• ลืมการปอกหอมแดงแบบเดิมๆ ไปได้เลย!
    ปัญหาโลกแตกของพ่อค้าแม่ค้าอาหารและโรงงานแปรรูป คือการต้องมานั่งปอกและหั่นหอมแดงทีละลูกให้แสบตา เสียเวลา เสียแรงงาน

    แต่ถ้ามีวิธีที่ทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นล่ะ?

    ขอแนะนำ "เครื่องหั่นมันฝรั่งและสไลด์หอมแดงอเนกประสงค์" จาก ย.ย่งฮะเฮง

    เครื่องนี้จะเปลี่ยนงานที่น่าเบื่อให้กลายเป็นเรื่องง่าย! เพราะคุณสามารถสไลด์หอมแดงได้เลย ไม่ต้องปอกเปลือก!

    เพียงแค่ใส่หอมแดงทั้งหัวเข้าเครื่อง ก็ได้ชิ้นสไลด์บางสวย พร้อมนำไปใช้งานได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นหอมเจียว หรือวัตถุดิบทำน้ำพริก ประหยัดเวลาได้มหาศาล! เพิ่มกำลังการผลิตให้ธุรกิจโตแบบก้าวกระโดด!

    ทำไมเครื่องนี้ถึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ?
    ประหยัดเวลาและแรงงาน: หั่นได้ 100-300 กิโลกรัมต่อชั่วโมง
    สารพัดประโยชน์: หั่นได้ทั้งมันฝรั่ง แครอท กระชาย ขิง และหอมแดง
    คุณภาพสม่ำเสมอ: ได้ชิ้นงานสวยเท่ากันทุกชิ้น
    ปรับความหนาได้: ตอบโจทย์ทุกความต้องการของเมนูอาหาร

    รายละเอียดทางเทคนิคของรุ่น
    - กำลังมอเตอร์: 1 HP
    - แรงดันไฟฟ้า: 220 V.
    - ขนาด: 78 x 74 x 99 ซม.
    - น้ำหนัก: 45 กก.

    เปลี่ยนงานหนักให้เป็นงานง่ายได้แล้ววันนี้!

    สนใจสั่งซื้อหรือสอบถามเพิ่มเติม:
    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-318-9098
    Facebook Messenger: m.me/yonghahheng
    LINE Official Account: @yonghahheng (มี @ ข้างหน้า) หรือคลิก https://lin.ee/HV4lSKp
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com, yonghahheng@gmail.com

    เวลาทำการ:
    จันทร์ - ศุกร์: 8.00 - 17.00 น.
    เสาร์: 8.00 - 16.00 น.

    แผนที่ร้าน: https://maps.app.goo.gl/4ppsHfy3NYb1uPPu6

    #เครื่องหั่น #เครื่องสไลด์ #เครื่องหั่นมันฝรั่ง #เครื่องหั่นหอมแดง #เครื่องครัว #เครื่องครัวมืออาชีพ #อุปกรณ์ทำอาหาร #ธุรกิจอาหาร #ร้านอาหาร #โรงงานแปรรูป #หอมเจียว #ประหยัดเวลา #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต #สแตนเลส #ยงฮะเฮง #yoryonghahheng #foodprocessor #foodcutter
    🔥🔥 ลืมการปอกหอมแดงแบบเดิมๆ ไปได้เลย! 🔥🔥 ปัญหาโลกแตกของพ่อค้าแม่ค้าอาหารและโรงงานแปรรูป คือการต้องมานั่งปอกและหั่นหอมแดงทีละลูกให้แสบตา เสียเวลา เสียแรงงาน แต่ถ้ามีวิธีที่ทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นล่ะ? ขอแนะนำ "เครื่องหั่นมันฝรั่งและสไลด์หอมแดงอเนกประสงค์" จาก ย.ย่งฮะเฮง เครื่องนี้จะเปลี่ยนงานที่น่าเบื่อให้กลายเป็นเรื่องง่าย! เพราะคุณสามารถสไลด์หอมแดงได้เลย ไม่ต้องปอกเปลือก! เพียงแค่ใส่หอมแดงทั้งหัวเข้าเครื่อง ก็ได้ชิ้นสไลด์บางสวย พร้อมนำไปใช้งานได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นหอมเจียว หรือวัตถุดิบทำน้ำพริก ⏱️ ประหยัดเวลาได้มหาศาล! เพิ่มกำลังการผลิตให้ธุรกิจโตแบบก้าวกระโดด! ทำไมเครื่องนี้ถึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ? ✅ ประหยัดเวลาและแรงงาน: หั่นได้ 100-300 กิโลกรัมต่อชั่วโมง ✅ สารพัดประโยชน์: หั่นได้ทั้งมันฝรั่ง แครอท กระชาย ขิง และหอมแดง ✅ คุณภาพสม่ำเสมอ: ได้ชิ้นงานสวยเท่ากันทุกชิ้น ✅ ปรับความหนาได้: ตอบโจทย์ทุกความต้องการของเมนูอาหาร รายละเอียดทางเทคนิคของรุ่น - กำลังมอเตอร์: 1 HP - แรงดันไฟฟ้า: 220 V. - ขนาด: 78 x 74 x 99 ซม. - น้ำหนัก: 45 กก. เปลี่ยนงานหนักให้เป็นงานง่ายได้แล้ววันนี้! สนใจสั่งซื้อหรือสอบถามเพิ่มเติม: โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-318-9098 Facebook Messenger: m.me/yonghahheng LINE Official Account: @yonghahheng (มี @ ข้างหน้า) หรือคลิก https://lin.ee/HV4lSKp เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com อีเมล: sales@yoryonghahheng.com, yonghahheng@gmail.com เวลาทำการ: จันทร์ - ศุกร์: 8.00 - 17.00 น. เสาร์: 8.00 - 16.00 น. แผนที่ร้าน: https://maps.app.goo.gl/4ppsHfy3NYb1uPPu6 #เครื่องหั่น #เครื่องสไลด์ #เครื่องหั่นมันฝรั่ง #เครื่องหั่นหอมแดง #เครื่องครัว #เครื่องครัวมืออาชีพ #อุปกรณ์ทำอาหาร #ธุรกิจอาหาร #ร้านอาหาร #โรงงานแปรรูป #หอมเจียว #ประหยัดเวลา #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต #สแตนเลส #ยงฮะเฮง #yoryonghahheng #foodprocessor #foodcutter
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 รีวิว
  • **เครื่องบดอาหารสแตนเลส #52! สุดยอดเครื่องจักรสำหรับโรงงานผลิตพริกแกง!**
    มองหาเครื่องบดคุณภาพสูง ทนทาน ใช้งานได้ต่อเนื่องในโรงงานของคุณอยู่ใช่ไหมคะ?
    หจก ย.ย่งฮะเฮง ขอเสนอ! เครื่องบดอาหาร**สแตนเลสแท้ #52
    ** มอเตอร์ทรงพลัง **7 แรงม้า!**
    บดละเอียด เนียนสวย ได้มาตรฐานโรงงานแน่นอน!
    ** ทนทาน ไร้สนิม:**
    * โครงสร้าง เครื่อง แกนบด ใบมีด รังผึ้ง ผลิตจากสแตนเลสเกรดพรีเมียม
    * แข็งแรง ทนทานงานหนักต่อเนื่อง เหมาะกับสภาพแวดล้อมโรงงาน
    * สะอาด ถูกสุขอนามัย มั่นใจได้ในทุกการผลิต!
    **กำลังการผลิตสูง! ตอบโจทย์โรงงาน:**
    * มอเตอร์ 7 แรงม้า บดรวดเร็วทันใจ รองรับปริมาณมหาศาล
    * ประหยัดไฟด้วยระบบ 380V (3 เฟส)
    **ปลอดภัย ใช้งานง่าย:**
    * มีระบบหยุดฉุกเฉิน และระบบถอยหลัง ช่วยให้ทำงานราบรื่น ไม่สะดุด
    * มีล้อเลื่อนพร้อมที่ล็อค เคลื่อนย้ายง่าย จัดวางสะดวก
    **เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ:** **โรงงานผลิตพริกแกง** โรงงานผลิตเครื่องเทศ และโรงงานแปรรูปอาหารที่ต้องการเครื่องจักรประสิทธิภาพสูง เพื่อการผลิตที่เหนือกว่า!
    ยกระดับการผลิตของคุณวันนี้! สนใจติดต่อ:
    โทร: 02-215-3515-9, 081-318-9098
    แอดไลน์: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือคลิก: https://lin.ee/HV4lSKp
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com
    เยี่ยมชมสินค้าได้ที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    (จันทร์-ศุกร์ 8.00-17.00 น. | เสาร์ 8.00-16.00 น.)
    #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดสแตนเลส #เครื่องบดอุตสาหกรรม #เครื่องบดพริกแกง #โรงงานผลิตพริกแกง #เครื่องบดเครื่องเทศ #อุปกรณ์โรงงาน #เครื่องจักรโรงงาน #เครื่องครัวอุตสาหกรรม #ขายดี #สินค้าคุณภาพสูง #การผลิตขนาดใหญ่ #SME #โรงงานอาหาร
    💥 **เครื่องบดอาหารสแตนเลส #52! สุดยอดเครื่องจักรสำหรับโรงงานผลิตพริกแกง!** 🌶️🧄🧅 มองหาเครื่องบดคุณภาพสูง ทนทาน ใช้งานได้ต่อเนื่องในโรงงานของคุณอยู่ใช่ไหมคะ? หจก ย.ย่งฮะเฮง ขอเสนอ! เครื่องบดอาหาร**สแตนเลสแท้ #52 ** มอเตอร์ทรงพลัง **7 แรงม้า!** 💪 บดละเอียด เนียนสวย ได้มาตรฐานโรงงานแน่นอน! ✔️ ** ทนทาน ไร้สนิม:** * โครงสร้าง เครื่อง แกนบด ใบมีด รังผึ้ง ผลิตจากสแตนเลสเกรดพรีเมียม 💯 * แข็งแรง ทนทานงานหนักต่อเนื่อง เหมาะกับสภาพแวดล้อมโรงงาน ✅ * สะอาด ถูกสุขอนามัย มั่นใจได้ในทุกการผลิต! ✨ ✔️ **กำลังการผลิตสูง! ตอบโจทย์โรงงาน:** * มอเตอร์ 7 แรงม้า บดรวดเร็วทันใจ รองรับปริมาณมหาศาล 🚀 * ประหยัดไฟด้วยระบบ 380V (3 เฟส) 💡 ✔️ **ปลอดภัย ใช้งานง่าย:** * มีระบบหยุดฉุกเฉิน 🔴 และระบบถอยหลัง ช่วยให้ทำงานราบรื่น ไม่สะดุด * มีล้อเลื่อนพร้อมที่ล็อค เคลื่อนย้ายง่าย จัดวางสะดวก 🚛 **เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ:** **โรงงานผลิตพริกแกง** โรงงานผลิตเครื่องเทศ และโรงงานแปรรูปอาหารที่ต้องการเครื่องจักรประสิทธิภาพสูง เพื่อการผลิตที่เหนือกว่า! 🏭 ยกระดับการผลิตของคุณวันนี้! สนใจติดต่อ: 📞 โทร: 02-215-3515-9, 081-318-9098 💬 แอดไลน์: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือคลิก: https://lin.ee/HV4lSKp 🌐 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com 📧 อีเมล: sales@yoryonghahheng.com 📍 เยี่ยมชมสินค้าได้ที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 🗓️ (จันทร์-ศุกร์ 8.00-17.00 น. | เสาร์ 8.00-16.00 น.) #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดสแตนเลส #เครื่องบดอุตสาหกรรม #เครื่องบดพริกแกง #โรงงานผลิตพริกแกง #เครื่องบดเครื่องเทศ #อุปกรณ์โรงงาน #เครื่องจักรโรงงาน #เครื่องครัวอุตสาหกรรม #ขายดี #สินค้าคุณภาพสูง #การผลิตขนาดใหญ่ #SME #โรงงานอาหาร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 506 มุมมอง 0 รีวิว
  • **เครื่องบดอาหารสแตนเลส #52! สุดยอดเครื่องจักรสำหรับโรงงานผลิตพริกแกง!**
    มองหาเครื่องบดคุณภาพสูง ทนทาน ใช้งานได้ต่อเนื่องในโรงงานของคุณอยู่ใช่ไหมคะ?
    หจก ย.ย่งฮะเฮง ขอเสนอ! เครื่องบดอาหาร**สแตนเลสแท้ #52
    ** มอเตอร์ทรงพลัง **7 แรงม้า!**
    บดละเอียด เนียนสวย ได้มาตรฐานโรงงานแน่นอน!
    ** ทนทาน ไร้สนิม:**
    * โครงสร้าง เครื่อง แกนบด ใบมีด รังผึ้ง ผลิตจากสแตนเลสเกรดพรีเมียม
    * แข็งแรง ทนทานงานหนักต่อเนื่อง เหมาะกับสภาพแวดล้อมโรงงาน
    * สะอาด ถูกสุขอนามัย มั่นใจได้ในทุกการผลิต!
    **กำลังการผลิตสูง! ตอบโจทย์โรงงาน:**
    * มอเตอร์ 7 แรงม้า บดรวดเร็วทันใจ รองรับปริมาณมหาศาล
    * ประหยัดไฟด้วยระบบ 380V (3 เฟส)
    **ปลอดภัย ใช้งานง่าย:**
    * มีระบบหยุดฉุกเฉิน และระบบถอยหลัง ช่วยให้ทำงานราบรื่น ไม่สะดุด
    * มีล้อเลื่อนพร้อมที่ล็อค เคลื่อนย้ายง่าย จัดวางสะดวก
    **เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ:** **โรงงานผลิตพริกแกง** โรงงานผลิตเครื่องเทศ และโรงงานแปรรูปอาหารที่ต้องการเครื่องจักรประสิทธิภาพสูง เพื่อการผลิตที่เหนือกว่า!
    ยกระดับการผลิตของคุณวันนี้! สนใจติดต่อ:
    โทร: 02-215-3515-9, 081-318-9098
    แอดไลน์: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือคลิก: https://lin.ee/HV4lSKp
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com
    เยี่ยมชมสินค้าได้ที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    (จันทร์-ศุกร์ 8.00-17.00 น. | เสาร์ 8.00-16.00 น.)
    #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดสแตนเลส #เครื่องบดอุตสาหกรรม #เครื่องบดพริกแกง #โรงงานผลิตพริกแกง #เครื่องบดเครื่องเทศ #อุปกรณ์โรงงาน #เครื่องจักรโรงงาน #เครื่องครัวอุตสาหกรรม #ขายดี #สินค้าคุณภาพสูง #การผลิตขนาดใหญ่ #SME #โรงงานอาหาร #FoodProcessing #StainlessSteelGrinder #YongHahHeng #หจกย่งฮะเฮง #สแตนเลสเกรดโรงงาน #ผลิตพริกแกง
    💥 **เครื่องบดอาหารสแตนเลส #52! สุดยอดเครื่องจักรสำหรับโรงงานผลิตพริกแกง!** 🌶️🧄🧅 มองหาเครื่องบดคุณภาพสูง ทนทาน ใช้งานได้ต่อเนื่องในโรงงานของคุณอยู่ใช่ไหมคะ? หจก ย.ย่งฮะเฮง ขอเสนอ! เครื่องบดอาหาร**สแตนเลสแท้ #52 ** มอเตอร์ทรงพลัง **7 แรงม้า!** 💪 บดละเอียด เนียนสวย ได้มาตรฐานโรงงานแน่นอน! ✔️ ** ทนทาน ไร้สนิม:** * โครงสร้าง เครื่อง แกนบด ใบมีด รังผึ้ง ผลิตจากสแตนเลสเกรดพรีเมียม 💯 * แข็งแรง ทนทานงานหนักต่อเนื่อง เหมาะกับสภาพแวดล้อมโรงงาน ✅ * สะอาด ถูกสุขอนามัย มั่นใจได้ในทุกการผลิต! ✨ ✔️ **กำลังการผลิตสูง! ตอบโจทย์โรงงาน:** * มอเตอร์ 7 แรงม้า บดรวดเร็วทันใจ รองรับปริมาณมหาศาล 🚀 * ประหยัดไฟด้วยระบบ 380V (3 เฟส) 💡 ✔️ **ปลอดภัย ใช้งานง่าย:** * มีระบบหยุดฉุกเฉิน 🔴 และระบบถอยหลัง ช่วยให้ทำงานราบรื่น ไม่สะดุด * มีล้อเลื่อนพร้อมที่ล็อค เคลื่อนย้ายง่าย จัดวางสะดวก 🚛 **เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ:** **โรงงานผลิตพริกแกง** โรงงานผลิตเครื่องเทศ และโรงงานแปรรูปอาหารที่ต้องการเครื่องจักรประสิทธิภาพสูง เพื่อการผลิตที่เหนือกว่า! 🏭 ยกระดับการผลิตของคุณวันนี้! สนใจติดต่อ: 📞 โทร: 02-215-3515-9, 081-318-9098 💬 แอดไลน์: @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือคลิก: https://lin.ee/HV4lSKp 🌐 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com 📧 อีเมล: sales@yoryonghahheng.com 📍 เยี่ยมชมสินค้าได้ที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 🗓️ (จันทร์-ศุกร์ 8.00-17.00 น. | เสาร์ 8.00-16.00 น.) #เครื่องบดอาหาร #เครื่องบดสแตนเลส #เครื่องบดอุตสาหกรรม #เครื่องบดพริกแกง #โรงงานผลิตพริกแกง #เครื่องบดเครื่องเทศ #อุปกรณ์โรงงาน #เครื่องจักรโรงงาน #เครื่องครัวอุตสาหกรรม #ขายดี #สินค้าคุณภาพสูง #การผลิตขนาดใหญ่ #SME #โรงงานอาหาร #FoodProcessing #StainlessSteelGrinder #YongHahHeng #หจกย่งฮะเฮง #สแตนเลสเกรดโรงงาน #ผลิตพริกแกง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 545 มุมมอง 0 รีวิว

  • ตามรอยย้อนกลับ Supply Chain แร่หายากจากพม่ามหาศาลสู่จีน
    ______________________________
    23 ธันวาคม พ.ศ. 2564 บริษัท China Rare Earth Group Co., Ltd. ก่อตัวขึ้นอย่างเป็นทางการ จากการควบรวมของ 3 กิจการด้านอุตสาหกรรมแร่หายากในจีน China Aluminium Corporation, China Minmetals Corporation และ Ganzhou Rare Earth Group Co., Ltd. เป้าคือพัฒนาอุตสาหกรรมแร่หายาก วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี
    China Rare Earth Group อยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยตรงของรัฐ-คณะกรรมการกำกับดูแลและบริหารสินทรัพย์ที่เป็นเจ้าของของสภาแห่งรัฐ ถือหุ้นร้อยละ 31.21 China Aluminium Corporation, China Minmetals Corporation และ Ganzhou Rare Earth Group Co., Ltd. แต่ละบริษัทถือหุ้นร้อยละ 20.33; China Iron and Steel Research Technology Group Co., Ltd. และ Youyan Technology Group Co., Ltd. ถือหุ้นร้อยละ 3.90
    ปัจจุบันจีนมีปริมาณการผลิตแร่ธาตุ หายากสูงเป็นอันดับ 1 ของโลกอยู่ที่ 132,000 ตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 63 ของปริมาณการผลิตแร่ธาตุหายากทั่วโลก ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 210,000 ตัน โดยประเทศอื่น ๆ ที่มีปริมาณการผลิตแร่ธาตุหายากในลำดับถัดมา ได้แก่ สหรัฐฯ (26,000 ตัน) เมียนมา (22,000 ตัน) ออสเตรเลีย (21,000 ตัน) อินเดีย (3,000 ตัน) รัสเซีย (2,700 ตัน) มาดากัสการ์ (2,000 ตัน) ไทย (1,800 ตัน) บราซิล (1,000 ตัน) เวียดนาม (900 ตัน) และบุรุนดี (600 ตัน)
    ______________________________
    ระฆังกำแพงภาษีลั่นขึ้นห้วงเมษายน 2568 โดยสหรัฐอเมริกา การตอบโต้กลับของจีนเปิดหน้าชก สวนกลับทุกเม็ด รวมถึงได้ขยายการใช้ "แร่หายาก" (rare earths) เป็นเครื่องมือตอบโต้ทางการค้า โดยประกาศจำกัดการส่งออกแร่หายาก 7 ชนิด ซึ่งเป็นวัสดุสำคัญในอุดสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยเป็นการตอบโต้ต่อมาดรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ
    สำหรับแร่หายาก 7 ชนิดได้แก่ ชามาเรียม (Samarium) แกโดลิเนียม (Gadolinium) เทอร์เมียม (Terbium) ดิสโพรเซียม (Dysprosium) ลูทีเซียม (Lutetium) สแกนเดียม (Scandium) และอิดเทรียม (Yttrium) สำหรับแร่หายากยอดนิยมอย่าง นี่โอไดเมียม (Neodymium) และ พราเชโอไดเมียม (Praseodymium) ซึ่งใช้ผลิตแม่เหล็กประสิทธิภาพสูง ยังไม่อยู่ในรายชื่อควบคุม
    หลังการรัฐประหารปี 2021 การส่งออกแร่ธาตุหายากจากพม่าไปจีนเพิ่มขึ้น 5 เท่า สูงถึง 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการการพึ่งพาจีน 90% ของการแปรรูปแร่หายากโลกอยู่ในจีน แบ่งเป็น แร่กลุ่มหายาก (Rare Earth Elements) มูลค่า: 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2025) ส่วนแบ่งการนำเข้า: กว่า 50% ของการนำเข้าแร่หายากทั้งหมดของจีน ชนิดแร่หลัก: เทอร์เบียม (Terbium) และดีสโพรเซียม (Dysprosium) ในกลุ่ม Heavy Rare Earth Elements (HREE) พื้นที่ทำเหมืองหลักที่คะฉิ่น ที่เหมือง Chipwi และ Momauk: มีบ่อแร่มากกว่า 2,700 บ่อ เมือง Panwa: แหล่งผลิตหลักภายใต้การควบคุมของ Kachin Independence Army (KIA) การขยายตัว: จำนวนไซต์ทำเหมืองเพิ่มขึ้น 40% นับตั้งแต่ปี 2021 โดยพื้นที่ KIA: เก็บภาษี 35,000 หยวน/ตัน (ประมาณ 4,800 ดอลลาร์สหรัฐ)
    บริษัทจีนผู้รับซื้อหลัก คือ China Rare Earths Group (REGCC) ควบคุมการประมูลแร่กว่า 80% China Northern Rare Earth Group ผู้ประมูลแร่รายใหญ่ของโลก และ JL Mag Rare-Earth: ผู้ผลิตแม่เหล็กถาวรรายใหญ่ ใช้แร่จากพม่าในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และยังมีบริษัท Rising Nonferrous บริษัทที่ได้รับอนุมัติให้นำเข้าแร่หายากจากเมียนมาโดยตรง
    นอกจากนั้นก็จะมี China Nonferrous Metal Mining Group (CNMC) รับซื้อ: ทองแดง, นิกเกิล พื้นที่รับซื้อคือเหมือง Monywa ในเขตสะกาย บริษัท China Minmetals Corporation: รับซื้อ: แร่หายาก, ดีบุก, ทังสเตน Aluminum Corporation of China (CHINALCO): รับซื้อ: แร่ที่เกี่ยวข้องกับอะลูมิเนียมและโลหะผสม Yunnan Tin Company: รับซื้อ: ดีบุก เพราะเป็นผู้ผลิตดีบุกรายใหญ่ของจีน Pangang Group: รับซื้อ: ทังสเตน, พลวง เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโลหะหนัก
    ______________________________
    การส่งออกแร่ธาตุจากพม่าไปจีนมีป้อนอุตสาหกรรมหลักที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้จีน และแน่นอนต้องใช้ฐานของกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นตลาดหลักและบายพาสไปยังกลุ่มประเทศที่มีกำแพงภาษีสูงไม่ว่าจะเป็น
    • อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles)แร่ธาตุหายาก เช่น ดิสโพรเซียม (Dysprosium) และเทอร์เบียม (Terbium) ที่นำเข้าจากพม่าใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับมอเตอร์ในรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจีนมีความต้องการสูงมากในช่วงหลังเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด EV
    • อุตสาหกรรมพลังงานลม (Wind Power)แม่เหล็กถาวรที่ผลิตจากแร่ธาตุหายากเหล่านี้ยังถูกใช้ในกังหันลมเพื่อผลิตพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายพลังงานทดแทนของจีน
    • อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics)แร่ธาตุหายากจากพม่าถูกนำไปใช้ในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ที่ต้องการแม่เหล็กและวัสดุพิเศษ
    • อุตสาหกรรมแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnets) บริษัทจีนใหญ่ เช่น China Southern Rare Earth ใช้แร่ธาตุจากพม่าในการผลิตแม่เหล็กถาวรที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในหลายอุตสาหกรรม
    • อาวุธยุทโธปกรณ์ (Defence Industry) และอุตสาหกรรมอวกาศ และอากาศยาน (Aerospace Industry)
    สถานการณ์ความต้องการแร่ธาตุหายากงวดขึ้นเพราะนับวันแร่ธาตุเหล่านั้นย่อมลดลง ตามชื่อเพราะยิ่งหายากขึ้น โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 จีนเพิ่มการนำเข้าแร่หายากจากพม่าเกิน 9 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และคิดเป็นกว่า 70% ของแร่ธาตุหายากที่จีนใช้ทั้งหมด ซึ่งทำให้พม่าเป็นแหล่งผลิตแร่หายากที่ใหญ่ที่สุดของจีนในปัจจุบัน
    ______________________________
    ความต้องการสูงและความไม่แน่นอนของซัพพลายเชน โดยเฉพาะในช่วงที่มีความขัดข้องจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้จีนพึ่งพาแหล่งแร่จากต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะพม่าเป็นสัดส่วนถึง 70% ของวัตถุดิบที่ใช้ เนื่องจากเหมืองในจีนผลิตไม่เพียงพอและมีข้อจำกัดด้านสิ่งแวดล้อมและนโยบาย
    ปัญหาจึงอยู่ที่แร่ธาตุหายากจากพม่าส่วนใหญ่ถูกขุดอย่างผิดกฎหมายและผ่านช่องทางที่ไม่โปร่งใส ทำให้บริษัทจีนที่แปรรูปแร่ไม่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ชัดเจน ส่งผลต่อความยั่งยืนและความน่าเชื่อถือของตลาด รวมถึงสร้างปัญหาสุขภาพและสิ่งแวดล้อมต่อพม่าอย่างมหาศาล
    หากเจาะพื้นที่การทำเหมืองในรัฐต่าง ๆ การทำเหมืองในเมียนมามักอยู่ในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งหรือควบคุมโดยกลุ่มติดอาวุธ ซึ่งมีผลต่อการส่งออกและการจัดการทรัพยากร ดังนี้:
    • รัฐคะฉิ่น (Kachin State): แร่หลัก: แร่หายาก (REEs), พลวง, ทองคำ, อิตเทรียม พื้นที่ป่าทางตอนเหนือ อุดมไปด้วยแร่หายาก แต่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างกองทัพเมียนมาและกองทัพปลดปล่อยคะฉิ่น (KIA) ส่วนใหญ่ทำลายสิ่งแวดล้อม น้ำกลายเป็นโคลน และสัตว์ป่าลดลง
    • รัฐฉาน (Shan State): แร่หลัก: ดีบุก, ตะกั่ว, สังกะสี, ทังสเตน,ทองคำพื้นที่ที่มีเหมืองดีบุกขนาดใหญ่ เช่น เหมือง Man Maw การควบคุมโดยกลุ่มติดอาวุธที่เชื่อมโยงกับกองทัพเมียนมา ทำให้เงินจากเหมือง สนับสนุนกองทัพ สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมหาศาลเช่นกันและลุกลามไปยังประเทศเพื่อนบ้านคือประเทศไทย
    • เขตสะกาย (Sagaing Region): แร่หลัก: ทองแดง, นิกเกิล, ทองคำพื้นที่ที่มีการสู้รบหนักระหว่างกองทัพเมียนมาและกองกำลัง PDF
    • เขตมัณฑะเลย์ (Mandalay Region): แร่หลัก: แร่หายาก, พลวง, อิตเทรียม, ทองคำพื้นที่ที่มีเหมืองขนาดเล็กกระจายอยู่
    • เขตตะนาวศรี (Tanintharyi Region): แร่หลัก: ดีบุก เป็นเหมืองดีบุกขนาดใหญ่ใกล้ชายฝั่ง
    • รัฐมอญ (Mon State): แร่หลัก: ทองแดง เป็นเหมืองขนาดเล็กถึงปานกลาง
    • รัฐกะยา (Kayah State): แร่หลัก: ตะกั่ว พื้นที่ที่มีความขัดแย้งสูง
    ______________________________
    สอบทานต้นทาง-ย้อนกลับห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของแร่ธาตุจากเมียนมาไปจีนมีลักษณะดังนี้ เริ่มต้นสำรวจแหล่ง แน่นอนฐานข้อมูลมีอยู่แล้วในมือรัฐบาลทหารพม่า และในกำมือเทคโนโลยีจีน ก่อนจะให้บริษัทเอกชนในแต่ละความถนัดของจีน และของพม่าเอง ขุดและแปรรูปเบื้องต้น เหมืองส่วนใหญ่ในพม่าดำเนินการโดยบริษัทท้องถิ่นหรือบริษัทจีนร่วมทุน การแปรรูปขั้นต้น (เช่น การถลุงแร่ดีบุก) มักทำในเมียนมาก่อนส่งออก ส่วนใหญ่ในพื้นที่ขัดแย้งทำให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและการละเมิดสิทธิมนุษยชน
    การขนส่ง เส้นทางหลัก: จากเหมืองในรัฐคะฉิ่นและฉานไปยังชายแดนจีน (มณฑลยูนนาน) ผ่านทางรถไฟหรือถนน เช่น เส้นทางรถไฟเจ้าผิ่ว-มูเซ บางส่วนส่งออกผ่านท่าเรือในเขตตะนาวศรีและย่างกุ้ง
    การแปรรูปขั้นสูงในจีน ปลายทางคือโรงงานแปรรูปอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง, เจียงซู, และแถบเศรษฐกิจแยงซีเกียง โดยแร่หายากถูกกลั่นเป็นโลหะบริสุทธิ์หรือสารประกอบ เช่น นีโอดิเมียมสำหรับแม่เหล็ก หรืออิตเทรียมสำหรับ LED
    สายพานอุตสาหกรรมที่ใช้งานแบ่งตามแร่ธาตุอุตสาหกรรมเทคโนโลยี: แร่หายาก (REEs) และดีบุกใช้ในสมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์, เซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า: แร่หายาก (นีโอดิเมียม, ดิสโพรเซียม) และนิกเกิลใช้ในมอเตอร์และแบตเตอรี่ พลังงานสะอาด: ทังสเตนและพลวงใช้ในกังหันลมและแผงโซลาร์ อุตสาหกรรมทหาร: แร่หายากและพลวงใช้ในขีปนาวุธ, เรดาร์, และเลเซอร์ การก่อสร้างและเครื่องจักร: ทองแดงและสังกะสีใช้ในสายไฟและโครงสร้าง
    ความท้าทายในระบบ Supply Chain ส่วนใหญ่คือความขัดแย้งในเมียนมาอาจขัดขวางการขนส่ง จากผลประโยชน์มหาศาลเพื่อนำมาเป็นอาวุธและจุนเจือเสบียงในการรบ ขณะที่นานาชาติได้เรียกร้องให้ตรวจสอบแร่จากพื้นที่ขัดแย้ง แต่จีนเป็นประเทศเดียวที่บังคับให้แยกแร่จากเมียนมาและจีน
    ______________________________
    ล่าสุด กองกำลังเอกราชคะฉิ่น (Kachin Independent Organization, Kachin Independent Army- KIA) ซึ่งได้เป็นเจ้าของใหม่ของเหมืองแร่หายาก หรือแร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) อนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังประเทศจีน โดยเก็บภาษีในอัตรา 30,500 หยวนต่อหนึ่งตัน (ราว 160,000 บาท) พื้นที่แหล่งแร่หายากที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในเขตปางวาและชิพเว (Pang Wa, Chi Pwi) ในรัฐคะฉิ่น ซึ่งกลุ่ม KIA เข้ายึดครองในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 ได้รับอนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังจีนหลังจากควบคุมพื้นที่มาได้ 6 เดือน
    สำนักข่าวรอยเตอร์ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2568 KIO/KIA ได้อนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังประเทศจีน โดยเก็บภาษีในอัตรา 30,500 หยวนต่อหนึ่งตัน อย่างไรก็ตาม รายละเอียดอื่น ๆ ในหนังสืออนุญาตของ KIO ยังไม่ได้รับการเปิดเผย เจ้าหน้าที่ KIA เขตปางวาให้ข้อมูลว่าKIO/KIA และรัฐบาลจีน ยังคงเจรจาเกี่ยวกับการใช้จุดผ่านแดนเดียวในการส่งออกแร่หายาก และจนถึงสัปดาห์ที่สองของเดือนเมษายน ยังไม่มีการส่งออกอย่างเป็นทางการ
    KIA สามารถควบคุมจุดผ่านแดนทางการค้าระหว่างจีน-พม่าในรัฐคะฉิ่นทั้งหมด ได้แก่ กานปายตี Kan Pai Ti, ล่วยเจ Loi Je และปางวา ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าจะใช้จุดผ่านแดนใดในการส่งออก หลังจากที่ KIA ควบคุมพื้นที่ปางวาและชิพเว รัฐบาลจีนได้มีคำสั่งปิดจุดผ่านแดนทั้งหมด ทำให้บริษัทเหมืองแร่ส่วนใหญ่หยุดดำเนินการ มีเพียงบางบริษัทที่ยังคงขุดแร่ต่อไป เนื่องจากยังมีวัตถุดิบหลงเหลืออยู่
    รายงานของ Global Witness ระบุว่า การทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทในพื้นที่ปางวาเริ่มขึ้นในปี 2016 โดยนักธุรกิจชาวจีน ซึ่งส่งออกแร่ไปยังจีนเป็นหลัก ตามข้อมูลปัจจุบัน พม่าติดอันดับ 3 ของประเทศผู้ผลิตแร่แรร์เอิร์ท และคิดเป็น 50% ของการส่งออกแร่หายากทั่วโลก หลังจากการรัฐประหารของกองทัพพม่า การทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทในพื้นที่ปางวาและชิพเวเพิ่มขึ้น 40% และจำนวนเหมืองแร่เพิ่มขึ้นกว่า 300 แห่ง ในปี 2566 เพียงปีเดียว มีการส่งออกแร่หายากไปยังจีนมากถึง 41,700 ตัน สร้างรายได้ถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
    ______________________________
    สรุปขมวดปม การส่งออกแร่ธาตุจากพม่าไปจีนช่วยเสริมความมั่นคงของซัพพลายเชนแร่หายากในจีน ลดภาวะขาดแคลนและสนับสนุนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงด้านความโปร่งใสและความยั่งยืนในตลาดแร่ธาตุของจีน แร่ธาตุหายากจากพม่ามีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของจีน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีขั้นสูงและพลังงานสะอาด ซึ่งจีนพึ่งพาการนำเข้าแร่จากพม่าเป็นสัดส่วนสูงถึง 70% ของแร่หายากที่ใช้ในประเทศ เหมืองแร่หายากเหล่านี้ทั้งหมด รวมถึงแร่ทองคำ และอื่น ๆ ที่ปักหมุดขุดหลุมร่อนตระแกรง ทุกรัฐในเมียนมาก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ป่าเขา แม่น้ำ ลำธาร โดยคนงานบางรายถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างโหดร้าย หญิงคนงานถูกล่วงละเมิดทางเพศ และหลายคนได้รับอันตรายทางสุขภาพอย่างร้ายแรงจากสารเคมีที่ใช้ในเหมือง และส่งผลกระทบต่อพื้นที่ที่กว้างขวางขึ้นรวมถึงประเทศไทย และลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน คำถามคือจีนมีส่วนสำคัญในการสร้างมลภาวะในพื้นที่ ควรจะร่วมรับผิดชอบหรือไม่ ไม่ใช่การสูบทรัพยากรในพื้นที่แต่ไม่ได้เหลียวแลผลกระทบที่จะตามมา อันจะกลายเป็นการสร้างปัญหาใหญ่ให้กับจีนในอนาคต
    อ้างอิง : https://www.facebook.com/GlobalWitness/ และสำนักข่าวชายขอบ
    https://shorturl.asia/6GnqX
    ประชาไท https://prachatai.com/journal/2025/01/111942
    ______________________________

    10 อันดับแร่ธาตุที่ส่งออกจากเมียนมาไปจีน (เรียงตามมูลค่าประเมิน)
    1. แร่ดีบุก (Tin)
    o มูลค่า: สูงสุด เนื่องจากเมียนมาเป็นผู้ผลิตดีบุกรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก และจีนนำเข้า 95% ของหัวแร่ดีบุกจากเมียนมาในปี 2563
    o การใช้งาน: ใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (บัดกรีแผงวงจร), การผลิตโลหะผสม
    o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน (Shan State), เขตตะนาวศรี (Tanintharyi Region)
    2. แร่หายาก (Rare Earth Elements: REEs)
    o มูลค่า: สูง เนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงของจีน
    o การใช้งาน: ผลิตแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnets), แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า, อุปกรณ์เลเซอร์, เซมิคอนดักเตอร์
    o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น (Kachin State), เขตมัณฑะเลย์ (Mandalay Region)
    3. ทองแดง (Copper)
    o มูลค่า: สูง เนื่องจากราคาทองแดงในตลาดโลกพุ่งสูงหลังรัฐประหาร
    o การใช้งาน: สายไฟ, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, การก่อสร้าง
    o พื้นที่เหมือง: เขตสะกาย (Sagaing Region), รัฐมอญ (Mon State)
    4. ตะกั่ว (Lead)
    o มูลค่า: ปานกลางถึงสูง ใช้ในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่
    o การใช้งาน: แบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด, อุตสาหกรรมยานยนต์
    o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, รัฐกะยา (Kayah State)
    5. สังกะสี (Zinc)
    o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมเคลือบโลหะ
    o การใช้งาน: การชุบกัลวาไนซ์, โลหะผสม
    o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, เขตย่างกุ้ง (Yangon Region)
    6. นิกเกิล (Nickel)
    o มูลค่า: ปานกลาง เนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่
    o การใช้งาน: แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน, สแตนเลส
    o พื้นที่เหมือง: เขตสะกาย, รัฐฉาน
    7. พลวง (Antimony)
    o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมทหารและพลังงาน
    o การใช้งาน: สารหน่วงไฟ, โลหะผสม, อุปกรณ์ทหาร
    o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น, เขตมัณฑะเลย์
    8. ทังสเตน (Tungsten)
    o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมที่มีความแข็งสูง
    o การใช้งาน: โลหะผสม, เครื่องมือตัด, อุปกรณ์ทหาร
    o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, รัฐคะฉิ่น
    9. ทองคำ (Gold)
    o มูลค่า: ปานกลางถึงสูง ขึ้นอยู่กับราคาตลาดโลก
    o การใช้งาน: อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์, เครื่องประดับ
    o พื้นที่เหมือง: เขตมัณฑะเลย์, รัฐคะฉิ่น, เขตสะกาย
    10. อิตเทรียม (Yttrium)
    o มูลค่า: ต่ำถึงปานกลาง แต่มีความสำคัญในอุตสาหกรรมเฉพาะ
    o การใช้งาน: สารเรืองแสงใน LED, อุปกรณ์ MRI, เซรามิก
    o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น, เขตมัณฑะเลย์
    หมายเหตุ: มูลค่าที่ระบุเป็นการประเมินจากความสำคัญในห่วงโซ่อุปทานและปริมาณการส่งออก เนื่องจากไม่มีข้อมูลตัวเลขที่แน่นอนหลังรัฐประหาร
    ______________________________
    ตามรอยย้อนกลับ Supply Chain แร่หายากจากพม่ามหาศาลสู่จีน ______________________________ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2564 บริษัท China Rare Earth Group Co., Ltd. ก่อตัวขึ้นอย่างเป็นทางการ จากการควบรวมของ 3 กิจการด้านอุตสาหกรรมแร่หายากในจีน China Aluminium Corporation, China Minmetals Corporation และ Ganzhou Rare Earth Group Co., Ltd. เป้าคือพัฒนาอุตสาหกรรมแร่หายาก วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี China Rare Earth Group อยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยตรงของรัฐ-คณะกรรมการกำกับดูแลและบริหารสินทรัพย์ที่เป็นเจ้าของของสภาแห่งรัฐ ถือหุ้นร้อยละ 31.21 China Aluminium Corporation, China Minmetals Corporation และ Ganzhou Rare Earth Group Co., Ltd. แต่ละบริษัทถือหุ้นร้อยละ 20.33; China Iron and Steel Research Technology Group Co., Ltd. และ Youyan Technology Group Co., Ltd. ถือหุ้นร้อยละ 3.90 ปัจจุบันจีนมีปริมาณการผลิตแร่ธาตุ หายากสูงเป็นอันดับ 1 ของโลกอยู่ที่ 132,000 ตัน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 63 ของปริมาณการผลิตแร่ธาตุหายากทั่วโลก ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 210,000 ตัน โดยประเทศอื่น ๆ ที่มีปริมาณการผลิตแร่ธาตุหายากในลำดับถัดมา ได้แก่ สหรัฐฯ (26,000 ตัน) เมียนมา (22,000 ตัน) ออสเตรเลีย (21,000 ตัน) อินเดีย (3,000 ตัน) รัสเซีย (2,700 ตัน) มาดากัสการ์ (2,000 ตัน) ไทย (1,800 ตัน) บราซิล (1,000 ตัน) เวียดนาม (900 ตัน) และบุรุนดี (600 ตัน) ______________________________ ระฆังกำแพงภาษีลั่นขึ้นห้วงเมษายน 2568 โดยสหรัฐอเมริกา การตอบโต้กลับของจีนเปิดหน้าชก สวนกลับทุกเม็ด รวมถึงได้ขยายการใช้ "แร่หายาก" (rare earths) เป็นเครื่องมือตอบโต้ทางการค้า โดยประกาศจำกัดการส่งออกแร่หายาก 7 ชนิด ซึ่งเป็นวัสดุสำคัญในอุดสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยเป็นการตอบโต้ต่อมาดรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ สำหรับแร่หายาก 7 ชนิดได้แก่ ชามาเรียม (Samarium) แกโดลิเนียม (Gadolinium) เทอร์เมียม (Terbium) ดิสโพรเซียม (Dysprosium) ลูทีเซียม (Lutetium) สแกนเดียม (Scandium) และอิดเทรียม (Yttrium) สำหรับแร่หายากยอดนิยมอย่าง นี่โอไดเมียม (Neodymium) และ พราเชโอไดเมียม (Praseodymium) ซึ่งใช้ผลิตแม่เหล็กประสิทธิภาพสูง ยังไม่อยู่ในรายชื่อควบคุม หลังการรัฐประหารปี 2021 การส่งออกแร่ธาตุหายากจากพม่าไปจีนเพิ่มขึ้น 5 เท่า สูงถึง 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการการพึ่งพาจีน 90% ของการแปรรูปแร่หายากโลกอยู่ในจีน แบ่งเป็น แร่กลุ่มหายาก (Rare Earth Elements) มูลค่า: 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2025) ส่วนแบ่งการนำเข้า: กว่า 50% ของการนำเข้าแร่หายากทั้งหมดของจีน ชนิดแร่หลัก: เทอร์เบียม (Terbium) และดีสโพรเซียม (Dysprosium) ในกลุ่ม Heavy Rare Earth Elements (HREE) พื้นที่ทำเหมืองหลักที่คะฉิ่น ที่เหมือง Chipwi และ Momauk: มีบ่อแร่มากกว่า 2,700 บ่อ เมือง Panwa: แหล่งผลิตหลักภายใต้การควบคุมของ Kachin Independence Army (KIA) การขยายตัว: จำนวนไซต์ทำเหมืองเพิ่มขึ้น 40% นับตั้งแต่ปี 2021 โดยพื้นที่ KIA: เก็บภาษี 35,000 หยวน/ตัน (ประมาณ 4,800 ดอลลาร์สหรัฐ) บริษัทจีนผู้รับซื้อหลัก คือ China Rare Earths Group (REGCC) ควบคุมการประมูลแร่กว่า 80% China Northern Rare Earth Group ผู้ประมูลแร่รายใหญ่ของโลก และ JL Mag Rare-Earth: ผู้ผลิตแม่เหล็กถาวรรายใหญ่ ใช้แร่จากพม่าในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และยังมีบริษัท Rising Nonferrous บริษัทที่ได้รับอนุมัติให้นำเข้าแร่หายากจากเมียนมาโดยตรง นอกจากนั้นก็จะมี China Nonferrous Metal Mining Group (CNMC) รับซื้อ: ทองแดง, นิกเกิล พื้นที่รับซื้อคือเหมือง Monywa ในเขตสะกาย บริษัท China Minmetals Corporation: รับซื้อ: แร่หายาก, ดีบุก, ทังสเตน Aluminum Corporation of China (CHINALCO): รับซื้อ: แร่ที่เกี่ยวข้องกับอะลูมิเนียมและโลหะผสม Yunnan Tin Company: รับซื้อ: ดีบุก เพราะเป็นผู้ผลิตดีบุกรายใหญ่ของจีน Pangang Group: รับซื้อ: ทังสเตน, พลวง เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโลหะหนัก ______________________________ การส่งออกแร่ธาตุจากพม่าไปจีนมีป้อนอุตสาหกรรมหลักที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้จีน และแน่นอนต้องใช้ฐานของกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นตลาดหลักและบายพาสไปยังกลุ่มประเทศที่มีกำแพงภาษีสูงไม่ว่าจะเป็น • อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles)แร่ธาตุหายาก เช่น ดิสโพรเซียม (Dysprosium) และเทอร์เบียม (Terbium) ที่นำเข้าจากพม่าใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับมอเตอร์ในรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจีนมีความต้องการสูงมากในช่วงหลังเพื่อรองรับการเติบโตของตลาด EV • อุตสาหกรรมพลังงานลม (Wind Power)แม่เหล็กถาวรที่ผลิตจากแร่ธาตุหายากเหล่านี้ยังถูกใช้ในกังหันลมเพื่อผลิตพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายพลังงานทดแทนของจีน • อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics)แร่ธาตุหายากจากพม่าถูกนำไปใช้ในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ที่ต้องการแม่เหล็กและวัสดุพิเศษ • อุตสาหกรรมแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnets) บริษัทจีนใหญ่ เช่น China Southern Rare Earth ใช้แร่ธาตุจากพม่าในการผลิตแม่เหล็กถาวรที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในหลายอุตสาหกรรม • อาวุธยุทโธปกรณ์ (Defence Industry) และอุตสาหกรรมอวกาศ และอากาศยาน (Aerospace Industry) สถานการณ์ความต้องการแร่ธาตุหายากงวดขึ้นเพราะนับวันแร่ธาตุเหล่านั้นย่อมลดลง ตามชื่อเพราะยิ่งหายากขึ้น โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 จีนเพิ่มการนำเข้าแร่หายากจากพม่าเกิน 9 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และคิดเป็นกว่า 70% ของแร่ธาตุหายากที่จีนใช้ทั้งหมด ซึ่งทำให้พม่าเป็นแหล่งผลิตแร่หายากที่ใหญ่ที่สุดของจีนในปัจจุบัน ______________________________ ความต้องการสูงและความไม่แน่นอนของซัพพลายเชน โดยเฉพาะในช่วงที่มีความขัดข้องจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้จีนพึ่งพาแหล่งแร่จากต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะพม่าเป็นสัดส่วนถึง 70% ของวัตถุดิบที่ใช้ เนื่องจากเหมืองในจีนผลิตไม่เพียงพอและมีข้อจำกัดด้านสิ่งแวดล้อมและนโยบาย ปัญหาจึงอยู่ที่แร่ธาตุหายากจากพม่าส่วนใหญ่ถูกขุดอย่างผิดกฎหมายและผ่านช่องทางที่ไม่โปร่งใส ทำให้บริษัทจีนที่แปรรูปแร่ไม่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ชัดเจน ส่งผลต่อความยั่งยืนและความน่าเชื่อถือของตลาด รวมถึงสร้างปัญหาสุขภาพและสิ่งแวดล้อมต่อพม่าอย่างมหาศาล หากเจาะพื้นที่การทำเหมืองในรัฐต่าง ๆ การทำเหมืองในเมียนมามักอยู่ในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งหรือควบคุมโดยกลุ่มติดอาวุธ ซึ่งมีผลต่อการส่งออกและการจัดการทรัพยากร ดังนี้: • รัฐคะฉิ่น (Kachin State): แร่หลัก: แร่หายาก (REEs), พลวง, ทองคำ, อิตเทรียม พื้นที่ป่าทางตอนเหนือ อุดมไปด้วยแร่หายาก แต่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างกองทัพเมียนมาและกองทัพปลดปล่อยคะฉิ่น (KIA) ส่วนใหญ่ทำลายสิ่งแวดล้อม น้ำกลายเป็นโคลน และสัตว์ป่าลดลง • รัฐฉาน (Shan State): แร่หลัก: ดีบุก, ตะกั่ว, สังกะสี, ทังสเตน,ทองคำพื้นที่ที่มีเหมืองดีบุกขนาดใหญ่ เช่น เหมือง Man Maw การควบคุมโดยกลุ่มติดอาวุธที่เชื่อมโยงกับกองทัพเมียนมา ทำให้เงินจากเหมือง สนับสนุนกองทัพ สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมหาศาลเช่นกันและลุกลามไปยังประเทศเพื่อนบ้านคือประเทศไทย • เขตสะกาย (Sagaing Region): แร่หลัก: ทองแดง, นิกเกิล, ทองคำพื้นที่ที่มีการสู้รบหนักระหว่างกองทัพเมียนมาและกองกำลัง PDF • เขตมัณฑะเลย์ (Mandalay Region): แร่หลัก: แร่หายาก, พลวง, อิตเทรียม, ทองคำพื้นที่ที่มีเหมืองขนาดเล็กกระจายอยู่ • เขตตะนาวศรี (Tanintharyi Region): แร่หลัก: ดีบุก เป็นเหมืองดีบุกขนาดใหญ่ใกล้ชายฝั่ง • รัฐมอญ (Mon State): แร่หลัก: ทองแดง เป็นเหมืองขนาดเล็กถึงปานกลาง • รัฐกะยา (Kayah State): แร่หลัก: ตะกั่ว พื้นที่ที่มีความขัดแย้งสูง ______________________________ สอบทานต้นทาง-ย้อนกลับห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของแร่ธาตุจากเมียนมาไปจีนมีลักษณะดังนี้ เริ่มต้นสำรวจแหล่ง แน่นอนฐานข้อมูลมีอยู่แล้วในมือรัฐบาลทหารพม่า และในกำมือเทคโนโลยีจีน ก่อนจะให้บริษัทเอกชนในแต่ละความถนัดของจีน และของพม่าเอง ขุดและแปรรูปเบื้องต้น เหมืองส่วนใหญ่ในพม่าดำเนินการโดยบริษัทท้องถิ่นหรือบริษัทจีนร่วมทุน การแปรรูปขั้นต้น (เช่น การถลุงแร่ดีบุก) มักทำในเมียนมาก่อนส่งออก ส่วนใหญ่ในพื้นที่ขัดแย้งทำให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและการละเมิดสิทธิมนุษยชน การขนส่ง เส้นทางหลัก: จากเหมืองในรัฐคะฉิ่นและฉานไปยังชายแดนจีน (มณฑลยูนนาน) ผ่านทางรถไฟหรือถนน เช่น เส้นทางรถไฟเจ้าผิ่ว-มูเซ บางส่วนส่งออกผ่านท่าเรือในเขตตะนาวศรีและย่างกุ้ง การแปรรูปขั้นสูงในจีน ปลายทางคือโรงงานแปรรูปอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง, เจียงซู, และแถบเศรษฐกิจแยงซีเกียง โดยแร่หายากถูกกลั่นเป็นโลหะบริสุทธิ์หรือสารประกอบ เช่น นีโอดิเมียมสำหรับแม่เหล็ก หรืออิตเทรียมสำหรับ LED สายพานอุตสาหกรรมที่ใช้งานแบ่งตามแร่ธาตุอุตสาหกรรมเทคโนโลยี: แร่หายาก (REEs) และดีบุกใช้ในสมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์, เซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า: แร่หายาก (นีโอดิเมียม, ดิสโพรเซียม) และนิกเกิลใช้ในมอเตอร์และแบตเตอรี่ พลังงานสะอาด: ทังสเตนและพลวงใช้ในกังหันลมและแผงโซลาร์ อุตสาหกรรมทหาร: แร่หายากและพลวงใช้ในขีปนาวุธ, เรดาร์, และเลเซอร์ การก่อสร้างและเครื่องจักร: ทองแดงและสังกะสีใช้ในสายไฟและโครงสร้าง ความท้าทายในระบบ Supply Chain ส่วนใหญ่คือความขัดแย้งในเมียนมาอาจขัดขวางการขนส่ง จากผลประโยชน์มหาศาลเพื่อนำมาเป็นอาวุธและจุนเจือเสบียงในการรบ ขณะที่นานาชาติได้เรียกร้องให้ตรวจสอบแร่จากพื้นที่ขัดแย้ง แต่จีนเป็นประเทศเดียวที่บังคับให้แยกแร่จากเมียนมาและจีน ______________________________ ล่าสุด กองกำลังเอกราชคะฉิ่น (Kachin Independent Organization, Kachin Independent Army- KIA) ซึ่งได้เป็นเจ้าของใหม่ของเหมืองแร่หายาก หรือแร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) อนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังประเทศจีน โดยเก็บภาษีในอัตรา 30,500 หยวนต่อหนึ่งตัน (ราว 160,000 บาท) พื้นที่แหล่งแร่หายากที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในเขตปางวาและชิพเว (Pang Wa, Chi Pwi) ในรัฐคะฉิ่น ซึ่งกลุ่ม KIA เข้ายึดครองในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 ได้รับอนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังจีนหลังจากควบคุมพื้นที่มาได้ 6 เดือน สำนักข่าวรอยเตอร์ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2568 KIO/KIA ได้อนุญาตให้ส่งออกแร่หายากไปยังประเทศจีน โดยเก็บภาษีในอัตรา 30,500 หยวนต่อหนึ่งตัน อย่างไรก็ตาม รายละเอียดอื่น ๆ ในหนังสืออนุญาตของ KIO ยังไม่ได้รับการเปิดเผย เจ้าหน้าที่ KIA เขตปางวาให้ข้อมูลว่าKIO/KIA และรัฐบาลจีน ยังคงเจรจาเกี่ยวกับการใช้จุดผ่านแดนเดียวในการส่งออกแร่หายาก และจนถึงสัปดาห์ที่สองของเดือนเมษายน ยังไม่มีการส่งออกอย่างเป็นทางการ KIA สามารถควบคุมจุดผ่านแดนทางการค้าระหว่างจีน-พม่าในรัฐคะฉิ่นทั้งหมด ได้แก่ กานปายตี Kan Pai Ti, ล่วยเจ Loi Je และปางวา ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าจะใช้จุดผ่านแดนใดในการส่งออก หลังจากที่ KIA ควบคุมพื้นที่ปางวาและชิพเว รัฐบาลจีนได้มีคำสั่งปิดจุดผ่านแดนทั้งหมด ทำให้บริษัทเหมืองแร่ส่วนใหญ่หยุดดำเนินการ มีเพียงบางบริษัทที่ยังคงขุดแร่ต่อไป เนื่องจากยังมีวัตถุดิบหลงเหลืออยู่ รายงานของ Global Witness ระบุว่า การทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทในพื้นที่ปางวาเริ่มขึ้นในปี 2016 โดยนักธุรกิจชาวจีน ซึ่งส่งออกแร่ไปยังจีนเป็นหลัก ตามข้อมูลปัจจุบัน พม่าติดอันดับ 3 ของประเทศผู้ผลิตแร่แรร์เอิร์ท และคิดเป็น 50% ของการส่งออกแร่หายากทั่วโลก หลังจากการรัฐประหารของกองทัพพม่า การทำเหมืองแร่แรร์เอิร์ทในพื้นที่ปางวาและชิพเวเพิ่มขึ้น 40% และจำนวนเหมืองแร่เพิ่มขึ้นกว่า 300 แห่ง ในปี 2566 เพียงปีเดียว มีการส่งออกแร่หายากไปยังจีนมากถึง 41,700 ตัน สร้างรายได้ถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ______________________________ สรุปขมวดปม การส่งออกแร่ธาตุจากพม่าไปจีนช่วยเสริมความมั่นคงของซัพพลายเชนแร่หายากในจีน ลดภาวะขาดแคลนและสนับสนุนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงด้านความโปร่งใสและความยั่งยืนในตลาดแร่ธาตุของจีน แร่ธาตุหายากจากพม่ามีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของจีน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีขั้นสูงและพลังงานสะอาด ซึ่งจีนพึ่งพาการนำเข้าแร่จากพม่าเป็นสัดส่วนสูงถึง 70% ของแร่หายากที่ใช้ในประเทศ เหมืองแร่หายากเหล่านี้ทั้งหมด รวมถึงแร่ทองคำ และอื่น ๆ ที่ปักหมุดขุดหลุมร่อนตระแกรง ทุกรัฐในเมียนมาก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ป่าเขา แม่น้ำ ลำธาร โดยคนงานบางรายถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างโหดร้าย หญิงคนงานถูกล่วงละเมิดทางเพศ และหลายคนได้รับอันตรายทางสุขภาพอย่างร้ายแรงจากสารเคมีที่ใช้ในเหมือง และส่งผลกระทบต่อพื้นที่ที่กว้างขวางขึ้นรวมถึงประเทศไทย และลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน คำถามคือจีนมีส่วนสำคัญในการสร้างมลภาวะในพื้นที่ ควรจะร่วมรับผิดชอบหรือไม่ ไม่ใช่การสูบทรัพยากรในพื้นที่แต่ไม่ได้เหลียวแลผลกระทบที่จะตามมา อันจะกลายเป็นการสร้างปัญหาใหญ่ให้กับจีนในอนาคต อ้างอิง : https://www.facebook.com/GlobalWitness/ และสำนักข่าวชายขอบ https://shorturl.asia/6GnqX ประชาไท https://prachatai.com/journal/2025/01/111942 ______________________________ 10 อันดับแร่ธาตุที่ส่งออกจากเมียนมาไปจีน (เรียงตามมูลค่าประเมิน) 1. แร่ดีบุก (Tin) o มูลค่า: สูงสุด เนื่องจากเมียนมาเป็นผู้ผลิตดีบุกรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก และจีนนำเข้า 95% ของหัวแร่ดีบุกจากเมียนมาในปี 2563 o การใช้งาน: ใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (บัดกรีแผงวงจร), การผลิตโลหะผสม o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน (Shan State), เขตตะนาวศรี (Tanintharyi Region) 2. แร่หายาก (Rare Earth Elements: REEs) o มูลค่า: สูง เนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงของจีน o การใช้งาน: ผลิตแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnets), แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า, อุปกรณ์เลเซอร์, เซมิคอนดักเตอร์ o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น (Kachin State), เขตมัณฑะเลย์ (Mandalay Region) 3. ทองแดง (Copper) o มูลค่า: สูง เนื่องจากราคาทองแดงในตลาดโลกพุ่งสูงหลังรัฐประหาร o การใช้งาน: สายไฟ, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, การก่อสร้าง o พื้นที่เหมือง: เขตสะกาย (Sagaing Region), รัฐมอญ (Mon State) 4. ตะกั่ว (Lead) o มูลค่า: ปานกลางถึงสูง ใช้ในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ o การใช้งาน: แบตเตอรี่ตะกั่ว-กรด, อุตสาหกรรมยานยนต์ o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, รัฐกะยา (Kayah State) 5. สังกะสี (Zinc) o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมเคลือบโลหะ o การใช้งาน: การชุบกัลวาไนซ์, โลหะผสม o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, เขตย่างกุ้ง (Yangon Region) 6. นิกเกิล (Nickel) o มูลค่า: ปานกลาง เนื่องจากความต้องการในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ o การใช้งาน: แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน, สแตนเลส o พื้นที่เหมือง: เขตสะกาย, รัฐฉาน 7. พลวง (Antimony) o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมทหารและพลังงาน o การใช้งาน: สารหน่วงไฟ, โลหะผสม, อุปกรณ์ทหาร o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น, เขตมัณฑะเลย์ 8. ทังสเตน (Tungsten) o มูลค่า: ปานกลาง ใช้ในอุตสาหกรรมที่มีความแข็งสูง o การใช้งาน: โลหะผสม, เครื่องมือตัด, อุปกรณ์ทหาร o พื้นที่เหมือง: รัฐฉาน, รัฐคะฉิ่น 9. ทองคำ (Gold) o มูลค่า: ปานกลางถึงสูง ขึ้นอยู่กับราคาตลาดโลก o การใช้งาน: อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์, เครื่องประดับ o พื้นที่เหมือง: เขตมัณฑะเลย์, รัฐคะฉิ่น, เขตสะกาย 10. อิตเทรียม (Yttrium) o มูลค่า: ต่ำถึงปานกลาง แต่มีความสำคัญในอุตสาหกรรมเฉพาะ o การใช้งาน: สารเรืองแสงใน LED, อุปกรณ์ MRI, เซรามิก o พื้นที่เหมือง: รัฐคะฉิ่น, เขตมัณฑะเลย์ หมายเหตุ: มูลค่าที่ระบุเป็นการประเมินจากความสำคัญในห่วงโซ่อุปทานและปริมาณการส่งออก เนื่องจากไม่มีข้อมูลตัวเลขที่แน่นอนหลังรัฐประหาร ______________________________
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1471 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยูเครนสูญเสียการผลิตก๊าซไปถึง 40% จากการโจมตีของรัสเซีย

    ขณะนี้เคียฟจะต้องนำเข้าก๊าซมากถึง 800 ล้านลูกบาศก์เมตรจากยุโรปในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม และก่อนจะถึงฤดูหนาวหน้า ประเทศจำเป็นต้องสะสมก๊าซประมาณ 13,000 ล้านลูกบาศก์เมตร
    “จริงๆแล้วเราอาจอยู่ได้โดยไม่ต้องนำเข้าก๊าซในช่วงฤดูร้อนนี้ แต่การโจมตีของรัสเซียไปที่โรงงานผลิต ทำให้เราต้องพิจารณานำเข้าก๊าซเพื่อชดเชยการสูญเสียกำลังการผลิตในประเทศ” แหล่งข่าวกล่าว

    ยูเครนเริ่มเพิ่มการนำเข้าก๊าซในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ปริมาณการนำเข้าก็เพิ่มขึ้นเกือบ 10 เท่า และเกิน 20 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน

    จากวิดีโอ เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ กองทัพรัสเซียเพิ่งโจมตีโรงงานแปรรูปก๊าซ Gnedintsevsky ที่ใหญ่ที่สุดในยูเครน ในภูมิภาคเชอร์นิฮิฟ (Chernihiv)
    ยูเครนสูญเสียการผลิตก๊าซไปถึง 40% จากการโจมตีของรัสเซีย ▪️ ขณะนี้เคียฟจะต้องนำเข้าก๊าซมากถึง 800 ล้านลูกบาศก์เมตรจากยุโรปในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม และก่อนจะถึงฤดูหนาวหน้า ประเทศจำเป็นต้องสะสมก๊าซประมาณ 13,000 ล้านลูกบาศก์เมตร “จริงๆแล้วเราอาจอยู่ได้โดยไม่ต้องนำเข้าก๊าซในช่วงฤดูร้อนนี้ แต่การโจมตีของรัสเซียไปที่โรงงานผลิต ทำให้เราต้องพิจารณานำเข้าก๊าซเพื่อชดเชยการสูญเสียกำลังการผลิตในประเทศ” แหล่งข่าวกล่าว ▪️ ยูเครนเริ่มเพิ่มการนำเข้าก๊าซในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ปริมาณการนำเข้าก็เพิ่มขึ้นเกือบ 10 เท่า และเกิน 20 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ▪️ จากวิดีโอ เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ กองทัพรัสเซียเพิ่งโจมตีโรงงานแปรรูปก๊าซ Gnedintsevsky ที่ใหญ่ที่สุดในยูเครน ในภูมิภาคเชอร์นิฮิฟ (Chernihiv)
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 586 มุมมอง 0 รีวิว
  • New York Post เผยถึงเหตุที่ #ทรัมป์ ต้องการ #กรีนแลนด์ ถึงขั้นบอกว่าถ้าจำเป็น ก็อาจจะต้องใช้กำลังทหารเพื่อผนวกกรีนแลนด์ ซึ่งทำให้ชาวอเมริกันหลายคนตั้งคำถามว่า “แต่ทำไมล่ะ”

    ทั้งนี้ เพราะกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ริมเส้นทางเดินเรือที่สำคัญ และมีวัตถุดิบสำคัญที่หาได้ยากจากที่อื่น

    ปัจจุบัน #สหรัฐฯ กำลังต่อสู้กับ #จีน และ #รัสเซีย เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติของ #ภูมิภาคอาร์กติก เช่น ลิเธียม โคบอลต์ และกราไฟต์

    มี 2 เหตุผลหลัก ที่สหรัฐฯต้องการผนวกกรีนแลนด์
    - ประการแรกคือ แหล่งแร่หายากจำนวนมากที่จำเป็นสำหรับการผลิตอุปกรณ์ป้องกันประเทศและอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญ

    - ประการที่สอง กรีนแลนด์มีสิทธิใน #อาร์กติก อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐฯ มีสถานะที่แข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากการแข่งขันด้านการเดินเรือและทรัพยากรกำลังทวีความรุนแรงขึ้น

    สหรัฐฯ แข่งขันอย่างเงียบๆ กับจีนและรัสเซียในการเข้าถึงอาร์กติกมาหลายปีแล้ว โดยส่งเรือตัดน้ำแข็งทางทหารไปยังภูมิภาคนี้เพื่อปฏิบัติภารกิจสำรวจทุ่งทุนดราที่อุดมด้วยทรัพยากร

    ปัจจุบันสหรัฐฯ พึ่งพาแร่ธาตุหายากจากจีนอย่างมาก

    ขณะที่แร่ธาตุหายากก็พบในอาร์กติกนอกเหนือจากในเอเชีย และใช้ในทุกอย่างตั้งแต่โทรศัพท์มือถือไปจนถึงอาวุธทำลายล้างสูง

    “ด้วยความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า ระบบพลังงานหมุนเวียน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงที่เพิ่มมากขึ้น สหรัฐฯ จึงพึ่งพาวัสดุที่สำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรมและรักษาความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจระดับโลก”

    “[แร่ธาตุหายาก] ถูกใช้ในการป้องกันประเทศ เทคโนโลยี ขีปนาวุธ รถถัง ดาวเทียม เรือรบ เครื่องบินขับไล่ และด้วยเหตุนี้ การรักษาความปลอดภัยจึงกลายมาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความมั่นคงของชาติ”

    การแข่งขันในอาร์กติกทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลให้แผ่นน้ำแข็งที่เคยทำให้ทรัพยากรต่างๆ แทบจะเข้าถึงไม่ได้ละลายลง

    "ภาวะโลกร้อนทำให้การเดินเรือในอาร์กติกมีอิสระมากขึ้น"

    แต่จนถึงขณะนี้ สหรัฐฯ ก็ยังถูกแซงหน้าโดยฝ่ายตรงข้าม ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะสหรัฐฯ เข้าถึงพื้นที่ดังกล่าวได้จำกัด และมีเรือตัดน้ำแข็งจำนวนค่อนข้างน้อย

    ปัญหานี้สร้างความรำคาญให้กับสมาชิกพรรครีพับลิกันบางคนมานานแล้ว รวมถึง ส.ส. ไมค์ วอลซ์ (R-Fla.) ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์

    “ในอาร์กติกที่เราต้องแข่งขันกันเพื่อทรัพยากรธรรมชาติ กองกำลังชายฝั่งต้องการเรือตัดน้ำแข็งมากกว่าหนึ่งลำ! รัสเซียมีเป็นโหล!” เขาโพสต์บน X เมื่อปี 2017

    ปัจจุบัน กองกำลังชายฝั่งของสหรัฐฯมีเรือตัดน้ำแข็งเพียงสองลำ แต่เมื่อไม่นานมานี้ วอลซ์ได้ให้คำมั่นว่าจะผลักดันให้มีเรือตัดน้ำแข็งเพิ่มขึ้นในรัฐสภาชุดที่ 119 ในการตอบกลับโพสต์บน X ที่เรียกร้องให้มีเรือตัดน้ำแข็ง “เพิ่มอีกสิบลำ”
    “นั่นคือแผน!” วอลซ์ให้คำมั่นเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม

    การจัดหาเรือตัดน้ำแข็งเพิ่มเติมและการซื้อกรีนแลนด์ถือเป็นโอกาสที่น่าสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากสหรัฐฯ กำลังสร้างโรงงานแปรรูปแร่ธาตุหายากเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามล่าสุดของสหรัฐฯ ที่ต้องการลดการพึ่งพาจีน
    แต่เนื่องจากสหรัฐฯ มีแร่ธาตุหายากเพียง 1.3% ของโลก ในขณะที่จีนมีมากถึง 70% "ตอนนี้เราจำเป็นต้องหาแร่ธาตุหายากเหล่านี้จากที่ใดสักแห่งเพื่อแปรรูปในประเทศ ... ซึ่งทำให้กรีนแลนด์มีเสน่ห์ดึงดูดใจ เนื่องจากกรีนแลนด์อาจเป็นแหล่งแร่ธาตุหายาก"

    ทรัมป์ ได้สรุปวิสัยทัศน์ของเขาสำหรับซีกโลกตะวันตกในงานแถลงข่าวที่มาร์อาลาโก
    กรีนแลนด์
    ทรัมป์บอกจะไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะใช้กำลังทางเศรษฐกิจหรือการทหารเพื่อยึดกรีนแลนด์หรือคลองปานามาออกไป “ไม่ ผมรับรองคุณไม่ได้หรอกว่าจะใช้กำลังทั้งสองอย่าง แต่ผมบอกได้ว่าเราต้องการมันเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ”

    อ่าวเม็กซิโก
    ทรัมป์บอกจะขยายการขุดเจาะนอกชายฝั่ง “เราจะเปลี่ยนแปลง ซึ่งตรงข้ามกับการที่ไบเดนปิดทุกอย่างและกำจัดทรัพย์สินมูลค่า 50 ถึง 60 ล้านล้านดอลลาร์ เราจะเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา ซึ่งมีความหมายที่สวยงาม”

    แคนาดา
    ทรัมป์บอก #แคนาดา อาจกลายเป็นรัฐที่ 51 โดยมีเวย์น เกรตสกี้ นักฮ็อกกี้ชื่อดังเป็นผู้ว่าการรัฐ “คุณสามารถกำจัดเส้นแบ่งที่วาดขึ้นอย่างไม่เป็นธรรมชาตินั้นได้ และลองดูว่ามันเป็นอย่างไร และมันจะดีขึ้นมากสำหรับความมั่นคงของชาติด้วย “พวกเขาเป็นคนดี แต่เราใช้เงินหลายร้อยพันล้านที่นี่เพื่อปกป้องมัน เราใช้เงินหลายร้อยพันล้านต่อปีเพื่อดูแลแคนาดา เราสูญเสียดุลการค้า”

    คลองปานามา
    “จีนเป็นผู้ดำเนินการ! จีน! และเรามอบคลองปานามาให้ปานามา” ทรัมป์กล่าว “เราไม่ได้มอบคลองนี้ให้จีน และพวกเขาใช้คลองนี้ในทางที่ผิด พวกเขาใช้ของขวัญนั้นในทางที่ผิด”

    “ไม่ขาย”
    ความทะเยอทะยานของทรัมป์ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีในเดนมาร์ก ซึ่งนายกรัฐมนตรีเมตเต้ เฟรเดอริกเซน ย้ำเมื่อวันอังคารว่าดินแดนนี้ “ไม่ขาย”

    “กรีนแลนด์เป็นของชาวกรีนแลนด์” นายกรัฐมนตรีเมตเตอ เฟรเดอริกเซนแห่งเดนมาร์ก ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เดนมาร์ก TV 2 “ในแง่หนึ่ง ผมยินดีที่อเมริกาสนใจกรีนแลนด์มากขึ้น แต่แน่นอนว่าสิ่งสำคัญคือเรื่องนี้ต้องเกิดขึ้นในลักษณะที่ชาวกรีนแลนด์เป็นผู้ตัดสินใจเองว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต”

    “ในแง่ของการเป็นเจ้าของ เราอาจเห็นต่างกันได้มาก เพราะเรากำลังดำเนินการสร้างประเทศที่มีอำนาจอธิปไตยซึ่งก็คือกรีนแลนด์ และเราต้องการสร้างรัฐกรีนแลนด์” เฟนเคอร์กล่าว พร้อมเสริมว่ารัฐบาลอาณาเขตอาจเต็มใจทำงานร่วมกับสหรัฐฯ ในข้อตกลงการค้าโดยเสรี
    .
    ลิ้งค์ต้นทาง:
    https://web.facebook.com/share/p/15nuKPRz54/
    New York Post เผยถึงเหตุที่ #ทรัมป์ ต้องการ #กรีนแลนด์ ถึงขั้นบอกว่าถ้าจำเป็น ก็อาจจะต้องใช้กำลังทหารเพื่อผนวกกรีนแลนด์ ซึ่งทำให้ชาวอเมริกันหลายคนตั้งคำถามว่า “แต่ทำไมล่ะ” ทั้งนี้ เพราะกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ริมเส้นทางเดินเรือที่สำคัญ และมีวัตถุดิบสำคัญที่หาได้ยากจากที่อื่น ปัจจุบัน #สหรัฐฯ กำลังต่อสู้กับ #จีน และ #รัสเซีย เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติของ #ภูมิภาคอาร์กติก เช่น ลิเธียม โคบอลต์ และกราไฟต์ มี 2 เหตุผลหลัก ที่สหรัฐฯต้องการผนวกกรีนแลนด์ - ประการแรกคือ แหล่งแร่หายากจำนวนมากที่จำเป็นสำหรับการผลิตอุปกรณ์ป้องกันประเทศและอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญ - ประการที่สอง กรีนแลนด์มีสิทธิใน #อาร์กติก อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐฯ มีสถานะที่แข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากการแข่งขันด้านการเดินเรือและทรัพยากรกำลังทวีความรุนแรงขึ้น สหรัฐฯ แข่งขันอย่างเงียบๆ กับจีนและรัสเซียในการเข้าถึงอาร์กติกมาหลายปีแล้ว โดยส่งเรือตัดน้ำแข็งทางทหารไปยังภูมิภาคนี้เพื่อปฏิบัติภารกิจสำรวจทุ่งทุนดราที่อุดมด้วยทรัพยากร ปัจจุบันสหรัฐฯ พึ่งพาแร่ธาตุหายากจากจีนอย่างมาก ขณะที่แร่ธาตุหายากก็พบในอาร์กติกนอกเหนือจากในเอเชีย และใช้ในทุกอย่างตั้งแต่โทรศัพท์มือถือไปจนถึงอาวุธทำลายล้างสูง “ด้วยความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า ระบบพลังงานหมุนเวียน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงที่เพิ่มมากขึ้น สหรัฐฯ จึงพึ่งพาวัสดุที่สำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรมและรักษาความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจระดับโลก” “[แร่ธาตุหายาก] ถูกใช้ในการป้องกันประเทศ เทคโนโลยี ขีปนาวุธ รถถัง ดาวเทียม เรือรบ เครื่องบินขับไล่ และด้วยเหตุนี้ การรักษาความปลอดภัยจึงกลายมาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความมั่นคงของชาติ” การแข่งขันในอาร์กติกทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลให้แผ่นน้ำแข็งที่เคยทำให้ทรัพยากรต่างๆ แทบจะเข้าถึงไม่ได้ละลายลง "ภาวะโลกร้อนทำให้การเดินเรือในอาร์กติกมีอิสระมากขึ้น" แต่จนถึงขณะนี้ สหรัฐฯ ก็ยังถูกแซงหน้าโดยฝ่ายตรงข้าม ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะสหรัฐฯ เข้าถึงพื้นที่ดังกล่าวได้จำกัด และมีเรือตัดน้ำแข็งจำนวนค่อนข้างน้อย ปัญหานี้สร้างความรำคาญให้กับสมาชิกพรรครีพับลิกันบางคนมานานแล้ว รวมถึง ส.ส. ไมค์ วอลซ์ (R-Fla.) ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ “ในอาร์กติกที่เราต้องแข่งขันกันเพื่อทรัพยากรธรรมชาติ กองกำลังชายฝั่งต้องการเรือตัดน้ำแข็งมากกว่าหนึ่งลำ! รัสเซียมีเป็นโหล!” เขาโพสต์บน X เมื่อปี 2017 ปัจจุบัน กองกำลังชายฝั่งของสหรัฐฯมีเรือตัดน้ำแข็งเพียงสองลำ แต่เมื่อไม่นานมานี้ วอลซ์ได้ให้คำมั่นว่าจะผลักดันให้มีเรือตัดน้ำแข็งเพิ่มขึ้นในรัฐสภาชุดที่ 119 ในการตอบกลับโพสต์บน X ที่เรียกร้องให้มีเรือตัดน้ำแข็ง “เพิ่มอีกสิบลำ” “นั่นคือแผน!” วอลซ์ให้คำมั่นเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม การจัดหาเรือตัดน้ำแข็งเพิ่มเติมและการซื้อกรีนแลนด์ถือเป็นโอกาสที่น่าสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากสหรัฐฯ กำลังสร้างโรงงานแปรรูปแร่ธาตุหายากเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามล่าสุดของสหรัฐฯ ที่ต้องการลดการพึ่งพาจีน แต่เนื่องจากสหรัฐฯ มีแร่ธาตุหายากเพียง 1.3% ของโลก ในขณะที่จีนมีมากถึง 70% "ตอนนี้เราจำเป็นต้องหาแร่ธาตุหายากเหล่านี้จากที่ใดสักแห่งเพื่อแปรรูปในประเทศ ... ซึ่งทำให้กรีนแลนด์มีเสน่ห์ดึงดูดใจ เนื่องจากกรีนแลนด์อาจเป็นแหล่งแร่ธาตุหายาก" ทรัมป์ ได้สรุปวิสัยทัศน์ของเขาสำหรับซีกโลกตะวันตกในงานแถลงข่าวที่มาร์อาลาโก 🎯กรีนแลนด์ ทรัมป์บอกจะไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะใช้กำลังทางเศรษฐกิจหรือการทหารเพื่อยึดกรีนแลนด์หรือคลองปานามาออกไป “ไม่ ผมรับรองคุณไม่ได้หรอกว่าจะใช้กำลังทั้งสองอย่าง แต่ผมบอกได้ว่าเราต้องการมันเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ” 🎯อ่าวเม็กซิโก ทรัมป์บอกจะขยายการขุดเจาะนอกชายฝั่ง “เราจะเปลี่ยนแปลง ซึ่งตรงข้ามกับการที่ไบเดนปิดทุกอย่างและกำจัดทรัพย์สินมูลค่า 50 ถึง 60 ล้านล้านดอลลาร์ เราจะเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา ซึ่งมีความหมายที่สวยงาม” 🎯แคนาดา ทรัมป์บอก #แคนาดา อาจกลายเป็นรัฐที่ 51 โดยมีเวย์น เกรตสกี้ นักฮ็อกกี้ชื่อดังเป็นผู้ว่าการรัฐ “คุณสามารถกำจัดเส้นแบ่งที่วาดขึ้นอย่างไม่เป็นธรรมชาตินั้นได้ และลองดูว่ามันเป็นอย่างไร และมันจะดีขึ้นมากสำหรับความมั่นคงของชาติด้วย “พวกเขาเป็นคนดี แต่เราใช้เงินหลายร้อยพันล้านที่นี่เพื่อปกป้องมัน เราใช้เงินหลายร้อยพันล้านต่อปีเพื่อดูแลแคนาดา เราสูญเสียดุลการค้า” 🎯คลองปานามา “จีนเป็นผู้ดำเนินการ! จีน! และเรามอบคลองปานามาให้ปานามา” ทรัมป์กล่าว “เราไม่ได้มอบคลองนี้ให้จีน และพวกเขาใช้คลองนี้ในทางที่ผิด พวกเขาใช้ของขวัญนั้นในทางที่ผิด” ❌“ไม่ขาย” ความทะเยอทะยานของทรัมป์ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีในเดนมาร์ก ซึ่งนายกรัฐมนตรีเมตเต้ เฟรเดอริกเซน ย้ำเมื่อวันอังคารว่าดินแดนนี้ “ไม่ขาย” “กรีนแลนด์เป็นของชาวกรีนแลนด์” นายกรัฐมนตรีเมตเตอ เฟรเดอริกเซนแห่งเดนมาร์ก ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เดนมาร์ก TV 2 “ในแง่หนึ่ง ผมยินดีที่อเมริกาสนใจกรีนแลนด์มากขึ้น แต่แน่นอนว่าสิ่งสำคัญคือเรื่องนี้ต้องเกิดขึ้นในลักษณะที่ชาวกรีนแลนด์เป็นผู้ตัดสินใจเองว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต” “ในแง่ของการเป็นเจ้าของ เราอาจเห็นต่างกันได้มาก เพราะเรากำลังดำเนินการสร้างประเทศที่มีอำนาจอธิปไตยซึ่งก็คือกรีนแลนด์ และเราต้องการสร้างรัฐกรีนแลนด์” เฟนเคอร์กล่าว พร้อมเสริมว่ารัฐบาลอาณาเขตอาจเต็มใจทำงานร่วมกับสหรัฐฯ ในข้อตกลงการค้าโดยเสรี . ลิ้งค์ต้นทาง: https://web.facebook.com/share/p/15nuKPRz54/
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1127 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทิปโก้บอกลา สับปะรดกระป๋อง

    บริษัท ทิปโก้ ไพน์แอบเปิ้ล จํากัด ผู้ผลิตสับปะรดกระป๋องเพื่อการส่งออกมาตั้งแต่ปี 2519 ตั้งอยู่ที่ ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ บริษัทย่อยของ บริษัท ทิปโก้ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPCO ซึ่งมีรายได้ประมาณ 22% ของรายได้รวม ตัดสินใจหยุดดำเนินงานในธุรกิจการผลิตและจำหน่ายสับปะรดกระป๋อง สาเหตุหลักเนื่องจากผลการดําเนินงานขาดทุนต่อเนื่อง และสภาวะความผันผวนของปริมาณและราคาของผลสับปะรดสด ในช่วงเวลาที่ผ่านมา

    คณะกรรมการของบริษัทย่อย อยู่ระหว่างการพิจารณาแผนการจัดการสื่อสาร และแจ้งให้คู่ค้า เจ้าหนี้ ลูกจ้าง พนักงาน ผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ ให้ทราบและดําเนินการให้เป็นธรรม สอดคล้องกับกฎหมาย การหยุดการดําเนินงานในธุรกิจดังกล่าวเป็นการปรับกลยุทธ์การดําเนินธุรกิจภายในของบริษัทฯ ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดําเนินธุรกิจหลักของบริษัทฯ ที่ดําเนินการอยู่

    ถือเป็นผู้ผลิตรายใหญ่รายที่สอง ที่เปลี่ยนแปลงธุรกิจสับปะรดกระป๋องในไทย ต่อจาก บริษัท โดลไทยแลนด์ จำกัด มีโรงงานอยู่ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเมื่อปี 2517 โรงงานชุมพร อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เปิดเมื่อปี 2535 และโรงงานระยอง อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ได้ยุติการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูป เครื่องหมายการค้าโดล (Dole) ช่องทางค้าปลีกและฟูดเซอร์วิสในประเทศไทย ยังคงดำเนินการผลิตตามปกติ แต่เน้นส่งออกต่างประเทศเพียงอย่างเดียว

    ปัจจุบัน ในประเทศไทย มีผลิตภัณฑ์สับปะรดกระป๋องจำหน่าย เช่น สับปะรดเต็มแว่นในน้ำเชื่อมเข้มข้น ตราแม็กกาแรต (McGarrett) ผลิตโดย บริษัท ผลไม้กระป๋องประจวบ จำกัด (PRAFT) ก่อตั้งเมื่อปี 2528 ตั้งอยู่ใน อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ สับปะรดแว่นในน้ำเชื่อม ตรามาลี (MALEE) ผลิตโดย บริษัท กุยบุรีผลไม้กระป๋อง จำกัด ก่อตั้งเมื่อปี 2535 ตั้งอยู่ใน อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ สับปะรดแว่นในน้ำเชื่อม ตราโคลี่ (KOLLY) ผลิตโดย บริษัท เถกิงอุตสาหกรรมสับปะรดกระป๋อง จำกัด ก่อตั้งเมื่อปี 2536 ตั้งอยู่ใน อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น

    ข้อมูลจากศูนย์อัจฉริยะเพื่ออุตสาหกรรมอาหาร เมื่อปี 2563 ระบุว่า ประเทศไทยมีโรงงานแปรรูปสับปะรด 38 แห่ง เน้นไปที่ส่งออก 75% จำหน่ายในประเทศ 25% โดยพบว่าส่งออกสับปะรดกระป๋องมากที่สุด 71% กำลังการผลิตเฉพาะสับปะรดกระป๋อง 1.28 ล้านตัน ตลาดส่งออกที่สำคัญได้แก่ สหรัฐอเมริกา 33% สหภาพยุโรป 21.2% รัสเซีย 5.9% จีน 4.2% ญี่ปุ่น 4.2% โดยไทยเป็นผู้ส่งออกสับปะรดอันดับ 3 รองจากคอสตาริกา และฟิลิปปินส์ และยังมีคู่แข่งอย่างเนเธอร์แลนด์และอินโดนีเซีย

    #Newskit #Tipco #สับปะรดกระป๋อง
    ทิปโก้บอกลา สับปะรดกระป๋อง บริษัท ทิปโก้ ไพน์แอบเปิ้ล จํากัด ผู้ผลิตสับปะรดกระป๋องเพื่อการส่งออกมาตั้งแต่ปี 2519 ตั้งอยู่ที่ ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ บริษัทย่อยของ บริษัท ทิปโก้ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPCO ซึ่งมีรายได้ประมาณ 22% ของรายได้รวม ตัดสินใจหยุดดำเนินงานในธุรกิจการผลิตและจำหน่ายสับปะรดกระป๋อง สาเหตุหลักเนื่องจากผลการดําเนินงานขาดทุนต่อเนื่อง และสภาวะความผันผวนของปริมาณและราคาของผลสับปะรดสด ในช่วงเวลาที่ผ่านมา คณะกรรมการของบริษัทย่อย อยู่ระหว่างการพิจารณาแผนการจัดการสื่อสาร และแจ้งให้คู่ค้า เจ้าหนี้ ลูกจ้าง พนักงาน ผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ ให้ทราบและดําเนินการให้เป็นธรรม สอดคล้องกับกฎหมาย การหยุดการดําเนินงานในธุรกิจดังกล่าวเป็นการปรับกลยุทธ์การดําเนินธุรกิจภายในของบริษัทฯ ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดําเนินธุรกิจหลักของบริษัทฯ ที่ดําเนินการอยู่ ถือเป็นผู้ผลิตรายใหญ่รายที่สอง ที่เปลี่ยนแปลงธุรกิจสับปะรดกระป๋องในไทย ต่อจาก บริษัท โดลไทยแลนด์ จำกัด มีโรงงานอยู่ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเมื่อปี 2517 โรงงานชุมพร อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เปิดเมื่อปี 2535 และโรงงานระยอง อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ได้ยุติการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูป เครื่องหมายการค้าโดล (Dole) ช่องทางค้าปลีกและฟูดเซอร์วิสในประเทศไทย ยังคงดำเนินการผลิตตามปกติ แต่เน้นส่งออกต่างประเทศเพียงอย่างเดียว ปัจจุบัน ในประเทศไทย มีผลิตภัณฑ์สับปะรดกระป๋องจำหน่าย เช่น สับปะรดเต็มแว่นในน้ำเชื่อมเข้มข้น ตราแม็กกาแรต (McGarrett) ผลิตโดย บริษัท ผลไม้กระป๋องประจวบ จำกัด (PRAFT) ก่อตั้งเมื่อปี 2528 ตั้งอยู่ใน อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ สับปะรดแว่นในน้ำเชื่อม ตรามาลี (MALEE) ผลิตโดย บริษัท กุยบุรีผลไม้กระป๋อง จำกัด ก่อตั้งเมื่อปี 2535 ตั้งอยู่ใน อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ สับปะรดแว่นในน้ำเชื่อม ตราโคลี่ (KOLLY) ผลิตโดย บริษัท เถกิงอุตสาหกรรมสับปะรดกระป๋อง จำกัด ก่อตั้งเมื่อปี 2536 ตั้งอยู่ใน อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น ข้อมูลจากศูนย์อัจฉริยะเพื่ออุตสาหกรรมอาหาร เมื่อปี 2563 ระบุว่า ประเทศไทยมีโรงงานแปรรูปสับปะรด 38 แห่ง เน้นไปที่ส่งออก 75% จำหน่ายในประเทศ 25% โดยพบว่าส่งออกสับปะรดกระป๋องมากที่สุด 71% กำลังการผลิตเฉพาะสับปะรดกระป๋อง 1.28 ล้านตัน ตลาดส่งออกที่สำคัญได้แก่ สหรัฐอเมริกา 33% สหภาพยุโรป 21.2% รัสเซีย 5.9% จีน 4.2% ญี่ปุ่น 4.2% โดยไทยเป็นผู้ส่งออกสับปะรดอันดับ 3 รองจากคอสตาริกา และฟิลิปปินส์ และยังมีคู่แข่งอย่างเนเธอร์แลนด์และอินโดนีเซีย #Newskit #Tipco #สับปะรดกระป๋อง
    Like
    Sad
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 942 มุมมอง 0 รีวิว