• 📌 อารมณ์ vs. เหตุผล: ใช้อย่างไรให้ชีวิตเจริญ?


    ---

    🧠 มนุษย์ใช้เหตุผลได้… ถ้าอยากใช้!

    ✅ เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา
    ✅ แต่ส่วนใหญ่เลือกใช้อารมณ์นำหน้า
    ✅ ใช้เหตุผล → ชีวิตเจริญ
    ✅ ใช้อารมณ์นำ → ชีวิตวุ่นวาย

    🎯 "การเลือกใช้เหตุผลหรืออารมณ์" คือสิ่งที่กำหนด "ทิศทางชีวิต"


    ---

    🚨 4 ประเภทของคน ตามการใช้ "อารมณ์ vs. เหตุผล"

    ❌ 1️⃣ ใช้อารมณ์ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน

    🔴 ทำให้ทั้งสองสถานที่มืดมน
    🔴 ไม่มีใครอยากเข้าใกล้
    🔴 ชีวิตเต็มไปด้วยปัญหาและความขัดแย้ง

    🎯 "ออกจากบ้านไปสู่ความมืด → กลับมาบ้านก็ยังอยู่ในความมืด"


    ---

    🤔 2️⃣ ใช้เหตุผลที่ทำงาน แต่ใช้อารมณ์ที่บ้าน

    🔵 เป็นคนฉลาดและมีเหตุผลเมื่ออยู่ข้างนอก
    🔴 แต่กลับบ้านแล้วใช้อารมณ์ ทำให้ครอบครัวไม่มีความสุข
    🔴 คนในบ้านรับเคราะห์จากความเครียดและอารมณ์แปรปรวน

    🎯 "ทำงานแบบคนมีเหตุผล → แต่กลับบ้านแล้วเป็นคนโง่"


    ---

    🔥 3️⃣ ใช้อารมณ์ที่ทำงาน แต่ใช้เหตุผลที่บ้าน

    🔴 ทำให้ที่ทำงานวุ่นวายและเป็นพิษ
    🔵 แต่กลับบ้านแล้วสงบสุข เพราะใช้เหตุผลกับครอบครัว
    🔴 เสี่ยงต่อการมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานและเจ้านาย

    🎯 "ก่อปัญหาให้สังคม → แต่ดูแลครอบครัวดี"


    ---

    💡 4️⃣ ใช้เหตุผลทั้งที่ทำงานและที่บ้าน

    ✅ ทำให้ชีวิตราบรื่นทั้งสองด้าน
    ✅ เป็นแสงสว่างให้คนรอบตัว
    ✅ สร้างความสงบสุขและความเจริญในทุกที่

    🎯 "ออกจากบ้านไปไล่ความมืด → กลับมาขจัดความมืดที่บ้าน"


    ---

    🔥 วิธีเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์

    ✅ 1️⃣ หยุดคิดก่อนพูด

    🎯 หายใจลึกๆ ก่อนตอบโต้
    🎯 ถามตัวเอง → "ถ้าฉันพูดแบบนี้ จะเกิดอะไรขึ้น?"
    🎯 ฝึกนิ่งก่อนโต้ตอบ


    ---

    ✅ 2️⃣ ฝึก "เปลี่ยนมุมมอง" ก่อนใช้อารมณ์

    🎯 คนพูดไม่ดีใส่เรา → อาจเป็นเพราะเขาเครียด ไม่ใช่เพราะเรา
    🎯 เรื่องที่เกิดขึ้น → อาจมีแง่ดีให้เรียนรู้ ไม่ใช่แค่เรื่องแย่
    🎯 ทุกปัญหา → แก้ได้ด้วยสติ ไม่ใช่อารมณ์


    ---

    ✅ 3️⃣ สร้าง "พื้นที่ปลอดภัย" สำหรับครอบครัว

    🎯 อย่าเอาความเครียดจากงานมาลงที่บ้าน
    🎯 กลับบ้าน → เปลี่ยนเป็นโหมด "ใจเย็น-ให้กำลังใจ"
    🎯 ทำให้บ้านเป็น "แหล่งพลังบวก" ไม่ใช่ "สนามรบ"


    ---

    🎯 สรุป: ใช้เหตุผลให้มากขึ้น = ชีวิตเจริญขึ้น!

    ✔ ใช้อารมณ์ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน → ชีวิตมืดมน
    ✔ ใช้เหตุผลที่ทำงาน แต่ใช้อารมณ์ที่บ้าน → บ้านไม่มีความสุข
    ✔ ใช้อารมณ์ที่ทำงาน แต่ใช้เหตุผลที่บ้าน → งานมีปัญหา
    ✔ ใช้เหตุผลทั้งที่ทำงานและที่บ้าน → ชีวิตเจริญที่สุด!

    🔥 "เลือกใช้เหตุผลให้มากขึ้น → ชีวิตจะดีขึ้นทุกด้าน" 🔥

    📌 อารมณ์ vs. เหตุผล: ใช้อย่างไรให้ชีวิตเจริญ? --- 🧠 มนุษย์ใช้เหตุผลได้… ถ้าอยากใช้! ✅ เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา ✅ แต่ส่วนใหญ่เลือกใช้อารมณ์นำหน้า ✅ ใช้เหตุผล → ชีวิตเจริญ ✅ ใช้อารมณ์นำ → ชีวิตวุ่นวาย 🎯 "การเลือกใช้เหตุผลหรืออารมณ์" คือสิ่งที่กำหนด "ทิศทางชีวิต" --- 🚨 4 ประเภทของคน ตามการใช้ "อารมณ์ vs. เหตุผล" ❌ 1️⃣ ใช้อารมณ์ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน 🔴 ทำให้ทั้งสองสถานที่มืดมน 🔴 ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ 🔴 ชีวิตเต็มไปด้วยปัญหาและความขัดแย้ง 🎯 "ออกจากบ้านไปสู่ความมืด → กลับมาบ้านก็ยังอยู่ในความมืด" --- 🤔 2️⃣ ใช้เหตุผลที่ทำงาน แต่ใช้อารมณ์ที่บ้าน 🔵 เป็นคนฉลาดและมีเหตุผลเมื่ออยู่ข้างนอก 🔴 แต่กลับบ้านแล้วใช้อารมณ์ ทำให้ครอบครัวไม่มีความสุข 🔴 คนในบ้านรับเคราะห์จากความเครียดและอารมณ์แปรปรวน 🎯 "ทำงานแบบคนมีเหตุผล → แต่กลับบ้านแล้วเป็นคนโง่" --- 🔥 3️⃣ ใช้อารมณ์ที่ทำงาน แต่ใช้เหตุผลที่บ้าน 🔴 ทำให้ที่ทำงานวุ่นวายและเป็นพิษ 🔵 แต่กลับบ้านแล้วสงบสุข เพราะใช้เหตุผลกับครอบครัว 🔴 เสี่ยงต่อการมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานและเจ้านาย 🎯 "ก่อปัญหาให้สังคม → แต่ดูแลครอบครัวดี" --- 💡 4️⃣ ใช้เหตุผลทั้งที่ทำงานและที่บ้าน ✅ ทำให้ชีวิตราบรื่นทั้งสองด้าน ✅ เป็นแสงสว่างให้คนรอบตัว ✅ สร้างความสงบสุขและความเจริญในทุกที่ 🎯 "ออกจากบ้านไปไล่ความมืด → กลับมาขจัดความมืดที่บ้าน" --- 🔥 วิธีเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ ✅ 1️⃣ หยุดคิดก่อนพูด 🎯 หายใจลึกๆ ก่อนตอบโต้ 🎯 ถามตัวเอง → "ถ้าฉันพูดแบบนี้ จะเกิดอะไรขึ้น?" 🎯 ฝึกนิ่งก่อนโต้ตอบ --- ✅ 2️⃣ ฝึก "เปลี่ยนมุมมอง" ก่อนใช้อารมณ์ 🎯 คนพูดไม่ดีใส่เรา → อาจเป็นเพราะเขาเครียด ไม่ใช่เพราะเรา 🎯 เรื่องที่เกิดขึ้น → อาจมีแง่ดีให้เรียนรู้ ไม่ใช่แค่เรื่องแย่ 🎯 ทุกปัญหา → แก้ได้ด้วยสติ ไม่ใช่อารมณ์ --- ✅ 3️⃣ สร้าง "พื้นที่ปลอดภัย" สำหรับครอบครัว 🎯 อย่าเอาความเครียดจากงานมาลงที่บ้าน 🎯 กลับบ้าน → เปลี่ยนเป็นโหมด "ใจเย็น-ให้กำลังใจ" 🎯 ทำให้บ้านเป็น "แหล่งพลังบวก" ไม่ใช่ "สนามรบ" --- 🎯 สรุป: ใช้เหตุผลให้มากขึ้น = ชีวิตเจริญขึ้น! ✔ ใช้อารมณ์ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน → ชีวิตมืดมน ✔ ใช้เหตุผลที่ทำงาน แต่ใช้อารมณ์ที่บ้าน → บ้านไม่มีความสุข ✔ ใช้อารมณ์ที่ทำงาน แต่ใช้เหตุผลที่บ้าน → งานมีปัญหา ✔ ใช้เหตุผลทั้งที่ทำงานและที่บ้าน → ชีวิตเจริญที่สุด! 🔥 "เลือกใช้เหตุผลให้มากขึ้น → ชีวิตจะดีขึ้นทุกด้าน" 🔥
    0 Comments 0 Shares 116 Views 0 Reviews
  • 📌 พลังของคำพูด: พูดลบ → ดึงอัปมงคล | พูดบวก → ดึงโชคดี


    ---

    ❌ "คำพูดลบ" เป็นอัปมงคลจริงหรือ?

    ✅ พูดลบครั้งสองครั้ง → อาจไม่มีผลมาก
    ✅ พูดลบบ่อย → กลายเป็น "นิสัย" และ "พลังงานชีวิต"
    ✅ คำพูดลบ = สร้าง "หลุมดำ" ดูดสิ่งไม่ดีเข้ามา

    🎯 ถ้าพูดบ่น พูดด่า พูดเป็นลางร้ายทุกวัน → ชีวิตจะยิ่งจมลง
    🎯 เพราะพลังงานลบจากคำพูด → กลายเป็นแม่เหล็กดึงโชคร้าย


    ---

    📌 "คำพูดลบ" ส่งผลร้ายได้อย่างไร?

    1️⃣ ทำให้จิตใจ "จมดิ่ง" เองโดยไม่รู้ตัว

    ❌ บ่นทุกวัน = ใจหดหู่ทุกวัน
    ❌ ด่าทุกวัน = ใจร้อนทุกวัน
    ❌ สาปแช่งทุกวัน = ใจเป็นพิษทุกวัน

    🎯 "พูดแย่ → ใจแย่ → ดึงดูดสิ่งแย่เข้ามา"


    ---

    2️⃣ ทำให้คนรอบข้าง "รังเกียจ"

    ❌ คนที่พูดแง่ลบ → ทำให้คนอื่น "รู้สึกแย่"
    ❌ พลังงานลบจากคำพูด → ทำให้คนฟังหมดกำลังใจ
    ❌ คนที่ฟังบ่อยๆ → จะเริ่มตีตัวออกห่าง

    🎯 "พูดลบเยอะ → คนรอบข้างถอยห่าง → เหลือตัวคนเดียว"


    ---

    3️⃣ ดึง "เคราะห์ร้าย" เข้าตัวจริงๆ

    ❌ พูดลบ → จิตกลายเป็นลบ → ดึงดูดโชคร้าย
    ❌ พูดดี → จิตกลายเป็นบวก → ดึงดูดโชคดี

    🎯 "คำพูด = คำพยากรณ์ชีวิต"
    🎯 "พูดว่าแย่ → จิตสร้างความแย่ → ชีวิตก็แย่"
    🎯 "พูดว่าโชคดี → จิตสร้างโชคดี → ชีวิตก็ดีขึ้น"


    ---

    🔥 เปลี่ยนชีวิตด้วย "คำพูดบวก" 🔥

    ✅ 1️⃣ เปลี่ยน "คำพูดลบ" เป็น "คำพูดสร้างพลัง"

    ❌ "แย่จัง" → ✅ "มีอะไรดีที่เราเรียนรู้จากเรื่องนี้?"
    ❌ "ซวยอีกแล้ว" → ✅ "นี่คือโอกาสให้ฉันแก้ปัญหา"
    ❌ "ไม่มีทางสำเร็จ" → ✅ "ต้องมีทางไหนสักทางที่เวิร์ก"

    🎯 "พูดเปลี่ยน → ใจเปลี่ยน → ชีวิตเปลี่ยน"


    ---

    ✅ 2️⃣ ฝึก "มองหาสิ่งดีๆ" ในเรื่องแย่ๆ

    ❌ ล้มเหลว → ✅ ได้บทเรียน
    ❌ โดนหักหลัง → ✅ ได้รู้จักคน
    ❌ สูญเสียบางสิ่ง → ✅ ได้รับบางอย่างกลับมา

    🎯 "คิดดีได้ → พูดดีได้ → ดึงดูดสิ่งดีๆได้"


    ---

    ✅ 3️⃣ ฝึกพูดให้ "ตัวเองมีพลัง" และ "คนอื่นรู้สึกดี"

    ✅ พูดให้กำลังใจตัวเอง → "ฉันทำได้"
    ✅ พูดให้กำลังใจคนอื่น → "เธอเก่งมาก"
    ✅ พูดให้ชีวิตเป็นพลังบวก → "ทุกอย่างกำลังดีขึ้น"

    🎯 "พลังคำพูด = พลังชีวิต"
    🎯 "พูดดีบ่อยๆ → จิตใจสว่าง → ชีวิตมีโชค"


    ---

    🎯 สรุป: พลังของคำพูด สร้างชีวิตได้จริง!

    ✔ พูดลบ = ดึงดูดอัปมงคล
    ✔ พูดบวก = ดึงดูดโชคดี
    ✔ คำพูด = คำพยากรณ์ชีวิต

    🔥 "พูดดี = ดึงดูดสิ่งดีเข้ามา"
    🔥 "พูดลบ = ดูดโชคร้ายเข้าตัว"

    🎯 เริ่มเปลี่ยนได้วันนี้ → ฝึกพูดดี → ชีวิตจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแน่นอน!

    📌 พลังของคำพูด: พูดลบ → ดึงอัปมงคล | พูดบวก → ดึงโชคดี --- ❌ "คำพูดลบ" เป็นอัปมงคลจริงหรือ? ✅ พูดลบครั้งสองครั้ง → อาจไม่มีผลมาก ✅ พูดลบบ่อย → กลายเป็น "นิสัย" และ "พลังงานชีวิต" ✅ คำพูดลบ = สร้าง "หลุมดำ" ดูดสิ่งไม่ดีเข้ามา 🎯 ถ้าพูดบ่น พูดด่า พูดเป็นลางร้ายทุกวัน → ชีวิตจะยิ่งจมลง 🎯 เพราะพลังงานลบจากคำพูด → กลายเป็นแม่เหล็กดึงโชคร้าย --- 📌 "คำพูดลบ" ส่งผลร้ายได้อย่างไร? 1️⃣ ทำให้จิตใจ "จมดิ่ง" เองโดยไม่รู้ตัว ❌ บ่นทุกวัน = ใจหดหู่ทุกวัน ❌ ด่าทุกวัน = ใจร้อนทุกวัน ❌ สาปแช่งทุกวัน = ใจเป็นพิษทุกวัน 🎯 "พูดแย่ → ใจแย่ → ดึงดูดสิ่งแย่เข้ามา" --- 2️⃣ ทำให้คนรอบข้าง "รังเกียจ" ❌ คนที่พูดแง่ลบ → ทำให้คนอื่น "รู้สึกแย่" ❌ พลังงานลบจากคำพูด → ทำให้คนฟังหมดกำลังใจ ❌ คนที่ฟังบ่อยๆ → จะเริ่มตีตัวออกห่าง 🎯 "พูดลบเยอะ → คนรอบข้างถอยห่าง → เหลือตัวคนเดียว" --- 3️⃣ ดึง "เคราะห์ร้าย" เข้าตัวจริงๆ ❌ พูดลบ → จิตกลายเป็นลบ → ดึงดูดโชคร้าย ❌ พูดดี → จิตกลายเป็นบวก → ดึงดูดโชคดี 🎯 "คำพูด = คำพยากรณ์ชีวิต" 🎯 "พูดว่าแย่ → จิตสร้างความแย่ → ชีวิตก็แย่" 🎯 "พูดว่าโชคดี → จิตสร้างโชคดี → ชีวิตก็ดีขึ้น" --- 🔥 เปลี่ยนชีวิตด้วย "คำพูดบวก" 🔥 ✅ 1️⃣ เปลี่ยน "คำพูดลบ" เป็น "คำพูดสร้างพลัง" ❌ "แย่จัง" → ✅ "มีอะไรดีที่เราเรียนรู้จากเรื่องนี้?" ❌ "ซวยอีกแล้ว" → ✅ "นี่คือโอกาสให้ฉันแก้ปัญหา" ❌ "ไม่มีทางสำเร็จ" → ✅ "ต้องมีทางไหนสักทางที่เวิร์ก" 🎯 "พูดเปลี่ยน → ใจเปลี่ยน → ชีวิตเปลี่ยน" --- ✅ 2️⃣ ฝึก "มองหาสิ่งดีๆ" ในเรื่องแย่ๆ ❌ ล้มเหลว → ✅ ได้บทเรียน ❌ โดนหักหลัง → ✅ ได้รู้จักคน ❌ สูญเสียบางสิ่ง → ✅ ได้รับบางอย่างกลับมา 🎯 "คิดดีได้ → พูดดีได้ → ดึงดูดสิ่งดีๆได้" --- ✅ 3️⃣ ฝึกพูดให้ "ตัวเองมีพลัง" และ "คนอื่นรู้สึกดี" ✅ พูดให้กำลังใจตัวเอง → "ฉันทำได้" ✅ พูดให้กำลังใจคนอื่น → "เธอเก่งมาก" ✅ พูดให้ชีวิตเป็นพลังบวก → "ทุกอย่างกำลังดีขึ้น" 🎯 "พลังคำพูด = พลังชีวิต" 🎯 "พูดดีบ่อยๆ → จิตใจสว่าง → ชีวิตมีโชค" --- 🎯 สรุป: พลังของคำพูด สร้างชีวิตได้จริง! ✔ พูดลบ = ดึงดูดอัปมงคล ✔ พูดบวก = ดึงดูดโชคดี ✔ คำพูด = คำพยากรณ์ชีวิต 🔥 "พูดดี = ดึงดูดสิ่งดีเข้ามา" 🔥 "พูดลบ = ดูดโชคร้ายเข้าตัว" 🎯 เริ่มเปลี่ยนได้วันนี้ → ฝึกพูดดี → ชีวิตจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแน่นอน!
    0 Comments 0 Shares 82 Views 0 Reviews
  • ช่วงสุญญากาศของชีวิต : โอกาสทองของการเจริญสติ

    "ช่วงสุญญากาศของชีวิต" คือช่วงที่จิตใจรู้สึกว่างเปล่า เบื่อหน่าย ไม่แคร์อะไร ไม่รู้จะทำอะไรต่อไป หรือแม้กระทั่งรู้สึกว่าไม่มีเป้าหมายชีวิต ช่วงเวลาแบบนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน บางคนอาจพบเป็นครั้งคราว แต่ถ้าเกิดบ่อยหรือยืดเยื้อจนกลายเป็นสภาพจิตถาวร ก็อาจทำให้ชีวิตรู้สึกว่า "สูญเปล่า" ได้


    ---

    🔹 วิธีเปลี่ยนช่วงสุญญากาศของชีวิตให้เป็นประโยชน์

    1️⃣ เปลี่ยนมุมมอง : จาก “ฉันเบื่อ” เป็น “ภาวะเบื่อเกิดขึ้น”

    ✅ อย่าหลงไปคิดว่า "ฉันเป็นคนเบื่อ"
    → คิดแบบนี้จะทำให้รู้สึกว่า "ความเบื่อเป็นตัวฉัน" หลีกเลี่ยงไม่ได้ และต้องจมอยู่กับมัน
    ✅ ให้เปลี่ยนเป็น "ตอนนี้มีภาวะเบื่อเกิดขึ้น"
    → มองว่าความเบื่อเป็นเพียงอารมณ์ชั่วคราว ไม่ใช่ตัวเรา มันมาได้ ก็ไปได้

    💡 ตัวอย่างการสังเกต:

    ตอนนี้รู้สึกเบื่อ เพราะไม่ได้อย่างที่หวัง

    ตอนนี้รู้สึกเซ็ง เพราะทำอะไรซ้ำๆ

    ตอนนี้รู้สึกหมดพลัง เพราะเจอเรื่องน่าเบื่อ


    เพียงแค่รู้ทันและแยก "ตัวเรา" ออกจากอารมณ์เบื่อ ความรู้สึกหนักๆ จะเริ่มเบาลง


    ---

    2️⃣ สังเกตเหตุของความเบื่อ : อะไรทำให้รู้สึกแบบนี้?

    ✅ เจาะลึกว่าทำไมถึงเบื่อ

    เบื่อเพราะไม่มีเป้าหมาย?

    เบื่อเพราะรู้สึกว่าชีวิตไม่มีอะไรท้าทาย?

    เบื่อเพราะสภาพแวดล้อมซ้ำซาก?

    เบื่อเพราะมีแรงกดดันที่ทำให้หมดพลัง?


    💡 เมื่อรู้เหตุแล้ว ลองแก้ที่ต้นเหตุ:

    ถ้าเบื่อเพราะไม่มีเป้าหมาย → ตั้งเป้าหมายเล็กๆ ให้ชีวิตมีแรงขับเคลื่อน

    ถ้าเบื่อเพราะซ้ำซาก → เปลี่ยนกิจวัตร ลองทำอะไรใหม่ๆ

    ถ้าเบื่อเพราะกดดัน → ลดความคาดหวังหรือให้เวลากับตัวเองมากขึ้น



    ---

    3️⃣ เปลี่ยนเหตุของความเบื่อ : ทดลองเปลี่ยนกิจกรรม

    ✅ ลองเปลี่ยนสถานการณ์ให้จิตใจได้สดชื่นขึ้น

    ออกไปเดินเล่น สูดอากาศ เปลี่ยนสภาพแวดล้อม

    ลองทำกิจกรรมใหม่ๆ เช่น อ่านหนังสือ ดูสารคดี หรือเรียนรู้สิ่งใหม่

    พูดคุยกับคนที่ให้แรงบันดาลใจ


    💡 ถ้าความเบื่อเกิดจากความรู้สึกซึมเศร้า → ออกกำลังกายสามารถช่วยได้
    เพราะการเคลื่อนไหวร่างกายสามารถเปลี่ยนสารเคมีในสมอง ทำให้รู้สึกดีขึ้นได้


    ---

    4️⃣ ใช้ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสฝึกเจริญสติ

    ✅ แทนที่จะปล่อยให้ความเบื่อเข้าครอบงำ → ใช้มันเป็นเครื่องมือฝึกสติ

    นั่งนิ่งๆ แล้วสังเกตความรู้สึกของตัวเอง

    รับรู้ถึงลมหายใจ → หายใจเข้าออกลึกๆ สังเกตว่าความเบื่อเปลี่ยนไปไหม

    จดจ่อกับปัจจุบัน เช่น ฟังเสียงรอบตัว สัมผัสอากาศที่ผิวกาย


    💡 สติช่วยให้เห็นว่าอารมณ์ทุกชนิดไม่เที่ยง → ความเบื่อก็เช่นกัน

    เดี๋ยวมันมา เดี๋ยวมันไป

    ถ้าไม่ไปตอกย้ำหรือจมอยู่กับมัน ความเบื่อจะลดลงเอง



    ---

    5️⃣ เปลี่ยนช่วงว่างเปล่า ให้เป็นโอกาสตั้งเป้าหมายใหม่

    ✅ ถ้ารู้สึกว่าสูญเสียเป้าหมายชีวิต → นี่อาจเป็นโอกาสดีในการค้นหาเป้าหมายใหม่
    💡 ลองถามตัวเอง:

    อะไรคือสิ่งที่เราสนใจแต่ยังไม่ได้ลอง?

    มีอะไรที่อยากเรียนรู้เพิ่มเติม?

    สิ่งที่เคยทำให้มีความสุขคืออะไร?


    🎯 เปลี่ยนช่วงเวลาว่างเปล่าให้เป็นช่วงเวลาของการ "เริ่มต้นใหม่"


    ---

    🔹 สรุป : สุญญากาศของชีวิตไม่ใช่เรื่องเลวร้าย

    💡 ความเบื่อเป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้ แต่ไม่ได้เป็นตัวตนของเรา
    💡 ใช้ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสฝึกสติ และค้นหาเป้าหมายใหม่
    💡 แค่รู้เท่าทันความเบื่อ ก็สามารถเปลี่ยนมันเป็นพลังบวกได้

    📌 คุณไม่ได้เกิดมาเพื่อให้ชีวิตสูญเปล่า ทุกช่วงเวลามีคุณค่า ขึ้นอยู่กับคุณเลือกใช้มันอย่างไร!

    ช่วงสุญญากาศของชีวิต : โอกาสทองของการเจริญสติ "ช่วงสุญญากาศของชีวิต" คือช่วงที่จิตใจรู้สึกว่างเปล่า เบื่อหน่าย ไม่แคร์อะไร ไม่รู้จะทำอะไรต่อไป หรือแม้กระทั่งรู้สึกว่าไม่มีเป้าหมายชีวิต ช่วงเวลาแบบนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน บางคนอาจพบเป็นครั้งคราว แต่ถ้าเกิดบ่อยหรือยืดเยื้อจนกลายเป็นสภาพจิตถาวร ก็อาจทำให้ชีวิตรู้สึกว่า "สูญเปล่า" ได้ --- 🔹 วิธีเปลี่ยนช่วงสุญญากาศของชีวิตให้เป็นประโยชน์ 1️⃣ เปลี่ยนมุมมอง : จาก “ฉันเบื่อ” เป็น “ภาวะเบื่อเกิดขึ้น” ✅ อย่าหลงไปคิดว่า "ฉันเป็นคนเบื่อ" → คิดแบบนี้จะทำให้รู้สึกว่า "ความเบื่อเป็นตัวฉัน" หลีกเลี่ยงไม่ได้ และต้องจมอยู่กับมัน ✅ ให้เปลี่ยนเป็น "ตอนนี้มีภาวะเบื่อเกิดขึ้น" → มองว่าความเบื่อเป็นเพียงอารมณ์ชั่วคราว ไม่ใช่ตัวเรา มันมาได้ ก็ไปได้ 💡 ตัวอย่างการสังเกต: ตอนนี้รู้สึกเบื่อ เพราะไม่ได้อย่างที่หวัง ตอนนี้รู้สึกเซ็ง เพราะทำอะไรซ้ำๆ ตอนนี้รู้สึกหมดพลัง เพราะเจอเรื่องน่าเบื่อ เพียงแค่รู้ทันและแยก "ตัวเรา" ออกจากอารมณ์เบื่อ ความรู้สึกหนักๆ จะเริ่มเบาลง --- 2️⃣ สังเกตเหตุของความเบื่อ : อะไรทำให้รู้สึกแบบนี้? ✅ เจาะลึกว่าทำไมถึงเบื่อ เบื่อเพราะไม่มีเป้าหมาย? เบื่อเพราะรู้สึกว่าชีวิตไม่มีอะไรท้าทาย? เบื่อเพราะสภาพแวดล้อมซ้ำซาก? เบื่อเพราะมีแรงกดดันที่ทำให้หมดพลัง? 💡 เมื่อรู้เหตุแล้ว ลองแก้ที่ต้นเหตุ: ถ้าเบื่อเพราะไม่มีเป้าหมาย → ตั้งเป้าหมายเล็กๆ ให้ชีวิตมีแรงขับเคลื่อน ถ้าเบื่อเพราะซ้ำซาก → เปลี่ยนกิจวัตร ลองทำอะไรใหม่ๆ ถ้าเบื่อเพราะกดดัน → ลดความคาดหวังหรือให้เวลากับตัวเองมากขึ้น --- 3️⃣ เปลี่ยนเหตุของความเบื่อ : ทดลองเปลี่ยนกิจกรรม ✅ ลองเปลี่ยนสถานการณ์ให้จิตใจได้สดชื่นขึ้น ออกไปเดินเล่น สูดอากาศ เปลี่ยนสภาพแวดล้อม ลองทำกิจกรรมใหม่ๆ เช่น อ่านหนังสือ ดูสารคดี หรือเรียนรู้สิ่งใหม่ พูดคุยกับคนที่ให้แรงบันดาลใจ 💡 ถ้าความเบื่อเกิดจากความรู้สึกซึมเศร้า → ออกกำลังกายสามารถช่วยได้ เพราะการเคลื่อนไหวร่างกายสามารถเปลี่ยนสารเคมีในสมอง ทำให้รู้สึกดีขึ้นได้ --- 4️⃣ ใช้ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสฝึกเจริญสติ ✅ แทนที่จะปล่อยให้ความเบื่อเข้าครอบงำ → ใช้มันเป็นเครื่องมือฝึกสติ นั่งนิ่งๆ แล้วสังเกตความรู้สึกของตัวเอง รับรู้ถึงลมหายใจ → หายใจเข้าออกลึกๆ สังเกตว่าความเบื่อเปลี่ยนไปไหม จดจ่อกับปัจจุบัน เช่น ฟังเสียงรอบตัว สัมผัสอากาศที่ผิวกาย 💡 สติช่วยให้เห็นว่าอารมณ์ทุกชนิดไม่เที่ยง → ความเบื่อก็เช่นกัน เดี๋ยวมันมา เดี๋ยวมันไป ถ้าไม่ไปตอกย้ำหรือจมอยู่กับมัน ความเบื่อจะลดลงเอง --- 5️⃣ เปลี่ยนช่วงว่างเปล่า ให้เป็นโอกาสตั้งเป้าหมายใหม่ ✅ ถ้ารู้สึกว่าสูญเสียเป้าหมายชีวิต → นี่อาจเป็นโอกาสดีในการค้นหาเป้าหมายใหม่ 💡 ลองถามตัวเอง: อะไรคือสิ่งที่เราสนใจแต่ยังไม่ได้ลอง? มีอะไรที่อยากเรียนรู้เพิ่มเติม? สิ่งที่เคยทำให้มีความสุขคืออะไร? 🎯 เปลี่ยนช่วงเวลาว่างเปล่าให้เป็นช่วงเวลาของการ "เริ่มต้นใหม่" --- 🔹 สรุป : สุญญากาศของชีวิตไม่ใช่เรื่องเลวร้าย 💡 ความเบื่อเป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้ แต่ไม่ได้เป็นตัวตนของเรา 💡 ใช้ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสฝึกสติ และค้นหาเป้าหมายใหม่ 💡 แค่รู้เท่าทันความเบื่อ ก็สามารถเปลี่ยนมันเป็นพลังบวกได้ 📌 คุณไม่ได้เกิดมาเพื่อให้ชีวิตสูญเปล่า ทุกช่วงเวลามีคุณค่า ขึ้นอยู่กับคุณเลือกใช้มันอย่างไร!
    0 Comments 0 Shares 325 Views 0 Reviews
  • ❤️ เล่าสู่กันฟังถึงโลกเปี่ยมพลังบวก จากมุมมองของ จิฮิโระ ยามาดะ ชายหนุ่มผู้ไร้ 2 ขา กับ 1 แขน

    แว่บที่ส่องไอจี @chi_kun0922 แล้วเห็นเฉพาะใบหน้าของหนุ่ม จิฮิโระ ยามาดะ นักพูดสร้างแรงบันดาลใจและยูทูบเบอร์ชื่อดัง สาวๆ คงร้อง... หล่ออ่ะ แต่พอเห็นขาเทียม 2 ข้าง แขนเทียม 1 ข้าง กับทักษะการใช้ชีวิตที่ไม่ย่อหย่อนไปกว่าคนแข็งแรงทั่วๆ ไป เชื่อว่าคุณต้องร้อง... ยอดมนุษย์อ่ะ

    คลิปที่ฉายให้เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้ม เจือเสียงหัวเราะบ่อยครั้ง อาจทำให้คุณเข้าใจผิดว่า ยามาดะซังพิการมาแต่กำเนิด ถึงได้ทำใจได้ แต่แท้จริงแล้วเรื่องราวพลิกฟ้าพลิกดินที่ดึงเขาด่ำดิ่งสู่ห้วงเหวลึกนี้เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อนนี้เอง

    ย้อนกลับไปในคืนวันที่ 24 กรกฎาคม 2012 ยามาดะซังในวัย 20 ปี ออกไปดื่มสังสรรค์กับบริษัทเคเบิลทีวีที่เขาเพิ่งเข้าไปทำงานด้วยไม่นาน และหากคุณกำลังคะเนว่าคงเมาละซี้ โนค่ะ เรื่องจริงคือในเช้าวันนั้นยามาดะซังตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเหมือนจะมีไข้ แต่เพราะเป็นน้องใหม่ จึงไม่กล้าปฏิเสธเมื่อถูกรุ่นพี่ชวน เขายอมฝืนร่างกายออกไปปาร์ตี้โดยตั้งใจว่าจะไม่แตะอัลกอฮอลล์เป็นอันขาด

    เมื่องานเลี้ยงเลิก เขาพาร่างกายที่อ่วมด้วยพิษไข้ขึ้นรถไฟกลับบ้าน ผลคือเขาเผลอหลับไประหว่างทาง ทำให้นั่งเลยสถานีที่ต้องการลง จึงต้องลงจากรถไฟเพื่อจะเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟอีกขบวนเพื่อกลับบ้าน ระหว่างนั่งรอรถไฟที่ชานชาลา เขาเผลอหลับไปอีกครั้ง กระทั่งนายสถานีต้องเดินมาปลุกว่ารถไฟเที่ยวสุดท้ายกำลังจะเทียบสถานีแล้วนั่นแหละ เขาถึงตื่นขึ้นมาแบบสะลืมสะลือ ก่อนจะเดินมุ่งตรงไปรอรถไฟ

    หลังจากนั้นก็ภาพตัด...

    10 วันให้หลัง ยามาดะซังฟื้นขึ้นมาในโรงพยาบาลพร้อมกับขาที่หายไปทั้ง 2 ข้าง และแขนขวาอีกหนึ่งข้าง

    เขากลายเป็นคนพิการ จากเหตุร่วงตกลงไปบนรางรถไฟและถูกรถไฟทับ

    ห้วงเวลานั้นหากใครก็ตามมาอุทานอยู่ตรงหน้าเขาว่า ‘โชคดีๆ ที่ไม่ตาย’ เขาเป็นต้องอยากจะลุกขึ้นตั๊นหน้าด้วยหมัดขวา(ซึ่งเขาไม่มี) พร้อมร้องตะโกนว่า ... ฉันไม่ได้อยากได้โชคแบบนี้โว้ยยยย

    ความคิดอยากตาย... มี

    พยายามฆ่าตัวตายไหม... ใช่

    แล้วอะไรที่ทำให้เขาบิลด์อัพตัวเองจนกลายเป็นยอดมนุษย์ได้อย่างทุกวันนี้

    มันคือมุมมองเชิงบวกที่แว่บขึ้นมาในบ่ายวันหนึ่ง เมื่อเขานั่งรถเข็นมาส่งเพื่อนสมัยมัธยมที่หน้าลิฟต์ในโรงพยาบาลที่เขาพักรักษาตัว

    นาทีที่เขากับเพื่อนๆ โบกมือร่ำลากัน คำพูดของเพื่อนที่ชมว่า “เฮ้ย... นายดูดีกว่าที่ฉันคิดอีกว่ะ” ได้จุดประกายให้เขาอยากก้าวออกจากมุมที่มืดมนที่เขาจมปลักอยู่กับมันมาหลายวัน

    แน่นอนว่ากว่าที่เขาจะพลิกฟื้นจนเป็นคนที่เปี่ยมไปด้วยพลังบวก กระทั่งกลายเป็นไอดอลของคนทุพพลภาพนั้น มันห่างไกลจากคำว่า ‘ง่าย’ หลายปีแสง มีกำแพงอิฐบล็อกสะกัดหน้าหลังซ้ายขวาหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการย้อนกลับไปเรียนเพื่อเอาวุฒิบัตรด้านการทำบัญชีและคอมพิวเตอร์ในโรงเรียนอาชีวศึกษาสำหรับผู้ทุพพลภาพ การหางานที่ได้รับแต่คำปฏิเสธว่าไม่สามารถบรรจุเป็นพนักงานประจำได้ และค่าตอบแทนแรงงานที่ต่ำแสนต่ำ

    “ผมผ่านช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดได้ด้วยการเปลี่ยนทัศนคติ มันอาจจะยากในตอนเริ่มต้น แต่คุณสามารถเปลี่ยนสิ่งต่างๆ ได้ด้วยการมองมันให้ต่างออกไป และเส้นทางที่สั้นที่สุดก็คือการมองสิ่งต่างๆ ให้เป็นบวก ไม่ใช่มองมันแบบลบๆ ขอเพียงคุณเชื่อมั่นว่าเราทุกคนสามารถผ่านเรื่องร้ายๆ ยากๆ ด้วยรอยยิ้มที่ออกมาจากใจของเราจริงๆ”

    แล้วก็เพราะความคิดที่อยากจะบอกให้คนทั้งโลกรู้ว่าคนพิการสามารถใช้ชีวิตในเชิงบวกได้ ทำให้ยามาดะซังตัดสินใจใช้งานโซเชียลมีเดียทั้งยูทูป เฟสบุ้ค และอินสตาแกรม เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และความคิดของเขาออกมา โดยมีทั้งทอล์คอธิบายวิธีที่ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปด้วยแขนขาเทียม และตามติดชีวิตประจำวัน อาทิ การทำอาหารด้วยมือเดียว การเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยมือเดียว เป็นต้น

    ยามาดะซังหวังว่าการแบ่งปันประสบการณ์ฟื้นตื่นจากฝันร้ายของเขาอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นบ้าง โดยเฉพาะเด็กๆ ที่อาจจะโชคร้ายอย่างเขา

    ที่มาภาพ: IG@chi_kun0922
    เรียบเรียง: สำนักข่าวดีดี

    #สำนักข่าวดีดี #เรื่องดีดีมีทุกวัน #เรื่องราวดีดี #goodstory #แรงบันดาลใจ
    ❤️ เล่าสู่กันฟังถึงโลกเปี่ยมพลังบวก จากมุมมองของ จิฮิโระ ยามาดะ ชายหนุ่มผู้ไร้ 2 ขา กับ 1 แขน แว่บที่ส่องไอจี @chi_kun0922 แล้วเห็นเฉพาะใบหน้าของหนุ่ม จิฮิโระ ยามาดะ นักพูดสร้างแรงบันดาลใจและยูทูบเบอร์ชื่อดัง สาวๆ คงร้อง... หล่ออ่ะ แต่พอเห็นขาเทียม 2 ข้าง แขนเทียม 1 ข้าง กับทักษะการใช้ชีวิตที่ไม่ย่อหย่อนไปกว่าคนแข็งแรงทั่วๆ ไป เชื่อว่าคุณต้องร้อง... ยอดมนุษย์อ่ะ คลิปที่ฉายให้เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้ม เจือเสียงหัวเราะบ่อยครั้ง อาจทำให้คุณเข้าใจผิดว่า ยามาดะซังพิการมาแต่กำเนิด ถึงได้ทำใจได้ แต่แท้จริงแล้วเรื่องราวพลิกฟ้าพลิกดินที่ดึงเขาด่ำดิ่งสู่ห้วงเหวลึกนี้เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อนนี้เอง ย้อนกลับไปในคืนวันที่ 24 กรกฎาคม 2012 ยามาดะซังในวัย 20 ปี ออกไปดื่มสังสรรค์กับบริษัทเคเบิลทีวีที่เขาเพิ่งเข้าไปทำงานด้วยไม่นาน และหากคุณกำลังคะเนว่าคงเมาละซี้ โนค่ะ เรื่องจริงคือในเช้าวันนั้นยามาดะซังตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเหมือนจะมีไข้ แต่เพราะเป็นน้องใหม่ จึงไม่กล้าปฏิเสธเมื่อถูกรุ่นพี่ชวน เขายอมฝืนร่างกายออกไปปาร์ตี้โดยตั้งใจว่าจะไม่แตะอัลกอฮอลล์เป็นอันขาด เมื่องานเลี้ยงเลิก เขาพาร่างกายที่อ่วมด้วยพิษไข้ขึ้นรถไฟกลับบ้าน ผลคือเขาเผลอหลับไประหว่างทาง ทำให้นั่งเลยสถานีที่ต้องการลง จึงต้องลงจากรถไฟเพื่อจะเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟอีกขบวนเพื่อกลับบ้าน ระหว่างนั่งรอรถไฟที่ชานชาลา เขาเผลอหลับไปอีกครั้ง กระทั่งนายสถานีต้องเดินมาปลุกว่ารถไฟเที่ยวสุดท้ายกำลังจะเทียบสถานีแล้วนั่นแหละ เขาถึงตื่นขึ้นมาแบบสะลืมสะลือ ก่อนจะเดินมุ่งตรงไปรอรถไฟ หลังจากนั้นก็ภาพตัด... 10 วันให้หลัง ยามาดะซังฟื้นขึ้นมาในโรงพยาบาลพร้อมกับขาที่หายไปทั้ง 2 ข้าง และแขนขวาอีกหนึ่งข้าง เขากลายเป็นคนพิการ จากเหตุร่วงตกลงไปบนรางรถไฟและถูกรถไฟทับ ห้วงเวลานั้นหากใครก็ตามมาอุทานอยู่ตรงหน้าเขาว่า ‘โชคดีๆ ที่ไม่ตาย’ เขาเป็นต้องอยากจะลุกขึ้นตั๊นหน้าด้วยหมัดขวา(ซึ่งเขาไม่มี) พร้อมร้องตะโกนว่า ... ฉันไม่ได้อยากได้โชคแบบนี้โว้ยยยย ความคิดอยากตาย... มี พยายามฆ่าตัวตายไหม... ใช่ แล้วอะไรที่ทำให้เขาบิลด์อัพตัวเองจนกลายเป็นยอดมนุษย์ได้อย่างทุกวันนี้ มันคือมุมมองเชิงบวกที่แว่บขึ้นมาในบ่ายวันหนึ่ง เมื่อเขานั่งรถเข็นมาส่งเพื่อนสมัยมัธยมที่หน้าลิฟต์ในโรงพยาบาลที่เขาพักรักษาตัว นาทีที่เขากับเพื่อนๆ โบกมือร่ำลากัน คำพูดของเพื่อนที่ชมว่า “เฮ้ย... นายดูดีกว่าที่ฉันคิดอีกว่ะ” ได้จุดประกายให้เขาอยากก้าวออกจากมุมที่มืดมนที่เขาจมปลักอยู่กับมันมาหลายวัน แน่นอนว่ากว่าที่เขาจะพลิกฟื้นจนเป็นคนที่เปี่ยมไปด้วยพลังบวก กระทั่งกลายเป็นไอดอลของคนทุพพลภาพนั้น มันห่างไกลจากคำว่า ‘ง่าย’ หลายปีแสง มีกำแพงอิฐบล็อกสะกัดหน้าหลังซ้ายขวาหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการย้อนกลับไปเรียนเพื่อเอาวุฒิบัตรด้านการทำบัญชีและคอมพิวเตอร์ในโรงเรียนอาชีวศึกษาสำหรับผู้ทุพพลภาพ การหางานที่ได้รับแต่คำปฏิเสธว่าไม่สามารถบรรจุเป็นพนักงานประจำได้ และค่าตอบแทนแรงงานที่ต่ำแสนต่ำ “ผมผ่านช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดได้ด้วยการเปลี่ยนทัศนคติ มันอาจจะยากในตอนเริ่มต้น แต่คุณสามารถเปลี่ยนสิ่งต่างๆ ได้ด้วยการมองมันให้ต่างออกไป และเส้นทางที่สั้นที่สุดก็คือการมองสิ่งต่างๆ ให้เป็นบวก ไม่ใช่มองมันแบบลบๆ ขอเพียงคุณเชื่อมั่นว่าเราทุกคนสามารถผ่านเรื่องร้ายๆ ยากๆ ด้วยรอยยิ้มที่ออกมาจากใจของเราจริงๆ” แล้วก็เพราะความคิดที่อยากจะบอกให้คนทั้งโลกรู้ว่าคนพิการสามารถใช้ชีวิตในเชิงบวกได้ ทำให้ยามาดะซังตัดสินใจใช้งานโซเชียลมีเดียทั้งยูทูป เฟสบุ้ค และอินสตาแกรม เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และความคิดของเขาออกมา โดยมีทั้งทอล์คอธิบายวิธีที่ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปด้วยแขนขาเทียม และตามติดชีวิตประจำวัน อาทิ การทำอาหารด้วยมือเดียว การเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยมือเดียว เป็นต้น ยามาดะซังหวังว่าการแบ่งปันประสบการณ์ฟื้นตื่นจากฝันร้ายของเขาอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นบ้าง โดยเฉพาะเด็กๆ ที่อาจจะโชคร้ายอย่างเขา ที่มาภาพ: IG@chi_kun0922 เรียบเรียง: สำนักข่าวดีดี #สำนักข่าวดีดี #เรื่องดีดีมีทุกวัน #เรื่องราวดีดี #goodstory #แรงบันดาลใจ
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 439 Views 0 Reviews
  • 📌 ทานที่ทรงพลัง = พลังของใจที่สละได้

    การให้ "ทาน" ที่ทรงพลัง
    ✔ ไม่ใช่แค่สละสิ่งของ
    ✔ ไม่ใช่แค่ช่วยเหลือคนอื่น
    ✔ แต่คือ "การสละใจ" ที่ยึดมั่นถือมั่น


    ---

    📌 3 องค์ประกอบของทานที่ทรงพลัง

    1️⃣ ตั้งต้นด้วยใจที่อยากช่วย

    ไม่ใช่แค่ทำเพราะต้องทำ

    ไม่ใช่แค่ให้เพราะถูกสั่งให้ให้

    แต่ทำด้วยความจริงใจ → "อยากให้" จริงๆ


    2️⃣ ลงมือให้ในแบบที่ไม่เบียดเบียนตัวเอง

    ไม่ต้องให้จนตัวเองเดือดร้อน

    ไม่ต้องให้เพราะกลัวว่าถ้าไม่ให้จะรู้สึกผิด

    แต่ให้ในแบบที่ ให้แล้วใจเป็นสุข


    3️⃣ จบลงด้วยความสุขใจ

    ไม่คาดหวังผลตอบแทน

    ไม่หวังว่าคนรับต้องสำนึกบุญคุณ

    แค่ "ได้ให้" ก็เป็นสุขแล้ว



    ---

    📌 ผลของการให้ทานที่ทรงพลัง

    ✅ 1. ทำให้ชีวิตเจอเส้นทางที่ดีขึ้น

    ยิ่งให้ ยิ่งได้ ยิ่งเป็นผู้รับพลังบวก

    ลาภมาหาโดยไม่ต้องวิ่งหา

    โอกาสดีๆ เปิดทางเข้ามาเอง


    ✅ 2. ปลดเปลื้องตัวเองจากพันธนาการทางใจ

    หายของ → ปล่อยวางได้

    โกรธใคร → ให้อภัยได้

    ถูกเอาเปรียบ → ไม่ทุกข์กับมัน

    เจอทุกข์ → เห็นตามจริงว่า ทุกข์เป็นเพียงสิ่งชั่วคราว


    ✅ 3. ทำให้จิตเป็นสุข แม้อยู่เฉยๆ

    จิตที่เคยคับแคบ → ค่อยๆ แผ่ออก

    จิตที่เคยหนัก → ค่อยๆ เบาสบาย

    ไม่ต้องรอให้ใครมายกย่อง → แต่สุขใจในตัวเอง



    ---

    📌 สุดท้ายแล้ว...

    "ช่วยให้คนอื่นเป็นสุข"
    = "ช่วยให้ตัวเองพ้นทุกข์"

    เพราะการให้ที่แท้จริง
    ✔ ไม่ใช่แค่ให้สิ่งของ
    ✔ ไม่ใช่แค่ช่วยเหลือใคร
    ✔ แต่คือการสละอัตตา ปล่อยวางสิ่งที่ยึดติด

    🟢 ยิ่งให้ ยิ่งสุข
    🟢 ยิ่งปล่อย ยิ่งเบา
    🟢 ยิ่งสละ ยิ่งเป็นอิสระ

    📌 ทานที่ทรงพลัง = พลังของใจที่สละได้ การให้ "ทาน" ที่ทรงพลัง ✔ ไม่ใช่แค่สละสิ่งของ ✔ ไม่ใช่แค่ช่วยเหลือคนอื่น ✔ แต่คือ "การสละใจ" ที่ยึดมั่นถือมั่น --- 📌 3 องค์ประกอบของทานที่ทรงพลัง 1️⃣ ตั้งต้นด้วยใจที่อยากช่วย ไม่ใช่แค่ทำเพราะต้องทำ ไม่ใช่แค่ให้เพราะถูกสั่งให้ให้ แต่ทำด้วยความจริงใจ → "อยากให้" จริงๆ 2️⃣ ลงมือให้ในแบบที่ไม่เบียดเบียนตัวเอง ไม่ต้องให้จนตัวเองเดือดร้อน ไม่ต้องให้เพราะกลัวว่าถ้าไม่ให้จะรู้สึกผิด แต่ให้ในแบบที่ ให้แล้วใจเป็นสุข 3️⃣ จบลงด้วยความสุขใจ ไม่คาดหวังผลตอบแทน ไม่หวังว่าคนรับต้องสำนึกบุญคุณ แค่ "ได้ให้" ก็เป็นสุขแล้ว --- 📌 ผลของการให้ทานที่ทรงพลัง ✅ 1. ทำให้ชีวิตเจอเส้นทางที่ดีขึ้น ยิ่งให้ ยิ่งได้ ยิ่งเป็นผู้รับพลังบวก ลาภมาหาโดยไม่ต้องวิ่งหา โอกาสดีๆ เปิดทางเข้ามาเอง ✅ 2. ปลดเปลื้องตัวเองจากพันธนาการทางใจ หายของ → ปล่อยวางได้ โกรธใคร → ให้อภัยได้ ถูกเอาเปรียบ → ไม่ทุกข์กับมัน เจอทุกข์ → เห็นตามจริงว่า ทุกข์เป็นเพียงสิ่งชั่วคราว ✅ 3. ทำให้จิตเป็นสุข แม้อยู่เฉยๆ จิตที่เคยคับแคบ → ค่อยๆ แผ่ออก จิตที่เคยหนัก → ค่อยๆ เบาสบาย ไม่ต้องรอให้ใครมายกย่อง → แต่สุขใจในตัวเอง --- 📌 สุดท้ายแล้ว... "ช่วยให้คนอื่นเป็นสุข" = "ช่วยให้ตัวเองพ้นทุกข์" เพราะการให้ที่แท้จริง ✔ ไม่ใช่แค่ให้สิ่งของ ✔ ไม่ใช่แค่ช่วยเหลือใคร ✔ แต่คือการสละอัตตา ปล่อยวางสิ่งที่ยึดติด 🟢 ยิ่งให้ ยิ่งสุข 🟢 ยิ่งปล่อย ยิ่งเบา 🟢 ยิ่งสละ ยิ่งเป็นอิสระ
    0 Comments 0 Shares 162 Views 0 Reviews
  • 📌 ความไม่เที่ยงของ "คนคนหนึ่ง" → ทางขึ้น หรือทางลง?

    ในชีวิตของทุกคน เราต่างเคยเห็นว่า "ไม่มีอะไรคงที่"
    บางวัน สดใส → บางวัน หม่นหมอง
    บางช่วง จิตสว่าง → บางช่วง จิตมืด
    บางครา คิดดี → บางครั้ง คิดร้าย
    บางคน พูดน่าฟัง → บางคน พูดสับสน

    นี่คือ "อนิจจังของความเป็นคน"
    แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ…
    👉 เราจะทำให้มันเป็น "อนิจจังขาขึ้น" หรือ "อนิจจังขาลง"?

    ---

    🎯 2 แบบของความไม่เที่ยง

    🔺 อนิจจังขาขึ้น

    > "ยิ่งนาน ยิ่งดีขึ้น ยิ่งเข้าใจกันมากขึ้น"
    "ยิ่งใช้เวลากับกันและกัน ยิ่งมีความสุข"

    ✅ กาย: ดูสดใสขึ้น, มีพลังบวก, มีสุขภาพที่ดี
    ✅ ใจ: มีเมตตามากขึ้น, เข้าใจโลกมากขึ้น
    ✅ ความคิด: มองโลกในแง่ดีขึ้น, มีเหตุผลมากขึ้น
    ✅ คำพูด: สื่อสารชัดเจน เข้าใจกันง่ายขึ้น

    👉 อนิจจังขาขึ้น คือการพัฒนา
    หากเราอยู่กับใครแล้วทำให้ เขาดีขึ้น และเราดีขึ้น นั่นแปลว่า
    "เราเป็นพลังบวกให้กันและกัน"

    ---

    🔻 อนิจจังขาลง

    > "ยิ่งอยู่ ยิ่งทุกข์ ยิ่งทำร้ายกัน"
    "ยิ่งนาน ยิ่งเบื่อ ยิ่งหมดศรัทธา"

    ❌ กาย: โทรมลง, หมดพลัง, ป่วยง่ายขึ้น
    ❌ ใจ: หงุดหงิดง่ายขึ้น, ความอดทนน้อยลง
    ❌ ความคิด: ติดลบ, ขี้ระแวง, หวาดระแวง
    ❌ คำพูด: เริ่มสื่อสารไม่เข้าใจ, ใช้คำพูดที่ทำร้ายกัน

    👉 อนิจจังขาลง คือความเสื่อมถอย
    หากเราอยู่กับใครแล้วทำให้ เขาแย่ลง และเราแย่ลง นั่นแปลว่า
    "เราเป็นภาระทางใจให้กันและกัน"

    ---

    🔍 เรามีผลต่อกันเสมอ → เลือกจะเป็นแรง "พาขึ้น" หรือ "พาลง"?

    🟢 หากเราเป็นพลังบวกให้ใคร → เราทำให้เขาดีขึ้น
    🔴 หากเราเป็นพลังลบให้ใคร → เราทำให้เขาแย่ลง

    ✅ อยู่ใกล้ใคร ให้เขาสบายใจขึ้น หรือเครียดลง?
    ✅ เราทำให้คนรอบข้าง มี "อนิจจังขาขึ้น" หรือ "ขาลง"?

    👉 การพิจารณาตรงนี้จะทำให้เรารู้ว่า…
    🔹 เราเป็นคนแบบไหน?
    🔹 เราควรอยู่ใกล้ใคร?
    🔹 เราจะมีอิทธิพลต่อชีวิตใคร ในแบบที่ดีขึ้นหรือแย่ลง?

    ---

    📌 วิธี "ฝึกตัวเอง" ให้เป็นอนิจจังขาขึ้น

    1️⃣ รู้จักสังเกต

    ถ้าเรามีอารมณ์ขุ่นมัว ใจร้อน หงุดหงิดง่าย
    ให้สังเกตว่ามันเกิดจากอะไร?

    ถ้าพบว่าเกิดจาก คนรอบตัว
    ให้ถามว่า "เราเป็นพลังลบให้กันหรือเปล่า?"

    2️⃣ ฝึกคิดบวกให้มากขึ้น

    หลีกเลี่ยงความคิดลบ ที่ทำให้รู้สึกทุกข์

    พยายามเข้าใจความไม่เที่ยงของอารมณ์

    เลือกโฟกัสที่สิ่งดีๆ ในตัวคนรอบข้าง

    3️⃣ สร้างสภาพแวดล้อมที่ดี

    อยู่ใกล้คนที่ ช่วยพัฒนาคุณ

    หลีกเลี่ยง สังคมที่ทำให้คุณเสื่อมถอย

    ฝึกทำ กิจกรรมที่เพิ่มพลังบวกในชีวิต เช่น อ่านหนังสือดีๆ, ฟังธรรมะ

    4️⃣ เจริญสติ - เห็นความเปลี่ยนแปลงของจิตตัวเอง

    ทุกวันจิตเราจะ ขึ้นๆ ลงๆ

    อย่าด่วนตัดสินว่า "เราจะเป็นคนแบบนี้ตลอดไป"

    ให้มองเห็นว่า "เรามีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลง"

    สังเกตดูว่า "ถ้าเราทำสิ่งนี้ จิตเราดีขึ้นไหม?"

    ---

    📌 สรุป → "ทางเลือกของคุณ อยู่ที่ใจคุณ"

    คุณเลือกได้ว่า… จะเป็น "พลังบวก" หรือ "พลังลบ"

    คุณเลือกได้ว่า… จะทำให้คนรอบข้าง "พัฒนา" หรือ "เสื่อมถอย"

    คุณเลือกได้ว่า… จะอยู่ใน "อนิจจังขาขึ้น" หรือ "ขาลง"

    💡 สุดท้าย… ถ้าคุณพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น
    คุณจะกลายเป็นคนที่ใครๆ ก็อยากอยู่ใกล้! 🔥
    📌 ความไม่เที่ยงของ "คนคนหนึ่ง" → ทางขึ้น หรือทางลง? ในชีวิตของทุกคน เราต่างเคยเห็นว่า "ไม่มีอะไรคงที่" บางวัน สดใส → บางวัน หม่นหมอง บางช่วง จิตสว่าง → บางช่วง จิตมืด บางครา คิดดี → บางครั้ง คิดร้าย บางคน พูดน่าฟัง → บางคน พูดสับสน นี่คือ "อนิจจังของความเป็นคน" แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ… 👉 เราจะทำให้มันเป็น "อนิจจังขาขึ้น" หรือ "อนิจจังขาลง"? --- 🎯 2 แบบของความไม่เที่ยง 🔺 อนิจจังขาขึ้น > "ยิ่งนาน ยิ่งดีขึ้น ยิ่งเข้าใจกันมากขึ้น" "ยิ่งใช้เวลากับกันและกัน ยิ่งมีความสุข" ✅ กาย: ดูสดใสขึ้น, มีพลังบวก, มีสุขภาพที่ดี ✅ ใจ: มีเมตตามากขึ้น, เข้าใจโลกมากขึ้น ✅ ความคิด: มองโลกในแง่ดีขึ้น, มีเหตุผลมากขึ้น ✅ คำพูด: สื่อสารชัดเจน เข้าใจกันง่ายขึ้น 👉 อนิจจังขาขึ้น คือการพัฒนา หากเราอยู่กับใครแล้วทำให้ เขาดีขึ้น และเราดีขึ้น นั่นแปลว่า "เราเป็นพลังบวกให้กันและกัน" --- 🔻 อนิจจังขาลง > "ยิ่งอยู่ ยิ่งทุกข์ ยิ่งทำร้ายกัน" "ยิ่งนาน ยิ่งเบื่อ ยิ่งหมดศรัทธา" ❌ กาย: โทรมลง, หมดพลัง, ป่วยง่ายขึ้น ❌ ใจ: หงุดหงิดง่ายขึ้น, ความอดทนน้อยลง ❌ ความคิด: ติดลบ, ขี้ระแวง, หวาดระแวง ❌ คำพูด: เริ่มสื่อสารไม่เข้าใจ, ใช้คำพูดที่ทำร้ายกัน 👉 อนิจจังขาลง คือความเสื่อมถอย หากเราอยู่กับใครแล้วทำให้ เขาแย่ลง และเราแย่ลง นั่นแปลว่า "เราเป็นภาระทางใจให้กันและกัน" --- 🔍 เรามีผลต่อกันเสมอ → เลือกจะเป็นแรง "พาขึ้น" หรือ "พาลง"? 🟢 หากเราเป็นพลังบวกให้ใคร → เราทำให้เขาดีขึ้น 🔴 หากเราเป็นพลังลบให้ใคร → เราทำให้เขาแย่ลง ✅ อยู่ใกล้ใคร ให้เขาสบายใจขึ้น หรือเครียดลง? ✅ เราทำให้คนรอบข้าง มี "อนิจจังขาขึ้น" หรือ "ขาลง"? 👉 การพิจารณาตรงนี้จะทำให้เรารู้ว่า… 🔹 เราเป็นคนแบบไหน? 🔹 เราควรอยู่ใกล้ใคร? 🔹 เราจะมีอิทธิพลต่อชีวิตใคร ในแบบที่ดีขึ้นหรือแย่ลง? --- 📌 วิธี "ฝึกตัวเอง" ให้เป็นอนิจจังขาขึ้น 1️⃣ รู้จักสังเกต ถ้าเรามีอารมณ์ขุ่นมัว ใจร้อน หงุดหงิดง่าย ให้สังเกตว่ามันเกิดจากอะไร? ถ้าพบว่าเกิดจาก คนรอบตัว ให้ถามว่า "เราเป็นพลังลบให้กันหรือเปล่า?" 2️⃣ ฝึกคิดบวกให้มากขึ้น หลีกเลี่ยงความคิดลบ ที่ทำให้รู้สึกทุกข์ พยายามเข้าใจความไม่เที่ยงของอารมณ์ เลือกโฟกัสที่สิ่งดีๆ ในตัวคนรอบข้าง 3️⃣ สร้างสภาพแวดล้อมที่ดี อยู่ใกล้คนที่ ช่วยพัฒนาคุณ หลีกเลี่ยง สังคมที่ทำให้คุณเสื่อมถอย ฝึกทำ กิจกรรมที่เพิ่มพลังบวกในชีวิต เช่น อ่านหนังสือดีๆ, ฟังธรรมะ 4️⃣ เจริญสติ - เห็นความเปลี่ยนแปลงของจิตตัวเอง ทุกวันจิตเราจะ ขึ้นๆ ลงๆ อย่าด่วนตัดสินว่า "เราจะเป็นคนแบบนี้ตลอดไป" ให้มองเห็นว่า "เรามีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลง" สังเกตดูว่า "ถ้าเราทำสิ่งนี้ จิตเราดีขึ้นไหม?" --- 📌 สรุป → "ทางเลือกของคุณ อยู่ที่ใจคุณ" คุณเลือกได้ว่า… จะเป็น "พลังบวก" หรือ "พลังลบ" คุณเลือกได้ว่า… จะทำให้คนรอบข้าง "พัฒนา" หรือ "เสื่อมถอย" คุณเลือกได้ว่า… จะอยู่ใน "อนิจจังขาขึ้น" หรือ "ขาลง" 💡 สุดท้าย… ถ้าคุณพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น คุณจะกลายเป็นคนที่ใครๆ ก็อยากอยู่ใกล้! 🔥
    0 Comments 0 Shares 259 Views 0 Reviews
  • https://www.youtube.com/watch?v=AsI8xrgoZ9Y
    บทสนทนาวันตรุษจีน
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันตรุษจีน
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #ตรุษจีน

    The conversations from the clip :

    Jack: Hey, Anna! Are you ready for Chinese New Year?
    Anna: Hey, Jack! Almost! My family is busy preparing the offerings. How about you?
    Jack: Same here. My mom asked me to help buy fruits and incense sticks.
    Anna: That’s great! Did she give you a list of what to get?
    Jack: Yes, she said we need mandarin oranges, apples, and pears. They symbolize good fortune, peace, and prosperity.
    Anna: Oh, we’re buying similar things. But we also need pineapple because it’s considered a lucky fruit.
    Jack: That’s interesting! I didn’t know that. What about the incense and candles?
    Anna: My parents already got those. They said red candles are important for attracting positive energy.
    Jack: I see. Are you buying any sweets or snacks for the offerings?
    Anna: Yes, we’re getting sweet rice cakes and sesame balls. My grandma says they represent unity and success.
    Jack: That’s so meaningful! My family also includes some traditional pastries.
    Anna: What else do you prepare?
    Jack: We usually have a roasted duck and a whole fish to represent abundance.
    Anna: That’s nice! My family prepares chicken and pork. The elders say it’s to honor our ancestors.
    Jack: It’s amazing how every item has a symbolic meaning.
    Anna: Absolutely. I think that’s what makes Chinese New Year so special and meaningful.
    Jack: Agreed! Let’s finish our shopping soon so we don’t forget anything.
    Anna: Good idea! Let’s meet later and compare our shopping lists!

    แจ็ค: เฮ้ แอนนา! เตรียมตัวสำหรับตรุษจีนพร้อมหรือยัง?
    แอนนา: เฮ้ แจ็ค! เกือบแล้ว! ครอบครัวฉันกำลังยุ่งกับการเตรียมของไหว้ แล้วเธอล่ะ?
    แจ็ค: เหมือนกันเลย แม่ให้ฉันช่วยซื้อผลไม้กับธูป
    แอนนา: ดีจัง! แม่เธอให้ลิสต์มาด้วยหรือเปล่าว่าต้องซื้ออะไรบ้าง?
    แจ็ค: ใช่ แม่บอกว่าต้องซื้อส้มสีทอง แอปเปิล แล้วก็ลูกแพร์ เพราะมันสื่อถึงโชคลาภ ความสงบสุข และความเจริญรุ่งเรือง
    แอนนา: โอ้ ครอบครัวฉันก็ซื้อของคล้าย ๆ กัน แต่พวกเราต้องซื้อสับปะรดด้วย เพราะถือว่าเป็นผลไม้นำโชค
    แจ็ค: น่าสนใจจัง! ฉันไม่เคยรู้มาก่อน แล้วพวกธูปกับเทียนล่ะ?
    แอนนา: พ่อแม่ฉันซื้อมาเรียบร้อยแล้ว เขาบอกว่าเทียนสีแดงสำคัญมาก เพราะช่วยดึงดูดพลังบวก
    แจ็ค: เข้าใจแล้ว ครอบครัวเธอซื้อขนมหรือของกินเล่นสำหรับไหว้ด้วยไหม?
    แอนนา: ซื้อสิ เราซื้อขนมเข่งกับขนมงาทอด ยายฉันบอกว่ามันหมายถึงความสามัคคีและความสำเร็จ
    แจ็ค: ความหมายลึกซึ้งจัง! ครอบครัวฉันก็มีพวกขนมแบบดั้งเดิมเหมือนกัน
    แอนนา: แล้วครอบครัวเธอเตรียมอะไรอีก?
    แจ็ค: พวกเรามักจะเตรียมเป็ดอบกับปลาทั้งตัว เพราะมันหมายถึงความอุดมสมบูรณ์
    แอนนา: ดีจัง! ครอบครัวฉันเตรียมไก่กับหมู คนแก่บอกว่าเพื่อเป็นการเคารพบรรพบุรุษ
    แจ็ค: มันน่าทึ่งนะที่ทุกอย่างมีความหมายในเชิงสัญลักษณ์
    แอนนา: ใช่เลย ฉันคิดว่านั่นแหละที่ทำให้ตรุษจีนพิเศษและมีความหมายมาก
    แจ็ค: เห็นด้วย! เรารีบซื้อของให้ครบเร็ว ๆ ดีกว่า จะได้ไม่ลืมอะไร
    แอนนา: ดีเลย! เดี๋ยวเราเจอกันทีหลัง แล้วมาดูลิสต์ของกัน!

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Offerings (ออฟ-เฟอะ-ริงส์) n. แปลว่า ของไหว้
    Mandarin (แมน-ดะ-ริน) n. แปลว่า ส้มแมนดาริน
    Prosperity (พรอส-เพ-ริ-ที) n. แปลว่า ความเจริญรุ่งเรือง
    Fortune (ฟอร์-ชูน) n. แปลว่า โชคลาภ
    Symbolize (ซิม-โบล-ไลซ์) v. แปลว่า แสดงถึง หรือ สื่อถึง
    Pineapple (ไพ-แนป-เพิล) n. แปลว่า สับปะรด
    Incense (อิน-เซนส์) n. แปลว่า ธูป
    Candles (แคน-เดิลส์) n. แปลว่า เทียน
    Positive energy (พอซ-ซิ-ทีฟ เอน-เนอะ-จี) n. แปลว่า พลังบวก
    Unity (ยู-นิ-ที) n. แปลว่า ความสามัคคี
    Success (ซัค-เซส) n. แปลว่า ความสำเร็จ
    Traditional (ทรา-ดิช-เชอะ-เนิล) adj. แปลว่า ดั้งเดิม
    Pastries (เพส-ทรีส์) n. แปลว่า ขนมอบ
    Abundance (อะ-บัน-แดนซ์) n. แปลว่า ความอุดมสมบูรณ์
    Ancestors (แอน-เซส-เทอะส์) n. แปลว่า บรรพบุรุษ
    https://www.youtube.com/watch?v=AsI8xrgoZ9Y บทสนทนาวันตรุษจีน (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันตรุษจีน มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #ตรุษจีน The conversations from the clip : Jack: Hey, Anna! Are you ready for Chinese New Year? Anna: Hey, Jack! Almost! My family is busy preparing the offerings. How about you? Jack: Same here. My mom asked me to help buy fruits and incense sticks. Anna: That’s great! Did she give you a list of what to get? Jack: Yes, she said we need mandarin oranges, apples, and pears. They symbolize good fortune, peace, and prosperity. Anna: Oh, we’re buying similar things. But we also need pineapple because it’s considered a lucky fruit. Jack: That’s interesting! I didn’t know that. What about the incense and candles? Anna: My parents already got those. They said red candles are important for attracting positive energy. Jack: I see. Are you buying any sweets or snacks for the offerings? Anna: Yes, we’re getting sweet rice cakes and sesame balls. My grandma says they represent unity and success. Jack: That’s so meaningful! My family also includes some traditional pastries. Anna: What else do you prepare? Jack: We usually have a roasted duck and a whole fish to represent abundance. Anna: That’s nice! My family prepares chicken and pork. The elders say it’s to honor our ancestors. Jack: It’s amazing how every item has a symbolic meaning. Anna: Absolutely. I think that’s what makes Chinese New Year so special and meaningful. Jack: Agreed! Let’s finish our shopping soon so we don’t forget anything. Anna: Good idea! Let’s meet later and compare our shopping lists! แจ็ค: เฮ้ แอนนา! เตรียมตัวสำหรับตรุษจีนพร้อมหรือยัง? แอนนา: เฮ้ แจ็ค! เกือบแล้ว! ครอบครัวฉันกำลังยุ่งกับการเตรียมของไหว้ แล้วเธอล่ะ? แจ็ค: เหมือนกันเลย แม่ให้ฉันช่วยซื้อผลไม้กับธูป แอนนา: ดีจัง! แม่เธอให้ลิสต์มาด้วยหรือเปล่าว่าต้องซื้ออะไรบ้าง? แจ็ค: ใช่ แม่บอกว่าต้องซื้อส้มสีทอง แอปเปิล แล้วก็ลูกแพร์ เพราะมันสื่อถึงโชคลาภ ความสงบสุข และความเจริญรุ่งเรือง แอนนา: โอ้ ครอบครัวฉันก็ซื้อของคล้าย ๆ กัน แต่พวกเราต้องซื้อสับปะรดด้วย เพราะถือว่าเป็นผลไม้นำโชค แจ็ค: น่าสนใจจัง! ฉันไม่เคยรู้มาก่อน แล้วพวกธูปกับเทียนล่ะ? แอนนา: พ่อแม่ฉันซื้อมาเรียบร้อยแล้ว เขาบอกว่าเทียนสีแดงสำคัญมาก เพราะช่วยดึงดูดพลังบวก แจ็ค: เข้าใจแล้ว ครอบครัวเธอซื้อขนมหรือของกินเล่นสำหรับไหว้ด้วยไหม? แอนนา: ซื้อสิ เราซื้อขนมเข่งกับขนมงาทอด ยายฉันบอกว่ามันหมายถึงความสามัคคีและความสำเร็จ แจ็ค: ความหมายลึกซึ้งจัง! ครอบครัวฉันก็มีพวกขนมแบบดั้งเดิมเหมือนกัน แอนนา: แล้วครอบครัวเธอเตรียมอะไรอีก? แจ็ค: พวกเรามักจะเตรียมเป็ดอบกับปลาทั้งตัว เพราะมันหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ แอนนา: ดีจัง! ครอบครัวฉันเตรียมไก่กับหมู คนแก่บอกว่าเพื่อเป็นการเคารพบรรพบุรุษ แจ็ค: มันน่าทึ่งนะที่ทุกอย่างมีความหมายในเชิงสัญลักษณ์ แอนนา: ใช่เลย ฉันคิดว่านั่นแหละที่ทำให้ตรุษจีนพิเศษและมีความหมายมาก แจ็ค: เห็นด้วย! เรารีบซื้อของให้ครบเร็ว ๆ ดีกว่า จะได้ไม่ลืมอะไร แอนนา: ดีเลย! เดี๋ยวเราเจอกันทีหลัง แล้วมาดูลิสต์ของกัน! Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Offerings (ออฟ-เฟอะ-ริงส์) n. แปลว่า ของไหว้ Mandarin (แมน-ดะ-ริน) n. แปลว่า ส้มแมนดาริน Prosperity (พรอส-เพ-ริ-ที) n. แปลว่า ความเจริญรุ่งเรือง Fortune (ฟอร์-ชูน) n. แปลว่า โชคลาภ Symbolize (ซิม-โบล-ไลซ์) v. แปลว่า แสดงถึง หรือ สื่อถึง Pineapple (ไพ-แนป-เพิล) n. แปลว่า สับปะรด Incense (อิน-เซนส์) n. แปลว่า ธูป Candles (แคน-เดิลส์) n. แปลว่า เทียน Positive energy (พอซ-ซิ-ทีฟ เอน-เนอะ-จี) n. แปลว่า พลังบวก Unity (ยู-นิ-ที) n. แปลว่า ความสามัคคี Success (ซัค-เซส) n. แปลว่า ความสำเร็จ Traditional (ทรา-ดิช-เชอะ-เนิล) adj. แปลว่า ดั้งเดิม Pastries (เพส-ทรีส์) n. แปลว่า ขนมอบ Abundance (อะ-บัน-แดนซ์) n. แปลว่า ความอุดมสมบูรณ์ Ancestors (แอน-เซส-เทอะส์) n. แปลว่า บรรพบุรุษ
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 730 Views 0 Reviews
  • ปีใหม่มาถึงพร้อมกับโอกาสใหม่ ๆ และความหวังที่สดใส
    เติมเต็มทุกความสุขให้ล้นแก้วด้วยความหวานเย็นของ ไผ่ทองไอสครีม

    ไม่ว่าคุณจะตั้งเป้าหมายอะไรในปีนี้

    พบเจอความสำเร็จ
    ออกเดินทางสู่การผจญภัยใหม่ ๆ
    หรือเพียงแค่หาความสุขในวันธรรมดา
    ไผ่ทองไอสครีม ขอเป็นส่วนหนึ่งในทุกย่างก้าวของคุณ
    เพราะเรารู้ว่า "ความหวานเล็ก ๆ" ก็ช่วยสร้างกำลังใจยิ่งใหญ่ได้

    มาฉลองปีใหม่ไปด้วยกัน
    ให้ทุกคำของไอสครีมเต็มไปด้วยความสุข ความหวัง และพลังบวก! 💛

    ไผ่ทองรังสิต บริการไอสครีมนอกสถานที่
    เลี้ยงสังสรรค์ / กิจกรรมโรงเรียน / ทำบุญเลี้ยงพระ
    โทร. 094 959 9425 หรือติดต่อไลน์
    https://line.me/ti/p/bJjoPuV1bi

    #ไผ่ทองไอสครีม #แบ่งปันความสุข #ขอบคุณที่เหนื่อยกันมา #ความอร่อยที่ไม่มีวันลืม #ไผ่ทองรังสิต #รังสิต #ปีใหม่ #ความหวังใหม่ #ไอสครีมแห่งความสุข
    ปีใหม่มาถึงพร้อมกับโอกาสใหม่ ๆ และความหวังที่สดใส เติมเต็มทุกความสุขให้ล้นแก้วด้วยความหวานเย็นของ ไผ่ทองไอสครีม ไม่ว่าคุณจะตั้งเป้าหมายอะไรในปีนี้ พบเจอความสำเร็จ ออกเดินทางสู่การผจญภัยใหม่ ๆ หรือเพียงแค่หาความสุขในวันธรรมดา ไผ่ทองไอสครีม ขอเป็นส่วนหนึ่งในทุกย่างก้าวของคุณ เพราะเรารู้ว่า "ความหวานเล็ก ๆ" ก็ช่วยสร้างกำลังใจยิ่งใหญ่ได้ มาฉลองปีใหม่ไปด้วยกัน ให้ทุกคำของไอสครีมเต็มไปด้วยความสุข ความหวัง และพลังบวก! 💛 ไผ่ทองรังสิต บริการไอสครีมนอกสถานที่ เลี้ยงสังสรรค์ / กิจกรรมโรงเรียน / ทำบุญเลี้ยงพระ โทร. 094 959 9425 หรือติดต่อไลน์ https://line.me/ti/p/bJjoPuV1bi #ไผ่ทองไอสครีม #แบ่งปันความสุข #ขอบคุณที่เหนื่อยกันมา #ความอร่อยที่ไม่มีวันลืม #ไผ่ทองรังสิต #รังสิต #ปีใหม่ #ความหวังใหม่ #ไอสครีมแห่งความสุข
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 489 Views 0 Reviews
  • ปีใหม่มาถึงพร้อมกับโอกาสใหม่ ๆ และความหวังที่สดใส
    เติมเต็มทุกความสุขให้ล้นแก้วด้วยความหวานเย็นของ ไผ่ทองไอสครีม

    ไม่ว่าคุณจะตั้งเป้าหมายอะไรในปีนี้

    พบเจอความสำเร็จ
    ออกเดินทางสู่การผจญภัยใหม่ ๆ
    หรือเพียงแค่หาความสุขในวันธรรมดา
    ไผ่ทองไอสครีม ขอเป็นส่วนหนึ่งในทุกย่างก้าวของคุณ
    เพราะเรารู้ว่า "ความหวานเล็ก ๆ" ก็ช่วยสร้างกำลังใจยิ่งใหญ่ได้

    มาฉลองปีใหม่ไปด้วยกัน
    ให้ทุกคำของไอสครีมเต็มไปด้วยความสุข ความหวัง และพลังบวก! 💛

    ไผ่ทองรังสิต บริการไอสครีมนอกสถานที่
    เลี้ยงสังสรรค์ / กิจกรรมโรงเรียน / ทำบุญเลี้ยงพระ
    โทร. 094 959 9425 หรือติดต่อไลน์
    https://line.me/ti/p/bJjoPuV1bi

    #ไผ่ทองไอสครีม #แบ่งปันความสุข #ขอบคุณที่เหนื่อยกันมา #ความอร่อยที่ไม่มีวันลืม #ไผ่ทองรังสิต #รังสิต #ปีใหม่ #ความหวังใหม่ #ไอสครีมแห่งความสุข
    ปีใหม่มาถึงพร้อมกับโอกาสใหม่ ๆ และความหวังที่สดใส เติมเต็มทุกความสุขให้ล้นแก้วด้วยความหวานเย็นของ ไผ่ทองไอสครีม ไม่ว่าคุณจะตั้งเป้าหมายอะไรในปีนี้ พบเจอความสำเร็จ ออกเดินทางสู่การผจญภัยใหม่ ๆ หรือเพียงแค่หาความสุขในวันธรรมดา ไผ่ทองไอสครีม ขอเป็นส่วนหนึ่งในทุกย่างก้าวของคุณ เพราะเรารู้ว่า "ความหวานเล็ก ๆ" ก็ช่วยสร้างกำลังใจยิ่งใหญ่ได้ มาฉลองปีใหม่ไปด้วยกัน ให้ทุกคำของไอสครีมเต็มไปด้วยความสุข ความหวัง และพลังบวก! 💛 ไผ่ทองรังสิต บริการไอสครีมนอกสถานที่ เลี้ยงสังสรรค์ / กิจกรรมโรงเรียน / ทำบุญเลี้ยงพระ โทร. 094 959 9425 หรือติดต่อไลน์ https://line.me/ti/p/bJjoPuV1bi #ไผ่ทองไอสครีม #แบ่งปันความสุข #ขอบคุณที่เหนื่อยกันมา #ความอร่อยที่ไม่มีวันลืม #ไผ่ทองรังสิต #รังสิต #ปีใหม่ #ความหวังใหม่ #ไอสครีมแห่งความสุข
    0 Comments 0 Shares 452 Views 0 Reviews
  • จงสร้างพลังบวก
    ให้ตัวเองอยู่เสมอ

    จากหนังสือ |สัญญานะว่าจะยิ้มให้กับตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #สัญญานะว่าจะยิ้มให้กับตัวเอง
    จงสร้างพลังบวก ให้ตัวเองอยู่เสมอ จากหนังสือ |สัญญานะว่าจะยิ้มให้กับตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #สัญญานะว่าจะยิ้มให้กับตัวเอง
    0 Comments 0 Shares 164 Views 0 Reviews
  • ถอดสลัก...ปรับชีวิต...
    ปลด...พลังลบ ปล่อย..พลังบวก

    หลังจากผ่านการประกอบพิธีการส่งเทพเจ้าเสด็จสู่สรวงสวรรค์ 神上天 (ซิ้งเจี่ยที) แล้ว อีกหนึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณของชนชาวเชื้อสายจีนที่ปัจจุบันไม่ใคร่ได้พบเห็นกันโดยทั่วไปและไม่เป็นที่นิยมเหมือนกับขนบธรรมเนียมประเพณีอื่นๆในช่วงเทศกาลตรุษจีนคือ การประกอบพิธี"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) ที่เป็นส่วนหนึ่งของขนบธรรมเนียมประเพณีในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะขาดการสืบสานถ่ายทอดบอกกล่าวกันอย่างต่อเนื่องจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง เป็นผลให้สิ่งดีๆที่เป็นประโยชน์ของคนรุ่นก่อนๆได้ถูกปล่อยปละละเลยให้จืดจางหายไป ดังนั้นเพื่อเป็นการอนุรักษ์ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณให้ดำรงคงอยู่ไว้ต่อไป จึงใคร่ขอขยายไขความและรายละเอียดขั้นตอนของการประกอบพิธี"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) ดังนี้

    คำว่า "破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) หมายถึง การละทิ้งพฤติกรรมหรือสิ่งของเก่าหรือเครื่องใช้ประจำที่มีความผูกพันหรือประพฤติเป็นประจำออกไป แล้วนำพฤติกรรมหรือสิ่งของใหม่มาปรับใช้ทดแทน เปรียบเสมือนเป็นการประกอบพิธีสะเดาะเคราะห์เพื่อสลัดเคราะห์ร้ายภัยเวรอย่างหนึ่งที่กำลังประสบพบอยู่ทิ้งออกไป โดยแบ่งเป็น 4 ลำดับขั้นตอนดังนี้

    1. การชำระองค์เทพเจ้า ประกอบด้วย

    - ถังน้ำใบใหม่ 1 ใบ
    - น้ำพุทธมนต์ หรือน้ำสะอาด
    - ผ้าขนหนูผืนเล็กผืนใหม่ 1 ผืน
    - ดอกไม้สด 7 สี 7 ชนิด

    โดยนำถังน้ำใบใหม่ใส่น้ำพุทธมนต์หรือน้ำสะอาดหรือใส่ทั้ง 2 อย่าง (ใส่น้ำสะอาดก่อนแล้วค่อยตามด้วยน้ำพุทธมนต์) ตามด้วยดอกไม้สด 7 สี 7 ชนิด จากนั้นนำผ้าขนหนูผืนเล็กผืนใหม่มาชำระองค์เทพเจ้าให้ทั่วจนสะอาด

    2. การทำความสะอาดบ้าน

    หลังจากเสร็จสิ้นจากการชำระองค์เทพเจ้าแล้ว ลำดับต่อไปคือการทำความสะอาดบ้านโดยรอบไม่ว่าจะเก็บกวาดหยากไย่ใยแมงมุม ซักล้างผ้าม่าน ผ้าปูเตียง ปลอกหมอน ปัดกวาดมุ้งลวด เป็นต้น เช็ดถูทำความสะอาดทั้งภายในและภายนอกบ้าน แม้แต่การตัดต้นไม้ ตัดหญ้า เก็บทิ้งขยะ เพื่อให้บ้านดูสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย

    3. การทิ้งของเก่าเพื่อรับสิ่งใหม่

    ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเดิมๆที่ไม่ดีออกไป เช่น งดสูบบุหรี่ งดดื่มเหล้า ละเลิกเล่นพนัน ฯลฯ อีกทั้งปรับเปลี่ยนของใช้ประจำที่ผูกพันไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ฯลฯ โดยใช้วิธีการเผาทำลาย(ไม่ควรบริจาคให้แก่ใครเพราะจะเป็นการเพิ่มเคราะห์ของเราไปเป็นเคราะห์ของบุคคลอื่น) หรือแม้แต่ประตูบ้านที่เก่าหรือเสีย ก็อาจจะปรับเปลี่ยนติดตั้งประตูใหม่เพื่อใช้ทดแทนได้เช่นกัน

    4. การอบบ้าน ประกอบด้วย

    - ธูปหอม 1 ห่อ
    - กระถางหรือภาชนะใส่ธูป 5 ใบ
    แบ่งตำแหน่งพื้นที่ตัวอาคารบ้านออกเป็น 5 ตำแหน่ง ดังนี้
    - ตำแหน่งที่ 1 ตำแหน่งศูนย์กลางบ้าน
    - ตำแหน่งที่ 2 ตำแหน่งมุมซ้ายด้านหน้าตัวบ้าน
    - ตำแหน่งที่ 3 ตำแหน่งมุมขวาด้านหน้าตัวบ้าน
    - ตำแหน่งที่ 4 ตำแหน่งมุมซ้ายด้านหลังตัวบ้าน
    - ตำแหน่งที่ 5 ตำแหน่งมุมขวาด้านหลังตัวบ้าน

    เมื่อได้ตำแหน่งทั้ง 5 แล้วให้นำธูปหอมแบ่งออกเป็น 5 กำ จุดให้ติดไฟจนเกิดควันแล้วปักที่กระถางหรือภาชนะใส่ธูปที่ตั้งตาม 5 ตำแหน่งจนครบ อบบ้านด้วยการปิดทั้งประตูและหน้าต่างโดยรอบใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วยาม หรือ 2 ชั่วโมง โดยสมาชิกครอบครัวและสัตว์เลี้ยงในบ้านควรออกนอกตัวบ้านที่กำลังอบอยู่(เฝ้าระวังฟืนไฟก่อนจะเกิดเหตุเพลิงไหม้)

    หลังจากครบระยะเวลาตามที่กำหนดแล้วให้เปิดประตูตัวบ้านเพื่อเดินเข้าบ้าน พร้อมเปล่งเสียงคำพูดที่มงคล ตังอย่างเช่น ขอให้มั่งคั่งร่ำรวย ด้วยทรัพย์สินศฤงคาร ทรัพย์สินรายล้อม เงินทองเพชรพลอยหยกเต็มบ้าน ค้าขายได้กำไร เหลือกินเหลือใช้ ทุกๆอย่างราบรื่นสำเร็จสมปราถนา โชคดีมีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์ พูนสุข อายุยืนยาวตลอดไป เป็นต้น จากนั้นเปิดหน้าต่างทุกบานที่ปิดออก เพื่อให้กระแส"氣"(ขี่) ที่ดีมีมงคลไหลหมุนเวียนตลอดทั่วตัวบ้าน

    ทั้ง 4 ขั้นตอนสามารถดำเนินการได้ในช่วงระหว่างหลังวันส่งองค์เทพเจ้าเสด็จสู่สรวงสวรรค์ 神上天 (ซิ้งเจี่ยที) จนถึงก่อนวันตรุษจีน โดยใช้วัน"除日"(ตื้อยิ๊ก) หรือ"破日"(ผั่วยิ๊ก) หรือ "天赦日"(เทียนเซี๊ยยิ๊ก) ก็ได้เช่นกัน ซึ่งใน ปีพ.ศ.2568 นี้ มีฤกษ์งามยามเหมาะกับการประกอบพิธี"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) คือ วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ.2568) นี้ ตั้งแต่เวลา 07:00 เป็นต้นไป

    หวังเป็นอย่างยิ่งว่าขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณที่ดีมีประโยชน์ดั่งเช่น การทิ้งของเก่าเพื่อรับสิ่งใหม่อย่าง"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) จะได้รับการอนุรักษ์สืบสาน บอกกล่าว และถ่ายทอดกันอย่างต่อเนื่องจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่งให้ดำรงคงอยู่ถาวรสืบไป
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ถอดสลัก...ปรับชีวิต... ปลด...พลังลบ ปล่อย..พลังบวก หลังจากผ่านการประกอบพิธีการส่งเทพเจ้าเสด็จสู่สรวงสวรรค์ 神上天 (ซิ้งเจี่ยที) แล้ว อีกหนึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณของชนชาวเชื้อสายจีนที่ปัจจุบันไม่ใคร่ได้พบเห็นกันโดยทั่วไปและไม่เป็นที่นิยมเหมือนกับขนบธรรมเนียมประเพณีอื่นๆในช่วงเทศกาลตรุษจีนคือ การประกอบพิธี"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) ที่เป็นส่วนหนึ่งของขนบธรรมเนียมประเพณีในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะขาดการสืบสานถ่ายทอดบอกกล่าวกันอย่างต่อเนื่องจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง เป็นผลให้สิ่งดีๆที่เป็นประโยชน์ของคนรุ่นก่อนๆได้ถูกปล่อยปละละเลยให้จืดจางหายไป ดังนั้นเพื่อเป็นการอนุรักษ์ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณให้ดำรงคงอยู่ไว้ต่อไป จึงใคร่ขอขยายไขความและรายละเอียดขั้นตอนของการประกอบพิธี"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) ดังนี้ คำว่า "破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) หมายถึง การละทิ้งพฤติกรรมหรือสิ่งของเก่าหรือเครื่องใช้ประจำที่มีความผูกพันหรือประพฤติเป็นประจำออกไป แล้วนำพฤติกรรมหรือสิ่งของใหม่มาปรับใช้ทดแทน เปรียบเสมือนเป็นการประกอบพิธีสะเดาะเคราะห์เพื่อสลัดเคราะห์ร้ายภัยเวรอย่างหนึ่งที่กำลังประสบพบอยู่ทิ้งออกไป โดยแบ่งเป็น 4 ลำดับขั้นตอนดังนี้ 1. การชำระองค์เทพเจ้า ประกอบด้วย - ถังน้ำใบใหม่ 1 ใบ - น้ำพุทธมนต์ หรือน้ำสะอาด - ผ้าขนหนูผืนเล็กผืนใหม่ 1 ผืน - ดอกไม้สด 7 สี 7 ชนิด โดยนำถังน้ำใบใหม่ใส่น้ำพุทธมนต์หรือน้ำสะอาดหรือใส่ทั้ง 2 อย่าง (ใส่น้ำสะอาดก่อนแล้วค่อยตามด้วยน้ำพุทธมนต์) ตามด้วยดอกไม้สด 7 สี 7 ชนิด จากนั้นนำผ้าขนหนูผืนเล็กผืนใหม่มาชำระองค์เทพเจ้าให้ทั่วจนสะอาด 2. การทำความสะอาดบ้าน หลังจากเสร็จสิ้นจากการชำระองค์เทพเจ้าแล้ว ลำดับต่อไปคือการทำความสะอาดบ้านโดยรอบไม่ว่าจะเก็บกวาดหยากไย่ใยแมงมุม ซักล้างผ้าม่าน ผ้าปูเตียง ปลอกหมอน ปัดกวาดมุ้งลวด เป็นต้น เช็ดถูทำความสะอาดทั้งภายในและภายนอกบ้าน แม้แต่การตัดต้นไม้ ตัดหญ้า เก็บทิ้งขยะ เพื่อให้บ้านดูสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย 3. การทิ้งของเก่าเพื่อรับสิ่งใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเดิมๆที่ไม่ดีออกไป เช่น งดสูบบุหรี่ งดดื่มเหล้า ละเลิกเล่นพนัน ฯลฯ อีกทั้งปรับเปลี่ยนของใช้ประจำที่ผูกพันไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ฯลฯ โดยใช้วิธีการเผาทำลาย(ไม่ควรบริจาคให้แก่ใครเพราะจะเป็นการเพิ่มเคราะห์ของเราไปเป็นเคราะห์ของบุคคลอื่น) หรือแม้แต่ประตูบ้านที่เก่าหรือเสีย ก็อาจจะปรับเปลี่ยนติดตั้งประตูใหม่เพื่อใช้ทดแทนได้เช่นกัน 4. การอบบ้าน ประกอบด้วย - ธูปหอม 1 ห่อ - กระถางหรือภาชนะใส่ธูป 5 ใบ แบ่งตำแหน่งพื้นที่ตัวอาคารบ้านออกเป็น 5 ตำแหน่ง ดังนี้ - ตำแหน่งที่ 1 ตำแหน่งศูนย์กลางบ้าน - ตำแหน่งที่ 2 ตำแหน่งมุมซ้ายด้านหน้าตัวบ้าน - ตำแหน่งที่ 3 ตำแหน่งมุมขวาด้านหน้าตัวบ้าน - ตำแหน่งที่ 4 ตำแหน่งมุมซ้ายด้านหลังตัวบ้าน - ตำแหน่งที่ 5 ตำแหน่งมุมขวาด้านหลังตัวบ้าน เมื่อได้ตำแหน่งทั้ง 5 แล้วให้นำธูปหอมแบ่งออกเป็น 5 กำ จุดให้ติดไฟจนเกิดควันแล้วปักที่กระถางหรือภาชนะใส่ธูปที่ตั้งตาม 5 ตำแหน่งจนครบ อบบ้านด้วยการปิดทั้งประตูและหน้าต่างโดยรอบใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วยาม หรือ 2 ชั่วโมง โดยสมาชิกครอบครัวและสัตว์เลี้ยงในบ้านควรออกนอกตัวบ้านที่กำลังอบอยู่(เฝ้าระวังฟืนไฟก่อนจะเกิดเหตุเพลิงไหม้) หลังจากครบระยะเวลาตามที่กำหนดแล้วให้เปิดประตูตัวบ้านเพื่อเดินเข้าบ้าน พร้อมเปล่งเสียงคำพูดที่มงคล ตังอย่างเช่น ขอให้มั่งคั่งร่ำรวย ด้วยทรัพย์สินศฤงคาร ทรัพย์สินรายล้อม เงินทองเพชรพลอยหยกเต็มบ้าน ค้าขายได้กำไร เหลือกินเหลือใช้ ทุกๆอย่างราบรื่นสำเร็จสมปราถนา โชคดีมีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์ พูนสุข อายุยืนยาวตลอดไป เป็นต้น จากนั้นเปิดหน้าต่างทุกบานที่ปิดออก เพื่อให้กระแส"氣"(ขี่) ที่ดีมีมงคลไหลหมุนเวียนตลอดทั่วตัวบ้าน ทั้ง 4 ขั้นตอนสามารถดำเนินการได้ในช่วงระหว่างหลังวันส่งองค์เทพเจ้าเสด็จสู่สรวงสวรรค์ 神上天 (ซิ้งเจี่ยที) จนถึงก่อนวันตรุษจีน โดยใช้วัน"除日"(ตื้อยิ๊ก) หรือ"破日"(ผั่วยิ๊ก) หรือ "天赦日"(เทียนเซี๊ยยิ๊ก) ก็ได้เช่นกัน ซึ่งใน ปีพ.ศ.2568 นี้ มีฤกษ์งามยามเหมาะกับการประกอบพิธี"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) คือ วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ.2568) นี้ ตั้งแต่เวลา 07:00 เป็นต้นไป หวังเป็นอย่างยิ่งว่าขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณที่ดีมีประโยชน์ดั่งเช่น การทิ้งของเก่าเพื่อรับสิ่งใหม่อย่าง"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) จะได้รับการอนุรักษ์สืบสาน บอกกล่าว และถ่ายทอดกันอย่างต่อเนื่องจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่งให้ดำรงคงอยู่ถาวรสืบไป ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 Comments 0 Shares 588 Views 0 Reviews
  • การดูดวงกับการเสี่ยงโชค คือ การเช็คโอกาส ไม่ใช่การการันตีความสำเร็จ
    .
    หลายคนอาจเข้าใจว่า การดูดวงสามารถบอกเลขเด็ด หรือทำให้ถูกหวยได้โดยตรง แต่แท้จริงแล้ว การดูดวงไม่ได้เป็นการบอกผลลัพธ์ล่วงหน้าอย่างแม่นยำเช่นนั้น สิ่งที่การดูดวงทำได้ คือ การช่วยให้เราตรวจสอบโอกาส ทิศทาง และช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเสี่ยงโชคมากกว่า
    .
    🔮 ดูดวงเพื่อเช็คจังหวะของชีวิต
    การดูดวงเป็นศาสตร์ที่ช่วยให้เราตระหนักถึงพลังงานหรือแนวโน้มที่อาจส่งผลต่อชีวิตในช่วงเวลานั้น ๆ โดยอาศัยหลักการทางโหราศาสตร์ ไพ่พยากรณ์ หรือศาสตร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง นักพยากรณ์จะช่วยวิเคราะห์ว่าช่วงเวลาดังกล่าวมีพลังงานส่งเสริมด้านโชคลาภหรือไม่ ซึ่งอาจช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น
    .
    💰 โอกาสและความเป็นไปได้ ไม่ใช่การรับประกัน
    แม้ว่าช่วงเวลาหนึ่งอาจมีพลังบวกส่งเสริมด้านโชคลาภ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะถูกหวยหรือได้รับโชคใหญ่เสมอไป การเสี่ยงโชคยังคงเป็นเรื่องของสถิติ ดวง และจังหวะชีวิต การดูดวงช่วยให้เรารู้ว่าควรลองเสี่ยงโชคหรือควรรอจังหวะที่ดีกว่า
    .
    🎯 เสริมโอกาสด้วยการใช้สติและวางแผน
    แทนที่จะหวังพึ่งโชคเพียงอย่างเดียว การดูดวงสามารถเป็นเครื่องมือช่วยตัดสินใจ เช่น หากพบว่าช่วงเวลานั้นไม่เหมาะกับการลงทุนหรือเสี่ยงโชค ก็อาจเป็นสัญญาณให้เราระมัดระวังมากขึ้น หรือหากเป็นช่วงที่ดี ก็อาจใช้เป็นแนวทางในการลองเสี่ยงอย่างมีสติ
    .
    ✨ สรุป: ดูดวงคือแนวทาง ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย
    การดูดวงเพื่อเสี่ยงโชคไม่ได้หมายความว่าเราจะถูกรางวัลแน่นอน แต่เป็นการช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผลและมั่นใจขึ้น การใช้ดวงเป็นแนวทางประกอบกับการคิดวิเคราะห์ที่ดี จะช่วยให้เราบริหารจัดการความเสี่ยงและโอกาสได้อย่างเหมาะสม
    .
    การเสี่ยงโชคที่ดี คือ การเล่นอย่างมีสติ และอยู่ในขอบเขตที่ไม่กระทบต่อชีวิตประจำวัน หากเรารู้จักใช้การดูดวงเป็นเครื่องมือเช็คโอกาส แทนที่จะหวังพึ่งดวงเพียงอย่างเดียว ก็จะช่วยให้เราดำเนินชีวิตได้อย่างสมดุลและมีความสุขมากขึ้น 😊🔮✨
    .
    ❤️ลองเปิดใจ มาพูดคุย แลกเปลี่ยนบทสนทนา ผ่านสื่อกลางด้วยไพ่พรหมญาณ สามารถติดต่อ สอบถาม ได้ที่
    FB: Nataphat Jacky Promayarn
    FB Fanpage: พรหมอ่านไพ่
    หรือ
    Line OA: 874idjbu
    คลิ๊ก 👉 https://lin.ee/Te57Hii
    .
    #ใดใดในโลกล้วนสายมู #พรหมอ่านไพ่ #พรหมญาณพยากรณ์ #พรหมญาณ๗๔ #ไพ่พรหมญาณ #เคียงข้างทุกปัญหาให้คุณค่าทุกการตัดสินใจ
    การดูดวงกับการเสี่ยงโชค คือ การเช็คโอกาส ไม่ใช่การการันตีความสำเร็จ . หลายคนอาจเข้าใจว่า การดูดวงสามารถบอกเลขเด็ด หรือทำให้ถูกหวยได้โดยตรง แต่แท้จริงแล้ว การดูดวงไม่ได้เป็นการบอกผลลัพธ์ล่วงหน้าอย่างแม่นยำเช่นนั้น สิ่งที่การดูดวงทำได้ คือ การช่วยให้เราตรวจสอบโอกาส ทิศทาง และช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเสี่ยงโชคมากกว่า . 🔮 ดูดวงเพื่อเช็คจังหวะของชีวิต การดูดวงเป็นศาสตร์ที่ช่วยให้เราตระหนักถึงพลังงานหรือแนวโน้มที่อาจส่งผลต่อชีวิตในช่วงเวลานั้น ๆ โดยอาศัยหลักการทางโหราศาสตร์ ไพ่พยากรณ์ หรือศาสตร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง นักพยากรณ์จะช่วยวิเคราะห์ว่าช่วงเวลาดังกล่าวมีพลังงานส่งเสริมด้านโชคลาภหรือไม่ ซึ่งอาจช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น . 💰 โอกาสและความเป็นไปได้ ไม่ใช่การรับประกัน แม้ว่าช่วงเวลาหนึ่งอาจมีพลังบวกส่งเสริมด้านโชคลาภ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะถูกหวยหรือได้รับโชคใหญ่เสมอไป การเสี่ยงโชคยังคงเป็นเรื่องของสถิติ ดวง และจังหวะชีวิต การดูดวงช่วยให้เรารู้ว่าควรลองเสี่ยงโชคหรือควรรอจังหวะที่ดีกว่า . 🎯 เสริมโอกาสด้วยการใช้สติและวางแผน แทนที่จะหวังพึ่งโชคเพียงอย่างเดียว การดูดวงสามารถเป็นเครื่องมือช่วยตัดสินใจ เช่น หากพบว่าช่วงเวลานั้นไม่เหมาะกับการลงทุนหรือเสี่ยงโชค ก็อาจเป็นสัญญาณให้เราระมัดระวังมากขึ้น หรือหากเป็นช่วงที่ดี ก็อาจใช้เป็นแนวทางในการลองเสี่ยงอย่างมีสติ . ✨ สรุป: ดูดวงคือแนวทาง ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย การดูดวงเพื่อเสี่ยงโชคไม่ได้หมายความว่าเราจะถูกรางวัลแน่นอน แต่เป็นการช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผลและมั่นใจขึ้น การใช้ดวงเป็นแนวทางประกอบกับการคิดวิเคราะห์ที่ดี จะช่วยให้เราบริหารจัดการความเสี่ยงและโอกาสได้อย่างเหมาะสม . การเสี่ยงโชคที่ดี คือ การเล่นอย่างมีสติ และอยู่ในขอบเขตที่ไม่กระทบต่อชีวิตประจำวัน หากเรารู้จักใช้การดูดวงเป็นเครื่องมือเช็คโอกาส แทนที่จะหวังพึ่งดวงเพียงอย่างเดียว ก็จะช่วยให้เราดำเนินชีวิตได้อย่างสมดุลและมีความสุขมากขึ้น 😊🔮✨ . ❤️ลองเปิดใจ มาพูดคุย แลกเปลี่ยนบทสนทนา ผ่านสื่อกลางด้วยไพ่พรหมญาณ สามารถติดต่อ สอบถาม ได้ที่ FB: Nataphat Jacky Promayarn FB Fanpage: พรหมอ่านไพ่ หรือ Line OA: 874idjbu คลิ๊ก 👉 https://lin.ee/Te57Hii . #ใดใดในโลกล้วนสายมู #พรหมอ่านไพ่ #พรหมญาณพยากรณ์ #พรหมญาณ๗๔ #ไพ่พรหมญาณ #เคียงข้างทุกปัญหาให้คุณค่าทุกการตัดสินใจ
    0 Comments 0 Shares 416 Views 0 Reviews
  • หากเริ่มต้นวัน
    ด้วยเรื่องราวที่ไม่ดี
    จงรับมือด้วยพลังบวก
    ไม่ใช่รับมือด้วยพลังลบ

    จากหนังสือ |เป็นเราในเวอร์ชั่นที่มีความสุข

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #เป็นเราในเวอร์ชั่นที่มีความสุข
    หากเริ่มต้นวัน ด้วยเรื่องราวที่ไม่ดี จงรับมือด้วยพลังบวก ไม่ใช่รับมือด้วยพลังลบ จากหนังสือ |เป็นเราในเวอร์ชั่นที่มีความสุข #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #เป็นเราในเวอร์ชั่นที่มีความสุข
    0 Comments 0 Shares 80 Views 0 Reviews
  • กระทิงเดอะบันด์ The Bund Bull 🇨🇳สัญลักษณ์ประจำเมืองเซี่ยงไฮ"กระทิงแห่งเซี่ยงไฮ้* (Shanghai Bull) "The Bund" ในเซี่ยงไฮ้ มีกระทิงทองแดงที่โดดเด่นซึ่ง เรียกว่า "กระทิงแห่งเซี่ยงไฮ้" (Shanghai Bull) ตั้งอยู่ใกล้ กับย่านธุรกิจและการท่องเที่ยวบนถนนสายประวัติศาสตร์ โดยกระทิงนี้ถักสร้างขึ้นโดยศิลปิน Arturo Di Modica ผ สร้างกระทิงที่มีชื่อเสียงใน Wall Street ของนิวยอร์ก กระทิงเชี่ยงไฮ้เป็นสัญลักษณ์ของพลังทางเศรษฐกิจและ การเจริญเติบโตของเมือง ผู้คนเชื่อว่าการสัมผัสกระทิง จะนําโซคดีมาให้ โดยเฉพาะการลูบที่ส่วนของเขาหรือจมูก เพราะถือเป็นการรับพลังบวกและเสริมโชคลาภทางการเงิน จึงทําให้กระทิงที่ The Bund เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยม ที่นักท่องเที่ยวมักจะมาถ่ายรูปและสัมผัสเพื่อความเป็นสิริ มงคล
    กระทิงเดอะบันด์ The Bund Bull 🇨🇳สัญลักษณ์ประจำเมืองเซี่ยงไฮ"กระทิงแห่งเซี่ยงไฮ้* (Shanghai Bull) "The Bund" ในเซี่ยงไฮ้ มีกระทิงทองแดงที่โดดเด่นซึ่ง เรียกว่า "กระทิงแห่งเซี่ยงไฮ้" (Shanghai Bull) ตั้งอยู่ใกล้ กับย่านธุรกิจและการท่องเที่ยวบนถนนสายประวัติศาสตร์ โดยกระทิงนี้ถักสร้างขึ้นโดยศิลปิน Arturo Di Modica ผ สร้างกระทิงที่มีชื่อเสียงใน Wall Street ของนิวยอร์ก กระทิงเชี่ยงไฮ้เป็นสัญลักษณ์ของพลังทางเศรษฐกิจและ การเจริญเติบโตของเมือง ผู้คนเชื่อว่าการสัมผัสกระทิง จะนําโซคดีมาให้ โดยเฉพาะการลูบที่ส่วนของเขาหรือจมูก เพราะถือเป็นการรับพลังบวกและเสริมโชคลาภทางการเงิน จึงทําให้กระทิงที่ The Bund เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยม ที่นักท่องเที่ยวมักจะมาถ่ายรูปและสัมผัสเพื่อความเป็นสิริ มงคล
    0 Comments 0 Shares 396 Views 1 0 Reviews
  • สุขนิยมอุ๊งอิ๊ง ไม่ชอบก็ปล่อยผ่าน

    ฉายารัฐบาลประจำปี 2567 รัฐบาล "พ่อ" เลี้ยง" ฉายา "แพทองโพย" และวาทะแห่งปี "สามีเป็นคนใต้" ของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร เจ้าตัวจะใจดีสู้เสือยังยิ้มได้ หยอกล้อกับสื่ออย่างอารมณ์ดีว่า "ไม่ใช่ เราเป็นแพทองแพด เราใช้ไอแพดไม่ได้ใช้โพย ทำไมถึงเป็นโพย โพยคือกระดาษใช่ไหม" และยืนยันว่าไม่โกรธ จะโกรธอะไร

    เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. แพทองธารกล่าวทำนองว่า ต้องหัดมองมุมที่ดีบ้าง ถ้าต้องดรามาทะเลาะกันอย่างนั้นเหนื่อย อยากให้ทุกคนคิดว่าทำงานมา 1 ปีมีความสุขอะไรบ้าง ภูมิใจในตัวเองเรื่องอะไรบ้าง และอยากปรับปรุงอะไร อย่าไปบี้ตัวเองหรือทำให้รู้สึกว่าแย่ และอย่าไปเครียดมาก เพราะมีเรื่องเครียดในชีวิตเยอะแล้ว

    "เป็นหนึ่งคนที่ผ่านอะไรมาเยอะในชีวิตตั้งแต่เด็ก ที่เจอเรื่องการเมืองหรืออะไรก็ตาม แต่ถ้าให้นึกว่าเกลียดใครจริงๆ นึกไม่ออก เพราะไม่ค่อยเกลียดใคร เกลียดแล้วเหนื่อย รู้สึกว่าไม่ต้องเกลียดหรอก สมมติถ้าเราไม่ชอบ หรือเรากับบุคคลนั้นไปกันไม่ได้ก็แค่ถอยออกมา จะไปเกลียดไม่ชอบใคร มันเหนื่อย"

    แม้แพทองธารจะไม่ทราบว่ามีภูมิต้านทานทางการเมืองมาตั้งแต่เด็ก แต่รู้สึกว่าถ้าไม่ชอบตรงไหนก็ถอยออกมาอยู่ในจุดที่ลงตัว มีความสุข และเป็นประโยชน์ได้ก็อยู่ตรงนั้น อย่าไปเกลียดใครมากมันเหนื่อย

    วันต่อมาในงานเลี้ยงสื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า อยากให้เข้าใจคาแรกเตอร์ส่วนตัว เป็นคนตรงๆ อาจจะดูโผงผาง พูดตรง เสียงดัง แต่ไม่ได้คิดร้ายกับใคร ถ้าไม่ชอบหรือไม่แฮปปี้ ก็บอกไปแล้วว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร เป็นแบบนี้มานานแล้ว ไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรมาก พร้อมกล่าวติดตลกว่า "หน้าอาจจะเหลี่ยมบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมมากมาย"

    "อยากให้ทุกคนมีความสุขในทุกๆวัน แม้บางวันที่มันยาก บางวันที่ไม่น่าจะมีความสุขเลยก็น่าจะหาความสุขให้ได้ในวันนั้น เพื่อรักษาใจตัวเองให้วันต่อไป ... เราเริ่มจากอะไรเล็กๆ ใกล้ๆ ตัวก่อน รักตัวเองให้ได้เพื่อจะมีแรงไปรักคนอื่น มีแรงไปทำดีให้คนอื่น ขอให้มีพลังบวกแบบนี้ไปเยอะๆ แต่อย่าบวกกันเยอะ"

    ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ก.ย. มีคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งพาดหัวบทความว่า "ประเทศในมือนายกฯ ฟันน้ำนม" ว่ากันว่าแพทองธารไม่พอใจคำว่า "นายกฯ ฟันน้ำนม" อย่างมาก ทีมงานนายกรัฐมนตรี วิม รุ่งวัฒนจินดา จี้ให้ลบบทความออกจากเว็บไซต์ สุดท้ายบทความนั้นหายไปจากระบบ

    แต่วันนี้ท่าทีที่ออกมาดูแตกต่างกันพอสมควร มองจากภายนอกเสมือนรู้ตัวว่าต้องทำอย่างไรในฐานะบุคคลสาธารณะ ส่วนจะเข้าใจโลกเข้าใจชีวิตหรือไม่ ไม่มีใครรู้ เพราะไม่ได้อยู่คฤหาสน์หรูย่านนวมินทร์-รามอินทรา

    #Newskit
    สุขนิยมอุ๊งอิ๊ง ไม่ชอบก็ปล่อยผ่าน ฉายารัฐบาลประจำปี 2567 รัฐบาล "พ่อ" เลี้ยง" ฉายา "แพทองโพย" และวาทะแห่งปี "สามีเป็นคนใต้" ของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร เจ้าตัวจะใจดีสู้เสือยังยิ้มได้ หยอกล้อกับสื่ออย่างอารมณ์ดีว่า "ไม่ใช่ เราเป็นแพทองแพด เราใช้ไอแพดไม่ได้ใช้โพย ทำไมถึงเป็นโพย โพยคือกระดาษใช่ไหม" และยืนยันว่าไม่โกรธ จะโกรธอะไร เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. แพทองธารกล่าวทำนองว่า ต้องหัดมองมุมที่ดีบ้าง ถ้าต้องดรามาทะเลาะกันอย่างนั้นเหนื่อย อยากให้ทุกคนคิดว่าทำงานมา 1 ปีมีความสุขอะไรบ้าง ภูมิใจในตัวเองเรื่องอะไรบ้าง และอยากปรับปรุงอะไร อย่าไปบี้ตัวเองหรือทำให้รู้สึกว่าแย่ และอย่าไปเครียดมาก เพราะมีเรื่องเครียดในชีวิตเยอะแล้ว "เป็นหนึ่งคนที่ผ่านอะไรมาเยอะในชีวิตตั้งแต่เด็ก ที่เจอเรื่องการเมืองหรืออะไรก็ตาม แต่ถ้าให้นึกว่าเกลียดใครจริงๆ นึกไม่ออก เพราะไม่ค่อยเกลียดใคร เกลียดแล้วเหนื่อย รู้สึกว่าไม่ต้องเกลียดหรอก สมมติถ้าเราไม่ชอบ หรือเรากับบุคคลนั้นไปกันไม่ได้ก็แค่ถอยออกมา จะไปเกลียดไม่ชอบใคร มันเหนื่อย" แม้แพทองธารจะไม่ทราบว่ามีภูมิต้านทานทางการเมืองมาตั้งแต่เด็ก แต่รู้สึกว่าถ้าไม่ชอบตรงไหนก็ถอยออกมาอยู่ในจุดที่ลงตัว มีความสุข และเป็นประโยชน์ได้ก็อยู่ตรงนั้น อย่าไปเกลียดใครมากมันเหนื่อย วันต่อมาในงานเลี้ยงสื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า อยากให้เข้าใจคาแรกเตอร์ส่วนตัว เป็นคนตรงๆ อาจจะดูโผงผาง พูดตรง เสียงดัง แต่ไม่ได้คิดร้ายกับใคร ถ้าไม่ชอบหรือไม่แฮปปี้ ก็บอกไปแล้วว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร เป็นแบบนี้มานานแล้ว ไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรมาก พร้อมกล่าวติดตลกว่า "หน้าอาจจะเหลี่ยมบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมมากมาย" "อยากให้ทุกคนมีความสุขในทุกๆวัน แม้บางวันที่มันยาก บางวันที่ไม่น่าจะมีความสุขเลยก็น่าจะหาความสุขให้ได้ในวันนั้น เพื่อรักษาใจตัวเองให้วันต่อไป ... เราเริ่มจากอะไรเล็กๆ ใกล้ๆ ตัวก่อน รักตัวเองให้ได้เพื่อจะมีแรงไปรักคนอื่น มีแรงไปทำดีให้คนอื่น ขอให้มีพลังบวกแบบนี้ไปเยอะๆ แต่อย่าบวกกันเยอะ" ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ก.ย. มีคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งพาดหัวบทความว่า "ประเทศในมือนายกฯ ฟันน้ำนม" ว่ากันว่าแพทองธารไม่พอใจคำว่า "นายกฯ ฟันน้ำนม" อย่างมาก ทีมงานนายกรัฐมนตรี วิม รุ่งวัฒนจินดา จี้ให้ลบบทความออกจากเว็บไซต์ สุดท้ายบทความนั้นหายไปจากระบบ แต่วันนี้ท่าทีที่ออกมาดูแตกต่างกันพอสมควร มองจากภายนอกเสมือนรู้ตัวว่าต้องทำอย่างไรในฐานะบุคคลสาธารณะ ส่วนจะเข้าใจโลกเข้าใจชีวิตหรือไม่ ไม่มีใครรู้ เพราะไม่ได้อยู่คฤหาสน์หรูย่านนวมินทร์-รามอินทรา #Newskit
    Like
    Angry
    3
    0 Comments 0 Shares 782 Views 0 Reviews
  • คำทักทายจากใจ: สะพานแห่งความสบายใจ

    คำทักทายที่ออกมาจากความจริงใจ ไม่ใช่แค่ประโยคเปิดบทสนทนา แต่เป็นเหมือนสะพานที่เชื่อมโยงหัวใจสองดวงเข้าด้วยกัน เมื่อเราทักทายด้วยความปรารถนาดี และส่งผ่านความรู้สึกอบอุ่นไปยังอีกฝ่าย มันไม่เพียงช่วยสร้างบรรยากาศที่ดี แต่ยังทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกถึงการยอมรับ และความเป็นมิตรในทันที

    ---

    ทำไมคำทักทายจากใจถึงสำคัญ?

    สร้างความสบายใจ: คำทักทายที่จริงใจช่วยทำให้บรรยากาศรอบตัวเบาสบาย คลายความตึงเครียด

    เชื่อมความสัมพันธ์: เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ดี ไม่ว่าจะในครอบครัว ที่ทำงาน หรือกับคนแปลกหน้า

    แสดงความใส่ใจ: การทักทายด้วยใจจริงสะท้อนถึงความสนใจในตัวอีกฝ่าย ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกมีค่า

    ---

    ตัวอย่างคำทักทายจากใจ

    "วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง? หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นนะ"

    "ดีใจที่ได้เจอคุณอีกครั้ง!"

    "พักผ่อนเพียงพอหรือเปล่า? ดูแลตัวเองด้วยนะ"

    "อากาศดีแบบนี้ ขอให้วันนี้ของคุณสดใสนะ"

    ---

    เคล็ดลับในการทักทายจากใจ

    1. ยิ้มจริงใจ: รอยยิ้มที่อบอุ่นทำให้คำทักทายส่งพลังบวกมากขึ้น

    2. ใช้ชื่อคู่สนทนา: หากรู้จักชื่อ การเรียกชื่อในคำทักทายจะเพิ่มความใกล้ชิด

    3. ใส่ใจในรายละเอียด: หากรู้ว่าคนฟังกำลังมีเรื่องอะไร เช่น งานสำคัญ หรือเรื่องสุขภาพ การกล่าวถึงด้วยความใส่ใจจะช่วยให้เขารู้สึกว่าเราเข้าใจและห่วงใย

    ---

    ผลลัพธ์ของคำทักทายที่มาจากใจ

    เติมพลังใจ: ช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกดี มีพลังในการเริ่มต้นวันหรือเผชิญหน้ากับปัญหา

    สร้างมิตรภาพ: เปิดโอกาสให้เกิดการสนทนาและความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น

    บรรเทาความเครียด: ทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกผ่อนคลายและเปิดใจมากขึ้น

    ---

    เพียงคำทักทายจากใจเล็กๆ อาจเปลี่ยนแปลงวันที่เงียบเหงาหรือหนักหน่วงให้กลายเป็นวันที่มีความสุขและเบาสบายได้ เพราะหัวใจของความสัมพันธ์ที่ดี เริ่มต้นจากการแสดงออกถึงความใส่ใจในกันและกัน!
    คำทักทายจากใจ: สะพานแห่งความสบายใจ คำทักทายที่ออกมาจากความจริงใจ ไม่ใช่แค่ประโยคเปิดบทสนทนา แต่เป็นเหมือนสะพานที่เชื่อมโยงหัวใจสองดวงเข้าด้วยกัน เมื่อเราทักทายด้วยความปรารถนาดี และส่งผ่านความรู้สึกอบอุ่นไปยังอีกฝ่าย มันไม่เพียงช่วยสร้างบรรยากาศที่ดี แต่ยังทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกถึงการยอมรับ และความเป็นมิตรในทันที --- ทำไมคำทักทายจากใจถึงสำคัญ? สร้างความสบายใจ: คำทักทายที่จริงใจช่วยทำให้บรรยากาศรอบตัวเบาสบาย คลายความตึงเครียด เชื่อมความสัมพันธ์: เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ดี ไม่ว่าจะในครอบครัว ที่ทำงาน หรือกับคนแปลกหน้า แสดงความใส่ใจ: การทักทายด้วยใจจริงสะท้อนถึงความสนใจในตัวอีกฝ่าย ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกมีค่า --- ตัวอย่างคำทักทายจากใจ "วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง? หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นนะ" "ดีใจที่ได้เจอคุณอีกครั้ง!" "พักผ่อนเพียงพอหรือเปล่า? ดูแลตัวเองด้วยนะ" "อากาศดีแบบนี้ ขอให้วันนี้ของคุณสดใสนะ" --- เคล็ดลับในการทักทายจากใจ 1. ยิ้มจริงใจ: รอยยิ้มที่อบอุ่นทำให้คำทักทายส่งพลังบวกมากขึ้น 2. ใช้ชื่อคู่สนทนา: หากรู้จักชื่อ การเรียกชื่อในคำทักทายจะเพิ่มความใกล้ชิด 3. ใส่ใจในรายละเอียด: หากรู้ว่าคนฟังกำลังมีเรื่องอะไร เช่น งานสำคัญ หรือเรื่องสุขภาพ การกล่าวถึงด้วยความใส่ใจจะช่วยให้เขารู้สึกว่าเราเข้าใจและห่วงใย --- ผลลัพธ์ของคำทักทายที่มาจากใจ เติมพลังใจ: ช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกดี มีพลังในการเริ่มต้นวันหรือเผชิญหน้ากับปัญหา สร้างมิตรภาพ: เปิดโอกาสให้เกิดการสนทนาและความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น บรรเทาความเครียด: ทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกผ่อนคลายและเปิดใจมากขึ้น --- เพียงคำทักทายจากใจเล็กๆ อาจเปลี่ยนแปลงวันที่เงียบเหงาหรือหนักหน่วงให้กลายเป็นวันที่มีความสุขและเบาสบายได้ เพราะหัวใจของความสัมพันธ์ที่ดี เริ่มต้นจากการแสดงออกถึงความใส่ใจในกันและกัน!
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 327 Views 0 Reviews
  • เมตตาเสมอกัน: หลักปฏิบัติสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในทุกสถานะ

    การมองคนอื่นในด้านดีและสร้างไมตรีจิตโดยไม่แบ่งแยกนั้น ไม่เพียงช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ยังส่งผลให้จิตใจเราเองเบาสบาย ไม่ถูกครอบงำด้วยความอคติหรือการแบ่งแยกใดๆ หลักการสำคัญอยู่ที่ "เมตตาเสมอกัน" ซึ่งหมายถึงการปรารถนาดีต่อทุกคนในฐานะเพื่อนร่วมโลก แม้จะมีความแตกต่างในบทบาทหรือสถานะ

    ---

    1. ปฏิบัติตามฐานะ แต่เมตตาเท่าเทียมกัน

    ลูกน้องต่อเจ้านาย: ให้ความเคารพและปฏิบัติตามหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่ไม่ยอมลดคุณค่าตัวเอง มองเจ้านายในฐานะผู้ร่วมงานที่ต้องการความสำเร็จเช่นกัน

    เจ้านายต่อลูกน้อง: แสดงความใส่ใจ สนับสนุน และให้คำปรึกษา ด้วยความปรารถนาดี ไม่มองลูกน้องเป็นเพียงเครื่องมือ แต่เห็นเขาเป็นมนุษย์ที่มีศักยภาพ

    เพื่อนร่วมงานต่อกัน: ปฏิบัติอย่างเป็นมิตร แบ่งปัน และช่วยเหลือกัน โดยไม่มองกันเป็นคู่แข่งหรือแบ่งชนชั้นในทีม

    ---

    2. มองในด้านดีและสร้างไมตรีจิต

    มองในด้านดี: เห็นจุดเด่นหรือสิ่งที่น่าชื่นชมในตัวผู้อื่น แม้บางครั้งอาจมีข้อเสียอยู่บ้าง แต่ให้เลือกที่จะเน้นในส่วนที่ดี

    ไม่แบ่งเขาแบ่งเรา: หลีกเลี่ยงความคิดแบ่งแยกตามสถานะ ความคิดเห็น หรือความแตกต่างอื่นๆ

    สร้างไมตรีจิต: ใช้คำพูดหรือการกระทำที่ทำให้ผู้อื่นรู้สึกดี เช่น การกล่าวคำขอบคุณ การยิ้ม หรือการช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ

    ---

    3. กระแสจิตใจที่สร้างสุข

    การปรากฏตัวที่ให้ความรู้สึกดี: การปรากฏตัวของเราควรสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและอบอุ่น เช่น การทักทายด้วยความจริงใจ

    คำพูดที่สร้างสุข: พูดในสิ่งที่เป็นกำลังใจ สร้างพลังบวก และช่วยให้ผู้อื่นมองโลกในแง่ดี

    กระแสจิตใจที่ดี: แม้ไม่ได้พูดอะไร แต่การมีจิตที่เมตตาและปรารถนาดีจริงๆ จะส่งผลให้คนรอบตัวรู้สึกถึงความอบอุ่นและปลอดภัย

    ---

    ผลของเมตตาเสมอกัน

    ต่อผู้อื่น: ทำให้ผู้อื่นรู้สึกมีคุณค่า ได้รับการยอมรับ และมีแรงบันดาลใจที่จะปฏิบัติตัวในทางที่ดี

    ต่อตนเอง: เกิดความสงบสุขในใจ เพราะไม่มีความอคติหรือความรู้สึกแบ่งแยกมารบกวน

    ต่อสังคม: สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ลดความขัดแย้ง และส่งเสริมบรรยากาศที่เกื้อกูลกัน

    ---

    เมตตาเสมอกัน คือเครื่องมือในการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขในทุกสถานะ หากทุกคนปฏิบัติด้วยใจเมตตาและไมตรีจิต โลกนี้ก็จะเต็มไปด้วยพลังบวกและความสุขที่ส่งต่อกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด!
    เมตตาเสมอกัน: หลักปฏิบัติสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในทุกสถานะ การมองคนอื่นในด้านดีและสร้างไมตรีจิตโดยไม่แบ่งแยกนั้น ไม่เพียงช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ยังส่งผลให้จิตใจเราเองเบาสบาย ไม่ถูกครอบงำด้วยความอคติหรือการแบ่งแยกใดๆ หลักการสำคัญอยู่ที่ "เมตตาเสมอกัน" ซึ่งหมายถึงการปรารถนาดีต่อทุกคนในฐานะเพื่อนร่วมโลก แม้จะมีความแตกต่างในบทบาทหรือสถานะ --- 1. ปฏิบัติตามฐานะ แต่เมตตาเท่าเทียมกัน ลูกน้องต่อเจ้านาย: ให้ความเคารพและปฏิบัติตามหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่ไม่ยอมลดคุณค่าตัวเอง มองเจ้านายในฐานะผู้ร่วมงานที่ต้องการความสำเร็จเช่นกัน เจ้านายต่อลูกน้อง: แสดงความใส่ใจ สนับสนุน และให้คำปรึกษา ด้วยความปรารถนาดี ไม่มองลูกน้องเป็นเพียงเครื่องมือ แต่เห็นเขาเป็นมนุษย์ที่มีศักยภาพ เพื่อนร่วมงานต่อกัน: ปฏิบัติอย่างเป็นมิตร แบ่งปัน และช่วยเหลือกัน โดยไม่มองกันเป็นคู่แข่งหรือแบ่งชนชั้นในทีม --- 2. มองในด้านดีและสร้างไมตรีจิต มองในด้านดี: เห็นจุดเด่นหรือสิ่งที่น่าชื่นชมในตัวผู้อื่น แม้บางครั้งอาจมีข้อเสียอยู่บ้าง แต่ให้เลือกที่จะเน้นในส่วนที่ดี ไม่แบ่งเขาแบ่งเรา: หลีกเลี่ยงความคิดแบ่งแยกตามสถานะ ความคิดเห็น หรือความแตกต่างอื่นๆ สร้างไมตรีจิต: ใช้คำพูดหรือการกระทำที่ทำให้ผู้อื่นรู้สึกดี เช่น การกล่าวคำขอบคุณ การยิ้ม หรือการช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ --- 3. กระแสจิตใจที่สร้างสุข การปรากฏตัวที่ให้ความรู้สึกดี: การปรากฏตัวของเราควรสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและอบอุ่น เช่น การทักทายด้วยความจริงใจ คำพูดที่สร้างสุข: พูดในสิ่งที่เป็นกำลังใจ สร้างพลังบวก และช่วยให้ผู้อื่นมองโลกในแง่ดี กระแสจิตใจที่ดี: แม้ไม่ได้พูดอะไร แต่การมีจิตที่เมตตาและปรารถนาดีจริงๆ จะส่งผลให้คนรอบตัวรู้สึกถึงความอบอุ่นและปลอดภัย --- ผลของเมตตาเสมอกัน ต่อผู้อื่น: ทำให้ผู้อื่นรู้สึกมีคุณค่า ได้รับการยอมรับ และมีแรงบันดาลใจที่จะปฏิบัติตัวในทางที่ดี ต่อตนเอง: เกิดความสงบสุขในใจ เพราะไม่มีความอคติหรือความรู้สึกแบ่งแยกมารบกวน ต่อสังคม: สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ลดความขัดแย้ง และส่งเสริมบรรยากาศที่เกื้อกูลกัน --- เมตตาเสมอกัน คือเครื่องมือในการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขในทุกสถานะ หากทุกคนปฏิบัติด้วยใจเมตตาและไมตรีจิต โลกนี้ก็จะเต็มไปด้วยพลังบวกและความสุขที่ส่งต่อกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด!
    0 Comments 0 Shares 342 Views 0 Reviews
  • #น้อนมันน่ารักดีเนาะ
    ได้ยีนส์แม่มาเต็มๆเลย
    แม่บอกอย่าตอบโต้ลูก ก็เชื่อฟัง
    แถมถ่ายเทพลังบวกให้ลูกใช้ชีวิตให้ดี
    ให้มีความสุข และมอบความสุขให้กับทุกคน
    นี่ขนาดออกมาบอกแฟนคลับว่า
    อย่าโกรธใครแทนผม
    ก็ไม่วายไอ่พวกสาระเลววว แปลเป็นอย่างอื่น
    ไม่เฮี้ยจริง ทำไม่ได้นะ
    สาวกอิป้าล้วนๆ
    ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #น้อนมันน่ารักดีเนาะ ได้ยีนส์แม่มาเต็มๆเลย แม่บอกอย่าตอบโต้ลูก ก็เชื่อฟัง แถมถ่ายเทพลังบวกให้ลูกใช้ชีวิตให้ดี ให้มีความสุข และมอบความสุขให้กับทุกคน นี่ขนาดออกมาบอกแฟนคลับว่า อย่าโกรธใครแทนผม ก็ไม่วายไอ่พวกสาระเลววว แปลเป็นอย่างอื่น ไม่เฮี้ยจริง ทำไม่ได้นะ สาวกอิป้าล้วนๆ ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 270 Views 0 Reviews
  • คนที่มีพลังบวกมากเกินไป
    มักไม่เข้าใจสภาพที่ "จิตใจอ่อนแอ"
    และอาจกระตุ้นปมด้อยเราที่ว่า
    "ทำไมเราถึงไม่มองโลก
    ในแง่บวกอย่างนั้นบ้าง"

    จากหนังสือ |ชีวิตเราไม่ได้ยืนยาวพอที่จะอยู่อย่างอดทน

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ชีวิตเราไม่ได้ยืนยาวพอที่จะอยู่อย่างอดทน
    คนที่มีพลังบวกมากเกินไป มักไม่เข้าใจสภาพที่ "จิตใจอ่อนแอ" และอาจกระตุ้นปมด้อยเราที่ว่า "ทำไมเราถึงไม่มองโลก ในแง่บวกอย่างนั้นบ้าง" จากหนังสือ |ชีวิตเราไม่ได้ยืนยาวพอที่จะอยู่อย่างอดทน #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ชีวิตเราไม่ได้ยืนยาวพอที่จะอยู่อย่างอดทน
    0 Comments 0 Shares 171 Views 0 Reviews
  • 8/12/67

    ชีวิตหลัง60+พึ่ง
    ใครไม่ได้
    5หลักพุทธช่วยคุณได้
    1.เสาแรกคือสันติสุขภายใน
    จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว
    การฝึกสมาธิ คือการฝึกสติ

    2.เสาหลักแห่งสุขภาพ&ความมีชีวิตชึวาทั้งกาย&ใจ

    3.เสาหลักทางการเงิน ต้องรู้จักเก็บออมตั้งอายุยังน้อย
    รู้จักลงทุน

    4.เสาหลักแห่งความสัมพันธ์ที่มีความหมาย กัลยาณมิตร
    ความสัมพันธ์ที่คุณภาพมากกว่าปริมาณ เพิ่มพลังบวก

    5.เสาหลักการเรียนรู้แบบไม่มีการสิ้นสุด การมีเป้าหมายในชีวิต ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก

    การยึดมั่นเสาหลักนี้ สามารถส่งต่อให้ผู้อื่นได้
    Cr;ธรรมะปัญญาคลังความรู้ธรรม
    https://youtu.be/FEjpuez3GRM?si=fSu25l3QEL4pAmLR
    8/12/67 ชีวิตหลัง60+พึ่ง ใครไม่ได้ 5หลักพุทธช่วยคุณได้ 1.เสาแรกคือสันติสุขภายใน จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว การฝึกสมาธิ คือการฝึกสติ 2.เสาหลักแห่งสุขภาพ&ความมีชีวิตชึวาทั้งกาย&ใจ 3.เสาหลักทางการเงิน ต้องรู้จักเก็บออมตั้งอายุยังน้อย รู้จักลงทุน 4.เสาหลักแห่งความสัมพันธ์ที่มีความหมาย กัลยาณมิตร ความสัมพันธ์ที่คุณภาพมากกว่าปริมาณ เพิ่มพลังบวก 5.เสาหลักการเรียนรู้แบบไม่มีการสิ้นสุด การมีเป้าหมายในชีวิต ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก การยึดมั่นเสาหลักนี้ สามารถส่งต่อให้ผู้อื่นได้ Cr;ธรรมะปัญญาคลังความรู้ธรรม https://youtu.be/FEjpuez3GRM?si=fSu25l3QEL4pAmLR
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 228 Views 0 Reviews
  • บางคราวความเชื่อมั่น
    ก็เป็นทุกสิ่งที่เรามี
    เป็นความเชื่อมั่นว่าสิ่งต่างๆ
    จะดีขึ้นกว่าเดิม
    เกาะไว้ และเชื่อมั่นต่อไป
    แม้ว่าจะมีคุณคนเดียวที่เชื่อก็ตาม

    จากหนังสือ |ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข
    บางคราวความเชื่อมั่น ก็เป็นทุกสิ่งที่เรามี เป็นความเชื่อมั่นว่าสิ่งต่างๆ จะดีขึ้นกว่าเดิม เกาะไว้ และเชื่อมั่นต่อไป แม้ว่าจะมีคุณคนเดียวที่เชื่อก็ตาม จากหนังสือ |ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข
    0 Comments 0 Shares 283 Views 0 Reviews
  • คำพูดสามารถทำร้าย ช่วยเหลือ หรือเยียวยา
    ทุกสิ่งที่เขียนและพูดต่างก็มีพลังทั้งสิ้น
    สารของคุณเป็นสิ่งสำคัญ
    จงเลือกใช้ให้ฉลาด

    จากหนังสือ |ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข #ความสุข
    คำพูดสามารถทำร้าย ช่วยเหลือ หรือเยียวยา ทุกสิ่งที่เขียนและพูดต่างก็มีพลังทั้งสิ้น สารของคุณเป็นสิ่งสำคัญ จงเลือกใช้ให้ฉลาด จากหนังสือ |ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข #ความสุข
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 324 Views 0 Reviews
  • คุณไม่ได้สำคัญกับคนอื่นตลอดเวลา
    นั่นคือเหตุผลว่าทำไมคุณ
    ต้องให้ความสำคัญกับตัวเอง
    เรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวเองอย่างเป็นสุข
    ดูแลตัวเอง คุยเรื่องบวก
    และเป็นที่พึ่งให้ตัวเอง
    ความต้องการของคุณนั้นสำคัญ
    จงเริ่มทำตามความต้องการของคุณ
    ด้ววตัวเอง อย่าหวังพึ่งคนอื่น

    จากหนังสือ |ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข #ความสุข
    คุณไม่ได้สำคัญกับคนอื่นตลอดเวลา นั่นคือเหตุผลว่าทำไมคุณ ต้องให้ความสำคัญกับตัวเอง เรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวเองอย่างเป็นสุข ดูแลตัวเอง คุยเรื่องบวก และเป็นที่พึ่งให้ตัวเอง ความต้องการของคุณนั้นสำคัญ จงเริ่มทำตามความต้องการของคุณ ด้ววตัวเอง อย่าหวังพึ่งคนอื่น จากหนังสือ |ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข #ความสุข
    0 Comments 0 Shares 349 Views 0 Reviews
  • คนมองโลกแง่ลบ
    เป็นภูมิแพ้ต่อการมองโลกแง่บวก
    ขอให้มองโลกแง่บวก
    เสียจนพวกเขาไม่กล้าอยู่ใกล้คุณ

    จากหนังสือ |ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข #ความสุข
    คนมองโลกแง่ลบ เป็นภูมิแพ้ต่อการมองโลกแง่บวก ขอให้มองโลกแง่บวก เสียจนพวกเขาไม่กล้าอยู่ใกล้คุณ จากหนังสือ |ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข #ความสุข
    0 Comments 0 Shares 322 Views 0 Reviews
  • ถ้ามัวแต่พยายามทำให้คนอื่นพอใจ
    คุณจะไม่มีวันก้าวหน้าเท่าพวกเขา
    ในที่สุดก็ไม่ได้ทำให้คนอื่น
    หรือตัวเองพอใจเลย

    จากหนังสือ |ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข #ความสุข
    ถ้ามัวแต่พยายามทำให้คนอื่นพอใจ คุณจะไม่มีวันก้าวหน้าเท่าพวกเขา ในที่สุดก็ไม่ได้ทำให้คนอื่น หรือตัวเองพอใจเลย จากหนังสือ |ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ใช้คลื่นพลังบวกดึงดูดพลังสุข #ความสุข
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 332 Views 0 Reviews
More Results