• เซบู – ออสลอบ – โบโฮล 4 วัน 3 คืน
    บินสบายกับ Cebu Pacific (5J) ✈
    พ.ย. 68 – มี.ค. 69
    เริ่มต้นเพียง 32,900.-

    ว่ายน้ำกับฉลามวาฬแบบใกล้ชิด
    🏝 ดำน้ำตื้นสัมผัสความงามเกาะสุมิลอน
    🏞 ชมช็อกโกแลตฮิลส์สุดมหัศจรรย์
    เจอลิงทาร์เซียร์ตัวจิ๋วสุดน่ารัก
    เยี่ยมชมโบสถ์ Baclayon อายุกว่า 400 ปี

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/ea78e1

    ดูทัวร์ฟิลิปปินส์ทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/364063

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    : etravelway 78s.me/05e8da
    : 0 2116 6395

    #ทัวร์ฟิลิปปินส์ #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #Cebu #Oslob #Bohol #ฟิลิปปินส์ #ฉลามวาฬ #ChocolateHills #Tarsier #เที่ยวต่างประเทศ #ทัวร์ฟิลิปปินส์ #ทะเลสวยน้ำใส
    🐋🌴 เซบู – ออสลอบ – โบโฮล 4 วัน 3 คืน บินสบายกับ Cebu Pacific (5J) ✈ พ.ย. 68 – มี.ค. 69 เริ่มต้นเพียง 32,900.- 🌊 ว่ายน้ำกับฉลามวาฬแบบใกล้ชิด 🏝 ดำน้ำตื้นสัมผัสความงามเกาะสุมิลอน 🏞 ชมช็อกโกแลตฮิลส์สุดมหัศจรรย์ 🐒 เจอลิงทาร์เซียร์ตัวจิ๋วสุดน่ารัก ⛪ เยี่ยมชมโบสถ์ Baclayon อายุกว่า 400 ปี ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/ea78e1 ดูทัวร์ฟิลิปปินส์ทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/364063 LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์ฟิลิปปินส์ #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #Cebu #Oslob #Bohol #ฟิลิปปินส์ #ฉลามวาฬ #ChocolateHills #Tarsier #เที่ยวต่างประเทศ #ทัวร์ฟิลิปปินส์ #ทะเลสวยน้ำใส
    0 Comments 0 Shares 33 Views 0 Reviews
  • "เกาะโลซิน"  เป็นเกาะหินปูนขนาดเล็ก ที่มีมูลค่าแสนล้าน  ขึ้นอยู่กับจังหวัด ปัตตานี

    ลักษณะของตัวเกาะโผล่พ้นน้ำขึ้นมาไม่เกิน 50 ตารางเมตร สภาพส่วนใหญ่เป็นหินล้วนไม่มีต้นไม้ใบหญ้า รอบเกาะน้ำตื้น หากจะขึ้นเกาะต้องนำเรือเล็กเข้าไป
    บนเกาะมีประภาคาร ที่ส่งไฟสัญญาณเตือนอยู่บนยอด และตัวประภาคารตั้งอยู่บนหินโผล่น้ำที่มีขนาดประมาณ 10 เมตร
    บริเวณรอบเกาะเป็นแหล่งปะการังที่อุดมสมบูรณ์กินพื้นที่ยาวหนึ่งกิโลเมตร มีพืชใต้น้ำและฝูงปลานานาชนิดโดยเฉพาะฉลามวาฬ ด้วยเหตุนี้เกาะโลซินเป็นที่นิยมของนักดำน้ำและนักตกปลา

    และเพราะเกาะโลซินนี่เอง ทำให้เรามี 'น่านน้ำอาณาเขต' ขยายออกไปจากชายฝั่งอีก 22.2 กิโลเมตร
    ในวิกิพีเดียอธิบายน่านน้ำอาณาเขต (Territorial Waters) หรือทะเลอาณาเขต (Territorial Sea) ว่าเป็นแนวน่านน้ำชายฝั่งวัดจากเส้นฐาน ปกติของน้ำทะเลในช่วงลงเต็มที่จนถึงปานกลางของชายฝั่งไปไกลสุดที่ 22.2 กิโลเมตร 

    พูดง่ายๆ ก็คือ ตำแหน่งไหนที่เป็นปลายทางที่อยู่ติดกับทะเลหรือในทะเล ถ้าใครได้เป็นเจ้าของ ประเทศนั้นก็จะได้ครอบครองน่านน้ำเพิ่มออกไปจากจุดนั้นอีก 22.2 กิโลเมตร รวมถึงบนฟ้าและใต้ดินที่อยู่ในอาณาเขตด้วย

    ก็แปลว่าประเทศไทย นอกจากจะเป็นเจ้าของพื้นที่รูปขวานใน Map โลกแล้ว หลายๆ เกาะในที่อยู่ไกลจากผืนดินมากที่สุด บวกเพิ่มไปอีก 22.2 กิโลเมตร ก็นับเป็นโซนของประเทศไทยเหมือนกัน

    นั่นแปลว่า พื้นที่ใต้น่านน้ำอาณาเขต หากมีทรัพยากรธรรมชาติ ยกตัวอย่างเช่น แหล่งก๊าซธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาติใต้น้ำนั้นจะเป็นของประเทศนั้น ๆ 

    แต่ก่อนทั้งไทยและมาเลเซียต่างก็เคยออกมาอ้างสิทธิในพื้นที่ทะเล ทำให้เกิดข้อถกเถียงกันขึ้น จนต้องเจรจากันอย่างจริงจังใน พ.ศ. 2515 โดยมีข้อสรุปในครั้งนั้น คือ 

    แบ่งเขตแดนทางทะเลด้วยวิธีการลากเส้นตั้งฉากจากแนวโค้งของผืนดินแต่ละฝ่าย หรือเรียกว่าเขตไหล่ทวีปตามหลักสากล
    การแบ่งด้วยวิธีนั้นทำให้พื้นที่แหล่งก๊าซธรรมชาติกลายเป็นของมาเลเซียทั้งหมด 

    แต่โชคดีของไทย ที่ยังมีเกาะโลซิน โดยไทยยืนยันว่าได้ก่อสร้างประภาคารไว้บนเกาะนี้เพื่อแสดงอาณาเขตไว้แล้ว

    ตามอนุสัญญาเจนีวา กฎหมายทางทะเล ค.ศ.1958 ที่ไทยเป็นสมาชิกในอนุสัญญา ได้ระบุความหมายของเกาะไว้ว่า "แผ่นดินที่มีน้ำล้อมรอบ" ซึ่งหมายถึงเกาะที่เป็นหิน หรือกองหินโผล่จากน้ำขึ้นมาด้วย
    ดังนั้น เกาะโลซินก็เลยกลายเป็นเกาะสุดท้ายของประเทศไทยที่ทำให้ฝ่ายมาเลเซียต้องยอมให้

    ในปี 2522 ประเทศไทยและมาเลเซียเจรจาตกลงกำหนดพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลให้เป็นพื้นที่พัฒนาร่วม (Joint Development Area) ครอบคลุมประมาณ 7,250 ตร.กม. โดยตั้งองค์กรขึ้นมาบริหารจัดการร่วมกันแล้วแบ่งผลประโยชน์คนละครึ่ง เป็นระยะเวลา 50 ปี

    เมื่อมีการสำรวจขุดเจาะก๊าซธรรมชาติขึ้นมาก็พบว่า แหล่งก๊าซที่มีปริมาณมากถึงราว 75% นั้น อยู่ในซีกพื้นที่ใกล้ชายฝั่งมาเลเซีย 
    แต่ไทยเราได้รับผลประโยชน์ไปด้วย เพราะ การอ้างอาณาเขตจากเกาะโลซินที่เป็นแค่กองหินเล็กๆ ขนาดไม่เกิน 50 ตร.ม. นั้นแหละ
    จนหลายคนตั้งชื่อเกาะโลซินใหม่ว่า "กองหินแสนล้าน" ตามมูลค่าของแหล่งก๊าซธรรมชาติที่สำรวจพบใต้น่านน้ำอาณาเขตนั่นเอง

    แต่ในปี 2572 ข้อตกลงเจรจาระหว่างไทย-มาเลเซีย ที่กำหนดพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลให้เป็นพื้นที่พัฒนาร่วมจะหมดอายุลง เกาะโลซินยังจะถูกเรียกเหมือนเดิมไหมไม่รู้ เพื่อนบ้านของเรา จะเปิดการเจรจาเพื่อตกลงผลประโยชน์ใหม่หรือเปล่า คงต้องรอกันจนถึงวันนั้น 

    และหากเรามาดูเป้าหมายของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ที่อยากจะแบ่งแยกตั้งตัวเองเป็นรัฐใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วย ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และอีกสามอำเภอของสงขลา โดยตั้งเป้าเอาไว้ว่า
    ในปี 2570 จะทำให้เกิดสงครามกลางเมือง จนแบ่งแยกดินแดนสำเร็จ ด้วยความช่วยเหลือจากนานาชาติ และนักการเมืองแนวร่วม ในปี 2580 

    ซึ่งหากกระทำการสำเร็จ เราจะไม่ได้เสียแค่ดินแดนบนผืนแผ่นดิน แต่เราจะสูญเสียเกาะโลซินที่รวมอยู่กับจังหวัดปัตตานี รวมถึงทรัพยากรแสนล้านใต้น่านน้ำอาณาเขต ที่เราได้จากการเป็นเจ้าของเกาะโลซินแห่งนี้ด้วยเช่นกัน

    https://www.facebook.com/share/p/1BdTQSpXHd/?mibextid=wwXIfr
    "เกาะโลซิน"  เป็นเกาะหินปูนขนาดเล็ก ที่มีมูลค่าแสนล้าน  ขึ้นอยู่กับจังหวัด ปัตตานี ลักษณะของตัวเกาะโผล่พ้นน้ำขึ้นมาไม่เกิน 50 ตารางเมตร สภาพส่วนใหญ่เป็นหินล้วนไม่มีต้นไม้ใบหญ้า รอบเกาะน้ำตื้น หากจะขึ้นเกาะต้องนำเรือเล็กเข้าไป บนเกาะมีประภาคาร ที่ส่งไฟสัญญาณเตือนอยู่บนยอด และตัวประภาคารตั้งอยู่บนหินโผล่น้ำที่มีขนาดประมาณ 10 เมตร บริเวณรอบเกาะเป็นแหล่งปะการังที่อุดมสมบูรณ์กินพื้นที่ยาวหนึ่งกิโลเมตร มีพืชใต้น้ำและฝูงปลานานาชนิดโดยเฉพาะฉลามวาฬ ด้วยเหตุนี้เกาะโลซินเป็นที่นิยมของนักดำน้ำและนักตกปลา และเพราะเกาะโลซินนี่เอง ทำให้เรามี 'น่านน้ำอาณาเขต' ขยายออกไปจากชายฝั่งอีก 22.2 กิโลเมตร ในวิกิพีเดียอธิบายน่านน้ำอาณาเขต (Territorial Waters) หรือทะเลอาณาเขต (Territorial Sea) ว่าเป็นแนวน่านน้ำชายฝั่งวัดจากเส้นฐาน ปกติของน้ำทะเลในช่วงลงเต็มที่จนถึงปานกลางของชายฝั่งไปไกลสุดที่ 22.2 กิโลเมตร  พูดง่ายๆ ก็คือ ตำแหน่งไหนที่เป็นปลายทางที่อยู่ติดกับทะเลหรือในทะเล ถ้าใครได้เป็นเจ้าของ ประเทศนั้นก็จะได้ครอบครองน่านน้ำเพิ่มออกไปจากจุดนั้นอีก 22.2 กิโลเมตร รวมถึงบนฟ้าและใต้ดินที่อยู่ในอาณาเขตด้วย ก็แปลว่าประเทศไทย นอกจากจะเป็นเจ้าของพื้นที่รูปขวานใน Map โลกแล้ว หลายๆ เกาะในที่อยู่ไกลจากผืนดินมากที่สุด บวกเพิ่มไปอีก 22.2 กิโลเมตร ก็นับเป็นโซนของประเทศไทยเหมือนกัน นั่นแปลว่า พื้นที่ใต้น่านน้ำอาณาเขต หากมีทรัพยากรธรรมชาติ ยกตัวอย่างเช่น แหล่งก๊าซธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาติใต้น้ำนั้นจะเป็นของประเทศนั้น ๆ  แต่ก่อนทั้งไทยและมาเลเซียต่างก็เคยออกมาอ้างสิทธิในพื้นที่ทะเล ทำให้เกิดข้อถกเถียงกันขึ้น จนต้องเจรจากันอย่างจริงจังใน พ.ศ. 2515 โดยมีข้อสรุปในครั้งนั้น คือ  แบ่งเขตแดนทางทะเลด้วยวิธีการลากเส้นตั้งฉากจากแนวโค้งของผืนดินแต่ละฝ่าย หรือเรียกว่าเขตไหล่ทวีปตามหลักสากล การแบ่งด้วยวิธีนั้นทำให้พื้นที่แหล่งก๊าซธรรมชาติกลายเป็นของมาเลเซียทั้งหมด  แต่โชคดีของไทย ที่ยังมีเกาะโลซิน โดยไทยยืนยันว่าได้ก่อสร้างประภาคารไว้บนเกาะนี้เพื่อแสดงอาณาเขตไว้แล้ว ตามอนุสัญญาเจนีวา กฎหมายทางทะเล ค.ศ.1958 ที่ไทยเป็นสมาชิกในอนุสัญญา ได้ระบุความหมายของเกาะไว้ว่า "แผ่นดินที่มีน้ำล้อมรอบ" ซึ่งหมายถึงเกาะที่เป็นหิน หรือกองหินโผล่จากน้ำขึ้นมาด้วย ดังนั้น เกาะโลซินก็เลยกลายเป็นเกาะสุดท้ายของประเทศไทยที่ทำให้ฝ่ายมาเลเซียต้องยอมให้ ในปี 2522 ประเทศไทยและมาเลเซียเจรจาตกลงกำหนดพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลให้เป็นพื้นที่พัฒนาร่วม (Joint Development Area) ครอบคลุมประมาณ 7,250 ตร.กม. โดยตั้งองค์กรขึ้นมาบริหารจัดการร่วมกันแล้วแบ่งผลประโยชน์คนละครึ่ง เป็นระยะเวลา 50 ปี เมื่อมีการสำรวจขุดเจาะก๊าซธรรมชาติขึ้นมาก็พบว่า แหล่งก๊าซที่มีปริมาณมากถึงราว 75% นั้น อยู่ในซีกพื้นที่ใกล้ชายฝั่งมาเลเซีย  แต่ไทยเราได้รับผลประโยชน์ไปด้วย เพราะ การอ้างอาณาเขตจากเกาะโลซินที่เป็นแค่กองหินเล็กๆ ขนาดไม่เกิน 50 ตร.ม. นั้นแหละ จนหลายคนตั้งชื่อเกาะโลซินใหม่ว่า "กองหินแสนล้าน" ตามมูลค่าของแหล่งก๊าซธรรมชาติที่สำรวจพบใต้น่านน้ำอาณาเขตนั่นเอง แต่ในปี 2572 ข้อตกลงเจรจาระหว่างไทย-มาเลเซีย ที่กำหนดพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลให้เป็นพื้นที่พัฒนาร่วมจะหมดอายุลง เกาะโลซินยังจะถูกเรียกเหมือนเดิมไหมไม่รู้ เพื่อนบ้านของเรา จะเปิดการเจรจาเพื่อตกลงผลประโยชน์ใหม่หรือเปล่า คงต้องรอกันจนถึงวันนั้น  และหากเรามาดูเป้าหมายของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ที่อยากจะแบ่งแยกตั้งตัวเองเป็นรัฐใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วย ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และอีกสามอำเภอของสงขลา โดยตั้งเป้าเอาไว้ว่า ในปี 2570 จะทำให้เกิดสงครามกลางเมือง จนแบ่งแยกดินแดนสำเร็จ ด้วยความช่วยเหลือจากนานาชาติ และนักการเมืองแนวร่วม ในปี 2580  ซึ่งหากกระทำการสำเร็จ เราจะไม่ได้เสียแค่ดินแดนบนผืนแผ่นดิน แต่เราจะสูญเสียเกาะโลซินที่รวมอยู่กับจังหวัดปัตตานี รวมถึงทรัพยากรแสนล้านใต้น่านน้ำอาณาเขต ที่เราได้จากการเป็นเจ้าของเกาะโลซินแห่งนี้ด้วยเช่นกัน https://www.facebook.com/share/p/1BdTQSpXHd/?mibextid=wwXIfr
    0 Comments 0 Shares 625 Views 0 Reviews
  • เกาะโลซิน แหล่งดำน้ำทรงคุณค่าแห่งอาณาจักรทะเลไทย

    หากใครไม่เคยรู้จักหรือเห็นภาพ “เกาะโลซิน” มาก่อน ก็คงนึกภาพไม่ออกว่าเกาะที่เป็นแหล่งดำน้ำสำคัญของไทยแห่งนี้หน้าตาเป็นอย่างไร และอาจจะจินตนาการถึงเกาะในแบบที่คุ้นตาซึ่งต้องมีชายหาด ทิวมะพร้าว เรือหางยาวจอดสวยๆซักลำ

    ความจริงแล้วเกาะโลซิน เสมือนกองหินกลางทะเลที่โผล่พ้นขึ้นมาเหนือน้ำประมาณสิบเมตรเท่านั้น สิ่งเดียวที่เห็นคือแนวหินกับประภาคารเล็กๆโดดเดี่ยวตั้งอยู่ห่างไกลจากฝั่งมากที่สุดของอ่าวไทย ระยะประมาณ 72 กิโลเมตรจากชายฝั่งจังหวัดปัตตานี
    แต่ทว่าเกาะจิ๋วแห่งนี้ มีคุณค่าต่อประเทศไทยอย่างมหาศาล เพราะตามหลักอาณาเขตน่านน้ำสากลแล้ว ทำให้ประเทศไทยมีพื้นที่จากจากเกาะโลซินออกไปอีกถึง 200 ไมล์ทะเล ซึ่งเต็มไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติที่มิอาจประเมินค่าได้ และที่นี่ยังเป็นแหล่งดำน้ำที่อุดมสมบูรณ์มากท่สุดแห่งหนึ่งของอ่าวไทยอีกด้วย

    ใต้ผืนน้ำของเกาะโลซินมีแนวปะการังที่สมบูรณ์ เป็นบริเวณกว้าง ถ้านับแค่รอบๆเกาะก็มีพื้นที่ราว 2 สนามฟุตบอล มีฝูงปลา สัตว์ทะเลชนิดต่างๆจำนวนมาก เพราะยังไม่ค่อยถูกรบกวนจากการประมงมากนัก นักดำน้ำมีโอกาสสามารถพบฉลามวาฬได้ง่าย เพราะเป็นพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีเรือประมงทำให้ฉลามวาฬเชื่องกับนักดำน้ำ มักว่ายมาวนให้ถ่ายรูปได้อย่างน่าประทับใจ นอกจากนี้ยังมีปลาโรนิน หรือปลากระเบนท้องน้ำ ที่ไม่ค่อยพบเห็นได้ง่ายจากที่อื่น



    เกาะโลซิน แหล่งดำน้ำทรงคุณค่าแห่งอาณาจักรทะเลไทย หากใครไม่เคยรู้จักหรือเห็นภาพ “เกาะโลซิน” มาก่อน ก็คงนึกภาพไม่ออกว่าเกาะที่เป็นแหล่งดำน้ำสำคัญของไทยแห่งนี้หน้าตาเป็นอย่างไร และอาจจะจินตนาการถึงเกาะในแบบที่คุ้นตาซึ่งต้องมีชายหาด ทิวมะพร้าว เรือหางยาวจอดสวยๆซักลำ ความจริงแล้วเกาะโลซิน เสมือนกองหินกลางทะเลที่โผล่พ้นขึ้นมาเหนือน้ำประมาณสิบเมตรเท่านั้น สิ่งเดียวที่เห็นคือแนวหินกับประภาคารเล็กๆโดดเดี่ยวตั้งอยู่ห่างไกลจากฝั่งมากที่สุดของอ่าวไทย ระยะประมาณ 72 กิโลเมตรจากชายฝั่งจังหวัดปัตตานี แต่ทว่าเกาะจิ๋วแห่งนี้ มีคุณค่าต่อประเทศไทยอย่างมหาศาล เพราะตามหลักอาณาเขตน่านน้ำสากลแล้ว ทำให้ประเทศไทยมีพื้นที่จากจากเกาะโลซินออกไปอีกถึง 200 ไมล์ทะเล ซึ่งเต็มไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติที่มิอาจประเมินค่าได้ และที่นี่ยังเป็นแหล่งดำน้ำที่อุดมสมบูรณ์มากท่สุดแห่งหนึ่งของอ่าวไทยอีกด้วย ใต้ผืนน้ำของเกาะโลซินมีแนวปะการังที่สมบูรณ์ เป็นบริเวณกว้าง ถ้านับแค่รอบๆเกาะก็มีพื้นที่ราว 2 สนามฟุตบอล มีฝูงปลา สัตว์ทะเลชนิดต่างๆจำนวนมาก เพราะยังไม่ค่อยถูกรบกวนจากการประมงมากนัก นักดำน้ำมีโอกาสสามารถพบฉลามวาฬได้ง่าย เพราะเป็นพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีเรือประมงทำให้ฉลามวาฬเชื่องกับนักดำน้ำ มักว่ายมาวนให้ถ่ายรูปได้อย่างน่าประทับใจ นอกจากนี้ยังมีปลาโรนิน หรือปลากระเบนท้องน้ำ ที่ไม่ค่อยพบเห็นได้ง่ายจากที่อื่น
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 675 Views 0 Reviews