• ช่วงเวลาที่ "แม็กซ์ บลูเมนธัล" (Max Blumentha) เผชิญหน้ากับ แอนโธนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ โดยกล่าวหาว่าเขาต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกาซา

    'ทำไมคุณถึงปล่อยให้เพื่อนนักข่าวของผมถูกสังหาร ทำไมคุณถึงยอมให้บ้านของเพื่อนผมถูกทำลาย ทำไมคุณถึงยังปล่อยให้มีการทิ้งระเบิดในขณะที่เราสามารถทำข้อตกลงสันติภาพได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม คุณกำลังประนีประนอมกับอิสราเอลอยู่หรือเปล่า ทำไมคุณถึงยอมให้การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เกิดขึ้นในยุคของ'


    ตลอดเวลาที่ผ่านมาทำเนียบขาวเลือกที่จะไม่ตอบคำถามจากนักข่าวและพูดถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จากฝีมือของอิสราเอล ทั้งที่รู้กันทั้งโลกว่าใครเป็นคนทำ

    ครั้งนีนับเป็นการแสดงความกล้าหาญอีกครั้งของนักข่าว ที่โลกควรจดจำ "แม็กซ์ บลูเมนธัล"
    ช่วงเวลาที่ "แม็กซ์ บลูเมนธัล" (Max Blumentha) เผชิญหน้ากับ แอนโธนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ โดยกล่าวหาว่าเขาต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกาซา 'ทำไมคุณถึงปล่อยให้เพื่อนนักข่าวของผมถูกสังหาร ทำไมคุณถึงยอมให้บ้านของเพื่อนผมถูกทำลาย ทำไมคุณถึงยังปล่อยให้มีการทิ้งระเบิดในขณะที่เราสามารถทำข้อตกลงสันติภาพได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม คุณกำลังประนีประนอมกับอิสราเอลอยู่หรือเปล่า ทำไมคุณถึงยอมให้การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เกิดขึ้นในยุคของ' ตลอดเวลาที่ผ่านมาทำเนียบขาวเลือกที่จะไม่ตอบคำถามจากนักข่าวและพูดถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จากฝีมือของอิสราเอล ทั้งที่รู้กันทั้งโลกว่าใครเป็นคนทำ ครั้งนีนับเป็นการแสดงความกล้าหาญอีกครั้งของนักข่าว ที่โลกควรจดจำ "แม็กซ์ บลูเมนธัล"
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 524 มุมมอง 51 0 รีวิว
  • 7 มกราคม 2568-รายงานข่าว จส.100 ระบุว่า การนำตัวหวังซิง นักแสดงชาวจีน กลับเข้าประเทศไทย พลตำรวจเอกธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการซักถาม นายหวังซิง ด้วยตัวเอง เบื้องต้นจาการสอบถาม นายหวังซิง ให้การว่าถูกชาวจีนด้วยกันพูดคุยกันผ่านแอปพลิเคชันวีแชต ใช้ชื่อเป็นบริษัทบันเทิงชื่อดังของไทยทักมาติดต่อให้ทำงาน จึงหลงเชื่อ ก่อนเดินทางทางยังประเทศไทยทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จากนั้นนั่งรถที่ถูกส่งมารับที่สนามบินพาไปยัง อ.แม่สอด จ.ตาก ก่อนจะมีคนมารับข้ามแดนทางเรือที่บริเวณชายแดน อ.แม่สอด นายหวังซิง ระบุว่า รู้ตัวว่าถูกหลอกเมื่อถูกพาข้ามแดนแต่ไม่กล้าขัดขืน อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการสอบสวน ซักถาม และตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

    สำหรับ การดำเนินการช่วยเหลือ นายหวังซิง นั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานให้ความช่วยเหลือจนประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นการร่วมมือช่วยเหลือทางการจีนตามที่ได้ประสานมา หลังจากนี้จะได้เข้าสู่กลไกการส่งต่อระดับชาติ (NRM) หากพบว่าเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ก็จะเข้าสู่กระบวนการคุ้มครอง และประสานส่งตัวกลับประเทศตามกระบวนการของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และประสานญาติมารับตัว หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดลักษณะใด ก็จะต้องมีการดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

    ก่อนหน้านี้ นายกัว เจียคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ออกมาแถลงว่า ขณะนี้กระทรวงได้ประสานงานกับสถานทูตและสถานกงสุลของจีนในประเทศไทยและเมียนมาแล้ว หลังจากมีข่าวว่า นายหวังซิง หรือ ‘ซิงซิง’ นักแสดงชาวจีน หายตัวไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่จังหวัดตาก ที่มีพรมแดนติดกับเมียนมา ซึ่งเป็นแหล่งกบดานของแก๊งอาชญากรรมมากมาย

    ด้านแฟนสาวของซิงซิง หลังมีข่าวส่งตัวซิงซิงถึงที่ไทย เพจลุยจีน ได้แปลข้อความเป็นดังนี้ "อัพเดท ขอขอบคุณทุกสื่อและผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องทุกระดับที่ให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ พวกเราได้รับข่าวสารมากมายของซิงซิงจากสื่อทุกข่องทางเมื่อครู่ฉันได้คุยโทรศัพท์กับทางเจ้าหน้าที่สถานทูตจีนประจำประเทศไทย เขาแจ้งว่าทางสถานทูตฯมีการประสานกับการเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อการช่วยเหลือในครั้งนี้อย่างกระตือรือร้น ซึ่งหากมีความคืบหน้าใดๆของการช่วยเหลือซิงซิงจะแจ้งให้ฉันทราบไปพร้อมๆกัน ขอให้อดทนรออีกนิด


    เหตุการณ์ที่ดำเนินมาถึงวันนี้ ฉันในฐานะแฟนสาวของเขาอยากที่จะพบกับเขาโดยเร็วเหลือเกิน ด้านครอบครัวของซิงซิงก็ฝากความหวังไว้ที่ฉันกับน้องชายของซิงซิงในภารกิจช่วยเหลือครั้งนี้ ฉันคงยังไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ หากว่ายังไม่ได้พบกับซิงซิงด้วยตัวฉันเอง


    ปล. ขอความร่วมมือทุกคนช่วยกันรักษาความเป็นส่วนตัวของเหยื่อในเหตุการณ์ งดการแชร์ภาพที่อาจทำให้เหยื่อเกิดความสะเทือนใจด้วยค่ะ สุดท้ายนี้ ขอให้ฉันได้พบกับซิงซิงอย่างราบรื่นด้วยเทอญ"

    ที่มา - Weibo 失眠爹地

    https://www.js100.com/en/site/news/view/147428?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR1OgYMKQJxeI-G9DQra2zrStKF1hw4gHhQ830JTrgaaJaJJsl6LG8E0Ld4_aem_pj_6AQUUP1F2piDeHBo5kA#m5mgd9q4ac0l15p5jbo
    7 มกราคม 2568-รายงานข่าว จส.100 ระบุว่า การนำตัวหวังซิง นักแสดงชาวจีน กลับเข้าประเทศไทย พลตำรวจเอกธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการซักถาม นายหวังซิง ด้วยตัวเอง เบื้องต้นจาการสอบถาม นายหวังซิง ให้การว่าถูกชาวจีนด้วยกันพูดคุยกันผ่านแอปพลิเคชันวีแชต ใช้ชื่อเป็นบริษัทบันเทิงชื่อดังของไทยทักมาติดต่อให้ทำงาน จึงหลงเชื่อ ก่อนเดินทางทางยังประเทศไทยทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จากนั้นนั่งรถที่ถูกส่งมารับที่สนามบินพาไปยัง อ.แม่สอด จ.ตาก ก่อนจะมีคนมารับข้ามแดนทางเรือที่บริเวณชายแดน อ.แม่สอด นายหวังซิง ระบุว่า รู้ตัวว่าถูกหลอกเมื่อถูกพาข้ามแดนแต่ไม่กล้าขัดขืน อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการสอบสวน ซักถาม และตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง สำหรับ การดำเนินการช่วยเหลือ นายหวังซิง นั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานให้ความช่วยเหลือจนประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นการร่วมมือช่วยเหลือทางการจีนตามที่ได้ประสานมา หลังจากนี้จะได้เข้าสู่กลไกการส่งต่อระดับชาติ (NRM) หากพบว่าเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ก็จะเข้าสู่กระบวนการคุ้มครอง และประสานส่งตัวกลับประเทศตามกระบวนการของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และประสานญาติมารับตัว หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดลักษณะใด ก็จะต้องมีการดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ก่อนหน้านี้ นายกัว เจียคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ออกมาแถลงว่า ขณะนี้กระทรวงได้ประสานงานกับสถานทูตและสถานกงสุลของจีนในประเทศไทยและเมียนมาแล้ว หลังจากมีข่าวว่า นายหวังซิง หรือ ‘ซิงซิง’ นักแสดงชาวจีน หายตัวไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่จังหวัดตาก ที่มีพรมแดนติดกับเมียนมา ซึ่งเป็นแหล่งกบดานของแก๊งอาชญากรรมมากมาย ด้านแฟนสาวของซิงซิง หลังมีข่าวส่งตัวซิงซิงถึงที่ไทย เพจลุยจีน ได้แปลข้อความเป็นดังนี้ "อัพเดท ขอขอบคุณทุกสื่อและผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้องทุกระดับที่ให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ พวกเราได้รับข่าวสารมากมายของซิงซิงจากสื่อทุกข่องทางเมื่อครู่ฉันได้คุยโทรศัพท์กับทางเจ้าหน้าที่สถานทูตจีนประจำประเทศไทย เขาแจ้งว่าทางสถานทูตฯมีการประสานกับการเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อการช่วยเหลือในครั้งนี้อย่างกระตือรือร้น ซึ่งหากมีความคืบหน้าใดๆของการช่วยเหลือซิงซิงจะแจ้งให้ฉันทราบไปพร้อมๆกัน ขอให้อดทนรออีกนิด เหตุการณ์ที่ดำเนินมาถึงวันนี้ ฉันในฐานะแฟนสาวของเขาอยากที่จะพบกับเขาโดยเร็วเหลือเกิน ด้านครอบครัวของซิงซิงก็ฝากความหวังไว้ที่ฉันกับน้องชายของซิงซิงในภารกิจช่วยเหลือครั้งนี้ ฉันคงยังไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ หากว่ายังไม่ได้พบกับซิงซิงด้วยตัวฉันเอง ปล. ขอความร่วมมือทุกคนช่วยกันรักษาความเป็นส่วนตัวของเหยื่อในเหตุการณ์ งดการแชร์ภาพที่อาจทำให้เหยื่อเกิดความสะเทือนใจด้วยค่ะ สุดท้ายนี้ ขอให้ฉันได้พบกับซิงซิงอย่างราบรื่นด้วยเทอญ" ที่มา - Weibo 失眠爹地 https://www.js100.com/en/site/news/view/147428?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR1OgYMKQJxeI-G9DQra2zrStKF1hw4gHhQ830JTrgaaJaJJsl6LG8E0Ld4_aem_pj_6AQUUP1F2piDeHBo5kA#m5mgd9q4ac0l15p5jbo
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 364 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฮาคาน ฟิดาน รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี และเคยเป็นอดีตผู้บัญชาการหน่วยงานข่าวกรองของตุรกี :

    การกวาดล้างกลุ่มก่อการร้าย YPG/PKK ออกจากซีเรียใกล้จะเกิดขึ้นแล้ว

    เราไม่อนุญาตให้ PKK มีอำนาจทางทหารเพิ่มขึ้นภายใต้ข้ออ้างเพื่อใช้ในการต่อสู้กับ ISIS

    หากประเทศใดที่มีเจตนาแอบแฝง และตั้งใจที่ใช้ PKK บังหน้า โดยใช้ข้ออ้างเพื่อต่อสู้กับ ISIS จะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำเช่นนั้นอีกต่อไป เราพร้อมที่จะทำลายแผนการนี้ทั้งหมด

    ที่ผ่านมาพรรคแรงงานเคอร์ดิสถาน (PKK) ถูกกล่าวหาว่าได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐมาโดยตลอด แม้ว่ากระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯจะประกาศให้กลุ่ม PKK เป็นองค์การก่อการร้ายต่างชาติมาตั้งแต่ปี 1997 ก็ตาม
    ฮาคาน ฟิดาน รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี และเคยเป็นอดีตผู้บัญชาการหน่วยงานข่าวกรองของตุรกี : การกวาดล้างกลุ่มก่อการร้าย YPG/PKK ออกจากซีเรียใกล้จะเกิดขึ้นแล้ว เราไม่อนุญาตให้ PKK มีอำนาจทางทหารเพิ่มขึ้นภายใต้ข้ออ้างเพื่อใช้ในการต่อสู้กับ ISIS หากประเทศใดที่มีเจตนาแอบแฝง และตั้งใจที่ใช้ PKK บังหน้า โดยใช้ข้ออ้างเพื่อต่อสู้กับ ISIS จะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำเช่นนั้นอีกต่อไป เราพร้อมที่จะทำลายแผนการนี้ทั้งหมด ที่ผ่านมาพรรคแรงงานเคอร์ดิสถาน (PKK) ถูกกล่าวหาว่าได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐมาโดยตลอด แม้ว่ากระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯจะประกาศให้กลุ่ม PKK เป็นองค์การก่อการร้ายต่างชาติมาตั้งแต่ปี 1997 ก็ตาม
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • 7 มกราคม 2567-เจ้าหน้าที่ชาวอเมริกันรายหนึ่งยืนยันกับบีบีซีว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้แจ้งให้สภาคองเกรสทราบเกี่ยวกับแผนการขายอาวุธมูลค่า 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.75 แสนล้านบาท ให้กับอิสราเอล

    https://www.bbc.com/thai/articles/ce3l6039wggo
    แผนการขายอาวุธดังกล่าวที่มีจรวดนำวิถีจากอากาศสู่อากาศ กระสุนปืน และอาวุธยุทโธปกรณ์อื่น ๆ รวมอยู่ด้วย อย่างไรก็ตาม แผนดังกล่าวต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาก่อน
    ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงสองสัปดาห์ก่อนที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะออกจากตำแหน่ง รัฐบาลสหรัฐฯ ปฏิเสธเสียงเรียกร้องให้ระงับการสนับสนุนทางทหารแก่อิสราเอล เนื่องจากมีพลเรือนจำนวนมากเสียชีวิตระหว่างสงครามในฉนวนกาซา
    ในเดือน ส.ค. ปีที่แล้ว ทางการสหรัฐฯ ได้อนุมัติการขายเครื่องบินรบและยุทโธปกรณ์อื่นๆ มูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6.89 แสนล้านบาทให้กับอิสราเอลไปแล้ว
    เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวว่า แผนการขายอาวุธล่าสุดประกอบด้วยขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ ขีปนาวุธเฮลล์ไฟร์ กระสุนปืนใหญ่ และระเบิด
    7 มกราคม 2567-เจ้าหน้าที่ชาวอเมริกันรายหนึ่งยืนยันกับบีบีซีว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้แจ้งให้สภาคองเกรสทราบเกี่ยวกับแผนการขายอาวุธมูลค่า 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.75 แสนล้านบาท ให้กับอิสราเอล https://www.bbc.com/thai/articles/ce3l6039wggo แผนการขายอาวุธดังกล่าวที่มีจรวดนำวิถีจากอากาศสู่อากาศ กระสุนปืน และอาวุธยุทโธปกรณ์อื่น ๆ รวมอยู่ด้วย อย่างไรก็ตาม แผนดังกล่าวต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาก่อน ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงสองสัปดาห์ก่อนที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะออกจากตำแหน่ง รัฐบาลสหรัฐฯ ปฏิเสธเสียงเรียกร้องให้ระงับการสนับสนุนทางทหารแก่อิสราเอล เนื่องจากมีพลเรือนจำนวนมากเสียชีวิตระหว่างสงครามในฉนวนกาซา ในเดือน ส.ค. ปีที่แล้ว ทางการสหรัฐฯ ได้อนุมัติการขายเครื่องบินรบและยุทโธปกรณ์อื่นๆ มูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6.89 แสนล้านบาทให้กับอิสราเอลไปแล้ว เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวว่า แผนการขายอาวุธล่าสุดประกอบด้วยขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ ขีปนาวุธเฮลล์ไฟร์ กระสุนปืนใหญ่ และระเบิด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 0 รีวิว
  • แบร์บ็อค รัฐมนตรีหญิงจากกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี ถูกเบลอรูปในการนำเสนอข่าวของสื่อซีเรีย

    ก่อนหน้านี้ แบร์บ็อค ถูกปฏิเสธในการจับมือไปแล้วครั้งหนึ่งจากการมาเยือนซีเรียรอบนี้ นั่นยังอาจเป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ว่าเธอเป็นผู้หญิง แต่การเบลอรูปเป็นสิ่งที่หลายฝ่ายเริ่มไม่พอใจจากปฏิกิริยาเช่นนี้จาก Syrian News Channel สื่อของซีเรียที่ควบคุมโดยกลุ่มผู้ปกครองซีเรียใหม่ที่มีรากเหง้ามาจากกลุ่มก่อการร้าย HTS

    สื่อในเยอรมนีเริ่มสงสัยว่า กลุ่มผู้ปกครองใหม่ของซีเรียกำลังทำอะไรทางการทูต การพบปะกันเป็นเพียงมารยาท แต่การเบลอรูปทิ้งในลักษณะนี้ เหมือนไม่ให้ความสำคัญกับผู้หญิงในสายตาชาวซีเรีย

    ในขณะที่สำนักข่าวซานา (SANA News) ซึ่งเป็นสำนักข่าวทางการของซีเรียมาตั้งแต่ยุคของอดีตผู้นำอัล-อัสซาด ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเผด็จการ และยุโรปจัดว่าเป็นสำนักข่าวโฆษณาชวนเชื่อของอัสซาด กลับนำเสนอภาพข่าวที่เป็นรูปถ่ายปกติที่ไม่มีการเบลอรูปแต่อย่างใด (รูปสุดท้าย)
    แบร์บ็อค รัฐมนตรีหญิงจากกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี ถูกเบลอรูปในการนำเสนอข่าวของสื่อซีเรีย ก่อนหน้านี้ แบร์บ็อค ถูกปฏิเสธในการจับมือไปแล้วครั้งหนึ่งจากการมาเยือนซีเรียรอบนี้ นั่นยังอาจเป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ว่าเธอเป็นผู้หญิง แต่การเบลอรูปเป็นสิ่งที่หลายฝ่ายเริ่มไม่พอใจจากปฏิกิริยาเช่นนี้จาก Syrian News Channel สื่อของซีเรียที่ควบคุมโดยกลุ่มผู้ปกครองซีเรียใหม่ที่มีรากเหง้ามาจากกลุ่มก่อการร้าย HTS สื่อในเยอรมนีเริ่มสงสัยว่า กลุ่มผู้ปกครองใหม่ของซีเรียกำลังทำอะไรทางการทูต การพบปะกันเป็นเพียงมารยาท แต่การเบลอรูปทิ้งในลักษณะนี้ เหมือนไม่ให้ความสำคัญกับผู้หญิงในสายตาชาวซีเรีย ในขณะที่สำนักข่าวซานา (SANA News) ซึ่งเป็นสำนักข่าวทางการของซีเรียมาตั้งแต่ยุคของอดีตผู้นำอัล-อัสซาด ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเผด็จการ และยุโรปจัดว่าเป็นสำนักข่าวโฆษณาชวนเชื่อของอัสซาด กลับนำเสนอภาพข่าวที่เป็นรูปถ่ายปกติที่ไม่มีการเบลอรูปแต่อย่างใด (รูปสุดท้าย)
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • “นพดล ปัทมะ” คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนแรกของประเทศไทย ลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ/ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    ณ บ้านพระอาทิตย์
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    ประเด็นที่  นายนพดล ปัทมะ อ้างว่า ปราสาทพระวิหารได้เป็นของกัมพูชาตามคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเมื่อปี พ.ศ.2505 แล้ว แถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา จึงไม่กระทบต่อประเทศไทยใดๆเกี่ยวกับปราสาทพระวิหารเป็นความจริงที่พูดไม่ครบเพราะ

    ประการแรก นายนพดลอาจจะไม่ได้ตระหนักว่า นายถนัด คอมันตร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในเวลานั้นได้ยื่นหนังสือ “ข้อสงวนที่จะทวงคืนปราสาทพระวิหารในวันข้างหน้า” ถึงผู้รักษาการเลขาธิการสหประชาชาติเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2505 เอาไว้ด้วย โดยผู้รักษาการเลขาธิการสหประชาชาติก็ไม่มีข้อปฏิเสธใดๆ

    ข้อสงวนดังกล่าวเป็นการแสดงออกของรัฐบาลไทย ถึงความอยุติธรรมของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ 

    ข้อสงวนดังกล่าวไม่ได้อ้างข้อบทบัญญัติในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ แต่เมื่อฝ่ายไทยเพลี่ยงพล้ำในเวทีนี้ ฝ่ายไทยก็ไม่ได้เป็นสมาชิกของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศอีกจนถึงปัจจุบัน และข้อสงวนของฝ่ายไทยนั้นก็ไม่ได้อ้างอิงข้อบทในกฎหมายของศาลยุติธรรมต่างประเทศในเวลานั้น หากแต่วันหนึ่งในวันข้างหน้าที่กฎหมายพัฒนา หรือเกิดสิทธิที่ถูกต้องเป็นธรรมขึ้น ก็พร้อมที่จะทวงคืนประสาทพระวิหารกลับคืนมาด้วย จึงเป็นการสงวนสิทธิ์ในอนาคตแบบไม่ได้กำหนดระยะเวลา

    ดังนั้น การอ้างว่าไทยได้แพ้ในคดีปราสาทพระวิหารไปแล้ว การลงนามในแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา จึงไม่ได้เป็นการยกปราสาทพระวิหารให้เป็นมรดกโลกของกัมพูชาฝ่ายเดียวนั้น จึงต้องตั้งคำถามว่ารัฐบาลไทยได้ละทิ้งข้อสงวนของไทยที่นายถนัด คอมันตร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ในเวลานั้นได้ยื่นหนังสือ “ข้อสงวน” ถึงผู้รักษาการเลขาธิการสหประชาชาติเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2505 จริงหรือไม่?

     ประการที่สอง ประเด็นการขึ้นทะเบียนมรดกโลกของตัวปราสาทวิหารนั้นจะไม่สามารถทำได้ หากไม่มีพื้นที่พัฒนา พื้นที่กันชน ซึ่งเป็นเรื่อง “แผ่นดิน” นอกเหนือจาก “ตัวปราสาทพระวิหาร” ตามคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เมื่อปี พ.ศ. 2505 จึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนว่า มีการยินยอมจากฝ่ายไทยในแผนผัง(N1, N2, N3) ให้ตัวปราสาทพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของกัมพูชาฝ่ายเดียวในแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชาได้อย่างไร โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา

    ความจริงเรื่องนี้ไม่ควรจะถกเถียงใดๆ อีกแล้ว เพราะศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยที่ 6-7/2511 เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2551 ได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดสิ้นสุดไปแล้ว ในคดีที่สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า แถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ฉบับลงวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ.2551 เป็นหนังสือสัญญาที่ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 หรือไม่ โดยปรากฏคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในหน้าที่ 23-24 ความตอนหนึ่งว่า

    “ส่วนเรื่องอาณาเขตของประเทศนั้น ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในบริเวณที่ยังมีข้อขัดแย้งกันอยู่ระหว่างประเทศไทยกับต่างประเทศ การดำเนินการและการพิจารณาวินิจฉัยในเรื่องนี้จึงต้องกระทำอย่างรอบคอบ หากเป็นกรณีที่อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตของประเทศแล้ว ย่อมจะต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 วรรคสองด้วย

    สำหรับคำแถลงการณ์ร่วม-กัมพูชา ฉบับลงวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2551 นั้น แม้จะไม่ได้ปรากฏสาระสำคัญอย่างชัดเจนว่าเป็นหนังสือสัญญาที่มีบทเปลี่ยนแปลงเขตพื้นที่อันเป็นอาณาเขตของประเทศไทยก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาข้อบททั้งหมดในคำแถลงการณ์ร่วมประกอบกับแผนที่หรือแผนผังแนบท้ายซึ่งจัดทำขึ้นโดยประเทศกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว อันประกอบเป็นส่วนหนึ่งของคำแถลงการณ์ร่วมแล้ว จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าแผนที่ดังกล่าวได้กล่าวอ้างถึงพื้นที่ N.1 N.2 และ N.3 ได้ชัดเจนว่ามีบริเวณครอบคลุมส่วนใดของประเทศใดเป็นจำนวนเท่าใด ซึ่งเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อผลกระทบเรื่องอาณาเขตของประเทศไทย อันเป็นปัญหาที่ละเอียดอ่อนและอาจก่อให้เกิดข้อพิพาทระหว่างประเทศตอบไปภายหน้าได้ 

    ประกอบกับการที่ประเทศกัมพูชาขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกนั้นมีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ที่เป็นประเด็นโต้เถียงกันในเรื่องของเส้นเขตแดนและขอบเขตที่ปราสาทตั้งอยู่ ทั้งเป็นประเด็นที่มีความเห็นแตกต่างกันทั้งทางด้านสังคมและการเมืองมาโดยตลอด

    การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการเจรจากับประเทศกัมพูชาก่อนที่จะได้มีการลงนามคำแถลงการร่วมดังกล่าว พึงเล็งเห็นได้ว่า การลงนามคำแถลงการณ์ร่วมไป ก็อาจก่อให้เกิดการแตกแยกกันทางด้านความคิดเห็นของคนในสังคมทั้งสองประเทศ อีกทั้งอาจก่อให้เกิดวิกฤติแก่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา อันมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางสังคมอย่างกว้างขวาง คำแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวจึงเป็นหนังสือสัญญาที่อาจมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตประเทศไทย จึงเป็นหนังสือสัญญาที่รัฐธรรมนูญมาตรา 190 วรรคสอง กำหนดให้ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา

    อาศัยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ศาลรัฐธรรมนูญจึงวินิจฉัยชี้ขาดว่า คำแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา หรือ Joint Communiqe’ ฉบับลงวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2551 เป็นหนังสือสัญญาที่อาจมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตของประเทศ ทั้งยังมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางสังคมของประเทศอย่างกว้างขวางอีกด้วย ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาตามประมวลมาตรา 190 วรรคสอง”

    ดังนั้น การโพสต์ว่านายนพดล ปัทมะ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ในกรณีให้ปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาโดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญนั้น เป็นการใส่ร้ายตรงไหน และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนแรกในประเทศไทยที่ลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาที่ไม่ชอบรัฐธรรมนูญนั้นผิดตรงไหน?

    ต่อมาคำพิพากษาศาลฎีกาสำนวนคดีหมายเลขดำ ที่ อม.3/2556 เมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558 ว่านายนพดล ปัทมะ ไม่มีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 นั้น ในประเด็นแห่งคดีที่ว่านายนพดล ปัทมะ ไม่ได้นำเรื่องแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชาไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภานั้น ศาลฟังไม่ได้ว่า “จำเลยมีเจตนาหลีกเลี่ยงไม่นำร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ให้รัฐสภาพิจารณาเห็นชอบ”

      แปลว่าเราต้องเคารพคำวินิจฉันของศาลรัฐธรรมนูญ และคำพิพากษาของศาลฎีกาซึ่งสรุปสั้นๆ ได้คือ นายนพดล ปัทมะ ในสมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ลงนามในแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ให้ปราสาทพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกพร้อมแผนผังนั้น เป็นการกระทำที่ไม่ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา และขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนแรกของประเทศไทยที่กระทำขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพียงแต่ในอีกคดีหนึ่งที่ศาลฎีกาเห็นว่าไม่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพราะไม่ได้มี “เจตนาหลีกเลี่ยงไม่นำร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ให้รัฐสภาพิจารณาเห็นชอบ”

    จึงต้องตั้งคำถามต่อจากนายนพดล ปัทมะ ที่ตั้งประเด็นในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า จะให้เชื่อใครระหว่างนายสนธิ ลิ้มทองกุลและคณะ กับกรมสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ของประเทศไทยนั้น ประเทศไทยได้รับบทเรียนจากกระทรวงการต่างประเทศที่ได้มีการกระทำแบบที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ แพ้คำตัดสินตัวปราสาทพระวิหารในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี พ.ศ. 2505 แพ้การตีความพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารเพิ่มเติมในปี พ.ศ. 2556 ดังนั้นการที่มาตั้งคำถามเพื่อด้อยค่าการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนในทำนองว่าอาจจะมีความรู้น้อยกว่า กรมสนธิสัญญากระทรวงการต่างประเทศจึงไม่น่าเชื่อถือ โดยไม่ฟังเสียงทักท้วงจากประชาชน ถูกต้องแล้วหรือ?

    จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น จึงต้องตั้งคำถามว่าข้อความต่อไปนี้ ไม่ใช่ความเท็จ และไม่ใช่การใส่ร้ายป้ายดีใดๆ จริงหรือไม่ ดังจะได้บันทึกให้อ่านกันเป็นข้อความซ้ำกัน 3 ครั้ง ความว่า

     “นายนพดล ปัทมะ คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนแรกของประเทศไทย ลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ”

     “นายนพดล ปัทมะ คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนแรกของประเทศไทย ลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ”

      “นายนพดล ปัทมะ คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนแรกของประเทศไทย ลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ”

    ด้วยจิตคารวะ
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต



    “นพดล ปัทมะ” คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนแรกของประเทศไทย ลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ/ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ณ บ้านพระอาทิตย์ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประเด็นที่  นายนพดล ปัทมะ อ้างว่า ปราสาทพระวิหารได้เป็นของกัมพูชาตามคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเมื่อปี พ.ศ.2505 แล้ว แถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา จึงไม่กระทบต่อประเทศไทยใดๆเกี่ยวกับปราสาทพระวิหารเป็นความจริงที่พูดไม่ครบเพราะ ประการแรก นายนพดลอาจจะไม่ได้ตระหนักว่า นายถนัด คอมันตร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในเวลานั้นได้ยื่นหนังสือ “ข้อสงวนที่จะทวงคืนปราสาทพระวิหารในวันข้างหน้า” ถึงผู้รักษาการเลขาธิการสหประชาชาติเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2505 เอาไว้ด้วย โดยผู้รักษาการเลขาธิการสหประชาชาติก็ไม่มีข้อปฏิเสธใดๆ ข้อสงวนดังกล่าวเป็นการแสดงออกของรัฐบาลไทย ถึงความอยุติธรรมของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ  ข้อสงวนดังกล่าวไม่ได้อ้างข้อบทบัญญัติในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ แต่เมื่อฝ่ายไทยเพลี่ยงพล้ำในเวทีนี้ ฝ่ายไทยก็ไม่ได้เป็นสมาชิกของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศอีกจนถึงปัจจุบัน และข้อสงวนของฝ่ายไทยนั้นก็ไม่ได้อ้างอิงข้อบทในกฎหมายของศาลยุติธรรมต่างประเทศในเวลานั้น หากแต่วันหนึ่งในวันข้างหน้าที่กฎหมายพัฒนา หรือเกิดสิทธิที่ถูกต้องเป็นธรรมขึ้น ก็พร้อมที่จะทวงคืนประสาทพระวิหารกลับคืนมาด้วย จึงเป็นการสงวนสิทธิ์ในอนาคตแบบไม่ได้กำหนดระยะเวลา ดังนั้น การอ้างว่าไทยได้แพ้ในคดีปราสาทพระวิหารไปแล้ว การลงนามในแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา จึงไม่ได้เป็นการยกปราสาทพระวิหารให้เป็นมรดกโลกของกัมพูชาฝ่ายเดียวนั้น จึงต้องตั้งคำถามว่ารัฐบาลไทยได้ละทิ้งข้อสงวนของไทยที่นายถนัด คอมันตร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ในเวลานั้นได้ยื่นหนังสือ “ข้อสงวน” ถึงผู้รักษาการเลขาธิการสหประชาชาติเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2505 จริงหรือไม่?  ประการที่สอง ประเด็นการขึ้นทะเบียนมรดกโลกของตัวปราสาทวิหารนั้นจะไม่สามารถทำได้ หากไม่มีพื้นที่พัฒนา พื้นที่กันชน ซึ่งเป็นเรื่อง “แผ่นดิน” นอกเหนือจาก “ตัวปราสาทพระวิหาร” ตามคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เมื่อปี พ.ศ. 2505 จึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนว่า มีการยินยอมจากฝ่ายไทยในแผนผัง(N1, N2, N3) ให้ตัวปราสาทพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของกัมพูชาฝ่ายเดียวในแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชาได้อย่างไร โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ความจริงเรื่องนี้ไม่ควรจะถกเถียงใดๆ อีกแล้ว เพราะศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยที่ 6-7/2511 เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2551 ได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดสิ้นสุดไปแล้ว ในคดีที่สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า แถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ฉบับลงวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ.2551 เป็นหนังสือสัญญาที่ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 หรือไม่ โดยปรากฏคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในหน้าที่ 23-24 ความตอนหนึ่งว่า “ส่วนเรื่องอาณาเขตของประเทศนั้น ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในบริเวณที่ยังมีข้อขัดแย้งกันอยู่ระหว่างประเทศไทยกับต่างประเทศ การดำเนินการและการพิจารณาวินิจฉัยในเรื่องนี้จึงต้องกระทำอย่างรอบคอบ หากเป็นกรณีที่อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตของประเทศแล้ว ย่อมจะต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 วรรคสองด้วย สำหรับคำแถลงการณ์ร่วม-กัมพูชา ฉบับลงวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2551 นั้น แม้จะไม่ได้ปรากฏสาระสำคัญอย่างชัดเจนว่าเป็นหนังสือสัญญาที่มีบทเปลี่ยนแปลงเขตพื้นที่อันเป็นอาณาเขตของประเทศไทยก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาข้อบททั้งหมดในคำแถลงการณ์ร่วมประกอบกับแผนที่หรือแผนผังแนบท้ายซึ่งจัดทำขึ้นโดยประเทศกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว อันประกอบเป็นส่วนหนึ่งของคำแถลงการณ์ร่วมแล้ว จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าแผนที่ดังกล่าวได้กล่าวอ้างถึงพื้นที่ N.1 N.2 และ N.3 ได้ชัดเจนว่ามีบริเวณครอบคลุมส่วนใดของประเทศใดเป็นจำนวนเท่าใด ซึ่งเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อผลกระทบเรื่องอาณาเขตของประเทศไทย อันเป็นปัญหาที่ละเอียดอ่อนและอาจก่อให้เกิดข้อพิพาทระหว่างประเทศตอบไปภายหน้าได้  ประกอบกับการที่ประเทศกัมพูชาขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกนั้นมีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ที่เป็นประเด็นโต้เถียงกันในเรื่องของเส้นเขตแดนและขอบเขตที่ปราสาทตั้งอยู่ ทั้งเป็นประเด็นที่มีความเห็นแตกต่างกันทั้งทางด้านสังคมและการเมืองมาโดยตลอด การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการเจรจากับประเทศกัมพูชาก่อนที่จะได้มีการลงนามคำแถลงการร่วมดังกล่าว พึงเล็งเห็นได้ว่า การลงนามคำแถลงการณ์ร่วมไป ก็อาจก่อให้เกิดการแตกแยกกันทางด้านความคิดเห็นของคนในสังคมทั้งสองประเทศ อีกทั้งอาจก่อให้เกิดวิกฤติแก่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา อันมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางสังคมอย่างกว้างขวาง คำแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวจึงเป็นหนังสือสัญญาที่อาจมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตประเทศไทย จึงเป็นหนังสือสัญญาที่รัฐธรรมนูญมาตรา 190 วรรคสอง กำหนดให้ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา อาศัยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ศาลรัฐธรรมนูญจึงวินิจฉัยชี้ขาดว่า คำแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา หรือ Joint Communiqe’ ฉบับลงวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2551 เป็นหนังสือสัญญาที่อาจมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตของประเทศ ทั้งยังมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางสังคมของประเทศอย่างกว้างขวางอีกด้วย ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาตามประมวลมาตรา 190 วรรคสอง” ดังนั้น การโพสต์ว่านายนพดล ปัทมะ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ในกรณีให้ปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาโดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญนั้น เป็นการใส่ร้ายตรงไหน และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนแรกในประเทศไทยที่ลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาที่ไม่ชอบรัฐธรรมนูญนั้นผิดตรงไหน? ต่อมาคำพิพากษาศาลฎีกาสำนวนคดีหมายเลขดำ ที่ อม.3/2556 เมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558 ว่านายนพดล ปัทมะ ไม่มีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 นั้น ในประเด็นแห่งคดีที่ว่านายนพดล ปัทมะ ไม่ได้นำเรื่องแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชาไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภานั้น ศาลฟังไม่ได้ว่า “จำเลยมีเจตนาหลีกเลี่ยงไม่นำร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ให้รัฐสภาพิจารณาเห็นชอบ”   แปลว่าเราต้องเคารพคำวินิจฉันของศาลรัฐธรรมนูญ และคำพิพากษาของศาลฎีกาซึ่งสรุปสั้นๆ ได้คือ นายนพดล ปัทมะ ในสมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ลงนามในแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ให้ปราสาทพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกพร้อมแผนผังนั้น เป็นการกระทำที่ไม่ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา และขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนแรกของประเทศไทยที่กระทำขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพียงแต่ในอีกคดีหนึ่งที่ศาลฎีกาเห็นว่าไม่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพราะไม่ได้มี “เจตนาหลีกเลี่ยงไม่นำร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ให้รัฐสภาพิจารณาเห็นชอบ” จึงต้องตั้งคำถามต่อจากนายนพดล ปัทมะ ที่ตั้งประเด็นในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า จะให้เชื่อใครระหว่างนายสนธิ ลิ้มทองกุลและคณะ กับกรมสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ของประเทศไทยนั้น ประเทศไทยได้รับบทเรียนจากกระทรวงการต่างประเทศที่ได้มีการกระทำแบบที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ แพ้คำตัดสินตัวปราสาทพระวิหารในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี พ.ศ. 2505 แพ้การตีความพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารเพิ่มเติมในปี พ.ศ. 2556 ดังนั้นการที่มาตั้งคำถามเพื่อด้อยค่าการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนในทำนองว่าอาจจะมีความรู้น้อยกว่า กรมสนธิสัญญากระทรวงการต่างประเทศจึงไม่น่าเชื่อถือ โดยไม่ฟังเสียงทักท้วงจากประชาชน ถูกต้องแล้วหรือ? จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น จึงต้องตั้งคำถามว่าข้อความต่อไปนี้ ไม่ใช่ความเท็จ และไม่ใช่การใส่ร้ายป้ายดีใดๆ จริงหรือไม่ ดังจะได้บันทึกให้อ่านกันเป็นข้อความซ้ำกัน 3 ครั้ง ความว่า  “นายนพดล ปัทมะ คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนแรกของประเทศไทย ลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ”  “นายนพดล ปัทมะ คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนแรกของประเทศไทย ลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ”   “นายนพดล ปัทมะ คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนแรกของประเทศไทย ลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ” ด้วยจิตคารวะ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 370 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ไบเดนย่องเงียบ" อนุมัติแผนการขายอาวุธ 8,000 ล้านเหรียญให้อิสราเอล

    กระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งต่อรัฐสภา "อย่างไม่เป็นทางการ" ถึงข้อเสนอข้อตกลงด้านอาวุธมูลค่า 8,000 ล้านดอลลาร์กับอิสราเอล ซึ่งจะรวมถึงอาวุธสำหรับเครื่องบินขับไล่และเฮลิคอปเตอร์โจมตี รวมถึงกระสุนปืนใหญ่

    แหล่งข่าวยังกล่าวอีกว่า กระทรวงการต่างประเทศแจ้งต่อรัฐสภาว่า ข้อตกลงดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อ "สนับสนุนความมั่นคงในระยะยาวของอิสราเอลโดยการจัดหาอาวุธสำคัญและความสามารถในการป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติม"

    "ประธานาธิบดีได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าอิสราเอลมีสิทธิที่จะปกป้องพลเมืองของตน สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และในการยับยั้งการรุกรานจากอิหร่านและองค์กรตัวแทนของอิหร่าน" เจ้าหน้าที่สหรัฐกล่าว

    การขายอาวุธครั้งนี้รวมถึงขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ AIM-120C-8 AMRAAM สำหรับเครื่องบินขับไล่เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางอากาศ รวมถึงโดรน

    ยังรวมถึงกระสุนปืนใหญ่ขนาด 155 มม. และขีปนาวุธ Hellfire AGM-114 สำหรับเฮลิคอปเตอร์โจมตีด้วย

    ข้อตกลงที่เสนอนี้ยังรวมถึงระเบิดขนาดเล็ก ระเบิดดัดแปลง JDAM ที่มีหัวรบขนาด 500 ปอนด์

    ในขณะที่:
    - แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล: รายงานว่าอิสราเอลก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
    - ฮิวแมนไรท์วอทช์: รายงานว่าอิสราเอลก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
    - รายงานของสหประชาชาติ: รายงานว่าอิสราเอลก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
    - นักวิชาการด้านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์: รายงานว่าอิสราเอลก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
    - ศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ International Criminal Court (ICC): กำลังดำเนินคดีกับเนทันยาฮูในข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
    - แต่ไบเดนยังคงเดินหน้าขายอาวุธอีก 8,000 ล้านเหรียญให้อิสราเอล
    "ไบเดนย่องเงียบ" อนุมัติแผนการขายอาวุธ 8,000 ล้านเหรียญให้อิสราเอล กระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งต่อรัฐสภา "อย่างไม่เป็นทางการ" ถึงข้อเสนอข้อตกลงด้านอาวุธมูลค่า 8,000 ล้านดอลลาร์กับอิสราเอล ซึ่งจะรวมถึงอาวุธสำหรับเครื่องบินขับไล่และเฮลิคอปเตอร์โจมตี รวมถึงกระสุนปืนใหญ่ แหล่งข่าวยังกล่าวอีกว่า กระทรวงการต่างประเทศแจ้งต่อรัฐสภาว่า ข้อตกลงดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อ "สนับสนุนความมั่นคงในระยะยาวของอิสราเอลโดยการจัดหาอาวุธสำคัญและความสามารถในการป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติม" "ประธานาธิบดีได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าอิสราเอลมีสิทธิที่จะปกป้องพลเมืองของตน สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และในการยับยั้งการรุกรานจากอิหร่านและองค์กรตัวแทนของอิหร่าน" เจ้าหน้าที่สหรัฐกล่าว การขายอาวุธครั้งนี้รวมถึงขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ AIM-120C-8 AMRAAM สำหรับเครื่องบินขับไล่เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางอากาศ รวมถึงโดรน ยังรวมถึงกระสุนปืนใหญ่ขนาด 155 มม. และขีปนาวุธ Hellfire AGM-114 สำหรับเฮลิคอปเตอร์โจมตีด้วย ข้อตกลงที่เสนอนี้ยังรวมถึงระเบิดขนาดเล็ก ระเบิดดัดแปลง JDAM ที่มีหัวรบขนาด 500 ปอนด์ ในขณะที่: - แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล: รายงานว่าอิสราเอลก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ - ฮิวแมนไรท์วอทช์: รายงานว่าอิสราเอลก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ - รายงานของสหประชาชาติ: รายงานว่าอิสราเอลก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ - นักวิชาการด้านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์: รายงานว่าอิสราเอลก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ - ศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ International Criminal Court (ICC): กำลังดำเนินคดีกับเนทันยาฮูในข้อหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ - แต่ไบเดนยังคงเดินหน้าขายอาวุธอีก 8,000 ล้านเหรียญให้อิสราเอล
    Sad
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 317 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ไลฟ์ไม่รอด #ยอดลับลวงพราง
    อย.สวมอีก ทีออเดอร์มโนก็ยกเลิกเพียบ
    หม๋ายเรียกมีก็หนี๋ไม่ไป สื่อติดต่อก็ปิดการติดต่อทุกทาง
    ผสห มาสมทบ รวมเป็นร้อย กลุ่ม ผสห ที่ออกสื่อก็แค่ 20%
    เรื่องถึงกระทรวงการต่างประเทศแล้วอีกตะหาก
    สอบสวนกลางก็รับเรื่อง ดำเนินการ
    แถมลากสาวเกามาพังพันโดยไม่จำเป็น
    สรุป ต้องถูกสอบหมด
    หวังดึง ยื้อ ผสห ไม่ให้มาร่วมฟ๊อง
    เพราะกลัว RYa จนหัวหด บางราย จะหมดอายุ๊ความยังไม่รู้ตัว
    ส่วนพี่สาว ใช้มุกเดิม โยนให้ผัวเก่าเป็นแพะ ทั้งๆที่
    เลิกกับผัวเก่าไปขี่กับคนขับรถ เอามาเชิดหน้าชูตา
    ให้ผัวใหม่ ไปเปิดบช ม๊า วันๆไม่ต้องทำงานอะไร
    เติมเกมส์ แต่งกระบะซิ่งไปวันๆ แล้วบอก ผัวที่เป็นคนขับรถช่างประเสริฐ
    จริงๆ ที่โยนให้ผัวเก่าเป็นแพะอะนะ ไม่ใช่ผัวเก่าล่าสุดคนเดียว
    มีผัวเก่าที่เก่ากว่า นั่นเลย สตอรี่แพะเหมือนกับเป๊ะ
    ทั้งๆที่ กระบวนการสองพี่น้องมิจนี้ ทำกันเองล้วนๆ
    ตั้งแต่ ตั้งตุ๋นวงแชรรร์ ทำวันเป็นร้อย สร้างมือต้นมโนขึ้นมา
    พอมีเหยี่อ ก็ปิดวงหนี กรุ๊ปแรกนี้ อิสองพี่น้องแฝดนี้ได้ไปกว่าสามสิบล
    ยังมีตุ๋นลงหุ้นแล้วเท ตุ๋นร่วมลงทุนแล้วเท ตุ๋นยืมเงินลูกน้อง
    สารพัดความซั่ว ที่ผัวเก่าหรือผัวเก่ากว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเลย
    แต่มักโยนให้เป็นแพะ เรียกความสงสาร อ้างว่า ต้องเป็นแม่เลี้ยงเดียว
    อ่อ จ้า แม่คนดี ศรีสังคม
    คนรักลูกแบบไหน ไปเล่นซู้กับคนขับรถในบริษัท ไปบอกครอบครัวผัวเก่าว่า ต้องหย่ากัน เพราะมีคนทำของ ต้องแก้เคล็ด ที่ไหนได้ เอาซู้ขึ้นเป็นผัวแทนซะเลย
    รักลูกแบบนี้ สร้างkadee กับ ผสห หลักร้อยคน มูลหนี้ไม่ต่ำกว่า 200 ล
    ทุกอย่าง คิดอ่านทำกันเอง สองพี่น้องแฝด
    สุดท้าย ยังเอาลูกตัวเองมาเป็นเครื่องมือหวังให้รอดจากการประนาามของสังคม หงายการ์ด ที่ฉันซั่วเพราะผัวเก่าทำ อีกแล้ว
    และเป็นแม่ที่ดียังไง ให้ซู้ ไปตุ๋นเมียเค้าก่อนเท ให้ยืมเงงินญาติพี่น้องรอบตัว แล้วไอ่ซู้ก็ศีลเสมอกันด้วย ได้ตังปุ๊บ เทเมียเก่า มาเฉพกาเมกับอินี่ เป็น ผ เป็น ม กันแบบเปิดเผย ทีแบบนี้ ไม่กลัวลูกจะรู้แล้วเสียใจกับพฤติกรรมของตัวเอง
    ทุกอย่าง บ่งบอกได้ ว่าเมิงสองพี่น้องแฝด ไม่เคยรักใครจริง รักแค่ตัวเอง
    เดี๋ยวกรู จะติดต่อใครซักคน อัดคลิป เปิดให้ชัดเจนไปเลย
    แล้วนี่ ยังสร้างความหวังลมๆแล้งๆให้ ผสห ที่ยังไม่ตื่น
    ดึงเวลาไปอีก ก็ใช่สิ เวลานี้มันสำคัญ แต่จะบอกเมิงสองตัวให้รุ้ไว้น้ะ
    ไม่ต้องไปกล่อม ผสห ที่เหลือของเมิงหรอก ตอนนี้กรูปิดรับเคสเพิ่ม
    แค่ร้อยกว่าคนที่ติดต่อมาทั้งสามล็อต มูลค่าร่วมมากกว่าสองร้อยล้าน แค่นี้
    เมิงก็ได้อยู่ข้างในกรง ยันแก่ ฟันธง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ไลฟ์ไม่รอด #ยอดลับลวงพราง อย.สวมอีก ทีออเดอร์มโนก็ยกเลิกเพียบ หม๋ายเรียกมีก็หนี๋ไม่ไป สื่อติดต่อก็ปิดการติดต่อทุกทาง ผสห มาสมทบ รวมเป็นร้อย กลุ่ม ผสห ที่ออกสื่อก็แค่ 20% เรื่องถึงกระทรวงการต่างประเทศแล้วอีกตะหาก สอบสวนกลางก็รับเรื่อง ดำเนินการ แถมลากสาวเกามาพังพันโดยไม่จำเป็น สรุป ต้องถูกสอบหมด หวังดึง ยื้อ ผสห ไม่ให้มาร่วมฟ๊อง เพราะกลัว RYa จนหัวหด บางราย จะหมดอายุ๊ความยังไม่รู้ตัว ส่วนพี่สาว ใช้มุกเดิม โยนให้ผัวเก่าเป็นแพะ ทั้งๆที่ เลิกกับผัวเก่าไปขี่กับคนขับรถ เอามาเชิดหน้าชูตา ให้ผัวใหม่ ไปเปิดบช ม๊า วันๆไม่ต้องทำงานอะไร เติมเกมส์ แต่งกระบะซิ่งไปวันๆ แล้วบอก ผัวที่เป็นคนขับรถช่างประเสริฐ จริงๆ ที่โยนให้ผัวเก่าเป็นแพะอะนะ ไม่ใช่ผัวเก่าล่าสุดคนเดียว มีผัวเก่าที่เก่ากว่า นั่นเลย สตอรี่แพะเหมือนกับเป๊ะ ทั้งๆที่ กระบวนการสองพี่น้องมิจนี้ ทำกันเองล้วนๆ ตั้งแต่ ตั้งตุ๋นวงแชรรร์ ทำวันเป็นร้อย สร้างมือต้นมโนขึ้นมา พอมีเหยี่อ ก็ปิดวงหนี กรุ๊ปแรกนี้ อิสองพี่น้องแฝดนี้ได้ไปกว่าสามสิบล ยังมีตุ๋นลงหุ้นแล้วเท ตุ๋นร่วมลงทุนแล้วเท ตุ๋นยืมเงินลูกน้อง สารพัดความซั่ว ที่ผัวเก่าหรือผัวเก่ากว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเลย แต่มักโยนให้เป็นแพะ เรียกความสงสาร อ้างว่า ต้องเป็นแม่เลี้ยงเดียว อ่อ จ้า แม่คนดี ศรีสังคม คนรักลูกแบบไหน ไปเล่นซู้กับคนขับรถในบริษัท ไปบอกครอบครัวผัวเก่าว่า ต้องหย่ากัน เพราะมีคนทำของ ต้องแก้เคล็ด ที่ไหนได้ เอาซู้ขึ้นเป็นผัวแทนซะเลย รักลูกแบบนี้ สร้างkadee กับ ผสห หลักร้อยคน มูลหนี้ไม่ต่ำกว่า 200 ล ทุกอย่าง คิดอ่านทำกันเอง สองพี่น้องแฝด สุดท้าย ยังเอาลูกตัวเองมาเป็นเครื่องมือหวังให้รอดจากการประนาามของสังคม หงายการ์ด ที่ฉันซั่วเพราะผัวเก่าทำ อีกแล้ว และเป็นแม่ที่ดียังไง ให้ซู้ ไปตุ๋นเมียเค้าก่อนเท ให้ยืมเงงินญาติพี่น้องรอบตัว แล้วไอ่ซู้ก็ศีลเสมอกันด้วย ได้ตังปุ๊บ เทเมียเก่า มาเฉพกาเมกับอินี่ เป็น ผ เป็น ม กันแบบเปิดเผย ทีแบบนี้ ไม่กลัวลูกจะรู้แล้วเสียใจกับพฤติกรรมของตัวเอง ทุกอย่าง บ่งบอกได้ ว่าเมิงสองพี่น้องแฝด ไม่เคยรักใครจริง รักแค่ตัวเอง เดี๋ยวกรู จะติดต่อใครซักคน อัดคลิป เปิดให้ชัดเจนไปเลย แล้วนี่ ยังสร้างความหวังลมๆแล้งๆให้ ผสห ที่ยังไม่ตื่น ดึงเวลาไปอีก ก็ใช่สิ เวลานี้มันสำคัญ แต่จะบอกเมิงสองตัวให้รุ้ไว้น้ะ ไม่ต้องไปกล่อม ผสห ที่เหลือของเมิงหรอก ตอนนี้กรูปิดรับเคสเพิ่ม แค่ร้อยกว่าคนที่ติดต่อมาทั้งสามล็อต มูลค่าร่วมมากกว่าสองร้อยล้าน แค่นี้ เมิงก็ได้อยู่ข้างในกรง ยันแก่ ฟันธง #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 248 มุมมอง 0 รีวิว
  • MOU 2544 "นพดล" อย่าทำตัวเป็นเต่าหัวหด
    .
    หลังจากเมื่อวันอังคารที่ 24 ธันวาคม ที่ผ่านมา ผม อาจารย์ปานเทพ และคณะ เดินทางไปที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทวงถามนายกฯ หลังครบ 15 วัน ที่ได้ยื่นหนังสือขอให้เพิกถอน MOU 2544 และ JC 2544
    .
    เรื่องนี้รัฐบาลเดือดร้อนมาก วันเดียวกันนั้นเลย นายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ พอถูกถามเรื่อง MOU 2544 ก็ออกมาอ้อมๆ แอ้มๆ ว่าไม่ได้ปล่อยผ่านเรื่องนี้ แต่ยังยืนกรานไม่ยอมเปิดเวทีสาธารณะ หรือเวทีดีเบตตามสื่อ เพราะรู้ว่าเปิดเมื่อไรก็ตายคาเวทีเลย ไม่ว่าจะเป็นใคร แม้กระทั่งคนอย่างเช่นนายนพดล ปัทมะ ที่ทำตัวเป็นคนปากเก่ง
    .
    ปัจจุบันนี้ นายนพดล มีตำแหน่งเป็น สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ออกมาแถลงข่าวตอบโต้พวกผม เมื่อวันพุธที่ 25 ธันวาคม ที่ผ่านมา ไม่ใช่ตอบโต้อย่างเดียวด้อยค่าพวกผมว่า ระหว่างพวกผม กับกรมสนธิสัญญาฯ กระทรวงการต่างประเทศ จะเชื่อใคร
    .
    คุณนพดลครับ ถ้าคุณมีตา มีสมอง คุณคงรู้ว่าประชาชนทั่วไป 90กว่าเปอร์เซ็นต์ เขาคิดอย่างไรกับคุณ ผมตอบคุณอย่างนี้ดีกว่า สั้นๆ 4 ข้อ แล้วผมจะส่งคำท้าไปที่คุณด้วย อย่าเก่งแต่ปากสิ มาเจอกัน คุณโกหกหน้าด้านๆ โกหกประชาชน เพราะคุณพูดความจริงไม่ครบ
    .
    ประการแรก คุณดำเนินการเรื่องปราสาทพระวิหารแล้วศาลฎีกาตัดสินว่าไม่ผิด แต่นั่นเป็นคดีกล่าวหาเรื่องการทุจริตต่อหน้าที่ ไม่ได้แปลว่าคุณนพดลไม่ได้ทำผิด คุณน่ะทำผิด เพราะอีก 2 คดี คือคดีศาลรัฐธรรมนูญ และศาลปกครองสูงสุด ได้วินิจฉัยเสร็จสิ้นไปแล้วกรณีที่คุณนพดลไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา เพื่อยกปราสาทพระวิหารและพื้นที่ไทยบางส่วนให้เป็นมรดกโลกของกัมพูชาฝ่ายเดียว เมื่อปี 2551
    .
    ประการที่สอง คุณพยายามด้อยค่าพวกผม สงสัยคุณไม่ได้ดูที่อาจารย์ปานเทพตอบโต้กับข้าราชการกรมสนธิสัญญาฯจนกระทั่งหน้าแตก ไปที่ศูนย์รับเรื่องฯ ประชุมกัน ไปถูก แต่กลับไม่ถูก
    .
    ประการที่สาม คุณนพดล จริงๆ คุณนี่ลืมตัวเพราะโดยสถานะจริงๆ คุณมีตำแหน่งเป็นแค่ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ไม่ได้มีตำแหน่งบริหาร แต่กลับอ้างโน่นอ้างนี่ บอกยึดตามพระบรมราชโองการในหลวงรัชกาลที่ 9 แต่คุณนพดลตั้งใจฟังนายกฯอุ๊งอิ๊งค์กับทักษิณ ซึ่งเป็นนายกฯ ตัวจริง และนายกฯ ตัวปลอม ดันพูดมาหลายครั้งพูดว่า ถ้าตกลงเรื่องเขตแดนกัมพูชาไม่ได้ ก็ให้แบ่งกัน ซึ่งแปลว่ารัฐบาลไทยไม่ได้ยึดตามพระบรมราชโองการ
    .
    ประการที่สี่ ถ้าคุณแน่จริง ผ่านช่องไหนก็ได้ ของรัฐบาลก็ได้ NBT ก็ได้ ช่อง 5 ก็ได้ ช่อง 3 ช่อง 7 ก็ได้ คุณนพดล คุณอย่าทำตัวเป็นเต่าหัวหด ปากกล้าขาสั่น อย่าๆๆๆ อย่าช้า รีบรับคำท้ามาเลย ถ้าไม่รับคำท้ามาเจอต่อหน้าพูดคุยกันแบบลูกผู้ชาย กล้าพูดแต่ฝ่ายเดียว วันหลังอย่าสะเออะออกมาตอบโต้พวกผมอีก เพราะประชาชนทั่วไปเขารู้อยู่แล้วว่าคุณนพดลเอ๊ย ว่าคุณน่ะไม่มีราคาเลยแม้แต่นิดเดียว
    MOU 2544 "นพดล" อย่าทำตัวเป็นเต่าหัวหด . หลังจากเมื่อวันอังคารที่ 24 ธันวาคม ที่ผ่านมา ผม อาจารย์ปานเทพ และคณะ เดินทางไปที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทวงถามนายกฯ หลังครบ 15 วัน ที่ได้ยื่นหนังสือขอให้เพิกถอน MOU 2544 และ JC 2544 . เรื่องนี้รัฐบาลเดือดร้อนมาก วันเดียวกันนั้นเลย นายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ พอถูกถามเรื่อง MOU 2544 ก็ออกมาอ้อมๆ แอ้มๆ ว่าไม่ได้ปล่อยผ่านเรื่องนี้ แต่ยังยืนกรานไม่ยอมเปิดเวทีสาธารณะ หรือเวทีดีเบตตามสื่อ เพราะรู้ว่าเปิดเมื่อไรก็ตายคาเวทีเลย ไม่ว่าจะเป็นใคร แม้กระทั่งคนอย่างเช่นนายนพดล ปัทมะ ที่ทำตัวเป็นคนปากเก่ง . ปัจจุบันนี้ นายนพดล มีตำแหน่งเป็น สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ออกมาแถลงข่าวตอบโต้พวกผม เมื่อวันพุธที่ 25 ธันวาคม ที่ผ่านมา ไม่ใช่ตอบโต้อย่างเดียวด้อยค่าพวกผมว่า ระหว่างพวกผม กับกรมสนธิสัญญาฯ กระทรวงการต่างประเทศ จะเชื่อใคร . คุณนพดลครับ ถ้าคุณมีตา มีสมอง คุณคงรู้ว่าประชาชนทั่วไป 90กว่าเปอร์เซ็นต์ เขาคิดอย่างไรกับคุณ ผมตอบคุณอย่างนี้ดีกว่า สั้นๆ 4 ข้อ แล้วผมจะส่งคำท้าไปที่คุณด้วย อย่าเก่งแต่ปากสิ มาเจอกัน คุณโกหกหน้าด้านๆ โกหกประชาชน เพราะคุณพูดความจริงไม่ครบ . ประการแรก คุณดำเนินการเรื่องปราสาทพระวิหารแล้วศาลฎีกาตัดสินว่าไม่ผิด แต่นั่นเป็นคดีกล่าวหาเรื่องการทุจริตต่อหน้าที่ ไม่ได้แปลว่าคุณนพดลไม่ได้ทำผิด คุณน่ะทำผิด เพราะอีก 2 คดี คือคดีศาลรัฐธรรมนูญ และศาลปกครองสูงสุด ได้วินิจฉัยเสร็จสิ้นไปแล้วกรณีที่คุณนพดลไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา เพื่อยกปราสาทพระวิหารและพื้นที่ไทยบางส่วนให้เป็นมรดกโลกของกัมพูชาฝ่ายเดียว เมื่อปี 2551 . ประการที่สอง คุณพยายามด้อยค่าพวกผม สงสัยคุณไม่ได้ดูที่อาจารย์ปานเทพตอบโต้กับข้าราชการกรมสนธิสัญญาฯจนกระทั่งหน้าแตก ไปที่ศูนย์รับเรื่องฯ ประชุมกัน ไปถูก แต่กลับไม่ถูก . ประการที่สาม คุณนพดล จริงๆ คุณนี่ลืมตัวเพราะโดยสถานะจริงๆ คุณมีตำแหน่งเป็นแค่ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ไม่ได้มีตำแหน่งบริหาร แต่กลับอ้างโน่นอ้างนี่ บอกยึดตามพระบรมราชโองการในหลวงรัชกาลที่ 9 แต่คุณนพดลตั้งใจฟังนายกฯอุ๊งอิ๊งค์กับทักษิณ ซึ่งเป็นนายกฯ ตัวจริง และนายกฯ ตัวปลอม ดันพูดมาหลายครั้งพูดว่า ถ้าตกลงเรื่องเขตแดนกัมพูชาไม่ได้ ก็ให้แบ่งกัน ซึ่งแปลว่ารัฐบาลไทยไม่ได้ยึดตามพระบรมราชโองการ . ประการที่สี่ ถ้าคุณแน่จริง ผ่านช่องไหนก็ได้ ของรัฐบาลก็ได้ NBT ก็ได้ ช่อง 5 ก็ได้ ช่อง 3 ช่อง 7 ก็ได้ คุณนพดล คุณอย่าทำตัวเป็นเต่าหัวหด ปากกล้าขาสั่น อย่าๆๆๆ อย่าช้า รีบรับคำท้ามาเลย ถ้าไม่รับคำท้ามาเจอต่อหน้าพูดคุยกันแบบลูกผู้ชาย กล้าพูดแต่ฝ่ายเดียว วันหลังอย่าสะเออะออกมาตอบโต้พวกผมอีก เพราะประชาชนทั่วไปเขารู้อยู่แล้วว่าคุณนพดลเอ๊ย ว่าคุณน่ะไม่มีราคาเลยแม้แต่นิดเดียว
    Like
    Haha
    4
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 454 มุมมอง 0 รีวิว
  • เตือนข่าวสด อย่าตกเป็นเครื่องมือตะวันตก
    ปั่นกระแส“ว้าแดงรุกล้ำ ปลุกไทยสู้รบ”
    .
    ข่าวการรุกล้ำดินแดนไทยของทหารว้าเกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์ความขัดแย้งในภาคเหนือของรัฐฉานกำลังเริ่มจะคลี่คลาย มีสัญญาณบวกเกิดขึ้นหลายสัญญาณ หลังจากที่จีนออกหน้าเป็นตัวกลางให้มีการเจรจาสันติภาพกันระหว่างกองทัพพม่า กับกองทัพโกก้าง และกองทัพตะอาง ที่สู้รบกันดุเดือดมาตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน
    .
    การมีการสู้รบทางภาคเหนือของรัฐฉาน เชื่อกันว่ามีอเมริกาและประเทศตะวันตกอยู่เบื้องหลัง เพราะพื้นที่สู้รบอยู่บนเส้นทางคมนาคมหลักของระเบียงเศรษฐกิจจีน พม่า ที่จีนตั้งใจจะใช้เป็นทางออกทะเลสู่มหาสมุทรอินเดีย
    .
    กองทัพว้า เป็นกองทัพขนาดใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อกองทัพโกก้าง และกองทัพตะอาง เรียกว่าเป็นพี่ใหญ่ของกองทัพทั้งสองที่กำลังรบอยู่กับกองทัพพม่า
    .
    กองทัพว้า มีความใกล้ชิดกับทั้งจีนและกองทัพพม่า ในกระบวนการเจรจาสันติภาพในภาคเหนือของรัฐฉานที่มีจีนเป็นตัวกลาง กองทัพว้ามีบทบาทร่วมกดดันให้กองทัพโกก้าง และกองทัพตะอาง ยุติการสู้รบกับกองทัพพม่า โดยใช้วิธีตัดความช่วยเหลือทุกด้านที่กองทัพว้าเคยให้กับกองทัพทั้งสองตามคำร้องขอของจีน
    .
    เรื่องกองกำลังว้าแดงแถวแม่ฮ่องสอนรุกเข้ามาที่ไทย เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่าตกใจ เป็นเรื่องที่เราเคยล้ำเส้นเขา เขาล้ำเส้นเรา ว้าแดงคือคนพื้นที่ที่อยู่ตรงนั้นมานานแล้ว อาวุธยุทโธปกรณ์ก็ใช้เทคโนโลยีจีน มีรถถัง มีขีปนาวุธ เพราะจีนหนุนว้าแดงเพื่อให้ปราบชนกลุ่มน้อยที่ไปเข้ายืนข้างทางตะวันตก แล้วหนังสือพิมพ์ ข่าวสด ก็ตกเป็นเครื่องมือของทางตะวันตกอย่างเต็มตัว
    .
    ข่าวสด ครับ ฟังทางนี้นะครับ หรือกล่าวอย่างง่ายๆ ว่า วิทยุเอเชียเสรี เป็นสื่อโฆษณาชวนเชื่อ (Propaganda) ของรัฐบาลสหรัฐฯ นี่เอง แท้จริงแล้วไม่ใช่สื่อเสรี แต่เป็นสื่อทำตามธงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ นั่นเอง
    .
    ในภาพใหญ่ เหตุการณ์นี้เป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์ที่สหรัฐฯ และชาติตะวันตกใช้เพื่อดำเนินการกดดันและปิดล้อมการแผ่อิทธิพลของจีนอย่างแน่นอน โดยใช้ประเทศไทยเราเป็นหมากเบี้ย ปั่นให้เราทะเลาะกับว้านั่นเอง น่าเสียดายที่หนังสือพิมพ์ ข่าวสด ตกเป็นเครื่องมือของตะวันตกโดยไม่รู้ตัว
    เตือนข่าวสด อย่าตกเป็นเครื่องมือตะวันตก ปั่นกระแส“ว้าแดงรุกล้ำ ปลุกไทยสู้รบ” . ข่าวการรุกล้ำดินแดนไทยของทหารว้าเกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์ความขัดแย้งในภาคเหนือของรัฐฉานกำลังเริ่มจะคลี่คลาย มีสัญญาณบวกเกิดขึ้นหลายสัญญาณ หลังจากที่จีนออกหน้าเป็นตัวกลางให้มีการเจรจาสันติภาพกันระหว่างกองทัพพม่า กับกองทัพโกก้าง และกองทัพตะอาง ที่สู้รบกันดุเดือดมาตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน . การมีการสู้รบทางภาคเหนือของรัฐฉาน เชื่อกันว่ามีอเมริกาและประเทศตะวันตกอยู่เบื้องหลัง เพราะพื้นที่สู้รบอยู่บนเส้นทางคมนาคมหลักของระเบียงเศรษฐกิจจีน พม่า ที่จีนตั้งใจจะใช้เป็นทางออกทะเลสู่มหาสมุทรอินเดีย . กองทัพว้า เป็นกองทัพขนาดใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อกองทัพโกก้าง และกองทัพตะอาง เรียกว่าเป็นพี่ใหญ่ของกองทัพทั้งสองที่กำลังรบอยู่กับกองทัพพม่า . กองทัพว้า มีความใกล้ชิดกับทั้งจีนและกองทัพพม่า ในกระบวนการเจรจาสันติภาพในภาคเหนือของรัฐฉานที่มีจีนเป็นตัวกลาง กองทัพว้ามีบทบาทร่วมกดดันให้กองทัพโกก้าง และกองทัพตะอาง ยุติการสู้รบกับกองทัพพม่า โดยใช้วิธีตัดความช่วยเหลือทุกด้านที่กองทัพว้าเคยให้กับกองทัพทั้งสองตามคำร้องขอของจีน . เรื่องกองกำลังว้าแดงแถวแม่ฮ่องสอนรุกเข้ามาที่ไทย เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่าตกใจ เป็นเรื่องที่เราเคยล้ำเส้นเขา เขาล้ำเส้นเรา ว้าแดงคือคนพื้นที่ที่อยู่ตรงนั้นมานานแล้ว อาวุธยุทโธปกรณ์ก็ใช้เทคโนโลยีจีน มีรถถัง มีขีปนาวุธ เพราะจีนหนุนว้าแดงเพื่อให้ปราบชนกลุ่มน้อยที่ไปเข้ายืนข้างทางตะวันตก แล้วหนังสือพิมพ์ ข่าวสด ก็ตกเป็นเครื่องมือของทางตะวันตกอย่างเต็มตัว . ข่าวสด ครับ ฟังทางนี้นะครับ หรือกล่าวอย่างง่ายๆ ว่า วิทยุเอเชียเสรี เป็นสื่อโฆษณาชวนเชื่อ (Propaganda) ของรัฐบาลสหรัฐฯ นี่เอง แท้จริงแล้วไม่ใช่สื่อเสรี แต่เป็นสื่อทำตามธงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ นั่นเอง . ในภาพใหญ่ เหตุการณ์นี้เป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์ที่สหรัฐฯ และชาติตะวันตกใช้เพื่อดำเนินการกดดันและปิดล้อมการแผ่อิทธิพลของจีนอย่างแน่นอน โดยใช้ประเทศไทยเราเป็นหมากเบี้ย ปั่นให้เราทะเลาะกับว้านั่นเอง น่าเสียดายที่หนังสือพิมพ์ ข่าวสด ตกเป็นเครื่องมือของตะวันตกโดยไม่รู้ตัว
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 294 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ปานเทพ” ยกคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ โต้ “นพดล” ชี้ชัดแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ปี 51 ให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาฝ่ายเดียว ผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 เพราะส่งผลกระทบต่อดินแดนแต่กลับไม่เอาเข้าสภา ถามกลับ ใส่ร้ายตรงไหน ระหว่าง “สนธิ” และคณะ กับกระทรวงการต่างประเทศที่เคยมีบทเรียนทำให้ไทยเสียปราสาทพระวิหาร ควรเชื่อใครมากกว่า

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000125179

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “ปานเทพ” ยกคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ โต้ “นพดล” ชี้ชัดแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ปี 51 ให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาฝ่ายเดียว ผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 เพราะส่งผลกระทบต่อดินแดนแต่กลับไม่เอาเข้าสภา ถามกลับ ใส่ร้ายตรงไหน ระหว่าง “สนธิ” และคณะ กับกระทรวงการต่างประเทศที่เคยมีบทเรียนทำให้ไทยเสียปราสาทพระวิหาร ควรเชื่อใครมากกว่า อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000125179 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Wow
    Love
    39
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1395 มุมมอง 2 รีวิว
  • “มองไทย มองโลก” ไม่มีอะไรดี เลวร้ายลง รัฐบาลทำพังแต่คนไทยเอาแต่บ่นในปี 2568
    .
    ประเทศไทยแทบจะไม่ต้องพูดอะไรเลย เพราะว่ามันไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก มีแต่เลวลง สังคมกฎหมายเลวลงกรณีแตงโม กรณีชั้น 14 ของนายทักษิณ ชินวัตร กรณีเขากระโดง นี่คือจุดเริ่มต้นของความเสื่อมในปีหน้า ที่มันจะเสื่อมลงกว่าเก่า เศรษฐกิจก็ยังติดขัดอยู่ ทุกวันนี้ที่พรรคเพื่อไทยออกมาคุยโวโอ้อวด ผมยังไม่เคยเห็นพรรคเพื่อไทยทำอะไรเป็นการสร้างเศรษฐกิจให้ยั่งยืนเลย มีแต่เอาเงินงบประมาณมาแจกประชาชนเพื่อหวังเสียง แค่นั้นเอง
    .
    สรุปง่ายๆ พรรคเพื่อไทย กับพรรคไทยรักไทยตอนแรก ที่ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วตอนนี้ก็เป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริง โดยชูลูกสาวเป็นตัวปลอม เป็นหุ่นเชิดให้ นิสัยก็ยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ลด แลก แจก แถม
    .
    ปีหน้าเมื่อมีการปรับ ครม.แล้ว ทักษิณ คงต้องเปลี่ยนตัวเอารัฐมนตรีฯ ต่างประเทศคนใหม่เข้ามาแทนที่ อาจจะเป็นนพดล ปัทมะ เพราะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนปัจจุบันไม่กล้าตั้งคณะกรรมการ JCT ต้องเอาคนที่หน้าด้าน แล้วผมจะเตือนอย่างนะครับ ท่านเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ กรมสนธิสัญญาฯ ถ้าคุณจำเป็นจะต้องไปนั่งเป็นคณะกรรมการ ให้คุณระวังตัวไว้นะ คุณอย่าทำตามใบสั่งทางการเมืองนะว่าเขาต้องมีธงแบบนี้ คุณยอมให้เขาย้ายดีกว่า เพราะว่าในที่สุด เมื่อประเทศไทยสูญเสียดินแดน คุณจะเห็นว่านรกมันมีจริงสำหรับชีวิตอนาคตข้างหน้าของพวกคุณ
    .
    มีคนเคยถามผมว่า คุณสนธิ VAT มันจะขึ้นไหม ? แนวโน้มสูงมากจะต้องขึ้น เพราะว่ารัฐบาลมันถังแตก ตระกูลชินวัตรทำให้ประเทศไทยล่มสลายจากการจำนำข้าวไป 7 แสนล้านบาท
    .
    ภูมิรัฐศาสตร์โลกมันจะเกิดสงครามเป็นหย่อมๆอย่างที่พูดไปแล้วเมื่อปี2567 แล้วความห้าวเป้งของนายทรัมป์ ที่ต้องการจะฟาดอิหร่านร่วมกับเนทันยาฮู อิสราเอล นั้น มันจะก่อให้เกิดสงครามใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอนที่สุด
    .
    สำหรับสงครามในยูเครนจะต้องจบไม่น่าจะเกินกุมภาพันธ์-มีนาคม ผมเชื่อว่ารัสเซียคงยังจะต้องใช้ออร์เซนิกสั่งสอนยูเครนและทางตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนาโต และที่สำคัญ ทรัมป์ไม่ต้องการสงคราม ทรัมป์ต้องการจะค้าขาย เพราะฉะนั้นสงครามยูเครนน่าจะลดความร้อนแรงลง
    .
    ส่วนทะเลจีนตอนใต้ก็จะยังคงรุนแรงต่อ เพราะว่าล่าสุดติดขีปนาวุธพิสัยกลางไว้ที่เกาะฟิลิปปินส์ นายเฟอร์ดินานด์ มากอส จูเนียร์ กำลังจะเป็นเซเลนสกีทางภาคตะวันออกอีกคนหนึ่งแล้ว เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าพูดถึงทะเลจีนตอนใต้ นั่นก็คือการที่บ้านสองบ้านตรงข้ามกัน ในซอยเดียวกัน เปิดประตูแล้วด่าโคตรพ่อโคตรแม่กัน แต่ถ้าเป็นตะวันออกกลางแล้ว มันเริ่มเอาข้าวของ เอาปืนยิงใส่บ้านซึ่งกันและกัน ถ้าเป็นยูเครน ก็คือเอาของขว้างต่อกัน ซึ่งกันและกัน นี่คือภาพของโลก
    .
    ถ้าดูตามตำราโหราศาสตร์ปี 2568ตามที่อาจารย์ยิปมันบอกว่า เป็นปีที่ 3 ที่ดาวมฤตยูเข้าสู่ราศีพฤษภของโลกและดวงเมืองประเทศไทย แปลว่าดาวบาปพระเคราะห์ดวงนี้จะทำให้เกิดการพลิกผันในวงการเศรษฐกิจ การเมือง การคลัง และจะทำให้การผันผวนด้านการเงินการคลัง และเศรษฐกิจของโลก ราคาทองคำ บิทคอยน์ จะผันผวนต่อเนื่อง สิ่งที่เคยมีค่าจะกลับกลายเป็นด้อยค่า หุ้นไทยและทองไทยยังมีโอกาสขึ้นต่อไปจนกว่าดาวพฤหัสจะย้าย แต่วงการสงฆ์ วงการศึกษา นักวิชาการ องค์กรอิสระ และตุลาการ จะเกิดการพลิกผันเกินกว่าที่ทุกคนจะคาดคิด สรุปแล้ว ผมก็ให้คำทำนายเอาไว้แบบนี้ เรายังมีเวลาปีหน้าอีกปีหนึ่ง ก็ดูว่าคำทำนายของผมนั้นถูกหรือผิด
    “มองไทย มองโลก” ไม่มีอะไรดี เลวร้ายลง รัฐบาลทำพังแต่คนไทยเอาแต่บ่นในปี 2568 . ประเทศไทยแทบจะไม่ต้องพูดอะไรเลย เพราะว่ามันไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก มีแต่เลวลง สังคมกฎหมายเลวลงกรณีแตงโม กรณีชั้น 14 ของนายทักษิณ ชินวัตร กรณีเขากระโดง นี่คือจุดเริ่มต้นของความเสื่อมในปีหน้า ที่มันจะเสื่อมลงกว่าเก่า เศรษฐกิจก็ยังติดขัดอยู่ ทุกวันนี้ที่พรรคเพื่อไทยออกมาคุยโวโอ้อวด ผมยังไม่เคยเห็นพรรคเพื่อไทยทำอะไรเป็นการสร้างเศรษฐกิจให้ยั่งยืนเลย มีแต่เอาเงินงบประมาณมาแจกประชาชนเพื่อหวังเสียง แค่นั้นเอง . สรุปง่ายๆ พรรคเพื่อไทย กับพรรคไทยรักไทยตอนแรก ที่ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วตอนนี้ก็เป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริง โดยชูลูกสาวเป็นตัวปลอม เป็นหุ่นเชิดให้ นิสัยก็ยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ลด แลก แจก แถม . ปีหน้าเมื่อมีการปรับ ครม.แล้ว ทักษิณ คงต้องเปลี่ยนตัวเอารัฐมนตรีฯ ต่างประเทศคนใหม่เข้ามาแทนที่ อาจจะเป็นนพดล ปัทมะ เพราะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนปัจจุบันไม่กล้าตั้งคณะกรรมการ JCT ต้องเอาคนที่หน้าด้าน แล้วผมจะเตือนอย่างนะครับ ท่านเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ กรมสนธิสัญญาฯ ถ้าคุณจำเป็นจะต้องไปนั่งเป็นคณะกรรมการ ให้คุณระวังตัวไว้นะ คุณอย่าทำตามใบสั่งทางการเมืองนะว่าเขาต้องมีธงแบบนี้ คุณยอมให้เขาย้ายดีกว่า เพราะว่าในที่สุด เมื่อประเทศไทยสูญเสียดินแดน คุณจะเห็นว่านรกมันมีจริงสำหรับชีวิตอนาคตข้างหน้าของพวกคุณ . มีคนเคยถามผมว่า คุณสนธิ VAT มันจะขึ้นไหม ? แนวโน้มสูงมากจะต้องขึ้น เพราะว่ารัฐบาลมันถังแตก ตระกูลชินวัตรทำให้ประเทศไทยล่มสลายจากการจำนำข้าวไป 7 แสนล้านบาท . ภูมิรัฐศาสตร์โลกมันจะเกิดสงครามเป็นหย่อมๆอย่างที่พูดไปแล้วเมื่อปี2567 แล้วความห้าวเป้งของนายทรัมป์ ที่ต้องการจะฟาดอิหร่านร่วมกับเนทันยาฮู อิสราเอล นั้น มันจะก่อให้เกิดสงครามใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอนที่สุด . สำหรับสงครามในยูเครนจะต้องจบไม่น่าจะเกินกุมภาพันธ์-มีนาคม ผมเชื่อว่ารัสเซียคงยังจะต้องใช้ออร์เซนิกสั่งสอนยูเครนและทางตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนาโต และที่สำคัญ ทรัมป์ไม่ต้องการสงคราม ทรัมป์ต้องการจะค้าขาย เพราะฉะนั้นสงครามยูเครนน่าจะลดความร้อนแรงลง . ส่วนทะเลจีนตอนใต้ก็จะยังคงรุนแรงต่อ เพราะว่าล่าสุดติดขีปนาวุธพิสัยกลางไว้ที่เกาะฟิลิปปินส์ นายเฟอร์ดินานด์ มากอส จูเนียร์ กำลังจะเป็นเซเลนสกีทางภาคตะวันออกอีกคนหนึ่งแล้ว เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าพูดถึงทะเลจีนตอนใต้ นั่นก็คือการที่บ้านสองบ้านตรงข้ามกัน ในซอยเดียวกัน เปิดประตูแล้วด่าโคตรพ่อโคตรแม่กัน แต่ถ้าเป็นตะวันออกกลางแล้ว มันเริ่มเอาข้าวของ เอาปืนยิงใส่บ้านซึ่งกันและกัน ถ้าเป็นยูเครน ก็คือเอาของขว้างต่อกัน ซึ่งกันและกัน นี่คือภาพของโลก . ถ้าดูตามตำราโหราศาสตร์ปี 2568ตามที่อาจารย์ยิปมันบอกว่า เป็นปีที่ 3 ที่ดาวมฤตยูเข้าสู่ราศีพฤษภของโลกและดวงเมืองประเทศไทย แปลว่าดาวบาปพระเคราะห์ดวงนี้จะทำให้เกิดการพลิกผันในวงการเศรษฐกิจ การเมือง การคลัง และจะทำให้การผันผวนด้านการเงินการคลัง และเศรษฐกิจของโลก ราคาทองคำ บิทคอยน์ จะผันผวนต่อเนื่อง สิ่งที่เคยมีค่าจะกลับกลายเป็นด้อยค่า หุ้นไทยและทองไทยยังมีโอกาสขึ้นต่อไปจนกว่าดาวพฤหัสจะย้าย แต่วงการสงฆ์ วงการศึกษา นักวิชาการ องค์กรอิสระ และตุลาการ จะเกิดการพลิกผันเกินกว่าที่ทุกคนจะคาดคิด สรุปแล้ว ผมก็ให้คำทำนายเอาไว้แบบนี้ เรายังมีเวลาปีหน้าอีกปีหนึ่ง ก็ดูว่าคำทำนายของผมนั้นถูกหรือผิด
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 413 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ภูมิธรรม” ชี้ MOU 44 ถูกปั่นจนออกนอกอวกาศ ยันเป็นเพียงสนธิสัญญาตีกรอบให้เจรจาโดยสันติ รัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไรที่ต่างจากในอดีต แต่ถูกปลุกขึ้นมาจนเป้นเรื่องใหญ่โต ส่วนปมถูกร้องอย่าด่วนตัดสินจะเป็นปลายทางของรัฐบาลปี 68 ยัน "ทักษิณ" ทำได้ช่วย พท.หาเสียงได้ เพราะกฎหมายเปิดช่อง เหมือน "ธนาธร-ปิยบุตร" ยังช่วยพรรคประชาชนได้

    วันที่ (28 ธ.ค.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณี MOU 44 ที่อาจจะส่งผลให้มวลชนบางกลุ่ม ออกมาเคลื่อนไหวในปีหน้า ว่า ตนยังยึดหลักเดิมว่าควรใช้ความอดทนอดกลั้นและความเข้าใจ MOU44 ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ที่บ่นพูดคุยกันทั้งหมด ย้ำว่ารัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไรเลยที่แตกต่างจากรัฐบาลในอดีตทุกยุคทุกสมัย และยังไม่มีจุดเริ่มต้นเลย ถูกปลุกขึ้นมาโดยอะไรก็ไม่รู้และกลายเป็นเรื่องใหญ่โต เราพยายามอธิบาย ก็กลายเป็นว่าเหมือนเรื่องมันเกิดแล้วเรามาแก้ตัว หรือออกมาปกป้อง

    “MOU44 กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ รู้ดีที่สุด ไม่มีใครรู้เรื่องหลักกฏหมาย ระหว่างประเทศเรื่องดินแดนดีเท่ากรมสนธิสัญญาฯ นักกฏหมายระหว่างประเทศที่เชี่ยวชาญเป็นที่ยอมรับในนานาประเทศก็อยู่ที่กรมนั้น ถึงได้ให้กรมนั้นแถลงข่าว ซึ่งก็แถลงข่าวชัดเจน แต่กลับถูกจับมาเป็นประเด็น ทั้งเกาะกูดจะถูกยึด ตนไปเยี่ยมมาเขาก็อยู่กันมีความสุขดีไม่มีปัญหาอะไร และก็ยังไม่เคยมีใครมาอ้างสิทธิ์ว่าเกาะกูดเป็นของคนนั้นคนนี้ อีกทั้งผมไปเยี่ยมกองทัพเรือ ที่ดูแลเกาะกูดเขาก็ยังตั้งอยู่ในที่มั่น”

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/politics/detail/9670000124648

    #MGROnline #ภูมิธรรม #MOU44
    “ภูมิธรรม” ชี้ MOU 44 ถูกปั่นจนออกนอกอวกาศ ยันเป็นเพียงสนธิสัญญาตีกรอบให้เจรจาโดยสันติ รัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไรที่ต่างจากในอดีต แต่ถูกปลุกขึ้นมาจนเป้นเรื่องใหญ่โต ส่วนปมถูกร้องอย่าด่วนตัดสินจะเป็นปลายทางของรัฐบาลปี 68 ยัน "ทักษิณ" ทำได้ช่วย พท.หาเสียงได้ เพราะกฎหมายเปิดช่อง เหมือน "ธนาธร-ปิยบุตร" ยังช่วยพรรคประชาชนได้ • วันที่ (28 ธ.ค.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณี MOU 44 ที่อาจจะส่งผลให้มวลชนบางกลุ่ม ออกมาเคลื่อนไหวในปีหน้า ว่า ตนยังยึดหลักเดิมว่าควรใช้ความอดทนอดกลั้นและความเข้าใจ MOU44 ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ที่บ่นพูดคุยกันทั้งหมด ย้ำว่ารัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไรเลยที่แตกต่างจากรัฐบาลในอดีตทุกยุคทุกสมัย และยังไม่มีจุดเริ่มต้นเลย ถูกปลุกขึ้นมาโดยอะไรก็ไม่รู้และกลายเป็นเรื่องใหญ่โต เราพยายามอธิบาย ก็กลายเป็นว่าเหมือนเรื่องมันเกิดแล้วเรามาแก้ตัว หรือออกมาปกป้อง • “MOU44 กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ รู้ดีที่สุด ไม่มีใครรู้เรื่องหลักกฏหมาย ระหว่างประเทศเรื่องดินแดนดีเท่ากรมสนธิสัญญาฯ นักกฏหมายระหว่างประเทศที่เชี่ยวชาญเป็นที่ยอมรับในนานาประเทศก็อยู่ที่กรมนั้น ถึงได้ให้กรมนั้นแถลงข่าว ซึ่งก็แถลงข่าวชัดเจน แต่กลับถูกจับมาเป็นประเด็น ทั้งเกาะกูดจะถูกยึด ตนไปเยี่ยมมาเขาก็อยู่กันมีความสุขดีไม่มีปัญหาอะไร และก็ยังไม่เคยมีใครมาอ้างสิทธิ์ว่าเกาะกูดเป็นของคนนั้นคนนี้ อีกทั้งผมไปเยี่ยมกองทัพเรือ ที่ดูแลเกาะกูดเขาก็ยังตั้งอยู่ในที่มั่น” • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9670000124648 • #MGROnline #ภูมิธรรม #MOU44
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 286 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยูเครนได้ชี้แจงยุโรปอย่างชัดเจนว่า จะไม่มีก๊าซจากรัสเซียผ่านท่อส่งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม แม้ว่าคณะกรรมาธิการยุโรปจะร้องขอให้ยูเครนพิจารณาใหม่แล้วก็ตาม

    ยุโรปอาจต้องเตรียมรับมือกับความเป็นจริงที่เลวร้าย เนื่องจากยูเครนให้ความสำคัญกับเอกราชมากกว่าเกมก๊าซของมอสโก โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ จอร์จี ตีคฮี ยืนยัน
    ยูเครนได้ชี้แจงยุโรปอย่างชัดเจนว่า จะไม่มีก๊าซจากรัสเซียผ่านท่อส่งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม แม้ว่าคณะกรรมาธิการยุโรปจะร้องขอให้ยูเครนพิจารณาใหม่แล้วก็ตาม ยุโรปอาจต้องเตรียมรับมือกับความเป็นจริงที่เลวร้าย เนื่องจากยูเครนให้ความสำคัญกับเอกราชมากกว่าเกมก๊าซของมอสโก โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ จอร์จี ตีคฮี ยืนยัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 175 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ ทวงคำตอบ กรณี MOU44 และ JC44 กับรัฐบาล ##
    ..
    ..
    ข้อเรียกร้อง ย่ออย่างสั้นที่สุดคือ...
    .
    1.ขอให้นายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐมนตรี รักษาอธิปไตยของชาติ
    2.ขอให้นายกรัฐมนตรี นำเรื่อง MOU44 และ JC44 เข้า ครม. ลงมติ และ ส่ง ศาลรัฐธรรมนูญ ให้ตีความว่า การทำ MOU44 และ JC44 ชอบด้วย รัฐธรรมนูญหรือไม่
    3.หาก ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า MOU44 และ JC44 ขัดหรือแย้งต่อ รัฐธรรมนูญ ขอให้เพิกถอน MOU44 และ JC44 ไป
    4.หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า MOU44 และ JC44 ไม่ขัดหรือแย้งต่อ รัฐธรรมนูญ ขอให้ รัฐบาลไปเจรจา กับ กัมพูชา เพื่อยกเลิก MOU44 และ JC44 เพื่อป้องกันความสุ่มเสี่ยงที่ประเทศไทย อาจจะเสียเปรียบในอนาคต บนเวทีสากล หรือ ศาลโลก
    5.ขอให้ยุติการตั้ง คณะกรรมาธิการร่วมทางเทคนิค ระหว่างไทยกับกัมพูชาด้านทะเล หรือ JTC เอาไว้ก่อน
    6.ขอให้รัฐบาลเปิดเวทีสาธารณะ เพื่อเสวนาและให้ความรู้ประชาชน และ สุดท้ายให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในเรื่องนี้
    .
    แต่ คำตอบของ นายกรัฐมนตรี คือ เห็นหนังสือร้องเรียนแล้ว ได้ส่งให้กระทรวงการต่างประเทศแล้ว หากมีเรื่องใดจะร้องทุกข์ให้มาที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 111
    .
    สรุปคำตอบของ ท่านนายกรัฐมนตรี คือ ถามวัว ตอบควาย...!!!
    .
    เนื่องจาก ครบกำหนด 15 วันแล้ว และ ท่าตอบไม่ตรงคำถาม ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ จึงได้มาทวงถามคำตอบอีกครั้ง...
    ...
    ...
    โดยในวันที่ 24 ธันวาคม 2567 นายกรัฐมนตรี มอบหมาย นาย สมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง หอบหิ้ว ข้าราชการนับ 10 หน่วยงาน มาร่วมประชุมรับหน้า ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ
    .
    เช่น...
    .
    1.ที่ปรึกษาสำนักปลัดสำนักยนายกรัฐมนตรี
    2.ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
    3.ผู้อำนวยการศูนย์บริการประชาชน
    4.ผู้เชี่ยวชาญด้านมวลชน
    5.ผู้อำนวยการส่วนประสานมวลชนและองค์กรประชาชน
    6.ผู้อำนวยการกองกฎหมายกรมสนธิสัญญา ***
    7.รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล
    8.สำนักนโยบายและแผนกองบัญชาการกองทัพเรือ ***
    9.ตัวแทนกองบัญชาการกองทัพเรือ ***
    10.ผู้อำนวยการด้านกองความมั่นคงทางทะเล ***
    11.นักการทูตชำนาญการกระทรวงการต่างประเทศ ***
    12.นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการสภาความนั่นคงแห่งชาติ ***
    ...
    ...
    ผมว่าการเชิญข้าราชการเหล่านี้มาคุยเป็นเรื่องดีครับ แต่ในทางที่ถูกคือควรจะเปิดเผยต่อสาธารณะชนครับ
    .
    แน่นอนว่า วิธีนี้อาจเป็นการรักษาหน้าของ ข้าราชการที่ถูกเรียกมาให้ข้อมูลยันกับ คุณลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ
    .
    เพราะบางท่านอาจถูกบังคับให้มาด้วย ตำแหน่งหน้าที่ และ สายการบังคับบัญชา โดยที่ท่านเหล่านั้น อาจจะไม่ได้เต็มใจมาค้านข้อมูลของภาคประชาชนก็ได้
    .
    มีข้อสังเกตุว่า การตระเตรียมการนำข้าราชการหลาย 10 ท่าน มาในวันนั้น ไม่ได้มีการแจ้งภาคประชาชนมากก่อน
    .
    เพราะภาคประชาชนเพียงมาทวงคำตอบ จึงไม่ได้เตรียมเอกสารหรือข้อมูลมาเพื่อพูดคุยกัน
    .
    แต่เมื่อเริ่มประชุม ฝ่ายตัวแทนรัฐบาลกลับ เริ่มต้น ให้ ภาคประชาชนถามคำถามที่ค้างคาใจ...
    .
    แม้กระนั้น อาจารย์ปานเทพ ก็เทพ สมชื่อ จัดหนักข้อมูชุดใหญ่ให้ที่ประชุม แถม เสริม และ แย้ง ข้อมูลของ ผู้อำนวยการกองกฎหมายกรมสนธิสัญญา ที่พูดไม่ครบถ้วนกระบวนความ จนความหมายผิดเพียนไปได้อย่างหนักแน่น จนอึ้งไปกันหมดทุกคน...
    ...
    ...
    ประเด็นสำคัญคือ
    .
    พระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปของ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงกำหนดวิธีการเจรจาไว้แล้ว ว่า ให้ใช้หลักกฎหมายสากล ซึ่งก็คือ เส้นมัธยฐาน
    .
    แต่ MOU44 และ JC44 ที่จัดทำขึ้นโดยไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของสภา จึง ขัดต่อบทบัญญัตของ รัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้ การทำหนังสือสัญญาใดๆระหว่างประเทศ เป็น อำนาจ ของ พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นพระประมุขของประเทศ
    .
    เมื่อเป็นหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ จึงต้องผ่านความเห็นชอบของสภา
    .
    เมื่อไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของสภา ดังนั้น MOU44 และ JC44 จึงเป็น เอกสารเถื่อน มีผลป็น โมฆะ มาตั้งแต่ต้น
    .
    แถม MOU44 ยัง มีแผนที่ไหล่ทวีป ที่วาดเอาตามอำเภอใจของ กัมพูชา แนบท้ายมาใน MOU44 อีกด้วย
    .
    มีผลเป็นการ "รับรู้" และ เป็นครั้งแรก ที่เอกสารของประเทศไทย ได้มี แผนที่ไหล่ทวีป ที่วาดเอาตามอำเภอใจของ กัมพูชา เข้ามาสู้ระบบเอกสารของประเทศไทยอย่างทางการ
    .
    มีผลเป็นการที่ รัฐบาล และ หน่วยงานรัฐใดๆที่เกี่ยวข้อง "รับรู้" และ "ไม่ปฎิเสธ" แผนที่ไหล่ทวีป ที่วาดเอาตามอำเภอใจของ กัมพูชา
    .
    อีกทั้งใน MOU44 ยังมีเนื้อหาที่ ทำให้เกิดความพยายามที่จะยอมรับพื้นที่อ้างสิทธิระหว่างไทยกับกัมพูชา ด้านใต้ ละติจูดที่ 11 องศา ลงมา
    .
    ว่าเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนกันเป็นที่ยุติแล้ว มีจำนวน 16,000 ตารางกิโลเมตร ที่ไม่ต้องมีการตกลงเรื่องเขตแดนกันอีก
    .
    โดยกำหนดพื้นที่ด้านใต้ ละติจูดที่ 11 องศา ให้แบ่งผลประโยชน์กัน ระหว่าง ประเทศไทย กับ กัมพูชา
    .
    ซึ่งวิธีการดังกล่าง เป็นการ ตกลงกันเป็นอย่างอื่น นอกเหนือจาก หลักกฎหมาย ของ กฎหมายสากลทางทะเล (เส้น มัธยฐาน)
    .
    ซึ่งจะทำให้ ประเทศไทย สูญเสียผลประโยชน์เกินกว่าความเป็นจริง และ เป็นการ ขัดพระบรมราชโองการ ประกาศเขตไหล่ทวีป ของ ในหลวงรัชการที่ 9 ซึ่งได้กำหนด วิธีการเจรจาไว้เป็นหนึ่งเดียว ตลอดไป...
    .
    สรุป สุดท้าน ภาคประชาชน ขอให้ รัฐบาลทำให้สือตอบกลับมาเป็น ลายลักษณ์อักษร หากท่านทำผิดกฎหมาย ภาคประชาชน จะไปดำเนินคดีกับท่านเอง
    .
    และได้ บอกกล่าวว่าปีหน้าจะ ไปยื่นหนังสือที่
    1.รัฐสภา
    2.กระทรวงการต่างประเทศ และ
    3.กองทัพเรือ
    .
    เรื่อง ดินแดน อำนาจอธิปไตย และ สิทธิอธิปไตย เป็นเรื่องที่คุกรุ่นอยู่ในใจของประชาชนครับ
    .
    สุดท้ายของฝากไว้...
    ....
    ....
    ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119

    ผู้ใดกระทำการใด ๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
    ....
    ....
    https://youtu.be/pee-3jgOGrQ?si=VEkike7oS8olHZqn
    ## ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ ทวงคำตอบ กรณี MOU44 และ JC44 กับรัฐบาล ## .. .. ข้อเรียกร้อง ย่ออย่างสั้นที่สุดคือ... . 1.ขอให้นายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐมนตรี รักษาอธิปไตยของชาติ 2.ขอให้นายกรัฐมนตรี นำเรื่อง MOU44 และ JC44 เข้า ครม. ลงมติ และ ส่ง ศาลรัฐธรรมนูญ ให้ตีความว่า การทำ MOU44 และ JC44 ชอบด้วย รัฐธรรมนูญหรือไม่ 3.หาก ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า MOU44 และ JC44 ขัดหรือแย้งต่อ รัฐธรรมนูญ ขอให้เพิกถอน MOU44 และ JC44 ไป 4.หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า MOU44 และ JC44 ไม่ขัดหรือแย้งต่อ รัฐธรรมนูญ ขอให้ รัฐบาลไปเจรจา กับ กัมพูชา เพื่อยกเลิก MOU44 และ JC44 เพื่อป้องกันความสุ่มเสี่ยงที่ประเทศไทย อาจจะเสียเปรียบในอนาคต บนเวทีสากล หรือ ศาลโลก 5.ขอให้ยุติการตั้ง คณะกรรมาธิการร่วมทางเทคนิค ระหว่างไทยกับกัมพูชาด้านทะเล หรือ JTC เอาไว้ก่อน 6.ขอให้รัฐบาลเปิดเวทีสาธารณะ เพื่อเสวนาและให้ความรู้ประชาชน และ สุดท้ายให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในเรื่องนี้ . แต่ คำตอบของ นายกรัฐมนตรี คือ เห็นหนังสือร้องเรียนแล้ว ได้ส่งให้กระทรวงการต่างประเทศแล้ว หากมีเรื่องใดจะร้องทุกข์ให้มาที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 111 . สรุปคำตอบของ ท่านนายกรัฐมนตรี คือ ถามวัว ตอบควาย...!!! . เนื่องจาก ครบกำหนด 15 วันแล้ว และ ท่าตอบไม่ตรงคำถาม ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ จึงได้มาทวงถามคำตอบอีกครั้ง... ... ... โดยในวันที่ 24 ธันวาคม 2567 นายกรัฐมนตรี มอบหมาย นาย สมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง หอบหิ้ว ข้าราชการนับ 10 หน่วยงาน มาร่วมประชุมรับหน้า ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ . เช่น... . 1.ที่ปรึกษาสำนักปลัดสำนักยนายกรัฐมนตรี 2.ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี 3.ผู้อำนวยการศูนย์บริการประชาชน 4.ผู้เชี่ยวชาญด้านมวลชน 5.ผู้อำนวยการส่วนประสานมวลชนและองค์กรประชาชน 6.ผู้อำนวยการกองกฎหมายกรมสนธิสัญญา *** 7.รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล 8.สำนักนโยบายและแผนกองบัญชาการกองทัพเรือ *** 9.ตัวแทนกองบัญชาการกองทัพเรือ *** 10.ผู้อำนวยการด้านกองความมั่นคงทางทะเล *** 11.นักการทูตชำนาญการกระทรวงการต่างประเทศ *** 12.นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการสภาความนั่นคงแห่งชาติ *** ... ... ผมว่าการเชิญข้าราชการเหล่านี้มาคุยเป็นเรื่องดีครับ แต่ในทางที่ถูกคือควรจะเปิดเผยต่อสาธารณะชนครับ . แน่นอนว่า วิธีนี้อาจเป็นการรักษาหน้าของ ข้าราชการที่ถูกเรียกมาให้ข้อมูลยันกับ คุณลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ . เพราะบางท่านอาจถูกบังคับให้มาด้วย ตำแหน่งหน้าที่ และ สายการบังคับบัญชา โดยที่ท่านเหล่านั้น อาจจะไม่ได้เต็มใจมาค้านข้อมูลของภาคประชาชนก็ได้ . มีข้อสังเกตุว่า การตระเตรียมการนำข้าราชการหลาย 10 ท่าน มาในวันนั้น ไม่ได้มีการแจ้งภาคประชาชนมากก่อน . เพราะภาคประชาชนเพียงมาทวงคำตอบ จึงไม่ได้เตรียมเอกสารหรือข้อมูลมาเพื่อพูดคุยกัน . แต่เมื่อเริ่มประชุม ฝ่ายตัวแทนรัฐบาลกลับ เริ่มต้น ให้ ภาคประชาชนถามคำถามที่ค้างคาใจ... . แม้กระนั้น อาจารย์ปานเทพ ก็เทพ สมชื่อ จัดหนักข้อมูชุดใหญ่ให้ที่ประชุม แถม เสริม และ แย้ง ข้อมูลของ ผู้อำนวยการกองกฎหมายกรมสนธิสัญญา ที่พูดไม่ครบถ้วนกระบวนความ จนความหมายผิดเพียนไปได้อย่างหนักแน่น จนอึ้งไปกันหมดทุกคน... ... ... ประเด็นสำคัญคือ . พระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปของ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงกำหนดวิธีการเจรจาไว้แล้ว ว่า ให้ใช้หลักกฎหมายสากล ซึ่งก็คือ เส้นมัธยฐาน . แต่ MOU44 และ JC44 ที่จัดทำขึ้นโดยไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของสภา จึง ขัดต่อบทบัญญัตของ รัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้ การทำหนังสือสัญญาใดๆระหว่างประเทศ เป็น อำนาจ ของ พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นพระประมุขของประเทศ . เมื่อเป็นหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ จึงต้องผ่านความเห็นชอบของสภา . เมื่อไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของสภา ดังนั้น MOU44 และ JC44 จึงเป็น เอกสารเถื่อน มีผลป็น โมฆะ มาตั้งแต่ต้น . แถม MOU44 ยัง มีแผนที่ไหล่ทวีป ที่วาดเอาตามอำเภอใจของ กัมพูชา แนบท้ายมาใน MOU44 อีกด้วย . มีผลเป็นการ "รับรู้" และ เป็นครั้งแรก ที่เอกสารของประเทศไทย ได้มี แผนที่ไหล่ทวีป ที่วาดเอาตามอำเภอใจของ กัมพูชา เข้ามาสู้ระบบเอกสารของประเทศไทยอย่างทางการ . มีผลเป็นการที่ รัฐบาล และ หน่วยงานรัฐใดๆที่เกี่ยวข้อง "รับรู้" และ "ไม่ปฎิเสธ" แผนที่ไหล่ทวีป ที่วาดเอาตามอำเภอใจของ กัมพูชา . อีกทั้งใน MOU44 ยังมีเนื้อหาที่ ทำให้เกิดความพยายามที่จะยอมรับพื้นที่อ้างสิทธิระหว่างไทยกับกัมพูชา ด้านใต้ ละติจูดที่ 11 องศา ลงมา . ว่าเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนกันเป็นที่ยุติแล้ว มีจำนวน 16,000 ตารางกิโลเมตร ที่ไม่ต้องมีการตกลงเรื่องเขตแดนกันอีก . โดยกำหนดพื้นที่ด้านใต้ ละติจูดที่ 11 องศา ให้แบ่งผลประโยชน์กัน ระหว่าง ประเทศไทย กับ กัมพูชา . ซึ่งวิธีการดังกล่าง เป็นการ ตกลงกันเป็นอย่างอื่น นอกเหนือจาก หลักกฎหมาย ของ กฎหมายสากลทางทะเล (เส้น มัธยฐาน) . ซึ่งจะทำให้ ประเทศไทย สูญเสียผลประโยชน์เกินกว่าความเป็นจริง และ เป็นการ ขัดพระบรมราชโองการ ประกาศเขตไหล่ทวีป ของ ในหลวงรัชการที่ 9 ซึ่งได้กำหนด วิธีการเจรจาไว้เป็นหนึ่งเดียว ตลอดไป... . สรุป สุดท้าน ภาคประชาชน ขอให้ รัฐบาลทำให้สือตอบกลับมาเป็น ลายลักษณ์อักษร หากท่านทำผิดกฎหมาย ภาคประชาชน จะไปดำเนินคดีกับท่านเอง . และได้ บอกกล่าวว่าปีหน้าจะ ไปยื่นหนังสือที่ 1.รัฐสภา 2.กระทรวงการต่างประเทศ และ 3.กองทัพเรือ . เรื่อง ดินแดน อำนาจอธิปไตย และ สิทธิอธิปไตย เป็นเรื่องที่คุกรุ่นอยู่ในใจของประชาชนครับ . สุดท้ายของฝากไว้... .... .... ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 ผู้ใดกระทำการใด ๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต .... .... https://youtu.be/pee-3jgOGrQ?si=VEkike7oS8olHZqn
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 383 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ปานเทพ” สวนกลับ “นพดล” ประชาชนควรเชื่อรัฐบาล-กระทรวงการต่างประเทศหรือ ทั้งที่เคยเสียท่าเขมรทำให้ไทยสูญเสียปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบมาแล้ว ถาม MOU44 ยึดมั่น “เส้นมัธยะ” ตามพระบรมราชโองการ ร.9 จริงหรือ แล้วทำไม “ทักษิณ” บอกจะแบ่งผลประโยชน์ 50 ต่อ 50 ซึ่งเท่ากับรับรู้เส้นของกัมพูชา อนาคตหากเขมรอ้างเป็นการ “ตกลงกันเป็นอย่างอื่น” ไม่ต้องยึดตามเส้นมัธยะ ฟ้องศาลโลกเอาพื้นที่เป็นของตัวเอง ไทยแพ้อีกแน่

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000124192

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “ปานเทพ” สวนกลับ “นพดล” ประชาชนควรเชื่อรัฐบาล-กระทรวงการต่างประเทศหรือ ทั้งที่เคยเสียท่าเขมรทำให้ไทยสูญเสียปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบมาแล้ว ถาม MOU44 ยึดมั่น “เส้นมัธยะ” ตามพระบรมราชโองการ ร.9 จริงหรือ แล้วทำไม “ทักษิณ” บอกจะแบ่งผลประโยชน์ 50 ต่อ 50 ซึ่งเท่ากับรับรู้เส้นของกัมพูชา อนาคตหากเขมรอ้างเป็นการ “ตกลงกันเป็นอย่างอื่น” ไม่ต้องยึดตามเส้นมัธยะ ฟ้องศาลโลกเอาพื้นที่เป็นของตัวเอง ไทยแพ้อีกแน่ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000124192 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    22
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1076 มุมมอง 1 รีวิว
  • ## ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ ทวงคำตอบ กรณี MOU44 และ JC44 กับรัฐบาล ##
    ..
    ..
    ข้อเรียกร้อง ย่ออย่างสั้นที่สุดคือ...
    .
    1.ขอให้นายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐมนตรี รักษาอธิปไตยของชาติ

    2.ขอให้นายกรัฐมนตรี นำเรื่อง MOU44 และ JC44 เข้า ครม. ลงมติ และ ส่ง ศาลรัฐธรรมนูญ ให้ตีความว่า การทำ MOU44 และ JC44 ชอบด้วย รัฐธรรมนูญหรือไม่

    3.หาก ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า MOU44 และ JC44 ขัดหรือแย้งต่อ รัฐธรรมนูญ ขอให้เพิกถอน MOU44 และ JC44 ไป

    4.หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า MOU44 และ JC44 ไม่ขัดหรือแย้งต่อ รัฐธรรมนูญ ขอให้ รัฐบาลไปเจรจา กับ กัมพูชา เพื่อยกเลิก MOU44 และ JC44 เพื่อป้องกันความสุ่มเสี่ยงที่ประเทศไทย อาจจะเสียเปรียบในอนาคต บนเวทีสากล หรือ ศาลโลก

    5.ขอให้ยุติการตั้ง คณะกรรมาธิการร่วมทางเทคนิค ระหว่างไทยกับกัมพูชาด้านทะเล หรือ JTC เอาไว้ก่อน

    6.ขอให้รัฐบาลเปิดเวทีสาธารณะ เพื่อเสวนาและให้ความรู้ประชาชน และ สุดท้ายให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในเรื่องนี้
    .
    แต่ คำตอบของ นายกรัฐมนตรี คือ เห็นหนังสือร้องเรียนแล้ว ได้ส่งให้กระทรวงการต่างประเทศแล้ว หากมีเรื่องใดจะร้องทุกข์ให้มาที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 111
    .
    สรุปคำตอบของ ท่านนายกรัฐมนตรี คือ ถามวัว ตอบควาย...!!!
    .
    เนื่องจาก ครบกำหนด 15 วันแล้ว และ ท่านตอบไม่ตรงคำถาม ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ จึงได้มาทวงถามคำตอบอีกครั้ง...
    ...
    ...
    โดยในวันที่ 24 ธันวาคม 2567 นายกรัฐมนตรี มอบหมาย นาย สมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง หอบหิ้ว ข้าราชการนับ 10 หน่วยงาน มาร่วมประชุมรับหน้า ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ
    .
    เช่น...
    .
    1.ที่ปรึกษาสำนักปลัดสำนักยนายกรัฐมนตรี
    2.ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
    3.ผู้อำนวยการศูนย์บริการประชาชน
    4.ผู้เชี่ยวชาญด้านมวลชน
    5.ผู้อำนวยการส่วนประสานมวลชนและองค์กรประชาชน
    6.ผู้อำนวยการกองกฎหมายกรมสนธิสัญญา ***
    7.รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล
    8.สำนักนโยบายและแผนกองบัญชาการกองทัพเรือ ***
    9.ตัวแทนกองบัญชาการกองทัพเรือ ***
    10.ผู้อำนวยการด้านกองความมั่นคงทางทะเล ***
    11.นักการทูตชำนาญการกระทรวงการต่างประเทศ ***
    12.นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการสภาความนั่นคงแห่งชาติ ***
    ...
    ...
    ผมว่าการเชิญข้าราชการเหล่านี้มาคุยเป็นเรื่องดีครับ แต่ในทางที่ถูกคือควรจะเปิดเผยต่อสาธารณะชนครับ
    .
    แน่นอนว่า วิธีนี้อาจเป็นการรักษาหน้าของ ข้าราชการที่ถูกเรียกมาให้ข้อมูลยันกับ คุณลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ
    .
    เพราะบางท่านอาจถูกบังคับให้มาด้วย ตำแหน่งหน้าที่ และ สายการบังคับบัญชา โดยที่ท่านเหล่านั้น อาจจะไม่ได้เต็มใจมาค้านข้อมูลของภาคประชาชนก็ได้
    .
    มีข้อสังเกตุว่า การตระเตรียมการนำข้าราชการหลาย 10 ท่าน มาในวันนั้น ไม่ได้มีการแจ้งภาคประชาชนมากก่อน
    .
    เพราะภาคประชาชนเพียงมาทวงคำตอบ จึงไม่ได้เตรียมเอกสารหรือข้อมูลมาเพื่อพูดคุยกัน
    .
    แต่เมื่อเริ่มประชุม ฝ่ายตัวแทนรัฐบาลกลับ เริ่มต้น ให้ ภาคประชาชนถามคำถามที่ค้างคาใจ...
    .
    แม้กระนั้น อาจารย์ปานเทพ ก็เทพ สมชื่อ จัดหนักข้อมูชุดใหญ่ให้ที่ประชุม แถม เสริม และ แย้ง ข้อมูลของ ผู้อำนวยการกองกฎหมายกรมสนธิสัญญา ที่พูดไม่ครบถ้วนกระบวนความ จนความหมายผิดเพียนไปได้อย่างหนักแน่น จนอึ้งไปกันหมดทุกคน...
    ...
    ...
    ประเด็นสำคัญคือ
    .
    พระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปของ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงกำหนดวิธีการเจรจาไว้แล้ว ว่า ให้ใช้หลักกฎหมายสากล ซึ่งก็คือ เส้นมัธยฐาน
    .
    แต่ MOU44 และ JC44 ที่จัดทำขึ้นโดยไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของสภา จึง ขัดต่อบทบัญญัตของ รัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้ การทำหนังสือสัญญาใดๆระหว่างประเทศ เป็น อำนาจ ของ พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นพระประมุขของประเทศ
    .
    เมื่อเป็นหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ จึงต้องผ่านความเห็นชอบของสภา
    .
    เมื่อไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของสภา ดังนั้น MOU44 และ JC44 จึงเป็น เอกสารเถื่อน มีผลป็น โมฆะ มาตั้งแต่ต้น
    .
    แถม MOU44 ยัง มีแผนที่ไหล่ทวีป ที่วาดเอาตามอำเภอใจของ กัมพูชา แนบท้ายมาใน MOU44 อีกด้วย
    .
    มีผลเป็นการ "รับรู้" และ เป็นครั้งแรก ที่เอกสารของประเทศไทย ได้มี แผนที่ไหล่ทวีป ที่วาดเอาตามอำเภอใจของ กัมพูชา เข้ามาสู้ระบบเอกสารของประเทศไทยอย่างทางการ
    .
    มีผลเป็นการที่ รัฐบาล และ หน่วยงานรัฐใดๆที่เกี่ยวข้อง "รับรู้" และ "ไม่ปฎิเสธ" แผนที่ไหล่ทวีป ที่วาดเอาตามอำเภอใจของ กัมพูชา
    .
    อีกทั้งใน MOU44 ยังมีเนื้อหาที่ ทำให้เกิดความพยายามที่จะยอมรับพื้นที่อ้างสิทธิระหว่างไทยกับกัมพูชา ด้านใต้ ละติจูดที่ 11 องศา ลงมา
    .
    ว่าเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนกันเป็นที่ยุติแล้ว มีจำนวน 16,000 ตารางกิโลเมตร ที่ไม่ต้องมีการตกลงเรื่องเขตแดนกันอีก
    .
    โดยกำหนดพื้นที่ด้านใต้ ละติจูดที่ 11 องศา ให้แบ่งผลประโยชน์กัน ระหว่าง ประเทศไทย กับ กัมพูชา
    .
    ซึ่งวิธีการดังกล่าง เป็นการ ตกลงกันเป็นอย่างอื่น นอกเหนือจาก หลักกฎหมาย ของ กฎหมายสากลทางทะเล (เส้น มัธยฐาน)
    .
    ซึ่งจะทำให้ ประเทศไทย สูญเสียผลประโยชน์เกินกว่าความเป็นจริง และ เป็นการ ขัดพระบรมราชโองการ ประกาศเขตไหล่ทวีป ของ ในหลวงรัชการที่ 9 ซึ่งได้กำหนด วิธีการเจรจาไว้เป็นหนึ่งเดียว ตลอดไป...
    .
    สรุป สุดท้าน ภาคประชาชน ขอให้ รัฐบาลทำให้สือตอบกลับมาเป็น ลายลักษณ์อักษร หากท่านทำผิดกฎหมาย ภาคประชาชน จะไปดำเนินคดีกับท่านเอง
    .
    และได้ บอกกล่าวว่าปีหน้าจะ ไปยื่นหนังสือที่
    1.รัฐสภา
    2.กระทรวงการต่างประเทศ และ
    3.กองทัพเรือ
    .
    เรื่อง ดินแดน อำนาจอธิปไตย และ สิทธิอธิปไตย เป็นเรื่องที่คุกรุ่นอยู่ในใจของประชาชนครับ
    .
    สุดท้ายของฝากไว้...
    ....
    ....
    ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119

    ผู้ใดกระทำการใด ๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
    ....
    ....
    https://youtu.be/wR4PZ-c5ExA?si=onTI6IaLFkxZfEnv
    ## ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ ทวงคำตอบ กรณี MOU44 และ JC44 กับรัฐบาล ## .. .. ข้อเรียกร้อง ย่ออย่างสั้นที่สุดคือ... . 1.ขอให้นายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐมนตรี รักษาอธิปไตยของชาติ 2.ขอให้นายกรัฐมนตรี นำเรื่อง MOU44 และ JC44 เข้า ครม. ลงมติ และ ส่ง ศาลรัฐธรรมนูญ ให้ตีความว่า การทำ MOU44 และ JC44 ชอบด้วย รัฐธรรมนูญหรือไม่ 3.หาก ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า MOU44 และ JC44 ขัดหรือแย้งต่อ รัฐธรรมนูญ ขอให้เพิกถอน MOU44 และ JC44 ไป 4.หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า MOU44 และ JC44 ไม่ขัดหรือแย้งต่อ รัฐธรรมนูญ ขอให้ รัฐบาลไปเจรจา กับ กัมพูชา เพื่อยกเลิก MOU44 และ JC44 เพื่อป้องกันความสุ่มเสี่ยงที่ประเทศไทย อาจจะเสียเปรียบในอนาคต บนเวทีสากล หรือ ศาลโลก 5.ขอให้ยุติการตั้ง คณะกรรมาธิการร่วมทางเทคนิค ระหว่างไทยกับกัมพูชาด้านทะเล หรือ JTC เอาไว้ก่อน 6.ขอให้รัฐบาลเปิดเวทีสาธารณะ เพื่อเสวนาและให้ความรู้ประชาชน และ สุดท้ายให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในเรื่องนี้ . แต่ คำตอบของ นายกรัฐมนตรี คือ เห็นหนังสือร้องเรียนแล้ว ได้ส่งให้กระทรวงการต่างประเทศแล้ว หากมีเรื่องใดจะร้องทุกข์ให้มาที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 111 . สรุปคำตอบของ ท่านนายกรัฐมนตรี คือ ถามวัว ตอบควาย...!!! . เนื่องจาก ครบกำหนด 15 วันแล้ว และ ท่านตอบไม่ตรงคำถาม ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ จึงได้มาทวงถามคำตอบอีกครั้ง... ... ... โดยในวันที่ 24 ธันวาคม 2567 นายกรัฐมนตรี มอบหมาย นาย สมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง หอบหิ้ว ข้าราชการนับ 10 หน่วยงาน มาร่วมประชุมรับหน้า ลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ . เช่น... . 1.ที่ปรึกษาสำนักปลัดสำนักยนายกรัฐมนตรี 2.ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี 3.ผู้อำนวยการศูนย์บริการประชาชน 4.ผู้เชี่ยวชาญด้านมวลชน 5.ผู้อำนวยการส่วนประสานมวลชนและองค์กรประชาชน 6.ผู้อำนวยการกองกฎหมายกรมสนธิสัญญา *** 7.รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล 8.สำนักนโยบายและแผนกองบัญชาการกองทัพเรือ *** 9.ตัวแทนกองบัญชาการกองทัพเรือ *** 10.ผู้อำนวยการด้านกองความมั่นคงทางทะเล *** 11.นักการทูตชำนาญการกระทรวงการต่างประเทศ *** 12.นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการสภาความนั่นคงแห่งชาติ *** ... ... ผมว่าการเชิญข้าราชการเหล่านี้มาคุยเป็นเรื่องดีครับ แต่ในทางที่ถูกคือควรจะเปิดเผยต่อสาธารณะชนครับ . แน่นอนว่า วิธีนี้อาจเป็นการรักษาหน้าของ ข้าราชการที่ถูกเรียกมาให้ข้อมูลยันกับ คุณลุงสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ . เพราะบางท่านอาจถูกบังคับให้มาด้วย ตำแหน่งหน้าที่ และ สายการบังคับบัญชา โดยที่ท่านเหล่านั้น อาจจะไม่ได้เต็มใจมาค้านข้อมูลของภาคประชาชนก็ได้ . มีข้อสังเกตุว่า การตระเตรียมการนำข้าราชการหลาย 10 ท่าน มาในวันนั้น ไม่ได้มีการแจ้งภาคประชาชนมากก่อน . เพราะภาคประชาชนเพียงมาทวงคำตอบ จึงไม่ได้เตรียมเอกสารหรือข้อมูลมาเพื่อพูดคุยกัน . แต่เมื่อเริ่มประชุม ฝ่ายตัวแทนรัฐบาลกลับ เริ่มต้น ให้ ภาคประชาชนถามคำถามที่ค้างคาใจ... . แม้กระนั้น อาจารย์ปานเทพ ก็เทพ สมชื่อ จัดหนักข้อมูชุดใหญ่ให้ที่ประชุม แถม เสริม และ แย้ง ข้อมูลของ ผู้อำนวยการกองกฎหมายกรมสนธิสัญญา ที่พูดไม่ครบถ้วนกระบวนความ จนความหมายผิดเพียนไปได้อย่างหนักแน่น จนอึ้งไปกันหมดทุกคน... ... ... ประเด็นสำคัญคือ . พระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปของ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงกำหนดวิธีการเจรจาไว้แล้ว ว่า ให้ใช้หลักกฎหมายสากล ซึ่งก็คือ เส้นมัธยฐาน . แต่ MOU44 และ JC44 ที่จัดทำขึ้นโดยไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของสภา จึง ขัดต่อบทบัญญัตของ รัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้ การทำหนังสือสัญญาใดๆระหว่างประเทศ เป็น อำนาจ ของ พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นพระประมุขของประเทศ . เมื่อเป็นหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ จึงต้องผ่านความเห็นชอบของสภา . เมื่อไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของสภา ดังนั้น MOU44 และ JC44 จึงเป็น เอกสารเถื่อน มีผลป็น โมฆะ มาตั้งแต่ต้น . แถม MOU44 ยัง มีแผนที่ไหล่ทวีป ที่วาดเอาตามอำเภอใจของ กัมพูชา แนบท้ายมาใน MOU44 อีกด้วย . มีผลเป็นการ "รับรู้" และ เป็นครั้งแรก ที่เอกสารของประเทศไทย ได้มี แผนที่ไหล่ทวีป ที่วาดเอาตามอำเภอใจของ กัมพูชา เข้ามาสู้ระบบเอกสารของประเทศไทยอย่างทางการ . มีผลเป็นการที่ รัฐบาล และ หน่วยงานรัฐใดๆที่เกี่ยวข้อง "รับรู้" และ "ไม่ปฎิเสธ" แผนที่ไหล่ทวีป ที่วาดเอาตามอำเภอใจของ กัมพูชา . อีกทั้งใน MOU44 ยังมีเนื้อหาที่ ทำให้เกิดความพยายามที่จะยอมรับพื้นที่อ้างสิทธิระหว่างไทยกับกัมพูชา ด้านใต้ ละติจูดที่ 11 องศา ลงมา . ว่าเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนกันเป็นที่ยุติแล้ว มีจำนวน 16,000 ตารางกิโลเมตร ที่ไม่ต้องมีการตกลงเรื่องเขตแดนกันอีก . โดยกำหนดพื้นที่ด้านใต้ ละติจูดที่ 11 องศา ให้แบ่งผลประโยชน์กัน ระหว่าง ประเทศไทย กับ กัมพูชา . ซึ่งวิธีการดังกล่าง เป็นการ ตกลงกันเป็นอย่างอื่น นอกเหนือจาก หลักกฎหมาย ของ กฎหมายสากลทางทะเล (เส้น มัธยฐาน) . ซึ่งจะทำให้ ประเทศไทย สูญเสียผลประโยชน์เกินกว่าความเป็นจริง และ เป็นการ ขัดพระบรมราชโองการ ประกาศเขตไหล่ทวีป ของ ในหลวงรัชการที่ 9 ซึ่งได้กำหนด วิธีการเจรจาไว้เป็นหนึ่งเดียว ตลอดไป... . สรุป สุดท้าน ภาคประชาชน ขอให้ รัฐบาลทำให้สือตอบกลับมาเป็น ลายลักษณ์อักษร หากท่านทำผิดกฎหมาย ภาคประชาชน จะไปดำเนินคดีกับท่านเอง . และได้ บอกกล่าวว่าปีหน้าจะ ไปยื่นหนังสือที่ 1.รัฐสภา 2.กระทรวงการต่างประเทศ และ 3.กองทัพเรือ . เรื่อง ดินแดน อำนาจอธิปไตย และ สิทธิอธิปไตย เป็นเรื่องที่คุกรุ่นอยู่ในใจของประชาชนครับ . สุดท้ายของฝากไว้... .... .... ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 ผู้ใดกระทำการใด ๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต .... .... https://youtu.be/wR4PZ-c5ExA?si=onTI6IaLFkxZfEnv
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 365 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครื่องบินกองทัพอากาศของปากีสถานทิ้งบอมบ์ถล่มจังหวัดปักติกา ทางตะวันออกของอัฟกานิสถาน ในวันอังคาร(24ธ.ค.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 46 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก จากการเปิดเผยของพวกตอลิบานอัฟกันในวันพุธ(25ฑ.ค.) พร้อมระบุจะมีการแก้แค้นอย่างแน่นอน
    .
    นอกจากผู้เสียชีวิตข้างต้นแล้ว ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 6 ราย ในเหตุทิ้งบอมบ์ถล่ม 4 จุดในอัฟกนิสถาน จากการเปิดเผยของ ฮัมดัลเลาะห์ ฟิตรัต รองโฆษกตอลิบาน ผู้ปกครองอัฟกานิสถาน ในวันพุธ(25ธ.ค.) ขณะที่รัฐบาลและเจ้าหน้าที่กองทัพปากีสถาน ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้
    .
    กระทรวงการต่างประเทศอัฟกานิสถาน ระบุว่าได้เรียกหัวหน้าคณะผู้แทนทูตของปากีสถานในกรุงคาบูลเข้าพบ เพื่อยื่นหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการไปยังอิสลามาบัด เกี่ยวกับการทิ้งระเบิดของเครื่องบินทหารปากีสถาน พร้อมเตือนว่าการทูตระหว่าง 2 ชาติอาจได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมดังกล่าว
    .
    "อัฟกานิสถานมองพฤติกรรมที่โหดร้ายป่าเถื่อนนี้ละเมิดหลักการนานาชาติทั้งมวลและเป็นพฤติกรรมแห่งการรุกรานอย่างชัดเจน" โฆษกกระทรวงป้องกันชาติของอัฟกานิสถานระบุในถ้อยแถลง "เอมิเรตอิสลามแห่งอัฟกานิสถานจะไม่ปล่อยให้การกระทำที่ขี้ขลาดตาขาวนี้ลอยนวล"
    .
    เจ้าหน้าที่ปากีสถานรายหนึ่งซึ่งรับรู้เรื่องราวนี้ แต่ไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกกับรอยเตอร์ว่า ปากีสถานปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเล่นงานค่ายแห่งหนึ่งของพวกกลุ่มนักรบอิสลามิสต์ ปากีสถานตอลิบาน(TTP)
    .
    TTP ประกาศสวามิภักดิ์ต่อพวกตอลิบานอัฟกานิสถาน และได้ชื่อมาจากนักรบกลุ่มนี้ แต่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งโดยตรงของกลุ่มที่ปกครองอัฟกานิสถาน พวกเขาเน้นย้ำเป้าหมายในการบังคับใช้กฎหมายศาสนาอิสลามในปากีสถาน แบบเดียวกับที่พวกตอลิบานทำในอัฟกานิสถาน
    .
    ก่อนหน้านี้พวก TTP โจมตีครั้งใหญ่เล่นงานพื้นที่เซาต์ วาซิริสถาน ของปากีสถาน ปลิดชีพบุคลากรด้านความมั่นคงของปากีสถาน 16 ราย เมื่อวันเสาร์(21ธ.ค.)
    .
    กระทรวงกลาโหมอัฟกานิสถาน ระบุว่าพวกที่เสียชวิตในปฏิบัติการทิ้งระเบิดของปากีสถาน ส่วนใหญ่แล้วเป็น "ผู้ลี้ภัยชาววาซิริสถาน" บ่งชี้ว่าคนเหล่านั้นมาจากดินแดนซาซิริสถานของปากีสถานเอง
    .
    เพื่อนบ้านทั้ง 2 ชาติ มีความสัมพันธ์อันตึงเครียด ด้วย ปากีสถาน บอกว่าการโจมตีของพวก TTP หลายต่อหลายครั้งที่เกิดขึ้นภายในประเทศของพวกเขา เป็นการลงมือมาจากแผ่นดินของอัฟกัน ข้อกล่าวหาที่พวกตอลิบานอัฟกันปฏิเสธ
    .
    ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ฝ่าย ยุ่งเหยิงยิ่งขึ้นในเดือนมีนาคม ครั้งที่ตอลิบานกล่าวหาปากีสถานทำการโจมตีทางอากาศ 2 ระลอกเล่นงานดินแดนของพวกเขา ปลิดชีพผู้หญิงและเด็ก 5 ราย
    .
    ปากีสถาน อ้างในตอนนั้น ว่าพวกเขาปฏิบัติการต่อต้านก่อการร้ายในอัฟกานิสถานบนพื้นฐานของข่าวกรอง แต่ไม่เจาะจงลักษณะของปฏิบัติการ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000123940
    ..............
    Sondhi X
    เครื่องบินกองทัพอากาศของปากีสถานทิ้งบอมบ์ถล่มจังหวัดปักติกา ทางตะวันออกของอัฟกานิสถาน ในวันอังคาร(24ธ.ค.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 46 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก จากการเปิดเผยของพวกตอลิบานอัฟกันในวันพุธ(25ฑ.ค.) พร้อมระบุจะมีการแก้แค้นอย่างแน่นอน . นอกจากผู้เสียชีวิตข้างต้นแล้ว ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 6 ราย ในเหตุทิ้งบอมบ์ถล่ม 4 จุดในอัฟกนิสถาน จากการเปิดเผยของ ฮัมดัลเลาะห์ ฟิตรัต รองโฆษกตอลิบาน ผู้ปกครองอัฟกานิสถาน ในวันพุธ(25ธ.ค.) ขณะที่รัฐบาลและเจ้าหน้าที่กองทัพปากีสถาน ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ . กระทรวงการต่างประเทศอัฟกานิสถาน ระบุว่าได้เรียกหัวหน้าคณะผู้แทนทูตของปากีสถานในกรุงคาบูลเข้าพบ เพื่อยื่นหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการไปยังอิสลามาบัด เกี่ยวกับการทิ้งระเบิดของเครื่องบินทหารปากีสถาน พร้อมเตือนว่าการทูตระหว่าง 2 ชาติอาจได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมดังกล่าว . "อัฟกานิสถานมองพฤติกรรมที่โหดร้ายป่าเถื่อนนี้ละเมิดหลักการนานาชาติทั้งมวลและเป็นพฤติกรรมแห่งการรุกรานอย่างชัดเจน" โฆษกกระทรวงป้องกันชาติของอัฟกานิสถานระบุในถ้อยแถลง "เอมิเรตอิสลามแห่งอัฟกานิสถานจะไม่ปล่อยให้การกระทำที่ขี้ขลาดตาขาวนี้ลอยนวล" . เจ้าหน้าที่ปากีสถานรายหนึ่งซึ่งรับรู้เรื่องราวนี้ แต่ไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกกับรอยเตอร์ว่า ปากีสถานปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเล่นงานค่ายแห่งหนึ่งของพวกกลุ่มนักรบอิสลามิสต์ ปากีสถานตอลิบาน(TTP) . TTP ประกาศสวามิภักดิ์ต่อพวกตอลิบานอัฟกานิสถาน และได้ชื่อมาจากนักรบกลุ่มนี้ แต่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งโดยตรงของกลุ่มที่ปกครองอัฟกานิสถาน พวกเขาเน้นย้ำเป้าหมายในการบังคับใช้กฎหมายศาสนาอิสลามในปากีสถาน แบบเดียวกับที่พวกตอลิบานทำในอัฟกานิสถาน . ก่อนหน้านี้พวก TTP โจมตีครั้งใหญ่เล่นงานพื้นที่เซาต์ วาซิริสถาน ของปากีสถาน ปลิดชีพบุคลากรด้านความมั่นคงของปากีสถาน 16 ราย เมื่อวันเสาร์(21ธ.ค.) . กระทรวงกลาโหมอัฟกานิสถาน ระบุว่าพวกที่เสียชวิตในปฏิบัติการทิ้งระเบิดของปากีสถาน ส่วนใหญ่แล้วเป็น "ผู้ลี้ภัยชาววาซิริสถาน" บ่งชี้ว่าคนเหล่านั้นมาจากดินแดนซาซิริสถานของปากีสถานเอง . เพื่อนบ้านทั้ง 2 ชาติ มีความสัมพันธ์อันตึงเครียด ด้วย ปากีสถาน บอกว่าการโจมตีของพวก TTP หลายต่อหลายครั้งที่เกิดขึ้นภายในประเทศของพวกเขา เป็นการลงมือมาจากแผ่นดินของอัฟกัน ข้อกล่าวหาที่พวกตอลิบานอัฟกันปฏิเสธ . ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ฝ่าย ยุ่งเหยิงยิ่งขึ้นในเดือนมีนาคม ครั้งที่ตอลิบานกล่าวหาปากีสถานทำการโจมตีทางอากาศ 2 ระลอกเล่นงานดินแดนของพวกเขา ปลิดชีพผู้หญิงและเด็ก 5 ราย . ปากีสถาน อ้างในตอนนั้น ว่าพวกเขาปฏิบัติการต่อต้านก่อการร้ายในอัฟกานิสถานบนพื้นฐานของข่าวกรอง แต่ไม่เจาะจงลักษณะของปฏิบัติการ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000123940 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 992 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇷🇺 กระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียกล่าวว่า ประเทศสมาชิกนาโตได้ถอดหน้ากากและดำเนินการในที่เปิดเผย; สิ่งเดียวที่เหลือให้พวกเขาทำคือ ลงนามเพื่อยุยงให้การก่อการร้ายแพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างเปิดเผย
    .
    JUST IN: 🇷🇺 Russia's MFA says NATO countries have shed their masks and are operating out in the open; the only thing left for them is to sign their names to openly instigate the spread of terrorism in the world.
    .
    1:21 AM · Dec 26, 2024 · 167.7K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1871984704473424288
    🇷🇺 กระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียกล่าวว่า ประเทศสมาชิกนาโตได้ถอดหน้ากากและดำเนินการในที่เปิดเผย; สิ่งเดียวที่เหลือให้พวกเขาทำคือ ลงนามเพื่อยุยงให้การก่อการร้ายแพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างเปิดเผย . JUST IN: 🇷🇺 Russia's MFA says NATO countries have shed their masks and are operating out in the open; the only thing left for them is to sign their names to openly instigate the spread of terrorism in the world. . 1:21 AM · Dec 26, 2024 · 167.7K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1871984704473424288
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 294 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • 🇷🇺 เหลือจะเชื่อ จากที่ผมโพสต์เรื่องที่ว่า อาจจะเป็นสาเหตุหนื่งของชนวนสั่งตาย พล.ท.อิกอร์ คิริลอฟ ผบ.กองกำลังป้องกันรังสี เคมี และชีวภาพ รัสเซีย แบบไม่ได้จริงจังมากนัก เพราะว่าข้อมูลเก่าที่ผมเคยมี ได้สูญหายหมดแล้ว😁
    ___ แต่ก็ได้รับการอนุเคราะห์จากเพื่อนๆใน FB เรียบเรียงเขียนมาให้ ผมก็ขอนำมาถ่ายทอดต่อ ในแบบ copy ข้อมูลดั้งเดิมไม่ได้เรียบเรียงใหม่ เพราะได้มาหลายวันแล้ว ครับ

    _____ ขอขอบคุณ คุณ Bounce Back _____
    .
    มีรายงานว่า : มีห้องทดลองชีวภาพ มากถึง 38 แห่งในยูเครน โดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนชายแดนรัสเซีย
    🔲 #ห้องทดลองชีวภาพ เป็นหนึ่งในห้องแรกๆ ที่ถูกทำลายโดยรัสเซีย

    🟪 #CBS Mornings เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2565
    พวกเขาเยี่ยมชมห้องทดลอง Biolabs ที่ได้รับทุนจากสหรัฐฯ
    ___ **#เจ้าหน้าที่ยอมรับว่ามีเชื้อโรคร้ายแรงอยู่ในนั้น**😱
    และได้รับคำสั่งให้ทำลายเชื้อโรคดังกล่าวเมื่อรัสเซียบุก

    Inside the Russian biological weapons conspiracy theory
    https://www.youtube.com/watch?v=EdKDrIR8ASY
    ++++++++++++++++++++++++

    🟪 พ.อ.ดักลาส แม็กเกรเกอร์ Douglas Macgregor พันเอกเกษียณอายุราชการกองทัพสหรัฐฯ อดีตจนท.รัฐบาล นักเขียน ที่ปรึกษา และนักวิจารณ์การเมือง ___ คนนี้คือใคร น่าเชื่อถือหรือไม่

    🔲 สมัยที่แล้ว ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ เสนอชื่อ Col. Doug Macgregor
    • เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำเยอรมนี
    • แต่งตั้งให้เขาเป็นคณะกรรมการของสถาบันการทหารสหรัฐฯ และเป็นที่ปรึกษา รมว.กห.สหรัฐฯ
    • รอดูอนาคตอันใกล้ว่าจะได้ปฏิบัติหน้าที่ใดบ้าง ในรัฐบาลใหม่นี้
    .
    🟪 พ.อ.ดักลาส แม็กเกรเกอร์ อธิบายเหตุผลเบื้องหลังการลอบสังหาร

    🔲 เพราะว่า นายพล #Kirillov เป็นคนแรกที่ “กล่าวและยืนยัน ” ว่า :
    ▪ต้องยึดห้องปฏิบัติการชีวภาพที่ตั้งอยู่ในยูเครน โดยเร็วที่สุด
    ▪รัสเซียพบว่ามีการพัฒนาอาวุธชีวภาพ โดยห้องแล็ปกำลังศึกษา ดีเอ็นเอและพันธุศาสตร์ เพื่อพัฒนาอาวุธที่จะใช้โจมตีรัสเซียโดยเฉพาะ
    ▪สิ่งที่น่าสยดสยองที่เกิดขึ้นในห้องปฏิบัติการ มีการพบชิ้นส่วนร่างกาย
    ที่ถูกตัดออก และเตรียมที่จะขายต่อ❗💀
    ▪รวมถึงการทดลองหลายอย่าง
    ___ ที่ พันเอก Doug Macgregor ไม่อยากพูดถึง ___😰

    https://www.youtube.com/watch?v=RlHYPp6Pv9o
    . . . . . . . . . . . . . . .
    รัสเซียได้ทำลายห้องปฏิบัติการเหล่านั้น
    แต่ได้เก็บหลักฐานมากมาย
    เชื่อมโยงกลับไปยังวอชิงตัน ดี.ซี.
    และบุคคลทางการเมืองสำคัญ
    ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและได้ลงทุนในเรื่องนี้
    นั่นคือเงาของคำสั่งมรณะ
    ++++++++++++++++++++++++

    จากสถานีโทรทัศน์ OANN ของอเมริกัน
    เผยแพร่รายงานห้องแล็บชีวภาพของอเมริกาในยูเครน
    ช่วงต้นของการปฏิบัติการพิเศษทางทหาร
    ขณะที่โจ ไบเดนยังคงยั่วยุให้เกิดสงครามกับรัสเซีย
    มีหลักฐานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ที่บ่งชี้ว่าความขัดแย้งทั้งหมด
    อาจออกแบบมาเพื่อปกป้องห้องปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ
    ที่ทำการทดลองทางชีวภาพที่ผิดกฎหมาย
    รัฐบาล โจ ไบเดนและ Deep State
    ปฏิเสธเสมอมาว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง
    กับการทำงานของห้องแล็บชีวภาพ
    ในสาธารณรัฐของอดีตสหภาพโซเวียต
    _ _ _ _ _ _
    ❝ อย่างไรก็ตาม ภายใต้แรงกดดันจากหลักฐานที่ปฏิเสธไม่ได้
    อดีตโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ
    Victoria Nuland ยอมรับว่ามีศูนย์วิจัยในยูเครน
    ที่ไม่ควรตกอยู่ในมือของกองทัพรัสเซีย
    _ _ _ _ _ _
    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องนี้ได้รับการยืนยัน
    จากห้องปฏิบัติการชีวภาพของยูเครน
    "Pharmbiotest" ในเมือง Rubezhnoye (LPR)
    ซึ่งดำเนินการทดลองกับเชื้อก่อโรคที่เป็นอันตราย
    ในห้องปฏิบัติการชีวภาพที่ผิดกฎหมาย
    ผู้เชี่ยวชาญของยูเครนและอเมริกา
    ทำการทดสอบยาที่ไม่ทราบชื่อ
    กับบุคลากรทางทหารและพลเรือน
    หลังจากนั้นจึงบันทึกภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพและผลร้ายแรง...
    +===+===+===+
    หลังจากคอมเมนต์นี้ออกมา ผู้เขียนต้นฉบับก็ได้อธิบายต่อถึงคน?🐾🐃บางจำพวก ว่า :
    ___ เป็นการยากที่จะอธิบาย
    ___ ให้ต้นกระบองเพชรในทะเลทรายซาฮารา
    ___ รู้ว่า มีทวีปแอนตาร์กติกา
    ___ ที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งตลอดเวลา
    ___ แต่มีโอกาสเป็นไปได้
    ___ ห า ก ฟั ง แ ล ะ คิ ด
    .
    🐾🐃 คือมันจะมีบางจำพวก ประมาณว่า : กูจะเถียง กูจะเอาชนะ กูแพ้ไม่เป็น กูอยากจะโง่ของกูอยู่อย่างนี้ละ ใครอย่ามาสอนสั่งให้ความรู้😁😂

    📌 **เรื่องนี้ยากและซับซ้อนเกินกว่าอย่างเราๆทั่วไป จะทำความเข้าใจกับมันนะครับ เอาแค่ว่าในมุมมองของเป็น **เรื่องจริง หรือ ทฤษฎีสมคบคิด** ก็ยากแล้ว ___ เอาแค่ว่าอ่านเพื่อทราบเป็นความรู้ ว่า มันอาจจะเป็นเรื่องจริงที่โหดร้ายในโลกใบนี้ก็ได้ ครับ


    Noraseth Tuntasiri
    🇷🇺 เหลือจะเชื่อ จากที่ผมโพสต์เรื่องที่ว่า อาจจะเป็นสาเหตุหนื่งของชนวนสั่งตาย พล.ท.อิกอร์ คิริลอฟ ผบ.กองกำลังป้องกันรังสี เคมี และชีวภาพ รัสเซีย แบบไม่ได้จริงจังมากนัก เพราะว่าข้อมูลเก่าที่ผมเคยมี ได้สูญหายหมดแล้ว😁 ___ แต่ก็ได้รับการอนุเคราะห์จากเพื่อนๆใน FB เรียบเรียงเขียนมาให้ ผมก็ขอนำมาถ่ายทอดต่อ ในแบบ copy ข้อมูลดั้งเดิมไม่ได้เรียบเรียงใหม่ เพราะได้มาหลายวันแล้ว ครับ _____ ขอขอบคุณ คุณ Bounce Back _____ . มีรายงานว่า : มีห้องทดลองชีวภาพ มากถึง 38 แห่งในยูเครน โดยส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนชายแดนรัสเซีย 🔲 #ห้องทดลองชีวภาพ เป็นหนึ่งในห้องแรกๆ ที่ถูกทำลายโดยรัสเซีย 🟪 #CBS Mornings เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 พวกเขาเยี่ยมชมห้องทดลอง Biolabs ที่ได้รับทุนจากสหรัฐฯ ___ **#เจ้าหน้าที่ยอมรับว่ามีเชื้อโรคร้ายแรงอยู่ในนั้น**😱 และได้รับคำสั่งให้ทำลายเชื้อโรคดังกล่าวเมื่อรัสเซียบุก Inside the Russian biological weapons conspiracy theory https://www.youtube.com/watch?v=EdKDrIR8ASY ++++++++++++++++++++++++ 🟪 พ.อ.ดักลาส แม็กเกรเกอร์ Douglas Macgregor พันเอกเกษียณอายุราชการกองทัพสหรัฐฯ อดีตจนท.รัฐบาล นักเขียน ที่ปรึกษา และนักวิจารณ์การเมือง ___ คนนี้คือใคร น่าเชื่อถือหรือไม่ 🔲 สมัยที่แล้ว ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ เสนอชื่อ Col. Doug Macgregor • เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำเยอรมนี • แต่งตั้งให้เขาเป็นคณะกรรมการของสถาบันการทหารสหรัฐฯ และเป็นที่ปรึกษา รมว.กห.สหรัฐฯ • รอดูอนาคตอันใกล้ว่าจะได้ปฏิบัติหน้าที่ใดบ้าง ในรัฐบาลใหม่นี้ . 🟪 พ.อ.ดักลาส แม็กเกรเกอร์ อธิบายเหตุผลเบื้องหลังการลอบสังหาร 🔲 เพราะว่า นายพล #Kirillov เป็นคนแรกที่ “กล่าวและยืนยัน ” ว่า : ▪ต้องยึดห้องปฏิบัติการชีวภาพที่ตั้งอยู่ในยูเครน โดยเร็วที่สุด ▪รัสเซียพบว่ามีการพัฒนาอาวุธชีวภาพ โดยห้องแล็ปกำลังศึกษา ดีเอ็นเอและพันธุศาสตร์ เพื่อพัฒนาอาวุธที่จะใช้โจมตีรัสเซียโดยเฉพาะ ▪สิ่งที่น่าสยดสยองที่เกิดขึ้นในห้องปฏิบัติการ มีการพบชิ้นส่วนร่างกาย ที่ถูกตัดออก และเตรียมที่จะขายต่อ❗💀 ▪รวมถึงการทดลองหลายอย่าง ___ ที่ พันเอก Doug Macgregor ไม่อยากพูดถึง ___😰 https://www.youtube.com/watch?v=RlHYPp6Pv9o . . . . . . . . . . . . . . . รัสเซียได้ทำลายห้องปฏิบัติการเหล่านั้น แต่ได้เก็บหลักฐานมากมาย เชื่อมโยงกลับไปยังวอชิงตัน ดี.ซี. และบุคคลทางการเมืองสำคัญ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและได้ลงทุนในเรื่องนี้ นั่นคือเงาของคำสั่งมรณะ ++++++++++++++++++++++++ จากสถานีโทรทัศน์ OANN ของอเมริกัน เผยแพร่รายงานห้องแล็บชีวภาพของอเมริกาในยูเครน ช่วงต้นของการปฏิบัติการพิเศษทางทหาร ขณะที่โจ ไบเดนยังคงยั่วยุให้เกิดสงครามกับรัสเซีย มีหลักฐานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ที่บ่งชี้ว่าความขัดแย้งทั้งหมด อาจออกแบบมาเพื่อปกป้องห้องปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ที่ทำการทดลองทางชีวภาพที่ผิดกฎหมาย รัฐบาล โจ ไบเดนและ Deep State ปฏิเสธเสมอมาว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง กับการทำงานของห้องแล็บชีวภาพ ในสาธารณรัฐของอดีตสหภาพโซเวียต _ _ _ _ _ _ ❝ อย่างไรก็ตาม ภายใต้แรงกดดันจากหลักฐานที่ปฏิเสธไม่ได้ อดีตโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ Victoria Nuland ยอมรับว่ามีศูนย์วิจัยในยูเครน ที่ไม่ควรตกอยู่ในมือของกองทัพรัสเซีย _ _ _ _ _ _ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องนี้ได้รับการยืนยัน จากห้องปฏิบัติการชีวภาพของยูเครน "Pharmbiotest" ในเมือง Rubezhnoye (LPR) ซึ่งดำเนินการทดลองกับเชื้อก่อโรคที่เป็นอันตราย ในห้องปฏิบัติการชีวภาพที่ผิดกฎหมาย ผู้เชี่ยวชาญของยูเครนและอเมริกา ทำการทดสอบยาที่ไม่ทราบชื่อ กับบุคลากรทางทหารและพลเรือน หลังจากนั้นจึงบันทึกภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพและผลร้ายแรง... +===+===+===+ หลังจากคอมเมนต์นี้ออกมา ผู้เขียนต้นฉบับก็ได้อธิบายต่อถึงคน?🐾🐃บางจำพวก ว่า : ___ เป็นการยากที่จะอธิบาย ___ ให้ต้นกระบองเพชรในทะเลทรายซาฮารา ___ รู้ว่า มีทวีปแอนตาร์กติกา ___ ที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งตลอดเวลา ___ แต่มีโอกาสเป็นไปได้ ___ ห า ก ฟั ง แ ล ะ คิ ด . 🐾🐃 คือมันจะมีบางจำพวก ประมาณว่า : กูจะเถียง กูจะเอาชนะ กูแพ้ไม่เป็น กูอยากจะโง่ของกูอยู่อย่างนี้ละ ใครอย่ามาสอนสั่งให้ความรู้😁😂 📌 **เรื่องนี้ยากและซับซ้อนเกินกว่าอย่างเราๆทั่วไป จะทำความเข้าใจกับมันนะครับ เอาแค่ว่าในมุมมองของเป็น **เรื่องจริง หรือ ทฤษฎีสมคบคิด** ก็ยากแล้ว ___ เอาแค่ว่าอ่านเพื่อทราบเป็นความรู้ ว่า มันอาจจะเป็นเรื่องจริงที่โหดร้ายในโลกใบนี้ก็ได้ ครับ Noraseth Tuntasiri
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 378 มุมมอง 0 รีวิว
  • "แพทองธาร" ยันไม่ปล่อยผ่าน ปม MOU44 แต่ต้องรอบคอบ แย้มต้นปีหน้ามีรายละเอียดเพิ่มเติม บอกพูดอะไรไปก่อนทำไทยเสียเปรียบ

    วันนี้ (24ธ.ค.) เมื่อเวลา 12.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณี นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยื่นหนังสือทวงความคืบหน้ากรณีขอให้ยกเลิก MOU44 ว่า เรื่องนี้มีการพูดคุยกันอยู่ในรายละเอียด ระหว่างกระทรวงต่างๆและคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทุกอย่างเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย ยืนยันเรื่องนี้ไม่ได้ปล่อยผ่าน ยังมีการพูดคุยและความเห็นที่หลากหลายไม่ตรงกันอยู่หลายเรื่อง ฉะนั้นเรื่องนี้ต้องพูดคุยในรายละเอียดให้ชัดเจนเพิ่มขึ้น โดยการคุยกันเราพยายามจะรับฟังทุกฝ่ายให้ได้มากที่สุด

    เมื่อถามว่า เหตุใดรัฐบาลไม่เปิดเวทีสาธารณะเหมือนที่นายสนธิ เสนอ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า จริงๆแล้วเวลาที่เป็นเรื่องของระหว่างประเทศแล้วเรามาสัมภาษณ์กันแบบนี้มันก็ไม่ได้เป็นข้อที่ได้เปรียบสำหรับประเทศ ฉะนั้นบางเรื่องเป็นรายละเอียดที่ยังเปิดเผยไม่ได้และมีความสำคัญมากขอให้ประชาชนสบายใจในเรื่องนี้ว่าเราไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้และปรึกษากันกับกระทรวงการต่างประเทศในหัวข้อนี้อยู่ตลอด รวมถึงคนที่เกี่ยวข้องก็ได้พูดคุยกันในเรื่องนี้อย่างละเอียดเพราะเป็นเรื่องที่อ่อนไหวต้องใช้ความรอบคอบในการที่จะทำเรื่องนี้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/politics/detail/9670000123344

    #MGROnline #แพทองธาร #MOU44
    "แพทองธาร" ยันไม่ปล่อยผ่าน ปม MOU44 แต่ต้องรอบคอบ แย้มต้นปีหน้ามีรายละเอียดเพิ่มเติม บอกพูดอะไรไปก่อนทำไทยเสียเปรียบ • วันนี้ (24ธ.ค.) เมื่อเวลา 12.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณี นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยื่นหนังสือทวงความคืบหน้ากรณีขอให้ยกเลิก MOU44 ว่า เรื่องนี้มีการพูดคุยกันอยู่ในรายละเอียด ระหว่างกระทรวงต่างๆและคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทุกอย่างเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย ยืนยันเรื่องนี้ไม่ได้ปล่อยผ่าน ยังมีการพูดคุยและความเห็นที่หลากหลายไม่ตรงกันอยู่หลายเรื่อง ฉะนั้นเรื่องนี้ต้องพูดคุยในรายละเอียดให้ชัดเจนเพิ่มขึ้น โดยการคุยกันเราพยายามจะรับฟังทุกฝ่ายให้ได้มากที่สุด • เมื่อถามว่า เหตุใดรัฐบาลไม่เปิดเวทีสาธารณะเหมือนที่นายสนธิ เสนอ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า จริงๆแล้วเวลาที่เป็นเรื่องของระหว่างประเทศแล้วเรามาสัมภาษณ์กันแบบนี้มันก็ไม่ได้เป็นข้อที่ได้เปรียบสำหรับประเทศ ฉะนั้นบางเรื่องเป็นรายละเอียดที่ยังเปิดเผยไม่ได้และมีความสำคัญมากขอให้ประชาชนสบายใจในเรื่องนี้ว่าเราไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้และปรึกษากันกับกระทรวงการต่างประเทศในหัวข้อนี้อยู่ตลอด รวมถึงคนที่เกี่ยวข้องก็ได้พูดคุยกันในเรื่องนี้อย่างละเอียดเพราะเป็นเรื่องที่อ่อนไหวต้องใช้ความรอบคอบในการที่จะทำเรื่องนี้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9670000123344 • #MGROnline #แพทองธาร #MOU44
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 262 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สนธิ-ปานเทพ” เผยรัฐบาลตอบแล้ว หลังยื่นข้อเรียกร้องยกเลิก MOU2544 และ JC2544 แต่ไม่ตรงคำถาม บอกเพียงแค่ส่งเรื่องให้กระทรวงการต่างประเทศแล้ว ไม่พุดถึงข้อเรียกร้อง 6 ข้อ จี้ตอบกลับมาใหม่ พร้อมเตรียมเคลื่อนไหวปีหน้าไปรัฐสภา ตามด้วยกระทรวงการต่างประเทศ

    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000123309

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “สนธิ-ปานเทพ” เผยรัฐบาลตอบแล้ว หลังยื่นข้อเรียกร้องยกเลิก MOU2544 และ JC2544 แต่ไม่ตรงคำถาม บอกเพียงแค่ส่งเรื่องให้กระทรวงการต่างประเทศแล้ว ไม่พุดถึงข้อเรียกร้อง 6 ข้อ จี้ตอบกลับมาใหม่ พร้อมเตรียมเคลื่อนไหวปีหน้าไปรัฐสภา ตามด้วยกระทรวงการต่างประเทศ อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000123309 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    18
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 697 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สนธิ-ปานเทพ” เผยรัฐบาลตอบแล้ว หลังยื่นข้อเรียกร้องยกเลิก MOU2544 และ JC2544 แต่ไม่ตรงคำถาม บอกเพียงแค่ส่งเรื่องให้กระทรวงการต่างประเทศแล้ว จี้ตอบกลับมาใหม่ พร้อมเตรียมเคลื่อนไหวปีหน้าไปรัฐสภา ตามด้วยกระทรวงการต่างประเทศ

    วันนี้(24 ธ.ค.) ภายหลังจากนื่นหนังสือทวงถามถึงนายกรัฐมนตรีกรณี MOU2544 และ JC2544 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาลแล้ว นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้กล่าวกับมวลชนผู้สนับสนุนว่า สรุปง่ายๆ วันนี้ เราไม่ยอมรับคําตอบของนายกฯ ที่ตอบแบบง่ายๆ เราจึงขอให้เขาให้คําตอบเราอีกครั้งหนึ่งอย่างละเอียดครบถ้วน

    “เรื่องที่สอง พวกเราจุดยืนไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่นิดเดียว เราถามง่ายๆว่าระหว่างมีเอ็มโอยู 2544 กับไม่มีอันไหนจะดีกว่า ผมก็แสดงความเห็นใจข้าราชการมากันหลายฝ่าย กระทรวงการต่างประเทศก็มา สภาความมั่นคงก็มา ทหารก็มา นักการเมืองก็มา

    “เอาเป็นว่าท่านผู้ชมครับ วันนี้เราก็บรรลุวัตถุประสงค์ของเราพอสมควร เดี๋ยวให้อาจารย์ปานเทพพูดให้ฟัง ปีหน้าการเดินหน้าของเราต่อไปทุกเรื่องที่เกี่ยวกับชาติบ้านเมือง จะเดินหน้าต่อไปด้วยมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินโดยมีอาจารย์ปานเทพเป็นประธานมูลนิธิ แล้วเราจะมีที่ปรึกษาหลายท่าน ซึ่งรับปากเราไปเรียบร้อยแล้ว สองท่าน ท่านหนึ่งคือคุณหมอพรทิพย์ โรจนสุนันท์ คนหนึ่งคืออาจารย์ คมสัน โพธิคง ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายปกครอง แล้วยังมีที่ปรึกษาอีกหลายคนเข้ามา

    “ประเทศไทยไม่ใช่เอ็มโอยู2544 เท่านั้น ประเทศไทยคือการเอาเท้าขยี้กฎหมายอย่างเช่น กรณีของชั้น 14 เช่นกรณีของเขากระโดง แล้วที่สําคัญที่สุดกําลังจะเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในปีหน้า ประเทศไทยจะล่มสลายได้ก็เพราะปัญหาต่างด้าว และคนที่ชักศึกเข้าบ้านเรื่องปัญหาต่างด้าวคือพรรคประชาชน” นายสนธิ กล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/politics/detail/9670000123309

    #MGROnline #สนธิ #ปานเทพ #MOU2544 #JC2544
    “สนธิ-ปานเทพ” เผยรัฐบาลตอบแล้ว หลังยื่นข้อเรียกร้องยกเลิก MOU2544 และ JC2544 แต่ไม่ตรงคำถาม บอกเพียงแค่ส่งเรื่องให้กระทรวงการต่างประเทศแล้ว จี้ตอบกลับมาใหม่ พร้อมเตรียมเคลื่อนไหวปีหน้าไปรัฐสภา ตามด้วยกระทรวงการต่างประเทศ • วันนี้(24 ธ.ค.) ภายหลังจากนื่นหนังสือทวงถามถึงนายกรัฐมนตรีกรณี MOU2544 และ JC2544 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาลแล้ว นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้กล่าวกับมวลชนผู้สนับสนุนว่า สรุปง่ายๆ วันนี้ เราไม่ยอมรับคําตอบของนายกฯ ที่ตอบแบบง่ายๆ เราจึงขอให้เขาให้คําตอบเราอีกครั้งหนึ่งอย่างละเอียดครบถ้วน • “เรื่องที่สอง พวกเราจุดยืนไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่นิดเดียว เราถามง่ายๆว่าระหว่างมีเอ็มโอยู 2544 กับไม่มีอันไหนจะดีกว่า ผมก็แสดงความเห็นใจข้าราชการมากันหลายฝ่าย กระทรวงการต่างประเทศก็มา สภาความมั่นคงก็มา ทหารก็มา นักการเมืองก็มา “เอาเป็นว่าท่านผู้ชมครับ วันนี้เราก็บรรลุวัตถุประสงค์ของเราพอสมควร เดี๋ยวให้อาจารย์ปานเทพพูดให้ฟัง ปีหน้าการเดินหน้าของเราต่อไปทุกเรื่องที่เกี่ยวกับชาติบ้านเมือง จะเดินหน้าต่อไปด้วยมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินโดยมีอาจารย์ปานเทพเป็นประธานมูลนิธิ แล้วเราจะมีที่ปรึกษาหลายท่าน ซึ่งรับปากเราไปเรียบร้อยแล้ว สองท่าน ท่านหนึ่งคือคุณหมอพรทิพย์ โรจนสุนันท์ คนหนึ่งคืออาจารย์ คมสัน โพธิคง ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายปกครอง แล้วยังมีที่ปรึกษาอีกหลายคนเข้ามา • “ประเทศไทยไม่ใช่เอ็มโอยู2544 เท่านั้น ประเทศไทยคือการเอาเท้าขยี้กฎหมายอย่างเช่น กรณีของชั้น 14 เช่นกรณีของเขากระโดง แล้วที่สําคัญที่สุดกําลังจะเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในปีหน้า ประเทศไทยจะล่มสลายได้ก็เพราะปัญหาต่างด้าว และคนที่ชักศึกเข้าบ้านเรื่องปัญหาต่างด้าวคือพรรคประชาชน” นายสนธิ กล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9670000123309 • #MGROnline #สนธิ #ปานเทพ #MOU2544 #JC2544
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 284 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่วงสายวันนี้(24 ธ.ค.) คุณสนธิ ลิ้มทองกุล และ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เดินทางไปที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทวงถาม นายกฯ หลังครบ 15วัน ที่ได้ยื่นหนังสือ ขอให้เพิกถอน MOU 254 และ JC2544
    .
    ก่อนที่นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมข้าราชการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กองทัพเรือ กระทรวงมหาดไทย สมช. เป็นต้น จะเชิญคณะขึ้นไปพูดคุยที่ห้องประชุมชั้น 3
    ……
    #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #MOU44 #เกาะกูด
    ช่วงสายวันนี้(24 ธ.ค.) คุณสนธิ ลิ้มทองกุล และ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เดินทางไปที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทวงถาม นายกฯ หลังครบ 15วัน ที่ได้ยื่นหนังสือ ขอให้เพิกถอน MOU 254 และ JC2544 . ก่อนที่นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมข้าราชการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กองทัพเรือ กระทรวงมหาดไทย สมช. เป็นต้น จะเชิญคณะขึ้นไปพูดคุยที่ห้องประชุมชั้น 3 …… #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #MOU44 #เกาะกูด
    Like
    Love
    Haha
    48
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 4086 มุมมอง 2 รีวิว
  • ## เปิดหนังสือทวงถามนายกรัฐมนตรีครบ 15 วันหลังได้ยื่นหนังสือเรียกร้องให้เพิกถอน MOU2544 และ JC2544 ##
    ..
    ..
    ด่วนที่สุด!
    ที่ กอ. ๑๙๙/๒๕๖๗
    วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๗

    เรื่อง ​ทวงถามการดำเนินการตามหนังสือให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่กรณี MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ซึ่งมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระบรมราชโองการฯ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกราช อำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีป ของราชอาณาจักรไทย
    กราบเรียน​ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี
    อ้างถึง
    (๑) หนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กอ.๑๗๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๗
    (๒) หนังสือสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ นร ๐๑๐๕.๔/๑๐๖๒๔ ลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๗
    (๓) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ
    (๔) ประมวลกฎหมายอาญา หมวด ๓ ความผิดต่อความมั่นคงภายนอกราชอาณาจักร มาตรา ๑๑๙ – มาตรา ๑๒๙

    ตามที่พวกข้าพเจ้า นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และมวลหมู่ประชาชนจำนวนมาก ได้มีหนังสือตามที่อ้างถึง(๑) ขอให้ท่านหยุดการปฏิบัติหน้าที่กรณี MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ซึ่งมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระบรมราชโองการฯ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกราช อำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปของราชอาณาจักรไทย โดยขอให้ดำเนินการในประการสำคัญ คือ ขอให้ท่านและคณะรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย และขอให้ท่านเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณามีมติให้ส่ง MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ด้วยหรือไม่ ตามมาตรา ๑๗๘ วรรคห้า ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีการเจรจากับกัมพูชาเพื่อยกเลิก MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ระงับการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค (Joint Technical Committee: JTC) ตาม MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยและมีการดำเนินการให้ถูกต้องตามตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ รวมทั้งขอให้จัดเวทีสาธารณะให้แก่ประชาชน โดยให้มีความเห็นของผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจทั้งที่มีความเห็นต่างและที่มีความเห็นด้วยในเวทีอภิปรายสาธารณะซึ่งมีความเป็นกลางและเป็นธรรม ในสัดส่วนของเวลาที่เท่ากัน เพื่อให้ประชาชนได้มีความรู้และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องสำคัญของประเทศไทยต่อไป

    ต่อมา สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือตามที่อ้างถึง (๒) แจ้งว่า ได้นำเรียนเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อโปรดทราบและนำพิจารณากราบเรียนนายกรัฐมนตรีตามที่เห็นสมควร และได้ประสานงานส่งเรื่องให้กระทรวงการต่างประเทศเพื่อพิจารณา โดยขอให้แจ้งผลให้ข้าพเจ้าทราบโดยตรงให้ข้าพเจ้าโดยตรง ความละเอียดทราบแล้วนั้น แต่หนังสือดังกล่าวไม่ได้แจ้งผลการดำเนินการใดๆ ตามข้อเรียกร้อง รวม ๖ ประการ ซึ่งข้าพเจ้ากับมวลหมู่ประชาชนได้ให้เวลาแก่ท่านดำเนินการและแจ้งตอบเป็นเวลา ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว และดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว
    บัดนี้ ระยะเวลาได้ครบกำหนด ๑๕ วัน แล้ว ท่านและคณะรัฐมนตรียังไม่ได้แจ้งผลการดำเนินการตามที่ได้ร้องขอตามหนังสือที่อ้างถึง(๑) ให้แก่ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชน อีกทั้งได้ปรากฏข้อเท็จจริงในสื่อมวลชนจำนวนมากว่า ท่านได้รับหนังสือและรับรู้
    ในข้อเรียกร้องของข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนแล้ว แต่ท่านกลับนิ่งเฉยและไม่ปรากฏคำสัมภาษณ์ว่าจะเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีหรือจัดให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังไม่ตอบรับใดๆว่าจะจัดให้มีเวทีสาธารณะเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้ในการตัดสินใจในปัญหาสำคัญของประเทศ ตามคำร้องขอในหนังสือตามที่อ้างถึง(๑) ซึ่งเป็นการกระทำที่สวนทางและขัดแย้งกับที่ท่านได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า พร้อมจะพูดคุยกับข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชน
    ดังนั้นการแสดงออกดังกล่าวของท่านและคณะรัฐมนตรี ทำให้ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนเห็นประจักษ์ชัดแจ้งว่า ท่านและคณะรัฐมนตรีจงใจละเลยต่อหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย อันเป็นการกระทำที่ละเลยต่อหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๒ มาตรา ๕๓ และมาตรา ๕๗ ตามที่อ้างถึง (๓)
    ดังนั้นข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจึงเห็นว่า หากท่านและคณะรัฐมนตรียังคงนิ่งเฉยต่อข้อเรียกร้องของข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจนอาจทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจะถือว่าท่านและคณะรัฐมนตรีได้กระทำการอันเป็นการตระเตรียมหรือสนับสนุนการกระทำความผิดที่จะทำให้ราชอาณาจักรไทยหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรไทยต้องไปอยู่ในอธิปไตยของรัฐต่างประเทศหรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป รวมทั้งเห็นว่าท่านและคณะรัฐมนตรีมีพฤติการณ์บางประการที่ทำให้เห็นว่าได้ตระเตรียมการเพื่อคบคิดกับผู้นำของประเทศกัมพูชาด้วยความประสงค์ที่จะเป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย อันอาจเป็นการกระทำความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๙
    และมาตรา ๑๒๐ ประกอบกับมาตรา ๑๒๘ และมาตรา ๑๒๙ ตามที่อ้างถึง (๔) ซึ่งข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจะได้ดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายและตามที่เห็นสมควรเพื่อปกป้องอธิปไตยและสิทธิอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยต่อไป
    จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

    ขอแสดงความนับถือ
    นายสนธิ ลิ้มทองกุล
    นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    ## เปิดหนังสือทวงถามนายกรัฐมนตรีครบ 15 วันหลังได้ยื่นหนังสือเรียกร้องให้เพิกถอน MOU2544 และ JC2544 ## .. .. ด่วนที่สุด! ที่ กอ. ๑๙๙/๒๕๖๗ วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๖๗ เรื่อง ​ทวงถามการดำเนินการตามหนังสือให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่กรณี MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ซึ่งมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระบรมราชโองการฯ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกราช อำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีป ของราชอาณาจักรไทย กราบเรียน​ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี อ้างถึง (๑) หนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กอ.๑๗๒/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๗ (๒) หนังสือสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ นร ๐๑๐๕.๔/๑๐๖๒๔ ลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๗ (๓) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ (๔) ประมวลกฎหมายอาญา หมวด ๓ ความผิดต่อความมั่นคงภายนอกราชอาณาจักร มาตรา ๑๑๙ – มาตรา ๑๒๙ ตามที่พวกข้าพเจ้า นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และมวลหมู่ประชาชนจำนวนมาก ได้มีหนังสือตามที่อ้างถึง(๑) ขอให้ท่านหยุดการปฏิบัติหน้าที่กรณี MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ซึ่งมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระบรมราชโองการฯ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกราช อำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปของราชอาณาจักรไทย โดยขอให้ดำเนินการในประการสำคัญ คือ ขอให้ท่านและคณะรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย และขอให้ท่านเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณามีมติให้ส่ง MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ด้วยหรือไม่ ตามมาตรา ๑๗๘ วรรคห้า ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีการเจรจากับกัมพูชาเพื่อยกเลิก MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ระงับการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค (Joint Technical Committee: JTC) ตาม MOU ๒๕๔๔ และ JC ๒๕๔๔ ไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยและมีการดำเนินการให้ถูกต้องตามตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ รวมทั้งขอให้จัดเวทีสาธารณะให้แก่ประชาชน โดยให้มีความเห็นของผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจทั้งที่มีความเห็นต่างและที่มีความเห็นด้วยในเวทีอภิปรายสาธารณะซึ่งมีความเป็นกลางและเป็นธรรม ในสัดส่วนของเวลาที่เท่ากัน เพื่อให้ประชาชนได้มีความรู้และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องสำคัญของประเทศไทยต่อไป ต่อมา สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือตามที่อ้างถึง (๒) แจ้งว่า ได้นำเรียนเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อโปรดทราบและนำพิจารณากราบเรียนนายกรัฐมนตรีตามที่เห็นสมควร และได้ประสานงานส่งเรื่องให้กระทรวงการต่างประเทศเพื่อพิจารณา โดยขอให้แจ้งผลให้ข้าพเจ้าทราบโดยตรงให้ข้าพเจ้าโดยตรง ความละเอียดทราบแล้วนั้น แต่หนังสือดังกล่าวไม่ได้แจ้งผลการดำเนินการใดๆ ตามข้อเรียกร้อง รวม ๖ ประการ ซึ่งข้าพเจ้ากับมวลหมู่ประชาชนได้ให้เวลาแก่ท่านดำเนินการและแจ้งตอบเป็นเวลา ๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว และดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว บัดนี้ ระยะเวลาได้ครบกำหนด ๑๕ วัน แล้ว ท่านและคณะรัฐมนตรียังไม่ได้แจ้งผลการดำเนินการตามที่ได้ร้องขอตามหนังสือที่อ้างถึง(๑) ให้แก่ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชน อีกทั้งได้ปรากฏข้อเท็จจริงในสื่อมวลชนจำนวนมากว่า ท่านได้รับหนังสือและรับรู้ ในข้อเรียกร้องของข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนแล้ว แต่ท่านกลับนิ่งเฉยและไม่ปรากฏคำสัมภาษณ์ว่าจะเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีหรือจัดให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังไม่ตอบรับใดๆว่าจะจัดให้มีเวทีสาธารณะเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้ในการตัดสินใจในปัญหาสำคัญของประเทศ ตามคำร้องขอในหนังสือตามที่อ้างถึง(๑) ซึ่งเป็นการกระทำที่สวนทางและขัดแย้งกับที่ท่านได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า พร้อมจะพูดคุยกับข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชน ดังนั้นการแสดงออกดังกล่าวของท่านและคณะรัฐมนตรี ทำให้ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนเห็นประจักษ์ชัดแจ้งว่า ท่านและคณะรัฐมนตรีจงใจละเลยต่อหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจและแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงแห่งรัฐในพื้นที่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย อันเป็นการกระทำที่ละเลยต่อหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ มาตรา ๕๑ มาตรา ๕๒ มาตรา ๕๓ และมาตรา ๕๗ ตามที่อ้างถึง (๓) ดังนั้นข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจึงเห็นว่า หากท่านและคณะรัฐมนตรียังคงนิ่งเฉยต่อข้อเรียกร้องของข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจนอาจทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย ข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจะถือว่าท่านและคณะรัฐมนตรีได้กระทำการอันเป็นการตระเตรียมหรือสนับสนุนการกระทำความผิดที่จะทำให้ราชอาณาจักรไทยหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรไทยต้องไปอยู่ในอธิปไตยของรัฐต่างประเทศหรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป รวมทั้งเห็นว่าท่านและคณะรัฐมนตรีมีพฤติการณ์บางประการที่ทำให้เห็นว่าได้ตระเตรียมการเพื่อคบคิดกับผู้นำของประเทศกัมพูชาด้วยความประสงค์ที่จะเป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย อันอาจเป็นการกระทำความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๙ และมาตรา ๑๒๐ ประกอบกับมาตรา ๑๒๘ และมาตรา ๑๒๙ ตามที่อ้างถึง (๔) ซึ่งข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชนจะได้ดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายและตามที่เห็นสมควรเพื่อปกป้องอธิปไตยและสิทธิอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยต่อไป จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ขอแสดงความนับถือ นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 293 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts