• Part 2 : จาก “ไอ้ขี้ยา” ถึง “มื้อกลางวันที่เปลือยเปล่า”
    .
    การฆ่าคนสักคนโดยที่คนเราจะตั้งใจไม่หรือไม่ตั้งใจก็ตาม หากคนผู้นั้นมีจิตสำนึก ชีวิตอาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง สำหรับ วิลเลี่ยม “บิล” เอส. เบอร์โรส์ ที่ชักปืนมายิงเปรี้ยงพลาดเข้ากางหน้าผากโวมเมอร์ ภรรยาโดยพฤตินัยนั้น อย่างแรกที่เขาเลือกที่จะทำคือการโทรหาทนายความหัวหมอคนนั้นอีก ซึ่งแน่นอน เขารอดคุกเป็นครั้งที่ 2 จากการใช้ช่องโหว่ทางจดหมาย แต่ไม่นานเท่าไหร่ ทนายเองก็มีปัญหาส่วนตัวกับกฏหมายบ้านเมือง ทางออกที่ดีที่สุดคือ บิลต้องเดินทางออกนอกประเทศอีกครั้ง คราวนี้ต้องไปให้ไกลกว่าเดิม ลึกกว่าเดิม เขาไปใช้ชีวิตในแถบอเมริกาใต้อยู่ครึ่งปี และกลายเป็นคนแรกในกลุ่มบีทส์ ที่ได้เสพ อายาวัสกาอย่างบ้าคลั่ง ในปี 1953 บิลกลับมาที่แม็กซิโก และ เดินทางออกจากที่นั่น กลับไปที่้ นิวยอร์ค เพื่อพบกับอัลแลน ซึ่งได้แนะนำเส้นสายในวงการโรงพิมพ์ให้เขารู้จัก หนึ่งในนั้นคือ คาร์ล โซโลมอน ซึ่งเป็นบรรณาธิการของ เอสบุ๊ค ผู้รับหนังสือเล่มแรกของบิลตีพิมพ์ออกสู่ตลาดในวงกว้าง "ไอ้ขี้ยา" - Junkie บิลได้เงินจากการขายสิทธิ์ในการตีพิมพ์เป็นเงิน 800 เหรียญ หนังสือเล่มนี้ "ไอ้ขี้ยา" - Junkie ขายไม่ค่อยดีเท่าไรนักในเวลานั้น เนื่องจากมันเป็นการรวมประสบการณ์ส่วนตัวที่ดิบและเถื่อนของบิลเองในฐานะผู้เสพยาเสพติดหลากหลายชนิด แต่หากมองในมุมมองของโลกบุคปัจจุบันซึ่งผ่านมาแล้วกว่า 70 ปี หนังสือเล่มนี้เปิดโลกอีกใบของสังคมอเมริกาในยุค mid-century ที่คนภายนอก หรือคนในปัจจุบัน มองว่าทุกอย่างนั้นเป็นระเบียบแบบแผน มีสีสัน มีความล้ำสมัย มีความเป็นอเมริกาน่าแบบไม่ตกยุค "ไอ้ขี้ยา" - Junkie จึงเป็นหนังสือเล่มหนึ่งในจำนวนที่น้อยมากๆ ที่สะท้อนสังคมอเมริกันในยุคนั้น อย่างลึกซึ้ง
    .
    อันที่จริง บิล ตกหลุมรัก อัลแลน แบบจริงจัง แบบหัวปักหัวปำ โดยออกปากว่าอยากความสัมพันธ์ทางเพศแบบชายรักชายกับเขา แต่เมื่อ อัลแลนปฏิเสธเขา บิลรู้สึกอกหัก และเดินทางออกนอกประเทศอีกครั้งสู่ แทนเจียร์ ประเทศโมร็อกโก ซึ่งขึ้นชื่ออยู่แล้วว่า เป็นตลาดใหญ่ของ โสเภณีชาย และ ยาเสพติดทุกประเภทในโลก และมันก็ไม่เกินความคาดเดา บิลเสพยาหนักขึ้นอีก ยาที่เขาเลือกใช้บ่อยที่สุดในช่วงนั้นคือ ยูคาโดล ซึ่งก็คือชื่้อทางการตลาดของยาระงับประสาท ออกซิโคโดน นั่นเอง เขาติดแบบงอมแงมซะเขาต้องเลือกที่จะบากหน้ากลับไปหาแม่ ในเดือนกันยายน ปี 1956 เพื่อขอยืมเงิน 500 เหรียญเพื่อไปบำบัด ซึ่งเขาได้พบกับ ดร. จอห์น ยาเบอร์รี่ ซึ่งเป็นหนึ่งใน แพทย์สายบำบัด ที่เก่งที่สุดในโลก โดยให้ อโปมอร์ฟีน กับบิลแทน นั่นก็ทำให้บิลหยุดอาการอยากยา ได้ขณะหนึ่ง แต่ไม่รู้เหตุอันใด บิล รีบเดินทางกลับไปที่แทนเจียร์เลยทันที
    .
    แทนเจียร์ สภาพที่คุ้นเคย สถานที่ที่บิลจัดหาทุกอย่างเพื่อสนองความต้องของตัวเองได้ทุกเวลา บิลเริ่มมีความมุ่งมั่นในการผลิตงานเขียนอย่างจริงๆจังๆ ก็ที่นี่ ที่ผลงานชั้นครูในโลกของวรรณกรรมนอกกระแส "มื้อกลางวันที่เปลือยเปล่า" - Naked Lunch บิลเขียนจดหมายถึงอัลแลนเล่าว่า "นายรู้หรือเปล่า? วิธีเขียนหนังสือยาวๆแบบฉัน ฉันนี่ดูดกัญชาไปเรื่อยๆ พิมพ์ไปด้วยความสูงสุดเท่าที่จะพิมพ์ได้ วันละ หกชั่วโมงติดต่อกันเท่านั้นเป็นเลิกกัน" อันที่จริงแล้วชื่อวรรณกรรมเล่มนี้มาด้วยความบังเอิญสุดๆ คือตอนที่จะให้ชื่อกับวรรณกรรมดังกล่าว ก่อนหน้านี้ที่บิลนั้นเดินทางไปเยี่ยมพรรคพวกที่ ม.โคลัมเบีย ซึ่งกลุ่มบีทส์ นำโดย แจ็ค กับ อัลแลน จะฝึกวิชาเขียนบทกันอย่างหนักหน่วงมาก โดยจะผลัดกับเขียนเรื่องสั้น เรียกว่า รูทีน และเอาพวกคนในกลุ่มผลัดกันมาเล่นละครแล้วก็วิจารณ์กันเองอย่างดุเดือด อัลแลนอ่านประโยค "ความใคร่อันเปลือยเปล่า" - Naked Lust ผิดเป็น Naked Lunch ซึ่งบิลชื่นชอบคำนี้มาก และจำมาเขียนเป็นชื่อวรรณกรรมของเขาเอง ในปี 1957 แจ็คเดินทางไปแทนเจียร์และพบว่า ต้นฉบับของ Naked Lunch นั้นปลิวกระจายไปทั่วห้อง แจ็คถึงกลับต้องเอามานั่งเรียบเรียงและพิมพ์ดีดลงกระดาษให้เรียบร้อย แต่อย่างไรก็ตาม เดือนถัดมา แจ็คก็ยังรู้สึกไม่พอใจ จึงกลับไปที่แทนเจียร์อีกรอบพร้อมกับชายคนรักคนใหม่ของเขา ปีเตอร์ ออลอฟสกี้ และสองคนนี้ก็ไปช่วยกันเรียบเรียงให้ต้นฉบับนี้สมบูรณ์และพร้อมตีพิมพ์ในเวลาต่อมา ซึ่งเมื่ออัลแลนได้อ่านต้นฉบับถึงกลับเขียนจดหมายไปหา ลูเชี่ยน คารร์ เล่าว่า "ผลงานของบิลนี้โคตรเจ๋ง การที่บิลเขาทุ่มเทกับมันใช้ความรู้และศิลปะในการใช้ภาษาที่เขามี และ ยังมีพวกเราที่มาขัดเกลามันขึ้นอีก!"
    .
    บิลกับอัลแลนเดินทางไปปารีสในเดือนมกราคมปี 1958 และขายสิทธิ์ในการตีพิมพ์งานชิ้นเอกของเขาให้กับ สำนักพิมพ์โอลิมเปีย และต่อมา ในปี 1962 ผลงานนี้จึงถูกนำเข้ามาตีพิมพ์ในอเมริกาโดย สำนักพิมพ์โกว์ฟ แต่ขายได้ไม่นานก็ถูกสั่งโดยรัฐบาลกลางให้เลิกขายโดยทันทีเนื่องจากมีเนื้อหาที่ลามกหยาบโลนเกินไปสำหรับนักอ่านในอเมริกา กว่าหนังสือเล่มนี้จะได้ขายในตลาดหนังสืออเมริกาก็ปาเข้าไปปี 1966 ซึ่งบิลนั้นยินดีมากที่หนังสือเขาจะไม่ถูกหาว่าเป็นหนังสือต้องห้าม ในเวลาต่อมาเมื่อมีการเสวนากันโดยสื่อมวลชนถึง คุณค่าและความเป็นวรรณกรรมของหนังสือดังกล่าว นอแมน เมลเลอร์ กล่าวว่า "ก็ด้วยความที่มันสุดขอบในเรื่องเซ็กซ์ ความใคร่ ความกระสันในความรุนแรงแบบน่าสยดสยอง แบบดิบๆ ที่เราเจอได้ในหนังสือเล่มนี้ ทำให้ผมชื่นชม คุณ เบอร์โรส์ มากๆ เพราะเขาเข้าถึงเรื่องอย่างว่าได้ลึกกว่านักเขียนคนใดในโลกตะวันตกในยุคนี้"
    .
    วิลเลี่ยม เอส. เบอร์โรส์ ก็ใช่่จะไม่เจอปัญหาที่ในชีวิตที่ดูเหมือนจะไม่แคร์โลกไม่แคร์สังคมของเขา นั่นก็คือลูกชายเขา - บิลจูเนียร์ นั่นเอง บิลจูเนียร์ติดยาเสพติดอย่างงอมแงม ตามไลฟสไตล์ที่เขาเห็นพ่อ และ แม่ผู้ล่วงลับใช้ชีวิตกันแบบนั้นมาตลอด บิลเดินทางออกจากแทนเจียร์อีกครั้ง มาอเมริกาเพื่อเอาลูกชายตัวเอง เข้าสถานบำบัดเอกชน เล็กซิงตั้น มีเรื่้องเล่าอยู่ว่า วันที่ สองคนเดินทางไปถึง พยาบาลถึงกลับงงและถามว่า "หนึ่งในสองคนนี้ คนไหนกันคะที่จะเข้ารับการบำบัด?" บิลจูเนียร์ มีชีวิตที่น่าสงสาร เป็นโรคไตวาย เปลี่ยนไตใหม่ไปหนึ่งครั้ง และก็จบชีวิตที่แสนสั้นของเขาที่ฟลอริดา บิลจูเนียร์เขียนจดหมายลาพ่อของเขา ลงท้ายจดหมาย "จาก บุตรที่โดนสาปแช่งตั้งแต่เกิดของท่านเอง"
    .
    .
    to be continued...
    .
    .
    Part 2 : จาก “ไอ้ขี้ยา” ถึง “มื้อกลางวันที่เปลือยเปล่า” . การฆ่าคนสักคนโดยที่คนเราจะตั้งใจไม่หรือไม่ตั้งใจก็ตาม หากคนผู้นั้นมีจิตสำนึก ชีวิตอาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง สำหรับ วิลเลี่ยม “บิล” เอส. เบอร์โรส์ ที่ชักปืนมายิงเปรี้ยงพลาดเข้ากางหน้าผากโวมเมอร์ ภรรยาโดยพฤตินัยนั้น อย่างแรกที่เขาเลือกที่จะทำคือการโทรหาทนายความหัวหมอคนนั้นอีก ซึ่งแน่นอน เขารอดคุกเป็นครั้งที่ 2 จากการใช้ช่องโหว่ทางจดหมาย แต่ไม่นานเท่าไหร่ ทนายเองก็มีปัญหาส่วนตัวกับกฏหมายบ้านเมือง ทางออกที่ดีที่สุดคือ บิลต้องเดินทางออกนอกประเทศอีกครั้ง คราวนี้ต้องไปให้ไกลกว่าเดิม ลึกกว่าเดิม เขาไปใช้ชีวิตในแถบอเมริกาใต้อยู่ครึ่งปี และกลายเป็นคนแรกในกลุ่มบีทส์ ที่ได้เสพ อายาวัสกาอย่างบ้าคลั่ง ในปี 1953 บิลกลับมาที่แม็กซิโก และ เดินทางออกจากที่นั่น กลับไปที่้ นิวยอร์ค เพื่อพบกับอัลแลน ซึ่งได้แนะนำเส้นสายในวงการโรงพิมพ์ให้เขารู้จัก หนึ่งในนั้นคือ คาร์ล โซโลมอน ซึ่งเป็นบรรณาธิการของ เอสบุ๊ค ผู้รับหนังสือเล่มแรกของบิลตีพิมพ์ออกสู่ตลาดในวงกว้าง "ไอ้ขี้ยา" - Junkie บิลได้เงินจากการขายสิทธิ์ในการตีพิมพ์เป็นเงิน 800 เหรียญ หนังสือเล่มนี้ "ไอ้ขี้ยา" - Junkie ขายไม่ค่อยดีเท่าไรนักในเวลานั้น เนื่องจากมันเป็นการรวมประสบการณ์ส่วนตัวที่ดิบและเถื่อนของบิลเองในฐานะผู้เสพยาเสพติดหลากหลายชนิด แต่หากมองในมุมมองของโลกบุคปัจจุบันซึ่งผ่านมาแล้วกว่า 70 ปี หนังสือเล่มนี้เปิดโลกอีกใบของสังคมอเมริกาในยุค mid-century ที่คนภายนอก หรือคนในปัจจุบัน มองว่าทุกอย่างนั้นเป็นระเบียบแบบแผน มีสีสัน มีความล้ำสมัย มีความเป็นอเมริกาน่าแบบไม่ตกยุค "ไอ้ขี้ยา" - Junkie จึงเป็นหนังสือเล่มหนึ่งในจำนวนที่น้อยมากๆ ที่สะท้อนสังคมอเมริกันในยุคนั้น อย่างลึกซึ้ง . อันที่จริง บิล ตกหลุมรัก อัลแลน แบบจริงจัง แบบหัวปักหัวปำ โดยออกปากว่าอยากความสัมพันธ์ทางเพศแบบชายรักชายกับเขา แต่เมื่อ อัลแลนปฏิเสธเขา บิลรู้สึกอกหัก และเดินทางออกนอกประเทศอีกครั้งสู่ แทนเจียร์ ประเทศโมร็อกโก ซึ่งขึ้นชื่ออยู่แล้วว่า เป็นตลาดใหญ่ของ โสเภณีชาย และ ยาเสพติดทุกประเภทในโลก และมันก็ไม่เกินความคาดเดา บิลเสพยาหนักขึ้นอีก ยาที่เขาเลือกใช้บ่อยที่สุดในช่วงนั้นคือ ยูคาโดล ซึ่งก็คือชื่้อทางการตลาดของยาระงับประสาท ออกซิโคโดน นั่นเอง เขาติดแบบงอมแงมซะเขาต้องเลือกที่จะบากหน้ากลับไปหาแม่ ในเดือนกันยายน ปี 1956 เพื่อขอยืมเงิน 500 เหรียญเพื่อไปบำบัด ซึ่งเขาได้พบกับ ดร. จอห์น ยาเบอร์รี่ ซึ่งเป็นหนึ่งใน แพทย์สายบำบัด ที่เก่งที่สุดในโลก โดยให้ อโปมอร์ฟีน กับบิลแทน นั่นก็ทำให้บิลหยุดอาการอยากยา ได้ขณะหนึ่ง แต่ไม่รู้เหตุอันใด บิล รีบเดินทางกลับไปที่แทนเจียร์เลยทันที . แทนเจียร์ สภาพที่คุ้นเคย สถานที่ที่บิลจัดหาทุกอย่างเพื่อสนองความต้องของตัวเองได้ทุกเวลา บิลเริ่มมีความมุ่งมั่นในการผลิตงานเขียนอย่างจริงๆจังๆ ก็ที่นี่ ที่ผลงานชั้นครูในโลกของวรรณกรรมนอกกระแส "มื้อกลางวันที่เปลือยเปล่า" - Naked Lunch บิลเขียนจดหมายถึงอัลแลนเล่าว่า "นายรู้หรือเปล่า? วิธีเขียนหนังสือยาวๆแบบฉัน ฉันนี่ดูดกัญชาไปเรื่อยๆ พิมพ์ไปด้วยความสูงสุดเท่าที่จะพิมพ์ได้ วันละ หกชั่วโมงติดต่อกันเท่านั้นเป็นเลิกกัน" อันที่จริงแล้วชื่อวรรณกรรมเล่มนี้มาด้วยความบังเอิญสุดๆ คือตอนที่จะให้ชื่อกับวรรณกรรมดังกล่าว ก่อนหน้านี้ที่บิลนั้นเดินทางไปเยี่ยมพรรคพวกที่ ม.โคลัมเบีย ซึ่งกลุ่มบีทส์ นำโดย แจ็ค กับ อัลแลน จะฝึกวิชาเขียนบทกันอย่างหนักหน่วงมาก โดยจะผลัดกับเขียนเรื่องสั้น เรียกว่า รูทีน และเอาพวกคนในกลุ่มผลัดกันมาเล่นละครแล้วก็วิจารณ์กันเองอย่างดุเดือด อัลแลนอ่านประโยค "ความใคร่อันเปลือยเปล่า" - Naked Lust ผิดเป็น Naked Lunch ซึ่งบิลชื่นชอบคำนี้มาก และจำมาเขียนเป็นชื่อวรรณกรรมของเขาเอง ในปี 1957 แจ็คเดินทางไปแทนเจียร์และพบว่า ต้นฉบับของ Naked Lunch นั้นปลิวกระจายไปทั่วห้อง แจ็คถึงกลับต้องเอามานั่งเรียบเรียงและพิมพ์ดีดลงกระดาษให้เรียบร้อย แต่อย่างไรก็ตาม เดือนถัดมา แจ็คก็ยังรู้สึกไม่พอใจ จึงกลับไปที่แทนเจียร์อีกรอบพร้อมกับชายคนรักคนใหม่ของเขา ปีเตอร์ ออลอฟสกี้ และสองคนนี้ก็ไปช่วยกันเรียบเรียงให้ต้นฉบับนี้สมบูรณ์และพร้อมตีพิมพ์ในเวลาต่อมา ซึ่งเมื่ออัลแลนได้อ่านต้นฉบับถึงกลับเขียนจดหมายไปหา ลูเชี่ยน คารร์ เล่าว่า "ผลงานของบิลนี้โคตรเจ๋ง การที่บิลเขาทุ่มเทกับมันใช้ความรู้และศิลปะในการใช้ภาษาที่เขามี และ ยังมีพวกเราที่มาขัดเกลามันขึ้นอีก!" . บิลกับอัลแลนเดินทางไปปารีสในเดือนมกราคมปี 1958 และขายสิทธิ์ในการตีพิมพ์งานชิ้นเอกของเขาให้กับ สำนักพิมพ์โอลิมเปีย และต่อมา ในปี 1962 ผลงานนี้จึงถูกนำเข้ามาตีพิมพ์ในอเมริกาโดย สำนักพิมพ์โกว์ฟ แต่ขายได้ไม่นานก็ถูกสั่งโดยรัฐบาลกลางให้เลิกขายโดยทันทีเนื่องจากมีเนื้อหาที่ลามกหยาบโลนเกินไปสำหรับนักอ่านในอเมริกา กว่าหนังสือเล่มนี้จะได้ขายในตลาดหนังสืออเมริกาก็ปาเข้าไปปี 1966 ซึ่งบิลนั้นยินดีมากที่หนังสือเขาจะไม่ถูกหาว่าเป็นหนังสือต้องห้าม ในเวลาต่อมาเมื่อมีการเสวนากันโดยสื่อมวลชนถึง คุณค่าและความเป็นวรรณกรรมของหนังสือดังกล่าว นอแมน เมลเลอร์ กล่าวว่า "ก็ด้วยความที่มันสุดขอบในเรื่องเซ็กซ์ ความใคร่ ความกระสันในความรุนแรงแบบน่าสยดสยอง แบบดิบๆ ที่เราเจอได้ในหนังสือเล่มนี้ ทำให้ผมชื่นชม คุณ เบอร์โรส์ มากๆ เพราะเขาเข้าถึงเรื่องอย่างว่าได้ลึกกว่านักเขียนคนใดในโลกตะวันตกในยุคนี้" . วิลเลี่ยม เอส. เบอร์โรส์ ก็ใช่่จะไม่เจอปัญหาที่ในชีวิตที่ดูเหมือนจะไม่แคร์โลกไม่แคร์สังคมของเขา นั่นก็คือลูกชายเขา - บิลจูเนียร์ นั่นเอง บิลจูเนียร์ติดยาเสพติดอย่างงอมแงม ตามไลฟสไตล์ที่เขาเห็นพ่อ และ แม่ผู้ล่วงลับใช้ชีวิตกันแบบนั้นมาตลอด บิลเดินทางออกจากแทนเจียร์อีกครั้ง มาอเมริกาเพื่อเอาลูกชายตัวเอง เข้าสถานบำบัดเอกชน เล็กซิงตั้น มีเรื่้องเล่าอยู่ว่า วันที่ สองคนเดินทางไปถึง พยาบาลถึงกลับงงและถามว่า "หนึ่งในสองคนนี้ คนไหนกันคะที่จะเข้ารับการบำบัด?" บิลจูเนียร์ มีชีวิตที่น่าสงสาร เป็นโรคไตวาย เปลี่ยนไตใหม่ไปหนึ่งครั้ง และก็จบชีวิตที่แสนสั้นของเขาที่ฟลอริดา บิลจูเนียร์เขียนจดหมายลาพ่อของเขา ลงท้ายจดหมาย "จาก บุตรที่โดนสาปแช่งตั้งแต่เกิดของท่านเอง" . . to be continued... . .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 รีวิว
  • Part 1 : The Beats and William S. Burroughs

    บีทเจนเนอเรชั่น คือ กลุ่มคนหนุ่ม-สาว ในยุคต้น 1960s ที่เกี่ยวข้องแวะกันด้วยอิทธิพลทางความคิดต้านกระแสสังคม พวกเขายืนอยู่บนเส้นแบ่งของแนวคิดแบบองค์รวมของสังคมอเมริกันอุดมคติแบบ แฟร้งคลิน ดีลาโน่ รูทส์เวลท์ และ สังคมที่นิยมความเป็นปัจเจกบุคคลแบบสุดโต่งในช่วงเวลานั้น ตัวตนขวกเขาถูกแสดงผ่านผลงานการเขียน หลากหลายรูปแบบ เซ็กซ์ ดนตรี และ ศิลปะ พวกเขาเชื่อกันเองว่าในกลุ่มพวกเขามีอยู่เพียงหลักร้อยคน ซึ่งอันที่จริง จำนวนที่แท้จริงของกลุ่ม บีทส์ นั้นไม่ปรากฏเป็นตัวเลขที่ชัดเจนนัก



    นอแมน เมลเลอร์ ผู้อุปถัมภ์ค้ำจุน ความมีตัวตนของ บีทส์ กล่าวไว้อย่างสวยงามมากว่า บีทส์นั้นคือผู้กล้าหาญที่จะแสดงถึงความเป็นตัวของตัวเอง ในยุคที่ทุกกระแสสังคมถูกจับจ้องโดยรัฐบาลสหรัฐ พวกเขาคือคนที่อยู่นอกกฏระเบียบของสังคม งานเขียนของพวกเขาสะท้อนสิ่งที่ประชาชนยุคนั้นมองไม่เห็นหรือแกล้งมองไม่เห็น ซึ่งครอบคลุมเรื่องการเมือง วัฒนธรรม และ การแสวงหาทางจิตวิญญาณ โดยที่พวกเขานั้นไม่อิงแอบกับตรรกะภายนอก ไม่ว่าจะเป็น เรื่องทุนนิยมเรื่องสังคมนิยม แต่เป็นการค้นพบสิ่งใหม่ด้วยตัวเอง ผลงานของพวกเขาจึงเป็นดั่งการเบิกทางให้กับผู้ที่จะค้นพบสิ่งใหม่ๆในยุคต่อๆมา



    แจ็ค คูโรแวค

    แอลลัน กินเบิร์ค

    วิลเลี่ยม เอส. เบอร์โรส์



    สามศาสดาแถวหน้า บีทเจนเนอเรชั่น



    วิลเลี่ยม เอส. เบอร์โรส์ “อัจฉริยะ รุนแรง บ้าคลั่ง”

    .

    .

    วิลเลี่ยม “บิล” เอส. เบอร์โรส์ อายุมากกว่าเพื่อนอีกสองคน และ ผลงานของเขาประสบความสำเร็จช้ากว่าอีกสองคนมาก แต่เป็นการประสบความสำเร็จที่ยาวนานและยั่งยืนที่สุด บิล เกิดในปี ค.ศ. 1914 ในเซนหลุยส์ มิสซูรี่ ปู่ของเขาร่ำรวยจากกว่าเป็นผู้ประดิษฐ์เครื่องบวกเลขเครื่องแรกของโลก แม้ครอบครัวของบิลจะไม่รวยเท่ากับรุ่นปู่แต่บอกได้ว่าเป็นครอบครัวที่มีฐานะดีมากๆครอบครัวหนึ่งในเวลานั้น เมื่ออายุได้ 15 ปี ตามกระแสในยุคนั้น ครอบครัวส่งบิลได้เรียนในโรงเรียน “บ้านไร่” โรงเรียนประจำที่อยู่ในรัฐตะวันตกอเมริกา ซึ่งเขาถูกส่งไปอยู่ถึงรัฐนิวแม็กซิโก - โรงเรียนประจำลอสอลาโมสแรนช์สกูล เนื่องจากบิลเป็นคนที่เกลียดกิจกรรมภายนอกห้องเรียนอยู่เป็นทุนเดิน เขาแทบจะเข้ากับที่นั่นไม่ได้ ยกเว้นเสียแต่กีฬาชนิดหนึ่งของโรงเรียนที่เขาชื่นชอบเป็นพิเศษนั่นก็คือ กีฬายิงปืนนั่นเอง

    .

    ที่นั่นบิลได้มีประสบการณ์เกี่ยวกับสารเสพติดเป็นครั้งแรกนั่นก็คือ คลอรอลไฮเดรต ยาระงับประสาท และเป็นที่รู้กันว่า บิลเกือบเอาชีวิตไม่รอดจากการเสพเกินขนาด พอเรียนต่อไม่ได้จึงต้องย้ายไปเข้าโรงเรียนเอกชนเพื่อเก็บเกรดไว้ไปต่อที่ฮาร์วาร์ด ซึ่งก็ทันตอนอายุ 18 พอดี พอเข้าไปได้ บิลก็ไม่ได้สนใจเล่าเรียนเท่าไหร่ แต่มักพบว่าไปซ่อนตัวอยู่ในห้องสมุดของมหาวิทยาลัย ที่นั่นเขาได้อ่านวรรณกรรมภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศสอย่างจุใจ พอเรียนจบตอนอายุ 21 ปีพอดี บิลขอพ่อแม่ออกเดินทางท่องเที่ยวทั่วยุโรป และ ก็ได้เมียเป็นแม่หม้าย ชาวยิวอายุ 35 ปี จาก ยูโกสลาเวีย นัยว่าตัวเขานั้นอยากเป็นฮีโร่ ปกป้องผู้หญิงคนหนึ่งจากลัทธิเผด็จการที่เริ่มก่อตัวในยุโรปในขณะนั้น ซึ่งก็อยู่กินกับเขาเกือบ 9 ปีในนิวยอร์ค กระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงในปี 1945

    .

    หลังจากกลับมาถึงสหรัฐอเมริกา บิลเลือกจะที่กลับไปสู่แวดวงการศึกษาโดยเข้าเรียนในระดับปริญญาโทอีกครั้งที่ ฮาร์วาร์ด โดยแรงจูงใจในครั้งนี้คือการได้ใกล้ชิดกับเพื่อนชายของเขา เคลส์ แอลวินส์ ที่นั่นเอง ทั้งสองคนได้ร่วมกันผลิตงานเขียนเสียดสี เกี่้ยวกับการจมลงของเรือไททานิคโดยใช้ชื่อว่า "แสงสะท้อนสุดท้ายของยามพลบค่ำ" ซึ่งพวกเขาไม่ประสบความสำเร็จในการหาสำนักพิมพ์ที่จะรับซื้องานเขียนดังกล่าวได้ โดยนิตยสาร Esquire ตอบกลับมาว่า มันไม่มีเนื้อหาอะไรลึกซึ้งพอที่จะให้พวกเขานำไปตีพิมพ์ได้ แต่อย่างไรก็ตาม งานเขียนนี้กลับมาปรากฏในนิยายเรื่อง "โนวา เอ็กซ์เพรส"ของบิลในเวลาต่อมา

    .

    บิลเลือกที่จะทิ้งการเรียนปริญญาโทไปแบบครึ่งๆกลางๆ และ กลับไปอยู่ที่ เซนหลุยส์ มิสซูรี่ เพื่อจะไปเป็นลูกศิษย์ของ อัลเฟรด คอซิบสกี้ นักอรรถศาสตร์ ผู้เสนอแนวคิดว่า "คำพูดต่างๆนั้นสูญเสียความหมายที่แท้จริง" และ จากนี้ต่อไปตลอดชีวิต บิลก็ทุ่มเทความคิดให้กับการค้นหาความหมายที่แท้จริงของคำศัพท์แต่ละคำที่เขาเล็งเห็นว่าถูกใช้อย่างผิดๆโดยมนุษย์
    .
    "ผมขอเสนอทฤษฎีอย่างกว้างๆว่า คำศัพท์ของมนุษย์เราจริงๆแล้วคือ ไวรัส แต่มนุษย์เราจะไม่ได้ทราบว่ามันเป็นไวรัส ก็เพราะว่าเราเป็นพาหะที่ค่อนข้างเสถียร ซึ่ง ไอ้ไวรัสนี่ไม่มีหน้าที่อะไรนอกจาก ทำสำเนาให้ตัวเอง และส่งต่อจากมนุษย์คนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งหรือหลายๆคน..."
    .
    หลังเหตุการณ์ประกาศสงครามกับฝ่ายอักษะ บิลถูกหมายเกณฑ์ให้เป็นทหาร แต่แม่ของบิลช่วยเขาหลีกเลี่ยงการเป็นทหารโดยการส่งเขาเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช และให้การรับรองว่าเขาป่วยทางจิตและไม่เหมาะสมกับการรับใช้ชาติ ช่วงเวลาดังกล่าว บิลเดินทางออกจาก เซนหลุยส์ มิสซูรี่ สู่เมืองชิคาโก้ และหาเลี้ยงชีพโดยการรับจ้างกำจัดสัตว์ไม่พึงประสงค์ (อาชีพนี้ทำให้เขาได้เข้าไปสัมผัสมุมมืดในสังคมเมืองใหญ่ ที่เขาเคยแต่เพียงอ่านจากในหนังสือเท่านั้น พอเป็นแบบนี้มันทำให้บิลมีความรู้สึกว่า สิ่งที่เขาพบเจอนั้นคือของแท้) นอกจากนี้ยังได้รับเงินอุดหนุนจากทางบ้านเป็นค่ากินอยู่อีกเดือนละ 200 เหรียญ เป็นอยู่อย่างนี้อีกประมาณแปดเดือนเศษ กระทั่งเขาได้เจอเพื่อนเก่าจาก เซนหลุยส์ มิสซูรี่ นั่นก็คือ ลูเชี่ยน คารร์ และ เดวิท แคมเมอเรอร์ ที่ชิคาโก้ (ในเวลาต่อมา คารร์ก็ปลิดชีพ แคมเมอเรอร์ ที่นิวยอร์ค)
    .
    คารร์ มาแวะเพียงชั่วคราว และ มุ่งหน้าสู่นิวยอร์คเพื่อจะกลับไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และ บิล กับ แคมเมอเรอร์ก็ตามไปสมทบในที่สุด ซึ่งที่นี่เองเป็นที่ ที่ บิลได้พบกับเพื่อนที่จะข้องเกี่ยวกับตัวเขาเองไปอีกครึ่งศตวรรษ เขาคนนั้นคือ แอลลัน กินเบิร์ค - และ แอลลันก็แนะนำพวกเขาให้รู้จักกับ แจ็ค คูโรแวค , อีดี้ ปาร์คเกอร์ (แฟนสาวของแจ็ค) และ โจแอน โวมเมอร์ (ภรรยาของบิลในเวลาต่อมา) แอลลัน กับ แจ็ค ร่วมกันผลิตงานเขียนด้วยกันเป็นครั้งแรก มีชื่อว่า "และฮิปโปโดนต้มในบ่อของมันเอง" ซึ่งก็ไม่ได้ถูกสำนักพิมพ์ใดๆนำไปตีพิมพ์ ขณะเดียวกัน บิลก็เริ่มเบนเข็มสู่อีกช่าวของชีวิต เขาเริ่มเป็นแมงดาข้างถนนย่านไทม์สแควร์ ขายของอีหยิบ ขายมอร์ฟีนแบบเข็มฉีดเข้าเส้น และ ปล้นจี้คนด้วยปืนพกในสถานีรถไฟใต้ดินในยามค่ำคืน คนที่เป็นผู้ชักชวนบิลสู่เส้นทางสายนี้คือ เฮอเบิร์ท ฮังค์คี ซึ่งอยู่ในสายอาชีพ ปล้นชิงทรัพย์ ลักเล็กขโมยน้อย มาแต่เดิม อีกด้านหนึ่ง บิลก็แนะนำ เฮอเบิร์ทให้รู้กจักกับพวกกลุ่มเพื่อนของเขาใน มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และ รวมกลุ่มกันอยู่แบบชุมชนเล็กในอพาร์ทเม็นท์ใกล้ๆ มหาวิทยาลัย นั่นแหละ
    .
    โจแอน โวมเมอร์ นักศึกษาสาวคณะวารสารศาสตร์ เริ่มคบหาเชิงชู้สาวกับ บิล ทั้งๆที่ใครๆในกลุ่มก็ทราบดีว่าบิลมีรสนิยมทางเพศแบบโฮโมเซ็กซ์ชั่ล แต่เธอให้เห็นผลว่า "บิลเก่งเรื่องบนเตียง แบบที่แมงดาควรเป็น" - สองคนนี้อยู่กินกันแบบสามีภรรยา และเสพยาหนักทั้งคู่ กระทั่งวันหนึ่งก็ถูกตำรวจบุกจับถึงอพาร์ทเม็นท์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สองคนยังหาเวลาไปเขียนบทละครสั้น เกี่ยวกับเรื่องรสนิยมทางเพศ อยู่ด้วยกันอยู่หลายเรื่อง ซึ่งในเวลาต่อมา บิลก็เอาไปยัดใส่ในวรรณกรรมของเขาทีละเรื่อง ทีละเรื่อง ไม่นานหลังจากห้วงเวลาในรั้วมหาวิทยาลัย โวมเมอร์กับบิล ร่วมกันซื้อไร่ขนาด 99 เอเคอร์ ในเมือง นิวเวเวอรี่ รัฐเท็กซัส และ โวมเมอร์ก็ให้กำเนิดลูกชายของบิลหนึ่งคน สองผัวเมียมองหาธุรกิจทำและในที่สุดก็ชักชวน ฮังค์คี ให้มาอยู่ด้วยกันที่ไร่ และไม่นานเกินรอผลผลิตหลักจากไร่ของสองผัวเมีย คือ กัญชา
    .
    เพื่อนที่เริ่มมีชื่อเสียงมาก ก็ได้แวะเวียนมาเยี่ยมสองผัวเมีย ไม่ว่าจะเป็น อัลแลน รวมไปถึง นีล แคซซิดี้ (คู่ขาเพศชายของอัลแลน) นีลทำหน้าที่หลักคือขนกัญชาของบิลไปขายในนิวยอร์ค ส่วน อัลแลนส่งกัญชาของสองผัวเมียไปขายผ่านเส้นสายของเหล่าพาณิชย์นาวี ที่เขามีแต่เดิม เป็นแผนธุรกิจฟังดูดีใช่ไหม? แต่เอาจริง แม่งเจ๊งไม่เป็นท่า เพราะค่าใช้จ่ายของแต่ละคนมันสูงมาก เนื่องจาก สองผัวเมียนักเสพ ต้องคอยส่งส่วยให้ตำรวจท้องถิ่นตลอด ราคาขายส่งที่ควรจะเป็นมันถีบสูงไปถึงร้อยเหรียญ ในที่สุดสองผัวเมียและอีกหนึ่งนักปลูกเพื่อนผัว ก็ต้องระเห็ดไปอยู่ที่ นิวออร์ลีนส์ แต่แค่พักเดียวยังไม่ทันได้ทำอะไรจริงจัง ตำรวจก็เข้าจับกุมพวกเขาถึงบ้าน ซ้ำร้ายนอกจากกัญชาที่ปลูกไว้เสพด้วย ขายด้วยแล้ว ก็เจอยาเสพติดอีกหลายประเภทในบ้านของสองผัวเมีย แต่โชคดีพวกนี้รู้จักทนายเก่ง ทนายก็ทำให้คดีหลุดด้วยช่องโหว่ทางกฏหมาย แต่ก็แนะนำว่า สองผัวเมียควรออกไปอยู่นอกประเทศสักพักจะเป็นการดีที่สุด
    .
    ในปี 1950 บิลเขียนจดหมายหาอัลแลน จากที่ประเทศแม็กซิโก แจ้งว่าเขาเขียนหนังสือเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขา ใกล้เสร็จแล้ว หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า "ไอ้ขี้ยา" - Junkie. ในวันที่ 6 กันยายน ปีเดียวกันนั้นเอง เล่ากันว่า บิลและโวมเมอร์กำลังเมากันได้ที่ จากการเสพและดื่ม โวมเมอร์เริ่มต้นก่อนด้วยการท้าทายฝีมือการแม่นปืนของบิล ซึ่งเธอเอาแก้วน้ำวางไว้เหนือหัว และ บิลก็ชักปืนสั้นขึ้นยิงแก้วนั้น แต่เล็งพลาด กระสุนเลยพุ่งเข้ากลางหน้าผากโวมเมอร์ ปลิดชีพภรรยาคู่เสพทันที และ ปิดบทบาทสามี ที่ บิลไม่ค่อยเต็มใจนัก
    .
    .
    to be continued...
    Part 1 : The Beats and William S. Burroughs บีทเจนเนอเรชั่น คือ กลุ่มคนหนุ่ม-สาว ในยุคต้น 1960s ที่เกี่ยวข้องแวะกันด้วยอิทธิพลทางความคิดต้านกระแสสังคม พวกเขายืนอยู่บนเส้นแบ่งของแนวคิดแบบองค์รวมของสังคมอเมริกันอุดมคติแบบ แฟร้งคลิน ดีลาโน่ รูทส์เวลท์ และ สังคมที่นิยมความเป็นปัจเจกบุคคลแบบสุดโต่งในช่วงเวลานั้น ตัวตนขวกเขาถูกแสดงผ่านผลงานการเขียน หลากหลายรูปแบบ เซ็กซ์ ดนตรี และ ศิลปะ พวกเขาเชื่อกันเองว่าในกลุ่มพวกเขามีอยู่เพียงหลักร้อยคน ซึ่งอันที่จริง จำนวนที่แท้จริงของกลุ่ม บีทส์ นั้นไม่ปรากฏเป็นตัวเลขที่ชัดเจนนัก นอแมน เมลเลอร์ ผู้อุปถัมภ์ค้ำจุน ความมีตัวตนของ บีทส์ กล่าวไว้อย่างสวยงามมากว่า บีทส์นั้นคือผู้กล้าหาญที่จะแสดงถึงความเป็นตัวของตัวเอง ในยุคที่ทุกกระแสสังคมถูกจับจ้องโดยรัฐบาลสหรัฐ พวกเขาคือคนที่อยู่นอกกฏระเบียบของสังคม งานเขียนของพวกเขาสะท้อนสิ่งที่ประชาชนยุคนั้นมองไม่เห็นหรือแกล้งมองไม่เห็น ซึ่งครอบคลุมเรื่องการเมือง วัฒนธรรม และ การแสวงหาทางจิตวิญญาณ โดยที่พวกเขานั้นไม่อิงแอบกับตรรกะภายนอก ไม่ว่าจะเป็น เรื่องทุนนิยมเรื่องสังคมนิยม แต่เป็นการค้นพบสิ่งใหม่ด้วยตัวเอง ผลงานของพวกเขาจึงเป็นดั่งการเบิกทางให้กับผู้ที่จะค้นพบสิ่งใหม่ๆในยุคต่อๆมา แจ็ค คูโรแวค แอลลัน กินเบิร์ค วิลเลี่ยม เอส. เบอร์โรส์ สามศาสดาแถวหน้า บีทเจนเนอเรชั่น วิลเลี่ยม เอส. เบอร์โรส์ “อัจฉริยะ รุนแรง บ้าคลั่ง” . . วิลเลี่ยม “บิล” เอส. เบอร์โรส์ อายุมากกว่าเพื่อนอีกสองคน และ ผลงานของเขาประสบความสำเร็จช้ากว่าอีกสองคนมาก แต่เป็นการประสบความสำเร็จที่ยาวนานและยั่งยืนที่สุด บิล เกิดในปี ค.ศ. 1914 ในเซนหลุยส์ มิสซูรี่ ปู่ของเขาร่ำรวยจากกว่าเป็นผู้ประดิษฐ์เครื่องบวกเลขเครื่องแรกของโลก แม้ครอบครัวของบิลจะไม่รวยเท่ากับรุ่นปู่แต่บอกได้ว่าเป็นครอบครัวที่มีฐานะดีมากๆครอบครัวหนึ่งในเวลานั้น เมื่ออายุได้ 15 ปี ตามกระแสในยุคนั้น ครอบครัวส่งบิลได้เรียนในโรงเรียน “บ้านไร่” โรงเรียนประจำที่อยู่ในรัฐตะวันตกอเมริกา ซึ่งเขาถูกส่งไปอยู่ถึงรัฐนิวแม็กซิโก - โรงเรียนประจำลอสอลาโมสแรนช์สกูล เนื่องจากบิลเป็นคนที่เกลียดกิจกรรมภายนอกห้องเรียนอยู่เป็นทุนเดิน เขาแทบจะเข้ากับที่นั่นไม่ได้ ยกเว้นเสียแต่กีฬาชนิดหนึ่งของโรงเรียนที่เขาชื่นชอบเป็นพิเศษนั่นก็คือ กีฬายิงปืนนั่นเอง . ที่นั่นบิลได้มีประสบการณ์เกี่ยวกับสารเสพติดเป็นครั้งแรกนั่นก็คือ คลอรอลไฮเดรต ยาระงับประสาท และเป็นที่รู้กันว่า บิลเกือบเอาชีวิตไม่รอดจากการเสพเกินขนาด พอเรียนต่อไม่ได้จึงต้องย้ายไปเข้าโรงเรียนเอกชนเพื่อเก็บเกรดไว้ไปต่อที่ฮาร์วาร์ด ซึ่งก็ทันตอนอายุ 18 พอดี พอเข้าไปได้ บิลก็ไม่ได้สนใจเล่าเรียนเท่าไหร่ แต่มักพบว่าไปซ่อนตัวอยู่ในห้องสมุดของมหาวิทยาลัย ที่นั่นเขาได้อ่านวรรณกรรมภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศสอย่างจุใจ พอเรียนจบตอนอายุ 21 ปีพอดี บิลขอพ่อแม่ออกเดินทางท่องเที่ยวทั่วยุโรป และ ก็ได้เมียเป็นแม่หม้าย ชาวยิวอายุ 35 ปี จาก ยูโกสลาเวีย นัยว่าตัวเขานั้นอยากเป็นฮีโร่ ปกป้องผู้หญิงคนหนึ่งจากลัทธิเผด็จการที่เริ่มก่อตัวในยุโรปในขณะนั้น ซึ่งก็อยู่กินกับเขาเกือบ 9 ปีในนิวยอร์ค กระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงในปี 1945 . หลังจากกลับมาถึงสหรัฐอเมริกา บิลเลือกจะที่กลับไปสู่แวดวงการศึกษาโดยเข้าเรียนในระดับปริญญาโทอีกครั้งที่ ฮาร์วาร์ด โดยแรงจูงใจในครั้งนี้คือการได้ใกล้ชิดกับเพื่อนชายของเขา เคลส์ แอลวินส์ ที่นั่นเอง ทั้งสองคนได้ร่วมกันผลิตงานเขียนเสียดสี เกี่้ยวกับการจมลงของเรือไททานิคโดยใช้ชื่อว่า "แสงสะท้อนสุดท้ายของยามพลบค่ำ" ซึ่งพวกเขาไม่ประสบความสำเร็จในการหาสำนักพิมพ์ที่จะรับซื้องานเขียนดังกล่าวได้ โดยนิตยสาร Esquire ตอบกลับมาว่า มันไม่มีเนื้อหาอะไรลึกซึ้งพอที่จะให้พวกเขานำไปตีพิมพ์ได้ แต่อย่างไรก็ตาม งานเขียนนี้กลับมาปรากฏในนิยายเรื่อง "โนวา เอ็กซ์เพรส"ของบิลในเวลาต่อมา . บิลเลือกที่จะทิ้งการเรียนปริญญาโทไปแบบครึ่งๆกลางๆ และ กลับไปอยู่ที่ เซนหลุยส์ มิสซูรี่ เพื่อจะไปเป็นลูกศิษย์ของ อัลเฟรด คอซิบสกี้ นักอรรถศาสตร์ ผู้เสนอแนวคิดว่า "คำพูดต่างๆนั้นสูญเสียความหมายที่แท้จริง" และ จากนี้ต่อไปตลอดชีวิต บิลก็ทุ่มเทความคิดให้กับการค้นหาความหมายที่แท้จริงของคำศัพท์แต่ละคำที่เขาเล็งเห็นว่าถูกใช้อย่างผิดๆโดยมนุษย์ . "ผมขอเสนอทฤษฎีอย่างกว้างๆว่า คำศัพท์ของมนุษย์เราจริงๆแล้วคือ ไวรัส แต่มนุษย์เราจะไม่ได้ทราบว่ามันเป็นไวรัส ก็เพราะว่าเราเป็นพาหะที่ค่อนข้างเสถียร ซึ่ง ไอ้ไวรัสนี่ไม่มีหน้าที่อะไรนอกจาก ทำสำเนาให้ตัวเอง และส่งต่อจากมนุษย์คนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งหรือหลายๆคน..." . หลังเหตุการณ์ประกาศสงครามกับฝ่ายอักษะ บิลถูกหมายเกณฑ์ให้เป็นทหาร แต่แม่ของบิลช่วยเขาหลีกเลี่ยงการเป็นทหารโดยการส่งเขาเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช และให้การรับรองว่าเขาป่วยทางจิตและไม่เหมาะสมกับการรับใช้ชาติ ช่วงเวลาดังกล่าว บิลเดินทางออกจาก เซนหลุยส์ มิสซูรี่ สู่เมืองชิคาโก้ และหาเลี้ยงชีพโดยการรับจ้างกำจัดสัตว์ไม่พึงประสงค์ (อาชีพนี้ทำให้เขาได้เข้าไปสัมผัสมุมมืดในสังคมเมืองใหญ่ ที่เขาเคยแต่เพียงอ่านจากในหนังสือเท่านั้น พอเป็นแบบนี้มันทำให้บิลมีความรู้สึกว่า สิ่งที่เขาพบเจอนั้นคือของแท้) นอกจากนี้ยังได้รับเงินอุดหนุนจากทางบ้านเป็นค่ากินอยู่อีกเดือนละ 200 เหรียญ เป็นอยู่อย่างนี้อีกประมาณแปดเดือนเศษ กระทั่งเขาได้เจอเพื่อนเก่าจาก เซนหลุยส์ มิสซูรี่ นั่นก็คือ ลูเชี่ยน คารร์ และ เดวิท แคมเมอเรอร์ ที่ชิคาโก้ (ในเวลาต่อมา คารร์ก็ปลิดชีพ แคมเมอเรอร์ ที่นิวยอร์ค) . คารร์ มาแวะเพียงชั่วคราว และ มุ่งหน้าสู่นิวยอร์คเพื่อจะกลับไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และ บิล กับ แคมเมอเรอร์ก็ตามไปสมทบในที่สุด ซึ่งที่นี่เองเป็นที่ ที่ บิลได้พบกับเพื่อนที่จะข้องเกี่ยวกับตัวเขาเองไปอีกครึ่งศตวรรษ เขาคนนั้นคือ แอลลัน กินเบิร์ค - และ แอลลันก็แนะนำพวกเขาให้รู้จักกับ แจ็ค คูโรแวค , อีดี้ ปาร์คเกอร์ (แฟนสาวของแจ็ค) และ โจแอน โวมเมอร์ (ภรรยาของบิลในเวลาต่อมา) แอลลัน กับ แจ็ค ร่วมกันผลิตงานเขียนด้วยกันเป็นครั้งแรก มีชื่อว่า "และฮิปโปโดนต้มในบ่อของมันเอง" ซึ่งก็ไม่ได้ถูกสำนักพิมพ์ใดๆนำไปตีพิมพ์ ขณะเดียวกัน บิลก็เริ่มเบนเข็มสู่อีกช่าวของชีวิต เขาเริ่มเป็นแมงดาข้างถนนย่านไทม์สแควร์ ขายของอีหยิบ ขายมอร์ฟีนแบบเข็มฉีดเข้าเส้น และ ปล้นจี้คนด้วยปืนพกในสถานีรถไฟใต้ดินในยามค่ำคืน คนที่เป็นผู้ชักชวนบิลสู่เส้นทางสายนี้คือ เฮอเบิร์ท ฮังค์คี ซึ่งอยู่ในสายอาชีพ ปล้นชิงทรัพย์ ลักเล็กขโมยน้อย มาแต่เดิม อีกด้านหนึ่ง บิลก็แนะนำ เฮอเบิร์ทให้รู้กจักกับพวกกลุ่มเพื่อนของเขาใน มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และ รวมกลุ่มกันอยู่แบบชุมชนเล็กในอพาร์ทเม็นท์ใกล้ๆ มหาวิทยาลัย นั่นแหละ . โจแอน โวมเมอร์ นักศึกษาสาวคณะวารสารศาสตร์ เริ่มคบหาเชิงชู้สาวกับ บิล ทั้งๆที่ใครๆในกลุ่มก็ทราบดีว่าบิลมีรสนิยมทางเพศแบบโฮโมเซ็กซ์ชั่ล แต่เธอให้เห็นผลว่า "บิลเก่งเรื่องบนเตียง แบบที่แมงดาควรเป็น" - สองคนนี้อยู่กินกันแบบสามีภรรยา และเสพยาหนักทั้งคู่ กระทั่งวันหนึ่งก็ถูกตำรวจบุกจับถึงอพาร์ทเม็นท์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สองคนยังหาเวลาไปเขียนบทละครสั้น เกี่ยวกับเรื่องรสนิยมทางเพศ อยู่ด้วยกันอยู่หลายเรื่อง ซึ่งในเวลาต่อมา บิลก็เอาไปยัดใส่ในวรรณกรรมของเขาทีละเรื่อง ทีละเรื่อง ไม่นานหลังจากห้วงเวลาในรั้วมหาวิทยาลัย โวมเมอร์กับบิล ร่วมกันซื้อไร่ขนาด 99 เอเคอร์ ในเมือง นิวเวเวอรี่ รัฐเท็กซัส และ โวมเมอร์ก็ให้กำเนิดลูกชายของบิลหนึ่งคน สองผัวเมียมองหาธุรกิจทำและในที่สุดก็ชักชวน ฮังค์คี ให้มาอยู่ด้วยกันที่ไร่ และไม่นานเกินรอผลผลิตหลักจากไร่ของสองผัวเมีย คือ กัญชา . เพื่อนที่เริ่มมีชื่อเสียงมาก ก็ได้แวะเวียนมาเยี่ยมสองผัวเมีย ไม่ว่าจะเป็น อัลแลน รวมไปถึง นีล แคซซิดี้ (คู่ขาเพศชายของอัลแลน) นีลทำหน้าที่หลักคือขนกัญชาของบิลไปขายในนิวยอร์ค ส่วน อัลแลนส่งกัญชาของสองผัวเมียไปขายผ่านเส้นสายของเหล่าพาณิชย์นาวี ที่เขามีแต่เดิม เป็นแผนธุรกิจฟังดูดีใช่ไหม? แต่เอาจริง แม่งเจ๊งไม่เป็นท่า เพราะค่าใช้จ่ายของแต่ละคนมันสูงมาก เนื่องจาก สองผัวเมียนักเสพ ต้องคอยส่งส่วยให้ตำรวจท้องถิ่นตลอด ราคาขายส่งที่ควรจะเป็นมันถีบสูงไปถึงร้อยเหรียญ ในที่สุดสองผัวเมียและอีกหนึ่งนักปลูกเพื่อนผัว ก็ต้องระเห็ดไปอยู่ที่ นิวออร์ลีนส์ แต่แค่พักเดียวยังไม่ทันได้ทำอะไรจริงจัง ตำรวจก็เข้าจับกุมพวกเขาถึงบ้าน ซ้ำร้ายนอกจากกัญชาที่ปลูกไว้เสพด้วย ขายด้วยแล้ว ก็เจอยาเสพติดอีกหลายประเภทในบ้านของสองผัวเมีย แต่โชคดีพวกนี้รู้จักทนายเก่ง ทนายก็ทำให้คดีหลุดด้วยช่องโหว่ทางกฏหมาย แต่ก็แนะนำว่า สองผัวเมียควรออกไปอยู่นอกประเทศสักพักจะเป็นการดีที่สุด . ในปี 1950 บิลเขียนจดหมายหาอัลแลน จากที่ประเทศแม็กซิโก แจ้งว่าเขาเขียนหนังสือเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขา ใกล้เสร็จแล้ว หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า "ไอ้ขี้ยา" - Junkie. ในวันที่ 6 กันยายน ปีเดียวกันนั้นเอง เล่ากันว่า บิลและโวมเมอร์กำลังเมากันได้ที่ จากการเสพและดื่ม โวมเมอร์เริ่มต้นก่อนด้วยการท้าทายฝีมือการแม่นปืนของบิล ซึ่งเธอเอาแก้วน้ำวางไว้เหนือหัว และ บิลก็ชักปืนสั้นขึ้นยิงแก้วนั้น แต่เล็งพลาด กระสุนเลยพุ่งเข้ากลางหน้าผากโวมเมอร์ ปลิดชีพภรรยาคู่เสพทันที และ ปิดบทบาทสามี ที่ บิลไม่ค่อยเต็มใจนัก . . to be continued...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 รีวิว
  • Beat Generation
    .
    Epilogue
    .
    .
    ผมเริ่มใช้ชีวิตในต่างประเทศตั้งแต่อายุ 10 ขวบ การที่ต้องอยู่ในประเทศสิงคโปร์และเข้าเรียนในโรงเรียนสามัญแบบคนสิงคโปร์ทั่วไปภาษาหลักที่ผมใช้สื่อสารคือภาษาอังกฤษและภาษาจีน ต่อมาเมื่อจบชั้นมัธยมศึกษา จึงกลับมาที่ประเทศไทย และ เริ่มเรียนภาษาไทยแบบจริงจัง ตอนอายุ 18 ปี เพราะอยากเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยในประเทศไทย อย่างมหาวิทยาจุฬาลงกรณ์ เหมือนเด็กไทยที่จบจากประเทศสิงคโปร์คนอื่นๆ แต่ผมอยู่เมืองไทยได้เพียงแปดเดือนเศษและก็ย้ายไปศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี-โท-เอกในเมืองโคโลราโด้สปริง รัฐโคโลราโด้ ประเทศสหรัฐอเมริกา และใช้เวลาตั้งแต่ปี 2008 ถึง 2013 ในฐานะนักวิจัยมนุษยวิทยาในมหาวิทยาลัย

    เมืองโคโลราโด้สปริงนั้นอยู่ในสถานะเมืองหลวงของรัฐแห่งที่สองรองจากเมืองเดนเวอร์ มีอากาศหนาวเย็น 8 เดือนต่อปี เนื่องจากอยู่ใต้เทือกเขาร็อคกี้ และอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมาก ใกล้ๆ เมืองที่ผมอาศัยอยู่กว่าทศวรรษ มีเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งซึ่งผมได้ไปอยู่ เรียกว่า เมืองเก่า หรือ โอลด์ทาวน์ จริงๆชื่อว่า มานีทูสปริง เมืองนี้เป็นเมืองที่ บุปฝาชน อาศัยอยู่ พวกเขามาจากหลายที่ทั่วโลก แต่เลือกที่จะมาอาศัยอยู่เมืองเงียบๆ ตีนเขาไพคส์พีคส์ เลือกเป็นรังนอนสุดท้าย ผมชอบชีวิตแบบพวกเขามาก และเป็นที่ที่ผมไป แฮงค์เอาท์บ่อยสุด นอนอ่านหนังสือในคาเฟ่ สูบกัญชา (ซึ่งยังไม่เสรีและ ทางการปิดตาข้างเดียวในตอนนั้น) ดื่มเยอบามัตเต้ แบบบุฟเฟ่ต์ ฟังเพลงแบบนิวเอจแจ๊ส ผมยังเคยคิดว่า ตัวผมในช่วงปริญญาเอกควร ไปอยู่ที่ มหาวิทยาลัยนโรปะ หรือ มหาวิทยาลัยทางจิตวิญญาณของเหล่าผู้แสวงหาความจริงในชีวิต (ในยุคที่ ส.ศิวรักษ์ เป็นอาจารย์รับเชิญพิเศษ) ซึ่งห่างออกไปเพียงร้อยกว่าไมล์ หากขับแลนด์ครูเซอร์คันดำคันนั้นของผมไปก็เพียง 2 ชั่วโมง อาจจะไปเรียนสัปดาห์ละ 3-4 วันได้

    แต่คนวัยผมสีดอกเลา ที่อยู่รอบตัวผมบ่อยๆนั้นคือใคร ใครคือผู้เริ่มต้นขบวนการบุปฝาชน? เราอาจจะตอบไม่ได้ชัดเจนนัก แต่กระแสย่อมมีที่มาที่ไป และคงจบลงหรือไม่ หลังจากฮิปปี้คนสุดท้ายตายจากไป จาก มานิทูสปริง …
    Beat Generation . Epilogue . . ผมเริ่มใช้ชีวิตในต่างประเทศตั้งแต่อายุ 10 ขวบ การที่ต้องอยู่ในประเทศสิงคโปร์และเข้าเรียนในโรงเรียนสามัญแบบคนสิงคโปร์ทั่วไปภาษาหลักที่ผมใช้สื่อสารคือภาษาอังกฤษและภาษาจีน ต่อมาเมื่อจบชั้นมัธยมศึกษา จึงกลับมาที่ประเทศไทย และ เริ่มเรียนภาษาไทยแบบจริงจัง ตอนอายุ 18 ปี เพราะอยากเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยในประเทศไทย อย่างมหาวิทยาจุฬาลงกรณ์ เหมือนเด็กไทยที่จบจากประเทศสิงคโปร์คนอื่นๆ แต่ผมอยู่เมืองไทยได้เพียงแปดเดือนเศษและก็ย้ายไปศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี-โท-เอกในเมืองโคโลราโด้สปริง รัฐโคโลราโด้ ประเทศสหรัฐอเมริกา และใช้เวลาตั้งแต่ปี 2008 ถึง 2013 ในฐานะนักวิจัยมนุษยวิทยาในมหาวิทยาลัย เมืองโคโลราโด้สปริงนั้นอยู่ในสถานะเมืองหลวงของรัฐแห่งที่สองรองจากเมืองเดนเวอร์ มีอากาศหนาวเย็น 8 เดือนต่อปี เนื่องจากอยู่ใต้เทือกเขาร็อคกี้ และอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมาก ใกล้ๆ เมืองที่ผมอาศัยอยู่กว่าทศวรรษ มีเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งซึ่งผมได้ไปอยู่ เรียกว่า เมืองเก่า หรือ โอลด์ทาวน์ จริงๆชื่อว่า มานีทูสปริง เมืองนี้เป็นเมืองที่ บุปฝาชน อาศัยอยู่ พวกเขามาจากหลายที่ทั่วโลก แต่เลือกที่จะมาอาศัยอยู่เมืองเงียบๆ ตีนเขาไพคส์พีคส์ เลือกเป็นรังนอนสุดท้าย ผมชอบชีวิตแบบพวกเขามาก และเป็นที่ที่ผมไป แฮงค์เอาท์บ่อยสุด นอนอ่านหนังสือในคาเฟ่ สูบกัญชา (ซึ่งยังไม่เสรีและ ทางการปิดตาข้างเดียวในตอนนั้น) ดื่มเยอบามัตเต้ แบบบุฟเฟ่ต์ ฟังเพลงแบบนิวเอจแจ๊ส ผมยังเคยคิดว่า ตัวผมในช่วงปริญญาเอกควร ไปอยู่ที่ มหาวิทยาลัยนโรปะ หรือ มหาวิทยาลัยทางจิตวิญญาณของเหล่าผู้แสวงหาความจริงในชีวิต (ในยุคที่ ส.ศิวรักษ์ เป็นอาจารย์รับเชิญพิเศษ) ซึ่งห่างออกไปเพียงร้อยกว่าไมล์ หากขับแลนด์ครูเซอร์คันดำคันนั้นของผมไปก็เพียง 2 ชั่วโมง อาจจะไปเรียนสัปดาห์ละ 3-4 วันได้ แต่คนวัยผมสีดอกเลา ที่อยู่รอบตัวผมบ่อยๆนั้นคือใคร ใครคือผู้เริ่มต้นขบวนการบุปฝาชน? เราอาจจะตอบไม่ได้ชัดเจนนัก แต่กระแสย่อมมีที่มาที่ไป และคงจบลงหรือไม่ หลังจากฮิปปี้คนสุดท้ายตายจากไป จาก มานิทูสปริง …
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • 25/1/68

    เรียนวิชาชีพการแพทย์แผนไทย
    ผู้ประกอบการ ที่ต้องการต่อยส
    และการพัฒนาสมุนไพรเพื่อเพิ่มมูลค่า
    แพทย์แผนไทย/ คลินิกแพทย์แผนไทย
    ด้วยเทคโนโลยีสู่สากล
    Thai Wellness Clinic/ยาสมุนไพรต์"
    กัญชาทางการแพทย์/วิจัยพัฒนายาและผลิตภัย
    จบปีที่ 2 สอบใบประกอบฯ เภสัชกรรมไทย
    อัตราการสอบใบประกอบฯ ผ่าน
    จบปี 3 สอบใบประกอบฯ เวชกรรมไทย

    สำหรับผู้ที่ทำงานแล้ว
    เรียนวิชาชีพการแพทย์แผนไทย
    ผู้ประกอบการ ที่ต้องการต่อยอดธุรกิจ
    และการพัฒนาสมุนไพรเพื่อเพิ่มมูลค่า
    แพทย์แผนไทย/ คลินิกแพทย์แผนไทย/
    ด้วยเทคโนโลยีสู่สากล
    Thai Wellness Clinic/ยาสมุนไพรตำรับ/ กัญชาทางการแพทย์/วิจัยพัฒนายาและผลิตภัณฑ์สมุนไพร

    อัตราการสอบใบประกอบฯ ผ่าน
    จบปี 3 สอบใบประกอบฯ เวชกรรมไทย
    สูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วประเทศ

    ทั่วประเทศ
    ติดต่อ: วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ม.รังสิต
    Line id :
    @188rzbsz Ins. 0897705862

    https://forms.gle/epHDsrY73dRumLpu9
    25/1/68 เรียนวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบการ ที่ต้องการต่อยส และการพัฒนาสมุนไพรเพื่อเพิ่มมูลค่า แพทย์แผนไทย/ คลินิกแพทย์แผนไทย ด้วยเทคโนโลยีสู่สากล Thai Wellness Clinic/ยาสมุนไพรต์" กัญชาทางการแพทย์/วิจัยพัฒนายาและผลิตภัย จบปีที่ 2 สอบใบประกอบฯ เภสัชกรรมไทย อัตราการสอบใบประกอบฯ ผ่าน จบปี 3 สอบใบประกอบฯ เวชกรรมไทย สำหรับผู้ที่ทำงานแล้ว เรียนวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบการ ที่ต้องการต่อยอดธุรกิจ และการพัฒนาสมุนไพรเพื่อเพิ่มมูลค่า แพทย์แผนไทย/ คลินิกแพทย์แผนไทย/ ด้วยเทคโนโลยีสู่สากล Thai Wellness Clinic/ยาสมุนไพรตำรับ/ กัญชาทางการแพทย์/วิจัยพัฒนายาและผลิตภัณฑ์สมุนไพร อัตราการสอบใบประกอบฯ ผ่าน จบปี 3 สอบใบประกอบฯ เวชกรรมไทย สูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วประเทศ ทั่วประเทศ ติดต่อ: วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ม.รังสิต Line id : @188rzbsz Ins. 0897705862 https://forms.gle/epHDsrY73dRumLpu9
    FORMS.GLE
    ข่าวดีสำหรับผู้ที่ทำงานประจำและผู้ที่สนใจเรียน “วิชาชีพแพทย์แผนไทย” และ ”การพัฒนาสมุนไพรเพื่อการเพิ่มมูลค่าด้วยเทคโนโลยีสมุนไพร” ...เรียน เสาร์-อาทิตย์…...
    กำลังเปิดรับสมัครเรียนรุ่นที่ 7 เปิดเรียน วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพการแพทย์แผนไทย (ก) ด้านเภสัชกรรมไทย และ เวชกรรมไทย วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นสถาบันซึ่งได้รับอนุญาตให้ถ่ายทอดความรู้ สำหรับการฝึกอบรมในวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2556 มาตรา 12 (2) ก. จากสภาการแพทย์แผนไทย ครบทั้ง 4 ด้าน คือ เวชกรรมไทย เภสัชกรรมไทย การนวดไทยและผดุงครรภ์ไทย ได้เปิดหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพการแพทย์แผนไทย (ก) สำหรับบุคคลทั่วไปและผู้สนใจเรียนเสาร์ อาทิตย์ เพิ่มเนื้อหา “กัญชาศาสตร์ทางการแพทย์”และ “การพัฒนาสมุนไพรเพื่อเพิ่มมูลค่าด้วยเทคโนโลยีสมุนไพร” บูรณาการศาสตร์การแพทย์แผนไทยเพื่อการรักษาโรค การฟื้นฟู การป้องกัน การส่งเสริมสุขภาพและชะลอวัย การพัฒนายาและผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร การควบคุมคุณภาพ การตั้งตำรับยา การอ่านตำรับยาที่เข้ากัญชา 16 ตำรับ การใช้ตำรับยาสำเร็จรูปที่เข้ากัญชา และการใช้กัญชาในการแพทย์แผนไทย การบริหารจัดการร้านยาและคลินิกการแพทย์แผนไทย จำนวนชั่วโมงตลอดหลักสูตร 1,800 ชั่วโมง ระยะเวลาการศึกษา 3 ปี จบปีที่ 2 มีสิทธิ์สมัครสอบเพื่อขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ด้านเภสัชกรรมไทย (ก) จบปีที่ 3 มีสิทธิ์สมัครสอบเพื่อขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ด้านเวชกรรมไทย (ก) แผนการศึกษาของหลักสูตร - เรียนภาคพิเศษ วันเสาร์ – วันอาทิตย์ เวลา 8.00 – 17.00 น. มีฝึกประสบการณ์วิชาชีพ ** เรียนระบบทวิภาค ใน 1 ปีการศึกษา มี 2 ภาคการศึกษา ภาคที่ 1 เดือน กุมภาพันธ์ -มิถุนายน ภาคที่ 2 เดือน สิงหาคม –ธันวาคม กำลังรับสมัคร รุ่น 7 เปิดเรียน วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 สอบถามรายละเอียดได้ที่ 089-770-5862 Line ID : @188rzbsz หรือ inboxในแฟนเพจ Facebook:วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ม.รังสิต https://www.facebook.com/orientalmedrsu/ ดูการเรียนการสอน https://www.facebook.com/101685051722925/posts/136637938227636/?d=n
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจตรวจจับ 3 นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติซุกยาเสพติดเข้ามาในงาน Electric Daisy Carnival Thailand 2025 ภูเก็ต หลังมีคนช็อกตายในงานคืนเดียว 2 ราย พร้อมทำประวัติบุคคลมีพฤติกรรมขายกัญชาภายในงานอีก 4 ราย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000006022

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตำรวจตรวจจับ 3 นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติซุกยาเสพติดเข้ามาในงาน Electric Daisy Carnival Thailand 2025 ภูเก็ต หลังมีคนช็อกตายในงานคืนเดียว 2 ราย พร้อมทำประวัติบุคคลมีพฤติกรรมขายกัญชาภายในงานอีก 4 ราย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000006022 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 592 มุมมอง 0 รีวิว
  • 20 ม.ค.2568-นายสมหมาย ภาษี อดีตรมว.การคลัง และอดีตประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง“ธุรกิจสีเทาในไทยทำไมจึงเบ่งบาน” ระบุว่า คนไทยทุกวันนี้ต่างก็เคยได้ยินเรื่องธุรกิจสีเทาในประเทศเราจนชาชินกันแล้ว และส่วนใหญ่ก็เข้าใจในความหมายว่าเป็นการทำธุรกิจในประเทศไทยโดยชาวต่างชาติที่ไม่ถูกต้องตรงไปตรงมา และหลีกเลี่ยงการเสียภาษีให้กับประเทศของเราอีกด้วย

    ท่านผู้อ่านคงจะได้ยินข่าวใหญ่ของธุรกิจสีเทาขนาดใหญ่ของคนจีนในภูเก็ตที่เป็นเมืองท่องเที่ยวใหญ่สุดของประเทศเมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว ก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 มีทั้งธุรกิจขายเครื่องประดับล้ำค่าให้นักท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันเหลือแต่ซากของอาคารขนาดใหญ่ที่ดูหรูหราเหมือนราชวังย่อมๆให้เห็นอยู่ 2 แห่ง ท่านคงจำได้ว่าช่วงนั้นมีทัวร์ศูนย์เหรียญเข้ามาดำเนินการอยู่ในภูเก็ต และเมืองท่องเที่ยวอื่นอย่างดาษดื่น

    เมื่อใดที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจากประเทศหนึ่งประเทศใดเข้ามาเที่ยวในเมืองไทยมากในที่ใด พวกธุรกิจสีเทาก็จะเกิดขึ้นในเมืองนั้น นอกจากจีนแล้ว เราจะได้ยินได้ฟังเรื่องธุรกิจสีเทาของชาวรัสเซียในพัทยากันอย่างคุ้นหู ในช่วงนี้มีนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเข้ามาที่ภูเก็ตมากก็ได้ข่าวว่าแถวหาดป่าตอง ก็มีพื้นที่บางแห่งถูกเรียกว่า “Little Moscow” ไปแล้ว

    จริงๆแล้วธุรกิจสีเทาในประเทศไทย ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะ 2 เมืองท่องเที่ยวหลักนี้เท่านั้น เมืองอื่นๆก็มี ส่วนชาวต่างชาติที่มาประกอบธุรกิจสีเทาในไทยก็ไม่ใช่มีแค่ชาวจีนและชาวรัสเซีย แต่ยังมีชนชาติจากยุโรปก็ไม่ใช่น้อย เร็วๆนี้อาจจะเห็นพวกจากแอฟริกาบ้างก็ได้

    ถ้าจะมีคำถามว่าทำไมธุรกิจสีเทาในไทยจึงมีมากดาษดื่นมากกว่าประเทศอื่น คำตอบมีชัดเจนครับ

    ประการแรก คนไทยเราเองจำนวนมากที่ประกอบธุรกิจแบบสีเทาให้ต่างชาติเขาเห็น หรือไม่ก็เข้าไปร่วมทุนกับต่างชาติที่ประกอบธุรกิจสีเทา

    ประการที่สอง เพราะในเมืองไทยมีกฎหมายควบคุมไม่รัดกุม และข้าราชการก็ไม่ได้ใส่ใจดูแลให้เป็นไปตามตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ได้สักอย่าง บางรัฐบาลถึงกับจะออกกฎหมายมาก่อให้เกิดธุรกิจสีเทาโดยตรงก็มี

    ผมต้องขออภัยที่จำเป็นต้องออกความเห็นเรื่อง “โครงการสถานบันเทิงครบวงจร” หรือ “Entertainment Complex” ที่กำลังออกตัวกันอย่างเต็มที่ในขณะนี้ ว่ามันเป็นโครงการที่จะเป็นอันตรายอย่างสุดจะพรรณนาในการเปิดทางให้เกิดธุรกิจสีเทาตามมาอย่างแน่นอน และยังหมิ่นเหม่ต่อการเพิ่มแรงกดดันให้กับปัญหาสังคมที่ย่ำแย่ของไทยเกิดความเลวร้ายทับถมตามมาแบบไม่คุ้มค่าอีกมาก และเมื่อฟังให้ชัดก็ได้เห็นความน่าหวาดกลัวยิ่งขึ้นไปอีก เพราะที่จัดไว้ในที่ดินผืนใหญ่ของการรถไฟไม่ใช่โครงการสถานบันเทิงครบวงจรแห่งเดียวในประเทศไทยเท่านั้น แต่จะมีอีก 4-5 แห่งคล้ายกันในท้องที่ของนักการเมืองบ้านใหญ่ทั้งหลาย นี่มันอะไรกัน เอาแต่มาปั้นตัวเลข GDP ว่าจะเพิ่มเท่านั้นเท่านี้โดยสำนักงานของรัฐไหนก็ไม่รู้

    ผมถามตัวเองว่านี่นักการเมืองและข้าราชการไทยเขาเพ้อฝันไปหรือไง หรือว่ามีการเสพกัญชากันมากเกินไปแล้ว เพราะถ้าจะคิดทำให้ดีแบบต่างประเทศที่เขาทำกัน เช่น ที่สิงคโปร์ก็มีเพียง “เดอะ แซนด์(The Sand)” เท่านั้น และมีข้อกำหนดไม่ให้ชาวสิงคโปร์ที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดเข้าไปในบ่อนโดยเด็ดขาด โดยรัฐบาลเขาจะคุมอย่างเข้มงวดมาก ที่ประเทศจีนอันใหญ่โตมีที่เกาะมาเก๊าเท่านั้น ซึ่งธุรกิจนี้นายทุนใหญ่เจ้าของบ่อนทั้งที่สิงคโปร์ มาเก๊า และลาสเวกัส ชื่อ Mr. Anderson เป็นเศรษฐีชาวอเมริกัน ผู้สนับสนุนพรรค Republican ซึ่งได้เสียชีวิตตอนอายุ 70 ปลายๆไปเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว

    ของไทยที่จะตั้งในหัวเมืองสำคัญ 4-5 แห่ง ถือว่าเป็นโมเดลที่แปลกเป็นพิเศษในโลก บ่อนคาสิโนนั้นใครๆก็รู้ว่าเป็นธุรกิจสีเทา โกงกันก็ได้ ฟอกเงินก็ได้ แลกเปลี่ยนเงินสกุลไหนอย่างไรก็ได้ แต่รายรับรายจ่ายที่จะทำบัญชีให้ถูกต้องไม่ได้ ใหญ่อย่างไรก็ตามสำนักงานบัญชีระดับท็อป 4 ของโลกคงไม่รับเป็นผู้สอบบัญชีให้ แล้วรัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการไปกำกับดูแลให้อยู่กับร่องกับรอยได้อย่างไรกัน

    หรือว่ารัฐบาลนี้จะสนับสนุนให้ธุรกิจสีเทาในประเทศเบ่งบานกันอย่างจริงจังในยุคนี้

    ก็โปรดเขียนเป็นนโยบายไว้ให้ชัดๆเลยได้ไหมครับ ลูกๆหลานๆไทยจะได้รู้ว่าใครเป็นคนคิดทำ

    https://www.thaipost.net/hi-light/725742/#
    20 ม.ค.2568-นายสมหมาย ภาษี อดีตรมว.การคลัง และอดีตประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง“ธุรกิจสีเทาในไทยทำไมจึงเบ่งบาน” ระบุว่า คนไทยทุกวันนี้ต่างก็เคยได้ยินเรื่องธุรกิจสีเทาในประเทศเราจนชาชินกันแล้ว และส่วนใหญ่ก็เข้าใจในความหมายว่าเป็นการทำธุรกิจในประเทศไทยโดยชาวต่างชาติที่ไม่ถูกต้องตรงไปตรงมา และหลีกเลี่ยงการเสียภาษีให้กับประเทศของเราอีกด้วย ท่านผู้อ่านคงจะได้ยินข่าวใหญ่ของธุรกิจสีเทาขนาดใหญ่ของคนจีนในภูเก็ตที่เป็นเมืองท่องเที่ยวใหญ่สุดของประเทศเมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว ก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 มีทั้งธุรกิจขายเครื่องประดับล้ำค่าให้นักท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันเหลือแต่ซากของอาคารขนาดใหญ่ที่ดูหรูหราเหมือนราชวังย่อมๆให้เห็นอยู่ 2 แห่ง ท่านคงจำได้ว่าช่วงนั้นมีทัวร์ศูนย์เหรียญเข้ามาดำเนินการอยู่ในภูเก็ต และเมืองท่องเที่ยวอื่นอย่างดาษดื่น เมื่อใดที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจากประเทศหนึ่งประเทศใดเข้ามาเที่ยวในเมืองไทยมากในที่ใด พวกธุรกิจสีเทาก็จะเกิดขึ้นในเมืองนั้น นอกจากจีนแล้ว เราจะได้ยินได้ฟังเรื่องธุรกิจสีเทาของชาวรัสเซียในพัทยากันอย่างคุ้นหู ในช่วงนี้มีนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเข้ามาที่ภูเก็ตมากก็ได้ข่าวว่าแถวหาดป่าตอง ก็มีพื้นที่บางแห่งถูกเรียกว่า “Little Moscow” ไปแล้ว จริงๆแล้วธุรกิจสีเทาในประเทศไทย ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะ 2 เมืองท่องเที่ยวหลักนี้เท่านั้น เมืองอื่นๆก็มี ส่วนชาวต่างชาติที่มาประกอบธุรกิจสีเทาในไทยก็ไม่ใช่มีแค่ชาวจีนและชาวรัสเซีย แต่ยังมีชนชาติจากยุโรปก็ไม่ใช่น้อย เร็วๆนี้อาจจะเห็นพวกจากแอฟริกาบ้างก็ได้ ถ้าจะมีคำถามว่าทำไมธุรกิจสีเทาในไทยจึงมีมากดาษดื่นมากกว่าประเทศอื่น คำตอบมีชัดเจนครับ ประการแรก คนไทยเราเองจำนวนมากที่ประกอบธุรกิจแบบสีเทาให้ต่างชาติเขาเห็น หรือไม่ก็เข้าไปร่วมทุนกับต่างชาติที่ประกอบธุรกิจสีเทา ประการที่สอง เพราะในเมืองไทยมีกฎหมายควบคุมไม่รัดกุม และข้าราชการก็ไม่ได้ใส่ใจดูแลให้เป็นไปตามตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ได้สักอย่าง บางรัฐบาลถึงกับจะออกกฎหมายมาก่อให้เกิดธุรกิจสีเทาโดยตรงก็มี ผมต้องขออภัยที่จำเป็นต้องออกความเห็นเรื่อง “โครงการสถานบันเทิงครบวงจร” หรือ “Entertainment Complex” ที่กำลังออกตัวกันอย่างเต็มที่ในขณะนี้ ว่ามันเป็นโครงการที่จะเป็นอันตรายอย่างสุดจะพรรณนาในการเปิดทางให้เกิดธุรกิจสีเทาตามมาอย่างแน่นอน และยังหมิ่นเหม่ต่อการเพิ่มแรงกดดันให้กับปัญหาสังคมที่ย่ำแย่ของไทยเกิดความเลวร้ายทับถมตามมาแบบไม่คุ้มค่าอีกมาก และเมื่อฟังให้ชัดก็ได้เห็นความน่าหวาดกลัวยิ่งขึ้นไปอีก เพราะที่จัดไว้ในที่ดินผืนใหญ่ของการรถไฟไม่ใช่โครงการสถานบันเทิงครบวงจรแห่งเดียวในประเทศไทยเท่านั้น แต่จะมีอีก 4-5 แห่งคล้ายกันในท้องที่ของนักการเมืองบ้านใหญ่ทั้งหลาย นี่มันอะไรกัน เอาแต่มาปั้นตัวเลข GDP ว่าจะเพิ่มเท่านั้นเท่านี้โดยสำนักงานของรัฐไหนก็ไม่รู้ ผมถามตัวเองว่านี่นักการเมืองและข้าราชการไทยเขาเพ้อฝันไปหรือไง หรือว่ามีการเสพกัญชากันมากเกินไปแล้ว เพราะถ้าจะคิดทำให้ดีแบบต่างประเทศที่เขาทำกัน เช่น ที่สิงคโปร์ก็มีเพียง “เดอะ แซนด์(The Sand)” เท่านั้น และมีข้อกำหนดไม่ให้ชาวสิงคโปร์ที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดเข้าไปในบ่อนโดยเด็ดขาด โดยรัฐบาลเขาจะคุมอย่างเข้มงวดมาก ที่ประเทศจีนอันใหญ่โตมีที่เกาะมาเก๊าเท่านั้น ซึ่งธุรกิจนี้นายทุนใหญ่เจ้าของบ่อนทั้งที่สิงคโปร์ มาเก๊า และลาสเวกัส ชื่อ Mr. Anderson เป็นเศรษฐีชาวอเมริกัน ผู้สนับสนุนพรรค Republican ซึ่งได้เสียชีวิตตอนอายุ 70 ปลายๆไปเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว ของไทยที่จะตั้งในหัวเมืองสำคัญ 4-5 แห่ง ถือว่าเป็นโมเดลที่แปลกเป็นพิเศษในโลก บ่อนคาสิโนนั้นใครๆก็รู้ว่าเป็นธุรกิจสีเทา โกงกันก็ได้ ฟอกเงินก็ได้ แลกเปลี่ยนเงินสกุลไหนอย่างไรก็ได้ แต่รายรับรายจ่ายที่จะทำบัญชีให้ถูกต้องไม่ได้ ใหญ่อย่างไรก็ตามสำนักงานบัญชีระดับท็อป 4 ของโลกคงไม่รับเป็นผู้สอบบัญชีให้ แล้วรัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการไปกำกับดูแลให้อยู่กับร่องกับรอยได้อย่างไรกัน หรือว่ารัฐบาลนี้จะสนับสนุนให้ธุรกิจสีเทาในประเทศเบ่งบานกันอย่างจริงจังในยุคนี้ ก็โปรดเขียนเป็นนโยบายไว้ให้ชัดๆเลยได้ไหมครับ ลูกๆหลานๆไทยจะได้รู้ว่าใครเป็นคนคิดทำ https://www.thaipost.net/hi-light/725742/#
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 302 มุมมอง 0 รีวิว
  • 02-01-67/01 : หมี CNN / หมีกุ๊กกู EP8 เริ่มวันใหม่ของปี จัดหนักไปเลย!

    CHICKEN DANCE 2025 ฉลองปีใหม่กันหน่อย เหี้ยกลัวข่าวจะเงียบเกิน? ระเบิดใครไม่ได้ ระเบิดตัวเอง แม่งซะเลย ลาสเวกัสบึ้มสนั่นเมือง! ทำไมต้องรถเทสล่า ไซเบอร์ ทรัค มรึงไม่ต้องถาม? ชัดเจน! จัดฉาก หมายังรู้? แล้วอีทรัมปป์จะไม่ถอนราก ถอนโคนเหี้ย DEEP STATE ได้ยังไง? มรึงไม่สังเกตุเหรอ? ไหนบอกมีดาวเทียมตาวิเศษ ไหนบอกข่าวกรองเป๊ะ ใครจะทำอะไร ขนระเบิด AI ตรวจจับไม่ยาก แต่ที่เกิดเหตุประจำเนี่ย เพราะมันตั้งใจปล่อยให้ทำไงล่ะ? ตั้งใจให้เกิด ส่งสัญญาน ก่อนสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง มรึงระวังตัวให้ดีเหอะ กูรอล้มเลือกตั้งอยู่เนี่ย? แลนด์สไลด์ชิมิ? ประชาธิปไตยชิมิ? ลอบฆ่าคืองานถนัดเหี้ย C หากมองมุมกลับ อีทรัมปป์ก็อาจจะเล่นซะเอง จัดฉาก บอกเพื่อนรัก อีมัคก์ สละรถให้กูคันนึง! ดูมันบังเอิญง่ายไปป่ะ? ละครปาหี่เหี้ยมะกัน เรตติ้งตก ไม่เนียน ไร้ราคา โลกถาม "มรึงว่างกันมว๊ากชิมิ?"

    กลบเกลื่อน กลบข่าว กลบสาระพัด! กลัวควายรู้ว่า เยรูซาเล็ม เยี่ยวแตกแล้วจ๊ะ อีเยเมนขาโหด ไม่พูดเยอะ ดาหน้าถล่มยับข้ามปี ไม่มีพักเบรคเลยเหรอ? บอลยังมีหนีหนาว ไอ้สัส! ยิงกูจัง ถล่มกูจริง ปีกว่าแล้ว ที่ชาวยิวต้องวิ่งหนีมุดลงหลุมหลบภัยตอนตี 2 ทั้งวันไม่ยิง ยิงตอนมรึงหลับเนี่ยแหละ ชาวเมืองหมดสภาพ นอนไม่อิ่ม กินไม่ได้ ไม่รู้ระเบิดจะลงหัวเมื่อไหร่ หลังล่อขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิค 12 มัค ล่อสนามบินพาณิชย์หลักของเทลอาวีฟ นั่นแค่ส่งสัญญาน กูยิงอะไร มรึงก็ไม่รอด สกัดไม่ได้ รอโดน รอตายอย่างเดียว แล้วยังไง? แผนเขี่ยอีเนรคุณทันยาก็มา แกล้งป่วย แปล้งเจ็บ รอการถีบส่ง เพื่อลดกระแสเกลียดชังยิวกันทั้งโลก โยนบาปให้แพะอีเนรคุณทันยาแทน หมายังเดาออก? อ้าว..ไหง บอก อียิวไล่ยึดซีเรียสำเร็จ แล้วทำไม กองกำลังมรึง ถอยยับ หนีไปกระจุกอยู่ที่ราบสูงโกลานกันล่ะ? มรึงบุกเค้ามิใช่เหรอ? หลอกควายดีใจแป๊บ กลับสู่โลกความเป็นจริง! อะไรน่ะ อีเติร์กหิวแสง ทั้งขย่ม ทั้งคลั่ง ไล่ฆ่าอีเคริ์ดกบฎอย่างเมามันส์ ใครขวางตายห่าลูกเดียว? นี่มรึงเล่นเกมส์เด็ดหัวเหี้ย ไม่ปรึกษาใครเลยเหรอ? บ่อน้ำมันกระจุย อีเคิร์ดได้ไปเฝ้าหลุมต่อในขุมนรกแทน เกรงใจกูบ้าง ฐานทัพเหี้ยมะกันยังอยู่น่ะมรึง? อะไรน่ะ ลอยมาแต่ไกล ไอ้สัส! ไม่มีในสคริปต์นี่หว่า? ปล่อยอีไก่งวง SHOW TIME ไปก่อน มันกำลังคึกจัด!

    อีโสมขาว ประกาศไม่ง้อโว๊ย! ไทยไม่เที่ยว กูไม่ง้อ เชิญมรึงอิ่ม EGO มรึงไปเหอะ สร้างชาติจากการเดินตามก้นอียุ่นปี่ จะแข่งบารมี แต่ไม่มีอะไรดีจะโชว์ มรึงแหกตาดูโสมแดง ไม่ง้อใคร เป็นตัวเอง แม้แต่เหี้ยตัวพ่อ ยังต้องกราบตรีน คุณค่าอยู่ที่ตัวทำ ไม่ใช่รอเหี้ยมาเสนอ? ยอดท่องเที่ยวตก เดี๋ยวกูหาใหม่ได้ ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา กูแนะนำให้เอามั้ย? ไทยไม่เที่ยว เชิญอีขะแมร์เที่ยวสิ แล้วเดี๋ยวมรึงจะดวงตาเห็นธรรม เดี๋ยวแม่งไปเจออะไร อ้างเป็นของมันหมด ราชวงศ์โชซอน ก็ของมัน มันรำลึกชาติได้? กระจอกกว่านี้ ไม่มีอีกแล้ว อีขะปมร์ มันยังมีตัวตนอยู่บนโลกป่ะเนี่ย? โดมิโน่ แอฟเฟค มาเต็มตรีน อีเบียร์ อีเศษฝรั่ง ทรุดหนัก ฟื้นเศรษฐกิจไม่ขึ้น หนี้บานตะไท อุ้มสกุลเงิน EURO ต่อไม่ไหว คลังอีเบียร์ต้องเอาไปจมกับ EU เพื่อประคองให้รอด ชาวเมืองเบียร์หายซ่าส์ EGO แรงชิมิ? สู้ต่อสิ ดีออก? จะแดร๊กยังไม่มี ภาษีไปลงใคร พลังงานพุ่ง ภาษีรีดเพิ่ม สวัสดิการหดหาย อีโง่โอลาฟหลุดวงโคจร มรึงจะไปตามเอาคืนกับใคร? โง่กว่าอีเบียร์ไม่มีอีกแล้ว อยู่ดีดี ได้พลังงานถูกรัสเซีย ทำอุตสาหกรรมโตเต็มกำลัง คลังล้นทะลัก พอเค้าไม่เอามรึง เพราะมรึงไปคว่ำบาตรปาหี่ตามเกมส์อเมริกา เพราะอีผู้นำมันเป็นขี้ข้ายิวไงล่ะ? เก้าอี้ได้มาเพราะใคร? ตอนนี้ EU พังทั้งระบบ จะร่วมสู้กับ NATO ต่อมั้ยล่ะ? แผนปูติน ฆ่าเหี้ยตายยกคอกของจริง!

    ผีอีโม แรงจริง เฮี้ยนจริง อะไรจริง! หลักฐานซัดกันซึ่งหน้า ตัวละครใหม่ผุดเข้ามา จะแถยังไง จะแหลแค่ไหน? คนแดร๊กข้าว ไม่ได้แดร๊กหญ้าเหมือนพวกมรึง? คนเค้ารู้ "ฆาตกรรม" มรึงยังจะแถ "อุบัติเหตุ" ไม่ต้องมีแล้วกฎหมาย เอากฎหมา ไปเลยดีมั้ย? ลงขันไล่สั่งเก็บไอ้ตัวต้นเหตุ ใหญ่คับฟ้าแค่ไหน ก็แค่ขี้ตรีนสวรรค์ หนีความจริงไม่พ้นดอก? ไอ้อีที่หักหลังผีอีโม มรึงโดนกันถ้วนหน้าแน่ สลัดหลุดจากกระบวนการสะกดวิญญานเสร็จเมื่อไหร่ ผีอีโม ตามไปเยี่ยมมรึงทุกไอ้อี ไม่ต้องห่วงว่าจะมีตกหล่น ผีอีโมยุค 9G เร็ว แรง ทะลุ ประตูนรกเลยมรึง? อ.ปานเทพ เตรียมจัดชุดใหญ่ ทั้งเรื่อง MOU44 และผีอีโม ความบริสุทธิ์ไม่มา ความจริงไม่ปรากฎ ไม่มีถอย! ใครออกตัวปกป้องเหี้ย ปิดบังความจริง บิดเบือนหลักฐาน โดนแฉยับเกลี้ยง ใครขายชาติ ใครสุมหัวอีขะแมร์ขี้ตรีน? งานนี้ เปิดหน้าออกหมดเกลี้ยง? อีฮุนเซนขี้ตรีน อาจจะไม่มีแผ่นดินอยู่ หากจีนจะเล่นมรึง แค่เติมท่อน้ำเลี้ยง อย่าคิดว่าอำนาจมรึงในมือจะเอาอยู่ อำนาจมหาอำนาจโลกของจริง มรึงเทียบไม่ติดดอก เทียบไม่ได้! อีแดงมีหน้าที่เขี่ยอีส้มเน่า หมดประโยชน์ต่อไปก็ตามรึง ไม่ต้องรีบฆ่ามัน เพราะมันจะฆ่าตัวมันเอง ซ้อนแผนเหี้ย คือยอดแผน!

    สะเทือนโลก งาน COUNTDOWN THAILAND แค่ดึง LISA เธอเอาอยู่ ของดีใกล้ตัว ไม่ต้องเสียค่าโง่! คนเค้าตามมรึงเหรอ? เปล่า เอาตัวแม่เหล็กมา โลกจะตามมาเอง! งานปีใหม่ 8 เวทีใหญ่ สื่อโลกงับ ภาพพลุแตกกระจายทั่วนภา หลากหลายบรรยากาศ ตึกสูง ชายทะเล มาหมด มรึงยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่า "ไทยคือผู้นำโลก ด้าน ENTERTAINMENT" สายตาชาวโลก บอกต่อกัน เมืองไทย "แม่งสุดยอด" อยากสูบกัญชา เชิญ อยากเมาปลิ้น 24 ชม. เชิญ อยากตีกระหรี่ไม่อั้น เชิญ อยากวัดดวง อยากแดร๊ก UNLIMITED เชิญ อยากจะกระทืบ อยากฆ่า ตำหนวด เชิญ แค่มรึงมีเงินเท่านั้น "พระเจ้า" กฎหมายควบคุมคนมี แต่กฎหมายควบคุมเจ้าหน้าที่รัฐไม่มี(ไม่ทำ) จะแก้ทุกปัญหาของแผ่นดินนี้ได้ มรึงต้องแก้ที่เจ้าหน้าที่รัฐก่อนใครเพื่อน? ไม่ว่ากระทรวงไหน องค์กรใด หาแดร๊ก ติดสินบน จ่ายจบ ไร้ราคี กฎหมายไทยไม่ศักดิ์สิทธิ์จริงเหรอ? ตัวหนังสือมันทำอะไรไม่ได้ นอกจากคนไปทำให้มันเกิดขึ้นจริงตามตัวอักษร กำลังจะบอกว่า ปีใหม่นี้ การไล่เช็คบิลผู้ไม่กระทำตามหน้าที่ ไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างที่ควรจะเป็น กำลังจะถูกล้างบางขั้นสูงสุด แสงไม่ได้มาแค่ชี้เป้า แต่แสงมาทำให้สมดุลโลกกลับมา ถึงเวลา "แก้ไข"

    ปล.ทุนสำรองมากที่สุดในโลกคือ จีน ทำไมต้องมีทุนสำรอง ทุกการพิมพ์แบงค์ออกมา ต้องมีสินทรัพย์อ้างอิง ไม่ใช่เหี้ย พิมพ์แบงค์กงเต็กหลอกควาย หลังการเปิดหีบสมบัติ ท่องคำแท่งนับ 30000 ตันจนโลกต้องตะลึง ดอลล่าร์จะกลายเป็นขี้หมาทันที ยังไม่ทำ ไม่ต้องเร่งฆ่าเหี้ย เพราะมันติดหล่มสงคราม รอมรึงแตกแผ่นดินก่อน ขายแผ่นดินแดร๊ก ค่อยเปิดหีบสมบัติ เพื่อกดค่าเงินดอลล่าร์ตายคาที่ แผนนี้ จีนจะซื้อได้ถูกบัดซบ เพราะเงินหยวนที่มีเงินสำรองมากที่สุดในโลก จะแข็งโป๊ก ขณะที่ ดอลล่าร์ ยูโร เยน จะดิ่งเหว ที่มาชี้เป้าตรงนี้ เพื่อจะบอกว่า จีนรอจังหวะและโอกาสอยู่ ต่อไปมรึงอาจจะได้ใช้ไอโพส เครื่องละ 5000 บาท เหตุเพราะคนไม่ซื้อ ขายไม่ออก ค่าเงินบัดซบ ดอลล่าร์แท้จริงมันคือ 0 หากเช็คกันจริงจัง กูบอกเลย ติดลบ - ที่มาว่าทำไม รัสเซีย จีน อาหรับ เตรียมช้อนซื้อของถูก เพราะสุดท้าย "ทองคำ" จะเป็นตัวกำหนดเกมส์สากลอีกครั้ง และต่อไปอนาคต จะมีแร่หายากอื่น มาแทนทองคำ แร่อะไรล่ะ ที่สามารถผลิตชิปส่งได้ทั่วโลก แร่ที่นำสื่อ แม่เหล็ก ทองคำจะกลายเป็นตัวเลือกอันดับ 2..3..4.. อีกไม่นาน

    ปล.2 ฮาแตก! ว๊าย วาย เหี้ยมะกันบุก ถล่มฐานทัพฮูตี คลังแสง อ๋อ..ลืมบอกไป ใครเค้าเก็บไว้บนดินกันล่ะ? ไอ้ควาย เป็นเป้าหลอกให้มรึงโจมตีเหรอ? มรึงดู กี่ครั้งแล้ว เหี้ยมะกันยิงได้ลูก สองลูก คุยยาวเป็นปี ไอ้ที่ตายห่าคาทะเลแดง เรือบรรทุกเครื่องบินจม เรือรบหายวับ บินรบร่วง โดรนพันล้านดิ่งเหว เผ่นหางจุกตูดแทบไม่ทัน เยเมนบอก มรึงทำอะไรฟ่ะ? "แค่คันคัน" พูดให้เอาบุญ ของดี ของหนัก ไม่มีใครโง่เอามาตั้งให้มรึงส่องดอก ไอ้ควาย! ยังจะโง่ได้อีก ใช้สื่อเสี้ยม หลอกควายต่อ เยเมนแย่แล้ว คลังแสงไปหมดแล้ว ตายห่าเกลื่อน ควายชื่นชม โชคดี ที่มรึงกับกูเป็นคน ควายตัวจริงยังอายแทน? ด้านอียิวบอกพอแล้ว ไอ้สัส! มรึงยกไปถล่มเยเมนปาหี่ แต่แม่งยิงถล่มกูกลับ ซ้ำไม่เลิก ยิ่งบุก ยิ่งโดน คนดูเบื่อ มรึงมีปัญญาแค่นี้เองเหรอ? แล้วเสือกจะริครองโลก เยเมนยังไม่ผ่านเลย ไอ้สัส! นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า ละครมีไว้หลอกควาย เพราะควายมันเชื่อหมด บอกมรึงเกิดจากไดโนเสาร์แม่งก็เชื่อ เรื่องควายควายเนี่ย ต้องกลียุค? หากเป็นยุคอื่น เสียหมาไปนานแล้ว?

    หมี CNN(ไก่แด๊นซ์บนกองเพลิง(ตุรกีกำลังเมามันส์) ความสนุกเพิ่งจะเริ่ม อเมริกาจะเข้มข้น ศึกใน ศึกนอก มาไม่หยุด เต็มคาราเบลกันไปเลย อียิวขี้แตก เหลือแต่ซาก ซีเรียจบไปนานแล้ว แค่เอาบ่อน้ำมันคืน ถีบเหี้ยมมะกันออกไป ทุกอย่างจะกลับเข้าที่เข้าทางเอง เหี้ยอูฐ กำลังคิดแผนเอาคืนอีทรัมปป์ ขู่กูเช้าเย็น หากไม่อุ้มดอลล่าร์ อิหร่านสะกิด ใครบอกมรึงล่ะวง่า ต้องขายน้ำมันให้เหี้ยตะวันตกอีกต่อไป มรึงดูรัสเซีย แค่ขายเอเซีย ก็ไม่พอส่งแล้ว ยอดสั่งทะลัก กำไรทะลุ ตรงกันข้าม มรึงเทเหี้ย ไม่ขายน้ำมันให้มัน มันจะเอาน้ำมันที่ไหนใช้ อยู่ให้เป็น รู้คุณค่าตัวเอง มรึงถือไพ่เหนือกว่าน่ะ ต้องให้กูสอน?)
    02 มกราคม 68
    11.45 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    ชื่อเพจ ยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อ รออีก 60 วัน "แสงสว่าง สิริแสงสว่าง"
    https://www.facebook.com/profile.php?id=100015961291594
    02-01-67/01 : หมี CNN / หมีกุ๊กกู EP8 เริ่มวันใหม่ของปี จัดหนักไปเลย! CHICKEN DANCE 2025 ฉลองปีใหม่กันหน่อย เหี้ยกลัวข่าวจะเงียบเกิน? ระเบิดใครไม่ได้ ระเบิดตัวเอง แม่งซะเลย ลาสเวกัสบึ้มสนั่นเมือง! ทำไมต้องรถเทสล่า ไซเบอร์ ทรัค มรึงไม่ต้องถาม? ชัดเจน! จัดฉาก หมายังรู้? แล้วอีทรัมปป์จะไม่ถอนราก ถอนโคนเหี้ย DEEP STATE ได้ยังไง? มรึงไม่สังเกตุเหรอ? ไหนบอกมีดาวเทียมตาวิเศษ ไหนบอกข่าวกรองเป๊ะ ใครจะทำอะไร ขนระเบิด AI ตรวจจับไม่ยาก แต่ที่เกิดเหตุประจำเนี่ย เพราะมันตั้งใจปล่อยให้ทำไงล่ะ? ตั้งใจให้เกิด ส่งสัญญาน ก่อนสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง มรึงระวังตัวให้ดีเหอะ กูรอล้มเลือกตั้งอยู่เนี่ย? แลนด์สไลด์ชิมิ? ประชาธิปไตยชิมิ? ลอบฆ่าคืองานถนัดเหี้ย C หากมองมุมกลับ อีทรัมปป์ก็อาจจะเล่นซะเอง จัดฉาก บอกเพื่อนรัก อีมัคก์ สละรถให้กูคันนึง! ดูมันบังเอิญง่ายไปป่ะ? ละครปาหี่เหี้ยมะกัน เรตติ้งตก ไม่เนียน ไร้ราคา โลกถาม "มรึงว่างกันมว๊ากชิมิ?" กลบเกลื่อน กลบข่าว กลบสาระพัด! กลัวควายรู้ว่า เยรูซาเล็ม เยี่ยวแตกแล้วจ๊ะ อีเยเมนขาโหด ไม่พูดเยอะ ดาหน้าถล่มยับข้ามปี ไม่มีพักเบรคเลยเหรอ? บอลยังมีหนีหนาว ไอ้สัส! ยิงกูจัง ถล่มกูจริง ปีกว่าแล้ว ที่ชาวยิวต้องวิ่งหนีมุดลงหลุมหลบภัยตอนตี 2 ทั้งวันไม่ยิง ยิงตอนมรึงหลับเนี่ยแหละ ชาวเมืองหมดสภาพ นอนไม่อิ่ม กินไม่ได้ ไม่รู้ระเบิดจะลงหัวเมื่อไหร่ หลังล่อขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิค 12 มัค ล่อสนามบินพาณิชย์หลักของเทลอาวีฟ นั่นแค่ส่งสัญญาน กูยิงอะไร มรึงก็ไม่รอด สกัดไม่ได้ รอโดน รอตายอย่างเดียว แล้วยังไง? แผนเขี่ยอีเนรคุณทันยาก็มา แกล้งป่วย แปล้งเจ็บ รอการถีบส่ง เพื่อลดกระแสเกลียดชังยิวกันทั้งโลก โยนบาปให้แพะอีเนรคุณทันยาแทน หมายังเดาออก? อ้าว..ไหง บอก อียิวไล่ยึดซีเรียสำเร็จ แล้วทำไม กองกำลังมรึง ถอยยับ หนีไปกระจุกอยู่ที่ราบสูงโกลานกันล่ะ? มรึงบุกเค้ามิใช่เหรอ? หลอกควายดีใจแป๊บ กลับสู่โลกความเป็นจริง! อะไรน่ะ อีเติร์กหิวแสง ทั้งขย่ม ทั้งคลั่ง ไล่ฆ่าอีเคริ์ดกบฎอย่างเมามันส์ ใครขวางตายห่าลูกเดียว? นี่มรึงเล่นเกมส์เด็ดหัวเหี้ย ไม่ปรึกษาใครเลยเหรอ? บ่อน้ำมันกระจุย อีเคิร์ดได้ไปเฝ้าหลุมต่อในขุมนรกแทน เกรงใจกูบ้าง ฐานทัพเหี้ยมะกันยังอยู่น่ะมรึง? อะไรน่ะ ลอยมาแต่ไกล ไอ้สัส! ไม่มีในสคริปต์นี่หว่า? ปล่อยอีไก่งวง SHOW TIME ไปก่อน มันกำลังคึกจัด! อีโสมขาว ประกาศไม่ง้อโว๊ย! ไทยไม่เที่ยว กูไม่ง้อ เชิญมรึงอิ่ม EGO มรึงไปเหอะ สร้างชาติจากการเดินตามก้นอียุ่นปี่ จะแข่งบารมี แต่ไม่มีอะไรดีจะโชว์ มรึงแหกตาดูโสมแดง ไม่ง้อใคร เป็นตัวเอง แม้แต่เหี้ยตัวพ่อ ยังต้องกราบตรีน คุณค่าอยู่ที่ตัวทำ ไม่ใช่รอเหี้ยมาเสนอ? ยอดท่องเที่ยวตก เดี๋ยวกูหาใหม่ได้ ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา กูแนะนำให้เอามั้ย? ไทยไม่เที่ยว เชิญอีขะแมร์เที่ยวสิ แล้วเดี๋ยวมรึงจะดวงตาเห็นธรรม เดี๋ยวแม่งไปเจออะไร อ้างเป็นของมันหมด ราชวงศ์โชซอน ก็ของมัน มันรำลึกชาติได้? กระจอกกว่านี้ ไม่มีอีกแล้ว อีขะปมร์ มันยังมีตัวตนอยู่บนโลกป่ะเนี่ย? โดมิโน่ แอฟเฟค มาเต็มตรีน อีเบียร์ อีเศษฝรั่ง ทรุดหนัก ฟื้นเศรษฐกิจไม่ขึ้น หนี้บานตะไท อุ้มสกุลเงิน EURO ต่อไม่ไหว คลังอีเบียร์ต้องเอาไปจมกับ EU เพื่อประคองให้รอด ชาวเมืองเบียร์หายซ่าส์ EGO แรงชิมิ? สู้ต่อสิ ดีออก? จะแดร๊กยังไม่มี ภาษีไปลงใคร พลังงานพุ่ง ภาษีรีดเพิ่ม สวัสดิการหดหาย อีโง่โอลาฟหลุดวงโคจร มรึงจะไปตามเอาคืนกับใคร? โง่กว่าอีเบียร์ไม่มีอีกแล้ว อยู่ดีดี ได้พลังงานถูกรัสเซีย ทำอุตสาหกรรมโตเต็มกำลัง คลังล้นทะลัก พอเค้าไม่เอามรึง เพราะมรึงไปคว่ำบาตรปาหี่ตามเกมส์อเมริกา เพราะอีผู้นำมันเป็นขี้ข้ายิวไงล่ะ? เก้าอี้ได้มาเพราะใคร? ตอนนี้ EU พังทั้งระบบ จะร่วมสู้กับ NATO ต่อมั้ยล่ะ? แผนปูติน ฆ่าเหี้ยตายยกคอกของจริง! ผีอีโม แรงจริง เฮี้ยนจริง อะไรจริง! หลักฐานซัดกันซึ่งหน้า ตัวละครใหม่ผุดเข้ามา จะแถยังไง จะแหลแค่ไหน? คนแดร๊กข้าว ไม่ได้แดร๊กหญ้าเหมือนพวกมรึง? คนเค้ารู้ "ฆาตกรรม" มรึงยังจะแถ "อุบัติเหตุ" ไม่ต้องมีแล้วกฎหมาย เอากฎหมา ไปเลยดีมั้ย? ลงขันไล่สั่งเก็บไอ้ตัวต้นเหตุ ใหญ่คับฟ้าแค่ไหน ก็แค่ขี้ตรีนสวรรค์ หนีความจริงไม่พ้นดอก? ไอ้อีที่หักหลังผีอีโม มรึงโดนกันถ้วนหน้าแน่ สลัดหลุดจากกระบวนการสะกดวิญญานเสร็จเมื่อไหร่ ผีอีโม ตามไปเยี่ยมมรึงทุกไอ้อี ไม่ต้องห่วงว่าจะมีตกหล่น ผีอีโมยุค 9G เร็ว แรง ทะลุ ประตูนรกเลยมรึง? อ.ปานเทพ เตรียมจัดชุดใหญ่ ทั้งเรื่อง MOU44 และผีอีโม ความบริสุทธิ์ไม่มา ความจริงไม่ปรากฎ ไม่มีถอย! ใครออกตัวปกป้องเหี้ย ปิดบังความจริง บิดเบือนหลักฐาน โดนแฉยับเกลี้ยง ใครขายชาติ ใครสุมหัวอีขะแมร์ขี้ตรีน? งานนี้ เปิดหน้าออกหมดเกลี้ยง? อีฮุนเซนขี้ตรีน อาจจะไม่มีแผ่นดินอยู่ หากจีนจะเล่นมรึง แค่เติมท่อน้ำเลี้ยง อย่าคิดว่าอำนาจมรึงในมือจะเอาอยู่ อำนาจมหาอำนาจโลกของจริง มรึงเทียบไม่ติดดอก เทียบไม่ได้! อีแดงมีหน้าที่เขี่ยอีส้มเน่า หมดประโยชน์ต่อไปก็ตามรึง ไม่ต้องรีบฆ่ามัน เพราะมันจะฆ่าตัวมันเอง ซ้อนแผนเหี้ย คือยอดแผน! สะเทือนโลก งาน COUNTDOWN THAILAND แค่ดึง LISA เธอเอาอยู่ ของดีใกล้ตัว ไม่ต้องเสียค่าโง่! คนเค้าตามมรึงเหรอ? เปล่า เอาตัวแม่เหล็กมา โลกจะตามมาเอง! งานปีใหม่ 8 เวทีใหญ่ สื่อโลกงับ ภาพพลุแตกกระจายทั่วนภา หลากหลายบรรยากาศ ตึกสูง ชายทะเล มาหมด มรึงยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่า "ไทยคือผู้นำโลก ด้าน ENTERTAINMENT" สายตาชาวโลก บอกต่อกัน เมืองไทย "แม่งสุดยอด" อยากสูบกัญชา เชิญ อยากเมาปลิ้น 24 ชม. เชิญ อยากตีกระหรี่ไม่อั้น เชิญ อยากวัดดวง อยากแดร๊ก UNLIMITED เชิญ อยากจะกระทืบ อยากฆ่า ตำหนวด เชิญ แค่มรึงมีเงินเท่านั้น "พระเจ้า" กฎหมายควบคุมคนมี แต่กฎหมายควบคุมเจ้าหน้าที่รัฐไม่มี(ไม่ทำ) จะแก้ทุกปัญหาของแผ่นดินนี้ได้ มรึงต้องแก้ที่เจ้าหน้าที่รัฐก่อนใครเพื่อน? ไม่ว่ากระทรวงไหน องค์กรใด หาแดร๊ก ติดสินบน จ่ายจบ ไร้ราคี กฎหมายไทยไม่ศักดิ์สิทธิ์จริงเหรอ? ตัวหนังสือมันทำอะไรไม่ได้ นอกจากคนไปทำให้มันเกิดขึ้นจริงตามตัวอักษร กำลังจะบอกว่า ปีใหม่นี้ การไล่เช็คบิลผู้ไม่กระทำตามหน้าที่ ไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างที่ควรจะเป็น กำลังจะถูกล้างบางขั้นสูงสุด แสงไม่ได้มาแค่ชี้เป้า แต่แสงมาทำให้สมดุลโลกกลับมา ถึงเวลา "แก้ไข" ปล.ทุนสำรองมากที่สุดในโลกคือ จีน ทำไมต้องมีทุนสำรอง ทุกการพิมพ์แบงค์ออกมา ต้องมีสินทรัพย์อ้างอิง ไม่ใช่เหี้ย พิมพ์แบงค์กงเต็กหลอกควาย หลังการเปิดหีบสมบัติ ท่องคำแท่งนับ 30000 ตันจนโลกต้องตะลึง ดอลล่าร์จะกลายเป็นขี้หมาทันที ยังไม่ทำ ไม่ต้องเร่งฆ่าเหี้ย เพราะมันติดหล่มสงคราม รอมรึงแตกแผ่นดินก่อน ขายแผ่นดินแดร๊ก ค่อยเปิดหีบสมบัติ เพื่อกดค่าเงินดอลล่าร์ตายคาที่ แผนนี้ จีนจะซื้อได้ถูกบัดซบ เพราะเงินหยวนที่มีเงินสำรองมากที่สุดในโลก จะแข็งโป๊ก ขณะที่ ดอลล่าร์ ยูโร เยน จะดิ่งเหว ที่มาชี้เป้าตรงนี้ เพื่อจะบอกว่า จีนรอจังหวะและโอกาสอยู่ ต่อไปมรึงอาจจะได้ใช้ไอโพส เครื่องละ 5000 บาท เหตุเพราะคนไม่ซื้อ ขายไม่ออก ค่าเงินบัดซบ ดอลล่าร์แท้จริงมันคือ 0 หากเช็คกันจริงจัง กูบอกเลย ติดลบ - ที่มาว่าทำไม รัสเซีย จีน อาหรับ เตรียมช้อนซื้อของถูก เพราะสุดท้าย "ทองคำ" จะเป็นตัวกำหนดเกมส์สากลอีกครั้ง และต่อไปอนาคต จะมีแร่หายากอื่น มาแทนทองคำ แร่อะไรล่ะ ที่สามารถผลิตชิปส่งได้ทั่วโลก แร่ที่นำสื่อ แม่เหล็ก ทองคำจะกลายเป็นตัวเลือกอันดับ 2..3..4.. อีกไม่นาน ปล.2 ฮาแตก! ว๊าย วาย เหี้ยมะกันบุก ถล่มฐานทัพฮูตี คลังแสง อ๋อ..ลืมบอกไป ใครเค้าเก็บไว้บนดินกันล่ะ? ไอ้ควาย เป็นเป้าหลอกให้มรึงโจมตีเหรอ? มรึงดู กี่ครั้งแล้ว เหี้ยมะกันยิงได้ลูก สองลูก คุยยาวเป็นปี ไอ้ที่ตายห่าคาทะเลแดง เรือบรรทุกเครื่องบินจม เรือรบหายวับ บินรบร่วง โดรนพันล้านดิ่งเหว เผ่นหางจุกตูดแทบไม่ทัน เยเมนบอก มรึงทำอะไรฟ่ะ? "แค่คันคัน" พูดให้เอาบุญ ของดี ของหนัก ไม่มีใครโง่เอามาตั้งให้มรึงส่องดอก ไอ้ควาย! ยังจะโง่ได้อีก ใช้สื่อเสี้ยม หลอกควายต่อ เยเมนแย่แล้ว คลังแสงไปหมดแล้ว ตายห่าเกลื่อน ควายชื่นชม โชคดี ที่มรึงกับกูเป็นคน ควายตัวจริงยังอายแทน? ด้านอียิวบอกพอแล้ว ไอ้สัส! มรึงยกไปถล่มเยเมนปาหี่ แต่แม่งยิงถล่มกูกลับ ซ้ำไม่เลิก ยิ่งบุก ยิ่งโดน คนดูเบื่อ มรึงมีปัญญาแค่นี้เองเหรอ? แล้วเสือกจะริครองโลก เยเมนยังไม่ผ่านเลย ไอ้สัส! นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า ละครมีไว้หลอกควาย เพราะควายมันเชื่อหมด บอกมรึงเกิดจากไดโนเสาร์แม่งก็เชื่อ เรื่องควายควายเนี่ย ต้องกลียุค? หากเป็นยุคอื่น เสียหมาไปนานแล้ว? หมี CNN(ไก่แด๊นซ์บนกองเพลิง(ตุรกีกำลังเมามันส์) ความสนุกเพิ่งจะเริ่ม อเมริกาจะเข้มข้น ศึกใน ศึกนอก มาไม่หยุด เต็มคาราเบลกันไปเลย อียิวขี้แตก เหลือแต่ซาก ซีเรียจบไปนานแล้ว แค่เอาบ่อน้ำมันคืน ถีบเหี้ยมมะกันออกไป ทุกอย่างจะกลับเข้าที่เข้าทางเอง เหี้ยอูฐ กำลังคิดแผนเอาคืนอีทรัมปป์ ขู่กูเช้าเย็น หากไม่อุ้มดอลล่าร์ อิหร่านสะกิด ใครบอกมรึงล่ะวง่า ต้องขายน้ำมันให้เหี้ยตะวันตกอีกต่อไป มรึงดูรัสเซีย แค่ขายเอเซีย ก็ไม่พอส่งแล้ว ยอดสั่งทะลัก กำไรทะลุ ตรงกันข้าม มรึงเทเหี้ย ไม่ขายน้ำมันให้มัน มันจะเอาน้ำมันที่ไหนใช้ อยู่ให้เป็น รู้คุณค่าตัวเอง มรึงถือไพ่เหนือกว่าน่ะ ต้องให้กูสอน?) 02 มกราคม 68 11.45 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** ชื่อเพจ ยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อ รออีก 60 วัน "แสงสว่าง สิริแสงสว่าง" https://www.facebook.com/profile.php?id=100015961291594
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 735 มุมมอง 0 รีวิว
  • 31-12-67/01 : หมี CNN / "บทสรุปมหากาพย์สุดยอดปี 67" จะเล่าแบบม้วนเดียวจบ รีบอ่านก่อนโดนลบ !!

    หลังโซเวียตแตก รัสเซีย จีน อิหร่าน เริ่มคุยกันนับแต่นั้นมา NATO เดินหน้าเขมือบแผ่นดินเก่าโซเวียต ล้างสมองคลั่งปชต. ความอดทนกว่า 30 ปี ทำให้ขั้วใหม่ผงาดฟ้า วิ่งแบบม้วนเดียวจบ สูตรเอาคืนคือ "ย้อนเกล็ดเหี้ย" ยึดพลังงาน อาหาร นวตกรรม การเงิน โลจิสติค แหล่งแร่ ทั้งหมด คือดึงทุกอย่างที่เหี้ยเคยมี เคยสร้าง ให้ย้ายฝั่งมาเอเซียทั้งหมด จุดเริ่มคือ จีนดึงโสมแดง อาเซียน แปซิฟิค แอฟริกา อิหร่านดึงโลกอาหรับ มุสลิม รัสเซียดึงยูเรเซีย ลาติน หมู่เกาะแคริบเบี้ยน 30 ปี ที่เข้าไปสร้างโครงสร้างให้ชาติกำลังพัฒนา เช่นเดียวกับสร้างฐานกองกำลัง ศูนย์ฝึกหน่วยรบป้องกันความมั่นคง จะแยกโลกออกจากเหี้ยได้ ต้องมีขุมกำลังที่ใหญ่กว่า แสนยานุภาพมากกว่า ทำได้ เพราะรัสเซีย จีน อิหร่าน มีสิ่งที่เหี้ยไม่มี นั่นคือ "แรงปรารถนา"

    ปัญหาของโลกคือ ทรัพยากรมีไว้ให้ใช้ไม่สิ้นสุด แต่เหี้ยยิวคิดจะเขมือบคนเดียว ขั้วใหม่ ใช้จุดนี้ ตีแสกหน้าเหี้ย สูตรใหม่ คิดใหม่ทำใหม่ ทำทุกอย่างตรงกันข้ามเหี้ยให้หมด ถึงได้ดึงทั้งโลกเข้ามาหาอย่างง่ายดาย มีใครอยากจะเป็นขี้ข้าเหี้ยไปตลอดชีวิตกันล่ะ นอกจากควายไทยบัดซบบางกลุ่มเท่านั้น เมื่อขุมกำลังใหญ่ขึ้น ก็คิดใหญ่มากกว่าเดิม จากแค่คิดเอาของเก่าคืน แต่เนื่องจากเหี้ยเล่นไม่เลิก จะประกาศศักดาทั้งที มันต้องเอาให้โลกจดจำ ปูติน คุย สีจิ้นผิง ถึงโครงการสายไหมของจีน สอดประสานเส้นทางท่แก็สรัสเซีย เชื่อมโลกทั้งใบ โดยมีอิหร่าน ตุรกี เป็นตัวเชื่อมเอเซีย แอฟริกา ลาติน ที่ผ่านมา เหี้ยยิวใช้เหี้ยอูฐ ในการแบ่งปันพลังงานให้เหล่าขี้ข้า และถูกเอาเปรียบ ชี้นิ้วสั่งตลอดเวลา ชนกับรัสเซียหลายครั้งในกลุ่ม OPEC จนถูกสั่งสอน น้ำมันท่วมโลก รัสเซียตัดราคา จนเหี้ยอูฐต้องเทน้ำมันทิ้ง เผาทิ้งไปอย่างไร้ประโยชน์ เพราะไม่มีที่เก็บ จากนั้น จีนก็เข้ามาเชื่อมสัมพันธ์ เปิดทางเดินปลดแอกเหี้ยให้เหี้ยอูฐ UAE กาตาร์ ต่างร่วมมือ แต่ยังเกรงใจเหี้ยอยู่ ไปไม่สุด ยังแทงกั๊ก จีน รัสเซีย อิหร่าน ถึงต้องขีดเส้นตายให้ การเปิดปมสงครามเยรูซาเล็ม โดยมีฮามาสประกาศศึก นั่นคือหมากที่รัสเซีย จีน อิหร่าน วางเอาไว้แต่แรกแล้ว มันจะมาหลังจากเครมลินเปิดหน้าชน NATO ที่ยูเครน ทุกอย่างเป็นไปตามแผนปูติน

    ไอ้อีเหี้ยหิวแสงทั้งหลาย จะกระโดดร่วมหม้อตุ๋น ตายห่าเกลื่อน นี่คือกับดักที่รัสเซียวางไว้ พลิกล็อค เหี้ยก็คิดว่าจะใช้ยูเครนเป็นเหยื่อล่อให้รัสเซียติดหล่มสงครามยาวจนเศรษฐกิจพัง เแล้วไหงกลับตาลปัตร NATO EU อเมริกา อิสราเอล เจ๊งยับเยิน เหตุเพราะรัสเซียมีจีน ตกลงกันไว้ก่อนแล้วว่า ไอ ออกหน้า ยู ออกตังค์ โอเคมั้ย? ที่มาว่าจีนสั่งพลังงานรัสเซียเต็มอัตราศึก อีแขกก็กระโดดร่วมด้วย ทั้งตุรกี ฟาโรห์ เอาด้วยหมด เพราะอยากกินส่วนต่าง ที่ไอ้อีหน้าโง่ยุโรปเสือกคว่ำบาตรจ้าวพลังงานโลก เหี้ยอูฐ และกลุ่ม OPEC+ จับมือยึดพลังงานโลก ไม่แจกจ่ายผลิตเพิ่มให้ตะวันตก เพื่อสอดคล้องแผนการมาของ BRICS ใครเข้า จะได้ใช้พลังงานราคาถูก เมื่อปากท้องเรียกร้อง หลังยุโรปติดหล่มสงครามจนเศรษฐกิจพังยับ อียิวก็ถูกรุกคืบอย่างหนัก เหี้ยถึงคิดจะหนีไปจุดไฟต่อที่แปซิฟิค อาเซียน แทน โดยใช้อีไต้หวัน อีปินส์ เป็นเหยื่อล่อจีน แต่รายนี้ ไม่เคยรอให้มรึงเขยิบก่อน จีนเปิดเกาะสแปรดลี่ย์ สร้างฐานทัพกันชนรอไว้ล่วงหน้าแล้ว ล่อเหี้ยเข้ามาตาย ที่นี่ถิ่นจีน ใครได้เปรียบกันล่ะ?

    อิหร่านจัดแผนโฆษณาชวนเชื่อสำเร็จ โลกประจักษ์เห็นธาตุแท้อียิวจนหมดเปลือก ได้กระแสต่อต้านยิวมาเต็มตรีน แม้แต่ยุโรปโลกสวยยังรับอียิวไม่ไหว? ชาวปาเลสไตน์ไม่ได้ตายเปล่า เค้าเอาชีวิตเข้าแลก เพื่อแลกแผ่นดินคานาอันคืน แผนการรบที่ผ่านมา ทั้งการตายแบบนินจาฮาโตริ ของบรรดาผู้นำกองกำลัง ผู้นำประเทศ แม้แต่หัวหน้าฝ่ายนิวเคลียร์ มันคือส่วนนึงของแผน ข่าวกรองถึงกันหมด ส่งใครมา อาวุธจากไหน กล้องวงจรปิด โทรศ์พท์ อินเตอร์เน็ต GPS อะไรที่เหี้ยมี รัสเซีย จีน อิหร่าน โสมแดง มีมากกว่าเยอะ หน่วยไซเบอร์จีนมีเป็นล้าน มรึงจะเอาใครค้นหาได้เร็วกว่าล่ะ? AI ใครพัฒนาเร็วสุด ดาวเทียมรุ่นใหม่ ใครล้ำหน้าที่สุด ดังนั้น เวลาจะเจอข่าวอะไร? มันมีอยู่แค่ "เค้าต้องการให้รู้แค่ไหน" อะไรที่เป็นความลับ จะไม่มีวันได้รู้ เพราะนั่นคือเป้าหมายแท้จริง จนถึงวันที่สำเร็จแล้ว

    แผนการทั้งหมดแค่เป็นส่วนนึงของแผนการใหญ่ การเปลี่ยนโลกไม่ง่ายดาย การจะให้ควายทั้งโลกเดินตามได้ ต้องแสดงให้เป็นที่ประจักษ์ ว่าใครคือ "หัวหน้าตัวจริง" ควายจะยอมรับแค่ "อำนาจ กับเงินตรา" หากมี 2 สิ้งนี้ 100 ขี้ข้าเหี้ยก็ยอมย้ายขั้วชัวร์ ขั้วใหม่อ่านจุดนี้ขาดกระจุย ถึงได้มีตัวละครใหม่เข้ามาในเกมส์นี้ ไม่ซ้ำหน้า ทั้งตุรกี ทั้งซาอุ UAE ฟาโรห์ ทั้งหมารับใช้เหี้ยในอาเซียน และเอเซียใต้ ย้ายหมด รวดเร็วเกินคาด เพราะเจ้ามือเก่า เจ๊งไปเรียบร้อยแล้ว รอวันฟองสบู่แตก จริงๆ คือแตกไปนานแล้ว มันอยู่ที่จีน รัสเซีย จะประกาศเป็นทางการเมื่อไหร่เท่านั้นเอง ที่ยังเลี้ยงไว้ ก็เพื่อรอคอยเวลาที่ใช่ หากเลือกจังหวะผิด เกมส์ที่เดินมาทั้งหมด จะย้อนกลับทันที ไม่เร่งเกินไป ไม่รอจนเกิดสูญญากาศ หากสังเกตุ ผู้นำยุโรปเริ่มเปลี่ยนหน้าไปแล้วหลายประเทศ แนวทางปชต.เริ่มเป็นที่ไม่ยอมรับ กติกาเดิมโลกไม่เอา ของสดใหม่ ย่อมดีกว่าเสมอ หากเอาผลประโยชน์ร่วมเป็นที่ตั้ง เมื่อเห็นภาพรวมใหญ่แล้วว่า รัสเซีย จีน จะเดินหน้า โดยใช้ BRICS นำโลก ใช้เส้นทางสายไหมจีน เดินคู่ท่อแก็ส โลจิสติคถึง พลังงานถึง โลกจะเดินหน้าเร็วกว่าเก่าเยอะ ด้วยเทคโนโลยีจีนยุคใหม่ ทำอะไรก็ได้แค่ 30 วัน

    กองกำลัง แสนยานุภาพที่มีทั้งหมดในวันนี้ จะกลายเป็นเป็นกองทัพโลกยุคใหม่ในไม่ช้า? จะไม่เหลือ NATO อีกต่อไป เพราะโลกคือโลกเดียว กติกาเดียว สภาโลกก่อเกิด กองทัพโลกจึงเกิดตาม หมดยุคทะเลาะกัน ไม่มีอียิวนำ โลกสงบสุข เพราะไม่ต้องไปเสี้ยมใครอีก? จากนี้สิ่งที่จะเกิด คือการผนวกรวมชาติ ชาติเล็กที่อยู่ไม่รอด ก็จะจับกลุ่มตั้งพันธมิตร กลุ่มประเทศในพื้นที่เฉพาะ เฉกเช่นเดียวกับอาเซียน อำนาจต่อรอง อยู่ที่ความสามารถของกลุ่มประเทศนั้นๆ ชาติผู้นำดี มรึงก็มั่นคง สุดท้าย ใครไปไม่รอด ก็ตกเป็นแผ่นดินของขาใหญ่ต่อไป เพราะปากท้องยังต้องมี ยูเครนรวมรัสเซีย กลุ่มยุโรปตะวันออก ก็จะจับมือกันอยู่ภายใต้กฎหมายรัสเซียใหม่ พิมพ์เขียวใหญ่ที่เครมลินวางแบบแผนเอาไว้ เริ่มเข้าโครงร่างเป็นจริง ส่วนเหี้ยยิว ก็คิดจะจัดตั้งรัฐยิวใหม่เช่นกัน

    มันคือการผลัดใบใหม่ ของขั้วอำนาจเก่าสู่มือยิวเต็มตัว แต่ปัญหาอยู่ที่ โลกไม่ต้อนรับยิว มรึงจึงถูกบีบให้ไปอยู่รวมกันที่อเมริกาเหนือ และบางส่วนก็กระจัดกระจาย ในยุโรปไม่ปลอดภัยอีกต่อไป เพราะมีมุสลิมเป็นล้านคอยจ้องเก็บกวาดอยู่ ประวัติศาสตร์หน้าไหนก็ไม่เคยเปลี่ยนดอกน่ะ มันถูกกำหนดมาใน DNA ศรัทธามันซึมซับไม่รู้จบ เมื่อรู้เกมส์จะออกหน้าไหนแล้ว ข้ามมาปี 68 คือ "ปีแห่งการพิพากษา" แสงทำงานเต็มกำลัง เหี้ยจะอยู่เฉยต่อไม่ได้อีกแล้ว ต้องเปิดหน้าแลก เพื่อให้แผนการสวรรค์สำเร็จลุล่วงไปได้ หากอเมริกาไม่นำสงคราม อียิวและเหล่าขี้ข้าจะจัดฉาก ให้ก่อ WWIII ให้ได้ แต่ไม่ว่าเสี้ยนอยากรบแค่ไหน? คำถามเดียว ที่ไร้คำตอบ "มรึงจะเอาชนะขั้วใหม่ได้ยังไง?" กลศึก แม้ต้องแพ้ยับ ก็ต้องเปิด เพื่อปูทางสู่การเจรจา แปลว่าอะไร? อียิวมันไม่คิดจะชนะตั้งแต่แรกแล้ว มันแค่ต้องการสร้างความเสียหายให้โลก เพื่อที่จะแบมือขอความช่วยเหลือนายทุนสามานย์ต่อ ซึ่งก็คือยิวทั้งนั้น แต่ช้าก่อน โลกยุคใหม่ ไม่มีแค่นายทุนยิว แต่มีทุนจีน ทุนรัสเซีย เข้ามาเพิ่ม ดังนั้นเหี้ยมองแต่ขี้ข้าเป็นผู้ส่งส่วยให้มาตลอด แต่ขั้วใหม่ทำตรงกันข้าม ใช้ขี้ข้าเข้ามามีส่วนร่วมกับโลก จุดนี้ จึงจะทำให้โลกแยกตัวออกจากเหี้ยได้จริง

    การแบ่งแยกจะเด่นชัดมากยิ่งขึ้น เวทีโลก จะมี 2 ฝั่ง กฎหมายโลก จะถูกยอมรับแค่ผู้ชนะเท่านั้น แต่เหี้ยจะตะแบงใช้ของมันเอง ซึ่งจะกลายเป็นชนกลุ่มน้อยต่อมา จีน รัสเซีย ได้นำนวตกรรมใหม่ เทคโนโลยีใหม่ และกระจายความเสี่ยงไปสู่นอกโลก หากโลกต้องสูญเสียสนามแม่เหล็กไปจำนวนมาก เพราะเกิดจากสงครามนิวเคลียร์ ยามเมื่อแกนโลกเอียง ทุกอย่างจะกลับตาลปัตร ร้อนเป็นเย็น เย็นเป็นร้อนจัด ภูมิอากาศแปรปรวน จีน รัสเซีย อิหร่าน ทำฐานสำรองพลเมืองโลกบนดวงจันทร์รอไว้แล้ว ต่อไปก็ดาวอังคาร เพราะพิสูจน์แล้วว่ามีน้ำ จุดก่อเกิดทุกสรรพสิ่ง STAR WARS จึงไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป การสูญเสียนับจากนี้ คือสิ่งที่สวรรค์ได้คัดสรรไว้ก่อนแล้ว ขยะโลกก็ตายไปซะ ผู้ที่มีดวงตาเห็นธรรมจะพิสูจน์ตัวเองด้วยสติปัญญา ไม่หลงทาง ก็ไม่เป็นเหยื่อ ปลายทางของสงครามครั้งสุดท้าย คือรัสเซีย จีน ชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทั้งในเชิงศรัทธา และการยอมรับ จุดกำเนิด "สภาโลก ถ่วงดุลอำนาจของแท้"

    ข้ามมาอโยธยาศรีรามเทพนคร ศรีธนญชัย ปี 68 คือการไล่ล่าของฝ่ายแสง ความจริงจะปรากฎทุกมิติ เรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามา จะถูกเปิดเผย โลกความจริงมักจะโหดร้ายกว่าที่คิดเสมอ จุดจบของไอ้อีขายชาติทั้งหลาย คือ "ไร้แผ่นดินอยู่" ไม่ว่ามรึงจะหนีไปไหน สุดท้ายก็ถูกสั่งเก็บอยู่ดี เงินซื้อชีวิตมรึงไม่ได้ วิญญานที่มรึงเคยเข่นฆ่าเค้า ตามจองเวรจองกรรมกับมรึงไม่รู้จบ ไม่รู้กี่ภพชาติ ไม่รู้ชะตากรรม จนกว่าจะอโหสิกรรมให้ และชดใช้กรรมจนครบ ถึงจะกำเนิดใหม่ โปรดสังเกตุ นายพลฝ่ายวังเข้ามาควบคุมอำนาจทหารเบ็ดเสร็จ ฝ่ายการเมืองได้แต่จ้องเศษเงิน แต่ท้องพระคลังจริง ไม่ได้แตะ เค้าไม่อนุญาตให้มรึงเสือก ไอ้ที่เห็นแค่คำกล่าวอ้าง ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีใครเป็นแบ็คให้ แต่วังเรา มีรัสเซีย จีน หนุนตลอดเวลา แค่นั้นก็ครองอาเซียนสบายตรีนแล้ว เพื่อนคือไว้ใจ และเพื่อนไม่หักหลัง นี่คือคอนเซปสัมพันธ์ ทุกความทุกข์ยากที่ผ่านมา ความอยุติธรรมที่ชาวบ้านได้รับ มันคือบททดสอบของสวรรค์ มันการสั่งสอนของแสง ไม่เจ็บ ไม่สำนึก ไม่ฉลาดขึ้น ก็ไม่มีทางหลุดพ้นบ่วงกรรม วังวนเหี้ย

    ชาวอโยธยาจะสู้เพื่อสิ่งเดียว คือ "ชาติ ศาสน์ กษัตริย์" แค่มีผู้นำที่กล้าหาญ คนตามทั้งแผ่นดิน ไม่ว่ากี่ยุค กี่สมัย เมื่อวังนำหน้า ประชาชนจะอุ่นใจ เมื่อวังสั่งการ กองทัพจะมั่นคง เกมส์โลก กำหนดทิศทางไทย โดยเลี่ยงไม่ได้ เพราะเราถูกวางเป็นตัวยืน เหตุเพราะจุดยุทธศาสตร์ที่เราอยู่ เรามี นั่นเอง

    ปล.ปี 68 เตรียมสติ อาหาร กำลังใจ ศรัทธา พักให้พอ นอนให้อิ่ม เพราะเวลามันใกล้เข้ามาแล้ว 17 ปีแล้ว ตั้งแต่กูเปิดเพจหมี CNN ขึ้นมา นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วในภพนี้ ที่จะได้กอบกู้บ้านเมือง ทำคุณแผ่นดิน ตอบแทนพระคุณพ่ออยู่หัว เค้าไม่ได้ให้มรึงไปตาย แต่เค้าให้มรึงไปแสดงตัว ว่ากูคือลูกพ่อ พ่อกูชื่อ "ภูมิพล" คน 2 แผ่นดินปกป้องรักษา สืบสานต่อจากบรรพบุรุษส่งให้มา เงินทอง ใช้พอดี อย่าเกินตัว คิดให้รัดกุม อยากจะแดร๊กอะไรก็แดร๊กซะ จงอยู่กับสติ และใช้ปัญญาให้มาก คิดแย้งก่อนจะเชื่ออะไร? เพราะทุกความจริง ต่างมีแง่มุมที่แตกต่างเช่นกัน ทำใจได้เลย สงครามใหญ่ก่อเกิด มรึงจะให้หนีไปไหนได้อีกล่ะ หากไม่ใช่ "สยามเมืองยิ้ม" อยู่ที่นี่ ถูกและดี มั่นคง ปลอดภัย อบายมุขเพี๊ยบ ตอบสนอง 24 ชม. เมากัญชาก็ได้ ฆ่าตำรวจก็ได้ ยังไม่ติดคุกเลย จ่ายครบ จบทันที ขบวนการยุติธรรมจะถูกรื้อขึ้นมาใหม่ ระบบใครสร้าง ระบบใครเอื้อ แก้ที่คนก่อน ระบบจะดีตามเอง ทรัพยากรบุคคลสำคัญที่สุด นี่คือเหตุผลที่จีนสร้างชาติยุคใหม่ เน้นทุ่มเงินไปที่ทรัพยากรบุคคลนี่แหละ คนสร้างกันได้ แต่จิตสำนึกย่อมต้องมีควบคู่ จะเอาแต่เงินอย่างเดียว ไร้ศีลธรรม บ้านเมืองก็ล่มสลาย

    เราฉีกรัฐธรรมนูญมาแล้ว 19 ฉบับ ครั้งที่ 20 ทำไมจะไม่มี และก็ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายด้วย ตราบใดที่ความมั่นคงประเทศไม่ปลอดภัย รัฐธรรมนูญก็ช่วยอะไรไม่ได้ กองทัพอ่อนแอ วังอ่อนแอ ชาติก็ล่มสลาย พ่อหลวงท่านมองการณ์ล่วงหน้าแล้ว ท่านหยั่งรู้ฟ้าดิน ถึงได้ส่งต่อแผ่นดินให้พ่อร.10 ผู้เป็นหนึ่งในทหารเอก ที่รู้จักกองทัพไทยดีกว่าใคร? ที่มาว่า ทำไมจึงต้องเป็นพระราชินีองค์นี้ พ่อเป็นแม่ทัพ แม่เป็นขุนศึก ตอบสนองยุคสมัยผลัดเปลี่ยน กลียุคต้องยาแรง กลียุคต้องเด็ดขาด เราผ่านอะไรมาเยอะแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เรื่องใหม่ที่จะเกิดขึ้น หลังพศ.2475 นั่นคือ "พ่อปกครองลูกจะกลับมาอีกครั้ง" ต่างหากล่ะ ส่งคืนพระราชอำนาจ ไม่ได้พูดปากเปล่า ใครปฎิวัติ? คนนั้นแหละ ส่งมอบคืนให้ ไม่ต้องเร่งรีบแดร๊กปชต.ตอแหลต่อ เพราะยุคปลายกลียุค ปชต.เสื่อมหมดแล้ว ยามที่ปชช.ปากท้องอิ่ม ใครจะห่วงเรื่องปชต.ต่ออีกล่ะ? เมื่อจิกซอร์ตัวแรกโผล่มาแล้ว มันจะเกิดโดมิโน่แอฟเฟคเอง คนไทยเบื่ออะไร คนไทยต้องการอะไร วังรับรู้หมดสิ้นแล้ว รอแค่เวลาที่เหมาะสม ทุกดวงใจจะเปรมปรีเบ่งบานอีกครั้ง

    ไทยจะปกครองไทย ไม่ใช่ให้ใครมาปกครองเรา รูปแบบใหม่ ไทยจะเฟื่องฟูอำนาจ ทั้งการเงิน การคลัง การทหาร รอดูเด็กรุ่นใหม่ ที่ไม่ใช่รุ่นนี้ รุ่นหลาน เหลน โหลน จะสร้างชาติแบบที่โลกต้องตะลึง คนยุคเรา คน 2 แผ่นดิน จะตายไปพร้อมกับไอ้อีลูกหลานจัญไร ในกลียุคทั้งหมด เพราะเราเกิดมา ก็เพื่อการณ์นี้ จงทำภาระกิจให้สำเร็จ กวาดล้างบางสิ่งสกปรกโสมมในแผ่นดินออกไปให้หมด อย่าให้ลูกหลานรุ่นต่อไป ต้องมาจัดการต่อแทนอีกเลย เหี้ยขายชาติต้องตายคาตรีนคนรุ่นนี้เท่านั้น จบที่มรึงและกู นอนตายตาหลับ ปี 68 สู้เต็มกำลัง อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อย่าได้กลัว แสงให้พลังพวกมรึง แสงก็คุ้มครองพวกมรึงด้วยเช่นกัน

    ปล. 2 โพสกระทู้ต่อไป ค่อยเป็นโพสสวัสดีปีใหม่ 2568 อยากขอบคุณ ผู้อยู่เบื้องหลังทุกคน ผู้ที่ทำประโยชน์ต่อแผ่นดิน โดยไร้ตัวตนทั้งหลาย ปีนี้ ไม่ใช่จะเลวร้ายซะทุกอย่าง มันคือวัคซีนฉีดให้คนไทยได้ตื่นรู้ และพร้อมรับมือกับสิ่งที่ร้ายแรงกว่านี้ แต่ใจยังยิ้มได้ เพราะสติมี ปัญญาเกิด ไม่ต้องไปเครียด กับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น สู้กันไป วันต่อวัน เท่านั้นพอ กินให้อิ่ม หลับให้สบาย นั่นคือยาชั้นดี พรุ่งนี้ ก็เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ ทำแต่ละวันให้ดีที่สุดพอ

    หมี CNN(เรื่องราวอะไรในปี 67 ที่ไม่ดี ไม่งาม ที่เกิดกับตัวเรา จงอย่าแบกเอาไว้ ปล่อยให้มันผ่านไป แล้วจงเตรียมตัวรับสิ่งใหม่เข้ามาแทน อย่ากลัว อย่าตื่นตระหนก นิ่งเข้าไว้ สงบเข้าว่า ดวงตาจะเปิดเอง ทุกปัญหาแก้ได้ แค่จะถูกใจมรึงหรือไม่เท่านั้นเอง ได้อย่าง ก็ต้องเสียอย่าง สมดุลธรรมชาติ)
    31 ธันาวคม 67(วันสิ้นปี จงยืนหยัด ศรัทธาเชื่อมั่น เหมือนที่เคยเป็นมา)
    00.08 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    ชื่อเพจ ยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อ รออีก 60 วัน "แสงสว่าง สิริแสงสว่าง"
    https://www.facebook.com/profile.php?id=100015961291594
    31-12-67/01 : หมี CNN / "บทสรุปมหากาพย์สุดยอดปี 67" จะเล่าแบบม้วนเดียวจบ รีบอ่านก่อนโดนลบ !! หลังโซเวียตแตก รัสเซีย จีน อิหร่าน เริ่มคุยกันนับแต่นั้นมา NATO เดินหน้าเขมือบแผ่นดินเก่าโซเวียต ล้างสมองคลั่งปชต. ความอดทนกว่า 30 ปี ทำให้ขั้วใหม่ผงาดฟ้า วิ่งแบบม้วนเดียวจบ สูตรเอาคืนคือ "ย้อนเกล็ดเหี้ย" ยึดพลังงาน อาหาร นวตกรรม การเงิน โลจิสติค แหล่งแร่ ทั้งหมด คือดึงทุกอย่างที่เหี้ยเคยมี เคยสร้าง ให้ย้ายฝั่งมาเอเซียทั้งหมด จุดเริ่มคือ จีนดึงโสมแดง อาเซียน แปซิฟิค แอฟริกา อิหร่านดึงโลกอาหรับ มุสลิม รัสเซียดึงยูเรเซีย ลาติน หมู่เกาะแคริบเบี้ยน 30 ปี ที่เข้าไปสร้างโครงสร้างให้ชาติกำลังพัฒนา เช่นเดียวกับสร้างฐานกองกำลัง ศูนย์ฝึกหน่วยรบป้องกันความมั่นคง จะแยกโลกออกจากเหี้ยได้ ต้องมีขุมกำลังที่ใหญ่กว่า แสนยานุภาพมากกว่า ทำได้ เพราะรัสเซีย จีน อิหร่าน มีสิ่งที่เหี้ยไม่มี นั่นคือ "แรงปรารถนา" ปัญหาของโลกคือ ทรัพยากรมีไว้ให้ใช้ไม่สิ้นสุด แต่เหี้ยยิวคิดจะเขมือบคนเดียว ขั้วใหม่ ใช้จุดนี้ ตีแสกหน้าเหี้ย สูตรใหม่ คิดใหม่ทำใหม่ ทำทุกอย่างตรงกันข้ามเหี้ยให้หมด ถึงได้ดึงทั้งโลกเข้ามาหาอย่างง่ายดาย มีใครอยากจะเป็นขี้ข้าเหี้ยไปตลอดชีวิตกันล่ะ นอกจากควายไทยบัดซบบางกลุ่มเท่านั้น เมื่อขุมกำลังใหญ่ขึ้น ก็คิดใหญ่มากกว่าเดิม จากแค่คิดเอาของเก่าคืน แต่เนื่องจากเหี้ยเล่นไม่เลิก จะประกาศศักดาทั้งที มันต้องเอาให้โลกจดจำ ปูติน คุย สีจิ้นผิง ถึงโครงการสายไหมของจีน สอดประสานเส้นทางท่แก็สรัสเซีย เชื่อมโลกทั้งใบ โดยมีอิหร่าน ตุรกี เป็นตัวเชื่อมเอเซีย แอฟริกา ลาติน ที่ผ่านมา เหี้ยยิวใช้เหี้ยอูฐ ในการแบ่งปันพลังงานให้เหล่าขี้ข้า และถูกเอาเปรียบ ชี้นิ้วสั่งตลอดเวลา ชนกับรัสเซียหลายครั้งในกลุ่ม OPEC จนถูกสั่งสอน น้ำมันท่วมโลก รัสเซียตัดราคา จนเหี้ยอูฐต้องเทน้ำมันทิ้ง เผาทิ้งไปอย่างไร้ประโยชน์ เพราะไม่มีที่เก็บ จากนั้น จีนก็เข้ามาเชื่อมสัมพันธ์ เปิดทางเดินปลดแอกเหี้ยให้เหี้ยอูฐ UAE กาตาร์ ต่างร่วมมือ แต่ยังเกรงใจเหี้ยอยู่ ไปไม่สุด ยังแทงกั๊ก จีน รัสเซีย อิหร่าน ถึงต้องขีดเส้นตายให้ การเปิดปมสงครามเยรูซาเล็ม โดยมีฮามาสประกาศศึก นั่นคือหมากที่รัสเซีย จีน อิหร่าน วางเอาไว้แต่แรกแล้ว มันจะมาหลังจากเครมลินเปิดหน้าชน NATO ที่ยูเครน ทุกอย่างเป็นไปตามแผนปูติน ไอ้อีเหี้ยหิวแสงทั้งหลาย จะกระโดดร่วมหม้อตุ๋น ตายห่าเกลื่อน นี่คือกับดักที่รัสเซียวางไว้ พลิกล็อค เหี้ยก็คิดว่าจะใช้ยูเครนเป็นเหยื่อล่อให้รัสเซียติดหล่มสงครามยาวจนเศรษฐกิจพัง เแล้วไหงกลับตาลปัตร NATO EU อเมริกา อิสราเอล เจ๊งยับเยิน เหตุเพราะรัสเซียมีจีน ตกลงกันไว้ก่อนแล้วว่า ไอ ออกหน้า ยู ออกตังค์ โอเคมั้ย? ที่มาว่าจีนสั่งพลังงานรัสเซียเต็มอัตราศึก อีแขกก็กระโดดร่วมด้วย ทั้งตุรกี ฟาโรห์ เอาด้วยหมด เพราะอยากกินส่วนต่าง ที่ไอ้อีหน้าโง่ยุโรปเสือกคว่ำบาตรจ้าวพลังงานโลก เหี้ยอูฐ และกลุ่ม OPEC+ จับมือยึดพลังงานโลก ไม่แจกจ่ายผลิตเพิ่มให้ตะวันตก เพื่อสอดคล้องแผนการมาของ BRICS ใครเข้า จะได้ใช้พลังงานราคาถูก เมื่อปากท้องเรียกร้อง หลังยุโรปติดหล่มสงครามจนเศรษฐกิจพังยับ อียิวก็ถูกรุกคืบอย่างหนัก เหี้ยถึงคิดจะหนีไปจุดไฟต่อที่แปซิฟิค อาเซียน แทน โดยใช้อีไต้หวัน อีปินส์ เป็นเหยื่อล่อจีน แต่รายนี้ ไม่เคยรอให้มรึงเขยิบก่อน จีนเปิดเกาะสแปรดลี่ย์ สร้างฐานทัพกันชนรอไว้ล่วงหน้าแล้ว ล่อเหี้ยเข้ามาตาย ที่นี่ถิ่นจีน ใครได้เปรียบกันล่ะ? อิหร่านจัดแผนโฆษณาชวนเชื่อสำเร็จ โลกประจักษ์เห็นธาตุแท้อียิวจนหมดเปลือก ได้กระแสต่อต้านยิวมาเต็มตรีน แม้แต่ยุโรปโลกสวยยังรับอียิวไม่ไหว? ชาวปาเลสไตน์ไม่ได้ตายเปล่า เค้าเอาชีวิตเข้าแลก เพื่อแลกแผ่นดินคานาอันคืน แผนการรบที่ผ่านมา ทั้งการตายแบบนินจาฮาโตริ ของบรรดาผู้นำกองกำลัง ผู้นำประเทศ แม้แต่หัวหน้าฝ่ายนิวเคลียร์ มันคือส่วนนึงของแผน ข่าวกรองถึงกันหมด ส่งใครมา อาวุธจากไหน กล้องวงจรปิด โทรศ์พท์ อินเตอร์เน็ต GPS อะไรที่เหี้ยมี รัสเซีย จีน อิหร่าน โสมแดง มีมากกว่าเยอะ หน่วยไซเบอร์จีนมีเป็นล้าน มรึงจะเอาใครค้นหาได้เร็วกว่าล่ะ? AI ใครพัฒนาเร็วสุด ดาวเทียมรุ่นใหม่ ใครล้ำหน้าที่สุด ดังนั้น เวลาจะเจอข่าวอะไร? มันมีอยู่แค่ "เค้าต้องการให้รู้แค่ไหน" อะไรที่เป็นความลับ จะไม่มีวันได้รู้ เพราะนั่นคือเป้าหมายแท้จริง จนถึงวันที่สำเร็จแล้ว แผนการทั้งหมดแค่เป็นส่วนนึงของแผนการใหญ่ การเปลี่ยนโลกไม่ง่ายดาย การจะให้ควายทั้งโลกเดินตามได้ ต้องแสดงให้เป็นที่ประจักษ์ ว่าใครคือ "หัวหน้าตัวจริง" ควายจะยอมรับแค่ "อำนาจ กับเงินตรา" หากมี 2 สิ้งนี้ 100 ขี้ข้าเหี้ยก็ยอมย้ายขั้วชัวร์ ขั้วใหม่อ่านจุดนี้ขาดกระจุย ถึงได้มีตัวละครใหม่เข้ามาในเกมส์นี้ ไม่ซ้ำหน้า ทั้งตุรกี ทั้งซาอุ UAE ฟาโรห์ ทั้งหมารับใช้เหี้ยในอาเซียน และเอเซียใต้ ย้ายหมด รวดเร็วเกินคาด เพราะเจ้ามือเก่า เจ๊งไปเรียบร้อยแล้ว รอวันฟองสบู่แตก จริงๆ คือแตกไปนานแล้ว มันอยู่ที่จีน รัสเซีย จะประกาศเป็นทางการเมื่อไหร่เท่านั้นเอง ที่ยังเลี้ยงไว้ ก็เพื่อรอคอยเวลาที่ใช่ หากเลือกจังหวะผิด เกมส์ที่เดินมาทั้งหมด จะย้อนกลับทันที ไม่เร่งเกินไป ไม่รอจนเกิดสูญญากาศ หากสังเกตุ ผู้นำยุโรปเริ่มเปลี่ยนหน้าไปแล้วหลายประเทศ แนวทางปชต.เริ่มเป็นที่ไม่ยอมรับ กติกาเดิมโลกไม่เอา ของสดใหม่ ย่อมดีกว่าเสมอ หากเอาผลประโยชน์ร่วมเป็นที่ตั้ง เมื่อเห็นภาพรวมใหญ่แล้วว่า รัสเซีย จีน จะเดินหน้า โดยใช้ BRICS นำโลก ใช้เส้นทางสายไหมจีน เดินคู่ท่อแก็ส โลจิสติคถึง พลังงานถึง โลกจะเดินหน้าเร็วกว่าเก่าเยอะ ด้วยเทคโนโลยีจีนยุคใหม่ ทำอะไรก็ได้แค่ 30 วัน กองกำลัง แสนยานุภาพที่มีทั้งหมดในวันนี้ จะกลายเป็นเป็นกองทัพโลกยุคใหม่ในไม่ช้า? จะไม่เหลือ NATO อีกต่อไป เพราะโลกคือโลกเดียว กติกาเดียว สภาโลกก่อเกิด กองทัพโลกจึงเกิดตาม หมดยุคทะเลาะกัน ไม่มีอียิวนำ โลกสงบสุข เพราะไม่ต้องไปเสี้ยมใครอีก? จากนี้สิ่งที่จะเกิด คือการผนวกรวมชาติ ชาติเล็กที่อยู่ไม่รอด ก็จะจับกลุ่มตั้งพันธมิตร กลุ่มประเทศในพื้นที่เฉพาะ เฉกเช่นเดียวกับอาเซียน อำนาจต่อรอง อยู่ที่ความสามารถของกลุ่มประเทศนั้นๆ ชาติผู้นำดี มรึงก็มั่นคง สุดท้าย ใครไปไม่รอด ก็ตกเป็นแผ่นดินของขาใหญ่ต่อไป เพราะปากท้องยังต้องมี ยูเครนรวมรัสเซีย กลุ่มยุโรปตะวันออก ก็จะจับมือกันอยู่ภายใต้กฎหมายรัสเซียใหม่ พิมพ์เขียวใหญ่ที่เครมลินวางแบบแผนเอาไว้ เริ่มเข้าโครงร่างเป็นจริง ส่วนเหี้ยยิว ก็คิดจะจัดตั้งรัฐยิวใหม่เช่นกัน มันคือการผลัดใบใหม่ ของขั้วอำนาจเก่าสู่มือยิวเต็มตัว แต่ปัญหาอยู่ที่ โลกไม่ต้อนรับยิว มรึงจึงถูกบีบให้ไปอยู่รวมกันที่อเมริกาเหนือ และบางส่วนก็กระจัดกระจาย ในยุโรปไม่ปลอดภัยอีกต่อไป เพราะมีมุสลิมเป็นล้านคอยจ้องเก็บกวาดอยู่ ประวัติศาสตร์หน้าไหนก็ไม่เคยเปลี่ยนดอกน่ะ มันถูกกำหนดมาใน DNA ศรัทธามันซึมซับไม่รู้จบ เมื่อรู้เกมส์จะออกหน้าไหนแล้ว ข้ามมาปี 68 คือ "ปีแห่งการพิพากษา" แสงทำงานเต็มกำลัง เหี้ยจะอยู่เฉยต่อไม่ได้อีกแล้ว ต้องเปิดหน้าแลก เพื่อให้แผนการสวรรค์สำเร็จลุล่วงไปได้ หากอเมริกาไม่นำสงคราม อียิวและเหล่าขี้ข้าจะจัดฉาก ให้ก่อ WWIII ให้ได้ แต่ไม่ว่าเสี้ยนอยากรบแค่ไหน? คำถามเดียว ที่ไร้คำตอบ "มรึงจะเอาชนะขั้วใหม่ได้ยังไง?" กลศึก แม้ต้องแพ้ยับ ก็ต้องเปิด เพื่อปูทางสู่การเจรจา แปลว่าอะไร? อียิวมันไม่คิดจะชนะตั้งแต่แรกแล้ว มันแค่ต้องการสร้างความเสียหายให้โลก เพื่อที่จะแบมือขอความช่วยเหลือนายทุนสามานย์ต่อ ซึ่งก็คือยิวทั้งนั้น แต่ช้าก่อน โลกยุคใหม่ ไม่มีแค่นายทุนยิว แต่มีทุนจีน ทุนรัสเซีย เข้ามาเพิ่ม ดังนั้นเหี้ยมองแต่ขี้ข้าเป็นผู้ส่งส่วยให้มาตลอด แต่ขั้วใหม่ทำตรงกันข้าม ใช้ขี้ข้าเข้ามามีส่วนร่วมกับโลก จุดนี้ จึงจะทำให้โลกแยกตัวออกจากเหี้ยได้จริง การแบ่งแยกจะเด่นชัดมากยิ่งขึ้น เวทีโลก จะมี 2 ฝั่ง กฎหมายโลก จะถูกยอมรับแค่ผู้ชนะเท่านั้น แต่เหี้ยจะตะแบงใช้ของมันเอง ซึ่งจะกลายเป็นชนกลุ่มน้อยต่อมา จีน รัสเซีย ได้นำนวตกรรมใหม่ เทคโนโลยีใหม่ และกระจายความเสี่ยงไปสู่นอกโลก หากโลกต้องสูญเสียสนามแม่เหล็กไปจำนวนมาก เพราะเกิดจากสงครามนิวเคลียร์ ยามเมื่อแกนโลกเอียง ทุกอย่างจะกลับตาลปัตร ร้อนเป็นเย็น เย็นเป็นร้อนจัด ภูมิอากาศแปรปรวน จีน รัสเซีย อิหร่าน ทำฐานสำรองพลเมืองโลกบนดวงจันทร์รอไว้แล้ว ต่อไปก็ดาวอังคาร เพราะพิสูจน์แล้วว่ามีน้ำ จุดก่อเกิดทุกสรรพสิ่ง STAR WARS จึงไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป การสูญเสียนับจากนี้ คือสิ่งที่สวรรค์ได้คัดสรรไว้ก่อนแล้ว ขยะโลกก็ตายไปซะ ผู้ที่มีดวงตาเห็นธรรมจะพิสูจน์ตัวเองด้วยสติปัญญา ไม่หลงทาง ก็ไม่เป็นเหยื่อ ปลายทางของสงครามครั้งสุดท้าย คือรัสเซีย จีน ชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทั้งในเชิงศรัทธา และการยอมรับ จุดกำเนิด "สภาโลก ถ่วงดุลอำนาจของแท้" ข้ามมาอโยธยาศรีรามเทพนคร ศรีธนญชัย ปี 68 คือการไล่ล่าของฝ่ายแสง ความจริงจะปรากฎทุกมิติ เรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามา จะถูกเปิดเผย โลกความจริงมักจะโหดร้ายกว่าที่คิดเสมอ จุดจบของไอ้อีขายชาติทั้งหลาย คือ "ไร้แผ่นดินอยู่" ไม่ว่ามรึงจะหนีไปไหน สุดท้ายก็ถูกสั่งเก็บอยู่ดี เงินซื้อชีวิตมรึงไม่ได้ วิญญานที่มรึงเคยเข่นฆ่าเค้า ตามจองเวรจองกรรมกับมรึงไม่รู้จบ ไม่รู้กี่ภพชาติ ไม่รู้ชะตากรรม จนกว่าจะอโหสิกรรมให้ และชดใช้กรรมจนครบ ถึงจะกำเนิดใหม่ โปรดสังเกตุ นายพลฝ่ายวังเข้ามาควบคุมอำนาจทหารเบ็ดเสร็จ ฝ่ายการเมืองได้แต่จ้องเศษเงิน แต่ท้องพระคลังจริง ไม่ได้แตะ เค้าไม่อนุญาตให้มรึงเสือก ไอ้ที่เห็นแค่คำกล่าวอ้าง ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีใครเป็นแบ็คให้ แต่วังเรา มีรัสเซีย จีน หนุนตลอดเวลา แค่นั้นก็ครองอาเซียนสบายตรีนแล้ว เพื่อนคือไว้ใจ และเพื่อนไม่หักหลัง นี่คือคอนเซปสัมพันธ์ ทุกความทุกข์ยากที่ผ่านมา ความอยุติธรรมที่ชาวบ้านได้รับ มันคือบททดสอบของสวรรค์ มันการสั่งสอนของแสง ไม่เจ็บ ไม่สำนึก ไม่ฉลาดขึ้น ก็ไม่มีทางหลุดพ้นบ่วงกรรม วังวนเหี้ย ชาวอโยธยาจะสู้เพื่อสิ่งเดียว คือ "ชาติ ศาสน์ กษัตริย์" แค่มีผู้นำที่กล้าหาญ คนตามทั้งแผ่นดิน ไม่ว่ากี่ยุค กี่สมัย เมื่อวังนำหน้า ประชาชนจะอุ่นใจ เมื่อวังสั่งการ กองทัพจะมั่นคง เกมส์โลก กำหนดทิศทางไทย โดยเลี่ยงไม่ได้ เพราะเราถูกวางเป็นตัวยืน เหตุเพราะจุดยุทธศาสตร์ที่เราอยู่ เรามี นั่นเอง ปล.ปี 68 เตรียมสติ อาหาร กำลังใจ ศรัทธา พักให้พอ นอนให้อิ่ม เพราะเวลามันใกล้เข้ามาแล้ว 17 ปีแล้ว ตั้งแต่กูเปิดเพจหมี CNN ขึ้นมา นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วในภพนี้ ที่จะได้กอบกู้บ้านเมือง ทำคุณแผ่นดิน ตอบแทนพระคุณพ่ออยู่หัว เค้าไม่ได้ให้มรึงไปตาย แต่เค้าให้มรึงไปแสดงตัว ว่ากูคือลูกพ่อ พ่อกูชื่อ "ภูมิพล" คน 2 แผ่นดินปกป้องรักษา สืบสานต่อจากบรรพบุรุษส่งให้มา เงินทอง ใช้พอดี อย่าเกินตัว คิดให้รัดกุม อยากจะแดร๊กอะไรก็แดร๊กซะ จงอยู่กับสติ และใช้ปัญญาให้มาก คิดแย้งก่อนจะเชื่ออะไร? เพราะทุกความจริง ต่างมีแง่มุมที่แตกต่างเช่นกัน ทำใจได้เลย สงครามใหญ่ก่อเกิด มรึงจะให้หนีไปไหนได้อีกล่ะ หากไม่ใช่ "สยามเมืองยิ้ม" อยู่ที่นี่ ถูกและดี มั่นคง ปลอดภัย อบายมุขเพี๊ยบ ตอบสนอง 24 ชม. เมากัญชาก็ได้ ฆ่าตำรวจก็ได้ ยังไม่ติดคุกเลย จ่ายครบ จบทันที ขบวนการยุติธรรมจะถูกรื้อขึ้นมาใหม่ ระบบใครสร้าง ระบบใครเอื้อ แก้ที่คนก่อน ระบบจะดีตามเอง ทรัพยากรบุคคลสำคัญที่สุด นี่คือเหตุผลที่จีนสร้างชาติยุคใหม่ เน้นทุ่มเงินไปที่ทรัพยากรบุคคลนี่แหละ คนสร้างกันได้ แต่จิตสำนึกย่อมต้องมีควบคู่ จะเอาแต่เงินอย่างเดียว ไร้ศีลธรรม บ้านเมืองก็ล่มสลาย เราฉีกรัฐธรรมนูญมาแล้ว 19 ฉบับ ครั้งที่ 20 ทำไมจะไม่มี และก็ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายด้วย ตราบใดที่ความมั่นคงประเทศไม่ปลอดภัย รัฐธรรมนูญก็ช่วยอะไรไม่ได้ กองทัพอ่อนแอ วังอ่อนแอ ชาติก็ล่มสลาย พ่อหลวงท่านมองการณ์ล่วงหน้าแล้ว ท่านหยั่งรู้ฟ้าดิน ถึงได้ส่งต่อแผ่นดินให้พ่อร.10 ผู้เป็นหนึ่งในทหารเอก ที่รู้จักกองทัพไทยดีกว่าใคร? ที่มาว่า ทำไมจึงต้องเป็นพระราชินีองค์นี้ พ่อเป็นแม่ทัพ แม่เป็นขุนศึก ตอบสนองยุคสมัยผลัดเปลี่ยน กลียุคต้องยาแรง กลียุคต้องเด็ดขาด เราผ่านอะไรมาเยอะแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เรื่องใหม่ที่จะเกิดขึ้น หลังพศ.2475 นั่นคือ "พ่อปกครองลูกจะกลับมาอีกครั้ง" ต่างหากล่ะ ส่งคืนพระราชอำนาจ ไม่ได้พูดปากเปล่า ใครปฎิวัติ? คนนั้นแหละ ส่งมอบคืนให้ ไม่ต้องเร่งรีบแดร๊กปชต.ตอแหลต่อ เพราะยุคปลายกลียุค ปชต.เสื่อมหมดแล้ว ยามที่ปชช.ปากท้องอิ่ม ใครจะห่วงเรื่องปชต.ต่ออีกล่ะ? เมื่อจิกซอร์ตัวแรกโผล่มาแล้ว มันจะเกิดโดมิโน่แอฟเฟคเอง คนไทยเบื่ออะไร คนไทยต้องการอะไร วังรับรู้หมดสิ้นแล้ว รอแค่เวลาที่เหมาะสม ทุกดวงใจจะเปรมปรีเบ่งบานอีกครั้ง ไทยจะปกครองไทย ไม่ใช่ให้ใครมาปกครองเรา รูปแบบใหม่ ไทยจะเฟื่องฟูอำนาจ ทั้งการเงิน การคลัง การทหาร รอดูเด็กรุ่นใหม่ ที่ไม่ใช่รุ่นนี้ รุ่นหลาน เหลน โหลน จะสร้างชาติแบบที่โลกต้องตะลึง คนยุคเรา คน 2 แผ่นดิน จะตายไปพร้อมกับไอ้อีลูกหลานจัญไร ในกลียุคทั้งหมด เพราะเราเกิดมา ก็เพื่อการณ์นี้ จงทำภาระกิจให้สำเร็จ กวาดล้างบางสิ่งสกปรกโสมมในแผ่นดินออกไปให้หมด อย่าให้ลูกหลานรุ่นต่อไป ต้องมาจัดการต่อแทนอีกเลย เหี้ยขายชาติต้องตายคาตรีนคนรุ่นนี้เท่านั้น จบที่มรึงและกู นอนตายตาหลับ ปี 68 สู้เต็มกำลัง อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อย่าได้กลัว แสงให้พลังพวกมรึง แสงก็คุ้มครองพวกมรึงด้วยเช่นกัน ปล. 2 โพสกระทู้ต่อไป ค่อยเป็นโพสสวัสดีปีใหม่ 2568 อยากขอบคุณ ผู้อยู่เบื้องหลังทุกคน ผู้ที่ทำประโยชน์ต่อแผ่นดิน โดยไร้ตัวตนทั้งหลาย ปีนี้ ไม่ใช่จะเลวร้ายซะทุกอย่าง มันคือวัคซีนฉีดให้คนไทยได้ตื่นรู้ และพร้อมรับมือกับสิ่งที่ร้ายแรงกว่านี้ แต่ใจยังยิ้มได้ เพราะสติมี ปัญญาเกิด ไม่ต้องไปเครียด กับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น สู้กันไป วันต่อวัน เท่านั้นพอ กินให้อิ่ม หลับให้สบาย นั่นคือยาชั้นดี พรุ่งนี้ ก็เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ ทำแต่ละวันให้ดีที่สุดพอ หมี CNN(เรื่องราวอะไรในปี 67 ที่ไม่ดี ไม่งาม ที่เกิดกับตัวเรา จงอย่าแบกเอาไว้ ปล่อยให้มันผ่านไป แล้วจงเตรียมตัวรับสิ่งใหม่เข้ามาแทน อย่ากลัว อย่าตื่นตระหนก นิ่งเข้าไว้ สงบเข้าว่า ดวงตาจะเปิดเอง ทุกปัญหาแก้ได้ แค่จะถูกใจมรึงหรือไม่เท่านั้นเอง ได้อย่าง ก็ต้องเสียอย่าง สมดุลธรรมชาติ) 31 ธันาวคม 67(วันสิ้นปี จงยืนหยัด ศรัทธาเชื่อมั่น เหมือนที่เคยเป็นมา) 00.08 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** ชื่อเพจ ยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อ รออีก 60 วัน "แสงสว่าง สิริแสงสว่าง" https://www.facebook.com/profile.php?id=100015961291594
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 724 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความย้อนแย้งระดับประเทศ ของแอ็ด คาราบาว
    รวยล้นฟ้า กระทําตัวแปลกๆ เวลานี้เห็นจะเป็นน้าแอ๊ด คาราบาว เพิ่งมีข่าวทางลบกรณีร้านโชห่วย ถูกดี มีมาตรฐานถูกชาวบ้านที่เป็นคู่ค้าร้องเรียนอุตลุดเพราะเจ๊งกันระเนระนาด ทั้งที่น้าแอ๊ดบอกไม่มีความเสี่ยง เราจะรวยไปด้วยกันตอนนี้ตกเป็นข่าวอีกแล้ว
    เมื่อแพทย์ทางเลือกชื่อดังอย่างนายเดชา ศิริพัชรแห่งมูลนิธิขวัญข้าวประกาศตามหาแอ๊ดคาราบาวอยู่ไหน ช่วยติดต่อกลับด่วนโดยหมอเดชาข้องใจอย่างหนัก กับการทําตัวเฉยเมยของน้าแอ๊ด ติดต่อทุกทาง ก็ไม่เคยติดต่อกลับทําราวกับหมอเดชาไม่มีตัวตน ไม่มีราคาใดๆ ที่น้าแอ๊ดต้องให้ค่าอีกแล้วทั้งที่จากเดิมหมอเดชากับน้าแอ๊ด
    คือพันธมิตรสําคัญในการรณรงค์ปลดล็อกกัญชาเพื่อใช้กัญชาเป็นยารักษาโรคถึงขนาดมีโครงการจะสร้างโรงพยาบาลทางเลือกด้วยกัน มีการเปิดบัญชีโดยใช้ชื่อร่วมกันเพื่อรับบริจาคเงินมีการเดินรณรงค์ด้วยกันมีการจัดคอนเสิร์ตระดมทุน และที่พีคสุดขีดก็คือน้าแอ๊ดถึงขั้นแต่งเพลงมหัศจรรย์กัญชาให้เลยทีเดียว น้าแอ๊ดบอกว่าในอดีตเพลงกัญชาที่มีวรรคทองว่านอนตายใต้ต้นกัญชา
    มันคือความเข้าใจผิดอย่างร้ายแรงน้าแอ๊ดรู้แล้วกัญชาอยู่ในระดับยาวิเศษรักษาโรคได้มากมาย โดยคนที่ถ่ายทอดความรู้เรื่องนี้ให้น้าแอ๊ดจนเจ้าตัวใช้ คําว่าตาสว่างก็คือหมอเดชา นี่เองในช่วงปี 2562
    น้าแอ๊ดออกโรงรณรงค์ปลดล็อกกัญชาเต็มตัวโดยเล็งเห็นถึงประโยชน์อนันต์ของกัญชาในการเป็นยาของแพทย์ทางเลือก
    น้าแอ๊ดกับหมอเดชาต่างมีเลือดสุพรรณเหมือนกันการจับมือผลักดันกัญชาจึงดูกลมเกลียวเหนียวแน่นยิ่งนักแต่แล้วพอถึงปี 2567 โรงพยาบาลทางเลือกอันเป็นโครงการในฝันของคนทั้งสองก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง
    น้าแอ๊ดปุบปับละทิ้งคติของคนเลือดสุพรรณดื้อๆไม่เอาแล้วกับวรรคทองมาด้วยเลือดสุพรรณเอ๋ย ไม่ว่าหมอเดชา จะพยายามติดต่อทุกช่องทางสื่อสารกลับไม่มีสัญญาณตอบรับกลับมาน้าแอ๊ดทําตัวราวกับหมอเดชา กลายเป็นอากาศธาตุไปแล้ว
    ที่ผ่านมา น้าแอดก็ทําแบบนี้ตลอดด่าอเมริกาแต่ขี่ฮาเล่ย์ ด่ากระทิงแดง แต่ขายคาราบาวแดง ชวนชาวบ้านมาทําร้านโชห่วยแต่กลับมีสัญญาผูกมัดแปลกๆจนเจ๊งกระจายความเป็นเจ้าพ่อแห่งความย้อนแย้ง เลยแผลงฤทธิ์เอากับหมอเดชาแบบว่าเจ็บนี้อีกนาน
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    ความย้อนแย้งระดับประเทศ ของแอ็ด คาราบาว รวยล้นฟ้า กระทําตัวแปลกๆ เวลานี้เห็นจะเป็นน้าแอ๊ด คาราบาว เพิ่งมีข่าวทางลบกรณีร้านโชห่วย ถูกดี มีมาตรฐานถูกชาวบ้านที่เป็นคู่ค้าร้องเรียนอุตลุดเพราะเจ๊งกันระเนระนาด ทั้งที่น้าแอ๊ดบอกไม่มีความเสี่ยง เราจะรวยไปด้วยกันตอนนี้ตกเป็นข่าวอีกแล้ว เมื่อแพทย์ทางเลือกชื่อดังอย่างนายเดชา ศิริพัชรแห่งมูลนิธิขวัญข้าวประกาศตามหาแอ๊ดคาราบาวอยู่ไหน ช่วยติดต่อกลับด่วนโดยหมอเดชาข้องใจอย่างหนัก กับการทําตัวเฉยเมยของน้าแอ๊ด ติดต่อทุกทาง ก็ไม่เคยติดต่อกลับทําราวกับหมอเดชาไม่มีตัวตน ไม่มีราคาใดๆ ที่น้าแอ๊ดต้องให้ค่าอีกแล้วทั้งที่จากเดิมหมอเดชากับน้าแอ๊ด คือพันธมิตรสําคัญในการรณรงค์ปลดล็อกกัญชาเพื่อใช้กัญชาเป็นยารักษาโรคถึงขนาดมีโครงการจะสร้างโรงพยาบาลทางเลือกด้วยกัน มีการเปิดบัญชีโดยใช้ชื่อร่วมกันเพื่อรับบริจาคเงินมีการเดินรณรงค์ด้วยกันมีการจัดคอนเสิร์ตระดมทุน และที่พีคสุดขีดก็คือน้าแอ๊ดถึงขั้นแต่งเพลงมหัศจรรย์กัญชาให้เลยทีเดียว น้าแอ๊ดบอกว่าในอดีตเพลงกัญชาที่มีวรรคทองว่านอนตายใต้ต้นกัญชา มันคือความเข้าใจผิดอย่างร้ายแรงน้าแอ๊ดรู้แล้วกัญชาอยู่ในระดับยาวิเศษรักษาโรคได้มากมาย โดยคนที่ถ่ายทอดความรู้เรื่องนี้ให้น้าแอ๊ดจนเจ้าตัวใช้ คําว่าตาสว่างก็คือหมอเดชา นี่เองในช่วงปี 2562 น้าแอ๊ดออกโรงรณรงค์ปลดล็อกกัญชาเต็มตัวโดยเล็งเห็นถึงประโยชน์อนันต์ของกัญชาในการเป็นยาของแพทย์ทางเลือก น้าแอ๊ดกับหมอเดชาต่างมีเลือดสุพรรณเหมือนกันการจับมือผลักดันกัญชาจึงดูกลมเกลียวเหนียวแน่นยิ่งนักแต่แล้วพอถึงปี 2567 โรงพยาบาลทางเลือกอันเป็นโครงการในฝันของคนทั้งสองก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง น้าแอ๊ดปุบปับละทิ้งคติของคนเลือดสุพรรณดื้อๆไม่เอาแล้วกับวรรคทองมาด้วยเลือดสุพรรณเอ๋ย ไม่ว่าหมอเดชา จะพยายามติดต่อทุกช่องทางสื่อสารกลับไม่มีสัญญาณตอบรับกลับมาน้าแอ๊ดทําตัวราวกับหมอเดชา กลายเป็นอากาศธาตุไปแล้ว ที่ผ่านมา น้าแอดก็ทําแบบนี้ตลอดด่าอเมริกาแต่ขี่ฮาเล่ย์ ด่ากระทิงแดง แต่ขายคาราบาวแดง ชวนชาวบ้านมาทําร้านโชห่วยแต่กลับมีสัญญาผูกมัดแปลกๆจนเจ๊งกระจายความเป็นเจ้าพ่อแห่งความย้อนแย้ง เลยแผลงฤทธิ์เอากับหมอเดชาแบบว่าเจ็บนี้อีกนาน ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Like
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 473 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวยล้นกระทำตนแปลกๆน้าแอ๊ด “แอ๊ด คาราบาว” เคยออกโรงรณรงค์ปลดล็อกกัญชาเต็มตัว แต่วันนี้ละทิ้งคติของคนเลือดสุพรรณดื้อๆ ไม่ว่าหมอเดชาจะพยายามติดต่อยังไง กลับไม่มีสัญญาณตอบรับ กลายเป็นอากาศธาตุไปแล้ว

    #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ #แอ๊ดคาราบาว #หมอเดชา #หายไปกับเงินบริจาค
    รวยล้นกระทำตนแปลกๆน้าแอ๊ด “แอ๊ด คาราบาว” เคยออกโรงรณรงค์ปลดล็อกกัญชาเต็มตัว แต่วันนี้ละทิ้งคติของคนเลือดสุพรรณดื้อๆ ไม่ว่าหมอเดชาจะพยายามติดต่อยังไง กลับไม่มีสัญญาณตอบรับ กลายเป็นอากาศธาตุไปแล้ว #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ #แอ๊ดคาราบาว #หมอเดชา #หายไปกับเงินบริจาค
    Like
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 927 มุมมอง 56 1 รีวิว
  • เด็กรายงานด็กบราซิลตายหลังฉีดวัคซีนศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิตรายงานในวารสารการแพทย์13 กุมภาพันธ์ 2024การยืนยันสาเหตุ ความเกี่ยวข้อง จากวัคซีน ประกอบด้วยการชันสูตรศพอย่างละเอียด ร่วมกับเงื่อนเวลาหลังฉีด ลักษณะ ผลกระทบที่มีลักษณะ เฉพาะตัวของวัคซีน ตามที่มีการรวบรวมรายงานไว้ (พร้อมทั้งมีการแจกแจงกลไกการเกิดแล้ว)และการแยกโรคอื่นออกไปในกรณีที่ยังไม่เสียชีวิตการพิสูจน์ในลักษณะเช่นนี้ ที่เราเคยทำมาต้องเสียค่าใช้จ่ายเกือบครึ่งล้านบาท ต่อคน และเมื่อเสียชีวิต การชันสูตรศพในลักษณะดังกล่าวต้องกระทำอย่างละเอียดอย่างเช่น รายงานในเด็กตายรายนี้ แต่ถ้าทำการวิเคราะห์เจาะลึกตามที่นักวิทยาศาสตร์เยอรมันรายงาน จะต้องเสียค่าใช้จ่ายมหาศาลมากกว่านี้และนี่เป็นสิ่งที่ทางการ นำมากล่าวเป็นข้ออ้างว่าไม่มีข้อพิสูจน์ อย่างอำมหิตจาก “คนปกติ” ที่ได้รับวัคซีนเพราะได้รับคำยืนยันว่าปลอดภัยและป้องกันโรคได้ กลับต้องเสียชีวิต พิการ มีผลกระทบตามติดมาหลังจากนั้นมากมาย ไม่นับคนเปราะบางซึ่งหวังว่าจะได้รับการปกป้องจากวัคซีนกลับเสียชีวิตเร็วขึ้นและมีคำอธิบายว่ามีโรคประจำตัวเปราะบางอยู่แล้วเพราะฉะนั้นเสียชีวิตไปก็เป็นข้ออธิบายได้!!!!1- หยุดฉีดโควิดวัคซีน ที่มีการโฆษณาชวนเชื่อให้ฉีดซ้ำ และในเด็กตั้งแต่หกเดือนขึ้นไป2- หยุดเทคโนโลยีนี้ ที่นำมาใช้กับวัคซีนชนิดอื่นทั้งหมด จนกว่าที่จะปรับปรุงอันตรายและพิสูจน์ว่าปลอดภัยจริง3- คนที่ได้รับผลกระทบต้องได้รับการเยียวยาและพร้อมกับลงโทษคนที่ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวพันและปฏิเสธความช่วยเหลือที่ ต้องให้แก่ครอบครัวผู้เคราะห์ร้ายเหล่านี้4-ไม่มีใครปลอดภัยจริงแม้ว่าขณะนี้ยังดูปกติ เพราะโรคต่างๆเกิดขึ้นได้แม้ฉีดไปแล้วเป็นปี ดังเช่น การตายกระทันหันเฉียบพลัน เส้นเลือดตัน แตก ในสมอง การปะทุของมะเร็งที่หายแล้วเป็น 10 ปี รวมทั้งมะเร็งที่เกิดขึ้นชนิดร้ายแรงในคนอายุน้อยและไม่มีประวัติครอบครัว โรคสมองอักเสบไขสันหลังอักเสบ สมองเสื่อม พากินสัน โรคลมชัก5-คนที่รอดชีวิตถึงขณะนี้ รักษาตัวให้ดีที่สุดโรคประจำตัวต้องคุมได้ 100% กินหรือเข้าใกล้การกินแบบมังสวิรัติ งดเนื้อสัตว์บก แป้งน้อย ขนมน้อยที่สุด ออกกำลังตากแดด ขิงข่าตะไคร้ขมิ้นชันกระชายขาวพริกไทยดำ กินเป็นยาถอนพิษ และรวมถึง กันชง และควบคุมด้วยกัญชาในปริมาณน้อยขึ้นอยู่กับกรณีเด็กบราซิลที่ตายจากหัวใจอักเสบในรายงานนี้โรคหัวใจอักเสบในวัยเด็กเป็นโรคที่ ”พบได้น้อย” ซึ่งมีสาเหตุหลายประการ คณะ ได้รายงานกรณีการเสียชีวิตของเด็กจากโรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบและกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบหลังจากได้รับวัคซีน mRNA เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 เด็กชายอายุ 7 ขวบได้รับวัคซีน COVIDmRNA เข็มแรก และมีอาการข้ออักเสบและมีไข้ที่ไม่ตอบสนองต่อยาปฏิชีวนะการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบเม็ดเลือดขาวสูง ระดับโปรตีนซีรีแอคทีฟสูง (C reactive protein) อาการเลวลงอย่างรวดเร็วและผู้ป่วยเสียชีวิต การชันสูตรศพ พบการสะสมของไฟบรินในเยื่อหุ้มหัวใจ และบริเวณที่มีเลือดออกในกล้ามเนื้อหัวใจ แต่ลิ้นหัวใจปกติ พบการอักเสบกล้ามเนื้อหัวใจกระจายทั่วไป ซึ่งประกอบด้วยลิมโฟไซต์ T CD8+ และฮิสทิโอไซต์ ปริมาณแอนติสเตรปโตไลซิน O (ASO) ไทเตอร์สูง ทำให้ต้องพิจารณาว่าการมีโรคข้ออักเสบ และระดับ ASO สูง และหัวใจอักเสบ เข้าเกณฑ์ การวินิจฉัย ของไข้รูมาติก (rheumatic fever) หรือไม่แต่ เด็กรายนี้ “ไม่พบลักษณะสำคัญ” ของไข้รูมาติค ที่เมื่อมีกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบแล้ว ตาม เกณฑ์การวินิจฉัย ควรจะต้องพบ ลิ้นหัวใจผิดปกติ และ Aschoff nodule ร้อยละ 90 ในกรณี ผู้เสียชีวิตรายนี้ ความสัมพันธ์ตามเวลาหลังฉีดวัคซีน mRNA ทำให้ ระบุการเป็นสาเหตุของหัวใจอักเสบ และต่อจากนี้ เมื่อเกิดมีหัวใจอักเสบเกิดขึ้น ต้องรวมวัคซีนเป็นหนึ่งในสาเหตุด้วยกลไก น่าจะอธิบาย แบบเดียวกันกับเอ็กโซโซมและอนุภาคนาโนไขมัน ซึ่งนำไปสู่พายุไซโตไคน์ (cytokine storm) ได้ จากที่มีรายงานพิสูจน์กลไกมาแล้วสาเหตุความ ผิดปกติและเสียชีวิต ต้อง คำนึงถึงวัคซีน COVID-19mRNA เสมอ ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุตรง หรือเป็น ปัจจัยสนับสนุน
    เด็กรายงานด็กบราซิลตายหลังฉีดวัคซีนศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิตรายงานในวารสารการแพทย์13 กุมภาพันธ์ 2024การยืนยันสาเหตุ ความเกี่ยวข้อง จากวัคซีน ประกอบด้วยการชันสูตรศพอย่างละเอียด ร่วมกับเงื่อนเวลาหลังฉีด ลักษณะ ผลกระทบที่มีลักษณะ เฉพาะตัวของวัคซีน ตามที่มีการรวบรวมรายงานไว้ (พร้อมทั้งมีการแจกแจงกลไกการเกิดแล้ว)และการแยกโรคอื่นออกไปในกรณีที่ยังไม่เสียชีวิตการพิสูจน์ในลักษณะเช่นนี้ ที่เราเคยทำมาต้องเสียค่าใช้จ่ายเกือบครึ่งล้านบาท ต่อคน และเมื่อเสียชีวิต การชันสูตรศพในลักษณะดังกล่าวต้องกระทำอย่างละเอียดอย่างเช่น รายงานในเด็กตายรายนี้ แต่ถ้าทำการวิเคราะห์เจาะลึกตามที่นักวิทยาศาสตร์เยอรมันรายงาน จะต้องเสียค่าใช้จ่ายมหาศาลมากกว่านี้และนี่เป็นสิ่งที่ทางการ นำมากล่าวเป็นข้ออ้างว่าไม่มีข้อพิสูจน์ อย่างอำมหิตจาก “คนปกติ” ที่ได้รับวัคซีนเพราะได้รับคำยืนยันว่าปลอดภัยและป้องกันโรคได้ กลับต้องเสียชีวิต พิการ มีผลกระทบตามติดมาหลังจากนั้นมากมาย ไม่นับคนเปราะบางซึ่งหวังว่าจะได้รับการปกป้องจากวัคซีนกลับเสียชีวิตเร็วขึ้นและมีคำอธิบายว่ามีโรคประจำตัวเปราะบางอยู่แล้วเพราะฉะนั้นเสียชีวิตไปก็เป็นข้ออธิบายได้!!!!1- หยุดฉีดโควิดวัคซีน ที่มีการโฆษณาชวนเชื่อให้ฉีดซ้ำ และในเด็กตั้งแต่หกเดือนขึ้นไป2- หยุดเทคโนโลยีนี้ ที่นำมาใช้กับวัคซีนชนิดอื่นทั้งหมด จนกว่าที่จะปรับปรุงอันตรายและพิสูจน์ว่าปลอดภัยจริง3- คนที่ได้รับผลกระทบต้องได้รับการเยียวยาและพร้อมกับลงโทษคนที่ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวพันและปฏิเสธความช่วยเหลือที่ ต้องให้แก่ครอบครัวผู้เคราะห์ร้ายเหล่านี้4-ไม่มีใครปลอดภัยจริงแม้ว่าขณะนี้ยังดูปกติ เพราะโรคต่างๆเกิดขึ้นได้แม้ฉีดไปแล้วเป็นปี ดังเช่น การตายกระทันหันเฉียบพลัน เส้นเลือดตัน แตก ในสมอง การปะทุของมะเร็งที่หายแล้วเป็น 10 ปี รวมทั้งมะเร็งที่เกิดขึ้นชนิดร้ายแรงในคนอายุน้อยและไม่มีประวัติครอบครัว โรคสมองอักเสบไขสันหลังอักเสบ สมองเสื่อม พากินสัน โรคลมชัก5-คนที่รอดชีวิตถึงขณะนี้ รักษาตัวให้ดีที่สุดโรคประจำตัวต้องคุมได้ 100% กินหรือเข้าใกล้การกินแบบมังสวิรัติ งดเนื้อสัตว์บก แป้งน้อย ขนมน้อยที่สุด ออกกำลังตากแดด ขิงข่าตะไคร้ขมิ้นชันกระชายขาวพริกไทยดำ กินเป็นยาถอนพิษ และรวมถึง กันชง และควบคุมด้วยกัญชาในปริมาณน้อยขึ้นอยู่กับกรณีเด็กบราซิลที่ตายจากหัวใจอักเสบในรายงานนี้โรคหัวใจอักเสบในวัยเด็กเป็นโรคที่ ”พบได้น้อย” ซึ่งมีสาเหตุหลายประการ คณะ ได้รายงานกรณีการเสียชีวิตของเด็กจากโรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบและกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบหลังจากได้รับวัคซีน mRNA เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 เด็กชายอายุ 7 ขวบได้รับวัคซีน COVIDmRNA เข็มแรก และมีอาการข้ออักเสบและมีไข้ที่ไม่ตอบสนองต่อยาปฏิชีวนะการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบเม็ดเลือดขาวสูง ระดับโปรตีนซีรีแอคทีฟสูง (C reactive protein) อาการเลวลงอย่างรวดเร็วและผู้ป่วยเสียชีวิต การชันสูตรศพ พบการสะสมของไฟบรินในเยื่อหุ้มหัวใจ และบริเวณที่มีเลือดออกในกล้ามเนื้อหัวใจ แต่ลิ้นหัวใจปกติ พบการอักเสบกล้ามเนื้อหัวใจกระจายทั่วไป ซึ่งประกอบด้วยลิมโฟไซต์ T CD8+ และฮิสทิโอไซต์ ปริมาณแอนติสเตรปโตไลซิน O (ASO) ไทเตอร์สูง ทำให้ต้องพิจารณาว่าการมีโรคข้ออักเสบ และระดับ ASO สูง และหัวใจอักเสบ เข้าเกณฑ์ การวินิจฉัย ของไข้รูมาติก (rheumatic fever) หรือไม่แต่ เด็กรายนี้ “ไม่พบลักษณะสำคัญ” ของไข้รูมาติค ที่เมื่อมีกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบแล้ว ตาม เกณฑ์การวินิจฉัย ควรจะต้องพบ ลิ้นหัวใจผิดปกติ และ Aschoff nodule ร้อยละ 90 ในกรณี ผู้เสียชีวิตรายนี้ ความสัมพันธ์ตามเวลาหลังฉีดวัคซีน mRNA ทำให้ ระบุการเป็นสาเหตุของหัวใจอักเสบ และต่อจากนี้ เมื่อเกิดมีหัวใจอักเสบเกิดขึ้น ต้องรวมวัคซีนเป็นหนึ่งในสาเหตุด้วยกลไก น่าจะอธิบาย แบบเดียวกันกับเอ็กโซโซมและอนุภาคนาโนไขมัน ซึ่งนำไปสู่พายุไซโตไคน์ (cytokine storm) ได้ จากที่มีรายงานพิสูจน์กลไกมาแล้วสาเหตุความ ผิดปกติและเสียชีวิต ต้อง คำนึงถึงวัคซีน COVID-19mRNA เสมอ ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุตรง หรือเป็น ปัจจัยสนับสนุน
    Like
    Sad
    6
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 894 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อเช้าสั่งกาแฟแล้วไปรับที่ร้าน แม่ค้าน่ะชงไว้ให้แล้วแต่ว่าต้องออกไปส่งออเดอร์อื่น lit nit ไปถึงก็เจอแต่ตันหยงที่ต้องมาเฝ้าร้านแทนชั่วครู่...."ตันหยงเรามารับอเมริกาโน่เลม่อนกับคาปูปั่นที่สั่งไว้" lit nit กล่าวพร้อมรอยยิ้มในยามเช้า"......" ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ จากตันหยง"ตันหยงเรามารับกาแฟจ้า""......""หยง !" lit nit แอบขึ้นเสียงเล็กน้อย มันได้ผล ตันหยงถอนหายใจเฮือกใหญ่"เฮ้อ ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายรู้จักชื่อฉันได้ไง แต่นายควรจะต้องรู้อะไรไว้สักอย่าง"lit nit เลิกคิ้วอย่างสงสัย"ฉันคือท่านประธาน ฉันไม่ฟังคำสั่งใครทั้งนั้น ถ้ารอไม่ได้นายก็วางเงินไว้ตรงนี้แล้วไปหาเอาในร้าน อ้อ แล้วก็จ่ายค่ากัญชาแมวเพิ่มด้วย คุยกับนายแล้วมันคอแห้งน่ะ !"#ตันหยง ณ ร้าน coffee ท่านรอง
    เมื่อเช้าสั่งกาแฟแล้วไปรับที่ร้าน แม่ค้าน่ะชงไว้ให้แล้วแต่ว่าต้องออกไปส่งออเดอร์อื่น lit nit ไปถึงก็เจอแต่ตันหยงที่ต้องมาเฝ้าร้านแทนชั่วครู่...."ตันหยงเรามารับอเมริกาโน่เลม่อนกับคาปูปั่นที่สั่งไว้" lit nit กล่าวพร้อมรอยยิ้มในยามเช้า"......" ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ จากตันหยง"ตันหยงเรามารับกาแฟจ้า""......""หยง !" lit nit แอบขึ้นเสียงเล็กน้อย มันได้ผล ตันหยงถอนหายใจเฮือกใหญ่"เฮ้อ ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายรู้จักชื่อฉันได้ไง แต่นายควรจะต้องรู้อะไรไว้สักอย่าง"lit nit เลิกคิ้วอย่างสงสัย"ฉันคือท่านประธาน ฉันไม่ฟังคำสั่งใครทั้งนั้น ถ้ารอไม่ได้นายก็วางเงินไว้ตรงนี้แล้วไปหาเอาในร้าน อ้อ แล้วก็จ่ายค่ากัญชาแมวเพิ่มด้วย คุยกับนายแล้วมันคอแห้งน่ะ !"#ตันหยง ณ ร้าน coffee ท่านรอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 413 มุมมอง 0 รีวิว
  • อำนาจภายใต้การเมืองสีน้ำเงิน
    โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ https://www.facebook.com/surawich.verawan

    การที่อธิบดีกรมที่ดินที่อยู่ภายใต้พรรคภูมิใจไทย ทำหนังสือถึงการรถไฟแห่งประเทศไทย ว่า “คณะกรรมการสอบสวนฯ มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นสมควรไม่เพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินการรถไฟฯ บริเวณแยกเขากระโดงเนื่องจาก รฟท. ไม่มีหลักฐานเป็นที่ข้อยุติว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินของ รฟท.จึงเห็นควรยุติเรื่องในกรณีนี้”

    กำลังท้าทายกับกระแสสังคมและกระบวนการยุติธรรมที่เป็นบรรทัดฐานของประเทศ เข้าใจครับว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวแต่งตั้งขึ้นตามคำสั่งของศาลปกครองในคดีที่การรถไฟฯ ฟ้องกรมที่ดิน แต่นัยของคำสั่งนั้นหากอ่านคำพิพากษาของศาลปกครองแล้ว จะพบว่า ศาลต้องการให้ตั้งกรรมการขึ้นมาเพื่อเพิกถอนสิทธิการถือครองที่ดินตามคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ผู้ถือครองที่ดินเขากระโดงจำนวน 37 แปลงฟ้องการรถไฟฯ (คำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 8027/2561 และ 842-876/260 ) แต่คำพิพากษาศาลฎีกาชี้ชัดว่า ที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นของการรถไฟฯ ซึ่งศาลปกครองหมายรวมถึงแปลงอื่นที่อยู่นอกเหนือแปลงที่นำขึ้นสู่ศาลฎีกาด้วย

    แต่กรมที่ดินซึ่งตั้งกรรมการขึ้นตามคำสั่งศาลปกครองกลับมีมติว่า การรถไฟฯ ไม่มีหลักฐานแสดงสิทธิในที่ดินเขากระโดงทั้งที่ศาลฎีกาชี้แล้วว่าที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นของการรถไฟฯแม้ว่า อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย บอกว่า ไม่ได้สั่งการอะไรกรมที่ดิน แต่คำถามว่า มีใครบ้างที่จะเชื่อ

    อนุทินอ้างว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวที่ตั้งขึ้นตามคำสั่งของศาลปกครองตั้งขึ้นมาก่อนที่พรรคภูมิใจไทยและตัวเองจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย แต่จุดหมายสำคัญก็คือ กรรมการชุดนี้สามารถมีมติได้ในวันที่พรรคภูมิใจไทยมีอำนาจในกระทรวงมหาดไทย และอนุทินมีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีและเมื่อไม่นานมานี้อธิบดีกรมที่ดินคนหนึ่งก็ได้ชิงลาออกไป ซึ่งกล่าวขานกันว่า เพราะปมที่ดินเขากระโดงนั่นเอง

    เป็นที่รู้กันว่า ในจำนวนที่ดิน 800 กว่าแปลงในพื้นที่เขากระโดงนั้น ผู้ถือครองรายใหญ่ก็คือ ตระกูลชิดชอบ ไปถามพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ก็รู้เรื่องนี้ดีเพราะเคยอภิปรายนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ในสภาฯ เพียงแต่วันนี้ พ.ต.อ.ทวีอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลเดียวกับพรรคภูมิใจไทยเท่านั้น แน่นอนถึงตอนนี้พ.ต.อ.ทวีก็ต้องการรักษาสายสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล ต่างกับที่เคยหวงแหนสมบัติของชาติในขณะที่เป็นฝ่ายค้าน

    และเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าคนที่อยู่เบื้องหลังพรรคภูมิใจไทยก็คือนายเนวิน ชิดชอบ ที่เป็นเจ้าของพรรคตัวจริงในทางพฤตินัย จะเห็นได้ว่าในงานวันเกิดของนายเนวินนั้นข้าราชการระดับสูงที่อยู่ภายใต้กระทรวงที่พรรคภูมิใจไทยกำกับนั้นจะต้องเข้าไปร่วมงานถึงบุรีรัมย์เพื่อแสดงตัวให้เห็น เพราะเขารู้ว่าใครคือ คนที่ให้คุณให้โทษได้ และในหมู่ข้าราชการก็รู้กันว่า การโยกย้ายตำแหน่งต่างๆ ในกระทรวงของพรรคภูมิใจไทยนั้นคนที่มีบทบาทสำคัญคือใคร

    ก็ต้องรอดูต่อไปว่า ระหว่างอำนาจทางการเมืองกับความยุติธรรมทางกฎหมายที่เป็นขื่อแปของบ้านเมืองอย่างไหนจะศักดิ์สิทธิ์กว่ากัน คำสั่งของกรมที่ดินจะใหญ่กว่าคำพิพากษาของศาลฎีกาไหม

    แต่ต้องยอมรับนะครับว่า การเล่นการเมืองอยู่หลังม่านของคนคนหนึ่งวันนี้นั้นทำให้กระบวนการตรวจสอบคนที่อยู่ในอำนาจทางการเมืองไม่สามารถทำได้ เพราะไม่ได้มีตำแหน่งใดในรัฐบาล หรือแม้แต่เป็นผู้บริหารพรรค เพียงแต่เป็นสมาชิกของพรรคที่สามารถเตะตูดหัวหน้าพรรคได้เท่านั้น ทำให้กลายเป็นช่องโหว่ที่ทำให้ผู้มีอิทธิพลทางการเมืองใช้เป็นเครื่องมือในการเล่นการเมืองอยู่หลังฉาก แต่มีอำนาจสั่งการทุกกระทรวงที่อยู่ภายใต้อำนาจของพรรคที่ข้าราชการทุกคนต้องเกรงใจและหวั่นกลัว

    มาที่เรื่อง สว.นอกจากในวันนี้พรรคภูมิใจไทยจะเป็นพรรคอันดับสองในสภาผู้แทนราษฎร แต่เป็นที่รู้กันว่า สว.กว่า 150 คนนั้นอยู่ภายใต้การกำกับของใครที่เรียกว่ากันว่า สว.สีน้ำเงินนั่นเอง แล้วอำนาจที่สำคัญของ สว.ก็คือ การแต่งตั้งองค์กรอิสระ ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช. กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ฯลฯ ซึ่งทำให้หากใครจะขึ้นสู่ตำแหน่งดังกล่าวก็จะต้องวิ่งเข้าหาเจ้าของ สว.เพื่อให้ สว.ยกมือให้ หากผ่านการคัดเลือกของคณะกรรมการสรรหาเข้าสู่วุฒิสภามา

    ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่าตระหนกและเป็นอันตรายมากหากอำนาจการแต่งตั้งองค์กรอิสระอยู่ในอำนาจของใครบางคนหรือคนเพียงคนเดียวในทางพฤตินัย

    และหากมีการประชุมรัฐสภาคือประชุมร่วมระหว่าง สส. และ สว.เสียงของพรรคภูมิใจไทยและ สว.จะรวมกันเป็นเสียงข้างมากในรัฐสภา และการดำเนินการใดที่จะต้องผ่านรัฐสภาเช่น การแก้รัฐธรรมนูญก็จะตกอยู่ภายใต้การกำกับของเจ้าของสว.ที่จะต้องการให้เป็นไปในทิศทางไหนก็ได้

    วันนี้พรรคภูมิใจไทยแม้ว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอันดับสอง แต่ก็มีอิทธิพลเหนือพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำรัฐบาลไปแล้ว แม้ว่า เราจะเห็นอนุทินนอบน้อมต่ออุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และพร้อมจะยืนเป็นวอลเปเปอร์หรือพี่เลี้ยงของอุ๊งอิ๊งค์ตลอดเวลาก็ตาม พรรคภูมิใจไทยจึงขบเหลี่ยมอยู่กับพรรคเพื่อไทยหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกัญชา เรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ รวมถึงการทำประชามติเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ เพราะรู้ว่าอย่างไรเสียพรรคเพื่อไทยก็ไม่สามารถสลัดพรรคภูมิใจไทยออกจากพรรคร่วมรัฐบาลได้

    แล้วคอยดูว่า กรณีที่ดินเขากระโดง แม้ว่านายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม จากพรรคเพื่อไทยซึ่งกำกับดูแลการรถไฟแห่งประเทศไทยจะแสดงให้เห็นว่า ไม่อาจยอมรับคำสั่งของคณะกรรมการของกรมที่ดินในกรณีที่ดินเขากระโดงได้ แต่ก็ต้องดูว่า สุดท้ายแล้วเป็นเพียงการแสดงออกไปตามบทบาทที่ตัวเองเล่นอยู่ แต่จะรุกไล่เอาจริงเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศจนสุดทางไหม หรือเป็นเพียงการแสดงอำนาจออกมาให้เห็นเพียงเพื่อคะคานแลกเปลี่ยนต่อรองผลประโยชน์กันทางการเมืองเท่านั้นเอง

    อิทธิพลของคนโตแห่งบุรีรัมย์ยังสะท้อนอยู่ในองค์กรอิสระอย่าง กกต. เห็นไหมว่า เมื่อไม่นานอยู่ดีๆ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ก็ออกมาบอกว่า กรณีของพรรคภูมิใจไทยที่ถูกร้องเรียนในลักษณะความผิดที่คล้ายคลึงกับพรรคก้าวไกลที่ถูกศาลวินิจฉัยยุบพรรคนั้น ไม่ได้เป็นความผิดแห่งการยุบพรรคการเมืองเลยไม่เป็นเหตุแห่งการยุบพรรคการเมือง ทั้งที่บอกว่ายังอยู่ในระหว่างการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนที่ตั้งขึ้นยังไม่มีบทสรุปออกมา จึงไม่ใช่เรื่องที่เลขาธิการ กกต.จะออกมาแถลงชี้นำหรือออกมาแถลงแม้หลายคนจะตั้งคำถามว่า การสอบสวนกรณีดังกล่าวของพรรคภูมิใจไทยคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นจะใช้เวลานานมากก็ตาม

    วันนี้เราคงเห็นแล้วว่า สำหรับนักการเมืองแล้วระหว่างผลประโยชน์ของประเทศชาติกับผลประโยชน์ของตัวเองนั้นอย่างไหนสำคัญกว่าในบทบาทของคนที่เข้ามาเล่นการเมือง จะมีคนกี่คนที่เข้ามาเล่นการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของชาติอย่างแท้จริง และมีกฎเกณฑ์กติกาไหนที่จะตรวจสอบนักการเมืองที่มุ่งแต่จะแสวงหาผลประโยชน์เพื่อส่วนตัวและพวกพ้องได้อย่างแท้จริง

    วันนี้เราคงเข้าใจแล้วว่า ทำไมพรรคภูมิใจไทยพรรคสีน้ำเงินจึงเล่นการเมืองเพื่อเป็นรัฐบาลเท่านั้น


    ที่มา https://mgronline.com/daily/detail/9670000109483

    #Thaitimes
    อำนาจภายใต้การเมืองสีน้ำเงิน โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ https://www.facebook.com/surawich.verawan การที่อธิบดีกรมที่ดินที่อยู่ภายใต้พรรคภูมิใจไทย ทำหนังสือถึงการรถไฟแห่งประเทศไทย ว่า “คณะกรรมการสอบสวนฯ มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นสมควรไม่เพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินการรถไฟฯ บริเวณแยกเขากระโดงเนื่องจาก รฟท. ไม่มีหลักฐานเป็นที่ข้อยุติว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินของ รฟท.จึงเห็นควรยุติเรื่องในกรณีนี้” กำลังท้าทายกับกระแสสังคมและกระบวนการยุติธรรมที่เป็นบรรทัดฐานของประเทศ เข้าใจครับว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวแต่งตั้งขึ้นตามคำสั่งของศาลปกครองในคดีที่การรถไฟฯ ฟ้องกรมที่ดิน แต่นัยของคำสั่งนั้นหากอ่านคำพิพากษาของศาลปกครองแล้ว จะพบว่า ศาลต้องการให้ตั้งกรรมการขึ้นมาเพื่อเพิกถอนสิทธิการถือครองที่ดินตามคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ผู้ถือครองที่ดินเขากระโดงจำนวน 37 แปลงฟ้องการรถไฟฯ (คำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 8027/2561 และ 842-876/260 ) แต่คำพิพากษาศาลฎีกาชี้ชัดว่า ที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นของการรถไฟฯ ซึ่งศาลปกครองหมายรวมถึงแปลงอื่นที่อยู่นอกเหนือแปลงที่นำขึ้นสู่ศาลฎีกาด้วย แต่กรมที่ดินซึ่งตั้งกรรมการขึ้นตามคำสั่งศาลปกครองกลับมีมติว่า การรถไฟฯ ไม่มีหลักฐานแสดงสิทธิในที่ดินเขากระโดงทั้งที่ศาลฎีกาชี้แล้วว่าที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นของการรถไฟฯแม้ว่า อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย บอกว่า ไม่ได้สั่งการอะไรกรมที่ดิน แต่คำถามว่า มีใครบ้างที่จะเชื่อ อนุทินอ้างว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวที่ตั้งขึ้นตามคำสั่งของศาลปกครองตั้งขึ้นมาก่อนที่พรรคภูมิใจไทยและตัวเองจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย แต่จุดหมายสำคัญก็คือ กรรมการชุดนี้สามารถมีมติได้ในวันที่พรรคภูมิใจไทยมีอำนาจในกระทรวงมหาดไทย และอนุทินมีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีและเมื่อไม่นานมานี้อธิบดีกรมที่ดินคนหนึ่งก็ได้ชิงลาออกไป ซึ่งกล่าวขานกันว่า เพราะปมที่ดินเขากระโดงนั่นเอง เป็นที่รู้กันว่า ในจำนวนที่ดิน 800 กว่าแปลงในพื้นที่เขากระโดงนั้น ผู้ถือครองรายใหญ่ก็คือ ตระกูลชิดชอบ ไปถามพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ก็รู้เรื่องนี้ดีเพราะเคยอภิปรายนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ในสภาฯ เพียงแต่วันนี้ พ.ต.อ.ทวีอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลเดียวกับพรรคภูมิใจไทยเท่านั้น แน่นอนถึงตอนนี้พ.ต.อ.ทวีก็ต้องการรักษาสายสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาล ต่างกับที่เคยหวงแหนสมบัติของชาติในขณะที่เป็นฝ่ายค้าน และเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าคนที่อยู่เบื้องหลังพรรคภูมิใจไทยก็คือนายเนวิน ชิดชอบ ที่เป็นเจ้าของพรรคตัวจริงในทางพฤตินัย จะเห็นได้ว่าในงานวันเกิดของนายเนวินนั้นข้าราชการระดับสูงที่อยู่ภายใต้กระทรวงที่พรรคภูมิใจไทยกำกับนั้นจะต้องเข้าไปร่วมงานถึงบุรีรัมย์เพื่อแสดงตัวให้เห็น เพราะเขารู้ว่าใครคือ คนที่ให้คุณให้โทษได้ และในหมู่ข้าราชการก็รู้กันว่า การโยกย้ายตำแหน่งต่างๆ ในกระทรวงของพรรคภูมิใจไทยนั้นคนที่มีบทบาทสำคัญคือใคร ก็ต้องรอดูต่อไปว่า ระหว่างอำนาจทางการเมืองกับความยุติธรรมทางกฎหมายที่เป็นขื่อแปของบ้านเมืองอย่างไหนจะศักดิ์สิทธิ์กว่ากัน คำสั่งของกรมที่ดินจะใหญ่กว่าคำพิพากษาของศาลฎีกาไหม แต่ต้องยอมรับนะครับว่า การเล่นการเมืองอยู่หลังม่านของคนคนหนึ่งวันนี้นั้นทำให้กระบวนการตรวจสอบคนที่อยู่ในอำนาจทางการเมืองไม่สามารถทำได้ เพราะไม่ได้มีตำแหน่งใดในรัฐบาล หรือแม้แต่เป็นผู้บริหารพรรค เพียงแต่เป็นสมาชิกของพรรคที่สามารถเตะตูดหัวหน้าพรรคได้เท่านั้น ทำให้กลายเป็นช่องโหว่ที่ทำให้ผู้มีอิทธิพลทางการเมืองใช้เป็นเครื่องมือในการเล่นการเมืองอยู่หลังฉาก แต่มีอำนาจสั่งการทุกกระทรวงที่อยู่ภายใต้อำนาจของพรรคที่ข้าราชการทุกคนต้องเกรงใจและหวั่นกลัว มาที่เรื่อง สว.นอกจากในวันนี้พรรคภูมิใจไทยจะเป็นพรรคอันดับสองในสภาผู้แทนราษฎร แต่เป็นที่รู้กันว่า สว.กว่า 150 คนนั้นอยู่ภายใต้การกำกับของใครที่เรียกว่ากันว่า สว.สีน้ำเงินนั่นเอง แล้วอำนาจที่สำคัญของ สว.ก็คือ การแต่งตั้งองค์กรอิสระ ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช. กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ฯลฯ ซึ่งทำให้หากใครจะขึ้นสู่ตำแหน่งดังกล่าวก็จะต้องวิ่งเข้าหาเจ้าของ สว.เพื่อให้ สว.ยกมือให้ หากผ่านการคัดเลือกของคณะกรรมการสรรหาเข้าสู่วุฒิสภามา ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่าตระหนกและเป็นอันตรายมากหากอำนาจการแต่งตั้งองค์กรอิสระอยู่ในอำนาจของใครบางคนหรือคนเพียงคนเดียวในทางพฤตินัย และหากมีการประชุมรัฐสภาคือประชุมร่วมระหว่าง สส. และ สว.เสียงของพรรคภูมิใจไทยและ สว.จะรวมกันเป็นเสียงข้างมากในรัฐสภา และการดำเนินการใดที่จะต้องผ่านรัฐสภาเช่น การแก้รัฐธรรมนูญก็จะตกอยู่ภายใต้การกำกับของเจ้าของสว.ที่จะต้องการให้เป็นไปในทิศทางไหนก็ได้ วันนี้พรรคภูมิใจไทยแม้ว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอันดับสอง แต่ก็มีอิทธิพลเหนือพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำรัฐบาลไปแล้ว แม้ว่า เราจะเห็นอนุทินนอบน้อมต่ออุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และพร้อมจะยืนเป็นวอลเปเปอร์หรือพี่เลี้ยงของอุ๊งอิ๊งค์ตลอดเวลาก็ตาม พรรคภูมิใจไทยจึงขบเหลี่ยมอยู่กับพรรคเพื่อไทยหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกัญชา เรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ รวมถึงการทำประชามติเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ เพราะรู้ว่าอย่างไรเสียพรรคเพื่อไทยก็ไม่สามารถสลัดพรรคภูมิใจไทยออกจากพรรคร่วมรัฐบาลได้ แล้วคอยดูว่า กรณีที่ดินเขากระโดง แม้ว่านายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม จากพรรคเพื่อไทยซึ่งกำกับดูแลการรถไฟแห่งประเทศไทยจะแสดงให้เห็นว่า ไม่อาจยอมรับคำสั่งของคณะกรรมการของกรมที่ดินในกรณีที่ดินเขากระโดงได้ แต่ก็ต้องดูว่า สุดท้ายแล้วเป็นเพียงการแสดงออกไปตามบทบาทที่ตัวเองเล่นอยู่ แต่จะรุกไล่เอาจริงเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศจนสุดทางไหม หรือเป็นเพียงการแสดงอำนาจออกมาให้เห็นเพียงเพื่อคะคานแลกเปลี่ยนต่อรองผลประโยชน์กันทางการเมืองเท่านั้นเอง อิทธิพลของคนโตแห่งบุรีรัมย์ยังสะท้อนอยู่ในองค์กรอิสระอย่าง กกต. เห็นไหมว่า เมื่อไม่นานอยู่ดีๆ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ก็ออกมาบอกว่า กรณีของพรรคภูมิใจไทยที่ถูกร้องเรียนในลักษณะความผิดที่คล้ายคลึงกับพรรคก้าวไกลที่ถูกศาลวินิจฉัยยุบพรรคนั้น ไม่ได้เป็นความผิดแห่งการยุบพรรคการเมืองเลยไม่เป็นเหตุแห่งการยุบพรรคการเมือง ทั้งที่บอกว่ายังอยู่ในระหว่างการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนที่ตั้งขึ้นยังไม่มีบทสรุปออกมา จึงไม่ใช่เรื่องที่เลขาธิการ กกต.จะออกมาแถลงชี้นำหรือออกมาแถลงแม้หลายคนจะตั้งคำถามว่า การสอบสวนกรณีดังกล่าวของพรรคภูมิใจไทยคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นจะใช้เวลานานมากก็ตาม วันนี้เราคงเห็นแล้วว่า สำหรับนักการเมืองแล้วระหว่างผลประโยชน์ของประเทศชาติกับผลประโยชน์ของตัวเองนั้นอย่างไหนสำคัญกว่าในบทบาทของคนที่เข้ามาเล่นการเมือง จะมีคนกี่คนที่เข้ามาเล่นการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของชาติอย่างแท้จริง และมีกฎเกณฑ์กติกาไหนที่จะตรวจสอบนักการเมืองที่มุ่งแต่จะแสวงหาผลประโยชน์เพื่อส่วนตัวและพวกพ้องได้อย่างแท้จริง วันนี้เราคงเข้าใจแล้วว่า ทำไมพรรคภูมิใจไทยพรรคสีน้ำเงินจึงเล่นการเมืองเพื่อเป็นรัฐบาลเท่านั้น ที่มา https://mgronline.com/daily/detail/9670000109483 #Thaitimes
    MGRONLINE.COM
    อำนาจภายใต้การเมืองสีน้ำเงิน
    การที่อธิบดีกรมที่ดินที่อยู่ภายใต้พรรคภูมิใจไทย ทำหนังสือถึงการรถไฟแห่งประเทศไทย ว่า “คณะกรรมการสอบสวนฯ มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นสมควรไม่เพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินการรถไฟฯ บริเวณแยกเขากระโดงเนื่องจาก รฟท. ไม่มีหลักฐานเป็
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1466 มุมมอง 0 รีวิว
  • แถลงการณ์วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    ฉบับที่ 001/2567
    เรื่อง ตั้งสติ อย่าตื่นตระหนก เตรียมรับมือฝีดาษลิง

    ​จากสถานการณ์โรคระบาดฝีดาษลิงในต่างประเทศซึ่งมีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยองค์การอนามัยโลก เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ซึ่งในเวลาต่อมาอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 ว่าได้พบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงคนแรกในประเทศไทยแล้ว โดยผู้ติดเชื้อดังกล่าวได้เดินทางมาจากประเทศแถบทวีปแอฟริกา ข่าวดังกล่าวได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนคนไทยโดยทั่วไป เกิดความสับสนในข่าวสารและแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้อง วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต จึงเห็นสมควรให้ชี้แจงกับประชาชน ให้ตั้งสติ อย่าตื่นตระหนก เตรียมรับมือฝีดาษลิง ดังต่อไปนี้

    ​​ประการแรก ตามรายงานในต่างประเทศซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Lancet ฉบับเผยแพร่เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 พบว่ามีผู้ป่วยส่วนใหญ่กักตัวที่บ้าน มีเพียงไม่เกินร้อยละ 13 ที่ต้องอยู่ในโรงพยาบาลเพราะต้องการแยกตัว หรือมีอาการรุนแรง โดยมีอัตราการตายน้อยกว่าร้อยละ 0.1 แต่สำหรับประเทศไทย ปรากฏเป็นข้อมูลที่เคยแถลงข่าวโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2567 รายงานว่า ประเทศไทยเคยมีผู้ป่วยฝีดาษลิงอยู่แล้วตั้งแต่กรกฏาคม 2565 ถึง 2 มิถุนายน 2567 จำนวน 794 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากฝีดาษลิง 11 ราย คิดเป็นอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยในประเทศไทยอยู่เพียงร้อยละ 1.38 ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเสียชีวิตในระดับต่ำ

    ประการที่สอง สำหรับกรณีการกลายพันธุ์เป็นชนิด เคลด วันบี (Clade Ib ) เกิดขึ้นประมาณ กันยายน 2566 ซึ่งมีอัตราการแพร่กระจายและความรุนแรงมากขึ้น ทำให้อัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น โดยเท่าที่มีข้อมูลในประเทศแถบแอฟริกาพบว่า ผู้ติดเชื้อที่เป็นผู้ใหญ่มีอัตราการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 4 ซึ่งกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 ว่ามีผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงชนิด เคลด วันบี แล้ว 1 ราย ซึ่งเดินทางมาจากประเทศหนึ่งในแถบแอฟริกา ดังนั้นกรมควบคุมโรคควรมีมาตรการในการคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด
    ​​
    ทั้งนี้ผู้ที่ติดเชื้อฝีดาษลิงจะมีระยะเวลาฟักตัวภายใน 21 วัน และสามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่เริ่มมีอาการก่อนจะมีผื่นขึ้น กล่าวคือ มีไข้พบได้ร้อยละ 62 ปวดกล้ามเนื้อพบได้ร้อยละ 31 ปวดหัวพบได้ร้อยละ 27 ต่อมน้ำเหลืองโตพบได้ร้อยละ 56 เซื่องซึมพบได้ร้อยละ 41 หลังจากนั้นจะมีโอกาสผื่นขึ้นต่อมาร้อยละ 95 ทั้งนี้อาจเกิดตุ่มในปาก อวัยวะเพศชายและหญิง ช่องคลอด หรือรูทวารหนักได้ด้วย ผู้ป่วยจะถูกแยกกักกันนานประมาณ 21 วัน หรือจนพ้นระยะเวลาแพร่เชื้อคือ ทุกรอยโรคหายไป ตกสะเก็ดและสะเก็ดหลุดจนมีผิวหนังปกติ โดยหลังจากหายป่วยแล้วควรงดการมีเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะใช้ถุงยางอนามัยหรือไม่ก็ตามเป็นเวลาหนึ่งเดือน
    ​​
    อย่างไรก็ตามผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงส่วนใหญ่สามารถหายเองได้โดยรักษาตามอาการ เพราะยังไม่พบยาต้านไวรัสชนิดนี้ โดยแม้แต่ยา Tecovirimat ที่องค์การอนามัยโลกประกาศใช้รักษาฝีดาษลิงชนิดเคลด วันบี ก็ยังไม่ได้ผลในการรักษาแต่ประการใด เพราะตามประกาศของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ สหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 พบรายงานการวิจัยในมนุษย์ว่ายา Tecovirimat ไม่ได้ลดระยะผื่นของฝีดาษลิงในผู้ติดเชื้อทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่ประเทศคองโก รวมทั้งมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 1.7 ไม่ว่าจะใช้ยา Tecovirimat หรือไม่ใช้ก็ตาม
    ​​
    ประการที่สาม กลุ่มเสี่ยงอาการรุนแรงหากติดเชื้อ ได้แก่ เด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี สตรีมีครรภ์ ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือมีโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Eczema) ตุ่มพุพอง ตกสะเก็ด คัน แสบ สะเก็ดเงิน โดยจากข้อมูลในทวีปแอฟริกา พบว่ากลุ่มเสี่ยงอาการรุนแรงมีอัตราการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 10 กลุ่มเหล่านี้จะต้องมีความระมัดระวังอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะ หลีกเลี่ยงการสัมผัสแนบชิดทางผิวหนัง เลือด หนอง สิ่งคัดหลั่งของผู้ป่วยหรือผู้ต้องสงสัยติดเชื้อฝีดาษลิง รวมถึงควรล้างมือเป็นประจำและไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น

    ประการที่สี่ สำหรับผู้มีอาชีพหรือผู้รับบริการที่ต้องมีการสัมผัสแนบชิดทางผิวหนัง ควรต้องสอบถามผู้ที่จะมาสัมผัสแนบชิดทางผิวหนัง ว่ามีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่หรือไม่ เช่น ปวดตามร่างกายแบบลักษณะมีไข้ หรือมีไข้ ปวดหัว ต่อมน้ำเหลืองโต เซื่องซึม มีตุ่มหรือผื่นตามร่างกาย หากมีอาการดังกล่าวควรแนะนำให้ไปพบแพทย์

    ประการที่ห้า อาการที่เสี่ยงเสียชีวิตหลังจากติดเชื้อแล้ว ได้แก่ มีตุ่มแผลบริเวณเยื่อบุตา ผื่นตุ่มที่แพร่กระจายทั่วตัว หรือผื่นขึ้นแบบกระจุกตัว (Cluster) มีตกเลือดในบริเวณผื่นตุ่ม อาการไข้และอาการทางร่างกายที่หนักขึ้น รวมทั้งหายใจเหนื่อย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
    ​​
    ประการที่หก ที่ผ่านมายังไม่มีวัคซีนสำหรับการป้องกันการติดเชื้อโรคฝีดาษลิงโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตามวันที่ 24 กรกฏาคม 2565 สหภาพยุโรปได้อนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ (JYNNEOS) เพื่อประยุกต์ใช้ในการป้องกันโรคฝีดาษลิง

    ทั้งนี้ผลสำรวจงานวิจัยในวารสาร New England ตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566 รายงานว่าทหารอเมริกันผู้เคยได้รับวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษชนิดเดียวกันกับที่ประเทศไทยเคยใช้ในอดีต หรือวัคซีน ACAM2000 หรือวัคซีน JYNNEOS ในปัจจุบัน ในระหว่างปี 2545 ถึง 2560 จำนวน 2.6 ล้านคนพบว่ามีโอกาสติดเชื้อฝีดาษทุกชนิดลดลง
    ​​
    สำหรับประเทศไทยผู้ที่เกิดก่อนปี 2523 หรืออายุตั้งแต่ 44 ปีขึ้นไป น่าจะได้รับการปลูกฝีป้องกันโรคฝีดาษไข้ทรพิษ (Smallpox) โดยทั่วไปแล้ว โดยสามารถสังเกตแผลเป็นที่บริเวณหัวไหล่ของผู้ที่เคยได้รับการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ ซึ่งทำให้ช่วยลดอัตราการติดเชื้อและความรุนแรงของโรคฝีดาษลิงได้ และกลุ่มคนเหล่านี้ไม่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนแล้ว

    สำหรับประชาชนทั่วไปที่มีอายุน้อยกว่า 44 ปี หรือไม่เคยปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ ยังไม่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนในขณะนี้ เพราะยังสามารถใช้มาตราการป้องกันด้วยการหลีกเลี่ยงการสัมผัสแนบชิดกับผู้ติดเชื้อหรือผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อฝีดาษลิง

    ​​เพราะตามข้อมูลของบริษัทผู้ผลิตวัคซีน JYNNEOS รายงานว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงต่อหัวใจในอัตรา 8 ต่อ10,000 ราย ซึ่งน้อยกว่าการฉีดวัควัคซีนจริงปรากฏตามรายงานในวารสาร Vaccine ฉบับเผยแพร่ออนไลน์เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 ซึ่งรายงานว่าการฉีดวัคซีน JYNNEOS อย่างน้อย 1 เข็ม มีโอกาสได้รับผลข้างเคียงต่อหัวใจในอัตรา 3.1 ต่อ 1,000 โดส อีกทั้งยังไม่เคยมีการวิจัยผลข้างเคียงการฉีดวัคซีนชนิดนี้สำหรับประชากรไทยมาก่อนด้วย

    ดังนั้นผู้ที่สมควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันฝีดาษลิง จึงควรเป็นกลุ่มประชากรที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น ได้แก่ ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงและบุคลากรสาธารณสุขที่มีความเสี่ยงสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงมากที่สุด รวมทั้งผู้มีอาชีพที่ต้องมีการสัมผัสแนบชิดทางผิวหนังกับผู้อื่น

    ประการที่เจ็ด สำหรับผู้ที่ติดเชื้อฝีดาษลิงแล้ว ให้กักตัวเองและรักษาตามอาการ ทั้งนี้ในกรรมวิธีของการแพทย์แผนไทยในการรักษาโรคระบาดที่มีผื่นหรือตุ่มตามผิวหนังนั้น มีหลักฐานปรากฏชัดเจนและได้ถูกรับรองตามกฏหมายในฐานะเป็นตำรับยาและตำรายาแผนไทยของชาติในการรับมือกับโรคระบาด ได้แก่
    ​​
    พระคัมภีร์ตักกะศิลาตามตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งสืบทอดภูมิปัญญามาตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยมีขั้นตอนการรักษา 3 ขั้นตอน คือ ตำรับยาเพื่อขั้นตอนการกระทุ้งพิษไข้ด้วยยาห้าราก ตำรับยาเพื่อขั้นตอนการแปรไข้ภายในและรักษาผิวภายนอก และตำรับยาเพื่อขั้นตอนการครอบไข้ ซึ่งมีตำรับยาใน 3 ขั้นตอนนี้ รวม 7 ขนาน
    ​​
    นอกจากนี้ยังมีตำรับยาขาว ซึ่งเป็นยาขนานเดียวตามตำรายาของศิลาจารึกวัดเชตุพนวิมลมังคราราม ราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่ามีสรรพคุณรักษาโรคระบาดได้หลายชนิด อีกทั้งยังมีตำรับยาหลายขนานสำหรับรักษาโรคฝีดาษโดยเฉพาะ ตามคัมภีร์แพทย์แผนไทยโบราณ เล่ม 3 ของขุนโสภิตบรรณลักษณ์ (อำพัน กิตติขจร)

    สำหรับการแพทย์แผนจีนมีหลักการรักษาโรคตามภาวะร่างกายโดยมีพื้นฐานการขับพิษ-ขับร้อน การปรับความร้อนระดับเลือด การขับความชื้น การปรับสมดุลของม้าม กระเพาะอาหาร การบำรุงเลือดและพลัง เพื่อขับพิษและเสริมพลังพื้นฐานในการต่อสู้กับโรคฝีดาษลิง
    ​​
    สำหรับงานวิจัยเภสัชสมุนไพรปรากฏในวารสาร Frontiers in cellular and infection Microbiology เผยแพร่เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2566 ซึ่งวิเคราะห์ด้วยกระบวนการทางโมเลกุล พบว่า ขมิ้นชันมีปฏิกริยาต่อต้านไวรัสฝีดาษลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีกลไกการขัดขวางยับยั้งไวรัส ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลสำคัญที่ควรนำมาศึกษาและวิจัยการใช้ขมิ้นชันในผู้ป่วยโรคฝีดาษของมนุษย์ต่อไป เพราะเป็นสมุนไพรที่มีราคาถูก เข้าถึงได้ทั่วไป คนไทยสามารถพึ่งพาตัวเองได้ ซึ่งมีรายงานก่อนหน้านี้ว่าขมิ้นชันมีประสิทธิภาพในการยับยั้งกลไกในหลายขั้นตอนของไวรัสอีกหลายชนิด
    ​​
    นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรเดี่ยวที่มีศักยภาพในการต้านไวรัสหลายชนิด เช่น ฟ้าทะลายโจร มะขามป้อม เสลดพังพอนตัวเมีย กัญชา กัญชง ฯลฯ ซึ่งจะต้องมีการวิจัยเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงว่าจะมีศักยภาพและสามารถนำไปใช้รักษาผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงต่อไปได้หรือไม่
    ​​
    อย่างไรก็ตามผู้ป่วยฝีดาษลิงที่เลือกกักตัวเองอยู่ที่บ้าน สามารถขอรับคำปรึกษาและรับตำรับยากับคลินิกการแพทย์แผนไทย การแพทย์แผนไทยประยุกต์ การแพทย์แผนจีน ทั่วประเทศ รวมถึงสหคลินิการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-791-6000 ต่อ 4406 หรือ 089-770-5862 อย่างไรก็ตามจะต้องมีการเก็บข้อมูลติดตามผลและทำการศึกษาวิจัยผลการรักษาภายหลังต่อไป
    ​​
    จากข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นว่าประชาชนไทยต้องตั้งสติ ไม่ตื่นตระหนก แต่ให้มีความตระหนักในการป้องกันและระวังตัว และเตรียมความพร้อมในการวางแผนและกำหนดมาตรการอย่างรอบด้าน รวมทั้งประเทศไทยมีบุคลากรที่มีความรู้และภูมิปัญญาที่จะสามารถรับมือกับโรคฝีดาษลิงได้อย่างแน่นอน

    ด้วยความปรารถนาดี
    วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    23 สิงหาคม 2567

    https://www.facebook.com/100044511276276/posts/pfbid0v8ELDqDcnAZ2MgmuoGJU9Faxw4irDyQS7guRbaDmfwTqhy4QJCrTF8j4YHLVjGexl/?
    วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ม.รังสิต ออกแถลงการณ์แนะคนไทยตั้งสติ อย่าตื่นตระหนกฝีดาษวานร
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000078027
    แถลงการณ์วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ฉบับที่ 001/2567 เรื่อง ตั้งสติ อย่าตื่นตระหนก เตรียมรับมือฝีดาษลิง ​จากสถานการณ์โรคระบาดฝีดาษลิงในต่างประเทศซึ่งมีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยองค์การอนามัยโลก เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ซึ่งในเวลาต่อมาอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 ว่าได้พบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงคนแรกในประเทศไทยแล้ว โดยผู้ติดเชื้อดังกล่าวได้เดินทางมาจากประเทศแถบทวีปแอฟริกา ข่าวดังกล่าวได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนคนไทยโดยทั่วไป เกิดความสับสนในข่าวสารและแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้อง วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต จึงเห็นสมควรให้ชี้แจงกับประชาชน ให้ตั้งสติ อย่าตื่นตระหนก เตรียมรับมือฝีดาษลิง ดังต่อไปนี้ ​​ประการแรก ตามรายงานในต่างประเทศซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Lancet ฉบับเผยแพร่เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 พบว่ามีผู้ป่วยส่วนใหญ่กักตัวที่บ้าน มีเพียงไม่เกินร้อยละ 13 ที่ต้องอยู่ในโรงพยาบาลเพราะต้องการแยกตัว หรือมีอาการรุนแรง โดยมีอัตราการตายน้อยกว่าร้อยละ 0.1 แต่สำหรับประเทศไทย ปรากฏเป็นข้อมูลที่เคยแถลงข่าวโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2567 รายงานว่า ประเทศไทยเคยมีผู้ป่วยฝีดาษลิงอยู่แล้วตั้งแต่กรกฏาคม 2565 ถึง 2 มิถุนายน 2567 จำนวน 794 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากฝีดาษลิง 11 ราย คิดเป็นอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยในประเทศไทยอยู่เพียงร้อยละ 1.38 ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเสียชีวิตในระดับต่ำ ประการที่สอง สำหรับกรณีการกลายพันธุ์เป็นชนิด เคลด วันบี (Clade Ib ) เกิดขึ้นประมาณ กันยายน 2566 ซึ่งมีอัตราการแพร่กระจายและความรุนแรงมากขึ้น ทำให้อัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น โดยเท่าที่มีข้อมูลในประเทศแถบแอฟริกาพบว่า ผู้ติดเชื้อที่เป็นผู้ใหญ่มีอัตราการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 4 ซึ่งกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 ว่ามีผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงชนิด เคลด วันบี แล้ว 1 ราย ซึ่งเดินทางมาจากประเทศหนึ่งในแถบแอฟริกา ดังนั้นกรมควบคุมโรคควรมีมาตรการในการคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด ​​ ทั้งนี้ผู้ที่ติดเชื้อฝีดาษลิงจะมีระยะเวลาฟักตัวภายใน 21 วัน และสามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่เริ่มมีอาการก่อนจะมีผื่นขึ้น กล่าวคือ มีไข้พบได้ร้อยละ 62 ปวดกล้ามเนื้อพบได้ร้อยละ 31 ปวดหัวพบได้ร้อยละ 27 ต่อมน้ำเหลืองโตพบได้ร้อยละ 56 เซื่องซึมพบได้ร้อยละ 41 หลังจากนั้นจะมีโอกาสผื่นขึ้นต่อมาร้อยละ 95 ทั้งนี้อาจเกิดตุ่มในปาก อวัยวะเพศชายและหญิง ช่องคลอด หรือรูทวารหนักได้ด้วย ผู้ป่วยจะถูกแยกกักกันนานประมาณ 21 วัน หรือจนพ้นระยะเวลาแพร่เชื้อคือ ทุกรอยโรคหายไป ตกสะเก็ดและสะเก็ดหลุดจนมีผิวหนังปกติ โดยหลังจากหายป่วยแล้วควรงดการมีเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะใช้ถุงยางอนามัยหรือไม่ก็ตามเป็นเวลาหนึ่งเดือน ​​ อย่างไรก็ตามผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงส่วนใหญ่สามารถหายเองได้โดยรักษาตามอาการ เพราะยังไม่พบยาต้านไวรัสชนิดนี้ โดยแม้แต่ยา Tecovirimat ที่องค์การอนามัยโลกประกาศใช้รักษาฝีดาษลิงชนิดเคลด วันบี ก็ยังไม่ได้ผลในการรักษาแต่ประการใด เพราะตามประกาศของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ สหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 พบรายงานการวิจัยในมนุษย์ว่ายา Tecovirimat ไม่ได้ลดระยะผื่นของฝีดาษลิงในผู้ติดเชื้อทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่ประเทศคองโก รวมทั้งมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 1.7 ไม่ว่าจะใช้ยา Tecovirimat หรือไม่ใช้ก็ตาม ​​ ประการที่สาม กลุ่มเสี่ยงอาการรุนแรงหากติดเชื้อ ได้แก่ เด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี สตรีมีครรภ์ ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือมีโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Eczema) ตุ่มพุพอง ตกสะเก็ด คัน แสบ สะเก็ดเงิน โดยจากข้อมูลในทวีปแอฟริกา พบว่ากลุ่มเสี่ยงอาการรุนแรงมีอัตราการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 10 กลุ่มเหล่านี้จะต้องมีความระมัดระวังอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะ หลีกเลี่ยงการสัมผัสแนบชิดทางผิวหนัง เลือด หนอง สิ่งคัดหลั่งของผู้ป่วยหรือผู้ต้องสงสัยติดเชื้อฝีดาษลิง รวมถึงควรล้างมือเป็นประจำและไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น ประการที่สี่ สำหรับผู้มีอาชีพหรือผู้รับบริการที่ต้องมีการสัมผัสแนบชิดทางผิวหนัง ควรต้องสอบถามผู้ที่จะมาสัมผัสแนบชิดทางผิวหนัง ว่ามีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่หรือไม่ เช่น ปวดตามร่างกายแบบลักษณะมีไข้ หรือมีไข้ ปวดหัว ต่อมน้ำเหลืองโต เซื่องซึม มีตุ่มหรือผื่นตามร่างกาย หากมีอาการดังกล่าวควรแนะนำให้ไปพบแพทย์ ประการที่ห้า อาการที่เสี่ยงเสียชีวิตหลังจากติดเชื้อแล้ว ได้แก่ มีตุ่มแผลบริเวณเยื่อบุตา ผื่นตุ่มที่แพร่กระจายทั่วตัว หรือผื่นขึ้นแบบกระจุกตัว (Cluster) มีตกเลือดในบริเวณผื่นตุ่ม อาการไข้และอาการทางร่างกายที่หนักขึ้น รวมทั้งหายใจเหนื่อย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที ​​ ประการที่หก ที่ผ่านมายังไม่มีวัคซีนสำหรับการป้องกันการติดเชื้อโรคฝีดาษลิงโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตามวันที่ 24 กรกฏาคม 2565 สหภาพยุโรปได้อนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ (JYNNEOS) เพื่อประยุกต์ใช้ในการป้องกันโรคฝีดาษลิง ทั้งนี้ผลสำรวจงานวิจัยในวารสาร New England ตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566 รายงานว่าทหารอเมริกันผู้เคยได้รับวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษชนิดเดียวกันกับที่ประเทศไทยเคยใช้ในอดีต หรือวัคซีน ACAM2000 หรือวัคซีน JYNNEOS ในปัจจุบัน ในระหว่างปี 2545 ถึง 2560 จำนวน 2.6 ล้านคนพบว่ามีโอกาสติดเชื้อฝีดาษทุกชนิดลดลง ​​ สำหรับประเทศไทยผู้ที่เกิดก่อนปี 2523 หรืออายุตั้งแต่ 44 ปีขึ้นไป น่าจะได้รับการปลูกฝีป้องกันโรคฝีดาษไข้ทรพิษ (Smallpox) โดยทั่วไปแล้ว โดยสามารถสังเกตแผลเป็นที่บริเวณหัวไหล่ของผู้ที่เคยได้รับการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ ซึ่งทำให้ช่วยลดอัตราการติดเชื้อและความรุนแรงของโรคฝีดาษลิงได้ และกลุ่มคนเหล่านี้ไม่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนแล้ว สำหรับประชาชนทั่วไปที่มีอายุน้อยกว่า 44 ปี หรือไม่เคยปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ ยังไม่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนในขณะนี้ เพราะยังสามารถใช้มาตราการป้องกันด้วยการหลีกเลี่ยงการสัมผัสแนบชิดกับผู้ติดเชื้อหรือผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อฝีดาษลิง ​​เพราะตามข้อมูลของบริษัทผู้ผลิตวัคซีน JYNNEOS รายงานว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงต่อหัวใจในอัตรา 8 ต่อ10,000 ราย ซึ่งน้อยกว่าการฉีดวัควัคซีนจริงปรากฏตามรายงานในวารสาร Vaccine ฉบับเผยแพร่ออนไลน์เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 ซึ่งรายงานว่าการฉีดวัคซีน JYNNEOS อย่างน้อย 1 เข็ม มีโอกาสได้รับผลข้างเคียงต่อหัวใจในอัตรา 3.1 ต่อ 1,000 โดส อีกทั้งยังไม่เคยมีการวิจัยผลข้างเคียงการฉีดวัคซีนชนิดนี้สำหรับประชากรไทยมาก่อนด้วย ดังนั้นผู้ที่สมควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันฝีดาษลิง จึงควรเป็นกลุ่มประชากรที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น ได้แก่ ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงและบุคลากรสาธารณสุขที่มีความเสี่ยงสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงมากที่สุด รวมทั้งผู้มีอาชีพที่ต้องมีการสัมผัสแนบชิดทางผิวหนังกับผู้อื่น ประการที่เจ็ด สำหรับผู้ที่ติดเชื้อฝีดาษลิงแล้ว ให้กักตัวเองและรักษาตามอาการ ทั้งนี้ในกรรมวิธีของการแพทย์แผนไทยในการรักษาโรคระบาดที่มีผื่นหรือตุ่มตามผิวหนังนั้น มีหลักฐานปรากฏชัดเจนและได้ถูกรับรองตามกฏหมายในฐานะเป็นตำรับยาและตำรายาแผนไทยของชาติในการรับมือกับโรคระบาด ได้แก่ ​​ พระคัมภีร์ตักกะศิลาตามตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งสืบทอดภูมิปัญญามาตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยมีขั้นตอนการรักษา 3 ขั้นตอน คือ ตำรับยาเพื่อขั้นตอนการกระทุ้งพิษไข้ด้วยยาห้าราก ตำรับยาเพื่อขั้นตอนการแปรไข้ภายในและรักษาผิวภายนอก และตำรับยาเพื่อขั้นตอนการครอบไข้ ซึ่งมีตำรับยาใน 3 ขั้นตอนนี้ รวม 7 ขนาน ​​ นอกจากนี้ยังมีตำรับยาขาว ซึ่งเป็นยาขนานเดียวตามตำรายาของศิลาจารึกวัดเชตุพนวิมลมังคราราม ราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่ามีสรรพคุณรักษาโรคระบาดได้หลายชนิด อีกทั้งยังมีตำรับยาหลายขนานสำหรับรักษาโรคฝีดาษโดยเฉพาะ ตามคัมภีร์แพทย์แผนไทยโบราณ เล่ม 3 ของขุนโสภิตบรรณลักษณ์ (อำพัน กิตติขจร) สำหรับการแพทย์แผนจีนมีหลักการรักษาโรคตามภาวะร่างกายโดยมีพื้นฐานการขับพิษ-ขับร้อน การปรับความร้อนระดับเลือด การขับความชื้น การปรับสมดุลของม้าม กระเพาะอาหาร การบำรุงเลือดและพลัง เพื่อขับพิษและเสริมพลังพื้นฐานในการต่อสู้กับโรคฝีดาษลิง ​​ สำหรับงานวิจัยเภสัชสมุนไพรปรากฏในวารสาร Frontiers in cellular and infection Microbiology เผยแพร่เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2566 ซึ่งวิเคราะห์ด้วยกระบวนการทางโมเลกุล พบว่า ขมิ้นชันมีปฏิกริยาต่อต้านไวรัสฝีดาษลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีกลไกการขัดขวางยับยั้งไวรัส ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลสำคัญที่ควรนำมาศึกษาและวิจัยการใช้ขมิ้นชันในผู้ป่วยโรคฝีดาษของมนุษย์ต่อไป เพราะเป็นสมุนไพรที่มีราคาถูก เข้าถึงได้ทั่วไป คนไทยสามารถพึ่งพาตัวเองได้ ซึ่งมีรายงานก่อนหน้านี้ว่าขมิ้นชันมีประสิทธิภาพในการยับยั้งกลไกในหลายขั้นตอนของไวรัสอีกหลายชนิด ​​ นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรเดี่ยวที่มีศักยภาพในการต้านไวรัสหลายชนิด เช่น ฟ้าทะลายโจร มะขามป้อม เสลดพังพอนตัวเมีย กัญชา กัญชง ฯลฯ ซึ่งจะต้องมีการวิจัยเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงว่าจะมีศักยภาพและสามารถนำไปใช้รักษาผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงต่อไปได้หรือไม่ ​​ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยฝีดาษลิงที่เลือกกักตัวเองอยู่ที่บ้าน สามารถขอรับคำปรึกษาและรับตำรับยากับคลินิกการแพทย์แผนไทย การแพทย์แผนไทยประยุกต์ การแพทย์แผนจีน ทั่วประเทศ รวมถึงสหคลินิการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-791-6000 ต่อ 4406 หรือ 089-770-5862 อย่างไรก็ตามจะต้องมีการเก็บข้อมูลติดตามผลและทำการศึกษาวิจัยผลการรักษาภายหลังต่อไป ​​ จากข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นว่าประชาชนไทยต้องตั้งสติ ไม่ตื่นตระหนก แต่ให้มีความตระหนักในการป้องกันและระวังตัว และเตรียมความพร้อมในการวางแผนและกำหนดมาตรการอย่างรอบด้าน รวมทั้งประเทศไทยมีบุคลากรที่มีความรู้และภูมิปัญญาที่จะสามารถรับมือกับโรคฝีดาษลิงได้อย่างแน่นอน ด้วยความปรารถนาดี วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 23 สิงหาคม 2567 https://www.facebook.com/100044511276276/posts/pfbid0v8ELDqDcnAZ2MgmuoGJU9Faxw4irDyQS7guRbaDmfwTqhy4QJCrTF8j4YHLVjGexl/? วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ม.รังสิต ออกแถลงการณ์แนะคนไทยตั้งสติ อย่าตื่นตระหนกฝีดาษวานร https://mgronline.com/qol/detail/9670000078027
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1102 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..นี้คือหมากล้างสมองคนไทยคนเกษตรอีกตัว,โยนหินถามทางมานานกว่าสิบๆแล้ว จากธนาคารต้นไม้นั้นเอง ผันมาสู่คาร์บอนเครดิต กัดกินสู่การควบคุมที่ละขั้น&แบบเนียนๆโดยเอาตังมาล่อ,อนาคตจะมีธนาคารนายทุนปล่อยเงินกู้คาร์บอนเครดิตแก่ประชาชนเหมือนกับตังเราเลย เพื่อสร้างสภาพคล่องในการดำรงขีวิตและใช้ชีวิต,คนไทยเรากำลังเอาเชือกมารัดคอตัวเอง เอาโซ่มาผูกขาตนเองให้ไร้อิสระภาพจากการล้างสมองของนักวิชาการรับจ้างหรือหลงผิด พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศคือตัวพ่อจะควบคุมทัังหมดรวมถึงคาร์บอนเครดิตเป็นหนึ่งในบริบทเชื่อมตังดิจิดัลคาร์บอนเครดิตก็ได้ อีลิทเอาคาร์บอนเครดิตส่งมอบให้กันเช่นนายAตั้งธนาคารคาร์บอนเครดิตที่รับมาจากอีลิทให้เครดิตมาสัก100ล้านล้านคาร์บอนเครดิตไว้ปล่อยกู้ให้ประชาชนไปจ่ายเครดิตคาร์บอนในชีวิตประจำวัน เงินเดือนในอนาคคก็จะจ่ายเป็นคาร์บอนเครดิต,จะขายสินค้าเกษตรก็ซื้อหรือจ่ายเป็นคาร์บอนเครดิต,ขึ้นรถลงเรือเดินทางทานอาหารต้องจ่ายเป็นคาร์บอนเครดิต คนไม่มีป่ามีนามีต้นไม้ก็จะกู้หรือดิ้นรนหาคาร์บอนเครดิต,จากนั้นก็มีตลาดหุ้นคาร์บอนเครดิต บริษัทต่างที่เข้าตลาดหุ้นก็ขับเคลื่อนด้วยคาร์บอนเครดิต ปั่นราคากันสไตล์ตลาดsetนี้ล่ะ,ใครร่ำรวยและควบคุมมนุษย์ก็อีลิทนี้ล่ะ ย้ายหมากย้ายตังจากกระเป๋าซ้ายเข้ากระเป๋าขวาเหมือนเดิมแค่เปลี่ยนวิธีเล่น แล้วทั้งหมดถูกควบคุมที่คนเดียวคืออีลิทนั้นล่ะ แต่ทาสรุ่นใหม่คือคนที่ตกหลุมคาร์บอนเครดิตนี้ล่ะ,เขาฉลาดสร้างภาพทางคนเกษตรก่อน เข้าใจง่ายๆว่าจะได้ตัง มุกหาเสียงเดิมๆชวนจากเหยื่อล่อด้วยตัง เหยื่อกระโดดคาบกินอาหารมันเต็มที่ดีใจเหมือนปลาได้น้ำตอนแรก จะอนาถเมื่อนานๆไปเหมือนกบถูกต้มบนหม้อที่เร่งไฟที่ละนิดจนเมื่อรู้ว่าเดือดทนไม่ได้ก็เกือบสุกในพริบตาปิดฝาปรุงทำอาหารอย่สงเชือดนิ่มๆ,อีลิทเขาสนุก เล่นสนุกๆกับมนุษย์เฉยๆ มันไม่มีอะไรทำแค่นั้นเพราะไปเก่งที่จักรวาลอื่นไม่ได้เพราะกากกว่าเขา,เลยหนีมาหลบซ่อนบนโลกเรายึดโลกเรา ตัดแต่งdnaเราจนสนุก ของเล่นมัน,เพราะเราโง่กว่าเขามากเช่นกัน,ทางเดียวคือบรรลุจิตวิญญาณแบบไทยๆเราเป็นเช่นพ่อแม่ครูบาอาจารย์นำทางเรา กษัตริย์ผู้ทรงธรรมนำทางเรา จึงพอต่อกรกันได้และการตื่นรู้ค่าจริงด้วยบนสังคมไทยเราต้องมีก่อนเพื่อจะก่อสามัคคีทั้งประเทศได้ จึงพอเดินร่วมกันฟันฝ่าอุปสรรคทั้งแผ่นดินไทยเราได้,ผู้นำที่กากๆจะมานำไม่ได้ต้องถีบออกไปเพราะศึกนีัสำคัญมาก เราไปด้วยกันหมดนั้นเองในชื่อว่าคนไทยนีัก่อน,ชาติอื่นก็เกินการควบคุมของเราแต่ประสานร่วมมือจับมือกันจริงจังทั้งโลกได้ยิ่งดี,ศัตรูคือมารอีลิทจะถูกสแกนกำจัดได้ง่ายขึ้นบนโลกเราที่พวกมันยึดครองไป,เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆมันคือชีวิตเลยล่ะ แบบฉีดวัคซีนนั้นล่ะตาย&ถูกลดประชากรทัังโลกรวมทั้งไทยด้วยอย่างชัดเจน,มันฆ่าคนไทยและชาวโลกจริงๆ,พันธมิตรอดีตเสื้อเหลืองเองยังพลาด ยังไปพากันฉีดวัคซีน ซึ่งผิดวิสัยมากว่าจะไม่รู้ได้อย่างไร,แถมชี้ชวนไปร่วมรณรงค์การฉีดอีกแม้กั๊กอยู่ในยุคนั้นแต่บริบทแจังเตือนแจ้งต่อต้านการฉีดไร้ความจริงจังอย่างชัดเจนเงียบหมด,จุดยืนว่าคนไทยคนเสื้อเหลืองเราอย่าฉีดนะไม่มีเลย,สันติอโศกเองก็ฉีดกันตรึม จึงน่าผิดหวังในการข่าวแจ้งเตือนมากในยุคๆนั้นเริ่มต้น,เพราะชื่อเสียงมากคนติดตามเยอะจะมีคนรับฟังถึงขั้นเชื่อกันระวังภัยช่วยกันได้ดี,หลังๆจึงค่อยออกมาบอกถึงพิษภัยมันแต่ก็สายเกินไปเพราะฉีดกันครบหมดแล้ว,สุดท้ายอ.ปานเทพจึงค่อยเปิดตัวแรงชัดเจนออกมา,น่าผิดหวังจริงๆหากพูดกันตรง ระดับม.รังสิตการข่าวไม่น่าพลาด ทั้งในและทางต่างประเทศที่เปิดกว้างข้อมูลการแฉพิษภัยของวัคซีน,เพราะทั้งอ.ธีระวัฒน์อ.ปานเทพโดดเด่นจากกัญชาเสรีมาแล้วคนติดตามเยอะมาก ยุคภัยโควิดยังตกใจว่าทำไมไม่ออกมาร่วมต่อต้านภัยจากวัคซีนmRNAนี้ หลังๆจึงเข้าใจว่าติดสัญญารับทุน,ถูกปิดปากสายเนียนๆก็ว่า,แต่ก็ยังดี ที่แอคชั่นในปัจจุบัน ,การผิดพลาดคือความตายของทัังประเทศ องค์ภาเราก็โดน อ.สุจริตบินตรงมาเลยก็ว่า,สายวังการข่าวกากมาก,ไม่น่าผิดพลาดได้เลยด้วยอะไรๆล้ำๆตรึมกว่าคนบ้านนอกชนบท เครื่องมือคนมีความรู้จบสูงๆภาษาต่างชาติภาษาฝรั่งเต็มภูมิเต็มวังรอบด้าน ทหารองค์รักษ์ข่าวกรอกต้องสุดยอดถึงภัยร้ายแรงระดับปกป้องชาติให้พ้นภัยได้ แต่ตกต่ำตกประเมินไร้ประสิทธิภาพมาก,องค์ภาเราเลยโดนด้วย,เพราะพระองค์ท่านกำลังขับเคลื่อนกองทุนแม่ของแผ่นดิน น่าจะไปได้ดีด้วย.ต้องหยุดชะงักเลย.
    ..พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศมันคือภัยความมั่นคงทางอิสระภาพชีวิตคนไทยมาก ไม่ต่างจากพรบ.ปิโตรเลียมเลย,ทาสทางพลังงานนั้น,แต่นี้หนักกว่าเพราะคือกลไกการปกครองประเทศทั้งหมด,อันตรายมาก นัยยะเป็นภัยรอบทิศทาง.
    ..คาร์บอนเครดิตเป็นเดอะแก๊งหนึ่งที่สมคบคิดร่วมสุมหัวกันใหญ่มาก,เอกชนหรือหน่วยงานใด รับงานมาจริงๆต้องถูกกำจัดตัดตอนทั้งหมดทันทีรวมถึงบุคคลด้วยต้องไปวัดเพราะจิตสำนึกรู้ดีรู้ชั่ว รู้ผิดรู้ถูกไม่มีในสันดานจริตจิตมันแล้ว หายนะพิบัติภัยของแผ่นดินเลยนะแต่เดอะแก๊งพวกมันนี้ตั้งใจอย่างเต็มที่ให้บรรลุผลงานตามเป้าหมายมันนั้นเอง.,ภัยต่อชาติต่อคนไทยจะเก็บไว้ทำซากอะไร.
    ..นี้คือหมากล้างสมองคนไทยคนเกษตรอีกตัว,โยนหินถามทางมานานกว่าสิบๆแล้ว จากธนาคารต้นไม้นั้นเอง ผันมาสู่คาร์บอนเครดิต กัดกินสู่การควบคุมที่ละขั้น&แบบเนียนๆโดยเอาตังมาล่อ,อนาคตจะมีธนาคารนายทุนปล่อยเงินกู้คาร์บอนเครดิตแก่ประชาชนเหมือนกับตังเราเลย เพื่อสร้างสภาพคล่องในการดำรงขีวิตและใช้ชีวิต,คนไทยเรากำลังเอาเชือกมารัดคอตัวเอง เอาโซ่มาผูกขาตนเองให้ไร้อิสระภาพจากการล้างสมองของนักวิชาการรับจ้างหรือหลงผิด พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศคือตัวพ่อจะควบคุมทัังหมดรวมถึงคาร์บอนเครดิตเป็นหนึ่งในบริบทเชื่อมตังดิจิดัลคาร์บอนเครดิตก็ได้ อีลิทเอาคาร์บอนเครดิตส่งมอบให้กันเช่นนายAตั้งธนาคารคาร์บอนเครดิตที่รับมาจากอีลิทให้เครดิตมาสัก100ล้านล้านคาร์บอนเครดิตไว้ปล่อยกู้ให้ประชาชนไปจ่ายเครดิตคาร์บอนในชีวิตประจำวัน เงินเดือนในอนาคคก็จะจ่ายเป็นคาร์บอนเครดิต,จะขายสินค้าเกษตรก็ซื้อหรือจ่ายเป็นคาร์บอนเครดิต,ขึ้นรถลงเรือเดินทางทานอาหารต้องจ่ายเป็นคาร์บอนเครดิต คนไม่มีป่ามีนามีต้นไม้ก็จะกู้หรือดิ้นรนหาคาร์บอนเครดิต,จากนั้นก็มีตลาดหุ้นคาร์บอนเครดิต บริษัทต่างที่เข้าตลาดหุ้นก็ขับเคลื่อนด้วยคาร์บอนเครดิต ปั่นราคากันสไตล์ตลาดsetนี้ล่ะ,ใครร่ำรวยและควบคุมมนุษย์ก็อีลิทนี้ล่ะ ย้ายหมากย้ายตังจากกระเป๋าซ้ายเข้ากระเป๋าขวาเหมือนเดิมแค่เปลี่ยนวิธีเล่น แล้วทั้งหมดถูกควบคุมที่คนเดียวคืออีลิทนั้นล่ะ แต่ทาสรุ่นใหม่คือคนที่ตกหลุมคาร์บอนเครดิตนี้ล่ะ,เขาฉลาดสร้างภาพทางคนเกษตรก่อน เข้าใจง่ายๆว่าจะได้ตัง มุกหาเสียงเดิมๆชวนจากเหยื่อล่อด้วยตัง เหยื่อกระโดดคาบกินอาหารมันเต็มที่ดีใจเหมือนปลาได้น้ำตอนแรก จะอนาถเมื่อนานๆไปเหมือนกบถูกต้มบนหม้อที่เร่งไฟที่ละนิดจนเมื่อรู้ว่าเดือดทนไม่ได้ก็เกือบสุกในพริบตาปิดฝาปรุงทำอาหารอย่สงเชือดนิ่มๆ,อีลิทเขาสนุก เล่นสนุกๆกับมนุษย์เฉยๆ มันไม่มีอะไรทำแค่นั้นเพราะไปเก่งที่จักรวาลอื่นไม่ได้เพราะกากกว่าเขา,เลยหนีมาหลบซ่อนบนโลกเรายึดโลกเรา ตัดแต่งdnaเราจนสนุก ของเล่นมัน,เพราะเราโง่กว่าเขามากเช่นกัน,ทางเดียวคือบรรลุจิตวิญญาณแบบไทยๆเราเป็นเช่นพ่อแม่ครูบาอาจารย์นำทางเรา กษัตริย์ผู้ทรงธรรมนำทางเรา จึงพอต่อกรกันได้และการตื่นรู้ค่าจริงด้วยบนสังคมไทยเราต้องมีก่อนเพื่อจะก่อสามัคคีทั้งประเทศได้ จึงพอเดินร่วมกันฟันฝ่าอุปสรรคทั้งแผ่นดินไทยเราได้,ผู้นำที่กากๆจะมานำไม่ได้ต้องถีบออกไปเพราะศึกนีัสำคัญมาก เราไปด้วยกันหมดนั้นเองในชื่อว่าคนไทยนีัก่อน,ชาติอื่นก็เกินการควบคุมของเราแต่ประสานร่วมมือจับมือกันจริงจังทั้งโลกได้ยิ่งดี,ศัตรูคือมารอีลิทจะถูกสแกนกำจัดได้ง่ายขึ้นบนโลกเราที่พวกมันยึดครองไป,เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆมันคือชีวิตเลยล่ะ แบบฉีดวัคซีนนั้นล่ะตาย&ถูกลดประชากรทัังโลกรวมทั้งไทยด้วยอย่างชัดเจน,มันฆ่าคนไทยและชาวโลกจริงๆ,พันธมิตรอดีตเสื้อเหลืองเองยังพลาด ยังไปพากันฉีดวัคซีน ซึ่งผิดวิสัยมากว่าจะไม่รู้ได้อย่างไร,แถมชี้ชวนไปร่วมรณรงค์การฉีดอีกแม้กั๊กอยู่ในยุคนั้นแต่บริบทแจังเตือนแจ้งต่อต้านการฉีดไร้ความจริงจังอย่างชัดเจนเงียบหมด,จุดยืนว่าคนไทยคนเสื้อเหลืองเราอย่าฉีดนะไม่มีเลย,สันติอโศกเองก็ฉีดกันตรึม จึงน่าผิดหวังในการข่าวแจ้งเตือนมากในยุคๆนั้นเริ่มต้น,เพราะชื่อเสียงมากคนติดตามเยอะจะมีคนรับฟังถึงขั้นเชื่อกันระวังภัยช่วยกันได้ดี,หลังๆจึงค่อยออกมาบอกถึงพิษภัยมันแต่ก็สายเกินไปเพราะฉีดกันครบหมดแล้ว,สุดท้ายอ.ปานเทพจึงค่อยเปิดตัวแรงชัดเจนออกมา,น่าผิดหวังจริงๆหากพูดกันตรง ระดับม.รังสิตการข่าวไม่น่าพลาด ทั้งในและทางต่างประเทศที่เปิดกว้างข้อมูลการแฉพิษภัยของวัคซีน,เพราะทั้งอ.ธีระวัฒน์อ.ปานเทพโดดเด่นจากกัญชาเสรีมาแล้วคนติดตามเยอะมาก ยุคภัยโควิดยังตกใจว่าทำไมไม่ออกมาร่วมต่อต้านภัยจากวัคซีนmRNAนี้ หลังๆจึงเข้าใจว่าติดสัญญารับทุน,ถูกปิดปากสายเนียนๆก็ว่า,แต่ก็ยังดี ที่แอคชั่นในปัจจุบัน ,การผิดพลาดคือความตายของทัังประเทศ องค์ภาเราก็โดน อ.สุจริตบินตรงมาเลยก็ว่า,สายวังการข่าวกากมาก,ไม่น่าผิดพลาดได้เลยด้วยอะไรๆล้ำๆตรึมกว่าคนบ้านนอกชนบท เครื่องมือคนมีความรู้จบสูงๆภาษาต่างชาติภาษาฝรั่งเต็มภูมิเต็มวังรอบด้าน ทหารองค์รักษ์ข่าวกรอกต้องสุดยอดถึงภัยร้ายแรงระดับปกป้องชาติให้พ้นภัยได้ แต่ตกต่ำตกประเมินไร้ประสิทธิภาพมาก,องค์ภาเราเลยโดนด้วย,เพราะพระองค์ท่านกำลังขับเคลื่อนกองทุนแม่ของแผ่นดิน น่าจะไปได้ดีด้วย.ต้องหยุดชะงักเลย. ..พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศมันคือภัยความมั่นคงทางอิสระภาพชีวิตคนไทยมาก ไม่ต่างจากพรบ.ปิโตรเลียมเลย,ทาสทางพลังงานนั้น,แต่นี้หนักกว่าเพราะคือกลไกการปกครองประเทศทั้งหมด,อันตรายมาก นัยยะเป็นภัยรอบทิศทาง. ..คาร์บอนเครดิตเป็นเดอะแก๊งหนึ่งที่สมคบคิดร่วมสุมหัวกันใหญ่มาก,เอกชนหรือหน่วยงานใด รับงานมาจริงๆต้องถูกกำจัดตัดตอนทั้งหมดทันทีรวมถึงบุคคลด้วยต้องไปวัดเพราะจิตสำนึกรู้ดีรู้ชั่ว รู้ผิดรู้ถูกไม่มีในสันดานจริตจิตมันแล้ว หายนะพิบัติภัยของแผ่นดินเลยนะแต่เดอะแก๊งพวกมันนี้ตั้งใจอย่างเต็มที่ให้บรรลุผลงานตามเป้าหมายมันนั้นเอง.,ภัยต่อชาติต่อคนไทยจะเก็บไว้ทำซากอะไร.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1110 มุมมอง 257 0 รีวิว
  • เราโดนหลอกเรื่องอะไรบ้างมาดูกัน
    รับไม่ได้ข้อไหนก็ข้ามไป มันเป็นแค่ข้อมูลความเชื่อของตัวหมอเองครับ ไม่ดรามานะ จากนั้นลองชม2คลิปแนบท้าย
    1.หลอกว่าคนวิวัฒนาการมาจากลิง หลอกว่ากระดูกก้นกบเป็นส่วนที่หางหดลดรูป
    2.หลอกว่ายาฉีdยีuไวรัsเป็นวัkซีuดีเพื่อกันแพร่กันติดหรือติดแล้วจะไม่รุนแรง ติดตามข้อมูลได้ที่ rookon.com หรือ stopthaicontrol.com
    https://odysee.com/.../IRREFUTABLE-EVIDENCE-720p-cut-TH2...
    https://atapol616246.substack.com/archive?sort=new
    3.หลอกว่าฟลูออไรด์ดี (Dr.Dean Burk PHD.บอกว่าเป็นสารที่ทำให้คนตายมากที่สุด,เฉพาะปี2006มีผลงานวิจัยความเป็นพิษมากกว่า 180งานวิจัย) https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=5390811884335364&id=100002198164704 ฟังคลิปคุณหมอ นาทีที่ 58 https://youtu.be/AYAJJSOmdJo
    4.หลอกว่าบอแร็กซ์(หรือน้ำประสานทองซึ่งเคยอยู่ในยาไทย)ว่าอันตรายห้ามใช้ https://www.facebook.com/share/p/15EhwkHkhn/
    https://www.facebook.com/share/p/19iC2PQb5u/
    5.หลอกให้เชื่อฟังและอยู่ในการควบคุมด้วยระบบการศึกษา
    6.หลอกให้คนเชื่อว่าการกินอาหารต้องตามหลัก5หมู่
    7.หลอกให้กินยาที่ไม่ทำให้โรคหายและได้โรคเพิ่ม
    8.หลอกว่าคอเลสเตอรอลอันตรายต้องกลัว ต้องกินยาลด https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10213748008611115&id=1732997516
    https://www.facebook.com/share/1BBMfj6dem/
    https://www.facebook.com/share/p/18cm1XzbdN/
    9.หลอกให้กินไขมันทรานส์ เช่น น้ำมันถั่วเหลืองผ่านกรรมวิธี น้ำมันผลปาล์มผ่านกรรมวิธี เนยขาว มาการีน ครีมเทียม
    10.หลอกให้กินคอลลาเจนเสริมซึ่งมันคือการกินพังผืดไม่จำเป็น
    https://www.tiktok.com/@sesamingan99/video/7179454507674373402?is_from_webapp=1&sender_device=pc&web_id=7359944913523705351
    11.หลอกให้คนติด HIV จะต้องกินยาต้านไวรัส
    12.หลอกให้กินนมสัตว์(ข้ามสายพันธุ์)
    13.หลังจากวัยทารกก็ยังหลอกให้กินนมสัตว์ไปตลอดชีวิต
    👉วันนี้คุณเลิกนมวัวหรือยัง? โดย ศ.ดร.นพ.วิชัย เอกทักษิณ
    https://youtu.be/CDIl9ORkPcU
    👉ช่วงคลิปที่ 1ชม.9นาที อันตรายจากนมวัว โดย อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    https://youtu.be/DHGPSl2dpPc
    👉คลิป นพ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์ เปิดเหตุผลที่ควรหยุดดื่มนมวัว
    https://youtu.be/2gNPslzrJGc
    👉นมวัวดีจริงหรือ
    https://m.youtube.com/watch...
    👉นมวัว ปลอดโรคหรือเพิ่มโรค
    https://www.facebook.com/photo.php?fbid=340898489398513...
    👉จริงหรือ? นมกับความสูง
    https://m.facebook.com/story.php...
    👉จริงหรือ? นมถั่วเหลือง
    https://m.facebook.com/story.php...
    👉จริงหรือ? นมวัวกับฮอร์โมน
    https://m.facebook.com/story.php...
    👉จริงหรือ? นมแพะ
    https://m.facebook.com/photo.php?fbid=529613370527023...
    👉นม (ภาษาต่างประเทศ)
    https://www.naturalchild.org/.../linda_folden_palmer.html
    👉นมวัวกระตุ้นมะเร็ง
    https://vt.tiktok.com/ZS86EmkD6/
    👉3เหตุผลไม่ดีที่อยู่ในนมวัว
    https://www.tiktok.com/@user.../video/7347855645862841601...
    14.เอาเนื้อปลามาแต่งสีหลอกว่าเป็นปูอัด
    15.หลอกว่าเครื่องดื่มที่ใช้สารสังเคราะห์ให้ความหวานแทนน้ำตาลจะสุขภาพดีปลอดภัย
    16.หลอกให้เราใช้แต่เหตุผลให้เลิกจินตนาการบอกว่าเพ้อเจ้อ (จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ คำกล่าวของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์)
    17.หลอกให้ใช้ X-Ray(อันตราย),CT-Scan(อันตรายมาก), mammogram(อันตราย)
    18.หลอกให้เรากินยาลดน้ำมูกเมื่อเป็นหวัด
    19.หลอกให้แบ่งคนทั้งโลกออกจากกันด้วยศาสนาเชื้อชาติเป็นประเทศ
    20.หลอกให้เป็นทาสทางการเงิน
    21.หลอกว่าโลกร้อนเพราะมีคาร์บอนไดออกไซด์มาก เป็นที่มาของคาร์บอนเครดิตเพื่อการควบคุมสู่ความเป็นทาส https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=7401566566593209&id=100002198164704
    วาระลวง
    โลกร้อน Climate Change คาร์บอนเครดิต สู่การจำกัดเสรีภาพให้อยู่ในเมือง 15 นาที รถ EV เทคโนโลยี HAARP DEWs
    https://www.facebook.com/share/p/tQzGJLv78MScJzf5/
    👉จากสงครามสู่…ความยั่งยืน? ทำไมโลกร้อนเป็นวาระสำคัญของ Agenda 2030
    https://www.rookon.com/?p=975
    👉Climate Change: แยกข้อเท็จจริงออกจากเรื่องแต่ง
    https://www.rookon.com/?p=1011
    👉ไม่มีภาวะโลกร้อนเป็นเวลาแปดปีที่ผ่านมา
    https://www.rookon.com/?p=339
    👉บริษัทรถยนต์เริ่มคิดใหม่กับรถยนต์ไฟฟ้า
    https://www.rookon.com/?p=1147
    👉ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน https://www.rookon.com/?p=109เก้า (ลิงก์นี้เฟสบุ๊กแบนต้องเปลี่ยนคำว่า เก้า เป็น 9 ก่อน)
    👉เทคโนโลยีการปรับเปลี่ยนสภาพอากาศ
    https://www.rookon.com/?p=1076
    👉เกิดอะไรขึ้นที่ฮาวาย?
    https://www.rookon.com/?p=986
    https://youtu.be/B8h40dr8uZo?si=z9tRbI89SxKkCS4T
    👉‘วิธีควบคุมคน’ ที่ดีที่สุดคือ ‘ควบคุมเสบียงอาหาร’
    https://www.rookon.com/?p=334
    👉เมือง 15 นาที
    https://www.youtube.com/watch?v=AHXDxynhn14
    👉รถ EV
    https://www.youtube.com/live/tbgRSbBt2wQ?si=1GUR5FC_UWajAWwZ
    👉มนุษย์กำลังทำให้โลกร้อนอยู่หรือไม่
    https://youtu.be/Dvtrk2DdE-w?si=tf2huHRYIs-VZJQP
    👉จากสงครามสู่ความยั่งยืน ทำไมโลกร้อนเป็นวาระสำคัญของ UN Agenda 2030
    https://youtu.be/b7yYtiQ3opk?si=lxhKdKlIn8xQ8JWM
    👉โลกร้อนลวงโลก
    https://www.youtube.com/live/k_XjqL_w-Ts?si=0MIuU-YoyVh96XDM
    https://www.youtube.com/live/gUcp53brbEQ?si=bhZ9VkUgZxeYW9B_
    👉sun spot
    https://www.tiktok.com/@adit.../video/7360143566166838529...
    👉นี้คือแผนการสู่ 15 minute city ภายในปี 2035 เราจะหยุดมันได้แน่นอนครับเพราะคนกำลังตื่นมากขึ้น และให้คนรุ่นใหม่มีอิสรภาพแบบเรา
    คลิปนี้พูดถึงความผิดปกติของพฤติกรรมของรัฐและเอกชนเรื่องรถไฟฟ้าครับ
    คลิปเต็ม 13 นาที https://vt.tiktok.com/ZSY3upW6H/
    คลิป ย่อ 6 นาที https://vt.tiktok.com/ZSY3uG2Ht/
    ✍️ การอพยพระหว่างประเทศจำนวนมากขณะนี้ |พม่า โดย คุณอดิเทพ จาวลาห์
    https://www.youtube.com/live/kVsXLYGQVXg?si=WBya3O-WVJcWy2mm
    https://fb.watch/uY-aBuRhe5/?
    ✍️ภาวะโลกร้อน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่วนหนึ่งในการเชื่อมโยงสู่การเป็นทาส
    https://fb.watch/uWoBMgFtTL/?
    https://www.youtube.com/watch?v=tdKv00CijDE
    ✍️ไลฟ์สดเรื่อง ทำไมหลอกลวงภาวะโลกร้อน โดย อดิเทพ จาวลาห์ https://www.youtube.com/watch?v=qSGV0tUlCXM
    ✍️ไลฟ์สด เทคโนโลยีเพื่อปรับเปลี่ยนสภาพอากาศ
    https://www.youtube.com/live/zCzdNrbQn0A?si=mLFvv2loaKfbiVOY
    https://www.facebook.com/share/v/nW34YL4HiESsLNZT/
    ✍️ไลฟ์สด แผนการโลกร้อนลวงโลกสู่การเป็นทาส
    โดย อดิเทพ จาวลาห์ และครูหนึ่ง
    ยูทูป https://www.youtube.com/live/YrrTEeqnsMU?si=1sMRr89nEAfhVFIn
    เฟสบุ๊ก https://www.facebook.com/share/v/1JZkhFrjJk/
    ✍️เตรียมตัวในปี 2025 | ปลุกล้านพลังไทย
    https://www.facebook.com/share/v/pdz3AHf3MfQbXT85/
    https://www.youtube.com/live/rvOIwsPhhkY?si=rg9F0HacCcidFagV

    22.หลอกว่าประชากรล้นโลกต้องคุมกำเนิด สะกดจิตให้เราคล้อยตามด้วยข้อมูลเมืองที่แออัด ทั้งๆที่โลกมีพื้นที่มากมายและทรัพยากรเพียงพอแค่ต้องบริหารให้ดี
    ✅การลดประชากรโลก
    ✍️ covid 19 roadmap https://t.me/ThaiPitaksithData/1738
    ✍️ ep6 รู้(ทัน)วาระ เห็นความเชื่อมโยงต่างๆในปัจจุบัน https://rumble.com/v1f2lbl-ep6-the-agenda-know-the...
    ✍️ ep7 จำนวนประชากรที่ลดลง ผลจากความตั้งใจ มิใช่แค่เหตุที่เป็นไปโดยธรรมชาติ
    ตอนที่ 1. https://rumble.com/v1g63xr-ep7-1-the-agenda-.html
    ตอนที่ 2. https://rumble.com/v1gwgj7-ep7-2-the-agenda-.html
    ✍️ แม่ชี มีเรียม พูดถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น พระสันตปาปา บิลเกตส์ และการฆาตกรรมหมู่ https://rumble.com/vo2cjl-40420353.html
    ✍️ 10ขั้นตอนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษยชาติ https://rumble.com/vt3c98-10-.html
    ✍️ Dr Judy Makovits เปิดโปง Fauci แหล่งที่มาของviรัส ตั้งแต่พฤษภาคม 2020 https://rumble.com/vo1env-plandemic-dr-judy-makovits-phd...
    ✍️ ดร. คอฟแมน - วัkซีuเปลี่ยน DNA มนุษย์ https://rookon.com/read-blog/103
    ✍️ ประเทศไทย กำลังจะเข้าสู่ ฤดู "ใบไม้ร่วง" คำถามคือ ฤดูนี้จะอยู่นานแค่ไหน? https://rookon.com/read-blog/108
    ✍️ จากบทความ Dr. Robert Malone ผู้คิดค้นเทคโนโลยีวรรคซิu mRNA สรุปความโดย ดร.ไพรินทร์ โชติสกุลรัตน์ https://fb.watch/9Yfe6YW5dl/
    ✍️ ดร.โรเบิร์ต มาโลน นักวิจัยผู้คิดค้น mRNA ที่ยังไม่สมบูรณ์ ออกมาเปิดเผยความอันตรายของวัkซีu mRNA https://odysee.com/ChildrenVaccinationWarning:b...
    ✍️WHO Treaty https://rookon.com/read-blog/131
    ✍️ไทม์ไลน์ สู่ทรราช https://rookon.com/read-blog/44
    ✍️มาตรการโควิด ทำให้มีผู้เสียชีวิต เพิ่มมากขึ้น https://rookon.com/read-blog/49
    ✍️ความจริงของโควิด 19 – นพ. อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง https://stopthaicontrol.com/2/ความจริงของโควิด-19-นพ-อรร/
    ✍️เครือข่าย 5G, คลื่นความถี่ และ โkวิd สิบ9 https://docs.google.com/.../1KMlPrvr0mNSycUKik_p.../edit...
    ✍️โครงการ Neuralink (โดยอีลอน มัสก์) กับมนุษย์ เวอร์ชั่น 2.0 https://docs.google.com/.../1Ey79M2rz.../edit...
    ✍️มนุษย์ เวอร์ชั่น 2.0 โดย Dr.Carrie Madej https://docs.google.com/.../1Bxh5T9mD9K6ZXTYFM4L3.../edit...
    ✍️มนุษย์ข้ามสายพันธุ์ https://docs.google.com/.../1eWJ4Z552HO6SSrPFuMZw.../edit...
    ✍️ความรู้โดยแพทย์ – ทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งต้นที่ “ความกลัว” https://rookon.com/read-blog/16
    ✍️David Icke | โครงสร้างการควบคุมรัฐบาลทั่วโลก https://rookon.com/read-blog/35
    ✍️ ว๊ากเสร็จก่อนที่โkวิdจะระบาด https://rookon.com/read-blog/12
    ✍️ ผู้อยู่เบื้องหลัง โคขวิดและวอซอลวง https://fb.watch/aGglwXBtl5/
    ✍️ปี 1994 อดีตสายลับอังกฤษ MI6 แฉแผนการลดประชากรโลก 😱 โดยองค์กร Club of Rome https://t.me/awakened_thailand/443
    ✍️การลดประชากรโลก ใช่เรื่องจริงไหม? โดย อดิเทพ จาวลาห์
    https://www.youtube.com/live/hu0KszvGnyQ?si=0N09ufqChfFQAbrv
    ✍️ แผนลดประชากรโลก มีจริงหรือไม่ โดย อาจารย์ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    https://www.tiktok.com/@atap.../video/7414795548814773521...
    👉 อาจารย์ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง กล่าวชัดๆไม่อ้อมค้อม​ว่าวัคซีนโควิดมันคืออาวุธ​ชีวภาพ ใครฉีดให้คนคืออาชญากร​ ใครนิ่งเฉยไม่พูด​อะไรคือ​ ผู้สมรู้ร่วมคิด​ร่วม​กระทำความผิด​
    https://vm.tiktok.com/ZS2XQ5qgB/
    แผนลดประชากรโลก มีจริงหรือไม่
    https://www.tiktok.com/@atap.../video/7414795548814773521...
    👉การลดประชากรโลก โดยอดิเทพ จาวลาห์
    https://www.youtube.com/live/hu0KszvGnyQ?si=0N09ufqChfFQAbrv
    👉รวมหลักฐานการลดประชากรโลก
    https://www.rookon.com/?p=936
    23.หลอกให้กินอาหารอุตสาหกรรมที่มีสารช่วยให้ตายผ่อนส่ง
    24.หลอกว่ามนุษย์ต่างดาวไร้สาระไม่มีอยู่จริง
    https://youtube.com/@awakenwithnatalie?si=vb9Xs3U3wnUi6p5I
    👉มนุษย์ต่างดาว (กิ้งก่า) ต้องการอะไรจากมนุษย์
    https://www.rookon.com/?p=944
    25.หลอกให้เชื่อว่านิพพานเป็นเรื่องยาก
    26.หลอกให้ถอนฟันคุดออก(กรณีที่ไม่ปวดยังใช้ชีวิตได้)
    27.หลอกให้กินเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์
    28.หลอกว่าจะมีภัยพิบัติล้างโลก โลกจะแตก
    29.หลอกว่าภัยพิบัติเป็นฝีมือธรรมชาติทั้งหมดแต่มีเทคโนโลยี HARRP อยู่เบื้องหลัง
    👉เทคโนโลยีการปรับเปลี่ยนสภาพอากาศ
    https://www.rookon.com/?p=1076
    30. หลอกว่าเหตุการณ์ไฟไหม้ที่เกาะฮาวายเป็นไฟป่าทั้งๆที่ใช้เทคโนโลยี DEW
    👉เกิดอะไรขึ้นที่ฮาวาย?
    https://www.rookon.com/?p=986
    31.หลอกให้รับวัkซีuกว่า90ชนิด(ในปัจจุบัน)ที่ไม่ได้ผลและอันตราย (ยกเว้นเมื่อหมาบ้ากัดต้องฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้า)
    ✍️วัคซีน HPV และ วัคซีนในเด็กควรฉีดไหม โดยคุณหมอ เชอร์รี เทนเพนนี
    https://www.rookon.com/?p=1173
    ✍️วัคซีนเล่มสีชมพู – ดร. เชอร์รี เทนเพนนี
    https://www.rookon.com/?p=1112
    32.หลอกเรื่อง 9-11
    https://www.tiktok.com/@atap.../video/7157577695566597403...
    https://stopthaicontrol.com/.../%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8...
    33.หลอกเรื่องนาซาไปถึงดวงจันทร์และดาวอังคาร
    34.หลอกให้กินกาแฟ
    35.หลอกว่ารถที่ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า,แผงโซลาร์เซลล์ ผลิตออกมาเพื่อรักษ์โลก
    36.หลอกว่าน้ำมันปิโตรเลียมและถ่านหิน ทำร้ายโลกและกำลังจะหมดไปจากโลก
    37.หลอกให้กินสัตว์ป่วย เช่น เนื้อโกเบ(วัวกล้ามเนื้อฝ่อ,ฟัวกราส์(ไขมันลงตับห่าน) https://youtu.be/CDIl9ORkPcU?si=k497GsmCc5iUeKJg
    38.หลอกว่าดวงจันทร์เป็นดาวเคราะห์
    39.หลอกให้ผ่าตัดไส้ติ่งออกทั้งๆที่ไม่ได้อักเสบเป็นอันตราย
    https://www.facebook.com/share/p/1Ecc91s9Xr/
    40.หลอกว่าถ้าไม่กินอาหารให้ตรงเวลาน้ำย่อยจะออกมาย่อยกระเพาะ
    41.หลอกว่ากินเค็มจะทำให้ไตเสื่อม แต่การกินสัตว์ต่างหากที่ทำร้ายไต
    42.หลอกว่าเรามี Junk DNA
    43.หลอกให้เชื่อว่ามีนรกสวรรค์เพื่อเป็นกับดักให้อยู่ในโฮโลแกรม
    44.หลอกให้เชื่อว่ารัสเซียรังแกยูเครน
    45.หลอกว่าแว่นกันแดด,ครีมกันแดดดีจำเป็นต้องใช้ (ก่อมะเร็ง)
    46.หลอกว่าตาที่ 3 เปิดแล้ว ก็ไม่ต้องปฎิบัติอะไรแล้ว เปิดแล้วจะเห็นผี
    47.หลอกให้ใช้ยาอันตรายจัดการโควิด เช่น ฟาวิพิลาเวียร์ โมนูพิราเวียร์ เรมเดซิเวีย แพคโลวิด ปัดยาดีๆออก เช่น ฟ้าทะลายโจร ไอเวอร์เมคติน ไฮดรอกซีคลอโรควีน CDS บอแรกซ์ และสมุนไพรต่างๆ เป็นต้น
    48.หลอกว่าความฝันคือเรื่องที่เราคิดมากไปเอง
    49.หลอกว่าเสียงที่ได้ยินในหัว เพราะเป็นโรคประสาท ไบโพล่า หรือซึมเศร้า
    50.หลอกเรื่องไวรัส โkวิd19,HIV,H1N1,EBOLA,SWINE FLU,ZIKA,SARS ว่าเกิดจากธรรมชาติ
    51.หลอกเรื่อง ลิเบีย
    52.เรื่อง เปโตรดอลล่าร์
    53.หลอกเรื่องการค้ามนุษย์ /เด็ก ทรมานเพื่อทำสารอดรีโนโครมเป็นเรื่องเหลวไหล
    54.หลอกว่า LGBTQ เกิดจากธรรมชาติอย่างเดียว
    55.หลอกให้มีการจัดลำดับความวิเศษความเคารพนับถือศรัทธาแต่ละจิตวิญญาณ เช่น สัตว์ คน เทพ เทวดา ศาสดา
    56.หลอกให้ผู้หญิงตรวจแมมโมแกรมประจำปีเพื่อจะป้องกันมะเร็งเต้านม แต่ที่จริงคือจะเป็นมะเร็งจากรังสีไอออไนซ์จากการตรวจ
    57.หลอกว่าการใส่แมสก์ช่วยป้องกันไวรัสได้ นอกจากป้องกันไม่ได้แล้วยังลดออกซิเจนที่จะเข้าร่างกายลง20-30% ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์รอบๆตัว จาก 200-600 ppm เมื่อใส่แมสจะขึ้นไปเกือบ1หมื่น มีผลทำร้ายร่างกาย
    👉เพื่อสุขภาพของคนไทย หมอฝากทุกท่านแชร์แหล่งข้อมูลครับ
    ✅ศึกษาข้อมูลหน้ากากอนามัยเพิ่มเติมได้ที่
    1.กลุ่มไลน์ "ความรู้เกี่ยวกับแมสก์ Harmfulmasks"
    https://line.me/.../Nf-CPF...
    2.เทเลแกรม “HarmfulMasks”
    https://t.me/HarmfulMasks
    58.หลอกให้เราใช้ชุดตรวจโควิดลวงโลก ATK,ct PCR
    ✅ PCR และ ATK ลวงโลก
    👉เรื่องราวของ PCR & Atk ep.2 https://rumble.com/v17e5ad-ep-2-pcr-and-atk.html
    👉PCR พลิกตัวเลขผู้ติดเชื้อเท็จ https://stopthaicontrol.com/.../pcr-%e0%b8%84%e0%b8%a7.../
    👉 ไม่ควร ตรวจเชื้อวัวขวิด ทุกรูปแบบเพราะเป็น ผลบวกลวง ลองฟัง คลิป นี้ครับ ฟัง นาที ที่ 29 และ นาที ที่ 38 https://rumble.com/vsssso-48372936.html
    👉และนาทีที่ 15 จากคลิปนี้ https://rumble.com/vw404g-q-and-a-with-dr.-atapol-md.cu...
    👉ชุดตรวจ ATK ที่เซ็ทผลไว้แล้ว https://t.me/c/1585233417/1124
    👉คลิป สิ่งตกค้างจากการ Swap
    https://www.facebook.com/groups/426084935837716/permalink/433156291797247/
    https://t.me/ThaiPitaksithData/956
    👉ภัยจากการ Swap
    https://www.facebook.com/100002198164704/posts/4571056572977570/?
    https://t.me/ThaiPitaksithData/4282
    👉กราฟีนอ๊อกไซด์แฝงในปลายไม้สว็อบ https://t.me/ThaiPitaksithData/1689
    👉คำเตือนชุดตรวจโkวิd- มีโซเดียมเอไซด์ซึ่งอาจเป็นพิษหรือถึงตายได้ ข้อมูล CDC เกี่ยวกับโซเดียมเอไซด์ https://emergency.cdc.gov/agent/sodiumazide/basics/facts.asp
    👉พบเชื้อ ไม่ได้แปลว่า ติดเชื้อ โดย ศ.ดร.นพ.วิชัย เอกทักษิณ https://vt.tiktok.com/ZSLBRvdNY/
    59.หลอกให้กลัวและเชื่อแต่ข้อเสียของกระท่อม กัญชา กัญชง และเห็ดขี้ควาย
    60.หลอกเราว่าโลกกลม แต่โลกแบน มีโดมและกำแพงน้ำแข็งกั้น

    61.หลอกว่าพระพุทธเจ้าประสูติที่เนปาล ตรัสรู้และปรินิพพานที่อินเดีย ติดตามข้อมูลได้ที่เพจ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ที่แผ่นดินไทยไม่ใช่อินเดีย https://www.facebook.com/Thanabodee.Rebirths https://www.youtube.com/@user-sv8tw5sn4b/videos ความจริงคือ พระพุทธเจ้าประสูติที่เมืองผาอัน พม่า
    ตรัสรู้ที่โพธิมณฑลสถาน โคกโพธิ์ชัย ขอนแก่น
    แสดงธรรมจักรกัปปวัตนสูตร อิสิปตนมฤคทายวัน วัดพระพุทธบาทน้อย อ.แก่งคอย สระบุรี
    ปรินิพพาน : วัดพระแท่นดงรัง กาญจนบุรี

    บางทีการค้นหาคำตอบก็เสียเวลา แต่ต้องรู้ไว้บ้างเพื่อการไม่ถูกหลอกทางโลกกายภาพ มันเป็นความรู้ภายนอก แต่เพื่อ....การดำเนินชีวิตแบบทันเกมส์ และไม่ประมาท ไม่ให้ถูกหลอกไปผิดทางส่งผลเสียต่อใจกาย

    ควรจัดสรรเวลาฝึกจิตวิญญาณเชื่อมต่อจิตแท้ในตัวตนคือสิ่งที่ควรทำ นั่นคือความรู้จักตัวเอง ความรู้ภายในที่เราสะสมมา ทั้งหมด รอเราอยู่ ทุกอย่างต้องสมดุล

    https://youtu.be/YkyYWVNvz5M
    https://youtu.be/SKcv6GSm2dw
    #เชื่อมต่อกับจิตเดิมแท้หรือคุรุในตัวเราHS
    #ทุกแบบทดสอบมีมาเพื่อฝึกเกลาจิต
    #เราเลือกลงมาเกิดเพื่อหาประสบการณ์ที่เรากำหนดมาหรือที่ยังทำไม่ผ่าน
    #เก็บไว้เป็นจิ๊กซอร์ส่วนตัวไม่ได้ชวนเชื่อ
    #ตื่นรู้ทางโลกกายภาพและจิตวิญญาณ

    เวชหนุ่ม
    เราโดนหลอกเรื่องอะไรบ้างมาดูกัน รับไม่ได้ข้อไหนก็ข้ามไป มันเป็นแค่ข้อมูลความเชื่อของตัวหมอเองครับ ไม่ดรามานะ จากนั้นลองชม2คลิปแนบท้าย 1.หลอกว่าคนวิวัฒนาการมาจากลิง หลอกว่ากระดูกก้นกบเป็นส่วนที่หางหดลดรูป 2.หลอกว่ายาฉีdยีuไวรัsเป็นวัkซีuดีเพื่อกันแพร่กันติดหรือติดแล้วจะไม่รุนแรง ติดตามข้อมูลได้ที่ rookon.com หรือ stopthaicontrol.com https://odysee.com/.../IRREFUTABLE-EVIDENCE-720p-cut-TH2... https://atapol616246.substack.com/archive?sort=new 3.หลอกว่าฟลูออไรด์ดี (Dr.Dean Burk PHD.บอกว่าเป็นสารที่ทำให้คนตายมากที่สุด,เฉพาะปี2006มีผลงานวิจัยความเป็นพิษมากกว่า 180งานวิจัย) https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=5390811884335364&id=100002198164704 ฟังคลิปคุณหมอ นาทีที่ 58 https://youtu.be/AYAJJSOmdJo 4.หลอกว่าบอแร็กซ์(หรือน้ำประสานทองซึ่งเคยอยู่ในยาไทย)ว่าอันตรายห้ามใช้ https://www.facebook.com/share/p/15EhwkHkhn/ https://www.facebook.com/share/p/19iC2PQb5u/ 5.หลอกให้เชื่อฟังและอยู่ในการควบคุมด้วยระบบการศึกษา 6.หลอกให้คนเชื่อว่าการกินอาหารต้องตามหลัก5หมู่ 7.หลอกให้กินยาที่ไม่ทำให้โรคหายและได้โรคเพิ่ม 8.หลอกว่าคอเลสเตอรอลอันตรายต้องกลัว ต้องกินยาลด https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10213748008611115&id=1732997516 https://www.facebook.com/share/1BBMfj6dem/ https://www.facebook.com/share/p/18cm1XzbdN/ 9.หลอกให้กินไขมันทรานส์ เช่น น้ำมันถั่วเหลืองผ่านกรรมวิธี น้ำมันผลปาล์มผ่านกรรมวิธี เนยขาว มาการีน ครีมเทียม 10.หลอกให้กินคอลลาเจนเสริมซึ่งมันคือการกินพังผืดไม่จำเป็น https://www.tiktok.com/@sesamingan99/video/7179454507674373402?is_from_webapp=1&sender_device=pc&web_id=7359944913523705351 11.หลอกให้คนติด HIV จะต้องกินยาต้านไวรัส 12.หลอกให้กินนมสัตว์(ข้ามสายพันธุ์) 13.หลังจากวัยทารกก็ยังหลอกให้กินนมสัตว์ไปตลอดชีวิต 👉วันนี้คุณเลิกนมวัวหรือยัง? โดย ศ.ดร.นพ.วิชัย เอกทักษิณ https://youtu.be/CDIl9ORkPcU 👉ช่วงคลิปที่ 1ชม.9นาที อันตรายจากนมวัว โดย อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ https://youtu.be/DHGPSl2dpPc 👉คลิป นพ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์ เปิดเหตุผลที่ควรหยุดดื่มนมวัว https://youtu.be/2gNPslzrJGc 👉นมวัวดีจริงหรือ https://m.youtube.com/watch... 👉นมวัว ปลอดโรคหรือเพิ่มโรค https://www.facebook.com/photo.php?fbid=340898489398513... 👉จริงหรือ? นมกับความสูง https://m.facebook.com/story.php... 👉จริงหรือ? นมถั่วเหลือง https://m.facebook.com/story.php... 👉จริงหรือ? นมวัวกับฮอร์โมน https://m.facebook.com/story.php... 👉จริงหรือ? นมแพะ https://m.facebook.com/photo.php?fbid=529613370527023... 👉นม (ภาษาต่างประเทศ) https://www.naturalchild.org/.../linda_folden_palmer.html 👉นมวัวกระตุ้นมะเร็ง https://vt.tiktok.com/ZS86EmkD6/ 👉3เหตุผลไม่ดีที่อยู่ในนมวัว https://www.tiktok.com/@user.../video/7347855645862841601... 14.เอาเนื้อปลามาแต่งสีหลอกว่าเป็นปูอัด 15.หลอกว่าเครื่องดื่มที่ใช้สารสังเคราะห์ให้ความหวานแทนน้ำตาลจะสุขภาพดีปลอดภัย 16.หลอกให้เราใช้แต่เหตุผลให้เลิกจินตนาการบอกว่าเพ้อเจ้อ (จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ คำกล่าวของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์) 17.หลอกให้ใช้ X-Ray(อันตราย),CT-Scan(อันตรายมาก), mammogram(อันตราย) 18.หลอกให้เรากินยาลดน้ำมูกเมื่อเป็นหวัด 19.หลอกให้แบ่งคนทั้งโลกออกจากกันด้วยศาสนาเชื้อชาติเป็นประเทศ 20.หลอกให้เป็นทาสทางการเงิน 21.หลอกว่าโลกร้อนเพราะมีคาร์บอนไดออกไซด์มาก เป็นที่มาของคาร์บอนเครดิตเพื่อการควบคุมสู่ความเป็นทาส https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=7401566566593209&id=100002198164704 วาระลวง โลกร้อน Climate Change คาร์บอนเครดิต สู่การจำกัดเสรีภาพให้อยู่ในเมือง 15 นาที รถ EV เทคโนโลยี HAARP DEWs https://www.facebook.com/share/p/tQzGJLv78MScJzf5/ 👉จากสงครามสู่…ความยั่งยืน? ทำไมโลกร้อนเป็นวาระสำคัญของ Agenda 2030 https://www.rookon.com/?p=975 👉Climate Change: แยกข้อเท็จจริงออกจากเรื่องแต่ง https://www.rookon.com/?p=1011 👉ไม่มีภาวะโลกร้อนเป็นเวลาแปดปีที่ผ่านมา https://www.rookon.com/?p=339 👉บริษัทรถยนต์เริ่มคิดใหม่กับรถยนต์ไฟฟ้า https://www.rookon.com/?p=1147 👉ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน https://www.rookon.com/?p=109เก้า (ลิงก์นี้เฟสบุ๊กแบนต้องเปลี่ยนคำว่า เก้า เป็น 9 ก่อน) 👉เทคโนโลยีการปรับเปลี่ยนสภาพอากาศ https://www.rookon.com/?p=1076 👉เกิดอะไรขึ้นที่ฮาวาย? https://www.rookon.com/?p=986 https://youtu.be/B8h40dr8uZo?si=z9tRbI89SxKkCS4T 👉‘วิธีควบคุมคน’ ที่ดีที่สุดคือ ‘ควบคุมเสบียงอาหาร’ https://www.rookon.com/?p=334 👉เมือง 15 นาที https://www.youtube.com/watch?v=AHXDxynhn14 👉รถ EV https://www.youtube.com/live/tbgRSbBt2wQ?si=1GUR5FC_UWajAWwZ 👉มนุษย์กำลังทำให้โลกร้อนอยู่หรือไม่ https://youtu.be/Dvtrk2DdE-w?si=tf2huHRYIs-VZJQP 👉จากสงครามสู่ความยั่งยืน ทำไมโลกร้อนเป็นวาระสำคัญของ UN Agenda 2030 https://youtu.be/b7yYtiQ3opk?si=lxhKdKlIn8xQ8JWM 👉โลกร้อนลวงโลก https://www.youtube.com/live/k_XjqL_w-Ts?si=0MIuU-YoyVh96XDM https://www.youtube.com/live/gUcp53brbEQ?si=bhZ9VkUgZxeYW9B_ 👉sun spot https://www.tiktok.com/@adit.../video/7360143566166838529... 👉นี้คือแผนการสู่ 15 minute city ภายในปี 2035 เราจะหยุดมันได้แน่นอนครับเพราะคนกำลังตื่นมากขึ้น และให้คนรุ่นใหม่มีอิสรภาพแบบเรา คลิปนี้พูดถึงความผิดปกติของพฤติกรรมของรัฐและเอกชนเรื่องรถไฟฟ้าครับ คลิปเต็ม 13 นาที https://vt.tiktok.com/ZSY3upW6H/ คลิป ย่อ 6 นาที https://vt.tiktok.com/ZSY3uG2Ht/ ✍️ การอพยพระหว่างประเทศจำนวนมากขณะนี้ |พม่า โดย คุณอดิเทพ จาวลาห์ https://www.youtube.com/live/kVsXLYGQVXg?si=WBya3O-WVJcWy2mm https://fb.watch/uY-aBuRhe5/? ✍️ภาวะโลกร้อน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่วนหนึ่งในการเชื่อมโยงสู่การเป็นทาส https://fb.watch/uWoBMgFtTL/? https://www.youtube.com/watch?v=tdKv00CijDE ✍️ไลฟ์สดเรื่อง ทำไมหลอกลวงภาวะโลกร้อน โดย อดิเทพ จาวลาห์ https://www.youtube.com/watch?v=qSGV0tUlCXM ✍️ไลฟ์สด เทคโนโลยีเพื่อปรับเปลี่ยนสภาพอากาศ https://www.youtube.com/live/zCzdNrbQn0A?si=mLFvv2loaKfbiVOY https://www.facebook.com/share/v/nW34YL4HiESsLNZT/ ✍️ไลฟ์สด แผนการโลกร้อนลวงโลกสู่การเป็นทาส โดย อดิเทพ จาวลาห์ และครูหนึ่ง ยูทูป https://www.youtube.com/live/YrrTEeqnsMU?si=1sMRr89nEAfhVFIn เฟสบุ๊ก https://www.facebook.com/share/v/1JZkhFrjJk/ ✍️เตรียมตัวในปี 2025 | ปลุกล้านพลังไทย https://www.facebook.com/share/v/pdz3AHf3MfQbXT85/ https://www.youtube.com/live/rvOIwsPhhkY?si=rg9F0HacCcidFagV 22.หลอกว่าประชากรล้นโลกต้องคุมกำเนิด สะกดจิตให้เราคล้อยตามด้วยข้อมูลเมืองที่แออัด ทั้งๆที่โลกมีพื้นที่มากมายและทรัพยากรเพียงพอแค่ต้องบริหารให้ดี ✅การลดประชากรโลก ✍️ covid 19 roadmap https://t.me/ThaiPitaksithData/1738 ✍️ ep6 รู้(ทัน)วาระ เห็นความเชื่อมโยงต่างๆในปัจจุบัน https://rumble.com/v1f2lbl-ep6-the-agenda-know-the... ✍️ ep7 จำนวนประชากรที่ลดลง ผลจากความตั้งใจ มิใช่แค่เหตุที่เป็นไปโดยธรรมชาติ ตอนที่ 1. https://rumble.com/v1g63xr-ep7-1-the-agenda-.html ตอนที่ 2. https://rumble.com/v1gwgj7-ep7-2-the-agenda-.html ✍️ แม่ชี มีเรียม พูดถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น พระสันตปาปา บิลเกตส์ และการฆาตกรรมหมู่ https://rumble.com/vo2cjl-40420353.html ✍️ 10ขั้นตอนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษยชาติ https://rumble.com/vt3c98-10-.html ✍️ Dr Judy Makovits เปิดโปง Fauci แหล่งที่มาของviรัส ตั้งแต่พฤษภาคม 2020 https://rumble.com/vo1env-plandemic-dr-judy-makovits-phd... ✍️ ดร. คอฟแมน - วัkซีuเปลี่ยน DNA มนุษย์ https://rookon.com/read-blog/103 ✍️ ประเทศไทย กำลังจะเข้าสู่ ฤดู "ใบไม้ร่วง" คำถามคือ ฤดูนี้จะอยู่นานแค่ไหน? https://rookon.com/read-blog/108 ✍️ จากบทความ Dr. Robert Malone ผู้คิดค้นเทคโนโลยีวรรคซิu mRNA สรุปความโดย ดร.ไพรินทร์ โชติสกุลรัตน์ https://fb.watch/9Yfe6YW5dl/ ✍️ ดร.โรเบิร์ต มาโลน นักวิจัยผู้คิดค้น mRNA ที่ยังไม่สมบูรณ์ ออกมาเปิดเผยความอันตรายของวัkซีu mRNA https://odysee.com/ChildrenVaccinationWarning:b... ✍️WHO Treaty https://rookon.com/read-blog/131 ✍️ไทม์ไลน์ สู่ทรราช https://rookon.com/read-blog/44 ✍️มาตรการโควิด ทำให้มีผู้เสียชีวิต เพิ่มมากขึ้น https://rookon.com/read-blog/49 ✍️ความจริงของโควิด 19 – นพ. อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง https://stopthaicontrol.com/2/ความจริงของโควิด-19-นพ-อรร/ ✍️เครือข่าย 5G, คลื่นความถี่ และ โkวิd สิบ9 https://docs.google.com/.../1KMlPrvr0mNSycUKik_p.../edit... ✍️โครงการ Neuralink (โดยอีลอน มัสก์) กับมนุษย์ เวอร์ชั่น 2.0 https://docs.google.com/.../1Ey79M2rz.../edit... ✍️มนุษย์ เวอร์ชั่น 2.0 โดย Dr.Carrie Madej https://docs.google.com/.../1Bxh5T9mD9K6ZXTYFM4L3.../edit... ✍️มนุษย์ข้ามสายพันธุ์ https://docs.google.com/.../1eWJ4Z552HO6SSrPFuMZw.../edit... ✍️ความรู้โดยแพทย์ – ทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งต้นที่ “ความกลัว” https://rookon.com/read-blog/16 ✍️David Icke | โครงสร้างการควบคุมรัฐบาลทั่วโลก https://rookon.com/read-blog/35 ✍️ ว๊ากเสร็จก่อนที่โkวิdจะระบาด https://rookon.com/read-blog/12 ✍️ ผู้อยู่เบื้องหลัง โคขวิดและวอซอลวง https://fb.watch/aGglwXBtl5/ ✍️ปี 1994 อดีตสายลับอังกฤษ MI6 แฉแผนการลดประชากรโลก 😱 โดยองค์กร Club of Rome https://t.me/awakened_thailand/443 ✍️การลดประชากรโลก ใช่เรื่องจริงไหม? โดย อดิเทพ จาวลาห์ https://www.youtube.com/live/hu0KszvGnyQ?si=0N09ufqChfFQAbrv ✍️ แผนลดประชากรโลก มีจริงหรือไม่ โดย อาจารย์ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง https://www.tiktok.com/@atap.../video/7414795548814773521... 👉 อาจารย์ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง กล่าวชัดๆไม่อ้อมค้อม​ว่าวัคซีนโควิดมันคืออาวุธ​ชีวภาพ ใครฉีดให้คนคืออาชญากร​ ใครนิ่งเฉยไม่พูด​อะไรคือ​ ผู้สมรู้ร่วมคิด​ร่วม​กระทำความผิด​ https://vm.tiktok.com/ZS2XQ5qgB/ แผนลดประชากรโลก มีจริงหรือไม่ https://www.tiktok.com/@atap.../video/7414795548814773521... 👉การลดประชากรโลก โดยอดิเทพ จาวลาห์ https://www.youtube.com/live/hu0KszvGnyQ?si=0N09ufqChfFQAbrv 👉รวมหลักฐานการลดประชากรโลก https://www.rookon.com/?p=936 23.หลอกให้กินอาหารอุตสาหกรรมที่มีสารช่วยให้ตายผ่อนส่ง 24.หลอกว่ามนุษย์ต่างดาวไร้สาระไม่มีอยู่จริง https://youtube.com/@awakenwithnatalie?si=vb9Xs3U3wnUi6p5I 👉มนุษย์ต่างดาว (กิ้งก่า) ต้องการอะไรจากมนุษย์ https://www.rookon.com/?p=944 25.หลอกให้เชื่อว่านิพพานเป็นเรื่องยาก 26.หลอกให้ถอนฟันคุดออก(กรณีที่ไม่ปวดยังใช้ชีวิตได้) 27.หลอกให้กินเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ 28.หลอกว่าจะมีภัยพิบัติล้างโลก โลกจะแตก 29.หลอกว่าภัยพิบัติเป็นฝีมือธรรมชาติทั้งหมดแต่มีเทคโนโลยี HARRP อยู่เบื้องหลัง 👉เทคโนโลยีการปรับเปลี่ยนสภาพอากาศ https://www.rookon.com/?p=1076 30. หลอกว่าเหตุการณ์ไฟไหม้ที่เกาะฮาวายเป็นไฟป่าทั้งๆที่ใช้เทคโนโลยี DEW 👉เกิดอะไรขึ้นที่ฮาวาย? https://www.rookon.com/?p=986 31.หลอกให้รับวัkซีuกว่า90ชนิด(ในปัจจุบัน)ที่ไม่ได้ผลและอันตราย (ยกเว้นเมื่อหมาบ้ากัดต้องฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้า) ✍️วัคซีน HPV และ วัคซีนในเด็กควรฉีดไหม โดยคุณหมอ เชอร์รี เทนเพนนี https://www.rookon.com/?p=1173 ✍️วัคซีนเล่มสีชมพู – ดร. เชอร์รี เทนเพนนี https://www.rookon.com/?p=1112 32.หลอกเรื่อง 9-11 https://www.tiktok.com/@atap.../video/7157577695566597403... https://stopthaicontrol.com/.../%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8... 33.หลอกเรื่องนาซาไปถึงดวงจันทร์และดาวอังคาร 34.หลอกให้กินกาแฟ 35.หลอกว่ารถที่ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า,แผงโซลาร์เซลล์ ผลิตออกมาเพื่อรักษ์โลก 36.หลอกว่าน้ำมันปิโตรเลียมและถ่านหิน ทำร้ายโลกและกำลังจะหมดไปจากโลก 37.หลอกให้กินสัตว์ป่วย เช่น เนื้อโกเบ(วัวกล้ามเนื้อฝ่อ,ฟัวกราส์(ไขมันลงตับห่าน) https://youtu.be/CDIl9ORkPcU?si=k497GsmCc5iUeKJg 38.หลอกว่าดวงจันทร์เป็นดาวเคราะห์ 39.หลอกให้ผ่าตัดไส้ติ่งออกทั้งๆที่ไม่ได้อักเสบเป็นอันตราย https://www.facebook.com/share/p/1Ecc91s9Xr/ 40.หลอกว่าถ้าไม่กินอาหารให้ตรงเวลาน้ำย่อยจะออกมาย่อยกระเพาะ 41.หลอกว่ากินเค็มจะทำให้ไตเสื่อม แต่การกินสัตว์ต่างหากที่ทำร้ายไต 42.หลอกว่าเรามี Junk DNA 43.หลอกให้เชื่อว่ามีนรกสวรรค์เพื่อเป็นกับดักให้อยู่ในโฮโลแกรม 44.หลอกให้เชื่อว่ารัสเซียรังแกยูเครน 45.หลอกว่าแว่นกันแดด,ครีมกันแดดดีจำเป็นต้องใช้ (ก่อมะเร็ง) 46.หลอกว่าตาที่ 3 เปิดแล้ว ก็ไม่ต้องปฎิบัติอะไรแล้ว เปิดแล้วจะเห็นผี 47.หลอกให้ใช้ยาอันตรายจัดการโควิด เช่น ฟาวิพิลาเวียร์ โมนูพิราเวียร์ เรมเดซิเวีย แพคโลวิด ปัดยาดีๆออก เช่น ฟ้าทะลายโจร ไอเวอร์เมคติน ไฮดรอกซีคลอโรควีน CDS บอแรกซ์ และสมุนไพรต่างๆ เป็นต้น 48.หลอกว่าความฝันคือเรื่องที่เราคิดมากไปเอง 49.หลอกว่าเสียงที่ได้ยินในหัว เพราะเป็นโรคประสาท ไบโพล่า หรือซึมเศร้า 50.หลอกเรื่องไวรัส โkวิd19,HIV,H1N1,EBOLA,SWINE FLU,ZIKA,SARS ว่าเกิดจากธรรมชาติ 51.หลอกเรื่อง ลิเบีย 52.เรื่อง เปโตรดอลล่าร์ 53.หลอกเรื่องการค้ามนุษย์ /เด็ก ทรมานเพื่อทำสารอดรีโนโครมเป็นเรื่องเหลวไหล 54.หลอกว่า LGBTQ เกิดจากธรรมชาติอย่างเดียว 55.หลอกให้มีการจัดลำดับความวิเศษความเคารพนับถือศรัทธาแต่ละจิตวิญญาณ เช่น สัตว์ คน เทพ เทวดา ศาสดา 56.หลอกให้ผู้หญิงตรวจแมมโมแกรมประจำปีเพื่อจะป้องกันมะเร็งเต้านม แต่ที่จริงคือจะเป็นมะเร็งจากรังสีไอออไนซ์จากการตรวจ 57.หลอกว่าการใส่แมสก์ช่วยป้องกันไวรัสได้ นอกจากป้องกันไม่ได้แล้วยังลดออกซิเจนที่จะเข้าร่างกายลง20-30% ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์รอบๆตัว จาก 200-600 ppm เมื่อใส่แมสจะขึ้นไปเกือบ1หมื่น มีผลทำร้ายร่างกาย 👉เพื่อสุขภาพของคนไทย หมอฝากทุกท่านแชร์แหล่งข้อมูลครับ ✅ศึกษาข้อมูลหน้ากากอนามัยเพิ่มเติมได้ที่ 1.กลุ่มไลน์ "ความรู้เกี่ยวกับแมสก์ Harmfulmasks" https://line.me/.../Nf-CPF... 2.เทเลแกรม “HarmfulMasks” https://t.me/HarmfulMasks 58.หลอกให้เราใช้ชุดตรวจโควิดลวงโลก ATK,ct PCR ✅ PCR และ ATK ลวงโลก 👉เรื่องราวของ PCR & Atk ep.2 https://rumble.com/v17e5ad-ep-2-pcr-and-atk.html 👉PCR พลิกตัวเลขผู้ติดเชื้อเท็จ https://stopthaicontrol.com/.../pcr-%e0%b8%84%e0%b8%a7.../ 👉 ไม่ควร ตรวจเชื้อวัวขวิด ทุกรูปแบบเพราะเป็น ผลบวกลวง ลองฟัง คลิป นี้ครับ ฟัง นาที ที่ 29 และ นาที ที่ 38 https://rumble.com/vsssso-48372936.html 👉และนาทีที่ 15 จากคลิปนี้ https://rumble.com/vw404g-q-and-a-with-dr.-atapol-md.cu... 👉ชุดตรวจ ATK ที่เซ็ทผลไว้แล้ว https://t.me/c/1585233417/1124 👉คลิป สิ่งตกค้างจากการ Swap https://www.facebook.com/groups/426084935837716/permalink/433156291797247/ https://t.me/ThaiPitaksithData/956 👉ภัยจากการ Swap https://www.facebook.com/100002198164704/posts/4571056572977570/? https://t.me/ThaiPitaksithData/4282 👉กราฟีนอ๊อกไซด์แฝงในปลายไม้สว็อบ https://t.me/ThaiPitaksithData/1689 👉คำเตือนชุดตรวจโkวิd- มีโซเดียมเอไซด์ซึ่งอาจเป็นพิษหรือถึงตายได้ ข้อมูล CDC เกี่ยวกับโซเดียมเอไซด์ https://emergency.cdc.gov/agent/sodiumazide/basics/facts.asp 👉พบเชื้อ ไม่ได้แปลว่า ติดเชื้อ โดย ศ.ดร.นพ.วิชัย เอกทักษิณ https://vt.tiktok.com/ZSLBRvdNY/ 59.หลอกให้กลัวและเชื่อแต่ข้อเสียของกระท่อม กัญชา กัญชง และเห็ดขี้ควาย 60.หลอกเราว่าโลกกลม แต่โลกแบน มีโดมและกำแพงน้ำแข็งกั้น 61.หลอกว่าพระพุทธเจ้าประสูติที่เนปาล ตรัสรู้และปรินิพพานที่อินเดีย ติดตามข้อมูลได้ที่เพจ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ที่แผ่นดินไทยไม่ใช่อินเดีย https://www.facebook.com/Thanabodee.Rebirths https://www.youtube.com/@user-sv8tw5sn4b/videos ความจริงคือ พระพุทธเจ้าประสูติที่เมืองผาอัน พม่า ตรัสรู้ที่โพธิมณฑลสถาน โคกโพธิ์ชัย ขอนแก่น แสดงธรรมจักรกัปปวัตนสูตร อิสิปตนมฤคทายวัน วัดพระพุทธบาทน้อย อ.แก่งคอย สระบุรี ปรินิพพาน : วัดพระแท่นดงรัง กาญจนบุรี บางทีการค้นหาคำตอบก็เสียเวลา แต่ต้องรู้ไว้บ้างเพื่อการไม่ถูกหลอกทางโลกกายภาพ มันเป็นความรู้ภายนอก แต่เพื่อ....การดำเนินชีวิตแบบทันเกมส์ และไม่ประมาท ไม่ให้ถูกหลอกไปผิดทางส่งผลเสียต่อใจกาย ควรจัดสรรเวลาฝึกจิตวิญญาณเชื่อมต่อจิตแท้ในตัวตนคือสิ่งที่ควรทำ นั่นคือความรู้จักตัวเอง ความรู้ภายในที่เราสะสมมา ทั้งหมด รอเราอยู่ ทุกอย่างต้องสมดุล https://youtu.be/YkyYWVNvz5M https://youtu.be/SKcv6GSm2dw #เชื่อมต่อกับจิตเดิมแท้หรือคุรุในตัวเราHS #ทุกแบบทดสอบมีมาเพื่อฝึกเกลาจิต #เราเลือกลงมาเกิดเพื่อหาประสบการณ์ที่เรากำหนดมาหรือที่ยังทำไม่ผ่าน #เก็บไว้เป็นจิ๊กซอร์ส่วนตัวไม่ได้ชวนเชื่อ #ตื่นรู้ทางโลกกายภาพและจิตวิญญาณ เวชหนุ่ม
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2410 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่รู้ว่าหลงมาได้ยังไง
    "ตะนาวศรีก้านแดง" เป็นสายพันธุ์ที่มี THC สูงที่สุดพันธุ์นึงในบรรดากัญชาทุกสายพันธุ์
    ไม่รู้ว่าหลงมาได้ยังไง "ตะนาวศรีก้านแดง" เป็นสายพันธุ์ที่มี THC สูงที่สุดพันธุ์นึงในบรรดากัญชาทุกสายพันธุ์
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมุนไพร กัญชาดีต่อปอด 🫁🫁🫁
    สมุนไพร กัญชา มี THC CBD antioxidant และมันไปหยุดสภาวะ Cytokine strom ที่เกิดจากโควิดซึ่งจะเป็นอาการที่เกิดการอักเสบขึ้นทั่วร่างกาย(ตัวร้อน)

    ใครอ่อนแอสุดตรงไหนจะอักเสบหนักตรงนั้นจนตายโรคนี้เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน พอภูมิขี้นก็หายสมุนไพร กัญชา ก็เกี่ยวกับ Endocannabinoid system ซึ่งเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันเหมือนกัน

    เพราะการสูบคือการรักษาเช่นเดียวกันครับ
    สมุนไพร กัญชาดีต่อปอด 🫁🫁🫁 สมุนไพร กัญชา มี THC CBD antioxidant และมันไปหยุดสภาวะ Cytokine strom ที่เกิดจากโควิดซึ่งจะเป็นอาการที่เกิดการอักเสบขึ้นทั่วร่างกาย(ตัวร้อน) ใครอ่อนแอสุดตรงไหนจะอักเสบหนักตรงนั้นจนตายโรคนี้เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน พอภูมิขี้นก็หายสมุนไพร กัญชา ก็เกี่ยวกับ Endocannabinoid system ซึ่งเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันเหมือนกัน เพราะการสูบคือการรักษาเช่นเดียวกันครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัพยากรคลังการยาเรามีจำกัด แต่ต่างชาติ&ต่างด้าวทั้งมาถูกเปิดเผยและเถื่อนๆมาลับๆเทาๆรวมกันกว่า20-30ล้านคนก็ได้กระจายทั่วประเทศไทย จะมาแย่งทรัพยากรที่มีจำกัดขนาดไหน ช่วงแรกอาจซื้อมาในต้นทุนถูก แต่แพงขึ้นๆแพงขึ้นเพราะความต้องการมากขึ้นจากคนต่างชาตินี้มาร่วมใช้ด้วย กว่าจะจัดหามาปรุงมาทำได้ทั้งวัตถุดิบแสนลำบากเพื่อมีเพียงพอให้คนไทยได้ใช้,เช่นเดิมมีในคลังยาสำหรับคน70ล้านคนเพียงพอทั้งสำรองฉุกเฉินแล้วและต้นทุนแสนถูกหาได้สบายวัตถุดิบในประเทศสลับพักใช้เพียงพอ,แต่เมื่อคนต่างชาติ&ต่างด้าวมาอาศัยอยู่ด้วยทั้งในแบบนักท่องเที่ยว แบบคนค้าแรงงาน กว่า30-40ล้านคนต่อปีคงสบายๆมาก ,วัตถุดิบคลังยาจึงต้องมีภาระจัดเตรียมมากขึ้น แม้บอกว่าใช้ตังซื้อมาแทนได้แต่กว่าจะจัดหาจัดซื้อมาได้ต้นทุนย่อมแพงขึ้นต่อๆเนื่องแน่นอน ลำพังคนในชาติไทยเองอาจใช้กันถึง2-3รอบกว่าจะหมด,ระหว่างจัดหาสำรองสมดุลไว้ต่อเนื่อง แต่ต่างชาติ&ต่างด้าวมีมามากขึ้นมันแน่นอนว่าไม่พอแน่นอน,ขาดดุล และค่าใช้จ่ายจัดซื้อแพงขึ้นบวกพวกจอมจะโกงจะปั่นราคายาก็จอบจะตีปั่นราคาทำกำไรโกงราคายาอยู่ปกติแล้วอีก,ยิ่งราคายายิ่วสูงขึ้น อาทิปกติยาแก้อักเสบ4เม็ดบาท,ขายเม็ดละ4-5บาทกันเลยก็ว่า,หรือแผงละ40-50บาทแล้วในปัจจุบัน1แผงมี10เม็ด,ยาพาราฯแก้ปวด 4เม็ดบาท ปัจจุบันกระบุกเล็ๆ100เม็ด55-60บาทแล้ว,มันเอาเปรียบประชาชนคนไทยจริงๆอนาคตคือราคาคนต่างชาติ&ต่างด้าวเลยก็ว่า,รัฐบาลแบกรับภาระคนไทยตนยังไม่ไหวในทุกๆคนแล้วยังแสดงอวดตนอวดตัวรับพม่ามาเลี้ยงดูตามUNสั่งอีกก็ว่า เขมรลาวญวนแกวมอญขอมดำหม่องกะเหรี่ยงที่มิใช่คนไทยเรา เราให้คนเหล่านี้มาแย่งชิงยาคนไทยที่มีจำกัดใช้ได้ที่ไหน เช่นมี10เม็ด เอายาให้พม่าเขมรลาวญวนขอมดำไปใช้จนหมด คนไทยพอจะอยากใช้จำเป็นต้องใช้เสือกมีไม่พอ ตายทับแผ่นดินไทยตนให้คนต่างด้าวพวกนี้เหยียบความตายเราอย่างหน้ายิ้มตาบานเนรคุณที่เราๆเห็นๆเป็นข่าวก็ว่า,มันใช่เหรอ,อยากเลือกตั้งเหมือนคนไทย อยากเป็นนั้นนี้นายกฯบนแผ่นดินไทยเลยถ้าเรียกร้องได้ ด่าคนไทยด้วยโน้น,ทั้งที่มาหาตังบนแผ่นดินไทยธรรมดาที่ไหน,เชียงรายน้ำท่วมก็เนรคุณตอบแทนแผ่นดินไทยด้วยการขโมยของชาวเชียงรายเราอย่างใจเย็นๆร่มๆสบายออกลักทรัพย์ขโมยของกันเลย ถ้ากทม.เราน้ำเหนือมาท่วมเต็ม พวกมันคงปล้นจี้ฆ่าข่มขืนคนกทม.และผู้ประสบภัยอย่างใจต่างด้าวแน่ๆไม่ได้มีจิตใจรักคนไทยรักแผ่นดินไทยกตัญญูห่าอะไรหรอก,
    ..การเร่งผลักดันจับกุมเก็บกวาดคนต่างด้าว จบสัญญาสิ้นปีนี้สมควรมาแล้วผลักดันออกนอกประเทศทั้งหมดโดนรวดเร็วหรือส่งมอบให้UNเอาไปทั้งหมดยิ่งดี,อนาคตเราจะสามารถควบคุมภัยต่างๆได้ง่ายขึ้น มีเฉพาะคนไทยในบ้านเราเองปลอดภัย99.99%แน่นอน,ยิ่งสงครามโลกมาอีกที่3ก็ว่า,ความโกลาหลพวกห่านี้จะก่อการมีสูงแน่นอน หมายล้มสถาบันกษัตริย์เราด้วยกับฝรั่งเลวอีลิทชั่วคนทรยศแผ่นดินไทยมันเดอะแก๊งนี้มาแน่นอน,จีนที่ท่านลอร์ดลงทุนในทุกๆฝ่ายอีก ใครชนะศึกจะเป็นฝ่ายไหน ท่านลอร์ดชนะด้วยหมด ,รอธไชล์ดลงทุนในจีนตรึมระดับการปกครองก็ccpจีนปะปนตรึม ทุนจีนที่มาตีไทยก็อาจท่านลอร์ดทีมนอมินีเดอะแก๊งท่านอีกสายนี้ล่ะ ,มาในนามอเมริกามุกเก่าเชยแล้ว,มามุกใหม่หนุนเผด็จการบ้างแทนประชาธิปไตยอาจง่ายกว่าเดิมเด็ดขาดตามอีลิทสั่งการได้หมด.
    ..คลังยาเราหากตรองดีๆมีนัยยะทำลายด้านปัจจัยสี่ด้วย ที่อยู่อาศัย อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค.ทำให้ลำบากขาดแคลนแผนทำลายอีกด้าน..
    ..รัฐฐะเราจึงสมควรเปิดเสรีกัญชาเลย&กัญชาเสรีกันจริงๆ,ปลูกส่งโรงพยาบาลรัฐเราสกัดทางยาใช้ครอบจักรวาลก็ว่ากันเลย,จนเหลือใช้ภายในประเทศเรา,คนไทยปลูกได้เลยคนละ2ไร่.ไม่ผิดกฎหมาย,ฝิ่นเสรีก็ด้วย,ปลูกส่งโรงพยาบาลไปเลย,สกัดสมุนไพรครอบด้านทางยารักษาโรคฟรีๆลดค่าใช้จ่ายนำเข้ากว่าหลายล้านล้านต่อปีเข้าประเทศ,รุ่นยาแก้ปวดเชิงสมุนไพรไทยได้แบบฟรีๆเต็มๆ,ปลูกคนละ2ไร่ไปเลยเช่นกัน 1ไร่แรกทั้งไร่กัญชาทั้งไร่ฝิ่นเก็บผลผลิตส่งให้โรงพยาบาลรัฐเราฟรีๆสกัดทำยารักษาโรคคนไทยเราเลยเช่นกัน.
    ทรัพยากรคลังการยาเรามีจำกัด แต่ต่างชาติ&ต่างด้าวทั้งมาถูกเปิดเผยและเถื่อนๆมาลับๆเทาๆรวมกันกว่า20-30ล้านคนก็ได้กระจายทั่วประเทศไทย จะมาแย่งทรัพยากรที่มีจำกัดขนาดไหน ช่วงแรกอาจซื้อมาในต้นทุนถูก แต่แพงขึ้นๆแพงขึ้นเพราะความต้องการมากขึ้นจากคนต่างชาตินี้มาร่วมใช้ด้วย กว่าจะจัดหามาปรุงมาทำได้ทั้งวัตถุดิบแสนลำบากเพื่อมีเพียงพอให้คนไทยได้ใช้,เช่นเดิมมีในคลังยาสำหรับคน70ล้านคนเพียงพอทั้งสำรองฉุกเฉินแล้วและต้นทุนแสนถูกหาได้สบายวัตถุดิบในประเทศสลับพักใช้เพียงพอ,แต่เมื่อคนต่างชาติ&ต่างด้าวมาอาศัยอยู่ด้วยทั้งในแบบนักท่องเที่ยว แบบคนค้าแรงงาน กว่า30-40ล้านคนต่อปีคงสบายๆมาก ,วัตถุดิบคลังยาจึงต้องมีภาระจัดเตรียมมากขึ้น แม้บอกว่าใช้ตังซื้อมาแทนได้แต่กว่าจะจัดหาจัดซื้อมาได้ต้นทุนย่อมแพงขึ้นต่อๆเนื่องแน่นอน ลำพังคนในชาติไทยเองอาจใช้กันถึง2-3รอบกว่าจะหมด,ระหว่างจัดหาสำรองสมดุลไว้ต่อเนื่อง แต่ต่างชาติ&ต่างด้าวมีมามากขึ้นมันแน่นอนว่าไม่พอแน่นอน,ขาดดุล และค่าใช้จ่ายจัดซื้อแพงขึ้นบวกพวกจอมจะโกงจะปั่นราคายาก็จอบจะตีปั่นราคาทำกำไรโกงราคายาอยู่ปกติแล้วอีก,ยิ่งราคายายิ่วสูงขึ้น อาทิปกติยาแก้อักเสบ4เม็ดบาท,ขายเม็ดละ4-5บาทกันเลยก็ว่า,หรือแผงละ40-50บาทแล้วในปัจจุบัน1แผงมี10เม็ด,ยาพาราฯแก้ปวด 4เม็ดบาท ปัจจุบันกระบุกเล็ๆ100เม็ด55-60บาทแล้ว,มันเอาเปรียบประชาชนคนไทยจริงๆอนาคตคือราคาคนต่างชาติ&ต่างด้าวเลยก็ว่า,รัฐบาลแบกรับภาระคนไทยตนยังไม่ไหวในทุกๆคนแล้วยังแสดงอวดตนอวดตัวรับพม่ามาเลี้ยงดูตามUNสั่งอีกก็ว่า เขมรลาวญวนแกวมอญขอมดำหม่องกะเหรี่ยงที่มิใช่คนไทยเรา เราให้คนเหล่านี้มาแย่งชิงยาคนไทยที่มีจำกัดใช้ได้ที่ไหน เช่นมี10เม็ด เอายาให้พม่าเขมรลาวญวนขอมดำไปใช้จนหมด คนไทยพอจะอยากใช้จำเป็นต้องใช้เสือกมีไม่พอ ตายทับแผ่นดินไทยตนให้คนต่างด้าวพวกนี้เหยียบความตายเราอย่างหน้ายิ้มตาบานเนรคุณที่เราๆเห็นๆเป็นข่าวก็ว่า,มันใช่เหรอ,อยากเลือกตั้งเหมือนคนไทย อยากเป็นนั้นนี้นายกฯบนแผ่นดินไทยเลยถ้าเรียกร้องได้ ด่าคนไทยด้วยโน้น,ทั้งที่มาหาตังบนแผ่นดินไทยธรรมดาที่ไหน,เชียงรายน้ำท่วมก็เนรคุณตอบแทนแผ่นดินไทยด้วยการขโมยของชาวเชียงรายเราอย่างใจเย็นๆร่มๆสบายออกลักทรัพย์ขโมยของกันเลย ถ้ากทม.เราน้ำเหนือมาท่วมเต็ม พวกมันคงปล้นจี้ฆ่าข่มขืนคนกทม.และผู้ประสบภัยอย่างใจต่างด้าวแน่ๆไม่ได้มีจิตใจรักคนไทยรักแผ่นดินไทยกตัญญูห่าอะไรหรอก, ..การเร่งผลักดันจับกุมเก็บกวาดคนต่างด้าว จบสัญญาสิ้นปีนี้สมควรมาแล้วผลักดันออกนอกประเทศทั้งหมดโดนรวดเร็วหรือส่งมอบให้UNเอาไปทั้งหมดยิ่งดี,อนาคตเราจะสามารถควบคุมภัยต่างๆได้ง่ายขึ้น มีเฉพาะคนไทยในบ้านเราเองปลอดภัย99.99%แน่นอน,ยิ่งสงครามโลกมาอีกที่3ก็ว่า,ความโกลาหลพวกห่านี้จะก่อการมีสูงแน่นอน หมายล้มสถาบันกษัตริย์เราด้วยกับฝรั่งเลวอีลิทชั่วคนทรยศแผ่นดินไทยมันเดอะแก๊งนี้มาแน่นอน,จีนที่ท่านลอร์ดลงทุนในทุกๆฝ่ายอีก ใครชนะศึกจะเป็นฝ่ายไหน ท่านลอร์ดชนะด้วยหมด ,รอธไชล์ดลงทุนในจีนตรึมระดับการปกครองก็ccpจีนปะปนตรึม ทุนจีนที่มาตีไทยก็อาจท่านลอร์ดทีมนอมินีเดอะแก๊งท่านอีกสายนี้ล่ะ ,มาในนามอเมริกามุกเก่าเชยแล้ว,มามุกใหม่หนุนเผด็จการบ้างแทนประชาธิปไตยอาจง่ายกว่าเดิมเด็ดขาดตามอีลิทสั่งการได้หมด. ..คลังยาเราหากตรองดีๆมีนัยยะทำลายด้านปัจจัยสี่ด้วย ที่อยู่อาศัย อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค.ทำให้ลำบากขาดแคลนแผนทำลายอีกด้าน.. ..รัฐฐะเราจึงสมควรเปิดเสรีกัญชาเลย&กัญชาเสรีกันจริงๆ,ปลูกส่งโรงพยาบาลรัฐเราสกัดทางยาใช้ครอบจักรวาลก็ว่ากันเลย,จนเหลือใช้ภายในประเทศเรา,คนไทยปลูกได้เลยคนละ2ไร่.ไม่ผิดกฎหมาย,ฝิ่นเสรีก็ด้วย,ปลูกส่งโรงพยาบาลไปเลย,สกัดสมุนไพรครอบด้านทางยารักษาโรคฟรีๆลดค่าใช้จ่ายนำเข้ากว่าหลายล้านล้านต่อปีเข้าประเทศ,รุ่นยาแก้ปวดเชิงสมุนไพรไทยได้แบบฟรีๆเต็มๆ,ปลูกคนละ2ไร่ไปเลยเช่นกัน 1ไร่แรกทั้งไร่กัญชาทั้งไร่ฝิ่นเก็บผลผลิตส่งให้โรงพยาบาลรัฐเราฟรีๆสกัดทำยารักษาโรคคนไทยเราเลยเช่นกัน.
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 402 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยาฆ่าพยาธิ ฤทธิ์ ต้านไวรัส และ ร่วมต้านมะเร็ง และร่วมรักษาพาร์กินสัน
    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต

    ยาที่ได้รับการรับรองในเรื่องความปลอดภัยและหมดสิทธิบัตร ราคาถูกเข้าถึงได้ทั่ว โดยที่ ปรากฏว่ามีสรรพคุณนอกเหนือจากที่เคยรู้กันและนำมาใช้ในบริบทที่ต่างออกไป เป็นสิ่งที่ควรให้ความสนใจ ในการเป็น repurpose drug

    และอีกทั้งยาพื้นบ้านสมุนไพรไทยและยาแผนตะวันออกรวมทั้งวิธีควบการรักษาอื่นๆควรต้องเปิดใจและ ศึกษาอย่างจริงจังและในที่สุดสามารถร่วมใช้ด้วยกันกับยาแผนปัจจุบันตะวันตก

    ตัวอย่างเช่นยาฆ่าพยาธิ ยา ไอเวอร์เมคตินตัวนี้ Satoshi ōmura และ William C. Campbell ได้รางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยาและอายุรกรรม ในปี 2015 ในการคันพบ ว่าเป็นยาที่มีประสิทธิภาพมากในการรักษา โรคพยาธิต่างๆและช่วยชีวิตคนในทวีปแอฟริกาได้มากมาย ในช่วงระยะเวลาต่อมามีการศึกษา ฤทธิ์และกลไกของยาตัวนี้ จนกระทั่งได้พบว่ายาตัวนี้มีสรรพคุณในการยับยั้งการติดเชื้อรวมกระทั่งถึงการรักษาการติดเชื้อไวรัสโดยเฉพาะที่เป็น กลุ่ม RNA อาทิเช่นไวรัสโควิด จนกระทั่งมีการนำมาใช้ใน หลายทวีป ในประเทศอินเดีย แอฟริกา แม้กระทั่ง ในญี่ปุ่น อังกฤษและสหรัฐอเมริกา

    แต่อย่างไรก็ตามได้ถูกต่อต้านอย่างรุนแรงและมีการเซ็นเซอร์รวมทั้งมีการเพิกถอนใบประกอบอาชีพของแพทย์ และองค์กรกลางของสหรัฐ FDA ได้กล่าวดูถูกถากถาง แต่ในที่สุดแพ้คดีต่อศาลสูงสุดของสหรัฐ ให้ลบการประนาม ข้อความในสื่อทั้งหมด ที่ให้ร้ายยาฆ่าพยาธิดังกล่าว และแพทย์ชนะคดี

    เย็นวันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม 2024 คดีในศาลที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยศาลได้ตัดสินให้ FDA ของสหรัฐอเมริกาซึ่งนำโดย Robert Califf ซึ่งเป็นแพทย์โรคหัวใจ ถอดถอนคำกล่าวอ้างที่เป็นเท็จและทำให้เกิดความเข้าใจผิดทั้งหมดเกี่ยวกับยา ivermectin ยานี้เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ตามมาตรฐานชุมชนในการดูแลรักษาโรคโควิด-19 โดยมีประวัติความปลอดภัยที่ดีเยี่ยมและหลักฐานคุณประโยชน์ในการศึกษาไม่น้อยกว่า 101 รายการ

    ในช่วงปี 2021 สิ่งที่เรียกว่า"สงครามกับยาไอเวอร์เมกติน" FDA ของสหรัฐอเมริกาได้โพสต์ทวีตอันเป็นเท็จและทำให้เข้าใจผิด และการส่งข้อความสาธารณะเพื่อห้ามปรามแพทย์ เภสัชกร และผู้ป่วยจากการใช้ยา และ ส่งผลให้แพทย์ที่สั่งใช้ถูกสั่งให้ยุติ การทำงาน ถอดถอนใบอนุญาติ และนำมาสู่การฟ้องร้องซึ่ง FDA แพ้ในที่สุด

    ช่วงเวลาก่อนโควิด ระยะที่มีการระบาด และหลังจากที่การระบาดสงบลงมีความสนใจในกลไกของยาฆ่าพยาธิตัวนี้ที่สามารถออกฤทธิ์ต่อมะเร็งหลายชนิดได้ ทั้งในด้านการระงับการเจริญเติบโต การแพร่กระจาย และยับยั้งการสร้างเส้นเลือดที่มาเลี้ยงก้อนมะเร็งต่างๆ ทั้งนี้ยังรวมถึงผ่อนเบา สถานการณ์ดื้อยาของมะเร็งชนิดต่างๆต่อการรักษาและยาเคมีบำบัด และมีการใช้ผสมควบรวมกันทั้งนี้เพื่อควบคุมมะเร็งได้ดีขึ้น

    กลไกสำคัญที่มีการศึกษาไปแล้วนั้น คือความสามารถที่จะทำให้มะเร็งตายโดยกระบวนการ ที่เรียกว่า programmed cell death autophagy และ pyroptosis โดยผ่านเส้นทางของ PAK1 kinase และอื่นๆ

    จุดประสงค์ของการศึกษายานี้กับมะเร็งเพื่อช่วยให้เป็นยาประกอบกับยาเคมีบำบัดเพื่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

    ยกตัวอย่างบทความบางส่วนที่ศึกษายาตัวนี้กับมะเร็ง ชนิดต่างๆเช่น
    มะเร็งเต้านมโดยเฉพาะในกลุ่มที่เรียกว่า triple negative โดยทีไม่มี estrogen, progesterone receptor และ human epidermal growth factor receptors 2 (HER2) และเป็นมะเร็งที่เติบโตและลุกลามเร็วที่สุด โดยที่ไอเวอร์เมคตินทำหน้าที่เป็นตัวควบคุม ในระดับเหนือพันธุกรรม (epigenetic regulator) และยังทำให้มะเร็งชนิดนี้กลับมาตอบสนองกับยาปกติ tamoxifen
    การศึกษาหลายรายงานยังพบว่าไอเวอร์เมคติน ช่วยทำให้เซลล์มะเร็งตายได้ดีขึ้นโดยการปรับสภาวะแวดล้อมของเซลล์มะเร็ง(tumor microenvironment )จากการปล่อย high mobility group box-1 protein (HMGB1) ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางระบบเซลล์ภูมิคุ้มกันที่ทำให้เกิดการอักเสบและการตายของเซลล์มะเร็ง

    ในส่วนมะเร็งกระเพาะอาหารพบว่าไอเวอเมคติน สามารถ ยับยั้งการ เติบโตของเซลล์ผ่าน Yes-associated protein 1 (YAP1) และกระบวนการนี้ยังใช้อธิบายผลต่อมะเร็งตับ มะเร็งท่อน้ำดี

    และยายังช่วยมะเร็งที่ดื้อ gemcitabine ซึ่งเป็นยาเคมีบำบัดสำหรับรักษา มะเร็งลำไส้ใหญ่ทำให้เกิดเซลล์ตายในกระบวนการapoptosis จากการขัดขวาง Wnt/beta catenin pathway

    นอกจากนั้นยังมีผลช่วยในกรณีของมะเร็งของไต (renal cell carcinoma) โดยไม่กระทบต่อเซลล์ปกติทั้งนี้โดยการขัดขวางหน้าที่ของmitochondria

    ยายังมีส่วนช่วยมะเร็งต่อมลูกหมากโดยที่เพิ่มการออกฤทธิ์ของ ยาต้าน ฮอร์โมนแอนโดเจน enzalutamide และปรับเซลล์มะเร็งที่ดื้อ ยาdocetaxel ให้กลับมาตอบสนองใหม่

    มะเร็งของเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมีย ยาช่วยฆ่ามะเร็ง ในขนาดยาที่ไม่สูง และไม่กระทบเซลล์ปกติ ทั้งนี้โดยการเหนียวนำให้เกิดอนุมูลอิสระ และมีผลส่งเสริมการออกฤทธิ์ของยา cytarabine และ daunorubicin
    นอกจากนั้นยังมีผลกับมะเร็งชนิดไม่เฉียบพลัน chronic myeloid leukemia และช่วยการทำงานของยา dasatinib ให้ดีขึ้น

    มะเร็งปากมดลูกและมะเร็งรังไข่ ยามีส่วนช่วยในการทำให้ยาเคมีบำบัดออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นเช่นเดียวกัน
    เนื้องอกสมอง ยามีส่วนช่วยรักษา glioblastoma ผ่านกลไกที่ทำให้เซลล์ตายและยับยั้งการสร้างเส้นเลือดมาเลี้ยงก้อนเนื้องอกและการกระจายของเซลล์มะเร็ง
    อย่างไรก็ตามยาไอเวเมคติน ไม่สามารถผ่านผนังกั้นหลอดเลือดกับสมองได้ดี ดังนั้น อาจเป็นข้อจำกัดในการใช้ยานี้กับเนื้องอกในสมองยกเว้นแต่ว่าต้องสามารถเปิดให้มีรูหรือช่องว่างของผนังกั้นนี้ได้อย่างพอเพียงโดยที่ไม่เกิดขึ้นอย่างถาวร

    มะเร็งในช่วงโพรงจมูกทางด้านหลัง มะเร็งปอด และ มะเร็งร้ายแรงของผิวหนัง melanoma ยาดังกล่าวนี้สามารถช่วยการรักษาที่เป็นมาตรฐานให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

    ลิงค์ที่แนบแสดงถึงการรายงานประสิทธิภาพและกลไกของยา ต่อเนื้องอกมะเร็งแบบต่างๆ เช่น
    วารสาร

    Nature 2021https://www.nature.com/articles/s41523-021-00229-5
    Nature 2022https://www.nature.com/articles/s41419-022-05182-0
    และวารสารอื่นๆhttps://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S1043661820315152https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7505114/https://www.frontiersin.org/journals/pharmacology/articles/10.3389/fphar.2021.717529/fullhttps://journals.sagepub.com/doi/full/10.1177/09603271221143693https://www.mdpi.com/2079-9721/11/1/49https://www.frontiersin.org/journals/pharmacology/articles/10.3389/fphar.2022.934746/fullhttps://ar.iiarjournals.org/content/39/9/4837

    การศึกษาในสัตว์ทดลองที่ปรับแต่งเป็นมะเร็งที่ไม่มีตัวรับใดๆทั้งสิ้น และเมื่อได้รับ Ivermectin ทำให้ตัวมะเร็งนั้นแสดงตัวให้เห็นและยาฆ่ามะเร็ง immune check point inhibitor แสดงฤทธิ์ได้เต็มที่
    Ivermectin converts cold tumors hot and synergizes with immune checkpoint blockade for treatment of breast cancer

    https://www.nature.com/articles/s41523-021-00229-5

    https://www.frontiersin.org/journals/molecular-neuroscience/articles/10.3389/fnmol.2023.1138798/full

    ในอีกบริบทหนึ่งปรากฏว่ายังสามารถช่วยให้การรักษา พาร์กินสัน มีประสิทธิภาพได้ดียิ่งขึ้นในห้อง ปฏิบัติการ อีกดังรายงานในปี 2024 และเนื่องจากความปลอดภัยแม้ว่าจะใช้ในขณะสูงเป็นเวลาหลายเดือนยังมีทางเป็นไปได้ในการรักษาเยียวยาในมนุษย์

    https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S0166432820305039?fr=RR-2&ref=pdf_download&rr=

    IVM is increasing striatal dopamine release through enhanced cholinergic activity on dopamine terminals.

    https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC11025261/

    เหล่านี้เป็นตัวอย่างของยาที่มีสรรพคุณมากหลาย นอกเหนือจากที่ค้นพบตั้งแต่ต้น กลายเป็น ที่เราเรียกว่า repurpose drug

    และน่าจะสะท้อนให้เห็นถึงสภาวการณ์ของสมุนไพรไทย และรวม กันชงและกัญชา ที่ครอบครัวของผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยแล้วว่ารักษาไม่ได้และให้ประคับประคองอย่างเดียวได้นำมาใช้เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดทรมานนอนไม่ได้กินไม่ไหว แต่สามารถมีชีวิตอย่างเกือบปกติและใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวโดยทุกคนค่อยๆยอมรับ และในที่สุด แม้ผู้ป่วยจะจากไป แต่ไม่ได้ทนทุกข์ทรมาน

    ทั้งนี้ผู้ป่วยเหล่านี้ต่างได้รับยาแก้ปวดมอร์ฟีนทั้งชนิดกิน ฉีด แต่ไม่สามารถบรรเทาอาการได้ ในขณะเดียวกันมีผู้ป่วยมะเร็งเป็นจำนวนมากที่ได้รับการวินิจฉัยยืนยันชนิดของมะเร็งรวมกระทั่งถึงระยะลุกลามขั้นสุดท้าย
    เมื่อได้ยากันชงกัญชา โดยการให้ที่ถูกต้องและเหมาะสม กลับมีชีวิตยืนยาวได้มากกว่าปกติตามที่คาดคะเนจากการรักษาแบบมาตรฐาน

    ควรหรือไม่ที่จะเริ่มพิจารณาอย่างจริงจังที่จะนำสมุนไพรต่างๆ รวมทั้งการแพทย์แผนตะวันออกเช่นแพทย์แผนจีน เข้ามาศึกษาและยกระดับความเข้าใจรวมทั้งสามารถระบุปฏิกิริยา รวมทั้งข้อห้ามใช้เมื่อใช้ร่วมกับยาแผนปัจจุบัน ตัวไหนบ้างเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วยและเป็นการประหยัดและทำให้ประชาชนคนป่วยเข้าถึงได้อย่างเต็มที่

    #Thaitimes
    ยาฆ่าพยาธิ ฤทธิ์ ต้านไวรัส และ ร่วมต้านมะเร็ง และร่วมรักษาพาร์กินสัน ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ยาที่ได้รับการรับรองในเรื่องความปลอดภัยและหมดสิทธิบัตร ราคาถูกเข้าถึงได้ทั่ว โดยที่ ปรากฏว่ามีสรรพคุณนอกเหนือจากที่เคยรู้กันและนำมาใช้ในบริบทที่ต่างออกไป เป็นสิ่งที่ควรให้ความสนใจ ในการเป็น repurpose drug และอีกทั้งยาพื้นบ้านสมุนไพรไทยและยาแผนตะวันออกรวมทั้งวิธีควบการรักษาอื่นๆควรต้องเปิดใจและ ศึกษาอย่างจริงจังและในที่สุดสามารถร่วมใช้ด้วยกันกับยาแผนปัจจุบันตะวันตก ตัวอย่างเช่นยาฆ่าพยาธิ ยา ไอเวอร์เมคตินตัวนี้ Satoshi ōmura และ William C. Campbell ได้รางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยาและอายุรกรรม ในปี 2015 ในการคันพบ ว่าเป็นยาที่มีประสิทธิภาพมากในการรักษา โรคพยาธิต่างๆและช่วยชีวิตคนในทวีปแอฟริกาได้มากมาย ในช่วงระยะเวลาต่อมามีการศึกษา ฤทธิ์และกลไกของยาตัวนี้ จนกระทั่งได้พบว่ายาตัวนี้มีสรรพคุณในการยับยั้งการติดเชื้อรวมกระทั่งถึงการรักษาการติดเชื้อไวรัสโดยเฉพาะที่เป็น กลุ่ม RNA อาทิเช่นไวรัสโควิด จนกระทั่งมีการนำมาใช้ใน หลายทวีป ในประเทศอินเดีย แอฟริกา แม้กระทั่ง ในญี่ปุ่น อังกฤษและสหรัฐอเมริกา แต่อย่างไรก็ตามได้ถูกต่อต้านอย่างรุนแรงและมีการเซ็นเซอร์รวมทั้งมีการเพิกถอนใบประกอบอาชีพของแพทย์ และองค์กรกลางของสหรัฐ FDA ได้กล่าวดูถูกถากถาง แต่ในที่สุดแพ้คดีต่อศาลสูงสุดของสหรัฐ ให้ลบการประนาม ข้อความในสื่อทั้งหมด ที่ให้ร้ายยาฆ่าพยาธิดังกล่าว และแพทย์ชนะคดี เย็นวันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม 2024 คดีในศาลที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยศาลได้ตัดสินให้ FDA ของสหรัฐอเมริกาซึ่งนำโดย Robert Califf ซึ่งเป็นแพทย์โรคหัวใจ ถอดถอนคำกล่าวอ้างที่เป็นเท็จและทำให้เกิดความเข้าใจผิดทั้งหมดเกี่ยวกับยา ivermectin ยานี้เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ตามมาตรฐานชุมชนในการดูแลรักษาโรคโควิด-19 โดยมีประวัติความปลอดภัยที่ดีเยี่ยมและหลักฐานคุณประโยชน์ในการศึกษาไม่น้อยกว่า 101 รายการ ในช่วงปี 2021 สิ่งที่เรียกว่า"สงครามกับยาไอเวอร์เมกติน" FDA ของสหรัฐอเมริกาได้โพสต์ทวีตอันเป็นเท็จและทำให้เข้าใจผิด และการส่งข้อความสาธารณะเพื่อห้ามปรามแพทย์ เภสัชกร และผู้ป่วยจากการใช้ยา และ ส่งผลให้แพทย์ที่สั่งใช้ถูกสั่งให้ยุติ การทำงาน ถอดถอนใบอนุญาติ และนำมาสู่การฟ้องร้องซึ่ง FDA แพ้ในที่สุด ช่วงเวลาก่อนโควิด ระยะที่มีการระบาด และหลังจากที่การระบาดสงบลงมีความสนใจในกลไกของยาฆ่าพยาธิตัวนี้ที่สามารถออกฤทธิ์ต่อมะเร็งหลายชนิดได้ ทั้งในด้านการระงับการเจริญเติบโต การแพร่กระจาย และยับยั้งการสร้างเส้นเลือดที่มาเลี้ยงก้อนมะเร็งต่างๆ ทั้งนี้ยังรวมถึงผ่อนเบา สถานการณ์ดื้อยาของมะเร็งชนิดต่างๆต่อการรักษาและยาเคมีบำบัด และมีการใช้ผสมควบรวมกันทั้งนี้เพื่อควบคุมมะเร็งได้ดีขึ้น กลไกสำคัญที่มีการศึกษาไปแล้วนั้น คือความสามารถที่จะทำให้มะเร็งตายโดยกระบวนการ ที่เรียกว่า programmed cell death autophagy และ pyroptosis โดยผ่านเส้นทางของ PAK1 kinase และอื่นๆ จุดประสงค์ของการศึกษายานี้กับมะเร็งเพื่อช่วยให้เป็นยาประกอบกับยาเคมีบำบัดเพื่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างบทความบางส่วนที่ศึกษายาตัวนี้กับมะเร็ง ชนิดต่างๆเช่น มะเร็งเต้านมโดยเฉพาะในกลุ่มที่เรียกว่า triple negative โดยทีไม่มี estrogen, progesterone receptor และ human epidermal growth factor receptors 2 (HER2) และเป็นมะเร็งที่เติบโตและลุกลามเร็วที่สุด โดยที่ไอเวอร์เมคตินทำหน้าที่เป็นตัวควบคุม ในระดับเหนือพันธุกรรม (epigenetic regulator) และยังทำให้มะเร็งชนิดนี้กลับมาตอบสนองกับยาปกติ tamoxifen การศึกษาหลายรายงานยังพบว่าไอเวอร์เมคติน ช่วยทำให้เซลล์มะเร็งตายได้ดีขึ้นโดยการปรับสภาวะแวดล้อมของเซลล์มะเร็ง(tumor microenvironment )จากการปล่อย high mobility group box-1 protein (HMGB1) ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางระบบเซลล์ภูมิคุ้มกันที่ทำให้เกิดการอักเสบและการตายของเซลล์มะเร็ง ในส่วนมะเร็งกระเพาะอาหารพบว่าไอเวอเมคติน สามารถ ยับยั้งการ เติบโตของเซลล์ผ่าน Yes-associated protein 1 (YAP1) และกระบวนการนี้ยังใช้อธิบายผลต่อมะเร็งตับ มะเร็งท่อน้ำดี และยายังช่วยมะเร็งที่ดื้อ gemcitabine ซึ่งเป็นยาเคมีบำบัดสำหรับรักษา มะเร็งลำไส้ใหญ่ทำให้เกิดเซลล์ตายในกระบวนการapoptosis จากการขัดขวาง Wnt/beta catenin pathway นอกจากนั้นยังมีผลช่วยในกรณีของมะเร็งของไต (renal cell carcinoma) โดยไม่กระทบต่อเซลล์ปกติทั้งนี้โดยการขัดขวางหน้าที่ของmitochondria ยายังมีส่วนช่วยมะเร็งต่อมลูกหมากโดยที่เพิ่มการออกฤทธิ์ของ ยาต้าน ฮอร์โมนแอนโดเจน enzalutamide และปรับเซลล์มะเร็งที่ดื้อ ยาdocetaxel ให้กลับมาตอบสนองใหม่ มะเร็งของเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมีย ยาช่วยฆ่ามะเร็ง ในขนาดยาที่ไม่สูง และไม่กระทบเซลล์ปกติ ทั้งนี้โดยการเหนียวนำให้เกิดอนุมูลอิสระ และมีผลส่งเสริมการออกฤทธิ์ของยา cytarabine และ daunorubicin นอกจากนั้นยังมีผลกับมะเร็งชนิดไม่เฉียบพลัน chronic myeloid leukemia และช่วยการทำงานของยา dasatinib ให้ดีขึ้น มะเร็งปากมดลูกและมะเร็งรังไข่ ยามีส่วนช่วยในการทำให้ยาเคมีบำบัดออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นเช่นเดียวกัน เนื้องอกสมอง ยามีส่วนช่วยรักษา glioblastoma ผ่านกลไกที่ทำให้เซลล์ตายและยับยั้งการสร้างเส้นเลือดมาเลี้ยงก้อนเนื้องอกและการกระจายของเซลล์มะเร็ง อย่างไรก็ตามยาไอเวเมคติน ไม่สามารถผ่านผนังกั้นหลอดเลือดกับสมองได้ดี ดังนั้น อาจเป็นข้อจำกัดในการใช้ยานี้กับเนื้องอกในสมองยกเว้นแต่ว่าต้องสามารถเปิดให้มีรูหรือช่องว่างของผนังกั้นนี้ได้อย่างพอเพียงโดยที่ไม่เกิดขึ้นอย่างถาวร มะเร็งในช่วงโพรงจมูกทางด้านหลัง มะเร็งปอด และ มะเร็งร้ายแรงของผิวหนัง melanoma ยาดังกล่าวนี้สามารถช่วยการรักษาที่เป็นมาตรฐานให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ลิงค์ที่แนบแสดงถึงการรายงานประสิทธิภาพและกลไกของยา ต่อเนื้องอกมะเร็งแบบต่างๆ เช่น วารสาร Nature 2021https://www.nature.com/articles/s41523-021-00229-5 Nature 2022https://www.nature.com/articles/s41419-022-05182-0 และวารสารอื่นๆhttps://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S1043661820315152https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7505114/https://www.frontiersin.org/journals/pharmacology/articles/10.3389/fphar.2021.717529/fullhttps://journals.sagepub.com/doi/full/10.1177/09603271221143693https://www.mdpi.com/2079-9721/11/1/49https://www.frontiersin.org/journals/pharmacology/articles/10.3389/fphar.2022.934746/fullhttps://ar.iiarjournals.org/content/39/9/4837 การศึกษาในสัตว์ทดลองที่ปรับแต่งเป็นมะเร็งที่ไม่มีตัวรับใดๆทั้งสิ้น และเมื่อได้รับ Ivermectin ทำให้ตัวมะเร็งนั้นแสดงตัวให้เห็นและยาฆ่ามะเร็ง immune check point inhibitor แสดงฤทธิ์ได้เต็มที่ Ivermectin converts cold tumors hot and synergizes with immune checkpoint blockade for treatment of breast cancer https://www.nature.com/articles/s41523-021-00229-5 https://www.frontiersin.org/journals/molecular-neuroscience/articles/10.3389/fnmol.2023.1138798/full ในอีกบริบทหนึ่งปรากฏว่ายังสามารถช่วยให้การรักษา พาร์กินสัน มีประสิทธิภาพได้ดียิ่งขึ้นในห้อง ปฏิบัติการ อีกดังรายงานในปี 2024 และเนื่องจากความปลอดภัยแม้ว่าจะใช้ในขณะสูงเป็นเวลาหลายเดือนยังมีทางเป็นไปได้ในการรักษาเยียวยาในมนุษย์ https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S0166432820305039?fr=RR-2&ref=pdf_download&rr= IVM is increasing striatal dopamine release through enhanced cholinergic activity on dopamine terminals. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC11025261/ เหล่านี้เป็นตัวอย่างของยาที่มีสรรพคุณมากหลาย นอกเหนือจากที่ค้นพบตั้งแต่ต้น กลายเป็น ที่เราเรียกว่า repurpose drug และน่าจะสะท้อนให้เห็นถึงสภาวการณ์ของสมุนไพรไทย และรวม กันชงและกัญชา ที่ครอบครัวของผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยแล้วว่ารักษาไม่ได้และให้ประคับประคองอย่างเดียวได้นำมาใช้เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดทรมานนอนไม่ได้กินไม่ไหว แต่สามารถมีชีวิตอย่างเกือบปกติและใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวโดยทุกคนค่อยๆยอมรับ และในที่สุด แม้ผู้ป่วยจะจากไป แต่ไม่ได้ทนทุกข์ทรมาน ทั้งนี้ผู้ป่วยเหล่านี้ต่างได้รับยาแก้ปวดมอร์ฟีนทั้งชนิดกิน ฉีด แต่ไม่สามารถบรรเทาอาการได้ ในขณะเดียวกันมีผู้ป่วยมะเร็งเป็นจำนวนมากที่ได้รับการวินิจฉัยยืนยันชนิดของมะเร็งรวมกระทั่งถึงระยะลุกลามขั้นสุดท้าย เมื่อได้ยากันชงกัญชา โดยการให้ที่ถูกต้องและเหมาะสม กลับมีชีวิตยืนยาวได้มากกว่าปกติตามที่คาดคะเนจากการรักษาแบบมาตรฐาน ควรหรือไม่ที่จะเริ่มพิจารณาอย่างจริงจังที่จะนำสมุนไพรต่างๆ รวมทั้งการแพทย์แผนตะวันออกเช่นแพทย์แผนจีน เข้ามาศึกษาและยกระดับความเข้าใจรวมทั้งสามารถระบุปฏิกิริยา รวมทั้งข้อห้ามใช้เมื่อใช้ร่วมกับยาแผนปัจจุบัน ตัวไหนบ้างเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วยและเป็นการประหยัดและทำให้ประชาชนคนป่วยเข้าถึงได้อย่างเต็มที่ #Thaitimes
    WWW.NATURE.COM
    Ivermectin converts cold tumors hot and synergizes with immune checkpoint blockade for treatment of breast cancer - npj Breast Cancer
    npj Breast Cancer - Ivermectin converts cold tumors hot and synergizes with immune checkpoint blockade for treatment of breast cancer
    Like
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 2151 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ พิธาคิโอ้ คนกลับกลอก ร้องหาสัจจะ จากยกเลิกเป็นแก้ไข112 ลวงโลกถูกกักตัวมางานศพพ่อไม่ทันแถมถูกอายัดบัญชี จากสนับสนุนกัญชาเป็นจไม่เอากัญชา คุณชายพระตะบอง รุ่นน้องผู้บริหารไฟเซอร์-โมเดอร์นา ไม่รู้จักตะวันแต่เห็นลูกสาวตัวเองในแววตาตะวัน ฯลฯ
    #7ดอกจิก
    ♣ พิธาคิโอ้ คนกลับกลอก ร้องหาสัจจะ จากยกเลิกเป็นแก้ไข112 ลวงโลกถูกกักตัวมางานศพพ่อไม่ทันแถมถูกอายัดบัญชี จากสนับสนุนกัญชาเป็นจไม่เอากัญชา คุณชายพระตะบอง รุ่นน้องผู้บริหารไฟเซอร์-โมเดอร์นา ไม่รู้จักตะวันแต่เห็นลูกสาวตัวเองในแววตาตะวัน ฯลฯ #7ดอกจิก
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 547 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ เสี่ยหนู ประกาศหนุน เอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ หวังเปิดตลาดกัญชาให้ครูใหญ่
    #7ดอกจิก
    #เสี่ยหนู
    ♣ เสี่ยหนู ประกาศหนุน เอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ หวังเปิดตลาดกัญชาให้ครูใหญ่ #7ดอกจิก #เสี่ยหนู
    Like
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 491 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุคนี้.....กัญชามาแรงแซงโค้ง....!!!

    คือเมื่อคืนนะคะ ดิฉันดูละครโทรทัศน์ เรื่อง ทองเอก หมอยา
    ทุ่งโฉลง เพราะได้ดูตัวอย่างนิดนึงแล้วติดใจ อยากติดตาม เพราะเป็นของใหม่ที่จะให้การศึกษากับคนไทยแบบเนียนด้วยการแพทย์แผนไทย โดยเฉพาะพืชสมุนไพร..

    อันว่าดิฉันเนี่ยยย เป็นคนที่ค่อนข้างต่อต้านยาฝรั่ง คือพยายามใช้ให้น้อยที่สุด เช่น เฉพาะไมเกรนเจ้าประจำ กับฉีดวัคซีนต่างๆ
    แต่ไม่พยายามพร่ำเพรื่อ อย่างที่น้องมาแวะเยี่ยม ก็ได้ขอให้ติด”ยาน้ำระดมพล” มาให้ด้วย ขอบคุณน้องหลายๆเด้อ
    เพราะสรรพคุณของยาน้ำนี้ คือการ”รุ” เพื่อระบบไฟธาตุในร่างกายได้ทำงานสะดวก (ตามคำของผู้ใหญ่ที่สั่งสอนมา)
    ดิฉันก็ถือมาเป็นวิถีปฏิบัติมาสามสิบปีนี่แล้วค่ะ อาทิตย์ละจอก..
    ที่เห็นๆคือ ไมเกรนห่างหายไปมาก และ สบายตัว

    เลยเถิดไปได้ยังไงเนี่ยยย ว่าจะพูดถึงกัญชา...!!!

    เอาว่าเริ่มจากกัญชาฝรั่งก่อนนะคะ กัญชาไทย หรือ Thai stick เราก็รู้ๆกันอยู่แล้วว่าเป็นสุดยอด....ที่ฝรั่งหลงไหลถึงขนาดจับเครื่องบินมาเพื่อเชยชม ดูดดมเจ้า...
    ตอนนี้ “กัญชา” เป็นที่หอมหวนในวงการธุรกิจ เพราะมันหมายถึงเงินจำนวนแสนล้าน...
    ในปี 2014 อุรุกวัย เป็นประเทศแรกที่ประกาศตัวใช้กัญชาได้
    ตามกฏหมายกำหนด
    ตามด้วย แคนาดา เมื่อเดือนตุลาคม 2018
    ตั้งแต่อุรุกวัย เปิดเสรีเรื่องกัญชาขึ้นมา พลอยสร้างกระแสแรงกระเพื่อมในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประชาชนเหล่านิยมกัญชา เขาคือ กลุ่ม AUMA (Adult Use of Marijuana Act)
    พากันเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณากฏหมายผ่อนปรนด้วยเรื่องสารเสพติด โดยมีการวิจัยออกมาว่า กัญชามีโทษต่อร่างกายน้อยมาก
    น้อยกว่าเหล้า บุหรี่ และยารักษาโรคอื่นๆ
    อีกทั้งช่วยรักษาได้อีกสารพัดโรค

    ในความจริงคือ ตั้งแต่ปี 2003 บริษัท Bayer AG ได้แอบทุ่มทุนร่วมกับ GW Pharmaceuticals ในการทำวิจัยเรื่องกัญชาในการรักษาโรคมาแล้ว

    ปี 2007 Bayer เป็นบริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ ประเทศเยอรมัน ได้ร่วมมือร่วมทุนกันกับ Monsanto (อเมริกา) เป็นบริษัทที่ทุกคนรู้ๆกันว่า ยิ่งใหญ่มากทางด้านเคมีเกษตร และผันตัวมาทำเรื่อง GMO ในพืชทุกชนิด รวมทั้งเมล็ดพันธุ์ผัก ผลไม้ จากในอดีตที่เคยเป็นผู้ผลิต “ฝนเหลือง” ที่คร่าชีวิตชาวเวียดนามไปมากมาย...และผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ George Soros

    แต่ในขณะเดียวกันนั้น ประชาชนผู้บริโภคได้ตื่นตัวต่อวิธีการปรับเปลี่ยนพันธุกรรมในพืชผักของมอนซานโตที่มีข้อเสียซ่อนไว้มากมาย
    และเริ่มมีการต่อต้านกันไปอย่างแพร่หลาย
    มอนซานโตมาถึงจุดตกต่ำ ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยที่ได้ถูกฟ้องร้องว่าเป็นเหตุให้เกิดมะเร็ง
    รายที่ฟ้องได้ค่าเสียหายมากสุด คือ 289 ล้านยูเอส ในเดือนสิงหาคม 2018
    คือคนสวน Dewayne Johnson อายุ 46 ปี ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าหญ้าของมอนซานโตในชื่อว่า Roundup

    แต่คนอย่าง โซรอส เขามีทางออกที่สวยสุด คือ รีบเทขาย Monsanto ให้กับ Bayer อย่างว่องไว เพราะไหนๆก็ร่วมมือกันทำวิจัยเรื่อง “กัญชา” มาตั้งแต่ 2007 แล้ว ด้วยจำนวนเงิน หกหมื่นล้านยูเอส
    เท่ากับเป็นการล้างชื่อ มอนซานโต ออกไปจากตำแหน่งของบริษัทที่ชั่วช้าที่สุดในโลกไปได้...

    จากนี้ไป เราไม่มีมอนซานโตก็จริง แต่...ใครจะรู้ว่าจะอวตารขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ เพราะสูตรเคมีล้างโลก และ พันธุ์พืชที่ได้แต่งเปลี่ยนนั้น
    อยู่ที่ไหน...?

    และ ที่ Bayer ซื้ออะไรไปด้วยเงินจำนวนขนาดนั้น ในเมื่อไม่มีใครได้เห็นสัญญาซื้อขาย ไม่มีสื่อไหนกล้าหาข้อมูลมาตีแผ่
    เพราะในอดีตของ Bayer ก็ถือว่า ไม่ได้ด้อยไปกว่ามอนซานโตเลย

    Bayer ก็เคยเปลี่ยนชื่อเพราะความฉาวโฉ่มาแล้ว จากชื่อเก่า คือ
    IG Farben เป็นบริษัทเคมีภัณฑ์ที่ผลิตยาให้กับนาซี ตั้งแต่แอสไพรินจนถึงไซยาไนด์
    รวมทั้ง Zyklon B คือแก๊สที่ใช้รมเชลยยิวในค่ายนรก ซึ่งบริษัทนี้ได้เกณฑ์แรงงานยิวมาใช้ตั้งแต่ต้นสงครามจนถึงวันสุดท้ายที่ปราชัย
    พอสงครามเลิก IG Farben ก็ยุบไป และเจ้าหน้าที่ พนักงาน ได้ถูกเป็นจำเลยในศาลกันพร้อมหน้า ติดคุกกันไม่กี่ปีก็ออกมาเดินปร๋อ
    และต่อมาได้มีอวตารบริษัทเกิดขึ้นใหม่ ในนาม Bayer ที่ผู้บริหารตัวบิ๊กๆนั้น มาจาก IG Farben ทั้งแผง

    ในปี 1995 Bayer ได้ออกมาขอโทษกับชาวยิวที่มีส่วนในการผลิตแก๊สทำลายล้างเผ่าพันธุ์

    ส่วน จอร์จ โซรอส นั้น เกิดในฮังการีในปี 1930 และเติบโตมาในช่วงของสงครามโลกครั้งที่สอง ที่นาซีได้แผ่เข้ามาในฮังการี และได้ฆ่ายิวไปกว่าห้าแสนคน
    ครอบครัวของเขาต้องอยู่ในสถานะปลอมๆ ต้องแอ๊บเป็นอารยัน
    แถมได้ทำงานในออฟฟิศให้กับหน่วยงานของนาซี หน้าที่ของเขาคือ
    นำคนไปตามจับและยึดทรัพย์ชาวยิว...จนถึงสงครามเลิก

    แต่ฮังการี...ต้องไปสู่เขตการปกครองระบอบคอมมิวนิสต์
    ครอบครัวเขาจึงอพยพมุ่งหน้าไปสู่ลอนดอน เขาได้เข้าเรียนระดับวิทยาลัย ในสาขาเศรษฐศาสตร์ ในปี 1947
    จากนั้น เขาจึงไปเริ่มชีวิตใหม่ที่อเมริกา ในปี 1956 โดยเริ่มจากเซลส์แมนกิ๊กก๊อก นักเก็งกำไรหุ้น ค้าอสังหาฯ
    และเพียง สิบกว่าปี เขาก็ก้าวขึ้นมาเป็นมหาเศรษฐี...

    เรื่องที่เขาขายมอนซานโตออกไปอย่างไม่เสียดมเสียดายเพราะสิ่งที่น่าสนใจกว่า และจะเป็นที่รักใคร่ของประชาชนนั้นคือ
    “กัญชา”
    เขาทุ่มเงินสนับสนุนโอบามา จนได้เป็นประธานาธิบดี เพื่อสนองนโยบายได้เร็วทันใจ เพราะ กัญชาได้เปลี่ยนมาเป็นสารเสพติดร้ายแรงประเภทที่หนึ่ง มาเป็นประเภทที่สอง คือ สารเสพติดที่ใช้ทางการแพทย์
    จากนั้นก็คือหน้าที่ของกลุ่ม AUMA ในรัฐต่างๆที่จะเคลื่อนไหวกันเอง...
    ส่วนโซรอส (ในนามของมอนซานโต) ได้เข้าไปยึดครองการเพาะปลูกกัญชาในอุรุกวัย อันว่ากันว่าเป็นพื้นที่ที่ดีที่สุดในโลกต่อเกษตรกรรมกัญชา ตั้งแต่ 2003 และเขาคือแรงผลักดันให้อุรุกวัยประกาศตนเป็นประเทศที่กัญชาค้าขายได้ถูกกฎหมาย
    รวมทั้งการครอบคลุมเมล็ดพันธุ์

    และที่สำคัญสุดคือ จอร์จ โซรอส ได้มีตำแหน่งเป็นหนึ่งในบอร์ดของ DPA (Drug Policy Alliance) สำนักงานตั้งอยู่ในนิวยอร์ค
    ประมาณว่า เป็นกลุ่มดูแลนโยบายสิ่งเสพติดในการรักษาโรค
    ที่มีข้อปฎิบัติละเอียดยิบย่อย
    และ DPA นี้ ไม่ใช่ครอบคลุมในเพียงสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
    เขาได้กระจายไปในอุรุกวัยและประเทศอื่นในแถบลาตินด้วย

    นั่นหมายถึงว่า ถ้าจะมีสมาชิกใหม่ในกลุ่ม ก็ต้องปฏิบัติตามนโยบายของเขา ปลูกได้ตามที่เขาสั่ง ขายได้ในราคาตามที่เขากำหนด ใช้ได้ตามจำนวนที่เขาจะพิจารณา
    และ ถ้าไม่เป็นสมาชิก...แต่จะมาค้าขายกัญชาตามใจชอบ
    ก็อาจจะมี “สงครามกัญชา”เกิดขึ้น

    เงินไม่เข้าใครออกใคร...
    ถ้าจำนวนมหาศาลพอ ...ยิวกับนาซี ยังจูบปากกันได้เลย...!!!

    Wiwanda W. Vichit
    ยุคนี้.....กัญชามาแรงแซงโค้ง....!!! คือเมื่อคืนนะคะ ดิฉันดูละครโทรทัศน์ เรื่อง ทองเอก หมอยา ทุ่งโฉลง เพราะได้ดูตัวอย่างนิดนึงแล้วติดใจ อยากติดตาม เพราะเป็นของใหม่ที่จะให้การศึกษากับคนไทยแบบเนียนด้วยการแพทย์แผนไทย โดยเฉพาะพืชสมุนไพร.. อันว่าดิฉันเนี่ยยย เป็นคนที่ค่อนข้างต่อต้านยาฝรั่ง คือพยายามใช้ให้น้อยที่สุด เช่น เฉพาะไมเกรนเจ้าประจำ กับฉีดวัคซีนต่างๆ แต่ไม่พยายามพร่ำเพรื่อ อย่างที่น้องมาแวะเยี่ยม ก็ได้ขอให้ติด”ยาน้ำระดมพล” มาให้ด้วย ขอบคุณน้องหลายๆเด้อ เพราะสรรพคุณของยาน้ำนี้ คือการ”รุ” เพื่อระบบไฟธาตุในร่างกายได้ทำงานสะดวก (ตามคำของผู้ใหญ่ที่สั่งสอนมา) ดิฉันก็ถือมาเป็นวิถีปฏิบัติมาสามสิบปีนี่แล้วค่ะ อาทิตย์ละจอก.. ที่เห็นๆคือ ไมเกรนห่างหายไปมาก และ สบายตัว เลยเถิดไปได้ยังไงเนี่ยยย ว่าจะพูดถึงกัญชา...!!! เอาว่าเริ่มจากกัญชาฝรั่งก่อนนะคะ กัญชาไทย หรือ Thai stick เราก็รู้ๆกันอยู่แล้วว่าเป็นสุดยอด....ที่ฝรั่งหลงไหลถึงขนาดจับเครื่องบินมาเพื่อเชยชม ดูดดมเจ้า... ตอนนี้ “กัญชา” เป็นที่หอมหวนในวงการธุรกิจ เพราะมันหมายถึงเงินจำนวนแสนล้าน... ในปี 2014 อุรุกวัย เป็นประเทศแรกที่ประกาศตัวใช้กัญชาได้ ตามกฏหมายกำหนด ตามด้วย แคนาดา เมื่อเดือนตุลาคม 2018 ตั้งแต่อุรุกวัย เปิดเสรีเรื่องกัญชาขึ้นมา พลอยสร้างกระแสแรงกระเพื่อมในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประชาชนเหล่านิยมกัญชา เขาคือ กลุ่ม AUMA (Adult Use of Marijuana Act) พากันเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณากฏหมายผ่อนปรนด้วยเรื่องสารเสพติด โดยมีการวิจัยออกมาว่า กัญชามีโทษต่อร่างกายน้อยมาก น้อยกว่าเหล้า บุหรี่ และยารักษาโรคอื่นๆ อีกทั้งช่วยรักษาได้อีกสารพัดโรค ในความจริงคือ ตั้งแต่ปี 2003 บริษัท Bayer AG ได้แอบทุ่มทุนร่วมกับ GW Pharmaceuticals ในการทำวิจัยเรื่องกัญชาในการรักษาโรคมาแล้ว ปี 2007 Bayer เป็นบริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ ประเทศเยอรมัน ได้ร่วมมือร่วมทุนกันกับ Monsanto (อเมริกา) เป็นบริษัทที่ทุกคนรู้ๆกันว่า ยิ่งใหญ่มากทางด้านเคมีเกษตร และผันตัวมาทำเรื่อง GMO ในพืชทุกชนิด รวมทั้งเมล็ดพันธุ์ผัก ผลไม้ จากในอดีตที่เคยเป็นผู้ผลิต “ฝนเหลือง” ที่คร่าชีวิตชาวเวียดนามไปมากมาย...และผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ George Soros แต่ในขณะเดียวกันนั้น ประชาชนผู้บริโภคได้ตื่นตัวต่อวิธีการปรับเปลี่ยนพันธุกรรมในพืชผักของมอนซานโตที่มีข้อเสียซ่อนไว้มากมาย และเริ่มมีการต่อต้านกันไปอย่างแพร่หลาย มอนซานโตมาถึงจุดตกต่ำ ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยที่ได้ถูกฟ้องร้องว่าเป็นเหตุให้เกิดมะเร็ง รายที่ฟ้องได้ค่าเสียหายมากสุด คือ 289 ล้านยูเอส ในเดือนสิงหาคม 2018 คือคนสวน Dewayne Johnson อายุ 46 ปี ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าหญ้าของมอนซานโตในชื่อว่า Roundup แต่คนอย่าง โซรอส เขามีทางออกที่สวยสุด คือ รีบเทขาย Monsanto ให้กับ Bayer อย่างว่องไว เพราะไหนๆก็ร่วมมือกันทำวิจัยเรื่อง “กัญชา” มาตั้งแต่ 2007 แล้ว ด้วยจำนวนเงิน หกหมื่นล้านยูเอส เท่ากับเป็นการล้างชื่อ มอนซานโต ออกไปจากตำแหน่งของบริษัทที่ชั่วช้าที่สุดในโลกไปได้... จากนี้ไป เราไม่มีมอนซานโตก็จริง แต่...ใครจะรู้ว่าจะอวตารขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ เพราะสูตรเคมีล้างโลก และ พันธุ์พืชที่ได้แต่งเปลี่ยนนั้น อยู่ที่ไหน...? และ ที่ Bayer ซื้ออะไรไปด้วยเงินจำนวนขนาดนั้น ในเมื่อไม่มีใครได้เห็นสัญญาซื้อขาย ไม่มีสื่อไหนกล้าหาข้อมูลมาตีแผ่ เพราะในอดีตของ Bayer ก็ถือว่า ไม่ได้ด้อยไปกว่ามอนซานโตเลย Bayer ก็เคยเปลี่ยนชื่อเพราะความฉาวโฉ่มาแล้ว จากชื่อเก่า คือ IG Farben เป็นบริษัทเคมีภัณฑ์ที่ผลิตยาให้กับนาซี ตั้งแต่แอสไพรินจนถึงไซยาไนด์ รวมทั้ง Zyklon B คือแก๊สที่ใช้รมเชลยยิวในค่ายนรก ซึ่งบริษัทนี้ได้เกณฑ์แรงงานยิวมาใช้ตั้งแต่ต้นสงครามจนถึงวันสุดท้ายที่ปราชัย พอสงครามเลิก IG Farben ก็ยุบไป และเจ้าหน้าที่ พนักงาน ได้ถูกเป็นจำเลยในศาลกันพร้อมหน้า ติดคุกกันไม่กี่ปีก็ออกมาเดินปร๋อ และต่อมาได้มีอวตารบริษัทเกิดขึ้นใหม่ ในนาม Bayer ที่ผู้บริหารตัวบิ๊กๆนั้น มาจาก IG Farben ทั้งแผง ในปี 1995 Bayer ได้ออกมาขอโทษกับชาวยิวที่มีส่วนในการผลิตแก๊สทำลายล้างเผ่าพันธุ์ ส่วน จอร์จ โซรอส นั้น เกิดในฮังการีในปี 1930 และเติบโตมาในช่วงของสงครามโลกครั้งที่สอง ที่นาซีได้แผ่เข้ามาในฮังการี และได้ฆ่ายิวไปกว่าห้าแสนคน ครอบครัวของเขาต้องอยู่ในสถานะปลอมๆ ต้องแอ๊บเป็นอารยัน แถมได้ทำงานในออฟฟิศให้กับหน่วยงานของนาซี หน้าที่ของเขาคือ นำคนไปตามจับและยึดทรัพย์ชาวยิว...จนถึงสงครามเลิก แต่ฮังการี...ต้องไปสู่เขตการปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ ครอบครัวเขาจึงอพยพมุ่งหน้าไปสู่ลอนดอน เขาได้เข้าเรียนระดับวิทยาลัย ในสาขาเศรษฐศาสตร์ ในปี 1947 จากนั้น เขาจึงไปเริ่มชีวิตใหม่ที่อเมริกา ในปี 1956 โดยเริ่มจากเซลส์แมนกิ๊กก๊อก นักเก็งกำไรหุ้น ค้าอสังหาฯ และเพียง สิบกว่าปี เขาก็ก้าวขึ้นมาเป็นมหาเศรษฐี... เรื่องที่เขาขายมอนซานโตออกไปอย่างไม่เสียดมเสียดายเพราะสิ่งที่น่าสนใจกว่า และจะเป็นที่รักใคร่ของประชาชนนั้นคือ “กัญชา” เขาทุ่มเงินสนับสนุนโอบามา จนได้เป็นประธานาธิบดี เพื่อสนองนโยบายได้เร็วทันใจ เพราะ กัญชาได้เปลี่ยนมาเป็นสารเสพติดร้ายแรงประเภทที่หนึ่ง มาเป็นประเภทที่สอง คือ สารเสพติดที่ใช้ทางการแพทย์ จากนั้นก็คือหน้าที่ของกลุ่ม AUMA ในรัฐต่างๆที่จะเคลื่อนไหวกันเอง... ส่วนโซรอส (ในนามของมอนซานโต) ได้เข้าไปยึดครองการเพาะปลูกกัญชาในอุรุกวัย อันว่ากันว่าเป็นพื้นที่ที่ดีที่สุดในโลกต่อเกษตรกรรมกัญชา ตั้งแต่ 2003 และเขาคือแรงผลักดันให้อุรุกวัยประกาศตนเป็นประเทศที่กัญชาค้าขายได้ถูกกฎหมาย รวมทั้งการครอบคลุมเมล็ดพันธุ์ และที่สำคัญสุดคือ จอร์จ โซรอส ได้มีตำแหน่งเป็นหนึ่งในบอร์ดของ DPA (Drug Policy Alliance) สำนักงานตั้งอยู่ในนิวยอร์ค ประมาณว่า เป็นกลุ่มดูแลนโยบายสิ่งเสพติดในการรักษาโรค ที่มีข้อปฎิบัติละเอียดยิบย่อย และ DPA นี้ ไม่ใช่ครอบคลุมในเพียงสหรัฐอเมริกาเท่านั้น เขาได้กระจายไปในอุรุกวัยและประเทศอื่นในแถบลาตินด้วย นั่นหมายถึงว่า ถ้าจะมีสมาชิกใหม่ในกลุ่ม ก็ต้องปฏิบัติตามนโยบายของเขา ปลูกได้ตามที่เขาสั่ง ขายได้ในราคาตามที่เขากำหนด ใช้ได้ตามจำนวนที่เขาจะพิจารณา และ ถ้าไม่เป็นสมาชิก...แต่จะมาค้าขายกัญชาตามใจชอบ ก็อาจจะมี “สงครามกัญชา”เกิดขึ้น เงินไม่เข้าใครออกใคร... ถ้าจำนวนมหาศาลพอ ...ยิวกับนาซี ยังจูบปากกันได้เลย...!!! Wiwanda W. Vichit
    Like
    Yay
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 883 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรับยารักษา “โรคฝีดาษ” จากศิลาจารึก/ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    สำหรับตำรับยาโรคระบาดในประเทศไทยนั้น ได้ยึดถึอเอาพระคัมภีร์ตักกะศิลาเป็นกระบวนการรักษาโรค โดยแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนด้วยยา 7 ขนาน กล่าวคือ

    ขั้นตอนแรก ตำรับยาสำหรับกระทุ้งพิษไข้ โดยใช้ตำรับยาห้าราก

    ขั้นตอนที่สอง ตำรับยาสำหรับแปรไข้ภายในและรักษาผิวภายนอก มีตำรับยา 5 ขนาน คือ ตำรับยาประสระผิว ตำรับยาพ่นผิวภายนอก ตำรับยาพ่นและยากิน และตำรับยาแปรไข้จากร้ายให้เป็นดี และตำรับยาพ่นแปรผิวภายนอก

    ขั้นตอนสุดท้าย ตำรับยาครอบไข้[1]

    ขั้นตอนดังกล่าวข้างต้นอยู่ในตำรายาหลวง ชื่อตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ สมัยรัชกาลที่ 5 โดยในตำราดังกล่าวได้กล่าวถึงพระคัมภีร์ฉันทศาสตร์ ซึ่งประพันธ์โดยเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ตั้งแต่ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยอยุธยา และยังเป็นตำราสำหรับการเรียนการแพทย์แผนไทยและการแพทย์แผนไทยประยุกต์มาจนถึงปัจจุบัน

    ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้ทรงมีพระบรมราโชบายให้มีตำรายาจารึกเอาไว้ในแผ่นศิลาประดับอยู่ตามผนังและเสาของวัดเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) พระราชทานเป็นมรดกให้กับประชาชนชาวสยามสืบไปตราบนานเท่านาน รวมถึงวิวัฒนาการที่ลดทอนยา 7 ขนาน 3 ขั้นตอน มาเหลือ “ตำรับยาเดียว” ในการรับมือโรคระบาดหลายชนิดด้วย ซึ่งปัจจุบันคนในวงการแพทย์แผนไทยเรียกว่า “ยาขาว”

    ตำรับยาขาวของวัดโพธิ์นี้ได้ระบุเอาไว้ในตำราว่าแผ่นศิลาแผ่นนี้ได้ถูกรื้อออกมาจากศาลาต่างๆ แต่โชคดีได้บันทึกตำรับยาสำคัญนี้เอาไว้ในตำรายาของวัดโพธิ์ จึงทำให้สามารถตกทอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ โดยตำรายาวัดเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ฉบับเก่า 51 ปีที่แล้ว คือ พ.ศ. 2516 ได้บันทึกตำรับยานี้เอาไว้อยู่ที่หน้า 62-64[2]

    ตำรับยาขนานนี้ได้บรรยายสรรพคุณว่า เพียงตำรับยาเดียวสามารถ “แก้สรรพไข้จากโรคระบาด” โดยตำรายาศิลาจารึกบันทึกว่าตำรับยานี้ใช้สมุนไพร 15 ตัวและมีสรรพคุณแก้สรรพไข้จากโรคระบาดหลายชนิด โดยระบุในบันทึกของแผ่นศิลาความตอนนี้ว่า

    “ขนาน 1 เอา กระเช้าผีมด หัวคล้า รากทองพันชั่ง รากชา รากง้วนหมู รากส้มเส็ด รากข้าวไหม้ รากจิงจ้อ รากสวาด รากสะแก รากมะนาว รากหญ้านาง รากฟักข้าว รากผักสาบ รากผักหวานบ้าน เอาเสมอภาคทำเปนจุณ บดทำแท่ง ไว้ละลายน้ำซาวข้าวกินแก้ไข้รากสาด ออกดำ แดง ขาว และแก้ไข้ประกายดาษ ไข้หงษ์ระทด และแก้ไข้ไฟเดือนห้า ไข้ละอองไฟฟ้า และแก้ไข้มหาเมฆ มหานิล ซึ่งกล่าวมาแล้วนั้น และยาขนานนี้แก้ได้ทุกประการ ตามอาจารย์กล่าวไว้ ให้แพทย์ทั้งหลายรู้ว่าเปน มหาวิเศษนัก“[2]

    แม้ในความจริงแล้วจะมีขั้นตอนและวิวัฒนาการในการรักษาโรคระบาดหลายชนิดในภาพรวม แต่ภายใต้พระคัมภีร์ตักกะศิลา ได้วางหลักถึง “รสยา” สำหรับรับมือโรคระบาดว่ามีข้อห้ามและสิ่งที่ควรจะลองดูในเวลาติดเชื้ออันจากเกิดโรคระบาดเอาไว้ความว่า

    ห้ามใช้ยาหรือการกระทำที่มีรสกระตุ้นธาตุไฟหรือระบบความร้อน (ปิตตะ) แต่ให้ยาที่มีลดธาตุไฟหรือระบบความร้อน หากไม่ฟังตามนี้อาจจะถึงแก่ความตายได้ ความว่า

    “ไข้จำพวกนี้ย่อมห้ามมิให้วางยาร้อนเผ็ดเปรี้ยว อย่าให้ประคบนวด อย่าปล่อยปลิง อย่าให้กอกเอาโลหิตออก อย่าให้ถูกน้ำมัน เหล้าก็อย่าให้ถูก น้ำร้อนก็อย่าให้อาบ อย่าให้กิน ส้มมีควันมีผิวกะทิน้ำมันห้ามิให้กิน ถ้าใครไม่รู้ทำผิดดังกล่าวมานี้ ก็ถึงความตายดังนี้แล”[3]

    ต่อมาเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ได้เรียบเรียงเอาไว้ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ในเรื่อง “ว่าด้วยคัมภีร์ตักกะศิลา” ว่าช่วงเวลาที่มีกำเดาหรือเปลวแห่งความร้อนนี้ ไม่ว่าจะวัดว่ามีไข้จากภายนอก หรือรู้สึกครั่นเนื้อตัวอยู่ภายใน ปวดเมื่อยเนื้อตัว หรือมีผื่นขึ้น จะไม่ใช้ยารสร้อน ห้ามเหล้า น้ำมัน กอกเลือด นวด หรือปล่อยปลิงเพื่อเอาเลือดออก หากไม่ฟังให้ยาหรือการดำเนินการเช่นดังกล่าวนี้ อาจแก้กันไม่ทัน ความว่า

    “ถ้าแรกล้มไข้ ท่านมากล่าวไว้ ให้พิจารณา ภายนอกภายใน ให้ร้อนหนักหนา เมื่อยขบกายา ตาแดงเป็นสาย บ้างเย็นบ้างร้อน เปนบั้นเป็นท่อน ไปทั่วทั้งกาย ขึ้นมาให้เห็น เปนวงเปนสาย เปนริ้วยาวรี ลางบางไม่ขึ้น เปนวงฟกลื่น กายหมดดิบดี หมอมักว่าเปนสันนิบาติก็มี ให้ยาผิดที แก้กันไม่ทัน อย่าเพ่อกินยา ร้อนแรงแขงกล้า ส้มเหล้าน้ำมัน เอาโลหิตออก กอกเลือดนวดฟั้น ปล่อยปลิงมิทัน แก้กันเลยนา” [4]

    ด้วยประสบการณ์ของเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ที่เกิดมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ จึงได้รวบยอดสรุปถ่ายทอดมาเป็นความรู้ว่า ในยามที่ยังต้องถกเถียงกันว่าโรคระบาดที่ทำให้เกิดคนตายมากเป็นโรคประเภทใดกันแน่ ในยามที่ยังไม่แน่ใจหรือไม่รู้จึงให้ใช้รสยาแรกไปในทางรสขม เย็นอย่างยิ่ง หรือฝาดจืด ซึ่งเป็นรสยาที่ไม่มีธาตุไฟมาปน ดังความว่า

    “ถ้ายังไม่รู้ให้แก้กันดู แต่พรรณฝูงยา เย็นเปนอย่างยิ่ง ขมจริงโอชา ฝาดจืดพืชน์ยา ตามอาจารย์สอน”[4]

    แต่ถึงแม้จะมีหลักการและขั้นตอนต่างๆในการวางรสยาเพื่อรับมือกับโรคระบาด แต่เนื่องจากโรคฝีดาษและไข้ทรพิษนั้น อาจมีลักษณะจำเพาะที่มีการระบาดมาตั้งแต่สมัยอยุธยาจนกว่าจะได้หมดสิ้นจากประเทศไทยได้นั้นต้องใช้เวลาหลายร้อยปีจนมาถึงในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ปี พ.ศ. 2523

    การเอาชนะโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ นอกจากการรับมือกับโรคระบาดในเรื่องตำรับยาต่างๆแล้ว ความรู้เรื่องการปลูกฝีตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่ง เพราะได้เป็นรากฐานที่ทำให้ประเทศไทยสามารถเอาชนะโรคฝีดาษได้ด้วย

    โดยในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้มีการตราพระราชบัญญัติจัดการปลูกฝีไข้ทรพิษ และพระราชบัญญัติระงับโรคระบาทว์ พ.ศ.​2456 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บังคับใช้กฎหมายควบคุมโรคแก่ประชาชน

    ต่อมาในปี 2504 กระทรวงสาธารณสุขเริ่มโครงการกำจัดไข้ทรพิษครั้งแรกในประเทศไทย โดยตั้งเป้า 3 ปี (พ.ศ.2504-2506) คือคนไทยอย่างน้อย 80% ต้องได้รับการปลูกฝี ภายหลังขยายเวลาเป็น 5 ปี (พ.ศ.2504-2508) ซึ่งเป็นช่วงเวลาระดมการปลูกฝีทั่วประเทศไทย

    โดยประเทศไทยได้พบผู้ป่วยโรคฝีดาษรายสุดท้ายในปี พ.ศ. 2505 เป็นแขกชื่อ ยาริดาเนา ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร

    เมื่อสิ้นสุดโครงการการระดมปลูกฝี ถึงปี พ.ศ. 2508 ก็เป็นผลทำให้ฝีดาษหรือไข้ทรพิษหายไปจากประเทศไทยติดต่อกันถึง 3 ปีติดต่อกันแล้ว จนกระทั่งวันที่ 8 พฤษภาคม 2523 องค์การอนามัยโลก ได้ประกาศรับรองว่าฝีดาษหรือไข้ทรพิษได้สูญพันธุ์ไปจากโลกแล้ว[5]

    นี่คือเหตุผลว่าผู้ที่เกิดก่อนปี 2523 หรืออายุมากกว่า 44 ปีขึ้นไปส่วนใหญ่น่าจะได้รับการปลูกฝีแล้ว(โดยดูได้จากแผลเป็นบนหัวไหล่) แต่ถึงกระนั้นก็ยังพบผู้ที่มีอายุมากกว่า 44 ปีติดโรคฝีดาษลิงได้ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีภูมิคุ้มกันในร่างกายบกพร่อง เช่นผู้ป่วยโรคเอดส์เป็นต้น

    อย่างไรก็ตามเนื่องจากฝีดาษที่ได้สูญพันธุ์ไปตั้งแต่ปี 2523 หรือเป็นเวลา 44 ปี ทำให้ภูมิปัญญาที่เคยรับมือในการรักษาโรคฝีดาษขาดความต่อเนื่อง โดยเฉพาะขั้นตอนการรับมือด้วยสมุนไพร ตำรับยาไทย และกรรมวิธีต่างๆในการรักษา

    ดังนั้นความรู้ที่ว่าคนไทยควรจะรับมือในการรักษาโรคฝีดาษลิงอย่างไร ส่วนใหญ่ก็จะอ้างอิงไปตามพระคัมภีร์ตักกะศิลาในการใช้ยา 3 ขั้นตอนด้วยยา 7 ขนาน หรือยาขาวตามตำรับยาของวัดศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) บ้าง แต่ก็ไม่ใช่กล่าวถึงโรคฝีดาษ หรือฝีดาษลิงเป็นการเฉพาะ

    ทำให้หลายคนสงสัยว่าในเมื่อโรคฝีดาษ เป็นโรคที่ประเทศไทยเคยมีประสบการณ์ในการเกิดโรคระบาดมาหลายร้อยปี ควรจะต้องมี “ตำรับยา“ สำหรับโรคฝีดาษเป็นการเฉพาะหรือไม่

    เมื่อทบทวนข้อมูลตามตำราและคัมภีร์ทั้งหมดพบ ”การรักษาโรคฝีดาษ“ เป็นการเฉพาะจารึกเป็นตำรายาที่ปรากฏในแผ่นศิลาของวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร

    โดย ศิลาจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร เป็นมรดกที่แสดงถึงภูมิปัญญาของแพทย์แผนโบราณในสมัยรัชกาลที่ 2 และรัชกาลที่ 3 ที่จารึกยาขนานต่างๆ ลักษณะของแผ่นศิลาจารึกเป็นหินอ่อนสีเทา สี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้างด้านละ 33 เซนติเมตร จัดเรียงบรรทัดในมุมแหลม จำนวน 17 บรรทัด เหมือนกันทุกแผ่น ติดตามผนังด้านนอกของระเบียงพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ 42 แผ่น และผนังศาลารายหน้าพระอุโบสถวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร 8 แผ่น เชื่อว่าในอดีตมีแผ่นศิลาจารึก 92 แผ่น แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 50 แผ่น

    และนับว่าเป็นความโชคดีของคนไทย เพราะแผ่นศิลาที่กล่าวถึงการรักษาโรคฝีดาษ ยังไม่สูญหายและข้อความที่ปรากฏก็ยังไม่เลือนหายไปด้วย จึงนับว่าเป็นบุญของประเทศที่มีภูมิปัญญาและมีคุณค่ายิ่งในสถานการณ์ที่โรคฝีดาษลิงกลับมาเริ่มระบาดในบางประเทศ และเริ่มเข้ามาในประเทศไทย

    โดยแผ่นศิลาที่กล่าวถึงฝีดาษนั้น เป็นแผนที่ 18 ของศิลาจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร ปรากฏข้อความดังนี้

    “๏ สิทธิการิยะ จะกล่าวฝีดาษเกิดในเดือน 11 เดือน 12 เดือน 1 ทั้ง 3 เดือนนี้ เกิดเพื่ออาโปธาตุ มักให้เย็นในอกแลมักตกมูกตกเลือด ให้เสียแม่แสลงพ่อแสลง นุ่งขาวห่มขาว แล้วทำบัตรไปส่งทิศอุดรแลอีสาร จึ่งจะดี๚

    ถ้าจะแก้ให้เอาใบมะอึก ใบผักบุ้งร้วม ใบผักบุ้งขัน ใบก้างปลาทั้งสอง ใบพุงดา ใบผักขวง ใบหมาก ใบทองพันชั่ง เอาเสมอภาคตำเอาน้ำพ่น ดับฝี เพื่อเสมหะหาย ๚

    ขนานหนึ่ง เอากะทิมะพร้าว น้ำคาวปลาไหล ไข่เป็ดลูกหนึ่ง มูลโคดำ แก่นประดู่ เอาเสมอภาคบด พ่นฝีเพื่อเสมหะที่ด้านอยู่นั้นขึ้นแลแปรฝีร้ายให้เป็นดี ๚

    ขนานหนึ่ง เอาน้ำลูกตำลึง น้ำมันงา น้ำมันหัวกุ้ง น้ำรากถั่วพู เอาเสมอภาค พ่นฝีเพื่อเสมหะให้ยอดขึ้น หนองงามดีนัก๚

    ขนานหนึ่ง เอาเห็ดมูลโค ว่านกีบแรด ว่านร่อนทอง สังกรณี ชะเอม ลูกประคำดีควาย หวายตะค้า เขากวางเผา กระดูกเสือเผา มะกล่ำเครือ ขันฑสกร มะขามเปียก เอาเสมอภาคบดทคำเป็นจุณ บดด้วยน้ำมะนาวทำแท่งไว้ละลายสุรา ดีงูเหลือม รำหัด กินแก้คอแหบแห้ง แก้คอเครือ หายดีนัก๚

    ขนานหนึ่ง เอาใบหิ่งหาย ใบโหระพา ใบผักคราด ใบมะนาว พันงูแดง เอาเสมอภาค บดทำแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้พิษฝี เพื่อเสมหะให้คลั่งให้สลบไปก็ดี หายวิเศษแล๚[6]

    ในตำรับยาขนานต่างๆข้างต้นนั้น เป็นยาพ่นภายนอกเสียส่วนใหญ่ ตำรับยาเพื่อการรับประทานที่พอาจะหาได้โดยไม่ต้องอาศัยสัตว์วัตถุคือตำรับยาขนานสุดท้ายที่น่าจะนำไปวิจัยต่อที่ว่า

    ”ขนานหนึ่ง เอาใบหิ่งหาย ใบโหระพา ใบผักคราด ใบมะนาว พันงูแดง เอาเสมอภาค บดทำแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้พิษฝี เพื่อเสมหะให้คลั่งให้สลบไปก็ดี หายวิเศษแล๚“ [6]

    นอกจากนั้นจากจารึกวัดราชโอรสราชวรมหาวิหารยังปรากฏในแผ่นที่ 46 ทำให้เห็นว่ายังมีตำรับยาอีกขนานหนึ่งสำหรับโรคฝีดาษที่เป็นไข้หนักเข้าขั้นไข้สันนิบาตแล้วโดยใช้ ”ยาผายเลือด“ ความว่า

    “๏ สิทธิการิยะ ยาผายเลือดเอารากขี้กาแดง 1 เบญจาขี้เหล็ก ใบมะกา ใบมะขาม ใบส้มป่อย หญ้าไซ ลูกคัดเค้า ต้มให้งวดแล้วกรอง เอาน้ำขยำใส่ลงอีกเคี่ยวให้ข้น ปรุงยาดำ 1 สลึง 1 เฟื้อง ดีเกลือ 1 บาท กินประจุเลือดร้ายทั้งปวง แก้ไขสันนิบาตฝีดาษด้วย๚“[7]

    แต่สำหรับศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ก็ได้กล่าวถึงโรคฝีดาษที่มีรายละเอียดในบางอาการเพิ่มเติมอีก เช่น อาการฝีดาษขึ้นตา ปรากฏในศิลาจารึกว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวงแผ่นที่ 22 ความว่า

    “ยาชื่อ สังขรัศมี เอาชะมดสด พิมเสน สิ่งละส่วน ลิ้นทะเลแช่น้ำมะนาวไว้ยังรุ่งแล้วล้างเสีย จึงเอามาแช่น้ำท่าไว้แต่เช้าถึงเที่ยง แล้วเอาตากให้แห้ง 3 ส่วน รากช้าแป้น ดินถนำสุทธิ สังข์สุทธิ สิ่งละ 4 ส่วน ทำเป็นจุณบดทำแท่งไว้ ฝนป้ายจักษุแก้สรรพต้อให้ปวดเคืองต่างๆ แก้ฝีดาษขึ้นจักษุก็ได้หายวิเศษนักฯ”[8]

    อย่างไรก็ตามการบันทึกในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ยังให้เบาะแสเกี่ยวกับ “สมุนไพรเดี่ยว” ที่เป็นเบาะแสว่าอาจจะมีสรรพคุณในการลดฝีดาษได้ ได้แก่ ข่าลิง บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี ฯลฯ[8]

    ดังปรากฏตัวอย่างในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศและสมุนไพรแผ่นที่ 7 ที่กล่าวถึง “ต้นข่าลิง”แก้พิษฝีดาษ ความว่า

    “อันว่าคุณแห่งข่าลิงนั้น ต้นรู้แก้พิษฝีดาษ และรู้แก้ไข้เหนืออันบังเกิดเพื่อโลหิต รู้แก้ฝีกาฬ อันบังเกิดเพื่อฝีดาษ รู้แก้ไข้ตรีโทษ รู้กระทำให้เกิดกำลัง รู้กระทำเพลิงธาตุให้บริบูรณ์ รู้แก้กระหายน้ำ อันเป็นเพื่อโลหิตและลม รู้แก้สะอึก แก้สมุฏฐานกำเริบ ใบรู้ฆ่าพยาธิ์คือมะเร็ง ดอกรู้ฆ่าพยาธิ์ในอุทรและฟันในหูให้ตก ผลรู้แก้เสมหะอันเป็นพิษ รากรู้แก้โลหิตอันเป็นพิษไข้เหนือสันนิบาตฯ”[9]

    นอกจากนั้นยังปรากฏในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 ซึ่งกล่าวถึง “บอระเพ็ด” และ “ชิงช้าชาลี” ความว่า

    “อันว่าคุณแห่งบอระเพ็ดและชิงช้าชาลีนั้นคุณดุจกัน ต้นรู้แก้ฝีดาษ และรู้แก้ไข้เหนืออันบังเกิดโลหิต รู้แก้ฝีกาฬอันบังเกิดฝีดาษ รู้แก้ไข้ตรีโทษ รู้กระทำให้เกิดกำลัง รู้กระทำเพลิงธาตุให้บริบูรณ์ รู้แก้กระหายน้ำ อันเป็นเพื่อโลหิตและลม รู้แก้สะอึก แก้สมุฏฐานกำเริบ ใบรู้ฆ่าพยาธิ์คือมะเร็ง ดอกรู้ฆ่าพยาธิ์ในอุทรและในฟันในหูให้ตก ผลรู้แก้เสมหะอันเป็นพิษ รากรู้แก้โลหิตอันเป็นพิษเพื่อไข้สันนิบาตฯ”[10]

    นอกจากนั้นสมุนไพรที่มีการวิจัยที่ออกฤทธิ์ต้านไวรัสหลายชนิดในยุคปัจจุบัน ก็ควรจะนำมาสู่การวิจัยกับฝีดาษลิงต่อไป เช่น ขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร ใบสะเดา กัญชา กัญชง ฝีหมอบ เสลดพังพอนตัวเมีย ฯลฯ

    ดังนั้นการกลับมาของโรคฝีดาษลิง จึงควรให้ความสำคัญกับภูมิปัญญาในการรักษาที่มีมาแต่ในอดีตรวมถึงความรู้จากการวิจัยในสมุนไพรต่างๆที่มีมากขึ้น ซึ่งควรจะนำมาวิจัยกับไวรัสฝีดาษลิงเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อเตรียมประยุกต์ให้เหมาะสมใช้ในสถานการณ์ปัจจุบันและต่อไปในกาลข้างหน้าด้วยความไม่ประมาท

    ด้วยความปรารถนาดี
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    5 กันยายน 2567
    https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1045825823577784/?

    อ้างอิง
    [1] พิชชานันท์ เธียรทองอินทร์ และ รัชฎาพร พิสัยพันธุ์, การวิเคราะห์องค์ความรู้ไข้ตามคัมภีร์ตักศิลา: คัมภีร์ว่าด้วยโรคระบาด, วารสารหมอยาไทยวิจัย, ปีที่ 9 ฉบับที่ 1 (มกราคม - มิถุนายน 2566), หน้า 131-152
    https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ttm/article/view/258845/180094

    [2] โรงเรียนแพทย์แผนโบราณ วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์), ตำรายา ศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) พระนคร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จารึกไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ ฉบับสมบูรณ์ ฉบับ พ.ศ.​๒๕๑๖ หน้า ๖๒ - ๖๔

    [3] สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ, หนังสือชุดวรรณกรรมหายาก แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ :ภูมิปัญญาการแพทย์และมรดกทางวรรณกรรมของชาติ, องค์การการค้าของ สกสค. จัดพิมพ์จำหน่าย พิมพ์ครั้งที่ 4, พ.ศ. 2554 จำนวน 3,000 เล่ม ISBN 978-947-01-9742-3 หน้า 694

    [4] เรื่องเดียวกัน, หน้า 37

    [5] เว็บไซต์กองนวัตกรรมและวิจัย กรมควบคุมโรค, การปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ จุดเริ่มงานควบคุมโรคติดต่อในประเทศไทย
    https://ddc.moph.go.th/uploads/ckeditor2//files/การปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ.pdf

    [6] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 18 ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2557( อัพเดทเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2567)
    https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/image_detail/14798

    [7] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 46 (ยาผายเลือด) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อ โพสต์เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558
    https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/image_detail/16335

    [8] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(ว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวง แผ่นที่ 22 ยาแก้จักษุโรคคือต้อ(5), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2560
    https://db.sac.or.th/inscriptions/uploads/file/22-chaksurok-to5-tr2.pdf

    [9] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 7 ท้าวยายม่อม ข่าใหญ่ ข่าลิง กระทือ ไพล กระชาย หอม และกระเทียม) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564
    https://db.sac.or.th/inscriptions/uploads/file/7-thaoyaimom-khayai-khaling-tr1.pdf

    [10] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 แตงหนู ชิงชี่ บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี บอระเพ็ดพุงช้าง ผักปอดตัวเมีย ผักปอดตัวผู้ และพลูแก), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567
    https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/detail/17723
    ตำรับยารักษา “โรคฝีดาษ” จากศิลาจารึก/ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ สำหรับตำรับยาโรคระบาดในประเทศไทยนั้น ได้ยึดถึอเอาพระคัมภีร์ตักกะศิลาเป็นกระบวนการรักษาโรค โดยแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนด้วยยา 7 ขนาน กล่าวคือ ขั้นตอนแรก ตำรับยาสำหรับกระทุ้งพิษไข้ โดยใช้ตำรับยาห้าราก ขั้นตอนที่สอง ตำรับยาสำหรับแปรไข้ภายในและรักษาผิวภายนอก มีตำรับยา 5 ขนาน คือ ตำรับยาประสระผิว ตำรับยาพ่นผิวภายนอก ตำรับยาพ่นและยากิน และตำรับยาแปรไข้จากร้ายให้เป็นดี และตำรับยาพ่นแปรผิวภายนอก ขั้นตอนสุดท้าย ตำรับยาครอบไข้[1] ขั้นตอนดังกล่าวข้างต้นอยู่ในตำรายาหลวง ชื่อตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ สมัยรัชกาลที่ 5 โดยในตำราดังกล่าวได้กล่าวถึงพระคัมภีร์ฉันทศาสตร์ ซึ่งประพันธ์โดยเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ตั้งแต่ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยอยุธยา และยังเป็นตำราสำหรับการเรียนการแพทย์แผนไทยและการแพทย์แผนไทยประยุกต์มาจนถึงปัจจุบัน ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้ทรงมีพระบรมราโชบายให้มีตำรายาจารึกเอาไว้ในแผ่นศิลาประดับอยู่ตามผนังและเสาของวัดเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) พระราชทานเป็นมรดกให้กับประชาชนชาวสยามสืบไปตราบนานเท่านาน รวมถึงวิวัฒนาการที่ลดทอนยา 7 ขนาน 3 ขั้นตอน มาเหลือ “ตำรับยาเดียว” ในการรับมือโรคระบาดหลายชนิดด้วย ซึ่งปัจจุบันคนในวงการแพทย์แผนไทยเรียกว่า “ยาขาว” ตำรับยาขาวของวัดโพธิ์นี้ได้ระบุเอาไว้ในตำราว่าแผ่นศิลาแผ่นนี้ได้ถูกรื้อออกมาจากศาลาต่างๆ แต่โชคดีได้บันทึกตำรับยาสำคัญนี้เอาไว้ในตำรายาของวัดโพธิ์ จึงทำให้สามารถตกทอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ โดยตำรายาวัดเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ฉบับเก่า 51 ปีที่แล้ว คือ พ.ศ. 2516 ได้บันทึกตำรับยานี้เอาไว้อยู่ที่หน้า 62-64[2] ตำรับยาขนานนี้ได้บรรยายสรรพคุณว่า เพียงตำรับยาเดียวสามารถ “แก้สรรพไข้จากโรคระบาด” โดยตำรายาศิลาจารึกบันทึกว่าตำรับยานี้ใช้สมุนไพร 15 ตัวและมีสรรพคุณแก้สรรพไข้จากโรคระบาดหลายชนิด โดยระบุในบันทึกของแผ่นศิลาความตอนนี้ว่า “ขนาน 1 เอา กระเช้าผีมด หัวคล้า รากทองพันชั่ง รากชา รากง้วนหมู รากส้มเส็ด รากข้าวไหม้ รากจิงจ้อ รากสวาด รากสะแก รากมะนาว รากหญ้านาง รากฟักข้าว รากผักสาบ รากผักหวานบ้าน เอาเสมอภาคทำเปนจุณ บดทำแท่ง ไว้ละลายน้ำซาวข้าวกินแก้ไข้รากสาด ออกดำ แดง ขาว และแก้ไข้ประกายดาษ ไข้หงษ์ระทด และแก้ไข้ไฟเดือนห้า ไข้ละอองไฟฟ้า และแก้ไข้มหาเมฆ มหานิล ซึ่งกล่าวมาแล้วนั้น และยาขนานนี้แก้ได้ทุกประการ ตามอาจารย์กล่าวไว้ ให้แพทย์ทั้งหลายรู้ว่าเปน มหาวิเศษนัก“[2] แม้ในความจริงแล้วจะมีขั้นตอนและวิวัฒนาการในการรักษาโรคระบาดหลายชนิดในภาพรวม แต่ภายใต้พระคัมภีร์ตักกะศิลา ได้วางหลักถึง “รสยา” สำหรับรับมือโรคระบาดว่ามีข้อห้ามและสิ่งที่ควรจะลองดูในเวลาติดเชื้ออันจากเกิดโรคระบาดเอาไว้ความว่า ห้ามใช้ยาหรือการกระทำที่มีรสกระตุ้นธาตุไฟหรือระบบความร้อน (ปิตตะ) แต่ให้ยาที่มีลดธาตุไฟหรือระบบความร้อน หากไม่ฟังตามนี้อาจจะถึงแก่ความตายได้ ความว่า “ไข้จำพวกนี้ย่อมห้ามมิให้วางยาร้อนเผ็ดเปรี้ยว อย่าให้ประคบนวด อย่าปล่อยปลิง อย่าให้กอกเอาโลหิตออก อย่าให้ถูกน้ำมัน เหล้าก็อย่าให้ถูก น้ำร้อนก็อย่าให้อาบ อย่าให้กิน ส้มมีควันมีผิวกะทิน้ำมันห้ามิให้กิน ถ้าใครไม่รู้ทำผิดดังกล่าวมานี้ ก็ถึงความตายดังนี้แล”[3] ต่อมาเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ได้เรียบเรียงเอาไว้ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ในเรื่อง “ว่าด้วยคัมภีร์ตักกะศิลา” ว่าช่วงเวลาที่มีกำเดาหรือเปลวแห่งความร้อนนี้ ไม่ว่าจะวัดว่ามีไข้จากภายนอก หรือรู้สึกครั่นเนื้อตัวอยู่ภายใน ปวดเมื่อยเนื้อตัว หรือมีผื่นขึ้น จะไม่ใช้ยารสร้อน ห้ามเหล้า น้ำมัน กอกเลือด นวด หรือปล่อยปลิงเพื่อเอาเลือดออก หากไม่ฟังให้ยาหรือการดำเนินการเช่นดังกล่าวนี้ อาจแก้กันไม่ทัน ความว่า “ถ้าแรกล้มไข้ ท่านมากล่าวไว้ ให้พิจารณา ภายนอกภายใน ให้ร้อนหนักหนา เมื่อยขบกายา ตาแดงเป็นสาย บ้างเย็นบ้างร้อน เปนบั้นเป็นท่อน ไปทั่วทั้งกาย ขึ้นมาให้เห็น เปนวงเปนสาย เปนริ้วยาวรี ลางบางไม่ขึ้น เปนวงฟกลื่น กายหมดดิบดี หมอมักว่าเปนสันนิบาติก็มี ให้ยาผิดที แก้กันไม่ทัน อย่าเพ่อกินยา ร้อนแรงแขงกล้า ส้มเหล้าน้ำมัน เอาโลหิตออก กอกเลือดนวดฟั้น ปล่อยปลิงมิทัน แก้กันเลยนา” [4] ด้วยประสบการณ์ของเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ที่เกิดมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ จึงได้รวบยอดสรุปถ่ายทอดมาเป็นความรู้ว่า ในยามที่ยังต้องถกเถียงกันว่าโรคระบาดที่ทำให้เกิดคนตายมากเป็นโรคประเภทใดกันแน่ ในยามที่ยังไม่แน่ใจหรือไม่รู้จึงให้ใช้รสยาแรกไปในทางรสขม เย็นอย่างยิ่ง หรือฝาดจืด ซึ่งเป็นรสยาที่ไม่มีธาตุไฟมาปน ดังความว่า “ถ้ายังไม่รู้ให้แก้กันดู แต่พรรณฝูงยา เย็นเปนอย่างยิ่ง ขมจริงโอชา ฝาดจืดพืชน์ยา ตามอาจารย์สอน”[4] แต่ถึงแม้จะมีหลักการและขั้นตอนต่างๆในการวางรสยาเพื่อรับมือกับโรคระบาด แต่เนื่องจากโรคฝีดาษและไข้ทรพิษนั้น อาจมีลักษณะจำเพาะที่มีการระบาดมาตั้งแต่สมัยอยุธยาจนกว่าจะได้หมดสิ้นจากประเทศไทยได้นั้นต้องใช้เวลาหลายร้อยปีจนมาถึงในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ปี พ.ศ. 2523 การเอาชนะโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ นอกจากการรับมือกับโรคระบาดในเรื่องตำรับยาต่างๆแล้ว ความรู้เรื่องการปลูกฝีตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่ง เพราะได้เป็นรากฐานที่ทำให้ประเทศไทยสามารถเอาชนะโรคฝีดาษได้ด้วย โดยในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้มีการตราพระราชบัญญัติจัดการปลูกฝีไข้ทรพิษ และพระราชบัญญัติระงับโรคระบาทว์ พ.ศ.​2456 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บังคับใช้กฎหมายควบคุมโรคแก่ประชาชน ต่อมาในปี 2504 กระทรวงสาธารณสุขเริ่มโครงการกำจัดไข้ทรพิษครั้งแรกในประเทศไทย โดยตั้งเป้า 3 ปี (พ.ศ.2504-2506) คือคนไทยอย่างน้อย 80% ต้องได้รับการปลูกฝี ภายหลังขยายเวลาเป็น 5 ปี (พ.ศ.2504-2508) ซึ่งเป็นช่วงเวลาระดมการปลูกฝีทั่วประเทศไทย โดยประเทศไทยได้พบผู้ป่วยโรคฝีดาษรายสุดท้ายในปี พ.ศ. 2505 เป็นแขกชื่อ ยาริดาเนา ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร เมื่อสิ้นสุดโครงการการระดมปลูกฝี ถึงปี พ.ศ. 2508 ก็เป็นผลทำให้ฝีดาษหรือไข้ทรพิษหายไปจากประเทศไทยติดต่อกันถึง 3 ปีติดต่อกันแล้ว จนกระทั่งวันที่ 8 พฤษภาคม 2523 องค์การอนามัยโลก ได้ประกาศรับรองว่าฝีดาษหรือไข้ทรพิษได้สูญพันธุ์ไปจากโลกแล้ว[5] นี่คือเหตุผลว่าผู้ที่เกิดก่อนปี 2523 หรืออายุมากกว่า 44 ปีขึ้นไปส่วนใหญ่น่าจะได้รับการปลูกฝีแล้ว(โดยดูได้จากแผลเป็นบนหัวไหล่) แต่ถึงกระนั้นก็ยังพบผู้ที่มีอายุมากกว่า 44 ปีติดโรคฝีดาษลิงได้ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีภูมิคุ้มกันในร่างกายบกพร่อง เช่นผู้ป่วยโรคเอดส์เป็นต้น อย่างไรก็ตามเนื่องจากฝีดาษที่ได้สูญพันธุ์ไปตั้งแต่ปี 2523 หรือเป็นเวลา 44 ปี ทำให้ภูมิปัญญาที่เคยรับมือในการรักษาโรคฝีดาษขาดความต่อเนื่อง โดยเฉพาะขั้นตอนการรับมือด้วยสมุนไพร ตำรับยาไทย และกรรมวิธีต่างๆในการรักษา ดังนั้นความรู้ที่ว่าคนไทยควรจะรับมือในการรักษาโรคฝีดาษลิงอย่างไร ส่วนใหญ่ก็จะอ้างอิงไปตามพระคัมภีร์ตักกะศิลาในการใช้ยา 3 ขั้นตอนด้วยยา 7 ขนาน หรือยาขาวตามตำรับยาของวัดศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) บ้าง แต่ก็ไม่ใช่กล่าวถึงโรคฝีดาษ หรือฝีดาษลิงเป็นการเฉพาะ ทำให้หลายคนสงสัยว่าในเมื่อโรคฝีดาษ เป็นโรคที่ประเทศไทยเคยมีประสบการณ์ในการเกิดโรคระบาดมาหลายร้อยปี ควรจะต้องมี “ตำรับยา“ สำหรับโรคฝีดาษเป็นการเฉพาะหรือไม่ เมื่อทบทวนข้อมูลตามตำราและคัมภีร์ทั้งหมดพบ ”การรักษาโรคฝีดาษ“ เป็นการเฉพาะจารึกเป็นตำรายาที่ปรากฏในแผ่นศิลาของวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร โดย ศิลาจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร เป็นมรดกที่แสดงถึงภูมิปัญญาของแพทย์แผนโบราณในสมัยรัชกาลที่ 2 และรัชกาลที่ 3 ที่จารึกยาขนานต่างๆ ลักษณะของแผ่นศิลาจารึกเป็นหินอ่อนสีเทา สี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้างด้านละ 33 เซนติเมตร จัดเรียงบรรทัดในมุมแหลม จำนวน 17 บรรทัด เหมือนกันทุกแผ่น ติดตามผนังด้านนอกของระเบียงพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ 42 แผ่น และผนังศาลารายหน้าพระอุโบสถวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร 8 แผ่น เชื่อว่าในอดีตมีแผ่นศิลาจารึก 92 แผ่น แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 50 แผ่น และนับว่าเป็นความโชคดีของคนไทย เพราะแผ่นศิลาที่กล่าวถึงการรักษาโรคฝีดาษ ยังไม่สูญหายและข้อความที่ปรากฏก็ยังไม่เลือนหายไปด้วย จึงนับว่าเป็นบุญของประเทศที่มีภูมิปัญญาและมีคุณค่ายิ่งในสถานการณ์ที่โรคฝีดาษลิงกลับมาเริ่มระบาดในบางประเทศ และเริ่มเข้ามาในประเทศไทย โดยแผ่นศิลาที่กล่าวถึงฝีดาษนั้น เป็นแผนที่ 18 ของศิลาจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร ปรากฏข้อความดังนี้ “๏ สิทธิการิยะ จะกล่าวฝีดาษเกิดในเดือน 11 เดือน 12 เดือน 1 ทั้ง 3 เดือนนี้ เกิดเพื่ออาโปธาตุ มักให้เย็นในอกแลมักตกมูกตกเลือด ให้เสียแม่แสลงพ่อแสลง นุ่งขาวห่มขาว แล้วทำบัตรไปส่งทิศอุดรแลอีสาร จึ่งจะดี๚ ถ้าจะแก้ให้เอาใบมะอึก ใบผักบุ้งร้วม ใบผักบุ้งขัน ใบก้างปลาทั้งสอง ใบพุงดา ใบผักขวง ใบหมาก ใบทองพันชั่ง เอาเสมอภาคตำเอาน้ำพ่น ดับฝี เพื่อเสมหะหาย ๚ ขนานหนึ่ง เอากะทิมะพร้าว น้ำคาวปลาไหล ไข่เป็ดลูกหนึ่ง มูลโคดำ แก่นประดู่ เอาเสมอภาคบด พ่นฝีเพื่อเสมหะที่ด้านอยู่นั้นขึ้นแลแปรฝีร้ายให้เป็นดี ๚ ขนานหนึ่ง เอาน้ำลูกตำลึง น้ำมันงา น้ำมันหัวกุ้ง น้ำรากถั่วพู เอาเสมอภาค พ่นฝีเพื่อเสมหะให้ยอดขึ้น หนองงามดีนัก๚ ขนานหนึ่ง เอาเห็ดมูลโค ว่านกีบแรด ว่านร่อนทอง สังกรณี ชะเอม ลูกประคำดีควาย หวายตะค้า เขากวางเผา กระดูกเสือเผา มะกล่ำเครือ ขันฑสกร มะขามเปียก เอาเสมอภาคบดทคำเป็นจุณ บดด้วยน้ำมะนาวทำแท่งไว้ละลายสุรา ดีงูเหลือม รำหัด กินแก้คอแหบแห้ง แก้คอเครือ หายดีนัก๚ ขนานหนึ่ง เอาใบหิ่งหาย ใบโหระพา ใบผักคราด ใบมะนาว พันงูแดง เอาเสมอภาค บดทำแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้พิษฝี เพื่อเสมหะให้คลั่งให้สลบไปก็ดี หายวิเศษแล๚[6] ในตำรับยาขนานต่างๆข้างต้นนั้น เป็นยาพ่นภายนอกเสียส่วนใหญ่ ตำรับยาเพื่อการรับประทานที่พอาจะหาได้โดยไม่ต้องอาศัยสัตว์วัตถุคือตำรับยาขนานสุดท้ายที่น่าจะนำไปวิจัยต่อที่ว่า ”ขนานหนึ่ง เอาใบหิ่งหาย ใบโหระพา ใบผักคราด ใบมะนาว พันงูแดง เอาเสมอภาค บดทำแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้พิษฝี เพื่อเสมหะให้คลั่งให้สลบไปก็ดี หายวิเศษแล๚“ [6] นอกจากนั้นจากจารึกวัดราชโอรสราชวรมหาวิหารยังปรากฏในแผ่นที่ 46 ทำให้เห็นว่ายังมีตำรับยาอีกขนานหนึ่งสำหรับโรคฝีดาษที่เป็นไข้หนักเข้าขั้นไข้สันนิบาตแล้วโดยใช้ ”ยาผายเลือด“ ความว่า “๏ สิทธิการิยะ ยาผายเลือดเอารากขี้กาแดง 1 เบญจาขี้เหล็ก ใบมะกา ใบมะขาม ใบส้มป่อย หญ้าไซ ลูกคัดเค้า ต้มให้งวดแล้วกรอง เอาน้ำขยำใส่ลงอีกเคี่ยวให้ข้น ปรุงยาดำ 1 สลึง 1 เฟื้อง ดีเกลือ 1 บาท กินประจุเลือดร้ายทั้งปวง แก้ไขสันนิบาตฝีดาษด้วย๚“[7] แต่สำหรับศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ก็ได้กล่าวถึงโรคฝีดาษที่มีรายละเอียดในบางอาการเพิ่มเติมอีก เช่น อาการฝีดาษขึ้นตา ปรากฏในศิลาจารึกว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวงแผ่นที่ 22 ความว่า “ยาชื่อ สังขรัศมี เอาชะมดสด พิมเสน สิ่งละส่วน ลิ้นทะเลแช่น้ำมะนาวไว้ยังรุ่งแล้วล้างเสีย จึงเอามาแช่น้ำท่าไว้แต่เช้าถึงเที่ยง แล้วเอาตากให้แห้ง 3 ส่วน รากช้าแป้น ดินถนำสุทธิ สังข์สุทธิ สิ่งละ 4 ส่วน ทำเป็นจุณบดทำแท่งไว้ ฝนป้ายจักษุแก้สรรพต้อให้ปวดเคืองต่างๆ แก้ฝีดาษขึ้นจักษุก็ได้หายวิเศษนักฯ”[8] อย่างไรก็ตามการบันทึกในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ยังให้เบาะแสเกี่ยวกับ “สมุนไพรเดี่ยว” ที่เป็นเบาะแสว่าอาจจะมีสรรพคุณในการลดฝีดาษได้ ได้แก่ ข่าลิง บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี ฯลฯ[8] ดังปรากฏตัวอย่างในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศและสมุนไพรแผ่นที่ 7 ที่กล่าวถึง “ต้นข่าลิง”แก้พิษฝีดาษ ความว่า “อันว่าคุณแห่งข่าลิงนั้น ต้นรู้แก้พิษฝีดาษ และรู้แก้ไข้เหนืออันบังเกิดเพื่อโลหิต รู้แก้ฝีกาฬ อันบังเกิดเพื่อฝีดาษ รู้แก้ไข้ตรีโทษ รู้กระทำให้เกิดกำลัง รู้กระทำเพลิงธาตุให้บริบูรณ์ รู้แก้กระหายน้ำ อันเป็นเพื่อโลหิตและลม รู้แก้สะอึก แก้สมุฏฐานกำเริบ ใบรู้ฆ่าพยาธิ์คือมะเร็ง ดอกรู้ฆ่าพยาธิ์ในอุทรและฟันในหูให้ตก ผลรู้แก้เสมหะอันเป็นพิษ รากรู้แก้โลหิตอันเป็นพิษไข้เหนือสันนิบาตฯ”[9] นอกจากนั้นยังปรากฏในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 ซึ่งกล่าวถึง “บอระเพ็ด” และ “ชิงช้าชาลี” ความว่า “อันว่าคุณแห่งบอระเพ็ดและชิงช้าชาลีนั้นคุณดุจกัน ต้นรู้แก้ฝีดาษ และรู้แก้ไข้เหนืออันบังเกิดโลหิต รู้แก้ฝีกาฬอันบังเกิดฝีดาษ รู้แก้ไข้ตรีโทษ รู้กระทำให้เกิดกำลัง รู้กระทำเพลิงธาตุให้บริบูรณ์ รู้แก้กระหายน้ำ อันเป็นเพื่อโลหิตและลม รู้แก้สะอึก แก้สมุฏฐานกำเริบ ใบรู้ฆ่าพยาธิ์คือมะเร็ง ดอกรู้ฆ่าพยาธิ์ในอุทรและในฟันในหูให้ตก ผลรู้แก้เสมหะอันเป็นพิษ รากรู้แก้โลหิตอันเป็นพิษเพื่อไข้สันนิบาตฯ”[10] นอกจากนั้นสมุนไพรที่มีการวิจัยที่ออกฤทธิ์ต้านไวรัสหลายชนิดในยุคปัจจุบัน ก็ควรจะนำมาสู่การวิจัยกับฝีดาษลิงต่อไป เช่น ขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร ใบสะเดา กัญชา กัญชง ฝีหมอบ เสลดพังพอนตัวเมีย ฯลฯ ดังนั้นการกลับมาของโรคฝีดาษลิง จึงควรให้ความสำคัญกับภูมิปัญญาในการรักษาที่มีมาแต่ในอดีตรวมถึงความรู้จากการวิจัยในสมุนไพรต่างๆที่มีมากขึ้น ซึ่งควรจะนำมาวิจัยกับไวรัสฝีดาษลิงเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อเตรียมประยุกต์ให้เหมาะสมใช้ในสถานการณ์ปัจจุบันและต่อไปในกาลข้างหน้าด้วยความไม่ประมาท ด้วยความปรารถนาดี ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 5 กันยายน 2567 https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1045825823577784/? อ้างอิง [1] พิชชานันท์ เธียรทองอินทร์ และ รัชฎาพร พิสัยพันธุ์, การวิเคราะห์องค์ความรู้ไข้ตามคัมภีร์ตักศิลา: คัมภีร์ว่าด้วยโรคระบาด, วารสารหมอยาไทยวิจัย, ปีที่ 9 ฉบับที่ 1 (มกราคม - มิถุนายน 2566), หน้า 131-152 https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ttm/article/view/258845/180094 [2] โรงเรียนแพทย์แผนโบราณ วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์), ตำรายา ศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) พระนคร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จารึกไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ ฉบับสมบูรณ์ ฉบับ พ.ศ.​๒๕๑๖ หน้า ๖๒ - ๖๔ [3] สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ, หนังสือชุดวรรณกรรมหายาก แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ :ภูมิปัญญาการแพทย์และมรดกทางวรรณกรรมของชาติ, องค์การการค้าของ สกสค. จัดพิมพ์จำหน่าย พิมพ์ครั้งที่ 4, พ.ศ. 2554 จำนวน 3,000 เล่ม ISBN 978-947-01-9742-3 หน้า 694 [4] เรื่องเดียวกัน, หน้า 37 [5] เว็บไซต์กองนวัตกรรมและวิจัย กรมควบคุมโรค, การปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ จุดเริ่มงานควบคุมโรคติดต่อในประเทศไทย https://ddc.moph.go.th/uploads/ckeditor2//files/การปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ.pdf [6] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 18 ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2557( อัพเดทเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2567) https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/image_detail/14798 [7] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 46 (ยาผายเลือด) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อ โพสต์เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558 https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/image_detail/16335 [8] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(ว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวง แผ่นที่ 22 ยาแก้จักษุโรคคือต้อ(5), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2560 https://db.sac.or.th/inscriptions/uploads/file/22-chaksurok-to5-tr2.pdf [9] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 7 ท้าวยายม่อม ข่าใหญ่ ข่าลิง กระทือ ไพล กระชาย หอม และกระเทียม) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 https://db.sac.or.th/inscriptions/uploads/file/7-thaoyaimom-khayai-khaling-tr1.pdf [10] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 แตงหนู ชิงชี่ บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี บอระเพ็ดพุงช้าง ผักปอดตัวเมีย ผักปอดตัวผู้ และพลูแก), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567 https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/detail/17723
    Like
    Love
    Yay
    56
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 4199 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยาฆ่าพยาธิ ฤทธิ์ ต้านไวรัส และ ร่วมต้านมะเร็ง และร่วมรักษาพาร์กินสัน

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต

    ยาที่ได้รับการรับรองในเรื่องความปลอดภัยและหมดสิทธิบัตร ราคาถูกเข้าถึงได้ทั่ว โดยที่ ปรากฏว่ามีสรรพคุณนอกเหนือจากที่เคยรู้กันและนำมาใช้ในบริบทที่ต่างออกไป เป็นสิ่งที่ควรให้ความสนใจ ในการเป็น repurpose drug

    และอีกทั้งยาพื้นบ้านสมุนไพรไทยและยาแผนตะวันออกรวมทั้งวิธีควบการรักษาอื่นๆควรต้องเปิดใจและ ศึกษาอย่างจริงจังและในที่สุดสามารถร่วมใช้ด้วยกันกับยาแผนปัจจุบันตะวันตก

    ตัวอย่างเช่นยาฆ่าพยาธิ ยา ไอเวอร์เมคตินตัวนี้ Satoshi ōmura และ William C. Campbell ได้รางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยาและอายุรกรรม ในปี 2015 ในการคันพบ ว่าเป็นยาที่มีประสิทธิภาพมากในการรักษา โรคพยาธิต่างๆและช่วยชีวิตคนในทวีปแอฟริกาได้มากมาย ในช่วงระยะเวลาต่อมามีการศึกษา ฤทธิ์และกลไกของยาตัวนี้ จนกระทั่งได้พบว่ายาตัวนี้มีสรรพคุณในการยับยั้งการติดเชื้อรวมกระทั่งถึงการรักษาการติดเชื้อไวรัสโดยเฉพาะที่เป็น กลุ่ม RNA อาทิเช่นไวรัสโควิด จนกระทั่งมีการนำมาใช้ใน หลายทวีป ในประเทศอินเดีย แอฟริกา แม้กระทั่ง ในญี่ปุ่น อังกฤษและสหรัฐอเมริกา

    แต่อย่างไรก็ตามได้ถูกต่อต้านอย่างรุนแรงและมีการเซ็นเซอร์รวมทั้งมีการเพิกถอนใบประกอบอาชีพของแพทย์ และองค์กรกลางของสหรัฐ FDA ได้กล่าวดูถูกถากถาง แต่ในที่สุดแพ้คดีต่อศาลสูงสุดของสหรัฐ ให้ลบการประนาม ข้อความในสื่อทั้งหมด ที่ให้ร้ายยาฆ่าพยาธิดังกล่าว และแพทย์ชนะคดี

    เย็นวันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม 2024 คดีในศาลที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยศาลได้ตัดสินให้ FDA ของสหรัฐอเมริกาซึ่งนำโดย Robert Califf ซึ่งเป็นแพทย์โรคหัวใจ ถอดถอนคำกล่าวอ้างที่เป็นเท็จและทำให้เกิดความเข้าใจผิดทั้งหมดเกี่ยวกับยา ivermectin ยานี้เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ตามมาตรฐานชุมชนในการดูแลรักษาโรคโควิด-19 โดยมีประวัติความปลอดภัยที่ดีเยี่ยมและหลักฐานคุณประโยชน์ในการศึกษาไม่น้อยกว่า 101 รายการ

    ในช่วงปี 2021 สิ่งที่เรียกว่า"สงครามกับยาไอเวอร์เมกติน" FDA ของสหรัฐอเมริกาได้โพสต์ทวีตอันเป็นเท็จและทำให้เข้าใจผิด และการส่งข้อความสาธารณะเพื่อห้ามปรามแพทย์ เภสัชกร และผู้ป่วยจากการใช้ยา และ ส่งผลให้แพทย์ที่สั่งใช้ถูกสั่งให้ยุติ การทำงาน ถอดถอนใบอนุญาติ และนำมาสู่การฟ้องร้องซึ่ง FDA แพ้ในที่สุด

    ช่วงเวลาก่อนโควิด ระยะที่มีการระบาด และหลังจากที่การระบาดสงบลงมีความสนใจในกลไกของยาฆ่าพยาธิตัวนี้ที่สามารถออกฤทธิ์ต่อมะเร็งหลายชนิดได้ ทั้งในด้านการระงับการเจริญเติบโต การแพร่กระจาย และยับยั้งการสร้างเส้นเลือดที่มาเลี้ยงก้อนมะเร็งต่างๆ ทั้งนี้ยังรวมถึงผ่อนเบา สถานการณ์ดื้อยาของมะเร็งชนิดต่างๆต่อการรักษาและยาเคมีบำบัด และมีการใช้ผสมควบรวมกันทั้งนี้เพื่อควบคุมมะเร็งได้ดีขึ้น

    กลไกสำคัญที่มีการศึกษาไปแล้วนั้น คือความสามารถที่จะทำให้มะเร็งตายโดยกระบวนการ ที่เรียกว่า programmed cell death autophagy และ pyroptosis โดยผ่านเส้นทางของ PAK1 kinase และอื่นๆ

    จุดประสงค์ของการศึกษายานี้กับมะเร็งเพื่อช่วยให้เป็นยาประกอบกับยาเคมีบำบัดเพื่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

    ยกตัวอย่างบทความบางส่วนที่ศึกษายาตัวนี้กับมะเร็ง ชนิดต่างๆเช่น
    มะเร็งเต้านมโดยเฉพาะในกลุ่มที่เรียกว่า triple negative โดยทีไม่มี estrogen, progesterone receptor และ human epidermal growth factor receptors 2 (HER2) และเป็นมะเร็งที่เติบโตและลุกลามเร็วที่สุด โดยที่ไอเวอร์เมคตินทำหน้าที่เป็นตัวควบคุม ในระดับเหนือพันธุกรรม (epigenetic regulator) และยังทำให้มะเร็งชนิดนี้กลับมาตอบสนองกับยาปกติ tamoxifen
    การศึกษาหลายรายงานยังพบว่าไอเวอร์เมคติน ช่วยทำให้เซลล์มะเร็งตายได้ดีขึ้นโดยการปรับสภาวะแวดล้อมของเซลล์มะเร็ง(tumor microenvironment )จากการปล่อย high mobility group box-1 protein (HMGB1) ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางระบบเซลล์ภูมิคุ้มกันที่ทำให้เกิดการอักเสบและการตายของเซลล์มะเร็ง

    ในส่วนมะเร็งกระเพาะอาหารพบว่าไอเวอเมคติน สามารถ ยับยั้งการ เติบโตของเซลล์ผ่าน Yes-associated protein 1 (YAP1) และกระบวนการนี้ยังใช้อธิบายผลต่อมะเร็งตับ มะเร็งท่อน้ำดี

    และยายังช่วยมะเร็งที่ดื้อ gemcitabine ซึ่งเป็นยาเคมีบำบัดสำหรับรักษา มะเร็งลำไส้ใหญ่ทำให้เกิดเซลล์ตายในกระบวนการapoptosis จากการขัดขวาง Wnt/beta catenin pathway

    นอกจากนั้นยังมีผลช่วยในกรณีของมะเร็งของไต (renal cell carcinoma) โดยไม่กระทบต่อเซลล์ปกติทั้งนี้โดยการขัดขวางหน้าที่ของmitochondria

    ยายังมีส่วนช่วยมะเร็งต่อมลูกหมากโดยที่เพิ่มการออกฤทธิ์ของ ยาต้าน ฮอร์โมนแอนโดเจน enzalutamide และปรับเซลล์มะเร็งที่ดื้อ ยาdocetaxel ให้กลับมาตอบสนองใหม่

    มะเร็งของเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมีย ยาช่วยฆ่ามะเร็ง ในขนาดยาที่ไม่สูง และไม่กระทบเซลล์ปกติ ทั้งนี้โดยการเหนียวนำให้เกิดอนุมูลอิสระ และมีผลส่งเสริมการออกฤทธิ์ของยา cytarabine และ daunorubicin
    นอกจากนั้นยังมีผลกับมะเร็งชนิดไม่เฉียบพลัน chronic myeloid leukemia และช่วยการทำงานของยา dasatinib ให้ดีขึ้น

    มะเร็งปากมดลูกและมะเร็งรังไข่ ยามีส่วนช่วยในการทำให้ยาเคมีบำบัดออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นเช่นเดียวกัน
    เนื้องอกสมอง ยามีส่วนช่วยรักษา glioblastoma ผ่านกลไกที่ทำให้เซลล์ตายและยับยั้งการสร้างเส้นเลือดมาเลี้ยงก้อนเนื้องอกและการกระจายของเซลล์มะเร็ง
    อย่างไรก็ตามยาไอเวเมคติน ไม่สามารถผ่านผนังกั้นหลอดเลือดกับสมองได้ดี ดังนั้น อาจเป็นข้อจำกัดในการใช้ยานี้กับเนื้องอกในสมองยกเว้นแต่ว่าต้องสามารถเปิดให้มีรูหรือช่องว่างของผนังกั้นนี้ได้อย่างพอเพียงโดยที่ไม่เกิดขึ้นอย่างถาวร

    มะเร็งในช่วงโพรงจมูกทางด้านหลัง มะเร็งปอด และ มะเร็งร้ายแรงของผิวหนัง melanoma ยาดังกล่าวนี้สามารถช่วยการรักษาที่เป็นมาตรฐานให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

    ลิงค์ที่แนบแสดงถึงการรายงานประสิทธิภาพและกลไกของยา ต่อเนื้องอกมะเร็งแบบต่างๆ เช่น
    วารสาร Nature 2021https://www.nature.com/articles/s41523-021-00229-5
    วารสารNature 2022https://www.nature.com/articles/s41419-022-05182-0
    และวารสารอื่นๆhttps://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S1043661820315152https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7505114/https://www.frontiersin.org/journals/pharmacology/articles/10.3389/fphar.2021.717529/fullhttps://journals.sagepub.com/doi/full/10.1177/09603271221143693https://www.mdpi.com/2079-9721/11/1/49https://www.frontiersin.org/journals/pharmacology/articles/10.3389/fphar.2022.934746/fullhttps://ar.iiarjournals.org/content/39/9/4837
    การศึกษาในสัตว์ทดลองที่ปรับแต่งเป็นมะเร็งที่ไม่มีตัวรับใดๆทั้งสิ้น และเมื่อได้รับ Ivermectin ทำให้ตัวมะเร็งนั้นแสดงตัวให้เห็นและยาฆ่ามะเร็ง immune check point inhibitor แสดงฤทธิ์ได้เต็มที่
    Ivermectin converts cold tumors hot and synergizes with immune checkpoint blockade for treatment of breast cancer
    https://www.nature.com/articles/s41523-021-00229-5

    https://www.frontiersin.org/journals/molecular-neuroscience/articles/10.3389/fnmol.2023.1138798/full

    ในอีกบริบทหนึ่งปรากฏว่ายังสามารถช่วยให้การรักษา พาร์กินสัน มีประสิทธิภาพได้ดียิ่งขึ้นในห้อง ปฏิบัติการ อีกดังรายงานในปี 2024 และเนื่องจากความปลอดภัยแม้ว่าจะใช้ในขณะสูงเป็นเวลาหลายเดือนยังมีทางเป็นไปได้ในการรักษาเยียวยาในมนุษย์

    https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S0166432820305039?fr=RR-2&ref=pdf_download&rr=

    IVM is increasing striatal dopamine release through enhanced cholinergic activity on dopamine terminals.

    https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC11025261/

    เหล่านี้เป็นตัวอย่างของยาที่มีสรรพคุณมากหลาย นอกเหนือจากที่ค้นพบตั้งแต่ต้น กลายเป็น ที่เราเรียกว่า repurpose drug

    และน่าจะสะท้อนให้เห็นถึงสภาวการณ์ของสมุนไพรไทย และรวม กันชงและกัญชา ที่ครอบครัวของผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยแล้วว่ารักษาไม่ได้และให้ประคับประคองอย่างเดียวได้นำมาใช้เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดทรมานนอนไม่ได้กินไม่ไหว แต่สามารถมีชีวิตอย่างเกือบปกติและใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวโดยทุกคนค่อยๆยอมรับ และในที่สุด แม้ผู้ป่วยจะจากไป แต่ไม่ได้ทนทุกข์ทรมาน

    ทั้งนี้ผู้ป่วยเหล่านี้ต่างได้รับยาแก้ปวดมอร์ฟีนทั้งชนิดกิน ฉีด แต่ไม่สามารถบรรเทาอาการได้ ในขณะเดียวกันมีผู้ป่วยมะเร็งเป็นจำนวนมากที่ได้รับการวินิจฉัยยืนยันชนิดของมะเร็งรวมกระทั่งถึงระยะลุกลามขั้นสุดท้าย
    เมื่อได้ยากันชงกัญชา โดยการให้ที่ถูกต้องและเหมาะสม กลับมีชีวิตยืนยาวได้มากกว่าปกติตามที่คาดคะเนจากการรักษาแบบมาตรฐาน

    ควรหรือไม่ที่จะเริ่มพิจารณาอย่างจริงจังที่จะนำสมุนไพรต่างๆ รวมทั้งการแพทย์แผนตะวันออกเช่นแพทย์แผนจีน เข้ามาศึกษาและยกระดับความเข้าใจรวมทั้งสามารถระบุปฏิกิริยา รวมทั้งข้อห้ามใช้เมื่อใช้ร่วมกับยาแผนปัจจุบัน ตัวไหนบ้างเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วยและเป็นการประหยัดและทำให้ประชาชนคนป่วยเข้าถึงได้อย่างเต็มที่
    ยาฆ่าพยาธิ ฤทธิ์ ต้านไวรัส และ ร่วมต้านมะเร็ง และร่วมรักษาพาร์กินสัน ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ยาที่ได้รับการรับรองในเรื่องความปลอดภัยและหมดสิทธิบัตร ราคาถูกเข้าถึงได้ทั่ว โดยที่ ปรากฏว่ามีสรรพคุณนอกเหนือจากที่เคยรู้กันและนำมาใช้ในบริบทที่ต่างออกไป เป็นสิ่งที่ควรให้ความสนใจ ในการเป็น repurpose drug และอีกทั้งยาพื้นบ้านสมุนไพรไทยและยาแผนตะวันออกรวมทั้งวิธีควบการรักษาอื่นๆควรต้องเปิดใจและ ศึกษาอย่างจริงจังและในที่สุดสามารถร่วมใช้ด้วยกันกับยาแผนปัจจุบันตะวันตก ตัวอย่างเช่นยาฆ่าพยาธิ ยา ไอเวอร์เมคตินตัวนี้ Satoshi ōmura และ William C. Campbell ได้รางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยาและอายุรกรรม ในปี 2015 ในการคันพบ ว่าเป็นยาที่มีประสิทธิภาพมากในการรักษา โรคพยาธิต่างๆและช่วยชีวิตคนในทวีปแอฟริกาได้มากมาย ในช่วงระยะเวลาต่อมามีการศึกษา ฤทธิ์และกลไกของยาตัวนี้ จนกระทั่งได้พบว่ายาตัวนี้มีสรรพคุณในการยับยั้งการติดเชื้อรวมกระทั่งถึงการรักษาการติดเชื้อไวรัสโดยเฉพาะที่เป็น กลุ่ม RNA อาทิเช่นไวรัสโควิด จนกระทั่งมีการนำมาใช้ใน หลายทวีป ในประเทศอินเดีย แอฟริกา แม้กระทั่ง ในญี่ปุ่น อังกฤษและสหรัฐอเมริกา แต่อย่างไรก็ตามได้ถูกต่อต้านอย่างรุนแรงและมีการเซ็นเซอร์รวมทั้งมีการเพิกถอนใบประกอบอาชีพของแพทย์ และองค์กรกลางของสหรัฐ FDA ได้กล่าวดูถูกถากถาง แต่ในที่สุดแพ้คดีต่อศาลสูงสุดของสหรัฐ ให้ลบการประนาม ข้อความในสื่อทั้งหมด ที่ให้ร้ายยาฆ่าพยาธิดังกล่าว และแพทย์ชนะคดี เย็นวันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม 2024 คดีในศาลที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยศาลได้ตัดสินให้ FDA ของสหรัฐอเมริกาซึ่งนำโดย Robert Califf ซึ่งเป็นแพทย์โรคหัวใจ ถอดถอนคำกล่าวอ้างที่เป็นเท็จและทำให้เกิดความเข้าใจผิดทั้งหมดเกี่ยวกับยา ivermectin ยานี้เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ตามมาตรฐานชุมชนในการดูแลรักษาโรคโควิด-19 โดยมีประวัติความปลอดภัยที่ดีเยี่ยมและหลักฐานคุณประโยชน์ในการศึกษาไม่น้อยกว่า 101 รายการ ในช่วงปี 2021 สิ่งที่เรียกว่า"สงครามกับยาไอเวอร์เมกติน" FDA ของสหรัฐอเมริกาได้โพสต์ทวีตอันเป็นเท็จและทำให้เข้าใจผิด และการส่งข้อความสาธารณะเพื่อห้ามปรามแพทย์ เภสัชกร และผู้ป่วยจากการใช้ยา และ ส่งผลให้แพทย์ที่สั่งใช้ถูกสั่งให้ยุติ การทำงาน ถอดถอนใบอนุญาติ และนำมาสู่การฟ้องร้องซึ่ง FDA แพ้ในที่สุด ช่วงเวลาก่อนโควิด ระยะที่มีการระบาด และหลังจากที่การระบาดสงบลงมีความสนใจในกลไกของยาฆ่าพยาธิตัวนี้ที่สามารถออกฤทธิ์ต่อมะเร็งหลายชนิดได้ ทั้งในด้านการระงับการเจริญเติบโต การแพร่กระจาย และยับยั้งการสร้างเส้นเลือดที่มาเลี้ยงก้อนมะเร็งต่างๆ ทั้งนี้ยังรวมถึงผ่อนเบา สถานการณ์ดื้อยาของมะเร็งชนิดต่างๆต่อการรักษาและยาเคมีบำบัด และมีการใช้ผสมควบรวมกันทั้งนี้เพื่อควบคุมมะเร็งได้ดีขึ้น กลไกสำคัญที่มีการศึกษาไปแล้วนั้น คือความสามารถที่จะทำให้มะเร็งตายโดยกระบวนการ ที่เรียกว่า programmed cell death autophagy และ pyroptosis โดยผ่านเส้นทางของ PAK1 kinase และอื่นๆ จุดประสงค์ของการศึกษายานี้กับมะเร็งเพื่อช่วยให้เป็นยาประกอบกับยาเคมีบำบัดเพื่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างบทความบางส่วนที่ศึกษายาตัวนี้กับมะเร็ง ชนิดต่างๆเช่น มะเร็งเต้านมโดยเฉพาะในกลุ่มที่เรียกว่า triple negative โดยทีไม่มี estrogen, progesterone receptor และ human epidermal growth factor receptors 2 (HER2) และเป็นมะเร็งที่เติบโตและลุกลามเร็วที่สุด โดยที่ไอเวอร์เมคตินทำหน้าที่เป็นตัวควบคุม ในระดับเหนือพันธุกรรม (epigenetic regulator) และยังทำให้มะเร็งชนิดนี้กลับมาตอบสนองกับยาปกติ tamoxifen การศึกษาหลายรายงานยังพบว่าไอเวอร์เมคติน ช่วยทำให้เซลล์มะเร็งตายได้ดีขึ้นโดยการปรับสภาวะแวดล้อมของเซลล์มะเร็ง(tumor microenvironment )จากการปล่อย high mobility group box-1 protein (HMGB1) ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางระบบเซลล์ภูมิคุ้มกันที่ทำให้เกิดการอักเสบและการตายของเซลล์มะเร็ง ในส่วนมะเร็งกระเพาะอาหารพบว่าไอเวอเมคติน สามารถ ยับยั้งการ เติบโตของเซลล์ผ่าน Yes-associated protein 1 (YAP1) และกระบวนการนี้ยังใช้อธิบายผลต่อมะเร็งตับ มะเร็งท่อน้ำดี และยายังช่วยมะเร็งที่ดื้อ gemcitabine ซึ่งเป็นยาเคมีบำบัดสำหรับรักษา มะเร็งลำไส้ใหญ่ทำให้เกิดเซลล์ตายในกระบวนการapoptosis จากการขัดขวาง Wnt/beta catenin pathway นอกจากนั้นยังมีผลช่วยในกรณีของมะเร็งของไต (renal cell carcinoma) โดยไม่กระทบต่อเซลล์ปกติทั้งนี้โดยการขัดขวางหน้าที่ของmitochondria ยายังมีส่วนช่วยมะเร็งต่อมลูกหมากโดยที่เพิ่มการออกฤทธิ์ของ ยาต้าน ฮอร์โมนแอนโดเจน enzalutamide และปรับเซลล์มะเร็งที่ดื้อ ยาdocetaxel ให้กลับมาตอบสนองใหม่ มะเร็งของเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมีย ยาช่วยฆ่ามะเร็ง ในขนาดยาที่ไม่สูง และไม่กระทบเซลล์ปกติ ทั้งนี้โดยการเหนียวนำให้เกิดอนุมูลอิสระ และมีผลส่งเสริมการออกฤทธิ์ของยา cytarabine และ daunorubicin นอกจากนั้นยังมีผลกับมะเร็งชนิดไม่เฉียบพลัน chronic myeloid leukemia และช่วยการทำงานของยา dasatinib ให้ดีขึ้น มะเร็งปากมดลูกและมะเร็งรังไข่ ยามีส่วนช่วยในการทำให้ยาเคมีบำบัดออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นเช่นเดียวกัน เนื้องอกสมอง ยามีส่วนช่วยรักษา glioblastoma ผ่านกลไกที่ทำให้เซลล์ตายและยับยั้งการสร้างเส้นเลือดมาเลี้ยงก้อนเนื้องอกและการกระจายของเซลล์มะเร็ง อย่างไรก็ตามยาไอเวเมคติน ไม่สามารถผ่านผนังกั้นหลอดเลือดกับสมองได้ดี ดังนั้น อาจเป็นข้อจำกัดในการใช้ยานี้กับเนื้องอกในสมองยกเว้นแต่ว่าต้องสามารถเปิดให้มีรูหรือช่องว่างของผนังกั้นนี้ได้อย่างพอเพียงโดยที่ไม่เกิดขึ้นอย่างถาวร มะเร็งในช่วงโพรงจมูกทางด้านหลัง มะเร็งปอด และ มะเร็งร้ายแรงของผิวหนัง melanoma ยาดังกล่าวนี้สามารถช่วยการรักษาที่เป็นมาตรฐานให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ลิงค์ที่แนบแสดงถึงการรายงานประสิทธิภาพและกลไกของยา ต่อเนื้องอกมะเร็งแบบต่างๆ เช่น วารสาร Nature 2021https://www.nature.com/articles/s41523-021-00229-5 วารสารNature 2022https://www.nature.com/articles/s41419-022-05182-0 และวารสารอื่นๆhttps://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S1043661820315152https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7505114/https://www.frontiersin.org/journals/pharmacology/articles/10.3389/fphar.2021.717529/fullhttps://journals.sagepub.com/doi/full/10.1177/09603271221143693https://www.mdpi.com/2079-9721/11/1/49https://www.frontiersin.org/journals/pharmacology/articles/10.3389/fphar.2022.934746/fullhttps://ar.iiarjournals.org/content/39/9/4837 การศึกษาในสัตว์ทดลองที่ปรับแต่งเป็นมะเร็งที่ไม่มีตัวรับใดๆทั้งสิ้น และเมื่อได้รับ Ivermectin ทำให้ตัวมะเร็งนั้นแสดงตัวให้เห็นและยาฆ่ามะเร็ง immune check point inhibitor แสดงฤทธิ์ได้เต็มที่ Ivermectin converts cold tumors hot and synergizes with immune checkpoint blockade for treatment of breast cancer https://www.nature.com/articles/s41523-021-00229-5 https://www.frontiersin.org/journals/molecular-neuroscience/articles/10.3389/fnmol.2023.1138798/full ในอีกบริบทหนึ่งปรากฏว่ายังสามารถช่วยให้การรักษา พาร์กินสัน มีประสิทธิภาพได้ดียิ่งขึ้นในห้อง ปฏิบัติการ อีกดังรายงานในปี 2024 และเนื่องจากความปลอดภัยแม้ว่าจะใช้ในขณะสูงเป็นเวลาหลายเดือนยังมีทางเป็นไปได้ในการรักษาเยียวยาในมนุษย์ https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S0166432820305039?fr=RR-2&ref=pdf_download&rr= IVM is increasing striatal dopamine release through enhanced cholinergic activity on dopamine terminals. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC11025261/ เหล่านี้เป็นตัวอย่างของยาที่มีสรรพคุณมากหลาย นอกเหนือจากที่ค้นพบตั้งแต่ต้น กลายเป็น ที่เราเรียกว่า repurpose drug และน่าจะสะท้อนให้เห็นถึงสภาวการณ์ของสมุนไพรไทย และรวม กันชงและกัญชา ที่ครอบครัวของผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยแล้วว่ารักษาไม่ได้และให้ประคับประคองอย่างเดียวได้นำมาใช้เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดทรมานนอนไม่ได้กินไม่ไหว แต่สามารถมีชีวิตอย่างเกือบปกติและใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวโดยทุกคนค่อยๆยอมรับ และในที่สุด แม้ผู้ป่วยจะจากไป แต่ไม่ได้ทนทุกข์ทรมาน ทั้งนี้ผู้ป่วยเหล่านี้ต่างได้รับยาแก้ปวดมอร์ฟีนทั้งชนิดกิน ฉีด แต่ไม่สามารถบรรเทาอาการได้ ในขณะเดียวกันมีผู้ป่วยมะเร็งเป็นจำนวนมากที่ได้รับการวินิจฉัยยืนยันชนิดของมะเร็งรวมกระทั่งถึงระยะลุกลามขั้นสุดท้าย เมื่อได้ยากันชงกัญชา โดยการให้ที่ถูกต้องและเหมาะสม กลับมีชีวิตยืนยาวได้มากกว่าปกติตามที่คาดคะเนจากการรักษาแบบมาตรฐาน ควรหรือไม่ที่จะเริ่มพิจารณาอย่างจริงจังที่จะนำสมุนไพรต่างๆ รวมทั้งการแพทย์แผนตะวันออกเช่นแพทย์แผนจีน เข้ามาศึกษาและยกระดับความเข้าใจรวมทั้งสามารถระบุปฏิกิริยา รวมทั้งข้อห้ามใช้เมื่อใช้ร่วมกับยาแผนปัจจุบัน ตัวไหนบ้างเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วยและเป็นการประหยัดและทำให้ประชาชนคนป่วยเข้าถึงได้อย่างเต็มที่
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1950 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts