• ดีเจมาเลเซีย ล้อเลียนพิธีกรรมฮินดู

    เกิดเรื่องไม่เหมาะสมในวงการวิทยุมาเลเซีย เมื่อ อาซาด จัสมิน จอห์น หลุยส์ เจฟฟรี่ (Azad Jazmin John Louis Jeffri) หนึ่งในผู้ดำเนินรายการตีกะ ปากี อีรา (3 Pagi Era) ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกวันจันทร์-ศุกร์ 6 โมงเช้า ทางสถานีวิทยุอีรา (ERA) คลื่นเพลงชื่อดังในมาเลเซีย แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ล้อเลียนการเต้นรำกาวาดี (Kavadi) ของศาสนาฮินดู ซึ่งเป็นพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ในช่วงเทศกาลไทปูซัม (Thaipusam) ตะโกนคำว่า “เวล เวล!” และหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ปรากฎผ่านวีดีโอคลิปในบัญชีโซเชียลมีเดียทางการของสถานี กลายเป็นที่วิจารณ์และไม่พอใจอย่างมากสำหรับชาวฮินดูในมาเลเซีย

    พฤติกรรมดังกล่าวมีความผิดตามกฎหมายมาเลเซีย ข้อหาจงใจทำร้ายความรู้สึกทางศาสนาของบุคคลใดๆ (กฎหมายอาญามาตรา 298) กับข้อหาใช้ระบบหรือบริการเครือข่ายสื่อสารและมัลติมีเดียไม่เหมาะสม (มาตรา 233 พ.ร.บ.การสื่อสารและมัลติมีเดีย) ซึ่งมีผู้แจ้งความกับตำรวจแล้วและอยู่ในระหว่างสอบสวน ส่วนคณะกรรมการการสื่อสารและมัลติมีเดียแห่งมาเลเซีย (MCMC) ได้เรียกแอสโตร (Astro) บริษัทด้านสื่อและบันเทิงในมาเลเซีย กับผู้บริหารสถานีมาชี้แจง ขณะที่ โกบินด์ ซิงห์ ดิโอ รมว.ดิจิทัลมาเลเซีย ตำหนิพฤติกรรมดีเจคนดังกล่าวว่า น่ารังเกียจและกังวลใจอย่างยิ่ง การล้อเลียนหรือไม่เคารพต่อศาสนาใดๆ ถือเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

    ขณะที่แอสโตรได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจ และจะดําเนินการสอบสวนภายในอย่างละเอียด โดยซีอีโอและผู้บริหารระดับสูงได้เข้าพบคณะกรรมการ MCMC และตัดสินใจระงับการจัดรายการของดีเจทั้ง 3 คน พร้อมพนักงานอีก 2 คน

    ด้านดีเจทั้งสามคน นำโดย นาบิล อาห์หมัด (Nabil Ahmad), อาซาด และ ราดิน อาเมียร์ อัฟเฟนดี (Radin Amir Affendy) ออกมาขอโทษต่อวีดีโอคลิปดังกล่าว ที่ทำให้หลายฝ่ายไม่สบายใจ และกระทบความรู้สึกบางคน รวมทั้งชาวมาเลย์เชื้อสายอินเดีย ขณะที่ราดินได้ขอให้ผู้ฟังมั่นใจว่า เรื่องดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีกในอนาคต ส่วนคนต้นเรื่องอย่างอาซาด กล่าวว่า ยินดีรับคำติชมและคำวิจารณ์อยู่เสมอเพื่อนำไปปรับปรุงพัฒนาตัวเอง โดยเฉพาะจากผู้ฟัง พร้อมขออภัยอย่างสุดซึ้งสำหรับความผิดพลาดที่ไม่ได้ตั้งใจและเสียใจอย่างยิ่ง

    อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เตือนทุกฝ่ายให้หลีกเลี่ยงคำพูดหรือการกระทำที่เกี่ยวข้องกับ 3R ได้แก่ เชื้อชาติ ศาสนา และราชวงศ์ (Race, Religion and Royalty) เพราะจะทำลายความสามัคคีในชาติ และจะต้องไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก พร้อมกับให้ชาวมาเลเซียทุกคนให้ความสำคัญกับความเคารพในชุมชนต่างๆ ตามหลักการแห่งชาติ (Rukun Negara)

    #Newskit
    ดีเจมาเลเซีย ล้อเลียนพิธีกรรมฮินดู เกิดเรื่องไม่เหมาะสมในวงการวิทยุมาเลเซีย เมื่อ อาซาด จัสมิน จอห์น หลุยส์ เจฟฟรี่ (Azad Jazmin John Louis Jeffri) หนึ่งในผู้ดำเนินรายการตีกะ ปากี อีรา (3 Pagi Era) ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกวันจันทร์-ศุกร์ 6 โมงเช้า ทางสถานีวิทยุอีรา (ERA) คลื่นเพลงชื่อดังในมาเลเซีย แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ล้อเลียนการเต้นรำกาวาดี (Kavadi) ของศาสนาฮินดู ซึ่งเป็นพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ในช่วงเทศกาลไทปูซัม (Thaipusam) ตะโกนคำว่า “เวล เวล!” และหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ปรากฎผ่านวีดีโอคลิปในบัญชีโซเชียลมีเดียทางการของสถานี กลายเป็นที่วิจารณ์และไม่พอใจอย่างมากสำหรับชาวฮินดูในมาเลเซีย พฤติกรรมดังกล่าวมีความผิดตามกฎหมายมาเลเซีย ข้อหาจงใจทำร้ายความรู้สึกทางศาสนาของบุคคลใดๆ (กฎหมายอาญามาตรา 298) กับข้อหาใช้ระบบหรือบริการเครือข่ายสื่อสารและมัลติมีเดียไม่เหมาะสม (มาตรา 233 พ.ร.บ.การสื่อสารและมัลติมีเดีย) ซึ่งมีผู้แจ้งความกับตำรวจแล้วและอยู่ในระหว่างสอบสวน ส่วนคณะกรรมการการสื่อสารและมัลติมีเดียแห่งมาเลเซีย (MCMC) ได้เรียกแอสโตร (Astro) บริษัทด้านสื่อและบันเทิงในมาเลเซีย กับผู้บริหารสถานีมาชี้แจง ขณะที่ โกบินด์ ซิงห์ ดิโอ รมว.ดิจิทัลมาเลเซีย ตำหนิพฤติกรรมดีเจคนดังกล่าวว่า น่ารังเกียจและกังวลใจอย่างยิ่ง การล้อเลียนหรือไม่เคารพต่อศาสนาใดๆ ถือเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ขณะที่แอสโตรได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจ และจะดําเนินการสอบสวนภายในอย่างละเอียด โดยซีอีโอและผู้บริหารระดับสูงได้เข้าพบคณะกรรมการ MCMC และตัดสินใจระงับการจัดรายการของดีเจทั้ง 3 คน พร้อมพนักงานอีก 2 คน ด้านดีเจทั้งสามคน นำโดย นาบิล อาห์หมัด (Nabil Ahmad), อาซาด และ ราดิน อาเมียร์ อัฟเฟนดี (Radin Amir Affendy) ออกมาขอโทษต่อวีดีโอคลิปดังกล่าว ที่ทำให้หลายฝ่ายไม่สบายใจ และกระทบความรู้สึกบางคน รวมทั้งชาวมาเลย์เชื้อสายอินเดีย ขณะที่ราดินได้ขอให้ผู้ฟังมั่นใจว่า เรื่องดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีกในอนาคต ส่วนคนต้นเรื่องอย่างอาซาด กล่าวว่า ยินดีรับคำติชมและคำวิจารณ์อยู่เสมอเพื่อนำไปปรับปรุงพัฒนาตัวเอง โดยเฉพาะจากผู้ฟัง พร้อมขออภัยอย่างสุดซึ้งสำหรับความผิดพลาดที่ไม่ได้ตั้งใจและเสียใจอย่างยิ่ง อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เตือนทุกฝ่ายให้หลีกเลี่ยงคำพูดหรือการกระทำที่เกี่ยวข้องกับ 3R ได้แก่ เชื้อชาติ ศาสนา และราชวงศ์ (Race, Religion and Royalty) เพราะจะทำลายความสามัคคีในชาติ และจะต้องไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก พร้อมกับให้ชาวมาเลเซียทุกคนให้ความสำคัญกับความเคารพในชุมชนต่างๆ ตามหลักการแห่งชาติ (Rukun Negara) #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 229 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เดินทางออกนอกประเทศไปอินโดนีเซีย ชี้ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอ หลังเจ้าตัวพร้อมทนายความยื่นคำร้องเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
    .
    วันนี้ (6 มี.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า ศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยในคดีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ยื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไปประเทศอินโดนีเซีย เนื่องจากยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร หลังจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายทักษิณ พร้อมด้วย นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ เดินทางมายื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักร
    .
    ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ นายทักษิณเคยได้รับอนุญาตเดินทางออกนอกราชอาณาจักรมาแล้ว 2 ครั้ง ได้แก่ วันที่ 31 ม.ค. ยื่นคำร้องไปประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 2-3 ก.พ. ตามคำเชิญของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ศาลอนุญาตโดยได้วางหลักประกันจำนวน 5 ล้านบาท และให้มารายงานตัวภายใน 3 วันนับแต่วันที่จำเลยเดินทางกลับประเทศไทย และแจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ทราบ
    .
    ต่อมาวันที่ 14 ก.พ. ได้ยื่นคำร้องไปประเทศบรูไน ระหว่างวันที่ 18-19 ก.พ. เพื่อไปประชุมตามคำเชิญของนายอันวาร์ ซึ่งศาลอนุญาตโดยวางหลักประกันจำนวน 5 ล้านบาท แต่ขณะเดียวกัน นายทักษิณยื่นคำร้องขอเดินทางไปประเทศเวียดนาม และกัมพูชาในช่วงเดียวกัน ศาลไม่อนุญาตเพราะเห็นว่าไปตามคำเชิญของนักธุรกิจชาวเวียดนาม ถือว่าเป็นการเชิญส่วนตัว ไม่ใช่ในนามรัฐบาลเวียดนาม ส่วนการไปกัมพูชา เป็นการเชิญจากสมเด็จฯ ฮุนเซน ในนามส่วนตัว ไม่ใช่รัฐบาลกัมพูชาเช่นกันศาลอาญาไม่อนุญาต ทักษิณ ไปอินโดนีเซีย ชี้ยังไม่มีเหตุเพียงพอ
    .
    ศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เดินทางออกนอกประเทศไปอินโดนีเซีย ชี้ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอ หลังเจ้าตัวพร้อมทนายความยื่นคำร้องเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
    .
    วันนี้ (6 มี.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า ศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยในคดีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ยื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไปประเทศอินโดนีเซีย เนื่องจากยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร หลังจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายทักษิณ พร้อมด้วย นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ เดินทางมายื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักร
    .
    ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ นายทักษิณเคยได้รับอนุญาตเดินทางออกนอกราชอาณาจักรมาแล้ว 2 ครั้ง ได้แก่ วันที่ 31 ม.ค. ยื่นคำร้องไปประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 2-3 ก.พ. ตามคำเชิญของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ศาลอนุญาตโดยได้วางหลักประกันจำนวน 5 ล้านบาท และให้มารายงานตัวภายใน 3 วันนับแต่วันที่จำเลยเดินทางกลับประเทศไทย และแจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ทราบ
    .
    ต่อมาวันที่ 14 ก.พ. ได้ยื่นคำร้องไปประเทศบรูไน ระหว่างวันที่ 18-19 ก.พ. เพื่อไปประชุมตามคำเชิญของนายอันวาร์ ซึ่งศาลอนุญาตโดยวางหลักประกันจำนวน 5 ล้านบาท แต่ขณะเดียวกัน นายทักษิณยื่นคำร้องขอเดินทางไปประเทศเวียดนาม และกัมพูชาในช่วงเดียวกัน ศาลไม่อนุญาตเพราะเห็นว่าไปตามคำเชิญของนักธุรกิจชาวเวียดนาม ถือว่าเป็นการเชิญส่วนตัว ไม่ใช่ในนามรัฐบาลเวียดนาม ส่วนการไปกัมพูชา เป็นการเชิญจากสมเด็จฯ ฮุนเซน ในนามส่วนตัว ไม่ใช่รัฐบาลกัมพูชาเช่นกัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021861
    .........
    Sondhi X
    ศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เดินทางออกนอกประเทศไปอินโดนีเซีย ชี้ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอ หลังเจ้าตัวพร้อมทนายความยื่นคำร้องเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา . วันนี้ (6 มี.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า ศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยในคดีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ยื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไปประเทศอินโดนีเซีย เนื่องจากยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร หลังจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายทักษิณ พร้อมด้วย นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ เดินทางมายื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักร . ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ นายทักษิณเคยได้รับอนุญาตเดินทางออกนอกราชอาณาจักรมาแล้ว 2 ครั้ง ได้แก่ วันที่ 31 ม.ค. ยื่นคำร้องไปประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 2-3 ก.พ. ตามคำเชิญของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ศาลอนุญาตโดยได้วางหลักประกันจำนวน 5 ล้านบาท และให้มารายงานตัวภายใน 3 วันนับแต่วันที่จำเลยเดินทางกลับประเทศไทย และแจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ทราบ . ต่อมาวันที่ 14 ก.พ. ได้ยื่นคำร้องไปประเทศบรูไน ระหว่างวันที่ 18-19 ก.พ. เพื่อไปประชุมตามคำเชิญของนายอันวาร์ ซึ่งศาลอนุญาตโดยวางหลักประกันจำนวน 5 ล้านบาท แต่ขณะเดียวกัน นายทักษิณยื่นคำร้องขอเดินทางไปประเทศเวียดนาม และกัมพูชาในช่วงเดียวกัน ศาลไม่อนุญาตเพราะเห็นว่าไปตามคำเชิญของนักธุรกิจชาวเวียดนาม ถือว่าเป็นการเชิญส่วนตัว ไม่ใช่ในนามรัฐบาลเวียดนาม ส่วนการไปกัมพูชา เป็นการเชิญจากสมเด็จฯ ฮุนเซน ในนามส่วนตัว ไม่ใช่รัฐบาลกัมพูชาเช่นกันศาลอาญาไม่อนุญาต ทักษิณ ไปอินโดนีเซีย ชี้ยังไม่มีเหตุเพียงพอ . ศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เดินทางออกนอกประเทศไปอินโดนีเซีย ชี้ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอ หลังเจ้าตัวพร้อมทนายความยื่นคำร้องเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา . วันนี้ (6 มี.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า ศาลอาญามีคำสั่งไม่อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยในคดีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ยื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไปประเทศอินโดนีเซีย เนื่องจากยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร หลังจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายทักษิณ พร้อมด้วย นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ เดินทางมายื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักร . ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ นายทักษิณเคยได้รับอนุญาตเดินทางออกนอกราชอาณาจักรมาแล้ว 2 ครั้ง ได้แก่ วันที่ 31 ม.ค. ยื่นคำร้องไปประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 2-3 ก.พ. ตามคำเชิญของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ศาลอนุญาตโดยได้วางหลักประกันจำนวน 5 ล้านบาท และให้มารายงานตัวภายใน 3 วันนับแต่วันที่จำเลยเดินทางกลับประเทศไทย และแจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ทราบ . ต่อมาวันที่ 14 ก.พ. ได้ยื่นคำร้องไปประเทศบรูไน ระหว่างวันที่ 18-19 ก.พ. เพื่อไปประชุมตามคำเชิญของนายอันวาร์ ซึ่งศาลอนุญาตโดยวางหลักประกันจำนวน 5 ล้านบาท แต่ขณะเดียวกัน นายทักษิณยื่นคำร้องขอเดินทางไปประเทศเวียดนาม และกัมพูชาในช่วงเดียวกัน ศาลไม่อนุญาตเพราะเห็นว่าไปตามคำเชิญของนักธุรกิจชาวเวียดนาม ถือว่าเป็นการเชิญส่วนตัว ไม่ใช่ในนามรัฐบาลเวียดนาม ส่วนการไปกัมพูชา เป็นการเชิญจากสมเด็จฯ ฮุนเซน ในนามส่วนตัว ไม่ใช่รัฐบาลกัมพูชาเช่นกัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021861 ......... Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    Sad
    26
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2026 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ไทยภักดี' ยื่นหนังสือจี้ ‘อันวาร์’ ทบทวนบทบาท ‘ที่ปรึกษาประธานอาเซียน’ หวั่นกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
    https://www.thai-tai.tv/news/17517/
    'ไทยภักดี' ยื่นหนังสือจี้ ‘อันวาร์’ ทบทวนบทบาท ‘ที่ปรึกษาประธานอาเซียน’ หวั่นกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ https://www.thai-tai.tv/news/17517/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทักษิณขออภัยกรณีตากใบ อ้างทำงานผิดพลาด

    นับเป็นการลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในรอบประมาณ 20 ปี สำหรับนายทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษานายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2568 นายทักษิณพร้อมด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และคณะ เดินทางมายังโรงเรียนสัมพันธ์วิทยา อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส

    ช่วงหนึ่งนายทักษิณได้กล่าวกับคณะครูและประชาชนที่มาต้อนรับว่า ขออภัยต่อความผิดพลาดในเหตุการณ์ตากใบ แล้วต่อมานายทักษิณให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า "เรื่องตากใบ ตอนผมเป็นนายกฯ ผมมีความตั้งใจห่วงใยพี่น้อง 100% แต่การทำงานมีความผิดพลาดได้บ้าง ถ้าผมมีอะไรผิดพลาด ที่ไม่เป็นที่พอใจ ก็ขออภัยด้วย เพื่อเราจะได้หันกลับมาช่วยกันแก้ปัญหาด้วยกัน พี่น้องมุสลิมมีสิ่งที่สำคัญมาก ถูกสอนมาว่า ความเข้าใจ เกรงใจ รักสันติสุข การให้อภัย เพราะฉะนั้นเมื่อเราขออภัยในสิ่งที่ผมอาจจะทำสิ่งที่ไม่ถูกใจหรือผิดพลาดบ้าง ผมต้องขออภัยด้วย"

    สำหรับเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่สถานีตำรวจภูธรตากใบ จ.นราธิวาส เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2547 ชาวบ้านกว่า 2,000 คน รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวชาวมุสลิม 6 คน ที่ถูกควบคุมตัวโดยกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปล้นปืนและก่อความไม่สงบ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะสลายการชุมนุม ผู้ชุมนุมเสียชีวิตทันที 5 คน ที่เหลือนอนทับซ้อนกันในรถบรรทุกทหารไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี ห่างออกไป 150 กิโลเมตร มีผู้ชุมนุมขาดอากาศหายใจ เสียชีวิต 78 คน บาดเจ็บและพิการอีกมาก

    สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีการตั้ง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นคณะกรรมการเยียวยาฯ และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. จ่ายเงินเยียวยากว่า 641 ล้านบาท ผู้เสียชีวิตจ่ายรายละ 7.5 ล้านบาท ผู้บาดเจ็บ ผู้พิการได้รับลดหลั่นกันไป แต่ต่อมาในปี 2567 มีครอบครัวผู้เสียชีวิต 48 รายพร้อมญาติยื่นฟ้องคดีด้วยเอง ศาลประทับรับฟ้องเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2567 และออกหมายจับผู้ต้องหา 7 คน พบว่าแต่ละคนหลบหนี โดยเฉพาะ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ยื่นใบลาออกจาก สส. กระทั่งคดีขาดอายุความ หลังเที่ยงคืนวันที่ 26 ต.ค. 2567 ที่ผ่านมา

    ก่อนหน้านี้ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ไปสัมภาษณ์ครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บกรณีตากใบ ระบุว่า พวกเขาต้องการได้ยินคำขอโทษจากนายทักษิณ และทวงถามความยุติธรรม แม้คดีขาดอายุความไปแล้ว

    #Newskit
    ทักษิณขออภัยกรณีตากใบ อ้างทำงานผิดพลาด นับเป็นการลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในรอบประมาณ 20 ปี สำหรับนายทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษานายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2568 นายทักษิณพร้อมด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และคณะ เดินทางมายังโรงเรียนสัมพันธ์วิทยา อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ช่วงหนึ่งนายทักษิณได้กล่าวกับคณะครูและประชาชนที่มาต้อนรับว่า ขออภัยต่อความผิดพลาดในเหตุการณ์ตากใบ แล้วต่อมานายทักษิณให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า "เรื่องตากใบ ตอนผมเป็นนายกฯ ผมมีความตั้งใจห่วงใยพี่น้อง 100% แต่การทำงานมีความผิดพลาดได้บ้าง ถ้าผมมีอะไรผิดพลาด ที่ไม่เป็นที่พอใจ ก็ขออภัยด้วย เพื่อเราจะได้หันกลับมาช่วยกันแก้ปัญหาด้วยกัน พี่น้องมุสลิมมีสิ่งที่สำคัญมาก ถูกสอนมาว่า ความเข้าใจ เกรงใจ รักสันติสุข การให้อภัย เพราะฉะนั้นเมื่อเราขออภัยในสิ่งที่ผมอาจจะทำสิ่งที่ไม่ถูกใจหรือผิดพลาดบ้าง ผมต้องขออภัยด้วย" สำหรับเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่สถานีตำรวจภูธรตากใบ จ.นราธิวาส เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2547 ชาวบ้านกว่า 2,000 คน รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวชาวมุสลิม 6 คน ที่ถูกควบคุมตัวโดยกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปล้นปืนและก่อความไม่สงบ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะสลายการชุมนุม ผู้ชุมนุมเสียชีวิตทันที 5 คน ที่เหลือนอนทับซ้อนกันในรถบรรทุกทหารไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี ห่างออกไป 150 กิโลเมตร มีผู้ชุมนุมขาดอากาศหายใจ เสียชีวิต 78 คน บาดเจ็บและพิการอีกมาก สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีการตั้ง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นคณะกรรมการเยียวยาฯ และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. จ่ายเงินเยียวยากว่า 641 ล้านบาท ผู้เสียชีวิตจ่ายรายละ 7.5 ล้านบาท ผู้บาดเจ็บ ผู้พิการได้รับลดหลั่นกันไป แต่ต่อมาในปี 2567 มีครอบครัวผู้เสียชีวิต 48 รายพร้อมญาติยื่นฟ้องคดีด้วยเอง ศาลประทับรับฟ้องเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2567 และออกหมายจับผู้ต้องหา 7 คน พบว่าแต่ละคนหลบหนี โดยเฉพาะ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ยื่นใบลาออกจาก สส. กระทั่งคดีขาดอายุความ หลังเที่ยงคืนวันที่ 26 ต.ค. 2567 ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ไปสัมภาษณ์ครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บกรณีตากใบ ระบุว่า พวกเขาต้องการได้ยินคำขอโทษจากนายทักษิณ และทวงถามความยุติธรรม แม้คดีขาดอายุความไปแล้ว #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 409 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ทักษิณ" เผยลงพื้นที่ จชต.สวม 3 บทบาท ทั้งอดีตนายก-ที่ปรึกษา ปธ.อาเซียน-ผู้สนับสนุนรัฐบาล อยากเห็นสันติสุขเกิดขึ้น เตรียมนำปัญหาคนสองสัญชาติเข้าหารือเวทีอาเซียน พร้อมนำแนวทาง 66/23 มาปรับใช้ ยอมรับ 20 ปีผ่านไปความปรองดองฟื้นฟูขึ้นเยอะ ยิ่งได้ประสานงานกับต่างประเทศด้วยมั่นใจว่าหาข้อยุติได้ เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

    วันนี้ (23 ก.พ. 68) ที่ รร.สัมพันธ์วิทยา อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในครั้งนี้ว่า มีความตั้งใจที่อยากเห็นสันติสุขเกิดขึ้น ซึ่งจากบทบาทที่ปรึกษาประธานอาเซียน นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ตนเองอยากเห็นความร่วมมือในพื้นที่และความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้านเป็นหัวใจสำคัญ ในการคืนสันติสุขให้กับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ ซึ่งในพื้นที่เราต้องมีการพูดคุยกันให้เข้าใจ ตนเองได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากผู้นำประเทศเพื่อนบ้านทั้งหลาย ซึ่งก็ได้มีการพูดคุยกันอย่างต่อเนื่องทุกคนอยากเห็นประเทศไทยและอยากเห็นอาเซียนมีความสงบสุข และได้มีการลงทุน การท่องเที่ยวกันมากขึ้น ฉะนั้นทุกคนร่วมมือกันหมด ซึ่งการร่วมมือตนเองมีความรู้สึกว่าเป็นการร่วมมือที่ไม่เคยได้รับมาก่อนเหมือนครั้งนี้เชื่อมั่นว่าเราน่าจะแก้ปัญหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ดีกว่าจากความร่วมมือทั้งในประเทศและต่างประเทศ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000017865

    #MGROnline #ทักษิณ
    "ทักษิณ" เผยลงพื้นที่ จชต.สวม 3 บทบาท ทั้งอดีตนายก-ที่ปรึกษา ปธ.อาเซียน-ผู้สนับสนุนรัฐบาล อยากเห็นสันติสุขเกิดขึ้น เตรียมนำปัญหาคนสองสัญชาติเข้าหารือเวทีอาเซียน พร้อมนำแนวทาง 66/23 มาปรับใช้ ยอมรับ 20 ปีผ่านไปความปรองดองฟื้นฟูขึ้นเยอะ ยิ่งได้ประสานงานกับต่างประเทศด้วยมั่นใจว่าหาข้อยุติได้ เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ • วันนี้ (23 ก.พ. 68) ที่ รร.สัมพันธ์วิทยา อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในครั้งนี้ว่า มีความตั้งใจที่อยากเห็นสันติสุขเกิดขึ้น ซึ่งจากบทบาทที่ปรึกษาประธานอาเซียน นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ตนเองอยากเห็นความร่วมมือในพื้นที่และความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้านเป็นหัวใจสำคัญ ในการคืนสันติสุขให้กับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ ซึ่งในพื้นที่เราต้องมีการพูดคุยกันให้เข้าใจ ตนเองได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากผู้นำประเทศเพื่อนบ้านทั้งหลาย ซึ่งก็ได้มีการพูดคุยกันอย่างต่อเนื่องทุกคนอยากเห็นประเทศไทยและอยากเห็นอาเซียนมีความสงบสุข และได้มีการลงทุน การท่องเที่ยวกันมากขึ้น ฉะนั้นทุกคนร่วมมือกันหมด ซึ่งการร่วมมือตนเองมีความรู้สึกว่าเป็นการร่วมมือที่ไม่เคยได้รับมาก่อนเหมือนครั้งนี้เชื่อมั่นว่าเราน่าจะแก้ปัญหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ดีกว่าจากความร่วมมือทั้งในประเทศและต่างประเทศ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000017865 • #MGROnline #ทักษิณ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกิดเหตุระเบิดในพื้นที่ท่าอากาศยานนราธิวาส โดยคนร้ายใช้ระเบิดแสวงเครื่องผูกไว้กับรถกระบะของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงสนามบิน ทำให้รถได้รับความเสียหาย ก่อนที่อดีตนายกฯ ทักษิณ รองนายกฯ ภูมิธรรม และคณะลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนหน้านี้เกิดเหุระเบิดที่บันนังสตา
    .
    วันนี้ (23 ก.พ.) รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 08.35 น. เหตุระเบิดขึ้นในพื้นที่ท่าอากาศยานนราธิวาส หรือสนามบินบ้านทอน ต.โคกเคียน อ.เมืองฯ จ.นราธิวาส โดยคนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องผูกไว้ใต้ท้องรถกระบะ อีซูซุ ดีแมกซ์ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน บฉ 6955 นราธิวาส ซึ่งเป็นของเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ท่าอากาศยานนราธิวาส ทำให้รถกระบะได้รับความเสียหาย ซึ่งเกิดขึ้นก่อนที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในอีกประมาณ 50 นาทีข้างหน้า ส่วนบรรยากาศภายในสนามบิน เจ้าหน้าที่ได้มีการกันรถที่ไม่เกี่ยวข้องบางส่วนออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย
    .
    ก่อนหน้านี้เมื่อคืนที่ผ่านมา (22 ก.พ.) เกิดเหตุระเบิดเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดร้อยเวร 2-0 สายตรวจบริการ และ ชป.จู่โจม ของ สภ.บันนังสตา จ.ยะลา ขณะออกปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนดูแลความสงบเรียบร้อยในเขตเทศบาลบันนังสตา เหตุเกิดบริเวณหน้าร้านมินิบิ๊กซี สาขาบันนังสตา ทำให้มีกำลังพลซึ่งเป็นตำรวจได้รับบาดเจ็บ 7 นาย อีกทั้งยังมีชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงได้รับบาดเจ็บอีก 4 ราย โดยล่าสุดมีรายงานว่า มีชาวบ้านเสียชีวิตแล้ว 1 ราย
    .
    สำหรับกำหนดการนายทักษิณ ที่ปรึกษานายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนปี 2568 และคณะ ประกอบด้วย นายภูมิธรรม เวชยะชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เริ่มจากสนามกีฬา อบต.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ต่อด้วยวัดประชุมชนธารา โรงเรียนสัมพันธ์วิทยา จากนั้นไปยังโรงเรียนสายบุรีอิสลามวิทยา อ.สายบุรี จ.ปัตตานี อุทยานการเรียนรู้ TK Park เทศบาลนครยะลา จ.ยะลา และบ้านนายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร บ้านศรียะลา จ.ยะลา ก่อนกลับกรุงเทพมหานคร
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000017778
    ..............
    Sondhi X
    เกิดเหตุระเบิดในพื้นที่ท่าอากาศยานนราธิวาส โดยคนร้ายใช้ระเบิดแสวงเครื่องผูกไว้กับรถกระบะของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงสนามบิน ทำให้รถได้รับความเสียหาย ก่อนที่อดีตนายกฯ ทักษิณ รองนายกฯ ภูมิธรรม และคณะลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนหน้านี้เกิดเหุระเบิดที่บันนังสตา . วันนี้ (23 ก.พ.) รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 08.35 น. เหตุระเบิดขึ้นในพื้นที่ท่าอากาศยานนราธิวาส หรือสนามบินบ้านทอน ต.โคกเคียน อ.เมืองฯ จ.นราธิวาส โดยคนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องผูกไว้ใต้ท้องรถกระบะ อีซูซุ ดีแมกซ์ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน บฉ 6955 นราธิวาส ซึ่งเป็นของเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ท่าอากาศยานนราธิวาส ทำให้รถกระบะได้รับความเสียหาย ซึ่งเกิดขึ้นก่อนที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในอีกประมาณ 50 นาทีข้างหน้า ส่วนบรรยากาศภายในสนามบิน เจ้าหน้าที่ได้มีการกันรถที่ไม่เกี่ยวข้องบางส่วนออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย . ก่อนหน้านี้เมื่อคืนที่ผ่านมา (22 ก.พ.) เกิดเหตุระเบิดเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดร้อยเวร 2-0 สายตรวจบริการ และ ชป.จู่โจม ของ สภ.บันนังสตา จ.ยะลา ขณะออกปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนดูแลความสงบเรียบร้อยในเขตเทศบาลบันนังสตา เหตุเกิดบริเวณหน้าร้านมินิบิ๊กซี สาขาบันนังสตา ทำให้มีกำลังพลซึ่งเป็นตำรวจได้รับบาดเจ็บ 7 นาย อีกทั้งยังมีชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงได้รับบาดเจ็บอีก 4 ราย โดยล่าสุดมีรายงานว่า มีชาวบ้านเสียชีวิตแล้ว 1 ราย . สำหรับกำหนดการนายทักษิณ ที่ปรึกษานายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนปี 2568 และคณะ ประกอบด้วย นายภูมิธรรม เวชยะชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เริ่มจากสนามกีฬา อบต.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ต่อด้วยวัดประชุมชนธารา โรงเรียนสัมพันธ์วิทยา จากนั้นไปยังโรงเรียนสายบุรีอิสลามวิทยา อ.สายบุรี จ.ปัตตานี อุทยานการเรียนรู้ TK Park เทศบาลนครยะลา จ.ยะลา และบ้านนายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร บ้านศรียะลา จ.ยะลา ก่อนกลับกรุงเทพมหานคร . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000017778 .............. Sondhi X
    Like
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1562 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไซด์ ซาดีค นักการเมือง ที่เป็นนายแบบได้นิดหน่อย

    เป็นอีกนักการเมืองคนรุ่นใหม่ ที่สร้างสีสันการเมืองในมาเลเซีย สำหรับไซด์ ซาดีค (Syed Saddiq) วัย 32 ปี สส.อำเภอมัวร์ รัฐยะโฮร์ สังกัดพรรคฝ่ายค้าน มูดา (MUDA) และอดีต รมว.เยาวชนและกีฬามาเลเซีย ล่าสุดเขาออกมายอมรับว่า ต้องจำยอมไปเป็นนายแบบเสื้อผ้าชุดรายอให้กับแบรนด์แฟชั่นแบรนด์หนึ่ง คู่กับ เบลลา อัสติลลาห์ (Bella Astillah) นักร้องและนักแสดงสาวชื่อดัง เพราะรัฐบาลนายอันวาร์ อิบราฮิม จากกลุ่มปากาตัน ฮาราปัน (PH) ไม่ยอมจัดสรรเงินช่วยเหลือประชาชนในเขตเลือกตั้งของตนเอง

    ซาดีค กล่าวกลางรัฐสภามาเลเซียว่า ได้พยายามเจรจากับรัฐบาลอันวาร์มาหลายครั้งแล้ว ทำตามคำแนะนำนายอันวาร์ เจรจากับนายฟาดิลลาห์ ยูโซฟ รองนายกรัฐมนตรีมาเลเซียไปแล้ว 5 ครั้ง ส่งจดหมายไปแล้ว ฉบับแล้วฉบับเล่านานกว่า 400 วัน แต่ความช่วยเหลือจากรัฐบาลต่อรัฐสภาเมืองมัวร์ยังเป็น 0 ริงกิต ถ้าไม่อยากให้งบประมาณก็พูดในรัฐสภาแห่งนี้ไปเลย อย่าพูดเล่นๆ แบบข้างนอกพูดอย่างหนึ่ง แต่ข้างในกลับพูดอีกอย่างหนึ่ง ผมพยายามหลายครั้งแล้วแต่ไม่สำเร็จ ก็เลยหนีมาเป็นนายแบบ สส.บางคนโกรธที่ผมเป็นนายแบบ ขอบคุณพระเจ้า ในที่สุดผมก็ได้รับเงินบริจาค 1 ล้านริงกิตให้กับรัฐสภาเมืองมัวร์

    ขณะเดียวกัน ซาดีค ได้ขอให้รัฐบาลอันวาร์ทำการเมืองแบบมีวุฒิภาวะ เพราะไม่ว่ารัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ชะตากรรมของประชาชนในพื้นที่จะได้รับการปกป้อง และให้ความช่วยเหลือโดยไม่คำนึงถึงสังกัดทางการเมือง มาเลเซียจะกลายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วได้อย่างไร แม้แต่เรื่องพื้นฐานก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้ เราส่งเสียงเรื่องนี้มาหลายสิบปีแล้วเมื่อเป็นฝ่ายค้าน

    ก่อนหน้านี้ เซียร์ลีนา อับดุล ราชิด (Syerleena Abdul Rashid) สมาชิกรัฐสภาของกลุ่มปากาตัน ฮาราปัน กลุ่มเดียวกับนายกรัฐมนตรีอันวาร์ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ซาดีคว่า ละเลยประชาชนในเขตเลือกตั้งตนเอง เพราะเขามักจะร่วมงานกับอัสติลลาห์โปรโมตเสื้อผ้ารายอแบรนด์หนึ่ง กระทั่งซาดีคต้องออกมาตอบโต้ดังกล่าว

    ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว ซาดีคตัดสินใจวิ่งจากอำเภอมัวร์ รัฐยะโฮร์ ไปยังอาคารรัฐสภามาเลเซีย กรุงกัวลาลัมเปอร์ เป็นระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร โดยใช้เวลา 4 วัน เพื่อระดมทุนรับบริจาคภายใต้แคมเปญ Langkah Muar (ก้าวเพื่อมัวร์) โดยครั้งนั้นได้เงินบริจาคกว่า 1 แสนริงกิต หรือประมาณ 7.7 แสนบาทในเวลา 48 ชั่วโมง

    #Newskit
    ไซด์ ซาดีค นักการเมือง ที่เป็นนายแบบได้นิดหน่อย เป็นอีกนักการเมืองคนรุ่นใหม่ ที่สร้างสีสันการเมืองในมาเลเซีย สำหรับไซด์ ซาดีค (Syed Saddiq) วัย 32 ปี สส.อำเภอมัวร์ รัฐยะโฮร์ สังกัดพรรคฝ่ายค้าน มูดา (MUDA) และอดีต รมว.เยาวชนและกีฬามาเลเซีย ล่าสุดเขาออกมายอมรับว่า ต้องจำยอมไปเป็นนายแบบเสื้อผ้าชุดรายอให้กับแบรนด์แฟชั่นแบรนด์หนึ่ง คู่กับ เบลลา อัสติลลาห์ (Bella Astillah) นักร้องและนักแสดงสาวชื่อดัง เพราะรัฐบาลนายอันวาร์ อิบราฮิม จากกลุ่มปากาตัน ฮาราปัน (PH) ไม่ยอมจัดสรรเงินช่วยเหลือประชาชนในเขตเลือกตั้งของตนเอง ซาดีค กล่าวกลางรัฐสภามาเลเซียว่า ได้พยายามเจรจากับรัฐบาลอันวาร์มาหลายครั้งแล้ว ทำตามคำแนะนำนายอันวาร์ เจรจากับนายฟาดิลลาห์ ยูโซฟ รองนายกรัฐมนตรีมาเลเซียไปแล้ว 5 ครั้ง ส่งจดหมายไปแล้ว ฉบับแล้วฉบับเล่านานกว่า 400 วัน แต่ความช่วยเหลือจากรัฐบาลต่อรัฐสภาเมืองมัวร์ยังเป็น 0 ริงกิต ถ้าไม่อยากให้งบประมาณก็พูดในรัฐสภาแห่งนี้ไปเลย อย่าพูดเล่นๆ แบบข้างนอกพูดอย่างหนึ่ง แต่ข้างในกลับพูดอีกอย่างหนึ่ง ผมพยายามหลายครั้งแล้วแต่ไม่สำเร็จ ก็เลยหนีมาเป็นนายแบบ สส.บางคนโกรธที่ผมเป็นนายแบบ ขอบคุณพระเจ้า ในที่สุดผมก็ได้รับเงินบริจาค 1 ล้านริงกิตให้กับรัฐสภาเมืองมัวร์ ขณะเดียวกัน ซาดีค ได้ขอให้รัฐบาลอันวาร์ทำการเมืองแบบมีวุฒิภาวะ เพราะไม่ว่ารัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ชะตากรรมของประชาชนในพื้นที่จะได้รับการปกป้อง และให้ความช่วยเหลือโดยไม่คำนึงถึงสังกัดทางการเมือง มาเลเซียจะกลายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วได้อย่างไร แม้แต่เรื่องพื้นฐานก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้ เราส่งเสียงเรื่องนี้มาหลายสิบปีแล้วเมื่อเป็นฝ่ายค้าน ก่อนหน้านี้ เซียร์ลีนา อับดุล ราชิด (Syerleena Abdul Rashid) สมาชิกรัฐสภาของกลุ่มปากาตัน ฮาราปัน กลุ่มเดียวกับนายกรัฐมนตรีอันวาร์ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ซาดีคว่า ละเลยประชาชนในเขตเลือกตั้งตนเอง เพราะเขามักจะร่วมงานกับอัสติลลาห์โปรโมตเสื้อผ้ารายอแบรนด์หนึ่ง กระทั่งซาดีคต้องออกมาตอบโต้ดังกล่าว ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว ซาดีคตัดสินใจวิ่งจากอำเภอมัวร์ รัฐยะโฮร์ ไปยังอาคารรัฐสภามาเลเซีย กรุงกัวลาลัมเปอร์ เป็นระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร โดยใช้เวลา 4 วัน เพื่อระดมทุนรับบริจาคภายใต้แคมเปญ Langkah Muar (ก้าวเพื่อมัวร์) โดยครั้งนั้นได้เงินบริจาคกว่า 1 แสนริงกิต หรือประมาณ 7.7 แสนบาทในเวลา 48 ชั่วโมง #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 465 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ทักษิณ-อันวาร์' เฝ้าฯ หารือกษัตริย์บรูไน
    https://www.thai-tai.tv/news/17225/
    'ทักษิณ-อันวาร์' เฝ้าฯ หารือกษัตริย์บรูไน https://www.thai-tai.tv/news/17225/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • ได้คืบจะเอาศอก 'ทักษิณ' อยากพบ 'ฮุนเซน' แต่ศาลไทยไม่อนุญาต
    .
    'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะจำเลยในคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กำลังจะได้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรไทยอีกครั้ง ภายหลังมีรายงานว่าได้ยื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เพื่อไปร่วมประชุมอาเซียน ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน ที่จะจัดการประชุมระหว่างวันที่ 18-19 กุมภาพันธ์นี้ ที่ประเทศบรูไน ดารุสลาม โดยมีรายงานว่าการขออนุญาตศาลเดินทางออกนอกราชอาณาจักรของนายทักษิณ ในครั้งนี้ สืบเนื่องจาก นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน มีหนังสือเชิญ ผ่านสถานทูตไทย กระทรวงต่างประเทศ เพื่อเชิญนายทักษิณไปหารือต่อเนื่องจากครั้งที่เเล้ว
    .
    นายทักษิณยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ และศาลอาญา ได้นัดไต่สวนพยานวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2569 มีพยาน 2 ปากคือนายทักษิณ เเละ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ โดยศาลพิจารณาเเล้วเห็นว่า กรณีมีเหตุจำเป็นตามคำร้อง จึงมีคำสั่งอนุญาตให้นายทักษิณ เดินทางออกนอกราชอาณาจักรได้ระหว่างวันที่ 18-19 กุมภาพันธ์ และให้วางหลักประกันตามที่เสนอ จำนวน 5 ล้านบาท และให้กลับมารายงานตัวภายใน 3 วันนับแต่วันที่เดินทางกลับ แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ตม.)ทราบ
    .
    อย่างไรก็ตาม ปรากฎคำร้องของทักษิณที่ต้องการเดินทางไปยังกัมพูชาและเวียดนามนั้น ศาลไม่อนุญาต โดยได้พิจารณาคำร้องของนายทักษิณที่อ้างว่าไปประเทศ เวียดนาม เเละประเทศกัมพูชาในช่วงวันที่ 18-19 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับการเดินไปประเทศบรูไน ดารุสลามแล้วเห็นว่า การเดินทางไปประเทศเวียดนาม นั้นเป็นไปตามคำเชิญของนักธุรกิจชาวเวียดนา ซึ่งมีตำเเหน่งเป็นที่ปรึกษาในหน่วยงานรัฐของเวียดนาม เเต่เป็นการเชิญส่วนตัวไม่ใช่ในนามรัฐบาลเวียดนาม ส่วนการขออนุญาตเดินทางไปประเทศกัมพูชา ก็เป็นคำเชิญจาก สมเด็จฮุน เซน ซึ้งเป็นในนามส่วนตัวเช่นกันไม่ใช่ในนามรัฐบาลกัมพูชาแต่อย่างใด จึงเป็นกรณีไม่มีเหตุจำเป็น ศาลจึงยกคำร้อง
    .
    สำหรับนายทักษิณ ก่อนหน้านี้ศาลอาญาที่อนุญาตให้นายทักษิณ เดินทางออกนอกราชอาณาจักรมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยศาลอาญาอนุญาตให้นายทักษิณเดินทางไปประชุมกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เมื่อวันที่ 1-2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
    ..............
    Sondhi X
    ได้คืบจะเอาศอก 'ทักษิณ' อยากพบ 'ฮุนเซน' แต่ศาลไทยไม่อนุญาต . 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะจำเลยในคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กำลังจะได้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรไทยอีกครั้ง ภายหลังมีรายงานว่าได้ยื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เพื่อไปร่วมประชุมอาเซียน ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน ที่จะจัดการประชุมระหว่างวันที่ 18-19 กุมภาพันธ์นี้ ที่ประเทศบรูไน ดารุสลาม โดยมีรายงานว่าการขออนุญาตศาลเดินทางออกนอกราชอาณาจักรของนายทักษิณ ในครั้งนี้ สืบเนื่องจาก นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน มีหนังสือเชิญ ผ่านสถานทูตไทย กระทรวงต่างประเทศ เพื่อเชิญนายทักษิณไปหารือต่อเนื่องจากครั้งที่เเล้ว . นายทักษิณยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ และศาลอาญา ได้นัดไต่สวนพยานวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2569 มีพยาน 2 ปากคือนายทักษิณ เเละ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ โดยศาลพิจารณาเเล้วเห็นว่า กรณีมีเหตุจำเป็นตามคำร้อง จึงมีคำสั่งอนุญาตให้นายทักษิณ เดินทางออกนอกราชอาณาจักรได้ระหว่างวันที่ 18-19 กุมภาพันธ์ และให้วางหลักประกันตามที่เสนอ จำนวน 5 ล้านบาท และให้กลับมารายงานตัวภายใน 3 วันนับแต่วันที่เดินทางกลับ แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ตม.)ทราบ . อย่างไรก็ตาม ปรากฎคำร้องของทักษิณที่ต้องการเดินทางไปยังกัมพูชาและเวียดนามนั้น ศาลไม่อนุญาต โดยได้พิจารณาคำร้องของนายทักษิณที่อ้างว่าไปประเทศ เวียดนาม เเละประเทศกัมพูชาในช่วงวันที่ 18-19 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับการเดินไปประเทศบรูไน ดารุสลามแล้วเห็นว่า การเดินทางไปประเทศเวียดนาม นั้นเป็นไปตามคำเชิญของนักธุรกิจชาวเวียดนา ซึ่งมีตำเเหน่งเป็นที่ปรึกษาในหน่วยงานรัฐของเวียดนาม เเต่เป็นการเชิญส่วนตัวไม่ใช่ในนามรัฐบาลเวียดนาม ส่วนการขออนุญาตเดินทางไปประเทศกัมพูชา ก็เป็นคำเชิญจาก สมเด็จฮุน เซน ซึ้งเป็นในนามส่วนตัวเช่นกันไม่ใช่ในนามรัฐบาลกัมพูชาแต่อย่างใด จึงเป็นกรณีไม่มีเหตุจำเป็น ศาลจึงยกคำร้อง . สำหรับนายทักษิณ ก่อนหน้านี้ศาลอาญาที่อนุญาตให้นายทักษิณ เดินทางออกนอกราชอาณาจักรมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยศาลอาญาอนุญาตให้นายทักษิณเดินทางไปประชุมกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เมื่อวันที่ 1-2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 350 มุมมอง 0 รีวิว
  • ได้คืบจะเอาศอก 'ทักษิณ' อยากพบ 'ฮุนเซน' แต่ศาลไทยไม่อนุญาต
    .
    'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะจำเลยในคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กำลังจะได้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรไทยอีกครั้ง ภายหลังมีรายงานว่าได้ยื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เพื่อไปร่วมประชุมอาเซียน ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน ที่จะจัดการประชุมระหว่างวันที่ 18-19 กุมภาพันธ์นี้ ที่ประเทศบรูไน ดารุสลาม โดยมีรายงานว่าการขออนุญาตศาลเดินทางออกนอกราชอาณาจักรของนายทักษิณ ในครั้งนี้ สืบเนื่องจาก นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน มีหนังสือเชิญ ผ่านสถานทูตไทย กระทรวงต่างประเทศ เพื่อเชิญนายทักษิณไปหารือต่อเนื่องจากครั้งที่เเล้ว
    .
    นายทักษิณยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ และศาลอาญา ได้นัดไต่สวนพยานวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2569 มีพยาน 2 ปากคือนายทักษิณ เเละ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ โดยศาลพิจารณาเเล้วเห็นว่า กรณีมีเหตุจำเป็นตามคำร้อง จึงมีคำสั่งอนุญาตให้นายทักษิณ เดินทางออกนอกราชอาณาจักรได้ระหว่างวันที่ 18-19 กุมภาพันธ์ และให้วางหลักประกันตามที่เสนอ จำนวน 5 ล้านบาท และให้กลับมารายงานตัวภายใน 3 วันนับแต่วันที่เดินทางกลับ แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ตม.)ทราบ
    .
    อย่างไรก็ตาม ปรากฎคำร้องของทักษิณที่ต้องการเดินทางไปยังกัมพูชาและเวียดนามนั้น ศาลไม่อนุญาต โดยได้พิจารณาคำร้องของนายทักษิณที่อ้างว่าไปประเทศ เวียดนาม เเละประเทศกัมพูชาในช่วงวันที่ 18-19 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับการเดินไปประเทศบรูไน ดารุสลามแล้วเห็นว่า การเดินทางไปประเทศเวียดนาม นั้นเป็นไปตามคำเชิญของนักธุรกิจชาวเวียดนา ซึ่งมีตำเเหน่งเป็นที่ปรึกษาในหน่วยงานรัฐของเวียดนาม เเต่เป็นการเชิญส่วนตัวไม่ใช่ในนามรัฐบาลเวียดนาม ส่วนการขออนุญาตเดินทางไปประเทศกัมพูชา ก็เป็นคำเชิญจาก สมเด็จฮุน เซน ซึ้งเป็นในนามส่วนตัวเช่นกันไม่ใช่ในนามรัฐบาลกัมพูชาแต่อย่างใด จึงเป็นกรณีไม่มีเหตุจำเป็น ศาลจึงยกคำร้อง
    .
    สำหรับนายทักษิณ ก่อนหน้านี้ศาลอาญาที่อนุญาตให้นายทักษิณ เดินทางออกนอกราชอาณาจักรมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยศาลอาญาอนุญาตให้นายทักษิณเดินทางไปประชุมกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เมื่อวันที่ 1-2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
    ..............
    Sondhi X
    ได้คืบจะเอาศอก 'ทักษิณ' อยากพบ 'ฮุนเซน' แต่ศาลไทยไม่อนุญาต . 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะจำเลยในคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กำลังจะได้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรไทยอีกครั้ง ภายหลังมีรายงานว่าได้ยื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เพื่อไปร่วมประชุมอาเซียน ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน ที่จะจัดการประชุมระหว่างวันที่ 18-19 กุมภาพันธ์นี้ ที่ประเทศบรูไน ดารุสลาม โดยมีรายงานว่าการขออนุญาตศาลเดินทางออกนอกราชอาณาจักรของนายทักษิณ ในครั้งนี้ สืบเนื่องจาก นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน มีหนังสือเชิญ ผ่านสถานทูตไทย กระทรวงต่างประเทศ เพื่อเชิญนายทักษิณไปหารือต่อเนื่องจากครั้งที่เเล้ว . นายทักษิณยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ และศาลอาญา ได้นัดไต่สวนพยานวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2569 มีพยาน 2 ปากคือนายทักษิณ เเละ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ โดยศาลพิจารณาเเล้วเห็นว่า กรณีมีเหตุจำเป็นตามคำร้อง จึงมีคำสั่งอนุญาตให้นายทักษิณ เดินทางออกนอกราชอาณาจักรได้ระหว่างวันที่ 18-19 กุมภาพันธ์ และให้วางหลักประกันตามที่เสนอ จำนวน 5 ล้านบาท และให้กลับมารายงานตัวภายใน 3 วันนับแต่วันที่เดินทางกลับ แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ตม.)ทราบ . อย่างไรก็ตาม ปรากฎคำร้องของทักษิณที่ต้องการเดินทางไปยังกัมพูชาและเวียดนามนั้น ศาลไม่อนุญาต โดยได้พิจารณาคำร้องของนายทักษิณที่อ้างว่าไปประเทศ เวียดนาม เเละประเทศกัมพูชาในช่วงวันที่ 18-19 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับการเดินไปประเทศบรูไน ดารุสลามแล้วเห็นว่า การเดินทางไปประเทศเวียดนาม นั้นเป็นไปตามคำเชิญของนักธุรกิจชาวเวียดนา ซึ่งมีตำเเหน่งเป็นที่ปรึกษาในหน่วยงานรัฐของเวียดนาม เเต่เป็นการเชิญส่วนตัวไม่ใช่ในนามรัฐบาลเวียดนาม ส่วนการขออนุญาตเดินทางไปประเทศกัมพูชา ก็เป็นคำเชิญจาก สมเด็จฮุน เซน ซึ้งเป็นในนามส่วนตัวเช่นกันไม่ใช่ในนามรัฐบาลกัมพูชาแต่อย่างใด จึงเป็นกรณีไม่มีเหตุจำเป็น ศาลจึงยกคำร้อง . สำหรับนายทักษิณ ก่อนหน้านี้ศาลอาญาที่อนุญาตให้นายทักษิณ เดินทางออกนอกราชอาณาจักรมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยศาลอาญาอนุญาตให้นายทักษิณเดินทางไปประชุมกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เมื่อวันที่ 1-2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Sad
    Angry
    Wow
    28
    4 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1630 มุมมอง 1 รีวิว
  • ศาลอนุญาต “ทักษิณ” เดินทางออกนอกประเทศครั้งที่ 2 ไปบรูไน ประชุมอาเซียน ตามคำเชิญ “อันวาร์” ผ่านสถานทูต 18-19 ก.พ.นี้ โดยให้วางเงินค้ำประกัน 5 ล้านบาท เเต่ไม่อนุญาตไปเวียดนาม-กัมพูชาในช่วงเวลาเดียวกัน เพราะไม่ได้เชิญในนามรัฐบาล

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตในคำร้องที่ นายทักษิณ ชินวัตร จำเลยในคดีประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ได้ยื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เพื่อไปร่วมประชุมอาเซียน ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน ที่จะจัดการประชุมระหว่างวันที่ 18-19 ก.พ. ที่ประเทศบรูไน โดยมีรายงานว่าการขออนุญาตศาลในครั้งนี้ มาจาก นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน มีหนังสือเชิญ ผ่านสถานทูต ผ่านกระทรวงต่างประเทศ เพื่อเชิญไปหารือต่อเนื่องจากครั้งที่เเล้ว

    ซึ่งนายทักษิณยื่นคำร้องตั้งเเต่วันที่ 13 ก.พ.2568 ศาลอาญานัดไต่สวนวันที่ 14 ก.พ.2569 มีการไต่สวนพยาน 2 ปาก คือนายทักษิณ เเละ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ พิจารณาเเล้วมีเหตุจำเป็นตามคำร้องมีคำสั่งอนุญาตออกนอกประเทศระหว่างวันที่ 18-19 ก.พ.2568 ให้วางหลักประกันตามที่เสนอ( 5 ล้านบาทเท่าเดิม ) และให้มารายงานตัวภายใน 3 วันนับแต่วันที่จำเลยเดินทางกลับประเทศไทย แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทราบ

    ภายหลังศาลอาญาอนุญาตนายทักษิณก็ได้ทำสัญญาในช่วงเย็นวันดังกล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000015199

    #MGROnline #ทักษิณ
    ศาลอนุญาต “ทักษิณ” เดินทางออกนอกประเทศครั้งที่ 2 ไปบรูไน ประชุมอาเซียน ตามคำเชิญ “อันวาร์” ผ่านสถานทูต 18-19 ก.พ.นี้ โดยให้วางเงินค้ำประกัน 5 ล้านบาท เเต่ไม่อนุญาตไปเวียดนาม-กัมพูชาในช่วงเวลาเดียวกัน เพราะไม่ได้เชิญในนามรัฐบาล • ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตในคำร้องที่ นายทักษิณ ชินวัตร จำเลยในคดีประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ได้ยื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เพื่อไปร่วมประชุมอาเซียน ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน ที่จะจัดการประชุมระหว่างวันที่ 18-19 ก.พ. ที่ประเทศบรูไน โดยมีรายงานว่าการขออนุญาตศาลในครั้งนี้ มาจาก นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน มีหนังสือเชิญ ผ่านสถานทูต ผ่านกระทรวงต่างประเทศ เพื่อเชิญไปหารือต่อเนื่องจากครั้งที่เเล้ว • ซึ่งนายทักษิณยื่นคำร้องตั้งเเต่วันที่ 13 ก.พ.2568 ศาลอาญานัดไต่สวนวันที่ 14 ก.พ.2569 มีการไต่สวนพยาน 2 ปาก คือนายทักษิณ เเละ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ พิจารณาเเล้วมีเหตุจำเป็นตามคำร้องมีคำสั่งอนุญาตออกนอกประเทศระหว่างวันที่ 18-19 ก.พ.2568 ให้วางหลักประกันตามที่เสนอ( 5 ล้านบาทเท่าเดิม ) และให้มารายงานตัวภายใน 3 วันนับแต่วันที่จำเลยเดินทางกลับประเทศไทย แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทราบ • ภายหลังศาลอาญาอนุญาตนายทักษิณก็ได้ทำสัญญาในช่วงเย็นวันดังกล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000015199 • #MGROnline #ทักษิณ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 387 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถนนเชื่อมด่านสะเดาฝั่งมาเลย์ฯ กงสุลคาดเสร็จปลายปี 68

    โครงการปรับแนวถนนเชื่อมระหว่างชายแดนไทย-มาเลเซีย ระหว่างด่านบูกิตกายูฮิตัม รัฐเคดะห์ ประเทศมาเลเซีย กับด่านสะเดาแห่งใหม่ จ.สงขลา มีกำหนดแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568 ตามที่นายอาห์หมัด ฟาห์มี อาห์หมัด กงสุลใหญ่มาเลเซีย ประจำจังหวัดสงขลา กล่าวกับสำนักข่าวเบอร์นามา (Bernama) ของมาเลเซียเมื่อวันที่ 11 ก.พ. แต่การจัดถนนที่เชื่อมต่อกับด่านสะเดาแห่งใหม่ ยังไม่สามารถสรุปได้โดยเร็ว เนื่องจากอุปสรรคทางเทคนิคที่ทำให้เกิดความล่าช้า

    ช่วงที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเข้ารับตำแหน่ง ได้ออกคำสั่งและผลักดันโครงการให้กลับมาดำเนินการอีกครั้ง หลังจากแก้ไขปัญหาทางเทคนิคได้แล้ว โครงการนี้จึงกลับมาดำเนินการอีกครั้งในปี 2566 มีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงเดือน ก.ค. ถึง ส.ค. 2568 ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ เพิ่มปริมาณการค้าและส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

    ก่อนหน้านี้ ร้านค้าปลอดภาษี The ZON Duty Free บูกิตกายูฮิตัม ได้ปิดให้บริการไปเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2567 เนื่องจากรัฐบาลเวนคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างถนนขนาด 6 ช่องจราจร ตีวงโค้งคล้ายเกือกม้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่ด่านพรมแดนสะเดาแห่งใหม่ โดยรื้อถอนอาคารและปรับพื้นที่ไปแล้ว สำหรับถนนฝั่งไทย อยู่ในความรับผิดชอบของ อบจ.สงขลา โดยเมื่อวันที่ 17 ม.ค. มีการประชุมเพื่อหารือรายละเอียดการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านศุลกากรสะเดาแห้งใหม่ เพื่อหารือรายละเอียดการขออนุญาตสร้างรั้วและประตูชายแดนใหม่ในฝั่งมาเลเซีย รวมทั้งการกำหนดพื้นที่เขตก่อสร้างร่วมกัน

    สำหรับด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ตั้งอยู่บนพื้นที่ 596 ไร่ 1 งาน 18 ตารางวา ใช้งบประมาณก่อสร้าง 2,360 ล้านบาท เริ่มต้นสัญญาเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2559 แล้วเสร็จและตรวจรับงานครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2562 แต่ยังไม่สามารถเปิดใช้งานได้ เนื่องจากยังไม่มีถนนเชื่อม ขณะที่ด่านศุลกากรสะเดาปัจจุบันมีรถยนต์ สินค้า และผู้สัญจรระหว่างประเทศเป็นจำนวนมาก

    ต่อมากรมทางหลวงก่อสร้างถนนสายแยกทางหลวงหมายเลข 4–ด่านสะเดาแห่งที่ 2 (คู่ขนานมอเตอร์เวย์ M84 หาดใหญ่-สะเดา) จ.สงขลา ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร ในปีงบประมาณ 2561 โดยตอน 1 แล้วเสร็จเดือน ส.ค. 2566 ตอน 2 แล้วเสร็จ เม.ย. 2567 ซึ่งในอนาคตจะมีโครงการมอเตอร์เวย์ M84 ระยะทาง 62.5 กิโลเมตร เริ่มต้นจากถนนเพชรเกษม อ.บางกล่ำ จ.สงขลา อ้อมไปทางท่าอากาศยานหาดใหญ่ ทะลุถนนกาญจนวนิช สิ้นสุดที่ด่านสะเดาแห่งที่ 2 ปัจจุบันการออกแบบแล้วเสร็จ เหลือเสนอ ครม.พิจารณาให้เอกชนลงทุนในรูปแบบ PPP แต่ยังไม่มีความคืบหน้า

    #Newskit
    ถนนเชื่อมด่านสะเดาฝั่งมาเลย์ฯ กงสุลคาดเสร็จปลายปี 68 โครงการปรับแนวถนนเชื่อมระหว่างชายแดนไทย-มาเลเซีย ระหว่างด่านบูกิตกายูฮิตัม รัฐเคดะห์ ประเทศมาเลเซีย กับด่านสะเดาแห่งใหม่ จ.สงขลา มีกำหนดแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568 ตามที่นายอาห์หมัด ฟาห์มี อาห์หมัด กงสุลใหญ่มาเลเซีย ประจำจังหวัดสงขลา กล่าวกับสำนักข่าวเบอร์นามา (Bernama) ของมาเลเซียเมื่อวันที่ 11 ก.พ. แต่การจัดถนนที่เชื่อมต่อกับด่านสะเดาแห่งใหม่ ยังไม่สามารถสรุปได้โดยเร็ว เนื่องจากอุปสรรคทางเทคนิคที่ทำให้เกิดความล่าช้า ช่วงที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเข้ารับตำแหน่ง ได้ออกคำสั่งและผลักดันโครงการให้กลับมาดำเนินการอีกครั้ง หลังจากแก้ไขปัญหาทางเทคนิคได้แล้ว โครงการนี้จึงกลับมาดำเนินการอีกครั้งในปี 2566 มีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงเดือน ก.ค. ถึง ส.ค. 2568 ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ เพิ่มปริมาณการค้าและส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ก่อนหน้านี้ ร้านค้าปลอดภาษี The ZON Duty Free บูกิตกายูฮิตัม ได้ปิดให้บริการไปเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2567 เนื่องจากรัฐบาลเวนคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างถนนขนาด 6 ช่องจราจร ตีวงโค้งคล้ายเกือกม้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่ด่านพรมแดนสะเดาแห่งใหม่ โดยรื้อถอนอาคารและปรับพื้นที่ไปแล้ว สำหรับถนนฝั่งไทย อยู่ในความรับผิดชอบของ อบจ.สงขลา โดยเมื่อวันที่ 17 ม.ค. มีการประชุมเพื่อหารือรายละเอียดการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านศุลกากรสะเดาแห้งใหม่ เพื่อหารือรายละเอียดการขออนุญาตสร้างรั้วและประตูชายแดนใหม่ในฝั่งมาเลเซีย รวมทั้งการกำหนดพื้นที่เขตก่อสร้างร่วมกัน สำหรับด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ตั้งอยู่บนพื้นที่ 596 ไร่ 1 งาน 18 ตารางวา ใช้งบประมาณก่อสร้าง 2,360 ล้านบาท เริ่มต้นสัญญาเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2559 แล้วเสร็จและตรวจรับงานครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2562 แต่ยังไม่สามารถเปิดใช้งานได้ เนื่องจากยังไม่มีถนนเชื่อม ขณะที่ด่านศุลกากรสะเดาปัจจุบันมีรถยนต์ สินค้า และผู้สัญจรระหว่างประเทศเป็นจำนวนมาก ต่อมากรมทางหลวงก่อสร้างถนนสายแยกทางหลวงหมายเลข 4–ด่านสะเดาแห่งที่ 2 (คู่ขนานมอเตอร์เวย์ M84 หาดใหญ่-สะเดา) จ.สงขลา ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร ในปีงบประมาณ 2561 โดยตอน 1 แล้วเสร็จเดือน ส.ค. 2566 ตอน 2 แล้วเสร็จ เม.ย. 2567 ซึ่งในอนาคตจะมีโครงการมอเตอร์เวย์ M84 ระยะทาง 62.5 กิโลเมตร เริ่มต้นจากถนนเพชรเกษม อ.บางกล่ำ จ.สงขลา อ้อมไปทางท่าอากาศยานหาดใหญ่ ทะลุถนนกาญจนวนิช สิ้นสุดที่ด่านสะเดาแห่งที่ 2 ปัจจุบันการออกแบบแล้วเสร็จ เหลือเสนอ ครม.พิจารณาให้เอกชนลงทุนในรูปแบบ PPP แต่ยังไม่มีความคืบหน้า #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 409 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ทักษิณ" เผยคุย "อันวาร์" 3 เรื่อง จ่อถกผู้นำในอาเซียน แก้ปัญหาความขัดแย้งเมียนมา เดินหน้าคริปโตเคอร์เรนซี นำร่อง 3 ประเทศ สอดคล้องทิศทางสหรัฐฯ เผยรู้ว่าเจ้าของตึก 25 ชั้น ที่ปอยเปต เป็นของใคร มีสัญชาติไทยด้วย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000012600

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "ทักษิณ" เผยคุย "อันวาร์" 3 เรื่อง จ่อถกผู้นำในอาเซียน แก้ปัญหาความขัดแย้งเมียนมา เดินหน้าคริปโตเคอร์เรนซี นำร่อง 3 ประเทศ สอดคล้องทิศทางสหรัฐฯ เผยรู้ว่าเจ้าของตึก 25 ชั้น ที่ปอยเปต เป็นของใคร มีสัญชาติไทยด้วย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000012600 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    Angry
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1015 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘ทักษิณ‘ คุย ‘อันวาร์’ เน้นหารือเรื่อง ความสงบสุขในเมียนมา (03/02/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ขอศาลออกนอกประเทศ #ทักษิณออกนอกประเทศ
    ‘ทักษิณ‘ คุย ‘อันวาร์’ เน้นหารือเรื่อง ความสงบสุขในเมียนมา (03/02/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ขอศาลออกนอกประเทศ #ทักษิณออกนอกประเทศ
    Haha
    1
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 728 มุมมอง 46 0 รีวิว
  • ♣ ตำแหน่งที่ปรึกษาอันวาร์ ก็แค่เส้นทางใหม่หนีความผิด สทร.หวังใช้หลบหนีตามช่องทางความร่วมมืออาเซียน
    #7ดอกจิก
    ♣ ตำแหน่งที่ปรึกษาอันวาร์ ก็แค่เส้นทางใหม่หนีความผิด สทร.หวังใช้หลบหนีตามช่องทางความร่วมมืออาเซียน #7ดอกจิก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • นับหนึ่งถึงอนาคต รถไฟฟ้าสายแรกปีนัง

    รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย กำลังจะมีรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) สายแรกเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ หลังจากเมื่อเดือน มี.ค.2567 รัฐบาลกลางมาเลเซีย รับช่วงต่อจากรัฐบาลท้องถิ่นรัฐปีนัง พัฒนาโครงการรถไฟรางเบาสายมูเทียร่า ไลน์ (Mutiara Line) โดยแต่งตั้งบริษัท เอ็มอาร์ที คอร์ป (MRT Corp) ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นทั้งหมด เป็นผู้พัฒนาโครงการ

    พิธีวางศิลาฤกษ์ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2568 บริเวณสถานที่ก่อสร้างสถานีบันดาร์ ศรี ปีนัง (Bandar Sri Pinang) โดยมีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเป็นประธาน

    จากการลงพื้นที่ของ Newskit พบว่า สถานที่ก่อสร้างสถานีบันดาร์ ศรี ปีนัง (Bandar Sri Pinang) ติดกับทางด่วนลิม ชอง ยู (Lim Chong Eu) ใกล้กับมัสยิดอัล บัคฮารี่ (Al Bukhary) และทางจักรยานเลียบชายทะเล บริเวณฝั่งตะวันออกของเกาะปีนัง เมื่อข้ามแม่น้ำปีนังไปแล้วจะเป็นสถานีแมคคัลลัม ก่อนแยกเป็นสองสาย แยกซ้ายไปสถานีคอมตาร์ แยกขวาข้ามทะเลไปสถานีปีนังเซ็นทรัล

    ก่อนที่เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2568 จะมีการลงนามสัญญาก่อสร้างช่วงคอมตาร์-เกาะซิลิคอน (Komtar-Silicon Island) ระยะทาง 24 กิโลเมตร รวม 19 สถานี มูลค่าประมาณ 8,310 ล้านริงกิต (64,000 ล้านบาท) โดยมีกลุ่มกิจการร่วมค้าเอสอาร์เอส ที่บริษัทก่อสร้างกามูดา (Gamuda) ถือหุ้น 60% เป็นผู้รับเหมาในการก่อสร้าง โดยมีระยะเวลาก่อสร้าง 6 ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2574

    ส่วนช่วงคอมตาร์-ปีนังเซ็นทรัล (Komtar-Penang Sentral) จากสถานีแมคคัลลัม (Macallum) ในเมืองจอร์จทาวน์ ผ่านช่องแคบปีนัง ระยะทาง 5.8 กิโลเมตร คาดว่าจะเปิดประมูลในเดือน ก.ค. 2568 และประกาศผลการประมูลในต้นปี 2569 ส่วนการประมูลระบบรถไฟฟ้าและการบำรุงรักษา กำลังดำเนินการ โดยมีกำหนดส่งข้อเสนอขั้นสุดท้ายในวันที่ 14 เม.ย. 2568

    นายแอนโทนี ลก รมว.คมนาคมมาเลเซีย กล่าวว่า โครงการนี้ได้รับการวางแผนอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้สามารถเข้าถึงศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่สำคัญได้อย่างราบรื่น สนับสนุนโครงการ Penang Silicon Design @5km+ การยกระดับท่าอากาศยานนานาชาติปีนัง และเขตอุตสาหกรรมเสรีบายัน เลอปาส (Bayan Lepas)

    อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ยังมีปัญหาเรื่องที่ดินก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุง บริเวณสถานีสุไหงนิบง (Sungai Nibong) ซึ่งเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม มีการจัดงานเทศกาลประจำปี เพสต้า ปูเลา ปีนัง (Pesta Pulau Pinang) มาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2509 แต่ทาง MRT Corp ยืนยันว่าจะใช้พื้นที่ไม่มาก ก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงรองและพื้นที่พัฒนารอบสถานี (TOD) เท่านั้น

    #Newskit

    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    นับหนึ่งถึงอนาคต รถไฟฟ้าสายแรกปีนัง รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย กำลังจะมีรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) สายแรกเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ หลังจากเมื่อเดือน มี.ค.2567 รัฐบาลกลางมาเลเซีย รับช่วงต่อจากรัฐบาลท้องถิ่นรัฐปีนัง พัฒนาโครงการรถไฟรางเบาสายมูเทียร่า ไลน์ (Mutiara Line) โดยแต่งตั้งบริษัท เอ็มอาร์ที คอร์ป (MRT Corp) ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นทั้งหมด เป็นผู้พัฒนาโครงการ พิธีวางศิลาฤกษ์ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2568 บริเวณสถานที่ก่อสร้างสถานีบันดาร์ ศรี ปีนัง (Bandar Sri Pinang) โดยมีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเป็นประธาน จากการลงพื้นที่ของ Newskit พบว่า สถานที่ก่อสร้างสถานีบันดาร์ ศรี ปีนัง (Bandar Sri Pinang) ติดกับทางด่วนลิม ชอง ยู (Lim Chong Eu) ใกล้กับมัสยิดอัล บัคฮารี่ (Al Bukhary) และทางจักรยานเลียบชายทะเล บริเวณฝั่งตะวันออกของเกาะปีนัง เมื่อข้ามแม่น้ำปีนังไปแล้วจะเป็นสถานีแมคคัลลัม ก่อนแยกเป็นสองสาย แยกซ้ายไปสถานีคอมตาร์ แยกขวาข้ามทะเลไปสถานีปีนังเซ็นทรัล ก่อนที่เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2568 จะมีการลงนามสัญญาก่อสร้างช่วงคอมตาร์-เกาะซิลิคอน (Komtar-Silicon Island) ระยะทาง 24 กิโลเมตร รวม 19 สถานี มูลค่าประมาณ 8,310 ล้านริงกิต (64,000 ล้านบาท) โดยมีกลุ่มกิจการร่วมค้าเอสอาร์เอส ที่บริษัทก่อสร้างกามูดา (Gamuda) ถือหุ้น 60% เป็นผู้รับเหมาในการก่อสร้าง โดยมีระยะเวลาก่อสร้าง 6 ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2574 ส่วนช่วงคอมตาร์-ปีนังเซ็นทรัล (Komtar-Penang Sentral) จากสถานีแมคคัลลัม (Macallum) ในเมืองจอร์จทาวน์ ผ่านช่องแคบปีนัง ระยะทาง 5.8 กิโลเมตร คาดว่าจะเปิดประมูลในเดือน ก.ค. 2568 และประกาศผลการประมูลในต้นปี 2569 ส่วนการประมูลระบบรถไฟฟ้าและการบำรุงรักษา กำลังดำเนินการ โดยมีกำหนดส่งข้อเสนอขั้นสุดท้ายในวันที่ 14 เม.ย. 2568 นายแอนโทนี ลก รมว.คมนาคมมาเลเซีย กล่าวว่า โครงการนี้ได้รับการวางแผนอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้สามารถเข้าถึงศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่สำคัญได้อย่างราบรื่น สนับสนุนโครงการ Penang Silicon Design @5km+ การยกระดับท่าอากาศยานนานาชาติปีนัง และเขตอุตสาหกรรมเสรีบายัน เลอปาส (Bayan Lepas) อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ยังมีปัญหาเรื่องที่ดินก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุง บริเวณสถานีสุไหงนิบง (Sungai Nibong) ซึ่งเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม มีการจัดงานเทศกาลประจำปี เพสต้า ปูเลา ปีนัง (Pesta Pulau Pinang) มาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2509 แต่ทาง MRT Corp ยืนยันว่าจะใช้พื้นที่ไม่มาก ก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงรองและพื้นที่พัฒนารอบสถานี (TOD) เท่านั้น #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 828 มุมมอง 0 รีวิว
  • เขตประเทศใด? "สนธิญา" จี้ถามปม "ทักษิณ" พบ "อันวาร์" (02/01/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ทักษิณขัดคำสั่งศาลอาญา #"ทักษิณ" พบ "อันวาร์"#ร้องขัดคำสั่งศาล
    เขตประเทศใด? "สนธิญา" จี้ถามปม "ทักษิณ" พบ "อันวาร์" (02/01/68) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ทักษิณขัดคำสั่งศาลอาญา #"ทักษิณ" พบ "อันวาร์"#ร้องขัดคำสั่งศาล
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2008 มุมมอง 97 1 รีวิว
  • ทะแม่ง!“จตุพร”จับพิรุธ“ทักษิณ-อันวาร์”แอบพบกันกลางทะเลลับๆล่อๆมีอะไรในก่อไผ่หรือไม่ ? 28/12/67 #จตุพร #ทักษิณ #อันวาร์
    ทะแม่ง!“จตุพร”จับพิรุธ“ทักษิณ-อันวาร์”แอบพบกันกลางทะเลลับๆล่อๆมีอะไรในก่อไผ่หรือไม่ ? 28/12/67 #จตุพร #ทักษิณ #อันวาร์
    Like
    10
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1146 มุมมอง 55 0 รีวิว
  • “๑ ประเทศ ๒ รัฐบาล” #เปลวสีเงิน
    plew

    เปลว สีเงิน

    คงเป็น “ที่สุดแห่งปี” จริงๆ
    สำหรับประเทศแห่งประชากรผู้หิวโหยและเทิดทูน ๒ พ่อลูก “ตระกูลชิน”
    บ่ายวาน(๒๗ ธ.ค.๖๗)นายกฯมาเลย์ฯ “นายอันวาร์” โพสต์เฟซ พร้อมภาพถ่ายคู่ทักษิณ

    Anwar Ibrahim
    รู้สึกยินดีที่ได้พบอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยและเพื่อนรักอย่าง ดร.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อหารือกันอย่างน่าสนใจ ครอบคลุมและมีประโยชน์

    รวมทั้งในฐานะที่ปรึกษาไม่เป็นทางการของมาเลเซีย ในการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน

    การสนทนามุ่งเน้นประเด็นสำคัญในภูมิภาค ได้แก่ การฟื้นฟูเศรษฐกิจ การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ๆ การส่งเสริมสันติภาพในภาคใต้ของไทย และการแก้ไขวิกฤตเมียนมา

    เครือข่ายความสัมพันธ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ในภูมิภาคของคุณทักษิณ ประกอบกับความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวของเขา ได้ให้คำมั่นว่า

    จะเปิดโอกาสอันล้ำค่าสำหรับมาเลเซียและอาเซียนเพื่อรับมือกับความท้าทาย ด้วยความมั่นใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงแนวทางเสริมสร้างสัมพันธ์ทวิภาคีที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ระหว่างมาเลเซียและไทย
    ให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์การพัฒนาอย่างยั่งยืนและความสามัคคีในภูมิภาค

    ที่ผมมีร่วมกับ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของประเทศไทย

    หลายทศวรรษที่ผ่านทักษิณและผมเชื่อมั่นว่า มาเลเซียและไทยสามารถบรรลุผลสำเร็จได้มากกว่านี้มาก เมื่อร่วมมือกัน

    ไม่เพียงแต่สำหรับประเทศของเราเท่านั้น
    แต่สำหรับภูมิภาคโดยรวมด้วย เรามุ่งมั่นที่จะทำให้วิสัยทัศน์นั้น กลายเป็นความจริง.

    นั่นคือบทบาท “นายกฯ-ผู้พ่อ” ปิดศักราช ๒๕๖๗ เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน ทีนี้อยากให้ดูบทบาท “นายกฯ-ผู้ลูก” ส่งท้ายปีบ้าง

    ๒๗ ธันวา. นายกฯ “แพทองธาร ชินวัตร”
    ส่งหนังสือลากิจ ๑ วัน ไปที่ “สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี” (สลค.)

    “หยุดงาน” ยาวต่อเนื่องข้ามศักราชไปถึงปีหน้า บอกว่า “เพื่อใช้เวลาพักผ่อนอยู่กับครอบครัว”
    จะกลับมา “ปฏิบัติหน้าที่นายกฯ” อีกครั้ง วันที่ ๒ มกรา.๖๘

    โดยเป็นประธานพิธีทำบุญในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ.๒๕๖๘ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ตอนเช้า
    นายกฯ บอกลาอย่างนี้แล้ว รู้สึกยังไงกันบ้างครับ?

    ในความรู้สึกผม….
    ประเทศเหมือน “ครอบครัวหนึ่ง” มีสมาชิก ๖๐ กว่าล้านคน มีรัฐบาลโดย “นายกฯ” เป็นหัวหน้า “รับผิดชอบ” ดูแลครอบครัว

    ปีใหม่ “หยุดยาว” สมาชิกในครอบครัว พากันไปเที่ยวไหน-ต่อไหนกันจนกรุงเทพฯ แทบโล่ง ประมาณ ๑ สัปดาห์

    แต่แทนที่ “หัวหน้าครอบครัว” จะบอกว่า หยุดยาว เที่ยวกันให้สนุกนะ ไม่ต้องห่วงหรอก จะระวังขะโมย-ขะโจรให้เอง

    กลับตรงกันข้าม ลูกบ้านหยุดยาวไปเที่ยว หัวหน้าบ้านก็หยุดยาวบ้าง แถมชิงเอาเปรียบ “ลาหยุด” ล่วงหน้าซะอีก ๑ วัน!

    ถามว่าผิดมั้ย?
    ก็ไม่ผิด แต่มันขาด “ภาวะสำนึก” แห่งความรับผิดชอบของ “คนเป็นผู้นำ”

    หรือพูดกันชัดๆ…
    นางสาวแพทองธาร ลูกนายทักษิณ ไม่มีทั้งวุฒิภาวะ ไม่มีทั้งสำนึกภาวะ ไม่คู่ควรตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” เลย!

    เป็น “ผู้นำ” เป็นตลอด ๒๔ ชั่วโมง….
    หยุุดงาน-หยุดได้ แต่ไม่ใช่เห็นชาวบ้านเขาหยุดยาวในเทศกาล กูก็จะหยุดมั่ง แบบนี้

    มีธุระสำคัญอะไรที่ต้องลาหยุดเพิ่มให้เป็น “แบบอย่าง” ที่ไม่ดี เช่นนี้?
    เปล่า…ลาหยุดพักผ่อนกับครอบครัว!?

    แถมบอก “จะกลับมาปฎิบัติหน้าที่นายกฯ” อีกครั้ง ในวันที่ ๒ มกรา.๖๘ นั้น
    น่ารังเกียจ ประหนึ่ง “ไร้เดียงสา”!

    ต้องเข้าใจนะอุ๊งอิ๊ง คุณพ่อไม่สอนหรือว่า การไปทำงานนั้น “หยุด…คือไม่ไปที่ทำงาน” นั้น ได้

    แต่ “หน้าที่นายกฯ” มันหยุดปฎิบัติไม่ได้-ลาไม่ได้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน แบบไหน กำลังกิน กำลังนอน กำลังถ่าย แม้แขม็บๆ กำลังจะตาย

    “ลาออก” จากตำแหน่งนายกฯ ได้
    แต่ลา “ปฎิบัติหน้าที่นายกฯ” ไม่ได้!

    เช่นเดียวกับ “ข้าราชการ” ไม่ว่าข้าราชการพลเรือน ข้าราชครู ข้าราชการทหาร ตำรวจ แม้กระทั่ง แพทย์ พยาบาล
    “หยุดงาน-ลางาน” ได้

    แต่หยุด “หน้าที่” คนเป็นข้าราชการไม่ได้ ต่อให้ไปไหน-อยู่ไหน เขาพร้อม “ปฎิบัติหน้าที่” ในทันที เมื่อมีสถานการณ์

    คนเป็นผู้นำบริหารประเทศ “สำนึกภาวะ” ด้านรับผิดชอบในหน้าที่ “ต้องสูงกว่าข้าราชการ” ขึ้นไปอีกขั้น

    อย่างปีใหม่ “หยุดยาวข้ามปี”…….
    นายกฯ อยู่บ้านหรือมาทำเนียบ “ค่าเท่ากัน”

    ไม่ต้องทำเป็น “ลาก่ง-ลากิจ” ให้ดูตลกปัญญาอ่อนหรอก

    ที่สำคัญ ผู้นำต้องส่งสัญญานให้ประชาชนรู้ว่า ในขณะที่เขาทิ้งบ้านไปไหนต่อไหนกันนั้น
    ฉัน..นายกฯ อยู่นะ รัฐบาล “อยู่โยง” ทำหน้าที่ “มอนิเตอร์ประเทศ” ให้ตลอด ๒๔ ชั่วโมงนะ

    เที่ยวกันให้สนุก ไม่ต้อง “ห่วงหน้า-พะวงหลัง”
    เจ้าหน้าที่แต่ละหน่วยงาน ที่ต้องทำงานในเทศกาลหยุดยาว เขาก็พลอยมีกำลังใจ

    ว่าไม่เพียงพวกเขาต้องแกร่ว “อยู่เวร-อยู่ยาม”
    “ผู้นำรัฐบาล” ก็แกร่วอยู่ด้วย

    คอยตรวจตราสั่งการ “รักษาบ้าน-เฝ้าเมือง” ให้ประชาชน ไม่ได้ตะแล๊ดแต๊ดแต๋ละทิ้งหน้าที่ไปทางไหนแต่อย่างใด!
    นี่คือ “สำนึกผู้นำ”

    ไม่ใช่ชาวบ้านเขาลาหยุดยาว กูก็ลาหยุดยาวบ้าง แถมบอกเสร็จสรรพ “จะกลับมาปฎิบัติหน้าที่” ในที่ ๒ มกรา.๕๘! จะให้ “ชาวบ้าน-ชาวเมือง” เข้าใจว่า…..

    จากวันนี้ จนถึง ๒ มกรา.๖๘ บ้านเมือง “ว่างเปล่า” ไม่มีผู้ปฎิบัติหน้าที่นายกฯ งั้นหรือ?

    โบราณท่านบอก….
    เป็นหัวหน้างาน “อย่าไปแย่งงานลูกน้องทำ”

    แต่คนเป็นหัวหน้าคน “ต้องตื่นก่อน-นอนทีหลัง”

    เป็นนายกฯ เป็นแม่ทัพ-นายกอง เป็นหัวหน้าครอบครัว ถึงเทศกาล ลูกน้อง-ลูกบ้าน เขาจะสนุกสนาน เที่ยวเตร่กัน
    คนเป็นนายก็ต้อง “เฝ้าบ้าน-เฝ้าประเทศ” คอยระหวังหลังให้พวกเขา

    มันไม่ใช่เรื่องซับซ้อน เป็นแค่ “สามัญสำนึกพื้นฐาน” ของคนเป็นนายคนเท่านั้นเอง

    พูดถึงลูกแล้ว มาพูดถึงพ่อบ้าง
    จากหลีเป๊ะ-สตูล ไปลังกาวี-มาเลเซีย ๕๒ กิโลเท่านั้นเอง ถ้านั่งเรือ ก็ชั่วโมงกว่าๆ

    ตอนเป็นเด็กวัดเคยอ่านบันทึกของ “หลุย คีรีวัต” ที่ถูกขัง
    คุกเกาะ “ตะรุเตา” กับเพื่อนนักโทษกบฎอีก ๒-๓ คน มี “โหรแฉล้ม เลี่ยมเพ็ชรรัตน์” รวมอยู่ด้วย

    หลบหนีคุก ลอยคอจากเกาะตะรุเตา ไปขึ้นที่เกาะลังกาวี ซึ่งเกาะนี้ อยู่ใน “รัฐเคดะห์”

    อดีตเป็นส่วนหนึ่งของเมืองไทยบุรี ดินแดนของสยาม แต่เราจำต้องเสียให้อังกฤษไป ในสมัยรัชกาลที่ ๕
    เกาะนี้ “ถูกสาป” จนมีเรื่องราวเล่าขานเป็นตำนานรักของหญิงไทยจนถึงทุกวันนี้ ไปหาอ่านกันเอาเองละกัน

    ผมเล่าตามข่าวนะ …..
    “ทักษิณ” กับ “นายอันวาร์” นายกฯ มาเลย์ เขานัดพบกัน ส่วนจะพบในดินแดนมาเลย์ ที่ลังกาวี
    หรือลอยเรือในทะเลคุยกันในเขตไทยแถวๆ หลีเป๊ะ?
    ลองทายกันดูซิ….

    เพราะในทุกข่าวสาร เผยแพร่ภาพพบกัน แต่ไม่มีข่าวสารไหนยอมระบุว่าพบกันที่ไหน
    “ในแดนไทย” หรือ “ในแดนมาลย์” ที่ลังกาวี?

    แค่บอกว่า
    “ทักษิณกับร.อ.ธรรมนัส อดีตรมว.เกษตรฯ เดินทางด้วยขบวนเรือยอชต์ ๖ ลำ แวะเยือนเกาะหลีเป๊ะ สตูล

    โดยมาถึงชายฝั่งเกาะหลีเป๊ะตั้งแต่วันที่ ๒๕ ธ.ค. เวลาประมาณ ๑๗.๐๐ น. โดยไม่มีผู้ใดทราบล่วงหน้า เนื่องจากเข้าใจว่าเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไป

    จนกระทั่งเช้าวันที่ ๒๖ ธ.ค. เวลา ๐๙.๐๐-๑๑.๐๐ น. ทั้งสองขึ้นฝั่งเพื่อรับประทานอาหารเช้าที่ “โรงแรมบูโลว คาซ่าแกรนด์วิว” รีสอร์ท”

    ผมไม่สนทั้งสองเขาคุยอะไรกัน เพราะที่เขาบอก “เรื่องแต่ง” ส่วน “เรื่องจริง” ใครเขาจะบอก!

    แต่ฉงนในประเด็น ทักษิณมาดูลาดเลา “ช่องทางธรรมชาติ” หรืออย่างไร?

    อย่าลืม ทักษิณเป็นจำเลยคดีมาตรา ๑๑๒ ได้ประกันตัวจากศาล ด้วยเงื่อนไข “ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ”

    แล้วเชื่อได้ขนาดไหน มีใครยืนยันได้ ว่านายกฯมาเลย์กับทักษิณ นั่งเรือคุยกันในทะเลฝั่งไทย

    ไม่ใช่ทักษิณนั่งเรือยอชต์ไปพบนายอันวาร์ที่เกาะลังกาวี ในดินแดนมาเลย์
    พบ-พูดคุยกันแล้ว….
    อีกวันถึงลอยเรือยอชต์ ปรากฎตัวให้คนเห็นเป็นข่าวที่หลีเป๊ะ-เขตไทย?

    อีกประเด็นที่ผมสน “ทักษิณมีสถานะอะไร และนายอันวาร์ต้องการอะไร”
    จึงเล่นบท “การเมืองลับๆ ล่อๆ” กับทักษิณ?

    -ฟื้นฟูเศรษฐกิจ, ส่งเสริมสันติภาพ ๓ จว.ใต้, แก้ไขวิกฤตเมียนมา, เสริมสร้างสัมพันธ์ทวิภาคี “มาเลเซีย-ไทย”

    ทักษิณมีตำแหน่ง-หน้าที่ใด ที่นายอันวาร์ต้องนำมาคุย นอกจากเป็นนักโทษเทวดา เป็นพ่อนายกฯ เป็นหัวหน้าแก๊งเปลี่ยนระบอบเป็น “แดงทั้งแผ่นดิน ทักษิณสถาปนา” เป็นเจ้าของคอกหมา และฯลฯ

    อีกคุณสมบัติเดียว คุณค่าที่ไม่มีใครเทียบได้ในภูมิภาคนี้ของทักษิณ คือ วิชา “ขายแผ่นดิน”

    และวิชา “แปลง” ทุนสำรองระหว่างประเทศ “เป็นเงินโปรย” ประชานิยม”!

    “การเมืองลับๆ ล่อๆ” นี้ “ฉีกประเทศไทย” ให้มี ๒ รัฐบาล คือ “รัฐบาลพ่อ” กับ “รัฐบาลลูก”
    แล้วกูจะต้องปฎิบัติตัวยังไงดีวะ ในประเทศ ๒ รัฐบาล?

    เปลว สีเงิน
    ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๗
    “๑ ประเทศ ๒ รัฐบาล” #เปลวสีเงิน plew เปลว สีเงิน คงเป็น “ที่สุดแห่งปี” จริงๆ สำหรับประเทศแห่งประชากรผู้หิวโหยและเทิดทูน ๒ พ่อลูก “ตระกูลชิน” บ่ายวาน(๒๗ ธ.ค.๖๗)นายกฯมาเลย์ฯ “นายอันวาร์” โพสต์เฟซ พร้อมภาพถ่ายคู่ทักษิณ Anwar Ibrahim รู้สึกยินดีที่ได้พบอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยและเพื่อนรักอย่าง ดร.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อหารือกันอย่างน่าสนใจ ครอบคลุมและมีประโยชน์ รวมทั้งในฐานะที่ปรึกษาไม่เป็นทางการของมาเลเซีย ในการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน การสนทนามุ่งเน้นประเด็นสำคัญในภูมิภาค ได้แก่ การฟื้นฟูเศรษฐกิจ การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ๆ การส่งเสริมสันติภาพในภาคใต้ของไทย และการแก้ไขวิกฤตเมียนมา เครือข่ายความสัมพันธ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ในภูมิภาคของคุณทักษิณ ประกอบกับความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวของเขา ได้ให้คำมั่นว่า จะเปิดโอกาสอันล้ำค่าสำหรับมาเลเซียและอาเซียนเพื่อรับมือกับความท้าทาย ด้วยความมั่นใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงแนวทางเสริมสร้างสัมพันธ์ทวิภาคีที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ระหว่างมาเลเซียและไทย ให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์การพัฒนาอย่างยั่งยืนและความสามัคคีในภูมิภาค ที่ผมมีร่วมกับ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของประเทศไทย หลายทศวรรษที่ผ่านทักษิณและผมเชื่อมั่นว่า มาเลเซียและไทยสามารถบรรลุผลสำเร็จได้มากกว่านี้มาก เมื่อร่วมมือกัน ไม่เพียงแต่สำหรับประเทศของเราเท่านั้น แต่สำหรับภูมิภาคโดยรวมด้วย เรามุ่งมั่นที่จะทำให้วิสัยทัศน์นั้น กลายเป็นความจริง. นั่นคือบทบาท “นายกฯ-ผู้พ่อ” ปิดศักราช ๒๕๖๗ เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน ทีนี้อยากให้ดูบทบาท “นายกฯ-ผู้ลูก” ส่งท้ายปีบ้าง ๒๗ ธันวา. นายกฯ “แพทองธาร ชินวัตร” ส่งหนังสือลากิจ ๑ วัน ไปที่ “สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี” (สลค.) “หยุดงาน” ยาวต่อเนื่องข้ามศักราชไปถึงปีหน้า บอกว่า “เพื่อใช้เวลาพักผ่อนอยู่กับครอบครัว” จะกลับมา “ปฏิบัติหน้าที่นายกฯ” อีกครั้ง วันที่ ๒ มกรา.๖๘ โดยเป็นประธานพิธีทำบุญในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ.๒๕๖๘ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ตอนเช้า นายกฯ บอกลาอย่างนี้แล้ว รู้สึกยังไงกันบ้างครับ? ในความรู้สึกผม…. ประเทศเหมือน “ครอบครัวหนึ่ง” มีสมาชิก ๖๐ กว่าล้านคน มีรัฐบาลโดย “นายกฯ” เป็นหัวหน้า “รับผิดชอบ” ดูแลครอบครัว ปีใหม่ “หยุดยาว” สมาชิกในครอบครัว พากันไปเที่ยวไหน-ต่อไหนกันจนกรุงเทพฯ แทบโล่ง ประมาณ ๑ สัปดาห์ แต่แทนที่ “หัวหน้าครอบครัว” จะบอกว่า หยุดยาว เที่ยวกันให้สนุกนะ ไม่ต้องห่วงหรอก จะระวังขะโมย-ขะโจรให้เอง กลับตรงกันข้าม ลูกบ้านหยุดยาวไปเที่ยว หัวหน้าบ้านก็หยุดยาวบ้าง แถมชิงเอาเปรียบ “ลาหยุด” ล่วงหน้าซะอีก ๑ วัน! ถามว่าผิดมั้ย? ก็ไม่ผิด แต่มันขาด “ภาวะสำนึก” แห่งความรับผิดชอบของ “คนเป็นผู้นำ” หรือพูดกันชัดๆ… นางสาวแพทองธาร ลูกนายทักษิณ ไม่มีทั้งวุฒิภาวะ ไม่มีทั้งสำนึกภาวะ ไม่คู่ควรตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” เลย! เป็น “ผู้นำ” เป็นตลอด ๒๔ ชั่วโมง…. หยุุดงาน-หยุดได้ แต่ไม่ใช่เห็นชาวบ้านเขาหยุดยาวในเทศกาล กูก็จะหยุดมั่ง แบบนี้ มีธุระสำคัญอะไรที่ต้องลาหยุดเพิ่มให้เป็น “แบบอย่าง” ที่ไม่ดี เช่นนี้? เปล่า…ลาหยุดพักผ่อนกับครอบครัว!? แถมบอก “จะกลับมาปฎิบัติหน้าที่นายกฯ” อีกครั้ง ในวันที่ ๒ มกรา.๖๘ นั้น น่ารังเกียจ ประหนึ่ง “ไร้เดียงสา”! ต้องเข้าใจนะอุ๊งอิ๊ง คุณพ่อไม่สอนหรือว่า การไปทำงานนั้น “หยุด…คือไม่ไปที่ทำงาน” นั้น ได้ แต่ “หน้าที่นายกฯ” มันหยุดปฎิบัติไม่ได้-ลาไม่ได้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน แบบไหน กำลังกิน กำลังนอน กำลังถ่าย แม้แขม็บๆ กำลังจะตาย “ลาออก” จากตำแหน่งนายกฯ ได้ แต่ลา “ปฎิบัติหน้าที่นายกฯ” ไม่ได้! เช่นเดียวกับ “ข้าราชการ” ไม่ว่าข้าราชการพลเรือน ข้าราชครู ข้าราชการทหาร ตำรวจ แม้กระทั่ง แพทย์ พยาบาล “หยุดงาน-ลางาน” ได้ แต่หยุด “หน้าที่” คนเป็นข้าราชการไม่ได้ ต่อให้ไปไหน-อยู่ไหน เขาพร้อม “ปฎิบัติหน้าที่” ในทันที เมื่อมีสถานการณ์ คนเป็นผู้นำบริหารประเทศ “สำนึกภาวะ” ด้านรับผิดชอบในหน้าที่ “ต้องสูงกว่าข้าราชการ” ขึ้นไปอีกขั้น อย่างปีใหม่ “หยุดยาวข้ามปี”……. นายกฯ อยู่บ้านหรือมาทำเนียบ “ค่าเท่ากัน” ไม่ต้องทำเป็น “ลาก่ง-ลากิจ” ให้ดูตลกปัญญาอ่อนหรอก ที่สำคัญ ผู้นำต้องส่งสัญญานให้ประชาชนรู้ว่า ในขณะที่เขาทิ้งบ้านไปไหนต่อไหนกันนั้น ฉัน..นายกฯ อยู่นะ รัฐบาล “อยู่โยง” ทำหน้าที่ “มอนิเตอร์ประเทศ” ให้ตลอด ๒๔ ชั่วโมงนะ เที่ยวกันให้สนุก ไม่ต้อง “ห่วงหน้า-พะวงหลัง” เจ้าหน้าที่แต่ละหน่วยงาน ที่ต้องทำงานในเทศกาลหยุดยาว เขาก็พลอยมีกำลังใจ ว่าไม่เพียงพวกเขาต้องแกร่ว “อยู่เวร-อยู่ยาม” “ผู้นำรัฐบาล” ก็แกร่วอยู่ด้วย คอยตรวจตราสั่งการ “รักษาบ้าน-เฝ้าเมือง” ให้ประชาชน ไม่ได้ตะแล๊ดแต๊ดแต๋ละทิ้งหน้าที่ไปทางไหนแต่อย่างใด! นี่คือ “สำนึกผู้นำ” ไม่ใช่ชาวบ้านเขาลาหยุดยาว กูก็ลาหยุดยาวบ้าง แถมบอกเสร็จสรรพ “จะกลับมาปฎิบัติหน้าที่” ในที่ ๒ มกรา.๕๘! จะให้ “ชาวบ้าน-ชาวเมือง” เข้าใจว่า….. จากวันนี้ จนถึง ๒ มกรา.๖๘ บ้านเมือง “ว่างเปล่า” ไม่มีผู้ปฎิบัติหน้าที่นายกฯ งั้นหรือ? โบราณท่านบอก…. เป็นหัวหน้างาน “อย่าไปแย่งงานลูกน้องทำ” แต่คนเป็นหัวหน้าคน “ต้องตื่นก่อน-นอนทีหลัง” เป็นนายกฯ เป็นแม่ทัพ-นายกอง เป็นหัวหน้าครอบครัว ถึงเทศกาล ลูกน้อง-ลูกบ้าน เขาจะสนุกสนาน เที่ยวเตร่กัน คนเป็นนายก็ต้อง “เฝ้าบ้าน-เฝ้าประเทศ” คอยระหวังหลังให้พวกเขา มันไม่ใช่เรื่องซับซ้อน เป็นแค่ “สามัญสำนึกพื้นฐาน” ของคนเป็นนายคนเท่านั้นเอง พูดถึงลูกแล้ว มาพูดถึงพ่อบ้าง จากหลีเป๊ะ-สตูล ไปลังกาวี-มาเลเซีย ๕๒ กิโลเท่านั้นเอง ถ้านั่งเรือ ก็ชั่วโมงกว่าๆ ตอนเป็นเด็กวัดเคยอ่านบันทึกของ “หลุย คีรีวัต” ที่ถูกขัง คุกเกาะ “ตะรุเตา” กับเพื่อนนักโทษกบฎอีก ๒-๓ คน มี “โหรแฉล้ม เลี่ยมเพ็ชรรัตน์” รวมอยู่ด้วย หลบหนีคุก ลอยคอจากเกาะตะรุเตา ไปขึ้นที่เกาะลังกาวี ซึ่งเกาะนี้ อยู่ใน “รัฐเคดะห์” อดีตเป็นส่วนหนึ่งของเมืองไทยบุรี ดินแดนของสยาม แต่เราจำต้องเสียให้อังกฤษไป ในสมัยรัชกาลที่ ๕ เกาะนี้ “ถูกสาป” จนมีเรื่องราวเล่าขานเป็นตำนานรักของหญิงไทยจนถึงทุกวันนี้ ไปหาอ่านกันเอาเองละกัน ผมเล่าตามข่าวนะ ….. “ทักษิณ” กับ “นายอันวาร์” นายกฯ มาเลย์ เขานัดพบกัน ส่วนจะพบในดินแดนมาเลย์ ที่ลังกาวี หรือลอยเรือในทะเลคุยกันในเขตไทยแถวๆ หลีเป๊ะ? ลองทายกันดูซิ…. เพราะในทุกข่าวสาร เผยแพร่ภาพพบกัน แต่ไม่มีข่าวสารไหนยอมระบุว่าพบกันที่ไหน “ในแดนไทย” หรือ “ในแดนมาลย์” ที่ลังกาวี? แค่บอกว่า “ทักษิณกับร.อ.ธรรมนัส อดีตรมว.เกษตรฯ เดินทางด้วยขบวนเรือยอชต์ ๖ ลำ แวะเยือนเกาะหลีเป๊ะ สตูล โดยมาถึงชายฝั่งเกาะหลีเป๊ะตั้งแต่วันที่ ๒๕ ธ.ค. เวลาประมาณ ๑๗.๐๐ น. โดยไม่มีผู้ใดทราบล่วงหน้า เนื่องจากเข้าใจว่าเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไป จนกระทั่งเช้าวันที่ ๒๖ ธ.ค. เวลา ๐๙.๐๐-๑๑.๐๐ น. ทั้งสองขึ้นฝั่งเพื่อรับประทานอาหารเช้าที่ “โรงแรมบูโลว คาซ่าแกรนด์วิว” รีสอร์ท” ผมไม่สนทั้งสองเขาคุยอะไรกัน เพราะที่เขาบอก “เรื่องแต่ง” ส่วน “เรื่องจริง” ใครเขาจะบอก! แต่ฉงนในประเด็น ทักษิณมาดูลาดเลา “ช่องทางธรรมชาติ” หรืออย่างไร? อย่าลืม ทักษิณเป็นจำเลยคดีมาตรา ๑๑๒ ได้ประกันตัวจากศาล ด้วยเงื่อนไข “ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ” แล้วเชื่อได้ขนาดไหน มีใครยืนยันได้ ว่านายกฯมาเลย์กับทักษิณ นั่งเรือคุยกันในทะเลฝั่งไทย ไม่ใช่ทักษิณนั่งเรือยอชต์ไปพบนายอันวาร์ที่เกาะลังกาวี ในดินแดนมาเลย์ พบ-พูดคุยกันแล้ว…. อีกวันถึงลอยเรือยอชต์ ปรากฎตัวให้คนเห็นเป็นข่าวที่หลีเป๊ะ-เขตไทย? อีกประเด็นที่ผมสน “ทักษิณมีสถานะอะไร และนายอันวาร์ต้องการอะไร” จึงเล่นบท “การเมืองลับๆ ล่อๆ” กับทักษิณ? -ฟื้นฟูเศรษฐกิจ, ส่งเสริมสันติภาพ ๓ จว.ใต้, แก้ไขวิกฤตเมียนมา, เสริมสร้างสัมพันธ์ทวิภาคี “มาเลเซีย-ไทย” ทักษิณมีตำแหน่ง-หน้าที่ใด ที่นายอันวาร์ต้องนำมาคุย นอกจากเป็นนักโทษเทวดา เป็นพ่อนายกฯ เป็นหัวหน้าแก๊งเปลี่ยนระบอบเป็น “แดงทั้งแผ่นดิน ทักษิณสถาปนา” เป็นเจ้าของคอกหมา และฯลฯ อีกคุณสมบัติเดียว คุณค่าที่ไม่มีใครเทียบได้ในภูมิภาคนี้ของทักษิณ คือ วิชา “ขายแผ่นดิน” และวิชา “แปลง” ทุนสำรองระหว่างประเทศ “เป็นเงินโปรย” ประชานิยม”! “การเมืองลับๆ ล่อๆ” นี้ “ฉีกประเทศไทย” ให้มี ๒ รัฐบาล คือ “รัฐบาลพ่อ” กับ “รัฐบาลลูก” แล้วกูจะต้องปฎิบัติตัวยังไงดีวะ ในประเทศ ๒ รัฐบาล? เปลว สีเงิน ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๗
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 909 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้นำมาเลย์ โพสต์ยินดีได้พบ "ทักษิณ" ถกบทบาทนั่งที่ปรึกษาปธ.อาเซียน กระตุ้นศก. บุกเบิกสันติภาพใต้ กระชับความสัมพันธ์สองประเทศ ให้ประสบร่วมกันทั้งภูมิภาค

    วันนี้ (27ธ.ค.) นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกับการพบปะ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีเนื้อหาดังนี้

    ยินดีที่ได้พบปะอดีตนายกรัฐมนตรีไทยและเพื่อนรัก ดร.ทักษิณ ชินวัตร สําหรับการอภิปรายที่กว้างขวางและเกิดผล รวมถึงความสามารถของเขาในฐานะที่ปรึกษาไม่เป็นทางการในการเป็นประธานอาเซียนของมาเลเซีย

    การสนทนาของเราเป็นศูนย์กลางเกี่ยวกับความสําคัญของภูมิภาค: เศรษฐกิจฟื้นฟู การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเกิดใหม่ การส่งเสริมสันติภาพในภาคใต้ ประเทศไทย และแก้ไขปัญหาวิกฤตของเมียนมา

    เครือข่ายความสัมพันธ์ที่ไม่เหมือนใครของทักษิณทั่วภูมิภาค ควบคู่กับความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวของเขา สัญญาว่าจะเปิดโอกาสอันล้ําค่าให้กับมาเลเซียและอาเซียนที่จะจัดการกับความท้าทายเหล่านี้ด้วยความมั่นใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    เรายังได้หารือถึงวิธีการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีที่แข็งแกร่งระหว่างมาเลเซียและ ประเทศไทย ให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและความร่วมมือในภูมิภาคที่ฉันแบ่งปันกับนายกรัฐมนตรี แพตองธาร ชินวัตร

    เป็นเวลาหลายทศวรรษที่ ทักษิณและผมได้แบ่งปันความเชื่อที่ว่ามาเลเซียและ ประเทศไทย จะสามารถประสบความสําเร็จร่วมกันได้มากขึ้น ไม่เพียงแต่สําหรับชาติของเราเท่านั้น แต่สําหรับภูมิภาคโดยรวม เรามุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนวิสัยทัศน์นั้นให้เป็นจริง

    #MGROnline #MalaysiaMADANI
    ผู้นำมาเลย์ โพสต์ยินดีได้พบ "ทักษิณ" ถกบทบาทนั่งที่ปรึกษาปธ.อาเซียน กระตุ้นศก. บุกเบิกสันติภาพใต้ กระชับความสัมพันธ์สองประเทศ ให้ประสบร่วมกันทั้งภูมิภาค • วันนี้ (27ธ.ค.) นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกับการพบปะ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีเนื้อหาดังนี้ • ยินดีที่ได้พบปะอดีตนายกรัฐมนตรีไทยและเพื่อนรัก ดร.ทักษิณ ชินวัตร สําหรับการอภิปรายที่กว้างขวางและเกิดผล รวมถึงความสามารถของเขาในฐานะที่ปรึกษาไม่เป็นทางการในการเป็นประธานอาเซียนของมาเลเซีย • การสนทนาของเราเป็นศูนย์กลางเกี่ยวกับความสําคัญของภูมิภาค: เศรษฐกิจฟื้นฟู การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเกิดใหม่ การส่งเสริมสันติภาพในภาคใต้ ประเทศไทย และแก้ไขปัญหาวิกฤตของเมียนมา • เครือข่ายความสัมพันธ์ที่ไม่เหมือนใครของทักษิณทั่วภูมิภาค ควบคู่กับความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวของเขา สัญญาว่าจะเปิดโอกาสอันล้ําค่าให้กับมาเลเซียและอาเซียนที่จะจัดการกับความท้าทายเหล่านี้ด้วยความมั่นใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้น • เรายังได้หารือถึงวิธีการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีที่แข็งแกร่งระหว่างมาเลเซียและ ประเทศไทย ให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนและความร่วมมือในภูมิภาคที่ฉันแบ่งปันกับนายกรัฐมนตรี แพตองธาร ชินวัตร • เป็นเวลาหลายทศวรรษที่ ทักษิณและผมได้แบ่งปันความเชื่อที่ว่ามาเลเซียและ ประเทศไทย จะสามารถประสบความสําเร็จร่วมกันได้มากขึ้น ไม่เพียงแต่สําหรับชาติของเราเท่านั้น แต่สําหรับภูมิภาคโดยรวม เรามุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนวิสัยทัศน์นั้นให้เป็นจริง • #MGROnline #MalaysiaMADANI
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 503 มุมมอง 0 รีวิว
  • “นายกฯ อิ๊งค์” ยังไม่ทราบ “ทักษิณ” บินมาเลเซีย พบนายกอันวาร์ อิบราฮิม วันที่ 26 ธ.ค. แต่น่าจะเป็นเรื่องดี น่าจะส่งผลดีต่อการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย

    เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 23 ธ.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์กรณีที่มีรายงานข่าวจากสื่อมาเลเซีย ระบุว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาส่วนตัวของประธานอาเซียนในปี 2568 เตรียมเดินทางไปประเทศมาเลเซีย เพื่อพบกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และประธานาธิบดี อินโดนีเซีย ในโอกาสที่มีวาระการหารือ ประเด็นยุทธศาสตร์และการพัฒนาอาเซียน ในวันที่ 26 ธ.ค.นี้ ว่า ยังไม่ทราบ

    ผู้สื่อข่าวถามว่า การเดินทางไปครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย น.ส. แพทองธาร กล่าวว่า ที่จริงเราได้รับความร่วมมืออย่างดีจากทางมาเลเซียแต่ถ้าได้เจอได้พบกัน น่าจะดี แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร

    เมื่อถามว่า นายทักษิณได้ตอบรับที่จะเดินทางไปแล้วใช่หรือไม่แพรทองทานกล่าวว่า ยังไม่ได้คุยจริงๆ เดี๋ยวจะถามให้

    #MGROnline #อิ๊งค์ #ทักษิณ #มาเลเซีย
    “นายกฯ อิ๊งค์” ยังไม่ทราบ “ทักษิณ” บินมาเลเซีย พบนายกอันวาร์ อิบราฮิม วันที่ 26 ธ.ค. แต่น่าจะเป็นเรื่องดี น่าจะส่งผลดีต่อการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย • เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 23 ธ.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์กรณีที่มีรายงานข่าวจากสื่อมาเลเซีย ระบุว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาส่วนตัวของประธานอาเซียนในปี 2568 เตรียมเดินทางไปประเทศมาเลเซีย เพื่อพบกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และประธานาธิบดี อินโดนีเซีย ในโอกาสที่มีวาระการหารือ ประเด็นยุทธศาสตร์และการพัฒนาอาเซียน ในวันที่ 26 ธ.ค.นี้ ว่า ยังไม่ทราบ • ผู้สื่อข่าวถามว่า การเดินทางไปครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย น.ส. แพทองธาร กล่าวว่า ที่จริงเราได้รับความร่วมมืออย่างดีจากทางมาเลเซียแต่ถ้าได้เจอได้พบกัน น่าจะดี แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร • เมื่อถามว่า นายทักษิณได้ตอบรับที่จะเดินทางไปแล้วใช่หรือไม่แพรทองทานกล่าวว่า ยังไม่ได้คุยจริงๆ เดี๋ยวจะถามให้ • #MGROnline #อิ๊งค์ #ทักษิณ #มาเลเซีย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 415 มุมมอง 0 รีวิว
  • อายเขามั้ย?!?ชาวมาเลย์รุมสับ"อันวาร์"สิ้นคิด! ตั้ง"นักโทษหนีคดี"เป็นที่ปรึกษาฯ 19/12/67 #ชาวมาเลย์ #อันวาร์ #นักโทษหนีคดี #มาเลเซีย
    อายเขามั้ย?!?ชาวมาเลย์รุมสับ"อันวาร์"สิ้นคิด! ตั้ง"นักโทษหนีคดี"เป็นที่ปรึกษาฯ 19/12/67 #ชาวมาเลย์ #อันวาร์ #นักโทษหนีคดี #มาเลเซีย
    Haha
    Sad
    Angry
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1035 มุมมอง 17 0 รีวิว
  • ฝ่ายค้านมาเลเซียวิจารณ์หนัก "อันวาร์ อิบราฮิม" ตั้ง "ทักษิณ" เป็นที่ปรึกษาช่วงเป็นประธานอาเซียนปี 2025 ถามอาเซียนจะได้ประโยชน์จริงหรือ ซัดตั้งคนที่ถูกพิพากษาจำคุกฐานใช้อำนาจโดยมิชอบ ทำไมไม่ตั้งนักการทูตหรือนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านต่างประเทศ ด้าน "ดร.มหาเธร์" งง ทำไมเลือกทักษิณ ทั้งที่มีคนอื่นมากมาย

    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000121256

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ฝ่ายค้านมาเลเซียวิจารณ์หนัก "อันวาร์ อิบราฮิม" ตั้ง "ทักษิณ" เป็นที่ปรึกษาช่วงเป็นประธานอาเซียนปี 2025 ถามอาเซียนจะได้ประโยชน์จริงหรือ ซัดตั้งคนที่ถูกพิพากษาจำคุกฐานใช้อำนาจโดยมิชอบ ทำไมไม่ตั้งนักการทูตหรือนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านต่างประเทศ ด้าน "ดร.มหาเธร์" งง ทำไมเลือกทักษิณ ทั้งที่มีคนอื่นมากมาย อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000121256 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    Yay
    10
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 930 มุมมอง 0 รีวิว
  • อันวาร์ตั้งทักษิณ ฝ่าด่านออกนอกประเทศ

    การประกาศแต่งตั้งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน ของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนในปี 2568 ระหว่างการเยือนประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายอันวาร์มั่นใจว่าประสบการณ์นายทักษิณในฐานะนักการเมืองจะให้ข้อมูลเชิงลึกอันมีค่า พร้อมกับทีมงานจากประเทศสมาชิกอาเซียนในรูปแบบไม่เป็นทางการ ซึ่งมาเลเซียต้องการประโยชน์จากประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญการเมือง (Statesmen) เหล่านี้

    นายโมฮัมหมัด ฮะซัน รมว.ต่างประเทศมาเลเซีย กล่าวว่า นายทักษิณจะมีบทบาทในฐานะที่ปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการ เพราะเป็นผู้มีอิทธิพลในประเทศไทย ได้รับการยอมรับจากสหรัฐอเมริกา และมีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับจีน ซึ่งจะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างอาเซียน นายทักษิณและบุคคลที่มีชื่อเสียงคนอื่นๆ ที่จะประกาศแต่งตั้งในภายหลังร่วมงานกับนายอันวาร์มายาวนาน สามารถเสนอข้อมูลเชิงลึกว่าอาเซียนจะก้าวต่อไปได้อย่างไร ยืนยันว่าไม่ใช่คณะที่ปรึกษาอาเซียน แต่เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในฐานะประธานอาเซียน และไม่ใช่องค์กรอย่างเป็นทางการหรือหน่วยงานใหม่ในอาเซียน

    เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2567 ศาลอาญาให้ปล่อยตัวชั่วคราวนายทักษิณ ในคดีมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากกรณีให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้เมื่อปี 2558 ตีราคาประกัน 500,000 บาท และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล นายทักษิณเคยขอเดินทางออกนอกประเทศเพื่อไปพบแพทย์ที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และไปพบบุคคลสำคัญ แต่ศาลอาญายกคำร้องไม่อนุญาต เพราะอาการป่วยเป็นโรคที่เกิดแก่บุคคลทั่วไป และแพทย์ในประเทศตรวจรักษาเป็นประจำอยู่แล้ว ส่วนการไปพบบุคคลสำคัญก็เป็นเรื่องส่วนตัว และไม่มีพยานหลักฐานยืนยันชัดแจ้งถึงความจำเป็น

    นายทักษิณอาจใช้การเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียนของนายอันวาร์ เพื่อขอเดินทางออกนอกประเทศก็เป็นได้ ซึ่งคดีมาตรา 112 ศาลกำหนดนัดสืบพยานโจทก์และจำเลยในช่วงเดือน ก.ค. 2568

    รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง เห็นว่าการที่นายอันวาร์แต่งตั้งนายทักษิณ ช่วยอุดช่องว่างเรื่องที่รัฐบาลชุดปัจจุบันขาดความรู้ความชำนาญในเรื่องมาเลเซีย เพราะ น.ส.แพทองธาร ไม่มีความพร้อมในหลายเรื่อง โดยเฉพาะความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ก็เป็นดาบสองคม หากใช้ไม่ระวัง ไม่มีความชัดเจนและโปร่งใส เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของประเทศในแนวทางที่ถูกต้อง อาจกระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ และคนไทยโดยรวมได้ในที่สุด

    #Newskit
    อันวาร์ตั้งทักษิณ ฝ่าด่านออกนอกประเทศ การประกาศแต่งตั้งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน ของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนในปี 2568 ระหว่างการเยือนประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายอันวาร์มั่นใจว่าประสบการณ์นายทักษิณในฐานะนักการเมืองจะให้ข้อมูลเชิงลึกอันมีค่า พร้อมกับทีมงานจากประเทศสมาชิกอาเซียนในรูปแบบไม่เป็นทางการ ซึ่งมาเลเซียต้องการประโยชน์จากประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญการเมือง (Statesmen) เหล่านี้ นายโมฮัมหมัด ฮะซัน รมว.ต่างประเทศมาเลเซีย กล่าวว่า นายทักษิณจะมีบทบาทในฐานะที่ปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการ เพราะเป็นผู้มีอิทธิพลในประเทศไทย ได้รับการยอมรับจากสหรัฐอเมริกา และมีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับจีน ซึ่งจะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างอาเซียน นายทักษิณและบุคคลที่มีชื่อเสียงคนอื่นๆ ที่จะประกาศแต่งตั้งในภายหลังร่วมงานกับนายอันวาร์มายาวนาน สามารถเสนอข้อมูลเชิงลึกว่าอาเซียนจะก้าวต่อไปได้อย่างไร ยืนยันว่าไม่ใช่คณะที่ปรึกษาอาเซียน แต่เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในฐานะประธานอาเซียน และไม่ใช่องค์กรอย่างเป็นทางการหรือหน่วยงานใหม่ในอาเซียน เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2567 ศาลอาญาให้ปล่อยตัวชั่วคราวนายทักษิณ ในคดีมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากกรณีให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้เมื่อปี 2558 ตีราคาประกัน 500,000 บาท และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล นายทักษิณเคยขอเดินทางออกนอกประเทศเพื่อไปพบแพทย์ที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และไปพบบุคคลสำคัญ แต่ศาลอาญายกคำร้องไม่อนุญาต เพราะอาการป่วยเป็นโรคที่เกิดแก่บุคคลทั่วไป และแพทย์ในประเทศตรวจรักษาเป็นประจำอยู่แล้ว ส่วนการไปพบบุคคลสำคัญก็เป็นเรื่องส่วนตัว และไม่มีพยานหลักฐานยืนยันชัดแจ้งถึงความจำเป็น นายทักษิณอาจใช้การเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียนของนายอันวาร์ เพื่อขอเดินทางออกนอกประเทศก็เป็นได้ ซึ่งคดีมาตรา 112 ศาลกำหนดนัดสืบพยานโจทก์และจำเลยในช่วงเดือน ก.ค. 2568 รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง เห็นว่าการที่นายอันวาร์แต่งตั้งนายทักษิณ ช่วยอุดช่องว่างเรื่องที่รัฐบาลชุดปัจจุบันขาดความรู้ความชำนาญในเรื่องมาเลเซีย เพราะ น.ส.แพทองธาร ไม่มีความพร้อมในหลายเรื่อง โดยเฉพาะความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ก็เป็นดาบสองคม หากใช้ไม่ระวัง ไม่มีความชัดเจนและโปร่งใส เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของประเทศในแนวทางที่ถูกต้อง อาจกระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ และคนไทยโดยรวมได้ในที่สุด #Newskit
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 846 มุมมอง 0 รีวิว
  • เราจะทรัมป์ตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน

    แม้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ปี 2024 ยังไม่เสร็จสิ้น แต่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกันประกาศชัยชนะ หลังคะแนนคณะผู้เลือกตั้งมีมากกว่า 270 เสียง เกินกึ่งหนึ่้งจากทั้งหมด 538 คน ทิ้งห่างนางกมลา แฮร์ริส ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต นับเป็นการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สองของนายทรัมป์ หลังการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 แพ้ให้กับนายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต 306 ต่อ 232 เสียง

    นายทรัมป์ขึ้นเวทีครั้งแรกที่เมืองเวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา ระบุว่า การได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีสมัยที่สองจะนำไปสู่ยุคทองของอเมริกา (Golden Age of America) โดยย้ำนโยบายหาเสียงเน้นไปที่การกวาดล้างผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมาย และการพลิกฟื้นเศรษฐกิจที่คาดว่าจะล้มเหลว ภายใต้การนำของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนก่อนหน้า ซึ่งนายทรัมป์สัญญาว่าจะแก้ไขปัญหาพรมแดน และแก้ไขทุกอย่างที่เกี่ยวกับสหรัฐฯ

    “หากร่วมมือกัน เราจะสามารถทำให้สหรัฐอเมริกายิ่งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง สำหรับชาวอเมริกันทุกคน ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง อนาคตของอเมริกาจะยิ่งใหญ่ขึ้น ดีขึ้น กล้าหาญขึ้น ร่ำรวยขึ้น ปลอดภัยขึ้น และแข็งแกร่งขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา” นายทรัมป์กล่าวกับผู้สนับสนุน

    น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แสดงความยินดีต่อนายทรัมป์ พร้อมทำงานร่วมกันส่งเสริมความสัมพันธมิตรระหว่างไทย-สหรัฐฯ ที่มีมาอย่างยาวนานให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ด้านนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ระบุว่า พร้อมดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ร่วมมือกับกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ส่วนผลกระทบทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์นั้น ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลใหม่ แต่ได้วางเป้าหมายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการทำธุรกิจแล้ว

    ประเทศในอาเซียน นายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ แสดงความยินดีกับนายทรัมป์ มั่นใจว่าสหรัฐฯ จะเติบโตเป็นผู้นำในระดับโลกต่อไป และยกระดับความร่วมมือกับสิงคโปร์ให้สูงขึ้นไปอีก ส่วนนายอันวาร์ อิบราฮิม ประธานาธิบดีมาเลเซีย แสดงความยินดีกับนายทรัมป์ จะนำมาซึ่งโอกาสใหม่ๆ ของมาเลเซีย พร้อมก้าวไปข้างหน้าและทำงานร่วมกัน เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นชาติที่มีนักลงทุนใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย พร้อมเรียกร้องให้สหรัฐฯ ช่วยยุติความรุนแรงในปาเลสไตน์และยูเครน

    ด้านธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) พร้อมรักษาเสถียรภาพของค่าเงินรูเปียห์ หลังเกิดความกังวลว่าหากนายทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง จะหนุนให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น อาจส่งผลให้มีการเรียกเก็บภาษีที่สูงขึ้น และการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว

    #Newskit #USElection2024 #DonaldTrump
    เราจะทรัมป์ตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน แม้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ปี 2024 ยังไม่เสร็จสิ้น แต่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกันประกาศชัยชนะ หลังคะแนนคณะผู้เลือกตั้งมีมากกว่า 270 เสียง เกินกึ่งหนึ่้งจากทั้งหมด 538 คน ทิ้งห่างนางกมลา แฮร์ริส ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต นับเป็นการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สองของนายทรัมป์ หลังการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 แพ้ให้กับนายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต 306 ต่อ 232 เสียง นายทรัมป์ขึ้นเวทีครั้งแรกที่เมืองเวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา ระบุว่า การได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีสมัยที่สองจะนำไปสู่ยุคทองของอเมริกา (Golden Age of America) โดยย้ำนโยบายหาเสียงเน้นไปที่การกวาดล้างผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมาย และการพลิกฟื้นเศรษฐกิจที่คาดว่าจะล้มเหลว ภายใต้การนำของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนก่อนหน้า ซึ่งนายทรัมป์สัญญาว่าจะแก้ไขปัญหาพรมแดน และแก้ไขทุกอย่างที่เกี่ยวกับสหรัฐฯ “หากร่วมมือกัน เราจะสามารถทำให้สหรัฐอเมริกายิ่งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง สำหรับชาวอเมริกันทุกคน ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง อนาคตของอเมริกาจะยิ่งใหญ่ขึ้น ดีขึ้น กล้าหาญขึ้น ร่ำรวยขึ้น ปลอดภัยขึ้น และแข็งแกร่งขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา” นายทรัมป์กล่าวกับผู้สนับสนุน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แสดงความยินดีต่อนายทรัมป์ พร้อมทำงานร่วมกันส่งเสริมความสัมพันธมิตรระหว่างไทย-สหรัฐฯ ที่มีมาอย่างยาวนานให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ด้านนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ระบุว่า พร้อมดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ร่วมมือกับกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ส่วนผลกระทบทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์นั้น ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลใหม่ แต่ได้วางเป้าหมายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการทำธุรกิจแล้ว ประเทศในอาเซียน นายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ แสดงความยินดีกับนายทรัมป์ มั่นใจว่าสหรัฐฯ จะเติบโตเป็นผู้นำในระดับโลกต่อไป และยกระดับความร่วมมือกับสิงคโปร์ให้สูงขึ้นไปอีก ส่วนนายอันวาร์ อิบราฮิม ประธานาธิบดีมาเลเซีย แสดงความยินดีกับนายทรัมป์ จะนำมาซึ่งโอกาสใหม่ๆ ของมาเลเซีย พร้อมก้าวไปข้างหน้าและทำงานร่วมกัน เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นชาติที่มีนักลงทุนใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย พร้อมเรียกร้องให้สหรัฐฯ ช่วยยุติความรุนแรงในปาเลสไตน์และยูเครน ด้านธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) พร้อมรักษาเสถียรภาพของค่าเงินรูเปียห์ หลังเกิดความกังวลว่าหากนายทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง จะหนุนให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น อาจส่งผลให้มีการเรียกเก็บภาษีที่สูงขึ้น และการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว #Newskit #USElection2024 #DonaldTrump
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 914 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts