• "ดร.เอ้" สุดดีใจ บังเอิญพบ "ชวน หลีกภัย" ที่สนามบินตรัง เผยแค่ทักทายผู้ใหญ่ ไม่ได้คุยการเมือง
    https://www.thai-tai.tv/news/22032/
    .
    #ไทยไท #สุชัชวีร์ #ชวนหลีกภัย #ไทยก้าวใหม่ #ประชาธิปัตย์ #สนามบินตรัง #ประเพณีกินเจ

    "ดร.เอ้" สุดดีใจ บังเอิญพบ "ชวน หลีกภัย" ที่สนามบินตรัง เผยแค่ทักทายผู้ใหญ่ ไม่ได้คุยการเมือง https://www.thai-tai.tv/news/22032/ . #ไทยไท #สุชัชวีร์ #ชวนหลีกภัย #ไทยก้าวใหม่ #ประชาธิปัตย์ #สนามบินตรัง #ประเพณีกินเจ
    0 Comments 0 Shares 47 Views 0 Reviews
  • เรื่อง สันดาน
    “สันดาน”

    (1)

    ผมหายไปจากหน้าจอหลายวันมาก เพราะขี้เกียจดูข่าวและเขียนถึงไอ้นักล่าตอนนี้ บทมันซ้ำจนน่าเบื่อ แถมสะอิดสะเอียน เวลาดูมันพูด เล่นบทเป็นวีรบุรุษ ผู้เสียสละ จำเป็นต้องรักษาสันติสุขของมนุษยชาติ ฯลฯ ขืนดูต่อ ยาแก้คลื่นไส้ก็เอาไม่อยู่ ผมเลยไปค้นหาหนังสือเก่าๆมาอ่านประเทืองปัญญา ดีกว่าดูไอ้นักล่าตอแหล

    ปรากฏว่า อาการผมหนักกว่าคลื่นไส้!

    ผมไปเจอเอกสารเก่า เกือบ 100 ปี “The American and Russian Missions” ปี ค.ศ.1917 เป็นเอกสารของกระทรวงการต่างประเทศ อเมริกัน ที่เรียกว่า Foreign Relations of the United States (FRUS) ทนไม่ไหว ต้องเอามาเล่าสู่กันฟัง ถ้าไม่บอกว่า คนเขียนเอกสาร เขียนเมื่อไหร่ ท่านผู้อ่านอาจนึกว่าเป็นเรื่องในสมัยปัจจุบัน ผ่านมาเกือบ 100 ปี มันก็ยังใช้วิธีเดิมๆ ตามสันดาน…

    ปี ค.ศ.1917 ตามวิชาประวัติศาสตร์สากล สมัยที่ผมยังเรียนหนังสืออยู่ชั้นมัธยม เขาบอกว่า มีการปฏิวัติเกิดขึ้นในรัสเซีย คือการปฏิวัติอันโด่งดังของพวกบอลเชวิก (Bolsheviks) ที่โค่นพระเจ้าซาร์นิโคลัส ที่ 2 นั่นแหละ

    แต่ความจริง ในปี ค.ศ.1917 รัสเซีย มีการปฏิวัติ 2 ครั้ง ครั้งแรก ในเดือนมีนาคม ผู้นำการปฏิวัติ คือ นาย Aleksandr Kerensky ซึ่งยึดอำนาจจากพระเจ้าซาร์ ทำให้พระเจ้าซาร์ประกาศสละบัลลังก์ แต่ต่อมาพวกปฏิวัติก็จับท่านและราชวงค์ไปกักขัง ส่วนพวก Bolsheviks มาทำการปฏิวัติซ้ำในพฤศจิกายน ค.ศ.1917 ไล่คณะ นาย Kerensky ออกไป แล้วพวก Bolsheviks ก็ปกครองรัสเซียต่อ

    ในตอนที่ นาย Kerensky ทำการปฏิวัตินั้น สงครามโลกครั้งที่ 1 ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ ปี ค.ศ.1914 กำลังโซ้ยกันอย่างดุเดือด สงครามโลกครั้งที่ 1 นี้ ความจริงเริ่มมาจากชาวเกาะใหญ่ เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย เป็นฝ่ายกระสัน อยากจะทำสงครามนะครับ เพราะอังกฤษหมั่นไส้ ปนปอดแหกว่า เยอรมันกำลังจะโตใหญ่เกินหน้า ส่วนเรื่องอาชดยุกค์เฟอร์ดินานด์ แห่งปรัสเซียถูกยิง นั่นมันสาเหตุของสงครามโลก ตามประวัติศาสตร์หลักสูตรกระทรวงศึกษาฯ ลองไปหาประวัติศาสตร์นอกหลักสูตรมาอ่านกันบ้าง จะได้เห็นโลกกว้าง และลึกขึ้น

    ประมาณปี คศ 1899 เยอรมันส้มหล่นใส่ ไปได้สัมปทานจากออตโตมาน ให้สร้างทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ยาวประมาณ 2,500 ไมล์ ภาพรางรถไฟวิ่งยาวจาก Berlin ผ่านไปกลางตะวันออกกลาง ที่เต็มไปด้วยแหล่งน้ำมันไปจนถึง Bagdad เลยไปอีกหน่อย ก็ถึงอ่าวเปอร์เซีย ที่อังกฤษตีตั๋วจองไว้ ภาพนี้มันทำให้ชาวเกาะใหญ่ฯนอนฝันร้าย ที่นอนเปียกชุ่มทุกคืน ตั้งแต่รู้ข่าว ชาวเกาะฯทนไม่ไหว ลุกขึ้นมาวางแผนเตะตัดขาเยอรมัน ด้วยการไปชวนพรรคพวกมาร่วมรายการถล่มนักสร้างราง แต่ถ้ามีแค่พวกขาประจำอย่างฝรั่งเศส อืตาลีร่วม ชาวเกาะไม่แน่ใจว่า จะถีบนักสร้างรางให้ตกรางได้ ชาวเกาะเลยไปหลอกรัสเซีย ถึงจะอยู่ใกลหน่อย แต่ข่าวว่ากองทัพอึด ให้มาร่วมรายการถล่มนักสร้างรางด้วยกัน (รายละเอียดอยู่ในนิทาน เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือนก 2 หัว” และ นิทานชุด “เหยื่อ”)

    รัสเซีย จริงๆไม่มีเรื่องชังหน้ากับเยอรมันซักหน่อย แต่พออังกฤษเอาของขวัญมาล่อว่า ถ้าถีบมันตกรางได้ เอาไปเลย อาณาจักรออโตมาน เรายกให้ท่าน ไม่รู้รัสเซียกำลังมึนอะไร เดินหล่นพลั่กลงหลุม ที่ชาวเกาะขุดล่อ ออโตมานก็ไม่ใช่ของชาวเกาะใหญ่ฯ ซะหน่อย เขาเอาของคนอื่นมาล่อ ไปตกลงกับเขาได้ยังไง เนี่ย เหมือนเวลาคนดวงไม่ดี มีดาวประเภท เสาร์ ราหู ทับลัคน์อะไรทำนองนั้น เวลาดาวแรงอย่างนี้ทับลัคน์ อย่าไปเชื่ออะไรใครเขาง่ายๆนะครับ
    เมื่อ นาย Kerensky ทำปฏิวัติรัสเซีย สงครามเล่นไปแล้ว 3 ปี แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิก คนจัดรายการ ออกตั๋วเสริมมาขายเพิ่มอยู่เรื่อย แม้บ้านช่องจะพังพินาศฉิบหายกันเป็นแถบๆ แต่ชาวเกาะก็บอกให้สู้ต่อ ก็บทมันเขียนไว้อย่างนั้น ทีนี้ รัสเซียแนวร่วม ดันมีปฏิวัติ รัฐบาลใหม่จะเล่นสงครามต่อหรือ เปล่า ชาวเกาะชักเหงื่อแตก อเมริกาเด็กเรา (ตอนนั้น ไอ้นักล่ายังเป็นเด็ก อยู่ในอาณัติของอังกฤษ เรื่องมัน 100 ปีมาแล้วนะครับ แต่ผมก็ไม่แน่ใจ ตอนนี้ ถึงไม่ใช่เด็กแล้ว แต่ก็อาจจะยังอยู่ ในอาณัติกันเหมือนเดิม) ก็ดันประกาศอยู่นั่นว่า เราเป็นกลาง (ยัง) ไม่เข้ามาช่วยรบ จำเราต้องใช้มันไปสืบความว่า รัสเซียหลังปฏิวัตินี่ จะสู้ต่อ หรือจะฝ่อหนี

    ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ไม้หลักปักเลน จึงจัดคณะละครเร่ ไปเจริญสัมพันธไมตรี ชื่อ The Roots Mission ให้ไปดูลาดเลารัสเซีย หลังปฏิวัติครั้งแรก ว่าหน้าตาเป็นยังไง หล่อเหลา หรือเหลาเหย่ คณะละครเร่เจริญสัมพันธไมตรีที่นำโดย นาย Elihu Roots ซึ่งมีตำแหน่งเป็นอดีตทูต อดีตรัฐมนตรี อดีตอะไรเยอะแยะไปหมด ไปเปิดดูกูเกิลเอาแล้วกันนะครับ น่าเชื่อถือดี แต่คราวนี้ดูเหมือนจะไปทำหน้าที่เล่นละคร และทำหน้าที่นักสืบมากกว่า

    คณะนาย Roots มีด้วยกันกว่าสิบคน มีทั้ง นักการทูต นักธุรกิจ วิศวกร นักหนังสือพิมพ์ นักกิจกรรมสังคม (YMCA) นายทหารบก นายทหารเรือ เบิ้มๆทั้งนั้น มันเป็นคณะที่ต้องไปแสดงละครจริงๆ พวกเขาไปถึง เมือง Petrograd ของรัสเซีย เดือนพฤษภาคม 1917 ใช้เวลาเจริญสัมพันธไมตรีกับคณะปฏิวัติ Kerensky ประมาณ 4 เดือน ไปมันทั่วรัสเซียอันกว้างใหญ่ไพศาล ไปจนถึงไซบีเรียโน่น ต้องยอมรับว่า คณะนี้เขาเล่นละครเก่ง

    คงสงสัยกัน พวก YMCA ( Young Men’s Christain Association) นี่คณะละคร เอาไปทำอะไร ในสมัยนั้น (และสมัยนี้ ?!) เขาใช้ YMCA ทำหน้าที่เหมือน CIA ในคราบทูตวัฒนธรรม ใช้ศาสนา การกีฬา การบรรเทิง บังหน้า เข้าไปคลุกคลี กับชาวบ้าน ชาวเมือง และนักเรียนนักศึกษา มีทั้ง YMCA และ YWCA ของฝ่ายหญิง การจะเอาเจ้าหน้าที่ หน่วยงานราชการทหาร ไปคลุกกับชาวบ้านนี่ บางทีไม่ได้ผล ชาวบ้านไม่เปิดใจ ก็ใช้กิจกรรมนำโดยกลุ่มแบบนี้ สมัยนี้ ก็คงไม่ใช้ YMCA แล้ว เขามาในรูปแบบของกลุ่มอะไร ลองเดาดู

    (2)

    เดือนสิงหาคม คณะละครเร่ แสดงเสร็จ ก็ทำรายงานยาวเหยียด ส่งให้รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ นาย Robert Lansing พิจารณา
    ผมจะขอยกมาเฉพาะบางส่วน ที่น่าสนใจ แต่จะเอาฉบับเต็มลงให้อ่านกันด้วย เผื่อท่านใดอยากจะตั้งคณะละคร จะได้ใช้เป็นตัวอย่าง

    คณะละครได้ไปพบทั้งพวกทำปฏิวัติ ทหารฝ่ายเก่า ฝ่ายใหม่ ชาวบ้าน ชาววัด ครู นักเรียน พ่อค้า นักธุรกิจ สายลับ ฯลฯ พบมันหมด ไปคุย ไปถาม ไปเสือก ก็เหมือนที่ไอ้บ้าอะไรที่เพิ่ง มาเสือกที่บ้านเรา เมื่อต้นเดือนนี้ละครับ มันคงมาจากคณะละครเดียวกัน รูปแบบ การเจรจา ถึงได้ทำนองเดียวกัน เล่นกันแบบนี้มา 100 ปีแล้ว ยังไม่เลิก

    ข้อสรุปที่คณะละคร ได้จากการสำรวจ คือ ชาวรัสเซีย ถอดใจไม่อยากเล่นสงครามแล้ว ขนมปังก็จะไม่มีกิน บ้านก็พัง จนแทบไม่เหลือที่ให้ซุกหัว จะไปรบทำไมอีก คณะละครอ้างว่า เพราะฝ่ายเยอรมันขนสายลับเข้ามา เต็มเมืองรัสเซีย มากรอกหูชาวรัสเซีย และทหารรัสเซียว่า จะไปรบทำไม คนอยากรบน่ะ คือพระเจ้าซาร์ ตอนนี้ท่านก็ไปแล้ว พี่น้องก็ไม่ต้องไปรบแล้ว กลับบ้านไปทำไร่ทำนาต่อแล้วกัน

    ฝ่ายคณะละครได้ยินเข้าก็ลมแทบใส่ นี่ใกล้จะถึงคิวเราเข้าฉากไปรบต่อ ถ้าไม่มีรัสเซียอยู่แถวหน้าตายก่อน พวกเราก็ ฉ. ห. ละซิ เพราะฉนั้น สิ่งที่ฝ่ายเราต้องทำด่วน (ที่เปิดเผยได้) มี 2 เรื่อง

    เรื่องที่ 1 เราต้องเอาทีมอเมริกัน เข้ามาดูแลเรื่องถนนหนทาง รางรถไฟ ในรัสเซีย เพราะขณะนี้ อาวุธยุทธภัณท์ ที่ฝ่ายเราขนมาให้ ยังกองค้างอยูที่เมืองท่า Vladivostok ประมาณ 700,000 ตัน จะขนผ่านข้ามไป Moscow ยังไม่ได้ เพราะทั้งถนน ทั้งทางรถไฟ รับน้ำหนักไม่ไหว แล้วเมื่อเราจะเข้าทำสงคราม ของมันจะต้องขนมาอีกมากมาย เราจะทำยังไง ต้องแก้ไขเรื่องนี้ด่วนจี๋

    อืม คณะละครนี่ ไม่ใช่ย่อย ไม่ใช่มารำเฉิบๆ อย่างเดียว เขาไปสำรวจหมด ระยะทางรถไฟจาก Vladivostok ถึง Moscow น่ะ ประมาณ 5 ถึง 6,000 ไมล์ เชียวนะ รำไป สำรวจไปนี่ไม่ใช่งานเล็กๆ

    แล้วจำกันได้ไหมครับ เมื่อเขาจะรบกับเวียตนาม เขาใช้บ้านเราเป็นฐานทัพ แต่ก่อนจะยกโขยงกองทัพกันเข้ามา เขาส่งคณะละครเร่แบบนี้ มาสำรวจบ้านเราไม่รู้กี่คณะ สำรวจอะไรไปบ้างก็ไม่รู้ แล้วเขาก็สร้างถนน จากสระบุรี กว้างขวางยาวเรียบไปถึงโคราช ให้เราชาวบ้านดีใจ แหม อเมริกาใจดีจัง ถนนเลยมีชื่อว่า มิตรภาพ เปล่าหรอกครับ เขาเตรียมไว้ขนส่ง อาวุธ ยุทธภัณท์ ที่เขาจะขนมาทางเรือ แต่กลัวมากองเป็นภูเขา อยู่แถวท่าเรือคลองเตย แบบ Vladivostock! มันก็เลย ต้องสร้างถนน สร้างสนามบิน ให้ประเทศไทย ฯลฯ (รายละเอียดมีอยู่ในนิทานเรื่อง “จิกโก๋ปากซอย” ถ้าอยากอ่านประวัติศาสตร์ นอกหลักสูตร กระทรวงศึกษาฯ)

    เรื่องที่ 2 ที่คณะละคร บอกสำคัญอย่างยิ่ง คือ เราต้องย้อมความคิค ย้อมสมองคนรัสเซียให้ “อยากทำสงคราม” ไม่ให้เชื่อฟังเยอรมัน อเมริกาจะทำได้อย่างไร รัสเซียไม่ใช่สมันน้อยนะ คณะละครบอกไม่มีปัญหา คนรัสเซีย ก็เหมือนเด็ก ที่ตัวโตนั่นแหละ
    เอ้า เจ้าหน้าที่รัสเซียที่ตามอ่านนิทาน ช่วยขีดเส้นใต้ 2 เส้น แล้วรายงานส่งคุณพี่ปูตินของผมด้วยนะครับ ว่าอเมริกาพูดแบบนี้ แปลว่าเห็นคนรัสเซียเป็นยังไง (เสี้ยม ซะหน่อย)

    คณะละครเร่ เขียนแผนการฟอกย้อมให้เสร็จ เขาระบุว่า เป้าหมายของแผนคือ:

    “To influence the attitude of the people of Russia for the prosecution of war as the only way of perpetuating their democracy ”

    ใครแปลเก่งๆ ลองแปลดูครับ

    สำหรับผม ผมเข้าใจความว่า เพื่อเป็นการย้อมความคิดของคนรัสเซีย ให้เชื่อว่า การเข้าทำสงคราม เป็นทางเดียวที่จะทำให้ประชาธิปไตยของเขาอยู่อย่างยั่งยืน

    ผมเขียนปูพื้น เล่ามาเสียยืดยาว เพื่อจะให้อ่านประโยคนี้กัน อ่านแล้วโปรดพิเคราะห์กันให้ดีๆ จะได้เห็น “สันดาน” อันอำมหิต ของอเมริกา (และของอังกฤษ) ที่ผ่านมาแล้วเกือบ 100 ปี แล้วก็ยังไม่เปลี่ยน และอีกกี่ร้อยปี ก็คงไม่มีวันเปลี่ยนความอำมหิต นี้ โดยใช้ความตอแหล แบบหน้าด้านๆ อ้างเรื่องประชาธิปไตย แบบตะหวักตะบวย เพื่อประโยชน์ของมัน หรือพวกมันเท่านั้น ใครจะเจ็บ ใครจะตาย ใครจะฉิบหาย ใครจะวิบัติ ขนาดไหน มันไม่สนใจ เลวถึงขนาดนี้ อำมหิต อย่างนี้ ยังมีคนอยากให้อเมริกา ครอบหัวสี่เหลี่ยมต่อไปอีกหรือครับ

    แผนการฟอกย้อม จะใช้วิธีหลักๆ อยู่ 5 อย่าง

    1. จัดกระบวนการ “สร้าง และย้อมข่าว” แล้วกระจายข่าว ที่สร้างและย้อมแล้ว ไปทั่วรัสเซีย โดยจะเอาทีมงานมาจากอเมริกา ทั้งด้านการเขียน และการแปล

    คือเอาช่างชำนาญการย้อมของอเมริกา มาตั้งโรงงานที่รัสเซีย เหมือนที่มีอยู่เกลื่อนในบ้านสมันน้อย ซื้อมันทุกช่อง ครอบมันทุกฉบับ

    2. การใช้เอกสารประเภทแผ่นพับ และใบปลิว เพื่อง่ายแก่การเสพข่าว
    สมัยนี้ก็คงเปลี่ยนเป็น เครื่องมือ ไอ้ป๊อด ไอ้แป้ด ไอ้โฟน โดยเฉพาะ พวกเล่นไลน์นี่เหยื่อชั้นดี ส่งข่าวย้อมอะไรเข้าไปแพลบเดียว กระจายทั่ว เรื่องโกหกทั้งนั้น เสพกันได้แยะและเร็วกว่า

    3. สร้างหนังประเภทต่างๆ เพื่อให้ชาวรัสเซียเสพ เช่น หนังเกี่ยวกับสงคราม หนังชีวิตคนอเมริกันในชนบท ในเมือง หนังเกี่ยวกับการทำอุตสาหกรรม การค้า หนังตลก และที่สำคัญ หนังที่แสดงถึงความรักชาติและการแสวงหาประชาธิปไตย

    ฮอลลีวู้ดรับไป เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นโรงย้อมที่สำคัญหมายเลขหนึ่ง

    4. การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ โดยเฉพาะทำเป็นแผ่นโปสเตอร์สีสวยสดุดตา สื่อหัวข้อที่เหมาะสมกับรัสเซีย โดยให้สำนักงานประชาสัมพันธ์ ฝีมือเยี่ยมของอเมริกา

    รู้ไหมครับ พวกประชาสัมพันธ์เก่งๆ เขาย้อมโลกใบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว เขาเอาอะไรมาใส่หัวสมันน้อยบ้าง

    5. วิธีการที่แนบเนียนและใช้แพร่หลาย คือการพูด ซึ่งจำเป็นต้องใช้ นักพูด นักประชาสัมพันธ์ และครู เป็นจำนวนมาก โดยอเมริกาอาจจะเลือกอย่างเหมาะสม จากชาวรัสเซียก็ได้ นักพูดและครูนี้ ถือว่าเป็นเครื่องมือย้อมที่เยี่ยมที่สุด

    วิธีการนี้ บ้านสมันน้อยใช้แยะมาก ยิ่งตอนนี้ซึ่งเป็นช่วงสำคัญของบ้านเมือง ช่างย้อมถูกจ้างมาทำหน้าที่เพิ่มขึ้นอีกมาก มาในสาระพัดคราบ หัดสังเกตกันบ้าง ใครของจริง ใครของปลอม ใครช่างย้อมฝีมือเนียน

    เป็นไงครับ 5 วิธีการหลัก ยังอยู่ครบในศตวรรษนี้ แค่เปลี่ยน เสื้อผ้า หน้าผม ถ้อยคำ ท่าทาง ให้เข้ากับสมัย ละครฉากเดิมๆก็ยังใช้ได้ เครื่องมือย้อมก็ยังใช้อยู่ แค่เปลี่ยนรุ่นใหม่ไปเรื่อยๆ เท่านั้น นี่ตกลงเราจะให้เขาเล่นแบบนี้ ไปเรื่อยๆ อีก 100 ปีหรือไงครับ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    26 กพ. 2558

    ####################
    เอกสารประกอบ
    FRUS
    https://www.dropbox.com/s/
    เรื่อง สันดาน “สันดาน” (1) ผมหายไปจากหน้าจอหลายวันมาก เพราะขี้เกียจดูข่าวและเขียนถึงไอ้นักล่าตอนนี้ บทมันซ้ำจนน่าเบื่อ แถมสะอิดสะเอียน เวลาดูมันพูด เล่นบทเป็นวีรบุรุษ ผู้เสียสละ จำเป็นต้องรักษาสันติสุขของมนุษยชาติ ฯลฯ ขืนดูต่อ ยาแก้คลื่นไส้ก็เอาไม่อยู่ ผมเลยไปค้นหาหนังสือเก่าๆมาอ่านประเทืองปัญญา ดีกว่าดูไอ้นักล่าตอแหล ปรากฏว่า อาการผมหนักกว่าคลื่นไส้! ผมไปเจอเอกสารเก่า เกือบ 100 ปี “The American and Russian Missions” ปี ค.ศ.1917 เป็นเอกสารของกระทรวงการต่างประเทศ อเมริกัน ที่เรียกว่า Foreign Relations of the United States (FRUS) ทนไม่ไหว ต้องเอามาเล่าสู่กันฟัง ถ้าไม่บอกว่า คนเขียนเอกสาร เขียนเมื่อไหร่ ท่านผู้อ่านอาจนึกว่าเป็นเรื่องในสมัยปัจจุบัน ผ่านมาเกือบ 100 ปี มันก็ยังใช้วิธีเดิมๆ ตามสันดาน… ปี ค.ศ.1917 ตามวิชาประวัติศาสตร์สากล สมัยที่ผมยังเรียนหนังสืออยู่ชั้นมัธยม เขาบอกว่า มีการปฏิวัติเกิดขึ้นในรัสเซีย คือการปฏิวัติอันโด่งดังของพวกบอลเชวิก (Bolsheviks) ที่โค่นพระเจ้าซาร์นิโคลัส ที่ 2 นั่นแหละ แต่ความจริง ในปี ค.ศ.1917 รัสเซีย มีการปฏิวัติ 2 ครั้ง ครั้งแรก ในเดือนมีนาคม ผู้นำการปฏิวัติ คือ นาย Aleksandr Kerensky ซึ่งยึดอำนาจจากพระเจ้าซาร์ ทำให้พระเจ้าซาร์ประกาศสละบัลลังก์ แต่ต่อมาพวกปฏิวัติก็จับท่านและราชวงค์ไปกักขัง ส่วนพวก Bolsheviks มาทำการปฏิวัติซ้ำในพฤศจิกายน ค.ศ.1917 ไล่คณะ นาย Kerensky ออกไป แล้วพวก Bolsheviks ก็ปกครองรัสเซียต่อ ในตอนที่ นาย Kerensky ทำการปฏิวัตินั้น สงครามโลกครั้งที่ 1 ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ ปี ค.ศ.1914 กำลังโซ้ยกันอย่างดุเดือด สงครามโลกครั้งที่ 1 นี้ ความจริงเริ่มมาจากชาวเกาะใหญ่ เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย เป็นฝ่ายกระสัน อยากจะทำสงครามนะครับ เพราะอังกฤษหมั่นไส้ ปนปอดแหกว่า เยอรมันกำลังจะโตใหญ่เกินหน้า ส่วนเรื่องอาชดยุกค์เฟอร์ดินานด์ แห่งปรัสเซียถูกยิง นั่นมันสาเหตุของสงครามโลก ตามประวัติศาสตร์หลักสูตรกระทรวงศึกษาฯ ลองไปหาประวัติศาสตร์นอกหลักสูตรมาอ่านกันบ้าง จะได้เห็นโลกกว้าง และลึกขึ้น ประมาณปี คศ 1899 เยอรมันส้มหล่นใส่ ไปได้สัมปทานจากออตโตมาน ให้สร้างทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ยาวประมาณ 2,500 ไมล์ ภาพรางรถไฟวิ่งยาวจาก Berlin ผ่านไปกลางตะวันออกกลาง ที่เต็มไปด้วยแหล่งน้ำมันไปจนถึง Bagdad เลยไปอีกหน่อย ก็ถึงอ่าวเปอร์เซีย ที่อังกฤษตีตั๋วจองไว้ ภาพนี้มันทำให้ชาวเกาะใหญ่ฯนอนฝันร้าย ที่นอนเปียกชุ่มทุกคืน ตั้งแต่รู้ข่าว ชาวเกาะฯทนไม่ไหว ลุกขึ้นมาวางแผนเตะตัดขาเยอรมัน ด้วยการไปชวนพรรคพวกมาร่วมรายการถล่มนักสร้างราง แต่ถ้ามีแค่พวกขาประจำอย่างฝรั่งเศส อืตาลีร่วม ชาวเกาะไม่แน่ใจว่า จะถีบนักสร้างรางให้ตกรางได้ ชาวเกาะเลยไปหลอกรัสเซีย ถึงจะอยู่ใกลหน่อย แต่ข่าวว่ากองทัพอึด ให้มาร่วมรายการถล่มนักสร้างรางด้วยกัน (รายละเอียดอยู่ในนิทาน เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือนก 2 หัว” และ นิทานชุด “เหยื่อ”) รัสเซีย จริงๆไม่มีเรื่องชังหน้ากับเยอรมันซักหน่อย แต่พออังกฤษเอาของขวัญมาล่อว่า ถ้าถีบมันตกรางได้ เอาไปเลย อาณาจักรออโตมาน เรายกให้ท่าน ไม่รู้รัสเซียกำลังมึนอะไร เดินหล่นพลั่กลงหลุม ที่ชาวเกาะขุดล่อ ออโตมานก็ไม่ใช่ของชาวเกาะใหญ่ฯ ซะหน่อย เขาเอาของคนอื่นมาล่อ ไปตกลงกับเขาได้ยังไง เนี่ย เหมือนเวลาคนดวงไม่ดี มีดาวประเภท เสาร์ ราหู ทับลัคน์อะไรทำนองนั้น เวลาดาวแรงอย่างนี้ทับลัคน์ อย่าไปเชื่ออะไรใครเขาง่ายๆนะครับ เมื่อ นาย Kerensky ทำปฏิวัติรัสเซีย สงครามเล่นไปแล้ว 3 ปี แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิก คนจัดรายการ ออกตั๋วเสริมมาขายเพิ่มอยู่เรื่อย แม้บ้านช่องจะพังพินาศฉิบหายกันเป็นแถบๆ แต่ชาวเกาะก็บอกให้สู้ต่อ ก็บทมันเขียนไว้อย่างนั้น ทีนี้ รัสเซียแนวร่วม ดันมีปฏิวัติ รัฐบาลใหม่จะเล่นสงครามต่อหรือ เปล่า ชาวเกาะชักเหงื่อแตก อเมริกาเด็กเรา (ตอนนั้น ไอ้นักล่ายังเป็นเด็ก อยู่ในอาณัติของอังกฤษ เรื่องมัน 100 ปีมาแล้วนะครับ แต่ผมก็ไม่แน่ใจ ตอนนี้ ถึงไม่ใช่เด็กแล้ว แต่ก็อาจจะยังอยู่ ในอาณัติกันเหมือนเดิม) ก็ดันประกาศอยู่นั่นว่า เราเป็นกลาง (ยัง) ไม่เข้ามาช่วยรบ จำเราต้องใช้มันไปสืบความว่า รัสเซียหลังปฏิวัตินี่ จะสู้ต่อ หรือจะฝ่อหนี ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ไม้หลักปักเลน จึงจัดคณะละครเร่ ไปเจริญสัมพันธไมตรี ชื่อ The Roots Mission ให้ไปดูลาดเลารัสเซีย หลังปฏิวัติครั้งแรก ว่าหน้าตาเป็นยังไง หล่อเหลา หรือเหลาเหย่ คณะละครเร่เจริญสัมพันธไมตรีที่นำโดย นาย Elihu Roots ซึ่งมีตำแหน่งเป็นอดีตทูต อดีตรัฐมนตรี อดีตอะไรเยอะแยะไปหมด ไปเปิดดูกูเกิลเอาแล้วกันนะครับ น่าเชื่อถือดี แต่คราวนี้ดูเหมือนจะไปทำหน้าที่เล่นละคร และทำหน้าที่นักสืบมากกว่า คณะนาย Roots มีด้วยกันกว่าสิบคน มีทั้ง นักการทูต นักธุรกิจ วิศวกร นักหนังสือพิมพ์ นักกิจกรรมสังคม (YMCA) นายทหารบก นายทหารเรือ เบิ้มๆทั้งนั้น มันเป็นคณะที่ต้องไปแสดงละครจริงๆ พวกเขาไปถึง เมือง Petrograd ของรัสเซีย เดือนพฤษภาคม 1917 ใช้เวลาเจริญสัมพันธไมตรีกับคณะปฏิวัติ Kerensky ประมาณ 4 เดือน ไปมันทั่วรัสเซียอันกว้างใหญ่ไพศาล ไปจนถึงไซบีเรียโน่น ต้องยอมรับว่า คณะนี้เขาเล่นละครเก่ง คงสงสัยกัน พวก YMCA ( Young Men’s Christain Association) นี่คณะละคร เอาไปทำอะไร ในสมัยนั้น (และสมัยนี้ ?!) เขาใช้ YMCA ทำหน้าที่เหมือน CIA ในคราบทูตวัฒนธรรม ใช้ศาสนา การกีฬา การบรรเทิง บังหน้า เข้าไปคลุกคลี กับชาวบ้าน ชาวเมือง และนักเรียนนักศึกษา มีทั้ง YMCA และ YWCA ของฝ่ายหญิง การจะเอาเจ้าหน้าที่ หน่วยงานราชการทหาร ไปคลุกกับชาวบ้านนี่ บางทีไม่ได้ผล ชาวบ้านไม่เปิดใจ ก็ใช้กิจกรรมนำโดยกลุ่มแบบนี้ สมัยนี้ ก็คงไม่ใช้ YMCA แล้ว เขามาในรูปแบบของกลุ่มอะไร ลองเดาดู (2) เดือนสิงหาคม คณะละครเร่ แสดงเสร็จ ก็ทำรายงานยาวเหยียด ส่งให้รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ นาย Robert Lansing พิจารณา ผมจะขอยกมาเฉพาะบางส่วน ที่น่าสนใจ แต่จะเอาฉบับเต็มลงให้อ่านกันด้วย เผื่อท่านใดอยากจะตั้งคณะละคร จะได้ใช้เป็นตัวอย่าง คณะละครได้ไปพบทั้งพวกทำปฏิวัติ ทหารฝ่ายเก่า ฝ่ายใหม่ ชาวบ้าน ชาววัด ครู นักเรียน พ่อค้า นักธุรกิจ สายลับ ฯลฯ พบมันหมด ไปคุย ไปถาม ไปเสือก ก็เหมือนที่ไอ้บ้าอะไรที่เพิ่ง มาเสือกที่บ้านเรา เมื่อต้นเดือนนี้ละครับ มันคงมาจากคณะละครเดียวกัน รูปแบบ การเจรจา ถึงได้ทำนองเดียวกัน เล่นกันแบบนี้มา 100 ปีแล้ว ยังไม่เลิก ข้อสรุปที่คณะละคร ได้จากการสำรวจ คือ ชาวรัสเซีย ถอดใจไม่อยากเล่นสงครามแล้ว ขนมปังก็จะไม่มีกิน บ้านก็พัง จนแทบไม่เหลือที่ให้ซุกหัว จะไปรบทำไมอีก คณะละครอ้างว่า เพราะฝ่ายเยอรมันขนสายลับเข้ามา เต็มเมืองรัสเซีย มากรอกหูชาวรัสเซีย และทหารรัสเซียว่า จะไปรบทำไม คนอยากรบน่ะ คือพระเจ้าซาร์ ตอนนี้ท่านก็ไปแล้ว พี่น้องก็ไม่ต้องไปรบแล้ว กลับบ้านไปทำไร่ทำนาต่อแล้วกัน ฝ่ายคณะละครได้ยินเข้าก็ลมแทบใส่ นี่ใกล้จะถึงคิวเราเข้าฉากไปรบต่อ ถ้าไม่มีรัสเซียอยู่แถวหน้าตายก่อน พวกเราก็ ฉ. ห. ละซิ เพราะฉนั้น สิ่งที่ฝ่ายเราต้องทำด่วน (ที่เปิดเผยได้) มี 2 เรื่อง เรื่องที่ 1 เราต้องเอาทีมอเมริกัน เข้ามาดูแลเรื่องถนนหนทาง รางรถไฟ ในรัสเซีย เพราะขณะนี้ อาวุธยุทธภัณท์ ที่ฝ่ายเราขนมาให้ ยังกองค้างอยูที่เมืองท่า Vladivostok ประมาณ 700,000 ตัน จะขนผ่านข้ามไป Moscow ยังไม่ได้ เพราะทั้งถนน ทั้งทางรถไฟ รับน้ำหนักไม่ไหว แล้วเมื่อเราจะเข้าทำสงคราม ของมันจะต้องขนมาอีกมากมาย เราจะทำยังไง ต้องแก้ไขเรื่องนี้ด่วนจี๋ อืม คณะละครนี่ ไม่ใช่ย่อย ไม่ใช่มารำเฉิบๆ อย่างเดียว เขาไปสำรวจหมด ระยะทางรถไฟจาก Vladivostok ถึง Moscow น่ะ ประมาณ 5 ถึง 6,000 ไมล์ เชียวนะ รำไป สำรวจไปนี่ไม่ใช่งานเล็กๆ แล้วจำกันได้ไหมครับ เมื่อเขาจะรบกับเวียตนาม เขาใช้บ้านเราเป็นฐานทัพ แต่ก่อนจะยกโขยงกองทัพกันเข้ามา เขาส่งคณะละครเร่แบบนี้ มาสำรวจบ้านเราไม่รู้กี่คณะ สำรวจอะไรไปบ้างก็ไม่รู้ แล้วเขาก็สร้างถนน จากสระบุรี กว้างขวางยาวเรียบไปถึงโคราช ให้เราชาวบ้านดีใจ แหม อเมริกาใจดีจัง ถนนเลยมีชื่อว่า มิตรภาพ เปล่าหรอกครับ เขาเตรียมไว้ขนส่ง อาวุธ ยุทธภัณท์ ที่เขาจะขนมาทางเรือ แต่กลัวมากองเป็นภูเขา อยู่แถวท่าเรือคลองเตย แบบ Vladivostock! มันก็เลย ต้องสร้างถนน สร้างสนามบิน ให้ประเทศไทย ฯลฯ (รายละเอียดมีอยู่ในนิทานเรื่อง “จิกโก๋ปากซอย” ถ้าอยากอ่านประวัติศาสตร์ นอกหลักสูตร กระทรวงศึกษาฯ) เรื่องที่ 2 ที่คณะละคร บอกสำคัญอย่างยิ่ง คือ เราต้องย้อมความคิค ย้อมสมองคนรัสเซียให้ “อยากทำสงคราม” ไม่ให้เชื่อฟังเยอรมัน อเมริกาจะทำได้อย่างไร รัสเซียไม่ใช่สมันน้อยนะ คณะละครบอกไม่มีปัญหา คนรัสเซีย ก็เหมือนเด็ก ที่ตัวโตนั่นแหละ เอ้า เจ้าหน้าที่รัสเซียที่ตามอ่านนิทาน ช่วยขีดเส้นใต้ 2 เส้น แล้วรายงานส่งคุณพี่ปูตินของผมด้วยนะครับ ว่าอเมริกาพูดแบบนี้ แปลว่าเห็นคนรัสเซียเป็นยังไง (เสี้ยม ซะหน่อย) คณะละครเร่ เขียนแผนการฟอกย้อมให้เสร็จ เขาระบุว่า เป้าหมายของแผนคือ: “To influence the attitude of the people of Russia for the prosecution of war as the only way of perpetuating their democracy ” ใครแปลเก่งๆ ลองแปลดูครับ สำหรับผม ผมเข้าใจความว่า เพื่อเป็นการย้อมความคิดของคนรัสเซีย ให้เชื่อว่า การเข้าทำสงคราม เป็นทางเดียวที่จะทำให้ประชาธิปไตยของเขาอยู่อย่างยั่งยืน ผมเขียนปูพื้น เล่ามาเสียยืดยาว เพื่อจะให้อ่านประโยคนี้กัน อ่านแล้วโปรดพิเคราะห์กันให้ดีๆ จะได้เห็น “สันดาน” อันอำมหิต ของอเมริกา (และของอังกฤษ) ที่ผ่านมาแล้วเกือบ 100 ปี แล้วก็ยังไม่เปลี่ยน และอีกกี่ร้อยปี ก็คงไม่มีวันเปลี่ยนความอำมหิต นี้ โดยใช้ความตอแหล แบบหน้าด้านๆ อ้างเรื่องประชาธิปไตย แบบตะหวักตะบวย เพื่อประโยชน์ของมัน หรือพวกมันเท่านั้น ใครจะเจ็บ ใครจะตาย ใครจะฉิบหาย ใครจะวิบัติ ขนาดไหน มันไม่สนใจ เลวถึงขนาดนี้ อำมหิต อย่างนี้ ยังมีคนอยากให้อเมริกา ครอบหัวสี่เหลี่ยมต่อไปอีกหรือครับ แผนการฟอกย้อม จะใช้วิธีหลักๆ อยู่ 5 อย่าง 1. จัดกระบวนการ “สร้าง และย้อมข่าว” แล้วกระจายข่าว ที่สร้างและย้อมแล้ว ไปทั่วรัสเซีย โดยจะเอาทีมงานมาจากอเมริกา ทั้งด้านการเขียน และการแปล คือเอาช่างชำนาญการย้อมของอเมริกา มาตั้งโรงงานที่รัสเซีย เหมือนที่มีอยู่เกลื่อนในบ้านสมันน้อย ซื้อมันทุกช่อง ครอบมันทุกฉบับ 2. การใช้เอกสารประเภทแผ่นพับ และใบปลิว เพื่อง่ายแก่การเสพข่าว สมัยนี้ก็คงเปลี่ยนเป็น เครื่องมือ ไอ้ป๊อด ไอ้แป้ด ไอ้โฟน โดยเฉพาะ พวกเล่นไลน์นี่เหยื่อชั้นดี ส่งข่าวย้อมอะไรเข้าไปแพลบเดียว กระจายทั่ว เรื่องโกหกทั้งนั้น เสพกันได้แยะและเร็วกว่า 3. สร้างหนังประเภทต่างๆ เพื่อให้ชาวรัสเซียเสพ เช่น หนังเกี่ยวกับสงคราม หนังชีวิตคนอเมริกันในชนบท ในเมือง หนังเกี่ยวกับการทำอุตสาหกรรม การค้า หนังตลก และที่สำคัญ หนังที่แสดงถึงความรักชาติและการแสวงหาประชาธิปไตย ฮอลลีวู้ดรับไป เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นโรงย้อมที่สำคัญหมายเลขหนึ่ง 4. การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ โดยเฉพาะทำเป็นแผ่นโปสเตอร์สีสวยสดุดตา สื่อหัวข้อที่เหมาะสมกับรัสเซีย โดยให้สำนักงานประชาสัมพันธ์ ฝีมือเยี่ยมของอเมริกา รู้ไหมครับ พวกประชาสัมพันธ์เก่งๆ เขาย้อมโลกใบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว เขาเอาอะไรมาใส่หัวสมันน้อยบ้าง 5. วิธีการที่แนบเนียนและใช้แพร่หลาย คือการพูด ซึ่งจำเป็นต้องใช้ นักพูด นักประชาสัมพันธ์ และครู เป็นจำนวนมาก โดยอเมริกาอาจจะเลือกอย่างเหมาะสม จากชาวรัสเซียก็ได้ นักพูดและครูนี้ ถือว่าเป็นเครื่องมือย้อมที่เยี่ยมที่สุด วิธีการนี้ บ้านสมันน้อยใช้แยะมาก ยิ่งตอนนี้ซึ่งเป็นช่วงสำคัญของบ้านเมือง ช่างย้อมถูกจ้างมาทำหน้าที่เพิ่มขึ้นอีกมาก มาในสาระพัดคราบ หัดสังเกตกันบ้าง ใครของจริง ใครของปลอม ใครช่างย้อมฝีมือเนียน เป็นไงครับ 5 วิธีการหลัก ยังอยู่ครบในศตวรรษนี้ แค่เปลี่ยน เสื้อผ้า หน้าผม ถ้อยคำ ท่าทาง ให้เข้ากับสมัย ละครฉากเดิมๆก็ยังใช้ได้ เครื่องมือย้อมก็ยังใช้อยู่ แค่เปลี่ยนรุ่นใหม่ไปเรื่อยๆ เท่านั้น นี่ตกลงเราจะให้เขาเล่นแบบนี้ ไปเรื่อยๆ อีก 100 ปีหรือไงครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 26 กพ. 2558 #################### เอกสารประกอบ FRUS https://www.dropbox.com/s/
    0 Comments 0 Shares 139 Views 0 Reviews
  • Google Fi อัปเกรดครั้งใหญ่! เพิ่ม AI, รองรับหลายอุปกรณ์ และโปรแรงสุดครึ่งราคา

    Google Fi Wireless กำลังพลิกโฉมบริการเครือข่ายมือถือด้วยการอัปเกรดครั้งใหญ่ที่เน้นความเร็ว ความสะดวก และการใช้ AI เพื่อยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ โดยเฉพาะผู้ใช้ Android ที่ต้องการเครือข่ายที่ลื่นไหลและฉลาดขึ้น

    หนึ่งในฟีเจอร์เด่นคือการขยายเครือข่าย Wi-Fi Auto Connect+ ไปยังสนามบินและศูนย์การค้าทั่วสหรัฐฯ ซึ่งช่วยให้โทรศัพท์สลับไปยังเครือข่ายที่เร็วกว่าโดยอัตโนมัติเมื่อสัญญาณเริ่มช้า นอกจากนี้ยังรองรับการใช้งานหลายอุปกรณ์ เช่น แท็บเล็ตและแล็ปท็อป ที่สามารถโทร ส่งข้อความ และรับวิดีโอได้โดยไม่ต้องอยู่ใกล้โทรศัพท์

    AI ก็เข้ามามีบทบาทสำคัญ โดยช่วยลดเสียงรบกวนระหว่างการโทรแม้ปลายสายใช้โทรศัพท์บ้าน และยังสามารถสรุปบิลรายเดือน การปรับแผน และค่าใช้จ่ายผ่านแอป Google Fi ได้อีกด้วย

    Google Fi ยังจัดโปรแรงสุดสำหรับผู้ใช้ใหม่: ลด 50% นาน 15 เดือน เมื่อสมัคร Unlimited Essentials ($60/เดือน) หรือ Unlimited Standard ($80/เดือน) ก่อนวันที่ 4 พฤศจิกายน 2025

    การอัปเกรดเครือข่าย
    ขยาย Wi-Fi Auto Connect+ ไปยังสนามบินและศูนย์การค้า
    สลับเครือข่ายอัตโนมัติเมื่อสัญญาณช้า

    รองรับหลายอุปกรณ์
    โทร ส่งข้อความ รับวิดีโอจากแท็บเล็ตหรือแล็ปท็อป
    ไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้โทรศัพท์

    ฟีเจอร์ AI ใหม่
    ลดเสียงรบกวนระหว่างการโทร แม้ปลายสายใช้โทรศัพท์บ้าน
    สรุปบิลรายเดือนและข้อมูลแผนผ่านแอป Google Fi

    โปรโมชันพิเศษ
    ลด 50% นาน 15 เดือน สำหรับผู้ใช้ใหม่
    ใช้ได้กับ Unlimited Essentials ($60/เดือน) และ Unlimited Standard ($80/เดือน)
    หมดเขตวันที่ 4 พฤศจิกายน 2025

    ความเห็นจากผู้ใช้
    WhistleOut ให้คะแนน 4.0/5 สำหรับความเร็วและความคุ้มค่า
    เหมาะกับผู้ใช้ที่เดินทางบ่อยและต้องการเครือข่ายที่ยืดหยุ่น

    คำเตือนจากรีวิว Trustpilot
    คะแนนต่ำเพียง 1.1/5 จากกว่า 400 รีวิว
    ปัญหาด้านบริการลูกค้าและบิลที่สับสน
    ปัญหาการเชื่อมต่อในพื้นที่ที่เคยมีสัญญาณดี

    คำแนะนำก่อนสมัคร
    ตรวจสอบพื้นที่ที่คุณใช้งานว่ารองรับสัญญาณ Google Fi หรือไม่
    อ่านเงื่อนไขโปรโมชันอย่างละเอียดก่อนสมัคร
    เปรียบเทียบกับผู้ให้บริการอื่นเพื่อดูว่าคุ้มค่าจริงหรือไม่

    https://www.slashgear.com/2005515/google-fi-wireless-upgrade-new-ai-features/
    📶 Google Fi อัปเกรดครั้งใหญ่! เพิ่ม AI, รองรับหลายอุปกรณ์ และโปรแรงสุดครึ่งราคา Google Fi Wireless กำลังพลิกโฉมบริการเครือข่ายมือถือด้วยการอัปเกรดครั้งใหญ่ที่เน้นความเร็ว ความสะดวก และการใช้ AI เพื่อยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ โดยเฉพาะผู้ใช้ Android ที่ต้องการเครือข่ายที่ลื่นไหลและฉลาดขึ้น หนึ่งในฟีเจอร์เด่นคือการขยายเครือข่าย Wi-Fi Auto Connect+ ไปยังสนามบินและศูนย์การค้าทั่วสหรัฐฯ ซึ่งช่วยให้โทรศัพท์สลับไปยังเครือข่ายที่เร็วกว่าโดยอัตโนมัติเมื่อสัญญาณเริ่มช้า นอกจากนี้ยังรองรับการใช้งานหลายอุปกรณ์ เช่น แท็บเล็ตและแล็ปท็อป ที่สามารถโทร ส่งข้อความ และรับวิดีโอได้โดยไม่ต้องอยู่ใกล้โทรศัพท์ AI ก็เข้ามามีบทบาทสำคัญ โดยช่วยลดเสียงรบกวนระหว่างการโทรแม้ปลายสายใช้โทรศัพท์บ้าน และยังสามารถสรุปบิลรายเดือน การปรับแผน และค่าใช้จ่ายผ่านแอป Google Fi ได้อีกด้วย Google Fi ยังจัดโปรแรงสุดสำหรับผู้ใช้ใหม่: ลด 50% นาน 15 เดือน เมื่อสมัคร Unlimited Essentials ($60/เดือน) หรือ Unlimited Standard ($80/เดือน) ก่อนวันที่ 4 พฤศจิกายน 2025 ✅ การอัปเกรดเครือข่าย ➡️ ขยาย Wi-Fi Auto Connect+ ไปยังสนามบินและศูนย์การค้า ➡️ สลับเครือข่ายอัตโนมัติเมื่อสัญญาณช้า ✅ รองรับหลายอุปกรณ์ ➡️ โทร ส่งข้อความ รับวิดีโอจากแท็บเล็ตหรือแล็ปท็อป ➡️ ไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้โทรศัพท์ ✅ ฟีเจอร์ AI ใหม่ ➡️ ลดเสียงรบกวนระหว่างการโทร แม้ปลายสายใช้โทรศัพท์บ้าน ➡️ สรุปบิลรายเดือนและข้อมูลแผนผ่านแอป Google Fi ✅ โปรโมชันพิเศษ ➡️ ลด 50% นาน 15 เดือน สำหรับผู้ใช้ใหม่ ➡️ ใช้ได้กับ Unlimited Essentials ($60/เดือน) และ Unlimited Standard ($80/เดือน) ➡️ หมดเขตวันที่ 4 พฤศจิกายน 2025 ✅ ความเห็นจากผู้ใช้ ➡️ WhistleOut ให้คะแนน 4.0/5 สำหรับความเร็วและความคุ้มค่า ➡️ เหมาะกับผู้ใช้ที่เดินทางบ่อยและต้องการเครือข่ายที่ยืดหยุ่น ‼️ คำเตือนจากรีวิว Trustpilot ⛔ คะแนนต่ำเพียง 1.1/5 จากกว่า 400 รีวิว ⛔ ปัญหาด้านบริการลูกค้าและบิลที่สับสน ⛔ ปัญหาการเชื่อมต่อในพื้นที่ที่เคยมีสัญญาณดี ‼️ คำแนะนำก่อนสมัคร ⛔ ตรวจสอบพื้นที่ที่คุณใช้งานว่ารองรับสัญญาณ Google Fi หรือไม่ ⛔ อ่านเงื่อนไขโปรโมชันอย่างละเอียดก่อนสมัคร ⛔ เปรียบเทียบกับผู้ให้บริการอื่นเพื่อดูว่าคุ้มค่าจริงหรือไม่ https://www.slashgear.com/2005515/google-fi-wireless-upgrade-new-ai-features/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Google Fi Wireless Is Adding New Features - Here's What To Expect With The Upgrade - SlashGear
    Budget mobile plans continue to grow as people look to cut costs where they can, and Google Fi is incentivizing customers with some brand-new features.
    0 Comments 0 Shares 57 Views 0 Reviews
  • นับตั้งแต่เปิดตัว สนามบินเตโชต้อนรับผู้โดยสารเฉลี่ยแล้ว 150,000 คนต่อวันและเที่ยวบิน 130 เที่ยวบินต่อวัน โดยมีสายการบินต่างๆให้บริการ 29 สายการบิน(สายการบินระหว่างประเทศ 25 แห่งและภายในประเทศ 4 แห่ง) ตามคำกล่าวอ้างของ kampucheathmey สื่อมวลชนกัมพูชา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000100348

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    นับตั้งแต่เปิดตัว สนามบินเตโชต้อนรับผู้โดยสารเฉลี่ยแล้ว 150,000 คนต่อวันและเที่ยวบิน 130 เที่ยวบินต่อวัน โดยมีสายการบินต่างๆให้บริการ 29 สายการบิน(สายการบินระหว่างประเทศ 25 แห่งและภายในประเทศ 4 แห่ง) ตามคำกล่าวอ้างของ kampucheathmey สื่อมวลชนกัมพูชา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000100348 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 255 Views 0 Reviews
  • เรื่อง ของขวัญ
    “ของขวัญ”
    (1)
    ปีใหม่นี้ เดิมทีผมตั้งใจว่าจะเขียนกลอนหน้าต่างสักบาน สองบาน ให้ท่านผู้อ่านครื้นเครงกันเล่น แต่สมองไม่แล่น ดันกลอนไม่ออก เลยได้แต่ส่งรูปช้างไทยหวงถิ่น ที่ผมแสนจะหลงรัก ประทับใจในความหวงถิ่นของช้างหนุ่มเชือกนี้ไปให้ดูแก้ขัดไปก่อน แต่อันที่จริงผมกำลังซุ่มเงียบ เขียนนิทานเรื่องลึกลับซับซ้อนอยู่ แต่มันก็ซับซ้อนเสียจนผมใช้เวลาถอดรหัสนานมาก อดใจรอหน่อยนะครับ
    ระหว่างนี้ ผมเห็นเขาส่งของขวัญกันเป็นว่าเล่น หลังจากดิ้นพล่านออกอาการสาระพัดเรื่องแบบเด็กขี้อิจฉาไปแล้ว คราวนี้ยกระดับความเข้มไปอีกหนึ่งหุน ถึงกับลงทุนส่งของขวัญจะไม่เขียนถึง เดี๋ยวคนจัดส่งของขวัญ เขาจะน้อยใจ ว่าไม่เห็นหัวเลยหรือไง เลยต้องเอาเสียหน่อย
    ผมเห็นเขาเริ่มส่งของขวัญกัน ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2557 เหตุเกิดที่ร้านกาแฟที่ออสเตรเลียก็จริง แต่เป้าหมายมุ่งไปไกลกว่านั้น ข่าวบอกว่าคนถือของขวัญเป็นชาวอิหร่านที่ขอเข้ามาอยู่ที่ออสเตรเลีย ข่าวหนึ่งบอกว่า ลี้ภัยการเมือง อีกข่าวดันบอกว่าเป็นคนบ๊อง เอะยังไง จะลี้ภัยหรือเป็นบ๊อง แต่ก็เป็นชาวอิหร่านแล้วกัน ทำไมต้องเป็นชาวอิหร่าน?
    อิหร่านเป็นแนวร่วมสำคัญยิ่งของคู่ชิงแชมป์ฝั่งรัสเซีย จีน มีความหมายมาก ทั้งด้านสถานที่ตั้งประเทศ อาวุธ ชั้นเชิง และที่สำคัญ ความพร้อมด้านจิตใจ อเมริกาพยายามทั้งบี้ ขยี้ แต่อิหร่านไม่แหลกคามือเสียที อิหร่านกลับฟื้น พร้อมพกอาวุธนิวเคลียร์ เรื่องนี้ยิ่งทำให้อเมริกาหงุดหงิด ขัดใจมากขึ้น
    อเมริกากับอิหร่าน มีการเจรจากันเรื่องให้อิหร่านหยุดพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์มาหลายรอบ ในปี 2014 กำหนดการเจรจาสิ้นสุด 24 พฤศจิกายน โดยไม่มีความคืบหน้า อเมริกานินทาว่า อิหร่านเจรจาไปพัฒนาอาวุธไป ยิ่งเจรจานาน นิวเคลียร์อิหร่านคงเสร็จครบตามเป้าหมาย อิหร่านบอกงั้นเลิกเจรจาเอาไหมล่ะ ใบตองแห้งใจไม่ถึง ตกลงนัดเจอกันอีกทีเดือนธันวาคม เพื่อจะสรุปว่าจะการเจรจากันต่อไหม
    ก่อนถึงวันนัดสรุป มันก็ต้องมีการบีบบี้กันเบี้ยวเสียหน่อย ฉากที่สั่งให้เปิดแสดงง่ายๆ ก็เลยเลือกเอาแดนจิงโจ้ ที่ตอนประชุม G 20 ลบ 1 ช่วยกันแสดงบทผู้ดีรุมตีแขก ขอเปิดอีกสักฉากเป็นไรไป ไอ้พวกที่วิ่งหนีกระสุนน่ะ มันพวกเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศเราทั้งนั้น คนของเราอย่าให้มายุ่ง แต่ดันหลุดโผไปคนนึง คุณแหม่มแกวิ่งหนีไม่ทัน ใบตองแห้งคิดว่าอิหร่านจะออกมาตอบโต้ จะได้ถือโอกาสบี้กลับ แหม เดาผิดไปไกลเลยพี่โอ อิหร่านน่ะเขามีบทเรียนแยะแล้ว ไม่หลงกลง่ายๆ สู้แอบซุ่ม สร้างระเบิดต่อดีกว่า ของขวัญเลยไม่ค่อยมีคนตื่นเต้น ตีปีบซะเกือบตาย ก็ไม่เอาดาราแดนจิ้งโจ้ดังๆมาเข้าฉากนี่น้า นับรอง CNN ตีข่าวไม่เลิก
    ส่วนการเจรจา ก็เลยสรุปว่า งั้นเราเจรจาต่อไปแล้วกันนะจนถึงเดือนมีนาคม 2015 และต้องจบเรื่องภายในเดือนนิถุนาย ปี 2015
    อิหร่านหัวร่อ หึ หึ แบบนี้ก็ผลิตได้อีกหลายลูก ไอ้ที่เจ็บที่ตาย เรื่องของใบตองแห้ง เราเสี่ยนิวเคลียร์ไม่เกี่ยวด้วย
    (2)
    ของขวัญส่งชิ้นเดียวมันจะตื่นเต้นได้ยังไง ตอนนี้เหตุการณ์มันเริ่มงวดเข้ามาแล้ว อะไรๆก็ยังไม่ลงตัว สมันน้อยเดี๋ยวนี้ชักจะแข็งข้อ ไม่รู้ไปได้ยาดีมาจากไหน (สงสัยอ่านนิทานมากไป ฮา) หันไปจับมือ จูบปากกับอาเฮีย ทำท่าจะเปิดบ้านให้พวกอาเฮียรวยทองมาสร้างทางรถไฟ แบบนี้มันหยามหน้าเรา สมันน้อยก็เตรียมตัวรับมือหน่อยนะ ใบตองแห้งมันเอาคืนแน่ แต่มันจะทอดเวลา รอเราลืมเรื่องสักแป๊บ แล้วมันค่อยส่งของขวัญมาให้
    แต่ไอ้ที่เคยเดินกร่าง เข้ามาในบ้านสมันน้อยง่ายๆ แบบสมัยก่อนน่ะ ไม่แน่ว่าสมันน้อยยุคคุณพี่ตู่แกจะยอมง่ายๆ คนรอขวาง รอเสียบมีอยู่นะ คุณพี่ตู่ก็อย่าหยิบบทผิดมาเล่นแล้วกันนะครับ แล้วจะทำยังไง บอกแล้วว่าใช้เป็นฐานทัพก็เรื่องหนึ่ง แต่การส่งบำรุงกำลังพลมันก็อีกเรื่องนึง ทอดตาดูแถบนี้แล้ว จะไปเอาใครที่ไหนมาส่งบำรุงกำลังให้ ไล่มาเลย ตั้งแต่ พม่า ลาว เขมร เวียตนาม ฟิลิปปินส์ เกาหลี ญี่ปุ่น
    5 ประเทศแรก ไม่มีความพร้อมส่งทั้งด้านอาหารและพลังงาน เกาหลีพร้อม แต่ขืนไปเทียบท่าแถบนั้น ก็เท่ากับเดินเข้าปากอาเฮีย ถูกเคี้ยวอร่อยไปเท่านั้น ส่วนญี่ปุ่นอย่าไปพูดถึงเลย ของจริงน่าสงสารจนพูดไม่ออก เอาว่า ตัวเองก็จะไม่รอด แล้วจะไปส่งกำลังให้ใครได้
    แล้วเหลือใครในแถบนี้ ก็คงมีแค่ มาเลเซีย สิงคโปร์ และสมันน้อย
    สิงคโปร์ไม่ต้องเสียเวลาพูดถึง คงได้แค่ส่งกำลังบำรุง แบบเซ่นเจ้าไหว้ศาล ทั้งประเทศ ขนาดเล็กกว่ากรุงเทพมหา พระมหานครอมรรัตนโกสินทร์ของเราอีก หัดภูมิใจบ้านเรากันบ้างนะครับ สิงคโปร์มันมีถนนหรู หลอกให้เดินซื้อของ 2,3 ถนนเอง กับถมทะเลทำเป็นที่นั่งเล่นนั่งกิน อาหารก็ไม่ได้เศษความอร่อยของบ้านเรา ป้าอ้วนแม่ครัวบ้านผมทำอร่อยกว่า 500 เท่า เราไม่ต้องเห่อเอาเงินไปให้มันหรอก ไอ้สิงคโปร์น่ะ
    เหลือมาเลเซียที่น่าสนใจ เราถึงได้เห็นนายโอบามาไปเดินโชว์ขาตะเกียบตีกอล์ฟกับนายราจิบ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2014 ขณะที่มาเลเซียกำลังน้ำท่วมถึงคอหอย ชาวมาเลย์ด่า เรียกให้นายกกลับมาดูแลได้แล้ว(โว้ย) ผลการตีกอล์ฟไปคุยไปเป็นอย่างไรไม่ทราบ วันที่ 29 ธันวาคม เครื่องบินของสายการบินแอร์เอเซีย ติดธงชาติมาเลย์ก็หายวับไปจากจอเรดาร์ เป็นเรื่องเศร้าส่งท้ายปีเก่า
    มาเลเซีย ถึงจะเป็นลูกกระเป๋งเก่า ของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ แต่การเมืองภายในและเรื่องเชิ้อชาติศาสนา ซับซ้อน หลายพวกหลายกลุ่ม แถมเป็นถิ่นสำหรับกบดาน และทางผ่านของเหล่าเสือซ่อนรูป สารพัดสัญชาติ ไอ้นักล่าใบตองแห้งส่งพวก Contactor มาคุมเชิงอยู่หลายพันคน มาอย่างน้อย 5 ปีแล้ว นักล่าใบตองแห้งเก็งไว้ว่า ถ้าจวนตัวจริงๆ สมันน้อยกลายเป็นช้างไทยหวงถิ่นขึ้นมา นักล่าก็คงต้องจำใจใช้มาเลเซีย เป็นฐานวิ่งรอกกับฐานลับที่หมู่เกาะ Diego Garcia แต่มันคงไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก ก็มันชุมทางเสือแบบนั้น ไว้ใจได้หรือ ใครเป็นใคร ใครกลายพันธ์ไปแล้วบ้าง ราคาต่อรองมันสูงขึ้นเรื่อยๆ ฉะน้ั้น สมันน้อยก็ต้องรอบคอบ ระวังตัวให้มากๆ ดูเหตุการณ์มาเลเซีย และฝรั่งเศสที่เพิ่งเกิดขึ้นหมาดๆ เป็นอุทาหรณ์ไว้
    (3)
    เรื่องที่ฝรั่งเศส คงมีใครอยากให้บานปลาย กลายเป็นเรื่องระหว่างยิวกับกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง จะเป็นไอซิสพันธ์แท้ กลายพันธ์ หรือ พันธ์ปลอมก็แล้วแต่ แต่เรื่องคงจบไม่ง่ายๆ
อุตส่าห์ขนชุดปราบจราจลมาจนเกลี้ยงเมือง เงื้อง่ากันมาถึงขนาดนี้แล้ว
    ต้องไม่ลืมว่า เมือต้นเดือนธันวาคม 2014 นายฟรังซัวส์ โอลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส แวะไปจอดเครื่องบินแอบคุยกับคุณพี่ปูติน ที่มาคอยอยู่สนามบินกรุงมอสโคว์ แบบไม่มีหมายกำหนดการณ์ นี่มันผู้นำประเทศมหาอำนาจนะครับ ไม่ใช่คุณๆผมๆ ที่ขับรถผ่านบ้านแล้วคิดถึง ขอเข้ามากินกาแฟคุยกันสักหน่อย ท่านผู้นำเขาทำแบบนี้ แปลว่ามันต้องเรื่องใหญ่ เรื่องอะไรผมไม่รู้ แต่คนที่น่าจะรู้เรื่องและนั่งไม่ติดมีหลายคน ตั้งแต่นายโอบามานักล่าขาตะเกียบ และไอ้จีบปาก นายเดวิด แคมารอน นายกรัฐมนตรีของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อย ส่วนคุณป้าแมร์เคิลแห่งเยอรมัน ก็น่าจะอยู่ในข่ายที่หายใจไม่ทั่วท้องเหมือนกัน
    เพราะฉะนั้น ก่อนอเมริกาจะปรับยุทธศาสตร์ใหม่ จะเป็นยุทธศาสตร์รุกคืบ หรือรุกฆาตก็ตาม อเมริกาคงต้องมีส่งของขวัญ ไปถามใจเธอหน่อยกับบรรดาพันธมิตรรุ่นใหญ่ว่า ยังอยู่ดีกับพี่เบิ้มหรือเปล่าจ้ะ
    รุ่นใหญ่ที่ได้รับของขวัญเป็นรายแรก ต้อนรับปีใหม่ ก็คือฝรั่งเศส ที่แอบแวบไปจู๋จี๋กับคุณพี่ปูตินนั่นแหละ และถ้าถามกันแล้ว คำตอบไม่น่าพอใจ เราคงได้เห็นเหตุการณ์ที่ฝรั่งเศสบานปลาย พอให้ยิวถือโอกาสขยับสัก 2,3 ก้าว เอาหัวรบไปจ่อ ฝ่ายตรงข้ามในตะวันออกกลาง กันไม่ให้อิหร่านขยับตัวคล่องไป และได้ดูใจตุรกีว่า ตกลงใจจะลงมาเดินบนพื้น หรืออยากไต่ลวดเล่นเสียวต่อ แต่ถ้ายิวเลยเถิด จะจ่อหัวรบเงยขึ้นไปทางเหนือแบบนั้น คงได้เห็นดอกเห็ดบานจริง
    หลายชาติไม่อยากทำสงคราม นอกจากกระเป๋ากำลังแห้งแล้ว แถมหนาวจะตายอีกด้วย ใครจะไปอยากรบ แต่เยอรมัน โดยคุณป้าแมร์เคิล เลือดยิวเก่า หัวเรือใหญ่ในยุโรปและนาโต้บอกว่า เราคงไม่คว่ำบาตรรัสเซียไม่ได้ พร้อมจับมือกับนาโต้เดินหน้าตามคำสั่งของนักล่าขาตะเกียบ
    แต่มีคำพูดรู้กันทั่วว่า ในเยอรมัน ไม่ใช่รัฐบาลเท่านั้นที่ใหญ่ Siemens บริษัทอุตสาหกรรมใหญ่ ที่ผลิตตั้งแต่เครื่องบิน เรือ รถไฟฟ้า จนถึงเครื่องซักผ้า และที่เป่าผม ก็คิดว่า ตัวเองใหญ่ไม่น้อยกว่ารัฐบาล เคยมีผู้บริหารใหญ่ของ Siemens พูดว่า Siemens ก็คือเยอรมันนั่นแหละ รัฐบาลมาแล้วก็ไป แต่เราซิ อยู่คู่กับประเทศเยอรมันมาตลอด
    ไม่นานหลังจากที่ คุณพี่ปูตินผนวกไครเมียกลับมาอยู่ในอ้อมอก เมื่อต้นปีที่แล้ว นาย Joe Kaeser ซีอีโอของ Siemens เดินทางไปเยี่ยมนายปูตินที่บ้านพักนอกเมืองมอสโคว์ แล้วบอกกับนายปูตินว่า บริษัทเราทำธุรกิจกับรัสเซียมากว่า 160 ปีแล้ว เราจะไม่ปล่อยให้เรื่องไครเมีย ที่เป็นเรื่องวุ่นวายช่วงสั้นนี้ มากระทบความสัมพันธ์ของ Siemens กับรัสเซียอันยาวนานหรอก
    แบบนี้นักล่าใบตองแห้ง ก็คงยังต้องตามประกบคุณนายแมร์เคิลต่อไปอีก แต่อีกไม่นานคงได้รู้กันว่า คนเยอรมันจะได้รับของขวัญหรือไม่
    ส่วนชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ชี้นกเป็นไม้คู่กับนักล่าใบตองแห้งมาตลอด คราวนี้โผบอก เราน่าจะสร้างเรื่องให้ยิวได้ทดลองขยับหมาก ดังนั้น หลังจากความอลหม่านเกิดขึ้นในฝรั่งเศสแล้ว คงไม่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจ ถ้าอังกฤษจะสั่งการรับมือเตรียมภัยขั้นสูงให้สอดคล้องกัน และอาจจะมีเหตุการณ์ทำนองเดียวกับฝรั่งเศสลามไปที่อังกฤษด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง แปลว่า นักล่ากับชาวเกาะ ช่วยกันห่อของขวัญ เช็คเรทติ่ง เตรียมปรับยุทธศาสตร์ ขยับหมากรุกแน่นอน
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
11 มค. 2558
    เรื่อง ของขวัญ “ของขวัญ” (1) ปีใหม่นี้ เดิมทีผมตั้งใจว่าจะเขียนกลอนหน้าต่างสักบาน สองบาน ให้ท่านผู้อ่านครื้นเครงกันเล่น แต่สมองไม่แล่น ดันกลอนไม่ออก เลยได้แต่ส่งรูปช้างไทยหวงถิ่น ที่ผมแสนจะหลงรัก ประทับใจในความหวงถิ่นของช้างหนุ่มเชือกนี้ไปให้ดูแก้ขัดไปก่อน แต่อันที่จริงผมกำลังซุ่มเงียบ เขียนนิทานเรื่องลึกลับซับซ้อนอยู่ แต่มันก็ซับซ้อนเสียจนผมใช้เวลาถอดรหัสนานมาก อดใจรอหน่อยนะครับ ระหว่างนี้ ผมเห็นเขาส่งของขวัญกันเป็นว่าเล่น หลังจากดิ้นพล่านออกอาการสาระพัดเรื่องแบบเด็กขี้อิจฉาไปแล้ว คราวนี้ยกระดับความเข้มไปอีกหนึ่งหุน ถึงกับลงทุนส่งของขวัญจะไม่เขียนถึง เดี๋ยวคนจัดส่งของขวัญ เขาจะน้อยใจ ว่าไม่เห็นหัวเลยหรือไง เลยต้องเอาเสียหน่อย ผมเห็นเขาเริ่มส่งของขวัญกัน ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2557 เหตุเกิดที่ร้านกาแฟที่ออสเตรเลียก็จริง แต่เป้าหมายมุ่งไปไกลกว่านั้น ข่าวบอกว่าคนถือของขวัญเป็นชาวอิหร่านที่ขอเข้ามาอยู่ที่ออสเตรเลีย ข่าวหนึ่งบอกว่า ลี้ภัยการเมือง อีกข่าวดันบอกว่าเป็นคนบ๊อง เอะยังไง จะลี้ภัยหรือเป็นบ๊อง แต่ก็เป็นชาวอิหร่านแล้วกัน ทำไมต้องเป็นชาวอิหร่าน? อิหร่านเป็นแนวร่วมสำคัญยิ่งของคู่ชิงแชมป์ฝั่งรัสเซีย จีน มีความหมายมาก ทั้งด้านสถานที่ตั้งประเทศ อาวุธ ชั้นเชิง และที่สำคัญ ความพร้อมด้านจิตใจ อเมริกาพยายามทั้งบี้ ขยี้ แต่อิหร่านไม่แหลกคามือเสียที อิหร่านกลับฟื้น พร้อมพกอาวุธนิวเคลียร์ เรื่องนี้ยิ่งทำให้อเมริกาหงุดหงิด ขัดใจมากขึ้น อเมริกากับอิหร่าน มีการเจรจากันเรื่องให้อิหร่านหยุดพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์มาหลายรอบ ในปี 2014 กำหนดการเจรจาสิ้นสุด 24 พฤศจิกายน โดยไม่มีความคืบหน้า อเมริกานินทาว่า อิหร่านเจรจาไปพัฒนาอาวุธไป ยิ่งเจรจานาน นิวเคลียร์อิหร่านคงเสร็จครบตามเป้าหมาย อิหร่านบอกงั้นเลิกเจรจาเอาไหมล่ะ ใบตองแห้งใจไม่ถึง ตกลงนัดเจอกันอีกทีเดือนธันวาคม เพื่อจะสรุปว่าจะการเจรจากันต่อไหม ก่อนถึงวันนัดสรุป มันก็ต้องมีการบีบบี้กันเบี้ยวเสียหน่อย ฉากที่สั่งให้เปิดแสดงง่ายๆ ก็เลยเลือกเอาแดนจิงโจ้ ที่ตอนประชุม G 20 ลบ 1 ช่วยกันแสดงบทผู้ดีรุมตีแขก ขอเปิดอีกสักฉากเป็นไรไป ไอ้พวกที่วิ่งหนีกระสุนน่ะ มันพวกเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศเราทั้งนั้น คนของเราอย่าให้มายุ่ง แต่ดันหลุดโผไปคนนึง คุณแหม่มแกวิ่งหนีไม่ทัน ใบตองแห้งคิดว่าอิหร่านจะออกมาตอบโต้ จะได้ถือโอกาสบี้กลับ แหม เดาผิดไปไกลเลยพี่โอ อิหร่านน่ะเขามีบทเรียนแยะแล้ว ไม่หลงกลง่ายๆ สู้แอบซุ่ม สร้างระเบิดต่อดีกว่า ของขวัญเลยไม่ค่อยมีคนตื่นเต้น ตีปีบซะเกือบตาย ก็ไม่เอาดาราแดนจิ้งโจ้ดังๆมาเข้าฉากนี่น้า นับรอง CNN ตีข่าวไม่เลิก ส่วนการเจรจา ก็เลยสรุปว่า งั้นเราเจรจาต่อไปแล้วกันนะจนถึงเดือนมีนาคม 2015 และต้องจบเรื่องภายในเดือนนิถุนาย ปี 2015 อิหร่านหัวร่อ หึ หึ แบบนี้ก็ผลิตได้อีกหลายลูก ไอ้ที่เจ็บที่ตาย เรื่องของใบตองแห้ง เราเสี่ยนิวเคลียร์ไม่เกี่ยวด้วย (2) ของขวัญส่งชิ้นเดียวมันจะตื่นเต้นได้ยังไง ตอนนี้เหตุการณ์มันเริ่มงวดเข้ามาแล้ว อะไรๆก็ยังไม่ลงตัว สมันน้อยเดี๋ยวนี้ชักจะแข็งข้อ ไม่รู้ไปได้ยาดีมาจากไหน (สงสัยอ่านนิทานมากไป ฮา) หันไปจับมือ จูบปากกับอาเฮีย ทำท่าจะเปิดบ้านให้พวกอาเฮียรวยทองมาสร้างทางรถไฟ แบบนี้มันหยามหน้าเรา สมันน้อยก็เตรียมตัวรับมือหน่อยนะ ใบตองแห้งมันเอาคืนแน่ แต่มันจะทอดเวลา รอเราลืมเรื่องสักแป๊บ แล้วมันค่อยส่งของขวัญมาให้ แต่ไอ้ที่เคยเดินกร่าง เข้ามาในบ้านสมันน้อยง่ายๆ แบบสมัยก่อนน่ะ ไม่แน่ว่าสมันน้อยยุคคุณพี่ตู่แกจะยอมง่ายๆ คนรอขวาง รอเสียบมีอยู่นะ คุณพี่ตู่ก็อย่าหยิบบทผิดมาเล่นแล้วกันนะครับ แล้วจะทำยังไง บอกแล้วว่าใช้เป็นฐานทัพก็เรื่องหนึ่ง แต่การส่งบำรุงกำลังพลมันก็อีกเรื่องนึง ทอดตาดูแถบนี้แล้ว จะไปเอาใครที่ไหนมาส่งบำรุงกำลังให้ ไล่มาเลย ตั้งแต่ พม่า ลาว เขมร เวียตนาม ฟิลิปปินส์ เกาหลี ญี่ปุ่น 5 ประเทศแรก ไม่มีความพร้อมส่งทั้งด้านอาหารและพลังงาน เกาหลีพร้อม แต่ขืนไปเทียบท่าแถบนั้น ก็เท่ากับเดินเข้าปากอาเฮีย ถูกเคี้ยวอร่อยไปเท่านั้น ส่วนญี่ปุ่นอย่าไปพูดถึงเลย ของจริงน่าสงสารจนพูดไม่ออก เอาว่า ตัวเองก็จะไม่รอด แล้วจะไปส่งกำลังให้ใครได้ แล้วเหลือใครในแถบนี้ ก็คงมีแค่ มาเลเซีย สิงคโปร์ และสมันน้อย สิงคโปร์ไม่ต้องเสียเวลาพูดถึง คงได้แค่ส่งกำลังบำรุง แบบเซ่นเจ้าไหว้ศาล ทั้งประเทศ ขนาดเล็กกว่ากรุงเทพมหา พระมหานครอมรรัตนโกสินทร์ของเราอีก หัดภูมิใจบ้านเรากันบ้างนะครับ สิงคโปร์มันมีถนนหรู หลอกให้เดินซื้อของ 2,3 ถนนเอง กับถมทะเลทำเป็นที่นั่งเล่นนั่งกิน อาหารก็ไม่ได้เศษความอร่อยของบ้านเรา ป้าอ้วนแม่ครัวบ้านผมทำอร่อยกว่า 500 เท่า เราไม่ต้องเห่อเอาเงินไปให้มันหรอก ไอ้สิงคโปร์น่ะ เหลือมาเลเซียที่น่าสนใจ เราถึงได้เห็นนายโอบามาไปเดินโชว์ขาตะเกียบตีกอล์ฟกับนายราจิบ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2014 ขณะที่มาเลเซียกำลังน้ำท่วมถึงคอหอย ชาวมาเลย์ด่า เรียกให้นายกกลับมาดูแลได้แล้ว(โว้ย) ผลการตีกอล์ฟไปคุยไปเป็นอย่างไรไม่ทราบ วันที่ 29 ธันวาคม เครื่องบินของสายการบินแอร์เอเซีย ติดธงชาติมาเลย์ก็หายวับไปจากจอเรดาร์ เป็นเรื่องเศร้าส่งท้ายปีเก่า มาเลเซีย ถึงจะเป็นลูกกระเป๋งเก่า ของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ แต่การเมืองภายในและเรื่องเชิ้อชาติศาสนา ซับซ้อน หลายพวกหลายกลุ่ม แถมเป็นถิ่นสำหรับกบดาน และทางผ่านของเหล่าเสือซ่อนรูป สารพัดสัญชาติ ไอ้นักล่าใบตองแห้งส่งพวก Contactor มาคุมเชิงอยู่หลายพันคน มาอย่างน้อย 5 ปีแล้ว นักล่าใบตองแห้งเก็งไว้ว่า ถ้าจวนตัวจริงๆ สมันน้อยกลายเป็นช้างไทยหวงถิ่นขึ้นมา นักล่าก็คงต้องจำใจใช้มาเลเซีย เป็นฐานวิ่งรอกกับฐานลับที่หมู่เกาะ Diego Garcia แต่มันคงไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก ก็มันชุมทางเสือแบบนั้น ไว้ใจได้หรือ ใครเป็นใคร ใครกลายพันธ์ไปแล้วบ้าง ราคาต่อรองมันสูงขึ้นเรื่อยๆ ฉะน้ั้น สมันน้อยก็ต้องรอบคอบ ระวังตัวให้มากๆ ดูเหตุการณ์มาเลเซีย และฝรั่งเศสที่เพิ่งเกิดขึ้นหมาดๆ เป็นอุทาหรณ์ไว้ (3) เรื่องที่ฝรั่งเศส คงมีใครอยากให้บานปลาย กลายเป็นเรื่องระหว่างยิวกับกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง จะเป็นไอซิสพันธ์แท้ กลายพันธ์ หรือ พันธ์ปลอมก็แล้วแต่ แต่เรื่องคงจบไม่ง่ายๆ
อุตส่าห์ขนชุดปราบจราจลมาจนเกลี้ยงเมือง เงื้อง่ากันมาถึงขนาดนี้แล้ว ต้องไม่ลืมว่า เมือต้นเดือนธันวาคม 2014 นายฟรังซัวส์ โอลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส แวะไปจอดเครื่องบินแอบคุยกับคุณพี่ปูติน ที่มาคอยอยู่สนามบินกรุงมอสโคว์ แบบไม่มีหมายกำหนดการณ์ นี่มันผู้นำประเทศมหาอำนาจนะครับ ไม่ใช่คุณๆผมๆ ที่ขับรถผ่านบ้านแล้วคิดถึง ขอเข้ามากินกาแฟคุยกันสักหน่อย ท่านผู้นำเขาทำแบบนี้ แปลว่ามันต้องเรื่องใหญ่ เรื่องอะไรผมไม่รู้ แต่คนที่น่าจะรู้เรื่องและนั่งไม่ติดมีหลายคน ตั้งแต่นายโอบามานักล่าขาตะเกียบ และไอ้จีบปาก นายเดวิด แคมารอน นายกรัฐมนตรีของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อย ส่วนคุณป้าแมร์เคิลแห่งเยอรมัน ก็น่าจะอยู่ในข่ายที่หายใจไม่ทั่วท้องเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ก่อนอเมริกาจะปรับยุทธศาสตร์ใหม่ จะเป็นยุทธศาสตร์รุกคืบ หรือรุกฆาตก็ตาม อเมริกาคงต้องมีส่งของขวัญ ไปถามใจเธอหน่อยกับบรรดาพันธมิตรรุ่นใหญ่ว่า ยังอยู่ดีกับพี่เบิ้มหรือเปล่าจ้ะ รุ่นใหญ่ที่ได้รับของขวัญเป็นรายแรก ต้อนรับปีใหม่ ก็คือฝรั่งเศส ที่แอบแวบไปจู๋จี๋กับคุณพี่ปูตินนั่นแหละ และถ้าถามกันแล้ว คำตอบไม่น่าพอใจ เราคงได้เห็นเหตุการณ์ที่ฝรั่งเศสบานปลาย พอให้ยิวถือโอกาสขยับสัก 2,3 ก้าว เอาหัวรบไปจ่อ ฝ่ายตรงข้ามในตะวันออกกลาง กันไม่ให้อิหร่านขยับตัวคล่องไป และได้ดูใจตุรกีว่า ตกลงใจจะลงมาเดินบนพื้น หรืออยากไต่ลวดเล่นเสียวต่อ แต่ถ้ายิวเลยเถิด จะจ่อหัวรบเงยขึ้นไปทางเหนือแบบนั้น คงได้เห็นดอกเห็ดบานจริง หลายชาติไม่อยากทำสงคราม นอกจากกระเป๋ากำลังแห้งแล้ว แถมหนาวจะตายอีกด้วย ใครจะไปอยากรบ แต่เยอรมัน โดยคุณป้าแมร์เคิล เลือดยิวเก่า หัวเรือใหญ่ในยุโรปและนาโต้บอกว่า เราคงไม่คว่ำบาตรรัสเซียไม่ได้ พร้อมจับมือกับนาโต้เดินหน้าตามคำสั่งของนักล่าขาตะเกียบ แต่มีคำพูดรู้กันทั่วว่า ในเยอรมัน ไม่ใช่รัฐบาลเท่านั้นที่ใหญ่ Siemens บริษัทอุตสาหกรรมใหญ่ ที่ผลิตตั้งแต่เครื่องบิน เรือ รถไฟฟ้า จนถึงเครื่องซักผ้า และที่เป่าผม ก็คิดว่า ตัวเองใหญ่ไม่น้อยกว่ารัฐบาล เคยมีผู้บริหารใหญ่ของ Siemens พูดว่า Siemens ก็คือเยอรมันนั่นแหละ รัฐบาลมาแล้วก็ไป แต่เราซิ อยู่คู่กับประเทศเยอรมันมาตลอด ไม่นานหลังจากที่ คุณพี่ปูตินผนวกไครเมียกลับมาอยู่ในอ้อมอก เมื่อต้นปีที่แล้ว นาย Joe Kaeser ซีอีโอของ Siemens เดินทางไปเยี่ยมนายปูตินที่บ้านพักนอกเมืองมอสโคว์ แล้วบอกกับนายปูตินว่า บริษัทเราทำธุรกิจกับรัสเซียมากว่า 160 ปีแล้ว เราจะไม่ปล่อยให้เรื่องไครเมีย ที่เป็นเรื่องวุ่นวายช่วงสั้นนี้ มากระทบความสัมพันธ์ของ Siemens กับรัสเซียอันยาวนานหรอก แบบนี้นักล่าใบตองแห้ง ก็คงยังต้องตามประกบคุณนายแมร์เคิลต่อไปอีก แต่อีกไม่นานคงได้รู้กันว่า คนเยอรมันจะได้รับของขวัญหรือไม่ ส่วนชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ชี้นกเป็นไม้คู่กับนักล่าใบตองแห้งมาตลอด คราวนี้โผบอก เราน่าจะสร้างเรื่องให้ยิวได้ทดลองขยับหมาก ดังนั้น หลังจากความอลหม่านเกิดขึ้นในฝรั่งเศสแล้ว คงไม่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจ ถ้าอังกฤษจะสั่งการรับมือเตรียมภัยขั้นสูงให้สอดคล้องกัน และอาจจะมีเหตุการณ์ทำนองเดียวกับฝรั่งเศสลามไปที่อังกฤษด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง แปลว่า นักล่ากับชาวเกาะ ช่วยกันห่อของขวัญ เช็คเรทติ่ง เตรียมปรับยุทธศาสตร์ ขยับหมากรุกแน่นอน สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
11 มค. 2558
    0 Comments 0 Shares 306 Views 0 Reviews


  • แก๊งคอลเซ็นเตอร์สแกมเมอร์คือจุดเริ่มต้นทุกๆอาชญากรรมทั้งหมด นอกจากบ่อนคาสิโนออฟไลน์และบ่อนการพนันออนไลน์,การค้ายาเสพติด การค้าอาวุธ การค้าวัตถุโบราณ การค้าแรงงานเถื่อนจากการหลอกลวง การค้ากาม การค้ามนุษย์ หนักสุดค้าอวัยวะมนุษย์ สาระพัดเถื่อนๆชั่วๆเลวๆที่โลกทั้งใบต้องจับตามองร่วมกันเป็นเคสกรณีศึกษาของโลกคือชาติอาชญากรรมโลกแบบเขมรของจอมเผด็จการฮุนเซนเจ้าพ่อรัฐมหาโจรฮับอาชญากรและสาระพัดอาชญากรรมโลกที่ตั้งที่ดีมีรัฐบาลแห่งชาติโจรเขมรค้ำหัวค้ำประกันการประกอบกิจการดำเนินการ,ทั้งแบบเถื่อนและแบบใช้ไม่เถื่อนบังหน้าขนส่งของเถื่อนไปร่วมด้วยกับของไม่เถื่อน,เจ้าพ่อสากลชั่วระดับโลกในยุคเวลานี้ก็ว่า.

    ..ไทยจะจัดการเขมรได้ ต้องยึดอำนาจปฏิวัติรัฐประหารรัฐบาลอนุทิน4เดือนทันที ปล่อยไว้มีแต่ชาติบ้านเมืองเสียหายเพราะคนในรัฐบาลปัจจุบันไม่บริสุทธิ์ มีคนในรัฐบาลอนุทินไปเกี่ยวข้องกับเขมรรัฐโจรรัฐอาชญากรรมสงครามใส่ไทยชัดเจนด้วยและแหล่งฮับอาชญากรรมสากลระดับโลกด้วยอีก.

    ..ทหารประชาชน นำโดยบิ๊กปูพนา ผบ.ทบ.ต้องจัดการ ตลอด ผบ.สส.สูงสุดต้องเด็ดขาดยึดอำนาจที่ประชาชนมอบไปให้รัฐบาลเลือกตั้งผิดแผลกผีบ้านี้ใช้ไปทางที่ผิด ที่ไม่สมควร ไม่ใช้แผนที่ดินแดน1:50,000ด้วยในmou43,44ร่วมกันกอดmou ด้วยซึ่งนายกฯและคณะครม.ลงมติยกเลิกmou43,44ได้ทันทีแต่ไม่ทำ ผลักภาระให้ประชาชน ไม่เหมือนตนพากันสุมหัวทำกันเองตอนแรก ไม่มาบอกห่าประชาชนให้ลงมติรับรู้ร่วมห่าเหวอะไร พอมีปัญหาเสือกโยนบอกว่าให้ประชาชนยกเลิกเองนะ กูไปตกลงเองได้ แต่ตอนยกเลิกกูให้มรึงประชาชนคนไทยทั้งประเทศร่วมกันยกเลิกนะ ถ้าลำบากยากเค็ญใจพวกมรึงๆประชาชนก็จงพากันยอมรับmouนี้เสีย ไม่ต้องยุ่งยากไง ใช้ต่อก็จบตามกูไปลงนามขายชาติให้สำเร็จที่1:200,000เลย กินดินแดนยึดแผ่นดินไทยจากปกติทหารใช้1:50,000 เขมรฉลาดจึงชวนกูมาขายชาติให้มันแลกผลประโยชน์ได้ดีกับมันด้วย ได้แผ่นดินไทยถึง1:200,000จากได้แค่1:50,000เอง,กินแผ่นดินไทยมรึงถึง1:150,000โคตรคุ้มค่ามากเลยกูเขมร.
    ..ทหารไทยของประชาชน หากยังไม่เห็นชัดสิ่งนี้ จะจบเลย สิ้นเดือนนี้ เสียแผ่นดินเหมือนตอนอดีตนายกฯอภิสิทธิ์แน่นอน มามุกเดียวกันเปะเลย,
    ..สแกมเมอร์เขมร ที่รุกรามมากมายขนาดนี้ก็เพราะมีทหารไทยสายพลชั่วเลวอีกนั่นล่ะไปทำสิ่งนี้ร่วมกับมันด้วย นักการเมืองอีกที่กูรูมากมายออกมาแฉ,การยึดอำนาจจะจบเรื่องเลวชั่วทั้งหมดทันทีทั้งเรื่องภายในและภายนอกประเทศ,เราสามารถกำจัดภัยความมั่นคงภายในได้เด็ดขาดด้วย ,จากนั้นค่อยต่อยอดขยายการกำจัดออกสู่วงนอกได้อีก.
    ..รัฐบาลนี้ชัดเจนว่า ถ่วงเวลาและอืดอาดยืดยาดมาก,ไร้ฝีมือมือความสามารถอะไรเลย,สินค้าเข้าออกทางทะเลกับเขมรยังเปิดช่องโหว่ได้ ,ตัดไฟฟ้า ตัดเน็ต ตัดอะไรสาระพัดยังไม่มีความน่าเชื่อถือ ,เรา..ประชาชนจนถึงเวลานี้ไม่มีความไว้วางใจในรัฐบาลอนุทินเลย,ตั้งแต่โยนหินถามทางหมายเปิดด่านตอนแรกๆถือว่าตบหน้าเรา..ประชาชนทั้งประเทศไทยมาก หยามน้ำใจคนไทย ทหารที่เสียชีวิต ขาขาดพิการ ทำลายหัวจิตหัวใจคนไทยมาก ประชาชนผู้บริสุทธิ์เราตาย เด็กๆเราตาย ตายนอกแนวปะทะ ตายนอกแนวสงครามปะทะยิงกันกับเขมร และมันยิงระเบิดใส่เด็กๆเราตายนะ ครอบครัวคนไทยเราตายเกือบหมดครอบครัว สส.สว.ฝั่งรัฐบาลจะลองถูกระเบิดยิงตายเกือบหมดครอบครัวดูก็ได้นะถ้าไม่มีความรู้สึกด้วย,เนปาลเผาครอบครัวรมต.ตายคาบ้านแบบนั้นมั้ย.,นักการเมืองจะฝ่ายรัฐบาลไทยหรือฝ่ายค้านทั้งหมดอย่าบีบน้ำใจเรา..ประชาชนคนไทยทั้งประเทศนะตลอดคนข้าราชการไทยกระทรวงทบวงกรมหน่วยงานใดๆด้วยโดยเฉพาะกระทรวงทรยศแผ่นดินไทยระวังไว้ เขารู้ที่อยู่ท่านหมดล่ะ,เครื่องบินยึดสนามบินห้ามบินออกนอกประเทศทั้งหมด,เจ้าสัว เจ้าขุนมูลนายอำมาตย์เจ้าพระยาคิดจะหนีออกแผ่นดินไทย ทิ้งแผ่นดินไทยหนีตายไปสวายสุขอยู่ต่างประเทศแบบในอดีตอาจฝันไปเลย,เมื่อประชาชนหมดความอดทน เนปาลที่ไทยเกิดแน่นอน.,ทั้งหมดจะถูกยึดทรัพย์สินและคืนสู่สามัญแก่แผ่นดินไทยดั่งเดิมแน่นอน.
    ..ทหารไทยต้องยืนเคียงข้างประชาชนเพราะทหารก็เกณฑ์พลมาจากประชาชนนี้ล่ะ,อนาคตอาจต้องมีกองกำลังภาคประชาชนตนเองประจำทุกๆหมู่บ้านทั้ง80,000หมู่บ้านทั่วประเทศ เรา..ประเทศไทยจะสามารถปกป้องตนเองร่วมกัน สามัคคีกันเป็นเครือข่ายกันทั่วประเทศ,ภัยในสังคมเกิดขึ้น เราเด็ดหัวมันเลย รกสังคม ,รั้วลวดหนามตลอดพรมแดนไทยกับเขมรต้องสร้างจริงจังชัดเจนตลอดพรมแดน ห้ามมีเว้นวรรค รวมถึงกำแพงรั้วลวดหนามไทยกับมาเลย์ด้วย สามารถสกัดจับโจรใต้หนีเข้ามาเลย์ได้ทันทีด้วย ลำบากแน่นอนเมื่อก่อเหตุแล้วหมายจะหนีข้ามเขตแดนไทยไปมาเลย์ ปืนอัตโนมัติตลอดแนวพรมแดนพร้อมยิงทีนทีที่พบคนต้องสงสัยเข้าเขตต้องห้ามโซนห้ามผู้คนที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าพื้นที่ใกล้รั้วลวดหนามตลอดแนวพรมแดนไทยกับมาเลย์ก็ว่า,ปัญหาชายแดนภาคใต้จะดีขึ้นเรื่อยๆแน่นอนเพราะก่อตอนไหนยิงทิ้งตอนนั้นเลย.,ไทยกับเขมรก็ด้วย เดทโซนโซนปลอดผู้คนนอกจากเจ้าหน้าที่ไทยที่เกี่ยวข้อง ใครเข้าพื้นที่นี้แบบผิดปกติ แอบหมายตัดรั้วลวดหนามจะข้ามแดน ปืนบวกกล้องตรวจพบเจอผ่านดาวเทียม สามารถยิงทิ้งอัตโนมัติทันที จากนั้นรถเก็บศพตามถนนติดริมรั้วกำแพงลวดหนามค่อยวิ่งไปเก็บศพจัดการดำเนินเรื่องราวต่อไป,แก๊งคอลเซ็นเตอร์อาจตายตามริมกำแพงรั้วลวดหนามไทยระบบพิเศษอัตโนมัติเราแบบนี้แน่นอน,พวกนี้ฆ่าทรมานมนุษย์ที่มันหลอกลวงมาค้าแรงงานจริง ความตายจึงเหมาะสมแก่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งหมด,จีนสั่งประหารชีวิตทุกๆตัวนั้นถูกต้องแล้ว พวกนี้ทรมานทุบเหยื่อ ฆ่าสังหารเหยื่อจริง ไม่ใช่แค่เรียกค่าไถ่เท่านั้น บางคนค้ากามโสเภณีแบบบังคับทรมานเหยื่อสาระพัดวิธี หมดประโยชน์ชำแหละอวัยวะมนุษย์ขายตา ปอดตับ หัวใจและอวัยวะอื่นๆจริง มันค้าอวัยวะจริง ต้นเหตุก็เริ่มจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้ล่ะ,ไม่ใช่ขายแรงงานเหมือนวัวเหมือนควายแค่นั้นในเหยื่อทั้งหมดที่มันหลอกลวงไปหรือลักพาตัวไป.

    ..รัฐบาลไทยสร้างบทบาทอมพระเต็มๆแบบเสือกนิ่งเฉย ไร้มาตราการเด็ดขาดห่าเหวใดๆตลอดมาแก่ชาติเขมรห่านี้ชาติอาชญากรรมระดับโลกแบบนี้ถือว่ากากมากถึงมากที่สุด.,มันยิงคนไทยเราตาย มีนก่ออาชญากรรมสงครามใส่ไทย เสือกนิ่งสงบเงียบ แอ็คชั่นไม่มีห่าอะไรจริงเลย ถึงเวลานี้น่าเศร้าใจมาก,ทรัมป์สันตีนกับมาเลย์มาเสือกอีก,ต้องไม่เข้าร่วมประชุมอาเชียนทันทีเลย ,ถือว่ามาเลย์และอเมริกาเสียมารยาทแทรกแซงความมั่นคงในอธิปไตยไทยชัดเจนในการกำจัดเขมรศัตรูภัยร้ายแรงในอธิปไตยชาติไทยและภัยอาชญากรอาชญากรรมของโลกแต่มาเลย์และอเมริกาอยากให้ไทยไปจับมือกับคนฆ่าคนไทยและฆาตกรฆ่าคนทั่วโลกที่เขมรหลอกลวงมาฆาตกรรมในเขมรมันเอง ให้ไทยไปจับมือกับฆาตกรโลก จับมือกับโจร มาเลย์มันบ้าไปกับทรัมป์ชัดเจน อาเชียนถือว่าเสียของมากหากเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้.อเมริกาทรัมป์และมาเลย์คืออาชญากรอาชญากรรมก่อการร่วมกับเขมรฮุนเซนชัดเจนด้วย สนับสนุนส่งเสริมชาติอาชญากรและอาชญากรรมด้วย จนบีบบังคับพยายามทุกๆวิถีทางให้ไทยจับมือกับรัฐโจรเขมรทั้งประเทศเขมรในปัจจุบัน พวกนี้ใช้ไม่ได้หวังแต่ประโยชน์ร่วมกับเขมรชัดเจน,จนลืมความถูกความผืดชั่วชอบดีในสมองสันตีนมัน.

    https://youtube.com/watch?v=zO-i_lsDz0E&si=bKzpVbdy24sD678s

    แก๊งคอลเซ็นเตอร์สแกมเมอร์คือจุดเริ่มต้นทุกๆอาชญากรรมทั้งหมด นอกจากบ่อนคาสิโนออฟไลน์และบ่อนการพนันออนไลน์,การค้ายาเสพติด การค้าอาวุธ การค้าวัตถุโบราณ การค้าแรงงานเถื่อนจากการหลอกลวง การค้ากาม การค้ามนุษย์ หนักสุดค้าอวัยวะมนุษย์ สาระพัดเถื่อนๆชั่วๆเลวๆที่โลกทั้งใบต้องจับตามองร่วมกันเป็นเคสกรณีศึกษาของโลกคือชาติอาชญากรรมโลกแบบเขมรของจอมเผด็จการฮุนเซนเจ้าพ่อรัฐมหาโจรฮับอาชญากรและสาระพัดอาชญากรรมโลกที่ตั้งที่ดีมีรัฐบาลแห่งชาติโจรเขมรค้ำหัวค้ำประกันการประกอบกิจการดำเนินการ,ทั้งแบบเถื่อนและแบบใช้ไม่เถื่อนบังหน้าขนส่งของเถื่อนไปร่วมด้วยกับของไม่เถื่อน,เจ้าพ่อสากลชั่วระดับโลกในยุคเวลานี้ก็ว่า. ..ไทยจะจัดการเขมรได้ ต้องยึดอำนาจปฏิวัติรัฐประหารรัฐบาลอนุทิน4เดือนทันที ปล่อยไว้มีแต่ชาติบ้านเมืองเสียหายเพราะคนในรัฐบาลปัจจุบันไม่บริสุทธิ์ มีคนในรัฐบาลอนุทินไปเกี่ยวข้องกับเขมรรัฐโจรรัฐอาชญากรรมสงครามใส่ไทยชัดเจนด้วยและแหล่งฮับอาชญากรรมสากลระดับโลกด้วยอีก. ..ทหารประชาชน นำโดยบิ๊กปูพนา ผบ.ทบ.ต้องจัดการ ตลอด ผบ.สส.สูงสุดต้องเด็ดขาดยึดอำนาจที่ประชาชนมอบไปให้รัฐบาลเลือกตั้งผิดแผลกผีบ้านี้ใช้ไปทางที่ผิด ที่ไม่สมควร ไม่ใช้แผนที่ดินแดน1:50,000ด้วยในmou43,44ร่วมกันกอดmou ด้วยซึ่งนายกฯและคณะครม.ลงมติยกเลิกmou43,44ได้ทันทีแต่ไม่ทำ ผลักภาระให้ประชาชน ไม่เหมือนตนพากันสุมหัวทำกันเองตอนแรก ไม่มาบอกห่าประชาชนให้ลงมติรับรู้ร่วมห่าเหวอะไร พอมีปัญหาเสือกโยนบอกว่าให้ประชาชนยกเลิกเองนะ กูไปตกลงเองได้ แต่ตอนยกเลิกกูให้มรึงประชาชนคนไทยทั้งประเทศร่วมกันยกเลิกนะ ถ้าลำบากยากเค็ญใจพวกมรึงๆประชาชนก็จงพากันยอมรับmouนี้เสีย ไม่ต้องยุ่งยากไง ใช้ต่อก็จบตามกูไปลงนามขายชาติให้สำเร็จที่1:200,000เลย กินดินแดนยึดแผ่นดินไทยจากปกติทหารใช้1:50,000 เขมรฉลาดจึงชวนกูมาขายชาติให้มันแลกผลประโยชน์ได้ดีกับมันด้วย ได้แผ่นดินไทยถึง1:200,000จากได้แค่1:50,000เอง,กินแผ่นดินไทยมรึงถึง1:150,000โคตรคุ้มค่ามากเลยกูเขมร. ..ทหารไทยของประชาชน หากยังไม่เห็นชัดสิ่งนี้ จะจบเลย สิ้นเดือนนี้ เสียแผ่นดินเหมือนตอนอดีตนายกฯอภิสิทธิ์แน่นอน มามุกเดียวกันเปะเลย, ..สแกมเมอร์เขมร ที่รุกรามมากมายขนาดนี้ก็เพราะมีทหารไทยสายพลชั่วเลวอีกนั่นล่ะไปทำสิ่งนี้ร่วมกับมันด้วย นักการเมืองอีกที่กูรูมากมายออกมาแฉ,การยึดอำนาจจะจบเรื่องเลวชั่วทั้งหมดทันทีทั้งเรื่องภายในและภายนอกประเทศ,เราสามารถกำจัดภัยความมั่นคงภายในได้เด็ดขาดด้วย ,จากนั้นค่อยต่อยอดขยายการกำจัดออกสู่วงนอกได้อีก. ..รัฐบาลนี้ชัดเจนว่า ถ่วงเวลาและอืดอาดยืดยาดมาก,ไร้ฝีมือมือความสามารถอะไรเลย,สินค้าเข้าออกทางทะเลกับเขมรยังเปิดช่องโหว่ได้ ,ตัดไฟฟ้า ตัดเน็ต ตัดอะไรสาระพัดยังไม่มีความน่าเชื่อถือ ,เรา..ประชาชนจนถึงเวลานี้ไม่มีความไว้วางใจในรัฐบาลอนุทินเลย,ตั้งแต่โยนหินถามทางหมายเปิดด่านตอนแรกๆถือว่าตบหน้าเรา..ประชาชนทั้งประเทศไทยมาก หยามน้ำใจคนไทย ทหารที่เสียชีวิต ขาขาดพิการ ทำลายหัวจิตหัวใจคนไทยมาก ประชาชนผู้บริสุทธิ์เราตาย เด็กๆเราตาย ตายนอกแนวปะทะ ตายนอกแนวสงครามปะทะยิงกันกับเขมร และมันยิงระเบิดใส่เด็กๆเราตายนะ ครอบครัวคนไทยเราตายเกือบหมดครอบครัว สส.สว.ฝั่งรัฐบาลจะลองถูกระเบิดยิงตายเกือบหมดครอบครัวดูก็ได้นะถ้าไม่มีความรู้สึกด้วย,เนปาลเผาครอบครัวรมต.ตายคาบ้านแบบนั้นมั้ย.,นักการเมืองจะฝ่ายรัฐบาลไทยหรือฝ่ายค้านทั้งหมดอย่าบีบน้ำใจเรา..ประชาชนคนไทยทั้งประเทศนะตลอดคนข้าราชการไทยกระทรวงทบวงกรมหน่วยงานใดๆด้วยโดยเฉพาะกระทรวงทรยศแผ่นดินไทยระวังไว้ เขารู้ที่อยู่ท่านหมดล่ะ,เครื่องบินยึดสนามบินห้ามบินออกนอกประเทศทั้งหมด,เจ้าสัว เจ้าขุนมูลนายอำมาตย์เจ้าพระยาคิดจะหนีออกแผ่นดินไทย ทิ้งแผ่นดินไทยหนีตายไปสวายสุขอยู่ต่างประเทศแบบในอดีตอาจฝันไปเลย,เมื่อประชาชนหมดความอดทน เนปาลที่ไทยเกิดแน่นอน.,ทั้งหมดจะถูกยึดทรัพย์สินและคืนสู่สามัญแก่แผ่นดินไทยดั่งเดิมแน่นอน. ..ทหารไทยต้องยืนเคียงข้างประชาชนเพราะทหารก็เกณฑ์พลมาจากประชาชนนี้ล่ะ,อนาคตอาจต้องมีกองกำลังภาคประชาชนตนเองประจำทุกๆหมู่บ้านทั้ง80,000หมู่บ้านทั่วประเทศ เรา..ประเทศไทยจะสามารถปกป้องตนเองร่วมกัน สามัคคีกันเป็นเครือข่ายกันทั่วประเทศ,ภัยในสังคมเกิดขึ้น เราเด็ดหัวมันเลย รกสังคม ,รั้วลวดหนามตลอดพรมแดนไทยกับเขมรต้องสร้างจริงจังชัดเจนตลอดพรมแดน ห้ามมีเว้นวรรค รวมถึงกำแพงรั้วลวดหนามไทยกับมาเลย์ด้วย สามารถสกัดจับโจรใต้หนีเข้ามาเลย์ได้ทันทีด้วย ลำบากแน่นอนเมื่อก่อเหตุแล้วหมายจะหนีข้ามเขตแดนไทยไปมาเลย์ ปืนอัตโนมัติตลอดแนวพรมแดนพร้อมยิงทีนทีที่พบคนต้องสงสัยเข้าเขตต้องห้ามโซนห้ามผู้คนที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าพื้นที่ใกล้รั้วลวดหนามตลอดแนวพรมแดนไทยกับมาเลย์ก็ว่า,ปัญหาชายแดนภาคใต้จะดีขึ้นเรื่อยๆแน่นอนเพราะก่อตอนไหนยิงทิ้งตอนนั้นเลย.,ไทยกับเขมรก็ด้วย เดทโซนโซนปลอดผู้คนนอกจากเจ้าหน้าที่ไทยที่เกี่ยวข้อง ใครเข้าพื้นที่นี้แบบผิดปกติ แอบหมายตัดรั้วลวดหนามจะข้ามแดน ปืนบวกกล้องตรวจพบเจอผ่านดาวเทียม สามารถยิงทิ้งอัตโนมัติทันที จากนั้นรถเก็บศพตามถนนติดริมรั้วกำแพงลวดหนามค่อยวิ่งไปเก็บศพจัดการดำเนินเรื่องราวต่อไป,แก๊งคอลเซ็นเตอร์อาจตายตามริมกำแพงรั้วลวดหนามไทยระบบพิเศษอัตโนมัติเราแบบนี้แน่นอน,พวกนี้ฆ่าทรมานมนุษย์ที่มันหลอกลวงมาค้าแรงงานจริง ความตายจึงเหมาะสมแก่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งหมด,จีนสั่งประหารชีวิตทุกๆตัวนั้นถูกต้องแล้ว พวกนี้ทรมานทุบเหยื่อ ฆ่าสังหารเหยื่อจริง ไม่ใช่แค่เรียกค่าไถ่เท่านั้น บางคนค้ากามโสเภณีแบบบังคับทรมานเหยื่อสาระพัดวิธี หมดประโยชน์ชำแหละอวัยวะมนุษย์ขายตา ปอดตับ หัวใจและอวัยวะอื่นๆจริง มันค้าอวัยวะจริง ต้นเหตุก็เริ่มจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้ล่ะ,ไม่ใช่ขายแรงงานเหมือนวัวเหมือนควายแค่นั้นในเหยื่อทั้งหมดที่มันหลอกลวงไปหรือลักพาตัวไป. ..รัฐบาลไทยสร้างบทบาทอมพระเต็มๆแบบเสือกนิ่งเฉย ไร้มาตราการเด็ดขาดห่าเหวใดๆตลอดมาแก่ชาติเขมรห่านี้ชาติอาชญากรรมระดับโลกแบบนี้ถือว่ากากมากถึงมากที่สุด.,มันยิงคนไทยเราตาย มีนก่ออาชญากรรมสงครามใส่ไทย เสือกนิ่งสงบเงียบ แอ็คชั่นไม่มีห่าอะไรจริงเลย ถึงเวลานี้น่าเศร้าใจมาก,ทรัมป์สันตีนกับมาเลย์มาเสือกอีก,ต้องไม่เข้าร่วมประชุมอาเชียนทันทีเลย ,ถือว่ามาเลย์และอเมริกาเสียมารยาทแทรกแซงความมั่นคงในอธิปไตยไทยชัดเจนในการกำจัดเขมรศัตรูภัยร้ายแรงในอธิปไตยชาติไทยและภัยอาชญากรอาชญากรรมของโลกแต่มาเลย์และอเมริกาอยากให้ไทยไปจับมือกับคนฆ่าคนไทยและฆาตกรฆ่าคนทั่วโลกที่เขมรหลอกลวงมาฆาตกรรมในเขมรมันเอง ให้ไทยไปจับมือกับฆาตกรโลก จับมือกับโจร มาเลย์มันบ้าไปกับทรัมป์ชัดเจน อาเชียนถือว่าเสียของมากหากเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้.อเมริกาทรัมป์และมาเลย์คืออาชญากรอาชญากรรมก่อการร่วมกับเขมรฮุนเซนชัดเจนด้วย สนับสนุนส่งเสริมชาติอาชญากรและอาชญากรรมด้วย จนบีบบังคับพยายามทุกๆวิถีทางให้ไทยจับมือกับรัฐโจรเขมรทั้งประเทศเขมรในปัจจุบัน พวกนี้ใช้ไม่ได้หวังแต่ประโยชน์ร่วมกับเขมรชัดเจน,จนลืมความถูกความผืดชั่วชอบดีในสมองสันตีนมัน. https://youtube.com/watch?v=zO-i_lsDz0E&si=bKzpVbdy24sD678s
    0 Comments 0 Shares 388 Views 0 Reviews
  • ผลัดกันล้วง ตอนที่ 1
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ผลัดกันล้วง”
    ตอนที่ 1

    เมื่อวันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม 2014 Deutsche Welle (DW) สื่อดังเยอรมัน และสื่อต่างชาติอีกหลายสำนักล งข่าวพร้อมเพียงกัน เหมือนข่าวแจกว่า ทางการทหารสวีเดน แจ้งเมื่อวันเสาร์ (ที่13) ว่า เครื่องบินรบของรัสเซีย เกือบชนกับเครื่องบินโดยสารพาณิชย์ ซึ่งขึ้นบินจากท่าอากาศยานนานาชาติกรุงโคเปนฮาเกนของ Denmark ข่าวอ้างว่า นาย Peter Hultqvist รัฐมนตรีกลาโหมของสวีเดน พูดทางสถานีวิทยุสวีเดน ว่ามันเป็นเครื่องบินจารกรรมของรัสเซีย !

    ส่วนนายพลตรี Michael Byden Airforce Chief ของสวีเดน แจงเพิ่มว่า ” เครื่องบินรบรัสเซียปิดเครื่องเรดาร์ (transpondor) ทำให้ไม่มีสัญญานขึ้นบนจอของเครื่องบินพาณิชย์ นี่เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง และเป็นเรื่องอันตราย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะ เมื่อเดือนมีนาคมยิ่งกว่านี้อีก ระยะห่างกันแค่ 100 เมตร (300 ฟิต) เอง ระหว่างเครื่องบินรบของรัสเซีย กับเครื่องบินพาณิชย์ Scandinavian Airlines (SAS) ซึ่งเพิ่งบินขึ้นจากสนามบินโคเปนฮาเกน รัสเซียปิดเครื่อง transpondor อีกแหล่ะ ดีว่า นักบินที่ขับเครื่องพาณิชย์ เขาสายตาดี ( good visibility) และมีความตื่นตัว ”

    ( SAS เป็นสายการบินระหว่างชาติ โดยการร่วมทุนระหว่าง นอร์เวย์ สวีเดน และเดนมาร์ก)

    นอกจากนี้ Dagens Nyheter (DN) สื่อใหญ่ของสวีเดน ซึ่งวิเคราะห์จากการติดต่อทางวิทยุระหว่าง ศูนย์ควบคุมจราจรทางอากาศของฝ่ายทหาร ฝ่ายพลเรือนของสวีเดนกับนักบินบอกว่า เครื่องบินพาณิชย์ ซึ่งกำลังบินขึ้นจากสนามบิน Castrup ใน กรุงโคเปนฮาเกน ได้รับอนุญาตให้บินไต่ระดับสูงที่ 25,000 ฟิต แต่ 3 นาทีหลังจากนั้น ถูกสั่งให้คงระดับที่ 22,000 ฟิต เนื่องจากศูนย์ควบคุมฝ่ายทหาร ติดต่อไปทางศูนย์ควบคุมฝ่ายพลเรือนว่า มีเครื่องบินที่ไม่เปิดเผยตัวตน กำลังบินในเส้นทางที่จะทำให้เกิดการชนกันได้ ให้ศูนย์ควบคุมฝ่ายพลเรือนรีบแจ้งทางเครื่องบินพาณิชย์ให้ดำเนินการแก้ไขด่วน จึงสั่งให้เครื่องบินพาณิชย์ เลี้ยวออกจากเส้นทางเดิม
    ฝ่าย SAS เอง ตอนแรกปฏิเสธ ว่า SAS ไม่เกี่ยวด้วย แต่คงถูกใครถีบให้ออกมา นาย Knut Morton Johansen ผู้จัดการชาวนอร์เวย์ การด้านการสื่อสาร เลยออกมาให้ข่าวมั่งว่า สำหรับกรณีที่กำลังเป็นข่าวนั้น….ไม่มีการทำผิดกฎด้านความมั่นคงเกิดขึ้นแต่อย่างใด และที่สำคัญ สำหรับ SAS ไม่มีใครตกอยู่ในอันตราย ฝ่ายนักบิน และฝ่ายควบคุม traffic ของเรา ควบคุมสถานะการณ์ได้ ส่วนเรื่องระยะความใกล้ระหว่าง 2 เครื่องนั้น นาย Johansen บอกว่า พวกเขาไม่เคยเข้ามาใกล้กว่า 900 เมตร (3,000 ฟิต) เลยนะ SAS มีความเห็นว่า เครื่องบินรัสเซียได้บินรักษาระยะความห่างอย่างปลอดภัยแล้ว (พวกคุณ สื่อ) อย่าทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ เกินจริงกันนัก!

    อ้าว พวกกันเอง ทำไมให้ข่าวแบบแตกลาย แถมฝ่ายที่น่าจะเป็นผู้เสียหาย คือ SAS

    ทำไมพูดไม่เต็มปาก ไม่เต็มเสียง ไม่หนักแน่นเหมือนลูกพี่เลย ที่น่างง คือ ตัวเลขระยะห่างระหว่าง 2 เครื่องบิน ลูกพี่บอก 300 ฟิต ลูกน้องบอก ไม่เคยใกล้กว่า 3,000 ฟิตเลย สงสัย ลูกพี่คงจะลืมแว่นตาไว้ที่บ้าน ตอนออกสื่อ เลยอ่านตัวเลข เกินไปหนึ่งศูนย์ ฮาจริง

    แล้วรัสเซียว่าอย่างไร กะบินเฉี่ยวหัวเขาจริงหรือเปล่า หรือถูกพวกจัดฉากร้องเพลงประสานเสียงตามใบสั่ง

    รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย ออกมาชี้แจงวันรุ่งขึ้นบอกว่า เรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่สวีเดนออกข่าวเลย เขายืนยันว่า เครื่องบินทั้ง 2 ลำ บินห่างกันไม่เคยน้อยกว่าระยะ 70 กิโลเมตร (42 ไมล์) ทั้ง 2 ครั้ง และเครื่องบินของรัสเซีย ก็ปฏิบัติตามกฏของการบินนานาชาติอย่างถูกต้อง และทำการบินในระยะที่ปลอดภัยกับเครื่องบินพลเรือนเสมอ นี่ก็ตัวเลขคนละทางเหมือนกัน คนเขียนนิทานก็ชักจะมึน อย่าเว่อกันนักนะครับ เดี๋ยวเขาจะว่าผมเข้าเต็มตัว ไม่ใช่แค่เข้าข้าง!

    แต่ดูเหมือนคำชี้ แจงของทั้งรัสเซียและ ของ SAS เอง จะไม่มีน้ำหนักพอ เขาว่าวันต่อมาทูตรัสเซีย ประจำเดนมาร์กและสวีเดน ถูกเรียกเรียกไปฟังเทศน์ต่อเรื่องความไม่ปลอดภัย ที่เกือบจะเกิดขึ้น ก็เทปม้วนเดิมนั่นแหละ

    หลังจากนั้นก็เป็นคิวของเดนมาร์กและนอร์เวย์ แถมด้วยลูกหาบเช่น ลัตเวีย ต่างออกมาส่งเสียงด้วยประโยคเดิม เครื่องเล่นเทปร้อนจัด เดี๋ยวจะน้อยหน้าสวีเดน แบบนี้เรื่องคงไม่จบง่ายๆ มีเบื้องหน้า เบื้องหลัง รายการคิดบัญชีกันหรือไง !?

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    21 ธค. 2557
    ผลัดกันล้วง ตอนที่ 1 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ผลัดกันล้วง” ตอนที่ 1 เมื่อวันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม 2014 Deutsche Welle (DW) สื่อดังเยอรมัน และสื่อต่างชาติอีกหลายสำนักล งข่าวพร้อมเพียงกัน เหมือนข่าวแจกว่า ทางการทหารสวีเดน แจ้งเมื่อวันเสาร์ (ที่13) ว่า เครื่องบินรบของรัสเซีย เกือบชนกับเครื่องบินโดยสารพาณิชย์ ซึ่งขึ้นบินจากท่าอากาศยานนานาชาติกรุงโคเปนฮาเกนของ Denmark ข่าวอ้างว่า นาย Peter Hultqvist รัฐมนตรีกลาโหมของสวีเดน พูดทางสถานีวิทยุสวีเดน ว่ามันเป็นเครื่องบินจารกรรมของรัสเซีย ! ส่วนนายพลตรี Michael Byden Airforce Chief ของสวีเดน แจงเพิ่มว่า ” เครื่องบินรบรัสเซียปิดเครื่องเรดาร์ (transpondor) ทำให้ไม่มีสัญญานขึ้นบนจอของเครื่องบินพาณิชย์ นี่เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง และเป็นเรื่องอันตราย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะ เมื่อเดือนมีนาคมยิ่งกว่านี้อีก ระยะห่างกันแค่ 100 เมตร (300 ฟิต) เอง ระหว่างเครื่องบินรบของรัสเซีย กับเครื่องบินพาณิชย์ Scandinavian Airlines (SAS) ซึ่งเพิ่งบินขึ้นจากสนามบินโคเปนฮาเกน รัสเซียปิดเครื่อง transpondor อีกแหล่ะ ดีว่า นักบินที่ขับเครื่องพาณิชย์ เขาสายตาดี ( good visibility) และมีความตื่นตัว ” ( SAS เป็นสายการบินระหว่างชาติ โดยการร่วมทุนระหว่าง นอร์เวย์ สวีเดน และเดนมาร์ก) นอกจากนี้ Dagens Nyheter (DN) สื่อใหญ่ของสวีเดน ซึ่งวิเคราะห์จากการติดต่อทางวิทยุระหว่าง ศูนย์ควบคุมจราจรทางอากาศของฝ่ายทหาร ฝ่ายพลเรือนของสวีเดนกับนักบินบอกว่า เครื่องบินพาณิชย์ ซึ่งกำลังบินขึ้นจากสนามบิน Castrup ใน กรุงโคเปนฮาเกน ได้รับอนุญาตให้บินไต่ระดับสูงที่ 25,000 ฟิต แต่ 3 นาทีหลังจากนั้น ถูกสั่งให้คงระดับที่ 22,000 ฟิต เนื่องจากศูนย์ควบคุมฝ่ายทหาร ติดต่อไปทางศูนย์ควบคุมฝ่ายพลเรือนว่า มีเครื่องบินที่ไม่เปิดเผยตัวตน กำลังบินในเส้นทางที่จะทำให้เกิดการชนกันได้ ให้ศูนย์ควบคุมฝ่ายพลเรือนรีบแจ้งทางเครื่องบินพาณิชย์ให้ดำเนินการแก้ไขด่วน จึงสั่งให้เครื่องบินพาณิชย์ เลี้ยวออกจากเส้นทางเดิม ฝ่าย SAS เอง ตอนแรกปฏิเสธ ว่า SAS ไม่เกี่ยวด้วย แต่คงถูกใครถีบให้ออกมา นาย Knut Morton Johansen ผู้จัดการชาวนอร์เวย์ การด้านการสื่อสาร เลยออกมาให้ข่าวมั่งว่า สำหรับกรณีที่กำลังเป็นข่าวนั้น….ไม่มีการทำผิดกฎด้านความมั่นคงเกิดขึ้นแต่อย่างใด และที่สำคัญ สำหรับ SAS ไม่มีใครตกอยู่ในอันตราย ฝ่ายนักบิน และฝ่ายควบคุม traffic ของเรา ควบคุมสถานะการณ์ได้ ส่วนเรื่องระยะความใกล้ระหว่าง 2 เครื่องนั้น นาย Johansen บอกว่า พวกเขาไม่เคยเข้ามาใกล้กว่า 900 เมตร (3,000 ฟิต) เลยนะ SAS มีความเห็นว่า เครื่องบินรัสเซียได้บินรักษาระยะความห่างอย่างปลอดภัยแล้ว (พวกคุณ สื่อ) อย่าทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ เกินจริงกันนัก! อ้าว พวกกันเอง ทำไมให้ข่าวแบบแตกลาย แถมฝ่ายที่น่าจะเป็นผู้เสียหาย คือ SAS ทำไมพูดไม่เต็มปาก ไม่เต็มเสียง ไม่หนักแน่นเหมือนลูกพี่เลย ที่น่างง คือ ตัวเลขระยะห่างระหว่าง 2 เครื่องบิน ลูกพี่บอก 300 ฟิต ลูกน้องบอก ไม่เคยใกล้กว่า 3,000 ฟิตเลย สงสัย ลูกพี่คงจะลืมแว่นตาไว้ที่บ้าน ตอนออกสื่อ เลยอ่านตัวเลข เกินไปหนึ่งศูนย์ ฮาจริง แล้วรัสเซียว่าอย่างไร กะบินเฉี่ยวหัวเขาจริงหรือเปล่า หรือถูกพวกจัดฉากร้องเพลงประสานเสียงตามใบสั่ง รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย ออกมาชี้แจงวันรุ่งขึ้นบอกว่า เรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่สวีเดนออกข่าวเลย เขายืนยันว่า เครื่องบินทั้ง 2 ลำ บินห่างกันไม่เคยน้อยกว่าระยะ 70 กิโลเมตร (42 ไมล์) ทั้ง 2 ครั้ง และเครื่องบินของรัสเซีย ก็ปฏิบัติตามกฏของการบินนานาชาติอย่างถูกต้อง และทำการบินในระยะที่ปลอดภัยกับเครื่องบินพลเรือนเสมอ นี่ก็ตัวเลขคนละทางเหมือนกัน คนเขียนนิทานก็ชักจะมึน อย่าเว่อกันนักนะครับ เดี๋ยวเขาจะว่าผมเข้าเต็มตัว ไม่ใช่แค่เข้าข้าง! แต่ดูเหมือนคำชี้ แจงของทั้งรัสเซียและ ของ SAS เอง จะไม่มีน้ำหนักพอ เขาว่าวันต่อมาทูตรัสเซีย ประจำเดนมาร์กและสวีเดน ถูกเรียกเรียกไปฟังเทศน์ต่อเรื่องความไม่ปลอดภัย ที่เกือบจะเกิดขึ้น ก็เทปม้วนเดิมนั่นแหละ หลังจากนั้นก็เป็นคิวของเดนมาร์กและนอร์เวย์ แถมด้วยลูกหาบเช่น ลัตเวีย ต่างออกมาส่งเสียงด้วยประโยคเดิม เครื่องเล่นเทปร้อนจัด เดี๋ยวจะน้อยหน้าสวีเดน แบบนี้เรื่องคงไม่จบง่ายๆ มีเบื้องหน้า เบื้องหลัง รายการคิดบัญชีกันหรือไง !? สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 21 ธค. 2557
    0 Comments 0 Shares 237 Views 0 Reviews
  • “ลอนดอนกลายเป็นศูนย์กลางการขโมยมือถือของโลก” — เมื่ออาชญากรรมขยายจากข้างถนนสู่เครือข่ายระดับโลก

    ในปี 2024 มีโทรศัพท์มือถือถูกขโมยในลอนดอนมากถึง 106,000 เครื่อง โดยในปีเดียวกันมีผู้ถูกตั้งข้อหาเพียง 495 คนเท่านั้น ทำให้ลอนดอนกลายเป็นเมืองหลวงแห่งการขโมยมือถือของยุโรปอย่างไม่เป็นทางการ

    ตำรวจนครบาลลอนดอนเริ่มปฏิบัติการครั้งใหญ่ในปี 2025 โดยบุกค้นร้านขายมือถือมือสองหลายแห่ง พบโทรศัพท์ที่ถูกขโมยกว่า 2,000 เครื่อง และเงินสดกว่า 200,000 ปอนด์ การสืบสวนพบว่าอาชญากรรมนี้ไม่ใช่แค่การขโมยข้างถนน แต่เป็นเครือข่ายอาชญากรรมระดับโลกที่ส่งมือถือไปยังประเทศอย่างจีนและแอลจีเรีย

    จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อหญิงคนหนึ่งใช้ “Find My iPhone” ติดตามมือถือของเธอไปยังโกดังใกล้สนามบินฮีทโธรว์ ซึ่งมีโทรศัพท์กว่า 1,000 เครื่องถูกบรรจุในกล่องที่ระบุว่าเป็นแบตเตอรี่และเตรียมส่งไปฮ่องกง

    ตำรวจพบว่าโทรศัพท์บางเครื่องถูกห่อด้วยฟอยล์อลูมิเนียมเพื่อป้องกันการติดตาม และผู้ต้องสงสัยเคยซื้อฟอยล์ยาวถึง 1.5 ไมล์จาก Costco เพื่อใช้ในการห่อเครื่องจำนวนมาก

    อาชญากรรมนี้แบ่งออกเป็น 3 ชั้น:
    ผู้ขโมย — ใช้ e-bike และสวมหมวกคลุมหน้าเพื่อขโมยมือถือจากมือเหยื่อ
    ผู้ค้ากลาง — ร้านมือถือมือสองที่รับซื้อเครื่องขโมย
    ผู้ส่งออก — กลุ่มที่จัดส่งเครื่องไปต่างประเทศเพื่อขายต่อ

    ในจีน โทรศัพท์ที่ถูกขโมยสามารถขายได้สูงถึง $5,000 เพราะผู้ให้บริการเครือข่ายบางรายไม่ใช้ระบบ blacklist ระหว่างประเทศ ทำให้เครื่องที่ถูกบล็อกในอังกฤษยังใช้งานได้ในจีน

    ตำรวจลอนดอนกำลังใช้ข้อมูลจากผู้เสียหายที่เคยถูกละเลยในอดีต มาสร้างแผนที่การเคลื่อนย้ายของเครื่องที่ถูกขโมย เพื่อสืบสวนย้อนกลับไปยังเครือข่ายต้นทาง

    ข้อมูลในข่าว
    ปี 2024 มีมือถือถูกขโมยในลอนดอนกว่า 106,000 เครื่อง
    มีผู้ถูกตั้งข้อหาเพียง 495 คนในปีเดียวกัน
    ตำรวจบุกค้นร้านมือถือมือสอง พบเครื่องขโมยกว่า 2,000 เครื่องและเงินสด 200,000 ปอนด์
    โทรศัพท์ถูกส่งออกไปจีนและแอลจีเรียผ่านเครือข่ายอาชญากรรม
    พบกล่องบรรจุเครื่องที่ระบุว่าเป็นแบตเตอรี่ เตรียมส่งไปฮ่องกง
    โทรศัพท์บางเครื่องถูกห่อด้วยฟอยล์อลูมิเนียมเพื่อป้องกันการติดตาม
    ผู้ต้องสงสัยเคยซื้อฟอยล์ยาวถึง 1.5 ไมล์จาก Costco
    อาชญากรรมแบ่งเป็น 3 ชั้น: ผู้ขโมย, ผู้ค้ากลาง, ผู้ส่งออก
    ในจีน โทรศัพท์ที่ถูกขโมยสามารถขายได้สูงถึง $5,000
    ผู้ให้บริการเครือข่ายในจีนบางรายไม่ใช้ระบบ blacklist ทำให้เครื่องที่ถูกบล็อกยังใช้งานได้
    ตำรวจใช้ข้อมูลจาก “Find My iPhone” และผู้เสียหายเพื่อสืบสวนย้อนกลับ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/16/london-became-a-global-hub-for-phone-theft-now-we-know-why
    📱 “ลอนดอนกลายเป็นศูนย์กลางการขโมยมือถือของโลก” — เมื่ออาชญากรรมขยายจากข้างถนนสู่เครือข่ายระดับโลก ในปี 2024 มีโทรศัพท์มือถือถูกขโมยในลอนดอนมากถึง 106,000 เครื่อง โดยในปีเดียวกันมีผู้ถูกตั้งข้อหาเพียง 495 คนเท่านั้น ทำให้ลอนดอนกลายเป็นเมืองหลวงแห่งการขโมยมือถือของยุโรปอย่างไม่เป็นทางการ ตำรวจนครบาลลอนดอนเริ่มปฏิบัติการครั้งใหญ่ในปี 2025 โดยบุกค้นร้านขายมือถือมือสองหลายแห่ง พบโทรศัพท์ที่ถูกขโมยกว่า 2,000 เครื่อง และเงินสดกว่า 200,000 ปอนด์ การสืบสวนพบว่าอาชญากรรมนี้ไม่ใช่แค่การขโมยข้างถนน แต่เป็นเครือข่ายอาชญากรรมระดับโลกที่ส่งมือถือไปยังประเทศอย่างจีนและแอลจีเรีย จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อหญิงคนหนึ่งใช้ “Find My iPhone” ติดตามมือถือของเธอไปยังโกดังใกล้สนามบินฮีทโธรว์ ซึ่งมีโทรศัพท์กว่า 1,000 เครื่องถูกบรรจุในกล่องที่ระบุว่าเป็นแบตเตอรี่และเตรียมส่งไปฮ่องกง ตำรวจพบว่าโทรศัพท์บางเครื่องถูกห่อด้วยฟอยล์อลูมิเนียมเพื่อป้องกันการติดตาม และผู้ต้องสงสัยเคยซื้อฟอยล์ยาวถึง 1.5 ไมล์จาก Costco เพื่อใช้ในการห่อเครื่องจำนวนมาก อาชญากรรมนี้แบ่งออกเป็น 3 ชั้น: 📵 ผู้ขโมย — ใช้ e-bike และสวมหมวกคลุมหน้าเพื่อขโมยมือถือจากมือเหยื่อ 📵 ผู้ค้ากลาง — ร้านมือถือมือสองที่รับซื้อเครื่องขโมย 📵 ผู้ส่งออก — กลุ่มที่จัดส่งเครื่องไปต่างประเทศเพื่อขายต่อ ในจีน โทรศัพท์ที่ถูกขโมยสามารถขายได้สูงถึง $5,000 เพราะผู้ให้บริการเครือข่ายบางรายไม่ใช้ระบบ blacklist ระหว่างประเทศ ทำให้เครื่องที่ถูกบล็อกในอังกฤษยังใช้งานได้ในจีน ตำรวจลอนดอนกำลังใช้ข้อมูลจากผู้เสียหายที่เคยถูกละเลยในอดีต มาสร้างแผนที่การเคลื่อนย้ายของเครื่องที่ถูกขโมย เพื่อสืบสวนย้อนกลับไปยังเครือข่ายต้นทาง ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ ปี 2024 มีมือถือถูกขโมยในลอนดอนกว่า 106,000 เครื่อง ➡️ มีผู้ถูกตั้งข้อหาเพียง 495 คนในปีเดียวกัน ➡️ ตำรวจบุกค้นร้านมือถือมือสอง พบเครื่องขโมยกว่า 2,000 เครื่องและเงินสด 200,000 ปอนด์ ➡️ โทรศัพท์ถูกส่งออกไปจีนและแอลจีเรียผ่านเครือข่ายอาชญากรรม ➡️ พบกล่องบรรจุเครื่องที่ระบุว่าเป็นแบตเตอรี่ เตรียมส่งไปฮ่องกง ➡️ โทรศัพท์บางเครื่องถูกห่อด้วยฟอยล์อลูมิเนียมเพื่อป้องกันการติดตาม ➡️ ผู้ต้องสงสัยเคยซื้อฟอยล์ยาวถึง 1.5 ไมล์จาก Costco ➡️ อาชญากรรมแบ่งเป็น 3 ชั้น: ผู้ขโมย, ผู้ค้ากลาง, ผู้ส่งออก ➡️ ในจีน โทรศัพท์ที่ถูกขโมยสามารถขายได้สูงถึง $5,000 ➡️ ผู้ให้บริการเครือข่ายในจีนบางรายไม่ใช้ระบบ blacklist ทำให้เครื่องที่ถูกบล็อกยังใช้งานได้ ➡️ ตำรวจใช้ข้อมูลจาก “Find My iPhone” และผู้เสียหายเพื่อสืบสวนย้อนกลับ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/16/london-became-a-global-hub-for-phone-theft-now-we-know-why
    WWW.THESTAR.COM.MY
    London became a global hub for phone theft. Now we know why
    About 80,000 phones were stolen in the British capital last year. The police are finally discovering where many of them went.
    0 Comments 0 Shares 144 Views 0 Reviews
  • เหยื่อติดคอ ตอนที่ 3
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ”
    ตอนที่ 3

    แล้ว Shah ก็อยู่ในอำนาจนานถึง 25 ปี ในฐานะหุ่นเชิดราคาแพงของอเมริกานักล่าหน้าใหม่ ที่แสดงวิธีการล่าเหยื่ออย่างเด็ดดวง ชนิดนักล่ารุ่นเก่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย ต้องจำใจคายเหยื่อให้ครึ่งตัว ศักดิ์ศรีของนักล่าชาวเกาะฯหมองหม่นไปจมหู

    CIA รับหน้าที่ดูแลด้านความมั่นคงภายในให้แก่ Shah โดยตั้งหน่วยงานชื่อ SAVAK ขึ้นมาใหม่ แน่นอน หน่วยงานนี่อยู่ในความดูแลของ Col. Schwazkopt เจ้าพ่อ CIA คนเดิม อเมริกาป้อนกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ให้ Shah อย่างไม่อั้น เงินจำนวน 68 ล้านเหรียญ ส่งให้ Shah วันขึ้นครองบัลลังก์เป็นการปลอบใจ ที่อิหร่านขาดรายได้ในช่วงที่ถูกอังกฤษคว่ำบาตร หลังจากนั้นก็ให้เงินกู้จำนวน 300 ล้านเหรียญ สำหรับฟื้นฟูเศรษฐกิจ และอีก 600 ล้านเหรียญ สำหรับสร้างกองทัพก็ตามมา นับเป็นเหยื่อที่อเมริกาลงทุนสูง สมันน้อยอย่าเอาตัวเองไปเทียบเลยนะ เดี๋ยวจะน้อยใจ ลมใส่กันเป็นแถวๆ

    หลังจากการปฏิวัติในปี ค.ศ.1953 แม้ Shah จะเป็นผู้ครองบัลลังก์ แต่ผู้บริหารประเทศอิหร่านจริงๆ ดูเหมือนจะเป็นบริษัทน้ำมันของอเมริกา อิหร่านยังต้องพึ่งอเมริกาทางด้านเทคนิคการผลิต กลไกการตลาดทุกอย่าง ถึงกับมีสื่อประชดว่า “Ownership Without Control”

    ค.ศ.1963 ภายใต้การชักใยของอเมริกา ซึ่งส่งที่ปรึกษา นักวิชาการเข้ามาล้นแทบขี่คอกันอยู่ในอิหร่าน อิหร่านก็เริ่มทำการปฏิรูปเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมตามที่อเมริกาสั่ง นโยบายที่เขียนโดยบรรดาอาจารย์จากมหาวิทยาลัย Harvard จัดมามาให้ เรียกว่า “White Revolution” ซึ่งมีเป้าหมายให้อิหร่านกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรม อเมริกาบอกเป็นการสร้างโอกาสให้ชนชั้นกลาง สร้างงานให้ชนชั้นแรงงานไงล่ะ แล้วทุนต่างชาติก็หลั่งไหลเข้ามาในอิหร่าน สังคมอิหร่านกลายเป็นสังคมศิวิไลซ์ตามความคิดของอเมริกา ต่างกันไหมกับเหยื่อชื่อไทยแลนด์แดนสมันน้อย

    White Revolution บอกว่าต้องปฏิรูปที่ดิน บังคับให้เจ้าของที่ดินขายคืนให้รัฐ เพื่อให้รัฐนำไปจัดสรรใหม่ ส่วนหนึ่งเอาไปทำเป็นพื้นที่อุตสาหรรรมเพิ่มเติม อีกส่วนหนึ่งจัดสรรให้ชาวไร่ชาวนา เจ้าของที่ดินส่วนใหญ่เป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ให้ชาวบ้านเช่าที่ดินและใช้ทำกิน เงินที่ได้จากการให้เช่าที่ดินก็ส่งไปสนับสนุนกิจกรรมทางศาสนา การยึดที่ดินทั้งหมดไปจากพวกเขา เปลี่ยนวัฒนธรรมประเพณีที่สนับสนุนศาสนาอิสลามที่ดำเนินกันมาเป็นเวลานาน ตามนโยบายของ White Revolution รายการนี้ ดูเหมือนจะไปสะดุดตอใหญ่ ที่รอเวลาการงอกมาขวางทางเดินของ Shah

    อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ของอิหร่านงอกงาม ขยายตัว แต่ส่วนใหญ่เป็นการผลิตสินค้าที่เป็นเครื่องอุปโภคบริโภคที่อำนวยความสะดวก เช่น รถยนต์ ในขณะที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ของอิหร่านยังอาศัยอยู่ในเรือนไม้เล็กๆ ชาวเมืองอิหร่านเองก็เริ่มเสพติด “ของนอก” การนำเข้าสินค้าของอิหร่านกระ โดดจาก 400 ล้านเหรียญในปี ค.ศ.1958-1959 เป็น 18.4 พันล้านเหรียญ ในปี ค.ศ.1975-1976 สื่ออังกฤษได้โอกาสเสียดสี “อิหร่านได้แปรสภาพเป็นตะวันตกอย่างผิดที่ผิดทาง มีแต่โรงงานผลิตน้ำอัดลม Pepsi, Coke และ Canada Dry โผล่ขึ้นทั่วไปหมด ในขณะที่ชาวบ้านในเขตยากจนยังดื่มน้ำจากก็อกน้ำหัวถนน ซึ่งอยู่ข้างๆกองขยะ สนามบินเตหะรานหรูหราที่สุดในตะวันออกกลาง แต่ถนนหนทางดูเหมือนจะยังไม่พร้อมจะเชื่อมโยง โรงแรม Hilton ของอเมริกันสูงลิบกำลังสร้างอยู่ แต่ชาวอิหร่านอีกมากมายยังอาศัยนอนอยู่ตามถนน”
    อเมริกาหนุนให้ Shah ทำหน้าที่ตำรวจเฝ้ายามประจำอ่าวเปอร์เซีย คอยกันไม่ให้สหภาพโซเวียตแหลมเข้ามาตามเขตแดนด้านใต้ของสหภาพโซเวียต อเมริกาเริ่มวางแผนด้านกองทัพให้อิหร่าน ตั้งแต่ ค.ศ.1940 กว่า แต่หลังการปฏิวัติ ค.ศ.1953 อเมริกาเหมือนเป็นผู้นำกองทัพของอิหร่านเสียเอง ในปี ค.ศ.1954 มีหน่วยงานด้านกองทัพของอเมริกา 3 หน่วยงานคอยดูแลกำกับกองทัพอิหร่าน ให้ทั้งการฝึกทางอากาศ ทางทะเล และด้วยอาวุธที่นำเข้าจากต่างประเทศ

    ในช่วง ค.ศ.1970 กว่า อิหร่านขึ้นตำแหน่งเป็นลูกรักของอเมริกาในตะวันออกกลาง แน่นอน คงสร้างความขมให้แก่ซาอุดิอารเบียไม่น้อย ประธานาธิบดี Nixon บอกว่า เรากำลังปวดหัวกับเรื่องเวียตนาม ระหว่างนี้เรื่องทางตะวันออกกลางเราขอให้ท่าน พร้อมกับซาอุดิอารเบียและอิสราเอล ถือบังเหียนไปก่อนนะ

    เพื่อให้สมกับเป็นผู้นำตะวันออกกลาง ที่ได้รับความไว้วางใจจากอเมริกา ในปี ค.ศ.1975 อิหร่านใช้เงิน 35 พันล้านเหรียญ (จากรายได้น้ำมัน 62 พันล้านเหรียญ) เพื่อลงทุนสร้างกองทัพอิหร่านให้แข็งแกร่ง ในช่วงนั้นมีที่ปรึกษาด้านการทหารของอเมริกาอยู่ในอิหร่านประมาณ 8,000 คน

    Shah มองตัวเองในกระจก เข้าใจว่าหลังจากได้อาหารดี ร่างกายแข็งแรงพอที่แหกกรงเหยื่อเป็นอิสระจากอเมริกา เขาเริ่มเปลี่ยนนโยบายการต่างประเทศของอิหร่าน มุ่งหน้าไปสู่การเป็นผู้นำของตะวันออกกลาง ตัวจริงไม่ใช่ตัวแทน เขาเร่งสร้างกองทัพให้ใหญ่ขึ้น แข็งแกร่งขึ้น อเมริกาเริ่มคิ้วขมวดมองดู

    Shah มองตัวเองในกระจก เห็นแต่ภาพที่ตัวเองอยากเห็น แต่ไม่เห็นภาพที่ตัวเองเป็น เหยื่อ มักไม่รู้ตัวว่าตกเป็นเหยื่อ เมื่อ Shah เริ่มเบ่งกล้ามใส่อเมริกา อนาคตของ Shah ก็เริ่มสั้นลง แต่ดูเหมือน Shah จะเดินไปไกลเกินกว่าจะถอยหลัง เขาให้สัมภาษณ์ใน US News and World Magazine เมื่อ ค.ศ.1976 เกี่ยวกับอำนาจและอิทธิพลของอเมริกาในอิหร่านว่า “ถ้าอเมริกาพยายามจะสร้างความรู้สึกที่ไม่เป็นมิตรต่อประเทศเรา เราก็สามารถทำให้อเมริกาเจ็บได้ ไม่น้อยกว่าที่อเมริกาจะทำให้เราเจ็บ ไม่ใช่แค่ในด้านของน้ำมัน เราสามารถสร้างปัญหาให้กับอเมริกาได้ในบริเวณนี้ ถ้าอเมริกาบีบให้เราต้องเปลี่ยนจากการเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ผลสะท้อนมันคงเกินจะประมาณได้” อเมริกาควันออกทุกทวาร ความร้อนขึ้นจนปรอทแทบแตก และชะตาชีวิตของ Shah ก็ถูกตัดสินโดยวอชิงตันเรียบร้อย

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    23 กันยายน 2557
    เหยื่อติดคอ ตอนที่ 3 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ” ตอนที่ 3 แล้ว Shah ก็อยู่ในอำนาจนานถึง 25 ปี ในฐานะหุ่นเชิดราคาแพงของอเมริกานักล่าหน้าใหม่ ที่แสดงวิธีการล่าเหยื่ออย่างเด็ดดวง ชนิดนักล่ารุ่นเก่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย ต้องจำใจคายเหยื่อให้ครึ่งตัว ศักดิ์ศรีของนักล่าชาวเกาะฯหมองหม่นไปจมหู CIA รับหน้าที่ดูแลด้านความมั่นคงภายในให้แก่ Shah โดยตั้งหน่วยงานชื่อ SAVAK ขึ้นมาใหม่ แน่นอน หน่วยงานนี่อยู่ในความดูแลของ Col. Schwazkopt เจ้าพ่อ CIA คนเดิม อเมริกาป้อนกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ให้ Shah อย่างไม่อั้น เงินจำนวน 68 ล้านเหรียญ ส่งให้ Shah วันขึ้นครองบัลลังก์เป็นการปลอบใจ ที่อิหร่านขาดรายได้ในช่วงที่ถูกอังกฤษคว่ำบาตร หลังจากนั้นก็ให้เงินกู้จำนวน 300 ล้านเหรียญ สำหรับฟื้นฟูเศรษฐกิจ และอีก 600 ล้านเหรียญ สำหรับสร้างกองทัพก็ตามมา นับเป็นเหยื่อที่อเมริกาลงทุนสูง สมันน้อยอย่าเอาตัวเองไปเทียบเลยนะ เดี๋ยวจะน้อยใจ ลมใส่กันเป็นแถวๆ หลังจากการปฏิวัติในปี ค.ศ.1953 แม้ Shah จะเป็นผู้ครองบัลลังก์ แต่ผู้บริหารประเทศอิหร่านจริงๆ ดูเหมือนจะเป็นบริษัทน้ำมันของอเมริกา อิหร่านยังต้องพึ่งอเมริกาทางด้านเทคนิคการผลิต กลไกการตลาดทุกอย่าง ถึงกับมีสื่อประชดว่า “Ownership Without Control” ค.ศ.1963 ภายใต้การชักใยของอเมริกา ซึ่งส่งที่ปรึกษา นักวิชาการเข้ามาล้นแทบขี่คอกันอยู่ในอิหร่าน อิหร่านก็เริ่มทำการปฏิรูปเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมตามที่อเมริกาสั่ง นโยบายที่เขียนโดยบรรดาอาจารย์จากมหาวิทยาลัย Harvard จัดมามาให้ เรียกว่า “White Revolution” ซึ่งมีเป้าหมายให้อิหร่านกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรม อเมริกาบอกเป็นการสร้างโอกาสให้ชนชั้นกลาง สร้างงานให้ชนชั้นแรงงานไงล่ะ แล้วทุนต่างชาติก็หลั่งไหลเข้ามาในอิหร่าน สังคมอิหร่านกลายเป็นสังคมศิวิไลซ์ตามความคิดของอเมริกา ต่างกันไหมกับเหยื่อชื่อไทยแลนด์แดนสมันน้อย White Revolution บอกว่าต้องปฏิรูปที่ดิน บังคับให้เจ้าของที่ดินขายคืนให้รัฐ เพื่อให้รัฐนำไปจัดสรรใหม่ ส่วนหนึ่งเอาไปทำเป็นพื้นที่อุตสาหรรรมเพิ่มเติม อีกส่วนหนึ่งจัดสรรให้ชาวไร่ชาวนา เจ้าของที่ดินส่วนใหญ่เป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ให้ชาวบ้านเช่าที่ดินและใช้ทำกิน เงินที่ได้จากการให้เช่าที่ดินก็ส่งไปสนับสนุนกิจกรรมทางศาสนา การยึดที่ดินทั้งหมดไปจากพวกเขา เปลี่ยนวัฒนธรรมประเพณีที่สนับสนุนศาสนาอิสลามที่ดำเนินกันมาเป็นเวลานาน ตามนโยบายของ White Revolution รายการนี้ ดูเหมือนจะไปสะดุดตอใหญ่ ที่รอเวลาการงอกมาขวางทางเดินของ Shah อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ของอิหร่านงอกงาม ขยายตัว แต่ส่วนใหญ่เป็นการผลิตสินค้าที่เป็นเครื่องอุปโภคบริโภคที่อำนวยความสะดวก เช่น รถยนต์ ในขณะที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ของอิหร่านยังอาศัยอยู่ในเรือนไม้เล็กๆ ชาวเมืองอิหร่านเองก็เริ่มเสพติด “ของนอก” การนำเข้าสินค้าของอิหร่านกระ โดดจาก 400 ล้านเหรียญในปี ค.ศ.1958-1959 เป็น 18.4 พันล้านเหรียญ ในปี ค.ศ.1975-1976 สื่ออังกฤษได้โอกาสเสียดสี “อิหร่านได้แปรสภาพเป็นตะวันตกอย่างผิดที่ผิดทาง มีแต่โรงงานผลิตน้ำอัดลม Pepsi, Coke และ Canada Dry โผล่ขึ้นทั่วไปหมด ในขณะที่ชาวบ้านในเขตยากจนยังดื่มน้ำจากก็อกน้ำหัวถนน ซึ่งอยู่ข้างๆกองขยะ สนามบินเตหะรานหรูหราที่สุดในตะวันออกกลาง แต่ถนนหนทางดูเหมือนจะยังไม่พร้อมจะเชื่อมโยง โรงแรม Hilton ของอเมริกันสูงลิบกำลังสร้างอยู่ แต่ชาวอิหร่านอีกมากมายยังอาศัยนอนอยู่ตามถนน” อเมริกาหนุนให้ Shah ทำหน้าที่ตำรวจเฝ้ายามประจำอ่าวเปอร์เซีย คอยกันไม่ให้สหภาพโซเวียตแหลมเข้ามาตามเขตแดนด้านใต้ของสหภาพโซเวียต อเมริกาเริ่มวางแผนด้านกองทัพให้อิหร่าน ตั้งแต่ ค.ศ.1940 กว่า แต่หลังการปฏิวัติ ค.ศ.1953 อเมริกาเหมือนเป็นผู้นำกองทัพของอิหร่านเสียเอง ในปี ค.ศ.1954 มีหน่วยงานด้านกองทัพของอเมริกา 3 หน่วยงานคอยดูแลกำกับกองทัพอิหร่าน ให้ทั้งการฝึกทางอากาศ ทางทะเล และด้วยอาวุธที่นำเข้าจากต่างประเทศ ในช่วง ค.ศ.1970 กว่า อิหร่านขึ้นตำแหน่งเป็นลูกรักของอเมริกาในตะวันออกกลาง แน่นอน คงสร้างความขมให้แก่ซาอุดิอารเบียไม่น้อย ประธานาธิบดี Nixon บอกว่า เรากำลังปวดหัวกับเรื่องเวียตนาม ระหว่างนี้เรื่องทางตะวันออกกลางเราขอให้ท่าน พร้อมกับซาอุดิอารเบียและอิสราเอล ถือบังเหียนไปก่อนนะ เพื่อให้สมกับเป็นผู้นำตะวันออกกลาง ที่ได้รับความไว้วางใจจากอเมริกา ในปี ค.ศ.1975 อิหร่านใช้เงิน 35 พันล้านเหรียญ (จากรายได้น้ำมัน 62 พันล้านเหรียญ) เพื่อลงทุนสร้างกองทัพอิหร่านให้แข็งแกร่ง ในช่วงนั้นมีที่ปรึกษาด้านการทหารของอเมริกาอยู่ในอิหร่านประมาณ 8,000 คน Shah มองตัวเองในกระจก เข้าใจว่าหลังจากได้อาหารดี ร่างกายแข็งแรงพอที่แหกกรงเหยื่อเป็นอิสระจากอเมริกา เขาเริ่มเปลี่ยนนโยบายการต่างประเทศของอิหร่าน มุ่งหน้าไปสู่การเป็นผู้นำของตะวันออกกลาง ตัวจริงไม่ใช่ตัวแทน เขาเร่งสร้างกองทัพให้ใหญ่ขึ้น แข็งแกร่งขึ้น อเมริกาเริ่มคิ้วขมวดมองดู Shah มองตัวเองในกระจก เห็นแต่ภาพที่ตัวเองอยากเห็น แต่ไม่เห็นภาพที่ตัวเองเป็น เหยื่อ มักไม่รู้ตัวว่าตกเป็นเหยื่อ เมื่อ Shah เริ่มเบ่งกล้ามใส่อเมริกา อนาคตของ Shah ก็เริ่มสั้นลง แต่ดูเหมือน Shah จะเดินไปไกลเกินกว่าจะถอยหลัง เขาให้สัมภาษณ์ใน US News and World Magazine เมื่อ ค.ศ.1976 เกี่ยวกับอำนาจและอิทธิพลของอเมริกาในอิหร่านว่า “ถ้าอเมริกาพยายามจะสร้างความรู้สึกที่ไม่เป็นมิตรต่อประเทศเรา เราก็สามารถทำให้อเมริกาเจ็บได้ ไม่น้อยกว่าที่อเมริกาจะทำให้เราเจ็บ ไม่ใช่แค่ในด้านของน้ำมัน เราสามารถสร้างปัญหาให้กับอเมริกาได้ในบริเวณนี้ ถ้าอเมริกาบีบให้เราต้องเปลี่ยนจากการเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ผลสะท้อนมันคงเกินจะประมาณได้” อเมริกาควันออกทุกทวาร ความร้อนขึ้นจนปรอทแทบแตก และชะตาชีวิตของ Shah ก็ถูกตัดสินโดยวอชิงตันเรียบร้อย สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 23 กันยายน 2557
    0 Comments 0 Shares 385 Views 0 Reviews
  • เปิดใช้ตามปกติแล้ว รันเวย์สนามบินภูเก็ต หลังเคลียร์เครื่องบินตรวจการของกองทัพเรือเกิดเหตุขัดข้องล้อไม่กางขณะลงจอด ทำให้เครื่องบินไม่สามารถขึ้น-ลง ได้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000096328

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    เปิดใช้ตามปกติแล้ว รันเวย์สนามบินภูเก็ต หลังเคลียร์เครื่องบินตรวจการของกองทัพเรือเกิดเหตุขัดข้องล้อไม่กางขณะลงจอด ทำให้เครื่องบินไม่สามารถขึ้น-ลง ได้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000096328 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    0 Comments 0 Shares 311 Views 0 Reviews
  • สนามบินภูเก็ตสั่งปิดรันเวย์ชั่วคราว เครื่องบินกองทัพเรือประสบเหตุจอดขวางรันเวย์ เนื่องจากล้อไม่กาง ขณะลงจอด .นี้ เร่งดำเนินการแก้ปัญหา ระบุมีผลกระทบต่อการขึ้นลงของเครื่องบิน 30-40 ไฟล์ ทร.แจงมีปัญหาระบบล้อ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000096253

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    สนามบินภูเก็ตสั่งปิดรันเวย์ชั่วคราว เครื่องบินกองทัพเรือประสบเหตุจอดขวางรันเวย์ เนื่องจากล้อไม่กาง ขณะลงจอด .นี้ เร่งดำเนินการแก้ปัญหา ระบุมีผลกระทบต่อการขึ้นลงของเครื่องบิน 30-40 ไฟล์ ทร.แจงมีปัญหาระบบล้อ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000096253 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    0 Comments 0 Shares 282 Views 0 Reviews
  • ล่องเรือแม่น้ำแซน ฝรั่งเศส เส้นทางสุดโรแมนติก จากปารีสสู่นอร์ม็องดี พักผ่อนบนเรือล่องแม่น้ำบริการระดับโรงแรม 6 ดาว อาหารฝรั่งเศสระดับกูร์เมต์ พร้อมไวน์ท้องถิ่นเสิร์ฟทุกมื้อ

    แพ็คเกจเรือล่องเรือ Paris & Normandy พัก S.S. Joie de Vivre By Uniworld River Cruise

    เดินทาง มี.ค. - พ.ย. 2569

    เส้นทางปารีส - ลา โรช - กียง, แวร์นง, ชีแวร์นี่ - รูอ็อง - โกดด์เบค - ออง โก (องเฟลอ แอเทรอตา) - รูอ็อง - มองต์ - ลา - ฌอลี (แวร์ซาย) - ปารีส

    Early Booking ลดสูงสุด 10% (บางช่วงวันเดินทาง)
    ปกติเริ่มต้น 4,299 USD ลดเหลือ เริ่มต้น 3,869 USD

    ค่าที่พักบนเรือตลอดการเดินทาง
    WIFI บนเรือ และ เครื่องดื่มบนเรือ
    รถรับ-ส่ง สนามบิน-ท่าเรือ (กรณีเดินทางมาถึงในวันที่เรือออกเดินทาง)
    กิจกรรมบนเรือ และความบันเทิง
    ค่าภาษีท่าเรือและค่าทิปพนักงานบนเรือ

    รหัสโปรแกรม : UNIP-8D7N-PAR-PAR-2611021
    คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e79677

    สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที!
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696

    #UniworldRiverCruise #Paris #Normandy #LaRoche #France #Rouen #แพ็คเกจเรือล่องแม่น้ำ #CruiseDomain
    🎼 ล่องเรือแม่น้ำแซน ฝรั่งเศส เส้นทางสุดโรแมนติก จากปารีสสู่นอร์ม็องดี พักผ่อนบนเรือล่องแม่น้ำบริการระดับโรงแรม 6 ดาว อาหารฝรั่งเศสระดับกูร์เมต์ พร้อมไวน์ท้องถิ่นเสิร์ฟทุกมื้อ 🍷🍴 ✨ แพ็คเกจเรือล่องเรือ Paris & Normandy พัก S.S. Joie de Vivre By Uniworld River Cruise 📅 เดินทาง มี.ค. - พ.ย. 2569 📍 เส้นทางปารีส - ลา โรช - กียง, แวร์นง, ชีแวร์นี่ - รูอ็อง - โกดด์เบค - ออง โก (องเฟลอ แอเทรอตา) - รูอ็อง - มองต์ - ลา - ฌอลี (แวร์ซาย) - ปารีส 🎇 Early Booking ลดสูงสุด 10% (บางช่วงวันเดินทาง) 💸 ปกติเริ่มต้น 4,299 USD ลดเหลือ เริ่มต้น 3,869 USD ✅ ค่าที่พักบนเรือตลอดการเดินทาง ✅ WIFI บนเรือ และ เครื่องดื่มบนเรือ ✅ รถรับ-ส่ง สนามบิน-ท่าเรือ (กรณีเดินทางมาถึงในวันที่เรือออกเดินทาง) ✅ กิจกรรมบนเรือ และความบันเทิง ✅ ค่าภาษีท่าเรือและค่าทิปพนักงานบนเรือ 📌 รหัสโปรแกรม : UNIP-8D7N-PAR-PAR-2611021 คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e79677 📩 สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที! https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 #UniworldRiverCruise #Paris #Normandy #LaRoche #France #Rouen #แพ็คเกจเรือล่องแม่น้ำ #CruiseDomain
    0 Comments 0 Shares 274 Views 0 Reviews
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 2 – อิรัก 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 2”
    อิรัก 2
ในที่สุดชาวอิรัก ก็ทนเห็นประเทศตัวเอง เป็นหุ่นเชิดของอังกฤษต่อไปอีกไม่ไหว จึงเริ่มบีบกษัตริย์ Faisal ให้เจรจากับอังกฤษ ลดอำนาจการปกครองอังกฤษในอิรักลงบ้าง อย่าให้มันออกหน้าออกตาขนาดนี้เลย การเจรจาใช้เวลาอยู่หลายปี ในที่สุด Anglo – Iraqi Treaty ก็คลอดในปี ค.ศ. 1930 Faisal ไม่ได้เป็นคนมาลงนามในสัญญานี้ ส่งใบลาป่วย อ้างว่าไส้ติ่งอักเสบกระทันหัน
    Treaty นี้ ก็ยังให้สิทธิพิเศษแก่คนอังกฤษ ที่เป็นตัวแทนรัฐบาลอังกฤษ และลูกจ้างรัฐบาลอังกฤษ ที่อังกฤษส่งมาทำงานในอิรักเหมือนเดิม ที่ดูเหมือนเปลี่ยนไป คือ ข้อตกลงนี้ระบุว่างานบริหารภายในประเทศ ให้เป็นความรับผิดชอบของกษัตริย์ Faisal ส่วนอังกฤษจะรับผิดชอบ ดูแลปกป้องอิรัก จากการจู่โจมภายนอก (แหม ! มันคลับคล้ายเหมือนสัญญาอะไรหนอ ที่สมันน้อยไปทำไว้กับใครเขาทำนองนี้ เมื่อ 60 กว่าปีก่อน)
    และเพื่อให้อังกฤษสามารถปกป้องอิรักได้เต็มที่ อิรักก็จะต้องให้อังกฤษเช่าสนามบิน โดยไม่คิดค่าเช่า สัญญานี้มีอายุ 25 ปี และจะมีผลต่อเมื่ออิรัก ได้เข้าไปเป็นสมาชิกของสันนิบาตชาติ League of Nations ในฐานะประเทศเอกราช
    อิรักขมักเขม้นทำการบ้าน โดยความหวังที่จะเป็นเอกราช ปลดแอกอังกฤษออกจากบ่า ค.ศ. 1932 สันนิบาตชาติ ซึ่งคุมโดยขาใหญ่ที่ชนะสงครามโลกครั้งที่ 1 (ก็อังกฤษกับฝรั่งเศสนั่นแหละ !) ก็รับอิรักเข้าเป็นสมาชิก คงใช้เวลานานหน่อยกว่าอิรักจะรู้ตัวว่า เขาแค่เปลี่ยนยี่ห้อหม้อต้มเหยื่อเท่านั้นเอง จะหม้อต้มยี่ห้อไหน ก็ผลิตมาจากโรงงานเดียวกัน
    แต่อิรักไม่ใช่ชาติที่จะยอม งอมืออยู่อย่างนั้น พวกเขาเดินหน้า หาทางหักกับอังกฤษต่อไป รัฐบาลอิรักพยายามแข็งข้อกับอังกฤษอยู่หลายรอบ ครั้งสำคัญคือ ค.ศ. 1941 สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มมาใกล้ตัว สภาอิรักลงมติไม่สนับสนุนอังกฤษ ในการประกาศสงครามกับเยอรมัน !
    อังกฤษเหมือนโดนตีแซกหน้า! ยกทัพเต็มอัตรามาเต็มเมืองอิรัก แล้วปลดรัฐบาลอิรักที่มาจากการ เลือกตั้ง เอานักการเมืองที่ฝักฝ่าย อังกฤษเข้ามาเป็นรัฐบาลแทน กษัตริย์ Faisal ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนอีก ตอนที่เซ็นสัญญา Anglo-Iraq : Treaty ก็ส่งใบลาป่วยว่าใส้ติ่งอักเสบส่งตัวแทนมา คราวนี้ไม่รู้อะไรอักเสบ
    หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบ ความสงบในอิรักยิ่งหายาก ชาวอิรักต้องการเป็นอิสระจากแอกของอังกฤษ พวกเขาผลัดเปลี่ยนกันต่อต้านและต่อสู้ แต่กำลังอาวุธมันต่างกัน และที่สำคัญหนอนบ่อนไส้ ที่เป็นชาวอิรัก ที่อังกฤษชุบเลี้ยงไว้ให้ทำงาน ยังมีอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญๆ
    แต่ในที่สุดราชวงศ์ Hashemite ที่น่าสงสาร ถูกหลอก ซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็ถูกโค่นในปี ค.ศ. 1958 อังกฤษปล่อยมือจากการชักหุ่น หุ่นไม่มีเชือกชัก ตกพลั่กลงพื้น กษัตริย์ และราชวงศ์ Hashemite ถูกจับติดคุก และถูกตัดสินประหารชีวิตในที่สุด โดยอังกฤษไม่ยื่นมือ ไม่เหลียวมามอง ได้แต่เก็บของ รีบกลับเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ของตนอย่างรีบด่วน อย่างเดียว
    แต่ฉากสุดท้ายนี้ มันน่าคิด อยู่ดี ๆ กษัตริย์ Hussein แห่งจอร์แดน ซึ่งเป็นญาติสนิทของ Faisal และเป็นหุ่นเชิดของอังกฤษเช่นเดียวกัน เกิดประสาทว่าพวกที่ลุกฮือ ไล่ฝรั่งตะวันตกที่เลบานอน จะเลยเถิดเข้ามาถึงจอร์แดนด้วย ขอแรงอิรักส่งกองทัพมาช่วยไล่หน่อยเถิด บรรดาทหารหาญของอิรัก จึงจัดแจงแต่งเครื่องแบบติดอาวุธกองทัพ มุ่งหน้าจะไปจอร์แดน
    แต่แล้วท่านนายพลคนหนึ่ง Colonel Abd as Salaam Arif ก็สั่งให้กองทัพเลี้ยวกลับมาสู่แบกแดด ส่องปืนใหญ่มาที่วังของ Hashemite เป็นการปฏิวัติของทหารอิรักชนิดไม่เสียเลือดเนื้อ ไม่มีผู้ต่อต้าน และไม่มีผู้รู้ตัว ขุนนางอิรัก Nuri as Said ที่เป็นขุนคอยพยักให้อังกฤษถูกจับก่อนเพื่อน ระหว่างที่พยายามจะหนี โดยปลอมตัวเป็นผู้หญิง หลังจากนั้นพวกกษัตริย์และราชวงศ์ก็โดนรวบตัว ชาวอิรักต่างไปชุมนุมอยู่หน้าสถานทูตอังกฤษ ด่าทอ ขว้างปา พวกเขามองว่า อังกฤษกับ Hashemite เป็นตัวแทนของกันและกัน
    เป็นการจบฉากของชาวเกาะผู้ยิ่งใหญ่ในอิรัก ที่ไม่สวยงามตั้งแต่เริ่มต้นวันแรก จนถึงวันสุดท้าย
    ผมจะไม่แปลกใจเลย ถ้าเหตุการณ์รุนแรง ที่กำลังดำเนินอยู่ในอิรักขณะนี้ โดยเฉพาะที่ Mosul ถึงขนาดที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มายืนแถลงเมื่อไม่นานมานี้ เลื่อนอันดับภัยจากผู้ก่อการร้าย ในอังกฤษขึ้นสูงถึงระดับรุนแรง (Severe) เนื่องจากเหตุการณ์ในอิรักและซีเรีย มันจะมีรากยาวฝั่งลึก ย้อนไปได้ถึง 100 ปี
    แม้อังกฤษจะเก็บของกลับเกาะไปแล้ว แต่อังกฤษได้ทิ้งพิษร้ายค้างอยู่ในอิรัก มันมาจากแผนการต้ม การเคี้ยวเหยื่อ ตั้งแต่ต้น มันเป็นแผนที่ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่าง เผ่าพันธ์และธรรมเนียมประเพณีทางศาสนา อย่างน่าสงสารของเหยื่อ
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
12 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 2 – อิรัก 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 2” อิรัก 2
ในที่สุดชาวอิรัก ก็ทนเห็นประเทศตัวเอง เป็นหุ่นเชิดของอังกฤษต่อไปอีกไม่ไหว จึงเริ่มบีบกษัตริย์ Faisal ให้เจรจากับอังกฤษ ลดอำนาจการปกครองอังกฤษในอิรักลงบ้าง อย่าให้มันออกหน้าออกตาขนาดนี้เลย การเจรจาใช้เวลาอยู่หลายปี ในที่สุด Anglo – Iraqi Treaty ก็คลอดในปี ค.ศ. 1930 Faisal ไม่ได้เป็นคนมาลงนามในสัญญานี้ ส่งใบลาป่วย อ้างว่าไส้ติ่งอักเสบกระทันหัน Treaty นี้ ก็ยังให้สิทธิพิเศษแก่คนอังกฤษ ที่เป็นตัวแทนรัฐบาลอังกฤษ และลูกจ้างรัฐบาลอังกฤษ ที่อังกฤษส่งมาทำงานในอิรักเหมือนเดิม ที่ดูเหมือนเปลี่ยนไป คือ ข้อตกลงนี้ระบุว่างานบริหารภายในประเทศ ให้เป็นความรับผิดชอบของกษัตริย์ Faisal ส่วนอังกฤษจะรับผิดชอบ ดูแลปกป้องอิรัก จากการจู่โจมภายนอก (แหม ! มันคลับคล้ายเหมือนสัญญาอะไรหนอ ที่สมันน้อยไปทำไว้กับใครเขาทำนองนี้ เมื่อ 60 กว่าปีก่อน) และเพื่อให้อังกฤษสามารถปกป้องอิรักได้เต็มที่ อิรักก็จะต้องให้อังกฤษเช่าสนามบิน โดยไม่คิดค่าเช่า สัญญานี้มีอายุ 25 ปี และจะมีผลต่อเมื่ออิรัก ได้เข้าไปเป็นสมาชิกของสันนิบาตชาติ League of Nations ในฐานะประเทศเอกราช อิรักขมักเขม้นทำการบ้าน โดยความหวังที่จะเป็นเอกราช ปลดแอกอังกฤษออกจากบ่า ค.ศ. 1932 สันนิบาตชาติ ซึ่งคุมโดยขาใหญ่ที่ชนะสงครามโลกครั้งที่ 1 (ก็อังกฤษกับฝรั่งเศสนั่นแหละ !) ก็รับอิรักเข้าเป็นสมาชิก คงใช้เวลานานหน่อยกว่าอิรักจะรู้ตัวว่า เขาแค่เปลี่ยนยี่ห้อหม้อต้มเหยื่อเท่านั้นเอง จะหม้อต้มยี่ห้อไหน ก็ผลิตมาจากโรงงานเดียวกัน แต่อิรักไม่ใช่ชาติที่จะยอม งอมืออยู่อย่างนั้น พวกเขาเดินหน้า หาทางหักกับอังกฤษต่อไป รัฐบาลอิรักพยายามแข็งข้อกับอังกฤษอยู่หลายรอบ ครั้งสำคัญคือ ค.ศ. 1941 สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มมาใกล้ตัว สภาอิรักลงมติไม่สนับสนุนอังกฤษ ในการประกาศสงครามกับเยอรมัน ! อังกฤษเหมือนโดนตีแซกหน้า! ยกทัพเต็มอัตรามาเต็มเมืองอิรัก แล้วปลดรัฐบาลอิรักที่มาจากการ เลือกตั้ง เอานักการเมืองที่ฝักฝ่าย อังกฤษเข้ามาเป็นรัฐบาลแทน กษัตริย์ Faisal ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนอีก ตอนที่เซ็นสัญญา Anglo-Iraq : Treaty ก็ส่งใบลาป่วยว่าใส้ติ่งอักเสบส่งตัวแทนมา คราวนี้ไม่รู้อะไรอักเสบ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบ ความสงบในอิรักยิ่งหายาก ชาวอิรักต้องการเป็นอิสระจากแอกของอังกฤษ พวกเขาผลัดเปลี่ยนกันต่อต้านและต่อสู้ แต่กำลังอาวุธมันต่างกัน และที่สำคัญหนอนบ่อนไส้ ที่เป็นชาวอิรัก ที่อังกฤษชุบเลี้ยงไว้ให้ทำงาน ยังมีอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญๆ แต่ในที่สุดราชวงศ์ Hashemite ที่น่าสงสาร ถูกหลอก ซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็ถูกโค่นในปี ค.ศ. 1958 อังกฤษปล่อยมือจากการชักหุ่น หุ่นไม่มีเชือกชัก ตกพลั่กลงพื้น กษัตริย์ และราชวงศ์ Hashemite ถูกจับติดคุก และถูกตัดสินประหารชีวิตในที่สุด โดยอังกฤษไม่ยื่นมือ ไม่เหลียวมามอง ได้แต่เก็บของ รีบกลับเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ของตนอย่างรีบด่วน อย่างเดียว แต่ฉากสุดท้ายนี้ มันน่าคิด อยู่ดี ๆ กษัตริย์ Hussein แห่งจอร์แดน ซึ่งเป็นญาติสนิทของ Faisal และเป็นหุ่นเชิดของอังกฤษเช่นเดียวกัน เกิดประสาทว่าพวกที่ลุกฮือ ไล่ฝรั่งตะวันตกที่เลบานอน จะเลยเถิดเข้ามาถึงจอร์แดนด้วย ขอแรงอิรักส่งกองทัพมาช่วยไล่หน่อยเถิด บรรดาทหารหาญของอิรัก จึงจัดแจงแต่งเครื่องแบบติดอาวุธกองทัพ มุ่งหน้าจะไปจอร์แดน แต่แล้วท่านนายพลคนหนึ่ง Colonel Abd as Salaam Arif ก็สั่งให้กองทัพเลี้ยวกลับมาสู่แบกแดด ส่องปืนใหญ่มาที่วังของ Hashemite เป็นการปฏิวัติของทหารอิรักชนิดไม่เสียเลือดเนื้อ ไม่มีผู้ต่อต้าน และไม่มีผู้รู้ตัว ขุนนางอิรัก Nuri as Said ที่เป็นขุนคอยพยักให้อังกฤษถูกจับก่อนเพื่อน ระหว่างที่พยายามจะหนี โดยปลอมตัวเป็นผู้หญิง หลังจากนั้นพวกกษัตริย์และราชวงศ์ก็โดนรวบตัว ชาวอิรักต่างไปชุมนุมอยู่หน้าสถานทูตอังกฤษ ด่าทอ ขว้างปา พวกเขามองว่า อังกฤษกับ Hashemite เป็นตัวแทนของกันและกัน เป็นการจบฉากของชาวเกาะผู้ยิ่งใหญ่ในอิรัก ที่ไม่สวยงามตั้งแต่เริ่มต้นวันแรก จนถึงวันสุดท้าย ผมจะไม่แปลกใจเลย ถ้าเหตุการณ์รุนแรง ที่กำลังดำเนินอยู่ในอิรักขณะนี้ โดยเฉพาะที่ Mosul ถึงขนาดที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มายืนแถลงเมื่อไม่นานมานี้ เลื่อนอันดับภัยจากผู้ก่อการร้าย ในอังกฤษขึ้นสูงถึงระดับรุนแรง (Severe) เนื่องจากเหตุการณ์ในอิรักและซีเรีย มันจะมีรากยาวฝั่งลึก ย้อนไปได้ถึง 100 ปี แม้อังกฤษจะเก็บของกลับเกาะไปแล้ว แต่อังกฤษได้ทิ้งพิษร้ายค้างอยู่ในอิรัก มันมาจากแผนการต้ม การเคี้ยวเหยื่อ ตั้งแต่ต้น มันเป็นแผนที่ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่าง เผ่าพันธ์และธรรมเนียมประเพณีทางศาสนา อย่างน่าสงสารของเหยื่อ สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
12 ก.ย. 57
    0 Comments 0 Shares 414 Views 0 Reviews
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 2 – อิรัก 1
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 2”
    อิรัก 1
ระหว่างที่ฝรั่งตะวันตกผู้ชนะสงคราม กำลังวุ่นอยู่กับการแบ่งสมบัติที่ไปได้ มาจากการหลอกต้มเหยื่อ เหยื่อก็นั่งเหม่อ มึนงง สับสน ตกลงพวกเราจะได้เป็นเจ้าของดินแดนไหมหนอ อย่าว่าจะเป็นเจ้าของเลย จะมีที่ให้หย่อนก้น ปักหลักตั้งกระโจม ตรงไหนก็ยังไม่รู้เล้ย
    ข้อตกลงที่ปารีส Paris Conference และโดยสันนิบาตชาติ ที่ตกลงจะแบ่งดินแดนของเหยื่อ ระหว่างผู้ล่า ทำท่าจะล่ม
    ข้อตกลงที่ตุรกี จะยอมตัดทิ้งดินแดนหลายส่วน ซึ่งลงนามโดยซากของรัฐบาลออตโตมาน ในที่สุด ก็ไม่ได้รับการยินยอมจากพวกยังเตอร์ก ที่เริ่มก่อการและปฏิวัติแยกตุรกีออกมาเป็นรัฐอิสระหลังจากสงครามโลกจบลง
    แต่อังกฤษกับฝรั่งเศสก็ยังเดินหน้าแบ่งสมบัติกันต่อ อย่างไม่ลงตัว ฝรั่งเศสบอก อังกฤษตกลงอะไรแล้วเบี้ยวตลอด ก็คงจะจริง นาน ๆ ผมจะเห็นด้วยกับฝรั่งเศสเสียที เห็นด้วย แต่ไม่ได้เห็นใจนะครับ
    ในที่สุดอังกฤษก็ตัดใจ บอกให้ฝรั่งเศสเอาซีเรียกับเลบานอนไปก็แล้วกัน
    แต่ขณะนั้น Faisal ลูกชายของ Sharif Hussein ยังปักหลักผู้ที่เมืองดามัสกัส หลังจากอุตส่าห์ไปยึดเมืองมาให้เขาเบี้ยว อังกฤษบอกอยู่ไปเถอะ พวกท่านออกแรงนี่หนา เป็นรางวัลปลอบใจอย่างจอมปลอม หลังจากโกหกตอแหล ไม่หาอาณาจักรอาหรับให้ Sharif Hussein
    อังกฤษปล่อยให้ Faisal ตั้งกระโจม อยู่กลางเมืองดามัสกัส เหมือนอังกฤษจะรู้ว่า ต่อไปดามัสกัสจะเป็นของใคร ยืมมือคนอื่นฆ่ามิตร เป็นอีกสันดานที่ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ถนัดทำ !
    แล้วมันก็เป็นไปตามแผนของชาวเกาะ เมื่อฝรั่งเศสเข้าไปในดามัสกัส สิ่งแรกที่ฝรั่งเศสทำคือ บอกไม่รับรู้ เรื่องการตั้งกระโจมอยู่กลางดามัสกัสของ Faisal นั่นมันเป็นเรื่องของอังกฤษ เราไม่เคยไปตกลงอะไรกับท่านฝรั่งเศสไม่เคยเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นจงรีบขนของขึ้นอูฐย้ายออกไป ด่วน !
    Faisal หน้าตก อพยพหอบลูกจูงหลาน บริวารอีกหลายร้อย แถวยาวไปตามเนินทราย มุ่งหน้าไปปาเลสไตน์ที่อังกฤษดูแลอยู่ หวังจะให้อังกฤษช่วย
    อึ่ม ! เข้าทาง ! อิรัก กำลังวุ่นวาย อังกฤษจะออกหน้าก็กระไรอยู่ เดี๋ยวจะหาว่ามาล่าอาณานิคมอีก แค่เอาบ่อน้ำมันเขาไป ชาวบ้านก็นินทาจมหูแล้ว อังกฤษบอก Faisal เอางี้ เดี๋ยวเราจะจัดการให้ท่านเป็นกษัตริย์ ปกครองอิรักแล้วกัน โอ้ ! ในที่สุดเพื่อนก็ไม่ทิ้งเรา Faisal รำพึงเสียงเครือ
    อิรักต้องมีคนปกครอง แต่ถ้าเป็นชาวอิรัก อำนาจอังกฤษในอิรักอาจจะน้อยล ง จะไว้ใจได้แค่ไหน สู้เอาคนต่างถิ่น ต่างเผ่ามาปกครองดีกว่า Faisal น่าจะเหมาะสม แม้จะเป็นอาหรับด้วยกัน แต่ต่างเผ่าพันธ์กัน ชาวอิรักก็มอง Faisal เหมือนคนต่างชาติ ที่แย่กว่านั้น ชาวอิรักมอง Faisal ว่าเป็นหุ่น เป็นขี้ข้าฝรั่ง ยิ่งรังเกียจ Faisal หนักขึ้น และนั่นแหละ Faisal จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในสายตาของอังกฤษ เพราะ Faisal จะปกครองอิรักโดยลำพังไม่ได้ ต้องพึ่งอังกฤษตลอดไป คนอิรักก็ไม่รับ Faisal และ Faisal ก็ใช้คนอิรักไม่ได้เต็มที่ ที่ปรึกษาชาวอังกฤษจึงเต็มอิรักไปหมด
    เมื่อทุกอย่างเข้าทางตามแผน อังกฤษก็อพยพเหมือนกัน แต่เป็นการอพยพ เอากลุ่มที่ปรึกษาชาวอังกฤษ เข้าไปเต็มเมืองอิรัก จริง ๆ ก็คือการเข้าไปปกครองอิรัก เหมือนอิรักเป็นอาณานิคม รูปแบบใหม่นั่นแหละ แต่คราวนี้ แม้อิรักจะไม่ได้เป็นกล่องดวง ใจ แบบอินเดีย แต่ก็มีของมีค่ามหาศาล ยังไม่รู้ว่า มหาศาลขนาดไหน ฝั่งตัวอยู่ใต้ดิน เผลอๆ อาจจะมีค่ามากกว่า อินเดีย กล่องดวงใจเสียอีก อังกฤษจำเป็นต้องอยู่ในอิรักให้นานที่สุด และมั่นคงที่สุด กว่ายักษ์ใต้ดินจะเติบโตใช้สอยดังใจหวัง
    ราชวงศ์ Hashemite ของ Faisal จึงเป็นเหมือนหุ่นเชิดของอังกฤษ แม้จะบอกว่าเป็นประเทศเอกราช แต่ผู้เชี่ยวชาญอังกฤษ ที่ปรึกษาอังกฤษ เป็นผู้ปกครองอิรักโดยพฤตินัย คนอังกฤษไปอยู่อิรัก ขนทั้งคนและระบบอังกฤษติดตัวตามไปหมด ตั้งแต่ตั้งโรงเรียนแบบอังกฤษ บ้านช่องการเป็นอยู่อย่างอังกฤษ เด็ก ๆ ลูกที่ปรึกษา ก็ต้องมีพี่เลี้ยง (nanny) แบบลูกผู้ดีที่เกาะอังกฤษเขาทำกัน nanny ชาวพื้นเมืองหน้าดำ ใส่เอี้ยม คลุมหัว คอยเดินตามเช็ดมือเช็ดเท้าให้คุณหนูผมทอง ฯลฯ
    นอกเหนือจากการบริหารประเทศแล้ว อังกฤษยังตั้งฐานทัพ และสนามบินไว้ที่อิรัก ทั้งหมดเป็นการอำนวยความสดวก และการป้องกัน ให้การขุดเจาะน้ำมันของ The Turkish Petroleum Company ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Iraqi Petroleum Company ซึ่งถือหุ้นโดย Anglo – Persian Oil Company ที่อังกฤษมอบหมายให้หน้าที่เสมือนเป็นข้าหลวงใหญ่ของอังกฤษประจำอิรักอีกด้วย เดินไปอย่างราบรื่นไม่มีสดุด ไม่มีติดขัด
    Turkish Petroleum ทำเงินให้อังกฤษมากมาย รวมทั้งรัฐบาลอิรักด้วย แต่แทนที่รัฐบาลอิรัก จะนำไปปรับปรุงประเทศ กลับนำไปใช้ในการซื้ออาวุธให้กองทัพของอิรัก ซึ่งอยู่ในความดูแลของกองทหารอังกฤษ ประชาชนชาวอิรักก็หน้าแห้ง ท้องกิ่ว เหมือนเดิม
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
12 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 2 – อิรัก 1 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 2” อิรัก 1
ระหว่างที่ฝรั่งตะวันตกผู้ชนะสงคราม กำลังวุ่นอยู่กับการแบ่งสมบัติที่ไปได้ มาจากการหลอกต้มเหยื่อ เหยื่อก็นั่งเหม่อ มึนงง สับสน ตกลงพวกเราจะได้เป็นเจ้าของดินแดนไหมหนอ อย่าว่าจะเป็นเจ้าของเลย จะมีที่ให้หย่อนก้น ปักหลักตั้งกระโจม ตรงไหนก็ยังไม่รู้เล้ย ข้อตกลงที่ปารีส Paris Conference และโดยสันนิบาตชาติ ที่ตกลงจะแบ่งดินแดนของเหยื่อ ระหว่างผู้ล่า ทำท่าจะล่ม ข้อตกลงที่ตุรกี จะยอมตัดทิ้งดินแดนหลายส่วน ซึ่งลงนามโดยซากของรัฐบาลออตโตมาน ในที่สุด ก็ไม่ได้รับการยินยอมจากพวกยังเตอร์ก ที่เริ่มก่อการและปฏิวัติแยกตุรกีออกมาเป็นรัฐอิสระหลังจากสงครามโลกจบลง แต่อังกฤษกับฝรั่งเศสก็ยังเดินหน้าแบ่งสมบัติกันต่อ อย่างไม่ลงตัว ฝรั่งเศสบอก อังกฤษตกลงอะไรแล้วเบี้ยวตลอด ก็คงจะจริง นาน ๆ ผมจะเห็นด้วยกับฝรั่งเศสเสียที เห็นด้วย แต่ไม่ได้เห็นใจนะครับ ในที่สุดอังกฤษก็ตัดใจ บอกให้ฝรั่งเศสเอาซีเรียกับเลบานอนไปก็แล้วกัน แต่ขณะนั้น Faisal ลูกชายของ Sharif Hussein ยังปักหลักผู้ที่เมืองดามัสกัส หลังจากอุตส่าห์ไปยึดเมืองมาให้เขาเบี้ยว อังกฤษบอกอยู่ไปเถอะ พวกท่านออกแรงนี่หนา เป็นรางวัลปลอบใจอย่างจอมปลอม หลังจากโกหกตอแหล ไม่หาอาณาจักรอาหรับให้ Sharif Hussein อังกฤษปล่อยให้ Faisal ตั้งกระโจม อยู่กลางเมืองดามัสกัส เหมือนอังกฤษจะรู้ว่า ต่อไปดามัสกัสจะเป็นของใคร ยืมมือคนอื่นฆ่ามิตร เป็นอีกสันดานที่ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ถนัดทำ ! แล้วมันก็เป็นไปตามแผนของชาวเกาะ เมื่อฝรั่งเศสเข้าไปในดามัสกัส สิ่งแรกที่ฝรั่งเศสทำคือ บอกไม่รับรู้ เรื่องการตั้งกระโจมอยู่กลางดามัสกัสของ Faisal นั่นมันเป็นเรื่องของอังกฤษ เราไม่เคยไปตกลงอะไรกับท่านฝรั่งเศสไม่เคยเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นจงรีบขนของขึ้นอูฐย้ายออกไป ด่วน ! Faisal หน้าตก อพยพหอบลูกจูงหลาน บริวารอีกหลายร้อย แถวยาวไปตามเนินทราย มุ่งหน้าไปปาเลสไตน์ที่อังกฤษดูแลอยู่ หวังจะให้อังกฤษช่วย อึ่ม ! เข้าทาง ! อิรัก กำลังวุ่นวาย อังกฤษจะออกหน้าก็กระไรอยู่ เดี๋ยวจะหาว่ามาล่าอาณานิคมอีก แค่เอาบ่อน้ำมันเขาไป ชาวบ้านก็นินทาจมหูแล้ว อังกฤษบอก Faisal เอางี้ เดี๋ยวเราจะจัดการให้ท่านเป็นกษัตริย์ ปกครองอิรักแล้วกัน โอ้ ! ในที่สุดเพื่อนก็ไม่ทิ้งเรา Faisal รำพึงเสียงเครือ อิรักต้องมีคนปกครอง แต่ถ้าเป็นชาวอิรัก อำนาจอังกฤษในอิรักอาจจะน้อยล ง จะไว้ใจได้แค่ไหน สู้เอาคนต่างถิ่น ต่างเผ่ามาปกครองดีกว่า Faisal น่าจะเหมาะสม แม้จะเป็นอาหรับด้วยกัน แต่ต่างเผ่าพันธ์กัน ชาวอิรักก็มอง Faisal เหมือนคนต่างชาติ ที่แย่กว่านั้น ชาวอิรักมอง Faisal ว่าเป็นหุ่น เป็นขี้ข้าฝรั่ง ยิ่งรังเกียจ Faisal หนักขึ้น และนั่นแหละ Faisal จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในสายตาของอังกฤษ เพราะ Faisal จะปกครองอิรักโดยลำพังไม่ได้ ต้องพึ่งอังกฤษตลอดไป คนอิรักก็ไม่รับ Faisal และ Faisal ก็ใช้คนอิรักไม่ได้เต็มที่ ที่ปรึกษาชาวอังกฤษจึงเต็มอิรักไปหมด เมื่อทุกอย่างเข้าทางตามแผน อังกฤษก็อพยพเหมือนกัน แต่เป็นการอพยพ เอากลุ่มที่ปรึกษาชาวอังกฤษ เข้าไปเต็มเมืองอิรัก จริง ๆ ก็คือการเข้าไปปกครองอิรัก เหมือนอิรักเป็นอาณานิคม รูปแบบใหม่นั่นแหละ แต่คราวนี้ แม้อิรักจะไม่ได้เป็นกล่องดวง ใจ แบบอินเดีย แต่ก็มีของมีค่ามหาศาล ยังไม่รู้ว่า มหาศาลขนาดไหน ฝั่งตัวอยู่ใต้ดิน เผลอๆ อาจจะมีค่ามากกว่า อินเดีย กล่องดวงใจเสียอีก อังกฤษจำเป็นต้องอยู่ในอิรักให้นานที่สุด และมั่นคงที่สุด กว่ายักษ์ใต้ดินจะเติบโตใช้สอยดังใจหวัง ราชวงศ์ Hashemite ของ Faisal จึงเป็นเหมือนหุ่นเชิดของอังกฤษ แม้จะบอกว่าเป็นประเทศเอกราช แต่ผู้เชี่ยวชาญอังกฤษ ที่ปรึกษาอังกฤษ เป็นผู้ปกครองอิรักโดยพฤตินัย คนอังกฤษไปอยู่อิรัก ขนทั้งคนและระบบอังกฤษติดตัวตามไปหมด ตั้งแต่ตั้งโรงเรียนแบบอังกฤษ บ้านช่องการเป็นอยู่อย่างอังกฤษ เด็ก ๆ ลูกที่ปรึกษา ก็ต้องมีพี่เลี้ยง (nanny) แบบลูกผู้ดีที่เกาะอังกฤษเขาทำกัน nanny ชาวพื้นเมืองหน้าดำ ใส่เอี้ยม คลุมหัว คอยเดินตามเช็ดมือเช็ดเท้าให้คุณหนูผมทอง ฯลฯ นอกเหนือจากการบริหารประเทศแล้ว อังกฤษยังตั้งฐานทัพ และสนามบินไว้ที่อิรัก ทั้งหมดเป็นการอำนวยความสดวก และการป้องกัน ให้การขุดเจาะน้ำมันของ The Turkish Petroleum Company ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Iraqi Petroleum Company ซึ่งถือหุ้นโดย Anglo – Persian Oil Company ที่อังกฤษมอบหมายให้หน้าที่เสมือนเป็นข้าหลวงใหญ่ของอังกฤษประจำอิรักอีกด้วย เดินไปอย่างราบรื่นไม่มีสดุด ไม่มีติดขัด Turkish Petroleum ทำเงินให้อังกฤษมากมาย รวมทั้งรัฐบาลอิรักด้วย แต่แทนที่รัฐบาลอิรัก จะนำไปปรับปรุงประเทศ กลับนำไปใช้ในการซื้ออาวุธให้กองทัพของอิรัก ซึ่งอยู่ในความดูแลของกองทหารอังกฤษ ประชาชนชาวอิรักก็หน้าแห้ง ท้องกิ่ว เหมือนเดิม สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
12 ก.ย. 57
    0 Comments 0 Shares 357 Views 0 Reviews
  • “5 สิ่งที่ไม่ควรเสียบเข้าพอร์ต USB ของโทรศัพท์ — เพราะมันอาจไม่ใช่แค่ชาร์จแบต แต่เปิดประตูให้ภัยไซเบอร์”

    หลายคนอาจคิดว่าพอร์ต USB บนโทรศัพท์มือถือมีไว้แค่ชาร์จแบตหรือโอนข้อมูล แต่ในความเป็นจริง มันคือจุดเชื่อมต่อที่สำคัญที่สุดจุดหนึ่งของอุปกรณ์ — ทั้งในแง่พลังงาน การสื่อสารข้อมูล และความปลอดภัยของระบบ หากเสียบอุปกรณ์ผิดประเภทเข้าไป อาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว ชิ้นส่วนภายในพัง หรือที่ร้ายที่สุดคือข้อมูลส่วนตัวถูกขโมยโดยไม่รู้ตัว

    บทความจาก SlashGear ได้รวบรวม “5 สิ่งที่ไม่ควรเสียบเข้าพอร์ต USB ของโทรศัพท์” พร้อมเหตุผลที่ฟังแล้วอาจทำให้คุณเปลี่ยนพฤติกรรมทันที:

    1️⃣ สายชาร์จปลอม หรือไม่ได้รับการรับรอง — สายราคาถูกอาจไม่มีระบบป้องกันไฟกระชากหรือการควบคุมแรงดันไฟฟ้าอย่างเหมาะสม บางสายยังมีชิปซ่อนอยู่เพื่อดักข้อมูลหรือฝังมัลแวร์ เช่น “O.MG Cable” ที่เคยถูกใช้ในการแฮกอุปกรณ์โดยตรง

    2️⃣ สถานีชาร์จสาธารณะ — ที่สนามบินหรือห้างสรรพสินค้าอาจมีพอร์ต USB ให้เสียบชาร์จฟรี แต่หลายแห่งถูกแฮกเกอร์ดัดแปลงให้เป็นเครื่องมือโจมตีแบบ “Juice Jacking” ซึ่งสามารถติดตั้งมัลแวร์หรือขโมยข้อมูลผ่านสาย USB ได้ทันที

    3️⃣ แฟลชไดรฟ์หรืออุปกรณ์ USB ที่ไม่รู้แหล่งที่มา — อุปกรณ์เหล่านี้อาจมีมัลแวร์ หรือแม้แต่ “USB Killer” ที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าแรงสูงเพื่อทำลายวงจรภายในโทรศัพท์

    4️⃣ ฮาร์ดไดรฟ์ภายนอก — แม้จะสามารถเชื่อมต่อได้ แต่ฮาร์ดไดรฟ์บางรุ่นใช้พลังงานมากเกินกว่าที่โทรศัพท์จะรองรับ ทำให้เกิดความร้อนสูงและอาจทำให้พอร์ต USB เสียหาย

    5️⃣ หัวชาร์จที่มีวัตต์สูงเกินไป — การใช้หัวชาร์จที่ไม่ตรงกับสเปกของโทรศัพท์อาจทำให้เกิดความร้อนสูงเกินไป หรือทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วโดยไม่รู้ตัว

    https://www.slashgear.com/1982162/gadgets-to-never-plug-into-phone-usb-ports/
    🔌 “5 สิ่งที่ไม่ควรเสียบเข้าพอร์ต USB ของโทรศัพท์ — เพราะมันอาจไม่ใช่แค่ชาร์จแบต แต่เปิดประตูให้ภัยไซเบอร์” หลายคนอาจคิดว่าพอร์ต USB บนโทรศัพท์มือถือมีไว้แค่ชาร์จแบตหรือโอนข้อมูล แต่ในความเป็นจริง มันคือจุดเชื่อมต่อที่สำคัญที่สุดจุดหนึ่งของอุปกรณ์ — ทั้งในแง่พลังงาน การสื่อสารข้อมูล และความปลอดภัยของระบบ หากเสียบอุปกรณ์ผิดประเภทเข้าไป อาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว ชิ้นส่วนภายในพัง หรือที่ร้ายที่สุดคือข้อมูลส่วนตัวถูกขโมยโดยไม่รู้ตัว บทความจาก SlashGear ได้รวบรวม “5 สิ่งที่ไม่ควรเสียบเข้าพอร์ต USB ของโทรศัพท์” พร้อมเหตุผลที่ฟังแล้วอาจทำให้คุณเปลี่ยนพฤติกรรมทันที: 1️⃣ สายชาร์จปลอม หรือไม่ได้รับการรับรอง — สายราคาถูกอาจไม่มีระบบป้องกันไฟกระชากหรือการควบคุมแรงดันไฟฟ้าอย่างเหมาะสม บางสายยังมีชิปซ่อนอยู่เพื่อดักข้อมูลหรือฝังมัลแวร์ เช่น “O.MG Cable” ที่เคยถูกใช้ในการแฮกอุปกรณ์โดยตรง 2️⃣ สถานีชาร์จสาธารณะ — ที่สนามบินหรือห้างสรรพสินค้าอาจมีพอร์ต USB ให้เสียบชาร์จฟรี แต่หลายแห่งถูกแฮกเกอร์ดัดแปลงให้เป็นเครื่องมือโจมตีแบบ “Juice Jacking” ซึ่งสามารถติดตั้งมัลแวร์หรือขโมยข้อมูลผ่านสาย USB ได้ทันที 3️⃣ แฟลชไดรฟ์หรืออุปกรณ์ USB ที่ไม่รู้แหล่งที่มา — อุปกรณ์เหล่านี้อาจมีมัลแวร์ หรือแม้แต่ “USB Killer” ที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าแรงสูงเพื่อทำลายวงจรภายในโทรศัพท์ 4️⃣ ฮาร์ดไดรฟ์ภายนอก — แม้จะสามารถเชื่อมต่อได้ แต่ฮาร์ดไดรฟ์บางรุ่นใช้พลังงานมากเกินกว่าที่โทรศัพท์จะรองรับ ทำให้เกิดความร้อนสูงและอาจทำให้พอร์ต USB เสียหาย 5️⃣ หัวชาร์จที่มีวัตต์สูงเกินไป — การใช้หัวชาร์จที่ไม่ตรงกับสเปกของโทรศัพท์อาจทำให้เกิดความร้อนสูงเกินไป หรือทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วโดยไม่รู้ตัว https://www.slashgear.com/1982162/gadgets-to-never-plug-into-phone-usb-ports/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Things You Should Never Plug Into Your Phone's USB Ports (And Why) - SlashGear
    Your smartphone's USB port means it's compatible with a wide range of USB-powered accessories, but you'll want to avoid connecting it to just anything.
    0 Comments 0 Shares 219 Views 0 Reviews
  • “ลำไย” เจอติงหนัก ! โซ้ยปลากระป๋องกลางสนามบิน : [News story]

    “ลำไย ไหทองคำ” โชว์ไลฟ์สไตล์อยู่ง่าย กินปลากระป๋องกลางสนามบิน ดันเจอชาวเน็ตวิจารณ์สนั่นถึงความเหมาะสม และมารยาทในการใช้สนามบินไม่ควรทานอาหารส่งกลิ่นรบกวน
    “ลำไย” เจอติงหนัก ! โซ้ยปลากระป๋องกลางสนามบิน : [News story] “ลำไย ไหทองคำ” โชว์ไลฟ์สไตล์อยู่ง่าย กินปลากระป๋องกลางสนามบิน ดันเจอชาวเน็ตวิจารณ์สนั่นถึงความเหมาะสม และมารยาทในการใช้สนามบินไม่ควรทานอาหารส่งกลิ่นรบกวน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 350 Views 0 0 Reviews
  • “กรีนแลนด์: ดินแดนสวยงามที่ไม่ต้อนรับมนุษย์ — บันทึกการเดินทางสุดโหดจากเดนมาร์กสู่ขั้วโลกเหนือ”

    เมื่อชาวเดนมาร์กคนหนึ่งตัดสินใจพาครอบครัวเดินทางไปเยือนกรีนแลนด์ ดินแดนที่เคยเป็นอาณานิคมของเดนมาร์กและยังคงมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนอยู่จนถึงทุกวันนี้ เขาได้พบกับประสบการณ์ที่ทั้งงดงามและโหดร้ายในเวลาเดียวกัน

    การเดินทางเริ่มต้นด้วยความวุ่นวายที่สนามบินโคเปนเฮเกน ก่อนจะบินไปยังกรีนแลนด์ แต่กลับต้องวนรอบสนามบินถึง 3 ชั่วโมงเพราะหมอกหนา และสุดท้ายต้องบินไปเติมน้ำมันที่ไอซ์แลนด์ก่อนกลับเดนมาร์กอีกครั้ง รวมเวลาบินกว่า 15 ชั่วโมงโดยไม่ได้ลงจอดเลย ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ชาวกรีนแลนด์ดูจะชินเสียแล้ว

    เมื่อไปถึงเมือง Nuuk เมืองหลวงของกรีนแลนด์ ผู้เขียนพบกับความสงบแบบเหนือจริง ผู้คนไม่เร่งรีบ อากาศหนาวจัดแต่มีแสงแดดแรงจนรู้สึกเหมือนอยู่ในเตาอบกลางวัน และหนาวจัดในทันทีเมื่อเปิดหน้าต่างตอนกลางคืน เป็นสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงแบบสุดขั้ว

    จากนั้นเดินทางต่อไปยัง Ilulissat เมืองที่เต็มไปด้วยธารน้ำแข็งและภูมิประเทศที่ดูเหมือนหลุดออกมาจากนิยายไซไฟ แต่สิ่งที่ทำให้ตกใจที่สุดคือฝูงยุงที่ดุร้ายจนต้องใส่ตาข่ายคลุมหน้า และสุนัขลากเลื่อนที่ถูกล่ามไว้กลางแจ้งเหมือนอยู่ในคุกกลางธรรมชาติ

    แม้จะมีความงดงามของธารน้ำแข็งและการได้เห็นวาฬในทะเลที่สงบที่สุดเท่าที่เคยเจอ แต่ก็มีภาพที่สะเทือนใจ เช่น การโยนซากสุนัขที่ตายแล้วลงหน้าผาต่อหน้ากลุ่มเด็ก และการล่าวาฬที่ยังคงดำเนินอยู่ในรูปแบบอุตสาหกรรม

    กรีนแลนด์จึงเป็นดินแดนที่ทั้งงดงามและโหดร้าย เป็นสถานที่ที่ธรรมชาติยังคงควบคุมทุกอย่าง และมนุษย์ต้องปรับตัวอย่างสุดขั้วเพื่ออยู่รอด

    https://matduggan.com/greenland-is-a-beautiful-nightmare/
    🧊 “กรีนแลนด์: ดินแดนสวยงามที่ไม่ต้อนรับมนุษย์ — บันทึกการเดินทางสุดโหดจากเดนมาร์กสู่ขั้วโลกเหนือ” เมื่อชาวเดนมาร์กคนหนึ่งตัดสินใจพาครอบครัวเดินทางไปเยือนกรีนแลนด์ ดินแดนที่เคยเป็นอาณานิคมของเดนมาร์กและยังคงมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนอยู่จนถึงทุกวันนี้ เขาได้พบกับประสบการณ์ที่ทั้งงดงามและโหดร้ายในเวลาเดียวกัน การเดินทางเริ่มต้นด้วยความวุ่นวายที่สนามบินโคเปนเฮเกน ก่อนจะบินไปยังกรีนแลนด์ แต่กลับต้องวนรอบสนามบินถึง 3 ชั่วโมงเพราะหมอกหนา และสุดท้ายต้องบินไปเติมน้ำมันที่ไอซ์แลนด์ก่อนกลับเดนมาร์กอีกครั้ง รวมเวลาบินกว่า 15 ชั่วโมงโดยไม่ได้ลงจอดเลย ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ชาวกรีนแลนด์ดูจะชินเสียแล้ว เมื่อไปถึงเมือง Nuuk เมืองหลวงของกรีนแลนด์ ผู้เขียนพบกับความสงบแบบเหนือจริง ผู้คนไม่เร่งรีบ อากาศหนาวจัดแต่มีแสงแดดแรงจนรู้สึกเหมือนอยู่ในเตาอบกลางวัน และหนาวจัดในทันทีเมื่อเปิดหน้าต่างตอนกลางคืน เป็นสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงแบบสุดขั้ว จากนั้นเดินทางต่อไปยัง Ilulissat เมืองที่เต็มไปด้วยธารน้ำแข็งและภูมิประเทศที่ดูเหมือนหลุดออกมาจากนิยายไซไฟ แต่สิ่งที่ทำให้ตกใจที่สุดคือฝูงยุงที่ดุร้ายจนต้องใส่ตาข่ายคลุมหน้า และสุนัขลากเลื่อนที่ถูกล่ามไว้กลางแจ้งเหมือนอยู่ในคุกกลางธรรมชาติ แม้จะมีความงดงามของธารน้ำแข็งและการได้เห็นวาฬในทะเลที่สงบที่สุดเท่าที่เคยเจอ แต่ก็มีภาพที่สะเทือนใจ เช่น การโยนซากสุนัขที่ตายแล้วลงหน้าผาต่อหน้ากลุ่มเด็ก และการล่าวาฬที่ยังคงดำเนินอยู่ในรูปแบบอุตสาหกรรม กรีนแลนด์จึงเป็นดินแดนที่ทั้งงดงามและโหดร้าย เป็นสถานที่ที่ธรรมชาติยังคงควบคุมทุกอย่าง และมนุษย์ต้องปรับตัวอย่างสุดขั้วเพื่ออยู่รอด https://matduggan.com/greenland-is-a-beautiful-nightmare/
    MATDUGGAN.COM
    matduggan.com
    It's JSON all the way down
    0 Comments 0 Shares 263 Views 0 Reviews
  • “จับผู้ต้องสงสัยโจมตีไซเบอร์ระบบเช็กอินสนามบินยุโรป — Collins Aerospace ถูกเล่นงาน, ผู้โดยสารตกค้างทั่ว Heathrow–Berlin–Brussels”

    กลางเดือนกันยายน 2025 โลกการบินยุโรปต้องเผชิญกับความโกลาหลครั้งใหญ่ เมื่อระบบเช็กอินของหลายสนามบินหลัก เช่น Heathrow, Berlin และ Brussels ล่มอย่างกะทันหัน ส่งผลให้ผู้โดยสารต้องรอคิวยาวหลายชั่วโมง บางสายการบินต้องใช้วิธีเขียนบอร์ดดิ้งพาสด้วยมือ และยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมาก

    ต้นเหตุของเหตุการณ์นี้คือการโจมตีไซเบอร์ที่พุ่งเป้าไปยัง Collins Aerospace บริษัทที่ให้บริการระบบเช็กอินและจัดการสัมภาระให้กับสายการบินต่าง ๆ ทั่วยุโรป โดยการโจมตีเกิดขึ้นในคืนวันศุกร์ และส่งผลต่อเนื่องตลอดสุดสัปดาห์

    ล่าสุด หน่วยงาน National Crime Agency (NCA) ของสหราชอาณาจักรได้จับกุมชายวัย 40 ปีใน West Sussex โดยสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการโจมตีครั้งนี้ และตั้งข้อหาตามกฎหมาย Computer Misuse Act แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยแรงจูงใจหรือผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติม แต่การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณว่าเจ้าหน้าที่กำลังให้ความสำคัญกับภัยไซเบอร์ในโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น

    ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ Ryan McConechy จาก Barrier Networks ระบุว่า การโจมตีครั้งนี้เกี่ยวข้องกับ ransomware และเตือนให้องค์กรต่าง ๆ เร่งเสริมระบบป้องกัน เช่น การฝึกอบรมพนักงาน, การติดตั้ง MFA ที่ต้านฟิชชิ่ง, การแบ่งเครือข่าย และการตรวจสอบความปลอดภัยของซัพพลายเออร์

    แม้ระบบการบินและการควบคุมจราจรทางอากาศจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่ความเสียหายต่อความเชื่อมั่นของผู้โดยสารและสายการบินนั้นชัดเจน โดยเฉพาะใน Brussels ที่ต้องลดจำนวนเที่ยวบินลงอย่างมาก และใน Berlin ที่เกิดคิวสะสมจนเจ้าหน้าที่ต้องใช้โน้ตบุ๊กสำรองในการเช็กอิน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    เกิดการโจมตีไซเบอร์ต่อ Collins Aerospace ส่งผลให้ระบบเช็กอินสนามบินยุโรปล่ม
    สนามบินที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ Heathrow, Berlin และ Brussels
    ผู้โดยสารต้องใช้บอร์ดดิ้งพาสแบบเขียนมือ และเกิดการยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมาก
    NCA สหราชอาณาจักรจับกุมชายวัย 40 ปีใน West Sussex ฐานต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับการโจมตี
    Collins Aerospace ยืนยันว่าเป็น “cyber-related disruption” และกำลังร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ
    ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าเป็นการโจมตีแบบ ransomware และแนะให้องค์กรเสริมระบบป้องกัน
    Brussels ยกเลิกเที่ยวบินหลายสิบเที่ยวและลดจำนวนการออกเดินทาง
    Berlin เกิดคิวยาวและต้องใช้วิธีเช็กอินแบบสำรอง
    ระบบการบินและควบคุมจราจรทางอากาศไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Collins Aerospace เป็นบริษัทในเครือ RTX ที่ให้บริการระบบการบินและกลาโหม
    การโจมตีไซเบอร์ในโครงสร้างพื้นฐานมักเกิดจากช่องโหว่ในซัพพลายเชน
    ENISA หน่วยงานไซเบอร์ของ EU ระบุว่าเป็น ransomware จากบุคคลที่สาม
    การโจมตีลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นกับระบบรถไฟและท่าเรือในหลายประเทศ
    การใช้ระบบดิจิทัลร่วมกันในหลายสายการบินทำให้เกิด “single point of failure”

    https://hackread.com/uk-arrest-cyberattack-disrupts-european-airports/
    🛫 “จับผู้ต้องสงสัยโจมตีไซเบอร์ระบบเช็กอินสนามบินยุโรป — Collins Aerospace ถูกเล่นงาน, ผู้โดยสารตกค้างทั่ว Heathrow–Berlin–Brussels” กลางเดือนกันยายน 2025 โลกการบินยุโรปต้องเผชิญกับความโกลาหลครั้งใหญ่ เมื่อระบบเช็กอินของหลายสนามบินหลัก เช่น Heathrow, Berlin และ Brussels ล่มอย่างกะทันหัน ส่งผลให้ผู้โดยสารต้องรอคิวยาวหลายชั่วโมง บางสายการบินต้องใช้วิธีเขียนบอร์ดดิ้งพาสด้วยมือ และยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมาก ต้นเหตุของเหตุการณ์นี้คือการโจมตีไซเบอร์ที่พุ่งเป้าไปยัง Collins Aerospace บริษัทที่ให้บริการระบบเช็กอินและจัดการสัมภาระให้กับสายการบินต่าง ๆ ทั่วยุโรป โดยการโจมตีเกิดขึ้นในคืนวันศุกร์ และส่งผลต่อเนื่องตลอดสุดสัปดาห์ ล่าสุด หน่วยงาน National Crime Agency (NCA) ของสหราชอาณาจักรได้จับกุมชายวัย 40 ปีใน West Sussex โดยสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการโจมตีครั้งนี้ และตั้งข้อหาตามกฎหมาย Computer Misuse Act แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยแรงจูงใจหรือผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติม แต่การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณว่าเจ้าหน้าที่กำลังให้ความสำคัญกับภัยไซเบอร์ในโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ Ryan McConechy จาก Barrier Networks ระบุว่า การโจมตีครั้งนี้เกี่ยวข้องกับ ransomware และเตือนให้องค์กรต่าง ๆ เร่งเสริมระบบป้องกัน เช่น การฝึกอบรมพนักงาน, การติดตั้ง MFA ที่ต้านฟิชชิ่ง, การแบ่งเครือข่าย และการตรวจสอบความปลอดภัยของซัพพลายเออร์ แม้ระบบการบินและการควบคุมจราจรทางอากาศจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่ความเสียหายต่อความเชื่อมั่นของผู้โดยสารและสายการบินนั้นชัดเจน โดยเฉพาะใน Brussels ที่ต้องลดจำนวนเที่ยวบินลงอย่างมาก และใน Berlin ที่เกิดคิวสะสมจนเจ้าหน้าที่ต้องใช้โน้ตบุ๊กสำรองในการเช็กอิน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ เกิดการโจมตีไซเบอร์ต่อ Collins Aerospace ส่งผลให้ระบบเช็กอินสนามบินยุโรปล่ม ➡️ สนามบินที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ Heathrow, Berlin และ Brussels ➡️ ผู้โดยสารต้องใช้บอร์ดดิ้งพาสแบบเขียนมือ และเกิดการยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมาก ➡️ NCA สหราชอาณาจักรจับกุมชายวัย 40 ปีใน West Sussex ฐานต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับการโจมตี ➡️ Collins Aerospace ยืนยันว่าเป็น “cyber-related disruption” และกำลังร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ➡️ ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าเป็นการโจมตีแบบ ransomware และแนะให้องค์กรเสริมระบบป้องกัน ➡️ Brussels ยกเลิกเที่ยวบินหลายสิบเที่ยวและลดจำนวนการออกเดินทาง ➡️ Berlin เกิดคิวยาวและต้องใช้วิธีเช็กอินแบบสำรอง ➡️ ระบบการบินและควบคุมจราจรทางอากาศไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Collins Aerospace เป็นบริษัทในเครือ RTX ที่ให้บริการระบบการบินและกลาโหม ➡️ การโจมตีไซเบอร์ในโครงสร้างพื้นฐานมักเกิดจากช่องโหว่ในซัพพลายเชน ➡️ ENISA หน่วยงานไซเบอร์ของ EU ระบุว่าเป็น ransomware จากบุคคลที่สาม ➡️ การโจมตีลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นกับระบบรถไฟและท่าเรือในหลายประเทศ ➡️ การใช้ระบบดิจิทัลร่วมกันในหลายสายการบินทำให้เกิด “single point of failure” https://hackread.com/uk-arrest-cyberattack-disrupts-european-airports/
    HACKREAD.COM
    UK Arrest Made After Cyberattack Disrupts Major European Airports
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 272 Views 0 Reviews
  • ฮุนเซนเหนือเมฆ
    แก้ปัญหาสนามบินเตโชร้างนทท. จ่อเปิดบ่อนในสนามบิน ดึงดูดผีpนันทั่วโลก #สนามบินเตโชกาสิโน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ฮุนเซนเหนือเมฆ แก้ปัญหาสนามบินเตโชร้างนทท. จ่อเปิดบ่อนในสนามบิน ดึงดูดผีpนันทั่วโลก #สนามบินเตโชกาสิโน #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 157 Views 0 Reviews
  • จับตาร่างพรบ.นิรโทษกรรม (พรบ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข) ไม่คืนเงินหรือทรัพย์สินที่ถูกยึดในคดีแพ่งกรณียึดสนามบินของกลุ่มพันธมิตรฯ และอาจยกเว้นโทษ 112 ให้เฉพาะเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ขณะกระทำความผิด ดับฝันแกนนำแก๊งสามกีบ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    จับตาร่างพรบ.นิรโทษกรรม (พรบ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข) ไม่คืนเงินหรือทรัพย์สินที่ถูกยึดในคดีแพ่งกรณียึดสนามบินของกลุ่มพันธมิตรฯ และอาจยกเว้นโทษ 112 ให้เฉพาะเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ขณะกระทำความผิด ดับฝันแกนนำแก๊งสามกีบ #คิงส์โพธิ์แดง
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 257 Views 0 Reviews
  • ~เปิดลับ การบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัติร์ย์ ตั้งแต่ปี2550เป็นต้นมา
    ==================

    ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์
    อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
    =================================

    นับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา การบ่อนทำลายสถาบันสูงสุด…เกิดขึ้นมากผิดปกติ …มีการเปิดเผย… ไม่เกรงกลัว…โดย กลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์…ไม่เพียงเคลื่อนไหวในประเทศเท่านั้น

    …แต่ยังไปเคลื่อนไหวในต่างประเทศ …โดยเฉพาะในสหรัฐ

    ~ ด้วยการป้อนชุดข้อมูล…ที่ดูเหมือนจริง…แต่เป็นความเท็จ …ส่วนหนึ่งเป็นผลงานของนักล็อบบี้…จากสำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียง…และบริษัทประชาสัมพันธ์ …ที่ถูกใครบางคนจ้างไว้ 3 บริษัท บริษัทละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี (ประมาณ 30.3 ล้านบาท)

    ~ เพื่อไปล็อบบี้…สมาชิกรัฐสภา…และรัฐบาลอเมริกัน…เพื่อผลทางการเมืองของตน… อย่างไรก็ดี …ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น… คือ เกิดกระแสต่อต้านสถาบันกษัตริย์ในหมู่นักการเมืองอเมริกันมากขึ้น…อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

    ~ ฝ่ายที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทยในสหรัฐ…ทวีความเข้มแข็งมากขึ้น… มีการสร้างเว็บไซต์ในรูปแบบหลากหลาย …เขียนบทความภาษาต่างๆ… ซึ่งส่วนใหญ่มาจากข้อเขียนของคนอเมริกัน 2 คน คนหนึ่ง…คือ

    - เจ.เค. แห่งคณะกรรมการวิเทศสัมพันธ์ (Council on Foreign Relations) อันทรงอิทธิพลในสหรัฐ ที่ เจ.เค. ได้เขียนบทความ…โจมตีสถาบันกษัตริย์ และยกย่องเชิดชูฝ่ายตรงข้ามสถาบันกษัตริย์ว่า เป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" สลับกันมาหลายปีแล้ว

    - อีกคนหนึ่ง คือ เอ.เอ็ม.เอ็ม. ที่ยอมรับว่า… ได้รับการว่าจ้าง…ให้มาทำงานด้านนี้ และ…เป็นคนที่นำเอาคดีของ โจ กอร์ดอน และ อำพล ตั้งนพกุล หรือ “อากง” มาเขียนโจมตี ม.112 …เพื่อให้พาดพิงไปถึงพระมหากษัตริย์ไทย ในรัชกาลที่ 9

    ~ในความเป็นจริง… คนพวกนี้…ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย… แต่ได้รับข้อมูลจากนักประวัติศาสตร์ชาวไทย…สายสาธารณรัฐ…ที่คนไทยรู้จักดี

    ~ ในกลางปี 2556 …นักล็อบบี้พวกนี้…วางแผนผลักดันให้มีการอภิปรายเชิงวิชาการ…ในที่ประชุมประจำปี…ของสมาคมเอเชียศึกษา (Association of Asian Studies)… ซึ่งมีคนไทย…ที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์…มีอิทธิพลอยู่

    ~ การอภิปรายดังกล่าว…มีเป้าหมาย…มุ่งโจมตีสถาบันกษัตริย์ไทย…ในรัชกาลที่ 9 เป็นการเฉพาะ …รวมทั้ง…มีแผนตีพิมพ์หนังสืออีกเล่มหนึ่ง…โดยสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐ ……ที่ผู้เขียนอ้างหลักฐาน…จากห้องสมุดมหาวิทยาลัย
    ……รัฐสภาของสหรัฐ ……ที่ดูเผินๆ แล้วน่าเชื่อถือ …หรือเลือกเฉพาะส่วนที่สนับสนุนความคิดของตน…… เพื่อหาทางทำลายความเชื่อถือพระมหากษัตริย์ไทยในรัชกาลที่ 9

    ~ ก่อนหน้านี้…เมื่อปี 2554 …ในวาระครบ 7 รอบ 84 พรรษา…ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 …นักล็อบบี้อเมริกัน…ได้ส่งชุดข้อมูล…ที่ปั้นแต่งขึ้น…จนทำให้สมาชิกสภาสหรัฐหลงเชื่อ

    ~ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ…พยายามหลีกเลี่ยง…ไม่ส่งหนังสือถวายพระพร…ตามที่เคยปฏิบัติมา …จนสภาสูง…ต้องส่งหนังสือถวายพระพรแทน ……สะท้อนให้เห็นว่า…… นักล็อบบี้ยิสต์อเมริกัน……ทำงานให้กับนายจ้างคนไทยที่ไม่ชอบสถาบันกษัตริย์อย่างได้ผล ……ทำให้รัฐสภาชุดก่อนเข้าใจผิด …และต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทย… ตกทอดมาถึงสภาใหม่ชุดที่ 113 ในปัจจุบัน

    ~ ไม่เพียงแต่เท่านั้น …สถาบันบางแห่งของสหรัฐ …เช่น กองทุนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (National Endowment for Democracy) ยังจัดสรรเงินงบประมาณของรัฐ……คิดเป็นเงินไทยกว่า 1,500 ล้านบาท และ…อีกโครงการเป็นเงิน 200-300 ล้านบาท ……ให้กับกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ …ตามที่กลุ่มพวกนี้ร้องขอมา

    ~ โดยอ้างว่า…เพื่อนำไปใช้ในการให้ความรู้ประชาชนในการพัฒนาประชาธิไตย แต่…กลับนำไปสร้างสื่อและเว็บไซต์ ปลุกระดม โฆษณาชวนเชื่อให้คนไทยบางกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ว่า ไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะ เป็นสถาบันที่มีสิทธิเหนือประชาชน

    ~ นักล็อบบี้เหล่านี้…ได้สร้างข้อมูลขึ้นมาชุดหนึ่ง…หรือหลายชุด ……และไปเคลื่อนไหวชักจูง… ชี้นำ… โน้มน้าว…ให้สมาชิกรัฐสภา และสถาบันอื่นของสหรัฐ เชื่อในวาทะกรรมที่ว่า

    ~ สถาบันสูงสุดของไทย หรือ สถาบันกษัตริย์นั้น…เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย ……สถาบันกษัตริย์ไทย…ทำลายสิทธิมนุษยชน …อ้างว่า…ปัญหาของเมืองไทย……ไม่ใช่เรื่องการเมือง…… แต่เป็นปัญหาการสืบราชสมบัติ ……ที่กษัตริย์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาน……เพื่อจะเสนอให้ใครบางคนเป็น “ทางออก” ของชาติ (จากการเลือกตั้ง เพื่อเป็นประมุขของรัฐ หรือ เป็นประธานาธิบดี นั่นเอง)

    ~ พวกนี้…พยายามป้อนข้อมูล…ให้รัฐสภาอเมริกันเชื่อว่า “สถาบันไม่สู้แล้ว” เพราะ…ถ้าสถาบันไม่สู้ …สหรัฐก็ไม่มีทางเป็นอื่น…นอกจากจะยืนข้างฝ่ายประชาธิปไตย…ที่อยู่ตรงข้ามกับสถาบันกษัตริย์… และเป็นการส่งสัญญานไปยังประเทศ…ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น รวมทั้งจีน…ที่สนับสนุนสถาบันสูงสุด ตลอดมา …หากสหรัฐ…และประเทศเหล่านี้…สรุปว่า ฝ่ายสถาบันกษัตริย์แพ้แน่ …สหรัฐและประเทศเหล่านี้…ซึ่งคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศเขาเป็นสำคัญ…ก็ต้องเข้าข้างฝ่ายชนะ ที่ถือเป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย"

    ~ อย่างไรก็ดี …ฝ่ายสถาบันกษัตริย์…ส่งสัญญาน…มาหลายครั้งแล้วว่า “ยังสู้” และ “ไม่ยอมแพ้” โดยเฉพาะ…ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค. 2555 ที่ประชาชนชาวไทย…ได้ไปชุมนุมที่ลานพระบรมรูปฯ อย่างมืดฟ้ามัวดิน…เพื่อเข้าเฝ้าถวายพระพร …สะท้อนให้เห็นว่า …ประชาชนพร้อมที่จะสู้เคียงข้าง แม้จะปรากฏ “แรงเฉื่อย” ในสถาบันทหาร และ รัฐบาลในยุคนั้นก็ตาม จึงมีแต่ประชาชนเท่านั้น…ที่จะเป็นกำแพงป้องกันสถาบันสูงสุดของประเทศ……ให้พ้นจากการคุกคามจากฝ่ายบ่อนทำลายในและนอกประเทศได้

    ~ รัฐบาลชุดก่อน…เคยให้ทุนมหาวิทยาลัยดังในอเมริกา …อาทิ คอร์แนล วิสคอนซิน เพนซิลเวเนีย ยูซีแอลเอ. จอห์น ฮอพกินส์ วอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อสร้าง “ศูนย์ไทยศึกษา” และ “เพื่อนประเทศไทย” เพื่อให้เข้าใจสถาบันกษัตริย์ของไทย แต่…ปรากฏว่า ……ศูนย์เหล่านี้……กลายเป็นกระบอกเสียงเผยแพร่การต่อต้านสถาบันสูงสุดไปหมด ……และอาจขยายเครือข่ายกว้างขวางมากขึ้น…… ไปยังออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สหภาพยุโรปอีกด้วย

    ~ ไทยถูกคุกคาม…ด้วยสงครามยุคใหม่ …ทั้งสงครามอสมมาตร (Asymmetric Warfare) เช่น การก่อความรุนแรงช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 และ…สถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สงครามทุน และ สงครามไซเบอร์ …สงครามทั้งสามนี้…มีศูนย์กลางอยู่ที่สหรัฐ …แต่มีสนามรบอยู่ทั่วโลก

    ~ ในไทย สหรัฐต้องการใช้สนามบินอู่ตะเภา…เป็น Global Transpark ตอบสนองยุทธศาสตร์ของสหรัฐ ในภูมิภาคนี้ …มีข่าวว่า สหรัฐได้ส่งทหารรับจ้าง ที่เป็นทหารผ่านศึกแบบแรมโบ้ …ที่เรียกว่า “แบล็ควอเตอร์” ประมาณ 5-6 ชุดมาประจำอยู่ในไทย …โดยแต่ละคนได้รับค่าจ้างปีละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ …เบี้ยเลี้ยงต่างหาก …เพื่อใช้ในการปฏิบัติการลับ (Covert Action) ตามนโยบายของสหรัฐ …ซึ่งอเมริกาถนัดในเรื่องพวกนี้มาก …และประสบความสำเร็จในละตินอเมริกามาแล้ว

    ~ อันตรายที่เกิดขึ้น…ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยนั้น……เป็นเรื่องจริง…และหนักหนา ……ชาติและสถาบัน……กำลังเสี่ยงอันตรายอย่างคาดไม่ถึง ……สิ่งที่เห็นทั้งในไทยและในต่างประเทศ…เป็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ที่โผล่เหนือน้ำเพียง 1 ส่วน แต่อีก 9 ส่วนอยู่ใต้น้ำ

    ~ บทความนี้……ไม่ต้องการให้คนไทย…ไปต่อต้านสหรัฐ …เพียงแต่ขอให้เพื่อนคนไทย…อย่าปล่อยให้คนมาทำร้ายประเทศชาติ…และราชบัลลังก์เท่านั้น …ปัญหาของประเทศไทย…ต้องแก้ด้วยคนไทยเป็นหลัก …เราต้องช่วยกันเป็นปราการด่านสุดท้าย……ในการปกป้องชาติและราชบัลลังก์ ……ให้ต่างชาติได้ตระหนักว่า ……สถาบันสูงสุดยังสู้ ……และคนไทยพร้อมจะสู้เพื่อปกป้องสถาบันสำคัญยิ่งของชาติ
    ขอบคุณเจ้าของภาพบทความและคนโพสครับ

    ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์
    อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
    ~เปิดลับ การบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัติร์ย์ ตั้งแต่ปี2550เป็นต้นมา ================== ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ================================= นับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา การบ่อนทำลายสถาบันสูงสุด…เกิดขึ้นมากผิดปกติ …มีการเปิดเผย… ไม่เกรงกลัว…โดย กลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์…ไม่เพียงเคลื่อนไหวในประเทศเท่านั้น …แต่ยังไปเคลื่อนไหวในต่างประเทศ …โดยเฉพาะในสหรัฐ ~ ด้วยการป้อนชุดข้อมูล…ที่ดูเหมือนจริง…แต่เป็นความเท็จ …ส่วนหนึ่งเป็นผลงานของนักล็อบบี้…จากสำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียง…และบริษัทประชาสัมพันธ์ …ที่ถูกใครบางคนจ้างไว้ 3 บริษัท บริษัทละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี (ประมาณ 30.3 ล้านบาท) ~ เพื่อไปล็อบบี้…สมาชิกรัฐสภา…และรัฐบาลอเมริกัน…เพื่อผลทางการเมืองของตน… อย่างไรก็ดี …ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น… คือ เกิดกระแสต่อต้านสถาบันกษัตริย์ในหมู่นักการเมืองอเมริกันมากขึ้น…อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ~ ฝ่ายที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทยในสหรัฐ…ทวีความเข้มแข็งมากขึ้น… มีการสร้างเว็บไซต์ในรูปแบบหลากหลาย …เขียนบทความภาษาต่างๆ… ซึ่งส่วนใหญ่มาจากข้อเขียนของคนอเมริกัน 2 คน คนหนึ่ง…คือ - เจ.เค. แห่งคณะกรรมการวิเทศสัมพันธ์ (Council on Foreign Relations) อันทรงอิทธิพลในสหรัฐ ที่ เจ.เค. ได้เขียนบทความ…โจมตีสถาบันกษัตริย์ และยกย่องเชิดชูฝ่ายตรงข้ามสถาบันกษัตริย์ว่า เป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" สลับกันมาหลายปีแล้ว - อีกคนหนึ่ง คือ เอ.เอ็ม.เอ็ม. ที่ยอมรับว่า… ได้รับการว่าจ้าง…ให้มาทำงานด้านนี้ และ…เป็นคนที่นำเอาคดีของ โจ กอร์ดอน และ อำพล ตั้งนพกุล หรือ “อากง” มาเขียนโจมตี ม.112 …เพื่อให้พาดพิงไปถึงพระมหากษัตริย์ไทย ในรัชกาลที่ 9 ~ในความเป็นจริง… คนพวกนี้…ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย… แต่ได้รับข้อมูลจากนักประวัติศาสตร์ชาวไทย…สายสาธารณรัฐ…ที่คนไทยรู้จักดี ~ ในกลางปี 2556 …นักล็อบบี้พวกนี้…วางแผนผลักดันให้มีการอภิปรายเชิงวิชาการ…ในที่ประชุมประจำปี…ของสมาคมเอเชียศึกษา (Association of Asian Studies)… ซึ่งมีคนไทย…ที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์…มีอิทธิพลอยู่ ~ การอภิปรายดังกล่าว…มีเป้าหมาย…มุ่งโจมตีสถาบันกษัตริย์ไทย…ในรัชกาลที่ 9 เป็นการเฉพาะ …รวมทั้ง…มีแผนตีพิมพ์หนังสืออีกเล่มหนึ่ง…โดยสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐ ……ที่ผู้เขียนอ้างหลักฐาน…จากห้องสมุดมหาวิทยาลัย ……รัฐสภาของสหรัฐ ……ที่ดูเผินๆ แล้วน่าเชื่อถือ …หรือเลือกเฉพาะส่วนที่สนับสนุนความคิดของตน…… เพื่อหาทางทำลายความเชื่อถือพระมหากษัตริย์ไทยในรัชกาลที่ 9 ~ ก่อนหน้านี้…เมื่อปี 2554 …ในวาระครบ 7 รอบ 84 พรรษา…ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 …นักล็อบบี้อเมริกัน…ได้ส่งชุดข้อมูล…ที่ปั้นแต่งขึ้น…จนทำให้สมาชิกสภาสหรัฐหลงเชื่อ ~ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ…พยายามหลีกเลี่ยง…ไม่ส่งหนังสือถวายพระพร…ตามที่เคยปฏิบัติมา …จนสภาสูง…ต้องส่งหนังสือถวายพระพรแทน ……สะท้อนให้เห็นว่า…… นักล็อบบี้ยิสต์อเมริกัน……ทำงานให้กับนายจ้างคนไทยที่ไม่ชอบสถาบันกษัตริย์อย่างได้ผล ……ทำให้รัฐสภาชุดก่อนเข้าใจผิด …และต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทย… ตกทอดมาถึงสภาใหม่ชุดที่ 113 ในปัจจุบัน ~ ไม่เพียงแต่เท่านั้น …สถาบันบางแห่งของสหรัฐ …เช่น กองทุนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (National Endowment for Democracy) ยังจัดสรรเงินงบประมาณของรัฐ……คิดเป็นเงินไทยกว่า 1,500 ล้านบาท และ…อีกโครงการเป็นเงิน 200-300 ล้านบาท ……ให้กับกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ …ตามที่กลุ่มพวกนี้ร้องขอมา ~ โดยอ้างว่า…เพื่อนำไปใช้ในการให้ความรู้ประชาชนในการพัฒนาประชาธิไตย แต่…กลับนำไปสร้างสื่อและเว็บไซต์ ปลุกระดม โฆษณาชวนเชื่อให้คนไทยบางกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ว่า ไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะ เป็นสถาบันที่มีสิทธิเหนือประชาชน ~ นักล็อบบี้เหล่านี้…ได้สร้างข้อมูลขึ้นมาชุดหนึ่ง…หรือหลายชุด ……และไปเคลื่อนไหวชักจูง… ชี้นำ… โน้มน้าว…ให้สมาชิกรัฐสภา และสถาบันอื่นของสหรัฐ เชื่อในวาทะกรรมที่ว่า ~ สถาบันสูงสุดของไทย หรือ สถาบันกษัตริย์นั้น…เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย ……สถาบันกษัตริย์ไทย…ทำลายสิทธิมนุษยชน …อ้างว่า…ปัญหาของเมืองไทย……ไม่ใช่เรื่องการเมือง…… แต่เป็นปัญหาการสืบราชสมบัติ ……ที่กษัตริย์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาน……เพื่อจะเสนอให้ใครบางคนเป็น “ทางออก” ของชาติ (จากการเลือกตั้ง เพื่อเป็นประมุขของรัฐ หรือ เป็นประธานาธิบดี นั่นเอง) ~ พวกนี้…พยายามป้อนข้อมูล…ให้รัฐสภาอเมริกันเชื่อว่า “สถาบันไม่สู้แล้ว” เพราะ…ถ้าสถาบันไม่สู้ …สหรัฐก็ไม่มีทางเป็นอื่น…นอกจากจะยืนข้างฝ่ายประชาธิปไตย…ที่อยู่ตรงข้ามกับสถาบันกษัตริย์… และเป็นการส่งสัญญานไปยังประเทศ…ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น รวมทั้งจีน…ที่สนับสนุนสถาบันสูงสุด ตลอดมา …หากสหรัฐ…และประเทศเหล่านี้…สรุปว่า ฝ่ายสถาบันกษัตริย์แพ้แน่ …สหรัฐและประเทศเหล่านี้…ซึ่งคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศเขาเป็นสำคัญ…ก็ต้องเข้าข้างฝ่ายชนะ ที่ถือเป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" ~ อย่างไรก็ดี …ฝ่ายสถาบันกษัตริย์…ส่งสัญญาน…มาหลายครั้งแล้วว่า “ยังสู้” และ “ไม่ยอมแพ้” โดยเฉพาะ…ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค. 2555 ที่ประชาชนชาวไทย…ได้ไปชุมนุมที่ลานพระบรมรูปฯ อย่างมืดฟ้ามัวดิน…เพื่อเข้าเฝ้าถวายพระพร …สะท้อนให้เห็นว่า …ประชาชนพร้อมที่จะสู้เคียงข้าง แม้จะปรากฏ “แรงเฉื่อย” ในสถาบันทหาร และ รัฐบาลในยุคนั้นก็ตาม จึงมีแต่ประชาชนเท่านั้น…ที่จะเป็นกำแพงป้องกันสถาบันสูงสุดของประเทศ……ให้พ้นจากการคุกคามจากฝ่ายบ่อนทำลายในและนอกประเทศได้ ~ รัฐบาลชุดก่อน…เคยให้ทุนมหาวิทยาลัยดังในอเมริกา …อาทิ คอร์แนล วิสคอนซิน เพนซิลเวเนีย ยูซีแอลเอ. จอห์น ฮอพกินส์ วอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อสร้าง “ศูนย์ไทยศึกษา” และ “เพื่อนประเทศไทย” เพื่อให้เข้าใจสถาบันกษัตริย์ของไทย แต่…ปรากฏว่า ……ศูนย์เหล่านี้……กลายเป็นกระบอกเสียงเผยแพร่การต่อต้านสถาบันสูงสุดไปหมด ……และอาจขยายเครือข่ายกว้างขวางมากขึ้น…… ไปยังออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สหภาพยุโรปอีกด้วย ~ ไทยถูกคุกคาม…ด้วยสงครามยุคใหม่ …ทั้งสงครามอสมมาตร (Asymmetric Warfare) เช่น การก่อความรุนแรงช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 และ…สถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สงครามทุน และ สงครามไซเบอร์ …สงครามทั้งสามนี้…มีศูนย์กลางอยู่ที่สหรัฐ …แต่มีสนามรบอยู่ทั่วโลก ~ ในไทย สหรัฐต้องการใช้สนามบินอู่ตะเภา…เป็น Global Transpark ตอบสนองยุทธศาสตร์ของสหรัฐ ในภูมิภาคนี้ …มีข่าวว่า สหรัฐได้ส่งทหารรับจ้าง ที่เป็นทหารผ่านศึกแบบแรมโบ้ …ที่เรียกว่า “แบล็ควอเตอร์” ประมาณ 5-6 ชุดมาประจำอยู่ในไทย …โดยแต่ละคนได้รับค่าจ้างปีละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ …เบี้ยเลี้ยงต่างหาก …เพื่อใช้ในการปฏิบัติการลับ (Covert Action) ตามนโยบายของสหรัฐ …ซึ่งอเมริกาถนัดในเรื่องพวกนี้มาก …และประสบความสำเร็จในละตินอเมริกามาแล้ว ~ อันตรายที่เกิดขึ้น…ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยนั้น……เป็นเรื่องจริง…และหนักหนา ……ชาติและสถาบัน……กำลังเสี่ยงอันตรายอย่างคาดไม่ถึง ……สิ่งที่เห็นทั้งในไทยและในต่างประเทศ…เป็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ที่โผล่เหนือน้ำเพียง 1 ส่วน แต่อีก 9 ส่วนอยู่ใต้น้ำ ~ บทความนี้……ไม่ต้องการให้คนไทย…ไปต่อต้านสหรัฐ …เพียงแต่ขอให้เพื่อนคนไทย…อย่าปล่อยให้คนมาทำร้ายประเทศชาติ…และราชบัลลังก์เท่านั้น …ปัญหาของประเทศไทย…ต้องแก้ด้วยคนไทยเป็นหลัก …เราต้องช่วยกันเป็นปราการด่านสุดท้าย……ในการปกป้องชาติและราชบัลลังก์ ……ให้ต่างชาติได้ตระหนักว่า ……สถาบันสูงสุดยังสู้ ……และคนไทยพร้อมจะสู้เพื่อปกป้องสถาบันสำคัญยิ่งของชาติ ขอบคุณเจ้าของภาพบทความและคนโพสครับ ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
    0 Comments 0 Shares 437 Views 0 Reviews
  • แฮกเกอร์โจมตีระบบเช็กอินสนามบินยุโรป — เมื่อจุดรวมศูนย์กลายเป็นจุดอ่อนของโครงสร้างการบิน

    สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ระบบเช็กอินอัตโนมัติของสนามบินใหญ่ในยุโรป เช่น Heathrow, Berlin Brandenburg และ Brussels Zaventem เกิดความล่มอย่างหนักจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่พุ่งเป้าไปยังระบบ cMUSE ของบริษัท Collins Aerospace ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแบบ “common-use” ที่ให้สายการบินหลายแห่งใช้ร่วมกันผ่าน backend เดียว

    ระบบนี้ออกแบบมาเพื่อให้สนามบินสามารถแชร์เคาน์เตอร์เช็กอิน คีออส และระบบ boarding ได้อย่างยืดหยุ่น โดยใช้โครงสร้างแบบ cloud ที่รวมข้อมูลผู้โดยสารไว้ในจุดเดียวเพื่อความสะดวกในการจัดการ แต่เมื่อ backend ล่ม ทุกอย่างก็หยุดลงทันที

    Brussels ต้องยกเลิกเที่ยวบิน 45 เที่ยวจากทั้งหมด 257 เที่ยวในวันเดียว และแจ้งผู้โดยสารว่าอาจมีดีเลย์สูงสุดถึง 90 นาที ส่วน Berlin ปิดการใช้งานคีออสทั้งหมดและเปลี่ยนไปใช้การเช็กอินแบบ manual โดยตรงจากสายการบิน ขณะที่ Heathrow ยังสามารถดำเนินการได้ส่วนใหญ่ แต่ต้องใช้วิธี fallback แบบแมนนวลซึ่งทำให้กระบวนการช้าลง

    Collins Aerospace ยืนยันว่าเป็น “เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับไซเบอร์” แต่ยังไม่เปิดเผยรูปแบบการโจมตีที่เกิดขึ้น โดยระบบ cMUSE ที่ล่มนั้นยังรวมถึงเครื่องพิมพ์แท็กกระเป๋าและเครื่องสแกนชีวภาพที่เชื่อมต่อกับ backend เดียวกัน ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้เช่นกัน

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนที่ EU จะบังคับใช้กฎ NIS2 ในเดือนตุลาคม ซึ่งจะขยายคำจำกัดความของ “โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ” ให้ครอบคลุมถึงผู้ให้บริการ IT ที่สนับสนุนสนามบินและสายการบินโดยตรง รวมถึงกฎ Part-IS ของ EASA ที่มุ่งยกระดับความปลอดภัยไซเบอร์ในระบบการบิน

    ระบบ cMUSE ของ Collins Aerospace ถูกโจมตีทางไซเบอร์
    เป็นแพลตฟอร์มเช็กอินแบบ common-use ที่ใช้ร่วมกันหลายสายการบิน
    ใช้โครงสร้างแบบ cloud ที่รวมข้อมูลผู้โดยสารไว้ในจุดเดียว

    สนามบินใหญ่ในยุโรปได้รับผลกระทบ
    Brussels ยกเลิก 45 เที่ยวบิน / ดีเลย์สูงสุด 90 นาที
    Berlin ปิดคีออสทั้งหมด / Heathrow ใช้ fallback แบบ manual

    ระบบที่เชื่อมต่อกับ cMUSE ก็ล่มตามไปด้วย
    เครื่องพิมพ์แท็กกระเป๋าและเครื่องสแกนชีวภาพไม่สามารถใช้งานได้
    ระบบไม่สามารถ fallback ได้แบบ graceful ต้องใช้แรงงานคนแทน

    EU เตรียมบังคับใช้กฎ NIS2 และ Part-IS
    ขยายคำจำกัดความของ “โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ” ไปยังผู้ให้บริการ IT
    มุ่งยกระดับความปลอดภัยไซเบอร์ในระบบการบิน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/europes-check-in-systems-knocked-offline-after-cyberattack
    📰 แฮกเกอร์โจมตีระบบเช็กอินสนามบินยุโรป — เมื่อจุดรวมศูนย์กลายเป็นจุดอ่อนของโครงสร้างการบิน สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ระบบเช็กอินอัตโนมัติของสนามบินใหญ่ในยุโรป เช่น Heathrow, Berlin Brandenburg และ Brussels Zaventem เกิดความล่มอย่างหนักจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่พุ่งเป้าไปยังระบบ cMUSE ของบริษัท Collins Aerospace ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแบบ “common-use” ที่ให้สายการบินหลายแห่งใช้ร่วมกันผ่าน backend เดียว ระบบนี้ออกแบบมาเพื่อให้สนามบินสามารถแชร์เคาน์เตอร์เช็กอิน คีออส และระบบ boarding ได้อย่างยืดหยุ่น โดยใช้โครงสร้างแบบ cloud ที่รวมข้อมูลผู้โดยสารไว้ในจุดเดียวเพื่อความสะดวกในการจัดการ แต่เมื่อ backend ล่ม ทุกอย่างก็หยุดลงทันที Brussels ต้องยกเลิกเที่ยวบิน 45 เที่ยวจากทั้งหมด 257 เที่ยวในวันเดียว และแจ้งผู้โดยสารว่าอาจมีดีเลย์สูงสุดถึง 90 นาที ส่วน Berlin ปิดการใช้งานคีออสทั้งหมดและเปลี่ยนไปใช้การเช็กอินแบบ manual โดยตรงจากสายการบิน ขณะที่ Heathrow ยังสามารถดำเนินการได้ส่วนใหญ่ แต่ต้องใช้วิธี fallback แบบแมนนวลซึ่งทำให้กระบวนการช้าลง Collins Aerospace ยืนยันว่าเป็น “เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับไซเบอร์” แต่ยังไม่เปิดเผยรูปแบบการโจมตีที่เกิดขึ้น โดยระบบ cMUSE ที่ล่มนั้นยังรวมถึงเครื่องพิมพ์แท็กกระเป๋าและเครื่องสแกนชีวภาพที่เชื่อมต่อกับ backend เดียวกัน ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้เช่นกัน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนที่ EU จะบังคับใช้กฎ NIS2 ในเดือนตุลาคม ซึ่งจะขยายคำจำกัดความของ “โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ” ให้ครอบคลุมถึงผู้ให้บริการ IT ที่สนับสนุนสนามบินและสายการบินโดยตรง รวมถึงกฎ Part-IS ของ EASA ที่มุ่งยกระดับความปลอดภัยไซเบอร์ในระบบการบิน ✅ ระบบ cMUSE ของ Collins Aerospace ถูกโจมตีทางไซเบอร์ ➡️ เป็นแพลตฟอร์มเช็กอินแบบ common-use ที่ใช้ร่วมกันหลายสายการบิน ➡️ ใช้โครงสร้างแบบ cloud ที่รวมข้อมูลผู้โดยสารไว้ในจุดเดียว ✅ สนามบินใหญ่ในยุโรปได้รับผลกระทบ ➡️ Brussels ยกเลิก 45 เที่ยวบิน / ดีเลย์สูงสุด 90 นาที ➡️ Berlin ปิดคีออสทั้งหมด / Heathrow ใช้ fallback แบบ manual ✅ ระบบที่เชื่อมต่อกับ cMUSE ก็ล่มตามไปด้วย ➡️ เครื่องพิมพ์แท็กกระเป๋าและเครื่องสแกนชีวภาพไม่สามารถใช้งานได้ ➡️ ระบบไม่สามารถ fallback ได้แบบ graceful ต้องใช้แรงงานคนแทน ✅ EU เตรียมบังคับใช้กฎ NIS2 และ Part-IS ➡️ ขยายคำจำกัดความของ “โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ” ไปยังผู้ให้บริการ IT ➡️ มุ่งยกระดับความปลอดภัยไซเบอร์ในระบบการบิน https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/europes-check-in-systems-knocked-offline-after-cyberattack
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Hackers attack Europe’s automatic flight check-in systems — flight delayed and cancelled after Collins cyberattack
    An incident at Collins Aerospace shut down the cloud back-end for its cMUSE platform this weekend, crippling kiosks and forcing manual fallback at Heathrow, Berlin, and Brussels.
    0 Comments 0 Shares 272 Views 0 Reviews
  • เพิ่งเปิดบริการ ก็เริ่มบริโกงกันทันที ต่อไปผู้โดยสารอาจต้องพกพาเครื่องสแกนโลหะ อาวุธ ยาเสพ กันมาเองด้วย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #สนามบินนานาชาติเตโช
    #สนามบินเขมร
    เพิ่งเปิดบริการ ก็เริ่มบริโกงกันทันที ต่อไปผู้โดยสารอาจต้องพกพาเครื่องสแกนโลหะ อาวุธ ยาเสพ กันมาเองด้วย #คิงส์โพธิ์แดง #สนามบินนานาชาติเตโช #สนามบินเขมร
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 177 Views 0 Reviews
  • ปฏิบัติการโจมตีทางไซเบอร์ต่อผู้ให้บริการระบบเช็คอินและขึ้นเครื่องส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของสนามบินหลักหลายแห่งในยุโรปวันนี้ (20 ก.ย.) รวมถึงสนามบินฮีทโธรว์ในกรุงลอนดอนซึ่งเป็นสนามบินที่มีผู้โดยสารหนาแน่นที่สุดในยุโรป โดยทำให้ให้เที่ยวบินล่าช้า และถูกยกเลิกเป็นจำนวนมาก

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000090241

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    ปฏิบัติการโจมตีทางไซเบอร์ต่อผู้ให้บริการระบบเช็คอินและขึ้นเครื่องส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของสนามบินหลักหลายแห่งในยุโรปวันนี้ (20 ก.ย.) รวมถึงสนามบินฮีทโธรว์ในกรุงลอนดอนซึ่งเป็นสนามบินที่มีผู้โดยสารหนาแน่นที่สุดในยุโรป โดยทำให้ให้เที่ยวบินล่าช้า และถูกยกเลิกเป็นจำนวนมาก อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000090241 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 485 Views 0 Reviews
  • ท่าอากาศยานที่มีขอทานมากกว่าผู้โดยสาร นักท่องเที่ยว และเครื่องบิน จงภูมิใจในความเป็นเขมรต่อไปเถอะมึง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #สนามบินเขมร
    ท่าอากาศยานที่มีขอทานมากกว่าผู้โดยสาร นักท่องเที่ยว และเครื่องบิน จงภูมิใจในความเป็นเขมรต่อไปเถอะมึง #คิงส์โพธิ์แดง #สนามบินเขมร
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 182 Views 0 Reviews
More Results