สินค้าเกี่ยวกับการป้องกันดูแลสุขภาพของ Gen X
อัปเดตล่าสุด
- ♥️To Gen-Y and Gen -X♥️
👉“เหวี่ยงง่าย หงุดหงิดหนัก อารมณ์แปรปรวน…ผู้หญิงหลายคนไม่รู้ว่าฮอร์โมนกำลังจะพัง!”
😡คุณเคยไหมครับ…
ตื่นเช้ามาแบบยังไม่ทันมีใครทำอะไร ก็รู้สึกหงุดหงิด
ขับรถอยู่ก็รู้สึกอยากตะโกนใส่ทุกคันที่แทรกหน้า
หรือบางวันอยู่ดีๆ ก็ร้องไห้โดยไม่มีเหตุผล
บางครั้งก็รู้สึกผิดที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
ทั้งที่ใจลึกๆ ก็รู้ว่า “เราไม่ได้อยากเหวี่ยงใคร”
แต่มันก็ยั้งไม่อยู่จริงๆ
👉และเมื่ออาการแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ
หลายคนกลับคิดว่า…
“เป็นเพราะฉันเครียดมั้ง”
“แค่เหนื่อยเฉยๆ เดี๋ยวก็หาย”
แต่ความจริงคือ มันไม่หายครับ ถ้าต้นเหตุมันยังอยู่
🟢 ผู้หญิงวัย 40+ กับคลื่นอารมณ์ที่ไม่ได้เกิดจากใจ แต่เกิดจาก “ฮอร์โมน”
🟢 เมื่อร่างกายเริ่มก้าวเข้าสู่ช่วงก่อนวัยหมดประจำเดือน (Perimenopause)
ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะเริ่มลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
แต่ที่สำคัญคือ ฮอร์โมนจะ “แปรปรวน” มากกว่า “ลดลงเฉยๆ”
ซึ่งทำให้สมองและระบบประสาทรับผลกระทบโดยตรง
✨️งานวิจัยจาก Harvard Medical School ระบุว่า
“ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีผลโดยตรงต่อสมองส่วนควบคุมอารมณ์ ความทรงจำ และสมาธิ”
เมื่อฮอร์โมนนี้ไม่สมดุล จะทำให้เกิดอาการอารมณ์แปรปรวนแบบฉับพลัน เหวี่ยงง่าย และรู้สึกไม่มั่นคงทางใจได้โดยไม่รู้ตัว
❓️ทำไมผู้หญิงวัย 40+ ถึงอารมณ์แกว่งได้ง่ายกว่าที่คิด?
1. ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงเร็ว → สมองไวต่อความเครียด
2. การหลับไม่ลึก → ฮอร์โมนความสุขหลั่งไม่พอ
3. ระบบเผาผลาญช้าลง → ร่างกายรู้สึกหนัก เหนื่อยง่าย → หงุดหงิด
4. โภชนาการที่ไม่สมดุล → ขาดกรดไขมันดีและแมกนีเซียมที่ช่วยปรับสมดุลอารมณ์
🟢ไม่ใช่ป่วยทางจิต ไม่ใช่เป็นอะไรผิดปกติ แค่ร่างกายส่งสัญญาณว่า “ฉันกำลังต้องการความเข้าใจ”
การเข้าใจอาการอารมณ์แปรปรวน ไม่ใช่การ “ปล่อยผ่าน”
แต่คือการ “ฟังร่างกายอย่างเข้าใจ”
และเลือกดูแลตัวเองแบบไม่ต้องรู้สึกผิด
🎯 5 เทคนิคง่ายๆ ปรับสมดุลอารมณ์ในวัย 40+
1. งดน้ำตาล & คาเฟอีนช่วงบ่ายถึงค่ำ
น้ำตาลและกาแฟทำให้ฮอร์โมน Cortisol พุ่งสูงในช่วงที่ควรจะลดลง ส่งผลให้สมองตึง อารมณ์พุ่ง
2. กินอาหารไขมันดี & แมกนีเซียมสูง
อะโวคาโด, เมล็ดแฟลกซ์, ปลาแซลมอน, ผักใบเขียว ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง และลดอาการซึมเศร้า
3. เดินกลางแดดเช้าอย่างน้อย 10 นาที/วัน
แสงแดดกระตุ้นเซโรโทนิน ฮอร์โมนแห่งความสุข และช่วยให้นอนหลับลึกขึ้นตอนกลางคืน
4. ฝึกหายใจลึก (Deep Breathing)
ใช้เวลา 5 นาที/วัน หายใจเข้า 4 วินาที กลั้น 4 วินาที และออก 6 วินาที
ช่วยให้ระบบประสาทผ่อนคลาย ลดความเหวี่ยงได้จริง
5. ฝึกขอบคุณเล็กๆ ก่อนนอน
เขียน 3 สิ่งที่รู้สึกขอบคุณในแต่ละวัน
จะช่วยปรับคลื่นสมองให้สงบและทำให้ตื่นเช้ามาด้วยอารมณ์ที่สดใสขึ้น
♥️สรุป
ถ้าท่านรู้สึกว่าอารมณ์ตัวเองไม่มั่นคงในช่วงวัย 40+
อย่าเพิ่งโทษตัวเองว่าใจไม่แข็ง หรือว่าเป็นคนไม่ดี
เพราะความจริง…ท่านแค่ต้องการ “การดูแลจากภายใน”
ฮอร์โมนที่แปรปรวน คือธรรมชาติของร่างกาย
แต่เราสามารถอยู่ร่วมกับมันได้ ด้วยความเข้าใจและความรักตัวเองอย่างถูกวิธี
ดูแลหัวใจให้ดี แล้วใจจะดูแลเราตอบแทนกลับมาเสมอครับ♥️To Gen-Y and Gen -X♥️ 👉“เหวี่ยงง่าย หงุดหงิดหนัก อารมณ์แปรปรวน…ผู้หญิงหลายคนไม่รู้ว่าฮอร์โมนกำลังจะพัง!” 😡คุณเคยไหมครับ… ตื่นเช้ามาแบบยังไม่ทันมีใครทำอะไร ก็รู้สึกหงุดหงิด ขับรถอยู่ก็รู้สึกอยากตะโกนใส่ทุกคันที่แทรกหน้า หรือบางวันอยู่ดีๆ ก็ร้องไห้โดยไม่มีเหตุผล บางครั้งก็รู้สึกผิดที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ทั้งที่ใจลึกๆ ก็รู้ว่า “เราไม่ได้อยากเหวี่ยงใคร” แต่มันก็ยั้งไม่อยู่จริงๆ 👉และเมื่ออาการแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ หลายคนกลับคิดว่า… “เป็นเพราะฉันเครียดมั้ง” “แค่เหนื่อยเฉยๆ เดี๋ยวก็หาย” แต่ความจริงคือ มันไม่หายครับ ถ้าต้นเหตุมันยังอยู่ 🟢 ผู้หญิงวัย 40+ กับคลื่นอารมณ์ที่ไม่ได้เกิดจากใจ แต่เกิดจาก “ฮอร์โมน” 🟢 เมื่อร่างกายเริ่มก้าวเข้าสู่ช่วงก่อนวัยหมดประจำเดือน (Perimenopause) ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะเริ่มลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ที่สำคัญคือ ฮอร์โมนจะ “แปรปรวน” มากกว่า “ลดลงเฉยๆ” ซึ่งทำให้สมองและระบบประสาทรับผลกระทบโดยตรง ✨️งานวิจัยจาก Harvard Medical School ระบุว่า “ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีผลโดยตรงต่อสมองส่วนควบคุมอารมณ์ ความทรงจำ และสมาธิ” เมื่อฮอร์โมนนี้ไม่สมดุล จะทำให้เกิดอาการอารมณ์แปรปรวนแบบฉับพลัน เหวี่ยงง่าย และรู้สึกไม่มั่นคงทางใจได้โดยไม่รู้ตัว ❓️ทำไมผู้หญิงวัย 40+ ถึงอารมณ์แกว่งได้ง่ายกว่าที่คิด? 1. ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงเร็ว → สมองไวต่อความเครียด 2. การหลับไม่ลึก → ฮอร์โมนความสุขหลั่งไม่พอ 3. ระบบเผาผลาญช้าลง → ร่างกายรู้สึกหนัก เหนื่อยง่าย → หงุดหงิด 4. โภชนาการที่ไม่สมดุล → ขาดกรดไขมันดีและแมกนีเซียมที่ช่วยปรับสมดุลอารมณ์ 🟢ไม่ใช่ป่วยทางจิต ไม่ใช่เป็นอะไรผิดปกติ แค่ร่างกายส่งสัญญาณว่า “ฉันกำลังต้องการความเข้าใจ” การเข้าใจอาการอารมณ์แปรปรวน ไม่ใช่การ “ปล่อยผ่าน” แต่คือการ “ฟังร่างกายอย่างเข้าใจ” และเลือกดูแลตัวเองแบบไม่ต้องรู้สึกผิด 🎯 5 เทคนิคง่ายๆ ปรับสมดุลอารมณ์ในวัย 40+ 1. งดน้ำตาล & คาเฟอีนช่วงบ่ายถึงค่ำ น้ำตาลและกาแฟทำให้ฮอร์โมน Cortisol พุ่งสูงในช่วงที่ควรจะลดลง ส่งผลให้สมองตึง อารมณ์พุ่ง 2. กินอาหารไขมันดี & แมกนีเซียมสูง อะโวคาโด, เมล็ดแฟลกซ์, ปลาแซลมอน, ผักใบเขียว ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง และลดอาการซึมเศร้า 3. เดินกลางแดดเช้าอย่างน้อย 10 นาที/วัน แสงแดดกระตุ้นเซโรโทนิน ฮอร์โมนแห่งความสุข และช่วยให้นอนหลับลึกขึ้นตอนกลางคืน 4. ฝึกหายใจลึก (Deep Breathing) ใช้เวลา 5 นาที/วัน หายใจเข้า 4 วินาที กลั้น 4 วินาที และออก 6 วินาที ช่วยให้ระบบประสาทผ่อนคลาย ลดความเหวี่ยงได้จริง 5. ฝึกขอบคุณเล็กๆ ก่อนนอน เขียน 3 สิ่งที่รู้สึกขอบคุณในแต่ละวัน จะช่วยปรับคลื่นสมองให้สงบและทำให้ตื่นเช้ามาด้วยอารมณ์ที่สดใสขึ้น ♥️สรุป ถ้าท่านรู้สึกว่าอารมณ์ตัวเองไม่มั่นคงในช่วงวัย 40+ อย่าเพิ่งโทษตัวเองว่าใจไม่แข็ง หรือว่าเป็นคนไม่ดี เพราะความจริง…ท่านแค่ต้องการ “การดูแลจากภายใน” ฮอร์โมนที่แปรปรวน คือธรรมชาติของร่างกาย แต่เราสามารถอยู่ร่วมกับมันได้ ด้วยความเข้าใจและความรักตัวเองอย่างถูกวิธี ดูแลหัวใจให้ดี แล้วใจจะดูแลเราตอบแทนกลับมาเสมอครับ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิวกรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อกดถูกใจ แชร์ และแสดงความคิดเห็น! - ♥️To Gen-Xสิ่งที่ควรรู้♥️
👉“ร้อนวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออกตอนกลางคืน ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่มันคือสัญญาณร่างกายกำลัง SOS”
👇คุณเคยมีอาการแบบนี้บ้างไหม?
• อยู่ดีๆ ก็ร้อนวูบวาบ เหงื่อแตกเฉยๆ
• กลางดึกตื่นมาทั้งที่เปิดแอร์ แต่เสื้อเปียกเหงื่อ
• ใจสั่นแบบไม่มีเหตุผล ทั้งที่ไม่ได้ดื่มกาแฟ
• หรือรู้สึกเหมือนจะวูบ ทั้งที่นั่งเฉยๆ
ถ้าเคย นั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญครับ
แต่มันคือ “เสียงเตือนจากฮอร์โมน” ที่กำลังแปรปรวน
👉อะไร❓️ทำให้เกิดอาการวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออก
👉ผู้หญิงวัย 40+ จะเริ่มมีการลดลงของ “เอสโตรเจน” และ “โปรเจสเตอโรน”
ซึ่งเป็นฮอร์โมนหลักที่ควบคุมระบบประสาท อุณหภูมิ และอารมณ์
เมื่อฮอร์โมน 2 ตัวนี้ไม่สมดุลกัน จะทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า…
Vasomotor Symptoms
= ความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ ส่งผลให้หลอดเลือดขยายผิดปกติ จึงเกิด “ร้อนวูบวาบ เหงื่อออก ใจสั่น” โดยไม่รู้ตัว
ฮอร์โมนที่ลดลงยังส่งผลให้ร่างกาย
• เสียสมดุลการควบคุมอุณหภูมิ
• ระบบเผาผลาญรวน
• ความดันผันผวน → ใจสั่น หวิว
👉และถ้าคุณมีภาวะเครียดสะสม❌️ นอนไม่พอ หรือกินน้ำตาลเยอะ
อาการพวกนี้จะชัดเจนและถี่ขึ้นเรื่อยๆ นี่คือ👉สัญญาณที่ร่างกายบอกว่า ฉันกำลังเสียสมดุล
👉อาการร้อนวูบวาบเจอสั่น
👉 เหงื่อออกตอนกลางคืน อาจไม่ได้แสดง อันตรายทันที แต่ถ้าปล่อยไว้มันจะเป็น😡"ภาวะเรื้อรัง" ที่ทำให้ชีวิตไม่มีความสุข และในระยะยาว มันเกี่ยวข้องกับหัวใจความดันมะเร็ง ✴️และความเสื่อมของระบบประสาทแบบที่หลายคนไม่เคยรู้
✴️5 วิธีลดอาการวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออกแบบธรรมชาติ
1. งดแอลกอฮอล์ น้ำตาล และคาเฟอีนช่วงเย็น
• เพราะทั้งหมดนี้กระตุ้นหลอดเลือดให้ขยายเร็วขึ้น
• ทำให้เกิดอาการร้อนวูบวาบง่ายและหลับไม่ลึก
2. ทำ IF (Intermittent Fasting) แบบค่อยเป็นค่อยไป
• ลดการอักเสบภายใน
• ปรับสมดุลน้ำตาล → ลดภาวะใจสั่น
• ช่วยให้ร่างกายไม่หลั่งอินซูลินเกินจำเป็นตอนกลางคืน
3. ฝึกหายใจช้าๆ วันละ 5-10 นาที
• ช่วยปรับระบบประสาทอัตโนมัติให้สมดุล
• ลดความตื่นตัวของร่างกาย → ลดโอกาสวูบวาบใจสั่น
4. กินไขมันดีเสริมฮอร์โมน
• เช่น อะโวคาโด น้ำมันมะกอก เมล็ดแฟลกซ์
• ไขมันดี = วัตถุดิบในการสร้างฮอร์โมน
• ช่วยให้ฮอร์โมนไม่แปรปรวนเร็วเกินไป
5. แช่เท้าในน้ำอุ่นก่อนนอน
• เป็นการกระจายความร้อนจากส่วนบนของร่างกาย
• ลดอาการเหงื่อออกตอนกลางคืนได้ดีมาก♥️To Gen-Xสิ่งที่ควรรู้♥️ 👉“ร้อนวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออกตอนกลางคืน ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่มันคือสัญญาณร่างกายกำลัง SOS” 👇คุณเคยมีอาการแบบนี้บ้างไหม? • อยู่ดีๆ ก็ร้อนวูบวาบ เหงื่อแตกเฉยๆ • กลางดึกตื่นมาทั้งที่เปิดแอร์ แต่เสื้อเปียกเหงื่อ • ใจสั่นแบบไม่มีเหตุผล ทั้งที่ไม่ได้ดื่มกาแฟ • หรือรู้สึกเหมือนจะวูบ ทั้งที่นั่งเฉยๆ ถ้าเคย นั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญครับ แต่มันคือ “เสียงเตือนจากฮอร์โมน” ที่กำลังแปรปรวน 👉อะไร❓️ทำให้เกิดอาการวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออก 👉ผู้หญิงวัย 40+ จะเริ่มมีการลดลงของ “เอสโตรเจน” และ “โปรเจสเตอโรน” ซึ่งเป็นฮอร์โมนหลักที่ควบคุมระบบประสาท อุณหภูมิ และอารมณ์ เมื่อฮอร์โมน 2 ตัวนี้ไม่สมดุลกัน จะทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า… Vasomotor Symptoms = ความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ ส่งผลให้หลอดเลือดขยายผิดปกติ จึงเกิด “ร้อนวูบวาบ เหงื่อออก ใจสั่น” โดยไม่รู้ตัว ฮอร์โมนที่ลดลงยังส่งผลให้ร่างกาย • เสียสมดุลการควบคุมอุณหภูมิ • ระบบเผาผลาญรวน • ความดันผันผวน → ใจสั่น หวิว 👉และถ้าคุณมีภาวะเครียดสะสม❌️ นอนไม่พอ หรือกินน้ำตาลเยอะ อาการพวกนี้จะชัดเจนและถี่ขึ้นเรื่อยๆ นี่คือ👉สัญญาณที่ร่างกายบอกว่า ฉันกำลังเสียสมดุล 👉อาการร้อนวูบวาบเจอสั่น 👉 เหงื่อออกตอนกลางคืน อาจไม่ได้แสดง อันตรายทันที แต่ถ้าปล่อยไว้มันจะเป็น😡"ภาวะเรื้อรัง" ที่ทำให้ชีวิตไม่มีความสุข และในระยะยาว มันเกี่ยวข้องกับหัวใจความดันมะเร็ง ✴️และความเสื่อมของระบบประสาทแบบที่หลายคนไม่เคยรู้ ✴️5 วิธีลดอาการวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออกแบบธรรมชาติ 1. งดแอลกอฮอล์ น้ำตาล และคาเฟอีนช่วงเย็น • เพราะทั้งหมดนี้กระตุ้นหลอดเลือดให้ขยายเร็วขึ้น • ทำให้เกิดอาการร้อนวูบวาบง่ายและหลับไม่ลึก 2. ทำ IF (Intermittent Fasting) แบบค่อยเป็นค่อยไป • ลดการอักเสบภายใน • ปรับสมดุลน้ำตาล → ลดภาวะใจสั่น • ช่วยให้ร่างกายไม่หลั่งอินซูลินเกินจำเป็นตอนกลางคืน 3. ฝึกหายใจช้าๆ วันละ 5-10 นาที • ช่วยปรับระบบประสาทอัตโนมัติให้สมดุล • ลดความตื่นตัวของร่างกาย → ลดโอกาสวูบวาบใจสั่น 4. กินไขมันดีเสริมฮอร์โมน • เช่น อะโวคาโด น้ำมันมะกอก เมล็ดแฟลกซ์ • ไขมันดี = วัตถุดิบในการสร้างฮอร์โมน • ช่วยให้ฮอร์โมนไม่แปรปรวนเร็วเกินไป 5. แช่เท้าในน้ำอุ่นก่อนนอน • เป็นการกระจายความร้อนจากส่วนบนของร่างกาย • ลดอาการเหงื่อออกตอนกลางคืนได้ดีมาก0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว - 🙄“ร้อนวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออกตอนกลางคืน ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่มันคือสัญญาณร่างกายกำลัง SOS”
👉คุณเคยมีอาการแบบนี้บ้างไหม❓️
• อยู่ดีๆ ก็ร้อนวูบวาบ เหงื่อแตกเฉยๆ
• กลางดึกตื่นมาทั้งที่เปิดแอร์ แต่เสื้อเปียกเหงื่อ
• ใจสั่นแบบไม่มีเหตุผล ทั้งที่ไม่ได้ดื่มกาแฟ
• หรือรู้สึกเหมือนจะวูบ ทั้งที่นั่งเฉยๆ
ถ้าเคย นั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญครับ
แต่มันคือ “เสียงเตือนจากฮอร์โมน” ที่กำลังแปรปรวน
📌อะไร❓️ทำให้เกิดอาการวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออก?
ผู้หญิงวัย 40+ จะเริ่มมีการลดลงของ “เอสโตรเจน” และ “โปรเจสเตอโรน”
ซึ่งเป็นฮอร์โมนหลักที่ควบคุมระบบประสาท อุณหภูมิ และอารมณ์
เมื่อฮอร์โมน 2 ตัวนี้ไม่สมดุลกัน จะทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า…
Vasomotor Symptoms
= ความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ ส่งผลให้หลอดเลือดขยายผิดปกติ จึงเกิด “ร้อนวูบวาบ เหงื่อออก ใจสั่น” โดยไม่รู้ตัว
ฮอร์โมนที่ลดลงยังส่งผลให้ร่างกาย
• เสียสมดุลการควบคุมอุณหภูมิ
• ระบบเผาผลาญรวน
• ความดันผันผวน → ใจสั่น หวิว
และถ้าคุณมีภาวะเครียดสะสม นอนไม่พอ หรือกินน้ำตาลเยอะ
อาการพวกนี้จะชัดเจนและถี่ขึ้นเรื่อยๆ
✴️ 5 วิธีลดอาการวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออกแบบธรรมชาติ
1. งดแอลกอฮอล์ น้ำตาล และคาเฟอีนช่วงเย็น
• เพราะทั้งหมดนี้กระตุ้นหลอดเลือดให้ขยายเร็วขึ้น
• ทำให้เกิดอาการร้อนวูบวาบง่ายและหลับไม่ลึก
2. ทำ IF (Intermittent Fasting) แบบค่อยเป็นค่อยไป
• ลดการอักเสบภายใน
• ปรับสมดุลน้ำตาล → ลดภาวะใจสั่น
• ช่วยให้ร่างกายไม่หลั่งอินซูลินเกินจำเป็นตอนกลางคืน
3. ฝึกหายใจช้าๆ วันละ 5-10 นาที
• ช่วยปรับระบบประสาทอัตโนมัติให้สมดุล
• ลดความตื่นตัวของร่างกาย → ลดโอกาสวูบวาบใจสั่น
4. กินไขมันดีเสริมฮอร์โมน
• เช่น อะโวคาโด น้ำมันมะกอก เมล็ดแฟลกซ์
• ไขมันดี = วัตถุดิบในการสร้างฮอร์โมน
• ช่วยให้ฮอร์โมนไม่แปรปรวนเร็วเกินไป
5. แช่เท้าในน้ำอุ่นก่อนนอน
• เป็นการกระจายความร้อนจากส่วนบนของร่างกาย
• ลดอาการเหงื่อออกตอนกลางคืนได้ดีมาก
👉นี่คือสัญญาณที่ร่างกายบอกว่า “ฉันกำลังเสียสมดุล”
อาการร้อนวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออกตอนกลางคืน
อาจไม่ได้แสดงอันตรายทันที
แต่ถ้าปล่อยไว้ มันจะเป็น “ภาวะเรื้อรัง” ที่ทำให้ชีวิตไม่มีความสุข
และในระยะยาว…
มันเกี่ยวข้องกับ “หัวใจ ความดัน มะเร็ง และความเสื่อมของระบบประสาท” แบบที่หลายคนไม่เคยรู้
🙄“ร้อนวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออกตอนกลางคืน ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่มันคือสัญญาณร่างกายกำลัง SOS” 👉คุณเคยมีอาการแบบนี้บ้างไหม❓️ • อยู่ดีๆ ก็ร้อนวูบวาบ เหงื่อแตกเฉยๆ • กลางดึกตื่นมาทั้งที่เปิดแอร์ แต่เสื้อเปียกเหงื่อ • ใจสั่นแบบไม่มีเหตุผล ทั้งที่ไม่ได้ดื่มกาแฟ • หรือรู้สึกเหมือนจะวูบ ทั้งที่นั่งเฉยๆ ถ้าเคย นั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญครับ แต่มันคือ “เสียงเตือนจากฮอร์โมน” ที่กำลังแปรปรวน 📌อะไร❓️ทำให้เกิดอาการวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออก? ผู้หญิงวัย 40+ จะเริ่มมีการลดลงของ “เอสโตรเจน” และ “โปรเจสเตอโรน” ซึ่งเป็นฮอร์โมนหลักที่ควบคุมระบบประสาท อุณหภูมิ และอารมณ์ เมื่อฮอร์โมน 2 ตัวนี้ไม่สมดุลกัน จะทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า… Vasomotor Symptoms = ความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ ส่งผลให้หลอดเลือดขยายผิดปกติ จึงเกิด “ร้อนวูบวาบ เหงื่อออก ใจสั่น” โดยไม่รู้ตัว ฮอร์โมนที่ลดลงยังส่งผลให้ร่างกาย • เสียสมดุลการควบคุมอุณหภูมิ • ระบบเผาผลาญรวน • ความดันผันผวน → ใจสั่น หวิว และถ้าคุณมีภาวะเครียดสะสม นอนไม่พอ หรือกินน้ำตาลเยอะ อาการพวกนี้จะชัดเจนและถี่ขึ้นเรื่อยๆ ✴️ 5 วิธีลดอาการวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออกแบบธรรมชาติ 1. งดแอลกอฮอล์ น้ำตาล และคาเฟอีนช่วงเย็น • เพราะทั้งหมดนี้กระตุ้นหลอดเลือดให้ขยายเร็วขึ้น • ทำให้เกิดอาการร้อนวูบวาบง่ายและหลับไม่ลึก 2. ทำ IF (Intermittent Fasting) แบบค่อยเป็นค่อยไป • ลดการอักเสบภายใน • ปรับสมดุลน้ำตาล → ลดภาวะใจสั่น • ช่วยให้ร่างกายไม่หลั่งอินซูลินเกินจำเป็นตอนกลางคืน 3. ฝึกหายใจช้าๆ วันละ 5-10 นาที • ช่วยปรับระบบประสาทอัตโนมัติให้สมดุล • ลดความตื่นตัวของร่างกาย → ลดโอกาสวูบวาบใจสั่น 4. กินไขมันดีเสริมฮอร์โมน • เช่น อะโวคาโด น้ำมันมะกอก เมล็ดแฟลกซ์ • ไขมันดี = วัตถุดิบในการสร้างฮอร์โมน • ช่วยให้ฮอร์โมนไม่แปรปรวนเร็วเกินไป 5. แช่เท้าในน้ำอุ่นก่อนนอน • เป็นการกระจายความร้อนจากส่วนบนของร่างกาย • ลดอาการเหงื่อออกตอนกลางคืนได้ดีมาก 👉นี่คือสัญญาณที่ร่างกายบอกว่า “ฉันกำลังเสียสมดุล” อาการร้อนวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออกตอนกลางคืน อาจไม่ได้แสดงอันตรายทันที แต่ถ้าปล่อยไว้ มันจะเป็น “ภาวะเรื้อรัง” ที่ทำให้ชีวิตไม่มีความสุข และในระยะยาว… มันเกี่ยวข้องกับ “หัวใจ ความดัน มะเร็ง และความเสื่อมของระบบประสาท” แบบที่หลายคนไม่เคยรู้0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว - 😡❓️ “เหวี่ยงง่าย หงุดหงิดหนัก อารมณ์แปรปรวน…ผู้หญิงหลายคนไม่รู้ว่าฮอร์โมนกำลังจะพัง!”
😡คุณเคยไหมครับ…
ตื่นเช้ามาแบบยังไม่ทันมีใครทำอะไร ก็รู้สึกหงุดหงิด
ขับรถอยู่ก็รู้สึกอยากตะโกนใส่ทุกคันที่แทรกหน้า
หรือบางวันอยู่ดีๆ ก็ร้องไห้โดยไม่มีเหตุผล
👉บางครั้งก็รู้สึกผิดที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
ทั้งที่ใจลึกๆ ก็รู้ว่า “เราไม่ได้อยากเหวี่ยงใคร”
แต่มันก็ยั้งไม่อยู่จริงๆ
และเมื่ออาการแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ
หลายคนกลับคิดว่า…
“เป็นเพราะฉันเครียดมั้ง”
“แค่เหนื่อยเฉยๆ เดี๋ยวก็หาย”
แต่ความจริงคือ มันไม่หายครับ ถ้าต้นเหตุมันยังอยู่
✴️ผู้หญิงวัย 40+ กับคลื่นอารมณ์ที่ไม่ได้เกิดจากใจ แต่เกิดจาก “ฮอร์โมน”
เมื่อร่างกายเริ่มก้าวเข้าสู่ช่วงก่อนวัยหมดประจำเดือน (Perimenopause)
ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะเริ่มลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
แต่ที่สำคัญคือ ฮอร์โมนจะ “แปรปรวน” มากกว่า “ลดลงเฉยๆ”
ซึ่งทำให้สมองและระบบประสาทรับผลกระทบโดยตรง
👉งานวิจัยจาก Harvard Medical School ระบุว่า
“ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีผลโดยตรงต่อสมองส่วนควบคุมอารมณ์ ความทรงจำ และสมาธิ”
เมื่อฮอร์โมนนี้ไม่สมดุล จะทำให้เกิดอาการอารมณ์แปรปรวนแบบฉับพลัน เหวี่ยงง่าย และรู้สึกไม่มั่นคงทางใจได้โดยไม่รู้ตัว
❓️ทำไมผู้หญิงวัย 40+ ถึงอารมณ์แกว่งได้ง่ายกว่าที่คิด?
1. ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงเร็ว → สมองไวต่อความเครียด
2. การหลับไม่ลึก → ฮอร์โมนความสุขหลั่งไม่พอ
3. ระบบเผาผลาญช้าลง → ร่างกายรู้สึกหนัก เหนื่อยง่าย → หงุดหงิด
4. โภชนาการที่ไม่สมดุล → ขาดกรดไขมันดีและแมกนีเซียมที่ช่วยปรับสมดุลอารมณ์
ไม่ใช่ป่วยทางจิต ไม่ใช่เป็นอะไรผิดปกติ แค่ร่างกายส่งสัญญาณว่า “ฉันกำลังต้องการความเข้าใจ”
การเข้าใจอาการอารมณ์แปรปรวน ไม่ใช่การ “ปล่อยผ่าน”
แต่คือการ “ฟังร่างกายอย่างเข้าใจ”
และเลือกดูแลตัวเองแบบไม่ต้องรู้สึกผิด
✴️✴️5 เทคนิคง่ายๆ ปรับสมดุลอารมณ์ในวัย 40+
1. งดน้ำตาล & คาเฟอีนช่วงบ่ายถึงค่ำ
น้ำตาลและกาแฟทำให้ฮอร์โมน Cortisol พุ่งสูงในช่วงที่ควรจะลดลง ส่งผลให้สมองตึง อารมณ์พุ่ง
2. กินอาหารไขมันดี & แมกนีเซียมสูง
อะโวคาโด, เมล็ดแฟลกซ์, ปลาแซลมอน, ผักใบเขียว ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง และลดอาการซึมเศร้า
3. เดินกลางแดดเช้าอย่างน้อย 10 นาที/วัน
แสงแดดกระตุ้นเซโรโทนิน ฮอร์โมนแห่งความสุข และช่วยให้นอนหลับลึกขึ้นตอนกลางคืน
4. ฝึกหายใจลึก (Deep Breathing)
ใช้เวลา 5 นาที/วัน หายใจเข้า 4 วินาที กลั้น 4 วินาที และออก 6 วินาที
ช่วยให้ระบบประสาทผ่อนคลาย ลดความเหวี่ยงได้จริง
5. ฝึกขอบคุณเล็กๆ ก่อนนอน
👉เขียน 3 สิ่งที่รู้สึกขอบคุณในแต่ละวัน
จะช่วยปรับคลื่นสมองให้สงบและทำให้ตื่นเช้ามาด้วยอารมณ์ที่สดใสขึ้น
✴️สรุป
ถ้าท่านรู้สึกว่าอารมณ์ตัวเองไม่มั่นคงในช่วงวัย 40+
อย่าเพิ่งโทษตัวเองว่าใจไม่แข็ง หรือว่าเป็นคนไม่ดี
เพราะความจริง…ท่านแค่ต้องการ “การดูแลจากภายใน”
👉ฮอร์โมนที่แปรปรวน คือธรรมชาติของร่างกาย
แต่เราสามารถอยู่ร่วมกับมันได้ ด้วยความเข้าใจและความรักตัวเองอย่างถูกวิธี
❤️ดูแลหัวใจให้ดี แล้วใจจะดูแลเราตอบแทนกลับมาเสมอครับ
😡❓️ “เหวี่ยงง่าย หงุดหงิดหนัก อารมณ์แปรปรวน…ผู้หญิงหลายคนไม่รู้ว่าฮอร์โมนกำลังจะพัง!” 😡คุณเคยไหมครับ… ตื่นเช้ามาแบบยังไม่ทันมีใครทำอะไร ก็รู้สึกหงุดหงิด ขับรถอยู่ก็รู้สึกอยากตะโกนใส่ทุกคันที่แทรกหน้า หรือบางวันอยู่ดีๆ ก็ร้องไห้โดยไม่มีเหตุผล 👉บางครั้งก็รู้สึกผิดที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ทั้งที่ใจลึกๆ ก็รู้ว่า “เราไม่ได้อยากเหวี่ยงใคร” แต่มันก็ยั้งไม่อยู่จริงๆ และเมื่ออาการแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ หลายคนกลับคิดว่า… “เป็นเพราะฉันเครียดมั้ง” “แค่เหนื่อยเฉยๆ เดี๋ยวก็หาย” แต่ความจริงคือ มันไม่หายครับ ถ้าต้นเหตุมันยังอยู่ ✴️ผู้หญิงวัย 40+ กับคลื่นอารมณ์ที่ไม่ได้เกิดจากใจ แต่เกิดจาก “ฮอร์โมน” เมื่อร่างกายเริ่มก้าวเข้าสู่ช่วงก่อนวัยหมดประจำเดือน (Perimenopause) ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะเริ่มลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ที่สำคัญคือ ฮอร์โมนจะ “แปรปรวน” มากกว่า “ลดลงเฉยๆ” ซึ่งทำให้สมองและระบบประสาทรับผลกระทบโดยตรง 👉งานวิจัยจาก Harvard Medical School ระบุว่า “ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีผลโดยตรงต่อสมองส่วนควบคุมอารมณ์ ความทรงจำ และสมาธิ” เมื่อฮอร์โมนนี้ไม่สมดุล จะทำให้เกิดอาการอารมณ์แปรปรวนแบบฉับพลัน เหวี่ยงง่าย และรู้สึกไม่มั่นคงทางใจได้โดยไม่รู้ตัว ❓️ทำไมผู้หญิงวัย 40+ ถึงอารมณ์แกว่งได้ง่ายกว่าที่คิด? 1. ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงเร็ว → สมองไวต่อความเครียด 2. การหลับไม่ลึก → ฮอร์โมนความสุขหลั่งไม่พอ 3. ระบบเผาผลาญช้าลง → ร่างกายรู้สึกหนัก เหนื่อยง่าย → หงุดหงิด 4. โภชนาการที่ไม่สมดุล → ขาดกรดไขมันดีและแมกนีเซียมที่ช่วยปรับสมดุลอารมณ์ ไม่ใช่ป่วยทางจิต ไม่ใช่เป็นอะไรผิดปกติ แค่ร่างกายส่งสัญญาณว่า “ฉันกำลังต้องการความเข้าใจ” การเข้าใจอาการอารมณ์แปรปรวน ไม่ใช่การ “ปล่อยผ่าน” แต่คือการ “ฟังร่างกายอย่างเข้าใจ” และเลือกดูแลตัวเองแบบไม่ต้องรู้สึกผิด ✴️✴️5 เทคนิคง่ายๆ ปรับสมดุลอารมณ์ในวัย 40+ 1. งดน้ำตาล & คาเฟอีนช่วงบ่ายถึงค่ำ น้ำตาลและกาแฟทำให้ฮอร์โมน Cortisol พุ่งสูงในช่วงที่ควรจะลดลง ส่งผลให้สมองตึง อารมณ์พุ่ง 2. กินอาหารไขมันดี & แมกนีเซียมสูง อะโวคาโด, เมล็ดแฟลกซ์, ปลาแซลมอน, ผักใบเขียว ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง และลดอาการซึมเศร้า 3. เดินกลางแดดเช้าอย่างน้อย 10 นาที/วัน แสงแดดกระตุ้นเซโรโทนิน ฮอร์โมนแห่งความสุข และช่วยให้นอนหลับลึกขึ้นตอนกลางคืน 4. ฝึกหายใจลึก (Deep Breathing) ใช้เวลา 5 นาที/วัน หายใจเข้า 4 วินาที กลั้น 4 วินาที และออก 6 วินาที ช่วยให้ระบบประสาทผ่อนคลาย ลดความเหวี่ยงได้จริง 5. ฝึกขอบคุณเล็กๆ ก่อนนอน 👉เขียน 3 สิ่งที่รู้สึกขอบคุณในแต่ละวัน จะช่วยปรับคลื่นสมองให้สงบและทำให้ตื่นเช้ามาด้วยอารมณ์ที่สดใสขึ้น ✴️สรุป ถ้าท่านรู้สึกว่าอารมณ์ตัวเองไม่มั่นคงในช่วงวัย 40+ อย่าเพิ่งโทษตัวเองว่าใจไม่แข็ง หรือว่าเป็นคนไม่ดี เพราะความจริง…ท่านแค่ต้องการ “การดูแลจากภายใน” 👉ฮอร์โมนที่แปรปรวน คือธรรมชาติของร่างกาย แต่เราสามารถอยู่ร่วมกับมันได้ ด้วยความเข้าใจและความรักตัวเองอย่างถูกวิธี ❤️ดูแลหัวใจให้ดี แล้วใจจะดูแลเราตอบแทนกลับมาเสมอครับ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว - 💔 นอนไม่หลับอาจไม่ใช่แค่ปัญหาเล็กๆ…แต่มันคือ “ไฟกะพริบ” ที่ร่างกายส่งสัญญาณให้เราฟัง
👉มีผู้หญิงวัย 40+ จำนวนไม่น้อยที่นอนไม่หลับ
“ช่วงนี้นอนไม่หลับเลยค่ะ ผมเริ่มบาง ใจสั่น รู้สึกอ่อนเพลียทั้งวัน”
บางคนก็แค่คิดว่า “อาจเครียด อาจเหนื่อย เดี๋ยวก็คงหาย”
แต่ความจริง…มันลึกกว่านั้นครับ
เมื่ออายุเข้าสู่ช่วงวัย 40+ ระบบ “ฮอร์โมนเพศหญิง” อย่างเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจะเริ่มลดลงอย่างช้าๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว
ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้มีบทบาทสำคัญกับระบบนอนหลับ สมอง หัวใจ ผิวพรรณ และแม้แต่ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
และนี่คือเหตุผลที่ “นอนไม่หลับ” กลายเป็น “จุดเริ่มต้น” ของหลายโรคร้าย
⸻
งานวิจัยระดับโลกพูดตรงกันว่า…
ผู้หญิงวัยกลางคนที่นอนไม่เพียงพอหรือหลับไม่ลึก มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ และโรคหัวใจสูงขึ้นถึง 50-70%【Harvard Medical School, 2021】
เพราะขณะนอนหลับ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน “เมลาโทนิน” และ “โกรทฮอร์โมน” ซึ่งช่วย
• ฟื้นฟูเซลล์ที่เสียหาย
• กำจัดสารพิษจากระบบประสาท
• และ “ควบคุมการแบ่งเซลล์ผิดปกติ” ซึ่งเป็นต้นทางของเซลล์มะเร็ง
หากคุณนอนไม่หลับนานๆ ร่างกายจะเข้าสู่ภาวะ “อักเสบเรื้อรัง”
อาการเหล่านี้มักจะตามมาเรื่อยๆ โดยที่คุณไม่ทันสังเกต
• เพลียทั้งวัน
• น้ำหนักเพิ่มง่าย
• ขี้หงุดหงิด
• สมองเบลอ
• และ “ภูมิต้านทานลดลง”
⸻
แล้วจะเริ่มฟื้นฟูอย่างไรดี? โดยไม่ต้องพึ่งยา
ผมขอแบ่งเป็น 3 ด้านง่ายๆ ที่คุณทำได้เองที่บ้านเลยครับ
1. เปลี่ยน “กิจวัตรก่อนนอน” ให้ร่างกายรู้ว่า…ถึงเวลาพักแล้ว
• ปิดหน้าจอมือถืออย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนนอน
• อาบน้ำอุ่นก่อนนอน ช่วยลดคอร์ติซอล (ฮอร์โมนเครียด)
• ใช้กลิ่นลาเวนเดอร์ หรือเปิดเสียง white noise ผ่อนคลายสมอง
• หายใจลึกๆ แบบ 4-7-8 (4 วินาที-กลั้น 7-หายใจออก 😎
2. ดูแลฮอร์โมนด้วยอาหารที่ใช่
• ลดน้ำตาล แป้งขัดขาว เพราะมันทำให้ “อินซูลิน” แปรปรวน → รบกวนสมดุลฮอร์โมน
• เสริมผักใบเขียว ไขมันดี (น้ำมันมะกอก อะโวคาโด ถั่วเปลือกแข็ง) และโปรตีนพอดีๆ
• ลองทำ IF แบบนุ่มๆ เช่น 12/12 หรือ 14/10 → ให้ระบบย่อยได้พัก และช่วยฟื้นฮอร์โมนได้จริง
3. ตื่นให้ตรงเวลา และรับแดดเช้า
• การรับแสงแดดตอนเช้า 10-15 นาที จะกระตุ้นการหลั่งเซโรโทนิน และช่วยให้คุณหลับลึกในตอนกลางคืน
• แสงเช้า = นาฬิกาชีวิต → ปรับวงจรการหลับ-ตื่นของร่างกายอย่างธรรมชาติ
⸻
อย่าปล่อยให้ “นอนไม่หลับ” เป็นเรื่องเล็ก
เพราะบางครั้ง…การปล่อยผ่าน อาจทำให้เราพลาดโอกาสในการดูแลตัวเอง
แค่คุณเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ เหล่านี้ ชีวิตก็จะเริ่มเปลี่ยนครับ
คุณจะรู้สึกได้ว่า “สมองโล่งขึ้น” “ร่างกายสดชื่นขึ้น” และ “จิตใจเบาสบายขึ้น” อย่างเป็นธรรมชาติ
และผมเชื่อเสมอว่า
คุณไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตแบบอดทนกับอาการเหล่านี้อีกต่อไป
ขอแค่คุณเห็นคุณค่าในตัวเอง แล้วเริ่มดูแลตัวเองจากคืนนี้เลยครับ💔 นอนไม่หลับอาจไม่ใช่แค่ปัญหาเล็กๆ…แต่มันคือ “ไฟกะพริบ” ที่ร่างกายส่งสัญญาณให้เราฟัง 👉มีผู้หญิงวัย 40+ จำนวนไม่น้อยที่นอนไม่หลับ “ช่วงนี้นอนไม่หลับเลยค่ะ ผมเริ่มบาง ใจสั่น รู้สึกอ่อนเพลียทั้งวัน” บางคนก็แค่คิดว่า “อาจเครียด อาจเหนื่อย เดี๋ยวก็คงหาย” แต่ความจริง…มันลึกกว่านั้นครับ เมื่ออายุเข้าสู่ช่วงวัย 40+ ระบบ “ฮอร์โมนเพศหญิง” อย่างเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจะเริ่มลดลงอย่างช้าๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้มีบทบาทสำคัญกับระบบนอนหลับ สมอง หัวใจ ผิวพรรณ และแม้แต่ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และนี่คือเหตุผลที่ “นอนไม่หลับ” กลายเป็น “จุดเริ่มต้น” ของหลายโรคร้าย ⸻ งานวิจัยระดับโลกพูดตรงกันว่า… ผู้หญิงวัยกลางคนที่นอนไม่เพียงพอหรือหลับไม่ลึก มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ และโรคหัวใจสูงขึ้นถึง 50-70%【Harvard Medical School, 2021】 เพราะขณะนอนหลับ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน “เมลาโทนิน” และ “โกรทฮอร์โมน” ซึ่งช่วย • ฟื้นฟูเซลล์ที่เสียหาย • กำจัดสารพิษจากระบบประสาท • และ “ควบคุมการแบ่งเซลล์ผิดปกติ” ซึ่งเป็นต้นทางของเซลล์มะเร็ง หากคุณนอนไม่หลับนานๆ ร่างกายจะเข้าสู่ภาวะ “อักเสบเรื้อรัง” อาการเหล่านี้มักจะตามมาเรื่อยๆ โดยที่คุณไม่ทันสังเกต • เพลียทั้งวัน • น้ำหนักเพิ่มง่าย • ขี้หงุดหงิด • สมองเบลอ • และ “ภูมิต้านทานลดลง” ⸻ แล้วจะเริ่มฟื้นฟูอย่างไรดี? โดยไม่ต้องพึ่งยา ผมขอแบ่งเป็น 3 ด้านง่ายๆ ที่คุณทำได้เองที่บ้านเลยครับ 1. เปลี่ยน “กิจวัตรก่อนนอน” ให้ร่างกายรู้ว่า…ถึงเวลาพักแล้ว • ปิดหน้าจอมือถืออย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนนอน • อาบน้ำอุ่นก่อนนอน ช่วยลดคอร์ติซอล (ฮอร์โมนเครียด) • ใช้กลิ่นลาเวนเดอร์ หรือเปิดเสียง white noise ผ่อนคลายสมอง • หายใจลึกๆ แบบ 4-7-8 (4 วินาที-กลั้น 7-หายใจออก 😎 2. ดูแลฮอร์โมนด้วยอาหารที่ใช่ • ลดน้ำตาล แป้งขัดขาว เพราะมันทำให้ “อินซูลิน” แปรปรวน → รบกวนสมดุลฮอร์โมน • เสริมผักใบเขียว ไขมันดี (น้ำมันมะกอก อะโวคาโด ถั่วเปลือกแข็ง) และโปรตีนพอดีๆ • ลองทำ IF แบบนุ่มๆ เช่น 12/12 หรือ 14/10 → ให้ระบบย่อยได้พัก และช่วยฟื้นฮอร์โมนได้จริง 3. ตื่นให้ตรงเวลา และรับแดดเช้า • การรับแสงแดดตอนเช้า 10-15 นาที จะกระตุ้นการหลั่งเซโรโทนิน และช่วยให้คุณหลับลึกในตอนกลางคืน • แสงเช้า = นาฬิกาชีวิต → ปรับวงจรการหลับ-ตื่นของร่างกายอย่างธรรมชาติ ⸻ อย่าปล่อยให้ “นอนไม่หลับ” เป็นเรื่องเล็ก เพราะบางครั้ง…การปล่อยผ่าน อาจทำให้เราพลาดโอกาสในการดูแลตัวเอง แค่คุณเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ เหล่านี้ ชีวิตก็จะเริ่มเปลี่ยนครับ คุณจะรู้สึกได้ว่า “สมองโล่งขึ้น” “ร่างกายสดชื่นขึ้น” และ “จิตใจเบาสบายขึ้น” อย่างเป็นธรรมชาติ และผมเชื่อเสมอว่า คุณไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตแบบอดทนกับอาการเหล่านี้อีกต่อไป ขอแค่คุณเห็นคุณค่าในตัวเอง แล้วเริ่มดูแลตัวเองจากคืนนี้เลยครับ0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 228 มุมมอง 0 รีวิว - 📌 แชมพูสูตรใบคราม Ness🍃สูตรเข้มข้น
👉ลดผมหงอก
👉กระตุ้นเส้นผมดกดำ
❌️ ลดปัญหาผมร่วงผมมัน คันรังแค💜🍃250 ml ในราคา ฿267 - ฿678 👇👇ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/2fx0soPAFY📌 แชมพูสูตรใบคราม Ness🍃สูตรเข้มข้น 👉ลดผมหงอก 👉กระตุ้นเส้นผมดกดำ ❌️ ลดปัญหาผมร่วงผมมัน คันรังแค💜🍃250 ml ในราคา ฿267 - ฿678 👇👇ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/2fx0soPAFY1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว - 👍มัดรวมครีมโลชั่นกันแดดคุณภาพดี📣สั่งซื้อกดลิ้งค์เลยค่ะมีรูปในคอมเม้นต์
โลชั่นกันแดดไม่ใช่แค่ไอเทมเสริมความงาม แต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคนในประเทศไทย เพื่อปกป้องผิวจาก แสงแดด มลภาวะ และปัญหาผิวต่างๆ การใช้กันแดดทุกวันช่วยให้ผิวสุขภาพดี กระจ่างใส และลดความเสี่ยงของปัญหาผิวระยะยาว อย่ารอให้ผิวเสียก่อนเริ่มปกป้อง ลงกันแดดทุกวัน!
📌 Banana Boat Sport Ultra Sunscreen Lotion SPF50+ PA+++ 90ml บานาน่า โบ๊ท โลชั่นกันแดด สำหรับผิวกาย ในราคา ฿99 - ฿318 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/8KbQfJmm2u
📌 กันแดด AR SPF30 เอ อาร์ แอดวานซ์ ซัน โพรเทค บอดี้ โลชั่น ในราคา ฿53 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/7zyaGWxdsi
📌 [โค้ดลดเพิ่ม 15%] นีเวีย ซัน กันแดดผิวกาย โพรเท็คแอนด์มอยซ์เจอร์ บอดี้ โลชั่น เอสพีเอฟ30 พีเอ+++ 125 มล. NIVEA ในราคา ฿329 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/7V2JfBx3VA
📌 Jabs กันแดด แจ๊บส์ ไบรท์บูสเตอร์ ยูวี โพรเทคชั่น บอดี้โลชั่น SPF50 PA+++ 450มล. x1 ในราคา ฿185 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/8KbQeWCXWS
📌โลชั่นกันเเดดมะพร้าว Coconut Suncreen Lotion สูตรเข้มข้น ผิวขาวใส พร้อมสู้เเดด กลิ่นตัวหอม กันเเดดได้ 50 เท่า วิตซี +++ ในราคา ฿89 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/3LCkhCBqRW
📌 [แพ็คคู่] MizuMi UV Bright Body Serum (180 ml) เซรั่มกันแดดทาผิวกาย เบาสบายผิว หอมละมุน ในราคา ฿390 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/1Vl6VEKZTG
📌 แพ็กคู่สุดคุ้ม! ลอรีอัล ปารีส ยูวี ดีเฟนเดอร์ อินวิซิเบิ้ล รีซิส เดลี่ ซันสกรีนX2 (กันแดด,กันแดดลอรีอัล) ในราคา ฿799 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/6pmcqkcXie
📌 DEOdore’ ACNE CLEAR and Brightening Body Serum เซรั่มลดรอยสิวหลัง ในราคา ฿350 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/9f6oDZoNLK
📌 Mizumi UV Body Serum มิซึมิ ครีมกันแดดสำหรับผิวกาย (UV Bright/Fragrance Free/Cooling) ในราคา ฿45 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/4VOi42J5SS
📌 VENITA ครีมกันแดดเวนิต้า Venita Anti-Acne Care Sunscreen SPF50/PA+++plus เนื้อครีมเจล ซึมเร็ว ในราคา ฿130 - ฿259 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/4q1YSVkgQFลอ📌 ครีมกันแดด สำหรับผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย ใช้ทาได้ตั้งแต่เด็ก จนถึงผู้ใหญ่ ไม่ขาว ไม่ลอย ไม่แพ้ นำเข้าจากาเกาหลี ในราคา ฿490 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/8Uuqp2kuee👍มัดรวมครีมโลชั่นกันแดดคุณภาพดี📣สั่งซื้อกดลิ้งค์เลยค่ะมีรูปในคอมเม้นต์ โลชั่นกันแดดไม่ใช่แค่ไอเทมเสริมความงาม แต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคนในประเทศไทย เพื่อปกป้องผิวจาก แสงแดด มลภาวะ และปัญหาผิวต่างๆ การใช้กันแดดทุกวันช่วยให้ผิวสุขภาพดี กระจ่างใส และลดความเสี่ยงของปัญหาผิวระยะยาว อย่ารอให้ผิวเสียก่อนเริ่มปกป้อง ลงกันแดดทุกวัน! 📌 Banana Boat Sport Ultra Sunscreen Lotion SPF50+ PA+++ 90ml บานาน่า โบ๊ท โลชั่นกันแดด สำหรับผิวกาย ในราคา ฿99 - ฿318 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/8KbQfJmm2u 📌 กันแดด AR SPF30 เอ อาร์ แอดวานซ์ ซัน โพรเทค บอดี้ โลชั่น ในราคา ฿53 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/7zyaGWxdsi 📌 [โค้ดลดเพิ่ม 15%] นีเวีย ซัน กันแดดผิวกาย โพรเท็คแอนด์มอยซ์เจอร์ บอดี้ โลชั่น เอสพีเอฟ30 พีเอ+++ 125 มล. NIVEA ในราคา ฿329 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/7V2JfBx3VA 📌 Jabs กันแดด แจ๊บส์ ไบรท์บูสเตอร์ ยูวี โพรเทคชั่น บอดี้โลชั่น SPF50 PA+++ 450มล. x1 ในราคา ฿185 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/8KbQeWCXWS 📌โลชั่นกันเเดดมะพร้าว Coconut Suncreen Lotion สูตรเข้มข้น ผิวขาวใส พร้อมสู้เเดด กลิ่นตัวหอม กันเเดดได้ 50 เท่า วิตซี +++ ในราคา ฿89 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/3LCkhCBqRW 📌 [แพ็คคู่] MizuMi UV Bright Body Serum (180 ml) เซรั่มกันแดดทาผิวกาย เบาสบายผิว หอมละมุน ในราคา ฿390 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/1Vl6VEKZTG 📌 แพ็กคู่สุดคุ้ม! ลอรีอัล ปารีส ยูวี ดีเฟนเดอร์ อินวิซิเบิ้ล รีซิส เดลี่ ซันสกรีนX2 (กันแดด,กันแดดลอรีอัล) ในราคา ฿799 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/6pmcqkcXie 📌 DEOdore’ ACNE CLEAR and Brightening Body Serum เซรั่มลดรอยสิวหลัง ในราคา ฿350 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/9f6oDZoNLK 📌 Mizumi UV Body Serum มิซึมิ ครีมกันแดดสำหรับผิวกาย (UV Bright/Fragrance Free/Cooling) ในราคา ฿45 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/4VOi42J5SS 📌 VENITA ครีมกันแดดเวนิต้า Venita Anti-Acne Care Sunscreen SPF50/PA+++plus เนื้อครีมเจล ซึมเร็ว ในราคา ฿130 - ฿259 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/4q1YSVkgQFลอ📌 ครีมกันแดด สำหรับผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย ใช้ทาได้ตั้งแต่เด็ก จนถึงผู้ใหญ่ ไม่ขาว ไม่ลอย ไม่แพ้ นำเข้าจากาเกาหลี ในราคา ฿490 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/8Uuqp2kuee11 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 529 มุมมอง 0 รีวิว -
❌️รังสี UVA สามารถทะลุเข้าไปถึงชั้นลึกของผิว ทำลายคอลลาเจนและกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้เกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำที่รักษายาก กันแดดที่มี SPF 50+ PA++++ สามารถลดโอกาสการเกิดปัญหาผิวเหล่านี้ได้
❌️UVB เป็นตัวการหลักที่ทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง การได้รับแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานานโดยไม่ใช้กันแดดจะเพิ่มความเสี่ยงของโรคร้ายแรงนี้ ดังนั้น โลชั่นกันแดดเป็นเกราะป้องกันที่สำคัญ
📌โลชั่นกันแดดไม่ใช่แค่ไอเทมเสริมความงาม แต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคนในประเทศไทย เพื่อปกป้องผิวจาก แสงแดด มลภาวะ และปัญหาผิวต่างๆ การใช้กันแดดทุกวันช่วยให้ผิวสุขภาพดี กระจ่างใส และลดความเสี่ยงของปัญหาผิวระยะยาว อย่ารอให้ผิวเสียก่อนเริ่มปกป้อง ลงกันแดดทุกวัน!❌️รังสี UVA สามารถทะลุเข้าไปถึงชั้นลึกของผิว ทำลายคอลลาเจนและกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้เกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำที่รักษายาก กันแดดที่มี SPF 50+ PA++++ สามารถลดโอกาสการเกิดปัญหาผิวเหล่านี้ได้ ❌️UVB เป็นตัวการหลักที่ทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง การได้รับแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานานโดยไม่ใช้กันแดดจะเพิ่มความเสี่ยงของโรคร้ายแรงนี้ ดังนั้น โลชั่นกันแดดเป็นเกราะป้องกันที่สำคัญ 📌โลชั่นกันแดดไม่ใช่แค่ไอเทมเสริมความงาม แต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคนในประเทศไทย เพื่อปกป้องผิวจาก แสงแดด มลภาวะ และปัญหาผิวต่างๆ การใช้กันแดดทุกวันช่วยให้ผิวสุขภาพดี กระจ่างใส และลดความเสี่ยงของปัญหาผิวระยะยาว อย่ารอให้ผิวเสียก่อนเริ่มปกป้อง ลงกันแดดทุกวัน!0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว - 📣 โลชั่นกันเเดดมะพร้าว Coconut Suncreen Lotion สูตรเข้มข้น ผิวขาวใส พร้อมสู้เเดด กลิ่นตัวหอม กันเเดดได้ 50 เท่า วิตซี +++ ในราคา ฿89 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/3LCkhCBqRW📣 โลชั่นกันเเดดมะพร้าว Coconut Suncreen Lotion สูตรเข้มข้น ผิวขาวใส พร้อมสู้เเดด กลิ่นตัวหอม กันเเดดได้ 50 เท่า วิตซี +++ ในราคา ฿89 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/3LCkhCBqRW4 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
- "อยู่ 100 ปี อย่างมีความสุข"
ผมอยู่ได้ คุณก็อยู่ได้ The Rhythm of my Life โดย นพ.เฉก ธนะสิริ
เคล็ดลับความสุขของผม คือ การมีครอบครัวอบอุ่น มีกินมีใช้อย่างพอเพียง และต้องดูแลการกินอยู่ของเราให้ดี ต้องกินผัก ผลไม้เยอะๆ ลดเนื้อสัตว์และอาหารพวกไขมัน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและทำจิตใจให้สงบ สิ่งเหล่านี้ คือ กุญแจที่ทำให้สุขภาพแข็งแรง และนำมาซึ่งความสุขในวัยสูงอายุ
ผมมีหลัก 9 อ. ที่เคยเขียนไว้ในหนังสือ "ทำอย่างไรจะชะลอความชราและปราศจากโรค" ไว้ว่า
1. อนาคต
ซึ่งเราต้องตั้งใจให้แน่วแน่ว่า จะต้องมีอายุยืนยาวอย่างแข็งแรง
2. อนามัย
เราต้องดูแลสุขภาพอนามัยของตัวเอง ด้วยการตรวจโรค ตรวจเลือดปีละ 1-2 ครั้ง เป็นประจำทุกปี
3. อารมณ์
ซึ่งสำคัญมาก ควรทำอารมณ์ให้เป็นปกติ ให้มีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์น้อยที่สุด
4. ออกกำลังกาย
จะต้องพอเพียงอย่างน้อยวันละ 30 นาที และทำ 4-6 วัน ต่อสัปดาห์ และเลือกชนิดของการออกกำลังกาย ให้เหมาะกับวัยและน้ำหนักตัว
5. อาหาร
อาหารที่เหมาะสมกับคนทุกเพศทุกวัย ก็คือ พืชผัก ผลไม้ ถั่วและเมล็ดพืช เช่น เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง และที่ต้องระวัง อย่ากินพวกที่มีไขมัน น้ำตาล พวกเนื้อสัตว์สี่เท้ามากนัก ต้องเคี้ยวให้ละเอียด ไม่ดื่มน้ำระหว่างกินอาหาร งดดื่มน้ำอัดลม แอลกอฮอล์ ชา น้ำหวานได้ยิ่งดี
6. อากาศ
ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย คือ ออกซิเจน และโอโซน คนในเมืองก็ควรหาโอกาสไปพักผ่อนตามสถานที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ เช่น ชายทะเล ป่าเขา เป็นต้น
7. อาทิตย์ หมายถึง แสงอาทิตย์ ร่างกายเราควรจะได้รับแสงอาทิตย์ ตั้งแต่ตะวันขึ้นไปจนถึงประมาณ 10.00 น. และหลัง 16.00 น. จนตะวันตกดิน เพราะแสงอาทิตย์ในเวลาเหล่านี้ มีรังสีอยู่หลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
8. อดิเรก
ควรหางานอดิเรกทำ เพราะคนที่อยู่ในวัยสูงอายุมักจะมีเวลาว่างเหลือเฟือ เมื่อใดที่ว่างก็จะรู้สึกเหงา และมักคิดว่าตัวเองหมดคุณค่า ควรระวังอย่าให้ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นเป็นอันขาด
9. อบอุ่น
พยายามสร้างความอบอุ่นขึ้นในครอบครัวของตนเองก่อน และเผื่อแผ่ไปยังครอบครัวของลูก และหลาน เหลน แล้วสุขภาพจิตของเราจะสดชื่น
9 อ. ทั้งหมดนี้ ผมกำหนดขึ้นมา ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติง่ายๆ แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น คือ การย้ำคิดย้ำทำอยู่เสมอว่า ความตั้งใจเรา คือ อะไร ซึ่งความปรารถนาของผมก็คือ ตั้งใจจะมีชีวิตยืนยาวอย่างสดชื่น ปราศจากโรคภัยไปจนอายุ 120 ปี
ขณะนี้ ผมได้บริจาคดวงตาให้กับสภากาชาดไทย และบริจาคร่างกายให้ ร.พ.ศิริราช เรียบร้อยแล้ว ถ้าหากวันไหนผมเสียชีวิต ก็ลองเอาไปผ่าดูซิว่า ส่วนไหนของร่างกายที่มันชำรุดไปบ้าง สภาพร่างกายผมมันเป็นยังไง ถ้ามันยังอยู่ในเกณฑ์ดี ก็อยากจะให้นำแนวคิด การใช้ชีวิตของผมไปปฏิบัติกันดูบ้าง จะได้ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมากล้ำกราย และจะได้มีอายุยืนยาว
และที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้ คือ ที่มาของการตั้งเป้าชีวิตของผมที่บอกว่า ผมจะอยู่ให้ได้จนถึงอายุ 120 ปี แล้วค่อยตาย
Cr : เคล็ดลับอายุยืน หมอเฉก ธนะสิริ
ภาพ: ปี 2564 (internet)
ปัจจุบันคุณหมอเฉกอายุ 99 ปีค่ะ
Cr.FB: โต๊ะป้าศรี CH Table"อยู่ 100 ปี อย่างมีความสุข" ผมอยู่ได้ คุณก็อยู่ได้ The Rhythm of my Life โดย นพ.เฉก ธนะสิริ เคล็ดลับความสุขของผม คือ การมีครอบครัวอบอุ่น มีกินมีใช้อย่างพอเพียง และต้องดูแลการกินอยู่ของเราให้ดี ต้องกินผัก ผลไม้เยอะๆ ลดเนื้อสัตว์และอาหารพวกไขมัน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและทำจิตใจให้สงบ สิ่งเหล่านี้ คือ กุญแจที่ทำให้สุขภาพแข็งแรง และนำมาซึ่งความสุขในวัยสูงอายุ ผมมีหลัก 9 อ. ที่เคยเขียนไว้ในหนังสือ "ทำอย่างไรจะชะลอความชราและปราศจากโรค" ไว้ว่า 1. อนาคต ซึ่งเราต้องตั้งใจให้แน่วแน่ว่า จะต้องมีอายุยืนยาวอย่างแข็งแรง 2. อนามัย เราต้องดูแลสุขภาพอนามัยของตัวเอง ด้วยการตรวจโรค ตรวจเลือดปีละ 1-2 ครั้ง เป็นประจำทุกปี 3. อารมณ์ ซึ่งสำคัญมาก ควรทำอารมณ์ให้เป็นปกติ ให้มีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์น้อยที่สุด 4. ออกกำลังกาย จะต้องพอเพียงอย่างน้อยวันละ 30 นาที และทำ 4-6 วัน ต่อสัปดาห์ และเลือกชนิดของการออกกำลังกาย ให้เหมาะกับวัยและน้ำหนักตัว 5. อาหาร อาหารที่เหมาะสมกับคนทุกเพศทุกวัย ก็คือ พืชผัก ผลไม้ ถั่วและเมล็ดพืช เช่น เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง และที่ต้องระวัง อย่ากินพวกที่มีไขมัน น้ำตาล พวกเนื้อสัตว์สี่เท้ามากนัก ต้องเคี้ยวให้ละเอียด ไม่ดื่มน้ำระหว่างกินอาหาร งดดื่มน้ำอัดลม แอลกอฮอล์ ชา น้ำหวานได้ยิ่งดี 6. อากาศ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย คือ ออกซิเจน และโอโซน คนในเมืองก็ควรหาโอกาสไปพักผ่อนตามสถานที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ เช่น ชายทะเล ป่าเขา เป็นต้น 7. อาทิตย์ หมายถึง แสงอาทิตย์ ร่างกายเราควรจะได้รับแสงอาทิตย์ ตั้งแต่ตะวันขึ้นไปจนถึงประมาณ 10.00 น. และหลัง 16.00 น. จนตะวันตกดิน เพราะแสงอาทิตย์ในเวลาเหล่านี้ มีรังสีอยู่หลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย 8. อดิเรก ควรหางานอดิเรกทำ เพราะคนที่อยู่ในวัยสูงอายุมักจะมีเวลาว่างเหลือเฟือ เมื่อใดที่ว่างก็จะรู้สึกเหงา และมักคิดว่าตัวเองหมดคุณค่า ควรระวังอย่าให้ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นเป็นอันขาด 9. อบอุ่น พยายามสร้างความอบอุ่นขึ้นในครอบครัวของตนเองก่อน และเผื่อแผ่ไปยังครอบครัวของลูก และหลาน เหลน แล้วสุขภาพจิตของเราจะสดชื่น 9 อ. ทั้งหมดนี้ ผมกำหนดขึ้นมา ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติง่ายๆ แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น คือ การย้ำคิดย้ำทำอยู่เสมอว่า ความตั้งใจเรา คือ อะไร ซึ่งความปรารถนาของผมก็คือ ตั้งใจจะมีชีวิตยืนยาวอย่างสดชื่น ปราศจากโรคภัยไปจนอายุ 120 ปี ขณะนี้ ผมได้บริจาคดวงตาให้กับสภากาชาดไทย และบริจาคร่างกายให้ ร.พ.ศิริราช เรียบร้อยแล้ว ถ้าหากวันไหนผมเสียชีวิต ก็ลองเอาไปผ่าดูซิว่า ส่วนไหนของร่างกายที่มันชำรุดไปบ้าง สภาพร่างกายผมมันเป็นยังไง ถ้ามันยังอยู่ในเกณฑ์ดี ก็อยากจะให้นำแนวคิด การใช้ชีวิตของผมไปปฏิบัติกันดูบ้าง จะได้ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมากล้ำกราย และจะได้มีอายุยืนยาว และที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้ คือ ที่มาของการตั้งเป้าชีวิตของผมที่บอกว่า ผมจะอยู่ให้ได้จนถึงอายุ 120 ปี แล้วค่อยตาย Cr : เคล็ดลับอายุยืน หมอเฉก ธนะสิริ ภาพ: ปี 2564 (internet) ปัจจุบันคุณหมอเฉกอายุ 99 ปีค่ะ Cr.FB: โต๊ะป้าศรี CH Table0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 635 มุมมอง 0 รีวิว - 📣📣To Gen-Y ,Gen X เตรียมตัวรับมือแล้วหรือยัง❓️
✅️การป้องกัน ดีกว่า การแก้ไข
✅️ป้ายยา:: มีผลิตภัณฑ์บำรุง ดูแลร่างกาย หลายอย่าง เลือกช๊อป ตามสบายเลยค่ะ
📌ประเทศไทยติดอันดับ 5 ของโลกในจำนวนประชากรอายุ 100 ปีขึ้นไป
จากข้อมูลปี 2024 ประเทศไทยมีประชากรที่มีอายุ 100 ปีขึ้นไปถึง 42,845 คน ติดอันดับที่ 5 ของโลก แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างชัดเจน
สาเหตุที่ทำให้คนไทยอายุยืน
1. อาหารและโภชนาการ
อาหารไทยอุดมไปด้วยสมุนไพร เช่น ขิง ข่า ตะไคร้ ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
การบริโภคผักและผลไม้สด รวมถึงอาหารที่มีไขมันต่ำ เช่น ปลาและข้าวกล้อง
2. วัฒนธรรมและวิถีชีวิต
สังคมไทยให้ความสำคัญกับครอบครัว ทำให้ผู้สูงอายุมีการดูแลและได้รับความรักจากลูกหลาน
การทำบุญและปฏิบัติธรรมช่วยให้จิตใจสงบ ลดความเครียด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของอายุยืน
3. การแพทย์และสาธารณสุข
ระบบสาธารณสุขของไทยเข้าถึงได้ง่าย โดยเฉพาะโครงการ "หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า" หรือ "บัตรทอง"
มีแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนปัจจุบันที่ทำงานร่วมกัน ช่วยส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรง
แนวโน้มของประเทศไทยในอนาคต
ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์ (Aged Society) ซึ่งหมายความว่าประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปจะมากกว่า 20% ของประชากรทั้งหมด ส่งผลให้ต้องมีการปรับตัวในหลายด้าน เช่น
การพัฒนาระบบสาธารณสุขให้รองรับผู้สูงวัย
การออกแบบเมืองให้เป็นมิตรกับผู้สูงอายุ
การสนับสนุนให้ผู้สูงวัยสามารถทำงานหรือมีกิจกรรมที่เสริมสร้างสุขภาพ
จากสถิตินี้ทำให้เห็นว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีคนอายุยืนมากที่สุดในโลก ซึ่งเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายในการเตรียมพร้อมเพื่อรองรับอนาคตของประเทศ
ที่มา: VGraps
Cr.FB: โต๊ะป้าศรี CH Table📣📣To Gen-Y ,Gen X เตรียมตัวรับมือแล้วหรือยัง❓️ ✅️การป้องกัน ดีกว่า การแก้ไข ✅️ป้ายยา:: มีผลิตภัณฑ์บำรุง ดูแลร่างกาย หลายอย่าง เลือกช๊อป ตามสบายเลยค่ะ 📌ประเทศไทยติดอันดับ 5 ของโลกในจำนวนประชากรอายุ 100 ปีขึ้นไป จากข้อมูลปี 2024 ประเทศไทยมีประชากรที่มีอายุ 100 ปีขึ้นไปถึง 42,845 คน ติดอันดับที่ 5 ของโลก แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างชัดเจน สาเหตุที่ทำให้คนไทยอายุยืน 1. อาหารและโภชนาการ อาหารไทยอุดมไปด้วยสมุนไพร เช่น ขิง ข่า ตะไคร้ ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ การบริโภคผักและผลไม้สด รวมถึงอาหารที่มีไขมันต่ำ เช่น ปลาและข้าวกล้อง 2. วัฒนธรรมและวิถีชีวิต สังคมไทยให้ความสำคัญกับครอบครัว ทำให้ผู้สูงอายุมีการดูแลและได้รับความรักจากลูกหลาน การทำบุญและปฏิบัติธรรมช่วยให้จิตใจสงบ ลดความเครียด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของอายุยืน 3. การแพทย์และสาธารณสุข ระบบสาธารณสุขของไทยเข้าถึงได้ง่าย โดยเฉพาะโครงการ "หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า" หรือ "บัตรทอง" มีแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนปัจจุบันที่ทำงานร่วมกัน ช่วยส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรง แนวโน้มของประเทศไทยในอนาคต ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์ (Aged Society) ซึ่งหมายความว่าประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปจะมากกว่า 20% ของประชากรทั้งหมด ส่งผลให้ต้องมีการปรับตัวในหลายด้าน เช่น การพัฒนาระบบสาธารณสุขให้รองรับผู้สูงวัย การออกแบบเมืองให้เป็นมิตรกับผู้สูงอายุ การสนับสนุนให้ผู้สูงวัยสามารถทำงานหรือมีกิจกรรมที่เสริมสร้างสุขภาพ จากสถิตินี้ทำให้เห็นว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีคนอายุยืนมากที่สุดในโลก ซึ่งเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายในการเตรียมพร้อมเพื่อรองรับอนาคตของประเทศ ที่มา: VGraps Cr.FB: โต๊ะป้าศรี CH Table0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 522 มุมมอง 0 รีวิว - 📌ผลิตภัณฑ์ออแกนิคที่ดีต่อเส้นผมของเรา
📣สั่งซื้อกดลิ่งค์ในคอมเม้นท์📌ผลิตภัณฑ์ออแกนิคที่ดีต่อเส้นผมของเรา 📣สั่งซื้อกดลิ่งค์ในคอมเม้นท์1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว - 👍ความสะดวก สบาย เรียบง่าย สไตล์มินิมอล ประหยัดแรง ประหยัดเวลาในภาวะที่เร่งรีบในปัจจุบัน ✅️✅️ด้วยเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย📣สั่งซื้อกดลิ้งในคอมเม้นท์ค่ะ👍ความสะดวก สบาย เรียบง่าย สไตล์มินิมอล ประหยัดแรง ประหยัดเวลาในภาวะที่เร่งรีบในปัจจุบัน ✅️✅️ด้วยเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย📣สั่งซื้อกดลิ้งในคอมเม้นท์ค่ะ1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 รีวิว
- 📌ข้าวไรซ์เบอรี่ ผลิตภัณฑ์ออแกนิคที่ดีต่อร่างกาย
📣สั่งซื้อกดลิ้งค์ในคอมเม้นท์ค่ะ📌ข้าวไรซ์เบอรี่ ผลิตภัณฑ์ออแกนิคที่ดีต่อร่างกาย 📣สั่งซื้อกดลิ้งค์ในคอมเม้นท์ค่ะ1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 82 มุมมอง 0 รีวิว - 1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว
-
✅️หน้าร้อนนี้ต้องมี! พัดลมชาร์จได้พร้อมละอองน้ำ เย็นสดชื่นกว่า ปรับระดับลมได้ พกไปได้ทุกที่ ไม่ต้องง้อแอร์ ประหยัดไฟ เย็นสบายแบบพรีเมียม!✅️หน้าร้อนนี้ต้องมี! พัดลมชาร์จได้พร้อมละอองน้ำ เย็นสดชื่นกว่า ปรับระดับลมได้ พกไปได้ทุกที่ ไม่ต้องง้อแอร์ ประหยัดไฟ เย็นสบายแบบพรีเมียม!1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว - 📣ชีวิตเร่งรีบ ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง❓️✅️ ให้เครื่องนวดอัจฉริยะช่วย! นวดคอ บ่า ไหล่ หลัง เอว และขา คลายปวดเมื่อยในไม่กี่นาที เพื่อความสบายที่คุณควรได้รับ
ลองด📌 เครื่องนวดคอ บ่า ไหล่ ไฟฟ้าอัจฉริยะ Neck And Shoulder Massager (สีแดง) ในราคา ฿1,999 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/5VHAdNIVdI📣ชีวิตเร่งรีบ ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง❓️✅️ ให้เครื่องนวดอัจฉริยะช่วย! นวดคอ บ่า ไหล่ หลัง เอว และขา คลายปวดเมื่อยในไม่กี่นาที เพื่อความสบายที่คุณควรได้รับ ลองด📌 เครื่องนวดคอ บ่า ไหล่ ไฟฟ้าอัจฉริยะ Neck And Shoulder Massager (สีแดง) ในราคา ฿1,999 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/5VHAdNIVdI5 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 198 มุมมอง 0 รีวิว - ✴️️การทานคอลลาเจนอย่างไร❓️
✅️✅️ให้เห็นผลเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด✴️
➡️คอลลาเจนเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยบำรุงผิว ผม เล็บ ข้อต่อ และสุขภาพโดยรวม แต่การทานคอลลาเจนให้ได้ผลดีที่สุดต้องมีเทคนิคที่เหมาะสม
➡️1. เลือกประเภทคอลลาเจนที่ดูดซึมได้ดีที่สุด
คอลลาเจนมีหลายประเภท แต่ที่นิยมใช้เพื่อความงามคือ
✅ คอลลาเจนไตรเปปไทด์ (Tripeptide Collagen) – โมเลกุลเล็ก ดูดซึมได้ดีที่สุด
✅ คอลลาเจนเปปไทด์ (Collagen Peptide) – ย่อยง่าย ร่างกายนำไปใช้ได้เร็ว
✅ คอลลาเจน Type 1 และ Type 3 – ดีต่อผิว ผม เล็บ และข้อต่อ
🔹 หลีกเลี่ยงคอลลาเจนโมเลกุลใหญ่ เช่น คอลลาเจนธรรมดา ที่ร่างกายดูดซึมได้น้อย
➡️2. ทานคอลลาเจนตอนท้องว่าง หรือก่อนนอน
⏰ ช่วงเวลาที่ดีที่สุด:
✅ ตอนเช้า (ก่อนอาหาร 30 นาที) – ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดี
✅ ก่อนนอน (30-60 นาที) – ช่วงเวลาที่ร่างกายซ่อมแซมผิว
🔹 ไม่ควรทานพร้อมอาหารมื้อใหญ่ เพราะอาจลดการดูดซึม
➡️3. ทานคู่กับวิตามินซี ช่วยเพิ่มการดูดซึม
💊 วิตามินซี ช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์คอลลาเจนได้ดีขึ้น
✅ แนะนำ: ทานคอลลาเจนพร้อมน้ำส้ม มะนาว หรือวิตามินซี 500-1,000 มก.
❌ หลีกเลี่ยงการทานคอลลาเจนกับนม เพราะแคลเซียมอาจลดการดูดซึม
➡️4. ปริมาณที่แนะนำต่อวัน
💡 5,000 - 10,000 มก. ต่อวัน
5,000 มก. → เหมาะสำหรับการบำรุงทั่วไป
10,000 มก. → เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวเร็ว
❌ ไม่ควรทานเกิน 10,000 มก./วัน เพราะร่างกายดูดซึมได้จำกัด
➡️5. คอลลาเจนรูปแบบไหนดีที่สุด?
👉 แบบผงชงดื่ม – ดูดซึมเร็ว ไม่มีสารกันเสีย
👉 แบบแคปซูล – พกพาสะดวก แต่ดูดซึมช้ากว่าแบบผง
👉แบบเยลลี่หรือเครื่องดื่มสำเร็จรูป – ดูดซึมไว แต่บางยี่ห้อมีน้ำตาลสูง
➡️ 6. หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำลายคอลลาเจน
❌ น้ำตาลและของหวาน – ทำให้คอลลาเจนเสื่อมเร็ว
❌ อาหารแปรรูปและทอดกรอบ – ทำลายเซลล์ผิว
❌ สูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ – ลดการผลิตคอลลาเจน
➡️7. ใช้ชีวิตแบบช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
✅ ดื่มน้ำให้เพียงพอ (วันละ 2-3 ลิตร)
✅ ออกกำลังกาย (โยคะ/เวทเทรนนิ่งช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน)
✅ พักผ่อนให้เพียงพอ (นอน 7-9 ชั่วโมงต่อคืน)
❤️สรุปเคล็ดลับทานคอลลาเจนให้ได้ผลเร็ว
✅ เลือกคอลลาเจนไตรเปปไทด์หรือเปปไทด์
✅ ทานตอนท้องว่างหรือก่อนนอน
✅ ทานคู่กับวิตามินซีเพื่อเพิ่มการดูดซึม
✅ หลีกเลี่ยงน้ำตาล อาหารแปรรูป และแอลกอฮอล์
✅ ออกกำลังกายและนอนหลับให้เพียงพอ
📌 ใช้เวลาประมาณ 4-8 สัปดาห์เพื่อเริ่มเห็นผล ผิวจะชุ่มชื้นขึ้น และริ้วรอยจางลง✴️️การทานคอลลาเจนอย่างไร❓️ ✅️✅️ให้เห็นผลเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด✴️ ➡️คอลลาเจนเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยบำรุงผิว ผม เล็บ ข้อต่อ และสุขภาพโดยรวม แต่การทานคอลลาเจนให้ได้ผลดีที่สุดต้องมีเทคนิคที่เหมาะสม ➡️1. เลือกประเภทคอลลาเจนที่ดูดซึมได้ดีที่สุด คอลลาเจนมีหลายประเภท แต่ที่นิยมใช้เพื่อความงามคือ ✅ คอลลาเจนไตรเปปไทด์ (Tripeptide Collagen) – โมเลกุลเล็ก ดูดซึมได้ดีที่สุด ✅ คอลลาเจนเปปไทด์ (Collagen Peptide) – ย่อยง่าย ร่างกายนำไปใช้ได้เร็ว ✅ คอลลาเจน Type 1 และ Type 3 – ดีต่อผิว ผม เล็บ และข้อต่อ 🔹 หลีกเลี่ยงคอลลาเจนโมเลกุลใหญ่ เช่น คอลลาเจนธรรมดา ที่ร่างกายดูดซึมได้น้อย ➡️2. ทานคอลลาเจนตอนท้องว่าง หรือก่อนนอน ⏰ ช่วงเวลาที่ดีที่สุด: ✅ ตอนเช้า (ก่อนอาหาร 30 นาที) – ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดี ✅ ก่อนนอน (30-60 นาที) – ช่วงเวลาที่ร่างกายซ่อมแซมผิว 🔹 ไม่ควรทานพร้อมอาหารมื้อใหญ่ เพราะอาจลดการดูดซึม ➡️3. ทานคู่กับวิตามินซี ช่วยเพิ่มการดูดซึม 💊 วิตามินซี ช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์คอลลาเจนได้ดีขึ้น ✅ แนะนำ: ทานคอลลาเจนพร้อมน้ำส้ม มะนาว หรือวิตามินซี 500-1,000 มก. ❌ หลีกเลี่ยงการทานคอลลาเจนกับนม เพราะแคลเซียมอาจลดการดูดซึม ➡️4. ปริมาณที่แนะนำต่อวัน 💡 5,000 - 10,000 มก. ต่อวัน 5,000 มก. → เหมาะสำหรับการบำรุงทั่วไป 10,000 มก. → เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวเร็ว ❌ ไม่ควรทานเกิน 10,000 มก./วัน เพราะร่างกายดูดซึมได้จำกัด ➡️5. คอลลาเจนรูปแบบไหนดีที่สุด? 👉 แบบผงชงดื่ม – ดูดซึมเร็ว ไม่มีสารกันเสีย 👉 แบบแคปซูล – พกพาสะดวก แต่ดูดซึมช้ากว่าแบบผง 👉แบบเยลลี่หรือเครื่องดื่มสำเร็จรูป – ดูดซึมไว แต่บางยี่ห้อมีน้ำตาลสูง ➡️ 6. หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำลายคอลลาเจน ❌ น้ำตาลและของหวาน – ทำให้คอลลาเจนเสื่อมเร็ว ❌ อาหารแปรรูปและทอดกรอบ – ทำลายเซลล์ผิว ❌ สูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ – ลดการผลิตคอลลาเจน ➡️7. ใช้ชีวิตแบบช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ✅ ดื่มน้ำให้เพียงพอ (วันละ 2-3 ลิตร) ✅ ออกกำลังกาย (โยคะ/เวทเทรนนิ่งช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน) ✅ พักผ่อนให้เพียงพอ (นอน 7-9 ชั่วโมงต่อคืน) ❤️สรุปเคล็ดลับทานคอลลาเจนให้ได้ผลเร็ว ✅ เลือกคอลลาเจนไตรเปปไทด์หรือเปปไทด์ ✅ ทานตอนท้องว่างหรือก่อนนอน ✅ ทานคู่กับวิตามินซีเพื่อเพิ่มการดูดซึม ✅ หลีกเลี่ยงน้ำตาล อาหารแปรรูป และแอลกอฮอล์ ✅ ออกกำลังกายและนอนหลับให้เพียงพอ 📌 ใช้เวลาประมาณ 4-8 สัปดาห์เพื่อเริ่มเห็นผล ผิวจะชุ่มชื้นขึ้น และริ้วรอยจางลง7 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 438 มุมมอง 0 รีวิว - 📣 ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี❓️มันยาวนะ แต่อ่านจบแล้วจะรู้คำตอบ
👉ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี เป็นข้อความที่ยั่วยุให้คนไทยเปิดอ่านหนังสือชื่อนี้ ซึ่งฟังแปลกหูและแปลกใหม่
คนญี่ปุ่นก็เป็นเช่นเดียวกันเพราะเป็นหนังสือยอดฮิตในประเทศนั้น โดยมีเนื้อหาปลุกเร้าให้เกิดพฤติกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและต่อกระเป๋า
หนังสือ “ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี” แปลจากภาษาญี่ปุ่น ซึ่งผู้เขียนคือนายแพทย์โยะชิ โนะริ นะงุโม (Yoshinori Nagumo) ผู้แปลคือคุณพิมพ์รัก สุขสวัสดิ์ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์วีเลิร์น
ปิยมิตรของผมคนหนึ่งคือ คุณอดิศร ธรรมาพฤทธิ นักธุรกิจใหญ่แนวหน้าของไทยในเรื่องการหล่อโลหะ ได้ซื้อหนังสือเล่มนี้เป็นร้อยเล่มเพื่อแจกเพื่อนๆ และยิ่งไปกว่านั้นยังได้เขียนสรุปเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้และโพสต์ออนไลน์เมื่อเร็วๆ นี้เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่สาธารณชน ผมขอนำเอาสิ่งที่คุณอดิศรเขียนไว้มานำเสนอดังต่อไปนี้
“ผู้เขียนเป็นนายแพทย์และเป็นผู้อำนวยการใหญ่ในโรงพยาบาลสี่แห่งในญี่ปุ่น เป็นนักเขียนชื่อดังในญี่ปุ่น และเป็นแขกประจำรายการทีวีหลายรายการ เป็นประธานกิตติมศักดิ์ของ Anti-Aging Medicine World Congress ผู้เขียนค้นพบวิธีการลดน้ำหนักด้วยการทานเหลือวันละมื้อ และพบว่าความหิวเป็นกระบวนการที่ทำให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอด้วยยีนที่ชื่อ เซอร์ทูอิน (Sirtuin) ในขณะเดียวกันร่างกายก็จะผลิต Growth Hormone ออกมา
คุณหมอบอกว่า “...สิ่งที่ผมมุ่งหวังคือการวางแผนสำหรับชีวิตที่มีอายุยืนถึงหนึ่งร้อยปี โดยยังมีหน้าท้องที่แบนราบและมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูอ่อนเยาว์ บางคนบอกว่าไม่อยากอายุยืนขนาดนั้น... แต่คนที่พูดแบบนั้นพอถึงคราวเจ็บป่วยก็รีบวิ่งโร่มาหาหมอทุกราย …เมื่อเข้าสู่วัยชรา ทุกวันจะมีแต่ความทุกข์ทรมาน ซึ่งเป็นผลจากการละเลยสุขภาพ.... …ผมว่าต้องเลือกแล้วละว่า จะใช้เวลานอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลแล้วทำให้คนรอบข้างเดือดร้อน หรือจะมีสุขภาพดีร่างกายแข็งแรง มีกำลังวังชา รูปลักษณ์ภายนอกดูอ่อนเยาว์จนถึงวาระสุดท้าย แล้วจากไปอย่างสง่างาม…”
ในบทนำมีการเกริ่นว่าผู้เขียนเริ่มทานอาหารเหลือวันละมื้อเมื่ออายุ 45 ปีเพราะปัญหาเรื่องสุขภาพ ผ่านไปสิบปีเมื่อเขาไปตรวจร่างกายพบว่าอายุหลอดเลือดของเขาเท่ากับคนอายุ 26 ปี
เขาเล่าว่ามนุษย์ในอดีตไม่ได้มีกินอุดมสมบูรณ์โดยกินสามมื้อเหมือนปัจจุบันนี้ ในอดีตเรากินวันละมื้อก็บุญแล้ว ดังนั้น ร่างกายเราจึงมีภูมิคุ้มกันในตัวเอง เมื่อเราหิวไม่มีกินเราจะมียีนที่ชื่อ เซอร์ทูอิน (Sirtuin) ออกมาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอต่างๆ ภายในร่างกาย ในขณะเดียวกันร่างกายก็จะผลิต Growth Hormone ออกมา ซึ่งเจ้า Growth Hormone นี้ทำให้เรากลับเป็นหนุ่มสาวมากขึ้น ซึ่งเป็นกระบวนการเพื่อการอยู่รอด
ปัญหาก็คือ เมื่อร่างกายอิ่ม กลไกนี้ไม่เกิด เราจึงแก่ไปเรื่อยๆ สรุปง่ายๆ ก็คือ การกินมากไปคือสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคภัยต่างๆ และที่สำคัญร่างกายเราไม่ได้ถูกออกแบบให้กินอิ่ม เราจึงปรับตัวให้การกินอิ่มได้ไม่ดี ทำให้กระบวนการธรรมชาติของร่างกายเรารวนนั่นเอง
ในเรื่องการกินวันละมื้อ ผู้เขียนได้แนะนำสิ่งที่เขาทำมาแล้วได้ผล เขาบอกว่าเขาเพลิดเพลินกับการที่ได้ยินเสียงท้องร้องจ๊อกๆ เพราะว่าเขารู้ว่าร่างกายเรากำลังซ่อมแซมและปรับตัวให้เยาว์วัยด้วยกระบวนการที่กล่าวถึงข้างต้น
ในเชิงหลักการทางวิทยาศาสตร์เขาอธิบายดังนี้
(1) ปากทางเข้าลำไส้เล็กจะมีเซนเซอร์เตรียมรอรับของกินอยู่ ถ้าไม่มีอาหารไหลลงมาเสียที ลำไส้เล็กก็จะรีบหลั่งฮอร์โมนสำหรับย่อยอาหาร โมลิติน (Molitin) ออกมา ทำให้กระเพาะอาหารบีบตัว เพื่อส่งของกินที่อาจจะตกค้างอยู่ในกระเพาะอาหารเข้าไปในลำไส้เล็ก เรียกว่า “การบีบตัวเมื่อหิว” และเป็นตัวการที่แท้จริงของอาการท้องร้องจ๊อกๆ
(2) เมื่อกระเพาะรู้ตัวว่าหิวจะหลั่งฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) ออกมา เกรลินจะถูกหลั่งออกมาจากเยื่อบุกระเพาะอาหารซึ่งถูกกระตุ้นเพราะความหิว โดยจะออกฤทธิ์ที่สมองส่วนไฮโปทาลามัส (Hypothalamus) ทำให้เกิดความอยากอาหาร ขณะเดียวกันก็จะออกฤทธิ์ที่ต่อมใต้สมอง ทำให้หลั่ง Growth Hormone ออกมา เจ้า Growth Hormone นี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ฮอร์โมนที่ทำให้กลับไปเป็น หนุ่มสาว” นั่นหมายความว่าตอนที่ท้องกำลังร้องจ๊อกๆ เพราะหิว คุณจะค่อยๆ มีเสน่ห์ขึ้นจากฮอร์โมนที่ทำให้กลับเป็นหนุ่มสาว ถึงท้องจะร้องก็อย่าเพิ่งรีบกินอาหาร ให้มาลองเพลิดเพลินกับประสิทธิภาพของการกลับเป็นหนุ่มสาวที่ได้จาก Growth Hormone กันสักครู่หนึ่งก่อน
(3) ตอนที่ท้องกำลังร้องจ๊อกๆ นั้น ความสามารถในการอยู่รอดอันยอดเยี่ยมกำลังพลุ่งพล่านขึ้นมา นั่นก็คือ “ยีนเซอร์ทูอิน” ที่มีสมญาว่า “ยีนต่ออายุขัย” หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ยีนที่ทำให้อายุยืน” กำลังทำงาน จากการทดลองกับสัตว์หลายชนิดพบว่า เมื่อลดปริมาณอาหารลง 40% จะทำให้อายุยืนขึ้น 1.5 เท่า ทว่ายีนนี้จะมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อมีเงื่อนไขบางประการ นั่นคือ “ความหิว” ตราบใดที่ท้องไม่ร้องจ๊อกเพราะหิว ยีนนี้ก็จะไม่ทำงาน ดังนั้นการกินอาหารทั้งที่ยังไม่หิวจึงหมายถึงการมีของดีอยู่กับตัวแต่ไม่ใช้ให้เป็นประโยชน์ มาทำให้ท้องร้องจ๊อกด้วยการกินอาหารวันละมื้อดีกว่า แล้วยีนเซอร์ทูอินนี้จะช่วยสแกนยีนในร่างกายอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งค่อยๆ ฟื้นฟูส่วนที่เสียหาย กล่าวกันว่าความแก่ชราและโรคมะเร็งก็มีสาเหตุมาจากความผิดปกติของยีน ดังนั้นเราสามารถทำให้กลับเป็นหนุ่มสาวและป้องกันโรคมะเร็งด้วยการกินอาหารวันละมื้อ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อหิวแล้วอาหารยังตกไม่ถึงท้อง ร่างกายจะนำไขมันที่สะสมไว้ในช่องท้องมาเปลี่ยนเป็นสารอาหาร ทำให้หน้าท้องแบนราบ
นอกจากการกินวันละมื้อแล้ว ผู้เขียนมีข้อมูลใหม่เพิ่มเติมอีกว่าการนอนที่ดีคือนอนในช่วงร่างกายผลิต Growth Hormone ได้ดีที่สุดนั่นก็คือช่วงเวลาระหว่างสี่ทุ่มถึงตีสอง
หลังอ่านจบผมมีความเห็นส่วนตัวว่าสิ่งที่จะทำคือ
(1) รอให้ท้องร้องจ๊อกๆ บ่อยๆ เพื่อซ่อมแซมตัวเองและทำให้เยาว์วัยลง และ (2) ทานน้อยลง 60% ของแต่ละมื้อ.......”
นอกจากที่คุณอดิศรเขียนแล้ว ผมไปค้นคว้าเพิ่มเติมและพบว่าเมื่อตอนคุณหมอ Nagumo มีอายุ 37 ปี เขาหนัก 77 กิโลกรัม และเมื่ออายุ 57 ปี หนัก 62 กิโลกรัม ความดันโลหิตเท่ากับคนอายุ 26 ปี อายุมวลกระดูกเท่ากับคนอายุ 28 ปี และสมองมีอายุเท่ากับคนอายุ 38 ปี จากที่ดูรูปในอินเทอร์เน็ตถึงแม้ขณะนี้คุณหมออายุ 59 ปี แต่หน้าตาเหมือนไม่ถึง 40 ปี ด้วยซ้ำ
คุณหมอพูดในโทรทัศน์ว่าแค่เริ่มต้นไม่กี่วันก็จะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของสุขภาพแล้ว กลิ่นตัวจะหายไป ผิวหนังจะเนียนขึ้น หน้าท้องจะเรียบขึ้น รูปลักษณ์ของคนผอมจะเริ่มปรากฏ และจิตใจคึกคักขึ้นกว่าเก่า
คุณหมอแนะนำให้ทำติดต่อกัน 52 วัน โดยกินอาหารวันละหนึ่งมื้อคือมื้อกลางวัน ในมื้อนี้อยากกินอะไรก็ตามใจตัวเองได้ หากหิวมากก็อาจเสริมด้วยผลไม้และอาหารเบาๆ ก่อนอาหารเย็น
การกินอาหารน้อยลงมีประโยชน์อย่างแน่นอนเพราะมนุษย์เราโดยทั่วไปก็กินกันเกินพอดีอยู่แล้ว การทำตามคำแนะนำของคุณหมอแค่กินอาหารน้อยลง กินหลังจากที่ท้องร้องนานพอควร และหากแถมด้วยการเดินและออกกำลังกายก็ย่อมดีต่อสุขภาพ
ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ
ที่มา: คอลัมน์ "อาหารสมอง" | กรุงเทพธุรกิจ | 20 ม.ค. 58
Cr.FB: โต๊ะป้าศรี CH Table📣 ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี❓️มันยาวนะ แต่อ่านจบแล้วจะรู้คำตอบ 👉ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี เป็นข้อความที่ยั่วยุให้คนไทยเปิดอ่านหนังสือชื่อนี้ ซึ่งฟังแปลกหูและแปลกใหม่ คนญี่ปุ่นก็เป็นเช่นเดียวกันเพราะเป็นหนังสือยอดฮิตในประเทศนั้น โดยมีเนื้อหาปลุกเร้าให้เกิดพฤติกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและต่อกระเป๋า หนังสือ “ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี” แปลจากภาษาญี่ปุ่น ซึ่งผู้เขียนคือนายแพทย์โยะชิ โนะริ นะงุโม (Yoshinori Nagumo) ผู้แปลคือคุณพิมพ์รัก สุขสวัสดิ์ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์วีเลิร์น ปิยมิตรของผมคนหนึ่งคือ คุณอดิศร ธรรมาพฤทธิ นักธุรกิจใหญ่แนวหน้าของไทยในเรื่องการหล่อโลหะ ได้ซื้อหนังสือเล่มนี้เป็นร้อยเล่มเพื่อแจกเพื่อนๆ และยิ่งไปกว่านั้นยังได้เขียนสรุปเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้และโพสต์ออนไลน์เมื่อเร็วๆ นี้เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่สาธารณชน ผมขอนำเอาสิ่งที่คุณอดิศรเขียนไว้มานำเสนอดังต่อไปนี้ “ผู้เขียนเป็นนายแพทย์และเป็นผู้อำนวยการใหญ่ในโรงพยาบาลสี่แห่งในญี่ปุ่น เป็นนักเขียนชื่อดังในญี่ปุ่น และเป็นแขกประจำรายการทีวีหลายรายการ เป็นประธานกิตติมศักดิ์ของ Anti-Aging Medicine World Congress ผู้เขียนค้นพบวิธีการลดน้ำหนักด้วยการทานเหลือวันละมื้อ และพบว่าความหิวเป็นกระบวนการที่ทำให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอด้วยยีนที่ชื่อ เซอร์ทูอิน (Sirtuin) ในขณะเดียวกันร่างกายก็จะผลิต Growth Hormone ออกมา คุณหมอบอกว่า “...สิ่งที่ผมมุ่งหวังคือการวางแผนสำหรับชีวิตที่มีอายุยืนถึงหนึ่งร้อยปี โดยยังมีหน้าท้องที่แบนราบและมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูอ่อนเยาว์ บางคนบอกว่าไม่อยากอายุยืนขนาดนั้น... แต่คนที่พูดแบบนั้นพอถึงคราวเจ็บป่วยก็รีบวิ่งโร่มาหาหมอทุกราย …เมื่อเข้าสู่วัยชรา ทุกวันจะมีแต่ความทุกข์ทรมาน ซึ่งเป็นผลจากการละเลยสุขภาพ.... …ผมว่าต้องเลือกแล้วละว่า จะใช้เวลานอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลแล้วทำให้คนรอบข้างเดือดร้อน หรือจะมีสุขภาพดีร่างกายแข็งแรง มีกำลังวังชา รูปลักษณ์ภายนอกดูอ่อนเยาว์จนถึงวาระสุดท้าย แล้วจากไปอย่างสง่างาม…” ในบทนำมีการเกริ่นว่าผู้เขียนเริ่มทานอาหารเหลือวันละมื้อเมื่ออายุ 45 ปีเพราะปัญหาเรื่องสุขภาพ ผ่านไปสิบปีเมื่อเขาไปตรวจร่างกายพบว่าอายุหลอดเลือดของเขาเท่ากับคนอายุ 26 ปี เขาเล่าว่ามนุษย์ในอดีตไม่ได้มีกินอุดมสมบูรณ์โดยกินสามมื้อเหมือนปัจจุบันนี้ ในอดีตเรากินวันละมื้อก็บุญแล้ว ดังนั้น ร่างกายเราจึงมีภูมิคุ้มกันในตัวเอง เมื่อเราหิวไม่มีกินเราจะมียีนที่ชื่อ เซอร์ทูอิน (Sirtuin) ออกมาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอต่างๆ ภายในร่างกาย ในขณะเดียวกันร่างกายก็จะผลิต Growth Hormone ออกมา ซึ่งเจ้า Growth Hormone นี้ทำให้เรากลับเป็นหนุ่มสาวมากขึ้น ซึ่งเป็นกระบวนการเพื่อการอยู่รอด ปัญหาก็คือ เมื่อร่างกายอิ่ม กลไกนี้ไม่เกิด เราจึงแก่ไปเรื่อยๆ สรุปง่ายๆ ก็คือ การกินมากไปคือสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคภัยต่างๆ และที่สำคัญร่างกายเราไม่ได้ถูกออกแบบให้กินอิ่ม เราจึงปรับตัวให้การกินอิ่มได้ไม่ดี ทำให้กระบวนการธรรมชาติของร่างกายเรารวนนั่นเอง ในเรื่องการกินวันละมื้อ ผู้เขียนได้แนะนำสิ่งที่เขาทำมาแล้วได้ผล เขาบอกว่าเขาเพลิดเพลินกับการที่ได้ยินเสียงท้องร้องจ๊อกๆ เพราะว่าเขารู้ว่าร่างกายเรากำลังซ่อมแซมและปรับตัวให้เยาว์วัยด้วยกระบวนการที่กล่าวถึงข้างต้น ในเชิงหลักการทางวิทยาศาสตร์เขาอธิบายดังนี้ (1) ปากทางเข้าลำไส้เล็กจะมีเซนเซอร์เตรียมรอรับของกินอยู่ ถ้าไม่มีอาหารไหลลงมาเสียที ลำไส้เล็กก็จะรีบหลั่งฮอร์โมนสำหรับย่อยอาหาร โมลิติน (Molitin) ออกมา ทำให้กระเพาะอาหารบีบตัว เพื่อส่งของกินที่อาจจะตกค้างอยู่ในกระเพาะอาหารเข้าไปในลำไส้เล็ก เรียกว่า “การบีบตัวเมื่อหิว” และเป็นตัวการที่แท้จริงของอาการท้องร้องจ๊อกๆ (2) เมื่อกระเพาะรู้ตัวว่าหิวจะหลั่งฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) ออกมา เกรลินจะถูกหลั่งออกมาจากเยื่อบุกระเพาะอาหารซึ่งถูกกระตุ้นเพราะความหิว โดยจะออกฤทธิ์ที่สมองส่วนไฮโปทาลามัส (Hypothalamus) ทำให้เกิดความอยากอาหาร ขณะเดียวกันก็จะออกฤทธิ์ที่ต่อมใต้สมอง ทำให้หลั่ง Growth Hormone ออกมา เจ้า Growth Hormone นี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ฮอร์โมนที่ทำให้กลับไปเป็น หนุ่มสาว” นั่นหมายความว่าตอนที่ท้องกำลังร้องจ๊อกๆ เพราะหิว คุณจะค่อยๆ มีเสน่ห์ขึ้นจากฮอร์โมนที่ทำให้กลับเป็นหนุ่มสาว ถึงท้องจะร้องก็อย่าเพิ่งรีบกินอาหาร ให้มาลองเพลิดเพลินกับประสิทธิภาพของการกลับเป็นหนุ่มสาวที่ได้จาก Growth Hormone กันสักครู่หนึ่งก่อน (3) ตอนที่ท้องกำลังร้องจ๊อกๆ นั้น ความสามารถในการอยู่รอดอันยอดเยี่ยมกำลังพลุ่งพล่านขึ้นมา นั่นก็คือ “ยีนเซอร์ทูอิน” ที่มีสมญาว่า “ยีนต่ออายุขัย” หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ยีนที่ทำให้อายุยืน” กำลังทำงาน จากการทดลองกับสัตว์หลายชนิดพบว่า เมื่อลดปริมาณอาหารลง 40% จะทำให้อายุยืนขึ้น 1.5 เท่า ทว่ายีนนี้จะมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อมีเงื่อนไขบางประการ นั่นคือ “ความหิว” ตราบใดที่ท้องไม่ร้องจ๊อกเพราะหิว ยีนนี้ก็จะไม่ทำงาน ดังนั้นการกินอาหารทั้งที่ยังไม่หิวจึงหมายถึงการมีของดีอยู่กับตัวแต่ไม่ใช้ให้เป็นประโยชน์ มาทำให้ท้องร้องจ๊อกด้วยการกินอาหารวันละมื้อดีกว่า แล้วยีนเซอร์ทูอินนี้จะช่วยสแกนยีนในร่างกายอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งค่อยๆ ฟื้นฟูส่วนที่เสียหาย กล่าวกันว่าความแก่ชราและโรคมะเร็งก็มีสาเหตุมาจากความผิดปกติของยีน ดังนั้นเราสามารถทำให้กลับเป็นหนุ่มสาวและป้องกันโรคมะเร็งด้วยการกินอาหารวันละมื้อ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อหิวแล้วอาหารยังตกไม่ถึงท้อง ร่างกายจะนำไขมันที่สะสมไว้ในช่องท้องมาเปลี่ยนเป็นสารอาหาร ทำให้หน้าท้องแบนราบ นอกจากการกินวันละมื้อแล้ว ผู้เขียนมีข้อมูลใหม่เพิ่มเติมอีกว่าการนอนที่ดีคือนอนในช่วงร่างกายผลิต Growth Hormone ได้ดีที่สุดนั่นก็คือช่วงเวลาระหว่างสี่ทุ่มถึงตีสอง หลังอ่านจบผมมีความเห็นส่วนตัวว่าสิ่งที่จะทำคือ (1) รอให้ท้องร้องจ๊อกๆ บ่อยๆ เพื่อซ่อมแซมตัวเองและทำให้เยาว์วัยลง และ (2) ทานน้อยลง 60% ของแต่ละมื้อ.......” นอกจากที่คุณอดิศรเขียนแล้ว ผมไปค้นคว้าเพิ่มเติมและพบว่าเมื่อตอนคุณหมอ Nagumo มีอายุ 37 ปี เขาหนัก 77 กิโลกรัม และเมื่ออายุ 57 ปี หนัก 62 กิโลกรัม ความดันโลหิตเท่ากับคนอายุ 26 ปี อายุมวลกระดูกเท่ากับคนอายุ 28 ปี และสมองมีอายุเท่ากับคนอายุ 38 ปี จากที่ดูรูปในอินเทอร์เน็ตถึงแม้ขณะนี้คุณหมออายุ 59 ปี แต่หน้าตาเหมือนไม่ถึง 40 ปี ด้วยซ้ำ คุณหมอพูดในโทรทัศน์ว่าแค่เริ่มต้นไม่กี่วันก็จะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของสุขภาพแล้ว กลิ่นตัวจะหายไป ผิวหนังจะเนียนขึ้น หน้าท้องจะเรียบขึ้น รูปลักษณ์ของคนผอมจะเริ่มปรากฏ และจิตใจคึกคักขึ้นกว่าเก่า คุณหมอแนะนำให้ทำติดต่อกัน 52 วัน โดยกินอาหารวันละหนึ่งมื้อคือมื้อกลางวัน ในมื้อนี้อยากกินอะไรก็ตามใจตัวเองได้ หากหิวมากก็อาจเสริมด้วยผลไม้และอาหารเบาๆ ก่อนอาหารเย็น การกินอาหารน้อยลงมีประโยชน์อย่างแน่นอนเพราะมนุษย์เราโดยทั่วไปก็กินกันเกินพอดีอยู่แล้ว การทำตามคำแนะนำของคุณหมอแค่กินอาหารน้อยลง กินหลังจากที่ท้องร้องนานพอควร และหากแถมด้วยการเดินและออกกำลังกายก็ย่อมดีต่อสุขภาพ ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ ที่มา: คอลัมน์ "อาหารสมอง" | กรุงเทพธุรกิจ | 20 ม.ค. 58 Cr.FB: โต๊ะป้าศรี CH Table0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 661 มุมมอง 0 รีวิว - 📌ข้อคิดดีๆฝากถึง Gen-Y และ Gen-Xตลอดจน ผู้ที่กำลังก้าวเข้าสู่ผู้สูงวัยจาก
➡️นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ (ปัจจุบันอายุ 99 ปี) เจ้าของผลงานหนังสือ
“อายุ 120 ปี ทำไมจะทำให้ไม่ได้”
1. ผมเริ่มหันมาดูแลตัวเองอย่างจริงจังตั้งแต่อายุ 35 ปี ผมเป็นนักกีฬา ไม่เคยป่วย ไม่เคยเจ็บ ตอนทำงานคนอื่นเขาลาป่วยกัน ผมไม่เคยลา ผมวิ่ง ว่ายน้ำ ขึ้นเขาลงห้วยมาหมด พอเป็นอย่างนั้นผมก็มาตั้งเป้าหมายของตัวเองว่าอยากมีอายุยืนยาวถึง 120 ปี
2. ที่ผมตั้งเป้าหมายว่าอยากมีอายุถึง 120 ปี ก็เพราะ หนึ่งผมเป็นหมอ เลยอยากทดลองกับตัวเอง และสองเป็นการทำให้ตัวเองไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ไม่นอนป่วย ถ้าเป็นคนอื่นที่มีอายุขนาดนี้เขาป่วยตายกันไปเเล้ว แต่ผมยังเเข็งแรง ขับรถทางไกลไปหัวหิน ไปไหนมาไหนได้สบายๆ
3. ผมกินแบบช้าง ม้า วัว ควาย ไม่ได้กินแบบเสือ สิงโต หมา แมว เนื้อสัตว์ผมจะกินให้น้อยที่สุด กินเเต่ผัก กินผลไม้ ก็ทำให้แข็งแรงน่ะสิ ตลอดชีวิตผมให้เลือดไปทั้งหมด 114 ครั้ง ได้เลือดรวม 60 ลิตร ผมให้เลือดจนถึงอายุ 70 กว่าปีเพราะแข็งแรง คนปกติแค่อายุ 60 เขาก็หยุดให้เเล้ว เพราะกรุ๊ปเลือดผมเป็นเอบี หายาก มีน้อย
4. สุขภาพที่ดีมาจากการออกกำลังกายสม่ำเสมอ น้ำหนักส่วนสูงต้องเป๊ะ คนอ้วนๆ ตายเร็วทั้งนั้นแหละ สังเกตดีๆ คนอายุยืนรูปร่างจะสูงเพรียว แต่ถ้าอ้วน ความดัน เบาหวาน โรคไต โรคตับ โรคอะไรร้อยแปด สุดท้ายก็ตายเร็ว
5. ถ้าอยากดูแลสุขภาพตัวเอง เริ่มต้นง่ายๆ แค่ดูน้ำหนักกับส่วนสูง ผู้ชายสูงกี่เซนติเมตรให้เอา 100 ลบ แก้ผ้าชั่งน้ำหนักเลยนะ สมมติสูง 170 หัวเด็ดตีนขาดอย่าเกิน 70 กิโลกรัม ถ้าจะให้ดียิ่งไปอีกเอา 105 ลบ ส่วนผู้หญิงให้เอา 110 ลบ หุ่นนางงามอย่าง อาภัสรา หงสกุล สูง 170 น้ำหนัก 50 กิโลกรัม เห็นไหมเขาถึงได้เป็นมิสยูนิเวิร์ส
6. การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด ไม่ต้องมีสระว่ายน้ำ ไม่ต้องมีอุปกรณ์อะไร นอกจากไปซื้อรองเท้ามาคู่หนึ่ง คนวัยทำงานควรหาเวลาออกกำลังกายอย่างน้อยๆ 3-4 วันใน 1 สัปดาห์ ก็ไปวิ่งสิ ให้ได้สักวันละ 5 กิโลเมตร วิ่งแล้วหัวใจก็แข็งแรง กล้ามเนื้อเเข็งแรง เหงื่อออก น้ำหนักตัวก็จะลดลง
7. คนเราก็มีอยู่สองอย่าง มีคิดผิดกับคิดถูก ที่บอกว่ายิ่งแก่ยิ่งหมดไฟในการมีชีวิต ก็คนแบบนั้นมันคิดไม่เป็นไง หรือไม่ได้คิด เอาแต่เที่ยวเตร่ กินเหล้าเมายา สูบบุหรี่ เที่ยวหามรุ่งหามค่ำ แต่ผมไม่ ทุกวันนี้สนุกจะตาย ทดลองใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ
8. คำว่า ‘ความสุข’ กับ ‘อายุยืน’ นั้นมาคู่กัน สุขอื่นใดยิ่งกว่าความสงบไม่มี พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ เพราะฉะนั้น เราก็ทำจิตใจให้สบาย สงบ ไม่เครียด ไม่จุ้นจ้าน ไม่หาเรื่อง ไม่โกรธ จิตใจมันก็สบาย แล้วสร้างแต่บุญสร้างแต่กุศล คนชั่ว คนใจบาปหยาบช้าไม่มีทางมีความสุขและอายุยืนยาวได้เลย คุณต้องทำจิตใจให้สบาย สร้างแต่บุญกุศล และทำแต่ความดี
9. ผมแทบไม่มีเรื่องที่เสียดายในชีวิต เพราะผมวางแผนไว้หมดทุกอย่าง ผมเริ่มต้นดูแลสุขภาพมาตั้งแต่อายุยังน้อยๆ วางแผนทุกอย่างตั้งแต่การออกกำลังกาย การกินอาหาร และพักผ่อนนอนหลับ เรื่องที่เสียดายเกือบจะไม่มี เพราะชีวิตมันคือการวางแผน ผมวางแผนไว้ตั้งแต่หนุ่มๆ และมันเป็นไปตามแผนหมดทุกอย่าง หนังสืองานศพก็มี ความหมายของการมีหนังสืองานศพของตัวเองคือ การเตรียมตัวเตรียมใจ พูดง่ายๆ ว่าเตรียมพร้อมทุกอย่างไว้แล้ว คนเขียนคำไว้อาลัยให้เสร็จสรรพเรียบร้อยหมด
10. สิ่งที่มีคุณค่าสำหรับคนวัยผมก็คือ การเห็นความก้าวหน้าของลูกหลานและเหลน ลูกทุกคนมีครอบครัวที่ดี เหมือนกับเราปลูกต้นไม้ เห็นต้นไม้ออกดอกผล ไม่มีด้วงไม่มีแมลงมาเกาะมันก็คือความสุข
11. ชีวิตคนเราไม่ต้องมีต้นแบบ ตัวเราเป็นต้นแบบของตัวเองได้ อย่างผมไง ผมดูแลสุขภาพ วางแผนชีวิตตัวเองมาตลอดตั้งแต่ยังหนุ่มๆ ไม่จำเป็นต้องหาต้นแบบจากที่ไหน
นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ (ปัจจุบันอายุ 99 ปี)
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์
FB: โต๊ะป้าศรี CH Table
(แอดมินเดือน)📌ข้อคิดดีๆฝากถึง Gen-Y และ Gen-Xตลอดจน ผู้ที่กำลังก้าวเข้าสู่ผู้สูงวัยจาก ➡️นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ (ปัจจุบันอายุ 99 ปี) เจ้าของผลงานหนังสือ “อายุ 120 ปี ทำไมจะทำให้ไม่ได้” 1. ผมเริ่มหันมาดูแลตัวเองอย่างจริงจังตั้งแต่อายุ 35 ปี ผมเป็นนักกีฬา ไม่เคยป่วย ไม่เคยเจ็บ ตอนทำงานคนอื่นเขาลาป่วยกัน ผมไม่เคยลา ผมวิ่ง ว่ายน้ำ ขึ้นเขาลงห้วยมาหมด พอเป็นอย่างนั้นผมก็มาตั้งเป้าหมายของตัวเองว่าอยากมีอายุยืนยาวถึง 120 ปี 2. ที่ผมตั้งเป้าหมายว่าอยากมีอายุถึง 120 ปี ก็เพราะ หนึ่งผมเป็นหมอ เลยอยากทดลองกับตัวเอง และสองเป็นการทำให้ตัวเองไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ไม่นอนป่วย ถ้าเป็นคนอื่นที่มีอายุขนาดนี้เขาป่วยตายกันไปเเล้ว แต่ผมยังเเข็งแรง ขับรถทางไกลไปหัวหิน ไปไหนมาไหนได้สบายๆ 3. ผมกินแบบช้าง ม้า วัว ควาย ไม่ได้กินแบบเสือ สิงโต หมา แมว เนื้อสัตว์ผมจะกินให้น้อยที่สุด กินเเต่ผัก กินผลไม้ ก็ทำให้แข็งแรงน่ะสิ ตลอดชีวิตผมให้เลือดไปทั้งหมด 114 ครั้ง ได้เลือดรวม 60 ลิตร ผมให้เลือดจนถึงอายุ 70 กว่าปีเพราะแข็งแรง คนปกติแค่อายุ 60 เขาก็หยุดให้เเล้ว เพราะกรุ๊ปเลือดผมเป็นเอบี หายาก มีน้อย 4. สุขภาพที่ดีมาจากการออกกำลังกายสม่ำเสมอ น้ำหนักส่วนสูงต้องเป๊ะ คนอ้วนๆ ตายเร็วทั้งนั้นแหละ สังเกตดีๆ คนอายุยืนรูปร่างจะสูงเพรียว แต่ถ้าอ้วน ความดัน เบาหวาน โรคไต โรคตับ โรคอะไรร้อยแปด สุดท้ายก็ตายเร็ว 5. ถ้าอยากดูแลสุขภาพตัวเอง เริ่มต้นง่ายๆ แค่ดูน้ำหนักกับส่วนสูง ผู้ชายสูงกี่เซนติเมตรให้เอา 100 ลบ แก้ผ้าชั่งน้ำหนักเลยนะ สมมติสูง 170 หัวเด็ดตีนขาดอย่าเกิน 70 กิโลกรัม ถ้าจะให้ดียิ่งไปอีกเอา 105 ลบ ส่วนผู้หญิงให้เอา 110 ลบ หุ่นนางงามอย่าง อาภัสรา หงสกุล สูง 170 น้ำหนัก 50 กิโลกรัม เห็นไหมเขาถึงได้เป็นมิสยูนิเวิร์ส 6. การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด ไม่ต้องมีสระว่ายน้ำ ไม่ต้องมีอุปกรณ์อะไร นอกจากไปซื้อรองเท้ามาคู่หนึ่ง คนวัยทำงานควรหาเวลาออกกำลังกายอย่างน้อยๆ 3-4 วันใน 1 สัปดาห์ ก็ไปวิ่งสิ ให้ได้สักวันละ 5 กิโลเมตร วิ่งแล้วหัวใจก็แข็งแรง กล้ามเนื้อเเข็งแรง เหงื่อออก น้ำหนักตัวก็จะลดลง 7. คนเราก็มีอยู่สองอย่าง มีคิดผิดกับคิดถูก ที่บอกว่ายิ่งแก่ยิ่งหมดไฟในการมีชีวิต ก็คนแบบนั้นมันคิดไม่เป็นไง หรือไม่ได้คิด เอาแต่เที่ยวเตร่ กินเหล้าเมายา สูบบุหรี่ เที่ยวหามรุ่งหามค่ำ แต่ผมไม่ ทุกวันนี้สนุกจะตาย ทดลองใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ 8. คำว่า ‘ความสุข’ กับ ‘อายุยืน’ นั้นมาคู่กัน สุขอื่นใดยิ่งกว่าความสงบไม่มี พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ เพราะฉะนั้น เราก็ทำจิตใจให้สบาย สงบ ไม่เครียด ไม่จุ้นจ้าน ไม่หาเรื่อง ไม่โกรธ จิตใจมันก็สบาย แล้วสร้างแต่บุญสร้างแต่กุศล คนชั่ว คนใจบาปหยาบช้าไม่มีทางมีความสุขและอายุยืนยาวได้เลย คุณต้องทำจิตใจให้สบาย สร้างแต่บุญกุศล และทำแต่ความดี 9. ผมแทบไม่มีเรื่องที่เสียดายในชีวิต เพราะผมวางแผนไว้หมดทุกอย่าง ผมเริ่มต้นดูแลสุขภาพมาตั้งแต่อายุยังน้อยๆ วางแผนทุกอย่างตั้งแต่การออกกำลังกาย การกินอาหาร และพักผ่อนนอนหลับ เรื่องที่เสียดายเกือบจะไม่มี เพราะชีวิตมันคือการวางแผน ผมวางแผนไว้ตั้งแต่หนุ่มๆ และมันเป็นไปตามแผนหมดทุกอย่าง หนังสืองานศพก็มี ความหมายของการมีหนังสืองานศพของตัวเองคือ การเตรียมตัวเตรียมใจ พูดง่ายๆ ว่าเตรียมพร้อมทุกอย่างไว้แล้ว คนเขียนคำไว้อาลัยให้เสร็จสรรพเรียบร้อยหมด 10. สิ่งที่มีคุณค่าสำหรับคนวัยผมก็คือ การเห็นความก้าวหน้าของลูกหลานและเหลน ลูกทุกคนมีครอบครัวที่ดี เหมือนกับเราปลูกต้นไม้ เห็นต้นไม้ออกดอกผล ไม่มีด้วงไม่มีแมลงมาเกาะมันก็คือความสุข 11. ชีวิตคนเราไม่ต้องมีต้นแบบ ตัวเราเป็นต้นแบบของตัวเองได้ อย่างผมไง ผมดูแลสุขภาพ วางแผนชีวิตตัวเองมาตลอดตั้งแต่ยังหนุ่มๆ ไม่จำเป็นต้องหาต้นแบบจากที่ไหน นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ (ปัจจุบันอายุ 99 ปี) ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : ผู้จัดการออนไลน์ FB: โต๊ะป้าศรี CH Table (แอดมินเดือน)0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 686 มุมมอง 0 รีวิว - ❤️ขัอคิดดีๆฝากถึง Gen-Y Gen-X และผู้ที่กำลังก้าวเข้าสู่สูงวัยจาก
👉นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ (ปัจจุบันอายุ 99 ปี) เจ้าของผลงานหนังสือ
“อายุ 120 ปี ทำไมจะทำให้ไม่ได้”
1. ผมเริ่มหันมาดูแลตัวเองอย่างจริงจังตั้งแต่อายุ 35 ปี ผมเป็นนักกีฬา ไม่เคยป่วย ไม่เคยเจ็บ ตอนทำงานคนอื่นเขาลาป่วยกัน ผมไม่เคยลา ผมวิ่ง ว่ายน้ำ ขึ้นเขาลงห้วยมาหมด พอเป็นอย่างนั้นผมก็มาตั้งเป้าหมายของตัวเองว่าอยากมีอายุยืนยาวถึง 120 ปี
2. ที่ผมตั้งเป้าหมายว่าอยากมีอายุถึง 120 ปี ก็เพราะ หนึ่งผมเป็นหมอ เลยอยากทดลองกับตัวเอง และสองเป็นการทำให้ตัวเองไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ไม่นอนป่วย ถ้าเป็นคนอื่นที่มีอายุขนาดนี้เขาป่วยตายกันไปเเล้ว แต่ผมยังเเข็งแรง ขับรถทางไกลไปหัวหิน ไปไหนมาไหนได้สบายๆ
3. ผมกินแบบช้าง ม้า วัว ควาย ไม่ได้กินแบบเสือ สิงโต หมา แมว เนื้อสัตว์ผมจะกินให้น้อยที่สุด กินเเต่ผัก กินผลไม้ ก็ทำให้แข็งแรงน่ะสิ ตลอดชีวิตผมให้เลือดไปทั้งหมด 114 ครั้ง ได้เลือดรวม 60 ลิตร ผมให้เลือดจนถึงอายุ 70 กว่าปีเพราะแข็งแรง คนปกติแค่อายุ 60 เขาก็หยุดให้เเล้ว เพราะกรุ๊ปเลือดผมเป็นเอบี หายาก มีน้อย
4. สุขภาพที่ดีมาจากการออกกำลังกายสม่ำเสมอ น้ำหนักส่วนสูงต้องเป๊ะ คนอ้วนๆ ตายเร็วทั้งนั้นแหละ สังเกตดีๆ คนอายุยืนรูปร่างจะสูงเพรียว แต่ถ้าอ้วน ความดัน เบาหวาน โรคไต โรคตับ โรคอะไรร้อยแปด สุดท้ายก็ตายเร็ว
5. ถ้าอยากดูแลสุขภาพตัวเอง เริ่มต้นง่ายๆ แค่ดูน้ำหนักกับส่วนสูง ผู้ชายสูงกี่เซนติเมตรให้เอา 100 ลบ แก้ผ้าชั่งน้ำหนักเลยนะ สมมติสูง 170 หัวเด็ดตีนขาดอย่าเกิน 70 กิโลกรัม ถ้าจะให้ดียิ่งไปอีกเอา 105 ลบ ส่วนผู้หญิงให้เอา 110 ลบ หุ่นนางงามอย่าง อาภัสรา หงสกุล สูง 170 น้ำหนัก 50 กิโลกรัม เห็นไหมเขาถึงได้เป็นมิสยูนิเวิร์ส
6. การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด ไม่ต้องมีสระว่ายน้ำ ไม่ต้องมีอุปกรณ์อะไร นอกจากไปซื้อรองเท้ามาคู่หนึ่ง คนวัยทำงานควรหาเวลาออกกำลังกายอย่างน้อยๆ 3-4 วันใน 1 สัปดาห์ ก็ไปวิ่งสิ ให้ได้สักวันละ 5 กิโลเมตร วิ่งแล้วหัวใจก็แข็งแรง กล้ามเนื้อเเข็งแรง เหงื่อออก น้ำหนักตัวก็จะลดลง
7. คนเราก็มีอยู่สองอย่าง มีคิดผิดกับคิดถูก ที่บอกว่ายิ่งแก่ยิ่งหมดไฟในการมีชีวิต ก็คนแบบนั้นมันคิดไม่เป็นไง หรือไม่ได้คิด เอาแต่เที่ยวเตร่ กินเหล้าเมายา สูบบุหรี่ เที่ยวหามรุ่งหามค่ำ แต่ผมไม่ ทุกวันนี้สนุกจะตาย ทดลองใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ
8. คำว่า ‘ความสุข’ กับ ‘อายุยืน’ นั้นมาคู่กัน สุขอื่นใดยิ่งกว่าความสงบไม่มี พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ เพราะฉะนั้น เราก็ทำจิตใจให้สบาย สงบ ไม่เครียด ไม่จุ้นจ้าน ไม่หาเรื่อง ไม่โกรธ จิตใจมันก็สบาย แล้วสร้างแต่บุญสร้างแต่กุศล คนชั่ว คนใจบาปหยาบช้าไม่มีทางมีความสุขและอายุยืนยาวได้เลย คุณต้องทำจิตใจให้สบาย สร้างแต่บุญกุศล และทำแต่ความดี
9. ผมแทบไม่มีเรื่องที่เสียดายในชีวิต เพราะผมวางแผนไว้หมดทุกอย่าง ผมเริ่มต้นดูแลสุขภาพมาตั้งแต่อายุยังน้อยๆ วางแผนทุกอย่างตั้งแต่การออกกำลังกาย การกินอาหาร และพักผ่อนนอนหลับ เรื่องที่เสียดายเกือบจะไม่มี เพราะชีวิตมันคือการวางแผน ผมวางแผนไว้ตั้งแต่หนุ่มๆ และมันเป็นไปตามแผนหมดทุกอย่าง หนังสืองานศพก็มี ความหมายของการมีหนังสืองานศพของตัวเองคือ การเตรียมตัวเตรียมใจ พูดง่ายๆ ว่าเตรียมพร้อมทุกอย่างไว้แล้ว คนเขียนคำไว้อาลัยให้เสร็จสรรพเรียบร้อยหมด
10. สิ่งที่มีคุณค่าสำหรับคนวัยผมก็คือ การเห็นความก้าวหน้าของลูกหลานและเหลน ลูกทุกคนมีครอบครัวที่ดี เหมือนกับเราปลูกต้นไม้ เห็นต้นไม้ออกดอกผล ไม่มีด้วงไม่มีแมลงมาเกาะมันก็คือความสุข
11. ชีวิตคนเราไม่ต้องมีต้นแบบ ตัวเราเป็นต้นแบบของตัวเองได้ อย่างผมไง ผมดูแลสุขภาพ วางแผนชีวิตตัวเองมาตลอดตั้งแต่ยังหนุ่มๆ ไม่จำเป็นต้องหาต้นแบบจากที่ไหน
นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ (ปัจจุบันอายุ 99ปี❤️ขัอคิดดีๆฝากถึง Gen-Y Gen-X และผู้ที่กำลังก้าวเข้าสู่สูงวัยจาก 👉นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ (ปัจจุบันอายุ 99 ปี) เจ้าของผลงานหนังสือ “อายุ 120 ปี ทำไมจะทำให้ไม่ได้” 1. ผมเริ่มหันมาดูแลตัวเองอย่างจริงจังตั้งแต่อายุ 35 ปี ผมเป็นนักกีฬา ไม่เคยป่วย ไม่เคยเจ็บ ตอนทำงานคนอื่นเขาลาป่วยกัน ผมไม่เคยลา ผมวิ่ง ว่ายน้ำ ขึ้นเขาลงห้วยมาหมด พอเป็นอย่างนั้นผมก็มาตั้งเป้าหมายของตัวเองว่าอยากมีอายุยืนยาวถึง 120 ปี 2. ที่ผมตั้งเป้าหมายว่าอยากมีอายุถึง 120 ปี ก็เพราะ หนึ่งผมเป็นหมอ เลยอยากทดลองกับตัวเอง และสองเป็นการทำให้ตัวเองไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ไม่นอนป่วย ถ้าเป็นคนอื่นที่มีอายุขนาดนี้เขาป่วยตายกันไปเเล้ว แต่ผมยังเเข็งแรง ขับรถทางไกลไปหัวหิน ไปไหนมาไหนได้สบายๆ 3. ผมกินแบบช้าง ม้า วัว ควาย ไม่ได้กินแบบเสือ สิงโต หมา แมว เนื้อสัตว์ผมจะกินให้น้อยที่สุด กินเเต่ผัก กินผลไม้ ก็ทำให้แข็งแรงน่ะสิ ตลอดชีวิตผมให้เลือดไปทั้งหมด 114 ครั้ง ได้เลือดรวม 60 ลิตร ผมให้เลือดจนถึงอายุ 70 กว่าปีเพราะแข็งแรง คนปกติแค่อายุ 60 เขาก็หยุดให้เเล้ว เพราะกรุ๊ปเลือดผมเป็นเอบี หายาก มีน้อย 4. สุขภาพที่ดีมาจากการออกกำลังกายสม่ำเสมอ น้ำหนักส่วนสูงต้องเป๊ะ คนอ้วนๆ ตายเร็วทั้งนั้นแหละ สังเกตดีๆ คนอายุยืนรูปร่างจะสูงเพรียว แต่ถ้าอ้วน ความดัน เบาหวาน โรคไต โรคตับ โรคอะไรร้อยแปด สุดท้ายก็ตายเร็ว 5. ถ้าอยากดูแลสุขภาพตัวเอง เริ่มต้นง่ายๆ แค่ดูน้ำหนักกับส่วนสูง ผู้ชายสูงกี่เซนติเมตรให้เอา 100 ลบ แก้ผ้าชั่งน้ำหนักเลยนะ สมมติสูง 170 หัวเด็ดตีนขาดอย่าเกิน 70 กิโลกรัม ถ้าจะให้ดียิ่งไปอีกเอา 105 ลบ ส่วนผู้หญิงให้เอา 110 ลบ หุ่นนางงามอย่าง อาภัสรา หงสกุล สูง 170 น้ำหนัก 50 กิโลกรัม เห็นไหมเขาถึงได้เป็นมิสยูนิเวิร์ส 6. การวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายที่สุด ไม่ต้องมีสระว่ายน้ำ ไม่ต้องมีอุปกรณ์อะไร นอกจากไปซื้อรองเท้ามาคู่หนึ่ง คนวัยทำงานควรหาเวลาออกกำลังกายอย่างน้อยๆ 3-4 วันใน 1 สัปดาห์ ก็ไปวิ่งสิ ให้ได้สักวันละ 5 กิโลเมตร วิ่งแล้วหัวใจก็แข็งแรง กล้ามเนื้อเเข็งแรง เหงื่อออก น้ำหนักตัวก็จะลดลง 7. คนเราก็มีอยู่สองอย่าง มีคิดผิดกับคิดถูก ที่บอกว่ายิ่งแก่ยิ่งหมดไฟในการมีชีวิต ก็คนแบบนั้นมันคิดไม่เป็นไง หรือไม่ได้คิด เอาแต่เที่ยวเตร่ กินเหล้าเมายา สูบบุหรี่ เที่ยวหามรุ่งหามค่ำ แต่ผมไม่ ทุกวันนี้สนุกจะตาย ทดลองใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ 8. คำว่า ‘ความสุข’ กับ ‘อายุยืน’ นั้นมาคู่กัน สุขอื่นใดยิ่งกว่าความสงบไม่มี พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ เพราะฉะนั้น เราก็ทำจิตใจให้สบาย สงบ ไม่เครียด ไม่จุ้นจ้าน ไม่หาเรื่อง ไม่โกรธ จิตใจมันก็สบาย แล้วสร้างแต่บุญสร้างแต่กุศล คนชั่ว คนใจบาปหยาบช้าไม่มีทางมีความสุขและอายุยืนยาวได้เลย คุณต้องทำจิตใจให้สบาย สร้างแต่บุญกุศล และทำแต่ความดี 9. ผมแทบไม่มีเรื่องที่เสียดายในชีวิต เพราะผมวางแผนไว้หมดทุกอย่าง ผมเริ่มต้นดูแลสุขภาพมาตั้งแต่อายุยังน้อยๆ วางแผนทุกอย่างตั้งแต่การออกกำลังกาย การกินอาหาร และพักผ่อนนอนหลับ เรื่องที่เสียดายเกือบจะไม่มี เพราะชีวิตมันคือการวางแผน ผมวางแผนไว้ตั้งแต่หนุ่มๆ และมันเป็นไปตามแผนหมดทุกอย่าง หนังสืองานศพก็มี ความหมายของการมีหนังสืองานศพของตัวเองคือ การเตรียมตัวเตรียมใจ พูดง่ายๆ ว่าเตรียมพร้อมทุกอย่างไว้แล้ว คนเขียนคำไว้อาลัยให้เสร็จสรรพเรียบร้อยหมด 10. สิ่งที่มีคุณค่าสำหรับคนวัยผมก็คือ การเห็นความก้าวหน้าของลูกหลานและเหลน ลูกทุกคนมีครอบครัวที่ดี เหมือนกับเราปลูกต้นไม้ เห็นต้นไม้ออกดอกผล ไม่มีด้วงไม่มีแมลงมาเกาะมันก็คือความสุข 11. ชีวิตคนเราไม่ต้องมีต้นแบบ ตัวเราเป็นต้นแบบของตัวเองได้ อย่างผมไง ผมดูแลสุขภาพ วางแผนชีวิตตัวเองมาตลอดตั้งแต่ยังหนุ่มๆ ไม่จำเป็นต้องหาต้นแบบจากที่ไหน นายแพทย์ เฉก ธนะสิริ (ปัจจุบันอายุ 99ปี0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 599 มุมมอง 0 รีวิว - 🎁สูงวัยอย่างไรให้มีคุณค่า🎁
🎁การเข้าสู่วัยสูงอายุไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิต แต่เป็นช่วงเวลาที่เราสามารถใช้ประสบการณ์และความรู้ที่สั่งสมมาสร้างคุณค่าให้กับตัวเองและสังคมได้ การมีคุณค่าหมายถึงการยังคงมีบทบาท มีความหมาย และรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง
👉เริ่มจากการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ทั้งกายและใจ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตโดยการทำกิจกรรมที่ชอบ เช่น อ่านหนังสือ ทำสวน หรือฝึกสมาธิ
👉นอกจากนี้ การมีปฏิสัมพันธ์กับสังคมก็สำคัญ ลองเข้าร่วมชมรมหรือทำงานอาสาสมัครเพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ให้กับคนรุ่นใหม่ การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เช่น เทคโนโลยีหรือทักษะใหม่ จะช่วยให้สมองสดชื่นและรู้สึกทันสมัย
👍สุดท้าย การมองชีวิตในแง่บวก ยอมรับการเปลี่ยนแปลง และใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย จะทำให้การเป็นผู้สูงวัยเต็มไปด้วยความสุขและความหมายที่แท้จริง🎁สูงวัยอย่างไรให้มีคุณค่า🎁 🎁การเข้าสู่วัยสูงอายุไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิต แต่เป็นช่วงเวลาที่เราสามารถใช้ประสบการณ์และความรู้ที่สั่งสมมาสร้างคุณค่าให้กับตัวเองและสังคมได้ การมีคุณค่าหมายถึงการยังคงมีบทบาท มีความหมาย และรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง 👉เริ่มจากการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ทั้งกายและใจ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตโดยการทำกิจกรรมที่ชอบ เช่น อ่านหนังสือ ทำสวน หรือฝึกสมาธิ 👉นอกจากนี้ การมีปฏิสัมพันธ์กับสังคมก็สำคัญ ลองเข้าร่วมชมรมหรือทำงานอาสาสมัครเพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ให้กับคนรุ่นใหม่ การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เช่น เทคโนโลยีหรือทักษะใหม่ จะช่วยให้สมองสดชื่นและรู้สึกทันสมัย 👍สุดท้าย การมองชีวิตในแง่บวก ยอมรับการเปลี่ยนแปลง และใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย จะทำให้การเป็นผู้สูงวัยเต็มไปด้วยความสุขและความหมายที่แท้จริง0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 459 มุมมอง 0 รีวิว - ✅️10 เหตุผลที่ Gen X และ Gen Y ควรดูแลสุขภาพและการเงินแบบ✅️ป้องกันดีกว่า❌️แก้ไข
1. สุขภาพแข็งแรงระยะยาว – ป้องกันโรคเรื้อรัง ลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในอนาคต
2. ลดภาระค่ารักษาพยาบาล – ค่ารักษาแพงขึ้นทุกปี การป้องกันช่วยประหยัดเงิน
3. มีพลังทำงานต่อเนื่อง – สุขภาพดีช่วยให้ทำงานได้ยาวนานและมีประสิทธิภาพ
4. ลดความเครียดทางการเงิน – การออมและลงทุนล่วงหน้าป้องกันปัญหาหนี้สิน
5. เพิ่มคุณภาพชีวิตสูงวัย – สุขภาพดีและเงินพอใช้ทำให้ชีวิตบั้นปลายมีความสุข
6. ลดความเสี่ยงโรคร้าย – การดูแลร่างกายช่วยลดโอกาสเกิดโรคหัวใจ เบาหวาน
7. ใช้ชีวิตอิสระยาวนาน – มีเงินสำรองและสุขภาพดีช่วยให้ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น
8. สร้างหลักประกันให้ครอบครัว – การวางแผนสุขภาพและการเงินช่วยลดภาระลูกหลาน
9. เตรียมพร้อมสำหรับวิกฤติ – มีเงินสำรองและสุขภาพดีช่วยรับมือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
10. อายุยืนอย่างมีคุณภาพ – การดูแลสุขภาพและการเงินตั้งแต่เนิ่นๆ ทำให้ชีวิตสมดุล
✅️10 เหตุผลที่ Gen X และ Gen Y ควรดูแลสุขภาพและการเงินแบบ✅️ป้องกันดีกว่า❌️แก้ไข 1. สุขภาพแข็งแรงระยะยาว – ป้องกันโรคเรื้อรัง ลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในอนาคต 2. ลดภาระค่ารักษาพยาบาล – ค่ารักษาแพงขึ้นทุกปี การป้องกันช่วยประหยัดเงิน 3. มีพลังทำงานต่อเนื่อง – สุขภาพดีช่วยให้ทำงานได้ยาวนานและมีประสิทธิภาพ 4. ลดความเครียดทางการเงิน – การออมและลงทุนล่วงหน้าป้องกันปัญหาหนี้สิน 5. เพิ่มคุณภาพชีวิตสูงวัย – สุขภาพดีและเงินพอใช้ทำให้ชีวิตบั้นปลายมีความสุข 6. ลดความเสี่ยงโรคร้าย – การดูแลร่างกายช่วยลดโอกาสเกิดโรคหัวใจ เบาหวาน 7. ใช้ชีวิตอิสระยาวนาน – มีเงินสำรองและสุขภาพดีช่วยให้ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น 8. สร้างหลักประกันให้ครอบครัว – การวางแผนสุขภาพและการเงินช่วยลดภาระลูกหลาน 9. เตรียมพร้อมสำหรับวิกฤติ – มีเงินสำรองและสุขภาพดีช่วยรับมือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน 10. อายุยืนอย่างมีคุณภาพ – การดูแลสุขภาพและการเงินตั้งแต่เนิ่นๆ ทำให้ชีวิตสมดุล0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 374 มุมมอง 0 รีวิว - 📣ประโยชน์ของชาเขียว📣ประโยชน์ของชาเขียว0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
- 📌ชาเขียวพรีเมี่ยม PREMIUM GREEN TEA
😊สูตรหอมนุ่มละมุน
❌️ไม่แต่งกลิ่นมะล
ิ ✅️ในราคา ฿190 - ฿313
👉 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/3q8QeUnuYC📌ชาเขียวพรีเมี่ยม PREMIUM GREEN TEA 😊สูตรหอมนุ่มละมุน ❌️ไม่แต่งกลิ่นมะล ิ ✅️ในราคา ฿190 - ฿313 👉 ที่ Shopee https://s.shopee.co.th/3q8QeUnuYC5 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 0 รีวิว
เรื่องราวเพิ่มเติม