• การเมืองฟิลิปปินส์แรง ผู้นำไฟเขียวส่งอดีตปธน.ดูเตอร์เต้ขึ้นศาลICC : คนเคาะข่าว 13-03-68

    : อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ

    ดำเนินรายการโดย อุษณีย์ เอกอุษณีย์

    #คนเคาะข่าว #การเมืองฟิลิปปินส์ #ดูเตอร์เต #ICC #ศาลอาญาระหว่างประเทศ #ข่าวต่างประเทศ #ฟิลิปปินส์ #สิทธิมนุษยชน #ความยุติธรรม #Geopolitics #สุดาทิพย์จารุจินดา #อุษณีย์เอกอุษณีย์ #ThaiTimes #วิเคราะห์การเมือง
    การเมืองฟิลิปปินส์แรง ผู้นำไฟเขียวส่งอดีตปธน.ดูเตอร์เต้ขึ้นศาลICC : คนเคาะข่าว 13-03-68 : อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ ดำเนินรายการโดย อุษณีย์ เอกอุษณีย์ #คนเคาะข่าว #การเมืองฟิลิปปินส์ #ดูเตอร์เต #ICC #ศาลอาญาระหว่างประเทศ #ข่าวต่างประเทศ #ฟิลิปปินส์ #สิทธิมนุษยชน #ความยุติธรรม #Geopolitics #สุดาทิพย์จารุจินดา #อุษณีย์เอกอุษณีย์ #ThaiTimes #วิเคราะห์การเมือง
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • 20 ปี สิ้น “สาวสองพันปี” เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ ✨ เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น 🟣 ผู้นำเทรนด์ม่วงหัวจรดเท้า สาวเปรี้ยวแห่งยุค

    ย้อนตำนานเจ้าแม่ตัดริบบิ้น เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ หญิงสาวผู้เปลี่ยนทุกเวที ให้กลายเป็นรันเวย์แฟชั่นสีม่วง ตลอด 69 ปีเต็มของชีวิต ตัวแทนความเปรี้ยว และกล้าฉีกกฎยุคสมัยอย่างแท้จริง

    เสน่ห์ที่ไม่มีวันลบเลือน วงสังคมไฮโซไทย 🌟 ถ้าจะกล่าวถึงผู้หญิง ที่ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองจางหาย จากความสนใจของผู้คน ชื่อของ “เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่” หรือที่เรียกขานกันว่า "เจ้าป้า" ต้องโผล่มาในใจคนรุ่นเก่าและใหม่เสมอ 🟣 เจ้าป้าคือ "สาวสองพันปี" ตำนานแฟชั่นม่วง ที่กลายเป็นไอคอนของความเปรี้ยว ความมั่นใจ และความโดดเด่นเหนือใคร ✨

    ตลอด 69 ปีของชีวิต เจ้ากอแก้วได้สร้างตำนานในหลายบท ทั้งในฐานะลูกหลานเจ้านายฝ่ายเหนือแห่งเชียงใหม่ 🏯 นักเรียนที่มีการศึกษาระดับสากล 📚 ผู้นำแฟชั่นที่ไม่กลัวคำครหา 👜 และ "เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น" ✂️ ที่ไม่เคยปล่อยให้เวทีไหนเงียบเหงา ❤️

    👑 เชื้อสายเจ้านายฝ่ายเหนือ อดีตผู้ครองนครเชียงใหม่ เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2478 ในตระกูล "ณ เชียงใหม่" อันทรงเกียรติ เป็นธิดาคนสุดท้องของเจ้ากาวิละวงศ์ กับเจ้าศิริประกาย ณ เชียงใหม่ 🌸 เป็นหลานสาวของเจ้าแก้วนวรัฐ ผู้ครองนครเชียงใหม่องค์สุดท้าย

    ชื่อที่มีความหมาย และเรื่องราวที่น่าจดจำ เมื่อแรกเกิด ได้รับพระราชทานชื่อ "ประกายกาวิล" จากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัฐกาลที่ 7 ต่อมาเมื่อหม่อมกอบแก้ว อาภากร ณ อยุธยา ขอเป็นแม่อุปถัมภ์ ได้ไปที่เชียงใหม่ และไปเฝ้าเจ้าตาขอให้ตั้งชื่อหลานสาวว่า “กอบแก้ว” แต่ตัว บ.ใบไม้หายไป จึงกลายเป็น “กอแก้ว” 🎉

    ✈️ เจ้ากอแก้วได้รับการศึกษาระดับประถมศึกษา ที่โรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นย้ายไปเรียนที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย กรุงเทพฯ ก่อนจะเดินทางไปศึกษาต่อ ที่ประเทศอังกฤษ 🇬🇧 และฝรั่งเศส 🇫🇷

    - Raven's Croft ในอีสต์บอร์น
    - Southampton Technical College
    - เรียนพิมพ์ดีดและเลขานุการที่ Pitman College กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
    - ฝึกมารยาทและการเข้าสังคมที่ Lucy Clayton
    - เรียนภาษาและมารยาททางสังคมที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส🇫🇷

    ภายหลัง เจ้ากอแก้วสามารถใช้ภาษาอังกฤษ และฝรั่งเศสได้อย่างคล่องแคล่ว ✍️

    เจ้ากอแก้ว เจ้าแม่แฟชั่นแห่งยุคที่ไม่เคยตกเทรนด์ 💄👠 สีม่วง เอกลักษณ์ที่กลายเป็นตำนาน ไม่ว่าจะผ่านมากี่ทศวรรษ สีม่วงก็ยังเป็นสีประจำตัวของเจ้าป้าคนนี้ 🔮 เจ้าป้าย้อมผมเป็นสีม่วงเข้ม ฟูฟ่องตั้งแต่รากจรดปลาย และเลือกเครื่องแต่งกายทุกชิ้น ตั้งแต่หมวก 🧢 เสื้อผ้า 👗 กระเป๋า 👜 รองเท้า 👠 ไปจนถึงต่างหู 💎 ให้เป็นสีม่วงตั้งแต่หัวจรดเท้า

    เจ้าป้าเคยกล่าวขำๆ ว่า... “ทีแรกเลย ป้าต้องการสีเปลือกมังคุด แต่ไม่รู้ว่าช่างเขาผสมยังไง ผสมไปผสมมามันก็กลายเป็นสีนี้ไปได้ พอออกมาอย่างนี้เราก็เออ สวยดีแฮะ ก็เลยเอาสีนี้ก็สีนี้แหละชอบ” 😄

    ตำนานการตัดริบบิ้นที่ไม่มีใครเทียบ เจ้าป้าได้รับฉายา "เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น" ✂️ เพราะการปรากฏตัวที่งานเปิดตัวต่างๆ มักนำมาซึ่งโชคลาภ และความสำเร็จแก่เจ้าของกิจการ 🏢 เคยสร้างสถิติตัดริบบิ้น 8 งานในวันเดียว! เจ้าป้ามีเทคนิคเฉพาะในการ "จรดกรรไกร" ให้นักข่าวถ่ายภาพได้มุมเป๊ะทุกครั้ง 📸

    ความเปรี้ยวที่เหนือกาลเวลา 🕶 เจ้ากอแก้วเริ่มสูบบุหรี่ตั้งแต่อายุ 14 ปี 🚬 ใส่เสื้อเกาะอกตั้งแต่อายุ 20 ปี 👗 และชอบดื่มไวน์ 🍷 พร้อมแต่งหน้าเข้ม ตั้งแต่ยุคที่ผู้หญิงไทยยังนิยมเรียบร้อย เจ้าป้าไม่เคยกลัวคำวิจารณ์ แต่กลับเห็นว่าเป็นสีสันของชีวิต 🖌️

    ถ้อยคำอมตะของสาวสองพันปี "คนมอง ก็อยากมองเอง ช่วยอะไรไม่ได้ เราบังคับเขาไม่ได้ แม้ว่าเขาจะเห็นเราตลก เอาเราไปล้อเลียนก็เถอะ แต่เราถือว่าเขาให้เกียรติเรา" 🌟

    ❤️ เจ้ากอแก้วสมรสครั้งแรกกับ พลตำรวจโท ทิพย์ อัศวรักษ์ มีบุตรชาย 1 คน คือ ทินกร อัศวรักษ์ หรือกุ๊กกี้ ต่อมาหย่าขาดกัน และใช้ชีวิตคู่กับเรืออากาศเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช อีก 6 ปี ก่อนลงเอยกับเอดิลเบอร์โต้ โรเมโร ชาวฟิลิปปินส์ แม้ไม่มีบุตรร่วมกัน แต่ก็มีช่วงเวลาคู่ชีวิตที่มีค่า 💞

    ผลงานและหน้าที่การงานที่น่าประทับใจ 💼
    - บริษัท CTO. Lines
    - เลขานุการและมัคคุเทศก์ บริษัทซีต้า แทรเวล
    - ประชาสัมพันธ์โรงแรมชวลิต หรือแอมบาสซาเดอร์ในปัจจุบัน
    - ประชาสัมพันธ์ ศูนย์บริหารร่างกายโจแอนดรูว์
    - ที่ปรึกษาการตลาด บริษัทเดอะมอลล์กรุ๊ป

    💐 เจ้ากอแก้วประกายกาวิลเสียชีวิต เมื่อช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 เวลา 10.30 น. ด้วยวัย 69 ปี สิ้นสุดตำนาน "สาวสองพันปี" ณ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระราชทานหีบทองทึบ และรับพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ที่วัดธาตุทอง ✨ พิธีพระราชทานเพลิงศพ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2548

    ตำนานที่ยังคงอยู่ในใจผู้คน 🕊️ 20 ปีผ่านไป ชื่อของเจ้ากอแก้วประกายกาวิล ยังไม่จางหาย เจ้าป้าคือแรงบันดาลใจ ให้คนรุ่นใหม่ที่กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก และกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง 💜

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 131110 มี.ค. 2568

    #เจ้ากอแก้วประกายกาวิล #สาวสองพันปี #เจ้าแม่ตัดริบบิ้น #แฟชั่นสีม่วง #ไฮโซเชียงใหม่ #ตำนานสังคมไทย #สาวเปรี้ยวแห่งยุค #กอแก้วประกายกาวิล #ChiangMaiLegend #PurpleIcon
    20 ปี สิ้น “สาวสองพันปี” เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ ✨ เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น 🟣 ผู้นำเทรนด์ม่วงหัวจรดเท้า สาวเปรี้ยวแห่งยุค ย้อนตำนานเจ้าแม่ตัดริบบิ้น เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ หญิงสาวผู้เปลี่ยนทุกเวที ให้กลายเป็นรันเวย์แฟชั่นสีม่วง ตลอด 69 ปีเต็มของชีวิต ตัวแทนความเปรี้ยว และกล้าฉีกกฎยุคสมัยอย่างแท้จริง เสน่ห์ที่ไม่มีวันลบเลือน วงสังคมไฮโซไทย 🌟 ถ้าจะกล่าวถึงผู้หญิง ที่ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองจางหาย จากความสนใจของผู้คน ชื่อของ “เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่” หรือที่เรียกขานกันว่า "เจ้าป้า" ต้องโผล่มาในใจคนรุ่นเก่าและใหม่เสมอ 🟣 เจ้าป้าคือ "สาวสองพันปี" ตำนานแฟชั่นม่วง ที่กลายเป็นไอคอนของความเปรี้ยว ความมั่นใจ และความโดดเด่นเหนือใคร ✨ ตลอด 69 ปีของชีวิต เจ้ากอแก้วได้สร้างตำนานในหลายบท ทั้งในฐานะลูกหลานเจ้านายฝ่ายเหนือแห่งเชียงใหม่ 🏯 นักเรียนที่มีการศึกษาระดับสากล 📚 ผู้นำแฟชั่นที่ไม่กลัวคำครหา 👜 และ "เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น" ✂️ ที่ไม่เคยปล่อยให้เวทีไหนเงียบเหงา ❤️ 👑 เชื้อสายเจ้านายฝ่ายเหนือ อดีตผู้ครองนครเชียงใหม่ เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2478 ในตระกูล "ณ เชียงใหม่" อันทรงเกียรติ เป็นธิดาคนสุดท้องของเจ้ากาวิละวงศ์ กับเจ้าศิริประกาย ณ เชียงใหม่ 🌸 เป็นหลานสาวของเจ้าแก้วนวรัฐ ผู้ครองนครเชียงใหม่องค์สุดท้าย ชื่อที่มีความหมาย และเรื่องราวที่น่าจดจำ เมื่อแรกเกิด ได้รับพระราชทานชื่อ "ประกายกาวิล" จากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัฐกาลที่ 7 ต่อมาเมื่อหม่อมกอบแก้ว อาภากร ณ อยุธยา ขอเป็นแม่อุปถัมภ์ ได้ไปที่เชียงใหม่ และไปเฝ้าเจ้าตาขอให้ตั้งชื่อหลานสาวว่า “กอบแก้ว” แต่ตัว บ.ใบไม้หายไป จึงกลายเป็น “กอแก้ว” 🎉 ✈️ เจ้ากอแก้วได้รับการศึกษาระดับประถมศึกษา ที่โรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นย้ายไปเรียนที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย กรุงเทพฯ ก่อนจะเดินทางไปศึกษาต่อ ที่ประเทศอังกฤษ 🇬🇧 และฝรั่งเศส 🇫🇷 - Raven's Croft ในอีสต์บอร์น - Southampton Technical College - เรียนพิมพ์ดีดและเลขานุการที่ Pitman College กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ - ฝึกมารยาทและการเข้าสังคมที่ Lucy Clayton - เรียนภาษาและมารยาททางสังคมที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส🇫🇷 ภายหลัง เจ้ากอแก้วสามารถใช้ภาษาอังกฤษ และฝรั่งเศสได้อย่างคล่องแคล่ว ✍️ เจ้ากอแก้ว เจ้าแม่แฟชั่นแห่งยุคที่ไม่เคยตกเทรนด์ 💄👠 สีม่วง เอกลักษณ์ที่กลายเป็นตำนาน ไม่ว่าจะผ่านมากี่ทศวรรษ สีม่วงก็ยังเป็นสีประจำตัวของเจ้าป้าคนนี้ 🔮 เจ้าป้าย้อมผมเป็นสีม่วงเข้ม ฟูฟ่องตั้งแต่รากจรดปลาย และเลือกเครื่องแต่งกายทุกชิ้น ตั้งแต่หมวก 🧢 เสื้อผ้า 👗 กระเป๋า 👜 รองเท้า 👠 ไปจนถึงต่างหู 💎 ให้เป็นสีม่วงตั้งแต่หัวจรดเท้า เจ้าป้าเคยกล่าวขำๆ ว่า... “ทีแรกเลย ป้าต้องการสีเปลือกมังคุด แต่ไม่รู้ว่าช่างเขาผสมยังไง ผสมไปผสมมามันก็กลายเป็นสีนี้ไปได้ พอออกมาอย่างนี้เราก็เออ สวยดีแฮะ ก็เลยเอาสีนี้ก็สีนี้แหละชอบ” 😄 ตำนานการตัดริบบิ้นที่ไม่มีใครเทียบ เจ้าป้าได้รับฉายา "เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น" ✂️ เพราะการปรากฏตัวที่งานเปิดตัวต่างๆ มักนำมาซึ่งโชคลาภ และความสำเร็จแก่เจ้าของกิจการ 🏢 เคยสร้างสถิติตัดริบบิ้น 8 งานในวันเดียว! เจ้าป้ามีเทคนิคเฉพาะในการ "จรดกรรไกร" ให้นักข่าวถ่ายภาพได้มุมเป๊ะทุกครั้ง 📸 ความเปรี้ยวที่เหนือกาลเวลา 🕶 เจ้ากอแก้วเริ่มสูบบุหรี่ตั้งแต่อายุ 14 ปี 🚬 ใส่เสื้อเกาะอกตั้งแต่อายุ 20 ปี 👗 และชอบดื่มไวน์ 🍷 พร้อมแต่งหน้าเข้ม ตั้งแต่ยุคที่ผู้หญิงไทยยังนิยมเรียบร้อย เจ้าป้าไม่เคยกลัวคำวิจารณ์ แต่กลับเห็นว่าเป็นสีสันของชีวิต 🖌️ ถ้อยคำอมตะของสาวสองพันปี "คนมอง ก็อยากมองเอง ช่วยอะไรไม่ได้ เราบังคับเขาไม่ได้ แม้ว่าเขาจะเห็นเราตลก เอาเราไปล้อเลียนก็เถอะ แต่เราถือว่าเขาให้เกียรติเรา" 🌟 ❤️ เจ้ากอแก้วสมรสครั้งแรกกับ พลตำรวจโท ทิพย์ อัศวรักษ์ มีบุตรชาย 1 คน คือ ทินกร อัศวรักษ์ หรือกุ๊กกี้ ต่อมาหย่าขาดกัน และใช้ชีวิตคู่กับเรืออากาศเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช อีก 6 ปี ก่อนลงเอยกับเอดิลเบอร์โต้ โรเมโร ชาวฟิลิปปินส์ แม้ไม่มีบุตรร่วมกัน แต่ก็มีช่วงเวลาคู่ชีวิตที่มีค่า 💞 ผลงานและหน้าที่การงานที่น่าประทับใจ 💼 - บริษัท CTO. Lines - เลขานุการและมัคคุเทศก์ บริษัทซีต้า แทรเวล - ประชาสัมพันธ์โรงแรมชวลิต หรือแอมบาสซาเดอร์ในปัจจุบัน - ประชาสัมพันธ์ ศูนย์บริหารร่างกายโจแอนดรูว์ - ที่ปรึกษาการตลาด บริษัทเดอะมอลล์กรุ๊ป 💐 เจ้ากอแก้วประกายกาวิลเสียชีวิต เมื่อช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 เวลา 10.30 น. ด้วยวัย 69 ปี สิ้นสุดตำนาน "สาวสองพันปี" ณ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระราชทานหีบทองทึบ และรับพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ที่วัดธาตุทอง ✨ พิธีพระราชทานเพลิงศพ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 ตำนานที่ยังคงอยู่ในใจผู้คน 🕊️ 20 ปีผ่านไป ชื่อของเจ้ากอแก้วประกายกาวิล ยังไม่จางหาย เจ้าป้าคือแรงบันดาลใจ ให้คนรุ่นใหม่ที่กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก และกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง 💜 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 131110 มี.ค. 2568 #เจ้ากอแก้วประกายกาวิล #สาวสองพันปี #เจ้าแม่ตัดริบบิ้น #แฟชั่นสีม่วง #ไฮโซเชียงใหม่ #ตำนานสังคมไทย #สาวเปรี้ยวแห่งยุค #กอแก้วประกายกาวิล #ChiangMaiLegend #PurpleIcon
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 203 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครื่องบินส่งตัวอดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ โรดริโก ดูเตอร์เต ล่าช้าพบแวะพักจอดที่ดูไบก่อนมุ่งหน้าสู่กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ เจ้าของฉายา “ทักษิณ 2.0” ตามสื่อนอกตั้งจากคดีทำสงครามกับยาเสพติด เคยประกาศชัดมีความสุขกับการฆ่าพวกติดยา แต่ทักษิณเจ้าของแคมเปญตัวจริงปี 2003 ประกาศที่นครพนมเมื่อต้นปีนี้ “ขอให้รู้ทักษิณกลับมาแล้ว” ความยุติธรรมที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ ICC ยังเอื้อมไปไม่ถึง แม้แต่คดีตากใบที่ปล่อยให้หมดอายุความ

    อ่านต่อ..https://sondhitalk.com/detail/9680000024025
    เครื่องบินส่งตัวอดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ โรดริโก ดูเตอร์เต ล่าช้าพบแวะพักจอดที่ดูไบก่อนมุ่งหน้าสู่กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ เจ้าของฉายา “ทักษิณ 2.0” ตามสื่อนอกตั้งจากคดีทำสงครามกับยาเสพติด เคยประกาศชัดมีความสุขกับการฆ่าพวกติดยา แต่ทักษิณเจ้าของแคมเปญตัวจริงปี 2003 ประกาศที่นครพนมเมื่อต้นปีนี้ “ขอให้รู้ทักษิณกลับมาแล้ว” ความยุติธรรมที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ ICC ยังเอื้อมไปไม่ถึง แม้แต่คดีตากใบที่ปล่อยให้หมดอายุความ อ่านต่อ..https://sondhitalk.com/detail/9680000024025
    Like
    Angry
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 494 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายโรดริโก ดูเตอร์เต อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ถูกตำรวจจับกุมที่สนามบินนานาชาติในกรุงมะนิลา ตามคำสั่งของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ที่ยื่นฟ้องต่อเขาในความผิดฐานก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติจากนโยบายสงครามยาเสพติดที่ดูเตอร์เตดำเนินการในช่วงที่มีอำนาจปกครองประเทศ

    ตามรายงานของตำรวจ มีผู้ต้องสงสัย 6,200 คน ถูกสังหารระหว่างปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งตำรวจชี้แจงว่าเป็นการวิสามัญฆาตกรรมเนื่องจากคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้ แต่กลุ่มนักเคลื่อนไหวกล่าวว่าความเสียหายที่แท้จริงจากการปราบปรามนั้นมากกว่านั้นมาก

    ดูเตอร์เต เคยกล่าวไว้ว่า ตนพร้อมจะถูกจับกุมหาก ICC ออกหมายจับ และย้ำจุดยืนเรื่องการใช้นโยบายสงครามยาเสพติด
    “ถ้าหมายจับเป็นเรื่องจริง เพราะอะไรผมจึงทำเช่นนั้นล่ะ ผมทำเพื่อตัวผมเองหรอ เพื่อครอบครัวของผมหรอ เปล่าเลย ผมทำเพื่อประชาชนของผม เพื่อลูกๆ ของพวกเรา และเพื่อประเทศของเรา”
    “หากนี่คือชะตากรรมในชีวิตของผมจริงๆ ผมคงต้องยอมรับมัน พวกเขาสามารถจับผม ขังผมได้เลย”

    ทางด้านสำนักงานของประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ กล่าวในแถลงการณ์ว่า นายดูเตอร์เตถูกจับกุมหลังจากเดินทางมาจากฮ่องก
    นายโรดริโก ดูเตอร์เต อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ถูกตำรวจจับกุมที่สนามบินนานาชาติในกรุงมะนิลา ตามคำสั่งของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ที่ยื่นฟ้องต่อเขาในความผิดฐานก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติจากนโยบายสงครามยาเสพติดที่ดูเตอร์เตดำเนินการในช่วงที่มีอำนาจปกครองประเทศ ตามรายงานของตำรวจ มีผู้ต้องสงสัย 6,200 คน ถูกสังหารระหว่างปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งตำรวจชี้แจงว่าเป็นการวิสามัญฆาตกรรมเนื่องจากคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้ แต่กลุ่มนักเคลื่อนไหวกล่าวว่าความเสียหายที่แท้จริงจากการปราบปรามนั้นมากกว่านั้นมาก ดูเตอร์เต เคยกล่าวไว้ว่า ตนพร้อมจะถูกจับกุมหาก ICC ออกหมายจับ และย้ำจุดยืนเรื่องการใช้นโยบายสงครามยาเสพติด “ถ้าหมายจับเป็นเรื่องจริง เพราะอะไรผมจึงทำเช่นนั้นล่ะ ผมทำเพื่อตัวผมเองหรอ เพื่อครอบครัวของผมหรอ เปล่าเลย ผมทำเพื่อประชาชนของผม เพื่อลูกๆ ของพวกเรา และเพื่อประเทศของเรา” “หากนี่คือชะตากรรมในชีวิตของผมจริงๆ ผมคงต้องยอมรับมัน พวกเขาสามารถจับผม ขังผมได้เลย” ทางด้านสำนักงานของประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ กล่าวในแถลงการณ์ว่า นายดูเตอร์เตถูกจับกุมหลังจากเดินทางมาจากฮ่องก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีข่าวที่น่าสนใจจาก TechSpot เกี่ยวกับการใช้งานเทคโนโลยีเสียง AI แบบเรียลไทม์ในศูนย์บริการลูกค้าของอินเดีย เพื่อปรับเสียงสำเนียงของพนักงานให้เป็นสำเนียงที่ฟังง่ายขึ้น ทำให้ลูกค้าเข้าใจได้ดีขึ้นและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า

    Teleperformance SE ผู้ให้บริการศูนย์บริการลูกค้ารายใหญ่ที่สุดในโลก กำลังใช้งานระบบ AI ที่ออกแบบมาเพื่อลดเสียงสำเนียงของพนักงานที่พูดภาษาอังกฤษในอินเดียแบบเรียลไทม์ บริษัทเชื่อว่าเทคโนโลยีนี้จะช่วยเพิ่มความเข้าใจของลูกค้าและลดเวลาการจัดการ

    เทคโนโลยีนี้ทำงานโดยใช้การรับรู้เสียงเพื่อจับเสียงของผู้พูด จากนั้นใช้ขั้นตอนการประมวลผลภาษาและการเปลี่ยนสำเนียงเพื่อให้เสียงตรงกับสำเนียงที่กำหนดไว้ ในขณะที่ยังคงรักษาน้ำเสียง อารมณ์ และตัวตนของผู้พูดไว้

    สิ่งที่น่าสนใจคือ ระบบนี้ไม่เพียงแค่ปรับเสียงสำเนียงเท่านั้น แต่ยังมีการใช้เทคโนโลยีลดเสียงรบกวนในพื้นหลังเพื่อให้การสนทนาชัดเจนยิ่งขึ้น บริษัท Teleperformance มีลูกค้าหลายรายที่สำคัญ เช่น Apple, TikTok, และ Samsung Electronics และยังมีแผนลงทุนใน AI ถึง €100 ล้าน ($104 ล้าน) ในปี 2025

    บริษัท Sanas ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพใน Palo Alto ได้พัฒนาเทคโนโลยีนี้หลังจากได้รับการลงทุน $13 ล้านจาก Teleperformance เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ระบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อลดการเลือกปฏิบัติตามเสียงสำเนียง และในขณะเดียวกันยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับศูนย์บริการลูกค้าในที่อื่น ๆ เช่น ฟิลิปปินส์ ที่ขึ้นชื่อด้วยการพูดภาษาอังกฤษคุณภาพสูง

    การพัฒนานี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การลงทุนใน AI ของ Teleperformance ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงานและสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า แม้ว่า AI จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้น แต่ Thomas Mackenbrock รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท กล่าวว่าธาตุมนุษย์จะยังคงมีความสำคัญอย่างมากในการสร้างความสัมพันธ์และปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า

    https://www.techspot.com/news/106983-new-ai-voice-technology-alters-accents-indian-call.html
    มีข่าวที่น่าสนใจจาก TechSpot เกี่ยวกับการใช้งานเทคโนโลยีเสียง AI แบบเรียลไทม์ในศูนย์บริการลูกค้าของอินเดีย เพื่อปรับเสียงสำเนียงของพนักงานให้เป็นสำเนียงที่ฟังง่ายขึ้น ทำให้ลูกค้าเข้าใจได้ดีขึ้นและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า Teleperformance SE ผู้ให้บริการศูนย์บริการลูกค้ารายใหญ่ที่สุดในโลก กำลังใช้งานระบบ AI ที่ออกแบบมาเพื่อลดเสียงสำเนียงของพนักงานที่พูดภาษาอังกฤษในอินเดียแบบเรียลไทม์ บริษัทเชื่อว่าเทคโนโลยีนี้จะช่วยเพิ่มความเข้าใจของลูกค้าและลดเวลาการจัดการ เทคโนโลยีนี้ทำงานโดยใช้การรับรู้เสียงเพื่อจับเสียงของผู้พูด จากนั้นใช้ขั้นตอนการประมวลผลภาษาและการเปลี่ยนสำเนียงเพื่อให้เสียงตรงกับสำเนียงที่กำหนดไว้ ในขณะที่ยังคงรักษาน้ำเสียง อารมณ์ และตัวตนของผู้พูดไว้ สิ่งที่น่าสนใจคือ ระบบนี้ไม่เพียงแค่ปรับเสียงสำเนียงเท่านั้น แต่ยังมีการใช้เทคโนโลยีลดเสียงรบกวนในพื้นหลังเพื่อให้การสนทนาชัดเจนยิ่งขึ้น บริษัท Teleperformance มีลูกค้าหลายรายที่สำคัญ เช่น Apple, TikTok, และ Samsung Electronics และยังมีแผนลงทุนใน AI ถึง €100 ล้าน ($104 ล้าน) ในปี 2025 บริษัท Sanas ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพใน Palo Alto ได้พัฒนาเทคโนโลยีนี้หลังจากได้รับการลงทุน $13 ล้านจาก Teleperformance เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ระบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อลดการเลือกปฏิบัติตามเสียงสำเนียง และในขณะเดียวกันยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับศูนย์บริการลูกค้าในที่อื่น ๆ เช่น ฟิลิปปินส์ ที่ขึ้นชื่อด้วยการพูดภาษาอังกฤษคุณภาพสูง การพัฒนานี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การลงทุนใน AI ของ Teleperformance ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงานและสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า แม้ว่า AI จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้น แต่ Thomas Mackenbrock รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท กล่าวว่าธาตุมนุษย์จะยังคงมีความสำคัญอย่างมากในการสร้างความสัมพันธ์และปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า https://www.techspot.com/news/106983-new-ai-voice-technology-alters-accents-indian-call.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Real-time AI voice technology alters accents in Indian call centers for better clarity
    Teleperformance SE, the world's largest call center operator, is implementing an artificial intelligence system designed to soften the accents of English-speaking Indian workers in real-time. The company...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • 24 ปี เที่ยวบิน TG114 “ระเบิดก่อนขึ้นบิน” นายกทักษิณรอดหวุดหวิด ลอบฆ่า หรือว่า... อุบัติเหตุ?

    🛫 ย้อนรอย 24 ปี โศกนาฏกรรมทางการบินของไทย ที่ยังเป็นปริศนา เมื่อช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2544 เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด ได้เกิดขึ้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เครื่องบินโบอิ้ง 737-400 ของการบินไทย เที่ยวบิน TG114 ได้เกิดระเบิดกลางลานจอด และถูกไฟไหม้เสียหายทั้งลำ เพียง 25 นาที ก่อนที่ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น พร้อมด้วบบุตรชาย จะเดินทางไปเชียงใหม่

    แม้ว่าจะไม่มีผู้โดยสารอยู่บนเครื่อง แต่ช่างเทคนิคการบิน 1 คน เสียชีวิต ทำให้เกิดคำถามมากมายว่า นี่เป็นอุบัติเหตุ หรือเป็นการวางแผนลอบสังหาร? 📌

    🔎 เหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ 3 มีนาคม 2544 เวลา 14:48 น. 📍 เที่ยวบิน TG114 ของการบินไทย ซึ่งเป็นเครื่องบิน โบอิ้ง 737-400 ทะเบียน HS-TDC ดอนเมือง-เชียงใหม่ ได้เกิดการระเบิดขณะจอดอยู่ที่ลานจอด สนามบินนานาชาติดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เครื่องบินถูกไฟไหม้เสียหายทั้งลำ ไม่มีผู้โดยสารบนเครื่อง มีเพียงลูกเรือ 8 คน อยู่บนเครื่อง ซึ่งช่างเทคนิคการบินเสียชีวิต 1 คน

    ✈️ จุดหมายปลายทางของเที่ยวบิน เที่ยวบิน TG114 เดิมมีกำหนดออกเดินทางไปยัง ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ โดยมีบุคคลสำคัญเดินทางไปด้วย รวมถึง พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะเนั้น และนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย

    🛑 แต่เพียง 25 นาที ก่อนเครื่องออกเดินทาง เครื่องบินกลับระเบิดขึ้นก่อน

    🚨 เหตุการณ์ครั้งนี้ จึงถูกตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นการลอบสังหารทางการเมือง?

    🔥 สาเหตุที่เป็นไปได้ วินาศกรรม หรืออุบัติเหตุ? มี 2 ทฤษฎีหลัก ที่ถูกหยิบยกขึ้นมา เกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนี้ 🎯

    💥 ทฤษฎีวินาศกรรม ลอบสังหารนายกรัฐมนตรี? หลังเหตุการณ์เกิดขึ้น พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า "นี่เป็นการก่อวินาศกรรม ที่มุ่งเป้าสังหารตนเอง"

    หลักฐานที่ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า มีการวางระเบิด ได้แก่
    🔎 พบร่องรอยสารระเบิด เจ้าหน้าที่ไทยตรวจพบ ร่องรอยของระเบิดซีโฟร์ (C-4) หรือเซมเท็กซ์ (Semtex)
    🎯 นายกทักษิณกล่าวว่า อาจเป็นฝีมือของกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ จากนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล เช่น ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ เช่น กลุ่มว้าแดง
    ⏳ เวลาที่เกิดเหตุใกล้เคียงกับกำหนดการเดินทางของนายกฯ
    📢 ตำรวจไทยในตอนแรกสรุปว่า เป็นการ "วางระเบิด" และคณะกรรมาธิการ ของสภาผู้แทนราษฎรเองก็มีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน

    🛠️ ทฤษฎีอุบัติเหตุ ข้อสรุปของ NTSB คณะกรรมการความปลอดภัย ในการขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯ (NTSB) ซึ่งส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาร่วมสอบสวน ได้ออกแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2544 ว่า
    🚫 ไม่มีร่องรอยของวัตถุระเบิด
    ⚡ การระเบิดอาจเกิดจากระบบปรับอากาศ ที่ทำงานต่อเนื่อง ส่งผลให้ถังน้ำมันส่วนกลาง เกิดการสันดาป และระเบิด
    ✈️ ลักษณะคล้ายกับอุบัติเหตุของเที่ยวบิน 143 ของฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ เมื่อปี 2543

    ในท้ายที่สุด รัฐบาลไทยและ NTSB ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันว่า "เป็นอุบัติเหตุจากความร้อนสะสม ของอุปกรณ์ทำความเย็น ที่อยู่ใกล้ถังน้ำมัน"

    💡 วินาศกรรมที่ล้มเหลว หรือโศกนาฏกรรมที่ไม่ได้ตั้งใจ? ข้อถกเถียงเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ยังไม่จบง่ายๆ 🧐 เพราะ...

    1️⃣ ผลการสอบสวนของไทยและสหรัฐฯ ต่างกัน ฝ่ายไทยเชื่อว่ามี หลักฐานของการวางระเบิด
    NTSB แย้งว่า ไม่พบร่องรอยระเบิดเลย

    2️⃣ ช่วงเวลาการระเบิดน่าสงสัย ทำไมถึงเกิดขึ้นก่อนนายกฯ เดินทางเพียง 25 นาที ถ้าเป็นเพียงอุบัติเหตุ ทำไมไม่เกิดกับเครื่องลำอื่น?

    3️⃣ กลุ่มที่มีแรงจูงใจในการลอบสังหาร นโยบายปราบปรามยาเสพติดของนายกทักษิณ สร้างศัตรูจำนวนมาก ขบวนการค้ายาเสพติดอาจไม่พอใจ จนถึงขั้นต้องการลอบสังหาร

    📌 หรืออาจเป็นเพียงการ "ใช้ข่าวระเบิด" เพื่อกลบกระแสเรื่องคดีซุกหุ้น?

    🚨 เหตุการณ์ลอบสังหารนายกทักษิณ ที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา นี่ไม่ใช่ครั้งเดียว ที่มีความพยายามลอบสังหาร พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ 🎯

    📍 ปี 2546 ข่าวลือว่า กลุ่มว้าแดงตั้งค่าหัว 80 ล้านบาท ทำให้ต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย

    📍 ปี 2549 คดี "คาร์บอมบ์" ที่บริเวณสี่แยกบางพลัด ใกล้บ้านพักของนายกทักษิณ ก่อนที่ รปภ. จะพบระเบิดก่อน

    📍 ปี 2559 นายกทักษิณให้สัมภาษณ์กับ Al Jazeera ว่า "มีคนพยายามลอบสังหารผม 4 ครั้ง"

    🎯 ระเบิดเที่ยวบิน TG114 ยังเป็นปริศนา?
    📌 แม้ว่าผลสอบสวนทางการบินของสหรัฐฯ จะสรุปว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่คำถามยังคงอยู่
    📌 หลายฝ่ายยังสงสัยว่า นี่อาจเป็นการลอบสังหารทางการเมือง ที่ไม่สำเร็จ
    📌 หรือเป็นเพียง "เหตุบังเอิญ" ที่เกิดขึ้นอย่างมีเงื่อนงำ?

    🔎 24 ปี ผ่านไป คำตอบของเหตุการณ์นี้ยังคงเป็นปริศนา และอาจไม่มีวันได้รับคำตอบที่ชัดเจน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 030847 มี.ค. 2568

    📌 #ทักษิณ #เที่ยวบินTG114 #การบินไทย #วินาศกรรม #อุบัติเหตุ #เครื่องบินระเบิด #ข่าวการเมือง #ว้าแดง #คดีลึกลับ #ประวัติศาสตร์ไทย
    24 ปี เที่ยวบิน TG114 “ระเบิดก่อนขึ้นบิน” นายกทักษิณรอดหวุดหวิด ลอบฆ่า หรือว่า... อุบัติเหตุ? 🛫 ย้อนรอย 24 ปี โศกนาฏกรรมทางการบินของไทย ที่ยังเป็นปริศนา เมื่อช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2544 เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด ได้เกิดขึ้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เครื่องบินโบอิ้ง 737-400 ของการบินไทย เที่ยวบิน TG114 ได้เกิดระเบิดกลางลานจอด และถูกไฟไหม้เสียหายทั้งลำ เพียง 25 นาที ก่อนที่ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น พร้อมด้วบบุตรชาย จะเดินทางไปเชียงใหม่ แม้ว่าจะไม่มีผู้โดยสารอยู่บนเครื่อง แต่ช่างเทคนิคการบิน 1 คน เสียชีวิต ทำให้เกิดคำถามมากมายว่า นี่เป็นอุบัติเหตุ หรือเป็นการวางแผนลอบสังหาร? 📌 🔎 เหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ 3 มีนาคม 2544 เวลา 14:48 น. 📍 เที่ยวบิน TG114 ของการบินไทย ซึ่งเป็นเครื่องบิน โบอิ้ง 737-400 ทะเบียน HS-TDC ดอนเมือง-เชียงใหม่ ได้เกิดการระเบิดขณะจอดอยู่ที่ลานจอด สนามบินนานาชาติดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เครื่องบินถูกไฟไหม้เสียหายทั้งลำ ไม่มีผู้โดยสารบนเครื่อง มีเพียงลูกเรือ 8 คน อยู่บนเครื่อง ซึ่งช่างเทคนิคการบินเสียชีวิต 1 คน ✈️ จุดหมายปลายทางของเที่ยวบิน เที่ยวบิน TG114 เดิมมีกำหนดออกเดินทางไปยัง ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ โดยมีบุคคลสำคัญเดินทางไปด้วย รวมถึง พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะเนั้น และนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย 🛑 แต่เพียง 25 นาที ก่อนเครื่องออกเดินทาง เครื่องบินกลับระเบิดขึ้นก่อน 🚨 เหตุการณ์ครั้งนี้ จึงถูกตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นการลอบสังหารทางการเมือง? 🔥 สาเหตุที่เป็นไปได้ วินาศกรรม หรืออุบัติเหตุ? มี 2 ทฤษฎีหลัก ที่ถูกหยิบยกขึ้นมา เกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนี้ 🎯 💥 ทฤษฎีวินาศกรรม ลอบสังหารนายกรัฐมนตรี? หลังเหตุการณ์เกิดขึ้น พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า "นี่เป็นการก่อวินาศกรรม ที่มุ่งเป้าสังหารตนเอง" หลักฐานที่ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า มีการวางระเบิด ได้แก่ 🔎 พบร่องรอยสารระเบิด เจ้าหน้าที่ไทยตรวจพบ ร่องรอยของระเบิดซีโฟร์ (C-4) หรือเซมเท็กซ์ (Semtex) 🎯 นายกทักษิณกล่าวว่า อาจเป็นฝีมือของกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ จากนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล เช่น ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ เช่น กลุ่มว้าแดง ⏳ เวลาที่เกิดเหตุใกล้เคียงกับกำหนดการเดินทางของนายกฯ 📢 ตำรวจไทยในตอนแรกสรุปว่า เป็นการ "วางระเบิด" และคณะกรรมาธิการ ของสภาผู้แทนราษฎรเองก็มีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน 🛠️ ทฤษฎีอุบัติเหตุ ข้อสรุปของ NTSB คณะกรรมการความปลอดภัย ในการขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯ (NTSB) ซึ่งส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาร่วมสอบสวน ได้ออกแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2544 ว่า 🚫 ไม่มีร่องรอยของวัตถุระเบิด ⚡ การระเบิดอาจเกิดจากระบบปรับอากาศ ที่ทำงานต่อเนื่อง ส่งผลให้ถังน้ำมันส่วนกลาง เกิดการสันดาป และระเบิด ✈️ ลักษณะคล้ายกับอุบัติเหตุของเที่ยวบิน 143 ของฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ เมื่อปี 2543 ในท้ายที่สุด รัฐบาลไทยและ NTSB ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันว่า "เป็นอุบัติเหตุจากความร้อนสะสม ของอุปกรณ์ทำความเย็น ที่อยู่ใกล้ถังน้ำมัน" 💡 วินาศกรรมที่ล้มเหลว หรือโศกนาฏกรรมที่ไม่ได้ตั้งใจ? ข้อถกเถียงเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ยังไม่จบง่ายๆ 🧐 เพราะ... 1️⃣ ผลการสอบสวนของไทยและสหรัฐฯ ต่างกัน ฝ่ายไทยเชื่อว่ามี หลักฐานของการวางระเบิด NTSB แย้งว่า ไม่พบร่องรอยระเบิดเลย 2️⃣ ช่วงเวลาการระเบิดน่าสงสัย ทำไมถึงเกิดขึ้นก่อนนายกฯ เดินทางเพียง 25 นาที ถ้าเป็นเพียงอุบัติเหตุ ทำไมไม่เกิดกับเครื่องลำอื่น? 3️⃣ กลุ่มที่มีแรงจูงใจในการลอบสังหาร นโยบายปราบปรามยาเสพติดของนายกทักษิณ สร้างศัตรูจำนวนมาก ขบวนการค้ายาเสพติดอาจไม่พอใจ จนถึงขั้นต้องการลอบสังหาร 📌 หรืออาจเป็นเพียงการ "ใช้ข่าวระเบิด" เพื่อกลบกระแสเรื่องคดีซุกหุ้น? 🚨 เหตุการณ์ลอบสังหารนายกทักษิณ ที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา นี่ไม่ใช่ครั้งเดียว ที่มีความพยายามลอบสังหาร พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ 🎯 📍 ปี 2546 ข่าวลือว่า กลุ่มว้าแดงตั้งค่าหัว 80 ล้านบาท ทำให้ต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย 📍 ปี 2549 คดี "คาร์บอมบ์" ที่บริเวณสี่แยกบางพลัด ใกล้บ้านพักของนายกทักษิณ ก่อนที่ รปภ. จะพบระเบิดก่อน 📍 ปี 2559 นายกทักษิณให้สัมภาษณ์กับ Al Jazeera ว่า "มีคนพยายามลอบสังหารผม 4 ครั้ง" 🎯 ระเบิดเที่ยวบิน TG114 ยังเป็นปริศนา? 📌 แม้ว่าผลสอบสวนทางการบินของสหรัฐฯ จะสรุปว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่คำถามยังคงอยู่ 📌 หลายฝ่ายยังสงสัยว่า นี่อาจเป็นการลอบสังหารทางการเมือง ที่ไม่สำเร็จ 📌 หรือเป็นเพียง "เหตุบังเอิญ" ที่เกิดขึ้นอย่างมีเงื่อนงำ? 🔎 24 ปี ผ่านไป คำตอบของเหตุการณ์นี้ยังคงเป็นปริศนา และอาจไม่มีวันได้รับคำตอบที่ชัดเจน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 030847 มี.ค. 2568 📌 #ทักษิณ #เที่ยวบินTG114 #การบินไทย #วินาศกรรม #อุบัติเหตุ #เครื่องบินระเบิด #ข่าวการเมือง #ว้าแดง #คดีลึกลับ #ประวัติศาสตร์ไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 350 มุมมอง 0 รีวิว
  • แพทองธารกล่าว "อย่าท้อใจ" GDP ไทยรั้งท้ายอาเซียน

    น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการโอกาสไทยกับนายกแพทองธาร ทางช่อง NBT เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ในตอนหนึ่งกล่าวถึงตัวเลขทางเศรษฐกิจจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งมีหลายฝ่ายกังวลว่าเศรษฐกิจไทยไม่โตและรั้งท้ายในกลุ่มอาเซียน เจ้าตัวชี้แจงว่าไตรมาส 4/2567 ตัวเลขจีดีพีเพิ่มขึ้น 3.2% รวมทั้งปีอยู่ที่ 2.5% เกิดจากนโยบายฟรีวีซ่า การลงทุนของภาครัฐ และการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)

    น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า 10 กว่าปีที่ผ่านมาไม่ค่อยมีการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมใหม่ๆ หากไม่ทำให้ธุรกิจก้าวไปข้างหน้า จะตามคนอื่นไม่ทัน ทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชนจะต้องดันจีดีพีขึ้นด้วยกัน ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ตอนที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาทำงาน เป็นนายกฯ เกือบ 6 เดือน ดูเรื่องงบประมาณค่อนข้างจำกัด งบส่วนใหญ่ที่รัฐได้มาจะถูกนำไปใช้จ่ายเรื่องงบประจำ พยายามรัดเข็มขัดให้ดี ไม่อยากให้มีการจ่ายเพิ่มงบประจำ ขออย่าเสียกำลังใจในเรื่องจีดีพี

    "จีดีพีเราโต 2.5% แปลว่าเราโตขึ้นจากปีที่แล้ว 2% ขยับขึ้นและคิดว่าภายใต้การนำของรัฐบาลร่วมกับเอกชนร่วมมือกัน จีดีพีมีโอกาสโตขึ้นสูงมากๆ อย่าเพิ่งท้อใจ นี่เพิ่งต้นปี เราต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย"

    น.ส.แพทองธารยืนยันว่า ตนต้องอยู่ครบเทอมเพื่อผลักดันการลงทุน ยืนยันว่าทุกจังหวัดรัฐบาลต้องดูแลอยู่แล้ว เพิ่งเริ่มต้นรัฐบาลผลักดันต่อแน่นอน เพื่อให้จีดีพีของประเทศเพิ่มมากขึ้น แปลว่าเงินในกระเป๋าของประชาชนเพิ่มขึ้น ให้ประเทศอื่นได้ดูด้วยว่าประเทศไทยมีคุณภาพ มีศักยภาพขึ้นแล้ว จีดีพีช่วงนี้ที่ไม่ได้ขึ้นมานานก็ขึ้น กำลังค่อยๆ ไปต่อ ตนอยากทำให้ขึ้นแบบก้าวกระโดด คิดว่าเป็นไปได้ รัฐบาลอยากให้พี่น้องทุกคนร่ำรวย จะได้จับจ่ายใช้สอยให้เกิดประโยชน์กับประเทศ

    “ก็ขอกำลังใจเยอะๆ บางทีก็มีท้อบ้าง แต่ว่าไม่ท้อนานแน่นอน สู้ ประเทศยังต้องการพัฒนา การผลักดันอีกเยอะ คนยังต้องการการสนับสนุนอีกเยอะ ดิฉันเองวันนี้ที่มีโอกาสเป็นนายกฯ ทำหน้าที่เต็มที่ที่สุด เพราะฉะนั้นปีแห่งโอกาส ทุกคนต้องมีความหวังและต้องได้รับโอกาสแน่นอน”

    ก่อนหน้านี้ นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์ คาดการณ์ว่าปี 2568 จีดีพีโต 2.8% รวมมาตรการแจกเงิน 10,000 บาทแล้ว แม้เศรษฐกิจจะฟื้นตัวแต่ยังต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม (6.4%) ฟิลิปปินส์ (6%) และกัมพูชา (6%) แต่ยังมีความเสี่ยงจากมาตรการกีดกันทางการค้าโลก หากรัฐบาลต้องการให้เศรษฐกิจโตถึง 3-3.5% ต้องกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนและเร่งกระจายเงินลงทุนภาครัฐเพิ่มเติม

    #Newskit
    แพทองธารกล่าว "อย่าท้อใจ" GDP ไทยรั้งท้ายอาเซียน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการโอกาสไทยกับนายกแพทองธาร ทางช่อง NBT เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ในตอนหนึ่งกล่าวถึงตัวเลขทางเศรษฐกิจจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งมีหลายฝ่ายกังวลว่าเศรษฐกิจไทยไม่โตและรั้งท้ายในกลุ่มอาเซียน เจ้าตัวชี้แจงว่าไตรมาส 4/2567 ตัวเลขจีดีพีเพิ่มขึ้น 3.2% รวมทั้งปีอยู่ที่ 2.5% เกิดจากนโยบายฟรีวีซ่า การลงทุนของภาครัฐ และการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า 10 กว่าปีที่ผ่านมาไม่ค่อยมีการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมใหม่ๆ หากไม่ทำให้ธุรกิจก้าวไปข้างหน้า จะตามคนอื่นไม่ทัน ทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชนจะต้องดันจีดีพีขึ้นด้วยกัน ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ตอนที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาทำงาน เป็นนายกฯ เกือบ 6 เดือน ดูเรื่องงบประมาณค่อนข้างจำกัด งบส่วนใหญ่ที่รัฐได้มาจะถูกนำไปใช้จ่ายเรื่องงบประจำ พยายามรัดเข็มขัดให้ดี ไม่อยากให้มีการจ่ายเพิ่มงบประจำ ขออย่าเสียกำลังใจในเรื่องจีดีพี "จีดีพีเราโต 2.5% แปลว่าเราโตขึ้นจากปีที่แล้ว 2% ขยับขึ้นและคิดว่าภายใต้การนำของรัฐบาลร่วมกับเอกชนร่วมมือกัน จีดีพีมีโอกาสโตขึ้นสูงมากๆ อย่าเพิ่งท้อใจ นี่เพิ่งต้นปี เราต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย" น.ส.แพทองธารยืนยันว่า ตนต้องอยู่ครบเทอมเพื่อผลักดันการลงทุน ยืนยันว่าทุกจังหวัดรัฐบาลต้องดูแลอยู่แล้ว เพิ่งเริ่มต้นรัฐบาลผลักดันต่อแน่นอน เพื่อให้จีดีพีของประเทศเพิ่มมากขึ้น แปลว่าเงินในกระเป๋าของประชาชนเพิ่มขึ้น ให้ประเทศอื่นได้ดูด้วยว่าประเทศไทยมีคุณภาพ มีศักยภาพขึ้นแล้ว จีดีพีช่วงนี้ที่ไม่ได้ขึ้นมานานก็ขึ้น กำลังค่อยๆ ไปต่อ ตนอยากทำให้ขึ้นแบบก้าวกระโดด คิดว่าเป็นไปได้ รัฐบาลอยากให้พี่น้องทุกคนร่ำรวย จะได้จับจ่ายใช้สอยให้เกิดประโยชน์กับประเทศ “ก็ขอกำลังใจเยอะๆ บางทีก็มีท้อบ้าง แต่ว่าไม่ท้อนานแน่นอน สู้ ประเทศยังต้องการพัฒนา การผลักดันอีกเยอะ คนยังต้องการการสนับสนุนอีกเยอะ ดิฉันเองวันนี้ที่มีโอกาสเป็นนายกฯ ทำหน้าที่เต็มที่ที่สุด เพราะฉะนั้นปีแห่งโอกาส ทุกคนต้องมีความหวังและต้องได้รับโอกาสแน่นอน” ก่อนหน้านี้ นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์ คาดการณ์ว่าปี 2568 จีดีพีโต 2.8% รวมมาตรการแจกเงิน 10,000 บาทแล้ว แม้เศรษฐกิจจะฟื้นตัวแต่ยังต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม (6.4%) ฟิลิปปินส์ (6%) และกัมพูชา (6%) แต่ยังมีความเสี่ยงจากมาตรการกีดกันทางการค้าโลก หากรัฐบาลต้องการให้เศรษฐกิจโตถึง 3-3.5% ต้องกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนและเร่งกระจายเงินลงทุนภาครัฐเพิ่มเติม #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 252 มุมมอง 0 รีวิว
  • ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่...ของคนไทยหรือไม่

    หลังจากตลาดรถยนต์🚘ชะลอตัวมาตั้งเเต่ ปี 2567 เเละคาดว่าจะซึมยาวไปจนอย่างน้อยถึงกลางปี 2568 ✅กำลังซื้อระดับกลาง-ล่างอ่อนแอหนัก ขณะที่ด้านปัจจัยลบราคาน้ำมัน⛽ที่สูงขึ้นเป็นตัวฉุดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ชะลอการตัดสินใจซื้อรถยนต์ออกไป จริงหรือไม่ บทความนี้จะพาไปค้นหาคำตอบภายใน 5 นาที!!🎯
    สถานการณ์ตอนนี้ ✨ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอยู่ในช่วงซึม ยอดขายรถยนต์หดตัวอย่างหนัก👉เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีแนวโน้มที่ยอดขายรถยนต์ทั้งปี 2568 จะหดตัวรุนแรงสุดในรอบ 15 ปี

    ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) มองว่า ยอดขายรถยนต์ในประเทศไทย อยู่ในช่วงชะลอตัวลงในระยะยาว จาก 5 สถานการณ์หลักตอนนี้ คือ...

    1. ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอิ่มตัว ⚠️

    ตอนนี้ถ้าดูจำนวนรถยนต์ที่วิ่งบนถนนสะสมทั่วประเทศ สูงถึงเกือบ 20 ล้านคัน หรือคิดเป็น 277 คันต่อประชากรไทย 1,000 คน เทียบแล้วของไทยค่อนข้างสูงเมื่อมองไปที่เวียดนาม 50 คัน ฟิลิปปินส์ 38 คัน และอินโดนีเซีย 78 คันต่อประชากร 1,000 คน และนิสัยการใช้รถของคนไทยที่ค่อนข้างนานเฉลี่ยถึง 12 ปี เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยประเทศหลัก ๆ ที่ใช้งานรถยนต์ประมาณ 6-8 ปี โอกาสที่ซื้อรถยนต์ใหม่แทนรถคันเก่าเลยค่อนข้างต่ำ

    2. พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ➡️

    หลังการบุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์ผู้ผลิตจีน ทำให้มาตรฐานการตั้งราคารถใหม่🧾ในท้องตลาด มีแนวโน้มลดลงจากเดิม ผู้บริโภคเลยมีตัวเลือกมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ขณะที่บางส่วนชะลอการซื้อรถยนต์ออกไปจนกว่าจะเจอราคาที่เหมาะสมกับกำลังซื้อ รวมไปถึงทัศนคติต่อการซื้อรถยนต์ของคนยุคใหม่ ที่หันมาใช้การเช่าแทนการซื้อครอบครอง เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต และลดภาระค่าใช้จ่ายที่จะตามมา ทำให้การซื้อรถยนต์ในยุคสมัยนี้อาจน้อยกว่าในอดีต

    3. โครงสร้างประชากรกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ 👴🏻

    เห็นชัดจากยอดขายที่อยู่อาศัย และรถยนต์ในประเทศ ระยะหลังชะลอการเติบโตลง 👵🏼ส่วนหนึ่งมาจากโครงสร้างประชากรไทยที่อยู่ในภาวะ “สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์” และกำลังจะขยับเป็น “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด” ในอีกไม่ถึง 10 ปีข้างหน้า สวนทางกับสัดส่วนประชากรที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่มีกำลังซื้อรถยนต์อย่างกลุ่มอายุ 25-49 ปี กลับมีสัดส่วนลดลงอย่างต่อเนื่อง

    4. เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตช้าลง 📉

    การลงทุนโดยรวมอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน ภาคการผลิตและส่งออกก็กำลังเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างรุนแรงขึ้น รวมไปถึงการบุกตลาดของสินค้าราคาถูกจากจีน ที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กระทบความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตช้าลงในระยะยาว บั่นทอนการเติบโตของรายได้ และกำลังซื้อ💵💰💳ของภาคครัวเรือน

    5. หนี้ครัวเรือนสูงกำลังเพิ่มข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อ 📈

    หนี้ครัวเรือนไทยในปัจจุบันสูงถึง 91.3% ของจีดีพี ซึ่งสูงเกินกว่าระดับที่เหมาะสมที่เอื้อต่อการบริโภคที่ 80% ของจีดีพี และสูงกว่าประเทศที่มีรายได้ต่อหัวใกล้เคียงกัน ทำให้สถาบันการเงิน มีข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อแก่รายย่อยมากขึ้น

    ขณะที่ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า⚡ที่จำหน่ายได้ภายใต้มาตรการของรัฐบาล ที่ลงนามเข้าโครงการ ดึงดูดความสนใจ ที่ลดลงไปแล้วอย่างน้อย 70,000 - 1.5 แสนบาท ก็สามารถที่จะกระตุ้นให้คนสนใจ😘 เเละยอดจองได้ไม่น้อยทีเดียว เพราะอย่างน้อยๆ ราคาที่ดึงดูดนี้ ก็ยังทำให้คนที่ถึงเวลาจะต้องเปลี่ยนรถคันใหม่ หรือหาซื้อรถเพิ่มเข้ามาอีกคัน ก็พิจารณาตัดสินใจได้ไม่ยาก

    ข้อมูลจากคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ กระทรวงพลังงาน ระบุว่า ในกรณีที่เป็นรถยนต์ที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน☝️ ราคา🗺️ไม่เกิน 2 ล้านบาท จะได้รับการลดภาษีนำเข้า 40% ตั้งเเต่ ปี 2565-2566 แล้วยังได้ลดภาษีสรรพสามิต เหลือ 2% ในปี 2565-2568

    ไม่เพียงเท่านี้!! ยังแถมด้วยเงินอุดหนุนจากรัฐบาล 70,000 บาท และ 1.5 แสนบาท ตามขนาดของแบตเตอรี่...
    แต่หากมีราคา 2-7 ล้านบาท ได้ลดภาษีนำเข้า 20% และได้ลดภาษีสรรพสามิตเหลือ🤑 2% (ในช่วงปี 2565-2566 ที่ผ่านมา) แต่จะไม่ได้รับเงินอุดหนุนใดๆ จากรัฐบาล

    ส่วนกรณีรถกระบะที่ผลิตในประเทศ ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท จะไม่มีภาษีสรรพสามิต ในช่วง 3 ปี คือตั้งแต่ปี 2565 - 2568 ได้รับเงินอุหนุน 1.5 แสนบาท โดยขนาดแบตเตอรี่ 30 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง เป็นเวลา 3 ปี จนถึงปี 2568

    ขณะที่รถมอเตอร์ไซค์ ราคาไม่เกิน 1.5 แสนบาท จะได้รับเงินอุดหนุน💵 18,000 บาท เป็นเวลา 3 ปี (ตั้งเเต่ปี 2566-68) มาตรการของรัฐบาลครั้งนี้!! สามารถดึงดูดความสนใจ…แรงซื้อ…จากคนที่ยังมีกำลังซื้อได้ไม่ไม่น้อย

    📌ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่ของคนไทย ทั้งชะลอเวลาการซื้อรถคันใหม่ที่เป็นรถใหม่ออกไป เเละ เปลี่ยนใจจากรถน้ำมันหันไปหารถใหม่ที่เป็น EV⚡ สำหรับคนที่มีรถใช้น้ำมันอยู่เเล้ว หรือ เเม้กระทั่ง Plug-in Hybrid 🔌ที่เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่จะมีรถคันเเรก เเละยอมใจกับราคาน้ำมัน🛢️เเละกลุ่มที่กำลังมาเเรง คือกลุ่มที่หันไปซบรถใช้น้ำมันมือสอง ที่มาจากเตนท์ หรือจากลานประมูลรถมือสอง ที่เริ่มมีลูกค้าประเภทประมูลซื้อใช้เอง จำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

    ปัญหาน้ำมัน⛽แพง เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนสนใจจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV บวกกับการที่รัฐบาลให้เงินอุดหนุน💰70,000 บาท - 150,000 บาทต่อคัน ยิ่งเป็นแรงจูงใจให้คนสนใจรถอีวีมากขึ้นนั่นเอง
    เมื่อเรายังต้องอยู่ในยุคที่สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น💹อย่างต่อเนื่อง เพราะความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว☣จากโควิด-19 🤧ในขณะที่กลุ่มโอเปกยังคงยืนยันที่จะส่งออกน้ำมันดิบ⛽เพียง 400,000 บาร์เรล🛢️ต่อวัน ทำให้ราคาน้ำมันในไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น

    เเละเมื่อเรายังจำเป้นต้องใช้รถเติมน้ำมัน บทความนี้มีเทคนิคการประหยัดน้ำมันแบบง่าย ๆ เพื่อฝ่าวิกฤตน้ำมันราคาแพงครั้งนี้ไปด้วยกัน มาเเชร์ให้ค่ะ

    1. ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว เปลี่ยนไปใช้ระบบขนส่งสาธารณะในการเดินทาง โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน นอกจากจะช่วยประหยัดค่าน้ำมันแล้ว ยังลดความเครียด 🤝😊จากปัญหาจราจรอีกด้วย
    2. หากจำเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนตัว การขับรถที่ความเร็วที่ 60 – 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง คืออัตราความเร็วที่เหมาะสมที่สุด🙌ในการประหยัดน้ำมันรถได้มากที่สุด ที่สำคัญช่วยทำให้ปลอดภัยลดอุบัติเหตุได้ด้วย
    3. ตรวจเช็คสภาพรถและลมยางเป็นประจำเพื่อให้พร้อมใช้งาน🥰การตรวจสอบลมยางทั้ง 4 เส้นเป็นประจำ ให้มีปริมาตรลมตามมาตรฐานที่กำหนด เพราะยางที่อ่อนเกินไปจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมาก
    4. เลือกใช้การเดินเท้า🚶‍♀️‍➡️ในระยะที่น้อยกว่า 1 กิโลเมตร เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดน้ำมันแล้ว ยังได้ออกกำลังกาย 🏃🏻‍♂️‍➡️ ทำให้สุขภาพของเราแข็งแรงขึ้น💪🏼
    5. เลือกซื้อ🛒🛍️สินค้าในชุมชนที่อยู่อาศัย เมื่อต้องการออกไปจับจ่ายใช้สอยซื้อหาอาหาร หรือสินค้าจำเป็นต่างๆ เพื่อลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากการเดินทาง

    จบไปเเล้วสำหรับ "ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่...ของคนไทยหรือไม่" เเละหากว่าพี่ๆ ท่านใด สนใจอยากจะมีรถไว้ใช้งานที่ประหยัดงบประมาณ สามารถเหลือเงินไว้เก็บงานต่างๆ ของรถมือสอง หรืออาจจะไม่ต้องเก็บอะไรใดใดเลยก็เป็นได้ โดยทั้งนี้📌คุณภาพขึ้นอยู่กับอายุการใช้งาน สภาพตัวถัง และระบบเกียร์ รถที่เข้าลานประมูลจะเป็นไปตามสภาพจริง ถ้าสนใจขอเชิญ @ลานประมูลของ สยามอินเตอร์การประมูล หรือ SIA กันได้นะคะ ยินดีให้คำเเนะนำเเละบริก่ารค่ะ

    อ่านต่อเลย: จะเข้าใจว่าทำไมต้องรถมือ2 !?! https://citly.me/esgxY

    ✅ดูรายการรถทุกประเภทที่เว็บไซต์ home.sia.co.th ในเมนูการประมูล เเละกดเข้าไปที่รายการรถยนต์ เเละติดตามอัปเดตได้ทุกสัปดาห์
    ✅ลงทะเบียนได้ที่: home.sia.co.th
    ✅ติดต่อสอบถาม: ☎️02-119-7111 หรือ LINE:@sia.co.th
    🎉นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสนุกๆ พร้อมคูปองอาหาร 🌮 และเครื่องดื่ม 🥤แจกฟรี!
    📌อย่าลืมติดตามรายการใหม่ทุกสัปดาห์ แล้วพบกันที่ SIA! 🚛✨

    ขอขอบคุณแหล่งที่มาของภาพเเละข้อมูล (บางส่วน)

    https://www.ttbbank.com/th/newsroom/detail/ttba-5megatrend-july-2024
    https://www.ttbbank.com/th/analytics
    https://www.thairath.co.th/news/auto/evcar/2755876
    www.dailynews.co.th/articles/899255
    https://th.jobsdb.com/th/careeradvice/article/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99
    ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่...ของคนไทยหรือไม่ หลังจากตลาดรถยนต์🚘ชะลอตัวมาตั้งเเต่ ปี 2567 เเละคาดว่าจะซึมยาวไปจนอย่างน้อยถึงกลางปี 2568 ✅กำลังซื้อระดับกลาง-ล่างอ่อนแอหนัก ขณะที่ด้านปัจจัยลบราคาน้ำมัน⛽ที่สูงขึ้นเป็นตัวฉุดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ชะลอการตัดสินใจซื้อรถยนต์ออกไป จริงหรือไม่ บทความนี้จะพาไปค้นหาคำตอบภายใน 5 นาที!!🎯 สถานการณ์ตอนนี้ ✨ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอยู่ในช่วงซึม ยอดขายรถยนต์หดตัวอย่างหนัก👉เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีแนวโน้มที่ยอดขายรถยนต์ทั้งปี 2568 จะหดตัวรุนแรงสุดในรอบ 15 ปี ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) มองว่า ยอดขายรถยนต์ในประเทศไทย อยู่ในช่วงชะลอตัวลงในระยะยาว จาก 5 สถานการณ์หลักตอนนี้ คือ... 1. ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอิ่มตัว ⚠️ ตอนนี้ถ้าดูจำนวนรถยนต์ที่วิ่งบนถนนสะสมทั่วประเทศ สูงถึงเกือบ 20 ล้านคัน หรือคิดเป็น 277 คันต่อประชากรไทย 1,000 คน เทียบแล้วของไทยค่อนข้างสูงเมื่อมองไปที่เวียดนาม 50 คัน ฟิลิปปินส์ 38 คัน และอินโดนีเซีย 78 คันต่อประชากร 1,000 คน และนิสัยการใช้รถของคนไทยที่ค่อนข้างนานเฉลี่ยถึง 12 ปี เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยประเทศหลัก ๆ ที่ใช้งานรถยนต์ประมาณ 6-8 ปี โอกาสที่ซื้อรถยนต์ใหม่แทนรถคันเก่าเลยค่อนข้างต่ำ 2. พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ➡️ หลังการบุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์ผู้ผลิตจีน ทำให้มาตรฐานการตั้งราคารถใหม่🧾ในท้องตลาด มีแนวโน้มลดลงจากเดิม ผู้บริโภคเลยมีตัวเลือกมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ขณะที่บางส่วนชะลอการซื้อรถยนต์ออกไปจนกว่าจะเจอราคาที่เหมาะสมกับกำลังซื้อ รวมไปถึงทัศนคติต่อการซื้อรถยนต์ของคนยุคใหม่ ที่หันมาใช้การเช่าแทนการซื้อครอบครอง เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต และลดภาระค่าใช้จ่ายที่จะตามมา ทำให้การซื้อรถยนต์ในยุคสมัยนี้อาจน้อยกว่าในอดีต 3. โครงสร้างประชากรกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ 👴🏻 เห็นชัดจากยอดขายที่อยู่อาศัย และรถยนต์ในประเทศ ระยะหลังชะลอการเติบโตลง 👵🏼ส่วนหนึ่งมาจากโครงสร้างประชากรไทยที่อยู่ในภาวะ “สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์” และกำลังจะขยับเป็น “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด” ในอีกไม่ถึง 10 ปีข้างหน้า สวนทางกับสัดส่วนประชากรที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่มีกำลังซื้อรถยนต์อย่างกลุ่มอายุ 25-49 ปี กลับมีสัดส่วนลดลงอย่างต่อเนื่อง 4. เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตช้าลง 📉 การลงทุนโดยรวมอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน ภาคการผลิตและส่งออกก็กำลังเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างรุนแรงขึ้น รวมไปถึงการบุกตลาดของสินค้าราคาถูกจากจีน ที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กระทบความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตช้าลงในระยะยาว บั่นทอนการเติบโตของรายได้ และกำลังซื้อ💵💰💳ของภาคครัวเรือน 5. หนี้ครัวเรือนสูงกำลังเพิ่มข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อ 📈 หนี้ครัวเรือนไทยในปัจจุบันสูงถึง 91.3% ของจีดีพี ซึ่งสูงเกินกว่าระดับที่เหมาะสมที่เอื้อต่อการบริโภคที่ 80% ของจีดีพี และสูงกว่าประเทศที่มีรายได้ต่อหัวใกล้เคียงกัน ทำให้สถาบันการเงิน มีข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อแก่รายย่อยมากขึ้น ขณะที่ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า⚡ที่จำหน่ายได้ภายใต้มาตรการของรัฐบาล ที่ลงนามเข้าโครงการ ดึงดูดความสนใจ ที่ลดลงไปแล้วอย่างน้อย 70,000 - 1.5 แสนบาท ก็สามารถที่จะกระตุ้นให้คนสนใจ😘 เเละยอดจองได้ไม่น้อยทีเดียว เพราะอย่างน้อยๆ ราคาที่ดึงดูดนี้ ก็ยังทำให้คนที่ถึงเวลาจะต้องเปลี่ยนรถคันใหม่ หรือหาซื้อรถเพิ่มเข้ามาอีกคัน ก็พิจารณาตัดสินใจได้ไม่ยาก ข้อมูลจากคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ กระทรวงพลังงาน ระบุว่า ในกรณีที่เป็นรถยนต์ที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน☝️ ราคา🗺️ไม่เกิน 2 ล้านบาท จะได้รับการลดภาษีนำเข้า 40% ตั้งเเต่ ปี 2565-2566 แล้วยังได้ลดภาษีสรรพสามิต เหลือ 2% ในปี 2565-2568 ไม่เพียงเท่านี้!! ยังแถมด้วยเงินอุดหนุนจากรัฐบาล 70,000 บาท และ 1.5 แสนบาท ตามขนาดของแบตเตอรี่... แต่หากมีราคา 2-7 ล้านบาท ได้ลดภาษีนำเข้า 20% และได้ลดภาษีสรรพสามิตเหลือ🤑 2% (ในช่วงปี 2565-2566 ที่ผ่านมา) แต่จะไม่ได้รับเงินอุดหนุนใดๆ จากรัฐบาล ส่วนกรณีรถกระบะที่ผลิตในประเทศ ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท จะไม่มีภาษีสรรพสามิต ในช่วง 3 ปี คือตั้งแต่ปี 2565 - 2568 ได้รับเงินอุหนุน 1.5 แสนบาท โดยขนาดแบตเตอรี่ 30 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง เป็นเวลา 3 ปี จนถึงปี 2568 ขณะที่รถมอเตอร์ไซค์ ราคาไม่เกิน 1.5 แสนบาท จะได้รับเงินอุดหนุน💵 18,000 บาท เป็นเวลา 3 ปี (ตั้งเเต่ปี 2566-68) มาตรการของรัฐบาลครั้งนี้!! สามารถดึงดูดความสนใจ…แรงซื้อ…จากคนที่ยังมีกำลังซื้อได้ไม่ไม่น้อย 📌ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่ของคนไทย ทั้งชะลอเวลาการซื้อรถคันใหม่ที่เป็นรถใหม่ออกไป เเละ เปลี่ยนใจจากรถน้ำมันหันไปหารถใหม่ที่เป็น EV⚡ สำหรับคนที่มีรถใช้น้ำมันอยู่เเล้ว หรือ เเม้กระทั่ง Plug-in Hybrid 🔌ที่เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่จะมีรถคันเเรก เเละยอมใจกับราคาน้ำมัน🛢️เเละกลุ่มที่กำลังมาเเรง คือกลุ่มที่หันไปซบรถใช้น้ำมันมือสอง ที่มาจากเตนท์ หรือจากลานประมูลรถมือสอง ที่เริ่มมีลูกค้าประเภทประมูลซื้อใช้เอง จำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาน้ำมัน⛽แพง เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนสนใจจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV บวกกับการที่รัฐบาลให้เงินอุดหนุน💰70,000 บาท - 150,000 บาทต่อคัน ยิ่งเป็นแรงจูงใจให้คนสนใจรถอีวีมากขึ้นนั่นเอง เมื่อเรายังต้องอยู่ในยุคที่สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น💹อย่างต่อเนื่อง เพราะความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว☣จากโควิด-19 🤧ในขณะที่กลุ่มโอเปกยังคงยืนยันที่จะส่งออกน้ำมันดิบ⛽เพียง 400,000 บาร์เรล🛢️ต่อวัน ทำให้ราคาน้ำมันในไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น เเละเมื่อเรายังจำเป้นต้องใช้รถเติมน้ำมัน บทความนี้มีเทคนิคการประหยัดน้ำมันแบบง่าย ๆ เพื่อฝ่าวิกฤตน้ำมันราคาแพงครั้งนี้ไปด้วยกัน มาเเชร์ให้ค่ะ 1. ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว เปลี่ยนไปใช้ระบบขนส่งสาธารณะในการเดินทาง โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน นอกจากจะช่วยประหยัดค่าน้ำมันแล้ว ยังลดความเครียด 🤝😊จากปัญหาจราจรอีกด้วย 2. หากจำเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนตัว การขับรถที่ความเร็วที่ 60 – 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง คืออัตราความเร็วที่เหมาะสมที่สุด🙌ในการประหยัดน้ำมันรถได้มากที่สุด ที่สำคัญช่วยทำให้ปลอดภัยลดอุบัติเหตุได้ด้วย 3. ตรวจเช็คสภาพรถและลมยางเป็นประจำเพื่อให้พร้อมใช้งาน🥰การตรวจสอบลมยางทั้ง 4 เส้นเป็นประจำ ให้มีปริมาตรลมตามมาตรฐานที่กำหนด เพราะยางที่อ่อนเกินไปจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมาก 4. เลือกใช้การเดินเท้า🚶‍♀️‍➡️ในระยะที่น้อยกว่า 1 กิโลเมตร เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดน้ำมันแล้ว ยังได้ออกกำลังกาย 🏃🏻‍♂️‍➡️ ทำให้สุขภาพของเราแข็งแรงขึ้น💪🏼 5. เลือกซื้อ🛒🛍️สินค้าในชุมชนที่อยู่อาศัย เมื่อต้องการออกไปจับจ่ายใช้สอยซื้อหาอาหาร หรือสินค้าจำเป็นต่างๆ เพื่อลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากการเดินทาง จบไปเเล้วสำหรับ "ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่...ของคนไทยหรือไม่" เเละหากว่าพี่ๆ ท่านใด สนใจอยากจะมีรถไว้ใช้งานที่ประหยัดงบประมาณ สามารถเหลือเงินไว้เก็บงานต่างๆ ของรถมือสอง หรืออาจจะไม่ต้องเก็บอะไรใดใดเลยก็เป็นได้ โดยทั้งนี้📌คุณภาพขึ้นอยู่กับอายุการใช้งาน สภาพตัวถัง และระบบเกียร์ รถที่เข้าลานประมูลจะเป็นไปตามสภาพจริง ถ้าสนใจขอเชิญ @ลานประมูลของ สยามอินเตอร์การประมูล หรือ SIA กันได้นะคะ ยินดีให้คำเเนะนำเเละบริก่ารค่ะ อ่านต่อเลย: จะเข้าใจว่าทำไมต้องรถมือ2 !?! https://citly.me/esgxY ✅ดูรายการรถทุกประเภทที่เว็บไซต์ home.sia.co.th ในเมนูการประมูล เเละกดเข้าไปที่รายการรถยนต์ เเละติดตามอัปเดตได้ทุกสัปดาห์ ✅ลงทะเบียนได้ที่: home.sia.co.th ✅ติดต่อสอบถาม: ☎️02-119-7111 หรือ LINE:@sia.co.th 🎉นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสนุกๆ พร้อมคูปองอาหาร 🌮 และเครื่องดื่ม 🥤แจกฟรี! 📌อย่าลืมติดตามรายการใหม่ทุกสัปดาห์ แล้วพบกันที่ SIA! 🚛✨ ขอขอบคุณแหล่งที่มาของภาพเเละข้อมูล (บางส่วน) https://www.ttbbank.com/th/newsroom/detail/ttba-5megatrend-july-2024 https://www.ttbbank.com/th/analytics https://www.thairath.co.th/news/auto/evcar/2755876 www.dailynews.co.th/articles/899255 https://th.jobsdb.com/th/careeradvice/article/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 395 มุมมอง 0 รีวิว
  • นี่อาจจะเป็นที่มาของกฎหมาย "สมรสเท่าเทียม" ที่ได้รับอิทธิพลจากภายนอก

    ในยุคของไบเดน สหรัฐอเมริกาใช้แรงกดดันทางการทูตอย่างหนัก เพื่อบังคับให้ไทย กรีซ ลิคเทนสไตน์ และประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมสิทธิพิเศษให้กับบุคคลที่ระบุตัวตนว่าเป็น LGBTQIA+ โดยใช้ USAID ทำหน้าที่โฆษณาชวนเชื่อในการ "สนับสนุน" อย่างแข็งขัน

    ฝ่ายเสรีนิยมของอเมริกามีการวางแผนสนับสนุนคนข้ามเพศมาอย่างยาวนาน เช่น โครงการ "Being LGBT in Asia" ของ USAID ที่นำเงินไปลงทุนในองค์กรพัฒนาเอกชน "LGBT" ในเอเชีย ซึ่งมุ่งเน้นส่งเสริมสิทธิพื้นฐานของกลุ่ม LGBT ทั่วทั้งทวีปและในประเทศเป้าหมายเฉพาะ เช่น ไทย จีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์

    นอกจากนี้ในปี 2014 สถานเอกอัครราชทูตสวีเดนในกรุงเทพฯ ร่วมมือกับ USAID เพื่อยกระดับองค์กรในการแก้ไขปัญหาสิทธิของกลุ่ม LGBT
    นี่อาจจะเป็นที่มาของกฎหมาย "สมรสเท่าเทียม" ที่ได้รับอิทธิพลจากภายนอก ในยุคของไบเดน สหรัฐอเมริกาใช้แรงกดดันทางการทูตอย่างหนัก เพื่อบังคับให้ไทย กรีซ ลิคเทนสไตน์ และประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมสิทธิพิเศษให้กับบุคคลที่ระบุตัวตนว่าเป็น LGBTQIA+ โดยใช้ USAID ทำหน้าที่โฆษณาชวนเชื่อในการ "สนับสนุน" อย่างแข็งขัน ฝ่ายเสรีนิยมของอเมริกามีการวางแผนสนับสนุนคนข้ามเพศมาอย่างยาวนาน เช่น โครงการ "Being LGBT in Asia" ของ USAID ที่นำเงินไปลงทุนในองค์กรพัฒนาเอกชน "LGBT" ในเอเชีย ซึ่งมุ่งเน้นส่งเสริมสิทธิพื้นฐานของกลุ่ม LGBT ทั่วทั้งทวีปและในประเทศเป้าหมายเฉพาะ เช่น ไทย จีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ นอกจากนี้ในปี 2014 สถานเอกอัครราชทูตสวีเดนในกรุงเทพฯ ร่วมมือกับ USAID เพื่อยกระดับองค์กรในการแก้ไขปัญหาสิทธิของกลุ่ม LGBT
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 310 มุมมอง 0 รีวิว
  • สื่อกัมพูชารายงานว่าการก่อสร้างสนามบินนานาชาติเตโชคืบหน้าไปแล้วกว่า 94% และเตรียมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือนก.ค. นี้ โดยพิธีเปิดจะมีขึ้นภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต

    ออกญา ชาร์ลส์ วัน จากบริษัท Cambodia Airport Investment Co. Ltd. ได้ให้ข้อมูลความคืบหน้านี้ระหว่างการเยี่ยมชมสนามบินของคณะผู้แทนระดับสูงจากสถานทูตออสเตรเลียและฟิลิปปินส์ นำโดยเอกอัครราชทูตของสองประเทศ เมื่อวันที่ 21 ก.พ. และเขาระบุว่าทีมงานก่อสร้างกำลังทำงานอย่างขยันขันแข็งเพื่อเก็บงานส่วนที่เหลือให้เสร็จสิ้น และให้มั่นใจว่าสนามบินพร้อมเปิดให้บริการตามกำหนดในเดือนก.ค.นี้

    นอกจากนี้ ออกญา ชาร์ลส์ วัน เปิดเผยว่า สถานทูตฟิลิปปินส์ระบุว่าสายการบินฟิลิปปินส์แอร์ไลน์สมีแผนที่จะร่วมมือกับกัมพูชาจัดตั้งโรงเรียนฝึกอบรมการซ่อมเครื่องบินที่มหาวิทยาลัย CamTech

    สนามบินนานาชาติเตโชครอบคลุมพื้นที่กว่า 2,600 เฮกตาร์ ของชุมชนเปรกสเลง ในจ.กันดาล รวมถึงบางส่วนของเมืองตาเขมา และอ.บาตี จ.ตาแก้ว โดยสนามบินได้รับการออกแบบให้รองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ เช่น แอร์บัส A380 และโบอิ้ง 747 ซึ่งเบื้องต้นมีขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสาร 13 ล้านคนต่อปี

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000017879

    #MGROnline #สนามบินนานาชาติเตโช
    สื่อกัมพูชารายงานว่าการก่อสร้างสนามบินนานาชาติเตโชคืบหน้าไปแล้วกว่า 94% และเตรียมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือนก.ค. นี้ โดยพิธีเปิดจะมีขึ้นภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต • ออกญา ชาร์ลส์ วัน จากบริษัท Cambodia Airport Investment Co. Ltd. ได้ให้ข้อมูลความคืบหน้านี้ระหว่างการเยี่ยมชมสนามบินของคณะผู้แทนระดับสูงจากสถานทูตออสเตรเลียและฟิลิปปินส์ นำโดยเอกอัครราชทูตของสองประเทศ เมื่อวันที่ 21 ก.พ. และเขาระบุว่าทีมงานก่อสร้างกำลังทำงานอย่างขยันขันแข็งเพื่อเก็บงานส่วนที่เหลือให้เสร็จสิ้น และให้มั่นใจว่าสนามบินพร้อมเปิดให้บริการตามกำหนดในเดือนก.ค.นี้ นอกจากนี้ ออกญา ชาร์ลส์ วัน เปิดเผยว่า สถานทูตฟิลิปปินส์ระบุว่าสายการบินฟิลิปปินส์แอร์ไลน์สมีแผนที่จะร่วมมือกับกัมพูชาจัดตั้งโรงเรียนฝึกอบรมการซ่อมเครื่องบินที่มหาวิทยาลัย CamTech • สนามบินนานาชาติเตโชครอบคลุมพื้นที่กว่า 2,600 เฮกตาร์ ของชุมชนเปรกสเลง ในจ.กันดาล รวมถึงบางส่วนของเมืองตาเขมา และอ.บาตี จ.ตาแก้ว โดยสนามบินได้รับการออกแบบให้รองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ เช่น แอร์บัส A380 และโบอิ้ง 747 ซึ่งเบื้องต้นมีขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสาร 13 ล้านคนต่อปี • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000017879 • #MGROnline #สนามบินนานาชาติเตโช
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรณีของ บ่อนคาสิโน ไม่ว่าจะแสดงความเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ก็ยากที่จะบอกได้ว่าประชาชนทั่วไปได้เข้าใจถึงประโยชน์และโทษอย่างถ่องแท้หรือไม่ หากอายุเราพอๆกัน จะจำได้ว่า “เอ็นเตอเทนเม็นท์คอมเพล็กซ์” (แปลง่ายๆว่าจะให้คนมาประมูลเปิดบ่อนดึงเงินเข้าประเทศ) นั้นถูกเสนอมาตั้งแต่รัฐบาล ทักษิณ ในปี พ.ศ. 2544-2545 แต่กระแสก็แผ่ว ตอนนั้น มีพ่อของ รัฐมนตรีท่องเที่ยว บอกว่าจะให้เอาโรงแรมแอมบาสเดอร์พัทยานั่นแหละเป็นพื้นที่นำร่องเพราะตรงตามความต้องการดี และ ไม่นานกระแสก็แผ่วเพราะภาคประชาสังคมต่อต้านอย่างมาก ปีนี้ปี พ.ศ. 2568 พ่อนายก ก็ยังขุดของเก่ามาขายอีกมั้งๆที่น่าจะมีกรณีศึกษามาแล้วพอสมควรแก่การละ และ วาง

    การที่ประเทศไทย ไม่มีคาสิโนถูกกฎหมายในทุกวันนี้ กอรป กับการที่ ตำรวจกลายเป็นหน่วยงานที่ถูกระบุว่ามีการคอร์รัปชั่นสูงสุด ยกตัวอย่างเป็นกรณีศึกษา ในตอนที่เขียนไว้ข้างต้น ตัรายงานการสำรวจจาก รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ และคณะทำงาน ระบุว่าส่วยตำรวจจากบ่อนการพนันทั่วประเทศในปี พ.ศ. 2544 น่าจะอยู่ระหว่าง 6 พัน 6 ร้อยล้าน ถึง 1 หมื่น 3 พันล้านบาท ทั้งนี้ยังไม่นับการคอรัปชั่นในรูปแบบอื่นๆอีก ก็เพราะเงินจำนวนมหาศาล นี้เอง ที่ทำให้การฉ้อราษฏร์บังหลวง มันหอมหวานมาก คำถามในเวลานั้นคือถ้ามีบ่อนคาสิโนถูกกฎหมาย ปัญหานี้จะแก้ได้หรือไม่? นี่ยังคงเป็นคำถามเดียวกันที่เราต้องถามในปัจจุบัน ไม่ใช่ ว่าจะลดบ่อนเถื่อนได้หรือไม่ !

    และก็มีไอ้ประเภทชอบอ้างถึง มาเก๊า สิงค์โปร์ ลาสเวกัส (แต่ไม่ยักอ้างถึงฟิลิปปินส์หรือญี่ปุ่น) …ในเรื่องการเปิดเอ็นเตอเทนเม็นท์คอมเพล็กซ์ (บ่อน) - ฟิลิปปินส์ปีที่ผ่านมานี้รัฐบาลบอกว่าภาคอุตสาหกรรมเกมมิ่ง (การพนัน) ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำดีมาก แต่ ..ประชาชนติดการพนันทั้งประเทศ .. ญี่ปุ่นมีกฎหมายดังกล่าวตั้งแต่ ค.ศ. 2016 แต่ถึงปัจจุบันก็ยังมองจากการศึกษาถอดบทเรียนว่าได้ไม่คุ้มเสีย …จีน บอกแล้วประชาชนออกไปเล่นนอกประเทศ มีความเสี่ยง มีค่าใช้จ่าย เป็นกำแพง แต่กลับมาในประเทศห้ามมีเด็ดขาดเพราะการที่ประชาชนติดการพนันสร้างทรัพยากรมนุษย์ที่ไม่มีคุณภาพ …สิงค์โปร์ กฏหมายต่อต้านคอรัปชั่นรุนแรง กำแพงการเข้าถึงสูง ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐและครอบครัวใกล้ชิดห้ามข้องแวะโดยเด็ดขาด…มาเก๊าประเทศมีอะไรนอกจากเอ็นเตอเทนเม็นท์คอมเพล็กซ์? …ลาสเวกัสและการพนันเสรีในสหรัฐ..ดูประเทศเขาตอนนี้สิ รัฐเนวาดาของสหรัฐอเมริกา ที่ตั้งของลาสเวกัส เมืองบ่อนการพนันที่ใหญ่ที่สุดในโลก พบว่าอัตราการฆ่า ตัวตายของรัฐฯ สูงที่สุดในอเมริกา อัตราการล้มละลายสูงถึงร้อยละ 50 หรือที่เมืองเดดวูด รัฐดาโกตา หลังจากให้เปิดคาสิโนเพียง 2 ปี พบการทารุณกรรมเด็กเพิ่มขึ้นร้อยละ 43 การใช้ความรุนแรงในครอบครัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 80 อัตราการฆ่าตัวตายของสามี-ภรรยาที่เล่นพนันสม่ำยิ่งน่าตกใจ มันมากกว่าอัตราเฉลี่ยของทั้งประเทศถึง 150 เท่า!!

    ถ้ามีบ่อนคาสิโนถูกกฎหมาย ปัญหาเหล่านี้ของประเทศไทย ที่ทุกวันนี้ มีแต่ข่าว ลูกฆ่าพ่อ พ่อฆ่าลูก ผัวฆ่าเมีย แม่ฆ่ายกครัว เจ้าหนี้โหดทวงหนี้ฆ่ายกบ้าน จะเพิ่มขึ้นหรือไม่? (หรือทุกวันนี้ มันก็มีแฝงกับบ่อนเถื่อนต่างๆ อยู่แล้ว?)

    ปัจจุบันนี้ เรามีรัฐบาลแบบนี้ เรามีฝ่ายค้านแบบนี้ จะมีหรือไม่มีก็ได้ว่าไหม?
    กรณีของ บ่อนคาสิโน ไม่ว่าจะแสดงความเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ก็ยากที่จะบอกได้ว่าประชาชนทั่วไปได้เข้าใจถึงประโยชน์และโทษอย่างถ่องแท้หรือไม่ หากอายุเราพอๆกัน จะจำได้ว่า “เอ็นเตอเทนเม็นท์คอมเพล็กซ์” (แปลง่ายๆว่าจะให้คนมาประมูลเปิดบ่อนดึงเงินเข้าประเทศ) นั้นถูกเสนอมาตั้งแต่รัฐบาล ทักษิณ ในปี พ.ศ. 2544-2545 แต่กระแสก็แผ่ว ตอนนั้น มีพ่อของ รัฐมนตรีท่องเที่ยว บอกว่าจะให้เอาโรงแรมแอมบาสเดอร์พัทยานั่นแหละเป็นพื้นที่นำร่องเพราะตรงตามความต้องการดี และ ไม่นานกระแสก็แผ่วเพราะภาคประชาสังคมต่อต้านอย่างมาก ปีนี้ปี พ.ศ. 2568 พ่อนายก ก็ยังขุดของเก่ามาขายอีกมั้งๆที่น่าจะมีกรณีศึกษามาแล้วพอสมควรแก่การละ และ วาง การที่ประเทศไทย ไม่มีคาสิโนถูกกฎหมายในทุกวันนี้ กอรป กับการที่ ตำรวจกลายเป็นหน่วยงานที่ถูกระบุว่ามีการคอร์รัปชั่นสูงสุด ยกตัวอย่างเป็นกรณีศึกษา ในตอนที่เขียนไว้ข้างต้น ตัรายงานการสำรวจจาก รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ และคณะทำงาน ระบุว่าส่วยตำรวจจากบ่อนการพนันทั่วประเทศในปี พ.ศ. 2544 น่าจะอยู่ระหว่าง 6 พัน 6 ร้อยล้าน ถึง 1 หมื่น 3 พันล้านบาท ทั้งนี้ยังไม่นับการคอรัปชั่นในรูปแบบอื่นๆอีก ก็เพราะเงินจำนวนมหาศาล นี้เอง ที่ทำให้การฉ้อราษฏร์บังหลวง มันหอมหวานมาก คำถามในเวลานั้นคือถ้ามีบ่อนคาสิโนถูกกฎหมาย ปัญหานี้จะแก้ได้หรือไม่? นี่ยังคงเป็นคำถามเดียวกันที่เราต้องถามในปัจจุบัน ไม่ใช่ ว่าจะลดบ่อนเถื่อนได้หรือไม่ ! และก็มีไอ้ประเภทชอบอ้างถึง มาเก๊า สิงค์โปร์ ลาสเวกัส (แต่ไม่ยักอ้างถึงฟิลิปปินส์หรือญี่ปุ่น) …ในเรื่องการเปิดเอ็นเตอเทนเม็นท์คอมเพล็กซ์ (บ่อน) - ฟิลิปปินส์ปีที่ผ่านมานี้รัฐบาลบอกว่าภาคอุตสาหกรรมเกมมิ่ง (การพนัน) ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำดีมาก แต่ ..ประชาชนติดการพนันทั้งประเทศ .. ญี่ปุ่นมีกฎหมายดังกล่าวตั้งแต่ ค.ศ. 2016 แต่ถึงปัจจุบันก็ยังมองจากการศึกษาถอดบทเรียนว่าได้ไม่คุ้มเสีย …จีน บอกแล้วประชาชนออกไปเล่นนอกประเทศ มีความเสี่ยง มีค่าใช้จ่าย เป็นกำแพง แต่กลับมาในประเทศห้ามมีเด็ดขาดเพราะการที่ประชาชนติดการพนันสร้างทรัพยากรมนุษย์ที่ไม่มีคุณภาพ …สิงค์โปร์ กฏหมายต่อต้านคอรัปชั่นรุนแรง กำแพงการเข้าถึงสูง ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐและครอบครัวใกล้ชิดห้ามข้องแวะโดยเด็ดขาด…มาเก๊าประเทศมีอะไรนอกจากเอ็นเตอเทนเม็นท์คอมเพล็กซ์? …ลาสเวกัสและการพนันเสรีในสหรัฐ..ดูประเทศเขาตอนนี้สิ รัฐเนวาดาของสหรัฐอเมริกา ที่ตั้งของลาสเวกัส เมืองบ่อนการพนันที่ใหญ่ที่สุดในโลก พบว่าอัตราการฆ่า ตัวตายของรัฐฯ สูงที่สุดในอเมริกา อัตราการล้มละลายสูงถึงร้อยละ 50 หรือที่เมืองเดดวูด รัฐดาโกตา หลังจากให้เปิดคาสิโนเพียง 2 ปี พบการทารุณกรรมเด็กเพิ่มขึ้นร้อยละ 43 การใช้ความรุนแรงในครอบครัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 80 อัตราการฆ่าตัวตายของสามี-ภรรยาที่เล่นพนันสม่ำยิ่งน่าตกใจ มันมากกว่าอัตราเฉลี่ยของทั้งประเทศถึง 150 เท่า!! ถ้ามีบ่อนคาสิโนถูกกฎหมาย ปัญหาเหล่านี้ของประเทศไทย ที่ทุกวันนี้ มีแต่ข่าว ลูกฆ่าพ่อ พ่อฆ่าลูก ผัวฆ่าเมีย แม่ฆ่ายกครัว เจ้าหนี้โหดทวงหนี้ฆ่ายกบ้าน จะเพิ่มขึ้นหรือไม่? (หรือทุกวันนี้ มันก็มีแฝงกับบ่อนเถื่อนต่างๆ อยู่แล้ว?) ปัจจุบันนี้ เรามีรัฐบาลแบบนี้ เรามีฝ่ายค้านแบบนี้ จะมีหรือไม่มีก็ได้ว่าไหม?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 365 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักเพาะกาย..ชาวฟิลิปปินส์
    สร้าง MACHINE GYM (ทุกชนิด) ไว้ใช้เอง...ง่ายมาก
    นักเพาะกาย..ชาวฟิลิปปินส์ สร้าง MACHINE GYM (ทุกชนิด) ไว้ใช้เอง...ง่ายมาก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • รัฐบาลตะบี้ตะบัน จะผลักดันให้ไทยมีกาสิโน แต่ปิดตาข้างหนึ่งไม่มองผลร้ายจากการที่เคยเปิดมาก่อน อย่างประเทศฟิลิปปินส์

    #ต้านเปิดกาสิโน #ฟิลิปปินส์เจ็บปวดสาหัส #กาสิโนฟิลิปปินส์ #เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    รัฐบาลตะบี้ตะบัน จะผลักดันให้ไทยมีกาสิโน แต่ปิดตาข้างหนึ่งไม่มองผลร้ายจากการที่เคยเปิดมาก่อน อย่างประเทศฟิลิปปินส์ #ต้านเปิดกาสิโน #ฟิลิปปินส์เจ็บปวดสาหัส #กาสิโนฟิลิปปินส์ #เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    Love
    Angry
    19
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1894 มุมมอง 28 1 รีวิว
  • พนมเปญปั้นวอล์กกิ้งสตรีท รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

    กรุงพนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชา เปิดโครงการถนนคนเดินแห่งใหม่ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2568 ตามแนวท่าเรือสีโสวัตถิ์ ริมแม่น้ำโตนเลสาป ครอบคลุมตั้งแต่อาคารไปรษณีย์กัมพูชา ถึงพระบรมราชวัง โดยปิดถนนห้ามยานพาหนะทุกชนิดเข้า ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 18.00-23.00 น. สัญจรได้เฉพาะคนเดินเท่านั้น พร้อมจัดให้มีห้องน้ำและจัดถนนให้เป็นระเบียบ รวมทั้งจัดให้มีการแสดงทางวัฒนธรรม เช่น ดนตรีพื้นเมืองเขมร พื้นที่วาดภาพ และการแสดงละครสัตว์

    ในระยะแรก ถนนคนเดินใหม่ของกรุงพนมเปญ แบ่งออกเป็น 3 โซน รวมพื้นที่ 57 เฮกตาร์ ได้แก่ โซนแรก พื้นที่ 3.3 เฮกตาร์ ใกล้กับอาคารไปรษณีย์กัมพูชา เป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ โซนที่สอง พื้นที่ 20 เฮกตาร์ เป็นพื้นที่ธุรกิจกลางคืน มีร้านอาหาร บาร์ โรงแรม ร้านค้าต่างๆ และโซนสุดท้าย พื้นที่ 34 เฮกตาร์ เป็นโซนใหญ่ที่สุด ประกอบไปด้วยตลาดเสื้อผ้า และพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจตามธรรมชาติพร้อมสวนสาธารณะ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กัมพูชา พระบรมราชวัง และทุ่งพระเมรุ

    นายควง เซร็ง ผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ เปิดเผยกับ Khmer Times สื่อในกัมพูชาว่า กรุงพนมเปญได้วางแผนทำโครงการถนนคนเดินตั้งแต่ปี 2562 แต่เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ต้องระงับไป ภายหลังรัฐบาลได้มีคำสั่งให้ฝ่ายบริหารของเทศบาลฯ ส่งเสริมการดำเนินงาน ทำให้กลับมาทำโครงการอีกครั้ง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวกัมพูชาและชาวต่างชาติให้มาเยือนกรุงพนมเปญมากขึ้น

    ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวของกัมพูชา ระบุว่า ในปี 2567 ที่ผ่านมา กัมพูชาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6.7 ล้านคน สร้างรายได้ประมาณ 3,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 121,248 ล้านบาท โดยพบว่าคนไทยมาเที่ยวมากถึง 32% รองลงมาคือเวียดนาม 20% จีน 12.7% ลาว 5% สหรัฐอเมริกา 3.2% เกาหลีใต้ 2.9% อินโดนีเซีย 2.5% ฝรั่งเศส 2% สหราชอาณาจักร 1.7% และญี่ปุ่น 1.7% ส่วนมากเดินทางผ่านชายแดนกับทางน้ำ 4 ล้านคน และผ่านท่าอากาศยาน 2 ล้านคน

    นายฮวด ฮะ รมว.ท่องเที่ยวกัมพูชา เปิดเผยกับ Cam Ness สื่อในกัมพูชาว่า ได้ขอให้ประเทศบัลแกเรีย โรมาเนีย กรีซ ไซปรัส เบลเยียม ออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก บรูไน และฟิลิปปินส์ สนับสนุนกัมพูชาเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำ แม้คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวโดยรวมอาจลดลง แต่เหตุชาวจีนถูกลักพาตัวที่ประเทศไทย เป็นปัจจัยที่อาจดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนให้มาเยือนกัมพูชามากขึ้น คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีน 1.1 ล้านคนในปี 2568 จากปี 2567 มีจำนวน 840,000 คน เพิ่มขึ้น 55% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

    #Newskit
    พนมเปญปั้นวอล์กกิ้งสตรีท รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ กรุงพนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชา เปิดโครงการถนนคนเดินแห่งใหม่ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2568 ตามแนวท่าเรือสีโสวัตถิ์ ริมแม่น้ำโตนเลสาป ครอบคลุมตั้งแต่อาคารไปรษณีย์กัมพูชา ถึงพระบรมราชวัง โดยปิดถนนห้ามยานพาหนะทุกชนิดเข้า ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 18.00-23.00 น. สัญจรได้เฉพาะคนเดินเท่านั้น พร้อมจัดให้มีห้องน้ำและจัดถนนให้เป็นระเบียบ รวมทั้งจัดให้มีการแสดงทางวัฒนธรรม เช่น ดนตรีพื้นเมืองเขมร พื้นที่วาดภาพ และการแสดงละครสัตว์ ในระยะแรก ถนนคนเดินใหม่ของกรุงพนมเปญ แบ่งออกเป็น 3 โซน รวมพื้นที่ 57 เฮกตาร์ ได้แก่ โซนแรก พื้นที่ 3.3 เฮกตาร์ ใกล้กับอาคารไปรษณีย์กัมพูชา เป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ โซนที่สอง พื้นที่ 20 เฮกตาร์ เป็นพื้นที่ธุรกิจกลางคืน มีร้านอาหาร บาร์ โรงแรม ร้านค้าต่างๆ และโซนสุดท้าย พื้นที่ 34 เฮกตาร์ เป็นโซนใหญ่ที่สุด ประกอบไปด้วยตลาดเสื้อผ้า และพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจตามธรรมชาติพร้อมสวนสาธารณะ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กัมพูชา พระบรมราชวัง และทุ่งพระเมรุ นายควง เซร็ง ผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ เปิดเผยกับ Khmer Times สื่อในกัมพูชาว่า กรุงพนมเปญได้วางแผนทำโครงการถนนคนเดินตั้งแต่ปี 2562 แต่เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ต้องระงับไป ภายหลังรัฐบาลได้มีคำสั่งให้ฝ่ายบริหารของเทศบาลฯ ส่งเสริมการดำเนินงาน ทำให้กลับมาทำโครงการอีกครั้ง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวกัมพูชาและชาวต่างชาติให้มาเยือนกรุงพนมเปญมากขึ้น ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวของกัมพูชา ระบุว่า ในปี 2567 ที่ผ่านมา กัมพูชาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6.7 ล้านคน สร้างรายได้ประมาณ 3,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 121,248 ล้านบาท โดยพบว่าคนไทยมาเที่ยวมากถึง 32% รองลงมาคือเวียดนาม 20% จีน 12.7% ลาว 5% สหรัฐอเมริกา 3.2% เกาหลีใต้ 2.9% อินโดนีเซีย 2.5% ฝรั่งเศส 2% สหราชอาณาจักร 1.7% และญี่ปุ่น 1.7% ส่วนมากเดินทางผ่านชายแดนกับทางน้ำ 4 ล้านคน และผ่านท่าอากาศยาน 2 ล้านคน นายฮวด ฮะ รมว.ท่องเที่ยวกัมพูชา เปิดเผยกับ Cam Ness สื่อในกัมพูชาว่า ได้ขอให้ประเทศบัลแกเรีย โรมาเนีย กรีซ ไซปรัส เบลเยียม ออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก บรูไน และฟิลิปปินส์ สนับสนุนกัมพูชาเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำ แม้คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวโดยรวมอาจลดลง แต่เหตุชาวจีนถูกลักพาตัวที่ประเทศไทย เป็นปัจจัยที่อาจดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนให้มาเยือนกัมพูชามากขึ้น คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีน 1.1 ล้านคนในปี 2568 จากปี 2567 มีจำนวน 840,000 คน เพิ่มขึ้น 55% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 516 มุมมอง 0 รีวิว
  • "Trump ได้ประกาศแผนการในการเข้าครอบครองตำแหน่งที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนชื่อ 'อ่าวเม็กซิโก' (Gulf of Mexico) เป็น 'อ่าวอเมริกา' (Gulf of America), การประกาศจะเข้ายึดคืนคลองปานามา..., การประกาศจะเข้ายึดครองเกาะกรีนแลนด์ และการเรียกร้องให้ประเทศแคนาดาลดสถานะตนเองลงมาเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐอเมริกา หรือ แม้แต่การประกาศโครงการส่งนักบินอวกาศสหรัฐฯ ไปปักธงชาติสหรัฐฯ บนดาวอังคาร"
    .
    "ในมุมมองทางภูมิรัฐศาสตร์ สิ่งที่ Trump พยายามจะทำให้เกิดขึ้นอีกครั้งคือการสร้างจักรวรรดินิยมสหรัฐอเมริกาที่มีการเชื่อมโยงสองมหาสมุทรเป็นแกนกลางตามทฤษฎีสมุททานุภาพ (Sea Power) ซึ่งมีใจความสำคัญคือ 'ประเทศที่จะเป็นมหาอำนาจต้องสามารถควบคุมทะเลและมหาสมุทรได้ ดังนั้นการควบคุม Oceans Gateways ซึ่งเชื่อมสองมหาสมุทรเข้าด้วยกันจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง และการจะทำสิ่งนั้นได้ความสำคัญอันดับแรกคือการขยายแสนยานุภาพให้กับกองทัพเรือ'”
    .
    "แนวคิดสมุททานุภาพได้รับการนำเสนอโดยอัลเฟรด ธาเยอร์ มาฮาน (Alfred Thayer Mahan) ผ่านการตีพิมพ์หนังสือ 'The Influence of Sea Power upon History 1660-1783' ในปี 1890 ซึ่งทำให้ Mahan ได้รับการขนานนามว่า 'นักยุทธศาสตร์อเมริกันที่มีความสำคัญมากที่สุดในศตวรรษที่ 19' เพราะในที่สุดทฤษฎีสมุททานุภาพก็กลายเป็นยุทธศาสตร์หลักของวิลเลียม แมกคินลีย์ (William McKinley) ประธานาธิบดีคนที่ 25 ของสหรัฐฯ ที่ดำรงตำแหน่งในช่วงปี 1897-1901"
    .
    "McKinley คือประธานาธิบดีที่นำพาสหรัฐฯ ขึ้นสู่ความเป็นจักรวรรดินิยมโดยการเข้ายึดครอง และ/หรือรับการส่งมอบดินแดนอาณานิคมจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นฮาวาย, กวม, ปวยร์โตรีโก, ฟิลิปปินส์ หรือแม้แต่คิวบา ที่แม้จะได้รับเอกราชจากสเปนแต่ก็ต้องยอมรับสถานะการเป็นดินแดนในอารักขาของสหรัฐฯ"
    .
    "McKinley ถือเป็นบุคคลสำคัญที่วางแนวนโยบายการขยายแสนยานุภาพของกองทัพเรือสหรัฐฯ ขนานใหญ่ การวางตำแหน่งทำเลที่ตั้งทางยุทธศาสตร์เพื่อสร้างฐานทัพเรือไม่ใช่แค่ตามพรมแดนชายฝั่งสหรัฐฯ เท่านั้น หากแต่เป็นการปักหมุดทั่วทั้งโลก ทั้งยังริเริ่มแนวคิดในการเชื่อมสองฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกสู่มหาสมุทรแอนแลนติกผ่านการขุดคลองปานามา โดยการวางแผนทางการเงินเพื่อจัดสรรเงินทุนมหาศาลสำหรับสหรัฐฯ ในการขยายแสนยานุภาพ และการจ่ายเพื่อสนับสนุนความริเริ่มเหล่านี้ก็ล้วนมาจากการที่ McKinley ใช้นโยบายการค้าแบบปกป้องคุ้มกัน สร้างกำแพงภาษี"
    .
    "นั่นทำให้ McKinley คนนี้กลายเป็นไอดอลหรือบุคคลต้นแบบที่ Trump ได้กล่าวถึงในหลายวาระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสุนทรพจน์หลังสาบานตนเข้ารับตำแหน่งที่เขาชื่นชม McKinley อย่างยิ่งว่าเป็นประธานาธิบดีที่ยิ่งใหญ่"
    .
    ปิติ ศรีแสงนาม เปิดมุมมองยุทธศาสตร์ภูมิรัฐศาสตร์โลกของประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump ที่ได้แรงบันดาลใจจากอดีตประธานาธิบดี William McKinley
    .
    อ่านได้ที่ https://www.the101.world/amidst-the-two-oceans-1/
    .
    ภาพประกอบ: พิรุฬพร นามมูลน้อย
    "Trump ได้ประกาศแผนการในการเข้าครอบครองตำแหน่งที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนชื่อ 'อ่าวเม็กซิโก' (Gulf of Mexico) เป็น 'อ่าวอเมริกา' (Gulf of America), การประกาศจะเข้ายึดคืนคลองปานามา..., การประกาศจะเข้ายึดครองเกาะกรีนแลนด์ และการเรียกร้องให้ประเทศแคนาดาลดสถานะตนเองลงมาเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐอเมริกา หรือ แม้แต่การประกาศโครงการส่งนักบินอวกาศสหรัฐฯ ไปปักธงชาติสหรัฐฯ บนดาวอังคาร" . "ในมุมมองทางภูมิรัฐศาสตร์ สิ่งที่ Trump พยายามจะทำให้เกิดขึ้นอีกครั้งคือการสร้างจักรวรรดินิยมสหรัฐอเมริกาที่มีการเชื่อมโยงสองมหาสมุทรเป็นแกนกลางตามทฤษฎีสมุททานุภาพ (Sea Power) ซึ่งมีใจความสำคัญคือ 'ประเทศที่จะเป็นมหาอำนาจต้องสามารถควบคุมทะเลและมหาสมุทรได้ ดังนั้นการควบคุม Oceans Gateways ซึ่งเชื่อมสองมหาสมุทรเข้าด้วยกันจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง และการจะทำสิ่งนั้นได้ความสำคัญอันดับแรกคือการขยายแสนยานุภาพให้กับกองทัพเรือ'” . "แนวคิดสมุททานุภาพได้รับการนำเสนอโดยอัลเฟรด ธาเยอร์ มาฮาน (Alfred Thayer Mahan) ผ่านการตีพิมพ์หนังสือ 'The Influence of Sea Power upon History 1660-1783' ในปี 1890 ซึ่งทำให้ Mahan ได้รับการขนานนามว่า 'นักยุทธศาสตร์อเมริกันที่มีความสำคัญมากที่สุดในศตวรรษที่ 19' เพราะในที่สุดทฤษฎีสมุททานุภาพก็กลายเป็นยุทธศาสตร์หลักของวิลเลียม แมกคินลีย์ (William McKinley) ประธานาธิบดีคนที่ 25 ของสหรัฐฯ ที่ดำรงตำแหน่งในช่วงปี 1897-1901" . "McKinley คือประธานาธิบดีที่นำพาสหรัฐฯ ขึ้นสู่ความเป็นจักรวรรดินิยมโดยการเข้ายึดครอง และ/หรือรับการส่งมอบดินแดนอาณานิคมจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นฮาวาย, กวม, ปวยร์โตรีโก, ฟิลิปปินส์ หรือแม้แต่คิวบา ที่แม้จะได้รับเอกราชจากสเปนแต่ก็ต้องยอมรับสถานะการเป็นดินแดนในอารักขาของสหรัฐฯ" . "McKinley ถือเป็นบุคคลสำคัญที่วางแนวนโยบายการขยายแสนยานุภาพของกองทัพเรือสหรัฐฯ ขนานใหญ่ การวางตำแหน่งทำเลที่ตั้งทางยุทธศาสตร์เพื่อสร้างฐานทัพเรือไม่ใช่แค่ตามพรมแดนชายฝั่งสหรัฐฯ เท่านั้น หากแต่เป็นการปักหมุดทั่วทั้งโลก ทั้งยังริเริ่มแนวคิดในการเชื่อมสองฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกสู่มหาสมุทรแอนแลนติกผ่านการขุดคลองปานามา โดยการวางแผนทางการเงินเพื่อจัดสรรเงินทุนมหาศาลสำหรับสหรัฐฯ ในการขยายแสนยานุภาพ และการจ่ายเพื่อสนับสนุนความริเริ่มเหล่านี้ก็ล้วนมาจากการที่ McKinley ใช้นโยบายการค้าแบบปกป้องคุ้มกัน สร้างกำแพงภาษี" . "นั่นทำให้ McKinley คนนี้กลายเป็นไอดอลหรือบุคคลต้นแบบที่ Trump ได้กล่าวถึงในหลายวาระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสุนทรพจน์หลังสาบานตนเข้ารับตำแหน่งที่เขาชื่นชม McKinley อย่างยิ่งว่าเป็นประธานาธิบดีที่ยิ่งใหญ่" . ปิติ ศรีแสงนาม เปิดมุมมองยุทธศาสตร์ภูมิรัฐศาสตร์โลกของประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump ที่ได้แรงบันดาลใจจากอดีตประธานาธิบดี William McKinley . อ่านได้ที่ https://www.the101.world/amidst-the-two-oceans-1/ . ภาพประกอบ: พิรุฬพร นามมูลน้อย
    WWW.THE101.WORLD
    Amidst the Two Oceans ตอนที่ 1: ว่าด้วยบุคคลต้นแบบของ Donald Trump
    ปิติ ศรีแสงนาม เปิดมุมมองยุทธศาสตร์ภูมิรัฐศาสตร์โลกของประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump ที่ได้แรงบันดาลใจจากอดีตประธานาธิบดีคนหนึ่ง
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 429 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้บล็อกแอปพลิเคชัน Android ที่มีความเสี่ยงจำนวน 2.36 ล้านแอปจาก Play Store ในปี 2024 เนื่องจากการละเมิดนโยบายที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ นอกจากนี้ยังมีการแบนบัญชีนักพัฒนาจำนวน 158,000 บัญชีที่พยายามเผยแพร่แอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย เช่น มัลแวร์และสปายแวร์บน Play Store

    การบล็อกแอปพลิเคชันที่มีความเสี่ยงในปี 2024 มีจำนวนมากกว่าปี 2023 ที่บล็อกแอปพลิเคชันจำนวน 2.28 ล้านแอป และปี 2022 ที่บล็อกแอปพลิเคชันจำนวน 1.5 ล้านแอป การเพิ่มขึ้นของจำนวนแอปพลิเคชันที่ถูกบล็อกในปี 2024 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการใช้ AI ในการช่วยตรวจสอบแอปพลิเคชัน ซึ่งใช้ใน 92% ของกรณีที่มีการละเมิด

    Google รายงานว่าได้ป้องกันแอปพลิเคชันจำนวน 1.3 ล้านแอปจากการขอสิทธิ์ที่เกินความจำเป็น ซึ่งอาจทำให้แอปพลิเคชันเหล่านี้เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้โดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ Google Play Protect ซึ่งเป็นระบบความปลอดภัยในตัวของ Android ได้รับการอัปเกรดอย่างมีนัยสำคัญในปี 2024 เพื่อเพิ่มการป้องกันแบบเรียลไทม์ต่อแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย การหลอกลวง และการฉ้อโกง แม้กระทั่งแอปพลิเคชันที่ติดตั้งจากนอก Play Store

    ในปี 2024 การสแกนแอปพลิเคชันของ Google Play Protect ได้ตรวจพบแอปพลิเคชันมัลแวร์ใหม่มากกว่า 13 ล้านแอปที่มาจากนอก Play Store นอกจากนี้ นักพัฒนายังได้รับเครื่องมือใหม่เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับแอปพลิเคชันของตนจาก SDK ที่เป็นอันตรายและการละเมิด

    สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ ระบบการบล็อกการติดตั้ง APK ที่ไม่น่าเชื่อถือของ Google ซึ่งเปิดตัวเป็นการทดลองในสิงคโปร์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ได้ขยายไปยังประเทศอื่นๆ เช่น บราซิล ฮ่องกง อินเดีย เคนยา ไนจีเรีย ฟิลิปปินส์ แอฟริกาใต้ ไทย และเวียดนาม ความสำเร็จของระบบนี้ในปี 2024 แสดงให้เห็นถึงการหยุดการติดตั้งแอปพลิเคชันที่เป็นอันตรายจำนวน 36 ล้านครั้งจากแอปพลิเคชันที่ไม่ซ้ำกัน 200,000 แอปในอุปกรณ์ Android จำนวน 10 ล้านเครื่อง

    การป้องกันของ Google ต่อแอปพลิเคชันที่เป็นอันตรายมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงมีช่องโหว่ในด้านความปลอดภัย ผู้ใช้ควรระมัดระวังและเชื่อถือเฉพาะผู้เผยแพร่ที่มีชื่อเสียงเท่านั้น รวมถึงตรวจสอบและยกเลิกสิทธิ์การใช้งานแอปพลิเคชันที่มีความเสี่ยง และให้แน่ใจว่า Google Play Protect ทำงานอยู่ตลอดเวลา

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/google-blocked-236-million-risky-android-apps-from-play-store-in-2024/
    Google ได้บล็อกแอปพลิเคชัน Android ที่มีความเสี่ยงจำนวน 2.36 ล้านแอปจาก Play Store ในปี 2024 เนื่องจากการละเมิดนโยบายที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ นอกจากนี้ยังมีการแบนบัญชีนักพัฒนาจำนวน 158,000 บัญชีที่พยายามเผยแพร่แอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย เช่น มัลแวร์และสปายแวร์บน Play Store การบล็อกแอปพลิเคชันที่มีความเสี่ยงในปี 2024 มีจำนวนมากกว่าปี 2023 ที่บล็อกแอปพลิเคชันจำนวน 2.28 ล้านแอป และปี 2022 ที่บล็อกแอปพลิเคชันจำนวน 1.5 ล้านแอป การเพิ่มขึ้นของจำนวนแอปพลิเคชันที่ถูกบล็อกในปี 2024 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการใช้ AI ในการช่วยตรวจสอบแอปพลิเคชัน ซึ่งใช้ใน 92% ของกรณีที่มีการละเมิด Google รายงานว่าได้ป้องกันแอปพลิเคชันจำนวน 1.3 ล้านแอปจากการขอสิทธิ์ที่เกินความจำเป็น ซึ่งอาจทำให้แอปพลิเคชันเหล่านี้เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของผู้ใช้โดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ Google Play Protect ซึ่งเป็นระบบความปลอดภัยในตัวของ Android ได้รับการอัปเกรดอย่างมีนัยสำคัญในปี 2024 เพื่อเพิ่มการป้องกันแบบเรียลไทม์ต่อแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย การหลอกลวง และการฉ้อโกง แม้กระทั่งแอปพลิเคชันที่ติดตั้งจากนอก Play Store ในปี 2024 การสแกนแอปพลิเคชันของ Google Play Protect ได้ตรวจพบแอปพลิเคชันมัลแวร์ใหม่มากกว่า 13 ล้านแอปที่มาจากนอก Play Store นอกจากนี้ นักพัฒนายังได้รับเครื่องมือใหม่เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับแอปพลิเคชันของตนจาก SDK ที่เป็นอันตรายและการละเมิด สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ ระบบการบล็อกการติดตั้ง APK ที่ไม่น่าเชื่อถือของ Google ซึ่งเปิดตัวเป็นการทดลองในสิงคโปร์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ได้ขยายไปยังประเทศอื่นๆ เช่น บราซิล ฮ่องกง อินเดีย เคนยา ไนจีเรีย ฟิลิปปินส์ แอฟริกาใต้ ไทย และเวียดนาม ความสำเร็จของระบบนี้ในปี 2024 แสดงให้เห็นถึงการหยุดการติดตั้งแอปพลิเคชันที่เป็นอันตรายจำนวน 36 ล้านครั้งจากแอปพลิเคชันที่ไม่ซ้ำกัน 200,000 แอปในอุปกรณ์ Android จำนวน 10 ล้านเครื่อง การป้องกันของ Google ต่อแอปพลิเคชันที่เป็นอันตรายมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงมีช่องโหว่ในด้านความปลอดภัย ผู้ใช้ควรระมัดระวังและเชื่อถือเฉพาะผู้เผยแพร่ที่มีชื่อเสียงเท่านั้น รวมถึงตรวจสอบและยกเลิกสิทธิ์การใช้งานแอปพลิเคชันที่มีความเสี่ยง และให้แน่ใจว่า Google Play Protect ทำงานอยู่ตลอดเวลา https://www.bleepingcomputer.com/news/security/google-blocked-236-million-risky-android-apps-from-play-store-in-2024/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Google blocked 2.36 million risky Android apps from Play Store in 2024
    Google blocked 2.3 million Android app submissions to the Play Store in 2024 due to violations of its policies that made them potentially risky for users.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 386 มุมมอง 0 รีวิว
  • รื้อฟื้น ตม.6 ออนไลน์ ต่างชาติเข้าไทยต้องกรอก

    ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2568 เป็นต้นไป ชาวต่างชาติทุกคนที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทย จะต้องกรอกแบบฟอร์มที่เรียกว่า TM6 หรือ ตม.6 ผ่านช่องทางออนไลน์ก่อนเข้าประเทศไทย ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมประชาสัมพันธ์ขั้นตอนดังกล่าว หลังการขยายเวลายกเว้นการยื่นแบบ ตม. 6 ที่บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองเป็นการชั่วคราวทั้งด่านทางบกและทางน้ำ รวม 16 ด่าน จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 เม.ย. 2568 ที่จะถึงนี้

    แบบฟอร์ม ตม.6 (TM6) คือแบบรายการของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบและติดตามคนต่างด้าว และรักษาความมั่นคงของประเทศ ที่ผ่านมาคนไทยได้รับการยกเว้นไม่ต้องกรอกบัตรขาออกและบัตรขาเข้า มาตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2560 ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อแก้ปัญหาคอขวด ลดความล่าช้าในการเข้าออกเมือง เพราะข้อมูลคนไทยตรวจสอบได้จากทะเบียนราษฎรอยู่แล้ว

    กระทั่งกระทรวงมหาดไทยได้ยกเว้นการยื่นแบบ ตม.6 สำหรับชาวต่างชาติมาตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. 2565 โดยเริ่มจากทางอากาศก่อน ต่อมาวันที่ 1 พ.ย. 2566 ได้ยกเว้นที่ด่านพรมแดนสะเดา จ.สงขลา ซึ่งตรงกับช่วงฤดูการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย กระทั่งวันที่ 15 เม.ย. 2567 ขยายเพิ่มอีก 12 จุดทั้งทางบกและทางน้ำ เฉพาะที่เดินทางมากับเรือสำราญและกีฬา (เรือยอร์ช) และปัจจุบันขยายเวลาถึงวันที่ 30 เม.ย. 2568 ได้แก่ ด่านทางบก 8 ด่าน และด่านทางน้ำ 8 ด่าน

    น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ว่า แบบฟอร์ม ตม.6 ออนไลน์ จะช่วยติดตามนักท่องเที่ยวขณะอยู่ในประเทศไทย เพิ่มความมั่นใจต่อความปลอดภัย ซึ่งในวันที่ 31 ม.ค. จะประชุมร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สายการบิน โรงแรม และบริษัทนำเที่ยว เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมและช่วยประชาสัมพันธ์ขั้นตอนดังกล่าวให้ชาวต่างชาติทราบอีกด้วย

    อนึ่ง บางประเทศในภูมิภาคอาเซียน มีมาตรการให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่กรอกแบบฟอร์มขาเข้าดิจิทัลก่อนเข้าประเทศ เช่น SG Arrival Card (SGAC) ของสิงคโปร์, eTravel ของฟิลิปปินส์, E-Arrival Card ของบรูไน, Malaysia Digital Arrival Card (MDAC) ของมาเลเซีย และ Cambodia e-Arrival ของกัมพูชา (เฉพาะสนามบินพนมเปญและเสียมราฐ) ส่วนอินโดนีเซียกรอกแบบฟอร์มสำแดงต่อศุลกากร Indonesian Customs Declaration (e-CD) และใบอนุญาตสุขภาพ SATUSEHAT (SSHP) ขณะที่เวียดนาม ลาว และเมียนมา ยังคงใช้แบบฟอร์มบัตรขาเข้าเมืองกระดาษ

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    รื้อฟื้น ตม.6 ออนไลน์ ต่างชาติเข้าไทยต้องกรอก ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2568 เป็นต้นไป ชาวต่างชาติทุกคนที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทย จะต้องกรอกแบบฟอร์มที่เรียกว่า TM6 หรือ ตม.6 ผ่านช่องทางออนไลน์ก่อนเข้าประเทศไทย ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมประชาสัมพันธ์ขั้นตอนดังกล่าว หลังการขยายเวลายกเว้นการยื่นแบบ ตม. 6 ที่บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองเป็นการชั่วคราวทั้งด่านทางบกและทางน้ำ รวม 16 ด่าน จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 เม.ย. 2568 ที่จะถึงนี้ แบบฟอร์ม ตม.6 (TM6) คือแบบรายการของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบและติดตามคนต่างด้าว และรักษาความมั่นคงของประเทศ ที่ผ่านมาคนไทยได้รับการยกเว้นไม่ต้องกรอกบัตรขาออกและบัตรขาเข้า มาตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2560 ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อแก้ปัญหาคอขวด ลดความล่าช้าในการเข้าออกเมือง เพราะข้อมูลคนไทยตรวจสอบได้จากทะเบียนราษฎรอยู่แล้ว กระทั่งกระทรวงมหาดไทยได้ยกเว้นการยื่นแบบ ตม.6 สำหรับชาวต่างชาติมาตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. 2565 โดยเริ่มจากทางอากาศก่อน ต่อมาวันที่ 1 พ.ย. 2566 ได้ยกเว้นที่ด่านพรมแดนสะเดา จ.สงขลา ซึ่งตรงกับช่วงฤดูการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย กระทั่งวันที่ 15 เม.ย. 2567 ขยายเพิ่มอีก 12 จุดทั้งทางบกและทางน้ำ เฉพาะที่เดินทางมากับเรือสำราญและกีฬา (เรือยอร์ช) และปัจจุบันขยายเวลาถึงวันที่ 30 เม.ย. 2568 ได้แก่ ด่านทางบก 8 ด่าน และด่านทางน้ำ 8 ด่าน น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ว่า แบบฟอร์ม ตม.6 ออนไลน์ จะช่วยติดตามนักท่องเที่ยวขณะอยู่ในประเทศไทย เพิ่มความมั่นใจต่อความปลอดภัย ซึ่งในวันที่ 31 ม.ค. จะประชุมร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สายการบิน โรงแรม และบริษัทนำเที่ยว เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมและช่วยประชาสัมพันธ์ขั้นตอนดังกล่าวให้ชาวต่างชาติทราบอีกด้วย อนึ่ง บางประเทศในภูมิภาคอาเซียน มีมาตรการให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่กรอกแบบฟอร์มขาเข้าดิจิทัลก่อนเข้าประเทศ เช่น SG Arrival Card (SGAC) ของสิงคโปร์, eTravel ของฟิลิปปินส์, E-Arrival Card ของบรูไน, Malaysia Digital Arrival Card (MDAC) ของมาเลเซีย และ Cambodia e-Arrival ของกัมพูชา (เฉพาะสนามบินพนมเปญและเสียมราฐ) ส่วนอินโดนีเซียกรอกแบบฟอร์มสำแดงต่อศุลกากร Indonesian Customs Declaration (e-CD) และใบอนุญาตสุขภาพ SATUSEHAT (SSHP) ขณะที่เวียดนาม ลาว และเมียนมา ยังคงใช้แบบฟอร์มบัตรขาเข้าเมืองกระดาษ #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 663 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืนยันเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สั่งระงับอย่างครอบคลุมเงินช่วยเหลือที่มอบแก่ต่างประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอกย้ำนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน"
    .
    "ผมระงับการจ้างงานรัฐบาลกลาง ระงับกฎเกณฑ์รัฐบาลกลาง และระงับเงินช่วยเหลือต่างประเทศ" ทรัมป์บอกกับฝูงชนผู้สนับสนุนลาสเวกัสเมื่อวันเสาร์(25ม.ค.) "และผมจัดตั้งกระทรวงฯใหม่ กระทรวงกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล และเรากำลังจะมีคนดีๆมากมาย"
    .
    ไม่นานหลังจากสาบานตนรับตำแหน่งในวันจันทร์ที่ 20 มกราคม ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งบริหารระงับโครงการช่วยเหลือพัฒนาต่างประเทศทั้งหมดเป็นเวลา 90 วัน โดยระหว่างนี้จะดำเนินการทบทวนเพื่อสรุปว่าโครงการช่วยเหลือเหล่านั้นสอดคล้องกับเป้าหมายต่างๆในนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" หรือไม่
    .
    ระหว่างการรณรงค์หาเสียง ทรัมป์ประกาศว่าจะปรับลดการใช้จ่ายที่ไม่ก่อประโยชน์ และปรับโฟกัสของรัฐบาลให้กันมาใส่ใจกับประเด็นภายในประเทศ อย่างเช่นตัวเลขหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ และต่อสู้จัดการกับพวกผู้อพยพผิดกฎหมาย
    .
    ในวันเสาร์(25ม.ค.) มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ออกบันทึกฉบับหนึ่ง ระงับการเบิกจ่ายเงินผ่านกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐฯ(USAID) แต่มีข้อยกเว้นให้บางส่วน ในนั้นรวมถึงความช่วยเหลือด้านการทหารที่ป้อนแก่อิสราเอลและอียิปต์
    .
    ก่อนหน้านี้ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ(22ม.ค.) รูบิโอ กล่าวว่า "ทุกๆดอลลาร์ที่เราใช้จ่าย ทุกๆโครงการที่เราให้เงินสนับสนุน และทุกๆนโยบายที่เราเสาะหา จำเป็นต้องมีความชอบธรรม ด้วยคำตอบใน 3 คำถามง่ายๆ นั่นคือ มันทำให้อเมริกาปลอดภัยขึ้นหรือไม่ มันทำให้อเมริกาเข้มแข็งขึ้นหรือเปล่า และมันทำให้อเมริกาเจริญรุ่งเรืองหรือไม่"
    .
    แม้รายงานข่าวก่อนหน้านี้ระบุกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ อ้างว่าการระงับเงินช่วยเหลือจะไม่ส่งผลกระทบต่อาวุธที่ส่งมอบแก่ยูเครน แต่สื่อมวลชนหลายแห่งรายงานว่าบันทึกของรูบิโอ ไม่ได้พาดพิงถึงข้อยกเว้นใดๆสำหรับเงินช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนและพันธมิตรหลักอื่นๆ อย่างเช่นไต้หวันและบรรดาชาติสมาชิกนาโต
    .
    ที่ผ่านมา ทรัมป์ วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน บ่อยครั้ง สำหรับการส่งมอบความช่วยเหลือหลายหมื่้นล้านดอลลาร์แก่ยูเครน พร้อมสัญญาว่าจะผลักดันให้หาทางออกทางการทูตแทน ในวิกฤตความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน
    .
    อดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสของสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ เปิดเผยโดยไม่ขอระบุนามว่า คำสั่งของ ทรัมป์จะทำให้หลายองค์กรต้องหยุดกิจกรรมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบริการด้านสุขภาพที่อาจช่วยชีวิตคน การรักษาเอชไอวี โภชนาการ สุขภาพแม่และเด็ก งานด้านการเกษตร การสนับสนุนองค์กรประชาสังคม และด้านการศึกษา
    .
    ตัวเลขจากรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า อเมริกาคือผู้บริจาคเงินช่วยเหลือต่างประเทศรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยพวกเขาบริจาคเงินกว่า 6.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.28 ล้านล้านบาท) ในปี 2023 โดยอิสราเอลได้รับเงินช่วยเหลือทางทหารปีละ 3.3 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่อียิปต์ได้รับ 1.3 พันล้านดอลลาร์
    .
    บรรดาประเทศและดินแดนที่จะได้รับเงินสนับสนุนในลักษณะเดียวกันในปี 2025 ได้แก่ ยูเครน จอร์เจีย เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย ไต้หวัน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย เวียดนาม จิบูติ โคลอมเบียมปานามา เอกวาดอร์ อิสราเอล อียิปต์ และจอร์แดน ตามคำขอของรัฐบาลไบเดนที่ยื่นต่อสภาคองเกรส
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008314
    ..............
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืนยันเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สั่งระงับอย่างครอบคลุมเงินช่วยเหลือที่มอบแก่ต่างประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอกย้ำนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" . "ผมระงับการจ้างงานรัฐบาลกลาง ระงับกฎเกณฑ์รัฐบาลกลาง และระงับเงินช่วยเหลือต่างประเทศ" ทรัมป์บอกกับฝูงชนผู้สนับสนุนลาสเวกัสเมื่อวันเสาร์(25ม.ค.) "และผมจัดตั้งกระทรวงฯใหม่ กระทรวงกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล และเรากำลังจะมีคนดีๆมากมาย" . ไม่นานหลังจากสาบานตนรับตำแหน่งในวันจันทร์ที่ 20 มกราคม ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งบริหารระงับโครงการช่วยเหลือพัฒนาต่างประเทศทั้งหมดเป็นเวลา 90 วัน โดยระหว่างนี้จะดำเนินการทบทวนเพื่อสรุปว่าโครงการช่วยเหลือเหล่านั้นสอดคล้องกับเป้าหมายต่างๆในนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" หรือไม่ . ระหว่างการรณรงค์หาเสียง ทรัมป์ประกาศว่าจะปรับลดการใช้จ่ายที่ไม่ก่อประโยชน์ และปรับโฟกัสของรัฐบาลให้กันมาใส่ใจกับประเด็นภายในประเทศ อย่างเช่นตัวเลขหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ และต่อสู้จัดการกับพวกผู้อพยพผิดกฎหมาย . ในวันเสาร์(25ม.ค.) มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ออกบันทึกฉบับหนึ่ง ระงับการเบิกจ่ายเงินผ่านกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐฯ(USAID) แต่มีข้อยกเว้นให้บางส่วน ในนั้นรวมถึงความช่วยเหลือด้านการทหารที่ป้อนแก่อิสราเอลและอียิปต์ . ก่อนหน้านี้ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ(22ม.ค.) รูบิโอ กล่าวว่า "ทุกๆดอลลาร์ที่เราใช้จ่าย ทุกๆโครงการที่เราให้เงินสนับสนุน และทุกๆนโยบายที่เราเสาะหา จำเป็นต้องมีความชอบธรรม ด้วยคำตอบใน 3 คำถามง่ายๆ นั่นคือ มันทำให้อเมริกาปลอดภัยขึ้นหรือไม่ มันทำให้อเมริกาเข้มแข็งขึ้นหรือเปล่า และมันทำให้อเมริกาเจริญรุ่งเรืองหรือไม่" . แม้รายงานข่าวก่อนหน้านี้ระบุกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ อ้างว่าการระงับเงินช่วยเหลือจะไม่ส่งผลกระทบต่อาวุธที่ส่งมอบแก่ยูเครน แต่สื่อมวลชนหลายแห่งรายงานว่าบันทึกของรูบิโอ ไม่ได้พาดพิงถึงข้อยกเว้นใดๆสำหรับเงินช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนและพันธมิตรหลักอื่นๆ อย่างเช่นไต้หวันและบรรดาชาติสมาชิกนาโต . ที่ผ่านมา ทรัมป์ วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน บ่อยครั้ง สำหรับการส่งมอบความช่วยเหลือหลายหมื่้นล้านดอลลาร์แก่ยูเครน พร้อมสัญญาว่าจะผลักดันให้หาทางออกทางการทูตแทน ในวิกฤตความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน . อดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสของสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ เปิดเผยโดยไม่ขอระบุนามว่า คำสั่งของ ทรัมป์จะทำให้หลายองค์กรต้องหยุดกิจกรรมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบริการด้านสุขภาพที่อาจช่วยชีวิตคน การรักษาเอชไอวี โภชนาการ สุขภาพแม่และเด็ก งานด้านการเกษตร การสนับสนุนองค์กรประชาสังคม และด้านการศึกษา . ตัวเลขจากรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า อเมริกาคือผู้บริจาคเงินช่วยเหลือต่างประเทศรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยพวกเขาบริจาคเงินกว่า 6.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.28 ล้านล้านบาท) ในปี 2023 โดยอิสราเอลได้รับเงินช่วยเหลือทางทหารปีละ 3.3 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่อียิปต์ได้รับ 1.3 พันล้านดอลลาร์ . บรรดาประเทศและดินแดนที่จะได้รับเงินสนับสนุนในลักษณะเดียวกันในปี 2025 ได้แก่ ยูเครน จอร์เจีย เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย ไต้หวัน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย เวียดนาม จิบูติ โคลอมเบียมปานามา เอกวาดอร์ อิสราเอล อียิปต์ และจอร์แดน ตามคำขอของรัฐบาลไบเดนที่ยื่นต่อสภาคองเกรส . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008314 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Sad
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1478 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มีคำสั่งระงับความช่วยเหลือต่างประเทศแก่ประเทศต่างๆทั้งหมด ยกเว้นอิสราเอลและอียิปต์

    “จะไม่มีข้อผูกมัดเงินทุนใหม่ใดๆเกิดขึ้น หรือแม้แต่การขยายขอบเขตระยะเวลาการสนับสนุนเงินทุนต่างๆ จนกว่าจะมีการพิจารณาใหม่อีกครั้ง” ข้อความจากรายงานบางส่วนตามบันทึกภายในถึงเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ

    แต่บันทึกดังกล่าวได้ระบุข้อยกเว้นสำหรับความช่วยเหลือด้านการทหารแก่อิสราเอล ซึ่งแพ็คเกจอาวุธหลักที่สหรัฐฯ มอบให้มาอย่างยาวนานได้ขยายเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่สงครามกาซา และอียิปต์ ซึ่งได้รับเงินทุนด้านการป้องกันประเทศจากสหรัฐฯ จำนวนมากตั้งแต่ลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพกับอิสราเอลในปี 2522

    อิสราเอลได้รับเงินทุนทางทหารจากต่างประเทศประมาณ 3.3 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ในขณะที่อียิปต์ได้รับประมาณ 1.3 พันล้านดอลลาร์

    แต่ขอบเขตของคำสั่งดังกล่าวยังไม่ชัดเจนว่าเงินทุนใดที่จะถูกตัดออก เนื่องจากรัฐสภาสหรัฐฯ เป็นผู้กำหนดงบประมาณของรัฐบาลกลาง

    สำหรับประเทศอื่นๆ ที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนดังกล่าวในปี 2025 จากการอนมุัติของรัฐบาลไบเดนได้แก่ ยูเครน ไทย จอร์เจีย เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย ไต้หวัน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม จิบูตี โคลอมเบีย ปานามา เอกวาดอร์ อิสราเอล อียิปต์ และจอร์แดน

    เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAid) กล่าวว่านี่ “เป็นความโกลาหลครั้งใหญ่ องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องหยุดกิจกรรมทั้งหมด ดังนั้นบริการด้านสุขภาพที่ช่วยชีวิตได้ทั้งหมด เอชไอวี/เอดส์ โภชนาการ สุขภาพแม่และเด็ก งานเกษตรทั้งหมด การสนับสนุนองค์กรภาคประชาสังคมทั้งหมด การศึกษา”

    เป็นที่น่าสังเกตว่า เจ้าหน้าที่คนดังกล่าว ไม่ยอมเอ่ยถึงเงินทุนของสหรัฐที่ผ่าน USAid ในรูปแบบโครงการเพื่อพัฒนาประชาธิบไตยของแต่ละประเทศ ก็ถูกระงับด้วยเช่นกัน เป็นที่ทราบกันดีว่า เงินสนับสนุนในส่วนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความขัดแย้งในแต่ละประเทศโดยผ่านชื่อโครงการอันสวยหรู
    มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มีคำสั่งระงับความช่วยเหลือต่างประเทศแก่ประเทศต่างๆทั้งหมด ยกเว้นอิสราเอลและอียิปต์ “จะไม่มีข้อผูกมัดเงินทุนใหม่ใดๆเกิดขึ้น หรือแม้แต่การขยายขอบเขตระยะเวลาการสนับสนุนเงินทุนต่างๆ จนกว่าจะมีการพิจารณาใหม่อีกครั้ง” ข้อความจากรายงานบางส่วนตามบันทึกภายในถึงเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แต่บันทึกดังกล่าวได้ระบุข้อยกเว้นสำหรับความช่วยเหลือด้านการทหารแก่อิสราเอล ซึ่งแพ็คเกจอาวุธหลักที่สหรัฐฯ มอบให้มาอย่างยาวนานได้ขยายเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่สงครามกาซา และอียิปต์ ซึ่งได้รับเงินทุนด้านการป้องกันประเทศจากสหรัฐฯ จำนวนมากตั้งแต่ลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพกับอิสราเอลในปี 2522 อิสราเอลได้รับเงินทุนทางทหารจากต่างประเทศประมาณ 3.3 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ในขณะที่อียิปต์ได้รับประมาณ 1.3 พันล้านดอลลาร์ แต่ขอบเขตของคำสั่งดังกล่าวยังไม่ชัดเจนว่าเงินทุนใดที่จะถูกตัดออก เนื่องจากรัฐสภาสหรัฐฯ เป็นผู้กำหนดงบประมาณของรัฐบาลกลาง สำหรับประเทศอื่นๆ ที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนดังกล่าวในปี 2025 จากการอนมุัติของรัฐบาลไบเดนได้แก่ ยูเครน ไทย จอร์เจีย เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย ไต้หวัน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม จิบูตี โคลอมเบีย ปานามา เอกวาดอร์ อิสราเอล อียิปต์ และจอร์แดน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAid) กล่าวว่านี่ “เป็นความโกลาหลครั้งใหญ่ องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องหยุดกิจกรรมทั้งหมด ดังนั้นบริการด้านสุขภาพที่ช่วยชีวิตได้ทั้งหมด เอชไอวี/เอดส์ โภชนาการ สุขภาพแม่และเด็ก งานเกษตรทั้งหมด การสนับสนุนองค์กรภาคประชาสังคมทั้งหมด การศึกษา” เป็นที่น่าสังเกตว่า เจ้าหน้าที่คนดังกล่าว ไม่ยอมเอ่ยถึงเงินทุนของสหรัฐที่ผ่าน USAid ในรูปแบบโครงการเพื่อพัฒนาประชาธิบไตยของแต่ละประเทศ ก็ถูกระงับด้วยเช่นกัน เป็นที่ทราบกันดีว่า เงินสนับสนุนในส่วนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความขัดแย้งในแต่ละประเทศโดยผ่านชื่อโครงการอันสวยหรู
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 409 มุมมอง 0 รีวิว
  • K PLUS เปิดระบบ สแกนจ่ายที่มาเลเซีย

    หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) เปิดบริการเชื่อมโยงระบบชำระเงินข้ามประเทศ (Cross-border Payment) มาตั้งแต่เดือน มิ.ย.2564 นอกจากลูกค้าธนาคารและอีวอลเล็ตจากมาเลเซีย โดยเฉพาะสถาบันการเงินรายใหญ่ MayBank และ Touch ’n Go สามารถสแกนจ่ายผ่านพร้อมเพย์คิวอาร์โค้ด (PromptPay QR Code) ที่ร้านค้าในไทยทั้งผ่านป้ายคิวอาร์โค้ด แอปพลิเคชันรับเงินสำหรับร้านค้า หรือบนหน้าจอเครื่องรับบัตร (EDC) ได้แล้ว ลูกค้าแอปพลิเคชันธนาคารในไทย ก็สามารถสแกนจ่ายผ่าน DuitNow QR ในประเทศมาเลเซียได้เช่นกัน

    โดยลูกค้า Krungthai NEXT ธนาคารกรุงไทย, Bangkok Bank ธนาคารกรุงเทพ, Krungsri App ธนาคารกรุงศรี และ CIMB THAI ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย สแกนจ่าย DuitNow QR จากพาร์ทเนอร์ร้านค้า (Merchant Partner) ของ Ambank, Boost, CIMB, Hong Leong Bank, Maybank, Public Bank, Razer Merchant Services, Touch ’n Go, และ United Overseas Bank Malaysia (UOB) โดยสังเกตโลโก้บริเวณป้าย Standee Tab หรือเครื่อง EDC ของผู้ให้บริการเหล่านั้น

    ยังคงเหลือเจ้าตลาดโมบายแบงกิ้งอย่าง K PLUS ธนาคารกสิกรไทย ที่มีผู้ใช้งาน 22.8 ล้านราย จากเดิมสแกนจ่ายได้เฉพาะร้านค้า UnionPay QR Payment ในมาเลเซีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านค้าชั้นนำ ล่าสุดสามารถสแกนจ่าย DuitNow QR จาก Merchant Partner ที่ร่วมรายการได้แล้ว แต่ใช้ระบบประมวลผลของ Alipay+ โดยระบบจะแปลงหน่วยเงินอัตโนมัติ คิดอัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลาขณะนั้น และไม่มีค่าธรรมเนียมอีกด้วย

    สำหรับระบบประมวลผลของ Alipay+ บริษัทเพย์เน็ต (PayNet) ผู้ให้บริการระบบ DuitNow ร่วมกับ Ant Group ร่วมมือเชื่อมระบบการชำระเงินกับอี-วอลเล็ตชั้นนำมาตั้งแต่ปลายปี 2566 ปัจจุบันนักท่องเที่ยวสามารถใช้ระบบ Alipay+ สแกนจ่ายที่ร้านค้า DuitNow QR ในมาเลเซียกว่า 1.8 ล้านแห่ง ได้แก่ Alipay (จีน) AlipayHK (ฮ่องกง) HelloMoney by AUB (ฟิลิปปินส์) Hipay (มองโกเลีย) MPay (มาเก๊า) Naver Pay & Toss Pay (เกาหลีใต้)

    รวมทั้ง TrueMoney ของไทย ที่มีผู้ใช้งาน 34 ล้านราย สามารถชำระเงินผ่าน QR Code ของ Alipay+ หรือสแกนผ่าน DuitNow QR ที่ร้านค้าในมาเลเซียได้เช่นกัน

    นับตั้งแต่เดือน ม.ค. ถึง พ.ย.2567 มาเลเซียมีนักท่องเที่ยวมาเยือน 34.15 ล้านคน มาจากสิงคโปร์มากที่สุด 16.84 ล้านคน รองลงมาคือ อินโดนีเซีย 3.71 ล้านคน จีน 3.43 ล้านคน ไทย 2.07 ล้านคน และบรูไน 1.56 ล้านคน ส่วนประเทศไทย ในปี 2567 (ม.ค. ถึง ธ.ค.2567) มีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย 4.95 ล้านคน เป็นอันดับสองรองจากจีน 6.73 ล้านคน

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    K PLUS เปิดระบบ สแกนจ่ายที่มาเลเซีย หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) เปิดบริการเชื่อมโยงระบบชำระเงินข้ามประเทศ (Cross-border Payment) มาตั้งแต่เดือน มิ.ย.2564 นอกจากลูกค้าธนาคารและอีวอลเล็ตจากมาเลเซีย โดยเฉพาะสถาบันการเงินรายใหญ่ MayBank และ Touch ’n Go สามารถสแกนจ่ายผ่านพร้อมเพย์คิวอาร์โค้ด (PromptPay QR Code) ที่ร้านค้าในไทยทั้งผ่านป้ายคิวอาร์โค้ด แอปพลิเคชันรับเงินสำหรับร้านค้า หรือบนหน้าจอเครื่องรับบัตร (EDC) ได้แล้ว ลูกค้าแอปพลิเคชันธนาคารในไทย ก็สามารถสแกนจ่ายผ่าน DuitNow QR ในประเทศมาเลเซียได้เช่นกัน โดยลูกค้า Krungthai NEXT ธนาคารกรุงไทย, Bangkok Bank ธนาคารกรุงเทพ, Krungsri App ธนาคารกรุงศรี และ CIMB THAI ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย สแกนจ่าย DuitNow QR จากพาร์ทเนอร์ร้านค้า (Merchant Partner) ของ Ambank, Boost, CIMB, Hong Leong Bank, Maybank, Public Bank, Razer Merchant Services, Touch ’n Go, และ United Overseas Bank Malaysia (UOB) โดยสังเกตโลโก้บริเวณป้าย Standee Tab หรือเครื่อง EDC ของผู้ให้บริการเหล่านั้น ยังคงเหลือเจ้าตลาดโมบายแบงกิ้งอย่าง K PLUS ธนาคารกสิกรไทย ที่มีผู้ใช้งาน 22.8 ล้านราย จากเดิมสแกนจ่ายได้เฉพาะร้านค้า UnionPay QR Payment ในมาเลเซีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านค้าชั้นนำ ล่าสุดสามารถสแกนจ่าย DuitNow QR จาก Merchant Partner ที่ร่วมรายการได้แล้ว แต่ใช้ระบบประมวลผลของ Alipay+ โดยระบบจะแปลงหน่วยเงินอัตโนมัติ คิดอัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลาขณะนั้น และไม่มีค่าธรรมเนียมอีกด้วย สำหรับระบบประมวลผลของ Alipay+ บริษัทเพย์เน็ต (PayNet) ผู้ให้บริการระบบ DuitNow ร่วมกับ Ant Group ร่วมมือเชื่อมระบบการชำระเงินกับอี-วอลเล็ตชั้นนำมาตั้งแต่ปลายปี 2566 ปัจจุบันนักท่องเที่ยวสามารถใช้ระบบ Alipay+ สแกนจ่ายที่ร้านค้า DuitNow QR ในมาเลเซียกว่า 1.8 ล้านแห่ง ได้แก่ Alipay (จีน) AlipayHK (ฮ่องกง) HelloMoney by AUB (ฟิลิปปินส์) Hipay (มองโกเลีย) MPay (มาเก๊า) Naver Pay & Toss Pay (เกาหลีใต้) รวมทั้ง TrueMoney ของไทย ที่มีผู้ใช้งาน 34 ล้านราย สามารถชำระเงินผ่าน QR Code ของ Alipay+ หรือสแกนผ่าน DuitNow QR ที่ร้านค้าในมาเลเซียได้เช่นกัน นับตั้งแต่เดือน ม.ค. ถึง พ.ย.2567 มาเลเซียมีนักท่องเที่ยวมาเยือน 34.15 ล้านคน มาจากสิงคโปร์มากที่สุด 16.84 ล้านคน รองลงมาคือ อินโดนีเซีย 3.71 ล้านคน จีน 3.43 ล้านคน ไทย 2.07 ล้านคน และบรูไน 1.56 ล้านคน ส่วนประเทศไทย ในปี 2567 (ม.ค. ถึง ธ.ค.2567) มีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย 4.95 ล้านคน เป็นอันดับสองรองจากจีน 6.73 ล้านคน #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 666 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกมเก็บเหรียญ Jagat น่าสงสัยความเสี่ยงสูง

    Jagat ภาษาอินโดนีเซียแปลว่าจักรวาล ระบุตัวเองว่าเป็นแอปพลิเคชันค้นหาครอบครัวและเพื่อน แต่มีกิจกรรมที่ชื่อว่า Jagat Coin Hunt เปิดให้ทำภารกิจล่าเหรียญเมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ และเชียงราย โดยนำเหรียญที่จัดทำขึ้นไปซุกซ่อนตามสถานที่ต่างๆ แล้วให้คนที่เล่นเกมไปตามหาเหรียญบนแผนที่ เปิดระบบตั้งแต่เวลา 08.00-24.00 น. เมื่อพบเหรียญจะต้องกรอกรหัสบนเหรียญ ถ่ายคลิปและภาพนิ่งลงในติ๊กต็อกพร้อมแฮชแท็กที่กำหนด จะได้เงินรางวัลตั้งแต่ 500 บาท ถึง 200,000 บาท

    เมื่อมีการโปรโมตเกมผ่านติ๊กต็อก ทำให้วัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา คนทำงาน รวมทั้งคนที่ทำอาชีพอิสระ เช่น ไรเดอร์ ออกตามหาเหรียญโดยรวมตัวกันในสถานที่ซึ่งถูกบอกใบ้ว่ามีเหรียญซ่อนอยู่จำนวนมาก และบุกรุกพื้นที่ส่วนบุคคลสร้างความเดือดร้อนรำคาญ หรือบางคนรื้อสถานที่สาธารณะทั้งต้นไม้ใบหญ้า งัดฝาท่อ งัดอิฐตัวหนอน งัดเก้าอี้ ทรัพย์สินเสียหาย ที่น่าเป็นห่วงคือเยาวชนต่างโดดเรียนเพื่อตามหาเหรียญโดยไม่บอกผู้ปกครอง ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายต่อสังคม

    แอปพลิเคชัน Jagat พัฒนาโดยบริษัท JAGAT TECHNOLOGY PTE. LTD. จดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์ ใช้ที่อยู่ในอาคาร OUE Downtown ข้อมูลจาก RocketReach ระบุว่าประธานบริษัทคือ Barry Beagen อยู่ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย และซีอีโอคือ Xing Loy อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ มีพนักงานจำนวน 19 คน จากการค้นหาเว็บไซต์ LinkedIn พบว่าพนักงานมีทั้งอยู่ในอินโดนีเซีย ประเทศจีน (เมืองเฉินตู มณฑลเสฉวน) สิงคโปร์ ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม แต่ไม่พบว่าจดทะเบียนหรือประกอบธุรกิจในประเทศไทย

    ที่น่าเป็นห่วงก็คือ จากการนำเสนอข่าวของสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 พบว่าไม่ชอบมาพากลหลายเรื่อง อาทิ การให้เสียเงินจำนวนมากเพื่อบอกคำใบ้ที่ซ่อนเหรียญ เริ่มต้นที่ 149 บาท ถ้าต้องการคำใบ้เพิ่ม ต้องซื้อเพิ่มตั้งแต่ 29 ถึง 300 บาท ซึ่งมีเยาวชนจำนวนมากเสียเงินเพื่อซื้อคำใบ้ ส่วนผู้สื่อข่าวพอพบเหรียญกลับถูกยกเลิกเพราะผู้ดูแลระบบรู้ว่าเป็นผู้สื่อข่าว การเพิ่มเพื่อนที่พบว่ามีข้อมูลส่วนบุคคลหลายอย่าง อีกฝ่ายสามารถติดตามได้ถ้าเสียเงินสมัครสมาชิก ทั้งการเคลื่อนย้าย พิกัดโลเกชัน การใช้โทรศัพท์ การชาร์จแบตเตอรี แม้กระทั่งการนอนหลับและการตื่นนอน ซึ่งเป็นอันตรายสำหรับคนที่ประสงค์ร้ายต่อเด็ก

    ล่าสุดพบว่าการโอนเงินรางวัลผ่านทรูวอลเล็ตไม่ใช่บัญชีบริษัท แต่เป็นบุคคลสัญชาติไทย และมีผู้ได้รับเงินรางวัลรายหนึ่ง ไปให้การกับตำรวจไซเบอร์ตามหมายเรียก แล้วถูกผู้ดูแลระบบตัดออกจากเกม

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    เกมเก็บเหรียญ Jagat น่าสงสัยความเสี่ยงสูง Jagat ภาษาอินโดนีเซียแปลว่าจักรวาล ระบุตัวเองว่าเป็นแอปพลิเคชันค้นหาครอบครัวและเพื่อน แต่มีกิจกรรมที่ชื่อว่า Jagat Coin Hunt เปิดให้ทำภารกิจล่าเหรียญเมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ และเชียงราย โดยนำเหรียญที่จัดทำขึ้นไปซุกซ่อนตามสถานที่ต่างๆ แล้วให้คนที่เล่นเกมไปตามหาเหรียญบนแผนที่ เปิดระบบตั้งแต่เวลา 08.00-24.00 น. เมื่อพบเหรียญจะต้องกรอกรหัสบนเหรียญ ถ่ายคลิปและภาพนิ่งลงในติ๊กต็อกพร้อมแฮชแท็กที่กำหนด จะได้เงินรางวัลตั้งแต่ 500 บาท ถึง 200,000 บาท เมื่อมีการโปรโมตเกมผ่านติ๊กต็อก ทำให้วัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา คนทำงาน รวมทั้งคนที่ทำอาชีพอิสระ เช่น ไรเดอร์ ออกตามหาเหรียญโดยรวมตัวกันในสถานที่ซึ่งถูกบอกใบ้ว่ามีเหรียญซ่อนอยู่จำนวนมาก และบุกรุกพื้นที่ส่วนบุคคลสร้างความเดือดร้อนรำคาญ หรือบางคนรื้อสถานที่สาธารณะทั้งต้นไม้ใบหญ้า งัดฝาท่อ งัดอิฐตัวหนอน งัดเก้าอี้ ทรัพย์สินเสียหาย ที่น่าเป็นห่วงคือเยาวชนต่างโดดเรียนเพื่อตามหาเหรียญโดยไม่บอกผู้ปกครอง ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายต่อสังคม แอปพลิเคชัน Jagat พัฒนาโดยบริษัท JAGAT TECHNOLOGY PTE. LTD. จดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์ ใช้ที่อยู่ในอาคาร OUE Downtown ข้อมูลจาก RocketReach ระบุว่าประธานบริษัทคือ Barry Beagen อยู่ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย และซีอีโอคือ Xing Loy อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ มีพนักงานจำนวน 19 คน จากการค้นหาเว็บไซต์ LinkedIn พบว่าพนักงานมีทั้งอยู่ในอินโดนีเซีย ประเทศจีน (เมืองเฉินตู มณฑลเสฉวน) สิงคโปร์ ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม แต่ไม่พบว่าจดทะเบียนหรือประกอบธุรกิจในประเทศไทย ที่น่าเป็นห่วงก็คือ จากการนำเสนอข่าวของสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 พบว่าไม่ชอบมาพากลหลายเรื่อง อาทิ การให้เสียเงินจำนวนมากเพื่อบอกคำใบ้ที่ซ่อนเหรียญ เริ่มต้นที่ 149 บาท ถ้าต้องการคำใบ้เพิ่ม ต้องซื้อเพิ่มตั้งแต่ 29 ถึง 300 บาท ซึ่งมีเยาวชนจำนวนมากเสียเงินเพื่อซื้อคำใบ้ ส่วนผู้สื่อข่าวพอพบเหรียญกลับถูกยกเลิกเพราะผู้ดูแลระบบรู้ว่าเป็นผู้สื่อข่าว การเพิ่มเพื่อนที่พบว่ามีข้อมูลส่วนบุคคลหลายอย่าง อีกฝ่ายสามารถติดตามได้ถ้าเสียเงินสมัครสมาชิก ทั้งการเคลื่อนย้าย พิกัดโลเกชัน การใช้โทรศัพท์ การชาร์จแบตเตอรี แม้กระทั่งการนอนหลับและการตื่นนอน ซึ่งเป็นอันตรายสำหรับคนที่ประสงค์ร้ายต่อเด็ก ล่าสุดพบว่าการโอนเงินรางวัลผ่านทรูวอลเล็ตไม่ใช่บัญชีบริษัท แต่เป็นบุคคลสัญชาติไทย และมีผู้ได้รับเงินรางวัลรายหนึ่ง ไปให้การกับตำรวจไซเบอร์ตามหมายเรียก แล้วถูกผู้ดูแลระบบตัดออกจากเกม #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 677 มุมมอง 0 รีวิว
  • ญี่ปุ่นปะทะตะวันตก ชิงเครื่องถอนเงินอิสระมาเลเซีย

    ธนาคารเซเว่นแบงก์ ประเทศญี่ปุ่น ธุรกิจทางการเงินในเครือเซเว่น อีเลฟเว่น เริ่มเข้ามาลงทุนในมาเลเซียเป็นประเทศที่สามในภูมิภาคอาเซียน ต่อจากอินโดนีเซีย ที่ติดตั้งเครื่องเบิกถอนเงินสด ATMi ในร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ อัลฟามาร์ท (Alfamart) และอินโดมาเร็ต (Indomaret) ทั่วประเทศกว่า 9,000 แห่ง และฟิลิปปินส์ ที่ติดตั้งเครื่องฝากและถอนเงินสด (Cash Recycling Machines) หรือ CRM ในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นฟิลิปปินส์ ทั่วประเทศกว่า 3,000 แห่ง

    โดยได้นำเครื่อง CRM ที่สามารถฝากและถอนเงินสดได้ในเครื่องเดียวกัน มาให้บริการในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ภายใต้แบรนด์ รีชฟูล (Reachful) คิดค่าบริการถอนเงินสดในประเทศ 1 ริงกิตต่อรายการ เช่นเดียวกับเอทีเอ็ม MEPS ของมาเลเซีย เริ่มต้นติดตั้งเครื่องแรกที่เมืองราวัง รัฐสลังงอร์ และจะติดตั้งจำนวน 100 เครื่องที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในกรุงกัวลาลัมเปอร์ รัฐสลังงอร์ รัฐยะโฮร์ และรัฐปีนัง ภายในสิ้นปี 2568 ก่อนขยายไปยังซาบาห์ และซาราวักบนเกาะบอร์เนียว รวมทั้งเขตชานเมืองในปี 2569

    นอกจากร้านเซเว่นอีเลฟเว่น มาเลเซีย ที่มีจำนวนสาขาทั่วประเทศกว่า 2,600 แห่งแล้ว รีชฟูลยังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกับซูเปอร์มาร์เก็ต ปั๊มน้ำมัน และสถานที่อื่นๆ เพื่อขยายจุดบริการต่อไป

    แม้ว่ามาเลเซียจะเปลี่ยนธุรกรรมทางการเงินไปสู่ระบบดิจิทัลแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่จากการศึกษาภูมิทัศน์การชำระเงินโดยบริษัทเพย์เน็ต (PayNet) ในปี 2565 พบว่าชาวมาเลเซีย 78% ชอบชำระเงินด้วยเงินสด โดย 48% ใช้เงินสดทุกวัน และเพิ่มขึ้นเกือบ 2 ใน 3 ในพื้นที่ที่ไม่ใช่เขตเมือง และรายงานของบริษัทอิปซอสส์ (Ipsos) ล่าสุดในปี 2567 พบว่าชาวมาเลเซีย 45% ยังคงพึ่งพาเงินสดเพียงอย่างเดียวในการทำธุรกรรมทางการเงิน

    ก่อนหน้านี้ ยูโรเน็ต เวิล์ดไวด์ (Euronet Worldwide) ผู้ให้บริการโซลูชันทางการเงินและการชำระเงินมีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ติดตั้งเครื่องเอทีเอ็มยูโรเน็ต (Euronet) ตั้งแต่ปี 2555 ในฐานะเครือข่ายผู้ติดตั้งเครื่องเอทีเอ็มอิสระ (IAD) และได้ซื้อกิจการเครื่อง ATM ของ MEPS จำนวน 800 เครื่องจากเพย์เน็ต ทำให้ยูโรเน็ตกลายเป็นผู้ให้บริการเครื่องเอทีเอ็มที่ไม่ใช่ธนาคารรายใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย โดยคิดค่าธรรมเนียมถอนเงินสดในประเทศ 1 ริงกิตต่อรายการ

    สำหรับประเทศไทย แม้ในปี 2566 เคาน์เตอร์เซอร์วิส บริษัทในเครือซีพีออลล์ ผู้บริหารร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในไทย เคยร่วมมือกับธนาคารไทยพาณิชย์ ติดตั้งเครื่อง CDM ให้บริการถอนเงิน โอนเงิน และตัวแทนรับฝากเงิน 100 แห่ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    ญี่ปุ่นปะทะตะวันตก ชิงเครื่องถอนเงินอิสระมาเลเซีย ธนาคารเซเว่นแบงก์ ประเทศญี่ปุ่น ธุรกิจทางการเงินในเครือเซเว่น อีเลฟเว่น เริ่มเข้ามาลงทุนในมาเลเซียเป็นประเทศที่สามในภูมิภาคอาเซียน ต่อจากอินโดนีเซีย ที่ติดตั้งเครื่องเบิกถอนเงินสด ATMi ในร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ อัลฟามาร์ท (Alfamart) และอินโดมาเร็ต (Indomaret) ทั่วประเทศกว่า 9,000 แห่ง และฟิลิปปินส์ ที่ติดตั้งเครื่องฝากและถอนเงินสด (Cash Recycling Machines) หรือ CRM ในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นฟิลิปปินส์ ทั่วประเทศกว่า 3,000 แห่ง โดยได้นำเครื่อง CRM ที่สามารถฝากและถอนเงินสดได้ในเครื่องเดียวกัน มาให้บริการในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ภายใต้แบรนด์ รีชฟูล (Reachful) คิดค่าบริการถอนเงินสดในประเทศ 1 ริงกิตต่อรายการ เช่นเดียวกับเอทีเอ็ม MEPS ของมาเลเซีย เริ่มต้นติดตั้งเครื่องแรกที่เมืองราวัง รัฐสลังงอร์ และจะติดตั้งจำนวน 100 เครื่องที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในกรุงกัวลาลัมเปอร์ รัฐสลังงอร์ รัฐยะโฮร์ และรัฐปีนัง ภายในสิ้นปี 2568 ก่อนขยายไปยังซาบาห์ และซาราวักบนเกาะบอร์เนียว รวมทั้งเขตชานเมืองในปี 2569 นอกจากร้านเซเว่นอีเลฟเว่น มาเลเซีย ที่มีจำนวนสาขาทั่วประเทศกว่า 2,600 แห่งแล้ว รีชฟูลยังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกับซูเปอร์มาร์เก็ต ปั๊มน้ำมัน และสถานที่อื่นๆ เพื่อขยายจุดบริการต่อไป แม้ว่ามาเลเซียจะเปลี่ยนธุรกรรมทางการเงินไปสู่ระบบดิจิทัลแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่จากการศึกษาภูมิทัศน์การชำระเงินโดยบริษัทเพย์เน็ต (PayNet) ในปี 2565 พบว่าชาวมาเลเซีย 78% ชอบชำระเงินด้วยเงินสด โดย 48% ใช้เงินสดทุกวัน และเพิ่มขึ้นเกือบ 2 ใน 3 ในพื้นที่ที่ไม่ใช่เขตเมือง และรายงานของบริษัทอิปซอสส์ (Ipsos) ล่าสุดในปี 2567 พบว่าชาวมาเลเซีย 45% ยังคงพึ่งพาเงินสดเพียงอย่างเดียวในการทำธุรกรรมทางการเงิน ก่อนหน้านี้ ยูโรเน็ต เวิล์ดไวด์ (Euronet Worldwide) ผู้ให้บริการโซลูชันทางการเงินและการชำระเงินมีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ติดตั้งเครื่องเอทีเอ็มยูโรเน็ต (Euronet) ตั้งแต่ปี 2555 ในฐานะเครือข่ายผู้ติดตั้งเครื่องเอทีเอ็มอิสระ (IAD) และได้ซื้อกิจการเครื่อง ATM ของ MEPS จำนวน 800 เครื่องจากเพย์เน็ต ทำให้ยูโรเน็ตกลายเป็นผู้ให้บริการเครื่องเอทีเอ็มที่ไม่ใช่ธนาคารรายใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย โดยคิดค่าธรรมเนียมถอนเงินสดในประเทศ 1 ริงกิตต่อรายการ สำหรับประเทศไทย แม้ในปี 2566 เคาน์เตอร์เซอร์วิส บริษัทในเครือซีพีออลล์ ผู้บริหารร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในไทย เคยร่วมมือกับธนาคารไทยพาณิชย์ ติดตั้งเครื่อง CDM ให้บริการถอนเงิน โอนเงิน และตัวแทนรับฝากเงิน 100 แห่ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 501 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาษีศุลกากรเทคโนโลยีที่สหรัฐฯ กำหนดขึ้นมาเพื่อกระตุ้นการผลิตในประเทศนั้น จริงๆ แล้วอาจจะไม่ได้ผลอย่างที่คิด! แม้ว่าภาษีศุลกากรจะมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการผลิตในประเทศ แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกลับแตกต่างออกไป

    บริษัทจีนหลายแห่งไม่ได้สูญเสียส่วนแบ่งตลาด แต่กลับปรับตัวโดยการตั้งโรงงานผลิตในประเทศที่ได้รับการยกเว้นภาษี เช่น ไทย มาเลเซีย และเวียดนาม ตัวอย่างเช่น บริษัทหนึ่งจากจีนตะวันออกที่ขายสายเคเบิลทองแดงและไฟเบอร์ออปติกสำหรับศูนย์ข้อมูล มีโรงงานสองแห่ง หนึ่งในจีนและอีกหนึ่งในไทย โรงงานในไทยถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับลูกค้าสหรัฐฯ โดยเฉพาะ เนื่องจากภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าที่มาจากจีนอยู่ที่ประมาณ 20% แต่ถ้ามาจากไทยจะเป็น 0%

    แม้ว่าราคาสินค้าจากไทยจะสูงกว่าจีนเล็กน้อยเนื่องจากต้องนำเข้าวัตถุดิบจากจีน แต่ก็ยังคุ้มค่ากว่าการจ่ายภาษีศุลกากร 20% นอกจากนี้ยังมีบริษัทอื่นๆ ที่ตั้งโรงงานในมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นของบริษัทจีน

    การเปลี่ยนแปลงนี้อาจจะเป็นประโยชน์ต่อแรงงานไทย แต่ไม่ได้สร้างงานในสหรัฐฯ อย่างที่คาดหวัง จีนได้เตรียมตัวรับมือกับภาษีศุลกากรใหม่ๆ มานานถึงสี่ปี และดูเหมือนว่าพวกเขาจะพร้อมรับมือกับมันได้อย่างดี

    https://www.techspot.com/news/106413-tech-tariffs-waste-time.html
    ภาษีศุลกากรเทคโนโลยีที่สหรัฐฯ กำหนดขึ้นมาเพื่อกระตุ้นการผลิตในประเทศนั้น จริงๆ แล้วอาจจะไม่ได้ผลอย่างที่คิด! แม้ว่าภาษีศุลกากรจะมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการผลิตในประเทศ แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกลับแตกต่างออกไป บริษัทจีนหลายแห่งไม่ได้สูญเสียส่วนแบ่งตลาด แต่กลับปรับตัวโดยการตั้งโรงงานผลิตในประเทศที่ได้รับการยกเว้นภาษี เช่น ไทย มาเลเซีย และเวียดนาม ตัวอย่างเช่น บริษัทหนึ่งจากจีนตะวันออกที่ขายสายเคเบิลทองแดงและไฟเบอร์ออปติกสำหรับศูนย์ข้อมูล มีโรงงานสองแห่ง หนึ่งในจีนและอีกหนึ่งในไทย โรงงานในไทยถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับลูกค้าสหรัฐฯ โดยเฉพาะ เนื่องจากภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าที่มาจากจีนอยู่ที่ประมาณ 20% แต่ถ้ามาจากไทยจะเป็น 0% แม้ว่าราคาสินค้าจากไทยจะสูงกว่าจีนเล็กน้อยเนื่องจากต้องนำเข้าวัตถุดิบจากจีน แต่ก็ยังคุ้มค่ากว่าการจ่ายภาษีศุลกากร 20% นอกจากนี้ยังมีบริษัทอื่นๆ ที่ตั้งโรงงานในมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นของบริษัทจีน การเปลี่ยนแปลงนี้อาจจะเป็นประโยชน์ต่อแรงงานไทย แต่ไม่ได้สร้างงานในสหรัฐฯ อย่างที่คาดหวัง จีนได้เตรียมตัวรับมือกับภาษีศุลกากรใหม่ๆ มานานถึงสี่ปี และดูเหมือนว่าพวกเขาจะพร้อมรับมือกับมันได้อย่างดี https://www.techspot.com/news/106413-tech-tariffs-waste-time.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Are tech tariffs a waste of time?
    At CES 2025, we met a company from Eastern China that sells copper and fiber optic cables for data centers. This is almost a commodity business. There...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • 04-04-62/14 : หมี CNN / ระบอบกษัตริย์ชาติอื่นเป็นยังไง? กูไม่รู้ กูไม่สนใจ? แต่ระบบกษัตริย์ไทย หล่อมว๊าก! หัวใจล้วนๆ เทใจให้ราษฎรแบบที่ไหนในโลกก็ไม่มี? อย่าคิดว่าเหี้ยโปรยเศษเงินมาให้ แล้วพวกมรึงคิดจะล้มล้างสถาบัน ตราบใดที่ยังมีคนไทยหัวใจหล่อมว๊ากอยู่อีกมหาศาลเกลื่อนแผ่นดิน?

    พ่อสู้เรื่องระบบน้ำชลประทาน ให้น้ำหมุนเวียนไปทั่ว
    พ่อสู้เรื่องเขื่อน เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ยามแล้ง ยามท่วม
    พ่อสู้เรื่องฝนเทียม ให้ชาวนา ชาวไร่ มีน้ำใช้ยามแล้งหนัก
    พ่อสู้เรื่องความยากจน กระจายรายได้ โครงการท้องถิ่น
    พ่อสู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง พึ่งพาตนเอง สอนช่วยตัวเอง
    พ่อสู้เรื่องความช่วยเหลือ อุทกภัย วาตภัย แผ่นดินไหว
    พ่อสู้เรื่องการเกษตร การใช้พื้นที่ การพัฒนายั่งยืน
    พ่อสู้เรื่องความเท่าเทียม แบ่งปัน และยกระดับการศึกษา
    พ่อสู้เรื่องการดนตรี ศิลปะ รากเหง้า อนุรักษ์ประเพณีไทย
    พ่อสู้เรื่องแนวคิด ปรัชญา สติ ปัญญา เหตุและผล สั่งสอน
    พ่อสู้เรื่องความประหยัด อดออมคุ้มค่า รีไซเคิล กลับมาใช้
    พ่อสู้เรื่องป่าไม้ สัตว์ป่า สมดุลธรรมชาติ พันธุ์ไทย ปลูกป่า
    พ่อสู้เรื่องสินค้าไทย แปรรูป อาหาร ทะเล ผ้าไหม ผ้าฝ้าย
    พ่อสู้เรื่องความสามัคคี ปองครอง ยุติความขัดแย้งภายใน
    พ่อสู้เรื่องความเป็นชาตินิยม ภูมิใจความเป็นไทย ชื่อเสียง
    พ่อปกป้องแผ่นดินไทย การรุกรานจากต่างชาติ และมั่นคง
    พ่อเสียสละตนเอง เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย
    พ่อเตือนสติ ให้ปัญญา พระบรมราโชวาททุกปี ตื่นคิด มีสติ
    พ่อแบ่งปันความรัก ความรู้ ไปยังเพื่อนบ้านรอบข้างด้วย
    พ่อสร้างมิตร เป็นที่รักชื่นชอบของทุกราชวงศ์ทั่วโลก
    พ่อไม่เคยโอ้อวดตนเอง และไม่ใช้อำนาจที่มี เพื่อแสดง
    พ่อทำนุบำรุงทุกศาสนาในชาติ อยู่ร่วมกันอย่างสันติได้
    พ่อเยี่ยมเยียนชาวบ้านทุกพื้นที่ทั้งแผ่นดิน ไปเยี่ยมเสมอ
    พ่อยึดถือทศพิษราชธรรมได้อย่างสมบูรณ์ จนวันสุดท้าย
    พ่อรู้ทุกอย่าง เข้าใจ เข้าถึง แก้ปัญหา พระบารมีเปี่ยมล้น

    มีอีกมากมายมหาศาล จนระลึกถึงน้ำพระคุณได้ไม่หมดสิ้น เป็นบุญของปวงชนชาวไทย ที่มีพระมหากษัตริย์ที่หัวใจหล่อมว๊ากที่สุดใน 3 โลก ไม่มีพ่อ ก็คงไม่มีวันนี้ ไม่มีบรรพกษัตริย์ไทย ก็คงไม่มีวันนี้เช่นกัน "ราชวงศ์จักรี" จงเจริญยิ่งยืนนาน ตราบชั่วฟ้าดินสลาย!

    หมี CNN(ด้วยจิตสำนึกรักพ่อ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์)
    04 เม.ย. 62
    16.53 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    Jeerachart Jongsomchai / “ปฏิวัติฝรั่งเศส ของใคร โดยใคร เพื่อใคร ?”

    ... “สาเหตุของการปฏิวัติฝรั่งเศส” มีหลายแนวคิดหลักๆคือ

    ... มูลเหตุของการปฏิวัติมีความซับซ้อนและยังเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักประวัติศาสตร์ เช่นปัจจัยภายในต่าง ๆ ของระบอบเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัจจัยทางเศรษฐกิจรวมถึงความหิวโหยและทุพโภชนาการในประชากรกลุ่มที่ยากแค้นที่สุด ซึ่งบางส่วนเกิดจากสภาพอากาศผิดปกติจาก “สภาพอากาศ” ความหนาวเย็นผิดฤดู ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากกิจกรรมของภูเขาไฟที่ลากีและกริมสวอทน์

    ... ใน ค.ศ. 1783-1784 ประกอบกับ “ราคาอาหารที่สูงขึ้น” และ “ระบบการขนส่งที่ไม่เพียงพอ” ซึ่งขัดขวาง “การส่งสินค้าอาหารปริมาณมากจากพื้นที่ชนบทไปยังศูนย์กลางประชากรขนาดใหญ่” ปัจจัยเหล่านี้มีส่วนทำให้สังคมฝรั่งเศสขาดเสถียรภาพในช่วงก่อนการปฏิวัติอย่างยิ่ง

    ... สาเหตุอีกประการหนึ่งคือ “ภาวะใกล้จะล้มละลายของรัฐบาลจากค่าใช้จ่ายในสงครามที่ฝรั่งเศสเข้าร่วมรบจำนวนมหาศาล” โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามเจ็ดปี (1756 จนถึง 1763 หรือ “สงครามโลกครั้งที่ศูนย์” โดยเกี่ยวข้องกับทุกประเทศมหาอำนาจในยุโรป มีการสู้รบเกิดขึ้นในห้าทวีป สงครามเจ็ดปีเป็นสงครามระหว่างสองข้างด้วยกัน ข้างหนึ่งนำโดยบริเตนใหญ่ พร้อมด้วยปรัสเซียและกลุ่มนครรัฐเล็กในเยอรมัน กับอีกข้างหนึ่งที่นำด้วยฝรั่งเศส พร้อมด้วยออสเตรีย, รัสเซีย, สวีเดน และซัคเซิน โดยรัสเซียเปลี่ยนข้างอยู่ระยะหนึ่งในช่วงปลายของสงคราม ) และ “สงครามปฏิวัติอเมริกา” สงครามใหญ่เหล่านี้ก่อหนี้จำนวนมหาศาลให้แก่รัฐบาลฝรั่งเศส ซึ่งสถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงจากการสูญเสียการครอบครองพื้นที่อาณานิคมของฝรั่งเศสในทวีปอเมริกาเหนือ และการครอบงำทางพาณิชย์ของ “บริเตนใหญ่”ที่เพิ่มขึ้น ทั้ง “ระบบการเงิน” ที่ไม่มีประสิทธิภาพและล้าสมัยของฝรั่งเศสก็ไม่สามารถจัดการกับหนี้สาธารณะได้ ทางรัฐบาลพยายามจะแก้ไขสถานการณ์ทางการเงินด้วยการเก็บภาษีเพิ่ม

    … การที่ฝรั่งเศส ช่วย “อเมริกา” รบกับ “อังกฤษ” นั้น ไม่ได้ต้องการให้เอกราช กับอเมริกาแต่เพราะต้องการตัดกำลังของอังกฤษคู่แข่งอาณานิคมของตัวเอง ( เหมือนตอนที่ อเมริกา หลังได้เอกราช ก็ได้ช่วย “ฟิลิปปินส์” กับ “คิวบา” เป็นเอกราชจากสเปนนั้น ไม่ได้ต้องการให้ทั้งสองชาติสัมผัสกับอิสรภาพ หรือตัวเองซาบซึ้งกับระบอบปประชาธิปไตย แต่ต้องการจะเป็นเจ้าอาณานิคมแทนเจ้าเดิม )

    ... หลังการปฏิวัติมีการ ยกเลิกระบบศักดินา ยุบมณฑลต่าง ๆ แบ่งประเทศออกเป็น 83 จังหวัด มีการพยายาม “รวมศูนย์อำนาจ” เข้าสู่ศูนย์เดียวที่ปารีส ไม่ยินยอมให้เป็นเอกเทศ จึงมีการต่อต้านขัดขืน

    ... กระแสความตื่นตัวและอารมณ์ของประชาชนได้เปลี่ยนทิศทางของการปฏิวัติจนลึกลงไปถึงรากฐาน ซึ่งปูทางให้กับการขึ้นสู่อำนาจของ “มักซีมีเลียง รอแบ็สปีแยร์” ที่เป็นนักกฎหมาย นักการเมือง และ “กลุ่มฌากอแบ็ง” และกลายมาเป็น “เผด็จการโดยแท้” ภายใต้ “สมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัว” ในระหว่างปี ค.ศ. 1793 ถึง 1794 มีผู้ต่อต้านพวกเขาถูกสังหารถึงระหว่าง 16,000 ถึง 40,000 คน ( ในตอนนั้นมันคือการเปลี่ยนจาก “ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช” ไปสู่ระบอบ “เผด็จการ” )

    ... สโมสรฌากอแบ็ง Club des Jacobins เป็นสโมสรทางการเมืองที่ทรงอิทธิพลที่สุดในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส ก่อตั้งในช่วงการประชุมสภาฐานันดร ค.ศ. 1789 จากการรวมกลุ่มของ “พวกผู้แทน” จากแคว้น “ดัชชีเบรอตาญ” ที่เป็นแคว้นศักดินาแห่งหนึ่งนัฝรั่งเศส ที่เน้นการ “ต่อต้านราชวงศ์” หรือ “ล้มเจ้า” อันเป็นพวกต่อต้านระบอบกษัตริย์ เริ่มแรกมีสมาชิกไม่กี่คนและเป็นการรวมตัวอย่างลับ ๆ ก่อนที่ต่อมาได้พัฒนากลายเป็นขบวนการระดับชาติที่เคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้จัดตั้งสาธารณรัฐซึ่งมีสมาชิกมากกว่าครึ่งล้านคน อย่างไรก็ตาม หลังจากโค่นล้มระบบกษัตริย์สำเร็จและจัดตั&#3657
    04-04-62/14 : หมี CNN / ระบอบกษัตริย์ชาติอื่นเป็นยังไง? กูไม่รู้ กูไม่สนใจ? แต่ระบบกษัตริย์ไทย หล่อมว๊าก! หัวใจล้วนๆ เทใจให้ราษฎรแบบที่ไหนในโลกก็ไม่มี? อย่าคิดว่าเหี้ยโปรยเศษเงินมาให้ แล้วพวกมรึงคิดจะล้มล้างสถาบัน ตราบใดที่ยังมีคนไทยหัวใจหล่อมว๊ากอยู่อีกมหาศาลเกลื่อนแผ่นดิน? พ่อสู้เรื่องระบบน้ำชลประทาน ให้น้ำหมุนเวียนไปทั่ว พ่อสู้เรื่องเขื่อน เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ยามแล้ง ยามท่วม พ่อสู้เรื่องฝนเทียม ให้ชาวนา ชาวไร่ มีน้ำใช้ยามแล้งหนัก พ่อสู้เรื่องความยากจน กระจายรายได้ โครงการท้องถิ่น พ่อสู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง พึ่งพาตนเอง สอนช่วยตัวเอง พ่อสู้เรื่องความช่วยเหลือ อุทกภัย วาตภัย แผ่นดินไหว พ่อสู้เรื่องการเกษตร การใช้พื้นที่ การพัฒนายั่งยืน พ่อสู้เรื่องความเท่าเทียม แบ่งปัน และยกระดับการศึกษา พ่อสู้เรื่องการดนตรี ศิลปะ รากเหง้า อนุรักษ์ประเพณีไทย พ่อสู้เรื่องแนวคิด ปรัชญา สติ ปัญญา เหตุและผล สั่งสอน พ่อสู้เรื่องความประหยัด อดออมคุ้มค่า รีไซเคิล กลับมาใช้ พ่อสู้เรื่องป่าไม้ สัตว์ป่า สมดุลธรรมชาติ พันธุ์ไทย ปลูกป่า พ่อสู้เรื่องสินค้าไทย แปรรูป อาหาร ทะเล ผ้าไหม ผ้าฝ้าย พ่อสู้เรื่องความสามัคคี ปองครอง ยุติความขัดแย้งภายใน พ่อสู้เรื่องความเป็นชาตินิยม ภูมิใจความเป็นไทย ชื่อเสียง พ่อปกป้องแผ่นดินไทย การรุกรานจากต่างชาติ และมั่นคง พ่อเสียสละตนเอง เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย พ่อเตือนสติ ให้ปัญญา พระบรมราโชวาททุกปี ตื่นคิด มีสติ พ่อแบ่งปันความรัก ความรู้ ไปยังเพื่อนบ้านรอบข้างด้วย พ่อสร้างมิตร เป็นที่รักชื่นชอบของทุกราชวงศ์ทั่วโลก พ่อไม่เคยโอ้อวดตนเอง และไม่ใช้อำนาจที่มี เพื่อแสดง พ่อทำนุบำรุงทุกศาสนาในชาติ อยู่ร่วมกันอย่างสันติได้ พ่อเยี่ยมเยียนชาวบ้านทุกพื้นที่ทั้งแผ่นดิน ไปเยี่ยมเสมอ พ่อยึดถือทศพิษราชธรรมได้อย่างสมบูรณ์ จนวันสุดท้าย พ่อรู้ทุกอย่าง เข้าใจ เข้าถึง แก้ปัญหา พระบารมีเปี่ยมล้น มีอีกมากมายมหาศาล จนระลึกถึงน้ำพระคุณได้ไม่หมดสิ้น เป็นบุญของปวงชนชาวไทย ที่มีพระมหากษัตริย์ที่หัวใจหล่อมว๊ากที่สุดใน 3 โลก ไม่มีพ่อ ก็คงไม่มีวันนี้ ไม่มีบรรพกษัตริย์ไทย ก็คงไม่มีวันนี้เช่นกัน "ราชวงศ์จักรี" จงเจริญยิ่งยืนนาน ตราบชั่วฟ้าดินสลาย! หมี CNN(ด้วยจิตสำนึกรักพ่อ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์) 04 เม.ย. 62 16.53 น. ------------------------------------------------------------------------— Jeerachart Jongsomchai / “ปฏิวัติฝรั่งเศส ของใคร โดยใคร เพื่อใคร ?” ... “สาเหตุของการปฏิวัติฝรั่งเศส” มีหลายแนวคิดหลักๆคือ ... มูลเหตุของการปฏิวัติมีความซับซ้อนและยังเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักประวัติศาสตร์ เช่นปัจจัยภายในต่าง ๆ ของระบอบเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัจจัยทางเศรษฐกิจรวมถึงความหิวโหยและทุพโภชนาการในประชากรกลุ่มที่ยากแค้นที่สุด ซึ่งบางส่วนเกิดจากสภาพอากาศผิดปกติจาก “สภาพอากาศ” ความหนาวเย็นผิดฤดู ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากกิจกรรมของภูเขาไฟที่ลากีและกริมสวอทน์ ... ใน ค.ศ. 1783-1784 ประกอบกับ “ราคาอาหารที่สูงขึ้น” และ “ระบบการขนส่งที่ไม่เพียงพอ” ซึ่งขัดขวาง “การส่งสินค้าอาหารปริมาณมากจากพื้นที่ชนบทไปยังศูนย์กลางประชากรขนาดใหญ่” ปัจจัยเหล่านี้มีส่วนทำให้สังคมฝรั่งเศสขาดเสถียรภาพในช่วงก่อนการปฏิวัติอย่างยิ่ง ... สาเหตุอีกประการหนึ่งคือ “ภาวะใกล้จะล้มละลายของรัฐบาลจากค่าใช้จ่ายในสงครามที่ฝรั่งเศสเข้าร่วมรบจำนวนมหาศาล” โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามเจ็ดปี (1756 จนถึง 1763 หรือ “สงครามโลกครั้งที่ศูนย์” โดยเกี่ยวข้องกับทุกประเทศมหาอำนาจในยุโรป มีการสู้รบเกิดขึ้นในห้าทวีป สงครามเจ็ดปีเป็นสงครามระหว่างสองข้างด้วยกัน ข้างหนึ่งนำโดยบริเตนใหญ่ พร้อมด้วยปรัสเซียและกลุ่มนครรัฐเล็กในเยอรมัน กับอีกข้างหนึ่งที่นำด้วยฝรั่งเศส พร้อมด้วยออสเตรีย, รัสเซีย, สวีเดน และซัคเซิน โดยรัสเซียเปลี่ยนข้างอยู่ระยะหนึ่งในช่วงปลายของสงคราม ) และ “สงครามปฏิวัติอเมริกา” สงครามใหญ่เหล่านี้ก่อหนี้จำนวนมหาศาลให้แก่รัฐบาลฝรั่งเศส ซึ่งสถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงจากการสูญเสียการครอบครองพื้นที่อาณานิคมของฝรั่งเศสในทวีปอเมริกาเหนือ และการครอบงำทางพาณิชย์ของ “บริเตนใหญ่”ที่เพิ่มขึ้น ทั้ง “ระบบการเงิน” ที่ไม่มีประสิทธิภาพและล้าสมัยของฝรั่งเศสก็ไม่สามารถจัดการกับหนี้สาธารณะได้ ทางรัฐบาลพยายามจะแก้ไขสถานการณ์ทางการเงินด้วยการเก็บภาษีเพิ่ม … การที่ฝรั่งเศส ช่วย “อเมริกา” รบกับ “อังกฤษ” นั้น ไม่ได้ต้องการให้เอกราช กับอเมริกาแต่เพราะต้องการตัดกำลังของอังกฤษคู่แข่งอาณานิคมของตัวเอง ( เหมือนตอนที่ อเมริกา หลังได้เอกราช ก็ได้ช่วย “ฟิลิปปินส์” กับ “คิวบา” เป็นเอกราชจากสเปนนั้น ไม่ได้ต้องการให้ทั้งสองชาติสัมผัสกับอิสรภาพ หรือตัวเองซาบซึ้งกับระบอบปประชาธิปไตย แต่ต้องการจะเป็นเจ้าอาณานิคมแทนเจ้าเดิม ) ... หลังการปฏิวัติมีการ ยกเลิกระบบศักดินา ยุบมณฑลต่าง ๆ แบ่งประเทศออกเป็น 83 จังหวัด มีการพยายาม “รวมศูนย์อำนาจ” เข้าสู่ศูนย์เดียวที่ปารีส ไม่ยินยอมให้เป็นเอกเทศ จึงมีการต่อต้านขัดขืน ... กระแสความตื่นตัวและอารมณ์ของประชาชนได้เปลี่ยนทิศทางของการปฏิวัติจนลึกลงไปถึงรากฐาน ซึ่งปูทางให้กับการขึ้นสู่อำนาจของ “มักซีมีเลียง รอแบ็สปีแยร์” ที่เป็นนักกฎหมาย นักการเมือง และ “กลุ่มฌากอแบ็ง” และกลายมาเป็น “เผด็จการโดยแท้” ภายใต้ “สมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัว” ในระหว่างปี ค.ศ. 1793 ถึง 1794 มีผู้ต่อต้านพวกเขาถูกสังหารถึงระหว่าง 16,000 ถึง 40,000 คน ( ในตอนนั้นมันคือการเปลี่ยนจาก “ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช” ไปสู่ระบอบ “เผด็จการ” ) ... สโมสรฌากอแบ็ง Club des Jacobins เป็นสโมสรทางการเมืองที่ทรงอิทธิพลที่สุดในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส ก่อตั้งในช่วงการประชุมสภาฐานันดร ค.ศ. 1789 จากการรวมกลุ่มของ “พวกผู้แทน” จากแคว้น “ดัชชีเบรอตาญ” ที่เป็นแคว้นศักดินาแห่งหนึ่งนัฝรั่งเศส ที่เน้นการ “ต่อต้านราชวงศ์” หรือ “ล้มเจ้า” อันเป็นพวกต่อต้านระบอบกษัตริย์ เริ่มแรกมีสมาชิกไม่กี่คนและเป็นการรวมตัวอย่างลับ ๆ ก่อนที่ต่อมาได้พัฒนากลายเป็นขบวนการระดับชาติที่เคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้จัดตั้งสาธารณรัฐซึ่งมีสมาชิกมากกว่าครึ่งล้านคน อย่างไรก็ตาม หลังจากโค่นล้มระบบกษัตริย์สำเร็จและจัดตั&#3657
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1071 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขอแรงใจเชียร์ทีมชาติไทยให้ชนะให้ได้ : [News story]

    ทีมชาติไทย บุกไปแพ้ ฟิลิปปินส์ 1-2 ในเกมแรก ทำให้เกมนี้หากอยากจะเข้ารอบชิงชนะเลิศ โดยไม่ต้องไปต่อเวลาหรือยิงจุดโทษ ต้องชนะด้วยผลต่างอย่างน้อย 2 ประตูขึ้นไป ที่ราชมังคลากีฬาสถาน
    ขอแรงใจเชียร์ทีมชาติไทยให้ชนะให้ได้ : [News story] ทีมชาติไทย บุกไปแพ้ ฟิลิปปินส์ 1-2 ในเกมแรก ทำให้เกมนี้หากอยากจะเข้ารอบชิงชนะเลิศ โดยไม่ต้องไปต่อเวลาหรือยิงจุดโทษ ต้องชนะด้วยผลต่างอย่างน้อย 2 ประตูขึ้นไป ที่ราชมังคลากีฬาสถาน
    Like
    Love
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1451 มุมมอง 71 0 รีวิว
Pages Boosts