• รับทราบหนังสือดีเอสไอ กกต.ขอเวลาพิจารณา ส.ว.รับไม่ได้ถูกกล่าวหา
    .
    สถานการณ์ทางการเมืองว่าด้วยการเดินหน้าตรวจกระบวนการฮั้วเลือกส.ว.กำลังทวีความดุเดือดมากขึ้น ภายหลังส.ว.เตรียมใช้ข้อกฎหมายเอาคืนทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เช่นกัน โดยพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง ระบุว่า จะให้ฝ่ายกฎหมาย รวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินการแจ้งความผู้ที่กล่าวหาทั้งภาครัฐ และเอกชน ฐานทำให้วุฒิสภาเสียหาย ถูกเข้าใจผิด และในส่วนของกรรมาธิการวุฒิสภาจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงถึงอำนาจหน้าที่และที่มาที่ไปของการมากล่าวหาวุฒิสภาร้ายแรง เรื่องอั้งยี่ ซ่องโจร อาชญากรรม และภัยต่อความมั่นคง และจะเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติในประเด็นการดำเนินงานในส่วนของ ดีเอสไอ ที่กล่าวหาวุฒิสภา เป็นไปด้วยเหตุและผลหรือไม่ โดยจะหารือกับสมาชิกวุฒิสภาอีกครั้ง แต่คาดว่าจะอภิปรายภายในสมัยประชุมนี้ ซึ่งจะเป็นรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและต้องดูด้วยว่าใครอยู่เบื้องหลัง
    .
    "เรื่องนี้คิดว่าโยงใยมาจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ก็อาจจะมีส่วนหนึ่ง แต่ย้ำว่าเรื่องนี้ทำให้วุฒิสภาเสื่อมเสีย จึงต้องแถลงข่าวด่วนระหว่างการสัมมนา ที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่วนตัวทำงานด้านความมั่นคง ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มา 38 ปี แต่พอมาดูข้อกล่าวหาในเรื่องนี้ จึงรับไม่ได้ สมาชิกท่านอื่น ก็เช่นเดียวกัน ที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองมา ทำตามหลักการของกฎหมายรัฐธรรมนูญ 2560"
    .
    ด้าน นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ ส.ว.ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) เปิดเผยว่า ในการประชุมวิปวุฒิสภาวันที่ 26 ก.พ.นี้จะหารือถึงการดำเนินการเอาผิด ฝ่ายที่เกี่ยวข้องกล่าวหา เรื่องการฮั้วเลือก สว.จะดำเนินการอย่างไรบ้าง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าการประชุมวุฒิสภา วันที่ 24 ก.พ.นี้ จะมีสว.คนใดหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาหารือในที่ประชุมหรือไม่
    .
    “ยืนยันว่ากระบวนการเลือกสว.ทำถูกต้องตามกฎหมาย เป็นไปตามขั้นตอนประชาธิปไตย ผมไม่เข้าใจว่าผิดพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสว.ได้อย่างไร ยิ่งข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร เป็นภัยต่อความมั่นคงในราชอาณาจักรตามที่ดีเอสไอกล่าวหา ยิ่งงงหนัก จะไปเข้าข่ายได้อย่างไร สว.ทุกคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่เคยไปพบกันที่โรงแรมตามที่มีการกล่าวหา เพิ่งมารู้จักกันในที่ประชุม หลังเป็นสว.แล้ว การจะเข้าข่ายอั้งยี่ซ่องโจร จะต้องรู้จักกันมาก่อน” นายพิสิษฐ์ กล่าว
    .
    ขณะเดียวกัน พรรคเพื่อไทยก็มีท่าทีต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ระบุว่า ความกลัว ทำให้เสื่อม ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิด ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการที่มีคนสมัครเข้าเป็นสว.เกือบ 50,000 คน การร้องทุกข์กล่าวโทษว่า การเลือก สว.ในบางส่วนอาจมีการทำโพยฮั้วกันหรือไม่ ถือเป็นสิทธิ
    .
    "ขอให้ผู้รับผิดชอบได้ทำงานอย่างตรงไปตรงมารวมถึงหากมีการฮั้วเลือกตั้งสว.แล้วจะขยายผลไปยังฐานความผิดอื่นด้วยหรือไม่ ก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการทำคดี พวกท่านมาเป็น สว.แล้ว ต้องพร้อมรับการตรวจสอบ ต้องพร้อมพิสูจน์ตัวเอง ไม่ใช่ใครแตะอะไรไม่ได้เลย ต้องเข้าใจและเคารพในสิทธิของผู้ร้อง ให้เกียรติ และเชื่อมั่นในกระบวนการตรวจสอบ ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ต้องกลัว”นายอนุสรณ์ กล่าวทิ้งท้าย
    .
    นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดเผยว่า ส่วนตัวทราบว่าสำนักงานกกต.ได้รับหนังสือฉบับนี้แล้ว และ อยู่ระหว่างการประมวลเรื่องและจัดทำความเห็นของสำนักงานเพื่อเสนอที่ประชุมกกต.พิจารณาตามแนวทางปฎิบัติของสำนักงานที่ได้วางไว้ ส่วนที่ปรากฎหนังสือว่าสำนักงานกกต.มีการตอบกลับไปที่DSIว่า ยังไม่ได้เสนอเรื่องให้คณะกรรมการกกต.นั้น เป็นเพราะยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาของสำนักงานกกต.
    .............
    Sondhi X
    รับทราบหนังสือดีเอสไอ กกต.ขอเวลาพิจารณา ส.ว.รับไม่ได้ถูกกล่าวหา . สถานการณ์ทางการเมืองว่าด้วยการเดินหน้าตรวจกระบวนการฮั้วเลือกส.ว.กำลังทวีความดุเดือดมากขึ้น ภายหลังส.ว.เตรียมใช้ข้อกฎหมายเอาคืนทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เช่นกัน โดยพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง ระบุว่า จะให้ฝ่ายกฎหมาย รวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินการแจ้งความผู้ที่กล่าวหาทั้งภาครัฐ และเอกชน ฐานทำให้วุฒิสภาเสียหาย ถูกเข้าใจผิด และในส่วนของกรรมาธิการวุฒิสภาจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงถึงอำนาจหน้าที่และที่มาที่ไปของการมากล่าวหาวุฒิสภาร้ายแรง เรื่องอั้งยี่ ซ่องโจร อาชญากรรม และภัยต่อความมั่นคง และจะเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติในประเด็นการดำเนินงานในส่วนของ ดีเอสไอ ที่กล่าวหาวุฒิสภา เป็นไปด้วยเหตุและผลหรือไม่ โดยจะหารือกับสมาชิกวุฒิสภาอีกครั้ง แต่คาดว่าจะอภิปรายภายในสมัยประชุมนี้ ซึ่งจะเป็นรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและต้องดูด้วยว่าใครอยู่เบื้องหลัง . "เรื่องนี้คิดว่าโยงใยมาจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ก็อาจจะมีส่วนหนึ่ง แต่ย้ำว่าเรื่องนี้ทำให้วุฒิสภาเสื่อมเสีย จึงต้องแถลงข่าวด่วนระหว่างการสัมมนา ที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่วนตัวทำงานด้านความมั่นคง ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มา 38 ปี แต่พอมาดูข้อกล่าวหาในเรื่องนี้ จึงรับไม่ได้ สมาชิกท่านอื่น ก็เช่นเดียวกัน ที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองมา ทำตามหลักการของกฎหมายรัฐธรรมนูญ 2560" . ด้าน นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ ส.ว.ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) เปิดเผยว่า ในการประชุมวิปวุฒิสภาวันที่ 26 ก.พ.นี้จะหารือถึงการดำเนินการเอาผิด ฝ่ายที่เกี่ยวข้องกล่าวหา เรื่องการฮั้วเลือก สว.จะดำเนินการอย่างไรบ้าง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าการประชุมวุฒิสภา วันที่ 24 ก.พ.นี้ จะมีสว.คนใดหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาหารือในที่ประชุมหรือไม่ . “ยืนยันว่ากระบวนการเลือกสว.ทำถูกต้องตามกฎหมาย เป็นไปตามขั้นตอนประชาธิปไตย ผมไม่เข้าใจว่าผิดพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสว.ได้อย่างไร ยิ่งข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร เป็นภัยต่อความมั่นคงในราชอาณาจักรตามที่ดีเอสไอกล่าวหา ยิ่งงงหนัก จะไปเข้าข่ายได้อย่างไร สว.ทุกคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่เคยไปพบกันที่โรงแรมตามที่มีการกล่าวหา เพิ่งมารู้จักกันในที่ประชุม หลังเป็นสว.แล้ว การจะเข้าข่ายอั้งยี่ซ่องโจร จะต้องรู้จักกันมาก่อน” นายพิสิษฐ์ กล่าว . ขณะเดียวกัน พรรคเพื่อไทยก็มีท่าทีต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ระบุว่า ความกลัว ทำให้เสื่อม ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิด ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการที่มีคนสมัครเข้าเป็นสว.เกือบ 50,000 คน การร้องทุกข์กล่าวโทษว่า การเลือก สว.ในบางส่วนอาจมีการทำโพยฮั้วกันหรือไม่ ถือเป็นสิทธิ . "ขอให้ผู้รับผิดชอบได้ทำงานอย่างตรงไปตรงมารวมถึงหากมีการฮั้วเลือกตั้งสว.แล้วจะขยายผลไปยังฐานความผิดอื่นด้วยหรือไม่ ก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการทำคดี พวกท่านมาเป็น สว.แล้ว ต้องพร้อมรับการตรวจสอบ ต้องพร้อมพิสูจน์ตัวเอง ไม่ใช่ใครแตะอะไรไม่ได้เลย ต้องเข้าใจและเคารพในสิทธิของผู้ร้อง ให้เกียรติ และเชื่อมั่นในกระบวนการตรวจสอบ ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ต้องกลัว”นายอนุสรณ์ กล่าวทิ้งท้าย . นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดเผยว่า ส่วนตัวทราบว่าสำนักงานกกต.ได้รับหนังสือฉบับนี้แล้ว และ อยู่ระหว่างการประมวลเรื่องและจัดทำความเห็นของสำนักงานเพื่อเสนอที่ประชุมกกต.พิจารณาตามแนวทางปฎิบัติของสำนักงานที่ได้วางไว้ ส่วนที่ปรากฎหนังสือว่าสำนักงานกกต.มีการตอบกลับไปที่DSIว่า ยังไม่ได้เสนอเรื่องให้คณะกรรมการกกต.นั้น เป็นเพราะยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาของสำนักงานกกต. ............. Sondhi X
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 773 มุมมอง 0 รีวิว
  • เราไม่เลือกคนอ้างประชาธิปไตยด้วยปากดอก พูดเก่งวาทกรรมดี เหมือนมีเหตุผลแต่ข้างๆคูๆ เรามองที่พฤติกรรมการกระทำเป็นหลัก เพราะคนที่อ้างประชาธิปไตย เท่าที่เห็นมา คือพวกเห็นแก่ตัว เอาแต่ได้มาก่อนเสมอ ไม่ต่างอะไรจาก การตลาดแชร์ลูกโซ่ ที่โม้สารพัดยกเมฆ แต่สุดท้ายแค่นักต้มตุ๋น นักการเมืองจอมประโยชน์ฉ้อฉลและนักวิชาการสอพลอ หรือสายเอ็นจีโอแอบแฝงจึงแทบไม่ต่างกัน พวกประชาธิปไตยนั่งเทียนกำมะลอ ผิดชอบชั่วดีไม่แยกแยะจะเอาแค่ประชาธิปไตยตามใจกู โดยพวกกู เพื่อพวกกู พวกนี้ลึกๆยิ่งกว่าเผด็จการ อย่าถามหาจริยธรรมคุณธรรมสำนึกจากมนุษย์จำพวกนี้ เพราะไม่มีดอกฮะครับ
    สำนึกดี มีจริยธรรมคุณธรรมศีลธรรมดี
    นั่นแหละประชาธิปไตยที่ดี สังคมก็จะดีงามเอย
    มุมิมุมิ.. จุฟๆ
    เราไม่เลือกคนอ้างประชาธิปไตยด้วยปากดอก พูดเก่งวาทกรรมดี เหมือนมีเหตุผลแต่ข้างๆคูๆ เรามองที่พฤติกรรมการกระทำเป็นหลัก เพราะคนที่อ้างประชาธิปไตย เท่าที่เห็นมา คือพวกเห็นแก่ตัว เอาแต่ได้มาก่อนเสมอ ไม่ต่างอะไรจาก การตลาดแชร์ลูกโซ่ ที่โม้สารพัดยกเมฆ แต่สุดท้ายแค่นักต้มตุ๋น นักการเมืองจอมประโยชน์ฉ้อฉลและนักวิชาการสอพลอ หรือสายเอ็นจีโอแอบแฝงจึงแทบไม่ต่างกัน พวกประชาธิปไตยนั่งเทียนกำมะลอ ผิดชอบชั่วดีไม่แยกแยะจะเอาแค่ประชาธิปไตยตามใจกู โดยพวกกู เพื่อพวกกู พวกนี้ลึกๆยิ่งกว่าเผด็จการ อย่าถามหาจริยธรรมคุณธรรมสำนึกจากมนุษย์จำพวกนี้ เพราะไม่มีดอกฮะครับ สำนึกดี มีจริยธรรมคุณธรรมศีลธรรมดี นั่นแหละประชาธิปไตยที่ดี สังคมก็จะดีงามเอย มุมิมุมิ.. จุฟๆ
    Yay
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เราจะเพิ่มแรงกดดันให้ชาวอเมริกันตระหนักว่าพวกเขาจะต้องสูญเสียมากมายหากพวกเขาหยุดสนับสนุนประชาธิปไตยเสรีนิยมของยุโรป"

    แอนนาเลน่า แบร์บ็อค รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี ขู่สหรัฐท่ามกลางความเห็นของทรัมป์เกี่ยวกับเซเลนสกีและยูเครน
    "เราจะเพิ่มแรงกดดันให้ชาวอเมริกันตระหนักว่าพวกเขาจะต้องสูญเสียมากมายหากพวกเขาหยุดสนับสนุนประชาธิปไตยเสรีนิยมของยุโรป" แอนนาเลน่า แบร์บ็อค รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี ขู่สหรัฐท่ามกลางความเห็นของทรัมป์เกี่ยวกับเซเลนสกีและยูเครน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • วางแผนการเดิน "พระราชวังต้องห้าม" (ปักกิ่ง) ในวันเดียว

    ประวัติ "พระราชวังต้องห้าม" “จื่อจิ้นเฉิง”(紫禁城)
    ‘จื่อ’ (紫)แปลว่า สีม่วง ในวัฒนธรรมจีน หมายถึง ความศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงฐานะอันสูงส่งของฮ่องเต้ อย่างเช่นเวลาที่ฮ่องเต้เสด็จ ราชรถก็จะชูธงสีม่วงขึ้น ดังนั้น สีม่วงจึงใช้เป็นสัญลักษณ์ของราชสำนักอีกด้วย

    ‘จื่อ’ (紫) จากคำว่า จื่อจิ้นเฉิง(紫禁城) มาจาก จื่อเวยซิง(紫薇星)ที่เป็นชื่อดาวเหนือ เป็นเหมือนดาวพระราชา ดังนั้นเลยสื่อได้ว่า คนจีนในสมัยก่อนมองว่า จื่อจิ้นเฉิง หรือ พระราชวังต้องห้าม ถือเป็นศูนย์กลางของโลก และภายหลังจึงเปลี่ยนมาเรียก กู้กง(故宫) ที่มาจากคำว่า 故宫博物馆 หรือแปลว่า พิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้ามนั่นเอง

    พระราชวังต้องห้ามสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1368 ตรงกับสมัยจักรพรรดิองค์ที่ 3 ของราชวงศ์หมิง หรือจักรพรรดิหย่งเล่อ(永乐)ในตอนนั้นเมืองหลวงของจีนอยู่ที่เมืองหนานจิง(南京)หรือที่เรารู้จักกันว่านานกิง แต่ตอนนั้นฮ่องเต้ต้องการจะย้ายเมืองหลวงมาไว้ที่ปักกิ่ง(北京)

    สาเหตุก็เพราะต้องการถอนรากถอนโคนอำนาจเดิม เลยสร้างพระราชวังนี้ขึ้นมาในเมืองหลวงใหม่อย่างปักกิ่ง เพื่อใช้เป็นที่ประทับของราชวงศ์เท่านั้น ไม่อนุญาตให้ประชาชนคนนอกเข้ามาได้ และนี่ก็เลยเป็นที่มาของคำว่า ‘ต้องห้าม’ ในพระราชวังต้องห้ามนั่นเอง

    ในส่วนของตัวพระราชวังต้องห้าม พระราชวังต้องห้ามถือว่าเป็นหนึ่งในพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในโลก โครงสร้างจะแบ่งเป็น 3 ชั้น คือ ชั้นป้อมปราการที่มีกำแพงสูงกั้นไว้ ชั้นพระราชฐานชั้นนอกที่ฮ่องเต้ใช้ประกอบพิธีต่าง ๆ และสุดท้ายจะเป็นพระราชฐานชั้นใน เป็นที่ประทับของฮ่องเต้และเหล่าสนม

    นางกำนัล รวมแล้ว 9,000 คนและขันทีอีก 70,000 คน เรียกได้ว่าแม้จะพูดว่าห้ามคนนอกเข้า แต่ข้างในก็คนเยอะมาก

    ต่อมาสมัยราชวงศ์ชิง จริง ๆ ราชวงศ์หมิงสร้างพระราชวังต้องห้ามได้อย่างอลังการมากจนภายหลังราชวงศ์ชิงสามารถเข้าไปใช้ต่อได้เลย แต่กับฮ่องเต้บางพระองค์ก็จะไม่ค่อยประทับที่พระราชวังต้องห้าม เพราะราชวงศ์ชิงเป็นชาวแมนจู ซึ่งเป็นชนเผ่าที่อาศัยตามทุ่งหญ้าและป่าเขา ชอบขี่ม้า เลี้ยงสัตว์ พอมาอยู่ในพระราชวังต้องห้ามก็รู้สึกอึดอัด จนต้องไปสร้างพระราชวัง หรือ อุทยานอื่นในการประทับอยู่แทน อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่จะอยู่ที่พระราชวังต้องห้ามแห่งนี้กัน

    สมัยชิงสามารถยกให้เป็นสมัยแห่งการต่อเติมพระราชวังต้องห้ามให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิมได้เลย ที่เด่น ๆ จะเป็นสมัยของฮ่องเต้เฉียนหลง (ในเรื่องหรูอี้แหละ ยุคนั้น) ที่มีการสร้างอุทยานหนิงโซ่วกง (寧壽宮) หรือที่เราเรียกกันว่า สวนเฉียนหลง ไว้ทางตะวันออกเฉียงเหนือของพระราชวังต้องห้าม เพื่อใช้ประทับยามชรา
    เป็นอุทยานที่มีเอกลักษณ์มาก ๆ เพราะทุกอาคารเชื่อมถึงกัน มีภูเขาจำลองที่ประกอบไปด้วยทิวทัศน์ของต้นสน ต้นไผ่ ต้นเหมย อันเป็นสัญลักษณ์ของความสันโดษ ที่พระองค์ตั้งให้เป็นเหมือนแนวคิดหลักของอุทยานแห่งนี้ค่ะ (และนี่จะโยงกับเรื่องที่ว่าทำไมฝรั่งไม่เผาพระราชวังต้องห้าม)

    ไฮไลท์ อื่น ๆ ของพระราชวังต้องห้ามที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ ประตูอู่เหมิน(午门)เป็นประตูที่ใหญ่ที่สุดในพระราชวังต้องห้าม ในอดีตที่ประตูนี้เป็นที่รวมตัวกันของข้าราชการฝ่ายพลเรือนและทหารเพื่อฟังพระราชโองการหรือประกาศกำหนดการณ์ต่างๆ

    พระที่นั่งไท่เหอ(太和殿)โด่งดังมาก เพราะถือเป็นพระที่นั่งที่ใหญ่ที่สุดในพระราชวังต้องห้าม เป็นจุดศูนย์กลางและเป็นจุดสูงสุดของพระราชวังแห่งนี้เลย และยังมีอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในจีนอีกด้วย พระที่นั่งไท่เหอจะใช้ในงานพระราชพิธีสำคัญของราชสำนัก

    จัตุรัสเทียนอันเหมิน(天安门)อยู่ทางทิศเหนือของเขตพระราชวังต้องห้าม (ถ้าเข้าทางประตูอู่เหมินจะเจอเทียนอันเหมินก่อน) จะเห็นได้จากอนุสรณ์สถานประธานเหมาที่ตั้งอยู่อย่างเป็นเอกลักษณ์ในจัตุรัสแห่งนี้ ซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของสาธารณรัฐประชาชนจีน จัตุรัสเทียนอันเหมินเป็นสถานที่ที่สำคัญทางประวัติศาสตร์การเมืองของจีนมากทีเดียว เพราะเป็นอนุสรณ์ถึงความเสียสละเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย


    วางแผนการเดิน "พระราชวังต้องห้าม" (ปักกิ่ง) ในวันเดียว ประวัติ "พระราชวังต้องห้าม" “จื่อจิ้นเฉิง”(紫禁城) ‘จื่อ’ (紫)แปลว่า สีม่วง ในวัฒนธรรมจีน หมายถึง ความศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงฐานะอันสูงส่งของฮ่องเต้ อย่างเช่นเวลาที่ฮ่องเต้เสด็จ ราชรถก็จะชูธงสีม่วงขึ้น ดังนั้น สีม่วงจึงใช้เป็นสัญลักษณ์ของราชสำนักอีกด้วย ‘จื่อ’ (紫) จากคำว่า จื่อจิ้นเฉิง(紫禁城) มาจาก จื่อเวยซิง(紫薇星)ที่เป็นชื่อดาวเหนือ เป็นเหมือนดาวพระราชา ดังนั้นเลยสื่อได้ว่า คนจีนในสมัยก่อนมองว่า จื่อจิ้นเฉิง หรือ พระราชวังต้องห้าม ถือเป็นศูนย์กลางของโลก และภายหลังจึงเปลี่ยนมาเรียก กู้กง(故宫) ที่มาจากคำว่า 故宫博物馆 หรือแปลว่า พิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้ามนั่นเอง พระราชวังต้องห้ามสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1368 ตรงกับสมัยจักรพรรดิองค์ที่ 3 ของราชวงศ์หมิง หรือจักรพรรดิหย่งเล่อ(永乐)ในตอนนั้นเมืองหลวงของจีนอยู่ที่เมืองหนานจิง(南京)หรือที่เรารู้จักกันว่านานกิง แต่ตอนนั้นฮ่องเต้ต้องการจะย้ายเมืองหลวงมาไว้ที่ปักกิ่ง(北京) สาเหตุก็เพราะต้องการถอนรากถอนโคนอำนาจเดิม เลยสร้างพระราชวังนี้ขึ้นมาในเมืองหลวงใหม่อย่างปักกิ่ง เพื่อใช้เป็นที่ประทับของราชวงศ์เท่านั้น ไม่อนุญาตให้ประชาชนคนนอกเข้ามาได้ และนี่ก็เลยเป็นที่มาของคำว่า ‘ต้องห้าม’ ในพระราชวังต้องห้ามนั่นเอง ในส่วนของตัวพระราชวังต้องห้าม พระราชวังต้องห้ามถือว่าเป็นหนึ่งในพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในโลก โครงสร้างจะแบ่งเป็น 3 ชั้น คือ ชั้นป้อมปราการที่มีกำแพงสูงกั้นไว้ ชั้นพระราชฐานชั้นนอกที่ฮ่องเต้ใช้ประกอบพิธีต่าง ๆ และสุดท้ายจะเป็นพระราชฐานชั้นใน เป็นที่ประทับของฮ่องเต้และเหล่าสนม นางกำนัล รวมแล้ว 9,000 คนและขันทีอีก 70,000 คน เรียกได้ว่าแม้จะพูดว่าห้ามคนนอกเข้า แต่ข้างในก็คนเยอะมาก ต่อมาสมัยราชวงศ์ชิง จริง ๆ ราชวงศ์หมิงสร้างพระราชวังต้องห้ามได้อย่างอลังการมากจนภายหลังราชวงศ์ชิงสามารถเข้าไปใช้ต่อได้เลย แต่กับฮ่องเต้บางพระองค์ก็จะไม่ค่อยประทับที่พระราชวังต้องห้าม เพราะราชวงศ์ชิงเป็นชาวแมนจู ซึ่งเป็นชนเผ่าที่อาศัยตามทุ่งหญ้าและป่าเขา ชอบขี่ม้า เลี้ยงสัตว์ พอมาอยู่ในพระราชวังต้องห้ามก็รู้สึกอึดอัด จนต้องไปสร้างพระราชวัง หรือ อุทยานอื่นในการประทับอยู่แทน อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่จะอยู่ที่พระราชวังต้องห้ามแห่งนี้กัน สมัยชิงสามารถยกให้เป็นสมัยแห่งการต่อเติมพระราชวังต้องห้ามให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิมได้เลย ที่เด่น ๆ จะเป็นสมัยของฮ่องเต้เฉียนหลง (ในเรื่องหรูอี้แหละ ยุคนั้น) ที่มีการสร้างอุทยานหนิงโซ่วกง (寧壽宮) หรือที่เราเรียกกันว่า สวนเฉียนหลง ไว้ทางตะวันออกเฉียงเหนือของพระราชวังต้องห้าม เพื่อใช้ประทับยามชรา เป็นอุทยานที่มีเอกลักษณ์มาก ๆ เพราะทุกอาคารเชื่อมถึงกัน มีภูเขาจำลองที่ประกอบไปด้วยทิวทัศน์ของต้นสน ต้นไผ่ ต้นเหมย อันเป็นสัญลักษณ์ของความสันโดษ ที่พระองค์ตั้งให้เป็นเหมือนแนวคิดหลักของอุทยานแห่งนี้ค่ะ (และนี่จะโยงกับเรื่องที่ว่าทำไมฝรั่งไม่เผาพระราชวังต้องห้าม) ไฮไลท์ อื่น ๆ ของพระราชวังต้องห้ามที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ ประตูอู่เหมิน(午门)เป็นประตูที่ใหญ่ที่สุดในพระราชวังต้องห้าม ในอดีตที่ประตูนี้เป็นที่รวมตัวกันของข้าราชการฝ่ายพลเรือนและทหารเพื่อฟังพระราชโองการหรือประกาศกำหนดการณ์ต่างๆ พระที่นั่งไท่เหอ(太和殿)โด่งดังมาก เพราะถือเป็นพระที่นั่งที่ใหญ่ที่สุดในพระราชวังต้องห้าม เป็นจุดศูนย์กลางและเป็นจุดสูงสุดของพระราชวังแห่งนี้เลย และยังมีอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในจีนอีกด้วย พระที่นั่งไท่เหอจะใช้ในงานพระราชพิธีสำคัญของราชสำนัก จัตุรัสเทียนอันเหมิน(天安门)อยู่ทางทิศเหนือของเขตพระราชวังต้องห้าม (ถ้าเข้าทางประตูอู่เหมินจะเจอเทียนอันเหมินก่อน) จะเห็นได้จากอนุสรณ์สถานประธานเหมาที่ตั้งอยู่อย่างเป็นเอกลักษณ์ในจัตุรัสแห่งนี้ ซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของสาธารณรัฐประชาชนจีน จัตุรัสเทียนอันเหมินเป็นสถานที่ที่สำคัญทางประวัติศาสตร์การเมืองของจีนมากทีเดียว เพราะเป็นอนุสรณ์ถึงความเสียสละเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 270 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ ประเทศที่ชอบอ้างประชาธิปไตย เสรีภาพ ความเท่าเทียม แต่กลับมีความเหลื่อมล้ำ ความรุนแรง การใช้อาวุธ การเหยียดเชื้อชาติ และมีนายทุนนวัตกรรมอู้ฟู่ผงาดครองโลก
    #7ดอกจิก
    ♣ ประเทศที่ชอบอ้างประชาธิปไตย เสรีภาพ ความเท่าเทียม แต่กลับมีความเหลื่อมล้ำ ความรุนแรง การใช้อาวุธ การเหยียดเชื้อชาติ และมีนายทุนนวัตกรรมอู้ฟู่ผงาดครองโลก #7ดอกจิก
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • สื่อแจ้งตำรวจบุกจับสื่อ แต่องค์กรสื่อที่เรียกร้องเสรีภาพสื่อไม่หือไม่อือซักแอะ ประชาธิปไตยของโคตรคนดีย์
    สื่อแจ้งตำรวจบุกจับสื่อ แต่องค์กรสื่อที่เรียกร้องเสรีภาพสื่อไม่หือไม่อือซักแอะ ประชาธิปไตยของโคตรคนดีย์
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'สว.นันทนา' บอกเศรษฐกิจไทยวิกฤต ลั่นรื้อโครงสร้างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้เป็นกติกาประชาธิปไตย คือทางรอด
    https://www.thai-tai.tv/news/17271/
    'สว.นันทนา' บอกเศรษฐกิจไทยวิกฤต ลั่นรื้อโครงสร้างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้เป็นกติกาประชาธิปไตย คือทางรอด https://www.thai-tai.tv/news/17271/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสคนใหม่ประจำสิงคโปร์แถลงว่า ยุโรปไม่ต้องการให้ชาติเอเชียต้องเลือกระหว่างสหรัฐฯ และจีน ท่ามกลางกระแสการแข่งขันโลกเชี่ยวกราก ปูทางประธานาธิบดี เอ็มมานุเอล มาครง ขึ้นเวทีการประชุมแชงกรีลาไดอะล็อกฟอรัม พฤษภาคมนี้ ขณะที่สิงคโปร์เปิดอกรับเอเชียมองวอชิงตันทำตัวเหมือนเจ้าของที่กำลังเรียกเก็บค่าเช่า
    .
    รอยเตอร์รายงานวันอังคาร (18 ก.พ.) ว่า เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสคนใหม่ประจำสิงคโปร์ สตีเฟน มาร์กีซีโอ (Stephen Marchisio) เริ่มทำหน้าที่ตั้งแต่วันอังคาร (18) เปิดใจว่า ฝรั่งเศสเห็นแรงกดดันเพิ่มขึ้น “บางทีมาจากฝั่งสหรัฐฯ” ที่พันธมิตรในเอเชียจำเป็นต้องตัดสินใจเลือกข้าง”
    .
    เขาย้ำว่า “มันมีความสำคัญที่ต้องกล่าวว่าพวกเราสามารถพูดคุยได้กับทุกคน” และเสริมว่า “พวกเราไม่ต้องการให้ใครต้องเลือก”
    .
    ทูตแดนน้ำหอมคนใหม่ของประธานาธิบดีเอ็มมานุเอล มาครงให้สัมภาษณ์กับนักข่าวระหว่างอาหารค่ำในสิงคโปร์ที่ซึ่งมาครงจะเดินทางมาที่นี่เพื่อขึ้นกล่าวในการประชุมความมั่นคงแชงกรีลาฟอรัมในวันที่ 30 พ.ค.ที่จะถึง
    .
    มาร์กีซีโอกล่าวว่า ประธานาธิบดีมาครงจะขึ้นกล่าวยืนยันบนเวทีว่า ทุกชาติภายในภูมิภาคสามารถปกป้องผลประโยชน์ของชาติตัวเองได้
    .
    “พวกคุณสามารถทำได้ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เห็นด้วยกับรูปแบบทางการเมืองของจีน และคุณสามารถทำได้ถึงแม้คุณจะไม่ต้องการฐานทัพจากสหรัฐฯ ในดินแดนของพวกคุณก็ตาม”
    .
    สถานทูตสหรัฐฯ ในสิงคโปร์ได้ตอบคำถามรอยเตอร์ไปยังแถลงการณ์ของกลุ่ม G-7 ที่ลงนามในมิวนิกโดยฝรั่งเศสและสหรัฐฯ ที่กล่าวว่า สมาชิกทุกชาติมีพันธต่อภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่เสรี เปิดกว้าง และมั่นคง
    .
    ตามแถลงการณ์ทูตฝรั่งเศสชี้ว่า ยุโรปต้องสามัคคี
    .
    มาร์กีซีโอยังชี้ว่า ยุโรปต้องมีความสามัคคีที่รวมไปถึงการสั่งซื้ออาวุธอเมริกัน ที่ชี้ว่าเป็นการตอบโต้คำแถลงจากรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดีเจ แวนซ์ ในมิวนิกเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
    .
    ทูตแดนน้ำหอมกล่าวว่า มีบางประเทศมองความเกี่ยวข้องในการซื้ออาวุธเป็นหนทางที่จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก แต่ทว่ามุมมองนี้เปลี่ยนไปแล้วโดยเฉพาะหลังจากที่รองประธานาธิบดีแวนซ์ของสหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณผ่านำแถลงที่เผ็ดร้อนในการประชุมมิวนิกฟอรัมในยุโรป
    .
    “เกิดอะไรขึ้นในมิวนิก? เขาพยายามโจมตีแก่นกลางของประชาธิปไตย” และเสริมต่อว่า “ดังนั้นมันจึงทำให้เกิดไปสู่คำถามอื่นต่อ”
    .
    ดังนั้นเวลานี้ประเทศในยุโรปอาจจะไม่ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์อเมริกัน และเสริมต่อว่าเป็นเพราะไม่มีหลักประกันในการทำเช่นนั้นจะช่วยผ่อนคลายความกดดันของสหรัฐฯ ลงหรือวาทะโจมตีแสดงความเป็นปรปักษ์
    .
    “พวกเราไม่ต้องการที่จะกล่าวว่า ..แต่พวกเราจะตอบโต้หากว่าพวกเราต้องทำ” โดยอ้างไปถึงภาษีและแรงกดดันอื่นๆ ของสหรัฐฯ
    .
    มาร์กีซีโอรายงานว่า สถานการณ์ที่ดีที่สุดของฝรั่งเศสคือการไม่ต้องการตอบโต้เอาคืนจากการที่ทั้งสหรัฐอเมริกาและชาติยุโรปต่างมีผลประโยชน์ร่วมกันมากมายรวมไปถึงอุตสาหกรรม
    .
    การแสดงความเห็นของทูตฝรั่งเศสคนใหม่สะท้อนความเห็นรัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์ อึ้ง เอ็ง เฮง (Ng Eng Hen) ที่แถลงในการประชุมความมั่นคงยุโรปว่า “ภาพของอเมริกาที่มีต่อเอเชียได้เปลี่ยนไป”
    .
    “ภาพลักษณ์เปลี่ยนไปจากผู้ปลดปล่อยไปสู่ผู้สร้างความปั่นป่วนไปสู่เจ้าของที่ต้องการเรียกเก็บค่าเช่า”
    .
    บลูมเบิร์กรายงานวันจันทร์ (17) ว่า อึ้ง เอ็ง เฮง แถลงในการประชุมนอกรอบที่การประชุมความมั่นคงมิวนิกว่า แนวคิดที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลาหลายปีหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
    .
    ทั้งนี้ เว็บไซต์รัฐบาลสิงคโปร์ได้โพสต์เมื่อสุดสัปดาห์ในคำแถลงของรัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์กล่าววิจารณ์สหรัฐฯ ในการประชุมมิวนิก
    .
    คำแถลงเกิดขึ้นหลังรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่สมัยทรัมป์มืดมัวตาบอดไม่สนใจต่อประวัติศาสตร์ที่เป็นมาของพันธมิตรนาโตเปิดฉากแผนการหารือตรงกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูตินต่ออนาคตของสงครามเครมลินในยูเครน
    .
    บลูมเบิร์กวิเคราะห์ว่า สิงคโปร์เป็นเหมือนเช่นชาติส่วนใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ต้องการแสวงหาทางสายกลางในการเพิ่มขึ้นของภาพที่ซับซ้อนทางการเมืองเชิงภูมิศาสตร์ เพื่อเสาะหาความสัมพันธ์ที่สมดุลกับสหรัฐอเมริกาในฐานะหุ้นส่วนความมั่นคงหลักและต่อจีนในฐานะแหล่งของการพัฒนาและหนึ่งในพันธมิตรทางการค้าที่ใหญ่ที่สุดของตัวเอง
    .
    ทั้งนี้สหรัฐฯ ในสมัยอดีตรัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน อเมริกาได้ทำงานเพื่อสร้างข้อผูกพันทางความมั่นคงภายในภูมิภาคต่อต้านการรุกคืบจากจีนในทะเลจีนใต้ และเป็นความวิตกทางความมั่นคงที่ยังคงเกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นของปักกิ่งในการนำไต้หวันกลับสู่อ้อมอกอีกครั้งในอนาคตไม่ว่าจะเป็นการใช้กำลังหรือไม่
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016775
    ..............
    Sondhi X
    เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสคนใหม่ประจำสิงคโปร์แถลงว่า ยุโรปไม่ต้องการให้ชาติเอเชียต้องเลือกระหว่างสหรัฐฯ และจีน ท่ามกลางกระแสการแข่งขันโลกเชี่ยวกราก ปูทางประธานาธิบดี เอ็มมานุเอล มาครง ขึ้นเวทีการประชุมแชงกรีลาไดอะล็อกฟอรัม พฤษภาคมนี้ ขณะที่สิงคโปร์เปิดอกรับเอเชียมองวอชิงตันทำตัวเหมือนเจ้าของที่กำลังเรียกเก็บค่าเช่า . รอยเตอร์รายงานวันอังคาร (18 ก.พ.) ว่า เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสคนใหม่ประจำสิงคโปร์ สตีเฟน มาร์กีซีโอ (Stephen Marchisio) เริ่มทำหน้าที่ตั้งแต่วันอังคาร (18) เปิดใจว่า ฝรั่งเศสเห็นแรงกดดันเพิ่มขึ้น “บางทีมาจากฝั่งสหรัฐฯ” ที่พันธมิตรในเอเชียจำเป็นต้องตัดสินใจเลือกข้าง” . เขาย้ำว่า “มันมีความสำคัญที่ต้องกล่าวว่าพวกเราสามารถพูดคุยได้กับทุกคน” และเสริมว่า “พวกเราไม่ต้องการให้ใครต้องเลือก” . ทูตแดนน้ำหอมคนใหม่ของประธานาธิบดีเอ็มมานุเอล มาครงให้สัมภาษณ์กับนักข่าวระหว่างอาหารค่ำในสิงคโปร์ที่ซึ่งมาครงจะเดินทางมาที่นี่เพื่อขึ้นกล่าวในการประชุมความมั่นคงแชงกรีลาฟอรัมในวันที่ 30 พ.ค.ที่จะถึง . มาร์กีซีโอกล่าวว่า ประธานาธิบดีมาครงจะขึ้นกล่าวยืนยันบนเวทีว่า ทุกชาติภายในภูมิภาคสามารถปกป้องผลประโยชน์ของชาติตัวเองได้ . “พวกคุณสามารถทำได้ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เห็นด้วยกับรูปแบบทางการเมืองของจีน และคุณสามารถทำได้ถึงแม้คุณจะไม่ต้องการฐานทัพจากสหรัฐฯ ในดินแดนของพวกคุณก็ตาม” . สถานทูตสหรัฐฯ ในสิงคโปร์ได้ตอบคำถามรอยเตอร์ไปยังแถลงการณ์ของกลุ่ม G-7 ที่ลงนามในมิวนิกโดยฝรั่งเศสและสหรัฐฯ ที่กล่าวว่า สมาชิกทุกชาติมีพันธต่อภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่เสรี เปิดกว้าง และมั่นคง . ตามแถลงการณ์ทูตฝรั่งเศสชี้ว่า ยุโรปต้องสามัคคี . มาร์กีซีโอยังชี้ว่า ยุโรปต้องมีความสามัคคีที่รวมไปถึงการสั่งซื้ออาวุธอเมริกัน ที่ชี้ว่าเป็นการตอบโต้คำแถลงจากรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดีเจ แวนซ์ ในมิวนิกเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา . ทูตแดนน้ำหอมกล่าวว่า มีบางประเทศมองความเกี่ยวข้องในการซื้ออาวุธเป็นหนทางที่จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก แต่ทว่ามุมมองนี้เปลี่ยนไปแล้วโดยเฉพาะหลังจากที่รองประธานาธิบดีแวนซ์ของสหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณผ่านำแถลงที่เผ็ดร้อนในการประชุมมิวนิกฟอรัมในยุโรป . “เกิดอะไรขึ้นในมิวนิก? เขาพยายามโจมตีแก่นกลางของประชาธิปไตย” และเสริมต่อว่า “ดังนั้นมันจึงทำให้เกิดไปสู่คำถามอื่นต่อ” . ดังนั้นเวลานี้ประเทศในยุโรปอาจจะไม่ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์อเมริกัน และเสริมต่อว่าเป็นเพราะไม่มีหลักประกันในการทำเช่นนั้นจะช่วยผ่อนคลายความกดดันของสหรัฐฯ ลงหรือวาทะโจมตีแสดงความเป็นปรปักษ์ . “พวกเราไม่ต้องการที่จะกล่าวว่า ..แต่พวกเราจะตอบโต้หากว่าพวกเราต้องทำ” โดยอ้างไปถึงภาษีและแรงกดดันอื่นๆ ของสหรัฐฯ . มาร์กีซีโอรายงานว่า สถานการณ์ที่ดีที่สุดของฝรั่งเศสคือการไม่ต้องการตอบโต้เอาคืนจากการที่ทั้งสหรัฐอเมริกาและชาติยุโรปต่างมีผลประโยชน์ร่วมกันมากมายรวมไปถึงอุตสาหกรรม . การแสดงความเห็นของทูตฝรั่งเศสคนใหม่สะท้อนความเห็นรัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์ อึ้ง เอ็ง เฮง (Ng Eng Hen) ที่แถลงในการประชุมความมั่นคงยุโรปว่า “ภาพของอเมริกาที่มีต่อเอเชียได้เปลี่ยนไป” . “ภาพลักษณ์เปลี่ยนไปจากผู้ปลดปล่อยไปสู่ผู้สร้างความปั่นป่วนไปสู่เจ้าของที่ต้องการเรียกเก็บค่าเช่า” . บลูมเบิร์กรายงานวันจันทร์ (17) ว่า อึ้ง เอ็ง เฮง แถลงในการประชุมนอกรอบที่การประชุมความมั่นคงมิวนิกว่า แนวคิดที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลาหลายปีหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง . ทั้งนี้ เว็บไซต์รัฐบาลสิงคโปร์ได้โพสต์เมื่อสุดสัปดาห์ในคำแถลงของรัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์กล่าววิจารณ์สหรัฐฯ ในการประชุมมิวนิก . คำแถลงเกิดขึ้นหลังรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่สมัยทรัมป์มืดมัวตาบอดไม่สนใจต่อประวัติศาสตร์ที่เป็นมาของพันธมิตรนาโตเปิดฉากแผนการหารือตรงกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูตินต่ออนาคตของสงครามเครมลินในยูเครน . บลูมเบิร์กวิเคราะห์ว่า สิงคโปร์เป็นเหมือนเช่นชาติส่วนใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ต้องการแสวงหาทางสายกลางในการเพิ่มขึ้นของภาพที่ซับซ้อนทางการเมืองเชิงภูมิศาสตร์ เพื่อเสาะหาความสัมพันธ์ที่สมดุลกับสหรัฐอเมริกาในฐานะหุ้นส่วนความมั่นคงหลักและต่อจีนในฐานะแหล่งของการพัฒนาและหนึ่งในพันธมิตรทางการค้าที่ใหญ่ที่สุดของตัวเอง . ทั้งนี้สหรัฐฯ ในสมัยอดีตรัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน อเมริกาได้ทำงานเพื่อสร้างข้อผูกพันทางความมั่นคงภายในภูมิภาคต่อต้านการรุกคืบจากจีนในทะเลจีนใต้ และเป็นความวิตกทางความมั่นคงที่ยังคงเกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นของปักกิ่งในการนำไต้หวันกลับสู่อ้อมอกอีกครั้งในอนาคตไม่ว่าจะเป็นการใช้กำลังหรือไม่ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016775 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2178 มุมมอง 0 รีวิว
  • อยากมีเลือกตั้ง อยากมีเสรีภาพ อยากเป็นประชาธิปไตย
    แล้วก็อยากให้บริหารแบบระบอบสังคมนิยม
    WTF!
    อยากมีเลือกตั้ง อยากมีเสรีภาพ อยากเป็นประชาธิปไตย แล้วก็อยากให้บริหารแบบระบอบสังคมนิยม WTF!
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เกี่ยวกับความพยายามของมูลนิธิ WordPress ที่ต้องการควบคุมเครื่องหมายการค้าของ "Hosted WordPress" และ "Managed WordPress" ให้มากขึ้น ซึ่งนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมายที่มากขึ้นสำหรับ Matt Mullenweg ซีอีโอของมูลนิธิ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2024 WordPress ภายใต้การนำของ Mullenweg ได้มีความขัดแย้งกับ WP Engine เกี่ยวกับใบอนุญาตและการมีส่วนร่วมในชุมชน WordPress โดย Mullenweg ได้บล็อก WP Engine จากทรัพยากรโอเพ่นซอร์สซึ่งในเวลาต่อมาได้มีคำสั่งศาลให้เปิดการเข้าถึงและยกเลิกข้อจำกัดต่าง ๆ

    มูลนิธิ WordPress ยังพยายามจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของ "Hosted WordPress" และ "Managed WordPress" แต่ได้ถูกคำขอให้ยกเลิกจาก Unprotected.org เว็บไซต์ที่วิจารณ์ Mullenweg จนทำให้สำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าแห่งสหรัฐ (USPTO) ต้องการการปฏิเสธคำขอจดทะเบียนในตอนแรก แม้ว่าการร้องขอครั้งนี้จะไม่ใช่การปฏิเสธอย่างเด็ดขาด

    การกระทำเหล่านี้ทำให้มีผู้ตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นผู้นำของ Mullenweg โดยเฉพาะเมื่อพนักงานของ Automatic (บริษัทที่ Mullenweg บริหาร) กว่า 159 คนได้ลาออกเนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการบริหารของเขา

    การที่มูลนิธิ WordPress พยายามควบคุมเครื่องหมายการค้าดังกล่าวทำให้ผู้ให้บริการโฮสต์หลายรายกังวลเกี่ยวกับอนาคตของผลิตภัณฑ์โฮสต์ WordPress ของพวกเขาและความเป็นไปได้ที่จะถูกมูลนิธิ WordPress ดำเนินการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการละเมิดเครื่องหมายการค้า นอกจากนี้มีบางคนยังเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำของ WordPress โดยเสนอชื่อ Joost de Valk ผู้พัฒนา Yoast SEO เป็นผู้ที่ควรเข้ามาแทนที่ Mullenweg

    สถานการณ์นี้มีความหมายต่ออนาคตของแพลตฟอร์ม WordPress ที่ปัจจุบันครองส่วนแบ่งมากกว่า 43% ของเว็บไซต์ทั่วโลก แต่หากผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งพัฒนาเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ของตัวเองเพิ่มมากขึ้น จำนวนการใช้งาน WordPress อาจลดลงในอนาคต

    เหตุการณ์นี้ยังเป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สจะมีการประชาสัมพันธ์เพื่อให้เป็นประชาธิปไตยในการเผยแพร่ข้อมูล แต่ความเป็นผู้นำเดียวสามารถสร้างความขัดแย้งได้ ฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงผู้นำอาจเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาเพื่อให้ชุมชน WordPress แข็งแกร่งและมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น

    https://www.techradar.com/pro/website-hosting/wordpress-foundation-bid-for-greater-trademark-control-halted-adding-to-more-legal-setbacks-for-ceo-matt-mullenweg
    ข่าวนี้เกี่ยวกับความพยายามของมูลนิธิ WordPress ที่ต้องการควบคุมเครื่องหมายการค้าของ "Hosted WordPress" และ "Managed WordPress" ให้มากขึ้น ซึ่งนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมายที่มากขึ้นสำหรับ Matt Mullenweg ซีอีโอของมูลนิธิ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2024 WordPress ภายใต้การนำของ Mullenweg ได้มีความขัดแย้งกับ WP Engine เกี่ยวกับใบอนุญาตและการมีส่วนร่วมในชุมชน WordPress โดย Mullenweg ได้บล็อก WP Engine จากทรัพยากรโอเพ่นซอร์สซึ่งในเวลาต่อมาได้มีคำสั่งศาลให้เปิดการเข้าถึงและยกเลิกข้อจำกัดต่าง ๆ มูลนิธิ WordPress ยังพยายามจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของ "Hosted WordPress" และ "Managed WordPress" แต่ได้ถูกคำขอให้ยกเลิกจาก Unprotected.org เว็บไซต์ที่วิจารณ์ Mullenweg จนทำให้สำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าแห่งสหรัฐ (USPTO) ต้องการการปฏิเสธคำขอจดทะเบียนในตอนแรก แม้ว่าการร้องขอครั้งนี้จะไม่ใช่การปฏิเสธอย่างเด็ดขาด การกระทำเหล่านี้ทำให้มีผู้ตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นผู้นำของ Mullenweg โดยเฉพาะเมื่อพนักงานของ Automatic (บริษัทที่ Mullenweg บริหาร) กว่า 159 คนได้ลาออกเนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการบริหารของเขา การที่มูลนิธิ WordPress พยายามควบคุมเครื่องหมายการค้าดังกล่าวทำให้ผู้ให้บริการโฮสต์หลายรายกังวลเกี่ยวกับอนาคตของผลิตภัณฑ์โฮสต์ WordPress ของพวกเขาและความเป็นไปได้ที่จะถูกมูลนิธิ WordPress ดำเนินการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการละเมิดเครื่องหมายการค้า นอกจากนี้มีบางคนยังเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำของ WordPress โดยเสนอชื่อ Joost de Valk ผู้พัฒนา Yoast SEO เป็นผู้ที่ควรเข้ามาแทนที่ Mullenweg สถานการณ์นี้มีความหมายต่ออนาคตของแพลตฟอร์ม WordPress ที่ปัจจุบันครองส่วนแบ่งมากกว่า 43% ของเว็บไซต์ทั่วโลก แต่หากผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งพัฒนาเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ของตัวเองเพิ่มมากขึ้น จำนวนการใช้งาน WordPress อาจลดลงในอนาคต เหตุการณ์นี้ยังเป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สจะมีการประชาสัมพันธ์เพื่อให้เป็นประชาธิปไตยในการเผยแพร่ข้อมูล แต่ความเป็นผู้นำเดียวสามารถสร้างความขัดแย้งได้ ฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงผู้นำอาจเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาเพื่อให้ชุมชน WordPress แข็งแกร่งและมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น https://www.techradar.com/pro/website-hosting/wordpress-foundation-bid-for-greater-trademark-control-halted-adding-to-more-legal-setbacks-for-ceo-matt-mullenweg
    WWW.TECHRADAR.COM
    WordPress Foundation bid for greater trademark control halted, adding to more legal setbacks for CEO Matt Mullenweg
    WordPress Foundation requested to disclaim rights to Hosted WordPress and Managed WordPress
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนเรียกร้องสหรัฐฯ "แก้ไขความผิดพลาด" หลังจากกระทรวงการต่างประเทศอเมริกาถอดถ้อยคำ "ไม่สนับสนุนเอกราชไต้หวัน" ออกจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ แม้ทางวอชิงตันอ้างว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของการอัปเดตตามปกติ
    .
    กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้มีการอัปเดตเอกสารข้อเท็จจริงเกี่ยวกับไต้หวันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คงไว้ซึ่งจุดยืนของวอชิงตันในการคัดค้านการเปลี่ยนแปลงสถานภาพปัจจุบันแต่เพียงฝ่ายเดียวจากทั้งไต้หวันและจีน ซึ่งอ้างว่าเกาะปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตยแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดน
    .
    อย่างไรก็ตาม ในการอัปเดตดังกล่าว ได้มีการลบถ้อยคำ "เราไม่สนับสนุนเอกราชไต้หวัน" ออกไป พร้อมอ้างอิงเพิ่มเติมเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างไต้หวันกับเพนตากอน ในด้านโครงการพัฒนาเทคโนโลยีและเซมิคอนดักเตอร์ และบอกว่าสหรัฐฯ จะสนับสนุนสถานภาพสมาชิกของไต้หวันในองค์กรระหว่างประเทศทั้งหลายตามความเหมาะสม
    .
    ที่ผ่านมา ปักกิ่งออกมาประณามเป็นประจำ ต่อความเคลื่อนไหวให้การรับรองไต้หวันในระดับสากล หรือการติดต่อระหว่างพวกเจ้าหน้าที่ไต้หวันกับเจ้าหน้าที่ต่างชาติ มองว่ามันเป็นการสนับสนุนสถานะแยกดินแดนของไต้หวันออกจากจีน
    .
    การอัปเดตบนเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มีขึ้นราว 3 สัปดาห์ หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สาบานตนเข้ารับตำแหน่งเป็นสมัย 2
    .
    กัว เจียคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ระบุว่าการแก้ไขใหม่เกี่ยวกับไต้หวัน บนเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เป็นการก้าวถอยหลังครั้งใหญ่ และเป็นการ "ส่งข้อความผิดๆ อย่างร้ายแรงถึงกองกำลังแบ่งแยกดินแดนเอกราชไต้หวัน"
    .
    "มันเป็นตัวอย่างอีกครั้งของความดื้อดึงของสหรัฐฯ ในการยึดถือนโยบายผิดพลาดแห่งการใช้ไต้หวันกดขี่จีน เราเรียกร้องให้ฝ่ายอเมริกาแก้ไขความผิดพลาดในทันที" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุ
    .
    สหรัฐฯ ก็เหมือนกับประเทศส่วนใหญ่ที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับไต้หวัน แต่พวกเขาเป็นผู้สนับสนุนระดับนานาชาติที่เข้มแข็งที่สุด มีพันธสัญญาภายใต้กฎหมายที่ต้องมอบหนทางแห่งการป้องกันตนเองแก่เกาะแห่งนี้
    .
    "เป็นไปตามปกติ มีการอัปเดตเอกสารข้อเท็จจริงเพื่อแจ้งกับสาธารณชนเกี่ยวกับความสัมพันธ์อย่างไม่เป็นทางการของเรากับไต้หวัน" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุในช่วงค่ำวันอาทิตย์ (16 ก.พ.) "สหรัฐฯ ยังคงมีพันธสัญญาต่อนโยบายจีนเดียว" อ้างถึงจุดยืนอย่างเป็นทางการของวอชิงตัน ที่ไม่รับรองเอกราชไต้หวัน และยอมรับแต่เพียงสถานะของจีนในประเด็นนี้
    .
    อย่างไรก็ตาม โฆษกรายนี้บอกว่า "สหรัฐฯ มุ่งมั่นสงวนไว้ซึ่งสันติภาพแลเเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน เราคัดค้านการเปลี่ยนแปลงแต่เพียงฝ่ายเดียวต่อสถานภาพปัจจุบันไม่ว่าจะจากฝ่ายไหน เราสนับสนุนการเจรจาข้ามช่องแคบ และเราคาดหมายว่าความเห็นต่างข้ามช่องแคบจะคลี่คลายด้วยวิธีทางแห่งสันติ ปราศจากการกดขี่ ในแนวทางซึ่งเป็นที่ยอมรับของประชาชนจาก 2 ฟากฝั่งของช่องแคบ"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000015975
    ..............
    Sondhi X
    จีนเรียกร้องสหรัฐฯ "แก้ไขความผิดพลาด" หลังจากกระทรวงการต่างประเทศอเมริกาถอดถ้อยคำ "ไม่สนับสนุนเอกราชไต้หวัน" ออกจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ แม้ทางวอชิงตันอ้างว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของการอัปเดตตามปกติ . กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้มีการอัปเดตเอกสารข้อเท็จจริงเกี่ยวกับไต้หวันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คงไว้ซึ่งจุดยืนของวอชิงตันในการคัดค้านการเปลี่ยนแปลงสถานภาพปัจจุบันแต่เพียงฝ่ายเดียวจากทั้งไต้หวันและจีน ซึ่งอ้างว่าเกาะปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตยแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดน . อย่างไรก็ตาม ในการอัปเดตดังกล่าว ได้มีการลบถ้อยคำ "เราไม่สนับสนุนเอกราชไต้หวัน" ออกไป พร้อมอ้างอิงเพิ่มเติมเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างไต้หวันกับเพนตากอน ในด้านโครงการพัฒนาเทคโนโลยีและเซมิคอนดักเตอร์ และบอกว่าสหรัฐฯ จะสนับสนุนสถานภาพสมาชิกของไต้หวันในองค์กรระหว่างประเทศทั้งหลายตามความเหมาะสม . ที่ผ่านมา ปักกิ่งออกมาประณามเป็นประจำ ต่อความเคลื่อนไหวให้การรับรองไต้หวันในระดับสากล หรือการติดต่อระหว่างพวกเจ้าหน้าที่ไต้หวันกับเจ้าหน้าที่ต่างชาติ มองว่ามันเป็นการสนับสนุนสถานะแยกดินแดนของไต้หวันออกจากจีน . การอัปเดตบนเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มีขึ้นราว 3 สัปดาห์ หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สาบานตนเข้ารับตำแหน่งเป็นสมัย 2 . กัว เจียคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ระบุว่าการแก้ไขใหม่เกี่ยวกับไต้หวัน บนเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เป็นการก้าวถอยหลังครั้งใหญ่ และเป็นการ "ส่งข้อความผิดๆ อย่างร้ายแรงถึงกองกำลังแบ่งแยกดินแดนเอกราชไต้หวัน" . "มันเป็นตัวอย่างอีกครั้งของความดื้อดึงของสหรัฐฯ ในการยึดถือนโยบายผิดพลาดแห่งการใช้ไต้หวันกดขี่จีน เราเรียกร้องให้ฝ่ายอเมริกาแก้ไขความผิดพลาดในทันที" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุ . สหรัฐฯ ก็เหมือนกับประเทศส่วนใหญ่ที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับไต้หวัน แต่พวกเขาเป็นผู้สนับสนุนระดับนานาชาติที่เข้มแข็งที่สุด มีพันธสัญญาภายใต้กฎหมายที่ต้องมอบหนทางแห่งการป้องกันตนเองแก่เกาะแห่งนี้ . "เป็นไปตามปกติ มีการอัปเดตเอกสารข้อเท็จจริงเพื่อแจ้งกับสาธารณชนเกี่ยวกับความสัมพันธ์อย่างไม่เป็นทางการของเรากับไต้หวัน" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุในช่วงค่ำวันอาทิตย์ (16 ก.พ.) "สหรัฐฯ ยังคงมีพันธสัญญาต่อนโยบายจีนเดียว" อ้างถึงจุดยืนอย่างเป็นทางการของวอชิงตัน ที่ไม่รับรองเอกราชไต้หวัน และยอมรับแต่เพียงสถานะของจีนในประเด็นนี้ . อย่างไรก็ตาม โฆษกรายนี้บอกว่า "สหรัฐฯ มุ่งมั่นสงวนไว้ซึ่งสันติภาพแลเเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน เราคัดค้านการเปลี่ยนแปลงแต่เพียงฝ่ายเดียวต่อสถานภาพปัจจุบันไม่ว่าจะจากฝ่ายไหน เราสนับสนุนการเจรจาข้ามช่องแคบ และเราคาดหมายว่าความเห็นต่างข้ามช่องแคบจะคลี่คลายด้วยวิธีทางแห่งสันติ ปราศจากการกดขี่ ในแนวทางซึ่งเป็นที่ยอมรับของประชาชนจาก 2 ฟากฝั่งของช่องแคบ" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000015975 .............. Sondhi X
    Like
    10
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1509 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจเยอรมัน ประเทศประชาธิปไตย

    หากเป็นตำรวจไทยทำแบบนี้ สื่อคงรุมถล่มฉีกเป็นชิ้นๆ
    ตำรวจเยอรมัน ประเทศประชาธิปไตย หากเป็นตำรวจไทยทำแบบนี้ สื่อคงรุมถล่มฉีกเป็นชิ้นๆ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 25 0 รีวิว
  • ทรัมป์สั่งยุบ NED องค์กรบังหน้า CIA หลังถูกเปิดโปงบทบาทแทรกแซงการเมืองโลก พร้อมลดขนาดสถานทูตทั่วโลก เดินหน้าปรับโครงสร้างกระทรวงต่างประเทศ

    รัฐบาลทรัมป์เดินหน้าปฏิรูประบบราชการครั้งใหญ่ เริ่มจากการระงับงบประมาณทั้งหมดของ National Endowment for Democracy (NED) องค์กรที่ก่อตั้งปี 1983 ภายใต้การอ้างว่าเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่สนับสนุนประชาธิปไตยทั่วโลก แต่ถูกกล่าวหาว่าเป็นหน่วยบังหน้าของ CIA ในการแทรกแซงการเมืองต่างประเทศ

    โดย Elon Musk หัวหน้าแผนกประสิทธิภาพรัฐบาล (DOGE) เรียก NED ว่าเป็น "องค์กรชั่วร้าย" ที่ต้องถูกยุบ สอดคล้องกับรายงานของ Center for Renewal America ที่เปิดโปงบทบาท NED ในฐานะ "ปลายหอก" ของ CIA ซึ่งจัดสรรเงินหลายสิบล้านดอลลาร์สนับสนุนการปฏิวัติในยูเครน ทั้ง "ปฏิวัติสีส้ม" และ "ปฏิวัติไมดาน" รวมถึงสนับสนุน "การปฏิวัติสี" ในจอร์เจีย คีร์กีซสถาน และให้ทุนกลุ่มต่อต้านในเบลารุส เซอร์เบีย และอียิปต์ การตัดงบครั้งนี้ส่งผลให้ NED ไม่สามารถจ่ายเงินเดือนพนักงานและปฏิบัติตามข้อผูกพันทางการเงินได้

    นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งให้สถานทูตอเมริกันทั่วโลกลดจำนวนเจ้าหน้าที่ทั้งชาวอเมริกันและท้องถิ่นลง 10% ภายในสัปดาห์นี้ โดยเริ่มจากการเลิกจ้างพนักงานสัญญาจ้างด้านประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และแรงงานไปแล้ว 60 คน เพื่อปรับโครงสร้างกระทรวงการต่างประเทศให้สอดคล้องกับนโยบายต่างประเทศของทรัมป์

    .
    https://www.imctnews.com/news_details-news-6728.html
    ทรัมป์สั่งยุบ NED องค์กรบังหน้า CIA หลังถูกเปิดโปงบทบาทแทรกแซงการเมืองโลก พร้อมลดขนาดสถานทูตทั่วโลก เดินหน้าปรับโครงสร้างกระทรวงต่างประเทศ รัฐบาลทรัมป์เดินหน้าปฏิรูประบบราชการครั้งใหญ่ เริ่มจากการระงับงบประมาณทั้งหมดของ National Endowment for Democracy (NED) องค์กรที่ก่อตั้งปี 1983 ภายใต้การอ้างว่าเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่สนับสนุนประชาธิปไตยทั่วโลก แต่ถูกกล่าวหาว่าเป็นหน่วยบังหน้าของ CIA ในการแทรกแซงการเมืองต่างประเทศ โดย Elon Musk หัวหน้าแผนกประสิทธิภาพรัฐบาล (DOGE) เรียก NED ว่าเป็น "องค์กรชั่วร้าย" ที่ต้องถูกยุบ สอดคล้องกับรายงานของ Center for Renewal America ที่เปิดโปงบทบาท NED ในฐานะ "ปลายหอก" ของ CIA ซึ่งจัดสรรเงินหลายสิบล้านดอลลาร์สนับสนุนการปฏิวัติในยูเครน ทั้ง "ปฏิวัติสีส้ม" และ "ปฏิวัติไมดาน" รวมถึงสนับสนุน "การปฏิวัติสี" ในจอร์เจีย คีร์กีซสถาน และให้ทุนกลุ่มต่อต้านในเบลารุส เซอร์เบีย และอียิปต์ การตัดงบครั้งนี้ส่งผลให้ NED ไม่สามารถจ่ายเงินเดือนพนักงานและปฏิบัติตามข้อผูกพันทางการเงินได้ นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งให้สถานทูตอเมริกันทั่วโลกลดจำนวนเจ้าหน้าที่ทั้งชาวอเมริกันและท้องถิ่นลง 10% ภายในสัปดาห์นี้ โดยเริ่มจากการเลิกจ้างพนักงานสัญญาจ้างด้านประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และแรงงานไปแล้ว 60 คน เพื่อปรับโครงสร้างกระทรวงการต่างประเทศให้สอดคล้องกับนโยบายต่างประเทศของทรัมป์ . https://www.imctnews.com/news_details-news-6728.html
    Haha
    Like
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 317 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์อยากให้รัสเซียกลับมาเข้าร่วมกลุ่ม G7 อีกครั้ง

    "ผมอยากให้พวกเขากลับมา ผมคิดว่าการไล่พวกเขาออกไปเป็นความผิดพลาด"
    "มันไม่ใช่คำถามว่าชอบหรือไม่ชอบรัสเซีย แต่มันคือ G8"
    "พวกเขาควรนั่งร่วมโต๊ะกัน ผมคิดว่าปูตินคงอยากกลับมา" ทรัมป์กล่าว
    .
    ข้อมูลเพิ่มเติม:
    - ทรัมป์พยายามดึงรัสเซียเข้าร่วมกลุ่ม G8 อีกครั้งตั้งแต่สมัยแรกของเขา

    - กลุ่ม G7 คือ กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2518 โดยมีสมาชิก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น และแคนาดา แต่ในฉากหลัง เป็นความพยายามรวมกลุ่มของมหาอำนาจด้านประชาธิปไตยของโลกตะวันตก เพื่อมีอำนาจต่อเศรษฐกิจโลก

    - รัสเซียเข้าร่วมกลุ่ม G7 อย่างเป็นทางการในปี 1998 ส่งผลให้เกิดเป็นกลุ่มประเทศ G8 การที่กลุ่ม G7 เชิญรัสเซียเข้าร่วม เป็นการตัดสินใจจากเหตุผลทางการเมือง เนื่องจากในขณะนั้นรัสเซียยังไม่ใช่ประเทศมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจ แต่เพื่อดึงรัสเซียให้เข้าสู่ระเบียบโลกตามแบบตะวันตก เนื่องจากขณะนั้นรัสเซียแสดงท่าทีสนับสนุนสหรัฐอเมริกาและโลกตะวันตกอย่างมาก ต่อมาการเป็นสมาชิกของรัสเซียถูกเมิน เพราะรัสเซียเริ่มต่อต้านระเบียบโลกตะวันตกรุนแรงขึ้น จนในที่สุดก็ถูกขับออกจาก G7 ในปี 2014 จากเหตุการณ์ผนวกดินแดนไครเมียของยูเครนในปี 2557 (2014) ส่งผลให้เหลือเพียง G7 ในปัจจุบัน

    - จีนไม่เคยได้รับการพิจารณาให้เป็นส่วนหนึ่งของ G7 เพราะจีนต่อต้านโดยตรงกับระเบียบโลกตามแนวคิดพื้นฐานของสหรัฐอเมริกาและตะวันตก ซึ่งในส่วนลึกแล้วเป็นเหตุผลเดียวกับที่รัสเซียถูกขับออก เหตุการณ์ไครเมียเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อความชอบธรรม
    ทรัมป์อยากให้รัสเซียกลับมาเข้าร่วมกลุ่ม G7 อีกครั้ง "ผมอยากให้พวกเขากลับมา ผมคิดว่าการไล่พวกเขาออกไปเป็นความผิดพลาด" "มันไม่ใช่คำถามว่าชอบหรือไม่ชอบรัสเซีย แต่มันคือ G8" "พวกเขาควรนั่งร่วมโต๊ะกัน ผมคิดว่าปูตินคงอยากกลับมา" ทรัมป์กล่าว . ข้อมูลเพิ่มเติม: - ทรัมป์พยายามดึงรัสเซียเข้าร่วมกลุ่ม G8 อีกครั้งตั้งแต่สมัยแรกของเขา - กลุ่ม G7 คือ กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2518 โดยมีสมาชิก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น และแคนาดา แต่ในฉากหลัง เป็นความพยายามรวมกลุ่มของมหาอำนาจด้านประชาธิปไตยของโลกตะวันตก เพื่อมีอำนาจต่อเศรษฐกิจโลก - รัสเซียเข้าร่วมกลุ่ม G7 อย่างเป็นทางการในปี 1998 ส่งผลให้เกิดเป็นกลุ่มประเทศ G8 การที่กลุ่ม G7 เชิญรัสเซียเข้าร่วม เป็นการตัดสินใจจากเหตุผลทางการเมือง เนื่องจากในขณะนั้นรัสเซียยังไม่ใช่ประเทศมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจ แต่เพื่อดึงรัสเซียให้เข้าสู่ระเบียบโลกตามแบบตะวันตก เนื่องจากขณะนั้นรัสเซียแสดงท่าทีสนับสนุนสหรัฐอเมริกาและโลกตะวันตกอย่างมาก ต่อมาการเป็นสมาชิกของรัสเซียถูกเมิน เพราะรัสเซียเริ่มต่อต้านระเบียบโลกตะวันตกรุนแรงขึ้น จนในที่สุดก็ถูกขับออกจาก G7 ในปี 2014 จากเหตุการณ์ผนวกดินแดนไครเมียของยูเครนในปี 2557 (2014) ส่งผลให้เหลือเพียง G7 ในปัจจุบัน - จีนไม่เคยได้รับการพิจารณาให้เป็นส่วนหนึ่งของ G7 เพราะจีนต่อต้านโดยตรงกับระเบียบโลกตามแนวคิดพื้นฐานของสหรัฐอเมริกาและตะวันตก ซึ่งในส่วนลึกแล้วเป็นเหตุผลเดียวกับที่รัสเซียถูกขับออก เหตุการณ์ไครเมียเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อความชอบธรรม
    Like
    Yay
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 308 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐอเมริกา ดินแดนประชาธิปไตย ยังคงเป็นเครื่องจักรผลิตสงคราม สร้างความขัดแย้งบนโลกนี้ต่อไป

    ถ้าทรัมป์เป็นผู้นำไทย บรรดาผู้คลั่งประชาธิปไตยในไทยทั้งหลายคงบอกว่า "ผิดที่รัฐธรรมนูญ" ต้องแก้รัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญทำให้การเลือกตั้งบิดเบี้ยว เลือกคนผิดมาเป็นผู้นำ
    สหรัฐอเมริกา ดินแดนประชาธิปไตย ยังคงเป็นเครื่องจักรผลิตสงคราม สร้างความขัดแย้งบนโลกนี้ต่อไป ถ้าทรัมป์เป็นผู้นำไทย บรรดาผู้คลั่งประชาธิปไตยในไทยทั้งหลายคงบอกว่า "ผิดที่รัฐธรรมนูญ" ต้องแก้รัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญทำให้การเลือกตั้งบิดเบี้ยว เลือกคนผิดมาเป็นผู้นำ
    สหรัฐฯมีความตั้งใจปรับเปลี่ยนโฟกัสด้านการทหาร ให้ความสำคัญลำดับต้นๆต่อการเผชิญหน้ากับการแผ่ขยายอิทธิพลของจีนในอินโด-แปซิฟิก เช่นเดียวกับการป้องกันมาตุภูมิ จากคำประกาศกร้าวของ พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมอเมริกา(เพนตากอน)
    .
    ระหว่างกล่าวกับที่ประชุมสนับสนุนยูเครน ของเหล่ารัฐมนตรีกลาโหมนาโตและบรรดาชาตินอกสมาชิกนาโต ในกรุงบรัสเซลส์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งหมาดๆ ส่งสัญญาณเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายของวอชิงตัน และเรียกร้องให้พวกพันธมิตรยุโรปเข้ารับหน้าที่เป็นผู้นำในด้านความมั่นคงของตนเอง
    .
    เฮกเซธ เน้นย้ำว่า "ข้อเท็จจริงทางยุทธศาสตร์" บีบให้วอชิงตัน ต้องหันไปมุ่งเน้นคุ้มกันชายแดนของตนเองและตอบโต้ภัยคุกคามจากปักกิ่ง "สหรัฐฯต้องเผชิญกับภัยคุกคามสืบเนื่อง ที่มีต่อมาตุภูมิของเรา" เขากล่าว พร้อมบอกว่า "เราต้อง และเรากำลังมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับความมั่นคงของชายแดนของเรา"
    .
    รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ระบุ จีน คือภัยคุกคามสำคัญที่สุด โดยให้คำจำกัดความปักกิ่งว่าเป็น "คู่แข่งที่ทัดเทียม" ทั้งในแง่ศักยภาพและความตั้งใจคุกคามผลประโยชน์แห่งชาติของสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
    .
    "สหรัฐฯให้ความสำคัญลำดับต้นๆกับการป้องปรามสงครามกับจีนในแปซิฟิก ตะหนักถึงความเป็นจริงเกี่ยวกับปัญหาขาดแคลน และต้องเลือกทุ่มเททรัพยากรไปที่สิ่งหนึ่งสิ่งใด เพื่อรับประกันว่าการป้องปรามนั้นจะไม่ล้มเหลว" เฮกเซธระบุ
    .
    ความเป็นคู่อริทางยุทธศาสตร์ระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่ง ทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทั้ง 2 ชาติต่างยกระดับการปรากฏตัวทางทหารและเศรษฐกิจในอินโด-แปซิฟิก ในขณะที่สหรัฐฯส่งเสียงเตือนซ้ำๆในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากความเคลื่อนไหวเสริมกำลังทหารและความทะเยอทะยานในระดับภูมิภาคของจีน
    .
    มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เน้นย้ำจุดยืนดังกล่าวเช่นกัน ประกาศกร้าวว่าการตอบโต้จีน จะเป็นแก่นกลางนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯระหว่างการดำรงตำแหน่งสมัย 2 ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเขากล่าวหาพรรคคอมมิวนิสต์จีน "โกหก หลอกลวง เจาะระบบและขโมยข้อมูล เปิดทางสู่สถานะมหาอำนาจโลก โดยที่เราต้องเป็นฝ่ายชดใช้"
    .
    รูบิโอ ยังได้วิพากษ์วิจารณ์นโยบายต่างๆนานาของสหรัฐฯก่อนหน้านี้ ซึ่งอนุญาตให้ห่วงโซ่อุปทานสำคัญๆโยกย้ายไปยังจีน เตือนว่ามันทำให้การผลิตของอเมริกาตกอยู่ในความอ่อนแอ นอกจากนี้แล้วเขายังเรียกร้องให้ใช้มาตรการที่แข็งกร้าวกว่าเดิม ในการจำกัดอิทธิพลของปักกิ่งในอินโด-แปซิฟิก และที่อื่นๆ
    .
    ปักกิ่งปฏิเสธอย่างแข็งกร้าวมาตลอดต่อข้อกล่าวหานี้ พร้อมชี้ว่าสหรัฐฯคือขุมกำลังหลักที่บ่นทอนเสถียรภาพในภูมิภาค กระทรวงกลาโหมของจีนประณามความพยายามของวอชิงตัน ในการยกระดับปรากฏตัวทางทหารในอินโด-แปซิฟิก ว่าเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์อย่างกว้างขวาง ในความพยายาม "ควบคุมจีน" และปั้นแต่งเรื่องเล่า "ภัยคุกคามจากจีน" แบบเลยเถิด
    .
    นอกจากนี้แล้ว จีน ยังได้วิพากษ์วิจารณ์สหรัฐฯ ต่อกรณีกระชับความสัมพันธ์ทางทหารกับไต้หวัน เน้นย้ำว่าพวกเขามองว่าเกาะปกครองตนเองแห่งนี้เป็นดินแดนที่ไม่อาจแบ่งแยกได้ของประเทศ ภายใต้หลักการ "จีนเดียว" ทั้งนี้ที่ผ่านมา ปักกิ่ง ประณามวอชิงตัน ต่อการขายอาวุธต่างๆนานาให้ไทเป กล่าวหาว่าอเมริกาปลุกปั่นสถานการณ์ความตึงเครียด
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000014311
    ..............
    Sondhi X
    Like
    Angry
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจ้าหน้าที่รัฐ "ใช้อำนาจเกินขอบเขตที่กฎหมายกำหนด" ทำให้ผู้ประกอบการได้รับความเสีย จนถูกฟ้องร้อง ผลคำตัดสินของศาลระบุว่า เจ้าหน้าที่รัฐผู้นั้นมีความผิด

    แต่สังคมส่วนหนึ่ง พยายามเข้าข้างเจ้าหน้าที่รัฐ โดยกล่าวหาผู้ประกอบการว่า เป็น "นายทุน" ที่ใช้อิทธิพลทำให้ผลของคำตัดสินเข้าข้างนายทุน

    ในทำนองเดียวกัน หากเจ้าหน้าที่รัฐ "ใช้อำนาจเกินขอบเขตที่กฎหมายกำหนด" กับประชาชนธรรมดา สังคมคงรุมประณามเจ้าหน้าที่รัฐรายนั้น

    สิ่งที่ทุกคนควรตระหนักคือ ทุกคนต้องอยู่ภายใต้ของกฎหมาย

    ประเทศที่มีประชาธิปไตยควรอยู่ภายใต้หลักนิติรัฐ การกระทำใดๆ ต้องมีกฎหมายให้อำนาจ หากเจ้าหน้าที่รัฐทำเกินอำนาจหน้าที่จากที่กฎหมายกำหนด ควรมีความผิด และต้องได้รับการลงโทษ
    เจ้าหน้าที่รัฐ "ใช้อำนาจเกินขอบเขตที่กฎหมายกำหนด" ทำให้ผู้ประกอบการได้รับความเสีย จนถูกฟ้องร้อง ผลคำตัดสินของศาลระบุว่า เจ้าหน้าที่รัฐผู้นั้นมีความผิด แต่สังคมส่วนหนึ่ง พยายามเข้าข้างเจ้าหน้าที่รัฐ โดยกล่าวหาผู้ประกอบการว่า เป็น "นายทุน" ที่ใช้อิทธิพลทำให้ผลของคำตัดสินเข้าข้างนายทุน ในทำนองเดียวกัน หากเจ้าหน้าที่รัฐ "ใช้อำนาจเกินขอบเขตที่กฎหมายกำหนด" กับประชาชนธรรมดา สังคมคงรุมประณามเจ้าหน้าที่รัฐรายนั้น สิ่งที่ทุกคนควรตระหนักคือ ทุกคนต้องอยู่ภายใต้ของกฎหมาย ประเทศที่มีประชาธิปไตยควรอยู่ภายใต้หลักนิติรัฐ การกระทำใดๆ ต้องมีกฎหมายให้อำนาจ หากเจ้าหน้าที่รัฐทำเกินอำนาจหน้าที่จากที่กฎหมายกำหนด ควรมีความผิด และต้องได้รับการลงโทษ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • องค์กรเฝ้าระวังการเลือกตั้งระหว่างประเทศเรียกร้องประชาคมโลกให้ปฏิเสธการสนับสนุนการเลือกตั้งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของรัฐบาลทหารพม่า

    สถาบันระหว่างประเทศเพื่อความช่วยเหลือด้านประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง (International IDEA) เครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้งเสรี (ANFREL) และสโมสรคลับ เดอ มาดริด (Club de Madrid) ได้ออกคำแถลงร่วมโดยย้ำถึงความกังวลที่เคยกล่าวถึงครั้งแรกในคำประกาศปี 2566 ในการปฏิเสธการเลือกตั้งที่นำโดยรัฐบาลทหาร โดยมองว่าเป็นความพยายามที่จะรักษาอำนาจการปกครองของตนเองไว้มากกว่าที่จะฟื้นฟูประชาธิปไตย

    กลุ่มกล่าวว่าการเลือกตั้งที่แท้จริงในพม่านั้นจะเป็นไปไม่ได้ภายใต้เงื่อนไขปัจจุบัน ที่พรรคฝ่ายค้านถูกห้ามมีส่วนร่วม ผู้นำทางการเมืองและนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยถูกจำคุก และเสรีภาพของสื่อถูกปิดกั้น

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000013060

    #MGROnline #รัฐบาลทหารพม่า
    องค์กรเฝ้าระวังการเลือกตั้งระหว่างประเทศเรียกร้องประชาคมโลกให้ปฏิเสธการสนับสนุนการเลือกตั้งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของรัฐบาลทหารพม่า • สถาบันระหว่างประเทศเพื่อความช่วยเหลือด้านประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง (International IDEA) เครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้งเสรี (ANFREL) และสโมสรคลับ เดอ มาดริด (Club de Madrid) ได้ออกคำแถลงร่วมโดยย้ำถึงความกังวลที่เคยกล่าวถึงครั้งแรกในคำประกาศปี 2566 ในการปฏิเสธการเลือกตั้งที่นำโดยรัฐบาลทหาร โดยมองว่าเป็นความพยายามที่จะรักษาอำนาจการปกครองของตนเองไว้มากกว่าที่จะฟื้นฟูประชาธิปไตย • กลุ่มกล่าวว่าการเลือกตั้งที่แท้จริงในพม่านั้นจะเป็นไปไม่ได้ภายใต้เงื่อนไขปัจจุบัน ที่พรรคฝ่ายค้านถูกห้ามมีส่วนร่วม ผู้นำทางการเมืองและนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยถูกจำคุก และเสรีภาพของสื่อถูกปิดกั้น • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000013060 • #MGROnline #รัฐบาลทหารพม่า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประเทศอยู่เย็นเป็นสุขได้เพราะ ๓ สถาบันหลัก คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยมีทหารเป็นรั้วปกปักรักษาอธิปไตยของชาติและประชาชน

    มาถึงยุคประชาธิปไตยตามก้นอเมริกา ซึ่งมีประธานาธิบดีเป็นใหญ่ ก็พยายามล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เหลือเพียงเป็นสัญลักษณ์ โดยการยุแยก ใส่ร้ายต่าง ๆ นา ๆ ผ่านกลุ่มคนรุ่นใหม่ และนักวิชาการในสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งไร้รากเรียนรู้ในประวัติศาสตร์ชาติตน ขาดความภาคภูมิใจในมาตุภูมิของตน เป็น กองหน้าทะลวงฟัน ด้วยความเขลา เบาปัญญา ขาดสติยั้งคิด จึงก่อความเดือดร้อนให้ตนและครอบครัว ติดคุกติดตาราง บ้างก็หนีไปอยู่ต่างแดน ซึ่งจะไม่มีแผ่นดินใดในโลกน่าอยู่เหมือนแผ่นดินไทย
    ทหารของพระราชา ซึ่งเป็นจอมทัพไทย ไม่คิดรังแกประชาชน ไม่คิดปฏิวัติแบ่งชิงอำนาจของประชาชน

    ที่ผ่านมาเมื่อบ้านเมืองวุ่นวายจากการโกงกิน การไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม การใช้อำนาจบาทใหญ่ของนักการเมืองเลว ทหารก็ต้องออกมาแก้ปัญหา เพื่อรักษาชาติไว้ให้มั่นคง แม้บางกลุ่มจะไม่ถูกใจ ด่าเช้าด่าเย็น สร้างความทุกข์ใจให้แก่ตนเองอย่างแสนสาหัส มองไม่เห็นความดีของคนตั้งใจรักษาชาติแม้แต่น้อย แต่ทหารก็ยังอดทน เตรียมกำลังตั้งมั่น เมื่อชาติและประชาชนเดือดร้อน ทหารก็ออกมาช่วยเหลือทันที
    ประเทศอยู่เย็นเป็นสุขได้เพราะ ๓ สถาบันหลัก คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยมีทหารเป็นรั้วปกปักรักษาอธิปไตยของชาติและประชาชน มาถึงยุคประชาธิปไตยตามก้นอเมริกา ซึ่งมีประธานาธิบดีเป็นใหญ่ ก็พยายามล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เหลือเพียงเป็นสัญลักษณ์ โดยการยุแยก ใส่ร้ายต่าง ๆ นา ๆ ผ่านกลุ่มคนรุ่นใหม่ และนักวิชาการในสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งไร้รากเรียนรู้ในประวัติศาสตร์ชาติตน ขาดความภาคภูมิใจในมาตุภูมิของตน เป็น กองหน้าทะลวงฟัน ด้วยความเขลา เบาปัญญา ขาดสติยั้งคิด จึงก่อความเดือดร้อนให้ตนและครอบครัว ติดคุกติดตาราง บ้างก็หนีไปอยู่ต่างแดน ซึ่งจะไม่มีแผ่นดินใดในโลกน่าอยู่เหมือนแผ่นดินไทย ทหารของพระราชา ซึ่งเป็นจอมทัพไทย ไม่คิดรังแกประชาชน ไม่คิดปฏิวัติแบ่งชิงอำนาจของประชาชน ที่ผ่านมาเมื่อบ้านเมืองวุ่นวายจากการโกงกิน การไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม การใช้อำนาจบาทใหญ่ของนักการเมืองเลว ทหารก็ต้องออกมาแก้ปัญหา เพื่อรักษาชาติไว้ให้มั่นคง แม้บางกลุ่มจะไม่ถูกใจ ด่าเช้าด่าเย็น สร้างความทุกข์ใจให้แก่ตนเองอย่างแสนสาหัส มองไม่เห็นความดีของคนตั้งใจรักษาชาติแม้แต่น้อย แต่ทหารก็ยังอดทน เตรียมกำลังตั้งมั่น เมื่อชาติและประชาชนเดือดร้อน ทหารก็ออกมาช่วยเหลือทันที
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เอาคืนทุกดอก แล้วบอกรักประชาธิปไตย"
    หลังจากทรัมป์เพิ่งประกาศเพิกถอนใบอนุญาตด้านความปลอดภัยของโจ ไบเดน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งทำให้เขาไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลสรุปข่าวกรองประจำวันได้ โดยอ้างเหตุผลด้านความจำ จนทำให้ไม่สามารถไว้วางใจให้ไบเดนดูแลข้อมูลที่ละเอียดอ่อนได้อีกต่อไป

    ล่าสุดวันนี้มีรายงานเพิ่มเติมว่าทรัมป์เพิ่งยกเลิกใบอนุญาตด้านความปลอดภัยอีกครั้ง ทำให้ไม่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลด้านความปลอดภัยของประเทศ ไดแก่
    "แอนโธนี บลิงเคน" รัฐมนตรีต่างประเทศ
    "เลติเทีย เจมส์" อัยการสูงสุดของรัฐนิวยอร์ก
    "อัลวิน แบร็ก" อัยการเขตแมนฮัตตัน

    ทรัมป์ยังมีคำสั่งห้ามพวกเขาเข้าไปในอาคารของรัฐบาลกลางโดยอ้างว่าเป็นขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติจากอดีตนักการเมือง

    มีรายงานเพิ่มเติมว่า ยังมีเจ้าหน้าที่อีกหลายคนที่ทรัมป์เล็งเป้า เช่น เจค ซัลลิแวน อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของไบเดน ซึ่งไม่น่าจะรอดพ้นเงื้อมมือของทรัมป์ไปได้

    การกระทำของทรัมป์กำลังถูกวิจารณ์จากสื่อฝ่ายตรงข้าม เนื่องจากเรื่องเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐอเมริกา ซึ่งทรัมป์มุ่งเป้าหมายไปที่การแก้แค้นส่วนตัวและกำจัดศัตรูทางการเมือง ซึ่งถือเป็นการทำลายหลักนิติธรรมที่สหรัฐเชิดชูมาอย่างยาวนาน และยังเป็นแบบอย่างให้กับหลานประเทศทั่วโลก
    "เอาคืนทุกดอก แล้วบอกรักประชาธิปไตย" หลังจากทรัมป์เพิ่งประกาศเพิกถอนใบอนุญาตด้านความปลอดภัยของโจ ไบเดน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งทำให้เขาไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลสรุปข่าวกรองประจำวันได้ โดยอ้างเหตุผลด้านความจำ จนทำให้ไม่สามารถไว้วางใจให้ไบเดนดูแลข้อมูลที่ละเอียดอ่อนได้อีกต่อไป ล่าสุดวันนี้มีรายงานเพิ่มเติมว่าทรัมป์เพิ่งยกเลิกใบอนุญาตด้านความปลอดภัยอีกครั้ง ทำให้ไม่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลด้านความปลอดภัยของประเทศ ไดแก่ "แอนโธนี บลิงเคน" รัฐมนตรีต่างประเทศ "เลติเทีย เจมส์" อัยการสูงสุดของรัฐนิวยอร์ก "อัลวิน แบร็ก" อัยการเขตแมนฮัตตัน ทรัมป์ยังมีคำสั่งห้ามพวกเขาเข้าไปในอาคารของรัฐบาลกลางโดยอ้างว่าเป็นขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติจากอดีตนักการเมือง มีรายงานเพิ่มเติมว่า ยังมีเจ้าหน้าที่อีกหลายคนที่ทรัมป์เล็งเป้า เช่น เจค ซัลลิแวน อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของไบเดน ซึ่งไม่น่าจะรอดพ้นเงื้อมมือของทรัมป์ไปได้ การกระทำของทรัมป์กำลังถูกวิจารณ์จากสื่อฝ่ายตรงข้าม เนื่องจากเรื่องเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐอเมริกา ซึ่งทรัมป์มุ่งเป้าหมายไปที่การแก้แค้นส่วนตัวและกำจัดศัตรูทางการเมือง ซึ่งถือเป็นการทำลายหลักนิติธรรมที่สหรัฐเชิดชูมาอย่างยาวนาน และยังเป็นแบบอย่างให้กับหลานประเทศทั่วโลก
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 211 มุมมอง 0 รีวิว
  • เป็นไงล่ะพวกคลั่ง🦅เขาไม่ยอมรับเพศอื่นๆนอกจาก "ชาย&หญิง"เท่านั้นประชาธิปไตยตัวพ่อแม้แต่ในโรงเรียนก็ห้ามเด็ดขาดจะว่าไปฉันก็ชอบ"ทรัมป์ นะเพราะเขาจะหยุดสงครามและกำลังสั่งหยุดการส่งเงินให้พวก"NGO"ทั้งหลายที่ป่วนโลกยุบ"ยูเสดเปิดโปร่งขบวนการก่อการร้ายทั่วโลกก็ต้องดูกันต่อไปว่าจะทำได้อย่างที่พูดไหม#ไม่เห็นด้วยกับการเทคโอเวอร์..กาซ่า"NOนั่นเป็นประเทศปาเลนไตย์เขานะจะมายึดกันแบบนี้ไม่ได้🤚
    เป็นไงล่ะพวกคลั่ง🦅เขาไม่ยอมรับเพศอื่นๆนอกจาก "ชาย&หญิง"เท่านั้นประชาธิปไตยตัวพ่อแม้แต่ในโรงเรียนก็ห้ามเด็ดขาดจะว่าไปฉันก็ชอบ"ทรัมป์ นะเพราะเขาจะหยุดสงครามและกำลังสั่งหยุดการส่งเงินให้พวก"NGO"ทั้งหลายที่ป่วนโลกยุบ"ยูเสดเปิดโปร่งขบวนการก่อการร้ายทั่วโลกก็ต้องดูกันต่อไปว่าจะทำได้อย่างที่พูดไหม#ไม่เห็นด้วยกับการเทคโอเวอร์..กาซ่า"NOนั่นเป็นประเทศปาเลนไตย์เขานะจะมายึดกันแบบนี้ไม่ได้🤚
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ครั้งหนึ่งไบเดนเคยข่มขู่ยูเครนว่าจะยึดเงินกู้ 1 พันล้านดอลลาร์ที่ USAID ค้ำประกัน เว้นแต่ยูเครนจะไล่อัยการที่ทำการสอบสวนบริษัท Burisma ซึ่งเป็นบริษัทที่ฮันเตอร์ ไบเดน ลูกชายของเขาทำงานอยู่

    ส่วน วิกตอเรีย นูลแลนด์ เคยใช้ USAID ในการออกหน้าระดมทุนเพื่อสนับสนุนการก่อความไม่สงบในยูเครนที่จัตุรัสไมดาน และล้มล้างรัฐบาลของยานูโควิช ซึ่งถือเป็นจุดกำเนิดของสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย

    USAID ไม่ใช่ "องค์กรความช่วยเหลือ" แต่เป็นเครื่องมือสำหรับการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง การแบล็กเมล์ และการแทรกแซงประเทศต่างๆ

    ภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อประชาธิปไตยไม่ได้มาจากต่างประเทศ แต่มาจากภายในรัฐบาลสหรัฐตลอดมา
    ครั้งหนึ่งไบเดนเคยข่มขู่ยูเครนว่าจะยึดเงินกู้ 1 พันล้านดอลลาร์ที่ USAID ค้ำประกัน เว้นแต่ยูเครนจะไล่อัยการที่ทำการสอบสวนบริษัท Burisma ซึ่งเป็นบริษัทที่ฮันเตอร์ ไบเดน ลูกชายของเขาทำงานอยู่ ส่วน วิกตอเรีย นูลแลนด์ เคยใช้ USAID ในการออกหน้าระดมทุนเพื่อสนับสนุนการก่อความไม่สงบในยูเครนที่จัตุรัสไมดาน และล้มล้างรัฐบาลของยานูโควิช ซึ่งถือเป็นจุดกำเนิดของสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย USAID ไม่ใช่ "องค์กรความช่วยเหลือ" แต่เป็นเครื่องมือสำหรับการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง การแบล็กเมล์ และการแทรกแซงประเทศต่างๆ ภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อประชาธิปไตยไม่ได้มาจากต่างประเทศ แต่มาจากภายในรัฐบาลสหรัฐตลอดมา
    Like
    Sad
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 240 มุมมอง 0 รีวิว
  • การตัดงบ USAID ส่งผลกระทบถึงสื่อทั่วโลก นักข่าวหลายพันชีวิต รวมทั้งสื่อหลายร้อยแห่งอาจต้องปิดตัวลง!

    องค์กรนักข่าวไร้พรมแดน (RSF) เปิดเผยว่า การตัดเงินช่วยเหลือนี้ จะกระทบกับวงการสื่อ และนักข่าวหลายพันคน เพราะที่ผ่านมา USAID เป็นผู้ให้ทุนสนับสนุนนักข่าวกว่า 6,200 คน สื่อที่ไม่ใช่ของรัฐอีก 707 แห่ง และองค์กรพัฒนาเอกชนที่เน้นด้านสื่อ 279 แห่ง ในกว่า 30 ประเทศ (ข้อมูลปี 2023)

    สื่อในยูเครน อิหร่าน เบลารุส ระส่ำหนัก หลังโดนตัดเงินทุน!
    RSF เน้นย้ำว่า สื่ออิสระเหล่านี้ทำงานอย่างเสรีมีอิสระของเนื้อหา นอกจากนี้ USAID ยังเป็นผู้บริจาคหลักให้กับสื่ออิสระในยูเครน ซึ่งสื่อ 9 ใน 10 แห่งต้องพึ่งพาเงินอุดหนุนจากองค์การนี้ โดยตอนนี้ สื่อของยูเครนหลายแห่งได้ประกาศระงับกิจกรรมและกำลังมองหาวิธีแก้ปัญหาอื่นๆ แล้ว

    ขณะเดียวกัน สื่อในประเทศอื่นๆ อย่างเบลารุส หรืออิหร่าน ก็ประกาศถึงการได้รับผลกระทบ และหยุดกิจกรรมบางส่วนไปแล้วเช่นกัน

    RSF ยังกล่าวอีกว่า สื่อเหล่านี้ เป็นนักข่าวอิสระโดยแท้จริง ที่ทำงานด้วยความมุ่งมั่นในการตรวจสอบความโปร่งใสของการเลือกตั้งในประเทศต่างๆ รวมไปถึงประเด็นเรื่องเสรีภาพ และการตรวจสอบรัฐบาลในหลายประเทศที่ยังคงมีความเป็นเผด็จการ ซึ่งเชื่อว่า การลดเงิน จะส่งผลต่อเสรีภาพสื่อ และการส่งเสริมประชาธิปไตยทั่วโลก
    การตัดงบ USAID ส่งผลกระทบถึงสื่อทั่วโลก นักข่าวหลายพันชีวิต รวมทั้งสื่อหลายร้อยแห่งอาจต้องปิดตัวลง! องค์กรนักข่าวไร้พรมแดน (RSF) เปิดเผยว่า การตัดเงินช่วยเหลือนี้ จะกระทบกับวงการสื่อ และนักข่าวหลายพันคน เพราะที่ผ่านมา USAID เป็นผู้ให้ทุนสนับสนุนนักข่าวกว่า 6,200 คน สื่อที่ไม่ใช่ของรัฐอีก 707 แห่ง และองค์กรพัฒนาเอกชนที่เน้นด้านสื่อ 279 แห่ง ในกว่า 30 ประเทศ (ข้อมูลปี 2023) สื่อในยูเครน อิหร่าน เบลารุส ระส่ำหนัก หลังโดนตัดเงินทุน! RSF เน้นย้ำว่า สื่ออิสระเหล่านี้ทำงานอย่างเสรีมีอิสระของเนื้อหา นอกจากนี้ USAID ยังเป็นผู้บริจาคหลักให้กับสื่ออิสระในยูเครน ซึ่งสื่อ 9 ใน 10 แห่งต้องพึ่งพาเงินอุดหนุนจากองค์การนี้ โดยตอนนี้ สื่อของยูเครนหลายแห่งได้ประกาศระงับกิจกรรมและกำลังมองหาวิธีแก้ปัญหาอื่นๆ แล้ว ขณะเดียวกัน สื่อในประเทศอื่นๆ อย่างเบลารุส หรืออิหร่าน ก็ประกาศถึงการได้รับผลกระทบ และหยุดกิจกรรมบางส่วนไปแล้วเช่นกัน RSF ยังกล่าวอีกว่า สื่อเหล่านี้ เป็นนักข่าวอิสระโดยแท้จริง ที่ทำงานด้วยความมุ่งมั่นในการตรวจสอบความโปร่งใสของการเลือกตั้งในประเทศต่างๆ รวมไปถึงประเด็นเรื่องเสรีภาพ และการตรวจสอบรัฐบาลในหลายประเทศที่ยังคงมีความเป็นเผด็จการ ซึ่งเชื่อว่า การลดเงิน จะส่งผลต่อเสรีภาพสื่อ และการส่งเสริมประชาธิปไตยทั่วโลก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 261 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ซึ่งเคยมีหลักการนำ AI ไปใช้งานในแบบที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย ได้ทำการเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้โดยการเปิดโอกาสให้พัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอาวุธ นโยบายใหม่นี้ถูกสังเกตครั้งแรกโดย Bloomberg ซึ่งได้พบว่า Google ได้ลบข้อความสำคัญในหลักการ AI ของตนที่เคยระบุไว้ว่าจะไม่พัฒนาเทคโนโลยีที่ "อาจก่อให้เกิดความเสียหาย" รวมถึงอาวุธด้วย

    ในคำตอบต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ Google ได้ชี้ไปที่บล็อกโพสต์ที่เผยแพร่โดย James Manyika รองประธานอาวุโสของ Google และ Demis Hassabis ผู้บริหาร Google DeepMind ซึ่งกล่าวว่าประชาธิปไตยควรเป็นผู้นำในการพัฒนา AI โดยมีค่านิยมหลัก เช่น เสรีภาพ ความเท่าเทียมกัน และการเคารพสิทธิมนุษยชน

    การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกิดความกังวลในหมู่นักวิชาการด้าน AI โดย Margaret Mitchell อดีตหัวหน้าทีม AI ของ Google และปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ที่ Hugging Face ได้กล่าวว่า "การลบข้อความเรื่องความเสียหายออกไปนั้นหมายความว่า Google อาจกำลังพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถฆ่าคนได้โดยตรง"

    แม้ว่า Google จะยืนยันว่า AI ของตนจะไม่ถูกใช้ในการทำลายมนุษย์ แต่การที่บริษัทเริ่มทำงานร่วมกับหน่วยงานทหารมากขึ้น เช่น การให้บริการคลาวด์กับกองทัพสหรัฐและอิสราเอล ก็ทำให้เกิดความกังวลภายในบริษัทเอง

    สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ Google คาดหวังว่าจะได้รับทุนวิจัยและพัฒนาจากแหล่งรัฐบาลมากขึ้น ทำให้การพัฒนา AI ของ Google ก้าวหน้าเร็วขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ Google สามารถแข่งขันกับบริษัทคู่แข่งที่มีส่วนร่วมในโครงการ AI ทหารอยู่แล้วได้มากขึ้น

    สรุปแล้ว Google ได้เปลี่ยนนโยบาย AI ที่เคยยึดหลักไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย โดยการเปิดโอกาสให้พัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอาวุธ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกิดความกังวลและวิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็มีโอกาสที่จะทำให้การพัฒนา AI ก้าวหน้าเร็วขึ้น

    https://www.techspot.com/news/106646-google-abandons-do-no-harm-ai-stance-opens.html
    Google ซึ่งเคยมีหลักการนำ AI ไปใช้งานในแบบที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย ได้ทำการเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้โดยการเปิดโอกาสให้พัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอาวุธ นโยบายใหม่นี้ถูกสังเกตครั้งแรกโดย Bloomberg ซึ่งได้พบว่า Google ได้ลบข้อความสำคัญในหลักการ AI ของตนที่เคยระบุไว้ว่าจะไม่พัฒนาเทคโนโลยีที่ "อาจก่อให้เกิดความเสียหาย" รวมถึงอาวุธด้วย ในคำตอบต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ Google ได้ชี้ไปที่บล็อกโพสต์ที่เผยแพร่โดย James Manyika รองประธานอาวุโสของ Google และ Demis Hassabis ผู้บริหาร Google DeepMind ซึ่งกล่าวว่าประชาธิปไตยควรเป็นผู้นำในการพัฒนา AI โดยมีค่านิยมหลัก เช่น เสรีภาพ ความเท่าเทียมกัน และการเคารพสิทธิมนุษยชน การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกิดความกังวลในหมู่นักวิชาการด้าน AI โดย Margaret Mitchell อดีตหัวหน้าทีม AI ของ Google และปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ที่ Hugging Face ได้กล่าวว่า "การลบข้อความเรื่องความเสียหายออกไปนั้นหมายความว่า Google อาจกำลังพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถฆ่าคนได้โดยตรง" แม้ว่า Google จะยืนยันว่า AI ของตนจะไม่ถูกใช้ในการทำลายมนุษย์ แต่การที่บริษัทเริ่มทำงานร่วมกับหน่วยงานทหารมากขึ้น เช่น การให้บริการคลาวด์กับกองทัพสหรัฐและอิสราเอล ก็ทำให้เกิดความกังวลภายในบริษัทเอง สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ Google คาดหวังว่าจะได้รับทุนวิจัยและพัฒนาจากแหล่งรัฐบาลมากขึ้น ทำให้การพัฒนา AI ของ Google ก้าวหน้าเร็วขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ Google สามารถแข่งขันกับบริษัทคู่แข่งที่มีส่วนร่วมในโครงการ AI ทหารอยู่แล้วได้มากขึ้น สรุปแล้ว Google ได้เปลี่ยนนโยบาย AI ที่เคยยึดหลักไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย โดยการเปิดโอกาสให้พัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอาวุธ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกิดความกังวลและวิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็มีโอกาสที่จะทำให้การพัฒนา AI ก้าวหน้าเร็วขึ้น https://www.techspot.com/news/106646-google-abandons-do-no-harm-ai-stance-opens.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google abandons 'do no harm' AI stance, opens door to military weapons
    This change, first noticed by Bloomberg, marks a shift from the company's earlier stance on responsible AI development.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 0 รีวิว
  • Paragon Solutions บริษัทผู้ผลิตสปายแวร์ชื่อดังของอิสราเอล ได้ยืนยันว่ารัฐบาลสหรัฐอเมริกาเป็นลูกค้าของพวกเขา โดยประธานบริหารของ Paragon กล่าวว่า พวกเขาให้บริการเทคโนโลยีนี้กับกลุ่มประเทศประชาธิปไตยทั่วโลก โดยหลัก ๆ คือ สหรัฐอเมริกาและพันธมิตรของพวกเขา

    อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้ออกมาเพียงไม่กี่วันหลังจาก WhatsApp เปิดเผยว่า Paragon ได้พยายามติดตั้งสปายแวร์ในอุปกรณ์ของนักข่าวและสมาชิกในสังคมสูงสุดถึง 90 คน ผ่านการโจมตีแบบไม่ต้องคลิก Paragon อ้างว่าพวกเขามีนโยบายที่ชัดเจนในการห้ามการโจมตีนักข่าวและผู้คนในสังคม แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถปฏิบัติตามนโยบายได้อย่างเต็มที่

    ในข่าวนี้ยังพูดถึงกรณีของนักข่าวชาวอิตาลี Francesco Cancellato และนักเคลื่อนไหวชาวลิเบีย Husam El Gomati ที่ได้ถูก Paragon ติดตั้งสปายแวร์ในอุปกรณ์ของพวกเขา Francesco เคยเผยแพร่วิดีโอเกี่ยวกับการกล่าวทำนองเหยียดเชื้อชาติและสรรเสริญนาซีของกลุ่มเยาวชนในพรรคการเมืองของอิตาลี ในขณะที่ Husam ได้วิจารณ์ความพยายามในการหยุดยั้งผู้อพยพจากลิเบียเข้าสู่ยุโรป

    เรื่องราวนี้เป็นการย้ำถึงความซับซ้อนและความอันตรายของการใช้เทคโนโลยีสปายแวร์ในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะเมื่อมันถูกใช้ไปในทางที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพของผู้คน

    https://www.techradar.com/pro/security/israeli-spyware-company-confirms-us-government-and-friends-are-customers
    Paragon Solutions บริษัทผู้ผลิตสปายแวร์ชื่อดังของอิสราเอล ได้ยืนยันว่ารัฐบาลสหรัฐอเมริกาเป็นลูกค้าของพวกเขา โดยประธานบริหารของ Paragon กล่าวว่า พวกเขาให้บริการเทคโนโลยีนี้กับกลุ่มประเทศประชาธิปไตยทั่วโลก โดยหลัก ๆ คือ สหรัฐอเมริกาและพันธมิตรของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้ออกมาเพียงไม่กี่วันหลังจาก WhatsApp เปิดเผยว่า Paragon ได้พยายามติดตั้งสปายแวร์ในอุปกรณ์ของนักข่าวและสมาชิกในสังคมสูงสุดถึง 90 คน ผ่านการโจมตีแบบไม่ต้องคลิก Paragon อ้างว่าพวกเขามีนโยบายที่ชัดเจนในการห้ามการโจมตีนักข่าวและผู้คนในสังคม แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถปฏิบัติตามนโยบายได้อย่างเต็มที่ ในข่าวนี้ยังพูดถึงกรณีของนักข่าวชาวอิตาลี Francesco Cancellato และนักเคลื่อนไหวชาวลิเบีย Husam El Gomati ที่ได้ถูก Paragon ติดตั้งสปายแวร์ในอุปกรณ์ของพวกเขา Francesco เคยเผยแพร่วิดีโอเกี่ยวกับการกล่าวทำนองเหยียดเชื้อชาติและสรรเสริญนาซีของกลุ่มเยาวชนในพรรคการเมืองของอิตาลี ในขณะที่ Husam ได้วิจารณ์ความพยายามในการหยุดยั้งผู้อพยพจากลิเบียเข้าสู่ยุโรป เรื่องราวนี้เป็นการย้ำถึงความซับซ้อนและความอันตรายของการใช้เทคโนโลยีสปายแวร์ในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะเมื่อมันถูกใช้ไปในทางที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพของผู้คน https://www.techradar.com/pro/security/israeli-spyware-company-confirms-us-government-and-friends-are-customers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • เอเอฟพี - ความพยายามของรัฐบาลทหารพม่าในการเปิดประมูลบ้านริมทะเลสาบของอองซานซูจีในวันพุธ (5) ยังคงไม่ประสบความสำเร็จเช่นเคย เนื่องจากไม่มีผู้ยื่นประมูลบ้านของอดีตผู้นำประชาธิปไตยรายนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 3 แล้ว

    บ้านสองชั้นในย่างกุ้งที่มีพื้นที่ราว 0.8 เฮกตาร์ ถูกนำออกประมูลขายด้วยราคาขั้นต่ำที่ 140 ล้านดอลลาร์ หลังจากมีข้อพิพาทเรื่องทรัพย์สินระหว่างอองซานซูจีและพี่ชายของเธอมายาวนานนับสิบปี

    ซูจีที่ถูกกักบริเวณในบ้านเป็นเวลาหลายปีภายใต้รัฐบาลทหารชุดก่อน ถูกคุมขังนับตั้งแต่กองทัพยึดอำนาจอีกครั้งเมื่อเดือนก.พ. 2564

    นักข่าวราว 12 คน ได้เข้าร่วมชมการประมูลที่จัดขึ้นริมถนนหน้าบ้านที่ตั้งอยู่บนบนถนนยูนิเวอร์ซิตี้ ที่มีต้นไม้ปกคลุมร่มรื่น และอยู่ห่างจากสถานทูตสหรัฐฯ ไม่ไกลนัก

    หลังจากเจ้าหน้าที่เปิดเรียกประมูลที่เริ่มต้นที่ 297,000 ล้านจ๊าต หรือประมาณ 140 ล้านดอลลาร์ตามอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเป็นทางการ กลับไม่ได้รับการตอบรับใดๆ ทำให้ผู้จัดประมูลยกเลิกการประมูลดังกล่าว ผู้สื่อข่าวของเอเอฟพีที่อยู่ในสถานที่ระบุ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000011775

    #MGROnline #รัฐบาลทหารพม่า #บ้านริมทะเลสาบ #อองซานซูจี
    เอเอฟพี - ความพยายามของรัฐบาลทหารพม่าในการเปิดประมูลบ้านริมทะเลสาบของอองซานซูจีในวันพุธ (5) ยังคงไม่ประสบความสำเร็จเช่นเคย เนื่องจากไม่มีผู้ยื่นประมูลบ้านของอดีตผู้นำประชาธิปไตยรายนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 3 แล้ว • บ้านสองชั้นในย่างกุ้งที่มีพื้นที่ราว 0.8 เฮกตาร์ ถูกนำออกประมูลขายด้วยราคาขั้นต่ำที่ 140 ล้านดอลลาร์ หลังจากมีข้อพิพาทเรื่องทรัพย์สินระหว่างอองซานซูจีและพี่ชายของเธอมายาวนานนับสิบปี • ซูจีที่ถูกกักบริเวณในบ้านเป็นเวลาหลายปีภายใต้รัฐบาลทหารชุดก่อน ถูกคุมขังนับตั้งแต่กองทัพยึดอำนาจอีกครั้งเมื่อเดือนก.พ. 2564 • นักข่าวราว 12 คน ได้เข้าร่วมชมการประมูลที่จัดขึ้นริมถนนหน้าบ้านที่ตั้งอยู่บนบนถนนยูนิเวอร์ซิตี้ ที่มีต้นไม้ปกคลุมร่มรื่น และอยู่ห่างจากสถานทูตสหรัฐฯ ไม่ไกลนัก • หลังจากเจ้าหน้าที่เปิดเรียกประมูลที่เริ่มต้นที่ 297,000 ล้านจ๊าต หรือประมาณ 140 ล้านดอลลาร์ตามอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเป็นทางการ กลับไม่ได้รับการตอบรับใดๆ ทำให้ผู้จัดประมูลยกเลิกการประมูลดังกล่าว ผู้สื่อข่าวของเอเอฟพีที่อยู่ในสถานที่ระบุ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000011775 • #MGROnline #รัฐบาลทหารพม่า #บ้านริมทะเลสาบ #อองซานซูจี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 256 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts