• แกะรอยนักล่า ตอนที่ 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยนักล่า” (2)
    ขณะที่เขียนนิทานนี้ การขับไล่รัฐบาลนังมารร้าย ของมวลมหาประชาชนยังไม่สำเร็จ มะม่วงแม้จะขั้วเน่า จุดดำขึ้นเต็มลูก ก็ยังไม่ร่วงหล่น ลุงกำนันใช้ลมปากเท่าใดก็ไม่เป็นผล และแม้จะมีนักวิชาการดาหน้ากันมาบอกว่า การเป็นรัฐบาลรักษาการของรัฐบาลนังมารร้ายได้สิ้นสุดไปแล้ว ก็เหมือนพูดกับคนหูหนวก ไม่รู้เรื่อง แถมนังมารร้ายออกมาพูดจาเลอะเทอะ ทำน้ำตาคลอ ดูอาการเหมือนคนใกล้จะวิปลาส และแม้จะมีศาลจะออกมาชี้มูลความผิด หรือแม้ว่าจะมีคุณหมอคนใดจริงใจและใจถึงออกมาบอกว่า นังมารร้ายวิปลาสไปแล้ว หล่อนก็ยังคงไม่รู้ร้อนรู้หนาวเกาะเก้าอี้ห้อยต่องแต่งต่อไป จำเป็นจะต้องรอให้มีปัจจัยอื่น ที่จะมาปลิดมะม่วงให้หล่น
    ปัจจัยภายในคือคุณพี่ทหาร ซึ่งขณะนี้ได้แสดงท่าทีว่าจวนจะหาจุดยืนถูก “ที่” แล้ว รออีกสักหน่อย ตอนนี้ยังยุ่งกับการแต่งบังเกอร์ให้หวานแหววอยู่ ส่วนปัจจัยภายนอกคือนักล่า ซึ่งได้ปล่อยข่าวผ่านสำนักหมอ ดู CSIS (Centre for Strategic and International Studies) เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2014 ไปแล้วว่า มันควรต้องมีการประนีประนอมด้วยการเจรจา และตกลงตั้งนายกรัฐมนตรีคนกลาง เลือกเอาจากที่ผู้คนยอมรับนับถือแบบนายอานันท์ ปันยารชุน
    แหม ! ข่าวแบบนี้เล่นเอาร้านตัดเสื้องานเข้า เขาว่ามีคนแอบไปตัดชุดขาวหลายคน (แอบลุ้นกันทั้งนั้น) บางคนก็เอาชุดเดิมไปแก้ เพราะว่าคอมันคับไป แก่แล้ว น้ำหนักมันขึ้น (ฮา)
    แม้เราจะยังไม่แน่ใจว่า นักล่าจะเล่นไพ่ใบไหน มันกะล่อนจะตาย จะเชื่อกันง่าย ๆ ก็ ฉ.ห. กันหมด แต่เมื่อลองไปแกะรอย ตามดูว่านักล่าเดินไปทางไหน มันก็พอจะบอกอะไรเพิ่มเติมได้บ้าง
    อเมริกามีหน่วยงานหนึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบ ทำรายงานเกี่ยวกับความเป็นไปของแต่ละประเทศแต่ละเหตุการณ์ในโลก เพื่อส่งให้สภาสูง เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอเมริกา เหมือนคุณครูประจำชั้นเขียนสมุดพก ประจำตัวนักเรียนแต่ละคน รายงานผู้ปกครอง สมัยเราเรียนหนังสือนั่นละ หน่วยงานที่ออกสมุดพกพวกนี้เรียกว่า Congressional Research Services (CRS) คุณครูจะออกสมุดพกของแต่ละประเทศ เป็นรายปีในกรณีปกติ หรือมากกว่านั้น ขึ้นกับเหตุการณ์และความสำคัญ เช่นถ้าอเมริกากำลังวิ่งเล่นโยนระเบิดอยู่แถวอิรัค สมุดพกของอิรัคอาจออกเป็นรายชั่วโมง (ฮา) หรือของยูเครนตอนนี้คงออกเป็นรายครึ่งวัน เพราะลงทุนส่งสมุนไปปลุกเศกการปฏิวัติประชาชนซะจนประเทศเขากำลังจะแตกเป็นเสี่ยง
    สำหรับประเทศไทย ที่เปิดเผยคือสมุดพกออกเป็นราย ปี แต่ที่ปกปิด ตามรายงานของคุณนายฑูต อาจออกเป็นรายวัน ดูสมัยเสื้อแดงเผาเมือง ฑูตสมัยนั้นรายงานทุกวัน 3 เวลาหลังอาหาร (อ่านจาก Wikileaks ที่ได้อภินันทนาการแจกกันทั่วโลกครับ) สมุดพกที่ว่านี้ปรกติของนักเรียนไทยแต่ละปี จะออกช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน แต่สำหรับปีค.ศ. 2013 ที่ผ่านมา ผ่านไปครึ่งปีคุณครูคงยังไม่สามารถสรุป ความประพฤติของนักเรียนไทยได้ เพราะเริ่มมีอาการปวดหัว ตัวร้อน มีการโดดเรียน หรือเริ่มมั่วสุมนอกห้องเรียน เพราะหงุดหงิดจากพวกแก๊งขี้โกงเสนอร่างพรบ.นิรโทษกรรมเข้าไปพิจารณาในสภา คุณครู CRS เลยถ่วงเวลามาออกเอาเดือนสุดท้ายของปี คือออกรายงานเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 2013
    รายงานคราวนี้ยาวกว่าปรกติ โดยเฉพาะเรื่องสถานการณ์ด้านการเมือง คุณครูรายงานถี่ยิบ ใส่ทุกเรื่องทุกฝ่าย
    รายงานส่วนที่สำคัญบอกว่า ไทยแลนด์เป็นพันธมิตรเก่าแก่ของอเมริกา ตั้งแต่ ค.ศ. 1954 (นานจัง) และได้รับการชื่นชมมาโดยตลอดว่าเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จ ทั้งด้านเศรษฐกิจและการดำรงความเป็นประเทศในระบอบประชาธิปไตย (อ้าว ! ไหนประนามกันเรื่อยว่าไทยไม่เป็นประชาธิปไตย เดี๋ยวฟ้องคุณครูเลย ! ) สัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศแน่นแฟ้นในช่วงสงครามเย็น และได้ขยายไปทั้งด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความมั่นคง ไทยเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของอเมริกา และการที่อเมริกาสามารถเข้าไปใช้บริการ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ของกองทัพไทย (เช่น สนามบิน ! ) ทำให้ประเทศไทยเป็นส่วนสำคัญทางยุทธศาสตร์ของอเมริกาในการจะดำรงคงอยู่ในภูมิภาค Asia Pacific นี้ได้ (แหม ! จะหลอกใช้สนามบินของเค้าอีกแล้ว)
    คุณครูบอกว่าความมั่นคงและความเจริญเติบโตของประเทศไทย เริ่มสั่นคลอนหลังจากรัฐประหารในไทย เมื่อ ค.ศ. 2006 สร้างความแตกแยกในสังคมไทยอย่างร้าวลึกและยาวนาน และขณะนี้ได้ลุกลามไปจนกลายเป็น การประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก และให้มีการปกครอง ที่มีบางส่วนอาจมองได้ว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองของประเทศ อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจของไทย ก็ยังเติบโตแม้จะมีวิกฤติการเมือง และยังเป็นประเทศที่รายได้ของชนชั้นกลาง ยังมีการขยายต่อได้อีก และยังเป็นพันธมิตรที่มั่นคงของอเมริกา (แปลว่าเรื่องกระเป๋าตังค์นี่ เป็นประเด็นที่นักล่าสนใจนะ)
    ประเทศไทยที่สงบและมีความมั่นคง มีนัยอย่างสำคัญทางยุทธศาสตร์ของอเมริกา เพราะประเทศไทยซึ่งมีสถานะเป็นพันธมิตรของอเมริกา ตั้งอยู่บนพื้นแผ่นดินในบริเวณที่เหมาะสมของภูมิภาคอาเซียอาคเณย์นี้ (จุดได้เปรียบของไทย จำกันไว้ให้ดี !)
    คุณครูรายงานต่อไปว่า สภาสูงของอเมริกากำลังลำบากใจที่ต้องเผชิญกับภาวะที่ดูไม่ประชาธิปไตยของไทย และจะมีปฏิกิริยาตอบรับอย่างไร กับประเด็นการดุลอำนาจระหว่างพลเรือนและทหารที่เป็นอยู่ในสังคมไทย (พูดง่าย ๆ ว่ายังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอาพลเรือนนำทหาร หรือจะเอาทหารนำพลเรือนใช่ไหมคุณครู) นอกจากนี้ยังมีนักวิเคราะห์หลายรายบอกว่า การที่ไทยมัววุ่นอยู่กับปัญหาภายในประเทศของตนนานเกินไป ทำให้อิทธิพลของตนเองที่เคยมีอยู่ในภูมิภาคนี้ด้อยลงด้วย อย่างไรก็ตามแม้ในระดับการปฏิบัติการร่วมกัน ยังคงราบรื่นอยู่ แต่การริเริ่มใหม่ ๆ ดูเหมือนจะเฉื่อยชาไป (แหม ! นายท่านพวกกระผม กำลังวุ่นกับการไล่รัฐบาลโจร จะให้มัวไปเช็ดรองเท้าพวกท่านก็กรุณารอก่อนนะขอรับ ขอโทษครับ ขอเขียนแดกพวกขี้ข้าฝรั่งหน่อย อดไม่ได้)
    เมื่อรัฐบาล Obama ประกาศเปลี่ยนแปลงดุลยภาพของอเมริกา (Rebalancing) โดยให้ความสำคัญกับ Asia Pacific เป็นอันดับสำคัญ ซึ่งจำเป็นต้องมีการขับเคลื่อนร่วมมือจากประเทศที่เรียกว่าเป็นพันธมิตรในภูมิภาคนี้ด้วยนั้น เห็นชัดว่าอเมริกากับไทย ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ และประเทศไทยก็ไม่ได้ เข้าเป็นคู่สัญญาในการริเริ่มขบวนการตาม Trans Pacific Partnership (TPP) (ไทยตกรถไฟขบวน TPP น่าจะแปลว่าดีกับไทยนะ เพราะยังไม่เห็นประโยชน์อะไรกับไทยเลย !)
    แต่ประเด็นที่เป็นปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการเมืองไทย ที่อเมริกาเป็นห่วง คือโอกาสที่ทักษิณจะกลับมาอยู่ในประเทศไทย มีมากน้อยเพียงใด (แปลว่าไม่อยากได้ทักษิณใช่ไหม ทักษิณเป็นตัวปัญหาใช่ไหม คุณครู) เพราะทักษิณยังเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ และตัวทักษิณเองได้พูดไปทั่วว่า ตนเองยังได้รับการสนับสนุนจากคนไทยอยู่มาก และจะกลับบ้านในเร็ว ๆ นี้ ร่างกฎหมาย นิรโทษกรรมที่จะล้างผิดให้ทักษิณเป็นต้นเหตุ ให้เกิดการประท้วงใหญ่ ตั้งแต่ตุลาคม ค.ศ. 2013 เป็นต้นมา
    อีกประเด็นที่สำคัญคือคำถามเกี่ยวกับพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระชนมายุ 86 แล้ว และมีรายงานว่าไม่ทรงแข็งแรง พระองค์ทรงเป็นที่เคารพอย่างสูงสุด ของประชาชนมาตลอด 60 ปี ที่ผ่านมา และสถาบันกษัตริย์เป็นที่ยอมรับว่า เป็นสถาบันที่มั่นคงที่สุดในไทย แต่ขณะนี้คำถามเกี่ยวกับการสืบสันตติวงศ์เริ่มใกล้เข้ามา ซึ่งทำให้ความมั่นคงของไทยในส่วนนี้ เป็นเรื่องที่ห่วงกันอยู่
    สาเหตุหลักที่อเมริกาจะต้องพยายามรักษาสัมพันธ์กับประเทศไทยไว้ คือ การแข่งขันในการมีอิทธิพลในอาเซียอาคเณย์ระหว่างอเมริกากับจีน (ฮั่นแน่ ! เรื่องสำคัญ มาแอบอยู่ตรงนี้เองแหละ) ไทยมีชื่อเสียงมานานในความสามารถรักษาสัมพันธ์กับทุกฝ่าย ไม่ว่าด้านธุรกิจ การเมือง และวัฒนธรรม ไทยสามารถจัดการได้ดีทั้งกับจีนและอเมริกา
    ประเทศไทยที่แข็งแรง และมองออกไปนอกตัวเองมากขึ้น จะช่วยให้ได้รับการสนับสนุน ในการเข้าร่วมกระบวนการ “Rebalancing” ของอเมริกา วิกฤตการเมืองของไทย ทำให้ไทยเสียโอกาสอย่างมาก เพราะเมื่อรัฐบาล Obama ประกาศนโยบายต่างประเทศ Rebalancing ของอเมริกามาทางเอเซีย ไทยไม่ได้รับบทบาทสำคัญ (ไม่ได้เป็นพระเอก) และวอชิงตันได้มองไปที่ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และคบหุ้นส่วนใหม่ เช่น อินโดนีเซีย และเวียตนาม (พวกตัวประกอบผักชีโรยหน้า)
    อย่างไรก็ตามฝ่ายกองทัพของสหรัฐ ยังอยากที่จะคบค้าสานสัมพันธ์กับกองทัพไทยต่อไป (Mil to Mil relationship) โดยเฉพาะการสามารถเข้าไปใช้เครื่องมือเครื่องใช้อำนวยความสะดวก รวมทั้งฐานทัพของไทย ในกรณีที่เกิดปัญหาความตึงเครียดในภูมิภาคนี้
    นักวิเคราะห์ระดับภูมิภาคประโลมใจว่า แม้ประเทศไทยจะไม่วิเศษสมบูรณ์ แต่พันธมิตรที่เป็นประชาธิปไตยในภูมิภาค มีความสำคัญยิ่งในการแสดงให้เห็นถึงความผูกพันธ์ของอเมริกาในภูมิภาคนี้ (คุณนายฑูตคริสตี้ ช่วยอ่านรายงานคุณครู CRS ตอนนี้ให้เข้าไปในหัวหน่อย และถ้าคุณนายซึ่งเป็นฑูตตัวแทนประเทศตัวเอง แล้วยังตั้งหน้าตอแหลบิดเบือนต่อไปอีก ครูใหญ่ Obama ช่วยเรียกตัวกลับไปกวาดพื้นโรงเรียนประถมในอเมริกา จะเหมาะสมกับคุณนายมากกว่า และอาจจะทำให้อเมริกาถูกรังเกียจน้อยลงไปบ้าง)
    ขณะเดียวกัน มีผู้ท้วงติงว่า การที่อเมริกาพยายามจะให้ไทยใช้วิธีการบริหารประเทศ โดยให้พลเรือนควบคุมกองทัพ ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผล ดูจากเหตุการณ์ไม่กี่ปีที่ผ่านมา (แปลว่าอยากได้ทหารเป็นผู้บริหารประเทศ มากกว่าพลเรือนหรือไง ?) และแม้ว่าการจะใช้สนามบินของไทยเป็นเรื่องสำคัญสำหรับกองทัพอเมริกา ก็มีผู้สงสัยเช่นกันว่า ไทยจะยอมให้ใช้หรือไม่ หากมีความขัดแย้งกันเกิดขึ้น (เริ่มจะรู้ตัวแล้วหรือนักล่า ว่าสมันน้อยก็มีเขี้ยวเล็บเหมือนกัน)

    คนเล่านิทาน
    แกะรอยนักล่า ตอนที่ 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยนักล่า” (2) ขณะที่เขียนนิทานนี้ การขับไล่รัฐบาลนังมารร้าย ของมวลมหาประชาชนยังไม่สำเร็จ มะม่วงแม้จะขั้วเน่า จุดดำขึ้นเต็มลูก ก็ยังไม่ร่วงหล่น ลุงกำนันใช้ลมปากเท่าใดก็ไม่เป็นผล และแม้จะมีนักวิชาการดาหน้ากันมาบอกว่า การเป็นรัฐบาลรักษาการของรัฐบาลนังมารร้ายได้สิ้นสุดไปแล้ว ก็เหมือนพูดกับคนหูหนวก ไม่รู้เรื่อง แถมนังมารร้ายออกมาพูดจาเลอะเทอะ ทำน้ำตาคลอ ดูอาการเหมือนคนใกล้จะวิปลาส และแม้จะมีศาลจะออกมาชี้มูลความผิด หรือแม้ว่าจะมีคุณหมอคนใดจริงใจและใจถึงออกมาบอกว่า นังมารร้ายวิปลาสไปแล้ว หล่อนก็ยังคงไม่รู้ร้อนรู้หนาวเกาะเก้าอี้ห้อยต่องแต่งต่อไป จำเป็นจะต้องรอให้มีปัจจัยอื่น ที่จะมาปลิดมะม่วงให้หล่น ปัจจัยภายในคือคุณพี่ทหาร ซึ่งขณะนี้ได้แสดงท่าทีว่าจวนจะหาจุดยืนถูก “ที่” แล้ว รออีกสักหน่อย ตอนนี้ยังยุ่งกับการแต่งบังเกอร์ให้หวานแหววอยู่ ส่วนปัจจัยภายนอกคือนักล่า ซึ่งได้ปล่อยข่าวผ่านสำนักหมอ ดู CSIS (Centre for Strategic and International Studies) เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2014 ไปแล้วว่า มันควรต้องมีการประนีประนอมด้วยการเจรจา และตกลงตั้งนายกรัฐมนตรีคนกลาง เลือกเอาจากที่ผู้คนยอมรับนับถือแบบนายอานันท์ ปันยารชุน แหม ! ข่าวแบบนี้เล่นเอาร้านตัดเสื้องานเข้า เขาว่ามีคนแอบไปตัดชุดขาวหลายคน (แอบลุ้นกันทั้งนั้น) บางคนก็เอาชุดเดิมไปแก้ เพราะว่าคอมันคับไป แก่แล้ว น้ำหนักมันขึ้น (ฮา) แม้เราจะยังไม่แน่ใจว่า นักล่าจะเล่นไพ่ใบไหน มันกะล่อนจะตาย จะเชื่อกันง่าย ๆ ก็ ฉ.ห. กันหมด แต่เมื่อลองไปแกะรอย ตามดูว่านักล่าเดินไปทางไหน มันก็พอจะบอกอะไรเพิ่มเติมได้บ้าง อเมริกามีหน่วยงานหนึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบ ทำรายงานเกี่ยวกับความเป็นไปของแต่ละประเทศแต่ละเหตุการณ์ในโลก เพื่อส่งให้สภาสูง เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอเมริกา เหมือนคุณครูประจำชั้นเขียนสมุดพก ประจำตัวนักเรียนแต่ละคน รายงานผู้ปกครอง สมัยเราเรียนหนังสือนั่นละ หน่วยงานที่ออกสมุดพกพวกนี้เรียกว่า Congressional Research Services (CRS) คุณครูจะออกสมุดพกของแต่ละประเทศ เป็นรายปีในกรณีปกติ หรือมากกว่านั้น ขึ้นกับเหตุการณ์และความสำคัญ เช่นถ้าอเมริกากำลังวิ่งเล่นโยนระเบิดอยู่แถวอิรัค สมุดพกของอิรัคอาจออกเป็นรายชั่วโมง (ฮา) หรือของยูเครนตอนนี้คงออกเป็นรายครึ่งวัน เพราะลงทุนส่งสมุนไปปลุกเศกการปฏิวัติประชาชนซะจนประเทศเขากำลังจะแตกเป็นเสี่ยง สำหรับประเทศไทย ที่เปิดเผยคือสมุดพกออกเป็นราย ปี แต่ที่ปกปิด ตามรายงานของคุณนายฑูต อาจออกเป็นรายวัน ดูสมัยเสื้อแดงเผาเมือง ฑูตสมัยนั้นรายงานทุกวัน 3 เวลาหลังอาหาร (อ่านจาก Wikileaks ที่ได้อภินันทนาการแจกกันทั่วโลกครับ) สมุดพกที่ว่านี้ปรกติของนักเรียนไทยแต่ละปี จะออกช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน แต่สำหรับปีค.ศ. 2013 ที่ผ่านมา ผ่านไปครึ่งปีคุณครูคงยังไม่สามารถสรุป ความประพฤติของนักเรียนไทยได้ เพราะเริ่มมีอาการปวดหัว ตัวร้อน มีการโดดเรียน หรือเริ่มมั่วสุมนอกห้องเรียน เพราะหงุดหงิดจากพวกแก๊งขี้โกงเสนอร่างพรบ.นิรโทษกรรมเข้าไปพิจารณาในสภา คุณครู CRS เลยถ่วงเวลามาออกเอาเดือนสุดท้ายของปี คือออกรายงานเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 2013 รายงานคราวนี้ยาวกว่าปรกติ โดยเฉพาะเรื่องสถานการณ์ด้านการเมือง คุณครูรายงานถี่ยิบ ใส่ทุกเรื่องทุกฝ่าย รายงานส่วนที่สำคัญบอกว่า ไทยแลนด์เป็นพันธมิตรเก่าแก่ของอเมริกา ตั้งแต่ ค.ศ. 1954 (นานจัง) และได้รับการชื่นชมมาโดยตลอดว่าเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จ ทั้งด้านเศรษฐกิจและการดำรงความเป็นประเทศในระบอบประชาธิปไตย (อ้าว ! ไหนประนามกันเรื่อยว่าไทยไม่เป็นประชาธิปไตย เดี๋ยวฟ้องคุณครูเลย ! ) สัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศแน่นแฟ้นในช่วงสงครามเย็น และได้ขยายไปทั้งด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความมั่นคง ไทยเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของอเมริกา และการที่อเมริกาสามารถเข้าไปใช้บริการ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ของกองทัพไทย (เช่น สนามบิน ! ) ทำให้ประเทศไทยเป็นส่วนสำคัญทางยุทธศาสตร์ของอเมริกาในการจะดำรงคงอยู่ในภูมิภาค Asia Pacific นี้ได้ (แหม ! จะหลอกใช้สนามบินของเค้าอีกแล้ว) คุณครูบอกว่าความมั่นคงและความเจริญเติบโตของประเทศไทย เริ่มสั่นคลอนหลังจากรัฐประหารในไทย เมื่อ ค.ศ. 2006 สร้างความแตกแยกในสังคมไทยอย่างร้าวลึกและยาวนาน และขณะนี้ได้ลุกลามไปจนกลายเป็น การประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก และให้มีการปกครอง ที่มีบางส่วนอาจมองได้ว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองของประเทศ อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจของไทย ก็ยังเติบโตแม้จะมีวิกฤติการเมือง และยังเป็นประเทศที่รายได้ของชนชั้นกลาง ยังมีการขยายต่อได้อีก และยังเป็นพันธมิตรที่มั่นคงของอเมริกา (แปลว่าเรื่องกระเป๋าตังค์นี่ เป็นประเด็นที่นักล่าสนใจนะ) ประเทศไทยที่สงบและมีความมั่นคง มีนัยอย่างสำคัญทางยุทธศาสตร์ของอเมริกา เพราะประเทศไทยซึ่งมีสถานะเป็นพันธมิตรของอเมริกา ตั้งอยู่บนพื้นแผ่นดินในบริเวณที่เหมาะสมของภูมิภาคอาเซียอาคเณย์นี้ (จุดได้เปรียบของไทย จำกันไว้ให้ดี !) คุณครูรายงานต่อไปว่า สภาสูงของอเมริกากำลังลำบากใจที่ต้องเผชิญกับภาวะที่ดูไม่ประชาธิปไตยของไทย และจะมีปฏิกิริยาตอบรับอย่างไร กับประเด็นการดุลอำนาจระหว่างพลเรือนและทหารที่เป็นอยู่ในสังคมไทย (พูดง่าย ๆ ว่ายังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอาพลเรือนนำทหาร หรือจะเอาทหารนำพลเรือนใช่ไหมคุณครู) นอกจากนี้ยังมีนักวิเคราะห์หลายรายบอกว่า การที่ไทยมัววุ่นอยู่กับปัญหาภายในประเทศของตนนานเกินไป ทำให้อิทธิพลของตนเองที่เคยมีอยู่ในภูมิภาคนี้ด้อยลงด้วย อย่างไรก็ตามแม้ในระดับการปฏิบัติการร่วมกัน ยังคงราบรื่นอยู่ แต่การริเริ่มใหม่ ๆ ดูเหมือนจะเฉื่อยชาไป (แหม ! นายท่านพวกกระผม กำลังวุ่นกับการไล่รัฐบาลโจร จะให้มัวไปเช็ดรองเท้าพวกท่านก็กรุณารอก่อนนะขอรับ ขอโทษครับ ขอเขียนแดกพวกขี้ข้าฝรั่งหน่อย อดไม่ได้) เมื่อรัฐบาล Obama ประกาศเปลี่ยนแปลงดุลยภาพของอเมริกา (Rebalancing) โดยให้ความสำคัญกับ Asia Pacific เป็นอันดับสำคัญ ซึ่งจำเป็นต้องมีการขับเคลื่อนร่วมมือจากประเทศที่เรียกว่าเป็นพันธมิตรในภูมิภาคนี้ด้วยนั้น เห็นชัดว่าอเมริกากับไทย ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ และประเทศไทยก็ไม่ได้ เข้าเป็นคู่สัญญาในการริเริ่มขบวนการตาม Trans Pacific Partnership (TPP) (ไทยตกรถไฟขบวน TPP น่าจะแปลว่าดีกับไทยนะ เพราะยังไม่เห็นประโยชน์อะไรกับไทยเลย !) แต่ประเด็นที่เป็นปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการเมืองไทย ที่อเมริกาเป็นห่วง คือโอกาสที่ทักษิณจะกลับมาอยู่ในประเทศไทย มีมากน้อยเพียงใด (แปลว่าไม่อยากได้ทักษิณใช่ไหม ทักษิณเป็นตัวปัญหาใช่ไหม คุณครู) เพราะทักษิณยังเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ และตัวทักษิณเองได้พูดไปทั่วว่า ตนเองยังได้รับการสนับสนุนจากคนไทยอยู่มาก และจะกลับบ้านในเร็ว ๆ นี้ ร่างกฎหมาย นิรโทษกรรมที่จะล้างผิดให้ทักษิณเป็นต้นเหตุ ให้เกิดการประท้วงใหญ่ ตั้งแต่ตุลาคม ค.ศ. 2013 เป็นต้นมา อีกประเด็นที่สำคัญคือคำถามเกี่ยวกับพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระชนมายุ 86 แล้ว และมีรายงานว่าไม่ทรงแข็งแรง พระองค์ทรงเป็นที่เคารพอย่างสูงสุด ของประชาชนมาตลอด 60 ปี ที่ผ่านมา และสถาบันกษัตริย์เป็นที่ยอมรับว่า เป็นสถาบันที่มั่นคงที่สุดในไทย แต่ขณะนี้คำถามเกี่ยวกับการสืบสันตติวงศ์เริ่มใกล้เข้ามา ซึ่งทำให้ความมั่นคงของไทยในส่วนนี้ เป็นเรื่องที่ห่วงกันอยู่ สาเหตุหลักที่อเมริกาจะต้องพยายามรักษาสัมพันธ์กับประเทศไทยไว้ คือ การแข่งขันในการมีอิทธิพลในอาเซียอาคเณย์ระหว่างอเมริกากับจีน (ฮั่นแน่ ! เรื่องสำคัญ มาแอบอยู่ตรงนี้เองแหละ) ไทยมีชื่อเสียงมานานในความสามารถรักษาสัมพันธ์กับทุกฝ่าย ไม่ว่าด้านธุรกิจ การเมือง และวัฒนธรรม ไทยสามารถจัดการได้ดีทั้งกับจีนและอเมริกา ประเทศไทยที่แข็งแรง และมองออกไปนอกตัวเองมากขึ้น จะช่วยให้ได้รับการสนับสนุน ในการเข้าร่วมกระบวนการ “Rebalancing” ของอเมริกา วิกฤตการเมืองของไทย ทำให้ไทยเสียโอกาสอย่างมาก เพราะเมื่อรัฐบาล Obama ประกาศนโยบายต่างประเทศ Rebalancing ของอเมริกามาทางเอเซีย ไทยไม่ได้รับบทบาทสำคัญ (ไม่ได้เป็นพระเอก) และวอชิงตันได้มองไปที่ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และคบหุ้นส่วนใหม่ เช่น อินโดนีเซีย และเวียตนาม (พวกตัวประกอบผักชีโรยหน้า) อย่างไรก็ตามฝ่ายกองทัพของสหรัฐ ยังอยากที่จะคบค้าสานสัมพันธ์กับกองทัพไทยต่อไป (Mil to Mil relationship) โดยเฉพาะการสามารถเข้าไปใช้เครื่องมือเครื่องใช้อำนวยความสะดวก รวมทั้งฐานทัพของไทย ในกรณีที่เกิดปัญหาความตึงเครียดในภูมิภาคนี้ นักวิเคราะห์ระดับภูมิภาคประโลมใจว่า แม้ประเทศไทยจะไม่วิเศษสมบูรณ์ แต่พันธมิตรที่เป็นประชาธิปไตยในภูมิภาค มีความสำคัญยิ่งในการแสดงให้เห็นถึงความผูกพันธ์ของอเมริกาในภูมิภาคนี้ (คุณนายฑูตคริสตี้ ช่วยอ่านรายงานคุณครู CRS ตอนนี้ให้เข้าไปในหัวหน่อย และถ้าคุณนายซึ่งเป็นฑูตตัวแทนประเทศตัวเอง แล้วยังตั้งหน้าตอแหลบิดเบือนต่อไปอีก ครูใหญ่ Obama ช่วยเรียกตัวกลับไปกวาดพื้นโรงเรียนประถมในอเมริกา จะเหมาะสมกับคุณนายมากกว่า และอาจจะทำให้อเมริกาถูกรังเกียจน้อยลงไปบ้าง) ขณะเดียวกัน มีผู้ท้วงติงว่า การที่อเมริกาพยายามจะให้ไทยใช้วิธีการบริหารประเทศ โดยให้พลเรือนควบคุมกองทัพ ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผล ดูจากเหตุการณ์ไม่กี่ปีที่ผ่านมา (แปลว่าอยากได้ทหารเป็นผู้บริหารประเทศ มากกว่าพลเรือนหรือไง ?) และแม้ว่าการจะใช้สนามบินของไทยเป็นเรื่องสำคัญสำหรับกองทัพอเมริกา ก็มีผู้สงสัยเช่นกันว่า ไทยจะยอมให้ใช้หรือไม่ หากมีความขัดแย้งกันเกิดขึ้น (เริ่มจะรู้ตัวแล้วหรือนักล่า ว่าสมันน้อยก็มีเขี้ยวเล็บเหมือนกัน) คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 117 Views 0 Reviews
  • แกะรอยนักล่า ตอนที่ 1
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยนักล่า” (1)
    อเมริกานักล่า ทำงานอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่ทำวันนี้คิดพรุ่งนี้ หรือทำวันนี้แล้วค่อย ไปทบทวนแก้ไขกันใหม่เอาปีหน้าอย่างที่เรา ๆ ทำกัน เขาวางแผนล่วงหน้าทุกเรื่องทั้งระยะใกล้ เช่น แผนงานเฉพาะกิจ หรือระยะไกล 5 ปี 10 ปี 15 ปี จนถึง 25 ปี ฯลฯ เอกสารที่เขาออกมา คำพูดของฝ่ายรัฐบาลที่พูดออกมา มีความหมาย มีความนัยทั้งสิ้น
    เราควรมาทำความรู้จักวิธีคิด วิธีวางแผนของนักล่ากันหน่อย มันอาจจะไม่ทำให้เราเข้าใจ หรือรู้จักนักล่าเต็มร้อย แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่รู้เลย เมื่อมีข่าวเกี่ยวกับนักล่า โดยเฉพาะที่จะกระทบกับบ้านเราหรือไม่ เรายังพอติดตามวิเคราะห์เองได้ ดีกว่าจะแค่ฟัง อ่าน ดูเอาจากสื่อที่ถูกฟ้อกย้อมมา เช่น CNN BBC หรือข่าวใส่สีตีไข่ หรือข่าวประเภทเรื่องเล่าประจำวันของบ้านเรานั้น ซึ่งถ้างดดูได้ก็ดี เพราะยิ่งดูยิ่งทำให้เราบื้อ ครับ ถ้าเราขยัน ขวนขวาย ติดตาม ค้นคว้า ต่อไปเรื่อย ๆ เราอาจจะเห็นและเข้าใจวิธีการของนักล่าชัดเจนขึ้น และอาจสามารถช่วยให้บ้านเมืองเราพ้นจากการเป็นเหยื่อของนักล่าได้บ้าง บ้านเมืองเรากำลังมาถึงจุดสำคัญ เรากำลังพยายามให้มีการปฎิรูปประเทศ จะมีจริงหรือไม่และจะปฎิรูปได้มากน้อยแค่ไหน ปัจจัยภายนอกก็มีส่วนสำคัญ ช่วยกันดูแลบ้านเมืองของเรา คนละไม้คนละมือ
    การทำงานของนักล่า ในเรื่องการล่าเหยื่อ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับประธานาธิบดีคนเดียว แต่มีหน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นมันสมอง วางแผนให้นักล่าอีกเพียบ คือ
    – The National Security Council (NSC)
    ซึ่งจะมีที่ปรึกษา เรียกว่า National Security Advisor (NSA) เป็นผู้กำกับคัดท้ายที่สำคัญ และเหตุการณ์ในโลกนี้ ที่เกิดขึ้นทั้งเลวทั้งร้าย ส่วนใหญ่เป็นผลงานของไอ้ตัวร้ายที่ทำหน้าที่เป็น NSA เกือบทั้งสิ้น ตัวอย่าง (ทั้งที่เคยเล่านิทานให้ฟังแล้ว และยังไม่ได้เล่า) NSA ที่มีชื่อติดอันดับความแสบหมายเลขต้น ๆ เช่น นาย McGeorge Bundy, นาย Walt W. Restow, นาย Henry Kissinger, นาย Zbigniew Brzezinski, นาย Brent Scowcroft ฯลฯ
    นอกจากนี้ NSC จะมีหน่วยงานที่สำคัญ ที่ทำหน้าที่วางยุทธศาสตร์ คือ National Security Strategy (NSS) ถ้าอยากจะติดตามความเคลื่อนไหว และความคิดทิศทางของนักล่า ลองเริ่มต้นด้วยการอ่านรายงานของ NSS ซึ่งจะมีออกมาเป็นรายปี และบางทีก็ออกเป็นระยะ แล้วแต่ความจำเป็น รายงานนี้จะบอกอะไรเราได้พอสมควร อย่างน้อยก็เห็นทิศทางของนักล่า ซึ่งจะไปทางไหนตะวันออกหรือตะวันตกทำนองนั้น
    – เมื่อมีการวางยุทธศาสตร์ออกมาแล้ว หน่วยงานของรัฐที่ต้องทำงานประสานกัน เพื่อให้ยุทธศาสตร์นั้น เป็นความจริงประสพผลสำเร็จ ซึ่งก็จะมีทีมงานตัวเก่งตัวแสบอีกเป็นร้อยเป็นพันจัดการตามแผนการ คือ
– State Department(กระทรวงต่างประเทศ)
– Defense Department(กระทรวงกลาโหม)
– Pentagon(หน่วยงานความมั่นคงของประเทศ)
– CIA(หน่วยงานข่าวกรองของประเทศ)
    – หน่วยงานดังกล่าวข้างต้น จะรายงานต่อประธานาธิบดีและสภาสูง โดยประธานาธิบดีจะมีผู้ช่วย (ซึ่งในบางกรณี อาจจะสำคัญกว่ารองประธานาธิบดีเสียด้วยซ้ำ !) คือ Chief of Staff และ Joint Chiefs of Staff ซึ่งทำหน้าที่เลือก/กรองนโยบายต่าง ๆ เสนอต่อประธานาธิบดี
    ส่วนสภาสูง จะมีหน่วยงานที่เรียกว่า Congressional Research Service ทำหน้าที่วิเคราะห์ทุกเรื่องที่จะส่งไปให้ สภาสูงพิจารณา โดยทำเป็นรายงานการวิเคราะห์อย่างละเอียด ส่งให้ก่อนการประชุมและเป็นเอกสารเปิดเผย (ที่ปิดผมยังหาไม่ได้ครับ) ไม่ใช่ส่งแต่กระดาษหน้าเดียวเขียนไม่กี่บันทัด หรือเขียนมัน 100 หน้า มีแต่น้ำ หรือใช้วิธีเข้าไปคุกเข่ายื่นโน๊ตสั้น ๆ ระหว่างประชุมสภาแบบบ้านเราทำ
    – นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานหรือสถาบันระดับสูงของเอกชนที่มีอิทธิพล ต่อแนวทางการล่าเหยื่อของนักล่า คือ พวกที่เรียกตัวเองว่า Think Tank (ถังความคิด) แต่ส่วนใหญ่ ถังพวกนี้ไม่ได้ มีแต่ความคิด แต่เป็นตัวการชักใยสร้างบท แต่งเรื่องรวมกำกับการแสดงและจัดหาตัวผู้มีหน้าที่บริหารประเทศด้วย แม้ตำแหน่งประธานาธิบดี ก็ไม่พ้นการจัดส่งและชักใยของ Think Tank ที่มีอิทธิพลสูง เช่น
    – Council on Foreign Relations (CFR)
– The Bilderberg Group
– The Trilateral Commission
– The Centre for Strategic and International Studies (CSIS)
– The Brookings Institution
– The Rand Corporation
– The Carnegie Endowment for International Peace
– Atlantic Council
– The Asia Society
– The Group of Thirty
ฯลฯ
    พวกถังความคิดเหล่านี้ บางพวกได้รับเงินสนับสนุนจาก Washington บางพวกได้จากมูลนิธิ Rockefeller มูลนิธิ Ford มูลนิธิ Carnegie รวมทั้งบรรดาบรรษัทข้ามชาติ ที่เป็นเครือข่ายของนักล่าและพวก NSA ที่มีอิทธิพล
    think tank ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ประมาณ ค.ศ. 1970 เป็นต้นมา ส่วนใหญ่ เป็นเครือข่าย ที่เหล่านักยุทธศาสตร์ด้านนโย บายต่างประเทศ ที่ปรึกษาความมั่นคง (NSA) เช่น นาย Henry Kissinger, นาย Zbigniew Brzezinski, นาย Brent Scowcroft, นาย Josef Nye … เป็นผู้ก่อตั้งขึ้นมา หรือให้เด็กของตัวตั้งขึ้นมาแทบทั้งสิ้น กล่าวได้ว่า คนไม่กี่คนนี้เอง เป็นผู้มีอิทธิพลครอบงำ อเมริกามาตั้งแต่บัดนั้นถึงบัดนี้ ไม่ว่าอเมริกาจะเปลี่ยนประธานาธิบดีเป็นใคร และมาจากพรรคใด และคงไม่เป็นการเกินไปนัก ถ้าจะบอกว่าคนไม่กี่คนนี่แหละ มีอิทธิพลต่อโลกใบนี้มากเหลือเกิน !

    คนเล่านิทาน
    แกะรอยนักล่า ตอนที่ 1 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยนักล่า” (1) อเมริกานักล่า ทำงานอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่ทำวันนี้คิดพรุ่งนี้ หรือทำวันนี้แล้วค่อย ไปทบทวนแก้ไขกันใหม่เอาปีหน้าอย่างที่เรา ๆ ทำกัน เขาวางแผนล่วงหน้าทุกเรื่องทั้งระยะใกล้ เช่น แผนงานเฉพาะกิจ หรือระยะไกล 5 ปี 10 ปี 15 ปี จนถึง 25 ปี ฯลฯ เอกสารที่เขาออกมา คำพูดของฝ่ายรัฐบาลที่พูดออกมา มีความหมาย มีความนัยทั้งสิ้น เราควรมาทำความรู้จักวิธีคิด วิธีวางแผนของนักล่ากันหน่อย มันอาจจะไม่ทำให้เราเข้าใจ หรือรู้จักนักล่าเต็มร้อย แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่รู้เลย เมื่อมีข่าวเกี่ยวกับนักล่า โดยเฉพาะที่จะกระทบกับบ้านเราหรือไม่ เรายังพอติดตามวิเคราะห์เองได้ ดีกว่าจะแค่ฟัง อ่าน ดูเอาจากสื่อที่ถูกฟ้อกย้อมมา เช่น CNN BBC หรือข่าวใส่สีตีไข่ หรือข่าวประเภทเรื่องเล่าประจำวันของบ้านเรานั้น ซึ่งถ้างดดูได้ก็ดี เพราะยิ่งดูยิ่งทำให้เราบื้อ ครับ ถ้าเราขยัน ขวนขวาย ติดตาม ค้นคว้า ต่อไปเรื่อย ๆ เราอาจจะเห็นและเข้าใจวิธีการของนักล่าชัดเจนขึ้น และอาจสามารถช่วยให้บ้านเมืองเราพ้นจากการเป็นเหยื่อของนักล่าได้บ้าง บ้านเมืองเรากำลังมาถึงจุดสำคัญ เรากำลังพยายามให้มีการปฎิรูปประเทศ จะมีจริงหรือไม่และจะปฎิรูปได้มากน้อยแค่ไหน ปัจจัยภายนอกก็มีส่วนสำคัญ ช่วยกันดูแลบ้านเมืองของเรา คนละไม้คนละมือ การทำงานของนักล่า ในเรื่องการล่าเหยื่อ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับประธานาธิบดีคนเดียว แต่มีหน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นมันสมอง วางแผนให้นักล่าอีกเพียบ คือ – The National Security Council (NSC) ซึ่งจะมีที่ปรึกษา เรียกว่า National Security Advisor (NSA) เป็นผู้กำกับคัดท้ายที่สำคัญ และเหตุการณ์ในโลกนี้ ที่เกิดขึ้นทั้งเลวทั้งร้าย ส่วนใหญ่เป็นผลงานของไอ้ตัวร้ายที่ทำหน้าที่เป็น NSA เกือบทั้งสิ้น ตัวอย่าง (ทั้งที่เคยเล่านิทานให้ฟังแล้ว และยังไม่ได้เล่า) NSA ที่มีชื่อติดอันดับความแสบหมายเลขต้น ๆ เช่น นาย McGeorge Bundy, นาย Walt W. Restow, นาย Henry Kissinger, นาย Zbigniew Brzezinski, นาย Brent Scowcroft ฯลฯ นอกจากนี้ NSC จะมีหน่วยงานที่สำคัญ ที่ทำหน้าที่วางยุทธศาสตร์ คือ National Security Strategy (NSS) ถ้าอยากจะติดตามความเคลื่อนไหว และความคิดทิศทางของนักล่า ลองเริ่มต้นด้วยการอ่านรายงานของ NSS ซึ่งจะมีออกมาเป็นรายปี และบางทีก็ออกเป็นระยะ แล้วแต่ความจำเป็น รายงานนี้จะบอกอะไรเราได้พอสมควร อย่างน้อยก็เห็นทิศทางของนักล่า ซึ่งจะไปทางไหนตะวันออกหรือตะวันตกทำนองนั้น – เมื่อมีการวางยุทธศาสตร์ออกมาแล้ว หน่วยงานของรัฐที่ต้องทำงานประสานกัน เพื่อให้ยุทธศาสตร์นั้น เป็นความจริงประสพผลสำเร็จ ซึ่งก็จะมีทีมงานตัวเก่งตัวแสบอีกเป็นร้อยเป็นพันจัดการตามแผนการ คือ
– State Department(กระทรวงต่างประเทศ)
– Defense Department(กระทรวงกลาโหม)
– Pentagon(หน่วยงานความมั่นคงของประเทศ)
– CIA(หน่วยงานข่าวกรองของประเทศ) – หน่วยงานดังกล่าวข้างต้น จะรายงานต่อประธานาธิบดีและสภาสูง โดยประธานาธิบดีจะมีผู้ช่วย (ซึ่งในบางกรณี อาจจะสำคัญกว่ารองประธานาธิบดีเสียด้วยซ้ำ !) คือ Chief of Staff และ Joint Chiefs of Staff ซึ่งทำหน้าที่เลือก/กรองนโยบายต่าง ๆ เสนอต่อประธานาธิบดี ส่วนสภาสูง จะมีหน่วยงานที่เรียกว่า Congressional Research Service ทำหน้าที่วิเคราะห์ทุกเรื่องที่จะส่งไปให้ สภาสูงพิจารณา โดยทำเป็นรายงานการวิเคราะห์อย่างละเอียด ส่งให้ก่อนการประชุมและเป็นเอกสารเปิดเผย (ที่ปิดผมยังหาไม่ได้ครับ) ไม่ใช่ส่งแต่กระดาษหน้าเดียวเขียนไม่กี่บันทัด หรือเขียนมัน 100 หน้า มีแต่น้ำ หรือใช้วิธีเข้าไปคุกเข่ายื่นโน๊ตสั้น ๆ ระหว่างประชุมสภาแบบบ้านเราทำ – นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานหรือสถาบันระดับสูงของเอกชนที่มีอิทธิพล ต่อแนวทางการล่าเหยื่อของนักล่า คือ พวกที่เรียกตัวเองว่า Think Tank (ถังความคิด) แต่ส่วนใหญ่ ถังพวกนี้ไม่ได้ มีแต่ความคิด แต่เป็นตัวการชักใยสร้างบท แต่งเรื่องรวมกำกับการแสดงและจัดหาตัวผู้มีหน้าที่บริหารประเทศด้วย แม้ตำแหน่งประธานาธิบดี ก็ไม่พ้นการจัดส่งและชักใยของ Think Tank ที่มีอิทธิพลสูง เช่น – Council on Foreign Relations (CFR)
– The Bilderberg Group
– The Trilateral Commission
– The Centre for Strategic and International Studies (CSIS)
– The Brookings Institution
– The Rand Corporation
– The Carnegie Endowment for International Peace
– Atlantic Council
– The Asia Society
– The Group of Thirty
ฯลฯ พวกถังความคิดเหล่านี้ บางพวกได้รับเงินสนับสนุนจาก Washington บางพวกได้จากมูลนิธิ Rockefeller มูลนิธิ Ford มูลนิธิ Carnegie รวมทั้งบรรดาบรรษัทข้ามชาติ ที่เป็นเครือข่ายของนักล่าและพวก NSA ที่มีอิทธิพล think tank ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ประมาณ ค.ศ. 1970 เป็นต้นมา ส่วนใหญ่ เป็นเครือข่าย ที่เหล่านักยุทธศาสตร์ด้านนโย บายต่างประเทศ ที่ปรึกษาความมั่นคง (NSA) เช่น นาย Henry Kissinger, นาย Zbigniew Brzezinski, นาย Brent Scowcroft, นาย Josef Nye … เป็นผู้ก่อตั้งขึ้นมา หรือให้เด็กของตัวตั้งขึ้นมาแทบทั้งสิ้น กล่าวได้ว่า คนไม่กี่คนนี้เอง เป็นผู้มีอิทธิพลครอบงำ อเมริกามาตั้งแต่บัดนั้นถึงบัดนี้ ไม่ว่าอเมริกาจะเปลี่ยนประธานาธิบดีเป็นใคร และมาจากพรรคใด และคงไม่เป็นการเกินไปนัก ถ้าจะบอกว่าคนไม่กี่คนนี่แหละ มีอิทธิพลต่อโลกใบนี้มากเหลือเกิน ! คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 90 Views 0 Reviews
  • อาเซียนฮีลใจ สั่งแกร็บเลี้ยงไรเดอร์อินโดฯ

    แม้การชุมนุมในอินโดนีเซียจะนำมาซึ่งความสูญเสีย แต่ก็เกิดธารน้ำใจหลั่งไหลสู่ไรเดอร์ ที่ชาวอินโดนีเซียเรียกว่าโอโจล (Ojol) ในภาวะที่ยากลำบาก พร้อมกับช่วยเหลือร้านอาหารขนาดเล็กในอินโดนีเซีย ที่ยอดขายหายไปจากสภาวะเศรษฐกิจ และผลจากการบริหารประเทศของประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต เมื่อผู้ใช้แพลตฟอร์มสั่งอาหารออนไลน์ แกร็บ (Grab) และโกเจ็ก (Gojek) ในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และประเทศอื่นๆ สั่งอาหารจากร้านอาหารขนาดเล็กในอินโดนีเซียเพื่อเลี้ยงไรเดอร์

    ที่ผ่านมาพบว่ามีผู้ใช้งานแกร็บและโกเจ็กในหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ต่างช่วยเหลือไรเดอร์ และร้านอาหารในอินโดนีเซีย รวมทั้งบางคนซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคให้ไรเดอร์ผ่านบริการ Grabmart ของแกร็บ หรือ GoMart ของโกเจ็ก โดยไรเดอร์ที่ได้รับอาหารต่างขอบคุณและอวยพรกลับมา ทั้งส่งข้อความส่วนตัวในแพลตฟอร์ม หรือโพสต์คลิปลงในแพลตฟอร์มโซเชียลฯ เช่น เอ็กซ์ ติ๊กต็อก เธรด อินสตาแกรม ฯลฯ เพื่อเป็นหลักฐานว่าได้รับอาหารแล้ว และขอบคุณในน้ำใจที่มีให้ แสดงให้เห็นว่าน้ำใจเกิดขึ้นได้โดยไม่มีพรมแดน และกระชับความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนร่วมชาติสมาชิกประชาคมอาเซียน

    ผู้ใช้งานแกร็บในประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ไทย เมียนมา และกัมพูชา สามารถเลือกประเทศอินโดนีเซีย เพื่อสั่งอาหารช่วยเหลือไรเดอร์ข้ามประเทศได้ โดยชำระผ่านบัตรเครดิต ระบุข้อความถึงร้านอาหาร และข้อความถึงคนขับ เป็นภาษาอินโดนีเซียว่า "Pak/Bu, makanannya untuk abang/kakak driver & teman-teman" (คุณครับ อาหารนี้สำหรับคนขับและเพื่อนๆ ครับ) เพื่อให้ทราบว่าอาหารดังกล่าวสำหรับคนขับไรเดอร์และเพื่อนๆ

    อีกด้านหนึ่ง เมื่อวันที่ 1 ก.ย. นายแอนโทนี ตัน (Anthony Tan) ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งแกร็บ เดินทางจากสิงคโปร์มายังเมืองมากัสซาร์ จังหวัดซูลาเวซีใต้ เพื่อเยี่ยมครอบครัวของนายรุสดัมเดียนสยาห์ (Rusdamdiansyah) หรือ ดันดี (Dandi) ชายวัย 26 ปี ไรเดอร์แกร็บซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 29 ส.ค. โดยจะให้การช่วยเหลือทางการเงินและอื่นๆ ในระยะยาว พร้อมกันนี้ยังได้เปิดสายด่วนฉุกเฉินเกอร์เซป (GERCEP หรือ Grab Respon Cepat) และโครงการตรักเตียร์ ไดร์ฟเวอร์ (Traktir Driver) ให้ผู้ใช้งานสามารถซื้ออาหารให้กับไรเดอร์โดยตรงได้อีกด้วย

    สำหรับผู้เสียชีวิตจากการชุมนุมอย่างน้อย 6 คน นอกจากนายรุสดัมเดียนสยาห์แล้ว ยังมีนายอัฟฟาน คูรเนียวัน (Affan Kurniawan) วัย 21 ปี ผู้ขับขี่แพลตฟอร์มโกเจ็ก ถูกรถหุ้มเกราะควบคุมฝูงชน (Brimob) พุ่งชนเสียชีวิตเมื่อค่ำวันที่ 28 ส.ค.ที่ที่กรุงจาการ์ตา

    #Newskit
    อาเซียนฮีลใจ สั่งแกร็บเลี้ยงไรเดอร์อินโดฯ แม้การชุมนุมในอินโดนีเซียจะนำมาซึ่งความสูญเสีย แต่ก็เกิดธารน้ำใจหลั่งไหลสู่ไรเดอร์ ที่ชาวอินโดนีเซียเรียกว่าโอโจล (Ojol) ในภาวะที่ยากลำบาก พร้อมกับช่วยเหลือร้านอาหารขนาดเล็กในอินโดนีเซีย ที่ยอดขายหายไปจากสภาวะเศรษฐกิจ และผลจากการบริหารประเทศของประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต เมื่อผู้ใช้แพลตฟอร์มสั่งอาหารออนไลน์ แกร็บ (Grab) และโกเจ็ก (Gojek) ในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และประเทศอื่นๆ สั่งอาหารจากร้านอาหารขนาดเล็กในอินโดนีเซียเพื่อเลี้ยงไรเดอร์ ที่ผ่านมาพบว่ามีผู้ใช้งานแกร็บและโกเจ็กในหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ต่างช่วยเหลือไรเดอร์ และร้านอาหารในอินโดนีเซีย รวมทั้งบางคนซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคให้ไรเดอร์ผ่านบริการ Grabmart ของแกร็บ หรือ GoMart ของโกเจ็ก โดยไรเดอร์ที่ได้รับอาหารต่างขอบคุณและอวยพรกลับมา ทั้งส่งข้อความส่วนตัวในแพลตฟอร์ม หรือโพสต์คลิปลงในแพลตฟอร์มโซเชียลฯ เช่น เอ็กซ์ ติ๊กต็อก เธรด อินสตาแกรม ฯลฯ เพื่อเป็นหลักฐานว่าได้รับอาหารแล้ว และขอบคุณในน้ำใจที่มีให้ แสดงให้เห็นว่าน้ำใจเกิดขึ้นได้โดยไม่มีพรมแดน และกระชับความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนร่วมชาติสมาชิกประชาคมอาเซียน ผู้ใช้งานแกร็บในประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ไทย เมียนมา และกัมพูชา สามารถเลือกประเทศอินโดนีเซีย เพื่อสั่งอาหารช่วยเหลือไรเดอร์ข้ามประเทศได้ โดยชำระผ่านบัตรเครดิต ระบุข้อความถึงร้านอาหาร และข้อความถึงคนขับ เป็นภาษาอินโดนีเซียว่า "Pak/Bu, makanannya untuk abang/kakak driver & teman-teman" (คุณครับ อาหารนี้สำหรับคนขับและเพื่อนๆ ครับ) เพื่อให้ทราบว่าอาหารดังกล่าวสำหรับคนขับไรเดอร์และเพื่อนๆ อีกด้านหนึ่ง เมื่อวันที่ 1 ก.ย. นายแอนโทนี ตัน (Anthony Tan) ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งแกร็บ เดินทางจากสิงคโปร์มายังเมืองมากัสซาร์ จังหวัดซูลาเวซีใต้ เพื่อเยี่ยมครอบครัวของนายรุสดัมเดียนสยาห์ (Rusdamdiansyah) หรือ ดันดี (Dandi) ชายวัย 26 ปี ไรเดอร์แกร็บซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 29 ส.ค. โดยจะให้การช่วยเหลือทางการเงินและอื่นๆ ในระยะยาว พร้อมกันนี้ยังได้เปิดสายด่วนฉุกเฉินเกอร์เซป (GERCEP หรือ Grab Respon Cepat) และโครงการตรักเตียร์ ไดร์ฟเวอร์ (Traktir Driver) ให้ผู้ใช้งานสามารถซื้ออาหารให้กับไรเดอร์โดยตรงได้อีกด้วย สำหรับผู้เสียชีวิตจากการชุมนุมอย่างน้อย 6 คน นอกจากนายรุสดัมเดียนสยาห์แล้ว ยังมีนายอัฟฟาน คูรเนียวัน (Affan Kurniawan) วัย 21 ปี ผู้ขับขี่แพลตฟอร์มโกเจ็ก ถูกรถหุ้มเกราะควบคุมฝูงชน (Brimob) พุ่งชนเสียชีวิตเมื่อค่ำวันที่ 28 ส.ค.ที่ที่กรุงจาการ์ตา #Newskit
    1 Comments 0 Shares 106 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ยุทธการฝูงผึ้ง ”
    ตอนที่ 4
    สำหรับเหตุการณ์ขับไล่รัฐบาลโจรร้าย ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2556 ถึงปัจจุบัน ICG มีรายงานออกมา 3 ครั้ง
    – ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ. 2013 เป็นการรายงานความเคลื่อนไหวของฝ่ายที่ออกมาประท้วงรัฐบาล ใส่ข้อมูลแนวเดียวกับสื่อหัวสี ข้อมูลฟอกย้อมจนขี้เกียจเขียนถึง แค่อ่านก็ออกอาการตึงมือขึ้นมาแล้ว แต่ ICG ยังไม่มีคำวิจารณ์หรือความเห็นเสนอ
    – ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 2013 รายงานระบุว่าวิกฤติทางการเมืองเข้มข้นขึ้น เมื่อฝ่ายประท้วงเรื่องไม่รับกม.นิรโทษกรรม เปลี่ยนเป็นเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก และขู่ว่าจะล้มการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ และมีแผนจะยึดกรุงเทพฯ และขับไล่ระบอบทักษิณแบบขุดรากถอนโคน
    และตั้งสภาประชาชน 400 คน นายสุเทพอดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์แกนนำขู่ว่าจะ shut down กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 2014
    ฝ่ายกองทัพไม่ปฏิเสธว่าจะไม่มีการปฏิวัติ แต่ ICG ยังคงไม่มีความเห็นเสนอ
    – ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 2014 ใช้หัวข้อการรายงานว่า Conflict Alert รายงานว่า การประท้วงทำท่าจะก่อให้เกิดความรุนแรง และโอกาสที่จะมีการเจรจาอย่างสันติแทบจะไม่มีเลย และผู้ประท้วงมีแนวโน้ม จะสนับสนุนให้มีการรัฐประหารโดยกองทัพ การประท้วงัไม่ให้มีการเลือกตั้ง ทำให้เห็นชัดถึงทิศทางการเมืองของประเทศไทยว่า จะเป็นแบบรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยชอบ หรือเป็นการบริหารโดยสถาบันที่มีอำนาจอย่างเคย ๆ เช่น สถาบันกษัตริย์ และกองทัพ
    รายงานส่วนอื่น ถ้าไม่บอกว่าเป็นรายงานของ ICG ก็อาจจะเข้าใจผิดได้ว่า อ่านรายงานของสำนักนายกฯ (เอ้ะ ชักสงสัยใครมันเขียนให้ใครกันแน่ ! ?)
    ที่น่าสนใจเป้าหมายของรายงาน ไม่ได้พุ่งไปที่ฝ่ายประท้วงรัฐบาลอย่างเดียว แต่พ่วงเอากองทัพเข้าไปด้วยว่า ความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น เหมือนเป็นการออกแบบให้เกิดการรัฐประหาร ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าจะไม่มี กองทัพได้ทำการรัฐประหารมาแล้ว 18 ครั้ง ตั้งแต่ ค.ศ. 1932 ทั้งสำเร็จและไม่สำเร็จ และใช้กำลังอาวุธกับกลุ่มที่ออกมาแสดงความนิยมประชาธิปไตย เมื่อ ค.ศ. 1973, 1992 และ 2010 แต่ไม่เคยสักครั้งเดียว ที่จะออกมาแทรกแซงเพื่อช่วยรัฐบาลของทักษิณ!
    ICG ตบท้ายรายงานว่า ไม่มีหนทางใดที่จะนำไปสู่ความสันติ ถ้าเส้นทางนั้นไม่เคารพเสียข้างมากของผู้ลงคะแนน พร้อมกับให้คำแนะนำว่า
    – ประชาธิปัตย์ ควรจะกลับไปร่วมในขบวนการเลือกตั้ง
    – กองทัพ ต้องพยายามดูแลเหตุการณ์ความไม่สงบนี้ ตามวิถีประชาธิปไตย และสนับสนุนให้มีการเจรจาระหว่างคู่ขัดแย้ง ทั้ง 2
    – ประเทศไทย จะต้องถึงจุดที่พิจารณาให้ชัดเจนว่า จะบริหารประเทศอย่างไร ซึ่งจำเป็นต้องมีการหารือในระดับชาติ ไม่ใช่เป็นความต้องการของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และจะต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการเลือกตั้ง
    (ผมก็ไม่แน่ใจนะครับ ว่าระหว่างรัฐบาลกับ ICG ใครมันสอนให้ใครพูดข้อความข้างต้นเพราะมันเหมือนกันจัง)
    ICG ยังสำทับอีกว่า ถ้าทุกฝ่ายเห็นพ้องกันว่า มีความจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงความรุนแรง การหารือกันในระดับชาติถึงทางออกจากข้อขัดแย้ง ก็พอมีให้เห็นอย่างจาง ๆ แต่ว่าสำหรับกรุงเทพ ทางเลือกอื่นไม่ได้มีมากนัก ! (เขียนแบบนี้มันมีความหมายพิลึกนะ)
    ขณะนี้เขียนบทความนี้ ยังไม่รู้ว่า ICG จะทำงานได้ตามราคาคุยของนาย Evans แค่ไหน แต่อย่างน้อย พอมองเห็นว่า การทำงานของ ICG แผนก R&D ของนักล่า ได้ผลระดับหนึ่ง ในเรื่องต่อไปนี้
    – รัฐบาลภายใต้การนำของโจรร้าย และน้องสาวแสนโง่ เดินตามคำแนะนำของแผนก R&D ของนักล่า อย่างเคร่งครัด แต่ผลสำเร็จเกิดแค่ไหน คงต้องดูกันต่อไป
    – การพยายามให้โลกเข้าข้างฝ่ายที่ ICG กำลังสนับสนุนอยู่ไม่ว่าการกระทำนั้นจะเลวร้าย ไม่เป็นประชาธิปไตย ฯลฯ ขนาดไหน ได้ผลสูงและทำให้โลกตำหนิติเตียน ตั้งข้อสังเกต กับฝ่ายที่ไม่ได้เป็นตัวเล่นของ ICG จนทำให้เกิดความเข้าใจผิด สับสน งงงวย กับบทบาทและเป้าหมายของตนเองกันเป็นแถว ๆ ก็นับว่าได้ผลไม่น้อยทีเดียว

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ยุทธการฝูงผึ้ง ” ตอนที่ 4 สำหรับเหตุการณ์ขับไล่รัฐบาลโจรร้าย ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2556 ถึงปัจจุบัน ICG มีรายงานออกมา 3 ครั้ง – ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ. 2013 เป็นการรายงานความเคลื่อนไหวของฝ่ายที่ออกมาประท้วงรัฐบาล ใส่ข้อมูลแนวเดียวกับสื่อหัวสี ข้อมูลฟอกย้อมจนขี้เกียจเขียนถึง แค่อ่านก็ออกอาการตึงมือขึ้นมาแล้ว แต่ ICG ยังไม่มีคำวิจารณ์หรือความเห็นเสนอ – ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 2013 รายงานระบุว่าวิกฤติทางการเมืองเข้มข้นขึ้น เมื่อฝ่ายประท้วงเรื่องไม่รับกม.นิรโทษกรรม เปลี่ยนเป็นเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก และขู่ว่าจะล้มการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ และมีแผนจะยึดกรุงเทพฯ และขับไล่ระบอบทักษิณแบบขุดรากถอนโคน และตั้งสภาประชาชน 400 คน นายสุเทพอดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์แกนนำขู่ว่าจะ shut down กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 2014 ฝ่ายกองทัพไม่ปฏิเสธว่าจะไม่มีการปฏิวัติ แต่ ICG ยังคงไม่มีความเห็นเสนอ – ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 2014 ใช้หัวข้อการรายงานว่า Conflict Alert รายงานว่า การประท้วงทำท่าจะก่อให้เกิดความรุนแรง และโอกาสที่จะมีการเจรจาอย่างสันติแทบจะไม่มีเลย และผู้ประท้วงมีแนวโน้ม จะสนับสนุนให้มีการรัฐประหารโดยกองทัพ การประท้วงัไม่ให้มีการเลือกตั้ง ทำให้เห็นชัดถึงทิศทางการเมืองของประเทศไทยว่า จะเป็นแบบรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยชอบ หรือเป็นการบริหารโดยสถาบันที่มีอำนาจอย่างเคย ๆ เช่น สถาบันกษัตริย์ และกองทัพ รายงานส่วนอื่น ถ้าไม่บอกว่าเป็นรายงานของ ICG ก็อาจจะเข้าใจผิดได้ว่า อ่านรายงานของสำนักนายกฯ (เอ้ะ ชักสงสัยใครมันเขียนให้ใครกันแน่ ! ?) ที่น่าสนใจเป้าหมายของรายงาน ไม่ได้พุ่งไปที่ฝ่ายประท้วงรัฐบาลอย่างเดียว แต่พ่วงเอากองทัพเข้าไปด้วยว่า ความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น เหมือนเป็นการออกแบบให้เกิดการรัฐประหาร ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าจะไม่มี กองทัพได้ทำการรัฐประหารมาแล้ว 18 ครั้ง ตั้งแต่ ค.ศ. 1932 ทั้งสำเร็จและไม่สำเร็จ และใช้กำลังอาวุธกับกลุ่มที่ออกมาแสดงความนิยมประชาธิปไตย เมื่อ ค.ศ. 1973, 1992 และ 2010 แต่ไม่เคยสักครั้งเดียว ที่จะออกมาแทรกแซงเพื่อช่วยรัฐบาลของทักษิณ! ICG ตบท้ายรายงานว่า ไม่มีหนทางใดที่จะนำไปสู่ความสันติ ถ้าเส้นทางนั้นไม่เคารพเสียข้างมากของผู้ลงคะแนน พร้อมกับให้คำแนะนำว่า – ประชาธิปัตย์ ควรจะกลับไปร่วมในขบวนการเลือกตั้ง – กองทัพ ต้องพยายามดูแลเหตุการณ์ความไม่สงบนี้ ตามวิถีประชาธิปไตย และสนับสนุนให้มีการเจรจาระหว่างคู่ขัดแย้ง ทั้ง 2 – ประเทศไทย จะต้องถึงจุดที่พิจารณาให้ชัดเจนว่า จะบริหารประเทศอย่างไร ซึ่งจำเป็นต้องมีการหารือในระดับชาติ ไม่ใช่เป็นความต้องการของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และจะต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการเลือกตั้ง (ผมก็ไม่แน่ใจนะครับ ว่าระหว่างรัฐบาลกับ ICG ใครมันสอนให้ใครพูดข้อความข้างต้นเพราะมันเหมือนกันจัง) ICG ยังสำทับอีกว่า ถ้าทุกฝ่ายเห็นพ้องกันว่า มีความจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงความรุนแรง การหารือกันในระดับชาติถึงทางออกจากข้อขัดแย้ง ก็พอมีให้เห็นอย่างจาง ๆ แต่ว่าสำหรับกรุงเทพ ทางเลือกอื่นไม่ได้มีมากนัก ! (เขียนแบบนี้มันมีความหมายพิลึกนะ) ขณะนี้เขียนบทความนี้ ยังไม่รู้ว่า ICG จะทำงานได้ตามราคาคุยของนาย Evans แค่ไหน แต่อย่างน้อย พอมองเห็นว่า การทำงานของ ICG แผนก R&D ของนักล่า ได้ผลระดับหนึ่ง ในเรื่องต่อไปนี้ – รัฐบาลภายใต้การนำของโจรร้าย และน้องสาวแสนโง่ เดินตามคำแนะนำของแผนก R&D ของนักล่า อย่างเคร่งครัด แต่ผลสำเร็จเกิดแค่ไหน คงต้องดูกันต่อไป – การพยายามให้โลกเข้าข้างฝ่ายที่ ICG กำลังสนับสนุนอยู่ไม่ว่าการกระทำนั้นจะเลวร้าย ไม่เป็นประชาธิปไตย ฯลฯ ขนาดไหน ได้ผลสูงและทำให้โลกตำหนิติเตียน ตั้งข้อสังเกต กับฝ่ายที่ไม่ได้เป็นตัวเล่นของ ICG จนทำให้เกิดความเข้าใจผิด สับสน งงงวย กับบทบาทและเป้าหมายของตนเองกันเป็นแถว ๆ ก็นับว่าได้ผลไม่น้อยทีเดียว คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 164 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ยุทธการฝูงผึ้ง ”
    ตอนที่ 1
    International Crisis Group (ICG) ของนาย George Soros และพวก เช่น นาย Kenneth Adelman นัก lobby ใหญ่ ของไอ้โจรร้ายที่เขียนไปเมื่อวันที่ 15 ม.ค พ.ศ. 2557 นั้น เป็นองค์กรที่น่าสนใจไม่ใช่ระดับธรรมดา แต่เป็นองค์กรที่ตอนนี้ถ้าเป็นเพลง ก็เรียกว่าขึ้นอยู่ในระดับ top chart เพราะเป็นองค์กร ที่ดูเหมือนจะมีส่วนในการกำหนดชะตากรรมของหลายประเทศ ในหลายภูมิภาค พูดภาษาจิกโก๋เรียกว่า เป็นผู้จัดการฝ่าย Research and Development R& D วิเคราะห์และวางแผนการล่าเหยื่อ ให้แก่กลุ่มทุนอิทธิพลนักล่าอาณานิคมยุคใหม่ (CFR) และไทยแลนด์แดนสมันน้อย ก็น่าสงสัยว่าจะอยู่ในรายการ shopping list เหยื่ออันโอชะ (อีกแล้ว !)
    ตั้งแต่ไอ้โจรร้าย ร่อนเร่ไปอยู่นอกประเทศ เพราะคุณทหารเอารถถังออกมาวิ่งรับดอกไม้จากชาวกรุงเทพ! เมื่อปี พ.ศ. 2549 นั้น บางทีมันก็ทำให้ชะตาบางคนพลิกผัน เหมือนกับการปล่อยหมูเข้าเล้า หรือปล่อยหมาไนไว้ในทุ่งหญ้า อะไรทำนองนั้น หมาไนเคยแต่แทะกระดูกตลอด กว่าจะได้กินเนื้อก็เหนื่อยจนเบ้าตา เป็นเบ้าขนมครก (ฮา !) พอเจอนักล่าเอาเหยื่อมีเนื้อติดกระดูกมาล่อ ด้วยความตะกระ อันเป็นสันดาน ก็รีบเดินเข้าไปสู่กรงเล็บนักล่าอย่างเต็มใจ ว่าแล้วก็ดันจ้างนักล่ามาเป็นที่ปรึกษา ให้ล่าประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของตนเองอย่างสุดเลว ชั่วจริง ๆ !
    เพื่อจะเข้าใจปัจจุบัน ขอทบทวนอดีตสักหน่อย ภายหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต เมื่อ ปี ค.ศ. 1989 อเมริกามีทางเลือกในฐานะผู้มีอำนาจใหญ่ล้นโลก ที่จะทำให้โลกนี้ สู่สภาพการสิ้นสุดของสงครามเย็นอย่างจริงจัง และเปลี่ยนวิถีของโลกเสียใหม่ ไปสู่สันติภาพและความรุ่งเรือง
    อย่างแท้จริง หมดสงครามเย็น ยุติการเกลียดชัง การแก่งแย่งชิงดี การเหยียดทางเชื้อชาติและสู้รบระหว่างเผ่าพันธ์ การปิดกั้นเรื่องศาสนา ฯลฯ เปลี่ยนจากการทำลายล้าง ต่อสู้ เป็นการสร้างความเจริญแก่โลก และแก้ไขปัญหาความลำบากยากจนของพลเมืองโลกอย่างแท้จริง สมกับการเป็น
    พี่เบิ้ม
    เปล่าหรอก นั้นมันเป็นความน่าจะเป็น หรือความอยากให้เป็นของชาวโลก ที่จะได้เห็นอเมริกา เดินสู่เส้นทางนั้น ในทางตรงกันข้าม นอกจากอเมริกาจะไม่ทำอย่างนั้นแล้ว ภายใต้ประกาสิตของลัทธิ New World Order จัดระเบียบโลกใหม่ ที่นาย Bush ตัวพ่อ ออกมาประกาศ
    เมื่อ ปี ค.ศ. 1990 ภายใต้การกำกับของกลุ่มผู้ทรงอิทธิพล CFR อเมริกากลับเลือกที่จะทำทุกอย่าง ไม่ว่าการเป็นการสร้าง ทำลาย หลอก ลวง ต้มตุ๋น เพื่อที่จะควบคุมและครอบครองโลก
    ปี ค.ศ. 1997 นาย Zbigniew Brzezinski ปรมาจารย์ทางด้าน Geopolitics ที่มีอิทธิพลในทางความคิดกับกลุ่ม CFR อย่างยิ่ง ได้เขียนไว้ในหนังสือ The Grand Chess Board ว่าอเมริกาจะครองโลกได้ ต้องควบคุมดินแดนที่เรียกว่า Eurasia ให้ได้เสียก่อน ดินแดนยูเรเซียคืออะไร คร่าว ๆ คือ ทวีปยุโรปกับทวีปเอเซียรวมกัน เป็นดินแดนที่มีเนื้อที่ประมาณ 1 ใน 3 ของพื้นที่โลก มีประชากรประมาณเกือบห้าพันล้านคน หรือประมาณกว่า 70% ของพลเมืองโลก และมีก๊าซและน้ำมัน ประมาณ 3 ใน 4 ของโลก คิดดูแล้วกัน มันเป็นเหยื่อกลุ่มใหญ่ รสโอชา น่ารับประทานขนาดไหนของกลุ่มนักล่า
    เมื่อคิดจะล่ากันเป็นล่ำเป็นสันอีกรอบ ในฐานะพี่เบิ้มใหญ่ คุมซอยเดียวไม่พอ มันต้องคุมทั้งเมือง ว่าแล้ว สงครามรูปแบบใหม่ จึงกลับฟื้นคืนชีพมาใหม่ แต่เปลี่ยนเครื่องทรง แต่งหน้าใหม่ ตามยุทธศาสตร์ ที่กำหนดโดย Project of the New American Century หรือ PNAC ที่
    ออกมาในปี ค.ศ. 1997 นั่นเอง ผู้อำนวยการสร้าง PNAC ไม่ใช่ใครอื่น CFR จัดส่งมาให้ทั้งแก๊ง แสดงนำโดย นาย Paul Wolfowitz, นาย R James Woolsey, นาย Donald Rumsfeld และนาย Robert Zoellick เป็นต้น เป้าหมายของ PNAC คือ เพื่อให้อเมริกาครองโลก (promote American global leadership) จะครองโลกได้ ก็ต้องมีกองทัพที่แข็งแกร่ง อเมริกาเริ่มจัดรูปแบบกองทัพ ฐานทัพ และสร้างอาวุธใหม่ ๆ ขึ้น แค่นั้นยังดูไม่เอาจริงพอ ในปี ค.ศ. 2000 PNAC ออกรายงานมาอีกชื่อ Rebuilding Americas Defenses : Strategies, Forces and Resources for a New Century
    เห็นหัวข้อรายงานก็พอจะเดาทิศทาง การเดินหมากของอเมริกาในศตวรรษใหม่ได้
    ภายใต้ยุทธศาสตร์ที่กำหนดโดย PNAC ดังกล่าว เหยื่อที่ถูกเลือกให้ทดลองทฤษฎีใหม่ คือ Saddam Hussein สงครามอีรัคเกิดขึ้น ตั้งแต่ ค.ศ. 2003 ถึง 2011 ความเสียหายมีมาก เมื่อเทียบกับผลที่ได้มา ก้อนอิฐปาใส่มากกว่าดอกไม้ ยุทธศาสตร์ ตาม PNAC เน้นทางการทหาร
    มากกว่าการฑูต เหยี่ยวขยับปีกมากไปหน่อย จึงมีความคิดที่จะเอานกพิราบมาใช้แทน แต่ขอโทษ เป็นนกพิราบที่ติดกรงเล็บเหยี่ยว แถมไม่ใช่เล็บธรรมดา ในเล็บยังใส่ยาพิษไว้อีก
    ทฤษฎีนกพิราบติดกรงเล็บเหยี่ยวไม่ใช่เรื่องใหม่ ถ้าเราจะจำกันได้ เรื่องอิหร่าน ตั้งแต่อังกฤษจับมือกับอเมริกา ปลดนาย Mossadegh ในปี ค.ศ. 1953 โทษฐานที่รู้ทันไม่ยอมถูกฝรั่งต้มต่อ และในค.ศ. 1997 นกพิราบสายพันธ์เดิมก็ถูกนำมาใช้ในการปลดกลางอากาศ Shah โทษฐาน
    เล่นผิดบท และเอา Ayatollah Khomeini มาปกครองอิหร่าน ท่านผู้อ่านนิทานมายากลยุทธ มาแล้ว โปรดอย่าลืม อิหร่าน Model ทั้ง 2 รายการ เป็น Model ที่น่าสนใจ และมีนัยลึกซึ้ง โปรดอ่านทบทวน และน่าจะศึกษาเพิ่มเติมด้วย เผื่อจะเข้าใจหัวคิดและจิตใจอันแสนร้าย ของนักล่ามากขึ้น วันไหนเขานึกจะเล่น Model อิหร่านกับสมันน้อย จะได้รู้ตัว และต่อต้าน หรือต่อสู้ถูกทาง
    นกพิราบติดกรงเหยี่ยว ถูกนำมาใช้ในปฏิบัติการ ที่ CIA มักเรียก วิธีการอื่น ส่วนมากเป็นการปฏิบัติการ สำหรับการล้มล้าง ระบอบหรือรัฐบาล ผู้นำประเทศ ผู้บริหารประเทศ ที่อเมริกาเห็นว่าไม่เป็นมิตร หรือไม่เป็นประโยชน์ ไม่สมประโยชน์ หรือขัดใจ ขวางทางทำมาหากินหรือตรงข้ามกับแนวคิดของอเมริกา ปฏิบัติการนี้ก็จะถูกนำมาใช้ เพื่อเอาหมากตัวใหม่หรือไพ่ใบใหม่ มาเล่นแทน โดยไม่จำเป็นต้องใช้กองทัพของอเมริกาให้เปลืองแรง เปลืองเงิน ก็แค่นั้น
    แต่พอเป็นศตวรรษใหม่ New Century แล้ว จะใช้ CIA เล่นโดด ๆ มันก็เหมือนไม่มีงบมาเติมเงินนั้นแหละ (ฮา !) ก็ต้องสร้างงานกันหน่อย เมื่อเห็นว่าการยกทัพจับศึกอย่างที่ทำในอิรัค มันไม่เข้าท่า ถูกด่ามากกว่าถูกสรรเสริฐ เขาก็เปลี่ยนวิชามารใหม่ อย่างว่า การตั้งสถาบันต่าง ๆ จึงผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด (แหม ! กว่าจะโยงถึง ICG ต้องไปวิ่งอ้อมถึงสนามหลวง) สถาบันพวกนี้มีหน้าที่ปฏิบัติการ ที่ยังไม่จำเป็นต้องใช้กองทัพ แต่ปูทางไว้ เพื่อให้กองทัพเข้ามาได้ง่ายขึ้น

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ยุทธการฝูงผึ้ง ” ตอนที่ 1 International Crisis Group (ICG) ของนาย George Soros และพวก เช่น นาย Kenneth Adelman นัก lobby ใหญ่ ของไอ้โจรร้ายที่เขียนไปเมื่อวันที่ 15 ม.ค พ.ศ. 2557 นั้น เป็นองค์กรที่น่าสนใจไม่ใช่ระดับธรรมดา แต่เป็นองค์กรที่ตอนนี้ถ้าเป็นเพลง ก็เรียกว่าขึ้นอยู่ในระดับ top chart เพราะเป็นองค์กร ที่ดูเหมือนจะมีส่วนในการกำหนดชะตากรรมของหลายประเทศ ในหลายภูมิภาค พูดภาษาจิกโก๋เรียกว่า เป็นผู้จัดการฝ่าย Research and Development R& D วิเคราะห์และวางแผนการล่าเหยื่อ ให้แก่กลุ่มทุนอิทธิพลนักล่าอาณานิคมยุคใหม่ (CFR) และไทยแลนด์แดนสมันน้อย ก็น่าสงสัยว่าจะอยู่ในรายการ shopping list เหยื่ออันโอชะ (อีกแล้ว !) ตั้งแต่ไอ้โจรร้าย ร่อนเร่ไปอยู่นอกประเทศ เพราะคุณทหารเอารถถังออกมาวิ่งรับดอกไม้จากชาวกรุงเทพ! เมื่อปี พ.ศ. 2549 นั้น บางทีมันก็ทำให้ชะตาบางคนพลิกผัน เหมือนกับการปล่อยหมูเข้าเล้า หรือปล่อยหมาไนไว้ในทุ่งหญ้า อะไรทำนองนั้น หมาไนเคยแต่แทะกระดูกตลอด กว่าจะได้กินเนื้อก็เหนื่อยจนเบ้าตา เป็นเบ้าขนมครก (ฮา !) พอเจอนักล่าเอาเหยื่อมีเนื้อติดกระดูกมาล่อ ด้วยความตะกระ อันเป็นสันดาน ก็รีบเดินเข้าไปสู่กรงเล็บนักล่าอย่างเต็มใจ ว่าแล้วก็ดันจ้างนักล่ามาเป็นที่ปรึกษา ให้ล่าประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของตนเองอย่างสุดเลว ชั่วจริง ๆ ! เพื่อจะเข้าใจปัจจุบัน ขอทบทวนอดีตสักหน่อย ภายหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต เมื่อ ปี ค.ศ. 1989 อเมริกามีทางเลือกในฐานะผู้มีอำนาจใหญ่ล้นโลก ที่จะทำให้โลกนี้ สู่สภาพการสิ้นสุดของสงครามเย็นอย่างจริงจัง และเปลี่ยนวิถีของโลกเสียใหม่ ไปสู่สันติภาพและความรุ่งเรือง อย่างแท้จริง หมดสงครามเย็น ยุติการเกลียดชัง การแก่งแย่งชิงดี การเหยียดทางเชื้อชาติและสู้รบระหว่างเผ่าพันธ์ การปิดกั้นเรื่องศาสนา ฯลฯ เปลี่ยนจากการทำลายล้าง ต่อสู้ เป็นการสร้างความเจริญแก่โลก และแก้ไขปัญหาความลำบากยากจนของพลเมืองโลกอย่างแท้จริง สมกับการเป็น พี่เบิ้ม เปล่าหรอก นั้นมันเป็นความน่าจะเป็น หรือความอยากให้เป็นของชาวโลก ที่จะได้เห็นอเมริกา เดินสู่เส้นทางนั้น ในทางตรงกันข้าม นอกจากอเมริกาจะไม่ทำอย่างนั้นแล้ว ภายใต้ประกาสิตของลัทธิ New World Order จัดระเบียบโลกใหม่ ที่นาย Bush ตัวพ่อ ออกมาประกาศ เมื่อ ปี ค.ศ. 1990 ภายใต้การกำกับของกลุ่มผู้ทรงอิทธิพล CFR อเมริกากลับเลือกที่จะทำทุกอย่าง ไม่ว่าการเป็นการสร้าง ทำลาย หลอก ลวง ต้มตุ๋น เพื่อที่จะควบคุมและครอบครองโลก ปี ค.ศ. 1997 นาย Zbigniew Brzezinski ปรมาจารย์ทางด้าน Geopolitics ที่มีอิทธิพลในทางความคิดกับกลุ่ม CFR อย่างยิ่ง ได้เขียนไว้ในหนังสือ The Grand Chess Board ว่าอเมริกาจะครองโลกได้ ต้องควบคุมดินแดนที่เรียกว่า Eurasia ให้ได้เสียก่อน ดินแดนยูเรเซียคืออะไร คร่าว ๆ คือ ทวีปยุโรปกับทวีปเอเซียรวมกัน เป็นดินแดนที่มีเนื้อที่ประมาณ 1 ใน 3 ของพื้นที่โลก มีประชากรประมาณเกือบห้าพันล้านคน หรือประมาณกว่า 70% ของพลเมืองโลก และมีก๊าซและน้ำมัน ประมาณ 3 ใน 4 ของโลก คิดดูแล้วกัน มันเป็นเหยื่อกลุ่มใหญ่ รสโอชา น่ารับประทานขนาดไหนของกลุ่มนักล่า เมื่อคิดจะล่ากันเป็นล่ำเป็นสันอีกรอบ ในฐานะพี่เบิ้มใหญ่ คุมซอยเดียวไม่พอ มันต้องคุมทั้งเมือง ว่าแล้ว สงครามรูปแบบใหม่ จึงกลับฟื้นคืนชีพมาใหม่ แต่เปลี่ยนเครื่องทรง แต่งหน้าใหม่ ตามยุทธศาสตร์ ที่กำหนดโดย Project of the New American Century หรือ PNAC ที่ ออกมาในปี ค.ศ. 1997 นั่นเอง ผู้อำนวยการสร้าง PNAC ไม่ใช่ใครอื่น CFR จัดส่งมาให้ทั้งแก๊ง แสดงนำโดย นาย Paul Wolfowitz, นาย R James Woolsey, นาย Donald Rumsfeld และนาย Robert Zoellick เป็นต้น เป้าหมายของ PNAC คือ เพื่อให้อเมริกาครองโลก (promote American global leadership) จะครองโลกได้ ก็ต้องมีกองทัพที่แข็งแกร่ง อเมริกาเริ่มจัดรูปแบบกองทัพ ฐานทัพ และสร้างอาวุธใหม่ ๆ ขึ้น แค่นั้นยังดูไม่เอาจริงพอ ในปี ค.ศ. 2000 PNAC ออกรายงานมาอีกชื่อ Rebuilding Americas Defenses : Strategies, Forces and Resources for a New Century เห็นหัวข้อรายงานก็พอจะเดาทิศทาง การเดินหมากของอเมริกาในศตวรรษใหม่ได้ ภายใต้ยุทธศาสตร์ที่กำหนดโดย PNAC ดังกล่าว เหยื่อที่ถูกเลือกให้ทดลองทฤษฎีใหม่ คือ Saddam Hussein สงครามอีรัคเกิดขึ้น ตั้งแต่ ค.ศ. 2003 ถึง 2011 ความเสียหายมีมาก เมื่อเทียบกับผลที่ได้มา ก้อนอิฐปาใส่มากกว่าดอกไม้ ยุทธศาสตร์ ตาม PNAC เน้นทางการทหาร มากกว่าการฑูต เหยี่ยวขยับปีกมากไปหน่อย จึงมีความคิดที่จะเอานกพิราบมาใช้แทน แต่ขอโทษ เป็นนกพิราบที่ติดกรงเล็บเหยี่ยว แถมไม่ใช่เล็บธรรมดา ในเล็บยังใส่ยาพิษไว้อีก ทฤษฎีนกพิราบติดกรงเล็บเหยี่ยวไม่ใช่เรื่องใหม่ ถ้าเราจะจำกันได้ เรื่องอิหร่าน ตั้งแต่อังกฤษจับมือกับอเมริกา ปลดนาย Mossadegh ในปี ค.ศ. 1953 โทษฐานที่รู้ทันไม่ยอมถูกฝรั่งต้มต่อ และในค.ศ. 1997 นกพิราบสายพันธ์เดิมก็ถูกนำมาใช้ในการปลดกลางอากาศ Shah โทษฐาน เล่นผิดบท และเอา Ayatollah Khomeini มาปกครองอิหร่าน ท่านผู้อ่านนิทานมายากลยุทธ มาแล้ว โปรดอย่าลืม อิหร่าน Model ทั้ง 2 รายการ เป็น Model ที่น่าสนใจ และมีนัยลึกซึ้ง โปรดอ่านทบทวน และน่าจะศึกษาเพิ่มเติมด้วย เผื่อจะเข้าใจหัวคิดและจิตใจอันแสนร้าย ของนักล่ามากขึ้น วันไหนเขานึกจะเล่น Model อิหร่านกับสมันน้อย จะได้รู้ตัว และต่อต้าน หรือต่อสู้ถูกทาง นกพิราบติดกรงเหยี่ยว ถูกนำมาใช้ในปฏิบัติการ ที่ CIA มักเรียก วิธีการอื่น ส่วนมากเป็นการปฏิบัติการ สำหรับการล้มล้าง ระบอบหรือรัฐบาล ผู้นำประเทศ ผู้บริหารประเทศ ที่อเมริกาเห็นว่าไม่เป็นมิตร หรือไม่เป็นประโยชน์ ไม่สมประโยชน์ หรือขัดใจ ขวางทางทำมาหากินหรือตรงข้ามกับแนวคิดของอเมริกา ปฏิบัติการนี้ก็จะถูกนำมาใช้ เพื่อเอาหมากตัวใหม่หรือไพ่ใบใหม่ มาเล่นแทน โดยไม่จำเป็นต้องใช้กองทัพของอเมริกาให้เปลืองแรง เปลืองเงิน ก็แค่นั้น แต่พอเป็นศตวรรษใหม่ New Century แล้ว จะใช้ CIA เล่นโดด ๆ มันก็เหมือนไม่มีงบมาเติมเงินนั้นแหละ (ฮา !) ก็ต้องสร้างงานกันหน่อย เมื่อเห็นว่าการยกทัพจับศึกอย่างที่ทำในอิรัค มันไม่เข้าท่า ถูกด่ามากกว่าถูกสรรเสริฐ เขาก็เปลี่ยนวิชามารใหม่ อย่างว่า การตั้งสถาบันต่าง ๆ จึงผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด (แหม ! กว่าจะโยงถึง ICG ต้องไปวิ่งอ้อมถึงสนามหลวง) สถาบันพวกนี้มีหน้าที่ปฏิบัติการ ที่ยังไม่จำเป็นต้องใช้กองทัพ แต่ปูทางไว้ เพื่อให้กองทัพเข้ามาได้ง่ายขึ้น คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 207 Views 0 Reviews
  • เอาจริงๆนะ งานนี้ ผบ.เหล่าทัพสูงสุดคุมทั้ง3เหล่าทัพประสานงาน จะเอาอย่างไร,ผบ.ทบ.,ผบ.ทอ.,ผบ.ทร. สำคัญหมดตอนนี้,
    ..
    ..งานนี้บอกตรงๆสถาบันการเมืองต้องประชุมกันทันทีเพื่อหลีกทางให้ฝ่ายทหารขึ้นปกครองบ้านเมือง,อีกทั้งเรา..ประชาชนต่างสามัคคีเต็มใจเพื่อนำพาประเทศชาติให้ผ่านพ้นวิกฤติของโลกยุคนี้,คือภาวะก่อนเกิดสงครามโลก,เรา..ต้องมีผู้นำที่ยอดเยี่ยมที่สุด มีฝีมือที่สุดเท่าที่จะมีได้ มีความเชี่ยวชาญชำนาญการสาระพัดด้านที่สุด ประสานงานบริหารคนเป็นถูกกับเนื้องานหน้างานนั้นให้มากที่สุดพร้อมปรับแผนประยุกต์ใช้แก้ไขให้ทันกาลด้วย,ระดมคนเหนือมนุษย์ทั่วไทยเข้าร่วมทีมพิทักษ์ชาติไทยได้,เปิดโอกาสผู้มีความสามารถจริงคนดีคนเก่งจริงเข้ารับใช้ชาติเต็มที่,มิใช่ กพ.ผีบ้าขีดกำแพงกั้นประชาชนแบบนั้นเรื่อยมาในอดีต,แต่สุดท้ายไม่พ้นเส้นสายและอุปถัมภ์เต็มหน่วยงานสำนักงานของรัฐ.
    ..
    ..สถาบันนักการเมืองต้องหลบทางจริงๆเข้าสภาประชุมกันสะว่าจะยกตำแหน่งนายกฯนี้ให้ ผบ.เหล่าทัพดูแล.,รองนายกคือ ผบ.ทบ.,ผบ.ทอ.,ผบ.ทร.,ผบ.ตร.เป็นต้น, ภาคประชาชนแบบอาสนธิที่ยืนเคียงข้างความจริงต่อสู้กับโทนี่เหี้ยมาโดยตลอดก็เป็นทีมที่ปรึกษานายกฯเสีย ด้านเศรษฐกิจบริหารประเทศปากท้องรายได้อาชีพสัมมารายได้อาชีพประชาชน,ฝ่ายมั่นคงกับฝ่ายทำเงินทำตังนั้นเอง.
    ..เพราะทำไม มันดีกว่าถูกยึดอำนาจไง
    ..และรัฐบาลต่อแต่นี้ไปของแต่ละประเทศไม่สามารถทำตัวกากๆกระจอกๆเล่นๆแบบสมัยที่ผ่านมาเช่นเวลานี้ล่าสุดได้,ศึกสงครามใหญ่หลวงรออยู่ของจริง,ทั้งด้านมั่นคงอยู่รอดแผ่นดินประเทศชาติ ทั้งอยู่รอดปลอดภัยด้านปากท้องอาหารการกินยารักษาโรค,ศึกสงครามใหญ่ก็ของจริงด้วยระดับโลกมาแน่จากการจุดกระตุ้นด้วยมหาอำนาจทำเองซึ่งเห็นชัดเจนแล้วว่าจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้,คือสงครามโลกครั้งที่3นั้นเองอาจคือสงครามนิวเคลียร์ลามไปถึงนิวเคลียร์EMPทำลายทั่วโลกด้วยจะย้อนยุคไปสู่ยุคเก่าของจริงก็ด้วย.,การสื่อสารด้วยระบบคลื่นเก่าๆจึงสำคัญ,ยานบินเก่าๆลาดตะเวนคุ้มครองคนไทยเราจึงสำคัญ,พลังงานพื้นฐานคือบ่อน้ำมันก็ยังสำคัญนั้นเอง,อิทรอนิกส์ถูกทำลายสิ้นซากนั้นเองนอกจากระเบิดนิวเคลียร์ทำลายล้างปกติ.,แผนเตรียมการรับมือจึงไม่ธรรมดาแบบนักการเมืองปกติจะทำได้ สภาพคล่องบัญชาการต้องคล่องสูง,รวดเร็วในจังหวะที่รวดเร็ว สุขุมรอบคอบในช่วงเวลาสำคัญสติปัญญาตัดสินรับมือทั้งเชิงรับตั้งรับและเชิงรุกบุกโจมตีเด็ดขาดหากพบหารรุกรานคุกคามมิใช่กากเหี้ยแบบที่ผ่านมานั้น."ทหารไทยเป็นฝ่ายตรงข้ามเราพะนะ "
    ..สรุป ฝ่ายความมั่นคงคือทหารไทยต้องยึดอำนาจ,ประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศจนสงครามโลกที่3สิ้นสุดลงจึงพิจารณาใหม่,เวลาเตรียมการรับมือเราเหลือน้อยจริงๆแล้ว,อย่าให้นักการเมืองมานำปกครองประเทศเลยในเวลานี้,ไม่มีศักยภาพพอใดๆเลยทั้งตั้งหน้าตั้งตาเพื่อมามีอำนาจในการไม่ให้ตนพ้นโทษคดีต่างๆที่ต่างพากันทำชั่วทำเลวสะสมในบ้านเมืองนี้เป็นเวลาอันยาวนานเท่านั้น หาแก่นสารเพื่อประเทศชาติเพื่อแผ่นดินไทยตนเอง เพื่อประชาชนคนไทยทั้งประเทศไม่ได้เลย,สถาบันการเมืองล้มเหลวสิ้นซากแล้ว.
    ..
    #ยึดอำนาจเพื่อปกป้องอธิปไตยประชาชนคนไทยและแผ่นดินไทย.

    https://youtube.com/watch?v=-E-HZp4B7k8&si=lC_wPqSKjKIXsZtL
    เอาจริงๆนะ งานนี้ ผบ.เหล่าทัพสูงสุดคุมทั้ง3เหล่าทัพประสานงาน จะเอาอย่างไร,ผบ.ทบ.,ผบ.ทอ.,ผบ.ทร. สำคัญหมดตอนนี้, .. ..งานนี้บอกตรงๆสถาบันการเมืองต้องประชุมกันทันทีเพื่อหลีกทางให้ฝ่ายทหารขึ้นปกครองบ้านเมือง,อีกทั้งเรา..ประชาชนต่างสามัคคีเต็มใจเพื่อนำพาประเทศชาติให้ผ่านพ้นวิกฤติของโลกยุคนี้,คือภาวะก่อนเกิดสงครามโลก,เรา..ต้องมีผู้นำที่ยอดเยี่ยมที่สุด มีฝีมือที่สุดเท่าที่จะมีได้ มีความเชี่ยวชาญชำนาญการสาระพัดด้านที่สุด ประสานงานบริหารคนเป็นถูกกับเนื้องานหน้างานนั้นให้มากที่สุดพร้อมปรับแผนประยุกต์ใช้แก้ไขให้ทันกาลด้วย,ระดมคนเหนือมนุษย์ทั่วไทยเข้าร่วมทีมพิทักษ์ชาติไทยได้,เปิดโอกาสผู้มีความสามารถจริงคนดีคนเก่งจริงเข้ารับใช้ชาติเต็มที่,มิใช่ กพ.ผีบ้าขีดกำแพงกั้นประชาชนแบบนั้นเรื่อยมาในอดีต,แต่สุดท้ายไม่พ้นเส้นสายและอุปถัมภ์เต็มหน่วยงานสำนักงานของรัฐ. .. ..สถาบันนักการเมืองต้องหลบทางจริงๆเข้าสภาประชุมกันสะว่าจะยกตำแหน่งนายกฯนี้ให้ ผบ.เหล่าทัพดูแล.,รองนายกคือ ผบ.ทบ.,ผบ.ทอ.,ผบ.ทร.,ผบ.ตร.เป็นต้น, ภาคประชาชนแบบอาสนธิที่ยืนเคียงข้างความจริงต่อสู้กับโทนี่เหี้ยมาโดยตลอดก็เป็นทีมที่ปรึกษานายกฯเสีย ด้านเศรษฐกิจบริหารประเทศปากท้องรายได้อาชีพสัมมารายได้อาชีพประชาชน,ฝ่ายมั่นคงกับฝ่ายทำเงินทำตังนั้นเอง. ..เพราะทำไม มันดีกว่าถูกยึดอำนาจไง ..และรัฐบาลต่อแต่นี้ไปของแต่ละประเทศไม่สามารถทำตัวกากๆกระจอกๆเล่นๆแบบสมัยที่ผ่านมาเช่นเวลานี้ล่าสุดได้,ศึกสงครามใหญ่หลวงรออยู่ของจริง,ทั้งด้านมั่นคงอยู่รอดแผ่นดินประเทศชาติ ทั้งอยู่รอดปลอดภัยด้านปากท้องอาหารการกินยารักษาโรค,ศึกสงครามใหญ่ก็ของจริงด้วยระดับโลกมาแน่จากการจุดกระตุ้นด้วยมหาอำนาจทำเองซึ่งเห็นชัดเจนแล้วว่าจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้,คือสงครามโลกครั้งที่3นั้นเองอาจคือสงครามนิวเคลียร์ลามไปถึงนิวเคลียร์EMPทำลายทั่วโลกด้วยจะย้อนยุคไปสู่ยุคเก่าของจริงก็ด้วย.,การสื่อสารด้วยระบบคลื่นเก่าๆจึงสำคัญ,ยานบินเก่าๆลาดตะเวนคุ้มครองคนไทยเราจึงสำคัญ,พลังงานพื้นฐานคือบ่อน้ำมันก็ยังสำคัญนั้นเอง,อิทรอนิกส์ถูกทำลายสิ้นซากนั้นเองนอกจากระเบิดนิวเคลียร์ทำลายล้างปกติ.,แผนเตรียมการรับมือจึงไม่ธรรมดาแบบนักการเมืองปกติจะทำได้ สภาพคล่องบัญชาการต้องคล่องสูง,รวดเร็วในจังหวะที่รวดเร็ว สุขุมรอบคอบในช่วงเวลาสำคัญสติปัญญาตัดสินรับมือทั้งเชิงรับตั้งรับและเชิงรุกบุกโจมตีเด็ดขาดหากพบหารรุกรานคุกคามมิใช่กากเหี้ยแบบที่ผ่านมานั้น."ทหารไทยเป็นฝ่ายตรงข้ามเราพะนะ " ..สรุป ฝ่ายความมั่นคงคือทหารไทยต้องยึดอำนาจ,ประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศจนสงครามโลกที่3สิ้นสุดลงจึงพิจารณาใหม่,เวลาเตรียมการรับมือเราเหลือน้อยจริงๆแล้ว,อย่าให้นักการเมืองมานำปกครองประเทศเลยในเวลานี้,ไม่มีศักยภาพพอใดๆเลยทั้งตั้งหน้าตั้งตาเพื่อมามีอำนาจในการไม่ให้ตนพ้นโทษคดีต่างๆที่ต่างพากันทำชั่วทำเลวสะสมในบ้านเมืองนี้เป็นเวลาอันยาวนานเท่านั้น หาแก่นสารเพื่อประเทศชาติเพื่อแผ่นดินไทยตนเอง เพื่อประชาชนคนไทยทั้งประเทศไม่ได้เลย,สถาบันการเมืองล้มเหลวสิ้นซากแล้ว. .. #ยึดอำนาจเพื่อปกป้องอธิปไตยประชาชนคนไทยและแผ่นดินไทย. https://youtube.com/watch?v=-E-HZp4B7k8&si=lC_wPqSKjKIXsZtL
    0 Comments 0 Shares 205 Views 0 Reviews
  • เบื่อหน่ายนักการเมืองพวกนี้มากๆ ไร้ความละอายในการปกป้องชาติอธิปไตยชาติไทยตนเอง หัวหดไปหมด ไม่มีนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลพรรคหลักพรรคร่วมลงพื้นที่สงครามอีสานใต้ดูความเดือดร้อนของประชาชนจริงจังในระยะเวลา5วันนั้นเลย ประชาชนไม่สามารถพึ่งพานักการเมืองปกป้องประเทศไทยตนอะไรไม่ได้เลย,แอ็คชั่นภาครัฐบาลพรรคร่วมก็กาก ไม่สมควรที่ประชาชนจะให้ค่าใดๆได้อีก,สอบตกทุกๆมิติโดยเฉพาะบทบาทพรรคร่วมก็ด้วย,ทั้งตั้งแต่คลิปเสียงหลุดมันชัดเจนมากว่าทรยศแผ่นดินไทยตนแล้ว,พรรคหลักพรรคร่วมยังไม่แสดงจุดยืนอะไร พรรคร่วมยิ่งไปกอดให้ตนเป็นรัฐบาลให้ได้ ไม่ละอายสำนึกใจต่อประชาชนที่ปั่นหน้าอยู่ต่อกับพรรคหลัก บวกต่อรองสาระพัดเพื่อประโยชน์ขณะที่ภัยคุกคามติดพรมแดนไทยตน,

    ..นักการเมืองพวกนี้น่าผิดหวังมาก ไม่มีสถานะคุณสมบัติให้ประชาชนลงคะแนนเสียงให้เลยหรือกกต.สมควรสั่งยุบพรรคการเมืองทั้งหมดทิ้งไปเสีย,นั้นจะล้างสถานะที่พรรคใช้บัตรประชาชนคนไทยไปยื่นสมัครเป็นสมาชิกพรรคอัตโนมัติด้วย,เพราะบางพรรคการเมืองก็เอาบัตรประชาชนคนไทยไปกรอกเอาเองโดยชาวบ้านตาดำๆไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ.,

    ..เรา..ประชาชนขยะแขยงบรรดานักการเมืองเหล่านี้มาก จากบทบาทปกป้องอธิปไตยชาติไทยตนเองทั้งในฝั่งรัฐบาลฝั่งสส.รัฐบาลฝั่งพรรคหลักพรรคร่วมรัฐบาล ฝั่งสส.พรรคฝ่ายค้านอีกก็ด้วย,การแสดงออกที่ผ่านมาทั้งหมดสมควรสถานะนักการเมืองพรรคการเมืองต้องถูกสั่งยุติบทบาทตนในตอนนี้ทันที,

    ..เสนอนายกฯและรัฐบาลพระราชทานแทนเพื่อบริหารประเทศในภาวะฉุกเฉินวิกฤตินี้,เรา..ประชาชนไม่ไว้ใจใดๆต่อนักการเมืองทุกๆกรณีในช่วงเวลานี้.

    ..เชื้อชั่วสันดานเลวแบบเขมรโกหกตอแหลไม่ซื่อสัตย์ซื่อตรงต่ออธิปไตยชาติไทยตนมีนอนในใจสันดานเต็มที่ไปแล้วสำหรับคนพวกนี้.

    https://youtube.com/watch?v=k_yyttPi0Nw&si=4xAJmine_b1-dnwC
    เบื่อหน่ายนักการเมืองพวกนี้มากๆ ไร้ความละอายในการปกป้องชาติอธิปไตยชาติไทยตนเอง หัวหดไปหมด ไม่มีนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลพรรคหลักพรรคร่วมลงพื้นที่สงครามอีสานใต้ดูความเดือดร้อนของประชาชนจริงจังในระยะเวลา5วันนั้นเลย ประชาชนไม่สามารถพึ่งพานักการเมืองปกป้องประเทศไทยตนอะไรไม่ได้เลย,แอ็คชั่นภาครัฐบาลพรรคร่วมก็กาก ไม่สมควรที่ประชาชนจะให้ค่าใดๆได้อีก,สอบตกทุกๆมิติโดยเฉพาะบทบาทพรรคร่วมก็ด้วย,ทั้งตั้งแต่คลิปเสียงหลุดมันชัดเจนมากว่าทรยศแผ่นดินไทยตนแล้ว,พรรคหลักพรรคร่วมยังไม่แสดงจุดยืนอะไร พรรคร่วมยิ่งไปกอดให้ตนเป็นรัฐบาลให้ได้ ไม่ละอายสำนึกใจต่อประชาชนที่ปั่นหน้าอยู่ต่อกับพรรคหลัก บวกต่อรองสาระพัดเพื่อประโยชน์ขณะที่ภัยคุกคามติดพรมแดนไทยตน, ..นักการเมืองพวกนี้น่าผิดหวังมาก ไม่มีสถานะคุณสมบัติให้ประชาชนลงคะแนนเสียงให้เลยหรือกกต.สมควรสั่งยุบพรรคการเมืองทั้งหมดทิ้งไปเสีย,นั้นจะล้างสถานะที่พรรคใช้บัตรประชาชนคนไทยไปยื่นสมัครเป็นสมาชิกพรรคอัตโนมัติด้วย,เพราะบางพรรคการเมืองก็เอาบัตรประชาชนคนไทยไปกรอกเอาเองโดยชาวบ้านตาดำๆไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ., ..เรา..ประชาชนขยะแขยงบรรดานักการเมืองเหล่านี้มาก จากบทบาทปกป้องอธิปไตยชาติไทยตนเองทั้งในฝั่งรัฐบาลฝั่งสส.รัฐบาลฝั่งพรรคหลักพรรคร่วมรัฐบาล ฝั่งสส.พรรคฝ่ายค้านอีกก็ด้วย,การแสดงออกที่ผ่านมาทั้งหมดสมควรสถานะนักการเมืองพรรคการเมืองต้องถูกสั่งยุติบทบาทตนในตอนนี้ทันที, ..เสนอนายกฯและรัฐบาลพระราชทานแทนเพื่อบริหารประเทศในภาวะฉุกเฉินวิกฤตินี้,เรา..ประชาชนไม่ไว้ใจใดๆต่อนักการเมืองทุกๆกรณีในช่วงเวลานี้. ..เชื้อชั่วสันดานเลวแบบเขมรโกหกตอแหลไม่ซื่อสัตย์ซื่อตรงต่ออธิปไตยชาติไทยตนมีนอนในใจสันดานเต็มที่ไปแล้วสำหรับคนพวกนี้. https://youtube.com/watch?v=k_yyttPi0Nw&si=4xAJmine_b1-dnwC
    0 Comments 0 Shares 211 Views 0 Reviews
  • ..จริงๆนะ อาสนธิและทีมงานสมควรได้เป็นนายกฯพระราชทานฯไปเลยจริงๆ,โทนี่และเครือข่ายญาติพี่น้องเป็นกันตรึมมากพอและ วัดใจให้ภาคประชาชนนำทีมโดยอาสนธิปกครองบริหารประเทศสัก1-2สมัยดี,วิจัยผลงานประเมินผลงานเรียลไทม์กับภาคประชาชนในแต่ละปีก็ได้,หรือนายกฯพระราชทาน บิ๊กปูหรือบิ๊กกุ้งก็ได้ตามสไตล์ฤกษ์แผ่นดินไทยให้ทหารพระราชารักษาประเทศไทยปกครองประเทศดูแลประชาชนในยามวิกฤติรอบโลกขนาดนี้ ให้สามารถปรับกลยุทธปกป้องประเทศได้ทันกาลด้านความมั่นคง,พร้อมเชิญอาสนธิเป็นรองนายกฯคุมเศรษฐกิจระดับประเทศเต็มกำลังได้และทีมงานคณะท่านรวมกับกองทัพทหารพระราชเราประสานเชื่อมทีมงานทั้งกลยุทธ ยุทธการ ศาสตร์พิชัยต่างๆด้านสงครามความมั่นคงและสงครามตังเศรษฐกิจไปพร้อมๆกันได้,เชิญทีมงานผู้รักชาติคนดีคนเก่งมากมายมาร่วมได้หมด อาทิ ทนายนกเขา คณะคปท. คณะรวมพลังแผ่นดินไทยที่มิใช่ไส้ศึกขี้ข้าสมุนนักการเมืองขึ้นอ้างเอาเวทีคณะรวมพลังแผ่นดินไทยอัพค่าตัวตนเองแอบแฝงความไม่บริสุทธิ์ใจทางอำนาจการปกครองการเมืองก็ว่า,เอาแต่คนดีๆเข้ามาร่วมทีมจริงๆนั้นเอง,นายกฯพระราชทานเรา,จะเต็มไปด้วยสาระพัดกองทัพใหญ่กองทัพย่อยกองทัพรองกองทัพพิเศษตรึม,ทั้งทางการทหาร ทั้งการเศรษฐกิจ ดูแลภาคประชาชนจริง เข้าปัญหาและแก้ไขปัญหาของประชาชนอย่างตรงจุดใกล้ชิดปัญหาขจัดภัยใดๆได้ทันกาลเวลา,ยามแผ่นดินไทยจะเต็มแผ่นดินไทยคือภาคประชาชนนั้นเอง สุดท้ายคนไทยทั่วประเทศจะเข้าใจความจริงทั้งหมดสามัคคีทั้งประเทศไทยจึงเป็นไปได้ง่ายสะดวกรวดเร็วอีก,จะสะท้อนถึงขุมพลังมหาศาลของประเทศตนเองได้ไม่ยาก ตลอดทั่วโลกต้องมองประเทศไทยเราใหม่ว่าคือศูนย์อำนาจไมตรีจิตมิตรกับทั่วทุกๆประเทศทั่วโลกอย่างลงใจ,ใครมาค้ามาขายร่วมมือกับคนไทยจะกลับไปด้วยความสุขกายใจและรอยยิ้ม พร้อมความมั่งคั่งร่ำรวยไปด้วยๆกันเพราะเราคือฮับศูนย์กลางการค้าขายตลาดของโลกนั้นเอง,ประเทศไทยเราจะก้าวกระโดดด้วยเทคโนโลยีล้ำๆอย่างง่ายดายด้วยในอนาคตเพราะคนไทยเราคือผู้นำจิตวิญญาณพูดคุยกับมิติคู่ขนานก็ได้ ทั่วจักรวาลก็ได้ แลกเปลี่ยนอารยะธรรมนวัตกรรมวิวัฒนาการล้ำผ่านทางดวงจิตก็ได้,อนาคตคือสถานที่ต้อนรับเพื่อนๆต่างจักรวาลได้สบายนั้นเอง,ประเทศไทยเป็นทั้งศูนย์กลางฮับสาระพัดของโลกและเป็นศูนย์กลางจักรวาลก็ด้วย,ยานบินใดๆจะมาเยือนท่องเที่ยวในโลกไม่นับรวมยานใต้มหาสมุทรหรือใต้เปลือกโลก เขาจะผ่านมาไทยเป็นอันมากก่อนกว่าที่อื่นๆ เยือนโลกจริงแต่ต้องมาจอดที่ไทยเสมอเพราะไม่มาจอดที่ไทยเสมือนไม่เคยมาเยือนโลกนั้นเอง.จะเสียเหลี่ยมเสียหน้าเพื่อนดวงดาวอื่นๆหากพูดคุยกัน.
    ..

    https://youtube.com/shorts/Sz6uAANFMpI?si=cRO7PmyDRejfQU6A
    ..จริงๆนะ อาสนธิและทีมงานสมควรได้เป็นนายกฯพระราชทานฯไปเลยจริงๆ,โทนี่และเครือข่ายญาติพี่น้องเป็นกันตรึมมากพอและ วัดใจให้ภาคประชาชนนำทีมโดยอาสนธิปกครองบริหารประเทศสัก1-2สมัยดี,วิจัยผลงานประเมินผลงานเรียลไทม์กับภาคประชาชนในแต่ละปีก็ได้,หรือนายกฯพระราชทาน บิ๊กปูหรือบิ๊กกุ้งก็ได้ตามสไตล์ฤกษ์แผ่นดินไทยให้ทหารพระราชารักษาประเทศไทยปกครองประเทศดูแลประชาชนในยามวิกฤติรอบโลกขนาดนี้ ให้สามารถปรับกลยุทธปกป้องประเทศได้ทันกาลด้านความมั่นคง,พร้อมเชิญอาสนธิเป็นรองนายกฯคุมเศรษฐกิจระดับประเทศเต็มกำลังได้และทีมงานคณะท่านรวมกับกองทัพทหารพระราชเราประสานเชื่อมทีมงานทั้งกลยุทธ ยุทธการ ศาสตร์พิชัยต่างๆด้านสงครามความมั่นคงและสงครามตังเศรษฐกิจไปพร้อมๆกันได้,เชิญทีมงานผู้รักชาติคนดีคนเก่งมากมายมาร่วมได้หมด อาทิ ทนายนกเขา คณะคปท. คณะรวมพลังแผ่นดินไทยที่มิใช่ไส้ศึกขี้ข้าสมุนนักการเมืองขึ้นอ้างเอาเวทีคณะรวมพลังแผ่นดินไทยอัพค่าตัวตนเองแอบแฝงความไม่บริสุทธิ์ใจทางอำนาจการปกครองการเมืองก็ว่า,เอาแต่คนดีๆเข้ามาร่วมทีมจริงๆนั้นเอง,นายกฯพระราชทานเรา,จะเต็มไปด้วยสาระพัดกองทัพใหญ่กองทัพย่อยกองทัพรองกองทัพพิเศษตรึม,ทั้งทางการทหาร ทั้งการเศรษฐกิจ ดูแลภาคประชาชนจริง เข้าปัญหาและแก้ไขปัญหาของประชาชนอย่างตรงจุดใกล้ชิดปัญหาขจัดภัยใดๆได้ทันกาลเวลา,ยามแผ่นดินไทยจะเต็มแผ่นดินไทยคือภาคประชาชนนั้นเอง สุดท้ายคนไทยทั่วประเทศจะเข้าใจความจริงทั้งหมดสามัคคีทั้งประเทศไทยจึงเป็นไปได้ง่ายสะดวกรวดเร็วอีก,จะสะท้อนถึงขุมพลังมหาศาลของประเทศตนเองได้ไม่ยาก ตลอดทั่วโลกต้องมองประเทศไทยเราใหม่ว่าคือศูนย์อำนาจไมตรีจิตมิตรกับทั่วทุกๆประเทศทั่วโลกอย่างลงใจ,ใครมาค้ามาขายร่วมมือกับคนไทยจะกลับไปด้วยความสุขกายใจและรอยยิ้ม พร้อมความมั่งคั่งร่ำรวยไปด้วยๆกันเพราะเราคือฮับศูนย์กลางการค้าขายตลาดของโลกนั้นเอง,ประเทศไทยเราจะก้าวกระโดดด้วยเทคโนโลยีล้ำๆอย่างง่ายดายด้วยในอนาคตเพราะคนไทยเราคือผู้นำจิตวิญญาณพูดคุยกับมิติคู่ขนานก็ได้ ทั่วจักรวาลก็ได้ แลกเปลี่ยนอารยะธรรมนวัตกรรมวิวัฒนาการล้ำผ่านทางดวงจิตก็ได้,อนาคตคือสถานที่ต้อนรับเพื่อนๆต่างจักรวาลได้สบายนั้นเอง,ประเทศไทยเป็นทั้งศูนย์กลางฮับสาระพัดของโลกและเป็นศูนย์กลางจักรวาลก็ด้วย,ยานบินใดๆจะมาเยือนท่องเที่ยวในโลกไม่นับรวมยานใต้มหาสมุทรหรือใต้เปลือกโลก เขาจะผ่านมาไทยเป็นอันมากก่อนกว่าที่อื่นๆ เยือนโลกจริงแต่ต้องมาจอดที่ไทยเสมอเพราะไม่มาจอดที่ไทยเสมือนไม่เคยมาเยือนโลกนั้นเอง.จะเสียเหลี่ยมเสียหน้าเพื่อนดวงดาวอื่นๆหากพูดคุยกัน. .. https://youtube.com/shorts/Sz6uAANFMpI?si=cRO7PmyDRejfQU6A
    0 Comments 0 Shares 188 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง”มายากลยุทธ”
    ภาดสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน
    ตอนที่ 22 : ปั่นน้ำมัน (1)
    ปี ค.ศ. 1969 อเมริกาเกิดอาการเศรษฐกิจชักกระตุก ทำท่าจะเดินถอยหลังอีก ในขณะที่เศรษฐกิจของยุโรป โดยเฉพาะเยอรมันและญี่ปุ่น พัฒนาและเดินหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้ค่าเงินสกุลของ 2 ประเทศ สูงกว่าค่าเงินดอลล่าร์ ซึ่งผูกไว้กับราคาทองคำ ไอ้ที่แย่ อเมริกาเริ่มเสียดุลย์การค้า ทำให้มีการเททิ้งดอลล่าร์ ทองสำรองก็เหลือเพียง 1 ใน 4 ของจำนวนหนี้ของประเทศ แล้วประธานาธิบดี Nixon ก็ตัดสินใจแบบหักดิบ ในปี ค.ศ. 1971 ยกเลิกการผูกดอลล่าร์ไว้กับทอง ยกเลิกการเปลี่ยนเงินกระดาษมาเป็นทองคำ ปิดหน้าต่างลงกลอนการแลกเปลี่ยนอย่างถาวร
    โลกช็อคกับมาตรการของคุณพี่นิกสัน คุณพี่เครียด หรือคุณพี่เมา !? คุณพี่นิกสันตอนนั้น ก็คงเหมือนคนพระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก โดนบี้รอบข้างจากผลของการเข้าไปทำสงครามเวียตนาม ยังมาเจอเศรษฐกิจเดินถอยหลัง และที่เห็นกำลังมาไว ๆ ก็คือคดีวอเตอร์เกตอันลือชื่อของคุณพี่ เล่นเอาคุณพี่ไปไม่เป็น แล้วจะให้คุณพี่ทำยังไง แกก็ส่งใบลาไปนอนซมระทมทุกข์ ปล่อยให้นาย Kissinger ทำหน้าที่เหมือนเป็นประธานาธิบดีแทน มันเขาล่ะ ! แล้วโลกจะรู้ไหมว่า การตัดเชือกผูกดอลล่าร์ไว้กับทองนะ มันเป็นแผนมายากลแบบสุดยอดของนักเล่นกลเลย แผนนี้เขาวางกันเป็นขั้นตอนแบบบันได 7 ขั้น (3 ขั้น มันน้อยไป) ผู้แต่งเรื่องประกอบและผู้นำการแสดง มือระดับรางวัล Nobel ไม่ใช่รางวัลออสการ์
    ค.ศ. 1969 ภาคอุตสาหกรรมของโลกกำลังบูม อุตสาหกรรมต้องดื่มน้ำมัน ผู้ที่บูมไปด้วย คือ ชาติผู้ผลิตน้ำมัน แน่นอนกลุ่มผู้ค้าน้ำมัน OPEC ก็อู้ฟู้ไปด้วย เขามีข้อตกลงกันตั้งแต่ตอนตั้ง OPEC ว่า การซื้อน้ำมันจะต้องใช้เงินสกุลดอลล่าร์เท่านั้น ชาติไหนจะซื้อน้ำมัน ต้องไปซื้อดอลล่าร์มาก่อน เพื่อเอาไปจ่ายน้ำมัน (ใครนะมันช่างคิดสูตรนี้ !)
    ประเทศผู้ค้าน้ำมัน เช่น ซาอุดิอารเบีย อิหร่าน ฯลฯ เมื่อได้เงินค่าน้ำมัน ก็แน่นอนเอาไปฝากธนาคาร ธนาคารที่รับฝากก็แน่นอนอีกแหละ เป็นพวก Anglo American ธนาคารไหนต้องให้บอกชื่อกันไหม
    ปี ค.ศ. 1973 เดือนพฤษภาคม สมาชิกสมาคมลับ Bilderberg นัดประชุมกัน มีข่าวสำคัญรั่วออกมาจากที่ประชุม แมลงวันวิ่งไล่ตอมข่าว สมาคมนี้น่ะ มันลับอย่างไร สำคัญอย่างไรมา รู้จักกันหน่อย
    Bilderberg Group เป็นสมาคมลับสุดยอด ของบุคคลลับสุดยอด มีสมาชิกโดยการเชิญ ประมาณ 100 กว่าคน จากอเมริกาและยุโรป เรียกว่าเป็นสมาคมผมทองของแท้ ไม่มีด่างดำน้ำตาลเหลืองมาปนเลย ผู้ที่จะได้รับเชิญเป็นสมาชิก หรือมาประชุมก็เป็นพวกอยู่ในระดับสูงสุดของประเทศ เป็นขนมเค็กก็เรียกว่าเป็นพวก cream นั่นแหละ ตั้งขึ้นมาเมื่อปี ค.ศ. 1959 เพื่อจะประสานงานทางความคิด นโยบาย และวัฒนธรรม ระหว่างอเมริกากับยุโรป เพื่อสร้างรวมมือกัน เกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจ การเมือง และความมั่นคงระหว่างประเทศ ฟังดูหรูและน่าทึ่งดีนะ
    คนที่เสนอความคิดตั้งสมาคมนี้ คือนาย Jozef Retinger ซึ่งไปคุยกับ Prince Bernhard สวามีของพระราชินี Julianna แห่ง Netherland คุณเจ้าชาย B เห็นด้วยอย่างยิ่ง ถึงกับลงมือไปคุยกับนายกรัฐมนตรี เบลเยี่ยมด้วยตนเอง รวมทั้งคุยกับหัวหน้า CIA ของอเมริกาขณะนั้น ว่าเราต้องร่วมมือกัน เพื่ออนาคตอันก้าวหน้าของพวกผมทอง
    การประชุมครั้งแรกของสมาคมลับ ที่มีเจ้าชาย B เป็นโต้โผ มีผู้เข้าประชุม 50 คน จาก 11 ประเทศในยุโรป และอีก 11 คนจากอเมริกา
    สมาคมลับนี้ยังมีอยู่จนถึงทุกวันนี้ ชื่อเด่น ๆ ที่เข้าร่วมประชุมกับสมาคมอันนี้ มีตั้งแต่ กษัตริย์ Juan Carlos และ Queen Sofia แห่งสเปน Queen Beatrix แห่งเนเทอร์แลนด์ บริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น IBM, Xerox, Royal Dutch Shell, Nokia และ Daimler และระดับผู้บริหารประเทศ เช่น นายกรัฐมนตรีกรีก นาย Kostas Karamanlis นายกรัฐมนตรีฟินแลนด์ นาย Matti Vanhanen รวมถึงนาย Timothy Geithner ของอเมริกา (และ cream ขนมเค้กอีกหลายอันเขียนไม่หวัดไม่ไหว)
    ในปี ค.ศ. 2013 มีการประชุมที่ Watford ประเทศอังกฤษ รายงานแจ้งว่ามีผู้เข้าประชุม แต่ไม่ประสงค์จะออกนาม อาจโผล่มาหลายคน (ลับจริง ๆ !) สำหรับโต้โผใหญ่ คือ เจ้าชาย B นั้น เป็นประธานสมาคมอยู่จนถึงปี ค.ศ. 1976 เป็นปีที่เขาโดนกล่าวหาเป็นข่าวไปทั่วโลก เกี่ยวกับเรื่องรับสินบนจากบริษัท Lockheed ซึ่งเป็นบริษัทขายอาวุธของอเมริกา Bilderberg ถูกวิจารณ์ว่าเป็นสมาคมระดับสูง ที่ใช้บุคคลระดับสูงทำหน้าที่เหมือน Lobbyist ในเรื่องระดับสำคัญอย่างสูง (หลายสูงเลยล่ะ) คงพอมองเห็นภาพ งานหลักของสมาคมนี้กันแล้ว

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง”มายากลยุทธ” ภาดสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน ตอนที่ 22 : ปั่นน้ำมัน (1) ปี ค.ศ. 1969 อเมริกาเกิดอาการเศรษฐกิจชักกระตุก ทำท่าจะเดินถอยหลังอีก ในขณะที่เศรษฐกิจของยุโรป โดยเฉพาะเยอรมันและญี่ปุ่น พัฒนาและเดินหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้ค่าเงินสกุลของ 2 ประเทศ สูงกว่าค่าเงินดอลล่าร์ ซึ่งผูกไว้กับราคาทองคำ ไอ้ที่แย่ อเมริกาเริ่มเสียดุลย์การค้า ทำให้มีการเททิ้งดอลล่าร์ ทองสำรองก็เหลือเพียง 1 ใน 4 ของจำนวนหนี้ของประเทศ แล้วประธานาธิบดี Nixon ก็ตัดสินใจแบบหักดิบ ในปี ค.ศ. 1971 ยกเลิกการผูกดอลล่าร์ไว้กับทอง ยกเลิกการเปลี่ยนเงินกระดาษมาเป็นทองคำ ปิดหน้าต่างลงกลอนการแลกเปลี่ยนอย่างถาวร โลกช็อคกับมาตรการของคุณพี่นิกสัน คุณพี่เครียด หรือคุณพี่เมา !? คุณพี่นิกสันตอนนั้น ก็คงเหมือนคนพระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก โดนบี้รอบข้างจากผลของการเข้าไปทำสงครามเวียตนาม ยังมาเจอเศรษฐกิจเดินถอยหลัง และที่เห็นกำลังมาไว ๆ ก็คือคดีวอเตอร์เกตอันลือชื่อของคุณพี่ เล่นเอาคุณพี่ไปไม่เป็น แล้วจะให้คุณพี่ทำยังไง แกก็ส่งใบลาไปนอนซมระทมทุกข์ ปล่อยให้นาย Kissinger ทำหน้าที่เหมือนเป็นประธานาธิบดีแทน มันเขาล่ะ ! แล้วโลกจะรู้ไหมว่า การตัดเชือกผูกดอลล่าร์ไว้กับทองนะ มันเป็นแผนมายากลแบบสุดยอดของนักเล่นกลเลย แผนนี้เขาวางกันเป็นขั้นตอนแบบบันได 7 ขั้น (3 ขั้น มันน้อยไป) ผู้แต่งเรื่องประกอบและผู้นำการแสดง มือระดับรางวัล Nobel ไม่ใช่รางวัลออสการ์ ค.ศ. 1969 ภาคอุตสาหกรรมของโลกกำลังบูม อุตสาหกรรมต้องดื่มน้ำมัน ผู้ที่บูมไปด้วย คือ ชาติผู้ผลิตน้ำมัน แน่นอนกลุ่มผู้ค้าน้ำมัน OPEC ก็อู้ฟู้ไปด้วย เขามีข้อตกลงกันตั้งแต่ตอนตั้ง OPEC ว่า การซื้อน้ำมันจะต้องใช้เงินสกุลดอลล่าร์เท่านั้น ชาติไหนจะซื้อน้ำมัน ต้องไปซื้อดอลล่าร์มาก่อน เพื่อเอาไปจ่ายน้ำมัน (ใครนะมันช่างคิดสูตรนี้ !) ประเทศผู้ค้าน้ำมัน เช่น ซาอุดิอารเบีย อิหร่าน ฯลฯ เมื่อได้เงินค่าน้ำมัน ก็แน่นอนเอาไปฝากธนาคาร ธนาคารที่รับฝากก็แน่นอนอีกแหละ เป็นพวก Anglo American ธนาคารไหนต้องให้บอกชื่อกันไหม ปี ค.ศ. 1973 เดือนพฤษภาคม สมาชิกสมาคมลับ Bilderberg นัดประชุมกัน มีข่าวสำคัญรั่วออกมาจากที่ประชุม แมลงวันวิ่งไล่ตอมข่าว สมาคมนี้น่ะ มันลับอย่างไร สำคัญอย่างไรมา รู้จักกันหน่อย Bilderberg Group เป็นสมาคมลับสุดยอด ของบุคคลลับสุดยอด มีสมาชิกโดยการเชิญ ประมาณ 100 กว่าคน จากอเมริกาและยุโรป เรียกว่าเป็นสมาคมผมทองของแท้ ไม่มีด่างดำน้ำตาลเหลืองมาปนเลย ผู้ที่จะได้รับเชิญเป็นสมาชิก หรือมาประชุมก็เป็นพวกอยู่ในระดับสูงสุดของประเทศ เป็นขนมเค็กก็เรียกว่าเป็นพวก cream นั่นแหละ ตั้งขึ้นมาเมื่อปี ค.ศ. 1959 เพื่อจะประสานงานทางความคิด นโยบาย และวัฒนธรรม ระหว่างอเมริกากับยุโรป เพื่อสร้างรวมมือกัน เกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจ การเมือง และความมั่นคงระหว่างประเทศ ฟังดูหรูและน่าทึ่งดีนะ คนที่เสนอความคิดตั้งสมาคมนี้ คือนาย Jozef Retinger ซึ่งไปคุยกับ Prince Bernhard สวามีของพระราชินี Julianna แห่ง Netherland คุณเจ้าชาย B เห็นด้วยอย่างยิ่ง ถึงกับลงมือไปคุยกับนายกรัฐมนตรี เบลเยี่ยมด้วยตนเอง รวมทั้งคุยกับหัวหน้า CIA ของอเมริกาขณะนั้น ว่าเราต้องร่วมมือกัน เพื่ออนาคตอันก้าวหน้าของพวกผมทอง การประชุมครั้งแรกของสมาคมลับ ที่มีเจ้าชาย B เป็นโต้โผ มีผู้เข้าประชุม 50 คน จาก 11 ประเทศในยุโรป และอีก 11 คนจากอเมริกา สมาคมลับนี้ยังมีอยู่จนถึงทุกวันนี้ ชื่อเด่น ๆ ที่เข้าร่วมประชุมกับสมาคมอันนี้ มีตั้งแต่ กษัตริย์ Juan Carlos และ Queen Sofia แห่งสเปน Queen Beatrix แห่งเนเทอร์แลนด์ บริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น IBM, Xerox, Royal Dutch Shell, Nokia และ Daimler และระดับผู้บริหารประเทศ เช่น นายกรัฐมนตรีกรีก นาย Kostas Karamanlis นายกรัฐมนตรีฟินแลนด์ นาย Matti Vanhanen รวมถึงนาย Timothy Geithner ของอเมริกา (และ cream ขนมเค้กอีกหลายอันเขียนไม่หวัดไม่ไหว) ในปี ค.ศ. 2013 มีการประชุมที่ Watford ประเทศอังกฤษ รายงานแจ้งว่ามีผู้เข้าประชุม แต่ไม่ประสงค์จะออกนาม อาจโผล่มาหลายคน (ลับจริง ๆ !) สำหรับโต้โผใหญ่ คือ เจ้าชาย B นั้น เป็นประธานสมาคมอยู่จนถึงปี ค.ศ. 1976 เป็นปีที่เขาโดนกล่าวหาเป็นข่าวไปทั่วโลก เกี่ยวกับเรื่องรับสินบนจากบริษัท Lockheed ซึ่งเป็นบริษัทขายอาวุธของอเมริกา Bilderberg ถูกวิจารณ์ว่าเป็นสมาคมระดับสูง ที่ใช้บุคคลระดับสูงทำหน้าที่เหมือน Lobbyist ในเรื่องระดับสำคัญอย่างสูง (หลายสูงเลยล่ะ) คงพอมองเห็นภาพ งานหลักของสมาคมนี้กันแล้ว คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 256 Views 0 Reviews
  • นี้ต้องอย่างนี้,เรา..ภาคประชาชนต้องร่วมกันแบบนี้,แต่จะดีมาหากร่วมกันยกเลิก พรบ.ห้ามชุมนุมในที่สาธารณะด้วย เพราะออกในยุคลุงเป็นรัฐบาลด้วย ยึดอำนาจมาด้วย 11จุดก็เสียให้เขมรด้วย มารู้ความจริงก็ตอนแม่ทัพภาคที่2บุกยึดคืนได้แล้ว,กฎหมายมากมาย พรบ.มากมายต้องฉีกทิ้งกันเป็นอันมาก,มันขัดขวางประชาชนพัฒนาตนเองสู่เจตนำนงเสรีทางดีเป็นอันมาก.

    ..เบื้องต้นนี้ คณะรวมพลังแผ่นดินไทย ทำตามกำลังตนถูกทางแล้ว ไม่มีภาพนักการเมืองแอบแฝงยิ่งดี เหมือนใครบ้างคนเข้ามาในคณะรวมพลังฯหมายเชิดชูลุงกลับมานั้นเอง,ยุคลุงยุคทหารแท้ๆเสือกไม่ยกเลิกmou43,44มันบอกนัยยะเปิดเผยชัดเจนแล้ว,ส่วนรัฐบาลในปัจจุบันก็แค่รับไม้ต่อสลับมุกเปลี่ยนมือนี้ล่ะ,เพื่อไทย คนของตนแบบลุงตู่ก็ขึ้นมาเหมือนเดิม,คณะรวมพลังแผ่นดินฯน่าจะเห็นชัดบริบทนี้,ต้องรวมพลังฯจริงๆเอาให้สุดซอยด้วย อย่าพลาดแบบกปปส.พลาดแบบอาสนธิ ต้องทำการเปลี่ยนแปลงโดยภาคประชาชนจริงให้ได้,คนในคณะรวมพลังแผ่นดินฯแน่นอนต่างมีอดีตที่ผิดพลาดกันหมด,แต่สงครามครั้งนี้อดีตได้ทิ้งไปแล้ว ยิ่งมุ่งทำเพื่อชาติคือประชาชนเราจริงๆร่วม สามารถเป็นคณะบริหารประเทศฉุกเฉินชั่วคราวของภาคประชาชนระดับประเทศแห่งชาติ ร่วมกับกองทัพไทยเรา รีเซ็ตประเทศไทยใหม่ กวาดล้างภัยภายในประเทศไทยเราจริงๆและภัยภายนอกแบบเขมร แบบมาเลย์ภาคใต้เรา แบบciaของอเมริกาชั่วมุ่งแต่ผลประโยชน์มันสูงสุด กำจัดเผาทิ้งพรบ.และกฎหมายทุกๆฉบับที่ขายชาติอย่างจริงจังด้วย กดขี่ความคิดอิสระสร้างสรรค์ของประชาชนพัฒนานวัตกรรมใหม่พัฒนาชาติให้ล้ำสมัยไม่แพ้ชาติใดในโลก,ตลอดคนไทยต้องพ้นสถานะยากจนจริงๆกันเสียที,ปล่อยให้ต่างชาติมาปล้นทรัพยากรมีค่ามากมายเราง่ายดายสะดวกสบายเกินไปจนคนไทยยากจนเป็นอันมากเมื่อศักยภาพเราสุดยอดขนาดนั้น ตีมูลค่าทรัพยากรมีค่าเราอาจกว่า100,000ล้านล้านบาท มิใช่ 4-5หมื่นล้านล้านบาทหรอก,แค่ขุดคลองคอดกระ ทำรั้วลวดหนามกั้นไทยกับมาเลย์ชัดเจน ciaอเมริกาก็ปั่นป่วนภาคใต้เรากับมาเลย์ลูกน้องอเมริกาซาอุฯก็ไม่ง่ายแล้ว, คลองคอดกระ ทางแลนด์บริดจ์ พื้นที่ภาคใต้เกือบทั้งหมด สามารถเป็นฮับสำนักใหญ่ของแต่ละชาติมาค้าขายทำตลาดระดับโลกฮับของโลกสบายมาก ไม่ใช้ทรัพยากรไทยก็ตีมูลค่ารายได้กว่า1,000ล้านล้านบาทต่อปี ได้สบาย,อนาคตคนไทยระดับจิตใจดีจะแยกแยะดีชั่วและกระบวนการโปร่งใส สามารถปกป้องคุ้มครองทั้งคนไทยเราและคู่ค้าให้ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเขา นักท่องเที่ยวนักธุรกิจย่อมชื่นชอบประเทศไทยเพิ่มคน ,คือเม็ดเงินมหาศาลหลากหลายช่องทางเข้าประเทศไทยเราแน่นอน,เราจะจัดสรรเม็ดเงินนี้ให้คนไทยเราร่ำรวยจริงแค่ไหนแค่นั้นล่ะ,แต่หากยังมีวิถีปกครองกากๆแบบนี้ต่อไปตลอดไป ก็ฝันเลยว่าประชาชนคนไทยจะพ้นสถานะความยากจน มีแต่เอารัดเอาเปรียบรีดไถประชาชนคนไทยตนผ่านกฎหมายเลวชั่วสาระพัด ดูแหล่งปิโตรเลียมชัดเจน ถ้าประเทศไทยนำโดยภาคประชาชนคนไทยทำเอง มิใช่ผีบ้าพวกรัฐบาลห่าเหวในอดีตนั้นทำ ไปยกบ่อน้ำมันให้ต่างชาติ รัฐบาลกบฎทรยศประชาชนตนเสียเอง สภาพคนไทยปัจจุบันก็ไม่เป็นแบบนี้ และล่าสุดดูเขมรนี้ล่ะ ฝีมือนักการเมืองและทหารทรยศไส้ศึกชัดเจนบนแผ่นดินไทยเรา,เช่นนั้นจะไม่เป็นแบบนี้เลย,อนาคตรีดภาษีจากประชาชนอีก ทั้งที่ระบบยังกากอยู่แฮกข้อมูลเป็นว่าเล่น ดูดตังคนไทยสนุกมือบัญชี จะไว้วางใจว่าจะแก้ไขความยากจนของคนไทยได้อย่างไร,ทั้งที่จริงๆเงินเถื่อนเงินนอกระบบเงินฟอกเงินเทาตรึมในวงจรอุบาทก์นี้ทั่วไทย ยังจัดการไม่ได้ ยาบ้ายังไร้ปัญญาจัดการจริงเลย,ภาษีที่รีดไถประชาชนจริงๆและปีละกว่าแสนล้านบาทคือภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีน้ำมันต่างหาก,ประเทศไทยแค่ยึดบ่อน้ำมันคืนก็ร่ำรวยแล้ว พลังงานสะอาดอื่นๆอีกต่อยอดได้สบาย,ภาษีบุคคลและนิติบุคคลกิจการบริษัทต่างๆแค่4-5พันล้านบาท มากสุดมนุษย์เงินเดือนแค่7-8พันล้านถั่วเฉลี่ย5-10ปีที่ผ่านๆมาอาจไม่ถึงด้วยซ้ำ,มุกภาษีNITนี้คือมุกนักการเมืองชั่วๆเลวๆจะควบคุมคนไทยนี้ล่ะ เชื่อมสุขภาพอีก ใครยังไม่ฉีดวัคซีน มันจะได้รู้และบังคับควบคุมได้โดยสร้างเงื่อนไขว่า หากไม่ฉีดจะตัดสวัสดิการทั้งหมดของรัฐที่ให้ไป,คือมันจะหามุกมาเรื่อยๆล่ะ คณะรวมพลังแผ่นดินไทยเราจึงต้องสามัคคีกันทำให้สุดซอยเพื่อเรา..ประชาชนคนไทยเราสู่ยุคใหม่จริงๆ.


    https://youtube.com/live/qyP5nsDRofk?si=IZhFf7d3BcxF7KUq
    นี้ต้องอย่างนี้,เรา..ภาคประชาชนต้องร่วมกันแบบนี้,แต่จะดีมาหากร่วมกันยกเลิก พรบ.ห้ามชุมนุมในที่สาธารณะด้วย เพราะออกในยุคลุงเป็นรัฐบาลด้วย ยึดอำนาจมาด้วย 11จุดก็เสียให้เขมรด้วย มารู้ความจริงก็ตอนแม่ทัพภาคที่2บุกยึดคืนได้แล้ว,กฎหมายมากมาย พรบ.มากมายต้องฉีกทิ้งกันเป็นอันมาก,มันขัดขวางประชาชนพัฒนาตนเองสู่เจตนำนงเสรีทางดีเป็นอันมาก. ..เบื้องต้นนี้ คณะรวมพลังแผ่นดินไทย ทำตามกำลังตนถูกทางแล้ว ไม่มีภาพนักการเมืองแอบแฝงยิ่งดี เหมือนใครบ้างคนเข้ามาในคณะรวมพลังฯหมายเชิดชูลุงกลับมานั้นเอง,ยุคลุงยุคทหารแท้ๆเสือกไม่ยกเลิกmou43,44มันบอกนัยยะเปิดเผยชัดเจนแล้ว,ส่วนรัฐบาลในปัจจุบันก็แค่รับไม้ต่อสลับมุกเปลี่ยนมือนี้ล่ะ,เพื่อไทย คนของตนแบบลุงตู่ก็ขึ้นมาเหมือนเดิม,คณะรวมพลังแผ่นดินฯน่าจะเห็นชัดบริบทนี้,ต้องรวมพลังฯจริงๆเอาให้สุดซอยด้วย อย่าพลาดแบบกปปส.พลาดแบบอาสนธิ ต้องทำการเปลี่ยนแปลงโดยภาคประชาชนจริงให้ได้,คนในคณะรวมพลังแผ่นดินฯแน่นอนต่างมีอดีตที่ผิดพลาดกันหมด,แต่สงครามครั้งนี้อดีตได้ทิ้งไปแล้ว ยิ่งมุ่งทำเพื่อชาติคือประชาชนเราจริงๆร่วม สามารถเป็นคณะบริหารประเทศฉุกเฉินชั่วคราวของภาคประชาชนระดับประเทศแห่งชาติ ร่วมกับกองทัพไทยเรา รีเซ็ตประเทศไทยใหม่ กวาดล้างภัยภายในประเทศไทยเราจริงๆและภัยภายนอกแบบเขมร แบบมาเลย์ภาคใต้เรา แบบciaของอเมริกาชั่วมุ่งแต่ผลประโยชน์มันสูงสุด กำจัดเผาทิ้งพรบ.และกฎหมายทุกๆฉบับที่ขายชาติอย่างจริงจังด้วย กดขี่ความคิดอิสระสร้างสรรค์ของประชาชนพัฒนานวัตกรรมใหม่พัฒนาชาติให้ล้ำสมัยไม่แพ้ชาติใดในโลก,ตลอดคนไทยต้องพ้นสถานะยากจนจริงๆกันเสียที,ปล่อยให้ต่างชาติมาปล้นทรัพยากรมีค่ามากมายเราง่ายดายสะดวกสบายเกินไปจนคนไทยยากจนเป็นอันมากเมื่อศักยภาพเราสุดยอดขนาดนั้น ตีมูลค่าทรัพยากรมีค่าเราอาจกว่า100,000ล้านล้านบาท มิใช่ 4-5หมื่นล้านล้านบาทหรอก,แค่ขุดคลองคอดกระ ทำรั้วลวดหนามกั้นไทยกับมาเลย์ชัดเจน ciaอเมริกาก็ปั่นป่วนภาคใต้เรากับมาเลย์ลูกน้องอเมริกาซาอุฯก็ไม่ง่ายแล้ว, คลองคอดกระ ทางแลนด์บริดจ์ พื้นที่ภาคใต้เกือบทั้งหมด สามารถเป็นฮับสำนักใหญ่ของแต่ละชาติมาค้าขายทำตลาดระดับโลกฮับของโลกสบายมาก ไม่ใช้ทรัพยากรไทยก็ตีมูลค่ารายได้กว่า1,000ล้านล้านบาทต่อปี ได้สบาย,อนาคตคนไทยระดับจิตใจดีจะแยกแยะดีชั่วและกระบวนการโปร่งใส สามารถปกป้องคุ้มครองทั้งคนไทยเราและคู่ค้าให้ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเขา นักท่องเที่ยวนักธุรกิจย่อมชื่นชอบประเทศไทยเพิ่มคน ,คือเม็ดเงินมหาศาลหลากหลายช่องทางเข้าประเทศไทยเราแน่นอน,เราจะจัดสรรเม็ดเงินนี้ให้คนไทยเราร่ำรวยจริงแค่ไหนแค่นั้นล่ะ,แต่หากยังมีวิถีปกครองกากๆแบบนี้ต่อไปตลอดไป ก็ฝันเลยว่าประชาชนคนไทยจะพ้นสถานะความยากจน มีแต่เอารัดเอาเปรียบรีดไถประชาชนคนไทยตนผ่านกฎหมายเลวชั่วสาระพัด ดูแหล่งปิโตรเลียมชัดเจน ถ้าประเทศไทยนำโดยภาคประชาชนคนไทยทำเอง มิใช่ผีบ้าพวกรัฐบาลห่าเหวในอดีตนั้นทำ ไปยกบ่อน้ำมันให้ต่างชาติ รัฐบาลกบฎทรยศประชาชนตนเสียเอง สภาพคนไทยปัจจุบันก็ไม่เป็นแบบนี้ และล่าสุดดูเขมรนี้ล่ะ ฝีมือนักการเมืองและทหารทรยศไส้ศึกชัดเจนบนแผ่นดินไทยเรา,เช่นนั้นจะไม่เป็นแบบนี้เลย,อนาคตรีดภาษีจากประชาชนอีก ทั้งที่ระบบยังกากอยู่แฮกข้อมูลเป็นว่าเล่น ดูดตังคนไทยสนุกมือบัญชี จะไว้วางใจว่าจะแก้ไขความยากจนของคนไทยได้อย่างไร,ทั้งที่จริงๆเงินเถื่อนเงินนอกระบบเงินฟอกเงินเทาตรึมในวงจรอุบาทก์นี้ทั่วไทย ยังจัดการไม่ได้ ยาบ้ายังไร้ปัญญาจัดการจริงเลย,ภาษีที่รีดไถประชาชนจริงๆและปีละกว่าแสนล้านบาทคือภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีน้ำมันต่างหาก,ประเทศไทยแค่ยึดบ่อน้ำมันคืนก็ร่ำรวยแล้ว พลังงานสะอาดอื่นๆอีกต่อยอดได้สบาย,ภาษีบุคคลและนิติบุคคลกิจการบริษัทต่างๆแค่4-5พันล้านบาท มากสุดมนุษย์เงินเดือนแค่7-8พันล้านถั่วเฉลี่ย5-10ปีที่ผ่านๆมาอาจไม่ถึงด้วยซ้ำ,มุกภาษีNITนี้คือมุกนักการเมืองชั่วๆเลวๆจะควบคุมคนไทยนี้ล่ะ เชื่อมสุขภาพอีก ใครยังไม่ฉีดวัคซีน มันจะได้รู้และบังคับควบคุมได้โดยสร้างเงื่อนไขว่า หากไม่ฉีดจะตัดสวัสดิการทั้งหมดของรัฐที่ให้ไป,คือมันจะหามุกมาเรื่อยๆล่ะ คณะรวมพลังแผ่นดินไทยเราจึงต้องสามัคคีกันทำให้สุดซอยเพื่อเรา..ประชาชนคนไทยเราสู่ยุคใหม่จริงๆ. https://youtube.com/live/qyP5nsDRofk?si=IZhFf7d3BcxF7KUq
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 Comments 0 Shares 292 Views 0 Reviews
  • ประเทศไทยเจ็บซ้ำพอแล้ว ศาลจริงๆขอdeep stateข้ามโลกอย่าซื้อตัวได้เลยหรือเป็นคนของพวกมันเองทั้งหมดแบบในหลายๆประเทศทั่วโลกที่มันแทรกแซงครอบงำควบคุมสั่งการศาล สั่งการทหาร สั่งการตำรวจ หรือสั่งการกฎหมายเขียนกฎปกครองของมันให้ใช้บังคับในประชาชนคนประเทศนั้นๆทั้งหมดก็ได้ คือเสียความเป็นมนุษย์ เสียจิตวิญญาณสำนึกความเป็นมนุษย์ไปหมดสิ้นนั้นเอง,
    ..และในความเป็นจริงบริบทการมีสถานะอำนาจควรสิ้นสุดไปด้วย เลือกตั้งใหม่นั้นเอง.แต่ก่อนจะเลือกตั้งใหม่ ต้องเขียนกฎหมาย กติกาการเลือกตั้งใหม่เสร็จสิ้นเสียก่อน คณะที่สมควรเขียนที่สุดคือคณะรวมพลังแผ่นดินไทยที่เป็นตัวแทนภาคประชาชนอาสามายืน แสดงจุดยืนเพื่อชาติเพื่อบ้านเพื่อเมืองอย่างบริสุทธิ์ใจในเวลานี้ แม้อาจมีปะปนอยู่บ้างก็เกือบเต็ม100%แน่นอน,มาเขียนกฎกติกาการเลือกตั้งใหม่มิใช่เหี้ยแบบปัจจุบัน ส่งต่อผีบ้านายกฯแบบนี้ ไม่ซื่อสัตย์คนแรก ก็ส่งคนใหม่มานั่งแทน เขียนแบบชั่วๆเลวๆส้นตีนมาก,ทั้งเขียนแบบบรมโคตรพ่อโคตรแมร่งมันบรมโง่สะพานควายส่งมาเกิดสะพานควายส่งมาประกวด นายกฯไม่ต้องกาเลือกตั้งตรงจากประชาชนพะนะ โคตรแมร่งโคตรพ่องวงตระกูลมันคิดออกจริงๆเขียนมาได้,จึงกำเนิดคนกากๆกระจอกปกครองในแผ่นดิน มีอำนาจต่อเนื่องตลอดอายุงานมันเขียน ถีบนายกฯคนแรกลงกูก็มึนก็หนาก็ด้านเขียนว่าส่งนายกฯคนใหม่ขึ้นมาแทนมันว่า ,สรุปให้คณะรวมพลังแผ่นดินไทยและยามเฝ้าแผ่นดินไทยนำโดยอาสนธิบริหารจัดการก็ว่าร่วมกัน,หรือคณะรวมพลังแผ่นดินบริหารประเทศชั่วคราวก็ได้,วิจัยทดลองงานดูสัก5ปีหรือ1-2ปีนี้ว่าดีกว่าพวกเหี้ยในปัจจุบันมั้ยดู.ขอแค่ไปยึดคืนบ่อน้ำมันและทรัพยากรมีค่ามากมายทั่วไทยกลับคืนมาก่อนเพื่อเป็นวัตถุดิบเราจริงจะสุดยอดมาก.

    https://youtube.com/watch?v=chXbk5mJXpc&si=w2PN9fkv9RvFsv_f
    ประเทศไทยเจ็บซ้ำพอแล้ว ศาลจริงๆขอdeep stateข้ามโลกอย่าซื้อตัวได้เลยหรือเป็นคนของพวกมันเองทั้งหมดแบบในหลายๆประเทศทั่วโลกที่มันแทรกแซงครอบงำควบคุมสั่งการศาล สั่งการทหาร สั่งการตำรวจ หรือสั่งการกฎหมายเขียนกฎปกครองของมันให้ใช้บังคับในประชาชนคนประเทศนั้นๆทั้งหมดก็ได้ คือเสียความเป็นมนุษย์ เสียจิตวิญญาณสำนึกความเป็นมนุษย์ไปหมดสิ้นนั้นเอง, ..และในความเป็นจริงบริบทการมีสถานะอำนาจควรสิ้นสุดไปด้วย เลือกตั้งใหม่นั้นเอง.แต่ก่อนจะเลือกตั้งใหม่ ต้องเขียนกฎหมาย กติกาการเลือกตั้งใหม่เสร็จสิ้นเสียก่อน คณะที่สมควรเขียนที่สุดคือคณะรวมพลังแผ่นดินไทยที่เป็นตัวแทนภาคประชาชนอาสามายืน แสดงจุดยืนเพื่อชาติเพื่อบ้านเพื่อเมืองอย่างบริสุทธิ์ใจในเวลานี้ แม้อาจมีปะปนอยู่บ้างก็เกือบเต็ม100%แน่นอน,มาเขียนกฎกติกาการเลือกตั้งใหม่มิใช่เหี้ยแบบปัจจุบัน ส่งต่อผีบ้านายกฯแบบนี้ ไม่ซื่อสัตย์คนแรก ก็ส่งคนใหม่มานั่งแทน เขียนแบบชั่วๆเลวๆส้นตีนมาก,ทั้งเขียนแบบบรมโคตรพ่อโคตรแมร่งมันบรมโง่สะพานควายส่งมาเกิดสะพานควายส่งมาประกวด นายกฯไม่ต้องกาเลือกตั้งตรงจากประชาชนพะนะ โคตรแมร่งโคตรพ่องวงตระกูลมันคิดออกจริงๆเขียนมาได้,จึงกำเนิดคนกากๆกระจอกปกครองในแผ่นดิน มีอำนาจต่อเนื่องตลอดอายุงานมันเขียน ถีบนายกฯคนแรกลงกูก็มึนก็หนาก็ด้านเขียนว่าส่งนายกฯคนใหม่ขึ้นมาแทนมันว่า ,สรุปให้คณะรวมพลังแผ่นดินไทยและยามเฝ้าแผ่นดินไทยนำโดยอาสนธิบริหารจัดการก็ว่าร่วมกัน,หรือคณะรวมพลังแผ่นดินบริหารประเทศชั่วคราวก็ได้,วิจัยทดลองงานดูสัก5ปีหรือ1-2ปีนี้ว่าดีกว่าพวกเหี้ยในปัจจุบันมั้ยดู.ขอแค่ไปยึดคืนบ่อน้ำมันและทรัพยากรมีค่ามากมายทั่วไทยกลับคืนมาก่อนเพื่อเป็นวัตถุดิบเราจริงจะสุดยอดมาก. https://youtube.com/watch?v=chXbk5mJXpc&si=w2PN9fkv9RvFsv_f
    0 Comments 0 Shares 229 Views 0 Reviews

  • ส่วนตัวแม้จะประกาศทางการก็ไม่สนใจหรอก555,ประชาชนต้องเชิญท่านประมาณ3ครั้งนะตามวิสัยเชิญนักรบมาช่วยทัพกำจัดศัตรูภัยมารหรือแบบอัญเชิญเทพเซียนแบบหนังจีน ครั้งที่1 ที่2และที่3ตามมารยาทสงวนท่าที ครั้งที่4โน้นของจริงจะมิอาจปฏิเสธได้,และไม่ถือขาดคำสัตย์ด้วย,และตอนนั้นท่านไม่เล่นแต่เป็นผู้ควบคุมทั้งกระดานงานจัดสร้างใครจะรู้,จริงๆผบ.เหล่าทัพสูงสุดสั่งการยึดอำนาจตัดตอนพวกขายชาติไส้ศึกเลย.อยากเห็นการกวาดล้างครั้งใหญ่ของจริงในยุคเราจริงๆมันสกปรกมากมายเกินไปเป็นอันมากจริงๆ เหี้ยทุกๆวงการแล้ว,มีเพียงทหารพระราชาจะมาพลิกสถานะกอบกู้ชาติไทยใหม่อีกครั้งจริงๆ,นักการเมืองเลอะเทอะสิ้น คนข้าราชการเงินเดือนหลวงโดยมากก็ไร้จิตสำนึกชั่วดีหมดแล้ว,ตังซื้อตัวซื้อตนซื้อตำแหน่งอำนาจมาทำร้ายทำลายบ้านเกิดเมืองนอนตนเสียสิ้น,กฎหมายใดๆจากฝ่ายรัฐบาลนี้ออกมาล้วนหมกเม็ดอันตรายมากมายขนาดไหนอีกก็มิทราบแบบพนันโป๊กเกอร์โน้น งบประมาณปี69อีกโปร่งใส่ขนาดไหนสุดจะไร้ความเชื่อถือใดๆได้เพราะผลงานทางสงครามไทยกับเขมรที่เปิดก่อนมันสะท้อนอำนาจการบริหารประเทศของรัฐบาลนี้หมดแล้วว่าล้มเหลวหรือสำเร็จต่อการปกป้องอธิปไตยชาติและอื่นได้หรือไม่,ประชาชนลงมติให้สอบตกชัดเจน ทหารไทยชนะหมดและไว้วางใจมากที่สุด.



    https://youtube.com/shorts/-yzXsZpNt08?si=1sDN6Yy6K-80_HfY
    ส่วนตัวแม้จะประกาศทางการก็ไม่สนใจหรอก555,ประชาชนต้องเชิญท่านประมาณ3ครั้งนะตามวิสัยเชิญนักรบมาช่วยทัพกำจัดศัตรูภัยมารหรือแบบอัญเชิญเทพเซียนแบบหนังจีน ครั้งที่1 ที่2และที่3ตามมารยาทสงวนท่าที ครั้งที่4โน้นของจริงจะมิอาจปฏิเสธได้,และไม่ถือขาดคำสัตย์ด้วย,และตอนนั้นท่านไม่เล่นแต่เป็นผู้ควบคุมทั้งกระดานงานจัดสร้างใครจะรู้,จริงๆผบ.เหล่าทัพสูงสุดสั่งการยึดอำนาจตัดตอนพวกขายชาติไส้ศึกเลย.อยากเห็นการกวาดล้างครั้งใหญ่ของจริงในยุคเราจริงๆมันสกปรกมากมายเกินไปเป็นอันมากจริงๆ เหี้ยทุกๆวงการแล้ว,มีเพียงทหารพระราชาจะมาพลิกสถานะกอบกู้ชาติไทยใหม่อีกครั้งจริงๆ,นักการเมืองเลอะเทอะสิ้น คนข้าราชการเงินเดือนหลวงโดยมากก็ไร้จิตสำนึกชั่วดีหมดแล้ว,ตังซื้อตัวซื้อตนซื้อตำแหน่งอำนาจมาทำร้ายทำลายบ้านเกิดเมืองนอนตนเสียสิ้น,กฎหมายใดๆจากฝ่ายรัฐบาลนี้ออกมาล้วนหมกเม็ดอันตรายมากมายขนาดไหนอีกก็มิทราบแบบพนันโป๊กเกอร์โน้น งบประมาณปี69อีกโปร่งใส่ขนาดไหนสุดจะไร้ความเชื่อถือใดๆได้เพราะผลงานทางสงครามไทยกับเขมรที่เปิดก่อนมันสะท้อนอำนาจการบริหารประเทศของรัฐบาลนี้หมดแล้วว่าล้มเหลวหรือสำเร็จต่อการปกป้องอธิปไตยชาติและอื่นได้หรือไม่,ประชาชนลงมติให้สอบตกชัดเจน ทหารไทยชนะหมดและไว้วางใจมากที่สุด. https://youtube.com/shorts/-yzXsZpNt08?si=1sDN6Yy6K-80_HfY
    0 Comments 0 Shares 230 Views 0 Reviews
  • ใครปล่อยข่าวออกมาในช่วงนี้นะ แปลกมาก,ไม่รวมมุกแหกตาพรรคส้มด้วย ซื้อยกมือโหวต,กะตีกินบนความปั่นป่วนโกลาหลสงครามบิดเบือนว่าเลือกตั้งสมัยหน้า เลือกพรรคตนนะเพราะซื่อสัตย์ไม่ยอมรับเงินซื้อโหวตยกมือ ทำเพื่อประชาชนพะนะ.

    ..ความจริงเรื่องนี้ อ.สุจริต บินมาเองในช่วงเกิดเหตุใหม่ๆแล้ว.,พวกโหนเจ้าแน่ๆเพื่อกลบกระแสที่ประชาชนรู้ไส้รู้พุงตื่นรู้กับความบัดสบของรัฐบาลอังเคิลต้องการอะไรเดี๋ยวจัดให้ ทหารไทยเป็นฝ่ายตรงข้ามเรา,ประชาชน..กระแสประชาชนรับรู้ค่าจริงความจริงทั้งประเทศแล้วนั้นล่ะ,ถ้ามีลงมติเรียลไทม์ออนไลน์แบบเลือกบิ๊กกุ้งเป็นใหญ่สุดในกลาโหมให้นั่งแบบชนะขาดกว่า10-20ล้านคนลงมติโหวตให้เป็นตัวจริงตัวเลือกตัวเป็นจริงอย่างเป็นทางการ,หากมีลงมติถอดถอนอำนาจรัฐบาลได้ทางตรงเรียลไทม์จากประชาชนคนไทยทั่วประเทศ เช่นใช้เกณฑ์20ล้านคนลงมติถอดถอนอำนาจรัฐบาลให้พ้นจากรัฐบาลมาบริหารประเทศได้ ประชาชนคนไทยลงมติเรียลไทม์ตอนนี้ทันทีเลย อาจทะลุกว่า30-40ล้านคนแน่นอน.

    https://youtube.com/shorts/NAYo7ih23Bo?si=39bgeAUCp7rQMJPK
    ใครปล่อยข่าวออกมาในช่วงนี้นะ แปลกมาก,ไม่รวมมุกแหกตาพรรคส้มด้วย ซื้อยกมือโหวต,กะตีกินบนความปั่นป่วนโกลาหลสงครามบิดเบือนว่าเลือกตั้งสมัยหน้า เลือกพรรคตนนะเพราะซื่อสัตย์ไม่ยอมรับเงินซื้อโหวตยกมือ ทำเพื่อประชาชนพะนะ. ..ความจริงเรื่องนี้ อ.สุจริต บินมาเองในช่วงเกิดเหตุใหม่ๆแล้ว.,พวกโหนเจ้าแน่ๆเพื่อกลบกระแสที่ประชาชนรู้ไส้รู้พุงตื่นรู้กับความบัดสบของรัฐบาลอังเคิลต้องการอะไรเดี๋ยวจัดให้ ทหารไทยเป็นฝ่ายตรงข้ามเรา,ประชาชน..กระแสประชาชนรับรู้ค่าจริงความจริงทั้งประเทศแล้วนั้นล่ะ,ถ้ามีลงมติเรียลไทม์ออนไลน์แบบเลือกบิ๊กกุ้งเป็นใหญ่สุดในกลาโหมให้นั่งแบบชนะขาดกว่า10-20ล้านคนลงมติโหวตให้เป็นตัวจริงตัวเลือกตัวเป็นจริงอย่างเป็นทางการ,หากมีลงมติถอดถอนอำนาจรัฐบาลได้ทางตรงเรียลไทม์จากประชาชนคนไทยทั่วประเทศ เช่นใช้เกณฑ์20ล้านคนลงมติถอดถอนอำนาจรัฐบาลให้พ้นจากรัฐบาลมาบริหารประเทศได้ ประชาชนคนไทยลงมติเรียลไทม์ตอนนี้ทันทีเลย อาจทะลุกว่า30-40ล้านคนแน่นอน. https://youtube.com/shorts/NAYo7ih23Bo?si=39bgeAUCp7rQMJPK
    0 Comments 0 Shares 171 Views 0 Reviews
  • ...เธอพูดแทนใจฉันจริงๆมันอึดอัดใจสุด..."แต่การรัฐประหารไม่มีประโยชน์เสียของมาตลอด...#ประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศแล้วไม่ให้นักการเมืองมีอำนาจที่บริหารประเทศไทยไร้ประสิทธิภาพแบบนี้ต่อไป#มีปัญหาแต่ให้คนที่ไร้ภาวะผู้นำบริหารอาจสิ้นชาติได้เลย แต่ทหารอยู่ในมือใครจะทำได้ไหม#ประชาชนควรจัดการเองแล้วหรือไม่??
    ...เธอพูดแทนใจฉันจริงๆมันอึดอัดใจสุด..."แต่การรัฐประหารไม่มีประโยชน์เสียของมาตลอด...#ประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศแล้วไม่ให้นักการเมืองมีอำนาจที่บริหารประเทศไทยไร้ประสิทธิภาพแบบนี้ต่อไป#🇹🇭มีปัญหาแต่ให้คนที่ไร้ภาวะผู้นำบริหารอาจสิ้นชาติได้เลย แต่ทหารอยู่ในมือใครจะทำได้ไหม#ประชาชนควรจัดการเองแล้วหรือไม่??
    Angry
    1
    1 Comments 0 Shares 175 Views 0 0 Reviews
  • ตอน 16
    จิ๊กโก๋๋ประกบติดไทยแลนด์สยามเมืองยิ้ม ตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงสงครามเวียตนามเลิก (ค.ศ.1950 – 1976) เพราะแผนของจิ๊กโก๋๋ ฉากหน้า กูเป็นจิ๊กโก๋๋ใหญ่ ปกป้องชาวซอย ที่ถูกจิ๊กโก๋๋ตาตี่หน้าเหลือง คือ ระบอบคอมมิวนิสต์ แผ่ขยายมากลืนกินประชาชาติแถบนี้
    แต่ฉากของจริง คือ ไอ้จิ๊กโก๋๋ผมทอง มันกลัวว่า ไอ้ตาตี่มันจะมาชิงลูกค้าเราไป เราจะยอมมันได้ไง หมดสงครามเวียตนาม ความต้องการใช้ไทยแลนด์ แดนสยามก็หยุดลงชั่วคราว
    จิ๊กโก๋๋จำเป็นต้องไปหากินซอยอื่น เพราะว่า การใช้น้ำมันทั่วโลกกำลังพุ่งแรงจากการขยายตัวของอุตสาหกรรม หรือพูดให้ชัดจากทุนนิยมที่เร่งขยายตัว
    จิ๊กโก๋๋ก็ต้องหาทางเอาน้ำมัน มาเป็นของตนเองให้มากที่สุด ก็เลยไปขุดเผือกขุดน้ำมันแถวบ้านคุณอาที่มีน้ำมัน จำได้ไหม แล้วก็เผ่นไปยุ่งถึงอเมริกาใต้ เกิดเรื่องอิหร่าน คอนทร้า (Iran Contra) จนวุ่นไปหมด
    มันไปหมดทุกแห่งที่จะล้วงกระเป๋าเขาได้ มาจนถึงปี ค.ศ.1997 จิ๊กโก๋๋เองขนาดล้วงกระเป๋าเขามา 50 ปี ก็จนเป็นเหมือนกัน เกิดภาวะเศรษฐกิจตกสะเก็ด การเพ่นพ่านของจิ๊กโก๋๋ ก็สงบลงเล็กน้อย เพราะมัวแต่จัดระเบียบบ้านตัวเอง
    ขณะเดียวกันประเทศที่ได้เอกราชใหม่ๆ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เช่น อินเดีย หรือประเทศที่เปลี่ยน แปลงวิธีบริหารประเทศของตัวเอง เช่น ประเทศจีน ก็ก้มหน้าก้มตาพัฒนาประเทศตัวเอง อย่างเร่งรีบ แต่เงียบเชียบ
    อเมริกาไม่เคยเห็นคนอื่นอยู่ในสายตา จับมืออยู่กันแต่ในกลุ่มหัว 3 เกลอหัวแข็งเท่านั้น บวกเอาญาติโยม และพวกฝ่ายผมทองเข้าไปด้วยเฉพาะที่ เห็นว่าพอจะคุยกันรู้เรื่อง ถึงได้เกิด EU สหภาพยุโรป G7, G8 อะไรนู่น เอาญี่ปุ่นตาตี่ไปรวมด้วย (เพราะเป็นภาระของสหรัฐโดยตรง ก็ทะลึ่งไปบอมบ์เขานี่นะ ก็เลยต้องพ่วงเป็นลูก บุญธรรมไปด้วยตลอดเวลา) ที่เหลือมันเหยื่อนักล่านักล้วงทั้งนั้นแหละ
    อเมริกาเมินภูมิภาคแถบนี้ไปนาน เพราะคิดว่าเหลือแต่ซากหลังสงครามเวียตนาม เหมือนแถบยุโรปตะวันออกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
    หันมาอีกที ต๊กกะใจ ว้าย ตาเถร ไอ้ตาตี่ทำไมมันโตเร็วกลายเป็น อาเฮียพุงพลุ้ยเดินโปรยเงินไปทั่ว จีนโตเร็วและทำท่าจะโตไปเรื่อยๆ บวกกับอินเดียและที่รวมตัวกันเรียกว่า กลุ่มประเทศที่เกิดใหม่ทางเศรษฐกิจ คือ กลุ่ม BRICS บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน อาฟริกาใต้
    คิดง่ายๆ แค่จีนกับอินเดียรวมกันมีประชากร 3 พันกว่าล้านคน ทั้งโลกนี้มีประชากร 7 พันกว่าล้านคน แค่ 2 ประเทศ ก็เกือบครึ่งโลกแล้ว กำลังซื้อมันจะขนาดไหน แค่นัดกระทืบเท้าพร้อมกัน โลกก็เอียงแล้ว (น่าลองดูนะ ซ่ามากๆ ก็ถล่มมันชะเลย)
    จิ๊กโก๋๋คิดแล้วก็หัวหมุนกลับ หันมาไทยแลนด์แดนสยามอีกครั้ง ในปี พ.ศ.2542 /ค.ศ.1999 ตรงกับปีที่เศรษฐกิจจีนเริ่มโตอย่างชัดเจน
    แล้วทำไงดีล่ะ ตัวทิ้งเค้าไปตั้งนาน อยู่ๆ จะกลับมา จ้ะๆ จ๋าๆ เหมือนเดิมกันง่ายๆ แบบนั้น เค้าไม่ใช่ หญิงคนชั่วเร่ขายชาตินะยะ แล้วตัวจำได้มั้ย ตอนเค้าตูดขาดเหลือแต่คลัง เงินไม่มีให้คงไว้น่ะ เพราะรัฐบาลน้าจิ๋ว กะรัฐบาลปี๋ชวนทำซะบักโกรกน่ะ เขาส่งอ้ายน้อยไปหาตัว ตัวทำอะไรกับเขา เขาจำได้นะ ให้ไอ้ IMF มันโหดกะเค้ายังไง ไปถามพวกเจ้าของธนาคาร หวั่งหลี ล่ำซำ หรือคุณป๋าประชัยแห่ง TPI หรือเฮียหวัดเจ้าของวลี ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ดูก็แล้วกันว่าหายช้ำหรือยัง
    อเมริกาจะกลับมาภูมิภาคนี้ใหม่ ก็ต้องกลับมาแบบไม่ให้เสียเชิง ไม่เสียฟอร์มนักทฤษฎี นักสร้างฉาก ลองทายดูซิ จิ๊กโก๋๋จะกลับมาแบบไหน กลับมาแบบเท่ห์ๆ น่ะ ฮา
    ช่วงสงครามเวียตนาม อเมริกาคบกับทหารไทย นักวิ่งผลัดจนรู้เช่นเห็นชาติ ว่าชอบกินอาหารจานด่วนแบบไหน หลอกล่อ ต่อรอง เห่กล่อม อย่างไร ถึงจะไม่งอแง พอเลิกใช้บริการนักวิ่งผลัด พี่เบิ้มก็ไปใช้พวกเด็กในคาถา good boy technocrat
    ดังนั้นเวลาหวนกลับ มันก็ไม่พ้นประตู 2 ช่องนี่แหละ จะพูดกับใครรู้เรื่องไปกว่าพวกที่เคยมือ รู้ใจกัน
    ว่าแล้วจิ๊กโก๋๋ก็เรียก good boy มาสัมภาษณ์ทีละคน โดยทำเป็นเชิญมาทานข้าวบ้าง ดื่มน้ำชาบ้าง ไล่ไปตั้งกะใหญ่โต ระดับองคมนตรี ข้าราชการ นักวิชาการ นักการเมืองทุกค่าย นักธุรกิจ จนถึงสื่อ
    ถามทุกเรื่องลับแบบเจาะลึก ท่านต่างๆ ก็ช่างตอบกันดีนัก อย่างกะขึ้นสังกัดกับเขา บางเรื่องเป็นเรื่องในบ้านเราแท้ๆ ไม่เห็นเกี่ยวกับคนนอกเลย ก็ตอบเขาเอา ตอบเอา (ขอขอบคุณ อภินันทนาการ เอกสารรั่ววิกิลีกส์ ทำให้รู้ว่า ใครช่างจ้อ ขนาดไหน)
    นอกจากนี้ก็ให้พวกซี ในคราบเจ้าหน้าที่สถานทูต เดินไปตามงานเลี้ยงไฮโซต่างๆ เก็บข่าวทุกวัน ใครกำลังขึ้น ใครกำลังลง พระราชวงศ์จะเป็นอย่างไร ใบไม้ใบไหนกำลังออกใหม่ ใบไหนกำลังจะร่วง ถามมันไปหมดทุกเรื่องนะแหละ
    เขาเล่ากันว่าสถานทูตสหรัฐในไทยนะใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก อันดับ 1 อยู่ที่อียิปต์ ที่ประเทศไทยนี้มีพนักงานประจำการอยู่กว่า 2 พันคน และที่ไม่ประจำอีกกว่า 2 พันคน โว้ย! มันเอามาทำไรแยะขนาดนี้ กะจะนับใบไม้ทุกใบหรือไงวะ ก็คงตกค้างตั้งกะสมัยรบสงครามเวียตนามน่ะนะ ตอนนั้นใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์ กลางบัญชาการรบ ก็จะให้พวกพี่เขาไปอยู่ที่ไหนล่ะ แถบนี้ ใครมันจะเจริญ แถมแสงสีเสียงครบแบบไทยแลนด์ล่ะ
    หลังจากทั้งซัก ทั้งฟอก เด็กในคาถา เดินสำรวจตามงานหรู ไม่ว่าของราชการ ไฮโซ สปอร์ตคลับฯลฯ หลายรอบ พี่เบิ้มก็ถอนใจ
    อู้ย จากไปไม่เท่าไหร่ ไม่คุมเอง ทำไม ไทยแลนด์ มันไม่ใช่แดนสยามเมืองยิ้ม อย่างเมื่อก่อนนะ นี่มันดันกลายเป็นสนามประลองกีฬาสีนี่นา แต่กีฬาสีนี้มันหนักน่ะ ใครจะอยู่ใครจะไป ไอยังไม่แน่ใจ
    อย่ากระนั้นเลย เอาที่แน่ๆ กลับไปที่นักกีฬาวิ่งผลัดดีกว่า เออ! เพิ่งนึกออก บ้านเรานี่มันนักกีฬาแยะนะ ไม่วิ่งผลัด ก็กีฬาสี 5 5 5
    อเมริกาส่งแม่ทัพเรือภาคที่ 7 ที่ประจำอยู่ที่โอกินาวาของลูกกะเป๋ง มาเยี่ยมไทยแลนด์ ทบทวนความ สัมพันธ์ที่มีมานานกว่า 50 ปี เรียกว่าเป็นมิตรรักระดับเดียวกับ พวกนาโต (NATO) ร่วมซ้อมรบด้วยกัน ทุกปีในนามของคอบบร้า โกลด์ (Cobra Gold) ขึ้นบกทีไร น้องหนูแถวพัทยา ภูเก็ตก็แฮ้ปปี้กระดี้กระด้า นอกจากนั้นในช่วงเกิดเหตุการณ์ ซึนามิ ไทยแลนด์ก็ใจดีให้ใช้อู่ตะเภาเป็นสนามบินที่ใช้ในการช่วยบรรเทาทุก แต่ข่าวที่ไม่เปิดเผยคือ ช่วงรัฐบาลทักษิณ ไทยเราอนุญาตให้เครื่องบินอเมริกัน บินขึ้นลงจากอู่ตะเภาเพื่อไปปฏิบัติการรบในอิรักและอาฟกานิสถานด้วยนะ (สมันน้อยไม่เข็ด!)
    แล้วอเมริกาทำไมถึงอยากกลับมายุ่งในภูมิภาคนี้ใหม่ โดยเฉพาะเข้ามาเดินกร่างในไทยแลนด์เหมือน เดิม แค่เรื่องอาเฮีย จากนั่งแทะเม็ดกวยจี๋ กลายเป็นเจ้าสัวกระเป๋าหนัก มันเกี่ยวอะไรกะสมันน้อยด้วยล่ะ

    คนเล่านิทาน
    ตอน 16 จิ๊กโก๋๋ประกบติดไทยแลนด์สยามเมืองยิ้ม ตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงสงครามเวียตนามเลิก (ค.ศ.1950 – 1976) เพราะแผนของจิ๊กโก๋๋ ฉากหน้า กูเป็นจิ๊กโก๋๋ใหญ่ ปกป้องชาวซอย ที่ถูกจิ๊กโก๋๋ตาตี่หน้าเหลือง คือ ระบอบคอมมิวนิสต์ แผ่ขยายมากลืนกินประชาชาติแถบนี้ แต่ฉากของจริง คือ ไอ้จิ๊กโก๋๋ผมทอง มันกลัวว่า ไอ้ตาตี่มันจะมาชิงลูกค้าเราไป เราจะยอมมันได้ไง หมดสงครามเวียตนาม ความต้องการใช้ไทยแลนด์ แดนสยามก็หยุดลงชั่วคราว จิ๊กโก๋๋จำเป็นต้องไปหากินซอยอื่น เพราะว่า การใช้น้ำมันทั่วโลกกำลังพุ่งแรงจากการขยายตัวของอุตสาหกรรม หรือพูดให้ชัดจากทุนนิยมที่เร่งขยายตัว จิ๊กโก๋๋ก็ต้องหาทางเอาน้ำมัน มาเป็นของตนเองให้มากที่สุด ก็เลยไปขุดเผือกขุดน้ำมันแถวบ้านคุณอาที่มีน้ำมัน จำได้ไหม แล้วก็เผ่นไปยุ่งถึงอเมริกาใต้ เกิดเรื่องอิหร่าน คอนทร้า (Iran Contra) จนวุ่นไปหมด มันไปหมดทุกแห่งที่จะล้วงกระเป๋าเขาได้ มาจนถึงปี ค.ศ.1997 จิ๊กโก๋๋เองขนาดล้วงกระเป๋าเขามา 50 ปี ก็จนเป็นเหมือนกัน เกิดภาวะเศรษฐกิจตกสะเก็ด การเพ่นพ่านของจิ๊กโก๋๋ ก็สงบลงเล็กน้อย เพราะมัวแต่จัดระเบียบบ้านตัวเอง ขณะเดียวกันประเทศที่ได้เอกราชใหม่ๆ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เช่น อินเดีย หรือประเทศที่เปลี่ยน แปลงวิธีบริหารประเทศของตัวเอง เช่น ประเทศจีน ก็ก้มหน้าก้มตาพัฒนาประเทศตัวเอง อย่างเร่งรีบ แต่เงียบเชียบ อเมริกาไม่เคยเห็นคนอื่นอยู่ในสายตา จับมืออยู่กันแต่ในกลุ่มหัว 3 เกลอหัวแข็งเท่านั้น บวกเอาญาติโยม และพวกฝ่ายผมทองเข้าไปด้วยเฉพาะที่ เห็นว่าพอจะคุยกันรู้เรื่อง ถึงได้เกิด EU สหภาพยุโรป G7, G8 อะไรนู่น เอาญี่ปุ่นตาตี่ไปรวมด้วย (เพราะเป็นภาระของสหรัฐโดยตรง ก็ทะลึ่งไปบอมบ์เขานี่นะ ก็เลยต้องพ่วงเป็นลูก บุญธรรมไปด้วยตลอดเวลา) ที่เหลือมันเหยื่อนักล่านักล้วงทั้งนั้นแหละ อเมริกาเมินภูมิภาคแถบนี้ไปนาน เพราะคิดว่าเหลือแต่ซากหลังสงครามเวียตนาม เหมือนแถบยุโรปตะวันออกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หันมาอีกที ต๊กกะใจ ว้าย ตาเถร ไอ้ตาตี่ทำไมมันโตเร็วกลายเป็น อาเฮียพุงพลุ้ยเดินโปรยเงินไปทั่ว จีนโตเร็วและทำท่าจะโตไปเรื่อยๆ บวกกับอินเดียและที่รวมตัวกันเรียกว่า กลุ่มประเทศที่เกิดใหม่ทางเศรษฐกิจ คือ กลุ่ม BRICS บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน อาฟริกาใต้ คิดง่ายๆ แค่จีนกับอินเดียรวมกันมีประชากร 3 พันกว่าล้านคน ทั้งโลกนี้มีประชากร 7 พันกว่าล้านคน แค่ 2 ประเทศ ก็เกือบครึ่งโลกแล้ว กำลังซื้อมันจะขนาดไหน แค่นัดกระทืบเท้าพร้อมกัน โลกก็เอียงแล้ว (น่าลองดูนะ ซ่ามากๆ ก็ถล่มมันชะเลย) จิ๊กโก๋๋คิดแล้วก็หัวหมุนกลับ หันมาไทยแลนด์แดนสยามอีกครั้ง ในปี พ.ศ.2542 /ค.ศ.1999 ตรงกับปีที่เศรษฐกิจจีนเริ่มโตอย่างชัดเจน แล้วทำไงดีล่ะ ตัวทิ้งเค้าไปตั้งนาน อยู่ๆ จะกลับมา จ้ะๆ จ๋าๆ เหมือนเดิมกันง่ายๆ แบบนั้น เค้าไม่ใช่ หญิงคนชั่วเร่ขายชาตินะยะ แล้วตัวจำได้มั้ย ตอนเค้าตูดขาดเหลือแต่คลัง เงินไม่มีให้คงไว้น่ะ เพราะรัฐบาลน้าจิ๋ว กะรัฐบาลปี๋ชวนทำซะบักโกรกน่ะ เขาส่งอ้ายน้อยไปหาตัว ตัวทำอะไรกับเขา เขาจำได้นะ ให้ไอ้ IMF มันโหดกะเค้ายังไง ไปถามพวกเจ้าของธนาคาร หวั่งหลี ล่ำซำ หรือคุณป๋าประชัยแห่ง TPI หรือเฮียหวัดเจ้าของวลี ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ดูก็แล้วกันว่าหายช้ำหรือยัง อเมริกาจะกลับมาภูมิภาคนี้ใหม่ ก็ต้องกลับมาแบบไม่ให้เสียเชิง ไม่เสียฟอร์มนักทฤษฎี นักสร้างฉาก ลองทายดูซิ จิ๊กโก๋๋จะกลับมาแบบไหน กลับมาแบบเท่ห์ๆ น่ะ ฮา ช่วงสงครามเวียตนาม อเมริกาคบกับทหารไทย นักวิ่งผลัดจนรู้เช่นเห็นชาติ ว่าชอบกินอาหารจานด่วนแบบไหน หลอกล่อ ต่อรอง เห่กล่อม อย่างไร ถึงจะไม่งอแง พอเลิกใช้บริการนักวิ่งผลัด พี่เบิ้มก็ไปใช้พวกเด็กในคาถา good boy technocrat ดังนั้นเวลาหวนกลับ มันก็ไม่พ้นประตู 2 ช่องนี่แหละ จะพูดกับใครรู้เรื่องไปกว่าพวกที่เคยมือ รู้ใจกัน ว่าแล้วจิ๊กโก๋๋ก็เรียก good boy มาสัมภาษณ์ทีละคน โดยทำเป็นเชิญมาทานข้าวบ้าง ดื่มน้ำชาบ้าง ไล่ไปตั้งกะใหญ่โต ระดับองคมนตรี ข้าราชการ นักวิชาการ นักการเมืองทุกค่าย นักธุรกิจ จนถึงสื่อ ถามทุกเรื่องลับแบบเจาะลึก ท่านต่างๆ ก็ช่างตอบกันดีนัก อย่างกะขึ้นสังกัดกับเขา บางเรื่องเป็นเรื่องในบ้านเราแท้ๆ ไม่เห็นเกี่ยวกับคนนอกเลย ก็ตอบเขาเอา ตอบเอา (ขอขอบคุณ อภินันทนาการ เอกสารรั่ววิกิลีกส์ ทำให้รู้ว่า ใครช่างจ้อ ขนาดไหน) นอกจากนี้ก็ให้พวกซี ในคราบเจ้าหน้าที่สถานทูต เดินไปตามงานเลี้ยงไฮโซต่างๆ เก็บข่าวทุกวัน ใครกำลังขึ้น ใครกำลังลง พระราชวงศ์จะเป็นอย่างไร ใบไม้ใบไหนกำลังออกใหม่ ใบไหนกำลังจะร่วง ถามมันไปหมดทุกเรื่องนะแหละ เขาเล่ากันว่าสถานทูตสหรัฐในไทยนะใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก อันดับ 1 อยู่ที่อียิปต์ ที่ประเทศไทยนี้มีพนักงานประจำการอยู่กว่า 2 พันคน และที่ไม่ประจำอีกกว่า 2 พันคน โว้ย! มันเอามาทำไรแยะขนาดนี้ กะจะนับใบไม้ทุกใบหรือไงวะ ก็คงตกค้างตั้งกะสมัยรบสงครามเวียตนามน่ะนะ ตอนนั้นใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์ กลางบัญชาการรบ ก็จะให้พวกพี่เขาไปอยู่ที่ไหนล่ะ แถบนี้ ใครมันจะเจริญ แถมแสงสีเสียงครบแบบไทยแลนด์ล่ะ หลังจากทั้งซัก ทั้งฟอก เด็กในคาถา เดินสำรวจตามงานหรู ไม่ว่าของราชการ ไฮโซ สปอร์ตคลับฯลฯ หลายรอบ พี่เบิ้มก็ถอนใจ อู้ย จากไปไม่เท่าไหร่ ไม่คุมเอง ทำไม ไทยแลนด์ มันไม่ใช่แดนสยามเมืองยิ้ม อย่างเมื่อก่อนนะ นี่มันดันกลายเป็นสนามประลองกีฬาสีนี่นา แต่กีฬาสีนี้มันหนักน่ะ ใครจะอยู่ใครจะไป ไอยังไม่แน่ใจ อย่ากระนั้นเลย เอาที่แน่ๆ กลับไปที่นักกีฬาวิ่งผลัดดีกว่า เออ! เพิ่งนึกออก บ้านเรานี่มันนักกีฬาแยะนะ ไม่วิ่งผลัด ก็กีฬาสี 5 5 5 อเมริกาส่งแม่ทัพเรือภาคที่ 7 ที่ประจำอยู่ที่โอกินาวาของลูกกะเป๋ง มาเยี่ยมไทยแลนด์ ทบทวนความ สัมพันธ์ที่มีมานานกว่า 50 ปี เรียกว่าเป็นมิตรรักระดับเดียวกับ พวกนาโต (NATO) ร่วมซ้อมรบด้วยกัน ทุกปีในนามของคอบบร้า โกลด์ (Cobra Gold) ขึ้นบกทีไร น้องหนูแถวพัทยา ภูเก็ตก็แฮ้ปปี้กระดี้กระด้า นอกจากนั้นในช่วงเกิดเหตุการณ์ ซึนามิ ไทยแลนด์ก็ใจดีให้ใช้อู่ตะเภาเป็นสนามบินที่ใช้ในการช่วยบรรเทาทุก แต่ข่าวที่ไม่เปิดเผยคือ ช่วงรัฐบาลทักษิณ ไทยเราอนุญาตให้เครื่องบินอเมริกัน บินขึ้นลงจากอู่ตะเภาเพื่อไปปฏิบัติการรบในอิรักและอาฟกานิสถานด้วยนะ (สมันน้อยไม่เข็ด!) แล้วอเมริกาทำไมถึงอยากกลับมายุ่งในภูมิภาคนี้ใหม่ โดยเฉพาะเข้ามาเดินกร่างในไทยแลนด์เหมือน เดิม แค่เรื่องอาเฮีย จากนั่งแทะเม็ดกวยจี๋ กลายเป็นเจ้าสัวกระเป๋าหนัก มันเกี่ยวอะไรกะสมันน้อยด้วยล่ะ คนเล่านิทาน
    2 Comments 0 Shares 432 Views 0 Reviews
  • น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ
    ที่ได้เสด็จพระราชดำเนินมายังวัดท่าซุง

    สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
    เสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่อุโบสถวัดท่าซุง

    พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
    เสด็จพระราชดำเนินทรงปิดทองลูกนิมิต
    ภายในอุโบสถวัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี

    เมื่อ วันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๐

    ==============

    ระบบกษัตริย์จะกลับมาอีก

    ...นี่พูดตามความจริงใจ ที่พูดตามนั้นก็เชื่อตาม "หลวงพ่อใย" (สมัยอยุธยา) ที่ท่านพยากรณ์ไว้ ว่าประเทศไทยยังจะมีรัชกาลที่ ๑๐ แล้วก็ยังจะมีความอุดมสมบูรณ์ต่อไป

    แล้ว "หลวงพ่อปาน" ยังพูดต่อไปว่า ไม่ใช่มีแต่รัชกาลที่ ๑๐ ต่อไปจะมีไปเรื่อย ๆ พระมหากษัตริย์ในประเทศไทย

    แล้วชาวโลกทั้งหลายทั้งหมด ก็จะกลับปฏิวัติจากระบบ "ประชาธิปไตย" หรือระบบประธานาธิบดีทั้งหลาย กลับมาเป็นกษัตริย์อย่างเดิม เรียกว่า "กลับมามีกษัตริย์" ตามเดิม

    ทำไมจึงได้เป็นอย่างนั้น อาตมานั่งคิดนอนคิดมานาน บรรดาท่านพุทธบริษัท มันก็คิดไม่ออก ว่าทำไมท่านผู้รู้ท่านจึงได้กล่าวกันไว้อย่างนั้น

    แต่มาพิจารณาในตอนหลังก็พอเข้าใจได้ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย การเปลี่ยนกันขึ้นมาบริหารประเทศ ประเทศที่มีพระมหากษัตริย์ แต่เป็นประชาธิปไตย มีหัวหน้าฝ่ายบริหารเป็นนายกรัฐมนตรี

    บางประเทศก็มีประมุขของประเทศเป็นประธานาธิบดี มีหัวหน้าฝ่ายบริหารเป็นนายกรัฐมนตรี สองสามหรือสี่ปีเปลี่ยนกันทีหนึ่ง ห้าปีเปลี่ยนกันทีหนึ่ง ดีไม่ดีปีสองปีก็เปลี่ยนกัน การปกครองแบบนี้นั้นมันเป็นของดี เขาเรียกว่าประชาชนเป็นใหญ่

    แต่ความใหญ่ของประชาชนนี่ซี บรรดาท่านพุทธบริษัท มันใหญ่เสียหลายอย่าง บางทีฐานะเล็ก ๆ อยู่ไม่กี่วันพอเข้ามาบริหารประเทศ ฐานะก็ใหญ่ไปด้วย

    เมื่อคนหนึ่งขึ้นมาใหญ่แล้วไม่เป็นไร นาน ๆ เปลี่ยนกันขึ้นมาใหญ่ต่อไปอีก นี่..ในเมื่อฝ่ายบริหารใหญ่ ฝ่ายถูกบริหารก็เล็ก ผอมลง ๆ คนบริหารก็ใหญ่ขึ้น ๆ

    นี่เราว่ากันถึงว่านักบริหารที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริต แต่นักบริหารที่ดีก็มีถมไป แต่ว่าการบริหารหรือจิตใจของคน บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ที่ไม่ติดในวัตถุมันก็มีเป็นของน้อย เพราะคนทุกคนต้องอาศัยวัตถุเป็นสำคัญ

    ข้อมูลจาก
    http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=2555&fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR62tbtqZdHhMFEzV71cZT81deaSSj5lcduUwjX5jN3pcdFZ0QSH1oRh2r-j-Q_aem_B4Tb9m40JUfh7k0N4ccbEg#2
    น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ได้เสด็จพระราชดำเนินมายังวัดท่าซุง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่อุโบสถวัดท่าซุง พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทรงปิดทองลูกนิมิต ภายในอุโบสถวัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี เมื่อ วันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๐ ============== ระบบกษัตริย์จะกลับมาอีก ...นี่พูดตามความจริงใจ ที่พูดตามนั้นก็เชื่อตาม "หลวงพ่อใย" (สมัยอยุธยา) ที่ท่านพยากรณ์ไว้ ว่าประเทศไทยยังจะมีรัชกาลที่ ๑๐ แล้วก็ยังจะมีความอุดมสมบูรณ์ต่อไป แล้ว "หลวงพ่อปาน" ยังพูดต่อไปว่า ไม่ใช่มีแต่รัชกาลที่ ๑๐ ต่อไปจะมีไปเรื่อย ๆ พระมหากษัตริย์ในประเทศไทย แล้วชาวโลกทั้งหลายทั้งหมด ก็จะกลับปฏิวัติจากระบบ "ประชาธิปไตย" หรือระบบประธานาธิบดีทั้งหลาย กลับมาเป็นกษัตริย์อย่างเดิม เรียกว่า "กลับมามีกษัตริย์" ตามเดิม ทำไมจึงได้เป็นอย่างนั้น อาตมานั่งคิดนอนคิดมานาน บรรดาท่านพุทธบริษัท มันก็คิดไม่ออก ว่าทำไมท่านผู้รู้ท่านจึงได้กล่าวกันไว้อย่างนั้น แต่มาพิจารณาในตอนหลังก็พอเข้าใจได้ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย การเปลี่ยนกันขึ้นมาบริหารประเทศ ประเทศที่มีพระมหากษัตริย์ แต่เป็นประชาธิปไตย มีหัวหน้าฝ่ายบริหารเป็นนายกรัฐมนตรี บางประเทศก็มีประมุขของประเทศเป็นประธานาธิบดี มีหัวหน้าฝ่ายบริหารเป็นนายกรัฐมนตรี สองสามหรือสี่ปีเปลี่ยนกันทีหนึ่ง ห้าปีเปลี่ยนกันทีหนึ่ง ดีไม่ดีปีสองปีก็เปลี่ยนกัน การปกครองแบบนี้นั้นมันเป็นของดี เขาเรียกว่าประชาชนเป็นใหญ่ แต่ความใหญ่ของประชาชนนี่ซี บรรดาท่านพุทธบริษัท มันใหญ่เสียหลายอย่าง บางทีฐานะเล็ก ๆ อยู่ไม่กี่วันพอเข้ามาบริหารประเทศ ฐานะก็ใหญ่ไปด้วย เมื่อคนหนึ่งขึ้นมาใหญ่แล้วไม่เป็นไร นาน ๆ เปลี่ยนกันขึ้นมาใหญ่ต่อไปอีก นี่..ในเมื่อฝ่ายบริหารใหญ่ ฝ่ายถูกบริหารก็เล็ก ผอมลง ๆ คนบริหารก็ใหญ่ขึ้น ๆ นี่เราว่ากันถึงว่านักบริหารที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริต แต่นักบริหารที่ดีก็มีถมไป แต่ว่าการบริหารหรือจิตใจของคน บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ที่ไม่ติดในวัตถุมันก็มีเป็นของน้อย เพราะคนทุกคนต้องอาศัยวัตถุเป็นสำคัญ ข้อมูลจาก http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=2555&fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR62tbtqZdHhMFEzV71cZT81deaSSj5lcduUwjX5jN3pcdFZ0QSH1oRh2r-j-Q_aem_B4Tb9m40JUfh7k0N4ccbEg#2
    0 Comments 0 Shares 308 Views 0 Reviews

  • อนาคตไทยเราต้องพัฒนาอาวุธยุคใหม่ให้สำเร็จโเยรวดเร็วลิกตามดากฝรั่งได้แล้ว ตลอดเครื่องบินรบก็ต้องผลิตเองได้แล้ว เรามีทรัพยากรและวัสดุเพียงพอ,พัฒนาคนไทยตั้งแต่เยาวชนเลย,ผู้ปกครองผู้นำเรากากกระจอกเกินไป,สุดท้ายประเทศอื่นแบบอเมริกาหรือมหาอำนาจฝรั่งมันก็มาคุกคามปล้นชิงแย่งชิงทรัพยากรมีค่ามากมายในประเทศเราแบบสาระพัดมุกกดดันข่มขู่เราแบบภาษีทรัมป์นั้นล่ะ เพราะผู้นำกาก รัฐบาลกระจอกขลาดเขลา ผู้นำโง่ใจปลาซิว ทีมงานใจหมาสมองควายวัวอีกเอาแต่ได้หมายแต่แดกแต่คตโกงขี้โกงทั้งชุดคณะปกครองนั้นเองโดยวลีเด็ดมุกที่มันชอบใช้กันคือ "ทำเพื่อประชาชน" แดกเพื่อประชาชน แดกแทนมากๆเพื่อประชาชน,เราจึงถอยหลังด้านศีลด้านธรรมของคุณธรรมประจำใจ ถอยหลังการพัฒนาบุคคลในนวัตกรรมล้ำแก่คนไทย เมื่อคนไทยร่ำรวยจะสามารถซื้อหาคิดอ่านสร้างสรรค์ผลงานได้สะดวกมีทุนเตรียมวัตถุดิบได้ในสัมมาอาชีพต่างๆหรือพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆตลอดไม่ซื้อเสียงขายเสียงด้วย แต่ผู้นำผู้ปกครองบริหารประเทศให้คนไทยยากจน บ่อน้ำมันบ่อทองคำมากมายก็ยกให้ฝรั่ง บริหารเป็นจะกระจายความมั่งคั่งร่ำรวยแก่คนไทยได้ หรือล่าสุดแลนด์บริดจ์หรือขุดคลองคอดกระ เราทำเองเป็นฮับเดินเรือค้าขายระดับโลกเม็ดเงินกว่า1,000ล้านล้านบาทต่อปีก็สามารถทำได้ ตั้งเป็นนิคมฮับการค้าโลกก็ได้,คนไทยตั้งบริษัทกองทุนปกครองบริหารจัดการงานแทนทั้งหมดได้ ออกหุ้นฟรีๆและซื้อให้คนไทยจับต้องเป็นรูปธรรมแสดงถึงความเป็นเจ้าของจริงร่วมกัน ต่างชาติจะแบ่งแยกสร้างความแตกต่างก็ยากเพราะห้ามคนต่างชาติมาถือหุ้นในนี้ทุกๆกรณี,ถ้าปล่อยรัฐบาลจัดการก็เหมือนบ่อน้ำมันไปสุมหัวยกให้ต่างชาติแบบบริษัทอเมริกาเชฟรอนและฝรั่งอื่นๆทำบ่อน้ำมันทั่วประเทศไทยทำแดกเองจนร่ำจนรวยถึงปัจจุบันนี้ล่ะ คนไทยก็ยากจนเหมือนเดิม เหมือนกำลังให้อเมริกายึดพังงายึดฮับตังเราอยู่นี้เห็นก้อนเงินมหาศาลอเมริกาสถุนก็อยากได้ตาร้อนโลภกระสั่นรีบแล่นเข้ามาจะยึดจุดยุทธศาสตร์เราทันทีอ้างปิดปากเดินเรือจีนช่องแคบมะลาก็ว่า,จริงมันมองแดกทะลุหมดล่ะ อเมริกาจึงถือว่าเป็นชาติพาลชาติชั่วเลวของจริง ปล้นชิงแย่งชิงไปทั่วโลก,ยิ่งผู้ปกครองกาก ผู้นำขี้ขลาดโง่ ไร้ฝีมือ มือไม่ถึง ยิ่งถูกอเมริกาเหยียบ แค่อ้างภาษีทรัมป์ก็แสดงอาการใจหมาขาสั่นกากแล้ว,ตัดการค้าขายกับอเมริกาไปชาติไทยไม่ล้มสลายหรอก,ตลาดโลกฝั่งเอเชียเรามูลค้ากว่า100ล้านล้านบาทต่อปี ผู้ปกครองกากผู้นำกระจอกเอง สาระพัดมุกวิธีเจริญไมตรีค้าขายดีงามกับชาติเอเชียเราด้วยกัน เอเชียร่วมใจถีบชาติฝรั่งออกจากระบบตลาดค้าขายเราก็สามารถทำได้เลยหรือทั่วโลกยกเว้นอเมริกาและชาติยุโรป เราก็ค้าขายได้สบาย ไทยขุดคลองคอดกระช่วยการขนส่งเอเชียเราแต่บริหารจัดการเองจากตังคนไทยเองที่ขุดเองทั้งหมดตัดตอนการแทรกแซงจัดการเป็นเอกเทศเลย ทวีปแอฟริกาค้าขายกับเอเชีย สินค้าเอเชียค้าทั่วทวีปเราและแอฟริกา ขนส่งมหาศาลทางเรือปริมาณมากครั้งเดียวต่อเรือใหญ่ยักษ์100,000เที่ยว1,000,000เที่ยวต่อปี รวมเรือสาระพัดประเภทชนิด เรือสำราญใหญ่ๆบ่อนลอยน้ำข้ามทวีปอีก เม็ดเงินกว่า1,000ล้านล้านบาทเข้าไทยจึงกระจอกมาก,ไม่รวมฮับในพื้นที่บริหารจัดการรอบๆแลนด์บริดจ์และคลองคอดกระอีก,
    ..เราจึงพัฒนาตนเองทุกๆด้านได้แล้วโดยเฉพาะขีปนาวุธลูกกระสุนต้องผลิตเองดีที่สุด ขีปนาวุธEMPระยะใกล้ กลางและวิถีไกลข้ามทวีปก็สมควรมีปกป้องตนเองด้วย ระเบิดกลางอวกาศกำจัดดาวเทียมชั่วเลวคุกคามไทยเราก็สามารถทำได้,ระเบิดเขมรสิ้นแผ่นดินแบ่งให้ลาว เวียดนามปกครองเนื้อที่ก็ทำได้ทันทีด้วย กำจัดอาชญากรรมทั่วโลกได้ด้วย อย่าปล่อยรกโลกคุกคามระรานชั่วไปทั่ว.



    https://www.youtube.com/watch?v=5W4gRXvSqNA
    อนาคตไทยเราต้องพัฒนาอาวุธยุคใหม่ให้สำเร็จโเยรวดเร็วลิกตามดากฝรั่งได้แล้ว ตลอดเครื่องบินรบก็ต้องผลิตเองได้แล้ว เรามีทรัพยากรและวัสดุเพียงพอ,พัฒนาคนไทยตั้งแต่เยาวชนเลย,ผู้ปกครองผู้นำเรากากกระจอกเกินไป,สุดท้ายประเทศอื่นแบบอเมริกาหรือมหาอำนาจฝรั่งมันก็มาคุกคามปล้นชิงแย่งชิงทรัพยากรมีค่ามากมายในประเทศเราแบบสาระพัดมุกกดดันข่มขู่เราแบบภาษีทรัมป์นั้นล่ะ เพราะผู้นำกาก รัฐบาลกระจอกขลาดเขลา ผู้นำโง่ใจปลาซิว ทีมงานใจหมาสมองควายวัวอีกเอาแต่ได้หมายแต่แดกแต่คตโกงขี้โกงทั้งชุดคณะปกครองนั้นเองโดยวลีเด็ดมุกที่มันชอบใช้กันคือ "ทำเพื่อประชาชน" แดกเพื่อประชาชน แดกแทนมากๆเพื่อประชาชน,เราจึงถอยหลังด้านศีลด้านธรรมของคุณธรรมประจำใจ ถอยหลังการพัฒนาบุคคลในนวัตกรรมล้ำแก่คนไทย เมื่อคนไทยร่ำรวยจะสามารถซื้อหาคิดอ่านสร้างสรรค์ผลงานได้สะดวกมีทุนเตรียมวัตถุดิบได้ในสัมมาอาชีพต่างๆหรือพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆตลอดไม่ซื้อเสียงขายเสียงด้วย แต่ผู้นำผู้ปกครองบริหารประเทศให้คนไทยยากจน บ่อน้ำมันบ่อทองคำมากมายก็ยกให้ฝรั่ง บริหารเป็นจะกระจายความมั่งคั่งร่ำรวยแก่คนไทยได้ หรือล่าสุดแลนด์บริดจ์หรือขุดคลองคอดกระ เราทำเองเป็นฮับเดินเรือค้าขายระดับโลกเม็ดเงินกว่า1,000ล้านล้านบาทต่อปีก็สามารถทำได้ ตั้งเป็นนิคมฮับการค้าโลกก็ได้,คนไทยตั้งบริษัทกองทุนปกครองบริหารจัดการงานแทนทั้งหมดได้ ออกหุ้นฟรีๆและซื้อให้คนไทยจับต้องเป็นรูปธรรมแสดงถึงความเป็นเจ้าของจริงร่วมกัน ต่างชาติจะแบ่งแยกสร้างความแตกต่างก็ยากเพราะห้ามคนต่างชาติมาถือหุ้นในนี้ทุกๆกรณี,ถ้าปล่อยรัฐบาลจัดการก็เหมือนบ่อน้ำมันไปสุมหัวยกให้ต่างชาติแบบบริษัทอเมริกาเชฟรอนและฝรั่งอื่นๆทำบ่อน้ำมันทั่วประเทศไทยทำแดกเองจนร่ำจนรวยถึงปัจจุบันนี้ล่ะ คนไทยก็ยากจนเหมือนเดิม เหมือนกำลังให้อเมริกายึดพังงายึดฮับตังเราอยู่นี้เห็นก้อนเงินมหาศาลอเมริกาสถุนก็อยากได้ตาร้อนโลภกระสั่นรีบแล่นเข้ามาจะยึดจุดยุทธศาสตร์เราทันทีอ้างปิดปากเดินเรือจีนช่องแคบมะลาก็ว่า,จริงมันมองแดกทะลุหมดล่ะ อเมริกาจึงถือว่าเป็นชาติพาลชาติชั่วเลวของจริง ปล้นชิงแย่งชิงไปทั่วโลก,ยิ่งผู้ปกครองกาก ผู้นำขี้ขลาดโง่ ไร้ฝีมือ มือไม่ถึง ยิ่งถูกอเมริกาเหยียบ แค่อ้างภาษีทรัมป์ก็แสดงอาการใจหมาขาสั่นกากแล้ว,ตัดการค้าขายกับอเมริกาไปชาติไทยไม่ล้มสลายหรอก,ตลาดโลกฝั่งเอเชียเรามูลค้ากว่า100ล้านล้านบาทต่อปี ผู้ปกครองกากผู้นำกระจอกเอง สาระพัดมุกวิธีเจริญไมตรีค้าขายดีงามกับชาติเอเชียเราด้วยกัน เอเชียร่วมใจถีบชาติฝรั่งออกจากระบบตลาดค้าขายเราก็สามารถทำได้เลยหรือทั่วโลกยกเว้นอเมริกาและชาติยุโรป เราก็ค้าขายได้สบาย ไทยขุดคลองคอดกระช่วยการขนส่งเอเชียเราแต่บริหารจัดการเองจากตังคนไทยเองที่ขุดเองทั้งหมดตัดตอนการแทรกแซงจัดการเป็นเอกเทศเลย ทวีปแอฟริกาค้าขายกับเอเชีย สินค้าเอเชียค้าทั่วทวีปเราและแอฟริกา ขนส่งมหาศาลทางเรือปริมาณมากครั้งเดียวต่อเรือใหญ่ยักษ์100,000เที่ยว1,000,000เที่ยวต่อปี รวมเรือสาระพัดประเภทชนิด เรือสำราญใหญ่ๆบ่อนลอยน้ำข้ามทวีปอีก เม็ดเงินกว่า1,000ล้านล้านบาทเข้าไทยจึงกระจอกมาก,ไม่รวมฮับในพื้นที่บริหารจัดการรอบๆแลนด์บริดจ์และคลองคอดกระอีก, ..เราจึงพัฒนาตนเองทุกๆด้านได้แล้วโดยเฉพาะขีปนาวุธลูกกระสุนต้องผลิตเองดีที่สุด ขีปนาวุธEMPระยะใกล้ กลางและวิถีไกลข้ามทวีปก็สมควรมีปกป้องตนเองด้วย ระเบิดกลางอวกาศกำจัดดาวเทียมชั่วเลวคุกคามไทยเราก็สามารถทำได้,ระเบิดเขมรสิ้นแผ่นดินแบ่งให้ลาว เวียดนามปกครองเนื้อที่ก็ทำได้ทันทีด้วย กำจัดอาชญากรรมทั่วโลกได้ด้วย อย่าปล่อยรกโลกคุกคามระรานชั่วไปทั่ว. https://www.youtube.com/watch?v=5W4gRXvSqNA
    0 Comments 0 Shares 404 Views 0 Reviews

  • ตอน 11
    ท่านผู้อ่านนิทาน อ่านกันมาถึงตรงนี้แล้ว คงพอจะรู้จักจิ๊กโก๋๋ นักล่ารุ่นใหม่ หมายเลข 1 กันบ้างแล้ว

    และคิดว่าจิ๊กโก๋๋เขาจะจบแค่เวียตนาม หรือ เปล่าหรอก หมดธุระเรื่องเวียตนาม เขาได้อย่างที่ต้องการ ตามใบสั่งของนายทุนผู้ค้าอาวุธ ซึ่งกุมคอหอยจิ๊กโก๋๋อีกที แล้วเขาก็เปลี่ยนเข็มทิศ มองไปทางไหนหนอ อ้อ ทางไหนก็ได้ที่มีทรัพยากรของคนอื่น ที่เขาอยากได้ไง
    น้ำมัน น้ำมันไง มาถึงแล้ว จิ๊กโก๋๋มันแสนรู้ จมูกไว
    เมื่อทุนนิยมเข้าไปที่ไหน อุตสาหกรรมก็เกิด เมื่อมีอุตสาหกรรม ก็ต้องอาศัยพลังงาน ทั้งไฟฟ้าและ น้ำมัน แหม! แล้วใครล่ะ ที่มีน้ำมันมีมาก ก็พวกคุณอาทั้งหลาย แถวทะเลทรายไงล่ะ
    ดังนั้นแผนของนักล่า ตั้งแต่ช่วงหลังสงครามเวียตนาม จึงเพ่นพ่าน ถือไม้สามง่ามเล็งหาน้ำมัน นู่นไปนู่นเลย ไปหาประวัติศาสตร์อิหร่านแตก พระเจ้าชาห์หนี ซาอุดิอารเบียจับมือกับอเมริกา สงคราม Gulf War ระหว่างคูเวต อิรัก อเมริกา จนถึงสงครามอิรัก ขอไม่เล่ารายละเอียด เพราะวันนี้จะเขียนที่เกี่ยว กับไทยแลนด์จังๆ ก่อนนะ แต่ถ้าไม่บอกเดี๋ยวท่านผู้อ่านนิทานก็จะงงว่าแล้วไง มันหายไปจากบ้านเรา แล้วมันไปไหน ไปทำอะไร
    ก็อย่างว่า จิ๊กโก๋๋เขาไม่ได้หายไปไหนหรอก มันก็ไปทำมาหากิน ขุดเผือกขุดมันขุดน้ำมันของคนอื่นเขาละซิ เราก็นึกว่าเขาไม่ยุ่งกะเราแล้ว เปล่าหร๊อก มันแค่เปลี่ยนแนว เหมือนหนังฮอลลีวู้ดเปลี่ยนฉากน่ะ ไม่ต้องตื่นเต้น บทเขาเขียนไว้ต่อเนื่อง ตั้งกะปีมะโว้ อีกร้อยปีก็เล่นไม่จบ เว้นแต่มันจะจบกันไปคนละข้างก่อน
    ระหว่างที่จิ๊กโก๋๋ ย้ายซอยไปขุดเผือกขุดน้ำมันที่อื่น บ้านเราก็อ้างว่า เป็นช่วงเวลาพัฒนาประชาธิปไตย ที่จิ๊กโก๋๋หว่านเมล็ดพันธุ์ไว้ ทุกคนก็ร่ำร้องหาแต่ประชาธิปไตย (ตอนนี้ยังหาอยู่เลย ลูกพระยาพหล อยู่ไหมจ๊ะ ป่านนี้แก่หง่อมหรือลาขึ้นสวรรค์ไปแล้วก็ไม่รู้)
    บ้านเมืองเราก็เลยล้มลุก หกคะเมนตีลังกาตั้งแต่ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 จนถึง 6 ตุลาคม พ.ศ.2519
    ถึงจิ๊กโก๋๋จะไปขุดน้ำมัน เขาก็ใช่ว่า จะลืมสมันน้อยนะ จิ๊กโก๋๋ชอบทหาร ก็ของมันคุ้น ของมันเคย รัฐบาลพลเรือน เจอแต่ละคน จิ๊กโก๋๋ก็มึนเหมือนกัน อย่างอาจารย์สัญญาน่ะ เหมือนเป็นพ่อพระ จะสั่งให้พระไปทิ้งระเบิดใคร มันง่ายนักเหรอ แล้วอาจารย์คึกฤทธิ์ล่ะ เล่นด่า Ugly American ใส่ แถมยืนคำขาด กำหนดวันที่พี่เบิ้มต้องถอนทหารอเมริกันให้หมดจากบ้านเราด้วย ส่วนคุณหอยธานินทร์นั้น เกินกว่าจะบรรยาย
    ว่าแล้วการเมืองไทยก็กลับมาอยู่ใน ความครอบงำของทหารเหมือนเดิม แปลกดีไหมคิดสิ เป็นไปตามธรรมชาติ หรือมีใบสั่ง อย่าให้ต้องเขียนรายละเอียด เหมือนสมัยคุณป๋าสฤษดิ์ คุณน้าหนอมเลยนะ เอาย่อๆว่า ไม่มีอะไรลอดสายตาพญาอินทรีหรอก เพียงแต่เขาจะกางกรงเล็บขยุมเราโดยตรง หรือใช้ “วิธีอื่น” เท่านั้นเอง
    หลังจากเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา พ.ศ.2519 เราก็เลยได้ทหารกลับมาบริหารประเทศอีก พล.อ. เกรียงศักดิ์ ทำแกงเนื้อใส่บรั่นดี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2520 – 2523 พล.อ. ป๋า เจ้าของวลีเด็ด เราเป็น Jockey ไม่ใช่เจ้าของคอก ทำหน้าที่ Jockey  ตั้งแต่ปี พ.ศ.2523 – 2531 พล.อ. น้าชาติ ขวัญใจนักธุรกิจสาวอินเตอร์ ปี พ.ศ.2531- 2534 ช่วงทหารมีอำนาจบริหารบ้านเมือง ยุคหลัง 14 ตุลา พ.ศ.2516 ต่างกับ ช่วงก่อน 14 ตุลา พ.ศ.2516 อย่างน่าสนใจ

    อย่างที่เล่ามาตอนแรกก่อน 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 เรามีจอมพลคนใส่หมวกแล้วชาติเจริญ คุณป๋ารักชาติ และเหล่านักวิ่งผลัด การพัฒนาประเทศช่วงนั้น ถูกกำกับโดยแผนพัฒนาเศรษฐกิจและผู้เชี่ยวชาญต่าง ชาติมาดเข้ม เดินประกบหน้าประกบหลังไทยแลนด์ เอาผ้าห่มวัฒนธรรมอเมริกัน ห่อไทยแลนด์เสียมิด ชิด จนไทยแลนด์ลืมสนิทไปเลย ว่า ไทยแท้เป็นยังไง จำได้แต่ไทยแลนด์แบรนด์อเมริกัน
    แต่ช่วงหลัง 14 ตุลา พ.ศ.2516  ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติถูกอัญเชิญออกไปแยะ จากปัจจัยภายในประเทศเราและประเทศเขา แต่พี่เบิ้มเขาก็ไม่ปล่อยเกียร์ว่าง เขาควบคุมด้วยวิธีแยบยล โดยใช้เหล่าข้าราชการที่เรียกว่า Technocrat มาช่วยคุณทหาร บริหารประเทศ
    Technocrat เหล่านี้เป็นใคร ก็เป็นต้นกล้าที่คุณพ่ออเมริกาหว่านเอาไว้ เขาเหล่านั้นเป็นนักเรียนนอก เติบโตมาภายใต้ระบบการศึกษาและแนวคิดของฝรั่ง เรียนแบบถ่ายสำเนาอัดก็อปบี้ออกมาเลย คุณพ่อฝรั่งว่า ขาวก็ขาวด้วย คุณพ่อว่า ดำก็ดำด้วย นี่สี่เหลี่ยม นี่กลม โอ้ย! ท่องจำกันได้หมด แล้วก็กลับเอาคำท่องจำมาใช้สอนต่อ หรือมาใช้ทำงานในบ้านเรา
    ดังนั้นไม่ต้องห่วงหรอก สมันน้อยไม่ไปไหน คุณพ่อฝรั่งไม่อยู่ คุณพ่อก็ให้พวก good boy technocratเด็กในคาถา มาทำหน้าที่ดูแลแทน นี่ยังไง นักวิชาการ ข้าราชการ สื่อฯลฯ ที่ถูกฟอกย้อมเอาไว้เรียบ ร้อยแบบไม่รู้ตัว… หรือรู้ตัวแต่ชอบ ของย้อมน่ะ… แล้วจะมีอะไรเหลือ …ไทยพันธุ์แท้หายไปไหนหมด เหลือแต่ไทยแลนด์แบรนด์อเมริกา!
    แต่เรื่องทุกเรื่องมันก็มีหักมุมนะ คุณน้าชาตินี้แกใช่ย่อยที่ไหน ถึงจะเป็นทหาร แกก็ไม่ได้ฟังเทคโนแครตมากนัก แกตั้งที่ปรึกษาบ้านพิษขึ้นมาเอง พวกนี้ก็มีพิษไปอีกแบบ ไทยแลนด์ก็เลยเหมือนหนีเสือปะจระเข้ หนีชะนีไปเจอค่าง อะไรอย่างนั้นแหละ รัฐบาลคุณน้าชาติ เป็นตัวแปรที่สำคัญ ต้องศึกษากันให้ดีๆ
    คุณน้า แกมีนโยบายล้ำเลิศ จะเปลี่ยนสนามรบ เป็นสนามค้า แกคิดโครงการแต่ละอัน เด็ดสะระตี่ทั้ง นั้น จะค้าขาย มันก็ต้องมีท่าเรือมารองรับการขนส่ง นั่นมาแล้ว Eastern Sea Board จะติดต่อค้าขายกัน การสื่อ สารมันก็ต้องทันสมัย จะใช้นกพิราบไปเรื่อยๆ ไม่ไหวมั้ง คุณน้าก็ให้คิดโครงการ 3 ล้านเลขหมาย คิดเรื่องดาว เทียม! คิดโครงการขนส่ง Hopewell ระบบทางด่วน ฯลฯ คุณน้าแกช่างคิดหาตังค์จริงๆ ต้องยอมรับ ไม่งั้นจะได้สมญารัฐบาลฟาสต์ฟูดเหรอ
    โครงการต่างๆ เหล่านี้ มันมูลค่ามหึมา ไอ้ 3 เกลอหัวแข็งที่มัวแต่ไปวุ่นๆ อยู่ทางอื่นของโลก ก็หันขวับจนคอเคล็ดมาดู เออ! เฮ้ย! มันกำลังจะทำอะไร สมันน้อยทำไมไม่บอกไอ นี่มันเรื่องผลประโยชน์ทั้งนั้น ไอ้พวกgood boy technocrat เด็กๆ ของเราหายไปไหนหมด ทำไม่มันไม่เตือน เขากำลังจะเข้าฮอร์สกันหมดแล้ว

    คนเล่านิทาน
     ตอน 11 ท่านผู้อ่านนิทาน อ่านกันมาถึงตรงนี้แล้ว คงพอจะรู้จักจิ๊กโก๋๋ นักล่ารุ่นใหม่ หมายเลข 1 กันบ้างแล้ว และคิดว่าจิ๊กโก๋๋เขาจะจบแค่เวียตนาม หรือ เปล่าหรอก หมดธุระเรื่องเวียตนาม เขาได้อย่างที่ต้องการ ตามใบสั่งของนายทุนผู้ค้าอาวุธ ซึ่งกุมคอหอยจิ๊กโก๋๋อีกที แล้วเขาก็เปลี่ยนเข็มทิศ มองไปทางไหนหนอ อ้อ ทางไหนก็ได้ที่มีทรัพยากรของคนอื่น ที่เขาอยากได้ไง น้ำมัน น้ำมันไง มาถึงแล้ว จิ๊กโก๋๋มันแสนรู้ จมูกไว เมื่อทุนนิยมเข้าไปที่ไหน อุตสาหกรรมก็เกิด เมื่อมีอุตสาหกรรม ก็ต้องอาศัยพลังงาน ทั้งไฟฟ้าและ น้ำมัน แหม! แล้วใครล่ะ ที่มีน้ำมันมีมาก ก็พวกคุณอาทั้งหลาย แถวทะเลทรายไงล่ะ ดังนั้นแผนของนักล่า ตั้งแต่ช่วงหลังสงครามเวียตนาม จึงเพ่นพ่าน ถือไม้สามง่ามเล็งหาน้ำมัน นู่นไปนู่นเลย ไปหาประวัติศาสตร์อิหร่านแตก พระเจ้าชาห์หนี ซาอุดิอารเบียจับมือกับอเมริกา สงคราม Gulf War ระหว่างคูเวต อิรัก อเมริกา จนถึงสงครามอิรัก ขอไม่เล่ารายละเอียด เพราะวันนี้จะเขียนที่เกี่ยว กับไทยแลนด์จังๆ ก่อนนะ แต่ถ้าไม่บอกเดี๋ยวท่านผู้อ่านนิทานก็จะงงว่าแล้วไง มันหายไปจากบ้านเรา แล้วมันไปไหน ไปทำอะไร ก็อย่างว่า จิ๊กโก๋๋เขาไม่ได้หายไปไหนหรอก มันก็ไปทำมาหากิน ขุดเผือกขุดมันขุดน้ำมันของคนอื่นเขาละซิ เราก็นึกว่าเขาไม่ยุ่งกะเราแล้ว เปล่าหร๊อก มันแค่เปลี่ยนแนว เหมือนหนังฮอลลีวู้ดเปลี่ยนฉากน่ะ ไม่ต้องตื่นเต้น บทเขาเขียนไว้ต่อเนื่อง ตั้งกะปีมะโว้ อีกร้อยปีก็เล่นไม่จบ เว้นแต่มันจะจบกันไปคนละข้างก่อน ระหว่างที่จิ๊กโก๋๋ ย้ายซอยไปขุดเผือกขุดน้ำมันที่อื่น บ้านเราก็อ้างว่า เป็นช่วงเวลาพัฒนาประชาธิปไตย ที่จิ๊กโก๋๋หว่านเมล็ดพันธุ์ไว้ ทุกคนก็ร่ำร้องหาแต่ประชาธิปไตย (ตอนนี้ยังหาอยู่เลย ลูกพระยาพหล อยู่ไหมจ๊ะ ป่านนี้แก่หง่อมหรือลาขึ้นสวรรค์ไปแล้วก็ไม่รู้) บ้านเมืองเราก็เลยล้มลุก หกคะเมนตีลังกาตั้งแต่ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 จนถึง 6 ตุลาคม พ.ศ.2519 ถึงจิ๊กโก๋๋จะไปขุดน้ำมัน เขาก็ใช่ว่า จะลืมสมันน้อยนะ จิ๊กโก๋๋ชอบทหาร ก็ของมันคุ้น ของมันเคย รัฐบาลพลเรือน เจอแต่ละคน จิ๊กโก๋๋ก็มึนเหมือนกัน อย่างอาจารย์สัญญาน่ะ เหมือนเป็นพ่อพระ จะสั่งให้พระไปทิ้งระเบิดใคร มันง่ายนักเหรอ แล้วอาจารย์คึกฤทธิ์ล่ะ เล่นด่า Ugly American ใส่ แถมยืนคำขาด กำหนดวันที่พี่เบิ้มต้องถอนทหารอเมริกันให้หมดจากบ้านเราด้วย ส่วนคุณหอยธานินทร์นั้น เกินกว่าจะบรรยาย ว่าแล้วการเมืองไทยก็กลับมาอยู่ใน ความครอบงำของทหารเหมือนเดิม แปลกดีไหมคิดสิ เป็นไปตามธรรมชาติ หรือมีใบสั่ง อย่าให้ต้องเขียนรายละเอียด เหมือนสมัยคุณป๋าสฤษดิ์ คุณน้าหนอมเลยนะ เอาย่อๆว่า ไม่มีอะไรลอดสายตาพญาอินทรีหรอก เพียงแต่เขาจะกางกรงเล็บขยุมเราโดยตรง หรือใช้ “วิธีอื่น” เท่านั้นเอง หลังจากเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา พ.ศ.2519 เราก็เลยได้ทหารกลับมาบริหารประเทศอีก พล.อ. เกรียงศักดิ์ ทำแกงเนื้อใส่บรั่นดี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2520 – 2523 พล.อ. ป๋า เจ้าของวลีเด็ด เราเป็น Jockey ไม่ใช่เจ้าของคอก ทำหน้าที่ Jockey  ตั้งแต่ปี พ.ศ.2523 – 2531 พล.อ. น้าชาติ ขวัญใจนักธุรกิจสาวอินเตอร์ ปี พ.ศ.2531- 2534 ช่วงทหารมีอำนาจบริหารบ้านเมือง ยุคหลัง 14 ตุลา พ.ศ.2516 ต่างกับ ช่วงก่อน 14 ตุลา พ.ศ.2516 อย่างน่าสนใจ อย่างที่เล่ามาตอนแรกก่อน 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 เรามีจอมพลคนใส่หมวกแล้วชาติเจริญ คุณป๋ารักชาติ และเหล่านักวิ่งผลัด การพัฒนาประเทศช่วงนั้น ถูกกำกับโดยแผนพัฒนาเศรษฐกิจและผู้เชี่ยวชาญต่าง ชาติมาดเข้ม เดินประกบหน้าประกบหลังไทยแลนด์ เอาผ้าห่มวัฒนธรรมอเมริกัน ห่อไทยแลนด์เสียมิด ชิด จนไทยแลนด์ลืมสนิทไปเลย ว่า ไทยแท้เป็นยังไง จำได้แต่ไทยแลนด์แบรนด์อเมริกัน แต่ช่วงหลัง 14 ตุลา พ.ศ.2516  ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติถูกอัญเชิญออกไปแยะ จากปัจจัยภายในประเทศเราและประเทศเขา แต่พี่เบิ้มเขาก็ไม่ปล่อยเกียร์ว่าง เขาควบคุมด้วยวิธีแยบยล โดยใช้เหล่าข้าราชการที่เรียกว่า Technocrat มาช่วยคุณทหาร บริหารประเทศ Technocrat เหล่านี้เป็นใคร ก็เป็นต้นกล้าที่คุณพ่ออเมริกาหว่านเอาไว้ เขาเหล่านั้นเป็นนักเรียนนอก เติบโตมาภายใต้ระบบการศึกษาและแนวคิดของฝรั่ง เรียนแบบถ่ายสำเนาอัดก็อปบี้ออกมาเลย คุณพ่อฝรั่งว่า ขาวก็ขาวด้วย คุณพ่อว่า ดำก็ดำด้วย นี่สี่เหลี่ยม นี่กลม โอ้ย! ท่องจำกันได้หมด แล้วก็กลับเอาคำท่องจำมาใช้สอนต่อ หรือมาใช้ทำงานในบ้านเรา ดังนั้นไม่ต้องห่วงหรอก สมันน้อยไม่ไปไหน คุณพ่อฝรั่งไม่อยู่ คุณพ่อก็ให้พวก good boy technocratเด็กในคาถา มาทำหน้าที่ดูแลแทน นี่ยังไง นักวิชาการ ข้าราชการ สื่อฯลฯ ที่ถูกฟอกย้อมเอาไว้เรียบ ร้อยแบบไม่รู้ตัว… หรือรู้ตัวแต่ชอบ ของย้อมน่ะ… แล้วจะมีอะไรเหลือ …ไทยพันธุ์แท้หายไปไหนหมด เหลือแต่ไทยแลนด์แบรนด์อเมริกา! แต่เรื่องทุกเรื่องมันก็มีหักมุมนะ คุณน้าชาตินี้แกใช่ย่อยที่ไหน ถึงจะเป็นทหาร แกก็ไม่ได้ฟังเทคโนแครตมากนัก แกตั้งที่ปรึกษาบ้านพิษขึ้นมาเอง พวกนี้ก็มีพิษไปอีกแบบ ไทยแลนด์ก็เลยเหมือนหนีเสือปะจระเข้ หนีชะนีไปเจอค่าง อะไรอย่างนั้นแหละ รัฐบาลคุณน้าชาติ เป็นตัวแปรที่สำคัญ ต้องศึกษากันให้ดีๆ คุณน้า แกมีนโยบายล้ำเลิศ จะเปลี่ยนสนามรบ เป็นสนามค้า แกคิดโครงการแต่ละอัน เด็ดสะระตี่ทั้ง นั้น จะค้าขาย มันก็ต้องมีท่าเรือมารองรับการขนส่ง นั่นมาแล้ว Eastern Sea Board จะติดต่อค้าขายกัน การสื่อ สารมันก็ต้องทันสมัย จะใช้นกพิราบไปเรื่อยๆ ไม่ไหวมั้ง คุณน้าก็ให้คิดโครงการ 3 ล้านเลขหมาย คิดเรื่องดาว เทียม! คิดโครงการขนส่ง Hopewell ระบบทางด่วน ฯลฯ คุณน้าแกช่างคิดหาตังค์จริงๆ ต้องยอมรับ ไม่งั้นจะได้สมญารัฐบาลฟาสต์ฟูดเหรอ โครงการต่างๆ เหล่านี้ มันมูลค่ามหึมา ไอ้ 3 เกลอหัวแข็งที่มัวแต่ไปวุ่นๆ อยู่ทางอื่นของโลก ก็หันขวับจนคอเคล็ดมาดู เออ! เฮ้ย! มันกำลังจะทำอะไร สมันน้อยทำไมไม่บอกไอ นี่มันเรื่องผลประโยชน์ทั้งนั้น ไอ้พวกgood boy technocrat เด็กๆ ของเราหายไปไหนหมด ทำไม่มันไม่เตือน เขากำลังจะเข้าฮอร์สกันหมดแล้ว คนเล่านิทาน
    2 Comments 0 Shares 429 Views 0 Reviews
  • ตอน 8
    พ.ศ.2506 คุณป๋าสฤษดิ์ก็หมดบุญ น้าหนอมของป้าจงก็ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 10 อีกครั้งหนึ่ง พี่เบิ้มบอกว่า น้าหนอมน่าเอ็นดู แต่เด็ดไม่ขาด ไม่มีบารมี การสั่งการจากที่เคยคุยแต่กับคุณป๋าคนเดียวก็รู้เรื่อง ที่นี้ก็ต้องคุยเป็นพวง ถนอม ประภาส จิตติ ทวี กฤษณ์ฯลฯ
    แล้วไง ทำเป็นไม่รู้เรื่อง คุย 1 คน จ่าย 100 คุย 5 คน ก็เอา 5 คูณ
    พี่เบิ้มถึงจะรวยก็ขี้เหนียวนะ มาเล่นวิ่งผลัด 100 x 5 กับไอนี่ ไอไม่ชอบนะ
    ช่วงนั้นสถานการณ์ด้านการรบก็กำลังเข้ม การบริหารประเทศไทยแลนด์ของยูก็ไม่มีเอกภาพ แบ่งชามข้าวกันอยู่นั้น เอ้า! พจน์ สารสิน (อีกแล้ว!) ยูมาคุมกระทรวงพัฒนาแห่งชาติหน่อย อย่างน้อยไอก็ไม่ต้องปวดหมองด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ เดี๋ยวเงินไหลเข้าไหลออกมันจะสะดุด แล้วพจน์ ยูก็มาทำหน้า ที่เป็นกระบอกเสียงระหว่างน้าหนอมกับไอด้วยนะ เวลาพี่เบิ้มจะเอาอะไรก็บอก good boy ชื่อ พจน์ พจน์ก็ไปบอกน้าหนอม ไม่งั้นสั่งอะไรน้าหนอมก็พยักหน้าอย่างเดียว ไม่รู้ว่ารู้เรื่องหรือเปล่า
    สถานการณ์วิ่งผลัดก็ดำเนินไปเรื่อยๆ เขาเข้ามาใช้บ้านเราเป็นฐานทัพทั้งบก เรือ อากาศ นี่ดีว่าไม่มีเรือดำนำนะ ถามว่า ภายใต้พันธะอะไร ข้อตกลงอะไร เคยรู้กันบ้างไหมว่า เขาเข้ามากันเปล่าๆ ไม่เคยมีสัญญาข้อตกลงเป็นรูปธรรมเลยระหว่างสหรัฐกับไทย ก็มันสมประโยชน์กันทั้ง 2 ฝ่าย สหรัฐก็ไม่ต้องแจงรัฐสภาของตัวเอง ไทยก็ไม่ต้องแจงรัฐสภาของไทย เพราะทุกอย่างอยู่ในกำมือ บอกแล้วเงินช่วย เหลือเข้ามา ก็คนละหนุบละหนับ เขียนแล้วมันเศร้าใจ
    ทหารอเมริกันก็ไม่ต้องขึ้นศาลไทย เครื่องบินจะบินขึ้นไปทิ้งบอมบ์เขาก็เป็นคนอนุมัติ เขาจะขนทหารเข้ามาเท่าไหร่ เราก็ o.k, o.k
    นี่คือสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ยุคสงครามเวียตนาม แล้วนึกว่าหมดแล้วหรือ เปล่าเลยแล้วให้จำสัญญาJUSMAC ปี ค.ศ.1950 ที่ท่านนายพลคนแปลก เป็นผู้ลงนามไว้ บอกไว้แล้วว่า สัญญานั้นยังมีชีวิตอยู่ สัญญานี้มีผลอย่างไร เกี่ยวกับปัจจุบันหรือไม่ โปรดติดตาม อย่าได้ขาดตอนเชียว
    ช่วงปี พ.ศ.2507 – 2511 คอมมิวนิสต์เริ่มรุกเข้าอีสานบ้านเรา พี่เบิ้มก็ทุ่มเงินใส่ให้พัฒนาหมู่บ้านและตชด. กับตำรวจภูธรเพื่อดูแลหมู่บ้าน ตอนนี้เข้าใจแล้วใช่ไหม ทำไมเขาต้องตั้งตชด.และตั้งตำรวจ ภูธรให้เรา ทหารนั้นเอาไว้ไปรบกับเวียดกง โว้ย! สั่งทุกอย่างเหมือนเป็นบ้านตัวเองเลยนะ
    เงินที่พี่เบิ้มให้มาผ่านโครงการ MAP (Military Assistance Program) โดยให้ผ่านหน่วยงาน USIS และ USOM ปีละตั้งหลาย (ประมาณ 100 ล้านเหรียญต่อปีพี่เบิ้มเขาก็เป็นห่วงว่าเงิน MAP นี่มันจะไปใช้สนับสนุนกีฬาวิ่งผลัด 100 x 5 เท่าไหร่ จะถึงตชด.เท่าไหร่  เขาเลยเข้ามาวางแผนเข้าไปถึงระบบพัฒนาหมู่บ้านเราเอง จัดสรรงบเอง เพื่อไม่ให้กีฬาวิ่งผลัดเบิกบานเกินไป และเพื่อให้การเมืองไทยมีเสถียรภาพ สามารถรับใช้การปฏิบัติงานของเจ้าของเงินได้อย่างราบรื่น พี่เบิ้มก็ต้องการให้ไทยแลนด์มีการเลือกตั้ง เป็นประชาธิปไตยจริงๆ เสียที เพราะว่า ค่าใช้จ่ายกีฬาวิ่งผลัดมันชักจะสูงไปแล้วนะ แทน ที่จะคุยกับนักกีฬาวิ่งผลัด คุยกับรัฐบาลมันน่าจะประหยัดค่าใช้จ่ายไอมากกว่านะ แต่ต้องเป็นรัฐบาลจากพรรคที่ไอเลือกให้ เป็นรัฐบาลนะ
    คิดกลับไปกลับมา พี่เบิ้มก็ปวดหัวว่าจะใช้บริการของใครดีหนอ น้าหนอมน่าจะดีที่สุด ท่าทางนอนง่ายสอนง่าย ไม่ค่อยมีพยศ รายงานของ CIA ระบุว่า สหรัฐมีแผนที่จะให้กลุ่มถนอมเป็นผู้บริหารประเทศไทยต่อไป ดังนั้นจึงมีการเจรจากับทูตอเมริกันนามว่าคุณมาร์ติน ให้อเมริกาสนับสนุนการตั้งพรรคของ กลุ่มถนอม
    ได้ยินเสียงตัวแทนฝ่ายไทย คล้ายๆ เสียงนายพจน์ สารสิน บอกเลือกตั้งน่ะนะ มันต้องใช้ทุนแยะอยู่ ถ้ายูช่วยพวกไอก็จะดี จะได้ไม่ต้องไปเอาจากพ่อค้า ซึ่งส่วนมากเป็นคนจีน มันยากจะเดาว่าจะเอียงหน้าไปอยู่ข้างไหน
    รายงาน CIA บอกว่าทูตมาร์ตินนำเรื่องนี้ไปเสนอต่อ 303 Committee ปรากฏว่าทางวอชิงตัน (Washington) ก็ถามกลับมาว่า คุ้มแน่นะ คำตอบก็อยู่ในสายลมที่พัดไป แล้วก็เงียบหาย ระหว่างนั้นไทยแลนด์ก็เลยมีข่าวลือว่า จะมีการปฎิวัติน้าหนอมโดยกลุ่มทวี จิตติ กฤษณ์บ้าง ลุงตุ๊บ้าง แต่ระยะหลังข่าวปฎิวัติโดยลุงตุ๊มาแรง แหม มันประจวบเหมาะอะไรเช่นนั้น บังเอิญจริงนะ
    ช่วงข่าวปฏิวัติโดยลุงตุ๊ ทูตมาร์ตินก็หมดวาระกลับบ้าน ทูตอังเกอร์ (Unger) มาแทน คุณ good boy นามพจน์ ก็ไปเตือนทูตใหม่อีกว่า ยูจะเอายังไง ข่าวปฎิวัติมาแรงนะ ถ้ายูจะให้ถนอมเป็นนายกนี่ต้องเร่งๆ หน่อย เราจะตั้งพรรคแล้วหนา เงินที่ว่าจะช่วยยังไม่มาเลย
    ทูตตั้งคำถาม 20 คำถาม แล้วก็มีประโยคทองตอบไปเป็นเกียรติประวัติว่า “Trust us-We know what to do” เชื่อเราน่า เรารู้ว่าจะต้องทำยังไง …ไอรวยจะตาย ยูไม่ต้องห่วง ธุรกิจแยะไปหมด น้ำดำไทยแลนด์นี่ก็ของไอนะ (ไม่ได้ค่าโฆษณาไม่เขียนให้รอบสอง!)
    ทูตอังเกอร์ (Unger) ได้ยินประโยคทอง แล้วก็อ่อนระทวยเขียนรายงานชื่อว่า “Lotus Project” ส่งด่วนจี๋ไปยังวอชิงตัน (Washington) ทันทีอีกรอบ การเลือกตั้งในวันที่ 11 ก.พ. พ.ศ.2512 ปรากฏว่า พรรคสหประชาไทยของน้าหนอม ได้รับชัยชนะเฉียดฉิวมากคือ 75 ที่นั่งจากสส.ทั้งหมด 215 คน เก่งจังเลย!
    การเลือกตั้งครั้งนี้สมควร บันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ว่าอำนวยการสร้างโดย CIA ของแท้ ภายใต้ชื่อว่า Lotus Project  มีนายพจน์ สารสินเป็น project manger ทั้งนี้เพราะพี่เบิ้มกลัวว่า ถ้าการเมืองไทยไม่นิ่ง Pax Americana ที่วางไว้ซับซ้อนก็จะ ฉ.ห. ดังนั้นพรรคสหประชาไทย ภายใต้การดำเนินงานของนายพจน์ จึงเกิด ขึ้น และชนะการเลือกตั้งและได้นายกชื่อ พล.อ. ถนอม!
    ไอ้ที่เขียนเกี่ยวกับ Lotus Project มาทั้งหมดนี้นี้ อยู่ในรายงานลับของทูตมาร์ติน และทูตอังเกอร์ เองนะ ไม่ ได้ยกเมฆ แหม ลับยังไงก็หลุดมาได้น่า สีมือระดับนี่แล้ว เดี๋ยวว่าคุย (ฮา)
    โม้มาก สงสัย คงมีพวกซีมาคอยรับตัวไปเที่ยวแน่
    Lotus Project ใช้เงินหลวงของพี่เบิ้มอุดหนุน ภายใต้การพิจารณาอนุมัติของ Committer 303 ไปหาดูแล้วกัน ไอ้ Committee นี้มันทำอะไร แล้วอย่ามาพูดอีกนะ ยูต้องเป็นประชาธิปไตย เหม็นขี้ฟันจริงๆ


    คนเล่านิทาน
    ตอน 8 พ.ศ.2506 คุณป๋าสฤษดิ์ก็หมดบุญ น้าหนอมของป้าจงก็ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 10 อีกครั้งหนึ่ง พี่เบิ้มบอกว่า น้าหนอมน่าเอ็นดู แต่เด็ดไม่ขาด ไม่มีบารมี การสั่งการจากที่เคยคุยแต่กับคุณป๋าคนเดียวก็รู้เรื่อง ที่นี้ก็ต้องคุยเป็นพวง ถนอม ประภาส จิตติ ทวี กฤษณ์ฯลฯ แล้วไง ทำเป็นไม่รู้เรื่อง คุย 1 คน จ่าย 100 คุย 5 คน ก็เอา 5 คูณ พี่เบิ้มถึงจะรวยก็ขี้เหนียวนะ มาเล่นวิ่งผลัด 100 x 5 กับไอนี่ ไอไม่ชอบนะ ช่วงนั้นสถานการณ์ด้านการรบก็กำลังเข้ม การบริหารประเทศไทยแลนด์ของยูก็ไม่มีเอกภาพ แบ่งชามข้าวกันอยู่นั้น เอ้า! พจน์ สารสิน (อีกแล้ว!) ยูมาคุมกระทรวงพัฒนาแห่งชาติหน่อย อย่างน้อยไอก็ไม่ต้องปวดหมองด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ เดี๋ยวเงินไหลเข้าไหลออกมันจะสะดุด แล้วพจน์ ยูก็มาทำหน้า ที่เป็นกระบอกเสียงระหว่างน้าหนอมกับไอด้วยนะ เวลาพี่เบิ้มจะเอาอะไรก็บอก good boy ชื่อ พจน์ พจน์ก็ไปบอกน้าหนอม ไม่งั้นสั่งอะไรน้าหนอมก็พยักหน้าอย่างเดียว ไม่รู้ว่ารู้เรื่องหรือเปล่า สถานการณ์วิ่งผลัดก็ดำเนินไปเรื่อยๆ เขาเข้ามาใช้บ้านเราเป็นฐานทัพทั้งบก เรือ อากาศ นี่ดีว่าไม่มีเรือดำนำนะ ถามว่า ภายใต้พันธะอะไร ข้อตกลงอะไร เคยรู้กันบ้างไหมว่า เขาเข้ามากันเปล่าๆ ไม่เคยมีสัญญาข้อตกลงเป็นรูปธรรมเลยระหว่างสหรัฐกับไทย ก็มันสมประโยชน์กันทั้ง 2 ฝ่าย สหรัฐก็ไม่ต้องแจงรัฐสภาของตัวเอง ไทยก็ไม่ต้องแจงรัฐสภาของไทย เพราะทุกอย่างอยู่ในกำมือ บอกแล้วเงินช่วย เหลือเข้ามา ก็คนละหนุบละหนับ เขียนแล้วมันเศร้าใจ ทหารอเมริกันก็ไม่ต้องขึ้นศาลไทย เครื่องบินจะบินขึ้นไปทิ้งบอมบ์เขาก็เป็นคนอนุมัติ เขาจะขนทหารเข้ามาเท่าไหร่ เราก็ o.k, o.k นี่คือสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ยุคสงครามเวียตนาม แล้วนึกว่าหมดแล้วหรือ เปล่าเลยแล้วให้จำสัญญาJUSMAC ปี ค.ศ.1950 ที่ท่านนายพลคนแปลก เป็นผู้ลงนามไว้ บอกไว้แล้วว่า สัญญานั้นยังมีชีวิตอยู่ สัญญานี้มีผลอย่างไร เกี่ยวกับปัจจุบันหรือไม่ โปรดติดตาม อย่าได้ขาดตอนเชียว ช่วงปี พ.ศ.2507 – 2511 คอมมิวนิสต์เริ่มรุกเข้าอีสานบ้านเรา พี่เบิ้มก็ทุ่มเงินใส่ให้พัฒนาหมู่บ้านและตชด. กับตำรวจภูธรเพื่อดูแลหมู่บ้าน ตอนนี้เข้าใจแล้วใช่ไหม ทำไมเขาต้องตั้งตชด.และตั้งตำรวจ ภูธรให้เรา ทหารนั้นเอาไว้ไปรบกับเวียดกง โว้ย! สั่งทุกอย่างเหมือนเป็นบ้านตัวเองเลยนะ เงินที่พี่เบิ้มให้มาผ่านโครงการ MAP (Military Assistance Program) โดยให้ผ่านหน่วยงาน USIS และ USOM ปีละตั้งหลาย (ประมาณ 100 ล้านเหรียญต่อปีพี่เบิ้มเขาก็เป็นห่วงว่าเงิน MAP นี่มันจะไปใช้สนับสนุนกีฬาวิ่งผลัด 100 x 5 เท่าไหร่ จะถึงตชด.เท่าไหร่  เขาเลยเข้ามาวางแผนเข้าไปถึงระบบพัฒนาหมู่บ้านเราเอง จัดสรรงบเอง เพื่อไม่ให้กีฬาวิ่งผลัดเบิกบานเกินไป และเพื่อให้การเมืองไทยมีเสถียรภาพ สามารถรับใช้การปฏิบัติงานของเจ้าของเงินได้อย่างราบรื่น พี่เบิ้มก็ต้องการให้ไทยแลนด์มีการเลือกตั้ง เป็นประชาธิปไตยจริงๆ เสียที เพราะว่า ค่าใช้จ่ายกีฬาวิ่งผลัดมันชักจะสูงไปแล้วนะ แทน ที่จะคุยกับนักกีฬาวิ่งผลัด คุยกับรัฐบาลมันน่าจะประหยัดค่าใช้จ่ายไอมากกว่านะ แต่ต้องเป็นรัฐบาลจากพรรคที่ไอเลือกให้ เป็นรัฐบาลนะ คิดกลับไปกลับมา พี่เบิ้มก็ปวดหัวว่าจะใช้บริการของใครดีหนอ น้าหนอมน่าจะดีที่สุด ท่าทางนอนง่ายสอนง่าย ไม่ค่อยมีพยศ รายงานของ CIA ระบุว่า สหรัฐมีแผนที่จะให้กลุ่มถนอมเป็นผู้บริหารประเทศไทยต่อไป ดังนั้นจึงมีการเจรจากับทูตอเมริกันนามว่าคุณมาร์ติน ให้อเมริกาสนับสนุนการตั้งพรรคของ กลุ่มถนอม ได้ยินเสียงตัวแทนฝ่ายไทย คล้ายๆ เสียงนายพจน์ สารสิน บอกเลือกตั้งน่ะนะ มันต้องใช้ทุนแยะอยู่ ถ้ายูช่วยพวกไอก็จะดี จะได้ไม่ต้องไปเอาจากพ่อค้า ซึ่งส่วนมากเป็นคนจีน มันยากจะเดาว่าจะเอียงหน้าไปอยู่ข้างไหน รายงาน CIA บอกว่าทูตมาร์ตินนำเรื่องนี้ไปเสนอต่อ 303 Committee ปรากฏว่าทางวอชิงตัน (Washington) ก็ถามกลับมาว่า คุ้มแน่นะ คำตอบก็อยู่ในสายลมที่พัดไป แล้วก็เงียบหาย ระหว่างนั้นไทยแลนด์ก็เลยมีข่าวลือว่า จะมีการปฎิวัติน้าหนอมโดยกลุ่มทวี จิตติ กฤษณ์บ้าง ลุงตุ๊บ้าง แต่ระยะหลังข่าวปฎิวัติโดยลุงตุ๊มาแรง แหม มันประจวบเหมาะอะไรเช่นนั้น บังเอิญจริงนะ ช่วงข่าวปฏิวัติโดยลุงตุ๊ ทูตมาร์ตินก็หมดวาระกลับบ้าน ทูตอังเกอร์ (Unger) มาแทน คุณ good boy นามพจน์ ก็ไปเตือนทูตใหม่อีกว่า ยูจะเอายังไง ข่าวปฎิวัติมาแรงนะ ถ้ายูจะให้ถนอมเป็นนายกนี่ต้องเร่งๆ หน่อย เราจะตั้งพรรคแล้วหนา เงินที่ว่าจะช่วยยังไม่มาเลย ทูตตั้งคำถาม 20 คำถาม แล้วก็มีประโยคทองตอบไปเป็นเกียรติประวัติว่า “Trust us-We know what to do” เชื่อเราน่า เรารู้ว่าจะต้องทำยังไง …ไอรวยจะตาย ยูไม่ต้องห่วง ธุรกิจแยะไปหมด น้ำดำไทยแลนด์นี่ก็ของไอนะ (ไม่ได้ค่าโฆษณาไม่เขียนให้รอบสอง!) ทูตอังเกอร์ (Unger) ได้ยินประโยคทอง แล้วก็อ่อนระทวยเขียนรายงานชื่อว่า “Lotus Project” ส่งด่วนจี๋ไปยังวอชิงตัน (Washington) ทันทีอีกรอบ การเลือกตั้งในวันที่ 11 ก.พ. พ.ศ.2512 ปรากฏว่า พรรคสหประชาไทยของน้าหนอม ได้รับชัยชนะเฉียดฉิวมากคือ 75 ที่นั่งจากสส.ทั้งหมด 215 คน เก่งจังเลย! การเลือกตั้งครั้งนี้สมควร บันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ว่าอำนวยการสร้างโดย CIA ของแท้ ภายใต้ชื่อว่า Lotus Project  มีนายพจน์ สารสินเป็น project manger ทั้งนี้เพราะพี่เบิ้มกลัวว่า ถ้าการเมืองไทยไม่นิ่ง Pax Americana ที่วางไว้ซับซ้อนก็จะ ฉ.ห. ดังนั้นพรรคสหประชาไทย ภายใต้การดำเนินงานของนายพจน์ จึงเกิด ขึ้น และชนะการเลือกตั้งและได้นายกชื่อ พล.อ. ถนอม! ไอ้ที่เขียนเกี่ยวกับ Lotus Project มาทั้งหมดนี้นี้ อยู่ในรายงานลับของทูตมาร์ติน และทูตอังเกอร์ เองนะ ไม่ ได้ยกเมฆ แหม ลับยังไงก็หลุดมาได้น่า สีมือระดับนี่แล้ว เดี๋ยวว่าคุย (ฮา) โม้มาก สงสัย คงมีพวกซีมาคอยรับตัวไปเที่ยวแน่ Lotus Project ใช้เงินหลวงของพี่เบิ้มอุดหนุน ภายใต้การพิจารณาอนุมัติของ Committer 303 ไปหาดูแล้วกัน ไอ้ Committee นี้มันทำอะไร แล้วอย่ามาพูดอีกนะ ยูต้องเป็นประชาธิปไตย เหม็นขี้ฟันจริงๆ คนเล่านิทาน
    9 Comments 0 Shares 447 Views 0 Reviews
  • ..รัฐบาลเลว,มันไม่รับรู้ปกป้อง ป้องกันภัยประเทศอะไรเลยเหรอ หน่วยควบคุมสื่อทีวีไทยก็มีจากฝ่ายรัฐเสือกไม่สั่งการทีวีทุกๆช่องบอกผ่านประชาชนตนว่า หยุดถ่ายคลิป ถ่ายรูปภาพทางทหารใดๆลงโซเชียลเลยเหรอ,ประชาชนจะรวมมือกันทันที มิใช่วงแคบทางโซเชียลมาบอกทางโซเชียลด้วยกัน,
    ..ส่วนตัวไม่เข้าใจทหารเลยทำไมไม่ยึดอำนาจ,รัฐบาลนี้หมดความไว้วางใจแก่ประชาชนคนไทยแล้วในการบริหารประเทศ.เป็นต่อความมั่นคงภายในของประเทศไทยชัดเจน .

    https://youtube.com/shorts/kZUGVl9iFO8?si=WJsAvUv8RcKxk8AA
    ..รัฐบาลเลว,มันไม่รับรู้ปกป้อง ป้องกันภัยประเทศอะไรเลยเหรอ หน่วยควบคุมสื่อทีวีไทยก็มีจากฝ่ายรัฐเสือกไม่สั่งการทีวีทุกๆช่องบอกผ่านประชาชนตนว่า หยุดถ่ายคลิป ถ่ายรูปภาพทางทหารใดๆลงโซเชียลเลยเหรอ,ประชาชนจะรวมมือกันทันที มิใช่วงแคบทางโซเชียลมาบอกทางโซเชียลด้วยกัน, ..ส่วนตัวไม่เข้าใจทหารเลยทำไมไม่ยึดอำนาจ,รัฐบาลนี้หมดความไว้วางใจแก่ประชาชนคนไทยแล้วในการบริหารประเทศ.เป็นต่อความมั่นคงภายในของประเทศไทยชัดเจน . https://youtube.com/shorts/kZUGVl9iFO8?si=WJsAvUv8RcKxk8AA
    0 Comments 0 Shares 159 Views 0 Reviews
  • นาฬิกาปลุก
    ปี พศ 2568

    วันหนึ่งนานประมาณยี่สิบปีมาแล้ว ผมนั่งรถลงใต้ มันเป็นช่วงต้นหน้าฝนฟ้าครึ้ม
    อากาศกำลังสบาย ผมนั่งเหม่อ ๆ ดู 2 ข้างทางไปเรื่อย ๆ
    สัก 4 โมงเย็นรถก็ผ่านตรงช่วงเขาวัง เพชรบุรี ผมมองขึ้นไปที่พระราชวังบนยอดเขา
    เห็นแสงแดดกำลังส่องทะลุเมฆไปต้องพระราชวัง ทำให้พระราชวังงดงามเหลือเกิน
    ผมยกมือไหว้สักการะอย่างที่ทำทุกครั้งที่ผ่าน …
    ความรู้สึกของผมตอนนั้นบอกไม่ถูก เหมือนข้ามเวลา ข้ามมิติ
    ผมนึกในใจ นี่คงเหมือนเราเห็นสวรรค์กระมังนะ …ยังไม่เคยไป ได้แต่เดา

    แล้วรถก็แล่นผ่านทุ่งนากับต้นตาล ที่ยังพอมีให้เห็นชื่นใจ
    ดวงอาทิตย์เริ่มส่องแสงออกมามากขึ้น มันเป็นเวลาที่เขาเรียกว่าแดดสวย
    ผมมองทุ่งนาสีเขียวสดผืนใหญ่ กับทิวเขายาวอยู่ไกล ๆ
    เมฆที่ยอดเขาสะท้อนกับแสงอาทิตย์ สีสวยจัด มันสวยสงบและรู้สึกอบอุ่น
    เป็นภาพที่อยู่ในใจผมอย่างไม่มีวันจาง ทุกครั้งที่ผมนึกถึงวันนั้น
    ผมจะมีอาการตื้นตันบอกตัวเอง นี่ คือ … วาสนาของชาวสยาม…
    วาสนาที่บางทีเราลืมที่จะนึกถึงและรับรู้… เพราะถูกบดบังจากสิ่งลวงตา

    เราอยู่ในแผ่นดิน ที่เคยได้รับคำกล่าวขานว่า ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว มีความอุดมสมบูรณ์
    มีศาสนา มีสถาบันพระมหากษัตริย์ มีการศึกษา การอบรมเลี้ยงดู ศิลปะ วัฒนธรรมประเพณี
    ชีวิตความเป็นอยู่ที่สอดคล้องกับธรรมชาติของบ้านเรามาเป็นเวลานานแล้ว …

    แต่ปัจจุบันนี้ ดูเหมือนเราจะมองข้าม หรือไม่ใส่ใจจริง
    กับความโชคดีและวาสนาของเรานัก …เรามักจะหลงไหลได้ปลื้ม
    กับบรรดาสรรพสิ่งไม่ว่าเป็นรูปแบบใด ที่ “พวกตะวันตก” เขาเอามาฝังหัวลวงหลอกเราไว้
    แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนจะแกะลอกล้างสิ่งที่พวกเขาฝั่งเอาไว้ไม่ออก
    ไม่สะอาดหมดจดเสียที

    ผมตั้งข้อสังเกต ปนสงสัยมานานแล้วว่าเหตุการณ์ในบ้านเมืองเรา
    ที่เกิดขึ้นอย่างน้อยก็ตั้งแต่ช่วงก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง น่าจะมีส่วนเกี่ยวโยง
    กับปัจจัยนอกบ้าน มากกว่าที่เราคิด
    ผมค่อย ๆ หาข้อมูลมาอ่านแก้ความสงสัยของตัวเองไปเรื่อย ๆ แต่มันไปไม่ได้
    ไกลอย่างที่ต้องการ เพราะเวลาส่วนใหญ่ใช้ไปกับการทำงานเพื่อดำรงชีพ
    และก็ไปทำเรื่องอื่น ๆ ที่สุดท้ายแล้ว ก็เลยยังไม่ได้คำตอบมาแก้ข้อสงสัยที่ค้างอยู่นั้น

    หลายสิบปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ในบ้านเราเกิดขึ้นมากมาย มีความพยายามแก้ปัญหา
    แต่เหมือนแก้ไม่ถูกจุด เหมือนเรามองข้าม หรือเรามองปัญหาไม่แตก
    มันทำให้ผมย้อนกลับมาคิดถึงข้อสงสัย เกี่ยวกับปัจจัยนอกบ้านที่ยังคาใจผมอยู่

    และถ้ามันเป็นอย่างที่ผมสงสัยจริง…และถ้าเราไม่ตื่นมารู้เรื่องด้วยกัน
    อีกไม่นานหรอก ประเทศเราอาจจะตกเป็นเหยื่อ เป็นอาณานิคมในรูปแบบใหม่ต่อไป
    และวันนั้น สีของธงชาติเราไม่รู้จะยังอยู่ครบไหม
    สถาบันที่เรารักเคารพ วัดพระแก้ว เขาวัง ท้องนาสีเขียวและอีกหลาย ๆ อย่าง ฯลฯ
    ไม่รู้จะเหลืออยู่แค่ไหน แบบไหน…หรือมันจะกลายเป็นเหมือนหลายๆเมือง
    ที่เราเห็นในข่าว !?!

    คำถามเกิดขึ้นในหัวเต็มไปหมด

    ผมบอกตัวเองว่า มันคงจะดีไม่น้อย ถ้าชาวสยามรับรู้ถึงวาสนาของตนเอง
    และทำความเข้าใจกับความเป็นไปทั้งนอกบ้านและในบ้านเมืองของเราให้มากขึ้น
    จะได้มีความหวงและห่วงใยบ้านเมืองของเรา…บ้านของเรานะครับ

    ผมนึกถึงวันที่ผมเห็นแดดทอแสงสวยบนเขาวัง กับท้องนาที่เขียวชอุ่มกับเมฆสีสวย

    แล้วผมก็ตัดสินใจเขียนนิทาน เกี่ยวกับการเมืองโลก ทั้ง ๆ ที่ผมไม่เคยเขียนอะไร
    เป็นเรื่องเป็นราวมาก่อนเลย ผมเล่ามุมมองของผม แบบอ่านง่าย ๆ และนำมาลง
    ให้อ่านผ่านเพจนิทานเรื่องจริง ตำนานการลวงหลอกล่อฯ ทางเฟสบุ๊ก
    ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ.2556 …
    ผมเขียนไปและอ่านข้อมูลศึกษาเพิ่มเติมไปเรื่อย ๆทุกวันๆละประมาณ 10 ชั่วโมง
    มาตลอด เว้นแต่ช่วงเวลาที่สุขภาพของผมไม่อำนวย จนถึงตอนนี้ (พศ 2568)
    ผมมีเอกสารและหนังสือที่ใช้เขียนนิทาน ถึง 4 ตู้ใหญ่ 5 ตู้เล็ก กับอีก 20 กล่อง

    เมื่อผมเริ่มเขียนนิทาน ผมมีความเชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัย ว่าการล่าเหยื่อ
    ล่าอาณานิคมยังมีอยู่ เพียงแต่มีการพรางตัวเปลี่ยนรูปแบบการล่าไปตามยุคสมัย
    มันไม่ใช่เป็นเพียงข้อสังเกตหรือข้อสงสัยอีกแล้ว …สำหรับผมมันเป็นข้อเท็จจริง…
    บ้านเมืองเราตกเป็นเหยื่อของต่างชาติ มานานเต็มทีแล้ว!!

    และมาถึงวันนี้ ผมเชื่อว่าโลกเรากำลังจะก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงใหญ่
    ในอีกไม่นานนัก และการเปลี่ยนแปลงนั้น อาจจะมาเร็วจนเราตั้งตัวตั้งสติไม่ทัน

    บ้านเรามีการเตรียมการอะไรไหม ผมตอบไม่ได้ ผมไม่ได้เป็นผู้บริหารประเทศ
    สิ่งที่ผมพอทำได้ในฐานะประชาชน และกำลังทำอยู่ คือ เล่านิทาน
    เพื่อให้ทำหน้าที่เหมือนเป็นนาฬิกาปลุก ให้เพื่อนร่วมชาติตื่นขึ้นมาสนใจ
    เหตุการณ์นอกบ้าน ที่อาจกระทบกับบ้านเมืองเรา และเกิดความรู้สึกห่วงใย
    หวงแหนบ้านเมืองของเราบ้าง พร้อมกับเตรียมการเตรียมตัวรับมือ
    กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลก…
    ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ว่าอาจจะหนักหนาสาหัสยิ่งนัก !!!

    นิทานแต่ละเรื่อง แม้จะเขียนเรื่องต่างประเทศ แต่ผมได้พยายามเขียนระหว่างบรรทัด
    ให้ข้อคิดเกี่ยวกับบ้านเมืองของเราไปด้วย ผมพยายามร้อยเรียงนิทาน
    โดยเริ่มจากเรื่องในบ้านเรา เล่ามาเรื่อย ๆ ถึง การล่าการตกเป็นเหยื่อ
    การต่อสู้ดิ้นรนของเหยื่อ และวิธีการของนักล่าในการงับเหยื่อในรูปแบบต่างๆ
    เพื่อไม่ให้เหยื่อมีโอกาสหลุดออกจากปากของมัน และตัวละครสำคัญต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

    มาถึงปัจจุบันนี้ (เดือน เมษายน พศ 2568)
    ผมไม่แน่ใจว่าผมจะมีกำลังเขียนนิทานลงในเพจไปได้อีกหรือไม่
    หรือเขียนได้อีกนานเท่าไหร่ เนื่องจากสภาพสังขารของผมเอง
    และปัจจัยอื่น ที่มันเกินการควบคุมของผม …

    ผมคาดว่านิทานเรื่องจริงฯ ที่ผมเขียนมานั้น น่าจะเป็นที่สนใจสำหรับผู้ที่ติดตาม
    การเมืองโลก และเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ต้องการรักษาชาติบ้านเมือง รักษาแผ่นดิน
    และสถาบันพระมหากษัตริย์ของเรา…
    และยังทำหน้าที่เป็นนาฬิกาปลุกที่ไม่ล้าสมัยเกินไป
    ผมจึงเอานิทานเรื่องจริงฯ เล่มที่ 1 ถึง 9 (หน้าปกสีส้ม)ที่เคยได้ตีพิมพ์มาครั้งหนึ่ง
    เมื่อเดือนตุลาคม พศ 2559 และเล่มที่ 10 (หน้าปกสีส้ม) เมื่อเดือนมีนาคม พศ 2560
    รวมทั้งนิทานที่เขียนและลงโพสต์ไปแล้วทั้งหมด จนถึงเรื่องสุดท้าย (ปี พศ 2567)
    (หน้าปกสีน้ำเงิน) แต่ยังไม่ได้มีโอกาสตีพิมพ์เป็นเล่ม มาจัดให้อยู่ในรูปเว็บไซต์
    อย่างเป็นระบบ เพื่อผู้ที่มีความสนใจ จะได้เข้าถึงอย่างสะดวกขึ้น…

    ขอบคุณครับ
    จากคนเล่านิทาน
    20 เมษายน 2568
    นาฬิกาปลุก ปี พศ 2568 วันหนึ่งนานประมาณยี่สิบปีมาแล้ว ผมนั่งรถลงใต้ มันเป็นช่วงต้นหน้าฝนฟ้าครึ้ม อากาศกำลังสบาย ผมนั่งเหม่อ ๆ ดู 2 ข้างทางไปเรื่อย ๆ สัก 4 โมงเย็นรถก็ผ่านตรงช่วงเขาวัง เพชรบุรี ผมมองขึ้นไปที่พระราชวังบนยอดเขา เห็นแสงแดดกำลังส่องทะลุเมฆไปต้องพระราชวัง ทำให้พระราชวังงดงามเหลือเกิน ผมยกมือไหว้สักการะอย่างที่ทำทุกครั้งที่ผ่าน … ความรู้สึกของผมตอนนั้นบอกไม่ถูก เหมือนข้ามเวลา ข้ามมิติ ผมนึกในใจ นี่คงเหมือนเราเห็นสวรรค์กระมังนะ …ยังไม่เคยไป ได้แต่เดา แล้วรถก็แล่นผ่านทุ่งนากับต้นตาล ที่ยังพอมีให้เห็นชื่นใจ ดวงอาทิตย์เริ่มส่องแสงออกมามากขึ้น มันเป็นเวลาที่เขาเรียกว่าแดดสวย ผมมองทุ่งนาสีเขียวสดผืนใหญ่ กับทิวเขายาวอยู่ไกล ๆ เมฆที่ยอดเขาสะท้อนกับแสงอาทิตย์ สีสวยจัด มันสวยสงบและรู้สึกอบอุ่น เป็นภาพที่อยู่ในใจผมอย่างไม่มีวันจาง ทุกครั้งที่ผมนึกถึงวันนั้น ผมจะมีอาการตื้นตันบอกตัวเอง นี่ คือ … วาสนาของชาวสยาม… วาสนาที่บางทีเราลืมที่จะนึกถึงและรับรู้… เพราะถูกบดบังจากสิ่งลวงตา เราอยู่ในแผ่นดิน ที่เคยได้รับคำกล่าวขานว่า ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว มีความอุดมสมบูรณ์ มีศาสนา มีสถาบันพระมหากษัตริย์ มีการศึกษา การอบรมเลี้ยงดู ศิลปะ วัฒนธรรมประเพณี ชีวิตความเป็นอยู่ที่สอดคล้องกับธรรมชาติของบ้านเรามาเป็นเวลานานแล้ว … แต่ปัจจุบันนี้ ดูเหมือนเราจะมองข้าม หรือไม่ใส่ใจจริง กับความโชคดีและวาสนาของเรานัก …เรามักจะหลงไหลได้ปลื้ม กับบรรดาสรรพสิ่งไม่ว่าเป็นรูปแบบใด ที่ “พวกตะวันตก” เขาเอามาฝังหัวลวงหลอกเราไว้ แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนจะแกะลอกล้างสิ่งที่พวกเขาฝั่งเอาไว้ไม่ออก ไม่สะอาดหมดจดเสียที ผมตั้งข้อสังเกต ปนสงสัยมานานแล้วว่าเหตุการณ์ในบ้านเมืองเรา ที่เกิดขึ้นอย่างน้อยก็ตั้งแต่ช่วงก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง น่าจะมีส่วนเกี่ยวโยง กับปัจจัยนอกบ้าน มากกว่าที่เราคิด ผมค่อย ๆ หาข้อมูลมาอ่านแก้ความสงสัยของตัวเองไปเรื่อย ๆ แต่มันไปไม่ได้ ไกลอย่างที่ต้องการ เพราะเวลาส่วนใหญ่ใช้ไปกับการทำงานเพื่อดำรงชีพ และก็ไปทำเรื่องอื่น ๆ ที่สุดท้ายแล้ว ก็เลยยังไม่ได้คำตอบมาแก้ข้อสงสัยที่ค้างอยู่นั้น หลายสิบปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ในบ้านเราเกิดขึ้นมากมาย มีความพยายามแก้ปัญหา แต่เหมือนแก้ไม่ถูกจุด เหมือนเรามองข้าม หรือเรามองปัญหาไม่แตก มันทำให้ผมย้อนกลับมาคิดถึงข้อสงสัย เกี่ยวกับปัจจัยนอกบ้านที่ยังคาใจผมอยู่ และถ้ามันเป็นอย่างที่ผมสงสัยจริง…และถ้าเราไม่ตื่นมารู้เรื่องด้วยกัน อีกไม่นานหรอก ประเทศเราอาจจะตกเป็นเหยื่อ เป็นอาณานิคมในรูปแบบใหม่ต่อไป และวันนั้น สีของธงชาติเราไม่รู้จะยังอยู่ครบไหม สถาบันที่เรารักเคารพ วัดพระแก้ว เขาวัง ท้องนาสีเขียวและอีกหลาย ๆ อย่าง ฯลฯ ไม่รู้จะเหลืออยู่แค่ไหน แบบไหน…หรือมันจะกลายเป็นเหมือนหลายๆเมือง ที่เราเห็นในข่าว !?! คำถามเกิดขึ้นในหัวเต็มไปหมด ผมบอกตัวเองว่า มันคงจะดีไม่น้อย ถ้าชาวสยามรับรู้ถึงวาสนาของตนเอง และทำความเข้าใจกับความเป็นไปทั้งนอกบ้านและในบ้านเมืองของเราให้มากขึ้น จะได้มีความหวงและห่วงใยบ้านเมืองของเรา…บ้านของเรานะครับ ผมนึกถึงวันที่ผมเห็นแดดทอแสงสวยบนเขาวัง กับท้องนาที่เขียวชอุ่มกับเมฆสีสวย แล้วผมก็ตัดสินใจเขียนนิทาน เกี่ยวกับการเมืองโลก ทั้ง ๆ ที่ผมไม่เคยเขียนอะไร เป็นเรื่องเป็นราวมาก่อนเลย ผมเล่ามุมมองของผม แบบอ่านง่าย ๆ และนำมาลง ให้อ่านผ่านเพจนิทานเรื่องจริง ตำนานการลวงหลอกล่อฯ ทางเฟสบุ๊ก ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ.2556 … ผมเขียนไปและอ่านข้อมูลศึกษาเพิ่มเติมไปเรื่อย ๆทุกวันๆละประมาณ 10 ชั่วโมง มาตลอด เว้นแต่ช่วงเวลาที่สุขภาพของผมไม่อำนวย จนถึงตอนนี้ (พศ 2568) ผมมีเอกสารและหนังสือที่ใช้เขียนนิทาน ถึง 4 ตู้ใหญ่ 5 ตู้เล็ก กับอีก 20 กล่อง เมื่อผมเริ่มเขียนนิทาน ผมมีความเชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัย ว่าการล่าเหยื่อ ล่าอาณานิคมยังมีอยู่ เพียงแต่มีการพรางตัวเปลี่ยนรูปแบบการล่าไปตามยุคสมัย มันไม่ใช่เป็นเพียงข้อสังเกตหรือข้อสงสัยอีกแล้ว …สำหรับผมมันเป็นข้อเท็จจริง… บ้านเมืองเราตกเป็นเหยื่อของต่างชาติ มานานเต็มทีแล้ว!! และมาถึงวันนี้ ผมเชื่อว่าโลกเรากำลังจะก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงใหญ่ ในอีกไม่นานนัก และการเปลี่ยนแปลงนั้น อาจจะมาเร็วจนเราตั้งตัวตั้งสติไม่ทัน บ้านเรามีการเตรียมการอะไรไหม ผมตอบไม่ได้ ผมไม่ได้เป็นผู้บริหารประเทศ สิ่งที่ผมพอทำได้ในฐานะประชาชน และกำลังทำอยู่ คือ เล่านิทาน เพื่อให้ทำหน้าที่เหมือนเป็นนาฬิกาปลุก ให้เพื่อนร่วมชาติตื่นขึ้นมาสนใจ เหตุการณ์นอกบ้าน ที่อาจกระทบกับบ้านเมืองเรา และเกิดความรู้สึกห่วงใย หวงแหนบ้านเมืองของเราบ้าง พร้อมกับเตรียมการเตรียมตัวรับมือ กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลก… ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ว่าอาจจะหนักหนาสาหัสยิ่งนัก !!! นิทานแต่ละเรื่อง แม้จะเขียนเรื่องต่างประเทศ แต่ผมได้พยายามเขียนระหว่างบรรทัด ให้ข้อคิดเกี่ยวกับบ้านเมืองของเราไปด้วย ผมพยายามร้อยเรียงนิทาน โดยเริ่มจากเรื่องในบ้านเรา เล่ามาเรื่อย ๆ ถึง การล่าการตกเป็นเหยื่อ การต่อสู้ดิ้นรนของเหยื่อ และวิธีการของนักล่าในการงับเหยื่อในรูปแบบต่างๆ เพื่อไม่ให้เหยื่อมีโอกาสหลุดออกจากปากของมัน และตัวละครสำคัญต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง มาถึงปัจจุบันนี้ (เดือน เมษายน พศ 2568) ผมไม่แน่ใจว่าผมจะมีกำลังเขียนนิทานลงในเพจไปได้อีกหรือไม่ หรือเขียนได้อีกนานเท่าไหร่ เนื่องจากสภาพสังขารของผมเอง และปัจจัยอื่น ที่มันเกินการควบคุมของผม … ผมคาดว่านิทานเรื่องจริงฯ ที่ผมเขียนมานั้น น่าจะเป็นที่สนใจสำหรับผู้ที่ติดตาม การเมืองโลก และเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ต้องการรักษาชาติบ้านเมือง รักษาแผ่นดิน และสถาบันพระมหากษัตริย์ของเรา… และยังทำหน้าที่เป็นนาฬิกาปลุกที่ไม่ล้าสมัยเกินไป ผมจึงเอานิทานเรื่องจริงฯ เล่มที่ 1 ถึง 9 (หน้าปกสีส้ม)ที่เคยได้ตีพิมพ์มาครั้งหนึ่ง เมื่อเดือนตุลาคม พศ 2559 และเล่มที่ 10 (หน้าปกสีส้ม) เมื่อเดือนมีนาคม พศ 2560 รวมทั้งนิทานที่เขียนและลงโพสต์ไปแล้วทั้งหมด จนถึงเรื่องสุดท้าย (ปี พศ 2567) (หน้าปกสีน้ำเงิน) แต่ยังไม่ได้มีโอกาสตีพิมพ์เป็นเล่ม มาจัดให้อยู่ในรูปเว็บไซต์ อย่างเป็นระบบ เพื่อผู้ที่มีความสนใจ จะได้เข้าถึงอย่างสะดวกขึ้น… ขอบคุณครับ จากคนเล่านิทาน 20 เมษายน 2568
    0 Comments 0 Shares 388 Views 0 Reviews
  • ..การเจรจาหยุดยิงเป็นโมฆะ ,รักษาการฯรัฐบาลไม่มีอำนาจทางความมั่นคงทางอธิปไตยไทยใดๆ,ไม่มีรมต.กลาโหมด้วย.ยิ่งโมฆะไปใหญ่,ผลรายละเอียดการตกลงเจรจาประชาชนเองก็ไม่รับรู้อะไรเลยว่า เป็นประโยชน์จริงแก่ฝ่ายไทยเราจริงขนาดไหน,จ่ายชดเชยค่าปฏิกรสงครามปะทะสู้รบลักษณะใดอย่างไร,ชดเชยขวัญเสียของคนไทยทั้งประเทศอย่างไร ตลอดผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บทั้งหมดด้วย, ทรัพย์สินประชาชนเสียหาย ค่าเสียเวลาเสียโอกาสเสียสาระพัดระหว่างเขมรยิงมาใส่ประเทศเราอีก,
    ..คือจริงๆไม่พอใจต่อการบริหารประเทศของรัฐบาลรักษาการชุดนี้ทั้งหมดนั้นเอง,ส่อไปทางสูญเสียอธิปไตยของชาติตลอดแนวพรมแดนด้วย,ไม่รวมสถานะเสียเปรียบอื่นๆมากมายอีกที่กูรูมากมายออกมาตั้งคำถามถึงความเชื่อสัตย์สุจริตต่ออธิปไตยความมั่นคงของประเทศไทยตนและความไม่คู่ควรไม่มีความสามารถชนะเหนือศัตรูประเทศตนเองต่อการรุกรานของมันฝ่ายศัตรูอธิปไตยชาติไทยได้,ไม่สมควรมาเป็นรัฐบาลทั้งชุดคณะอีกต่อไป.

    https://youtube.com/watch?v=yEOZkHg0-YI&si=3cSn8GwTQoGW-toy
    ..การเจรจาหยุดยิงเป็นโมฆะ ,รักษาการฯรัฐบาลไม่มีอำนาจทางความมั่นคงทางอธิปไตยไทยใดๆ,ไม่มีรมต.กลาโหมด้วย.ยิ่งโมฆะไปใหญ่,ผลรายละเอียดการตกลงเจรจาประชาชนเองก็ไม่รับรู้อะไรเลยว่า เป็นประโยชน์จริงแก่ฝ่ายไทยเราจริงขนาดไหน,จ่ายชดเชยค่าปฏิกรสงครามปะทะสู้รบลักษณะใดอย่างไร,ชดเชยขวัญเสียของคนไทยทั้งประเทศอย่างไร ตลอดผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บทั้งหมดด้วย, ทรัพย์สินประชาชนเสียหาย ค่าเสียเวลาเสียโอกาสเสียสาระพัดระหว่างเขมรยิงมาใส่ประเทศเราอีก, ..คือจริงๆไม่พอใจต่อการบริหารประเทศของรัฐบาลรักษาการชุดนี้ทั้งหมดนั้นเอง,ส่อไปทางสูญเสียอธิปไตยของชาติตลอดแนวพรมแดนด้วย,ไม่รวมสถานะเสียเปรียบอื่นๆมากมายอีกที่กูรูมากมายออกมาตั้งคำถามถึงความเชื่อสัตย์สุจริตต่ออธิปไตยความมั่นคงของประเทศไทยตนและความไม่คู่ควรไม่มีความสามารถชนะเหนือศัตรูประเทศตนเองต่อการรุกรานของมันฝ่ายศัตรูอธิปไตยชาติไทยได้,ไม่สมควรมาเป็นรัฐบาลทั้งชุดคณะอีกต่อไป. https://youtube.com/watch?v=yEOZkHg0-YI&si=3cSn8GwTQoGW-toy
    0 Comments 0 Shares 264 Views 0 Reviews
  • ..นี้คือภาวะสงครามชัดเจน
    ..ต่อไปนี้ ประเทศไทยจากถูกรุกรานคุกคามมิอาจเป็นฝ่ายตั้งรับได้อีกแล้วหรือเกรงใจใดๆอีกต่อไปจากเขมรตั้งจุดยิงระเบิดในพื้นที่ชุมชน,หน้าที่ของชุมชนคนเขมรนั้นมีสถานะเดียวคือวิ่งหนีให้ทันจากที่รถทหารเขมรจอดยิงระเบิดตรงรัศมีบริเวณนั้นๆในที่ชุมชนนั่นๆ,ทหารไทยหรือทางรัฐบาลต้องประกาศอย่างเป็นทางการเชิงรุกหรือทำหนังสือส่งถึงทุกๆสถานฑูตในไทยและที่สำคัญจำเป็นว่า,เราจำเป็นต้องทำลายรถยิงจรวดที่ทหารเขมรใช้เป็นจุดยิงในที่ชุมชนนั้นๆ รัฐบาลเขมรมีหน้าที่เดียวต้องบอกประชาชนเขมรตนให้หนีทันทีจากจุดบริเวณนั้นที่รถยิงระเบิดตนใช้ยิงจรวดหรือประชาชนเขมรต้องรีบหนีอัตโนมัติทันทีที่ทหารเขมรตนใช้ตนเป็นโล่อย่างไร้มนุษยธรรมต่อตนเองกับประชาชนเขมรตนเอง,ทหารไทยจะปฏิบัติการอย่างสบายใจทันทีเพราะเราแจ้งล่วงหน้าผ่านทุกๆฑูตในประเทศไทยแล้วเพื่อภาวะสงครามนี้,และจะไม่ใช่เป็นการตั้งรับอีกต่อไป,เป้าหมายคือไล่ล่าสังการบอสเขมรทุกๆตัว หัวหน้าสั่งกำลังพลทำสงครามทุกๆตัว นายพลทุกๆตัวภายในประเทศเขมรต้องถูกไล่ล่าสังหารทั้งหมดตลอดจนฮุนเซนฮุนมาเนตด้วย,เราจะจบสงครามด้วยการยึดประเทศเขมรทันที.
    ..ประเทศไทยในนามทหารไทยเมื่อสงครามเกิดในขณะนี้แล้ว เรามิอาจตั้งรับอีกต่อไปได้แล้ว เขมรหมายสังหารประชาชนคนไทยนี้คือภาวะสงครามชัดเจน ทหารไทยต้องรุกเข้าไปถึงใจกลางประเทศเขมรทันทีผ่านระเบิดจรวดนำวิถีที่เชื่อว่าเป็นฐานอำนวยการสงครามของเขมรต้องระเบิดทิ้งทั้งหมดโดยเร็วเพื่อจบสงครามนี้,ตลอดบุกยึดประเทศเขมรด้วยทันที,ทหารเขมรทั้งหมดต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองก่อโดยเฉพาะระดับสั่งการทหารขึ้นไปทัังหมดคือนายพลแม่ทัพเขมรทุกๆตัวต้องถูกประหารชีวิต,ที่เป็นอาชญากรก่อสงครามนี้ที่เริ่มก่อน ฮุนเซนฮุนมาเนตต้องตายสถานเดียวด้วย,ทุกๆจุดที่เป็นคลังอาวุธฐานกองกำลังตลอดไฟฟ้าแหล่งให้พลังงานทั้งหมดของเขมรต้องถูกทำลายทันที,ทหารไทยใจอ่อนไม่ได้จริงๆ นี้คือสงครามแล้ว เขมรยิงเราก่อนรุกรานเราก่อน,หากรัฐบาลขลาดกลัวไม่เต็มในยุทธสงครามกับทหารต้องยึดอำนาจเพื่อปกป้องอธิปไตยชาติไทยเร่งด่วนทันที,ให้คณะรวมพลังแผ่นดินไทยขึ้นบริหารประเทศไทยและเจรจาทางภาวะสงครามชี้แจ้งอย่างเต็มที่เปืดความจริงทั้งหมดต่อชาวโลกถึงความไร้มนุษยธรรมของประเทศเขมรขนาดไหนทันที,ไม่สามารถเก็บรัฐบาลที่ไม่สนับทหารไทยตนเองไว้สนับสนุนงบประมาณเครื่องมือยุทโธปกรณ์ทางทหารด้วยเช่นนำเข้าโดรนลาดตะเวนโครนจู่โจมๆตีโดรนป้องกันโดรนพลีชีพลดการสูญเสียทหารลาดตะเวนเดินลงพื้นที่เราแบบไม่จำเป็นนั้นเอง,ไม่สามารถเก็บรัฐบาลที่ไร้ความสามารถปกป้องอธิปไตยไทยตนไว้ได้อีก,คืออ้างทำเหี้ยอะไรไม่ถูกไม่ได้,ต้องออกไปทันที ให้คนที่มีความสามารถทำถูกมาทำแทน,
    ..ทหารไทยต้องรุกฆาตยึดเขมรทันที ไล่ล่าสังหารแม่ทัพศัตรูจริงจังมิใช่ทำเช่นปัจจุบันได้อีก,ฮุนมาเนตฮุนเซนคือเป้าหมายการเก็บการไล่ล่าสังหารเด็ดชีพทันที,สายลับเราต้องลงพื้นที่เข้าจัดการอีกทางด้วย,วัยรุ่นเขมรทุบตีวัยรุ่นไทยเพื่องานนี้ด้วย,ห้ามใจอ่อนกับประชาชนเขมรเด็ดขาด,ห้ามรับชาวเขมรเข้ามาฝั่งไทย,ไม่มีมนุษยธรรมลักษณะนี้เด็ดขาด คนเขมรอพยพมาไทยห้ามรับเข้ามาเลี้ยงดูช่วยเหลือเป็นภาระค่าใช้จ่ายเรา,เป็นหน้าที่รัฐบาลมันเขมรเอง,การใจอ่อนที่ไม่ใช่เรื่อง,เขมรก่อเรื่องก่อนห้ามโลกสวยเด็ดขาด,ทรัพยากรบุคคลเราต้องมาเสียเวลารับประชาชนเขมรห่านี้ดูแลพวกห่านี้มันใช่เหรอผลักดันกลับให้หมด,ไทยตัดสายสัมพันธ์จริงในตอนนี้เวลานี้,คนทรยศสมยอมกับเขมรอย่าสร้างภาพทำลายชาติตนเองเด็ดขาด,
    ..ฝูงบินเราต้องทำลายศูนย์รัฐบาลเขมรทั้งหมดเพราะนี้คือสงครามกับเขมรจริงแล้วคือภาวะสงครามที่ตั้งใจยิงประชาชนคนไทยที่นำโดยสั่งการโดยรัฐบาลเขมร,ทุกๆศูนย์ราชการเขมรต้องถูกทำลายตลอดระบบเน็ตสื่อสารเขมรต้องถูกทำลาย ศูนย์คอมฯเขมรต้องถูกทำลายทั้งหมด ตึกศูนย์คอมฯสื่อทางเน็ตทางคอมฯแบบที่ใช้ฐานเดอะแก๊งคอลเซนเตอร์ทำIOกับทหารไทยต้องถูกทำลายระเบิดทิ้งทั้งหมดเพราะทั้งหมดรัฐบาลเขมรดูแลควบคุมกำกับทั้งหมด ตลอดบ่อนคาสิโนทั่งหมดของเขมรฝูงบินทหารไทยต้องถูกกำจัดด้วยเพราะนั้นคือฐานปฏิบัติการIOทางเน็ตทางคอมฯทางการสื่อสารเขมรแน่นอนอาจอยู่ชั้นใต้ดินและชั้นบนของตึกสูงสุดทุกๆตึกบ่อนคาสิโนนั่นด้วย,นี้คือสงคราม ทหารไทยเราต้องจบสงครามนี้ให้รวดเร็วตัดตังสนับสนุนรัฐบาลเขมรด้วย,ยึดต้องยึดทำลายทั้งหมดจริงๆ,มันใช้ตังเถื่อนๆตังฟอกเงินเถื่อนๆนี้สนับสนุนเป็นทุนทางสงครามแน่นอน,
    ..ทหารไทยต้องตั้งโจทย์ใหม่ทันที คือต่อไปนี้มิใช่การตั้งรับแต่คือการบุกเพื่อทำลายศัตรูของจริง,เช่นนั้นจะไม่จบสงครามนี้เลย,บุกกวาดล้างทำลายศัตรูทางสงครามที่หมายยึดแผ่นดินไทยเราโดยมารุกรานคุกคามไทยเราก่อนไม่จบไม่สิ้นยั่วยุเราตลอดนั่นเอง,การเปิดทางที่ดีคือจรวดขีปนาวุธทำลายล้างฐานที่ว่ามาทั้งหมดนั้นเองสั่งการไม่ได้ทางทหาร,ไม่มีไฟฟ้าใช้ทางทหาร ไม่มีเสบียงอาหารในภาวะสงครามกับไทย,การสื่อสารทั้งประเทศเขมรถูกตัดขาด,มันจะสื่อสารกับทหารมันลำบากทันทีระบบการรบจะแตกกระจาย,ไล่ล่าฮุนเซนฮุนมาเนตตั้งรางวัลค่าหัวให้ชาวเขมรเองก็ได้ที่เกียจชังฮุนเซนฮุนมาเนตอยู่แล้วหากบอกพิกัดถูกและทหารไทยล็อกเป้าระเบิดกพจัดทำลายได้สำเร็จรับไปเลยคนละ100ล้านบาทเป็นต้น ประกาศค่าหัวคนสองคนนี้ได้เลยให้มาช่วยกำจัดความไม่สงบในประเทศตนและอาเชียนเราเอง,คนลาว คนเวียดนาม คนพม่า ใครก็ตามที่ให้ข้อมูลใกล้เคียงรับ1ล้านบาท ทำลายเป้าหมายได้รับ100ล้านบาทจากประเทศไทย,ลงมือเองรับ1,000ล้านบาทหากสามารถเอาหัวมาได้ เป็นต้น


    .https://youtube.com/watch?v=2BHq4hyWW2I&si=CN1OoyPkZRbJMclu
    ..https://youtube.com/watch?v=2BHq4hyWW2I&si=CN1OoyPkZRbJMclu
    ..นี้คือภาวะสงครามชัดเจน ..ต่อไปนี้ ประเทศไทยจากถูกรุกรานคุกคามมิอาจเป็นฝ่ายตั้งรับได้อีกแล้วหรือเกรงใจใดๆอีกต่อไปจากเขมรตั้งจุดยิงระเบิดในพื้นที่ชุมชน,หน้าที่ของชุมชนคนเขมรนั้นมีสถานะเดียวคือวิ่งหนีให้ทันจากที่รถทหารเขมรจอดยิงระเบิดตรงรัศมีบริเวณนั้นๆในที่ชุมชนนั่นๆ,ทหารไทยหรือทางรัฐบาลต้องประกาศอย่างเป็นทางการเชิงรุกหรือทำหนังสือส่งถึงทุกๆสถานฑูตในไทยและที่สำคัญจำเป็นว่า,เราจำเป็นต้องทำลายรถยิงจรวดที่ทหารเขมรใช้เป็นจุดยิงในที่ชุมชนนั้นๆ รัฐบาลเขมรมีหน้าที่เดียวต้องบอกประชาชนเขมรตนให้หนีทันทีจากจุดบริเวณนั้นที่รถยิงระเบิดตนใช้ยิงจรวดหรือประชาชนเขมรต้องรีบหนีอัตโนมัติทันทีที่ทหารเขมรตนใช้ตนเป็นโล่อย่างไร้มนุษยธรรมต่อตนเองกับประชาชนเขมรตนเอง,ทหารไทยจะปฏิบัติการอย่างสบายใจทันทีเพราะเราแจ้งล่วงหน้าผ่านทุกๆฑูตในประเทศไทยแล้วเพื่อภาวะสงครามนี้,และจะไม่ใช่เป็นการตั้งรับอีกต่อไป,เป้าหมายคือไล่ล่าสังการบอสเขมรทุกๆตัว หัวหน้าสั่งกำลังพลทำสงครามทุกๆตัว นายพลทุกๆตัวภายในประเทศเขมรต้องถูกไล่ล่าสังหารทั้งหมดตลอดจนฮุนเซนฮุนมาเนตด้วย,เราจะจบสงครามด้วยการยึดประเทศเขมรทันที. ..ประเทศไทยในนามทหารไทยเมื่อสงครามเกิดในขณะนี้แล้ว เรามิอาจตั้งรับอีกต่อไปได้แล้ว เขมรหมายสังหารประชาชนคนไทยนี้คือภาวะสงครามชัดเจน ทหารไทยต้องรุกเข้าไปถึงใจกลางประเทศเขมรทันทีผ่านระเบิดจรวดนำวิถีที่เชื่อว่าเป็นฐานอำนวยการสงครามของเขมรต้องระเบิดทิ้งทั้งหมดโดยเร็วเพื่อจบสงครามนี้,ตลอดบุกยึดประเทศเขมรด้วยทันที,ทหารเขมรทั้งหมดต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองก่อโดยเฉพาะระดับสั่งการทหารขึ้นไปทัังหมดคือนายพลแม่ทัพเขมรทุกๆตัวต้องถูกประหารชีวิต,ที่เป็นอาชญากรก่อสงครามนี้ที่เริ่มก่อน ฮุนเซนฮุนมาเนตต้องตายสถานเดียวด้วย,ทุกๆจุดที่เป็นคลังอาวุธฐานกองกำลังตลอดไฟฟ้าแหล่งให้พลังงานทั้งหมดของเขมรต้องถูกทำลายทันที,ทหารไทยใจอ่อนไม่ได้จริงๆ นี้คือสงครามแล้ว เขมรยิงเราก่อนรุกรานเราก่อน,หากรัฐบาลขลาดกลัวไม่เต็มในยุทธสงครามกับทหารต้องยึดอำนาจเพื่อปกป้องอธิปไตยชาติไทยเร่งด่วนทันที,ให้คณะรวมพลังแผ่นดินไทยขึ้นบริหารประเทศไทยและเจรจาทางภาวะสงครามชี้แจ้งอย่างเต็มที่เปืดความจริงทั้งหมดต่อชาวโลกถึงความไร้มนุษยธรรมของประเทศเขมรขนาดไหนทันที,ไม่สามารถเก็บรัฐบาลที่ไม่สนับทหารไทยตนเองไว้สนับสนุนงบประมาณเครื่องมือยุทโธปกรณ์ทางทหารด้วยเช่นนำเข้าโดรนลาดตะเวนโครนจู่โจมๆตีโดรนป้องกันโดรนพลีชีพลดการสูญเสียทหารลาดตะเวนเดินลงพื้นที่เราแบบไม่จำเป็นนั้นเอง,ไม่สามารถเก็บรัฐบาลที่ไร้ความสามารถปกป้องอธิปไตยไทยตนไว้ได้อีก,คืออ้างทำเหี้ยอะไรไม่ถูกไม่ได้,ต้องออกไปทันที ให้คนที่มีความสามารถทำถูกมาทำแทน, ..ทหารไทยต้องรุกฆาตยึดเขมรทันที ไล่ล่าสังหารแม่ทัพศัตรูจริงจังมิใช่ทำเช่นปัจจุบันได้อีก,ฮุนมาเนตฮุนเซนคือเป้าหมายการเก็บการไล่ล่าสังหารเด็ดชีพทันที,สายลับเราต้องลงพื้นที่เข้าจัดการอีกทางด้วย,วัยรุ่นเขมรทุบตีวัยรุ่นไทยเพื่องานนี้ด้วย,ห้ามใจอ่อนกับประชาชนเขมรเด็ดขาด,ห้ามรับชาวเขมรเข้ามาฝั่งไทย,ไม่มีมนุษยธรรมลักษณะนี้เด็ดขาด คนเขมรอพยพมาไทยห้ามรับเข้ามาเลี้ยงดูช่วยเหลือเป็นภาระค่าใช้จ่ายเรา,เป็นหน้าที่รัฐบาลมันเขมรเอง,การใจอ่อนที่ไม่ใช่เรื่อง,เขมรก่อเรื่องก่อนห้ามโลกสวยเด็ดขาด,ทรัพยากรบุคคลเราต้องมาเสียเวลารับประชาชนเขมรห่านี้ดูแลพวกห่านี้มันใช่เหรอผลักดันกลับให้หมด,ไทยตัดสายสัมพันธ์จริงในตอนนี้เวลานี้,คนทรยศสมยอมกับเขมรอย่าสร้างภาพทำลายชาติตนเองเด็ดขาด, ..ฝูงบินเราต้องทำลายศูนย์รัฐบาลเขมรทั้งหมดเพราะนี้คือสงครามกับเขมรจริงแล้วคือภาวะสงครามที่ตั้งใจยิงประชาชนคนไทยที่นำโดยสั่งการโดยรัฐบาลเขมร,ทุกๆศูนย์ราชการเขมรต้องถูกทำลายตลอดระบบเน็ตสื่อสารเขมรต้องถูกทำลาย ศูนย์คอมฯเขมรต้องถูกทำลายทั้งหมด ตึกศูนย์คอมฯสื่อทางเน็ตทางคอมฯแบบที่ใช้ฐานเดอะแก๊งคอลเซนเตอร์ทำIOกับทหารไทยต้องถูกทำลายระเบิดทิ้งทั้งหมดเพราะทั้งหมดรัฐบาลเขมรดูแลควบคุมกำกับทั้งหมด ตลอดบ่อนคาสิโนทั่งหมดของเขมรฝูงบินทหารไทยต้องถูกกำจัดด้วยเพราะนั้นคือฐานปฏิบัติการIOทางเน็ตทางคอมฯทางการสื่อสารเขมรแน่นอนอาจอยู่ชั้นใต้ดินและชั้นบนของตึกสูงสุดทุกๆตึกบ่อนคาสิโนนั่นด้วย,นี้คือสงคราม ทหารไทยเราต้องจบสงครามนี้ให้รวดเร็วตัดตังสนับสนุนรัฐบาลเขมรด้วย,ยึดต้องยึดทำลายทั้งหมดจริงๆ,มันใช้ตังเถื่อนๆตังฟอกเงินเถื่อนๆนี้สนับสนุนเป็นทุนทางสงครามแน่นอน, ..ทหารไทยต้องตั้งโจทย์ใหม่ทันที คือต่อไปนี้มิใช่การตั้งรับแต่คือการบุกเพื่อทำลายศัตรูของจริง,เช่นนั้นจะไม่จบสงครามนี้เลย,บุกกวาดล้างทำลายศัตรูทางสงครามที่หมายยึดแผ่นดินไทยเราโดยมารุกรานคุกคามไทยเราก่อนไม่จบไม่สิ้นยั่วยุเราตลอดนั่นเอง,การเปิดทางที่ดีคือจรวดขีปนาวุธทำลายล้างฐานที่ว่ามาทั้งหมดนั้นเองสั่งการไม่ได้ทางทหาร,ไม่มีไฟฟ้าใช้ทางทหาร ไม่มีเสบียงอาหารในภาวะสงครามกับไทย,การสื่อสารทั้งประเทศเขมรถูกตัดขาด,มันจะสื่อสารกับทหารมันลำบากทันทีระบบการรบจะแตกกระจาย,ไล่ล่าฮุนเซนฮุนมาเนตตั้งรางวัลค่าหัวให้ชาวเขมรเองก็ได้ที่เกียจชังฮุนเซนฮุนมาเนตอยู่แล้วหากบอกพิกัดถูกและทหารไทยล็อกเป้าระเบิดกพจัดทำลายได้สำเร็จรับไปเลยคนละ100ล้านบาทเป็นต้น ประกาศค่าหัวคนสองคนนี้ได้เลยให้มาช่วยกำจัดความไม่สงบในประเทศตนและอาเชียนเราเอง,คนลาว คนเวียดนาม คนพม่า ใครก็ตามที่ให้ข้อมูลใกล้เคียงรับ1ล้านบาท ทำลายเป้าหมายได้รับ100ล้านบาทจากประเทศไทย,ลงมือเองรับ1,000ล้านบาทหากสามารถเอาหัวมาได้ เป็นต้น .https://youtube.com/watch?v=2BHq4hyWW2I&si=CN1OoyPkZRbJMclu ..https://youtube.com/watch?v=2BHq4hyWW2I&si=CN1OoyPkZRbJMclu
    0 Comments 0 Shares 380 Views 0 Reviews
  • ..ทหารไทยต้องประกาศกฎอัยการศึกทันทีกะยังว่ะ,ไม่เช่นนั้นพวกห่านี้ล่ะจะเป็นไส้ศึกตัวจริง,ทหารจะสามารถควบคุมสื่อได้ทั้งหมด ทุกๆแพลตฟอร์มในประเทศไทย,ควบคุมรัฐบาลได้ด้วย,
    ..ทำไมทหารไม่ทำทันที,ต้องประชุมกันรวดเร็วเร่งด่วนทันที,นี้คือภาวะสงครามแล้ว,และเรามิได้ทำสงครามกับเขมรธรรมดาด้วยเราทำสงครามกับฝรั่งที่อยู่หลังฉากเขมรที่ต้องการบ่อน้ำมันในอ่าวไทยเรา,ที่คนไส้ศึกพวกนี้ดิวตกลงเล่นละครกันไว้แล้วโดยไม่สนใจชีวิตประชาชนชีวิตทหารไทยตนว่าจะตายไปกี่คนหรอก มันเห็นแก่ตัวเอาแต่ได้เท่านั้น.
    ..อธิปไตยชาติส่วนรวมทั้งหมดเลยนะ,ทหารตัดตอนแผนมันเลย,แม้มันมีแผนใดๆวางไว้ เราแก้เกมส์โดนให้คณะรวมพลังแผ่นดินไทยที่รวบรวมเงินบริจาคจากประชาชนทั่วประเทศซื้อโดรนบริจาคให้ทหารเป็นคณะบริหารประเทศชุดใหม่ได้แก้ลำฝรั่งต่างชาติที่สมคบคิดฮุนเซนและโทนี่ได้,มันชัดเจนขนาดนี้แล้ว ทหารเด็ดขาดทุบหัวพวกนี้เลย,ศัตรูมีแม่ทัพมีหัวหน้า เราทุบหัวหน้ามันก่อนมันเสียขบวนไปมากแน่นอน,เขมรกากๆทุบรายต่อไปก็ได้,ยึดอำนาจเหี้ยพวกนี้ก่อนจะฝ่ายค้านหรือทั้งฝ่ายพรรคร่วมพรรคหลักรัฐบาลเหี้ยมันพวกแดกชาติทั้งหมด.

    https://youtube.com/watch?v=CLKbpn5H29c&si=JJ_hTmMzlhPkgcRO
    ..ทหารไทยต้องประกาศกฎอัยการศึกทันทีกะยังว่ะ,ไม่เช่นนั้นพวกห่านี้ล่ะจะเป็นไส้ศึกตัวจริง,ทหารจะสามารถควบคุมสื่อได้ทั้งหมด ทุกๆแพลตฟอร์มในประเทศไทย,ควบคุมรัฐบาลได้ด้วย, ..ทำไมทหารไม่ทำทันที,ต้องประชุมกันรวดเร็วเร่งด่วนทันที,นี้คือภาวะสงครามแล้ว,และเรามิได้ทำสงครามกับเขมรธรรมดาด้วยเราทำสงครามกับฝรั่งที่อยู่หลังฉากเขมรที่ต้องการบ่อน้ำมันในอ่าวไทยเรา,ที่คนไส้ศึกพวกนี้ดิวตกลงเล่นละครกันไว้แล้วโดยไม่สนใจชีวิตประชาชนชีวิตทหารไทยตนว่าจะตายไปกี่คนหรอก มันเห็นแก่ตัวเอาแต่ได้เท่านั้น. ..อธิปไตยชาติส่วนรวมทั้งหมดเลยนะ,ทหารตัดตอนแผนมันเลย,แม้มันมีแผนใดๆวางไว้ เราแก้เกมส์โดนให้คณะรวมพลังแผ่นดินไทยที่รวบรวมเงินบริจาคจากประชาชนทั่วประเทศซื้อโดรนบริจาคให้ทหารเป็นคณะบริหารประเทศชุดใหม่ได้แก้ลำฝรั่งต่างชาติที่สมคบคิดฮุนเซนและโทนี่ได้,มันชัดเจนขนาดนี้แล้ว ทหารเด็ดขาดทุบหัวพวกนี้เลย,ศัตรูมีแม่ทัพมีหัวหน้า เราทุบหัวหน้ามันก่อนมันเสียขบวนไปมากแน่นอน,เขมรกากๆทุบรายต่อไปก็ได้,ยึดอำนาจเหี้ยพวกนี้ก่อนจะฝ่ายค้านหรือทั้งฝ่ายพรรคร่วมพรรคหลักรัฐบาลเหี้ยมันพวกแดกชาติทั้งหมด. https://youtube.com/watch?v=CLKbpn5H29c&si=JJ_hTmMzlhPkgcRO
    0 Comments 0 Shares 242 Views 0 Reviews
  • ..เพราะรัฐบาลที่พูดว่า ทหารไทยคือฝ่ายตรงข้ามเรา.
    ..นักการเมืองเล่นการเมืองเล่นการปกครองเล่นในอำนาจ เล่นในความรู้สึกประชาชน มันไม่เคยสนใจประชาชนจริงจังอะไร,มันยึดผลประโยชน์ส่วนตัวมันเป็นใหญ่.

    ..นี้จึงเป็นมติที่สมควร ให้ทหารไทยเราประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไทยทันที,ยึดกุมอำนาจเพื่อปกป้องดูแลประชาชนในทุกๆมิติอย่างจริงจังจริงๆ,และมองไม่เห็นใครเลย นอกจากแม่ทัพภาค2และคณะรวมพลังแผ่นดินไทยขึ้นบริหารประเทศร่วมกันในภาวะพิเศษขนาดนี้,สามารถจัดยุทธการ ยุทธวิธีสาระพัดกลศึกทั้งภายส่วนอธิปไตยดินแดนไทยและอธิปไตยทางเศรษฐกิจลงหน้างานได้ทันทีแน่นอน,ยิ่งปล่อยให้เนินนาน พวกทรยศแผ่นดินไทยจะสร้างความสูญเสียและความเสียหายรุกรามปามไปมากกว่านี้แน่นอน,เช่น ยกพื้นที่พังงาให้อเมริกาตั้งฐานทัพ,ยกอธิปไตยการค้าขายกับใครอิสระเสรีต้องได้รับอนุญาตจากอเมริกาก่อน,สามารถยกเลิกม.112เราได้ด้วยหรือด่าว่ากล่าวอิสระนั้นเอง,และสาระพัดที่จะเสียอธิปไตยมากมายแก่พวกฝรั่งมันบ่อน้ำมันก็ด้วยในอ่าวไทย เช่น เซฟรอนของอเมริกาหรือบริษัทชื่อใดๆของอเมริกามาแน่นอนนอกจากของฝรั่งเศสที่เปิดหน้ามาก่อนแทนอเมริกาเปิดหน้าทีหลัง,
    ..ทหารไทยเราคือหนทางเดียวและนี้คือจังหวะที่ดีมากๆสามารถสแกนกวาดล้างนายพลทรยศประจำกองทัพไทยได้สบายอีกที่ค้าขายสาระพัดชั่วเลวกับเขมรในอดีต.

    https://youtube.com/shorts/GDnN5IxSgTk?si=YYoVSj6MNDF-243l
    ..เพราะรัฐบาลที่พูดว่า ทหารไทยคือฝ่ายตรงข้ามเรา. ..นักการเมืองเล่นการเมืองเล่นการปกครองเล่นในอำนาจ เล่นในความรู้สึกประชาชน มันไม่เคยสนใจประชาชนจริงจังอะไร,มันยึดผลประโยชน์ส่วนตัวมันเป็นใหญ่. ..นี้จึงเป็นมติที่สมควร ให้ทหารไทยเราประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศไทยทันที,ยึดกุมอำนาจเพื่อปกป้องดูแลประชาชนในทุกๆมิติอย่างจริงจังจริงๆ,และมองไม่เห็นใครเลย นอกจากแม่ทัพภาค2และคณะรวมพลังแผ่นดินไทยขึ้นบริหารประเทศร่วมกันในภาวะพิเศษขนาดนี้,สามารถจัดยุทธการ ยุทธวิธีสาระพัดกลศึกทั้งภายส่วนอธิปไตยดินแดนไทยและอธิปไตยทางเศรษฐกิจลงหน้างานได้ทันทีแน่นอน,ยิ่งปล่อยให้เนินนาน พวกทรยศแผ่นดินไทยจะสร้างความสูญเสียและความเสียหายรุกรามปามไปมากกว่านี้แน่นอน,เช่น ยกพื้นที่พังงาให้อเมริกาตั้งฐานทัพ,ยกอธิปไตยการค้าขายกับใครอิสระเสรีต้องได้รับอนุญาตจากอเมริกาก่อน,สามารถยกเลิกม.112เราได้ด้วยหรือด่าว่ากล่าวอิสระนั้นเอง,และสาระพัดที่จะเสียอธิปไตยมากมายแก่พวกฝรั่งมันบ่อน้ำมันก็ด้วยในอ่าวไทย เช่น เซฟรอนของอเมริกาหรือบริษัทชื่อใดๆของอเมริกามาแน่นอนนอกจากของฝรั่งเศสที่เปิดหน้ามาก่อนแทนอเมริกาเปิดหน้าทีหลัง, ..ทหารไทยเราคือหนทางเดียวและนี้คือจังหวะที่ดีมากๆสามารถสแกนกวาดล้างนายพลทรยศประจำกองทัพไทยได้สบายอีกที่ค้าขายสาระพัดชั่วเลวกับเขมรในอดีต. https://youtube.com/shorts/GDnN5IxSgTk?si=YYoVSj6MNDF-243l
    0 Comments 0 Shares 270 Views 0 Reviews
More Results