• พวกมันจะขายชาติที่บรรพบุรุษแลกมาด้วยชีวิตเลือดเนื้อและคราบน้ำตา🥺❤🇹🇭❤"เราคนไทยแท้ๆไม่ยอม✌
    พวกมันจะขายชาติที่บรรพบุรุษแลกมาด้วยชีวิตเลือดเนื้อและคราบน้ำตา🥺❤🇹🇭❤"เราคนไทยแท้ๆไม่ยอม✌
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 10 0 รีวิว
  • นักการเมืองไทยชอบ
    “กินมาม่า” !!!
    แต่พวกเราคนไทย คงต้อง
    “กินหญ้า”
    กันต่อไป ???
    นักการเมืองไทยชอบ “กินมาม่า” !!! แต่พวกเราคนไทย คงต้อง “กินหญ้า” กันต่อไป ???
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขอ 100,000 รายชื่อ ของคนไทยที่ ”คลั่งชาติ-รักษ์ชาติ“ ร่วมลงชื่อเรียกร้องรัฐบาลยกเลิก MOU-44 เพื่อพิทักษ์ปกป้องอธิปไตย-เขตแดนทางทะเล (เกาะกูด) และ ทรัพยากรทางทะเล อันเป็นสมบัติของชาติ

    สามารถคลิกลงชื่อตามลิงค์ด้านล่างนี้
    https://nationalist.onrender.com
    ขอ 100,000 รายชื่อ ของคนไทยที่ ”คลั่งชาติ-รักษ์ชาติ“ ร่วมลงชื่อเรียกร้องรัฐบาลยกเลิก MOU-44 เพื่อพิทักษ์ปกป้องอธิปไตย-เขตแดนทางทะเล (เกาะกูด) และ ทรัพยากรทางทะเล อันเป็นสมบัติของชาติ สามารถคลิกลงชื่อตามลิงค์ด้านล่างนี้ https://nationalist.onrender.com
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • โฉมหน้าเจ้าตัวร้าย
    “กฤษฎีกากัมพูชา 1972”
    รุกล้ำอธิปไตยเกาะ/น่านน้ำไทย !
    ________
    .
    ใครที่บอกว่ากัมพูชาไม่เคย ”พูด“ อ้างกรรมสิทธิเหนือเกาะกูด และบรรดาคนไทยที่นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นคือพวกคลั่งชาติ ลองพิจารณาอ่านเรื่องนี้สักนิด…
    .
    กัมพูชาอาจจะไม่เคย ”พูด“ อย่างเป็นทางการในนามรัฐบาล ไม่ว่าในยุคไหนระบอบอะไร แต่กัมพูชาลงมือ “ทำ” เลยอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเมื่อ 52 ปีก่อนในช่วงสั้น ๆ ของรัฐบาลระบอบสาธารณรัฐ
    .
    และ “ผลแห่งการกระทำ” นั้นยังคงอยู่ !
    .
    “กฤษฎีกาที่ 439/72/PRK กำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย ค.ศ. 1972”
    .
    วันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1972
    .
    จอมพลลอนนอลลงนามในฐานะประธานาธิบดีสาธารณรัฐกัมพูชา หลังรัฐประหารโค่นล้มระบอบกษัตริย์ 2 ปี และก่อนพนมเปญแตกพ่ายแพ้ต่อคอมมิวนิสต์เขมรแดง 3 ปี
    .
    สารัตถะสำคัญอยู่ในมาตราแรก (Article Premier) ผมสรุปมาจากที่ดร.ประจิตต์ โรจนพฤกษ์เขียนไว้ในบทความของท่านเมื่อปี 2554 รวมทั้งการเสวนาที่สยามสมาคมในปีเดียวกันนั้น
    .
    วรรคแรกเป็นการอ้างฐานทางกฎหมาย
    .
    (1) อนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีปลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958
    .
    (2) สนธิสัญญาสยามฝรั่งเศสลงวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 และ…
    .
    (3) บันทึกการปักปันเขตแดนสยามฝรั่งเศสลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1908 รวมทั้ง…
    .
    (4) แผนที่เดินเรือของฝรั่งเศส 1972 มาตราส่วน 1:1,096,000
    .
    กฤษฎีกา 1972 ระบุพิกัดของเขตไหล่ทวีปตามจุดอ้างอิงที่เกี่ยวกับ “เกาะกูด” รวมทั้ง “ทะเลอาณาเขต(ของไทย)“ โดยตรง
    .
    โดยในวรรคสอง (ย่อหน้าล่างสุดของกฤษฎีกาหน้าแรก) กล่าวว่าได้มีการปักปันเขตไหล่ทวีประหว่างไทยกับฝรั่งเศสแล้ว โดยทางทิศเหนือ ใช้เส้นตรงเชื่อมจุดชายแดนแผ่นดินที่จุด “A” (ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นที่ตั้งหลักเขตที่ 73) มายังจุดสูงสุดบนเกาะกูดที่เรียกว่าจุด “S” (ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นการอ้างอิงจากหนังสือแนบท้ายสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 ข้อ 1) และลากต่อออกทะเลไปยังกึ่งกลางอ่าวไทยที่เรียกว่าจุด “P”
    .
    โดยในตารางท้ายมาตราแรก (อยู่ตอนต้นของกฤษฎีกาหน้า 2) ได้กำหนดรายละเอียดของจุด “A“ และ “P” ไว้
    .
    จุด ”A” คือจุดใต้สุดของการแบ่งเขตแดนทางบกตามสนธิสัญญาค.ศ. 1907 ก็คือหลักเขตที่ 73 นั่นเอง
    .
    จุด “P” กึ่งกลางอ่าวไทยนั้น กฤษฎีการะบุว่าเป็นจุดมัธยะ (หรือกึ่งกลาง) ระหว่างไหล่ทวีปของกัมพูชากับไทย
    .
    มาตราแรกโดยเฉพาะวรรคสองนี่แหละ “เท็จ” โดยสิ้นเชิง
    .
    เพราะไม่เคยมีการปักปันเขตแดนทางทะเลระหว่างสยามกับอินโดจีนของฝรั่งเศสกันมาก่อน โดยเฉพาะในช่วงค.ศ. 1907 หรือ 1908 ไม่เคยมีสนธิสัญญาเกี่ยวกับการนี้ ประวัติศาสตร์ฉบับไหนก็ไม่เคยระบุ กฎหมายระหว่างประเทศหรือกฎเกณฑ์เกี่ยวกับอาณาเขตทางทะเลที่นานาชาติยึดถือกันเมื่อ 127 ปีก่อนก็ต่างกับปัจจุบัน ยุคนั้นยังไม่มีสิ่งที่นานาชาติกำหนดอาณาเขตทางทะเลขึ้นมาให้รัฐชายฝั่งมีสิทธิอธิปไตยเหนือแล้วเรียกว่า “ไหล่ทวีป” เสียด้วยซ้ำ ไม่มีเขตต่อเนื่อง ไม่มีเขตเศรษฐกิจจำเพาะ มีแค่ทะเลอาณาเขตระยะ 3 ไมล์ทะเลจากชายฝั่ง พ้นออกมาเป็นเขตทะเลหลวงที่เป็นเขตทะเลเสรีไม่มีประเทศใดมีสิทธิถือครองเป็นเจ้าของได้
    .
    แต่สมมติแม้จะยึดกฎเกณฑ์ในยุคสมัยค.ศ. 1907 หากจะปักปันเขตแดนทางทะเลกัน การขีดเส้นแนว “A-S-P” เป็นอาณาเขตทางทะเลของอินโดจีนฝรั่งเศสก็ไม่ถูกและไม่มีกฎเกณฑ์ใดรองรับอยู่ดี เพราะระยะทางจากชายฝั่งถึงเกาะกูดประมาณ 19 ไมล์ทะเล เกิน 3 ไมล์ทะเลตั้งเยอะ อินโดจีนฝรั่งเศสจะไปถือสิทธิครอบครองเขตทะเลหลวงได้อย่างไร
    .
    การจงใจระบุพิกัดเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาเมื่อค.ศ. 1972 เช่นนี้คือการกระทำที่ละเมิดอธิปไตยไทยเหนือเกาะกูด ทั้งตัวเกาะ และทะเลอาณาเขต
    .
    ดร.ประจิตต์ โรจนพฤกษ์ กล่าวไว้ในงานเขียนของท่านว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการแบ่งเขตไหล่ทวีปโดยเส้นผ่าเกาะกูดซึ่งเป็นดินแดนทางบก เพราะไหล่ทวีปหมายถึงพื้นดินใต้ทะเลและใต้พื้นดินใต้ทะเล
    .
    ดังนั้น โอกาสที่แนว “A-S-P” จะถูกต้องมีอยู่เงื่อนไขเดียวเท่านั้น…
    .
    คือตัวเกาะกูดต้องเป็นของกัมพูชาครึ่งหนึ่ง !
    .
    ขอย้ำอีกครั้งว่า แนว “A-S-P” อันเป็นเส้นเขตไหล่ทวีปด้านเหนือของกัมพูชาตามกฤษฎีกา 1972 จะถูกต้องก็ต่อเมื่อตัวเกาะกูดเป็นของกัมพูชาครึ่งหนึ่งเท่านั้น !!
    .
    แล้วประเทศไทยผู้ถูกรุกล้ำอธิปไตยจะ “ยอมรับ” ได้อย่างไร ?
    .
    แม้จะไม่ใช่การยอมรับใน “ความถูกต้อง” แค่ยอมรับ “การมีอยู่”, “การคงอยู่” เพื่อเป็นเพียง “กรอบ” ในการ “เจรจาเรื่องอื่น” ก็เถอะ !!
    .
    ตรงนี้จำเป็นต้องมีการพูดถึงแผนที่หรือแผนผัง 2 (+1) ฉบับที่นำมาลงเป็นภาพประกอบไว้
    .
    ฉบับที่ 1 คือแผนที่เดินเรือฝรั่งเศสที่ใช้แนบท้ายกฤษฎีกา 1972 ไม่ได้มีการเขียนลากเส้นบนแผนที่พาดผ่านตัวเกาะกูดโดยตรง หากแต่ลากเป็นเส้นตรงออกมาจากชายฝั่งทะเลจังหวัดตราดสุดเขตแดนทางบกของไทยกับกัมพูชามาหยุดที่ตัวเกาะกูดด้านทิศตะวันออก แล้วลากเส้นตรงใหม่จากตัวเกาะกูดด้านทิศตะวันตกตรงไปกลางอ่าวไทย แผนที่ทำนองนี้โดยทั่วไปเป็นแผนที่ใช้สำหรับกิจการในกองทัพเรือรวมถึงการเดินเรือไม่ใช่แผนที่แสดงเขตแดนใด ๆ ทั้งสิ้น เส้นตรงที่ลากผ่านเกาะกูดไปยังกลางอ่าวไทยในแผนที่นี้ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นเส้นอะไร แต่กระนั้นตรงชื่อเกาะกูด (Koh Kut) ก็ยังมีวงเล็บต่อท้ายว่า “(Siam)” อย่างที่พอเห็นได้ จึงแสดงให้เห็นว่าในปีค.ศ. 1907 จนกระทั่งถึงวันคืนเอกราชให้ 3 ประเทศอินโดจีน ฝรั่งเศสไม่ได้มีความพยายาม “เคลม” กรรมสิทธิ์เหนือเกาะกูดแต่ประการใด เพราะในสนธิสัญญา 1907 ข้อ 2 อันเป็นสัญญาหลัก ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่าเขายกให้เรา แลกกับ 3 มณฑลใหญ่ของกัมพูชาดังที่ทราบกันดี
    .
    ฉบับที่ 2 เป็นแผนที่ที่กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาจัดทำขึ้นแจกแก่ผู้สื่อข่าวเพื่อชี้แจงกฤษฎีกา 1972 ให้ชัดเจนขึ้น คราวนี้นอกจากตัดรายละเอียดที่ไม่จำเป็นออกไปเพื่อขับเน้นเฉพาะเส้นที่เสกสรรค์ปั้นแต่งว่าเป็นเขตไหล่ทวีปของตนแล้ว ยังเขียนเส้นพาดผ่านผ่ากลางแบ่งครึ่งเกาะกูดโดยตรง
    .
    แผนที่ฉบับหลังนี้เข้าใจว่าเมื่อกระทรวงการต่างประเทศไทยได้รับ ก็นำมาทำใหม่เพื่อประกอบการศึกษาภายใน มีภาษาไทยกำกับ ยังคงแสดงเส้นพาดผ่านผ่ากลางแบ่งครึ่งเกาะกูดโดยตรงตามเจตนาของต้นฉบับที่ฝ่ายกันพูชาจัดทำ
    .
    เช่นนี้แล้ว ใครที่ออกตัวรับรองว่ากัมพูชาไม่เคย “พูด” ไม่เคยอ้างสิทธิเหนือเกาะกูดน่ะจะว่าอย่างไร ?
    .
    เพราะการที่กัมพูชาลงมือ “ทำ” โดยกฤษฎีกา 1972 ตามที่เล่ามานี้มันยิ่งกว่า “พูด” เสียอีก !
    .
    ไม่เคยได้ยินภาษิตที่ว่า “การกระทำดังกว่าคำพูด” หรือ ?!!
    .
    ณ ปีค.ศ. 1907 มีแต่การปักปันเขตแดนทางบกระหว่างสยามกับอินโดจีนฝรั่งเศส
    .
    แต่แน่ละ มีการกล่าวถึงเกาะกูดไว้ในหนังสือติดท้ายสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 ข้อ 1 จริง แต่ก็เพียงเพื่อใช้เป็นจุดเล็งไปยังจุดใดจุดหนึ่งบนแผ่นดินชายหาดที่จะกำหนดให้ป็นหลักเขตที่ 73 เพราะบนแผ่นดินชายหาดบริเวณนั้นไม่มีภูมิประเทศใดที่ยั่งยืนพอให้เป็นที่สังเกตได้
    .
    “เขตแดนในระหว่างกรุงสยามกับอินโดจีนฝรั่งเศสนั้น ตั้งแต่ชายทะเลที่ตรงข้ามกับยอดเขาสูงที่สุดของเกาะกูดเป็นหลักแล้ว ตั้งแต่นี้ต่อไปทางตะวันออกเฉียงเหนือถึงสันเขาพนมกระวาน….“
    .
    แค่ข้อความที่ระบุว่า “ตั้งแต่ชายทะเล…” วิญญูชนย่อมเข้าใจได้ว่าหมายถึงแผ่นดิน-ไม่ใช่ทะเล แต่กัมพูชาในยุคจอมพลลอนนอลในปีค.ศ. 1972 ไปตีขลุมว่ามีการปักปันเขตแดนทางทะเลแล้วในอดีต แล้วก็ตีเส้นตามอำเภอใจ เพื่อตีกินพื้นที่ทรัพยากรในอ่าวไทย
    .
    โดยในอีกทางหนึ่งก็ไปหยิบเอา ”เส้นประ“ (- - - - - - -) ระหว่างเกาะกูดกับแผ่นดินชายหาดจังหวัดตราดในแผนที่ประกอบหนังสือติดท้ายสนธิสัญญาค.ศ. 1907 มาเป็นประเด็นอธิบายการแถระดับโลกของตัวเอง
    .
    หากดูภาพสุดท้ายจะพบมีเส้น ++++++ อันเป็นสัญลักษณ์สากลของเส้นแบ่งเขตแดน (boundary line) ตลอดแนวเขตแดนทางบกไทยกัมพูชา ขณะที่เส้นประ (dotted line) - - - - - - มีอยู่เพียงสั้น ๆ ระหว่างเกาะกูดกับแผ่นดินชายทะเลจังหวัดตราดเท่านั้น ซึ่งเมื่อดูในบริบทของสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 วิญญูชนก็ย่อมเข้าใจได้ไม่ยากอีกเช่นกันว่าเป็นการแสดงจุดเล็งไปยังแผ่นดินเพื่อหาจุดที่ตั้งหลักเขตที่ 73
    .
    การแถดังกล่าวกลายเป็นกรณีศึกษาทางวิชาการกันพอสมควรหลังปีค.ศ. 1972 และก็มีการยืนยันในข้อเท็จจริงแล้วอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะจากบุคคลระดับชนชั้นนำของกัมพูชาเอง
    .
    ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่ากฤษฎีกา 1972 ของกัมพูชานี้ยังคงดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน ในฐานะที่เป็นประกาศของประมุขแห่งรัฐ
    .
    การที่แผนผังแนบท้าย MOU 2544 มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ คือเส้นแนว “A-S-P” กำหนดเขตไหล่ทวีปด้านบนของกัมพูชาไม่ได้เขียนแบบลากพาดผ่าน หรือเขียนแบบหยุดเว้นตัวเกาะ แต่เขียนประชิดติดตัวเกาะเว้าเป็นรูปตัว ”U” ทางทิศใต้แล้วก็ตาม นั่นหาเป็นผลแปรเปลี่ยนใด ๆ ไม่ เพราะด้านหนึ่งตัวกฤษฎีกา 1972 ยังคงอยู่ อีกด้านหนึ่งแนวเส้น “A-S-P” ยังคงอยู่ การละเมิดอธิปไตยเหนือตัวเกาะกูดและทะเลอาณาเขตของไทยยังคงอยู่
    .
    มีหนำซ้ำเนื้อหาใน MOU 2544 ข้อ 5 ก็ระบุไว้ว่าการตกลงใด ๆ หากจะมีขึ้นไม่กระทบกระเทือนการอ้างสิทธิของแต่ละฝ่าย
    .
    พระอัจฉริยภาพและพระมหากรุณาธิคุณต่อคนไทยจังหวัดจันทบุรีและตราดในองค์พระปิยมหาราชเจ้าช่วงวิกฤตกับฝรั่งเศสระหว่าง ร.ศ. 112 - 125 ทำให้ประเทศไทย ณ วันนี้มีฝั่งทะเลตะวันออกด้านอ่าวไทยยาวเหยียดจนแทบจะโอบล้อมแหล่งทรัพยากรไว้ได้ทั้งหมด - คนไทยต้องรักษาไว้
    .
    ประกาศพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 ของล้นเกล้าฯในหลวงรัชกาลที่ 9 สืบทอดพระราชปณิธานของสมเด็จพระอัยกา - คนไทยต้องรักษาไว้
    .
    .
    คำนูณ สิทธิสมาน
    4 พฤศจิกายน 2567

    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/15CSsZXGkk/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    โฉมหน้าเจ้าตัวร้าย “กฤษฎีกากัมพูชา 1972” รุกล้ำอธิปไตยเกาะ/น่านน้ำไทย ! ________ . ใครที่บอกว่ากัมพูชาไม่เคย ”พูด“ อ้างกรรมสิทธิเหนือเกาะกูด และบรรดาคนไทยที่นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นคือพวกคลั่งชาติ ลองพิจารณาอ่านเรื่องนี้สักนิด… . กัมพูชาอาจจะไม่เคย ”พูด“ อย่างเป็นทางการในนามรัฐบาล ไม่ว่าในยุคไหนระบอบอะไร แต่กัมพูชาลงมือ “ทำ” เลยอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเมื่อ 52 ปีก่อนในช่วงสั้น ๆ ของรัฐบาลระบอบสาธารณรัฐ . และ “ผลแห่งการกระทำ” นั้นยังคงอยู่ ! . “กฤษฎีกาที่ 439/72/PRK กำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย ค.ศ. 1972” . วันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1972 . จอมพลลอนนอลลงนามในฐานะประธานาธิบดีสาธารณรัฐกัมพูชา หลังรัฐประหารโค่นล้มระบอบกษัตริย์ 2 ปี และก่อนพนมเปญแตกพ่ายแพ้ต่อคอมมิวนิสต์เขมรแดง 3 ปี . สารัตถะสำคัญอยู่ในมาตราแรก (Article Premier) ผมสรุปมาจากที่ดร.ประจิตต์ โรจนพฤกษ์เขียนไว้ในบทความของท่านเมื่อปี 2554 รวมทั้งการเสวนาที่สยามสมาคมในปีเดียวกันนั้น . วรรคแรกเป็นการอ้างฐานทางกฎหมาย . (1) อนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีปลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958 . (2) สนธิสัญญาสยามฝรั่งเศสลงวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 และ… . (3) บันทึกการปักปันเขตแดนสยามฝรั่งเศสลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1908 รวมทั้ง… . (4) แผนที่เดินเรือของฝรั่งเศส 1972 มาตราส่วน 1:1,096,000 . กฤษฎีกา 1972 ระบุพิกัดของเขตไหล่ทวีปตามจุดอ้างอิงที่เกี่ยวกับ “เกาะกูด” รวมทั้ง “ทะเลอาณาเขต(ของไทย)“ โดยตรง . โดยในวรรคสอง (ย่อหน้าล่างสุดของกฤษฎีกาหน้าแรก) กล่าวว่าได้มีการปักปันเขตไหล่ทวีประหว่างไทยกับฝรั่งเศสแล้ว โดยทางทิศเหนือ ใช้เส้นตรงเชื่อมจุดชายแดนแผ่นดินที่จุด “A” (ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นที่ตั้งหลักเขตที่ 73) มายังจุดสูงสุดบนเกาะกูดที่เรียกว่าจุด “S” (ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นการอ้างอิงจากหนังสือแนบท้ายสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 ข้อ 1) และลากต่อออกทะเลไปยังกึ่งกลางอ่าวไทยที่เรียกว่าจุด “P” . โดยในตารางท้ายมาตราแรก (อยู่ตอนต้นของกฤษฎีกาหน้า 2) ได้กำหนดรายละเอียดของจุด “A“ และ “P” ไว้ . จุด ”A” คือจุดใต้สุดของการแบ่งเขตแดนทางบกตามสนธิสัญญาค.ศ. 1907 ก็คือหลักเขตที่ 73 นั่นเอง . จุด “P” กึ่งกลางอ่าวไทยนั้น กฤษฎีการะบุว่าเป็นจุดมัธยะ (หรือกึ่งกลาง) ระหว่างไหล่ทวีปของกัมพูชากับไทย . มาตราแรกโดยเฉพาะวรรคสองนี่แหละ “เท็จ” โดยสิ้นเชิง . เพราะไม่เคยมีการปักปันเขตแดนทางทะเลระหว่างสยามกับอินโดจีนของฝรั่งเศสกันมาก่อน โดยเฉพาะในช่วงค.ศ. 1907 หรือ 1908 ไม่เคยมีสนธิสัญญาเกี่ยวกับการนี้ ประวัติศาสตร์ฉบับไหนก็ไม่เคยระบุ กฎหมายระหว่างประเทศหรือกฎเกณฑ์เกี่ยวกับอาณาเขตทางทะเลที่นานาชาติยึดถือกันเมื่อ 127 ปีก่อนก็ต่างกับปัจจุบัน ยุคนั้นยังไม่มีสิ่งที่นานาชาติกำหนดอาณาเขตทางทะเลขึ้นมาให้รัฐชายฝั่งมีสิทธิอธิปไตยเหนือแล้วเรียกว่า “ไหล่ทวีป” เสียด้วยซ้ำ ไม่มีเขตต่อเนื่อง ไม่มีเขตเศรษฐกิจจำเพาะ มีแค่ทะเลอาณาเขตระยะ 3 ไมล์ทะเลจากชายฝั่ง พ้นออกมาเป็นเขตทะเลหลวงที่เป็นเขตทะเลเสรีไม่มีประเทศใดมีสิทธิถือครองเป็นเจ้าของได้ . แต่สมมติแม้จะยึดกฎเกณฑ์ในยุคสมัยค.ศ. 1907 หากจะปักปันเขตแดนทางทะเลกัน การขีดเส้นแนว “A-S-P” เป็นอาณาเขตทางทะเลของอินโดจีนฝรั่งเศสก็ไม่ถูกและไม่มีกฎเกณฑ์ใดรองรับอยู่ดี เพราะระยะทางจากชายฝั่งถึงเกาะกูดประมาณ 19 ไมล์ทะเล เกิน 3 ไมล์ทะเลตั้งเยอะ อินโดจีนฝรั่งเศสจะไปถือสิทธิครอบครองเขตทะเลหลวงได้อย่างไร . การจงใจระบุพิกัดเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาเมื่อค.ศ. 1972 เช่นนี้คือการกระทำที่ละเมิดอธิปไตยไทยเหนือเกาะกูด ทั้งตัวเกาะ และทะเลอาณาเขต . ดร.ประจิตต์ โรจนพฤกษ์ กล่าวไว้ในงานเขียนของท่านว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการแบ่งเขตไหล่ทวีปโดยเส้นผ่าเกาะกูดซึ่งเป็นดินแดนทางบก เพราะไหล่ทวีปหมายถึงพื้นดินใต้ทะเลและใต้พื้นดินใต้ทะเล . ดังนั้น โอกาสที่แนว “A-S-P” จะถูกต้องมีอยู่เงื่อนไขเดียวเท่านั้น… . คือตัวเกาะกูดต้องเป็นของกัมพูชาครึ่งหนึ่ง ! . ขอย้ำอีกครั้งว่า แนว “A-S-P” อันเป็นเส้นเขตไหล่ทวีปด้านเหนือของกัมพูชาตามกฤษฎีกา 1972 จะถูกต้องก็ต่อเมื่อตัวเกาะกูดเป็นของกัมพูชาครึ่งหนึ่งเท่านั้น !! . แล้วประเทศไทยผู้ถูกรุกล้ำอธิปไตยจะ “ยอมรับ” ได้อย่างไร ? . แม้จะไม่ใช่การยอมรับใน “ความถูกต้อง” แค่ยอมรับ “การมีอยู่”, “การคงอยู่” เพื่อเป็นเพียง “กรอบ” ในการ “เจรจาเรื่องอื่น” ก็เถอะ !! . ตรงนี้จำเป็นต้องมีการพูดถึงแผนที่หรือแผนผัง 2 (+1) ฉบับที่นำมาลงเป็นภาพประกอบไว้ . ฉบับที่ 1 คือแผนที่เดินเรือฝรั่งเศสที่ใช้แนบท้ายกฤษฎีกา 1972 ไม่ได้มีการเขียนลากเส้นบนแผนที่พาดผ่านตัวเกาะกูดโดยตรง หากแต่ลากเป็นเส้นตรงออกมาจากชายฝั่งทะเลจังหวัดตราดสุดเขตแดนทางบกของไทยกับกัมพูชามาหยุดที่ตัวเกาะกูดด้านทิศตะวันออก แล้วลากเส้นตรงใหม่จากตัวเกาะกูดด้านทิศตะวันตกตรงไปกลางอ่าวไทย แผนที่ทำนองนี้โดยทั่วไปเป็นแผนที่ใช้สำหรับกิจการในกองทัพเรือรวมถึงการเดินเรือไม่ใช่แผนที่แสดงเขตแดนใด ๆ ทั้งสิ้น เส้นตรงที่ลากผ่านเกาะกูดไปยังกลางอ่าวไทยในแผนที่นี้ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นเส้นอะไร แต่กระนั้นตรงชื่อเกาะกูด (Koh Kut) ก็ยังมีวงเล็บต่อท้ายว่า “(Siam)” อย่างที่พอเห็นได้ จึงแสดงให้เห็นว่าในปีค.ศ. 1907 จนกระทั่งถึงวันคืนเอกราชให้ 3 ประเทศอินโดจีน ฝรั่งเศสไม่ได้มีความพยายาม “เคลม” กรรมสิทธิ์เหนือเกาะกูดแต่ประการใด เพราะในสนธิสัญญา 1907 ข้อ 2 อันเป็นสัญญาหลัก ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่าเขายกให้เรา แลกกับ 3 มณฑลใหญ่ของกัมพูชาดังที่ทราบกันดี . ฉบับที่ 2 เป็นแผนที่ที่กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาจัดทำขึ้นแจกแก่ผู้สื่อข่าวเพื่อชี้แจงกฤษฎีกา 1972 ให้ชัดเจนขึ้น คราวนี้นอกจากตัดรายละเอียดที่ไม่จำเป็นออกไปเพื่อขับเน้นเฉพาะเส้นที่เสกสรรค์ปั้นแต่งว่าเป็นเขตไหล่ทวีปของตนแล้ว ยังเขียนเส้นพาดผ่านผ่ากลางแบ่งครึ่งเกาะกูดโดยตรง . แผนที่ฉบับหลังนี้เข้าใจว่าเมื่อกระทรวงการต่างประเทศไทยได้รับ ก็นำมาทำใหม่เพื่อประกอบการศึกษาภายใน มีภาษาไทยกำกับ ยังคงแสดงเส้นพาดผ่านผ่ากลางแบ่งครึ่งเกาะกูดโดยตรงตามเจตนาของต้นฉบับที่ฝ่ายกันพูชาจัดทำ . เช่นนี้แล้ว ใครที่ออกตัวรับรองว่ากัมพูชาไม่เคย “พูด” ไม่เคยอ้างสิทธิเหนือเกาะกูดน่ะจะว่าอย่างไร ? . เพราะการที่กัมพูชาลงมือ “ทำ” โดยกฤษฎีกา 1972 ตามที่เล่ามานี้มันยิ่งกว่า “พูด” เสียอีก ! . ไม่เคยได้ยินภาษิตที่ว่า “การกระทำดังกว่าคำพูด” หรือ ?!! . ณ ปีค.ศ. 1907 มีแต่การปักปันเขตแดนทางบกระหว่างสยามกับอินโดจีนฝรั่งเศส . แต่แน่ละ มีการกล่าวถึงเกาะกูดไว้ในหนังสือติดท้ายสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 ข้อ 1 จริง แต่ก็เพียงเพื่อใช้เป็นจุดเล็งไปยังจุดใดจุดหนึ่งบนแผ่นดินชายหาดที่จะกำหนดให้ป็นหลักเขตที่ 73 เพราะบนแผ่นดินชายหาดบริเวณนั้นไม่มีภูมิประเทศใดที่ยั่งยืนพอให้เป็นที่สังเกตได้ . “เขตแดนในระหว่างกรุงสยามกับอินโดจีนฝรั่งเศสนั้น ตั้งแต่ชายทะเลที่ตรงข้ามกับยอดเขาสูงที่สุดของเกาะกูดเป็นหลักแล้ว ตั้งแต่นี้ต่อไปทางตะวันออกเฉียงเหนือถึงสันเขาพนมกระวาน….“ . แค่ข้อความที่ระบุว่า “ตั้งแต่ชายทะเล…” วิญญูชนย่อมเข้าใจได้ว่าหมายถึงแผ่นดิน-ไม่ใช่ทะเล แต่กัมพูชาในยุคจอมพลลอนนอลในปีค.ศ. 1972 ไปตีขลุมว่ามีการปักปันเขตแดนทางทะเลแล้วในอดีต แล้วก็ตีเส้นตามอำเภอใจ เพื่อตีกินพื้นที่ทรัพยากรในอ่าวไทย . โดยในอีกทางหนึ่งก็ไปหยิบเอา ”เส้นประ“ (- - - - - - -) ระหว่างเกาะกูดกับแผ่นดินชายหาดจังหวัดตราดในแผนที่ประกอบหนังสือติดท้ายสนธิสัญญาค.ศ. 1907 มาเป็นประเด็นอธิบายการแถระดับโลกของตัวเอง . หากดูภาพสุดท้ายจะพบมีเส้น ++++++ อันเป็นสัญลักษณ์สากลของเส้นแบ่งเขตแดน (boundary line) ตลอดแนวเขตแดนทางบกไทยกัมพูชา ขณะที่เส้นประ (dotted line) - - - - - - มีอยู่เพียงสั้น ๆ ระหว่างเกาะกูดกับแผ่นดินชายทะเลจังหวัดตราดเท่านั้น ซึ่งเมื่อดูในบริบทของสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 วิญญูชนก็ย่อมเข้าใจได้ไม่ยากอีกเช่นกันว่าเป็นการแสดงจุดเล็งไปยังแผ่นดินเพื่อหาจุดที่ตั้งหลักเขตที่ 73 . การแถดังกล่าวกลายเป็นกรณีศึกษาทางวิชาการกันพอสมควรหลังปีค.ศ. 1972 และก็มีการยืนยันในข้อเท็จจริงแล้วอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะจากบุคคลระดับชนชั้นนำของกัมพูชาเอง . ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่ากฤษฎีกา 1972 ของกัมพูชานี้ยังคงดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน ในฐานะที่เป็นประกาศของประมุขแห่งรัฐ . การที่แผนผังแนบท้าย MOU 2544 มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ คือเส้นแนว “A-S-P” กำหนดเขตไหล่ทวีปด้านบนของกัมพูชาไม่ได้เขียนแบบลากพาดผ่าน หรือเขียนแบบหยุดเว้นตัวเกาะ แต่เขียนประชิดติดตัวเกาะเว้าเป็นรูปตัว ”U” ทางทิศใต้แล้วก็ตาม นั่นหาเป็นผลแปรเปลี่ยนใด ๆ ไม่ เพราะด้านหนึ่งตัวกฤษฎีกา 1972 ยังคงอยู่ อีกด้านหนึ่งแนวเส้น “A-S-P” ยังคงอยู่ การละเมิดอธิปไตยเหนือตัวเกาะกูดและทะเลอาณาเขตของไทยยังคงอยู่ . มีหนำซ้ำเนื้อหาใน MOU 2544 ข้อ 5 ก็ระบุไว้ว่าการตกลงใด ๆ หากจะมีขึ้นไม่กระทบกระเทือนการอ้างสิทธิของแต่ละฝ่าย . พระอัจฉริยภาพและพระมหากรุณาธิคุณต่อคนไทยจังหวัดจันทบุรีและตราดในองค์พระปิยมหาราชเจ้าช่วงวิกฤตกับฝรั่งเศสระหว่าง ร.ศ. 112 - 125 ทำให้ประเทศไทย ณ วันนี้มีฝั่งทะเลตะวันออกด้านอ่าวไทยยาวเหยียดจนแทบจะโอบล้อมแหล่งทรัพยากรไว้ได้ทั้งหมด - คนไทยต้องรักษาไว้ . ประกาศพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 ของล้นเกล้าฯในหลวงรัชกาลที่ 9 สืบทอดพระราชปณิธานของสมเด็จพระอัยกา - คนไทยต้องรักษาไว้ . . คำนูณ สิทธิสมาน 4 พฤศจิกายน 2567 ที่มา https://www.facebook.com/share/p/15CSsZXGkk/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Sad
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 561 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เมียตั้มพูดเองตั้มเคยบอกให้หนี
    เมื่อย้อนไปดูเทปเก่าขณะที่สองผัวเมียนักฟอก
    กำลังชื่นมื่นเพราะตบตาประชาชน หาแสงจนเป็นที่รักของคนไทย
    มีรายการหลายรายการได้เชิญไปออกอากาศ
    และในรายการหนึ่ง ผู้ดำเนินรายการถามว่า
    เคยมั๊ย ที่ตั้มให้หนี เมียตั้มตอบว่าเคย
    นั่นหมายความว่า การหนีรอบนี้ ไม่ใช่รอบแรก
    แต่รอบแรกนั้น มีสุรเชษฐ์ คอยเคลียให้ทุกเรื่อง
    ช่วยกันมา ช่วยกันไป ฟอกกันมาฟอกกันไป
    สุดท้าย อิ๊บอ๋ายดูโอ้
    ล่าสุด ตร ก็ออกมาให้ข้อมูลที่แน่ชัดแล้ว
    ว่าทั้งสองผัวเมีย มีความตั้งใจที่จะหนี
    ไปทางฝั่งสระแก้ว และการรวบรอบนี้
    ไม่ใช่โดยละม่อม แต่เป็นการไล่ตาม
    และบังคับให้จอด เพราะที่ตั้มเอาพอชคันนี้มาใช้
    เนื่องจากเป็นรถที่มีความเร็วสูง ทางเจ้าหน้าาที่ยังบอกอีกว่า
    ถ้าไปไกลกว่านี้ ศักยภาพรถของตร ก็จะตามไม่ทัน
    พี่คิงส์เคยเปิดเรื่องนี้มาปีกว่าแล้ว แต่ที่ผ่านมา
    สุรเชษฐ์ถือว่ามีอำนาจ มีสายบังคับบัญชา
    ที่ทำให้เรื่องฟอก มันไปไม่ถึงกฏหมาย
    และพี่คิงส์เปิดหัวใหม่ไว้เลยว่า
    เส้นทางการฟอก ของสุรเชษฐ์ และตั้ม
    มีทั้งบนดินและใต้ดิน บนดินอยู่ที่ภูเก็ต
    เป็นโรงแรมที่มีชั้นใต้ดิน รวมถึงกิจการที่ถือโดยม้าที่อยู่รอบโรงแรม
    ล่าสุด ก็มีการถ่ายเททรัพย์สินแถวภูเก็ตที่มีความเกี่ยวข้องกับตั้มและโจ๊ก
    เป็นการอึกทึกครึกโครม จากนี้เมื่อมีการตรวจสอบสายเงิน
    รับรอง วิ่งเข้าโยงกับสุรเชษฐ์ แน่นอน ฟันธง
    ไอ่ฉัด
    #เมียตั้มพูดเองตั้มเคยบอกให้หนี เมื่อย้อนไปดูเทปเก่าขณะที่สองผัวเมียนักฟอก กำลังชื่นมื่นเพราะตบตาประชาชน หาแสงจนเป็นที่รักของคนไทย มีรายการหลายรายการได้เชิญไปออกอากาศ และในรายการหนึ่ง ผู้ดำเนินรายการถามว่า เคยมั๊ย ที่ตั้มให้หนี เมียตั้มตอบว่าเคย นั่นหมายความว่า การหนีรอบนี้ ไม่ใช่รอบแรก แต่รอบแรกนั้น มีสุรเชษฐ์ คอยเคลียให้ทุกเรื่อง ช่วยกันมา ช่วยกันไป ฟอกกันมาฟอกกันไป สุดท้าย อิ๊บอ๋ายดูโอ้ ล่าสุด ตร ก็ออกมาให้ข้อมูลที่แน่ชัดแล้ว ว่าทั้งสองผัวเมีย มีความตั้งใจที่จะหนี ไปทางฝั่งสระแก้ว และการรวบรอบนี้ ไม่ใช่โดยละม่อม แต่เป็นการไล่ตาม และบังคับให้จอด เพราะที่ตั้มเอาพอชคันนี้มาใช้ เนื่องจากเป็นรถที่มีความเร็วสูง ทางเจ้าหน้าาที่ยังบอกอีกว่า ถ้าไปไกลกว่านี้ ศักยภาพรถของตร ก็จะตามไม่ทัน พี่คิงส์เคยเปิดเรื่องนี้มาปีกว่าแล้ว แต่ที่ผ่านมา สุรเชษฐ์ถือว่ามีอำนาจ มีสายบังคับบัญชา ที่ทำให้เรื่องฟอก มันไปไม่ถึงกฏหมาย และพี่คิงส์เปิดหัวใหม่ไว้เลยว่า เส้นทางการฟอก ของสุรเชษฐ์ และตั้ม มีทั้งบนดินและใต้ดิน บนดินอยู่ที่ภูเก็ต เป็นโรงแรมที่มีชั้นใต้ดิน รวมถึงกิจการที่ถือโดยม้าที่อยู่รอบโรงแรม ล่าสุด ก็มีการถ่ายเททรัพย์สินแถวภูเก็ตที่มีความเกี่ยวข้องกับตั้มและโจ๊ก เป็นการอึกทึกครึกโครม จากนี้เมื่อมีการตรวจสอบสายเงิน รับรอง วิ่งเข้าโยงกับสุรเชษฐ์ แน่นอน ฟันธง ไอ่ฉัด
    Like
    Love
    Haha
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 291 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ปีนเสาเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา
    #แดรกหมูกระทะมื้อเย็นได้
    #เถียงได้ทุกดอกด้วยปัญญาอันอ่อนด้อย
    #ไม่เว้นปีนเกรียวแม้กระทั่งพระพยอม
    #จำเค้ามาถามกลางโหนกระแสอยู่นั่นแหละธรรมะคืออะไร
    พี่คิงส์ขอบตอบให้เป็นตัวแทนคนไทยทั้งชาติเลยนะ
    ธรรมะนั่นคือ สิ่งที่เมิงไม่มี
    ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ปีนเสาเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา #แดรกหมูกระทะมื้อเย็นได้ #เถียงได้ทุกดอกด้วยปัญญาอันอ่อนด้อย #ไม่เว้นปีนเกรียวแม้กระทั่งพระพยอม #จำเค้ามาถามกลางโหนกระแสอยู่นั่นแหละธรรมะคืออะไร พี่คิงส์ขอบตอบให้เป็นตัวแทนคนไทยทั้งชาติเลยนะ ธรรมะนั่นคือ สิ่งที่เมิงไม่มี ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    Love
    Yay
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 376 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดีใจกับแอพคนไทยเอง
    ดีใจกับแอพคนไทยเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'อุดรธานี' จ่อไฟลุก 'พิธา' พร้อมชน 'ทักษิณ' ชิงดำเก้าอี้นายกอบจ.โค้งสุดท้าย
    .
    ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนถึงวันหย่อนบัตรเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ถือว่ามีความเข้มข้นและดุเดือดอย่างยิ่ง ภายหลังรุ่นใหญ่พรรคเพื่อไทยและรุ่นใหม่พรรคประชาชนเตรียมวัดพลังกันครั้งสำคัญ โดยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้า เตรียมลงพื้นที่ระหว่างวันที่ 13-14 พฤศจิกายน เพื่อช่วยนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยหาเสียงพร้อมกับพบปะประชาชนในหลายอำเภอ
    .
    ขณะที่ พรรคประชาชน 'พิธา ลิ้มเจริญรัตน์' อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล จะบินกลับมาจากสหรัฐอเมริกา มาลงพื้นที่ช่วยนายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครของพรรคหาเสียงระหว่างวันที่ 15-17 พฤศจิกายน หลังจากก่อนหน้านี้มีนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค, น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค, นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรค, นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า มาร่วมขบวนหาเสียงด้วย เพื่อหวังว่าจังหวัดอุดรธานีจะเป็นจังหวัดแรกที่จะสามารถปักธงส้มในพื้นที่สีแดงให้ได้เป็นครั้งแรก
    .
    ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงรอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย เชื่อว่า ผลงานของนายทักษิณในอดีต ยังอยู่ในใจพี่น้องประชาชน การเดินทางไปแต่ละที่ประชาชนยังพูดถึงความสำเร็จของท่านในอดีตอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการเดินทางไปจังหวัดอุดรธานีและจังหวัดอื่นๆของนายทักษิณ ถือเป็นเรื่องปกติเพราะท่านเป็นคนไทยคนหนึ่งจะเดินทางไปไหนก็ได้
    ..............
    Sondhi X
    'อุดรธานี' จ่อไฟลุก 'พิธา' พร้อมชน 'ทักษิณ' ชิงดำเก้าอี้นายกอบจ.โค้งสุดท้าย . ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนถึงวันหย่อนบัตรเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ถือว่ามีความเข้มข้นและดุเดือดอย่างยิ่ง ภายหลังรุ่นใหญ่พรรคเพื่อไทยและรุ่นใหม่พรรคประชาชนเตรียมวัดพลังกันครั้งสำคัญ โดยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายใหญ่บ้านจันทร์ส่องหล้า เตรียมลงพื้นที่ระหว่างวันที่ 13-14 พฤศจิกายน เพื่อช่วยนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยหาเสียงพร้อมกับพบปะประชาชนในหลายอำเภอ . ขณะที่ พรรคประชาชน 'พิธา ลิ้มเจริญรัตน์' อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล จะบินกลับมาจากสหรัฐอเมริกา มาลงพื้นที่ช่วยนายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครของพรรคหาเสียงระหว่างวันที่ 15-17 พฤศจิกายน หลังจากก่อนหน้านี้มีนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค, น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค, นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรค, นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า มาร่วมขบวนหาเสียงด้วย เพื่อหวังว่าจังหวัดอุดรธานีจะเป็นจังหวัดแรกที่จะสามารถปักธงส้มในพื้นที่สีแดงให้ได้เป็นครั้งแรก . ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงรอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย เชื่อว่า ผลงานของนายทักษิณในอดีต ยังอยู่ในใจพี่น้องประชาชน การเดินทางไปแต่ละที่ประชาชนยังพูดถึงความสำเร็จของท่านในอดีตอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการเดินทางไปจังหวัดอุดรธานีและจังหวัดอื่นๆของนายทักษิณ ถือเป็นเรื่องปกติเพราะท่านเป็นคนไทยคนหนึ่งจะเดินทางไปไหนก็ได้ .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 383 มุมมอง 0 รีวิว
  • รู้สึกห่วงตั้มขึ้นมา ว่าจะรักษาสัญญา 71 แก้วไม่ได้ หาที่ไหนในสน.ได้ล่ะ นอกจากคนไทยต้องช่วยกันนำส่งที่สน.
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    รู้สึกห่วงตั้มขึ้นมา ว่าจะรักษาสัญญา 71 แก้วไม่ได้ หาที่ไหนในสน.ได้ล่ะ นอกจากคนไทยต้องช่วยกันนำส่งที่สน. #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 378 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่าได้เจ็บ แบบไม่ไว้หน้ากันเลยทีเดียว!

    สหภาพแรงงานการบินไทย ออกแถลงการณ์

    "การเมืองต้องหยุดทำลายสายการบินแห่งชาติ"

    บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ขาดสภาพคล่อง ขาดทุนอย่างหนักต่อเนื่องมานานกว่า 10 ปี จนต้องเข้าสู่การฟื้นฟูกิจการตามคำสั่งศาลล้มละลายกลาง การฟื้นฟูกิจการดำเนินไป ตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 จนถึงวันนี้รวม 4 ปี 5 เดือน ด้วยความร่วมมือร่วมใจ ความสามัคคีของผู้บริหารแผนและพนักงานทุกคนทุกระดับ อดทน มุ่งมั่น ฟันฝ้ากับปัญหาอุปสรรคนานาประการ สามารถพลิกฟื้นวิกฤตการขาดทุนกลับมามีกำไรได้ตามแผน

    สหภาพแรงงานการบินไทย ขอยืนยันว่า สาเหตุที่บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง ขาดทุนนับแสนล้านบาท เกิดจากปัญหาการทุจริตคอรัปชัน เป็นองค์กรที่ไม่มีธรรมาภิบาล ไม่โปร่งใส ตรวจสอบไม่ได้ ซึ่งเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปนั้น เกิดขึ้นจาก "ตัวแทนฝ่ายรัฐบาล" ทั้งกระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลังที่ถูกส่งเข้ามาเป็นคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ทั้งสิ้น เช่นการเปิดเส้นทางบินกรุงเทพ-นิวยอร์ก การจัดซื้อจัดหา เครื่องบิน A-340 จำนวน 10 ลำ แต่เมื่อใช้บินจริงแล้วไม่คุ้มค่า สร้างภาระการขาดทุนสะสมทุกเที่ยวบิน จนต้องปลคระวางเครื่องบิน A - 340 การแต่งตั้งโยกย้ายที่ต้องทำตามใบสั่งนักการเมืองผ่านบอร์ด สร้างความขัดแข็งแตกแยกภายใน การทุจริตการจัดซื้อ การกำหนดนโยบายที่ไม่เอื้อประโยชน์ให้การบินไทยแข่งขันได้อย่างเสรี

    การขาดทุนสะสมจากการแสวงหาผลประโยชน์ในรัฐวิสาหกิจผ่านตัวแทนรัฐบาลทำให้บริษัทการบินไทยและพนักงานต้องแบกภาระ "การขาดทุน" จนในที่สุดต้องเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการพ้นจากความเป็นรัฐวิสาหกิจ นำมาสู่การเลิกจ้างพนักงานจำนวนมากกว่าหมื่นคน สร้างความทุกข์ยากเดือดร้อนแสนสาหัสให้กับพนักงานและครอบครัว

    ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือชื่อเสียงเกียรติภูมิของสายการบินแห่งชาติ ที่คนไทยทุกคนได้ร่วมกันสร้าง สนับสนุนส่งเสริมด้วยความภูมิใจยาวนานกว่า 60 ปี ได้ถูกทำลายลงด้วยนโยบายของ "การเมืองทุจริต"

    นับจากปี พ.ศ 2563 ถึงวันนี้เป็นระยะเวลา 4 ปีกว่า ที่บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีผู้บริหารแผน 3 คน ร่วมกับพนักงานทุกระดับได้คำเนินงานตามแผนฟื้นฟื้นฟูกิจการทุกขั้นตอน จนสามารถรักษาการบินไทยไว้ได้และประกาศผลประกอบการมีกำไรเพิ่มขึ้นเป็นระยะๆ และจะออกจากแผนฟื้นฟูกิจการในกลางปี 2568 ได้ โดยไม่ต้องมี "ภาครัฐ" เข้ามาช่วยเหลือ

    จากบทเรียนในอดีตที่ฝ้ายการเมืองคือปัญหาที่ทำให้การบินไทยเกือบล้มละลาย จึงเป็นเรื่องที่สหภาพแรงงานการบินไทยไม่อาจขอมรับได้ที่ฝ่ายการเมืองจะส่งผู้แทนจากกระทรวงคมนาคม 1 คน และจากกระทรวงการคลัง I คน เข้าเป็นผู้บริหารแผนเพิ่มขึ้นจากตัวแทนกระทรวงการคลังที่มีอยู่แล้ว 1 คนรวมเป็นตัวแทนจากภาครัฐ 3 คนจะทำให้ "ภาครัฐ"เป็นเสียงข้างมากที่มีอำนาจในการบริหารแผนฟื้นฟู สามารถปรับเปลี่ยนแผนงาน ปรับเปลี่ยนนโยบายที่ได้ดำเนินงานมาด้วยดีไม่มีปัญหาการทุจริต ตลอดระยะเวลา 4 ปีกว่า

    ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทำให้พนักงานการบินไทยทุกคนต้องทำงทำงานหนักมากเพื่อให้การบินไทย เติบโตต่อไปอย่างยั่งยืน เพื่อให้สายการบินแห่งชาติมีประสิทธิภาพ มีความสามารถในการแข่งขัน ให้คนไทยทุกคนได้ภูมิใจในสายการบินของคนไทย ที่ผู้ใช้บริการทั่วโลกเชื่อมั่นในการบริหารด้วยความซื่อสัตย์สุจริต

    สหภาพแรงงานการบินไทย "ขอคัดค้านการส่งผู้แทนภาครัฐ 2 คนจากกระทรวงคมนาคม และกระทรวงการคลัง เพิ่มเข้ามาเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ" ให้พนักงานบริษัทการบินไทย ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจการบิน สะสมประสบการณ์มาขาวนานกว่า 60 ปี ได้ใช้ความรู้ ความสามารถโดยอิสระ ปราศจากการแทรกแซง แสวงหาผลประโยชน์จากฝ่ายการเมืองเช่นในอดีต

    หยุด!!! ทำลายสายการบินแห่งชาติ

    สหภาพแรงงานการบินไทย
    7 พฤศจิกายน 2567
    ด่าได้เจ็บ แบบไม่ไว้หน้ากันเลยทีเดียว! สหภาพแรงงานการบินไทย ออกแถลงการณ์ "การเมืองต้องหยุดทำลายสายการบินแห่งชาติ" บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ขาดสภาพคล่อง ขาดทุนอย่างหนักต่อเนื่องมานานกว่า 10 ปี จนต้องเข้าสู่การฟื้นฟูกิจการตามคำสั่งศาลล้มละลายกลาง การฟื้นฟูกิจการดำเนินไป ตั้งแต่ปี พ.ศ.2563 จนถึงวันนี้รวม 4 ปี 5 เดือน ด้วยความร่วมมือร่วมใจ ความสามัคคีของผู้บริหารแผนและพนักงานทุกคนทุกระดับ อดทน มุ่งมั่น ฟันฝ้ากับปัญหาอุปสรรคนานาประการ สามารถพลิกฟื้นวิกฤตการขาดทุนกลับมามีกำไรได้ตามแผน สหภาพแรงงานการบินไทย ขอยืนยันว่า สาเหตุที่บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง ขาดทุนนับแสนล้านบาท เกิดจากปัญหาการทุจริตคอรัปชัน เป็นองค์กรที่ไม่มีธรรมาภิบาล ไม่โปร่งใส ตรวจสอบไม่ได้ ซึ่งเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปนั้น เกิดขึ้นจาก "ตัวแทนฝ่ายรัฐบาล" ทั้งกระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลังที่ถูกส่งเข้ามาเป็นคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ทั้งสิ้น เช่นการเปิดเส้นทางบินกรุงเทพ-นิวยอร์ก การจัดซื้อจัดหา เครื่องบิน A-340 จำนวน 10 ลำ แต่เมื่อใช้บินจริงแล้วไม่คุ้มค่า สร้างภาระการขาดทุนสะสมทุกเที่ยวบิน จนต้องปลคระวางเครื่องบิน A - 340 การแต่งตั้งโยกย้ายที่ต้องทำตามใบสั่งนักการเมืองผ่านบอร์ด สร้างความขัดแข็งแตกแยกภายใน การทุจริตการจัดซื้อ การกำหนดนโยบายที่ไม่เอื้อประโยชน์ให้การบินไทยแข่งขันได้อย่างเสรี การขาดทุนสะสมจากการแสวงหาผลประโยชน์ในรัฐวิสาหกิจผ่านตัวแทนรัฐบาลทำให้บริษัทการบินไทยและพนักงานต้องแบกภาระ "การขาดทุน" จนในที่สุดต้องเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการพ้นจากความเป็นรัฐวิสาหกิจ นำมาสู่การเลิกจ้างพนักงานจำนวนมากกว่าหมื่นคน สร้างความทุกข์ยากเดือดร้อนแสนสาหัสให้กับพนักงานและครอบครัว ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือชื่อเสียงเกียรติภูมิของสายการบินแห่งชาติ ที่คนไทยทุกคนได้ร่วมกันสร้าง สนับสนุนส่งเสริมด้วยความภูมิใจยาวนานกว่า 60 ปี ได้ถูกทำลายลงด้วยนโยบายของ "การเมืองทุจริต" นับจากปี พ.ศ 2563 ถึงวันนี้เป็นระยะเวลา 4 ปีกว่า ที่บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีผู้บริหารแผน 3 คน ร่วมกับพนักงานทุกระดับได้คำเนินงานตามแผนฟื้นฟื้นฟูกิจการทุกขั้นตอน จนสามารถรักษาการบินไทยไว้ได้และประกาศผลประกอบการมีกำไรเพิ่มขึ้นเป็นระยะๆ และจะออกจากแผนฟื้นฟูกิจการในกลางปี 2568 ได้ โดยไม่ต้องมี "ภาครัฐ" เข้ามาช่วยเหลือ จากบทเรียนในอดีตที่ฝ้ายการเมืองคือปัญหาที่ทำให้การบินไทยเกือบล้มละลาย จึงเป็นเรื่องที่สหภาพแรงงานการบินไทยไม่อาจขอมรับได้ที่ฝ่ายการเมืองจะส่งผู้แทนจากกระทรวงคมนาคม 1 คน และจากกระทรวงการคลัง I คน เข้าเป็นผู้บริหารแผนเพิ่มขึ้นจากตัวแทนกระทรวงการคลังที่มีอยู่แล้ว 1 คนรวมเป็นตัวแทนจากภาครัฐ 3 คนจะทำให้ "ภาครัฐ"เป็นเสียงข้างมากที่มีอำนาจในการบริหารแผนฟื้นฟู สามารถปรับเปลี่ยนแผนงาน ปรับเปลี่ยนนโยบายที่ได้ดำเนินงานมาด้วยดีไม่มีปัญหาการทุจริต ตลอดระยะเวลา 4 ปีกว่า ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทำให้พนักงานการบินไทยทุกคนต้องทำงทำงานหนักมากเพื่อให้การบินไทย เติบโตต่อไปอย่างยั่งยืน เพื่อให้สายการบินแห่งชาติมีประสิทธิภาพ มีความสามารถในการแข่งขัน ให้คนไทยทุกคนได้ภูมิใจในสายการบินของคนไทย ที่ผู้ใช้บริการทั่วโลกเชื่อมั่นในการบริหารด้วยความซื่อสัตย์สุจริต สหภาพแรงงานการบินไทย "ขอคัดค้านการส่งผู้แทนภาครัฐ 2 คนจากกระทรวงคมนาคม และกระทรวงการคลัง เพิ่มเข้ามาเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ" ให้พนักงานบริษัทการบินไทย ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจการบิน สะสมประสบการณ์มาขาวนานกว่า 60 ปี ได้ใช้ความรู้ ความสามารถโดยอิสระ ปราศจากการแทรกแซง แสวงหาผลประโยชน์จากฝ่ายการเมืองเช่นในอดีต หยุด!!! ทำลายสายการบินแห่งชาติ สหภาพแรงงานการบินไทย 7 พฤศจิกายน 2567
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • **ต้องอ่านให้จบ**หายนะกำลังมาเยือนประชาชนคนไทย!!

    ขอนำบทความที่น่าสนใจชิ้นหนึ่งมาเสนอค่ะ
    เครดิต พิมพ์ชนก พิทักษ์ชัยยะบุตร

    Somkiat Osotsapa
    January 31 at 5:18am ·
    พาไปเที่ยวโรงพยาบาลจุฬาฯกัน
    -------------------------
    เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว ผมไปรพ. จุฬาฯ เป็นประสบการณ์ใหม่ของชีวิต
    ที่จริงแล้ว ผมไม่เคยป่วยนอนโรงพยาบาลเลย เคยแต่ไปเฝ้าไข้รพ.เอกชน ซื่งสบายมาก มีเชฟอาหาร ทั้งจีน อินเดีย ไทย ชั้นเลิศ ออกแนวบันเทิง มีร้านกาแฟแบรนด์เนม ที่จริงก็ไปตรวจนี่นั่น ที่รพ.เอกชนเหมือนกัน มันสะดวกมาก

    แล้วผมก็เกิดอยากจะรู้ว่าถ้าผมจะใช้สิทธิข้าราชการของผมบ้าง จะต้องทำอย่างไร ลองไปรพจุฬา

    แวะไปครั้งที่หนื่ง เข้าคิวอยู่ยาวช่วงบ่าย บอกว่าต้องมาเอาคิว ในวันรุ่งขึ้น

    สอบถามได้ความว่าถ้าจะตรวจในวันรุ่งขึ้น ต้องมาเข้าคิวเอาบัตรคิวที่ตู้ที่จะเปิดตอนตี 5 ครื่ง

    อ๊ะ! ถ้างั้นต้องตื่นตีสี่ ไปเข้าคิวตีห้า…

    เมื่อผมไปถึงตอนตีห้า มีคนอยู่ร่วมหนื่งพันคน ตั้งแต่บัตรประกันสังคม คนไข้ส่งต่อ แรงงานต่างด้าว ร่วม 12 ประเภท หลากหลายช่องมาก
    คิดถึงอารมณ์พระพุทธเจ้า เห็นทุกขเวทนาตัดสินใจออกบวชทันที
    เอาว่าคนเคยไปรพ.เอกชน จะช้อค
    แต่ผมอยากรู้ว่าคนเขาลำบากอย่างไร…ไม่เส้น…ตามคิว…

    แล้วก็รู้ว่า:-
    ๑ งานรพ.นี่เหนื่อยมากๆ คนมะรุมมะตุ้มถามโน่นนี่เยอะ
    แต่เจ้าหน้าที่ก็ใจเย็น สุภาพเท่าที่จะทำได้ รับความเครียด แรงกดดันได้ดีสุดๆ คนป่วย คนมาตรวจมากมาย แต่ทุกคนก็ช่วยตัวเองกันดีนะครับ หลายคนก็ทุกขเวทนาทีเดียว
    งานรพ.นี่สาหัสทีเดียว คิดในใจ

    ๒ สถานที่ของรพ.ดีขื้นกว่าแต่ก่อนมาก ขอบคุณเงินค่าเช่ามาบุญครอง และสยามสแควร์ มีตืกใหม่ มีแอร์ มีระบบคิวที่ดีงาม

    ๓ เนื่องจากคนไข้มาก รอกันนาน ทำใจเถอะ แต่คนไข้จำนวนมากที่ป่วยมีอาการ นั่งกระจุกกันเป็นหลายร้อยเนี่ย ทำให้รู้สืกว่าติดเชื้อง่ายมาก
    หมอ เจ้าหน้าที่สตรองมาก
    นักเรียนที่อยากเรียนแพทย์ พยาบาลควรมาหาประสบการณ์ ถ้าชอบและไหวก็เอา แต่ของผมลองนึกว่า ต้องไปทำงานห้องนั้น ทุกวัน จะให้เป็นหมอคงไม่เอา มันหดหู่นะ

    ๔ ดูเหมือนมีขบวนการของต่างชาติมาเอาคิวเป็นอาชีพ และมีคนจากประเทศเพื่อนบ้านมารักษาฟรี โดยทำบัตรต่างด้าวปลอม รัฐบาลควรส่งคนไปดูนะ เป็นขบวนการทีเดียว

    รพ.น่ะไม่รู้เห็นด้วยหรอก คิดรพ.ใหญ่ทั่วประเทศ รายจ่ายเยอะมาก

    นั่งเครื่องมาเลย มีทำบัตรปลอมขายแน่นอน งบปท.ไทยไม่น่าเอาอยู่ แต่งตัวกันดี๊ดี

    ๕ เห็นนักศืกษาแพทย์ปีห้าโดนอาจารย์เอาปากกาเคาะหัวตลอด เรียนแพทย์เนี่ยเครียดมากนะครับ บอกเลย

    ๖ ค่ายา รพ.เอกชนแพงกว่ารพ. รัฐ เกินสิบเท่า หมอจุฬานี่เก่งนะครับ ความรู้เยอะ…

    ดีใจที่ได้ใช้สิทธิอดีตข้าราชการ มันน่าจะดีกว่านี้
    แต่เอางบไปแบ่งให้ประชาชนก็ดีแล้ว ร่วมทุกข์สุขกัน
    ถ้ากระทรวงคลังเอาส่วนของข้าราชการไปแบ่งลงทุนไว้ น่าจะรักษาได้ระดับ รพ.เอกชน

    ก็อย่างว่า…ชีวิตคนในรพ.มันเหนื่อยนะ ใครไม่เคยตื่นไปเข้าคิวตีสี่เหมือนผม ห้ามวิจารณ์เรื่องงบสาธารณสุข

    นักการเมืองทุกคน ควรไปตอนตีสี่ จะเข้าใจชีวิตและปชช.มากขื้น

    นิสิตจุฬาทุกคนควรไปอย่างยิ่ง ขอบอก นี่คือมหาวิทยาลัยชีวิตครับ

    บัณฑิตต้องรู้จักประชาชน

    Somkiat Osotsapa
    February 5 at 12:31am ·

    เมื่อประเทศไทยถูกยึด ม้าอารีต้องออกมายืนตากฝน คนไทยจะเข้าหาหมอได้อย่างไร
    --------------------------
    อาชีพที่ทำรายได้สูงกว่าบุคลากรการแพทย์ในรพ.จุฬาฯ

    คือ ล่ามต่างชาติ ที่ขนคนไข้ประเทศเพื่อนบ้าน มารายละไม่ต่ำกว่าสิบคนต่อวันต่อล่ามหนื่งคน

    มีรายได้จากคนไข้ตปท.รายละ 500 บาท วันละเกิน5000 บาท

    ล่ามของแต่ละชาติมีมากมาย (หมอจุฬาผู้รักชาติหลังไมค์มาบอก)

    ด้วยเหตุนี้ คนไข้ที่นั่งรอหมอจึงเป็นคนจากปท.เพื่อนบ้านร่วม 50%

    คนไทยที่จะเข้ารพ.จุฬาฯ มีวิธีเข้ารักษาอย่างรวดเร็วได้ โดยอาศัยทางด่วน คือ รถของมูลนิธิปอเต๊กตื๊ง
    เช่น ถูกรถชน ถูกยิง แทง ฟัน งูกัด เข้าห้องอุบัติเหตุ ฝั่งสวนลุมได้เลย

    ที่รัฐมนตรีสาธารณสุขบอกว่าระบบประกัน ทำให้คนไทยไปรักษามาก ต้องเก็บเงินผู้ป่วยไทยเพิ่ม หมอไม่พอ อุปกรณ์ไม่พอ นี่…ไร้สาระมาก…

    รายจ่ายเพิ่มเพราะรับคนไข้จากตปท.มาตรึม…

    การทำคลอดทำให้ต่างชาติมากกว่าคนไทย…

    รู้กันทั้งภูมิภาคเอเชียว่ามารักษาที่เมืองไทย แค่บอกว่าไม่มีเงินก็ฟรี…

    ตอนนี้ข่าวสารกระจายไปทั่ว จัดเป็นธุรกิจข้ามชาติใหญ่โตมาก

    ทำบัตรเสร็จ ตรวจสุขภาพเสร็จ หางานทำได้เลย
    เศรษฐกิจดีมาก หางานง่าย

    ไปบีบให้คนไทยลาออก พวกเราเยอะ เครือข่ายเพียบ เบิกล่วงหน้าได้

    ผมมีรายงานต้นทุนการรักษาผู้ป่วยของรพ.ทุกประเภท ทั่วปท. รายกลุ่มโรค คลอดแบบไหนเท่าไร ค่าใช้จ่ายประเภทค่าแรง ค่าวัสดุ ค่าเสื่อม…รู้หมด

    งบประมาณแผ่นดินของรพ.จุฬาแห่งเดียว เพิ่มจากราวสองพันล้านมาเป็นหกพันล้าน

    เพิ่มสามเท่าในเวลา 3-4 ปี ศิริราชก็บอกว่าขาดทุน รพ.ศูนย์ รพ.ท้องถิ่น รพ.ชุมชนขาดแคลนไปหมด

    หมอ พยาบาล เภสัช รังสี บุคลากรอื่นๆทำงานกันหนักมาก เศรษฐกิจไทย ระบบสาธารณสุขไทยจะล่มในไม่กี่ปี

    ตอนนี้อุตสาหกรรมขนคนเข้าปท.ไทยกำลังเติบใหญ่ ทั้งในลาว กัมพูชา พม่า

    อาฟริกันยังมาเลย เขาพูดกันว่าเมืองไทยแม่งโง่ ชอบอวดรวย ทั้งๆที่คนไทยจนจะตายห่า ผู้นำบ้ายอ ชมๆแม่งไป
    --------------------------
    ผมรู้ว่าคนไทยกำลังเครียดรุนแรง แต่อายไม่กล้าพูด

    ระวังว่ามันจะระเบิด

    ทั้งถูกแย่งคิวรพ. แย่งงาน แย่งที่ขายของ แย่งที่นั่งในรถเมล์แดง รถไฟฟรี ยึดสวนสาธารณะ อิทธิพลขั้นสูง คนจนทั้งนั้น ทุกสีเสื้อ

    ผู้บริหารสภากาชาด ครม คสช สนช สปท อะไรก็ไม่รู้จำไม่ได้
    ไม่เคยมายืนเข้าคิวตอนตี 4

    ปัญหาของประเทศนี้คือ ผู้นำ ผู้ตัดสินใจ ผู้วางแผน ไม่ได้ใช้ชีวิตสัมผัสทุกข์ยากของปชช. ตัดสินใจผิดมากๆ

    เมื่อเห็นต่างชาติเยอะมาก ผมก็ออกมาเดินดูรอบนอก แถวร้านกาแฟขายลาตเต้นั่นแหละครับ

    เจอเลย ขบวนการ มีผู้กำกับงาน แต่งตัวดีมาก ผมฟังภาษาออก เจ้าหน้าที่รบ.ปท.เพื่อนบ้านก็มี

    กำลังคุยถึงที่จะมาอีกหลายระลอก ผ่านด่านต่างๆ

    ดูรวย มีความสุข เขากำลังทำงานให้ชาติของเขา ส่งคนมารักษาที่ไทยฟรี…
    ขำที่คนไทยดูทุเรศ ทุกขเวทนา
    วันนี้ คุยกับพรรคพวกที่รู้เรื่องดี จะได้รู้ต้นน้ำ กลาง น้ำ ปลายน้ำ
    อือม์ มันน่ากลัว…
    เขื่อนความมั่นคงประเทศพังแล้ว
    --------------

    ความขัดแย้งรุนแรงเกิดขื้นเมื่อคนในชาติรู้สึกว่าพื้นที่ทำมาหากิน พื้นที่ชีวิตของเขาถูกรุกราน ถูกคุกคาม
    เยอรมัน เรียกว่า libensraum แปลว่า life space

    ตอนนี้หนักมาก สงครามเกิดขึ้นในตะวันออกกลาง ในทุกที่…
    สวีเดน เดนมาร์กจึงเอาผู้อพยพออก เศรษฐกิจยุโรปจะพังเอา ก็เพราะแบบไทยตอนนี้…คนไทยจะจ่ายเงินหนัก ขาดแคลน แล้วจะโวย แล้วจะระเบิด…

    ผมไปนั่งคุยกับพรรคพวก…
    ๑ คนในปท.รอบบ้านเราไม่ได้รวยแบบที่มีข่าวในไทยหรอก
    ค่าแรงคนทั่วๆไปในพม่าก็ราวเดือนละ 6-7ร้อย ค่าแรงขั้นต่ำที่สู้กันเต็มที่ก็ 2,200 ต่อเดือน

    ที่กัมพูชาสูงกว่านี้นิดนึง เวียดนามราวเดือนละ 3,000
    แต่ยังมีคนไม่ได้ทำงานในระบบที่ค่าจ้างระดับนี้เยอะ

    ตอนนี้คนต่างชาติ มาอยู่ในปท. ไทย ไม่ใช่ 3 ล้าน
    อาจถึง 6 ล้านแล้ว เขาบอกต้องไปดูที่ด่านที่เข้ามา…
    ราชการไม่มีตัวเลข - ที่มีก็ผิด

    มามาก ก็เข้ารพ.มาก ญาติพี่น้องเจ็บป่วยก็พามา ถูกกว่าไปพนมเปญ ย่างกุ้ง เวียงจันทร์ ซื่งหมอไม่เก่ง ยาไม่มี เครื่องมือไม่มี แพงกว่าเมืองไทยด้วย

    ๒ ตอนนี้ระบบจัดตั้ง เครือข่ายแน่นหนามาก คนทางโน้นก็รู้ว่ามาเมืองไทยแล้วรวย

    ผมถามว่าที่สำรวจบอกว่ามาแล้วจะกลับไป…เขาบอกกลับไปที่ไหน…มีแต่กำลังแห่กันมา! มาแล้วมีบริการหางาน หาที่พัก ทำบัตรแรงงาน มีนายจ้าง ทำบัตรสุขภาพ พาไปรพ. หักเงินทีหลังก็ได้
    มีนายทุน กองทุนระดับเป็นหมื่นล้าน มีตั้งแต่บริการขนส่ง ต้นทาง ถึงปลายทางแบบโรฮิงยา

    ได้สัญชาติกันเยอะ ซื้อบัตร เอาลูกมาใส่ชื่อพ่อคนไทย ทำกันเป็นล่ำเป็นสันมาก จะได้มาเรียนฟรีที่เมืองไทย ได้เข้ามหาวิทยาลัย รักษาฟรี อยู่ฟรีกับนายจ้าง อาหารพร้อม ไม่ต้องจ่ายแวต ส่งเงินกลับไปได้เยอะมาก

    มาคลอดเมืองไทย ค่าคลอด ดูแลทั้งปี 365.-บาทเท่านั้น ถ้าผ่าออกก็แค่นี้ ต้นทุนสองหมื่นกว่านะครับ
    จะหาที่ขายของ เปิดร้าน ใช้คนไทยเป็นโนมินีก็มี ทำแบบแบ่งเปอร์เซนต์ก็ได้

    มามากก็เข้ารพ.มาก ทำบัตรสุขภาพราวปีละ 1,300.- รักษาทุกโรค 55 ---------------

    ๓ เขาบอกว่าเมืองไทยโฆษณา AEC เกินจริง จนคนและขรก. เข้าใจว่าแรงงานคนต่างชาติเข้าไทยได้ฟรี คนไทยทั่วไปก็เข้าใจเช่นนั้น ด่านจืงเปิด

    ยุคนี้ป่วยรุนแรง เหมารถจากพนมเปญมาเลย นอนรพ.3เดือน ให้ออกซิเจนตลอด จ่าย2หมื่น ต้นทุนจริงๆหลายแสน รวมค่าอุปกรณ์

    ผ่าหัวใจฟรี ไปรพ.เอกชนสี่แสน ต้นทุนของรัฐแสนกว่า

    ไม่เจ๊งไงไหว
    ---------------------

    ๔ เดินทางมาไทยง่าย ถูก…
    เมืองไทยไม่มีระบบตรวจสอบคนที่มาแล้วไม่กลับ

    เงินซื้อได้ทุกอย่าง ตอนนี้เครือข่ายจัดหาคนเป็นพ่อ ทำงานดี เพราะรายได้มาก กำลังมากันเพียบ พลเมืองไทยจะเยอะมาก เตรียมงบไว้
    --------------
    ๕ อุตสาหกรรม(พาคนมาไทย) รุ่งเรืองมากในปท.เพื่อนบ้าน กำไรดี ลูกค้าเยอะมาก ช่วงนี้ข่าวไปทั่ว
    -------------------

    ๖ การจะรักษาในไทย ก็แค่หาชื่อนายจ้าง ซื่งจัดไว้แล้ว ไปซื้อบัตรสุขภาพ รบ.ไทยบริการดีมาก…

    ๗ ที่ผิดกฏหมายทำไง ก็จ่ายเดือนละพันต่อคนเหมือนเดิม 55 ก็ต้องมีรายได้อะไรสักอย่าง

    ไอ้คนที่ผมคุยด้วย มีหน้าที่แบ่งลูกน้องไปเก็บเงินรายหัวส่งทุกเดือน…วันนี้นั่งคุยละเอียด มึงจ่ายให้ใครกันบ้าง ไอ้นั่นย้ายแล้วเหรอ ตอนนี้ใครคุม…
    ชีวิตธรรมดาคุยกันยังงี้ครับ
    --------------
    ยังไม่บอกว่าจะแก้อย่างไรนะครับ ต้องเล่าสถานการณ์ก่อน
    --------------

    ผมแนะว่าต่อไป ถ้าป่วยไปรักษาแถวจังหวัดที่ไม่มีต่างด้าว เช่น ชัยภูมิ เลย น่าจะสะดวกกว่านะ
    ช่วงนี้ก็สตรองหน่อย ถ้าพ่อแม่ไม่ได้รับการรักษาที่ดี ยาลดลง ไม่มีเตียงก็ขอให้ทำใจ

    ผมจะไปเข้าคิวเป็นเพื่อน

    ตอนนี้เตรียมแผนจะไปศิริราช ติดต่อไว้แล้ว ต่อไปจะไปราชวิถี รามา วชิระ ไปขอนแก่น อุดร สุราษฏร์

    ที่จริง คสช ครม ควรส่งภรรยาไปเข้าคิวบ้างนะ

    กรรมการสภากาชาดด้วย

    ไปพรุ่งนี้เลย จะได้รับรู้ความรู้สืกคนไทย

    ผมเขียนไป ผมเศร้ามาก

    เงินที่รบ.สัญญาว่าจะดูแลพยาบาลผมตอนแก่ แบ่งไปให้คนไทยอื่นๆ ผมมีความสุขนะ เจ็บ ตายด้วยกัน

    แต่ตอนนี้ ผมแก่ ผมต้องนั่งรอคิวยาว

    ตอนใกล้จะถึงคิว มันแทรกเข้ามา เอาลูกค้ามาแซงสิบคนนี่ผมไม่พอใจมาก

    ถาม ขาใหญ่มันเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษ เอาต่างชาติเข้ามา มันหัวเราะ บอกรายได้ของหลายคนจะดีมากทีเดียว
    มันถามว่าใครคิดวะ คนไทยได้อะไรบ้าง พวกนี้รักชาตินะครับ
    ------------------
    ต่างชาติบอกผู้นำไทยไม่ติดดิน บ้าลูกยอ บ้า AEC งี่เง่า ชอบเอาหน้า ไม่รู้เรื่อง สบาย หมูที่สุดในปท.ย่านนี้

    เพื่อนผมบอก ผมไม่ได้พูดนะ
    จะแก้ปัญหาต้องพูดกันให้เข้าใจว่าเป็นอย่างนี้…

    วันนี้เขียนไม่เป็นระบบ มึนไวน์มานิดหน่อย
    ความรู้ที่เพื่อนเพจเล่ามา เป๊ะมาก ผมจึงพอมีภูมิไปคุยกับเขา
    เห็นอะไรช่วยบอกมานะครับ…ช่วยกัน…
    **ต้องอ่านให้จบ**หายนะกำลังมาเยือนประชาชนคนไทย!! ขอนำบทความที่น่าสนใจชิ้นหนึ่งมาเสนอค่ะ เครดิต พิมพ์ชนก พิทักษ์ชัยยะบุตร Somkiat Osotsapa January 31 at 5:18am · พาไปเที่ยวโรงพยาบาลจุฬาฯกัน ------------------------- เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว ผมไปรพ. จุฬาฯ เป็นประสบการณ์ใหม่ของชีวิต ที่จริงแล้ว ผมไม่เคยป่วยนอนโรงพยาบาลเลย เคยแต่ไปเฝ้าไข้รพ.เอกชน ซื่งสบายมาก มีเชฟอาหาร ทั้งจีน อินเดีย ไทย ชั้นเลิศ ออกแนวบันเทิง มีร้านกาแฟแบรนด์เนม ที่จริงก็ไปตรวจนี่นั่น ที่รพ.เอกชนเหมือนกัน มันสะดวกมาก แล้วผมก็เกิดอยากจะรู้ว่าถ้าผมจะใช้สิทธิข้าราชการของผมบ้าง จะต้องทำอย่างไร ลองไปรพจุฬา แวะไปครั้งที่หนื่ง เข้าคิวอยู่ยาวช่วงบ่าย บอกว่าต้องมาเอาคิว ในวันรุ่งขึ้น สอบถามได้ความว่าถ้าจะตรวจในวันรุ่งขึ้น ต้องมาเข้าคิวเอาบัตรคิวที่ตู้ที่จะเปิดตอนตี 5 ครื่ง อ๊ะ! ถ้างั้นต้องตื่นตีสี่ ไปเข้าคิวตีห้า… เมื่อผมไปถึงตอนตีห้า มีคนอยู่ร่วมหนื่งพันคน ตั้งแต่บัตรประกันสังคม คนไข้ส่งต่อ แรงงานต่างด้าว ร่วม 12 ประเภท หลากหลายช่องมาก คิดถึงอารมณ์พระพุทธเจ้า เห็นทุกขเวทนาตัดสินใจออกบวชทันที เอาว่าคนเคยไปรพ.เอกชน จะช้อค แต่ผมอยากรู้ว่าคนเขาลำบากอย่างไร…ไม่เส้น…ตามคิว… แล้วก็รู้ว่า:- ๑ งานรพ.นี่เหนื่อยมากๆ คนมะรุมมะตุ้มถามโน่นนี่เยอะ แต่เจ้าหน้าที่ก็ใจเย็น สุภาพเท่าที่จะทำได้ รับความเครียด แรงกดดันได้ดีสุดๆ คนป่วย คนมาตรวจมากมาย แต่ทุกคนก็ช่วยตัวเองกันดีนะครับ หลายคนก็ทุกขเวทนาทีเดียว งานรพ.นี่สาหัสทีเดียว คิดในใจ ๒ สถานที่ของรพ.ดีขื้นกว่าแต่ก่อนมาก ขอบคุณเงินค่าเช่ามาบุญครอง และสยามสแควร์ มีตืกใหม่ มีแอร์ มีระบบคิวที่ดีงาม ๓ เนื่องจากคนไข้มาก รอกันนาน ทำใจเถอะ แต่คนไข้จำนวนมากที่ป่วยมีอาการ นั่งกระจุกกันเป็นหลายร้อยเนี่ย ทำให้รู้สืกว่าติดเชื้อง่ายมาก หมอ เจ้าหน้าที่สตรองมาก นักเรียนที่อยากเรียนแพทย์ พยาบาลควรมาหาประสบการณ์ ถ้าชอบและไหวก็เอา แต่ของผมลองนึกว่า ต้องไปทำงานห้องนั้น ทุกวัน จะให้เป็นหมอคงไม่เอา มันหดหู่นะ ๔ ดูเหมือนมีขบวนการของต่างชาติมาเอาคิวเป็นอาชีพ และมีคนจากประเทศเพื่อนบ้านมารักษาฟรี โดยทำบัตรต่างด้าวปลอม รัฐบาลควรส่งคนไปดูนะ เป็นขบวนการทีเดียว รพ.น่ะไม่รู้เห็นด้วยหรอก คิดรพ.ใหญ่ทั่วประเทศ รายจ่ายเยอะมาก นั่งเครื่องมาเลย มีทำบัตรปลอมขายแน่นอน งบปท.ไทยไม่น่าเอาอยู่ แต่งตัวกันดี๊ดี ๕ เห็นนักศืกษาแพทย์ปีห้าโดนอาจารย์เอาปากกาเคาะหัวตลอด เรียนแพทย์เนี่ยเครียดมากนะครับ บอกเลย ๖ ค่ายา รพ.เอกชนแพงกว่ารพ. รัฐ เกินสิบเท่า หมอจุฬานี่เก่งนะครับ ความรู้เยอะ… ดีใจที่ได้ใช้สิทธิอดีตข้าราชการ มันน่าจะดีกว่านี้ แต่เอางบไปแบ่งให้ประชาชนก็ดีแล้ว ร่วมทุกข์สุขกัน ถ้ากระทรวงคลังเอาส่วนของข้าราชการไปแบ่งลงทุนไว้ น่าจะรักษาได้ระดับ รพ.เอกชน ก็อย่างว่า…ชีวิตคนในรพ.มันเหนื่อยนะ ใครไม่เคยตื่นไปเข้าคิวตีสี่เหมือนผม ห้ามวิจารณ์เรื่องงบสาธารณสุข นักการเมืองทุกคน ควรไปตอนตีสี่ จะเข้าใจชีวิตและปชช.มากขื้น นิสิตจุฬาทุกคนควรไปอย่างยิ่ง ขอบอก นี่คือมหาวิทยาลัยชีวิตครับ บัณฑิตต้องรู้จักประชาชน Somkiat Osotsapa February 5 at 12:31am · เมื่อประเทศไทยถูกยึด ม้าอารีต้องออกมายืนตากฝน คนไทยจะเข้าหาหมอได้อย่างไร -------------------------- อาชีพที่ทำรายได้สูงกว่าบุคลากรการแพทย์ในรพ.จุฬาฯ คือ ล่ามต่างชาติ ที่ขนคนไข้ประเทศเพื่อนบ้าน มารายละไม่ต่ำกว่าสิบคนต่อวันต่อล่ามหนื่งคน มีรายได้จากคนไข้ตปท.รายละ 500 บาท วันละเกิน5000 บาท ล่ามของแต่ละชาติมีมากมาย (หมอจุฬาผู้รักชาติหลังไมค์มาบอก) ด้วยเหตุนี้ คนไข้ที่นั่งรอหมอจึงเป็นคนจากปท.เพื่อนบ้านร่วม 50% คนไทยที่จะเข้ารพ.จุฬาฯ มีวิธีเข้ารักษาอย่างรวดเร็วได้ โดยอาศัยทางด่วน คือ รถของมูลนิธิปอเต๊กตื๊ง เช่น ถูกรถชน ถูกยิง แทง ฟัน งูกัด เข้าห้องอุบัติเหตุ ฝั่งสวนลุมได้เลย ที่รัฐมนตรีสาธารณสุขบอกว่าระบบประกัน ทำให้คนไทยไปรักษามาก ต้องเก็บเงินผู้ป่วยไทยเพิ่ม หมอไม่พอ อุปกรณ์ไม่พอ นี่…ไร้สาระมาก… รายจ่ายเพิ่มเพราะรับคนไข้จากตปท.มาตรึม… การทำคลอดทำให้ต่างชาติมากกว่าคนไทย… รู้กันทั้งภูมิภาคเอเชียว่ามารักษาที่เมืองไทย แค่บอกว่าไม่มีเงินก็ฟรี… ตอนนี้ข่าวสารกระจายไปทั่ว จัดเป็นธุรกิจข้ามชาติใหญ่โตมาก ทำบัตรเสร็จ ตรวจสุขภาพเสร็จ หางานทำได้เลย เศรษฐกิจดีมาก หางานง่าย ไปบีบให้คนไทยลาออก พวกเราเยอะ เครือข่ายเพียบ เบิกล่วงหน้าได้ ผมมีรายงานต้นทุนการรักษาผู้ป่วยของรพ.ทุกประเภท ทั่วปท. รายกลุ่มโรค คลอดแบบไหนเท่าไร ค่าใช้จ่ายประเภทค่าแรง ค่าวัสดุ ค่าเสื่อม…รู้หมด งบประมาณแผ่นดินของรพ.จุฬาแห่งเดียว เพิ่มจากราวสองพันล้านมาเป็นหกพันล้าน เพิ่มสามเท่าในเวลา 3-4 ปี ศิริราชก็บอกว่าขาดทุน รพ.ศูนย์ รพ.ท้องถิ่น รพ.ชุมชนขาดแคลนไปหมด หมอ พยาบาล เภสัช รังสี บุคลากรอื่นๆทำงานกันหนักมาก เศรษฐกิจไทย ระบบสาธารณสุขไทยจะล่มในไม่กี่ปี ตอนนี้อุตสาหกรรมขนคนเข้าปท.ไทยกำลังเติบใหญ่ ทั้งในลาว กัมพูชา พม่า อาฟริกันยังมาเลย เขาพูดกันว่าเมืองไทยแม่งโง่ ชอบอวดรวย ทั้งๆที่คนไทยจนจะตายห่า ผู้นำบ้ายอ ชมๆแม่งไป -------------------------- ผมรู้ว่าคนไทยกำลังเครียดรุนแรง แต่อายไม่กล้าพูด ระวังว่ามันจะระเบิด ทั้งถูกแย่งคิวรพ. แย่งงาน แย่งที่ขายของ แย่งที่นั่งในรถเมล์แดง รถไฟฟรี ยึดสวนสาธารณะ อิทธิพลขั้นสูง คนจนทั้งนั้น ทุกสีเสื้อ ผู้บริหารสภากาชาด ครม คสช สนช สปท อะไรก็ไม่รู้จำไม่ได้ ไม่เคยมายืนเข้าคิวตอนตี 4 ปัญหาของประเทศนี้คือ ผู้นำ ผู้ตัดสินใจ ผู้วางแผน ไม่ได้ใช้ชีวิตสัมผัสทุกข์ยากของปชช. ตัดสินใจผิดมากๆ เมื่อเห็นต่างชาติเยอะมาก ผมก็ออกมาเดินดูรอบนอก แถวร้านกาแฟขายลาตเต้นั่นแหละครับ เจอเลย ขบวนการ มีผู้กำกับงาน แต่งตัวดีมาก ผมฟังภาษาออก เจ้าหน้าที่รบ.ปท.เพื่อนบ้านก็มี กำลังคุยถึงที่จะมาอีกหลายระลอก ผ่านด่านต่างๆ ดูรวย มีความสุข เขากำลังทำงานให้ชาติของเขา ส่งคนมารักษาที่ไทยฟรี… ขำที่คนไทยดูทุเรศ ทุกขเวทนา วันนี้ คุยกับพรรคพวกที่รู้เรื่องดี จะได้รู้ต้นน้ำ กลาง น้ำ ปลายน้ำ อือม์ มันน่ากลัว… เขื่อนความมั่นคงประเทศพังแล้ว -------------- ความขัดแย้งรุนแรงเกิดขื้นเมื่อคนในชาติรู้สึกว่าพื้นที่ทำมาหากิน พื้นที่ชีวิตของเขาถูกรุกราน ถูกคุกคาม เยอรมัน เรียกว่า libensraum แปลว่า life space ตอนนี้หนักมาก สงครามเกิดขึ้นในตะวันออกกลาง ในทุกที่… สวีเดน เดนมาร์กจึงเอาผู้อพยพออก เศรษฐกิจยุโรปจะพังเอา ก็เพราะแบบไทยตอนนี้…คนไทยจะจ่ายเงินหนัก ขาดแคลน แล้วจะโวย แล้วจะระเบิด… ผมไปนั่งคุยกับพรรคพวก… ๑ คนในปท.รอบบ้านเราไม่ได้รวยแบบที่มีข่าวในไทยหรอก ค่าแรงคนทั่วๆไปในพม่าก็ราวเดือนละ 6-7ร้อย ค่าแรงขั้นต่ำที่สู้กันเต็มที่ก็ 2,200 ต่อเดือน ที่กัมพูชาสูงกว่านี้นิดนึง เวียดนามราวเดือนละ 3,000 แต่ยังมีคนไม่ได้ทำงานในระบบที่ค่าจ้างระดับนี้เยอะ ตอนนี้คนต่างชาติ มาอยู่ในปท. ไทย ไม่ใช่ 3 ล้าน อาจถึง 6 ล้านแล้ว เขาบอกต้องไปดูที่ด่านที่เข้ามา… ราชการไม่มีตัวเลข - ที่มีก็ผิด มามาก ก็เข้ารพ.มาก ญาติพี่น้องเจ็บป่วยก็พามา ถูกกว่าไปพนมเปญ ย่างกุ้ง เวียงจันทร์ ซื่งหมอไม่เก่ง ยาไม่มี เครื่องมือไม่มี แพงกว่าเมืองไทยด้วย ๒ ตอนนี้ระบบจัดตั้ง เครือข่ายแน่นหนามาก คนทางโน้นก็รู้ว่ามาเมืองไทยแล้วรวย ผมถามว่าที่สำรวจบอกว่ามาแล้วจะกลับไป…เขาบอกกลับไปที่ไหน…มีแต่กำลังแห่กันมา! มาแล้วมีบริการหางาน หาที่พัก ทำบัตรแรงงาน มีนายจ้าง ทำบัตรสุขภาพ พาไปรพ. หักเงินทีหลังก็ได้ มีนายทุน กองทุนระดับเป็นหมื่นล้าน มีตั้งแต่บริการขนส่ง ต้นทาง ถึงปลายทางแบบโรฮิงยา ได้สัญชาติกันเยอะ ซื้อบัตร เอาลูกมาใส่ชื่อพ่อคนไทย ทำกันเป็นล่ำเป็นสันมาก จะได้มาเรียนฟรีที่เมืองไทย ได้เข้ามหาวิทยาลัย รักษาฟรี อยู่ฟรีกับนายจ้าง อาหารพร้อม ไม่ต้องจ่ายแวต ส่งเงินกลับไปได้เยอะมาก มาคลอดเมืองไทย ค่าคลอด ดูแลทั้งปี 365.-บาทเท่านั้น ถ้าผ่าออกก็แค่นี้ ต้นทุนสองหมื่นกว่านะครับ จะหาที่ขายของ เปิดร้าน ใช้คนไทยเป็นโนมินีก็มี ทำแบบแบ่งเปอร์เซนต์ก็ได้ มามากก็เข้ารพ.มาก ทำบัตรสุขภาพราวปีละ 1,300.- รักษาทุกโรค 55 --------------- ๓ เขาบอกว่าเมืองไทยโฆษณา AEC เกินจริง จนคนและขรก. เข้าใจว่าแรงงานคนต่างชาติเข้าไทยได้ฟรี คนไทยทั่วไปก็เข้าใจเช่นนั้น ด่านจืงเปิด ยุคนี้ป่วยรุนแรง เหมารถจากพนมเปญมาเลย นอนรพ.3เดือน ให้ออกซิเจนตลอด จ่าย2หมื่น ต้นทุนจริงๆหลายแสน รวมค่าอุปกรณ์ ผ่าหัวใจฟรี ไปรพ.เอกชนสี่แสน ต้นทุนของรัฐแสนกว่า ไม่เจ๊งไงไหว --------------------- ๔ เดินทางมาไทยง่าย ถูก… เมืองไทยไม่มีระบบตรวจสอบคนที่มาแล้วไม่กลับ เงินซื้อได้ทุกอย่าง ตอนนี้เครือข่ายจัดหาคนเป็นพ่อ ทำงานดี เพราะรายได้มาก กำลังมากันเพียบ พลเมืองไทยจะเยอะมาก เตรียมงบไว้ -------------- ๕ อุตสาหกรรม(พาคนมาไทย) รุ่งเรืองมากในปท.เพื่อนบ้าน กำไรดี ลูกค้าเยอะมาก ช่วงนี้ข่าวไปทั่ว ------------------- ๖ การจะรักษาในไทย ก็แค่หาชื่อนายจ้าง ซื่งจัดไว้แล้ว ไปซื้อบัตรสุขภาพ รบ.ไทยบริการดีมาก… ๗ ที่ผิดกฏหมายทำไง ก็จ่ายเดือนละพันต่อคนเหมือนเดิม 55 ก็ต้องมีรายได้อะไรสักอย่าง ไอ้คนที่ผมคุยด้วย มีหน้าที่แบ่งลูกน้องไปเก็บเงินรายหัวส่งทุกเดือน…วันนี้นั่งคุยละเอียด มึงจ่ายให้ใครกันบ้าง ไอ้นั่นย้ายแล้วเหรอ ตอนนี้ใครคุม… ชีวิตธรรมดาคุยกันยังงี้ครับ -------------- ยังไม่บอกว่าจะแก้อย่างไรนะครับ ต้องเล่าสถานการณ์ก่อน -------------- ผมแนะว่าต่อไป ถ้าป่วยไปรักษาแถวจังหวัดที่ไม่มีต่างด้าว เช่น ชัยภูมิ เลย น่าจะสะดวกกว่านะ ช่วงนี้ก็สตรองหน่อย ถ้าพ่อแม่ไม่ได้รับการรักษาที่ดี ยาลดลง ไม่มีเตียงก็ขอให้ทำใจ ผมจะไปเข้าคิวเป็นเพื่อน ตอนนี้เตรียมแผนจะไปศิริราช ติดต่อไว้แล้ว ต่อไปจะไปราชวิถี รามา วชิระ ไปขอนแก่น อุดร สุราษฏร์ ที่จริง คสช ครม ควรส่งภรรยาไปเข้าคิวบ้างนะ กรรมการสภากาชาดด้วย ไปพรุ่งนี้เลย จะได้รับรู้ความรู้สืกคนไทย ผมเขียนไป ผมเศร้ามาก เงินที่รบ.สัญญาว่าจะดูแลพยาบาลผมตอนแก่ แบ่งไปให้คนไทยอื่นๆ ผมมีความสุขนะ เจ็บ ตายด้วยกัน แต่ตอนนี้ ผมแก่ ผมต้องนั่งรอคิวยาว ตอนใกล้จะถึงคิว มันแทรกเข้ามา เอาลูกค้ามาแซงสิบคนนี่ผมไม่พอใจมาก ถาม ขาใหญ่มันเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษ เอาต่างชาติเข้ามา มันหัวเราะ บอกรายได้ของหลายคนจะดีมากทีเดียว มันถามว่าใครคิดวะ คนไทยได้อะไรบ้าง พวกนี้รักชาตินะครับ ------------------ ต่างชาติบอกผู้นำไทยไม่ติดดิน บ้าลูกยอ บ้า AEC งี่เง่า ชอบเอาหน้า ไม่รู้เรื่อง สบาย หมูที่สุดในปท.ย่านนี้ เพื่อนผมบอก ผมไม่ได้พูดนะ จะแก้ปัญหาต้องพูดกันให้เข้าใจว่าเป็นอย่างนี้… วันนี้เขียนไม่เป็นระบบ มึนไวน์มานิดหน่อย ความรู้ที่เพื่อนเพจเล่ามา เป๊ะมาก ผมจึงพอมีภูมิไปคุยกับเขา เห็นอะไรช่วยบอกมานะครับ…ช่วยกัน…
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • เบื่อหาดใหญ่ ไปอลอร์สตาร์

    ในขณะที่ชาวมาเลเซียนิยมเข้ามาท่องเที่ยวที่หาดใหญ่ จ.สงขลาอย่างคึกคัก ในทางกลับกันยังมีคนไทยอีกส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะชาวหาดใหญ่ นิยมไปเที่ยวประเทศมาเลเซีย หนึ่งในนั้นคือ อลอร์สตาร์ (Alor Setar) เมืองหลวงของรัฐเคดะห์ (Kedah) หากขับรถไปเองโดยใช้ทางด่วนเหนือ-ใต้ E1 จากด่านบูกิตกายูฮิตัม ตรงข้าม อ.สะเดา จ.สงขลา ระยะทางเพียง 50 กิโลเมตร

    แต่ส่วนมากนิยมเดินทางโดยรถไฟ KTM Komuter จากสถานีปาดังเบซาร์ (Padang Besar) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที ค่าโดยสาร 5.70 ริงกิตต่อเที่ยว (ประมาณ 45 บาท) หากเดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับ นิยมจอดรถที่ด่านปาดังเบซาร์ฝั่งไทย ก่อนไปประทับตราหนังสือเดินทางที่ด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ เปิดเวลา 05.00-21.00 น. ตามเวลาประเทศไทย กับศูนย์ ICQS ปาดังเบซาร์

    ชาวหาดใหญ่นิยมมาช้อปปิ้งที่ศูนย์การค้าอะมาน เซ็นทรัล (Aman Central) เนื่องจากมีร้านค้าที่ไม่มีในหาดใหญ่ เช่น ร้าน CHAGEE, ร้าน Krispy Kreme ที่มีโดนัทไซส์เล็ก, ไอศกรีม Llaollao (เหยาเหยา) นอกนั้นก็จะซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม ทั้งน้ำหอม สกินแคร์ และวิตามินต่างๆ บางรายการถูกกว่าประเทศไทย

    อะมาน เซ็นทรัล เป็นศูนย์การค้าขนาด 8 ชั้นของกลุ่มเบลล์วิลล์กรุ๊ป เปิดเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2558 มีร้านค้าเช่ารวม 420 ร้าน แมกเนตหลักประกอบด้วย โลตัส (Lotus's) ห้างสรรพสินค้าพาร์คสัน (Parkson) และโรงภาพยนตร์โกลเด้นสกรีนซีนีม่าส์ (GSC)

    ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมประกอบด้วย Menara Alor Setar หอโทรคมนาคม สูง 4 ชั้น ยาว 165.5 เมตร (543 ฟุต) อันดับสามในมาเลเซีย เปิดเมื่อปี 2540 ราคาเข้าชมจุดชมวิวเริ่มต้นที่ 8 ริงกิต, มัสยิดซาฮีร์ (Zahir Mosque) ซึ่งเก่าแก่ที่สุดในมาเลเซีย นอกนั้นก็จะมี Kedah State Art Gallery หอศิลป์แห่งรัฐเคดาห์ ห่างออกไปจะเป็น Kedah Paddy Museum พิพิธภัณฑ์ข้าว

    เคดะห์เป็นรัฐ 5 อันดับแรกในมาเลเซียที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวสูงสุด เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวอย่างเกาะลังกาวี โดยในปี 2566 มีนักท่องเที่ยวรวมทั้งสิ้น 6.45 ล้านคน โดยเมืองอลอร์สตาร์มีโรงแรมให้บริการรวม 2,552 ห้อง ส่วนสนามบินอลอร์สตาร์ (AOR) มีผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 588,771 คน มีเที่ยวบินจากสนามบินกัวลาลัมเปอร์ (KUL) 23 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ สนามบินซูบัง (SZB) 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และสนามบินเซไน รัฐยะโฮร์ (JHB) 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์

    ล่าสุด สายการบินบาติกแอร์ (Batik Air) ประกาศเปิดเส้นทางบินใหม่ กัวลาลัมเปอร์-อลอร์สตาร์ ด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 737 ตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค. 2567 ให้บริการ 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์

    #Newskit #AlorSetar #Kedah
    เบื่อหาดใหญ่ ไปอลอร์สตาร์ ในขณะที่ชาวมาเลเซียนิยมเข้ามาท่องเที่ยวที่หาดใหญ่ จ.สงขลาอย่างคึกคัก ในทางกลับกันยังมีคนไทยอีกส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะชาวหาดใหญ่ นิยมไปเที่ยวประเทศมาเลเซีย หนึ่งในนั้นคือ อลอร์สตาร์ (Alor Setar) เมืองหลวงของรัฐเคดะห์ (Kedah) หากขับรถไปเองโดยใช้ทางด่วนเหนือ-ใต้ E1 จากด่านบูกิตกายูฮิตัม ตรงข้าม อ.สะเดา จ.สงขลา ระยะทางเพียง 50 กิโลเมตร แต่ส่วนมากนิยมเดินทางโดยรถไฟ KTM Komuter จากสถานีปาดังเบซาร์ (Padang Besar) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที ค่าโดยสาร 5.70 ริงกิตต่อเที่ยว (ประมาณ 45 บาท) หากเดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับ นิยมจอดรถที่ด่านปาดังเบซาร์ฝั่งไทย ก่อนไปประทับตราหนังสือเดินทางที่ด่านพรมแดนปาดังเบซาร์ เปิดเวลา 05.00-21.00 น. ตามเวลาประเทศไทย กับศูนย์ ICQS ปาดังเบซาร์ ชาวหาดใหญ่นิยมมาช้อปปิ้งที่ศูนย์การค้าอะมาน เซ็นทรัล (Aman Central) เนื่องจากมีร้านค้าที่ไม่มีในหาดใหญ่ เช่น ร้าน CHAGEE, ร้าน Krispy Kreme ที่มีโดนัทไซส์เล็ก, ไอศกรีม Llaollao (เหยาเหยา) นอกนั้นก็จะซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม ทั้งน้ำหอม สกินแคร์ และวิตามินต่างๆ บางรายการถูกกว่าประเทศไทย อะมาน เซ็นทรัล เป็นศูนย์การค้าขนาด 8 ชั้นของกลุ่มเบลล์วิลล์กรุ๊ป เปิดเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2558 มีร้านค้าเช่ารวม 420 ร้าน แมกเนตหลักประกอบด้วย โลตัส (Lotus's) ห้างสรรพสินค้าพาร์คสัน (Parkson) และโรงภาพยนตร์โกลเด้นสกรีนซีนีม่าส์ (GSC) ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมประกอบด้วย Menara Alor Setar หอโทรคมนาคม สูง 4 ชั้น ยาว 165.5 เมตร (543 ฟุต) อันดับสามในมาเลเซีย เปิดเมื่อปี 2540 ราคาเข้าชมจุดชมวิวเริ่มต้นที่ 8 ริงกิต, มัสยิดซาฮีร์ (Zahir Mosque) ซึ่งเก่าแก่ที่สุดในมาเลเซีย นอกนั้นก็จะมี Kedah State Art Gallery หอศิลป์แห่งรัฐเคดาห์ ห่างออกไปจะเป็น Kedah Paddy Museum พิพิธภัณฑ์ข้าว เคดะห์เป็นรัฐ 5 อันดับแรกในมาเลเซียที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวสูงสุด เพราะมีแหล่งท่องเที่ยวอย่างเกาะลังกาวี โดยในปี 2566 มีนักท่องเที่ยวรวมทั้งสิ้น 6.45 ล้านคน โดยเมืองอลอร์สตาร์มีโรงแรมให้บริการรวม 2,552 ห้อง ส่วนสนามบินอลอร์สตาร์ (AOR) มีผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 588,771 คน มีเที่ยวบินจากสนามบินกัวลาลัมเปอร์ (KUL) 23 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ สนามบินซูบัง (SZB) 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และสนามบินเซไน รัฐยะโฮร์ (JHB) 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ล่าสุด สายการบินบาติกแอร์ (Batik Air) ประกาศเปิดเส้นทางบินใหม่ กัวลาลัมเปอร์-อลอร์สตาร์ ด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 737 ตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค. 2567 ให้บริการ 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ #Newskit #AlorSetar #Kedah
    Like
    Love
    8
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚩ขอให้นายกแพทยสภา ดำเนินการเอาผิดแพทย์ตามประกาศแพทยสภาที่ ๖๒/๒๕๖๗

    วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

    เรียน นายกแพทยสภา พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์
    สำเนาเรียน เลขาธิการแพทยสภา
    สื่อสารมวลชนทุกสำนัก

    ตามที่แพทยสภาได้ออกประกาศแพทยสภาที่ ๖๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗
    เรื่องเกณฑ์การกําหนดโทษทางจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เกี่ยวกับความผิดในการเป็นผู้ดําเนินการสถานพยาบาล และความผิดต่อผลิตภัณฑ์สุขภาพ และการโฆษณานั้น ในประกาศดังกล่าวได้ระบุปัญหาด้านจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม จนเป็นเหตุให้ต้องออกประกาศดังกล่าว มีข้อความบางส่วนว่า..
    “...รวมทั้งมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้องให้ข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วนหรือไม่เหมาะสม…… ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม มีการใช้ชื่อทางการค้าหรือชื่ออื่นใดของผลิตภัณฑ์สุขภาพทั้งทางตรง ทางอ้อม ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่ออื่นใด ในการให้ความรู้ในทํานองโฆษณาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพนั้นๆต่อประชาชนทั่วไป อันอาจส่งผลเสียและอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน รวมทั้งอาจส่งผลกระทบ ต่อสาธารณะได้เป็นวงกว้าง”
    ⚠️บัดนี้พบว่า กรรมการโดยตำแหน่งของแพทยสภา คือ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้กระทำความผิดดังกล่าวเสียเอง ทั้งยังมิได้ดำเนินการให้หน่วยงานในความรับผิดชอบ คือ กรมควบคุมโรค ดำเนินการแก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าว ทั้งที่มีการร้องเรียนเรื่องนี้ต่อ แพทยสภา และเรื่องดังกล่าวได้ปรากฏเป็นข่าวตามรายละเอียดในเอกสารที่แนบ
    ทั้งนี้ผู้ถูกกล่าวหาและหน่วยราชการที่ผู้ถูกกล่าวหาดูแลรับผิดชอบได้ให้ข้อเท็จจริงที่ไม่ครบถ้วนในใบยินยอมฉีดวัคซีนโควิด
    ตามรายละเอียดในหนังสือร้องเรียน ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ โดยสรุป คือ
    🔸️1. ไม่ได้ให้ข้อมูลว่า วัคซีนดังกล่าว อยู่ระหว่างการทดลอง
    🔸️2. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า เป็นสารพันธุกรรมดัดแปลง (modified RNA)
    🔸️3. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า ไม่ทราบว่า หลังจากฉีดวัคซีนดังกล่าว แล้วจะอยู่ในร่างกายนานแค่ไหน ไปที่อวัยวะใดบ้าง
    🔸️4. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทผู้ผลิตมิได้ทดสอบพิษต่อพันธุกรรม และ
    🔸️5. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทผู้ผลิตมิได้ทดสอบพิษในการก่อมะเร็ง
    ทั้งที่ข้อมูลดังกล่าวข้างต้นมีระบุไว้ในเอกสารกำกับยาที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้การรับรองการกระทำผิดดังกล่าว เป็นการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณโดยชัดเจนและก่อให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างต่อสังคม ควรที่แพทยสภาจะรีบดำเนินการสอบสวนโดยรวดเร็ว แต่แพทยสภากลับนิ่งเฉย มิได้ดำเนินการใดๆ อันอาจเข้าข่ายการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
    ทั้งนี้การที่แพทยสภามิได้ดำเนินการดังกล่าวอาจส่งผลให้ประชาชนผู้บริโภคได้รับอันตราย ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดกับวิสัยทัศน์และพันธกิจของแพทยสภาเอง จึงขอให้แพทยสภาโดยนายก อุปนายก และเลขาธิการ รีบดำเนินการสอบสวนพร้อมทั้งแถลงข่าวกับสื่อมวลชนทันทีที่ได้รับหนังสือฉบับนี้

    กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์

    เอกสารอ้างอิง
    ๑. จดหมายขอทวงถามการสอบสวนจรรยาบรรณของปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/19g6ApZIEx1QN8cCTaW_OE1RwtmtFByfm/view?usp=drivesdk

    ๒. จดหมายขอให้ดำเนินการสอบสวนจริยธรรม ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/1sypT-zqTStHuo4CGJa1EevEt9cixfNhl/view?usp=drivesdk

    ๓. แพทยสภา องค์กรที่ก่อตั้งมาเพื่อ ปกป้องบริษัทยา?
    https://drive.google.com/file/d/1q6hYQkkJozwg5aL1zazRzlSpYP8swbYn/view?usp=drivesdk

    ๔. จดหมาย คำเตือนครั้งสุดท้ายถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข “ขอให้ระงับการฉีด mRNA ทุกชนิดทันที” ลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/1cugBtvCskQFxw8VdwqJs8jEwZNjhhFVh/view?usp=drivesdk

    ๕. สถิติการเสียชีวิต เป็นเวลาสามปีติดต่อกันที่คนไทยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ มากกว่าช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด คนไทยตายเพิ่มขึ้นทั้งที่การระบาดของโควิดยุติลง
    ตายเพิ่มขึ้นทั้งที่โกหกว่า วัคซีนโควิดจะลดอัตราการตาย ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567
    https://drive.google.com/file/d/122EJw-wrGa0GTD-hJSho0IC-U3ROJU4Z/view?usp=drive_link
    🚩ขอให้นายกแพทยสภา ดำเนินการเอาผิดแพทย์ตามประกาศแพทยสภาที่ ๖๒/๒๕๖๗ วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เรียน นายกแพทยสภา พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ สำเนาเรียน เลขาธิการแพทยสภา สื่อสารมวลชนทุกสำนัก ตามที่แพทยสภาได้ออกประกาศแพทยสภาที่ ๖๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗ เรื่องเกณฑ์การกําหนดโทษทางจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เกี่ยวกับความผิดในการเป็นผู้ดําเนินการสถานพยาบาล และความผิดต่อผลิตภัณฑ์สุขภาพ และการโฆษณานั้น ในประกาศดังกล่าวได้ระบุปัญหาด้านจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม จนเป็นเหตุให้ต้องออกประกาศดังกล่าว มีข้อความบางส่วนว่า.. “...รวมทั้งมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้องให้ข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วนหรือไม่เหมาะสม…… ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม มีการใช้ชื่อทางการค้าหรือชื่ออื่นใดของผลิตภัณฑ์สุขภาพทั้งทางตรง ทางอ้อม ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่ออื่นใด ในการให้ความรู้ในทํานองโฆษณาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพนั้นๆต่อประชาชนทั่วไป อันอาจส่งผลเสียและอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน รวมทั้งอาจส่งผลกระทบ ต่อสาธารณะได้เป็นวงกว้าง” ⚠️บัดนี้พบว่า กรรมการโดยตำแหน่งของแพทยสภา คือ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้กระทำความผิดดังกล่าวเสียเอง ทั้งยังมิได้ดำเนินการให้หน่วยงานในความรับผิดชอบ คือ กรมควบคุมโรค ดำเนินการแก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าว ทั้งที่มีการร้องเรียนเรื่องนี้ต่อ แพทยสภา และเรื่องดังกล่าวได้ปรากฏเป็นข่าวตามรายละเอียดในเอกสารที่แนบ ทั้งนี้ผู้ถูกกล่าวหาและหน่วยราชการที่ผู้ถูกกล่าวหาดูแลรับผิดชอบได้ให้ข้อเท็จจริงที่ไม่ครบถ้วนในใบยินยอมฉีดวัคซีนโควิด ตามรายละเอียดในหนังสือร้องเรียน ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ โดยสรุป คือ 🔸️1. ไม่ได้ให้ข้อมูลว่า วัคซีนดังกล่าว อยู่ระหว่างการทดลอง 🔸️2. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า เป็นสารพันธุกรรมดัดแปลง (modified RNA) 🔸️3. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า ไม่ทราบว่า หลังจากฉีดวัคซีนดังกล่าว แล้วจะอยู่ในร่างกายนานแค่ไหน ไปที่อวัยวะใดบ้าง 🔸️4. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทผู้ผลิตมิได้ทดสอบพิษต่อพันธุกรรม และ 🔸️5. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทผู้ผลิตมิได้ทดสอบพิษในการก่อมะเร็ง ทั้งที่ข้อมูลดังกล่าวข้างต้นมีระบุไว้ในเอกสารกำกับยาที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้การรับรองการกระทำผิดดังกล่าว เป็นการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณโดยชัดเจนและก่อให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างต่อสังคม ควรที่แพทยสภาจะรีบดำเนินการสอบสวนโดยรวดเร็ว แต่แพทยสภากลับนิ่งเฉย มิได้ดำเนินการใดๆ อันอาจเข้าข่ายการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทั้งนี้การที่แพทยสภามิได้ดำเนินการดังกล่าวอาจส่งผลให้ประชาชนผู้บริโภคได้รับอันตราย ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดกับวิสัยทัศน์และพันธกิจของแพทยสภาเอง จึงขอให้แพทยสภาโดยนายก อุปนายก และเลขาธิการ รีบดำเนินการสอบสวนพร้อมทั้งแถลงข่าวกับสื่อมวลชนทันทีที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ เอกสารอ้างอิง ๑. จดหมายขอทวงถามการสอบสวนจรรยาบรรณของปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/19g6ApZIEx1QN8cCTaW_OE1RwtmtFByfm/view?usp=drivesdk ๒. จดหมายขอให้ดำเนินการสอบสวนจริยธรรม ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/1sypT-zqTStHuo4CGJa1EevEt9cixfNhl/view?usp=drivesdk ๓. แพทยสภา องค์กรที่ก่อตั้งมาเพื่อ ปกป้องบริษัทยา? https://drive.google.com/file/d/1q6hYQkkJozwg5aL1zazRzlSpYP8swbYn/view?usp=drivesdk ๔. จดหมาย คำเตือนครั้งสุดท้ายถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข “ขอให้ระงับการฉีด mRNA ทุกชนิดทันที” ลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/1cugBtvCskQFxw8VdwqJs8jEwZNjhhFVh/view?usp=drivesdk ๕. สถิติการเสียชีวิต เป็นเวลาสามปีติดต่อกันที่คนไทยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ มากกว่าช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด คนไทยตายเพิ่มขึ้นทั้งที่การระบาดของโควิดยุติลง ตายเพิ่มขึ้นทั้งที่โกหกว่า วัคซีนโควิดจะลดอัตราการตาย ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567 https://drive.google.com/file/d/122EJw-wrGa0GTD-hJSho0IC-U3ROJU4Z/view?usp=drive_link
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนไทยจะมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีทุกคน

    หากเราไม่มีนักการเมืองเลวอย่างนักโทษชายทักสิน ผู้ครอบครอง เป็นเจ้าของนางยกหญิงและพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาลในปัจจุบันนี้

    คนไทยจะมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีทุกคน หากเราไม่มีนักการเมืองเลวอย่างนักโทษชายทักสิน ผู้ครอบครอง เป็นเจ้าของนางยกหญิงและพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาลในปัจจุบันนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดีใจที่มีแอปคนไทย
    ดีใจที่มีแอปคนไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ร้านเก่าแก่เดียวในกรุงเทพฯ ที่ได้ทั้งวิวของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยกับเพลงบรรเลงเย็น ๆ เพราะ ๆ ตัวร้านบรรยากาศคลาสสิกมาก การตกแต่งก็ดี ชุดพนักงานช่างเข้ากับถนนราชดำเนินจริง ๆ เหมือนย้อนวัยสมัยยุคคุณพ่อคุณแม่ ทุกเมนูรสชาติจัดจ้าน เหมาะกับทั้งลิ้นคนไทยและต่างชาติ เมนูที่แนะนำคือ กระทงทอง ยำส้มโอ และต้มยำปลาเก๋าโหระพา

    #อาหารไทยดั้งเดิม #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    “ร้านเก่าแก่เดียวในกรุงเทพฯ ที่ได้ทั้งวิวของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยกับเพลงบรรเลงเย็น ๆ เพราะ ๆ ตัวร้านบรรยากาศคลาสสิกมาก การตกแต่งก็ดี ชุดพนักงานช่างเข้ากับถนนราชดำเนินจริง ๆ เหมือนย้อนวัยสมัยยุคคุณพ่อคุณแม่ ทุกเมนูรสชาติจัดจ้าน เหมาะกับทั้งลิ้นคนไทยและต่างชาติ เมนูที่แนะนำคือ กระทงทอง ยำส้มโอ และต้มยำปลาเก๋าโหระพา #อาหารไทยดั้งเดิม #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 452 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ว่าจะไม่โพสถึงเรื่องนี้แต่ก็อดไม่ได้
    #ขอฝากข้อความนี้ถึงแน๊กชาลีในฐานะเพจนึงที่ปกป้องแน๊กมาโดยตลอด
    จากจุดเริ่มต้นที่พี่คิงส์ ได้เข้ามาสู่จักรวาล ชาลี จีกามิน
    แฟนเพจทุกคนรู้ดีว่า มาจากที่แน๊กได้ไลฟ์สดกลางคืนถึงรุ่งเช้า
    ระบายถึงสิ่งที่ตนเองถูกกระทำ ทำให้ทั้งเพจคิงส์โพธิ์แดง
    แฟนคลับแน๊กชาลี แม้กระทั่งพี่แนน และนักรบตต.อีกจำนวนมาก
    ที่ออกมาปกป้องแน๊ก ระยะยาวเกิน 100 วัน
    - สิ่งที่พี่คิงส์โพธิ์แดง และคนที่ออกตัวปกป้องทุกคนคาดหวังคือ เราแทบทุกคนเชื่อว่า น้องแน๊ก จะมีการดำเนินการใดๆก็ตามในการปกป้องตนเอง และครอบครัว แต่สิ่งที่น้องแน๊กสื่อสาร จะมีความกำกวม ไม่ชัดเจน และสิ่งที่เราได้เห็นคือการที่น้องแน๊ก ใช้ชีวิตอย่างปกติ แซวสาว สนุกสนาน ซึ่งก็จริงที่นั่นเป็นสิทธิของแน๊กเอง
    - แต่ทว่าอยากให้ลองมองอีกฝั่งหนึ่ง นั่นคือคนที่รัก คลั่งไคล้จีกามิน ทั้งพี่คิงส์และแฟนคลับแน๊กชาลี จะเห็นชัดเจนว่า ทุกคนที่ออกตัวปกป้องจีกามิน จะได้รับการโปรเทคจากจีกามินเสมอ แม้กระทั่งป้า จ. ที่ออกหน้าต่อสู้กับพี่คิงส์ จีกามินกลับแสดงออกถึงการขอบคุณอย่างเอิกเริก
    - แน๊กอาจจะมองได้นะครับ ว่า พี่คิงส์ และคนอื่นๆที่ออกมาปกป้องน้อง เราทำกันเอง แน๊กไม่ได้สั่งให้ทำ แต่แน๊กต้องรู้ว่า ผลกระทบมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
    พี่คิงส์ฯ ผ่านเหตุการณ์และมีวิธีการในการต่อสู้และไม่เคยกลัวต่อสิ่งใด ถ้าอยู่บนความจริง
    - แต่น้องๆหลายคน สร้างช่อง ตต.มา ใช้เวลาเป็นปี กว่าจะมีผู้ติดตามหลักแสนหลักล้าน ยอมทุ่มเทในการยืนข้างน้องแน๊ก จนช่องปลิวกันเป็นว่าเล่น ต้องเสียช่องที่ฟูมฟักและสร้างมานาน
    - ทุกคน ใช้เวลาทั้งกลางวัน กลางคืน วนเวียนอยู่กับการไปเชียร์ ไปให้กำลังใจ อยู่ฝั่งน้องแน๊ก จนหลายๆคนเสียการเสียงาน
    แน๊กจะเห็นว่า ทุกคนที่รักแน๊ก เค้าพร้อมซัพพอตน้อง
    แต่เวลานี้ มันล่วงเลยมานานมากมันร้อยกว่าวันแล้วน้อง
    แน๊ก ไม่เคยแสดงท่าทีที่จะปกป้องคนที่ปกป้องน้องเลย
    รู้ไหมว่า น้องๆ เหล่านี้ เค้าเสียสละเพื่อแน๊กมามากแค่ไหน
    มีทักมาถอดใจกับพี่คิงส์จำนวนหลักร้อยคน
    เพราะเค้าเชื่อมั่นมาเสมอว่า สารที่แน๊กสื่อผ่านการไลฟ์สดในวันนั้น
    มันจะมีหลักฐานในการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับแน๊กเอง
    โพสนี้ พี่คิงส์ไม่ได้โพสเพื่อเพจพี่ แต่พี่เห็นความถดถอยทางจิตใจ
    ของทั้งเจ้าของช่อง ทั้งแฟนคลับของแน๊กเองที่ต่างมาระบาย
    แทบจะไปในทิศทางเดียวกัน ยกเว้นที่เป็นแฟนคลับแบบลึกจริงๆ
    ของน้องที่อาจจะไม่ตั้งคำถาม ไม่ว่าแน๊กทำอะไร ดีหมด ถูกหมด
    แต่สำหรับพี่คิงส์ กับน้องๆอีกหลายคน ไม่ใช่ครับ
    ...................................................
    และจากไม่กี่วันที่ผ่านมา กับการมาของกามิน ที่ป้า จ. ก็จัดการทุกอย่าง และสรุปคือ จะมีการฟ้องร้องอย่างที่มีการแถลง
    และมีการออกมาชี้แจงประเด็นต่างๆเพิ่มว่า
    -ไม่ได้พูดว่าคนไทยหลอกง่ายและดังได้ด้วยตัว
    เอง
    -ไม่ได้คบชู้
    -ไม่ได้เผาบ้าน
    -ไม่ได้ติดเหล้า
    -ไม่ได้ขโมยของ
    -จ่ายภาษีที่ไทยแล้ว
    -ไม่ติดต่อกลับ เพราะเป็นฝ่ายโดนบอกเลิก
    -ไม่ได้เผากางเกงในแฟนเก่า เพราะความจริงไม่
    เจอชุดชั้นใน
    -ไม่มีค่าปรับอย่างที่อีกฝ่ายพูด
    อย่างที่พี่คิงส์แคปมาไว้ในโพสนี้
    บางข้อเช่นกรณีที่จีกามิน พูดว่าคนไทยหลอกง่ายและดังด้วยตัวเองoyho -
    - กรณีหลอกง่ายเป็นคำพูดของอีกคนก็จริง
    - หรือคำว่าดังด้วยตัวเองจะเป็นคำแปลของคนเกาหลีแท้ๆก็ตาม
    แต่ในอีกหลายๆข้อถึงแม้ว่าน้องแน๊กจะพูดได้ว่า น้องไม่เคยพูดสิ่งเหล่านี้เลย
    แต่ก็ออกตัวไม่ได้เช่นกันว่า น้องไม่เคยพูดให้คนที่ฟังตีความไปในทิศทางนี้
    ดังนั้น สิ่งที่น้องควร และต้องทำคือ การนำหลักฐานออกมานำเสนอ
    การดำเนินการให้ชัดเจน ไม่ใช่ไลฟ์สดกับสาวไปวันๆแบบที่ผ่านมาเท่านั้น
    แต่ก็ไม่ได้บอกให้หยุดไลฟ์สดเพราะแฟนคลับของแน๊กส่วนใหญ่ก็ชอบและมีความสุขกับน้องแน๊กในบริบทแบบนี้ พี่คิงส์เข้าใจได้
    - แต่นี่มันคือวาระที่แน๊กเองต้องยืนขึ้นด้วยตัวเองแสดงออกในการชี้แจง เพราะน้องปล่อยเวลาให้มันล่วงเลยยาวนาน แล้วยิ่งจีกามิน กล้าที่จะจัดแถลงและมีการพีอาร์ใหญ่โตแบบนี้ สิ่งที่แน๊กต้องทำคือการชี้แจง
    - แต่สิ่งที่ชาลีแอคชั่นหลังจากนั้น คือการเบรคการทำกิจกรรมที่ผูกพันธ์กับแบรนต่างๆ น้องรู้หรือไม่ คนที่เคยปกป้องน้องส่วนใหญ่ ออกอาการงงเป็นไก่ตาแตกว่า ในเมื่องน้องไม่ผิด ทำไมต้องหยุดทำไมต้องเบรคงาน ถ้าน้องเป็นฝ่ายถูก ทำไมไม่ชี้แจงอะไร
    - ที่ผ่านมาทุกคนได้ยืนหยัดต่อสู้เพื่อแน๊ก แต่แน๊กไม่เคยแสดงออกถึงการต่อสู้เพื่อเค้า และการต่อสู้เพื่อเค้าเหล่านั้น ก็คือการที่แน๊กออกมาปกป้องตนเองและครอบครัว ด้วยหลักฐาน คำถามคือ แน๊กทำอะไรอยู่
    - เพราะพอตัดภาพนึง น้องในตต. หรือเพจหลายเพจ ก็ออกตัวปกป้องแน๊ก แต่พอตัดภาพมาที่น้องแน๊ก น้องแน๊กกำลังจีบสาวอยู่หว่ะ
    เนี่ย มันเป็นแบบนี้มาตลอด
    - ตอนนี้ พี่คิงส์เองก็มูฟออนแล้ว เพราะมีเรื่องสำคัญๆกว่าเรื่องของน้องหลายๆเรื่องที่ควรทำและพี่ไม่ได้ทำ เพราะพี่เองไม่ได้อยู่ในจักรวาลของน้องชาลีมาตั้งแต่ต้น เพียงเพราะสงสารน้องที่พี่เชื่อมาตลอดว่าถูกรังแก นิสัยพี่คิงส์มันเป็นแบบนี้ และน้องก็ถูกรังแกจริงที่พี่เองก็เห็นหรือมีหลักฐานอยู่ แต่เมื่อน้องไม่คิดที่จะปกป้องตนเอง หรือปกป้องคนที่ยืนหยัดเพื่อน้อง
    พี่คิงส์บอกล่วงหน้าไว้เลยว่า สุดท้าย เมื่อน้องไม่ปกป้องตัวเอง อีกหลายคนจะท้อ และตามด้วยถอย เพราะคงไม่มีใครจะต่อสู้เพื่อคนที่ไม่คิดจะปกป้องตัวเองจำคำพี่คิงส์ไว้ พี่คิงส์อยากให้น้องแน๊กสู้ให้คนเชียร์ได้เห็น ถ้าสิ่งที่น้องสื่อสาร มันคือความจริง
    พี่คิงส์ฝากแฟนคลับชั้นลึกของน้อง ส่งสารนี้ถึงแน๊กชาลีด้วย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ว่าจะไม่โพสถึงเรื่องนี้แต่ก็อดไม่ได้ #ขอฝากข้อความนี้ถึงแน๊กชาลีในฐานะเพจนึงที่ปกป้องแน๊กมาโดยตลอด จากจุดเริ่มต้นที่พี่คิงส์ ได้เข้ามาสู่จักรวาล ชาลี จีกามิน แฟนเพจทุกคนรู้ดีว่า มาจากที่แน๊กได้ไลฟ์สดกลางคืนถึงรุ่งเช้า ระบายถึงสิ่งที่ตนเองถูกกระทำ ทำให้ทั้งเพจคิงส์โพธิ์แดง แฟนคลับแน๊กชาลี แม้กระทั่งพี่แนน และนักรบตต.อีกจำนวนมาก ที่ออกมาปกป้องแน๊ก ระยะยาวเกิน 100 วัน - สิ่งที่พี่คิงส์โพธิ์แดง และคนที่ออกตัวปกป้องทุกคนคาดหวังคือ เราแทบทุกคนเชื่อว่า น้องแน๊ก จะมีการดำเนินการใดๆก็ตามในการปกป้องตนเอง และครอบครัว แต่สิ่งที่น้องแน๊กสื่อสาร จะมีความกำกวม ไม่ชัดเจน และสิ่งที่เราได้เห็นคือการที่น้องแน๊ก ใช้ชีวิตอย่างปกติ แซวสาว สนุกสนาน ซึ่งก็จริงที่นั่นเป็นสิทธิของแน๊กเอง - แต่ทว่าอยากให้ลองมองอีกฝั่งหนึ่ง นั่นคือคนที่รัก คลั่งไคล้จีกามิน ทั้งพี่คิงส์และแฟนคลับแน๊กชาลี จะเห็นชัดเจนว่า ทุกคนที่ออกตัวปกป้องจีกามิน จะได้รับการโปรเทคจากจีกามินเสมอ แม้กระทั่งป้า จ. ที่ออกหน้าต่อสู้กับพี่คิงส์ จีกามินกลับแสดงออกถึงการขอบคุณอย่างเอิกเริก - แน๊กอาจจะมองได้นะครับ ว่า พี่คิงส์ และคนอื่นๆที่ออกมาปกป้องน้อง เราทำกันเอง แน๊กไม่ได้สั่งให้ทำ แต่แน๊กต้องรู้ว่า ผลกระทบมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง พี่คิงส์ฯ ผ่านเหตุการณ์และมีวิธีการในการต่อสู้และไม่เคยกลัวต่อสิ่งใด ถ้าอยู่บนความจริง - แต่น้องๆหลายคน สร้างช่อง ตต.มา ใช้เวลาเป็นปี กว่าจะมีผู้ติดตามหลักแสนหลักล้าน ยอมทุ่มเทในการยืนข้างน้องแน๊ก จนช่องปลิวกันเป็นว่าเล่น ต้องเสียช่องที่ฟูมฟักและสร้างมานาน - ทุกคน ใช้เวลาทั้งกลางวัน กลางคืน วนเวียนอยู่กับการไปเชียร์ ไปให้กำลังใจ อยู่ฝั่งน้องแน๊ก จนหลายๆคนเสียการเสียงาน แน๊กจะเห็นว่า ทุกคนที่รักแน๊ก เค้าพร้อมซัพพอตน้อง แต่เวลานี้ มันล่วงเลยมานานมากมันร้อยกว่าวันแล้วน้อง แน๊ก ไม่เคยแสดงท่าทีที่จะปกป้องคนที่ปกป้องน้องเลย รู้ไหมว่า น้องๆ เหล่านี้ เค้าเสียสละเพื่อแน๊กมามากแค่ไหน มีทักมาถอดใจกับพี่คิงส์จำนวนหลักร้อยคน เพราะเค้าเชื่อมั่นมาเสมอว่า สารที่แน๊กสื่อผ่านการไลฟ์สดในวันนั้น มันจะมีหลักฐานในการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับแน๊กเอง โพสนี้ พี่คิงส์ไม่ได้โพสเพื่อเพจพี่ แต่พี่เห็นความถดถอยทางจิตใจ ของทั้งเจ้าของช่อง ทั้งแฟนคลับของแน๊กเองที่ต่างมาระบาย แทบจะไปในทิศทางเดียวกัน ยกเว้นที่เป็นแฟนคลับแบบลึกจริงๆ ของน้องที่อาจจะไม่ตั้งคำถาม ไม่ว่าแน๊กทำอะไร ดีหมด ถูกหมด แต่สำหรับพี่คิงส์ กับน้องๆอีกหลายคน ไม่ใช่ครับ ................................................... และจากไม่กี่วันที่ผ่านมา กับการมาของกามิน ที่ป้า จ. ก็จัดการทุกอย่าง และสรุปคือ จะมีการฟ้องร้องอย่างที่มีการแถลง และมีการออกมาชี้แจงประเด็นต่างๆเพิ่มว่า -ไม่ได้พูดว่าคนไทยหลอกง่ายและดังได้ด้วยตัว เอง -ไม่ได้คบชู้ -ไม่ได้เผาบ้าน -ไม่ได้ติดเหล้า -ไม่ได้ขโมยของ -จ่ายภาษีที่ไทยแล้ว -ไม่ติดต่อกลับ เพราะเป็นฝ่ายโดนบอกเลิก -ไม่ได้เผากางเกงในแฟนเก่า เพราะความจริงไม่ เจอชุดชั้นใน -ไม่มีค่าปรับอย่างที่อีกฝ่ายพูด อย่างที่พี่คิงส์แคปมาไว้ในโพสนี้ บางข้อเช่นกรณีที่จีกามิน พูดว่าคนไทยหลอกง่ายและดังด้วยตัวเองoyho - - กรณีหลอกง่ายเป็นคำพูดของอีกคนก็จริง - หรือคำว่าดังด้วยตัวเองจะเป็นคำแปลของคนเกาหลีแท้ๆก็ตาม แต่ในอีกหลายๆข้อถึงแม้ว่าน้องแน๊กจะพูดได้ว่า น้องไม่เคยพูดสิ่งเหล่านี้เลย แต่ก็ออกตัวไม่ได้เช่นกันว่า น้องไม่เคยพูดให้คนที่ฟังตีความไปในทิศทางนี้ ดังนั้น สิ่งที่น้องควร และต้องทำคือ การนำหลักฐานออกมานำเสนอ การดำเนินการให้ชัดเจน ไม่ใช่ไลฟ์สดกับสาวไปวันๆแบบที่ผ่านมาเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้บอกให้หยุดไลฟ์สดเพราะแฟนคลับของแน๊กส่วนใหญ่ก็ชอบและมีความสุขกับน้องแน๊กในบริบทแบบนี้ พี่คิงส์เข้าใจได้ - แต่นี่มันคือวาระที่แน๊กเองต้องยืนขึ้นด้วยตัวเองแสดงออกในการชี้แจง เพราะน้องปล่อยเวลาให้มันล่วงเลยยาวนาน แล้วยิ่งจีกามิน กล้าที่จะจัดแถลงและมีการพีอาร์ใหญ่โตแบบนี้ สิ่งที่แน๊กต้องทำคือการชี้แจง - แต่สิ่งที่ชาลีแอคชั่นหลังจากนั้น คือการเบรคการทำกิจกรรมที่ผูกพันธ์กับแบรนต่างๆ น้องรู้หรือไม่ คนที่เคยปกป้องน้องส่วนใหญ่ ออกอาการงงเป็นไก่ตาแตกว่า ในเมื่องน้องไม่ผิด ทำไมต้องหยุดทำไมต้องเบรคงาน ถ้าน้องเป็นฝ่ายถูก ทำไมไม่ชี้แจงอะไร - ที่ผ่านมาทุกคนได้ยืนหยัดต่อสู้เพื่อแน๊ก แต่แน๊กไม่เคยแสดงออกถึงการต่อสู้เพื่อเค้า และการต่อสู้เพื่อเค้าเหล่านั้น ก็คือการที่แน๊กออกมาปกป้องตนเองและครอบครัว ด้วยหลักฐาน คำถามคือ แน๊กทำอะไรอยู่ - เพราะพอตัดภาพนึง น้องในตต. หรือเพจหลายเพจ ก็ออกตัวปกป้องแน๊ก แต่พอตัดภาพมาที่น้องแน๊ก น้องแน๊กกำลังจีบสาวอยู่หว่ะ เนี่ย มันเป็นแบบนี้มาตลอด - ตอนนี้ พี่คิงส์เองก็มูฟออนแล้ว เพราะมีเรื่องสำคัญๆกว่าเรื่องของน้องหลายๆเรื่องที่ควรทำและพี่ไม่ได้ทำ เพราะพี่เองไม่ได้อยู่ในจักรวาลของน้องชาลีมาตั้งแต่ต้น เพียงเพราะสงสารน้องที่พี่เชื่อมาตลอดว่าถูกรังแก นิสัยพี่คิงส์มันเป็นแบบนี้ และน้องก็ถูกรังแกจริงที่พี่เองก็เห็นหรือมีหลักฐานอยู่ แต่เมื่อน้องไม่คิดที่จะปกป้องตนเอง หรือปกป้องคนที่ยืนหยัดเพื่อน้อง พี่คิงส์บอกล่วงหน้าไว้เลยว่า สุดท้าย เมื่อน้องไม่ปกป้องตัวเอง อีกหลายคนจะท้อ และตามด้วยถอย เพราะคงไม่มีใครจะต่อสู้เพื่อคนที่ไม่คิดจะปกป้องตัวเองจำคำพี่คิงส์ไว้ พี่คิงส์อยากให้น้องแน๊กสู้ให้คนเชียร์ได้เห็น ถ้าสิ่งที่น้องสื่อสาร มันคือความจริง พี่คิงส์ฝากแฟนคลับชั้นลึกของน้อง ส่งสารนี้ถึงแน๊กชาลีด้วย #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Yay
    3
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 826 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีคนไทยเดอะแก๊งหนึ่งจริตสันดานใจทรยศแผ่นดินเกิดหมายชัยเพื่อเขมร บอกชวนคนไทยร่วมกันมาใช้วัฒนธรรมร่วมกับเขมรกันเถอะพะนะะะ.
    มีคนไทยเดอะแก๊งหนึ่งจริตสันดานใจทรยศแผ่นดินเกิดหมายชัยเพื่อเขมร บอกชวนคนไทยร่วมกันมาใช้วัฒนธรรมร่วมกับเขมรกันเถอะพะนะะะ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขอให้ พณฯท่าน นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ระงับการฉีดวัคซีน mRNA ของบริษัทไฟเซอร์ และโมเดอร์นา
    จนกว่าจะมีการสอบสวนปัญหาการปนเปื้อนของสารพิษในวัคซีนดังกล่าว

    https://www.facebook.com/share/19YzdjFF6k/

    วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

    เรียน พณฯท่าน นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร
    สำเนาเรียน คณะรัฐมนตรี ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และ สำนักข่าว สื่อมวลชนทุกสำนัก

    ตามที่รัฐบาลไทย โดยกระทรวงสาธารณสุข อันเป็นหน่วยงานภาครัฐในการกำกับดูแลของท่าน ได้อนุญาตให้ฉีดวัคซีนโควิดชนิดmRNA ยี่ห้อโคเมอร์เนตี (Comirnaty) ของบริษัทไฟเซอร์(Pfizer) และ สไปก์แวกซ์ (Spikevax) ของบริษัทโมเดอร์นา(Moderna) นั้น ขณะนี้มีข้อมูลหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าวัคซีนทั้งสองยี่ห้อดังกล่าว มีการปนเปื้อนสารพันธุกรรมที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ที่ได้รับ อาทิ สารพันธุกรรมก่อมะเร็ง สารพันธุกรรมที่ทำให้ดื้อยาปฏิชีวนะฯลฯ การปนเปื้อนดังกล่าวเป็นการกระทำผิดสัญญาที่บริษัททั้งสองได้ทำไว้กับรัฐบาลไทยอันก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ที่ได้รับวัคซีนสองยี่ห้อดังกล่าว และก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐในฐานะคู่สัญญา

    ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันนี้การระบาดของโรคโควิด ๑๙ ได้ยุติลงแล้ว เชื้อโควิดได้กลายพันธุ์จนหมดความรุนแรงแล้ว ประชากรส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติแล้ว และมียารักษาโรคโควิด ๑๙ ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะอนุญาตให้ฉีดวัคซีนดังกล่าวอีก จึงขอให้ท่านสั่งให้มีการระงับการฉีดวัคซีน ยี่ห้อโคเมอร์เนตี (Comirnaty) ของ บริษัทไฟเซอร์(Pfizer) และสไปก์แวกซ์ (Spikevax) ของ บริษัทโมเดอร์นา (Moderna) ไว้ก่อน พร้อมทั้งดำเนินการสอบสวนกรณีที่บริษัททั้งสองจงใจให้ข้อมูลอันเป็นเท็จตามที่ระบุไว้ในสัญญาที่ได้ทำไว้กับรัฐบาล
    ทั้งนี้หากท่านมิได้ดำเนินการดังกล่าว จนก่อให้เกิดผลเสียต่อประชาชนผู้บริโภค และต่อรัฐบาล ท่านอาจเข้าข่ายการกระทำผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันเป็นการกระทำผิดอาญา และต้องรับผิดชอบความเสียหายทางละเมิดได้

    อนึ่งจากฐานข้อมูลประชาราษฎร์ ของกระทรวงมหาดไทย พบว่า ตั้งแต่ต้นปี ๒๕๖๗ ถึงสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา คนไทยเสียชีวิตทั้งสิ้น ๔๒๔,๒๗๘ ราย หรือเพิ่มขึ้น ๒๒% จากค่าเฉลี่ยห้าปีก่อนการระบาดของโควิด การเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวอาจเกิดจากการฉีดวัคซีน mRNAที่มีการปนเปื้อนของยีนก่อมะเร็ง การระงับการฉีดวัคซีนmRNAทันทีจึงเป็นสิ่งที่ท่านต้องดำเนินการทันทีจนกว่าจะมีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจนต่อไป

    กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์

    เอกสารอ้างอิง
    1. จดหมาย ขอติดตามความคืบหน้าในการเพิกถอนการอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาฉีด mRNA (modified RNA) ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/1AFg_Ilr8vyPjJtUeM277UX6tl3yGNB5c/view?usp=drivesdk

    2. จดหมาย คำเตือนครั้งสุดท้ายถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข “ขอให้ระงับการฉีด mRNA ทุกชนิดทันที” ลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/1cugBtvCskQFxw8VdwqJs8jEwZNjhhFVh/view?usp=drivesdk

    กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์

    3. สถิติการเสียชีวิต เป็นเวลาสามปีติดต่อกันที่คนไทยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ มากกว่าช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด คนไทยตายเพิ่มขึ้นทั้งที่การระบาดของโควิดยุติลง
    ตายเพิ่มขึ้นทั้งที่โกหกว่า วัคซีนโควิดจะลดอัตราการตาย ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567
    https://drive.google.com/file/d/122EJw-wrGa0GTD-hJSho0IC-U3ROJU4Z/view?usp=drive_link


    ❇ ข้อมูลสำคัญ

    Vaccine warning to Prime Minister
    https://youtu.be/EDv1b4pg9RE?si=zoHznuiVMayaK430
    Australians Demand Answers!
    https://russellbroadbent.com.au/australiansdemandanswers/
    DNA contamination in vaccines
    https://youtu.be/ICNdzPC2ExY?si=3zNT4fHwGCgVOXGs
    Prime Minister urged to ‘immediately suspend’ mRNA injections
    https://blog.maryannedemasi.com/p/prime-minister-urged-to-immediately?utm_campaign=post&utm_medium=web

    Report from Canadian virologist, Dr. David J. Speicher
    https://www.dropbox.com/scl/fi/sb20elb520v6a1saxg9lj/240909-D-Speicher-Report.pdf?rlkey=dutcvd85gh80ebfs2ucdmorba&e=1&st=rglgjcfq&dl=0

    Proof, DNA contamination report
    https://youtu.be/p-qU6jq8wv8?si=YTkGTRDRzhO4hpLQ

    นายแพทย์​โจเซฟ​ ลาดาโป​ นายแพทย์​ใหญ่​ แห่ง​มลรัฐ​ฟลอริด้า​ สหรัฐอเมริกา​ ประกาศ​ว่า​ การ​ฉีดวัคซีน​ mRNA​ทั้ง​ของไฟเซอร์​และโมเดอนา เป็น​การกระทำ​ที่ผิดศีลธรรม​ ขัดจรรยาบรรณ​ทาง​การแพทย์​ เนื่องจาก​พบว่า​มีการปนเปื้อน​ของ​ DNA ในวัคซีน​เหล่านี้​ที่เกินมาตรฐาน​ความปลอดภัย​ DNA ดังกล่าว​สามารถ​เข้าไป​แทรกในสารพันธุกรรม​ของมนุษย​์​ ทำให้เกิด​การกลายพันธุ์​และความผิดปกติ​ หลาย​อย่างรวมทั้ง​ก่อมะเร็ง​ได้​
    นอกจากนี้​ไขมันนาโน​ซึ่ง​เป็น​ส่วนประกอบ​สำคัญ​ของ​วัคซีน​mRNA​ ก็​ยังทำให้​เกิด​ผลเสีย​ต่อ​ร่างกาย​มากมาย
    ทั้ง​นี้​ข้อสรุป​ดังกล่าว​อยู่​บนพื้นฐาน​ข้อมูล​จาก​การวิจัย
    https://rumble.com/v44yso0-dr.-joseph-ladapo-i-am-calling-for-a-halt-to-the-use-of-mrna-covid-19-vacci.html
    https://vigilantnews.com/post/dr-ladapo-prepared-to-ban-mrna-covid-19-vaccines-in-florida/?amp=1
    ขอให้ พณฯท่าน นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ระงับการฉีดวัคซีน mRNA ของบริษัทไฟเซอร์ และโมเดอร์นา จนกว่าจะมีการสอบสวนปัญหาการปนเปื้อนของสารพิษในวัคซีนดังกล่าว https://www.facebook.com/share/19YzdjFF6k/ วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เรียน พณฯท่าน นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร สำเนาเรียน คณะรัฐมนตรี ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และ สำนักข่าว สื่อมวลชนทุกสำนัก ตามที่รัฐบาลไทย โดยกระทรวงสาธารณสุข อันเป็นหน่วยงานภาครัฐในการกำกับดูแลของท่าน ได้อนุญาตให้ฉีดวัคซีนโควิดชนิดmRNA ยี่ห้อโคเมอร์เนตี (Comirnaty) ของบริษัทไฟเซอร์(Pfizer) และ สไปก์แวกซ์ (Spikevax) ของบริษัทโมเดอร์นา(Moderna) นั้น ขณะนี้มีข้อมูลหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าวัคซีนทั้งสองยี่ห้อดังกล่าว มีการปนเปื้อนสารพันธุกรรมที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ที่ได้รับ อาทิ สารพันธุกรรมก่อมะเร็ง สารพันธุกรรมที่ทำให้ดื้อยาปฏิชีวนะฯลฯ การปนเปื้อนดังกล่าวเป็นการกระทำผิดสัญญาที่บริษัททั้งสองได้ทำไว้กับรัฐบาลไทยอันก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ที่ได้รับวัคซีนสองยี่ห้อดังกล่าว และก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐในฐานะคู่สัญญา ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันนี้การระบาดของโรคโควิด ๑๙ ได้ยุติลงแล้ว เชื้อโควิดได้กลายพันธุ์จนหมดความรุนแรงแล้ว ประชากรส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติแล้ว และมียารักษาโรคโควิด ๑๙ ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะอนุญาตให้ฉีดวัคซีนดังกล่าวอีก จึงขอให้ท่านสั่งให้มีการระงับการฉีดวัคซีน ยี่ห้อโคเมอร์เนตี (Comirnaty) ของ บริษัทไฟเซอร์(Pfizer) และสไปก์แวกซ์ (Spikevax) ของ บริษัทโมเดอร์นา (Moderna) ไว้ก่อน พร้อมทั้งดำเนินการสอบสวนกรณีที่บริษัททั้งสองจงใจให้ข้อมูลอันเป็นเท็จตามที่ระบุไว้ในสัญญาที่ได้ทำไว้กับรัฐบาล ทั้งนี้หากท่านมิได้ดำเนินการดังกล่าว จนก่อให้เกิดผลเสียต่อประชาชนผู้บริโภค และต่อรัฐบาล ท่านอาจเข้าข่ายการกระทำผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันเป็นการกระทำผิดอาญา และต้องรับผิดชอบความเสียหายทางละเมิดได้ อนึ่งจากฐานข้อมูลประชาราษฎร์ ของกระทรวงมหาดไทย พบว่า ตั้งแต่ต้นปี ๒๕๖๗ ถึงสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา คนไทยเสียชีวิตทั้งสิ้น ๔๒๔,๒๗๘ ราย หรือเพิ่มขึ้น ๒๒% จากค่าเฉลี่ยห้าปีก่อนการระบาดของโควิด การเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวอาจเกิดจากการฉีดวัคซีน mRNAที่มีการปนเปื้อนของยีนก่อมะเร็ง การระงับการฉีดวัคซีนmRNAทันทีจึงเป็นสิ่งที่ท่านต้องดำเนินการทันทีจนกว่าจะมีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจนต่อไป กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ เอกสารอ้างอิง 1. จดหมาย ขอติดตามความคืบหน้าในการเพิกถอนการอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาฉีด mRNA (modified RNA) ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/1AFg_Ilr8vyPjJtUeM277UX6tl3yGNB5c/view?usp=drivesdk 2. จดหมาย คำเตือนครั้งสุดท้ายถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข “ขอให้ระงับการฉีด mRNA ทุกชนิดทันที” ลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/1cugBtvCskQFxw8VdwqJs8jEwZNjhhFVh/view?usp=drivesdk กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ 3. สถิติการเสียชีวิต เป็นเวลาสามปีติดต่อกันที่คนไทยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ มากกว่าช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด คนไทยตายเพิ่มขึ้นทั้งที่การระบาดของโควิดยุติลง ตายเพิ่มขึ้นทั้งที่โกหกว่า วัคซีนโควิดจะลดอัตราการตาย ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567 https://drive.google.com/file/d/122EJw-wrGa0GTD-hJSho0IC-U3ROJU4Z/view?usp=drive_link ❇ ข้อมูลสำคัญ Vaccine warning to Prime Minister https://youtu.be/EDv1b4pg9RE?si=zoHznuiVMayaK430 Australians Demand Answers! https://russellbroadbent.com.au/australiansdemandanswers/ DNA contamination in vaccines https://youtu.be/ICNdzPC2ExY?si=3zNT4fHwGCgVOXGs Prime Minister urged to ‘immediately suspend’ mRNA injections https://blog.maryannedemasi.com/p/prime-minister-urged-to-immediately?utm_campaign=post&utm_medium=web Report from Canadian virologist, Dr. David J. Speicher https://www.dropbox.com/scl/fi/sb20elb520v6a1saxg9lj/240909-D-Speicher-Report.pdf?rlkey=dutcvd85gh80ebfs2ucdmorba&e=1&st=rglgjcfq&dl=0 Proof, DNA contamination report https://youtu.be/p-qU6jq8wv8?si=YTkGTRDRzhO4hpLQ นายแพทย์​โจเซฟ​ ลาดาโป​ นายแพทย์​ใหญ่​ แห่ง​มลรัฐ​ฟลอริด้า​ สหรัฐอเมริกา​ ประกาศ​ว่า​ การ​ฉีดวัคซีน​ mRNA​ทั้ง​ของไฟเซอร์​และโมเดอนา เป็น​การกระทำ​ที่ผิดศีลธรรม​ ขัดจรรยาบรรณ​ทาง​การแพทย์​ เนื่องจาก​พบว่า​มีการปนเปื้อน​ของ​ DNA ในวัคซีน​เหล่านี้​ที่เกินมาตรฐาน​ความปลอดภัย​ DNA ดังกล่าว​สามารถ​เข้าไป​แทรกในสารพันธุกรรม​ของมนุษย​์​ ทำให้เกิด​การกลายพันธุ์​และความผิดปกติ​ หลาย​อย่างรวมทั้ง​ก่อมะเร็ง​ได้​ นอกจากนี้​ไขมันนาโน​ซึ่ง​เป็น​ส่วนประกอบ​สำคัญ​ของ​วัคซีน​mRNA​ ก็​ยังทำให้​เกิด​ผลเสีย​ต่อ​ร่างกาย​มากมาย ทั้ง​นี้​ข้อสรุป​ดังกล่าว​อยู่​บนพื้นฐาน​ข้อมูล​จาก​การวิจัย https://rumble.com/v44yso0-dr.-joseph-ladapo-i-am-calling-for-a-halt-to-the-use-of-mrna-covid-19-vacci.html https://vigilantnews.com/post/dr-ladapo-prepared-to-ban-mrna-covid-19-vaccines-in-florida/?amp=1
    Like
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚩 ขอให้ พณฯท่าน นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ระงับการฉีดวัคซีน mRNA ของบริษัทไฟเซอร์ และโมเดอร์นา
    จนกว่าจะมีการสอบสวนปัญหาการปนเปื้อนของสารพิษในวัคซีนดังกล่าว

    วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

    เรียน พณฯท่าน นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร
    สำเนาเรียน คณะรัฐมนตรี ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และ สำนักข่าว สื่อมวลชนทุกสำนัก

    ตามที่รัฐบาลไทย โดยกระทรวงสาธารณสุข อันเป็นหน่วยงานภาครัฐในการกำกับดูแลของท่าน ได้อนุญาตให้ฉีดวัคซีนโควิดชนิดmRNA ยี่ห้อโคเมอร์เนตี (Comirnaty) ของบริษัทไฟเซอร์(Pfizer) และ สไปก์แวกซ์ (Spikevax) ของบริษัทโมเดอร์นา(Moderna) นั้น ขณะนี้มีข้อมูลหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าวัคซีนทั้งสองยี่ห้อดังกล่าว มีการปนเปื้อนสารพันธุกรรมที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ที่ได้รับ อาทิ สารพันธุกรรมก่อมะเร็ง สารพันธุกรรมที่ทำให้ดื้อยาปฏิชีวนะฯลฯ การปนเปื้อนดังกล่าวเป็นการกระทำผิดสัญญาที่บริษัททั้งสองได้ทำไว้กับรัฐบาลไทยอันก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ที่ได้รับวัคซีนสองยี่ห้อดังกล่าว และก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐในฐานะคู่สัญญา

    ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันนี้การระบาดของโรคโควิด ๑๙ ได้ยุติลงแล้ว เชื้อโควิดได้กลายพันธุ์จนหมดความรุนแรงแล้ว ประชากรส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติแล้ว และมียารักษาโรคโควิด ๑๙ ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะอนุญาตให้ฉีดวัคซีนดังกล่าวอีก จึงขอให้ท่านสั่งให้มีการระงับการฉีดวัคซีน ยี่ห้อโคเมอร์เนตี (Comirnaty) ของ บริษัทไฟเซอร์(Pfizer) และสไปก์แวกซ์ (Spikevax) ของ บริษัทโมเดอร์นา (Moderna) ไว้ก่อน พร้อมทั้งดำเนินการสอบสวนกรณีที่บริษัททั้งสองจงใจให้ข้อมูลอันเป็นเท็จตามที่ระบุไว้ในสัญญาที่ได้ทำไว้กับรัฐบาล
    ทั้งนี้หากท่านมิได้ดำเนินการดังกล่าว จนก่อให้เกิดผลเสียต่อประชาชนผู้บริโภค และต่อรัฐบาล ท่านอาจเข้าข่ายการกระทำผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันเป็นการกระทำผิดอาญา และต้องรับผิดชอบความเสียหายทางละเมิดได้

    อนึ่งจากฐานข้อมูลประชาราษฎร์ ของกระทรวงมหาดไทย พบว่า ตั้งแต่ต้นปี ๒๕๖๗ ถึงสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา คนไทยเสียชีวิตทั้งสิ้น ๔๒๔,๒๗๘ ราย หรือเพิ่มขึ้น ๒๒% จากค่าเฉลี่ยห้าปีก่อนการระบาดของโควิด การเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวอาจเกิดจากการฉีดวัคซีน mRNAที่มีการปนเปื้อนของยีนก่อมะเร็ง การระงับการฉีดวัคซีนmRNAทันทีจึงเป็นสิ่งที่ท่านต้องดำเนินการทันทีจนกว่าจะมีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจนต่อไป

    กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์

    เอกสารอ้างอิง
    1. จดหมาย ขอติดตามความคืบหน้าในการเพิกถอนการอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาฉีด mRNA (modified RNA) ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/1AFg_Ilr8vyPjJtUeM277UX6tl3yGNB5c/view?usp=drivesdk

    2. จดหมาย คำเตือนครั้งสุดท้ายถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข “ขอให้ระงับการฉีด mRNA ทุกชนิดทันที” ลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/1cugBtvCskQFxw8VdwqJs8jEwZNjhhFVh/view?usp=drivesdk

    3. สถิติการเสียชีวิต เป็นเวลาสามปีติดต่อกันที่คนไทยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ มากกว่าช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด คนไทยตายเพิ่มขึ้นทั้งที่การระบาดของโควิดยุติลง
    ตายเพิ่มขึ้นทั้งที่โกหกว่า วัคซีนโควิดจะลดอัตราการตาย ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567
    https://drive.google.com/file/d/122EJw-wrGa0GTD-hJSho0IC-U3ROJU4Z/view?usp=drive_link


    ❇ ข้อมูลสำคัญ

    Vaccine warning to Prime Minister
    https://youtu.be/EDv1b4pg9RE?si=zoHznuiVMayaK430
    Australians Demand Answers!
    https://russellbroadbent.com.au/australiansdemandanswers/
    DNA contamination in vaccines
    https://youtu.be/ICNdzPC2ExY?si=3zNT4fHwGCgVOXGs
    Prime Minister urged to ‘immediately suspend’ mRNA injections
    https://blog.maryannedemasi.com/p/prime-minister-urged-to-immediately?utm_campaign=post&utm_medium=web

    Report from Canadian virologist, Dr. David J. Speicher
    https://www.dropbox.com/scl/fi/sb20elb520v6a1saxg9lj/240909-D-Speicher-Report.pdf?rlkey=dutcvd85gh80ebfs2ucdmorba&e=1&st=rglgjcfq&dl=0

    Proof, DNA contamination report
    https://youtu.be/p-qU6jq8wv8?si=YTkGTRDRzhO4hpLQ

    นายแพทย์​โจเซฟ​ ลาดาโป​ นายแพทย์​ใหญ่​ แห่ง​มลรัฐ​ฟลอริด้า​ สหรัฐอเมริกา​ ประกาศ​ว่า​ การ​ฉีดวัคซีน​ mRNA​ทั้ง​ของไฟเซอร์​และโมเดอนา เป็น​การกระทำ​ที่ผิดศีลธรรม​ ขัดจรรยาบรรณ​ทาง​การแพทย์​ เนื่องจาก​พบว่า​มีการปนเปื้อน​ของ​ DNA ในวัคซีน​เหล่านี้​ที่เกินมาตรฐาน​ความปลอดภัย​ DNA ดังกล่าว​สามารถ​เข้าไป​แทรกในสารพันธุกรรม​ของมนุษย​์​ ทำให้เกิด​การกลายพันธุ์​และความผิดปกติ​ หลาย​อย่างรวมทั้ง​ก่อมะเร็ง​ได้​
    นอกจากนี้​ไขมันนาโน​ซึ่ง​เป็น​ส่วนประกอบ​สำคัญ​ของ​วัคซีน​mRNA​ ก็​ยังทำให้​เกิด​ผลเสีย​ต่อ​ร่างกาย​มากมาย
    ทั้ง​นี้​ข้อสรุป​ดังกล่าว​อยู่​บนพื้นฐาน​ข้อมูล​จาก​การวิจัย
    https://rumble.com/v44yso0-dr.-joseph-ladapo-i-am-calling-for-a-halt-to-the-use-of-mrna-covid-19-vacci.html
    https://vigilantnews.com/post/dr-ladapo-prepared-to-ban-mrna-covid-19-vaccines-in-florida/?amp=1
    🚩 ขอให้ พณฯท่าน นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ระงับการฉีดวัคซีน mRNA ของบริษัทไฟเซอร์ และโมเดอร์นา จนกว่าจะมีการสอบสวนปัญหาการปนเปื้อนของสารพิษในวัคซีนดังกล่าว วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เรียน พณฯท่าน นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร สำเนาเรียน คณะรัฐมนตรี ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และ สำนักข่าว สื่อมวลชนทุกสำนัก ตามที่รัฐบาลไทย โดยกระทรวงสาธารณสุข อันเป็นหน่วยงานภาครัฐในการกำกับดูแลของท่าน ได้อนุญาตให้ฉีดวัคซีนโควิดชนิดmRNA ยี่ห้อโคเมอร์เนตี (Comirnaty) ของบริษัทไฟเซอร์(Pfizer) และ สไปก์แวกซ์ (Spikevax) ของบริษัทโมเดอร์นา(Moderna) นั้น ขณะนี้มีข้อมูลหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าวัคซีนทั้งสองยี่ห้อดังกล่าว มีการปนเปื้อนสารพันธุกรรมที่อาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ที่ได้รับ อาทิ สารพันธุกรรมก่อมะเร็ง สารพันธุกรรมที่ทำให้ดื้อยาปฏิชีวนะฯลฯ การปนเปื้อนดังกล่าวเป็นการกระทำผิดสัญญาที่บริษัททั้งสองได้ทำไว้กับรัฐบาลไทยอันก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ที่ได้รับวัคซีนสองยี่ห้อดังกล่าว และก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐในฐานะคู่สัญญา ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันนี้การระบาดของโรคโควิด ๑๙ ได้ยุติลงแล้ว เชื้อโควิดได้กลายพันธุ์จนหมดความรุนแรงแล้ว ประชากรส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติแล้ว และมียารักษาโรคโควิด ๑๙ ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะอนุญาตให้ฉีดวัคซีนดังกล่าวอีก จึงขอให้ท่านสั่งให้มีการระงับการฉีดวัคซีน ยี่ห้อโคเมอร์เนตี (Comirnaty) ของ บริษัทไฟเซอร์(Pfizer) และสไปก์แวกซ์ (Spikevax) ของ บริษัทโมเดอร์นา (Moderna) ไว้ก่อน พร้อมทั้งดำเนินการสอบสวนกรณีที่บริษัททั้งสองจงใจให้ข้อมูลอันเป็นเท็จตามที่ระบุไว้ในสัญญาที่ได้ทำไว้กับรัฐบาล ทั้งนี้หากท่านมิได้ดำเนินการดังกล่าว จนก่อให้เกิดผลเสียต่อประชาชนผู้บริโภค และต่อรัฐบาล ท่านอาจเข้าข่ายการกระทำผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันเป็นการกระทำผิดอาญา และต้องรับผิดชอบความเสียหายทางละเมิดได้ อนึ่งจากฐานข้อมูลประชาราษฎร์ ของกระทรวงมหาดไทย พบว่า ตั้งแต่ต้นปี ๒๕๖๗ ถึงสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา คนไทยเสียชีวิตทั้งสิ้น ๔๒๔,๒๗๘ ราย หรือเพิ่มขึ้น ๒๒% จากค่าเฉลี่ยห้าปีก่อนการระบาดของโควิด การเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวอาจเกิดจากการฉีดวัคซีน mRNAที่มีการปนเปื้อนของยีนก่อมะเร็ง การระงับการฉีดวัคซีนmRNAทันทีจึงเป็นสิ่งที่ท่านต้องดำเนินการทันทีจนกว่าจะมีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจนต่อไป กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ เอกสารอ้างอิง 1. จดหมาย ขอติดตามความคืบหน้าในการเพิกถอนการอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาฉีด mRNA (modified RNA) ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/1AFg_Ilr8vyPjJtUeM277UX6tl3yGNB5c/view?usp=drivesdk 2. จดหมาย คำเตือนครั้งสุดท้ายถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข “ขอให้ระงับการฉีด mRNA ทุกชนิดทันที” ลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/1cugBtvCskQFxw8VdwqJs8jEwZNjhhFVh/view?usp=drivesdk 3. สถิติการเสียชีวิต เป็นเวลาสามปีติดต่อกันที่คนไทยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ มากกว่าช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด คนไทยตายเพิ่มขึ้นทั้งที่การระบาดของโควิดยุติลง ตายเพิ่มขึ้นทั้งที่โกหกว่า วัคซีนโควิดจะลดอัตราการตาย ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567 https://drive.google.com/file/d/122EJw-wrGa0GTD-hJSho0IC-U3ROJU4Z/view?usp=drive_link ❇ ข้อมูลสำคัญ Vaccine warning to Prime Minister https://youtu.be/EDv1b4pg9RE?si=zoHznuiVMayaK430 Australians Demand Answers! https://russellbroadbent.com.au/australiansdemandanswers/ DNA contamination in vaccines https://youtu.be/ICNdzPC2ExY?si=3zNT4fHwGCgVOXGs Prime Minister urged to ‘immediately suspend’ mRNA injections https://blog.maryannedemasi.com/p/prime-minister-urged-to-immediately?utm_campaign=post&utm_medium=web Report from Canadian virologist, Dr. David J. Speicher https://www.dropbox.com/scl/fi/sb20elb520v6a1saxg9lj/240909-D-Speicher-Report.pdf?rlkey=dutcvd85gh80ebfs2ucdmorba&e=1&st=rglgjcfq&dl=0 Proof, DNA contamination report https://youtu.be/p-qU6jq8wv8?si=YTkGTRDRzhO4hpLQ นายแพทย์​โจเซฟ​ ลาดาโป​ นายแพทย์​ใหญ่​ แห่ง​มลรัฐ​ฟลอริด้า​ สหรัฐอเมริกา​ ประกาศ​ว่า​ การ​ฉีดวัคซีน​ mRNA​ทั้ง​ของไฟเซอร์​และโมเดอนา เป็น​การกระทำ​ที่ผิดศีลธรรม​ ขัดจรรยาบรรณ​ทาง​การแพทย์​ เนื่องจาก​พบว่า​มีการปนเปื้อน​ของ​ DNA ในวัคซีน​เหล่านี้​ที่เกินมาตรฐาน​ความปลอดภัย​ DNA ดังกล่าว​สามารถ​เข้าไป​แทรกในสารพันธุกรรม​ของมนุษย​์​ ทำให้เกิด​การกลายพันธุ์​และความผิดปกติ​ หลาย​อย่างรวมทั้ง​ก่อมะเร็ง​ได้​ นอกจากนี้​ไขมันนาโน​ซึ่ง​เป็น​ส่วนประกอบ​สำคัญ​ของ​วัคซีน​mRNA​ ก็​ยังทำให้​เกิด​ผลเสีย​ต่อ​ร่างกาย​มากมาย ทั้ง​นี้​ข้อสรุป​ดังกล่าว​อยู่​บนพื้นฐาน​ข้อมูล​จาก​การวิจัย https://rumble.com/v44yso0-dr.-joseph-ladapo-i-am-calling-for-a-halt-to-the-use-of-mrna-covid-19-vacci.html https://vigilantnews.com/post/dr-ladapo-prepared-to-ban-mrna-covid-19-vaccines-in-florida/?amp=1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚩ขอให้นายกแพทยสภา ดำเนินการเอาผิดแพทย์ตามประกาศแพทยสภาที่ ๖๒/๒๕๖๗
    https://www.facebook.com/share/17gSPaHwQG/
    วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

    เรียน นายกแพทยสภา พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์
    สำเนาเรียน เลขาธิการแพทยสภา
    สื่อสารมวลชนทุกสำนัก

    ตามที่แพทยสภาได้ออกประกาศแพทยสภาที่ ๖๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗
    เรื่องเกณฑ์การกําหนดโทษทางจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เกี่ยวกับความผิดในการเป็นผู้ดําเนินการสถานพยาบาล และความผิดต่อผลิตภัณฑ์สุขภาพ และการโฆษณานั้น ในประกาศดังกล่าวได้ระบุปัญหาด้านจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม จนเป็นเหตุให้ต้องออกประกาศดังกล่าว มีข้อความบางส่วนว่า..
    “...รวมทั้งมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้องให้ข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วนหรือไม่เหมาะสม…… ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม มีการใช้ชื่อทางการค้าหรือชื่ออื่นใดของผลิตภัณฑ์สุขภาพทั้งทางตรง ทางอ้อม ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่ออื่นใด ในการให้ความรู้ในทํานองโฆษณาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพนั้นๆต่อประชาชนทั่วไป อันอาจส่งผลเสียและอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน รวมทั้งอาจส่งผลกระทบ ต่อสาธารณะได้เป็นวงกว้าง”
    ⚠️บัดนี้พบว่า กรรมการโดยตำแหน่งของแพทยสภา คือ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้กระทำความผิดดังกล่าวเสียเอง ทั้งยังมิได้ดำเนินการให้หน่วยงานในความรับผิดชอบ คือ กรมควบคุมโรค ดำเนินการแก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าว ทั้งที่มีการร้องเรียนเรื่องนี้ต่อ แพทยสภา และเรื่องดังกล่าวได้ปรากฏเป็นข่าวตามรายละเอียดในเอกสารที่แนบ
    ทั้งนี้ผู้ถูกกล่าวหาและหน่วยราชการที่ผู้ถูกกล่าวหาดูแลรับผิดชอบได้ให้ข้อเท็จจริงที่ไม่ครบถ้วนในใบยินยอมฉีดวัคซีนโควิด
    ตามรายละเอียดในหนังสือร้องเรียน ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ โดยสรุป คือ
    🔸️1. ไม่ได้ให้ข้อมูลว่า วัคซีนดังกล่าว อยู่ระหว่างการทดลอง
    🔸️2. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า เป็นสารพันธุกรรมดัดแปลง (modified RNA)
    🔸️3. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า ไม่ทราบว่า หลังจากฉีดวัคซีนดังกล่าว แล้วจะอยู่ในร่างกายนานแค่ไหน ไปที่อวัยวะใดบ้าง
    🔸️4. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทผู้ผลิตมิได้ทดสอบพิษต่อพันธุกรรม และ
    🔸️5. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทผู้ผลิตมิได้ทดสอบพิษในการก่อมะเร็ง
    ทั้งที่ข้อมูลดังกล่าวข้างต้นมีระบุไว้ในเอกสารกำกับยาที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้การรับรองการกระทำผิดดังกล่าว เป็นการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณโดยชัดเจนและก่อให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างต่อสังคม ควรที่แพทยสภาจะรีบดำเนินการสอบสวนโดยรวดเร็ว แต่แพทยสภากลับนิ่งเฉย มิได้ดำเนินการใดๆ อันอาจเข้าข่ายการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
    ทั้งนี้การที่แพทยสภามิได้ดำเนินการดังกล่าวอาจส่งผลให้ประชาชนผู้บริโภคได้รับอันตราย ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดกับวิสัยทัศน์และพันธกิจของแพทยสภาเอง จึงขอให้แพทยสภาโดยนายก อุปนายก และเลขาธิการ รีบดำเนินการสอบสวนพร้อมทั้งแถลงข่าวกับสื่อมวลชนทันทีที่ได้รับหนังสือฉบับนี้

    กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์

    เอกสารอ้างอิง
    ๑. จดหมายขอทวงถามการสอบสวนจรรยาบรรณของปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/19g6ApZIEx1QN8cCTaW_OE1RwtmtFByfm/view?usp=drivesdk

    ๒. จดหมายขอให้ดำเนินการสอบสวนจริยธรรม ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/1sypT-zqTStHuo4CGJa1EevEt9cixfNhl/view?usp=drivesdk

    ๓. แพทยสภา องค์กรที่ก่อตั้งมาเพื่อ ปกป้องบริษัทยา?
    https://drive.google.com/file/d/1q6hYQkkJozwg5aL1zazRzlSpYP8swbYn/view?usp=drivesdk

    ๔. จดหมาย คำเตือนครั้งสุดท้ายถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข “ขอให้ระงับการฉีด mRNA ทุกชนิดทันที” ลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗
    https://drive.google.com/file/d/1cugBtvCskQFxw8VdwqJs8jEwZNjhhFVh/view?usp=drivesdk

    ๕. สถิติการเสียชีวิต เป็นเวลาสามปีติดต่อกันที่คนไทยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ มากกว่าช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด คนไทยตายเพิ่มขึ้นทั้งที่การระบาดของโควิดยุติลง
    ตายเพิ่มขึ้นทั้งที่โกหกว่า วัคซีนโควิดจะลดอัตราการตาย ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567
    https://drive.google.com/file/d/122EJw-wrGa0GTD-hJSho0IC-U3ROJU4Z/view?usp=drive_link
    🚩ขอให้นายกแพทยสภา ดำเนินการเอาผิดแพทย์ตามประกาศแพทยสภาที่ ๖๒/๒๕๖๗ https://www.facebook.com/share/17gSPaHwQG/ วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เรียน นายกแพทยสภา พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ สำเนาเรียน เลขาธิการแพทยสภา สื่อสารมวลชนทุกสำนัก ตามที่แพทยสภาได้ออกประกาศแพทยสภาที่ ๖๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗ เรื่องเกณฑ์การกําหนดโทษทางจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เกี่ยวกับความผิดในการเป็นผู้ดําเนินการสถานพยาบาล และความผิดต่อผลิตภัณฑ์สุขภาพ และการโฆษณานั้น ในประกาศดังกล่าวได้ระบุปัญหาด้านจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม จนเป็นเหตุให้ต้องออกประกาศดังกล่าว มีข้อความบางส่วนว่า.. “...รวมทั้งมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้องให้ข้อเท็จจริงไม่ครบถ้วนหรือไม่เหมาะสม…… ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม มีการใช้ชื่อทางการค้าหรือชื่ออื่นใดของผลิตภัณฑ์สุขภาพทั้งทางตรง ทางอ้อม ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่ออื่นใด ในการให้ความรู้ในทํานองโฆษณาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพนั้นๆต่อประชาชนทั่วไป อันอาจส่งผลเสียและอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน รวมทั้งอาจส่งผลกระทบ ต่อสาธารณะได้เป็นวงกว้าง” ⚠️บัดนี้พบว่า กรรมการโดยตำแหน่งของแพทยสภา คือ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้กระทำความผิดดังกล่าวเสียเอง ทั้งยังมิได้ดำเนินการให้หน่วยงานในความรับผิดชอบ คือ กรมควบคุมโรค ดำเนินการแก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าว ทั้งที่มีการร้องเรียนเรื่องนี้ต่อ แพทยสภา และเรื่องดังกล่าวได้ปรากฏเป็นข่าวตามรายละเอียดในเอกสารที่แนบ ทั้งนี้ผู้ถูกกล่าวหาและหน่วยราชการที่ผู้ถูกกล่าวหาดูแลรับผิดชอบได้ให้ข้อเท็จจริงที่ไม่ครบถ้วนในใบยินยอมฉีดวัคซีนโควิด ตามรายละเอียดในหนังสือร้องเรียน ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ โดยสรุป คือ 🔸️1. ไม่ได้ให้ข้อมูลว่า วัคซีนดังกล่าว อยู่ระหว่างการทดลอง 🔸️2. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า เป็นสารพันธุกรรมดัดแปลง (modified RNA) 🔸️3. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า ไม่ทราบว่า หลังจากฉีดวัคซีนดังกล่าว แล้วจะอยู่ในร่างกายนานแค่ไหน ไปที่อวัยวะใดบ้าง 🔸️4. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทผู้ผลิตมิได้ทดสอบพิษต่อพันธุกรรม และ 🔸️5. มิได้ให้ข้อเท็จจริงว่า บริษัทผู้ผลิตมิได้ทดสอบพิษในการก่อมะเร็ง ทั้งที่ข้อมูลดังกล่าวข้างต้นมีระบุไว้ในเอกสารกำกับยาที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้การรับรองการกระทำผิดดังกล่าว เป็นการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณโดยชัดเจนและก่อให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างต่อสังคม ควรที่แพทยสภาจะรีบดำเนินการสอบสวนโดยรวดเร็ว แต่แพทยสภากลับนิ่งเฉย มิได้ดำเนินการใดๆ อันอาจเข้าข่ายการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทั้งนี้การที่แพทยสภามิได้ดำเนินการดังกล่าวอาจส่งผลให้ประชาชนผู้บริโภคได้รับอันตราย ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดกับวิสัยทัศน์และพันธกิจของแพทยสภาเอง จึงขอให้แพทยสภาโดยนายก อุปนายก และเลขาธิการ รีบดำเนินการสอบสวนพร้อมทั้งแถลงข่าวกับสื่อมวลชนทันทีที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ เอกสารอ้างอิง ๑. จดหมายขอทวงถามการสอบสวนจรรยาบรรณของปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/19g6ApZIEx1QN8cCTaW_OE1RwtmtFByfm/view?usp=drivesdk ๒. จดหมายขอให้ดำเนินการสอบสวนจริยธรรม ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/1sypT-zqTStHuo4CGJa1EevEt9cixfNhl/view?usp=drivesdk ๓. แพทยสภา องค์กรที่ก่อตั้งมาเพื่อ ปกป้องบริษัทยา? https://drive.google.com/file/d/1q6hYQkkJozwg5aL1zazRzlSpYP8swbYn/view?usp=drivesdk ๔. จดหมาย คำเตือนครั้งสุดท้ายถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข “ขอให้ระงับการฉีด mRNA ทุกชนิดทันที” ลงวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗ https://drive.google.com/file/d/1cugBtvCskQFxw8VdwqJs8jEwZNjhhFVh/view?usp=drivesdk ๕. สถิติการเสียชีวิต เป็นเวลาสามปีติดต่อกันที่คนไทยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ มากกว่าช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด คนไทยตายเพิ่มขึ้นทั้งที่การระบาดของโควิดยุติลง ตายเพิ่มขึ้นทั้งที่โกหกว่า วัคซีนโควิดจะลดอัตราการตาย ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567 https://drive.google.com/file/d/122EJw-wrGa0GTD-hJSho0IC-U3ROJU4Z/view?usp=drive_link
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • พ่อหลวง ร.๙ "ช่วยลูกๆด้วยเทอญประเทศไทยเรากำลังจะเสียแผ่นดินสิ้นชาติ"นกม"ชักศึกเข้าบ้าน"ขายชาติผลาญแผ่นดิน"🙇‍♀️ขนาดมีพระบรมราชโองการของพ่อเป็นหลักฐานชัดเจน"พวกมันยังไม่ฟังเลยเวลานี้คนไทยสิ้นหวังประชาชนออกไปประท้วงก็ตายเปล่าเพราะพวกมันก็กลับมาโกงกินอีกเหมือนเดิม"คิดถึงพ่อเหลือเกิน ขอกราบพระราชทานอภัยโทษควรมิควรแล้วแต่จะโปรดด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ🙇‍♀️💛"^^รักและคิดถึงพ่อ🥺
    พ่อหลวง ร.๙ "ช่วยลูกๆด้วยเทอญประเทศไทยเรากำลังจะเสียแผ่นดินสิ้นชาติ"นกม"ชักศึกเข้าบ้าน"ขายชาติผลาญแผ่นดิน"🙇‍♀️ขนาดมีพระบรมราชโองการของพ่อเป็นหลักฐานชัดเจน"พวกมันยังไม่ฟังเลยเวลานี้คนไทยสิ้นหวังประชาชนออกไปประท้วงก็ตายเปล่าเพราะพวกมันก็กลับมาโกงกินอีกเหมือนเดิม"คิดถึงพ่อเหลือเกิน ขอกราบพระราชทานอภัยโทษควรมิควรแล้วแต่จะโปรดด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ🙇‍♀️💛"^^รักและคิดถึงพ่อ🥺
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนไทยรู้ว่าเกาะกูดเป็นของไทย "อิ้ง" ไม่ต้องบอก ดันพูดแทนเขมรว่า "เขมรก็รู้" แล้วไอ้เส้นที่ลากผ่านเกาะกูดละ เขมรก็รู้ใช่ไม่ แต่อิ้งไม่รู้สา

    ไปเจรจาทำไม เมื่อเกาะเป็นของไทย เขตสิทธิ์และอธิปไตยในทะเลก็เป็นของไทยแน่นอน

    ปมเจรจา..บอกเขมรซิ ให้ลากเส้นให้ถูกตามหลักสากลเหมือนของไทย ก่อนแล้วค่อยว่ากัน

    บอกเลิกสัมปทานกับเชฟรอนก่อน มิใช่ทำแบบลับลวงพราง เอาประโยชน์เข้าตัวและไม่ต้องกังวลกับอเมริกัน..อันตพาลโลก
    คนไทยรู้ว่าเกาะกูดเป็นของไทย "อิ้ง" ไม่ต้องบอก ดันพูดแทนเขมรว่า "เขมรก็รู้" แล้วไอ้เส้นที่ลากผ่านเกาะกูดละ เขมรก็รู้ใช่ไม่ แต่อิ้งไม่รู้สา ไปเจรจาทำไม เมื่อเกาะเป็นของไทย เขตสิทธิ์และอธิปไตยในทะเลก็เป็นของไทยแน่นอน ปมเจรจา..บอกเขมรซิ ให้ลากเส้นให้ถูกตามหลักสากลเหมือนของไทย ก่อนแล้วค่อยว่ากัน บอกเลิกสัมปทานกับเชฟรอนก่อน มิใช่ทำแบบลับลวงพราง เอาประโยชน์เข้าตัวและไม่ต้องกังวลกับอเมริกัน..อันตพาลโลก
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ทุกวันนี้วิธีการแบบเก่าๆที่เหมือนการนำน้ำเมาย้ายมาใส่ในขวดใหม่จริงๆ
    ก่อนอื่น ต้องเข้าใจนิยามของคำว่า เชิงหมาแก่ก่อน
    — อาการ 'ฟอร์มหมาแก่' อธิบายง่ายๆ ก็คือ คนที่ชอบแสดงออกให้เพื่อนรู้แบบหนึ่ง แต่จริงๆ ตั้งใจอีกอย่าง
    ยกตัวอย่างนักข่าว ที่ชื่อดนัย หรือที่พี่คิงส์มักเรียกแกว่า ดนูยหมาแก่ ไม่ได้แซะนะ แกเรียกตัวเองว่าหมาแก่จริงๆ สาเหตุก็เพราะแกมีวิธีการนำเสนอข่าวแบบนี้ ทำติดอ่างบ้าง พูดกำกวมบ้าง จนคนในวงการสื่อเรียกว่า ไอ่ดนัย ฟอร์มหมาแก่ เรื่องนี้นี่รู้กันเฉพาะสายสื่อสารมวลชนเลยนะ
    วีรกรรมของดนัย มีเยอะมากนะ แต่ที่เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงจริงๆก็คือ เทพโจ๊กของกระผ๊ม ที่ดนัยใช้คำนี้เรียกแทนชื่อบิ๊กโจ๊ก หรือนายสุรเชษฐ์ หักพาล
    ที่เริ่มสตาร์ทด้วยการยกโจ๊กเข้ามาให้เป็นจุดสนใจของสังคม พร้อมเปิดแอร์ทาร์มให้สัมภาษณ์ จนกลายเป็นรายการพีอาร์ของโจ๊ก นอกจากนั้นประเด็นใดก็ตามที่อาจเป็นภาพลบให้โจ๊ก ดนัยจะให้โอกาสในการชี้แจง และใช้สไตล์การพูดแบบกำกวม หรือเบี่ยงเบนประเด็นให้สังคมเข้าใจไปในแบบที่โจ๊กต้องการ เช่น การที่โจ๊กถูกเปิดเผยเรื่องเงินดาร์ค และถูกตั้งกรรมการสอบ ดนัยได้สร้างวาทะกรรม ว่าเป็นเรื่องของตร.มีปัญหากัน ระหว่างรองผบตร.สองคน ในเวลานั้น ทั้งๆที่สิ่งที่โจ๊กถูกสอบล้วนมีหลักฐานและพยานที่ชัดเจน จนท้ายที่สุดกรรมได้ตามทันโจ๊ก และดนัยก็สละเรือในวันนี้ นี่คือตัวอย่างของนักข่าวที่อ้างตัวว่าเป็นกลาง แต่ใช้ฟอร์มหมาแก่ เพื่อซักฟอกผู้ว่าจ้าง ที่มีความชัดเจนเหมาะสมต่อการยกตัวอย่าง
    - ส่วนของทนายเดชา ที่พูดเสมอว่า ตนเองเป็นกลาง แต่ในหลายๆครั้ง ทนายเดชาแสดงตัวอยู่ข้างบุคคลที่เป็นคนที่สังคมไทย มองว่าซั่ว ตั้งแต่ครู่จุ๋ม กับการกระทำต่อน้องอนุบาล รวมถึงอีกหลายกรณี โดยทุกครั้งที่คนไทยแสดงออกถึงความไม่เห็นด้วย เดชา ก็จะเย้ยหยันกลับมา ด้วยคำว่า จุ๊กกรู๊ และล่าสุด กับเรื่องของตั้ม ที่สื่อทุกช่องต่างออกมาเปิดเผยเรื่องราว รวมทั้งผสห. อย่างเจ๊อ้อย เรียกได้ว่า ทุกสื่อไปในทิศทางเดียวกัน แต่เดชา ที่บอกว่าตนเองนั้นเป็นกลาง และเป็นผู้ให้ความรู้ด้านกฏหมาย กลับให้ข้อมูลในเชิงการยืนยันของความบริสุทธิ์ของตั้ม จนโดนสื่อตำนานอย่างสนธิ ลิ้มทองกุล ออกมาปรามและท้าให้ดนคด. แต่เดชาก็อยู่เป็น ไลฟ์สดว่า จะทำทำไมไม่มีประโยชน์ และอธิบายเพิ่มว่า ทางสนธิ มีข้อมูลจาก ผสห. แต่ตน มีข้อมูลจากตั้ม มันคนละชุดข้อมูล
    - จากที่พี่คิงส์ฯฟังตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ยอมรับว่า เดชา ควรแสดงตนในฐานะที่เป็นคนที่มีความรู้ด้านกฏหมาย ด้วยการปกป้องประชาชน ไม่ใช่ปกป้องคนซั่ว อายุก็เริ่มมากขึ้นแล้ว ร่องรอยแห่งความชราก็มาปรากฏเต็มใบหน้า อยากให้เดชามีภาพจำที่ดีสำหรับคนไทย เลิกเหอะ วิธีการมีแสง ด้วยการยืนขวางความถูกต้อง โดยไม่แยแสความรู้สึกของ ผสห เอาพรรคเอาพวก ไม่มีความยั่งยืน กับชื่อเสียงที่ได้มาจากวิธีการแบบนี้ เลิกใช้ "ฟอร์มหมาแก่" เสียที
    เชื่อพี่คิงส์ฯ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ทุกวันนี้วิธีการแบบเก่าๆที่เหมือนการนำน้ำเมาย้ายมาใส่ในขวดใหม่จริงๆ ก่อนอื่น ต้องเข้าใจนิยามของคำว่า เชิงหมาแก่ก่อน — อาการ 'ฟอร์มหมาแก่' อธิบายง่ายๆ ก็คือ คนที่ชอบแสดงออกให้เพื่อนรู้แบบหนึ่ง แต่จริงๆ ตั้งใจอีกอย่าง ยกตัวอย่างนักข่าว ที่ชื่อดนัย หรือที่พี่คิงส์มักเรียกแกว่า ดนูยหมาแก่ ไม่ได้แซะนะ แกเรียกตัวเองว่าหมาแก่จริงๆ สาเหตุก็เพราะแกมีวิธีการนำเสนอข่าวแบบนี้ ทำติดอ่างบ้าง พูดกำกวมบ้าง จนคนในวงการสื่อเรียกว่า ไอ่ดนัย ฟอร์มหมาแก่ เรื่องนี้นี่รู้กันเฉพาะสายสื่อสารมวลชนเลยนะ วีรกรรมของดนัย มีเยอะมากนะ แต่ที่เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงจริงๆก็คือ เทพโจ๊กของกระผ๊ม ที่ดนัยใช้คำนี้เรียกแทนชื่อบิ๊กโจ๊ก หรือนายสุรเชษฐ์ หักพาล ที่เริ่มสตาร์ทด้วยการยกโจ๊กเข้ามาให้เป็นจุดสนใจของสังคม พร้อมเปิดแอร์ทาร์มให้สัมภาษณ์ จนกลายเป็นรายการพีอาร์ของโจ๊ก นอกจากนั้นประเด็นใดก็ตามที่อาจเป็นภาพลบให้โจ๊ก ดนัยจะให้โอกาสในการชี้แจง และใช้สไตล์การพูดแบบกำกวม หรือเบี่ยงเบนประเด็นให้สังคมเข้าใจไปในแบบที่โจ๊กต้องการ เช่น การที่โจ๊กถูกเปิดเผยเรื่องเงินดาร์ค และถูกตั้งกรรมการสอบ ดนัยได้สร้างวาทะกรรม ว่าเป็นเรื่องของตร.มีปัญหากัน ระหว่างรองผบตร.สองคน ในเวลานั้น ทั้งๆที่สิ่งที่โจ๊กถูกสอบล้วนมีหลักฐานและพยานที่ชัดเจน จนท้ายที่สุดกรรมได้ตามทันโจ๊ก และดนัยก็สละเรือในวันนี้ นี่คือตัวอย่างของนักข่าวที่อ้างตัวว่าเป็นกลาง แต่ใช้ฟอร์มหมาแก่ เพื่อซักฟอกผู้ว่าจ้าง ที่มีความชัดเจนเหมาะสมต่อการยกตัวอย่าง - ส่วนของทนายเดชา ที่พูดเสมอว่า ตนเองเป็นกลาง แต่ในหลายๆครั้ง ทนายเดชาแสดงตัวอยู่ข้างบุคคลที่เป็นคนที่สังคมไทย มองว่าซั่ว ตั้งแต่ครู่จุ๋ม กับการกระทำต่อน้องอนุบาล รวมถึงอีกหลายกรณี โดยทุกครั้งที่คนไทยแสดงออกถึงความไม่เห็นด้วย เดชา ก็จะเย้ยหยันกลับมา ด้วยคำว่า จุ๊กกรู๊ และล่าสุด กับเรื่องของตั้ม ที่สื่อทุกช่องต่างออกมาเปิดเผยเรื่องราว รวมทั้งผสห. อย่างเจ๊อ้อย เรียกได้ว่า ทุกสื่อไปในทิศทางเดียวกัน แต่เดชา ที่บอกว่าตนเองนั้นเป็นกลาง และเป็นผู้ให้ความรู้ด้านกฏหมาย กลับให้ข้อมูลในเชิงการยืนยันของความบริสุทธิ์ของตั้ม จนโดนสื่อตำนานอย่างสนธิ ลิ้มทองกุล ออกมาปรามและท้าให้ดนคด. แต่เดชาก็อยู่เป็น ไลฟ์สดว่า จะทำทำไมไม่มีประโยชน์ และอธิบายเพิ่มว่า ทางสนธิ มีข้อมูลจาก ผสห. แต่ตน มีข้อมูลจากตั้ม มันคนละชุดข้อมูล - จากที่พี่คิงส์ฯฟังตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ยอมรับว่า เดชา ควรแสดงตนในฐานะที่เป็นคนที่มีความรู้ด้านกฏหมาย ด้วยการปกป้องประชาชน ไม่ใช่ปกป้องคนซั่ว อายุก็เริ่มมากขึ้นแล้ว ร่องรอยแห่งความชราก็มาปรากฏเต็มใบหน้า อยากให้เดชามีภาพจำที่ดีสำหรับคนไทย เลิกเหอะ วิธีการมีแสง ด้วยการยืนขวางความถูกต้อง โดยไม่แยแสความรู้สึกของ ผสห เอาพรรคเอาพวก ไม่มีความยั่งยืน กับชื่อเสียงที่ได้มาจากวิธีการแบบนี้ เลิกใช้ "ฟอร์มหมาแก่" เสียที เชื่อพี่คิงส์ฯ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 597 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ปัญหามันจะไม่เกิดถ้ารักใครก็รักมันไม่ไปทำร้ายกัน
    น้องฮาน่า ดาวตต.ที่มีนิสัยน่ารักคนนึงในสายตาพี่คิงส์นะ
    โดนตัดต่อจนทำให้เข้าใจผิดว่าที่น้องพูดว่าสตอเบอร์รี่คือไปสะกิดนางฟ้านางสวรรค์
    บอบบางเหลือเกิน คนรักคนชอบคนคลั่งไคล้นางฟ้า ก็ปักธง
    ทำแบบที่เคยทำกับแน๊กชาลี
    .. ตอนนี้ เพจอีจวง จากเพจข่าวสารก็กลายเป็นเพจเชียร์เกาไปเรียบร้อย พี่คิงส์และคนไทยหลายๆคน ก็รู้สึกผิดหวัง แต่ก็เรื่องของเค้าอะนะ เค้ายอมแลก ก็อย่างที่ป้า จ. เค้าบอกนั่นแหละ ว่าคนที่เพจอีจวง เป็นแฟนคลับนางฟ้านางสวรรค์ ยอมแลกกับฐานมวลชน เมื่อรักยอมแลกเราคนดูสื่อก็มีสิทธิ์ที่จะเลิกติดตาม วินๆ
    - แต่ประเด็นวันนี้คือ การที่น้องฮาน่า ซึ่งไม่เคยเป็นพิษเป็นภัยยกับใคร ก็ถูกกลุ่มคนคลั่งไคล้นางฟ้านางสวรรค์ มาคุกกคามม เล่นงานน้องฮาน่ากันฉ่ำๆ ทำขบวนการในแบบที่จัดให้แน๊กมาแล้ว ยูซผีปั่นนเทรนก็มา จนน้องต้องออกมาไลฟ์สด อธิบาย ต่างๆนาๆ
    - เทรนทิพย์ ณ ปัจจุบัน สื่อมวลชนในไทยตอนนี้ก็รู้กันทั่วแล้ว ว่ามันสามารถจัดการให้เกิดได้ด้วยบอท สั่งให้บอทยูซผี จำนวนมากๆ พิมพ์ข้อความเดียวกัน แฮชเท็คเดียวกัน หรือประโยคซ้ำๆกัน พร้อมๆกัน ซึ่งมันไม่ใช่เทรนที่เป็นธรรมชาติ
    - สุดท้าย อะไรที่มันผิดธรรมชาติ ธรรมชาติก็จะกลับมาลงโทษษ
    พี่คิงส์ฯ ขอส่งสารนี้ เป็นกำลังใจให้น้องฮาน่านะครับ ให้น้องแคร์คนที่รักน้อง อย่าไปสนใจเทรนทิพย์ หรือคนที่พยายามให้ร้ายน้อง มันเป็นขบวนการที่ชาลีเคยผ่านเหตุการณ์แบบนี้ฉ่ำๆมาแล้ว
    - น้องฮาน่าเป็นเด็กดีเสมอในสายตาพี่คิงส์ และคนไทยอีกหลายๆคน เห็นแล้วรู้สึกเอ็นดู ยังเด็ก ยังแบ๊วจริง ไม่ต้องแสร้งทำ ไม่ได้เหมือนแสดง ไม่ดู ปญอ. รักษาคุณภาพไว้นะครับ จากใจพี่คิงส์ฯ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ปัญหามันจะไม่เกิดถ้ารักใครก็รักมันไม่ไปทำร้ายกัน น้องฮาน่า ดาวตต.ที่มีนิสัยน่ารักคนนึงในสายตาพี่คิงส์นะ โดนตัดต่อจนทำให้เข้าใจผิดว่าที่น้องพูดว่าสตอเบอร์รี่คือไปสะกิดนางฟ้านางสวรรค์ บอบบางเหลือเกิน คนรักคนชอบคนคลั่งไคล้นางฟ้า ก็ปักธง ทำแบบที่เคยทำกับแน๊กชาลี .. ตอนนี้ เพจอีจวง จากเพจข่าวสารก็กลายเป็นเพจเชียร์เกาไปเรียบร้อย พี่คิงส์และคนไทยหลายๆคน ก็รู้สึกผิดหวัง แต่ก็เรื่องของเค้าอะนะ เค้ายอมแลก ก็อย่างที่ป้า จ. เค้าบอกนั่นแหละ ว่าคนที่เพจอีจวง เป็นแฟนคลับนางฟ้านางสวรรค์ ยอมแลกกับฐานมวลชน เมื่อรักยอมแลกเราคนดูสื่อก็มีสิทธิ์ที่จะเลิกติดตาม วินๆ - แต่ประเด็นวันนี้คือ การที่น้องฮาน่า ซึ่งไม่เคยเป็นพิษเป็นภัยยกับใคร ก็ถูกกลุ่มคนคลั่งไคล้นางฟ้านางสวรรค์ มาคุกกคามม เล่นงานน้องฮาน่ากันฉ่ำๆ ทำขบวนการในแบบที่จัดให้แน๊กมาแล้ว ยูซผีปั่นนเทรนก็มา จนน้องต้องออกมาไลฟ์สด อธิบาย ต่างๆนาๆ - เทรนทิพย์ ณ ปัจจุบัน สื่อมวลชนในไทยตอนนี้ก็รู้กันทั่วแล้ว ว่ามันสามารถจัดการให้เกิดได้ด้วยบอท สั่งให้บอทยูซผี จำนวนมากๆ พิมพ์ข้อความเดียวกัน แฮชเท็คเดียวกัน หรือประโยคซ้ำๆกัน พร้อมๆกัน ซึ่งมันไม่ใช่เทรนที่เป็นธรรมชาติ - สุดท้าย อะไรที่มันผิดธรรมชาติ ธรรมชาติก็จะกลับมาลงโทษษ พี่คิงส์ฯ ขอส่งสารนี้ เป็นกำลังใจให้น้องฮาน่านะครับ ให้น้องแคร์คนที่รักน้อง อย่าไปสนใจเทรนทิพย์ หรือคนที่พยายามให้ร้ายน้อง มันเป็นขบวนการที่ชาลีเคยผ่านเหตุการณ์แบบนี้ฉ่ำๆมาแล้ว - น้องฮาน่าเป็นเด็กดีเสมอในสายตาพี่คิงส์ และคนไทยอีกหลายๆคน เห็นแล้วรู้สึกเอ็นดู ยังเด็ก ยังแบ๊วจริง ไม่ต้องแสร้งทำ ไม่ได้เหมือนแสดง ไม่ดู ปญอ. รักษาคุณภาพไว้นะครับ จากใจพี่คิงส์ฯ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 380 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts