• อย่ายอมแพ้แค่เพราะมันยาก แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต ในวันที่โลกทั้งใบไม่เข้าข้างคุณ ชีวิตมันไม่ง่าย...แต่ก็คุ้มค่าที่จะ "ไม่ยอมแพ้"

    🔍 แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต ไม่หยุด = ชนะ สำหรับคนที่เจอวิกฤต ชีวิตมันยาก...แต่คุณ "ต้องรอด ✨

    📌 บทความนี้ถูกเขียนขึ้นเพื่อคุณ...ผู้ที่กำลังเผชิญช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในชีวิต ชีวิตอาจไม่ง่าย แต่คุณยังมีพลังเงียบในตัวเองเสมอ ขอแค่คุณไม่หยุดเดิน ก็ถือว่าคุณ "ชนะ" แล้ว

    💪 ชีวิตไม่ได้ง่ายสำหรับใครเลย...แต่คุณก็ยังไปต่อได้เสมอ ทุกคนล้วนมี "วันที่เหนื่อยแทบล้มทั้งยืน" วันที่เหมือนถูกทั้งโลก ผลักให้จมดิ่งลงไปเรื่อยๆ วันที่ไม่เหลือแม้แต่ "คำปลอบใจ" จากใครสักคน...

    แต่รู้ไหม? คุณไม่ได้อ่อนแอที่รู้สึกท้อ และคุณไม่ได้อยู่คนเดียวในความรู้สึกแบบนี้... บทความนี้...เขียนเพื่อคุณ เพื่อบอกคุณว่า "แค่ไม่ยอมแพ้...ก็ถือว่าชนะแล้ว"

    🌟 แรงบันดาลใจ ไม่ใช่พลังวิเศษ ไม่ใช่พลังมหาศาลแบบในหนังฮีโร่ แต่มันคือ “พลังเงียบ” ที่ช่วยให้เรา "ลุกจากเตียง" ในวันที่ไม่อยากตื่นเลยด้วยซ้ำ...

    แรงบันดาลใจ... ไม่ต้องใหญ่ ไม่ต้องเว่อร์ แค่คิดถึง "คนที่เรารัก" ก็เป็นพลัง หรือบางทีแค่ "ประโยคหนึ่ง" จากบทความนี้
    ก็อาจเปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิตของคุณได้

    🎯 ทำไมเราต้องมีแรงบันดาลใจ? เพราะในวันที่ไม่มีอะไรเป็นไปตามแผน แรงบันดาลใจจะคอย "เตือนใจ" เราว่า ชีวิตยังมีความหมายอยู่...แม้มันจะยังไม่ง่ายก็ตาม

    🧩 เมื่อทุกอย่างพังทลาย...อะไรคือสิ่งที่ยังเหลืออยู่ ชีวิตบางครั้งเหมือนห้องที่ถูกพายุถล่ม จนเละไม่มีชิ้นดี บ้านอาจพอซ่อมได้...แต่ “ใจ” ที่พังนี่แหละ ซ่อมยากที่สุด 🧱

    ในวันที่คุณรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจ ไม่มีแสง ไม่มีทางเริ่มต้นใหม่ ลองมองดูให้ดี... คุณยังมี “ตัวเอง” ยังมี หัวใจ ที่ยังเต้น แปลว่าคุณยัง "มีโอกาส" ยังมี สมอง ที่จะเปลี่ยนความคิดทุกอย่างได้ และที่สำคัญ...ยัง เลือกได้ เสมอว่าจะ “ลุก” หรือ “นอนจม” ต่อไป

    ❤️ อย่าลืมว่า...ต่อให้โลกจะไม่เข้าใจ แต่คุณยัง "เข้าใจตัวเอง" ได้เสมอ ❤️

    🎁 บทเรียนจากวิกฤต ทุกปัญหาคือของขวัญ ในรูปแบบที่เราไม่คาดคิด หลายคนค้นพบ "ตัวเอง" ในช่วงที่ยากที่สุดของชีวิต เพราะชีวิตไม่ได้ส่งวิกฤตมาเพื่อ "ทำร้ายเรา" แต่มันส่งมาเพื่อ "ทำให้เราเติบโต"

    คนที่เคยกลัวความล้มเหลว กลายเป็นคนที่ไม่กลัวอะไรอีกแล้ว

    คนที่เคยอ่อนแอ กลายเป็นคนที่เข้มแข็งจนคนรอบข้างทึ่ง

    ทุกปัญหา…มีของขวัญซ่อนอยู่ ถ้าคุณ “กล้าพอ” ที่จะเปิดมันออกมาดู

    🤝 อย่ายอมแพ้…แม้ในวันที่ไม่มีใครอยู่ข้างคุณ ในวันที่คุณไม่มีใคร คุณยังมี “ตัวเอง” และคุณต้องเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ของตัวเองให้ได้ พูดกับตัวเองในกระจกว่า “เก่งมากแล้วนะ ที่ยังยืนอยู่ได้” ให้กำลังใจตัวเอง แบบที่คุณอยากได้จากคนอื่น

    และจงจำไว้เสมอว่า คุณคือคนเดียวที่อยู่กับตัวเอง ไปจนวันสุดท้าย อย่าให้ความโดดเดี่ยวทำให้คุณยอมแพ้ เพราะคุณไม่จำเป็นต้องมีทุกคนเข้าใจ แค่คุณ “เข้าใจตัวเอง” ก็เพียงพอแล้ว

    ✨ ความหวัง & ความเชื่อ พลังเล็กๆ ที่เปลี่ยนโลกทั้งใบได้ ความหวัง คือ "แสง" ที่ปลายอุโมงค์ มันอาจจะไกล...แต่มัน "มีอยู่จริง" 💡 คนที่เชื่อว่า "ชีวิตจะดีขึ้น" มักมีโอกาส “เจอสิ่งดีๆ” มากกว่าคนที่หมดหวัง

    ความเชื่อ คือ “พลังล่องหน” ที่สามารถขับเคลื่อนเรา แม้ในวันที่ดูเหมือนไม่เหลืออะไรเลย ความหวังไม่ใช่คำปลอบใจ
    แต่มันคือเครื่องมือในการ “เอาตัวรอด” อย่างแท้จริง

    🛠️ กลยุทธ์ฟื้นตัวในวันที่ชีวิตพัง ทำอย่างไรให้กลับมายืนได้อีกครั้ง

    ตั้งสติ ไม่โทษตัวเอง ความผิดพลาดไม่ใช่สิ่งที่ต้อง “ลงโทษตัวเอง” แต่เป็นสิ่งที่ต้อง “เรียนรู้”

    พัก แต่ไม่ถอย เหนื่อยได้ ร้องไห้ได้ แต่ขอแค่ “อย่าถอยกลับไปที่เดิม”

    มองหาความสุขเล็กๆ อย่ามองหาแต่เป้าหมายใหญ่ จนลืมว่ารอยยิ้มจากกาแฟแก้วหนึ่ง...ก็เป็นพลังได้เหมือนกัน ☕

    เขียนไดอารี่ บันทึกความรู้สึก เพราะเมื่อคุณย้อนกลับมาอ่าน มันจะเตือนว่าคุณ "ผ่านอะไรมาได้มากแค่ไหนแล้ว"

    หาคนฟังที่ไม่ตัดสิน บางครั้งเราต้องการแค่คนที่ “ฟังเรา” โดยไม่พยายามแก้ไขอะไรเลย แค่รับฟัง

    🏁 ไม่หยุด = ชนะแล้ว คุณไม่ต้อง "ชนะทุกอย่าง" แค่คุณ “ไม่ยอมแพ้” ก็ถือว่า “คุณชนะแล้ว” ล้มได้ แต่ลุกอีกครั้ง เดินช้าได้ แต่ขอแค่อย่าหยุด เหนื่อยได้ แต่จงจำไว้ว่า "พัก" ไม่ใช่ "ถอย"

    อย่าลืมว่า… คนที่ผ่านช่วงมืดที่สุดมาได้ คือคนที่จะ "สว่างกว่าใคร" เมื่อถึงเวลา

    💬 คำคมสร้างพลังใจ
    "ถ้าคุณยังหายใจอยู่ แปลว่าคุณยังเปลี่ยนทุกอย่างได้เสมอ"

    "ชีวิตมันไม่ง่าย...แต่มัน ‘คุ้มค่า’ ที่จะใช้"

    "ล้มได้ ไม่เป็นไร ขอแค่ ‘อย่าล้มเลิก’"

    ถ้ารู้สึกท้อทุกวัน ควรเริ่มจากการดูแลตัวเองทีละนิด พักผ่อนให้เพียงพอ หาแรงบันดาลใจจากสิ่งเล็กๆ และอย่าลืมหาคนที่พร้อมจะฟังคุณอย่างแท้จริง

    หากแรงบันดาลใจหายไป ให้กลับไปหา "จุดเริ่มต้น" ที่ทำให้คุณเริ่มฝัน ลองนึกถึงคนที่คุณอยากภูมิใจในตัวคุณ แล้วเริ่มใหม่จากตรงนั้น

    หากรู้สึกไม่มีค่าเลย เพราะคุณกำลังใช้มาตรฐานของคนอื่น ตัดสินตัวเอง ลองกลับมาโฟกัสที่สิ่งที่คุณทำได้ดี แม้จะเล็กน้อย ก็ยังมีคุณค่า

    ถ้าคุณยังยืนอยู่ได้หลังจากที่เจ็บมา นั่นแปลว่าคุณ “ผ่านวิกฤตมาแล้วครึ่งหนึ่ง”

    เขียนจดหมายถึงตัวเองในอนาคต เดินเล่นคนเดียว ไปเที่ยวธรรมชาติ หรือฟังเพลงที่ให้พลังบวก เพื่อฟืเนพลังใจ

    ไม่มีใครเก่งพอจะไม่ล้ม แต่ทุกคนเก่งพอที่จะ “ลุก” ได้เสมอ

    🔑 สาระสำคัญที่ควรจดจำ ชีวิตไม่ได้ต้องการให้เราชนะทุกวัน แค่คุณ “ไม่ยอมแพ้” ก็คือ “คุณเก่งมากแล้ว”

    จงเลือกที่จะเดินต่อ...แม้จะช้าก็ตาม เพราะความหวังอยู่ที่ปลายทางเสมอ พร้อมหรือยังที่จะ "ไม่ยอมแพ้"...? 💥
    คุณไปต่อได้แน่นอน ✨

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 222210 เม.ย. 2568

    📱 #แรงบันดาลใจ #ชีวิตไม่ง่ายแต่ต้องรอด #อย่ายอมแพ้ #กำลังใจดีๆ #สู้ชีวิต #พลังใจ #ความหวังยังมีเสมอ #คำคมชีวิต #เอาชนะใจตัวเอง #ชีวิตคือการเดินทาง
    อย่ายอมแพ้แค่เพราะมันยาก แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต ในวันที่โลกทั้งใบไม่เข้าข้างคุณ ชีวิตมันไม่ง่าย...แต่ก็คุ้มค่าที่จะ "ไม่ยอมแพ้" 🔍 แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต ไม่หยุด = ชนะ สำหรับคนที่เจอวิกฤต ชีวิตมันยาก...แต่คุณ "ต้องรอด ✨ 📌 บทความนี้ถูกเขียนขึ้นเพื่อคุณ...ผู้ที่กำลังเผชิญช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในชีวิต ชีวิตอาจไม่ง่าย แต่คุณยังมีพลังเงียบในตัวเองเสมอ ขอแค่คุณไม่หยุดเดิน ก็ถือว่าคุณ "ชนะ" แล้ว 💪 ชีวิตไม่ได้ง่ายสำหรับใครเลย...แต่คุณก็ยังไปต่อได้เสมอ ทุกคนล้วนมี "วันที่เหนื่อยแทบล้มทั้งยืน" วันที่เหมือนถูกทั้งโลก ผลักให้จมดิ่งลงไปเรื่อยๆ วันที่ไม่เหลือแม้แต่ "คำปลอบใจ" จากใครสักคน... แต่รู้ไหม? คุณไม่ได้อ่อนแอที่รู้สึกท้อ และคุณไม่ได้อยู่คนเดียวในความรู้สึกแบบนี้... บทความนี้...เขียนเพื่อคุณ เพื่อบอกคุณว่า "แค่ไม่ยอมแพ้...ก็ถือว่าชนะแล้ว" 🌟 แรงบันดาลใจ ไม่ใช่พลังวิเศษ ไม่ใช่พลังมหาศาลแบบในหนังฮีโร่ แต่มันคือ “พลังเงียบ” ที่ช่วยให้เรา "ลุกจากเตียง" ในวันที่ไม่อยากตื่นเลยด้วยซ้ำ... แรงบันดาลใจ... ไม่ต้องใหญ่ ไม่ต้องเว่อร์ แค่คิดถึง "คนที่เรารัก" ก็เป็นพลัง หรือบางทีแค่ "ประโยคหนึ่ง" จากบทความนี้ ก็อาจเปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิตของคุณได้ 🎯 ทำไมเราต้องมีแรงบันดาลใจ? เพราะในวันที่ไม่มีอะไรเป็นไปตามแผน แรงบันดาลใจจะคอย "เตือนใจ" เราว่า ชีวิตยังมีความหมายอยู่...แม้มันจะยังไม่ง่ายก็ตาม 🧩 เมื่อทุกอย่างพังทลาย...อะไรคือสิ่งที่ยังเหลืออยู่ ชีวิตบางครั้งเหมือนห้องที่ถูกพายุถล่ม จนเละไม่มีชิ้นดี บ้านอาจพอซ่อมได้...แต่ “ใจ” ที่พังนี่แหละ ซ่อมยากที่สุด 🧱 ในวันที่คุณรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจ ไม่มีแสง ไม่มีทางเริ่มต้นใหม่ ลองมองดูให้ดี... คุณยังมี “ตัวเอง” ยังมี หัวใจ ที่ยังเต้น แปลว่าคุณยัง "มีโอกาส" ยังมี สมอง ที่จะเปลี่ยนความคิดทุกอย่างได้ และที่สำคัญ...ยัง เลือกได้ เสมอว่าจะ “ลุก” หรือ “นอนจม” ต่อไป ❤️ อย่าลืมว่า...ต่อให้โลกจะไม่เข้าใจ แต่คุณยัง "เข้าใจตัวเอง" ได้เสมอ ❤️ 🎁 บทเรียนจากวิกฤต ทุกปัญหาคือของขวัญ ในรูปแบบที่เราไม่คาดคิด หลายคนค้นพบ "ตัวเอง" ในช่วงที่ยากที่สุดของชีวิต เพราะชีวิตไม่ได้ส่งวิกฤตมาเพื่อ "ทำร้ายเรา" แต่มันส่งมาเพื่อ "ทำให้เราเติบโต" คนที่เคยกลัวความล้มเหลว กลายเป็นคนที่ไม่กลัวอะไรอีกแล้ว คนที่เคยอ่อนแอ กลายเป็นคนที่เข้มแข็งจนคนรอบข้างทึ่ง ทุกปัญหา…มีของขวัญซ่อนอยู่ ถ้าคุณ “กล้าพอ” ที่จะเปิดมันออกมาดู 🤝 อย่ายอมแพ้…แม้ในวันที่ไม่มีใครอยู่ข้างคุณ ในวันที่คุณไม่มีใคร คุณยังมี “ตัวเอง” และคุณต้องเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ของตัวเองให้ได้ พูดกับตัวเองในกระจกว่า “เก่งมากแล้วนะ ที่ยังยืนอยู่ได้” ให้กำลังใจตัวเอง แบบที่คุณอยากได้จากคนอื่น และจงจำไว้เสมอว่า คุณคือคนเดียวที่อยู่กับตัวเอง ไปจนวันสุดท้าย อย่าให้ความโดดเดี่ยวทำให้คุณยอมแพ้ เพราะคุณไม่จำเป็นต้องมีทุกคนเข้าใจ แค่คุณ “เข้าใจตัวเอง” ก็เพียงพอแล้ว ✨ ความหวัง & ความเชื่อ พลังเล็กๆ ที่เปลี่ยนโลกทั้งใบได้ ความหวัง คือ "แสง" ที่ปลายอุโมงค์ มันอาจจะไกล...แต่มัน "มีอยู่จริง" 💡 คนที่เชื่อว่า "ชีวิตจะดีขึ้น" มักมีโอกาส “เจอสิ่งดีๆ” มากกว่าคนที่หมดหวัง ความเชื่อ คือ “พลังล่องหน” ที่สามารถขับเคลื่อนเรา แม้ในวันที่ดูเหมือนไม่เหลืออะไรเลย ความหวังไม่ใช่คำปลอบใจ แต่มันคือเครื่องมือในการ “เอาตัวรอด” อย่างแท้จริง 🛠️ กลยุทธ์ฟื้นตัวในวันที่ชีวิตพัง ทำอย่างไรให้กลับมายืนได้อีกครั้ง ตั้งสติ ไม่โทษตัวเอง ความผิดพลาดไม่ใช่สิ่งที่ต้อง “ลงโทษตัวเอง” แต่เป็นสิ่งที่ต้อง “เรียนรู้” พัก แต่ไม่ถอย เหนื่อยได้ ร้องไห้ได้ แต่ขอแค่ “อย่าถอยกลับไปที่เดิม” มองหาความสุขเล็กๆ อย่ามองหาแต่เป้าหมายใหญ่ จนลืมว่ารอยยิ้มจากกาแฟแก้วหนึ่ง...ก็เป็นพลังได้เหมือนกัน ☕ เขียนไดอารี่ บันทึกความรู้สึก เพราะเมื่อคุณย้อนกลับมาอ่าน มันจะเตือนว่าคุณ "ผ่านอะไรมาได้มากแค่ไหนแล้ว" หาคนฟังที่ไม่ตัดสิน บางครั้งเราต้องการแค่คนที่ “ฟังเรา” โดยไม่พยายามแก้ไขอะไรเลย แค่รับฟัง 🏁 ไม่หยุด = ชนะแล้ว คุณไม่ต้อง "ชนะทุกอย่าง" แค่คุณ “ไม่ยอมแพ้” ก็ถือว่า “คุณชนะแล้ว” ล้มได้ แต่ลุกอีกครั้ง เดินช้าได้ แต่ขอแค่อย่าหยุด เหนื่อยได้ แต่จงจำไว้ว่า "พัก" ไม่ใช่ "ถอย" อย่าลืมว่า… คนที่ผ่านช่วงมืดที่สุดมาได้ คือคนที่จะ "สว่างกว่าใคร" เมื่อถึงเวลา 💬 คำคมสร้างพลังใจ "ถ้าคุณยังหายใจอยู่ แปลว่าคุณยังเปลี่ยนทุกอย่างได้เสมอ" "ชีวิตมันไม่ง่าย...แต่มัน ‘คุ้มค่า’ ที่จะใช้" "ล้มได้ ไม่เป็นไร ขอแค่ ‘อย่าล้มเลิก’" ถ้ารู้สึกท้อทุกวัน ควรเริ่มจากการดูแลตัวเองทีละนิด พักผ่อนให้เพียงพอ หาแรงบันดาลใจจากสิ่งเล็กๆ และอย่าลืมหาคนที่พร้อมจะฟังคุณอย่างแท้จริง หากแรงบันดาลใจหายไป ให้กลับไปหา "จุดเริ่มต้น" ที่ทำให้คุณเริ่มฝัน ลองนึกถึงคนที่คุณอยากภูมิใจในตัวคุณ แล้วเริ่มใหม่จากตรงนั้น หากรู้สึกไม่มีค่าเลย เพราะคุณกำลังใช้มาตรฐานของคนอื่น ตัดสินตัวเอง ลองกลับมาโฟกัสที่สิ่งที่คุณทำได้ดี แม้จะเล็กน้อย ก็ยังมีคุณค่า ถ้าคุณยังยืนอยู่ได้หลังจากที่เจ็บมา นั่นแปลว่าคุณ “ผ่านวิกฤตมาแล้วครึ่งหนึ่ง” เขียนจดหมายถึงตัวเองในอนาคต เดินเล่นคนเดียว ไปเที่ยวธรรมชาติ หรือฟังเพลงที่ให้พลังบวก เพื่อฟืเนพลังใจ ไม่มีใครเก่งพอจะไม่ล้ม แต่ทุกคนเก่งพอที่จะ “ลุก” ได้เสมอ 🔑 สาระสำคัญที่ควรจดจำ ชีวิตไม่ได้ต้องการให้เราชนะทุกวัน แค่คุณ “ไม่ยอมแพ้” ก็คือ “คุณเก่งมากแล้ว” จงเลือกที่จะเดินต่อ...แม้จะช้าก็ตาม เพราะความหวังอยู่ที่ปลายทางเสมอ พร้อมหรือยังที่จะ "ไม่ยอมแพ้"...? 💥 คุณไปต่อได้แน่นอน ✨ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 222210 เม.ย. 2568 📱 #แรงบันดาลใจ #ชีวิตไม่ง่ายแต่ต้องรอด #อย่ายอมแพ้ #กำลังใจดีๆ #สู้ชีวิต #พลังใจ #ความหวังยังมีเสมอ #คำคมชีวิต #เอาชนะใจตัวเอง #ชีวิตคือการเดินทาง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • จาก “ทุกวัน” กลายเป็นแค่คนเคยรู้จัก: ความสัมพันธ์ที่จบลงโดยไม่มีคำลา 💔 แม้ไม่มีใครพูดลา…แต่ใจเรารู้ดีว่า มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว

    เมื่อความสัมพันธ์ค่อย ๆ เลือนหายไป โดยไม่มีคำลา บางครั้งเราไม่ได้หายไป... แค่เปลี่ยนไปตามธรรมชาติของชีวิต

    บางคนเคยอยู่ในทุกวันของเรา แต่ตอนนี้กลายเป็นเพียงความทรงจำเงียบ ๆ ในใจ สำรวจความสัมพันธ์ที่จบลง โดยไม่มีคำลา... และทำไมมันถึงเจ็บกว่าที่คิด

    ความเงียบที่ดังที่สุด คือการหายไปของใครบางคน... ในทุกปี... เราอาจได้เจอใครบางคน ที่กลายมาเป็น "คนสำคัญ" ในชีวิต แต่ในขณะเดียวกัน... เราก็อาจเสียใครบางคนไป ไม่ใช่ด้วยการทะเลาะ ไม่ใช่ด้วยความผิดพลาด แต่เป็นการ “ค่อย ๆ หายไป” แบบไม่มีแม้แต่คำลา 🕊️

    เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของความรัก แต่คือทุกความสัมพันธ์ในชีวิต เพื่อนสนิท ครอบครัว คนเคยใกล้ชิด หรือแม้แต่คนที่เคยอยู่ในทุกช่วงเวลาสำคัญ...

    วันนี้ เราจะมาคุยกันถึง "การจากลาในความเงียบ" ทำไมมันถึงเกิดขึ้น และเราจะเข้าใจมันได้อย่างไร?

    🌒 ความเงียบไม่ใช่จุดจบ แต่คือสัญญาณของความเปลี่ยนแปลง ในหลายความสัมพันธ์ จุดจบไม่ได้มาพร้อมคำพูด
    ไม่มีคำบอกลาชัดเจน ไม่มีน้ำตา ไม่มีการโต้แย้ง แต่กลับเป็นเพียง “การเงียบ” ที่ค่อย ๆ สร้างระยะห่าง

    📱 ข้อความที่ค่อย ๆ หายไป บทสนทนาที่สั้นลง และหัวใจที่ไม่เต้นพร้อมกันอีกต่อไป

    บางครั้ง... เราเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า มันเริ่มห่างกันตั้งแต่เมื่อไร แต่รู้ตัวอีกที เขาหรือเธอก็กลายเป็น “คนเคยรู้จัก” ไปแล้ว...

    ทำไมเราถึงหายไปจากกัน…แม้ไม่ได้ตั้งใจ?

    เราทุกคนมีชีวิตที่ยุ่งขึ้นทุกวัน ชีวิตผู้ใหญ่เต็มไปด้วยความรับผิดชอบ งาน การเงิน สุขภาพ ครอบครัว ความฝัน ทั้งหมดนี้ดึงพลังใจของเรา ไปจากความสัมพันธ์เดิม ๆ จนบางครั้ง... เรา “ลืม” ว่าเคยมีใครอีกคนรอคุยกับเราอยู่

    🌀 มันไม่ได้เกิดจากการเบื่อกัน แต่เกิดจาก “ชีวิตที่พาให้เราหายไป”

    ความเหนื่อยล้าในใจที่บอกไม่ออก บางคนไม่ได้อยากหายไป แต่แค่ "เหนื่อยเกินไป" ที่จะเป็นคนเดิม เหนื่อยที่จะยิ้ม เหนื่อยที่จะคุย เหนื่อยที่จะพยายามรักษาความสัมพันธ์นั้นไว้

    และเมื่อเราปล่อยให้ความเงียบเกิดขึ้น... มันก็กลายเป็น “กำแพง” ที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ 🧱

    เราเติบโตในเส้นทางที่ต่างกัน การเติบโตทำให้มุมมองเปลี่ยน ความฝันเปลี่ยน สิ่งที่เคยชอบเหมือนกัน กลับไม่ตรงกันอีกต่อไป แม้จะไม่มีใครผิด… แต่เมื่อเราเดินไปคนละเส้นทาง "ระยะห่าง" ก็เกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ 🚶‍♂️🚶‍♀️

    ความสัมพันธ์ที่จางหายไป… ไม่ได้หมายความว่าไร้ค่า ถึงแม้เราจะไม่ได้อยู่ในชีวิตกันแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า “วันเวลาที่เคยมีร่วมกัน” ไร้ความหมาย

    ❤️ ความทรงจำดี ๆ ยังคงอยู่ในใจ

    🌿 ความห่วงใยยังแทรกอยู่ในความเงียบ

    💬 บางบทสนทนายังคงอยู่ในความคิดเสมอ

    และบางครั้ง... เพียงแค่ได้คิดถึงใครคนนั้น ในความทรงจำ ก็เพียงพอแล้ว... ที่จะทำให้ใจอบอุ่นขึ้นในวันเหงา ๆ

    บางคนเคยเป็น "ทุกวัน" ของเรา… แต่กลายเป็นเพียงคนในความทรงจำ ลองย้อนกลับไปนึกถึงใครบางคนที่...

    📌 เคยโทรหากันทุกคืน
    📌 เคยเล่าเรื่องให้ฟังทุกเช้า
    📌 เคยไปทุกที่ด้วยกัน
    📌 เคยรู้ใจโดยไม่ต้องพูดอะไร

    แล้ววันนี้... เราอาจจะไม่ได้คุยกันเลย ไม่ได้พบกันอีกเลย แต่สิ่งหนึ่งที่ยังอยู่คือ... ความทรงจำ

    “ไม่มีใครผิดที่เปลี่ยนไป” ประโยคที่เข้าใจได้ เมื่อเรารักตัวเองมากพอ การเติบโตคือการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลง คือสิ่งที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้

    👤 คนบางคนสอนให้เรารู้จักรัก
    👤 บางคนสอนให้เรารู้จักเจ็บ
    👤 และบางคน… สอนให้เรารู้จักปล่อยวาง

    ถึงสุดท้ายเราจะไม่ได้อยู่ในชีวิตกันอีก แต่เรายังอยู่ใน "บทเรียนชีวิต" ของกันและกันเสมอ

    แล้วเราจะเยียวยาหัวใจ หลังความสัมพันธ์ที่จบลงในความเงียบ ได้อย่างไร?

    ยอมรับว่าความเปลี่ยนแปลง คือเรื่องธรรมดา การหายไปไม่ได้แปลว่าใครไม่รัก แต่เป็นเพราะเส้นทางของเรา มาถึงจุดที่ต้องแยกกันเดิน

    ให้อภัยตัวเอง และให้อภัยอีกฝ่าย แม้จะไม่มีคำขอโทษ หรือคำอธิบาย แต่เราสามารถเลือก “ให้อภัยในใจ” เพื่อปลดปล่อยตัวเองจากความเจ็บ

    เก็บความทรงจำดี ๆ ไว้… แต่ไม่ต้องยึดติด ความทรงจำดี ๆ ไม่ต้องลบทิ้ง แต่เราไม่จำเป็นต้องใช้มัน มาฉุดรั้งเราไว้จากการเติบโต

    แม้จะจางหายไป…แต่ยังคงมีอยู่ในใจเสมอ 🕊️

    เราไม่สามารถห้ามใครหายไปจากชีวิตเราได้ และเราเองก็ไม่สามารถอยู่ในชีวิตทุกคน ได้ตลอดไป

    แต่สิ่งที่เราทำได้ คือการ...

    🫶 รักษาความทรงจำดี ๆ
    📌 เรียนรู้จากความสัมพันธ์ที่ผ่านมา
    🌱 และใช้มันเป็นพลังในการเติบโตต่อไป

    เพราะสุดท้าย... สิ่งสำคัญ ไม่ใช่การอยู่กับใครไปตลอดชีวิต แต่คือ ในวันที่ยังอยู่ด้วยกัน เราได้สร้างความทรงจำ ที่งดงามพอหรือยัง? 💫

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 192315 เม.ย. 2568

    📱 #ความสัมพันธ์ #คนเคยรู้จัก #จากลาที่ไม่มีคำลา #คิดถึงเสมอ #คนในความทรงจำ
    #เติบโตด้วยกัน #บทเรียนชีวิต #ความเงียบที่เจ็บปวด #ความเปลี่ยนแปลง #รักในความทรงจำ
    จาก “ทุกวัน” กลายเป็นแค่คนเคยรู้จัก: ความสัมพันธ์ที่จบลงโดยไม่มีคำลา 💔 แม้ไม่มีใครพูดลา…แต่ใจเรารู้ดีว่า มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เมื่อความสัมพันธ์ค่อย ๆ เลือนหายไป โดยไม่มีคำลา บางครั้งเราไม่ได้หายไป... แค่เปลี่ยนไปตามธรรมชาติของชีวิต บางคนเคยอยู่ในทุกวันของเรา แต่ตอนนี้กลายเป็นเพียงความทรงจำเงียบ ๆ ในใจ สำรวจความสัมพันธ์ที่จบลง โดยไม่มีคำลา... และทำไมมันถึงเจ็บกว่าที่คิด ความเงียบที่ดังที่สุด คือการหายไปของใครบางคน... ในทุกปี... เราอาจได้เจอใครบางคน ที่กลายมาเป็น "คนสำคัญ" ในชีวิต แต่ในขณะเดียวกัน... เราก็อาจเสียใครบางคนไป ไม่ใช่ด้วยการทะเลาะ ไม่ใช่ด้วยความผิดพลาด แต่เป็นการ “ค่อย ๆ หายไป” แบบไม่มีแม้แต่คำลา 🕊️ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของความรัก แต่คือทุกความสัมพันธ์ในชีวิต เพื่อนสนิท ครอบครัว คนเคยใกล้ชิด หรือแม้แต่คนที่เคยอยู่ในทุกช่วงเวลาสำคัญ... วันนี้ เราจะมาคุยกันถึง "การจากลาในความเงียบ" ทำไมมันถึงเกิดขึ้น และเราจะเข้าใจมันได้อย่างไร? 🌒 ความเงียบไม่ใช่จุดจบ แต่คือสัญญาณของความเปลี่ยนแปลง ในหลายความสัมพันธ์ จุดจบไม่ได้มาพร้อมคำพูด ไม่มีคำบอกลาชัดเจน ไม่มีน้ำตา ไม่มีการโต้แย้ง แต่กลับเป็นเพียง “การเงียบ” ที่ค่อย ๆ สร้างระยะห่าง 📱 ข้อความที่ค่อย ๆ หายไป บทสนทนาที่สั้นลง และหัวใจที่ไม่เต้นพร้อมกันอีกต่อไป บางครั้ง... เราเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า มันเริ่มห่างกันตั้งแต่เมื่อไร แต่รู้ตัวอีกที เขาหรือเธอก็กลายเป็น “คนเคยรู้จัก” ไปแล้ว... ทำไมเราถึงหายไปจากกัน…แม้ไม่ได้ตั้งใจ? เราทุกคนมีชีวิตที่ยุ่งขึ้นทุกวัน ชีวิตผู้ใหญ่เต็มไปด้วยความรับผิดชอบ งาน การเงิน สุขภาพ ครอบครัว ความฝัน ทั้งหมดนี้ดึงพลังใจของเรา ไปจากความสัมพันธ์เดิม ๆ จนบางครั้ง... เรา “ลืม” ว่าเคยมีใครอีกคนรอคุยกับเราอยู่ 🌀 มันไม่ได้เกิดจากการเบื่อกัน แต่เกิดจาก “ชีวิตที่พาให้เราหายไป” ความเหนื่อยล้าในใจที่บอกไม่ออก บางคนไม่ได้อยากหายไป แต่แค่ "เหนื่อยเกินไป" ที่จะเป็นคนเดิม เหนื่อยที่จะยิ้ม เหนื่อยที่จะคุย เหนื่อยที่จะพยายามรักษาความสัมพันธ์นั้นไว้ และเมื่อเราปล่อยให้ความเงียบเกิดขึ้น... มันก็กลายเป็น “กำแพง” ที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ 🧱 เราเติบโตในเส้นทางที่ต่างกัน การเติบโตทำให้มุมมองเปลี่ยน ความฝันเปลี่ยน สิ่งที่เคยชอบเหมือนกัน กลับไม่ตรงกันอีกต่อไป แม้จะไม่มีใครผิด… แต่เมื่อเราเดินไปคนละเส้นทาง "ระยะห่าง" ก็เกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ 🚶‍♂️🚶‍♀️ ความสัมพันธ์ที่จางหายไป… ไม่ได้หมายความว่าไร้ค่า ถึงแม้เราจะไม่ได้อยู่ในชีวิตกันแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า “วันเวลาที่เคยมีร่วมกัน” ไร้ความหมาย ❤️ ความทรงจำดี ๆ ยังคงอยู่ในใจ 🌿 ความห่วงใยยังแทรกอยู่ในความเงียบ 💬 บางบทสนทนายังคงอยู่ในความคิดเสมอ และบางครั้ง... เพียงแค่ได้คิดถึงใครคนนั้น ในความทรงจำ ก็เพียงพอแล้ว... ที่จะทำให้ใจอบอุ่นขึ้นในวันเหงา ๆ บางคนเคยเป็น "ทุกวัน" ของเรา… แต่กลายเป็นเพียงคนในความทรงจำ ลองย้อนกลับไปนึกถึงใครบางคนที่... 📌 เคยโทรหากันทุกคืน 📌 เคยเล่าเรื่องให้ฟังทุกเช้า 📌 เคยไปทุกที่ด้วยกัน 📌 เคยรู้ใจโดยไม่ต้องพูดอะไร แล้ววันนี้... เราอาจจะไม่ได้คุยกันเลย ไม่ได้พบกันอีกเลย แต่สิ่งหนึ่งที่ยังอยู่คือ... ความทรงจำ “ไม่มีใครผิดที่เปลี่ยนไป” ประโยคที่เข้าใจได้ เมื่อเรารักตัวเองมากพอ การเติบโตคือการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลง คือสิ่งที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ 👤 คนบางคนสอนให้เรารู้จักรัก 👤 บางคนสอนให้เรารู้จักเจ็บ 👤 และบางคน… สอนให้เรารู้จักปล่อยวาง ถึงสุดท้ายเราจะไม่ได้อยู่ในชีวิตกันอีก แต่เรายังอยู่ใน "บทเรียนชีวิต" ของกันและกันเสมอ แล้วเราจะเยียวยาหัวใจ หลังความสัมพันธ์ที่จบลงในความเงียบ ได้อย่างไร? ยอมรับว่าความเปลี่ยนแปลง คือเรื่องธรรมดา การหายไปไม่ได้แปลว่าใครไม่รัก แต่เป็นเพราะเส้นทางของเรา มาถึงจุดที่ต้องแยกกันเดิน ให้อภัยตัวเอง และให้อภัยอีกฝ่าย แม้จะไม่มีคำขอโทษ หรือคำอธิบาย แต่เราสามารถเลือก “ให้อภัยในใจ” เพื่อปลดปล่อยตัวเองจากความเจ็บ เก็บความทรงจำดี ๆ ไว้… แต่ไม่ต้องยึดติด ความทรงจำดี ๆ ไม่ต้องลบทิ้ง แต่เราไม่จำเป็นต้องใช้มัน มาฉุดรั้งเราไว้จากการเติบโต แม้จะจางหายไป…แต่ยังคงมีอยู่ในใจเสมอ 🕊️ เราไม่สามารถห้ามใครหายไปจากชีวิตเราได้ และเราเองก็ไม่สามารถอยู่ในชีวิตทุกคน ได้ตลอดไป แต่สิ่งที่เราทำได้ คือการ... 🫶 รักษาความทรงจำดี ๆ 📌 เรียนรู้จากความสัมพันธ์ที่ผ่านมา 🌱 และใช้มันเป็นพลังในการเติบโตต่อไป เพราะสุดท้าย... สิ่งสำคัญ ไม่ใช่การอยู่กับใครไปตลอดชีวิต แต่คือ ในวันที่ยังอยู่ด้วยกัน เราได้สร้างความทรงจำ ที่งดงามพอหรือยัง? 💫 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 192315 เม.ย. 2568 📱 #ความสัมพันธ์ #คนเคยรู้จัก #จากลาที่ไม่มีคำลา #คิดถึงเสมอ #คนในความทรงจำ #เติบโตด้วยกัน #บทเรียนชีวิต #ความเงียบที่เจ็บปวด #ความเปลี่ยนแปลง #รักในความทรงจำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว
  • Playlists รวมบทเพลง เติมพลังใจ [ Youtube Music ]
    https://music.youtube.com/playlist?list=PLkiI2AWp18nMiZsTr0CRHKe9FDZufBfYS&si=gsm7gQcdVp3uJV2T

    รายชื่อเพลง

    1. ชีวิตกับสายลม - โธมัส หงษ์ภักดี
    2. อ่อนไหว...ไม่อ่อนแอ - อุเทน พรหมมินทร์
    3. แผลชีวิต - สุรสีห์ อิทธิกุล
    4. ไม่กลัวอยู่แล้ว - ธิติ พฤกษ์ชะอุ่ม
    5. ถ้ามีวันนั้น - 2 is better than 1
    6. นกที่กลัวความสูง - 2 is better than 1
    7. New Beginning - 32 October Band
    8. ฟลอร์ชีวิต - ธิติ พฤกษ์ชะอุ่ม
    9. ทะยานสุดปีกฝัน - สาธิดา พรหมพิริยะ
    10. โลกต้องรู้ - ธิติ พฤกษ์ชะอุ่ม
    11. อย่าไปคิดมากเลย - 32 October Band
    12. ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน - สรนภา ทองประดู่
    13. บนทางเดินแห่งฝัน - Tuniez83
    14. อยู่กับปัจจุบันได้หรือเปล่า - ธิติ พฤกษ์ชะอุ่ม
    15. อย่ามองข้ามหัวใจตัวเอง - รวิวรรณ จินดา
    16. ถึงเวลา - ธีรวีร์ ปุณณะภุม

    #YoutubeMusic
    #ClassyRecords
    Playlists รวมบทเพลง เติมพลังใจ [ Youtube Music ] https://music.youtube.com/playlist?list=PLkiI2AWp18nMiZsTr0CRHKe9FDZufBfYS&si=gsm7gQcdVp3uJV2T รายชื่อเพลง 1. ชีวิตกับสายลม - โธมัส หงษ์ภักดี 2. อ่อนไหว...ไม่อ่อนแอ - อุเทน พรหมมินทร์ 3. แผลชีวิต - สุรสีห์ อิทธิกุล 4. ไม่กลัวอยู่แล้ว - ธิติ พฤกษ์ชะอุ่ม 5. ถ้ามีวันนั้น - 2 is better than 1 6. นกที่กลัวความสูง - 2 is better than 1 7. New Beginning - 32 October Band 8. ฟลอร์ชีวิต - ธิติ พฤกษ์ชะอุ่ม 9. ทะยานสุดปีกฝัน - สาธิดา พรหมพิริยะ 10. โลกต้องรู้ - ธิติ พฤกษ์ชะอุ่ม 11. อย่าไปคิดมากเลย - 32 October Band 12. ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน - สรนภา ทองประดู่ 13. บนทางเดินแห่งฝัน - Tuniez83 14. อยู่กับปัจจุบันได้หรือเปล่า - ธิติ พฤกษ์ชะอุ่ม 15. อย่ามองข้ามหัวใจตัวเอง - รวิวรรณ จินดา 16. ถึงเวลา - ธีรวีร์ ปุณณะภุม #YoutubeMusic #ClassyRecords
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🏡สุขสันต์วันครอบครัว 14 เมษายน 2568🇹🇭🎉
    🥰💐รอยยิ้มของครอบครัวคือพลังใจที่ยิ่งใหญ่ เป็นกำลังใจให้กันและกันเสมอ ไม่มีที่ไหนสุขใจเท่าบ้านของเรา💯🥰
    🏡สุขสันต์วันครอบครัว 14 เมษายน 2568🇹🇭🎉 🥰💐รอยยิ้มของครอบครัวคือพลังใจที่ยิ่งใหญ่ เป็นกำลังใจให้กันและกันเสมอ ไม่มีที่ไหนสุขใจเท่าบ้านของเรา💯🥰
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 82 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🏡สุขสันต์วันครอบครัว 14 เมษายน 2568🇹🇭🎉
    🥰💐รอยยิ้มของครอบครัวคือพลังใจที่ยิ่งใหญ่ เป็นกำลังใจให้กันและกันเสมอ ไม่มีที่ไหนสุขใจเท่าบ้านของเรา💯🥰
    🏡สุขสันต์วันครอบครัว 14 เมษายน 2568🇹🇭🎉 🥰💐รอยยิ้มของครอบครัวคือพลังใจที่ยิ่งใหญ่ เป็นกำลังใจให้กันและกันเสมอ ไม่มีที่ไหนสุขใจเท่าบ้านของเรา💯🥰
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • อยู่ดีมีสุข
    ทุกข์เหตุดับหาย
    มีพลังใจ
    กายแข็งแรงได้

    สติเป็นเลิศ
    เชิดชูตั้งได้
    ธรรมซึ้งถึงใจ
    ใช้ปัญญาได้

    ปัญญาเป็นคุณ
    บุญหนุนกายใจ
    ดีเหตุปัจจัย
    ให้ผลดีได้

    ตื่นหลับตามกาล
    ชำนาญนอกใน
    เข้าออกสบาย
    ได้รักษาใจ

    สิ้นความสงสัย
    ให้กังวลหาย
    ดีกำลังใจ
    กายหลับสบาย

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์นอกใน

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    อยู่ดีมีสุข ทุกข์เหตุดับหาย มีพลังใจ กายแข็งแรงได้ สติเป็นเลิศ เชิดชูตั้งได้ ธรรมซึ้งถึงใจ ใช้ปัญญาได้ ปัญญาเป็นคุณ บุญหนุนกายใจ ดีเหตุปัจจัย ให้ผลดีได้ ตื่นหลับตามกาล ชำนาญนอกใน เข้าออกสบาย ได้รักษาใจ สิ้นความสงสัย ให้กังวลหาย ดีกำลังใจ กายหลับสบาย ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง รวยทรัพย์นอกใน นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณสมบัติของผู้ที่ “พร้อมจากไปดี”

    ---

    1. ต้องมี “สองพลัง” ประคองจิตให้อุ่นใจ

    พลังที่ 1: กุศลอาจิณณกรรม (กรรมดีสะสม)

    คือ ความดีที่ทำสม่ำเสมอในชีวิตประจำวัน

    เช่น ให้ทาน รักษาศีล ห้ามใจไม่ทำบาป

    เป็น “พลังคุณงามความดี” ที่ติดตัวไปได้แม้สิ้นชีวิต

    พลังที่ 2: สมาธิหรือกำลังจิตที่มั่นคง

    คือ จิตที่นิ่ง สงบ ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว

    ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่หวาดหวั่นตอนใกล้ตาย

    เป็น “พลังใจแน่วแน่” ที่ทำให้แน่ใจได้ว่าจากไปดีแน่นอน

    ---

    2. ปัญหาของคนดีแต่จิตอ่อน

    แม้เป็นคนดี แต่ถ้าใจอ่อนแอ ขี้น้อยใจ ฟุ้งซ่าน กลัดกลุ้ม

    จะทำให้ไม่มั่นใจในความดีของตนเอง

    ยามใกล้ตาย จิตตั้งไม่อยู่ จะสอบไม่ผ่านในวินาทีสำคัญ

    ---

    3. มรณสติที่แท้ ไม่ใช่แค่จินตนาการถึงความตาย

    แต่คือ การ “สำรวจตัวเองจริงๆ” ว่าพร้อมตายดีหรือยัง

    พร้อมในแง่ “กรรมดี” และ “สมาธิ”

    หากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จะยังไม่อุ่นใจเต็มที่

    ---

    Essence สั้นๆ

    “คนดีที่ตายดี ไม่ใช่แค่มีบุญ แต่ต้องมีกำลังจิตด้วย”
    “มรณสติ คือการประเมินตนเองว่าวันนี้พร้อมแล้วหรือยัง ถ้าพรุ่งนี้ต้องไปจริงๆ”
    คุณสมบัติของผู้ที่ “พร้อมจากไปดี” --- 1. ต้องมี “สองพลัง” ประคองจิตให้อุ่นใจ พลังที่ 1: กุศลอาจิณณกรรม (กรรมดีสะสม) คือ ความดีที่ทำสม่ำเสมอในชีวิตประจำวัน เช่น ให้ทาน รักษาศีล ห้ามใจไม่ทำบาป เป็น “พลังคุณงามความดี” ที่ติดตัวไปได้แม้สิ้นชีวิต พลังที่ 2: สมาธิหรือกำลังจิตที่มั่นคง คือ จิตที่นิ่ง สงบ ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่หวาดหวั่นตอนใกล้ตาย เป็น “พลังใจแน่วแน่” ที่ทำให้แน่ใจได้ว่าจากไปดีแน่นอน --- 2. ปัญหาของคนดีแต่จิตอ่อน แม้เป็นคนดี แต่ถ้าใจอ่อนแอ ขี้น้อยใจ ฟุ้งซ่าน กลัดกลุ้ม จะทำให้ไม่มั่นใจในความดีของตนเอง ยามใกล้ตาย จิตตั้งไม่อยู่ จะสอบไม่ผ่านในวินาทีสำคัญ --- 3. มรณสติที่แท้ ไม่ใช่แค่จินตนาการถึงความตาย แต่คือ การ “สำรวจตัวเองจริงๆ” ว่าพร้อมตายดีหรือยัง พร้อมในแง่ “กรรมดี” และ “สมาธิ” หากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จะยังไม่อุ่นใจเต็มที่ --- Essence สั้นๆ “คนดีที่ตายดี ไม่ใช่แค่มีบุญ แต่ต้องมีกำลังจิตด้วย” “มรณสติ คือการประเมินตนเองว่าวันนี้พร้อมแล้วหรือยัง ถ้าพรุ่งนี้ต้องไปจริงๆ”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • นี่รังกิเลส
    เหตุทุกข์เดือดร้อน
    ศีลธรรมบั่นทอน
    เดือดร้อนกระจาย

    แกนนำกิเลส
    ก่อเหตุมากมาย
    กฎเกณฑ์ทำลาย
    หมายตนเป็นใหญ่

    กิเลสความโง่
    โคจรทำร้าย
    เสพบาปอาศัย
    ไม่เอาศีลธรรม

    กิเลสห้ำเบียน
    ผิดเพี้ยนคิดทำ
    วาทะก่อกรรม
    ย้ำทางอบาย

    ตื่นเถิดคนดี
    ศีลธรรมอาศัย
    ความดีขวนขวาย
    ให้กพลังใจ

    ขอพบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    นี่รังกิเลส เหตุทุกข์เดือดร้อน ศีลธรรมบั่นทอน เดือดร้อนกระจาย แกนนำกิเลส ก่อเหตุมากมาย กฎเกณฑ์ทำลาย หมายตนเป็นใหญ่ กิเลสความโง่ โคจรทำร้าย เสพบาปอาศัย ไม่เอาศีลธรรม กิเลสห้ำเบียน ผิดเพี้ยนคิดทำ วาทะก่อกรรม ย้ำทางอบาย ตื่นเถิดคนดี ศีลธรรมอาศัย ความดีขวนขวาย ให้กพลังใจ ขอพบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้หลานตาขอเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อความอบอุ่น นำข้าวสารพรีเมียมไปมอบให้ผู้สูงอายุ เพื่อเติมเต็มมื้ออาหารที่ดี และส่งพลังใจให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง พร้อมรอยยิ้มที่อบอุ่นเสมอ☺️

    หลานตาหาทำ_ไร่นาสวนผสม 🌳🌲🌿🌾

    ตาทำ-หลานขาย
    วันนี้หลานตาขอเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อความอบอุ่น นำข้าวสารพรีเมียมไปมอบให้ผู้สูงอายุ เพื่อเติมเต็มมื้ออาหารที่ดี และส่งพลังใจให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง พร้อมรอยยิ้มที่อบอุ่นเสมอ☺️ หลานตาหาทำ_ไร่นาสวนผสม 🌳🌲🌿🌾 ตาทำ-หลานขาย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📌20 วิธีดูแลสุขภาพกาย❤️และใจของ Gen X เพื่อเตรียมเข้าสู่ผู้สูงวัย

    1. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ – เดิน วิ่ง โยคะ หรือเวทเทรนนิ่งเพื่อเพิ่มความแข็งแรง


    2. รับประทานอาหารสมดุล – เน้นผัก ผลไม้ โปรตีนดี และลดน้ำตาล ไขมันทรานส์


    3. นอนหลับให้เพียงพอ – 7-9 ชั่วโมงต่อคืน ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง


    4. บริหารสมอง – อ่านหนังสือ เล่นหมากรุก ฝึกทักษะใหม่ป้องกันสมองเสื่อม


    5. จัดการความเครียด – ฝึกสมาธิ หายใจลึก ๆ หรือทำกิจกรรมที่ชอบ


    6. ตรวจสุขภาพประจำปี – คัดกรองโรคเบาหวาน ความดัน มะเร็ง และกระดูกพรุน


    7. เลิกบุหรี่และแอลกอฮอล์ – ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ มะเร็ง และสมองเสื่อม


    8. ดูแลสุขภาพกระดูก – รับแคลเซียมและวิตามินดีเพียงพอ ป้องกันกระดูกพรุน


    9. เสริมภูมิคุ้มกัน – ฉีดวัคซีน เช่น ไข้หวัดใหญ่ งูสวัด และป้องกันปอดบวม


    10. ควบคุมน้ำหนัก – ป้องกันโรคเบาหวาน ความดัน และข้อเสื่อม


    11. ตรวจสายตาและการได้ยิน – ป้องกันอุบัติเหตุและการสูญเสียการสื่อสาร


    12. ดูแลสุขภาพช่องปาก – ลดฟันผุ เหงือกอักเสบ และโรคหัวใจ


    13. สร้างเครือข่ายสังคม – มีเพื่อน มีครอบครัว ลดความเสี่ยงภาวะซึมเศร้า


    14. ตั้งเป้าหมายชีวิต – มีแรงจูงใจ ฝึกพัฒนาตัวเองและใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย


    15. ใช้เทคโนโลยีให้เป็น – อัปเดตความรู้ สื่อสาร และทำธุรกรรมออนไลน์ได้


    16. ทำงานอดิเรก – เช่น ปลูกต้นไม้ วาดรูป เล่นดนตรี คลายเครียดและเพิ่มพลังใจ


    17. ฝึกฝนความยืดหยุ่นทางจิตใจ – ปรับตัวได้ดีต่อการเปลี่ยนแปลงในชีวิต


    18. บริหารการเงิน – วางแผนเกษียณ ประหยัด และลงทุนอย่างชาญฉลาด


    19. ลดการบริโภคโซเชียลมีเดียเกินจำเป็น – ลดภาวะวิตกกังวลและเสพข่าวลบ


    20. ทำบุญและจิตอาสา – สร้างความสุขภายในและเพิ่มคุณค่าให้สังคม



    ครบทั้งสุขภาพกายและใจ อ่านแล้วนำไปปรับใช้ได้ทันที!

    📌20 วิธีดูแลสุขภาพกาย❤️และใจของ Gen X เพื่อเตรียมเข้าสู่ผู้สูงวัย 1. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ – เดิน วิ่ง โยคะ หรือเวทเทรนนิ่งเพื่อเพิ่มความแข็งแรง 2. รับประทานอาหารสมดุล – เน้นผัก ผลไม้ โปรตีนดี และลดน้ำตาล ไขมันทรานส์ 3. นอนหลับให้เพียงพอ – 7-9 ชั่วโมงต่อคืน ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง 4. บริหารสมอง – อ่านหนังสือ เล่นหมากรุก ฝึกทักษะใหม่ป้องกันสมองเสื่อม 5. จัดการความเครียด – ฝึกสมาธิ หายใจลึก ๆ หรือทำกิจกรรมที่ชอบ 6. ตรวจสุขภาพประจำปี – คัดกรองโรคเบาหวาน ความดัน มะเร็ง และกระดูกพรุน 7. เลิกบุหรี่และแอลกอฮอล์ – ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ มะเร็ง และสมองเสื่อม 8. ดูแลสุขภาพกระดูก – รับแคลเซียมและวิตามินดีเพียงพอ ป้องกันกระดูกพรุน 9. เสริมภูมิคุ้มกัน – ฉีดวัคซีน เช่น ไข้หวัดใหญ่ งูสวัด และป้องกันปอดบวม 10. ควบคุมน้ำหนัก – ป้องกันโรคเบาหวาน ความดัน และข้อเสื่อม 11. ตรวจสายตาและการได้ยิน – ป้องกันอุบัติเหตุและการสูญเสียการสื่อสาร 12. ดูแลสุขภาพช่องปาก – ลดฟันผุ เหงือกอักเสบ และโรคหัวใจ 13. สร้างเครือข่ายสังคม – มีเพื่อน มีครอบครัว ลดความเสี่ยงภาวะซึมเศร้า 14. ตั้งเป้าหมายชีวิต – มีแรงจูงใจ ฝึกพัฒนาตัวเองและใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย 15. ใช้เทคโนโลยีให้เป็น – อัปเดตความรู้ สื่อสาร และทำธุรกรรมออนไลน์ได้ 16. ทำงานอดิเรก – เช่น ปลูกต้นไม้ วาดรูป เล่นดนตรี คลายเครียดและเพิ่มพลังใจ 17. ฝึกฝนความยืดหยุ่นทางจิตใจ – ปรับตัวได้ดีต่อการเปลี่ยนแปลงในชีวิต 18. บริหารการเงิน – วางแผนเกษียณ ประหยัด และลงทุนอย่างชาญฉลาด 19. ลดการบริโภคโซเชียลมีเดียเกินจำเป็น – ลดภาวะวิตกกังวลและเสพข่าวลบ 20. ทำบุญและจิตอาสา – สร้างความสุขภายในและเพิ่มคุณค่าให้สังคม ครบทั้งสุขภาพกายและใจ อ่านแล้วนำไปปรับใช้ได้ทันที!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1030 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📌 กรรมเก่ากำหนดตัวตนใหม่ และบทบาทในสังคม

    คนเราเกิดมาต่างกัน
    ไม่ใช่แค่หน้าตา ฐานะ หรือสติปัญญา
    แต่ยังรวมถึง “พลังของกรรม”
    ที่ส่งผลให้ บางคนเป็นผู้ได้รับการยกย่อง
    และ บางคนเป็นเป้าหมายของการถูกแกล้ง


    ---

    📌 ทำไมบางคนเหมือนถูก ‘ชี้เป้า’ ให้โดนแกล้ง?

    ✔ กรรมเก่าทำให้ดึงดูด ‘ความอยากแกล้ง’ จากคนรอบข้าง
    ✔ เคยสร้างความอับอายให้คนอื่น → จึงต้องเผชิญความอับอายเอง
    ✔ เคยทำร้ายใครโดยไม่มีเหตุผล → จึงต้องเจอการถูกทำร้ายแบบไร้เหตุผล

    📌 บางคนแค่เดินเข้ามาในห้อง
    คนรอบข้างก็รู้สึกอยากเยาะเย้ย
    เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่าง
    กระตุ้นให้คนอยากทำให้เขาเจ็บปวด

    📌 นี่อาจเป็น “ผลของกรรม”
    ที่ดึงพลังแห่ง “อารมณ์สาธารณะ” ออกมา
    ทำให้มวลชนมองไปในทางเดียวกัน
    และรู้สึกว่าสมควรที่จะถูกกระทำ


    ---

    📌 หากเห็นใครเป็นเป้าของการถูกแกล้ง ควรทำอย่างไร?

    ⚠ ระวังตัวเองให้ดี
    เพราะ เราอาจกำลังตกเป็น ‘เครื่องมือของกรรมคนอื่น’

    ⚠ หยุดความคิด ‘คันไม้คันมือ’ อยากแกล้ง

    ทุกครั้งที่รู้สึกอยากล้อเลียนใคร

    ทุกครั้งที่คิดว่า "ล้อเล่นนิดเดียว ไม่เป็นไรหรอก"

    หยุดก่อนแล้วถามตัวเองว่า
    “นี่เรากำลังสร้างกรรมใหม่อยู่หรือเปล่า?”


    ⚠ อย่ามองว่า ‘แกล้งกันสนุก’ เป็นเรื่องปกติ

    คนถูกแกล้งอาจไม่ได้ขำไปด้วย

    บางทีเขาแค่กลั้นใจยิ้ม แต่ในใจทุกข์มาก

    กรรมไม่ได้ดูว่า “เล่นๆ” หรือ “จริงจัง”

    กรรมดูที่ “ความรู้สึกของผู้ถูกกระทำ”



    ---

    📌 ใครเคยแกล้งคนอื่นมาก่อน จะหลีกเลี่ยงกรรมร้ายได้ไหม?

    ได้ ถ้าเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันนี้

    ✅ 1. หยุดสร้างกรรมใหม่ทันที

    ไม่ซ้ำเติม ไม่แกล้งใครให้ทุกข์ใจ

    ไม่หัวเราะเยาะคนที่อับอาย


    ✅ 2. ชดเชยกรรมเก่าด้วยการให้โอกาสคนอื่น

    หากเจอคนที่เคยแกล้งมาก่อน → ยอมรับผิด

    หากเห็นใครกำลังถูกกลั่นแกล้ง → ช่วยห้าม


    ✅ 3. เจริญเมตตา สร้างพลังใจให้ตัวเองและผู้อื่น

    กรรมดีสามารถลดแรงกรรมเก่าได้

    เมตตาต่อผู้อื่น คือการเมตตาต่ออนาคตของตัวเอง



    ---

    📌 กฎแห่งกรรมไม่เคยผิดพลาด

    คนที่เคยแกล้ง → วันหนึ่งต้องถูกแกล้ง
    คนที่เคยหัวเราะเยาะ → วันหนึ่งต้องเป็นเป้าหัวเราะเยาะ
    คนที่เคยทำให้คนอื่นอับอาย → วันหนึ่งต้องอับอายเอง

    แต่หากเราหยุดวงจรนี้ได้
    กรรมร้ายจะไม่ส่งต่อมาถึงเรา

    “หยุดแกล้งคนอื่น = หยุดกรรมของตัวเอง”

    📌 กรรมเก่ากำหนดตัวตนใหม่ และบทบาทในสังคม คนเราเกิดมาต่างกัน ไม่ใช่แค่หน้าตา ฐานะ หรือสติปัญญา แต่ยังรวมถึง “พลังของกรรม” ที่ส่งผลให้ บางคนเป็นผู้ได้รับการยกย่อง และ บางคนเป็นเป้าหมายของการถูกแกล้ง --- 📌 ทำไมบางคนเหมือนถูก ‘ชี้เป้า’ ให้โดนแกล้ง? ✔ กรรมเก่าทำให้ดึงดูด ‘ความอยากแกล้ง’ จากคนรอบข้าง ✔ เคยสร้างความอับอายให้คนอื่น → จึงต้องเผชิญความอับอายเอง ✔ เคยทำร้ายใครโดยไม่มีเหตุผล → จึงต้องเจอการถูกทำร้ายแบบไร้เหตุผล 📌 บางคนแค่เดินเข้ามาในห้อง คนรอบข้างก็รู้สึกอยากเยาะเย้ย เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่าง กระตุ้นให้คนอยากทำให้เขาเจ็บปวด 📌 นี่อาจเป็น “ผลของกรรม” ที่ดึงพลังแห่ง “อารมณ์สาธารณะ” ออกมา ทำให้มวลชนมองไปในทางเดียวกัน และรู้สึกว่าสมควรที่จะถูกกระทำ --- 📌 หากเห็นใครเป็นเป้าของการถูกแกล้ง ควรทำอย่างไร? ⚠ ระวังตัวเองให้ดี เพราะ เราอาจกำลังตกเป็น ‘เครื่องมือของกรรมคนอื่น’ ⚠ หยุดความคิด ‘คันไม้คันมือ’ อยากแกล้ง ทุกครั้งที่รู้สึกอยากล้อเลียนใคร ทุกครั้งที่คิดว่า "ล้อเล่นนิดเดียว ไม่เป็นไรหรอก" หยุดก่อนแล้วถามตัวเองว่า “นี่เรากำลังสร้างกรรมใหม่อยู่หรือเปล่า?” ⚠ อย่ามองว่า ‘แกล้งกันสนุก’ เป็นเรื่องปกติ คนถูกแกล้งอาจไม่ได้ขำไปด้วย บางทีเขาแค่กลั้นใจยิ้ม แต่ในใจทุกข์มาก กรรมไม่ได้ดูว่า “เล่นๆ” หรือ “จริงจัง” กรรมดูที่ “ความรู้สึกของผู้ถูกกระทำ” --- 📌 ใครเคยแกล้งคนอื่นมาก่อน จะหลีกเลี่ยงกรรมร้ายได้ไหม? ได้ ถ้าเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันนี้ ✅ 1. หยุดสร้างกรรมใหม่ทันที ไม่ซ้ำเติม ไม่แกล้งใครให้ทุกข์ใจ ไม่หัวเราะเยาะคนที่อับอาย ✅ 2. ชดเชยกรรมเก่าด้วยการให้โอกาสคนอื่น หากเจอคนที่เคยแกล้งมาก่อน → ยอมรับผิด หากเห็นใครกำลังถูกกลั่นแกล้ง → ช่วยห้าม ✅ 3. เจริญเมตตา สร้างพลังใจให้ตัวเองและผู้อื่น กรรมดีสามารถลดแรงกรรมเก่าได้ เมตตาต่อผู้อื่น คือการเมตตาต่ออนาคตของตัวเอง --- 📌 กฎแห่งกรรมไม่เคยผิดพลาด คนที่เคยแกล้ง → วันหนึ่งต้องถูกแกล้ง คนที่เคยหัวเราะเยาะ → วันหนึ่งต้องเป็นเป้าหัวเราะเยาะ คนที่เคยทำให้คนอื่นอับอาย → วันหนึ่งต้องอับอายเอง แต่หากเราหยุดวงจรนี้ได้ กรรมร้ายจะไม่ส่งต่อมาถึงเรา “หยุดแกล้งคนอื่น = หยุดกรรมของตัวเอง”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 330 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฉันก็แค่..
    โหยหาพื้นที่เงียบสงบแสนสบาย
    มีความสุขที่สุดเมื่อได้อยู่กับตัวเอง
    อยากเซฟพลังกายพลังใจ
    ไว้ใช้กับสิ่งที่ชอบ

    จากหนังสือ |ฉันก็แต่ไม่ชอบโลกที่วุ่นวาย

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ฉันก็แต่ไม่ชอบโลกที่วุ่นวาย
    ฉันก็แค่.. โหยหาพื้นที่เงียบสงบแสนสบาย มีความสุขที่สุดเมื่อได้อยู่กับตัวเอง อยากเซฟพลังกายพลังใจ ไว้ใช้กับสิ่งที่ชอบ จากหนังสือ |ฉันก็แต่ไม่ชอบโลกที่วุ่นวาย #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ฉันก็แต่ไม่ชอบโลกที่วุ่นวาย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • มูดาวรุ่ง...พยุงดาวร่วง
    สำหรับท่านที่เกิดปีเถาะ

    เพื่อเป็นการสะกดพลังร้ายของดาวอัปมงคล จึงควรน้อมสักการะต่อองค์มหาเทพ “大老爺(ตั่วเหล่าเอี๊ย)” หรือ องค์ “玄天上帝(เฮี่ยงเทียนเสี่ยงตี่)” เทพเจ้าอันทรงฤทธานุภาพแห่งสรวงสวรรค์ คอยสอดส่องปราบปรามกำราบเภทภัย ทั้งเหล่าภูตผีปีศาจร้ายตลอดจนความเศร้าหมองดำมืดใดที่แอบแฝงเกาะกินจากบาปกรรมชั่วช้าต่างๆ ด้วยพลังที่ทรงไว้ซึ่งคุณธรรมอย่างองอาจแสนยานุภาพในกาย หลังวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 22:10 น.นี้ เป็นต้นไป ณ ศาลเจ้า ศักดิ์สิทธิ์แห่งองค์เทพท่านสถิตอยู่ โดยการนอบน้อมกราบบูชาอธิษฐานฝากดวงชะตาขอพรบารมีแห่งองค์เทพท่านได้สดับรับฟังและโปรดเมตตาคุ้มครองปกป้องให้แคล้วคลาดรอดพ้นจากความมืดมนชั่วร้ายที่จะมาเกาะกินจิตใจให้เกิดความทุกข์ยากใดๆ พร้อมน้อมรับพรให้มีสุขภาพที่แข็งแรง พบกับความก้าวหน้าในทุกด้านของชีวิตด้วยพลังใจที่เต็มร้อย ตลอดทั้งปี 2568 นี้

    อีกทั้งควรน้อมอัญเชิญองค์“พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม” หรือ “觀世音菩薩 (กวนซืออิมผู่สัก)” พระโพธิสัตว์แห่งความเมตตามาสักการะเทิดทูนบูชาด้วยการพกพาหรือโหลดภาพเก็บไว้หน้าแรกของโทรศัพท์ติดตัวตลอดเวลา เพื่อปกปักรักษาและประทานบารมีที่จะขับไล่ความหม่นมัวทุกข์โศกร่ำไห้ให้จางหาย ทั้งความอัปมงคลให้ไม่กล้ำกลายและเสริมสิริมงคลให้ได้ชุ่มฉ่ำสดชื่นเต็มไปด้วย พลังกายใจที่จะก้าวไปอย่างมั่นคงในทุกช่วงห้วงเวลาจนสมปรารถนา ด้วยน้ำพระเมตตาบุญฤทธิ์อันสุดประมาณแห่งองค์ “พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม” หรือ “觀世音菩薩 (กวนซืออิมผู่สัก)” จะแผ่รัศมีคุ้มครองตลอดทั้งปี 2568 นี้
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    มูดาวรุ่ง...พยุงดาวร่วง สำหรับท่านที่เกิดปีเถาะ เพื่อเป็นการสะกดพลังร้ายของดาวอัปมงคล จึงควรน้อมสักการะต่อองค์มหาเทพ “大老爺(ตั่วเหล่าเอี๊ย)” หรือ องค์ “玄天上帝(เฮี่ยงเทียนเสี่ยงตี่)” เทพเจ้าอันทรงฤทธานุภาพแห่งสรวงสวรรค์ คอยสอดส่องปราบปรามกำราบเภทภัย ทั้งเหล่าภูตผีปีศาจร้ายตลอดจนความเศร้าหมองดำมืดใดที่แอบแฝงเกาะกินจากบาปกรรมชั่วช้าต่างๆ ด้วยพลังที่ทรงไว้ซึ่งคุณธรรมอย่างองอาจแสนยานุภาพในกาย หลังวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 22:10 น.นี้ เป็นต้นไป ณ ศาลเจ้า ศักดิ์สิทธิ์แห่งองค์เทพท่านสถิตอยู่ โดยการนอบน้อมกราบบูชาอธิษฐานฝากดวงชะตาขอพรบารมีแห่งองค์เทพท่านได้สดับรับฟังและโปรดเมตตาคุ้มครองปกป้องให้แคล้วคลาดรอดพ้นจากความมืดมนชั่วร้ายที่จะมาเกาะกินจิตใจให้เกิดความทุกข์ยากใดๆ พร้อมน้อมรับพรให้มีสุขภาพที่แข็งแรง พบกับความก้าวหน้าในทุกด้านของชีวิตด้วยพลังใจที่เต็มร้อย ตลอดทั้งปี 2568 นี้ อีกทั้งควรน้อมอัญเชิญองค์“พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม” หรือ “觀世音菩薩 (กวนซืออิมผู่สัก)” พระโพธิสัตว์แห่งความเมตตามาสักการะเทิดทูนบูชาด้วยการพกพาหรือโหลดภาพเก็บไว้หน้าแรกของโทรศัพท์ติดตัวตลอดเวลา เพื่อปกปักรักษาและประทานบารมีที่จะขับไล่ความหม่นมัวทุกข์โศกร่ำไห้ให้จางหาย ทั้งความอัปมงคลให้ไม่กล้ำกลายและเสริมสิริมงคลให้ได้ชุ่มฉ่ำสดชื่นเต็มไปด้วย พลังกายใจที่จะก้าวไปอย่างมั่นคงในทุกช่วงห้วงเวลาจนสมปรารถนา ด้วยน้ำพระเมตตาบุญฤทธิ์อันสุดประมาณแห่งองค์ “พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม” หรือ “觀世音菩薩 (กวนซืออิมผู่สัก)” จะแผ่รัศมีคุ้มครองตลอดทั้งปี 2568 นี้ ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 596 มุมมอง 0 รีวิว
  • โปเชนตง เส้นทางแห่งความหวัง

    เสียงลมพัดผ่านนครวัดที่เงียบงัน ใต้เงาอดีตที่ถูกเติมแต้มด้วยควันไฟ บทความรัศมีอังกอร์ เปลี่ยนแปลงชีวิตไป เปลวเพลิงแห่งความแค้น เผาฝันให้เลือนราง

    เสียงกลองก้องในหัวใจทุกคน ความจริงและคำโกหกซ้อนทับกัน แดนสันติกลับกลายเป็นสนามสงคราม เมื่อชาติถูกท้าทาย ความสงบหายไป

    * โปเชนตง จุดหมายสุดท้ายแห่งทางรอด แสงแห่งความหวังในคืนที่มืดมน เสียงเครื่องบิน ซีร้อยสามสิบก้องฟ้า นำพา กว่าเจ็ดร้อยคนไทยกลับบ้าน ด้วยศรัทธาในใจ

    ในพนมเปญ เสียงม็อบดังสนั่นไกล สถานทูตไทยลุกไหม้ด้วยเปลวไฟ เบื้องหลังความวุ่นวาย คือเกมที่ถูกวางไว้ ใครกันที่บงการ ใครกันที่ชักใยในมุมมืด

    ธงชาติที่เผาไหม้ แต่ใจไม่ยอมแพ้ พี่น้องรวมใจกันในยามที่สิ้นหวัง สนามบินเก่าแห่งนี้ คือจุดรวมพลัง โปเชนตง จะเป็นที่พิงสุดท้าย

    ซ้ำ *

    ในยามที่ความหวังเลือนราง ศรัทธากลับเป็นดั่งแสงนำทาง ถึงแม้ไฟแห่งความแค้นจะลุกโชน แต่ความรักในบ้านเกิดนั้นยังคง

    ซ้ำ *

    โปเชนตง เส้นทางแห่งความหวัง เผชิญหน้าความจริง แม้เจ็บปวดเพียงใด เพราะเราจะกลับมา ในอ้อมกอดของแผ่นดินไทย ด้วยหัวใจที่ยังไม่ยอมแพ้

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 290852 ม.ค. 2568

    #โปเชนตง #เส้นทางแห่งความหวัง #จลาจลพนมเปญ #C130กลับบ้าน #บทเรียนประวัติศาสตร์ #ความหวังและศรัทธา #ปฏิบัติการกู้ภัย #พลังใจคนไทย #ดนตรีปลุกพลัง #เรื่องจริงที่ต้องเล่า

    โปเชนตง เส้นทางแห่งความหวัง เสียงลมพัดผ่านนครวัดที่เงียบงัน ใต้เงาอดีตที่ถูกเติมแต้มด้วยควันไฟ บทความรัศมีอังกอร์ เปลี่ยนแปลงชีวิตไป เปลวเพลิงแห่งความแค้น เผาฝันให้เลือนราง เสียงกลองก้องในหัวใจทุกคน ความจริงและคำโกหกซ้อนทับกัน แดนสันติกลับกลายเป็นสนามสงคราม เมื่อชาติถูกท้าทาย ความสงบหายไป * โปเชนตง จุดหมายสุดท้ายแห่งทางรอด แสงแห่งความหวังในคืนที่มืดมน เสียงเครื่องบิน ซีร้อยสามสิบก้องฟ้า นำพา กว่าเจ็ดร้อยคนไทยกลับบ้าน ด้วยศรัทธาในใจ ในพนมเปญ เสียงม็อบดังสนั่นไกล สถานทูตไทยลุกไหม้ด้วยเปลวไฟ เบื้องหลังความวุ่นวาย คือเกมที่ถูกวางไว้ ใครกันที่บงการ ใครกันที่ชักใยในมุมมืด ธงชาติที่เผาไหม้ แต่ใจไม่ยอมแพ้ พี่น้องรวมใจกันในยามที่สิ้นหวัง สนามบินเก่าแห่งนี้ คือจุดรวมพลัง โปเชนตง จะเป็นที่พิงสุดท้าย ซ้ำ * ในยามที่ความหวังเลือนราง ศรัทธากลับเป็นดั่งแสงนำทาง ถึงแม้ไฟแห่งความแค้นจะลุกโชน แต่ความรักในบ้านเกิดนั้นยังคง ซ้ำ * โปเชนตง เส้นทางแห่งความหวัง เผชิญหน้าความจริง แม้เจ็บปวดเพียงใด เพราะเราจะกลับมา ในอ้อมกอดของแผ่นดินไทย ด้วยหัวใจที่ยังไม่ยอมแพ้ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 290852 ม.ค. 2568 #โปเชนตง #เส้นทางแห่งความหวัง #จลาจลพนมเปญ #C130กลับบ้าน #บทเรียนประวัติศาสตร์ #ความหวังและศรัทธา #ปฏิบัติการกู้ภัย #พลังใจคนไทย #ดนตรีปลุกพลัง #เรื่องจริงที่ต้องเล่า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 871 มุมมอง 24 0 รีวิว
  • 4 ม.ค.2568 - นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ในวารดิถีขึ้นปีใหม่ 2568 นี้ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่พี่น้องประชาชนแต่ละท่านเคารพนับถือ โปรดดลบันดาลและอำนวยพรให้ทุกท่านและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความสมหวัง และความสำเร็จในทุกสิ่งที่มุ่งหวัง ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เดินทางไปไหนก็ขอให้คลาดแคล้วจากอุบัติเหตุอันตราย ใครที่ประสบความสำเร็จในปี 2567 อยู่แล้ว ก็ขอให้ประสบความสำเร็จยิ่งๆ ขึ้นไปในปี 2568 ใครที่ยังไปไม่ถึงฟากฝั่งในปี 2567 ก็ขอให้ไปให้ถึงเป้าหมายในปีใหม่ 2568 นี้ ขอให้ทุกท่านมีพลังกายและพลังใจที่เข้มแข็ง ชนะอุปสรรคได้ทั้งปวง พบแต่สิ่งดีๆ และคนดีๆ ตลอดปี 2568 และตลอดไปครับ

    สำหรับผม ปี 2567 ที่เพิ่งผ่านไป ถือเป็นปีที่เหนื่อยมาก เพราะต้องทำงานแข่งกับเวลาที่หมดไปอย่างรวดเร็วในแต่ละวันโดยแทบไม่มีการหยุดพัก แต่อย่างน้อยผมก็ทำสำเร็จเกือบ 100% ตามที่บอกไว้ครับ

    1. ตรึงค่าไฟฟ้าไว้ที่หน่วยละ 4.18 บาท และคงค่าไฟฟ้าสำหรับกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกินเดือนละ 300 หน่วย ไว้ที่ราคาหน่วยละ 3.99 บาท มาได้ตลอดทั้งปี 2567 สำหรับปี2568 ช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน 2568 ค่าไฟฟ้าก็จะอยู่ที่หน่วยละ 4.15 บาท ทั้งนี้ ด้วยการสนับสนุนของท่านนายกฯ เศรษฐาและท่านนายกฯ แพทองธาร

    2.ร่างกฎหมายกำกับการประกอบกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเสร็จแล้ว ตอนนี้กำลังตรวจแก้ไขต้นร่างเกือบเสร็จแล้ว รออีกนิดนะครับ กฎหมายนี้จะมีกติกาที่ไม่ให้ปรับราคาน้ำมันขึ้นลงรายวัน มีระบบพิสูจน์ต้นทุน และยกเลิกการอ้างอิงราคาน้ำมันที่ตลาดสิงคโปร์ โดยนำระบบต้นทุนบวกค่าใช้จ่ายจริงที่เรียกว่าระบบ COST PLUS มาใช้แทน ที่สำคัญคือ จะให้มีน้ำมันเพื่อเกษตรกร และชาวประมงในราคาที่ถูกลง และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนส่งและองค์กรสาธารณกุศลสามารถนำน้ำมันเข้ามาใช้ได้เอง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนลงได้มาก และยังจะเปิดโอกาสให้รัฐสามารถจัดให้มีน้ำมันเพื่อผู้มีรายได้น้อยด้วย

    3. กฎหมายฉบับที่สองที่ทำเสร็จแล้ว คือกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ โซลาร์รูฟ ซึ่งจะพังทลายกฎเกณฑ์กติกาเดิมๆ ที่ทำให้การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เป็นเรื่องยุ่งยากและล่าช้า ผมยกเลิกการขออนุญาตทุกรูปแบบโดยเปลี่ยนมาเป็นการติดตั้งได้ทันทีตามกฎเกณฑ์ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน เมื่อติดตั้งแล้วก็ใช้ระบบแจ้งให้ทราบ จากนั้นแต่ละหน่วยงานก็จะไปตรวจสอบเอง หากมีสิ่งใดต้องแก้ไขก็ว่ากันไป ไม่ต้องเสียเวลารอการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ไม่กี่คน ขณะที่คนทั้งประเทศต้องรอกันทั้งชาติ กฎหมายนี้จะเสนอในนามของรัฐบาลด้วย แต่ขั้นตอนช้า ต้องดำเนินการอีกหลายอย่าง ผมเลยให้เสนอเข้าสภาฯ ในนามของพรรครวมไทยสร้างชาติก่อน ซึ่งดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ครับ

    สำหรับปี 2568 นี้ สิ่งที่ผมวางเป้าหมายไว้เป็นเรื่องแรกเลย คือ จะร่างกฎหมายสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง หรือStrategic Petroleum reserve (SPR) ที่จะนำมาใช้แทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและสร้างความมั่นคงให้ประเทศ ซึ่งจะทำต่อจากกฎหมายกำกับกิจการค้าน้ำมัน ไม่น่าเชื่อว่าประเทศเราไม่เคยมีสำรองน้ำมันของประเทศเลย ที่มีอยู่ก็เป็นการสำรองของภาคเอกชนเพื่อประโยชน์ทางการค้าเป็นหลักตามกฎหมายการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเท่านั้น และเก็บสำรองเพียงประมาณ 20-25 วัน แต่หลักเกณฑ์ของการสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคงของประเทศต้องไม่ใช่เพื่อการค้าแต่เพื่อประโยชน์ของชาติ และต้องมีสำรองขั้นต่ำ 90 วัน โดยผมจะนำระบบนี้มาใช้แทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะเปลี่ยนการเก็บเงินจากการซื้อขายน้ำมันที่ไล่เก็บจากประชาชนไปเข้ากองทุนน้ำมัน เป็นระบบเก็บเป็นน้ำมันจากผู้ค้าน้ำมันแทน ระบบนี้จะทำให้ราคาน้ำมันลดลงทันทีอย่างน้อย 2.50 บาท ถึง 4 บาทกว่าๆ แล้วแต่ประเภทของน้ำมันเพราะไม่มีการเก็บเงินส่วนนี้จากประชาชนอีก แล้วใช้น้ำมันในส่วนนี้ไปชดเชยราคาน้ำมันให้ผู้ค้าน้ำมันแทนเงินที่เก็บจากประชาชน

    ส่วนเรื่องค่าไฟฟ้าจะต่อยอดจากกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อช่วยประชาชนให้ลดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าลงนั้น ผมกำลังดำเนินการให้กระทรวงพลังงานผลิตอุปกรณ์ที่เป็นอุปกรณ์หลักในการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เรียกว่าเครื่อง Invertor ที่มีราคาแพงประมาณเครื่องละ 30,000-40,000 บาท โดยน่าจะผลิตได้ในราคาเพียง 1 ใน 3 ของราคาในท้องตลาดเท่านั้น ตอนนี้เครื่องต้นแบบผ่านการทดสอบขั้นที่หนึ่งจากสถาบัน สวทช. แล้ว และกำลังรอทดสอบอีกสองขั้นตอน เมื่อผ่านหมดก็จะเริ่มเข้าสู่แผนการผลิตจำหน่ายให้ประชาชนในราคาถูกที่สุด และจะหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อให้ประชาชนสามารถหักค่าใช้จ่ายส่วนนี้จากภาระภาษีเงินได้ประจำปีด้วย อีกทั้งยังกำลังดำเนินการหาแนวทางให้กองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในสังกัดกระทรวงพลังงานสามารถสนับสนุนเงินทุนหรืออย่างใดอย่างหนึ่งให้ประชาชนด้วย

    ผมเชื่อว่าผลงานของรัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานตั้งแต่ปลายปี 2567 ต่อยอดไปถึงปี 2568 จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้พี่น้องประชาชนได้ตามนโยบายรัฐบาลและตามที่ท่านนายกฯแพทองธารประกาศไว้ และจะช่วยทำให้ประเทศมีความมั่นคงด้านพลังงานมากขึ้นด้วย

    สุดท้าย ผมเคยพูดไว้ว่า สิ่งที่ผมทำเพื่อพี่น้องประชาชนจะมีคนที่เคยได้ประโยชน์กันมากว่า 50 ปีเป็นอย่างน้อยต้องเสียประโยชน์ ผมรู้ว่าผมจะต้องโดนวิชามารกระหน่ำแบบไหน แต่ผมไม่กลัวและผมจะทำให้ได้ ขอเพียงพี่น้องประชาชนช่วยเป็นกำแพงให้ผมพิงเท่านั้นก็พอ ความสำเร็จของการทำงานเพื่อประชาชนเริ่มทยอยปรากฏให้เห็นมาตั้งแต่ปลายปี 2567 ตามที่ผมวางเป้าหมายไว้

    และเป็นที่น่าสังเกตว่าในช่วงสองสามเดือนก่อนสิ้นปี 2567 ผมถูกกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าสื่อบางกลุ่มรุมกระหน่ำปั้นข่าวทุกรูปแบบ โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวเปิดตัวพรรคใหม่ทุนหนา ก็มีบัญชีอวตารเปิดใหม่พรึ่บเพื่อใช้ถล่มผมแบบไม่ยั้งมือ แต่ผมไม่เคยหวั่นไหวและจะทำในสิ่งที่ต้องทำเสมอครับ

    พอเห็นว่ากลยุทธ์แบบเดิมทำท่าจะเล่นงานไม่ไหว ก็ไปปั้นข่าวว่าผมขัดแย้งกับนายกฯบ้างขัดแย้งกับพรรคแกนนำรัฐบาลบ้าง ทั้งๆ ที่ผมและทั้งนายกฯ แพทองธารและอดีตนายกฯ เศรษฐาไม่เคยมีอะไรขัดแย้งกันเลย

    แถมทั้งสองท่านก็สนับสนุนการทำงานของผมตลอดมา เพราะเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลทั้งสิ้น ผลงานเรื่องการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานก็สำเร็จด้วยดีเพราะการสนับสนุนทั้งสองท่าน ล่าสุดที่ท่านนายกฯ แพทองธารประกาศว่าจะทำลายทุนผูกขาด ท่านก็พูดจริง ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. ครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา ท่านนายกฯ ติดภารกิจด่วนก็มอบให้ผมเป็นประธานการประชุมแทน และกำชับให้ผมขอมติคณะกรรมการ กพช. ให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องประมูลไฟฟ้าพลังงานสะอาดด้วย โดยมีท่านเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เป็นผู้ประสานงานและติดตามงานตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ใครจะปั้นข่าวอะไรผมไม่สนใจ ผมสนใจแต่การทำงานและประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเท่านั้นครับ

    อย่างไรก็ตาม ผมขอขอบคุณอีกครั้ง สำหรับทุกกำลังใจที่มีให้ผมและพรรครวมไทยสร้างชาติมากขึ้นเรื่อยๆ และขอบคุณที่เป็นกำแพงเหล็กให้ผมพิงในการทำงาน และในปี 2568 นี้ ผมจะทำงานให้หนักขึ้นเพื่อความสำเร็จและประโยชน์ชาติบ้านเมืองครับ

    4 ม.ค.2568 - นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ในวารดิถีขึ้นปีใหม่ 2568 นี้ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่พี่น้องประชาชนแต่ละท่านเคารพนับถือ โปรดดลบันดาลและอำนวยพรให้ทุกท่านและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความสมหวัง และความสำเร็จในทุกสิ่งที่มุ่งหวัง ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เดินทางไปไหนก็ขอให้คลาดแคล้วจากอุบัติเหตุอันตราย ใครที่ประสบความสำเร็จในปี 2567 อยู่แล้ว ก็ขอให้ประสบความสำเร็จยิ่งๆ ขึ้นไปในปี 2568 ใครที่ยังไปไม่ถึงฟากฝั่งในปี 2567 ก็ขอให้ไปให้ถึงเป้าหมายในปีใหม่ 2568 นี้ ขอให้ทุกท่านมีพลังกายและพลังใจที่เข้มแข็ง ชนะอุปสรรคได้ทั้งปวง พบแต่สิ่งดีๆ และคนดีๆ ตลอดปี 2568 และตลอดไปครับ สำหรับผม ปี 2567 ที่เพิ่งผ่านไป ถือเป็นปีที่เหนื่อยมาก เพราะต้องทำงานแข่งกับเวลาที่หมดไปอย่างรวดเร็วในแต่ละวันโดยแทบไม่มีการหยุดพัก แต่อย่างน้อยผมก็ทำสำเร็จเกือบ 100% ตามที่บอกไว้ครับ 1. ตรึงค่าไฟฟ้าไว้ที่หน่วยละ 4.18 บาท และคงค่าไฟฟ้าสำหรับกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกินเดือนละ 300 หน่วย ไว้ที่ราคาหน่วยละ 3.99 บาท มาได้ตลอดทั้งปี 2567 สำหรับปี2568 ช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน 2568 ค่าไฟฟ้าก็จะอยู่ที่หน่วยละ 4.15 บาท ทั้งนี้ ด้วยการสนับสนุนของท่านนายกฯ เศรษฐาและท่านนายกฯ แพทองธาร 2.ร่างกฎหมายกำกับการประกอบกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเสร็จแล้ว ตอนนี้กำลังตรวจแก้ไขต้นร่างเกือบเสร็จแล้ว รออีกนิดนะครับ กฎหมายนี้จะมีกติกาที่ไม่ให้ปรับราคาน้ำมันขึ้นลงรายวัน มีระบบพิสูจน์ต้นทุน และยกเลิกการอ้างอิงราคาน้ำมันที่ตลาดสิงคโปร์ โดยนำระบบต้นทุนบวกค่าใช้จ่ายจริงที่เรียกว่าระบบ COST PLUS มาใช้แทน ที่สำคัญคือ จะให้มีน้ำมันเพื่อเกษตรกร และชาวประมงในราคาที่ถูกลง และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนส่งและองค์กรสาธารณกุศลสามารถนำน้ำมันเข้ามาใช้ได้เอง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนลงได้มาก และยังจะเปิดโอกาสให้รัฐสามารถจัดให้มีน้ำมันเพื่อผู้มีรายได้น้อยด้วย 3. กฎหมายฉบับที่สองที่ทำเสร็จแล้ว คือกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ โซลาร์รูฟ ซึ่งจะพังทลายกฎเกณฑ์กติกาเดิมๆ ที่ทำให้การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เป็นเรื่องยุ่งยากและล่าช้า ผมยกเลิกการขออนุญาตทุกรูปแบบโดยเปลี่ยนมาเป็นการติดตั้งได้ทันทีตามกฎเกณฑ์ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน เมื่อติดตั้งแล้วก็ใช้ระบบแจ้งให้ทราบ จากนั้นแต่ละหน่วยงานก็จะไปตรวจสอบเอง หากมีสิ่งใดต้องแก้ไขก็ว่ากันไป ไม่ต้องเสียเวลารอการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ไม่กี่คน ขณะที่คนทั้งประเทศต้องรอกันทั้งชาติ กฎหมายนี้จะเสนอในนามของรัฐบาลด้วย แต่ขั้นตอนช้า ต้องดำเนินการอีกหลายอย่าง ผมเลยให้เสนอเข้าสภาฯ ในนามของพรรครวมไทยสร้างชาติก่อน ซึ่งดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ครับ สำหรับปี 2568 นี้ สิ่งที่ผมวางเป้าหมายไว้เป็นเรื่องแรกเลย คือ จะร่างกฎหมายสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคง หรือStrategic Petroleum reserve (SPR) ที่จะนำมาใช้แทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและสร้างความมั่นคงให้ประเทศ ซึ่งจะทำต่อจากกฎหมายกำกับกิจการค้าน้ำมัน ไม่น่าเชื่อว่าประเทศเราไม่เคยมีสำรองน้ำมันของประเทศเลย ที่มีอยู่ก็เป็นการสำรองของภาคเอกชนเพื่อประโยชน์ทางการค้าเป็นหลักตามกฎหมายการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเท่านั้น และเก็บสำรองเพียงประมาณ 20-25 วัน แต่หลักเกณฑ์ของการสำรองน้ำมันเพื่อความมั่นคงของประเทศต้องไม่ใช่เพื่อการค้าแต่เพื่อประโยชน์ของชาติ และต้องมีสำรองขั้นต่ำ 90 วัน โดยผมจะนำระบบนี้มาใช้แทนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะเปลี่ยนการเก็บเงินจากการซื้อขายน้ำมันที่ไล่เก็บจากประชาชนไปเข้ากองทุนน้ำมัน เป็นระบบเก็บเป็นน้ำมันจากผู้ค้าน้ำมันแทน ระบบนี้จะทำให้ราคาน้ำมันลดลงทันทีอย่างน้อย 2.50 บาท ถึง 4 บาทกว่าๆ แล้วแต่ประเภทของน้ำมันเพราะไม่มีการเก็บเงินส่วนนี้จากประชาชนอีก แล้วใช้น้ำมันในส่วนนี้ไปชดเชยราคาน้ำมันให้ผู้ค้าน้ำมันแทนเงินที่เก็บจากประชาชน ส่วนเรื่องค่าไฟฟ้าจะต่อยอดจากกฎหมายส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อช่วยประชาชนให้ลดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าลงนั้น ผมกำลังดำเนินการให้กระทรวงพลังงานผลิตอุปกรณ์ที่เป็นอุปกรณ์หลักในการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เรียกว่าเครื่อง Invertor ที่มีราคาแพงประมาณเครื่องละ 30,000-40,000 บาท โดยน่าจะผลิตได้ในราคาเพียง 1 ใน 3 ของราคาในท้องตลาดเท่านั้น ตอนนี้เครื่องต้นแบบผ่านการทดสอบขั้นที่หนึ่งจากสถาบัน สวทช. แล้ว และกำลังรอทดสอบอีกสองขั้นตอน เมื่อผ่านหมดก็จะเริ่มเข้าสู่แผนการผลิตจำหน่ายให้ประชาชนในราคาถูกที่สุด และจะหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อให้ประชาชนสามารถหักค่าใช้จ่ายส่วนนี้จากภาระภาษีเงินได้ประจำปีด้วย อีกทั้งยังกำลังดำเนินการหาแนวทางให้กองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ในสังกัดกระทรวงพลังงานสามารถสนับสนุนเงินทุนหรืออย่างใดอย่างหนึ่งให้ประชาชนด้วย ผมเชื่อว่าผลงานของรัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานตั้งแต่ปลายปี 2567 ต่อยอดไปถึงปี 2568 จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้พี่น้องประชาชนได้ตามนโยบายรัฐบาลและตามที่ท่านนายกฯแพทองธารประกาศไว้ และจะช่วยทำให้ประเทศมีความมั่นคงด้านพลังงานมากขึ้นด้วย สุดท้าย ผมเคยพูดไว้ว่า สิ่งที่ผมทำเพื่อพี่น้องประชาชนจะมีคนที่เคยได้ประโยชน์กันมากว่า 50 ปีเป็นอย่างน้อยต้องเสียประโยชน์ ผมรู้ว่าผมจะต้องโดนวิชามารกระหน่ำแบบไหน แต่ผมไม่กลัวและผมจะทำให้ได้ ขอเพียงพี่น้องประชาชนช่วยเป็นกำแพงให้ผมพิงเท่านั้นก็พอ ความสำเร็จของการทำงานเพื่อประชาชนเริ่มทยอยปรากฏให้เห็นมาตั้งแต่ปลายปี 2567 ตามที่ผมวางเป้าหมายไว้ และเป็นที่น่าสังเกตว่าในช่วงสองสามเดือนก่อนสิ้นปี 2567 ผมถูกกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าสื่อบางกลุ่มรุมกระหน่ำปั้นข่าวทุกรูปแบบ โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวเปิดตัวพรรคใหม่ทุนหนา ก็มีบัญชีอวตารเปิดใหม่พรึ่บเพื่อใช้ถล่มผมแบบไม่ยั้งมือ แต่ผมไม่เคยหวั่นไหวและจะทำในสิ่งที่ต้องทำเสมอครับ พอเห็นว่ากลยุทธ์แบบเดิมทำท่าจะเล่นงานไม่ไหว ก็ไปปั้นข่าวว่าผมขัดแย้งกับนายกฯบ้างขัดแย้งกับพรรคแกนนำรัฐบาลบ้าง ทั้งๆ ที่ผมและทั้งนายกฯ แพทองธารและอดีตนายกฯ เศรษฐาไม่เคยมีอะไรขัดแย้งกันเลย แถมทั้งสองท่านก็สนับสนุนการทำงานของผมตลอดมา เพราะเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลทั้งสิ้น ผลงานเรื่องการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานก็สำเร็จด้วยดีเพราะการสนับสนุนทั้งสองท่าน ล่าสุดที่ท่านนายกฯ แพทองธารประกาศว่าจะทำลายทุนผูกขาด ท่านก็พูดจริง ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. ครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา ท่านนายกฯ ติดภารกิจด่วนก็มอบให้ผมเป็นประธานการประชุมแทน และกำชับให้ผมขอมติคณะกรรมการ กพช. ให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องประมูลไฟฟ้าพลังงานสะอาดด้วย โดยมีท่านเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เป็นผู้ประสานงานและติดตามงานตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ใครจะปั้นข่าวอะไรผมไม่สนใจ ผมสนใจแต่การทำงานและประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเท่านั้นครับ อย่างไรก็ตาม ผมขอขอบคุณอีกครั้ง สำหรับทุกกำลังใจที่มีให้ผมและพรรครวมไทยสร้างชาติมากขึ้นเรื่อยๆ และขอบคุณที่เป็นกำแพงเหล็กให้ผมพิงในการทำงาน และในปี 2568 นี้ ผมจะทำงานให้หนักขึ้นเพื่อความสำเร็จและประโยชน์ชาติบ้านเมืองครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1025 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่มี..ขอให้มีพลังใจไปสร้างความดี มีพลังใจไปสร้างบุญกุศล ให้มีพลังใจไว้
    ไม่มี..ขอให้มีพลังใจไปสร้างความดี มีพลังใจไปสร้างบุญกุศล ให้มีพลังใจไว้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • 29-12-67/01 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" EP.15

    เครื่องบินตกบ่อยน่ะ ช่วงนี้! จริงๆ ที่ผ่านมา ก็ตกกันทุกวันน่ะแหละ แค่ไม่เป็นข่าว ไม่ตกสิแปลก? ทำไมน่ะรึ? ไปเช็คดูสิ เครื่องบินของบริษัทอะไรตกบ่อยที่สุด? แล้วไปเช็คต่อว่า ส่วนใหญ่ไม่เปิดเผยกล่องดำ กว่า 50% มาจากปัญหาเรื่องสัญญานนำร่อง และการโจมตีของนกที่บินผ่านมา นี่มันเรื่องเก่านานแล้วน่ะ มรึงยังแก้ปัญหาไม่ตกอีกเหรอ? แล้วจะไว้ใจอะไรได้? ต้องไปดูว่า เครื่องบิน บินได้เพราะอะไร? เครื่องยนต์ไงล่ะ แล้วเครื่องยนต์ถูกควบคุมด้วยอะไร? ก็ชิป SOFT WARE และระบบนำร่อง อะไรที่ดาวเทียมควบคุมได้ อะไรที่ GPS ทำงาน ต่างถูกแจมได้หมด หากสดชื่น? ตอนนี้ อีโบอิ้ง เจ๊งแล้วเจ๊งอีก หลังรัสเซีย จีน ออกขายเครื่องบินพาณิชย์ ที่ไม่ใช้ระบบเหี้ยไอ้อีตะวันตกเป็นหลัก คำตอบคือ ดีกว่า ปลอดภัยกว่า ถูกกว่า และควบคุมเองได้ ไม่ต้องอาศัยจมูกใครหายใจอีก? ล่าสุด จีนสั่งผลิตโดรนกว่า 1000000 ลำ ออกเรือบรรทุกโดรน เครื่องบินรบสเตล สะเทินน้ำสะเทินบก รุ่นใหม่ล่าสุด แปลว่าอะไร? จีนเค้าพร้อม เตรียมการมานานแล้ว เรือบรรทุกโดรนรุ่นใหม่ ไม่ใช่แบบเรือบรรทุกเครื่องบินเหี้ย ที่ช้าเป็นเต่า เป็นเป้าใหญ่ซ้อมมือสบายตรีน ตรงกันข้าม ระบบป้องกันภัย โจมตี ใหม่ล่าสุด การตอบโตขั้นสูงสุดของโลกในปัจจุบัน แน่นอนว่า พัฒนาต่อยอดร่วมกับรัสเซีย อิหร่าน ดอกนี้ ออกมาเพื่อศึกแปซิฟิคโดยเฉพาะ จีนพร้อมรบขั้นสูงสุดนานแล้ว รอแค่เหี้ย "กล้าป่ะ?"

    หลายคนกลัว 30 31 01 ช่วงสิ้นปี ข้ามปีใหม่ เหี้ยจะหาแผนชั่วอะไรเรียกเรตติ้งอีก? ทุกประเทศไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น ต่างสั่งเร่งเฝ้าระวังทุกพื้นที่ ยกเว้นชาติขี้ข้าเหี้ย ปล่อยไปเลย ระเบิดไม่มา อุบัติเหตุไม่เข้า เดี๋ยวงานไม่เดิน เงินไม่เข้า วิธรการเดิมๆ ที่เหี้ยทำบ่อย สั่งลูกน้องขี้ข้า ก่อเหตุสลด ทำอะไรก็ได้ ที่ทำให้ความสุขคนไทย และควายโลก หายไป ความทุกข์ของชาวโลก คือความสุขของยิวเหี้ยไซออนนิสต์ คอนเซปนี้ ถือมาอย่างยาวนาน มีปล่อยข่าวอังกฤษจะรวมอเมริกา? จริงดิ? ก่อนเชื่อ ดูภูมิศาสตร์ประเทศก่อน อยู่คนละทวีป และประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน รากเหง้าที่ก่อเกิด อเมริกากำลังจะแตก อังกฤษกำลังจะแตก รวมกันเลยดีมั้ย? พูดง่ายแต่ทำยาก เพราะชาวอังกฤษเอง ก็ EGO ไม่แพ้เหี้ยอเมริกันหน้าโง่ดอก อเมริกา-แคนาดา ผนวกกันง่ายกว่า เพราะแผ่นดินติดกันอยู่แล้ว ก็เหมือนกับไทย-ลาว อีกหน่อยก็ผนวกกันแน่ หากไทยเป็นฮับอาเซียน และศูนย์กลางเศรษฐกิจ ไม่ว่าเหี้ยจะก่อเหตุช่วงนี้ยังไง? ขอให้รู้ไว้ว่า "แค่เบี่ยงเบนประเด็น" กลบความล้มเหลวที่ผ่านมา

    หลังปีใหม่ อ.ปานเทพ จัดชุดใหญ่ สว.ตามกระทืบซ้ำ อะไรที่เหี้ยหมกซ่อนความเหี้ยจัญไรที่ผ่านมา ทุกคดีความที่เก็บเงียบ จะผุดออกมาจนหมดเกลี้ยง ยิ่งสาวยิ่งเจอ ยิ่งปิดยิ่งโผล่ เพราะเวลาของกลียุคใกล้จะหมดแล้ว แสงทำงานเต็มกำลังแล้วไงล่ะ? ชั้น 14 ผีอีโม ดิ ไอ(คอน)สัส แก๊งค์คอลเซนเตอร์ แม้แต่เรื่องฆ่าคนออกสื่อ บูลลี่ ทุกความอัปยศ เห็นกงจักรเป็นดอกบัวทั้งหลายของเหล่าควายไทยบัดซบ จะถูกออกมาชำแหละเกลี้ยง ปี 68 คือปีแห่การชำระล้างสิ่งสกปรกโสมมทั้งหมด สงครามต้องมา ความตายต้องมี แย่งชิงต้องเกิด สูญเสียเลี่ยงยาก ปากท้องขัดสน พอเพียงจะรอด พอดีจะคงที่ เครื่องมือเหี้ยยิวที่ใช้งานผ่านมา ดาหน้าเริ่มทะยอยเจ๊งแล้วเจ๊งอีก พลังความชั่วอ่อนแรง พลังความจริงจะเด่นชัด ดาราแห่กันเข้าคุก พระปลอมแห่ถูกแฉ ทนายไร้จรรยาบรรณถูกกับดักเพี๊ยบ เจ้าหน้าที่รัฐตายคาหลักฐาน ชาวบ้านลุกขึ้นสู้อำนาจมืด สื่อปลอมดับ สื่อจริงเกิดเต็มตรีน คนเบื่อข่าวตอแหล โซเชี่ยลปั่นหัวควายได้ ก็ปลุกคนตื่นได้เช่นกัน ดาบ 2 คม

    MOU44 จะฆ่าอีแดงตายยกเข่ง ภาคประชาชนเดินหน้า ฝ่ายการเมืองดิ้นสุดตัว อีขะแมร์จะหายซ่าส์ อาเซียนมีผู้ปกครองอยู่ ทุกอย่างจะเดินไปทิศทางเดียวกันหมด ตามแสงสาดส่อง กองทัพพร้อม เกมส์โลกเปลี่ยน เกมส์ไทยก็เปลี่ยน หลังปีใหม่ อีทรัมปป์จะช็อคโลกอีกเยอะ โลกวุ่นวายสับสน มันคือสัญญานปลายกลียุค เข้าสู่โหมดจัดระเบียบโลกใหม่ เงินทองจะถูกเก็บ ผู้คนรัดเข็มขัด ต่างชาติจะทะยอยย้านถิ่นฐาน เม็ดเงินจะเข้าเอเซียมากที่สุด ไทยลำบาก แต่เทียบไม่ได้กับทั่วโลก อู่ข้าว อู่น้ำ ยังไงก็มีกิน ควายโลกจะตื่น เหี้ยจะออกลาย ทุกอย่างถูกเปิดหมดเกลี้ยง ความจริงปรากฎ ผิด ชอบ ชั่วดี จิตสำนึกจะก่อเกิด ศีลธรรมจะรักษาคนดี คนชั่วจะตายเกลื่อนแผ่นดิน แผ่นดินมีคนดูแล อย่ากังวล มันแค่หมากตานึงของเกมส์บนกระดานใหญ่ วังรู้ทุกอย่าง ถึงเวลาจะลงมือเอง มองดูภาพรวมสิ มันเกิดขึ้นพร้อมกันได้อย่างไร หากไม่มีคนอยู่เบื้องหลัง เพื่อให้สำเร็จตามบัญชาสวรรค์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ชาวอโยธยาทั้งหลาย จงรักษาใจเอาไว้ให้ดี เชื่อมั่น และศรัทธา

    ปล.เหี้ยยิวจุกอก แค่จีน รัสเซีย อิหร่าน โสมแดง ก็ฉิบหายหนักแล้ว แต่แพ้ราบคาบเพราะ ตอนนี้ อาวุธรุ่นใหม่จีน รัสเซีย อิหร่าน ถูกส่งให้แอฟริกา ลาติน ตะวันออกกลาง หมดเกลี้ยง จำนวนมาก นั่นแปลว่า แนวร่วมที่จะไล่ฆ่าเหี้ยมันคือ "โลกทั้งใบ" นั่นเอง เมื่ออาวุธเทพอยู่ในมือผู้ต่อต้านยิว ยิวทำได้แค่ถอย ตั้งหลัก เพราะหากไปแลก จะถูกกลืนแผ่นดินไปด้วย อีจิงโจ้ อีแคน ช่วงนี้ ถึงได้เงียบสนิท รอแผนรวมแผ่นดินเหี้ยให้สำเร็จก่อน อเมริกาไม่แตก เรื่องไม่เดินหน้า อีทรัมปป์ช่วยอียิวให้สมหวัง แต่ขัดใจตรง ใครบอกกูจะยกให้มรึง? กูหาบ้านใหม่ให้ และหาแผ่นดินใหม่ให้ตัวเองเช่นกัน ขีปนาวุธโอเรชนิค ไม่ใช่แค่เปลี่ยนเกมส์โลก แต่มันคือความมั่นคง ปลอดภัยของชาวโลก หากจำเป็นต้องจัดการไอ้ตัวปัญหาที่เหลือ? การเมืองโลกกำลังจะหาแพะรับบาป ถึงได้เตรียมจัดฉาก อีเนรคุณทันยา อีเสี้ยนยา อีไช่ อีมาครง อีโอลาฟ อีโซรอส เป็นหนังหน้าไฟ ยุโรปตายไปแล้ว จะไม่มีวันเหมือนเดิมได้อีก หากอีเบียร์เจ๊งยับ มันจะเป็นโดมิโน่แอฟเฟคทันที เมื่อ EU NATO ขาดความสามัคคี ต่างคน ต่างเอาตัวรอด เห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ จะถูกรัสเซียกลืนไปจนหมดสิ้น แผ่นดินใหม่รัสเซีย ไม่ได้มีแค่ในยุโรป ต่อไปจะขยายไปทั่วโลก เพราะ BRICS คือการรวมโลกเป็นหนึ่งเดียว โดยมีรัสเซีย จีน เป็นเจ้าภาพ แน่นอนว่าทรัพยากรทั้งโลก จะถูกควบคุมโดย 2 ชาติมหาอำนาจนี้ทันที และตัวสอดแทรกก็จะมีเพิ่มเข้ามา ทั้งอีแขกภาระตะ แอฟริกา แม้แต่ตุรกี

    ปล.2 ฮูตี ซัดฐานทัพอากาศยิวซะเละเทะ 3 ฮอ ไม่ได้หายไปไหน ช่วงนี้ใกล้สิ้นปี เทศกาล พืธีการต่างๆ มากมาย เฝ้าระวัง การลอบกัดของอียิวทุกวัน เยเมนคือตัวกระจายอาวุธขั้วใหม่ ให้เหล่านักรบมุสลิมทั่วโลก ไม่ว่าจะกลุ่มไหน หากต่อต้านอียิว จะได้รับการสนับสนุนโดยอัตโนมัติ เบื้องหลังที่มุสลิมทั่วโลก แห่กันเข้ามาเติมกำลังไม่ขาดสาย ทั้งในเยเมน ซีเรีย เลบานอน อิรัก เป้าหมายใหญ่ จุดปะทะใหญ่ จะอยู่ที่สูงโกลาน หลังปีใหม่เจอกันแน่? โสมแดงได้เติมอาวุธ กองกำลังเข้ายุโรป และตะวันออกกลางเพิ่ม มันคือการสลับกำลัง ผลัดเปลี่ยน แนวทางโจมตี ไม่ให้เหี้ยจับทางได้ เรื่องไต้หวันเงียบหายไปพักใหญ่ เพราะฝ่ายการเมืองกำลังจะแตกหักในไม่ช้านี้ ก๊กมินตั๋ง กำลังจะแก้ไขกฎหมายใหม่ เรื่องนี้ คุยกับจีนจบไปนานแล้ว แผนรวมชาติคือเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ซ้อนแผนซ้ำเข้าไปอีก ล่ออีเหี้ยมะกันเข้ามาตายก่อน เพื่อแผนการกำจัดฐานทัพเหี้ย และอิทธิพลเหี้ยในเอเซียใต้ ตามหมู่เกาะแปซิฟิค มาสูตรเดียวกับยูเครน ล่อ NATO เข้ามาตายห่าไงล่ะ

    หมี CNN(ช่วงแรกคนไม่เที่ยว วันนี้ คนแห่ออก ส่วนใหญ่กลับบ้าน เพราะตกงาน อยู่เมืองหลวงมีแต่จ่ายกับจ่าย กลับบ้านไปเติมพลังก่อน แล้วค่อยกลับมาใหม่ พลังใจสำคัญ ในยามที่ท้อแท้ ปากท้องเรียกร้องให้ต้องสู้ ใครลำบากอยู่ ขอให้อดทน ไม่ขี้เกียจ ยังไงก็ไม่มีวันอดตายดอกน่ะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ชอบคนสู้ชีวิต ยิ่งสู้ ยิ่งตอบสนองกรรม ไม่ยอมแพ้โชคชะตา ฟ้าจะประทาน ทั้งหมดคือ เครื่องมือทดสอบจากสวรรค์ ว่ามรึงคู่ควรได้ไปต่อหรือไม่?)
    29 ธันวาคม 67
    12.18 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    ชื่อเพจ ยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อ รออีก 60 วัน "แสงสว่าง สิริแสงสว่าง"
    https://www.facebook.com/profile.php?id=100015961291594
    29-12-67/01 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" EP.15 เครื่องบินตกบ่อยน่ะ ช่วงนี้! จริงๆ ที่ผ่านมา ก็ตกกันทุกวันน่ะแหละ แค่ไม่เป็นข่าว ไม่ตกสิแปลก? ทำไมน่ะรึ? ไปเช็คดูสิ เครื่องบินของบริษัทอะไรตกบ่อยที่สุด? แล้วไปเช็คต่อว่า ส่วนใหญ่ไม่เปิดเผยกล่องดำ กว่า 50% มาจากปัญหาเรื่องสัญญานนำร่อง และการโจมตีของนกที่บินผ่านมา นี่มันเรื่องเก่านานแล้วน่ะ มรึงยังแก้ปัญหาไม่ตกอีกเหรอ? แล้วจะไว้ใจอะไรได้? ต้องไปดูว่า เครื่องบิน บินได้เพราะอะไร? เครื่องยนต์ไงล่ะ แล้วเครื่องยนต์ถูกควบคุมด้วยอะไร? ก็ชิป SOFT WARE และระบบนำร่อง อะไรที่ดาวเทียมควบคุมได้ อะไรที่ GPS ทำงาน ต่างถูกแจมได้หมด หากสดชื่น? ตอนนี้ อีโบอิ้ง เจ๊งแล้วเจ๊งอีก หลังรัสเซีย จีน ออกขายเครื่องบินพาณิชย์ ที่ไม่ใช้ระบบเหี้ยไอ้อีตะวันตกเป็นหลัก คำตอบคือ ดีกว่า ปลอดภัยกว่า ถูกกว่า และควบคุมเองได้ ไม่ต้องอาศัยจมูกใครหายใจอีก? ล่าสุด จีนสั่งผลิตโดรนกว่า 1000000 ลำ ออกเรือบรรทุกโดรน เครื่องบินรบสเตล สะเทินน้ำสะเทินบก รุ่นใหม่ล่าสุด แปลว่าอะไร? จีนเค้าพร้อม เตรียมการมานานแล้ว เรือบรรทุกโดรนรุ่นใหม่ ไม่ใช่แบบเรือบรรทุกเครื่องบินเหี้ย ที่ช้าเป็นเต่า เป็นเป้าใหญ่ซ้อมมือสบายตรีน ตรงกันข้าม ระบบป้องกันภัย โจมตี ใหม่ล่าสุด การตอบโตขั้นสูงสุดของโลกในปัจจุบัน แน่นอนว่า พัฒนาต่อยอดร่วมกับรัสเซีย อิหร่าน ดอกนี้ ออกมาเพื่อศึกแปซิฟิคโดยเฉพาะ จีนพร้อมรบขั้นสูงสุดนานแล้ว รอแค่เหี้ย "กล้าป่ะ?" หลายคนกลัว 30 31 01 ช่วงสิ้นปี ข้ามปีใหม่ เหี้ยจะหาแผนชั่วอะไรเรียกเรตติ้งอีก? ทุกประเทศไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น ต่างสั่งเร่งเฝ้าระวังทุกพื้นที่ ยกเว้นชาติขี้ข้าเหี้ย ปล่อยไปเลย ระเบิดไม่มา อุบัติเหตุไม่เข้า เดี๋ยวงานไม่เดิน เงินไม่เข้า วิธรการเดิมๆ ที่เหี้ยทำบ่อย สั่งลูกน้องขี้ข้า ก่อเหตุสลด ทำอะไรก็ได้ ที่ทำให้ความสุขคนไทย และควายโลก หายไป ความทุกข์ของชาวโลก คือความสุขของยิวเหี้ยไซออนนิสต์ คอนเซปนี้ ถือมาอย่างยาวนาน มีปล่อยข่าวอังกฤษจะรวมอเมริกา? จริงดิ? ก่อนเชื่อ ดูภูมิศาสตร์ประเทศก่อน อยู่คนละทวีป และประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน รากเหง้าที่ก่อเกิด อเมริกากำลังจะแตก อังกฤษกำลังจะแตก รวมกันเลยดีมั้ย? พูดง่ายแต่ทำยาก เพราะชาวอังกฤษเอง ก็ EGO ไม่แพ้เหี้ยอเมริกันหน้าโง่ดอก อเมริกา-แคนาดา ผนวกกันง่ายกว่า เพราะแผ่นดินติดกันอยู่แล้ว ก็เหมือนกับไทย-ลาว อีกหน่อยก็ผนวกกันแน่ หากไทยเป็นฮับอาเซียน และศูนย์กลางเศรษฐกิจ ไม่ว่าเหี้ยจะก่อเหตุช่วงนี้ยังไง? ขอให้รู้ไว้ว่า "แค่เบี่ยงเบนประเด็น" กลบความล้มเหลวที่ผ่านมา หลังปีใหม่ อ.ปานเทพ จัดชุดใหญ่ สว.ตามกระทืบซ้ำ อะไรที่เหี้ยหมกซ่อนความเหี้ยจัญไรที่ผ่านมา ทุกคดีความที่เก็บเงียบ จะผุดออกมาจนหมดเกลี้ยง ยิ่งสาวยิ่งเจอ ยิ่งปิดยิ่งโผล่ เพราะเวลาของกลียุคใกล้จะหมดแล้ว แสงทำงานเต็มกำลังแล้วไงล่ะ? ชั้น 14 ผีอีโม ดิ ไอ(คอน)สัส แก๊งค์คอลเซนเตอร์ แม้แต่เรื่องฆ่าคนออกสื่อ บูลลี่ ทุกความอัปยศ เห็นกงจักรเป็นดอกบัวทั้งหลายของเหล่าควายไทยบัดซบ จะถูกออกมาชำแหละเกลี้ยง ปี 68 คือปีแห่การชำระล้างสิ่งสกปรกโสมมทั้งหมด สงครามต้องมา ความตายต้องมี แย่งชิงต้องเกิด สูญเสียเลี่ยงยาก ปากท้องขัดสน พอเพียงจะรอด พอดีจะคงที่ เครื่องมือเหี้ยยิวที่ใช้งานผ่านมา ดาหน้าเริ่มทะยอยเจ๊งแล้วเจ๊งอีก พลังความชั่วอ่อนแรง พลังความจริงจะเด่นชัด ดาราแห่กันเข้าคุก พระปลอมแห่ถูกแฉ ทนายไร้จรรยาบรรณถูกกับดักเพี๊ยบ เจ้าหน้าที่รัฐตายคาหลักฐาน ชาวบ้านลุกขึ้นสู้อำนาจมืด สื่อปลอมดับ สื่อจริงเกิดเต็มตรีน คนเบื่อข่าวตอแหล โซเชี่ยลปั่นหัวควายได้ ก็ปลุกคนตื่นได้เช่นกัน ดาบ 2 คม MOU44 จะฆ่าอีแดงตายยกเข่ง ภาคประชาชนเดินหน้า ฝ่ายการเมืองดิ้นสุดตัว อีขะแมร์จะหายซ่าส์ อาเซียนมีผู้ปกครองอยู่ ทุกอย่างจะเดินไปทิศทางเดียวกันหมด ตามแสงสาดส่อง กองทัพพร้อม เกมส์โลกเปลี่ยน เกมส์ไทยก็เปลี่ยน หลังปีใหม่ อีทรัมปป์จะช็อคโลกอีกเยอะ โลกวุ่นวายสับสน มันคือสัญญานปลายกลียุค เข้าสู่โหมดจัดระเบียบโลกใหม่ เงินทองจะถูกเก็บ ผู้คนรัดเข็มขัด ต่างชาติจะทะยอยย้านถิ่นฐาน เม็ดเงินจะเข้าเอเซียมากที่สุด ไทยลำบาก แต่เทียบไม่ได้กับทั่วโลก อู่ข้าว อู่น้ำ ยังไงก็มีกิน ควายโลกจะตื่น เหี้ยจะออกลาย ทุกอย่างถูกเปิดหมดเกลี้ยง ความจริงปรากฎ ผิด ชอบ ชั่วดี จิตสำนึกจะก่อเกิด ศีลธรรมจะรักษาคนดี คนชั่วจะตายเกลื่อนแผ่นดิน แผ่นดินมีคนดูแล อย่ากังวล มันแค่หมากตานึงของเกมส์บนกระดานใหญ่ วังรู้ทุกอย่าง ถึงเวลาจะลงมือเอง มองดูภาพรวมสิ มันเกิดขึ้นพร้อมกันได้อย่างไร หากไม่มีคนอยู่เบื้องหลัง เพื่อให้สำเร็จตามบัญชาสวรรค์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ชาวอโยธยาทั้งหลาย จงรักษาใจเอาไว้ให้ดี เชื่อมั่น และศรัทธา ปล.เหี้ยยิวจุกอก แค่จีน รัสเซีย อิหร่าน โสมแดง ก็ฉิบหายหนักแล้ว แต่แพ้ราบคาบเพราะ ตอนนี้ อาวุธรุ่นใหม่จีน รัสเซีย อิหร่าน ถูกส่งให้แอฟริกา ลาติน ตะวันออกกลาง หมดเกลี้ยง จำนวนมาก นั่นแปลว่า แนวร่วมที่จะไล่ฆ่าเหี้ยมันคือ "โลกทั้งใบ" นั่นเอง เมื่ออาวุธเทพอยู่ในมือผู้ต่อต้านยิว ยิวทำได้แค่ถอย ตั้งหลัก เพราะหากไปแลก จะถูกกลืนแผ่นดินไปด้วย อีจิงโจ้ อีแคน ช่วงนี้ ถึงได้เงียบสนิท รอแผนรวมแผ่นดินเหี้ยให้สำเร็จก่อน อเมริกาไม่แตก เรื่องไม่เดินหน้า อีทรัมปป์ช่วยอียิวให้สมหวัง แต่ขัดใจตรง ใครบอกกูจะยกให้มรึง? กูหาบ้านใหม่ให้ และหาแผ่นดินใหม่ให้ตัวเองเช่นกัน ขีปนาวุธโอเรชนิค ไม่ใช่แค่เปลี่ยนเกมส์โลก แต่มันคือความมั่นคง ปลอดภัยของชาวโลก หากจำเป็นต้องจัดการไอ้ตัวปัญหาที่เหลือ? การเมืองโลกกำลังจะหาแพะรับบาป ถึงได้เตรียมจัดฉาก อีเนรคุณทันยา อีเสี้ยนยา อีไช่ อีมาครง อีโอลาฟ อีโซรอส เป็นหนังหน้าไฟ ยุโรปตายไปแล้ว จะไม่มีวันเหมือนเดิมได้อีก หากอีเบียร์เจ๊งยับ มันจะเป็นโดมิโน่แอฟเฟคทันที เมื่อ EU NATO ขาดความสามัคคี ต่างคน ต่างเอาตัวรอด เห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ จะถูกรัสเซียกลืนไปจนหมดสิ้น แผ่นดินใหม่รัสเซีย ไม่ได้มีแค่ในยุโรป ต่อไปจะขยายไปทั่วโลก เพราะ BRICS คือการรวมโลกเป็นหนึ่งเดียว โดยมีรัสเซีย จีน เป็นเจ้าภาพ แน่นอนว่าทรัพยากรทั้งโลก จะถูกควบคุมโดย 2 ชาติมหาอำนาจนี้ทันที และตัวสอดแทรกก็จะมีเพิ่มเข้ามา ทั้งอีแขกภาระตะ แอฟริกา แม้แต่ตุรกี ปล.2 ฮูตี ซัดฐานทัพอากาศยิวซะเละเทะ 3 ฮอ ไม่ได้หายไปไหน ช่วงนี้ใกล้สิ้นปี เทศกาล พืธีการต่างๆ มากมาย เฝ้าระวัง การลอบกัดของอียิวทุกวัน เยเมนคือตัวกระจายอาวุธขั้วใหม่ ให้เหล่านักรบมุสลิมทั่วโลก ไม่ว่าจะกลุ่มไหน หากต่อต้านอียิว จะได้รับการสนับสนุนโดยอัตโนมัติ เบื้องหลังที่มุสลิมทั่วโลก แห่กันเข้ามาเติมกำลังไม่ขาดสาย ทั้งในเยเมน ซีเรีย เลบานอน อิรัก เป้าหมายใหญ่ จุดปะทะใหญ่ จะอยู่ที่สูงโกลาน หลังปีใหม่เจอกันแน่? โสมแดงได้เติมอาวุธ กองกำลังเข้ายุโรป และตะวันออกกลางเพิ่ม มันคือการสลับกำลัง ผลัดเปลี่ยน แนวทางโจมตี ไม่ให้เหี้ยจับทางได้ เรื่องไต้หวันเงียบหายไปพักใหญ่ เพราะฝ่ายการเมืองกำลังจะแตกหักในไม่ช้านี้ ก๊กมินตั๋ง กำลังจะแก้ไขกฎหมายใหม่ เรื่องนี้ คุยกับจีนจบไปนานแล้ว แผนรวมชาติคือเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ซ้อนแผนซ้ำเข้าไปอีก ล่ออีเหี้ยมะกันเข้ามาตายก่อน เพื่อแผนการกำจัดฐานทัพเหี้ย และอิทธิพลเหี้ยในเอเซียใต้ ตามหมู่เกาะแปซิฟิค มาสูตรเดียวกับยูเครน ล่อ NATO เข้ามาตายห่าไงล่ะ หมี CNN(ช่วงแรกคนไม่เที่ยว วันนี้ คนแห่ออก ส่วนใหญ่กลับบ้าน เพราะตกงาน อยู่เมืองหลวงมีแต่จ่ายกับจ่าย กลับบ้านไปเติมพลังก่อน แล้วค่อยกลับมาใหม่ พลังใจสำคัญ ในยามที่ท้อแท้ ปากท้องเรียกร้องให้ต้องสู้ ใครลำบากอยู่ ขอให้อดทน ไม่ขี้เกียจ ยังไงก็ไม่มีวันอดตายดอกน่ะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ชอบคนสู้ชีวิต ยิ่งสู้ ยิ่งตอบสนองกรรม ไม่ยอมแพ้โชคชะตา ฟ้าจะประทาน ทั้งหมดคือ เครื่องมือทดสอบจากสวรรค์ ว่ามรึงคู่ควรได้ไปต่อหรือไม่?) 29 ธันวาคม 67 12.18 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** ชื่อเพจ ยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อ รออีก 60 วัน "แสงสว่าง สิริแสงสว่าง" https://www.facebook.com/profile.php?id=100015961291594
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1293 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำทักทายจากใจ: สะพานแห่งความสบายใจ

    คำทักทายที่ออกมาจากความจริงใจ ไม่ใช่แค่ประโยคเปิดบทสนทนา แต่เป็นเหมือนสะพานที่เชื่อมโยงหัวใจสองดวงเข้าด้วยกัน เมื่อเราทักทายด้วยความปรารถนาดี และส่งผ่านความรู้สึกอบอุ่นไปยังอีกฝ่าย มันไม่เพียงช่วยสร้างบรรยากาศที่ดี แต่ยังทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกถึงการยอมรับ และความเป็นมิตรในทันที

    ---

    ทำไมคำทักทายจากใจถึงสำคัญ?

