• DeepSeek เป็นแชทบอท AI ที่ก่อตั้งโดยมหาเศรษฐีผู้มุ่งหวังสร้างนวัตกรรมมากกว่าการหากำไรเชิงพาณิชย์ โดยบริษัทนี้เพิ่งเริ่มมีรายได้เพียงพอครอบคลุมค่าใช้จ่ายเมื่อเดือนที่ผ่านมา การตัดสินใจนี้เป็นการแตกต่างจากบริษัทเทคโนโลยีใน Silicon Valley ที่มักเน้นความรวดเร็วในการสร้างยอดขายและผลกำไร

    จุดที่น่าสนใจคือ ทัศนคติของ DeepSeek ที่มุ่งเน้นด้านการพัฒนาองค์ความรู้และคุณภาพของ AI ในระยะยาว โดยเห็นว่าความยั่งยืนและการวิจัยที่เข้มแข็งเป็นหัวใจสำคัญในการแข่งขันในอนาคต

    นอกจากนี้ เรื่องราวของ DeepSeek ยังสะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรมในโลกเทคโนโลยี ขณะที่บริษัทใน Silicon Valley มุ่งเน้นการตอบสนองต่อตลาดและนักลงทุน บริษัทจีนอย่าง DeepSeek กลับเลือกที่จะเน้นเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์และการสร้างผลกระทบที่มีความหมายมากกว่า

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/14/deepseek-to-focus-on-research-over-revenue-in-contrast-to-silicon-valley-ft-reports
    DeepSeek เป็นแชทบอท AI ที่ก่อตั้งโดยมหาเศรษฐีผู้มุ่งหวังสร้างนวัตกรรมมากกว่าการหากำไรเชิงพาณิชย์ โดยบริษัทนี้เพิ่งเริ่มมีรายได้เพียงพอครอบคลุมค่าใช้จ่ายเมื่อเดือนที่ผ่านมา การตัดสินใจนี้เป็นการแตกต่างจากบริษัทเทคโนโลยีใน Silicon Valley ที่มักเน้นความรวดเร็วในการสร้างยอดขายและผลกำไร จุดที่น่าสนใจคือ ทัศนคติของ DeepSeek ที่มุ่งเน้นด้านการพัฒนาองค์ความรู้และคุณภาพของ AI ในระยะยาว โดยเห็นว่าความยั่งยืนและการวิจัยที่เข้มแข็งเป็นหัวใจสำคัญในการแข่งขันในอนาคต นอกจากนี้ เรื่องราวของ DeepSeek ยังสะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรมในโลกเทคโนโลยี ขณะที่บริษัทใน Silicon Valley มุ่งเน้นการตอบสนองต่อตลาดและนักลงทุน บริษัทจีนอย่าง DeepSeek กลับเลือกที่จะเน้นเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์และการสร้างผลกระทบที่มีความหมายมากกว่า https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/14/deepseek-to-focus-on-research-over-revenue-in-contrast-to-silicon-valley-ft-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    DeepSeek to focus on research over revenue in contrast to Silicon Valley, FT reports
    (Reuters) - Chinese AI chatbot DeepSeek is choosing to focus on research over revenue, as its billionaire founder has decided not to follow Silicon Valley rivals by taking advantage of a sudden jump in sales, the Financial Times reported on Thursday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
  • Alexsandr  Duginที่ปรึกษาคนแรกของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหพันธรัฐรัสเซีย เพิ่งให้สัมภาษณ์ BOMBSHELL โดยนักข่าวฝ่ายค้านชาวอูเครน Diana Panchenko นี่คือประเด็นที่สำคัญ1.ยูเครนพลาดโอกาสครั้งประวัติศาสตร์ในการแยกตัวเป็นเอกราช"ยูเครนหมดแรงและพลาดโอกาสทางประวัติศาสตร์ในการดำรงอยู่ทางการเมืองระดับชาติที่เป็นอิสระ"2.ยูเครนปฏิเสธโอกาสสร้างอาณาจักรรัสเซีย-ยูเครนที่ยิ่งใหญ่ ดูจินบอกกับชาวอูเครนว่า "แทนที่จะต่อสู้กันเอง เราควรจะร่วมกันต่อสู้กับผู้ที่โจมตีจักรวรรดิแห่งนี้ แต่ทุกอย่างกลับกลายเป็นตรงกันข้าม"3.ชาตินิยมยูเครนทำลายยูเครนเองดูจินกล่าวว่าชาตินิยมที่แท้จริงจะต้องปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดน:"แต่ชาตินิยมยูเครนเป็นผู้ที่ […] ทำให้ [ยูเครน] อ่อนแอลง และลากเข้าสู่ความขัดแย้งที่สิ้นหวัง ซึ่งเป็นหายนะสำหรับยูเครนในฐานะรัฐที่มีอำนาจอธิปไตย"4.ชาติตะวันตกเสรีนิยมพยายามทำลายความร่วมมือของดูจินกับปูติน"การดำเนินการทั้งหมดนี้ Jeeranan Watteerachot ไม่เพียงแต่เป็นการต่อต้านปูตินเท่านั้น แต่ยังเป็นการต่อต้านรัสเซียด้วย เพราะเมื่อผู้รักชาติมารวมตัวกัน […] สิ่งนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มศักยภาพให้กับเขาเท่านั้น แต่ยังเพิ่มทวีคูณอีกด้วย"5.ทรัมป์พลิกเปลี่ยนทัศนคติชนิด 180° ต่ออุดมการณ์สหรัฐฯ"เขายกเลิกนโยบายเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ ขับไล่บุคคลข้ามเพศออกจากกองทัพ […] มันเป็นการตบหน้าการเคลื่อนไหวที่มุ่งสู่เสรีนิยม ลัทธิซาตาน และลัทธิหลังสมัยใหม่ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา"
    Alexsandr  Duginที่ปรึกษาคนแรกของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหพันธรัฐรัสเซีย เพิ่งให้สัมภาษณ์ BOMBSHELL โดยนักข่าวฝ่ายค้านชาวอูเครน Diana Panchenko นี่คือประเด็นที่สำคัญ1.ยูเครนพลาดโอกาสครั้งประวัติศาสตร์ในการแยกตัวเป็นเอกราช"ยูเครนหมดแรงและพลาดโอกาสทางประวัติศาสตร์ในการดำรงอยู่ทางการเมืองระดับชาติที่เป็นอิสระ"2.ยูเครนปฏิเสธโอกาสสร้างอาณาจักรรัสเซีย-ยูเครนที่ยิ่งใหญ่ ดูจินบอกกับชาวอูเครนว่า "แทนที่จะต่อสู้กันเอง เราควรจะร่วมกันต่อสู้กับผู้ที่โจมตีจักรวรรดิแห่งนี้ แต่ทุกอย่างกลับกลายเป็นตรงกันข้าม"3.ชาตินิยมยูเครนทำลายยูเครนเองดูจินกล่าวว่าชาตินิยมที่แท้จริงจะต้องปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดน:"แต่ชาตินิยมยูเครนเป็นผู้ที่ […] ทำให้ [ยูเครน] อ่อนแอลง และลากเข้าสู่ความขัดแย้งที่สิ้นหวัง ซึ่งเป็นหายนะสำหรับยูเครนในฐานะรัฐที่มีอำนาจอธิปไตย"4.ชาติตะวันตกเสรีนิยมพยายามทำลายความร่วมมือของดูจินกับปูติน"การดำเนินการทั้งหมดนี้ [...] ไม่เพียงแต่เป็นการต่อต้านปูตินเท่านั้น แต่ยังเป็นการต่อต้านรัสเซียด้วย เพราะเมื่อผู้รักชาติมารวมตัวกัน […] สิ่งนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มศักยภาพให้กับเขาเท่านั้น แต่ยังเพิ่มทวีคูณอีกด้วย"5.ทรัมป์พลิกเปลี่ยนทัศนคติชนิด 180° ต่ออุดมการณ์สหรัฐฯ"เขายกเลิกนโยบายเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ ขับไล่บุคคลข้ามเพศออกจากกองทัพ […] มันเป็นการตบหน้าการเคลื่อนไหวที่มุ่งสู่เสรีนิยม ลัทธิซาตาน และลัทธิหลังสมัยใหม่ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา"
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 209 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความล้มเหลวข้อตกลงแร่ธาตุที่ทุกฝ่ายต่างต้องการ ยกเว้น "รูบิโอ" รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ

    - เซเลนสกี:
    การแสดงออกของเซเลนสกีด้วยท่าทีที่แข็งกร้าวต่อหน้าสื่อมวลชน ในการเรียกร้องข้อเสนอเพิ่มเติมให้มีกองกำลังภาคพื้นดินของสหรัฐฯ เข้ามาในยูเครน ทั้งที่เซเลนสกี้รู้ดีว่าทรัมป์จะไม่เห็นด้วย บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเขาไม่มีความคิดจะลงนามข้อตกลงแร่ธาตุ นอกจากนี้ การนำเสนอข่าวของสื่อในยูเครนถึงความไม่เป็นเอกภาพภายในรัฐบาลเซเลนสกี ที่หลายฝ่ายยังมีความเห็นไปคนละทาง สิ่งนี้บ่งบอกได้ว่า เซเลนสกีเดินทางมาสหรัฐด้วยตัวของเขาเอง โดยที่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลที่นำโดยนายกรัฐมนตรี ชมีกัล

    จากวิดีโอ เซเลนสกีกล่าวไว้าชัดเจนว่า “ผมไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติของเราที่มีต่อชาวรัสเซียได้ พวกเขาเป็นฆาตกร ปูตินและชาวรัสเซียคือศัตรูของเรา” คำพูดของเซเลนสกี บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า เขาไม่มีความคิดจะลงนามในข้อตกลงใดๆ ไม่ว่าจะเป็นเมื่อปี 2022 ช่วงเริ่มต้นสงคราม หรือแม้แต่ข้อตกลงมินสก์ ซึ่งภายหลังปูตินถึงกับบอกว่ารัสเซียถูกหลอกให้ลงนาม

    - "รูบิโอ" รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ:
    โดยปกติแล้ว ในการลงนามข้อตกลงระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญระดับนี้ จะต้องได้รับการจัดการและตรวจสอบจนมั่นใจได้ว่ายินยอมพร้อมลงนามกันทั้งสองฝ่าย โดยที่ไม่มีอะไรผิดพลาด ก่อนที่จะมีการจัดการนัดประชุมของผู้นำประเทศเพื่อลงนามต่อไป

    แต่ครั้งนี้ นับเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ "มาร์โก รูบิโอ" ที่ตกเป็นเครื่องมือของเซเลนสกี ดังจะเห็นได้ว่า เมื่อสามวันก่อนมีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับยูเครนใกล้จะตกลงเรื่องแร่ธาตุหายากได้แล้ว ขณะเดียวกันก็มีข่าวออกมาว่าเซเลนสกีจะมาเยือนทำเนียบขาว เพื่อเซ็นสัญญา ซึ่งรูบิโอ เป็นผู้ให้ข้อมูลนี้เอง

    จะเห็นว่าหลังจากการเจรจาล้มเหลว ไม่มีการลงนามใดๆเกิดขึ้น กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ เป็นหน่วยงานแรกที่มีประกาศยุติการสนับสนุนโครงการฟื้นฟูโครงข่ายพลังงานของยูเครน ที่ออกมาสนองตอบต่อการกระทำของเซเลนสกี

    - เจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ:
    ขณะเดียวกัน ทางฝั่งเจดี แวนซ์ รองปธน.สหรัฐ ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลที่ตอบโต้เซเลนสกี จนนำไปสู่วิวาทะเดือด โดยปกติแล้ว ในระหว่างการประชุมทางการทูตต่อหน้าสื่อมวลชนแบบนี้ รองประธานาธิบดีมักจะไม่บทบาทในการพูดมากมายนัก เว้นแต่ว่าจะมีการนัดแนะกันไว้ก่อนแล้ว ซึ่งในครั้งนี้มันช่างตรงกับข้อสังเกตนี้อย่างมาก เพราะในสถานการณ์ช่วงเวลานั้น แวนซ์ ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรก็ได้

    - โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ:
    แต่เรื่องมันมีอยู่ว่า แร่ธาตุหายากไม่ใช่ว่าใครจะขุดกันได้ง่ายๆ เนื่องจากต้องใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนและจำเป็นต้องมีอุตสาหกรรมการขุดแร่ที่แข็งแกร่ง หรือมีประสบการณ์สูง

    เนื่องจากว่านี่คือแร่หายาก ไม่ใช่ทุกประเทศจะมี และถึงแม้ว่าจะมีแร่ แต่ก็มีเพียงบางประเทศเท่านั้นที่เทคโนโลยีอยู่ในระดับที่สามารถขุดออกมาแปรรูปเป็นสินค้าและคุ้มค่าในการลงทุน

    สหรัฐทำไม่ได้แน่นอน ซึ่งรวมทั้งยูเครนด้วย เพราะสภาพเศรษฐกิจของยูเครนยังไม่พร้อมกับเทคโนโลยีในการขุดแร่เหล่านั้น

    ทรัมป์รู้ดีถึงข้อเสียเปรียบตรงนี้ และนี่เป็นที่มาของเจดี แวนซ์ ในการยั่วยุเซเลนสกี

    - เมื่อเซเลนสกีเองก็ไม่ได้อยากลงนามในข้อตกลง ทรัมป์ก็ไม่อยากลงนามเช่นกัน คนที่อยากจะสร้างผลงาน มีคนเดียวคือ "รูบิโอ" ต้องกลายเป็นหมากของทั้งสองฝ่ายไปอย่างไม่เต็มใจนัก
    ความล้มเหลวข้อตกลงแร่ธาตุที่ทุกฝ่ายต่างต้องการ ยกเว้น "รูบิโอ" รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ - เซเลนสกี: การแสดงออกของเซเลนสกีด้วยท่าทีที่แข็งกร้าวต่อหน้าสื่อมวลชน ในการเรียกร้องข้อเสนอเพิ่มเติมให้มีกองกำลังภาคพื้นดินของสหรัฐฯ เข้ามาในยูเครน ทั้งที่เซเลนสกี้รู้ดีว่าทรัมป์จะไม่เห็นด้วย บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเขาไม่มีความคิดจะลงนามข้อตกลงแร่ธาตุ นอกจากนี้ การนำเสนอข่าวของสื่อในยูเครนถึงความไม่เป็นเอกภาพภายในรัฐบาลเซเลนสกี ที่หลายฝ่ายยังมีความเห็นไปคนละทาง สิ่งนี้บ่งบอกได้ว่า เซเลนสกีเดินทางมาสหรัฐด้วยตัวของเขาเอง โดยที่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลที่นำโดยนายกรัฐมนตรี ชมีกัล จากวิดีโอ เซเลนสกีกล่าวไว้าชัดเจนว่า “ผมไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติของเราที่มีต่อชาวรัสเซียได้ พวกเขาเป็นฆาตกร ปูตินและชาวรัสเซียคือศัตรูของเรา” คำพูดของเซเลนสกี บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า เขาไม่มีความคิดจะลงนามในข้อตกลงใดๆ ไม่ว่าจะเป็นเมื่อปี 2022 ช่วงเริ่มต้นสงคราม หรือแม้แต่ข้อตกลงมินสก์ ซึ่งภายหลังปูตินถึงกับบอกว่ารัสเซียถูกหลอกให้ลงนาม - "รูบิโอ" รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ: โดยปกติแล้ว ในการลงนามข้อตกลงระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญระดับนี้ จะต้องได้รับการจัดการและตรวจสอบจนมั่นใจได้ว่ายินยอมพร้อมลงนามกันทั้งสองฝ่าย โดยที่ไม่มีอะไรผิดพลาด ก่อนที่จะมีการจัดการนัดประชุมของผู้นำประเทศเพื่อลงนามต่อไป แต่ครั้งนี้ นับเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ "มาร์โก รูบิโอ" ที่ตกเป็นเครื่องมือของเซเลนสกี ดังจะเห็นได้ว่า เมื่อสามวันก่อนมีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับยูเครนใกล้จะตกลงเรื่องแร่ธาตุหายากได้แล้ว ขณะเดียวกันก็มีข่าวออกมาว่าเซเลนสกีจะมาเยือนทำเนียบขาว เพื่อเซ็นสัญญา ซึ่งรูบิโอ เป็นผู้ให้ข้อมูลนี้เอง จะเห็นว่าหลังจากการเจรจาล้มเหลว ไม่มีการลงนามใดๆเกิดขึ้น กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ เป็นหน่วยงานแรกที่มีประกาศยุติการสนับสนุนโครงการฟื้นฟูโครงข่ายพลังงานของยูเครน ที่ออกมาสนองตอบต่อการกระทำของเซเลนสกี - เจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ: ขณะเดียวกัน ทางฝั่งเจดี แวนซ์ รองปธน.สหรัฐ ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลที่ตอบโต้เซเลนสกี จนนำไปสู่วิวาทะเดือด โดยปกติแล้ว ในระหว่างการประชุมทางการทูตต่อหน้าสื่อมวลชนแบบนี้ รองประธานาธิบดีมักจะไม่บทบาทในการพูดมากมายนัก เว้นแต่ว่าจะมีการนัดแนะกันไว้ก่อนแล้ว ซึ่งในครั้งนี้มันช่างตรงกับข้อสังเกตนี้อย่างมาก เพราะในสถานการณ์ช่วงเวลานั้น แวนซ์ ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรก็ได้ - โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ: แต่เรื่องมันมีอยู่ว่า แร่ธาตุหายากไม่ใช่ว่าใครจะขุดกันได้ง่ายๆ เนื่องจากต้องใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนและจำเป็นต้องมีอุตสาหกรรมการขุดแร่ที่แข็งแกร่ง หรือมีประสบการณ์สูง เนื่องจากว่านี่คือแร่หายาก ไม่ใช่ทุกประเทศจะมี และถึงแม้ว่าจะมีแร่ แต่ก็มีเพียงบางประเทศเท่านั้นที่เทคโนโลยีอยู่ในระดับที่สามารถขุดออกมาแปรรูปเป็นสินค้าและคุ้มค่าในการลงทุน สหรัฐทำไม่ได้แน่นอน ซึ่งรวมทั้งยูเครนด้วย เพราะสภาพเศรษฐกิจของยูเครนยังไม่พร้อมกับเทคโนโลยีในการขุดแร่เหล่านั้น ทรัมป์รู้ดีถึงข้อเสียเปรียบตรงนี้ และนี่เป็นที่มาของเจดี แวนซ์ ในการยั่วยุเซเลนสกี - เมื่อเซเลนสกีเองก็ไม่ได้อยากลงนามในข้อตกลง ทรัมป์ก็ไม่อยากลงนามเช่นกัน คนที่อยากจะสร้างผลงาน มีคนเดียวคือ "รูบิโอ" ต้องกลายเป็นหมากของทั้งสองฝ่ายไปอย่างไม่เต็มใจนัก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 304 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ผมไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติของเราที่มีต่อชาวรัสเซียได้ พวกเขาเป็นฆาตกร ปูตินและชาวรัสเซียคือศัตรูของเรา”

    คำพูดของเซเลนสกี บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า เขาไม่มีความคิดจะลงนามในข้อตกลงใดๆ ไม่ว่าจะเป็นเมื่อปี 2022 ช่วงเริ่มต้นสงคราม หรือแม้แต่ข้อตกลงมินสก์ ซึ่งภายหลังปูตินถึงกับบอกว่ารัสเซียถูกหลอกให้ลงนาม
    “ผมไม่สามารถเปลี่ยนทัศนคติของเราที่มีต่อชาวรัสเซียได้ พวกเขาเป็นฆาตกร ปูตินและชาวรัสเซียคือศัตรูของเรา” คำพูดของเซเลนสกี บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า เขาไม่มีความคิดจะลงนามในข้อตกลงใดๆ ไม่ว่าจะเป็นเมื่อปี 2022 ช่วงเริ่มต้นสงคราม หรือแม้แต่ข้อตกลงมินสก์ ซึ่งภายหลังปูตินถึงกับบอกว่ารัสเซียถูกหลอกให้ลงนาม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 15 0 รีวิว
  • เราทุกคนมี “ชีวิตเดียว”
    all have “one life”

    จงใช้มันด้วย ความสุข ไม่ใช่ ความทุกข์
    Live it with happiness, not sadness

    จงฟัง “เสียงหัวใจตัวเอง” ไม่ใช่เสียงของคนอื่น
    WeListen to “your own heart”, not others

    ใช้ชีวิตด้วยการมีทัศนคติที่ดี
    Live with a good attitude

    หัวเราะบ่อยๆ กินอาหารที่อร่อย
    Laugh often.Eat delicious food.

    เลือกคบคนที่มีแล้ว เพิ่มความสุข ให้กับตัวเอง
    Choose to be with people who already have it, increase your happiness

    และมีชีวิตที่เราจะไม่เสียดาย เมื่อมองย้อนกลับมา
    And have a life that we will not regret when we look back .
    #ลูกหลานฅนคอม
    #อย่าทำหลวมๆเขาแลอยู่เพ
    เราทุกคนมี “ชีวิตเดียว” all have “one life” จงใช้มันด้วย ความสุข ไม่ใช่ ความทุกข์ Live it with happiness, not sadness จงฟัง “เสียงหัวใจตัวเอง” ไม่ใช่เสียงของคนอื่น WeListen to “your own heart”, not others ใช้ชีวิตด้วยการมีทัศนคติที่ดี Live with a good attitude หัวเราะบ่อยๆ กินอาหารที่อร่อย Laugh often.Eat delicious food. เลือกคบคนที่มีแล้ว เพิ่มความสุข ให้กับตัวเอง Choose to be with people who already have it, increase your happiness และมีชีวิตที่เราจะไม่เสียดาย เมื่อมองย้อนกลับมา And have a life that we will not regret when we look back . #ลูกหลานฅนคอม #อย่าทำหลวมๆเขาแลอยู่เพ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 294 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากการศึกษาของ Pew Research ล่าสุด พบว่า 80% ของชาวอเมริกันไม่ใช้ AI ในที่ทำงาน โดยคนที่ใช้ก็ดูไม่ค่อยตื่นเต้นกับประโยชน์ของมันเท่าไร นอกจากนี้ยังมีการสำรวจอีกว่า คนทำงานส่วนน้อยกว่า 1 ใน 3 แสดงความ "ตื่นเต้น" กับการใช้ AI ในที่ทำงานในอนาคต เพียง 6% ของคนทำงานที่คิดว่า AI ในที่ทำงานจะนำไปสู่โอกาสในการทำงานมากขึ้นในระยะยาว

    การศึกษานี้สำรวจผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ จำนวน 5,273 คน อายุระหว่าง 18 ถึง 65 ปี ที่มีงานทำประจำหรือนอกเวลา โดยผู้เข้าร่วมถูกถามเกี่ยวกับการมองเห็นการใช้ AI ในที่ทำงานรวมถึงประสบการณ์ของตนเองกับ AI ในการทำงาน ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าคนทำงานส่วนใหญ่กังวลมากกว่าหวังเกี่ยวกับอนาคตของการใช้ AI ในที่ทำงาน โดย 52% ของผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความ "กังวล" มากกว่า "หวัง" หรือ "ตื่นเต้น" ตามการศึกษาของ Pew

    พนักงานที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางมีแนวโน้มที่จะมอง AI ในที่ทำงานในแง่ร้ายมากกว่าผู้ที่มีรายได้สูง ผู้ที่มีรายได้สูงมีแนวโน้มที่จะกล่าวว่าการใช้ AI ในที่ทำงานจะไม่ส่งผลกระทบต่อโอกาสในการทำงานของพวกเขา

    ถึงแม้ 51% ของผู้ใช้ AI ที่ทำการสำรวจมีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือสูงกว่า เทียบกับ 39% ของผู้ที่ไม่ใช้ AI แต่เพียง 31% เท่านั้นที่กล่าวว่างานของพวกเขาสามารถทำได้บางส่วนด้วย AI

    คนทำงานที่อายุน้อยกว่ามีแนวโน้มที่จะรู้สึก "กังวล" เกี่ยวกับการนำ AI มาใช้ในที่ทำงานในอนาคต พนักงานที่อายุระหว่าง 18 ถึง 29 ปีมีแนวโน้มที่จะใช้ AI chatbots ในการทำงาน "อย่างน้อยสองสามครั้งต่อเดือน" เพื่อค้นคว้า สรุป และแก้ไขเนื้อหา แต่มีเพียงส่วนน้อยที่บอกว่าเทคโนโลยีนี้ "มีประโยชน์มาก" ในการเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของงาน

    Pew ยังพบว่าพนักงานส่วนใหญ่ไม่ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการใช้ AI ในที่ทำงาน มีเพียง 24% เท่านั้นที่กล่าวว่าพวกเขาได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการใช้ AI การขาดการฝึกอบรมที่มีประสิทธิภาพนี้ทำให้เกิดความไม่พอใจและกังวลในที่ทำงาน

    ข่าวนี้แสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่แตกต่างกันต่อการใช้ AI ในที่ทำงานของผู้คนในกลุ่มต่างๆ และความท้าทายในการนำ AI มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

    https://www.zdnet.com/article/most-us-workers-dont-use-ai-at-work-yet-this-study-suggests-a-reason-why/
    จากการศึกษาของ Pew Research ล่าสุด พบว่า 80% ของชาวอเมริกันไม่ใช้ AI ในที่ทำงาน โดยคนที่ใช้ก็ดูไม่ค่อยตื่นเต้นกับประโยชน์ของมันเท่าไร นอกจากนี้ยังมีการสำรวจอีกว่า คนทำงานส่วนน้อยกว่า 1 ใน 3 แสดงความ "ตื่นเต้น" กับการใช้ AI ในที่ทำงานในอนาคต เพียง 6% ของคนทำงานที่คิดว่า AI ในที่ทำงานจะนำไปสู่โอกาสในการทำงานมากขึ้นในระยะยาว การศึกษานี้สำรวจผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ จำนวน 5,273 คน อายุระหว่าง 18 ถึง 65 ปี ที่มีงานทำประจำหรือนอกเวลา โดยผู้เข้าร่วมถูกถามเกี่ยวกับการมองเห็นการใช้ AI ในที่ทำงานรวมถึงประสบการณ์ของตนเองกับ AI ในการทำงาน ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าคนทำงานส่วนใหญ่กังวลมากกว่าหวังเกี่ยวกับอนาคตของการใช้ AI ในที่ทำงาน โดย 52% ของผู้ตอบแบบสอบถามแสดงความ "กังวล" มากกว่า "หวัง" หรือ "ตื่นเต้น" ตามการศึกษาของ Pew พนักงานที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางมีแนวโน้มที่จะมอง AI ในที่ทำงานในแง่ร้ายมากกว่าผู้ที่มีรายได้สูง ผู้ที่มีรายได้สูงมีแนวโน้มที่จะกล่าวว่าการใช้ AI ในที่ทำงานจะไม่ส่งผลกระทบต่อโอกาสในการทำงานของพวกเขา ถึงแม้ 51% ของผู้ใช้ AI ที่ทำการสำรวจมีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือสูงกว่า เทียบกับ 39% ของผู้ที่ไม่ใช้ AI แต่เพียง 31% เท่านั้นที่กล่าวว่างานของพวกเขาสามารถทำได้บางส่วนด้วย AI คนทำงานที่อายุน้อยกว่ามีแนวโน้มที่จะรู้สึก "กังวล" เกี่ยวกับการนำ AI มาใช้ในที่ทำงานในอนาคต พนักงานที่อายุระหว่าง 18 ถึง 29 ปีมีแนวโน้มที่จะใช้ AI chatbots ในการทำงาน "อย่างน้อยสองสามครั้งต่อเดือน" เพื่อค้นคว้า สรุป และแก้ไขเนื้อหา แต่มีเพียงส่วนน้อยที่บอกว่าเทคโนโลยีนี้ "มีประโยชน์มาก" ในการเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของงาน Pew ยังพบว่าพนักงานส่วนใหญ่ไม่ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการใช้ AI ในที่ทำงาน มีเพียง 24% เท่านั้นที่กล่าวว่าพวกเขาได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการใช้ AI การขาดการฝึกอบรมที่มีประสิทธิภาพนี้ทำให้เกิดความไม่พอใจและกังวลในที่ทำงาน ข่าวนี้แสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่แตกต่างกันต่อการใช้ AI ในที่ทำงานของผู้คนในกลุ่มต่างๆ และความท้าทายในการนำ AI มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน https://www.zdnet.com/article/most-us-workers-dont-use-ai-at-work-yet-this-study-suggests-a-reason-why/
    WWW.ZDNET.COM
    Most US workers don't use AI at work yet. This study suggests a reason why
    According to a new Pew Research study, 80% of Americans don't generally use AI at work, while those who do seem unenthusiastic about its benefits.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่...ของคนไทยหรือไม่

    หลังจากตลาดรถยนต์🚘ชะลอตัวมาตั้งเเต่ ปี 2567 เเละคาดว่าจะซึมยาวไปจนอย่างน้อยถึงกลางปี 2568 ✅กำลังซื้อระดับกลาง-ล่างอ่อนแอหนัก ขณะที่ด้านปัจจัยลบราคาน้ำมัน⛽ที่สูงขึ้นเป็นตัวฉุดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ชะลอการตัดสินใจซื้อรถยนต์ออกไป จริงหรือไม่ บทความนี้จะพาไปค้นหาคำตอบภายใน 5 นาที!!🎯
    สถานการณ์ตอนนี้ ✨ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอยู่ในช่วงซึม ยอดขายรถยนต์หดตัวอย่างหนัก👉เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีแนวโน้มที่ยอดขายรถยนต์ทั้งปี 2568 จะหดตัวรุนแรงสุดในรอบ 15 ปี

    ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) มองว่า ยอดขายรถยนต์ในประเทศไทย อยู่ในช่วงชะลอตัวลงในระยะยาว จาก 5 สถานการณ์หลักตอนนี้ คือ...

    1. ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอิ่มตัว ⚠️

    ตอนนี้ถ้าดูจำนวนรถยนต์ที่วิ่งบนถนนสะสมทั่วประเทศ สูงถึงเกือบ 20 ล้านคัน หรือคิดเป็น 277 คันต่อประชากรไทย 1,000 คน เทียบแล้วของไทยค่อนข้างสูงเมื่อมองไปที่เวียดนาม 50 คัน ฟิลิปปินส์ 38 คัน และอินโดนีเซีย 78 คันต่อประชากร 1,000 คน และนิสัยการใช้รถของคนไทยที่ค่อนข้างนานเฉลี่ยถึง 12 ปี เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยประเทศหลัก ๆ ที่ใช้งานรถยนต์ประมาณ 6-8 ปี โอกาสที่ซื้อรถยนต์ใหม่แทนรถคันเก่าเลยค่อนข้างต่ำ

    2. พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ➡️

    หลังการบุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์ผู้ผลิตจีน ทำให้มาตรฐานการตั้งราคารถใหม่🧾ในท้องตลาด มีแนวโน้มลดลงจากเดิม ผู้บริโภคเลยมีตัวเลือกมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ขณะที่บางส่วนชะลอการซื้อรถยนต์ออกไปจนกว่าจะเจอราคาที่เหมาะสมกับกำลังซื้อ รวมไปถึงทัศนคติต่อการซื้อรถยนต์ของคนยุคใหม่ ที่หันมาใช้การเช่าแทนการซื้อครอบครอง เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต และลดภาระค่าใช้จ่ายที่จะตามมา ทำให้การซื้อรถยนต์ในยุคสมัยนี้อาจน้อยกว่าในอดีต

    3. โครงสร้างประชากรกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ 👴🏻

    เห็นชัดจากยอดขายที่อยู่อาศัย และรถยนต์ในประเทศ ระยะหลังชะลอการเติบโตลง 👵🏼ส่วนหนึ่งมาจากโครงสร้างประชากรไทยที่อยู่ในภาวะ “สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์” และกำลังจะขยับเป็น “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด” ในอีกไม่ถึง 10 ปีข้างหน้า สวนทางกับสัดส่วนประชากรที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่มีกำลังซื้อรถยนต์อย่างกลุ่มอายุ 25-49 ปี กลับมีสัดส่วนลดลงอย่างต่อเนื่อง

    4. เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตช้าลง 📉

    การลงทุนโดยรวมอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน ภาคการผลิตและส่งออกก็กำลังเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างรุนแรงขึ้น รวมไปถึงการบุกตลาดของสินค้าราคาถูกจากจีน ที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กระทบความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตช้าลงในระยะยาว บั่นทอนการเติบโตของรายได้ และกำลังซื้อ💵💰💳ของภาคครัวเรือน

    5. หนี้ครัวเรือนสูงกำลังเพิ่มข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อ 📈

    หนี้ครัวเรือนไทยในปัจจุบันสูงถึง 91.3% ของจีดีพี ซึ่งสูงเกินกว่าระดับที่เหมาะสมที่เอื้อต่อการบริโภคที่ 80% ของจีดีพี และสูงกว่าประเทศที่มีรายได้ต่อหัวใกล้เคียงกัน ทำให้สถาบันการเงิน มีข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อแก่รายย่อยมากขึ้น

    ขณะที่ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า⚡ที่จำหน่ายได้ภายใต้มาตรการของรัฐบาล ที่ลงนามเข้าโครงการ ดึงดูดความสนใจ ที่ลดลงไปแล้วอย่างน้อย 70,000 - 1.5 แสนบาท ก็สามารถที่จะกระตุ้นให้คนสนใจ😘 เเละยอดจองได้ไม่น้อยทีเดียว เพราะอย่างน้อยๆ ราคาที่ดึงดูดนี้ ก็ยังทำให้คนที่ถึงเวลาจะต้องเปลี่ยนรถคันใหม่ หรือหาซื้อรถเพิ่มเข้ามาอีกคัน ก็พิจารณาตัดสินใจได้ไม่ยาก

    ข้อมูลจากคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ กระทรวงพลังงาน ระบุว่า ในกรณีที่เป็นรถยนต์ที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน☝️ ราคา🗺️ไม่เกิน 2 ล้านบาท จะได้รับการลดภาษีนำเข้า 40% ตั้งเเต่ ปี 2565-2566 แล้วยังได้ลดภาษีสรรพสามิต เหลือ 2% ในปี 2565-2568

    ไม่เพียงเท่านี้!! ยังแถมด้วยเงินอุดหนุนจากรัฐบาล 70,000 บาท และ 1.5 แสนบาท ตามขนาดของแบตเตอรี่...
    แต่หากมีราคา 2-7 ล้านบาท ได้ลดภาษีนำเข้า 20% และได้ลดภาษีสรรพสามิตเหลือ🤑 2% (ในช่วงปี 2565-2566 ที่ผ่านมา) แต่จะไม่ได้รับเงินอุดหนุนใดๆ จากรัฐบาล

    ส่วนกรณีรถกระบะที่ผลิตในประเทศ ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท จะไม่มีภาษีสรรพสามิต ในช่วง 3 ปี คือตั้งแต่ปี 2565 - 2568 ได้รับเงินอุหนุน 1.5 แสนบาท โดยขนาดแบตเตอรี่ 30 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง เป็นเวลา 3 ปี จนถึงปี 2568

    ขณะที่รถมอเตอร์ไซค์ ราคาไม่เกิน 1.5 แสนบาท จะได้รับเงินอุดหนุน💵 18,000 บาท เป็นเวลา 3 ปี (ตั้งเเต่ปี 2566-68) มาตรการของรัฐบาลครั้งนี้!! สามารถดึงดูดความสนใจ…แรงซื้อ…จากคนที่ยังมีกำลังซื้อได้ไม่ไม่น้อย

    📌ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่ของคนไทย ทั้งชะลอเวลาการซื้อรถคันใหม่ที่เป็นรถใหม่ออกไป เเละ เปลี่ยนใจจากรถน้ำมันหันไปหารถใหม่ที่เป็น EV⚡ สำหรับคนที่มีรถใช้น้ำมันอยู่เเล้ว หรือ เเม้กระทั่ง Plug-in Hybrid 🔌ที่เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่จะมีรถคันเเรก เเละยอมใจกับราคาน้ำมัน🛢️เเละกลุ่มที่กำลังมาเเรง คือกลุ่มที่หันไปซบรถใช้น้ำมันมือสอง ที่มาจากเตนท์ หรือจากลานประมูลรถมือสอง ที่เริ่มมีลูกค้าประเภทประมูลซื้อใช้เอง จำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

    ปัญหาน้ำมัน⛽แพง เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนสนใจจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV บวกกับการที่รัฐบาลให้เงินอุดหนุน💰70,000 บาท - 150,000 บาทต่อคัน ยิ่งเป็นแรงจูงใจให้คนสนใจรถอีวีมากขึ้นนั่นเอง
    เมื่อเรายังต้องอยู่ในยุคที่สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น💹อย่างต่อเนื่อง เพราะความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว☣จากโควิด-19 🤧ในขณะที่กลุ่มโอเปกยังคงยืนยันที่จะส่งออกน้ำมันดิบ⛽เพียง 400,000 บาร์เรล🛢️ต่อวัน ทำให้ราคาน้ำมันในไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น

    เเละเมื่อเรายังจำเป้นต้องใช้รถเติมน้ำมัน บทความนี้มีเทคนิคการประหยัดน้ำมันแบบง่าย ๆ เพื่อฝ่าวิกฤตน้ำมันราคาแพงครั้งนี้ไปด้วยกัน มาเเชร์ให้ค่ะ

    1. ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว เปลี่ยนไปใช้ระบบขนส่งสาธารณะในการเดินทาง โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน นอกจากจะช่วยประหยัดค่าน้ำมันแล้ว ยังลดความเครียด 🤝😊จากปัญหาจราจรอีกด้วย
    2. หากจำเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนตัว การขับรถที่ความเร็วที่ 60 – 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง คืออัตราความเร็วที่เหมาะสมที่สุด🙌ในการประหยัดน้ำมันรถได้มากที่สุด ที่สำคัญช่วยทำให้ปลอดภัยลดอุบัติเหตุได้ด้วย
    3. ตรวจเช็คสภาพรถและลมยางเป็นประจำเพื่อให้พร้อมใช้งาน🥰การตรวจสอบลมยางทั้ง 4 เส้นเป็นประจำ ให้มีปริมาตรลมตามมาตรฐานที่กำหนด เพราะยางที่อ่อนเกินไปจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมาก
    4. เลือกใช้การเดินเท้า🚶‍♀️‍➡️ในระยะที่น้อยกว่า 1 กิโลเมตร เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดน้ำมันแล้ว ยังได้ออกกำลังกาย 🏃🏻‍♂️‍➡️ ทำให้สุขภาพของเราแข็งแรงขึ้น💪🏼
    5. เลือกซื้อ🛒🛍️สินค้าในชุมชนที่อยู่อาศัย เมื่อต้องการออกไปจับจ่ายใช้สอยซื้อหาอาหาร หรือสินค้าจำเป็นต่างๆ เพื่อลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากการเดินทาง

    จบไปเเล้วสำหรับ "ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่...ของคนไทยหรือไม่" เเละหากว่าพี่ๆ ท่านใด สนใจอยากจะมีรถไว้ใช้งานที่ประหยัดงบประมาณ สามารถเหลือเงินไว้เก็บงานต่างๆ ของรถมือสอง หรืออาจจะไม่ต้องเก็บอะไรใดใดเลยก็เป็นได้ โดยทั้งนี้📌คุณภาพขึ้นอยู่กับอายุการใช้งาน สภาพตัวถัง และระบบเกียร์ รถที่เข้าลานประมูลจะเป็นไปตามสภาพจริง ถ้าสนใจขอเชิญ @ลานประมูลของ สยามอินเตอร์การประมูล หรือ SIA กันได้นะคะ ยินดีให้คำเเนะนำเเละบริก่ารค่ะ

    อ่านต่อเลย: จะเข้าใจว่าทำไมต้องรถมือ2 !?! https://citly.me/esgxY

    ✅ดูรายการรถทุกประเภทที่เว็บไซต์ home.sia.co.th ในเมนูการประมูล เเละกดเข้าไปที่รายการรถยนต์ เเละติดตามอัปเดตได้ทุกสัปดาห์
    ✅ลงทะเบียนได้ที่: home.sia.co.th
    ✅ติดต่อสอบถาม: ☎️02-119-7111 หรือ LINE:@sia.co.th
    🎉นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสนุกๆ พร้อมคูปองอาหาร 🌮 และเครื่องดื่ม 🥤แจกฟรี!
    📌อย่าลืมติดตามรายการใหม่ทุกสัปดาห์ แล้วพบกันที่ SIA! 🚛✨

    ขอขอบคุณแหล่งที่มาของภาพเเละข้อมูล (บางส่วน)

    https://www.ttbbank.com/th/newsroom/detail/ttba-5megatrend-july-2024
    https://www.ttbbank.com/th/analytics
    https://www.thairath.co.th/news/auto/evcar/2755876
    www.dailynews.co.th/articles/899255
    https://th.jobsdb.com/th/careeradvice/article/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99
    ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่...ของคนไทยหรือไม่ หลังจากตลาดรถยนต์🚘ชะลอตัวมาตั้งเเต่ ปี 2567 เเละคาดว่าจะซึมยาวไปจนอย่างน้อยถึงกลางปี 2568 ✅กำลังซื้อระดับกลาง-ล่างอ่อนแอหนัก ขณะที่ด้านปัจจัยลบราคาน้ำมัน⛽ที่สูงขึ้นเป็นตัวฉุดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ชะลอการตัดสินใจซื้อรถยนต์ออกไป จริงหรือไม่ บทความนี้จะพาไปค้นหาคำตอบภายใน 5 นาที!!🎯 สถานการณ์ตอนนี้ ✨ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอยู่ในช่วงซึม ยอดขายรถยนต์หดตัวอย่างหนัก👉เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีแนวโน้มที่ยอดขายรถยนต์ทั้งปี 2568 จะหดตัวรุนแรงสุดในรอบ 15 ปี ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี (ttb analytics) มองว่า ยอดขายรถยนต์ในประเทศไทย อยู่ในช่วงชะลอตัวลงในระยะยาว จาก 5 สถานการณ์หลักตอนนี้ คือ... 1. ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอิ่มตัว ⚠️ ตอนนี้ถ้าดูจำนวนรถยนต์ที่วิ่งบนถนนสะสมทั่วประเทศ สูงถึงเกือบ 20 ล้านคัน หรือคิดเป็น 277 คันต่อประชากรไทย 1,000 คน เทียบแล้วของไทยค่อนข้างสูงเมื่อมองไปที่เวียดนาม 50 คัน ฟิลิปปินส์ 38 คัน และอินโดนีเซีย 78 คันต่อประชากร 1,000 คน และนิสัยการใช้รถของคนไทยที่ค่อนข้างนานเฉลี่ยถึง 12 ปี เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยประเทศหลัก ๆ ที่ใช้งานรถยนต์ประมาณ 6-8 ปี โอกาสที่ซื้อรถยนต์ใหม่แทนรถคันเก่าเลยค่อนข้างต่ำ 2. พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ➡️ หลังการบุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์ผู้ผลิตจีน ทำให้มาตรฐานการตั้งราคารถใหม่🧾ในท้องตลาด มีแนวโน้มลดลงจากเดิม ผู้บริโภคเลยมีตัวเลือกมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ขณะที่บางส่วนชะลอการซื้อรถยนต์ออกไปจนกว่าจะเจอราคาที่เหมาะสมกับกำลังซื้อ รวมไปถึงทัศนคติต่อการซื้อรถยนต์ของคนยุคใหม่ ที่หันมาใช้การเช่าแทนการซื้อครอบครอง เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิต และลดภาระค่าใช้จ่ายที่จะตามมา ทำให้การซื้อรถยนต์ในยุคสมัยนี้อาจน้อยกว่าในอดีต 3. โครงสร้างประชากรกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ 👴🏻 เห็นชัดจากยอดขายที่อยู่อาศัย และรถยนต์ในประเทศ ระยะหลังชะลอการเติบโตลง 👵🏼ส่วนหนึ่งมาจากโครงสร้างประชากรไทยที่อยู่ในภาวะ “สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์” และกำลังจะขยับเป็น “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด” ในอีกไม่ถึง 10 ปีข้างหน้า สวนทางกับสัดส่วนประชากรที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่มีกำลังซื้อรถยนต์อย่างกลุ่มอายุ 25-49 ปี กลับมีสัดส่วนลดลงอย่างต่อเนื่อง 4. เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตช้าลง 📉 การลงทุนโดยรวมอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน ภาคการผลิตและส่งออกก็กำลังเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างรุนแรงขึ้น รวมไปถึงการบุกตลาดของสินค้าราคาถูกจากจีน ที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กระทบความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตช้าลงในระยะยาว บั่นทอนการเติบโตของรายได้ และกำลังซื้อ💵💰💳ของภาคครัวเรือน 5. หนี้ครัวเรือนสูงกำลังเพิ่มข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อ 📈 หนี้ครัวเรือนไทยในปัจจุบันสูงถึง 91.3% ของจีดีพี ซึ่งสูงเกินกว่าระดับที่เหมาะสมที่เอื้อต่อการบริโภคที่ 80% ของจีดีพี และสูงกว่าประเทศที่มีรายได้ต่อหัวใกล้เคียงกัน ทำให้สถาบันการเงิน มีข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อแก่รายย่อยมากขึ้น ขณะที่ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า⚡ที่จำหน่ายได้ภายใต้มาตรการของรัฐบาล ที่ลงนามเข้าโครงการ ดึงดูดความสนใจ ที่ลดลงไปแล้วอย่างน้อย 70,000 - 1.5 แสนบาท ก็สามารถที่จะกระตุ้นให้คนสนใจ😘 เเละยอดจองได้ไม่น้อยทีเดียว เพราะอย่างน้อยๆ ราคาที่ดึงดูดนี้ ก็ยังทำให้คนที่ถึงเวลาจะต้องเปลี่ยนรถคันใหม่ หรือหาซื้อรถเพิ่มเข้ามาอีกคัน ก็พิจารณาตัดสินใจได้ไม่ยาก ข้อมูลจากคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ กระทรวงพลังงาน ระบุว่า ในกรณีที่เป็นรถยนต์ที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน☝️ ราคา🗺️ไม่เกิน 2 ล้านบาท จะได้รับการลดภาษีนำเข้า 40% ตั้งเเต่ ปี 2565-2566 แล้วยังได้ลดภาษีสรรพสามิต เหลือ 2% ในปี 2565-2568 ไม่เพียงเท่านี้!! ยังแถมด้วยเงินอุดหนุนจากรัฐบาล 70,000 บาท และ 1.5 แสนบาท ตามขนาดของแบตเตอรี่... แต่หากมีราคา 2-7 ล้านบาท ได้ลดภาษีนำเข้า 20% และได้ลดภาษีสรรพสามิตเหลือ🤑 2% (ในช่วงปี 2565-2566 ที่ผ่านมา) แต่จะไม่ได้รับเงินอุดหนุนใดๆ จากรัฐบาล ส่วนกรณีรถกระบะที่ผลิตในประเทศ ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท จะไม่มีภาษีสรรพสามิต ในช่วง 3 ปี คือตั้งแต่ปี 2565 - 2568 ได้รับเงินอุหนุน 1.5 แสนบาท โดยขนาดแบตเตอรี่ 30 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง เป็นเวลา 3 ปี จนถึงปี 2568 ขณะที่รถมอเตอร์ไซค์ ราคาไม่เกิน 1.5 แสนบาท จะได้รับเงินอุดหนุน💵 18,000 บาท เป็นเวลา 3 ปี (ตั้งเเต่ปี 2566-68) มาตรการของรัฐบาลครั้งนี้!! สามารถดึงดูดความสนใจ…แรงซื้อ…จากคนที่ยังมีกำลังซื้อได้ไม่ไม่น้อย 📌ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่ของคนไทย ทั้งชะลอเวลาการซื้อรถคันใหม่ที่เป็นรถใหม่ออกไป เเละ เปลี่ยนใจจากรถน้ำมันหันไปหารถใหม่ที่เป็น EV⚡ สำหรับคนที่มีรถใช้น้ำมันอยู่เเล้ว หรือ เเม้กระทั่ง Plug-in Hybrid 🔌ที่เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่จะมีรถคันเเรก เเละยอมใจกับราคาน้ำมัน🛢️เเละกลุ่มที่กำลังมาเเรง คือกลุ่มที่หันไปซบรถใช้น้ำมันมือสอง ที่มาจากเตนท์ หรือจากลานประมูลรถมือสอง ที่เริ่มมีลูกค้าประเภทประมูลซื้อใช้เอง จำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาน้ำมัน⛽แพง เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนสนใจจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV บวกกับการที่รัฐบาลให้เงินอุดหนุน💰70,000 บาท - 150,000 บาทต่อคัน ยิ่งเป็นแรงจูงใจให้คนสนใจรถอีวีมากขึ้นนั่นเอง เมื่อเรายังต้องอยู่ในยุคที่สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น💹อย่างต่อเนื่อง เพราะความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นจากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว☣จากโควิด-19 🤧ในขณะที่กลุ่มโอเปกยังคงยืนยันที่จะส่งออกน้ำมันดิบ⛽เพียง 400,000 บาร์เรล🛢️ต่อวัน ทำให้ราคาน้ำมันในไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น เเละเมื่อเรายังจำเป้นต้องใช้รถเติมน้ำมัน บทความนี้มีเทคนิคการประหยัดน้ำมันแบบง่าย ๆ เพื่อฝ่าวิกฤตน้ำมันราคาแพงครั้งนี้ไปด้วยกัน มาเเชร์ให้ค่ะ 1. ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว เปลี่ยนไปใช้ระบบขนส่งสาธารณะในการเดินทาง โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน นอกจากจะช่วยประหยัดค่าน้ำมันแล้ว ยังลดความเครียด 🤝😊จากปัญหาจราจรอีกด้วย 2. หากจำเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนตัว การขับรถที่ความเร็วที่ 60 – 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง คืออัตราความเร็วที่เหมาะสมที่สุด🙌ในการประหยัดน้ำมันรถได้มากที่สุด ที่สำคัญช่วยทำให้ปลอดภัยลดอุบัติเหตุได้ด้วย 3. ตรวจเช็คสภาพรถและลมยางเป็นประจำเพื่อให้พร้อมใช้งาน🥰การตรวจสอบลมยางทั้ง 4 เส้นเป็นประจำ ให้มีปริมาตรลมตามมาตรฐานที่กำหนด เพราะยางที่อ่อนเกินไปจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมาก 4. เลือกใช้การเดินเท้า🚶‍♀️‍➡️ในระยะที่น้อยกว่า 1 กิโลเมตร เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดน้ำมันแล้ว ยังได้ออกกำลังกาย 🏃🏻‍♂️‍➡️ ทำให้สุขภาพของเราแข็งแรงขึ้น💪🏼 5. เลือกซื้อ🛒🛍️สินค้าในชุมชนที่อยู่อาศัย เมื่อต้องการออกไปจับจ่ายใช้สอยซื้อหาอาหาร หรือสินค้าจำเป็นต่างๆ เพื่อลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากการเดินทาง จบไปเเล้วสำหรับ "ราคาน้ำมันมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถคันใหม่...ของคนไทยหรือไม่" เเละหากว่าพี่ๆ ท่านใด สนใจอยากจะมีรถไว้ใช้งานที่ประหยัดงบประมาณ สามารถเหลือเงินไว้เก็บงานต่างๆ ของรถมือสอง หรืออาจจะไม่ต้องเก็บอะไรใดใดเลยก็เป็นได้ โดยทั้งนี้📌คุณภาพขึ้นอยู่กับอายุการใช้งาน สภาพตัวถัง และระบบเกียร์ รถที่เข้าลานประมูลจะเป็นไปตามสภาพจริง ถ้าสนใจขอเชิญ @ลานประมูลของ สยามอินเตอร์การประมูล หรือ SIA กันได้นะคะ ยินดีให้คำเเนะนำเเละบริก่ารค่ะ อ่านต่อเลย: จะเข้าใจว่าทำไมต้องรถมือ2 !?! https://citly.me/esgxY ✅ดูรายการรถทุกประเภทที่เว็บไซต์ home.sia.co.th ในเมนูการประมูล เเละกดเข้าไปที่รายการรถยนต์ เเละติดตามอัปเดตได้ทุกสัปดาห์ ✅ลงทะเบียนได้ที่: home.sia.co.th ✅ติดต่อสอบถาม: ☎️02-119-7111 หรือ LINE:@sia.co.th 🎉นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมสนุกๆ พร้อมคูปองอาหาร 🌮 และเครื่องดื่ม 🥤แจกฟรี! 📌อย่าลืมติดตามรายการใหม่ทุกสัปดาห์ แล้วพบกันที่ SIA! 🚛✨ ขอขอบคุณแหล่งที่มาของภาพเเละข้อมูล (บางส่วน) https://www.ttbbank.com/th/newsroom/detail/ttba-5megatrend-july-2024 https://www.ttbbank.com/th/analytics https://www.thairath.co.th/news/auto/evcar/2755876 www.dailynews.co.th/articles/899255 https://th.jobsdb.com/th/careeradvice/article/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 514 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมัครสอบ อปท. 2568 ทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับ การสอบแข่งขันเป็นข้าราชการท้องถิ่น

    📢 ข่าวดีสำหรับผู้ที่ต้องการเข้ารับราชการ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)! กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (กสถ.) ได้ออกประกาศรับสมัครสอบแข่งขัน เพื่อบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการ หรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยเปิดรับสมัคร ระหว่างวันที่ 7 - 28 มีนาคม 2568 ผ่านระบบออนไลน์ 🖥️

    การสอบครั้งนี้ เป็นโอกาสสำคัญ สำหรับผู้ที่สนใจทำงาน ในหน่วยงานท้องถิ่นทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ดังนั้นผู้สมัคร ควรศึกษาข้อมูลรายละเอียด ให้ครบถ้วนก่อนทำการสมัคร ✍️

    🔎 คุณสมบัติของผู้สมัครสอบ อปท. 2568
    การสมัครสอบแข่งขันครั้งนี้ มีกฎเกณฑ์และคุณสมบัติ ที่ต้องพิจารณาอย่างเคร่งครัด มาดูกันว่า มีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่

    ✅ คุณสมบัติทั่วไปของผู้สมัคร
    - มีสัญชาติไทย 🇹🇭
    - อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี ณ วันที่สมัครสอบ
    - ไม่เป็นบุคคลไร้ความสามารถ หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 🏥
    - ไม่เป็นผู้ต้องหาคดีอาญา หรือถูกตัดสิทธิ์สอบราชการมาก่อน
    - ต้องจบการศึกษาภายในวันปิดรับสมัคร 28 มีนาคม 2568 🎓

    🚨 ข้อกำหนดพิเศษ
    - ผู้สมัครจะต้องสอบผ่านวิชาภาษาอังกฤษ ไม่น้อยกว่า 10 ข้อจาก 20 ข้อ ✨
    - บัญชีรายชื่อผู้สอบผ่านมีอายุ 2 ปี และสามารถขยายได้ไม่เกิน 30 วัน

    📌 ตำแหน่งที่เปิดรับสมัคร
    การสอบ อปท. 2568 แบ่งออกเป็น 10 กลุ่มภาค/เขต ทั่วประเทศ ซึ่งแต่ละกลุ่มภาค จะมีตำแหน่งที่เปิดรับแตกต่างกันไป

    🔸 กลุ่มภาคที่เปิดรับสมัคร
    ภาคเหนือ เขต 1 เชียงราย, เชียงใหม่, น่าน, พะเยา, แพร่, แม่ฮ่องสอน, ลำปาง, และลำพูน
    ภาคเหนือ เขต 2 กำแพงเพชร, ตาก, นครสวรรค์, พิจิตร, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, สุโขทัย, อุตรดิตถ์ และอุทัยธานี
    ภาคกลาง เขต 1 ชัยนาท, นนทบุรี, ปทุมธานี, พระนครศรีอยุธยา, ลพบุรี, สระบุรี, สิงห์บุรี และอ่างทอง
    ภาคกลาง เขต 2 จันทบุรี, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ตราด, นครนายก, ปราจีนบุรี, ระยอง, สมุทรปราการ และสระแก้ว
    ภาคกลาง เขต 3 กาญจนบุรี, นครปฐม, ประจวบคีรีขันธ์ , เพชรบุรี, ราชบุรี, สมุทรสงคราม, สมุทรสาคร และสุพรรณบุรี
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 1 กาฬสินธุ์, ขอนแก่น, ชัยภูมิ, นครราชสีมา, บุรีรัมย์ และมหาสารคาม
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 2 มุกดาหาร, ยโสธร, ร้อยเอ็ด, ศรีสะเกษ, สุรินทร์, อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 3 นครพนม, บึงกาฬ, เลย, สกลนคร, หนองคาย, หนองบัวลำภู และอุดรธานี
    ภาคใต้ เขต 1 กระบี่, ชุมพร, นครศรีธรรมราช, พังงา , ภูเก็ต, ระนอง และสุราษฎร์ธานี
    ภาคใต้ เขต 2 ตรัง, นราธิวาส, ปัตตานี, พัทลุง, ยะลา, สงขลา และสตูล

    📋 ตำแหน่งที่เปิดรับสมัคร
    🔹 ตำแหน่งครูผู้ช่วย ปริญาญาตรี 4 ปี เงินเดือนเริ่มต้น 16,560 บาท ปริญญาตรี 5 ปี เงินเดือนเริ่มต้น 17,380 บาท

    🔹 ประเภททั่วไป ระดับปฏิบัติงาน ปวช. เงินเดือนเริ่มต้น 10,340 บาท ปวท. เงินเดือนเริ่มต้น 11,960 บาท ปวส. เงินเดือนเริ่มต้น 12,730 บาท เช่น เจ้าพนักงานธุรการ เจ้าพนักงานทะเบียน เจ้าพนักงานการคลัง เจ้าพนักงานพัสดุ เจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้ เจ้าพนักงานประชาสัมพันธ์ เจ้าพนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยว เจ้าพนักงานการเกษตร เจ้าพนักงานสวนสาธารณะ เจ้าพนักงานสาธารณสุข เจ้าพนักงานสุขาภิบาล สัตวแพทย์ เจ้าพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ นายช่างโยธา นายช่างเขียนแบบ นายช่างสำรวจ นายช่างผังเมือง นายช่างเครื่องกล นายช่างไฟฟ้า เจ้าพนักงานพัฒนาชุมชน เจ้าพนักงานเทศกิจ เจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี ฯลฯ

    🔹 ประเภทวิชาการ ระดับปฏิบัติการ ปริญญาตรี เงินเดือนเริ่มต้น 16,600 บาท เช่น นักจัดการงานทั่วไป นักทรัพยากรบุคคล นักวิเคราะห์นโยบายและแผน นักจัดการงานทะเบียนและบัตร นิคิกร นักวิชาการคอมพิวเตอร์ นักวิชาการศึกษา นักวิชาการเงินและบัญชี นักวิชาการคลัง นักวิชาการจัดเก็บรายได้ นักวิชาการพัสดุ นักวิชาการตรวจสอบภายใน นักประชาสัมพันธ์ นักพัฒนาการท่องเที่ยว นักวิชาการเกษตร นักวิชาการสวนสาธารณะ นักวิชาการสาธารณสุข นักวิชาการสิ่งแวดล้อม นายสัตวแพทย์ นักฉุกเฉินการแพทย์ สถาปนิก วิศวกรโยธา วิศวกรเครื่องกล วิศวกรไฟฟ้า วิทศวกรสุขาภิบาล นักจัดการงานช่าง นักสังคมสงเคราะห์ นักวิชาการศึกษา นักพัฒนาชุมชน บรรณารักษ์ นักสันทนาการ นักพัฒนาการกีฬา นักจัดการงานเทศกิจ นักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ฯลฯ

    📖 รายละเอียดการสอบ อปท. 2568
    การสอบแข่งขัน จะแบ่งออกเป็น 3 ภาคหลัก ได้แก่
    📝 ภาค ก ความรู้ทั่วไป 100 คะแนน
    - ความสามารถด้านการวิเคราะห์ และสรุปเหตุผล 30 คะแนน
    - ความรู้พื้นฐาน เกี่ยวกับการปฏิบัติราชการ และกฎหมายท้องถิ่น 30 คะแนน
    - ความสามารถด้านภาษาไทย 20 คะแนน
    - ความสามารถด้านภาษาอังกฤษ 20 คะแนน ต้องผ่านอย่างน้อย 10 ข้อจาก 20 ข้อ!

    📚 ภาค ข ความรู้เฉพาะตำแหน่ง 100 คะแนน
    -เป็นข้อสอบเกี่ยวกับความรู้ ที่ใช้เฉพาะในตำแหน่งที่สมัคร

    🗣️ ภาค ค สัมภาษณ์ 100 คะแนน
    เป็นการประเมินความเหมาะสมกับตำแหน่ง เช่น ทัศนคติ บุคลิกภาพ และความสามารถในการสื่อสาร

    📝 วิธีสมัครสอบ อปท. 2568
    🔹 สมัครผ่านทางออนไลน์ 📱 ที่เว็บไซต์:
    ➡️ https://dla-local2568.thaijobjob.com
    📅 เปิดรับสมัครตั้งแต่ 7 - 28 มีนาคม 2568 ตลอด 24 ชั่วโมง

    🗂️ เอกสารที่ต้องใช้สมัคร
    ✅ รูปถ่ายหน้าตรงขนาด 1 นิ้ว 📸
    ✅ สำเนาบัตรประชาชน 🆔
    ✅ สำเนาทะเบียนบ้าน 🏠
    ✅ สำเนาวุฒิการศึกษา Transcript 🎓
    ✅ สำเนาใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ สำหรับบางตำแหน่ง
    ✅ เอกสารทางทหาร สด.8 หรือ สด.9 🪖

    📌 อัปโหลดไฟล์ PDF เท่านั้น! ไฟล์ต้องมีขนาดไม่เกิน 1 MB

    💰 ค่าธรรมเนียมการสมัครสอบ
    - ค่าธรรมเนียมสอบ 400 บาท
    - ค่าธรรมเนียมธนาคาร และค่าบริการ 30 บาท
    📌 รวมทั้งสิ้น 430 บาท ไม่สามารถขอคืนเงินได้

    📍 ช่องทางชำระเงิน:
    - เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทย 🏦
    - แอปพลิเคชัน Krungthai NEXT หรือ เป๋าตัง 📲
    - ตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทย
    🛑 ชำระเงินภายในวันที่ 7 - 29 มีนาคม 2568 เท่านั้น!

    📢 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบ
    📆 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบภาค ก และ ข พร้อมวัน-เวลา-สถานที่สอบ ได้ที่
    📌 เว็บไซต์ https://dla-local2568.thaijobjob.com

    🔑 เคล็ดลับเตรียมสอบ อปท. ให้สอบผ่าน!
    🔥 ศึกษาหลักสูตรการสอบ ให้ครบถ้วน
    📖 อ่านแนวข้อสอบ และทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

    🔥 ฝึกทำข้อสอบเก่า
    🔍 ฝึกทำข้อสอบปีที่ผ่านมา เพื่อจับแนวทางที่ออกบ่อย

    🔥 ฝึกภาษาอังกฤษให้คล่อง
    ✅ ท่องศัพท์
    ✅ ฝึกทำข้อสอบแกรมม่า
    ✅ อ่านบทความภาษาอังกฤษ

    🔥 จัดตารางอ่านหนังสือ
    🗓️ แบ่งเวลาอ่านหนังสือทุกวัน วันละ 2-3 ชั่วโมง

    🔥 พักผ่อนให้เพียงพอ
    😴 นอนให้ครบ 6-8 ชั่วโมงก่อนสอบ

    🔚 📍 การสอบ อปท. 2568 เป็นโอกาสดี สำหรับผู้ที่ต้องการเข้ารับราชการ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อย่าพลาด! สมัครสอบได้ระหว่าง 7 - 28 มีนาคม 2568 ทางออนไลน์เท่านั้น 🚀

    📌 ติดตามข่าวสาร และอัปเดตข้อมูลการสอบได้ที่
    🔗 https://dla-local2568.thaijobjob.com

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 202022 ก.พ. 2568

    📢 #สอบอปท2568 #สมัครสอบราชการ #งานราชการ #สอบท้องถิ่น #เตรียมสอบอปท #DLA #สมัครสอบออนไลน์ #งานข้าราชการ #สอบราชการ2025 #สอบภาษาอังกฤษอปท
    สมัครสอบ อปท. 2568 ทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับ การสอบแข่งขันเป็นข้าราชการท้องถิ่น 📢 ข่าวดีสำหรับผู้ที่ต้องการเข้ารับราชการ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)! กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (กสถ.) ได้ออกประกาศรับสมัครสอบแข่งขัน เพื่อบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการ หรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยเปิดรับสมัคร ระหว่างวันที่ 7 - 28 มีนาคม 2568 ผ่านระบบออนไลน์ 🖥️ การสอบครั้งนี้ เป็นโอกาสสำคัญ สำหรับผู้ที่สนใจทำงาน ในหน่วยงานท้องถิ่นทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ดังนั้นผู้สมัคร ควรศึกษาข้อมูลรายละเอียด ให้ครบถ้วนก่อนทำการสมัคร ✍️ 🔎 คุณสมบัติของผู้สมัครสอบ อปท. 2568 การสมัครสอบแข่งขันครั้งนี้ มีกฎเกณฑ์และคุณสมบัติ ที่ต้องพิจารณาอย่างเคร่งครัด มาดูกันว่า มีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ ✅ คุณสมบัติทั่วไปของผู้สมัคร - มีสัญชาติไทย 🇹🇭 - อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี ณ วันที่สมัครสอบ - ไม่เป็นบุคคลไร้ความสามารถ หรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 🏥 - ไม่เป็นผู้ต้องหาคดีอาญา หรือถูกตัดสิทธิ์สอบราชการมาก่อน - ต้องจบการศึกษาภายในวันปิดรับสมัคร 28 มีนาคม 2568 🎓 🚨 ข้อกำหนดพิเศษ - ผู้สมัครจะต้องสอบผ่านวิชาภาษาอังกฤษ ไม่น้อยกว่า 10 ข้อจาก 20 ข้อ ✨ - บัญชีรายชื่อผู้สอบผ่านมีอายุ 2 ปี และสามารถขยายได้ไม่เกิน 30 วัน 📌 ตำแหน่งที่เปิดรับสมัคร การสอบ อปท. 2568 แบ่งออกเป็น 10 กลุ่มภาค/เขต ทั่วประเทศ ซึ่งแต่ละกลุ่มภาค จะมีตำแหน่งที่เปิดรับแตกต่างกันไป 🔸 กลุ่มภาคที่เปิดรับสมัคร ภาคเหนือ เขต 1 เชียงราย, เชียงใหม่, น่าน, พะเยา, แพร่, แม่ฮ่องสอน, ลำปาง, และลำพูน ภาคเหนือ เขต 2 กำแพงเพชร, ตาก, นครสวรรค์, พิจิตร, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, สุโขทัย, อุตรดิตถ์ และอุทัยธานี ภาคกลาง เขต 1 ชัยนาท, นนทบุรี, ปทุมธานี, พระนครศรีอยุธยา, ลพบุรี, สระบุรี, สิงห์บุรี และอ่างทอง ภาคกลาง เขต 2 จันทบุรี, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ตราด, นครนายก, ปราจีนบุรี, ระยอง, สมุทรปราการ และสระแก้ว ภาคกลาง เขต 3 กาญจนบุรี, นครปฐม, ประจวบคีรีขันธ์ , เพชรบุรี, ราชบุรี, สมุทรสงคราม, สมุทรสาคร และสุพรรณบุรี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 1 กาฬสินธุ์, ขอนแก่น, ชัยภูมิ, นครราชสีมา, บุรีรัมย์ และมหาสารคาม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 2 มุกดาหาร, ยโสธร, ร้อยเอ็ด, ศรีสะเกษ, สุรินทร์, อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 3 นครพนม, บึงกาฬ, เลย, สกลนคร, หนองคาย, หนองบัวลำภู และอุดรธานี ภาคใต้ เขต 1 กระบี่, ชุมพร, นครศรีธรรมราช, พังงา , ภูเก็ต, ระนอง และสุราษฎร์ธานี ภาคใต้ เขต 2 ตรัง, นราธิวาส, ปัตตานี, พัทลุง, ยะลา, สงขลา และสตูล 📋 ตำแหน่งที่เปิดรับสมัคร 🔹 ตำแหน่งครูผู้ช่วย ปริญาญาตรี 4 ปี เงินเดือนเริ่มต้น 16,560 บาท ปริญญาตรี 5 ปี เงินเดือนเริ่มต้น 17,380 บาท 🔹 ประเภททั่วไป ระดับปฏิบัติงาน ปวช. เงินเดือนเริ่มต้น 10,340 บาท ปวท. เงินเดือนเริ่มต้น 11,960 บาท ปวส. เงินเดือนเริ่มต้น 12,730 บาท เช่น เจ้าพนักงานธุรการ เจ้าพนักงานทะเบียน เจ้าพนักงานการคลัง เจ้าพนักงานพัสดุ เจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้ เจ้าพนักงานประชาสัมพันธ์ เจ้าพนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยว เจ้าพนักงานการเกษตร เจ้าพนักงานสวนสาธารณะ เจ้าพนักงานสาธารณสุข เจ้าพนักงานสุขาภิบาล สัตวแพทย์ เจ้าพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ นายช่างโยธา นายช่างเขียนแบบ นายช่างสำรวจ นายช่างผังเมือง นายช่างเครื่องกล นายช่างไฟฟ้า เจ้าพนักงานพัฒนาชุมชน เจ้าพนักงานเทศกิจ เจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี ฯลฯ 🔹 ประเภทวิชาการ ระดับปฏิบัติการ ปริญญาตรี เงินเดือนเริ่มต้น 16,600 บาท เช่น นักจัดการงานทั่วไป นักทรัพยากรบุคคล นักวิเคราะห์นโยบายและแผน นักจัดการงานทะเบียนและบัตร นิคิกร นักวิชาการคอมพิวเตอร์ นักวิชาการศึกษา นักวิชาการเงินและบัญชี นักวิชาการคลัง นักวิชาการจัดเก็บรายได้ นักวิชาการพัสดุ นักวิชาการตรวจสอบภายใน นักประชาสัมพันธ์ นักพัฒนาการท่องเที่ยว นักวิชาการเกษตร นักวิชาการสวนสาธารณะ นักวิชาการสาธารณสุข นักวิชาการสิ่งแวดล้อม นายสัตวแพทย์ นักฉุกเฉินการแพทย์ สถาปนิก วิศวกรโยธา วิศวกรเครื่องกล วิศวกรไฟฟ้า วิทศวกรสุขาภิบาล นักจัดการงานช่าง นักสังคมสงเคราะห์ นักวิชาการศึกษา นักพัฒนาชุมชน บรรณารักษ์ นักสันทนาการ นักพัฒนาการกีฬา นักจัดการงานเทศกิจ นักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ฯลฯ 📖 รายละเอียดการสอบ อปท. 2568 การสอบแข่งขัน จะแบ่งออกเป็น 3 ภาคหลัก ได้แก่ 📝 ภาค ก ความรู้ทั่วไป 100 คะแนน - ความสามารถด้านการวิเคราะห์ และสรุปเหตุผล 30 คะแนน - ความรู้พื้นฐาน เกี่ยวกับการปฏิบัติราชการ และกฎหมายท้องถิ่น 30 คะแนน - ความสามารถด้านภาษาไทย 20 คะแนน - ความสามารถด้านภาษาอังกฤษ 20 คะแนน ต้องผ่านอย่างน้อย 10 ข้อจาก 20 ข้อ! 📚 ภาค ข ความรู้เฉพาะตำแหน่ง 100 คะแนน -เป็นข้อสอบเกี่ยวกับความรู้ ที่ใช้เฉพาะในตำแหน่งที่สมัคร 🗣️ ภาค ค สัมภาษณ์ 100 คะแนน เป็นการประเมินความเหมาะสมกับตำแหน่ง เช่น ทัศนคติ บุคลิกภาพ และความสามารถในการสื่อสาร 📝 วิธีสมัครสอบ อปท. 2568 🔹 สมัครผ่านทางออนไลน์ 📱 ที่เว็บไซต์: ➡️ https://dla-local2568.thaijobjob.com 📅 เปิดรับสมัครตั้งแต่ 7 - 28 มีนาคม 2568 ตลอด 24 ชั่วโมง 🗂️ เอกสารที่ต้องใช้สมัคร ✅ รูปถ่ายหน้าตรงขนาด 1 นิ้ว 📸 ✅ สำเนาบัตรประชาชน 🆔 ✅ สำเนาทะเบียนบ้าน 🏠 ✅ สำเนาวุฒิการศึกษา Transcript 🎓 ✅ สำเนาใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ สำหรับบางตำแหน่ง ✅ เอกสารทางทหาร สด.8 หรือ สด.9 🪖 📌 อัปโหลดไฟล์ PDF เท่านั้น! ไฟล์ต้องมีขนาดไม่เกิน 1 MB 💰 ค่าธรรมเนียมการสมัครสอบ - ค่าธรรมเนียมสอบ 400 บาท - ค่าธรรมเนียมธนาคาร และค่าบริการ 30 บาท 📌 รวมทั้งสิ้น 430 บาท ไม่สามารถขอคืนเงินได้ 📍 ช่องทางชำระเงิน: - เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทย 🏦 - แอปพลิเคชัน Krungthai NEXT หรือ เป๋าตัง 📲 - ตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทย 🛑 ชำระเงินภายในวันที่ 7 - 29 มีนาคม 2568 เท่านั้น! 📢 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบ 📆 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบภาค ก และ ข พร้อมวัน-เวลา-สถานที่สอบ ได้ที่ 📌 เว็บไซต์ https://dla-local2568.thaijobjob.com 🔑 เคล็ดลับเตรียมสอบ อปท. ให้สอบผ่าน! 🔥 ศึกษาหลักสูตรการสอบ ให้ครบถ้วน 📖 อ่านแนวข้อสอบ และทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 🔥 ฝึกทำข้อสอบเก่า 🔍 ฝึกทำข้อสอบปีที่ผ่านมา เพื่อจับแนวทางที่ออกบ่อย 🔥 ฝึกภาษาอังกฤษให้คล่อง ✅ ท่องศัพท์ ✅ ฝึกทำข้อสอบแกรมม่า ✅ อ่านบทความภาษาอังกฤษ 🔥 จัดตารางอ่านหนังสือ 🗓️ แบ่งเวลาอ่านหนังสือทุกวัน วันละ 2-3 ชั่วโมง 🔥 พักผ่อนให้เพียงพอ 😴 นอนให้ครบ 6-8 ชั่วโมงก่อนสอบ 🔚 📍 การสอบ อปท. 2568 เป็นโอกาสดี สำหรับผู้ที่ต้องการเข้ารับราชการ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อย่าพลาด! สมัครสอบได้ระหว่าง 7 - 28 มีนาคม 2568 ทางออนไลน์เท่านั้น 🚀 📌 ติดตามข่าวสาร และอัปเดตข้อมูลการสอบได้ที่ 🔗 https://dla-local2568.thaijobjob.com ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 202022 ก.พ. 2568 📢 #สอบอปท2568 #สมัครสอบราชการ #งานราชการ #สอบท้องถิ่น #เตรียมสอบอปท #DLA #สมัครสอบออนไลน์ #งานข้าราชการ #สอบราชการ2025 #สอบภาษาอังกฤษอปท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1526 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ว่าฤดูไหน
    ฉันก็กำลังก้าวเดินอยู่
    บนเส้นทาง
    ที่เต็มไปด้วยดอกไม้

    จากหนังสือ |ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง
    ไม่ว่าฤดูไหน ฉันก็กำลังก้าวเดินอยู่ บนเส้นทาง ที่เต็มไปด้วยดอกไม้ จากหนังสือ |ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 312 มุมมอง 0 รีวิว
  • อย่าปล่อยใจติดค้าง
    กับความสัมพันธ์ที่เหนื่อยล้า

    จากหนังสือ |ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง
    อย่าปล่อยใจติดค้าง กับความสัมพันธ์ที่เหนื่อยล้า จากหนังสือ |ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 319 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดีใจให้สุด
    กับเรื่องที่น่ายินดี
    เสียใจให้สุดกับเรื่องที่น่าเศร้า

    จากหนังสือ |ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง
    ดีใจให้สุด กับเรื่องที่น่ายินดี เสียใจให้สุดกับเรื่องที่น่าเศร้า จากหนังสือ |ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 312 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ไม่ว่าใครจะพูดยังไง
    ฉันก็ชอบภาพวาดอยู่ดี
    แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว"

    จากหนังสือ |ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง
    "ไม่ว่าใครจะพูดยังไง ฉันก็ชอบภาพวาดอยู่ดี แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว" จากหนังสือ |ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 302 มุมมอง 0 รีวิว
  • พูดจาดีๆต่อกัน
    ขอโทษให้ไว
    และจดจำเอาไว้
    ให้ดีกว่าเดิม

    จากหนังสือ |ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง
    พูดจาดีๆต่อกัน ขอโทษให้ไว และจดจำเอาไว้ ให้ดีกว่าเดิม จากหนังสือ |ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 286 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ว่าดวงอาทิตย์
    จะขึ้นหรือลับขอบฟ้า
    มันก็มีความหวังอยู่เสมอ
    แค่เราไม่ได้คาดหวัง
    เอาไว้เท่านั้นเอง

    จากหนังสือ |ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง
    ไม่ว่าดวงอาทิตย์ จะขึ้นหรือลับขอบฟ้า มันก็มีความหวังอยู่เสมอ แค่เราไม่ได้คาดหวัง เอาไว้เท่านั้นเอง จากหนังสือ |ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 321 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความหวัง
    จะเกิดกับคนที่
    เชื่อว่ามีอยู่จริง
    เท่านั้น

    จากหนังสือ |ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง
    ความหวัง จะเกิดกับคนที่ เชื่อว่ามีอยู่จริง เท่านั้น จากหนังสือ |ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 280 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม้ร่างกายจะแก่ตัว
    ลงไปทุกวัน
    แต่หัวใจก็ยังไม่
    ผันแปรไปจากเดิม

    จากหนังสือ |ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง
    แม้ร่างกายจะแก่ตัว ลงไปทุกวัน แต่หัวใจก็ยังไม่ ผันแปรไปจากเดิม จากหนังสือ |ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 298 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทุกชีวิต
    ย่อมมีช่วงเวลา
    ที่เฉิดฉาย

    จากหนังสือ |ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง
    ทุกชีวิต ย่อมมีช่วงเวลา ที่เฉิดฉาย จากหนังสือ |ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 0 รีวิว
  • ของขวัญเล็กๆน้อยๆ
    ทำให้เธอมีพลัง
    และมอบรอยยิ้ม
    ให้กับตัวเอง

    จากหนังสือ |ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง
    ของขวัญเล็กๆน้อยๆ ทำให้เธอมีพลัง และมอบรอยยิ้ม ให้กับตัวเอง จากหนังสือ |ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ฉันจะผลิบานในฤดูกาลของตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 293 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจ้าหน้าที่ระดับสูงนาโตเชื่อว่า สหรัฐฯ จะยังไม่ลาออกจากนาโตแต่น่าจะถอนกำลังทหารออกไปบางส่วนหลังยุโรปไม่ใช่เป้าหมายหลักอีกต่อไปสำหรับวอชิงตัน
    .
    บลูมเบิร์กของสหรัฐฯ รายงานวันจันทร์ (17 ก.พ.) ว่า วอชิงตันน่าที่จะยังคงอยู่ร่วมกับนาโตต่อไป แต่ทว่าอาจจะลดกองกำลังประจำการลงในยุโรปจากการที่สหรัฐฯ หันเห็นความจำเป็นไปอยู่ที่ภูมิภาคอินโดแปซิฟิก
    .
    พลเรือเอกจูเซปเป คาโว ดราโกเน ประธานคณะกรรมการกองทัพประจำ NATO เดือนที่แล้วได้กล่าวในการประชุมนอกรอบในการประชุมความมั่นคงมิวนิกที่ซึ่งบรรดาผู้นำยุโรปมาเพื่อเผชิญหน้ากับรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงความคาดหวังการลดลงของการปกป้องทางความมั่นคงของสหรัฐฯ
    .
    พลเรือเอกคาโว ดราโกเน กล่าวว่า “สหรัฐฯ จะไม่ถอนตัวออกไปจากนาโต” ในการให้สัมภาษณ์ในเมืองมิวนิก แต่การถอนกำลังทหารอเมริกันบางส่วนออกไปจากทั้งหมด 100,000 นายที่ประจำอยู่ในยุโรปอาจมีวาระเกิดขึ้น เป็นเพราะมีความผูกพันบางประการที่สหรัฐฯ ต้องออกห่างไปจากที่นี่ ไปอยู่ที่มหาสมุทรแปซิฟิก”
    .
    แต่พลเรือเอกจากอิตาลีที่ได้นั่งในตำแหน่งสำคัญนี้เปิดเผยว่า “อย่างไรก็ตามผมไม่คิดว่าจะเป็นตัวเลขมหาศาลที่จะนำอเมริกันออกไปจากยุโรป”
    .
    ความมั่นคงยุโรปมีความสำคัญอย่างสูงในการประชุมความมั่นคงมิวนิก เหนือจากทั้งหมดคือการแก้ปัญหาสงครามยูเครนที่ยาวนานยืดเยื้อร่วม 3 ปี
    .
    แต่ทว่าผู้นำชาติยุโรปและยูเครนต่างไม่ทันตั้งตัวถึงแผนทรัมป์ที่จะหารือกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ที่ต่างวิตกกันว่ายุโรปจะไม่ได้มีส่วนร่วม
    .
    คาโว ดราโกเน เห็นพ้องกับสมาชิกนาโตหลายคนในยุโรปเรียกร้องให้เพิ่มงบประมาณการป้องกันประเทศ โดยรับรู้ว่าการหันเหความสนใจของสหรัฐฯ หมายถึงยุโรปจำเป็นต้องเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นมา
    .
    “มันมีความไม่สมดุลเกิดขึ้น ดังนั้นพวกเราจำเป็นต้องทำให้มีความสมดุลกลับคืนมา” พร้อมกับเรียกแนวคิดที่ว่ายุโรปไม่สามารถปกป้องตัวเองว่า “เป็นการดูหมิ่น”
    .
    อย่างไรก็ตาม การลดลงใดๆ ของอเมริกาในยุโรปนั้นเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับโดยนาโตด้วยทัศนคติเชิงปฏิบัติ” เขากล่าวพร้อมยืนกรานว่า กองทัพในภูมิภาคจำเป็นต้องเข้ามาแทนที่เพื่ออุดช่องโหว่
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016363
    ..............
    Sondhi X
    เจ้าหน้าที่ระดับสูงนาโตเชื่อว่า สหรัฐฯ จะยังไม่ลาออกจากนาโตแต่น่าจะถอนกำลังทหารออกไปบางส่วนหลังยุโรปไม่ใช่เป้าหมายหลักอีกต่อไปสำหรับวอชิงตัน . บลูมเบิร์กของสหรัฐฯ รายงานวันจันทร์ (17 ก.พ.) ว่า วอชิงตันน่าที่จะยังคงอยู่ร่วมกับนาโตต่อไป แต่ทว่าอาจจะลดกองกำลังประจำการลงในยุโรปจากการที่สหรัฐฯ หันเห็นความจำเป็นไปอยู่ที่ภูมิภาคอินโดแปซิฟิก . พลเรือเอกจูเซปเป คาโว ดราโกเน ประธานคณะกรรมการกองทัพประจำ NATO เดือนที่แล้วได้กล่าวในการประชุมนอกรอบในการประชุมความมั่นคงมิวนิกที่ซึ่งบรรดาผู้นำยุโรปมาเพื่อเผชิญหน้ากับรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงความคาดหวังการลดลงของการปกป้องทางความมั่นคงของสหรัฐฯ . พลเรือเอกคาโว ดราโกเน กล่าวว่า “สหรัฐฯ จะไม่ถอนตัวออกไปจากนาโต” ในการให้สัมภาษณ์ในเมืองมิวนิก แต่การถอนกำลังทหารอเมริกันบางส่วนออกไปจากทั้งหมด 100,000 นายที่ประจำอยู่ในยุโรปอาจมีวาระเกิดขึ้น เป็นเพราะมีความผูกพันบางประการที่สหรัฐฯ ต้องออกห่างไปจากที่นี่ ไปอยู่ที่มหาสมุทรแปซิฟิก” . แต่พลเรือเอกจากอิตาลีที่ได้นั่งในตำแหน่งสำคัญนี้เปิดเผยว่า “อย่างไรก็ตามผมไม่คิดว่าจะเป็นตัวเลขมหาศาลที่จะนำอเมริกันออกไปจากยุโรป” . ความมั่นคงยุโรปมีความสำคัญอย่างสูงในการประชุมความมั่นคงมิวนิก เหนือจากทั้งหมดคือการแก้ปัญหาสงครามยูเครนที่ยาวนานยืดเยื้อร่วม 3 ปี . แต่ทว่าผู้นำชาติยุโรปและยูเครนต่างไม่ทันตั้งตัวถึงแผนทรัมป์ที่จะหารือกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ที่ต่างวิตกกันว่ายุโรปจะไม่ได้มีส่วนร่วม . คาโว ดราโกเน เห็นพ้องกับสมาชิกนาโตหลายคนในยุโรปเรียกร้องให้เพิ่มงบประมาณการป้องกันประเทศ โดยรับรู้ว่าการหันเหความสนใจของสหรัฐฯ หมายถึงยุโรปจำเป็นต้องเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นมา . “มันมีความไม่สมดุลเกิดขึ้น ดังนั้นพวกเราจำเป็นต้องทำให้มีความสมดุลกลับคืนมา” พร้อมกับเรียกแนวคิดที่ว่ายุโรปไม่สามารถปกป้องตัวเองว่า “เป็นการดูหมิ่น” . อย่างไรก็ตาม การลดลงใดๆ ของอเมริกาในยุโรปนั้นเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับโดยนาโตด้วยทัศนคติเชิงปฏิบัติ” เขากล่าวพร้อมยืนกรานว่า กองทัพในภูมิภาคจำเป็นต้องเข้ามาแทนที่เพื่ออุดช่องโหว่ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016363 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2207 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนได้พบปะกับบรรดาผู้ประกอบการชั้นนำของประเทศ รวมถึงแจ็ค หม่า แห่งอาลีบาบา เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะที่ปักกิ่งกำลังพยายามฟื้นฟูธุรกิจเอกชนและขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

    สีจิ้นผิงได้กล่าว "สุนทรพจน์สำคัญ" ในงานประชุมที่จัดขึ้นในเมืองหลวงของจีน หลังจากรับฟังความคิดเห็นจากชุมชนธุรกิจ ตามรายงานของสถานีโทรทัศน์ CCTV ของรัฐ

    หม่าได้เข้าร่วมการประชุมระดับสูงร่วมกับโรบิน เจิ้ง ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำ และหวาง ซิง หัวหน้าบริษัท Meituan ซึ่งสื่อของรัฐรายงานนั้นว่าเหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งบริษัท Huawei และเล่ย จุน หัวหน้าบริษัท Xiaomi ได้กล่าวปราศรัยต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูง

    โพนี่ หม่า หัวหน้าบริษัท Tencent และหวาง ชวนฟู่ ประธานบริษัท BYD ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า และหวาง ซิงซิง ผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัทหุ่นยนต์ Unitree เข้าร่วมงานด้วย

    ปักกิ่งได้พยายามปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในจีนและเสริมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ หลังจากดำเนินแคมเปญมาหลายปีเพื่อควบคุมอิทธิพลของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่บั่นทอนความเชื่อมั่นทางธุรกิจ

    หม่าเป็นเหยื่อรายสำคัญที่สุดในการปราบปรามเทคโนโลยีของปักกิ่ง และส่วนใหญ่ไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณชนหลังจากที่หน่วยงานกำกับดูแลเข้ามาแทรกแซงอย่างดุเดือดในช่วงปลายปี 2020 เพื่อยกเลิกการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรกของ Ant Financial Group ตามแผน

    การที่หม่าเข้าร่วมการประชุมเมื่อวันจันทร์ถือเป็นการแสดงสัญลักษณ์จากปักกิ่งเพื่อยืนยันทัศนคติเชิงบวกมากขึ้นต่อภาคเอกชน นักวิเคราะห์กล่าว

    จาง เซียวหยาน ศาสตราจารย์ด้านการเงินจากมหาวิทยาลัยชิงหัวกล่าวในการประชุมที่สมาคมอุตสาหกรรมหลักทรัพย์และตลาดการเงินแห่งเอเชียในฮ่องกง

    เธอเสริมว่ารัฐบาลต้องการ "สร้างความเชื่อมั่น" ให้กับบริษัทจีน

    การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของจีนส่งผลกระทบต่อธุรกิจเอกชน ขณะที่ผู้บริหารต้องเผชิญกับการตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้นเกี่ยวกับการทุจริตที่ถูกกล่าวหาและการกักขังหลายครั้งโดยหน่วยงานท้องถิ่น
    ในอดีต สี จิ้นผิงเคยใช้การประชุมกับผู้นำธุรกิจเพื่อสัญญาว่าจะลดหย่อนภาษีและให้โอกาสกับรัฐวิสาหกิจอย่างเท่าเทียมกัน

    การเกิดขึ้นของโมเดลปัญญาประดิษฐ์อันล้ำสมัยจากสตาร์ทอัพ DeepSeek ช่วยกระตุ้นความสนใจในเทคโนโลยีของจีนอีกครั้ง และจุดประกายให้ตลาดกระทิงเป็นดัชนีอ้างอิงหลักของหุ้นเทคโนโลยีของประเทศ

    ดัชนี Hang Seng Tech ซึ่งเป็นดัชนีอ้างอิงของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ 30 แห่งที่จดทะเบียนในฮ่องกง เพิ่มขึ้น 24 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ต้นปี เนื่องจากนักลงทุนตอบรับต่อความก้าวหน้าของ DeepSeek และข้อความเชิงบวกของปักกิ่งต่อภาคเทคโนโลยี

    https://www.ft.com/content/ac8da614-6bd4-4328-a522-a1712986d73f
    ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนได้พบปะกับบรรดาผู้ประกอบการชั้นนำของประเทศ รวมถึงแจ็ค หม่า แห่งอาลีบาบา เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะที่ปักกิ่งกำลังพยายามฟื้นฟูธุรกิจเอกชนและขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น สีจิ้นผิงได้กล่าว "สุนทรพจน์สำคัญ" ในงานประชุมที่จัดขึ้นในเมืองหลวงของจีน หลังจากรับฟังความคิดเห็นจากชุมชนธุรกิจ ตามรายงานของสถานีโทรทัศน์ CCTV ของรัฐ หม่าได้เข้าร่วมการประชุมระดับสูงร่วมกับโรบิน เจิ้ง ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท CATL ผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำ และหวาง ซิง หัวหน้าบริษัท Meituan ซึ่งสื่อของรัฐรายงานนั้นว่าเหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งบริษัท Huawei และเล่ย จุน หัวหน้าบริษัท Xiaomi ได้กล่าวปราศรัยต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูง โพนี่ หม่า หัวหน้าบริษัท Tencent และหวาง ชวนฟู่ ประธานบริษัท BYD ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า และหวาง ซิงซิง ผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัทหุ่นยนต์ Unitree เข้าร่วมงานด้วย ปักกิ่งได้พยายามปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในจีนและเสริมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ หลังจากดำเนินแคมเปญมาหลายปีเพื่อควบคุมอิทธิพลของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่บั่นทอนความเชื่อมั่นทางธุรกิจ หม่าเป็นเหยื่อรายสำคัญที่สุดในการปราบปรามเทคโนโลยีของปักกิ่ง และส่วนใหญ่ไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณชนหลังจากที่หน่วยงานกำกับดูแลเข้ามาแทรกแซงอย่างดุเดือดในช่วงปลายปี 2020 เพื่อยกเลิกการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรกของ Ant Financial Group ตามแผน การที่หม่าเข้าร่วมการประชุมเมื่อวันจันทร์ถือเป็นการแสดงสัญลักษณ์จากปักกิ่งเพื่อยืนยันทัศนคติเชิงบวกมากขึ้นต่อภาคเอกชน นักวิเคราะห์กล่าว จาง เซียวหยาน ศาสตราจารย์ด้านการเงินจากมหาวิทยาลัยชิงหัวกล่าวในการประชุมที่สมาคมอุตสาหกรรมหลักทรัพย์และตลาดการเงินแห่งเอเชียในฮ่องกง เธอเสริมว่ารัฐบาลต้องการ "สร้างความเชื่อมั่น" ให้กับบริษัทจีน การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของจีนส่งผลกระทบต่อธุรกิจเอกชน ขณะที่ผู้บริหารต้องเผชิญกับการตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้นเกี่ยวกับการทุจริตที่ถูกกล่าวหาและการกักขังหลายครั้งโดยหน่วยงานท้องถิ่น ในอดีต สี จิ้นผิงเคยใช้การประชุมกับผู้นำธุรกิจเพื่อสัญญาว่าจะลดหย่อนภาษีและให้โอกาสกับรัฐวิสาหกิจอย่างเท่าเทียมกัน การเกิดขึ้นของโมเดลปัญญาประดิษฐ์อันล้ำสมัยจากสตาร์ทอัพ DeepSeek ช่วยกระตุ้นความสนใจในเทคโนโลยีของจีนอีกครั้ง และจุดประกายให้ตลาดกระทิงเป็นดัชนีอ้างอิงหลักของหุ้นเทคโนโลยีของประเทศ ดัชนี Hang Seng Tech ซึ่งเป็นดัชนีอ้างอิงของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ 30 แห่งที่จดทะเบียนในฮ่องกง เพิ่มขึ้น 24 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ต้นปี เนื่องจากนักลงทุนตอบรับต่อความก้าวหน้าของ DeepSeek และข้อความเชิงบวกของปักกิ่งต่อภาคเทคโนโลยี https://www.ft.com/content/ac8da614-6bd4-4328-a522-a1712986d73f
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 564 มุมมอง 0 รีวิว
  • ❤️ เล่าสู่กันฟังถึงโลกเปี่ยมพลังบวก จากมุมมองของ จิฮิโระ ยามาดะ ชายหนุ่มผู้ไร้ 2 ขา กับ 1 แขน

    แว่บที่ส่องไอจี @chi_kun0922 แล้วเห็นเฉพาะใบหน้าของหนุ่ม จิฮิโระ ยามาดะ นักพูดสร้างแรงบันดาลใจและยูทูบเบอร์ชื่อดัง สาวๆ คงร้อง... หล่ออ่ะ แต่พอเห็นขาเทียม 2 ข้าง แขนเทียม 1 ข้าง กับทักษะการใช้ชีวิตที่ไม่ย่อหย่อนไปกว่าคนแข็งแรงทั่วๆ ไป เชื่อว่าคุณต้องร้อง... ยอดมนุษย์อ่ะ

    คลิปที่ฉายให้เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้ม เจือเสียงหัวเราะบ่อยครั้ง อาจทำให้คุณเข้าใจผิดว่า ยามาดะซังพิการมาแต่กำเนิด ถึงได้ทำใจได้ แต่แท้จริงแล้วเรื่องราวพลิกฟ้าพลิกดินที่ดึงเขาด่ำดิ่งสู่ห้วงเหวลึกนี้เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อนนี้เอง

    ย้อนกลับไปในคืนวันที่ 24 กรกฎาคม 2012 ยามาดะซังในวัย 20 ปี ออกไปดื่มสังสรรค์กับบริษัทเคเบิลทีวีที่เขาเพิ่งเข้าไปทำงานด้วยไม่นาน และหากคุณกำลังคะเนว่าคงเมาละซี้ โนค่ะ เรื่องจริงคือในเช้าวันนั้นยามาดะซังตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเหมือนจะมีไข้ แต่เพราะเป็นน้องใหม่ จึงไม่กล้าปฏิเสธเมื่อถูกรุ่นพี่ชวน เขายอมฝืนร่างกายออกไปปาร์ตี้โดยตั้งใจว่าจะไม่แตะอัลกอฮอลล์เป็นอันขาด

    เมื่องานเลี้ยงเลิก เขาพาร่างกายที่อ่วมด้วยพิษไข้ขึ้นรถไฟกลับบ้าน ผลคือเขาเผลอหลับไประหว่างทาง ทำให้นั่งเลยสถานีที่ต้องการลง จึงต้องลงจากรถไฟเพื่อจะเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟอีกขบวนเพื่อกลับบ้าน ระหว่างนั่งรอรถไฟที่ชานชาลา เขาเผลอหลับไปอีกครั้ง กระทั่งนายสถานีต้องเดินมาปลุกว่ารถไฟเที่ยวสุดท้ายกำลังจะเทียบสถานีแล้วนั่นแหละ เขาถึงตื่นขึ้นมาแบบสะลืมสะลือ ก่อนจะเดินมุ่งตรงไปรอรถไฟ

    หลังจากนั้นก็ภาพตัด...

    10 วันให้หลัง ยามาดะซังฟื้นขึ้นมาในโรงพยาบาลพร้อมกับขาที่หายไปทั้ง 2 ข้าง และแขนขวาอีกหนึ่งข้าง

    เขากลายเป็นคนพิการ จากเหตุร่วงตกลงไปบนรางรถไฟและถูกรถไฟทับ

    ห้วงเวลานั้นหากใครก็ตามมาอุทานอยู่ตรงหน้าเขาว่า ‘โชคดีๆ ที่ไม่ตาย’ เขาเป็นต้องอยากจะลุกขึ้นตั๊นหน้าด้วยหมัดขวา(ซึ่งเขาไม่มี) พร้อมร้องตะโกนว่า ... ฉันไม่ได้อยากได้โชคแบบนี้โว้ยยยย

    ความคิดอยากตาย... มี

    พยายามฆ่าตัวตายไหม... ใช่

    แล้วอะไรที่ทำให้เขาบิลด์อัพตัวเองจนกลายเป็นยอดมนุษย์ได้อย่างทุกวันนี้

    มันคือมุมมองเชิงบวกที่แว่บขึ้นมาในบ่ายวันหนึ่ง เมื่อเขานั่งรถเข็นมาส่งเพื่อนสมัยมัธยมที่หน้าลิฟต์ในโรงพยาบาลที่เขาพักรักษาตัว

    นาทีที่เขากับเพื่อนๆ โบกมือร่ำลากัน คำพูดของเพื่อนที่ชมว่า “เฮ้ย... นายดูดีกว่าที่ฉันคิดอีกว่ะ” ได้จุดประกายให้เขาอยากก้าวออกจากมุมที่มืดมนที่เขาจมปลักอยู่กับมันมาหลายวัน

    แน่นอนว่ากว่าที่เขาจะพลิกฟื้นจนเป็นคนที่เปี่ยมไปด้วยพลังบวก กระทั่งกลายเป็นไอดอลของคนทุพพลภาพนั้น มันห่างไกลจากคำว่า ‘ง่าย’ หลายปีแสง มีกำแพงอิฐบล็อกสะกัดหน้าหลังซ้ายขวาหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการย้อนกลับไปเรียนเพื่อเอาวุฒิบัตรด้านการทำบัญชีและคอมพิวเตอร์ในโรงเรียนอาชีวศึกษาสำหรับผู้ทุพพลภาพ การหางานที่ได้รับแต่คำปฏิเสธว่าไม่สามารถบรรจุเป็นพนักงานประจำได้ และค่าตอบแทนแรงงานที่ต่ำแสนต่ำ

    “ผมผ่านช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดได้ด้วยการเปลี่ยนทัศนคติ มันอาจจะยากในตอนเริ่มต้น แต่คุณสามารถเปลี่ยนสิ่งต่างๆ ได้ด้วยการมองมันให้ต่างออกไป และเส้นทางที่สั้นที่สุดก็คือการมองสิ่งต่างๆ ให้เป็นบวก ไม่ใช่มองมันแบบลบๆ ขอเพียงคุณเชื่อมั่นว่าเราทุกคนสามารถผ่านเรื่องร้ายๆ ยากๆ ด้วยรอยยิ้มที่ออกมาจากใจของเราจริงๆ”

    แล้วก็เพราะความคิดที่อยากจะบอกให้คนทั้งโลกรู้ว่าคนพิการสามารถใช้ชีวิตในเชิงบวกได้ ทำให้ยามาดะซังตัดสินใจใช้งานโซเชียลมีเดียทั้งยูทูป เฟสบุ้ค และอินสตาแกรม เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และความคิดของเขาออกมา โดยมีทั้งทอล์คอธิบายวิธีที่ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปด้วยแขนขาเทียม และตามติดชีวิตประจำวัน อาทิ การทำอาหารด้วยมือเดียว การเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยมือเดียว เป็นต้น

    ยามาดะซังหวังว่าการแบ่งปันประสบการณ์ฟื้นตื่นจากฝันร้ายของเขาอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นบ้าง โดยเฉพาะเด็กๆ ที่อาจจะโชคร้ายอย่างเขา

    ที่มาภาพ: IG@chi_kun0922
    เรียบเรียง: สำนักข่าวดีดี

    #สำนักข่าวดีดี #เรื่องดีดีมีทุกวัน #เรื่องราวดีดี #goodstory #แรงบันดาลใจ
    ❤️ เล่าสู่กันฟังถึงโลกเปี่ยมพลังบวก จากมุมมองของ จิฮิโระ ยามาดะ ชายหนุ่มผู้ไร้ 2 ขา กับ 1 แขน แว่บที่ส่องไอจี @chi_kun0922 แล้วเห็นเฉพาะใบหน้าของหนุ่ม จิฮิโระ ยามาดะ นักพูดสร้างแรงบันดาลใจและยูทูบเบอร์ชื่อดัง สาวๆ คงร้อง... หล่ออ่ะ แต่พอเห็นขาเทียม 2 ข้าง แขนเทียม 1 ข้าง กับทักษะการใช้ชีวิตที่ไม่ย่อหย่อนไปกว่าคนแข็งแรงทั่วๆ ไป เชื่อว่าคุณต้องร้อง... ยอดมนุษย์อ่ะ คลิปที่ฉายให้เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้ม เจือเสียงหัวเราะบ่อยครั้ง อาจทำให้คุณเข้าใจผิดว่า ยามาดะซังพิการมาแต่กำเนิด ถึงได้ทำใจได้ แต่แท้จริงแล้วเรื่องราวพลิกฟ้าพลิกดินที่ดึงเขาด่ำดิ่งสู่ห้วงเหวลึกนี้เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อนนี้เอง ย้อนกลับไปในคืนวันที่ 24 กรกฎาคม 2012 ยามาดะซังในวัย 20 ปี ออกไปดื่มสังสรรค์กับบริษัทเคเบิลทีวีที่เขาเพิ่งเข้าไปทำงานด้วยไม่นาน และหากคุณกำลังคะเนว่าคงเมาละซี้ โนค่ะ เรื่องจริงคือในเช้าวันนั้นยามาดะซังตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเหมือนจะมีไข้ แต่เพราะเป็นน้องใหม่ จึงไม่กล้าปฏิเสธเมื่อถูกรุ่นพี่ชวน เขายอมฝืนร่างกายออกไปปาร์ตี้โดยตั้งใจว่าจะไม่แตะอัลกอฮอลล์เป็นอันขาด เมื่องานเลี้ยงเลิก เขาพาร่างกายที่อ่วมด้วยพิษไข้ขึ้นรถไฟกลับบ้าน ผลคือเขาเผลอหลับไประหว่างทาง ทำให้นั่งเลยสถานีที่ต้องการลง จึงต้องลงจากรถไฟเพื่อจะเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟอีกขบวนเพื่อกลับบ้าน ระหว่างนั่งรอรถไฟที่ชานชาลา เขาเผลอหลับไปอีกครั้ง กระทั่งนายสถานีต้องเดินมาปลุกว่ารถไฟเที่ยวสุดท้ายกำลังจะเทียบสถานีแล้วนั่นแหละ เขาถึงตื่นขึ้นมาแบบสะลืมสะลือ ก่อนจะเดินมุ่งตรงไปรอรถไฟ หลังจากนั้นก็ภาพตัด... 10 วันให้หลัง ยามาดะซังฟื้นขึ้นมาในโรงพยาบาลพร้อมกับขาที่หายไปทั้ง 2 ข้าง และแขนขวาอีกหนึ่งข้าง เขากลายเป็นคนพิการ จากเหตุร่วงตกลงไปบนรางรถไฟและถูกรถไฟทับ ห้วงเวลานั้นหากใครก็ตามมาอุทานอยู่ตรงหน้าเขาว่า ‘โชคดีๆ ที่ไม่ตาย’ เขาเป็นต้องอยากจะลุกขึ้นตั๊นหน้าด้วยหมัดขวา(ซึ่งเขาไม่มี) พร้อมร้องตะโกนว่า ... ฉันไม่ได้อยากได้โชคแบบนี้โว้ยยยย ความคิดอยากตาย... มี พยายามฆ่าตัวตายไหม... ใช่ แล้วอะไรที่ทำให้เขาบิลด์อัพตัวเองจนกลายเป็นยอดมนุษย์ได้อย่างทุกวันนี้ มันคือมุมมองเชิงบวกที่แว่บขึ้นมาในบ่ายวันหนึ่ง เมื่อเขานั่งรถเข็นมาส่งเพื่อนสมัยมัธยมที่หน้าลิฟต์ในโรงพยาบาลที่เขาพักรักษาตัว นาทีที่เขากับเพื่อนๆ โบกมือร่ำลากัน คำพูดของเพื่อนที่ชมว่า “เฮ้ย... นายดูดีกว่าที่ฉันคิดอีกว่ะ” ได้จุดประกายให้เขาอยากก้าวออกจากมุมที่มืดมนที่เขาจมปลักอยู่กับมันมาหลายวัน แน่นอนว่ากว่าที่เขาจะพลิกฟื้นจนเป็นคนที่เปี่ยมไปด้วยพลังบวก กระทั่งกลายเป็นไอดอลของคนทุพพลภาพนั้น มันห่างไกลจากคำว่า ‘ง่าย’ หลายปีแสง มีกำแพงอิฐบล็อกสะกัดหน้าหลังซ้ายขวาหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการย้อนกลับไปเรียนเพื่อเอาวุฒิบัตรด้านการทำบัญชีและคอมพิวเตอร์ในโรงเรียนอาชีวศึกษาสำหรับผู้ทุพพลภาพ การหางานที่ได้รับแต่คำปฏิเสธว่าไม่สามารถบรรจุเป็นพนักงานประจำได้ และค่าตอบแทนแรงงานที่ต่ำแสนต่ำ “ผมผ่านช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดได้ด้วยการเปลี่ยนทัศนคติ มันอาจจะยากในตอนเริ่มต้น แต่คุณสามารถเปลี่ยนสิ่งต่างๆ ได้ด้วยการมองมันให้ต่างออกไป และเส้นทางที่สั้นที่สุดก็คือการมองสิ่งต่างๆ ให้เป็นบวก ไม่ใช่มองมันแบบลบๆ ขอเพียงคุณเชื่อมั่นว่าเราทุกคนสามารถผ่านเรื่องร้ายๆ ยากๆ ด้วยรอยยิ้มที่ออกมาจากใจของเราจริงๆ” แล้วก็เพราะความคิดที่อยากจะบอกให้คนทั้งโลกรู้ว่าคนพิการสามารถใช้ชีวิตในเชิงบวกได้ ทำให้ยามาดะซังตัดสินใจใช้งานโซเชียลมีเดียทั้งยูทูป เฟสบุ้ค และอินสตาแกรม เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และความคิดของเขาออกมา โดยมีทั้งทอล์คอธิบายวิธีที่ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปด้วยแขนขาเทียม และตามติดชีวิตประจำวัน อาทิ การทำอาหารด้วยมือเดียว การเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยมือเดียว เป็นต้น ยามาดะซังหวังว่าการแบ่งปันประสบการณ์ฟื้นตื่นจากฝันร้ายของเขาอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นบ้าง โดยเฉพาะเด็กๆ ที่อาจจะโชคร้ายอย่างเขา ที่มาภาพ: IG@chi_kun0922 เรียบเรียง: สำนักข่าวดีดี #สำนักข่าวดีดี #เรื่องดีดีมีทุกวัน #เรื่องราวดีดี #goodstory #แรงบันดาลใจ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 550 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขณะที่คนเลี้ยงแมว
    แมวก็เลี้ยงคนไปด้วย

    จากหนังสือ |แมวยิ้มง่ายใช่ว่าแตกสลายไม่เป็น
    บทสนทนาว่าด้วยรอยขีดข่วนของยุคสมัย

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #แมวยิ้มง่ายใช่ว่าแตกสลายไม่เป็น
    ขณะที่คนเลี้ยงแมว แมวก็เลี้ยงคนไปด้วย จากหนังสือ |แมวยิ้มง่ายใช่ว่าแตกสลายไม่เป็น บทสนทนาว่าด้วยรอยขีดข่วนของยุคสมัย #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #แมวยิ้มง่ายใช่ว่าแตกสลายไม่เป็น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 396 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่นึกถึงอดีตที่ล่วงมา
    ไม่กังวลกับอนาคต
    ที่ยังมาไม่ถึง
    อยู่กับปัจจุบัน
    นั่นแหล่ะคืออิสระ

    จากหนังสือ |แมวยิ้มง่ายใช่ว่าแตกสลายไม่เป็น
    บทสนทนาว่าด้วยรอยขีดข่วนของยุคสมัย

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #แมวยิ้มง่ายใช่ว่าแตกสลายไม่เป็น
    ไม่นึกถึงอดีตที่ล่วงมา ไม่กังวลกับอนาคต ที่ยังมาไม่ถึง อยู่กับปัจจุบัน นั่นแหล่ะคืออิสระ จากหนังสือ |แมวยิ้มง่ายใช่ว่าแตกสลายไม่เป็น บทสนทนาว่าด้วยรอยขีดข่วนของยุคสมัย #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #แมวยิ้มง่ายใช่ว่าแตกสลายไม่เป็น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 388 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในวันที่โลกพังทลาย
    บางขนมที่ไม่มีประโยชน์
    แต่อร่อยมาก
    Haro กินแล้วชุบชูใจ
    ช่วยกอบกู้สิ่งที่แตกสลายไป
    ให้กลับคืนมา

    จากหนังสือ |แมวยิ้มง่ายใช่ว่าแตกสลายไม่เป็น
    บทสนทนาว่าด้วยรอยขีดข่วนของยุคสมัย

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #แมวยิ้มง่ายใช่ว่าแตกสลายไม่เป็น
    ในวันที่โลกพังทลาย บางขนมที่ไม่มีประโยชน์ แต่อร่อยมาก Haro กินแล้วชุบชูใจ ช่วยกอบกู้สิ่งที่แตกสลายไป ให้กลับคืนมา จากหนังสือ |แมวยิ้มง่ายใช่ว่าแตกสลายไม่เป็น บทสนทนาว่าด้วยรอยขีดข่วนของยุคสมัย #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #แมวยิ้มง่ายใช่ว่าแตกสลายไม่เป็น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 401 มุมมอง 0 รีวิว
  • เผื่อที่ทางไว้
    สำหรับความผิดพลาดด้วย
    ใจเขาใจเรา

    จากหนังสือ |แมวยิ้มง่ายใช่ว่าแตกสลายไม่เป็น
    บทสนทนาว่าด้วยรอยขีดข่วนของยุคสมัย

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #แมวยิ้มง่ายใช่ว่าแตกสลายไม่เป็น
    เผื่อที่ทางไว้ สำหรับความผิดพลาดด้วย ใจเขาใจเรา จากหนังสือ |แมวยิ้มง่ายใช่ว่าแตกสลายไม่เป็น บทสนทนาว่าด้วยรอยขีดข่วนของยุคสมัย #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #แมวยิ้มง่ายใช่ว่าแตกสลายไม่เป็น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 377 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts