสคาลาเบรีย #น้ำมันหอมระเหยสุดหรู #ความงามออร์แกนิก #telvada #น้ำมันหอมระเหย #น้ำมันหอมระเหยเทลวาดา

    #ItalianEssentials #PremiumCitrus #BergamotOil #TelvadaThailand"
    #telvada #telvadaessentialoils
    🍊 Exciting News! Telvada is thrilled to announce our exclusive partnership with OleOilO, Calabria's finest citrus essential oil producer! Since 1954, this family-owned estate in the south of Italy has masterfully cultivated the world's most exquisite Bergamot, lemon, and mandarin orchards. Now, their legendary citrus essential oils are available in Thailand exclusively through Telvada. Experience the Mediterranean in every drop - from the sun-kissed groves of Calabria to your home. Discover why OleOilO's Bergamot is considered the finest in the world. ✨ Pure, authentic Italian craftsmanship 🌿 Family traditions since 1954 🍋 Premium citrus essential oils 🤝 Exclusive Thai distribution Ready to explore these extraordinary Italian essential oils? Contact us to learn more! ✨ การแจ้งเตือนความร่วมมืออันทรงเกียรติ ✨ นำน้ำมันหอมระเหยส้มชั้นดีจากอิตาลีมาสู่ประเทศไทย! เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวของ @OleOilO แหล่งปลูกส้มในตำนานของแคว้นคาลาเบรียในประเทศอิตาลี 🍊 ความเชี่ยวชาญในครอบครัวกว่า 70 ปี 🌿 เบอร์กาม็อตบริสุทธิ์จากแคว้นคาลาเบรีย 🍋 น้ำมันหอมระเหยส้มคุณภาพเยี่ยม 🇮🇹 มรดกทางวัฒนธรรมอิตาลีแท้ๆ สัมผัสกับแก่นแท้ของความเป็นเลิศของอิตาลี - มีจำหน่ายแล้วที่ Telvada Thailand #น้ำมันหอมระเหย #ซิตรัสอิตาลี #น้ำมันเบอร์กาม็อต #น้ำมันหอมระเหยระดับพรีเมียม #TelvadaThailand #น้ำมันซิตรัส #ความเป็นเลิศของอิตาลี #ซิตรัสคาลาเบรีย #น้ำมันหอมระเหยสุดหรู #ความงามออร์แกนิก #telvada #น้ำมันหอมระเหย #น้ำมันหอมระเหยเทลวาดา #ItalianEssentials #PremiumCitrus #BergamotOil #TelvadaThailand" #telvada #telvadaessentialoils
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1169 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซิร์ฟเวอร์ที่มีชื่อว่า "Global Special Forces" ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท Chaoyue Technology ได้รับรางวัล iF Design Award ซึ่งถือเป็นรางวัลระดับนานาชาติที่มอบให้กับผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นด้านการออกแบบ

    คุณสมบัติเด่นของเซิร์ฟเวอร์นี้ได้แก่:
    - การป้องกันการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Shielding) ที่ครอบคลุมช่วง 10K-10GHz
    - ความทนทานต่อการสั่นสะเทือนและแรงกระแทกที่สูงถึง 50g
    - กันความชื้นระดับ IP66 พร้อมรองรับความชื้นได้ถึง 95%
    - การทำงานในอุณหภูมิที่หลากหลาย ตั้งแต่ -55°C ถึง 70°C โดยไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพ
    - ทนต่อการกัดกร่อนจากไอเกลือ (Salt Spray) ได้นานถึง 10 ปี

    เซิร์ฟเวอร์นี้ถูกออกแบบให้รองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย เช่น การใช้งานบนยานพาหนะ เครื่องบิน หรือเรือ และสามารถทำงานได้อย่างเสถียร แม้ในพื้นที่ที่มีความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม ตัวเครื่องมีดีไซน์โมดูลาร์ที่สามารถถอดประกอบได้ง่าย พร้อมฟังก์ชันการควบคุมด้วย AI และการจัดเก็บข้อมูลในตัว

    ผลิตภัณฑ์นี้เป็นเซิร์ฟเวอร์ LRM (Lightweight Rackmount) ที่ผลิตในประเทศจีน ซึ่งใช้เทคโนโลยีเฉพาะด้าน เช่น การสลับเมทริกซ์แบบ DVI+USB ซึ่งปัจจุบันมีเพียงสองบริษัทในจีนที่สามารถทำได้ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใช้เวลาถึงหนึ่งปีเต็ม ก่อนเปิดตัวในปี 2023 และได้รับความสนใจจากหลากหลายวงการ

    การออกแบบเซิร์ฟเวอร์ในลักษณะนี้สะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานความงามและประสิทธิภาพอย่างลงตัว แม้จะเป็นอุปกรณ์ที่เน้นใช้งานในงานด้านเทคนิคและการป้องกันประเทศ แต่ก็สามารถสร้างแรงบันดาลใจในด้านการออกแบบเชิงอุตสาหกรรม

    https://www.techradar.com/pro/ai-server-designed-for-chinese-military-use-wins-major-global-design-award-in-europe
    เซิร์ฟเวอร์ที่มีชื่อว่า "Global Special Forces" ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท Chaoyue Technology ได้รับรางวัล iF Design Award ซึ่งถือเป็นรางวัลระดับนานาชาติที่มอบให้กับผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นด้านการออกแบบ คุณสมบัติเด่นของเซิร์ฟเวอร์นี้ได้แก่: - การป้องกันการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Shielding) ที่ครอบคลุมช่วง 10K-10GHz - ความทนทานต่อการสั่นสะเทือนและแรงกระแทกที่สูงถึง 50g - กันความชื้นระดับ IP66 พร้อมรองรับความชื้นได้ถึง 95% - การทำงานในอุณหภูมิที่หลากหลาย ตั้งแต่ -55°C ถึง 70°C โดยไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพ - ทนต่อการกัดกร่อนจากไอเกลือ (Salt Spray) ได้นานถึง 10 ปี เซิร์ฟเวอร์นี้ถูกออกแบบให้รองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย เช่น การใช้งานบนยานพาหนะ เครื่องบิน หรือเรือ และสามารถทำงานได้อย่างเสถียร แม้ในพื้นที่ที่มีความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม ตัวเครื่องมีดีไซน์โมดูลาร์ที่สามารถถอดประกอบได้ง่าย พร้อมฟังก์ชันการควบคุมด้วย AI และการจัดเก็บข้อมูลในตัว ผลิตภัณฑ์นี้เป็นเซิร์ฟเวอร์ LRM (Lightweight Rackmount) ที่ผลิตในประเทศจีน ซึ่งใช้เทคโนโลยีเฉพาะด้าน เช่น การสลับเมทริกซ์แบบ DVI+USB ซึ่งปัจจุบันมีเพียงสองบริษัทในจีนที่สามารถทำได้ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใช้เวลาถึงหนึ่งปีเต็ม ก่อนเปิดตัวในปี 2023 และได้รับความสนใจจากหลากหลายวงการ การออกแบบเซิร์ฟเวอร์ในลักษณะนี้สะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานความงามและประสิทธิภาพอย่างลงตัว แม้จะเป็นอุปกรณ์ที่เน้นใช้งานในงานด้านเทคนิคและการป้องกันประเทศ แต่ก็สามารถสร้างแรงบันดาลใจในด้านการออกแบบเชิงอุตสาหกรรม https://www.techradar.com/pro/ai-server-designed-for-chinese-military-use-wins-major-global-design-award-in-europe
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 458 มุมมอง 0 รีวิว
  • 11/3/68

    ภัยเงียบจาก "อาหารยอดฮิต" แค่ 1 ชิ้น อายุสั้นลง 36 นาที คนไทยกินแทบทุกวัน

    { กินอาหารไม่เป็น อายุลดลง }

    ผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐฯ เตือน "อาหารยอดฮิต" กินแค่ 1 ชิ้น อายุขัยสั้นลง 36 นาที เป็นเมนูโปรดคนไทยที่กินแทบทุกวัน

    การเลือกอาหารของคุณไม่เพียงแค่มีผลต่อสุขภาพปัจจุบันของคุณ แต่ยังมีผลต่ออายุขัยในอนาคตด้วย ดังนั้น ควรพิจารณาอย่างรอบคอบเมื่อกินอาหาร 6 อย่างนี้

    เป็นคำกล่าวที่ถูกต้องว่า "โรคมาจากปาก" เพราะการเลือกอาหารของแต่ละคนไม่เพียงแค่ตอบสนองต่อรสชาติและให้พลังงานเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพและอายุขัยของคุณด้วย อาหารที่ดีและการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยให้คุณมีสุขภาพดีและมีอายุยืนยาว ในขณะที่การมีนิสัยการกินที่ไม่ดีจะมีผลในทางตรงกันข้าม

    การวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนและมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก พบว่าอาหารบางประเภท "กิน" ชีวิตคุณได้อย่างรวดเร็ว แต่เป็นอาหารที่หลายคนชื่นชอบ ดร. โอลิเวียร์ โจลิเยต์ หัวหน้าผู้วิจัยกล่าวว่าอาหารที่อยู่ในอันดับต้นๆ ได้แก่ อาหารแปรรูปขั้นสูง (UFOs) ซึ่งเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือดและมะเร็ง 34 ชนิด รวมถึงปัญหาสุขภาพอื่นๆ

    1.ไส้กรอก: กิน 1 ชิ้นเท่ากับการตัดเวลาในชีวิตออกไป 36 นาที ไส้กรอกอยู่ในอันดับต้นๆ ของอาหารที่ทำให้ชีวิตสั้นลง ดร. ดาริน เดตไวเลอร์ (มหาวิทยาลัยมิชิแกน) อธิบายว่าเป็นเพราะเนื้อสัตว์แปรรูปประเภทนี้มีไขมัน ไนไตรต์และไนเตรตจำนวนมาก พร้อมทั้งอาจมีสารแต่งรสและสารกันบูด เมื่อกินมากขึ้น ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคอ้วน โรคหัวใจ และเบาหวาน การแปรรูปมักใช้ไขมันและน้ำมันจำนวนมาก โดยการใช้ความร้อนสูงอาจทำให้เกิดสารก่อมะเร็งบางประเภท

    2.แซนด์วิชเช้า: ลดอายุขัย 13 นาทีต่อมื้อ แซนด์วิชเช้าพร้อมทานอาจสะดวก แต่ถ้ากินเป็นประจำไม่ดีต่อสุขภาพ ขนมปังขาวเป็นแป้งที่ผ่านการขัดสี - ขนมปังที่ผลิตในปริมาณมากซึ่งมีแคลอรีที่ว่างเปล่าและสารเติมแต่งที่ไม่ดี สำหรับไข่, เนื้อสัตว์แปรรูป, ชีส และเนยในแซนด์วิชก็ทำให้ได้รับไขมันอิ่มตัวมากเกินไป

    3.น้ำอัดลม: ลดอายุขัย 12 นาทีต่อกระป๋อง ดร. โอลิเวียร์ โจลิเยต์เตือนว่าน้ำตาลที่เติมลงไปในเครื่องดื่มเป็น "ศัตรูที่ซ่อนอยู่" ในหลายๆ เครื่องดื่ม เช่น น้ำอัดลมหรือแม้แต่น้ำผลไม้บรรจุกระป๋อง/ขวด การดื่มน้ำอัดลม 355 มล. จะทำให้คุณสูญเสียเวลาไป 24 นาทีจากชีวิต แต่ถ้าคุณดื่มมันเป็นประจำตั้งแต่อายุยังน้อย ก็อาจทำให้ชีวิตสั้นลงเกือบปีภายในอายุ 55 ปี น้ำตาลไม่ได้ทำให้เกิดโรคอ้วนเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ และมะเร็ง

    4.ขนมปังชีส: กิน 1 ชิ้นเท่ากับการตัดเวลาในชีวิต 9 นาที ขนมปังชีสโดยเฉพาะแบบที่ผลิตจำนวนมากและบรรจุหีบห่อไว้จะทำให้คุณสูญเสียเวลาไป 9 นาทีจากชีวิตทุกคำที่กัด ขนมปังชิ้นเล็กๆ หนักแค่ 150 กรัม หากขนมปังนั้นมีเนื้อหรือไส้กรอกและเสิร์ฟพร้อมชีส ก็จะยิ่งเพิ่มผลกระทบต่อสุขภาพและอายุขัย

    5.เบคอน: ลดเวลา 6 นาทีต่อการเสิร์ฟ ดร. ดาริน เดตไวเลอร์กล่าวว่าเบคอนมีเกลือและสารกันบูดมาก การบริโภคเบคอนเป็นประจำจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และมะเร็งลำไส้ใหญ่ การศึกษานี้พบว่าแค่การกินเบคอน 1 เสิร์ฟ (ประมาณ 15-20 กรัม) ก็สามารถทำให้ลดอายุขัยลง 26 นาที
    cr:sanook.com
    https://www.sanook.com/news/9672670/
    #ฐิติพรก้อนแก้วข้อมูลพลิกชีวิต
    #ฐิติพรก้อนแก้วกินอาหารเป็นไม่ต้องกินยา
    20 ธันวาคม 2567
    #เพจสุขภาพและความงามโดยเยาว์
    11/3/68 ภัยเงียบจาก "อาหารยอดฮิต" แค่ 1 ชิ้น อายุสั้นลง 36 นาที คนไทยกินแทบทุกวัน { กินอาหารไม่เป็น อายุลดลง } ผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐฯ เตือน "อาหารยอดฮิต" กินแค่ 1 ชิ้น อายุขัยสั้นลง 36 นาที เป็นเมนูโปรดคนไทยที่กินแทบทุกวัน การเลือกอาหารของคุณไม่เพียงแค่มีผลต่อสุขภาพปัจจุบันของคุณ แต่ยังมีผลต่ออายุขัยในอนาคตด้วย ดังนั้น ควรพิจารณาอย่างรอบคอบเมื่อกินอาหาร 6 อย่างนี้ เป็นคำกล่าวที่ถูกต้องว่า "โรคมาจากปาก" เพราะการเลือกอาหารของแต่ละคนไม่เพียงแค่ตอบสนองต่อรสชาติและให้พลังงานเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพและอายุขัยของคุณด้วย อาหารที่ดีและการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยให้คุณมีสุขภาพดีและมีอายุยืนยาว ในขณะที่การมีนิสัยการกินที่ไม่ดีจะมีผลในทางตรงกันข้าม การวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนและมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก พบว่าอาหารบางประเภท "กิน" ชีวิตคุณได้อย่างรวดเร็ว แต่เป็นอาหารที่หลายคนชื่นชอบ ดร. โอลิเวียร์ โจลิเยต์ หัวหน้าผู้วิจัยกล่าวว่าอาหารที่อยู่ในอันดับต้นๆ ได้แก่ อาหารแปรรูปขั้นสูง (UFOs) ซึ่งเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือดและมะเร็ง 34 ชนิด รวมถึงปัญหาสุขภาพอื่นๆ 1.ไส้กรอก: กิน 1 ชิ้นเท่ากับการตัดเวลาในชีวิตออกไป 36 นาที ไส้กรอกอยู่ในอันดับต้นๆ ของอาหารที่ทำให้ชีวิตสั้นลง ดร. ดาริน เดตไวเลอร์ (มหาวิทยาลัยมิชิแกน) อธิบายว่าเป็นเพราะเนื้อสัตว์แปรรูปประเภทนี้มีไขมัน ไนไตรต์และไนเตรตจำนวนมาก พร้อมทั้งอาจมีสารแต่งรสและสารกันบูด เมื่อกินมากขึ้น ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคอ้วน โรคหัวใจ และเบาหวาน การแปรรูปมักใช้ไขมันและน้ำมันจำนวนมาก โดยการใช้ความร้อนสูงอาจทำให้เกิดสารก่อมะเร็งบางประเภท 2.แซนด์วิชเช้า: ลดอายุขัย 13 นาทีต่อมื้อ แซนด์วิชเช้าพร้อมทานอาจสะดวก แต่ถ้ากินเป็นประจำไม่ดีต่อสุขภาพ ขนมปังขาวเป็นแป้งที่ผ่านการขัดสี - ขนมปังที่ผลิตในปริมาณมากซึ่งมีแคลอรีที่ว่างเปล่าและสารเติมแต่งที่ไม่ดี สำหรับไข่, เนื้อสัตว์แปรรูป, ชีส และเนยในแซนด์วิชก็ทำให้ได้รับไขมันอิ่มตัวมากเกินไป 3.น้ำอัดลม: ลดอายุขัย 12 นาทีต่อกระป๋อง ดร. โอลิเวียร์ โจลิเยต์เตือนว่าน้ำตาลที่เติมลงไปในเครื่องดื่มเป็น "ศัตรูที่ซ่อนอยู่" ในหลายๆ เครื่องดื่ม เช่น น้ำอัดลมหรือแม้แต่น้ำผลไม้บรรจุกระป๋อง/ขวด การดื่มน้ำอัดลม 355 มล. จะทำให้คุณสูญเสียเวลาไป 24 นาทีจากชีวิต แต่ถ้าคุณดื่มมันเป็นประจำตั้งแต่อายุยังน้อย ก็อาจทำให้ชีวิตสั้นลงเกือบปีภายในอายุ 55 ปี น้ำตาลไม่ได้ทำให้เกิดโรคอ้วนเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ และมะเร็ง 4.ขนมปังชีส: กิน 1 ชิ้นเท่ากับการตัดเวลาในชีวิต 9 นาที ขนมปังชีสโดยเฉพาะแบบที่ผลิตจำนวนมากและบรรจุหีบห่อไว้จะทำให้คุณสูญเสียเวลาไป 9 นาทีจากชีวิตทุกคำที่กัด ขนมปังชิ้นเล็กๆ หนักแค่ 150 กรัม หากขนมปังนั้นมีเนื้อหรือไส้กรอกและเสิร์ฟพร้อมชีส ก็จะยิ่งเพิ่มผลกระทบต่อสุขภาพและอายุขัย 5.เบคอน: ลดเวลา 6 นาทีต่อการเสิร์ฟ ดร. ดาริน เดตไวเลอร์กล่าวว่าเบคอนมีเกลือและสารกันบูดมาก การบริโภคเบคอนเป็นประจำจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และมะเร็งลำไส้ใหญ่ การศึกษานี้พบว่าแค่การกินเบคอน 1 เสิร์ฟ (ประมาณ 15-20 กรัม) ก็สามารถทำให้ลดอายุขัยลง 26 นาที cr:sanook.com https://www.sanook.com/news/9672670/ #ฐิติพรก้อนแก้วข้อมูลพลิกชีวิต #ฐิติพรก้อนแก้วกินอาหารเป็นไม่ต้องกินยา 20 ธันวาคม 2567 #เพจสุขภาพและความงามโดยเยาว์
    WWW.SANOOK.COM
    ภัยเงียบจาก "อาหารยอดฮิต" แค่ 1 ชิ้น อายุสั้นลง 36 นาที คนไทยกินแทบทุกวัน
    ผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐฯ เตือน "อาหารยอดฮิต" กินแค่ 1 ชิ้น อายุขัยสั้นลง 36 นาที เป็นเมนูโปรดคนไทยที่กินแทบทุกวัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 843 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✴️️การทานคอลลาเจนอย่างไร❓️
    ✅️✅️ให้เห็นผลเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด✴️

    ➡️คอลลาเจนเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยบำรุงผิว ผม เล็บ ข้อต่อ และสุขภาพโดยรวม แต่การทานคอลลาเจนให้ได้ผลดีที่สุดต้องมีเทคนิคที่เหมาะสม
    ➡️1. เลือกประเภทคอลลาเจนที่ดูดซึมได้ดีที่สุด

    คอลลาเจนมีหลายประเภท แต่ที่นิยมใช้เพื่อความงามคือ
    ✅ คอลลาเจนไตรเปปไทด์ (Tripeptide Collagen) – โมเลกุลเล็ก ดูดซึมได้ดีที่สุด
    ✅ คอลลาเจนเปปไทด์ (Collagen Peptide) – ย่อยง่าย ร่างกายนำไปใช้ได้เร็ว
    ✅ คอลลาเจน Type 1 และ Type 3 – ดีต่อผิว ผม เล็บ และข้อต่อ

    🔹 หลีกเลี่ยงคอลลาเจนโมเลกุลใหญ่ เช่น คอลลาเจนธรรมดา ที่ร่างกายดูดซึมได้น้อย

    ➡️2. ทานคอลลาเจนตอนท้องว่าง หรือก่อนนอน

    ⏰ ช่วงเวลาที่ดีที่สุด:
    ✅ ตอนเช้า (ก่อนอาหาร 30 นาที) – ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดี
    ✅ ก่อนนอน (30-60 นาที) – ช่วงเวลาที่ร่างกายซ่อมแซมผิว

    🔹 ไม่ควรทานพร้อมอาหารมื้อใหญ่ เพราะอาจลดการดูดซึม

    ➡️3. ทานคู่กับวิตามินซี ช่วยเพิ่มการดูดซึม

    💊 วิตามินซี ช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์คอลลาเจนได้ดีขึ้น
    ✅ แนะนำ: ทานคอลลาเจนพร้อมน้ำส้ม มะนาว หรือวิตามินซี 500-1,000 มก.
    ❌ หลีกเลี่ยงการทานคอลลาเจนกับนม เพราะแคลเซียมอาจลดการดูดซึม

    ➡️4. ปริมาณที่แนะนำต่อวัน

    💡 5,000 - 10,000 มก. ต่อวัน

    5,000 มก. → เหมาะสำหรับการบำรุงทั่วไป

    10,000 มก. → เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวเร็ว

    ❌ ไม่ควรทานเกิน 10,000 มก./วัน เพราะร่างกายดูดซึมได้จำกัด

    ➡️5. คอลลาเจนรูปแบบไหนดีที่สุด?

    👉 แบบผงชงดื่ม – ดูดซึมเร็ว ไม่มีสารกันเสีย

    👉 แบบแคปซูล – พกพาสะดวก แต่ดูดซึมช้ากว่าแบบผง

    👉แบบเยลลี่หรือเครื่องดื่มสำเร็จรูป – ดูดซึมไว แต่บางยี่ห้อมีน้ำตาลสูง

    ➡️ 6. หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำลายคอลลาเจน

    ❌ น้ำตาลและของหวาน – ทำให้คอลลาเจนเสื่อมเร็ว
    ❌ อาหารแปรรูปและทอดกรอบ – ทำลายเซลล์ผิว
    ❌ สูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ – ลดการผลิตคอลลาเจน

    ➡️7. ใช้ชีวิตแบบช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

    ✅ ดื่มน้ำให้เพียงพอ (วันละ 2-3 ลิตร)
    ✅ ออกกำลังกาย (โยคะ/เวทเทรนนิ่งช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน)
    ✅ พักผ่อนให้เพียงพอ (นอน 7-9 ชั่วโมงต่อคืน)

    ❤️สรุปเคล็ดลับทานคอลลาเจนให้ได้ผลเร็ว

    ✅ เลือกคอลลาเจนไตรเปปไทด์หรือเปปไทด์
    ✅ ทานตอนท้องว่างหรือก่อนนอน
    ✅ ทานคู่กับวิตามินซีเพื่อเพิ่มการดูดซึม
    ✅ หลีกเลี่ยงน้ำตาล อาหารแปรรูป และแอลกอฮอล์
    ✅ ออกกำลังกายและนอนหลับให้เพียงพอ

    📌 ใช้เวลาประมาณ 4-8 สัปดาห์เพื่อเริ่มเห็นผล ผิวจะชุ่มชื้นขึ้น และริ้วรอยจางลง
    ✴️️การทานคอลลาเจนอย่างไร❓️ ✅️✅️ให้เห็นผลเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด✴️ ➡️คอลลาเจนเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยบำรุงผิว ผม เล็บ ข้อต่อ และสุขภาพโดยรวม แต่การทานคอลลาเจนให้ได้ผลดีที่สุดต้องมีเทคนิคที่เหมาะสม ➡️1. เลือกประเภทคอลลาเจนที่ดูดซึมได้ดีที่สุด คอลลาเจนมีหลายประเภท แต่ที่นิยมใช้เพื่อความงามคือ ✅ คอลลาเจนไตรเปปไทด์ (Tripeptide Collagen) – โมเลกุลเล็ก ดูดซึมได้ดีที่สุด ✅ คอลลาเจนเปปไทด์ (Collagen Peptide) – ย่อยง่าย ร่างกายนำไปใช้ได้เร็ว ✅ คอลลาเจน Type 1 และ Type 3 – ดีต่อผิว ผม เล็บ และข้อต่อ 🔹 หลีกเลี่ยงคอลลาเจนโมเลกุลใหญ่ เช่น คอลลาเจนธรรมดา ที่ร่างกายดูดซึมได้น้อย ➡️2. ทานคอลลาเจนตอนท้องว่าง หรือก่อนนอน ⏰ ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: ✅ ตอนเช้า (ก่อนอาหาร 30 นาที) – ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดี ✅ ก่อนนอน (30-60 นาที) – ช่วงเวลาที่ร่างกายซ่อมแซมผิว 🔹 ไม่ควรทานพร้อมอาหารมื้อใหญ่ เพราะอาจลดการดูดซึม ➡️3. ทานคู่กับวิตามินซี ช่วยเพิ่มการดูดซึม 💊 วิตามินซี ช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์คอลลาเจนได้ดีขึ้น ✅ แนะนำ: ทานคอลลาเจนพร้อมน้ำส้ม มะนาว หรือวิตามินซี 500-1,000 มก. ❌ หลีกเลี่ยงการทานคอลลาเจนกับนม เพราะแคลเซียมอาจลดการดูดซึม ➡️4. ปริมาณที่แนะนำต่อวัน 💡 5,000 - 10,000 มก. ต่อวัน 5,000 มก. → เหมาะสำหรับการบำรุงทั่วไป 10,000 มก. → เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวเร็ว ❌ ไม่ควรทานเกิน 10,000 มก./วัน เพราะร่างกายดูดซึมได้จำกัด ➡️5. คอลลาเจนรูปแบบไหนดีที่สุด? 👉 แบบผงชงดื่ม – ดูดซึมเร็ว ไม่มีสารกันเสีย 👉 แบบแคปซูล – พกพาสะดวก แต่ดูดซึมช้ากว่าแบบผง 👉แบบเยลลี่หรือเครื่องดื่มสำเร็จรูป – ดูดซึมไว แต่บางยี่ห้อมีน้ำตาลสูง ➡️ 6. หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำลายคอลลาเจน ❌ น้ำตาลและของหวาน – ทำให้คอลลาเจนเสื่อมเร็ว ❌ อาหารแปรรูปและทอดกรอบ – ทำลายเซลล์ผิว ❌ สูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ – ลดการผลิตคอลลาเจน ➡️7. ใช้ชีวิตแบบช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ✅ ดื่มน้ำให้เพียงพอ (วันละ 2-3 ลิตร) ✅ ออกกำลังกาย (โยคะ/เวทเทรนนิ่งช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน) ✅ พักผ่อนให้เพียงพอ (นอน 7-9 ชั่วโมงต่อคืน) ❤️สรุปเคล็ดลับทานคอลลาเจนให้ได้ผลเร็ว ✅ เลือกคอลลาเจนไตรเปปไทด์หรือเปปไทด์ ✅ ทานตอนท้องว่างหรือก่อนนอน ✅ ทานคู่กับวิตามินซีเพื่อเพิ่มการดูดซึม ✅ หลีกเลี่ยงน้ำตาล อาหารแปรรูป และแอลกอฮอล์ ✅ ออกกำลังกายและนอนหลับให้เพียงพอ 📌 ใช้เวลาประมาณ 4-8 สัปดาห์เพื่อเริ่มเห็นผล ผิวจะชุ่มชื้นขึ้น และริ้วรอยจางลง
    7 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 567 มุมมอง 0 รีวิว
  • สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ Storyฯ คุยถึงที่มาของวลีเด็ดจากซีรีส์ <หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์> มีเพื่อนเพจถามถึงเรื่องละครงิ้วที่หรูอี้พูดถึงบ่อยๆ ในเรื่อง ซึ่งก็คือ ‘เฉียงโถวหม่าซ่าง’ (墙头马上) ขอใช้คำแปลตรงตัวว่า ‘สันกำแพง-หลังอาชา’ ซึ่งในซีรีส์เท้าความว่า การชมงิ้วเรื่องนี้เป็นครั้งแรกที่หรูอี้และเฉียนหลงได้พบกัน และต่อมามีฉากที่เฉียนหลงบอกว่าจะไม่อ่อนแอเหมือนคุณชายสกุลเผย และหรูอี้บอกว่าไม่อยากต้องเจอสภาพแบบคุณหนูหลี่ที่ถูกบังคับให้ต้องทิ้งลูกไป ทำเอาผู้ชมงงไปตามๆ กันว่าเขาคุยอะไรกัน

    วันนี้เรามาคุยกันเรื่อง ‘สันกำแพง-หลังอาชา’ นี้

    ‘สันกำแพง-หลังอาชา’ เป็นละครงิ้วสมัยราชวงศ์หยวนมีชื่อเต็มว่า ‘เผยส้าวจวิ้น เฉียงโถวหม่าซ่าง’ (裴少俊墙头马上) ต่อมาตัดชื่อสั้นลงเหลือเพียง ‘เฉียงโถวหม่าซ่าง’ เป็นผลงานของ ‘ไป๋ผ้อ’ ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ยอดผู้แต่งบทละครงิ้วในสมัยนั้นและผลงานของเขายังได้รับการสืบทอดและจัดแสดงในปัจจุบันอีกหลายเรื่อง และ ‘สันกำแพง-หลังอาชา’ นี้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสี่ยอดละครงิ้วแนวรักโรแมนติกสมัยหยวน

    ละครงิ้วนี้ดัดแปลงมาจากบทกวีสมัยถังของไป๋จวีอี (ค.ศ. 772-846) (หมายเหตุ คือเขาคือนักการเมืองผู้เคยสร้างผลงานบทกวีชื่นชมความงามของดอกซากุระหรืออิงฮวาที่ Storyฯ เคยเขียนถึง https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/686842736777355 )
    บทกวีที่ว่านี้มีชื่อว่า ‘งมขวดเงินจากก้นบ่อ’ (井底引银瓶) เป็นหนึ่งในผลงานที่เลื่องชื่อที่สุดของเขา ยาวถึง 34 วรรค สรุปเนื้อหาเป็นเรื่องราวความรักรันทด โดยมีอารัมภบทว่า ใช้ด้ายผูกขวดเงินดึงขึ้นเกือบจะพ้นบ่อ แต่ด้ายก็ขาดเสียก่อน เอาหยกมาเจียรด้วยหิน กำลังจะได้ปิ่นปักผมก็มาหักเสียก่อน เป็นการหวนรำลึกถึงความรักในอดีตที่ขาดสะบั้นลง อดีตที่ว่านี้ก็คือเรื่องคุณหนูนางหนึ่งที่ถูกเลี้ยงมาอย่างริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม วันๆ ถูกขังอยู่แต่ในสวนหลังบ้าน จึงชอบปีนขึ้นไปเกาะสันกำแพงมองดูโลกภายนอก อยู่มาวันหนึ่งยืนมองอยู่อย่างนี้ก็สบตาเข้ากับคุณชายท่านหนึ่งที่ขี่ม้าขาวผ่านมา เกิดเป็นรักแรกพบ ต่อมาก็หนีตามคุณชายผู้นั้นกลับไปยังบ้านของเขาที่อีกเมืองหนึ่ง แต่ด้วยเป็นการหนีตาม ไม่ได้มีตบแต่งตามพิธีการ นางจึงไม่ได้รับการยอมรับจากครอบครัวฝ่ายชาย ถูกมองว่าเป็นเพียงอนุ ไม่ใช่ภรรยาเอก สุดท้ายถูกบีบให้ทิ้งลูกและไล่ออกไป คุณชายนั้นก็ไม่ได้ปกป้อง นางจึงต้องออกมาผจญชีวิตตามลำพังเพราะละอายเกินกว่าจะแบกหน้ากลับบ้านเกิด บทกวีจบลงด้วยการรำพันของนางว่า ความรักเพียงชั่วขณะของบุรุษ กลับเป็นความพลาดทั้งชีวิตของสตรี และเตือนเหล่าหญิงสาวไร้เดียงสาที่กำลังมีความรักให้จงสังวรไว้ว่า อย่าได้เอาชีวิตทั้งชีวิตของตนมาทุ่มเทให้กับชายใดได้โดยง่าย

    วรรคที่กล่าวถึงตอนสบตากันข้ามกำแพงและตกหลุมรักนั้น ก็คือวรรคที่หรูอี้มักเอ่ยติดปากยามที่นางและเฉียนหลงพูดถึงละครงิ้ว ‘สันกำแพง-หลังอาชา’ นี้ ซึ่ง Storyฯ ขอแปลและเรียบเรียงวรรคนี้ว่า ‘เหนือกำแพงประสานตาหลังอาชา หนึ่งพานพบคนึงหาเจียนวางวาย’ (墙头马上遥相顾,一见知君即断肠 หมายเหตุ ภาษาจีนใช้คำประมาณว่า ‘รักและคิดถึงจนทำให้ไส้ขาดจนตายได้!’) เป็นคำพูดที่หรูอี้พยายามสื่อให้เฉียนหลงเข้าใจว่านางรักเขามากมาย

    นับว่าเป็นบทกวีที่แฝงไว้ด้วยความเศร้าและความผิดหวัง แต่ทำไมหรูอี้และเฉียนหลงจึงคุยกันราวกับว่ามันเป็นเรื่องที่มีความหมายดี?

    นั่นเป็นเพราะว่าละครงิ้วและบทกวีมีความแตกต่าง ละครงิ้วที่นิยมในสมัยหยวนนั้น เป็นสไตล์แบบ ‘จ๋าจวี้’ (Mixed Play ที่ Storyฯ เคยพูดถึงตอนคุยเรื่อง <สามบุปผาลิขิตฝัน>) กล่าวคือมีหลากหลายอรรถรส ละครเรื่องนี้จึงถูกแต่งเติมให้มีทั้งความเศร้า ความตลกและจบแบบสุขนิยม มีการต่อเติมเรื่องราวว่า สตรีนางนี้คือคุณหนูหลี่เชียนจิน แต่นางโหยหาความรักและต่อต้านการถูกกักขัง นางหนีตามเผยส้าวจวิ้นมาถึงเรือนสกุลเผย แต่ต้องแอบอยู่ในเรือนสวนของสามีไม่ให้พ่อของสามีรู้ อยู่มาเจ็ดปีมีบุตรชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ความลับก็ถูกเปิดเผย นางถูกกล่าวหาว่าเป็นนางโลมและถูกบีบให้ต้องทิ้งลูกกลับบ้านเกิดไปโดยที่เผยส้าวจวิ้นทำอะไรไม่ได้ ต่อมาเผยส้าวจวิ้นสอบได้เป็นราชบัณฑิตเป็นขุนนางติดยศ ทางบ้านไม่กล้าขัดเขาอีก เขาก็มาง้อนาง ง้ออยู่นานจนสุดท้ายนางใจอ่อนยอมคืนดีด้วย และได้ครองรักกันอย่างมีความสุขในที่สุด เป็นเรื่องราวความรักหลากหลายอรรถรสที่สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดที่จะฝ่าฟันอุปสรรคให้หลุดพ้นจากกรอบสังคม จึงเป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมตลอดหลายยุคหลายสมัย

    ‘เหนือกำแพงประสานตาหลังอาชา หนึ่งพานพบคนึงหาเจียนวางวาย’ ... ไม่แน่ว่าหรูอี้อาจต้องการเพียงใช้ประโยคนี้แสดงถึงความรักอย่างยิ่งยวดที่มีต่อเฉียนหลง แต่บทสรุปเรื่องราวชีวิตของนางผ่านซีรีส์เรื่องนี้กลับกลายเป็นอย่างที่บทกวีว่าไว้... ความรักเพียงชั่วขณะของบุรุษ กลับเป็นความพลาดทั้งชีวิตของสตรี

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://kknews.cc/history/xeg9gx8.html
    https://www.sgss8.net/tpdq/21724747/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://so.gushiwen.cn/shiwenv_5487665ffe0a.aspx
    https://baike.baidu.com/item/井底引银瓶/10214172
    https://www.sohu.com/a/260464211_801417
    https://baike.baidu.com/item/裴少俊墙头马上/754408

    #หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์ #จ๋าจวี้ #งิ้วสมัยหยวน #เฉียงโถวหม่าซ่าง #สันกำแพงหลังอาชา
    สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ Storyฯ คุยถึงที่มาของวลีเด็ดจากซีรีส์ <หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์> มีเพื่อนเพจถามถึงเรื่องละครงิ้วที่หรูอี้พูดถึงบ่อยๆ ในเรื่อง ซึ่งก็คือ ‘เฉียงโถวหม่าซ่าง’ (墙头马上) ขอใช้คำแปลตรงตัวว่า ‘สันกำแพง-หลังอาชา’ ซึ่งในซีรีส์เท้าความว่า การชมงิ้วเรื่องนี้เป็นครั้งแรกที่หรูอี้และเฉียนหลงได้พบกัน และต่อมามีฉากที่เฉียนหลงบอกว่าจะไม่อ่อนแอเหมือนคุณชายสกุลเผย และหรูอี้บอกว่าไม่อยากต้องเจอสภาพแบบคุณหนูหลี่ที่ถูกบังคับให้ต้องทิ้งลูกไป ทำเอาผู้ชมงงไปตามๆ กันว่าเขาคุยอะไรกัน วันนี้เรามาคุยกันเรื่อง ‘สันกำแพง-หลังอาชา’ นี้ ‘สันกำแพง-หลังอาชา’ เป็นละครงิ้วสมัยราชวงศ์หยวนมีชื่อเต็มว่า ‘เผยส้าวจวิ้น เฉียงโถวหม่าซ่าง’ (裴少俊墙头马上) ต่อมาตัดชื่อสั้นลงเหลือเพียง ‘เฉียงโถวหม่าซ่าง’ เป็นผลงานของ ‘ไป๋ผ้อ’ ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ยอดผู้แต่งบทละครงิ้วในสมัยนั้นและผลงานของเขายังได้รับการสืบทอดและจัดแสดงในปัจจุบันอีกหลายเรื่อง และ ‘สันกำแพง-หลังอาชา’ นี้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสี่ยอดละครงิ้วแนวรักโรแมนติกสมัยหยวน ละครงิ้วนี้ดัดแปลงมาจากบทกวีสมัยถังของไป๋จวีอี (ค.ศ. 772-846) (หมายเหตุ คือเขาคือนักการเมืองผู้เคยสร้างผลงานบทกวีชื่นชมความงามของดอกซากุระหรืออิงฮวาที่ Storyฯ เคยเขียนถึง https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/686842736777355 ) บทกวีที่ว่านี้มีชื่อว่า ‘งมขวดเงินจากก้นบ่อ’ (井底引银瓶) เป็นหนึ่งในผลงานที่เลื่องชื่อที่สุดของเขา ยาวถึง 34 วรรค สรุปเนื้อหาเป็นเรื่องราวความรักรันทด โดยมีอารัมภบทว่า ใช้ด้ายผูกขวดเงินดึงขึ้นเกือบจะพ้นบ่อ แต่ด้ายก็ขาดเสียก่อน เอาหยกมาเจียรด้วยหิน กำลังจะได้ปิ่นปักผมก็มาหักเสียก่อน เป็นการหวนรำลึกถึงความรักในอดีตที่ขาดสะบั้นลง อดีตที่ว่านี้ก็คือเรื่องคุณหนูนางหนึ่งที่ถูกเลี้ยงมาอย่างริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม วันๆ ถูกขังอยู่แต่ในสวนหลังบ้าน จึงชอบปีนขึ้นไปเกาะสันกำแพงมองดูโลกภายนอก อยู่มาวันหนึ่งยืนมองอยู่อย่างนี้ก็สบตาเข้ากับคุณชายท่านหนึ่งที่ขี่ม้าขาวผ่านมา เกิดเป็นรักแรกพบ ต่อมาก็หนีตามคุณชายผู้นั้นกลับไปยังบ้านของเขาที่อีกเมืองหนึ่ง แต่ด้วยเป็นการหนีตาม ไม่ได้มีตบแต่งตามพิธีการ นางจึงไม่ได้รับการยอมรับจากครอบครัวฝ่ายชาย ถูกมองว่าเป็นเพียงอนุ ไม่ใช่ภรรยาเอก สุดท้ายถูกบีบให้ทิ้งลูกและไล่ออกไป คุณชายนั้นก็ไม่ได้ปกป้อง นางจึงต้องออกมาผจญชีวิตตามลำพังเพราะละอายเกินกว่าจะแบกหน้ากลับบ้านเกิด บทกวีจบลงด้วยการรำพันของนางว่า ความรักเพียงชั่วขณะของบุรุษ กลับเป็นความพลาดทั้งชีวิตของสตรี และเตือนเหล่าหญิงสาวไร้เดียงสาที่กำลังมีความรักให้จงสังวรไว้ว่า อย่าได้เอาชีวิตทั้งชีวิตของตนมาทุ่มเทให้กับชายใดได้โดยง่าย วรรคที่กล่าวถึงตอนสบตากันข้ามกำแพงและตกหลุมรักนั้น ก็คือวรรคที่หรูอี้มักเอ่ยติดปากยามที่นางและเฉียนหลงพูดถึงละครงิ้ว ‘สันกำแพง-หลังอาชา’ นี้ ซึ่ง Storyฯ ขอแปลและเรียบเรียงวรรคนี้ว่า ‘เหนือกำแพงประสานตาหลังอาชา หนึ่งพานพบคนึงหาเจียนวางวาย’ (墙头马上遥相顾,一见知君即断肠 หมายเหตุ ภาษาจีนใช้คำประมาณว่า ‘รักและคิดถึงจนทำให้ไส้ขาดจนตายได้!’) เป็นคำพูดที่หรูอี้พยายามสื่อให้เฉียนหลงเข้าใจว่านางรักเขามากมาย นับว่าเป็นบทกวีที่แฝงไว้ด้วยความเศร้าและความผิดหวัง แต่ทำไมหรูอี้และเฉียนหลงจึงคุยกันราวกับว่ามันเป็นเรื่องที่มีความหมายดี? นั่นเป็นเพราะว่าละครงิ้วและบทกวีมีความแตกต่าง ละครงิ้วที่นิยมในสมัยหยวนนั้น เป็นสไตล์แบบ ‘จ๋าจวี้’ (Mixed Play ที่ Storyฯ เคยพูดถึงตอนคุยเรื่อง <สามบุปผาลิขิตฝัน>) กล่าวคือมีหลากหลายอรรถรส ละครเรื่องนี้จึงถูกแต่งเติมให้มีทั้งความเศร้า ความตลกและจบแบบสุขนิยม มีการต่อเติมเรื่องราวว่า สตรีนางนี้คือคุณหนูหลี่เชียนจิน แต่นางโหยหาความรักและต่อต้านการถูกกักขัง นางหนีตามเผยส้าวจวิ้นมาถึงเรือนสกุลเผย แต่ต้องแอบอยู่ในเรือนสวนของสามีไม่ให้พ่อของสามีรู้ อยู่มาเจ็ดปีมีบุตรชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ความลับก็ถูกเปิดเผย นางถูกกล่าวหาว่าเป็นนางโลมและถูกบีบให้ต้องทิ้งลูกกลับบ้านเกิดไปโดยที่เผยส้าวจวิ้นทำอะไรไม่ได้ ต่อมาเผยส้าวจวิ้นสอบได้เป็นราชบัณฑิตเป็นขุนนางติดยศ ทางบ้านไม่กล้าขัดเขาอีก เขาก็มาง้อนาง ง้ออยู่นานจนสุดท้ายนางใจอ่อนยอมคืนดีด้วย และได้ครองรักกันอย่างมีความสุขในที่สุด เป็นเรื่องราวความรักหลากหลายอรรถรสที่สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดที่จะฝ่าฟันอุปสรรคให้หลุดพ้นจากกรอบสังคม จึงเป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมตลอดหลายยุคหลายสมัย ‘เหนือกำแพงประสานตาหลังอาชา หนึ่งพานพบคนึงหาเจียนวางวาย’ ... ไม่แน่ว่าหรูอี้อาจต้องการเพียงใช้ประโยคนี้แสดงถึงความรักอย่างยิ่งยวดที่มีต่อเฉียนหลง แต่บทสรุปเรื่องราวชีวิตของนางผ่านซีรีส์เรื่องนี้กลับกลายเป็นอย่างที่บทกวีว่าไว้... ความรักเพียงชั่วขณะของบุรุษ กลับเป็นความพลาดทั้งชีวิตของสตรี (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://kknews.cc/history/xeg9gx8.html https://www.sgss8.net/tpdq/21724747/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://so.gushiwen.cn/shiwenv_5487665ffe0a.aspx https://baike.baidu.com/item/井底引银瓶/10214172 https://www.sohu.com/a/260464211_801417 https://baike.baidu.com/item/裴少俊墙头马上/754408 #หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์ #จ๋าจวี้ #งิ้วสมัยหยวน #เฉียงโถวหม่าซ่าง #สันกำแพงหลังอาชา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1050 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยิ่งซับมันหน้ายิ่งมันจริงหรือ?? #look@me #lookatmebyBP #serum #glow&smootheningantiagingserum #facial #serum #skincare #glow #dayserum #glassskin #ผิวโกลว์ #ผิวชุ่มชื้น #สกินแคร์ #ผิวกระจ่างใส #รูขุมขนกระชับ #รูขุมขนเล็กลง #ริ้วรอยตื้นขึ้น #คุมมัน #ลดการเกิดสิว #ลดการระคายเคือง #สารต้านอนุมูลอิสระ #nightcream #nightboosterintensivebrighteningskincream #คุมมัน #ผลัดเซลล์ผิว #กระตุ้นการสร้างคลอลาเจน #สร้างสารต้านอนุมูลอิสระ #รีวิวบิ้วตี้ #ดูแลผิว #ความงาม #บำรุงผิว #ดูแลผิวหน้า #เคล็ดลับความงาม # รีวิวสกินแคร์ #ช้อปปิ้งออนไลน์ #ซับมัน
    ยิ่งซับมันหน้ายิ่งมันจริงหรือ?? #look@me #lookatmebyBP #serum #glow&smootheningantiagingserum #facial #serum #skincare #glow #dayserum #glassskin #ผิวโกลว์ #ผิวชุ่มชื้น #สกินแคร์ #ผิวกระจ่างใส #รูขุมขนกระชับ #รูขุมขนเล็กลง #ริ้วรอยตื้นขึ้น #คุมมัน #ลดการเกิดสิว #ลดการระคายเคือง #สารต้านอนุมูลอิสระ #nightcream #nightboosterintensivebrighteningskincream #คุมมัน #ผลัดเซลล์ผิว #กระตุ้นการสร้างคลอลาเจน #สร้างสารต้านอนุมูลอิสระ #รีวิวบิ้วตี้ #ดูแลผิว #ความงาม #บำรุงผิว #ดูแลผิวหน้า #เคล็ดลับความงาม # รีวิวสกินแคร์ #ช้อปปิ้งออนไลน์ #ซับมัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1224 มุมมอง 8 0 รีวิว
  • 6วิธีลดรอยแดงรอยดำ #look@me #lookatmebyBP #serum #glow&smootheningantiagingserum #facial #serum #skincare #glow #dayserum #glassskin #ผิวโกลว์ #ผิวชุ่มชื้น #สกินแคร์ #ผิวกระจ่างใส #รูขุมขนกระชับ #รูขุมขนเล็กลง #ริ้วรอยตื้นขึ้น #คุมมัน #ลดการเกิดสิว #ลดการระคายเคือง #สารต้านอนุมูลอิสระ #nightcream #nightboosterintensivebrighteningskincream #คุมมัน #ผลัดเซลล์ผิว #กระตุ้นการสร้างคลอลาเจน #สร้างสารต้านอนุมูลอิสระ #รีวิวบิ้วตี้ #ดูแลผิว #ความงาม #บำรุงผิว #ดูแลผิวหน้า #เคล็ดลับความงาม # รีวิวสกินแคร์
    6วิธีลดรอยแดงรอยดำ #look@me #lookatmebyBP #serum #glow&smootheningantiagingserum #facial #serum #skincare #glow #dayserum #glassskin #ผิวโกลว์ #ผิวชุ่มชื้น #สกินแคร์ #ผิวกระจ่างใส #รูขุมขนกระชับ #รูขุมขนเล็กลง #ริ้วรอยตื้นขึ้น #คุมมัน #ลดการเกิดสิว #ลดการระคายเคือง #สารต้านอนุมูลอิสระ #nightcream #nightboosterintensivebrighteningskincream #คุมมัน #ผลัดเซลล์ผิว #กระตุ้นการสร้างคลอลาเจน #สร้างสารต้านอนุมูลอิสระ #รีวิวบิ้วตี้ #ดูแลผิว #ความงาม #บำรุงผิว #ดูแลผิวหน้า #เคล็ดลับความงาม # รีวิวสกินแคร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1144 มุมมอง 7 0 รีวิว
  • 6วิธีลดรอยแดงรอยดำ #look@me #lookatmebyBP #serum #glow&smootheningantiagingserum #facial #serum #skincare #glow #dayserum #glassskin #ผิวโกลว์ #ผิวชุ่มชื้น #สกินแคร์ #ผิวกระจ่างใส #รูขุมขนกระชับ #รูขุมขนเล็กลง #ริ้วรอยตื้นขึ้น #คุมมัน #ลดการเกิดสิว #ลดการระคายเคือง #สารต้านอนุมูลอิสระ #nightcream #nightboosterintensivebrighteningskincream #คุมมัน #ผลัดเซลล์ผิว #กระตุ้นการสร้างคลอลาเจน #สร้างสารต้านอนุมูลอิสระ #รีวิวบิ้วตี้ #ดูแลผิว #ความงาม #บำรุงผิว #ดูแลผิวหน้า #เคล็ดลับความงาม # รีวิวสกินแคร์ #ช้อปปิ้งออนไลน์
    6วิธีลดรอยแดงรอยดำ #look@me #lookatmebyBP #serum #glow&smootheningantiagingserum #facial #serum #skincare #glow #dayserum #glassskin #ผิวโกลว์ #ผิวชุ่มชื้น #สกินแคร์ #ผิวกระจ่างใส #รูขุมขนกระชับ #รูขุมขนเล็กลง #ริ้วรอยตื้นขึ้น #คุมมัน #ลดการเกิดสิว #ลดการระคายเคือง #สารต้านอนุมูลอิสระ #nightcream #nightboosterintensivebrighteningskincream #คุมมัน #ผลัดเซลล์ผิว #กระตุ้นการสร้างคลอลาเจน #สร้างสารต้านอนุมูลอิสระ #รีวิวบิ้วตี้ #ดูแลผิว #ความงาม #บำรุงผิว #ดูแลผิวหน้า #เคล็ดลับความงาม # รีวิวสกินแคร์ #ช้อปปิ้งออนไลน์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1212 มุมมอง 8 0 รีวิว
  • 🌴 ถ้าใครเรียนเรื่อง ปรัชญาตะวันตก..ซึ่งในสถาบันการศึกษาในไทย จะมีในหลักสูตรปริญญาเอก...แต่ในต่างประเทศ มีตั้งแต่ ป.ตรี...แค่ท่านสามารถหาหนังสือมาอ่านได้..ว่าด้วย ตรรกศาสตร์ของเพลโต....มีเรื่องนึงที่ได้บัญญัติไว้..และถูกพิสูจน์ และอ้างถึงมาต่อเนื่องยาวนาน โดยผู้เชี่ยวชาญระดับโลกหลายท่าน...เรื่อง โลกสมมุติที่มีอยู่จริง (Form) ...เพลโตอธิบายความว่า โลกที่สมบูรณ์แบบ เคยมีอยู่ ศาสตร์ทุกศาสตร์เคยมีอยู่...แต่อยู่ที่ว่า ใครระลึกได้ หรือ ค้นพบเจอ...เช่น ความงามของสรรพสิ่ง ดนตรี..และอื่นๆ..รวมถึง ศาสตร์ของตัวเลข... อนุมานได้ว่า คนบางคนอาจเกิดและอยู่ในโลก Form มาก่อน..และมีเศษเสี้ยวของความทรงจำ..คิดตัวมา.....จึงอาจพบเจอความสามารถอันนั้นได้ในปัจจุบัน...เช่น เราจะเห็นตัวอย่างว่า คนที่ไม่เคยเล่น ไวโอลินเลย..กลับเล่นเพลง.chopin หรือ อื่นๆได้ในเวลาอันสั้น..
    ...เพลโตนิยามคำว่า ศิลปิน...ไม่ได้แปลว่า ผู้สร้างผลงาน...แต่หมายถึง ผู้ค้นพบ...สิ่งที่มันมีอยู่แล้ว เจอด้วยตนเอง...ด้วยความสามารถของเขา......
    ..ถ้าท่านศึกษาเรื่อง ปรัชญาตะวันตก และตะวันออก..ซึ่งมีมากว่า ร่วม 3000 ปี .ท่านจะเข้าใจว่า หลายสิ่งมันเป็นแบบนี้ แบบนั้น มานานแล้ว...แค่หลายคน...ไม่เข้าใจมัน...
    ...ไม่นับทฤษฏีความเชื่อ แบบ เก๊ๆ ที่ใครไม่รู้บัญญัติขึ้นมา...หาข้อพิสูจน์ก็ไม่ได้...แต่เชื่อกันเหลือเกิน...!! ที่ผู้เขียนเห็นบ่อย คือ เรื่อง ศาสตร์ตัวเลขนี่ละ..
    🌴 ถ้าใครเรียนเรื่อง ปรัชญาตะวันตก..ซึ่งในสถาบันการศึกษาในไทย จะมีในหลักสูตรปริญญาเอก...แต่ในต่างประเทศ มีตั้งแต่ ป.ตรี...แค่ท่านสามารถหาหนังสือมาอ่านได้..ว่าด้วย ตรรกศาสตร์ของเพลโต....มีเรื่องนึงที่ได้บัญญัติไว้..และถูกพิสูจน์ และอ้างถึงมาต่อเนื่องยาวนาน โดยผู้เชี่ยวชาญระดับโลกหลายท่าน...เรื่อง โลกสมมุติที่มีอยู่จริง (Form) ...เพลโตอธิบายความว่า โลกที่สมบูรณ์แบบ เคยมีอยู่ ศาสตร์ทุกศาสตร์เคยมีอยู่...แต่อยู่ที่ว่า ใครระลึกได้ หรือ ค้นพบเจอ...เช่น ความงามของสรรพสิ่ง ดนตรี..และอื่นๆ..รวมถึง ศาสตร์ของตัวเลข... อนุมานได้ว่า คนบางคนอาจเกิดและอยู่ในโลก Form มาก่อน..และมีเศษเสี้ยวของความทรงจำ..คิดตัวมา.....จึงอาจพบเจอความสามารถอันนั้นได้ในปัจจุบัน...เช่น เราจะเห็นตัวอย่างว่า คนที่ไม่เคยเล่น ไวโอลินเลย..กลับเล่นเพลง.chopin หรือ อื่นๆได้ในเวลาอันสั้น.. ...เพลโตนิยามคำว่า ศิลปิน...ไม่ได้แปลว่า ผู้สร้างผลงาน...แต่หมายถึง ผู้ค้นพบ...สิ่งที่มันมีอยู่แล้ว เจอด้วยตนเอง...ด้วยความสามารถของเขา...... ..ถ้าท่านศึกษาเรื่อง ปรัชญาตะวันตก และตะวันออก..ซึ่งมีมากว่า ร่วม 3000 ปี .ท่านจะเข้าใจว่า หลายสิ่งมันเป็นแบบนี้ แบบนั้น มานานแล้ว...แค่หลายคน...ไม่เข้าใจมัน... ...ไม่นับทฤษฏีความเชื่อ แบบ เก๊ๆ ที่ใครไม่รู้บัญญัติขึ้นมา...หาข้อพิสูจน์ก็ไม่ได้...แต่เชื่อกันเหลือเกิน...!! ที่ผู้เขียนเห็นบ่อย คือ เรื่อง ศาสตร์ตัวเลขนี่ละ..
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 423 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts