• มูรฮาฟ อาบู คาสรา (Murhaf Abu Kasra) รัฐมนตรีกลาโหมซีเรีย กล่าวกับวอชิงตันโพสต์ว่า รัสเซียจะได้รับอนุญาตให้คงฐานทัพในทาร์ทัส (Tartus) และคไมมิม (Khmeimim) บนชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้ “ตราบใดที่การกระทำของเครมลินยังสอดคล้องกับผลประโยชน์ของเรา”

    เขายังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ท่าทีของรัสเซียต่อผู้นำคนใหม่ของเรา “ดีขึ้นอย่างมาก” นับตั้งแต่การล่มสลายของอัสซาด

    เมื่อถูกถามเกี่ยวกับการโจมตีทางอากาศของรัสเซีย ที่เคยพยายามสังหารตัวเขารวมทั้งสมาชิกคนอื่น หรือแม้แต่ผู้นำซีเรียในช่วงโค่นล้มอัสซาด อาบู คาสรา ตอบว่า “ไม่มีศัตรูตลอดกาลในวงการการเมือง”
    มูรฮาฟ อาบู คาสรา (Murhaf Abu Kasra) รัฐมนตรีกลาโหมซีเรีย กล่าวกับวอชิงตันโพสต์ว่า รัสเซียจะได้รับอนุญาตให้คงฐานทัพในทาร์ทัส (Tartus) และคไมมิม (Khmeimim) บนชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้ “ตราบใดที่การกระทำของเครมลินยังสอดคล้องกับผลประโยชน์ของเรา” เขายังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ท่าทีของรัสเซียต่อผู้นำคนใหม่ของเรา “ดีขึ้นอย่างมาก” นับตั้งแต่การล่มสลายของอัสซาด เมื่อถูกถามเกี่ยวกับการโจมตีทางอากาศของรัสเซีย ที่เคยพยายามสังหารตัวเขารวมทั้งสมาชิกคนอื่น หรือแม้แต่ผู้นำซีเรียในช่วงโค่นล้มอัสซาด อาบู คาสรา ตอบว่า “ไม่มีศัตรูตลอดกาลในวงการการเมือง”
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • โยอัฟ กัลลันต์ อดีตรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ออกมายอมรับว่าใช้ระเบิดมากถึง 80 ตัน ในการลอบสังหารฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ อดีตผู้นำฮิซบอลเลาะห์ โดยไม่สนใจว่าแรงระเบิดจะคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปกี่ราย
    โยอัฟ กัลลันต์ อดีตรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ออกมายอมรับว่าใช้ระเบิดมากถึง 80 ตัน ในการลอบสังหารฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ อดีตผู้นำฮิซบอลเลาะห์ โดยไม่สนใจว่าแรงระเบิดจะคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปกี่ราย
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 304 มุมมอง 29 0 รีวิว
  • วันนี้รัฐมนตรีกลาโหมฝรั่งเศส เซบาสเตียน เลอกอร์นู ประกาศว่าเครื่องบินขับไล่ Mirage 2000-5F ลำแรกของฝรั่งเศสได้ส่งมอบให้กับยูเครนแล้ว

    จำนวนเครื่องบินที่จะส่งมอบยังไม่ทราบแน่ชัด แต่คาดว่าจะอยู่ระหว่าง 3 ถึง 6 ลำ

    ตามรายงานระบุว่า เครื่องบินของฝรั่งเศสเหล่านี้จะไม่ถูกใช้ทำหน้าที่หลักในการป้องกันภัยทางอากาศเช่นเดียวกับ F-16 แต่จะมาเข้าร่วมกองทัพในฐานะเครื่องบินทิ้งระเบิดที่แนวหน้าร่วมกับเครื่องบินทิ้งระเบิด Su-24 เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับกองทัพอากาศยูเครน

    มีรายงานด้วยว่าเครื่องบินเหล่านี้จะเป็นรุ่นอัปเกรดที่สามารถติดตั้งและยิงขีปนาวุธ Storm Shadow (สหราชอาณาจักร) และ SCALP-EG (ฝรั่งเศส) ที่มีระยะโจมตีเกิน 250 กม. ซึ่งยูเครนมีขีปนาวุธทั้งสองประเภทนี้ในคลังแสงอยู่แล้ว

    นอกจากนี้ รัฐมนตรีกลาโหมยูเครน รุสเตม อูเมรอฟ ยังรายงานอีกว่า เครื่องบินรบ F-16 จากเนเธอร์แลนด์ ก็มาถึงยูเครนแล้วเช่นกัน

    ทางด้านผู้สนับสนุนรัสเซียประกาศเสนอรางวัล 1 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับเครื่องบิน Mirage 2000 ลำแรกที่ถูกยิงตก
    วันนี้รัฐมนตรีกลาโหมฝรั่งเศส เซบาสเตียน เลอกอร์นู ประกาศว่าเครื่องบินขับไล่ Mirage 2000-5F ลำแรกของฝรั่งเศสได้ส่งมอบให้กับยูเครนแล้ว จำนวนเครื่องบินที่จะส่งมอบยังไม่ทราบแน่ชัด แต่คาดว่าจะอยู่ระหว่าง 3 ถึง 6 ลำ ตามรายงานระบุว่า เครื่องบินของฝรั่งเศสเหล่านี้จะไม่ถูกใช้ทำหน้าที่หลักในการป้องกันภัยทางอากาศเช่นเดียวกับ F-16 แต่จะมาเข้าร่วมกองทัพในฐานะเครื่องบินทิ้งระเบิดที่แนวหน้าร่วมกับเครื่องบินทิ้งระเบิด Su-24 เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับกองทัพอากาศยูเครน มีรายงานด้วยว่าเครื่องบินเหล่านี้จะเป็นรุ่นอัปเกรดที่สามารถติดตั้งและยิงขีปนาวุธ Storm Shadow (สหราชอาณาจักร) และ SCALP-EG (ฝรั่งเศส) ที่มีระยะโจมตีเกิน 250 กม. ซึ่งยูเครนมีขีปนาวุธทั้งสองประเภทนี้ในคลังแสงอยู่แล้ว นอกจากนี้ รัฐมนตรีกลาโหมยูเครน รุสเตม อูเมรอฟ ยังรายงานอีกว่า เครื่องบินรบ F-16 จากเนเธอร์แลนด์ ก็มาถึงยูเครนแล้วเช่นกัน ทางด้านผู้สนับสนุนรัสเซียประกาศเสนอรางวัล 1 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับเครื่องบิน Mirage 2000 ลำแรกที่ถูกยิงตก
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 137 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ไม่อ่านไลน์กลุ่มเลย ทรัมป์เริ่มถอยแล้ว"

    อิสราเอล คัทซ์ (Israel Katz) รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ประกาศสนับสนุนแผนของทรัมป์ในการอพยพชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซา

    “ผมได้สั่งให้กองกำลังอิสราเอลเตรียมแผนในการช่วยอพยพประชาชนที่อาศัยอยู่ในฉนวนกาซาทุกคนออกไปยังประเทศใดก็ได้ที่ยินดีรับพวกเขา

    แผนดังกล่าวจะรวมถึงทางเลือกในการออกนอกประเทศโดยผ่านทางบก ทางทะเล รวมทั้งทางอากาศด้วย

    ประเทศต่างๆ เช่น สเปน ไอร์แลนด์ นอร์เวย์ และประเทศอื่นๆ ที่กล่าวหาอิสราเอลอย่างไร้หลักฐานเกี่ยวกับการกระทำในฉนวนกาซา พวกเขาสมควรต้อนรับชาวฉนวนกาซาเข้าให้ไปในดินแดนของพวกเขาซะ ความหน้าไหว้หลังหลอกของพวกเขาจะถูกเปิดเผยหากพวกเขาปฏิเสธ”
    "ไม่อ่านไลน์กลุ่มเลย ทรัมป์เริ่มถอยแล้ว" อิสราเอล คัทซ์ (Israel Katz) รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ประกาศสนับสนุนแผนของทรัมป์ในการอพยพชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซา “ผมได้สั่งให้กองกำลังอิสราเอลเตรียมแผนในการช่วยอพยพประชาชนที่อาศัยอยู่ในฉนวนกาซาทุกคนออกไปยังประเทศใดก็ได้ที่ยินดีรับพวกเขา แผนดังกล่าวจะรวมถึงทางเลือกในการออกนอกประเทศโดยผ่านทางบก ทางทะเล รวมทั้งทางอากาศด้วย ประเทศต่างๆ เช่น สเปน ไอร์แลนด์ นอร์เวย์ และประเทศอื่นๆ ที่กล่าวหาอิสราเอลอย่างไร้หลักฐานเกี่ยวกับการกระทำในฉนวนกาซา พวกเขาสมควรต้อนรับชาวฉนวนกาซาเข้าให้ไปในดินแดนของพวกเขาซะ ความหน้าไหว้หลังหลอกของพวกเขาจะถูกเปิดเผยหากพวกเขาปฏิเสธ”
    Like
    Sad
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนโชว์เทพ ลงพื้นที่ไม่กี่วันตัดตอนจีนเทา ทำไทยเฉยตื่นเลย
    ในที่สุดรัฐบาลไทยก็ตัดสินใจได้เฉียบขาด สั่งตัดไฟฟ้าอินเตอร์เน็ตและน้ํามันเชื้อเพลิง ที่จัดส่งจากฝั่งไทยไปยัง ฝั่งเมียนมาร์ เริ่มตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้าวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 หลังจากหน่วยข่าวกรองยืนยันในที่ประชุมซึ่งมีนายภูมิธรรม เวชชัยรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกลาโหมเป็นประธานว่า ห้ามเมืองเหล่านั้นเป็นแหล่งซ่องสุมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จําเป็นต้องตัดท่อน้ําเลี้ยงเพื่อหยุดวงจรอุบาทว์
    แม้งานนี้จะมีชาวเมียนมาที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วยจากมาตรการนี้ของรัฐบาลไทย แต่นายภูมิธรรม ย้ําถึงความจําเป็นที่จะต้องทํา เนื่องจากที่ผ่านมาประชาชนคนไทยต้องเสียหายหนักจากเล่ห์กลของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คุกคามชีวิตความเป็นอยู่อย่างไม่หยุดหย่อนจนเกิดเป็นคดีความฉ้อโกง มูลค่าความเสียหายกว่า 86000 ล้านบาท
    ถือว่ากระทบความมั่นคงของประเทศอย่างรุนแรงโดยรัฐบาลเมียนมาก็ต้องรับผิดชอบต่อความเดือดร้อนของคนเมียนมาเอาเอง เพราะรัฐบาลไทยจําเป็นต้องใช้มาตรการนี้เพื่อคุ้มครองคนไทยไว้ก่อนอีกทั้งการล่อลวงค้ามนุษย์ของพวกจีนเทาในเมียนมา ก็ถือเป็นปัญหาระดันานาชาติไปแล้ว เพราะมีคนสัญชาติต่างต่างโดนกวาดต้อนไปเป็นแรงงานที่นั่น
    งานนี้พี่จีนมาเหนือ แสดงความเก่งกาจได้อย่างสุดๆฝีมือ เก่งขนาดที่ว่า สามารถกดดันไทยเฉยให้ตื่นจากหลับ รับรู้ถึงความไม่ถูกต้องที่ปล่อยให้คนไทยรับมือโจนไซเบอร์ไปตามยถากรรมหรือกล่าวได้ว่าคนไทยเป็นหนี้บุญคุณของพญามังกรที่รุกไล่ทําลายแก๊งจีนเทาแบบเอาตาย ต้องขอยอมรับความแข็งแกร่งของทีมงานจากประเทศจีนจริงๆที่ไม่ว่าอิทธิพลขนาดไหนก็ยังคง สู้ยิบตาถ้าทำประชาชนเดือดร้อน ไม่เหมือนคนแถวนี้
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    จีนโชว์เทพ ลงพื้นที่ไม่กี่วันตัดตอนจีนเทา ทำไทยเฉยตื่นเลย ในที่สุดรัฐบาลไทยก็ตัดสินใจได้เฉียบขาด สั่งตัดไฟฟ้าอินเตอร์เน็ตและน้ํามันเชื้อเพลิง ที่จัดส่งจากฝั่งไทยไปยัง ฝั่งเมียนมาร์ เริ่มตั้งแต่เวลา 9 โมงเช้าวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 หลังจากหน่วยข่าวกรองยืนยันในที่ประชุมซึ่งมีนายภูมิธรรม เวชชัยรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกลาโหมเป็นประธานว่า ห้ามเมืองเหล่านั้นเป็นแหล่งซ่องสุมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จําเป็นต้องตัดท่อน้ําเลี้ยงเพื่อหยุดวงจรอุบาทว์ แม้งานนี้จะมีชาวเมียนมาที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วยจากมาตรการนี้ของรัฐบาลไทย แต่นายภูมิธรรม ย้ําถึงความจําเป็นที่จะต้องทํา เนื่องจากที่ผ่านมาประชาชนคนไทยต้องเสียหายหนักจากเล่ห์กลของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คุกคามชีวิตความเป็นอยู่อย่างไม่หยุดหย่อนจนเกิดเป็นคดีความฉ้อโกง มูลค่าความเสียหายกว่า 86000 ล้านบาท ถือว่ากระทบความมั่นคงของประเทศอย่างรุนแรงโดยรัฐบาลเมียนมาก็ต้องรับผิดชอบต่อความเดือดร้อนของคนเมียนมาเอาเอง เพราะรัฐบาลไทยจําเป็นต้องใช้มาตรการนี้เพื่อคุ้มครองคนไทยไว้ก่อนอีกทั้งการล่อลวงค้ามนุษย์ของพวกจีนเทาในเมียนมา ก็ถือเป็นปัญหาระดันานาชาติไปแล้ว เพราะมีคนสัญชาติต่างต่างโดนกวาดต้อนไปเป็นแรงงานที่นั่น งานนี้พี่จีนมาเหนือ แสดงความเก่งกาจได้อย่างสุดๆฝีมือ เก่งขนาดที่ว่า สามารถกดดันไทยเฉยให้ตื่นจากหลับ รับรู้ถึงความไม่ถูกต้องที่ปล่อยให้คนไทยรับมือโจนไซเบอร์ไปตามยถากรรมหรือกล่าวได้ว่าคนไทยเป็นหนี้บุญคุณของพญามังกรที่รุกไล่ทําลายแก๊งจีนเทาแบบเอาตาย ต้องขอยอมรับความแข็งแกร่งของทีมงานจากประเทศจีนจริงๆที่ไม่ว่าอิทธิพลขนาดไหนก็ยังคง สู้ยิบตาถ้าทำประชาชนเดือดร้อน ไม่เหมือนคนแถวนี้ ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'รู้ผลาญ' แต่ 'หน้าที่' ไม่รู้
    1 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 0:01 น.

    ถ้า "แทงหวยแม่น" เหมือนที่้เคยบอก....
    ว่าทักษิณจะอ้างเหตุ "ที่ปรึกษาประธานอาเซียน" ขออนุญาตศาล บินออกนอกประเทศนั่นละก็
    วันนี้ผมรวย ชนิดเลี้ยงหมาจรจัดได้ทั้งประเทศ  บอกไม่เชื่อ!
    เพราะเป็นอย่างนั้นจริงๆ เมื่อวาน (๓๑ ม.ค.๖๘) ศาลอาญามีคำสั่งว่า
    "พิเคราะห์ข้อเท็จจริงในทางไต่สวนแล้ว จำเลยอ้างตนเองเป็นพยาน โดยมี "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ" มาเบิกความสนับสนุน
    พร้อมพยานเอกสารยืนยันให้เห็นถึงเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องเดินทางออกนอกราชอาณาจักรในระหว่างวันที่ ๒-๓ ก.พ.๖๘ 
    เห็นว่า ช่วงเวลาที่จำเลยขออนุญาตเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ไม่กระทบต่อวันนัดพิจารณาคดี 
    เหตุผลและความจำเป็นที่จำเลยอ้าง เป็นประโยชน์ต่อประเทศ และเพื่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างรัฐ
    กรณีมีเหตุสมควร จึงอนุญาตให้จำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักรได้ตามที่ขอ 
    โดยวางหลักประกันตามที่เสนอ และให้มารายงานตัวภายใน ๓ วัน นับแต่วันที่จำเลยเดินทางกลับประเทศไทย
    แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทราบ" 
    "๕ ล้านบาท" คือหลักประกันว่าทักษิณจะไม่หนี!
    เอ้า...
    ใครจะตกลง-ต่อรองหรือจะเสนออะไร ทางธุรกิจ-ลงทุน ไม่ว่าจะบ่อน จะพนันออนไลน์ จะทำ "ปฏิญญามาเลย์"
    ก็ไปเจอกันที่นั่นตามวัน-เวลานัดหมายละกัน
    กลับมาเรื่อง "รัฐบาลไทย" ที่ต้องให้จีนส่งคนเข้ามาใช้ "ฝ่ามือทิพย์" ลูบหน้า สอนรู้จักหน้าที่ ที่ "รัฐบาล (ถ้ามี) ความโปร่งใส" ควรทำ
    เรื่อง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งค้ามนุษย์ แก๊งพนันทุกรูปแบบ แก๊งฟอกเงิน ซึ่ง "จีนเทา" เข้าไปสร้าง "เมืองคนบาป" ในฝั่งพม่าตรงข้าม "แม่สอด-แม่สาย"
    และใช้ไทย "เป็นประตู" หลอกเหยื่อไปบังคับเป็น "ทาสมนุษย์" ผ่านทางชายแดนไทย
    ทั้งน้ำ-ทั้งไฟ-ทั้งเน็ต บริการจากฝั่งไทยครบวงจร!
    โลกเดือดร้อน โดยเฉพาะจีน เพราะคนของเขา ถูก "จีนเทา" ซึ่งก็คนของเขา หลอกพวกเดียวกันเองไปเป็นเหยื่อมากที่สุด
    จะว่าไป ต้นตอของเรื่องอยู่ในพม่า กลุ่มก่อเหตุ ก็กลุ่มชาติพันธุ์ในพม่า เชื้อสายจีน สมคบพวกจีน แต่เป็น "แก๊งจีนเทา" จีนก็ควรไปจัดการจีนกันเอง
    ความจริง ก็ควรเป็นเช่นนั้น....
    แต่ที่มันไม่เป็น เพราะจีนเทา ใช้ไทยเป็น "ประตูเข้า-ออก" ตามด่านต่างๆ "ไฟฟ้า-เน็ต" ก็ไปจากไทย
    แทนที่ไทยจะแก้ปัญหาแก๊งจีนเทาใช้เป็นฐาน หัว-คือรัฐบาลกลับส่าย หาง-เจ้าหน้าที่ระดับต่างๆ ก็เลยกระดิกตามไปทุกระดับชั้น
    ถึงขั้น ธุรกิจเครือข่ายนักการเมืองรัฐบาล ขายบ้านจัดสรรให้จีนเทา "ยกทั้งโครงการ" ด้วยซ้ำ!
    "จีน" อดรนทนไม่ไหว ต้องส่งคณะ "ความมั่นคง" เข้ามาลูบหน้าถึงในประเทศ
    ผมเท้าความให้ทราบคร่าวๆ ส่วนประเด็นคุยวันนี้ มีว่า
    แล้วประเทศชาติ (กู) จะอยู่ได้อย่างไร?
    ในเมื่อ มี "ผู้นำรัฐบาล" ไม่รู้ว่าห่า คืออะไร ไม่รู้ว่าเหวคืออะไร แล้วจะให้รู้จัก "บทบาท-หน้าที่" ผู้นำบริหารได้อย่างไร?
    ก็ยกยอ-ปอปั้น "เด็กวานซืน" ที่ไม่รู้กระทั่งว่า "วัวต่างกับควาย" ตรงไหน ให้เป็น "ผู้นำบริหาร" ประเทศ!!!
    เมื่อมีเรื่องด้าน "ความมั่นคง" ต้องตัดสินใจ ประเด็นว่า ไทยควร "ตัดไฟ-ตัดเน็ต" ที่ส่งไปขายเมียวดี ชเวก๊กโก ด้านแม่สอด ตาก, ท่าขี้เหล็ก ด้านแม่สาย เชียงราย
    ปัญหาที่เกิดตามมา คือ...
    "แล้วใครล่ะ" มี "อำนาจหน้าที่" สั่งการในเรื่องนี้?
    ทั้งรัฐบาล ทั้งข้าราชการ "ทุกระดับ" ไม่ใช่กู ทั้งนั้น!
    เมื่อต้องหาใครซักคนมาเป็นแพะเพื่อเชือด-เพื่อด่า ก็ "การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค" นี่ละวะ!
    กฟภ.ขึ้นกับมหาดไทยนี่หว่า งั้น "นายอนุทิน" รัฐมนตรีมหาดไทยนี่แหละ ต้องไปสั่งตัด
    ทั้งฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้าน ก็เลยรุมสกรัมนายอนุทิน เป็นการสกัดดาวรุ่งตัวชิงบัลลังก์การเมืองกันคนละตุ้บ-ละตั้บ
    กฟภ.ซึ่ง "เนื้อไม่ได้กิน แต่ถูกเขาเอากระดูกแขวนคอ" ทนไม่ไหว เลยออกมาแฉ
    "ตัด-ไม่ตัด" อยู่ที่ฝ่าย "ความมั่นคง" โน่น!
    ตามอำนาจหน้าที่ "เรื่องความมั่นคง" เป็นเรื่องของ สมช.คือ "สภาความมั่นคงแห่งชาติ" ที่ "นายฉัตรชัย บางชวด" เป็นเลขาธิการฯ อยู่ขณะนี้
    แต่อย่าเพิ่งทึกทักนายฉัตรชัยเป็นแพะตัวที่ ๒  เขาเป็นแค่เลขาฯ เท่านั้น
    งั้น...ใครล่ะ "ใหญ่สุด" ใน สมช. มีอำนาจชี้เป็น-ชี้ตาย?
    ก็คณะบุคคลที่ประกอบกันเป็นสมาชิก "สภาความมั่นคงแห่งชาติ" นั่นไง ตามตำแหน่งนี้แหละ
    ๑.นายกรัฐมนตรี ประธาน ๒.รองนายกฯ รองประธาน
    ๓.รมว.กลาโหม ๔.รมว.คลัง ๕.รมว.ต่างประเทศ
    ๖.รมว.คมนาคม ๗.รมว.ดิจิทัลฯ ๘.รมว.มหาดไทย
    ๙.รมว.ยุติธรรม ๑๐.ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นสมาชิก
    ๑๑.เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เลขาฯ
    นี่คือ ๑๑ เสือ สมช.หรือ ๑๑ แมว ก็ไม่รู้นะ แต่อนาคตประเทศชาติบนความมั่นคง อยู่ในมือ ๑๑ เสือแมว นี้แหละ
    แล้ว "สภาความมั่นคงฯ" มีหน้าที่อะไร?
    เอาที่ตรงสเปกเรื่องร้อนตอนนี้มาให้ดูซัก ๔ อย่าง
    -กำหนดแนวทาง, มาตรการป้องกัน, แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ เสนอนายกฯ หรือ ครม.พิจารณา
    -ประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์ภาพรวมในเชิงยุทธศาสตร์อันเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติ
    -กำกับและติดตามการดำเนินการตามนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ
    -ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.นี้และกฎหมายอื่นหรือตามที่นายกฯ หรือ ครม.มอบหมาย
    สรุป นายกฯ แพทองธาร ประธาน สมช.และหัวหน้า ครม.นั่นแหละ มีอำนาจหน้าที่โดยตรง ที่จะสั่ง "ตัดไฟ-ตัดเน็ต" ที่ส่งไปขายเมืองคนบาป
    อยากเป็นผู้นำ อย่าเอาแต่ "หลุบหัว-หลุบหาง" ออกจอจ้อแต่เรื่องสวะเอาหน้า แต่กับเรื่อง "เอาชาติบ้านเมือง" กลับผลุบหาย!
    เนี่ย ตอนนี้ ก็เลยโทษกันวุ่น นายกฯ ก็ไม่เกี่ยว  ภูมิธรรมก็ไม่เกี่ยว สมช.ก็ไม่เกี่ยว
    มีแต่นายอนุทิน กับ กฟภ.เท่านั้นเกี่้ยว เห็นแล้ว มันโคตรระยำแมวเลย!
    รองจากนายกฯ ก็ "นายภูมิธรรม" มีหน้าที่รับผิดชอบเต็มสองพระบาท
    เพราะนายกฯ มอบให้กำกับดูแล "กระทรวงเกี่ยวกับด้านความมั่นคง" และ "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ"
    เรื่องในหน้าที่ตัว แต่เงียบกริ๊บ ไม่เก่งเหมือนตอนเป็นฝ่ายแค้น ที่ออกมาคุยโต เบ่งทับรัฐบาลประยุทธ์เลย!
    เอาข่าวเมื่อ ๑๑ พ.ย.๖๗ มาให้นายภูมิธรรมอ่าน เผื่อต่อมสำนึกจะทำงาน
    ...................................
    นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ รัฐมนตรีกลาโหม ได้นำ นายธิติวัฐ อดิศรพันธ์กุล รองเลขาฯ นายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมืองของนายภูมิธรรม
    พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ที่ปรึกษารองนายกฯ, พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี และ พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
    เดินดูห้องทำงานของแต่ละคนภายในตึกบัญชาการ ๑ จากนั้น นายภูมิธรรมได้มอบนโยบายและแบ่งงาน
    -พล.อ.นิพัทธ์ ดูกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)
    -พล.ต.อ.รอย ดูงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง
    -พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ ดูสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)
    ...................................
    ทั้งหมดนี้ สรุปลงในคำถามว่า "Where the hell are you?"
    ประเทศที่รัฐบาลเอาแต่อำนาจ แต่ไม่รู้หน้าที่
    ประเทศที่นักการเมือง, ข้าราชการ, ทหาร-ตำรวจ รู้แต่เอาตัวรอด บ้านเมืองช่างมัน
    ประเทศที่มีแต่ประชาชนรอเงินแจก-บูชาโจร
    แล้วประเทศ (กู) จะรอดมั้ยเนี่ย?
    เปลว สีเงิน
    ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘
    วันเสาร์ที่ปลายซอย

    เปลว สีเงิน
    'รู้ผลาญ' แต่ 'หน้าที่' ไม่รู้ 1 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 0:01 น. ถ้า "แทงหวยแม่น" เหมือนที่้เคยบอก.... ว่าทักษิณจะอ้างเหตุ "ที่ปรึกษาประธานอาเซียน" ขออนุญาตศาล บินออกนอกประเทศนั่นละก็ วันนี้ผมรวย ชนิดเลี้ยงหมาจรจัดได้ทั้งประเทศ  บอกไม่เชื่อ! เพราะเป็นอย่างนั้นจริงๆ เมื่อวาน (๓๑ ม.ค.๖๘) ศาลอาญามีคำสั่งว่า "พิเคราะห์ข้อเท็จจริงในทางไต่สวนแล้ว จำเลยอ้างตนเองเป็นพยาน โดยมี "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ" มาเบิกความสนับสนุน พร้อมพยานเอกสารยืนยันให้เห็นถึงเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องเดินทางออกนอกราชอาณาจักรในระหว่างวันที่ ๒-๓ ก.พ.๖๘  เห็นว่า ช่วงเวลาที่จำเลยขออนุญาตเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ไม่กระทบต่อวันนัดพิจารณาคดี  เหตุผลและความจำเป็นที่จำเลยอ้าง เป็นประโยชน์ต่อประเทศ และเพื่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างรัฐ กรณีมีเหตุสมควร จึงอนุญาตให้จำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักรได้ตามที่ขอ  โดยวางหลักประกันตามที่เสนอ และให้มารายงานตัวภายใน ๓ วัน นับแต่วันที่จำเลยเดินทางกลับประเทศไทย แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทราบ"  "๕ ล้านบาท" คือหลักประกันว่าทักษิณจะไม่หนี! เอ้า... ใครจะตกลง-ต่อรองหรือจะเสนออะไร ทางธุรกิจ-ลงทุน ไม่ว่าจะบ่อน จะพนันออนไลน์ จะทำ "ปฏิญญามาเลย์" ก็ไปเจอกันที่นั่นตามวัน-เวลานัดหมายละกัน กลับมาเรื่อง "รัฐบาลไทย" ที่ต้องให้จีนส่งคนเข้ามาใช้ "ฝ่ามือทิพย์" ลูบหน้า สอนรู้จักหน้าที่ ที่ "รัฐบาล (ถ้ามี) ความโปร่งใส" ควรทำ เรื่อง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งค้ามนุษย์ แก๊งพนันทุกรูปแบบ แก๊งฟอกเงิน ซึ่ง "จีนเทา" เข้าไปสร้าง "เมืองคนบาป" ในฝั่งพม่าตรงข้าม "แม่สอด-แม่สาย" และใช้ไทย "เป็นประตู" หลอกเหยื่อไปบังคับเป็น "ทาสมนุษย์" ผ่านทางชายแดนไทย ทั้งน้ำ-ทั้งไฟ-ทั้งเน็ต บริการจากฝั่งไทยครบวงจร! โลกเดือดร้อน โดยเฉพาะจีน เพราะคนของเขา ถูก "จีนเทา" ซึ่งก็คนของเขา หลอกพวกเดียวกันเองไปเป็นเหยื่อมากที่สุด จะว่าไป ต้นตอของเรื่องอยู่ในพม่า กลุ่มก่อเหตุ ก็กลุ่มชาติพันธุ์ในพม่า เชื้อสายจีน สมคบพวกจีน แต่เป็น "แก๊งจีนเทา" จีนก็ควรไปจัดการจีนกันเอง ความจริง ก็ควรเป็นเช่นนั้น.... แต่ที่มันไม่เป็น เพราะจีนเทา ใช้ไทยเป็น "ประตูเข้า-ออก" ตามด่านต่างๆ "ไฟฟ้า-เน็ต" ก็ไปจากไทย แทนที่ไทยจะแก้ปัญหาแก๊งจีนเทาใช้เป็นฐาน หัว-คือรัฐบาลกลับส่าย หาง-เจ้าหน้าที่ระดับต่างๆ ก็เลยกระดิกตามไปทุกระดับชั้น ถึงขั้น ธุรกิจเครือข่ายนักการเมืองรัฐบาล ขายบ้านจัดสรรให้จีนเทา "ยกทั้งโครงการ" ด้วยซ้ำ! "จีน" อดรนทนไม่ไหว ต้องส่งคณะ "ความมั่นคง" เข้ามาลูบหน้าถึงในประเทศ ผมเท้าความให้ทราบคร่าวๆ ส่วนประเด็นคุยวันนี้ มีว่า แล้วประเทศชาติ (กู) จะอยู่ได้อย่างไร? ในเมื่อ มี "ผู้นำรัฐบาล" ไม่รู้ว่าห่า คืออะไร ไม่รู้ว่าเหวคืออะไร แล้วจะให้รู้จัก "บทบาท-หน้าที่" ผู้นำบริหารได้อย่างไร? ก็ยกยอ-ปอปั้น "เด็กวานซืน" ที่ไม่รู้กระทั่งว่า "วัวต่างกับควาย" ตรงไหน ให้เป็น "ผู้นำบริหาร" ประเทศ!!! เมื่อมีเรื่องด้าน "ความมั่นคง" ต้องตัดสินใจ ประเด็นว่า ไทยควร "ตัดไฟ-ตัดเน็ต" ที่ส่งไปขายเมียวดี ชเวก๊กโก ด้านแม่สอด ตาก, ท่าขี้เหล็ก ด้านแม่สาย เชียงราย ปัญหาที่เกิดตามมา คือ... "แล้วใครล่ะ" มี "อำนาจหน้าที่" สั่งการในเรื่องนี้? ทั้งรัฐบาล ทั้งข้าราชการ "ทุกระดับ" ไม่ใช่กู ทั้งนั้น! เมื่อต้องหาใครซักคนมาเป็นแพะเพื่อเชือด-เพื่อด่า ก็ "การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค" นี่ละวะ! กฟภ.ขึ้นกับมหาดไทยนี่หว่า งั้น "นายอนุทิน" รัฐมนตรีมหาดไทยนี่แหละ ต้องไปสั่งตัด ทั้งฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้าน ก็เลยรุมสกรัมนายอนุทิน เป็นการสกัดดาวรุ่งตัวชิงบัลลังก์การเมืองกันคนละตุ้บ-ละตั้บ กฟภ.ซึ่ง "เนื้อไม่ได้กิน แต่ถูกเขาเอากระดูกแขวนคอ" ทนไม่ไหว เลยออกมาแฉ "ตัด-ไม่ตัด" อยู่ที่ฝ่าย "ความมั่นคง" โน่น! ตามอำนาจหน้าที่ "เรื่องความมั่นคง" เป็นเรื่องของ สมช.คือ "สภาความมั่นคงแห่งชาติ" ที่ "นายฉัตรชัย บางชวด" เป็นเลขาธิการฯ อยู่ขณะนี้ แต่อย่าเพิ่งทึกทักนายฉัตรชัยเป็นแพะตัวที่ ๒  เขาเป็นแค่เลขาฯ เท่านั้น งั้น...ใครล่ะ "ใหญ่สุด" ใน สมช. มีอำนาจชี้เป็น-ชี้ตาย? ก็คณะบุคคลที่ประกอบกันเป็นสมาชิก "สภาความมั่นคงแห่งชาติ" นั่นไง ตามตำแหน่งนี้แหละ ๑.นายกรัฐมนตรี ประธาน ๒.รองนายกฯ รองประธาน ๓.รมว.กลาโหม ๔.รมว.คลัง ๕.รมว.ต่างประเทศ ๖.รมว.คมนาคม ๗.รมว.ดิจิทัลฯ ๘.รมว.มหาดไทย ๙.รมว.ยุติธรรม ๑๐.ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นสมาชิก ๑๑.เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เลขาฯ นี่คือ ๑๑ เสือ สมช.หรือ ๑๑ แมว ก็ไม่รู้นะ แต่อนาคตประเทศชาติบนความมั่นคง อยู่ในมือ ๑๑ เสือแมว นี้แหละ แล้ว "สภาความมั่นคงฯ" มีหน้าที่อะไร? เอาที่ตรงสเปกเรื่องร้อนตอนนี้มาให้ดูซัก ๔ อย่าง -กำหนดแนวทาง, มาตรการป้องกัน, แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ เสนอนายกฯ หรือ ครม.พิจารณา -ประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์ภาพรวมในเชิงยุทธศาสตร์อันเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติ -กำกับและติดตามการดำเนินการตามนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ -ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.นี้และกฎหมายอื่นหรือตามที่นายกฯ หรือ ครม.มอบหมาย สรุป นายกฯ แพทองธาร ประธาน สมช.และหัวหน้า ครม.นั่นแหละ มีอำนาจหน้าที่โดยตรง ที่จะสั่ง "ตัดไฟ-ตัดเน็ต" ที่ส่งไปขายเมืองคนบาป อยากเป็นผู้นำ อย่าเอาแต่ "หลุบหัว-หลุบหาง" ออกจอจ้อแต่เรื่องสวะเอาหน้า แต่กับเรื่อง "เอาชาติบ้านเมือง" กลับผลุบหาย! เนี่ย ตอนนี้ ก็เลยโทษกันวุ่น นายกฯ ก็ไม่เกี่ยว  ภูมิธรรมก็ไม่เกี่ยว สมช.ก็ไม่เกี่ยว มีแต่นายอนุทิน กับ กฟภ.เท่านั้นเกี่้ยว เห็นแล้ว มันโคตรระยำแมวเลย! รองจากนายกฯ ก็ "นายภูมิธรรม" มีหน้าที่รับผิดชอบเต็มสองพระบาท เพราะนายกฯ มอบให้กำกับดูแล "กระทรวงเกี่ยวกับด้านความมั่นคง" และ "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" เรื่องในหน้าที่ตัว แต่เงียบกริ๊บ ไม่เก่งเหมือนตอนเป็นฝ่ายแค้น ที่ออกมาคุยโต เบ่งทับรัฐบาลประยุทธ์เลย! เอาข่าวเมื่อ ๑๑ พ.ย.๖๗ มาให้นายภูมิธรรมอ่าน เผื่อต่อมสำนึกจะทำงาน ................................... นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ รัฐมนตรีกลาโหม ได้นำ นายธิติวัฐ อดิศรพันธ์กุล รองเลขาฯ นายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมืองของนายภูมิธรรม พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ที่ปรึกษารองนายกฯ, พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี และ พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี เดินดูห้องทำงานของแต่ละคนภายในตึกบัญชาการ ๑ จากนั้น นายภูมิธรรมได้มอบนโยบายและแบ่งงาน -พล.อ.นิพัทธ์ ดูกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) -พล.ต.อ.รอย ดูงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง -พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ ดูสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ................................... ทั้งหมดนี้ สรุปลงในคำถามว่า "Where the hell are you?" ประเทศที่รัฐบาลเอาแต่อำนาจ แต่ไม่รู้หน้าที่ ประเทศที่นักการเมือง, ข้าราชการ, ทหาร-ตำรวจ รู้แต่เอาตัวรอด บ้านเมืองช่างมัน ประเทศที่มีแต่ประชาชนรอเงินแจก-บูชาโจร แล้วประเทศ (กู) จะรอดมั้ยเนี่ย? เปลว สีเงิน ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ วันเสาร์ที่ปลายซอย เปลว สีเงิน
    Like
    Sad
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 244 มุมมอง 0 รีวิว
  • วุฒิสภาสหรัฐขัดขวางการผ่านร่างกฎหมายคว่ำบาตรศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) จากกรณีตอบโต้การออกหมายจับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู และอดีตรัฐมนตรีกลาโหมโยอัฟ กัลลันต์

    ในการลงคะแนนเสียงเมื่อวันอังคาร ร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนเพียง 54 เสียง และคัดค้านมากถึง 45 เสียง ทำให้ยังขาดคะแนนเสียงที่จำเป็นอีก 60 เสียง เพื่อนำเข้าสู่การลงคะแนนเสียงขั้นสุดท้าย

    วุฒิสมาชิกจอห์น เฟตเตอร์แมน (John Fetterman) เป็นสมาชิกจากพรรคเดโมแครตเพียงคนเดียวที่ลงคะแนนเสียงสนับสนุนกฎหมายดังกล่าว เขาได้รับคำชมเชยอย่างรวดเร็วจากคณะกรรมการกิจการสาธารณะอเมริกัน-อิสราเอล (American Israel Public Affairs Committee หรือ AIPAC) ซึ่งเป็นกลุ่มล็อบบี้ที่มีอิทธิพลอย่างมากที่สนับสนุนอิสราเอล

    วุฒิสภาสหรัฐขัดขวางการผ่านร่างกฎหมายคว่ำบาตรศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) จากกรณีตอบโต้การออกหมายจับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู และอดีตรัฐมนตรีกลาโหมโยอัฟ กัลลันต์ ในการลงคะแนนเสียงเมื่อวันอังคาร ร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนเพียง 54 เสียง และคัดค้านมากถึง 45 เสียง ทำให้ยังขาดคะแนนเสียงที่จำเป็นอีก 60 เสียง เพื่อนำเข้าสู่การลงคะแนนเสียงขั้นสุดท้าย วุฒิสมาชิกจอห์น เฟตเตอร์แมน (John Fetterman) เป็นสมาชิกจากพรรคเดโมแครตเพียงคนเดียวที่ลงคะแนนเสียงสนับสนุนกฎหมายดังกล่าว เขาได้รับคำชมเชยอย่างรวดเร็วจากคณะกรรมการกิจการสาธารณะอเมริกัน-อิสราเอล (American Israel Public Affairs Committee หรือ AIPAC) ซึ่งเป็นกลุ่มล็อบบี้ที่มีอิทธิพลอย่างมากที่สนับสนุนอิสราเอล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 255 มุมมอง 0 รีวิว
  • พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ประกาศยกเลิกการคุ้มครองด้านความปลอดภัยส่วนบุคคลของพลเอกมาร์ก มิลลีย์ นายทหารเกษียณอายุ อดีตประธานคณะเสนาธิการร่วมกองทัพสหรัฐ

    เฮกเซธอ้างข้อกล่าวหาว่ามิลลีย์ "บ่อนทำลายสายการบังคับบัญชา" ในช่วงดำรงตำแหน่งวาระแรกของทรัมป์

    เฮกเซธยังสั่งให้รักษาการผู้ตรวจการแผ่นดินจัดตั้งคณะกรรมการ เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงและสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของพลเอกมิลลีย์ เพื่อให้รัฐมนตรีสามารถพิจารณาว่าเหมาะสมที่จะเปิดการพิจารณาทบทวนยศตำแหน่งทหารของเขาอีกครั้งหรือไม่ จากข้อมูลแหล่งข่าว มิลลีย์มีโอกาสถูกถอดยศหรือปลดออกจากตำแหน่ง แทนที่จะมีสถานะเป็นนายพลเกษียณที่มีตำแหน่งต่อท้าย

    นอกจากนี้ ภาพของมิลลีย์ที่เพนตากอน ซึ่งตั้งอยู่ใน Marshall Corridor ของกองทัพบก ได้ถูกถอดออกไปแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งที่เป็นเรื่องน่าอับอายอย่างมากสำหรับตำแหน่งสูงสุดทางทหารของมิลลีย์
    พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ประกาศยกเลิกการคุ้มครองด้านความปลอดภัยส่วนบุคคลของพลเอกมาร์ก มิลลีย์ นายทหารเกษียณอายุ อดีตประธานคณะเสนาธิการร่วมกองทัพสหรัฐ เฮกเซธอ้างข้อกล่าวหาว่ามิลลีย์ "บ่อนทำลายสายการบังคับบัญชา" ในช่วงดำรงตำแหน่งวาระแรกของทรัมป์ เฮกเซธยังสั่งให้รักษาการผู้ตรวจการแผ่นดินจัดตั้งคณะกรรมการ เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงและสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของพลเอกมิลลีย์ เพื่อให้รัฐมนตรีสามารถพิจารณาว่าเหมาะสมที่จะเปิดการพิจารณาทบทวนยศตำแหน่งทหารของเขาอีกครั้งหรือไม่ จากข้อมูลแหล่งข่าว มิลลีย์มีโอกาสถูกถอดยศหรือปลดออกจากตำแหน่ง แทนที่จะมีสถานะเป็นนายพลเกษียณที่มีตำแหน่งต่อท้าย นอกจากนี้ ภาพของมิลลีย์ที่เพนตากอน ซึ่งตั้งอยู่ใน Marshall Corridor ของกองทัพบก ได้ถูกถอดออกไปแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งที่เป็นเรื่องน่าอับอายอย่างมากสำหรับตำแหน่งสูงสุดทางทหารของมิลลีย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 259 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาร์ค รุตต์ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ(นาโต) และ เมตเต เฟรเดอริกเซน นายกรัฐมนตรีหญิงเดนมาร์ก เห็นพ้องระหว่างการพบปะประชุมกันว่าพันธมิตรแห่งนี้จำเป็นต้องมุ่งเน้นเสริมความเข้มแข็งแก่การป้องกันตนเองในอาร์กติก ท่ามกลางการแสดงออกอย่างชัดเจนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่ปรารถนาอยากได้เกาะกรีนแลนด์ของเดนมาร์ก ไว้ในครอบครอง
    .
    แหล่งข่าวใกล้ชิดกับการหารือ เปิดเผยหลังการประชุมระหว่าง รุตต์ กับ เฟรเดอริกเซน ว่า "ทั้ง 2 คน เห็นพ้องกันว่าในความพยายามนี้ พันธมิตรทั้งมวลต้องมีบทบาท"
    .
    การพบปะพูดคุยครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลอย่างกว้างขวาง เกี่ยวกับกรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แสดงความสนใจมาตั้งแต่ได้รับเลือกตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งอีกสมัยในเดือนพฤศจิกายน ในการทำให้เกาะกรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกา
    .
    "เราหารือเกี่ยวกับแนวทางที่เราจะทำงานร่วมกันเพื่อเสริมความมั่นคงในทะเลบอลติก สนับสนุนยูคเรน และลงทุนเพิ่มเติมในด้านกลาโหม ในนั้นรวมถึงในแถบอาร์กติก" รุตต์เขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์หลังเสร็จสิ้นการประชุม
    .
    ทรัมป์ บอกว่าเกาะกรีนแลนด์ มีความสำคัญต่อความมั่นคงของสหรัฐฯและเดนมาร์กควรยอมสละการควบคุมเกาะยุทธศาสตร์สำคัญในอาร์กติกแห่งนี้ ทั้งนี้ผู้นำอเมริกาไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารหรือพลังอำนาจทางเศรษฐกิจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว
    .
    ที่ผ่านมา ทรัมป์ ก็อยู่ในความขัดแย้งกับบรรดาพันธมิตรนาโตและยุโรป เกี่ยวกับการใช้จ่ายด้านกลาโหม และบอกว่าภายใต้การเป็นประธานาธิบดีของเขา สหรัฐฯจะทบทวนโดยพื้นฐานกี่ยวกับวัตถุประสงค์และภารกิจของนาโต
    .
    ในส่วนของเดนมาร์ก ได้แถลงเมื่อวันจันทร์(27ม.ค.) จะใช้จ่ายงบประมาณ 14,600 ล้านโครเนอเดนมาร์ก (ประมาณ 2,050 ล้านดอลลาร์ หรือ 69,000 ล้านบาท) เสริมประจำการทางทหารในอาร์กติก ดินแดนยุทธศาสตร์ใกล้กับทั้งสหรัฐฯ และรัสเซีย
    .
    "เราต้องเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริงที่ว่า มีความท้าทายร้ายแรงในเรื่องความมั่นคงและด้านการป้องกันตนเองในอาร์กติกและนอร์ทแอตแลนติก" โทรเอลส์ ลุนด์ โพลเซน รัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์กระบุในถ้อยแถลง
    .
    เมตเต เฟรเดอริกเซน ยังได้พบปะกับ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และบอกว่าพวกผู้นำทางการเมืองในยุโรปและที่อื่นๆ ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่กับหลักการแห่งการธำรงไว้ซึ่งความเคารพเขตแดนระหว่างประเทศ
    .
    ผลสำรวจความคิดเห็นหนึ่งที่เผยแพร่ในวันอังคาร(28ม.ค.) พบว่ามีชาวกรีนแลนด์ถึง 85% ที่ไม่ปรารถนาให้เกาะแอตแลนติกแห่งนี้ ซึ่งเป็นดินแดนกึ่งปกครองตนเองของเดนมาร์ก เข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ ตามรายงานของ Berlingske หนังสือพิมพ์เดนมาร์ก
    .
    โพลที่จัดทำโดย Verian ตามที่ได้รับมอบหมายจาก Berlingske พบว่ามีชาวกรีนแลนด์แค่ 6% ที่อยากเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ ส่วนที่เหลืออีก 9% บอกว่ายังไม่ตัดสินใจ
    .
    เกาะกรีนแลนด์ ดินแดนที่มีขนาดใหญ่กว่าเม็กซิโก และมีประชากร 57,000 คน ได้รับอำนาจในการปกครองตนเองอย่างกว้างขวางในปี 2009 ในนั้นรวมถึงสิทธิในการประกาศเอกราชจากเดนมาร์กผ่านการทำประชามติ
    .
    มูเต เอเกเด นายกรัฐมนตรีเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งยกระดับผลักดันความเป็นเอกราช เน้นย้ำว่าเกาะแห่งนี้ไม่ได้มีไว้ขาย และขึ้นอยู่กับประชาชนของเกาะที่จะตัดสินใจอนาคตของตนเอง
    .
    สำหรับกองทัพสหรัฐฯ พวกเขามีกำลังพลประจำการถาวรอยู่ ณ ฐานทัพอวกาศพิทัฟฟิก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะกรีนแลนด์ ตำแหน่งยุทธศาสตร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของระบบแจ้งเตือนขีปนาวุธล่วงหน้า ในขณะที่จุดดังกล่าวเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสำหรับเดินทางจากยุโรปไปยังอเมริกาเหนือ ผ่านเกาะแห่งนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009085
    ..............
    Sondhi X
    มาร์ค รุตต์ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ(นาโต) และ เมตเต เฟรเดอริกเซน นายกรัฐมนตรีหญิงเดนมาร์ก เห็นพ้องระหว่างการพบปะประชุมกันว่าพันธมิตรแห่งนี้จำเป็นต้องมุ่งเน้นเสริมความเข้มแข็งแก่การป้องกันตนเองในอาร์กติก ท่ามกลางการแสดงออกอย่างชัดเจนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่ปรารถนาอยากได้เกาะกรีนแลนด์ของเดนมาร์ก ไว้ในครอบครอง . แหล่งข่าวใกล้ชิดกับการหารือ เปิดเผยหลังการประชุมระหว่าง รุตต์ กับ เฟรเดอริกเซน ว่า "ทั้ง 2 คน เห็นพ้องกันว่าในความพยายามนี้ พันธมิตรทั้งมวลต้องมีบทบาท" . การพบปะพูดคุยครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลอย่างกว้างขวาง เกี่ยวกับกรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แสดงความสนใจมาตั้งแต่ได้รับเลือกตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งอีกสมัยในเดือนพฤศจิกายน ในการทำให้เกาะกรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกา . "เราหารือเกี่ยวกับแนวทางที่เราจะทำงานร่วมกันเพื่อเสริมความมั่นคงในทะเลบอลติก สนับสนุนยูคเรน และลงทุนเพิ่มเติมในด้านกลาโหม ในนั้นรวมถึงในแถบอาร์กติก" รุตต์เขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์หลังเสร็จสิ้นการประชุม . ทรัมป์ บอกว่าเกาะกรีนแลนด์ มีความสำคัญต่อความมั่นคงของสหรัฐฯและเดนมาร์กควรยอมสละการควบคุมเกาะยุทธศาสตร์สำคัญในอาร์กติกแห่งนี้ ทั้งนี้ผู้นำอเมริกาไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารหรือพลังอำนาจทางเศรษฐกิจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว . ที่ผ่านมา ทรัมป์ ก็อยู่ในความขัดแย้งกับบรรดาพันธมิตรนาโตและยุโรป เกี่ยวกับการใช้จ่ายด้านกลาโหม และบอกว่าภายใต้การเป็นประธานาธิบดีของเขา สหรัฐฯจะทบทวนโดยพื้นฐานกี่ยวกับวัตถุประสงค์และภารกิจของนาโต . ในส่วนของเดนมาร์ก ได้แถลงเมื่อวันจันทร์(27ม.ค.) จะใช้จ่ายงบประมาณ 14,600 ล้านโครเนอเดนมาร์ก (ประมาณ 2,050 ล้านดอลลาร์ หรือ 69,000 ล้านบาท) เสริมประจำการทางทหารในอาร์กติก ดินแดนยุทธศาสตร์ใกล้กับทั้งสหรัฐฯ และรัสเซีย . "เราต้องเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริงที่ว่า มีความท้าทายร้ายแรงในเรื่องความมั่นคงและด้านการป้องกันตนเองในอาร์กติกและนอร์ทแอตแลนติก" โทรเอลส์ ลุนด์ โพลเซน รัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์กระบุในถ้อยแถลง . เมตเต เฟรเดอริกเซน ยังได้พบปะกับ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และบอกว่าพวกผู้นำทางการเมืองในยุโรปและที่อื่นๆ ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่กับหลักการแห่งการธำรงไว้ซึ่งความเคารพเขตแดนระหว่างประเทศ . ผลสำรวจความคิดเห็นหนึ่งที่เผยแพร่ในวันอังคาร(28ม.ค.) พบว่ามีชาวกรีนแลนด์ถึง 85% ที่ไม่ปรารถนาให้เกาะแอตแลนติกแห่งนี้ ซึ่งเป็นดินแดนกึ่งปกครองตนเองของเดนมาร์ก เข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ ตามรายงานของ Berlingske หนังสือพิมพ์เดนมาร์ก . โพลที่จัดทำโดย Verian ตามที่ได้รับมอบหมายจาก Berlingske พบว่ามีชาวกรีนแลนด์แค่ 6% ที่อยากเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ ส่วนที่เหลืออีก 9% บอกว่ายังไม่ตัดสินใจ . เกาะกรีนแลนด์ ดินแดนที่มีขนาดใหญ่กว่าเม็กซิโก และมีประชากร 57,000 คน ได้รับอำนาจในการปกครองตนเองอย่างกว้างขวางในปี 2009 ในนั้นรวมถึงสิทธิในการประกาศเอกราชจากเดนมาร์กผ่านการทำประชามติ . มูเต เอเกเด นายกรัฐมนตรีเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งยกระดับผลักดันความเป็นเอกราช เน้นย้ำว่าเกาะแห่งนี้ไม่ได้มีไว้ขาย และขึ้นอยู่กับประชาชนของเกาะที่จะตัดสินใจอนาคตของตนเอง . สำหรับกองทัพสหรัฐฯ พวกเขามีกำลังพลประจำการถาวรอยู่ ณ ฐานทัพอวกาศพิทัฟฟิก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะกรีนแลนด์ ตำแหน่งยุทธศาสตร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของระบบแจ้งเตือนขีปนาวุธล่วงหน้า ในขณะที่จุดดังกล่าวเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสำหรับเดินทางจากยุโรปไปยังอเมริกาเหนือ ผ่านเกาะแห่งนี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009085 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    14
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2040 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิสราเอลประกาศไม่มีวันคืนดินแดนที่ยึดมา คืนให้ซีเรีย!!

    อิสราเอล แคทซ์ (Israel Katz) รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล ประกาศจากยอดเขาเฮอร์มอน(Mount Hermon) ในซีเรีย ซึ่งปัจจุบันอิสราเอลยึดครองอยู่:

    “กองกำลังอิสราเอลจะคงอยู่บนยอดเขาเฮอร์มอนต่อไปโดยไม่มีกำหนดระยะถอนกำลัง เพื่อรับประกันความปลอดภัยของนิคมในที่ราบสูงโกลัน ทางเหนือ และประชาชนทั้งหมดของรัฐอิสราเอล”

    “เราไม่อนุญาตให้กองกำลังใดๆเข้ามาตั้งฐานที่มั่นในที่แห่งนี้ ตั้งแต่ที่นี่ไปจนถึงแนวแกนซูไวดา-ดามัสกัส และเราจะดำเนินการต่อต้านทุกภัยคุกคามที่เข้ามา”
    อิสราเอลประกาศไม่มีวันคืนดินแดนที่ยึดมา คืนให้ซีเรีย!! อิสราเอล แคทซ์ (Israel Katz) รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล ประกาศจากยอดเขาเฮอร์มอน(Mount Hermon) ในซีเรีย ซึ่งปัจจุบันอิสราเอลยึดครองอยู่: “กองกำลังอิสราเอลจะคงอยู่บนยอดเขาเฮอร์มอนต่อไปโดยไม่มีกำหนดระยะถอนกำลัง เพื่อรับประกันความปลอดภัยของนิคมในที่ราบสูงโกลัน ทางเหนือ และประชาชนทั้งหมดของรัฐอิสราเอล” “เราไม่อนุญาตให้กองกำลังใดๆเข้ามาตั้งฐานที่มั่นในที่แห่งนี้ ตั้งแต่ที่นี่ไปจนถึงแนวแกนซูไวดา-ดามัสกัส และเราจะดำเนินการต่อต้านทุกภัยคุกคามที่เข้ามา”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 224 มุมมอง 0 รีวิว
  • พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมเริ่มงานวันแรก พร้อมทีมรักษาความปลอดภัย!!
    พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมเริ่มงานวันแรก พร้อมทีมรักษาความปลอดภัย!!
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • เดนมาร์กเปิดเผย จะทุ่มงบประมาณ 14,600 ล้านโครเนอเดนมาร์ก (ประมาณ 2,050 ล้านดอลลาร์ หรือ 69,000 ล้านบาท) เสริมประจำการทางทหารในอาร์กติก ตามหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แสดงความสนใจซ้ำๆ ที่จะเข้าควบคุมกรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก และเย้ยหยันโคเปนเฮเกน ว่าไม่มีศักยภาพพอที่จะปกป้องเกาะแห่งนี้
    .
    ในเดือนนี้ ทรัมป์ บอกว่ากรีนแลนด์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ และเดนมาร์กต้องปล่อยมือจากการควบคุมเกาะอาร์กติกที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์แห่งนี้
    .
    หลังจากปรับลดการใช้จ่ายด้านการป้องกันตนเองลงอย่างมากมานานกว่า 1 ทศวรรษ เดนมาร์ก แถลงในวันจันทร์ (27 ม.ค.) ว่าจะใช้จ่ายเงิน 14,600 ล้านโครเนอ ในการเสริมความมั่นคงในภูมิภาคอาร์กติก ดินแดนยุทธศาสตร์ใกล้กับทั้งสหรัฐฯ และรัสเซีย
    .
    "เราต้องเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริงที่ว่า มีความท้าทายร้ายแรงในเรื่องความมั่นคงและด้านการป้องกันตนเองในอาร์กติกและนอร์ทแอตแลนติก" โทรเอลส์ ลุนด์ โพลเซน รัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์กระบุในถ้อยแถลง
    .
    ในขณะที่ เดนมาร์ก รับผิดชอบมอบความมั่นคงและการป้องกันตนเองแก่กรีนแลนด์ แต่พวกเขากลับมีแสนยานุภาพทางทหารอย่างจำกัดบนเกาะที่ใหญ่โตแห่งนี้ จนถึงมองอย่างกว้างว่าเป็นหลุมดำด้านความมั่นคง
    .
    ณ ปัจจุบัน ศักยภาพของเดนมาร์กนั้นมีเพียงแค่เรือตรวจการณ์เก่าเก็บ 4 ลำ เครื่องบินลาดตระเวนชาลเลนเจอร์ 1 ลำ และสุนัขลากเลื่อนลาดตระเวน 12 ตัว ซึ่งทั้งหมดมีหน้าที่รับผิดชอบตรวจการณ์ทั่วเกาะ ที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่กว่าฝรั่งเศสถึง 4 เท่า
    .
    ในงบประมาณใหม่นี้ รวมไปถึงเงินทุนสำหรับเรือราชนาวีอาร์กติกใหม่ 3 ลำ เพิ่มโดรนตรวจการณ์ระยะไกลที่วางแผนไว้อีกเท่าตัวเป็น 4 ลำ เช่นเดียวกับดาวเทียวสอดแนม ถ้อยแถลงรัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์กระบุ
    .
    รายงานข่าวระบุว่า บรรดาพรรคการเมืองต่างๆ ของเดนมาร์ก เห็นพ้องกันจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมสำหรับอาร์กติก ในข้อตกลงหนึ่งๆ ที่จะนำเสนอในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้
    .
    ในด้านกองทัพสหรัฐฯ พวกเขามีกำลังพลประจำการถาวรอยู่ ณ ฐานทัพอวกาศพิทัฟฟิก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะกรีนแลนด์ ตำแหน่งยุทธศาสตร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของระบบแจ้งเตือนขีปนาวุธล่วงหน้า ในขณะที่จุดดังกล่าวเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสำหรับเดินทางจากยุโรปไปยังอเมริกาเหนือ ผ่านเกาะแห่งนี้
    .
    ก่อนหน้านี้ในวันเสาร์ (25 ม.ค.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับพวกผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน บอกว่า เดนมาร์กไม่มีแสนยานุภาพเพียงพอที่จะปกป้องเกาะกรีนแลนด์ ดินแดนที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ ความเคลื่อนไหวที่ดูเหมือนเป็นการเย้ยยันข่าวลือที่หลุดออกมาว่า เดนมาร์กมีแผนเพิ่มประจำการทางทหารบนเกาะในอาร์กติกแห่งนี้
    .
    ทรัมป์ เคยหยิบยกความคิดซื้อเกาะกรีนแลนด์ ครั้งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยแรก และรื้อฟื้นความคิดดังกล่าวหลังได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
    .
    ผู้นำอเมริการายนี้เน้นย้ำว่ากรีนแลนด์มีความสำคัญในด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ และไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังเพื่อให้ได้มันมาครอบครอง ในขณะที่เดนมาร์กปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าเกาะแห่งนี้ไม่ได้มีไว้ขาย
    .
    ทรัมป์ กล่าวว่า "ผมเชื่อว่าเกาะกรีนแลนด์ เราจะได้มันมา เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำจริงๆ เพื่อเสรีภาพของโลก มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับสหรัฐฯ เหนือสิ่งอื่นใดที่เรามีคือ สามารถมอบเสรีภาพ เดนมาร์กไม่สามารถมอบให้ได้ พวกเขาส่งสุนัขลากเลื่อนเข้าไปอีก 2 ตัวเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน พวกเขาคิดหรือว่านั่นเป็นการป้องกัน" ทรัมป์บอกกับไฟแนนเชียลไทม์ส
    .
    ดูเหมือนว่า ทรัมป์ จะพาดพิงถึงถ้อยแถลงของรัฐมนตรีกลาโหมของเดนมาร์ก ที่บอกว่าโคเปนเฮเกนมีแผนเพิ่มเติมเรือตรวจการณ์ 2 ลำ โดรน 2 ลำ และสุนัขลากเลื่อนลาดตระเวน 2 ตัว เข้าไปเสริมกองกำลังพล 75 นาย เรือ 4 ลำ และเครื่องบินลาดตระเวน 1 ลำ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
    .
    "ผมไม่รู้ว่า เดนมาร์ก จะอ้างว่าอย่างไร แต่มันจะเป็นการกระทำที่ไม่เป็นมิตรมากๆ หากพวกเขาไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น" ทรัมป์บอกเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ พร้อมอ้างว่า "ประชาชนชาวกรีนแลนด์ต้องการเข้าร่วมกับเรา"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008692
    ..............
    Sondhi X
    เดนมาร์กเปิดเผย จะทุ่มงบประมาณ 14,600 ล้านโครเนอเดนมาร์ก (ประมาณ 2,050 ล้านดอลลาร์ หรือ 69,000 ล้านบาท) เสริมประจำการทางทหารในอาร์กติก ตามหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แสดงความสนใจซ้ำๆ ที่จะเข้าควบคุมกรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก และเย้ยหยันโคเปนเฮเกน ว่าไม่มีศักยภาพพอที่จะปกป้องเกาะแห่งนี้ . ในเดือนนี้ ทรัมป์ บอกว่ากรีนแลนด์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ และเดนมาร์กต้องปล่อยมือจากการควบคุมเกาะอาร์กติกที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์แห่งนี้ . หลังจากปรับลดการใช้จ่ายด้านการป้องกันตนเองลงอย่างมากมานานกว่า 1 ทศวรรษ เดนมาร์ก แถลงในวันจันทร์ (27 ม.ค.) ว่าจะใช้จ่ายเงิน 14,600 ล้านโครเนอ ในการเสริมความมั่นคงในภูมิภาคอาร์กติก ดินแดนยุทธศาสตร์ใกล้กับทั้งสหรัฐฯ และรัสเซีย . "เราต้องเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริงที่ว่า มีความท้าทายร้ายแรงในเรื่องความมั่นคงและด้านการป้องกันตนเองในอาร์กติกและนอร์ทแอตแลนติก" โทรเอลส์ ลุนด์ โพลเซน รัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์กระบุในถ้อยแถลง . ในขณะที่ เดนมาร์ก รับผิดชอบมอบความมั่นคงและการป้องกันตนเองแก่กรีนแลนด์ แต่พวกเขากลับมีแสนยานุภาพทางทหารอย่างจำกัดบนเกาะที่ใหญ่โตแห่งนี้ จนถึงมองอย่างกว้างว่าเป็นหลุมดำด้านความมั่นคง . ณ ปัจจุบัน ศักยภาพของเดนมาร์กนั้นมีเพียงแค่เรือตรวจการณ์เก่าเก็บ 4 ลำ เครื่องบินลาดตระเวนชาลเลนเจอร์ 1 ลำ และสุนัขลากเลื่อนลาดตระเวน 12 ตัว ซึ่งทั้งหมดมีหน้าที่รับผิดชอบตรวจการณ์ทั่วเกาะ ที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่กว่าฝรั่งเศสถึง 4 เท่า . ในงบประมาณใหม่นี้ รวมไปถึงเงินทุนสำหรับเรือราชนาวีอาร์กติกใหม่ 3 ลำ เพิ่มโดรนตรวจการณ์ระยะไกลที่วางแผนไว้อีกเท่าตัวเป็น 4 ลำ เช่นเดียวกับดาวเทียวสอดแนม ถ้อยแถลงรัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์กระบุ . รายงานข่าวระบุว่า บรรดาพรรคการเมืองต่างๆ ของเดนมาร์ก เห็นพ้องกันจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมสำหรับอาร์กติก ในข้อตกลงหนึ่งๆ ที่จะนำเสนอในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ . ในด้านกองทัพสหรัฐฯ พวกเขามีกำลังพลประจำการถาวรอยู่ ณ ฐานทัพอวกาศพิทัฟฟิก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะกรีนแลนด์ ตำแหน่งยุทธศาสตร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของระบบแจ้งเตือนขีปนาวุธล่วงหน้า ในขณะที่จุดดังกล่าวเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสำหรับเดินทางจากยุโรปไปยังอเมริกาเหนือ ผ่านเกาะแห่งนี้ . ก่อนหน้านี้ในวันเสาร์ (25 ม.ค.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับพวกผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน บอกว่า เดนมาร์กไม่มีแสนยานุภาพเพียงพอที่จะปกป้องเกาะกรีนแลนด์ ดินแดนที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ ความเคลื่อนไหวที่ดูเหมือนเป็นการเย้ยยันข่าวลือที่หลุดออกมาว่า เดนมาร์กมีแผนเพิ่มประจำการทางทหารบนเกาะในอาร์กติกแห่งนี้ . ทรัมป์ เคยหยิบยกความคิดซื้อเกาะกรีนแลนด์ ครั้งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยแรก และรื้อฟื้นความคิดดังกล่าวหลังได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา . ผู้นำอเมริการายนี้เน้นย้ำว่ากรีนแลนด์มีความสำคัญในด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ และไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังเพื่อให้ได้มันมาครอบครอง ในขณะที่เดนมาร์กปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าเกาะแห่งนี้ไม่ได้มีไว้ขาย . ทรัมป์ กล่าวว่า "ผมเชื่อว่าเกาะกรีนแลนด์ เราจะได้มันมา เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำจริงๆ เพื่อเสรีภาพของโลก มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับสหรัฐฯ เหนือสิ่งอื่นใดที่เรามีคือ สามารถมอบเสรีภาพ เดนมาร์กไม่สามารถมอบให้ได้ พวกเขาส่งสุนัขลากเลื่อนเข้าไปอีก 2 ตัวเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน พวกเขาคิดหรือว่านั่นเป็นการป้องกัน" ทรัมป์บอกกับไฟแนนเชียลไทม์ส . ดูเหมือนว่า ทรัมป์ จะพาดพิงถึงถ้อยแถลงของรัฐมนตรีกลาโหมของเดนมาร์ก ที่บอกว่าโคเปนเฮเกนมีแผนเพิ่มเติมเรือตรวจการณ์ 2 ลำ โดรน 2 ลำ และสุนัขลากเลื่อนลาดตระเวน 2 ตัว เข้าไปเสริมกองกำลังพล 75 นาย เรือ 4 ลำ และเครื่องบินลาดตระเวน 1 ลำ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน . "ผมไม่รู้ว่า เดนมาร์ก จะอ้างว่าอย่างไร แต่มันจะเป็นการกระทำที่ไม่เป็นมิตรมากๆ หากพวกเขาไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น" ทรัมป์บอกเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ พร้อมอ้างว่า "ประชาชนชาวกรีนแลนด์ต้องการเข้าร่วมกับเรา" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008692 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Wow
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1110 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐเตรียมลงนาม "คำสั่งบริหาร" ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับกองทัพอีกครั้ง ประกอบด้วย:

    - ประการแรก "เจ้าหน้าที่ทหารข้ามเพศ" จะถูกสั่งห้ามในการทำหน้าที่โดยให้เหตุผลว่าเพราะการรักษาทางการแพทย์อาจทำให้พวกเขา "ไม่พร้อม" แต่เรื่องนี้ยังมีรายละเอียดไม่ชัดเจน และอาจมีข้อยกเว้นบางประการ

    จากข้อมูลเมื่อปี 2018 มีเจ้าหน้าข้ามเพศในกองทัพประมาณ 14,000 นาย

    - ประการที่สอง ยุติโครงการ DEI โดยสิ้นเชิง รวมทั้งติดตามผล เพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงโดยการเปลี่ยนชื่อหน่วยงานเหล่านั้น และเจ้าหน้าที่ DEI ทั้งหมดจะถูกพักงานแต่ยังได้รับเงินช่วยเหลือต่อไป ในขณะที่ Pete Hegseth รัฐมนตรีกลาโหมจะรับหน้าที่ทบทวนนโยบาย "WOKE" ที่แอบแฝงอยู่ในกองทัพทั้งหมด

    - ประการที่สาม เจ้าหน้าที่ที่ถูกไล่ออกเพราะปฏิเสธการฉีดวัคซีนในช่วงโควิดระบาด จะถูกยกเลิกคำสั่งนั้น และได้กลับเข้าตำแหน่งและยศเดิม รวมทั้งได้รับเงินเดือนย้อนหลัง และสวัสดิการต่างๆกลับคืน
    มีรายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐเตรียมลงนาม "คำสั่งบริหาร" ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับกองทัพอีกครั้ง ประกอบด้วย: - ประการแรก "เจ้าหน้าที่ทหารข้ามเพศ" จะถูกสั่งห้ามในการทำหน้าที่โดยให้เหตุผลว่าเพราะการรักษาทางการแพทย์อาจทำให้พวกเขา "ไม่พร้อม" แต่เรื่องนี้ยังมีรายละเอียดไม่ชัดเจน และอาจมีข้อยกเว้นบางประการ จากข้อมูลเมื่อปี 2018 มีเจ้าหน้าข้ามเพศในกองทัพประมาณ 14,000 นาย - ประการที่สอง ยุติโครงการ DEI โดยสิ้นเชิง รวมทั้งติดตามผล เพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงโดยการเปลี่ยนชื่อหน่วยงานเหล่านั้น และเจ้าหน้าที่ DEI ทั้งหมดจะถูกพักงานแต่ยังได้รับเงินช่วยเหลือต่อไป ในขณะที่ Pete Hegseth รัฐมนตรีกลาโหมจะรับหน้าที่ทบทวนนโยบาย "WOKE" ที่แอบแฝงอยู่ในกองทัพทั้งหมด - ประการที่สาม เจ้าหน้าที่ที่ถูกไล่ออกเพราะปฏิเสธการฉีดวัคซีนในช่วงโควิดระบาด จะถูกยกเลิกคำสั่งนั้น และได้กลับเข้าตำแหน่งและยศเดิม รวมทั้งได้รับเงินเดือนย้อนหลัง และสวัสดิการต่างๆกลับคืน
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 246 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2/
    พีท เฮกเซธ (Pete Hegseth) อดีตพิธีกรของ Fox News เป็นรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐคนใหม่อย่างเป็นทางการ ด้วยคะแนนสนับสนุนเฉียดฉิว 51 ต่อ 50 ท่ามกลางความแตกแยกภายในรีพับลิกัน ที่ส่วนใหญ่ไม่สนับสนุน เนื่องจากประวัติฉาวโฉ่ของเขา

    คะแนนสนับสนุนของ Hegseth เท่ากันที่ 50 ต่อ 50 และ JD Vance รองประธานาธิบดีต้องลงคะแนนเสียงชี้ขาดเป็น 51 ต่อ 50 ในที่สุด

    พีท เฮกเซธ ผู้ได้รับเลือกเป็นรัฐมนตรีกลาโหมของทรัมป์ ต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาเรื่องการดื่มสุราเกินขนาดและการปฏิบัติต่อผู้หญิงอย่างไม่เหมาะสม จนทำให้วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันหลายคนรู้สึกไม่สบายใจที่จะสนับสนุนเฮกเซธ และเริ่มมีข้อเรียกร้องให้ถอดชื่อของเฮกเซธออก

    (วิดีโอ2) เฮกเซธ เคยยอมรับกับวุฒิสภาว่า เขาจ่ายเงิน 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ให้แก่ผู้หญิงที่กล่าวหาเขาในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศในปี 2560
    2/ พีท เฮกเซธ (Pete Hegseth) อดีตพิธีกรของ Fox News เป็นรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐคนใหม่อย่างเป็นทางการ ด้วยคะแนนสนับสนุนเฉียดฉิว 51 ต่อ 50 ท่ามกลางความแตกแยกภายในรีพับลิกัน ที่ส่วนใหญ่ไม่สนับสนุน เนื่องจากประวัติฉาวโฉ่ของเขา คะแนนสนับสนุนของ Hegseth เท่ากันที่ 50 ต่อ 50 และ JD Vance รองประธานาธิบดีต้องลงคะแนนเสียงชี้ขาดเป็น 51 ต่อ 50 ในที่สุด พีท เฮกเซธ ผู้ได้รับเลือกเป็นรัฐมนตรีกลาโหมของทรัมป์ ต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาเรื่องการดื่มสุราเกินขนาดและการปฏิบัติต่อผู้หญิงอย่างไม่เหมาะสม จนทำให้วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันหลายคนรู้สึกไม่สบายใจที่จะสนับสนุนเฮกเซธ และเริ่มมีข้อเรียกร้องให้ถอดชื่อของเฮกเซธออก (วิดีโอ2) เฮกเซธ เคยยอมรับกับวุฒิสภาว่า เขาจ่ายเงิน 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ให้แก่ผู้หญิงที่กล่าวหาเขาในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศในปี 2560
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 301 มุมมอง 0 รีวิว
  • 1/
    พีท เฮกเซธ (Pete Hegseth) อดีตพิธีกรของ Fox News เป็นรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐคนใหม่อย่างเป็นทางการ ด้วยคะแนนสนับสนุนเฉียดฉิว 51 ต่อ 50 ท่ามกลางความแตกแยกภายในรีพับลิกัน ที่ส่วนใหญ่ไม่สนับสนุน เนื่องจากประวัติฉาวโฉ่ของเขา

    คะแนนสนับสนุนของ Hegseth เท่ากันที่ 50 ต่อ 50 และ JD Vance รองประธานาธิบดีต้องลงคะแนนเสียงชี้ขาดเป็น 51 ต่อ 50 ในที่สุด

    พีท เฮกเซธ ผู้ได้รับเลือกเป็นรัฐมนตรีกลาโหมของทรัมป์ ต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาเรื่องการดื่มสุราเกินขนาดและการปฏิบัติต่อผู้หญิงอย่างไม่เหมาะสม จนทำให้วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันหลายคนรู้สึกไม่สบายใจที่จะสนับสนุนเฮกเซธ และเริ่มมีข้อเรียกร้องให้ถอดชื่อของเฮกเซธออก

    (วิดีโอ2) เฮกเซธ เคยยอมรับกับวุฒิสภาว่า เขาจ่ายเงิน 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ให้แก่ผู้หญิงที่กล่าวหาเขาในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศในปี 2560
    1/ พีท เฮกเซธ (Pete Hegseth) อดีตพิธีกรของ Fox News เป็นรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐคนใหม่อย่างเป็นทางการ ด้วยคะแนนสนับสนุนเฉียดฉิว 51 ต่อ 50 ท่ามกลางความแตกแยกภายในรีพับลิกัน ที่ส่วนใหญ่ไม่สนับสนุน เนื่องจากประวัติฉาวโฉ่ของเขา คะแนนสนับสนุนของ Hegseth เท่ากันที่ 50 ต่อ 50 และ JD Vance รองประธานาธิบดีต้องลงคะแนนเสียงชี้ขาดเป็น 51 ต่อ 50 ในที่สุด พีท เฮกเซธ ผู้ได้รับเลือกเป็นรัฐมนตรีกลาโหมของทรัมป์ ต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาเรื่องการดื่มสุราเกินขนาดและการปฏิบัติต่อผู้หญิงอย่างไม่เหมาะสม จนทำให้วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันหลายคนรู้สึกไม่สบายใจที่จะสนับสนุนเฮกเซธ และเริ่มมีข้อเรียกร้องให้ถอดชื่อของเฮกเซธออก (วิดีโอ2) เฮกเซธ เคยยอมรับกับวุฒิสภาว่า เขาจ่ายเงิน 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ให้แก่ผู้หญิงที่กล่าวหาเขาในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศในปี 2560
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 293 มุมมอง 0 รีวิว

  • ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติบริเวณพรมแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโกเมื่อวานนี้ (20 ม.ค.) พร้อมเดินหน้ามาตรการเนรเทศผู้อพยพกลับสู่ประเทศต้นทาง โดยให้กองทัพสหรัฐฯ ทำงานกับหน่วยป้องกันชายแดน ขณะเดียวกัน ก็สั่งแบนผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่ และจะเริ่มจำกัดการให้สัญชาติแก่เด็กที่เกิดในสหรัฐฯ แต่พ่อแม่ไม่ใช่ชาวอเมริกัน

    ในการประการภาวะฉุกเฉินแห่งชาติว่าด้วยผู้อพยพผิดกฎหมาย ทรัมป์ ได้สั่งให้กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ สนับสนุนการสร้างกำแพงกั้นชายแดน ศูนย์กักกัน และระบบขนส่งผู้อพยพ นอกจากนี้ ยังให้อำนาจแก่รัฐมนตรีกลาโหมในการส่งทหารไปตรึงชายแดนหากมีความจำเป็น

    ทรัมป์ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลรื้อฟื้นโครงการ “remain in Mexico” ที่ตนเคยบังคับใช้ในช่วงเทอมแรก โดยผู้อพยพที่ไม่ใช่ชาวเม็กซิโกจะต้องรอผลการพิจารณาของสหรัฐฯ อยู่ในเขตแดนของเม็กซิโก

    หลัง ทรัมป์ สาบานตนได้ไม่นาน หน่วยงานควบคุมพรมแดนของสหรัฐฯ ได้ประกาศปิดตัวโครงการ CBP One ของอดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่อนุญาตให้ผู้อพยพหลายแสนคนสามารถลงทะเบียนนัดหมายเดินทางเข้าสหรัฐฯ อย่างถูกต้องผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งการปิดตัวโครงการลงเช่นนี้ทำให้ผู้อพยพที่ได้ลงทะเบียนไปแล้วอยู่ในภาวะเคว้งคว้าง ไม่รู้ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป

    ทรัมป์ ซึ่งเป็นผู้นำสายรีพับลิกัน หวนคืนสู่เก้าอี้ผู้นำทำเนียบขาวด้วยคำมั่นสัญญาว่าจะยกระดับป้องกันชายแดนสหรัฐฯ และเนรเทศผู้อพยพมากเป็นประวัติการณ์ โดยเขายังวิจารณ์รัฐบาล ไบเดน ว่าปล่อยให้ผู้อพยพผิดกฎหมายไหลเข้าสหรัฐฯ มากเกินไป

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000006346

    #MGROnline #PresidentTrump #โดนัลด์ทรัมป์ #เม็กซิโก
    ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติบริเวณพรมแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโกเมื่อวานนี้ (20 ม.ค.) พร้อมเดินหน้ามาตรการเนรเทศผู้อพยพกลับสู่ประเทศต้นทาง โดยให้กองทัพสหรัฐฯ ทำงานกับหน่วยป้องกันชายแดน ขณะเดียวกัน ก็สั่งแบนผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่ และจะเริ่มจำกัดการให้สัญชาติแก่เด็กที่เกิดในสหรัฐฯ แต่พ่อแม่ไม่ใช่ชาวอเมริกัน • ในการประการภาวะฉุกเฉินแห่งชาติว่าด้วยผู้อพยพผิดกฎหมาย ทรัมป์ ได้สั่งให้กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ สนับสนุนการสร้างกำแพงกั้นชายแดน ศูนย์กักกัน และระบบขนส่งผู้อพยพ นอกจากนี้ ยังให้อำนาจแก่รัฐมนตรีกลาโหมในการส่งทหารไปตรึงชายแดนหากมีความจำเป็น • ทรัมป์ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลรื้อฟื้นโครงการ “remain in Mexico” ที่ตนเคยบังคับใช้ในช่วงเทอมแรก โดยผู้อพยพที่ไม่ใช่ชาวเม็กซิโกจะต้องรอผลการพิจารณาของสหรัฐฯ อยู่ในเขตแดนของเม็กซิโก • หลัง ทรัมป์ สาบานตนได้ไม่นาน หน่วยงานควบคุมพรมแดนของสหรัฐฯ ได้ประกาศปิดตัวโครงการ CBP One ของอดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่อนุญาตให้ผู้อพยพหลายแสนคนสามารถลงทะเบียนนัดหมายเดินทางเข้าสหรัฐฯ อย่างถูกต้องผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งการปิดตัวโครงการลงเช่นนี้ทำให้ผู้อพยพที่ได้ลงทะเบียนไปแล้วอยู่ในภาวะเคว้งคว้าง ไม่รู้ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป • ทรัมป์ ซึ่งเป็นผู้นำสายรีพับลิกัน หวนคืนสู่เก้าอี้ผู้นำทำเนียบขาวด้วยคำมั่นสัญญาว่าจะยกระดับป้องกันชายแดนสหรัฐฯ และเนรเทศผู้อพยพมากเป็นประวัติการณ์ โดยเขายังวิจารณ์รัฐบาล ไบเดน ว่าปล่อยให้ผู้อพยพผิดกฎหมายไหลเข้าสหรัฐฯ มากเกินไป • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000006346 • #MGROnline #PresidentTrump #โดนัลด์ทรัมป์ #เม็กซิโก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 280 มุมมอง 0 รีวิว
  • สื่อเยอรมันเผยแพร่ภาพของชอลซ์ รักษาการนายกรัฐมนตรีเยอรมัน ขณะกำลังพยายามเอื้อมมือไปคว้าแขนของแบร์บอค รักษาการรัฐมนตรีต่างประเทศ หลังจากเธอหุนหันออกจากห้องประชุม จากการที่ชอลซ์ปฏิเสธข้อเสนอให้ความช่วยเหลือยูเครนเพิ่มเติม

    แบร์บอคและบอริส พิสตอริอุส รักษาการรัฐมนตรีกลาโหมเยอรมัน พยายามกดดันให้ชอลซ์อนุมัติการช่วยเหลือทางการทหารชุดใหม่แก่เคียฟ มูลค่า 3 พันล้านยูโร แต่ชอลซ์บ่ายเบี่ยงมาตลอด
    สื่อเยอรมันเผยแพร่ภาพของชอลซ์ รักษาการนายกรัฐมนตรีเยอรมัน ขณะกำลังพยายามเอื้อมมือไปคว้าแขนของแบร์บอค รักษาการรัฐมนตรีต่างประเทศ หลังจากเธอหุนหันออกจากห้องประชุม จากการที่ชอลซ์ปฏิเสธข้อเสนอให้ความช่วยเหลือยูเครนเพิ่มเติม แบร์บอคและบอริส พิสตอริอุส รักษาการรัฐมนตรีกลาโหมเยอรมัน พยายามกดดันให้ชอลซ์อนุมัติการช่วยเหลือทางการทหารชุดใหม่แก่เคียฟ มูลค่า 3 พันล้านยูโร แต่ชอลซ์บ่ายเบี่ยงมาตลอด
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 260 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนี "ปิสตอริอุส" (Pistorius) เดินทางถึงกรุงเคียฟ เมืองหลวงประเทศยูเครน โดยไม่แจ้งกำหนดการเยือนล่วงหน้า
    รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนี "ปิสตอริอุส" (Pistorius) เดินทางถึงกรุงเคียฟ เมืองหลวงประเทศยูเครน โดยไม่แจ้งกำหนดการเยือนล่วงหน้า
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 0 รีวิว
  • "โถ! พ่อพระ"
    เยอรมนียอมเสียสละส่งขีปนาวุธสำหรับระบบป้องกันภัยทางอากาศ IRIS-T ให้กับยูเครนโดยเร็วที่สุด ก่อนที่จะเติมเข้าคลังอาวุธของกองทัพเยอรมัน

