📌 กรรมเก่ากำหนดตัวตนใหม่ และบทบาทในสังคม
คนเราเกิดมาต่างกัน
ไม่ใช่แค่หน้าตา ฐานะ หรือสติปัญญา
แต่ยังรวมถึง “พลังของกรรม”
ที่ส่งผลให้ บางคนเป็นผู้ได้รับการยกย่อง
และ บางคนเป็นเป้าหมายของการถูกแกล้ง
---
📌 ทำไมบางคนเหมือนถูก ‘ชี้เป้า’ ให้โดนแกล้ง?
✔ กรรมเก่าทำให้ดึงดูด ‘ความอยากแกล้ง’ จากคนรอบข้าง
✔ เคยสร้างความอับอายให้คนอื่น → จึงต้องเผชิญความอับอายเอง
✔ เคยทำร้ายใครโดยไม่มีเหตุผล → จึงต้องเจอการถูกทำร้ายแบบไร้เหตุผล
📌 บางคนแค่เดินเข้ามาในห้อง
คนรอบข้างก็รู้สึกอยากเยาะเย้ย
เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่าง
กระตุ้นให้คนอยากทำให้เขาเจ็บปวด
📌 นี่อาจเป็น “ผลของกรรม”
ที่ดึงพลังแห่ง “อารมณ์สาธารณะ” ออกมา
ทำให้มวลชนมองไปในทางเดียวกัน
และรู้สึกว่าสมควรที่จะถูกกระทำ
---
📌 หากเห็นใครเป็นเป้าของการถูกแกล้ง ควรทำอย่างไร?
⚠ ระวังตัวเองให้ดี
เพราะ เราอาจกำลังตกเป็น ‘เครื่องมือของกรรมคนอื่น’
⚠ หยุดความคิด ‘คันไม้คันมือ’ อยากแกล้ง
ทุกครั้งที่รู้สึกอยากล้อเลียนใคร
ทุกครั้งที่คิดว่า "ล้อเล่นนิดเดียว ไม่เป็นไรหรอก"
หยุดก่อนแล้วถามตัวเองว่า
“นี่เรากำลังสร้างกรรมใหม่อยู่หรือเปล่า?”
⚠ อย่ามองว่า ‘แกล้งกันสนุก’ เป็นเรื่องปกติ
คนถูกแกล้งอาจไม่ได้ขำไปด้วย
บางทีเขาแค่กลั้นใจยิ้ม แต่ในใจทุกข์มาก
กรรมไม่ได้ดูว่า “เล่นๆ” หรือ “จริงจัง”
กรรมดูที่ “ความรู้สึกของผู้ถูกกระทำ”
---
📌 ใครเคยแกล้งคนอื่นมาก่อน จะหลีกเลี่ยงกรรมร้ายได้ไหม?
ได้ ถ้าเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันนี้
✅ 1. หยุดสร้างกรรมใหม่ทันที
ไม่ซ้ำเติม ไม่แกล้งใครให้ทุกข์ใจ
ไม่หัวเราะเยาะคนที่อับอาย
✅ 2. ชดเชยกรรมเก่าด้วยการให้โอกาสคนอื่น
หากเจอคนที่เคยแกล้งมาก่อน → ยอมรับผิด
หากเห็นใครกำลังถูกกลั่นแกล้ง → ช่วยห้าม
✅ 3. เจริญเมตตา สร้างพลังใจให้ตัวเองและผู้อื่น
กรรมดีสามารถลดแรงกรรมเก่าได้
เมตตาต่อผู้อื่น คือการเมตตาต่ออนาคตของตัวเอง
---
📌 กฎแห่งกรรมไม่เคยผิดพลาด
คนที่เคยแกล้ง → วันหนึ่งต้องถูกแกล้ง
คนที่เคยหัวเราะเยาะ → วันหนึ่งต้องเป็นเป้าหัวเราะเยาะ
คนที่เคยทำให้คนอื่นอับอาย → วันหนึ่งต้องอับอายเอง
แต่หากเราหยุดวงจรนี้ได้
กรรมร้ายจะไม่ส่งต่อมาถึงเรา
“หยุดแกล้งคนอื่น = หยุดกรรมของตัวเอง”
คนเราเกิดมาต่างกัน
ไม่ใช่แค่หน้าตา ฐานะ หรือสติปัญญา
แต่ยังรวมถึง “พลังของกรรม”
ที่ส่งผลให้ บางคนเป็นผู้ได้รับการยกย่อง
และ บางคนเป็นเป้าหมายของการถูกแกล้ง
---
📌 ทำไมบางคนเหมือนถูก ‘ชี้เป้า’ ให้โดนแกล้ง?
✔ กรรมเก่าทำให้ดึงดูด ‘ความอยากแกล้ง’ จากคนรอบข้าง
✔ เคยสร้างความอับอายให้คนอื่น → จึงต้องเผชิญความอับอายเอง
✔ เคยทำร้ายใครโดยไม่มีเหตุผล → จึงต้องเจอการถูกทำร้ายแบบไร้เหตุผล
📌 บางคนแค่เดินเข้ามาในห้อง
คนรอบข้างก็รู้สึกอยากเยาะเย้ย
เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่าง
กระตุ้นให้คนอยากทำให้เขาเจ็บปวด
📌 นี่อาจเป็น “ผลของกรรม”
ที่ดึงพลังแห่ง “อารมณ์สาธารณะ” ออกมา
ทำให้มวลชนมองไปในทางเดียวกัน
และรู้สึกว่าสมควรที่จะถูกกระทำ
---
📌 หากเห็นใครเป็นเป้าของการถูกแกล้ง ควรทำอย่างไร?
⚠ ระวังตัวเองให้ดี
เพราะ เราอาจกำลังตกเป็น ‘เครื่องมือของกรรมคนอื่น’
⚠ หยุดความคิด ‘คันไม้คันมือ’ อยากแกล้ง
ทุกครั้งที่รู้สึกอยากล้อเลียนใคร
ทุกครั้งที่คิดว่า "ล้อเล่นนิดเดียว ไม่เป็นไรหรอก"
หยุดก่อนแล้วถามตัวเองว่า
“นี่เรากำลังสร้างกรรมใหม่อยู่หรือเปล่า?”
⚠ อย่ามองว่า ‘แกล้งกันสนุก’ เป็นเรื่องปกติ
คนถูกแกล้งอาจไม่ได้ขำไปด้วย
บางทีเขาแค่กลั้นใจยิ้ม แต่ในใจทุกข์มาก
กรรมไม่ได้ดูว่า “เล่นๆ” หรือ “จริงจัง”
กรรมดูที่ “ความรู้สึกของผู้ถูกกระทำ”
---
📌 ใครเคยแกล้งคนอื่นมาก่อน จะหลีกเลี่ยงกรรมร้ายได้ไหม?
ได้ ถ้าเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันนี้
✅ 1. หยุดสร้างกรรมใหม่ทันที
ไม่ซ้ำเติม ไม่แกล้งใครให้ทุกข์ใจ
ไม่หัวเราะเยาะคนที่อับอาย
✅ 2. ชดเชยกรรมเก่าด้วยการให้โอกาสคนอื่น
หากเจอคนที่เคยแกล้งมาก่อน → ยอมรับผิด
หากเห็นใครกำลังถูกกลั่นแกล้ง → ช่วยห้าม
✅ 3. เจริญเมตตา สร้างพลังใจให้ตัวเองและผู้อื่น
กรรมดีสามารถลดแรงกรรมเก่าได้
เมตตาต่อผู้อื่น คือการเมตตาต่ออนาคตของตัวเอง
---
📌 กฎแห่งกรรมไม่เคยผิดพลาด
คนที่เคยแกล้ง → วันหนึ่งต้องถูกแกล้ง
คนที่เคยหัวเราะเยาะ → วันหนึ่งต้องเป็นเป้าหัวเราะเยาะ
คนที่เคยทำให้คนอื่นอับอาย → วันหนึ่งต้องอับอายเอง
แต่หากเราหยุดวงจรนี้ได้
กรรมร้ายจะไม่ส่งต่อมาถึงเรา
“หยุดแกล้งคนอื่น = หยุดกรรมของตัวเอง”
📌 กรรมเก่ากำหนดตัวตนใหม่ และบทบาทในสังคม
คนเราเกิดมาต่างกัน
ไม่ใช่แค่หน้าตา ฐานะ หรือสติปัญญา
แต่ยังรวมถึง “พลังของกรรม”
ที่ส่งผลให้ บางคนเป็นผู้ได้รับการยกย่อง
และ บางคนเป็นเป้าหมายของการถูกแกล้ง
---
📌 ทำไมบางคนเหมือนถูก ‘ชี้เป้า’ ให้โดนแกล้ง?
✔ กรรมเก่าทำให้ดึงดูด ‘ความอยากแกล้ง’ จากคนรอบข้าง
✔ เคยสร้างความอับอายให้คนอื่น → จึงต้องเผชิญความอับอายเอง
✔ เคยทำร้ายใครโดยไม่มีเหตุผล → จึงต้องเจอการถูกทำร้ายแบบไร้เหตุผล
📌 บางคนแค่เดินเข้ามาในห้อง
คนรอบข้างก็รู้สึกอยากเยาะเย้ย
เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่าง
กระตุ้นให้คนอยากทำให้เขาเจ็บปวด
📌 นี่อาจเป็น “ผลของกรรม”
ที่ดึงพลังแห่ง “อารมณ์สาธารณะ” ออกมา
ทำให้มวลชนมองไปในทางเดียวกัน
และรู้สึกว่าสมควรที่จะถูกกระทำ
---
📌 หากเห็นใครเป็นเป้าของการถูกแกล้ง ควรทำอย่างไร?
⚠ ระวังตัวเองให้ดี
เพราะ เราอาจกำลังตกเป็น ‘เครื่องมือของกรรมคนอื่น’
⚠ หยุดความคิด ‘คันไม้คันมือ’ อยากแกล้ง
ทุกครั้งที่รู้สึกอยากล้อเลียนใคร
ทุกครั้งที่คิดว่า "ล้อเล่นนิดเดียว ไม่เป็นไรหรอก"
หยุดก่อนแล้วถามตัวเองว่า
“นี่เรากำลังสร้างกรรมใหม่อยู่หรือเปล่า?”
⚠ อย่ามองว่า ‘แกล้งกันสนุก’ เป็นเรื่องปกติ
คนถูกแกล้งอาจไม่ได้ขำไปด้วย
บางทีเขาแค่กลั้นใจยิ้ม แต่ในใจทุกข์มาก
กรรมไม่ได้ดูว่า “เล่นๆ” หรือ “จริงจัง”
กรรมดูที่ “ความรู้สึกของผู้ถูกกระทำ”
---
📌 ใครเคยแกล้งคนอื่นมาก่อน จะหลีกเลี่ยงกรรมร้ายได้ไหม?
ได้ ถ้าเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันนี้
✅ 1. หยุดสร้างกรรมใหม่ทันที
ไม่ซ้ำเติม ไม่แกล้งใครให้ทุกข์ใจ
ไม่หัวเราะเยาะคนที่อับอาย
✅ 2. ชดเชยกรรมเก่าด้วยการให้โอกาสคนอื่น
หากเจอคนที่เคยแกล้งมาก่อน → ยอมรับผิด
หากเห็นใครกำลังถูกกลั่นแกล้ง → ช่วยห้าม
✅ 3. เจริญเมตตา สร้างพลังใจให้ตัวเองและผู้อื่น
กรรมดีสามารถลดแรงกรรมเก่าได้
เมตตาต่อผู้อื่น คือการเมตตาต่ออนาคตของตัวเอง
---
📌 กฎแห่งกรรมไม่เคยผิดพลาด
คนที่เคยแกล้ง → วันหนึ่งต้องถูกแกล้ง
คนที่เคยหัวเราะเยาะ → วันหนึ่งต้องเป็นเป้าหัวเราะเยาะ
คนที่เคยทำให้คนอื่นอับอาย → วันหนึ่งต้องอับอายเอง
แต่หากเราหยุดวงจรนี้ได้
กรรมร้ายจะไม่ส่งต่อมาถึงเรา
“หยุดแกล้งคนอื่น = หยุดกรรมของตัวเอง”
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
20 มุมมอง
0 รีวิว