    สร้างความสบายใจ: คำทักทายที่จริงใจช่วยทำให้บรรยากาศรอบตัวเบาสบาย คลายความตึงเครียด

    เชื่อมความสัมพันธ์: เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ดี ไม่ว่าจะในครอบครัว ที่ทำงาน หรือกับคนแปลกหน้า

    แสดงความใส่ใจ: การทักทายด้วยใจจริงสะท้อนถึงความสนใจในตัวอีกฝ่าย ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกมีค่า

    ---

    ตัวอย่างคำทักทายจากใจ

    "วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง? หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นนะ"

    "ดีใจที่ได้เจอคุณอีกครั้ง!"

    "พักผ่อนเพียงพอหรือเปล่า? ดูแลตัวเองด้วยนะ"

    "อากาศดีแบบนี้ ขอให้วันนี้ของคุณสดใสนะ"

    ---

    เคล็ดลับในการทักทายจากใจ

    1. ยิ้มจริงใจ: รอยยิ้มที่อบอุ่นทำให้คำทักทายส่งพลังบวกมากขึ้น

    2. ใช้ชื่อคู่สนทนา: หากรู้จักชื่อ การเรียกชื่อในคำทักทายจะเพิ่มความใกล้ชิด

    3. ใส่ใจในรายละเอียด: หากรู้ว่าคนฟังกำลังมีเรื่องอะไร เช่น งานสำคัญ หรือเรื่องสุขภาพ การกล่าวถึงด้วยความใส่ใจจะช่วยให้เขารู้สึกว่าเราเข้าใจและห่วงใย

    ---

    ผลลัพธ์ของคำทักทายที่มาจากใจ

    เติมพลังใจ: ช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกดี มีพลังในการเริ่มต้นวันหรือเผชิญหน้ากับปัญหา

    สร้างมิตรภาพ: เปิดโอกาสให้เกิดการสนทนาและความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น

    บรรเทาความเครียด: ทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกผ่อนคลายและเปิดใจมากขึ้น

    ---

    เพียงคำทักทายจากใจเล็กๆ อาจเปลี่ยนแปลงวันที่เงียบเหงาหรือหนักหน่วงให้กลายเป็นวันที่มีความสุขและเบาสบายได้ เพราะหัวใจของความสัมพันธ์ที่ดี เริ่มต้นจากการแสดงออกถึงความใส่ใจในกันและกัน!
    คำทักทายจากใจ: สะพานแห่งความสบายใจ คำทักทายที่ออกมาจากความจริงใจ ไม่ใช่แค่ประโยคเปิดบทสนทนา แต่เป็นเหมือนสะพานที่เชื่อมโยงหัวใจสองดวงเข้าด้วยกัน เมื่อเราทักทายด้วยความปรารถนาดี และส่งผ่านความรู้สึกอบอุ่นไปยังอีกฝ่าย มันไม่เพียงช่วยสร้างบรรยากาศที่ดี แต่ยังทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกถึงการยอมรับ และความเป็นมิตรในทันที --- ทำไมคำทักทายจากใจถึงสำคัญ? สร้างความสบายใจ: คำทักทายที่จริงใจช่วยทำให้บรรยากาศรอบตัวเบาสบาย คลายความตึงเครียด เชื่อมความสัมพันธ์: เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ดี ไม่ว่าจะในครอบครัว ที่ทำงาน หรือกับคนแปลกหน้า แสดงความใส่ใจ: การทักทายด้วยใจจริงสะท้อนถึงความสนใจในตัวอีกฝ่าย ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกมีค่า --- ตัวอย่างคำทักทายจากใจ "วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง? หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นนะ" "ดีใจที่ได้เจอคุณอีกครั้ง!" "พักผ่อนเพียงพอหรือเปล่า? ดูแลตัวเองด้วยนะ" "อากาศดีแบบนี้ ขอให้วันนี้ของคุณสดใสนะ" --- เคล็ดลับในการทักทายจากใจ 1. ยิ้มจริงใจ: รอยยิ้มที่อบอุ่นทำให้คำทักทายส่งพลังบวกมากขึ้น 2. ใช้ชื่อคู่สนทนา: หากรู้จักชื่อ การเรียกชื่อในคำทักทายจะเพิ่มความใกล้ชิด 3. ใส่ใจในรายละเอียด: หากรู้ว่าคนฟังกำลังมีเรื่องอะไร เช่น งานสำคัญ หรือเรื่องสุขภาพ การกล่าวถึงด้วยความใส่ใจจะช่วยให้เขารู้สึกว่าเราเข้าใจและห่วงใย --- ผลลัพธ์ของคำทักทายที่มาจากใจ เติมพลังใจ: ช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกดี มีพลังในการเริ่มต้นวันหรือเผชิญหน้ากับปัญหา สร้างมิตรภาพ: เปิดโอกาสให้เกิดการสนทนาและความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น บรรเทาความเครียด: ทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกผ่อนคลายและเปิดใจมากขึ้น --- เพียงคำทักทายจากใจเล็กๆ อาจเปลี่ยนแปลงวันที่เงียบเหงาหรือหนักหน่วงให้กลายเป็นวันที่มีความสุขและเบาสบายได้ เพราะหัวใจของความสัมพันธ์ที่ดี เริ่มต้นจากการแสดงออกถึงความใส่ใจในกันและกัน!
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 397 มุมมอง 0 รีวิว
  • พลังกาย พลังใจ และพลังอารมณ์มันต้องสมดุล แวะมาเติมพลังอารมณ์ ....lit nit ชอบร้านที่สงบอยู่ใจกลางความวุ่นวาย Beside you cafe' Singburi บีไซด์ยู คาเฟ่ สิงห์บุรี คือร้านหนึ่งที่เข้ามาแล้วสบายอารมณ์ แค่นั่งฟังเพลงเบา ๆ ใต้เงาไม้แล้วทอดสายตาออกไปดูการเคลื่อนไหวของสังคมเมือง lit nit ไม่รู้เหมือนกันว่ามองออกไปแล้วมันได้อะไร แต่มันก็เพลินจนอยากนั่งอยู่อย่างนี้นาน ๆ #หรือในใจลึก ๆ มันแอบเหงาหรือเปล่านะ !
    พลังกาย พลังใจ และพลังอารมณ์มันต้องสมดุล แวะมาเติมพลังอารมณ์ ....lit nit ชอบร้านที่สงบอยู่ใจกลางความวุ่นวาย Beside you cafe' Singburi บีไซด์ยู คาเฟ่ สิงห์บุรี คือร้านหนึ่งที่เข้ามาแล้วสบายอารมณ์ แค่นั่งฟังเพลงเบา ๆ ใต้เงาไม้แล้วทอดสายตาออกไปดูการเคลื่อนไหวของสังคมเมือง lit nit ไม่รู้เหมือนกันว่ามองออกไปแล้วมันได้อะไร แต่มันก็เพลินจนอยากนั่งอยู่อย่างนี้นาน ๆ #หรือในใจลึก ๆ มันแอบเหงาหรือเปล่านะ !
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 605 มุมมอง 0 รีวิว
  • การตัดสินใจ
    เป็นสิ่งที่ต้องใช้พลังใจเยอะพอสมควร
    การดันทุรังติดสินใจให้ได้
    ในตอนที่ไม่มีพลังใจเพียงพอ
    จึงไม่ใช่เรื่องดีเลย

    จากหนังสือ |ชีวิตเราไม่ได้ยืนยาวพอที่จะอยู่อย่างอดทน

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #ชีวิตเราไม่ได้ยืนยาวพอที่จะอยู่อย่างอดทน
    การตัดสินใจ เป็นสิ่งที่ต้องใช้พลังใจเยอะพอสมควร การดันทุรังติดสินใจให้ได้ ในตอนที่ไม่มีพลังใจเพียงพอ จึงไม่ใช่เรื่องดีเลย จากหนังสือ |ชีวิตเราไม่ได้ยืนยาวพอที่จะอยู่อย่างอดทน #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #ชีวิตเราไม่ได้ยืนยาวพอที่จะอยู่อย่างอดทน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอนท้อจิตใจเปรียบเสมือนพื้นที่แห้งแล้ง ไร้ความชุ่มชื่น และมองปัญหาใหญ่กว่าตัวเรา ทำให้เกิดความรู้สึกสิ้นหวัง เหมือนตกอยู่ใต้เงาอันหนักอึ้งของปัญหา การยอมแพ้จึงดูเหมือนทางเลือกที่ง่ายที่สุดตอนเกิดสติเมื่อจิตใจเริ่มตื่นตัว รู้ตัวถึงปัญหาและความรู้สึกที่เกิดขึ้น จิตจะเริ่มฟื้นฟูพลังบางส่วนขึ้นมา การตระหนักรู้นี้ทำให้รู้สึกว่าเราเริ่มทัดเทียมกับปัญหา มีความสามารถที่จะพิจารณาทางแก้ไขได้บ้างตอนมีสมาธิจิตใจจะเต็มไปด้วยความชุ่มชื่น มีพลังและความกระตือรือร้น เห็นปัญหาเป็นสิ่งที่สามารถเอาชนะได้ง่าย เหมือนนักกีฬาที่ฟิตพร้อมเต็มที่ในสนาม มองโลกในมุมบวก และเกิดมโนภาพที่ชัดเจนในการแก้ปัญหา---การจัดการเมื่อจิตใจท้อแท้1. อย่าฝืนแก้ปัญหาทันทีหากจิตใจยังแห้งแล้ง ห่อเหี่ยว การพยายามแก้ปัญหาทั้งที่ยังไม่มีพลัง จะยิ่งเพิ่มความเครียดและเหนื่อยล้า2. เติมพลังให้จิตใจหายใจลึกๆ เพื่อเรียกสติกลับมา รู้สึกถึงลมหายใจที่ยังดำเนินไป และร่างกายที่ยังพร้อมใช้งานหาเป้าหมายเล็กๆ ที่ทำได้ทันที เช่น จัดโต๊ะ หยิบปากกา หรือเริ่มเขียนรายการสิ่งที่ต้องทำ3. สร้างภาพความสำเร็จในใจนึกภาพว่า "จุดจบของปัญหา" คืออะไร และรู้สึกถึงความสำเร็จนั้นอย่างชัดเจน เพื่อกระตุ้นให้ใจเริ่มมุ่งเป้า4. ลงมือทำทีละนิดเริ่มจากก้าวเล็กๆ เช่น แบ่งงานออกเป็นส่วนๆ ทำส่วนเล็กให้สำเร็จในเวลาสั้นๆ ความสำเร็จเล็กๆ จะช่วยสร้างพลังใจในการขยับไปทำส่วนถัดไป---ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธานไม่ว่าจะเผชิญปัญหาใหญ่เพียงใด หากใจมุ่งมั่นและรู้วิธีฟื้นฟูพลัง จิตใจจะกลับมาแข็งแกร่ง พร้อมเดินหน้าต่อ ทุกครั้งที่ทำงานเล็กๆ สำเร็จ จิตจะเบิกบานและมั่นใจมากขึ้น เหมือนนักสมาธิที่เรียนรู้และสนุกกับการสร้างสมาธิใหม่ซ้ำๆ จนกลายเป็นแรงผลักดันที่ยั่งยืนในชีวิต!
    ตอนท้อจิตใจเปรียบเสมือนพื้นที่แห้งแล้ง ไร้ความชุ่มชื่น และมองปัญหาใหญ่กว่าตัวเรา ทำให้เกิดความรู้สึกสิ้นหวัง เหมือนตกอยู่ใต้เงาอันหนักอึ้งของปัญหา การยอมแพ้จึงดูเหมือนทางเลือกที่ง่ายที่สุดตอนเกิดสติเมื่อจิตใจเริ่มตื่นตัว รู้ตัวถึงปัญหาและความรู้สึกที่เกิดขึ้น จิตจะเริ่มฟื้นฟูพลังบางส่วนขึ้นมา การตระหนักรู้นี้ทำให้รู้สึกว่าเราเริ่มทัดเทียมกับปัญหา มีความสามารถที่จะพิจารณาทางแก้ไขได้บ้างตอนมีสมาธิจิตใจจะเต็มไปด้วยความชุ่มชื่น มีพลังและความกระตือรือร้น เห็นปัญหาเป็นสิ่งที่สามารถเอาชนะได้ง่าย เหมือนนักกีฬาที่ฟิตพร้อมเต็มที่ในสนาม มองโลกในมุมบวก และเกิดมโนภาพที่ชัดเจนในการแก้ปัญหา---การจัดการเมื่อจิตใจท้อแท้1. อย่าฝืนแก้ปัญหาทันทีหากจิตใจยังแห้งแล้ง ห่อเหี่ยว การพยายามแก้ปัญหาทั้งที่ยังไม่มีพลัง จะยิ่งเพิ่มความเครียดและเหนื่อยล้า2. เติมพลังให้จิตใจหายใจลึกๆ เพื่อเรียกสติกลับมา รู้สึกถึงลมหายใจที่ยังดำเนินไป และร่างกายที่ยังพร้อมใช้งานหาเป้าหมายเล็กๆ ที่ทำได้ทันที เช่น จัดโต๊ะ หยิบปากกา หรือเริ่มเขียนรายการสิ่งที่ต้องทำ3. สร้างภาพความสำเร็จในใจนึกภาพว่า "จุดจบของปัญหา" คืออะไร และรู้สึกถึงความสำเร็จนั้นอย่างชัดเจน เพื่อกระตุ้นให้ใจเริ่มมุ่งเป้า4. ลงมือทำทีละนิดเริ่มจากก้าวเล็กๆ เช่น แบ่งงานออกเป็นส่วนๆ ทำส่วนเล็กให้สำเร็จในเวลาสั้นๆ ความสำเร็จเล็กๆ จะช่วยสร้างพลังใจในการขยับไปทำส่วนถัดไป---ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธานไม่ว่าจะเผชิญปัญหาใหญ่เพียงใด หากใจมุ่งมั่นและรู้วิธีฟื้นฟูพลัง จิตใจจะกลับมาแข็งแกร่ง พร้อมเดินหน้าต่อ ทุกครั้งที่ทำงานเล็กๆ สำเร็จ จิตจะเบิกบานและมั่นใจมากขึ้น เหมือนนักสมาธิที่เรียนรู้และสนุกกับการสร้างสมาธิใหม่ซ้ำๆ จนกลายเป็นแรงผลักดันที่ยั่งยืนในชีวิต!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 505 มุมมอง 0 รีวิว
  • สันหลังมังกรตันหยงโป มหัศจรรย์แห่งท้องทะเลสตูล

    มาเที่ยวสตูลทั้งที ต้องเที่ยวให้ครบทั้งบนฝั่งและบนเกาะ และมีสถานที่สุดพิเศษที่หนึ่งที่เราอยากจะพาไปเที่ยวด้วยกันในวันนี้ นั่นก็คือ “สันหลังมังกร” สถานที่ท่องเที่ยว Unseen แห่งใหม่ของจังหวัดสตูลที่กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจำนวนมากอยู่ในขณะนี้
    แต่ก่อนที่เราจะเดินทางไปชมสันหลังมังกรได้นั้น เราต้องไปลงเรือที่ ท่าเรือบ้านบากันเคย เสียก่อน โดยท่าเรือเปิดให้บริการทุกวัน นั่งเรือหางยาวของชาวบากันเคยออกไปเพียง 20 นาที ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงสันหลังมังกรที่เรารอคอยกันแล้ว

    สันหลังมังกร เป็นสันหาดทรายคล้ายทะเลแหวกกลางทะเล แต่มีความแตกต่างจากที่อื่นตรงที่แนวหาดที่เห็นนั้นไม่ใช่ทราย...แต่เป็นเปลือกหอยนับล้านล้านตัวที่ถูกคลื่นซัดมาทับถมกันเป็นระยะทางยาวกว่า 4 กิโลเมตร ซึ่งเชื่อมเป็นทางยาวระหว่าง เกาะหัวมัน กับ เกาะสาม

    ในช่วงที่น้ำลด เราจะเห็นน้ำแยกออกจากกันทั้งสองฝั่ง พอเหมาะพอเจาะกับที่แสงแดดที่สาดส่องลงมาตรงกลาง มองเห็นเป็นเกร็ดที่แวววาว เหมือนมังกรกำลังเลื้อยตามแนวโค้งแหวกว่ายเล่นน้ำในทะเล ตามตำนาน “เขาเล่าว่า” ใครที่ได้ไปยืนบนสันเกล็ดมังกรนี้ จะได้รับพลังบริสุทธิ์จากฮวงจุ้ยแห่งท้องทะเล ที่จะช่วยเติมเต็มพลังกายพลังใจให้เข้มแข็ง ซึ่งเราได้ลองไปยืนรับพลังมาตามที่เขาเล่าว่าแล้ว รู้สึกว่าร่างกายกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาเลย แต่ถึงว่านะครับ... บรรยากาศสวยงามขนาดนี้ เป็นใครก็ต้องรู้สึกไม่ต่างจากเราแน่นอน

    #สันหลังมังกรตันหยงโป
    #สตูล
    สันหลังมังกรตันหยงโป มหัศจรรย์แห่งท้องทะเลสตูล มาเที่ยวสตูลทั้งที ต้องเที่ยวให้ครบทั้งบนฝั่งและบนเกาะ และมีสถานที่สุดพิเศษที่หนึ่งที่เราอยากจะพาไปเที่ยวด้วยกันในวันนี้ นั่นก็คือ “สันหลังมังกร” สถานที่ท่องเที่ยว Unseen แห่งใหม่ของจังหวัดสตูลที่กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจำนวนมากอยู่ในขณะนี้ แต่ก่อนที่เราจะเดินทางไปชมสันหลังมังกรได้นั้น เราต้องไปลงเรือที่ ท่าเรือบ้านบากันเคย เสียก่อน โดยท่าเรือเปิดให้บริการทุกวัน นั่งเรือหางยาวของชาวบากันเคยออกไปเพียง 20 นาที ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงสันหลังมังกรที่เรารอคอยกันแล้ว สันหลังมังกร เป็นสันหาดทรายคล้ายทะเลแหวกกลางทะเล แต่มีความแตกต่างจากที่อื่นตรงที่แนวหาดที่เห็นนั้นไม่ใช่ทราย...แต่เป็นเปลือกหอยนับล้านล้านตัวที่ถูกคลื่นซัดมาทับถมกันเป็นระยะทางยาวกว่า 4 กิโลเมตร ซึ่งเชื่อมเป็นทางยาวระหว่าง เกาะหัวมัน กับ เกาะสาม ในช่วงที่น้ำลด เราจะเห็นน้ำแยกออกจากกันทั้งสองฝั่ง พอเหมาะพอเจาะกับที่แสงแดดที่สาดส่องลงมาตรงกลาง มองเห็นเป็นเกร็ดที่แวววาว เหมือนมังกรกำลังเลื้อยตามแนวโค้งแหวกว่ายเล่นน้ำในทะเล ตามตำนาน “เขาเล่าว่า” ใครที่ได้ไปยืนบนสันเกล็ดมังกรนี้ จะได้รับพลังบริสุทธิ์จากฮวงจุ้ยแห่งท้องทะเล ที่จะช่วยเติมเต็มพลังกายพลังใจให้เข้มแข็ง ซึ่งเราได้ลองไปยืนรับพลังมาตามที่เขาเล่าว่าแล้ว รู้สึกว่าร่างกายกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาเลย แต่ถึงว่านะครับ... บรรยากาศสวยงามขนาดนี้ เป็นใครก็ต้องรู้สึกไม่ต่างจากเราแน่นอน #สันหลังมังกรตันหยงโป #สตูล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 547 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีหลายครั้งที่เห็นโพสต์ของเด็กรุ่นใหม่หลายคน ส่วนใหญ่น่าจะเป็นวัยรุ่นวันเรียน หรือวัยทำงานได้ไม่นาน มักถามเกี่ยวกับให้ช่วยแนะนำหนังสือแนวการพัฒนาตัวเอง จิตวิทยาการดำเนินชีวิต การบริหารอะไรเหล่านั้น ซึ่งผู้ที่มาแนะนำก็มักจะแนะเล่มที่ตนเคยอ่านแล้วชอบ โดยมากหรือเรียกได้ว่าเกิน 90 % ก็จะเป็นหนังสือจากทางฝั่งตะวันตกซึ่งเป็นแนวฮาวทู ก็อาจจะดีในระดับหนึ่ง แต่โดยพื้นฐานแล้วคือแนวคิดของทางตะวันตกนั้นอิงอยู่กับระบบธุรกิจทุนนิยม ปลาใหญ่กินปลาเล็ก และเขาก็ไม่ได้มองว่าสิ่งนั้นคือความไม่ดี มองว่าคือความยุติธรรมที่ให้แข่งขันกันโดยเสรี

    แต่แท้จริงแล้ว ส่วนตัวเห็นว่าทุนนิยมนั้นพาโลกและพลเมืองชาวมนุษย์ไปผิดทางมาเป็นระยะเวลายาวนานแล้ว และปัจจุบันเริ่มส่งผลชัดขึ้นเรื่อย ๆ ว่าได้ทำลายหลายสิ่งหลายอย่าง รวมทั้งจิตใจให้ตกต่ำลง จึงมองว่าหากเราศึกษาทัศนจากผู้รู้ที่เป็นปราชญ์หรือบัณฑิต ที่ไม่ได้หมายรวมเฉพาะว่าจำต้องเรียนจบสูงมากจากสถาบันมีชื่อเสียงเฉพาะด้าน หรือมีตำแหน่งสถานะทางสังคมเป็นดอกเตอร์ ศาสตราจารย์ นักวิชาการอะไรเยอะแยะยืดยาว

    ขอเพียงเป็นผู้มีประสบการณ์ เข้าใจในเรื่องทางโลกและทางธรรมอยู่บ้าง คือมีความสมดุลในสองด้าน อีกทั้งมองโลกอย่างตรงไปตรงมาตามความเป็นจริง หาใช่มองโลกในแง่ใดแง่หนึ่งเพียงแง่เดียว เช่นคนมองโลกแง่บวกก็มองสิ่งใดบวกไปหมด หรือคนมองโลกแง่ลบก็เห็นอะไรเป็นลบไปหมด ซึ่งนั้นผิดธรรมชาติและผิดไปจากความจริง นี่ก็น่าสนใจพอที่จะลองเรียนรู้ถึงความคิดของคนคนนั้นแล้ว

    ซึ่งที่ผ่านมามีหนังสืออยู่เล่มหนึ่งไม่หนามาก ร้อยกว่าหน้า อ่านไม่ถึงครึ่งวันก็จบ แต่ต้องอ่านแล้วไตร่ตรอง พิจารณาตามอย่างลึกซึ้ง แล้วจะพบขุมทรัพย์อันมีค่า ที่ไม่ด้อยกว่าหนังสือแนวพัฒนาตนเอง จิตวิทยาการดำเนินชีวิต หรือการบริหารของนักเขียน นักคิดมีชื่อฝั่งตะวันตก ที่มียอดขายดิบขายดีมายาวนานเลยแม้แต่น้อย แถมยังเป็นแนวคิดเชิงปรัชญา ที่ได้มาจากการตกผลึกของการทำงานหลายสิบปีที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ บวกกับทัศนคติที่ดีงามในแนวทางความเชื่ออย่างคนฝั่งตะวันออกทางแถบประเทศที่นับถือพุทธโดยเฉพาะ น่าจะเหมาะสมกับคนไทยด้วยกันอย่างมาก

    นอกเหนือไปจากความรู้ความสามารถที่สั่งสมมา ผู้เขียนยังเป็นผู้หนึ่งซึ่งดำเนินชีวิตในหลักที่ตรงข้ามกับทุนนิยม คือมองเห็นความสำคัญของอะไรที่ดูเหมือนเป็นสิ่งเล็ก ๆ คนตัวน้อย ๆ ในสังคม แม้นเล่มนี้จะไม่ได้พูดอะไรที่เป็นศัพท์แสงวิชาการเข้าใจยาก หรือหมวดธรรมในหลักศาสนาเลย แต่เมื่อผู้อ่านค่อย ๆ ซึมซับเนื้อหาผ่านตัวอักษรเหล่านั้น ที่กลั่นกรองออกมาจากการปฏิบัติจริงในชีวิตของผู้เขียน กลับทำให้รู้สึกได้ว่าลึก ๆ แล้วเจ้าของคำแนะนำคนนี้ เป็นผู้ที่มีความเข้าใจในหลักธรรมทางศาสนาที่ตนยึดถือไม่ธรรมดา และสามารถนำมาปฏิบัติใช้ในชีวิตประจำวันและการทำงานได้อย่างกลมกลืนเป็นอย่างดี

    ผมอ่านครั้งแรกหลังจบระดับอุดมศึกษาหมาด ๆ ซึ่งก็ตรงกับปีที่หนังสือตีพิมพ์ครั้งแรก คือ พ.ศ.2542 ได้รับแจกจากอาจารย์ประจำคณะที่เคารพรักท่านหนึ่ง ประทับใจตั้งแต่หน้าปก และยิ่งได้อ่านเนื้อใน ความประทับใจยิ่งเพิ่มพูนเท่าทวี ปัจจุบันไม่แน่ใจว่าตีพิมพ์ครั้งสุดท้ายครั้งที่เท่าใดและปี พ.ศ.ไหน แต่น่าจะเกินสิบครั้ง จัดพิมพ์โดยกองทุนวุฒิธรรม จัดจำหน่ายโดยเคล็ดไทย กับราคาในยุคนั้นแค่เล่มละ 60 บาท

    เมื่อหยิบมาเปิดอ่านคราใด ก็ให้พลังใจในการดำเนินชีวิต อ่านแล้วอยากทำอะไรดี ๆ ไม่ใช่แค่ต่อตนเองหรือครอบครัว แต่อยากทำตนให้เป็นหน่วยเล็ก ๆ หน่วยหนึ่งที่ดีเพื่อประโยชน์กับสังคม กับโลกนี้บ้าง

    ช่างเป็นหนังสือที่มีชื่อทรงพลังยิ่งนัก อ่านแล้วพบว่า ชื่อนี้เหมาะสมจริง ๆ

    #แรงดลใจแห่งชีวิต

    โดย #โสภณสุภาพงษ์

    #บทความ
    #ข้อคิด
    #แง่คิด
    #thaitimes
    #การพัฒนาตนเอง
    #หนังสือ
    #แนะนำหนังสือ
    #ฮาวทู

    มีหลายครั้งที่เห็นโพสต์ของเด็กรุ่นใหม่หลายคน ส่วนใหญ่น่าจะเป็นวัยรุ่นวันเรียน หรือวัยทำงานได้ไม่นาน มักถามเกี่ยวกับให้ช่วยแนะนำหนังสือแนวการพัฒนาตัวเอง จิตวิทยาการดำเนินชีวิต การบริหารอะไรเหล่านั้น ซึ่งผู้ที่มาแนะนำก็มักจะแนะเล่มที่ตนเคยอ่านแล้วชอบ โดยมากหรือเรียกได้ว่าเกิน 90 % ก็จะเป็นหนังสือจากทางฝั่งตะวันตกซึ่งเป็นแนวฮาวทู ก็อาจจะดีในระดับหนึ่ง แต่โดยพื้นฐานแล้วคือแนวคิดของทางตะวันตกนั้นอิงอยู่กับระบบธุรกิจทุนนิยม ปลาใหญ่กินปลาเล็ก และเขาก็ไม่ได้มองว่าสิ่งนั้นคือความไม่ดี มองว่าคือความยุติธรรมที่ให้แข่งขันกันโดยเสรี แต่แท้จริงแล้ว ส่วนตัวเห็นว่าทุนนิยมนั้นพาโลกและพลเมืองชาวมนุษย์ไปผิดทางมาเป็นระยะเวลายาวนานแล้ว และปัจจุบันเริ่มส่งผลชัดขึ้นเรื่อย ๆ ว่าได้ทำลายหลายสิ่งหลายอย่าง รวมทั้งจิตใจให้ตกต่ำลง จึงมองว่าหากเราศึกษาทัศนจากผู้รู้ที่เป็นปราชญ์หรือบัณฑิต ที่ไม่ได้หมายรวมเฉพาะว่าจำต้องเรียนจบสูงมากจากสถาบันมีชื่อเสียงเฉพาะด้าน หรือมีตำแหน่งสถานะทางสังคมเป็นดอกเตอร์ ศาสตราจารย์ นักวิชาการอะไรเยอะแยะยืดยาว ขอเพียงเป็นผู้มีประสบการณ์ เข้าใจในเรื่องทางโลกและทางธรรมอยู่บ้าง คือมีความสมดุลในสองด้าน อีกทั้งมองโลกอย่างตรงไปตรงมาตามความเป็นจริง หาใช่มองโลกในแง่ใดแง่หนึ่งเพียงแง่เดียว เช่นคนมองโลกแง่บวกก็มองสิ่งใดบวกไปหมด หรือคนมองโลกแง่ลบก็เห็นอะไรเป็นลบไปหมด ซึ่งนั้นผิดธรรมชาติและผิดไปจากความจริง นี่ก็น่าสนใจพอที่จะลองเรียนรู้ถึงความคิดของคนคนนั้นแล้ว ซึ่งที่ผ่านมามีหนังสืออยู่เล่มหนึ่งไม่หนามาก ร้อยกว่าหน้า อ่านไม่ถึงครึ่งวันก็จบ แต่ต้องอ่านแล้วไตร่ตรอง พิจารณาตามอย่างลึกซึ้ง แล้วจะพบขุมทรัพย์อันมีค่า ที่ไม่ด้อยกว่าหนังสือแนวพัฒนาตนเอง จิตวิทยาการดำเนินชีวิต หรือการบริหารของนักเขียน นักคิดมีชื่อฝั่งตะวันตก ที่มียอดขายดิบขายดีมายาวนานเลยแม้แต่น้อย แถมยังเป็นแนวคิดเชิงปรัชญา ที่ได้มาจากการตกผลึกของการทำงานหลายสิบปีที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ บวกกับทัศนคติที่ดีงามในแนวทางความเชื่ออย่างคนฝั่งตะวันออกทางแถบประเทศที่นับถือพุทธโดยเฉพาะ น่าจะเหมาะสมกับคนไทยด้วยกันอย่างมาก นอกเหนือไปจากความรู้ความสามารถที่สั่งสมมา ผู้เขียนยังเป็นผู้หนึ่งซึ่งดำเนินชีวิตในหลักที่ตรงข้ามกับทุนนิยม คือมองเห็นความสำคัญของอะไรที่ดูเหมือนเป็นสิ่งเล็ก ๆ คนตัวน้อย ๆ ในสังคม แม้นเล่มนี้จะไม่ได้พูดอะไรที่เป็นศัพท์แสงวิชาการเข้าใจยาก หรือหมวดธรรมในหลักศาสนาเลย แต่เมื่อผู้อ่านค่อย ๆ ซึมซับเนื้อหาผ่านตัวอักษรเหล่านั้น ที่กลั่นกรองออกมาจากการปฏิบัติจริงในชีวิตของผู้เขียน กลับทำให้รู้สึกได้ว่าลึก ๆ แล้วเจ้าของคำแนะนำคนนี้ เป็นผู้ที่มีความเข้าใจในหลักธรรมทางศาสนาที่ตนยึดถือไม่ธรรมดา และสามารถนำมาปฏิบัติใช้ในชีวิตประจำวันและการทำงานได้อย่างกลมกลืนเป็นอย่างดี ผมอ่านครั้งแรกหลังจบระดับอุดมศึกษาหมาด ๆ ซึ่งก็ตรงกับปีที่หนังสือตีพิมพ์ครั้งแรก คือ พ.ศ.2542 ได้รับแจกจากอาจารย์ประจำคณะที่เคารพรักท่านหนึ่ง ประทับใจตั้งแต่หน้าปก และยิ่งได้อ่านเนื้อใน ความประทับใจยิ่งเพิ่มพูนเท่าทวี ปัจจุบันไม่แน่ใจว่าตีพิมพ์ครั้งสุดท้ายครั้งที่เท่าใดและปี พ.ศ.ไหน แต่น่าจะเกินสิบครั้ง จัดพิมพ์โดยกองทุนวุฒิธรรม จัดจำหน่ายโดยเคล็ดไทย กับราคาในยุคนั้นแค่เล่มละ 60 บาท เมื่อหยิบมาเปิดอ่านคราใด ก็ให้พลังใจในการดำเนินชีวิต อ่านแล้วอยากทำอะไรดี ๆ ไม่ใช่แค่ต่อตนเองหรือครอบครัว แต่อยากทำตนให้เป็นหน่วยเล็ก ๆ หน่วยหนึ่งที่ดีเพื่อประโยชน์กับสังคม กับโลกนี้บ้าง ช่างเป็นหนังสือที่มีชื่อทรงพลังยิ่งนัก อ่านแล้วพบว่า ชื่อนี้เหมาะสมจริง ๆ #แรงดลใจแห่งชีวิต โดย #โสภณสุภาพงษ์ #บทความ #ข้อคิด #แง่คิด #thaitimes #การพัฒนาตนเอง #หนังสือ #แนะนำหนังสือ #ฮาวทู
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1589 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก่อนหน้านี้หากมีใครถามให้ช่วยแนะนำหนังสือสักเล่มที่เป็นแนวจิตวิทยา หรือแนะนำเรื่องเกี่ยวกับการเสริมสร้างพลังใจ ให้มีไฟในการดำเนินชีวิตที่จะสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ หรือหนังสือที่เหมาะมากกับวัยต่อต้านที่กำลังไม่รู้จะเลือกเดินไปในเส้นทางชีวิตแบบใดให้กับตน ผมยังนึกไม่ออกว่าเล่มใดที่จะเหมาะมากที่สุด ทว่าเมื่อได้อ่านเล่มนี้จบลงแล้ว ก็เป็นที่แน่ชัดกับตนเองทันทีว่า ฉันพบเจอหนังสือที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมตรงตามโจทย์แล้วนั่นคือ

    #หนังสือเล่มหนึ่งซึ่งไม่มีวางขาย

    สนพ.piccolo พิมพ์ปลายปี 2564
    เขียนโดย ยาสึชิ คิตากาวะ
    แปลโดย หนึ่งฤทัย ปราดเปรียว
    หนังสือเล่มไม่หนา ขนาดกำลังดีเบามือถือไปไหนง่าย หนาประมาณ 160 หน้า อ่านไม่กี่ชม.ก็จบ

    เรื่องย่อ

    ชายหนุ่มวัยกลางคนนามว่าโยสุเกะ กำลังมีผลงานภาพวาดจัดแสดงอยู่ในห้องแสดงภาพ หญิงสาวสูงวัยนางหนึ่งยืนชมภาพวาดรูปนั้นอยู่นานด้วยอารมณ์ความรู้สึกเปี่ยมล้น เด็กหญิงตัวน้อยวัย 5 ขวบซึ่งเป็นลูกสาวของโยสุเกะ ได้ทำหน้าที่แนะนำภาพวาดของพ่อและชวนเธอสนทนาอย่างน่ารัก จนทราบว่าเธอชื่อฟุจิโกะ เมื่อลูกสาวได้เล่าเรื่องนี้ให้คนเป็นพ่อฟัง เขาถึงกับงุนงงชั่วขณะ ด้วยไม่ได้ยินชื่อนี้มานาน 20 ปีแล้ว บัดดลภาพความทรงจำในอดีตสมัยที่เขายังอายุแค่ 17 ปี ก็หลั่งไหลเข้ามา นั่นคือบทนำก่อนเข้าเรื่องที่เป็นการเล่าย้อนของตัวละครเอกในเรื่องที่เล่าผ่านมุมมองบุคคลที่1

    โยสุเกะในวัย 17 ปีนั้น อยู่ในช่วงที่กำลังต้องตั้งใจอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบ แต่เขากลับยังไม่รู้ว่าตัวเองควรเลือกเดินหน้าชีวิตต่อไปในเส้นทางไหน ผู้ใหญ่ชอบถามเด็ก ๆ ว่าโตขึ้นไปอยากเป็นอะไร ประกอบอาชีพอะไร เขารู้สึกลึกลงไปว่าต้องรีบตัดสินใจจริงละหรือ ทำไมจึงไม่สามารถอยู่ไปเรื่อย ๆ โดยถ้ายังไม่มีแรงบันดาลใจอะไรเกิดขึ้น เขาก็ไม่อยากเสียเวลาเปล่าไปกับการต้องเลือกเรียนที่ไหน เพื่อจะกลายไปเป็นอะไรที่ตนไม่แน่ใจว่าใช่สิ่งที่ชอบหรืออยากทำจริงหรือไม่

    จึงคล้ายกับเขาปล่อยวันเวลาให้ผ่านไปอย่างหมดเปลืองเปล่าดาย ได้แต่นั่งเฝ้าร้านหนังสือเก่าของพ่อ ที่ตนเองก็ไม่มีนิสัยรักการอ่าน และไม่ค่อยแตะหนังสือมาแต่เล็ก

    แต่แล้ววันหนึ่งซึ่งปรากฏเด็กสาววัยเดียวกับโยสุเกะ ที่สวยเก๋ในความรู้สึกแรกพบสำหรับเขา ณ ร้านหนังสือของพ่อนั้น มันได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาครั้งใหญ่ไปตลอดกาล เธอคนนั้นรู้จักและเรียกชื่อของโยสุเกะอย่างถูกต้อง โดยที่เขานึกไม่ออกว่าเคยพบเจอสาวสวยน่ารักคนนี้ที่ไหนมาก่อนหรือไม่

    เธอบอกกับเขาว่ามาหาซื้อหนังสือที่ไม่มีขายที่ร้านอื่น จนพบเจอเล่มที่ต้องการ และยังวานให้เขาช่วยหาหนังสือเล่มหนึ่ง อีกสัปดาห์จะมาใหม่แล้วก็จากไป โยสุเกะหงุดหงิดตัวเองที่ไม่ทันได้ถามชื่อและเบอร์ติดต่อไว้ เขาเล่าให้พ่อฟัง เมื่อพ่อทราบชื่อหนังสือจึงพูดขึ้นว่า ไม่เป็นไรนี่เป็นหนังสือที่ดีเล่มหนึ่ง พ่อจะสั่งมาขายและเผื่อไว้สักหลายเล่ม

    ด้วยความที่โยสุเกะอยากจะคุยและทำคววามรู้จักกับเธอคนนั้น แต่เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ได้แค่คิดวุ่นวายภายในหัว แต่ตัวตนจริงนั้นไร้ซึ่งความกล้า สิ่งที่เขาคิดออกมีเพียงอย่างเดียวคือ ต้องอ่านหนังสือเล่มที่เธอถามหา เพื่ออยากเข้าใจว่าเธอเป็นคนเช่นไร

    นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาก้าวข้ามความไม่ชอบอ่านหนังสือมาได้ และน่าแปลกที่อ่านไปได้สักพัก เขากลับพบว่านี่เป็นหนังสือที่ดีจริง ๆ ต่อมาเขาสามารถอ่านหนังสือเล่มดังกล่าวจนจบได้ ไม่ใช่แค่เกิดจากความรู้สึกแรก แต่เพราะเนื้อหาในนั้นได้สร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดขึ้นแก่โยสุเกะอย่างไม่น่าเชื่อ

    เขารอวันที่จะได้พบเธอด้วยใจจดจ่อ เพื่อจะเล่าให้ทราบว่าเขาได้อ่านหนังสือเล่มนั้นจบแล้ว จนเกือบหมดหวังว่าเธอจะกลับมา ในวันสุดท้ายก่อนสิ้นสัปดาห์ตามที่เธอเคยระบุ เด็กสาวก็ปรากฏกายขึ้นอีกครั้งในชุดผ้าสีขาวทั้งตัว เปล่งประกายจนโยสุเกะรับรู้ได้ เขาดีใจมาก จากที่ไม่กล้าจะเอ่ยปากก่อน สุดท้ายสามารถพูดกับเธอ หญิงสาวดีใจที่เขามีหนังสือที่ร้าน แต่เธอไม่ทันได้พกเงินมา จึงบอกวันหลังจะแวะมาใหม่ แต่มันช้าเกินไปสำหรับเขา โยสุเกะจึงเอ่ยปากให้เธอนำหนังสือกลับไปอ่านก่อน เพราะเขาอยากให้เธอได้อ่าน เขาจะออกให้เอง เธอยิ้มอย่างงดงามในน้ำใจของเขา ยินดีรับหนังสือไปแต่บอกว่าจะนำเงินมาคืนให้ภายหลัง จากนั้นก็ขบคิดด้วยความเอียงอายชั่วครู่ ก่อนจะให้ที่อยู่เบอร์โทรติดต่อไว้แล้วบอกว่าเราน่าจะนัดเจอกันอีก

    ความสดใสของวัยหนุ่มสาวจึงถึงคราวที่ได้โบยบินยังท้องฟ้ากว้าง ทั้งสองใช้เวลากว่าสองเกือบสามสัปดาห์ที่ออกมาพบเจอกันตามที่นัดพบต่าง ๆ เพื่อพูดคุยกันอย่างออกรสเกี่ยวกับเนื้อหาในหนังสือ และเรื่องที่พ่อของเธอสอนไว้ ซึ่งโยสุเกะพบว่าเป็นคำสอนอันทรงคุณค่าและมีประโยชน์อย่างมากกับตัวเขา จนกระทั่งเกิดแรงบันดาลใจที่จะลุกขึ้นเปลี่ยนแปลงตัวเองจากภายในให้ต่างไปจากเดิม เหมือนเขาได้ค้นพบขุมทรัพย์มหาศาลที่ประเมินค่าไม่ได้

    ในแต่ละวันโยสุเกะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่ตนไม่เคยคิดมาก่อน จากคำสอนของพ่อที่ถูกเล่าผ่านตัวเธอและมอบเครื่องบินพับจากกระดาษหลากสีให้ไว้กับโยสุเกะทุกครั้ง แต่เขาไม่เคยถามและไม่รู้จักชื่อของเธอเลย ดูเหมือนเด็กสาวมีบางอย่างที่ยังไม่สามารถเล่าให้เขาฟัง เขารู้เพียงอีกไม่นานเธออาจจะต้องไปอยู่กับพ่อ แม้ปัจจุบันเธออยู่กับแม่คนเดียวก็ตาม ความสัมพันธ์ของครอบครัวอันคลุมเครือที่เธอไม่ได้พูดถึง กลับปริศนาอีกหลายข้อที่ค้างคาใจเขาซึ่งยังไม่กล้าเอ่ยปากถาม ความจริงจะปรากฏในช่วงท้ายเล่ม ที่คงต้องให้เพื่อน ๆ ไปตามหาอ่านกันต่อ แม้นอยากเล่ามากเพียงใดต้องยั้งใจไว้ รอให้คนอ่านได้พบด้วยตัวเองไม่อย่างนั้นความแปลกใหม่และความสนุกสนานอาจลดลง

    ผมเคยอ่านโลกของโซฟีเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อนแล้วชื่นชอบมาก แม้หนังสือจะหนากับเนื้อหาแนวสอนเชิงจิตวิทยา ที่มีความแปลกใหม่ในการใช้กลวิธีเล่าเรื่องที่น่าสนใจผ่านรูปแบบนิยายมาแล้ว สำหรับเล่มนี้ทำให้อดนึกถึงโลกของโซฟีไม่ได้ แม้นจะมีความคล้ายบางประการในการนำเสนอ แต่หนังสือเล่มหนึ่งซึ่งไม่มีวางขาย ก็มีอัตลักษณ์ที่เป็นแบบฉบับเฉพาะตนที่น่าสนใจ กับความหนาเพียงไม่ถึง 200 หน้า ทำให้การอ่านจนจบไม่ใช่เรื่องลำบากจนเกินไปสำหรับคนที่อาจจะไม่ใช่สายรักการอ่านมาก่อน

    หนังสือเล่มนี้ดีงามอย่างละเมียดละไม ละมุนละม่อม อ่อนโยนงดงามตลอดเล่ม ไปเรื่อย ๆ ชวนติดตามไปกับการเอาใจช่วยในความสัมพันธ์ของตัวเอกทั้งสอง ว่าเขากับเธอจะมีบทสรุปอย่างไร

    ผู้เขียนมีความชาญฉลาดในการวางโครงเรื่อง และแก่นที่แน่นหนาน่าสนใจช่วนให้ใคร่ครวญอย่างพินิจพิเคราะห์ กับสิ่งที่ต้องพบเจอทุกผู้คนไม่ว่าชายหรือหญิง ในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย ในช่วงหัวเลี้ยวสำคัญอันคือทางเลือกที่ชีวิตสามารถหักเหไปได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับความหมายในความฝันที่เขายังค้นไม่พบ กับการตัดสินใจทั้งจากตนเองและคนรอบข้างโดยเฉพาะคนที่มีความหมายมากในชีวิตของเขา

    หนังสือเล่มนี้เป็นได้ทั้งพ่อ เป็นทั้งแม่ แม้แต่เป็นเพื่อน หรือพี่ที่อบอุ่น ให้พลังใจไฟฝัน กับวันวานอันเยาว์วัย แม้นใครหลายคนอาจอยู่ในช่วงวัยที่ล่วงเลยจุดนั้นมานานแล้ว แต่ขอให้เชื่อเถิดครับว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่แค่เพียงวัยรุ่นที่ควรได้อ่าน หากแต่สมควรอย่างยิ่งที่ผู้ที่กำลังจะมีลูก หรือมีแล้ว หรือแม้ยังไม่มีครอบครัวก็ไม่ควรพลาด เพราะนี่เปรียบได้กับคัมภีร์ชีวิต ที่บอกเล่าได้อย่างมีอรรถรสครบทั้งด้านให้ความบันเทิงแก่ผู้อ่าน ทั้งยังมอบคุณค่าสาระอันชวนให้ได้ทบทวนถึงช่วงวันที่แล้วมาในอดีต และวันในปัจจุบัน รวมถึงวันในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง

    บนความงดงามที่ร้อยเรียงด้วยภาษาเรียบง่าย คล้ายกับจะเป็นหนังสือฮาวทูแต่แปลงกายมาในรูปแบบของนิยายวัยใส แทรกสอนแนวคิดที่เป็นทั้งปรัชญา จิตวิทยา และหลักการทางธรรมะในศาสนาพุทธ ได้อย่างสอดประสานกลมกลืนกับเนื้อหาเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวละคร ที่มีปริศนาชวนให้กระหายใคร่รู้ โดยใช้ฉากและตัวละครน้อยมาก ความดีเด่นในด้านนี้เองที่ทำให้คนอ่านสามารถเข้าใจ เข้าถึง สิ่งที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอได้อย่างรวดเร็ว ง่ายดาย และตรงไปตรงมาที่สุด อาจมีจุดจี๊ดในใจบ้างตอนช่วงท้ายของบทสรุป ขึ้นกับว่าผู้อ่านคนนั้นรับสารที่มีการเผยปริศนาของตัวละครไว้ในรายทางเป็นระยะได้มากน้อยแค่ไหน ในย่อหน้าสุดท้ายนี้ ใครที่ยังไม่ได้อ่านมาก่อนไม่จำเป็นต้องอ่านต่อก็ได้ เพราะอาจจะทำให้คุณคิดไปต่าง ๆ เกี่ยวกับตอนจบของเรื่อง อันจะทำให้สูญเสียความรู้สึกแรกที่พบ ณ ชั่วเวลานั้นไปอย่างน่าเสียดาย

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    เพราะถ้ามองเห็นเร็ว ก็พอจะคาดเดาทิศทางของบทบาทตัวละครหลักในตอนท้ายได้ว่าจะมีผลลัพธ์เช่นไร และจะไม่กระทบกระแทกกับอารมณ์ความรู้สึกมากนัก แต่ถ้าอ่านไป ๆ แต่ไม่ทันได้สังเกตคำใบ้ที่ถูกเปิดขึ้นทีละน้อย ก็อาจได้พบกับความรู้สึกที่สะกิดสะเกาให้หัวใจได้สะท้อนสะท้าน และอาจถึงขั้นสั่นสะเทือนอย่างที่อดตาแฉะไม่ได้

    #นิยายแปล
    #นิยายญี่ปุ่น
    #จิตวิทยา
    #โตขึ้นจะเป็นอะไร
    #ร้านหนังสือ
    #รักการอ่าน
    #พรุ่งนี้ที่มาไม่ถึง
    #หนังสือดีที่ควรอ่าน
    #thaitimes
    #หนังสือน่าอ่าน
    #การพัฒนาตนเอง
    ก่อนหน้านี้หากมีใครถามให้ช่วยแนะนำหนังสือสักเล่มที่เป็นแนวจิตวิทยา หรือแนะนำเรื่องเกี่ยวกับการเสริมสร้างพลังใจ ให้มีไฟในการดำเนินชีวิตที่จะสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ หรือหนังสือที่เหมาะมากกับวัยต่อต้านที่กำลังไม่รู้จะเลือกเดินไปในเส้นทางชีวิตแบบใดให้กับตน ผมยังนึกไม่ออกว่าเล่มใดที่จะเหมาะมากที่สุด ทว่าเมื่อได้อ่านเล่มนี้จบลงแล้ว ก็เป็นที่แน่ชัดกับตนเองทันทีว่า ฉันพบเจอหนังสือที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมตรงตามโจทย์แล้วนั่นคือ #หนังสือเล่มหนึ่งซึ่งไม่มีวางขาย สนพ.piccolo พิมพ์ปลายปี 2564 เขียนโดย ยาสึชิ คิตากาวะ แปลโดย หนึ่งฤทัย ปราดเปรียว หนังสือเล่มไม่หนา ขนาดกำลังดีเบามือถือไปไหนง่าย หนาประมาณ 160 หน้า อ่านไม่กี่ชม.ก็จบ เรื่องย่อ ชายหนุ่มวัยกลางคนนามว่าโยสุเกะ กำลังมีผลงานภาพวาดจัดแสดงอยู่ในห้องแสดงภาพ หญิงสาวสูงวัยนางหนึ่งยืนชมภาพวาดรูปนั้นอยู่นานด้วยอารมณ์ความรู้สึกเปี่ยมล้น เด็กหญิงตัวน้อยวัย 5 ขวบซึ่งเป็นลูกสาวของโยสุเกะ ได้ทำหน้าที่แนะนำภาพวาดของพ่อและชวนเธอสนทนาอย่างน่ารัก จนทราบว่าเธอชื่อฟุจิโกะ เมื่อลูกสาวได้เล่าเรื่องนี้ให้คนเป็นพ่อฟัง เขาถึงกับงุนงงชั่วขณะ ด้วยไม่ได้ยินชื่อนี้มานาน 20 ปีแล้ว บัดดลภาพความทรงจำในอดีตสมัยที่เขายังอายุแค่ 17 ปี ก็หลั่งไหลเข้ามา นั่นคือบทนำก่อนเข้าเรื่องที่เป็นการเล่าย้อนของตัวละครเอกในเรื่องที่เล่าผ่านมุมมองบุคคลที่1 โยสุเกะในวัย 17 ปีนั้น อยู่ในช่วงที่กำลังต้องตั้งใจอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบ แต่เขากลับยังไม่รู้ว่าตัวเองควรเลือกเดินหน้าชีวิตต่อไปในเส้นทางไหน ผู้ใหญ่ชอบถามเด็ก ๆ ว่าโตขึ้นไปอยากเป็นอะไร ประกอบอาชีพอะไร เขารู้สึกลึกลงไปว่าต้องรีบตัดสินใจจริงละหรือ ทำไมจึงไม่สามารถอยู่ไปเรื่อย ๆ โดยถ้ายังไม่มีแรงบันดาลใจอะไรเกิดขึ้น เขาก็ไม่อยากเสียเวลาเปล่าไปกับการต้องเลือกเรียนที่ไหน เพื่อจะกลายไปเป็นอะไรที่ตนไม่แน่ใจว่าใช่สิ่งที่ชอบหรืออยากทำจริงหรือไม่ จึงคล้ายกับเขาปล่อยวันเวลาให้ผ่านไปอย่างหมดเปลืองเปล่าดาย ได้แต่นั่งเฝ้าร้านหนังสือเก่าของพ่อ ที่ตนเองก็ไม่มีนิสัยรักการอ่าน และไม่ค่อยแตะหนังสือมาแต่เล็ก แต่แล้ววันหนึ่งซึ่งปรากฏเด็กสาววัยเดียวกับโยสุเกะ ที่สวยเก๋ในความรู้สึกแรกพบสำหรับเขา ณ ร้านหนังสือของพ่อนั้น มันได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาครั้งใหญ่ไปตลอดกาล เธอคนนั้นรู้จักและเรียกชื่อของโยสุเกะอย่างถูกต้อง โดยที่เขานึกไม่ออกว่าเคยพบเจอสาวสวยน่ารักคนนี้ที่ไหนมาก่อนหรือไม่ เธอบอกกับเขาว่ามาหาซื้อหนังสือที่ไม่มีขายที่ร้านอื่น จนพบเจอเล่มที่ต้องการ และยังวานให้เขาช่วยหาหนังสือเล่มหนึ่ง อีกสัปดาห์จะมาใหม่แล้วก็จากไป โยสุเกะหงุดหงิดตัวเองที่ไม่ทันได้ถามชื่อและเบอร์ติดต่อไว้ เขาเล่าให้พ่อฟัง เมื่อพ่อทราบชื่อหนังสือจึงพูดขึ้นว่า ไม่เป็นไรนี่เป็นหนังสือที่ดีเล่มหนึ่ง พ่อจะสั่งมาขายและเผื่อไว้สักหลายเล่ม ด้วยความที่โยสุเกะอยากจะคุยและทำคววามรู้จักกับเธอคนนั้น แต่เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ได้แค่คิดวุ่นวายภายในหัว แต่ตัวตนจริงนั้นไร้ซึ่งความกล้า สิ่งที่เขาคิดออกมีเพียงอย่างเดียวคือ ต้องอ่านหนังสือเล่มที่เธอถามหา เพื่ออยากเข้าใจว่าเธอเป็นคนเช่นไร นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาก้าวข้ามความไม่ชอบอ่านหนังสือมาได้ และน่าแปลกที่อ่านไปได้สักพัก เขากลับพบว่านี่เป็นหนังสือที่ดีจริง ๆ ต่อมาเขาสามารถอ่านหนังสือเล่มดังกล่าวจนจบได้ ไม่ใช่แค่เกิดจากความรู้สึกแรก แต่เพราะเนื้อหาในนั้นได้สร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดขึ้นแก่โยสุเกะอย่างไม่น่าเชื่อ เขารอวันที่จะได้พบเธอด้วยใจจดจ่อ เพื่อจะเล่าให้ทราบว่าเขาได้อ่านหนังสือเล่มนั้นจบแล้ว จนเกือบหมดหวังว่าเธอจะกลับมา ในวันสุดท้ายก่อนสิ้นสัปดาห์ตามที่เธอเคยระบุ เด็กสาวก็ปรากฏกายขึ้นอีกครั้งในชุดผ้าสีขาวทั้งตัว เปล่งประกายจนโยสุเกะรับรู้ได้ เขาดีใจมาก จากที่ไม่กล้าจะเอ่ยปากก่อน สุดท้ายสามารถพูดกับเธอ หญิงสาวดีใจที่เขามีหนังสือที่ร้าน แต่เธอไม่ทันได้พกเงินมา จึงบอกวันหลังจะแวะมาใหม่ แต่มันช้าเกินไปสำหรับเขา โยสุเกะจึงเอ่ยปากให้เธอนำหนังสือกลับไปอ่านก่อน เพราะเขาอยากให้เธอได้อ่าน เขาจะออกให้เอง เธอยิ้มอย่างงดงามในน้ำใจของเขา ยินดีรับหนังสือไปแต่บอกว่าจะนำเงินมาคืนให้ภายหลัง จากนั้นก็ขบคิดด้วยความเอียงอายชั่วครู่ ก่อนจะให้ที่อยู่เบอร์โทรติดต่อไว้แล้วบอกว่าเราน่าจะนัดเจอกันอีก ความสดใสของวัยหนุ่มสาวจึงถึงคราวที่ได้โบยบินยังท้องฟ้ากว้าง ทั้งสองใช้เวลากว่าสองเกือบสามสัปดาห์ที่ออกมาพบเจอกันตามที่นัดพบต่าง ๆ เพื่อพูดคุยกันอย่างออกรสเกี่ยวกับเนื้อหาในหนังสือ และเรื่องที่พ่อของเธอสอนไว้ ซึ่งโยสุเกะพบว่าเป็นคำสอนอันทรงคุณค่าและมีประโยชน์อย่างมากกับตัวเขา จนกระทั่งเกิดแรงบันดาลใจที่จะลุกขึ้นเปลี่ยนแปลงตัวเองจากภายในให้ต่างไปจากเดิม เหมือนเขาได้ค้นพบขุมทรัพย์มหาศาลที่ประเมินค่าไม่ได้ ในแต่ละวันโยสุเกะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่ตนไม่เคยคิดมาก่อน จากคำสอนของพ่อที่ถูกเล่าผ่านตัวเธอและมอบเครื่องบินพับจากกระดาษหลากสีให้ไว้กับโยสุเกะทุกครั้ง แต่เขาไม่เคยถามและไม่รู้จักชื่อของเธอเลย ดูเหมือนเด็กสาวมีบางอย่างที่ยังไม่สามารถเล่าให้เขาฟัง เขารู้เพียงอีกไม่นานเธออาจจะต้องไปอยู่กับพ่อ แม้ปัจจุบันเธออยู่กับแม่คนเดียวก็ตาม ความสัมพันธ์ของครอบครัวอันคลุมเครือที่เธอไม่ได้พูดถึง กลับปริศนาอีกหลายข้อที่ค้างคาใจเขาซึ่งยังไม่กล้าเอ่ยปากถาม ความจริงจะปรากฏในช่วงท้ายเล่ม ที่คงต้องให้เพื่อน ๆ ไปตามหาอ่านกันต่อ แม้นอยากเล่ามากเพียงใดต้องยั้งใจไว้ รอให้คนอ่านได้พบด้วยตัวเองไม่อย่างนั้นความแปลกใหม่และความสนุกสนานอาจลดลง ผมเคยอ่านโลกของโซฟีเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อนแล้วชื่นชอบมาก แม้หนังสือจะหนากับเนื้อหาแนวสอนเชิงจิตวิทยา ที่มีความแปลกใหม่ในการใช้กลวิธีเล่าเรื่องที่น่าสนใจผ่านรูปแบบนิยายมาแล้ว สำหรับเล่มนี้ทำให้อดนึกถึงโลกของโซฟีไม่ได้ แม้นจะมีความคล้ายบางประการในการนำเสนอ แต่หนังสือเล่มหนึ่งซึ่งไม่มีวางขาย ก็มีอัตลักษณ์ที่เป็นแบบฉบับเฉพาะตนที่น่าสนใจ กับความหนาเพียงไม่ถึง 200 หน้า ทำให้การอ่านจนจบไม่ใช่เรื่องลำบากจนเกินไปสำหรับคนที่อาจจะไม่ใช่สายรักการอ่านมาก่อน หนังสือเล่มนี้ดีงามอย่างละเมียดละไม ละมุนละม่อม อ่อนโยนงดงามตลอดเล่ม ไปเรื่อย ๆ ชวนติดตามไปกับการเอาใจช่วยในความสัมพันธ์ของตัวเอกทั้งสอง ว่าเขากับเธอจะมีบทสรุปอย่างไร ผู้เขียนมีความชาญฉลาดในการวางโครงเรื่อง และแก่นที่แน่นหนาน่าสนใจช่วนให้ใคร่ครวญอย่างพินิจพิเคราะห์ กับสิ่งที่ต้องพบเจอทุกผู้คนไม่ว่าชายหรือหญิง ในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย ในช่วงหัวเลี้ยวสำคัญอันคือทางเลือกที่ชีวิตสามารถหักเหไปได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับความหมายในความฝันที่เขายังค้นไม่พบ กับการตัดสินใจทั้งจากตนเองและคนรอบข้างโดยเฉพาะคนที่มีความหมายมากในชีวิตของเขา หนังสือเล่มนี้เป็นได้ทั้งพ่อ เป็นทั้งแม่ แม้แต่เป็นเพื่อน หรือพี่ที่อบอุ่น ให้พลังใจไฟฝัน กับวันวานอันเยาว์วัย แม้นใครหลายคนอาจอยู่ในช่วงวัยที่ล่วงเลยจุดนั้นมานานแล้ว แต่ขอให้เชื่อเถิดครับว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่แค่เพียงวัยรุ่นที่ควรได้อ่าน หากแต่สมควรอย่างยิ่งที่ผู้ที่กำลังจะมีลูก หรือมีแล้ว หรือแม้ยังไม่มีครอบครัวก็ไม่ควรพลาด เพราะนี่เปรียบได้กับคัมภีร์ชีวิต ที่บอกเล่าได้อย่างมีอรรถรสครบทั้งด้านให้ความบันเทิงแก่ผู้อ่าน ทั้งยังมอบคุณค่าสาระอันชวนให้ได้ทบทวนถึงช่วงวันที่แล้วมาในอดีต และวันในปัจจุบัน รวมถึงวันในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง บนความงดงามที่ร้อยเรียงด้วยภาษาเรียบง่าย คล้ายกับจะเป็นหนังสือฮาวทูแต่แปลงกายมาในรูปแบบของนิยายวัยใส แทรกสอนแนวคิดที่เป็นทั้งปรัชญา จิตวิทยา และหลักการทางธรรมะในศาสนาพุทธ ได้อย่างสอดประสานกลมกลืนกับเนื้อหาเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวละคร ที่มีปริศนาชวนให้กระหายใคร่รู้ โดยใช้ฉากและตัวละครน้อยมาก ความดีเด่นในด้านนี้เองที่ทำให้คนอ่านสามารถเข้าใจ เข้าถึง สิ่งที่ผู้เขียนต้องการนำเสนอได้อย่างรวดเร็ว ง่ายดาย และตรงไปตรงมาที่สุด อาจมีจุดจี๊ดในใจบ้างตอนช่วงท้ายของบทสรุป ขึ้นกับว่าผู้อ่านคนนั้นรับสารที่มีการเผยปริศนาของตัวละครไว้ในรายทางเป็นระยะได้มากน้อยแค่ไหน ในย่อหน้าสุดท้ายนี้ ใครที่ยังไม่ได้อ่านมาก่อนไม่จำเป็นต้องอ่านต่อก็ได้ เพราะอาจจะทำให้คุณคิดไปต่าง ๆ เกี่ยวกับตอนจบของเรื่อง อันจะทำให้สูญเสียความรู้สึกแรกที่พบ ณ ชั่วเวลานั้นไปอย่างน่าเสียดาย . . . . . . . . เพราะถ้ามองเห็นเร็ว ก็พอจะคาดเดาทิศทางของบทบาทตัวละครหลักในตอนท้ายได้ว่าจะมีผลลัพธ์เช่นไร และจะไม่กระทบกระแทกกับอารมณ์ความรู้สึกมากนัก แต่ถ้าอ่านไป ๆ แต่ไม่ทันได้สังเกตคำใบ้ที่ถูกเปิดขึ้นทีละน้อย ก็อาจได้พบกับความรู้สึกที่สะกิดสะเกาให้หัวใจได้สะท้อนสะท้าน และอาจถึงขั้นสั่นสะเทือนอย่างที่อดตาแฉะไม่ได้ #นิยายแปล #นิยายญี่ปุ่น #จิตวิทยา #โตขึ้นจะเป็นอะไร #ร้านหนังสือ #รักการอ่าน #พรุ่งนี้ที่มาไม่ถึง #หนังสือดีที่ควรอ่าน #thaitimes #หนังสือน่าอ่าน #การพัฒนาตนเอง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2038 มุมมอง 0 รีวิว
  • วัดป่าคลอง 11: สถานที่แห่งความศักดิ์สิทธิ์และศูนย์ปฏิบัติธรรม

    วัดป่าคลอง 11 หรือที่รู้จักกันในชื่อ “คำชะโนด 2” ตั้งอยู่ในอำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับพญานาคและการขอพรเสริมโชคลาภ วัดนี้เป็นที่นิยมของสายมูที่มักจะมาสักการะขอพรเรื่องการเงิน การงาน และความสำเร็จส่วนตัว ตัววัดตั้งอยู่กลางสระน้ำ ล้อมรอบด้วยรูปปั้นนาคขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ทั้งสี่ทิศ ซึ่งแต่ละทิศมีความหมายเชื่อมโยงกับความเจริญในด้านต่าง ๆ เช่น การค้าขาย ความปลอดภัย และความสัมพันธ์ในครอบครัว

    จุดเด่นของวัด

    1. ประติมากรรมนาคและศาลากลางน้ำ: วัดป่าคลอง 11 มีจุดเด่นคือศาลาไม้สักแบบไทยที่ตั้งอยู่กลางสระน้ำ ล้อมรอบด้วยประติมากรรมนาคที่สวยงามและมีความหมายพิเศษในแต่ละทิศ เช่น ขอพรเรื่องความเจริญในธุรกิจ การป้องกันอันตราย และความสัมพันธ์ในครอบครัว นักท่องเที่ยวสามารถสักการะพญานาคทั้งสี่ทิศเพื่อขอพรตามความต้องการของตน

    2. สถานที่ปฏิบัติธรรม: วัดป่าคลอง 11 ไม่ได้เป็นเพียงที่ท่องเที่ยวและสถานที่ขอพรเท่านั้น แต่ยังมีศูนย์ปฏิบัติธรรมที่เงียบสงบ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกสมาธิและหาความสงบทางจิตใจ บรรยากาศที่ร่มรื่นและเงียบสงบช่วยให้ผู้ที่มาปฏิบัติธรรมสามารถหาความสุขและความสงบได้อย่างเต็มที่

    3. กิจกรรมสักการะและการทำบุญ: นักท่องเที่ยวสามารถทำบุญและถวายเครื่องเซ่นไหว้ที่จุดบูชาต่าง ๆ รอบวัด เช่น บูชาพระสิวลีเพื่อขอพรเรื่องโชคลาภและความเจริญรุ่งเรือง หรือบูชาพ่อปู่พญานาคศรีสุทโธและแม่ย่านาคินีศรีปทุมมา ซึ่งเป็นจุดที่สายมูนิยมมาขอพรให้สมหวังในเรื่องการเงินและการงาน

    บรรยากาศในวันนี้ที่วัดป่าคลอง 11 เต็มไปด้วยความคึกคัก มีผู้คนหลากหลายมาทำบุญ ไหว้พระ และสักการะพญานาค โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดและวันสำคัญทางศาสนา นักท่องเที่ยวยังสามารถเพลิดเพลินกับการชมความงดงามของประติมากรรมและถ่ายภาพเพื่อเก็บความประทับใจกลับไป สำหรับผู้ที่มาในช่วงใกล้วันหวยออก วัดนี้มักจะมีผู้คนมาขอพรโชคลาภและเสริมดวงเป็นจำนวนมาก

    วัดป่าคลอง 11 จึงเป็นสถานที่ที่ไม่เพียงแต่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวเพื่อขอพรและทำบุญ แต่ยังเป็นแหล่งที่ช่วยเสริมสร้างความสงบและพลังใจให้กับผู้ที่มาเยี่ยมชม ไม่ว่าจะมาเพื่อฝึกสมาธิหรือเพียงแค่หาความสุขใจในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเชื่อและสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างลึกซึ้ง.

    #thaitimes #พาไปเที่ยว
    วัดป่าคลอง 11: สถานที่แห่งความศักดิ์สิทธิ์และศูนย์ปฏิบัติธรรม วัดป่าคลอง 11 หรือที่รู้จักกันในชื่อ “คำชะโนด 2” ตั้งอยู่ในอำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับพญานาคและการขอพรเสริมโชคลาภ วัดนี้เป็นที่นิยมของสายมูที่มักจะมาสักการะขอพรเรื่องการเงิน การงาน และความสำเร็จส่วนตัว ตัววัดตั้งอยู่กลางสระน้ำ ล้อมรอบด้วยรูปปั้นนาคขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ทั้งสี่ทิศ ซึ่งแต่ละทิศมีความหมายเชื่อมโยงกับความเจริญในด้านต่าง ๆ เช่น การค้าขาย ความปลอดภัย และความสัมพันธ์ในครอบครัว จุดเด่นของวัด 1. ประติมากรรมนาคและศาลากลางน้ำ: วัดป่าคลอง 11 มีจุดเด่นคือศาลาไม้สักแบบไทยที่ตั้งอยู่กลางสระน้ำ ล้อมรอบด้วยประติมากรรมนาคที่สวยงามและมีความหมายพิเศษในแต่ละทิศ เช่น ขอพรเรื่องความเจริญในธุรกิจ การป้องกันอันตราย และความสัมพันธ์ในครอบครัว นักท่องเที่ยวสามารถสักการะพญานาคทั้งสี่ทิศเพื่อขอพรตามความต้องการของตน 2. สถานที่ปฏิบัติธรรม: วัดป่าคลอง 11 ไม่ได้เป็นเพียงที่ท่องเที่ยวและสถานที่ขอพรเท่านั้น แต่ยังมีศูนย์ปฏิบัติธรรมที่เงียบสงบ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกสมาธิและหาความสงบทางจิตใจ บรรยากาศที่ร่มรื่นและเงียบสงบช่วยให้ผู้ที่มาปฏิบัติธรรมสามารถหาความสุขและความสงบได้อย่างเต็มที่ 3. กิจกรรมสักการะและการทำบุญ: นักท่องเที่ยวสามารถทำบุญและถวายเครื่องเซ่นไหว้ที่จุดบูชาต่าง ๆ รอบวัด เช่น บูชาพระสิวลีเพื่อขอพรเรื่องโชคลาภและความเจริญรุ่งเรือง หรือบูชาพ่อปู่พญานาคศรีสุทโธและแม่ย่านาคินีศรีปทุมมา ซึ่งเป็นจุดที่สายมูนิยมมาขอพรให้สมหวังในเรื่องการเงินและการงาน บรรยากาศในวันนี้ที่วัดป่าคลอง 11 เต็มไปด้วยความคึกคัก มีผู้คนหลากหลายมาทำบุญ ไหว้พระ และสักการะพญานาค โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดและวันสำคัญทางศาสนา นักท่องเที่ยวยังสามารถเพลิดเพลินกับการชมความงดงามของประติมากรรมและถ่ายภาพเพื่อเก็บความประทับใจกลับไป สำหรับผู้ที่มาในช่วงใกล้วันหวยออก วัดนี้มักจะมีผู้คนมาขอพรโชคลาภและเสริมดวงเป็นจำนวนมาก วัดป่าคลอง 11 จึงเป็นสถานที่ที่ไม่เพียงแต่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวเพื่อขอพรและทำบุญ แต่ยังเป็นแหล่งที่ช่วยเสริมสร้างความสงบและพลังใจให้กับผู้ที่มาเยี่ยมชม ไม่ว่าจะมาเพื่อฝึกสมาธิหรือเพียงแค่หาความสุขใจในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเชื่อและสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างลึกซึ้ง. #thaitimes #พาไปเที่ยว
    Like
    Love
    15
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1862 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts