• ส่องไพ่ในมือจีน สู้ศึกภาษีทรัมป์ : คนเคาะข่าว 17-04-68

    #คนเคาะข่าว #ศึกภาษีทรัมป์ #จีนvsสหรัฐ #สงครามการค้า #ไพ่ในมือจีน #ภาษีนำเข้า #เศรษฐกิจโลก #Geopolitics #การเมืองโลก #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #ทรัมป์ #จีน #thaitimes #ข่าวต่างประเทศ #ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ
    ส่องไพ่ในมือจีน สู้ศึกภาษีทรัมป์ : คนเคาะข่าว 17-04-68 #คนเคาะข่าว #ศึกภาษีทรัมป์ #จีนvsสหรัฐ #สงครามการค้า #ไพ่ในมือจีน #ภาษีนำเข้า #เศรษฐกิจโลก #Geopolitics #การเมืองโลก #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #ทรัมป์ #จีน #thaitimes #ข่าวต่างประเทศ #ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • Shein และ Temu เตรียมปรับขึ้นราคาสินค้าในสัปดาห์หน้า เนื่องจากนโยบายของ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เข้มงวดขึ้นเกี่ยวกับ ภาษีนำเข้าและการปิดช่องโหว่ทางการค้า ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทเพิ่มขึ้น

    ✅ Shein และ Temu จะปรับขึ้นราคาสินค้าในวันที่ 25 เมษายน 2025
    - ทั้งสองบริษัทส่งจดหมายแจ้งลูกค้าให้รีบซื้อสินค้าก่อนราคาจะปรับขึ้น
    - การขึ้นราคาสินค้าเป็นผลมาจาก การเปลี่ยนแปลงกฎการค้าระหว่างประเทศและภาษีนำเข้า

    ✅ นโยบายภาษีนำเข้าของทรัมป์ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของ Shein และ Temu
    - ก่อนหน้านี้ Shein และ Temu อาศัย ข้อยกเว้น "de minimis" ที่อนุญาตให้สินค้าราคาไม่เกิน $800 เข้าสหรัฐฯ โดยไม่ต้องเสียภาษี
    - คำสั่งบริหารใหม่ของทรัมป์ ปิดช่องโหว่นี้ และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2025

    ✅ ราคาสินค้าบนแพลตฟอร์มก่อนการปรับขึ้น
    - Shein มีสินค้าราคาอยู่ระหว่าง $6 ถึง $91
    - Temu มีสินค้าราคาอยู่ระหว่าง $2.48 ถึง $210

    ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาดอีคอมเมิร์ซ
    - ผู้บริโภคอาจต้องจ่ายเงินมากขึ้นสำหรับสินค้าแฟชั่นและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
    - อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคในสหรัฐฯ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/17/shein-temu-to-get-pricier-as-trump-cracks-down-on-cheap-imports
    Shein และ Temu เตรียมปรับขึ้นราคาสินค้าในสัปดาห์หน้า เนื่องจากนโยบายของ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เข้มงวดขึ้นเกี่ยวกับ ภาษีนำเข้าและการปิดช่องโหว่ทางการค้า ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทเพิ่มขึ้น ✅ Shein และ Temu จะปรับขึ้นราคาสินค้าในวันที่ 25 เมษายน 2025 - ทั้งสองบริษัทส่งจดหมายแจ้งลูกค้าให้รีบซื้อสินค้าก่อนราคาจะปรับขึ้น - การขึ้นราคาสินค้าเป็นผลมาจาก การเปลี่ยนแปลงกฎการค้าระหว่างประเทศและภาษีนำเข้า ✅ นโยบายภาษีนำเข้าของทรัมป์ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของ Shein และ Temu - ก่อนหน้านี้ Shein และ Temu อาศัย ข้อยกเว้น "de minimis" ที่อนุญาตให้สินค้าราคาไม่เกิน $800 เข้าสหรัฐฯ โดยไม่ต้องเสียภาษี - คำสั่งบริหารใหม่ของทรัมป์ ปิดช่องโหว่นี้ และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2025 ✅ ราคาสินค้าบนแพลตฟอร์มก่อนการปรับขึ้น - Shein มีสินค้าราคาอยู่ระหว่าง $6 ถึง $91 - Temu มีสินค้าราคาอยู่ระหว่าง $2.48 ถึง $210 ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาดอีคอมเมิร์ซ - ผู้บริโภคอาจต้องจ่ายเงินมากขึ้นสำหรับสินค้าแฟชั่นและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ - อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคในสหรัฐฯ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/17/shein-temu-to-get-pricier-as-trump-cracks-down-on-cheap-imports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Shein, Temu to get pricier as Trump cracks down on cheap imports
    (Reuters) -Chinese e-marketplace Temu and fast-fashion retailer Shein will raise prices next week as U.S. President Donald Trump's sweeping tariffs and crackdown on low-value imports push up costs for the companies known for their budget offerings.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วน!
    ทำเนียบขาวประกาศตอบโต้จีน ด้วยการเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 245%

    อย่างไรก็ตาม จีนเคยระบุก่อนหน้านี้ว่าจะไม่สนใจการตอบโต้ของสหรัฐฯ อีกต่อไป เนื่องจากจีนมองว่าเป็นการกระทำที่ตลก

    https://thaitimes.co/posts/208453
    ด่วน! ทำเนียบขาวประกาศตอบโต้จีน ด้วยการเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 245% อย่างไรก็ตาม จีนเคยระบุก่อนหน้านี้ว่าจะไม่สนใจการตอบโต้ของสหรัฐฯ อีกต่อไป เนื่องจากจีนมองว่าเป็นการกระทำที่ตลก https://thaitimes.co/posts/208453
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว

  • ตามรอยย้อนกลับ Supply Chain แร่หายากจากพม่ามหาศาลสู่จีน
    ______________________________
    23 ธันวาคม พ.ศ. 2564 บริษัท China Rare Earth Group Co., Ltd. ก่อตัวขึ้นอย่างเป็นทางการ จากการควบรวมของ 3 กิจการด้านอุตสาหกรรมแร่หายากในจีน China Aluminium Corporation, China Minmetals Corporation และ Ganzhou Rare Earth Group Co., Ltd. เป้าคือพัฒนาอุตสาหกรรมแร่หายาก วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี
    China Rare Earth Group อยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยตรงของรัฐ-คณะกรรมการกำกับดูแลและบริหารสินทรัพย์ที่เป็นเจ้าของของสภาแห่งรัฐ ถือหุ้นร้อยละ 31.21 China Aluminium Corporation, China Minmetals Corporation และ Ganzhou Rare Earth Group Co., Ltd. แต่ละบริษัทถือหุ้นร้อยละ 20.33; China Iron and Steel Research Technology Group Co., Ltd. และ Youyan Technology Group Co., Ltd. ถือหุ้นร้อยละ 3.90
    ปัจจุบันจีนมีปริมาณการผลิตแร่ธาตุ หายากสูงเป็นอันดับ 1 ของโลกอยู่ที่ 132,000 ตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 63 ของปริมาณการผลิตแร่ธาตุหายากทั่วโลก ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 210,000 ตัน โดยประเทศอื่น ๆ ที่มีปริมาณการผลิตแร่ธาตุหายากในลำดับถัดมา ได้แก่ สหรัฐฯ (26,000 ตัน) เมียนมา (22,000 ตัน) ออสเตรเลีย (21,000 ตัน) อินเดีย (3,000 ตัน) รัสเซีย (2,700 ตัน) มาดากัสการ์ (2,000 ตัน) ไทย (1,800 ตัน) บราซิล (1,000 ตัน) เวียดนาม (900 ตัน) และบุรุนดี (600 ตัน)
    ______________________________
    ระฆังกำแพงภาษีลั่นขึ้นห้วงเมษายน 2568 โดยสหรัฐอเมริกา การตอบโต้กลับของจีนเปิดหน้าชก สวนกลับทุกเม็ด รวมถึงได้ขยายการใช้ "แร่หายาก" (rare earths) เป็นเครื่องมือตอบโต้ทางการค้า โดยประกาศจำกัดการส่งออกแร่หายาก 7 ชนิด ซึ่งเป็นวัสดุสำคัญในอุดสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยเป็นการตอบโต้ต่อมาดรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ
    สำหรับแร่หายาก 7 ชนิดได้แก่ ชามาเรียม (Samarium) แกโดลิเนียม (Gadolinium) เทอร์เมียม (Terbium) ดิสโพรเซียม (Dysprosium) ลูทีเซียม (Lutetium) สแกนเดียม (Scandium) และอิดเทรียม (Yttrium) สำหรับแร่หายากยอดนิยมอย่าง นี่โอไดเมียม (Neodymium) และ พราเชโอไดเมียม (Praseodymium) ซึ่งใช้ผลิตแม่เหล็กประสิทธิภาพสูง ยังไม่อยู่ในรายชื่อควบคุม
    หลังการรัฐประหารปี 2021 การส่งออกแร่ธาตุหายากจากพม่าไปจีนเพิ่มขึ้น 5 เท่า สูงถึง 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการการพึ่งพาจีน 90% ของการแปรรูปแร่หายากโลกอยู่ในจีน แบ่งเป็น แร่กลุ่มหายาก (Rare Earth Elements) มูลค่า: 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2025) ส่วนแบ่งการนำเข้า: กว่า 50% ของการนำเข้าแร่หายากทั้งหมดของจีน ชนิดแร่หลัก: เทอร์เบียม (Terbium) และดีสโพรเซียม (Dysprosium) ในกลุ่ม Heavy Rare Earth Elements (HREE) พื้นที่ทำเหมืองหลักที่คะฉิ่น ที่เหมือง Chipwi และ Momauk: มีบ่อแร่มากกว่า 2,700 บ่อ เมือง Panwa: แหล่งผลิตหลักภายใต้การควบคุมของ Kachin Independence Army (KIA) การขยายตัว: จำนวนไซต์ทำเหมืองเพิ่มขึ้น 40% นับตั้งแต่ปี 2021 โดยพื้นที่ KIA: เก็บภาษี 35,000 หยวน/ตัน (ประมาณ 4,800 ดอลลาร์สหรัฐ)
    บริษัทจีนผู้รับซื้อหลัก คือ China Rare Earths Group (REGCC) ควบคุมการประมูลแร่กว่า 80% China Northern Rare Earth Group ผู้ประมูลแร่รายใหญ่ของโลก และ JL Mag Rare-Earth: ผู้ผลิตแม่เหล็กถาวรรายใหญ่ ใช้แร่จากพม่าในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และยังมีบริษัท Rising Nonferrous บริษัทที่ได้รับอนุมัติให้นำเข้าแร่หายากจากเมียนมาโดยตรง
    นอกจากนั้นก็จะมี China Nonferrous Metal Mining Group (CNMC) รับซื้อ: ทองแดง, นิกเกิล พื้นที่รับซื้อคือเหมือง Monywa ในเขตสะกาย บริษัท China Minmetals Corporation: รับซื้อ: แร่หายาก, ดีบุก, ทังสเตน Aluminum Corporation of China (CHINALCO): รับซื้อ: แร่ที่เกี่ยวข้องกับอะลูมิเนียมและโลหะผสม Yunnan Tin Company: รับซื้อ: ดีบุก เพราะเป็นผู้ผลิตดีบุกรายใหญ่ของจีน Pangang Group: รับซื้อ: ทังสเตน, พลวง เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโลหะหนัก
    ______________________________
    การส่งออกแร่ธาตุจากพม่าไปจีนมีป้อนอุตสาหกรรมหลักที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้จีน และแน่นอนต้องใช้ฐานของกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นตลาดหลักและบายพาสไปยังกลุ่มประเทศที่มีกำแพงภาษีสูงไม่ว่าจะเป็น
    • อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles)แร่ธาตุหายาก เช่น ดิสโพรเซียม (Dysprosium) และเทอร์เบียม (Terbium) ที่นำเข้าจากพม่าใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับมอเตอร์ในรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจีนมีความต้องการสูงมากในช่วงหลังเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด EV
    • อุตสาหกรรมพลังงานลม (Wind Power)แม่เหล็กถาวรที่ผลิตจากแร่ธาตุหายากเหล่านี้ยังถูกใช้ในกังหันลมเพื่อผลิตพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายพลังงานทดแทนของจีน
    • อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics)แร่ธาตุหายากจากพม่าถูกนำไปใช้ในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ที่ต้องการแม่เหล็กและวัสดุพิเศษ
    • อุตสาหกรรมแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnets) บริษัทจีนใหญ่ เช่น China Southern Rare Earth ใช้แร่ธาตุจากพม่าในการผลิตแม่เหล็กถาวรที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในหลายอุตสาหกรรม
    • อาวุธยุทโธปกรณ์ (Defence Industry) และอุตสาหกรรมอวกาศ และอากาศยาน (Aerospace Industry)
    สถานการณ์ความต้องการแร่ธาตุหายากงวดขึ้นเพราะนับวันแร่ธาตุเหล่านั้นย่อมลดลง ตามชื่อเพราะยิ่งหายากขึ้น โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 จีนเพิ่มการนำเข้าแร่หายากจากพม่าเกิน 9 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และคิดเป็นกว่า 70% ของแร่ธาตุหายากที่จีนใช้ทั้งหมด ซึ่งทำให้พม่าเป็นแหล่งผลิตแร่หายากที่ใหญ่ที่สุดของจีนในปัจจุบัน
    ______________________________
    ความต้องการสูงและความไม่แน่นอนของซัพพลายเชน โดยเฉพาะในช่วงที่มีความขัดข้องจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้จีนพึ่งพาแหล่งแร่จากต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะพม่าเป็นสัดส่วนถึง 70% ของวัตถุดิบที่ใช้ เนื่องจากเหมืองในจีนผลิตไม่เพียงพอและมีข้อจำกัดด้านสิ่งแวดล้อมและนโยบาย
    ปัญหาจึงอยู่ที่แร่ธาตุหายากจากพม่าส่วนใหญ่ถูกขุดอย่างผิดกฎหมายและผ่านช่องทางที่ไม่โปร่งใส ทำให้บริษัทจีนที่แปรรูปแร่ไม่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ชัดเจน ส่งผลต่อความยั่งยืนและความน่าเชื่อถือของตลาด รวมถึงสร้างปัญหาสุขภาพและสิ่งแวดล้อมต่อพม่าอย่างมหาศาล
    หากเจาะพื้นที่การทำเหมืองในรัฐต่าง ๆ การทำเหมืองในเมียนมามักอยู่ในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งหรือควบคุมโดยกลุ่มติดอาวุธ ซึ่งมีผลต่อการส่งออกและการจัดการทรัพยากร ดังนี้:
    • รัฐคะฉิ่น (Kachin State): แร่หลัก: แร่หายาก (REEs), พลวง, ทองคำ, อิตเทรียม พื้นที่ป่าทางตอนเหนือ อุดมไปด้วยแร่หายาก แต่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างกองทัพเมียนมาและกองทัพปลดปล่อยคะฉิ่น (KIA) ส่วนใหญ่ทำลายสิ่งแวดล้อม น้ำกลายเป็นโคลน และสัตว์ป่าลดลง
    • รัฐฉาน (Shan State): แร่หลัก: ดีบุก, ตะกั่ว, สังกะสี, ทังสเตน,ทองคำพื้นที่ที่มีเหมืองดีบุกขนาดใหญ่ เช่น เหมือง Man Maw การควบคุมโดยกลุ่มติดอาวุธที่เชื่อมโยงกับกองทัพเมียนมา ทำให้เงินจากเหมือง สนับสนุนกองทัพ สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมหาศาลเช่นกันและลุกลามไปยังประเทศเพื่อนบ้านคือประเทศไทย
    • เขตสะกาย (Sagaing Region): แร่หลัก: ทองแดง, นิกเกิล, ทองคำพื้นที่ที่มีการสู้รบหนักระหว่างกองทัพเมียนมาและกองกำลัง PDF
    • เขตมัณฑะเลย์ (Mandalay Region): แร่หลัก: แร่หายาก, พลวง, อิตเทรียม, ทองคำพื้นที่ที่มีเหมืองขนาดเล็กกระจายอยู่
    • เขตตะนาวศรี (Tanintharyi Region): แร่หลัก: ดีบุก เป็นเหมืองดีบุกขนาดใหญ่ใกล้ชายฝั่ง
    • รัฐมอญ (Mon State): แร่หลัก: ทองแดง เป็นเหมืองขนาดเล็กถึงปานกลาง
    • รัฐกะยา (Kayah State): แร่หลัก: ตะกั่ว พื้นที่ที่มีความขัดแย้งสูง
    ______________________________
    สอบทานต้นทาง-ย้อนกลับห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของแร่ธาตุจากเมียนมาไปจีนมีลักษณะดังนี้ เริ่มต้นสำรวจแหล่ง แน่นอนฐานข้อมูลมีอยู่แล้วในมือรัฐบาลทหารพม่า และในกำมือเทคโนโลยีจีน ก่อนจะให้บริษัทเอกชนในแต่ละความถนัดของจีน และของพม่าเอง ขุดและแปรรูปเบื้องต้น เหมืองส่วนใหญ่ในพม่าดำเนินการโดยบริษัทท้องถิ่นหรือบริษัทจีนร่วมทุน การแปรรูปขั้นต้น (เช่น การถลุงแร่ดีบุก) มักทำในเมียนมาก่อนส่งออก ส่วนใหญ่ในพื้นที่ขัดแย้งทำให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและการละเมิดสิทธิมนุษยชน
    การขนส่ง เส้นทางหลัก: จากเหมืองในรัฐคะฉิ่นและฉานไปยังชายแดนจีน (มณฑลยูนนาน) ผ่านทางรถไฟหรือถนน เช่น เส้นทางรถไฟเจ้าผิ่ว-มูเซ บางส่วนส่งออกผ่านท่าเรือในเขตตะนาวศรีและย่างกุ้ง
    การแปรรูปขั้นสูงในจีน ปลายทางคือโรงงานแปรรูปอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง, เจียงซู, และแถบเศรษฐกิจแยงซีเกียง โดยแร่หายากถูกกลั่นเป็นโลหะบริสุทธิ์หรือสารประกอบ เช่น นีโอดิเมียมสำหรับแม่เหล็ก หรืออิตเทรียมสำหรับ LED
    สายพานอุตสาหกรรมที่ใช้งานแบ่งตามแร่ธาตุอุตสาหกรรมเทคโนโลยี: แร่หายาก (REEs) และดีบุกใช้ในสมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์, เซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า: แร่หายาก (นีโอดิเมียม, ดิสโพรเซียม) และนิกเกิลใช้ในมอเตอร์และแบตเตอรี่ พลังงานสะอาด: ทังสเตนและพลวงใช้ในกังหันลมและแผงโซลาร์ อุตสาหกรรมทหาร: แร่หายากและพลวงใช้ในขีปนาวุธ, เรดาร์, และเลเซอร์ การก่อสร้างและเครื่องจักร: ทองแดงและสังกะสีใช้ในสายไฟและโครงสร้าง
    ความท้าทายในระบบ Supply Chain ส่วนใหญ่คือความขัดแย้งในเมียนมาอาจขัดขวางการขนส่ง จากผลประโยชน์มหาศาลเพื่อนำมาเป็นอาวุธและจุนเจือเสบียงในการรบ ขณะที่นานาชาติได้เรียกร้องให้ตรวจสอบแร่จากพื้นที่ขัดแย้ง แต่จีนเป็นประเทศเดียวที่บังคับให้แยกแร่จากเมียนมาและจีน
    ______________________________
    ล่าสุด กองกำลังเอกราชคะฉิ่น (Kachin Independent Organization, Kachin Independent Army- KIA) ซึ่งได้เป็นเจ้าของใหม่ของเหมืองแร่หายาก หรือแร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) อนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังประเทศจีน โดยเก็บภาษีในอัตรา 30,500 หยวนต่อหนึ่งตัน (ราว 160,000 บาท) พื้นที่แหล่งแร่หายากที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในเขตปางวาและชิพเว (Pang Wa, Chi Pwi) ในรัฐคะฉิ่น ซึ่งกลุ่ม KIA เข้ายึดครองในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 ได้รับอนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังจีนหลังจากควบคุมพื้นที่มาได้ 6 เดือน
    สำนักข่าวรอยเตอร์ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2568 KIO/KIA ได้อนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังประเทศจีน โดยเก็บภาษีในอัตรา 30,500 หยวนต่อหนึ่งตัน อย่างไรก็ตาม รายละเอียดอื่น ๆ ในหนังสืออนุญาตของ KIO ยังไม่ได้รับการเปิดเผย เจ้าหน้าที่ KIA เขตปางวาให้ข้อมูลว่าKIO/KIA และรัฐบาลจีน ยังคงเจรจาเกี่ยวกับการใช้จุดผ่านแดนเดียวในการส่งออกแร่หายาก และจนถึงสัปดาห์ที่สองของเดือนเมษายน ยังไม่มีการส่งออกอย่างเป็นทางการ
    KIA สามารถควบคุมจุดผ่านแดนทางการค้าระหว่างจีน-พม่าในรัฐคะฉิ่นทั้งหมด ได้แก่ กานปายตี Kan Pai Ti, ล่วยเจ Loi Je และปางวา ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าจะใช้จุดผ่านแดนใดในการส่งออก หลังจากที่ KIA ควบคุมพื้นที่ปางวาและชิพเว รัฐบาลจีนได้มีคำสั่งปิดจุดผ่านแดนทั้งหมด ทำให้บริษัทเหมืองแร่ส่วนใหญ่หยุดดำเนินการ มีเพียงบางบริษัทที่ยังคงขุดแร่ต่อไป เนื่องจากยังมีวัตถุดิบหลงเหลืออยู่
    รายงานของ Global Witness ระบุว่า การทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทในพื้นที่ปางวาเริ่มขึ้นในปี 2016 โดยนักธุรกิจชาวจีน ซึ่งส่งออกแร่ไปยังจีนเป็นหลัก ตามข้อมูลปัจจุบัน พม่าติดอันดับ 3 ของประเทศผู้ผลิตแร่แรร์เอิร์ท และคิดเป็น 50% ของการส่งออกแร่หายากทั่วโลก หลังจากการรัฐประหารของกองทัพพม่า การทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทในพื้นที่ปางวาและชิพเวเพิ่มขึ้น 40% และจำนวนเหมืองแร่เพิ่มขึ้นกว่า 300 แห่ง ในปี 2566 เพียงปีเดียว มีการส่งออกแร่หายากไปยังจีนมากถึง 41,700 ตัน สร้างรายได้ถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
    ______________________________
    สรุปขมวดปม การส่งออกแร่ธาตุจากพม่าไปจีนช่วยเสริมความมั่นคงของซัพพลายเชนแร่หายากในจีน ลดภาวะขาดแคลนและสนับสนุนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงด้านความโปร่งใสและความยั่งยืนในตลาดแร่ธาตุของจีน แร่ธาตุหายากจากพม่ามีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของจีน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีขั้นสูงและพลังงานสะอาด ซึ่งจีนพึ่งพาการนำเข้าแร่จากพม่าเป็นสัดส่วนสูงถึง 70% ของแร่หายากที่ใช้ในประเทศ เหมืองแร่หายากเหล่านี้ทั้งหมด รวมถึงแร่ทองคำ และอื่น ๆ ที่ปักหมุดขุดหลุมร่อนตระแกรง ทุกรัฐในเมียนมาก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ป่าเขา แม่น้ำ ลำธาร โดยคนงานบางรายถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างโหดร้าย หญิงคนงานถูกล่วงละเมิดทางเพศ และหลายคนได้รับอันตรายทางสุขภาพอย่างร้ายแรงจากสารเคมีที่ใช้ในเหมือง และส่งผลกระทบต่อพื้นที่ที่กว้างขวางขึ้นรวมถึงประเทศไทย และลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน คำถามคือจีนมีส่วนสำคัญในการสร้างมลภาวะในพื้นที่ ควรจะร่วมรับผิดชอบหรือไม่ ไม่ใช่การสูบทรัพยากรในพื้นที่แต่ไม่ได้เหลียวแลผลกระทบที่จะตามมา อันจะกลายเป็นการสร้างปัญหาใหญ่ให้กับจีนในอนาคต
    อ้างอิง : https://www.facebook.com/GlobalWitness/ และสำนักข่าวชายขอบ
    https://shorturl.asia/6GnqX
    ประชาไท https://prachatai.com/journal/2025/01/111942
    ______________________________

    10 อันดับแร่ธาตุที่ส่งออกจากเมียนมาไปจีน (เรียงตามมูลค่าประเมิน)
    1. แร่ดีบุก (Tin)
    o มูลค่า: สูงสุด เนื่องจากเมียนมาเป็นผู้ผลิตดีบุกรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก และจีนนำเข้า 95% ของหัวแร่ดีบุกจากเมียนมาในปี 2563
    o การใช้งาน: ใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (บัดกรีแผงวงจร), การผลิตโลหะผสม
    o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน (Shan State), เขตตะนาวศรี (Tanintharyi Region)
    2. แร่หายาก (Rare Earth Elements: REEs)
    o มูลค่า: สูง เนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงของจีน
    o การใช้งาน: ผลิตแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnets), แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า, อุปกรณ์เลเซอร์, เซมิคอนดักเตอร์
    o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น (Kachin State), เขตมัณฑะเลย์ (Mandalay Region)
    3. ทองแดง (Copper)
    o มูลค่า: สูง เนื่องจากราคาทองแดงในตลาดโลกพุ่งสูงหลังรัฐประหาร
    o การใช้งาน: สายไฟ, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, การก่อสร้าง
    o พื้นที่เหมือง: เขตสะกาย (Sagaing Region), รัฐมอญ (Mon State)
    4. ตะกั่ว (Lead)
    o มูลค่า: ปานกลางถึงสูง ใช้ในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่
    o การใช้งาน: แบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด, อุตสาหกรรมยานยนต์
    o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, รัฐกะยา (Kayah State)
    5. สังกะสี (Zinc)
    o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมเคลือบโลหะ
    o การใช้งาน: การชุบกัลวาไนซ์, โลหะผสม
    o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, เขตย่างกุ้ง (Yangon Region)
    6. นิกเกิล (Nickel)
    o มูลค่า: ปานกลาง เนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่
    o การใช้งาน: แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน, สแตนเลส
    o พื้นที่เหมือง: เขตสะกาย, รัฐฉาน
    7. พลวง (Antimony)
    o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมทหารและพลังงาน
    o การใช้งาน: สารหน่วงไฟ, โลหะผสม, อุปกรณ์ทหาร
    o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น, เขตมัณฑะเลย์
    8. ทังสเตน (Tungsten)
    o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมที่มีความแข็งสูง
    o การใช้งาน: โลหะผสม, เครื่องมือตัด, อุปกรณ์ทหาร
    o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, รัฐคะฉิ่น
    9. ทองคำ (Gold)
    o มูลค่า: ปานกลางถึงสูง ขึ้นอยู่กับราคาตลาดโลก
    o การใช้งาน: อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์, เครื่องประดับ
    o พื้นที่เหมือง: เขตมัณฑะเลย์, รัฐคะฉิ่น, เขตสะกาย
    10. อิตเทรียม (Yttrium)
    o มูลค่า: ต่ำถึงปานกลาง แต่มีความสำคัญในอุตสาหกรรมเฉพาะ
    o การใช้งาน: สารเรืองแสงใน LED, อุปกรณ์ MRI, เซรามิก
    o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น, เขตมัณฑะเลย์
    หมายเหตุ: มูลค่าที่ระบุเป็นการประเมินจากความสำคัญในห่วงโซ่อุปทานและปริมาณการส่งออก เนื่องจากไม่มีข้อมูลตัวเลขที่แน่นอนหลังรัฐประหาร
    ______________________________
    ตามรอยย้อนกลับ Supply Chain แร่หายากจากพม่ามหาศาลสู่จีน ______________________________ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2564 บริษัท China Rare Earth Group Co., Ltd. ก่อตัวขึ้นอย่างเป็นทางการ จากการควบรวมของ 3 กิจการด้านอุตสาหกรรมแร่หายากในจีน China Aluminium Corporation, China Minmetals Corporation และ Ganzhou Rare Earth Group Co., Ltd. เป้าคือพัฒนาอุตสาหกรรมแร่หายาก วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี China Rare Earth Group อยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยตรงของรัฐ-คณะกรรมการกำกับดูแลและบริหารสินทรัพย์ที่เป็นเจ้าของของสภาแห่งรัฐ ถือหุ้นร้อยละ 31.21 China Aluminium Corporation, China Minmetals Corporation และ Ganzhou Rare Earth Group Co., Ltd. แต่ละบริษัทถือหุ้นร้อยละ 20.33; China Iron and Steel Research Technology Group Co., Ltd. และ Youyan Technology Group Co., Ltd. ถือหุ้นร้อยละ 3.90 ปัจจุบันจีนมีปริมาณการผลิตแร่ธาตุ หายากสูงเป็นอันดับ 1 ของโลกอยู่ที่ 132,000 ตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 63 ของปริมาณการผลิตแร่ธาตุหายากทั่วโลก ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 210,000 ตัน โดยประเทศอื่น ๆ ที่มีปริมาณการผลิตแร่ธาตุหายากในลำดับถัดมา ได้แก่ สหรัฐฯ (26,000 ตัน) เมียนมา (22,000 ตัน) ออสเตรเลีย (21,000 ตัน) อินเดีย (3,000 ตัน) รัสเซีย (2,700 ตัน) มาดากัสการ์ (2,000 ตัน) ไทย (1,800 ตัน) บราซิล (1,000 ตัน) เวียดนาม (900 ตัน) และบุรุนดี (600 ตัน) ______________________________ ระฆังกำแพงภาษีลั่นขึ้นห้วงเมษายน 2568 โดยสหรัฐอเมริกา การตอบโต้กลับของจีนเปิดหน้าชก สวนกลับทุกเม็ด รวมถึงได้ขยายการใช้ "แร่หายาก" (rare earths) เป็นเครื่องมือตอบโต้ทางการค้า โดยประกาศจำกัดการส่งออกแร่หายาก 7 ชนิด ซึ่งเป็นวัสดุสำคัญในอุดสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยเป็นการตอบโต้ต่อมาดรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ สำหรับแร่หายาก 7 ชนิดได้แก่ ชามาเรียม (Samarium) แกโดลิเนียม (Gadolinium) เทอร์เมียม (Terbium) ดิสโพรเซียม (Dysprosium) ลูทีเซียม (Lutetium) สแกนเดียม (Scandium) และอิดเทรียม (Yttrium) สำหรับแร่หายากยอดนิยมอย่าง นี่โอไดเมียม (Neodymium) และ พราเชโอไดเมียม (Praseodymium) ซึ่งใช้ผลิตแม่เหล็กประสิทธิภาพสูง ยังไม่อยู่ในรายชื่อควบคุม หลังการรัฐประหารปี 2021 การส่งออกแร่ธาตุหายากจากพม่าไปจีนเพิ่มขึ้น 5 เท่า สูงถึง 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการการพึ่งพาจีน 90% ของการแปรรูปแร่หายากโลกอยู่ในจีน แบ่งเป็น แร่กลุ่มหายาก (Rare Earth Elements) มูลค่า: 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2025) ส่วนแบ่งการนำเข้า: กว่า 50% ของการนำเข้าแร่หายากทั้งหมดของจีน ชนิดแร่หลัก: เทอร์เบียม (Terbium) และดีสโพรเซียม (Dysprosium) ในกลุ่ม Heavy Rare Earth Elements (HREE) พื้นที่ทำเหมืองหลักที่คะฉิ่น ที่เหมือง Chipwi และ Momauk: มีบ่อแร่มากกว่า 2,700 บ่อ เมือง Panwa: แหล่งผลิตหลักภายใต้การควบคุมของ Kachin Independence Army (KIA) การขยายตัว: จำนวนไซต์ทำเหมืองเพิ่มขึ้น 40% นับตั้งแต่ปี 2021 โดยพื้นที่ KIA: เก็บภาษี 35,000 หยวน/ตัน (ประมาณ 4,800 ดอลลาร์สหรัฐ) บริษัทจีนผู้รับซื้อหลัก คือ China Rare Earths Group (REGCC) ควบคุมการประมูลแร่กว่า 80% China Northern Rare Earth Group ผู้ประมูลแร่รายใหญ่ของโลก และ JL Mag Rare-Earth: ผู้ผลิตแม่เหล็กถาวรรายใหญ่ ใช้แร่จากพม่าในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และยังมีบริษัท Rising Nonferrous บริษัทที่ได้รับอนุมัติให้นำเข้าแร่หายากจากเมียนมาโดยตรง นอกจากนั้นก็จะมี China Nonferrous Metal Mining Group (CNMC) รับซื้อ: ทองแดง, นิกเกิล พื้นที่รับซื้อคือเหมือง Monywa ในเขตสะกาย บริษัท China Minmetals Corporation: รับซื้อ: แร่หายาก, ดีบุก, ทังสเตน Aluminum Corporation of China (CHINALCO): รับซื้อ: แร่ที่เกี่ยวข้องกับอะลูมิเนียมและโลหะผสม Yunnan Tin Company: รับซื้อ: ดีบุก เพราะเป็นผู้ผลิตดีบุกรายใหญ่ของจีน Pangang Group: รับซื้อ: ทังสเตน, พลวง เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโลหะหนัก ______________________________ การส่งออกแร่ธาตุจากพม่าไปจีนมีป้อนอุตสาหกรรมหลักที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้จีน และแน่นอนต้องใช้ฐานของกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นตลาดหลักและบายพาสไปยังกลุ่มประเทศที่มีกำแพงภาษีสูงไม่ว่าจะเป็น • อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles)แร่ธาตุหายาก เช่น ดิสโพรเซียม (Dysprosium) และเทอร์เบียม (Terbium) ที่นำเข้าจากพม่าใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับมอเตอร์ในรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจีนมีความต้องการสูงมากในช่วงหลังเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด EV • อุตสาหกรรมพลังงานลม (Wind Power)แม่เหล็กถาวรที่ผลิตจากแร่ธาตุหายากเหล่านี้ยังถูกใช้ในกังหันลมเพื่อผลิตพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายพลังงานทดแทนของจีน • อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics)แร่ธาตุหายากจากพม่าถูกนำไปใช้ในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ที่ต้องการแม่เหล็กและวัสดุพิเศษ • อุตสาหกรรมแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnets) บริษัทจีนใหญ่ เช่น China Southern Rare Earth ใช้แร่ธาตุจากพม่าในการผลิตแม่เหล็กถาวรที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในหลายอุตสาหกรรม • อาวุธยุทโธปกรณ์ (Defence Industry) และอุตสาหกรรมอวกาศ และอากาศยาน (Aerospace Industry) สถานการณ์ความต้องการแร่ธาตุหายากงวดขึ้นเพราะนับวันแร่ธาตุเหล่านั้นย่อมลดลง ตามชื่อเพราะยิ่งหายากขึ้น โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 จีนเพิ่มการนำเข้าแร่หายากจากพม่าเกิน 9 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และคิดเป็นกว่า 70% ของแร่ธาตุหายากที่จีนใช้ทั้งหมด ซึ่งทำให้พม่าเป็นแหล่งผลิตแร่หายากที่ใหญ่ที่สุดของจีนในปัจจุบัน ______________________________ ความต้องการสูงและความไม่แน่นอนของซัพพลายเชน โดยเฉพาะในช่วงที่มีความขัดข้องจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้จีนพึ่งพาแหล่งแร่จากต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะพม่าเป็นสัดส่วนถึง 70% ของวัตถุดิบที่ใช้ เนื่องจากเหมืองในจีนผลิตไม่เพียงพอและมีข้อจำกัดด้านสิ่งแวดล้อมและนโยบาย ปัญหาจึงอยู่ที่แร่ธาตุหายากจากพม่าส่วนใหญ่ถูกขุดอย่างผิดกฎหมายและผ่านช่องทางที่ไม่โปร่งใส ทำให้บริษัทจีนที่แปรรูปแร่ไม่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ชัดเจน ส่งผลต่อความยั่งยืนและความน่าเชื่อถือของตลาด รวมถึงสร้างปัญหาสุขภาพและสิ่งแวดล้อมต่อพม่าอย่างมหาศาล หากเจาะพื้นที่การทำเหมืองในรัฐต่าง ๆ การทำเหมืองในเมียนมามักอยู่ในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งหรือควบคุมโดยกลุ่มติดอาวุธ ซึ่งมีผลต่อการส่งออกและการจัดการทรัพยากร ดังนี้: • รัฐคะฉิ่น (Kachin State): แร่หลัก: แร่หายาก (REEs), พลวง, ทองคำ, อิตเทรียม พื้นที่ป่าทางตอนเหนือ อุดมไปด้วยแร่หายาก แต่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างกองทัพเมียนมาและกองทัพปลดปล่อยคะฉิ่น (KIA) ส่วนใหญ่ทำลายสิ่งแวดล้อม น้ำกลายเป็นโคลน และสัตว์ป่าลดลง • รัฐฉาน (Shan State): แร่หลัก: ดีบุก, ตะกั่ว, สังกะสี, ทังสเตน,ทองคำพื้นที่ที่มีเหมืองดีบุกขนาดใหญ่ เช่น เหมือง Man Maw การควบคุมโดยกลุ่มติดอาวุธที่เชื่อมโยงกับกองทัพเมียนมา ทำให้เงินจากเหมือง สนับสนุนกองทัพ สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมหาศาลเช่นกันและลุกลามไปยังประเทศเพื่อนบ้านคือประเทศไทย • เขตสะกาย (Sagaing Region): แร่หลัก: ทองแดง, นิกเกิล, ทองคำพื้นที่ที่มีการสู้รบหนักระหว่างกองทัพเมียนมาและกองกำลัง PDF • เขตมัณฑะเลย์ (Mandalay Region): แร่หลัก: แร่หายาก, พลวง, อิตเทรียม, ทองคำพื้นที่ที่มีเหมืองขนาดเล็กกระจายอยู่ • เขตตะนาวศรี (Tanintharyi Region): แร่หลัก: ดีบุก เป็นเหมืองดีบุกขนาดใหญ่ใกล้ชายฝั่ง • รัฐมอญ (Mon State): แร่หลัก: ทองแดง เป็นเหมืองขนาดเล็กถึงปานกลาง • รัฐกะยา (Kayah State): แร่หลัก: ตะกั่ว พื้นที่ที่มีความขัดแย้งสูง ______________________________ สอบทานต้นทาง-ย้อนกลับห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของแร่ธาตุจากเมียนมาไปจีนมีลักษณะดังนี้ เริ่มต้นสำรวจแหล่ง แน่นอนฐานข้อมูลมีอยู่แล้วในมือรัฐบาลทหารพม่า และในกำมือเทคโนโลยีจีน ก่อนจะให้บริษัทเอกชนในแต่ละความถนัดของจีน และของพม่าเอง ขุดและแปรรูปเบื้องต้น เหมืองส่วนใหญ่ในพม่าดำเนินการโดยบริษัทท้องถิ่นหรือบริษัทจีนร่วมทุน การแปรรูปขั้นต้น (เช่น การถลุงแร่ดีบุก) มักทำในเมียนมาก่อนส่งออก ส่วนใหญ่ในพื้นที่ขัดแย้งทำให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและการละเมิดสิทธิมนุษยชน การขนส่ง เส้นทางหลัก: จากเหมืองในรัฐคะฉิ่นและฉานไปยังชายแดนจีน (มณฑลยูนนาน) ผ่านทางรถไฟหรือถนน เช่น เส้นทางรถไฟเจ้าผิ่ว-มูเซ บางส่วนส่งออกผ่านท่าเรือในเขตตะนาวศรีและย่างกุ้ง การแปรรูปขั้นสูงในจีน ปลายทางคือโรงงานแปรรูปอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง, เจียงซู, และแถบเศรษฐกิจแยงซีเกียง โดยแร่หายากถูกกลั่นเป็นโลหะบริสุทธิ์หรือสารประกอบ เช่น นีโอดิเมียมสำหรับแม่เหล็ก หรืออิตเทรียมสำหรับ LED สายพานอุตสาหกรรมที่ใช้งานแบ่งตามแร่ธาตุอุตสาหกรรมเทคโนโลยี: แร่หายาก (REEs) และดีบุกใช้ในสมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์, เซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า: แร่หายาก (นีโอดิเมียม, ดิสโพรเซียม) และนิกเกิลใช้ในมอเตอร์และแบตเตอรี่ พลังงานสะอาด: ทังสเตนและพลวงใช้ในกังหันลมและแผงโซลาร์ อุตสาหกรรมทหาร: แร่หายากและพลวงใช้ในขีปนาวุธ, เรดาร์, และเลเซอร์ การก่อสร้างและเครื่องจักร: ทองแดงและสังกะสีใช้ในสายไฟและโครงสร้าง ความท้าทายในระบบ Supply Chain ส่วนใหญ่คือความขัดแย้งในเมียนมาอาจขัดขวางการขนส่ง จากผลประโยชน์มหาศาลเพื่อนำมาเป็นอาวุธและจุนเจือเสบียงในการรบ ขณะที่นานาชาติได้เรียกร้องให้ตรวจสอบแร่จากพื้นที่ขัดแย้ง แต่จีนเป็นประเทศเดียวที่บังคับให้แยกแร่จากเมียนมาและจีน ______________________________ ล่าสุด กองกำลังเอกราชคะฉิ่น (Kachin Independent Organization, Kachin Independent Army- KIA) ซึ่งได้เป็นเจ้าของใหม่ของเหมืองแร่หายาก หรือแร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) อนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังประเทศจีน โดยเก็บภาษีในอัตรา 30,500 หยวนต่อหนึ่งตัน (ราว 160,000 บาท) พื้นที่แหล่งแร่หายากที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในเขตปางวาและชิพเว (Pang Wa, Chi Pwi) ในรัฐคะฉิ่น ซึ่งกลุ่ม KIA เข้ายึดครองในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 ได้รับอนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังจีนหลังจากควบคุมพื้นที่มาได้ 6 เดือน สำนักข่าวรอยเตอร์ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2568 KIO/KIA ได้อนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังประเทศจีน โดยเก็บภาษีในอัตรา 30,500 หยวนต่อหนึ่งตัน อย่างไรก็ตาม รายละเอียดอื่น ๆ ในหนังสืออนุญาตของ KIO ยังไม่ได้รับการเปิดเผย เจ้าหน้าที่ KIA เขตปางวาให้ข้อมูลว่าKIO/KIA และรัฐบาลจีน ยังคงเจรจาเกี่ยวกับการใช้จุดผ่านแดนเดียวในการส่งออกแร่หายาก และจนถึงสัปดาห์ที่สองของเดือนเมษายน ยังไม่มีการส่งออกอย่างเป็นทางการ KIA สามารถควบคุมจุดผ่านแดนทางการค้าระหว่างจีน-พม่าในรัฐคะฉิ่นทั้งหมด ได้แก่ กานปายตี Kan Pai Ti, ล่วยเจ Loi Je และปางวา ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าจะใช้จุดผ่านแดนใดในการส่งออก หลังจากที่ KIA ควบคุมพื้นที่ปางวาและชิพเว รัฐบาลจีนได้มีคำสั่งปิดจุดผ่านแดนทั้งหมด ทำให้บริษัทเหมืองแร่ส่วนใหญ่หยุดดำเนินการ มีเพียงบางบริษัทที่ยังคงขุดแร่ต่อไป เนื่องจากยังมีวัตถุดิบหลงเหลืออยู่ รายงานของ Global Witness ระบุว่า การทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทในพื้นที่ปางวาเริ่มขึ้นในปี 2016 โดยนักธุรกิจชาวจีน ซึ่งส่งออกแร่ไปยังจีนเป็นหลัก ตามข้อมูลปัจจุบัน พม่าติดอันดับ 3 ของประเทศผู้ผลิตแร่แรร์เอิร์ท และคิดเป็น 50% ของการส่งออกแร่หายากทั่วโลก หลังจากการรัฐประหารของกองทัพพม่า การทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทในพื้นที่ปางวาและชิพเวเพิ่มขึ้น 40% และจำนวนเหมืองแร่เพิ่มขึ้นกว่า 300 แห่ง ในปี 2566 เพียงปีเดียว มีการส่งออกแร่หายากไปยังจีนมากถึง 41,700 ตัน สร้างรายได้ถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ______________________________ สรุปขมวดปม การส่งออกแร่ธาตุจากพม่าไปจีนช่วยเสริมความมั่นคงของซัพพลายเชนแร่หายากในจีน ลดภาวะขาดแคลนและสนับสนุนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงด้านความโปร่งใสและความยั่งยืนในตลาดแร่ธาตุของจีน แร่ธาตุหายากจากพม่ามีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของจีน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีขั้นสูงและพลังงานสะอาด ซึ่งจีนพึ่งพาการนำเข้าแร่จากพม่าเป็นสัดส่วนสูงถึง 70% ของแร่หายากที่ใช้ในประเทศ เหมืองแร่หายากเหล่านี้ทั้งหมด รวมถึงแร่ทองคำ และอื่น ๆ ที่ปักหมุดขุดหลุมร่อนตระแกรง ทุกรัฐในเมียนมาก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ป่าเขา แม่น้ำ ลำธาร โดยคนงานบางรายถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างโหดร้าย หญิงคนงานถูกล่วงละเมิดทางเพศ และหลายคนได้รับอันตรายทางสุขภาพอย่างร้ายแรงจากสารเคมีที่ใช้ในเหมือง และส่งผลกระทบต่อพื้นที่ที่กว้างขวางขึ้นรวมถึงประเทศไทย และลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน คำถามคือจีนมีส่วนสำคัญในการสร้างมลภาวะในพื้นที่ ควรจะร่วมรับผิดชอบหรือไม่ ไม่ใช่การสูบทรัพยากรในพื้นที่แต่ไม่ได้เหลียวแลผลกระทบที่จะตามมา อันจะกลายเป็นการสร้างปัญหาใหญ่ให้กับจีนในอนาคต อ้างอิง : https://www.facebook.com/GlobalWitness/ และสำนักข่าวชายขอบ https://shorturl.asia/6GnqX ประชาไท https://prachatai.com/journal/2025/01/111942 ______________________________ 10 อันดับแร่ธาตุที่ส่งออกจากเมียนมาไปจีน (เรียงตามมูลค่าประเมิน) 1. แร่ดีบุก (Tin) o มูลค่า: สูงสุด เนื่องจากเมียนมาเป็นผู้ผลิตดีบุกรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก และจีนนำเข้า 95% ของหัวแร่ดีบุกจากเมียนมาในปี 2563 o การใช้งาน: ใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (บัดกรีแผงวงจร), การผลิตโลหะผสม o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน (Shan State), เขตตะนาวศรี (Tanintharyi Region) 2. แร่หายาก (Rare Earth Elements: REEs) o มูลค่า: สูง เนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงของจีน o การใช้งาน: ผลิตแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnets), แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า, อุปกรณ์เลเซอร์, เซมิคอนดักเตอร์ o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น (Kachin State), เขตมัณฑะเลย์ (Mandalay Region) 3. ทองแดง (Copper) o มูลค่า: สูง เนื่องจากราคาทองแดงในตลาดโลกพุ่งสูงหลังรัฐประหาร o การใช้งาน: สายไฟ, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, การก่อสร้าง o พื้นที่เหมือง: เขตสะกาย (Sagaing Region), รัฐมอญ (Mon State) 4. ตะกั่ว (Lead) o มูลค่า: ปานกลางถึงสูง ใช้ในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ o การใช้งาน: แบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด, อุตสาหกรรมยานยนต์ o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, รัฐกะยา (Kayah State) 5. สังกะสี (Zinc) o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมเคลือบโลหะ o การใช้งาน: การชุบกัลวาไนซ์, โลหะผสม o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, เขตย่างกุ้ง (Yangon Region) 6. นิกเกิล (Nickel) o มูลค่า: ปานกลาง เนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ o การใช้งาน: แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน, สแตนเลส o พื้นที่เหมือง: เขตสะกาย, รัฐฉาน 7. พลวง (Antimony) o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมทหารและพลังงาน o การใช้งาน: สารหน่วงไฟ, โลหะผสม, อุปกรณ์ทหาร o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น, เขตมัณฑะเลย์ 8. ทังสเตน (Tungsten) o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมที่มีความแข็งสูง o การใช้งาน: โลหะผสม, เครื่องมือตัด, อุปกรณ์ทหาร o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, รัฐคะฉิ่น 9. ทองคำ (Gold) o มูลค่า: ปานกลางถึงสูง ขึ้นอยู่กับราคาตลาดโลก o การใช้งาน: อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์, เครื่องประดับ o พื้นที่เหมือง: เขตมัณฑะเลย์, รัฐคะฉิ่น, เขตสะกาย 10. อิตเทรียม (Yttrium) o มูลค่า: ต่ำถึงปานกลาง แต่มีความสำคัญในอุตสาหกรรมเฉพาะ o การใช้งาน: สารเรืองแสงใน LED, อุปกรณ์ MRI, เซรามิก o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น, เขตมัณฑะเลย์ หมายเหตุ: มูลค่าที่ระบุเป็นการประเมินจากความสำคัญในห่วงโซ่อุปทานและปริมาณการส่งออก เนื่องจากไม่มีข้อมูลตัวเลขที่แน่นอนหลังรัฐประหาร ______________________________
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 295 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนมีคำสั่งให้สายการบินต่างๆ ระงับการรับมอบเครื่องบินโบอิ้งรุ่นใหม่ทั้งหมด และระงับการซื้อชิ้นส่วนเครื่องบินที่ผลิตในสหรัฐเพิ่มเติม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสงครามการค้าเพื่อตอบโต้สหรัฐอเมริกา


    หลังจากปักกิ่งได้ประกาศภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ สูงถึง 125% ส่งผลให้ต้นทุนของเครื่องบินโบอิ้งและชิ้นส่วนเครื่องบินโบอิ้งเพิ่มขึ้นอย่างมาก และทำให้การส่งมอบเครื่องบินรุ่นใหม่ไม่คุ้มทุน

    นอกจากนี้ ปัญหาด้านคุณภาพของชิ้นส่วนเครื่องบินโบอิ้งที่ยังคงดำเนินอยู่และเหตุการณ์อุบัติเหตุของเครื่องบินก่อนหน้านี้หลายครั้ง จีนถือเป็นปัญหาสำคัญในการส่งมอบด้วยเช่นกัน

    ปัจจุบัน จีนกำลังพิจารณาใช้แอร์บัสและเครื่องบิน Comac C919 ที่ผลิตในประเทศเพื่อตอบสนองความต้องการ และกำลังพิจารณาหาทางช่วยเหลือสายการบินที่ใช้เครื่องบินโบอิ้ง
    จีนมีคำสั่งให้สายการบินต่างๆ ระงับการรับมอบเครื่องบินโบอิ้งรุ่นใหม่ทั้งหมด และระงับการซื้อชิ้นส่วนเครื่องบินที่ผลิตในสหรัฐเพิ่มเติม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสงครามการค้าเพื่อตอบโต้สหรัฐอเมริกา หลังจากปักกิ่งได้ประกาศภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ สูงถึง 125% ส่งผลให้ต้นทุนของเครื่องบินโบอิ้งและชิ้นส่วนเครื่องบินโบอิ้งเพิ่มขึ้นอย่างมาก และทำให้การส่งมอบเครื่องบินรุ่นใหม่ไม่คุ้มทุน นอกจากนี้ ปัญหาด้านคุณภาพของชิ้นส่วนเครื่องบินโบอิ้งที่ยังคงดำเนินอยู่และเหตุการณ์อุบัติเหตุของเครื่องบินก่อนหน้านี้หลายครั้ง จีนถือเป็นปัญหาสำคัญในการส่งมอบด้วยเช่นกัน ปัจจุบัน จีนกำลังพิจารณาใช้แอร์บัสและเครื่องบิน Comac C919 ที่ผลิตในประเทศเพื่อตอบสนองความต้องการ และกำลังพิจารณาหาทางช่วยเหลือสายการบินที่ใช้เครื่องบินโบอิ้ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 165 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia ได้ประกาศย้ายฐานการผลิตซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ไปยังสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อแนวโน้มอุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นการผลิตภายในประเทศเพื่อรับมือกับนโยบายการค้าของสหรัฐฯ

    ✅ การย้ายฐานการผลิตไปยังสหรัฐฯ
    - Nvidia จะผลิตและทดสอบชิป Blackwell และซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ในโรงงานที่รัฐแอริโซนาและเท็กซัส
    - โรงงานผลิตครอบคลุมพื้นที่กว่า 1 ล้านตารางฟุต และเริ่มดำเนินการแล้ว
    - คาดว่าจะเริ่มการผลิตจำนวนมากภายใน 12-15 เดือนข้างหน้า

    ✅ ความร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตรายใหญ่
    - TSMC จะผลิตชิป Blackwell ในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา
    - Foxconn และ Wistron จะดูแลการประกอบซูเปอร์คอมพิวเตอร์ในรัฐเท็กซัส
    - Amkor และ SPIL จะรับผิดชอบด้านบรรจุภัณฑ์และการทดสอบชิปในแอริโซนา

    ✅ เป้าหมายการลงทุนและผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    - Nvidia วางแผนลงทุนสูงถึง 500 พันล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐาน AI ภายใน 4 ปีข้างหน้า
    - การผลิตในสหรัฐฯ ช่วยเสริมความแข็งแกร่งของห่วงโซ่อุปทานและลดความเสี่ยงจากข้อจำกัดทางการค้า

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    - การย้ายฐานผลิตอาจส่งผลต่อซัพพลายเชนของบริษัทที่พึ่งพาการผลิตในเอเชีย
    - อาจเกิดความท้าทายด้านต้นทุนและการจัดหาวัตถุดิบสำหรับการผลิตในสหรัฐฯ

    ℹ️ ข้อกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์
    - การตัดสินใจของ Nvidia อาจเป็นผลจากแรงกดดันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
    - อดีตประธานาธิบดีทรัมป์เคยเตือน TSMC ว่าอาจเผชิญภาษีนำเข้าสูงถึง 100% หากไม่ตั้งโรงงานในสหรัฐฯ

    ℹ️ อนาคตของอุตสาหกรรม AI และซูเปอร์คอมพิวเตอร์
    - Nvidia วางแผนสร้าง "AI factories" หรือศูนย์ข้อมูลเฉพาะสำหรับงาน AI ซึ่งจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในอนาคต
    - บริษัทจะใช้แพลตฟอร์ม Omniverse เพื่อสร้างแบบจำลองดิจิทัลของโรงงาน และใช้หุ่นยนต์ Isaac GR00T ในกระบวนการผลิต

    https://www.techspot.com/news/107542-nvidia-shifts-ai-supercomputer-production-us-first-time.html
    Nvidia ได้ประกาศย้ายฐานการผลิตซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ไปยังสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อแนวโน้มอุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นการผลิตภายในประเทศเพื่อรับมือกับนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ✅ การย้ายฐานการผลิตไปยังสหรัฐฯ - Nvidia จะผลิตและทดสอบชิป Blackwell และซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ในโรงงานที่รัฐแอริโซนาและเท็กซัส - โรงงานผลิตครอบคลุมพื้นที่กว่า 1 ล้านตารางฟุต และเริ่มดำเนินการแล้ว - คาดว่าจะเริ่มการผลิตจำนวนมากภายใน 12-15 เดือนข้างหน้า ✅ ความร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตรายใหญ่ - TSMC จะผลิตชิป Blackwell ในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา - Foxconn และ Wistron จะดูแลการประกอบซูเปอร์คอมพิวเตอร์ในรัฐเท็กซัส - Amkor และ SPIL จะรับผิดชอบด้านบรรจุภัณฑ์และการทดสอบชิปในแอริโซนา ✅ เป้าหมายการลงทุนและผลกระทบต่ออุตสาหกรรม - Nvidia วางแผนลงทุนสูงถึง 500 พันล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐาน AI ภายใน 4 ปีข้างหน้า - การผลิตในสหรัฐฯ ช่วยเสริมความแข็งแกร่งของห่วงโซ่อุปทานและลดความเสี่ยงจากข้อจำกัดทางการค้า ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ - การย้ายฐานผลิตอาจส่งผลต่อซัพพลายเชนของบริษัทที่พึ่งพาการผลิตในเอเชีย - อาจเกิดความท้าทายด้านต้นทุนและการจัดหาวัตถุดิบสำหรับการผลิตในสหรัฐฯ ℹ️ ข้อกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์ - การตัดสินใจของ Nvidia อาจเป็นผลจากแรงกดดันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน - อดีตประธานาธิบดีทรัมป์เคยเตือน TSMC ว่าอาจเผชิญภาษีนำเข้าสูงถึง 100% หากไม่ตั้งโรงงานในสหรัฐฯ ℹ️ อนาคตของอุตสาหกรรม AI และซูเปอร์คอมพิวเตอร์ - Nvidia วางแผนสร้าง "AI factories" หรือศูนย์ข้อมูลเฉพาะสำหรับงาน AI ซึ่งจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในอนาคต - บริษัทจะใช้แพลตฟอร์ม Omniverse เพื่อสร้างแบบจำลองดิจิทัลของโรงงาน และใช้หุ่นยนต์ Isaac GR00T ในกระบวนการผลิต https://www.techspot.com/news/107542-nvidia-shifts-ai-supercomputer-production-us-first-time.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Nvidia shifts AI supercomputer production to the US for the first time
    The project spans more than a million square feet of manufacturing space, with operations already underway. Nvidia's Blackwell chips are being produced at TSMC facilities in Phoenix,...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • ราคาทอง (96.5%) ขายปลีกในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All Time High) ตามสถานการณ์ราคาทองในตลาดโลก โดยสมาคมค้าทองคำ รายงานว่า เปิดตลาดเช้านี้เมื่อเวลา 09.05 น. ราคาทองแท่งรับซื้อบาททองคำละ 51,250 ขายออกบาททองคำละ 51,350 ส่วนทองรูปพรรณรับซื้อบาททองคำละ 50,331.20 ขายออกทองคำละ 52,150 โดยราคาขายปลีกปรับตัวเพิ่มขึ้นจากวันศุกร์ (11 เม.ย.) อีกบาททองคำละ 150

    บทวเคราะห์ของบริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ระบุว่า เมื่อวันศุกร์ราคาทองในตลาดโลกปิดทะยานอีก 61.31 ดอลลาร์ หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.93% โดยทำ New All Time High ใหม่ที่ที่ระดับ 3,245 ดอลลาร์ โดยได้รับแรงหนุนจากดอลลาร์อ่อนค่า หลังสหรัฐฯ เผยดัชนี PPI และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจาก ม.มิชิแกนที่ออกมาแย่กว่าคาด ด้านสงครามการค้าระหว่าสหรัฐฯ กับจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น หลังจีนเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เป็น 125% กระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอย หนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/stockmarket/detail/9680000035464

    #MGROnline #สมาคมค้าทองคำ
    ราคาทอง (96.5%) ขายปลีกในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All Time High) ตามสถานการณ์ราคาทองในตลาดโลก โดยสมาคมค้าทองคำ รายงานว่า เปิดตลาดเช้านี้เมื่อเวลา 09.05 น. ราคาทองแท่งรับซื้อบาททองคำละ 51,250 ขายออกบาททองคำละ 51,350 ส่วนทองรูปพรรณรับซื้อบาททองคำละ 50,331.20 ขายออกทองคำละ 52,150 โดยราคาขายปลีกปรับตัวเพิ่มขึ้นจากวันศุกร์ (11 เม.ย.) อีกบาททองคำละ 150 • บทวเคราะห์ของบริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ระบุว่า เมื่อวันศุกร์ราคาทองในตลาดโลกปิดทะยานอีก 61.31 ดอลลาร์ หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.93% โดยทำ New All Time High ใหม่ที่ที่ระดับ 3,245 ดอลลาร์ โดยได้รับแรงหนุนจากดอลลาร์อ่อนค่า หลังสหรัฐฯ เผยดัชนี PPI และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจาก ม.มิชิแกนที่ออกมาแย่กว่าคาด ด้านสงครามการค้าระหว่าสหรัฐฯ กับจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น หลังจีนเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เป็น 125% กระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอย หนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/stockmarket/detail/9680000035464 • #MGROnline #สมาคมค้าทองคำ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานข่าวจากเพจแบไต๋ระบุว่ารัฐบาลจีนออกมาเผยว่าข้อตกลงใด ๆ ก็ตามที่เกี่ยวกับ TikTok จะต้องเป็นไปตามกฎหมายของจีน เป็นการตอบกลับกรณีที่ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ต้องการขยายกำหนดเวลาที่ ByteDance จะต้องขายกิจการของ TikTok ในสหรัฐฯ ไป 75 วันสำหรับกรณีการขาย TikTok นั้น เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ได้ทำการขยายกำหนดเวลาที่ TikTok จะต้องขายกิจการให้บริษัทที่ไม่ได้มาจากจีน ไม่เช่นนั้น TikTok จะถูกแบนห้ามใช้ในประเทศอย่างไรก็ดี ความเป็นไปได้ที่ดีลนี้จะสำเร็จก็ยากขึ้น เพราะรัฐบาลจีนระบุว่าจะไม่อนุมัติการเข้าซื้อ TikTok หลังจากที่ทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนที่ตอนนี้สูงถึง 104% แล้วเมื่อถูกถามถึงการขยายเวลาซื้อ TikTok โฆษกกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ชี้ว่า จีนต่อต้านการดำเนินการที่ไม่สนใจกฎหมายของเศรษฐกิจในตลาด การเข้าปล้นด้วยกำลัง และการสร้างความเสียหายให้กับสิทธิอันชอบธรรมและผลประโยชน์ของธุรกิจต่าง ๆ รวมถึงยังชี้ด้วยว่าการดำเนินการในกรณีของ TikTok ซึ่งรวมถึงการส่งออกเทคโนโลยี (ในที่นี้หมายถึงอัลกอริทึม) จะต้องเป็นไปตามกฎหมายจีน
    รายงานข่าวจากเพจแบไต๋ระบุว่ารัฐบาลจีนออกมาเผยว่าข้อตกลงใด ๆ ก็ตามที่เกี่ยวกับ TikTok จะต้องเป็นไปตามกฎหมายของจีน เป็นการตอบกลับกรณีที่ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ต้องการขยายกำหนดเวลาที่ ByteDance จะต้องขายกิจการของ TikTok ในสหรัฐฯ ไป 75 วันสำหรับกรณีการขาย TikTok นั้น เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ได้ทำการขยายกำหนดเวลาที่ TikTok จะต้องขายกิจการให้บริษัทที่ไม่ได้มาจากจีน ไม่เช่นนั้น TikTok จะถูกแบนห้ามใช้ในประเทศอย่างไรก็ดี ความเป็นไปได้ที่ดีลนี้จะสำเร็จก็ยากขึ้น เพราะรัฐบาลจีนระบุว่าจะไม่อนุมัติการเข้าซื้อ TikTok หลังจากที่ทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนที่ตอนนี้สูงถึง 104% แล้วเมื่อถูกถามถึงการขยายเวลาซื้อ TikTok โฆษกกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ชี้ว่า จีนต่อต้านการดำเนินการที่ไม่สนใจกฎหมายของเศรษฐกิจในตลาด การเข้าปล้นด้วยกำลัง และการสร้างความเสียหายให้กับสิทธิอันชอบธรรมและผลประโยชน์ของธุรกิจต่าง ๆ รวมถึงยังชี้ด้วยว่าการดำเนินการในกรณีของ TikTok ซึ่งรวมถึงการส่งออกเทคโนโลยี (ในที่นี้หมายถึงอัลกอริทึม) จะต้องเป็นไปตามกฎหมายจีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 200 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วน!
    สหรัฐประกาศยกเว้นการเรียกเก็บภาษีนำเข้า โทรศัพท์มือ คอมพิวเตอร์แล็ปท็อป เครื่องจักรที่ใช้ผลิตชิป (Chip) ฮาร์ดไดรฟ์ โปรเซสเซอร์คอมพิวเตอร์ และชิปหน่วยความจำ แม้แต่จีนก็ได้รับการยกเว้นในครั้งนี้ด้วย!!
    ด่วน! สหรัฐประกาศยกเว้นการเรียกเก็บภาษีนำเข้า โทรศัพท์มือ คอมพิวเตอร์แล็ปท็อป เครื่องจักรที่ใช้ผลิตชิป (Chip) ฮาร์ดไดรฟ์ โปรเซสเซอร์คอมพิวเตอร์ และชิปหน่วยความจำ แม้แต่จีนก็ได้รับการยกเว้นในครั้งนี้ด้วย!!
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนได้เปลี่ยนแปลงกฎการนำเข้าชิป โดยกำหนดให้สถานที่ผลิตแผ่นเวเฟอร์เป็นตัวกำหนดประเทศต้นกำเนิดของชิป ซึ่งหมายความว่าชิปที่ผลิตในไต้หวันจะได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า 125% ที่จีนกำหนดสำหรับสินค้าจากสหรัฐฯ ในขณะที่ชิปที่ผลิตในสหรัฐฯ จะต้องเสียภาษีดังกล่าว

    การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลกระทบต่อบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ เช่น Intel, GlobalFoundries และ Texas Instruments ซึ่งผลิตชิปในสหรัฐฯ และต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น ในทางกลับกัน บริษัทในไต้หวัน เช่น TSMC และ UMC ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้

    นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงนี้ยังสะท้อนถึงความตั้งใจของจีนในการสนับสนุนบริษัทในไต้หวันและจีนเอง รวมถึงการแสดงจุดยืนว่าจีนถือว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของตน

    ✅ การเปลี่ยนแปลงกฎการนำเข้าชิปของจีน
    - กำหนดให้สถานที่ผลิตแผ่นเวเฟอร์เป็นตัวกำหนดประเทศต้นกำเนิดของชิป
    - ชิปที่ผลิตในไต้หวันได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า 125%

    ✅ ผลกระทบต่อบริษัทเซมิคอนดักเตอร์
    - บริษัทในสหรัฐฯ เช่น Intel และ Texas Instruments ต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น
    - บริษัทในไต้หวัน เช่น TSMC และ UMC ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้

    ✅ จุดยืนของจีน
    - จีนแสดงจุดยืนว่าถือว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของตน
    - สนับสนุนบริษัทในไต้หวันและจีนเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน

    ℹ️ ความเสี่ยงต่อบริษัทในสหรัฐฯ
    - บริษัทในสหรัฐฯ อาจต้องหาทางเลือกใหม่ในการผลิตชิปเพื่อหลีกเลี่ยงต้นทุนที่สูงขึ้น
    - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก

    ℹ️ ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
    - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเพิ่มความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ
    - อาจส่งผลต่อการเจรจาทางการค้าและความร่วมมือในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/chinas-new-semiconductor-rule-spares-taiwan-fabs-punishes-intel-globalfoundries-and-texas-instruments
    จีนได้เปลี่ยนแปลงกฎการนำเข้าชิป โดยกำหนดให้สถานที่ผลิตแผ่นเวเฟอร์เป็นตัวกำหนดประเทศต้นกำเนิดของชิป ซึ่งหมายความว่าชิปที่ผลิตในไต้หวันจะได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า 125% ที่จีนกำหนดสำหรับสินค้าจากสหรัฐฯ ในขณะที่ชิปที่ผลิตในสหรัฐฯ จะต้องเสียภาษีดังกล่าว การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลกระทบต่อบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ เช่น Intel, GlobalFoundries และ Texas Instruments ซึ่งผลิตชิปในสหรัฐฯ และต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น ในทางกลับกัน บริษัทในไต้หวัน เช่น TSMC และ UMC ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้ นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงนี้ยังสะท้อนถึงความตั้งใจของจีนในการสนับสนุนบริษัทในไต้หวันและจีนเอง รวมถึงการแสดงจุดยืนว่าจีนถือว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของตน ✅ การเปลี่ยนแปลงกฎการนำเข้าชิปของจีน - กำหนดให้สถานที่ผลิตแผ่นเวเฟอร์เป็นตัวกำหนดประเทศต้นกำเนิดของชิป - ชิปที่ผลิตในไต้หวันได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า 125% ✅ ผลกระทบต่อบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ - บริษัทในสหรัฐฯ เช่น Intel และ Texas Instruments ต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น - บริษัทในไต้หวัน เช่น TSMC และ UMC ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้ ✅ จุดยืนของจีน - จีนแสดงจุดยืนว่าถือว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของตน - สนับสนุนบริษัทในไต้หวันและจีนเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ℹ️ ความเสี่ยงต่อบริษัทในสหรัฐฯ - บริษัทในสหรัฐฯ อาจต้องหาทางเลือกใหม่ในการผลิตชิปเพื่อหลีกเลี่ยงต้นทุนที่สูงขึ้น - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก ℹ️ ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ - การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเพิ่มความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ - อาจส่งผลต่อการเจรจาทางการค้าและความร่วมมือในอนาคต https://www.tomshardware.com/tech-industry/chinas-new-semiconductor-rule-spares-taiwan-fabs-punishes-intel-globalfoundries-and-texas-instruments
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วน!!!

    จีนประกาศเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ทั้งหมดจาก 84% เป็น 125%
    ด่วน!!! จีนประกาศเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ทั้งหมดจาก 84% เป็น 125%
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้ระงับแผนการสร้างศูนย์ข้อมูลในรัฐโอไฮโอ มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาษีนำเข้าและความผันผวนทางเศรษฐกิจ โดยแผนดังกล่าวรวมถึงการพัฒนาศูนย์ข้อมูลใน New Albany, Heath และ Hebron

    ✅ การระงับแผนการสร้างศูนย์ข้อมูล:
    - Microsoft ระบุว่าจะไม่ดำเนินการสร้างศูนย์ข้อมูลใน Licking County ในขณะนี้ แต่ยังคงถือครองที่ดินเพื่อพัฒนาในอนาคต
    - โครงการนี้มีมูลค่ารวม 1 พันล้านดอลลาร์ และเคยวางแผนเริ่มต้นในเดือนกรกฎาคม 2025

    ✅ ผลกระทบจากภาษีนำเข้า:
    - การนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมถูกเก็บภาษี 25% ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2025 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน
    - แม้ทรัมป์จะเพิ่งยกเลิกภาษีบางส่วน แต่ความผันผวนในตลาดยังคงมีอยู่

    ✅ การพัฒนาในพื้นที่:
    - Microsoft ยังคงดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนนและสาธารณูปโภค เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจในพื้นที่

    ✅ การยกเลิกโครงการอื่น ๆ:
    - มีรายงานว่า Microsoft ได้ยกเลิกโครงการศูนย์ข้อมูลในสหรัฐฯ ยุโรป และภูมิภาค APAC รวมถึงสหราชอาณาจักร

    https://www.techradar.com/pro/microsoft-shelves-another-usd1bn-data-center-project-as-tariff-fears-rise
    Microsoft ได้ระงับแผนการสร้างศูนย์ข้อมูลในรัฐโอไฮโอ มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาษีนำเข้าและความผันผวนทางเศรษฐกิจ โดยแผนดังกล่าวรวมถึงการพัฒนาศูนย์ข้อมูลใน New Albany, Heath และ Hebron ✅ การระงับแผนการสร้างศูนย์ข้อมูล: - Microsoft ระบุว่าจะไม่ดำเนินการสร้างศูนย์ข้อมูลใน Licking County ในขณะนี้ แต่ยังคงถือครองที่ดินเพื่อพัฒนาในอนาคต - โครงการนี้มีมูลค่ารวม 1 พันล้านดอลลาร์ และเคยวางแผนเริ่มต้นในเดือนกรกฎาคม 2025 ✅ ผลกระทบจากภาษีนำเข้า: - การนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมถูกเก็บภาษี 25% ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2025 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน - แม้ทรัมป์จะเพิ่งยกเลิกภาษีบางส่วน แต่ความผันผวนในตลาดยังคงมีอยู่ ✅ การพัฒนาในพื้นที่: - Microsoft ยังคงดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนนและสาธารณูปโภค เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจในพื้นที่ ✅ การยกเลิกโครงการอื่น ๆ: - มีรายงานว่า Microsoft ได้ยกเลิกโครงการศูนย์ข้อมูลในสหรัฐฯ ยุโรป และภูมิภาค APAC รวมถึงสหราชอาณาจักร https://www.techradar.com/pro/microsoft-shelves-another-usd1bn-data-center-project-as-tariff-fears-rise
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้กล่าวถึงผลกระทบของภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่มีต่ออุตสาหกรรมการจัดเก็บข้อมูล โดยเฉพาะผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ (HDD) และโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นอย่างมาก

    ✅ ผลกระทบต่อผู้ผลิต HDD:
    - ผู้ผลิต HDD เช่น Seagate, Toshiba และ Western Digital ต้องเผชิญกับภาษีนำเข้าที่สูงถึง 124% สำหรับสินค้าที่ผลิตในจีน และ 24%-36% สำหรับสินค้าที่ผลิตในมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย
    - การย้ายการผลิตออกจากจีนหรือไทยเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากต้องใช้ห้องปลอดเชื้อ (cleanrooms)

    ✅ ผลกระทบต่อผู้ผลิต SSD:
    - ผู้ผลิต SSD เช่น Micron, Kioxia และ Sandisk อาจต้องย้ายการผลิตออกจากจีนเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี
    - การผลิต SSD สามารถย้ายได้ง่ายกว่า HDD เนื่องจากไม่ต้องใช้ห้องปลอดเชื้อ

    ✅ การตอบสนองของบริษัท:
    - บริษัทต่าง ๆ อาจเพิ่มการผลิตในสหรัฐฯ เพื่อพิสูจน์ว่าสินค้ามีส่วนประกอบจากอเมริกาอย่างน้อย 20% เพื่อลดภาษี
    - การผลิตในประเทศที่ได้รับการยกเว้นภาษี เช่น แคนาดาหรือเม็กซิโก อาจเป็นทางเลือก

    ✅ ผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์อื่น:
    - การผลิตเทปไดรฟ์และแผ่นดิสก์ Blu-ray/DVD ได้รับผลกระทบแตกต่างกันไปตามประเทศที่ผลิต

    https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/u-s-tariffs-to-heavily-impact-hdd-and-ssd-manufacturers-increasing-costs
    ข่าวนี้กล่าวถึงผลกระทบของภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่มีต่ออุตสาหกรรมการจัดเก็บข้อมูล โดยเฉพาะผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ (HDD) และโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ✅ ผลกระทบต่อผู้ผลิต HDD: - ผู้ผลิต HDD เช่น Seagate, Toshiba และ Western Digital ต้องเผชิญกับภาษีนำเข้าที่สูงถึง 124% สำหรับสินค้าที่ผลิตในจีน และ 24%-36% สำหรับสินค้าที่ผลิตในมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย - การย้ายการผลิตออกจากจีนหรือไทยเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูง เนื่องจากต้องใช้ห้องปลอดเชื้อ (cleanrooms) ✅ ผลกระทบต่อผู้ผลิต SSD: - ผู้ผลิต SSD เช่น Micron, Kioxia และ Sandisk อาจต้องย้ายการผลิตออกจากจีนเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี - การผลิต SSD สามารถย้ายได้ง่ายกว่า HDD เนื่องจากไม่ต้องใช้ห้องปลอดเชื้อ ✅ การตอบสนองของบริษัท: - บริษัทต่าง ๆ อาจเพิ่มการผลิตในสหรัฐฯ เพื่อพิสูจน์ว่าสินค้ามีส่วนประกอบจากอเมริกาอย่างน้อย 20% เพื่อลดภาษี - การผลิตในประเทศที่ได้รับการยกเว้นภาษี เช่น แคนาดาหรือเม็กซิโก อาจเป็นทางเลือก ✅ ผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์อื่น: - การผลิตเทปไดรฟ์และแผ่นดิสก์ Blu-ray/DVD ได้รับผลกระทบแตกต่างกันไปตามประเทศที่ผลิต https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/u-s-tariffs-to-heavily-impact-hdd-and-ssd-manufacturers-increasing-costs
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    U.S. tariffs to heavily impact HDD and SSD manufacturers, increasing costs
    Storage could get significantly more expensive due to tariffs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD ได้เปิดตัวซีพียูสำหรับแล็ปท็อปเกมมิ่งรุ่นใหม่ในซีรีส์ Ryzen 8000HX ซึ่งเป็นการปรับปรุงจากสถาปัตยกรรม Zen 4 โดยเน้นการใช้งานร่วมกับ GPU แยก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมและการทำงานที่ต้องการพลังประมวลผลสูง

    ✅ การเปิดตัวซีพียู Ryzen 8000HX:
    - ใช้สถาปัตยกรรม Zen 4 และกระบวนการผลิต 5nm FinFET ของ TSMC
    - มีรุ่นย่อย 4 รุ่น ได้แก่ Ryzen 9 8945HX, Ryzen 9 8940HX, Ryzen 7 8840HX และ Ryzen 7 8745HX
    - รองรับการทำงานร่วมกับ GPU แยก เช่น Nvidia RTX 50 series

    ✅ คุณสมบัติเด่น:
    - Ryzen 9 8945HX มี 16 คอร์ 32 เธรด พร้อมความเร็วสูงสุด 5.4 GHz
    - ใช้กราฟิกในตัว RDNA 2 Radeon 610M แต่เน้นการใช้งานร่วมกับ GPU แยก
    - การออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานที่ต้องการพลังงานสูงสุดถึง 75W

    ✅ การตอบสนองต่อความต้องการของตลาด:
    - AMD เปิดตัวซีรีส์นี้เพื่อเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ผลิตแล็ปท็อปที่ต้องการลดต้นทุน
    - เน้นการใช้งานในแล็ปท็อปเกมมิ่งระดับไฮเอนด์

    ✅ ผลกระทบจากภาษีนำเข้า:
    - การเปิดตัวอาจได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่สูงถึง 125% สำหรับสินค้าจากจีน

    https://www.techspot.com/news/107489-amd-quietly-unveils-refreshed-zen-4-gaming-laptop.html
    AMD ได้เปิดตัวซีพียูสำหรับแล็ปท็อปเกมมิ่งรุ่นใหม่ในซีรีส์ Ryzen 8000HX ซึ่งเป็นการปรับปรุงจากสถาปัตยกรรม Zen 4 โดยเน้นการใช้งานร่วมกับ GPU แยก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมและการทำงานที่ต้องการพลังประมวลผลสูง ✅ การเปิดตัวซีพียู Ryzen 8000HX: - ใช้สถาปัตยกรรม Zen 4 และกระบวนการผลิต 5nm FinFET ของ TSMC - มีรุ่นย่อย 4 รุ่น ได้แก่ Ryzen 9 8945HX, Ryzen 9 8940HX, Ryzen 7 8840HX และ Ryzen 7 8745HX - รองรับการทำงานร่วมกับ GPU แยก เช่น Nvidia RTX 50 series ✅ คุณสมบัติเด่น: - Ryzen 9 8945HX มี 16 คอร์ 32 เธรด พร้อมความเร็วสูงสุด 5.4 GHz - ใช้กราฟิกในตัว RDNA 2 Radeon 610M แต่เน้นการใช้งานร่วมกับ GPU แยก - การออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานที่ต้องการพลังงานสูงสุดถึง 75W ✅ การตอบสนองต่อความต้องการของตลาด: - AMD เปิดตัวซีรีส์นี้เพื่อเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ผลิตแล็ปท็อปที่ต้องการลดต้นทุน - เน้นการใช้งานในแล็ปท็อปเกมมิ่งระดับไฮเอนด์ ✅ ผลกระทบจากภาษีนำเข้า: - การเปิดตัวอาจได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่สูงถึง 125% สำหรับสินค้าจากจีน https://www.techspot.com/news/107489-amd-quietly-unveils-refreshed-zen-4-gaming-laptop.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AMD quietly unveils its refreshed Zen 4 gaming laptop CPUs – the Ryzen 8000HX series
    Listings for four new high-end laptop processors recently appeared on AMD's website. Unlike the company's Fire Range and Ryzen AI 300 series, the new Ryzen 8000HX CPUs...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนและสหภาพยุโรปกลับมาเริ่มเจรจาเพื่อยกเลิกภาษีนำเข้าของสหภาพยุโรปสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของจีน
    จีนและสหภาพยุโรปกลับมาเริ่มเจรจาเพื่อยกเลิกภาษีนำเข้าของสหภาพยุโรปสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของจีน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนเป็น 145%
    จากเดิมเมื่อวานอยู่ที่ 125% ขณะที่จีนยังเก็บภาษีจากสหรัฐอยู่ที่ 84%
    ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนเป็น 145% จากเดิมเมื่อวานอยู่ที่ 125% ขณะที่จีนยังเก็บภาษีจากสหรัฐอยู่ที่ 84%
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนทิ้งไพ่เด็ด หยุดส่งออก "แร่หายาก" 7 ชนิด
    กระทบการพัฒนาเครื่องบินขับไล่ F-47 ของสหรัฐฯ
    .
    ผลกระทบจากสงครามการค้า และภาษีนำเข้าระหว่าง สหรัฐฯ กับ จีน ล่าสุดรัฐบาลปักกิ่งได้มีการห้ามการส่งออก "แร่หายาก" หรือ Rare Earth โดยในภาษาจีนเรียกว่า ซีถู่ (稀土) ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่ออุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การผลิตสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ แผงโซลาร์ อาวุธ รวมไปถึงรถ EV อย่างใหญ่หลวงเนื่องจากจีนเป็นผู้ส่งออกรายสำคัญของโลก โดยการตัดสินใจห้ามส่งออก 7 แร่ธาตุหายากดังกล่าว ทำให้ราคาของ "แร่ธาตุหายาก" เหล่านี้ในตลาดโลกปรับตัวขึ้นทันที 12%
    .
    คลิกชม >> https://vt.tiktok.com/ZSrabUS5W/
    .
    #สงครามการค้า #แร่หายาก #จีนvsสหรัฐ #RareEarth #F47
    จีนทิ้งไพ่เด็ด หยุดส่งออก "แร่หายาก" 7 ชนิด กระทบการพัฒนาเครื่องบินขับไล่ F-47 ของสหรัฐฯ . ผลกระทบจากสงครามการค้า และภาษีนำเข้าระหว่าง สหรัฐฯ กับ จีน ล่าสุดรัฐบาลปักกิ่งได้มีการห้ามการส่งออก "แร่หายาก" หรือ Rare Earth โดยในภาษาจีนเรียกว่า ซีถู่ (稀土) ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่ออุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การผลิตสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ แผงโซลาร์ อาวุธ รวมไปถึงรถ EV อย่างใหญ่หลวงเนื่องจากจีนเป็นผู้ส่งออกรายสำคัญของโลก โดยการตัดสินใจห้ามส่งออก 7 แร่ธาตุหายากดังกล่าว ทำให้ราคาของ "แร่ธาตุหายาก" เหล่านี้ในตลาดโลกปรับตัวขึ้นทันที 12% . คลิกชม >> https://vt.tiktok.com/ZSrabUS5W/ . #สงครามการค้า #แร่หายาก #จีนvsสหรัฐ #RareEarth #F47
    @thedongfangbubai

    จีนทิ้งไพ่เด็ด หยุดส่งออก "แร่หายาก" 7 ชนิด กระทบการพัฒนาเครื่องบินขับไล่ F-47 ของสหรัฐฯ . ผลกระทบจากสงครามการค้า และภาษีนำเข้าระหว่าง สหรัฐฯ กับ จีน ล่าสุดรัฐบาลปักกิ่งได้มีการห้ามการส่งออก "แร่หายาก" หรือ Rare Earth โดยในภาษาจีนเรียกว่า ซีถู่ (稀土) ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่ออุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การผลิตสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ แผงโซลาร์ อาวุธ รวมไปถึงรถ EV อย่างใหญ่หลวงเนื่องจากจีนเป็นผู้ส่งออกรายสำคัญของโลก โดยการตัดสินใจห้ามส่งออก 7 แร่ธาตุหายากดังกล่าว ทำให้ราคาของ "แร่ธาตุหายาก" เหล่านี้ในตลาดโลกปรับตัวขึ้นทันที 12% . #สงครามการค้า #แร่หายาก #จีนvsสหรัฐ #RareEarth #F47

    ♬ original sound - บูรพาไม่แพ้ - บูรพาไม่แพ้
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส่อง ‘หุ้นเด่น’ ช่วง ‘ทรัมป์’ ชะลอภาษี 90 วัน 10/04/68 #หุ้นเด่น #ภาษีนำเข้า #ทรัมป์ #กะเทาะหุ้น
    ส่อง ‘หุ้นเด่น’ ช่วง ‘ทรัมป์’ ชะลอภาษี 90 วัน 10/04/68 #หุ้นเด่น #ภาษีนำเข้า #ทรัมป์ #กะเทาะหุ้น
    Wow
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 664 มุมมอง 18 0 รีวิว
  • สก็อตต์ เบสเซนต์ (Scott Bessent) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐ กล่าวว่าทรัมป์ไม่ได้หวังแค่จะขึ้นภาษีเท่านั้น แต่เขากำลังวางกับดักไว้ นี่คือกลยุทธ์ของประธานาธิบดีและจีนก็เดินเข้าไปหาทันที

    ตลาดกำลังฟื้นตัวหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 125% ในขณะที่ให้เวลา 90 วันกับประเทศอื่นๆ

    ผลลัพธ์ที่ได้คือ จีนต้องยืนอยู่เพียงลำพัง “ผมกับทรัมป์เราใช้เวลาหารืออย่างยาวในวันอาทิตย์ และนี่คือกลยุทธ์ของเขามาตลอด”


    “หากคุณไม่ตอบโต้ คุณจะได้รับสิ่งตอบแทน ดังนั้นทุกประเทศในโลกต้องการเข้าร่วมการเจรจา เรายินดีที่จะรับฟังคุณ เราจะลดภาษีศุลกากรพื้นฐานของเราต่อพวกเขาลงเหลือ 10% และเนื่องจากจีนยืนกรานที่จะยกระดับสงครามการค้า ภาษีศุลกากรของพวกเขาจึงจะเพิ่มขึ้นเป็น 125%”
    สก็อตต์ เบสเซนต์ (Scott Bessent) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐ กล่าวว่าทรัมป์ไม่ได้หวังแค่จะขึ้นภาษีเท่านั้น แต่เขากำลังวางกับดักไว้ นี่คือกลยุทธ์ของประธานาธิบดีและจีนก็เดินเข้าไปหาทันที ตลาดกำลังฟื้นตัวหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 125% ในขณะที่ให้เวลา 90 วันกับประเทศอื่นๆ ผลลัพธ์ที่ได้คือ จีนต้องยืนอยู่เพียงลำพัง “ผมกับทรัมป์เราใช้เวลาหารืออย่างยาวในวันอาทิตย์ และนี่คือกลยุทธ์ของเขามาตลอด” “หากคุณไม่ตอบโต้ คุณจะได้รับสิ่งตอบแทน ดังนั้นทุกประเทศในโลกต้องการเข้าร่วมการเจรจา เรายินดีที่จะรับฟังคุณ เราจะลดภาษีศุลกากรพื้นฐานของเราต่อพวกเขาลงเหลือ 10% และเนื่องจากจีนยืนกรานที่จะยกระดับสงครามการค้า ภาษีศุลกากรของพวกเขาจึงจะเพิ่มขึ้นเป็น 125%”
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 283 มุมมอง 28 0 รีวิว
  • สงครามการค้า อเมริกา-จีน ส่อเค้าลุกลามห้ามไม่อยู่ หลังภาษีศุลกากรระลอกใหม่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันพุธ (9 เม.ย.) ซึ่งทรัมป์สั่งรีดภาษีจีนเพิ่มเบ็ดเสร็จเป็น 104% ด้านจีนตอบโต้ด้วยการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ทั้งหมดเป็น 84%
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000034098

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    สงครามการค้า อเมริกา-จีน ส่อเค้าลุกลามห้ามไม่อยู่ หลังภาษีศุลกากรระลอกใหม่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันพุธ (9 เม.ย.) ซึ่งทรัมป์สั่งรีดภาษีจีนเพิ่มเบ็ดเสร็จเป็น 104% ด้านจีนตอบโต้ด้วยการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ทั้งหมดเป็น 84% . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000034098 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    Sad
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1652 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วน!!!

    ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 125% มีผลทันที

    และระงับการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากทุกประเทศทั่วโลกเป็นเวลา 90 วัน โดยให้เหตุผลว่าประเทศเหล่านั้นไม่ได้ตอบโต้สหรัฐ
    ด่วน!!! ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 125% มีผลทันที และระงับการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากทุกประเทศทั่วโลกเป็นเวลา 90 วัน โดยให้เหตุผลว่าประเทศเหล่านั้นไม่ได้ตอบโต้สหรัฐ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว
  • สก็อตต์ เบสเซนต์ (Scott Bessent) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐ ให้สัมภาษณ์หลังจากจีนตอบโต้การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้นอีก 84% จากเดิมเมื่อ 4 วันก่อนเพิ่งประกาศขึ้นมาอยู่ที่ 34%  โดยกล่าวแสดงความผิดหวังต่อสิ่งที่จีนกำลังทำอยู่ขณะนี้ ซึ่งมันจะทำให้พวกเขาเป็นฝ่ายที่เสียหาย จากการที่จีนมีระบบเศรษฐกิจที่ไร้สมดุลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลกสมัยใหม่


    “พวกเขาเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ากับเรา เพราะฉะนั้นการตอบโต้แบบนี้จะทำให้พวกเขาเจ็บตัวมากกว่า” เมื่อมองในมุมของสัดส่วนผลกระทบ จีนจะเป็นฝ่ายที่ได้รับความเสียหายมากกว่าสหรัฐฯ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


    นอกจากนี้ เบสเซนต์ ยังขู่อีกว่าจะถอดหุ้นจีนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐ และเรียกร้องให้จีนกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจาแทนการตอบโต้กันไปมา โดยระบุว่า “ทุกทางเลือกอยู่บนโต๊ะ” ซึ่งการตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับการถอดหุ้นจีนจะขึ้นอยู่กับตัวการตัดสินใจของทรัมป์



    เบสเซนต์ยังเน้นย้ำว่า จีนควรเปิดกว้างต่อการเจรจากับสหรัฐ พร้อมส่งสัญญาณเปิดช่องไว้ว่าหนทางทางการทูตและเศรษฐกิจยังเป็นไปได้ หากจีนเลือกการเจรจาแทนที่จะใช้มาตรการตอบโต้



    การตอบโต้ของจีนครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่รัฐบาลทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่มเติมรวมทุกครั้งแล้วเป็น 104%
    สก็อตต์ เบสเซนต์ (Scott Bessent) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐ ให้สัมภาษณ์หลังจากจีนตอบโต้การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้นอีก 84% จากเดิมเมื่อ 4 วันก่อนเพิ่งประกาศขึ้นมาอยู่ที่ 34%  โดยกล่าวแสดงความผิดหวังต่อสิ่งที่จีนกำลังทำอยู่ขณะนี้ ซึ่งมันจะทำให้พวกเขาเป็นฝ่ายที่เสียหาย จากการที่จีนมีระบบเศรษฐกิจที่ไร้สมดุลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลกสมัยใหม่ “พวกเขาเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ากับเรา เพราะฉะนั้นการตอบโต้แบบนี้จะทำให้พวกเขาเจ็บตัวมากกว่า” เมื่อมองในมุมของสัดส่วนผลกระทบ จีนจะเป็นฝ่ายที่ได้รับความเสียหายมากกว่าสหรัฐฯ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้ เบสเซนต์ ยังขู่อีกว่าจะถอดหุ้นจีนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐ และเรียกร้องให้จีนกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจาแทนการตอบโต้กันไปมา โดยระบุว่า “ทุกทางเลือกอยู่บนโต๊ะ” ซึ่งการตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับการถอดหุ้นจีนจะขึ้นอยู่กับตัวการตัดสินใจของทรัมป์ เบสเซนต์ยังเน้นย้ำว่า จีนควรเปิดกว้างต่อการเจรจากับสหรัฐ พร้อมส่งสัญญาณเปิดช่องไว้ว่าหนทางทางการทูตและเศรษฐกิจยังเป็นไปได้ หากจีนเลือกการเจรจาแทนที่จะใช้มาตรการตอบโต้ การตอบโต้ของจีนครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่รัฐบาลทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่มเติมรวมทุกครั้งแล้วเป็น 104%
    Yay
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 252 มุมมอง 21 0 รีวิว
  • Intel ต้องเผชิญความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในช่วงเดือนที่ผ่านมา โดย Lip-Bu Tan ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO คนใหม่ของบริษัทที่เข้ารับตำแหน่งในเดือนมีนาคม 2025 ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่หุ้นของ Intel ลดลงอย่างต่อเนื่องจากผลกระทบของ นโยบายภาษีนำเข้าของรัฐบาลสหรัฐฯ ส่งผลให้ตลาดหุ้นรวมถึงบริษัทในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน

    == ผลกระทบต่อ Intel และผู้บริหาร ==
    ✅ มูลค่าหุ้นลดลงในจุดต่ำสุด:
    - Lip-Bu Tan ลงทุนซื้อหุ้นของ Intel จำนวน $25 ล้านในช่วงที่รับตำแหน่ง CEO ด้วยราคา $23.96 ต่อหุ้น แต่ปัจจุบันหุ้นลดลงเหลือ $18.90 ส่งผลให้มูลค่าการลงทุนของเขาลดลงมากกว่า $5 ล้าน ภายในเวลาไม่ถึงเดือน

    ✅ ผลกระทบจากภาษีใหม่:
    - การลดลงของหุ้นไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการดำเนินงานของ CEO ใหม่ แต่เกิดจากแรงกดดันของ ภาษีนำเข้า ที่รัฐบาลประกาศใช้ ซึ่งกระทบต้นทุนการผลิตและความสามารถในการแข่งขันของบริษัท

    == แนวทางและความหวังใหม่ ==
    ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่:
    - Intel ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนา 18A process node ซึ่งเข้าสู่กระบวนการผลิตเชิงทดลอง (risk production) นี่เป็นก้าวสำคัญที่อาจช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นจากนักลงทุน

    ✅ การฟื้นฟูสถานะการเงิน:
    - นักวิเคราะห์บางส่วนคาดการณ์ว่า Intel อาจเลือกใช้วิธีการปรับโครงสร้างการเงิน เช่น การซื้อหุ้นคืน (stock buyback) แบบเดียวกับ Broadcom แต่สถานะการเงินของ Intel ในปัจจุบันยังไม่เอื้อให้ใช้กลยุทธ์นี้

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/intel-ceo-lip-bu-tan-loses-usd5-million-in-intel-investment-value-as-stock-tumbles
    Intel ต้องเผชิญความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในช่วงเดือนที่ผ่านมา โดย Lip-Bu Tan ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO คนใหม่ของบริษัทที่เข้ารับตำแหน่งในเดือนมีนาคม 2025 ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่หุ้นของ Intel ลดลงอย่างต่อเนื่องจากผลกระทบของ นโยบายภาษีนำเข้าของรัฐบาลสหรัฐฯ ส่งผลให้ตลาดหุ้นรวมถึงบริษัทในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน == ผลกระทบต่อ Intel และผู้บริหาร == ✅ มูลค่าหุ้นลดลงในจุดต่ำสุด: - Lip-Bu Tan ลงทุนซื้อหุ้นของ Intel จำนวน $25 ล้านในช่วงที่รับตำแหน่ง CEO ด้วยราคา $23.96 ต่อหุ้น แต่ปัจจุบันหุ้นลดลงเหลือ $18.90 ส่งผลให้มูลค่าการลงทุนของเขาลดลงมากกว่า $5 ล้าน ภายในเวลาไม่ถึงเดือน ✅ ผลกระทบจากภาษีใหม่: - การลดลงของหุ้นไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการดำเนินงานของ CEO ใหม่ แต่เกิดจากแรงกดดันของ ภาษีนำเข้า ที่รัฐบาลประกาศใช้ ซึ่งกระทบต้นทุนการผลิตและความสามารถในการแข่งขันของบริษัท == แนวทางและความหวังใหม่ == ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่: - Intel ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนา 18A process node ซึ่งเข้าสู่กระบวนการผลิตเชิงทดลอง (risk production) นี่เป็นก้าวสำคัญที่อาจช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นจากนักลงทุน ✅ การฟื้นฟูสถานะการเงิน: - นักวิเคราะห์บางส่วนคาดการณ์ว่า Intel อาจเลือกใช้วิธีการปรับโครงสร้างการเงิน เช่น การซื้อหุ้นคืน (stock buyback) แบบเดียวกับ Broadcom แต่สถานะการเงินของ Intel ในปัจจุบันยังไม่เอื้อให้ใช้กลยุทธ์นี้ https://www.tomshardware.com/tech-industry/intel-ceo-lip-bu-tan-loses-usd5-million-in-intel-investment-value-as-stock-tumbles
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel กำลังเผชิญปัญหาความต้องการในตลาดที่ลดลง และการเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีนำเข้า ทำให้มูลค่าตลาดหุ้นลดลงอย่างมาก บริษัทพยายามแก้ไขโดยการเตรียมเปิดตัว CPU รุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อดึงดูดความสนใจจากนักลงทุน อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โดยรวมยังคงเผชิญความท้าทายจากต้นทุนที่สูงขึ้น

    ✅ ความต้องการที่ลดลง:
    - Intel พบการลดลงของความต้องการ CPU และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
    - ยิ่งไปกว่านั้น การเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีนำเข้าของรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มต้นทุนการผลิต และส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขัน

    ✅ ความหวังใหม่ใน Panther Lake:
    - Intel ตั้งเป้าที่จะเปิดตัว CPU ใหม่ที่ชื่อ Panther Lake โดยใช้เทคโนโลยี 18A process technology
    - หาก CPU รุ่นนี้สามารถสร้างประสิทธิภาพและผลตอบแทนได้ตามเป้า Intel อาจกลับมาดึงดูดความเชื่อมั่นจากนักลงทุนอีกครั้ง

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม:
    - อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โดยรวมก็ได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษี เช่น AMD, Nvidia และ Micron ที่มูลค่าหุ้นลดลงในระดับที่น่ากังวลเช่นกัน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intels-market-cap-plummets-to-16-year-low-as-stock-rout-continues
    Intel กำลังเผชิญปัญหาความต้องการในตลาดที่ลดลง และการเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีนำเข้า ทำให้มูลค่าตลาดหุ้นลดลงอย่างมาก บริษัทพยายามแก้ไขโดยการเตรียมเปิดตัว CPU รุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อดึงดูดความสนใจจากนักลงทุน อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โดยรวมยังคงเผชิญความท้าทายจากต้นทุนที่สูงขึ้น ✅ ความต้องการที่ลดลง: - Intel พบการลดลงของความต้องการ CPU และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน - ยิ่งไปกว่านั้น การเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีนำเข้าของรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มต้นทุนการผลิต และส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขัน ✅ ความหวังใหม่ใน Panther Lake: - Intel ตั้งเป้าที่จะเปิดตัว CPU ใหม่ที่ชื่อ Panther Lake โดยใช้เทคโนโลยี 18A process technology - หาก CPU รุ่นนี้สามารถสร้างประสิทธิภาพและผลตอบแทนได้ตามเป้า Intel อาจกลับมาดึงดูดความเชื่อมั่นจากนักลงทุนอีกครั้ง ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม: - อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โดยรวมก็ได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษี เช่น AMD, Nvidia และ Micron ที่มูลค่าหุ้นลดลงในระดับที่น่ากังวลเช่นกัน https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intels-market-cap-plummets-to-16-year-low-as-stock-rout-continues
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Intel's market cap plummets to 16-year low as stock rout continues
    The stocks of other semiconductor companies are also hitting multi-year lows
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาตรการภาษีนำเข้าทำให้ราคาสินค้าเทคโนโลยีใหม่พุ่งสูงขึ้น iFixit แนะนำให้ผู้บริโภคพิจารณาซ่อมแซมอุปกรณ์แทนการซื้อใหม่ เพื่อลดค่าใช้จ่ายและช่วยสร้างความยั่งยืน โดยยังเรียกร้องให้ผู้ผลิตสนับสนุนแนวทางนี้เพื่อความยั่งยืนของโลก

    ✅ ผลกระทบจากภาษีใหม่:
    - บริษัทระบุว่า เกือบทุกผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีใหม่จะมีราคาแพงขึ้น เนื่องจากผู้ผลิตมีแนวโน้มปรับราคาสินค้าเพื่อตอบสนองต่อต้นทุนที่เพิ่มจากภาษีนำเข้า
    - การวิเคราะห์จาก Consumer Technology Association (CTA) เผยว่าภาษีอาจทำให้ราคาสินค้าเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นมากกว่า 16% โดยเฉพาะสินค้าไฮเอนด์อย่าง iPhone ซึ่งต้นทุนการผลิตอาจพุ่งจาก $550 เป็น $850

    ✅ การซ่อมแซมเป็นทางเลือกที่ยั่งยืน:
    - iFixit ชี้ว่าค่าซ่อมสินค้าจะเพิ่มขึ้นเช่นกันแต่ ไม่มากเท่ากับราคาสินค้าใหม่
    - การซ่อมช่วยลดความต้องการผลิตภัณฑ์ใหม่ ทำให้มีเวลาเก็บเงินสำหรับการลงทุนในสินค้าที่จำเป็นจริง ๆ ในอนาคต

    ✅ ข้อเสนอแนะจาก iFixit:
    - เรียกร้องให้ ผู้ผลิตและผู้กำหนดนโยบาย ส่งเสริมการซ่อมแซมโดยการออกแบบอุปกรณ์ให้ซ่อมง่ายและให้การสนับสนุน เช่น การจัดหาอะไหล่และเครื่องมือ
    - การออกแบบที่ส่งเสริมการซ่อมจะทำให้ผู้บริโภคมั่นใจในการซื้อผลิตภัณฑ์จากบริษัทนั้นซ้ำ อีกทั้งยังส่งผลดีต่อความยั่งยืนในระยะยาว

    == คำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อยืดอายุอุปกรณ์ของคุณ ==
    💡 ป้องกันก่อนเกิดปัญหา:
    - ใช้เคสและฟิล์มกันรอยเพื่อป้องกันอุปกรณ์เสียหาย
    - ตั้งค่าการใช้งานปุ่ม Power และ Volume ในอุปกรณ์เพื่อหลีกเลี่ยงการสึกหรอ

    💡 ซ่อมแทนทิ้ง:
    - การซ่อมไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดเงิน แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างโลกที่ยั่งยืน

    https://www.neowin.net/news/ifixit-says-tariffs-will-hike-consumer-tech-prices-but-repairing-can-save-you-money/
    มาตรการภาษีนำเข้าทำให้ราคาสินค้าเทคโนโลยีใหม่พุ่งสูงขึ้น iFixit แนะนำให้ผู้บริโภคพิจารณาซ่อมแซมอุปกรณ์แทนการซื้อใหม่ เพื่อลดค่าใช้จ่ายและช่วยสร้างความยั่งยืน โดยยังเรียกร้องให้ผู้ผลิตสนับสนุนแนวทางนี้เพื่อความยั่งยืนของโลก ✅ ผลกระทบจากภาษีใหม่: - บริษัทระบุว่า เกือบทุกผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีใหม่จะมีราคาแพงขึ้น เนื่องจากผู้ผลิตมีแนวโน้มปรับราคาสินค้าเพื่อตอบสนองต่อต้นทุนที่เพิ่มจากภาษีนำเข้า - การวิเคราะห์จาก Consumer Technology Association (CTA) เผยว่าภาษีอาจทำให้ราคาสินค้าเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นมากกว่า 16% โดยเฉพาะสินค้าไฮเอนด์อย่าง iPhone ซึ่งต้นทุนการผลิตอาจพุ่งจาก $550 เป็น $850 ✅ การซ่อมแซมเป็นทางเลือกที่ยั่งยืน: - iFixit ชี้ว่าค่าซ่อมสินค้าจะเพิ่มขึ้นเช่นกันแต่ ไม่มากเท่ากับราคาสินค้าใหม่ - การซ่อมช่วยลดความต้องการผลิตภัณฑ์ใหม่ ทำให้มีเวลาเก็บเงินสำหรับการลงทุนในสินค้าที่จำเป็นจริง ๆ ในอนาคต ✅ ข้อเสนอแนะจาก iFixit: - เรียกร้องให้ ผู้ผลิตและผู้กำหนดนโยบาย ส่งเสริมการซ่อมแซมโดยการออกแบบอุปกรณ์ให้ซ่อมง่ายและให้การสนับสนุน เช่น การจัดหาอะไหล่และเครื่องมือ - การออกแบบที่ส่งเสริมการซ่อมจะทำให้ผู้บริโภคมั่นใจในการซื้อผลิตภัณฑ์จากบริษัทนั้นซ้ำ อีกทั้งยังส่งผลดีต่อความยั่งยืนในระยะยาว == คำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อยืดอายุอุปกรณ์ของคุณ == 💡 ป้องกันก่อนเกิดปัญหา: - ใช้เคสและฟิล์มกันรอยเพื่อป้องกันอุปกรณ์เสียหาย - ตั้งค่าการใช้งานปุ่ม Power และ Volume ในอุปกรณ์เพื่อหลีกเลี่ยงการสึกหรอ 💡 ซ่อมแทนทิ้ง: - การซ่อมไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดเงิน แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างโลกที่ยั่งยืน https://www.neowin.net/news/ifixit-says-tariffs-will-hike-consumer-tech-prices-but-repairing-can-save-you-money/
    WWW.NEOWIN.NET
    iFixit says tariffs will hike consumer tech prices, but repairing can save you money
    The repair company iFixit says you can avoid rising consumer tech prices due to tariffs by choosing to repair your current device rather than buying a new one.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts