• Samsung ยอมรับว่าการอัปเดตซอฟต์แวร์ที่ผิดพลาดทำให้ soundbar รุ่นปี 2024 หลายรุ่นกลายเป็นอุปกรณ์ที่ไม่สามารถใช้งานได้ ปัญหานี้เกิดจากเฟิร์มแวร์เวอร์ชัน 1020.7 ซึ่งทำให้ระบบ freeze และไม่ตอบสนอง ผู้ใช้งานจำเป็นต้องส่งเครื่องเข้ารับการซ่อมแซมฟรี สำหรับผู้ที่ยังไม่มีปัญหา ควรปิดการอัปเดตอัตโนมัติชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย

    การตอบสนองจาก Samsung:
    - Samsung ได้เสนอการซ่อมแซมฟรีให้กับทุกยูนิตที่ได้รับผลกระทบ โดยไม่คำนึงถึงสถานะการรับประกัน ซึ่งเป็นการยอมรับปัญหาอย่างเปิดเผย.

    ผลกระทบที่กว้างขวาง:
    - ปัญหานี้เกิดขึ้นทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรีย และมาเลเซีย เนื่องจากเฟิร์มแวร์ถูกตั้งค่าให้อัปเดตอัตโนมัติ.

    คำแนะนำสำหรับเจ้าของ soundbar:
    - สำหรับผู้ที่ soundbar ยังใช้งานได้ ขอแนะนำให้ปิดการอัปเดตอัตโนมัติชั่วคราว เพื่อป้องกันการติดตั้งเฟิร์มแวร์ที่อาจมีปัญหา.

    ความท้าทายในการแก้ไข:
    - ซอฟต์แวร์แพตช์ไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ในทันที และหน่วยเสียงต้องการการซ่อมแซมทางกายภาพเพื่อกลับมาใช้งาน.

    https://www.techspot.com/news/107255-samsung-confirms-buggy-update-has-bricking-premium-soundbars.html
    Samsung ยอมรับว่าการอัปเดตซอฟต์แวร์ที่ผิดพลาดทำให้ soundbar รุ่นปี 2024 หลายรุ่นกลายเป็นอุปกรณ์ที่ไม่สามารถใช้งานได้ ปัญหานี้เกิดจากเฟิร์มแวร์เวอร์ชัน 1020.7 ซึ่งทำให้ระบบ freeze และไม่ตอบสนอง ผู้ใช้งานจำเป็นต้องส่งเครื่องเข้ารับการซ่อมแซมฟรี สำหรับผู้ที่ยังไม่มีปัญหา ควรปิดการอัปเดตอัตโนมัติชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย การตอบสนองจาก Samsung: - Samsung ได้เสนอการซ่อมแซมฟรีให้กับทุกยูนิตที่ได้รับผลกระทบ โดยไม่คำนึงถึงสถานะการรับประกัน ซึ่งเป็นการยอมรับปัญหาอย่างเปิดเผย. ผลกระทบที่กว้างขวาง: - ปัญหานี้เกิดขึ้นทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรีย และมาเลเซีย เนื่องจากเฟิร์มแวร์ถูกตั้งค่าให้อัปเดตอัตโนมัติ. คำแนะนำสำหรับเจ้าของ soundbar: - สำหรับผู้ที่ soundbar ยังใช้งานได้ ขอแนะนำให้ปิดการอัปเดตอัตโนมัติชั่วคราว เพื่อป้องกันการติดตั้งเฟิร์มแวร์ที่อาจมีปัญหา. ความท้าทายในการแก้ไข: - ซอฟต์แวร์แพตช์ไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ในทันที และหน่วยเสียงต้องการการซ่อมแซมทางกายภาพเพื่อกลับมาใช้งาน. https://www.techspot.com/news/107255-samsung-confirms-buggy-update-has-bricking-premium-soundbars.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Samsung admits a bad software update has been bricking its soundbars
    The confirmation comes straight from Jim Kiczek, the head of audio at Samsung Electronics America. In a statement to The Verge, Kiczek called it a "software update...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 รีวิว
  • เผยค่านิยม YOLO ทำผู้ติดเชื้อ HIV เพิ่ม

    กลายเป็นที่วิจารณ์บนโซเชียลฯ ในมาเลเซีย เมื่อนายลูกานิสมัน อะวัง เซานี่ (Lukanisman Awang Sauni) รมช.สาธารณสุขมาเลเซีย กล่าวในการประชุมวุฒิสภา (Dewan Negara) เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ระบุว่าทัศนคติที่เรียกว่า YOLO (โยโล่) หรือ You Only Live Once (เกิดหนเดียวตายหนเดียว) อาจส่งผลต่ออัตราการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ในกลุ่มเพศชาย อายุ 20-39 ปี ที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งกลายปัญหาที่น่ากังวลอย่างยิ่ง

    ค่านิยม YOLO ช่วยกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่กล้าลองทำอะไรใหม่ๆ โดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากกระแสโลก นับเป็นปัญหาของคนรุ่นต่อรุ่น ความปรารถนาที่จะทดลองอะไรใหม่ๆ รวมถึงการดูแลตัวเอง ผลักดันให้คนรุ่นใหม่ทำกิจกรรมที่นอกเหนือไปจากการมีเพศสัมพันธ์แบบชายกับหญิง โดยมักจะไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา นอกจากนี้ บทบาทของโซเชียลมีเดียที่ติดต่อกันระหว่างบุคคลมีความเสี่ยงสูง เพราะไม่มีกลไกที่มีประสิทธิภาพในการควบคุม

    จากข้อมูลการเฝ้าระวังของสำนักทะเบียนผู้ติดเชื้อเอดส์แห่งชาติ (NAR) พบว่าในปี 2567 มีผู้ติดเชื้อเอชไอวี 90% อยู่ในกลุ่มเพศชาย โดย 75% อยู่ในกลุ่มที่มีอายุ 20-39 ปี แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงจากปี 2545 พบผู้ติดเชื้อ 28.5 รายต่อประชากร 100,000 ราย เหลือ 3,185 รายในปี 2567 หรือ 9.4 รายต่อประชากร 100,000 ราย ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขมาเลเซียมีโครงการจัดซื้อยาป้องกันเชื้อเอชไอวีก่อนการสัมผัสโรค หรือเพร็ป (PrEP) แต่ต้องเผชิญกับการต่อต้านจากคนบางกลุ่ม

    สำนักข่าวเซาต์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ (SCMP) รายงานว่า ทฤษฎี YOLO ของ รมช.สาธารณสุขมาเลเซียถูกมองว่าแปลกประหลาด รังเกียจกลุ่ม LGBTQ ไม่ติดตามข่าวสาร และเป็นเรื่องไร้สาระที่กล่าวหาว่าเยาวชนลองมีเพศสัมพันธ์แบบเพศเดียวกันจากค่านิยม YOLO เพราะการรักร่วมเพศเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและไม่ใช่เรื่องสนุก ไม่เหมือนยาเสพติดหรือแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ยังมองว่า รัฐบาลกำลังร่วมปลุกปั่นความกลัวและหาแพะรับบาปให้กับชุมชน LGBTQ โดยชาวเน็ตเรียกร้องให้นำเสนอข้อมูลเพื่อสนับสนุนคำกล่าวอ้างของตน

    สำหรับประเทศมาเลเซีย มีกฎหมายอาญาและกฎหมายชารีอะห์ ห้ามมีเพศสัมพันธ์ที่ผิดธรรมชาติทั้งชายและหญิง เช่น มีเซ็กซ์กับเพศเดียวกัน มีโทษจำคุกไม่เกิน 20 ปี หรือลงโทษด้วยการโบย นอกจากนี้ ยังมีการควบคุมสิ่งที่บ่งบอกว่าเป็น LGBTQ ได้แก่ หนังสือที่มีธีม LGBTQ เคยห้ามนำเข้านาฬิกา Swatch ที่มีสีรุ้งและข้อความสนับสนุน LGBTQ และตำรวจเคยห้ามจัดการแสดง Thai Hot Guys ในงานเปิดตัวไนต์คลับที่ย่านตุนราซัก กรุงกัวลาลัมเปอร์อีกด้วย

    #Newskit
    เผยค่านิยม YOLO ทำผู้ติดเชื้อ HIV เพิ่ม กลายเป็นที่วิจารณ์บนโซเชียลฯ ในมาเลเซีย เมื่อนายลูกานิสมัน อะวัง เซานี่ (Lukanisman Awang Sauni) รมช.สาธารณสุขมาเลเซีย กล่าวในการประชุมวุฒิสภา (Dewan Negara) เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ระบุว่าทัศนคติที่เรียกว่า YOLO (โยโล่) หรือ You Only Live Once (เกิดหนเดียวตายหนเดียว) อาจส่งผลต่ออัตราการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ในกลุ่มเพศชาย อายุ 20-39 ปี ที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งกลายปัญหาที่น่ากังวลอย่างยิ่ง ค่านิยม YOLO ช่วยกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่กล้าลองทำอะไรใหม่ๆ โดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากกระแสโลก นับเป็นปัญหาของคนรุ่นต่อรุ่น ความปรารถนาที่จะทดลองอะไรใหม่ๆ รวมถึงการดูแลตัวเอง ผลักดันให้คนรุ่นใหม่ทำกิจกรรมที่นอกเหนือไปจากการมีเพศสัมพันธ์แบบชายกับหญิง โดยมักจะไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา นอกจากนี้ บทบาทของโซเชียลมีเดียที่ติดต่อกันระหว่างบุคคลมีความเสี่ยงสูง เพราะไม่มีกลไกที่มีประสิทธิภาพในการควบคุม จากข้อมูลการเฝ้าระวังของสำนักทะเบียนผู้ติดเชื้อเอดส์แห่งชาติ (NAR) พบว่าในปี 2567 มีผู้ติดเชื้อเอชไอวี 90% อยู่ในกลุ่มเพศชาย โดย 75% อยู่ในกลุ่มที่มีอายุ 20-39 ปี แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงจากปี 2545 พบผู้ติดเชื้อ 28.5 รายต่อประชากร 100,000 ราย เหลือ 3,185 รายในปี 2567 หรือ 9.4 รายต่อประชากร 100,000 ราย ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขมาเลเซียมีโครงการจัดซื้อยาป้องกันเชื้อเอชไอวีก่อนการสัมผัสโรค หรือเพร็ป (PrEP) แต่ต้องเผชิญกับการต่อต้านจากคนบางกลุ่ม สำนักข่าวเซาต์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ (SCMP) รายงานว่า ทฤษฎี YOLO ของ รมช.สาธารณสุขมาเลเซียถูกมองว่าแปลกประหลาด รังเกียจกลุ่ม LGBTQ ไม่ติดตามข่าวสาร และเป็นเรื่องไร้สาระที่กล่าวหาว่าเยาวชนลองมีเพศสัมพันธ์แบบเพศเดียวกันจากค่านิยม YOLO เพราะการรักร่วมเพศเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและไม่ใช่เรื่องสนุก ไม่เหมือนยาเสพติดหรือแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ยังมองว่า รัฐบาลกำลังร่วมปลุกปั่นความกลัวและหาแพะรับบาปให้กับชุมชน LGBTQ โดยชาวเน็ตเรียกร้องให้นำเสนอข้อมูลเพื่อสนับสนุนคำกล่าวอ้างของตน สำหรับประเทศมาเลเซีย มีกฎหมายอาญาและกฎหมายชารีอะห์ ห้ามมีเพศสัมพันธ์ที่ผิดธรรมชาติทั้งชายและหญิง เช่น มีเซ็กซ์กับเพศเดียวกัน มีโทษจำคุกไม่เกิน 20 ปี หรือลงโทษด้วยการโบย นอกจากนี้ ยังมีการควบคุมสิ่งที่บ่งบอกว่าเป็น LGBTQ ได้แก่ หนังสือที่มีธีม LGBTQ เคยห้ามนำเข้านาฬิกา Swatch ที่มีสีรุ้งและข้อความสนับสนุน LGBTQ และตำรวจเคยห้ามจัดการแสดง Thai Hot Guys ในงานเปิดตัวไนต์คลับที่ย่านตุนราซัก กรุงกัวลาลัมเปอร์อีกด้วย #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ เรียกร้องมาเลเซียให้แก้ปัญหาช่องโหว่การส่งต่อชิป AI ระดับสูงของ NVIDIA ไปยังจีนอย่างผิดกฎหมาย มาเลเซียได้เริ่มจัดการเรื่องนี้แล้ว ด้วยการตั้งทีมตรวจสอบเพื่อควบคุมการส่งออก โดยชิป AI ของ NVIDIA มีความสำคัญมากในตลาดเทคโนโลยีขั้นสูง การขยับตัวครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามของสหรัฐฯ ในการคงความได้เปรียบของตนในด้าน AI ท่ามกลางการแข่งขันกับจีน

    มาตรการของมาเลเซีย:
    - มาเลเซียได้จัดตั้งทีมเฉพาะกิจเพื่อตรวจสอบและกำกับดูแลการส่งออกชิปของ NVIDIA โดยเน้นให้เซิร์ฟเวอร์ไปถึงศูนย์ข้อมูลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น เพื่อป้องกันการเปลี่ยนเส้นทางไปยังจีน.

    ปัญหาการค้าผ่านช่องทางลับ:
    - การส่งต่อชิป NVIDIA ไปยังจีนเกิดขึ้นแม้จะมีข้อจำกัดการส่งออก โดยในกรณีหนึ่ง พบชาวสิงคโปร์ 3 คนขายเซิร์ฟเวอร์ AI ของ NVIDIA มูลค่า 390 ล้านดอลลาร์ให้กับจีน.

    ผลกระทบและความสำคัญของชิป AI:
    - ชิป AI ของ NVIDIA เช่น Blackwell GPU มีความสำคัญอย่างมากสำหรับศูนย์ข้อมูล AI และมีความต้องการสูงทั่วโลก การขาดตลาดอาจทำให้รายได้ของ NVIDIA ลดลงหากช่องโหว่ถูกแก้ไข.

    ความท้าทายสำหรับมาเลเซีย:
    - แม้มาเลเซียจะได้รับการกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าผิดกฎหมาย แต่รัฐมนตรีการค้าของมาเลเซียปฏิเสธว่ามีหลักฐานเพียงพอ และประเทศเองก็มีความต้องการใช้ชิป AI สูงเนื่องจากได้รับการลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ถึง 25 พันล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนาศูนย์ข้อมูลในประเทศ.

    https://wccftech.com/the-us-has-reportedly-demanded-malaysia-to-patch-trade-loopholes/
    สหรัฐฯ เรียกร้องมาเลเซียให้แก้ปัญหาช่องโหว่การส่งต่อชิป AI ระดับสูงของ NVIDIA ไปยังจีนอย่างผิดกฎหมาย มาเลเซียได้เริ่มจัดการเรื่องนี้แล้ว ด้วยการตั้งทีมตรวจสอบเพื่อควบคุมการส่งออก โดยชิป AI ของ NVIDIA มีความสำคัญมากในตลาดเทคโนโลยีขั้นสูง การขยับตัวครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามของสหรัฐฯ ในการคงความได้เปรียบของตนในด้าน AI ท่ามกลางการแข่งขันกับจีน มาตรการของมาเลเซีย: - มาเลเซียได้จัดตั้งทีมเฉพาะกิจเพื่อตรวจสอบและกำกับดูแลการส่งออกชิปของ NVIDIA โดยเน้นให้เซิร์ฟเวอร์ไปถึงศูนย์ข้อมูลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น เพื่อป้องกันการเปลี่ยนเส้นทางไปยังจีน. ปัญหาการค้าผ่านช่องทางลับ: - การส่งต่อชิป NVIDIA ไปยังจีนเกิดขึ้นแม้จะมีข้อจำกัดการส่งออก โดยในกรณีหนึ่ง พบชาวสิงคโปร์ 3 คนขายเซิร์ฟเวอร์ AI ของ NVIDIA มูลค่า 390 ล้านดอลลาร์ให้กับจีน. ผลกระทบและความสำคัญของชิป AI: - ชิป AI ของ NVIDIA เช่น Blackwell GPU มีความสำคัญอย่างมากสำหรับศูนย์ข้อมูล AI และมีความต้องการสูงทั่วโลก การขาดตลาดอาจทำให้รายได้ของ NVIDIA ลดลงหากช่องโหว่ถูกแก้ไข. ความท้าทายสำหรับมาเลเซีย: - แม้มาเลเซียจะได้รับการกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าผิดกฎหมาย แต่รัฐมนตรีการค้าของมาเลเซียปฏิเสธว่ามีหลักฐานเพียงพอ และประเทศเองก็มีความต้องการใช้ชิป AI สูงเนื่องจากได้รับการลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ถึง 25 พันล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนาศูนย์ข้อมูลในประเทศ. https://wccftech.com/the-us-has-reportedly-demanded-malaysia-to-patch-trade-loopholes/
    WCCFTECH.COM
    The US Has Reportedly Demanded Malaysia To Patch "Trade Loopholes" That Have Transferred Billions in NVIDIA AI Chips to China
    Malaysia is now starting its crackdown on the "trade loopholes", which involved the transfer of NVIDIA's AI chips to China, by illegal means.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญรุ่นแรกอาจารย์ทอง วัดป่ากอ จ.สงขลา ปี2528
    เหรียญรุ่นแรกอาจารย์ทอง เนื้อกะไหล่ทอง วัดป่ากอ กิ่ง อ.นาหม่อม จ.สงขลา ปี2528 //เป็นรุ่นที่นิยมมากๆของชาวไทย และชาวมาเลเซีย และเป็นเหรียญ ที่หายาก และประสบการณ์ดีของจังหวัดสงขลา //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณครอบจักวาล เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด มีประสบการณ์มากมาย และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >>

    ** พระอาจารย์ทองวัดป่ากอสุวรรณาราม อ.นาหม่อม จ.สงขลา เดิมทีท่านบวชเรียนอยู่ที่ วัด แม่เปี๊ยะ อำเภอนาหม่อม อาศัยอยู่กับพ่อท่าน เพชร และศึกษาวิชาจากพ่อท่านเพชร พระอาจารย์ทอง ท่านมักจะ เดินทางไป วัดศรีมหาโพธิ์ บ่อยๆ เพราะท่านจะสนิทกับ หลวงพ่อแดง วัดศรีมหาโพธิ์ และ เป็นเครือญาติกัน หลังจากนั้นท่าน ก็ออก ธุดงค์ ไปยังสถานที่ ต่างๆตามแนวตะเข็บชายแดน ไทย-มาเล ท่านจึงมีศิษทางสายมาเลเป็นจำนวนมาก ท่านเป็นพระที่มี ความเก่งในหลายด้าน อาทิ ด้านความอดทนและถือสัตย์ปฏิญาณ เพราะท่านได้ถือสัตย์ปฏิญาณ กินเจตลอดชีวิต ทั้งยังเป็นเกจิอาจารย์ที่ปลุกเสก พระเครื่องได้โด่งดังในสายใต้ จะรู้จักพระเครื่องที่ท่านได้ปลุกเสก หลังจากพระอาจารย์ทองมรณภาพ สรีระร่างกายของท่านก็ไม่เน่าเปื่อยเหมือนคนแก่นอนหลับอยู่ในกรอบแก้วเป็นปกติ >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญรุ่นแรกอาจารย์ทอง วัดป่ากอ จ.สงขลา ปี2528 เหรียญรุ่นแรกอาจารย์ทอง เนื้อกะไหล่ทอง วัดป่ากอ กิ่ง อ.นาหม่อม จ.สงขลา ปี2528 //เป็นรุ่นที่นิยมมากๆของชาวไทย และชาวมาเลเซีย และเป็นเหรียญ ที่หายาก และประสบการณ์ดีของจังหวัดสงขลา //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณครอบจักวาล เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด มีประสบการณ์มากมาย และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >> ** พระอาจารย์ทองวัดป่ากอสุวรรณาราม อ.นาหม่อม จ.สงขลา เดิมทีท่านบวชเรียนอยู่ที่ วัด แม่เปี๊ยะ อำเภอนาหม่อม อาศัยอยู่กับพ่อท่าน เพชร และศึกษาวิชาจากพ่อท่านเพชร พระอาจารย์ทอง ท่านมักจะ เดินทางไป วัดศรีมหาโพธิ์ บ่อยๆ เพราะท่านจะสนิทกับ หลวงพ่อแดง วัดศรีมหาโพธิ์ และ เป็นเครือญาติกัน หลังจากนั้นท่าน ก็ออก ธุดงค์ ไปยังสถานที่ ต่างๆตามแนวตะเข็บชายแดน ไทย-มาเล ท่านจึงมีศิษทางสายมาเลเป็นจำนวนมาก ท่านเป็นพระที่มี ความเก่งในหลายด้าน อาทิ ด้านความอดทนและถือสัตย์ปฏิญาณ เพราะท่านได้ถือสัตย์ปฏิญาณ กินเจตลอดชีวิต ทั้งยังเป็นเกจิอาจารย์ที่ปลุกเสก พระเครื่องได้โด่งดังในสายใต้ จะรู้จักพระเครื่องที่ท่านได้ปลุกเสก หลังจากพระอาจารย์ทองมรณภาพ สรีระร่างกายของท่านก็ไม่เน่าเปื่อยเหมือนคนแก่นอนหลับอยู่ในกรอบแก้วเป็นปกติ >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาเลย์ฯ ซื้อรถไฟเพิ่ม ป้อน Komuter สายเหนือ

    การตรวจเยี่ยมการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ของนายแอนโธนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย เริ่มตั้งแต่การไปเยือนสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ เพื่อติดตามความคืบหน้าขยายเส้นทางการให้บริการรถไฟฟ้าทางไกล ETS ช่วงเกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru) ระยะทาง 192 กิโลเมตร ที่คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2568 ซึ่งจะช่วยให้การเดินทางระหว่างสถานี KL Sentral กรุงกัวลาลัมเปอร์ กับสถานี JB Sentral เมืองยะโฮร์บาห์รู ใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมง 30 นาที

    รมว.คมนาคมมาเลเซีย เปิดเผยกับสำนักข่าวเบอร์นามาว่า การขยายเส้นทางเดินรถไฟ ETS แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะแรกไปยังสถานีเซกามัต ระยะที่สองไปยังสถานีกลวง (Kluang) และระยะที่สามไปยังสถานี JB Sentral พร้อมกันนี้ รถไฟรุ่นใหม่ ETS3 ที่สั่งซื้อจากประเทศจีน 2 ขบวนแรกจากทั้งหมด 10 ขบวน คาดว่าจะมาถึงประเทศมาเลเซียในเดือน เม.ย.นี้ ซึ่งจะนำมาประกอบที่ศูนย์ซ่อมบำรุงเมืองบาตูกาจาห์ รัฐเปรัก ก่อนทดสอบระบบและนำมาใช้ในเดือน ส.ค. ไม่ต้องรอให้ครบ 10 ขบวน

    นับจากนี้รถไฟ ETS จะเดินรถตลอดแนวประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่ชายแดนมาเลเซีย-ไทยทางตอนเหนือ และชายแดนมาเลเซีย-สิงคโปร์ทางตอนใต้ พร้อมกันนี้ จะเสนอบริการชั้นธุรกิจแบบพรีเมียมเพื่อมอบความสะดวกแก่ผู้โดยสาร

    วันต่อมา นายแอนโธนี่ไปยังสถานีปาดังเบซาร์ (Padang Besar) รัฐเปอร์ลิส เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการท่าเรือบกเปอร์ลิส (PIP) ระยะที่ 1 ก่อนจะเดินทางต่อด้วยรถไฟ KTM Komuter Utara จากสถานีปาดังเบซาร์ไปยังสถานีอลอร์สตาร์ (Alor Setar) รัฐเคดะห์ โดยเปิดเผยว่ารัฐบาลกลางมาเลเซียได้จัดหารถไฟชุดใหม่แบบ 3 ตู้โดยสาร จำนวน 12 ขบวนเพื่อให้บริการเพิ่มเติม งบประมาณ 283 ล้านริงกิต (2,164.34 ล้านบาท) คาดว่ารถไฟขบวนแรกจะถูกส่งมอบภายใน 22 เดือน

    อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่สำคัญในการให้บริการคือการโจรกรรมสายเคเบิล ซึ่งกระทบต่อการเดินรถอย่างมาก สร้างความเสียหายกว่า 1.35 ล้านริงกิต (10.32 ล้านบาท) ซึ่งกระทรวงคมนาคมมาเลเซียจะร่วมกับตำรวจบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด พร้อมปรับปรุงอุปกรณ์เครือข่าย เครื่องนับเพลา (Axle Counter) งบประมาณ 12.8 ล้านริงกิต (97.89 ล้านบาท) ใช้ระยะเวลา 3 ปี รวมทั้งการติดตั้งกล้องวงจรปิด การใช้โดรน การติดตั้งรั้วป้องกันการปีน และติดตั้งฝาปิดท่อระบายน้ำแบบล็อกขั้นสูง

    อนึ่ง ในปี 2567 รถไฟ KTM Komuter Utara สายเหนือ ช่วงบัตเตอร์เวิร์ธ-ปาดังเบซาร์ และบัตเตอร์เวิร์ธ-อิโปห์ มีผู้โดยสารเฉลี่ย 16,363 คนต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ผู้โดยสารเฉลี่ย 12,668 คนต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 29%

    #Newskit
    มาเลย์ฯ ซื้อรถไฟเพิ่ม ป้อน Komuter สายเหนือ การตรวจเยี่ยมการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ของนายแอนโธนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย เริ่มตั้งแต่การไปเยือนสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ เพื่อติดตามความคืบหน้าขยายเส้นทางการให้บริการรถไฟฟ้าทางไกล ETS ช่วงเกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru) ระยะทาง 192 กิโลเมตร ที่คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2568 ซึ่งจะช่วยให้การเดินทางระหว่างสถานี KL Sentral กรุงกัวลาลัมเปอร์ กับสถานี JB Sentral เมืองยะโฮร์บาห์รู ใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมง 30 นาที รมว.คมนาคมมาเลเซีย เปิดเผยกับสำนักข่าวเบอร์นามาว่า การขยายเส้นทางเดินรถไฟ ETS แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะแรกไปยังสถานีเซกามัต ระยะที่สองไปยังสถานีกลวง (Kluang) และระยะที่สามไปยังสถานี JB Sentral พร้อมกันนี้ รถไฟรุ่นใหม่ ETS3 ที่สั่งซื้อจากประเทศจีน 2 ขบวนแรกจากทั้งหมด 10 ขบวน คาดว่าจะมาถึงประเทศมาเลเซียในเดือน เม.ย.นี้ ซึ่งจะนำมาประกอบที่ศูนย์ซ่อมบำรุงเมืองบาตูกาจาห์ รัฐเปรัก ก่อนทดสอบระบบและนำมาใช้ในเดือน ส.ค. ไม่ต้องรอให้ครบ 10 ขบวน นับจากนี้รถไฟ ETS จะเดินรถตลอดแนวประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่ชายแดนมาเลเซีย-ไทยทางตอนเหนือ และชายแดนมาเลเซีย-สิงคโปร์ทางตอนใต้ พร้อมกันนี้ จะเสนอบริการชั้นธุรกิจแบบพรีเมียมเพื่อมอบความสะดวกแก่ผู้โดยสาร วันต่อมา นายแอนโธนี่ไปยังสถานีปาดังเบซาร์ (Padang Besar) รัฐเปอร์ลิส เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการท่าเรือบกเปอร์ลิส (PIP) ระยะที่ 1 ก่อนจะเดินทางต่อด้วยรถไฟ KTM Komuter Utara จากสถานีปาดังเบซาร์ไปยังสถานีอลอร์สตาร์ (Alor Setar) รัฐเคดะห์ โดยเปิดเผยว่ารัฐบาลกลางมาเลเซียได้จัดหารถไฟชุดใหม่แบบ 3 ตู้โดยสาร จำนวน 12 ขบวนเพื่อให้บริการเพิ่มเติม งบประมาณ 283 ล้านริงกิต (2,164.34 ล้านบาท) คาดว่ารถไฟขบวนแรกจะถูกส่งมอบภายใน 22 เดือน อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่สำคัญในการให้บริการคือการโจรกรรมสายเคเบิล ซึ่งกระทบต่อการเดินรถอย่างมาก สร้างความเสียหายกว่า 1.35 ล้านริงกิต (10.32 ล้านบาท) ซึ่งกระทรวงคมนาคมมาเลเซียจะร่วมกับตำรวจบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด พร้อมปรับปรุงอุปกรณ์เครือข่าย เครื่องนับเพลา (Axle Counter) งบประมาณ 12.8 ล้านริงกิต (97.89 ล้านบาท) ใช้ระยะเวลา 3 ปี รวมทั้งการติดตั้งกล้องวงจรปิด การใช้โดรน การติดตั้งรั้วป้องกันการปีน และติดตั้งฝาปิดท่อระบายน้ำแบบล็อกขั้นสูง อนึ่ง ในปี 2567 รถไฟ KTM Komuter Utara สายเหนือ ช่วงบัตเตอร์เวิร์ธ-ปาดังเบซาร์ และบัตเตอร์เวิร์ธ-อิโปห์ มีผู้โดยสารเฉลี่ย 16,363 คนต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ผู้โดยสารเฉลี่ย 12,668 คนต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 29% #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 200 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถานีขนส่งรัฐเปอร์ลิส ย้ายจากบูกิตลากีไปที่ใหม่

    เปิดให้บริการแล้ว สำหรับสถานีขนส่งผู้โดยสารแบบบูรณาการของรัฐเปอร์ลิส (Terminal Perlis Sentral) ทางภาคเหนือของมาเลเซีย ตั้งอยู่ที่สี่แยกระหว่างถนนสายกานการ์-อลอร์สตาร์ กับทางหลวงสายชางลูน-กัวลาเปอร์ลิส เมืองกานการ์ (Kangar) รัฐเปอร์ลิส ห่างจากสถานีขนส่งย่านบูกิต ลากี (Bukit Lagi) ประมาณ 7 กิโลเมตร โดยสภาเทศบาลเมืองกานการ์ประกาศว่าจะเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค. เป็นต้นไป คาดว่าภายใน 1 เดือนผู้ประกอบการจะย้ายไปยังสถานีขนส่งแห่งใหม่ทั้งหมด

    ยกเว้นรถประจำทางท้องถิ่น (Bas.My Kangar) จากชางลูน ปาดังเบซาร์ กัวลาเปอร์ลิส อลอร์สตาร์ (ทั้งสายไอร์อิตัมและสายจิตรา) เซเรียบ (ทั้งสายกัมปุงปังเกา และสายปาดังเบฮอร์) และกิลังกูลา ยังคงจอดที่ย่านบูกิต ลากี เช่นเดิม ระหว่างรอดำเนินการจากสำนักงานขนส่งสาธารณะทางบก (APAD) กรมการขนส่งทางบกมาเลเซีย (RTD) แต่สามารถเดินทางไปยังสถานีขนส่งแห่งใหม่ได้ ผ่านทางบริการ e-Hailing เช่น Grab ค่าโดยสารประมาณ 8 ริงกิต แต่ต้องปักหมุดด้วยตัวเอง

    ผู้ประกอบการเดินรถส่วนหนึ่ง ประกาศย้ายไปจอดที่สถานีขนส่งแห่งใหม่แล้ว เช่น บริษัทปันจารัน มาตาฮาริ (Pancaran Matahari) แจ้งว่าได้ย้ายไปที่สถานีขนส่งแห่งใหม่แล้ว ซื้อตั๋วได้ที่เคาน์เตอร์สถานีแห่งใหม่หรือเว็บไซต์ pancaranmatahari.com.my ซึ่งมีรถไปยังปลายทางโกตาบารู ตานาห์เมราห์ กัวลาลัมเปอร์ (สถานีขนส่งทีบีเอส และเฮนเตียนดูตา) ชาห์อลาม กาจัง ปูตราจายา เซเรมบัน มะละกา และยะโฮร์บาห์รู

    สถานีขนส่งแห่งใหม่ของรัฐเปอร์ลิส ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการขนส่งหลักทางภาคเหนือของมาเลเซีย เชื่อมต่อจุดหมายปลายทางต่างๆ เช่น กัวลาลัมเปอร์ ปีนัง โกตาบารู อิโปห์ ปาหัง ตรังกานู เซเรมบัน มะละกา ยะโฮร์ และประเทศสิงคโปร์ ประกอบด้วย ชานชาลาขาออก 3 ช่อง ชานชาลาขาเข้า 3 ช่อง ที่จอดรถบัสชั่วคราว 6 ช่อง ที่จอดรถแท็กซี่สาธารณะ 25 คัน ห้องละหมาด ห้องสุขา ห้องเปลี่ยนผ้าอ้อม พื้นที่เชิงพาณิชย์ และช่องขายตั๋ว สถานที่ใกล้เคียง ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดเปอร์ลิส (IPK Perlis) โครงการกานการ์จายา (Kangar Jaya) ที่มีร้านเคเอฟซี มิสเตอร์ดีไอวาย และสตาร์บัคส์

    สำหรับประเทศไทย ยังไม่มีรถโดยสารผ่านมาที่เมืองกานการ์โดยตรง เพราะไม่ใช่ทางผ่าน ส่วนมากรถทัวร์จาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จะให้บริการไปยังเมืองหลัก เช่น กัวลาลัมเปอร์ ปีนัง อิโปห์ เซเรมบัน มะละกา ยะโฮร์บาห์รู และประเทศสิงคโปร์ ส่วนการเดินทางมายังเมืองกานการ์ จากศูนย์ ICQS ปาดังเบซาร์ มีรถเมล์สาย T11 กานการ์-ปาดังเบซาร์ให้บริการ

    #Newskit
    สถานีขนส่งรัฐเปอร์ลิส ย้ายจากบูกิตลากีไปที่ใหม่ เปิดให้บริการแล้ว สำหรับสถานีขนส่งผู้โดยสารแบบบูรณาการของรัฐเปอร์ลิส (Terminal Perlis Sentral) ทางภาคเหนือของมาเลเซีย ตั้งอยู่ที่สี่แยกระหว่างถนนสายกานการ์-อลอร์สตาร์ กับทางหลวงสายชางลูน-กัวลาเปอร์ลิส เมืองกานการ์ (Kangar) รัฐเปอร์ลิส ห่างจากสถานีขนส่งย่านบูกิต ลากี (Bukit Lagi) ประมาณ 7 กิโลเมตร โดยสภาเทศบาลเมืองกานการ์ประกาศว่าจะเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค. เป็นต้นไป คาดว่าภายใน 1 เดือนผู้ประกอบการจะย้ายไปยังสถานีขนส่งแห่งใหม่ทั้งหมด ยกเว้นรถประจำทางท้องถิ่น (Bas.My Kangar) จากชางลูน ปาดังเบซาร์ กัวลาเปอร์ลิส อลอร์สตาร์ (ทั้งสายไอร์อิตัมและสายจิตรา) เซเรียบ (ทั้งสายกัมปุงปังเกา และสายปาดังเบฮอร์) และกิลังกูลา ยังคงจอดที่ย่านบูกิต ลากี เช่นเดิม ระหว่างรอดำเนินการจากสำนักงานขนส่งสาธารณะทางบก (APAD) กรมการขนส่งทางบกมาเลเซีย (RTD) แต่สามารถเดินทางไปยังสถานีขนส่งแห่งใหม่ได้ ผ่านทางบริการ e-Hailing เช่น Grab ค่าโดยสารประมาณ 8 ริงกิต แต่ต้องปักหมุดด้วยตัวเอง ผู้ประกอบการเดินรถส่วนหนึ่ง ประกาศย้ายไปจอดที่สถานีขนส่งแห่งใหม่แล้ว เช่น บริษัทปันจารัน มาตาฮาริ (Pancaran Matahari) แจ้งว่าได้ย้ายไปที่สถานีขนส่งแห่งใหม่แล้ว ซื้อตั๋วได้ที่เคาน์เตอร์สถานีแห่งใหม่หรือเว็บไซต์ pancaranmatahari.com.my ซึ่งมีรถไปยังปลายทางโกตาบารู ตานาห์เมราห์ กัวลาลัมเปอร์ (สถานีขนส่งทีบีเอส และเฮนเตียนดูตา) ชาห์อลาม กาจัง ปูตราจายา เซเรมบัน มะละกา และยะโฮร์บาห์รู สถานีขนส่งแห่งใหม่ของรัฐเปอร์ลิส ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการขนส่งหลักทางภาคเหนือของมาเลเซีย เชื่อมต่อจุดหมายปลายทางต่างๆ เช่น กัวลาลัมเปอร์ ปีนัง โกตาบารู อิโปห์ ปาหัง ตรังกานู เซเรมบัน มะละกา ยะโฮร์ และประเทศสิงคโปร์ ประกอบด้วย ชานชาลาขาออก 3 ช่อง ชานชาลาขาเข้า 3 ช่อง ที่จอดรถบัสชั่วคราว 6 ช่อง ที่จอดรถแท็กซี่สาธารณะ 25 คัน ห้องละหมาด ห้องสุขา ห้องเปลี่ยนผ้าอ้อม พื้นที่เชิงพาณิชย์ และช่องขายตั๋ว สถานที่ใกล้เคียง ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดเปอร์ลิส (IPK Perlis) โครงการกานการ์จายา (Kangar Jaya) ที่มีร้านเคเอฟซี มิสเตอร์ดีไอวาย และสตาร์บัคส์ สำหรับประเทศไทย ยังไม่มีรถโดยสารผ่านมาที่เมืองกานการ์โดยตรง เพราะไม่ใช่ทางผ่าน ส่วนมากรถทัวร์จาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จะให้บริการไปยังเมืองหลัก เช่น กัวลาลัมเปอร์ ปีนัง อิโปห์ เซเรมบัน มะละกา ยะโฮร์บาห์รู และประเทศสิงคโปร์ ส่วนการเดินทางมายังเมืองกานการ์ จากศูนย์ ICQS ปาดังเบซาร์ มีรถเมล์สาย T11 กานการ์-ปาดังเบซาร์ให้บริการ #Newskit
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 224 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดแล้วสถานีขนส่ง TBG มีรถทัวร์รันเตาปันยังไป KL

    สถานีขนส่งผู้โดยสารแบบบูรณาการกอมบัค (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Gombak หรือ TBG) เมืองกอมบัค รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย เปิดทดลองให้บริการเมื่อวันที่ 15 มี.ค. ก่อนเปิดให้บริการเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อต้อนรับวันหยุดฮารีรายา อีดิลฟิฏร์ (Hari Raya Aidilfitri) ที่จะมีชาวมาเลเซียเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือเดินทางท่องเที่ยวจำนวนมาก

    เบื้องต้นพบว่ามีผู้ประกอบการเดินรถบางบริษัทให้บริการไปยังปลายทางชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรมาเลเซีย เช่น เมืองกัวลาตรังกานู (Kuala Terengganu) รัฐตรังกานู (Terengganu), เมืองโกตาบารู (Kota Bharu) รัฐกลันตัน (Kelantan) และเมืองกวนตัน (Kuantan) รัฐปะหัง (Pahang) โดยช่องทางสำรองที่นั่งมีทั้งช่องทางออนไลน์ของสถานีขนส่ง TBG เว็บไซต์ www.tbg.com.my ช่องทางออนไลน์ของผู้ประกอบการเดินรถ และแพลตฟอร์มจองตั๋วรถบัสออนไลน์ซึ่งมีหลายแห่ง

    เช่น บริษัทปันจารัน มาตาฮาริ (Pancaran Matahari) มีรถจากรัฐกลันตัน แวะส่งผู้โดยสารที่สถานีขนส่ง TBG ก่อนไปต่อที่สถานีขนส่งแบบบูรณาการ TBS (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Selatan) และชาห์อลาม (Shah Alam) ส่วนบริษัท ซานิ เอ็กซ์เพรส (Sani Express) จะเริ่มให้บริการระหว่างสถานีขนส่ง TBG ไปยัง 3 เมืองในรัฐกลันตัน ได้แก่ ทานาห์ เมราห์ (Tanah Merah) ปาเซร์มัส (Pasir Mas) และรันเตาปันยัง (Rantau Panjang) ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. โดยเปิดให้สำรองที่นั่งแล้วผ่านเว็บไซต์ www.tbg.com.my และ www.saniexpress.com.my

    การเดินทางจากใจกลางเมือง เช่น สถานีเคแอลเซ็นทรัล (KL Sentral) สถานีเคแอลซีซี (KLCC) สถานีอัมปังพาร์ค (Ampang Park) ไปยังสถานีขนส่ง TBG สามารถใช้บริการรถไฟฟ้ารางเบาสายเกลานา จายา (LRT Kelana Jaya Line) ลงที่สถานีกอมบัค (Gombak) จากนั้นเดินเท้าออกจากสถานีรถไฟฟ้าไปยังด้านหลังสถานีขนส่ง TBG กดลิฟต์ไปที่ชั้น 2 แล้วเดินเข้าอาคารผู้โดยสาร ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวก ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าและร้านอาหารจำนวนมาก

    สำหรับประเทศไทย รถทัวร์ที่จะไปสถานีขนส่ง TBG มีเพียงสถานีขนส่งรันเตาปันยัง ใกล้กับด่าน ICQS รันเตาปันยัง ตรงข้ามด่านพรมแดนสุไหงโกลก จ.นราธิวาส มีรถของบริษัทซานิ เอ็กซ์เพรส ให้บริการวันละ 1 เที่ยว รถออกเวลา 21.00 น. (ตามเวลามาเลเซีย) ถึงสถานีขนส่ง TBG เวลาประมาณ 05.00 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 82.50 ริงกิต (633 บาท) แต่ที่ท่ารถเป็งกาลันกูโบ (Pengkalan Kubor) ตรงข้าม อ.ตากใบ จ.นราธิวาส มีแต่รถไปสถานี TBS ยังไม่มีรถไปถึงสถานีขนส่ง TBG

    #Newskit
    เปิดแล้วสถานีขนส่ง TBG มีรถทัวร์รันเตาปันยังไป KL สถานีขนส่งผู้โดยสารแบบบูรณาการกอมบัค (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Gombak หรือ TBG) เมืองกอมบัค รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย เปิดทดลองให้บริการเมื่อวันที่ 15 มี.ค. ก่อนเปิดให้บริการเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อต้อนรับวันหยุดฮารีรายา อีดิลฟิฏร์ (Hari Raya Aidilfitri) ที่จะมีชาวมาเลเซียเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือเดินทางท่องเที่ยวจำนวนมาก เบื้องต้นพบว่ามีผู้ประกอบการเดินรถบางบริษัทให้บริการไปยังปลายทางชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรมาเลเซีย เช่น เมืองกัวลาตรังกานู (Kuala Terengganu) รัฐตรังกานู (Terengganu), เมืองโกตาบารู (Kota Bharu) รัฐกลันตัน (Kelantan) และเมืองกวนตัน (Kuantan) รัฐปะหัง (Pahang) โดยช่องทางสำรองที่นั่งมีทั้งช่องทางออนไลน์ของสถานีขนส่ง TBG เว็บไซต์ www.tbg.com.my ช่องทางออนไลน์ของผู้ประกอบการเดินรถ และแพลตฟอร์มจองตั๋วรถบัสออนไลน์ซึ่งมีหลายแห่ง เช่น บริษัทปันจารัน มาตาฮาริ (Pancaran Matahari) มีรถจากรัฐกลันตัน แวะส่งผู้โดยสารที่สถานีขนส่ง TBG ก่อนไปต่อที่สถานีขนส่งแบบบูรณาการ TBS (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Selatan) และชาห์อลาม (Shah Alam) ส่วนบริษัท ซานิ เอ็กซ์เพรส (Sani Express) จะเริ่มให้บริการระหว่างสถานีขนส่ง TBG ไปยัง 3 เมืองในรัฐกลันตัน ได้แก่ ทานาห์ เมราห์ (Tanah Merah) ปาเซร์มัส (Pasir Mas) และรันเตาปันยัง (Rantau Panjang) ตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. โดยเปิดให้สำรองที่นั่งแล้วผ่านเว็บไซต์ www.tbg.com.my และ www.saniexpress.com.my การเดินทางจากใจกลางเมือง เช่น สถานีเคแอลเซ็นทรัล (KL Sentral) สถานีเคแอลซีซี (KLCC) สถานีอัมปังพาร์ค (Ampang Park) ไปยังสถานีขนส่ง TBG สามารถใช้บริการรถไฟฟ้ารางเบาสายเกลานา จายา (LRT Kelana Jaya Line) ลงที่สถานีกอมบัค (Gombak) จากนั้นเดินเท้าออกจากสถานีรถไฟฟ้าไปยังด้านหลังสถานีขนส่ง TBG กดลิฟต์ไปที่ชั้น 2 แล้วเดินเข้าอาคารผู้โดยสาร ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวก ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าและร้านอาหารจำนวนมาก สำหรับประเทศไทย รถทัวร์ที่จะไปสถานีขนส่ง TBG มีเพียงสถานีขนส่งรันเตาปันยัง ใกล้กับด่าน ICQS รันเตาปันยัง ตรงข้ามด่านพรมแดนสุไหงโกลก จ.นราธิวาส มีรถของบริษัทซานิ เอ็กซ์เพรส ให้บริการวันละ 1 เที่ยว รถออกเวลา 21.00 น. (ตามเวลามาเลเซีย) ถึงสถานีขนส่ง TBG เวลาประมาณ 05.00 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง ค่าโดยสาร 82.50 ริงกิต (633 บาท) แต่ที่ท่ารถเป็งกาลันกูโบ (Pengkalan Kubor) ตรงข้าม อ.ตากใบ จ.นราธิวาส มีแต่รถไปสถานี TBS ยังไม่มีรถไปถึงสถานีขนส่ง TBG #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 241 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ออกรัฐไทรบุรี ประเทศมาเลเซีย
    เหรียญหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ออกรัฐไทรบุรี ประเทศมาเลเซีย //พระดีพิธีใหญ่ พิธีเข้มขลัง มีประสบการณ์สูง // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ทั้งคงกระพันชาตรี โด่งดังไปทั่วประเทศ เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ประสบการณ์มากมาย รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ออกรัฐไทรบุรี ประเทศมาเลเซีย เหรียญหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ออกรัฐไทรบุรี ประเทศมาเลเซีย //พระดีพิธีใหญ่ พิธีเข้มขลัง มีประสบการณ์สูง // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ทั้งคงกระพันชาตรี โด่งดังไปทั่วประเทศ เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ประสบการณ์มากมาย รวมทั้งไล่ภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ประกอบการเมืองโก-ลก ซัด ไม่เคยเห็นเงา'พิชัย นริพทะพันธุ์'ลงพื้นที่เคลียร์“มาเลเซีย” เปิดจุดผ่อนปรนการค้าชายแดน ทั้งที่เป็นหน้าที่ต้องรับผิดชอบ โวย จะอดตายแล้ว

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000027636
    ผู้ประกอบการเมืองโก-ลก ซัด ไม่เคยเห็นเงา'พิชัย นริพทะพันธุ์'ลงพื้นที่เคลียร์“มาเลเซีย” เปิดจุดผ่อนปรนการค้าชายแดน ทั้งที่เป็นหน้าที่ต้องรับผิดชอบ โวย จะอดตายแล้ว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000027636
    Haha
    Yay
    Wow
    Angry
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 547 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญหลวงปู่มีชัย รุ่นร่ำรวย รุ่งเรือง ปลอดภัย ปี2553
    เหรียญหลวงปู่มีชัย รุ่นร่ำรวย รุ่งเรือง ปลอดภัย รัฐปีนัง ประเทศมาเลย์เซีย ปี2553 //พระดีพิธีใหญ่ รุ่นยอดนิยม หายาก แจกประเทศมาเลเซีย //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ ลูกศิษย์ ต่างหวงแหนยิ่งนัก ประสบการณ์ดี ทั้งทางด้าน โชคลาภ เมตตา ทำมาค้าขาย รำ่รวย เจริญรุ่งเรือง เรียกทรัพย์ เก็บทรัพย์ ค้าขายดี มหาอุด แคล้วคลาดปลอดภัย คงกระพัน ป้องกันภัย ปลอดภัย >>

    ** ทหาร-ตำรวจ ส่งไปปฏิบัติหน้าที่ใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เคยได้รับวัตถุมงคลหลวงปู่มีชัยต่างมีประสบการณ์แคล้วคลาดนับครั้งไม่ถ้วน >>

    ** หลวงปู่มีชัย กามฉินโท สุดยอดพระประสบการณ์ 3 จังหวัดชายแดนใต้ พระอริยสงฆ์ที่เป็นที่เคารพศรัทธาทั้งในไทยและหลายประเทศ ทั้งมาเลเซีย อินโดนีเซีย ไต้หวัน เชคโกสโลวเกีย.. จึงมีลูกศิษย์มากมาย เทพเจ้าแห่งความร่ำรวย ... สายวิชาหลวงปู่เทพโลกอุดร ที่มียันต์ขุมทรัพย์เรียกทรัพย์ที่เป็นหนึ่งเดียวต่อๆไปจะเป็นตำนาน แทบไม่น่าเชื่อว่าจะมีเกจิแบบนี้อยู่อีก หายาก >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงปู่มีชัย รุ่นร่ำรวย รุ่งเรือง ปลอดภัย ปี2553 เหรียญหลวงปู่มีชัย รุ่นร่ำรวย รุ่งเรือง ปลอดภัย รัฐปีนัง ประเทศมาเลย์เซีย ปี2553 //พระดีพิธีใหญ่ รุ่นยอดนิยม หายาก แจกประเทศมาเลเซีย //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ ลูกศิษย์ ต่างหวงแหนยิ่งนัก ประสบการณ์ดี ทั้งทางด้าน โชคลาภ เมตตา ทำมาค้าขาย รำ่รวย เจริญรุ่งเรือง เรียกทรัพย์ เก็บทรัพย์ ค้าขายดี มหาอุด แคล้วคลาดปลอดภัย คงกระพัน ป้องกันภัย ปลอดภัย >> ** ทหาร-ตำรวจ ส่งไปปฏิบัติหน้าที่ใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เคยได้รับวัตถุมงคลหลวงปู่มีชัยต่างมีประสบการณ์แคล้วคลาดนับครั้งไม่ถ้วน >> ** หลวงปู่มีชัย กามฉินโท สุดยอดพระประสบการณ์ 3 จังหวัดชายแดนใต้ พระอริยสงฆ์ที่เป็นที่เคารพศรัทธาทั้งในไทยและหลายประเทศ ทั้งมาเลเซีย อินโดนีเซีย ไต้หวัน เชคโกสโลวเกีย.. จึงมีลูกศิษย์มากมาย เทพเจ้าแห่งความร่ำรวย ... สายวิชาหลวงปู่เทพโลกอุดร ที่มียันต์ขุมทรัพย์เรียกทรัพย์ที่เป็นหนึ่งเดียวต่อๆไปจะเป็นตำนาน แทบไม่น่าเชื่อว่าจะมีเกจิแบบนี้อยู่อีก หายาก >> ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทุนมาเลย์สนใจรถไฟทางคู่ ชุมพร-ปาดังเบซาร์

    ในช่วงที่ประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพอาเซียนในปี 2025 และรัฐบาลอันวาร์ อิบราฮิม มีความสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ของประเทศไทย อาจจะได้เห็นข่าวความร่วมมือระหว่างมาเลเซียและไทยเป็นระยะ ล่าสุด พลเอกอาวุโส โมห์ด อาซูมิ โมฮัมเหม็ด (Mohd Azumi Mohamed) ประธานบริษัท ดายะ มาจู อินฟาสตรัคเจอร์ เอเชีย (Dhaya Maju Infrastructure Asia) หรือ DMIA บริษัทพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจากประเทศมาเลเซีย ได้เข้าพบกับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม และคณะ ที่กระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา

    โดยบริษัท DMIA ได้ให้ความสนใจเข้าร่วมการลงทุนในรูปแบบระหว่างภาครัฐและเอกชน หรือ PPP (Public Private Partnership) โครงการรถไฟทางคู่ ชุมพร-ปาดังเบซาร์ เชื่อมต่อกับประเทศมาเลเซีย ซึ่งกระทรวงคมนาคมมีความยินดีที่ DMIA ให้ความสนใจ และหวังว่าจะได้มีความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของทั้งสองประเทศร่วมกันในอนาคต ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเรื่องการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และความรู้ในด้านการพัฒนาระบบขนส่งทางราง เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ การปรับปรุงระบบรางข้ามพรมแดนอย่างยั่งยืน รวมถึงความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมระหว่างไทยและมาเลเซียอีกด้วย

    ส่วนความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร ช่วงสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 321 กิโลเมตร และช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ จ.สงขลา ระยะทาง 44 กิโลเมตร งานออกแบบแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติงานด้านโครงสร้างพื้นฐานและงานโยธา ส่วนช่วงหาดใหญ่-สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ระยะทาง 216 กิโลเมตร ขณะนี้อยู่ระหว่างการว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อทำการศึกษาความเป็นไปได้

    สำหรับบริษัท DMIA ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2539 มีประสบการณ์งานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านทางหลวง อสังหาริมทรัพย์ การฟื้นฟูเมือง การก่อสร้างและปรับปรุงทางรถไฟ ทั้งในประเทศมาเลเซียและต่างประเทศ นับเฉพาะโครงการทางรถไฟ เป็นผู้รับเหมาหลักโครงการปรับปรุงรถไฟทางคู่ติดระบบไฟฟ้าบนหุบเขาแคลง (KVDT) ตั้งแต่ราวังถึงซาลักเซาต์ (Rawang-Salak South) และโครงการระยะที่ 2 (KVDT2) จากซาลักเซาต์ถึงเซเรมบัน (Salak South-Seremban) และจากเคแอลเซ็นทรัลถึงพอร์ตแคลง (KL Sentral-Port Klang) เป็นต้น

    #Newskit
    ทุนมาเลย์สนใจรถไฟทางคู่ ชุมพร-ปาดังเบซาร์ ในช่วงที่ประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพอาเซียนในปี 2025 และรัฐบาลอันวาร์ อิบราฮิม มีความสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ของประเทศไทย อาจจะได้เห็นข่าวความร่วมมือระหว่างมาเลเซียและไทยเป็นระยะ ล่าสุด พลเอกอาวุโส โมห์ด อาซูมิ โมฮัมเหม็ด (Mohd Azumi Mohamed) ประธานบริษัท ดายะ มาจู อินฟาสตรัคเจอร์ เอเชีย (Dhaya Maju Infrastructure Asia) หรือ DMIA บริษัทพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจากประเทศมาเลเซีย ได้เข้าพบกับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม และคณะ ที่กระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยบริษัท DMIA ได้ให้ความสนใจเข้าร่วมการลงทุนในรูปแบบระหว่างภาครัฐและเอกชน หรือ PPP (Public Private Partnership) โครงการรถไฟทางคู่ ชุมพร-ปาดังเบซาร์ เชื่อมต่อกับประเทศมาเลเซีย ซึ่งกระทรวงคมนาคมมีความยินดีที่ DMIA ให้ความสนใจ และหวังว่าจะได้มีความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของทั้งสองประเทศร่วมกันในอนาคต ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเรื่องการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และความรู้ในด้านการพัฒนาระบบขนส่งทางราง เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ การปรับปรุงระบบรางข้ามพรมแดนอย่างยั่งยืน รวมถึงความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมระหว่างไทยและมาเลเซียอีกด้วย ส่วนความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร ช่วงสุราษฎร์ธานี-หาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 321 กิโลเมตร และช่วงหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ จ.สงขลา ระยะทาง 44 กิโลเมตร งานออกแบบแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติงานด้านโครงสร้างพื้นฐานและงานโยธา ส่วนช่วงหาดใหญ่-สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ระยะทาง 216 กิโลเมตร ขณะนี้อยู่ระหว่างการว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อทำการศึกษาความเป็นไปได้ สำหรับบริษัท DMIA ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2539 มีประสบการณ์งานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านทางหลวง อสังหาริมทรัพย์ การฟื้นฟูเมือง การก่อสร้างและปรับปรุงทางรถไฟ ทั้งในประเทศมาเลเซียและต่างประเทศ นับเฉพาะโครงการทางรถไฟ เป็นผู้รับเหมาหลักโครงการปรับปรุงรถไฟทางคู่ติดระบบไฟฟ้าบนหุบเขาแคลง (KVDT) ตั้งแต่ราวังถึงซาลักเซาต์ (Rawang-Salak South) และโครงการระยะที่ 2 (KVDT2) จากซาลักเซาต์ถึงเซเรมบัน (Salak South-Seremban) และจากเคแอลเซ็นทรัลถึงพอร์ตแคลง (KL Sentral-Port Klang) เป็นต้น #Newskit
    Like
    Love
    5
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 334 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากไทยไปสิงคโปร์ แบบไม่บินด้วยรถไฟ

    หลังจากที่รถไฟ ETS (Electric Train Service) ขยายเส้นทางจากสถานีเกอมัส (Gemas) รัฐเนอเกอรีเซิมบีลัน ไปยังสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา สำหรับชาวรัฐยะโฮร์อาจเรียกได้ว่าเป็นวันประวัติศาสตร์ของพวกเขา ที่ได้เห็นรถไฟที่ทันสมัย พร้อมกับโครงการรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru) ระยะทาง 192 กิโลเมตร ที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2568 ช่วยลดเวลาการเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ไปยังเมืองยะโฮร์บาห์รู จาก 7 ชั่วโมงเหลือ 4 ชั่วโมง 30 นาที

    เมื่อเกิดคำถามว่าจากกรุงเทพฯ ไปสิงคโปร์แบบไม่บิน ด้วยรถไฟเป็นไปได้หรือไม่ จึงลองทำการบ้าน พบว่าจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ไปยังด่านวู้ดแลนด์ (Woodlands) ด้วยรถไฟจะใช้เวลาเกือบ 40 ชั่วโมง ต่อขบวนรถไฟ 4 ต่อ ได้แก่ ขบวนที่ 45 กรุงเทพอภิวัฒน์-ปาดังเบซาร์, ขบวนที่ EG9425 ปาดังเบซาร์-เซกามัต, ขบวนที่ ES41 ขึ้นจากสถานีเซกามัต ลงที่สถานี JB Sentral และรถไฟ Shuttle Tebrau ไปที่สถานี Woodlands ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งช่วงเช้าตั้งแต่ 05.00-07.30 น. รถไฟออกทุกครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นรถออกช่วงครึ่งวันเช้าเวลา 08.45, 10.00, 11.30 และ 12.45 น.

    รถไฟ ETS จากสถานีปาดังเบซาร์ถึงเซกามัต มีวันละ 1 เที่ยว และที่นั่งมีจำนวนจำกัด แนะนำให้จองตั๋วรถไฟแต่เนิ่นๆ ผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน KTMB แม้ทางรถไฟจะถูกพัฒนาให้เป็นรถไฟทางคู่ แต่ก็อาจมีเหตุสุดวิสัย เช่น ภัยธรรมชาติ สายไฟฟ้าที่จ่ายให้ขบวนรถไฟขาด หรือกรณีรถจักรดีเซลขัดข้อง มักใช้วิธีคืนเงินแล้วให้เดินทางต่อด้วยรูปแบบอื่น ไม่มีรถรับส่งแบบประเทศไทย จึงต้องคิดแผนสองเผื่อไว้ด้วย

    ส่วนขาขึ้นจากสิงคโปร์ไปกรุงเทพฯ พบว่าเวลาเดินรถไม่สอดคล้องกัน รถไฟ ETS จากสถานีเซกามัตไปปาดังเบซาร์ มีวันละ 1 เที่ยว ได้แก่ ขบวนที่ EG9420 รถออกเวลา 07.55 น. เพราะฉะนั้นถ้านั่งรถไฟ KTM Intercity ไปลงที่สถานีเซกามัตแล้วยังคงต้องการนั่งรถไฟ ETS ไปสถานีปาดังเบซาร์ อาจต้องพักค้างคืนที่เซกามัต 1 คืน

    หรือถ้าจะค้างคืนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ต้องต่อรถทัวร์ที่สถานีขนส่ง อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ ไปยังสถานีขนส่ง TBS ใช้เวลา 4 ชั่วโมง มีรถถึง 21.00 น. ตอนเช้าต่อรถไฟจากสถานี KL Sentral ไปสถานีปาดังเบซาร์ แล้วต่อรถไฟขบวนที่ 46 เวลา 18.00 น. เวลามาเลเซีย ถึงสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เวลา 09.05 น. วันถัดไป

    หากโครงการรถไฟทางคู่เกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู เปิดใช้งานเต็มรูปแบบ และรถไฟ ETS ขยายการให้บริการถึงสถานี JB Sentral จะอัปเดตแผนการเดินทางให้ทราบต่อไป

    #Newskit
    จากไทยไปสิงคโปร์ แบบไม่บินด้วยรถไฟ หลังจากที่รถไฟ ETS (Electric Train Service) ขยายเส้นทางจากสถานีเกอมัส (Gemas) รัฐเนอเกอรีเซิมบีลัน ไปยังสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา สำหรับชาวรัฐยะโฮร์อาจเรียกได้ว่าเป็นวันประวัติศาสตร์ของพวกเขา ที่ได้เห็นรถไฟที่ทันสมัย พร้อมกับโครงการรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru) ระยะทาง 192 กิโลเมตร ที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2568 ช่วยลดเวลาการเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ไปยังเมืองยะโฮร์บาห์รู จาก 7 ชั่วโมงเหลือ 4 ชั่วโมง 30 นาที เมื่อเกิดคำถามว่าจากกรุงเทพฯ ไปสิงคโปร์แบบไม่บิน ด้วยรถไฟเป็นไปได้หรือไม่ จึงลองทำการบ้าน พบว่าจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ไปยังด่านวู้ดแลนด์ (Woodlands) ด้วยรถไฟจะใช้เวลาเกือบ 40 ชั่วโมง ต่อขบวนรถไฟ 4 ต่อ ได้แก่ ขบวนที่ 45 กรุงเทพอภิวัฒน์-ปาดังเบซาร์, ขบวนที่ EG9425 ปาดังเบซาร์-เซกามัต, ขบวนที่ ES41 ขึ้นจากสถานีเซกามัต ลงที่สถานี JB Sentral และรถไฟ Shuttle Tebrau ไปที่สถานี Woodlands ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งช่วงเช้าตั้งแต่ 05.00-07.30 น. รถไฟออกทุกครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นรถออกช่วงครึ่งวันเช้าเวลา 08.45, 10.00, 11.30 และ 12.45 น. รถไฟ ETS จากสถานีปาดังเบซาร์ถึงเซกามัต มีวันละ 1 เที่ยว และที่นั่งมีจำนวนจำกัด แนะนำให้จองตั๋วรถไฟแต่เนิ่นๆ ผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน KTMB แม้ทางรถไฟจะถูกพัฒนาให้เป็นรถไฟทางคู่ แต่ก็อาจมีเหตุสุดวิสัย เช่น ภัยธรรมชาติ สายไฟฟ้าที่จ่ายให้ขบวนรถไฟขาด หรือกรณีรถจักรดีเซลขัดข้อง มักใช้วิธีคืนเงินแล้วให้เดินทางต่อด้วยรูปแบบอื่น ไม่มีรถรับส่งแบบประเทศไทย จึงต้องคิดแผนสองเผื่อไว้ด้วย ส่วนขาขึ้นจากสิงคโปร์ไปกรุงเทพฯ พบว่าเวลาเดินรถไม่สอดคล้องกัน รถไฟ ETS จากสถานีเซกามัตไปปาดังเบซาร์ มีวันละ 1 เที่ยว ได้แก่ ขบวนที่ EG9420 รถออกเวลา 07.55 น. เพราะฉะนั้นถ้านั่งรถไฟ KTM Intercity ไปลงที่สถานีเซกามัตแล้วยังคงต้องการนั่งรถไฟ ETS ไปสถานีปาดังเบซาร์ อาจต้องพักค้างคืนที่เซกามัต 1 คืน หรือถ้าจะค้างคืนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ต้องต่อรถทัวร์ที่สถานีขนส่ง อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ ไปยังสถานีขนส่ง TBS ใช้เวลา 4 ชั่วโมง มีรถถึง 21.00 น. ตอนเช้าต่อรถไฟจากสถานี KL Sentral ไปสถานีปาดังเบซาร์ แล้วต่อรถไฟขบวนที่ 46 เวลา 18.00 น. เวลามาเลเซีย ถึงสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เวลา 09.05 น. วันถัดไป หากโครงการรถไฟทางคู่เกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู เปิดใช้งานเต็มรูปแบบ และรถไฟ ETS ขยายการให้บริการถึงสถานี JB Sentral จะอัปเดตแผนการเดินทางให้ทราบต่อไป #Newskit
    Like
    Love
    6
    5 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 237 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔌 47 ปีแห่ง "Black Out" ไฟฟ้าดับทั่วไทยนาน 9 ชั่วโมง 20 นาที เหตุการณ์ที่คนไทยไม่มีวันลืม ⚡

    🔥 ความทรงจำในวันเสาร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2521 ประเทศไทยทั้งประเทศจมสู่ความมืด เผชิญกับเหตุการณ์ไฟฟ้าดับทั่วประเทศ หรือที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า "Blackout" เป็นระยะเวลานานถึง 9 ชั่วโมง 20 นาที นับเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และยังคงเป็นเหตุการณ์สำคัญ ที่ถูกบันทึกไว้ใน ประวัติศาสตร์พลังงานของประเทศไทย 🇹🇭

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากโรงไฟฟ้าพระนครใต้ ซึ่งในขณะนั้น เป็นศูนย์กลางกำลังผลิตไฟฟ้าหลัก ของประเทศ ได้เกิดขัดข้องครั้งใหญ่ ส่งผลให้เครื่องกำเนิดไฟฟ้า 4 เครื่อง กำลังผลิตรวมกว่า 1,030 เมกะวัตต์ หยุดทำงานทันที ❌⚙️ และด้วยระบบที่เชื่อมต่อถึงกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้โรงไฟฟ้าอื่นๆ ต้องหยุดตามกันไป ส่งผลกระทบต่อระบบไฟฟ้าทั่วประเทศไทย ในทันที 🌍

    🕰️ ไทม์ไลน์เหตุการณ์ Blackout 2521 ตั้งแต่เช้าจรดเย็น
    07.40 น. เริ่มเกิดเหตุขัดข้องที่โรงไฟฟ้าพระนครใต้
    ภาคเหนือและภาคกลาง เกิดไฟฟ้าดับทันที นานกว่า 1 ชั่วโมง
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กระทบประมาณ 15 นาที
    เขตนครหลวง ดับยาวกว่า 2 ชั่วโมง

    17.00 น. ไฟฟ้ากลับมาทำงานได้ตามปกติทั่วประเทศ ✅

    ⏳ รวมเวลาไฟดับทั่วประเทศครั้งนี้ 9 ชั่วโมง 20 นาที ซึ่งในเวลานั้น ความเสียหายทางเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ ได้เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    💡 "Blackout" คือเหตุการณ์ที่ไฟฟ้าดับในวงกว้าง หรือทั้งประเทศ โดยไม่สามารถควบคุม หรือจำกัดขอบเขตได้ทันเวลา และส่งผลให้ระบบไฟฟ้าล่มทั้งเครือข่าย 😱 หากไม่มีระบบป้องกันที่ดี หรือระบบควบคุมการจ่ายไฟที่แม่นยำพอ จะเกิดไฟฟ้าดับทั้งประเทศ อย่างที่ไทยเคยประสบในปี 2521

    📊 เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ ลองนึกถึงการแข่งขันชักเย่อ ที่ทั้งสองฝ่ายดึงเชือกอย่างสมดุล แต่ถ้าอยู่ดีๆ ฝ่ายหนึ่งล้มลง แรงดึงอีกฝ่ายจะทำให้ทุกคนล้มตามไปหมด นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น กับระบบไฟฟ้าของไทยในวันนั้น ⚖️➡️❌

    ⚙️ เบื้องหลังระบบไฟฟ้าของไทยในยุคนั้น จุดอ่อนที่นำไปสู่ "Blackout" ในปี 2521 โรงไฟฟ้าพระนครใต้ เป็นโรงไฟฟ้าหลัก ที่รับภาระการผลิตไฟฟ้าถึง 77% ของกำลังการผลิตรวมทั้งหมดของประเทศ เมื่อเกิดขัดข้องขึ้นกับโรงไฟฟ้าหลักนี้ ระบบอื่นจึงไม่สามารถรับภาระได้ทัน ➡️ ทำให้เกิด การหยุดทำงานของระบบไฟฟ้าทั้งหมด ในเวลาอันสั้น

    📌 ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการเกิด Blackout
    - ระบบพึ่งพาโรงไฟฟ้าหลักมากเกินไป 🌡️
    - ระบบควบคุม และป้องกันการล้มของเครือข่าย ยังไม่ทันสมัย ❌
    - การขาดโรงไฟฟ้าสำรอง ที่พร้อมรองรับเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน 🏭

    🌍 ตัวอย่าง Blackout ในต่างประเทศที่โลกจดจำ
    แม้ประเทศไทยจะเคยเจอเหตุการณ์ใหญ่ในปี 2521 แต่ประเทศอื่นๆ ก็เคยเผชิญเหตุการณ์เลวร้ายเช่นกัน ตัวอย่างเช่น

    🇲🇾 มาเลเซีย 2539
    วันที่ 3 สิงหาคม 2539 เกิดไฟฟ้าดับทั่วประเทศ นานถึง 16 ชั่วโมง สาเหตุเกิดจากโรงไฟฟ้า PAKAR ขัดข้อง เสียหายไม่น้อยกว่า 1,250 ล้านบาท กระทบระบบขนส่ง ประชาชนติดในลิฟต์ โรงพยาบาลขาดไฟช่วยชีวิต และเศรษฐกิจหยุดชะงักทั้งหมด

    ✅ การพัฒนาและความมั่นคง ของระบบไฟฟ้าไทยในปัจจุบัน หลังจากบทเรียนครั้งสำคัญในปี 2521 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้พัฒนาปรับปรุงระบบการผลิต และการจ่ายไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง

    🔧 มาตรการป้องกัน Blackout ในปัจจุบัน
    - กำลังการผลิตรวมสูงถึง 15,500 เมกะวัตต์ 🔋
    - มีโรงไฟฟ้าสำรอง และระบบกังหันแก๊ส ที่สามารถเดินเครื่องภายใน 10-15 นาที 🏭
    - โรงไฟฟ้าพลังน้ำมีบทบาทสำคัญ ในการรองรับกำลังการผลิตช่วงวิกฤต 🌊
    - ระบบสำรองพลังงานสูงถึง 15% ของความต้องการทั้งหมด
    - เทคโนโลยีระบบควบคุม และอุปกรณ์ป้องกันทันสมัย ลดโอกาสเกิดปัญหาไฟฟ้าขัดข้อง 💻⚙️

    💡 บทเรียนจาก Blackout 2521 พลังงานไฟฟ้าไม่ใช่แค่แสงสว่าง แต่คือ "ชีวิต" ในโลกยุคดิจิทัลปี 2025 ที่ทุกอย่างเชื่อมโยงกันด้วย เทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต และระบบอัตโนมัติ หากเกิดไฟฟ้าดับแม้เพียงไม่กี่วินาที ผลกระทบจะรุนแรงเกินคาด ❗

    🏥 โรงพยาบาล เครื่องมือช่วยชีวิตหยุดทำงาน
    🏦 ระบบธนาคารออนไลน์หยุดชะงัก
    🚦 การจราจรหยุดนิ่ง อุบัติเหตุเพิ่มขึ้น
    🛒 ธุรกิจ E-commerce และร้านค้าออนไลน์สูญเสียรายได้
    🏭 โรงงานอุตสาหกรรมหยุดผลิต

    📚 47 ปี Blackout 2521 จากวิกฤติสู่บทเรียนพลังงานแห่งชาติ เหตุการณ์ไฟฟ้าดับทั่วประเทศไทย ในปี 2521 เป็นบทเรียนครั้งใหญ่ ที่ทำให้ระบบไฟฟ้าของไทยแข็งแกร่ง และมั่นคงยิ่งขึ้นในปัจจุบัน 👍 ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยี การบริหารจัดการพลังงานที่ทันสมัย และการมีระบบสำรองที่มั่นใจได้ ทำให้วันนี้ คนไทยมีไฟฟ้าใช้อย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงวิกฤติที่สุด

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 181248 มี.ค. 2568

    🏷️ #Blackout2521 #ไฟฟ้าดับทั่วไทย #พลังงานไฟฟ้า #กฟผ #ระบบไฟฟ้าไทย #โรงไฟฟ้าพระนครใต้ #เหตุการณ์ไฟดับ #พลังงานมั่นคง #ไฟดับนานสุดในไทย #พลังงานอนาคต
    🔌 47 ปีแห่ง "Black Out" ไฟฟ้าดับทั่วไทยนาน 9 ชั่วโมง 20 นาที เหตุการณ์ที่คนไทยไม่มีวันลืม ⚡ 🔥 ความทรงจำในวันเสาร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2521 ประเทศไทยทั้งประเทศจมสู่ความมืด เผชิญกับเหตุการณ์ไฟฟ้าดับทั่วประเทศ หรือที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า "Blackout" เป็นระยะเวลานานถึง 9 ชั่วโมง 20 นาที นับเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และยังคงเป็นเหตุการณ์สำคัญ ที่ถูกบันทึกไว้ใน ประวัติศาสตร์พลังงานของประเทศไทย 🇹🇭 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากโรงไฟฟ้าพระนครใต้ ซึ่งในขณะนั้น เป็นศูนย์กลางกำลังผลิตไฟฟ้าหลัก ของประเทศ ได้เกิดขัดข้องครั้งใหญ่ ส่งผลให้เครื่องกำเนิดไฟฟ้า 4 เครื่อง กำลังผลิตรวมกว่า 1,030 เมกะวัตต์ หยุดทำงานทันที ❌⚙️ และด้วยระบบที่เชื่อมต่อถึงกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้โรงไฟฟ้าอื่นๆ ต้องหยุดตามกันไป ส่งผลกระทบต่อระบบไฟฟ้าทั่วประเทศไทย ในทันที 🌍 🕰️ ไทม์ไลน์เหตุการณ์ Blackout 2521 ตั้งแต่เช้าจรดเย็น 07.40 น. เริ่มเกิดเหตุขัดข้องที่โรงไฟฟ้าพระนครใต้ ภาคเหนือและภาคกลาง เกิดไฟฟ้าดับทันที นานกว่า 1 ชั่วโมง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กระทบประมาณ 15 นาที เขตนครหลวง ดับยาวกว่า 2 ชั่วโมง 17.00 น. ไฟฟ้ากลับมาทำงานได้ตามปกติทั่วประเทศ ✅ ⏳ รวมเวลาไฟดับทั่วประเทศครั้งนี้ 9 ชั่วโมง 20 นาที ซึ่งในเวลานั้น ความเสียหายทางเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ ได้เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 💡 "Blackout" คือเหตุการณ์ที่ไฟฟ้าดับในวงกว้าง หรือทั้งประเทศ โดยไม่สามารถควบคุม หรือจำกัดขอบเขตได้ทันเวลา และส่งผลให้ระบบไฟฟ้าล่มทั้งเครือข่าย 😱 หากไม่มีระบบป้องกันที่ดี หรือระบบควบคุมการจ่ายไฟที่แม่นยำพอ จะเกิดไฟฟ้าดับทั้งประเทศ อย่างที่ไทยเคยประสบในปี 2521 📊 เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ ลองนึกถึงการแข่งขันชักเย่อ ที่ทั้งสองฝ่ายดึงเชือกอย่างสมดุล แต่ถ้าอยู่ดีๆ ฝ่ายหนึ่งล้มลง แรงดึงอีกฝ่ายจะทำให้ทุกคนล้มตามไปหมด นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น กับระบบไฟฟ้าของไทยในวันนั้น ⚖️➡️❌ ⚙️ เบื้องหลังระบบไฟฟ้าของไทยในยุคนั้น จุดอ่อนที่นำไปสู่ "Blackout" ในปี 2521 โรงไฟฟ้าพระนครใต้ เป็นโรงไฟฟ้าหลัก ที่รับภาระการผลิตไฟฟ้าถึง 77% ของกำลังการผลิตรวมทั้งหมดของประเทศ เมื่อเกิดขัดข้องขึ้นกับโรงไฟฟ้าหลักนี้ ระบบอื่นจึงไม่สามารถรับภาระได้ทัน ➡️ ทำให้เกิด การหยุดทำงานของระบบไฟฟ้าทั้งหมด ในเวลาอันสั้น 📌 ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการเกิด Blackout - ระบบพึ่งพาโรงไฟฟ้าหลักมากเกินไป 🌡️ - ระบบควบคุม และป้องกันการล้มของเครือข่าย ยังไม่ทันสมัย ❌ - การขาดโรงไฟฟ้าสำรอง ที่พร้อมรองรับเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน 🏭 🌍 ตัวอย่าง Blackout ในต่างประเทศที่โลกจดจำ แม้ประเทศไทยจะเคยเจอเหตุการณ์ใหญ่ในปี 2521 แต่ประเทศอื่นๆ ก็เคยเผชิญเหตุการณ์เลวร้ายเช่นกัน ตัวอย่างเช่น 🇲🇾 มาเลเซีย 2539 วันที่ 3 สิงหาคม 2539 เกิดไฟฟ้าดับทั่วประเทศ นานถึง 16 ชั่วโมง สาเหตุเกิดจากโรงไฟฟ้า PAKAR ขัดข้อง เสียหายไม่น้อยกว่า 1,250 ล้านบาท กระทบระบบขนส่ง ประชาชนติดในลิฟต์ โรงพยาบาลขาดไฟช่วยชีวิต และเศรษฐกิจหยุดชะงักทั้งหมด ✅ การพัฒนาและความมั่นคง ของระบบไฟฟ้าไทยในปัจจุบัน หลังจากบทเรียนครั้งสำคัญในปี 2521 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้พัฒนาปรับปรุงระบบการผลิต และการจ่ายไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง 🔧 มาตรการป้องกัน Blackout ในปัจจุบัน - กำลังการผลิตรวมสูงถึง 15,500 เมกะวัตต์ 🔋 - มีโรงไฟฟ้าสำรอง และระบบกังหันแก๊ส ที่สามารถเดินเครื่องภายใน 10-15 นาที 🏭 - โรงไฟฟ้าพลังน้ำมีบทบาทสำคัญ ในการรองรับกำลังการผลิตช่วงวิกฤต 🌊 - ระบบสำรองพลังงานสูงถึง 15% ของความต้องการทั้งหมด - เทคโนโลยีระบบควบคุม และอุปกรณ์ป้องกันทันสมัย ลดโอกาสเกิดปัญหาไฟฟ้าขัดข้อง 💻⚙️ 💡 บทเรียนจาก Blackout 2521 พลังงานไฟฟ้าไม่ใช่แค่แสงสว่าง แต่คือ "ชีวิต" ในโลกยุคดิจิทัลปี 2025 ที่ทุกอย่างเชื่อมโยงกันด้วย เทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต และระบบอัตโนมัติ หากเกิดไฟฟ้าดับแม้เพียงไม่กี่วินาที ผลกระทบจะรุนแรงเกินคาด ❗ 🏥 โรงพยาบาล เครื่องมือช่วยชีวิตหยุดทำงาน 🏦 ระบบธนาคารออนไลน์หยุดชะงัก 🚦 การจราจรหยุดนิ่ง อุบัติเหตุเพิ่มขึ้น 🛒 ธุรกิจ E-commerce และร้านค้าออนไลน์สูญเสียรายได้ 🏭 โรงงานอุตสาหกรรมหยุดผลิต 📚 47 ปี Blackout 2521 จากวิกฤติสู่บทเรียนพลังงานแห่งชาติ เหตุการณ์ไฟฟ้าดับทั่วประเทศไทย ในปี 2521 เป็นบทเรียนครั้งใหญ่ ที่ทำให้ระบบไฟฟ้าของไทยแข็งแกร่ง และมั่นคงยิ่งขึ้นในปัจจุบัน 👍 ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยี การบริหารจัดการพลังงานที่ทันสมัย และการมีระบบสำรองที่มั่นใจได้ ทำให้วันนี้ คนไทยมีไฟฟ้าใช้อย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงวิกฤติที่สุด ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 181248 มี.ค. 2568 🏷️ #Blackout2521 #ไฟฟ้าดับทั่วไทย #พลังงานไฟฟ้า #กฟผ #ระบบไฟฟ้าไทย #โรงไฟฟ้าพระนครใต้ #เหตุการณ์ไฟดับ #พลังงานมั่นคง #ไฟดับนานสุดในไทย #พลังงานอนาคต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 478 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลวงพ่อครน วัดบางแซะ มาเลเซีย ปี2505
    เนื้อว่านหลวงพ่อครน พิมพ์ใหญ่ ด้านหลังกดยันต์ไม้เท้า วัดบางแซะ (วัดอุตตมาราม) มาเลเซีย ปี 2505 //เนื้อว่านผสมมวลสาร 108 พระสถาพสวยมาก พระหายาก เนื้อแห้งเก่าถึงยุค // พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณโดดเด่นในด้านอยู่ยงกระพัน มหาอุด ป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง เมตตามหานิยมและลาภผลพูนทวี โชคลาภ ค้าขายดีและเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก. >>

    ** หลวงพ่อครน วัดบางแซะท่านเป็นเกจิอาจารย์ที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ดวงตาแฝงไว้ด้วยแววแห่งอำนาจ ลิ้นของท่านเป็นปานสีดำ ชาวบ้านจึงเรียกท่านกันอีกชื่อหนึ่งว่า หลวงพ่อลิ้นดำ มีวาจาสิทธิ์ เป็นที่เคารพและเกรงขามทั้งชาวพุทธศาสนิกชน และมุสลิม หลวงพ่อครนท่านเป็นคนพูดน้อย มีศีลจารวัตรงดงาม เป็นที่เลื่อมใสของผู้คนที่ได้พบเห็นหลวงพ่อให้ความเมตตาต่อทุกผู้ทุกนามโดยไม่เลือกชั้นวรรณะหรือแม้แต่ศาสนา ในยามเมื่อเขาเดือดร้อนตกอยู่ในกองทุกข์ หลวงพ่อก็จะช่วยเหลือปัดเป่าให้พ้นทุกข์ได้เสมอ อีกทั้งท่านยังมีความรู้เรื่องเครื่องยาสมุนไพรอย่างแตกฉาน ช่วยเหลือผู้เจ็บไข้ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งวิทยาคมของท่านก็เข้มขลังเป็นที่ประจักษ์ต่อชาวบ้านในแถบนั้นเป็นอย่างดี จึงเป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาในตัวท่านเป็นอย่างมาก ในด้านวัตถุมงคล ท่านสร้างพระเครื่องที่มีชื่อเสียงมาก หาของแท้ชมยากมาก ๆ เพราะเป็นที่นิยมมาก ในหมู่ชาวมาเลเซียและสิงคโปร์ แม้จนปัจจุบันนี้ คนไทยในประเทศไทยนิยมสมเด็จวัดระฆังอย่างไร ชาวสิงคโปร์และมาเลเซียที่เป็นพุทธก็นิยมพระปิดตาของหลวงพ่อครนไม่แพ้กัน กล่าวกันว่าวัดบางแซะนั้น แวดล้อมไปด้วยชาวบ้านที่เป็นมุสลิมเป็นส่วนใหญ่ แต่หลวงพ่อครน ท่านก็ได้รับความเคารพนับถือและเกรงใจอย่างยิ่งจากชาวบ้าน และวัดบางแซะก็สามารถดำรงอยู่ได้ แม้จนปัจจุบันนี้ ด้วยบารมีของท่านนั่นเอง >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    หลวงพ่อครน วัดบางแซะ มาเลเซีย ปี2505 เนื้อว่านหลวงพ่อครน พิมพ์ใหญ่ ด้านหลังกดยันต์ไม้เท้า วัดบางแซะ (วัดอุตตมาราม) มาเลเซีย ปี 2505 //เนื้อว่านผสมมวลสาร 108 พระสถาพสวยมาก พระหายาก เนื้อแห้งเก่าถึงยุค // พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณโดดเด่นในด้านอยู่ยงกระพัน มหาอุด ป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง เมตตามหานิยมและลาภผลพูนทวี โชคลาภ ค้าขายดีและเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม ดีนัก. >> ** หลวงพ่อครน วัดบางแซะท่านเป็นเกจิอาจารย์ที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ดวงตาแฝงไว้ด้วยแววแห่งอำนาจ ลิ้นของท่านเป็นปานสีดำ ชาวบ้านจึงเรียกท่านกันอีกชื่อหนึ่งว่า หลวงพ่อลิ้นดำ มีวาจาสิทธิ์ เป็นที่เคารพและเกรงขามทั้งชาวพุทธศาสนิกชน และมุสลิม หลวงพ่อครนท่านเป็นคนพูดน้อย มีศีลจารวัตรงดงาม เป็นที่เลื่อมใสของผู้คนที่ได้พบเห็นหลวงพ่อให้ความเมตตาต่อทุกผู้ทุกนามโดยไม่เลือกชั้นวรรณะหรือแม้แต่ศาสนา ในยามเมื่อเขาเดือดร้อนตกอยู่ในกองทุกข์ หลวงพ่อก็จะช่วยเหลือปัดเป่าให้พ้นทุกข์ได้เสมอ อีกทั้งท่านยังมีความรู้เรื่องเครื่องยาสมุนไพรอย่างแตกฉาน ช่วยเหลือผู้เจ็บไข้ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งวิทยาคมของท่านก็เข้มขลังเป็นที่ประจักษ์ต่อชาวบ้านในแถบนั้นเป็นอย่างดี จึงเป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาในตัวท่านเป็นอย่างมาก ในด้านวัตถุมงคล ท่านสร้างพระเครื่องที่มีชื่อเสียงมาก หาของแท้ชมยากมาก ๆ เพราะเป็นที่นิยมมาก ในหมู่ชาวมาเลเซียและสิงคโปร์ แม้จนปัจจุบันนี้ คนไทยในประเทศไทยนิยมสมเด็จวัดระฆังอย่างไร ชาวสิงคโปร์และมาเลเซียที่เป็นพุทธก็นิยมพระปิดตาของหลวงพ่อครนไม่แพ้กัน กล่าวกันว่าวัดบางแซะนั้น แวดล้อมไปด้วยชาวบ้านที่เป็นมุสลิมเป็นส่วนใหญ่ แต่หลวงพ่อครน ท่านก็ได้รับความเคารพนับถือและเกรงใจอย่างยิ่งจากชาวบ้าน และวัดบางแซะก็สามารถดำรงอยู่ได้ แม้จนปัจจุบันนี้ ด้วยบารมีของท่านนั่นเอง >> ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 388 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึงปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการหลีกเลี่ยงข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ ซึ่งพบว่ามีมูลค่ากว่า 390 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการส่งมอบเซิร์ฟเวอร์ AI ระดับสูงจาก NVIDIA ไปยังมาเลเซีย โดยผ่านธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับบริษัทในสิงคโปร์และมาเลเซีย การส่งมอบนี้ยังมีการเชื่อมโยงไปถึงประเทศจีนด้วย

    จุดที่น่าสนใจจากข่าว
    1) ข้อจำกัดด้านการส่งออกของสหรัฐฯ ไม่ได้ผลเต็มที่
    - สหรัฐฯ กำหนดนโยบายเพื่อป้องกันไม่ให้จีนเข้าถึงฮาร์ดแวร์ AI ขั้นสูง แต่การใช้ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตัวกลาง ทำให้ข้อจำกัดดังกล่าวถูกเลี่ยงผ่าน
    - การส่งต่ออุปกรณ์เหล่านี้รวมถึงเซิร์ฟเวอร์ของ DELL และ SMCI ที่ใช้ชิปขั้นสูงของ NVIDIA เช่น Hopper และอาจมีผลกระทบต่อความปลอดภัยในแวดวงเทคโนโลยี

    2) NVIDIA มีรายได้เพิ่มในประเทศที่เป็นจุดส่งผ่าน
    - ยอดขายในสิงคโปร์เพิ่มขึ้นถึง 740% ภายในช่วงไม่กี่เดือน ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการที่สูงในตลาด AI ของจีน แม้จะมีการจำกัดการส่งออก

    3) จีนยังพึ่งพาทรัพยากรในประเทศ
    - บริษัทจีน เช่น Huawei กำลังพัฒนาฮาร์ดแวร์ของตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดการพึ่งพาซัพพลายเออร์ต่างชาติ

    กรณีนี้สะท้อนถึงความท้าทายในการควบคุมการค้าเทคโนโลยีระดับสูงในยุคปัจจุบัน และชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่ประเทศตะวันตกต้องพัฒนานโยบายและระบบตรวจสอบที่รัดกุมขึ้น ขณะที่บริษัทในเอเชียก็เริ่มกลายมาเป็นศูนย์กลางสำคัญในอุตสาหกรรม AI

    https://wccftech.com/nvidia-high-end-ai-servers-worth-390-million-apparently-end-up-in-malaysia/
    ข่าวนี้เล่าถึงปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการหลีกเลี่ยงข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ ซึ่งพบว่ามีมูลค่ากว่า 390 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการส่งมอบเซิร์ฟเวอร์ AI ระดับสูงจาก NVIDIA ไปยังมาเลเซีย โดยผ่านธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับบริษัทในสิงคโปร์และมาเลเซีย การส่งมอบนี้ยังมีการเชื่อมโยงไปถึงประเทศจีนด้วย จุดที่น่าสนใจจากข่าว 1) ข้อจำกัดด้านการส่งออกของสหรัฐฯ ไม่ได้ผลเต็มที่ - สหรัฐฯ กำหนดนโยบายเพื่อป้องกันไม่ให้จีนเข้าถึงฮาร์ดแวร์ AI ขั้นสูง แต่การใช้ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตัวกลาง ทำให้ข้อจำกัดดังกล่าวถูกเลี่ยงผ่าน - การส่งต่ออุปกรณ์เหล่านี้รวมถึงเซิร์ฟเวอร์ของ DELL และ SMCI ที่ใช้ชิปขั้นสูงของ NVIDIA เช่น Hopper และอาจมีผลกระทบต่อความปลอดภัยในแวดวงเทคโนโลยี 2) NVIDIA มีรายได้เพิ่มในประเทศที่เป็นจุดส่งผ่าน - ยอดขายในสิงคโปร์เพิ่มขึ้นถึง 740% ภายในช่วงไม่กี่เดือน ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการที่สูงในตลาด AI ของจีน แม้จะมีการจำกัดการส่งออก 3) จีนยังพึ่งพาทรัพยากรในประเทศ - บริษัทจีน เช่น Huawei กำลังพัฒนาฮาร์ดแวร์ของตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดการพึ่งพาซัพพลายเออร์ต่างชาติ กรณีนี้สะท้อนถึงความท้าทายในการควบคุมการค้าเทคโนโลยีระดับสูงในยุคปัจจุบัน และชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่ประเทศตะวันตกต้องพัฒนานโยบายและระบบตรวจสอบที่รัดกุมขึ้น ขณะที่บริษัทในเอเชียก็เริ่มกลายมาเป็นศูนย์กลางสำคัญในอุตสาหกรรม AI https://wccftech.com/nvidia-high-end-ai-servers-worth-390-million-apparently-end-up-in-malaysia/
    WCCFTECH.COM
    NVIDIA's "High-End" AI Servers Worth $390 Million Apparently End Up in Malaysia, Revealing Another US Export Restriction Loophole
    After Singapore, a new "trade loophole" has been discovered in Malaysia, where $390 million worth of NVIDIA AI servers were found.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถานีต่อไป...เซกามัต จุดหมายแรกรัฐยะโฮร์

    15 มี.ค.2568 การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ประเทศมาเลเซีย จะขยายการเดินรถไฟ ETS (Electric Train Service) ไปถึงสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ ซึ่งเป็น 1 ใน 11 สถานีของโครงการรถไฟทางคู่เกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru) ระยะทาง 192 กิโลเมตร ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2568

    สถานีเซกามัตแห่งใหม่ เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 15 พ.ค.2567 มีสิ่งอำนวยความสะดวกได้แก่ ลิฟต์ บันไดเลื่อน ห้องน้ำ กล้องวงจรปิด CCTV ห้องละหมาด ลานจอดรถรองรับรถยนต์ได้ 97 คัน รถจักรยานยนต์ 49 คัน และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ (OKU) เช่น ที่จอดรถ ห้องน้ำ ปัจจุบันให้บริการรถไฟ KTM Intercity ขบวน ERT สายตุมปัต-เจบีเซ็นทรัล (Tumpat-JB Sentral) และขบวน ES สายเกอมัส-เจบีเซ็นทรัล (Gemas-JB Sentral)

    เมืองเซกามัต ห่างจากเมืองยะโฮร์บาห์รู 172 กิโลเมตร ประชาชนมีอาชีพทำการเกษตร สวนปาล์ม สวนยางพารา และมีทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียง มีสถานที่ท่องเที่ยว อาทิ จตุรัสเซกามัต (Dataran Segamat) แลนด์มาร์คของเมือง มีหอนาฬิกาและสวนภูมิทัศน์ สำหรับจัดงานสำคัญและกิจกรรมต่างๆ

    สะพานรถไฟเก่า (Segamat Old Iron Railway Bridge) เป็นสะพานเหล็ก ข้ามแม่น้ำเซกามัต สร้างขึ้นในปี 2452 กระทั่งก่อสร้างทางรถไฟยกระดับในปี 2561 เมื่อแล้วเสร็จจึงได้ปิดใช้สะพาน ปัจจุบันได้ปรับภูมิทัศน์เป็นจุดถ่ายรูปเช็กอิน

    สะพานบูโละห์ กาซัป (Buloh Kasap Bridge) ข้ามแม่น้ำมัวร์ สร้างขึ้นโดยอังกฤษ ที่ก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 1 จากยะโฮร์บาห์รูไปยังบูกิตกายูฮิตัม แต่ได้ทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อขัดขวางไม่ให้ทหารญี่ปุ่นเข้าไปที่สิงคโปร์

    ร็อคการ์เดน (Rock Garden) หรือสวนบาตูฮัมปาร์ (Taman Bunga Batu Hampar) สวนสาธารณะใจกลางเมือง เป็นที่ตั้งของบ้านพักเจ้าหน้าที่ และพระราชวังฮิงกาปของราชวงศ์ยะโฮร์ มีสนามเด็กเล่น ลู่วิ่งจ็อกกิ้ง และร้านกาแฟ

    วอลเตอร์ส ฟาร์ม (Walters Farm) แหล่งท่องเที่ยวฟาร์มสเตย์ มีทั้งสวนสัตว์ขนาดเล็ก สวนน้ำ สวนสนุก รวมทั้งกิจกรรมนันทนาการอื่นๆ (มีค่าผ่านประตู)

    อุทยานแห่งชาติกูนุง เลดัง (Gunung Ledang) ห่างจากตัวเมือง 35 กิโลเมตร เป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับเดินป่า ตั้งแคมป์ และเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ธรรมชาติ

    ป่านันทนาการสุไหงบันตัง (Sungai Bantang) ห่างจากตัวเมือง 65 กิโลเมตร เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจทางธรรมชาติ นิยมทำกิจกรรมทั้งปิกนิก เดินป่า และเล่นน้ำตกในแม่น้ำบันตัง

    นอกจากนี้ ยังสามารถขึ้นรถบัสไปยังเมืองยะโฮร์บาห์รูได้อีกด้วย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 15 นาที

    #Newskit
    สถานีต่อไป...เซกามัต จุดหมายแรกรัฐยะโฮร์ 15 มี.ค.2568 การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ประเทศมาเลเซีย จะขยายการเดินรถไฟ ETS (Electric Train Service) ไปถึงสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ ซึ่งเป็น 1 ใน 11 สถานีของโครงการรถไฟทางคู่เกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru) ระยะทาง 192 กิโลเมตร ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2568 สถานีเซกามัตแห่งใหม่ เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 15 พ.ค.2567 มีสิ่งอำนวยความสะดวกได้แก่ ลิฟต์ บันไดเลื่อน ห้องน้ำ กล้องวงจรปิด CCTV ห้องละหมาด ลานจอดรถรองรับรถยนต์ได้ 97 คัน รถจักรยานยนต์ 49 คัน และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ (OKU) เช่น ที่จอดรถ ห้องน้ำ ปัจจุบันให้บริการรถไฟ KTM Intercity ขบวน ERT สายตุมปัต-เจบีเซ็นทรัล (Tumpat-JB Sentral) และขบวน ES สายเกอมัส-เจบีเซ็นทรัล (Gemas-JB Sentral) เมืองเซกามัต ห่างจากเมืองยะโฮร์บาห์รู 172 กิโลเมตร ประชาชนมีอาชีพทำการเกษตร สวนปาล์ม สวนยางพารา และมีทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียง มีสถานที่ท่องเที่ยว อาทิ จตุรัสเซกามัต (Dataran Segamat) แลนด์มาร์คของเมือง มีหอนาฬิกาและสวนภูมิทัศน์ สำหรับจัดงานสำคัญและกิจกรรมต่างๆ สะพานรถไฟเก่า (Segamat Old Iron Railway Bridge) เป็นสะพานเหล็ก ข้ามแม่น้ำเซกามัต สร้างขึ้นในปี 2452 กระทั่งก่อสร้างทางรถไฟยกระดับในปี 2561 เมื่อแล้วเสร็จจึงได้ปิดใช้สะพาน ปัจจุบันได้ปรับภูมิทัศน์เป็นจุดถ่ายรูปเช็กอิน สะพานบูโละห์ กาซัป (Buloh Kasap Bridge) ข้ามแม่น้ำมัวร์ สร้างขึ้นโดยอังกฤษ ที่ก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 1 จากยะโฮร์บาห์รูไปยังบูกิตกายูฮิตัม แต่ได้ทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อขัดขวางไม่ให้ทหารญี่ปุ่นเข้าไปที่สิงคโปร์ ร็อคการ์เดน (Rock Garden) หรือสวนบาตูฮัมปาร์ (Taman Bunga Batu Hampar) สวนสาธารณะใจกลางเมือง เป็นที่ตั้งของบ้านพักเจ้าหน้าที่ และพระราชวังฮิงกาปของราชวงศ์ยะโฮร์ มีสนามเด็กเล่น ลู่วิ่งจ็อกกิ้ง และร้านกาแฟ วอลเตอร์ส ฟาร์ม (Walters Farm) แหล่งท่องเที่ยวฟาร์มสเตย์ มีทั้งสวนสัตว์ขนาดเล็ก สวนน้ำ สวนสนุก รวมทั้งกิจกรรมนันทนาการอื่นๆ (มีค่าผ่านประตู) อุทยานแห่งชาติกูนุง เลดัง (Gunung Ledang) ห่างจากตัวเมือง 35 กิโลเมตร เป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับเดินป่า ตั้งแคมป์ และเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ธรรมชาติ ป่านันทนาการสุไหงบันตัง (Sungai Bantang) ห่างจากตัวเมือง 65 กิโลเมตร เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจทางธรรมชาติ นิยมทำกิจกรรมทั้งปิกนิก เดินป่า และเล่นน้ำตกในแม่น้ำบันตัง นอกจากนี้ ยังสามารถขึ้นรถบัสไปยังเมืองยะโฮร์บาห์รูได้อีกด้วย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 15 นาที #Newskit
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 466 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปรับ 2.5 แสนริงกิตคลื่น ERA ปมคลิปดีเจล้อเลียนฮินดู

    ความคืบหน้ากรณีที่ ปาก อาซาด (Pak Azad) หรือ อาซาด จัสมิน จอห์น หลุยส์ เจฟฟรี่ (Azad Jazmin John Louis Jeffri) ดีเจสถานีวิทยุอีรา (ERA) คลื่นเพลงชื่อดังในมาเลเซีย ไปล้อเลียนการเต้นรำกาวาดี (Kavadi) ของศาสนาฮินดู แล้วมีคลิปในบัญชีโซเชียลมีเดียทางการของสถานี ทำให้ชาวมาเลเซียเชื้อสายอินเดีย และผู้ที่นับถือศาสนาฮินดูไม่พอใจ กระทั่งบริษัทแอสโตรสั่งให้พักงานดีเจสามคนที่จัดรายการร่วมกัน และพนักงานสถานีอีก 2 คนอย่างไม่มีกำหนด ขณะที่ดีเจทั้งสามคนขอโทษทั้งผ่านคลิปวีดีโอ รวมทั้งไปขอโทษต่อชุมชนชาวอินเดียที่วัดถ้ำบาตู (Batu Caves) ก่อนหน้านี้

    ปรากฎว่าเมื่อวันที่ 11 มี.ค. คณะกรรมการสื่อสารและมัลติมีเดียแห่งมาเลเซีย (MCMC) สั่งปรับ 250,000 ริงกิต (1,925,000 บาท) แก่บริษัทเมสตร้า บอร์ดคาสต์ (Maestra Broadcast) บริษัทย่อยของ แอสโตร มาเลเซีย โฮลดิ้งส์ (Astro Malaysia Holdings) ผู้ผลิตสื่อบันเทิงในมาเลเซีย โดยพิจารณาจากวีดีโอคลิปอัปโหลดลงในติ๊กต็อกที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของ แต่ไม่ระงับใบอนุญาตสถานีวิทยุ เนื่องจากบริษัทฯ ได้แก้ไขปัญหาพร้อมกับขอโทษ อีกทั้งเกรงถึงผลกระทบกับคลื่นเพลงภาษาจีน Melody และคลื่นเพลงสากล Mix FM ภายใต้ใบอนุญาตเดียวกันด้วย

    อย่างไรก็ตาม มีการเปรียบเทียบและโจมตี MCMC โดยเทียบกับกรณีละเมิดกฎ "3R" ได้แก่ เชื้อชาติ ศาสนา และราชวงศ์ (Race, Religion and Royalty) ทำนองว่าลำเอียงเมื่อเทียบกับคดีอื่นๆ ทำให้นายฟาห์มี ฟาดซิล รมว.การสื่อสาร และโฆษกรัฐบาลอันวาร์ อิบราฮิม อธิบายว่าแตกต่างกัน เพราะกรณีถุงเท้าในร้าน KK Mart เป็นคดีอาญา ศาลกำหนดค่าปรับ 60,000 ริงกิต (462,000 บาท) ส่วนกรณีนักแสดง ฮาริธ อิสกันเดอร์ (Harith Iskander) และผู้ใช้โซเชียลมีเดีย Cecelia Yap ที่อัปโหลดเนื้อหาพาดพิงศาสนาอิสลาม ถูกดำเนินคดีในนามบุคคล ไม่ใช่บริษัท และอัยการให้ปรับ 10,000 ริงกิต (77,000 บาท) โดยไม่ได้นำคดีขึ้นสู่ศาลแต่อย่างใด

    ตุนกู นาซรุล อาไบดาห์ โฆษกอาวุโสของนายกรัฐมนตรีอันวาร์ ระบุว่า นายกฯ เรียกร้องให้ชาวมาเลเซียทุกคนร่วมมือกันเพื่อเป็นตัวแทนแห่งความสามัคคี และช่วยเหลือรัฐบาลรวมพลังชาวมาเลเซียทุกคนที่มีศาสนา เชื้อชาติ และชาติพันธุ์ที่แตกต่างเข้าด้วยกัน โดยนายกฯ ได้พบกับดีเจที่เป็นข่าว ในงานเลี้ยงอาหารค่ำอิฟตาร์กับผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 11 มี.ค.โดยแนะว่าให้นำสารแห่งความสามัคคีไปใช้ในชีวิตประจำวัน และหวังว่าชาวมาเลเซียจะก้าวข้ามเรื่องนี้ไปข้างหน้าเพื่อสร้างสันติภาพและความสามัคคีในประเทศ โดยเคารพซึ่งกันและกัน

    #Newskit
    ปรับ 2.5 แสนริงกิตคลื่น ERA ปมคลิปดีเจล้อเลียนฮินดู ความคืบหน้ากรณีที่ ปาก อาซาด (Pak Azad) หรือ อาซาด จัสมิน จอห์น หลุยส์ เจฟฟรี่ (Azad Jazmin John Louis Jeffri) ดีเจสถานีวิทยุอีรา (ERA) คลื่นเพลงชื่อดังในมาเลเซีย ไปล้อเลียนการเต้นรำกาวาดี (Kavadi) ของศาสนาฮินดู แล้วมีคลิปในบัญชีโซเชียลมีเดียทางการของสถานี ทำให้ชาวมาเลเซียเชื้อสายอินเดีย และผู้ที่นับถือศาสนาฮินดูไม่พอใจ กระทั่งบริษัทแอสโตรสั่งให้พักงานดีเจสามคนที่จัดรายการร่วมกัน และพนักงานสถานีอีก 2 คนอย่างไม่มีกำหนด ขณะที่ดีเจทั้งสามคนขอโทษทั้งผ่านคลิปวีดีโอ รวมทั้งไปขอโทษต่อชุมชนชาวอินเดียที่วัดถ้ำบาตู (Batu Caves) ก่อนหน้านี้ ปรากฎว่าเมื่อวันที่ 11 มี.ค. คณะกรรมการสื่อสารและมัลติมีเดียแห่งมาเลเซีย (MCMC) สั่งปรับ 250,000 ริงกิต (1,925,000 บาท) แก่บริษัทเมสตร้า บอร์ดคาสต์ (Maestra Broadcast) บริษัทย่อยของ แอสโตร มาเลเซีย โฮลดิ้งส์ (Astro Malaysia Holdings) ผู้ผลิตสื่อบันเทิงในมาเลเซีย โดยพิจารณาจากวีดีโอคลิปอัปโหลดลงในติ๊กต็อกที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของ แต่ไม่ระงับใบอนุญาตสถานีวิทยุ เนื่องจากบริษัทฯ ได้แก้ไขปัญหาพร้อมกับขอโทษ อีกทั้งเกรงถึงผลกระทบกับคลื่นเพลงภาษาจีน Melody และคลื่นเพลงสากล Mix FM ภายใต้ใบอนุญาตเดียวกันด้วย อย่างไรก็ตาม มีการเปรียบเทียบและโจมตี MCMC โดยเทียบกับกรณีละเมิดกฎ "3R" ได้แก่ เชื้อชาติ ศาสนา และราชวงศ์ (Race, Religion and Royalty) ทำนองว่าลำเอียงเมื่อเทียบกับคดีอื่นๆ ทำให้นายฟาห์มี ฟาดซิล รมว.การสื่อสาร และโฆษกรัฐบาลอันวาร์ อิบราฮิม อธิบายว่าแตกต่างกัน เพราะกรณีถุงเท้าในร้าน KK Mart เป็นคดีอาญา ศาลกำหนดค่าปรับ 60,000 ริงกิต (462,000 บาท) ส่วนกรณีนักแสดง ฮาริธ อิสกันเดอร์ (Harith Iskander) และผู้ใช้โซเชียลมีเดีย Cecelia Yap ที่อัปโหลดเนื้อหาพาดพิงศาสนาอิสลาม ถูกดำเนินคดีในนามบุคคล ไม่ใช่บริษัท และอัยการให้ปรับ 10,000 ริงกิต (77,000 บาท) โดยไม่ได้นำคดีขึ้นสู่ศาลแต่อย่างใด ตุนกู นาซรุล อาไบดาห์ โฆษกอาวุโสของนายกรัฐมนตรีอันวาร์ ระบุว่า นายกฯ เรียกร้องให้ชาวมาเลเซียทุกคนร่วมมือกันเพื่อเป็นตัวแทนแห่งความสามัคคี และช่วยเหลือรัฐบาลรวมพลังชาวมาเลเซียทุกคนที่มีศาสนา เชื้อชาติ และชาติพันธุ์ที่แตกต่างเข้าด้วยกัน โดยนายกฯ ได้พบกับดีเจที่เป็นข่าว ในงานเลี้ยงอาหารค่ำอิฟตาร์กับผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 11 มี.ค.โดยแนะว่าให้นำสารแห่งความสามัคคีไปใช้ในชีวิตประจำวัน และหวังว่าชาวมาเลเซียจะก้าวข้ามเรื่องนี้ไปข้างหน้าเพื่อสร้างสันติภาพและความสามัคคีในประเทศ โดยเคารพซึ่งกันและกัน #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 372 มุมมอง 0 รีวิว
  • 12 มีนาคม 2568-เพจวิเคราะห์บอลจริงจังเขียนบทความน่าสนใจว่ามาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ มารับงานตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 สิ่งแรกที่เธอต้องเจอคือ "หนี้สิน" ที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ทิ้งไว้ให้เงินในบัญชีของสมาคม ณ วันนั้น มีทั้งหมด 27.7 ล้านบาท ส่วนหนี้สินมี 132.6 ล้านบาท แปลว่า ยุคของมาดามแป้งต้องเริ่มแบบติดลบ 105 ล้านบาทย้อนกลับไปดูวันสุดท้าย ของพล.ต.อ.สมยศ ในฐานะนายกสมาคม เขาบอกว่า "อิจฉาคนที่จะเข้ามาเป็นนายกฯ คนใหม่ ที่เข้ามาแล้วมีพร้อมทุกอย่าง ตอนที่ผมเข้ามามีแค่กุญแจดอกเดียวใช้เปิดเข้าสมาคม คนเรามันวาสนาไม่เท่ากันจริงๆ" โอเค... พล.ต.อ.สมยศ อาจเริ่มต้นด้วยกุญแจดอกเดียว ไขเข้าไปในห้องแล้วเจอแต่ความว่างเปล่าแต่กับเคสของมาดามแป้ง เธอเอากุญแจดอกนั้นไขเข้าไป แล้วเจอ "กองหนี้สินมหาศาล" ที่เธอไม่ได้ก่อ แต่ต้องเป็นคนชดใช้ในวันนี้ (11 มีนาคม) มาดามแป้งแถลงผลงาน ครบ 1 ปีที่เข้ามาเป็นนายกสมาคม แต่สาเหตุที่สื่อมวลชนมหาศาลมาทำข่าววันนี้ ไม่ใช่เรื่องผลงานดังกล่าว ทุกคนอยากรู้แค่ว่า "มาดามแป้ง จะจัดการปัญหาหนี้สิน 360 ล้านบาทกับสยามสปอร์ตอย่างไร?" ผมขอสรุป 2 คดีของสมาคมกับสยามสปอร์ตนิดเดียวครับ ---------------คดีที่ 1 สยามสปอร์ต ฟ้อง สมาคมฟุตบอล 1,401 ล้านบาท โทษฐานฉีกสัญญาผู้ถือสิทธิประโยชน์ไทยลีก โดยไม่ได้รับความเห็นชอบศาลชั้นต้น : สมาคมต้องจ่ายค่าเสียหาย 50 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยศาลอุทธรณ์ : สมาคมต้องจ่ายค่าเสียหาย 450 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยศาลฎีกา : สมาคมต้องจ่ายค่าเสียหาย 360 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยสมาคมแพ้คดีทุกศาล เพราะต่อให้คุณจะไม่ชอบสัญญาขนาดไหน คุณก็ไปฉีกสัญญาที่เซ็นกันแล้วอย่างถูกต้องไม่ได้ มาดามแป้งบอกว่า หนี้สินไม่ได้มีแค่เงินต้น 360 ล้าน แต่ดอกเบี้ยก็มหาศาลมาก เกิน 200 ล้านบาทแน่นอน---------------คดีที่ 2 สมาคมฟุตบอล ฟ้อง สยามสปอร์ต ขอเอาทรัพย์สินคืน 1,139 ล้านบาท เนื่องจากมองว่าสยามสปอร์ต ทำเงินจากการเป็นผู้ถือสิทธิประโยชน์ แต่ไม่ยอมส่งมอบเงินให้สมาคมศาลชั้นต้น : สยามสปอร์ต ต้องจ่ายค่าเสียหาย 99 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยศาลอุทธรณ์ : ยกฟ้อง ศาลฎีกา : ไม่รับฎีกาคดีที่สมาคมฟ้องสยามสปอร์ต จบแล้วเช่นกัน ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ไม่มีหลักฐานเพียงพอว่าสยามสปอร์ตกั๊กเงินเอาไว้เอง ทำให้บทสรุปของคดีนี้ สยามสปอร์ตชนะอีกคดี ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายแม้แต่บาทเดียว---------------ในการปะทะกันบนศาลครั้งนี้ สยามสปอร์ตเป็นฝ่ายชนะโดยสมบูรณ์ไปแล้ว ทั้ง 2 คดี และสมาคมต้องหาเงินมหาศาลเอามาชำระหนี้แปลว่า มาดามแป้ง มารับตำแหน่งนายกสมาคม 1 ปี เธอมีหนี้สิ้นเริ่มต้น 105 ล้านบาท ตามด้วยหนี้ก้อนที่สองของสยามสปอร์ต (เงินต้น + ดอกเบี้ย) อีก 560 ล้านบาท รวมแล้วกลมๆ สมาคมมีหนี้สิ้นทั้งหมด 665 ล้านบาท ที่ต้องชดใช้ในทางกฎหมายนั้น คนที่ฉีกสัญญาของสยามสปอร์ตคือ "นิติบุคคล" ไม่ใช่ตัว "สมยศ" แปลว่า ภาระหนี้สิ้นเหล่านี้ มาดามแป้งในฐานะนายกสมาคมคนปัจจุบัน ต้องเป็นคนหาเงินมาชำระให้เจ้าหนี้ถ้าเธอหาเงินไม่ได้ สมาคมอาจจะถูกยึดทรัพย์ สำนักงานที่ทำการสมาคมก็จะโดนยึดเอาไปจ่ายหนี้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นจุดอ่อนไหวของมาดามแป้งอย่างมาก เพราะถ้าสมาคมที่ก่อตั้งมา 110 ปี ต้องล่มสลาย โดนยึดทุกอย่างในยุคของเธอ มันจะเป็นตราบาปที่ติดในใจเธอไปตลอดเมื่อพูดถึงตรงนี้ มาดามแป้งร้องไห้ เธอบอกว่า "แป้งมาด้วยเจตนาดี ทุกคนคงจะเห็นใจแป้งบ้าง สิ่งที่แป้งเจอเนี่ย แป้งทำเต็มที่ ในฐานะผู้หญิงคนแรกที่เป็นนายกสมาคมฟุตบอลคนแรกของทวีปเอเชีย เข้ามาไม่มีอะไรเลย มีแต่หนี้ แป้งไม่เคยดราม่า แต่ว่าแป้งคิดว่า แป้งทำงานมาได้ถึงขนาดนี้ แป้งเต็มที่แล้ว ""แป้งแค่ขอความเห็นใจ และขอกำลังใจ จากแฟนบอลและสื่อมวลชน เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ต้องถูกแก้ด้วยแป้งและสภากรรมการ แต่เรื่องหนี้สินมันไม่ได้เกิดขึ้นในยุคแป้ง แต่แป้งต้องมารับทุกสิ่งทุกอย่าง แป้งเป็นคน และเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจเหมือนกัน"ถ้าเราพูดกันแบบตรงๆ เลย ตลอด 1 ปีของมาดามแป้ง เธอก็มีผลงานไม่เลวหลายอย่าง เช่น พาทีมชาติไทยมีอันดับโลกต่ำกว่าร้อย ครั้งแรกในรอบ 16 ปี, หาเงินมาจ่ายให้สโมสรไทยลีกได้สำเร็จ รวมถึง จัดงานฟีฟ่า คองเกรสได้เยี่ยมจนได้รับคำชมแน่นอน มาดามแป้งไม่ได้เพอร์เฟ็กต์ ทุกคนทราบดี เรื่องโปรแกรมเลื่อนไทยลีกจนชุลมุน เธอก็ยังจัดการไม่ดีนัก แต่อย่างน้อย การต่อสู้ในสภาพที่สมาคมเจอหนี้มหาศาลขนาดนี้ ถือว่าโอเคแล้วสำหรับเรื่องการใช้หนี้ เมื่อศาลมีฎีกามาแล้ว ยังไงก็ต้องหาเงินมาชดใช้ โชคดีที่ทางมาดามแป้ง กับ ระวิ โหลทอง เจ้าของสยามสปอร์ต สนิทสนมกันดี ก็อาจจะพอประนีประนอม ยืดเวลาจ่ายกันได้อยู่จริงอยู่ แม้ศาลจะระบุว่า คนที่ต้องใช้หนี้ คือสมาคมฟุตบอลซึ่งเป็นนิติบุคคล แต่มาดามแป้งรู้สึกว่าการกระทำที่สร้างความเสียหายขนาดนี้ ไม่แฟร์เลยที่ พล.ต.อ.สมยศ จะรอดไปดื้อๆ โดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไรดังนั้นเธอจึงศึกษาข้อมูล และค้นพบว่ามีประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76 ที่ระบุว่า "นิติบุคคลที่ต้องชดใช้ความเสียหาย สามารถไล่เบี้ย ฟ้องร้องคืนจากคนที่ก่อความเสียหายได้" มาดามแป้ง จึงเตรียมฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ และ สภากรรมการชุดก่อน ในมาตรา 76 นี้ โทษฐานฉีกสัญญากับสยามสปอร์ตโดยพลการ จนสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับสมาคม เรื่องนี้จะขึ้นสู่ศาลแน่นอน ก็ต้องมาดูกันว่า สมาคมฟุตบอลจะสามารถทวงเงินคืนสักก้อน จากพล.ต.อ.สมยศ และสภากรรมการชุดเก่าได้หรือไม่ ---------------ในงานแถลงข่าวครั้งนี้ ไฮไลท์ของจริง ที่มาดามแป้งอยากเล่า ไม่ใช่คดีของสยามสปอร์ต แต่เป็นการแฉพล.ต.อ.สมยศ แบบ "เละ" อัดทุกอย่างจนกระจุยไปหมด ในวันแรกที่มาดามแป้งมารับงานเป็นนายกสมาคมคนใหม่ เมื่อเจอหนี้สินร้อยล้านกว่าบาท ทำให้เธอตั้งคำถามว่า แล้วเงินก้อนต่างๆ ที่สมาคมได้รับมาก่อนหน้านี้ หายไปไหนหมด?ทำให้เธอตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจชื่อ "คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน" นำโดย นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย จากจังหวัดเลย ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องคดีฟอกเงิน มาไล่เช็กรายรับ-รายจ่าย ของสมาคมยุคก่อนว่า เงินมันไปอยู่ไหนบ้างสิ่งที่ค้นเจอจากการตรวจสอบมีหลายอย่าง ที่แปลก [ เรื่องแปลกอย่างที่ 1 ] คดีที่สมาคม ฟ้อง สยามสปอร์ต 1,139 ล้านบาท สมาคมของพล.ต.อ.สมยศ ได้ติดต่อทนายความเอาไว้ และมีการตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายการว่าความแล้วเรียบร้อยศาลชั้นต้น 750,000 บาท, ศาลอุทธรณ์ 300,000 บาท และ ศาลฎีกา 300,000 บาท เป็นค่าวิชาชีพของทีมทนายความในศาลชั้นต้น กับ ศาลอุทธรณ์ก็จ่ายกันไป ตามราคา แต่พอถึงศาลฎีกา (ที่ศาลไม่รับฟ้องด้วย) จากตัวเลขที่ตกลงกัน 3 แสนบาท อยู่ๆ ทางสมาคมไปจ่ายให้ทนายความ เป็นจำนวน 30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมาดื้อๆ 100 เท่าโดยการจ่ายเงิน 30 ล้านบาท เกิดขึ้นก่อน พล.ต.อ.สมยศ จะหมดวาระไม่ถึง 1 เดือนเท่านั้น ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า เป็นไปได้หรือ ที่จะว่าความด้วยราคา 30 ล้านบาท? แล้วทำไมถึงจ่ายแพงกว่าร้อยเท่าจากเดิมที่ตกลงกัน นี่คือการ "ทิ้งทวน" เอาเงินก้อนสุดท้าย ก่อนจะอำลาตำแหน่งหรือเปล่า ก็ไม่สามารถตอบได้[ เรื่องแปลกอย่างที่ 2 ] ทุกๆ ปี ฟีฟ่าจะจ่ายเงินสนับสนุนให้สมาคมฟุตบอลทั่วโลกปีละ 1,250,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่พอมาดามแป้งเข้ามาทำงานในปีแรก ฟีฟ่ากลับจ่ายให้แค่ 750,000 ดอลลาร์เท่านั้น หายไป 5 แสนเหรียญทีมงานของมาดามแป้งจึงไปค้นข้อมูล ปรากฏว่า สมาคมยุคพล.ต.อ.สมยศ ไปขอกู้เงินจากฟีฟ่า ในวันที่ 9 ตุลาคม 2563 เป็นจำนวน 5 ล้านดอลลาร์ (155 ล้านบาท)ฟีฟ่าจ่ายให้ 5 ล้านดอลลาร์ตามคำขอ โดยแจ้งสมาคมให้ชดใช้คืน ด้วยการผ่อนจ่าย 10 ปี (2564-2573) ปีละ 5 แสนดอลลาร์ ซึ่งทางฟีฟ่าจะหักเอาเลย จากเงินสนับสนุนที่จะให้สมาคมเป็นรายปีนั่นคือเหตุผลที่สมาคมยุคมาดามแป้ง จะเงินหายไป 5 แสนเหรียญ (16.8 ล้านบาท) ทุกปี จนถึงปี 2573นี่เป็นเรื่องที่มาดามแป้งเฮิร์ทมาก เพราะเธอหมดวาระนายกสมาคม ในปี 2571 เท่ากับว่าเธอต้องจ่าย 5 แสนเหรียญที่ พล.ต.อ.สมยศก่อขึ้นมาไปเรื่อยๆ จนจบวาระของเธอเลยด้วยซ้ำขณะที่ 5 ล้านดอลลาร์ที่ได้มาจากฟีฟ่าตอนแรกสุด ก็ไม่รู้อยู่ไหนแล้ว จับมือใครดมไม่ได้ มีข่าวว่าเอามาใช้จ่ายในช่วงโควิด ที่ไม่มีรายได้ แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าใช้จ่ายไปกับอะไรบ้าง[ เรื่องแปลกอย่างที่ 3 ]พล.ต.อ.สมยศ ตัดสินใจขาย Data Analytics และ Gaming Right ของ ฟุตบอลไทยลีก และ ทีมชาติไทย ให้กับบริษัท Perform จากมาเลเซียทั้งสองอย่างคือ สิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดของฟุตบอลไทย เช่น เปอร์เซ็นต์การครองบอล, จำนวนใบเหลือง-ใบเหลือง, จำนวนนาทีที่ลงสนาม, ระยะทางการวิ่งของผู้เล่นแต่ละคน ข้อมูลเหล่านี้ สามารถเอาไปใช้ในอะไรก็ได้ เช่น เอาไปสร้างเกมแฟนตาซี, เอาไปใช้เป็นข้อมูลสำหรับโต๊ะพนัน หรือถ้าคิด worst case คือเอาสถิติเหล่านี้มาศึกษาทั้งไทยลีก หรือทีมชาติก็ได้ เพื่อที่ชาติเพื่อนบ้านจะได้แซงหน้าเราไปได้ในอนาคต พล.ต.อ.สมยศ ขายสิทธิ์ Data Analytics และ Gaming Right ยาวไปจนถึงปี 2571 ซึ่งมาดามแป้ง พยายามขอซื้อคืน เพราะไม่อยากให้ข้อมูลบอลไทยรั่วไหล แต่บริษัท Perform ไม่ขาย เงินที่ได้จากการขายลิขสิทธิ์ก้อนนี้ "ไม่รู้อยู่ไหน" แต่ปัญหาไม่ใช่แค่เรื่องเงินเท่านั้น มันเป็นข้อมูลภายในของฟุตบอลไทย ที่ไม่รู้ว่าประเทศอื่นจะเอาไปใช้ทำอะไรก็ไม่รู้ เป็นเรื่องที่น่ากังวลเหมือนกัน[ เรื่องแปลกอย่างที่ 4 ]ในวงการฟุตบอลไทยนั้น เป็นธรรมเนียม ที่นายกสมาคมจะไม่รับเงินเดือนกัน คือผมไม่ได้บอกว่า ดีหรือเปล่า แต่ธรรมเนียมปฏิบัติเขาทำกันมาแบบนี้ คนที่ลงสมัครนายกสมาคมจะรู้แต่แรกโดยธรรมชาติอย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สมยศ เป็นคนแรกที่รับเงินเดือนในฐานะนายกสมาคม โดยตั้งเงินเดือนให้ตัวเอง เป็นจำนวน 5 แสนบาท ไม่เพียงแค่นั้น ยังรับเงินอีกทาง ในฐานะผู้บริหารของบริษัท ไทยลีก อีกจำนวน 5 แสนบาท รวมแล้วเป็นเงินทั้งสิ้นเดือนละ 1 ล้านบาทเคยมีคนไปสอบถามในเรื่องนี้ แต่พล.ต.อ.สมยศ ก็อธิบายว่า รับเงินเดือนมาก็จริง แต่ก็มีการบริจาคกลับคืนให้สมาคม เป็นจำนวน 32 ล้านบาท ไม่ได้เอาไปทั้งหมดขนาดนั้นปัญหาในเรื่องนี้คือ ทีมตรวจสอบของมาดามแป้งไปหาเงิน 32 ล้านที่ว่านี้ และ "ยังไม่พบ" จนถึงตอนนี้ ก็ไม่รู้ว่าเงินก้อนนี้อยู่ไหน ไม่รู้ว่ามีการบริจาคจริงตามที่พูดหรือเปล่า---------------มาดามแป้งใช้เวลาแถลงข่าวทั้งหมด 64 นาที เล่าทุกอย่าง แบบตรงไปตรงมา เธอยืนยันว่า "ไม่ได้มีปัญหาส่วนตัว กับ พล.ต.อ.สมยศ แต่จำเป็นต้องทำ เพื่อทวงเงินที่เป็นของสมาคมกลับคืนมา เพราะสมาคมฟุตบอลต้องเดินหน้าต่อไปให้ได้" ทีนี้ เมื่อฝั่งสมาคมโจมตีใส่อย่างหนักหน่วงแล้ว ก็ถึงคิวของ พล.ต.อ.สมยศ ต้องออกมาอธิบายตัวเอง ว่าข้อสงสัยต่างๆ ที่มาดามแป้งพูดถึงนั้น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ค่าทนาย 30 ล้าน มันก็แปลกจริงๆ นั่นแหละน่าคิดนะ ว่าเงินก้อนโตที่เข้าออกสมาคม จำนวนมากกว่าร้อยล้าน สุดท้ายมันหายไปไหนหมด ทำไมเหลือแต่หนี้สินทิ้งเอาไว้สำหรับประเด็นที่เราต้องติดตาม มีหลายอย่าง เช่น ในปี 2571 ที่จะหมดสัญญากับผู้ถือสิทธิประโยชน์รายปัจจุบัน (แพลนบี) และ เจ้าของลิขสิทธิ์เสื้อแข่งทีมชาติ (วอร์ริกซ์) สมาคมจะเดินหมากอย่างไรต่อ จะเซ็นกัน 8 ปีแบบเดิมอีกไหม รวมถึง การเจรจาหาทางชำระหนี้สยามสปอร์ตจะทำอย่างไร เมื่อไม่มีเงินในบัญชีเลย จะเล่นแร่แปรธาตุ หาเงินจากไหนได้บ้าง? นี่คือช่วงเวลาที่มาดามแป้งต้องใช้กลยุทธ์ธุรกิจทุกอย่าง รวมถึงคอนเน็กชั่นทั้งหมดที่เธอมี ในการประคองให้สมาคมรอดพ้นวิกฤติไปให้ได้หลังจบงานแถลงข่าว มาดามแป้งเดินมาขอบคุณสื่อมวลชน และพอเธอเดินมาถึง ผมถามเธอว่า "เจอแบบนี้ ภาระหนี้สินหลายร้อยล้านที่ตัวเองไม่ได้ก่อ เคยคิดจะลาออกไหมครับ?" มาดามแป้ง หยุดคิด แล้วตอบผมว่า "เคยคิดนะคะ" "แต่เราได้กำลังใจจากคนมากมาย นายกสมาคมประเทศอื่นในเอเชีย ก็บอกว่าอยู่ต่อเถอะ เพราะเราทำงานได้ดีแล้ว มันก็เลยมีพลังที่จะสู้ต่อ""และที่สำคัญ ถ้าเราไม่ทำ ถ้าเราไม่แก้ปัญหานี้ แล้วจะปล่อยให้ใครจะมาแก้ ดังนั้นก็ต้องสู้ค่ะ"ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวการแถลงข่าว ที่เดือดดาลที่สุดของสมาคมฟุตบอล มาดามแป้งเริ่มด้วยเสียงหัวเราะ รอยยิ้มในการแถลงผลงาน ตามด้วยอารมณ์โมโห ก่อนจะปิดท้ายด้วยน้ำตาเข้าใจเธอครับ ถ้าอยู่ๆ ต้องมารับภาระหนี้สินร้อยล้านแบบไม่ทันตั้งตัวขนาดนี้ คงทั้งแค้น ทั้งเศร้าเป็นธรรมดาการเป็นผู้นำองค์กร ที่ต้องแบกรับความคาดหวังทุกอย่าง มันไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ วันนี้มาดามแป้งทำให้เห็นว่า เธอก็คือมนุษย์คนหนึ่งที่มีความอ่อนไหว เสียใจได้ ร้องไห้เป็น แต่แม้จะเสียใจแค่ไหน ก็ต้องปาดน้ำตาแล้วแก้ปัญหากันต่อปิดท้ายในเรื่องนี้ สิ่งที่น่าจับตาที่สุดคือ ความโปร่งใสของอดีตนายกฯ สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่เข้ามารับตำแหน่ง กับสโลแกนว่า "มาจับโจร" แต่ตอนนี้กลับโดนข้อครหามากมาย เหมือนว่าเขาเป็นโจรเสียเองสมมุติว่า เขาไม่ได้ทำอะไรผิด บริหารงานด้วยความบริสุทธิ์ใจมาตลอด ก็ไม่เห็นต้องกลัวการตรวจสอบ คนซื่อสัตย์ย่อมต้องหาคำอธิบายทุกอย่างได้อยู่แล้ว แต่ในทางตรงข้าม ถ้ามีจิตใจคิดทุจริต หวังใช้สมาคมฟุตบอลในการกอบโกยผลประโยชน์ล่ะก็ รับรองได้ว่าเรื่องนี้ จะไม่จบง่ายๆ อย่างแน่นอนเพราะถ้าหากคนเป็นผู้นำ ยังไม่ตรงไปตรงมา มีนอกมีในอยู่ตลอด แล้วอนาคตของวงการฟุตบอลไทยจะเป็นอย่างไร ... แค่คิดก็สิ้นหวังแล้ว
    12 มีนาคม 2568-เพจวิเคราะห์บอลจริงจังเขียนบทความน่าสนใจว่ามาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ มารับงานตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 สิ่งแรกที่เธอต้องเจอคือ "หนี้สิน" ที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ทิ้งไว้ให้เงินในบัญชีของสมาคม ณ วันนั้น มีทั้งหมด 27.7 ล้านบาท ส่วนหนี้สินมี 132.6 ล้านบาท แปลว่า ยุคของมาดามแป้งต้องเริ่มแบบติดลบ 105 ล้านบาทย้อนกลับไปดูวันสุดท้าย ของพล.ต.อ.สมยศ ในฐานะนายกสมาคม เขาบอกว่า "อิจฉาคนที่จะเข้ามาเป็นนายกฯ คนใหม่ ที่เข้ามาแล้วมีพร้อมทุกอย่าง ตอนที่ผมเข้ามามีแค่กุญแจดอกเดียวใช้เปิดเข้าสมาคม คนเรามันวาสนาไม่เท่ากันจริงๆ" โอเค... พล.ต.อ.สมยศ อาจเริ่มต้นด้วยกุญแจดอกเดียว ไขเข้าไปในห้องแล้วเจอแต่ความว่างเปล่าแต่กับเคสของมาดามแป้ง เธอเอากุญแจดอกนั้นไขเข้าไป แล้วเจอ "กองหนี้สินมหาศาล" ที่เธอไม่ได้ก่อ แต่ต้องเป็นคนชดใช้ในวันนี้ (11 มีนาคม) มาดามแป้งแถลงผลงาน ครบ 1 ปีที่เข้ามาเป็นนายกสมาคม แต่สาเหตุที่สื่อมวลชนมหาศาลมาทำข่าววันนี้ ไม่ใช่เรื่องผลงานดังกล่าว ทุกคนอยากรู้แค่ว่า "มาดามแป้ง จะจัดการปัญหาหนี้สิน 360 ล้านบาทกับสยามสปอร์ตอย่างไร?" ผมขอสรุป 2 คดีของสมาคมกับสยามสปอร์ตนิดเดียวครับ ---------------คดีที่ 1 สยามสปอร์ต ฟ้อง สมาคมฟุตบอล 1,401 ล้านบาท โทษฐานฉีกสัญญาผู้ถือสิทธิประโยชน์ไทยลีก โดยไม่ได้รับความเห็นชอบศาลชั้นต้น : สมาคมต้องจ่ายค่าเสียหาย 50 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยศาลอุทธรณ์ : สมาคมต้องจ่ายค่าเสียหาย 450 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยศาลฎีกา : สมาคมต้องจ่ายค่าเสียหาย 360 ล้านบาท บวกดอกเบี้ยสมาคมแพ้คดีทุกศาล เพราะต่อให้คุณจะไม่ชอบสัญญาขนาดไหน คุณก็ไปฉีกสัญญาที่เซ็นกันแล้วอย่างถูกต้องไม่ได้ มาดามแป้งบอกว่า หนี้สินไม่ได้มีแค่เงินต้น 360 ล้าน แต่ดอกเบี้ยก็มหาศาลมาก เกิน 200 ล้านบาทแน่นอน---------------คดีที่ 2 สมาคมฟุตบอล ฟ้อง สยามสปอร์ต ขอเอาทรัพย์สินคืน 1,139 ล้านบาท เนื่องจากมองว่าสยามสปอร์ต ทำเงินจากการเป็นผู้ถือสิทธิประโยชน์ แต่ไม่ยอมส่งมอบเงินให้สมาคมศาลชั้นต้น : สยามสปอร์ต ต้องจ่ายค่าเสียหาย 99 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยศาลอุทธรณ์ : ยกฟ้อง ศาลฎีกา : ไม่รับฎีกาคดีที่สมาคมฟ้องสยามสปอร์ต จบแล้วเช่นกัน ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ไม่มีหลักฐานเพียงพอว่าสยามสปอร์ตกั๊กเงินเอาไว้เอง ทำให้บทสรุปของคดีนี้ สยามสปอร์ตชนะอีกคดี ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายแม้แต่บาทเดียว---------------ในการปะทะกันบนศาลครั้งนี้ สยามสปอร์ตเป็นฝ่ายชนะโดยสมบูรณ์ไปแล้ว ทั้ง 2 คดี และสมาคมต้องหาเงินมหาศาลเอามาชำระหนี้แปลว่า มาดามแป้ง มารับตำแหน่งนายกสมาคม 1 ปี เธอมีหนี้สิ้นเริ่มต้น 105 ล้านบาท ตามด้วยหนี้ก้อนที่สองของสยามสปอร์ต (เงินต้น + ดอกเบี้ย) อีก 560 ล้านบาท รวมแล้วกลมๆ สมาคมมีหนี้สิ้นทั้งหมด 665 ล้านบาท ที่ต้องชดใช้ในทางกฎหมายนั้น คนที่ฉีกสัญญาของสยามสปอร์ตคือ "นิติบุคคล" ไม่ใช่ตัว "สมยศ" แปลว่า ภาระหนี้สิ้นเหล่านี้ มาดามแป้งในฐานะนายกสมาคมคนปัจจุบัน ต้องเป็นคนหาเงินมาชำระให้เจ้าหนี้ถ้าเธอหาเงินไม่ได้ สมาคมอาจจะถูกยึดทรัพย์ สำนักงานที่ทำการสมาคมก็จะโดนยึดเอาไปจ่ายหนี้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นจุดอ่อนไหวของมาดามแป้งอย่างมาก เพราะถ้าสมาคมที่ก่อตั้งมา 110 ปี ต้องล่มสลาย โดนยึดทุกอย่างในยุคของเธอ มันจะเป็นตราบาปที่ติดในใจเธอไปตลอดเมื่อพูดถึงตรงนี้ มาดามแป้งร้องไห้ เธอบอกว่า "แป้งมาด้วยเจตนาดี ทุกคนคงจะเห็นใจแป้งบ้าง สิ่งที่แป้งเจอเนี่ย แป้งทำเต็มที่ ในฐานะผู้หญิงคนแรกที่เป็นนายกสมาคมฟุตบอลคนแรกของทวีปเอเชีย เข้ามาไม่มีอะไรเลย มีแต่หนี้ แป้งไม่เคยดราม่า แต่ว่าแป้งคิดว่า แป้งทำงานมาได้ถึงขนาดนี้ แป้งเต็มที่แล้ว ""แป้งแค่ขอความเห็นใจ และขอกำลังใจ จากแฟนบอลและสื่อมวลชน เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ต้องถูกแก้ด้วยแป้งและสภากรรมการ แต่เรื่องหนี้สินมันไม่ได้เกิดขึ้นในยุคแป้ง แต่แป้งต้องมารับทุกสิ่งทุกอย่าง แป้งเป็นคน และเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจเหมือนกัน"ถ้าเราพูดกันแบบตรงๆ เลย ตลอด 1 ปีของมาดามแป้ง เธอก็มีผลงานไม่เลวหลายอย่าง เช่น พาทีมชาติไทยมีอันดับโลกต่ำกว่าร้อย ครั้งแรกในรอบ 16 ปี, หาเงินมาจ่ายให้สโมสรไทยลีกได้สำเร็จ รวมถึง จัดงานฟีฟ่า คองเกรสได้เยี่ยมจนได้รับคำชมแน่นอน มาดามแป้งไม่ได้เพอร์เฟ็กต์ ทุกคนทราบดี เรื่องโปรแกรมเลื่อนไทยลีกจนชุลมุน เธอก็ยังจัดการไม่ดีนัก แต่อย่างน้อย การต่อสู้ในสภาพที่สมาคมเจอหนี้มหาศาลขนาดนี้ ถือว่าโอเคแล้วสำหรับเรื่องการใช้หนี้ เมื่อศาลมีฎีกามาแล้ว ยังไงก็ต้องหาเงินมาชดใช้ โชคดีที่ทางมาดามแป้ง กับ ระวิ โหลทอง เจ้าของสยามสปอร์ต สนิทสนมกันดี ก็อาจจะพอประนีประนอม ยืดเวลาจ่ายกันได้อยู่จริงอยู่ แม้ศาลจะระบุว่า คนที่ต้องใช้หนี้ คือสมาคมฟุตบอลซึ่งเป็นนิติบุคคล แต่มาดามแป้งรู้สึกว่าการกระทำที่สร้างความเสียหายขนาดนี้ ไม่แฟร์เลยที่ พล.ต.อ.สมยศ จะรอดไปดื้อๆ โดยไม่ต้องรับผิดชอบอะไรดังนั้นเธอจึงศึกษาข้อมูล และค้นพบว่ามีประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76 ที่ระบุว่า "นิติบุคคลที่ต้องชดใช้ความเสียหาย สามารถไล่เบี้ย ฟ้องร้องคืนจากคนที่ก่อความเสียหายได้" มาดามแป้ง จึงเตรียมฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ และ สภากรรมการชุดก่อน ในมาตรา 76 นี้ โทษฐานฉีกสัญญากับสยามสปอร์ตโดยพลการ จนสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับสมาคม เรื่องนี้จะขึ้นสู่ศาลแน่นอน ก็ต้องมาดูกันว่า สมาคมฟุตบอลจะสามารถทวงเงินคืนสักก้อน จากพล.ต.อ.สมยศ และสภากรรมการชุดเก่าได้หรือไม่ ---------------ในงานแถลงข่าวครั้งนี้ ไฮไลท์ของจริง ที่มาดามแป้งอยากเล่า ไม่ใช่คดีของสยามสปอร์ต แต่เป็นการแฉพล.ต.อ.สมยศ แบบ "เละ" อัดทุกอย่างจนกระจุยไปหมด ในวันแรกที่มาดามแป้งมารับงานเป็นนายกสมาคมคนใหม่ เมื่อเจอหนี้สินร้อยล้านกว่าบาท ทำให้เธอตั้งคำถามว่า แล้วเงินก้อนต่างๆ ที่สมาคมได้รับมาก่อนหน้านี้ หายไปไหนหมด?ทำให้เธอตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจชื่อ "คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน" นำโดย นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส.พรรคเพื่อไทย จากจังหวัดเลย ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องคดีฟอกเงิน มาไล่เช็กรายรับ-รายจ่าย ของสมาคมยุคก่อนว่า เงินมันไปอยู่ไหนบ้างสิ่งที่ค้นเจอจากการตรวจสอบมีหลายอย่าง ที่แปลก [ เรื่องแปลกอย่างที่ 1 ] คดีที่สมาคม ฟ้อง สยามสปอร์ต 1,139 ล้านบาท สมาคมของพล.ต.อ.สมยศ ได้ติดต่อทนายความเอาไว้ และมีการตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายการว่าความแล้วเรียบร้อยศาลชั้นต้น 750,000 บาท, ศาลอุทธรณ์ 300,000 บาท และ ศาลฎีกา 300,000 บาท เป็นค่าวิชาชีพของทีมทนายความในศาลชั้นต้น กับ ศาลอุทธรณ์ก็จ่ายกันไป ตามราคา แต่พอถึงศาลฎีกา (ที่ศาลไม่รับฟ้องด้วย) จากตัวเลขที่ตกลงกัน 3 แสนบาท อยู่ๆ ทางสมาคมไปจ่ายให้ทนายความ เป็นจำนวน 30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมาดื้อๆ 100 เท่าโดยการจ่ายเงิน 30 ล้านบาท เกิดขึ้นก่อน พล.ต.อ.สมยศ จะหมดวาระไม่ถึง 1 เดือนเท่านั้น ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า เป็นไปได้หรือ ที่จะว่าความด้วยราคา 30 ล้านบาท? แล้วทำไมถึงจ่ายแพงกว่าร้อยเท่าจากเดิมที่ตกลงกัน นี่คือการ "ทิ้งทวน" เอาเงินก้อนสุดท้าย ก่อนจะอำลาตำแหน่งหรือเปล่า ก็ไม่สามารถตอบได้[ เรื่องแปลกอย่างที่ 2 ] ทุกๆ ปี ฟีฟ่าจะจ่ายเงินสนับสนุนให้สมาคมฟุตบอลทั่วโลกปีละ 1,250,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่พอมาดามแป้งเข้ามาทำงานในปีแรก ฟีฟ่ากลับจ่ายให้แค่ 750,000 ดอลลาร์เท่านั้น หายไป 5 แสนเหรียญทีมงานของมาดามแป้งจึงไปค้นข้อมูล ปรากฏว่า สมาคมยุคพล.ต.อ.สมยศ ไปขอกู้เงินจากฟีฟ่า ในวันที่ 9 ตุลาคม 2563 เป็นจำนวน 5 ล้านดอลลาร์ (155 ล้านบาท)ฟีฟ่าจ่ายให้ 5 ล้านดอลลาร์ตามคำขอ โดยแจ้งสมาคมให้ชดใช้คืน ด้วยการผ่อนจ่าย 10 ปี (2564-2573) ปีละ 5 แสนดอลลาร์ ซึ่งทางฟีฟ่าจะหักเอาเลย จากเงินสนับสนุนที่จะให้สมาคมเป็นรายปีนั่นคือเหตุผลที่สมาคมยุคมาดามแป้ง จะเงินหายไป 5 แสนเหรียญ (16.8 ล้านบาท) ทุกปี จนถึงปี 2573นี่เป็นเรื่องที่มาดามแป้งเฮิร์ทมาก เพราะเธอหมดวาระนายกสมาคม ในปี 2571 เท่ากับว่าเธอต้องจ่าย 5 แสนเหรียญที่ พล.ต.อ.สมยศก่อขึ้นมาไปเรื่อยๆ จนจบวาระของเธอเลยด้วยซ้ำขณะที่ 5 ล้านดอลลาร์ที่ได้มาจากฟีฟ่าตอนแรกสุด ก็ไม่รู้อยู่ไหนแล้ว จับมือใครดมไม่ได้ มีข่าวว่าเอามาใช้จ่ายในช่วงโควิด ที่ไม่มีรายได้ แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าใช้จ่ายไปกับอะไรบ้าง[ เรื่องแปลกอย่างที่ 3 ]พล.ต.อ.สมยศ ตัดสินใจขาย Data Analytics และ Gaming Right ของ ฟุตบอลไทยลีก และ ทีมชาติไทย ให้กับบริษัท Perform จากมาเลเซียทั้งสองอย่างคือ สิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดของฟุตบอลไทย เช่น เปอร์เซ็นต์การครองบอล, จำนวนใบเหลือง-ใบเหลือง, จำนวนนาทีที่ลงสนาม, ระยะทางการวิ่งของผู้เล่นแต่ละคน ข้อมูลเหล่านี้ สามารถเอาไปใช้ในอะไรก็ได้ เช่น เอาไปสร้างเกมแฟนตาซี, เอาไปใช้เป็นข้อมูลสำหรับโต๊ะพนัน หรือถ้าคิด worst case คือเอาสถิติเหล่านี้มาศึกษาทั้งไทยลีก หรือทีมชาติก็ได้ เพื่อที่ชาติเพื่อนบ้านจะได้แซงหน้าเราไปได้ในอนาคต พล.ต.อ.สมยศ ขายสิทธิ์ Data Analytics และ Gaming Right ยาวไปจนถึงปี 2571 ซึ่งมาดามแป้ง พยายามขอซื้อคืน เพราะไม่อยากให้ข้อมูลบอลไทยรั่วไหล แต่บริษัท Perform ไม่ขาย เงินที่ได้จากการขายลิขสิทธิ์ก้อนนี้ "ไม่รู้อยู่ไหน" แต่ปัญหาไม่ใช่แค่เรื่องเงินเท่านั้น มันเป็นข้อมูลภายในของฟุตบอลไทย ที่ไม่รู้ว่าประเทศอื่นจะเอาไปใช้ทำอะไรก็ไม่รู้ เป็นเรื่องที่น่ากังวลเหมือนกัน[ เรื่องแปลกอย่างที่ 4 ]ในวงการฟุตบอลไทยนั้น เป็นธรรมเนียม ที่นายกสมาคมจะไม่รับเงินเดือนกัน คือผมไม่ได้บอกว่า ดีหรือเปล่า แต่ธรรมเนียมปฏิบัติเขาทำกันมาแบบนี้ คนที่ลงสมัครนายกสมาคมจะรู้แต่แรกโดยธรรมชาติอย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สมยศ เป็นคนแรกที่รับเงินเดือนในฐานะนายกสมาคม โดยตั้งเงินเดือนให้ตัวเอง เป็นจำนวน 5 แสนบาท ไม่เพียงแค่นั้น ยังรับเงินอีกทาง ในฐานะผู้บริหารของบริษัท ไทยลีก อีกจำนวน 5 แสนบาท รวมแล้วเป็นเงินทั้งสิ้นเดือนละ 1 ล้านบาทเคยมีคนไปสอบถามในเรื่องนี้ แต่พล.ต.อ.สมยศ ก็อธิบายว่า รับเงินเดือนมาก็จริง แต่ก็มีการบริจาคกลับคืนให้สมาคม เป็นจำนวน 32 ล้านบาท ไม่ได้เอาไปทั้งหมดขนาดนั้นปัญหาในเรื่องนี้คือ ทีมตรวจสอบของมาดามแป้งไปหาเงิน 32 ล้านที่ว่านี้ และ "ยังไม่พบ" จนถึงตอนนี้ ก็ไม่รู้ว่าเงินก้อนนี้อยู่ไหน ไม่รู้ว่ามีการบริจาคจริงตามที่พูดหรือเปล่า---------------มาดามแป้งใช้เวลาแถลงข่าวทั้งหมด 64 นาที เล่าทุกอย่าง แบบตรงไปตรงมา เธอยืนยันว่า "ไม่ได้มีปัญหาส่วนตัว กับ พล.ต.อ.สมยศ แต่จำเป็นต้องทำ เพื่อทวงเงินที่เป็นของสมาคมกลับคืนมา เพราะสมาคมฟุตบอลต้องเดินหน้าต่อไปให้ได้" ทีนี้ เมื่อฝั่งสมาคมโจมตีใส่อย่างหนักหน่วงแล้ว ก็ถึงคิวของ พล.ต.อ.สมยศ ต้องออกมาอธิบายตัวเอง ว่าข้อสงสัยต่างๆ ที่มาดามแป้งพูดถึงนั้น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ค่าทนาย 30 ล้าน มันก็แปลกจริงๆ นั่นแหละน่าคิดนะ ว่าเงินก้อนโตที่เข้าออกสมาคม จำนวนมากกว่าร้อยล้าน สุดท้ายมันหายไปไหนหมด ทำไมเหลือแต่หนี้สินทิ้งเอาไว้สำหรับประเด็นที่เราต้องติดตาม มีหลายอย่าง เช่น ในปี 2571 ที่จะหมดสัญญากับผู้ถือสิทธิประโยชน์รายปัจจุบัน (แพลนบี) และ เจ้าของลิขสิทธิ์เสื้อแข่งทีมชาติ (วอร์ริกซ์) สมาคมจะเดินหมากอย่างไรต่อ จะเซ็นกัน 8 ปีแบบเดิมอีกไหม รวมถึง การเจรจาหาทางชำระหนี้สยามสปอร์ตจะทำอย่างไร เมื่อไม่มีเงินในบัญชีเลย จะเล่นแร่แปรธาตุ หาเงินจากไหนได้บ้าง? นี่คือช่วงเวลาที่มาดามแป้งต้องใช้กลยุทธ์ธุรกิจทุกอย่าง รวมถึงคอนเน็กชั่นทั้งหมดที่เธอมี ในการประคองให้สมาคมรอดพ้นวิกฤติไปให้ได้หลังจบงานแถลงข่าว มาดามแป้งเดินมาขอบคุณสื่อมวลชน และพอเธอเดินมาถึง ผมถามเธอว่า "เจอแบบนี้ ภาระหนี้สินหลายร้อยล้านที่ตัวเองไม่ได้ก่อ เคยคิดจะลาออกไหมครับ?" มาดามแป้ง หยุดคิด แล้วตอบผมว่า "เคยคิดนะคะ" "แต่เราได้กำลังใจจากคนมากมาย นายกสมาคมประเทศอื่นในเอเชีย ก็บอกว่าอยู่ต่อเถอะ เพราะเราทำงานได้ดีแล้ว มันก็เลยมีพลังที่จะสู้ต่อ""และที่สำคัญ ถ้าเราไม่ทำ ถ้าเราไม่แก้ปัญหานี้ แล้วจะปล่อยให้ใครจะมาแก้ ดังนั้นก็ต้องสู้ค่ะ"ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวการแถลงข่าว ที่เดือดดาลที่สุดของสมาคมฟุตบอล มาดามแป้งเริ่มด้วยเสียงหัวเราะ รอยยิ้มในการแถลงผลงาน ตามด้วยอารมณ์โมโห ก่อนจะปิดท้ายด้วยน้ำตาเข้าใจเธอครับ ถ้าอยู่ๆ ต้องมารับภาระหนี้สินร้อยล้านแบบไม่ทันตั้งตัวขนาดนี้ คงทั้งแค้น ทั้งเศร้าเป็นธรรมดาการเป็นผู้นำองค์กร ที่ต้องแบกรับความคาดหวังทุกอย่าง มันไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ วันนี้มาดามแป้งทำให้เห็นว่า เธอก็คือมนุษย์คนหนึ่งที่มีความอ่อนไหว เสียใจได้ ร้องไห้เป็น แต่แม้จะเสียใจแค่ไหน ก็ต้องปาดน้ำตาแล้วแก้ปัญหากันต่อปิดท้ายในเรื่องนี้ สิ่งที่น่าจับตาที่สุดคือ ความโปร่งใสของอดีตนายกฯ สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่เข้ามารับตำแหน่ง กับสโลแกนว่า "มาจับโจร" แต่ตอนนี้กลับโดนข้อครหามากมาย เหมือนว่าเขาเป็นโจรเสียเองสมมุติว่า เขาไม่ได้ทำอะไรผิด บริหารงานด้วยความบริสุทธิ์ใจมาตลอด ก็ไม่เห็นต้องกลัวการตรวจสอบ คนซื่อสัตย์ย่อมต้องหาคำอธิบายทุกอย่างได้อยู่แล้ว แต่ในทางตรงข้าม ถ้ามีจิตใจคิดทุจริต หวังใช้สมาคมฟุตบอลในการกอบโกยผลประโยชน์ล่ะก็ รับรองได้ว่าเรื่องนี้ จะไม่จบง่ายๆ อย่างแน่นอนเพราะถ้าหากคนเป็นผู้นำ ยังไม่ตรงไปตรงมา มีนอกมีในอยู่ตลอด แล้วอนาคตของวงการฟุตบอลไทยจะเป็นอย่างไร ... แค่คิดก็สิ้นหวังแล้ว
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 694 มุมมอง 0 รีวิว
  • รถไฟ ETS มาเลเซีย ขยายถึงเซกามัต รัฐยะโฮร์

    สิ้นสุดการรอคอยสำหรับการขยายเส้นทางรถไฟ ETS (Electric Train Service) ของการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ประเทศมาเลเซีย จากเดิมสิ้นสุดที่สถานีเกอมัส (Gemas) รัฐเนกรีเซมบีลัน ขยายไปถึงสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ หลังเจอโรคเลื่อนไปหลายเดือน ล่าสุดประกาศว่าจะเปิดให้บริการในวันที่ 15 มี.ค. 2568 เป็นต้นไป จากต้นทางสถานีปาดังเบซาร์ (Padang Besar) รัฐปะลิส ติดชายแดนไทย-มาเลเซีย จ.สงขลา และสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ (Butterworth) รัฐปีนัง

    โดยปรับเปลี่ยนต้นทางและปลายทางจากเดิมสถานีเกอมัส เป็นสถานีเซกามัต โดยไม่มีการปรับเปลี่ยนเวลาเดินรถ ได้แก่ ขบวนที่ EG9420 เซกามัต-ปาดังเบซาร์ ออกจากสถานีเซกามัต 07.55 น. ผ่านสถานีเกอมัส 08.12 น. สถานี KL Sentral 10.41 น. ถึงสถานีปาดังเบซาร์ 16.18 น.

    ขบวนที่ EG9425 ปาดังเบซาร์-เซกามัต ออกจากสถานีปาดังเบซาร์ 15.55 น. (เวลามาเลเซีย เร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง) ผ่านสถานี KL Sentral 21.39 น. สถานีเกอมัส 00.05 น. (วันถัดไป) ถึงสถานีเซกามัต 00.20 น. (วันถัดไป)

    ขบวนที่ EG9322 เซกามัต-บัตเตอร์เวิร์ธ ออกจากสถานีเซกามัต 15.35 น. ผ่านสถานีเกอมัส 15.52 น. สถานี KL Sentral 18.22 น. ถึงสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ 22.42 น.

    ขบวนที่ EG9321 ออกจากสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ 07.50 น. ผ่านสถานี KL Sentral 12.15 น. สถานีเกอมัส 14.42 น. ถึงสถานีเซกามัต 14.57 น.

    ค่าโดยสารช่วงเซกามัต-ปาดังเบซาร์ เริ่มต้นที่ 101 ริงกิต (773 บาท) ส่วนช่วงเซกามัต-บัตเตอร์เวิร์ธ เริ่มต้นที่ 84 ริงกิต (643 บาท) สำรองที่นั่งได้ที่แอปพลิเคชัน KTMB Mobile ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. 2568 เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป หรือที่เครื่อง Kiosk ของ KTM Berhad ทุกสถานี รับบัตร VISA และ Mastercard

    จากสถานีเซกามัต มีสถานีขนส่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานี มีรถบัสให้บริการไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ (Kuala Lumpur) สถานีขนส่งลาร์คิน ยะโฮร์บาห์รู (Larkin, Johor Bharu) มะละกา (Malacca) และกวนตัน (Kuantan) ตั้งแต่เช้าถึงค่ำ แต่หากเดินทางด้วยรถไฟขบวน EG9425 จากปาดังเบซาร์ สามารถต่อรถไฟ KTM Intercity ไปยังสถานีเจบี เซ็นทรัล (JB Sentral) เพื่อไปประเทศสิงคโปร์ โดยขบวนที่ ES41 ออกจากสถานีเซกามัตเวลา 02.36 น. ถึงสถานีเจบี เซ็นทรัล 06.25 น.

    ส่วนโครงการรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru Electrified Double-Tracking Rail Project หรือ Gemas - JB EDTP) ระยะทาง 192 กิโลเมตร รัฐบาลท้องถิ่นรัฐยะโฮร์เปิดเผยว่าใกล้เสร็จสมบูรณ์ คาดว่าจะเปิดตัวประมาณเดือน ส.ค.2568

    #Newskit
    รถไฟ ETS มาเลเซีย ขยายถึงเซกามัต รัฐยะโฮร์ สิ้นสุดการรอคอยสำหรับการขยายเส้นทางรถไฟ ETS (Electric Train Service) ของการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ประเทศมาเลเซีย จากเดิมสิ้นสุดที่สถานีเกอมัส (Gemas) รัฐเนกรีเซมบีลัน ขยายไปถึงสถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ หลังเจอโรคเลื่อนไปหลายเดือน ล่าสุดประกาศว่าจะเปิดให้บริการในวันที่ 15 มี.ค. 2568 เป็นต้นไป จากต้นทางสถานีปาดังเบซาร์ (Padang Besar) รัฐปะลิส ติดชายแดนไทย-มาเลเซีย จ.สงขลา และสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ (Butterworth) รัฐปีนัง โดยปรับเปลี่ยนต้นทางและปลายทางจากเดิมสถานีเกอมัส เป็นสถานีเซกามัต โดยไม่มีการปรับเปลี่ยนเวลาเดินรถ ได้แก่ ขบวนที่ EG9420 เซกามัต-ปาดังเบซาร์ ออกจากสถานีเซกามัต 07.55 น. ผ่านสถานีเกอมัส 08.12 น. สถานี KL Sentral 10.41 น. ถึงสถานีปาดังเบซาร์ 16.18 น. ขบวนที่ EG9425 ปาดังเบซาร์-เซกามัต ออกจากสถานีปาดังเบซาร์ 15.55 น. (เวลามาเลเซีย เร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง) ผ่านสถานี KL Sentral 21.39 น. สถานีเกอมัส 00.05 น. (วันถัดไป) ถึงสถานีเซกามัต 00.20 น. (วันถัดไป) ขบวนที่ EG9322 เซกามัต-บัตเตอร์เวิร์ธ ออกจากสถานีเซกามัต 15.35 น. ผ่านสถานีเกอมัส 15.52 น. สถานี KL Sentral 18.22 น. ถึงสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ 22.42 น. ขบวนที่ EG9321 ออกจากสถานีบัตเตอร์เวิร์ธ 07.50 น. ผ่านสถานี KL Sentral 12.15 น. สถานีเกอมัส 14.42 น. ถึงสถานีเซกามัต 14.57 น. ค่าโดยสารช่วงเซกามัต-ปาดังเบซาร์ เริ่มต้นที่ 101 ริงกิต (773 บาท) ส่วนช่วงเซกามัต-บัตเตอร์เวิร์ธ เริ่มต้นที่ 84 ริงกิต (643 บาท) สำรองที่นั่งได้ที่แอปพลิเคชัน KTMB Mobile ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. 2568 เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป หรือที่เครื่อง Kiosk ของ KTM Berhad ทุกสถานี รับบัตร VISA และ Mastercard จากสถานีเซกามัต มีสถานีขนส่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานี มีรถบัสให้บริการไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ (Kuala Lumpur) สถานีขนส่งลาร์คิน ยะโฮร์บาห์รู (Larkin, Johor Bharu) มะละกา (Malacca) และกวนตัน (Kuantan) ตั้งแต่เช้าถึงค่ำ แต่หากเดินทางด้วยรถไฟขบวน EG9425 จากปาดังเบซาร์ สามารถต่อรถไฟ KTM Intercity ไปยังสถานีเจบี เซ็นทรัล (JB Sentral) เพื่อไปประเทศสิงคโปร์ โดยขบวนที่ ES41 ออกจากสถานีเซกามัตเวลา 02.36 น. ถึงสถานีเจบี เซ็นทรัล 06.25 น. ส่วนโครงการรถไฟทางคู่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (Gemas-Johor Bahru Electrified Double-Tracking Rail Project หรือ Gemas - JB EDTP) ระยะทาง 192 กิโลเมตร รัฐบาลท้องถิ่นรัฐยะโฮร์เปิดเผยว่าใกล้เสร็จสมบูรณ์ คาดว่าจะเปิดตัวประมาณเดือน ส.ค.2568 #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 352 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทางการมาเลเซีย ออกคำเตือนถึงพลเรือน เกี่ยวกับการเดินทางเยือนภาคใต้ของไทย ตามหลังเหตุระเบิดและยิงที่ต้องสงสัยว่าเป็นฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 รายและบาดเจ็บ 13 คน เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
    .
    รอยเตอร์รายงานว่าเหตุโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นในเหล่าจังหวัดทางใต้สุดของไทย บริเวณที่คนส่วนใหญ่มีเชื้อสายมุสลิมมาเลย์ และมีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 7,300 ราย นับตั้งแต่การก่อกบฏแบ่งแยกดินแดนที่ยืดเยื้อมานานกว่าหลายทศวรรษ โหมกระพือขึ้นในปี 2004
    .
    กลุ่มมือปืนเปิดฉากยิงเข้าใส่ที่ว่าการอำเภอและจุดชนวนคาร์บอมบ์ ในอำเภอสุไหงโกลก ในจังหวัดนราธิวาส แหล่งยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ปลิดชีพอาสามัครด้านความมั่นคงของไทยไป 2 ราย รอยเตอร์อ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ ส่วนในจังหวัดปัตตานีที่อยู่ติดกัน ระเบิดข้างทางสังหารอาสาสมัครทหารพราน 1 นายและเจ้าหน้าที่รัฐบาล 2 คน
    .
    กระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์(9มี.ค.) "มาเลเซียสนับสนุนอย่างแข็งขัน ขอให้เลื่อนการเดินทางที่ไม่จำเป็นไปยังพื้นที่เหล่านั้น ในช่วงเวลานี้"
    .
    จากนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เดินทางเยือนไทย 35.5 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว ในนั้นเป็นนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียราว 4.9 ล้านคน ทำให้ มาเลเซีย เป็นตลาดด้านการท่องเที่ยวใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของไทย รองจากจีน
    .
    รอยเตอร์อ้างคำสัมภาษณ์ของว่าที่ร้อยตรีตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส บอกว่าได้ยกระดับคุมเข้มด้านความปลอดภัยในพื้นที่ "เหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่เกิดขึ้นมา 4 ถึง 5 ปีแล้ว" พร้อมระบุยังคงมีชาวมาเลเซียอยู่ในพื้นที่ แต่ยอมรับว่าในเบื้องต้น เหตุการณ์นี้คงจะส่งผลกระทบอยู่บ้าง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000023259
    ..............
    Sondhi X
    ทางการมาเลเซีย ออกคำเตือนถึงพลเรือน เกี่ยวกับการเดินทางเยือนภาคใต้ของไทย ตามหลังเหตุระเบิดและยิงที่ต้องสงสัยว่าเป็นฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 รายและบาดเจ็บ 13 คน เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา . รอยเตอร์รายงานว่าเหตุโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นในเหล่าจังหวัดทางใต้สุดของไทย บริเวณที่คนส่วนใหญ่มีเชื้อสายมุสลิมมาเลย์ และมีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 7,300 ราย นับตั้งแต่การก่อกบฏแบ่งแยกดินแดนที่ยืดเยื้อมานานกว่าหลายทศวรรษ โหมกระพือขึ้นในปี 2004 . กลุ่มมือปืนเปิดฉากยิงเข้าใส่ที่ว่าการอำเภอและจุดชนวนคาร์บอมบ์ ในอำเภอสุไหงโกลก ในจังหวัดนราธิวาส แหล่งยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ปลิดชีพอาสามัครด้านความมั่นคงของไทยไป 2 ราย รอยเตอร์อ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ ส่วนในจังหวัดปัตตานีที่อยู่ติดกัน ระเบิดข้างทางสังหารอาสาสมัครทหารพราน 1 นายและเจ้าหน้าที่รัฐบาล 2 คน . กระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์(9มี.ค.) "มาเลเซียสนับสนุนอย่างแข็งขัน ขอให้เลื่อนการเดินทางที่ไม่จำเป็นไปยังพื้นที่เหล่านั้น ในช่วงเวลานี้" . จากนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เดินทางเยือนไทย 35.5 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว ในนั้นเป็นนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียราว 4.9 ล้านคน ทำให้ มาเลเซีย เป็นตลาดด้านการท่องเที่ยวใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของไทย รองจากจีน . รอยเตอร์อ้างคำสัมภาษณ์ของว่าที่ร้อยตรีตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส บอกว่าได้ยกระดับคุมเข้มด้านความปลอดภัยในพื้นที่ "เหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่เกิดขึ้นมา 4 ถึง 5 ปีแล้ว" พร้อมระบุยังคงมีชาวมาเลเซียอยู่ในพื้นที่ แต่ยอมรับว่าในเบื้องต้น เหตุการณ์นี้คงจะส่งผลกระทบอยู่บ้าง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000023259 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    Love
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1887 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอร์เอเชียจากแม่สู่ลูก

    แคปิตอล เอ (Capital A) หรือกลุ่มแอร์เอเชียเดิม ผู้ก่อตั้งสายการบินต้นทุนต่ำสัญชาติมาเลเซีย กำลังปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ หลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และถูกตลาดหลักทรัพย์มาเลเซีย (Bursa Malaysia) จัดให้หุ้น CAPI อยู่ในสถานะ "PN17" หรือมีปัญหาทางการเงิน มาตั้งแต่ปี 2565 ล่าสุดได้รับอนุมัติแผนการปรับปรุงบริษัทฯ เมื่อวันที่ 7 มี.ค.

    โทนี่ เฟอร์นันเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแคปิตอล เอ เปิดเผยว่า จะเรียกประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งพิเศษ (EGM) ในเดือน เม.ย. เพื่อขออนุมัติแผน ก่อนยื่นเรื่องไปที่ศาลสูงเพื่อขออนุมัติแผนลดทุนจดทะเบียน ถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการขายหุ้น แอร์เอเชีย เอวิเอชั่น กรุ๊ป (AAAGL) และมุ่งเน้นทำธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบิน หากปลดล็อกสถานะ PN17 ได้ จะสร้างโอกาสการเติบโตใหม่ๆ และเข้าถึงตลาดทุนมากขึ้น

    อีกด้านหนึ่ง โทนี่ยังได้เสนอขายหุ้นแบบส่วนตัว มูลค่า 1,000 ล้านริงกิต (7,700 ล้านบาท) เพื่อระดมทุนในกลุ่มบริษัทฯ ล่าสุดถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว แต่ปฎิเสธข่าวกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะของซาอุดิอาระเบีย (PIF) มีแผนที่ลงทุนในกลุ่มบริษัทฯ 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และไม่ระบุว่าได้จองซื้อหุ้นจากการเสนอขายแบบส่วนตัวหรือไม่

    เมื่อปีที่แล้ว แคปิตอล เอ ประกาศว่าจะขายธุรกิจการบินแอร์เอเชียให้กับ แอร์เอเชีย เอ็กซ์ (Airasia X หรือหุ้น AIRX) ซึ่งแยกบริษัทออกมาทำธุรกิจการบินระยะไกล (มากกว่า 4 ชั่วโมง) ก่อนหน้านี้ ด้วยมูลค่า 6,800 ล้านริงกิต (52,000 ล้านบาท) และจะรวมแบรนด์แอร์เอเชีย เอ็กซ์ กับแอร์เอเชีย ภายใต้ชื่อ AirAsia เพียงแบรนด์เดียว

    ส่วนแคปิตอล เอ จะลดทุนจดทะเบียนเพื่อชดเชยการขาดทุนสะสม และปรับโครงสร้างธุรกิจเหลือเพียง 6 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1. ธุรกิจซ่อมบํารุงเครื่องบิน Asia Digital Engineering (ADE) สัดส่วนรายได้ 23% 2. ธุรกิจขนส่งสินค้า Teleport สัดส่วนรายได้ 40% 3. ธุรกิจแพลตฟอร์มดิจิทัล AirAsia MOVE สัดส่วนรายได้ 19% 4. ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน Santan 5. ธุรกิจฟินเทค BigPay 6. ธุรกิจบริหารจัดการแบรนด์แอร์เอเชีย Abc. International เป็นต้น

    ก่อนหน้านี้สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แคปิตอล เอ เปิดเผยผลประกอบการปี 2567 พบว่าขาดทุนสุทธิ 475.1 ล้านริงกิต (3,632 ล้านบาท) จากปี 2566 มีกำไร 255.3 ล้านริงกิต (1,952 ล้านบาท) ส่วนใหญ่ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 1,400 ล้านริงกิต (10,700 ล้านบาท) โดยเฉพาะธุรกิจการบิน ทำให้ไตรมาสที่ 4 ขาดทุนเพิ่มขึ้นเป็น 1,570 ล้านริงกิต (12,000 ล้านบาท) จาก 345.3 ล้านริงกิต (2,640 ล้านบาท) เมื่อปีก่อน

    #Newskit
    แอร์เอเชียจากแม่สู่ลูก แคปิตอล เอ (Capital A) หรือกลุ่มแอร์เอเชียเดิม ผู้ก่อตั้งสายการบินต้นทุนต่ำสัญชาติมาเลเซีย กำลังปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ หลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และถูกตลาดหลักทรัพย์มาเลเซีย (Bursa Malaysia) จัดให้หุ้น CAPI อยู่ในสถานะ "PN17" หรือมีปัญหาทางการเงิน มาตั้งแต่ปี 2565 ล่าสุดได้รับอนุมัติแผนการปรับปรุงบริษัทฯ เมื่อวันที่ 7 มี.ค. โทนี่ เฟอร์นันเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแคปิตอล เอ เปิดเผยว่า จะเรียกประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งพิเศษ (EGM) ในเดือน เม.ย. เพื่อขออนุมัติแผน ก่อนยื่นเรื่องไปที่ศาลสูงเพื่อขออนุมัติแผนลดทุนจดทะเบียน ถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการขายหุ้น แอร์เอเชีย เอวิเอชั่น กรุ๊ป (AAAGL) และมุ่งเน้นทำธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบิน หากปลดล็อกสถานะ PN17 ได้ จะสร้างโอกาสการเติบโตใหม่ๆ และเข้าถึงตลาดทุนมากขึ้น อีกด้านหนึ่ง โทนี่ยังได้เสนอขายหุ้นแบบส่วนตัว มูลค่า 1,000 ล้านริงกิต (7,700 ล้านบาท) เพื่อระดมทุนในกลุ่มบริษัทฯ ล่าสุดถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว แต่ปฎิเสธข่าวกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะของซาอุดิอาระเบีย (PIF) มีแผนที่ลงทุนในกลุ่มบริษัทฯ 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และไม่ระบุว่าได้จองซื้อหุ้นจากการเสนอขายแบบส่วนตัวหรือไม่ เมื่อปีที่แล้ว แคปิตอล เอ ประกาศว่าจะขายธุรกิจการบินแอร์เอเชียให้กับ แอร์เอเชีย เอ็กซ์ (Airasia X หรือหุ้น AIRX) ซึ่งแยกบริษัทออกมาทำธุรกิจการบินระยะไกล (มากกว่า 4 ชั่วโมง) ก่อนหน้านี้ ด้วยมูลค่า 6,800 ล้านริงกิต (52,000 ล้านบาท) และจะรวมแบรนด์แอร์เอเชีย เอ็กซ์ กับแอร์เอเชีย ภายใต้ชื่อ AirAsia เพียงแบรนด์เดียว ส่วนแคปิตอล เอ จะลดทุนจดทะเบียนเพื่อชดเชยการขาดทุนสะสม และปรับโครงสร้างธุรกิจเหลือเพียง 6 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1. ธุรกิจซ่อมบํารุงเครื่องบิน Asia Digital Engineering (ADE) สัดส่วนรายได้ 23% 2. ธุรกิจขนส่งสินค้า Teleport สัดส่วนรายได้ 40% 3. ธุรกิจแพลตฟอร์มดิจิทัล AirAsia MOVE สัดส่วนรายได้ 19% 4. ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน Santan 5. ธุรกิจฟินเทค BigPay 6. ธุรกิจบริหารจัดการแบรนด์แอร์เอเชีย Abc. International เป็นต้น ก่อนหน้านี้สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แคปิตอล เอ เปิดเผยผลประกอบการปี 2567 พบว่าขาดทุนสุทธิ 475.1 ล้านริงกิต (3,632 ล้านบาท) จากปี 2566 มีกำไร 255.3 ล้านริงกิต (1,952 ล้านบาท) ส่วนใหญ่ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 1,400 ล้านริงกิต (10,700 ล้านบาท) โดยเฉพาะธุรกิจการบิน ทำให้ไตรมาสที่ 4 ขาดทุนเพิ่มขึ้นเป็น 1,570 ล้านริงกิต (12,000 ล้านบาท) จาก 345.3 ล้านริงกิต (2,640 ล้านบาท) เมื่อปีก่อน #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 377 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขยายบริการ DRT เกาะปีนัง ไปยังเกอร์นีย์และบัตเตอร์เวิร์ธ

    บริการขนส่งสาธารณะเพื่อตอบสนองความต้องการเดินทาง หรือ DRT (Demand Responsive Transport) ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งใช้รถตู้เป็นยานพาหนะ เชื่อมต่อระหว่างสถานีรถไฟฟ้าหลักไปยังชุมชนในรัศมีประมาณ 2 กิโลเมตร โดยเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน เลือกจุดขึ้นรถ จุดลงรถ และชำระค่าโดยสารผ่านบัตรโดยสาร ไม่ได้จำกัดเพียงแค่พื้นที่หุบเขาแคลง (Klang Valley) ในเมืองหลวงเท่านั้น แต่มหานครอันดับสองอย่างรัฐปีนัง เริ่มให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา

    บริษัทแรพิดบัส (Rapid Bus) ผู้ให้บริการรถโดยสาร แรพิด ปีนัง (Rapid Penang) ประกาศว่าจะขยายบริการ แรพิด ปีนัง ออน ดีมานด์ (Rapid Penang On-Demand) จากเดิมมีสาย T210B ฟาร์ลิม-ไอร์อิตัม (Farlim-Air Itam) เพิ่มอีก 3 เส้นทาง ตั้งแต่ 15 มี.ค.2568 เป็นต้นไป ได้แก่

    สาย T110B เกอร์นีย์-ตันจงบุงกะห์ (Gurney-Tanjung Bungah) ใช้รถตู้ 6 คัน

    สาย T710B ซันเวย์-บัตเตอร์เวิร์ธ (Sunway-Butterworth) ใช้รถตู้ 6 คัน

    และสาย T211B ปายา เตอรูบง (Paya Terubong) ใช้รถตู้ 1 คัน

    นอกจากนี้ สาย T210B จะเพิ่มรถตู้จาก 2 คัน เป็น 4 คัน เพื่อรองรับความต้องการที่สูงขึ้น และลดเวลารอคอยของผู้โดยสารจาก 17 นาทีเหลือ 10 นาที ที่ผ่านมามีผู้โดยสารเฉลี่ย 137 คนต่อวัน ซึ่งเกินเป้าหมายเริ่มต้นที่ 100 คนต่อวัน รวมแล้วจำนวนผู้โดยสารทั้งหมดเกิน 26,000 คนในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา

    แถลงการณ์ของบริษัทฯ ระบุว่า เส้นทางใหม่เหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อตอบสนองความต้องการขนส่งสาธารณะ ในพื้นที่ซึ่งมีประชากรหนาแน่นและย่านที่อยู่อาศัยที่เพิ่งพัฒนา แต่ยังขาดการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะ โดยจะทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมต่อไปยังเครือข่ายรถเมล์ Rapid Penang เพิ่มการเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะในรัฐ โดยวางแผนทยอยนำรถตู้ 50 คันมาให้บริการตลอดทั้งปี ซึ่งการเปิดบริการครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนเปลี่ยนไปใช้ระบบขนส่งสาธารณะที่มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    Rapid Penang On-Demand เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00-23.00 น. สามารถจองรถได้ทางแอปพลิเคชัน กัมมูเต (Kummute) คิดค่าโดยสารราคาพิเศษ 1 ริงกิต (ประมาณ 7.70 บาท) ต่อเที่ยวการเดินทาง และจะใช้วิธีการชำระเงินแบบไม่ใช้เงินสด ได้แก่ บัตร My50 และบัตร OKU Smile สำหรับคนในพื้นที่ บัตรเดบิต บัตรเครดิต DuitNow QR และกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ โดยจะเริ่มจากเส้นทาง T210B ฟาร์ลิม-ไอร์อิตัม ตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค.2568 ก่อนจะนำมาใช้ทั้ง 3 เส้นทางที่เปิดให้บริการขึ้นมาใหม่

    #Newskit
    ขยายบริการ DRT เกาะปีนัง ไปยังเกอร์นีย์และบัตเตอร์เวิร์ธ บริการขนส่งสาธารณะเพื่อตอบสนองความต้องการเดินทาง หรือ DRT (Demand Responsive Transport) ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งใช้รถตู้เป็นยานพาหนะ เชื่อมต่อระหว่างสถานีรถไฟฟ้าหลักไปยังชุมชนในรัศมีประมาณ 2 กิโลเมตร โดยเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน เลือกจุดขึ้นรถ จุดลงรถ และชำระค่าโดยสารผ่านบัตรโดยสาร ไม่ได้จำกัดเพียงแค่พื้นที่หุบเขาแคลง (Klang Valley) ในเมืองหลวงเท่านั้น แต่มหานครอันดับสองอย่างรัฐปีนัง เริ่มให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา บริษัทแรพิดบัส (Rapid Bus) ผู้ให้บริการรถโดยสาร แรพิด ปีนัง (Rapid Penang) ประกาศว่าจะขยายบริการ แรพิด ปีนัง ออน ดีมานด์ (Rapid Penang On-Demand) จากเดิมมีสาย T210B ฟาร์ลิม-ไอร์อิตัม (Farlim-Air Itam) เพิ่มอีก 3 เส้นทาง ตั้งแต่ 15 มี.ค.2568 เป็นต้นไป ได้แก่ สาย T110B เกอร์นีย์-ตันจงบุงกะห์ (Gurney-Tanjung Bungah) ใช้รถตู้ 6 คัน สาย T710B ซันเวย์-บัตเตอร์เวิร์ธ (Sunway-Butterworth) ใช้รถตู้ 6 คัน และสาย T211B ปายา เตอรูบง (Paya Terubong) ใช้รถตู้ 1 คัน นอกจากนี้ สาย T210B จะเพิ่มรถตู้จาก 2 คัน เป็น 4 คัน เพื่อรองรับความต้องการที่สูงขึ้น และลดเวลารอคอยของผู้โดยสารจาก 17 นาทีเหลือ 10 นาที ที่ผ่านมามีผู้โดยสารเฉลี่ย 137 คนต่อวัน ซึ่งเกินเป้าหมายเริ่มต้นที่ 100 คนต่อวัน รวมแล้วจำนวนผู้โดยสารทั้งหมดเกิน 26,000 คนในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา แถลงการณ์ของบริษัทฯ ระบุว่า เส้นทางใหม่เหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อตอบสนองความต้องการขนส่งสาธารณะ ในพื้นที่ซึ่งมีประชากรหนาแน่นและย่านที่อยู่อาศัยที่เพิ่งพัฒนา แต่ยังขาดการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะ โดยจะทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมต่อไปยังเครือข่ายรถเมล์ Rapid Penang เพิ่มการเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะในรัฐ โดยวางแผนทยอยนำรถตู้ 50 คันมาให้บริการตลอดทั้งปี ซึ่งการเปิดบริการครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนเปลี่ยนไปใช้ระบบขนส่งสาธารณะที่มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น Rapid Penang On-Demand เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00-23.00 น. สามารถจองรถได้ทางแอปพลิเคชัน กัมมูเต (Kummute) คิดค่าโดยสารราคาพิเศษ 1 ริงกิต (ประมาณ 7.70 บาท) ต่อเที่ยวการเดินทาง และจะใช้วิธีการชำระเงินแบบไม่ใช้เงินสด ได้แก่ บัตร My50 และบัตร OKU Smile สำหรับคนในพื้นที่ บัตรเดบิต บัตรเครดิต DuitNow QR และกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ โดยจะเริ่มจากเส้นทาง T210B ฟาร์ลิม-ไอร์อิตัม ตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค.2568 ก่อนจะนำมาใช้ทั้ง 3 เส้นทางที่เปิดให้บริการขึ้นมาใหม่ #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 477 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## ท่าทีที่น่ากังวล ของ สส. ผู้ทรงเกียรติ ##
    ..
    ..
    นายคนนี้ คือ สส. พรรคสีสัม ใครเลือกมา ได้โปรด ติดตามผลงานของท่านด้วย...!!!
    .
    นายคนนี้คือ นาย รอมฎอน ปันจอร์ สส. ที่อยู่ทางภาคใต้ ของ พรรคประชาชน
    .
    ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เกิดเหตุความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเหตุก่อขึ้นโดย กลุ่มก่อการร้ายภาคใต้...
    .
    สส. พรรคสีส้ม รายนี้ ไม่เคยตำหนิผู้ก่อการร้าย ที่ใช้ความรุนแรงเลย...
    .
    อย่างเดียวที่เขาพูดคือ ตำหนิ รัฐไทย ว่า เจ้าหน้าที่ไทยมีปัญหา กดขี่ ข่มขู่ ไม่จริงใจในการแสวงหาสันติภาพ...!!!
    .
    ให้ยกเลิก กฎอัยการศึก ให้ยกเลิก ศอ.บต.
    .
    จริงหรือไม่ หลายครั้ง สส.ท่านนี้ ไปงานสัมนา มากกว่า 1 ครั้ง และ พูด ชวัดเชวียน ไปมา ในทำนอง ประกาศอิสรภาพ เอกราช ประชามติ ปกครองตัวเอง
    .
    โดยครั้งหนึ่ง งานเสวนาที่ท่านเป็นแขกรับเชิญ ท่าน อาจะเป็น นกรู้ หรือ อย่างไรก็ไม่ทราบ ท่านไม่มา...
    .
    แต่ในงานนั้นมีการ "จัดการจำลอง" การ "ทำประชามติ แบ่งแยกดินแดน" ให้ รัฐปาตานี ปกครองตัวเอง (ในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของรัฐทางภาคใต้)
    .
    ซึ่ง รัฐปาตานี นี้นักประวัติศาสตร์หลายท่านกล่าวว่า จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์นั้นไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงกลุ่มคนผลักดันขึ้นมาเพื่อประโยชน์ทางการเมือง
    .
    ถึงขั้น คนอีกกลุ่ม เอาไปทำบอร์ดเกม เนื้อหาระบุว่า รัฐไทยกระทำการเหี้ยมโหด โหดร้ายทารุณ ต่อ ชาวปาตานี
    .
    ปาตานี ในที่นี้ พวกเขาไม่ได้หมายถึง จังหวัดปัตตานี นะครับ เขาหมายรวม ครอบคลุม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอ ของ จังหวัดสงขลา ในปัจจุบัน รวมทั้งตอนเหนือของมาเลเซียในบางยุคสมัย ด้วย (นี่คือชุดข้อมูลของพวกเขา)
    .
    ซึ่งหลายครั้ง คุณ พวกคุณ คณะก้าวหน้า ธนาธร ช่อ ปิยะบุตร รวมไปถึง นักการเมืองอีกพรรคหนึ่ง เวลาไปเสวนา ก็จะพูดไปในทำนองนี้ รัฐไทยกดขี่ สร้างความเจ็บปวดให้ ใช่หรือไม่...???
    .
    คลิป มันมีนะครับ สมัยนี้เขาเรียก Digital Footprint พวกคุณหนีความจริงไม่พ้นหรอก
    .
    พวกเราประชาชนตาดำๆ ตัวจริงเสียงจริง ที่ไม่ใช่พรรคการเมือง ต้องช่วยกัน สอดส่องพฤติกรรม ของ สส. ที่พวกคุณเลือกเข้ามาด้วยนะครับ ว่าพวกเขาทำอะไรบ้าง...???
    .
    ลึกๆแล้วพวกเขาคิดอะไร ต้องการอะไรกันแน่...???
    .
    ผมอาจจะผิดก็ได้ แต่ผมไม่สบายใจกับท่าที ของ สส. ผู้ทรงเกียรติหลายท่าน รวมไปถึง อดีต สส.เอย NGO เอย มานานพอสมควรแล้วครับ
    .
    แล้วจริงหรือไม่ ที่พรรคก้าวไกล เคยเสนอแก้รัฐนูญ นอกจากหมวด 2 ที่เกี่ยวกับ สถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว...
    .
    พรรคก้าวไกล ยังเคยเสนอแก้รัฐนูญ หมวด 1 อีกด้วย
    .
    หากผมจำไม่ผิด รัฐธรรมนูญ หมวด 1 ระบุว่า
    .
    มาตรา ๑ ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้
    .
    มาตรา ๒ ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
    .
    มาตรา ๓ อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
    .
    ผมถาม ใน 3 มาตรานี้ พวกคุณต้องการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อไหน...???
    .
    ผมจำชื่อไม่ได้ แต่มีอาจารย์คนหนึ่งเคยพูดว่า เรื่อง "มาตรา ๑ ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้" ไว้ว่า...
    .
    "มันต้องแบ่งได้"
    .
    ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของอาจารย์ท่านนั้นคนเดียวก็ได้...
    .
    แต่ผมเห็น หลายๆท่าน หลายๆกระบวนการ บอกตามตรงในฐานะ "พลเมืองไทย" ผมกังวลต่อท่าทีของหลายๆท่านมากนะครับ...
    .
    สงสารตัวเอง สงสารลูกหลาน...
    .
    และ ผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า คนที่ยังไม่รู้พฤติกรรมแปลกๆพวกนี้ ยังมีอีกเยอะครับ...
    ## ท่าทีที่น่ากังวล ของ สส. ผู้ทรงเกียรติ ## .. .. นายคนนี้ คือ สส. พรรคสีสัม ใครเลือกมา ได้โปรด ติดตามผลงานของท่านด้วย...!!! . นายคนนี้คือ นาย รอมฎอน ปันจอร์ สส. ที่อยู่ทางภาคใต้ ของ พรรคประชาชน . ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เกิดเหตุความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเหตุก่อขึ้นโดย กลุ่มก่อการร้ายภาคใต้... . สส. พรรคสีส้ม รายนี้ ไม่เคยตำหนิผู้ก่อการร้าย ที่ใช้ความรุนแรงเลย... . อย่างเดียวที่เขาพูดคือ ตำหนิ รัฐไทย ว่า เจ้าหน้าที่ไทยมีปัญหา กดขี่ ข่มขู่ ไม่จริงใจในการแสวงหาสันติภาพ...!!! . ให้ยกเลิก กฎอัยการศึก ให้ยกเลิก ศอ.บต. . จริงหรือไม่ หลายครั้ง สส.ท่านนี้ ไปงานสัมนา มากกว่า 1 ครั้ง และ พูด ชวัดเชวียน ไปมา ในทำนอง ประกาศอิสรภาพ เอกราช ประชามติ ปกครองตัวเอง . โดยครั้งหนึ่ง งานเสวนาที่ท่านเป็นแขกรับเชิญ ท่าน อาจะเป็น นกรู้ หรือ อย่างไรก็ไม่ทราบ ท่านไม่มา... . แต่ในงานนั้นมีการ "จัดการจำลอง" การ "ทำประชามติ แบ่งแยกดินแดน" ให้ รัฐปาตานี ปกครองตัวเอง (ในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของรัฐทางภาคใต้) . ซึ่ง รัฐปาตานี นี้นักประวัติศาสตร์หลายท่านกล่าวว่า จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์นั้นไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงกลุ่มคนผลักดันขึ้นมาเพื่อประโยชน์ทางการเมือง . ถึงขั้น คนอีกกลุ่ม เอาไปทำบอร์ดเกม เนื้อหาระบุว่า รัฐไทยกระทำการเหี้ยมโหด โหดร้ายทารุณ ต่อ ชาวปาตานี . ปาตานี ในที่นี้ พวกเขาไม่ได้หมายถึง จังหวัดปัตตานี นะครับ เขาหมายรวม ครอบคลุม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอ ของ จังหวัดสงขลา ในปัจจุบัน รวมทั้งตอนเหนือของมาเลเซียในบางยุคสมัย ด้วย (นี่คือชุดข้อมูลของพวกเขา) . ซึ่งหลายครั้ง คุณ พวกคุณ คณะก้าวหน้า ธนาธร ช่อ ปิยะบุตร รวมไปถึง นักการเมืองอีกพรรคหนึ่ง เวลาไปเสวนา ก็จะพูดไปในทำนองนี้ รัฐไทยกดขี่ สร้างความเจ็บปวดให้ ใช่หรือไม่...??? . คลิป มันมีนะครับ สมัยนี้เขาเรียก Digital Footprint พวกคุณหนีความจริงไม่พ้นหรอก . พวกเราประชาชนตาดำๆ ตัวจริงเสียงจริง ที่ไม่ใช่พรรคการเมือง ต้องช่วยกัน สอดส่องพฤติกรรม ของ สส. ที่พวกคุณเลือกเข้ามาด้วยนะครับ ว่าพวกเขาทำอะไรบ้าง...??? . ลึกๆแล้วพวกเขาคิดอะไร ต้องการอะไรกันแน่...??? . ผมอาจจะผิดก็ได้ แต่ผมไม่สบายใจกับท่าที ของ สส. ผู้ทรงเกียรติหลายท่าน รวมไปถึง อดีต สส.เอย NGO เอย มานานพอสมควรแล้วครับ . แล้วจริงหรือไม่ ที่พรรคก้าวไกล เคยเสนอแก้รัฐนูญ นอกจากหมวด 2 ที่เกี่ยวกับ สถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว... . พรรคก้าวไกล ยังเคยเสนอแก้รัฐนูญ หมวด 1 อีกด้วย . หากผมจำไม่ผิด รัฐธรรมนูญ หมวด 1 ระบุว่า . มาตรา ๑ ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้ . มาตรา ๒ ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข . มาตรา ๓ อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ . ผมถาม ใน 3 มาตรานี้ พวกคุณต้องการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อไหน...??? . ผมจำชื่อไม่ได้ แต่มีอาจารย์คนหนึ่งเคยพูดว่า เรื่อง "มาตรา ๑ ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้" ไว้ว่า... . "มันต้องแบ่งได้" . ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของอาจารย์ท่านนั้นคนเดียวก็ได้... . แต่ผมเห็น หลายๆท่าน หลายๆกระบวนการ บอกตามตรงในฐานะ "พลเมืองไทย" ผมกังวลต่อท่าทีของหลายๆท่านมากนะครับ... . สงสารตัวเอง สงสารลูกหลาน... . และ ผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า คนที่ยังไม่รู้พฤติกรรมแปลกๆพวกนี้ ยังมีอีกเยอะครับ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 425 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✨พระยอดขุนพลหลวงพ่อขันต์วัดศรีอารย์ จังหวัดราชบุรีปีพ.ศ.2504เป็นพระที่ได้ชื่อว่าเป็นพระยอดขุนพลแห่งลุ่มน้ำแม่กลอง โดยเนื้อหามวลสารมีความพิเศษด้วยแร่และดินที่มาจากแหล่งเดียวกันกับพระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ปัตตานี ปีพ.ศ.2497ผสมกับดินกรุจากกรุต่างๆทั่วประเทศพร้อมกับว่านร้อยแปดจากมาเลเซีย

    พระเครื่องชุดนี้มี 5 พิมพ์ด้วยกัน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นพิมพ์ใด พระของหลวงพ่อขันธ์นั้น ท่านว่าล้วนแล้วแต่ มีพุทธคุณเด่นในทาง เมตตามหานิยม โชคโภคทรัพย์ และ คงกระพันชาตรียิ่ง
    ✨พระยอดขุนพลหลวงพ่อขันต์วัดศรีอารย์ จังหวัดราชบุรีปีพ.ศ.2504เป็นพระที่ได้ชื่อว่าเป็นพระยอดขุนพลแห่งลุ่มน้ำแม่กลอง โดยเนื้อหามวลสารมีความพิเศษด้วยแร่และดินที่มาจากแหล่งเดียวกันกับพระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ปัตตานี ปีพ.ศ.2497ผสมกับดินกรุจากกรุต่างๆทั่วประเทศพร้อมกับว่านร้อยแปดจากมาเลเซีย พระเครื่องชุดนี้มี 5 พิมพ์ด้วยกัน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นพิมพ์ใด พระของหลวงพ่อขันธ์นั้น ท่านว่าล้วนแล้วแต่ มีพุทธคุณเด่นในทาง เมตตามหานิยม โชคโภคทรัพย์ และ คงกระพันชาตรียิ่ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 3 0 รีวิว
  • แอร์เอเชียโบกมือลา หยุดให้บริการสนามบินซูบัง

    หลังจากสายการบินต้นทุนต่ำสัญชาติมาเลเซีย แอร์เอเชีย (AirAsia) กลับมาทำการบินที่ท่าอากาศยานสุลต่านอับดุลอาซิสชาห์ หรือท่าอากาศยานซูบัง (Subang หรือ SZB) ซึ่งเป็นอดีตสนามบินหลักของกรุงกัวลาลัมเปอร์ ในรอบ 24 ปี ไปยังรัฐซาบาห์และรัฐซาราวักบนเกาะบอร์เนียว มาตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค.2567 ที่ผ่านมา ปรากฎว่าผ่านไปเพียง 7 เดือน ในที่สุดประกาศว่า จะกลับมารวมเที่ยวบินภายในประเทศที่ท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ (KUL) อาคาร 2 (KLIA2) เช่นเดิม มีผลตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย.2568 เป็นต้นไป ผู้โดยสารที่เคยจองบัตรโดยสารไว้ก่อนหน้านี้ ต้องเปลี่ยนไปขึ้นหรือลงที่ KLIA2 แทน

    แถลงการณ์ของแอร์เอเชียอ้างว่าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เนื่องจากผู้โดยสารระหว่าง KLIA2 ไปยังเมืองหลัก เช่น โกตากินาบาลู (Kota Kinabalu) และกูชิง (Kucing) เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการให้บริการรวมกันที่ KLIA2 จะช่วยรองรับปริมาณการเดินทางได้ดีขึ้น แม้ท่าอากาศยานซูบังจะสะดวกสบายโดยเฉพาะนักเดินทางที่มุ่งหน้าสู่ใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ แต่การพัฒนาสนามบินซูบังขึ้นมาใหม่เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตต้องใช้เวลา ขณะที่ท่าอากาศยาน KLIA2 เป็นทำเลที่ดีที่สุดในการเพิ่มประสิทธิภาพ และคุณภาพการให้บริการ

    ฟาเรห์ มาซปุตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแอร์เอเชีย เห็นว่าโครงสร้างพื้นฐานของ KLIA2 รองรับการเชื่อมต่อขนาดใหญ่ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่มีการเดินทางสูงสุด และอาคารผู้โดยสารยังรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องสำหรับ\เพิ่มเที่ยวบิน เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในเส้นทางมาเลเซียตะวันออก

    การยุติให้บริการของแอร์เอเชีย ทำให้ยังคงเหลือสายการบินที่ทำการบินที่ท่าอากาศยานซูบัง ได้แก่ ไฟร์ฟลาย (Firefly) ไปยังสนามบินเซเลตาร์ (Seletar) หรือ XSP ในสิงคโปร์มากถึงวันละ 5 เที่ยวบิน ปีนัง (Penang) วันละ 4 เที่ยวบิน โกตาบารู (Kota Bharu) วันละ 2-4 เที่ยวบิน ยะโฮร์บาห์รู (Johor Bahru) วันละ 2 เที่ยวบิน และเมืองอื่นๆ เช่น อลอร์สตาร์ (Alor Setar) ลังกาวี (Langkawi) กัวลาตรังกานู (Kuala Terengganu) และโกตากินาบาลู

    ส่วนสายการบินอื่นๆ อาทิ รายาแอร์เวย์ (Raya Airways) ไปยังโกตากินาบาลู 2 เที่ยวบิน กูชิง 2 เที่ยวบิน ลาบวน (Labuan) ฮ่องกง (HKG) 1-2 เที่ยวบิน สิงคโปร์ชางงี (SIN) และจาการ์ตา (Jakarta CGK) อินโดนีเซีย, เบอร์จายาแอร์ (Berjaya Air) ให้บริการเที่ยวบินเช่าเหมาลำไปยังลังกาวีและเรดัง (Redang), ทรานส์นูซา (TransNusa) ไปยังจาการ์ตา และสกู๊ต (Scoot) ไปยังสิงคโปร์ชางงี เป็นต้น

    #Newskit
    แอร์เอเชียโบกมือลา หยุดให้บริการสนามบินซูบัง หลังจากสายการบินต้นทุนต่ำสัญชาติมาเลเซีย แอร์เอเชีย (AirAsia) กลับมาทำการบินที่ท่าอากาศยานสุลต่านอับดุลอาซิสชาห์ หรือท่าอากาศยานซูบัง (Subang หรือ SZB) ซึ่งเป็นอดีตสนามบินหลักของกรุงกัวลาลัมเปอร์ ในรอบ 24 ปี ไปยังรัฐซาบาห์และรัฐซาราวักบนเกาะบอร์เนียว มาตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค.2567 ที่ผ่านมา ปรากฎว่าผ่านไปเพียง 7 เดือน ในที่สุดประกาศว่า จะกลับมารวมเที่ยวบินภายในประเทศที่ท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ (KUL) อาคาร 2 (KLIA2) เช่นเดิม มีผลตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย.2568 เป็นต้นไป ผู้โดยสารที่เคยจองบัตรโดยสารไว้ก่อนหน้านี้ ต้องเปลี่ยนไปขึ้นหรือลงที่ KLIA2 แทน แถลงการณ์ของแอร์เอเชียอ้างว่าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เนื่องจากผู้โดยสารระหว่าง KLIA2 ไปยังเมืองหลัก เช่น โกตากินาบาลู (Kota Kinabalu) และกูชิง (Kucing) เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการให้บริการรวมกันที่ KLIA2 จะช่วยรองรับปริมาณการเดินทางได้ดีขึ้น แม้ท่าอากาศยานซูบังจะสะดวกสบายโดยเฉพาะนักเดินทางที่มุ่งหน้าสู่ใจกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ แต่การพัฒนาสนามบินซูบังขึ้นมาใหม่เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตต้องใช้เวลา ขณะที่ท่าอากาศยาน KLIA2 เป็นทำเลที่ดีที่สุดในการเพิ่มประสิทธิภาพ และคุณภาพการให้บริการ ฟาเรห์ มาซปุตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแอร์เอเชีย เห็นว่าโครงสร้างพื้นฐานของ KLIA2 รองรับการเชื่อมต่อขนาดใหญ่ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่มีการเดินทางสูงสุด และอาคารผู้โดยสารยังรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องสำหรับ\เพิ่มเที่ยวบิน เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในเส้นทางมาเลเซียตะวันออก การยุติให้บริการของแอร์เอเชีย ทำให้ยังคงเหลือสายการบินที่ทำการบินที่ท่าอากาศยานซูบัง ได้แก่ ไฟร์ฟลาย (Firefly) ไปยังสนามบินเซเลตาร์ (Seletar) หรือ XSP ในสิงคโปร์มากถึงวันละ 5 เที่ยวบิน ปีนัง (Penang) วันละ 4 เที่ยวบิน โกตาบารู (Kota Bharu) วันละ 2-4 เที่ยวบิน ยะโฮร์บาห์รู (Johor Bahru) วันละ 2 เที่ยวบิน และเมืองอื่นๆ เช่น อลอร์สตาร์ (Alor Setar) ลังกาวี (Langkawi) กัวลาตรังกานู (Kuala Terengganu) และโกตากินาบาลู ส่วนสายการบินอื่นๆ อาทิ รายาแอร์เวย์ (Raya Airways) ไปยังโกตากินาบาลู 2 เที่ยวบิน กูชิง 2 เที่ยวบิน ลาบวน (Labuan) ฮ่องกง (HKG) 1-2 เที่ยวบิน สิงคโปร์ชางงี (SIN) และจาการ์ตา (Jakarta CGK) อินโดนีเซีย, เบอร์จายาแอร์ (Berjaya Air) ให้บริการเที่ยวบินเช่าเหมาลำไปยังลังกาวีและเรดัง (Redang), ทรานส์นูซา (TransNusa) ไปยังจาการ์ตา และสกู๊ต (Scoot) ไปยังสิงคโปร์ชางงี เป็นต้น #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 397 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts