• เกมแล้ว...อ้างเบรกไม่อยู่ : [News story]

    รวบแล้วรถ จยย.หัวร้อนหวิดชนคนข้ามทางม้าลาย เจ้าตัวยอมรับว่า จะขี่รถไปรับแฟน พอมาถึงทางม้าลายตนเองเบรกรถไม่ทัน สำนึกผิดอยากขอโทษสังคม
    เกมแล้ว...อ้างเบรกไม่อยู่ : [News story] รวบแล้วรถ จยย.หัวร้อนหวิดชนคนข้ามทางม้าลาย เจ้าตัวยอมรับว่า จะขี่รถไปรับแฟน พอมาถึงทางม้าลายตนเองเบรกรถไม่ทัน สำนึกผิดอยากขอโทษสังคม
    Like
    Angry
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 492 มุมมอง 48 0 รีวิว
  • ฟังข่าวเมื่อวาน จากจุดเดียวกันกับที่เคยมีตำรวจขี่รถมอเตอร์ไซค์ชนหมอกระต่ายที่กำลังเดินข้ามทางม้าลายจนลอยกระเด็นไปไกลและเสียชีวิต

    ไรเดอร์หนุ่มซิ่งมอเตอร์ไซค์ชนนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีขณะกำลังข้ามถนน เคราะห์ดียังไม่ถึงตาย

    ฟังคำอ้างของไรเดอร์แล้วได้แต่อนาถใจ เพราะเขาให้เหตุผลว่ามองไม่เห็นสัญญาณไฟคนข้าม

    หากให้พูดสำนวนนักเลงหน่อยคงต้องใช้ประโยคประมาณว่า

    "อะไรของมึง ตอบมาได้อย่างไร ใบขับขี่ซื้อมาเหรอ กฎหมายจราจรชัดเจนมีมานานตั้งแต่ไรเดอร์ยังไม่เกิดเลย"

    ข้อหนึ่งใจความประมาณว่าเมื่อผู้ขับขี่ขับมาถึงบริเวณที่มีทางข้ามอย่างทางม้าลาย ให้ระมัดระวัง เตรียมชะลอ หากมีคนรอข้าม ให้จอดรถสนิทห่างจากทางม้าลายอย่างน้อย 3 เมตร แต่ถ้าดูดีแล้วว่าไม่มีคนจึงค่อยออกรถวิ่งต่อได้ ฝ่าฝืนคือผิดกฎหมาย

    ด้วยเหตุนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าไรเดอร์ทำผิดกฎแล้ว 100% มันน่าอับอายคนทั่วโลกเหลือเกิน ที่คนขับขี่รถในประเทศนี้ คุณภาพโดยรวมต่ำย่ำแย่ติดลบสุด ๆ

    ใน 100 คน หาสักคนที่จะชะลอจอดยังหาไม่ได้เลยมั้ง คนเหล่านี้ไม่สำนึก ผ่านวันนี้ไปก็คงลืมแล้ว วันต่อไปก็เป็นเช่นเดิม การบังคับใช้กฎหมายของ จนท.ก็ย่ำแย่พอกับคุณภาพคนขับขี่ ไม่ควรให้ออกมาขี่รถตลอดชีวิตด้วยซ้ำ มีโอกาสสูงมากที่สักวันต้องทำคนตายบนถนนแน่

    คิดถึงที่ข้าพเจ้าเคยเขียนไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ขอรีโพสต์อีกครั้งแล้วกัน ดังมีเนื้อหาต่อไปนี้

    ...........

    #ทางม้าลายหรือทางตายแน่

    ทางม้าลายในไทยนี้มีก็ไม่แตกต่างจากไม่มีจริงนะ เคยพูดเรื่องนี้หลายหน ข้าพเจ้าเดินข้ามถนนมาตั้งแต่เด็กที่ต้องกลับบ้านเอง และการข้ามถนนในกรุงเทพสำหรับเด็กแล้ว มันคือการเสี่ยงดวงทุกครั้ง

    ถ้ามีสะพานลอย นั่นคือทางเลือกแรก แต่ในหลายที่ไม่มี ก็ต้องมองหาทางม้าลายแทน แต่แม้นจะหาเจอ บอกได้เลยว่าเจ้าลายขาวดำบนพื้นนั้น ไม่ได้ช่วยให้คนข้ามรู้สึกถึงความปลอดภัยเพิ่มขึ้นกว่าพื้นถนนที่ไม่มีลายแม้แต่นิดเดียว สำหรับในเมืองไทยนี้

    หลายครั้งก็หวุดหวิดเกือบโดนเฉี่ยวชน แต่ยังบุญรักษาที่รอดมาได้ถึงปัจจุบัน

    ข้ามมาไม่รู้กี่พันครั้งในชีวิตนี้ เชื่อไหมว่าที่มีคนขับมีน้ำใจ มีมารยาทตามกฎจราจร หยุดจอดให้โดยดีก่อนถึงเส้นขาวดำนั้นมีไม่น่าจะถึง 10 ครั้ง

    เกือบทั้งหมดคือไม่สนเลยว่าใครจะข้าม จะมีคนแก่ คนท้อง เด็ก ผู้หญิง คนพิการ หรือแค่คนปกติธรรมดาที่เขายืนรอจังหวะหวังว่าจะพอมีช่วงที่รถชะลอให้พอข้ามได้

    ล้วนแล้วแต่อยากจะรีบไปของตัวเองกันแทบทั้งนั้น อย่าว่าแต่หยุดรถให้เลย แค่ลดความเร็วยังหายากมากถึงมากที่สุด จะข้ามได้คือต้องช่วงที่รถอยู่ห่างจากตัวหลายสิบเมตร แล้วกะจังหวะเวลาให้ดี ใหม่ๆก็วิ่งหน้าตั้ง หลังๆประสบการณ์พอตัว ก็ไม่วิ่ง ก้าวเร็วๆเอา

    แต่บางถนนที่มีการจราจรแน่นหนาคับคั่ง การข้ามทางม้าลายนี่ยังกับปีนไต่ต้นถั่วขึ้นไปบนฟ้า โอกาสร่วงลงมาตายสูง เผลอๆมีสิ่งคาดไม่ถึงเกิดขึ้นด้วย

    อาทิเรากะว่าน่าจะวิ่งข้ามทัน แต่รถดันมาไวมาก ถึงจวนตัวกระชั้นชิด ก็จะโดนบีบแตรไล่ยาว พอเราตกใจหยุดกะทันหันคนขับจะหัวเสียที่ต้องเบรกเอี๊ยด ทำหน้ายักษ์ใส่ แล้วยกมือขึ้นมาทำท่าโบกเหมือนไล่ให้รีบไปเร็วๆ อย่ามาเกะกะกู ครั้นพอเราได้สติ จะรีบข้ามต่อ แต่รถคันที่มาเลนกลางดันไม่สนใจว่าคันทางซ้ายนั้นจำใจจอดแล้ว ตัวเองควรต้องจอดด้วยเพื่อให้คนข้าม

    เขากลับทำตรงข้ามกับสิ่งที่ควรทำ คือยิ่งเร่งความเร็วจะผ่านตรงม้าลายนี้ไป ดังนั้นถ้าหากเราไม่ตาไวและระวังเพียงพอ ก็มีสิทธิถูกเสยกระเด็นไปเหมือนว่าวขาดลอย

    นี่คือจุดตายของคนข้ามทางม้าลายมานักต่อนัก อย่าชะล่าใจเป็นอันขาดที่คิดว่าคันแรกจอดให้เราข้าม แล้วคันอื่นๆที่วิ่งตามมาเลนอื่นจะจอดให้เราไปง่ายๆ

    น้ำใจบนท้องถนนของคนขับรถในบ้านเมืองนี้ ต้องบอกว่าแห้งแล้งยิ่งกว่าแผ่นดินอีสานเมื่อหลายสิบปีก่อน เป็นเช่นนั้นจริงๆ และนับวันจะเป็นมากขึ้น

    ที่จอดให้นั้น จำใจจอดซะเป็นส่วนใหญ่ ที่จะตั้งใจจอดให้เองอย่างยินดีตั้งแต่รถยังไม่ทันทับเส้นขาวดำนี่น่าจะเหมือนฝัน หากใครพบเจอในไทยนะ ขอแนะนำให้หันไปยิ้มให้และไหว้ขอบคุณคนขับอย่างงามๆเป็นการให้กำลังใจในสิ่งที่เขาทำสักหน่อยเถิด

    คนมีรถยนต์ส่วนตัวนั้น ที่จะขับขี่โดยไม่เห็นแก่ตัว และมองเห็นหัวคนเดินถนนบ้างนั้น หาได้น้อยแสนน้อยยิ่งนัก

    เอาง่ายๆ ใครมีรถ ลองถามใจตัวเอง ทุกครั้งที่วิ่งผ่านทางม้าลาย ต่อให้ไม่มีคนรอข้ามเลย เคยไหมที่จะชะลอลดความเร็วลง หรือว่าห้อตะบึงไปอย่างไม่ไยดี

    หรือหากมีคน แล้วกี่ครั้งกันที่คุณหยุดรถให้เขาเหล่านั้นได้เดินข้ามอย่างไม่ต้องวิ่งตาลีตาเหลือก

    หรือมีแต่บีบแตรกันไม่ให้เขาข้ามมา ทั้งที่ตัวเองก็ยังอยู่ห่างจากทางม้าลายพอสมควร แต่ไม่คิดจะหยุด จึงต้องบีบแตรไว้ก่อน เป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่าฉันจะไปยาวนะ ไม่จอด อย่าสะเออะข้ามมา

    ชนตายไม่รู้นะมึง

    ใช่เป็นแบบนั้นหรือไม่?

    น่าเศร้าใจนะไทยแลนด์

    ทำไมคนขับรถถึงใจดำได้เพียงนี้

    ช่วงหน้าฝนชัดเจนที่สุด คนยืนรอข้ามถนน รอขึ้นรถเมล์ หรือกำลังเดินริมถนน รถแต่ละคันวิ่งฝ่าน้ำบนพื้น กระฉูดใส่คนบนทางเท้าราวกับคลื่นทะเลที่มาเป็นอุโมงค์น้ำ

    คนเหล่านั้นเขาน่าสงสาร น่าเห็นใจขนาดไหน เด็กเล็กๆกับพ่อแม่ผู้ปกครองที่ไปรับกลับบ้าน หรือมาโรงเรียน คนทำงานที่เหน็ดเหนื่อยรอที่จะกลับบ้านหรือกำลังจะไปที่ทำงาน ฝนตกยืนกางร่มก็ลำบากไม่น้อยแล้ว ยังต้องมาถูกซัดโครมเดียวด้วยน้ำสกปรกสีขุ่นและตะกอนฝุ่นผงดินโคลนทั้งหลายก็กระเด็น กระจัดกระจาย สร้างลวดลายไปบนชุดและร่างกายของเขาทั่วหัวยันตีน เข้าตา เข้าจมูก เข้าหู เข้าปากด้วยก็ไม่แน่

    เขาต้องทนไปจนกว่าจะกลับถึงบ้านจึงได้อาบน้ำ ถ้ากำลังไปเรียน ไปทำงาน ไปสอบ จะทำอย่างไร แต่คนขับที่ทำอุโมงค์น้ำซัดใส่นั้น หายไปไหนแล้วไม่รู้

    แล้วรู้อะไรไหม คนขับพวกนี้ เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำร้ายใครไปแล้วบ้างกี่คน กว่าที่จะไปถึงจุดหมายปลายทางของตัวเอง

    จากประสบการณ์จริงที่เคยเจอมาทั้งกับตัวเอง และเห็นคนที่โดนกระทำในขณะที่เราเป็นผู้โดยสารอยู่บนรถคันที่ก่อเหตุ

    เพราะเราเป็นคนเดินดินริมถนน เหมือนกันกับเขา จึงเข้าใจ แต่หลายคนที่เคยเป็นคนเดินถนน พอเริ่มมีรถเป็นของตนเองแล้วเมื่อไร ก็เหมือนโดนคำสาปสิงสู่ใจ ทำให้ลืมไปหมดในเรื่องที่ตนเคยประสบพบเจอมา แล้วก็กลายร่างเป็นคนชนิดเดียวกันกับคนที่เคยเบียดเบียนตนเองมาก่อนเช่นกัน

    อย่าลืมว่าเขาที่เดินเท้าบนถนนก็คือคนที่มีศักดิ์ มีศรี ควรต่อการให้ความใส่ใจ และปฏิบัติต่อกันเฉกเช่นคนในครอบครัวของเรา หาใช่ก้อนอิฐ หิน ดิน ทราย ที่ไร้ชีวิต

    ขอบคุณภาพฟรีจาก pixabay.com

    #บทความ
    #thaitimes
    #แง่คิด
    #รถชนนักท่องเที่ยว
    #ข้ามทางม้าลาย
    ฟังข่าวเมื่อวาน จากจุดเดียวกันกับที่เคยมีตำรวจขี่รถมอเตอร์ไซค์ชนหมอกระต่ายที่กำลังเดินข้ามทางม้าลายจนลอยกระเด็นไปไกลและเสียชีวิต ไรเดอร์หนุ่มซิ่งมอเตอร์ไซค์ชนนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีขณะกำลังข้ามถนน เคราะห์ดียังไม่ถึงตาย ฟังคำอ้างของไรเดอร์แล้วได้แต่อนาถใจ เพราะเขาให้เหตุผลว่ามองไม่เห็นสัญญาณไฟคนข้าม หากให้พูดสำนวนนักเลงหน่อยคงต้องใช้ประโยคประมาณว่า "อะไรของมึง ตอบมาได้อย่างไร ใบขับขี่ซื้อมาเหรอ กฎหมายจราจรชัดเจนมีมานานตั้งแต่ไรเดอร์ยังไม่เกิดเลย" ข้อหนึ่งใจความประมาณว่าเมื่อผู้ขับขี่ขับมาถึงบริเวณที่มีทางข้ามอย่างทางม้าลาย ให้ระมัดระวัง เตรียมชะลอ หากมีคนรอข้าม ให้จอดรถสนิทห่างจากทางม้าลายอย่างน้อย 3 เมตร แต่ถ้าดูดีแล้วว่าไม่มีคนจึงค่อยออกรถวิ่งต่อได้ ฝ่าฝืนคือผิดกฎหมาย ด้วยเหตุนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าไรเดอร์ทำผิดกฎแล้ว 100% มันน่าอับอายคนทั่วโลกเหลือเกิน ที่คนขับขี่รถในประเทศนี้ คุณภาพโดยรวมต่ำย่ำแย่ติดลบสุด ๆ ใน 100 คน หาสักคนที่จะชะลอจอดยังหาไม่ได้เลยมั้ง คนเหล่านี้ไม่สำนึก ผ่านวันนี้ไปก็คงลืมแล้ว วันต่อไปก็เป็นเช่นเดิม การบังคับใช้กฎหมายของ จนท.ก็ย่ำแย่พอกับคุณภาพคนขับขี่ ไม่ควรให้ออกมาขี่รถตลอดชีวิตด้วยซ้ำ มีโอกาสสูงมากที่สักวันต้องทำคนตายบนถนนแน่ คิดถึงที่ข้าพเจ้าเคยเขียนไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ขอรีโพสต์อีกครั้งแล้วกัน ดังมีเนื้อหาต่อไปนี้ ........... #ทางม้าลายหรือทางตายแน่ ทางม้าลายในไทยนี้มีก็ไม่แตกต่างจากไม่มีจริงนะ เคยพูดเรื่องนี้หลายหน ข้าพเจ้าเดินข้ามถนนมาตั้งแต่เด็กที่ต้องกลับบ้านเอง และการข้ามถนนในกรุงเทพสำหรับเด็กแล้ว มันคือการเสี่ยงดวงทุกครั้ง ถ้ามีสะพานลอย นั่นคือทางเลือกแรก แต่ในหลายที่ไม่มี ก็ต้องมองหาทางม้าลายแทน แต่แม้นจะหาเจอ บอกได้เลยว่าเจ้าลายขาวดำบนพื้นนั้น ไม่ได้ช่วยให้คนข้ามรู้สึกถึงความปลอดภัยเพิ่มขึ้นกว่าพื้นถนนที่ไม่มีลายแม้แต่นิดเดียว สำหรับในเมืองไทยนี้ หลายครั้งก็หวุดหวิดเกือบโดนเฉี่ยวชน แต่ยังบุญรักษาที่รอดมาได้ถึงปัจจุบัน ข้ามมาไม่รู้กี่พันครั้งในชีวิตนี้ เชื่อไหมว่าที่มีคนขับมีน้ำใจ มีมารยาทตามกฎจราจร หยุดจอดให้โดยดีก่อนถึงเส้นขาวดำนั้นมีไม่น่าจะถึง 10 ครั้ง เกือบทั้งหมดคือไม่สนเลยว่าใครจะข้าม จะมีคนแก่ คนท้อง เด็ก ผู้หญิง คนพิการ หรือแค่คนปกติธรรมดาที่เขายืนรอจังหวะหวังว่าจะพอมีช่วงที่รถชะลอให้พอข้ามได้ ล้วนแล้วแต่อยากจะรีบไปของตัวเองกันแทบทั้งนั้น อย่าว่าแต่หยุดรถให้เลย แค่ลดความเร็วยังหายากมากถึงมากที่สุด จะข้ามได้คือต้องช่วงที่รถอยู่ห่างจากตัวหลายสิบเมตร แล้วกะจังหวะเวลาให้ดี ใหม่ๆก็วิ่งหน้าตั้ง หลังๆประสบการณ์พอตัว ก็ไม่วิ่ง ก้าวเร็วๆเอา แต่บางถนนที่มีการจราจรแน่นหนาคับคั่ง การข้ามทางม้าลายนี่ยังกับปีนไต่ต้นถั่วขึ้นไปบนฟ้า โอกาสร่วงลงมาตายสูง เผลอๆมีสิ่งคาดไม่ถึงเกิดขึ้นด้วย อาทิเรากะว่าน่าจะวิ่งข้ามทัน แต่รถดันมาไวมาก ถึงจวนตัวกระชั้นชิด ก็จะโดนบีบแตรไล่ยาว พอเราตกใจหยุดกะทันหันคนขับจะหัวเสียที่ต้องเบรกเอี๊ยด ทำหน้ายักษ์ใส่ แล้วยกมือขึ้นมาทำท่าโบกเหมือนไล่ให้รีบไปเร็วๆ อย่ามาเกะกะกู ครั้นพอเราได้สติ จะรีบข้ามต่อ แต่รถคันที่มาเลนกลางดันไม่สนใจว่าคันทางซ้ายนั้นจำใจจอดแล้ว ตัวเองควรต้องจอดด้วยเพื่อให้คนข้าม เขากลับทำตรงข้ามกับสิ่งที่ควรทำ คือยิ่งเร่งความเร็วจะผ่านตรงม้าลายนี้ไป ดังนั้นถ้าหากเราไม่ตาไวและระวังเพียงพอ ก็มีสิทธิถูกเสยกระเด็นไปเหมือนว่าวขาดลอย นี่คือจุดตายของคนข้ามทางม้าลายมานักต่อนัก อย่าชะล่าใจเป็นอันขาดที่คิดว่าคันแรกจอดให้เราข้าม แล้วคันอื่นๆที่วิ่งตามมาเลนอื่นจะจอดให้เราไปง่ายๆ น้ำใจบนท้องถนนของคนขับรถในบ้านเมืองนี้ ต้องบอกว่าแห้งแล้งยิ่งกว่าแผ่นดินอีสานเมื่อหลายสิบปีก่อน เป็นเช่นนั้นจริงๆ และนับวันจะเป็นมากขึ้น ที่จอดให้นั้น จำใจจอดซะเป็นส่วนใหญ่ ที่จะตั้งใจจอดให้เองอย่างยินดีตั้งแต่รถยังไม่ทันทับเส้นขาวดำนี่น่าจะเหมือนฝัน หากใครพบเจอในไทยนะ ขอแนะนำให้หันไปยิ้มให้และไหว้ขอบคุณคนขับอย่างงามๆเป็นการให้กำลังใจในสิ่งที่เขาทำสักหน่อยเถิด คนมีรถยนต์ส่วนตัวนั้น ที่จะขับขี่โดยไม่เห็นแก่ตัว และมองเห็นหัวคนเดินถนนบ้างนั้น หาได้น้อยแสนน้อยยิ่งนัก เอาง่ายๆ ใครมีรถ ลองถามใจตัวเอง ทุกครั้งที่วิ่งผ่านทางม้าลาย ต่อให้ไม่มีคนรอข้ามเลย เคยไหมที่จะชะลอลดความเร็วลง หรือว่าห้อตะบึงไปอย่างไม่ไยดี หรือหากมีคน แล้วกี่ครั้งกันที่คุณหยุดรถให้เขาเหล่านั้นได้เดินข้ามอย่างไม่ต้องวิ่งตาลีตาเหลือก หรือมีแต่บีบแตรกันไม่ให้เขาข้ามมา ทั้งที่ตัวเองก็ยังอยู่ห่างจากทางม้าลายพอสมควร แต่ไม่คิดจะหยุด จึงต้องบีบแตรไว้ก่อน เป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่าฉันจะไปยาวนะ ไม่จอด อย่าสะเออะข้ามมา ชนตายไม่รู้นะมึง ใช่เป็นแบบนั้นหรือไม่? น่าเศร้าใจนะไทยแลนด์ ทำไมคนขับรถถึงใจดำได้เพียงนี้ ช่วงหน้าฝนชัดเจนที่สุด คนยืนรอข้ามถนน รอขึ้นรถเมล์ หรือกำลังเดินริมถนน รถแต่ละคันวิ่งฝ่าน้ำบนพื้น กระฉูดใส่คนบนทางเท้าราวกับคลื่นทะเลที่มาเป็นอุโมงค์น้ำ คนเหล่านั้นเขาน่าสงสาร น่าเห็นใจขนาดไหน เด็กเล็กๆกับพ่อแม่ผู้ปกครองที่ไปรับกลับบ้าน หรือมาโรงเรียน คนทำงานที่เหน็ดเหนื่อยรอที่จะกลับบ้านหรือกำลังจะไปที่ทำงาน ฝนตกยืนกางร่มก็ลำบากไม่น้อยแล้ว ยังต้องมาถูกซัดโครมเดียวด้วยน้ำสกปรกสีขุ่นและตะกอนฝุ่นผงดินโคลนทั้งหลายก็กระเด็น กระจัดกระจาย สร้างลวดลายไปบนชุดและร่างกายของเขาทั่วหัวยันตีน เข้าตา เข้าจมูก เข้าหู เข้าปากด้วยก็ไม่แน่ เขาต้องทนไปจนกว่าจะกลับถึงบ้านจึงได้อาบน้ำ ถ้ากำลังไปเรียน ไปทำงาน ไปสอบ จะทำอย่างไร แต่คนขับที่ทำอุโมงค์น้ำซัดใส่นั้น หายไปไหนแล้วไม่รู้ แล้วรู้อะไรไหม คนขับพวกนี้ เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำร้ายใครไปแล้วบ้างกี่คน กว่าที่จะไปถึงจุดหมายปลายทางของตัวเอง จากประสบการณ์จริงที่เคยเจอมาทั้งกับตัวเอง และเห็นคนที่โดนกระทำในขณะที่เราเป็นผู้โดยสารอยู่บนรถคันที่ก่อเหตุ เพราะเราเป็นคนเดินดินริมถนน เหมือนกันกับเขา จึงเข้าใจ แต่หลายคนที่เคยเป็นคนเดินถนน พอเริ่มมีรถเป็นของตนเองแล้วเมื่อไร ก็เหมือนโดนคำสาปสิงสู่ใจ ทำให้ลืมไปหมดในเรื่องที่ตนเคยประสบพบเจอมา แล้วก็กลายร่างเป็นคนชนิดเดียวกันกับคนที่เคยเบียดเบียนตนเองมาก่อนเช่นกัน อย่าลืมว่าเขาที่เดินเท้าบนถนนก็คือคนที่มีศักดิ์ มีศรี ควรต่อการให้ความใส่ใจ และปฏิบัติต่อกันเฉกเช่นคนในครอบครัวของเรา หาใช่ก้อนอิฐ หิน ดิน ทราย ที่ไร้ชีวิต ขอบคุณภาพฟรีจาก pixabay.com #บทความ #thaitimes #แง่คิด #รถชนนักท่องเที่ยว #ข้ามทางม้าลาย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • การทำบุญนอกวัด

    เคยได้ยินหลายคนบอกฉันไม่มีเวลาไปทำบุญเลย อยากทำบุญแต่ไม่อยากไปวัด และอีกหลายคนอยากทำบุญแต่ไม่ค่อยมีเงิน และชีวิตส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ทำอิริยาบถอื่นมากนักนอกจากนั่งขับรถแทบทั้งวัน

    ข้าพเจ้าอยากบอกเหลือเกินว่า โอ้โห คุณไม่รู้หรือว่าคุณได้เปรียบคนอีกตั้งเยอะแยะ การนั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถนี่แหละ คุณสามารถจะทำบุญได้ตลอดเวลา และมีโอกาสแวะเวียนมาหาอยู่เสมอ เป็นที่คุณเองต่างหากที่มองไม่เห็น หรือไม่เคยได้ใส่ใจ อาทิเช่น

    1. ช่วงนี้หน้าฝน บนถนนมักมีแอ่งน้ำขังอยู่เป็นช่วงๆ ทุกครั้งที่คุณขับรถผ่าน ลองคิดถึงคนเดินถนนสักนิด เขาอาจกำลังจะมุ่งหน้ากลับบ้านไปหาครอบครัวอยู่ในช่วงเย็นค่ำ หรืออาจจะกำลังเตรียมตัวออกจากบ้านไปทำงานในช่วงเช้าตรู่ หรืออาจออกมาเดินหาอะไรกินช่วงพักกลางวันตามร้านริมทาง ไม่ว่าด้วยสาเหตุใด ลำพังที่เขาต้องเดินผจญกับหลุมระเบิดบนทางเท้า หรือไหล่ทางที่เป็นหลุมเป็นบ่อ มีน้ำขัง ก็น่าสงสารน่าเห็นใจอยู่แล้ว หากคุณขับรถแล่นผ่านไปด้วยความเร็วโดยไม่สนใจ น้ำที่สาดไปเปื้อนเปรอะกับคนเดินเท้าเหล่านั้น จนเปียกชุ่มโชก สกปรก ม่อล่อกม่อแล่ก ตั้งแต่ศีรษะถึงปลายเท้า เขาจะเจอกับความลำบากทุกข์ยากขนาดไหน เคยนึกถึงหัวอกเขาบ้างหรือไม่ กว่าเขาจะถึงที่พัก อาจจะป่วยไข้ไม่สบายหนัก คุณทำบาปโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ จะดีไหมในครั้งต่อไปที่คุณพยายามชะลอรถวิ่งผ่านอย่างช้า ๆ ไม่ทำให้น้ำที่ขังบนพื้นถนน สาดกระเด็นไปเลอะใครเข้า มีความใส่ใจเพิ่มอีกหน่อย ก็ได้ช่วยคนจำนวนมากแล้วโดยไม่ต้องไปไหนด้วยซ้ำ

    2. คนรอข้ามทางม้าลาย มีทั้งคนหนุ่มคนสาว คนชรา เด็กเล็ก คนท้อง วัยรุ่น วัยฉกรรจ์ เขาเหล่านั้นยืนรอรถให้ชะลอจอดเพื่อจะได้ข้ามไปยังอีกฝั่งได้ คุณเคยใส่ใจพร้อมชะลอจอดรถให้เขาได้เดินข้ามถนนอย่างปลอดภัยบ้างหรือไม่ในชีวิตนี้ ตั้งแต่เริ่มมีรถเป็นของตนเอง ลองถามใจตัวดูสิ หรือว่าทุกครั้งจะรีบเร่งรถเร็วขึ้นเพื่อจะผ่านไปก่อนที่คนจะมีเวลาได้เดินข้ามทางม้าลายไป ไม่ก็บีบแตรยาวนำมาก่อน เพื่อหยุดไม่ให้เขาข้าม แล้วคุณก็จะได้แล่นยาวต่อไปโดยไม่ต้องเสียเวลา นี่คือเรื่องสำคัญมากนะ

    3. คุณชอบจอดรถแช่ตามที่ต่างๆแล้วเปิดแอร์เย็นฉ่ำในห้องโดยสาร แต่พ่นควันพิษให้คนอื่นๆที่อยู่นอกรถในบริเวณใกล้เคียงดมเข้าไปหรือไม่ ยิ่งจอดนานยิ่งเผาผลาญน้ำมัน แก๊ส สร้างมลพิษกระจายคลุมพื้นที่ในรัศมีหลายสิบเมตร และกลิ่นสามารถลอยขึ้นในแนวดิ่งไปทำร้ายคนในอาคารบ้านเรือนที่อยู่ใกล้

    4. คุณมักชอบแวะซื้อของกิน ของใช้ ทำธุระสารพัดข้างทาง โดยจอดกีดขวางช่องทางจราจร โดยเฉพาะบริเวณป้ายรอรถเมล์หรือไม่ รถเมล์จะเข้าป้ายเข้าไม่ได้ ต้องวิ่งเลนนอก คนจะขึ้นรถขึ้นไม่ได้ ต้องวิ่งออกไปกลางถนน รถก็ต้องจอดชะลอ ทำให้การจราจรติดขัดเป็นจราจล คนวิ่งไปขึ้นรถเมล์ก็เสี่ยงต่ออุบัติเหตุ ถึงไม่ใช่บริเวณป้ายรอรถเมล์ แต่เป็นริมถนนเส้นต่างๆ การจอดทำธุระของคุณก็ทำให้รถคันอื่นต้องเดือดร้อน เพราะเสียช่องจราจรไปหนึ่งช่อง

    นี่เพียงตัวอย่างที่พบเห็นบ่อย ความจริงยังมีอีกมากมายหากค่อย ๆ นึก ขึ้นรถครั้งต่อไปคุณก็สามารถลดละความเห็นแก่ตัว และความใจร้อนด้วยการทำบุญอยู่หลังพวงมาลัยได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ปรับเปลี่ยนตัวเองสักหน่อยเท่านั้น ทำได้ใช่ไหมล่ะ

    #บทความ
    #ข้อคิด
    #แง่คิด
    #การทำบุญ
    #thaitimes
    การทำบุญนอกวัด เคยได้ยินหลายคนบอกฉันไม่มีเวลาไปทำบุญเลย อยากทำบุญแต่ไม่อยากไปวัด และอีกหลายคนอยากทำบุญแต่ไม่ค่อยมีเงิน และชีวิตส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ทำอิริยาบถอื่นมากนักนอกจากนั่งขับรถแทบทั้งวัน ข้าพเจ้าอยากบอกเหลือเกินว่า โอ้โห คุณไม่รู้หรือว่าคุณได้เปรียบคนอีกตั้งเยอะแยะ การนั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถนี่แหละ คุณสามารถจะทำบุญได้ตลอดเวลา และมีโอกาสแวะเวียนมาหาอยู่เสมอ เป็นที่คุณเองต่างหากที่มองไม่เห็น หรือไม่เคยได้ใส่ใจ อาทิเช่น 1. ช่วงนี้หน้าฝน บนถนนมักมีแอ่งน้ำขังอยู่เป็นช่วงๆ ทุกครั้งที่คุณขับรถผ่าน ลองคิดถึงคนเดินถนนสักนิด เขาอาจกำลังจะมุ่งหน้ากลับบ้านไปหาครอบครัวอยู่ในช่วงเย็นค่ำ หรืออาจจะกำลังเตรียมตัวออกจากบ้านไปทำงานในช่วงเช้าตรู่ หรืออาจออกมาเดินหาอะไรกินช่วงพักกลางวันตามร้านริมทาง ไม่ว่าด้วยสาเหตุใด ลำพังที่เขาต้องเดินผจญกับหลุมระเบิดบนทางเท้า หรือไหล่ทางที่เป็นหลุมเป็นบ่อ มีน้ำขัง ก็น่าสงสารน่าเห็นใจอยู่แล้ว หากคุณขับรถแล่นผ่านไปด้วยความเร็วโดยไม่สนใจ น้ำที่สาดไปเปื้อนเปรอะกับคนเดินเท้าเหล่านั้น จนเปียกชุ่มโชก สกปรก ม่อล่อกม่อแล่ก ตั้งแต่ศีรษะถึงปลายเท้า เขาจะเจอกับความลำบากทุกข์ยากขนาดไหน เคยนึกถึงหัวอกเขาบ้างหรือไม่ กว่าเขาจะถึงที่พัก อาจจะป่วยไข้ไม่สบายหนัก คุณทำบาปโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ จะดีไหมในครั้งต่อไปที่คุณพยายามชะลอรถวิ่งผ่านอย่างช้า ๆ ไม่ทำให้น้ำที่ขังบนพื้นถนน สาดกระเด็นไปเลอะใครเข้า มีความใส่ใจเพิ่มอีกหน่อย ก็ได้ช่วยคนจำนวนมากแล้วโดยไม่ต้องไปไหนด้วยซ้ำ 2. คนรอข้ามทางม้าลาย มีทั้งคนหนุ่มคนสาว คนชรา เด็กเล็ก คนท้อง วัยรุ่น วัยฉกรรจ์ เขาเหล่านั้นยืนรอรถให้ชะลอจอดเพื่อจะได้ข้ามไปยังอีกฝั่งได้ คุณเคยใส่ใจพร้อมชะลอจอดรถให้เขาได้เดินข้ามถนนอย่างปลอดภัยบ้างหรือไม่ในชีวิตนี้ ตั้งแต่เริ่มมีรถเป็นของตนเอง ลองถามใจตัวดูสิ หรือว่าทุกครั้งจะรีบเร่งรถเร็วขึ้นเพื่อจะผ่านไปก่อนที่คนจะมีเวลาได้เดินข้ามทางม้าลายไป ไม่ก็บีบแตรยาวนำมาก่อน เพื่อหยุดไม่ให้เขาข้าม แล้วคุณก็จะได้แล่นยาวต่อไปโดยไม่ต้องเสียเวลา นี่คือเรื่องสำคัญมากนะ 3. คุณชอบจอดรถแช่ตามที่ต่างๆแล้วเปิดแอร์เย็นฉ่ำในห้องโดยสาร แต่พ่นควันพิษให้คนอื่นๆที่อยู่นอกรถในบริเวณใกล้เคียงดมเข้าไปหรือไม่ ยิ่งจอดนานยิ่งเผาผลาญน้ำมัน แก๊ส สร้างมลพิษกระจายคลุมพื้นที่ในรัศมีหลายสิบเมตร และกลิ่นสามารถลอยขึ้นในแนวดิ่งไปทำร้ายคนในอาคารบ้านเรือนที่อยู่ใกล้ 4. คุณมักชอบแวะซื้อของกิน ของใช้ ทำธุระสารพัดข้างทาง โดยจอดกีดขวางช่องทางจราจร โดยเฉพาะบริเวณป้ายรอรถเมล์หรือไม่ รถเมล์จะเข้าป้ายเข้าไม่ได้ ต้องวิ่งเลนนอก คนจะขึ้นรถขึ้นไม่ได้ ต้องวิ่งออกไปกลางถนน รถก็ต้องจอดชะลอ ทำให้การจราจรติดขัดเป็นจราจล คนวิ่งไปขึ้นรถเมล์ก็เสี่ยงต่ออุบัติเหตุ ถึงไม่ใช่บริเวณป้ายรอรถเมล์ แต่เป็นริมถนนเส้นต่างๆ การจอดทำธุระของคุณก็ทำให้รถคันอื่นต้องเดือดร้อน เพราะเสียช่องจราจรไปหนึ่งช่อง นี่เพียงตัวอย่างที่พบเห็นบ่อย ความจริงยังมีอีกมากมายหากค่อย ๆ นึก ขึ้นรถครั้งต่อไปคุณก็สามารถลดละความเห็นแก่ตัว และความใจร้อนด้วยการทำบุญอยู่หลังพวงมาลัยได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ปรับเปลี่ยนตัวเองสักหน่อยเท่านั้น ทำได้ใช่ไหมล่ะ #บทความ #ข้อคิด #แง่คิด #การทำบุญ #thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1121 มุมมอง 0 รีวิว