• “เพนตากอนลดการฝึกอบรมไซเบอร์ — ให้ทหาร ‘โฟกัสภารกิจหลัก’ ท่ามกลางภัยคุกคามดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น”

    ในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2025 กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือที่ถูกรีแบรนด์ใหม่ว่า “Department of War” ได้ออกบันทึกภายในที่สร้างความตกตะลึงในวงการความมั่นคงไซเบอร์ โดยมีคำสั่งให้ลดความถี่ของการฝึกอบรมด้านไซเบอร์สำหรับกำลังพล พร้อมยกเลิกการฝึกอบรมบางรายการ เช่น Privacy Act Training และลดความเข้มงวดของการฝึกเกี่ยวกับข้อมูลที่ไม่จัดเป็นความลับ (CUI)

    รัฐมนตรีกลาโหม Pete Hegseth ระบุว่า การฝึกอบรมที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ “การรบและชัยชนะ” ควรถูกลดทอนหรือยกเลิก เพื่อให้ทหารสามารถโฟกัสกับภารกิจหลักได้เต็มที่ โดยมีการเสนอให้ใช้ระบบอัตโนมัติในการจัดการข้อมูลแทนการฝึกอบรมบุคลากร

    แม้จะมีเหตุผลเรื่องประสิทธิภาพ แต่การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นในช่วงที่กองทัพสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับภัยคุกคามไซเบอร์อย่างหนัก เช่น กรณีการรั่วไหลของข้อมูลจากกองทัพอากาศที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มแฮกเกอร์จากจีน และการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานที่เกิดขึ้นเฉลี่ย 13 ครั้งต่อวินาทีในปี 2023

    ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่สัปดาห์ กระทรวงกลาโหมเพิ่งออกกฎใหม่สำหรับผู้รับเหมาด้านไซเบอร์ โดยกำหนดระดับความเข้มงวดในการจัดการข้อมูลตามความอ่อนไหวของข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งดูขัดแย้งกับการลดการฝึกอบรมภายในของกำลังพล

    ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เตือนว่า การลดการฝึกอบรมในช่วงที่ภัยคุกคามเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจเป็นการตัดสินใจที่สั้นเกินไป และอาจเปิดช่องให้เกิดการโจมตีจากภายในหรือความผิดพลาดจากมนุษย์ ซึ่งยังคงเป็นจุดอ่อนหลักของระบบความปลอดภัยในปัจจุบัน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ลดความถี่ของการฝึกอบรมด้านไซเบอร์สำหรับกำลังพล
    ยกเลิก Privacy Act Training และลดความเข้มงวดของการฝึก CUI
    ใช้ระบบอัตโนมัติในการจัดการข้อมูลแทนการฝึกอบรม
    เหตุผลคือเพื่อให้ทหารโฟกัสกับภารกิจหลักด้านการรบ
    การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นในช่วงที่มีภัยคุกคามไซเบอร์เพิ่มขึ้น
    กองทัพอากาศสหรัฐฯ กำลังสอบสวนเหตุรั่วไหลของข้อมูลที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของจีน
    โครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ ถูกโจมตีเฉลี่ย 13 ครั้งต่อวินาทีในปี 2023
    ก่อนหน้านี้เพิ่งออกกฎใหม่สำหรับผู้รับเหมาด้านไซเบอร์ที่เน้นความเข้มงวด
    การลดการฝึกอบรมขัดแย้งกับแนวโน้มการเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูล

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Controlled Unclassified Information (CUI) คือข้อมูลที่ไม่จัดเป็นลับแต่ยังต้องมีการควบคุม
    Privacy Act Training ช่วยให้ทหารเข้าใจการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
    การฝึกอบรมไซเบอร์ช่วยให้บุคลากรสามารถรับมือกับ phishing, malware และ insider threat ได้ดีขึ้น
    ระบบอัตโนมัติอาจช่วยลดภาระงาน แต่ไม่สามารถแทนความเข้าใจของมนุษย์ได้ทั้งหมด
    การโจมตีไซเบอร์ในสงครามสมัยใหม่มีบทบาทสำคัญ เช่นในกรณีรัสเซีย–ยูเครน และอิสราเอล–อิหร่าน

    https://www.techradar.com/pro/security/us-department-of-war-reduces-cybersecurity-training-tells-soldiers-to-focus-on-their-mission
    🛡️ “เพนตากอนลดการฝึกอบรมไซเบอร์ — ให้ทหาร ‘โฟกัสภารกิจหลัก’ ท่ามกลางภัยคุกคามดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น” ในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2025 กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือที่ถูกรีแบรนด์ใหม่ว่า “Department of War” ได้ออกบันทึกภายในที่สร้างความตกตะลึงในวงการความมั่นคงไซเบอร์ โดยมีคำสั่งให้ลดความถี่ของการฝึกอบรมด้านไซเบอร์สำหรับกำลังพล พร้อมยกเลิกการฝึกอบรมบางรายการ เช่น Privacy Act Training และลดความเข้มงวดของการฝึกเกี่ยวกับข้อมูลที่ไม่จัดเป็นความลับ (CUI) รัฐมนตรีกลาโหม Pete Hegseth ระบุว่า การฝึกอบรมที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ “การรบและชัยชนะ” ควรถูกลดทอนหรือยกเลิก เพื่อให้ทหารสามารถโฟกัสกับภารกิจหลักได้เต็มที่ โดยมีการเสนอให้ใช้ระบบอัตโนมัติในการจัดการข้อมูลแทนการฝึกอบรมบุคลากร แม้จะมีเหตุผลเรื่องประสิทธิภาพ แต่การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นในช่วงที่กองทัพสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับภัยคุกคามไซเบอร์อย่างหนัก เช่น กรณีการรั่วไหลของข้อมูลจากกองทัพอากาศที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มแฮกเกอร์จากจีน และการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานที่เกิดขึ้นเฉลี่ย 13 ครั้งต่อวินาทีในปี 2023 ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่สัปดาห์ กระทรวงกลาโหมเพิ่งออกกฎใหม่สำหรับผู้รับเหมาด้านไซเบอร์ โดยกำหนดระดับความเข้มงวดในการจัดการข้อมูลตามความอ่อนไหวของข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งดูขัดแย้งกับการลดการฝึกอบรมภายในของกำลังพล ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เตือนว่า การลดการฝึกอบรมในช่วงที่ภัยคุกคามเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจเป็นการตัดสินใจที่สั้นเกินไป และอาจเปิดช่องให้เกิดการโจมตีจากภายในหรือความผิดพลาดจากมนุษย์ ซึ่งยังคงเป็นจุดอ่อนหลักของระบบความปลอดภัยในปัจจุบัน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ลดความถี่ของการฝึกอบรมด้านไซเบอร์สำหรับกำลังพล ➡️ ยกเลิก Privacy Act Training และลดความเข้มงวดของการฝึก CUI ➡️ ใช้ระบบอัตโนมัติในการจัดการข้อมูลแทนการฝึกอบรม ➡️ เหตุผลคือเพื่อให้ทหารโฟกัสกับภารกิจหลักด้านการรบ ➡️ การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นในช่วงที่มีภัยคุกคามไซเบอร์เพิ่มขึ้น ➡️ กองทัพอากาศสหรัฐฯ กำลังสอบสวนเหตุรั่วไหลของข้อมูลที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของจีน ➡️ โครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ ถูกโจมตีเฉลี่ย 13 ครั้งต่อวินาทีในปี 2023 ➡️ ก่อนหน้านี้เพิ่งออกกฎใหม่สำหรับผู้รับเหมาด้านไซเบอร์ที่เน้นความเข้มงวด ➡️ การลดการฝึกอบรมขัดแย้งกับแนวโน้มการเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูล ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Controlled Unclassified Information (CUI) คือข้อมูลที่ไม่จัดเป็นลับแต่ยังต้องมีการควบคุม ➡️ Privacy Act Training ช่วยให้ทหารเข้าใจการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ➡️ การฝึกอบรมไซเบอร์ช่วยให้บุคลากรสามารถรับมือกับ phishing, malware และ insider threat ได้ดีขึ้น ➡️ ระบบอัตโนมัติอาจช่วยลดภาระงาน แต่ไม่สามารถแทนความเข้าใจของมนุษย์ได้ทั้งหมด ➡️ การโจมตีไซเบอร์ในสงครามสมัยใหม่มีบทบาทสำคัญ เช่นในกรณีรัสเซีย–ยูเครน และอิสราเอล–อิหร่าน https://www.techradar.com/pro/security/us-department-of-war-reduces-cybersecurity-training-tells-soldiers-to-focus-on-their-mission
    WWW.TECHRADAR.COM
    US Department of War reduces cybersecurity training, tells soldiers to focus on their mission
    Cybersecurity training is apparently no longer a priority for the US armed forces
    0 Comments 0 Shares 121 Views 0 Reviews
  • ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว ตอนที่ 6 – จมูกคนอื่น
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว”
    ตอนที่ 6 “จมูกคนอื่น”
    เมื่อตุรกีออกประกาศเชิญชวนให้บรรดา พวกนักสร้างระบบเครื่องมือรบ ให้มายื่นประมูลเครื่องมือป้องกันตนเอง ที่เรียกว่า Long Range Air and Missle Defense System ใครจะยิงจรวดแบบไหน มาจากทางไหน เครื่องมือนี้จับได้ทำลายหมด ตุรกีบอกฉันควรมีของใช้ส่วนตัวบ้าง ไม่ใช่ยืมจมูกคนอื่นเขาหายใจ ตะบี้ตะบันไปตลอดชาติ ถ้ามันจมูกบี้ไป แล้วตูจะหายใจยังไงวะ เออ ! อันนี้มีเหตุผล ฟังขึ้น แม้ดูจะออกลูกกะล่อนนิด ๆ แต่ก็ไม่น่าเกลียดเท่าไหร่
    โครงการนี้ยาวนาน ตุรกีคิดมานานแล้ว และทำอย่างเปิดเผย ตอนแรกอเมริกา NATO และ EU ต่างก็หน้างอ ทำไมตุรกีไม่ปรึกษา ทำไมตุรกีไม่ขออนุญาต ตุรกีบอกขอโทษ ตุรกีคิดว่ายังมีอธิปไตยเหนือบ้านเมืองตนเองอยู่นะ แม้กระผมจะยอมนายท่านไปหลายเรื่องก็เถอะ แต่เรื่องหายใจด้วยจมูกของผม นี่มันเรื่องส่วนตัวจริง ๆ
    หลังจากสุมหัวคิดกันดูแล้ว อเมริกาและ EU ก็บอกว่าเอาแบบนี้แล้วกัน พวกเราก็ยื่นประมูลสร้างไอ้เครื่องป้องกันบ้าบอนี้เข้าไปด้วย แล้วเราก็ไปบีบคอมันให้มันเลือกเรา มันจะยากเย็นอะไร
    ตุรกีออกประกาศเชิญชวนตั้งแต่ปี ค.ศ. 2009 เกือบ 4 ปีแล้ว พิจารณาอะไร มันถึงใช้เวลานานขนาดนั้น มันควรจะประกาศได้แล้วว่าใครชนะประมูล- แต่ตุรกีก็ไม่ประกาศ อะไรมันปิดปากค้ำคออยู่ หรือตุรกีรอดูอะไร หรือตุรกีกำลังเล่นบท “ตุรกี” ให้ดูอยู่
    ขณะที่ทุกฝ่ายกำลังยุ่งอยู่กับ เรื่องกระทืบซีเรีย เรื่องเส้นทางเดินท่อแก๊ส เรื่องการเลือกตั้ง เรื่องคอรับชั่นในประเทศ เดือนสิงหาคม ค.ศ. 2013 ตุรกีกลับใช้ช่วงเวลานั้นประกาศเสียงเรียบ ๆ ว่า ขณะนี้เราได้พิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว เราได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า เบื้องต้นผู้ที่เราน่าจะเลือกให้มาทำเครื่องหายใจของเราเอง น่าจะเป็นบริษัทของประเทศจีน !
    เขาว่าวันนั้น ขนาดเสียงจิ้งจกไต่ผ่านเพดานห้องทำงานรูปไข่ของนาย Obama (หมายถึง Oval Room ครับ ลุงนิทานไม่ได้ทะลึ่ง) ทหารรักษาการณ์ข้างนอกประตูหน้า White House ยังได้ยินเลย ทุกอย่างเงียบสงบ ลมไม่กล้าพัด เจ้าหน้าที่ต้องกลั้นหายใจ เกรงว่าแม้ลมหายใจ ก็จะทำให้เกิดแรงสะเทือนได้ อาการเช่นนี้ไม่ได้เป็นเฉพาะที่ White House หรอก เขาว่าห้องทำงานของท่านนายพลใหญ่ หัวหน้าใหญ่ของ NATO ก็เป็นเหมือนกัน
    ในคำแถลงของตุรกีบอกว่า จีนโดยบริษัท CPMIEC ซึ่งเป็นของรัฐบาลจีน ยินดีที่จะรับเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างและติดตั้งเครื่องมือ ที่เรียกว่า Long Range Air and Missile Defense System (T-LORAMIDS) ตามคำเชิญชวนของตุรกี เมื่อ ค.ศ. 2009 ที่ให้บุคคลภายนอกเสนอการทำงานแบบ off-the-shelf vesion ของ (T-LORAMIDS) ในระบบที่สามารถเข้ากับอุปกรณ์การทำงานทั้งปวงของตุรกีได้ ในราคาประมาณ 3.4 พันล้านเหรียญ (เท่านั้นเอง) เป็นการสร้างจมูกส่วนตัวของตุรกี ที่ว่าไปแล้วในราคาไม่แพงเลย ฮา
    นาย Murad Bayer เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ การจัดซื้อจัดจ้างของตุรกี แถลงเพิ่มเติมว่าข้อเสนอของ CPMIEC ดีกว่าผู้เข้าแข่งประมูลทั้งหมด รวมทั้ง Raytheon/Lockheed-Martin ของอเมริกา กลุ่ม Italian/French และของรัสเซีย นาย Bayer บอกว่า เขาจะเจรจารายละเอียดขั้นสุดท้ายและสรุปผลกับ CPMIEC ให้เสร็จสิ้นก่อนครั้งแรกของปี ค.ศ. 2014
    จิ้งจกแมงสาบเริ่มออกเดินต่อ หลังจากตัวชากันไปพักใหญ่ วุฒิสมาชิกอเมริกัน ส่งหนังสือลงวันที่ 11 ตุลาคม 2013 ขอให้รัฐมนตรีต่างประเทศ John Kerry และรัฐมนตรีกลาโหม Chuck Hagel ดำเนินการทุกวิถีทาง ทางการฑูต เพื่อกดดันไม่ให้ตุรกีตกลงกับ CPMIEC ทำจมูกให้ตุรกี และแจ้ง NATO ถึงจุดยืนของอเมริกาว่า ต้องยืนยันว่าระบบที่ CPMIEC ทำนั้น ไม่มีวันจะใช้ร่วมกับระบบใด ๆ ทั้งสิ้นของ NATO ได้ และดูว่าจมูกที่จีนเสนอมันเป็นอย่างไรกันแน่ ทำไมพวกเราถึงสร้างจมูกอย่างเขาไม่ได้ ทำไม่ตุรกีไม่ชอบจมูกฝรั่ง แต่ไปชอบจมูกจีน ! ไปหาคำตอบกันมาให้ได้
    4 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013 จดหมายอีกฉบับถูกส่งไปยังทูตอเมริกา ประจำตุรกี ว่าในกรณีที่ตุรกียังยืนยันจะใช้จมูกจีน แน่นอนว่าเจ้าหน้าที่ของจีนจะต้องมาเดินขวักไขว่ เข้านอกออกในอยู่ในทุกสถานที่และองค์กรต่าง ๆ ของตุรกี ในด้านความมั่นคงจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร
    นอกจากการเข้ากันไม่ได้ของระบบที่จีนจะทำ กับระบบของอเมริกาและ NATO แล้ว สิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง คือการที่จีนจะเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ในระบบของตุรกี ซึ่งเป็นระบบที่เชื่อมโยงกับอเมริกาและ NATO ได้อีกด้วย จีนบอก อั๊วทำจมูกให้ตุรกี แต่อั๊วได้กลิ่นอเมริกา กับยุโรปหมดเลย ฮ่า ฮ่า เอิ้ก
    คำถามสำคัญที่ทุกคนคิดในใจดัง ๆ คือ ตุรกีกำลังคิดอะไร อเมริกาลงทุนกับตุรกีไปขนาดไหน ตุรกีย่อมรู้อยู่แก่ใจ และตุรกีก็คงตอบอยู่ในใจเช่นกันว่า อเมริกาก็คงรู้ดีอยู่แก่ใจเช่นเดียวกัน ว่าตุรกีทำอะไร เพื่ออเมริกาบ้าง
    นับเป็นโจทก์ที่น่าคิดอย่างยิ่ง ตุรกีทำได้อย่างไร โดยเฉพาะในประเด็นว่าตุรกีนั้น เป็นสมาชิกของ NATOแต่จะใช้จีน ซึ่งอยู่นอก NATO มาสร้างระบบที่เชื่อมถึง NATO ได้ และที่สำคัญ CPMIEC เป็นบริษัทที่อยู่ในข่ายการคว่ำ บาตรของอเมริกา ตามกฎหมาย Iran, North Korea and Syria Nonproliferation Act (P.L 106-178 as amended) ตุรกีสมกับเป็นลูกครึ่ง ลูกกลม ลูกกลิ้ง จริง ๆ เอ๊ะ ! หรือนี่คือบทของ นกสองหัว !
    อย่างไรก็ตามประธานาธิบดี Gul ได้ออกมาแถลงว่า เรื่องทำจมูกโดยจีนนี้ ยังไม่ได้เป็นข้อสรุปนะ เราเพียงแค่คัดรายชื่อผู้เสนอทำงานให้เหลือน้อยลง เรารู้ดีเรื่องความเป็นห่วงของ NATO เรารู้ดีเรื่องการเป็นคู่แข่งกันระหว่างตะวันตกกับจีน เราก็เป็น 1 ใน NATO นะ เพราะฉะนั้นใจเย็น ๆ ก่อน
    ในรายงานของ CRS ฉบับวันที่ 27 มี.ค ค.ศ. 2014 ได้มีพูดถึงเรื่องการทำจมูกตุรกี โดยจีนนี้ อย่างยืดยาว ตอนหนึ่งในรายงานระบุว่า แม้แต่ทางกองทัพของตุรกีเอง ก็ไม่พอใจกับการตัดสินใจเช่นนี้ของรัฐบาล ด้วยเกรงว่าจะได้จมูกเก่าที่ใช้แล้ว และไม่เหมาะที่จะนำไปสู่รบกับอะไร ได้ “second – hand, not battle-tested and cheap Chinese missiles” อืม เจ็บมากนะ เด็ก ๆ ของอาเฮียอ่านแล้ว แจ้งให้เจ้านายทราบด้วย
    แล้วประมาณกลางเดือนธันวาคม ค.ศ. 2013 รัฐมนตรีหลายคน รวมทั้งครอบครัว และนักธุรกิจที่ใกล้ชิดกับนายกรัฐมนตรี Erdogan รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูง ก็ถูกตั้งข้อกล่าวหา ถูกจับข้อหารับสินบน จากนั้นการเมืองภายในประเทศของตุรกีก็เริ่มร้อนขึ้น แม้ตัวนายกรัฐมนตรี Erdogan เอง ก็ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับการโกง สื่อตีข่าวทุกวัน ขนาดมีการปล่อยเสียงการคุยกันระหว่าง นาย Erdogan กับลูกชาย ชื่อ Bilal ถึงการโอนเงินจำนวนใหญ่ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกจับตามอง
    นาย Erdogan ให้ข่าวว่า ข้อกล่าวหาตัวเขาและลูกชาย เกี่ยวกับเรื่องการโกงนี้ เป็นการกำกับและจัดฉากของนาย Fethullah Gulen ซึ่งสมคบและเลี้ยงดูโดยอเมริกา สนุกจริง ๆ ตอนนี้ไม่ได้เป็นนิยายรักแล้ว แต่เป็นนิยายชีวิต เข้ม ข้น โหด มัน ฮา (ยังไม่รู้ใครจะได้ฮา)
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
20 กค. 2557
    ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว ตอนที่ 6 – จมูกคนอื่น นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือ นกสองหัว” ตอนที่ 6 “จมูกคนอื่น” เมื่อตุรกีออกประกาศเชิญชวนให้บรรดา พวกนักสร้างระบบเครื่องมือรบ ให้มายื่นประมูลเครื่องมือป้องกันตนเอง ที่เรียกว่า Long Range Air and Missle Defense System ใครจะยิงจรวดแบบไหน มาจากทางไหน เครื่องมือนี้จับได้ทำลายหมด ตุรกีบอกฉันควรมีของใช้ส่วนตัวบ้าง ไม่ใช่ยืมจมูกคนอื่นเขาหายใจ ตะบี้ตะบันไปตลอดชาติ ถ้ามันจมูกบี้ไป แล้วตูจะหายใจยังไงวะ เออ ! อันนี้มีเหตุผล ฟังขึ้น แม้ดูจะออกลูกกะล่อนนิด ๆ แต่ก็ไม่น่าเกลียดเท่าไหร่ โครงการนี้ยาวนาน ตุรกีคิดมานานแล้ว และทำอย่างเปิดเผย ตอนแรกอเมริกา NATO และ EU ต่างก็หน้างอ ทำไมตุรกีไม่ปรึกษา ทำไมตุรกีไม่ขออนุญาต ตุรกีบอกขอโทษ ตุรกีคิดว่ายังมีอธิปไตยเหนือบ้านเมืองตนเองอยู่นะ แม้กระผมจะยอมนายท่านไปหลายเรื่องก็เถอะ แต่เรื่องหายใจด้วยจมูกของผม นี่มันเรื่องส่วนตัวจริง ๆ หลังจากสุมหัวคิดกันดูแล้ว อเมริกาและ EU ก็บอกว่าเอาแบบนี้แล้วกัน พวกเราก็ยื่นประมูลสร้างไอ้เครื่องป้องกันบ้าบอนี้เข้าไปด้วย แล้วเราก็ไปบีบคอมันให้มันเลือกเรา มันจะยากเย็นอะไร ตุรกีออกประกาศเชิญชวนตั้งแต่ปี ค.ศ. 2009 เกือบ 4 ปีแล้ว พิจารณาอะไร มันถึงใช้เวลานานขนาดนั้น มันควรจะประกาศได้แล้วว่าใครชนะประมูล- แต่ตุรกีก็ไม่ประกาศ อะไรมันปิดปากค้ำคออยู่ หรือตุรกีรอดูอะไร หรือตุรกีกำลังเล่นบท “ตุรกี” ให้ดูอยู่ ขณะที่ทุกฝ่ายกำลังยุ่งอยู่กับ เรื่องกระทืบซีเรีย เรื่องเส้นทางเดินท่อแก๊ส เรื่องการเลือกตั้ง เรื่องคอรับชั่นในประเทศ เดือนสิงหาคม ค.ศ. 2013 ตุรกีกลับใช้ช่วงเวลานั้นประกาศเสียงเรียบ ๆ ว่า ขณะนี้เราได้พิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว เราได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า เบื้องต้นผู้ที่เราน่าจะเลือกให้มาทำเครื่องหายใจของเราเอง น่าจะเป็นบริษัทของประเทศจีน ! เขาว่าวันนั้น ขนาดเสียงจิ้งจกไต่ผ่านเพดานห้องทำงานรูปไข่ของนาย Obama (หมายถึง Oval Room ครับ ลุงนิทานไม่ได้ทะลึ่ง) ทหารรักษาการณ์ข้างนอกประตูหน้า White House ยังได้ยินเลย ทุกอย่างเงียบสงบ ลมไม่กล้าพัด เจ้าหน้าที่ต้องกลั้นหายใจ เกรงว่าแม้ลมหายใจ ก็จะทำให้เกิดแรงสะเทือนได้ อาการเช่นนี้ไม่ได้เป็นเฉพาะที่ White House หรอก เขาว่าห้องทำงานของท่านนายพลใหญ่ หัวหน้าใหญ่ของ NATO ก็เป็นเหมือนกัน ในคำแถลงของตุรกีบอกว่า จีนโดยบริษัท CPMIEC ซึ่งเป็นของรัฐบาลจีน ยินดีที่จะรับเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างและติดตั้งเครื่องมือ ที่เรียกว่า Long Range Air and Missile Defense System (T-LORAMIDS) ตามคำเชิญชวนของตุรกี เมื่อ ค.ศ. 2009 ที่ให้บุคคลภายนอกเสนอการทำงานแบบ off-the-shelf vesion ของ (T-LORAMIDS) ในระบบที่สามารถเข้ากับอุปกรณ์การทำงานทั้งปวงของตุรกีได้ ในราคาประมาณ 3.4 พันล้านเหรียญ (เท่านั้นเอง) เป็นการสร้างจมูกส่วนตัวของตุรกี ที่ว่าไปแล้วในราคาไม่แพงเลย ฮา นาย Murad Bayer เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ การจัดซื้อจัดจ้างของตุรกี แถลงเพิ่มเติมว่าข้อเสนอของ CPMIEC ดีกว่าผู้เข้าแข่งประมูลทั้งหมด รวมทั้ง Raytheon/Lockheed-Martin ของอเมริกา กลุ่ม Italian/French และของรัสเซีย นาย Bayer บอกว่า เขาจะเจรจารายละเอียดขั้นสุดท้ายและสรุปผลกับ CPMIEC ให้เสร็จสิ้นก่อนครั้งแรกของปี ค.ศ. 2014 จิ้งจกแมงสาบเริ่มออกเดินต่อ หลังจากตัวชากันไปพักใหญ่ วุฒิสมาชิกอเมริกัน ส่งหนังสือลงวันที่ 11 ตุลาคม 2013 ขอให้รัฐมนตรีต่างประเทศ John Kerry และรัฐมนตรีกลาโหม Chuck Hagel ดำเนินการทุกวิถีทาง ทางการฑูต เพื่อกดดันไม่ให้ตุรกีตกลงกับ CPMIEC ทำจมูกให้ตุรกี และแจ้ง NATO ถึงจุดยืนของอเมริกาว่า ต้องยืนยันว่าระบบที่ CPMIEC ทำนั้น ไม่มีวันจะใช้ร่วมกับระบบใด ๆ ทั้งสิ้นของ NATO ได้ และดูว่าจมูกที่จีนเสนอมันเป็นอย่างไรกันแน่ ทำไมพวกเราถึงสร้างจมูกอย่างเขาไม่ได้ ทำไม่ตุรกีไม่ชอบจมูกฝรั่ง แต่ไปชอบจมูกจีน ! ไปหาคำตอบกันมาให้ได้ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013 จดหมายอีกฉบับถูกส่งไปยังทูตอเมริกา ประจำตุรกี ว่าในกรณีที่ตุรกียังยืนยันจะใช้จมูกจีน แน่นอนว่าเจ้าหน้าที่ของจีนจะต้องมาเดินขวักไขว่ เข้านอกออกในอยู่ในทุกสถานที่และองค์กรต่าง ๆ ของตุรกี ในด้านความมั่นคงจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร นอกจากการเข้ากันไม่ได้ของระบบที่จีนจะทำ กับระบบของอเมริกาและ NATO แล้ว สิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง คือการที่จีนจะเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ในระบบของตุรกี ซึ่งเป็นระบบที่เชื่อมโยงกับอเมริกาและ NATO ได้อีกด้วย จีนบอก อั๊วทำจมูกให้ตุรกี แต่อั๊วได้กลิ่นอเมริกา กับยุโรปหมดเลย ฮ่า ฮ่า เอิ้ก คำถามสำคัญที่ทุกคนคิดในใจดัง ๆ คือ ตุรกีกำลังคิดอะไร อเมริกาลงทุนกับตุรกีไปขนาดไหน ตุรกีย่อมรู้อยู่แก่ใจ และตุรกีก็คงตอบอยู่ในใจเช่นกันว่า อเมริกาก็คงรู้ดีอยู่แก่ใจเช่นเดียวกัน ว่าตุรกีทำอะไร เพื่ออเมริกาบ้าง นับเป็นโจทก์ที่น่าคิดอย่างยิ่ง ตุรกีทำได้อย่างไร โดยเฉพาะในประเด็นว่าตุรกีนั้น เป็นสมาชิกของ NATOแต่จะใช้จีน ซึ่งอยู่นอก NATO มาสร้างระบบที่เชื่อมถึง NATO ได้ และที่สำคัญ CPMIEC เป็นบริษัทที่อยู่ในข่ายการคว่ำ บาตรของอเมริกา ตามกฎหมาย Iran, North Korea and Syria Nonproliferation Act (P.L 106-178 as amended) ตุรกีสมกับเป็นลูกครึ่ง ลูกกลม ลูกกลิ้ง จริง ๆ เอ๊ะ ! หรือนี่คือบทของ นกสองหัว ! อย่างไรก็ตามประธานาธิบดี Gul ได้ออกมาแถลงว่า เรื่องทำจมูกโดยจีนนี้ ยังไม่ได้เป็นข้อสรุปนะ เราเพียงแค่คัดรายชื่อผู้เสนอทำงานให้เหลือน้อยลง เรารู้ดีเรื่องความเป็นห่วงของ NATO เรารู้ดีเรื่องการเป็นคู่แข่งกันระหว่างตะวันตกกับจีน เราก็เป็น 1 ใน NATO นะ เพราะฉะนั้นใจเย็น ๆ ก่อน ในรายงานของ CRS ฉบับวันที่ 27 มี.ค ค.ศ. 2014 ได้มีพูดถึงเรื่องการทำจมูกตุรกี โดยจีนนี้ อย่างยืดยาว ตอนหนึ่งในรายงานระบุว่า แม้แต่ทางกองทัพของตุรกีเอง ก็ไม่พอใจกับการตัดสินใจเช่นนี้ของรัฐบาล ด้วยเกรงว่าจะได้จมูกเก่าที่ใช้แล้ว และไม่เหมาะที่จะนำไปสู่รบกับอะไร ได้ “second – hand, not battle-tested and cheap Chinese missiles” อืม เจ็บมากนะ เด็ก ๆ ของอาเฮียอ่านแล้ว แจ้งให้เจ้านายทราบด้วย แล้วประมาณกลางเดือนธันวาคม ค.ศ. 2013 รัฐมนตรีหลายคน รวมทั้งครอบครัว และนักธุรกิจที่ใกล้ชิดกับนายกรัฐมนตรี Erdogan รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูง ก็ถูกตั้งข้อกล่าวหา ถูกจับข้อหารับสินบน จากนั้นการเมืองภายในประเทศของตุรกีก็เริ่มร้อนขึ้น แม้ตัวนายกรัฐมนตรี Erdogan เอง ก็ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับการโกง สื่อตีข่าวทุกวัน ขนาดมีการปล่อยเสียงการคุยกันระหว่าง นาย Erdogan กับลูกชาย ชื่อ Bilal ถึงการโอนเงินจำนวนใหญ่ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกจับตามอง นาย Erdogan ให้ข่าวว่า ข้อกล่าวหาตัวเขาและลูกชาย เกี่ยวกับเรื่องการโกงนี้ เป็นการกำกับและจัดฉากของนาย Fethullah Gulen ซึ่งสมคบและเลี้ยงดูโดยอเมริกา สนุกจริง ๆ ตอนนี้ไม่ได้เป็นนิยายรักแล้ว แต่เป็นนิยายชีวิต เข้ม ข้น โหด มัน ฮา (ยังไม่รู้ใครจะได้ฮา) สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
20 กค. 2557
    0 Comments 0 Shares 273 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 9 ฝันสลาย

    ภูมิศาสตร์การเมืองเกี่ยวกับพลังงานของรัสเซีย เริ่มสำแดงรังสี เมื่อประมาณปี ค.ศ. 2003 ขณะที่อเมริกากำลังเล่นเอาทหารเข้าไปตั้งแคมป์อยู่เมือง Iraq และตะวันออกกลาง คุณพี่ปูตินออกคำสั่งจับ มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย Milkhail Khodorkovsky โทษฐานหนีภาษีและอายัดหุ้นที่ นาย Kho ถืออยู่ในบริษัทนำมันยักษ์ใหญ่ Yukos Oil Group เตรียมยึดเป็นของหลวง

    โลกช็อคกับการออกคำสั่งของคุณพี่ ปู CNN ออกข่าว เผด็จการกำลังสำแดงอำนาจ (ประโยคหากินของ CNN) เหตุผลของการสั่งจับ นาย Kho เกิดขึ้นไม่นาน หลังจากมีรายงานที่ไม่เปิดเผยบอก ว่า นาย Kho ได้ไปพบ รองประธานาธิบดี **** Cheney ที่วอชิงตันในเดือน ก.ค. หลังจากคุยกับนาย Cheney นาย Kho ก็เริ่มเดินสายคุยกับ Exxon Mobil และ Chevron Texaco เกี่ยวกับการซื้อหุ้น ประมาณ 40% ของ Yukos พูดง่าย ๆ นาย Kho กำลังเป็นตัวกลางเจรจาแทนวอชิงตัน เพื่อซื้อหุ้น Yukos นี่มันเป็นการหักหลัง หรือกบฎต่อคุณพี่ปูตินเลยเชียวนะ

    40% ของหุ้นในบริษัท Yukos ของรัสเซีย จะทำให้วอชิงตัน มีอำนาจ (ผ่านบริษัทน้ำมันหน้าม้าทั้งหลาย) ในการกำหนดอนาคตของรัสเซีย ในการเจรจาเกี่ยวกับท่อก๊าซและน้ำมัน ก่อนหน้าการจับกุมไม่เท่าไหร่ นาย Kho ได้ต้อนรับ นายบุชคนพ่อ ที่มา Moscow ในฐานะตัวแทนของ Carlyle Group เพื่อมาหารือ เรื่องที่ฝ่ายอเมริกาจะซื้อหุ้น Yukos (หลังจากเกิดเรื่อง นาย Bush ได้แอบยื่นใบลาออกจาก Carlyle !) รายงานบอกด้วยว่า นาย Kho นี้มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของ Carlyle Group ด้วย
    Carlyle Group ยังมีหุ้นส่วนสำคัญคือ. อดีตรัฐมนตรีกลาโหมของอเมริกา ชื่อ Frank Carlucci นอกเหนือจากอดีตรัฐมนตรี ตปท. คือ นาย James Baker III ที่รู้ ๆ กันอยู่ว่า สนิทกับใครบ้างในดินแดนของสมันน้อย

    ขณะที่ นาย Kho ถูกจับ บริษัท Yukos กำลังเริ่มดำเนินการซื้อหุ้นของ Sibneft กลุ่มบริษัทผู้ผลิตและกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซี ย ถ้ารวม Yukos กับ Sibneft เข้าด้วยกัน ด้วยปริมาณ 19.5 พันล้าน barrel ของน้ำมันและแก๊ซ จะทำให้ Yukos-Sibneft มีปริมาณน้ำมันและแก๊ซมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจาก Exxon Mobil การแอบซื้อหุ้น Yukos -Sibneft จะโดย Exxon หรือ Chevron ก็ตาม มันเหมือนเป็นการทำรัฐประหารยึดอำนาจทางวงการน้ำมันที่ใหญ่ ที่สุด Cheney รู้เรื่องนี้ Bush รู้เรื่องนี้ นาย Kho รู้เรื่องนี้ และที่สำคัญ คุณพี่ปูตินก็รู้เรื่องนี้ และตัดสินใจลงมือจัดการระงับการขายชาติอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว (ผมฝันว่า จะได้เห็น การตัดสินใจเด็ดขาดและรวดเร็วแบบนี้ เกิดขึ้นในบ้านเรานะครับ ! )

    ในราวปลายปี ค.ศ. 2004 มอสโคว์มองเห็นชัดเจนแล้วว่า สงครามเย็นครั้งใหม่กำลังเริ่มขึ้นแล้ว สงครามเย็นครั้งนี้สาเหตุมาจากรัสเซียมีทรัพยากรพลังงานมากเกินไป บอกแล้ว คุณพี่ปูติน ถึงจะมีคนไม่น้อยที่ไม่ชอบหน้าคุณพี่ แต่คุณพี่ไม่ยอมให้ใครมาหยามหน้ารัสเซียอีกแล้ว ยุทธศาสตร์ของคุณพี่ปูตินครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่ป้องกัน แต่เป็นการรุกกลับ และรุกคืบ โดยการใช้ท่อส่งน้ำมันและแก็ซเป็นอาวุธ ที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง (แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ผมเชียร์คุณพี่ปูติน ออกนอกหน้าได้ยังไง)

    เมื่อดูสภาพความเป็นอยู่ของชาวรัสเซียในปี ค.ศ. 2004 ก็อยู่ในสภาพธรรมดา ไม่หรูหรา แต่ถ้ามองกันที่สภาพของประเทศ ต้องบอกว่ารัสเซียอู้ฟู้ มีทรัพย์สมบัติมหาศาล ในแง่เขตแดนก็ต้องบอกว่ากว้างใหญ่สุดสายตา เป็นประเทศที่มีอาณาเขตบริเวณใหญ่ที่สุดในโลก ด้านหนึ่ง ชนมหาสมุทรแปซิฟิค อีกด้านชนหน้าประตูของยุโรป ดินแดนกว้างใหญ่ไพศาลนี้มีทรัพยากรมหาศาลตามไปด้วย โดยเฉพาะมีแก๊ซธรรมชาติมากเป็นอันดับ 1 ของโลก รัสเซียเป็นประเทศเดียวในโลก ที่อาจจะมีกำลังทหารพอฟัดกับอเมริกา แม้ว่าจะสหภาพโซเวียตจะล่มสลายไปแล้วก็ตาม แต่เลือดนักสู้เก่าด้านการทหารไม่ได้สลายตามไปด้วย
    รัสเซียมีบ่อน้ำมันมากกว่า 130,000 บ่อ และมีน้ำมันและแก๊ซ (deposits) อีกประมาณ 2,000 แหล่ง มี oil reserves ประมาณ 150 พันล้านบาเรล เช่นเดียวกับ Iraq หรืออาจจะมากกว่า เพราะยังไม่ได้ขุดสำรวจหมดเนื่องจากอยู่ไกลแถวขั้วโลก

    เครือข่ายท่อส่งน้ำมันและแก๊ซเป็น ของรัฐบาล ยาวประมาณ 150,000 กิโลเมตรข้ามประเทศ ตามกฎหมาย Gazprom ซึ่งเป็นของรัฐบาลเท่านั้น ที่มีสิทธิใช้ท่อส่ง ท่อส่งน้ำมันและแก๊ซนี้เป็นทรัพย์สินและอาวุธที่สำคัญที่สุดของรัสเซีย ยิ่งกว่าตัวน้ำมันและแก๊ซเอง และนี่คือหัวใจของการใช้ยุทธศาสตร์พลังงานของคุณพี่ปูตินในการรักษาประเทศไว้

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    29 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 9 ฝันสลาย ภูมิศาสตร์การเมืองเกี่ยวกับพลังงานของรัสเซีย เริ่มสำแดงรังสี เมื่อประมาณปี ค.ศ. 2003 ขณะที่อเมริกากำลังเล่นเอาทหารเข้าไปตั้งแคมป์อยู่เมือง Iraq และตะวันออกกลาง คุณพี่ปูตินออกคำสั่งจับ มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย Milkhail Khodorkovsky โทษฐานหนีภาษีและอายัดหุ้นที่ นาย Kho ถืออยู่ในบริษัทนำมันยักษ์ใหญ่ Yukos Oil Group เตรียมยึดเป็นของหลวง โลกช็อคกับการออกคำสั่งของคุณพี่ ปู CNN ออกข่าว เผด็จการกำลังสำแดงอำนาจ (ประโยคหากินของ CNN) เหตุผลของการสั่งจับ นาย Kho เกิดขึ้นไม่นาน หลังจากมีรายงานที่ไม่เปิดเผยบอก ว่า นาย Kho ได้ไปพบ รองประธานาธิบดี Dick Cheney ที่วอชิงตันในเดือน ก.ค. หลังจากคุยกับนาย Cheney นาย Kho ก็เริ่มเดินสายคุยกับ Exxon Mobil และ Chevron Texaco เกี่ยวกับการซื้อหุ้น ประมาณ 40% ของ Yukos พูดง่าย ๆ นาย Kho กำลังเป็นตัวกลางเจรจาแทนวอชิงตัน เพื่อซื้อหุ้น Yukos นี่มันเป็นการหักหลัง หรือกบฎต่อคุณพี่ปูตินเลยเชียวนะ 40% ของหุ้นในบริษัท Yukos ของรัสเซีย จะทำให้วอชิงตัน มีอำนาจ (ผ่านบริษัทน้ำมันหน้าม้าทั้งหลาย) ในการกำหนดอนาคตของรัสเซีย ในการเจรจาเกี่ยวกับท่อก๊าซและน้ำมัน ก่อนหน้าการจับกุมไม่เท่าไหร่ นาย Kho ได้ต้อนรับ นายบุชคนพ่อ ที่มา Moscow ในฐานะตัวแทนของ Carlyle Group เพื่อมาหารือ เรื่องที่ฝ่ายอเมริกาจะซื้อหุ้น Yukos (หลังจากเกิดเรื่อง นาย Bush ได้แอบยื่นใบลาออกจาก Carlyle !) รายงานบอกด้วยว่า นาย Kho นี้มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของ Carlyle Group ด้วย Carlyle Group ยังมีหุ้นส่วนสำคัญคือ. อดีตรัฐมนตรีกลาโหมของอเมริกา ชื่อ Frank Carlucci นอกเหนือจากอดีตรัฐมนตรี ตปท. คือ นาย James Baker III ที่รู้ ๆ กันอยู่ว่า สนิทกับใครบ้างในดินแดนของสมันน้อย ขณะที่ นาย Kho ถูกจับ บริษัท Yukos กำลังเริ่มดำเนินการซื้อหุ้นของ Sibneft กลุ่มบริษัทผู้ผลิตและกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซี ย ถ้ารวม Yukos กับ Sibneft เข้าด้วยกัน ด้วยปริมาณ 19.5 พันล้าน barrel ของน้ำมันและแก๊ซ จะทำให้ Yukos-Sibneft มีปริมาณน้ำมันและแก๊ซมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจาก Exxon Mobil การแอบซื้อหุ้น Yukos -Sibneft จะโดย Exxon หรือ Chevron ก็ตาม มันเหมือนเป็นการทำรัฐประหารยึดอำนาจทางวงการน้ำมันที่ใหญ่ ที่สุด Cheney รู้เรื่องนี้ Bush รู้เรื่องนี้ นาย Kho รู้เรื่องนี้ และที่สำคัญ คุณพี่ปูตินก็รู้เรื่องนี้ และตัดสินใจลงมือจัดการระงับการขายชาติอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว (ผมฝันว่า จะได้เห็น การตัดสินใจเด็ดขาดและรวดเร็วแบบนี้ เกิดขึ้นในบ้านเรานะครับ ! ) ในราวปลายปี ค.ศ. 2004 มอสโคว์มองเห็นชัดเจนแล้วว่า สงครามเย็นครั้งใหม่กำลังเริ่มขึ้นแล้ว สงครามเย็นครั้งนี้สาเหตุมาจากรัสเซียมีทรัพยากรพลังงานมากเกินไป บอกแล้ว คุณพี่ปูติน ถึงจะมีคนไม่น้อยที่ไม่ชอบหน้าคุณพี่ แต่คุณพี่ไม่ยอมให้ใครมาหยามหน้ารัสเซียอีกแล้ว ยุทธศาสตร์ของคุณพี่ปูตินครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่ป้องกัน แต่เป็นการรุกกลับ และรุกคืบ โดยการใช้ท่อส่งน้ำมันและแก็ซเป็นอาวุธ ที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง (แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ผมเชียร์คุณพี่ปูติน ออกนอกหน้าได้ยังไง) เมื่อดูสภาพความเป็นอยู่ของชาวรัสเซียในปี ค.ศ. 2004 ก็อยู่ในสภาพธรรมดา ไม่หรูหรา แต่ถ้ามองกันที่สภาพของประเทศ ต้องบอกว่ารัสเซียอู้ฟู้ มีทรัพย์สมบัติมหาศาล ในแง่เขตแดนก็ต้องบอกว่ากว้างใหญ่สุดสายตา เป็นประเทศที่มีอาณาเขตบริเวณใหญ่ที่สุดในโลก ด้านหนึ่ง ชนมหาสมุทรแปซิฟิค อีกด้านชนหน้าประตูของยุโรป ดินแดนกว้างใหญ่ไพศาลนี้มีทรัพยากรมหาศาลตามไปด้วย โดยเฉพาะมีแก๊ซธรรมชาติมากเป็นอันดับ 1 ของโลก รัสเซียเป็นประเทศเดียวในโลก ที่อาจจะมีกำลังทหารพอฟัดกับอเมริกา แม้ว่าจะสหภาพโซเวียตจะล่มสลายไปแล้วก็ตาม แต่เลือดนักสู้เก่าด้านการทหารไม่ได้สลายตามไปด้วย รัสเซียมีบ่อน้ำมันมากกว่า 130,000 บ่อ และมีน้ำมันและแก๊ซ (deposits) อีกประมาณ 2,000 แหล่ง มี oil reserves ประมาณ 150 พันล้านบาเรล เช่นเดียวกับ Iraq หรืออาจจะมากกว่า เพราะยังไม่ได้ขุดสำรวจหมดเนื่องจากอยู่ไกลแถวขั้วโลก เครือข่ายท่อส่งน้ำมันและแก๊ซเป็น ของรัฐบาล ยาวประมาณ 150,000 กิโลเมตรข้ามประเทศ ตามกฎหมาย Gazprom ซึ่งเป็นของรัฐบาลเท่านั้น ที่มีสิทธิใช้ท่อส่ง ท่อส่งน้ำมันและแก๊ซนี้เป็นทรัพย์สินและอาวุธที่สำคัญที่สุดของรัสเซีย ยิ่งกว่าตัวน้ำมันและแก๊ซเอง และนี่คือหัวใจของการใช้ยุทธศาสตร์พลังงานของคุณพี่ปูตินในการรักษาประเทศไว้ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 29 มิย. 2557
    0 Comments 0 Shares 297 Views 0 Reviews
  • เป็นครั้งแรก!
    ญี่ปุ่นจะส่งเครื่องบินรบ F-15 ไปยังประเทศตะวันตก เพื่อเข้าร่วมกับอังกฤษ เยอรมนี และแคนาดา

    รัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่น ประกาศส่งเครื่องบินขับไล่แบบ F-15 ของกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศ จำนวน 4 ลำ พร้อมด้วยเครื่องบินแบบอื่นอีก 4 ลำ ไปยังยุโรป เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์กับชาติพันธมิตรในยุโรป ที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองเดียวกัน

    การกระทำครั้งนี้เปรียบเหมือนกับญี่ปุ่น ในฐานะพันธมิตรนอกนาโต้ (เบี้ยของนาโต้) ตกลงใจเข้าร่วมกับนาโต้ในการทำสงคราม ท่ามกลางความขัดแย้งที่กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นกับรัสเซีย
    เป็นครั้งแรก! ญี่ปุ่นจะส่งเครื่องบินรบ F-15 ไปยังประเทศตะวันตก เพื่อเข้าร่วมกับอังกฤษ เยอรมนี และแคนาดา รัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่น ประกาศส่งเครื่องบินขับไล่แบบ F-15 ของกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศ จำนวน 4 ลำ พร้อมด้วยเครื่องบินแบบอื่นอีก 4 ลำ ไปยังยุโรป เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์กับชาติพันธมิตรในยุโรป ที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองเดียวกัน การกระทำครั้งนี้เปรียบเหมือนกับญี่ปุ่น ในฐานะพันธมิตรนอกนาโต้ (เบี้ยของนาโต้) ตกลงใจเข้าร่วมกับนาโต้ในการทำสงคราม ท่ามกลางความขัดแย้งที่กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นกับรัสเซีย
    0 Comments 0 Shares 256 Views 0 Reviews
  • แกะรอยเก่า ตอนที่ 12
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 12
    ประมาณปี พ.ศ.1960 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของรัฐบาลEisenhower นาย Kenneth ขออนุญาตกระทรวงต่างประเทศอเม ริกา เดินทางมาสำรวจเมืองไทย และแถบอินโดจีนอีกรอบ (!!!) ตอนนั้น นาย Alexis Johnson เป็นฑูต และ นาย Leonard Unger เป็นผู้ช่วยฑูต ทั้ง 2 คนเป็นคนฉลาดรู้จักเมืองไทยอย่างดี เข้ ากับทหารไทยได้แบบคอหอยกับลูกกระเดือก โดยเฉพาะนาย Unger เมื่อมาถึงปรากฏว่าจอมพลสฤษดิ์ส่งนายทหารคนสนิทมารับนาย Kenneth ถึงสนามบิน จอมพลสฤษดิ์ถามเขาว่า มาทำไม นาย Kenneth บอกจะมาดูสถานการณ์ในลาวสักหน่อย หลังจากนั้นจะไปกัมพูชา ไซ่ง่อนและพม่า นาย Kenneth บอกว่า จริงๆจะมาตรวจการบ้านด้วยว่าเงินช่วยเหลือทางทหาร Military Assistance Program (MAP) ที่อเมริกาให้แต่ละประเทศ ได้ผลมากน้อยแค่ไหน จอมพลสฤษดิ์บอกว่ากลับมาแล้ว มาเล่าให้ฟังกันด้วย ปรากฎว่าส่วนใหญ่ได้ผล ยกเว้นแต่ลาว ซึ่งอเมริกาให้เงินช่วยเหลือมากกว่าไทยเสียอีก แต่อเมริกาทำท่าจะเสียลาวให้แก่คอมมิวนิสต์ (และในที่สุดก็เสียจริงๆ ! ) โดยอาจจะมีการปฏิวัติโดยลาวแดงเร็วๆนี้ ขากลับ นาย Kenneth ก็รายงานเรื่องลาวอาจมีการปฏิวัติให้จอมพลสฤษดิ์ทราบ แล้วก็เดินทางต่อลงมาที่สิงค์โปร์
    ที่สิงคโปร์ เขาได้พบกับเศรษฐีสิงคโปร์คนหนึ่งชื่อ Ko Geng Hsui ซึ่งเป็นกระเป๋าใหญ่ให้แก่นาย Lee Kwan Yew และภายหลังได้เป็นรัฐมนตรีกลาโหม นาย Ko ต้องการให้นาย Kenneth ช่วยตั้งสถาบันเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ในมหาวิทยาลัยสิงคโปร์ให้ ภายหลังนาย Kenneth ได้ลางานจากรัฐบาลอเมริกัน 1 ปี เพื่อมาจัดตั้งสถาบันนี้ให้สิงคโปร์ โดยเอาชาวยิวชื่อ Harry Benda จากมหาวิทยาลัย Yale มาช่วย สิงคโปร์จึงเป็นประเทศแรกในแถบนี้ ที่มีสถาบันการศึกษาลงลึกอย่างจริงจังเกี่ยวกับเอเซียอาคเณย์ ตกลงสิงคโปร์ไม่ได้ลอกเลียนแค่งานสงกรานต์ไปจากบ้านเรา แต่ลอกหลายอย่างรวมทั้งวิชาความรู้เกี่ยวกับภูมิภาคนี้ สิงคโปร์ประเทศที่ไม่มีรากไม่มีเหง้า ไม่มีวัฒนธรรม ประเพณีของตนเอง แต่มีคนไทยหลายคนปลาบปลื้มกับความเจริญของสิงคโปร์ จนถึงขนาดอยากให้เมืองไทยเป็นเหมือนสิงคโปร์ เศร้าครับ!
    เมื่อนาย Kenneth กลับมาถึงวอซิงตัน การเลือกตั้งประธานาธิบดีกำลังเข้มข้น แล้วนาย Kennedy ก็ชนะการเลือกตั้ง ขณะเดียวกันลาวก็อาการทรุดตามที่นาย Kenneth คาด รัฐบาล Kennedy เข้ามารับตำแหน่งใหม่ๆ ยังจับต้นไม่ชนปลาย นาย Mc Geroge Bundy จอมแสบที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ของประธานาธิบดี Kennedy ถึงจะแสนรู้อย่างไร มาใหม่ๆก็มึนรับประทาน แนะนำสั่งการอะไรไม่ถูก ได้แต่เรียกให้นาย Kenneth ให้มาสรุปสถานการณ์ในลาวให้รัฐบาลฟังก่อนตัดสินใจ ทุกอย่างอลเวงไปหมด และนี่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ ประธานธิบดี Kennedy ฉุนขาด ประกาศว่าหน่วยงาน National Security Council ทำงานไม่ได้ผล (คงไม่ให้ราคานาย Kenneth สักเท่าไหร่) ถ้าเขายุบหน่วยงานนี้ได้เขาจะยุบแล้ว เพียงแต่ต้องไปขออนุมัติจากสภาสูง ต้องออกกฏหมาย ฯลฯ ดังนั้นเขาจึงสั่ง “แขวน” พนักงานทุกคนในหน่วยงานรวมทั้งนาย Kenneth ด้วย และได้ยกเครื่องการทำงานสภาความมั่นคงเสียใหม่
    หลังจากโดนแขวนอยู่หลายเดือน นาย Kenneth ก็เดินแกว่งไปตามหน่วยงานต่างๆ เพื่อหาที่ลง เพราะแม้จะมีเงินเดือนกิน แต่ไม่มีเก้าอี้นั่งชูคอ แบบรัฐบาลก่อนๆ มันก็ทำให้เขาเสียรังวัดไปพอสมควร จะโม้อะไร โอ้อวดอะไร อย่างเมื่อก่อนก็ไม่ถนัดปาก ก็คนโดนแขวนอยู่มันจะให้โม้อะไร ไหว จนวันหนึ่ง นาย Walt Rostow ซึ่งเป็นผู้ช่วยของนาย McGeorge Bundy และรู้จักกับนาย Kenneth ตั้งแต่สมัยทำงานอยู่ OSS เป็นลูกน้องนาย Donovan มาด้วยกัน ก็ติดต่อนาย Kenneth บอกว่ามีงานให้ทำแล้ว ประธานาธิบดี Kennedy เห็นว่าเจ้าหน้าที่ของอเมริกาไม่ว่าทหาร หรือพลเรือน เมื่อจะต้องไปปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่เมืองใด ควรรู้เรื่องเมืองนั้นอย่างดี ไม่ใช่ไปแบบยืนหน้าเซ่อ ร้องเพลงรำวงวันคริสตมาสให้ชาวบ้านฟัง (สงสัยคุณนายเคนนี่ฑูตอเมริกาคนปัจจุบัน คงไม่เคยได้รับการอบรมอะไรเลยก่อนมาประจำเมืองไทย คุณนายถึงได้ทำตัวทุเรศปานนั้น) จึงมอบหมายให้นาย Kenneth เป็นผู้จัดการหลักสูตรอบรม เกี่ยวกับการต่อต้านเหตุการณ์ไม่สงบ (Counter Insurgency) ชื่อเต็มก็คือการต่อต้านความไม่สงบ อันเกิดจากภัยคอมมิวนิสต์ในโลกที่ 3 นั่นแหละ เป็นหลักสูตรที่จัดรวมให้สมุนนักล่าไม่ว่าจะอยู่ในเครื่องแบบใด นาย Kenneth บอกไม่มีปัญหาขอให้จัดงบแบบไม่อั้นมาแล้วกัน นักล่ากำลังฟิต เพราะฉะนั้น เท่าไรเท่ากัน จัดไปเลยย
    นาย Kenneth สารภาพว่า แรกๆ เขาก็ยังงงว่าจะทำได้อย่างไร เขาไม่ใช่ทหาร ไม่รู้เรื่องการรบ แต่เขารู้จักประเทศต่างๆ ที่คอมมิวนิสต์กำลังคุกคาม เขาจึงนำประสพการณ์ ข้อมูลที่เขาได้จากการที่เขาเคยอยู่ในเมืองไทยและการเดินทางไปสถานที่ต่างๆ และเจอผู้คนในประเทศเหล่านั้น ไม่ว่าจะระดับรัฐบาล ผู้นำประเทศ หรือชาวบ้านทั่วไป บวกกับข้อมูลจากหนังสืออีกเกือบ 2,000 เล่ม ที่เขาสะสมไว้ เอามาผสมปนเปแบบตอแหล ทำเป็นหลักสูตรสำหรับการอบรมประมาณ 2 เดือน เป็นการติวเข้มสมุนนักล่า
    ปรากฎว่าการตอแหลได้ผลดีเกินคาด เจ้านายสั่งให้เพิ่มบริเวณพื้นที่การอบรม จากครอบคลุมเฉพาะแถบเอเซีย เพิ่มลาตินอเมริกา อาฟริกา และตะวันออกกลางเข้าไปด้วย นี่มันกำลังทำสนามนักล่าขนาดใหญ่ครอบคลุมโลกนี่หว่า นักล่าหน้าใหม่มาแรงจริงๆ แต่นาย Kenneth มีภูมิมีพื้นแค่แถบอินโดจีน แต่คนพันธ์นาย Kenneth ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เสียเหลี่ยมมิชชันนารีจากเมืองตรังหมด โม้เอาไว้เยอะ เขาบอกไม่มีปัญหา เขาไปกว้านเอาอาจารย์ตามมหาวิทยาลัยใหญ่ๆ ที่มีผู้เชี่ยวชาญตามที่เจ้านายต้องการ มาช่วยกันสร้างหลักสูตรปรับพื้น สนามนักล่าจนสำเร็จ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เลิกไม่ถึง 15 ปี อเมริกานักล่าหน้าใหม่ ก็พร้อมที่ลงสนามล่า ที่ได้ส่งสมุนไปปรับพื้นทำสนาม เตรียมไว้ตามแผน โดยการอนุเคราะห์ของผู้ถูกล่าเองเสียหลายส่วน! น่าเศร้าใจจนต้องหยุดพักเขียนไปหลายวัน

    คนเล่านิทาน
    แกะรอยเก่า ตอนที่ 12 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 12 ประมาณปี พ.ศ.1960 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของรัฐบาลEisenhower นาย Kenneth ขออนุญาตกระทรวงต่างประเทศอเม ริกา เดินทางมาสำรวจเมืองไทย และแถบอินโดจีนอีกรอบ (!!!) ตอนนั้น นาย Alexis Johnson เป็นฑูต และ นาย Leonard Unger เป็นผู้ช่วยฑูต ทั้ง 2 คนเป็นคนฉลาดรู้จักเมืองไทยอย่างดี เข้ ากับทหารไทยได้แบบคอหอยกับลูกกระเดือก โดยเฉพาะนาย Unger เมื่อมาถึงปรากฏว่าจอมพลสฤษดิ์ส่งนายทหารคนสนิทมารับนาย Kenneth ถึงสนามบิน จอมพลสฤษดิ์ถามเขาว่า มาทำไม นาย Kenneth บอกจะมาดูสถานการณ์ในลาวสักหน่อย หลังจากนั้นจะไปกัมพูชา ไซ่ง่อนและพม่า นาย Kenneth บอกว่า จริงๆจะมาตรวจการบ้านด้วยว่าเงินช่วยเหลือทางทหาร Military Assistance Program (MAP) ที่อเมริกาให้แต่ละประเทศ ได้ผลมากน้อยแค่ไหน จอมพลสฤษดิ์บอกว่ากลับมาแล้ว มาเล่าให้ฟังกันด้วย ปรากฎว่าส่วนใหญ่ได้ผล ยกเว้นแต่ลาว ซึ่งอเมริกาให้เงินช่วยเหลือมากกว่าไทยเสียอีก แต่อเมริกาทำท่าจะเสียลาวให้แก่คอมมิวนิสต์ (และในที่สุดก็เสียจริงๆ ! ) โดยอาจจะมีการปฏิวัติโดยลาวแดงเร็วๆนี้ ขากลับ นาย Kenneth ก็รายงานเรื่องลาวอาจมีการปฏิวัติให้จอมพลสฤษดิ์ทราบ แล้วก็เดินทางต่อลงมาที่สิงค์โปร์ ที่สิงคโปร์ เขาได้พบกับเศรษฐีสิงคโปร์คนหนึ่งชื่อ Ko Geng Hsui ซึ่งเป็นกระเป๋าใหญ่ให้แก่นาย Lee Kwan Yew และภายหลังได้เป็นรัฐมนตรีกลาโหม นาย Ko ต้องการให้นาย Kenneth ช่วยตั้งสถาบันเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ในมหาวิทยาลัยสิงคโปร์ให้ ภายหลังนาย Kenneth ได้ลางานจากรัฐบาลอเมริกัน 1 ปี เพื่อมาจัดตั้งสถาบันนี้ให้สิงคโปร์ โดยเอาชาวยิวชื่อ Harry Benda จากมหาวิทยาลัย Yale มาช่วย สิงคโปร์จึงเป็นประเทศแรกในแถบนี้ ที่มีสถาบันการศึกษาลงลึกอย่างจริงจังเกี่ยวกับเอเซียอาคเณย์ ตกลงสิงคโปร์ไม่ได้ลอกเลียนแค่งานสงกรานต์ไปจากบ้านเรา แต่ลอกหลายอย่างรวมทั้งวิชาความรู้เกี่ยวกับภูมิภาคนี้ สิงคโปร์ประเทศที่ไม่มีรากไม่มีเหง้า ไม่มีวัฒนธรรม ประเพณีของตนเอง แต่มีคนไทยหลายคนปลาบปลื้มกับความเจริญของสิงคโปร์ จนถึงขนาดอยากให้เมืองไทยเป็นเหมือนสิงคโปร์ เศร้าครับ! เมื่อนาย Kenneth กลับมาถึงวอซิงตัน การเลือกตั้งประธานาธิบดีกำลังเข้มข้น แล้วนาย Kennedy ก็ชนะการเลือกตั้ง ขณะเดียวกันลาวก็อาการทรุดตามที่นาย Kenneth คาด รัฐบาล Kennedy เข้ามารับตำแหน่งใหม่ๆ ยังจับต้นไม่ชนปลาย นาย Mc Geroge Bundy จอมแสบที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ของประธานาธิบดี Kennedy ถึงจะแสนรู้อย่างไร มาใหม่ๆก็มึนรับประทาน แนะนำสั่งการอะไรไม่ถูก ได้แต่เรียกให้นาย Kenneth ให้มาสรุปสถานการณ์ในลาวให้รัฐบาลฟังก่อนตัดสินใจ ทุกอย่างอลเวงไปหมด และนี่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ ประธานธิบดี Kennedy ฉุนขาด ประกาศว่าหน่วยงาน National Security Council ทำงานไม่ได้ผล (คงไม่ให้ราคานาย Kenneth สักเท่าไหร่) ถ้าเขายุบหน่วยงานนี้ได้เขาจะยุบแล้ว เพียงแต่ต้องไปขออนุมัติจากสภาสูง ต้องออกกฏหมาย ฯลฯ ดังนั้นเขาจึงสั่ง “แขวน” พนักงานทุกคนในหน่วยงานรวมทั้งนาย Kenneth ด้วย และได้ยกเครื่องการทำงานสภาความมั่นคงเสียใหม่ หลังจากโดนแขวนอยู่หลายเดือน นาย Kenneth ก็เดินแกว่งไปตามหน่วยงานต่างๆ เพื่อหาที่ลง เพราะแม้จะมีเงินเดือนกิน แต่ไม่มีเก้าอี้นั่งชูคอ แบบรัฐบาลก่อนๆ มันก็ทำให้เขาเสียรังวัดไปพอสมควร จะโม้อะไร โอ้อวดอะไร อย่างเมื่อก่อนก็ไม่ถนัดปาก ก็คนโดนแขวนอยู่มันจะให้โม้อะไร ไหว จนวันหนึ่ง นาย Walt Rostow ซึ่งเป็นผู้ช่วยของนาย McGeorge Bundy และรู้จักกับนาย Kenneth ตั้งแต่สมัยทำงานอยู่ OSS เป็นลูกน้องนาย Donovan มาด้วยกัน ก็ติดต่อนาย Kenneth บอกว่ามีงานให้ทำแล้ว ประธานาธิบดี Kennedy เห็นว่าเจ้าหน้าที่ของอเมริกาไม่ว่าทหาร หรือพลเรือน เมื่อจะต้องไปปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่เมืองใด ควรรู้เรื่องเมืองนั้นอย่างดี ไม่ใช่ไปแบบยืนหน้าเซ่อ ร้องเพลงรำวงวันคริสตมาสให้ชาวบ้านฟัง (สงสัยคุณนายเคนนี่ฑูตอเมริกาคนปัจจุบัน คงไม่เคยได้รับการอบรมอะไรเลยก่อนมาประจำเมืองไทย คุณนายถึงได้ทำตัวทุเรศปานนั้น) จึงมอบหมายให้นาย Kenneth เป็นผู้จัดการหลักสูตรอบรม เกี่ยวกับการต่อต้านเหตุการณ์ไม่สงบ (Counter Insurgency) ชื่อเต็มก็คือการต่อต้านความไม่สงบ อันเกิดจากภัยคอมมิวนิสต์ในโลกที่ 3 นั่นแหละ เป็นหลักสูตรที่จัดรวมให้สมุนนักล่าไม่ว่าจะอยู่ในเครื่องแบบใด นาย Kenneth บอกไม่มีปัญหาขอให้จัดงบแบบไม่อั้นมาแล้วกัน นักล่ากำลังฟิต เพราะฉะนั้น เท่าไรเท่ากัน จัดไปเลยย นาย Kenneth สารภาพว่า แรกๆ เขาก็ยังงงว่าจะทำได้อย่างไร เขาไม่ใช่ทหาร ไม่รู้เรื่องการรบ แต่เขารู้จักประเทศต่างๆ ที่คอมมิวนิสต์กำลังคุกคาม เขาจึงนำประสพการณ์ ข้อมูลที่เขาได้จากการที่เขาเคยอยู่ในเมืองไทยและการเดินทางไปสถานที่ต่างๆ และเจอผู้คนในประเทศเหล่านั้น ไม่ว่าจะระดับรัฐบาล ผู้นำประเทศ หรือชาวบ้านทั่วไป บวกกับข้อมูลจากหนังสืออีกเกือบ 2,000 เล่ม ที่เขาสะสมไว้ เอามาผสมปนเปแบบตอแหล ทำเป็นหลักสูตรสำหรับการอบรมประมาณ 2 เดือน เป็นการติวเข้มสมุนนักล่า ปรากฎว่าการตอแหลได้ผลดีเกินคาด เจ้านายสั่งให้เพิ่มบริเวณพื้นที่การอบรม จากครอบคลุมเฉพาะแถบเอเซีย เพิ่มลาตินอเมริกา อาฟริกา และตะวันออกกลางเข้าไปด้วย นี่มันกำลังทำสนามนักล่าขนาดใหญ่ครอบคลุมโลกนี่หว่า นักล่าหน้าใหม่มาแรงจริงๆ แต่นาย Kenneth มีภูมิมีพื้นแค่แถบอินโดจีน แต่คนพันธ์นาย Kenneth ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เสียเหลี่ยมมิชชันนารีจากเมืองตรังหมด โม้เอาไว้เยอะ เขาบอกไม่มีปัญหา เขาไปกว้านเอาอาจารย์ตามมหาวิทยาลัยใหญ่ๆ ที่มีผู้เชี่ยวชาญตามที่เจ้านายต้องการ มาช่วยกันสร้างหลักสูตรปรับพื้น สนามนักล่าจนสำเร็จ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เลิกไม่ถึง 15 ปี อเมริกานักล่าหน้าใหม่ ก็พร้อมที่ลงสนามล่า ที่ได้ส่งสมุนไปปรับพื้นทำสนาม เตรียมไว้ตามแผน โดยการอนุเคราะห์ของผู้ถูกล่าเองเสียหลายส่วน! น่าเศร้าใจจนต้องหยุดพักเขียนไปหลายวัน คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 411 Views 0 Reviews
  • แกะรอยเก่า ตอนที่ 11
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 11
    ค.ศ. 1953 นาย Donovan ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเอกอัครราชฑูตอเมริกาประจำเมืองไทย นาย Kenneth บอกว่าที่นาย Donovan ต้องมาเป็นฑูตที่เมืองไทย มันเป็นการแลกเปลี่ยนที่นาย Donovan ไม่พอใจนัก เนื่องมาจากเมื่อสงครามโลกครั้ง ที่ 2 สิ้นสุด ประธานาธิบดี Truman ก็สั่งยกเลิกหน่วยงาน OSS ของนาย Donovan เมื่อนาย Eisenhower ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี เขาสั่งให้มีการจัดตั้งหน่วยงานข่าวกรองรูปแบบใหม่ คือ Central Intelligence Agency (CIA) หน่วยงานนี้ให้ขึ้นตรงต่อประธานาธิบดี นาย Donovan ก็ดำเนินการตามสั่งจนเสร็จ และคิดว่าตนจะได้เป็นหัวหน้า CIA คนแรก แต่พอตั้งเสร็จ ประธานาธิบดี Eisenhower ซึ่งเลือกนาย John Foster Dulles มาเป็น รมว.ต่างประเทศ นาย John บอกว่าถ้าจะให้ดี ทำงานเข้าขากัน เขาแนะนำให้ประธานาธิบดีตั้งนาย Allen น้องชายเขามาเป็นหัวหน้าหน่วยงาน CIA จะดีกว่า ประธานาธิบดีก็ยอม และเพื่อไม่ให้นาย Donovan กินแห้ว เลยส่งมาเป็นฑูตที่เมืองไทย ซึ่งนาย Kenneth ว่า ก็เป็นตำแหน่งที่สำคัญไม่น้อยกว่าเป็นหัวหน้า CIA หรอกนะ และตอนนั้นนาย Donovan ก็อายุ 70 ปีแล้ว
    (หมายเหตุคนเล่านิทาน : นาย Kenneth น่าจะวิเคราะห์เรื่องนาย Donovan ไม่พอใจที่ต้องมาเป็นฑูตที่เมืองไทยไม่ถูกต้อง มันน่าจะตรงกันข้าม นาย Donovan น่าจะถูกเลือกมาโดยเฉพาะให้มาเป็นฑูตในตอนนั้น เพราะเป็นช่วงที่อเมริกากำลังจะเริ่มรบกับเวียตนาม จำเป็นต้องทำการเข้าใจทั้งการรบ และเข้าใจทั้งเมืองไทยและอินโดจีนอย่างดี และอาจจะมีภาระกิจอื่นแถม! นาย Donovan รู้จักคนไทยสำคัญๆหลายคน สมัยทำงาน OSS น่าจะได้รับความร่วมมือมากกว่า จะเอาหน้าใหม่มา หมายเหตุเพิ่มเติม ทั้งประธานาธิบดี Eisenhower นาย John Foster Dulles และนาย Donovan ล้วนเกี่ยวกับ CFR ทั้งสิ้นครับ)
    เมื่อนาย Donovan ได้เป็นฑูตประจำไทย นาย Kenneth เป็นเจ้าหน้าที่ของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลประเทศ ไทย ทั้ง 2 คน จึงได้กลับมาร่วมงานกันอีก นาย Kenneth ถือโอกาสติดตามนาย Donovan มาเมืองไทย อ้างว่าจะมาติวเข้มให้ ว่าใครเป็นใครในเมืองไทย เรื่องนี้ ต้องยอมรับว่านาย Kenneth “รู้งาน” เพราะสมัยนายDonovan คุมหน่วย OSS ตอนสงครามโลก แม้เขาจะรู้จักกับคนไทยที่ร่วมงาน OSS เป็นอย่างดี โดยเฉพาะนายปรีดี พนมยงค์ ซึ่งตอนหลังหมดอำนาจ แถม ยืนอยู่คนละค่ายกับ จอมพล ป ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีขณะนั้นอีกด้วย การเมืองไทยซึ่งช่วงน้ันแบ่งเป็นหลายก๊ก หลายแก๊งค์ ถ้าไม่ติวกันให้ดี อาจจะมีการเหยียบตาปลาเสียเรื่องกันซะเปล่าๆ
    นาย Kenneth โม้ต่อไปว่า เดิมอเมริกาให้การสนับสนุนแก่เผ่า (อตร.สมัยนั้น โดยเฉพาะด้านตำรวจตระเวนชายแดน) แต่เป็นเพราะฝีมือเขานะ ที่หว่านล้อมให้นาย Donovan ทำเรื่องไปทางวอชิงตันว่าควรสนับสนุนสฤษดิ์ด้วย เพราะสฤษดิ์น่าจะเป็นผู้นำที่ดีกว่าเผ่า วอชิงตันเห็นด้วย และเริ่มให้การสนับสนุนทางการทหารและการเงินแก่กองทัพไทย และด้วยเงินสนับสนุนของอเมริกานี้ ทำให้สฤษดิ์เริ่มมีรัศมีอำนาจฉายแสงสู้กับเผ่าได้ ทั้ง 2 คน แข่งกันสร้างอำนาจและสร้างพรรคพวก อย่างสูสีกัน ถ้าเป็นม้าแข่งก็ต้องตัดสินด้วยรูปถ่าย
    ยังไม่รู้ว่าใครจะเข้าวิน สฤษดิ์ก็ดันล้มป่วย อเมริการีบประคองส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล Water Reed (แสดงว่าคุณป๋าถ้าจะเข้าวิน) แน่นอนคนที่ไปนั่งกุมมือคุณป๋ายามป่วย นอกจากนายพล Erskine (ที่ประจำอยู่หน่วยปฏิบัติการพิเศษของ Pentagon ที่รัฐบาลอเมริกาส่งมาประกบสฤษดิ์เป็นพิเศษ และภายหลัง กลายเป็นเพื่อนซี้ ขนาดคุณป๋ายกลูกชายคนโต ให้เป็นลูกบุญธรรมของท่านนายพล) แน่นอนย่อมต้องมีนาย Kenneth นี่อีกคน ที่ไปนั่งคุยเป็นภาษาไทย ไม่ให้คุณป๋าเหงาหู อย่าลืมคุณป๋าไม่ชอบพูดภาษาอังกฤษ เมื่อไปนอนอยู่ต่างบ้านต่างเมือง มีตลกหัวทองมานั่งพูดไทยด้วย มันก็หายเมื่อยมือเวลาพูดไปแยะ บางวันคุณป๋าก็ออกไปนั่งเล่น กินข้าวอยู่ที่บ้านนาย Kenneth ซึ่งถือโอกาสผูกมิตรชิดใกล้เข้าไปเรื่อยๆ แบบนี้ มันก็น่าจะสร้างความอบอุ่นหัวใจของคุณป๋าไม่น้อย เป็นธรรมดาของคนอยู่ไกลบ้าน
    คุณป๋าสฤษดิ์หายป่วยกลับมาเมืองไทยไม่นาน คุณป๋าก็ทำการรัฐประหารดีดจอมพล ป. ออกไปนุ่งกิโมโนอยู่ญี่ปุ่น ส่วนนายเผ่า Sea Supply คู่ปรับเก่าก็ถูกส่งตัวไปนั่งนับเนยแข็งอยู่ที่สวิส หลังจากตั้งหุ่นชื่อ พจน์ สารสิน เป็นนายกรัฐมนตรีขัดตาทัพอยู่แป๊บ หนึ่ง คุณป๋าก็รัฐประหารใหม่ คราวนี้เลิกเหนียม ตัดใจเป็นนายกรัฐมนตรีเอง ระหว่างคุณป๋าเป็นนายกฯ ก็ทำงานใกล้ชิดกับอเมริกา คุณป๋าทหารหาญคิดว่าอเมริกานักล่า เป็นเพื่อนรักยามยาก มาช่วยเหลือไม่ให้คอมมี่บุกไทยแลนด์ อยากได้อะไร เปรยปั๊บ ได้ปุ๊บ คุณป๋าก็เลยทั้งทุ่มทั้งเทตอบ ใครจะนึกว่าเพื่อนรักแอบเล่นบ ทตามสุภาษิต ช้างสาร งูเห่า ข้าเก่า มิตรรัก จดจำกันไว้ อย่าได้เชื่อจนหมดใจ เหลือที่ไว้ เผื่อขาด เผื่อเหลือบ้าง จะได้ไม่ต้องนั่งชีช้ำ นึกถึงประเทศอิหร่าน ฟิลิปปินส์ ลิเบีย อียิปต์ อาฟกานิสถาน อิรัก ฯลฯ ไว้บ้างก็แล้วกัน
    ส่วนนาย Kenneth เอง น่าจะได้ความดีความชอบไม่น้อย จากการแทงม้าถูกตัว เมื่อคุณป๋าเป็นนายกไทยแลนด์ สัมพันธ์ไทยอเมริกาลื่นเหมือนทาด้วยน้ำมันของ Standard Oil นาย Kenneth จึงได้ย้ายไปนั่งคอยืดอยู่สภาความมั่นคงของอเมริกา National Security Council (NSC) เรียกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ระดับ “วงในสุด” ของอเมริกา เขาอยู่หน่วยงานที่รับผิดชอบวางแผนเกี่ยวกับ ความมั่นคงของประเทศ และติดตามผลงาน แม่เจ้าโว้ย ! มันใหญ่จริงๆ สำหรับอดีตมิชชั่นนารีจากเมืองตรัง เขาทำงานกับหน่วยงานและบุคคลระดับใหญ่ และลับเฉพาะสูงสุดของประเทศ เช่น รัฐมนตรีกลาโหม รัฐมนตรีต่างประเทศ หัวหน้างานข่าวกรอง (CIA) อะไรทำนองนั้น หน้าที่ของเขาคือร่างแผนปฏิบัติการณ์ในภูมิภาคเอเซียใต้ และเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เขาทำงานนี้จนถึงสมัยรัฐบาล Kennedy เป็นมิชชั่นนารี พันธ์พิเศษจริงๆ เก่งขนาดร่างแผนการล่าได้ หรือว่าเป็นภาระกิจถนัดของมิชชั่นนารีพันธ์พิเศษ ?!

    คนเล่านิทาน
    แกะรอยเก่า ตอนที่ 11 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 11 ค.ศ. 1953 นาย Donovan ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเอกอัครราชฑูตอเมริกาประจำเมืองไทย นาย Kenneth บอกว่าที่นาย Donovan ต้องมาเป็นฑูตที่เมืองไทย มันเป็นการแลกเปลี่ยนที่นาย Donovan ไม่พอใจนัก เนื่องมาจากเมื่อสงครามโลกครั้ง ที่ 2 สิ้นสุด ประธานาธิบดี Truman ก็สั่งยกเลิกหน่วยงาน OSS ของนาย Donovan เมื่อนาย Eisenhower ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี เขาสั่งให้มีการจัดตั้งหน่วยงานข่าวกรองรูปแบบใหม่ คือ Central Intelligence Agency (CIA) หน่วยงานนี้ให้ขึ้นตรงต่อประธานาธิบดี นาย Donovan ก็ดำเนินการตามสั่งจนเสร็จ และคิดว่าตนจะได้เป็นหัวหน้า CIA คนแรก แต่พอตั้งเสร็จ ประธานาธิบดี Eisenhower ซึ่งเลือกนาย John Foster Dulles มาเป็น รมว.ต่างประเทศ นาย John บอกว่าถ้าจะให้ดี ทำงานเข้าขากัน เขาแนะนำให้ประธานาธิบดีตั้งนาย Allen น้องชายเขามาเป็นหัวหน้าหน่วยงาน CIA จะดีกว่า ประธานาธิบดีก็ยอม และเพื่อไม่ให้นาย Donovan กินแห้ว เลยส่งมาเป็นฑูตที่เมืองไทย ซึ่งนาย Kenneth ว่า ก็เป็นตำแหน่งที่สำคัญไม่น้อยกว่าเป็นหัวหน้า CIA หรอกนะ และตอนนั้นนาย Donovan ก็อายุ 70 ปีแล้ว (หมายเหตุคนเล่านิทาน : นาย Kenneth น่าจะวิเคราะห์เรื่องนาย Donovan ไม่พอใจที่ต้องมาเป็นฑูตที่เมืองไทยไม่ถูกต้อง มันน่าจะตรงกันข้าม นาย Donovan น่าจะถูกเลือกมาโดยเฉพาะให้มาเป็นฑูตในตอนนั้น เพราะเป็นช่วงที่อเมริกากำลังจะเริ่มรบกับเวียตนาม จำเป็นต้องทำการเข้าใจทั้งการรบ และเข้าใจทั้งเมืองไทยและอินโดจีนอย่างดี และอาจจะมีภาระกิจอื่นแถม! นาย Donovan รู้จักคนไทยสำคัญๆหลายคน สมัยทำงาน OSS น่าจะได้รับความร่วมมือมากกว่า จะเอาหน้าใหม่มา หมายเหตุเพิ่มเติม ทั้งประธานาธิบดี Eisenhower นาย John Foster Dulles และนาย Donovan ล้วนเกี่ยวกับ CFR ทั้งสิ้นครับ) เมื่อนาย Donovan ได้เป็นฑูตประจำไทย นาย Kenneth เป็นเจ้าหน้าที่ของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลประเทศ ไทย ทั้ง 2 คน จึงได้กลับมาร่วมงานกันอีก นาย Kenneth ถือโอกาสติดตามนาย Donovan มาเมืองไทย อ้างว่าจะมาติวเข้มให้ ว่าใครเป็นใครในเมืองไทย เรื่องนี้ ต้องยอมรับว่านาย Kenneth “รู้งาน” เพราะสมัยนายDonovan คุมหน่วย OSS ตอนสงครามโลก แม้เขาจะรู้จักกับคนไทยที่ร่วมงาน OSS เป็นอย่างดี โดยเฉพาะนายปรีดี พนมยงค์ ซึ่งตอนหลังหมดอำนาจ แถม ยืนอยู่คนละค่ายกับ จอมพล ป ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีขณะนั้นอีกด้วย การเมืองไทยซึ่งช่วงน้ันแบ่งเป็นหลายก๊ก หลายแก๊งค์ ถ้าไม่ติวกันให้ดี อาจจะมีการเหยียบตาปลาเสียเรื่องกันซะเปล่าๆ นาย Kenneth โม้ต่อไปว่า เดิมอเมริกาให้การสนับสนุนแก่เผ่า (อตร.สมัยนั้น โดยเฉพาะด้านตำรวจตระเวนชายแดน) แต่เป็นเพราะฝีมือเขานะ ที่หว่านล้อมให้นาย Donovan ทำเรื่องไปทางวอชิงตันว่าควรสนับสนุนสฤษดิ์ด้วย เพราะสฤษดิ์น่าจะเป็นผู้นำที่ดีกว่าเผ่า วอชิงตันเห็นด้วย และเริ่มให้การสนับสนุนทางการทหารและการเงินแก่กองทัพไทย และด้วยเงินสนับสนุนของอเมริกานี้ ทำให้สฤษดิ์เริ่มมีรัศมีอำนาจฉายแสงสู้กับเผ่าได้ ทั้ง 2 คน แข่งกันสร้างอำนาจและสร้างพรรคพวก อย่างสูสีกัน ถ้าเป็นม้าแข่งก็ต้องตัดสินด้วยรูปถ่าย ยังไม่รู้ว่าใครจะเข้าวิน สฤษดิ์ก็ดันล้มป่วย อเมริการีบประคองส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล Water Reed (แสดงว่าคุณป๋าถ้าจะเข้าวิน) แน่นอนคนที่ไปนั่งกุมมือคุณป๋ายามป่วย นอกจากนายพล Erskine (ที่ประจำอยู่หน่วยปฏิบัติการพิเศษของ Pentagon ที่รัฐบาลอเมริกาส่งมาประกบสฤษดิ์เป็นพิเศษ และภายหลัง กลายเป็นเพื่อนซี้ ขนาดคุณป๋ายกลูกชายคนโต ให้เป็นลูกบุญธรรมของท่านนายพล) แน่นอนย่อมต้องมีนาย Kenneth นี่อีกคน ที่ไปนั่งคุยเป็นภาษาไทย ไม่ให้คุณป๋าเหงาหู อย่าลืมคุณป๋าไม่ชอบพูดภาษาอังกฤษ เมื่อไปนอนอยู่ต่างบ้านต่างเมือง มีตลกหัวทองมานั่งพูดไทยด้วย มันก็หายเมื่อยมือเวลาพูดไปแยะ บางวันคุณป๋าก็ออกไปนั่งเล่น กินข้าวอยู่ที่บ้านนาย Kenneth ซึ่งถือโอกาสผูกมิตรชิดใกล้เข้าไปเรื่อยๆ แบบนี้ มันก็น่าจะสร้างความอบอุ่นหัวใจของคุณป๋าไม่น้อย เป็นธรรมดาของคนอยู่ไกลบ้าน คุณป๋าสฤษดิ์หายป่วยกลับมาเมืองไทยไม่นาน คุณป๋าก็ทำการรัฐประหารดีดจอมพล ป. ออกไปนุ่งกิโมโนอยู่ญี่ปุ่น ส่วนนายเผ่า Sea Supply คู่ปรับเก่าก็ถูกส่งตัวไปนั่งนับเนยแข็งอยู่ที่สวิส หลังจากตั้งหุ่นชื่อ พจน์ สารสิน เป็นนายกรัฐมนตรีขัดตาทัพอยู่แป๊บ หนึ่ง คุณป๋าก็รัฐประหารใหม่ คราวนี้เลิกเหนียม ตัดใจเป็นนายกรัฐมนตรีเอง ระหว่างคุณป๋าเป็นนายกฯ ก็ทำงานใกล้ชิดกับอเมริกา คุณป๋าทหารหาญคิดว่าอเมริกานักล่า เป็นเพื่อนรักยามยาก มาช่วยเหลือไม่ให้คอมมี่บุกไทยแลนด์ อยากได้อะไร เปรยปั๊บ ได้ปุ๊บ คุณป๋าก็เลยทั้งทุ่มทั้งเทตอบ ใครจะนึกว่าเพื่อนรักแอบเล่นบ ทตามสุภาษิต ช้างสาร งูเห่า ข้าเก่า มิตรรัก จดจำกันไว้ อย่าได้เชื่อจนหมดใจ เหลือที่ไว้ เผื่อขาด เผื่อเหลือบ้าง จะได้ไม่ต้องนั่งชีช้ำ นึกถึงประเทศอิหร่าน ฟิลิปปินส์ ลิเบีย อียิปต์ อาฟกานิสถาน อิรัก ฯลฯ ไว้บ้างก็แล้วกัน ส่วนนาย Kenneth เอง น่าจะได้ความดีความชอบไม่น้อย จากการแทงม้าถูกตัว เมื่อคุณป๋าเป็นนายกไทยแลนด์ สัมพันธ์ไทยอเมริกาลื่นเหมือนทาด้วยน้ำมันของ Standard Oil นาย Kenneth จึงได้ย้ายไปนั่งคอยืดอยู่สภาความมั่นคงของอเมริกา National Security Council (NSC) เรียกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ระดับ “วงในสุด” ของอเมริกา เขาอยู่หน่วยงานที่รับผิดชอบวางแผนเกี่ยวกับ ความมั่นคงของประเทศ และติดตามผลงาน แม่เจ้าโว้ย ! มันใหญ่จริงๆ สำหรับอดีตมิชชั่นนารีจากเมืองตรัง เขาทำงานกับหน่วยงานและบุคคลระดับใหญ่ และลับเฉพาะสูงสุดของประเทศ เช่น รัฐมนตรีกลาโหม รัฐมนตรีต่างประเทศ หัวหน้างานข่าวกรอง (CIA) อะไรทำนองนั้น หน้าที่ของเขาคือร่างแผนปฏิบัติการณ์ในภูมิภาคเอเซียใต้ และเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เขาทำงานนี้จนถึงสมัยรัฐบาล Kennedy เป็นมิชชั่นนารี พันธ์พิเศษจริงๆ เก่งขนาดร่างแผนการล่าได้ หรือว่าเป็นภาระกิจถนัดของมิชชั่นนารีพันธ์พิเศษ ?! คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 403 Views 0 Reviews
  • รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลอนุมัติแผนยึดกาซาซิตี้ พร้อมสั่งระดมทหารกองหนุนเพิ่มอีก 60,000 นาย คาดเริ่มปฏิบัติการกวาดล้างฮามาสในพื้นที่ดังกล่าวภายในไม่กี่วันนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000079559

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลอนุมัติแผนยึดกาซาซิตี้ พร้อมสั่งระดมทหารกองหนุนเพิ่มอีก 60,000 นาย คาดเริ่มปฏิบัติการกวาดล้างฮามาสในพื้นที่ดังกล่าวภายในไม่กี่วันนี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000079559 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Haha
    Like
    Sad
    4
    0 Comments 0 Shares 800 Views 0 Reviews
  • ก่อนถก GBC! "พล.อ.ณัฐพล" เข้าพบนายกฯ มาเลเซีย...พร้อมเผชิญหน้ารัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชาเป็นครั้งแรก
    https://www.thai-tai.tv/news/20803/
    .
    #GBC #พลเอกณัฐพล #มาเลเซีย #การเจรจาชายแดน #ความมั่นคง #ไทยไท
    ก่อนถก GBC! "พล.อ.ณัฐพล" เข้าพบนายกฯ มาเลเซีย...พร้อมเผชิญหน้ารัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชาเป็นครั้งแรก https://www.thai-tai.tv/news/20803/ . #GBC #พลเอกณัฐพล #มาเลเซีย #การเจรจาชายแดน #ความมั่นคง #ไทยไท
    0 Comments 0 Shares 325 Views 0 Reviews
  • รัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชาเปิดเผย สหรัฐฯจะจับตาสถานการณ์ด้วยความกระตือรือร้น เพื่อรับประกันความสำเร็จและประสิทธิผลของการบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัมพูชาและไทย พร้อมยืนยันวอชิงตันจะมอบแรงสนับสนุนทั้งทางโลจิสติกและทางเทคนิค แก่คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000074763

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire

    รัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชาเปิดเผย สหรัฐฯจะจับตาสถานการณ์ด้วยความกระตือรือร้น เพื่อรับประกันความสำเร็จและประสิทธิผลของการบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัมพูชาและไทย พร้อมยืนยันวอชิงตันจะมอบแรงสนับสนุนทั้งทางโลจิสติกและทางเทคนิค แก่คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000074763 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    3
    0 Comments 1 Shares 1305 Views 0 Reviews
  • รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลเข้ม ชี้เสนาธิการทหารมีสิทธิ์ “แสดงความเห็นส่วนตัว” แต่ที่สุดแล้วกองทัพต้องปฏิบัติตามการตัดสินใจของรัฐบาลเกี่ยวกับกาซา ท่ามกลางข่าวว่า รัฐบาลอิสราเอลกำลังเตรียมขยายปฏิบัติการเพื่อกวาดล้างฮามาสและยึดครองดินแดนของชาวปาเลสไตน์แห่งนี้ทั้งหมด
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000074736

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลเข้ม ชี้เสนาธิการทหารมีสิทธิ์ “แสดงความเห็นส่วนตัว” แต่ที่สุดแล้วกองทัพต้องปฏิบัติตามการตัดสินใจของรัฐบาลเกี่ยวกับกาซา ท่ามกลางข่าวว่า รัฐบาลอิสราเอลกำลังเตรียมขยายปฏิบัติการเพื่อกวาดล้างฮามาสและยึดครองดินแดนของชาวปาเลสไตน์แห่งนี้ทั้งหมด . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000074736 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Love
    Haha
    6
    0 Comments 0 Shares 1079 Views 0 Reviews
  • "แม้เป็นคู่กรณีก็ต้องให้เกียรติ"! “ณัฐพล” แฉรัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธศพทหารของตัวเองที่ตายในสมรภูมิ!
    https://www.thai-tai.tv/news/20728/
    .
    #ณัฐพลนาคพาณิชย์ #รัฐมนตรีกลาโหม #เชลยศึก #อนุสัญญาเจนีวา #รัฐบาลกัมพูชา #บิดเบือน #ไทยไท
    "แม้เป็นคู่กรณีก็ต้องให้เกียรติ"! “ณัฐพล” แฉรัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธศพทหารของตัวเองที่ตายในสมรภูมิ! https://www.thai-tai.tv/news/20728/ . #ณัฐพลนาคพาณิชย์ #รัฐมนตรีกลาโหม #เชลยศึก #อนุสัญญาเจนีวา #รัฐบาลกัมพูชา #บิดเบือน #ไทยไท
    0 Comments 0 Shares 275 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากเบื้องหลังระบบรัฐ: เมื่อ “นักพัฒนาจากต่างแดน” เข้าใกล้ระบบความมั่นคงเกินไป

    ข่าวต้นทางเริ่มจากการสืบสวนของ ProPublica ที่พบว่า Microsoft อนุญาตให้ “วิศวกรจากจีน” ทำงานร่วมกับระบบสำหรับลูกค้ารัฐบาลสหรัฐฯ โดยเฉพาะ DoD cloud — แม้จะมีการใช้ระบบ digital escorts ที่เป็นพลเมืองสหรัฐฯ คอยดูแล แต่รายงานพบว่า:

    ผู้คุมบางคนไม่มีความรู้เชิงเทคนิคเพียงพอที่จะรู้ว่าสิ่งที่ถูกพัฒนาคือโค้ดปกติหรือ backdoor

    นี่คือช่องโหว่ร้ายแรง และไม่มีหน่วยงานของรัฐทราบว่าการจัดการลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน

    แม้ยังไม่มีหลักฐานว่ามีการ “แฝงมัลแวร์หรือระบบสอดแนม” จากวิศวกรกลุ่มนี้ แต่ความเสี่ยงด้านการข่าวกรองระดับชาติถือว่าสูงมาก — ส่งผลให้:
    - รัฐมนตรีกลาโหมโพสต์ว่า “วิศวกรจากต่างประเทศต้องไม่เข้าถึงระบบของ DoD ไม่ว่าจะมาจากชาติไหน”
    - Microsoft ต้องปรับนโยบายทันที โดยยืนยันว่าทีมงานจากประเทศจีนจะไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับลูกค้ารัฐบาลสหรัฐฯ ได้อีก

    Microsoft เคยให้วิศวกรจากจีนร่วมงานกับระบบของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ
    ผ่านระบบ “digital escort” คือพนักงานสหรัฐคอยดูแลขณะทำงานร่วม

    ระบบ digital escort ถูกวิจารณ์ว่าไม่มีประสิทธิภาพจริง
    เพราะผู้ดูแลบางคนไม่มีความรู้ technical เพียงพอที่จะตรวจโค้ด

    Microsoft ยืนยันว่าได้แจ้งรัฐบาลเกี่ยวกับระบบนี้แล้ว
    แต่ทั้งเจ้าหน้าที่เก่าและปัจจุบันบอกว่า “ไม่เคยรู้มาก่อน”

    รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ โพสต์แสดงจุดยืนว่าไม่ควรให้วิศวกรต่างชาติเข้าถึง DoD เลย
    ชี้ว่าระบบความมั่นคงต้องมีมาตรฐานการคัดกรองสูงกว่านี้

    Microsoft ออกแถลงการณ์ว่า ได้ยุติการให้ทีมจากประเทศจีนทำงานในโปรเจกรัฐบาลสหรัฐฯ แล้ว
    และจะปรับระบบความปลอดภัยร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงเพื่อป้องกันช่องโหว่เพิ่มเติม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/microsoft-to-stop-using-engineers-in-china-to-work-on-u-s-defense-computer-systems-in-wake-of-investigative-report-fears-of-exploitation-by-foreign-intelligence-services-spurs-immediate-change
    🎙️ เรื่องเล่าจากเบื้องหลังระบบรัฐ: เมื่อ “นักพัฒนาจากต่างแดน” เข้าใกล้ระบบความมั่นคงเกินไป ข่าวต้นทางเริ่มจากการสืบสวนของ ProPublica ที่พบว่า Microsoft อนุญาตให้ “วิศวกรจากจีน” ทำงานร่วมกับระบบสำหรับลูกค้ารัฐบาลสหรัฐฯ โดยเฉพาะ DoD cloud — แม้จะมีการใช้ระบบ digital escorts ที่เป็นพลเมืองสหรัฐฯ คอยดูแล แต่รายงานพบว่า: 🔖 ผู้คุมบางคนไม่มีความรู้เชิงเทคนิคเพียงพอที่จะรู้ว่าสิ่งที่ถูกพัฒนาคือโค้ดปกติหรือ backdoor นี่คือช่องโหว่ร้ายแรง และไม่มีหน่วยงานของรัฐทราบว่าการจัดการลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน แม้ยังไม่มีหลักฐานว่ามีการ “แฝงมัลแวร์หรือระบบสอดแนม” จากวิศวกรกลุ่มนี้ แต่ความเสี่ยงด้านการข่าวกรองระดับชาติถือว่าสูงมาก — ส่งผลให้: - รัฐมนตรีกลาโหมโพสต์ว่า “วิศวกรจากต่างประเทศต้องไม่เข้าถึงระบบของ DoD ไม่ว่าจะมาจากชาติไหน” - Microsoft ต้องปรับนโยบายทันที โดยยืนยันว่าทีมงานจากประเทศจีนจะไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับลูกค้ารัฐบาลสหรัฐฯ ได้อีก ✅ Microsoft เคยให้วิศวกรจากจีนร่วมงานกับระบบของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ➡️ ผ่านระบบ “digital escort” คือพนักงานสหรัฐคอยดูแลขณะทำงานร่วม ✅ ระบบ digital escort ถูกวิจารณ์ว่าไม่มีประสิทธิภาพจริง ➡️ เพราะผู้ดูแลบางคนไม่มีความรู้ technical เพียงพอที่จะตรวจโค้ด ✅ Microsoft ยืนยันว่าได้แจ้งรัฐบาลเกี่ยวกับระบบนี้แล้ว ➡️ แต่ทั้งเจ้าหน้าที่เก่าและปัจจุบันบอกว่า “ไม่เคยรู้มาก่อน” ✅ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ โพสต์แสดงจุดยืนว่าไม่ควรให้วิศวกรต่างชาติเข้าถึง DoD เลย ➡️ ชี้ว่าระบบความมั่นคงต้องมีมาตรฐานการคัดกรองสูงกว่านี้ ✅ Microsoft ออกแถลงการณ์ว่า ได้ยุติการให้ทีมจากประเทศจีนทำงานในโปรเจกรัฐบาลสหรัฐฯ แล้ว ➡️ และจะปรับระบบความปลอดภัยร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงเพื่อป้องกันช่องโหว่เพิ่มเติม https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/microsoft-to-stop-using-engineers-in-china-to-work-on-u-s-defense-computer-systems-in-wake-of-investigative-report-fears-of-exploitation-by-foreign-intelligence-services-spurs-immediate-change
    0 Comments 0 Shares 389 Views 0 Reviews
  • สำนักข่าวอัล มายาดีน (Al Mayadeen) ยืนยันว่า โจลานี ผู้นำซีเรีย หลบหนีออกจากกรุงดามัสกัสพร้อมกับครอบครัวเพียงไม่กี่ชั่วโมง ก่อนที่อิสราเอลโจมตีกลางกรุงดามันกัสเมื่อวันก่อน การโจมตีวันนั้นของอิสราเอล นอกจากนากตัวโจลานีแล้ว ยังมีเป้าหมายเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีก 3 คนในรัฐบาลของเขา ซึ่งรวมถึงนายมาร์ฮาฟ อาบู กัสรา ( Marhaf Abu Qasra) รัฐมนตรีกลาโหมด้วย
    สำนักข่าวอัล มายาดีน (Al Mayadeen) ยืนยันว่า โจลานี ผู้นำซีเรีย หลบหนีออกจากกรุงดามัสกัสพร้อมกับครอบครัวเพียงไม่กี่ชั่วโมง ก่อนที่อิสราเอลโจมตีกลางกรุงดามันกัสเมื่อวันก่อน การโจมตีวันนั้นของอิสราเอล นอกจากนากตัวโจลานีแล้ว ยังมีเป้าหมายเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีก 3 คนในรัฐบาลของเขา ซึ่งรวมถึงนายมาร์ฮาฟ อาบู กัสรา ( Marhaf Abu Qasra) รัฐมนตรีกลาโหมด้วย
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 362 Views 0 Reviews
  • #"ทักษิณ" รับสะบั้นสัมพันธ์ ‘ฮุน เซน‘ ทำกับลูกสาวขนาดนี้ เชื่อคลิปหลุด ตั้งใจอัด บอก “น่าเจ็บใจ ทำได้ยังไง” ชี้ คงไปเหยียบตาปลาอะไรสักอย่าง หลังแฉขบวนการคอลเซ็นเตอร์ในเขมร ซัดเขาไม่ได้ทำลายเรา แต่ทำลายตัวเอง ขาดความน่าเชื่อถือไปแล้ว ไม่มีใครคบ พร้อมพูดติดตลกเรื่องห้องนอนสีชมพู “คงไม่ใช่รสนิยมของผม” ขอโทษคบคนแบบ "ฮุนเซน" ยันไม่มีสงครามไทย-เขมรแน่นอน เพราะต่างคนต่างฟอร์ม ก็ดำน้ำแข่งกันใครอึดกว่าคนนั้นชนะ

    วันนี้ (9 ก.ค. 68) ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีปัญหาชายแดนไทย - กัมพูชา ว่าจะยังสามารถเป็นพี่น้องกับสมเด็จฮุนเซน ได้หรือไม่ ว่า “เคยเป็น แหม่..ทำลูกผมขนาดนี้“ โดยนายทักษิณกล่าวด้วยน้ำคลอเบ้าว่า ตนถึงกับช็อกกับความรู้สึกเลยว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร

    นายทักษิณ ยังเล่าว่า ลูกของตนก็จะโทรคุยกับตนตลอด วันนั้นลูกบอกกับตนว่า จะไปที่โรสวูด เพื่อไปพบกับนายฮวด เพราะเขาจะต่อสายให้คุยกับสมเด็จฮุน เซน ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ก็ได้เชิญ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทีวงกลาโหม ในขณะนั้น, นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และ นพ.ภูมิมินทร์ เลขานายกฯ ไป 3 คนอยู่ด้วยกันเพื่อคุยกับสมเด็จฮุน เซน โดยนายฮวดอยู่ฝั่งนี้ ซึ่งรออยู่เกือบ 3 ชั่วโมง โดยเขาอ้างว่าหลับ ตนจึงให้ลูกกับคณะแยกย้ายกันกลับ แต่สมเด็จฮุน เซน กลับโทรศัพท์มาที่เบอร์ส่วนตัว ซึ่งตนสงสัยว่าอาจจะไม่ได้หลับ แต่เตรียมการอัดเทป จึงเชื่อว่า เขาน่าจะรู้ว่าเรามีรัฐมนตรีกลาโหม และต่างประเทศอยู่ด้วย พร้อมยอมรับว่า “น่าเจ็บใจ ว่าทำได้ยังไง“

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000064859

    #Thaitimes #MGROnline #ทักษิณ #ฮุนเซน
    #"ทักษิณ" รับสะบั้นสัมพันธ์ ‘ฮุน เซน‘ ทำกับลูกสาวขนาดนี้ เชื่อคลิปหลุด ตั้งใจอัด บอก “น่าเจ็บใจ ทำได้ยังไง” ชี้ คงไปเหยียบตาปลาอะไรสักอย่าง หลังแฉขบวนการคอลเซ็นเตอร์ในเขมร ซัดเขาไม่ได้ทำลายเรา แต่ทำลายตัวเอง ขาดความน่าเชื่อถือไปแล้ว ไม่มีใครคบ พร้อมพูดติดตลกเรื่องห้องนอนสีชมพู “คงไม่ใช่รสนิยมของผม” ขอโทษคบคนแบบ "ฮุนเซน" ยันไม่มีสงครามไทย-เขมรแน่นอน เพราะต่างคนต่างฟอร์ม ก็ดำน้ำแข่งกันใครอึดกว่าคนนั้นชนะ • วันนี้ (9 ก.ค. 68) ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีปัญหาชายแดนไทย - กัมพูชา ว่าจะยังสามารถเป็นพี่น้องกับสมเด็จฮุนเซน ได้หรือไม่ ว่า “เคยเป็น แหม่..ทำลูกผมขนาดนี้“ โดยนายทักษิณกล่าวด้วยน้ำคลอเบ้าว่า ตนถึงกับช็อกกับความรู้สึกเลยว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร • นายทักษิณ ยังเล่าว่า ลูกของตนก็จะโทรคุยกับตนตลอด วันนั้นลูกบอกกับตนว่า จะไปที่โรสวูด เพื่อไปพบกับนายฮวด เพราะเขาจะต่อสายให้คุยกับสมเด็จฮุน เซน ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ก็ได้เชิญ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทีวงกลาโหม ในขณะนั้น, นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และ นพ.ภูมิมินทร์ เลขานายกฯ ไป 3 คนอยู่ด้วยกันเพื่อคุยกับสมเด็จฮุน เซน โดยนายฮวดอยู่ฝั่งนี้ ซึ่งรออยู่เกือบ 3 ชั่วโมง โดยเขาอ้างว่าหลับ ตนจึงให้ลูกกับคณะแยกย้ายกันกลับ แต่สมเด็จฮุน เซน กลับโทรศัพท์มาที่เบอร์ส่วนตัว ซึ่งตนสงสัยว่าอาจจะไม่ได้หลับ แต่เตรียมการอัดเทป จึงเชื่อว่า เขาน่าจะรู้ว่าเรามีรัฐมนตรีกลาโหม และต่างประเทศอยู่ด้วย พร้อมยอมรับว่า “น่าเจ็บใจ ว่าทำได้ยังไง“ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000064859 • #Thaitimes #MGROnline #ทักษิณ #ฮุนเซน
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 549 Views 0 Reviews
  • เซเลนสกีประกาศคว่ำบาตรบริษัทจีนหลายแห่ง หลังจากพบว่ามีส่วนจัดหาชิ้นส่วนสำหรับการผลิตอาวุธของรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดรนพลีชีพ "Shahed" (โดรน Geran-2) ซึ่งยูเครนมีหลักฐานชัดเจนในเรื่องนี้

    นอกจากนี้ เซเลนสกียังได้สั่งการให้รัฐมนตรีกลาโหมของยูเครนและผู้บัญชาการทหารสูงสุดติดต่อกับอเมริกา หลังจากทรัมป์เผยว่าจะกลับมาส่งอาวุธ รวมทั้งระบบ Patriot ให้กับยูเครนอีกครั้ง
    เซเลนสกีประกาศคว่ำบาตรบริษัทจีนหลายแห่ง หลังจากพบว่ามีส่วนจัดหาชิ้นส่วนสำหรับการผลิตอาวุธของรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดรนพลีชีพ "Shahed" (โดรน Geran-2) ซึ่งยูเครนมีหลักฐานชัดเจนในเรื่องนี้ นอกจากนี้ เซเลนสกียังได้สั่งการให้รัฐมนตรีกลาโหมของยูเครนและผู้บัญชาการทหารสูงสุดติดต่อกับอเมริกา หลังจากทรัมป์เผยว่าจะกลับมาส่งอาวุธ รวมทั้งระบบ Patriot ให้กับยูเครนอีกครั้ง
    0 Comments 0 Shares 416 Views 0 Reviews
  • มีรายงานที่ "ไม่ได้รับการยืนยัน" ว่า จีน อิหร่าน รัสเซีย และปากีสถาน จัดการประชุมลับระดับหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติ หรือ NSA (National Security Agency) ช่วงระหว่างการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมในองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ซึ่งจัดขึ้นที่จีน

    โดยที่การประชุมลับครั้งนี้ ไม่มีอินเดียเข้าร่วมด้วย

    แหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ รายงานว่า การที่อินเดียถูกกีดกันออกจากการประชุมอาจเกิดจากจุดยืนที่แตกต่างกันในประเด็นตะวันออกกลาง ซึ่งอินเดียไม่ได้ร่วมลงนามการประณามการกระทำของอิสราเอล รวมทั้งความตึงเครียดกับจีนและปากีสถาน
    มีรายงานที่ "ไม่ได้รับการยืนยัน" ว่า จีน อิหร่าน รัสเซีย และปากีสถาน จัดการประชุมลับระดับหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติ หรือ NSA (National Security Agency) ช่วงระหว่างการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมในองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ซึ่งจัดขึ้นที่จีน โดยที่การประชุมลับครั้งนี้ ไม่มีอินเดียเข้าร่วมด้วย แหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ รายงานว่า การที่อินเดียถูกกีดกันออกจากการประชุมอาจเกิดจากจุดยืนที่แตกต่างกันในประเด็นตะวันออกกลาง ซึ่งอินเดียไม่ได้ร่วมลงนามการประณามการกระทำของอิสราเอล รวมทั้งความตึงเครียดกับจีนและปากีสถาน
    0 Comments 0 Shares 400 Views 0 Reviews
  • "อิสราเอล แคทซ์" รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล ให้คำมั่นว่าจะโจมตีอิหร่านอีกครั้ง และจะรุนแรงกว่ากาซาหรือเลบานอนเป็นร้อยเท่า หากเมื่อไหร่ที่รู้สึกว่าถูกคุกคาม
    "อิสราเอล แคทซ์" รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล ให้คำมั่นว่าจะโจมตีอิหร่านอีกครั้ง และจะรุนแรงกว่ากาซาหรือเลบานอนเป็นร้อยเท่า หากเมื่อไหร่ที่รู้สึกว่าถูกคุกคาม
    0 Comments 0 Shares 390 Views 21 0 Reviews
  • รัฐมนตรีกลาโหมยุคยิ่งลักษ์ ส่งเทียบเชิญชวนขอเจรจากับนายพลเขมร
    แถมเสนอจะเดินทางไปพบนายพลเขมร ด้วยตนเอง
    เป็นฝ่ายขอเจรจาทั้งที่เป็นอธิปไตยของไทย

    ซึ่งทำให้คนไทยกังวล ว่าท่าที รมว.กลาโหมจะทำให้ไทยเสียเปรียบ

    แต่ รมว.กลาโหมได้ตอบกลีบมาว่า ไม่โง่พอทำให้ไทยเสียเปรียบ (เขาพระวิหาร)หรอก
    ตอนนี้เสียแล้ว.................... คนไทยจำได้ไหม

    ผมนี่นึกถึงภาพที่ไอ้ภูมิธรรมมันบินไปจับมือกับนายพลเขมร ภาพเหมือนกัน ไทยแต่งตัวชุดธรรมดา เขมรเครื่องแบบเติมยศ ยืนจับมือกัน

    เหตุการณ์และคำตอบของนักการเมืองเหมือนตอนนั้นไม่มีผิด

    https://youtu.be/KkS4c68IVnI?si=8rY-R4qsEfcCogQ7
    รัฐมนตรีกลาโหมยุคยิ่งลักษ์ ส่งเทียบเชิญชวนขอเจรจากับนายพลเขมร แถมเสนอจะเดินทางไปพบนายพลเขมร ด้วยตนเอง เป็นฝ่ายขอเจรจาทั้งที่เป็นอธิปไตยของไทย ซึ่งทำให้คนไทยกังวล ว่าท่าที รมว.กลาโหมจะทำให้ไทยเสียเปรียบ แต่ รมว.กลาโหมได้ตอบกลีบมาว่า ไม่โง่พอทำให้ไทยเสียเปรียบ (เขาพระวิหาร)หรอก ตอนนี้เสียแล้ว.................... คนไทยจำได้ไหม ผมนี่นึกถึงภาพที่ไอ้ภูมิธรรมมันบินไปจับมือกับนายพลเขมร ภาพเหมือนกัน ไทยแต่งตัวชุดธรรมดา เขมรเครื่องแบบเติมยศ ยืนจับมือกัน เหตุการณ์และคำตอบของนักการเมืองเหมือนตอนนั้นไม่มีผิด https://youtu.be/KkS4c68IVnI?si=8rY-R4qsEfcCogQ7
    0 Comments 0 Shares 294 Views 0 Reviews
  • ผู้นำกลาโหมอิหร่านเดินทางถึงจีน...ไม่กี่วันหลังการหยุดยิง

    เพียง 48 ชั่วโมงหลังการหยุดยิง รัฐมนตรีกลาโหมอิหร่าน อาซิส นาซีร์ซาเดห์ เดินทางถึงชิงเต่าเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดด้านกลาโหมขององค์กรความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO)

    ท่ามกลางชาติตะวันตกที่เฝ้าจับตามองอย่างใกล้ชิด ขณะที่อิหร่านส่งสัญญาณเข้าร่วมจีน

    อิหร่านกำลังกระชับความสัมพันธ์กับจีนและกลุ่มประเทศในภูมิภาค ขณะที่ความตึงเครียดด้านนิวเคลียร์ยังคงคุกรุ่นและความร่วมมือของ IAEA กำลังสั่นคลอน
    ผู้นำกลาโหมอิหร่านเดินทางถึงจีน...ไม่กี่วันหลังการหยุดยิง เพียง 48 ชั่วโมงหลังการหยุดยิง รัฐมนตรีกลาโหมอิหร่าน อาซิส นาซีร์ซาเดห์ เดินทางถึงชิงเต่าเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดด้านกลาโหมขององค์กรความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ท่ามกลางชาติตะวันตกที่เฝ้าจับตามองอย่างใกล้ชิด ขณะที่อิหร่านส่งสัญญาณเข้าร่วมจีน อิหร่านกำลังกระชับความสัมพันธ์กับจีนและกลุ่มประเทศในภูมิภาค ขณะที่ความตึงเครียดด้านนิวเคลียร์ยังคงคุกรุ่นและความร่วมมือของ IAEA กำลังสั่นคลอน
    0 Comments 0 Shares 459 Views 24 0 Reviews
  • รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล กล่าวว่า การโจมตีใจกลางเตหะรานวันนี้ “ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”

    อิสราเอลตั้งใจโจมตีไปที่ “เป้าหมายของรัฐบาล” ใจกลางกรุงเตหะรานด้วยพลกำลังที่มีอย่างล้นเหลือของอิสราเอล

    “เร็วๆ นี้ จะมีการเผยแพร่ภาพเพื่อแสดงให้เห็นความเสียหายอย่างที่สุด

    ทุกครั้งที่มีจรวดถูกยิงไปที่แนวรบภายในประเทศของอิสราเอล เผด็จการอิหร่านจะต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรง และการโจมตีจะดำเนินต่อไปด้วยความเข้มข้นเต็มที่
    รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล กล่าวว่า การโจมตีใจกลางเตหะรานวันนี้ “ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” อิสราเอลตั้งใจโจมตีไปที่ “เป้าหมายของรัฐบาล” ใจกลางกรุงเตหะรานด้วยพลกำลังที่มีอย่างล้นเหลือของอิสราเอล “เร็วๆ นี้ จะมีการเผยแพร่ภาพเพื่อแสดงให้เห็นความเสียหายอย่างที่สุด ทุกครั้งที่มีจรวดถูกยิงไปที่แนวรบภายในประเทศของอิสราเอล เผด็จการอิหร่านจะต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรง และการโจมตีจะดำเนินต่อไปด้วยความเข้มข้นเต็มที่
    0 Comments 0 Shares 351 Views 0 Reviews
  • รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอลกล่าวว่าเขาได้สั่งให้กองทัพเพิ่มการโจมตีเป้าหมายของรัฐบาลอิหร่านซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่ต่างๆ เพื่อพยายามสั่นคลอน "ระบอบการปกครอง" ภายในของอิหร่าน
    รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอลกล่าวว่าเขาได้สั่งให้กองทัพเพิ่มการโจมตีเป้าหมายของรัฐบาลอิหร่านซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่ต่างๆ เพื่อพยายามสั่นคลอน "ระบอบการปกครอง" ภายในของอิหร่าน
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 362 Views 0 Reviews
  • อิสราเอลต้องการกำจัดผู้นำสูงสุดอิหร่าน!!

    “คาเมเนอีคือฮิตเลอร์ยุคใหม่..เขาไม่ควรมีชีวิตอยู่ต่อไป”
    รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลกล่าว

    “คาเมเนอีที่ยืนตระหง่านในฐานะผู้นำอิหร่าน มีเป้าหมายทำลายอิสราเอลอย่างน่าสยดสยอง เขาไม่ควรมีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยซ้ำ

    หากรัฐอิสราเอลมีอยู่จริงในช่วงโฮโลคอสต์อันโหดร้าย และกองกำลังป้องกันอิสราเอลที่แข็งแกร่งมีอยู่จริง และเรารู้ว่าเราสามารถส่งกองทัพอิสราเอลไปยังหลุมหลบภัยเพื่อจับฮิตเลอร์ผู้เกลียดชังชาวยิวเพื่อขัดขวางแผนการกำจัดชาวยิวที่เขาเป็นผู้นำได้ เราก็จะทำเช่นนั้นและส่งกองทัพอิสราเอลไปกำจัดเขา และด้วยเหตุนี้ ผมจึงมองเห็นสถานการณ์ที่คาเมเนอีคือฮิตเลอร์ยุคใหม่”
    อิสราเอลต้องการกำจัดผู้นำสูงสุดอิหร่าน!! “คาเมเนอีคือฮิตเลอร์ยุคใหม่..เขาไม่ควรมีชีวิตอยู่ต่อไป” รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลกล่าว “คาเมเนอีที่ยืนตระหง่านในฐานะผู้นำอิหร่าน มีเป้าหมายทำลายอิสราเอลอย่างน่าสยดสยอง เขาไม่ควรมีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยซ้ำ หากรัฐอิสราเอลมีอยู่จริงในช่วงโฮโลคอสต์อันโหดร้าย และกองกำลังป้องกันอิสราเอลที่แข็งแกร่งมีอยู่จริง และเรารู้ว่าเราสามารถส่งกองทัพอิสราเอลไปยังหลุมหลบภัยเพื่อจับฮิตเลอร์ผู้เกลียดชังชาวยิวเพื่อขัดขวางแผนการกำจัดชาวยิวที่เขาเป็นผู้นำได้ เราก็จะทำเช่นนั้นและส่งกองทัพอิสราเอลไปกำจัดเขา และด้วยเหตุนี้ ผมจึงมองเห็นสถานการณ์ที่คาเมเนอีคือฮิตเลอร์ยุคใหม่”
    Yay
    Angry
    2
    0 Comments 0 Shares 478 Views 25 0 Reviews
  • หลังการโจมตีจากอิหร่านครั้งใหญ่วันนี้ "อิสราเอล แคทซ์" รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล กล่าวว่า เขาและนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูมมีคำสั่งการให้กองกำลังป้องกันอิสราเอล "ยกระดับความเข้มข้นในการโจมตีอิหร่านและทำลายระบอบการปกครองของอยาตอลลาห์ เพื่อขจัดภัยคุกคามต่ออิสราเอล"
    หลังการโจมตีจากอิหร่านครั้งใหญ่วันนี้ "อิสราเอล แคทซ์" รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล กล่าวว่า เขาและนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูมมีคำสั่งการให้กองกำลังป้องกันอิสราเอล "ยกระดับความเข้มข้นในการโจมตีอิหร่านและทำลายระบอบการปกครองของอยาตอลลาห์ เพื่อขจัดภัยคุกคามต่ออิสราเอล"
    0 Comments 0 Shares 393 Views 0 Reviews
  • กองทัพสหรัฐฯพร้อมดำเนินการตอบสนองการตัดสินใจใดๆของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในเรื่องอิหร่าน จากคำยืนยันของ พีท เฮกเซ็ธ รัฐมนตรีกลาโหมอเมริกา (เพนตากอน) พร้อมบ่งชี้ว่าทิศทางของสหรัฐฯน่าจะมีความชัดเจนขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000057558

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    กองทัพสหรัฐฯพร้อมดำเนินการตอบสนองการตัดสินใจใดๆของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในเรื่องอิหร่าน จากคำยืนยันของ พีท เฮกเซ็ธ รัฐมนตรีกลาโหมอเมริกา (เพนตากอน) พร้อมบ่งชี้ว่าทิศทางของสหรัฐฯน่าจะมีความชัดเจนขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000057558 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    Sad
    10
    0 Comments 1 Shares 1721 Views 0 Reviews
  • "อิสราเอล คัทซ์" รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล:
    เฉพาะในพื้นที่เตหะราน มีศูนย์นิวเคลียร์มากกว่า 10 แห่ง เราจะทำลายศูนย์เหล่านี้ให้หมด
    "อิสราเอล คัทซ์" รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล: เฉพาะในพื้นที่เตหะราน มีศูนย์นิวเคลียร์มากกว่า 10 แห่ง เราจะทำลายศูนย์เหล่านี้ให้หมด
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 299 Views 0 Reviews
More Results