• Airstrikes สงคราม ทองคำ และคนลุ่มน้ำโขง (ตอนที่ 4)
    *****************
    เสียงเครื่องบินกระหึ่มสัญชาติรัสเซีย และจีน ทั้งรุ่น MiG-29 -Yak-130 - K-8, F-7 และเฮลิคอปเตอร์โจมตี Mi-35 Mi-17 เทคออฟขึ้นน่านฟ้าเมียนมา สร้างความหวาดวิตกกับพลเรือนในพื้นที่เสี่ยง ความถี่มิได้เป็นปกป้องอธิปไตยเหนือน่านฟ้า บางครั้งก็ถลำรุกน่านฟ้าของไทย และถูกต้อนกลับ
    เสียงอากาศยานของเมียนมาทำให้ประชาชน พลเรือนระส่ำระสาย บาดเจ็บล้มตายกัน ในพื้นที่พลเรือนและกลุ่มต่อต้าน ปี 2023-24 กระทรวงกลาโหมใช้งบประมาณเพื่อภารกิจ Aistrike กว่า 2.7 พันล้านดอลลาร์ อาวุธ ส่วนใหญ่มาจากรัสเซียและจีน
    กองทัพเผด็จการเมียนมาได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศประมาณ 30 ครั้งในรัฐฉาน รัฐกะเหรี่ยงนี และรัฐกะฉิ่นในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยทิ้งระเบิดเกือบ 100 ลูก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20 ราย ตามข้อมูลที่ Shan Herald Agency for News (SHAN) ได้รับ
    ระหว่างปลายปีที่ผ่าน ถึงวันที่ 30 มกราคม 2025 การโจมตีทางอากาศเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือนเป็นหลัก สร้างความเสียหายและการสูญเสียอย่างหนัก โดยเฉพาะเขตเมืองนองคิโอ รัฐฉาน ซึ่งระเบิดตกใส่ร้านน้ำชา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย
    มีการประเมินว่านับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อเกือบสี่ปีที่แล้ว โดยบันทึกการโจมตีทางอากาศทั้งหมด 1,767 ครั้ง ซึ่งน่าตกใจว่าร้อยละ 47 ของการโจมตีเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือน ทำให้วิกฤตด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ขัดแย้งรุนแรงขึ้น
    พื้นที่ ที่เป็นเป้าหมายคือพื้นที่ที่มีผลประโยชน์เหมืองแร่ และแร่ธาตุสูง โดยเฉพาะใน รัฐฉาน (Shan State), รัฐกะเหรี่ยงนี-คะยา (Karenni/Kayah State), รัฐกะฉิ่น (Kachin State), รัฐระแหง (Rakhine State) และพื้นที่อื่นๆ เช่น ภูมิภาคสกาย (Sagaing Region) เป็นต้น
    *****************
    USGS (United States Geological Survey) ได้ ประมาณการไว้ว่า ยังคงเหลือทองคำอยู่ใต้ดินที่ยังไม่ได้ผลิตออกมาอีกประมาณ 50,000 ตัน คาดกันว่าปริมาณทองคำที่ขุดขึ้นมา และมีการใช้ประโยชน์กันแล้วกว่า 190,000 ตัน และโดยเฉลี่ยในปัจจุบันมีการผลิตออกจากเหมืองประมาณปีละ 2,500 ถึง 3,000 ตัน มีการทำเหมืองทองคำทั่วโลกอยู่ใน 82 ประเทศ
    สแกนใต้ดินแอฟริกาใต้ มีทรัพยากรแร่ทองคำมากที่สุดในโลก และเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก จนถึงปัจจุบันราว 31,000 ตัน รองลงมา คือ รัสเซีย ประมาณ 7,000 ตัน และ จีนเป็นอันดับ 3 ที่ผลิตประมาณ 6,328 ตัน ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย แคนาดา และ เปรู
    ทว่าในปี 2564 จีนขึ้นแป้นครองแชมป์ประเทศที่ผลิตทองคำจากเหมืองทองคำในประเทศมากที่สุด คิดเป็น 11% ของการผลิต ทั่วโลก ซึ่งจากฐานข้อมูล Global Data’s mines and projects ที่ได้ติดตามการพัฒนาและปฏิบัติการของเหมืองแร่ และโครงการทั่วโลก โดยเก็บข้อมูลจากบริษัทยักษ์ใหญ่กว่า 4,000 บริษัท ได้สรุป 5 อันดับ เหมืองทองคำในจีนที่ผลิตทองคำได้มากที่สุดในปี 2563 ดังนี้
    1.Shaxi Copper Mine เป็นเหมืองใต้ดินในมณฑลอานฮุย (Anhui) ของกลุ่มบริษัท Togling Nonferrous Metal Group ซึ่งผลิตทองคำได้ประมาณ 730,000 ounces of gold ในปี 2563
    2.Jiaojia Gold Mine ของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง (Shandong) ผลิตทองคำได้ประมาณ 230,000 ounces of gold ในปี 2563 และกำลังจะปิดตัวลงในปี 2566
    3.Dayingezhuang Gold Mine เป็นเหมืองทองคำในมณฑลซานตงเช่นกัน อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท Zhaojin Mining Industry และผลิตทองคำประมาณ 228,000 ounces of gold ในปี 2563
    4.Sanshandao Gold Mine เป็นเหมืองใต้ดินของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง ผลิตทองคำได้ ประมาณ 218,000 ounces of gold ในปี 2563 และจะผลิตตามแผนงานไปจนถึงปี 2571
    5.Zaozigou Gold Mine เป็นเหมืองทองคำของบริษัท Zhaojin Mining Industy ในมณฑลกานซู (Gansu) ผลิตทองคำได้ ประมาณ 207,000 ounces of gold

    *****************
    รายงานจาก มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ และ สหภาพนักศึกษาไทใหญ่ เกี่ยวกับเหมืองแร่ทองคำขยายวงกว้างทำให้เกิดดินโคลนถล่มท่วมชุมชนทางตะวันออกท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ระบุว่าบริษัทเหมืองแร่ได้เข้ามาในพื้นที่เมื่อปี 2550 ที่บริเวณต้นน้ำแม่น้ำคำ ตอนใต้ของบ้านนาโฮหลงในตำบลเมืองเลน ในปัจจุบันเหมืองทองคำแบบเปิดได้ขยายตัวไปกว่า 10 กิโลเมตรตลอดทั่วเทือกเขาดอยค้า ตามริมฝั่งน้ำด้านตะวันตกของแม่น้ำโขง การปล่อยน้ำจาจากการทำเหมืองแร่ทองแร่ทองคำที่ขาดการควบคุม รวมทั้งน้ำที่ไหลมาจากากอำบน้ำที่เจือด้วยสารไชยาไนด์ทำให้ลำน้ำน้ำอุดตัน และมักทำให้เกิดการกัดเซาะอย่างรุนแรงที่ริมฝั่งน้ำในช่วงฤดูฝน
    การขยายตัวของเหมืองทองคำในเมืองเลน ยังทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม และในปัจจุบัน มีบริษัท 12 แห่งที่เชื่อมโยงกับนายทหารพม่าระดับสูงได้รับประทานบัตรอายุ 11 ปี เพื่อการทำเหมืองแร่ทองคำ
    ในบรรดาประทานบัตร มีการให้ประทานบัตร 13 ฉบับแก่ (8 บริษัท) เมื่อกลางปี 2563 และอีก 7 ฉบับให้แก่ (5 บริษัท) ในปี 2564 ภายหลังการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ประทานบัตรแต่ละฉบับครอบคลุมพื้นที่ 50 ไร่บริษัทส่วนใหญ่ที่ได้รับประทานบัตรจด ทะเบียนในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ยกเว้นเพียงเมย์ฟลาวเวอร์ไมนิ่ง เอนเตอร์ไพรส์(Maylower Mining Enterprises) ที่จัดตั้งขึ้นโดยนายจ่อวิน ซึ่งเป็นพันธมิตรกับกองทัพพม่า และตั้งอยู่ที่เมืองย่างกุ้ง
    การขุดทองที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในรัฐกะฉิ่น ประเทศเมียนมา ซึ่งเกิดขึ้นโดยขาดการควบคุมและก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่น
    *****************
    EarthRights.org รายงานว่า นับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2021 การขุดทองในรัฐกะฉิ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ควบคุมโดยกองทัพกะฉิ่น (Kachin Independence Army: KIA) และกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ เช่น กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) การขุดทองนี้ส่วนใหญ่เป็นการขุดแบบไม่มีการควบคุม (unregulated) และใช้สารเคมี เช่น ปรอทและไซยาไนด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดมลพิษในแม่น้ำและแหล่งน้ำ เช่น แม่น้ำอิรวดี (Irrawaddy River) และแม่น้ำชินดวิน (Chindwin River) ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเกิดจากการใช้สารเคมีในการสกัดทองทำให้ดินและน้ำปนเปื้อน ส่งผลกระทบต่อการเกษตรและสุขภาพของประชาชน นอกจากนั้นคือการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อขุดทองทำให้เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและเพิ่มความเสี่ยงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น ดินถล่ม
    ผลกระทบต่อชุมชน ชาวบ้านในพื้นที่ เช่น ในเมืองตานาย (Tanai) และเมืองชิปวี (Chipwi) เผชิญกับการสูญเสียที่ดินทำกินและแหล่งน้ำสะอาดการขุดทองดึงดูดแรงงานจากพื้นที่อื่น ทำให้เกิดความตึงเครียดในชุมชนและเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเด็กและเยาวชนในพื้นที่ถูกดึงเข้าสู่อุตสาหกรรมการขุดทอง ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับสภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัยและการละเมิดสิทธิมนุษยชน
    และพื้นที่นี้ เหมืองทองในเมืองตานายถูกโจมตีทางอากาศโดยกองทัพเมียนมาในเดือนมกราคม 2025 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย การโจมตีนี้ถูกมองว่าเป็นความพยายามของกองทัพในการขัดขวางแหล่งรายได้ของ KIA
    *****************
    ดร.สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการในพื้นที่เชียงราย พื้นที่ประสบภัยพิบัติทางแม่น้ำ จากประเทศเพื่อนบ้านที่ทำเหมืองทองคำ และแร่ธาตุเผยแพรข้อเสนอในเฟสบุ๊กส่วนตัวว่า ปัญหาสารโลหะหนักปนเปื้อนในน้ำกกและสายซึ่งเป็นปัญหามลพิษข้ามพรมแดนแล้ว เป็นสถานการณ์ความซับซ้อนของปัญหามลพิษข้ามแดนที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาจากรัฐส่วนกลางที่จะแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ได้คล้ายกับปัญหาฝุ่นควันข้ามแดน
    พร้อมกับอ้างอิงงานศึกษาว่าบทบาทของอาเซียนในการแก้ไขปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำระหว่างประเทศดังเช่นแม่น้ำโขง Ding (2019) ที่วิพากษ์แนวคิด traditional state-centric governance เกี่ยวกับปัญหาสารโลหะหนักที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศแม่น้ำโขงตอนล่าง อันประกอบด้วย ไทย ลาว เวียนดนาม และกัมพูชา การแก้ไขภายใต้อาเซียนและ MRC (Mekong River Commission มีข้อจำกัดในแง่ที่ 1) รายงานมิได้ครอบคลุมรายละเอียดของปัญหามลพิษ 2) รายงานมิได้สนับสนุนการสื่อสารกันระหว่างองคกรที่แตกต่างกัน เช่น สถาบันการวิจัย 3) ขาดกลไกเชิงกฎหมายระดับภูมิภาคและการบังคับใช้กฎหมายในควบคุมมลพิษในน้ำข้ามพรมแดน 4) รายงานไม่ได้รับความสนใจจากสาธารณชน
    สรุปคือกลกลไกระหว่างประเทศแบบที่ สทนช.เสนอให้ MRC ทำ น่าจะไม่สามารถแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดนในบริบทอาเซียนได้ เมื่อพิจารณาความซับซ้อนของปัญหาในต้นน้ำกกและสาย จำเป็นต้องแกะปมตั้งแต่ บริษัทจีน กองกำลังติดอาวุธ ชาติพันธ์ และประเทศจีน ชุมชนในตลอดลำน้ำกกและสาย สถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจ ปละภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้วย
    เสียงคำรามของเครื่องบินพร้อมลูกระเบิดภารกิจ Airstrikes ก่อสงครามแย่งชิงขุมทรัพย์ทองคำสีเลือด และคนลุ่มน้ำโขงกำลังเผชิญภัยวิกฤติจากสารพิษ ที่เจือปนในแม่น้ำ รวมถึงการสลายความเป็นมนุษย์ในดินแดนขุมเมืองแห่งลุ่มแม่น้ำแห่งชีวิตสายนี้
    *****************
    อ้างอิง :
    • สำนักข่าว Shan Herald Agency for News, Burma News International, Human Rights Watch, The Irrawaddy Radio Free Asia Al Jazeera, Amnesty International, Justice For Myanmar, และ Wikipedia
    • World Gold Council https://www.gold.org/
    • EarthRights International
    Airstrikes สงคราม ทองคำ และคนลุ่มน้ำโขง (ตอนที่ 4) ***************** เสียงเครื่องบินกระหึ่มสัญชาติรัสเซีย และจีน ทั้งรุ่น MiG-29 -Yak-130 - K-8, F-7 และเฮลิคอปเตอร์โจมตี Mi-35 Mi-17 เทคออฟขึ้นน่านฟ้าเมียนมา สร้างความหวาดวิตกกับพลเรือนในพื้นที่เสี่ยง ความถี่มิได้เป็นปกป้องอธิปไตยเหนือน่านฟ้า บางครั้งก็ถลำรุกน่านฟ้าของไทย และถูกต้อนกลับ เสียงอากาศยานของเมียนมาทำให้ประชาชน พลเรือนระส่ำระสาย บาดเจ็บล้มตายกัน ในพื้นที่พลเรือนและกลุ่มต่อต้าน ปี 2023-24 กระทรวงกลาโหมใช้งบประมาณเพื่อภารกิจ Aistrike กว่า 2.7 พันล้านดอลลาร์ อาวุธ ส่วนใหญ่มาจากรัสเซียและจีน กองทัพเผด็จการเมียนมาได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศประมาณ 30 ครั้งในรัฐฉาน รัฐกะเหรี่ยงนี และรัฐกะฉิ่นในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยทิ้งระเบิดเกือบ 100 ลูก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20 ราย ตามข้อมูลที่ Shan Herald Agency for News (SHAN) ได้รับ ระหว่างปลายปีที่ผ่าน ถึงวันที่ 30 มกราคม 2025 การโจมตีทางอากาศเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือนเป็นหลัก สร้างความเสียหายและการสูญเสียอย่างหนัก โดยเฉพาะเขตเมืองนองคิโอ รัฐฉาน ซึ่งระเบิดตกใส่ร้านน้ำชา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย มีการประเมินว่านับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อเกือบสี่ปีที่แล้ว โดยบันทึกการโจมตีทางอากาศทั้งหมด 1,767 ครั้ง ซึ่งน่าตกใจว่าร้อยละ 47 ของการโจมตีเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือน ทำให้วิกฤตด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ขัดแย้งรุนแรงขึ้น พื้นที่ ที่เป็นเป้าหมายคือพื้นที่ที่มีผลประโยชน์เหมืองแร่ และแร่ธาตุสูง โดยเฉพาะใน รัฐฉาน (Shan State), รัฐกะเหรี่ยงนี-คะยา (Karenni/Kayah State), รัฐกะฉิ่น (Kachin State), รัฐระแหง (Rakhine State) และพื้นที่อื่นๆ เช่น ภูมิภาคสกาย (Sagaing Region) เป็นต้น ***************** USGS (United States Geological Survey) ได้ ประมาณการไว้ว่า ยังคงเหลือทองคำอยู่ใต้ดินที่ยังไม่ได้ผลิตออกมาอีกประมาณ 50,000 ตัน คาดกันว่าปริมาณทองคำที่ขุดขึ้นมา และมีการใช้ประโยชน์กันแล้วกว่า 190,000 ตัน และโดยเฉลี่ยในปัจจุบันมีการผลิตออกจากเหมืองประมาณปีละ 2,500 ถึง 3,000 ตัน มีการทำเหมืองทองคำทั่วโลกอยู่ใน 82 ประเทศ สแกนใต้ดินแอฟริกาใต้ มีทรัพยากรแร่ทองคำมากที่สุดในโลก และเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก จนถึงปัจจุบันราว 31,000 ตัน รองลงมา คือ รัสเซีย ประมาณ 7,000 ตัน และ จีนเป็นอันดับ 3 ที่ผลิตประมาณ 6,328 ตัน ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย แคนาดา และ เปรู ทว่าในปี 2564 จีนขึ้นแป้นครองแชมป์ประเทศที่ผลิตทองคำจากเหมืองทองคำในประเทศมากที่สุด คิดเป็น 11% ของการผลิต ทั่วโลก ซึ่งจากฐานข้อมูล Global Data’s mines and projects ที่ได้ติดตามการพัฒนาและปฏิบัติการของเหมืองแร่ และโครงการทั่วโลก โดยเก็บข้อมูลจากบริษัทยักษ์ใหญ่กว่า 4,000 บริษัท ได้สรุป 5 อันดับ เหมืองทองคำในจีนที่ผลิตทองคำได้มากที่สุดในปี 2563 ดังนี้ 1.Shaxi Copper Mine เป็นเหมืองใต้ดินในมณฑลอานฮุย (Anhui) ของกลุ่มบริษัท Togling Nonferrous Metal Group ซึ่งผลิตทองคำได้ประมาณ 730,000 ounces of gold ในปี 2563 2.Jiaojia Gold Mine ของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง (Shandong) ผลิตทองคำได้ประมาณ 230,000 ounces of gold ในปี 2563 และกำลังจะปิดตัวลงในปี 2566 3.Dayingezhuang Gold Mine เป็นเหมืองทองคำในมณฑลซานตงเช่นกัน อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท Zhaojin Mining Industry และผลิตทองคำประมาณ 228,000 ounces of gold ในปี 2563 4.Sanshandao Gold Mine เป็นเหมืองใต้ดินของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง ผลิตทองคำได้ ประมาณ 218,000 ounces of gold ในปี 2563 และจะผลิตตามแผนงานไปจนถึงปี 2571 5.Zaozigou Gold Mine เป็นเหมืองทองคำของบริษัท Zhaojin Mining Industy ในมณฑลกานซู (Gansu) ผลิตทองคำได้ ประมาณ 207,000 ounces of gold ***************** รายงานจาก มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ และ สหภาพนักศึกษาไทใหญ่ เกี่ยวกับเหมืองแร่ทองคำขยายวงกว้างทำให้เกิดดินโคลนถล่มท่วมชุมชนทางตะวันออกท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ระบุว่าบริษัทเหมืองแร่ได้เข้ามาในพื้นที่เมื่อปี 2550 ที่บริเวณต้นน้ำแม่น้ำคำ ตอนใต้ของบ้านนาโฮหลงในตำบลเมืองเลน ในปัจจุบันเหมืองทองคำแบบเปิดได้ขยายตัวไปกว่า 10 กิโลเมตรตลอดทั่วเทือกเขาดอยค้า ตามริมฝั่งน้ำด้านตะวันตกของแม่น้ำโขง การปล่อยน้ำจาจากการทำเหมืองแร่ทองแร่ทองคำที่ขาดการควบคุม รวมทั้งน้ำที่ไหลมาจากากอำบน้ำที่เจือด้วยสารไชยาไนด์ทำให้ลำน้ำน้ำอุดตัน และมักทำให้เกิดการกัดเซาะอย่างรุนแรงที่ริมฝั่งน้ำในช่วงฤดูฝน การขยายตัวของเหมืองทองคำในเมืองเลน ยังทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม และในปัจจุบัน มีบริษัท 12 แห่งที่เชื่อมโยงกับนายทหารพม่าระดับสูงได้รับประทานบัตรอายุ 11 ปี เพื่อการทำเหมืองแร่ทองคำ ในบรรดาประทานบัตร มีการให้ประทานบัตร 13 ฉบับแก่ (8 บริษัท) เมื่อกลางปี 2563 และอีก 7 ฉบับให้แก่ (5 บริษัท) ในปี 2564 ภายหลังการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ประทานบัตรแต่ละฉบับครอบคลุมพื้นที่ 50 ไร่บริษัทส่วนใหญ่ที่ได้รับประทานบัตรจด ทะเบียนในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ยกเว้นเพียงเมย์ฟลาวเวอร์ไมนิ่ง เอนเตอร์ไพรส์(Maylower Mining Enterprises) ที่จัดตั้งขึ้นโดยนายจ่อวิน ซึ่งเป็นพันธมิตรกับกองทัพพม่า และตั้งอยู่ที่เมืองย่างกุ้ง การขุดทองที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในรัฐกะฉิ่น ประเทศเมียนมา ซึ่งเกิดขึ้นโดยขาดการควบคุมและก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่น ***************** EarthRights.org รายงานว่า นับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2021 การขุดทองในรัฐกะฉิ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ควบคุมโดยกองทัพกะฉิ่น (Kachin Independence Army: KIA) และกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ เช่น กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) การขุดทองนี้ส่วนใหญ่เป็นการขุดแบบไม่มีการควบคุม (unregulated) และใช้สารเคมี เช่น ปรอทและไซยาไนด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดมลพิษในแม่น้ำและแหล่งน้ำ เช่น แม่น้ำอิรวดี (Irrawaddy River) และแม่น้ำชินดวิน (Chindwin River) ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเกิดจากการใช้สารเคมีในการสกัดทองทำให้ดินและน้ำปนเปื้อน ส่งผลกระทบต่อการเกษตรและสุขภาพของประชาชน นอกจากนั้นคือการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อขุดทองทำให้เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและเพิ่มความเสี่ยงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น ดินถล่ม ผลกระทบต่อชุมชน ชาวบ้านในพื้นที่ เช่น ในเมืองตานาย (Tanai) และเมืองชิปวี (Chipwi) เผชิญกับการสูญเสียที่ดินทำกินและแหล่งน้ำสะอาดการขุดทองดึงดูดแรงงานจากพื้นที่อื่น ทำให้เกิดความตึงเครียดในชุมชนและเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเด็กและเยาวชนในพื้นที่ถูกดึงเข้าสู่อุตสาหกรรมการขุดทอง ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับสภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัยและการละเมิดสิทธิมนุษยชน และพื้นที่นี้ เหมืองทองในเมืองตานายถูกโจมตีทางอากาศโดยกองทัพเมียนมาในเดือนมกราคม 2025 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย การโจมตีนี้ถูกมองว่าเป็นความพยายามของกองทัพในการขัดขวางแหล่งรายได้ของ KIA ***************** ดร.สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการในพื้นที่เชียงราย พื้นที่ประสบภัยพิบัติทางแม่น้ำ จากประเทศเพื่อนบ้านที่ทำเหมืองทองคำ และแร่ธาตุเผยแพรข้อเสนอในเฟสบุ๊กส่วนตัวว่า ปัญหาสารโลหะหนักปนเปื้อนในน้ำกกและสายซึ่งเป็นปัญหามลพิษข้ามพรมแดนแล้ว เป็นสถานการณ์ความซับซ้อนของปัญหามลพิษข้ามแดนที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาจากรัฐส่วนกลางที่จะแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ได้คล้ายกับปัญหาฝุ่นควันข้ามแดน พร้อมกับอ้างอิงงานศึกษาว่าบทบาทของอาเซียนในการแก้ไขปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำระหว่างประเทศดังเช่นแม่น้ำโขง Ding (2019) ที่วิพากษ์แนวคิด traditional state-centric governance เกี่ยวกับปัญหาสารโลหะหนักที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศแม่น้ำโขงตอนล่าง อันประกอบด้วย ไทย ลาว เวียนดนาม และกัมพูชา การแก้ไขภายใต้อาเซียนและ MRC (Mekong River Commission มีข้อจำกัดในแง่ที่ 1) รายงานมิได้ครอบคลุมรายละเอียดของปัญหามลพิษ 2) รายงานมิได้สนับสนุนการสื่อสารกันระหว่างองคกรที่แตกต่างกัน เช่น สถาบันการวิจัย 3) ขาดกลไกเชิงกฎหมายระดับภูมิภาคและการบังคับใช้กฎหมายในควบคุมมลพิษในน้ำข้ามพรมแดน 4) รายงานไม่ได้รับความสนใจจากสาธารณชน สรุปคือกลกลไกระหว่างประเทศแบบที่ สทนช.เสนอให้ MRC ทำ น่าจะไม่สามารถแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดนในบริบทอาเซียนได้ เมื่อพิจารณาความซับซ้อนของปัญหาในต้นน้ำกกและสาย จำเป็นต้องแกะปมตั้งแต่ บริษัทจีน กองกำลังติดอาวุธ ชาติพันธ์ และประเทศจีน ชุมชนในตลอดลำน้ำกกและสาย สถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจ ปละภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้วย เสียงคำรามของเครื่องบินพร้อมลูกระเบิดภารกิจ Airstrikes ก่อสงครามแย่งชิงขุมทรัพย์ทองคำสีเลือด และคนลุ่มน้ำโขงกำลังเผชิญภัยวิกฤติจากสารพิษ ที่เจือปนในแม่น้ำ รวมถึงการสลายความเป็นมนุษย์ในดินแดนขุมเมืองแห่งลุ่มแม่น้ำแห่งชีวิตสายนี้ ***************** อ้างอิง : • สำนักข่าว Shan Herald Agency for News, Burma News International, Human Rights Watch, The Irrawaddy Radio Free Asia Al Jazeera, Amnesty International, Justice For Myanmar, และ Wikipedia • World Gold Council https://www.gold.org/ • EarthRights International
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 448 มุมมอง 0 รีวิว
  • Blood Gold เจาะขุมทรัพย์ใต้ภิภพเมียนมาร์ความมั่งคั่งที่มืดมนอนธการ
    .
    ใต้ภิภพเมียนมาร์ นับเป็นรัฐที่มีทรัพยากรมูลค่าสูงฝังอยู่มหาศาล ที่สามารถแปลงเป็นสินทรัพย์ในการพัฒนาประเทศได้อันดับต้น ๆ ของอาเซียน
    ทว่า รัฐสภาพแห่งนี้เหมือนถูกครอบงำ และตกอยู่ภายใต้ความลำบาก ความขัดแย้งไม่ลงรอย ในประวัติศาสตร์การเมืองที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศโดยตรง
    รอยเลื่อนสะกาย (Sagaing Fault) “ยักษ์หลับแห่งเมียนมา” ที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ตื่นขึ้น 28 มีนาคม 2568 ที่ ขนาด 8.2 แมกนิจูด ได้ส่งพลังพาดผ่านเมืองหลวงสำคัญของพม่า ตั้งแต่มัณฑะเลย์ เนปิดอว์ ย่างกุ้ง ดูเหมือนว่าเมืองแห่งอารยธรรมและศูนย์กลางอำนาจ ตั้งอยู่บนหลังมังกรที่หลับ ขยับทีก็ทำให้เมืองศูนย์กลางสำคัญได้ได้ผลกระทบสูงการฟื้นตัวครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนสถานการณ์เริ่มต้นใหม่หลายรอบ หมุนวน
    โครงสร้างทางธรณีวิทยาของเมียนมาร์ค่อนข้างซับซ้อน ภูมิสัณฐานและธรณีโครงสร้างได้เป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ คือพื้นที่ราบสูงตะวันออก (Sino Burman Ranges) พื้นที่ลุ่มต่ำตอนกลาง (Inner Burman Tertiary Zone) ดินแดนเทือกเขาตะวันตก (Indo Burman Ranges) และ ที่ราบฝั่งยะไข่ - คะฉิ่น Rakhine (Arakan) Coastal Plain
    ชั้นหินที่มีอายุอ่อนที่สุดจะอยู่ใน พื้นที่ลุ่มต่ำตอนกลาง ไล่ถัดไปทางด้านตะวันตกของประเทศ จะเป็นชั้นหินที่มีอายุแก่ขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงที่ราบแถบยะไข่ ด้านตะวันออกของประเทศ ส่วนของ Sino Burman เป็นชั้นหินที่มีอายุแก่ที่สุด มีรอยเลื่อนรัฐฉาน แนวรอยต่อเชื่อมรอยเลื่อนสะกาย
    อุตสาหกรรมเหมืองแร่ในเมียนมาร์ มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงหลังรัฐประหารปี 2021 ซึ่งมีการขยายตัวของการทำเหมืองแร่หายาก (Rare Earth Elements: REEs) อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การเติบโตนี้มาพร้อมกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อน มีมูลค่าสูงถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023
    นับว่าแร่หายากกลุ่มหนัก heavy rare earth elements: HREE คิดเป็นสัดส่วนหลักของมูลค่าการส่งออกของเมียนมาร์ โดยส่วนใหญ่ส่งไปจีนเพื่อผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับรถไฟฟ้าและกังหันลมการส่งออก อัตราเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าในปี 2023 เมื่อเทียบกับปี 2021 จาก 19,500 ตัน เป็น 41,700 ตัน
    แน่นอนแร่หายากกลุ่ม China Rare Earths Group (REGCC) เป็นผู้ลงทุนหลัก ควบคุมทั้งเทคโนโลยี การประมวลผล และห่วงโซ่อุปทาน ภายใต้การดูแลพื้นที่ของกองทัพเมียนมาร์ (SAC) และมิลิเชียพันธมิตรควบคุมพื้นที่พิเศษ Kachin 1 และกองกำลัง Kachin Independence Army (KIA) ควบคุมพื้นที่ Momauk และแนวชายแดน
    แร่หายากเป็นแหล่งเงินสำคัญสำหรับทั้งรัฐบาลทหารและกลุ่มกบฎ แต่ 70% ของประชากรในพื้นที่ยังพึ่งพาการเกษตรที่ได้รับความเสียหาย ขณะที่ค่าแรงงานในเหมืองสูงถึง 600 ดอลลาร์สหรัฐ/เดือน (สูงกว่าเฉลี่ยประเทศ 2 เท่า) แต่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพ โรคปอด ปัญหาหายใจลำบาก โรคผิวหนัง และไตวายจากสารเคมี เช่น แอมโมเนียมซัลเฟตและออกซาลิกแอซิด
    ไม่รวมถึงมลพิษน้ำ 96% ของครัวเรือนในเขต Chipwi ไม่มีน้ำดื่มสะอาดเนื่องจากสารเคมีปนเปื้อน ดวงตาสวรรค์ได้ส่องพื้นที่การขยายตัวของเหมืองกว่า 40% ใน Kachin Special Region 1 และ Momauk ระหว่างปี 2021-2023 ที่สลายระบบนิเวศในพื้นที่ยากจะทวงคืนสภาพเดิมกลับมาในอนาคต
    อีกแร่ธาตุหนึ่งคือเหล็กที่เมียนมาร์ เป็นเบอร์หนึ่งของโลก ที่แหล่ง Pong Pet ซึ่งอยู่ห่างจาก Taunggyi ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นระยะทาง 10 กิโลเมตร ปรากฏเป็นแหล่งเฮมาไทต์ (Hematite) และยังพบแหล่งแร่เหล็ก 393 แหล่ง ปริมาณสารองทรัพยากรแร่ประมาณ 495 ล้านตัน และพบแหล่งแร่เหล็กที่มีศักยภาพ 14 แหล่ง ในรัฐ Kachin, Mandalay, Bago, Tanintharyi และรัฐShan ได้แก่ แหล่งแร่เหล็กสำคัญพบที่รัฐ Tanintharyi บริเวณตอนเหนือของรัฐ Shan
    โดยในรัฐคะฉิ่น คือศูนย์รวมแร่ธาตุความมั่งคั่งสมบูรณ์อุตสาหกรรมเหมืองแร่ นอกจากหยกแล้วยังมีแหล่งแร่เหล็กในรัฐ Kachin มีปริมาณสารองประมาณ 223 ล้านตันที่ 50.56%Fe องค์ประกอบหลักของแร่ คือ Goethite/Limonite 75%, Hematite 15% และ Magnetite 2%
    แน่นอนเมียนมาร์เป็นผู้ผลิตหยกรายใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในประเทศเดียวที่ผลิตหยกเจไดต์คุณภาพสูง อุตสาหกรรมหยกมีมูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของ GDP ของประเทศ โดยเมืองผะกัน (Hpakan) เป็นที่ตั้งของเหมืองหยกที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมืองที่มีข่าวของเหมืองถล่ม ดินโคลนโถมทับหมู่บ้านถี่มากและต้นปี 2568 ก็ได้เกิดเหตุการณ์โศกนาฎกรรมที่ซ้ำซาก สูญเสียชีวิตของผู้คนไปอย่างมาก
    Global Witness ประเมินไว้ว่ารายได้จากหยกได้เข้าพกเข้าห่อของผู้นำของเมียนมาไปแล้วราว 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา
    หากประมวลประเทศที่มีบริษัทลงทุนในเหมืองแร่ในภาพรวมในเมียนมาร์ ได้แก่
    1.) จีน: เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมเหมืองแร่เมียนมาร์ โดยเฉพาะในเหมืองทองแดง (เช่น โครงการ Letpadaung, S&K, Tagaung Taung) และแร่หายาก มีทั้งบริษัทขนาดใหญ่ของรัฐ เช่น China Nonferrous Metal Mining (CNMC), Wanbao Mining Co., Ltd. รวมถึงนักลงทุนรายย่อยจากมณฑลยูนนานและเสฉวน
    2.) ไทย: มีบริษัท Myanmar-Pongpipat Co., Ltd. ร่วมลงทุนในเหมืองดีบุกและโลหะอื่น
    3.) เวียดนาม: บริษัท Simco Songda มีการลงทุนในเหมืองแร่ร่วมกับเมียนมาร์
    4.) ออสเตรเลีย: บริษัท PanAust ได้รับอนุญาตให้ศึกษาความเป็นไปได้ในพื้นที่เหมือง Wuntho
    5.) ญี่ปุ่น: มีบริษัทญี่ปุ่นบางแห่งยื่นขออนุญาตลงทุนในเหมืองแร่เมียนมาร์
    6.) สิงคโปร์: แม้จะเน้นลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์และพลังงาน แต่ก็มีการลงทุนในเหมืองแร่บางส่วน
    7.) มาเลเซีย, เกาหลีใต้, เนเธอร์แลนด์, สหราชอาณาจักร: มีการลงทุนในเมียนมาร์ในหลายภาคส่วน รวมถึงเหมืองแร่ในบางโครงการ
    ในส่วนแร่ทองคำ Blood Gold บริบทไม่แตกต่างจากพื้นที่คะฉิ่น แต่รายงานจาก EarthRights International (2567) ระบุว่าในรัฐกะฉิ่นมีการขุดทองคำเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีจุดขุดนับร้อยแห่ง ส่วนใหญ่เป็นการขุดขนาดเล็กและใช้เครื่องจักรหนัก
    ผู้สัมปทาน ก่อนการรัฐประหาร (2564): เหมืองทองคำขนาดใหญ่บางแห่ง เช่น ในเขตเบ็งเมาก์ (Bemauk), กานิ (Kani), และเคาก์ปาดอง (Kyaukpadaung) ดำเนินการโดยบริษัทร่วมทุนระหว่างกองทัพเมียนมาร์และบริษัทต่างชาติ เช่น บริษัทจากจีนและไทย อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเฉพาะเจาะจงในปัจจุบันหายาก
    พื้นที่การขุดทองคำในรัฐกะฉิ่นส่วนใหญ่ควบคุมโดย Kachin Independence Army (KIA) และกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ ซึ่งเก็บค่าธรรมเนียมจากบริษัทหรือนักขุดท้องถิ่น บริษัทจีน มีรายงานว่าได้รับสัมปทานในพื้นที่ เช่น บริเวณแม่น้ำโขงและแม่น้ำกก โดยได้รับการอนุมัติจาก United Wa State Army (UWSA) บริษัทท้องถิ่นและกองทัพเมียนมาร์: Myanmar Economic Holdings Limited (MEHL) และ Myanmar Economic Corporation (MEC) ยังคงมีส่วนในเหมืองบางแห่ง
    ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ไม่มีการออกใบอนุญาตขุดอย่างเป็นทางการในหลายพื้นที่ เช่น Hpakant แต่การขุดยังดำเนินต่อไปโดยผิดกฎหมาย
    ปัจจุบันหลังจาก การรัฐประหารในปี 2564 ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจและกฎหมาย ส่งผลให้การขุดทองคำเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีการควบคุม โดยเฉพาะในรัฐกะฉิ่นและสะกาย เพิ่มขึ้น 10 เท่าหลังการรัฐประหาร ซึ่งเป็นแหล่งทองคำสำคัญ เรียกว่าเกิดการขุดแบบทำลายล้าง ใช้เครื่องจักรกลหนักและการขุดในแม่น้ำในพื้นที่ และลุกลามขยายยังพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง แม่น้ำกก และแม่น้ำสายใกล้ชายแดนไทย
    แน่นอนความระส่ำระสายในพื้นที่คือการกอบโกยความมั่งคั่งในพื้นที่ที่ไม่ได้มองไกลถึงอนาคตว่าผลกระทบของผู้คน ประชาชนจะเป็นอย่างไร ระยะเวลาการฟื้นตัวความอ่อนเปียกของรัฐชาติที่ถูกสูบทรัพยากรที่มีความมั่งคั่งออกไปอย่างไร้ข้อจำกัด โดยมีอำนาจภายในควบคุม กองทัพเมียนมาร์ ควบคุมเหมืองขนาดใหญ่บางแห่งเพื่อหารายได้ กลุ่มชาติพันธุ์ เช่น KIA เก็บส่วนแบ่งจากเหมืองในพื้นที่ของตน บริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน มีบทบาทในพื้นที่รัฐที่อุดมด้วยแร่ธาตุโดยเฉพาะฉาน และพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขงที่สัญญาณได้ส่งผลแล้วกรณีที่แม่สาย ลุ่มแม่น้ำกก เชียงราย ที่ต้องเกาะติดอย่างใกล้ชิด


    อ้างอิง :
    • โครงการ การส่งเสริมการจัดหาวัตถุดิบและการลงทุนด้านเหมืองแร่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
    https://www.bbc.com/thai/international-53264790
    • EarthRights International, Global Witness
    Blood Gold เจาะขุมทรัพย์ใต้ภิภพเมียนมาร์ความมั่งคั่งที่มืดมนอนธการ . ใต้ภิภพเมียนมาร์ นับเป็นรัฐที่มีทรัพยากรมูลค่าสูงฝังอยู่มหาศาล ที่สามารถแปลงเป็นสินทรัพย์ในการพัฒนาประเทศได้อันดับต้น ๆ ของอาเซียน ทว่า รัฐสภาพแห่งนี้เหมือนถูกครอบงำ และตกอยู่ภายใต้ความลำบาก ความขัดแย้งไม่ลงรอย ในประวัติศาสตร์การเมืองที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศโดยตรง รอยเลื่อนสะกาย (Sagaing Fault) “ยักษ์หลับแห่งเมียนมา” ที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ตื่นขึ้น 28 มีนาคม 2568 ที่ ขนาด 8.2 แมกนิจูด ได้ส่งพลังพาดผ่านเมืองหลวงสำคัญของพม่า ตั้งแต่มัณฑะเลย์ เนปิดอว์ ย่างกุ้ง ดูเหมือนว่าเมืองแห่งอารยธรรมและศูนย์กลางอำนาจ ตั้งอยู่บนหลังมังกรที่หลับ ขยับทีก็ทำให้เมืองศูนย์กลางสำคัญได้ได้ผลกระทบสูงการฟื้นตัวครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนสถานการณ์เริ่มต้นใหม่หลายรอบ หมุนวน โครงสร้างทางธรณีวิทยาของเมียนมาร์ค่อนข้างซับซ้อน ภูมิสัณฐานและธรณีโครงสร้างได้เป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ คือพื้นที่ราบสูงตะวันออก (Sino Burman Ranges) พื้นที่ลุ่มต่ำตอนกลาง (Inner Burman Tertiary Zone) ดินแดนเทือกเขาตะวันตก (Indo Burman Ranges) และ ที่ราบฝั่งยะไข่ - คะฉิ่น Rakhine (Arakan) Coastal Plain ชั้นหินที่มีอายุอ่อนที่สุดจะอยู่ใน พื้นที่ลุ่มต่ำตอนกลาง ไล่ถัดไปทางด้านตะวันตกของประเทศ จะเป็นชั้นหินที่มีอายุแก่ขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงที่ราบแถบยะไข่ ด้านตะวันออกของประเทศ ส่วนของ Sino Burman เป็นชั้นหินที่มีอายุแก่ที่สุด มีรอยเลื่อนรัฐฉาน แนวรอยต่อเชื่อมรอยเลื่อนสะกาย อุตสาหกรรมเหมืองแร่ในเมียนมาร์ มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงหลังรัฐประหารปี 2021 ซึ่งมีการขยายตัวของการทำเหมืองแร่หายาก (Rare Earth Elements: REEs) อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การเติบโตนี้มาพร้อมกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อน มีมูลค่าสูงถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 นับว่าแร่หายากกลุ่มหนัก heavy rare earth elements: HREE คิดเป็นสัดส่วนหลักของมูลค่าการส่งออกของเมียนมาร์ โดยส่วนใหญ่ส่งไปจีนเพื่อผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับรถไฟฟ้าและกังหันลมการส่งออก อัตราเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าในปี 2023 เมื่อเทียบกับปี 2021 จาก 19,500 ตัน เป็น 41,700 ตัน แน่นอนแร่หายากกลุ่ม China Rare Earths Group (REGCC) เป็นผู้ลงทุนหลัก ควบคุมทั้งเทคโนโลยี การประมวลผล และห่วงโซ่อุปทาน ภายใต้การดูแลพื้นที่ของกองทัพเมียนมาร์ (SAC) และมิลิเชียพันธมิตรควบคุมพื้นที่พิเศษ Kachin 1 และกองกำลัง Kachin Independence Army (KIA) ควบคุมพื้นที่ Momauk และแนวชายแดน แร่หายากเป็นแหล่งเงินสำคัญสำหรับทั้งรัฐบาลทหารและกลุ่มกบฎ แต่ 70% ของประชากรในพื้นที่ยังพึ่งพาการเกษตรที่ได้รับความเสียหาย ขณะที่ค่าแรงงานในเหมืองสูงถึง 600 ดอลลาร์สหรัฐ/เดือน (สูงกว่าเฉลี่ยประเทศ 2 เท่า) แต่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพ โรคปอด ปัญหาหายใจลำบาก โรคผิวหนัง และไตวายจากสารเคมี เช่น แอมโมเนียมซัลเฟตและออกซาลิกแอซิด ไม่รวมถึงมลพิษน้ำ 96% ของครัวเรือนในเขต Chipwi ไม่มีน้ำดื่มสะอาดเนื่องจากสารเคมีปนเปื้อน ดวงตาสวรรค์ได้ส่องพื้นที่การขยายตัวของเหมืองกว่า 40% ใน Kachin Special Region 1 และ Momauk ระหว่างปี 2021-2023 ที่สลายระบบนิเวศในพื้นที่ยากจะทวงคืนสภาพเดิมกลับมาในอนาคต อีกแร่ธาตุหนึ่งคือเหล็กที่เมียนมาร์ เป็นเบอร์หนึ่งของโลก ที่แหล่ง Pong Pet ซึ่งอยู่ห่างจาก Taunggyi ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นระยะทาง 10 กิโลเมตร ปรากฏเป็นแหล่งเฮมาไทต์ (Hematite) และยังพบแหล่งแร่เหล็ก 393 แหล่ง ปริมาณสารองทรัพยากรแร่ประมาณ 495 ล้านตัน และพบแหล่งแร่เหล็กที่มีศักยภาพ 14 แหล่ง ในรัฐ Kachin, Mandalay, Bago, Tanintharyi และรัฐShan ได้แก่ แหล่งแร่เหล็กสำคัญพบที่รัฐ Tanintharyi บริเวณตอนเหนือของรัฐ Shan โดยในรัฐคะฉิ่น คือศูนย์รวมแร่ธาตุความมั่งคั่งสมบูรณ์อุตสาหกรรมเหมืองแร่ นอกจากหยกแล้วยังมีแหล่งแร่เหล็กในรัฐ Kachin มีปริมาณสารองประมาณ 223 ล้านตันที่ 50.56%Fe องค์ประกอบหลักของแร่ คือ Goethite/Limonite 75%, Hematite 15% และ Magnetite 2% แน่นอนเมียนมาร์เป็นผู้ผลิตหยกรายใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในประเทศเดียวที่ผลิตหยกเจไดต์คุณภาพสูง อุตสาหกรรมหยกมีมูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของ GDP ของประเทศ โดยเมืองผะกัน (Hpakan) เป็นที่ตั้งของเหมืองหยกที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมืองที่มีข่าวของเหมืองถล่ม ดินโคลนโถมทับหมู่บ้านถี่มากและต้นปี 2568 ก็ได้เกิดเหตุการณ์โศกนาฎกรรมที่ซ้ำซาก สูญเสียชีวิตของผู้คนไปอย่างมาก Global Witness ประเมินไว้ว่ารายได้จากหยกได้เข้าพกเข้าห่อของผู้นำของเมียนมาไปแล้วราว 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา หากประมวลประเทศที่มีบริษัทลงทุนในเหมืองแร่ในภาพรวมในเมียนมาร์ ได้แก่ 1.) จีน: เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมเหมืองแร่เมียนมาร์ โดยเฉพาะในเหมืองทองแดง (เช่น โครงการ Letpadaung, S&K, Tagaung Taung) และแร่หายาก มีทั้งบริษัทขนาดใหญ่ของรัฐ เช่น China Nonferrous Metal Mining (CNMC), Wanbao Mining Co., Ltd. รวมถึงนักลงทุนรายย่อยจากมณฑลยูนนานและเสฉวน 2.) ไทย: มีบริษัท Myanmar-Pongpipat Co., Ltd. ร่วมลงทุนในเหมืองดีบุกและโลหะอื่น 3.) เวียดนาม: บริษัท Simco Songda มีการลงทุนในเหมืองแร่ร่วมกับเมียนมาร์ 4.) ออสเตรเลีย: บริษัท PanAust ได้รับอนุญาตให้ศึกษาความเป็นไปได้ในพื้นที่เหมือง Wuntho 5.) ญี่ปุ่น: มีบริษัทญี่ปุ่นบางแห่งยื่นขออนุญาตลงทุนในเหมืองแร่เมียนมาร์ 6.) สิงคโปร์: แม้จะเน้นลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์และพลังงาน แต่ก็มีการลงทุนในเหมืองแร่บางส่วน 7.) มาเลเซีย, เกาหลีใต้, เนเธอร์แลนด์, สหราชอาณาจักร: มีการลงทุนในเมียนมาร์ในหลายภาคส่วน รวมถึงเหมืองแร่ในบางโครงการ ในส่วนแร่ทองคำ Blood Gold บริบทไม่แตกต่างจากพื้นที่คะฉิ่น แต่รายงานจาก EarthRights International (2567) ระบุว่าในรัฐกะฉิ่นมีการขุดทองคำเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีจุดขุดนับร้อยแห่ง ส่วนใหญ่เป็นการขุดขนาดเล็กและใช้เครื่องจักรหนัก ผู้สัมปทาน ก่อนการรัฐประหาร (2564): เหมืองทองคำขนาดใหญ่บางแห่ง เช่น ในเขตเบ็งเมาก์ (Bemauk), กานิ (Kani), และเคาก์ปาดอง (Kyaukpadaung) ดำเนินการโดยบริษัทร่วมทุนระหว่างกองทัพเมียนมาร์และบริษัทต่างชาติ เช่น บริษัทจากจีนและไทย อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเฉพาะเจาะจงในปัจจุบันหายาก พื้นที่การขุดทองคำในรัฐกะฉิ่นส่วนใหญ่ควบคุมโดย Kachin Independence Army (KIA) และกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ ซึ่งเก็บค่าธรรมเนียมจากบริษัทหรือนักขุดท้องถิ่น บริษัทจีน มีรายงานว่าได้รับสัมปทานในพื้นที่ เช่น บริเวณแม่น้ำโขงและแม่น้ำกก โดยได้รับการอนุมัติจาก United Wa State Army (UWSA) บริษัทท้องถิ่นและกองทัพเมียนมาร์: Myanmar Economic Holdings Limited (MEHL) และ Myanmar Economic Corporation (MEC) ยังคงมีส่วนในเหมืองบางแห่ง ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ไม่มีการออกใบอนุญาตขุดอย่างเป็นทางการในหลายพื้นที่ เช่น Hpakant แต่การขุดยังดำเนินต่อไปโดยผิดกฎหมาย ปัจจุบันหลังจาก การรัฐประหารในปี 2564 ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจและกฎหมาย ส่งผลให้การขุดทองคำเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีการควบคุม โดยเฉพาะในรัฐกะฉิ่นและสะกาย เพิ่มขึ้น 10 เท่าหลังการรัฐประหาร ซึ่งเป็นแหล่งทองคำสำคัญ เรียกว่าเกิดการขุดแบบทำลายล้าง ใช้เครื่องจักรกลหนักและการขุดในแม่น้ำในพื้นที่ และลุกลามขยายยังพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง แม่น้ำกก และแม่น้ำสายใกล้ชายแดนไทย แน่นอนความระส่ำระสายในพื้นที่คือการกอบโกยความมั่งคั่งในพื้นที่ที่ไม่ได้มองไกลถึงอนาคตว่าผลกระทบของผู้คน ประชาชนจะเป็นอย่างไร ระยะเวลาการฟื้นตัวความอ่อนเปียกของรัฐชาติที่ถูกสูบทรัพยากรที่มีความมั่งคั่งออกไปอย่างไร้ข้อจำกัด โดยมีอำนาจภายในควบคุม กองทัพเมียนมาร์ ควบคุมเหมืองขนาดใหญ่บางแห่งเพื่อหารายได้ กลุ่มชาติพันธุ์ เช่น KIA เก็บส่วนแบ่งจากเหมืองในพื้นที่ของตน บริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน มีบทบาทในพื้นที่รัฐที่อุดมด้วยแร่ธาตุโดยเฉพาะฉาน และพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขงที่สัญญาณได้ส่งผลแล้วกรณีที่แม่สาย ลุ่มแม่น้ำกก เชียงราย ที่ต้องเกาะติดอย่างใกล้ชิด อ้างอิง : • โครงการ การส่งเสริมการจัดหาวัตถุดิบและการลงทุนด้านเหมืองแร่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ • https://www.bbc.com/thai/international-53264790 • EarthRights International, Global Witness
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 569 มุมมอง 0 รีวิว
  • 02-04-68/01 : หมี CNN / BREAKING NEWS "หมีม้าด่วน ม้าเร็ว ม้าหน้ามืด" EP.9

    2 เมษายน "ม่วงทั้งแผ่นดิน" ขอจงทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน รักสุดจิต สุดใจ เห็นพระเทพแล้ว ยังคงนึกถึงพ่อบนสรวงสวรรค์ จนป่านนี้ ท่านยังปฎิบัติภารกิจไม่เลิก พี่น้องรักใคร่กลมเกลียวกัน ราชวงศ์จักรี ยั่งยืนยง ชาวอโยธยาพร้อมถวายทุกสิ่ง เพื่อให้ทุกพระองค์ท่าน สุขเกษมสำราญ รักพระเทพ แสงสีม่วงจากนภากาศ แจ่มจรัสเหลือเกิน แสงสีทองส่องตามมา พระเทพผอมลง เพราะทรงงานหนักทุกวัน แต่สุขภาพยังแข็งแรง ขอจงทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน 10000 ปี 10000 ปี ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ..

    มรึงคิดว่าจะเงียบเหรอ ดีออก? อ.ปานเทพซัดกลับอีร่านตุ๊ด วางเงินล้าน มีเท่าไหร่ พอจ่ายมั้ย ไอ้สัส! ตัดต่อเหี้ยๆ หมายังเอือมระอา แถจนควายลาตาย! ยิ่งดิ้น ยิ่งน่าสมเพช เค้ารู้กันหมดทั้งขบวนการแล้ว..ดีออก! พยานปากสำคัญแฉหมดเปลือกทุกขั้นตอน พยานมี หลักฐานมัดเพี๊ยบ กล้องมา คลิปโผล่ เทคนิควิทยาศาสตร์มาเต็ม ควายบอกเลิกเหอะมรึง? ยิ่งแถ ยิ่งอายหมา? สปอตไลท์หายไปไม่กี่วัน วันนี้กลับมาซัดต่อ เพราะเหี้ยปากมันดี จากโดนแค่ไม่กี่กระทง ระวัง มรึงจะโดนเป็นสิบ? เสี้ยนอยากหาผัวในคุกจนตัวสั่น! มรึงจะดิ้นยังไง? เค้ารู้หมดแล้ว ทุกเรื่องราว ผีอีโมหายตัวไปไหน ยังไง เมื่อไหร่ ทิ้งศพลงแม่น้ำกี่โมง รู้หมด ยังจะมาฉี่ท้ายเรือ โดนใบพัดเลยต่ออีก เชิญส่งมรึงไปหาศรีธัญญาน่าจะเหมาะ หรือมรึงวางตัวไว้เพื่อการณ์นี้ จบที่เป็นบ้า ไร้สติ เอาที่มรึงสบายใจ เป็นตุ๊ดน่ะมันไม่ผิดดอก ใครก็เป็นได้ แต่เป็น "ตุ๊ดหนักแผ่นดินเนี่ยสิ" ตุ๊ดดีดี ตุ๊ดสร้างสรรค์ เสียหายเพราะมรึง ทำลายสถาบันตุ๊ดที่มีมาอย่างยาวนาน ภาพขามรึงชัดๆ ยังจะแถไม่เลิก เค้าเรียก "ไปให้สุด แล้วจบที่ขุมนรก" ใครก็ตาม ไอ้อีหน้าไหนก็ตาม หากกล้ามาหาญท้าชะตาฟ้า ดวลกับอ.ปานเทพ กูเห็นมาเยอะแล้ว ศพไม่สวยซักราย อย่างมรึงเนี่ย "ตายคาจอ โง่คาที่ ปากดี ตายเร็วเสมอ"

    อีทรัมปป์ออกอาการ ฮูตีจัดหนัก เละเทะทั้งขบวนกองเรือ เรือรบ เรือบรรทุกเครื่องบิน ที่เก่าและล้าหลัง ยังกล้าเอาเข้ามาโชว์ หมาไม่เลิก ไปไม่เป็น สภาพยับเยิน สั่งสื่อห้ามลงภาพ แพ้แบบเสียหมา โถ..ขนาดอีเอ๋อ มันสั่ง มันส่ง ไปกี่ร้อยรอบ ผลลัพธ์ไม่แตกต่าง มรึงจะเอาเหี้ยอะไรไปวัดกับไฮเปอร์โซนิคของจริง ที่แม้แต่ของมรึงเองยังไม่ผ่าน QC เลย ดีออก? อีทรัมปป์ทำไมจะไม่รู้ แต่ช้าก่อน หากมรึงคิดจะเอาเยเมน เพื่อเป้าหมายจริงคืออิหร่าน กูจะบอกให้เอาบุญว่า อย่าคิดน่ะว่า เค้าจะไม่สวนตูดมรึงกลับบ้าง มัวแต่ส่งเหี้ยมาเที่ยวละลานชาวโลก ระวังหลังบ้านตัวเองให้ดีดี บอกแล้วน่ะ รอบบ้านมรึง ไฮเปอร์โซนิคประจำการนานแล้ว บุกเค้าเพลิน ระวังจะเสียหมาครั้งใหญ่ ทำเนียบขาวถูกยึด สิ่งที่น่ากลัวกว่าไม่ใช่อิหร่าน แต่เป็นคนในแผ่นดินต้องคำสาปมรึงต่างหาก ทั้งอีลา อี DEEP STATE มันจ้องมรึงตาไม่วาง เผลอเป็นเสียบ เงียบเป็นทุบ หยุดเป็นศอก จนตรอกเป็นหมา ยิ่งตอนนี้ มรึงคลั่งหนัก ยุบ ยุบ ยุบ แม่งทุกอย่าง ต่อไป อีตาเพน มันหันปากกระบอกปืนมาล่อมรึงซะเอง ระวังจะหนีไม่ทันน่ะจ๊ะ ที่มาว่าทำไม อีทรัมปป์กำลังจะวางแผนเข้าไปควบคุมอีตาเพน ตัดงบ โยกย้าย ทั้งหมดเพื่อต่อรอง จะอยู่กับกู หรือจะอยู่เหี้ยอีกฝั่ง มรึงเลือกมา?

    อีเหงียนไม่รอด โดนเหมือนกัน มันถี่ไปมุย? กลัวควายโลกไม่รู้เหรอว่า "ใครทำ?" ความจำสั้นกันจังน่ะมรึง? หลังมรึงล่อจีน ตุรกี พร้อมกัน สมัยอีเอ๋อ หลังจากนั้นไม่นาน พายุก็มา สึนามิก็โผล่ ไฟป่ามาตามนัด โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เสียหายยับ บังเอิญจังน่ะเนี่ย? HAARP ใช้ถี่ไป ระวังมันจะสะท้อนเข้าตัวมรึงเองน่ะ อาเซียนรู้ตัวแล้วว่า นาทีนี้แล้ว หากไม่จับมือกันไล่กระตืบเหี้ย ความมั่นคง ปลอดภัยของอาเซียน ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง หากเหี้ยยังอยู่ ที่ผ่านมา มรึงก่อสงครามไกลตัว แต่งวดนี้ สงครามจะมาหามรึงถึงบ้าน อย่าลืมว่า JOHN KIM เคยพูดอะไรเอาไว้ เรือดำน้ำนิวเคลียร์โผล่ที่ชายฝั่งแคลิฟอร์เนียนับครั้งไม่ถ้วน ตบหน้าเหี้ยถึงถิ่น สัญญานจับ เรดาร์มรึง โคตรห่วย โผล่คราวนี้ จะเอาของขวัญไปฝาก แค่เม็ดเดียว อิ่มทั้งวอชิงตัน อยากลองชิมมั้ยล่ะ? ถามว่าอาเซียนสะเทือนมั้ย? ตอบเลยว่าไม่ เพราะพื้นฐานวางมาดี พึ่งพาตัวเองได้ อาหารมี ยามี พลังงานมี แต่มรึงต่างหากที่ไม่มี ถึงต้องเหี้ยใส่ เพื่อต่อรอง จากนี้ อีเหงียนคงได้จับมือไทย อิเหนา ซ้อมรบกับจีนถี่ยิบ เพราะอ่านเกมส์ว่า เหี้ยมันบุกแปซิฟิคแน่ และกลับกัน เตหะราน และโสมแดง อาจจะบุกหลังบ้านเหี้ยทันที เอาให้ดึงกองกำลังกลับบ้านไม่ทันเลยมรึง ตอนนี้ อีทรัมปป์เตรียมดึงกองกำลังออกจากตะวันออกกลาง เพื่อไปตั้งหลักรับมือ หากจะเปิดแปซิฟิค ขณะที่แนวร่วมเทมรึงซะขนาดนี้ โอกาสตายห่าสูงมาก ไม่ว่าจะทางไหน มรึงก็ดิ้นไม่หลุด หนีไม่พ้น

    พบแล้วจ๊ะ! ทหารมะกัน ที่หายตัวไป เจอตัวเป็นๆ แล้วจ๊ะ กลายเป็นศพคาดินโคลน ใกล้พรมแดนลิทัวเนีย 3 ศพนัวเนีย ไม่ต้องบอกว่าฝีมือใคร? ใครอยู่แถวนั้นล่ะ? ของฝากจากเบลารุสเค้าล่ะ? ซ้อมรบเหรอ มาสิจ๊ะ เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ เข้ามาโซนสีแดงปุ๊บ เงียบหาย ไร้ร่องรอย? ช่วงนี้ ลูคาเชนโก ของขึ้น! หลังได้ของเล่นใหม่ดาหน้าเทกระจาดแบบไม่มีอั้น? อีโปลรู้ชะตากรรม สั่งลุยเมื่อไหร่ จบเร็วแน่ เพราะภูมิประเทศล้อมด้าน ง่ายต่อการโจมตีจากทุกทิศทาง เบลารุส คาลินินกราด เค้าจองกฐินนานแล้ว ยุโรปจะทำอะไรคิดให้ดีก่อน ไม่ใช่จะไปบุกเค้า แล้วโดนเค้าสวนกลับ ด้วยการยึดแผ่นดิน จะเสียหมาไปจนวันตาย หากจะเทหมดหน้าตัก เพื่อเดินเกมส์สงครามที่ไม่มีวันชนะ ถามคำเดียว "ใครได้ประโยชน์?" แต่ชาวบ้านจะแห่ลงถนนลากหัวไอ้นักการเมืองขายชาติมาตัดหัวแน่ นี่ไง ปชต.ตอแหล มันเคยให้มรึงกินอิ่ม หลับสบายมั้ยล่ะ? NATO เอือมระอา กับอีทรัมปป์ จะลุยก็เสียค่าโง่ ใครจะจ่าย ตุรกีไม่เอาแน่ ตราบใดที่อีแอร์โดกันยังอยู่ คลังแสงหมดไปเยอะ ใครมันจะเติมเพื่อช่วยเศษขยะยูเครนที่กำลังจะตาย ยังไงก็เสร็จรัสเซียไปนานแล้วกันล่ะ?

    ถามจริงดิ? อีทรัมปป์มันเก่งงานอีเว้นต์ "สงครามนุ๊กจะมา" โอม..เพี้ยง ยิงซะทีเหอะ จะได้จบๆ ขั้วใหม่ เค้าไม่กลัว เพราะยิงกันจริง กูถึงมรึงก่อน แล้วของจริง ใครจะปล่อยให้ GPS มรึงทำงานปกติกันล่ะ? ดาวเทียมคือสิ่งแรกที่ขั้วใหม่จะทำลาย ไม่ต้องให้บอก ว่าเค้าเตรียมไว้นานแล้ว อะไรที่อยู่ในอวกาศ มันคือเครื่องจักรสังหารดาวเทียม บอกไบ้ให้ ดาวเทียมจิ๋วอิหร่านเนี่ยแหละ ไอ้ตัวแสบ! มันจะทำหน้าที่ระบุ ชี้เป้า แม้แต่ทำลายตัวเองยังได้ แถมมันยังสามารถปล่อยคลื่นความถี่รบกวนดาวเทียมตัวใหญ่ได้หมด และตอนนี้ มันอยู่บนหัวเหี้ยมะกันตรงนั้นนานแล้ว ไม่ต้องบอกว่ามันจะทำอะไรได้บ้าง? ฟันธง อีทรัมปป์ไม่กล้า แค่ปั่นตลาดหุ้น เหมือนที่มันทำอยู่ทุกวันนี้ วันนี้พูดอย่าง พรุ่งนี้ พูดอย่าง เปลี่ยนใจทุก 5 นาที เหตุผลคือ ทับหุ้นลง ช้อนซื้อ แล้วปล่อยข่าวใหม่ ปั่นให้ขึ้นแล้วปล่อยขาย หากแดร๊กง่ายดีมั้ยล่ะ? เพราะควายมันเยอะไง? อิหร่านเหรอ บอกเลย "ให้ไว" กูรอมรึงมาเป็นชาติแล้ว ปากดี เผ่นหางจุกตูด โลกคือละคร สิ่งที่อีทรัมปป์ทำอยู่ตอนนี้คือ ตัดท่อน้ำเลี้ยง DEEP STATE แล้วปั่นหุ้นหาแดร๊ก ไอ้กำแพงภาษีที่ทำโลกป่วนตอนนี้ แค่เคาะกะลาเรียกเรตติ้ง ดูไม่ยากดอก อีทรัมปป์หากรู้ว่ามันจะจบที่ไหน ที่เหลือเดาได้สบาย ทองคำกำเอาไว้ อย่าปล่อย โซเชี่ยลหลอกควายรายวัน ทั่วโลกแห่ช้อนซื้อทองคำ รอคิวยาวเหยียด มรึงจะปล่อยให้โง่? ตราบใดที่ยังไม่มีแร่ใดในโลก ที่จะขึ้นมาเทียบทองคำได้ อย่าปล่อย หากไม่ร้อนเงินจริง? 45000 ก็ทะลุมาแล้ว รอด่านต่อไป 65000 หากยังทะลุต่อ มรึงปล่อยทันที หากร้อนเงิน หากไม่ร้อน เก็บไว้ให้ลูกหลาน ตื่นมาอีกที บาทละ 100000 ไอ้สัส แต่ยังน้อยน่ะ 1 ออนซ์ทองคำ แลกรถยนต์ป้ายแดงอเมริกันได้ 1 คัน มรึงดูค่าเงินแท้จริงมันสิ? แล้วยังจะมีควายไปอุ้มดอลล่าร์ต่ออีกน่ะ?

    ปล.ทฤษฎีสมคบคิดมาเต็ม อะไรน่ะ! ตึกสตง.เลียนแบบ 9/11 ระเบิดรากฐานตึกก่อน ใครเข้าไปตรวจสอบพื้นที่กันล่ะ? หากเป็นอีตำหนวด บอกเลย จ่ายสด งดเชื่อ เบื่อทวง พร้อมบริการทำลายหลักฐานให้เบ็ดเสร็จ จับพิรุจ ตึกอื่นไม่ถล่ม ทั้งๆ อยู่ติดกัน ห่างกันไม่เยอะ ถล่มตึกเดียว น่าคิดมั้ย? วิถีการลงเป็นแนวดิ่งร่วงทันที เหมือน 9/11 มั้ยล่ะ? ทั้งเรื่องทุนจีนสีเทา ทั้งเรื่องการเมือง ต้องเป็นสตง. ทั้งเรื่องคอรัปชั่น อะไรที่ผุดออกมา ทำให้มรึงได้คิดเสียทีว่า "ความมั่นคง ปลอดภัย จะมาจากไหน" หากเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้มีหน้าที่บังคับกฎหมายกลายร่างเป็นเหี้ยเสียเอง มรึงจะทำยังไง? สาวไส้ไปมา ก็เรื่องแดร๊ก เหล็กเส้น ออกแบบ เร่งรีบก่อสร้าง เพื่อเบิกงบงวดต่อไป ใครเซ็นต์ ใครรับรองแบบ หนีไม่พ้นคุกจ๊ะ ล่าสุดมีการค้นพบว่า อีก 300 ชีวิตอยู่ใต้ซาก ยังไม่ต้องรีบเชื่อ ปากคนน่ากลัวกว่าปากกา ใครจะเผ่นหนีความผิดก็รีบซะ เพราะอีกไม่นาน การกวาดล้างครั้งใหญ่จะมา เรื่องราวทั้งหมด ที่มันเละเทะ โสมม ต้องโดนล้างด้วยไฮเตอร์ขยี้เหี้ย ใครล่ะ จะทำ? งานนี้สายตรงวังเท่านั้น รับคำสั่งเบื้องบนให้ทำความสะอาดทั้งระบบ ผ่านองคมนตรี แต่ตอนนี้ ช่วยผู้ประสบอุทกภัยก่อนน่ะ หน่วยงานอื่นเข้ามาช่วยเต็มที่ แต่มีแขกที่ไม่ได้เชิญ เสือกเข้ามาด้วย อีเหี้ยมะกัน กับอียิวเสนียดโลก มันไม่ได้มาช่วยดอก แค่ตามมาดูผลงาน ว่าเรียบร้อยดีมั้ย? เจอหน้าเมื่อไหร่ ฝากบอก ฮูตีคิดมรึงมากน่ะ? จะเอาของขวัญไปฝากถึงบ้านมรึง รอรับให้ดี! จับตา ชักจะมีอะไรน่าสนใจ อีทรัมปป์ ปูติน สีจิ้นผิง กำลังเล่นเกมส์อะไรอยู่ ทรัมปป์ขู่ขึ้นกำแพงภาษีทั่วโลก ทองคำอาจพุ่งทะลุ $4500 ใครได้ประโยชน์เต็มตรีนกันล่ะ ทรัมปป์แลนด์ รัสเซีย จีน อาจเล่นละครตบตาโลก เพื่อเขย่า DEEP STATE ฝากไว้ให้คิด ใครที่ว่าทรัมปป์เป็น Q จริงหรือไม่ ชัวร์หรือไม่ชัวร์ ให้ดูตอนจบ ว่าอียิวเหี้ยไซออนนิสต์ตายจริงหรือไม่? นั่นคือหลักฐานพิสูจน์คำตอบแท้จริง ใครสายดาร์ก ชอบเรื่องลึกลับ ซับซ้อน งานนี้อาจมีเฮ เพราะบอกเลยว่า อีฟรีเมสัน มันอยู่เฉยไม่ได้อีกแล้ว อีร็อดไชน์ อีร็อคกี้ เริ่มเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ หลังเจ้าพ่อตลาดหุ้นอย่างอีบุฟเฟ่ต์ ชิ่งอุ้มเงินสดถอดออกจากตลาดก่อน เพราะรู้ว่า "มันอันตรายถึงขีดสุดแล้ว พร้อมดิ่งนรกทุกเมื่อ" ใครมีหุ้นในมือตอนนี้ หากขาดทุนไม่เยอะ ถอนออกมาอุ้มเงินสดไว้ในมือ อย่าเสียดาย อย่าโลภ เพราะมรึงกำลังจะได้ของถูกแบบช็อคโลกเร็วๆ นี้ เงินสดอุ่นใจ ไม่ต้องฝากความหวังใคร แต่หากขาดทุนเยอะ ก็เก็บเอาไว้ก่อน บอกตรง ชั่วโมงนี้ เหวี่ยงสุดขีด กระโดดสุดตัว เดาไม่ง่าย อยู่ที่มันจะปั่นกันตอนไหน? ตลาดแบบนี้ โอกาสตายสูง หากไม่รวยเละ ก็เจ๊งยับ เพราะขึ้นสุด ลงสุดเช่นกัน เงินสดติดตัวคืออำนาจในมือ ออกจากตัว คืออำนาจคนอื่น

    หมี CNN(ไอ้สัส! อเมริกันอ่วม ซื้อรถแพงขึ้น $12000 แห่หันไปซื้อ EV แม้แพงขึ้นแต่ยังถูกกว่า ยิ่งไปเพิ่มตลาดให้จีน แต่เขี่ยตลาดรถยนต์ตัวเอง ภาคการผลิตอ่วม ทุกอย่างขึ้นหมด เพราะกำแพงภาษีอีทรัมปป์ ดึงโลกมาเล่นเกมส์ปาหี่กันหมด แต่เอเซียสบายตัว ไม่มีมรึง กูก็ยังอยู่ได้สบายดี แต่ยุโรปขี้แตกน่ะสิ ถึงเวลาพึ่งพาตัวเองเสียที แต่คำถามคือ เงินเฟ้อ แรงงานตก ไร้บ้านเพิ่ม สวัสดิการหดหาย เลือกตั้งแล้วได้อะไรดี เลือกตั้งแก้ปากท้องมรึงไม่ได้ แล้วจะเลือกทำพ่อง? สรุปคือแผ่นดินมีแค่กลุ่มคนชั้นสูงปกครอง อย่าถามหาเสรีภาพ สิทธิเหี้ยอะไรทั้งนั้น เป็นได้แค่ขี้ข้าไปจนวันตาย ใครจะรักมรึงจริงกันล่ะ หากไม่ใช่พ่อมรึงเอง?)
    02 เมษายน 68
    11.11 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    02-04-68/01 : หมี CNN / BREAKING NEWS "หมีม้าด่วน ม้าเร็ว ม้าหน้ามืด" EP.9 2 เมษายน "ม่วงทั้งแผ่นดิน" ขอจงทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน รักสุดจิต สุดใจ เห็นพระเทพแล้ว ยังคงนึกถึงพ่อบนสรวงสวรรค์ จนป่านนี้ ท่านยังปฎิบัติภารกิจไม่เลิก พี่น้องรักใคร่กลมเกลียวกัน ราชวงศ์จักรี ยั่งยืนยง ชาวอโยธยาพร้อมถวายทุกสิ่ง เพื่อให้ทุกพระองค์ท่าน สุขเกษมสำราญ รักพระเทพ แสงสีม่วงจากนภากาศ แจ่มจรัสเหลือเกิน แสงสีทองส่องตามมา พระเทพผอมลง เพราะทรงงานหนักทุกวัน แต่สุขภาพยังแข็งแรง ขอจงทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน 10000 ปี 10000 ปี ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ.. มรึงคิดว่าจะเงียบเหรอ ดีออก? อ.ปานเทพซัดกลับอีร่านตุ๊ด วางเงินล้าน มีเท่าไหร่ พอจ่ายมั้ย ไอ้สัส! ตัดต่อเหี้ยๆ หมายังเอือมระอา แถจนควายลาตาย! ยิ่งดิ้น ยิ่งน่าสมเพช เค้ารู้กันหมดทั้งขบวนการแล้ว..ดีออก! พยานปากสำคัญแฉหมดเปลือกทุกขั้นตอน พยานมี หลักฐานมัดเพี๊ยบ กล้องมา คลิปโผล่ เทคนิควิทยาศาสตร์มาเต็ม ควายบอกเลิกเหอะมรึง? ยิ่งแถ ยิ่งอายหมา? สปอตไลท์หายไปไม่กี่วัน วันนี้กลับมาซัดต่อ เพราะเหี้ยปากมันดี จากโดนแค่ไม่กี่กระทง ระวัง มรึงจะโดนเป็นสิบ? เสี้ยนอยากหาผัวในคุกจนตัวสั่น! มรึงจะดิ้นยังไง? เค้ารู้หมดแล้ว ทุกเรื่องราว ผีอีโมหายตัวไปไหน ยังไง เมื่อไหร่ ทิ้งศพลงแม่น้ำกี่โมง รู้หมด ยังจะมาฉี่ท้ายเรือ โดนใบพัดเลยต่ออีก เชิญส่งมรึงไปหาศรีธัญญาน่าจะเหมาะ หรือมรึงวางตัวไว้เพื่อการณ์นี้ จบที่เป็นบ้า ไร้สติ เอาที่มรึงสบายใจ เป็นตุ๊ดน่ะมันไม่ผิดดอก ใครก็เป็นได้ แต่เป็น "ตุ๊ดหนักแผ่นดินเนี่ยสิ" ตุ๊ดดีดี ตุ๊ดสร้างสรรค์ เสียหายเพราะมรึง ทำลายสถาบันตุ๊ดที่มีมาอย่างยาวนาน ภาพขามรึงชัดๆ ยังจะแถไม่เลิก เค้าเรียก "ไปให้สุด แล้วจบที่ขุมนรก" ใครก็ตาม ไอ้อีหน้าไหนก็ตาม หากกล้ามาหาญท้าชะตาฟ้า ดวลกับอ.ปานเทพ กูเห็นมาเยอะแล้ว ศพไม่สวยซักราย อย่างมรึงเนี่ย "ตายคาจอ โง่คาที่ ปากดี ตายเร็วเสมอ" อีทรัมปป์ออกอาการ ฮูตีจัดหนัก เละเทะทั้งขบวนกองเรือ เรือรบ เรือบรรทุกเครื่องบิน ที่เก่าและล้าหลัง ยังกล้าเอาเข้ามาโชว์ หมาไม่เลิก ไปไม่เป็น สภาพยับเยิน สั่งสื่อห้ามลงภาพ แพ้แบบเสียหมา โถ..ขนาดอีเอ๋อ มันสั่ง มันส่ง ไปกี่ร้อยรอบ ผลลัพธ์ไม่แตกต่าง มรึงจะเอาเหี้ยอะไรไปวัดกับไฮเปอร์โซนิคของจริง ที่แม้แต่ของมรึงเองยังไม่ผ่าน QC เลย ดีออก? อีทรัมปป์ทำไมจะไม่รู้ แต่ช้าก่อน หากมรึงคิดจะเอาเยเมน เพื่อเป้าหมายจริงคืออิหร่าน กูจะบอกให้เอาบุญว่า อย่าคิดน่ะว่า เค้าจะไม่สวนตูดมรึงกลับบ้าง มัวแต่ส่งเหี้ยมาเที่ยวละลานชาวโลก ระวังหลังบ้านตัวเองให้ดีดี บอกแล้วน่ะ รอบบ้านมรึง ไฮเปอร์โซนิคประจำการนานแล้ว บุกเค้าเพลิน ระวังจะเสียหมาครั้งใหญ่ ทำเนียบขาวถูกยึด สิ่งที่น่ากลัวกว่าไม่ใช่อิหร่าน แต่เป็นคนในแผ่นดินต้องคำสาปมรึงต่างหาก ทั้งอีลา อี DEEP STATE มันจ้องมรึงตาไม่วาง เผลอเป็นเสียบ เงียบเป็นทุบ หยุดเป็นศอก จนตรอกเป็นหมา ยิ่งตอนนี้ มรึงคลั่งหนัก ยุบ ยุบ ยุบ แม่งทุกอย่าง ต่อไป อีตาเพน มันหันปากกระบอกปืนมาล่อมรึงซะเอง ระวังจะหนีไม่ทันน่ะจ๊ะ ที่มาว่าทำไม อีทรัมปป์กำลังจะวางแผนเข้าไปควบคุมอีตาเพน ตัดงบ โยกย้าย ทั้งหมดเพื่อต่อรอง จะอยู่กับกู หรือจะอยู่เหี้ยอีกฝั่ง มรึงเลือกมา? อีเหงียนไม่รอด โดนเหมือนกัน มันถี่ไปมุย? กลัวควายโลกไม่รู้เหรอว่า "ใครทำ?" ความจำสั้นกันจังน่ะมรึง? หลังมรึงล่อจีน ตุรกี พร้อมกัน สมัยอีเอ๋อ หลังจากนั้นไม่นาน พายุก็มา สึนามิก็โผล่ ไฟป่ามาตามนัด โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เสียหายยับ บังเอิญจังน่ะเนี่ย? HAARP ใช้ถี่ไป ระวังมันจะสะท้อนเข้าตัวมรึงเองน่ะ อาเซียนรู้ตัวแล้วว่า นาทีนี้แล้ว หากไม่จับมือกันไล่กระตืบเหี้ย ความมั่นคง ปลอดภัยของอาเซียน ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง หากเหี้ยยังอยู่ ที่ผ่านมา มรึงก่อสงครามไกลตัว แต่งวดนี้ สงครามจะมาหามรึงถึงบ้าน อย่าลืมว่า JOHN KIM เคยพูดอะไรเอาไว้ เรือดำน้ำนิวเคลียร์โผล่ที่ชายฝั่งแคลิฟอร์เนียนับครั้งไม่ถ้วน ตบหน้าเหี้ยถึงถิ่น สัญญานจับ เรดาร์มรึง โคตรห่วย โผล่คราวนี้ จะเอาของขวัญไปฝาก แค่เม็ดเดียว อิ่มทั้งวอชิงตัน อยากลองชิมมั้ยล่ะ? ถามว่าอาเซียนสะเทือนมั้ย? ตอบเลยว่าไม่ เพราะพื้นฐานวางมาดี พึ่งพาตัวเองได้ อาหารมี ยามี พลังงานมี แต่มรึงต่างหากที่ไม่มี ถึงต้องเหี้ยใส่ เพื่อต่อรอง จากนี้ อีเหงียนคงได้จับมือไทย อิเหนา ซ้อมรบกับจีนถี่ยิบ เพราะอ่านเกมส์ว่า เหี้ยมันบุกแปซิฟิคแน่ และกลับกัน เตหะราน และโสมแดง อาจจะบุกหลังบ้านเหี้ยทันที เอาให้ดึงกองกำลังกลับบ้านไม่ทันเลยมรึง ตอนนี้ อีทรัมปป์เตรียมดึงกองกำลังออกจากตะวันออกกลาง เพื่อไปตั้งหลักรับมือ หากจะเปิดแปซิฟิค ขณะที่แนวร่วมเทมรึงซะขนาดนี้ โอกาสตายห่าสูงมาก ไม่ว่าจะทางไหน มรึงก็ดิ้นไม่หลุด หนีไม่พ้น พบแล้วจ๊ะ! ทหารมะกัน ที่หายตัวไป เจอตัวเป็นๆ แล้วจ๊ะ กลายเป็นศพคาดินโคลน ใกล้พรมแดนลิทัวเนีย 3 ศพนัวเนีย ไม่ต้องบอกว่าฝีมือใคร? ใครอยู่แถวนั้นล่ะ? ของฝากจากเบลารุสเค้าล่ะ? ซ้อมรบเหรอ มาสิจ๊ะ เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ เข้ามาโซนสีแดงปุ๊บ เงียบหาย ไร้ร่องรอย? ช่วงนี้ ลูคาเชนโก ของขึ้น! หลังได้ของเล่นใหม่ดาหน้าเทกระจาดแบบไม่มีอั้น? อีโปลรู้ชะตากรรม สั่งลุยเมื่อไหร่ จบเร็วแน่ เพราะภูมิประเทศล้อมด้าน ง่ายต่อการโจมตีจากทุกทิศทาง เบลารุส คาลินินกราด เค้าจองกฐินนานแล้ว ยุโรปจะทำอะไรคิดให้ดีก่อน ไม่ใช่จะไปบุกเค้า แล้วโดนเค้าสวนกลับ ด้วยการยึดแผ่นดิน จะเสียหมาไปจนวันตาย หากจะเทหมดหน้าตัก เพื่อเดินเกมส์สงครามที่ไม่มีวันชนะ ถามคำเดียว "ใครได้ประโยชน์?" แต่ชาวบ้านจะแห่ลงถนนลากหัวไอ้นักการเมืองขายชาติมาตัดหัวแน่ นี่ไง ปชต.ตอแหล มันเคยให้มรึงกินอิ่ม หลับสบายมั้ยล่ะ? NATO เอือมระอา กับอีทรัมปป์ จะลุยก็เสียค่าโง่ ใครจะจ่าย ตุรกีไม่เอาแน่ ตราบใดที่อีแอร์โดกันยังอยู่ คลังแสงหมดไปเยอะ ใครมันจะเติมเพื่อช่วยเศษขยะยูเครนที่กำลังจะตาย ยังไงก็เสร็จรัสเซียไปนานแล้วกันล่ะ? ถามจริงดิ? อีทรัมปป์มันเก่งงานอีเว้นต์ "สงครามนุ๊กจะมา" โอม..เพี้ยง ยิงซะทีเหอะ จะได้จบๆ ขั้วใหม่ เค้าไม่กลัว เพราะยิงกันจริง กูถึงมรึงก่อน แล้วของจริง ใครจะปล่อยให้ GPS มรึงทำงานปกติกันล่ะ? ดาวเทียมคือสิ่งแรกที่ขั้วใหม่จะทำลาย ไม่ต้องให้บอก ว่าเค้าเตรียมไว้นานแล้ว อะไรที่อยู่ในอวกาศ มันคือเครื่องจักรสังหารดาวเทียม บอกไบ้ให้ ดาวเทียมจิ๋วอิหร่านเนี่ยแหละ ไอ้ตัวแสบ! มันจะทำหน้าที่ระบุ ชี้เป้า แม้แต่ทำลายตัวเองยังได้ แถมมันยังสามารถปล่อยคลื่นความถี่รบกวนดาวเทียมตัวใหญ่ได้หมด และตอนนี้ มันอยู่บนหัวเหี้ยมะกันตรงนั้นนานแล้ว ไม่ต้องบอกว่ามันจะทำอะไรได้บ้าง? ฟันธง อีทรัมปป์ไม่กล้า แค่ปั่นตลาดหุ้น เหมือนที่มันทำอยู่ทุกวันนี้ วันนี้พูดอย่าง พรุ่งนี้ พูดอย่าง เปลี่ยนใจทุก 5 นาที เหตุผลคือ ทับหุ้นลง ช้อนซื้อ แล้วปล่อยข่าวใหม่ ปั่นให้ขึ้นแล้วปล่อยขาย หากแดร๊กง่ายดีมั้ยล่ะ? เพราะควายมันเยอะไง? อิหร่านเหรอ บอกเลย "ให้ไว" กูรอมรึงมาเป็นชาติแล้ว ปากดี เผ่นหางจุกตูด โลกคือละคร สิ่งที่อีทรัมปป์ทำอยู่ตอนนี้คือ ตัดท่อน้ำเลี้ยง DEEP STATE แล้วปั่นหุ้นหาแดร๊ก ไอ้กำแพงภาษีที่ทำโลกป่วนตอนนี้ แค่เคาะกะลาเรียกเรตติ้ง ดูไม่ยากดอก อีทรัมปป์หากรู้ว่ามันจะจบที่ไหน ที่เหลือเดาได้สบาย ทองคำกำเอาไว้ อย่าปล่อย โซเชี่ยลหลอกควายรายวัน ทั่วโลกแห่ช้อนซื้อทองคำ รอคิวยาวเหยียด มรึงจะปล่อยให้โง่? ตราบใดที่ยังไม่มีแร่ใดในโลก ที่จะขึ้นมาเทียบทองคำได้ อย่าปล่อย หากไม่ร้อนเงินจริง? 45000 ก็ทะลุมาแล้ว รอด่านต่อไป 65000 หากยังทะลุต่อ มรึงปล่อยทันที หากร้อนเงิน หากไม่ร้อน เก็บไว้ให้ลูกหลาน ตื่นมาอีกที บาทละ 100000 ไอ้สัส แต่ยังน้อยน่ะ 1 ออนซ์ทองคำ แลกรถยนต์ป้ายแดงอเมริกันได้ 1 คัน มรึงดูค่าเงินแท้จริงมันสิ? แล้วยังจะมีควายไปอุ้มดอลล่าร์ต่ออีกน่ะ? ปล.ทฤษฎีสมคบคิดมาเต็ม อะไรน่ะ! ตึกสตง.เลียนแบบ 9/11 ระเบิดรากฐานตึกก่อน ใครเข้าไปตรวจสอบพื้นที่กันล่ะ? หากเป็นอีตำหนวด บอกเลย จ่ายสด งดเชื่อ เบื่อทวง พร้อมบริการทำลายหลักฐานให้เบ็ดเสร็จ จับพิรุจ ตึกอื่นไม่ถล่ม ทั้งๆ อยู่ติดกัน ห่างกันไม่เยอะ ถล่มตึกเดียว น่าคิดมั้ย? วิถีการลงเป็นแนวดิ่งร่วงทันที เหมือน 9/11 มั้ยล่ะ? ทั้งเรื่องทุนจีนสีเทา ทั้งเรื่องการเมือง ต้องเป็นสตง. ทั้งเรื่องคอรัปชั่น อะไรที่ผุดออกมา ทำให้มรึงได้คิดเสียทีว่า "ความมั่นคง ปลอดภัย จะมาจากไหน" หากเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้มีหน้าที่บังคับกฎหมายกลายร่างเป็นเหี้ยเสียเอง มรึงจะทำยังไง? สาวไส้ไปมา ก็เรื่องแดร๊ก เหล็กเส้น ออกแบบ เร่งรีบก่อสร้าง เพื่อเบิกงบงวดต่อไป ใครเซ็นต์ ใครรับรองแบบ หนีไม่พ้นคุกจ๊ะ ล่าสุดมีการค้นพบว่า อีก 300 ชีวิตอยู่ใต้ซาก ยังไม่ต้องรีบเชื่อ ปากคนน่ากลัวกว่าปากกา ใครจะเผ่นหนีความผิดก็รีบซะ เพราะอีกไม่นาน การกวาดล้างครั้งใหญ่จะมา เรื่องราวทั้งหมด ที่มันเละเทะ โสมม ต้องโดนล้างด้วยไฮเตอร์ขยี้เหี้ย ใครล่ะ จะทำ? งานนี้สายตรงวังเท่านั้น รับคำสั่งเบื้องบนให้ทำความสะอาดทั้งระบบ ผ่านองคมนตรี แต่ตอนนี้ ช่วยผู้ประสบอุทกภัยก่อนน่ะ หน่วยงานอื่นเข้ามาช่วยเต็มที่ แต่มีแขกที่ไม่ได้เชิญ เสือกเข้ามาด้วย อีเหี้ยมะกัน กับอียิวเสนียดโลก มันไม่ได้มาช่วยดอก แค่ตามมาดูผลงาน ว่าเรียบร้อยดีมั้ย? เจอหน้าเมื่อไหร่ ฝากบอก ฮูตีคิดมรึงมากน่ะ? จะเอาของขวัญไปฝากถึงบ้านมรึง รอรับให้ดี! จับตา ชักจะมีอะไรน่าสนใจ อีทรัมปป์ ปูติน สีจิ้นผิง กำลังเล่นเกมส์อะไรอยู่ ทรัมปป์ขู่ขึ้นกำแพงภาษีทั่วโลก ทองคำอาจพุ่งทะลุ $4500 ใครได้ประโยชน์เต็มตรีนกันล่ะ ทรัมปป์แลนด์ รัสเซีย จีน อาจเล่นละครตบตาโลก เพื่อเขย่า DEEP STATE ฝากไว้ให้คิด ใครที่ว่าทรัมปป์เป็น Q จริงหรือไม่ ชัวร์หรือไม่ชัวร์ ให้ดูตอนจบ ว่าอียิวเหี้ยไซออนนิสต์ตายจริงหรือไม่? นั่นคือหลักฐานพิสูจน์คำตอบแท้จริง ใครสายดาร์ก ชอบเรื่องลึกลับ ซับซ้อน งานนี้อาจมีเฮ เพราะบอกเลยว่า อีฟรีเมสัน มันอยู่เฉยไม่ได้อีกแล้ว อีร็อดไชน์ อีร็อคกี้ เริ่มเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ หลังเจ้าพ่อตลาดหุ้นอย่างอีบุฟเฟ่ต์ ชิ่งอุ้มเงินสดถอดออกจากตลาดก่อน เพราะรู้ว่า "มันอันตรายถึงขีดสุดแล้ว พร้อมดิ่งนรกทุกเมื่อ" ใครมีหุ้นในมือตอนนี้ หากขาดทุนไม่เยอะ ถอนออกมาอุ้มเงินสดไว้ในมือ อย่าเสียดาย อย่าโลภ เพราะมรึงกำลังจะได้ของถูกแบบช็อคโลกเร็วๆ นี้ เงินสดอุ่นใจ ไม่ต้องฝากความหวังใคร แต่หากขาดทุนเยอะ ก็เก็บเอาไว้ก่อน บอกตรง ชั่วโมงนี้ เหวี่ยงสุดขีด กระโดดสุดตัว เดาไม่ง่าย อยู่ที่มันจะปั่นกันตอนไหน? ตลาดแบบนี้ โอกาสตายสูง หากไม่รวยเละ ก็เจ๊งยับ เพราะขึ้นสุด ลงสุดเช่นกัน เงินสดติดตัวคืออำนาจในมือ ออกจากตัว คืออำนาจคนอื่น หมี CNN(ไอ้สัส! อเมริกันอ่วม ซื้อรถแพงขึ้น $12000 แห่หันไปซื้อ EV แม้แพงขึ้นแต่ยังถูกกว่า ยิ่งไปเพิ่มตลาดให้จีน แต่เขี่ยตลาดรถยนต์ตัวเอง ภาคการผลิตอ่วม ทุกอย่างขึ้นหมด เพราะกำแพงภาษีอีทรัมปป์ ดึงโลกมาเล่นเกมส์ปาหี่กันหมด แต่เอเซียสบายตัว ไม่มีมรึง กูก็ยังอยู่ได้สบายดี แต่ยุโรปขี้แตกน่ะสิ ถึงเวลาพึ่งพาตัวเองเสียที แต่คำถามคือ เงินเฟ้อ แรงงานตก ไร้บ้านเพิ่ม สวัสดิการหดหาย เลือกตั้งแล้วได้อะไรดี เลือกตั้งแก้ปากท้องมรึงไม่ได้ แล้วจะเลือกทำพ่อง? สรุปคือแผ่นดินมีแค่กลุ่มคนชั้นสูงปกครอง อย่าถามหาเสรีภาพ สิทธิเหี้ยอะไรทั้งนั้น เป็นได้แค่ขี้ข้าไปจนวันตาย ใครจะรักมรึงจริงกันล่ะ หากไม่ใช่พ่อมรึงเอง?) 02 เมษายน 68 11.11 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    LINE.ME
    title
    description
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1045 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ รัฐบาลนี้มันสิ้นคิดกันไปหมด นายกฯ ก็จะให้ชาวบ้านขุดดินโคลนในแม่น้ำลำคลองขาย รัฐมนตรีพาณิชย์ก็จะให้ชาวนาหันมาปลูกกล้วยแทนข้าว นี่เราต้องทนให้มันบริหารประเทศอีกนานแค่ไหน
    #7ดอกจิก
    #ปลูกกล้วยแทนทำนา
    ♣ รัฐบาลนี้มันสิ้นคิดกันไปหมด นายกฯ ก็จะให้ชาวบ้านขุดดินโคลนในแม่น้ำลำคลองขาย รัฐมนตรีพาณิชย์ก็จะให้ชาวนาหันมาปลูกกล้วยแทนข้าว นี่เราต้องทนให้มันบริหารประเทศอีกนานแค่ไหน #7ดอกจิก #ปลูกกล้วยแทนทำนา
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 495 มุมมอง 0 รีวิว
  • 15 นาทีพบร่าง"แตงโม" มีโคลนใหม่ติดท้ายทอย : [NEWS UPDATE]
    นายสมพงษ์ สุนทรพรวาที หรือเสี่ยสมพงษ์ เผยหลังให้ข้อมูลคดีการเสียชีวิตของ แตงโม นิดา ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กว่า 6 ชม. เจ้าหน้าที่ถามละเอียดกว่าตอนให้ข้อมูลที่ สน. เช่น จับร่างหงายหน้าหรือไม่ มีเชือกหรือไม่ ซึ่งตนจับที่เสื้อบริเวณแผ่นหลัง โดยวันที่พบร่างขับเรือผ่านท่าเรือพิบูลสงคราม 30 เมตร ก็เริ่มมองเห็นระยะไกล เมื่อไปอีก 100 เมตร ก็เห็นร่างแตงโม ลักษณะคว่ำหน้า เห็นด้านหลังศรีษะ ท้ายทอย แผ่นหลัง สะโพก ส่วนแขนและขาจมในน้ำ ท้ายทอยมีดินโคลนเปียก ลักษณะโคลนใหม่สีเทาดำติดเล็กน้อย สันนิษฐานว่าร่างเพิ่งลอยขึ้นไม่นาน ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดเรือกู้ภัยที่มีมากกว่า 100 ลำ หาไม่พบ เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าว ทางกู้ภัยได้พักทานข้าวที่ท่าพิบูลสงคราม เวลานั้นเห็นเรือที่มีพี่ชายแตงโมแค่ลำเดียว ไม่ได้นำเรือออกแป๊บเดียวแล้วเจอตามที่พูดกัน แต่ใช้เวลาประมาณ 15 นาที


    แฉ"สมเด็จ"หากินกับคุก

    จม.อุยกูร์จาก ตม.สวนพลู

    กกต.แจงใบสว.3เข้าคูหาได้

    ขอบคุณล่วงหน้าต่อโมโตจีพี
    15 นาทีพบร่าง"แตงโม" มีโคลนใหม่ติดท้ายทอย : [NEWS UPDATE] นายสมพงษ์ สุนทรพรวาที หรือเสี่ยสมพงษ์ เผยหลังให้ข้อมูลคดีการเสียชีวิตของ แตงโม นิดา ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กว่า 6 ชม. เจ้าหน้าที่ถามละเอียดกว่าตอนให้ข้อมูลที่ สน. เช่น จับร่างหงายหน้าหรือไม่ มีเชือกหรือไม่ ซึ่งตนจับที่เสื้อบริเวณแผ่นหลัง โดยวันที่พบร่างขับเรือผ่านท่าเรือพิบูลสงคราม 30 เมตร ก็เริ่มมองเห็นระยะไกล เมื่อไปอีก 100 เมตร ก็เห็นร่างแตงโม ลักษณะคว่ำหน้า เห็นด้านหลังศรีษะ ท้ายทอย แผ่นหลัง สะโพก ส่วนแขนและขาจมในน้ำ ท้ายทอยมีดินโคลนเปียก ลักษณะโคลนใหม่สีเทาดำติดเล็กน้อย สันนิษฐานว่าร่างเพิ่งลอยขึ้นไม่นาน ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดเรือกู้ภัยที่มีมากกว่า 100 ลำ หาไม่พบ เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าว ทางกู้ภัยได้พักทานข้าวที่ท่าพิบูลสงคราม เวลานั้นเห็นเรือที่มีพี่ชายแตงโมแค่ลำเดียว ไม่ได้นำเรือออกแป๊บเดียวแล้วเจอตามที่พูดกัน แต่ใช้เวลาประมาณ 15 นาที แฉ"สมเด็จ"หากินกับคุก จม.อุยกูร์จาก ตม.สวนพลู กกต.แจงใบสว.3เข้าคูหาได้ ขอบคุณล่วงหน้าต่อโมโตจีพี
    Like
    Angry
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 967 มุมมอง 46 0 รีวิว
  • ฟังข่าวเมื่อวาน จากจุดเดียวกันกับที่เคยมีตำรวจขี่รถมอเตอร์ไซค์ชนหมอกระต่ายที่กำลังเดินข้ามทางม้าลายจนลอยกระเด็นไปไกลและเสียชีวิต

    ไรเดอร์หนุ่มซิ่งมอเตอร์ไซค์ชนนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีขณะกำลังข้ามถนน เคราะห์ดียังไม่ถึงตาย

    ฟังคำอ้างของไรเดอร์แล้วได้แต่อนาถใจ เพราะเขาให้เหตุผลว่ามองไม่เห็นสัญญาณไฟคนข้าม

    หากให้พูดสำนวนนักเลงหน่อยคงต้องใช้ประโยคประมาณว่า

    "อะไรของมึง ตอบมาได้อย่างไร ใบขับขี่ซื้อมาเหรอ กฎหมายจราจรชัดเจนมีมานานตั้งแต่ไรเดอร์ยังไม่เกิดเลย"

    ข้อหนึ่งใจความประมาณว่าเมื่อผู้ขับขี่ขับมาถึงบริเวณที่มีทางข้ามอย่างทางม้าลาย ให้ระมัดระวัง เตรียมชะลอ หากมีคนรอข้าม ให้จอดรถสนิทห่างจากทางม้าลายอย่างน้อย 3 เมตร แต่ถ้าดูดีแล้วว่าไม่มีคนจึงค่อยออกรถวิ่งต่อได้ ฝ่าฝืนคือผิดกฎหมาย

    ด้วยเหตุนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าไรเดอร์ทำผิดกฎแล้ว 100% มันน่าอับอายคนทั่วโลกเหลือเกิน ที่คนขับขี่รถในประเทศนี้ คุณภาพโดยรวมต่ำย่ำแย่ติดลบสุด ๆ

    ใน 100 คน หาสักคนที่จะชะลอจอดยังหาไม่ได้เลยมั้ง คนเหล่านี้ไม่สำนึก ผ่านวันนี้ไปก็คงลืมแล้ว วันต่อไปก็เป็นเช่นเดิม การบังคับใช้กฎหมายของ จนท.ก็ย่ำแย่พอกับคุณภาพคนขับขี่ ไม่ควรให้ออกมาขี่รถตลอดชีวิตด้วยซ้ำ มีโอกาสสูงมากที่สักวันต้องทำคนตายบนถนนแน่

    คิดถึงที่ข้าพเจ้าเคยเขียนไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ขอรีโพสต์อีกครั้งแล้วกัน ดังมีเนื้อหาต่อไปนี้

    ...........

    #ทางม้าลายหรือทางตายแน่

    ทางม้าลายในไทยนี้มีก็ไม่แตกต่างจากไม่มีจริงนะ เคยพูดเรื่องนี้หลายหน ข้าพเจ้าเดินข้ามถนนมาตั้งแต่เด็กที่ต้องกลับบ้านเอง และการข้ามถนนในกรุงเทพสำหรับเด็กแล้ว มันคือการเสี่ยงดวงทุกครั้ง

    ถ้ามีสะพานลอย นั่นคือทางเลือกแรก แต่ในหลายที่ไม่มี ก็ต้องมองหาทางม้าลายแทน แต่แม้นจะหาเจอ บอกได้เลยว่าเจ้าลายขาวดำบนพื้นนั้น ไม่ได้ช่วยให้คนข้ามรู้สึกถึงความปลอดภัยเพิ่มขึ้นกว่าพื้นถนนที่ไม่มีลายแม้แต่นิดเดียว สำหรับในเมืองไทยนี้

    หลายครั้งก็หวุดหวิดเกือบโดนเฉี่ยวชน แต่ยังบุญรักษาที่รอดมาได้ถึงปัจจุบัน

    ข้ามมาไม่รู้กี่พันครั้งในชีวิตนี้ เชื่อไหมว่าที่มีคนขับมีน้ำใจ มีมารยาทตามกฎจราจร หยุดจอดให้โดยดีก่อนถึงเส้นขาวดำนั้นมีไม่น่าจะถึง 10 ครั้ง

    เกือบทั้งหมดคือไม่สนเลยว่าใครจะข้าม จะมีคนแก่ คนท้อง เด็ก ผู้หญิง คนพิการ หรือแค่คนปกติธรรมดาที่เขายืนรอจังหวะหวังว่าจะพอมีช่วงที่รถชะลอให้พอข้ามได้

    ล้วนแล้วแต่อยากจะรีบไปของตัวเองกันแทบทั้งนั้น อย่าว่าแต่หยุดรถให้เลย แค่ลดความเร็วยังหายากมากถึงมากที่สุด จะข้ามได้คือต้องช่วงที่รถอยู่ห่างจากตัวหลายสิบเมตร แล้วกะจังหวะเวลาให้ดี ใหม่ๆก็วิ่งหน้าตั้ง หลังๆประสบการณ์พอตัว ก็ไม่วิ่ง ก้าวเร็วๆเอา

    แต่บางถนนที่มีการจราจรแน่นหนาคับคั่ง การข้ามทางม้าลายนี่ยังกับปีนไต่ต้นถั่วขึ้นไปบนฟ้า โอกาสร่วงลงมาตายสูง เผลอๆมีสิ่งคาดไม่ถึงเกิดขึ้นด้วย

    อาทิเรากะว่าน่าจะวิ่งข้ามทัน แต่รถดันมาไวมาก ถึงจวนตัวกระชั้นชิด ก็จะโดนบีบแตรไล่ยาว พอเราตกใจหยุดกะทันหันคนขับจะหัวเสียที่ต้องเบรกเอี๊ยด ทำหน้ายักษ์ใส่ แล้วยกมือขึ้นมาทำท่าโบกเหมือนไล่ให้รีบไปเร็วๆ อย่ามาเกะกะกู ครั้นพอเราได้สติ จะรีบข้ามต่อ แต่รถคันที่มาเลนกลางดันไม่สนใจว่าคันทางซ้ายนั้นจำใจจอดแล้ว ตัวเองควรต้องจอดด้วยเพื่อให้คนข้าม

    เขากลับทำตรงข้ามกับสิ่งที่ควรทำ คือยิ่งเร่งความเร็วจะผ่านตรงม้าลายนี้ไป ดังนั้นถ้าหากเราไม่ตาไวและระวังเพียงพอ ก็มีสิทธิถูกเสยกระเด็นไปเหมือนว่าวขาดลอย

    นี่คือจุดตายของคนข้ามทางม้าลายมานักต่อนัก อย่าชะล่าใจเป็นอันขาดที่คิดว่าคันแรกจอดให้เราข้าม แล้วคันอื่นๆที่วิ่งตามมาเลนอื่นจะจอดให้เราไปง่ายๆ

    น้ำใจบนท้องถนนของคนขับรถในบ้านเมืองนี้ ต้องบอกว่าแห้งแล้งยิ่งกว่าแผ่นดินอีสานเมื่อหลายสิบปีก่อน เป็นเช่นนั้นจริงๆ และนับวันจะเป็นมากขึ้น

    ที่จอดให้นั้น จำใจจอดซะเป็นส่วนใหญ่ ที่จะตั้งใจจอดให้เองอย่างยินดีตั้งแต่รถยังไม่ทันทับเส้นขาวดำนี่น่าจะเหมือนฝัน หากใครพบเจอในไทยนะ ขอแนะนำให้หันไปยิ้มให้และไหว้ขอบคุณคนขับอย่างงามๆเป็นการให้กำลังใจในสิ่งที่เขาทำสักหน่อยเถิด

    คนมีรถยนต์ส่วนตัวนั้น ที่จะขับขี่โดยไม่เห็นแก่ตัว และมองเห็นหัวคนเดินถนนบ้างนั้น หาได้น้อยแสนน้อยยิ่งนัก

    เอาง่ายๆ ใครมีรถ ลองถามใจตัวเอง ทุกครั้งที่วิ่งผ่านทางม้าลาย ต่อให้ไม่มีคนรอข้ามเลย เคยไหมที่จะชะลอลดความเร็วลง หรือว่าห้อตะบึงไปอย่างไม่ไยดี

    หรือหากมีคน แล้วกี่ครั้งกันที่คุณหยุดรถให้เขาเหล่านั้นได้เดินข้ามอย่างไม่ต้องวิ่งตาลีตาเหลือก

    หรือมีแต่บีบแตรกันไม่ให้เขาข้ามมา ทั้งที่ตัวเองก็ยังอยู่ห่างจากทางม้าลายพอสมควร แต่ไม่คิดจะหยุด จึงต้องบีบแตรไว้ก่อน เป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่าฉันจะไปยาวนะ ไม่จอด อย่าสะเออะข้ามมา

    ชนตายไม่รู้นะมึง

    ใช่เป็นแบบนั้นหรือไม่?

    น่าเศร้าใจนะไทยแลนด์

    ทำไมคนขับรถถึงใจดำได้เพียงนี้

    ช่วงหน้าฝนชัดเจนที่สุด คนยืนรอข้ามถนน รอขึ้นรถเมล์ หรือกำลังเดินริมถนน รถแต่ละคันวิ่งฝ่าน้ำบนพื้น กระฉูดใส่คนบนทางเท้าราวกับคลื่นทะเลที่มาเป็นอุโมงค์น้ำ

    คนเหล่านั้นเขาน่าสงสาร น่าเห็นใจขนาดไหน เด็กเล็กๆกับพ่อแม่ผู้ปกครองที่ไปรับกลับบ้าน หรือมาโรงเรียน คนทำงานที่เหน็ดเหนื่อยรอที่จะกลับบ้านหรือกำลังจะไปที่ทำงาน ฝนตกยืนกางร่มก็ลำบากไม่น้อยแล้ว ยังต้องมาถูกซัดโครมเดียวด้วยน้ำสกปรกสีขุ่นและตะกอนฝุ่นผงดินโคลนทั้งหลายก็กระเด็น กระจัดกระจาย สร้างลวดลายไปบนชุดและร่างกายของเขาทั่วหัวยันตีน เข้าตา เข้าจมูก เข้าหู เข้าปากด้วยก็ไม่แน่

    เขาต้องทนไปจนกว่าจะกลับถึงบ้านจึงได้อาบน้ำ ถ้ากำลังไปเรียน ไปทำงาน ไปสอบ จะทำอย่างไร แต่คนขับที่ทำอุโมงค์น้ำซัดใส่นั้น หายไปไหนแล้วไม่รู้

    แล้วรู้อะไรไหม คนขับพวกนี้ เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำร้ายใครไปแล้วบ้างกี่คน กว่าที่จะไปถึงจุดหมายปลายทางของตัวเอง

    จากประสบการณ์จริงที่เคยเจอมาทั้งกับตัวเอง และเห็นคนที่โดนกระทำในขณะที่เราเป็นผู้โดยสารอยู่บนรถคันที่ก่อเหตุ

    เพราะเราเป็นคนเดินดินริมถนน เหมือนกันกับเขา จึงเข้าใจ แต่หลายคนที่เคยเป็นคนเดินถนน พอเริ่มมีรถเป็นของตนเองแล้วเมื่อไร ก็เหมือนโดนคำสาปสิงสู่ใจ ทำให้ลืมไปหมดในเรื่องที่ตนเคยประสบพบเจอมา แล้วก็กลายร่างเป็นคนชนิดเดียวกันกับคนที่เคยเบียดเบียนตนเองมาก่อนเช่นกัน

    อย่าลืมว่าเขาที่เดินเท้าบนถนนก็คือคนที่มีศักดิ์ มีศรี ควรต่อการให้ความใส่ใจ และปฏิบัติต่อกันเฉกเช่นคนในครอบครัวของเรา หาใช่ก้อนอิฐ หิน ดิน ทราย ที่ไร้ชีวิต

    ขอบคุณภาพฟรีจาก pixabay.com

    #บทความ
    #thaitimes
    #แง่คิด
    #รถชนนักท่องเที่ยว
    #ข้ามทางม้าลาย
    ฟังข่าวเมื่อวาน จากจุดเดียวกันกับที่เคยมีตำรวจขี่รถมอเตอร์ไซค์ชนหมอกระต่ายที่กำลังเดินข้ามทางม้าลายจนลอยกระเด็นไปไกลและเสียชีวิต ไรเดอร์หนุ่มซิ่งมอเตอร์ไซค์ชนนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีขณะกำลังข้ามถนน เคราะห์ดียังไม่ถึงตาย ฟังคำอ้างของไรเดอร์แล้วได้แต่อนาถใจ เพราะเขาให้เหตุผลว่ามองไม่เห็นสัญญาณไฟคนข้าม หากให้พูดสำนวนนักเลงหน่อยคงต้องใช้ประโยคประมาณว่า "อะไรของมึง ตอบมาได้อย่างไร ใบขับขี่ซื้อมาเหรอ กฎหมายจราจรชัดเจนมีมานานตั้งแต่ไรเดอร์ยังไม่เกิดเลย" ข้อหนึ่งใจความประมาณว่าเมื่อผู้ขับขี่ขับมาถึงบริเวณที่มีทางข้ามอย่างทางม้าลาย ให้ระมัดระวัง เตรียมชะลอ หากมีคนรอข้าม ให้จอดรถสนิทห่างจากทางม้าลายอย่างน้อย 3 เมตร แต่ถ้าดูดีแล้วว่าไม่มีคนจึงค่อยออกรถวิ่งต่อได้ ฝ่าฝืนคือผิดกฎหมาย ด้วยเหตุนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าไรเดอร์ทำผิดกฎแล้ว 100% มันน่าอับอายคนทั่วโลกเหลือเกิน ที่คนขับขี่รถในประเทศนี้ คุณภาพโดยรวมต่ำย่ำแย่ติดลบสุด ๆ ใน 100 คน หาสักคนที่จะชะลอจอดยังหาไม่ได้เลยมั้ง คนเหล่านี้ไม่สำนึก ผ่านวันนี้ไปก็คงลืมแล้ว วันต่อไปก็เป็นเช่นเดิม การบังคับใช้กฎหมายของ จนท.ก็ย่ำแย่พอกับคุณภาพคนขับขี่ ไม่ควรให้ออกมาขี่รถตลอดชีวิตด้วยซ้ำ มีโอกาสสูงมากที่สักวันต้องทำคนตายบนถนนแน่ คิดถึงที่ข้าพเจ้าเคยเขียนไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ขอรีโพสต์อีกครั้งแล้วกัน ดังมีเนื้อหาต่อไปนี้ ........... #ทางม้าลายหรือทางตายแน่ ทางม้าลายในไทยนี้มีก็ไม่แตกต่างจากไม่มีจริงนะ เคยพูดเรื่องนี้หลายหน ข้าพเจ้าเดินข้ามถนนมาตั้งแต่เด็กที่ต้องกลับบ้านเอง และการข้ามถนนในกรุงเทพสำหรับเด็กแล้ว มันคือการเสี่ยงดวงทุกครั้ง ถ้ามีสะพานลอย นั่นคือทางเลือกแรก แต่ในหลายที่ไม่มี ก็ต้องมองหาทางม้าลายแทน แต่แม้นจะหาเจอ บอกได้เลยว่าเจ้าลายขาวดำบนพื้นนั้น ไม่ได้ช่วยให้คนข้ามรู้สึกถึงความปลอดภัยเพิ่มขึ้นกว่าพื้นถนนที่ไม่มีลายแม้แต่นิดเดียว สำหรับในเมืองไทยนี้ หลายครั้งก็หวุดหวิดเกือบโดนเฉี่ยวชน แต่ยังบุญรักษาที่รอดมาได้ถึงปัจจุบัน ข้ามมาไม่รู้กี่พันครั้งในชีวิตนี้ เชื่อไหมว่าที่มีคนขับมีน้ำใจ มีมารยาทตามกฎจราจร หยุดจอดให้โดยดีก่อนถึงเส้นขาวดำนั้นมีไม่น่าจะถึง 10 ครั้ง เกือบทั้งหมดคือไม่สนเลยว่าใครจะข้าม จะมีคนแก่ คนท้อง เด็ก ผู้หญิง คนพิการ หรือแค่คนปกติธรรมดาที่เขายืนรอจังหวะหวังว่าจะพอมีช่วงที่รถชะลอให้พอข้ามได้ ล้วนแล้วแต่อยากจะรีบไปของตัวเองกันแทบทั้งนั้น อย่าว่าแต่หยุดรถให้เลย แค่ลดความเร็วยังหายากมากถึงมากที่สุด จะข้ามได้คือต้องช่วงที่รถอยู่ห่างจากตัวหลายสิบเมตร แล้วกะจังหวะเวลาให้ดี ใหม่ๆก็วิ่งหน้าตั้ง หลังๆประสบการณ์พอตัว ก็ไม่วิ่ง ก้าวเร็วๆเอา แต่บางถนนที่มีการจราจรแน่นหนาคับคั่ง การข้ามทางม้าลายนี่ยังกับปีนไต่ต้นถั่วขึ้นไปบนฟ้า โอกาสร่วงลงมาตายสูง เผลอๆมีสิ่งคาดไม่ถึงเกิดขึ้นด้วย อาทิเรากะว่าน่าจะวิ่งข้ามทัน แต่รถดันมาไวมาก ถึงจวนตัวกระชั้นชิด ก็จะโดนบีบแตรไล่ยาว พอเราตกใจหยุดกะทันหันคนขับจะหัวเสียที่ต้องเบรกเอี๊ยด ทำหน้ายักษ์ใส่ แล้วยกมือขึ้นมาทำท่าโบกเหมือนไล่ให้รีบไปเร็วๆ อย่ามาเกะกะกู ครั้นพอเราได้สติ จะรีบข้ามต่อ แต่รถคันที่มาเลนกลางดันไม่สนใจว่าคันทางซ้ายนั้นจำใจจอดแล้ว ตัวเองควรต้องจอดด้วยเพื่อให้คนข้าม เขากลับทำตรงข้ามกับสิ่งที่ควรทำ คือยิ่งเร่งความเร็วจะผ่านตรงม้าลายนี้ไป ดังนั้นถ้าหากเราไม่ตาไวและระวังเพียงพอ ก็มีสิทธิถูกเสยกระเด็นไปเหมือนว่าวขาดลอย นี่คือจุดตายของคนข้ามทางม้าลายมานักต่อนัก อย่าชะล่าใจเป็นอันขาดที่คิดว่าคันแรกจอดให้เราข้าม แล้วคันอื่นๆที่วิ่งตามมาเลนอื่นจะจอดให้เราไปง่ายๆ น้ำใจบนท้องถนนของคนขับรถในบ้านเมืองนี้ ต้องบอกว่าแห้งแล้งยิ่งกว่าแผ่นดินอีสานเมื่อหลายสิบปีก่อน เป็นเช่นนั้นจริงๆ และนับวันจะเป็นมากขึ้น ที่จอดให้นั้น จำใจจอดซะเป็นส่วนใหญ่ ที่จะตั้งใจจอดให้เองอย่างยินดีตั้งแต่รถยังไม่ทันทับเส้นขาวดำนี่น่าจะเหมือนฝัน หากใครพบเจอในไทยนะ ขอแนะนำให้หันไปยิ้มให้และไหว้ขอบคุณคนขับอย่างงามๆเป็นการให้กำลังใจในสิ่งที่เขาทำสักหน่อยเถิด คนมีรถยนต์ส่วนตัวนั้น ที่จะขับขี่โดยไม่เห็นแก่ตัว และมองเห็นหัวคนเดินถนนบ้างนั้น หาได้น้อยแสนน้อยยิ่งนัก เอาง่ายๆ ใครมีรถ ลองถามใจตัวเอง ทุกครั้งที่วิ่งผ่านทางม้าลาย ต่อให้ไม่มีคนรอข้ามเลย เคยไหมที่จะชะลอลดความเร็วลง หรือว่าห้อตะบึงไปอย่างไม่ไยดี หรือหากมีคน แล้วกี่ครั้งกันที่คุณหยุดรถให้เขาเหล่านั้นได้เดินข้ามอย่างไม่ต้องวิ่งตาลีตาเหลือก หรือมีแต่บีบแตรกันไม่ให้เขาข้ามมา ทั้งที่ตัวเองก็ยังอยู่ห่างจากทางม้าลายพอสมควร แต่ไม่คิดจะหยุด จึงต้องบีบแตรไว้ก่อน เป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่าฉันจะไปยาวนะ ไม่จอด อย่าสะเออะข้ามมา ชนตายไม่รู้นะมึง ใช่เป็นแบบนั้นหรือไม่? น่าเศร้าใจนะไทยแลนด์ ทำไมคนขับรถถึงใจดำได้เพียงนี้ ช่วงหน้าฝนชัดเจนที่สุด คนยืนรอข้ามถนน รอขึ้นรถเมล์ หรือกำลังเดินริมถนน รถแต่ละคันวิ่งฝ่าน้ำบนพื้น กระฉูดใส่คนบนทางเท้าราวกับคลื่นทะเลที่มาเป็นอุโมงค์น้ำ คนเหล่านั้นเขาน่าสงสาร น่าเห็นใจขนาดไหน เด็กเล็กๆกับพ่อแม่ผู้ปกครองที่ไปรับกลับบ้าน หรือมาโรงเรียน คนทำงานที่เหน็ดเหนื่อยรอที่จะกลับบ้านหรือกำลังจะไปที่ทำงาน ฝนตกยืนกางร่มก็ลำบากไม่น้อยแล้ว ยังต้องมาถูกซัดโครมเดียวด้วยน้ำสกปรกสีขุ่นและตะกอนฝุ่นผงดินโคลนทั้งหลายก็กระเด็น กระจัดกระจาย สร้างลวดลายไปบนชุดและร่างกายของเขาทั่วหัวยันตีน เข้าตา เข้าจมูก เข้าหู เข้าปากด้วยก็ไม่แน่ เขาต้องทนไปจนกว่าจะกลับถึงบ้านจึงได้อาบน้ำ ถ้ากำลังไปเรียน ไปทำงาน ไปสอบ จะทำอย่างไร แต่คนขับที่ทำอุโมงค์น้ำซัดใส่นั้น หายไปไหนแล้วไม่รู้ แล้วรู้อะไรไหม คนขับพวกนี้ เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำร้ายใครไปแล้วบ้างกี่คน กว่าที่จะไปถึงจุดหมายปลายทางของตัวเอง จากประสบการณ์จริงที่เคยเจอมาทั้งกับตัวเอง และเห็นคนที่โดนกระทำในขณะที่เราเป็นผู้โดยสารอยู่บนรถคันที่ก่อเหตุ เพราะเราเป็นคนเดินดินริมถนน เหมือนกันกับเขา จึงเข้าใจ แต่หลายคนที่เคยเป็นคนเดินถนน พอเริ่มมีรถเป็นของตนเองแล้วเมื่อไร ก็เหมือนโดนคำสาปสิงสู่ใจ ทำให้ลืมไปหมดในเรื่องที่ตนเคยประสบพบเจอมา แล้วก็กลายร่างเป็นคนชนิดเดียวกันกับคนที่เคยเบียดเบียนตนเองมาก่อนเช่นกัน อย่าลืมว่าเขาที่เดินเท้าบนถนนก็คือคนที่มีศักดิ์ มีศรี ควรต่อการให้ความใส่ใจ และปฏิบัติต่อกันเฉกเช่นคนในครอบครัวของเรา หาใช่ก้อนอิฐ หิน ดิน ทราย ที่ไร้ชีวิต ขอบคุณภาพฟรีจาก pixabay.com #บทความ #thaitimes #แง่คิด #รถชนนักท่องเที่ยว #ข้ามทางม้าลาย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1041 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ปานเทพ” เผยกรณีศึกษาจากต่างประเทศ เด็กจมบ่อตื้นๆ เสียชีวิต เบื้องต้นเป็นคดีจมน้ำตายธรรมดา แต่ผลชันสูตรในรายละเอียดพบดินโคลนในปากและหลอดลม กลายเป็นฆาตกรรมอำพราง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000122707

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “ปานเทพ” เผยกรณีศึกษาจากต่างประเทศ เด็กจมบ่อตื้นๆ เสียชีวิต เบื้องต้นเป็นคดีจมน้ำตายธรรมดา แต่ผลชันสูตรในรายละเอียดพบดินโคลนในปากและหลอดลม กลายเป็นฆาตกรรมอำพราง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000122707 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    26
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1047 มุมมอง 0 รีวิว
  • #สุดยอดนายกฯ
    ไอเดียบรรลัยไส้ ผุดอาชีพใหม่ให้ชาวบ้าน
    "ขุดลอกคลองขายดินโคลน"
    แซงชนะไอเดียลุงตู่ เลี้ยงไก่บ้านละสองตัวแบบไม่เห็นฝุ่น
    คาดว่าในอนาคต UN อาจยกย่องให้อิ๊งเป็นมารดาแห่งดินโคลน
    ทุ๊ย!!!!
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #สุดยอดนายกฯ ไอเดียบรรลัยไส้ ผุดอาชีพใหม่ให้ชาวบ้าน "ขุดลอกคลองขายดินโคลน" แซงชนะไอเดียลุงตู่ เลี้ยงไก่บ้านละสองตัวแบบไม่เห็นฝุ่น คาดว่าในอนาคต UN อาจยกย่องให้อิ๊งเป็นมารดาแห่งดินโคลน ทุ๊ย!!!! #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 609 มุมมอง 0 รีวิว
  • หน่วยกู้ภัยอินโดนีเซียยังคงเร่งค้นหาผู้โดยสารจำนวนหนึ่งที่ติดอยู่ภายในรถมินิบัสที่ถูกดินโคลนถล่มทับ หลังเกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มในหลายพื้นที่ของจังหวัดสุมาตราเหนือ ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุดเพิ่มเป็นอย่างน้อย 27 รายวันนี้ (28 พ.ย.)

    สำนักงานจัดการภัยพิบัติของอินโดนีเซียระบุว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่แล้วทำให้เกิดอุทกภัยและดินถล่มในพื้นที่ 4 เขตของจังหวัดสุมาตราเหนือ

    ฮาดี วาห์ยูดี โฆษกตำรวจสุมาตราเหนือระบุว่า ล่าสุดได้เกิดดินโคลนถล่มที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเมืองเดอลีเซอร์ดัง (Deli Serdang) เมื่อวันพุธ (27) ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย บาดเจ็บอีก 20 คน

    เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงเร่งค้นหาชาวบ้านที่สูญหาย รวมถึงผู้โดยสารซึ่งติดอยู่ในรถมินิบัสและยานพาหนะอีกหลายคันซึ่งถูกดินโคลนถล่มทับบนถนนที่เชื่อมระหว่างจังหวัดสายหนึ่ง โดยขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินตัวเลขของผู้ประสบภัยได้

    ในพื้นที่อื่นๆ หน่วยกู้ภัยพบผู้เสียชีวิตแล้ว 20 รายระหว่างการค้นหาที่เริ่มมาตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้ว และเวลานี้ยังคงมีชาวบ้านสูญหายไม่ทราบชะตากรรมอีก 2 คน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/around/detail/9670000114504

    #MGROnline #อินโดนีเซีย
    หน่วยกู้ภัยอินโดนีเซียยังคงเร่งค้นหาผู้โดยสารจำนวนหนึ่งที่ติดอยู่ภายในรถมินิบัสที่ถูกดินโคลนถล่มทับ หลังเกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มในหลายพื้นที่ของจังหวัดสุมาตราเหนือ ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุดเพิ่มเป็นอย่างน้อย 27 รายวันนี้ (28 พ.ย.) • สำนักงานจัดการภัยพิบัติของอินโดนีเซียระบุว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่แล้วทำให้เกิดอุทกภัยและดินถล่มในพื้นที่ 4 เขตของจังหวัดสุมาตราเหนือ • ฮาดี วาห์ยูดี โฆษกตำรวจสุมาตราเหนือระบุว่า ล่าสุดได้เกิดดินโคลนถล่มที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเมืองเดอลีเซอร์ดัง (Deli Serdang) เมื่อวันพุธ (27) ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย บาดเจ็บอีก 20 คน • เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงเร่งค้นหาชาวบ้านที่สูญหาย รวมถึงผู้โดยสารซึ่งติดอยู่ในรถมินิบัสและยานพาหนะอีกหลายคันซึ่งถูกดินโคลนถล่มทับบนถนนที่เชื่อมระหว่างจังหวัดสายหนึ่ง โดยขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินตัวเลขของผู้ประสบภัยได้ • ในพื้นที่อื่นๆ หน่วยกู้ภัยพบผู้เสียชีวิตแล้ว 20 รายระหว่างการค้นหาที่เริ่มมาตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้ว และเวลานี้ยังคงมีชาวบ้านสูญหายไม่ทราบชะตากรรมอีก 2 คน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/around/detail/9670000114504 • #MGROnline #อินโดนีเซีย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 454 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยะลา - ยะลาฝนกระหน่ำวันที่ 2 กระทบ 5 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อนแล้ว 107,741 คน ขณะที่น้ำโอบล้อมตัวเมืองตัดขาดการเดินทางออกนอกจังหวัด ด้าน ผบช.ภาค 9 ลงพื้นที่มอบอาหารน้ำดื่มช่วยเหลือในเบื้องต้น

    วันนี้ (28 พ.ย.) สถานการณ์อุทกภัยจังหวัดยะลา สืบเนื่องจากปริมาณฝนตกหนักถึงหนักมากมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ปริมาณฝนสะสม 2 วัน อยู่ที่ 579.8 มิลลิเมตร ทำให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำลันตลิ่ง และดินโคลนถล่มในหลายพื้นที่จังหวัดยะลา ล่าสุด ยังมีฝนตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่อง โดยพื้นที่ตำบลรอบนอกในเขตตัวเมืองยะลา ทั้ง 10 ตำบล มีน้ำท่วมโอบล้อมเมืองในเขตเทศบาลนครยะลา ซึ่งขณะนี้มีประชาชนได้รับผลกระทบแล้ว 5 อำเภอ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/south/detail/9670000114539

    #MGROnline #สถานการณ์อุทกภัย #จังหวัดยะลา #ฝนตกหนัก #ปริมาณฝนสะสม #น้ำท่วมฉับพลัน #น้ำป่าไหลหลาก #น้ำลันตลิ่ง #ดินโคลนถล่ม
    ยะลา - ยะลาฝนกระหน่ำวันที่ 2 กระทบ 5 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อนแล้ว 107,741 คน ขณะที่น้ำโอบล้อมตัวเมืองตัดขาดการเดินทางออกนอกจังหวัด ด้าน ผบช.ภาค 9 ลงพื้นที่มอบอาหารน้ำดื่มช่วยเหลือในเบื้องต้น • วันนี้ (28 พ.ย.) สถานการณ์อุทกภัยจังหวัดยะลา สืบเนื่องจากปริมาณฝนตกหนักถึงหนักมากมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ปริมาณฝนสะสม 2 วัน อยู่ที่ 579.8 มิลลิเมตร ทำให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำลันตลิ่ง และดินโคลนถล่มในหลายพื้นที่จังหวัดยะลา ล่าสุด ยังมีฝนตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่อง โดยพื้นที่ตำบลรอบนอกในเขตตัวเมืองยะลา ทั้ง 10 ตำบล มีน้ำท่วมโอบล้อมเมืองในเขตเทศบาลนครยะลา ซึ่งขณะนี้มีประชาชนได้รับผลกระทบแล้ว 5 อำเภอ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/south/detail/9670000114539 • #MGROnline #สถานการณ์อุทกภัย #จังหวัดยะลา #ฝนตกหนัก #ปริมาณฝนสะสม #น้ำท่วมฉับพลัน #น้ำป่าไหลหลาก #น้ำลันตลิ่ง #ดินโคลนถล่ม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1097 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอนน้ำท่วม สส.ประชาชวยออกปล้นของจากรถบริจาค เพื่อเอาไปเคลมสร้างภาพ พอน้ำลดทหารช่วยชาวบ้านเคลียร์พื้นที่ล้างดินโคลนจนสะอาด และยกทัพกลับ ไอ้พรรคพม่าประชาชวย ก็โผล่ไปเอาหน้า เหมือนหนังไทยที่ตำรวจแห่กันมาตอนจบหลังพระเอกปราบผู้ร้ายแล้ว
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    ตอนน้ำท่วม สส.ประชาชวยออกปล้นของจากรถบริจาค เพื่อเอาไปเคลมสร้างภาพ พอน้ำลดทหารช่วยชาวบ้านเคลียร์พื้นที่ล้างดินโคลนจนสะอาด และยกทัพกลับ ไอ้พรรคพม่าประชาชวย ก็โผล่ไปเอาหน้า เหมือนหนังไทยที่ตำรวจแห่กันมาตอนจบหลังพระเอกปราบผู้ร้ายแล้ว #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    Angry
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 631 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจ่าโต้ว สบู่จีนโบราณ

    สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <องค์หญิงใหญ่> คงจะฟินจิกหมอนไม่น้อยกับฉากอาบน้ำของพระเอกนางเอก ในซีรีส์ไม่ได้พูดถึง แต่ในนิยายตอนที่องค์หญิงหลี่หรงสั่งให้สาวใช้เตรียมของใช้สำหรับอาบน้ำจังหวะนี้ นอกจากกลีบดอกไม้แล้ว ยังมีสิ่งที่เรียกว่า ‘เจ่าโต้ว’ (澡豆) แปลตรงตัวว่าถั่วอาบน้ำ ซึ่งก็คือสบู่โบราณนั่นเอง วันนี้เรามาคุยกันเรื่องนี้

    แต่ก่อนอื่นขอเกริ่นถึงวัฒนธรรมการอาบน้ำ ปัจจุบันการอาบน้ำทั่วไปเรียกว่า ‘สีเจ่า’ (洗澡) แต่ถ้าอาบแบบแช่น้ำในอ่างทั้งตัวเรียกเป็น ‘มู่อวี้’ (沐浴) ซึ่งคำว่า ‘มู่อวี้’ นี้เป็นศัพท์ที่มีมาแต่โบราณและคำว่าห้องอาบน้ำ (浴室/อวี้ซึ) ปรากฏเป็นอักขระบนกระดูกโบราณมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซาง ดังนั้น วัฒนธรรมการอาบน้ำมีมาอย่างน้อยสามพันกว่าปีในประเทศจีน

    ในเอกสารสมัยราชวงศ์ฮั่นระบุจำแนกไว้ว่า ‘มู่’ คือการสระผม ‘อวี้’ คือการอาบชำระร่างกาย ‘สี่’ คือการล้างเท้า และ ‘เจ่า’ คือการล้างมือ ต่อมาคำว่า ‘เจ่า’ จึงค่อยๆ ถูกใช้สำหรับการชำระล้างส่วนอื่นๆ ด้วย

    การอาบน้ำแบบโบราณหรือมู่อวี้ โดยทั่วไปคือการอาบน้ำอุ่นในถังอาบน้ำ อาจแช่ทั้งตัวหรือนั่งราดอาบก็ได้ ดังที่เราเห็นในซีรีส์จีนว่าต้องมีการต้มน้ำไปใส่อ่าง หรืออย่างในวังจะมีสระน้ำร้อนให้ใช้ และชาวจีนโบราณก็ไม่ได้อาบน้ำทุกวัน (จะว่าไปแล้ว ชาติอื่นก็เหมือนกัน) โดยหลักปฏิบัติคือสามวันให้สระผมหนึ่งครั้ง ห้าวันอาบน้ำหนึ่งครั้ง ในสมัยฮั่นถึงกับกำหนดเป็นกฎที่ต้องปฏิบัติของข้าราชการโดยจะหยุดพักงานทุกห้าวัน เป็นนัยว่าหยุดเพื่อให้อยู่บ้านอาบน้ำ และวันหยุดนี้เรียกว่า ‘ซิวมู่’ (休沐 แปลตรงตัวว่าพักอาบน้ำ)

    นอกจากนี้ ก่อนเข้าร่วมพิธีสำคัญก็ต้องอาบน้ำโดยเฉพาะพิธีบวงสรวงเซ่นไหว้ต่างๆ เพื่อเป็นการชำระล้างสิ่งสกปรกออกจากกาย โดยในเอกสารโบราณมีระบุรายละเอียดเพิ่มเติมถึงขั้นตอนการอาบน้ำ เป็นต้นว่า การอาบน้ำนั้น ท่อนบนของร่างกายใช้ผ้าใยเนื้อละเอียดเช็ดถู ท่อนล่างใช้ผ้าใยเนื้อหยาบ สุดท้ายคือยืนล้าง (ขัด) เท้าบนเสื่อหญ้าหยาบ เมื่อเช็ดแห้งเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วให้ดื่มชาหรือน้ำเพื่อปรับอุณภูมิในร่างกายและชดเชยการเสียเหงื่อด้วย

    ในช่วงสมัยราชวงศ์เหนือใต้ ปรากฏว่าตามวัดพุทธมีการขุดบ่อเป็นสระอาบน้ำรวมให้พระภิกษุใช้อาบทุกวันก่อนไหว้พระ และเนื่องจากในสมัยโบราณชาวบ้านนิยมเที่ยววัด จึงค่อยๆ กลายเป็นว่าชาวบ้านหรือข้าราชการก็ไปใช้บริการอาบน้ำที่วัด เสร็จแล้วก็นั่งดื่มชาสนทนากัน ต่อมาวัฒนธรรมการอาบน้ำรวมนี้เป็นที่นิยมมาก ในสมัยซ่งมีสระอาบน้ำสาธารณะในเมืองที่ชาวบ้านสามารถมาจ่ายเงินใช้บริการได้โดยแบ่งเป็นสระน้ำอุ่นและสระน้ำเย็นให้เลือกใช้ได้ตามใจชอบ และในสมัยหมิงถึงกับมีคนรับจ้างช่วยถูหลังสระผมตัดเล็บเลยทีเดียว

    ว่ากันว่า แรกเริ่มเลยในสมัยซางและฮั่น คนโบราณใช้น้ำซาวข้าวอาบน้ำสระผม ต่อมาในสมัยราชวงศ์เหนือใต้มีการพัฒนาใช้เครื่องหอมต่างๆ จึงสันนิษฐานว่าสบู่โบราณเจ่าโต้วถูกพัฒนาขึ้นในสมัยนั้นเช่นกัน แต่ว่าแรกเริ่มมันเป็นของหรูที่มีใช้ในวังเท่านั้นและใช้สำหรับล้างมือ ต่อมาจึงแพร่สู่ชาวบ้านธรรมดา ใช้ได้ทั้งอาบน้ำสระผมล้างหน้าล้างมือล้างเท้า และใช้ซักเสื้อผ้าอีกด้วย

    สบู่เจ่าโต้วนี้ถูกเรียกว่า ‘ถั่วอาบน้ำ’ เพราะว่าส่วนผสมหลักของมันก็คือถั่วหรือธัญพืชบดละเอียด ผสมด้วย เครื่องหอม เครื่องเทศและยาสมุนไพรหลากหลาย และสูตรโบราณนี้นอกจากจะเป็นสครับขัดผิวให้ขาวเนียนและบำรุงผิวพรรณได้ดีแล้ว ยังล้างคราบได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคราบดินโคลน คราบมัน คราบเลือด และคราบเครื่องสำอาง ต่อมาภายหลังจึงใช้หันไปใช้ขี้เถ้าไม้และไขมันสัตว์เป็นส่วนผสมหลักเรียกว่า ‘อี๋จื่อ’ (胰子) ซึ่งเป็นพัฒนากลายมาเป็นสบู่ปัจจุบัน

    สูตรการทำเจ่าโต้วถูกพัฒนาขึ้นอย่างหลากหลาย แต่สามารถสรุปรวมได้ดังนี้ คือ (1) ธัญพืชและถั่วสารพัดชนิด บ้างต้มสุกบ้างใช้ถั่วดิบ บดละเอียด (2) สมุนไพรหรือเครื่องเทศบดละเอียด เช่น กานพลู การบูร อบเชย (3) เครื่องหอมที่ต้องการ เช่นไม้หอมอบแห้ง กลีบดอกไม้แห้ง บดละเอียดหรือหากเป็นดอกไม้อาจบดหยาบ (4) น้ำหรือน้ำแร่ ต้มเคี่ยวกับน้ำตาลหรือน้ำผึ้ง (5) เอาส่วนผสมทั้งหมดผสมแล้วคลุกให้สม่ำเสมอ ปั้นเป็นลูกกลอนแล้วเอาไปตากแห้งหลายๆ วัน เป็นอันจบขั้นตอน เวลาจะใช้ก็ชุบน้ำให้เปียกแล้วบี้แตกถูตามร่างกาย

    Storyฯ ผ่านตาคลิปของพ่อหนุ่มที่ทำสบู่โบราณนี้ เป็นคนเดียวกับที่เคยทำกระบอกจุดไฟและกระโปรงหม่าเมี่ยนที่ Storyฯ เคยเขียนถึง (ค้นอ่านบทความเก่าได้จากสารบัญ) เข้าไปดูได้ตามลิ้งค์ข้างล่างค่ะ

    จะเห็นได้ว่าจริงๆ แล้วเจ่าโต้วทำไม่ยาก แต่สาเหตุที่เดิมเป็นของฟุ่มเฟือยเพราะส่วนผสมหลายอย่างมีราคาสูงเกินกว่าที่ชาวบ้านธรรมดาจะนำมาใช้ในกิจวัตรประจำวัน สู้ใช้พวกดินโคลนหินทรายจะง่ายกว่าและประหยัดทรัพย์ โดยส่วนตัวแล้ว Storyฯ คิดว่าส่วนผสมของเจ่าโต้วนี้ดูน่าใช้กว่าสบู่รุ่นหลังที่ทำจากไขมันสัตว์และขี้เถ้าไม้เสียอีก แต่ยังไม่ได้ทดลองทำดูนะ ใครลองทำแล้วได้ผลอย่างไรอย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังด้วยนะคะ หรือถ้าใครรู้ว่าภูมิปัญญาไทยโบราณใช้อะไรทำสบู่ แตกต่างมากน้อยอย่างไรกับเจ่าโต้วนี้ ก็มาเล่าให้ฟังได้นะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    คลิปสาธิตการทำเจ่าโต้ว: https://www.youtube.com/watch?v=kuCYk0hoAdY
    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://k.sina.cn/article_2277596227_87c15c4304001633w.html
    https://kknews.cc/zh-my/history/p6b6orj.html
    https://baike.sogou.com/v8330278.htm
    https://zabar.pixnet.net/blog/post/64707721
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_23937607
    https://baike.baidu.com/item/澡豆/687918
    https://kknews.cc/zh-cn/history/qxyaj9b.html
    https://k.sina.cn/article_6395568294_17d34a0a600100cs21.html
    https://baike.baidu.com/item/胰子/5249378

    #องค์หญิงใหญ่ #เจ่าโต้ว #สบู่จีนโบราณ #อาบน้ำจีนโบราณ #สาระจีน

    เจ่าโต้ว สบู่จีนโบราณ สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <องค์หญิงใหญ่> คงจะฟินจิกหมอนไม่น้อยกับฉากอาบน้ำของพระเอกนางเอก ในซีรีส์ไม่ได้พูดถึง แต่ในนิยายตอนที่องค์หญิงหลี่หรงสั่งให้สาวใช้เตรียมของใช้สำหรับอาบน้ำจังหวะนี้ นอกจากกลีบดอกไม้แล้ว ยังมีสิ่งที่เรียกว่า ‘เจ่าโต้ว’ (澡豆) แปลตรงตัวว่าถั่วอาบน้ำ ซึ่งก็คือสบู่โบราณนั่นเอง วันนี้เรามาคุยกันเรื่องนี้ แต่ก่อนอื่นขอเกริ่นถึงวัฒนธรรมการอาบน้ำ ปัจจุบันการอาบน้ำทั่วไปเรียกว่า ‘สีเจ่า’ (洗澡) แต่ถ้าอาบแบบแช่น้ำในอ่างทั้งตัวเรียกเป็น ‘มู่อวี้’ (沐浴) ซึ่งคำว่า ‘มู่อวี้’ นี้เป็นศัพท์ที่มีมาแต่โบราณและคำว่าห้องอาบน้ำ (浴室/อวี้ซึ) ปรากฏเป็นอักขระบนกระดูกโบราณมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซาง ดังนั้น วัฒนธรรมการอาบน้ำมีมาอย่างน้อยสามพันกว่าปีในประเทศจีน ในเอกสารสมัยราชวงศ์ฮั่นระบุจำแนกไว้ว่า ‘มู่’ คือการสระผม ‘อวี้’ คือการอาบชำระร่างกาย ‘สี่’ คือการล้างเท้า และ ‘เจ่า’ คือการล้างมือ ต่อมาคำว่า ‘เจ่า’ จึงค่อยๆ ถูกใช้สำหรับการชำระล้างส่วนอื่นๆ ด้วย การอาบน้ำแบบโบราณหรือมู่อวี้ โดยทั่วไปคือการอาบน้ำอุ่นในถังอาบน้ำ อาจแช่ทั้งตัวหรือนั่งราดอาบก็ได้ ดังที่เราเห็นในซีรีส์จีนว่าต้องมีการต้มน้ำไปใส่อ่าง หรืออย่างในวังจะมีสระน้ำร้อนให้ใช้ และชาวจีนโบราณก็ไม่ได้อาบน้ำทุกวัน (จะว่าไปแล้ว ชาติอื่นก็เหมือนกัน) โดยหลักปฏิบัติคือสามวันให้สระผมหนึ่งครั้ง ห้าวันอาบน้ำหนึ่งครั้ง ในสมัยฮั่นถึงกับกำหนดเป็นกฎที่ต้องปฏิบัติของข้าราชการโดยจะหยุดพักงานทุกห้าวัน เป็นนัยว่าหยุดเพื่อให้อยู่บ้านอาบน้ำ และวันหยุดนี้เรียกว่า ‘ซิวมู่’ (休沐 แปลตรงตัวว่าพักอาบน้ำ) นอกจากนี้ ก่อนเข้าร่วมพิธีสำคัญก็ต้องอาบน้ำโดยเฉพาะพิธีบวงสรวงเซ่นไหว้ต่างๆ เพื่อเป็นการชำระล้างสิ่งสกปรกออกจากกาย โดยในเอกสารโบราณมีระบุรายละเอียดเพิ่มเติมถึงขั้นตอนการอาบน้ำ เป็นต้นว่า การอาบน้ำนั้น ท่อนบนของร่างกายใช้ผ้าใยเนื้อละเอียดเช็ดถู ท่อนล่างใช้ผ้าใยเนื้อหยาบ สุดท้ายคือยืนล้าง (ขัด) เท้าบนเสื่อหญ้าหยาบ เมื่อเช็ดแห้งเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วให้ดื่มชาหรือน้ำเพื่อปรับอุณภูมิในร่างกายและชดเชยการเสียเหงื่อด้วย ในช่วงสมัยราชวงศ์เหนือใต้ ปรากฏว่าตามวัดพุทธมีการขุดบ่อเป็นสระอาบน้ำรวมให้พระภิกษุใช้อาบทุกวันก่อนไหว้พระ และเนื่องจากในสมัยโบราณชาวบ้านนิยมเที่ยววัด จึงค่อยๆ กลายเป็นว่าชาวบ้านหรือข้าราชการก็ไปใช้บริการอาบน้ำที่วัด เสร็จแล้วก็นั่งดื่มชาสนทนากัน ต่อมาวัฒนธรรมการอาบน้ำรวมนี้เป็นที่นิยมมาก ในสมัยซ่งมีสระอาบน้ำสาธารณะในเมืองที่ชาวบ้านสามารถมาจ่ายเงินใช้บริการได้โดยแบ่งเป็นสระน้ำอุ่นและสระน้ำเย็นให้เลือกใช้ได้ตามใจชอบ และในสมัยหมิงถึงกับมีคนรับจ้างช่วยถูหลังสระผมตัดเล็บเลยทีเดียว ว่ากันว่า แรกเริ่มเลยในสมัยซางและฮั่น คนโบราณใช้น้ำซาวข้าวอาบน้ำสระผม ต่อมาในสมัยราชวงศ์เหนือใต้มีการพัฒนาใช้เครื่องหอมต่างๆ จึงสันนิษฐานว่าสบู่โบราณเจ่าโต้วถูกพัฒนาขึ้นในสมัยนั้นเช่นกัน แต่ว่าแรกเริ่มมันเป็นของหรูที่มีใช้ในวังเท่านั้นและใช้สำหรับล้างมือ ต่อมาจึงแพร่สู่ชาวบ้านธรรมดา ใช้ได้ทั้งอาบน้ำสระผมล้างหน้าล้างมือล้างเท้า และใช้ซักเสื้อผ้าอีกด้วย สบู่เจ่าโต้วนี้ถูกเรียกว่า ‘ถั่วอาบน้ำ’ เพราะว่าส่วนผสมหลักของมันก็คือถั่วหรือธัญพืชบดละเอียด ผสมด้วย เครื่องหอม เครื่องเทศและยาสมุนไพรหลากหลาย และสูตรโบราณนี้นอกจากจะเป็นสครับขัดผิวให้ขาวเนียนและบำรุงผิวพรรณได้ดีแล้ว ยังล้างคราบได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคราบดินโคลน คราบมัน คราบเลือด และคราบเครื่องสำอาง ต่อมาภายหลังจึงใช้หันไปใช้ขี้เถ้าไม้และไขมันสัตว์เป็นส่วนผสมหลักเรียกว่า ‘อี๋จื่อ’ (胰子) ซึ่งเป็นพัฒนากลายมาเป็นสบู่ปัจจุบัน สูตรการทำเจ่าโต้วถูกพัฒนาขึ้นอย่างหลากหลาย แต่สามารถสรุปรวมได้ดังนี้ คือ (1) ธัญพืชและถั่วสารพัดชนิด บ้างต้มสุกบ้างใช้ถั่วดิบ บดละเอียด (2) สมุนไพรหรือเครื่องเทศบดละเอียด เช่น กานพลู การบูร อบเชย (3) เครื่องหอมที่ต้องการ เช่นไม้หอมอบแห้ง กลีบดอกไม้แห้ง บดละเอียดหรือหากเป็นดอกไม้อาจบดหยาบ (4) น้ำหรือน้ำแร่ ต้มเคี่ยวกับน้ำตาลหรือน้ำผึ้ง (5) เอาส่วนผสมทั้งหมดผสมแล้วคลุกให้สม่ำเสมอ ปั้นเป็นลูกกลอนแล้วเอาไปตากแห้งหลายๆ วัน เป็นอันจบขั้นตอน เวลาจะใช้ก็ชุบน้ำให้เปียกแล้วบี้แตกถูตามร่างกาย Storyฯ ผ่านตาคลิปของพ่อหนุ่มที่ทำสบู่โบราณนี้ เป็นคนเดียวกับที่เคยทำกระบอกจุดไฟและกระโปรงหม่าเมี่ยนที่ Storyฯ เคยเขียนถึง (ค้นอ่านบทความเก่าได้จากสารบัญ) เข้าไปดูได้ตามลิ้งค์ข้างล่างค่ะ จะเห็นได้ว่าจริงๆ แล้วเจ่าโต้วทำไม่ยาก แต่สาเหตุที่เดิมเป็นของฟุ่มเฟือยเพราะส่วนผสมหลายอย่างมีราคาสูงเกินกว่าที่ชาวบ้านธรรมดาจะนำมาใช้ในกิจวัตรประจำวัน สู้ใช้พวกดินโคลนหินทรายจะง่ายกว่าและประหยัดทรัพย์ โดยส่วนตัวแล้ว Storyฯ คิดว่าส่วนผสมของเจ่าโต้วนี้ดูน่าใช้กว่าสบู่รุ่นหลังที่ทำจากไขมันสัตว์และขี้เถ้าไม้เสียอีก แต่ยังไม่ได้ทดลองทำดูนะ ใครลองทำแล้วได้ผลอย่างไรอย่าลืมมาเล่าสู่กันฟังด้วยนะคะ หรือถ้าใครรู้ว่าภูมิปัญญาไทยโบราณใช้อะไรทำสบู่ แตกต่างมากน้อยอย่างไรกับเจ่าโต้วนี้ ก็มาเล่าให้ฟังได้นะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) คลิปสาธิตการทำเจ่าโต้ว: https://www.youtube.com/watch?v=kuCYk0hoAdY Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://k.sina.cn/article_2277596227_87c15c4304001633w.html https://kknews.cc/zh-my/history/p6b6orj.html https://baike.sogou.com/v8330278.htm https://zabar.pixnet.net/blog/post/64707721 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_23937607 https://baike.baidu.com/item/澡豆/687918 https://kknews.cc/zh-cn/history/qxyaj9b.html https://k.sina.cn/article_6395568294_17d34a0a600100cs21.html https://baike.baidu.com/item/胰子/5249378 #องค์หญิงใหญ่ #เจ่าโต้ว #สบู่จีนโบราณ #อาบน้ำจีนโบราณ #สาระจีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1390 มุมมอง 0 รีวิว
  • บันทึกเตือนความจำ
    ภัยธรรมชาติที่เกิดจากภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงสุดขั้วนำมาซึ่งปริมาณน้ำฝนที่ไหลหลั่งลงสู่แหล่งน้ำ จำนวนมหาศาล ไหลบ่าจากป่าสู่เมืองในที่ลุ่มต่ำ ในทางกลับกันเชื่อแน่ว่าไม่ช้าก็เร็วเราน่าจะเจอกับเหตุการณ์ในขั้วตรงกันข้ามคือแล้ง ร้อนสุดโต่งแน่

    กันยายนต่อเนื่องถึงตุลาคม ฝนตกต่อเนื่องจนเกิดมวลน้ำจำนวนมหาศาลจากต้นน้ำแม่แตง ไหลเข้าสู่ลำน้ำแม่แตง สายน้ำแห่งการท่องเที่ยวธรรมชาติของเชียงใหม่ ที่ตลอดสองข้างลำน้ำมีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมาก รวมทั้งปางช้างต่างๆเรียงรายตลอดลำน้ำแม่แตง ในช่วงสิบปีที่ผ่านมาจากรายงานของสถาบันคชบาลแห่งชาติ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (๒๕๕๘-๒๕๖๗) พบว่ามีปางช้างถึง ๔๙ ปาง (ช้างจำนวน ๕๔๖ เชือก)

    เหตุระทึกเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่บ่ายวันพฤหัสที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๗ มวลน้ำจำนวนมากไหลบ่าล้นตลิ่งทั้งสองฝั่งของลำน้ำแม่แตงอย่างรวดเร็ว ต่อเนื่องจนถึงเช้ามืดวันศุกร์ น้ำเพิ่มระดับอย่างรวดเร็ว ช้างส่วนใหญ่ถูกอพยพนำขึ้นไปผูกล่ามไว้ในที่สูง ในขณะที่ปางช้างขนาดใหญ่ (มีช้างมากกว่าหนึ่งร้อยเชือก) ของมูลนิธิช้างและสิ่งแวดล้อม ยังคงสาละวนและพยายามขนย้ายช้างและสัตว์อื่นๆอีกนับพันอาทิ สุนัข แมว แพะ โค กระบือ และสุกร ซึ่งยังคงไม่ทันการณ์ เป็นผลให้มวลน้ำจำนวนมหึมาไหลเข้าสู่ปางช้าง (ระดับน้ำสูงมากกว่า ๑.๕-๒.๐ เมตร เมื่อประเมินด้วยสายตา) การขนย้ายช้างนับร้อย เป็นเรื่องที่ยากและสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียมากทั้งชีวิตคนและช้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อช้างเหล่านี้มิได้ถูกฝึกหรือสื่อสารกับคนเลี้ยงอย่างใกล้ชิดมาก่อน เราเริ่มจับตาอย่างใกล้ชิดว่าจะพอช่วยเหลือสนับสนุนอะไรได้บ้าง

    คณะของสถาบันคชบาลแห่งชาติ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้เริ่มเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องเมื่อเช้าตรู่ของวันศุกร์ จากการร้องขอของเจ้าหน้าที่มูลนิธิทางโทรศัพท์ โดยเบื้องต้นรับทราบมาว่าให้ช่วยเคลื่อนย้ายและดูแลช้างเพศผู้ที่ยังอยู่ในคอกแต่ไม่สามารถออกมาได้ ในขณะที่ระดับน้ำกำลงัเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว คณะทำงานถูกตามตัว รวมทีมและประชุมอย่างเร่งด่วน และออกเดินทางในช่วงสายของวันนั้น
    เมื่อแรกไปถึงพบว่าเส้นทางเข้าถึงปางช้างถูกตัดขาด ท่ามกลางกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก การติดต่อด้วยโทรศัพท์ไม่สามารถทำได้ ต้องสื่อสารผ่านวิทยุสื่อสารคลื่นสั้นเท่านั้น คณะจึงต้องรอจนถึงบ่ายแก่ๆจึงได้เรือจากหน่วยกู้ภัย จ.กาฬสินธิ์ ข้ามน้ำเพื่อไปดูช้างตัวผู้ในคอกต่างๆเพื่อประเมินสถานการณ์ เราพบว่าช้างตัวผู้ยังอยู่ครบทั้งสิบเชือก ในสภาพที่ช้างลอยคออยู่ภายในคอก แต่ที่แปลกใจคือยังมีช้างตัวเมียอีกหลายสิบเชือกติดค้างอยู่ในคอกด้วย บ้างก็พิการขาเป๋ ตาบอด และยังทราบอีกว่าช้างอีกหลายเชือกได้สูญหายลอยไปกับน้ำด้วย เมื่อช่วงก่อนหน้า ซึ่งต่อมาพบ
    ซากของช้างฟ้าใส(วันเฉลิม)และพลอยทอง เป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่งต่อการสูญเสีย
    คณะจึงตัดสินใจแบ่งทีมงานออกเป็น ๒ ทีมเพื่อช่วยเหลือช้างให้ครอบคลุมทั้งสองกลุ่ม

    การดำเนินการในภาวะวิกฤติและเร่งด่วนเช่นนี้
    โดยหลักการแล้ว หากพบว่าช้างกับควาญสามารถสื่อสารกันได้ก็จะให้ควาญช้างเป็นผู้นำและกำหนดทิศทางการเดินของช้างเพื่อความปลอดภัย เพราะช้างเองมักเดินเฉพาะเส้นทางที่เคยชิน ซึ่งในกรณีนี้ช้างมักคุ้นชินกับการเดินแบบอิสระในทุ่งกว้างที่อยู่ติดกับน้ำแม่แตง ที่กำลังไหลเชี่ยว นับว่าอันตรายอย่างยิ่ง ฉะนั้นจึงจำเป็นที่ช้างเหล่านี้จะต้องมีควาญเป็นผู้ควบคุมทิศทาง

    ในกรณีช้างเพศเมียหรือช้างที่ไม่ดุร้าย
    หากช้างกับควาญมิได้มีปฏิสัมพันธ์กันมาก่อน หรือมีแต่เพียงเล็กน้อย ในทางทฤษฎีที่มีการเคลื่อนย้ายช้างป่ามักวางยาซึมและนำทางด้วยผ้าพรางแสงตลอดทางเดินเพื่อนำช้างไปยังจุดที่ต้องการ แต่ในกรณีนี้มีน้ำท่วมสูงจึงค่อนข้างเสี่ยงที่จะวางยาซึม (ยาซึมช้างมีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ ทำให้งวงตกลงสู่พื้น) โดยในวันนั้นคณะทำงานที่ประกอบด้วยสัตวแพทย์ ควาญช้างจากสถาบันคชบาลแห่งชาติ ควาญพี่เบิ้ม(ปางที่อยู่ติดกัน) และภัทรฟาร์ม ซึ่งมีความชำนาญ ร่วมกับควาญช้างของมูลนิธิช่วยกันควบคุมและกำหนดเส้นทางด้วยเชือกให้ช้างเดินไปยังจุดที่ปลอดภัย แต่ก็ทุลักทุเลพอควรด้วยเพราะควาญกับช้างสื่อสารกันแทบไม่รู้เรื่อง วันนั้นทีมเราช่วยเหลือช้างตัวเมียได้บางส่วนจนกระทั่งมืดค่ำจึงยุติภารกิจในเวลา ๑๙.๓๐ น.

    ในกรณีช้างเพศผู้ เราไม่สามารถวางยาซึมช้างในขณะที่ยังอยู่ในน้ำได้ ซึ่งจากข้อมูลที่ทีมงานได้รับพบว่าช้างทุกเชือกไม่เคยผ่านการฝึกและบางเชือกมีประวัติทำร้ายคนมาก่อน จึงเกิดคำถามว่าหากเคลื่อนย้ายออกมาได้แล้วจะนำช้างไปผูกล่ามอย่างไร ที่ไหน ทั้งในภาวะซึมหรือปกติ ด้วยเพราะช้างไม่คุ้นเคยกับคนหรือช้างใดๆ ช้างแต่ละเชือกอยุ่ตัวเดียวในคอกมานาน ซึ่งจากการประเมินพบว่าช้างทุกเชือกยังมีสภาพร่างกายปกติ (ยกเว้นพลายขุนเดชที่บาดเจ็บที่ขาหน้า) ดังนั้นจึงใช้วิธีวางแท่นพยุงให้ช้างสามารถใช้งวงยึดพยุงมิให้จมน้ำ หากพบว่าระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอีก เพราะจากประสบการณ์ตรงของคณะทำงานพบว่าช้างมักลอยน้ำและอยู่ในน้ำได้นานถึง ๒ วัน ๑ คืนในสภาพน้ำนิ่ง โดยไม่เกิดอันตราย ซึ่งจากสภาพช้างภายในคอกพบว่ากระแสน้ำยังคงไหลแต่ไม่เชี่ยวมากนักเมื่อเทียบกับในลำน้ำ ช้างน่าจะยังพอพยุงตัวเองไว้ได้ในระยะเวลาหนึ่ง ด้วยเพราะธรรมชาติของน้ำทางภาคเหนือมักมาเร็วไปเร็ว ไม่น่าจะท่วมนาน เราจึงกำหนดให้ทำแพต้นกล้วยไว้ให้ช้างเพื่อช่วยพยุง ต้นกล้วยยังเป็นอาหารและมีน้ำช่วยประทังชีวิตให้ช้างได้อีกด้วย ทั้งนี้ให้เฝ้าระวังพลายขุนเดชเป็นพิเศษ
    โชคดีในช่วงเย็นของวันเดียวกันระดับน้ำเริ่มลดระดับลง เป็นสัญญาณว่าน้ำน่าจะลดลงเป็นปกติในไม่ช้า

    วันรุ่งขึ้นระดับน้ำลดลง เหลือเฉพาะในพื้นที่ลุ่มต่ำ ช้างเพศเมียถูกเคลื่อนย้ายขึ้นที่สูง ช้างตัวผู้ยังอยู่ในคอกของตัวเอง แต่ทุกตัวยังมีชีวิตอยู่แม้บางเชือกอาจแสดงอาการอ่อนเพลียบ้าง ดังนั้นการฟื้นฟูสุขภาพกาย และสภาวะจิตใจของช้างและควาญจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะโรคต่างๆที่มาหลังน้ำท่วม ก็ดี น้ำป่าที่อาจเข้าสู่ร่างกายช้างในช่วงก่อนหน้าทั้งทางเดินหายใจ ทางเดินอาหารก็ดี ดินโคลนที่มีรสชาดเย้ายวนต่อการลิ้มลองของช้างก็ดี หรือแม้กระทั่งอาหารที่อาจปนเปื้อน ที่ล้วนนำมาซึ่งความเจ็บป่วยของช้างเหล่านี้ได้ และสภาพจิตใจของช้างที่อาจตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การไม่คุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป เหล่านี้จำเป็นต้องฟื้นฟูและเฝ้าระวังกันต่อไป

    สรุปยอดรวมช้างในปางก่อนเกิดเหตุ จำนวน ๑๑๘ เชือก ภายหลังน้ำลด พบช้างเพศเมีย ๑๐๖ เชือก เป็นช้างเพศผู้ ๑๐ เชือก สูญหายและเสียชีวิต ๒ เชือก

    วันนี้ฝนตกเบาบางลงแล้ว แต่หากเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันอีก การเรียนรู้บทเรียนและเตรียมแผนเผชิญเหตุทั้งของปางและผู้เกี่ยวข้องเป็นสิ่งที่ต้องจัดทำ
    แม้ในวันนี้ช้างบ้านของไทยจะมีสถานะเป็นทรัพย์สินของผู้ถือครองตามกฎหมาย (พรบ.สัตว์พาหนะ ) แต่จากเหตุการณ์หลายๆครั้งที่ผ่านมา ล้วนกระทบจิตใจคนไทยส่วนใหญ่ หลายส่วนยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อม ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองติดตามอย่างใกล้ชิด จึงเป็นสิ่งที่ทุกท่านพึงตระหนักให้ดีว่า "ช้าง" มีสถานะยิ่งกว่าทรัพย์สิน แต่เขาคือสิ่งที่มีคุณค่า ที่สูงค่าอันประเมินมูลค่ามิได้ ซึ่งเป็นสมบัติของคนไทยเราทุกคน

    ปล. ขอบคุณภาพมุมสูงจากคุณน้ำหนึ่ง

    https://www.facebook.com/share/p/zPKFtdBiFkUnLwdL/
    บันทึกเตือนความจำ ภัยธรรมชาติที่เกิดจากภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงสุดขั้วนำมาซึ่งปริมาณน้ำฝนที่ไหลหลั่งลงสู่แหล่งน้ำ จำนวนมหาศาล ไหลบ่าจากป่าสู่เมืองในที่ลุ่มต่ำ ในทางกลับกันเชื่อแน่ว่าไม่ช้าก็เร็วเราน่าจะเจอกับเหตุการณ์ในขั้วตรงกันข้ามคือแล้ง ร้อนสุดโต่งแน่ กันยายนต่อเนื่องถึงตุลาคม ฝนตกต่อเนื่องจนเกิดมวลน้ำจำนวนมหาศาลจากต้นน้ำแม่แตง ไหลเข้าสู่ลำน้ำแม่แตง สายน้ำแห่งการท่องเที่ยวธรรมชาติของเชียงใหม่ ที่ตลอดสองข้างลำน้ำมีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมาก รวมทั้งปางช้างต่างๆเรียงรายตลอดลำน้ำแม่แตง ในช่วงสิบปีที่ผ่านมาจากรายงานของสถาบันคชบาลแห่งชาติ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (๒๕๕๘-๒๕๖๗) พบว่ามีปางช้างถึง ๔๙ ปาง (ช้างจำนวน ๕๔๖ เชือก) เหตุระทึกเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่บ่ายวันพฤหัสที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๗ มวลน้ำจำนวนมากไหลบ่าล้นตลิ่งทั้งสองฝั่งของลำน้ำแม่แตงอย่างรวดเร็ว ต่อเนื่องจนถึงเช้ามืดวันศุกร์ น้ำเพิ่มระดับอย่างรวดเร็ว ช้างส่วนใหญ่ถูกอพยพนำขึ้นไปผูกล่ามไว้ในที่สูง ในขณะที่ปางช้างขนาดใหญ่ (มีช้างมากกว่าหนึ่งร้อยเชือก) ของมูลนิธิช้างและสิ่งแวดล้อม ยังคงสาละวนและพยายามขนย้ายช้างและสัตว์อื่นๆอีกนับพันอาทิ สุนัข แมว แพะ โค กระบือ และสุกร ซึ่งยังคงไม่ทันการณ์ เป็นผลให้มวลน้ำจำนวนมหึมาไหลเข้าสู่ปางช้าง (ระดับน้ำสูงมากกว่า ๑.๕-๒.๐ เมตร เมื่อประเมินด้วยสายตา) การขนย้ายช้างนับร้อย เป็นเรื่องที่ยากและสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียมากทั้งชีวิตคนและช้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อช้างเหล่านี้มิได้ถูกฝึกหรือสื่อสารกับคนเลี้ยงอย่างใกล้ชิดมาก่อน เราเริ่มจับตาอย่างใกล้ชิดว่าจะพอช่วยเหลือสนับสนุนอะไรได้บ้าง คณะของสถาบันคชบาลแห่งชาติ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้เริ่มเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องเมื่อเช้าตรู่ของวันศุกร์ จากการร้องขอของเจ้าหน้าที่มูลนิธิทางโทรศัพท์ โดยเบื้องต้นรับทราบมาว่าให้ช่วยเคลื่อนย้ายและดูแลช้างเพศผู้ที่ยังอยู่ในคอกแต่ไม่สามารถออกมาได้ ในขณะที่ระดับน้ำกำลงัเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว คณะทำงานถูกตามตัว รวมทีมและประชุมอย่างเร่งด่วน และออกเดินทางในช่วงสายของวันนั้น เมื่อแรกไปถึงพบว่าเส้นทางเข้าถึงปางช้างถูกตัดขาด ท่ามกลางกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก การติดต่อด้วยโทรศัพท์ไม่สามารถทำได้ ต้องสื่อสารผ่านวิทยุสื่อสารคลื่นสั้นเท่านั้น คณะจึงต้องรอจนถึงบ่ายแก่ๆจึงได้เรือจากหน่วยกู้ภัย จ.กาฬสินธิ์ ข้ามน้ำเพื่อไปดูช้างตัวผู้ในคอกต่างๆเพื่อประเมินสถานการณ์ เราพบว่าช้างตัวผู้ยังอยู่ครบทั้งสิบเชือก ในสภาพที่ช้างลอยคออยู่ภายในคอก แต่ที่แปลกใจคือยังมีช้างตัวเมียอีกหลายสิบเชือกติดค้างอยู่ในคอกด้วย บ้างก็พิการขาเป๋ ตาบอด และยังทราบอีกว่าช้างอีกหลายเชือกได้สูญหายลอยไปกับน้ำด้วย เมื่อช่วงก่อนหน้า ซึ่งต่อมาพบ ซากของช้างฟ้าใส(วันเฉลิม)และพลอยทอง เป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่งต่อการสูญเสีย คณะจึงตัดสินใจแบ่งทีมงานออกเป็น ๒ ทีมเพื่อช่วยเหลือช้างให้ครอบคลุมทั้งสองกลุ่ม การดำเนินการในภาวะวิกฤติและเร่งด่วนเช่นนี้ โดยหลักการแล้ว หากพบว่าช้างกับควาญสามารถสื่อสารกันได้ก็จะให้ควาญช้างเป็นผู้นำและกำหนดทิศทางการเดินของช้างเพื่อความปลอดภัย เพราะช้างเองมักเดินเฉพาะเส้นทางที่เคยชิน ซึ่งในกรณีนี้ช้างมักคุ้นชินกับการเดินแบบอิสระในทุ่งกว้างที่อยู่ติดกับน้ำแม่แตง ที่กำลังไหลเชี่ยว นับว่าอันตรายอย่างยิ่ง ฉะนั้นจึงจำเป็นที่ช้างเหล่านี้จะต้องมีควาญเป็นผู้ควบคุมทิศทาง ในกรณีช้างเพศเมียหรือช้างที่ไม่ดุร้าย หากช้างกับควาญมิได้มีปฏิสัมพันธ์กันมาก่อน หรือมีแต่เพียงเล็กน้อย ในทางทฤษฎีที่มีการเคลื่อนย้ายช้างป่ามักวางยาซึมและนำทางด้วยผ้าพรางแสงตลอดทางเดินเพื่อนำช้างไปยังจุดที่ต้องการ แต่ในกรณีนี้มีน้ำท่วมสูงจึงค่อนข้างเสี่ยงที่จะวางยาซึม (ยาซึมช้างมีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ ทำให้งวงตกลงสู่พื้น) โดยในวันนั้นคณะทำงานที่ประกอบด้วยสัตวแพทย์ ควาญช้างจากสถาบันคชบาลแห่งชาติ ควาญพี่เบิ้ม(ปางที่อยู่ติดกัน) และภัทรฟาร์ม ซึ่งมีความชำนาญ ร่วมกับควาญช้างของมูลนิธิช่วยกันควบคุมและกำหนดเส้นทางด้วยเชือกให้ช้างเดินไปยังจุดที่ปลอดภัย แต่ก็ทุลักทุเลพอควรด้วยเพราะควาญกับช้างสื่อสารกันแทบไม่รู้เรื่อง วันนั้นทีมเราช่วยเหลือช้างตัวเมียได้บางส่วนจนกระทั่งมืดค่ำจึงยุติภารกิจในเวลา ๑๙.๓๐ น. ในกรณีช้างเพศผู้ เราไม่สามารถวางยาซึมช้างในขณะที่ยังอยู่ในน้ำได้ ซึ่งจากข้อมูลที่ทีมงานได้รับพบว่าช้างทุกเชือกไม่เคยผ่านการฝึกและบางเชือกมีประวัติทำร้ายคนมาก่อน จึงเกิดคำถามว่าหากเคลื่อนย้ายออกมาได้แล้วจะนำช้างไปผูกล่ามอย่างไร ที่ไหน ทั้งในภาวะซึมหรือปกติ ด้วยเพราะช้างไม่คุ้นเคยกับคนหรือช้างใดๆ ช้างแต่ละเชือกอยุ่ตัวเดียวในคอกมานาน ซึ่งจากการประเมินพบว่าช้างทุกเชือกยังมีสภาพร่างกายปกติ (ยกเว้นพลายขุนเดชที่บาดเจ็บที่ขาหน้า) ดังนั้นจึงใช้วิธีวางแท่นพยุงให้ช้างสามารถใช้งวงยึดพยุงมิให้จมน้ำ หากพบว่าระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอีก เพราะจากประสบการณ์ตรงของคณะทำงานพบว่าช้างมักลอยน้ำและอยู่ในน้ำได้นานถึง ๒ วัน ๑ คืนในสภาพน้ำนิ่ง โดยไม่เกิดอันตราย ซึ่งจากสภาพช้างภายในคอกพบว่ากระแสน้ำยังคงไหลแต่ไม่เชี่ยวมากนักเมื่อเทียบกับในลำน้ำ ช้างน่าจะยังพอพยุงตัวเองไว้ได้ในระยะเวลาหนึ่ง ด้วยเพราะธรรมชาติของน้ำทางภาคเหนือมักมาเร็วไปเร็ว ไม่น่าจะท่วมนาน เราจึงกำหนดให้ทำแพต้นกล้วยไว้ให้ช้างเพื่อช่วยพยุง ต้นกล้วยยังเป็นอาหารและมีน้ำช่วยประทังชีวิตให้ช้างได้อีกด้วย ทั้งนี้ให้เฝ้าระวังพลายขุนเดชเป็นพิเศษ โชคดีในช่วงเย็นของวันเดียวกันระดับน้ำเริ่มลดระดับลง เป็นสัญญาณว่าน้ำน่าจะลดลงเป็นปกติในไม่ช้า วันรุ่งขึ้นระดับน้ำลดลง เหลือเฉพาะในพื้นที่ลุ่มต่ำ ช้างเพศเมียถูกเคลื่อนย้ายขึ้นที่สูง ช้างตัวผู้ยังอยู่ในคอกของตัวเอง แต่ทุกตัวยังมีชีวิตอยู่แม้บางเชือกอาจแสดงอาการอ่อนเพลียบ้าง ดังนั้นการฟื้นฟูสุขภาพกาย และสภาวะจิตใจของช้างและควาญจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะโรคต่างๆที่มาหลังน้ำท่วม ก็ดี น้ำป่าที่อาจเข้าสู่ร่างกายช้างในช่วงก่อนหน้าทั้งทางเดินหายใจ ทางเดินอาหารก็ดี ดินโคลนที่มีรสชาดเย้ายวนต่อการลิ้มลองของช้างก็ดี หรือแม้กระทั่งอาหารที่อาจปนเปื้อน ที่ล้วนนำมาซึ่งความเจ็บป่วยของช้างเหล่านี้ได้ และสภาพจิตใจของช้างที่อาจตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การไม่คุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป เหล่านี้จำเป็นต้องฟื้นฟูและเฝ้าระวังกันต่อไป สรุปยอดรวมช้างในปางก่อนเกิดเหตุ จำนวน ๑๑๘ เชือก ภายหลังน้ำลด พบช้างเพศเมีย ๑๐๖ เชือก เป็นช้างเพศผู้ ๑๐ เชือก สูญหายและเสียชีวิต ๒ เชือก วันนี้ฝนตกเบาบางลงแล้ว แต่หากเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันอีก การเรียนรู้บทเรียนและเตรียมแผนเผชิญเหตุทั้งของปางและผู้เกี่ยวข้องเป็นสิ่งที่ต้องจัดทำ แม้ในวันนี้ช้างบ้านของไทยจะมีสถานะเป็นทรัพย์สินของผู้ถือครองตามกฎหมาย (พรบ.สัตว์พาหนะ ) แต่จากเหตุการณ์หลายๆครั้งที่ผ่านมา ล้วนกระทบจิตใจคนไทยส่วนใหญ่ หลายส่วนยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อม ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองติดตามอย่างใกล้ชิด จึงเป็นสิ่งที่ทุกท่านพึงตระหนักให้ดีว่า "ช้าง" มีสถานะยิ่งกว่าทรัพย์สิน แต่เขาคือสิ่งที่มีคุณค่า ที่สูงค่าอันประเมินมูลค่ามิได้ ซึ่งเป็นสมบัติของคนไทยเราทุกคน ปล. ขอบคุณภาพมุมสูงจากคุณน้ำหนึ่ง https://www.facebook.com/share/p/zPKFtdBiFkUnLwdL/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 825 มุมมอง 0 รีวิว
  • รับมือแม่สายระดับน้ำสูง อพยพชาวบ้านสายลมจอย การไฟฟ้าฯ ดับไฟฉุกเฉิน
    .
    วันนี้ (3 ต.ค.) สถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำสาย บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ด้านอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เช้าวันนี้บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำสาย บริเวณด่านพรมแดนแม่สาย ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันเกิดน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน และร้านค้าบริเวณตลาดสายลมจอย นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่บัญชาการเหตุการณ์แล้ว
    .
    ล่าสุด เมื่อเวลา 11.50 น. อำเภอแม่สาย สั่งอพยพชาวบ้านบริเวณซอยสายลมจอย ไปยังพื้นที่ปลอดภัยแล้ว อยู่ที่วัดดอยเวา วัดถ้ำผาจม ส่วนเครื่องจักรกลต่างๆ ที่เข้าไปฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำลดระลอกแรก หยุดดำเนินการชั่วคราว เนื่องจากระดับน้ำสูง ปฏิบัติงานไม่ได้
    .
    ด้านการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาแม่สาย ประกาศว่า เวลา 11.10 น. จะมีการดับกระแสไฟฟ้าฉุกเฉินบริเวณสายลมจอย ถึงเกาะทราย เนื่องจากระดับน้ำท่วมขึ้นสูงบริเวณถนนสายลมจอย โดยจะมีผู้ได้รับผลกระทบ บริเวณบ้านถ้ำผาจม ถึงสายลมจอย หมู่บ้านไม้ลุงขน หมู่บ้านเกาะทราย ผามควาย
    .
    ขณะที่สถานการณ์ในจังหวัดเชียงราย พบว่าฝนตกหนักตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 2 ต.ค. ทำให้ช่วงเช้าวันนี้หลายพื่นที่ในเขตเทศบาลนครเชียงรายมีน้ำท่วมขัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งระบายน้ำลดผลกระทบให้กับประชาชนเป็นการเร่งด่วนแล้ว
    .
    ขณะทีีสถานีอุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ ได้มีการคาดหมายลักษณะอากาศวันนี้ ว่ายังคงมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ ด้านสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้มีการประกาศ เฝ้าระวัง น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขังแม่น้ำกก ช่วงวันที่ 2-9 ต.ค. 2567 เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ประกอบกับมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ ทำให้ฝนตกหนักมากในพื้นที่ต้นน้ำในเขต อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำกก มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าระดับน้ำจะล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำใกล้แม่น้ำกก บริเวณ อ.เมืองเชียงราย เวียงชัย เวียงเชียงรุ้ง แม่จัน ดอยหลวง และเชียงแสน จ.เชียงราย ประมาณ 0.5 - 1.0 เมตร
    .
    ทั้งนี้ ได้มีการแจ้งเตือนทุกอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชน ติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการ เฝ้าระวังสถานการณ์ฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง และประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับประชาชน รวมทั้งเตรียมความพร้อม เครื่องมืออุปกรณ์ เครื่องจักรกล ยุทโธปกรณ์ กำลังพลพร้อมให้ความช่วยเหลือทันที ตลอด 24 ชั่วโมงเมื่อได้รับการร้องขอ หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ส่วนหน้าจังหวัดเชียงราย (ศปช. ส่วนหน้า จ.เชียงราย) หมายเลขโทรศัพท์ 09 3131 1784 สายด่วน 1567
    ..............
    Sondhi X
    รับมือแม่สายระดับน้ำสูง อพยพชาวบ้านสายลมจอย การไฟฟ้าฯ ดับไฟฉุกเฉิน . วันนี้ (3 ต.ค.) สถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำสาย บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ด้านอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เช้าวันนี้บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำสาย บริเวณด่านพรมแดนแม่สาย ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันเกิดน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน และร้านค้าบริเวณตลาดสายลมจอย นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่บัญชาการเหตุการณ์แล้ว . ล่าสุด เมื่อเวลา 11.50 น. อำเภอแม่สาย สั่งอพยพชาวบ้านบริเวณซอยสายลมจอย ไปยังพื้นที่ปลอดภัยแล้ว อยู่ที่วัดดอยเวา วัดถ้ำผาจม ส่วนเครื่องจักรกลต่างๆ ที่เข้าไปฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำลดระลอกแรก หยุดดำเนินการชั่วคราว เนื่องจากระดับน้ำสูง ปฏิบัติงานไม่ได้ . ด้านการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาแม่สาย ประกาศว่า เวลา 11.10 น. จะมีการดับกระแสไฟฟ้าฉุกเฉินบริเวณสายลมจอย ถึงเกาะทราย เนื่องจากระดับน้ำท่วมขึ้นสูงบริเวณถนนสายลมจอย โดยจะมีผู้ได้รับผลกระทบ บริเวณบ้านถ้ำผาจม ถึงสายลมจอย หมู่บ้านไม้ลุงขน หมู่บ้านเกาะทราย ผามควาย . ขณะที่สถานการณ์ในจังหวัดเชียงราย พบว่าฝนตกหนักตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 2 ต.ค. ทำให้ช่วงเช้าวันนี้หลายพื่นที่ในเขตเทศบาลนครเชียงรายมีน้ำท่วมขัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งระบายน้ำลดผลกระทบให้กับประชาชนเป็นการเร่งด่วนแล้ว . ขณะทีีสถานีอุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ ได้มีการคาดหมายลักษณะอากาศวันนี้ ว่ายังคงมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ ด้านสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้มีการประกาศ เฝ้าระวัง น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขังแม่น้ำกก ช่วงวันที่ 2-9 ต.ค. 2567 เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ประกอบกับมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ ทำให้ฝนตกหนักมากในพื้นที่ต้นน้ำในเขต อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำกก มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าระดับน้ำจะล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำใกล้แม่น้ำกก บริเวณ อ.เมืองเชียงราย เวียงชัย เวียงเชียงรุ้ง แม่จัน ดอยหลวง และเชียงแสน จ.เชียงราย ประมาณ 0.5 - 1.0 เมตร . ทั้งนี้ ได้มีการแจ้งเตือนทุกอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชน ติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการ เฝ้าระวังสถานการณ์ฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง และประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับประชาชน รวมทั้งเตรียมความพร้อม เครื่องมืออุปกรณ์ เครื่องจักรกล ยุทโธปกรณ์ กำลังพลพร้อมให้ความช่วยเหลือทันที ตลอด 24 ชั่วโมงเมื่อได้รับการร้องขอ หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ส่วนหน้าจังหวัดเชียงราย (ศปช. ส่วนหน้า จ.เชียงราย) หมายเลขโทรศัพท์ 09 3131 1784 สายด่วน 1567 .............. Sondhi X
    Sad
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1798 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ ชาวเชียงรายมึน มท.1 มัวแต่เล่นงานผู้ว่าฯ หาแพะสังเวย แต่ไม่เร่งแก้ปัญหาดินโคลนท่วมบ้านท่วมเมือง
    #7ดอกจิก
    ♣ ชาวเชียงรายมึน มท.1 มัวแต่เล่นงานผู้ว่าฯ หาแพะสังเวย แต่ไม่เร่งแก้ปัญหาดินโคลนท่วมบ้านท่วมเมือง #7ดอกจิก
    Like
    Love
    Haha
    Angry
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 322 มุมมอง 0 รีวิว
  • 26 กันยายน 2567-ทัศนะของดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อม ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย ได้โพสต์สาเหตุน้ำท่วมภาคเหนือว่า

    “ ปลูกพืช ทำเกษตรกรรมบนภูเขาทำได้อย่างไร? กฎหมายชัดเจนแต่ปล่อยปะละเลย สาเหตุหลักของการทำให้เกิดน้ำท่วมภาคเหนือรุนแรงในปีนี้

    1..คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2528 เห็นชอบด้วยกับนโยบายป่าไม้แห่งชาติตามมติของคณะกรรมการสิ่งแวด
    ล้อมแห่งชาติ กำหนดให้พื้นที่ที่มีความลาดชันโดยเฉลี่ย 35% ขึ้นไปเป็นพื้นที่ป่าไม้โดยไม่อนุญาตให้มีการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามประมวลกฎหมายที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว ทั้งนี้เนื่องจากเห็นว่าพื้นที่ที่มีความลาดชันโดยเฉลี่ย 35 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปเป็นพื้นที่ที่มีการชะล้างหน้าดินสูงไม่เหมาะสมแก่ การทำเกษตรกรรม สมควรเป็นพื้นที่ป่าไม้และไม่อนุญาตให้มีการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน แต่ไม่รวมถึงที่ดินซึ่งผู้ครอบครองมีสิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายที่ดินคือครอบครองมาก่อนอย่างถูกกฎหมายก่อนวันที่1ธค. 2497หรือมีหลักฐานครอบครอง เช่น นส 3 ก หรือ สค.1

    2. กฎกระทรวง ฉบับที่ 43 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497ข้อ14 (2)กำหนดให้พื้นที่เขา ที่ภูเขาและปริมณ ฑลรอบที่เขาหรือภูเขาระยะ40เมตร เป็นพื้นที่ต้องห้ามไม่ให้ออกโฉนดที่ดิน แต่ไม่รวมถึงที่ดินที่ผู้ครอบครองมีสิทธิครอบครองโดยชอบตามประมวลกฎหมายที่ ดิน(ได้มาก่อน1ธค.2497)

    3.คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 9 พฤษภา คม 2538กำหนดนิยามของ เขา หมายถึง ส่วนของพื้นที่ที่สูงจากบริเวณรอบ ๆ (Surrounding) น้อยกว่า 600 เมตร ปรากฎในแผนที่ว่าเป็นเขา พื้นลาดชันร้อยละ 20- 35และที่ภูเขา หมายถึงส่วนของพื้นที่ที่สูงจากบริเวณรอบๆ (Surrounding) ตั้งแต่ 600 เมตร ขึ้นไปพื้นที่ลาดชันมากกว่าร้อยละ 35

    4.ผู้บุกรุกป่าที่ถูกจับในกรณีแผ่วถ้างหรือเผาป่า เพื่อที่จะได้ครอบครองที่ดินนั้นในเขตอุทยานแห่งชาติ หรืออุทยานต่างๆ ของประเทศไทยจะต้องโทษจำคุกไม่เกิน 20 ปี หรือปรับสูงถึง 2 ล้านบาท นอกจากนี้ห้ามยึดถือ/ครอบครอง/ทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัย/ก่อสร้าง/แผ้วถาง/เผาป่า/ทำไม้/เก็บหาของป่า หรือทำให้ป่าสงวนแห่งชาติเสื่อมสภาพ บทลงโทษ : จำคุก 1 – 10 ปี และปรับ 20,000 – 200,000 บาท

    5. จากกฎหมายดังกล่าว ประชาชนได้บุก รุกภูเขาไปปลูกพืช ทำเกษตรกรรมได้อย่างไร? หน่วยงานภาครัฐที่ดูแลพื้นที่ยินยอมได้อย่างไร?..สุดท้าย ฝนตกหนัก น้ำป่าจากภูเขาไหลเชี่ยวกราก พัดพาดินโคลนจากภูเขามาถล่มเมืองในพื้นที่ราบ ทั้งเชียงราย เชียงใหม่ แพร่ น่าน ลำปาง เป็นต้นในปี2567เพราะทำลายทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โค่นป่า ปลูกพืชล้มลุกบนภูเขาทำผิดกฎหมายแต่เจ้าหน้าปล่อยปะละเลย”

    #Thaitimes
    26 กันยายน 2567-ทัศนะของดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อม ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย ได้โพสต์สาเหตุน้ำท่วมภาคเหนือว่า “ ปลูกพืช ทำเกษตรกรรมบนภูเขาทำได้อย่างไร? กฎหมายชัดเจนแต่ปล่อยปะละเลย สาเหตุหลักของการทำให้เกิดน้ำท่วมภาคเหนือรุนแรงในปีนี้ 1..คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2528 เห็นชอบด้วยกับนโยบายป่าไม้แห่งชาติตามมติของคณะกรรมการสิ่งแวด ล้อมแห่งชาติ กำหนดให้พื้นที่ที่มีความลาดชันโดยเฉลี่ย 35% ขึ้นไปเป็นพื้นที่ป่าไม้โดยไม่อนุญาตให้มีการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามประมวลกฎหมายที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว ทั้งนี้เนื่องจากเห็นว่าพื้นที่ที่มีความลาดชันโดยเฉลี่ย 35 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปเป็นพื้นที่ที่มีการชะล้างหน้าดินสูงไม่เหมาะสมแก่ การทำเกษตรกรรม สมควรเป็นพื้นที่ป่าไม้และไม่อนุญาตให้มีการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน แต่ไม่รวมถึงที่ดินซึ่งผู้ครอบครองมีสิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายที่ดินคือครอบครองมาก่อนอย่างถูกกฎหมายก่อนวันที่1ธค. 2497หรือมีหลักฐานครอบครอง เช่น นส 3 ก หรือ สค.1 2. กฎกระทรวง ฉบับที่ 43 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497ข้อ14 (2)กำหนดให้พื้นที่เขา ที่ภูเขาและปริมณ ฑลรอบที่เขาหรือภูเขาระยะ40เมตร เป็นพื้นที่ต้องห้ามไม่ให้ออกโฉนดที่ดิน แต่ไม่รวมถึงที่ดินที่ผู้ครอบครองมีสิทธิครอบครองโดยชอบตามประมวลกฎหมายที่ ดิน(ได้มาก่อน1ธค.2497) 3.คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 9 พฤษภา คม 2538กำหนดนิยามของ เขา หมายถึง ส่วนของพื้นที่ที่สูงจากบริเวณรอบ ๆ (Surrounding) น้อยกว่า 600 เมตร ปรากฎในแผนที่ว่าเป็นเขา พื้นลาดชันร้อยละ 20- 35และที่ภูเขา หมายถึงส่วนของพื้นที่ที่สูงจากบริเวณรอบๆ (Surrounding) ตั้งแต่ 600 เมตร ขึ้นไปพื้นที่ลาดชันมากกว่าร้อยละ 35 4.ผู้บุกรุกป่าที่ถูกจับในกรณีแผ่วถ้างหรือเผาป่า เพื่อที่จะได้ครอบครองที่ดินนั้นในเขตอุทยานแห่งชาติ หรืออุทยานต่างๆ ของประเทศไทยจะต้องโทษจำคุกไม่เกิน 20 ปี หรือปรับสูงถึง 2 ล้านบาท นอกจากนี้ห้ามยึดถือ/ครอบครอง/ทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัย/ก่อสร้าง/แผ้วถาง/เผาป่า/ทำไม้/เก็บหาของป่า หรือทำให้ป่าสงวนแห่งชาติเสื่อมสภาพ บทลงโทษ : จำคุก 1 – 10 ปี และปรับ 20,000 – 200,000 บาท 5. จากกฎหมายดังกล่าว ประชาชนได้บุก รุกภูเขาไปปลูกพืช ทำเกษตรกรรมได้อย่างไร? หน่วยงานภาครัฐที่ดูแลพื้นที่ยินยอมได้อย่างไร?..สุดท้าย ฝนตกหนัก น้ำป่าจากภูเขาไหลเชี่ยวกราก พัดพาดินโคลนจากภูเขามาถล่มเมืองในพื้นที่ราบ ทั้งเชียงราย เชียงใหม่ แพร่ น่าน ลำปาง เป็นต้นในปี2567เพราะทำลายทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โค่นป่า ปลูกพืชล้มลุกบนภูเขาทำผิดกฎหมายแต่เจ้าหน้าปล่อยปะละเลย” #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1888 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยและทรงพระเมตตา ทรงจัดทำถุงพระราชทานสำหรับเด็กเพื่อเชิญไปพระราชแก่ผู้ประสบอุทกภัยในภาคต่างๆ

    เมื่อวันอังคารที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ เวลา ๑๘.๒๗ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ทรงบรรจุเครื่องอุปโภคบริโภค และสิ่งของจำเป็นต่าง ๆ ลงในถุงพระราชทานสำหรับเด็ก จำนวน ๑,๐๐๐ ถุง เพื่อเชิญไปพระราชทานแก่เด็กในพื้นที่ประสบอุทกภัยในภาคต่างๆ

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระราชหฤทัยห่วงใยครอบครัวราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กแรกเกิดและเด็กเล็กที่ประสบอุทกภัยร้ายแรง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดทำถุงพระราชทานสำหรับเด็กเล็กและจัดหาสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับเด็กบรรจุลงในถุงพระราชทาน อาทิ ตุ๊กตาผ้าห่ม เป้อุ้มเด็ก นมผง อาหารเด็ก ผ้าอ้อมสำเร็จรูป สำลี ฟองน้ำเช็ดตัว ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และผลิตภัณฑ์ซักล้างสำหรับเด็ก โดยจัดพระราชทานสำหรับเด็กตั้งแต่
    แรกเกิดถึงอายุ ๒ ปี เพิ่มเติมจากถุงพระราชทานทั่วไป

    ทั้งนี้ จากสถานการณ์ฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของประเทศไทย เป็นเหตุให้เกิดเหตุน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินสไลด์ในบริเวณพื้นที่ภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่อยู่ติดแม่น้ำโขง ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน บาดเจ็บ และเสียชีวิต รวมถึงเกิดความเสียหายแก่บ้านเรือนและทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวนมาก ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ องคมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัด ร่วมกับหน่วยราชการในพระองค์ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งเข้าให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความทุกข์ยากเดือดร้อนของราษฎรในเบื้องต้น โดยนำสิ่งของพระราชทานไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอย่างเร่งด่วน ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ น่าน พะเยา แพร่ ตาก พิษณุโลก หนองคาย และจังหวัดเลย อีกทั้งยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน และจัดรถครัวสนามปรุงอาหารให้กับประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ที่ประสบภัยต่าง ๆ เมื่อสถานการณ์น้ำท่วมเริ่มคลี่คลาย แต่ยังมีความจำเป็นในการฟื้นฟูและ
    ทำความสะอาดบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากมีดินโคลนที่มากับน้ำเป็นจำนวนมากทับถมอยู่ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง พร้อมอุปกรณ์ประกอบ ให้แก่กองบัญชาการกองทัพไทย โดยหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา สำหรับนำไปช่วยเหลือราษฎร ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่ช่วยทุ่นแรงในการทำความสะอาดและฟื้นฟูบ้านเรือน ที่สาธารณประโยชน์ วัด ถนน และสถานที่ราชการ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และช่วยให้สถานการณ์กลับสู่สภาวะปรกติโดยเร็ว นอกจากนั้น พระมหากรุณาธิคุณยังครอบคลุมถึงกลุ่มบุคคลที่ร่วมปฏิบัติหน้าที่ในการให้ความช่วยเหลือประชาชนด้วยจิตสาธารณะ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่ามีเจ้าหน้าที่และจิตอาสาเสียชีวิตระหว่างการปฏิบัติงาน ในการนี้ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพวงมาลาไปวางที่หน้าหีบศพผู้ใหญ่บ้านที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ในการศพแก่จิตอาสาที่เสียชีวิต พระราชทานทุนการศึกษาแก่บุตรของผู้เสียชีวิต รวมทั้งทรงรับจิตอาสาที่ได้รับบาดเจ็บไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงติดตามสถานการณ์และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด โดยมีพระเมตตาและพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณในการพระราชทานความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ พร้อมทั้งได้มีพระราชกระแสทรงห่วงใยประชาชนผู้ประสบภัยจากเหตุดังกล่าว และมีพระราชกระแสทรงชื่นชม และพระราชทานกำลังใจ แก่จิตอาสาจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ซึ่งต่างเสียสละกำลังกาย กำลังปัญญา และกำลังทรัพย์ มาร่วมกันปฏิบัติการให้การช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย แม้การช่วยเหลือจะเป็นไปอย่างยากลำบากท่ามกลางกระแสน้ำไหลเชี่ยว และข้อจำกัดต่าง ๆ แต่ทุกภาคส่วน และจิตอาสา ต่างร่วมมือร่วมใจกันอย่างเต็มกำลัง ด้วยความรัก ความปรารถนาดี
    ต่อกัน เป็นเครื่องมือสำคัญทำให้ประชาชนได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที เป็นไปตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ในการให้ทุกคนมีจิตอาสา พร้อมที่จะเสียสละ และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จนสามารถทำให้สถานการณ์รุนแรงคลี่คลายลงได้ตามลำดับ

    #ทรงพระเจริญ
    #สืบสานรักษาต่อยอด
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยและทรงพระเมตตา ทรงจัดทำถุงพระราชทานสำหรับเด็กเพื่อเชิญไปพระราชแก่ผู้ประสบอุทกภัยในภาคต่างๆ เมื่อวันอังคารที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ เวลา ๑๘.๒๗ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ทรงบรรจุเครื่องอุปโภคบริโภค และสิ่งของจำเป็นต่าง ๆ ลงในถุงพระราชทานสำหรับเด็ก จำนวน ๑,๐๐๐ ถุง เพื่อเชิญไปพระราชทานแก่เด็กในพื้นที่ประสบอุทกภัยในภาคต่างๆ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระราชหฤทัยห่วงใยครอบครัวราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กแรกเกิดและเด็กเล็กที่ประสบอุทกภัยร้ายแรง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดทำถุงพระราชทานสำหรับเด็กเล็กและจัดหาสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับเด็กบรรจุลงในถุงพระราชทาน อาทิ ตุ๊กตาผ้าห่ม เป้อุ้มเด็ก นมผง อาหารเด็ก ผ้าอ้อมสำเร็จรูป สำลี ฟองน้ำเช็ดตัว ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และผลิตภัณฑ์ซักล้างสำหรับเด็ก โดยจัดพระราชทานสำหรับเด็กตั้งแต่ แรกเกิดถึงอายุ ๒ ปี เพิ่มเติมจากถุงพระราชทานทั่วไป ทั้งนี้ จากสถานการณ์ฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของประเทศไทย เป็นเหตุให้เกิดเหตุน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินสไลด์ในบริเวณพื้นที่ภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่อยู่ติดแม่น้ำโขง ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน บาดเจ็บ และเสียชีวิต รวมถึงเกิดความเสียหายแก่บ้านเรือนและทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวนมาก ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ องคมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัด ร่วมกับหน่วยราชการในพระองค์ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งเข้าให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความทุกข์ยากเดือดร้อนของราษฎรในเบื้องต้น โดยนำสิ่งของพระราชทานไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยอย่างเร่งด่วน ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ น่าน พะเยา แพร่ ตาก พิษณุโลก หนองคาย และจังหวัดเลย อีกทั้งยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน และจัดรถครัวสนามปรุงอาหารให้กับประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ที่ประสบภัยต่าง ๆ เมื่อสถานการณ์น้ำท่วมเริ่มคลี่คลาย แต่ยังมีความจำเป็นในการฟื้นฟูและ ทำความสะอาดบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากมีดินโคลนที่มากับน้ำเป็นจำนวนมากทับถมอยู่ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง พร้อมอุปกรณ์ประกอบ ให้แก่กองบัญชาการกองทัพไทย โดยหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา สำหรับนำไปช่วยเหลือราษฎร ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่ช่วยทุ่นแรงในการทำความสะอาดและฟื้นฟูบ้านเรือน ที่สาธารณประโยชน์ วัด ถนน และสถานที่ราชการ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และช่วยให้สถานการณ์กลับสู่สภาวะปรกติโดยเร็ว นอกจากนั้น พระมหากรุณาธิคุณยังครอบคลุมถึงกลุ่มบุคคลที่ร่วมปฏิบัติหน้าที่ในการให้ความช่วยเหลือประชาชนด้วยจิตสาธารณะ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่ามีเจ้าหน้าที่และจิตอาสาเสียชีวิตระหว่างการปฏิบัติงาน ในการนี้ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพวงมาลาไปวางที่หน้าหีบศพผู้ใหญ่บ้านที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ในการศพแก่จิตอาสาที่เสียชีวิต พระราชทานทุนการศึกษาแก่บุตรของผู้เสียชีวิต รวมทั้งทรงรับจิตอาสาที่ได้รับบาดเจ็บไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงติดตามสถานการณ์และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด โดยมีพระเมตตาและพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณในการพระราชทานความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ พร้อมทั้งได้มีพระราชกระแสทรงห่วงใยประชาชนผู้ประสบภัยจากเหตุดังกล่าว และมีพระราชกระแสทรงชื่นชม และพระราชทานกำลังใจ แก่จิตอาสาจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ซึ่งต่างเสียสละกำลังกาย กำลังปัญญา และกำลังทรัพย์ มาร่วมกันปฏิบัติการให้การช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย แม้การช่วยเหลือจะเป็นไปอย่างยากลำบากท่ามกลางกระแสน้ำไหลเชี่ยว และข้อจำกัดต่าง ๆ แต่ทุกภาคส่วน และจิตอาสา ต่างร่วมมือร่วมใจกันอย่างเต็มกำลัง ด้วยความรัก ความปรารถนาดี ต่อกัน เป็นเครื่องมือสำคัญทำให้ประชาชนได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที เป็นไปตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ในการให้ทุกคนมีจิตอาสา พร้อมที่จะเสียสละ และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จนสามารถทำให้สถานการณ์รุนแรงคลี่คลายลงได้ตามลำดับ #ทรงพระเจริญ #สืบสานรักษาต่อยอด
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1334 มุมมอง 48 0 รีวิว
  • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยราษฎร ที่ประสบอุทกภัยอย่างรุนแรงในพื้นที่อำเภอแม่สาย และอำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย พระราชทานเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง พร้อมอุปกรณ์ประกอบ จำนวน ๑๐๐ ชุด แก่กองบัญชาการกองทัพไทย โดยหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา สำหรับนำไปช่วยเหลือราษฎรที่ประสบอุทกภัย ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่ช่วยทุ่นแรงในการทำความสะอาดและฟื้นฟูบ้านเรือนราษฎร ที่สาธารณประโยชน์ วัด ถนน และสถานที่ราชการ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และช่วยให้สถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว
    .
    การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานกระแสทรงชื่นชมและพระราชทานกำลังใจแก่จิตอาสาทุกภาคส่วนที่ร่วมกันให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที และสามารถบรรเทาสถานการณ์ให้คลี่คลายลงได้ตามลำดับ ซึ่งปัจจุบันปริมาณน้ำเริ่มลดลง ประชาชนกลับเข้าพื้นที่เพื่อฟื้นฟูบ้านเรือนและทำความสะอาด แต่ยังคงเป็นไปอย่างยากลำบากเนื่องจากมีดินโคลนที่มากับน้ำเป็นจำนวนมากทับถมอยู่และขาดแคลนเครื่องมือและอุปกรณ์ที่จำเป็นในการทำความสะอาดและฟื้นฟูบ้านเรือน
    ---
    His Majesty King Maha Vajiralongkorn and Her Majesty Queen Suthida of Thailand Concerned about the people who are suffering from severe flooding in Mae Sai District and Mueang Chiang Rai District, Chiang Rai, Their Majesties's graciously bestowed 100 sets of high pressure water sprayers and accessories to the Royal Thai Armed Forces Headquarters through the Army Development Command for use in helping people affected by floods. These are important equipment that helps save effort in cleaning and restoring people's homes, public utilities, temples, roads, and government offices to help alleviate suffering and help the situation return to normal as soon as possible.
    .
    His Majesty King Maha Vajiralongkorn commended and gave encouragement to volunteers from all sectors who worked together to provide timely assistance to the disaster victims and were able to alleviate the situation gradually. Currently, the water level has started to decrease. People have returned to the area to restore their homes and clean up, but it is still difficult because there is a lot of mud that has come with the water and there is a lack of tools and equipment necessary to clean and restore their homes.
    _______________
    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Cr. FB : สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี : We Love Her Majesty Queen Suthida Fanpage
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงห่วงใยราษฎร ที่ประสบอุทกภัยอย่างรุนแรงในพื้นที่อำเภอแม่สาย และอำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย พระราชทานเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง พร้อมอุปกรณ์ประกอบ จำนวน ๑๐๐ ชุด แก่กองบัญชาการกองทัพไทย โดยหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา สำหรับนำไปช่วยเหลือราษฎรที่ประสบอุทกภัย ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่ช่วยทุ่นแรงในการทำความสะอาดและฟื้นฟูบ้านเรือนราษฎร ที่สาธารณประโยชน์ วัด ถนน และสถานที่ราชการ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และช่วยให้สถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว . การนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานกระแสทรงชื่นชมและพระราชทานกำลังใจแก่จิตอาสาทุกภาคส่วนที่ร่วมกันให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที และสามารถบรรเทาสถานการณ์ให้คลี่คลายลงได้ตามลำดับ ซึ่งปัจจุบันปริมาณน้ำเริ่มลดลง ประชาชนกลับเข้าพื้นที่เพื่อฟื้นฟูบ้านเรือนและทำความสะอาด แต่ยังคงเป็นไปอย่างยากลำบากเนื่องจากมีดินโคลนที่มากับน้ำเป็นจำนวนมากทับถมอยู่และขาดแคลนเครื่องมือและอุปกรณ์ที่จำเป็นในการทำความสะอาดและฟื้นฟูบ้านเรือน --- His Majesty King Maha Vajiralongkorn and Her Majesty Queen Suthida of Thailand Concerned about the people who are suffering from severe flooding in Mae Sai District and Mueang Chiang Rai District, Chiang Rai, Their Majesties's graciously bestowed 100 sets of high pressure water sprayers and accessories to the Royal Thai Armed Forces Headquarters through the Army Development Command for use in helping people affected by floods. These are important equipment that helps save effort in cleaning and restoring people's homes, public utilities, temples, roads, and government offices to help alleviate suffering and help the situation return to normal as soon as possible. . His Majesty King Maha Vajiralongkorn commended and gave encouragement to volunteers from all sectors who worked together to provide timely assistance to the disaster victims and were able to alleviate the situation gradually. Currently, the water level has started to decrease. People have returned to the area to restore their homes and clean up, but it is still difficult because there is a lot of mud that has come with the water and there is a lack of tools and equipment necessary to clean and restore their homes. _______________ #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida Cr. FB : สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี : We Love Her Majesty Queen Suthida Fanpage
    Love
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 988 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ปัญหา #น้ำท่วม #ดินโคลน #เชียงราย
    #ปัญหา #น้ำท่วม #ดินโคลน #เชียงราย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เชิญถุงยังชีพพระราชทาน ไปมอบแก่ผู้ประสบอุทกภัยดินโคลนถล่ม พร้อมทั้งอัญเชิญพระราชกระแสทรงห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปกล่าวให้ผู้ประสบภัย ณ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
    —-
    His Majesty King Maha Vajiralongkorn and Her Majesty Queen Suthida of Thailand graciously ordered Mr. Plakorn Suwannarat, Privy Councilor, to deliver royal relief bags to those affected by floods and mudslides and along with inviting the Royal Messages of His Majesty the King and Her Majesty the Queen to speak to the victims in Mae Sai District, Chiang Rai Province.
    _____________________
    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Cr. FB : สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี : We Love Her Majesty Queen Suthida Fanpage
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เชิญถุงยังชีพพระราชทาน ไปมอบแก่ผู้ประสบอุทกภัยดินโคลนถล่ม พร้อมทั้งอัญเชิญพระราชกระแสทรงห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปกล่าวให้ผู้ประสบภัย ณ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย —- His Majesty King Maha Vajiralongkorn and Her Majesty Queen Suthida of Thailand graciously ordered Mr. Plakorn Suwannarat, Privy Councilor, to deliver royal relief bags to those affected by floods and mudslides and along with inviting the Royal Messages of His Majesty the King and Her Majesty the Queen to speak to the victims in Mae Sai District, Chiang Rai Province. _____________________ #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida Cr. FB : สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี : We Love Her Majesty Queen Suthida Fanpage
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 945 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนขับรถแบล๊คโฮผวา...ตักดินโคลนเคลียร์ทางถนนตักไปเจอศพจมโคลนที่ถนน #เชียงราย #น้ำท่วม #ชีวิตคน
    คนขับรถแบล๊คโฮผวา...ตักดินโคลนเคลียร์ทางถนนตักไปเจอศพจมโคลนที่ถนน #เชียงราย #น้ำท่วม #ชีวิตคน
    Sad
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 429 มุมมอง 54 0 รีวิว
  • ✨🟡🟣 วันอังคาร​ที่​ ๒๗ สิงหาคม​ ๒๕๖​๗​
    ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ​สมเด็จ​พระนางเจ้า​ ฯ​ พระบรม​ราชินี​ ทรง​ห่วงใย​ราษฎร​ที่​ประสบ​เหตุ​โคลน​ถล่มใน​พื้นที่​จังหวัด​ภูเก็ต​ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม​ ให้พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี ไปประชุม​ติดตาม​สถานการณ์​ และร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน ๒๕๗ ถุง ไปมอบแก่ราษฎร​ผู้ประสบ​เหตุ​โคลน​ถล่ม โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายอำเภอเมืองภูเก็ต เป็นตัวแทนราษฎรในการรับพระราชทาน​ เพื่อเชิญไปมอบแก่ราษฎรที่ประสบภัยดินโคลนถล่มในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตต่อไป ณ หอประชุมสำนักงานเทศบาลตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต✨

    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida พระราชินีสุทิดา
    Cr. FB : ลมฝนบนฟ้ามาลิ่ว
    ✨🟡🟣 วันอังคาร​ที่​ ๒๗ สิงหาคม​ ๒๕๖​๗​ ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ​สมเด็จ​พระนางเจ้า​ ฯ​ พระบรม​ราชินี​ ทรง​ห่วงใย​ราษฎร​ที่​ประสบ​เหตุ​โคลน​ถล่มใน​พื้นที่​จังหวัด​ภูเก็ต​ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม​ ให้พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี ไปประชุม​ติดตาม​สถานการณ์​ และร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน ๒๕๗ ถุง ไปมอบแก่ราษฎร​ผู้ประสบ​เหตุ​โคลน​ถล่ม โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายอำเภอเมืองภูเก็ต เป็นตัวแทนราษฎรในการรับพระราชทาน​ เพื่อเชิญไปมอบแก่ราษฎรที่ประสบภัยดินโคลนถล่มในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตต่อไป ณ หอประชุมสำนักงานเทศบาลตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต✨ #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida พระราชินีสุทิดา Cr. FB : ลมฝนบนฟ้ามาลิ่ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 783 มุมมอง 0 รีวิว