    "เดิมทีขีปนาวุธเหล่านี้ได้รับคำสั่งซื้อจากกองทัพเยอรมัน แต่จะถูกส่งไปยังยูเครนก่อน เพื่อช่วยต่อต้านการโจมตีทางอากาศของรัสเซีย" นายบอริส ปิสตอเรียส รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนีกล่าว

    “เราจะส่งมอบอาวุธเหล่านี้ให้ยูเครนก่อนที่จะเติมสต็อกของเรา” ปิสตอเรียสกล่าวเสริม แต่เขาไม่ได้ระบุจำนวนขีปนาวุธที่จะส่งไปยังยูเครน

    นอกจากนี้ ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เยอรมนีจะส่งทหารอีก 200 นาย และฐานยิงขีปนาวุธเคลื่อนที่ของระบบป้องกันภัยทางอากาศ Patriot ไปยังโปแลนด์เพื่อปกป้องศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของนาโต้ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ส่งความช่วยเหลือทางทหารไปยังยูเครน รัฐมนตรีระบุ
    "โถ! พ่อพระ" เยอรมนียอมเสียสละส่งขีปนาวุธสำหรับระบบป้องกันภัยทางอากาศ IRIS-T ให้กับยูเครนโดยเร็วที่สุด ก่อนที่จะเติมเข้าคลังอาวุธของกองทัพเยอรมัน "เดิมทีขีปนาวุธเหล่านี้ได้รับคำสั่งซื้อจากกองทัพเยอรมัน แต่จะถูกส่งไปยังยูเครนก่อน เพื่อช่วยต่อต้านการโจมตีทางอากาศของรัสเซีย" นายบอริส ปิสตอเรียส รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนีกล่าว “เราจะส่งมอบอาวุธเหล่านี้ให้ยูเครนก่อนที่จะเติมสต็อกของเรา” ปิสตอเรียสกล่าวเสริม แต่เขาไม่ได้ระบุจำนวนขีปนาวุธที่จะส่งไปยังยูเครน นอกจากนี้ ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เยอรมนีจะส่งทหารอีก 200 นาย และฐานยิงขีปนาวุธเคลื่อนที่ของระบบป้องกันภัยทางอากาศ Patriot ไปยังโปแลนด์เพื่อปกป้องศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของนาโต้ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ส่งความช่วยเหลือทางทหารไปยังยูเครน รัฐมนตรีระบุ
    Like
    Haha
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 498 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจ้าหน้าที่สอบสวนจากสำนักงานปราบปรามการทุจริตของเกาหลีใต้เตรียมขอขยายเวลาหมายจับ รวมทั้งขอให้ตำรวจเข้าจับกุมยุน ซอก-ยอล หลังจากประธานาธิบดีที่กำลังถูกสอบสวนเพื่อถอดถอนผู้นี้ขัดขวางการเข้าควบคุมตัวจากกรณีการประกาศกฎอัยการศึกมาตลอดหนึ่งสัปดาห์
    .
    ยุน อดีตอัยการดาวเด่น ปฏิเสธการไปให้ปากคำและกบดานอยู่ในที่พักประธานาธิบดีท่ามกลางการอารักขาของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนับร้อย
    .
    ลี แจ-ซอง รองผู้อำนวยการสำนักงานปราบปรามการทุจริต (ซีไอโอ) เผยว่า กำลังเตรียมยื่นคำร้องต่อศาลให้ขยายหมายจับที่กำลังจะหมดอายุเที่ยงคืนวันจันทร์ (6 ม.ค.) รวมทั้งขอให้ตำรวจเข้าดำเนินการจับกุมยุนแทน ขณะที่ทีมกฎหมายของยุนแย้งว่า ซีไอโอไม่มีอำนาจในการจับกุมประธานาธิบดี
    .
    สัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่ต้องล้มเลิกความพยายามเข้าจับกุมยุนด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย หลังเผชิญหน้ากับหน่วยรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีนับร้อยคนนานนับชั่วโมง
    .
    ทั้งนี้ หากถูกจับกุมและถูกตัดสินว่าผิด ยุนอาจถูกจำคุกหรือรับโทษประหาร จากกรณีการประกาศกฎอัยการศึกช่วงสั้นๆ เมื่อต้นเดือนธันวาคมและนำเกาหลีใต้เข้าสู่วิกฤตการเมืองครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ทว่า ทั้งยุน และผู้สนับสนุนยังคงต่อต้านการจับกุม
    .
    คิม ซู ยอง วัย 62 ปี หนึ่งในแกนนำการชุมนุม ประกาศว่า หน่วยอารักขาจะปกป้องประธานาธิบดี และผู้ชุมนุมจะปกป้องหน่วยอารักขาอีกทอดจนถึงเที่ยงคืนวันจันทร์ รวมทั้งยืนยันว่า ถ้ามีการออกหมายจับใหม่ก็จะมาชุมนุมกันอีก
    .
    นอกจากนั้น เมื่อเช้าวันจันทร์ยังมีสมาชิกสภาจากพรรคพลังประชาชน (พีพีพี) ของยุนไปปรากฏตัวหน้าที่พักประธานาธิบดี
    .
    ทางด้านตำรวจได้ปิดถนนเพื่อป้องกันผู้ประท้วงที่คาดว่าจะรวมพลังกันต่อในวันจันทร์ ขณะที่ผู้ชุมนุมทั้งฝ่ายสนับสนุนและต่อต้านยุนหลายสิบคนปักหลักค้างคืนในวันอาทิตย์ (5 ม.ค.) ท่ามกลางอุณหภูมิติดลบ
    .
    ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ขอออกหมายจับครั้งแรกเนื่องจากยุนไม่ยอมไปให้ปากคำเรื่องการประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งทีมกฎหมายของยุนย้ำว่า หมายจับดังกล่าวผิดกฎหมายและจะดำเนินการทางกฎหมายเพื่อตอบโต้ ขณะที่หัวหน้าหน่วยอารักขาประธานาธิบดีประกาศเมื่อวันอาทิตย์ว่า จะไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่สอบสวนเข้าจับกุมยุน
    .
    ขณะเดียวกัน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางถึงโซลเมื่อเช้าวันจันทร์เพื่อหารือกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลเกาหลีใต้ที่รวมถึงชอย ซัง-ม็อก รัฐมนตรีคลังและรักษาการประธานาธิบดี
    .
    บลิงเคนไม่มีกำหนดพบกับยุนที่ถูกระงับการปฏิบัติหน้าที่ แต่แถลงข่าวร่วมกับโช แต-ยุล รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ และความสนใจของบลิงเคนเปลี่ยนจากประเด็นการเมืองภายในของเกาหลีใต้ เนื่องจากก่อนแถลงข่าวไม่นาน เปียงยางได้ทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามทวีป
    .
    อนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้ระบุว่า จะเริ่มการพิจารณาคดีถอดถอนยุนในวันอังคารหน้า (14 ม.ค.) ไม่ว่ายุนจะไปปรากฏตัวในศาลหรือไม่ก็ตาม โดยศาลรัฐธรรมนูญมีเวลา 180 วันในการวินิจฉัยว่า จะถอดถอนหรือคืนตำแหน่งให้ยุน
    .
    เอเอฟพีรายงานโดยอ้างอิงจากรายงานของอัยการเกี่ยวกับอดีตรัฐมนตรีกลาโหมว่า ยุนเพิกเฉยต่อการคัดค้านของรัฐมนตรีสำคัญหลายคนก่อนที่จะประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งรายงานนี้อาจเป็นหลักฐานที่ศาลรัฐธรรมนูญรับไว้พิจารณา
    .
    ตามรายงานดังกล่าว นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีต่างประเทศ และรัฐมนตรีคลังในขณะนั้น ต่างแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจและการทูตที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีในคืนที่ยุนประกาศกฎอัยการศึก
    .
    นอกจากนั้น พรรคประชาธิปไตยที่เป็นฝ่ายค้านสำคัญยังเรียกร้องให้ยุบหน่วยอารักขายุน
    .
    อย่างไรก็ดี ทีมกฎหมายของยุนยืนยันว่า จะใช้สิทธิดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดกฎหมายเช่นเดียวกัน โดยเมื่อวันอาทิตย์ ยุน กั๊บ-กึน ทนายความคนหนึ่งในทีม เผยว่า จะยื่นคำร้องคัดค้านผู้อำนวยการซีไอโอที่พยายามเข้าจับกุมยุน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001570
    ..............
    Sondhi X
    เจ้าหน้าที่สอบสวนจากสำนักงานปราบปรามการทุจริตของเกาหลีใต้เตรียมขอขยายเวลาหมายจับ รวมทั้งขอให้ตำรวจเข้าจับกุมยุน ซอก-ยอล หลังจากประธานาธิบดีที่กำลังถูกสอบสวนเพื่อถอดถอนผู้นี้ขัดขวางการเข้าควบคุมตัวจากกรณีการประกาศกฎอัยการศึกมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ . ยุน อดีตอัยการดาวเด่น ปฏิเสธการไปให้ปากคำและกบดานอยู่ในที่พักประธานาธิบดีท่ามกลางการอารักขาของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนับร้อย . ลี แจ-ซอง รองผู้อำนวยการสำนักงานปราบปรามการทุจริต (ซีไอโอ) เผยว่า กำลังเตรียมยื่นคำร้องต่อศาลให้ขยายหมายจับที่กำลังจะหมดอายุเที่ยงคืนวันจันทร์ (6 ม.ค.) รวมทั้งขอให้ตำรวจเข้าดำเนินการจับกุมยุนแทน ขณะที่ทีมกฎหมายของยุนแย้งว่า ซีไอโอไม่มีอำนาจในการจับกุมประธานาธิบดี . สัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่ต้องล้มเลิกความพยายามเข้าจับกุมยุนด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย หลังเผชิญหน้ากับหน่วยรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดีนับร้อยคนนานนับชั่วโมง . ทั้งนี้ หากถูกจับกุมและถูกตัดสินว่าผิด ยุนอาจถูกจำคุกหรือรับโทษประหาร จากกรณีการประกาศกฎอัยการศึกช่วงสั้นๆ เมื่อต้นเดือนธันวาคมและนำเกาหลีใต้เข้าสู่วิกฤตการเมืองครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ทว่า ทั้งยุน และผู้สนับสนุนยังคงต่อต้านการจับกุม . คิม ซู ยอง วัย 62 ปี หนึ่งในแกนนำการชุมนุม ประกาศว่า หน่วยอารักขาจะปกป้องประธานาธิบดี และผู้ชุมนุมจะปกป้องหน่วยอารักขาอีกทอดจนถึงเที่ยงคืนวันจันทร์ รวมทั้งยืนยันว่า ถ้ามีการออกหมายจับใหม่ก็จะมาชุมนุมกันอีก . นอกจากนั้น เมื่อเช้าวันจันทร์ยังมีสมาชิกสภาจากพรรคพลังประชาชน (พีพีพี) ของยุนไปปรากฏตัวหน้าที่พักประธานาธิบดี . ทางด้านตำรวจได้ปิดถนนเพื่อป้องกันผู้ประท้วงที่คาดว่าจะรวมพลังกันต่อในวันจันทร์ ขณะที่ผู้ชุมนุมทั้งฝ่ายสนับสนุนและต่อต้านยุนหลายสิบคนปักหลักค้างคืนในวันอาทิตย์ (5 ม.ค.) ท่ามกลางอุณหภูมิติดลบ . ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ขอออกหมายจับครั้งแรกเนื่องจากยุนไม่ยอมไปให้ปากคำเรื่องการประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งทีมกฎหมายของยุนย้ำว่า หมายจับดังกล่าวผิดกฎหมายและจะดำเนินการทางกฎหมายเพื่อตอบโต้ ขณะที่หัวหน้าหน่วยอารักขาประธานาธิบดีประกาศเมื่อวันอาทิตย์ว่า จะไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่สอบสวนเข้าจับกุมยุน . ขณะเดียวกัน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางถึงโซลเมื่อเช้าวันจันทร์เพื่อหารือกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลเกาหลีใต้ที่รวมถึงชอย ซัง-ม็อก รัฐมนตรีคลังและรักษาการประธานาธิบดี . บลิงเคนไม่มีกำหนดพบกับยุนที่ถูกระงับการปฏิบัติหน้าที่ แต่แถลงข่าวร่วมกับโช แต-ยุล รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ และความสนใจของบลิงเคนเปลี่ยนจากประเด็นการเมืองภายในของเกาหลีใต้ เนื่องจากก่อนแถลงข่าวไม่นาน เปียงยางได้ทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามทวีป . อนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้ระบุว่า จะเริ่มการพิจารณาคดีถอดถอนยุนในวันอังคารหน้า (14 ม.ค.) ไม่ว่ายุนจะไปปรากฏตัวในศาลหรือไม่ก็ตาม โดยศาลรัฐธรรมนูญมีเวลา 180 วันในการวินิจฉัยว่า จะถอดถอนหรือคืนตำแหน่งให้ยุน . เอเอฟพีรายงานโดยอ้างอิงจากรายงานของอัยการเกี่ยวกับอดีตรัฐมนตรีกลาโหมว่า ยุนเพิกเฉยต่อการคัดค้านของรัฐมนตรีสำคัญหลายคนก่อนที่จะประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งรายงานนี้อาจเป็นหลักฐานที่ศาลรัฐธรรมนูญรับไว้พิจารณา . ตามรายงานดังกล่าว นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีต่างประเทศ และรัฐมนตรีคลังในขณะนั้น ต่างแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจและการทูตที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีในคืนที่ยุนประกาศกฎอัยการศึก . นอกจากนั้น พรรคประชาธิปไตยที่เป็นฝ่ายค้านสำคัญยังเรียกร้องให้ยุบหน่วยอารักขายุน . อย่างไรก็ดี ทีมกฎหมายของยุนยืนยันว่า จะใช้สิทธิดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดกฎหมายเช่นเดียวกัน โดยเมื่อวันอาทิตย์ ยุน กั๊บ-กึน ทนายความคนหนึ่งในทีม เผยว่า จะยื่นคำร้องคัดค้านผู้อำนวยการซีไอโอที่พยายามเข้าจับกุมยุน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001570 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1077 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิสราเอลเตือน ข้อตกลงหยุดยิงกับฮิซบอลเลาะห์อาจพังครืน หากว่าพวกติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านกลุ่มนี้ ไม่ยอมถอนตัวออกไปพ้นแม่น้ำลิตานี ทางใต้ของเลบานอน หนึ่งในเงื่อนไขในข้อตกลงดังกล่าว
    .
    ทั้งอิสราเอล และฮิซบอลเลาะห์ ต่างกล่าวหากันและกันว่าละเมิดเงื่อนไขในข้อตกลงหยุดยิง แต่ส่วนใหญ่แล้วยังคงได้รับการยึดถือ
    .
    ในข้อตกลง ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องหยุดความเป็นปรปักษ์เป็นเวลาอย่างน้อย 60 วัน นับตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน โดยในคราวนี้ พวกนักรบฮิซบอลเลาะห์ถูกคาดหมายว่าจะล่าถอยออกไปจากชายแดนอิสราเอล-เลบานอน ราว 40 กิโลเมตร ส่วนกองกำลังภาคพื้นของอิสราเอลก็จะถอนตัวออกจากดินแดนเลบานอน
    .
    ข้อตกลงหยุดยิงกำหนดไว้ว่า ก่อนวันที่ 26 มกราคม จะมีพวกติดอาวุธเพียงกลุ่มเดียวที่อยู่ทางใต้ของแม่น้ำของลิตานี นั่นคือกำลังพลจากกองทัพเลบานอน และกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ
    .
    อิสราเอล คาทซ์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ระบุในวันอาทิตย์ (5 ม.ค.) ว่า "ถ้าอิซบอลเลาะห์ไม่ถอนตัวเกินกว่าแม่น้ำลิตานี เมื่อนั้นก็จะไม่มีข้อตกลง" เขากล่าว "อิสราเอลหาทางยึดถือข้อตกลงในเลบานอน และจะเดินหน้าบังคับใช้มันอย่างเต็มกำลังและปราศจากการประนีประนอมใดๆ เพื่อรับประกันว่าพลเมืองทางเหนือของประเทศจะเดินทางกลับสู่ถิ่นพำนักอย่างปลอดภัย"
    .
    "แต่เงื่อนไขแรกของการบังคับใช้ข้อตกลงคือ พวกองค์กรก่อการร้ายฮิซบอลเลาะห์ต้องถอนตัวออกห่างจากแม่น้ำลิตานีโดยสิ้นเชิง และทางกองทัพเลบานอนเข้ารื้อถอนอาวุธทั้งหมด และรื้อถอนโครงสร้างพื้นฐานก่อการร้ายในพื้นที่นั้น แต่มันยังไม่เกิดขึ้น" รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลระบุ
    .
    นาอิม กัสเซม ผู้นำฮิซบอลเลาะห์ ระบุในถ้อยแถลงเมื่อวันเสาร์ (4 ม.ค.) มันขึ้นอยู่กับทางกลุ่มจะตัดสินใจเองว่า จะยึดถือกรอบเวลา 60 วันหรือไม่ "ความอดทนของเราในเรื่องอิสราเอลละเมิดข้อตกลงหยุดยิง" อาจหมดลง หรืออาจคงอยู่ต่อไปดังเช่นตอนนี้ และเมื่อครั้งที่เราตัดสินใจลงมือ พวกคุณจะเห็นมันในทันที"
    .
    เหตุโจมตีตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟันเกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง นับตั้งแต่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ อิราเอลยังคงปฏิบัติการในทางใต้ของเลบานอน ส่วนฮิซบอลเลาะห์ ก็ยิงเข้าใส่ดินแดนที่ถูกอิสราเอลยึดครอง โดยอ้างว่าเป็นฝ่ายอิสราเอลละเมิดข้อตกลงหยุดยิง
    .
    แค่ราว 1 สัปดาห์หลังมีผลบังคับใช้ กองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในเลบานอน หรือ UNIFIL บอกว่าอิสราเอลละเมิดข้อตกลงหยุดยิงราว 100 ครั้งเลยทีเดียว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001254
    ..............
    Sondhi X
    อิสราเอลเตือน ข้อตกลงหยุดยิงกับฮิซบอลเลาะห์อาจพังครืน หากว่าพวกติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านกลุ่มนี้ ไม่ยอมถอนตัวออกไปพ้นแม่น้ำลิตานี ทางใต้ของเลบานอน หนึ่งในเงื่อนไขในข้อตกลงดังกล่าว . ทั้งอิสราเอล และฮิซบอลเลาะห์ ต่างกล่าวหากันและกันว่าละเมิดเงื่อนไขในข้อตกลงหยุดยิง แต่ส่วนใหญ่แล้วยังคงได้รับการยึดถือ . ในข้อตกลง ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องหยุดความเป็นปรปักษ์เป็นเวลาอย่างน้อย 60 วัน นับตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน โดยในคราวนี้ พวกนักรบฮิซบอลเลาะห์ถูกคาดหมายว่าจะล่าถอยออกไปจากชายแดนอิสราเอล-เลบานอน ราว 40 กิโลเมตร ส่วนกองกำลังภาคพื้นของอิสราเอลก็จะถอนตัวออกจากดินแดนเลบานอน . ข้อตกลงหยุดยิงกำหนดไว้ว่า ก่อนวันที่ 26 มกราคม จะมีพวกติดอาวุธเพียงกลุ่มเดียวที่อยู่ทางใต้ของแม่น้ำของลิตานี นั่นคือกำลังพลจากกองทัพเลบานอน และกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ . อิสราเอล คาทซ์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ระบุในวันอาทิตย์ (5 ม.ค.) ว่า "ถ้าอิซบอลเลาะห์ไม่ถอนตัวเกินกว่าแม่น้ำลิตานี เมื่อนั้นก็จะไม่มีข้อตกลง" เขากล่าว "อิสราเอลหาทางยึดถือข้อตกลงในเลบานอน และจะเดินหน้าบังคับใช้มันอย่างเต็มกำลังและปราศจากการประนีประนอมใดๆ เพื่อรับประกันว่าพลเมืองทางเหนือของประเทศจะเดินทางกลับสู่ถิ่นพำนักอย่างปลอดภัย" . "แต่เงื่อนไขแรกของการบังคับใช้ข้อตกลงคือ พวกองค์กรก่อการร้ายฮิซบอลเลาะห์ต้องถอนตัวออกห่างจากแม่น้ำลิตานีโดยสิ้นเชิง และทางกองทัพเลบานอนเข้ารื้อถอนอาวุธทั้งหมด และรื้อถอนโครงสร้างพื้นฐานก่อการร้ายในพื้นที่นั้น แต่มันยังไม่เกิดขึ้น" รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลระบุ . นาอิม กัสเซม ผู้นำฮิซบอลเลาะห์ ระบุในถ้อยแถลงเมื่อวันเสาร์ (4 ม.ค.) มันขึ้นอยู่กับทางกลุ่มจะตัดสินใจเองว่า จะยึดถือกรอบเวลา 60 วันหรือไม่ "ความอดทนของเราในเรื่องอิสราเอลละเมิดข้อตกลงหยุดยิง" อาจหมดลง หรืออาจคงอยู่ต่อไปดังเช่นตอนนี้ และเมื่อครั้งที่เราตัดสินใจลงมือ พวกคุณจะเห็นมันในทันที" . เหตุโจมตีตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟันเกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง นับตั้งแต่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ อิราเอลยังคงปฏิบัติการในทางใต้ของเลบานอน ส่วนฮิซบอลเลาะห์ ก็ยิงเข้าใส่ดินแดนที่ถูกอิสราเอลยึดครอง โดยอ้างว่าเป็นฝ่ายอิสราเอลละเมิดข้อตกลงหยุดยิง . แค่ราว 1 สัปดาห์หลังมีผลบังคับใช้ กองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในเลบานอน หรือ UNIFIL บอกว่าอิสราเอลละเมิดข้อตกลงหยุดยิงราว 100 ครั้งเลยทีเดียว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001254 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Sad
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 984 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐมนตรีกลาโหมอิหร่าน:

    ตอนที่เราอยู่ในซีเรีย พวกเขาประณามเรา และบอกเราว่าให้ออกไป อย่ามายุ่ง ตอนนี้เราออกมาแล้ว กลายเป็นว่าอิสราเอลไม่เพียงเข้าไปชั่วคราว แต่พวกเขาโจมตีซีเรียไปกว่า 500 ครั้ง ทำลายอาวุธทุกอย่าง แล้วยึดดินแดนซีเรีย อย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน "แต่ไม่มีใครประณาม"

    ที่ผ่านมาอิหร่านช่วยทำให้ซีเรียมั่นคง ในขณะที่สหรัฐและอิสราเอลจ้องยึดครองเพื่อผลประโยชน์
    รัฐมนตรีกลาโหมอิหร่าน: ตอนที่เราอยู่ในซีเรีย พวกเขาประณามเรา และบอกเราว่าให้ออกไป อย่ามายุ่ง ตอนนี้เราออกมาแล้ว กลายเป็นว่าอิสราเอลไม่เพียงเข้าไปชั่วคราว แต่พวกเขาโจมตีซีเรียไปกว่า 500 ครั้ง ทำลายอาวุธทุกอย่าง แล้วยึดดินแดนซีเรีย อย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน "แต่ไม่มีใครประณาม" ที่ผ่านมาอิหร่านช่วยทำให้ซีเรียมั่นคง ในขณะที่สหรัฐและอิสราเอลจ้องยึดครองเพื่อผลประโยชน์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 0 รีวิว
  • “จตุพร”ปูดข่าว“ทักษิณ”เล็งเปลี่ยน“รัฐมนตรีกลาโหม”เป็นบุคคลที่น่าตกใจและช็อคโลกรับมือสงครามการเมืองปี 68 28/12/67 #จตุพร #ทักษิณ #รัฐมนตรีกลาโหม
    “จตุพร”ปูดข่าว“ทักษิณ”เล็งเปลี่ยน“รัฐมนตรีกลาโหม”เป็นบุคคลที่น่าตกใจและช็อคโลกรับมือสงครามการเมืองปี 68 28/12/67 #จตุพร #ทักษิณ #รัฐมนตรีกลาโหม
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1019 มุมมอง 56 0 รีวิว
  • เนทันยาฮูและแคทซ์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ออกแถลงการณ์ร่วมกัน โดยประกาศว่าจะตามล่าผู้นำกลุ่มฮูตีเยเมนทุกคน
    ไม่เคยมีใครหนีรอดเงื้อมมือของอิสราเอลไปได้
    เนทันยาฮูและแคทซ์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ออกแถลงการณ์ร่วมกัน โดยประกาศว่าจะตามล่าผู้นำกลุ่มฮูตีเยเมนทุกคน ไม่เคยมีใครหนีรอดเงื้อมมือของอิสราเอลไปได้
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 352 มุมมอง 5 0 รีวิว
  • เดนมาร์กประกาศทุ่บงบประมาณด้านการป้องกันกรีนแลนด์อีก 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่ทรัมป์สนใจ "สั่งซื้อ"

    ทรัมป์ระบุชัดเจนว่า กรีนแลนด์ มีคุณค่าในเชิงยุทธศาสตต่อสหรัฐอย่างมาก

    รัฐมนตรีกลาโหมของเดนมาร์กระบุว่า "กรีนแลนด์ไม่ได้มีไว้ขาย" ประกาศเพิ่มงบประมาณด้านการป้องกันกรีนแลนด์ของเดนมาร์ก ที่รวมถึงโดรน เรือตรวจการณ์ การอัปเกรดสนามบิน และแน่นอนว่ารวมถึงทีมสุนัขลากเลื่อนอีก 2 ทีม เพราะในสถานที่แห่งนี้ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าทีมป้องกันภัยจากหน่วยสุนัขลากเลื่อน

    คงต้องรอดูท่าทีของทรัมป์ว่าสนใจจริงจังแค่ไหน หลังจากเห็นตัวเลข 1,500 ล้านดอลลาร์ ที่เดนมาร์กประกาศ ซึ่งอาจเป็นความหมายของตัวเลขเริ่มต้นของราคากรีนแลนด์ก็เป็นได้

    เดนมาร์กประกาศทุ่บงบประมาณด้านการป้องกันกรีนแลนด์อีก 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่ทรัมป์สนใจ "สั่งซื้อ" ทรัมป์ระบุชัดเจนว่า กรีนแลนด์ มีคุณค่าในเชิงยุทธศาสตต่อสหรัฐอย่างมาก รัฐมนตรีกลาโหมของเดนมาร์กระบุว่า "กรีนแลนด์ไม่ได้มีไว้ขาย" ประกาศเพิ่มงบประมาณด้านการป้องกันกรีนแลนด์ของเดนมาร์ก ที่รวมถึงโดรน เรือตรวจการณ์ การอัปเกรดสนามบิน และแน่นอนว่ารวมถึงทีมสุนัขลากเลื่อนอีก 2 ทีม เพราะในสถานที่แห่งนี้ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าทีมป้องกันภัยจากหน่วยสุนัขลากเลื่อน คงต้องรอดูท่าทีของทรัมป์ว่าสนใจจริงจังแค่ไหน หลังจากเห็นตัวเลข 1,500 ล้านดอลลาร์ ที่เดนมาร์กประกาศ ซึ่งอาจเป็นความหมายของตัวเลขเริ่มต้นของราคากรีนแลนด์ก็เป็นได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts