• "ปราสาทตาควายยังเป็นของไทย" รมว.กลาโหม ลั่นไม่ยอม ไม่คุยเรื่องอื่นจนกว่ากัมพูชาจะเคลียร์หมดทุกเรื่อง
    https://www.thai-tai.tv/news/22209/
    .
    #ไทยไท #ปราสาทตาควาย #ณัฐพลนาคพาณิชย์ #อนุสัญญาเจนีวา #ทุ่นระเบิด #ชายแดนไทยกัมพูชา

    "ปราสาทตาควายยังเป็นของไทย" รมว.กลาโหม ลั่นไม่ยอม ไม่คุยเรื่องอื่นจนกว่ากัมพูชาจะเคลียร์หมดทุกเรื่อง https://www.thai-tai.tv/news/22209/ . #ไทยไท #ปราสาทตาควาย #ณัฐพลนาคพาณิชย์ #อนุสัญญาเจนีวา #ทุ่นระเบิด #ชายแดนไทยกัมพูชา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพไทยโต้ข่าวลือ ปฏิเสธปล่อยตัวเชลยศึกกัมพูชา 18 นาย ย้ำต้องปฏิบัติ 4 เงื่อนไขหลักก่อน
    https://www.thai-tai.tv/news/21969/
    .
    #ไทยไท #กองทัพไทย #เชลยศึกกัมพูชา #อนุสัญญาเจนีวา #4เงื่อนไข #ความมั่นคง

    กองทัพไทยโต้ข่าวลือ ปฏิเสธปล่อยตัวเชลยศึกกัมพูชา 18 นาย ย้ำต้องปฏิบัติ 4 เงื่อนไขหลักก่อน https://www.thai-tai.tv/news/21969/ . #ไทยไท #กองทัพไทย #เชลยศึกกัมพูชา #อนุสัญญาเจนีวา #4เงื่อนไข #ความมั่นคง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ปานเทพ” เตือนอย่าหลงกลว่า MOU43 จะใช้แผนที่ดาวเทียมฉบับใหม่ เพราะ TOR 2546 กำหนดชัดให้สำรวจเขตแดนโดยใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 เป็นพื้นฐาน หากใช้แผนที่ 1 ต่อ 25,000 ก็แค่ลงรายละเอียด และไม่มีทางที่กัมพูชาอยากจะยกเลิก MOU43 เพราะสามารถใช้รุกฆาตไทยมาโดยตลอด ย้ำยกเลิกได้ตามอนุสัญญาเจนีวา 1969 อย่าห่วงว่าจะรบกัน เพราะก่อนปี 2543 ก็ไม่เคยรบกัน แถมมีประชุม JBC มาก่อนถึง 4 ครั้ง ส่วนเรื่องศาลโลก ถึงมี MOU เขมรก็ยังเอา 4 พื้นที่ไปยื่นฟ้องศาลโลกอยู่ดี แต่ไม่ต้องห่วงเพราะไทยไม่รับอำนาจศาลโลก

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000094272

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    “ปานเทพ” เตือนอย่าหลงกลว่า MOU43 จะใช้แผนที่ดาวเทียมฉบับใหม่ เพราะ TOR 2546 กำหนดชัดให้สำรวจเขตแดนโดยใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 เป็นพื้นฐาน หากใช้แผนที่ 1 ต่อ 25,000 ก็แค่ลงรายละเอียด และไม่มีทางที่กัมพูชาอยากจะยกเลิก MOU43 เพราะสามารถใช้รุกฆาตไทยมาโดยตลอด ย้ำยกเลิกได้ตามอนุสัญญาเจนีวา 1969 อย่าห่วงว่าจะรบกัน เพราะก่อนปี 2543 ก็ไม่เคยรบกัน แถมมีประชุม JBC มาก่อนถึง 4 ครั้ง ส่วนเรื่องศาลโลก ถึงมี MOU เขมรก็ยังเอา 4 พื้นที่ไปยื่นฟ้องศาลโลกอยู่ดี แต่ไม่ต้องห่วงเพราะไทยไม่รับอำนาจศาลโลก อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000094272 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Love
    7
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 574 มุมมอง 0 รีวิว
  • พบอีกปม เขมรวางหลุมขวากบนภูมะเขือ ดักทำร้ายทหารไทย ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ผิดอนุสัญญาเจนีวา และอนุสัญญา CCW

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000079381

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    พบอีกปม เขมรวางหลุมขวากบนภูมะเขือ ดักทำร้ายทหารไทย ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ผิดอนุสัญญาเจนีวา และอนุสัญญา CCW อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000079381 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Sad
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 600 มุมมอง 0 รีวิว
  • องค์การอนามัยโลก WHO เผยแพร่ภาพแสดงสถานพยาบาลของไทยถูกโจมตีในวันที่ 24 กค 68 โดยอาวุธหนัก อย่างน้อย 5 ครั้ง ส่งผลกระทบต่อสถานพยาบาล ผู้ป่วย และการเข้าถึงเวชภัณฑ์ ตอกย้ำให้ชาวโลกรับรู้ว่า กัมพูชาก่ออาชญากรรมสงคราม ละเมิดอนุสัญญาเจนีวาข้อ 18 ที่ห้ามการโจมตีโรงพยาบาลพลเรือน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    องค์การอนามัยโลก WHO เผยแพร่ภาพแสดงสถานพยาบาลของไทยถูกโจมตีในวันที่ 24 กค 68 โดยอาวุธหนัก อย่างน้อย 5 ครั้ง ส่งผลกระทบต่อสถานพยาบาล ผู้ป่วย และการเข้าถึงเวชภัณฑ์ ตอกย้ำให้ชาวโลกรับรู้ว่า กัมพูชาก่ออาชญากรรมสงคราม ละเมิดอนุสัญญาเจนีวาข้อ 18 ที่ห้ามการโจมตีโรงพยาบาลพลเรือน #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 344 มุมมอง 0 รีวิว
  • "กองทัพบก" เปิดพื้นที่! เชิญ "ICRC" เข้าเยี่ยมเชลยศึกกัมพูชา...ย้ำปฏิบัติตามหลักสากล-ไร้ซ้อมทรมาน
    https://www.thai-tai.tv/news/20756/
    .
    #กองทัพบก #ICRC #เชลยศึกกัมพูชา #อนุสัญญาเจนีวา #สิทธิมนุษยชน #ไทยไท
    "กองทัพบก" เปิดพื้นที่! เชิญ "ICRC" เข้าเยี่ยมเชลยศึกกัมพูชา...ย้ำปฏิบัติตามหลักสากล-ไร้ซ้อมทรมาน https://www.thai-tai.tv/news/20756/ . #กองทัพบก #ICRC #เชลยศึกกัมพูชา #อนุสัญญาเจนีวา #สิทธิมนุษยชน #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 244 มุมมอง 0 รีวิว
  • กัมพูชาทิ้งร่างทหาร บินโดรนล้ำเขตไทย : [THE MESSAGE]
    พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เผยถึงการประชุม
    กลาโหม 3 ฝ่าย ได้ชี้แจงเรื่องเชลยศึก หลังกัมพูชาเรียกร้องให้ปล่อยตัว เราควบคุมอย่างดีตามอนุสัญญาเจนีวา ได้ให้คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ(ไอซีอาร์ซี) เข้าไปดูเขาก็พอใจ ยังต้องสอบสวนเพื่อบันทึกข้อมูลหลักฐานให้ครบถ้วน
    แจ้ง รมว.กลาโหมกัมพูชา เก็บร่าง ทหารกัมพูชาที่เสียชีวิตจำนวนมากกลับไป ให้สมเกียรติสมศักดิ์ศรีทหาร หากปล่อยไว้นานอาจเกิดโรคระบาด ส่วนที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาระบุว่า เห็นโดรนบินลํ้าเข้ามาในกัมพูชา ยืนยันเป็นของกัมพูชาที่บินกลับไป หลังจากบินล้ำเข้ามาในไทย แสดงถึงวุฒิภาวะพูดเองก็เสียเอง ยอมรับ สถานการณ์ขณะนี้เปราะบางจากข่าวปลอม โดยเฉพาะข่าวปลอมที่บอกให้ประชาชนอพยพ ทำให้กัมพูชาคิดว่าไทยเตรียมสู้รบเขาเลยเตรียมบ้าง เราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง แค่ข่าวปลอมจากกัมพูชาก็ต้องแก้ปัญหากันทุกวัน มาเจอข่าวปลอมจากไทยอีก ทำให้ฝ่ายความมั่นคงหนักใจมาก
    กัมพูชาทิ้งร่างทหาร บินโดรนล้ำเขตไทย : [THE MESSAGE] พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เผยถึงการประชุม กลาโหม 3 ฝ่าย ได้ชี้แจงเรื่องเชลยศึก หลังกัมพูชาเรียกร้องให้ปล่อยตัว เราควบคุมอย่างดีตามอนุสัญญาเจนีวา ได้ให้คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ(ไอซีอาร์ซี) เข้าไปดูเขาก็พอใจ ยังต้องสอบสวนเพื่อบันทึกข้อมูลหลักฐานให้ครบถ้วน แจ้ง รมว.กลาโหมกัมพูชา เก็บร่าง ทหารกัมพูชาที่เสียชีวิตจำนวนมากกลับไป ให้สมเกียรติสมศักดิ์ศรีทหาร หากปล่อยไว้นานอาจเกิดโรคระบาด ส่วนที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาระบุว่า เห็นโดรนบินลํ้าเข้ามาในกัมพูชา ยืนยันเป็นของกัมพูชาที่บินกลับไป หลังจากบินล้ำเข้ามาในไทย แสดงถึงวุฒิภาวะพูดเองก็เสียเอง ยอมรับ สถานการณ์ขณะนี้เปราะบางจากข่าวปลอม โดยเฉพาะข่าวปลอมที่บอกให้ประชาชนอพยพ ทำให้กัมพูชาคิดว่าไทยเตรียมสู้รบเขาเลยเตรียมบ้าง เราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง แค่ข่าวปลอมจากกัมพูชาก็ต้องแก้ปัญหากันทุกวัน มาเจอข่าวปลอมจากไทยอีก ทำให้ฝ่ายความมั่นคงหนักใจมาก
    Like
    Sad
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 729 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “ศบ.ทก.” แฉ "กัมพูชา" เติมกำลังพล-บิดเบือนข่าว...ยันไทยทำถูกกฎหมายสากลทุกอย่าง
    https://www.thai-tai.tv/news/20737/
    .
    #กระทรวงกลาโหม #เชลยศึก #อนุสัญญาเจนีวา #ศพทหารกัมพูชา #ฮุนเซน #สงครามโดรน #GBC #ไทยไท
    “ศบ.ทก.” แฉ "กัมพูชา" เติมกำลังพล-บิดเบือนข่าว...ยันไทยทำถูกกฎหมายสากลทุกอย่าง https://www.thai-tai.tv/news/20737/ . #กระทรวงกลาโหม #เชลยศึก #อนุสัญญาเจนีวา #ศพทหารกัมพูชา #ฮุนเซน #สงครามโดรน #GBC #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 382 มุมมอง 0 รีวิว
  • "แม้เป็นคู่กรณีก็ต้องให้เกียรติ"! “ณัฐพล” แฉรัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธศพทหารของตัวเองที่ตายในสมรภูมิ!
    https://www.thai-tai.tv/news/20728/
    .
    #ณัฐพลนาคพาณิชย์ #รัฐมนตรีกลาโหม #เชลยศึก #อนุสัญญาเจนีวา #รัฐบาลกัมพูชา #บิดเบือน #ไทยไท
    "แม้เป็นคู่กรณีก็ต้องให้เกียรติ"! “ณัฐพล” แฉรัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธศพทหารของตัวเองที่ตายในสมรภูมิ! https://www.thai-tai.tv/news/20728/ . #ณัฐพลนาคพาณิชย์ #รัฐมนตรีกลาโหม #เชลยศึก #อนุสัญญาเจนีวา #รัฐบาลกัมพูชา #บิดเบือน #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 366 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพไทยเปิดให้โลกเห็น! คณะทูตนานาชาติร่วมลงพื้นที่ รพ.สต. บ้านซำเม็ง หลังถูกโจมตีหนักจากกัมพูชา
    https://www.thai-tai.tv/news/20695/
    .
    #ไทยไท #อนุสัญญาเจนีวา #รพสตบ้านซำเม็ง #ศรีสะเกษ #ชายแดนไทยกัมพูชา #ละเมิดกฎหมายสงคราม #คณะทูต #สื่อต่างชาติ #จรวดBM21
    กองทัพไทยเปิดให้โลกเห็น! คณะทูตนานาชาติร่วมลงพื้นที่ รพ.สต. บ้านซำเม็ง หลังถูกโจมตีหนักจากกัมพูชา https://www.thai-tai.tv/news/20695/ . #ไทยไท #อนุสัญญาเจนีวา #รพสตบ้านซำเม็ง #ศรีสะเกษ #ชายแดนไทยกัมพูชา #ละเมิดกฎหมายสงคราม #คณะทูต #สื่อต่างชาติ #จรวดBM21
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 384 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อนุสัญญาเจนีวา" คุ้มครอง "ผู้รุกราน"! ทหารไทยส่งคืน 2 ทหารเขมร ถึงแม้จะเจ็บหนัก-ป่วยจิต แต่ก็ได้รับการรักษาจนดี!
    https://www.thai-tai.tv/news/20684/
    .
    #ทหารกัมพูชา #อนุสัญญาเจนีวา #ส่งตัวทหาร #ช่องจอม #สุรินทร์ #มนุษยธรรม #ชายแดนไทยกัมพูชา #สงคราม #ไทยไท
    "อนุสัญญาเจนีวา" คุ้มครอง "ผู้รุกราน"! ทหารไทยส่งคืน 2 ทหารเขมร ถึงแม้จะเจ็บหนัก-ป่วยจิต แต่ก็ได้รับการรักษาจนดี! https://www.thai-tai.tv/news/20684/ . #ทหารกัมพูชา #อนุสัญญาเจนีวา #ส่งตัวทหาร #ช่องจอม #สุรินทร์ #มนุษยธรรม #ชายแดนไทยกัมพูชา #สงคราม #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 303 มุมมอง 0 รีวิว
  • อนุสัญญาเจนีวา 1949 มาตรา 19 (ฉบับที่ 1)
    การคุ้มครองสถานที่และหน่วยทางการแพทย์
    อนุสัญญาเจนีวา 1949 มาตรา 19 (ฉบับที่ 1) การคุ้มครองสถานที่และหน่วยทางการแพทย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 314 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • EP.65 : อนุสัญญาเจนีวา 1949 มาตรา 19 (ฉบับที่ 1)
    การคุ้มครองสถานที่และหน่วยทางการแพทย์
    EP.65 : อนุสัญญาเจนีวา 1949 มาตรา 19 (ฉบับที่ 1) การคุ้มครองสถานที่และหน่วยทางการแพทย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 283 มุมมอง 0 รีวิว
  • "วินธัย" สวนกลับ "มาลี โสเจียตา"! แนะมองเงาตัวเอง ชี้กัมพูชา "สร้างเรื่อง" ใช้จรวดถล่มพลเรือน-เด็กเป็นโล่มนุษย์
    https://www.thai-tai.tv/news/20578/
    .
    #กองทัพบก #วินธัยสุวารี #กัมพูชา #มาลีโสเจียตา #อาชญากรรมสงคราม #ละเมิดมนุษยธรรม #HumanShields #โฆษณาชวนเชื่อ #ชายแดนไทยกัมพูชา #อนุสัญญาเจนีวา #ไทยไท
    "วินธัย" สวนกลับ "มาลี โสเจียตา"! แนะมองเงาตัวเอง ชี้กัมพูชา "สร้างเรื่อง" ใช้จรวดถล่มพลเรือน-เด็กเป็นโล่มนุษย์ https://www.thai-tai.tv/news/20578/ . #กองทัพบก #วินธัยสุวารี #กัมพูชา #มาลีโสเจียตา #อาชญากรรมสงคราม #ละเมิดมนุษยธรรม #HumanShields #โฆษณาชวนเชื่อ #ชายแดนไทยกัมพูชา #อนุสัญญาเจนีวา #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 405 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทูตไทยลั่น UNSC! ประณามกัมพูชา "รุกรานไร้การยั่วยุ" โจมตีพลเรือน ฝังกับระเบิด ไร้มนุษยธรรม บิดเบือนปมปราสาทพระวิหาร
    https://www.thai-tai.tv/news/20558/
    .
    #ทูตไทยUN #เชิดชายใช้ไววิทย์ #UNSC #ชายแดนไทยกัมพูชา #รุกรานไร้การยั่วยุ #อาชญากรรมสงคราม #ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรม #อนุสัญญาออตตาวา #อนุสัญญาเจนีวา #ปราสาทพระวิหาร #ข่าวปลอม #การป้องกันตนเอง #ไทยไท
    ทูตไทยลั่น UNSC! ประณามกัมพูชา "รุกรานไร้การยั่วยุ" โจมตีพลเรือน ฝังกับระเบิด ไร้มนุษยธรรม บิดเบือนปมปราสาทพระวิหาร https://www.thai-tai.tv/news/20558/ . #ทูตไทยUN #เชิดชายใช้ไววิทย์ #UNSC #ชายแดนไทยกัมพูชา #รุกรานไร้การยั่วยุ #อาชญากรรมสงคราม #ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรม #อนุสัญญาออตตาวา #อนุสัญญาเจนีวา #ปราสาทพระวิหาร #ข่าวปลอม #การป้องกันตนเอง #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 598 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไทย ยื่น UN ประณามกัมพูชา วางทุ่นระเบิด ละเมิดอนุสัญญา-โจมตีพลเรือน-รุกรานอธิปไตย
    https://www.thai-tai.tv/news/20541/
    .
    #คณะผู้แทนถาวรไทยประจำUN #อาชญากรรมสงคราม #กัมพูชารุกราน #ชายแดนไทยกัมพูชา #ทุ่นระเบิดPMN2 #โจมตีพลเรือน #กฎบัตรสหประชาชาติ #อนุสัญญาเจนีวา #เจรจาสันติภาพ
    ไทย ยื่น UN ประณามกัมพูชา วางทุ่นระเบิด ละเมิดอนุสัญญา-โจมตีพลเรือน-รุกรานอธิปไตย https://www.thai-tai.tv/news/20541/ . #คณะผู้แทนถาวรไทยประจำUN #อาชญากรรมสงคราม #กัมพูชารุกราน #ชายแดนไทยกัมพูชา #ทุ่นระเบิดPMN2 #โจมตีพลเรือน #กฎบัตรสหประชาชาติ #อนุสัญญาเจนีวา #เจรจาสันติภาพ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 408 มุมมอง 0 รีวิว
  • โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.สุรินทร์ เสียหายหนักจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา อาคารพังยับ กระจกแตก เข้าข่ายละเมิดอนุสัญญาเจนีวา และอาจนำไปสู่การสอบสวนในฐานะ อาชญากรรมสงคราม

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000069934

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.สุรินทร์ เสียหายหนักจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา อาคารพังยับ กระจกแตก เข้าข่ายละเมิดอนุสัญญาเจนีวา และอาจนำไปสู่การสอบสวนในฐานะ อาชญากรรมสงคราม อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000069934 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Sad
    Angry
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 771 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ป่าเถื่อน!" กัมพูชายิงถล่มโรงพยาบาลพนมดงรัก อาคารพังยับ-กระจกแตก ละเมิดอนุสัญญาเจนีวา-อาชญากรรมสงคราม
    https://www.thai-tai.tv/news/20512/
    .
    #ประณามกัมพูชา #โรงพยาบาลพนมดงรัก #สุรินทร์ #ชายแดนไทยกัมพูชา #อนุสัญญาเจนีวา #อาชญากรรมสงคราม #โจมตีโรงพยาบาล #กฎหมายมนุษยธรรม #ความรุนแรง #พนมดงรัก
    "ป่าเถื่อน!" กัมพูชายิงถล่มโรงพยาบาลพนมดงรัก อาคารพังยับ-กระจกแตก ละเมิดอนุสัญญาเจนีวา-อาชญากรรมสงคราม https://www.thai-tai.tv/news/20512/ . #ประณามกัมพูชา #โรงพยาบาลพนมดงรัก #สุรินทร์ #ชายแดนไทยกัมพูชา #อนุสัญญาเจนีวา #อาชญากรรมสงคราม #โจมตีโรงพยาบาล #กฎหมายมนุษยธรรม #ความรุนแรง #พนมดงรัก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 414 มุมมอง 0 รีวิว
  • อนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 4 (1949) มาตรา 18 ห้ามการโจมตีโรงพยาบาลพลเรือน ถือเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงโดยเจตนาถือเป็นอาชญากรรมสงคราม
    อนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 4 (1949) มาตรา 18 ห้ามการโจมตีโรงพยาบาลพลเรือน ถือเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงโดยเจตนาถือเป็นอาชญากรรมสงคราม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 247 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เกาะโลซิน"  เป็นเกาะหินปูนขนาดเล็ก ที่มีมูลค่าแสนล้าน  ขึ้นอยู่กับจังหวัด ปัตตานี

    ลักษณะของตัวเกาะโผล่พ้นน้ำขึ้นมาไม่เกิน 50 ตารางเมตร สภาพส่วนใหญ่เป็นหินล้วนไม่มีต้นไม้ใบหญ้า รอบเกาะน้ำตื้น หากจะขึ้นเกาะต้องนำเรือเล็กเข้าไป
    บนเกาะมีประภาคาร ที่ส่งไฟสัญญาณเตือนอยู่บนยอด และตัวประภาคารตั้งอยู่บนหินโผล่น้ำที่มีขนาดประมาณ 10 เมตร
    บริเวณรอบเกาะเป็นแหล่งปะการังที่อุดมสมบูรณ์กินพื้นที่ยาวหนึ่งกิโลเมตร มีพืชใต้น้ำและฝูงปลานานาชนิดโดยเฉพาะฉลามวาฬ ด้วยเหตุนี้เกาะโลซินเป็นที่นิยมของนักดำน้ำและนักตกปลา

    และเพราะเกาะโลซินนี่เอง ทำให้เรามี 'น่านน้ำอาณาเขต' ขยายออกไปจากชายฝั่งอีก 22.2 กิโลเมตร
    ในวิกิพีเดียอธิบายน่านน้ำอาณาเขต (Territorial Waters) หรือทะเลอาณาเขต (Territorial Sea) ว่าเป็นแนวน่านน้ำชายฝั่งวัดจากเส้นฐาน ปกติของน้ำทะเลในช่วงลงเต็มที่จนถึงปานกลางของชายฝั่งไปไกลสุดที่ 22.2 กิโลเมตร 

    พูดง่ายๆ ก็คือ ตำแหน่งไหนที่เป็นปลายทางที่อยู่ติดกับทะเลหรือในทะเล ถ้าใครได้เป็นเจ้าของ ประเทศนั้นก็จะได้ครอบครองน่านน้ำเพิ่มออกไปจากจุดนั้นอีก 22.2 กิโลเมตร รวมถึงบนฟ้าและใต้ดินที่อยู่ในอาณาเขตด้วย

    ก็แปลว่าประเทศไทย นอกจากจะเป็นเจ้าของพื้นที่รูปขวานใน Map โลกแล้ว หลายๆ เกาะในที่อยู่ไกลจากผืนดินมากที่สุด บวกเพิ่มไปอีก 22.2 กิโลเมตร ก็นับเป็นโซนของประเทศไทยเหมือนกัน

    นั่นแปลว่า พื้นที่ใต้น่านน้ำอาณาเขต หากมีทรัพยากรธรรมชาติ ยกตัวอย่างเช่น แหล่งก๊าซธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาติใต้น้ำนั้นจะเป็นของประเทศนั้น ๆ 

    แต่ก่อนทั้งไทยและมาเลเซียต่างก็เคยออกมาอ้างสิทธิในพื้นที่ทะเล ทำให้เกิดข้อถกเถียงกันขึ้น จนต้องเจรจากันอย่างจริงจังใน พ.ศ. 2515 โดยมีข้อสรุปในครั้งนั้น คือ 

    แบ่งเขตแดนทางทะเลด้วยวิธีการลากเส้นตั้งฉากจากแนวโค้งของผืนดินแต่ละฝ่าย หรือเรียกว่าเขตไหล่ทวีปตามหลักสากล
    การแบ่งด้วยวิธีนั้นทำให้พื้นที่แหล่งก๊าซธรรมชาติกลายเป็นของมาเลเซียทั้งหมด 

    แต่โชคดีของไทย ที่ยังมีเกาะโลซิน โดยไทยยืนยันว่าได้ก่อสร้างประภาคารไว้บนเกาะนี้เพื่อแสดงอาณาเขตไว้แล้ว

    ตามอนุสัญญาเจนีวา กฎหมายทางทะเล ค.ศ.1958 ที่ไทยเป็นสมาชิกในอนุสัญญา ได้ระบุความหมายของเกาะไว้ว่า "แผ่นดินที่มีน้ำล้อมรอบ" ซึ่งหมายถึงเกาะที่เป็นหิน หรือกองหินโผล่จากน้ำขึ้นมาด้วย
    ดังนั้น เกาะโลซินก็เลยกลายเป็นเกาะสุดท้ายของประเทศไทยที่ทำให้ฝ่ายมาเลเซียต้องยอมให้

    ในปี 2522 ประเทศไทยและมาเลเซียเจรจาตกลงกำหนดพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลให้เป็นพื้นที่พัฒนาร่วม (Joint Development Area) ครอบคลุมประมาณ 7,250 ตร.กม. โดยตั้งองค์กรขึ้นมาบริหารจัดการร่วมกันแล้วแบ่งผลประโยชน์คนละครึ่ง เป็นระยะเวลา 50 ปี

    เมื่อมีการสำรวจขุดเจาะก๊าซธรรมชาติขึ้นมาก็พบว่า แหล่งก๊าซที่มีปริมาณมากถึงราว 75% นั้น อยู่ในซีกพื้นที่ใกล้ชายฝั่งมาเลเซีย 
    แต่ไทยเราได้รับผลประโยชน์ไปด้วย เพราะ การอ้างอาณาเขตจากเกาะโลซินที่เป็นแค่กองหินเล็กๆ ขนาดไม่เกิน 50 ตร.ม. นั้นแหละ
    จนหลายคนตั้งชื่อเกาะโลซินใหม่ว่า "กองหินแสนล้าน" ตามมูลค่าของแหล่งก๊าซธรรมชาติที่สำรวจพบใต้น่านน้ำอาณาเขตนั่นเอง

    แต่ในปี 2572 ข้อตกลงเจรจาระหว่างไทย-มาเลเซีย ที่กำหนดพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลให้เป็นพื้นที่พัฒนาร่วมจะหมดอายุลง เกาะโลซินยังจะถูกเรียกเหมือนเดิมไหมไม่รู้ เพื่อนบ้านของเรา จะเปิดการเจรจาเพื่อตกลงผลประโยชน์ใหม่หรือเปล่า คงต้องรอกันจนถึงวันนั้น 

    และหากเรามาดูเป้าหมายของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ที่อยากจะแบ่งแยกตั้งตัวเองเป็นรัฐใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วย ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และอีกสามอำเภอของสงขลา โดยตั้งเป้าเอาไว้ว่า
    ในปี 2570 จะทำให้เกิดสงครามกลางเมือง จนแบ่งแยกดินแดนสำเร็จ ด้วยความช่วยเหลือจากนานาชาติ และนักการเมืองแนวร่วม ในปี 2580 

    ซึ่งหากกระทำการสำเร็จ เราจะไม่ได้เสียแค่ดินแดนบนผืนแผ่นดิน แต่เราจะสูญเสียเกาะโลซินที่รวมอยู่กับจังหวัดปัตตานี รวมถึงทรัพยากรแสนล้านใต้น่านน้ำอาณาเขต ที่เราได้จากการเป็นเจ้าของเกาะโลซินแห่งนี้ด้วยเช่นกัน

    https://www.facebook.com/share/p/1BdTQSpXHd/?mibextid=wwXIfr
    "เกาะโลซิน"  เป็นเกาะหินปูนขนาดเล็ก ที่มีมูลค่าแสนล้าน  ขึ้นอยู่กับจังหวัด ปัตตานี ลักษณะของตัวเกาะโผล่พ้นน้ำขึ้นมาไม่เกิน 50 ตารางเมตร สภาพส่วนใหญ่เป็นหินล้วนไม่มีต้นไม้ใบหญ้า รอบเกาะน้ำตื้น หากจะขึ้นเกาะต้องนำเรือเล็กเข้าไป บนเกาะมีประภาคาร ที่ส่งไฟสัญญาณเตือนอยู่บนยอด และตัวประภาคารตั้งอยู่บนหินโผล่น้ำที่มีขนาดประมาณ 10 เมตร บริเวณรอบเกาะเป็นแหล่งปะการังที่อุดมสมบูรณ์กินพื้นที่ยาวหนึ่งกิโลเมตร มีพืชใต้น้ำและฝูงปลานานาชนิดโดยเฉพาะฉลามวาฬ ด้วยเหตุนี้เกาะโลซินเป็นที่นิยมของนักดำน้ำและนักตกปลา และเพราะเกาะโลซินนี่เอง ทำให้เรามี 'น่านน้ำอาณาเขต' ขยายออกไปจากชายฝั่งอีก 22.2 กิโลเมตร ในวิกิพีเดียอธิบายน่านน้ำอาณาเขต (Territorial Waters) หรือทะเลอาณาเขต (Territorial Sea) ว่าเป็นแนวน่านน้ำชายฝั่งวัดจากเส้นฐาน ปกติของน้ำทะเลในช่วงลงเต็มที่จนถึงปานกลางของชายฝั่งไปไกลสุดที่ 22.2 กิโลเมตร  พูดง่ายๆ ก็คือ ตำแหน่งไหนที่เป็นปลายทางที่อยู่ติดกับทะเลหรือในทะเล ถ้าใครได้เป็นเจ้าของ ประเทศนั้นก็จะได้ครอบครองน่านน้ำเพิ่มออกไปจากจุดนั้นอีก 22.2 กิโลเมตร รวมถึงบนฟ้าและใต้ดินที่อยู่ในอาณาเขตด้วย ก็แปลว่าประเทศไทย นอกจากจะเป็นเจ้าของพื้นที่รูปขวานใน Map โลกแล้ว หลายๆ เกาะในที่อยู่ไกลจากผืนดินมากที่สุด บวกเพิ่มไปอีก 22.2 กิโลเมตร ก็นับเป็นโซนของประเทศไทยเหมือนกัน นั่นแปลว่า พื้นที่ใต้น่านน้ำอาณาเขต หากมีทรัพยากรธรรมชาติ ยกตัวอย่างเช่น แหล่งก๊าซธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาติใต้น้ำนั้นจะเป็นของประเทศนั้น ๆ  แต่ก่อนทั้งไทยและมาเลเซียต่างก็เคยออกมาอ้างสิทธิในพื้นที่ทะเล ทำให้เกิดข้อถกเถียงกันขึ้น จนต้องเจรจากันอย่างจริงจังใน พ.ศ. 2515 โดยมีข้อสรุปในครั้งนั้น คือ  แบ่งเขตแดนทางทะเลด้วยวิธีการลากเส้นตั้งฉากจากแนวโค้งของผืนดินแต่ละฝ่าย หรือเรียกว่าเขตไหล่ทวีปตามหลักสากล การแบ่งด้วยวิธีนั้นทำให้พื้นที่แหล่งก๊าซธรรมชาติกลายเป็นของมาเลเซียทั้งหมด  แต่โชคดีของไทย ที่ยังมีเกาะโลซิน โดยไทยยืนยันว่าได้ก่อสร้างประภาคารไว้บนเกาะนี้เพื่อแสดงอาณาเขตไว้แล้ว ตามอนุสัญญาเจนีวา กฎหมายทางทะเล ค.ศ.1958 ที่ไทยเป็นสมาชิกในอนุสัญญา ได้ระบุความหมายของเกาะไว้ว่า "แผ่นดินที่มีน้ำล้อมรอบ" ซึ่งหมายถึงเกาะที่เป็นหิน หรือกองหินโผล่จากน้ำขึ้นมาด้วย ดังนั้น เกาะโลซินก็เลยกลายเป็นเกาะสุดท้ายของประเทศไทยที่ทำให้ฝ่ายมาเลเซียต้องยอมให้ ในปี 2522 ประเทศไทยและมาเลเซียเจรจาตกลงกำหนดพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลให้เป็นพื้นที่พัฒนาร่วม (Joint Development Area) ครอบคลุมประมาณ 7,250 ตร.กม. โดยตั้งองค์กรขึ้นมาบริหารจัดการร่วมกันแล้วแบ่งผลประโยชน์คนละครึ่ง เป็นระยะเวลา 50 ปี เมื่อมีการสำรวจขุดเจาะก๊าซธรรมชาติขึ้นมาก็พบว่า แหล่งก๊าซที่มีปริมาณมากถึงราว 75% นั้น อยู่ในซีกพื้นที่ใกล้ชายฝั่งมาเลเซีย  แต่ไทยเราได้รับผลประโยชน์ไปด้วย เพราะ การอ้างอาณาเขตจากเกาะโลซินที่เป็นแค่กองหินเล็กๆ ขนาดไม่เกิน 50 ตร.ม. นั้นแหละ จนหลายคนตั้งชื่อเกาะโลซินใหม่ว่า "กองหินแสนล้าน" ตามมูลค่าของแหล่งก๊าซธรรมชาติที่สำรวจพบใต้น่านน้ำอาณาเขตนั่นเอง แต่ในปี 2572 ข้อตกลงเจรจาระหว่างไทย-มาเลเซีย ที่กำหนดพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลให้เป็นพื้นที่พัฒนาร่วมจะหมดอายุลง เกาะโลซินยังจะถูกเรียกเหมือนเดิมไหมไม่รู้ เพื่อนบ้านของเรา จะเปิดการเจรจาเพื่อตกลงผลประโยชน์ใหม่หรือเปล่า คงต้องรอกันจนถึงวันนั้น  และหากเรามาดูเป้าหมายของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ที่อยากจะแบ่งแยกตั้งตัวเองเป็นรัฐใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วย ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และอีกสามอำเภอของสงขลา โดยตั้งเป้าเอาไว้ว่า ในปี 2570 จะทำให้เกิดสงครามกลางเมือง จนแบ่งแยกดินแดนสำเร็จ ด้วยความช่วยเหลือจากนานาชาติ และนักการเมืองแนวร่วม ในปี 2580  ซึ่งหากกระทำการสำเร็จ เราจะไม่ได้เสียแค่ดินแดนบนผืนแผ่นดิน แต่เราจะสูญเสียเกาะโลซินที่รวมอยู่กับจังหวัดปัตตานี รวมถึงทรัพยากรแสนล้านใต้น่านน้ำอาณาเขต ที่เราได้จากการเป็นเจ้าของเกาะโลซินแห่งนี้ด้วยเช่นกัน https://www.facebook.com/share/p/1BdTQSpXHd/?mibextid=wwXIfr
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 798 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประเด็นหลักในการประชุมของปูตินที่ศูนย์บัญชาการแห่งหนึ่งในการเดินทางมาที่ภูมิภาคเคิร์สก์:

    ภารกิจของเราที่ด่วนที่สุดตอนนี้ คือการเอาชนะศัตรูที่บุกรุกเข้ามาในเขตเคิร์สก์ และปลดปล่อยพื้นที่ดังกล่าวให้หมดสิ้น

    ผู้ที่ต่อต้านรัสเซียในเขตเคิร์สก์รวมทั้งผู้ที่ถูกจับเป็นเชลย จะได้รับการปฏิบัติช่นเดียวกับสถานะผู้ก่อการร้าย แต่จะได้รับการปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรมเช่นกัน

    ทหารรับจ้างต่างชาติไม่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของอนุสัญญาเจนีวา (นั่นหมายความว่าสามารถกำจัดได้ทันที)

    จะต้องมีการพิจารณาสร้างเขตปลอดภัยตามแนวชายแดนของรัฐ

    ปูตินขอบคุณผู้นำของคณะเสนาธิการทหารบกและหน่วยงานที่มีชื่อเสียงเป็นพิเศษสำหรับการทำงานในภูมิภาคเคิร์สก์
    .

    ต่อไปนี้เป็นรายงานของหัวหน้าคณะเสนาธิการทหารบก เกราซิมอฟ:

    กองทหารรัสเซียได้ปลดปล่อยดินแดนมากกว่า 1,100 ตารางกิโลเมตรในพื้นที่ชายแดนเคิร์สก์

    กองทัพยูเครนสูญเสียผู้คนไปกว่า 67,000 คนในพื้นที่ชายแดนเคิร์สก์

    เคียฟต้องการสร้างสะพานเชื่อมในภูมิภาคเคิร์สก์เพื่อให้สถานการณ์เป็นเครื่องต่อรอง แต่ล้มเหลว

    ปฏิบัติการส่งกองทัพรัสเซียมุดท่อส่งก๊าซไปยังเมืองซูดจา สร้างความแตกตื่นให้กับฝ่ายกองทัพยูเครนเป็นอย่างมาก และพวกเขาประสบความสูญเสียอย่างหนัก

    กองกำลังติดอาวุธยูเครนในภูมิภาคเคิร์สก์ถูกล้อม โดดเดี่ยว และถูกทำลายอย่างเป็นระบบ

    ในบางพื้นที่ กองกำลังรัสเซียบางส่วนจากชายแดนเคิร์สก์ได้ข้ามพรมแดนเข้าสู่ภูมิภาคซูมี (ดินแดนยูเครน)

    นักรบกองกำลังติดอาวุธยูเครนซึ่งเห็นถึงความสิ้นหวังของสถานการณ์กำลังยอมจำนนเป็นจำนวนมาก ล่าสุดวันนี้ 430 นาย ยอมมอบตัวเพิ่มเติม
    ประเด็นหลักในการประชุมของปูตินที่ศูนย์บัญชาการแห่งหนึ่งในการเดินทางมาที่ภูมิภาคเคิร์สก์: ▪️ ภารกิจของเราที่ด่วนที่สุดตอนนี้ คือการเอาชนะศัตรูที่บุกรุกเข้ามาในเขตเคิร์สก์ และปลดปล่อยพื้นที่ดังกล่าวให้หมดสิ้น ▪️ ผู้ที่ต่อต้านรัสเซียในเขตเคิร์สก์รวมทั้งผู้ที่ถูกจับเป็นเชลย จะได้รับการปฏิบัติช่นเดียวกับสถานะผู้ก่อการร้าย แต่จะได้รับการปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรมเช่นกัน ▪️ ทหารรับจ้างต่างชาติไม่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของอนุสัญญาเจนีวา (นั่นหมายความว่าสามารถกำจัดได้ทันที) ▪️ จะต้องมีการพิจารณาสร้างเขตปลอดภัยตามแนวชายแดนของรัฐ ▪️ ปูตินขอบคุณผู้นำของคณะเสนาธิการทหารบกและหน่วยงานที่มีชื่อเสียงเป็นพิเศษสำหรับการทำงานในภูมิภาคเคิร์สก์ . ต่อไปนี้เป็นรายงานของหัวหน้าคณะเสนาธิการทหารบก เกราซิมอฟ: ▪️ กองทหารรัสเซียได้ปลดปล่อยดินแดนมากกว่า 1,100 ตารางกิโลเมตรในพื้นที่ชายแดนเคิร์สก์ ▪️ กองทัพยูเครนสูญเสียผู้คนไปกว่า 67,000 คนในพื้นที่ชายแดนเคิร์สก์ ▪️ เคียฟต้องการสร้างสะพานเชื่อมในภูมิภาคเคิร์สก์เพื่อให้สถานการณ์เป็นเครื่องต่อรอง แต่ล้มเหลว ▪️ ปฏิบัติการส่งกองทัพรัสเซียมุดท่อส่งก๊าซไปยังเมืองซูดจา สร้างความแตกตื่นให้กับฝ่ายกองทัพยูเครนเป็นอย่างมาก และพวกเขาประสบความสูญเสียอย่างหนัก ▪️กองกำลังติดอาวุธยูเครนในภูมิภาคเคิร์สก์ถูกล้อม โดดเดี่ยว และถูกทำลายอย่างเป็นระบบ ▪️ในบางพื้นที่ กองกำลังรัสเซียบางส่วนจากชายแดนเคิร์สก์ได้ข้ามพรมแดนเข้าสู่ภูมิภาคซูมี (ดินแดนยูเครน) ▪️นักรบกองกำลังติดอาวุธยูเครนซึ่งเห็นถึงความสิ้นหวังของสถานการณ์กำลังยอมจำนนเป็นจำนวนมาก ล่าสุดวันนี้ 430 นาย ยอมมอบตัวเพิ่มเติม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 704 มุมมอง 24 0 รีวิว

  • > ยูเครนและสหภาพยุโรปยอมรับข้อตกลงหยุดยิง 30 วัน
    > หลังจากนั้นกดดัน ปูติน "ลูกบอลอยู่ในมือของรัสเซีย" แล้ว!
    > ปูตินไม่พูดอะไร
    > แต่เขาตรงมาที่เคิร์สก์ในชุดทหารเต็มยศ!!
    หวังว่าพวกเขาคงได้คำตอบแล้ว!!!!
    .
    คำกล่าวของปูติน ผู้นำรัสเซีย ที่มาในชุดลายพรางของกองทัพรัสเซีย หลังจากกองทัพรัสเซียเกือบยึดคืนพื้นที่ในเคิร์สก์ได้เกือบทั้งหมดแล้ว:
    - ทหารที่ถูกจับในเคิร์สก์จะได้รับการปฏิบัติเหมือนผู้ก่อการร้าย
    - ทหารรับจ้างไม่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของอนุสัญญาเจนีวา (นั่นหมายความว่าสามารถกำจัดได้ทันที)
    - เพื่อสร้างเขตปลอดภัยภายในยูเครนเพื่อป้องกันการโจมตีเพิ่มเติม
    🇺🇦🇷🇺‼️🚨 > ยูเครนและสหภาพยุโรปยอมรับข้อตกลงหยุดยิง 30 วัน > หลังจากนั้นกดดัน ปูติน "ลูกบอลอยู่ในมือของรัสเซีย" แล้ว! > ปูตินไม่พูดอะไร > แต่เขาตรงมาที่เคิร์สก์ในชุดทหารเต็มยศ!! หวังว่าพวกเขาคงได้คำตอบแล้ว!!!! . คำกล่าวของปูติน ผู้นำรัสเซีย ที่มาในชุดลายพรางของกองทัพรัสเซีย หลังจากกองทัพรัสเซียเกือบยึดคืนพื้นที่ในเคิร์สก์ได้เกือบทั้งหมดแล้ว: - ทหารที่ถูกจับในเคิร์สก์จะได้รับการปฏิบัติเหมือนผู้ก่อการร้าย - ทหารรับจ้างไม่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของอนุสัญญาเจนีวา (นั่นหมายความว่าสามารถกำจัดได้ทันที) - เพื่อสร้างเขตปลอดภัยภายในยูเครนเพื่อป้องกันการโจมตีเพิ่มเติม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 423 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทหารรัสเซียแสดงให้ดูทุ่นระเบิดแม่เหล็กของ NATO ที่กองทัพยูเครนใช้ ซึ่งถูกพบในทิศทาง Donetsk ระหว่างภารกิจกวาดล้างทุ่นระเบิด
    ทุ่นระเบิดเหล่านี้ถูกห้ามใช้ทั่วโลกตามอนุสัญญาเจนีวา

    พวกมันจะระเบิดทันทีเมื่อเซนเซอร์ตรวจเจอโลหะในระยะสูงสุด 2 เมตร ไม่ว่าจะเป็นพลั่ว ปืนกล หรืออุปกรณ์อื่นๆที่ผ่านเข้ามา

    หากทหารเหล่านี้ใช้เครื่องมือค้นหาทุ่นระเบิดที่มีโลหะ และระเบิดมันตรวจจับเจอ ก็จะเกิดการระเบิดระเบิดได้เช่นกัน
    ทหารรัสเซียแสดงให้ดูทุ่นระเบิดแม่เหล็กของ NATO ที่กองทัพยูเครนใช้ ซึ่งถูกพบในทิศทาง Donetsk ระหว่างภารกิจกวาดล้างทุ่นระเบิด ทุ่นระเบิดเหล่านี้ถูกห้ามใช้ทั่วโลกตามอนุสัญญาเจนีวา พวกมันจะระเบิดทันทีเมื่อเซนเซอร์ตรวจเจอโลหะในระยะสูงสุด 2 เมตร ไม่ว่าจะเป็นพลั่ว ปืนกล หรืออุปกรณ์อื่นๆที่ผ่านเข้ามา หากทหารเหล่านี้ใช้เครื่องมือค้นหาทุ่นระเบิดที่มีโลหะ และระเบิดมันตรวจจับเจอ ก็จะเกิดการระเบิดระเบิดได้เช่นกัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 449 มุมมอง 14 0 รีวิว
  • ดร.สุรเกียรติ์ยิ่งก่อข้อสงสัยรูป 1-2 มีเอกสารวิชาการเขียนโดย ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เกี่ยวกับ MOU44 เผยแพร่ในปี 2554 จุลสารความมั่นคงศึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ มีข้อมูลสำคัญที่ผมไม่รู้มาก่อนแต่ข้อมูลใหม่เหล่านี้ ยิ่งก่อข้อสงสัยในเจตนารมณ์ที่รัฐบาลของอดีตนายกฯทักษิณไปจัดทำ MOU44 🫡 ข้อสงสัยที่หนึ่ง กัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดจริงหรือ?รูป 3-6 คือพระราชกฤษฎีกาของกัมพูชา ผมเข้าใจมาตลอดว่า กัมพูชาขีดเส้นพาดผ่านเกาะกูด แต่ในเอกสารหน้า 6-9 ดร.สุรเกียรติ์วิเคราะห์ว่ากัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดแผนที่รูป 6 ขยายไปเป็นรูป 7 ท่านเขียนว่าเส้นของกัมพูชาลากจากจุด A บนชายฝั่งมาจนถึงชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันออก แล้วไปเริ่มเส้นต่อไปจากชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันตก ประกอบกับท่านเห็นว่า ในแผนที่มีการระบุชื่อเกาะกูดว่า Koh Kut (Siam) ซึ่งท่านอนุมาน'เป็นการบ่งบอกว่าเกาะกูดเป็นของประเทศไทย' ท่านจึงตีความว่า "ดังนั้น กัมพูชาไม่เคยอ้างอธิปไตยเหนือเกาะกูด" ผมโต้แย้ง:- ในรูป 3 พระราชกฤษฎีกา กัมพูชาระบุตั้งใจลากเส้นโดยอ้างอิงสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส คศ 1907 เพราะต้องการใช้ประโยชน์จากในสนธิสัญญาฯ มีข้อความ "ยอดเขาสูงสุดของเกาะกูด" ดังนั้น ถึงแม้ในรูป 7 ท่านตีความว่ากัมพูชาแสดงเจตนาไม่ต้องการให้เส้นผ่านเกาะกูด แต่อาจเป็นการตีความเข้าข้างตัวเอง ข้อสงสัย:- ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้แน่นอนว่า วันหน้ากัมพูชาจะไม่อ้างว่าไทยรับรู้ใน MOU44 แล้วว่า โดยสภาพความเป็นจริง เส้นนี้ย่อมมีเจตนาผ่านเกาะกูด เพราะ (ก) พระราชกฤษฎีกามีการอ้างอิงตำแหน่งแห่งหนที่ตั้งอยู่เฉพาะบนเกาะกูด และ(ข) ตรรกแห่งการตีเส้นเขตไหล่ทวีปที่ขาดแหว่งเป็นเส้นประ ไม่อยู่ในข้อใดในอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีป มีแต่เส้นต่อเนื่องทั้งนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สอง กัมพูชายอมรับว่าเกาะกูดเป็นอธิปไตยของไทยจริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35-36 ท่านเขียนว่า "ถึงแม้ว่าบันทึกความเข้าใจนี้จะไม่ถือว่าเป็นที่สิ้นสุดของการเจรจามีผลผูกพันทั้งสองประเทศเกี่ยวกับเส้นเขตทางทะเล แต่อย่างน้อยที่สุด ก็ถือเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการที่รัฐบาลกัมพูชาในปัจจุบันได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด" และ"ภายหลังจากการลงนามในบันทึกความเข้าใจแล้วนั้น ฝ่ายไทยก็ได้มอบหมายให้ผู้เขียนพยายามที่จะเจรจาในระดับรัฐมตรีเพื่อไม่ไม่ให้เส้นเขตแดนล้อมรอบเกาะกูดถูกกำหนดเป็นรูปตัว "U" ซึ่งผู้เขียนจำได้ว่าเคยหารือกับนาย ซก อาน รัฐมนตรีอาวุโสของกัมพูชา (ตำแหน่งในขณะนั้น) ว่าเหตุใดเส้นเขตแดนจึงมีโค้งเป็นเบ้าขนมครก เหตุใดจึงไม่เป็นเส้นตรง ซึ่งหมายความว่าจากหลักเขตแดนที่ 73 นั้น เส้นเขตทางทะเลควรจะลากจากลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นเส้นตรง และต้องไม่ลากผ่านเกาะกูด มิใช่ลากเส้นมาถึงเกาะกูดแล้ว จึงเกิดส่วนเว้าหลบอ้อมเกาะกูดไป ซึ่งในแง่ของไทยแล้วการลากเส้นเขตแดนเป็นเส้นตรงโดยไม่ผ่านกึ่งกลางของเกาะกูดจะมีผลทำให้อธิปไตยของเกาะกูดมีความชัดเจนมากขึ้น และทำให้อาณาเขตรวมของพื้นที่ทับช้อนทางทะเลมีขนาดเล็กลง ดังรูป 10 (เป็นเส้นประที่ลูกศรขี้ซึ่งแสดงอยู่ในรูป 8 )ซึ่งในเรื่องนี้อยู่ในระหว่างการที่ฝ่ายกัมพูชาจะขอความเห็นชอบจากผู้นำสูงสุดของกัมพูชา แต่ผู้เขียนได้พ้นหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมทางเทคนิคไปเสียก่อน" ผมโต้แย้ง:- กัมพูชาไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่าประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด เพราะ(ก) ไม่มีข้อความเช่นนั้นแม้แต่คำเดียวปรากฏใน MOU44 กลับเป็นการตีความของท่านฝ่ายเดียว(ข) ถ้ากัมพูชายอมรับเช่นนั้นจริง เส้นจะต้องไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด แต่จะต้องเอียงลงตะวันตกเฉียงใต้ ดังที่ท่านเองก็ยอมรับในบทความ ข้อสงสัย:- ในขณะที่ลงนามใน MOU44 ท่านทราบหรือไม่ว่า เส้นที่ถูกต้องคือไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด? ถ้าทราบ ท่านไปลงนามทำไม?🫡 ข้อสงสัยที่สาม:- ฝ่ายไทยควรพอใจแผนผังแนบท้าย MOU44 จริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35 ท่านเขียนว่า"ดังนั้น แผนผังแนบท้ายบันทึกความเข้าใจนี้จึงเป็นสิ่งที่ฝ่ายไทยพอใจเพราะแสดงถึงความคืบหน้าในการเจรจาจุดเริ่มต้นของการลงเส้นเขตทางทะเลจากหลักเขตแดนทางบกที่ตรงกับจุดยืนของไทย และเส้นที่ลากนั้นได้ยอมรับอธิปไตยของไทยเหนือเกาะกูด และยังยอมรับอธิบไตยของไทยเหนือทะเลอาณาเขตรอบๆ" ผมโต้แย้ง:- ไม่มีเหตุผลใดที่ไทยควรจะพอใจกับการแสดงแผนที่ซึ่งเป็นแผนผังแนบท้าย MOU44 เพราะแสดงเส้นของสองประเทศที่ไม่เท่าเทียมกัน คือเส้นของไทยประกาศตามอนุสัญญาเจนีวา ในขณะที่เส้นของกัมพูชาไม่เป็นเช่นนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สี่:- ท่านรู้ว่า MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้น หรือไม่?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"(5) บันทึกความเข้าใจดังกล่าวได้ลงนามโดยผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลของทั้งสองประเทศ จึงมีสถานะเป็นสนธิสัญญาตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ. 1969" ผมโต้แย้ง:- ตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะท่านในฐานะผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลไทย ไปลงนามในสนธิสัญญา ..ทั้งที่มิได้มีการทูลเกล้าฯ และมีได้มีการนำเสนอรัฐสภาเสียก่อน เป็นการกระทำเกินอำนาจ ultra vires จึงไม่ผูกพันรัฐบาลไทย และทำให้ MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้นผมเห็นว่าไม่มีเอกสารหลักฐานชิ้นไหน ที่มีความสำคัญเท่าชิ้นนี้อีกแล้ว🫡 ข้อสงสัยที่ห้า:- ทำไมท่านไม่แจ้งรัฐบาลว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ ผิด?ในเอกสารหน้า 11-12 ท่านวิเคราะห์ว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ เข้าข้างตัวเองว่าเป็นการแบ่งเขตทางทะเล แต่เจตนารมณ์เป็นเพียงเพื่อกำหนดเส้นแบ่งเขตทางบก ซึ่งตรงกับของผม ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นของกัมพูชาไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ ท่านควรจะแจ้งให้รัฐบาลของท่านนายกทักษิณทราบ และกต.น่าจะแจ้งให้รัฐบาลต่างๆ ทราบ 🫡 ข้อสงสัยที่หก:- ท่านรู้หรือไม่ว่าเส้นของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป?ข้อ 6 ในอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ไม่ได้อนุญาตการลากเส้นที่อ้างอิงสิทธิทางประวัติศาสตร์ดังเช่นกรณีขอทะเลอาณาเขต แต่กัมพูชากลับไปอ้างอิงสนธิสัญญาฯ เป็นสิทธิทางประวัติศาสตร์ ทั้งที่ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ และขัดกับอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีปอย่างสิ้นเชิง ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป ทำไมท่านไม่โต้แย้งกัมพูชาเป็นลายลักษณ์อักษร?🫡 ข้อสงสัยที่เจ็ด:- ทำไมท่านไม่ดำเนินการตามขั้นตอนของพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"ภายหลังจากที่ผู้เขียนได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 ก็ได้รับทราบถึงผลการเจรจาร่วมกันในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2543 และได้มีความเห็นตรงกันว่าควรมีการเปิดการเจรจาอย่างเป็นทางการกับรัฐบาลกัมพูชาเนื่องจากเป็นประเทศเดียวที่ไทยยังไม่เคยเจรจาอย่างจริงจังเพื่อแสวงพาผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งๆ ที่ได้มีการเจรจากับรัฐบาลมาเลเซียและเวียดนามจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยไปแล้ว ดังนั้น จึงได้มีการเริ่มเปิดการเจรจากับกัมพูชาเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเขตพื้นที่ที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับช้อนกัน และการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรปิโตรเลียมร่วมกันในพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย จนสามารถกำหนดแนวทางการเจรจาและการดำเนินการร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนในการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของทั้งสองประเทศที่เมืองเสียมราฐ เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2544 และนำไปสู่การลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ" ผมโต้แย้ง:- ประชาชนมีข้อสงสัยดังนี้(ก) ในลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย เริ่มต้นจากการเจรจาเส้นเขตแดนของทั้งสองประเทศให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จึงจะได้อาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมที่ยอมรับทั้งสองฝ่าย เป็นขั้นตอน ใช้ม้าลากรถแต่ลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-กัมพูชา เริ่มต้นจากการกำหนดอาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมขึ้นมาเอง เป็นการรีบร้อนลัดขั้นตอน ใช้รถลากม้า(ข) การเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับมาเลเซีย ใช้เวลาหลายปี ท่านใช้เวลาเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชาเพียงสองสามเดือนส่อเจตนาชัดเจนว่าให้ความสำคัญลำดับหนึ่งแก่การแสวงหาประโยชน์ปิโตรเลียม จนมีความเสี่ยงเรื่องเขตแดนเกิดขึ้นการเร่งรีบเช่นนี้ ทำให้ประชาชนกังวลว่า มีวาระซ่อนเร้นแฝงอยู่ในการเจรจาหรือไม่ ผมขอย้ำว่า เขียนบทความนี้ด้วยความเคารพ และหวังจะให้ประโยชน์แก่รัฐมนตรีพรรคร่วมอย่างเต็มที่เป็นสำคัญวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
    ดร.สุรเกียรติ์ยิ่งก่อข้อสงสัยรูป 1-2 มีเอกสารวิชาการเขียนโดย ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เกี่ยวกับ MOU44 เผยแพร่ในปี 2554 จุลสารความมั่นคงศึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ มีข้อมูลสำคัญที่ผมไม่รู้มาก่อนแต่ข้อมูลใหม่เหล่านี้ ยิ่งก่อข้อสงสัยในเจตนารมณ์ที่รัฐบาลของอดีตนายกฯทักษิณไปจัดทำ MOU44 🫡 ข้อสงสัยที่หนึ่ง กัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดจริงหรือ?รูป 3-6 คือพระราชกฤษฎีกาของกัมพูชา ผมเข้าใจมาตลอดว่า กัมพูชาขีดเส้นพาดผ่านเกาะกูด แต่ในเอกสารหน้า 6-9 ดร.สุรเกียรติ์วิเคราะห์ว่ากัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดแผนที่รูป 6 ขยายไปเป็นรูป 7 ท่านเขียนว่าเส้นของกัมพูชาลากจากจุด A บนชายฝั่งมาจนถึงชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันออก แล้วไปเริ่มเส้นต่อไปจากชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันตก ประกอบกับท่านเห็นว่า ในแผนที่มีการระบุชื่อเกาะกูดว่า Koh Kut (Siam) ซึ่งท่านอนุมาน'เป็นการบ่งบอกว่าเกาะกูดเป็นของประเทศไทย' ท่านจึงตีความว่า "ดังนั้น กัมพูชาไม่เคยอ้างอธิปไตยเหนือเกาะกูด"🧐 ผมโต้แย้ง:- ในรูป 3 พระราชกฤษฎีกา กัมพูชาระบุตั้งใจลากเส้นโดยอ้างอิงสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส คศ 1907 เพราะต้องการใช้ประโยชน์จากในสนธิสัญญาฯ มีข้อความ "ยอดเขาสูงสุดของเกาะกูด" ดังนั้น ถึงแม้ในรูป 7 ท่านตีความว่ากัมพูชาแสดงเจตนาไม่ต้องการให้เส้นผ่านเกาะกูด แต่อาจเป็นการตีความเข้าข้างตัวเอง🥶 ข้อสงสัย:- ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้แน่นอนว่า วันหน้ากัมพูชาจะไม่อ้างว่าไทยรับรู้ใน MOU44 แล้วว่า โดยสภาพความเป็นจริง เส้นนี้ย่อมมีเจตนาผ่านเกาะกูด เพราะ (ก) พระราชกฤษฎีกามีการอ้างอิงตำแหน่งแห่งหนที่ตั้งอยู่เฉพาะบนเกาะกูด และ(ข) ตรรกแห่งการตีเส้นเขตไหล่ทวีปที่ขาดแหว่งเป็นเส้นประ ไม่อยู่ในข้อใดในอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีป มีแต่เส้นต่อเนื่องทั้งนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สอง กัมพูชายอมรับว่าเกาะกูดเป็นอธิปไตยของไทยจริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35-36 ท่านเขียนว่า "ถึงแม้ว่าบันทึกความเข้าใจนี้จะไม่ถือว่าเป็นที่สิ้นสุดของการเจรจามีผลผูกพันทั้งสองประเทศเกี่ยวกับเส้นเขตทางทะเล แต่อย่างน้อยที่สุด ก็ถือเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการที่รัฐบาลกัมพูชาในปัจจุบันได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด" และ"ภายหลังจากการลงนามในบันทึกความเข้าใจแล้วนั้น ฝ่ายไทยก็ได้มอบหมายให้ผู้เขียนพยายามที่จะเจรจาในระดับรัฐมตรีเพื่อไม่ไม่ให้เส้นเขตแดนล้อมรอบเกาะกูดถูกกำหนดเป็นรูปตัว "U" ซึ่งผู้เขียนจำได้ว่าเคยหารือกับนาย ซก อาน รัฐมนตรีอาวุโสของกัมพูชา (ตำแหน่งในขณะนั้น) ว่าเหตุใดเส้นเขตแดนจึงมีโค้งเป็นเบ้าขนมครก เหตุใดจึงไม่เป็นเส้นตรง ซึ่งหมายความว่าจากหลักเขตแดนที่ 73 นั้น เส้นเขตทางทะเลควรจะลากจากลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นเส้นตรง และต้องไม่ลากผ่านเกาะกูด มิใช่ลากเส้นมาถึงเกาะกูดแล้ว จึงเกิดส่วนเว้าหลบอ้อมเกาะกูดไป ซึ่งในแง่ของไทยแล้วการลากเส้นเขตแดนเป็นเส้นตรงโดยไม่ผ่านกึ่งกลางของเกาะกูดจะมีผลทำให้อธิปไตยของเกาะกูดมีความชัดเจนมากขึ้น และทำให้อาณาเขตรวมของพื้นที่ทับช้อนทางทะเลมีขนาดเล็กลง ดังรูป 10 (เป็นเส้นประที่ลูกศรขี้ซึ่งแสดงอยู่ในรูป 8 )ซึ่งในเรื่องนี้อยู่ในระหว่างการที่ฝ่ายกัมพูชาจะขอความเห็นชอบจากผู้นำสูงสุดของกัมพูชา แต่ผู้เขียนได้พ้นหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมทางเทคนิคไปเสียก่อน"🧐 ผมโต้แย้ง:- กัมพูชาไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่าประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด เพราะ(ก) ไม่มีข้อความเช่นนั้นแม้แต่คำเดียวปรากฏใน MOU44 กลับเป็นการตีความของท่านฝ่ายเดียว(ข) ถ้ากัมพูชายอมรับเช่นนั้นจริง เส้นจะต้องไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด แต่จะต้องเอียงลงตะวันตกเฉียงใต้ ดังที่ท่านเองก็ยอมรับในบทความ🥶 ข้อสงสัย:- ในขณะที่ลงนามใน MOU44 ท่านทราบหรือไม่ว่า เส้นที่ถูกต้องคือไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด? ถ้าทราบ ท่านไปลงนามทำไม?🫡 ข้อสงสัยที่สาม:- ฝ่ายไทยควรพอใจแผนผังแนบท้าย MOU44 จริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35 ท่านเขียนว่า"ดังนั้น แผนผังแนบท้ายบันทึกความเข้าใจนี้จึงเป็นสิ่งที่ฝ่ายไทยพอใจเพราะแสดงถึงความคืบหน้าในการเจรจาจุดเริ่มต้นของการลงเส้นเขตทางทะเลจากหลักเขตแดนทางบกที่ตรงกับจุดยืนของไทย และเส้นที่ลากนั้นได้ยอมรับอธิปไตยของไทยเหนือเกาะกูด และยังยอมรับอธิบไตยของไทยเหนือทะเลอาณาเขตรอบๆ"🧐 ผมโต้แย้ง:- ไม่มีเหตุผลใดที่ไทยควรจะพอใจกับการแสดงแผนที่ซึ่งเป็นแผนผังแนบท้าย MOU44 เพราะแสดงเส้นของสองประเทศที่ไม่เท่าเทียมกัน คือเส้นของไทยประกาศตามอนุสัญญาเจนีวา ในขณะที่เส้นของกัมพูชาไม่เป็นเช่นนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สี่:- ท่านรู้ว่า MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้น หรือไม่?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"(5) บันทึกความเข้าใจดังกล่าวได้ลงนามโดยผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลของทั้งสองประเทศ จึงมีสถานะเป็นสนธิสัญญาตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ. 1969"🧐 ผมโต้แย้ง:- ตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะท่านในฐานะผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลไทย ไปลงนามในสนธิสัญญา ..ทั้งที่มิได้มีการทูลเกล้าฯ และมีได้มีการนำเสนอรัฐสภาเสียก่อน เป็นการกระทำเกินอำนาจ ultra vires จึงไม่ผูกพันรัฐบาลไทย และทำให้ MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้นผมเห็นว่าไม่มีเอกสารหลักฐานชิ้นไหน ที่มีความสำคัญเท่าชิ้นนี้อีกแล้ว🫡 ข้อสงสัยที่ห้า:- ทำไมท่านไม่แจ้งรัฐบาลว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ ผิด?ในเอกสารหน้า 11-12 ท่านวิเคราะห์ว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ เข้าข้างตัวเองว่าเป็นการแบ่งเขตทางทะเล แต่เจตนารมณ์เป็นเพียงเพื่อกำหนดเส้นแบ่งเขตทางบก ซึ่งตรงกับของผม 🧐 ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นของกัมพูชาไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ ท่านควรจะแจ้งให้รัฐบาลของท่านนายกทักษิณทราบ และกต.น่าจะแจ้งให้รัฐบาลต่างๆ ทราบ 🫡 ข้อสงสัยที่หก:- ท่านรู้หรือไม่ว่าเส้นของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป?ข้อ 6 ในอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ไม่ได้อนุญาตการลากเส้นที่อ้างอิงสิทธิทางประวัติศาสตร์ดังเช่นกรณีขอทะเลอาณาเขต แต่กัมพูชากลับไปอ้างอิงสนธิสัญญาฯ เป็นสิทธิทางประวัติศาสตร์ ทั้งที่ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ และขัดกับอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีปอย่างสิ้นเชิง🧐 ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป ทำไมท่านไม่โต้แย้งกัมพูชาเป็นลายลักษณ์อักษร?🫡 ข้อสงสัยที่เจ็ด:- ทำไมท่านไม่ดำเนินการตามขั้นตอนของพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"ภายหลังจากที่ผู้เขียนได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 ก็ได้รับทราบถึงผลการเจรจาร่วมกันในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2543 และได้มีความเห็นตรงกันว่าควรมีการเปิดการเจรจาอย่างเป็นทางการกับรัฐบาลกัมพูชาเนื่องจากเป็นประเทศเดียวที่ไทยยังไม่เคยเจรจาอย่างจริงจังเพื่อแสวงพาผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งๆ ที่ได้มีการเจรจากับรัฐบาลมาเลเซียและเวียดนามจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยไปแล้ว ดังนั้น จึงได้มีการเริ่มเปิดการเจรจากับกัมพูชาเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเขตพื้นที่ที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับช้อนกัน และการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรปิโตรเลียมร่วมกันในพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย จนสามารถกำหนดแนวทางการเจรจาและการดำเนินการร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนในการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของทั้งสองประเทศที่เมืองเสียมราฐ เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2544 และนำไปสู่การลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ"🧐 ผมโต้แย้ง:- ประชาชนมีข้อสงสัยดังนี้(ก) ในลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย เริ่มต้นจากการเจรจาเส้นเขตแดนของทั้งสองประเทศให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จึงจะได้อาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมที่ยอมรับทั้งสองฝ่าย เป็นขั้นตอน ใช้ม้าลากรถแต่ลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-กัมพูชา เริ่มต้นจากการกำหนดอาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมขึ้นมาเอง เป็นการรีบร้อนลัดขั้นตอน ใช้รถลากม้า(ข) การเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับมาเลเซีย ใช้เวลาหลายปี ท่านใช้เวลาเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชาเพียงสองสามเดือนส่อเจตนาชัดเจนว่าให้ความสำคัญลำดับหนึ่งแก่การแสวงหาประโยชน์ปิโตรเลียม จนมีความเสี่ยงเรื่องเขตแดนเกิดขึ้นการเร่งรีบเช่นนี้ ทำให้ประชาชนกังวลว่า มีวาระซ่อนเร้นแฝงอยู่ในการเจรจาหรือไม่🧐 ผมขอย้ำว่า เขียนบทความนี้ด้วยความเคารพ และหวังจะให้ประโยชน์แก่รัฐมนตรีพรรคร่วมอย่างเต็มที่เป็นสำคัญวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1610 มุมมอง 0 รีวิว
  • กัมพูชาประกาศเขตไหล่ทวีป ปี 2515 โดยยึดถือจากการวาดเส้นแบ่งเขตแดนทางทะเล ที่ตนกำหนดขึ้นเอง โดยใช้หลักเขตที่ 73 บริเวณพรมแดนทางบกเป็นจุดเริ่มต้น ในการลากเส้นลงไปในทะเล ซึ่งเส้นดังกล่าวผ่าผ่านพื้นที่ทางใต้ของเกาะกูด ทำให้เกิดข้อขัดแย้งกับประเทศไทย ขณะที่ไทยไม่ยอมรับการประกาศดังกล่าว เนื่องจากกัมพูชาอ้างสิทธิโดยฝ่ายเดียว ไม่ได้อ้างอิงตามแนวทาง การกำหนดเขตแดนของอนุสัญญาระหว่างประเทศ เช่น อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล (UNCLOS) และอนุสัญญาเจนีวา 1958 ครับ​​​​​​
    กัมพูชาประกาศเขตไหล่ทวีป ปี 2515 โดยยึดถือจากการวาดเส้นแบ่งเขตแดนทางทะเล ที่ตนกำหนดขึ้นเอง โดยใช้หลักเขตที่ 73 บริเวณพรมแดนทางบกเป็นจุดเริ่มต้น ในการลากเส้นลงไปในทะเล ซึ่งเส้นดังกล่าวผ่าผ่านพื้นที่ทางใต้ของเกาะกูด ทำให้เกิดข้อขัดแย้งกับประเทศไทย ขณะที่ไทยไม่ยอมรับการประกาศดังกล่าว เนื่องจากกัมพูชาอ้างสิทธิโดยฝ่ายเดียว ไม่ได้อ้างอิงตามแนวทาง การกำหนดเขตแดนของอนุสัญญาระหว่างประเทศ เช่น อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล (UNCLOS) และอนุสัญญาเจนีวา 1958 ครับ​​​​​​
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 551 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts