• ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ตอบโต้ว่าการส่งคณะผู้แทนเดินทางเยือนกรีนแลนด์ "ไม่ได้เป็นการยั่วยุ" แต่เน้นย้ำความหวังซื้อเกาะในอาร์กติกแห่งนี้จากเดนมาร์ก ชาติพันธมิตรนาโต
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000028191
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ตอบโต้ว่าการส่งคณะผู้แทนเดินทางเยือนกรีนแลนด์ "ไม่ได้เป็นการยั่วยุ" แต่เน้นย้ำความหวังซื้อเกาะในอาร์กติกแห่งนี้จากเดนมาร์ก ชาติพันธมิตรนาโต . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000028191
    Like
    Haha
    4
    0 Comments 0 Shares 404 Views 0 Reviews
  • “หากนั่นหมายถึงเราต้องยึดครองดินแดนกรีนแลนด์มากขึ้น ทรัมป์ก็จะทำเช่นนั้น เขาไม่สนใจว่ายุโรปจะตะโกนใส่เราว่าอย่างไร”
    — เจ.ดี. แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปลุกกระแสความโกรธแค้นหลังแสดงความเห็นเรื่องกรีนแลนด์

    คำพูดดังกล่าวถือเป็นการยกระดับความขัดแย้งของวอชิงตันที่มีต่อพันธมิตรนาโตอย่างจริงจัง และทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับเจตนาของสหรัฐฯ ในอาร์กติก

    “หากนั่นหมายถึงเราต้องยึดครองดินแดนกรีนแลนด์มากขึ้น ทรัมป์ก็จะทำเช่นนั้น เขาไม่สนใจว่ายุโรปจะตะโกนใส่เราว่าอย่างไร” — เจ.ดี. แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปลุกกระแสความโกรธแค้นหลังแสดงความเห็นเรื่องกรีนแลนด์ คำพูดดังกล่าวถือเป็นการยกระดับความขัดแย้งของวอชิงตันที่มีต่อพันธมิตรนาโตอย่างจริงจัง และทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับเจตนาของสหรัฐฯ ในอาร์กติก
    0 Comments 0 Shares 163 Views 7 0 Reviews
  • ทูตสหรัฐฯ ชี้ปัญหา 'ช้างในห้อง' ของการเจรจาสันติภาพคือการยกดินแดนยูเครนให้รัสเซีย

    ทูตพิเศษสหรัฐฯ Steve Witkoff เผยว่าอุปสรรคใหญ่สุดในการแก้ไขสงครามยูเครนคือสถานะของไครเมียและสี่ภูมิภาคที่รัสเซียยึดครอง โดยเรียกประเด็นนี้ว่า "ช้างในห้อง" ของการเจรจาสันติภาพ

    ในการให้สัมภาษณ์กับ Tucker Carlson Witkoff อ้างว่าการลงประชามติในภูมิภาค Donetsk, Luhansk, Zaporizhzhia และ Kherson แสดงว่าประชาชนต้องการอยู่ภายใต้รัสเซีย

    "รัสเซียควบคุมดินแดนเหล่านี้อยู่แล้วตามข้อเท็จจริง คำถามคือ
    โลกจะยอมรับหรือไม่ว่านั่นเป็นดินแดนรัสเซีย?
    Zelensky จะอยู่รอดทางการเมืองหรือไม่ถ้ายอมรับ?
    นี่คือประเด็นสำคัญในความขัดแย้ง" Witkoff กล่าว

    ขณะที่ Zelensky ยืนยันว่า "เราไม่ยอมรับดินแดนยูเครนที่ถูกยึดครองเป็นของรัสเซีย"

    ทูตพิเศษยังเปิดเผยว่า Vladimir Putin สั่งวาดภาพเหมือนอันงดงามของประธานาธิบดี Donald Trump โดยศิลปินชั้นนำของรัสเซีย ซึ่ง Witkoff นำกลับไปให้ประธานาธิบดี และเล่าว่า Putin ยังสวดมนต์เพื่อ Trump หลังถูกลอบสังหาร
    "ไม่ใช่เพราะเขา...อาจกลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่เพราะ พวกเขาเป็นเพื่อนกัน" ซึ่ง Trump ก็ "ซาบซึ้งใจอย่างชัดเจน" กับการแสดงออกของ Putin

    Witkoff ประทับใจในความ "สุภาพ" และ "สติปัญญา" ของ Putin
    โดยเสริมว่าการแก้ไขสงครามอาจนำไปสู่ความร่วมมือทั้งด้านพลังงานในอาร์กติก การแบ่งปันเส้นทางทะเล และการส่งก๊าซธรรมชาติเหลวเข้ายุโรปร่วมกัน
    ทูตสหรัฐฯ ชี้ปัญหา 'ช้างในห้อง' ของการเจรจาสันติภาพคือการยกดินแดนยูเครนให้รัสเซีย ทูตพิเศษสหรัฐฯ Steve Witkoff เผยว่าอุปสรรคใหญ่สุดในการแก้ไขสงครามยูเครนคือสถานะของไครเมียและสี่ภูมิภาคที่รัสเซียยึดครอง โดยเรียกประเด็นนี้ว่า "ช้างในห้อง" ของการเจรจาสันติภาพ ในการให้สัมภาษณ์กับ Tucker Carlson Witkoff อ้างว่าการลงประชามติในภูมิภาค Donetsk, Luhansk, Zaporizhzhia และ Kherson แสดงว่าประชาชนต้องการอยู่ภายใต้รัสเซีย "รัสเซียควบคุมดินแดนเหล่านี้อยู่แล้วตามข้อเท็จจริง คำถามคือ โลกจะยอมรับหรือไม่ว่านั่นเป็นดินแดนรัสเซีย? Zelensky จะอยู่รอดทางการเมืองหรือไม่ถ้ายอมรับ? นี่คือประเด็นสำคัญในความขัดแย้ง" Witkoff กล่าว ขณะที่ Zelensky ยืนยันว่า "เราไม่ยอมรับดินแดนยูเครนที่ถูกยึดครองเป็นของรัสเซีย" ทูตพิเศษยังเปิดเผยว่า Vladimir Putin สั่งวาดภาพเหมือนอันงดงามของประธานาธิบดี Donald Trump โดยศิลปินชั้นนำของรัสเซีย ซึ่ง Witkoff นำกลับไปให้ประธานาธิบดี และเล่าว่า Putin ยังสวดมนต์เพื่อ Trump หลังถูกลอบสังหาร "ไม่ใช่เพราะเขา...อาจกลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่เพราะ พวกเขาเป็นเพื่อนกัน" ซึ่ง Trump ก็ "ซาบซึ้งใจอย่างชัดเจน" กับการแสดงออกของ Putin Witkoff ประทับใจในความ "สุภาพ" และ "สติปัญญา" ของ Putin โดยเสริมว่าการแก้ไขสงครามอาจนำไปสู่ความร่วมมือทั้งด้านพลังงานในอาร์กติก การแบ่งปันเส้นทางทะเล และการส่งก๊าซธรรมชาติเหลวเข้ายุโรปร่วมกัน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 216 Views 0 Reviews
  • แผนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในการยึดเกาะกรีนแลนด์ อาจนำมาซึ่งสงครามระหว่างอเมริกากับเดนมาร์ก จากคำเตือนของ รัสมุส จาร์ลอฟ สส.เดนมาร์ก และประธานคณะกรรมาธิการกลาโหมของรัฐสภา พร้อมประกาศกร้าวว่าโคเปนเฮเกนจะไม่ยอมสละเกาะในแถบอาร์กติกแห่งนี้ให้แก่อเมริกา

    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000025072
    แผนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในการยึดเกาะกรีนแลนด์ อาจนำมาซึ่งสงครามระหว่างอเมริกากับเดนมาร์ก จากคำเตือนของ รัสมุส จาร์ลอฟ สส.เดนมาร์ก และประธานคณะกรรมาธิการกลาโหมของรัฐสภา พร้อมประกาศกร้าวว่าโคเปนเฮเกนจะไม่ยอมสละเกาะในแถบอาร์กติกแห่งนี้ให้แก่อเมริกา อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000025072
    Like
    Haha
    7
    0 Comments 0 Shares 1995 Views 0 Reviews
  • ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนกล่าวหา โดนัลด์ ทรัมป์ ว่า เอาแต่เชื่อฟัง “ข้อมูลข่าวสารเท็จ” ของฝ่ายรัสเซีย เป็นการตอบโต้ผู้นำสหรัฐฯ ที่พูดเมื่อ 1 วันก่อนหน้านั้น โจมตีประมุขเคียฟกลายๆ ว่า เขาเป็นต้นตอปล่อยให้ความขัดแย้งกับรัสเซียเริ่มต้นขึ้นมาและลุกลามบานปลายอย่างไม่จำเป็น การโจมตีใส่กันเช่นนี้ส่อแสดงให้เห็นว่ายูเครนกับคณะบริหารใหม่ของอเมริกายิ่งมองหน้ากันไม่ติด หลังจากคณะผู้แทนทางการทูตระดับสูงของสหรัฐฯ และรัสเซียเปิดการหารือกันอย่างชื่นมื่นที่ซาอุดีอาระเบีย ในเรื่องหนทางยุติสงครามในยูเครนและการปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างแดนอินทรีกับแดนหมีขาว โดยที่ไม่เชิญยูเครนหรือชาติยุโรปซึ่งหนุนหลังเคียฟเข้าร่วมด้วย
    .
    ระหว่างการแถลงข่าวสื่อมวลชนเมื่อวันอังคาร (18) ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวย้ำประเด็นจำนวนมากที่ฝ่ายรัสเซียได้พูดเอาไว้ในช่วง 3 ปีที่เกิดสงครามในยูเครน โดยประณามเคียฟว่าเป็นผู้เริ่มต้นทำให้เกิดการสู้รบขึ้นมาอย่างไม่จำเป็น พร้อมกับย้ำว่า บรรดาผู้นำในเคียฟไม่ควรปล่อยให้เกิดการสู้รบขัดแย้งขึ้นมาตั้งแต่แรก ทั้งนี้คำพูดเช่นนี้ของเขาอาจตีความได้ว่า เขาเห็นว่ายูเครนน่าจะยอมโอนอ่อนผ่อนตามแดนหมีขาว ก่อนที่รัสเซียจะยกทัพบุกเมื่อต้นปี 2022 นอกจากนั้น ทรัมป์ยังเสนอแนะว่าเซเลนสกีกำลังไม่เป็นที่นิยมชมชื่นของประชาชนชาวยูเครน
    .
    เซเลนสกีกล่าวตอบโต้กลับในวันพุธ โดยบอกว่า “โชคร้าย ท่านประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้ซึ่งเรามีความเคารพอย่างใหญ่หลวงในฐานะเป็นผู้นำของประชาชนชาวอเมริกัน ... มีชีวิตอยู่ในท่ามกลางแวดวงข้อมูลข่าวสารเท็จเช่นนี้”
    .
    “ผมเชื่อว่าสหรัฐฯ ได้ช่วยเหลือให้ปูตินสามารถทลายการถูกโดดเดี่ยวมาเป็นเวลาหลายปี” เซเลนสกี กล่าว
    .
    ในวันอังคาร ทรัมป์กล่าวตำหนิทางยูเครนที่ส่งเสียงคร่ำครวญกรณีถูกกีดกันออกจากการเจรจาของสหรัฐฯ กับรัสเซีย ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ในวันเดียวกัน
    .
    "ผมผิดหวังอย่างมาก ผมได้ยินว่าพวกเขาอารมณ์เสียที่ไม่มีที่นั่งบนโต๊ะเจรจา" ทรัมป์บอกกับพวกผู้สื่อข่าวที่รีสอร์ตมาร์-อา-ลาโก ของเขาในฟลอริดา หลังถูกสอบถามเกี่ยวกับปฏิกิริยาของยูเครน
    .
    "วันนี้ผมได้ยิน (ทางยูเครนพูด) ว่า โอ้ เราไม่ได้รับเชิญ ก็แน่นอนล่ะ คุณอยู่ตรงนั้นมา 3 ปี แต่คุณไม่เคยเริ่มมันเลย คุณควรทำข้อตกลง (กับรัสเซีย)" เขากล่าว
    .
    ในการแถลงข่าว ทรัมป์ยังส่งสัญญาณว่า อาจพบกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ก่อนสิ้นเดือนนี้ที่ซาอุดีอาระเบีย เวลาเดียวกันเขาก็เพิ่มความกดดันให้เซเลนสกีต้องจัดการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องสำคัญของรัสเซีย ทั้งนี้ เนื่องจากเซเลนสกีรับตำแหน่งเกิน 5 ปีตามกำหนดวาระแล้ว แต่ยังไม่จัดการเลือกตั้งโดยอ้างว่า ยูเครนยังคงอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก
    .
    "พวกเขา (พวกผู้นำยูเครน) ต้องการเก้าอี้บนโต๊ะเจรจา แต่คุณสามารถพูดได้ว่า มันอาจไม่ใช่เสียงของประชาชนชวยูเครน มันนานมาแล้วนะที่เขามีการเลือกตั้ง" ทรัมป์ระบุ พร้อมกับกล่าวว่า "นี่ไม่ใช่เรื่องของรัสเซีย มันเป็นบางอย่างที่ออกมาจากเรา มาจากประเทศอื่นๆ"
    .
    ผู้นำสหรัฐฯ ยังบอกว่า มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นว่า ตนเองมีอำนาจในการหยุดยั้งสงครามในยูเครน ภายหลังการหารือของคณะผู้แทนของสหรัฐฯ และรัสเซียที่กรุงริยาด ซึ่งเป็นการประชุมระดับสูงอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับจากเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ที่รัสเซียยกทัพบุกยูเครนนั้น
    .
    ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า ในการหารือที่ริยาดที่ใช้เวลายาวนานราว 4 ชั่วโมงครึ่ง รัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โค รูบิโอ ของสหรัฐฯ ที่เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายอเมริกา และรัฐมนตรีต่างประเทศ เซียร์เก ลาฟรอฟ ของรัสเซีย ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะของฝ่ายแดนหมีขาว ได้ตกลงที่จะจัดตั้งคณะทำงานระดับสูงเพื่อหารือกันถึงเกี่ยวกับวิธีการยุติสงครามในยูเครนโดยเร็วที่สุด แต่ยังไม่ระบุชัดเจนว่าจะประชุมกันครั้งแรกเมื่อใด
    .
    ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องสร้างกลไกการหารือเพื่อจัดการ “สิ่งที่สร้างความระคายเคือง” ต่อความสัมพันธ์สองประเทศ และวางรากฐานสำหรับการร่วมมือในอนาคต
    .
    ด้าน ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ ซึ่งร่วมเจรจาที่ริยาดด้วย เสริมว่า ประเด็นด้านดินแดนและการรับประกันความมั่นคงจะเป็นส่วนหนึ่งในการหารือ
    .
    สำหรับ คิริลล์ ดมิทริฟ ผู้เจรจาด้านเศรษฐกิจของรัสเซีย กล่าวว่า ความพยายามของตะวันตกในการโดดเดี่ยวรัสเซียล้มเหลวอย่างชัดเจน และเสริมว่า รัสเซียและอเมริกาควรพัฒนาโครงการพลังงานร่วมกัน ซึ่งรวมถึงในอาร์กติกและภูมิภาคอื่นๆ
    .
    ด้านลาฟรอฟแสดงความเชื่อมั่นว่า อเมริกาเข้าใจจุดยืนของรัสเซียดีขึ้น และยังย้ำว่า มอสโกคัดค้านการนำกองกำลังนาโตไปประจำการในยูเครนภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งเป็นประเด็นที่ผู้นำยุโรปกำลังถกเถียงกันอยู่ในขณะนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016776
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนกล่าวหา โดนัลด์ ทรัมป์ ว่า เอาแต่เชื่อฟัง “ข้อมูลข่าวสารเท็จ” ของฝ่ายรัสเซีย เป็นการตอบโต้ผู้นำสหรัฐฯ ที่พูดเมื่อ 1 วันก่อนหน้านั้น โจมตีประมุขเคียฟกลายๆ ว่า เขาเป็นต้นตอปล่อยให้ความขัดแย้งกับรัสเซียเริ่มต้นขึ้นมาและลุกลามบานปลายอย่างไม่จำเป็น การโจมตีใส่กันเช่นนี้ส่อแสดงให้เห็นว่ายูเครนกับคณะบริหารใหม่ของอเมริกายิ่งมองหน้ากันไม่ติด หลังจากคณะผู้แทนทางการทูตระดับสูงของสหรัฐฯ และรัสเซียเปิดการหารือกันอย่างชื่นมื่นที่ซาอุดีอาระเบีย ในเรื่องหนทางยุติสงครามในยูเครนและการปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างแดนอินทรีกับแดนหมีขาว โดยที่ไม่เชิญยูเครนหรือชาติยุโรปซึ่งหนุนหลังเคียฟเข้าร่วมด้วย . ระหว่างการแถลงข่าวสื่อมวลชนเมื่อวันอังคาร (18) ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวย้ำประเด็นจำนวนมากที่ฝ่ายรัสเซียได้พูดเอาไว้ในช่วง 3 ปีที่เกิดสงครามในยูเครน โดยประณามเคียฟว่าเป็นผู้เริ่มต้นทำให้เกิดการสู้รบขึ้นมาอย่างไม่จำเป็น พร้อมกับย้ำว่า บรรดาผู้นำในเคียฟไม่ควรปล่อยให้เกิดการสู้รบขัดแย้งขึ้นมาตั้งแต่แรก ทั้งนี้คำพูดเช่นนี้ของเขาอาจตีความได้ว่า เขาเห็นว่ายูเครนน่าจะยอมโอนอ่อนผ่อนตามแดนหมีขาว ก่อนที่รัสเซียจะยกทัพบุกเมื่อต้นปี 2022 นอกจากนั้น ทรัมป์ยังเสนอแนะว่าเซเลนสกีกำลังไม่เป็นที่นิยมชมชื่นของประชาชนชาวยูเครน . เซเลนสกีกล่าวตอบโต้กลับในวันพุธ โดยบอกว่า “โชคร้าย ท่านประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้ซึ่งเรามีความเคารพอย่างใหญ่หลวงในฐานะเป็นผู้นำของประชาชนชาวอเมริกัน ... มีชีวิตอยู่ในท่ามกลางแวดวงข้อมูลข่าวสารเท็จเช่นนี้” . “ผมเชื่อว่าสหรัฐฯ ได้ช่วยเหลือให้ปูตินสามารถทลายการถูกโดดเดี่ยวมาเป็นเวลาหลายปี” เซเลนสกี กล่าว . ในวันอังคาร ทรัมป์กล่าวตำหนิทางยูเครนที่ส่งเสียงคร่ำครวญกรณีถูกกีดกันออกจากการเจรจาของสหรัฐฯ กับรัสเซีย ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ในวันเดียวกัน . "ผมผิดหวังอย่างมาก ผมได้ยินว่าพวกเขาอารมณ์เสียที่ไม่มีที่นั่งบนโต๊ะเจรจา" ทรัมป์บอกกับพวกผู้สื่อข่าวที่รีสอร์ตมาร์-อา-ลาโก ของเขาในฟลอริดา หลังถูกสอบถามเกี่ยวกับปฏิกิริยาของยูเครน . "วันนี้ผมได้ยิน (ทางยูเครนพูด) ว่า โอ้ เราไม่ได้รับเชิญ ก็แน่นอนล่ะ คุณอยู่ตรงนั้นมา 3 ปี แต่คุณไม่เคยเริ่มมันเลย คุณควรทำข้อตกลง (กับรัสเซีย)" เขากล่าว . ในการแถลงข่าว ทรัมป์ยังส่งสัญญาณว่า อาจพบกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ก่อนสิ้นเดือนนี้ที่ซาอุดีอาระเบีย เวลาเดียวกันเขาก็เพิ่มความกดดันให้เซเลนสกีต้องจัดการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องสำคัญของรัสเซีย ทั้งนี้ เนื่องจากเซเลนสกีรับตำแหน่งเกิน 5 ปีตามกำหนดวาระแล้ว แต่ยังไม่จัดการเลือกตั้งโดยอ้างว่า ยูเครนยังคงอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก . "พวกเขา (พวกผู้นำยูเครน) ต้องการเก้าอี้บนโต๊ะเจรจา แต่คุณสามารถพูดได้ว่า มันอาจไม่ใช่เสียงของประชาชนชวยูเครน มันนานมาแล้วนะที่เขามีการเลือกตั้ง" ทรัมป์ระบุ พร้อมกับกล่าวว่า "นี่ไม่ใช่เรื่องของรัสเซีย มันเป็นบางอย่างที่ออกมาจากเรา มาจากประเทศอื่นๆ" . ผู้นำสหรัฐฯ ยังบอกว่า มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นว่า ตนเองมีอำนาจในการหยุดยั้งสงครามในยูเครน ภายหลังการหารือของคณะผู้แทนของสหรัฐฯ และรัสเซียที่กรุงริยาด ซึ่งเป็นการประชุมระดับสูงอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับจากเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ที่รัสเซียยกทัพบุกยูเครนนั้น . ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า ในการหารือที่ริยาดที่ใช้เวลายาวนานราว 4 ชั่วโมงครึ่ง รัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โค รูบิโอ ของสหรัฐฯ ที่เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายอเมริกา และรัฐมนตรีต่างประเทศ เซียร์เก ลาฟรอฟ ของรัสเซีย ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะของฝ่ายแดนหมีขาว ได้ตกลงที่จะจัดตั้งคณะทำงานระดับสูงเพื่อหารือกันถึงเกี่ยวกับวิธีการยุติสงครามในยูเครนโดยเร็วที่สุด แต่ยังไม่ระบุชัดเจนว่าจะประชุมกันครั้งแรกเมื่อใด . ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องสร้างกลไกการหารือเพื่อจัดการ “สิ่งที่สร้างความระคายเคือง” ต่อความสัมพันธ์สองประเทศ และวางรากฐานสำหรับการร่วมมือในอนาคต . ด้าน ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ ซึ่งร่วมเจรจาที่ริยาดด้วย เสริมว่า ประเด็นด้านดินแดนและการรับประกันความมั่นคงจะเป็นส่วนหนึ่งในการหารือ . สำหรับ คิริลล์ ดมิทริฟ ผู้เจรจาด้านเศรษฐกิจของรัสเซีย กล่าวว่า ความพยายามของตะวันตกในการโดดเดี่ยวรัสเซียล้มเหลวอย่างชัดเจน และเสริมว่า รัสเซียและอเมริกาควรพัฒนาโครงการพลังงานร่วมกัน ซึ่งรวมถึงในอาร์กติกและภูมิภาคอื่นๆ . ด้านลาฟรอฟแสดงความเชื่อมั่นว่า อเมริกาเข้าใจจุดยืนของรัสเซียดีขึ้น และยังย้ำว่า มอสโกคัดค้านการนำกองกำลังนาโตไปประจำการในยูเครนภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งเป็นประเด็นที่ผู้นำยุโรปกำลังถกเถียงกันอยู่ในขณะนี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016776 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    18
    1 Comments 0 Shares 2519 Views 0 Reviews
  • มาร์ค รุตต์ เลขาธิการใหญ่องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ(นาโต) เน้นย้ำความตึงเครียดระหว่างยุโรปกับสหรัฐฯในประเด็นการค้า ภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะไม่ส่งผลกระทบต่อการป้องปรามร่วมของพันธมิตรแห่งนี้ แต่ยอมรับว่าพวกเขาไม่อาจยืนหยัดรับมือภัยคุกคามแต่เพียงฝ่ายเดียว หากปราศจากอเมริกา
    .
    ระหว่างให้สัมภาษณ์กับพวกผู้สื่อข่าวในกรุงบรัสเซลส์เมื่อวันจันทร์(3ก.พ.) รุตต์ ยังได้ปฏิเสธความคิดใดๆที่ว่ายุโรปอาจละทิ้งความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงใดๆกับสหรัฐฯ ท่ามกลางประเด็นพิพาทต่างๆนานา โดยเลขาธิการใหญ่นาโต ยอมรับว่ายุทธศาสตร์การป้องกันตนเองใดๆของยุโรปที่ปราศจากอเมริกานั้น เป็น "ความคิดที่โง่เขลามากๆ"
    .
    "เราจำเป็นต้องคงความเชื่อมต่อกัน" รุตต์บอกกับผู้สื่อข่าว อ้างถึงภัยคุกคามต่างๆนานาด้านภูมิรัฐศาสตร์ ในนั้นรวมถึงรัสเซีย "สิ่งที่ดีที่สุดคือตะวันตกสามารถทำมันได้ด้วยการคงความเป็นหนึ่งเดียวกัน และผมรู้ว่าความคิดแบบเดียวกันนี้ยังคงมีมากกว่าในสหรัฐฯ ในนั้นรวมถึงในทำเนียบขาว" เขากล่าว
    .
    ความเห็นของ รุตต์ มีขึ้นหลังจากที่ ทรัมป์ กล่าวหาพันธมิตรนาโตของสหรัฐฯบ่อยครั้ง เกี่ยวกับการไม่ใช้จ่ายเงินมากพอในด้านการป้องกันตนเอง และขู่ว่าจะไม่ปกป้องพวกเขาในกรณีที่ถูกโจมตี
    .
    เร็วนี้สมาชิกยุโรปหลายชาติของนาโต ได้เคลื่อนไหวเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมสู่ระดับ 2% ของจีดีพี ตามกรอบคำแนะนำขั้นต่ำสุดในปัจจุบันของนาโต อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ เรียกร้องให้ทุ่มงบประมาณกว่ามากนี้อีก เรียกร้องให้ใช้จ่ายเงินในเรื่องดังกล่าว แตะระดับ 5% ของจีดีพี
    .
    ในขณะที่ รุตต์ ยอมรับว่าการป้องกันตนเองของยุโรปโดยปราศจากสหรัฐฯ "จะไม่ได้ผล" เขาได้เน้นย้ำว่าความตึงเครียดทางการค้าที่ปลุกปั่นโดยทรัมป์ "จะไม่เข้าแทรกกลางความมุ่งมั่นร่วมกันของเรา ในการรักษาไว้ซึ่งความเข้มแข็งของการป้องกันตนเอง ระหว่างพันธมิตรแล้ว มันมักมีประเด็นปัญหาอยู่ตลอด แต่มันไม่เคยสงบหรือมีความสุขตลอดเวลาหรอก"
    .
    ทรัมป์ ก่อความสั่นคลอนแก่พันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของวอชิงตันบางส่วน ด้วยการแถลงรีดภาษี 25% สินค้านำเข้าจากแคนาดา ชาติสมาชิกนาโต และขู่ดำเนินการแบบเดียวกันกับสหภาพยุโรป
    .
    สหรัฐฯ ซึ่งใช้เงินไปเกือบ 850,000 ล้านดอลลาร์ ในด้านการป้องกันตนเองเมื่อปีที่แล้ว คือชาติมหาอำนาจทางทหารใหญ่สุดของนาโต ขณะเดียวกันวอชิงตัน ซึ่งมีทหารประจำการอยู่ทั่วยุโรป ยังมีบทบทสำคัญในการมอบความช่วยเหลือทางทหารและทางการเงินแก่ยูเครน ในความพยายามขับไล่การรุกรานของรัสเซีย
    .
    อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา ทรัมป์ ก่อคำถามเกี่ยวกับคำมั่นสัญญาของสหรัฐฯต่อนโยบายป้องกันตนเองร่วมของนาโต ซึ่งเน้นว่าการโจมตีรัฐสมาชิกหนึ่งๆ เท่ากับเป็นการโจมตีรัฐสมาชิกทั้งมวล
    .
    ไม่นานหลังจากเริ่มดำรงตำแหน่งสมัย 2 ในวันที่ 20 มกราคม ทรัมป์ยังได้ระงับเงินช่วยเหลือต่างประเทศทั้งหมด ส่วนหนึ่งในวาระ "อเมริกาต้องมาก่อน" ความเคลื่อนไหวที่อาจส่งผลกระทบต่อเงินสนับสนุนยูเครน
    .
    นอกเหนือจากคำขู่ทางการค้าและตัดเงินช่วยเหลือแล้ว ทรัมป์ยังคุกคามเดนมาร์ก ชาติสมาชิกนาโต ด้วยการประกาศจะยึดเกาะกรีนแลนด์
    .
    อย่างไรก็ตามในวันจันทร์(3ก.พ.) รุตต์ กลบกระแสความกังวลเกี่ยวกับคำประกาศซื้อเกาะกรีนแลนด์ของทรัมป์ โดยแนะนำให้นาโตแสดงบทบาทมากขึ้นในการยกระดับการป้องกันตนเองในภูมิภาคอาร์กติก
    .
    "ประธานาธิบดีทรัมป์เตือนเราในข้อเท็จจริงที่ว่า เมื่อมันเป็นเรื่องของขั้วโลกเหนือ มันมีประเด็นด้านภูมิรัฐศาสตร์และยุทธศาสตร์เป็นเดิมพัน" รัตต์กล่าว "ภายใต้ความร่วมมือร่วมกันในฐานะพันธมิตร เราจะมองหาหนทางที่ดีที่สุด ทำให้แน่ใจว่าเราจะสามารถจัดการกับความท้าทายต่างๆนานาเหล่านี้"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011157
    ..............
    Sondhi X
    มาร์ค รุตต์ เลขาธิการใหญ่องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ(นาโต) เน้นย้ำความตึงเครียดระหว่างยุโรปกับสหรัฐฯในประเด็นการค้า ภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะไม่ส่งผลกระทบต่อการป้องปรามร่วมของพันธมิตรแห่งนี้ แต่ยอมรับว่าพวกเขาไม่อาจยืนหยัดรับมือภัยคุกคามแต่เพียงฝ่ายเดียว หากปราศจากอเมริกา . ระหว่างให้สัมภาษณ์กับพวกผู้สื่อข่าวในกรุงบรัสเซลส์เมื่อวันจันทร์(3ก.พ.) รุตต์ ยังได้ปฏิเสธความคิดใดๆที่ว่ายุโรปอาจละทิ้งความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงใดๆกับสหรัฐฯ ท่ามกลางประเด็นพิพาทต่างๆนานา โดยเลขาธิการใหญ่นาโต ยอมรับว่ายุทธศาสตร์การป้องกันตนเองใดๆของยุโรปที่ปราศจากอเมริกานั้น เป็น "ความคิดที่โง่เขลามากๆ" . "เราจำเป็นต้องคงความเชื่อมต่อกัน" รุตต์บอกกับผู้สื่อข่าว อ้างถึงภัยคุกคามต่างๆนานาด้านภูมิรัฐศาสตร์ ในนั้นรวมถึงรัสเซีย "สิ่งที่ดีที่สุดคือตะวันตกสามารถทำมันได้ด้วยการคงความเป็นหนึ่งเดียวกัน และผมรู้ว่าความคิดแบบเดียวกันนี้ยังคงมีมากกว่าในสหรัฐฯ ในนั้นรวมถึงในทำเนียบขาว" เขากล่าว . ความเห็นของ รุตต์ มีขึ้นหลังจากที่ ทรัมป์ กล่าวหาพันธมิตรนาโตของสหรัฐฯบ่อยครั้ง เกี่ยวกับการไม่ใช้จ่ายเงินมากพอในด้านการป้องกันตนเอง และขู่ว่าจะไม่ปกป้องพวกเขาในกรณีที่ถูกโจมตี . เร็วนี้สมาชิกยุโรปหลายชาติของนาโต ได้เคลื่อนไหวเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมสู่ระดับ 2% ของจีดีพี ตามกรอบคำแนะนำขั้นต่ำสุดในปัจจุบันของนาโต อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ เรียกร้องให้ทุ่มงบประมาณกว่ามากนี้อีก เรียกร้องให้ใช้จ่ายเงินในเรื่องดังกล่าว แตะระดับ 5% ของจีดีพี . ในขณะที่ รุตต์ ยอมรับว่าการป้องกันตนเองของยุโรปโดยปราศจากสหรัฐฯ "จะไม่ได้ผล" เขาได้เน้นย้ำว่าความตึงเครียดทางการค้าที่ปลุกปั่นโดยทรัมป์ "จะไม่เข้าแทรกกลางความมุ่งมั่นร่วมกันของเรา ในการรักษาไว้ซึ่งความเข้มแข็งของการป้องกันตนเอง ระหว่างพันธมิตรแล้ว มันมักมีประเด็นปัญหาอยู่ตลอด แต่มันไม่เคยสงบหรือมีความสุขตลอดเวลาหรอก" . ทรัมป์ ก่อความสั่นคลอนแก่พันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของวอชิงตันบางส่วน ด้วยการแถลงรีดภาษี 25% สินค้านำเข้าจากแคนาดา ชาติสมาชิกนาโต และขู่ดำเนินการแบบเดียวกันกับสหภาพยุโรป . สหรัฐฯ ซึ่งใช้เงินไปเกือบ 850,000 ล้านดอลลาร์ ในด้านการป้องกันตนเองเมื่อปีที่แล้ว คือชาติมหาอำนาจทางทหารใหญ่สุดของนาโต ขณะเดียวกันวอชิงตัน ซึ่งมีทหารประจำการอยู่ทั่วยุโรป ยังมีบทบทสำคัญในการมอบความช่วยเหลือทางทหารและทางการเงินแก่ยูเครน ในความพยายามขับไล่การรุกรานของรัสเซีย . อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา ทรัมป์ ก่อคำถามเกี่ยวกับคำมั่นสัญญาของสหรัฐฯต่อนโยบายป้องกันตนเองร่วมของนาโต ซึ่งเน้นว่าการโจมตีรัฐสมาชิกหนึ่งๆ เท่ากับเป็นการโจมตีรัฐสมาชิกทั้งมวล . ไม่นานหลังจากเริ่มดำรงตำแหน่งสมัย 2 ในวันที่ 20 มกราคม ทรัมป์ยังได้ระงับเงินช่วยเหลือต่างประเทศทั้งหมด ส่วนหนึ่งในวาระ "อเมริกาต้องมาก่อน" ความเคลื่อนไหวที่อาจส่งผลกระทบต่อเงินสนับสนุนยูเครน . นอกเหนือจากคำขู่ทางการค้าและตัดเงินช่วยเหลือแล้ว ทรัมป์ยังคุกคามเดนมาร์ก ชาติสมาชิกนาโต ด้วยการประกาศจะยึดเกาะกรีนแลนด์ . อย่างไรก็ตามในวันจันทร์(3ก.พ.) รุตต์ กลบกระแสความกังวลเกี่ยวกับคำประกาศซื้อเกาะกรีนแลนด์ของทรัมป์ โดยแนะนำให้นาโตแสดงบทบาทมากขึ้นในการยกระดับการป้องกันตนเองในภูมิภาคอาร์กติก . "ประธานาธิบดีทรัมป์เตือนเราในข้อเท็จจริงที่ว่า เมื่อมันเป็นเรื่องของขั้วโลกเหนือ มันมีประเด็นด้านภูมิรัฐศาสตร์และยุทธศาสตร์เป็นเดิมพัน" รัตต์กล่าว "ภายใต้ความร่วมมือร่วมกันในฐานะพันธมิตร เราจะมองหาหนทางที่ดีที่สุด ทำให้แน่ใจว่าเราจะสามารถจัดการกับความท้าทายต่างๆนานาเหล่านี้" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011157 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    10
    2 Comments 0 Shares 1989 Views 0 Reviews
  • นาโต ปะทะ สหรัฐ (นาโต)!!!

    “พันธมิตรที่แข็งแกร่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่มีความท้าทายด้านความมั่นคงครั้งใหญ่” - Mette Frederiksen กล่าวในการพบกับเลขาธิการนาโต

    มาร์ค รุตเต(Mark Rutte) เลขาธิการนาโต และ เมตเต เฟรเดอริกเซน (Mette Frederiksen) นายกรัฐมนตรีหญิงเดนมาร์ก แสดงความเห็นคล้อยตามกันว่า จำเป็นต้องมุ่งเน้นเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการปกป้องอาร์กติก ท่ามกลางการแสดงออกอย่างชัดเจนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่กระสันอยากผนวกดินแดนของเกาะกรีนแลนด์ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์กไว้ในครอบครอง

    เมตเต เฟรเดอริกเซน ยังได้พบปะกับ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และบอกว่าพวกผู้นำทางการเมืองในยุโรปและที่อื่นๆ ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่กับหลักการแห่งการธำรงไว้ซึ่งความเคารพเขตแดนระหว่างประเทศ

    ทางด้าน เอลินา วัลโทเนน (Elina Valtonen) รมว.ต่างประเทศฟินแลนด์ ยืนยันว่ากรีนแลนด์ได้รับความคุ้มครองภายใต้มาตรา 5 ของนาโต้ ในฐานะดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก หลังทรัมป์แสดงความต้องการยึดครอง

    ฌอง-โนเอล บาร์โรต์ รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส กล่าวว่า ฝรั่งเศสได้หารือกับเดนมาร์กถึงความเป็นไปได้ในการส่งทหารไปกรีนแลนด์ เพื่อตอบโต้คำขู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ที่จะผนวกดินแดนของเดนมาร์ก
    นาโต ปะทะ สหรัฐ (นาโต)!!! “พันธมิตรที่แข็งแกร่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่มีความท้าทายด้านความมั่นคงครั้งใหญ่” - Mette Frederiksen กล่าวในการพบกับเลขาธิการนาโต มาร์ค รุตเต(Mark Rutte) เลขาธิการนาโต และ เมตเต เฟรเดอริกเซน (Mette Frederiksen) นายกรัฐมนตรีหญิงเดนมาร์ก แสดงความเห็นคล้อยตามกันว่า จำเป็นต้องมุ่งเน้นเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการปกป้องอาร์กติก ท่ามกลางการแสดงออกอย่างชัดเจนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่กระสันอยากผนวกดินแดนของเกาะกรีนแลนด์ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์กไว้ในครอบครอง เมตเต เฟรเดอริกเซน ยังได้พบปะกับ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และบอกว่าพวกผู้นำทางการเมืองในยุโรปและที่อื่นๆ ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่กับหลักการแห่งการธำรงไว้ซึ่งความเคารพเขตแดนระหว่างประเทศ ทางด้าน เอลินา วัลโทเนน (Elina Valtonen) รมว.ต่างประเทศฟินแลนด์ ยืนยันว่ากรีนแลนด์ได้รับความคุ้มครองภายใต้มาตรา 5 ของนาโต้ ในฐานะดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก หลังทรัมป์แสดงความต้องการยึดครอง ฌอง-โนเอล บาร์โรต์ รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส กล่าวว่า ฝรั่งเศสได้หารือกับเดนมาร์กถึงความเป็นไปได้ในการส่งทหารไปกรีนแลนด์ เพื่อตอบโต้คำขู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ที่จะผนวกดินแดนของเดนมาร์ก
    0 Comments 0 Shares 412 Views 0 Reviews
  • มาร์ค รุตต์ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ(นาโต) และ เมตเต เฟรเดอริกเซน นายกรัฐมนตรีหญิงเดนมาร์ก เห็นพ้องระหว่างการพบปะประชุมกันว่าพันธมิตรแห่งนี้จำเป็นต้องมุ่งเน้นเสริมความเข้มแข็งแก่การป้องกันตนเองในอาร์กติก ท่ามกลางการแสดงออกอย่างชัดเจนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่ปรารถนาอยากได้เกาะกรีนแลนด์ของเดนมาร์ก ไว้ในครอบครอง
    .
    แหล่งข่าวใกล้ชิดกับการหารือ เปิดเผยหลังการประชุมระหว่าง รุตต์ กับ เฟรเดอริกเซน ว่า "ทั้ง 2 คน เห็นพ้องกันว่าในความพยายามนี้ พันธมิตรทั้งมวลต้องมีบทบาท"
    .
    การพบปะพูดคุยครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลอย่างกว้างขวาง เกี่ยวกับกรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แสดงความสนใจมาตั้งแต่ได้รับเลือกตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งอีกสมัยในเดือนพฤศจิกายน ในการทำให้เกาะกรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกา
    .
    "เราหารือเกี่ยวกับแนวทางที่เราจะทำงานร่วมกันเพื่อเสริมความมั่นคงในทะเลบอลติก สนับสนุนยูคเรน และลงทุนเพิ่มเติมในด้านกลาโหม ในนั้นรวมถึงในแถบอาร์กติก" รุตต์เขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์หลังเสร็จสิ้นการประชุม
    .
    ทรัมป์ บอกว่าเกาะกรีนแลนด์ มีความสำคัญต่อความมั่นคงของสหรัฐฯและเดนมาร์กควรยอมสละการควบคุมเกาะยุทธศาสตร์สำคัญในอาร์กติกแห่งนี้ ทั้งนี้ผู้นำอเมริกาไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารหรือพลังอำนาจทางเศรษฐกิจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว
    .
    ที่ผ่านมา ทรัมป์ ก็อยู่ในความขัดแย้งกับบรรดาพันธมิตรนาโตและยุโรป เกี่ยวกับการใช้จ่ายด้านกลาโหม และบอกว่าภายใต้การเป็นประธานาธิบดีของเขา สหรัฐฯจะทบทวนโดยพื้นฐานกี่ยวกับวัตถุประสงค์และภารกิจของนาโต
    .
    ในส่วนของเดนมาร์ก ได้แถลงเมื่อวันจันทร์(27ม.ค.) จะใช้จ่ายงบประมาณ 14,600 ล้านโครเนอเดนมาร์ก (ประมาณ 2,050 ล้านดอลลาร์ หรือ 69,000 ล้านบาท) เสริมประจำการทางทหารในอาร์กติก ดินแดนยุทธศาสตร์ใกล้กับทั้งสหรัฐฯ และรัสเซีย
    .
    "เราต้องเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริงที่ว่า มีความท้าทายร้ายแรงในเรื่องความมั่นคงและด้านการป้องกันตนเองในอาร์กติกและนอร์ทแอตแลนติก" โทรเอลส์ ลุนด์ โพลเซน รัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์กระบุในถ้อยแถลง
    .
    เมตเต เฟรเดอริกเซน ยังได้พบปะกับ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และบอกว่าพวกผู้นำทางการเมืองในยุโรปและที่อื่นๆ ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่กับหลักการแห่งการธำรงไว้ซึ่งความเคารพเขตแดนระหว่างประเทศ
    .
    ผลสำรวจความคิดเห็นหนึ่งที่เผยแพร่ในวันอังคาร(28ม.ค.) พบว่ามีชาวกรีนแลนด์ถึง 85% ที่ไม่ปรารถนาให้เกาะแอตแลนติกแห่งนี้ ซึ่งเป็นดินแดนกึ่งปกครองตนเองของเดนมาร์ก เข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ ตามรายงานของ Berlingske หนังสือพิมพ์เดนมาร์ก
    .
    โพลที่จัดทำโดย Verian ตามที่ได้รับมอบหมายจาก Berlingske พบว่ามีชาวกรีนแลนด์แค่ 6% ที่อยากเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ ส่วนที่เหลืออีก 9% บอกว่ายังไม่ตัดสินใจ
    .
    เกาะกรีนแลนด์ ดินแดนที่มีขนาดใหญ่กว่าเม็กซิโก และมีประชากร 57,000 คน ได้รับอำนาจในการปกครองตนเองอย่างกว้างขวางในปี 2009 ในนั้นรวมถึงสิทธิในการประกาศเอกราชจากเดนมาร์กผ่านการทำประชามติ
    .
    มูเต เอเกเด นายกรัฐมนตรีเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งยกระดับผลักดันความเป็นเอกราช เน้นย้ำว่าเกาะแห่งนี้ไม่ได้มีไว้ขาย และขึ้นอยู่กับประชาชนของเกาะที่จะตัดสินใจอนาคตของตนเอง
    .
    สำหรับกองทัพสหรัฐฯ พวกเขามีกำลังพลประจำการถาวรอยู่ ณ ฐานทัพอวกาศพิทัฟฟิก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะกรีนแลนด์ ตำแหน่งยุทธศาสตร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของระบบแจ้งเตือนขีปนาวุธล่วงหน้า ในขณะที่จุดดังกล่าวเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสำหรับเดินทางจากยุโรปไปยังอเมริกาเหนือ ผ่านเกาะแห่งนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009085
    ..............
    Sondhi X
    มาร์ค รุตต์ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ(นาโต) และ เมตเต เฟรเดอริกเซน นายกรัฐมนตรีหญิงเดนมาร์ก เห็นพ้องระหว่างการพบปะประชุมกันว่าพันธมิตรแห่งนี้จำเป็นต้องมุ่งเน้นเสริมความเข้มแข็งแก่การป้องกันตนเองในอาร์กติก ท่ามกลางการแสดงออกอย่างชัดเจนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่ปรารถนาอยากได้เกาะกรีนแลนด์ของเดนมาร์ก ไว้ในครอบครอง . แหล่งข่าวใกล้ชิดกับการหารือ เปิดเผยหลังการประชุมระหว่าง รุตต์ กับ เฟรเดอริกเซน ว่า "ทั้ง 2 คน เห็นพ้องกันว่าในความพยายามนี้ พันธมิตรทั้งมวลต้องมีบทบาท" . การพบปะพูดคุยครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลอย่างกว้างขวาง เกี่ยวกับกรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แสดงความสนใจมาตั้งแต่ได้รับเลือกตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งอีกสมัยในเดือนพฤศจิกายน ในการทำให้เกาะกรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกา . "เราหารือเกี่ยวกับแนวทางที่เราจะทำงานร่วมกันเพื่อเสริมความมั่นคงในทะเลบอลติก สนับสนุนยูคเรน และลงทุนเพิ่มเติมในด้านกลาโหม ในนั้นรวมถึงในแถบอาร์กติก" รุตต์เขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์หลังเสร็จสิ้นการประชุม . ทรัมป์ บอกว่าเกาะกรีนแลนด์ มีความสำคัญต่อความมั่นคงของสหรัฐฯและเดนมาร์กควรยอมสละการควบคุมเกาะยุทธศาสตร์สำคัญในอาร์กติกแห่งนี้ ทั้งนี้ผู้นำอเมริกาไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารหรือพลังอำนาจทางเศรษฐกิจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว . ที่ผ่านมา ทรัมป์ ก็อยู่ในความขัดแย้งกับบรรดาพันธมิตรนาโตและยุโรป เกี่ยวกับการใช้จ่ายด้านกลาโหม และบอกว่าภายใต้การเป็นประธานาธิบดีของเขา สหรัฐฯจะทบทวนโดยพื้นฐานกี่ยวกับวัตถุประสงค์และภารกิจของนาโต . ในส่วนของเดนมาร์ก ได้แถลงเมื่อวันจันทร์(27ม.ค.) จะใช้จ่ายงบประมาณ 14,600 ล้านโครเนอเดนมาร์ก (ประมาณ 2,050 ล้านดอลลาร์ หรือ 69,000 ล้านบาท) เสริมประจำการทางทหารในอาร์กติก ดินแดนยุทธศาสตร์ใกล้กับทั้งสหรัฐฯ และรัสเซีย . "เราต้องเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริงที่ว่า มีความท้าทายร้ายแรงในเรื่องความมั่นคงและด้านการป้องกันตนเองในอาร์กติกและนอร์ทแอตแลนติก" โทรเอลส์ ลุนด์ โพลเซน รัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์กระบุในถ้อยแถลง . เมตเต เฟรเดอริกเซน ยังได้พบปะกับ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และบอกว่าพวกผู้นำทางการเมืองในยุโรปและที่อื่นๆ ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่กับหลักการแห่งการธำรงไว้ซึ่งความเคารพเขตแดนระหว่างประเทศ . ผลสำรวจความคิดเห็นหนึ่งที่เผยแพร่ในวันอังคาร(28ม.ค.) พบว่ามีชาวกรีนแลนด์ถึง 85% ที่ไม่ปรารถนาให้เกาะแอตแลนติกแห่งนี้ ซึ่งเป็นดินแดนกึ่งปกครองตนเองของเดนมาร์ก เข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ ตามรายงานของ Berlingske หนังสือพิมพ์เดนมาร์ก . โพลที่จัดทำโดย Verian ตามที่ได้รับมอบหมายจาก Berlingske พบว่ามีชาวกรีนแลนด์แค่ 6% ที่อยากเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ ส่วนที่เหลืออีก 9% บอกว่ายังไม่ตัดสินใจ . เกาะกรีนแลนด์ ดินแดนที่มีขนาดใหญ่กว่าเม็กซิโก และมีประชากร 57,000 คน ได้รับอำนาจในการปกครองตนเองอย่างกว้างขวางในปี 2009 ในนั้นรวมถึงสิทธิในการประกาศเอกราชจากเดนมาร์กผ่านการทำประชามติ . มูเต เอเกเด นายกรัฐมนตรีเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งยกระดับผลักดันความเป็นเอกราช เน้นย้ำว่าเกาะแห่งนี้ไม่ได้มีไว้ขาย และขึ้นอยู่กับประชาชนของเกาะที่จะตัดสินใจอนาคตของตนเอง . สำหรับกองทัพสหรัฐฯ พวกเขามีกำลังพลประจำการถาวรอยู่ ณ ฐานทัพอวกาศพิทัฟฟิก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะกรีนแลนด์ ตำแหน่งยุทธศาสตร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของระบบแจ้งเตือนขีปนาวุธล่วงหน้า ในขณะที่จุดดังกล่าวเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสำหรับเดินทางจากยุโรปไปยังอเมริกาเหนือ ผ่านเกาะแห่งนี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009085 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    14
    1 Comments 0 Shares 2298 Views 0 Reviews
  • อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเทคโนโลยี แนะนำให้สหรัฐฯ เปลี่ยนชื่อช่องแคบอังกฤษเป็น "ช่องแคบจอร์จ วอชิงตัน" เพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดีคนแรกของอเมริกา หลังจากก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เพิ่งเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา
    .
    ในข้อความที่โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ของเขาเองเมื่อวันเสาร์ (25 ม.ค.) มัสก์ เสนอ "ชื่อใหม่สำหรับน่านน้ำที่กั้นกลางระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส" โดยแชร์ภาพถ่ายของช่องแคบแห่งนี้ พร้อมกับเขียนข้อความ "ช่องแคบจอร์จ วอชิงตัน" ทับบนช่องแคบ
    .
    ดูเหมือนว่าโพสต์ข้อมัสก์จะเป็นการล้อเล่นขำๆ แต่มันมีขึ้นไม่ถึง 1 สัปดาห์หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ พันธมิตรทางการเมืองใกล้ชิดของมัสก์ ออกคำสั่งให้เปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา และเปลี่ยนชื่อยอดเขาเดนาลี ในรัฐอะแลสกา กลับมาเป็นภูเขาแม็คคินลีย์ ซึ่งเป็นชื่อเดิมช่วงก่อนหน้าปี 2015 ซึ่งการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เหล่านั้น ได้รับการยืนยันจากกระทรวงมหาดไทยของอเมริกาเมื่อวันศุกร์ (24 ม.ค.)
    .
    นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังประกาศซ้ำๆ ถึงความตั้งใจให้ได้มาซึ่งเกาะกรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก ความเคลื่อนไหวที่จะเป็นการขยายชายฝั่งทะเลอาร์กติกของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมาก ล่าสุด ทรัมป์ บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในวันเสาร์ (25 ม.ค.) หลังพูดคุยทางโทรศัพท์กับ เมตเต เฟรเดอริกเซน​​ นายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ ว่า "ผมคิดว่าเรากำลังได้มันมา"
    .
    ขณะเดียวกัน ทรัมป์ ยังชี้แนะหลายต่อหลายครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ว่า แคนาดา ควรเข้ามาเป็นรัฐหนึ่งของอเมริกา
    .
    ชาวโรมันเรียกช่องแคบอังกฤษว่า "Mare Britannicum" หรือ "ทะเลของชาวบริตัน" มันถูกเรียกกันทั่วไปว่าช่องแคบอังกฤษตั้งแต่ยุคกลาง แม้ว่าในฝรั่งเศสจะเรียกว่า "La Manche" หรือ "The Sleeve" เนื่องจากรูปทรงของมัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008691
    ..............
    Sondhi X
    อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเทคโนโลยี แนะนำให้สหรัฐฯ เปลี่ยนชื่อช่องแคบอังกฤษเป็น "ช่องแคบจอร์จ วอชิงตัน" เพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดีคนแรกของอเมริกา หลังจากก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เพิ่งเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา . ในข้อความที่โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ของเขาเองเมื่อวันเสาร์ (25 ม.ค.) มัสก์ เสนอ "ชื่อใหม่สำหรับน่านน้ำที่กั้นกลางระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส" โดยแชร์ภาพถ่ายของช่องแคบแห่งนี้ พร้อมกับเขียนข้อความ "ช่องแคบจอร์จ วอชิงตัน" ทับบนช่องแคบ . ดูเหมือนว่าโพสต์ข้อมัสก์จะเป็นการล้อเล่นขำๆ แต่มันมีขึ้นไม่ถึง 1 สัปดาห์หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ พันธมิตรทางการเมืองใกล้ชิดของมัสก์ ออกคำสั่งให้เปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา และเปลี่ยนชื่อยอดเขาเดนาลี ในรัฐอะแลสกา กลับมาเป็นภูเขาแม็คคินลีย์ ซึ่งเป็นชื่อเดิมช่วงก่อนหน้าปี 2015 ซึ่งการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เหล่านั้น ได้รับการยืนยันจากกระทรวงมหาดไทยของอเมริกาเมื่อวันศุกร์ (24 ม.ค.) . นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังประกาศซ้ำๆ ถึงความตั้งใจให้ได้มาซึ่งเกาะกรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก ความเคลื่อนไหวที่จะเป็นการขยายชายฝั่งทะเลอาร์กติกของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมาก ล่าสุด ทรัมป์ บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในวันเสาร์ (25 ม.ค.) หลังพูดคุยทางโทรศัพท์กับ เมตเต เฟรเดอริกเซน​​ นายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ ว่า "ผมคิดว่าเรากำลังได้มันมา" . ขณะเดียวกัน ทรัมป์ ยังชี้แนะหลายต่อหลายครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ว่า แคนาดา ควรเข้ามาเป็นรัฐหนึ่งของอเมริกา . ชาวโรมันเรียกช่องแคบอังกฤษว่า "Mare Britannicum" หรือ "ทะเลของชาวบริตัน" มันถูกเรียกกันทั่วไปว่าช่องแคบอังกฤษตั้งแต่ยุคกลาง แม้ว่าในฝรั่งเศสจะเรียกว่า "La Manche" หรือ "The Sleeve" เนื่องจากรูปทรงของมัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008691 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    4
    1 Comments 0 Shares 1277 Views 0 Reviews
  • เดนมาร์กเปิดเผย จะทุ่มงบประมาณ 14,600 ล้านโครเนอเดนมาร์ก (ประมาณ 2,050 ล้านดอลลาร์ หรือ 69,000 ล้านบาท) เสริมประจำการทางทหารในอาร์กติก ตามหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แสดงความสนใจซ้ำๆ ที่จะเข้าควบคุมกรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก และเย้ยหยันโคเปนเฮเกน ว่าไม่มีศักยภาพพอที่จะปกป้องเกาะแห่งนี้
    .
    ในเดือนนี้ ทรัมป์ บอกว่ากรีนแลนด์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ และเดนมาร์กต้องปล่อยมือจากการควบคุมเกาะอาร์กติกที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์แห่งนี้
    .
    หลังจากปรับลดการใช้จ่ายด้านการป้องกันตนเองลงอย่างมากมานานกว่า 1 ทศวรรษ เดนมาร์ก แถลงในวันจันทร์ (27 ม.ค.) ว่าจะใช้จ่ายเงิน 14,600 ล้านโครเนอ ในการเสริมความมั่นคงในภูมิภาคอาร์กติก ดินแดนยุทธศาสตร์ใกล้กับทั้งสหรัฐฯ และรัสเซีย
    .
    "เราต้องเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริงที่ว่า มีความท้าทายร้ายแรงในเรื่องความมั่นคงและด้านการป้องกันตนเองในอาร์กติกและนอร์ทแอตแลนติก" โทรเอลส์ ลุนด์ โพลเซน รัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์กระบุในถ้อยแถลง
    .
    ในขณะที่ เดนมาร์ก รับผิดชอบมอบความมั่นคงและการป้องกันตนเองแก่กรีนแลนด์ แต่พวกเขากลับมีแสนยานุภาพทางทหารอย่างจำกัดบนเกาะที่ใหญ่โตแห่งนี้ จนถึงมองอย่างกว้างว่าเป็นหลุมดำด้านความมั่นคง
    .
    ณ ปัจจุบัน ศักยภาพของเดนมาร์กนั้นมีเพียงแค่เรือตรวจการณ์เก่าเก็บ 4 ลำ เครื่องบินลาดตระเวนชาลเลนเจอร์ 1 ลำ และสุนัขลากเลื่อนลาดตระเวน 12 ตัว ซึ่งทั้งหมดมีหน้าที่รับผิดชอบตรวจการณ์ทั่วเกาะ ที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่กว่าฝรั่งเศสถึง 4 เท่า
    .
    ในงบประมาณใหม่นี้ รวมไปถึงเงินทุนสำหรับเรือราชนาวีอาร์กติกใหม่ 3 ลำ เพิ่มโดรนตรวจการณ์ระยะไกลที่วางแผนไว้อีกเท่าตัวเป็น 4 ลำ เช่นเดียวกับดาวเทียวสอดแนม ถ้อยแถลงรัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์กระบุ
    .
    รายงานข่าวระบุว่า บรรดาพรรคการเมืองต่างๆ ของเดนมาร์ก เห็นพ้องกันจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมสำหรับอาร์กติก ในข้อตกลงหนึ่งๆ ที่จะนำเสนอในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้
    .
    ในด้านกองทัพสหรัฐฯ พวกเขามีกำลังพลประจำการถาวรอยู่ ณ ฐานทัพอวกาศพิทัฟฟิก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะกรีนแลนด์ ตำแหน่งยุทธศาสตร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของระบบแจ้งเตือนขีปนาวุธล่วงหน้า ในขณะที่จุดดังกล่าวเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสำหรับเดินทางจากยุโรปไปยังอเมริกาเหนือ ผ่านเกาะแห่งนี้
    .
    ก่อนหน้านี้ในวันเสาร์ (25 ม.ค.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับพวกผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน บอกว่า เดนมาร์กไม่มีแสนยานุภาพเพียงพอที่จะปกป้องเกาะกรีนแลนด์ ดินแดนที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ ความเคลื่อนไหวที่ดูเหมือนเป็นการเย้ยยันข่าวลือที่หลุดออกมาว่า เดนมาร์กมีแผนเพิ่มประจำการทางทหารบนเกาะในอาร์กติกแห่งนี้
    .
    ทรัมป์ เคยหยิบยกความคิดซื้อเกาะกรีนแลนด์ ครั้งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยแรก และรื้อฟื้นความคิดดังกล่าวหลังได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
    .
    ผู้นำอเมริการายนี้เน้นย้ำว่ากรีนแลนด์มีความสำคัญในด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ และไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังเพื่อให้ได้มันมาครอบครอง ในขณะที่เดนมาร์กปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าเกาะแห่งนี้ไม่ได้มีไว้ขาย
    .
    ทรัมป์ กล่าวว่า "ผมเชื่อว่าเกาะกรีนแลนด์ เราจะได้มันมา เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำจริงๆ เพื่อเสรีภาพของโลก มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับสหรัฐฯ เหนือสิ่งอื่นใดที่เรามีคือ สามารถมอบเสรีภาพ เดนมาร์กไม่สามารถมอบให้ได้ พวกเขาส่งสุนัขลากเลื่อนเข้าไปอีก 2 ตัวเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน พวกเขาคิดหรือว่านั่นเป็นการป้องกัน" ทรัมป์บอกกับไฟแนนเชียลไทม์ส
    .
    ดูเหมือนว่า ทรัมป์ จะพาดพิงถึงถ้อยแถลงของรัฐมนตรีกลาโหมของเดนมาร์ก ที่บอกว่าโคเปนเฮเกนมีแผนเพิ่มเติมเรือตรวจการณ์ 2 ลำ โดรน 2 ลำ และสุนัขลากเลื่อนลาดตระเวน 2 ตัว เข้าไปเสริมกองกำลังพล 75 นาย เรือ 4 ลำ และเครื่องบินลาดตระเวน 1 ลำ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
    .
    "ผมไม่รู้ว่า เดนมาร์ก จะอ้างว่าอย่างไร แต่มันจะเป็นการกระทำที่ไม่เป็นมิตรมากๆ หากพวกเขาไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น" ทรัมป์บอกเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ พร้อมอ้างว่า "ประชาชนชาวกรีนแลนด์ต้องการเข้าร่วมกับเรา"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008692
    ..............
    Sondhi X
    เดนมาร์กเปิดเผย จะทุ่มงบประมาณ 14,600 ล้านโครเนอเดนมาร์ก (ประมาณ 2,050 ล้านดอลลาร์ หรือ 69,000 ล้านบาท) เสริมประจำการทางทหารในอาร์กติก ตามหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แสดงความสนใจซ้ำๆ ที่จะเข้าควบคุมกรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก และเย้ยหยันโคเปนเฮเกน ว่าไม่มีศักยภาพพอที่จะปกป้องเกาะแห่งนี้ . ในเดือนนี้ ทรัมป์ บอกว่ากรีนแลนด์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ และเดนมาร์กต้องปล่อยมือจากการควบคุมเกาะอาร์กติกที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์แห่งนี้ . หลังจากปรับลดการใช้จ่ายด้านการป้องกันตนเองลงอย่างมากมานานกว่า 1 ทศวรรษ เดนมาร์ก แถลงในวันจันทร์ (27 ม.ค.) ว่าจะใช้จ่ายเงิน 14,600 ล้านโครเนอ ในการเสริมความมั่นคงในภูมิภาคอาร์กติก ดินแดนยุทธศาสตร์ใกล้กับทั้งสหรัฐฯ และรัสเซีย . "เราต้องเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริงที่ว่า มีความท้าทายร้ายแรงในเรื่องความมั่นคงและด้านการป้องกันตนเองในอาร์กติกและนอร์ทแอตแลนติก" โทรเอลส์ ลุนด์ โพลเซน รัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์กระบุในถ้อยแถลง . ในขณะที่ เดนมาร์ก รับผิดชอบมอบความมั่นคงและการป้องกันตนเองแก่กรีนแลนด์ แต่พวกเขากลับมีแสนยานุภาพทางทหารอย่างจำกัดบนเกาะที่ใหญ่โตแห่งนี้ จนถึงมองอย่างกว้างว่าเป็นหลุมดำด้านความมั่นคง . ณ ปัจจุบัน ศักยภาพของเดนมาร์กนั้นมีเพียงแค่เรือตรวจการณ์เก่าเก็บ 4 ลำ เครื่องบินลาดตระเวนชาลเลนเจอร์ 1 ลำ และสุนัขลากเลื่อนลาดตระเวน 12 ตัว ซึ่งทั้งหมดมีหน้าที่รับผิดชอบตรวจการณ์ทั่วเกาะ ที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่กว่าฝรั่งเศสถึง 4 เท่า . ในงบประมาณใหม่นี้ รวมไปถึงเงินทุนสำหรับเรือราชนาวีอาร์กติกใหม่ 3 ลำ เพิ่มโดรนตรวจการณ์ระยะไกลที่วางแผนไว้อีกเท่าตัวเป็น 4 ลำ เช่นเดียวกับดาวเทียวสอดแนม ถ้อยแถลงรัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์กระบุ . รายงานข่าวระบุว่า บรรดาพรรคการเมืองต่างๆ ของเดนมาร์ก เห็นพ้องกันจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมสำหรับอาร์กติก ในข้อตกลงหนึ่งๆ ที่จะนำเสนอในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ . ในด้านกองทัพสหรัฐฯ พวกเขามีกำลังพลประจำการถาวรอยู่ ณ ฐานทัพอวกาศพิทัฟฟิก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะกรีนแลนด์ ตำแหน่งยุทธศาสตร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของระบบแจ้งเตือนขีปนาวุธล่วงหน้า ในขณะที่จุดดังกล่าวเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดสำหรับเดินทางจากยุโรปไปยังอเมริกาเหนือ ผ่านเกาะแห่งนี้ . ก่อนหน้านี้ในวันเสาร์ (25 ม.ค.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับพวกผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน บอกว่า เดนมาร์กไม่มีแสนยานุภาพเพียงพอที่จะปกป้องเกาะกรีนแลนด์ ดินแดนที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ ความเคลื่อนไหวที่ดูเหมือนเป็นการเย้ยยันข่าวลือที่หลุดออกมาว่า เดนมาร์กมีแผนเพิ่มประจำการทางทหารบนเกาะในอาร์กติกแห่งนี้ . ทรัมป์ เคยหยิบยกความคิดซื้อเกาะกรีนแลนด์ ครั้งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยแรก และรื้อฟื้นความคิดดังกล่าวหลังได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา . ผู้นำอเมริการายนี้เน้นย้ำว่ากรีนแลนด์มีความสำคัญในด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ และไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังเพื่อให้ได้มันมาครอบครอง ในขณะที่เดนมาร์กปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าเกาะแห่งนี้ไม่ได้มีไว้ขาย . ทรัมป์ กล่าวว่า "ผมเชื่อว่าเกาะกรีนแลนด์ เราจะได้มันมา เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำจริงๆ เพื่อเสรีภาพของโลก มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับสหรัฐฯ เหนือสิ่งอื่นใดที่เรามีคือ สามารถมอบเสรีภาพ เดนมาร์กไม่สามารถมอบให้ได้ พวกเขาส่งสุนัขลากเลื่อนเข้าไปอีก 2 ตัวเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน พวกเขาคิดหรือว่านั่นเป็นการป้องกัน" ทรัมป์บอกกับไฟแนนเชียลไทม์ส . ดูเหมือนว่า ทรัมป์ จะพาดพิงถึงถ้อยแถลงของรัฐมนตรีกลาโหมของเดนมาร์ก ที่บอกว่าโคเปนเฮเกนมีแผนเพิ่มเติมเรือตรวจการณ์ 2 ลำ โดรน 2 ลำ และสุนัขลากเลื่อนลาดตระเวน 2 ตัว เข้าไปเสริมกองกำลังพล 75 นาย เรือ 4 ลำ และเครื่องบินลาดตระเวน 1 ลำ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน . "ผมไม่รู้ว่า เดนมาร์ก จะอ้างว่าอย่างไร แต่มันจะเป็นการกระทำที่ไม่เป็นมิตรมากๆ หากพวกเขาไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น" ทรัมป์บอกเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ พร้อมอ้างว่า "ประชาชนชาวกรีนแลนด์ต้องการเข้าร่วมกับเรา" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008692 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Wow
    8
    0 Comments 0 Shares 1372 Views 0 Reviews
  • มีรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อเปลี่ยนแปลง 78 คำสั่งในยุคของรัฐบาลไบเดน

    เอกสารสำคัญที่ลงนาม เช่น:

    ➡️คำสั่งถอนสหรัฐออกจากข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

    ➡️ยกเลิกคำสั่งการเซ็นเซอร์ของรัฐบาลในเรื่องการแสดงความเห็น โดยทรัมป์ลงนามคืนเสรีภาพในการพูด

    ➡️เอกสารที่ยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารของไบเดนในปี 2023 เกี่ยวกับนโยบายปัญญาประดิษฐ์และคำสั่งในการเพิ่มยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเป็น 50% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดภายในปี 2030

    ➡️ยกเลิกคำสั่งของไบเดนในการห้ามขุดเจาะน้ำมันในอาร์กติก

    ➡️ยกเลิกคำสั่งไบเดนในการถอดคิวบาออกจากรายชื่อรัฐที่สนับสนุนการก่อการร้ายของสหรัฐฯ

    หลังจากนั้น ทรัมป์โยนปากกาที่เตรียมมาให้กับผู้เข้าร่วมพิธี
    มีรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อเปลี่ยนแปลง 78 คำสั่งในยุคของรัฐบาลไบเดน เอกสารสำคัญที่ลงนาม เช่น: ➡️คำสั่งถอนสหรัฐออกจากข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ➡️ยกเลิกคำสั่งการเซ็นเซอร์ของรัฐบาลในเรื่องการแสดงความเห็น โดยทรัมป์ลงนามคืนเสรีภาพในการพูด ➡️เอกสารที่ยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารของไบเดนในปี 2023 เกี่ยวกับนโยบายปัญญาประดิษฐ์และคำสั่งในการเพิ่มยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเป็น 50% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดภายในปี 2030 ➡️ยกเลิกคำสั่งของไบเดนในการห้ามขุดเจาะน้ำมันในอาร์กติก ➡️ยกเลิกคำสั่งไบเดนในการถอดคิวบาออกจากรายชื่อรัฐที่สนับสนุนการก่อการร้ายของสหรัฐฯ หลังจากนั้น ทรัมป์โยนปากกาที่เตรียมมาให้กับผู้เข้าร่วมพิธี
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 409 Views 37 0 Reviews
  • ดูเหมือนความตั้งใจของ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการซื้อเกาะกรีนแลนด์ของเดนมาร์ก เพื่อจุดประสงค์ด้านความมั่นคงแห่งชาติ จะไม่ได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนชาวอเมริกาสักเท่าไหร่ จากผลสำรวจความคิดเห็นรอบใหม่ที่จัดทำโดยยูเอสเอทูเดย์ และเผยแพร่เมื่อช่วงกลางสัปดาห์
    .
    เกาะในอาร์กติกแห่งนี้เป็นดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก ทรัมป์เคยนำเสนอความคิดที่จะซื้อกรีนแลนด์มาแล้ว ครั้งดำรงตำแหน่งประธนาธิบดีสหรัฐฯ สมัยแรก และคืนชีพความประสงค์ดังกล่าวขึ้นมาเมื่อเดือนที่แล้ว
    .
    อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์ยูเอสเอทูเดย์ ระบุในวันพุธ (15 ม.ค.) ว่าความคิดดังกล่าวของทรัมป์ ได้ก่อความรู้สึกช็อกเป็นวงกว้าง อ้างอิงผลสำรวจความคิดเห็นที่สื่อมวลชนแห่งนี้จัดทำให้กับมหาวิทยาลัยซัฟฟอล์ค
    .
    ผลสำรวจความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับผู้ตอบแบบสอบถาม 1,000 คน และจัดทำระหว่างวันที่ 7 ถึง 11 มกราคม พบว่ามีแค่ 11% ที่บอกว่า ว่าที่รัฐบาลของทรัมป์ ควรทำทุกอย่างเท่าที่สามารถทำได้ในการซื้อเกาะกรีนแลนด์ ส่วน 29% บอกว่ามันเป็นความคิดที่ดี แต่ไม่มองสภาพความเป็นจริง และมีถึง 53% ที่ไม่สนับสนุนให้ซื้อเกาะกรีนแลนด์
    .
    ในรายละเอียดของโพล พบว่ามีชาวเดโมแครตถึง 86% ที่คัดค้านแผนของทรัมป์ในการซื้อเกาะกรีนแลนด์ และมีชาวรีพับลิกันเพียง 23% ที่สนับสนุนแนวคิดดังกล่าว ส่วน 21% มองว่าไม่ใช่เรื่องดี และอีก 48% คิดว่ามันเป็นความคิดที่ดี แต่ไม่มีความเป็นไปได้จริง
    .
    ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ผลสำรวจที่จัดทำโดยบริษัทวิจัย Patriot Polling พบว่ามีชาวกรีนแลนด์มากถึง 57% ที่อยากให้เกาะแห่งนี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนสหรัฐฯ ส่วนที่คัดค้านมี 37.4%
    .
    เกาะกรีนแลนด์ มีประชากรราว 57,000 คน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชนเผ่าอินูอิต การปกครองเกาะแห่งนี้ของเดนมาร์ก ได้รับการรับรองจากนานาชาติมาตั้งแต่ยุคทศวรรษ 1800 แต่กรีนแลนด์ ได้สิทธิปกครองตนเองในปี 2009
    .
    ในพื้นที่ 2.2 ล้านตารางกิโลเมตร เกาะกรีนแลนด์อุดมไปด้วยทรัยากรทองคำ เงิน ทองแดงและอะลูมิเนียม และเชื่อว่ามีแหล่งน้ำมันสำรองมหาศาลในน่านน้ำของพวกเขา อย่างไรก็ตามราว 80% ของพื้นผิวของดินแดนแห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง
    .
    ทรัมป์ อ้างว่าการควบคุมของสหรัฐฯ เหนือเกาะกรีนแลนด์ เป็นเรื่องสำคัญสำหรับความมั่นคงแห่งชาติ ในขณะที่สมาชิกรีพับลิกันในสภาคองเกรส ได้ร่างกฎหมาย "ทำให้กรีนแลนด์ยิ่งใหญ่อีกครั้ง" ขึ้นมาแล้ว ซึ่งมันจะเปิดทางให้ ทรัมป์ เจรจากับเดนมาร์ก เพื่อของซื้อเกาะแห่งนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004673
    ..............
    Sondhi X
    ดูเหมือนความตั้งใจของ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการซื้อเกาะกรีนแลนด์ของเดนมาร์ก เพื่อจุดประสงค์ด้านความมั่นคงแห่งชาติ จะไม่ได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนชาวอเมริกาสักเท่าไหร่ จากผลสำรวจความคิดเห็นรอบใหม่ที่จัดทำโดยยูเอสเอทูเดย์ และเผยแพร่เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ . เกาะในอาร์กติกแห่งนี้เป็นดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก ทรัมป์เคยนำเสนอความคิดที่จะซื้อกรีนแลนด์มาแล้ว ครั้งดำรงตำแหน่งประธนาธิบดีสหรัฐฯ สมัยแรก และคืนชีพความประสงค์ดังกล่าวขึ้นมาเมื่อเดือนที่แล้ว . อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์ยูเอสเอทูเดย์ ระบุในวันพุธ (15 ม.ค.) ว่าความคิดดังกล่าวของทรัมป์ ได้ก่อความรู้สึกช็อกเป็นวงกว้าง อ้างอิงผลสำรวจความคิดเห็นที่สื่อมวลชนแห่งนี้จัดทำให้กับมหาวิทยาลัยซัฟฟอล์ค . ผลสำรวจความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับผู้ตอบแบบสอบถาม 1,000 คน และจัดทำระหว่างวันที่ 7 ถึง 11 มกราคม พบว่ามีแค่ 11% ที่บอกว่า ว่าที่รัฐบาลของทรัมป์ ควรทำทุกอย่างเท่าที่สามารถทำได้ในการซื้อเกาะกรีนแลนด์ ส่วน 29% บอกว่ามันเป็นความคิดที่ดี แต่ไม่มองสภาพความเป็นจริง และมีถึง 53% ที่ไม่สนับสนุนให้ซื้อเกาะกรีนแลนด์ . ในรายละเอียดของโพล พบว่ามีชาวเดโมแครตถึง 86% ที่คัดค้านแผนของทรัมป์ในการซื้อเกาะกรีนแลนด์ และมีชาวรีพับลิกันเพียง 23% ที่สนับสนุนแนวคิดดังกล่าว ส่วน 21% มองว่าไม่ใช่เรื่องดี และอีก 48% คิดว่ามันเป็นความคิดที่ดี แต่ไม่มีความเป็นไปได้จริง . ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ผลสำรวจที่จัดทำโดยบริษัทวิจัย Patriot Polling พบว่ามีชาวกรีนแลนด์มากถึง 57% ที่อยากให้เกาะแห่งนี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนสหรัฐฯ ส่วนที่คัดค้านมี 37.4% . เกาะกรีนแลนด์ มีประชากรราว 57,000 คน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชนเผ่าอินูอิต การปกครองเกาะแห่งนี้ของเดนมาร์ก ได้รับการรับรองจากนานาชาติมาตั้งแต่ยุคทศวรรษ 1800 แต่กรีนแลนด์ ได้สิทธิปกครองตนเองในปี 2009 . ในพื้นที่ 2.2 ล้านตารางกิโลเมตร เกาะกรีนแลนด์อุดมไปด้วยทรัยากรทองคำ เงิน ทองแดงและอะลูมิเนียม และเชื่อว่ามีแหล่งน้ำมันสำรองมหาศาลในน่านน้ำของพวกเขา อย่างไรก็ตามราว 80% ของพื้นผิวของดินแดนแห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง . ทรัมป์ อ้างว่าการควบคุมของสหรัฐฯ เหนือเกาะกรีนแลนด์ เป็นเรื่องสำคัญสำหรับความมั่นคงแห่งชาติ ในขณะที่สมาชิกรีพับลิกันในสภาคองเกรส ได้ร่างกฎหมาย "ทำให้กรีนแลนด์ยิ่งใหญ่อีกครั้ง" ขึ้นมาแล้ว ซึ่งมันจะเปิดทางให้ ทรัมป์ เจรจากับเดนมาร์ก เพื่อของซื้อเกาะแห่งนี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004673 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    4
    0 Comments 0 Shares 1644 Views 0 Reviews
  • พันธมิตรรีพับลิกันของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ นำเสนอร่างกฎหมายที่มีเป้าหมายให้อำนาจการเจรจา กรณีที่อเมริกาจะซื้อเกาะกรีนแลนด์จากเดนมาร์ก ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากผู้นำโปรเอกราชของเกาะแบะท่าพร้อมเจรจา หลัง ทรัมป์ ไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารเข้ายึด
    .
    ร่างกฎหมายดังกล่าวที่ส่งต่อในวันจันทร์ (13 ม.ค.) โดย แอนดี ออกเลส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนสมาชิกนับสิบคน จะเปิดทางให้ ทรัมป์ สามารถเริ่มเจรจากับเดนมาร์ก ได้ทันทีที่เขาสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง
    .
    "ด้วยเหตุนี้ คองเกรสให้อำนาจประธานาธิบดี เริ่มตั้งแต่ 00.01 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก ของวันที่ 20 มกราคม 2025 ในการหาทางเข้าสู่การเจรจากับประเทศเดนมาร์ก เกี่ยวกับการซื้อเกาะกรีนแลนด์" ร่างกฎหมายระบุ
    .
    ข้อเสนอนี้มีขึ้นหลังจาก ทรัมป์ รื้อฟื้นความสนใจในการดึงเกาะกรีนแลนด์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ อ้างว่ามันมีความจำเป็นอย่างที่สุดสำหรับความมั่นคงแห่งชาติ และไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารและมาตรการกดดันทางเศรษฐกิจเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว "ประชาชนไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เดนมาร์ก มีสิทธิโดยชอบธรรมทางกฎหมายใดๆ เหนือเกาะกรีนแลนด์หรือไม่ แต่ถ้าพวกเขามี พวกเขาควรปล่อยมือ เพราะเราต้องการมัน" ทรัมป์ กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    มูเต เอเกเด นายกรัฐมนตรีกรีนแลนด์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เน้นย้ำว่าเกาะแห่งนี้มีความทะเทอทะยานอยากเป็นเอกราชแยกออกจากเดนมาร์ก พร้อมระบุประชาชนชาวกรีนแลนด์ไม่ต้องการเป็นทั้งคนเดนมาร์กหรืออเมริกันชน นอกจากนี้ เขายังแสดงถึงความพร้อมที่จะพูดคุยกับทรัมป์ และยอมรับว่าการที่ ทรัมป์ ไม่ตัดความเป็นไปได้ในการบีบบังคับขอซื้อเกาะกรีนแลนด์ เป็นสิ่งที่ "น่าเคร่งเครียดอย่างยิ่ง"
    .
    กรีนแลนด์ เป็นเกาะใหญ่ที่สุดในโลก มีชายฝั่งทั้งด้านแอตแลนติกและอาร์กติก ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ถึงปี 1950 มันเป็นดินแดนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเดนมาร์กโดยสมบูรณ์ แต่ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เกาะแห่งนี้ถูกยึดครองโดยสหรัฐฯ หลังจากเดนมาร์ก ถูกยึดโดยนาซีเยอรมนี ปัจจุบันเกาะแห่งนี้เป็นที่ตั้งฐานทัพทหารอเมริกาแห่งหนึ่ง และมีระบบแจ้งเตือนล่วงหน้าสำหรับภัยคุกคามจากขีปนาวุธ
    .
    เกาะแห่งนี้เป็นอิสระมากขึ้นเรื่อยๆ และได้รับอนุมัติให้ปกครองตนเองในปี 1979 พร้อมได้รับสิทธิในปี 2009 ในการประกาศเอกราช หากว่าประชามติผ่านความเห็นชอบ "ความปรารถนาเป็นเอกราช ความปรารถนาที่จะมีบ้านของตนเอง คงได้รับความเข้าใจจากประชาชนทั่วโลก" เอเกเด กล่าว พร้อมระบุว่าการลงประชามติประกาศเอกราช "จะมีขึ้นเร็วๆ นี้"
    .
    กรีนแลนด์ เป็นถิ่นพำนักของประชาชนไม่ถึง 57,000 คน และ 80% ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง แต่มันอุดมไปด้วยทรัพยากรทองคำ เงิน ทองแดงและอะลูมิเนียม และเชื่อว่ามันมีแหล่งสำรองน้ำมันมหาศาลอยู่ในเขตน่านน้ำ
    .
    ผลสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้ของ Patriot Polling สถาบันวิจัยสหรัฐฯ พบว่ามีพลเมืองเกาะกรีนแลนด์ 57% สนับสนุนข้อเสนอของทรัมป์ โดยโพลดังกล่าวเป็นการสอบถามผู้ตอบแบบสอบถาม 416 คน และจัดทำเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ ในช่วงที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชายของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินทางไปเยือนเกาะกรีนแลนด์ ในทริปส่วนตัวพอดี
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004284
    ..............
    Sondhi X
    พันธมิตรรีพับลิกันของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ นำเสนอร่างกฎหมายที่มีเป้าหมายให้อำนาจการเจรจา กรณีที่อเมริกาจะซื้อเกาะกรีนแลนด์จากเดนมาร์ก ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากผู้นำโปรเอกราชของเกาะแบะท่าพร้อมเจรจา หลัง ทรัมป์ ไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารเข้ายึด . ร่างกฎหมายดังกล่าวที่ส่งต่อในวันจันทร์ (13 ม.ค.) โดย แอนดี ออกเลส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนสมาชิกนับสิบคน จะเปิดทางให้ ทรัมป์ สามารถเริ่มเจรจากับเดนมาร์ก ได้ทันทีที่เขาสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง . "ด้วยเหตุนี้ คองเกรสให้อำนาจประธานาธิบดี เริ่มตั้งแต่ 00.01 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก ของวันที่ 20 มกราคม 2025 ในการหาทางเข้าสู่การเจรจากับประเทศเดนมาร์ก เกี่ยวกับการซื้อเกาะกรีนแลนด์" ร่างกฎหมายระบุ . ข้อเสนอนี้มีขึ้นหลังจาก ทรัมป์ รื้อฟื้นความสนใจในการดึงเกาะกรีนแลนด์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ อ้างว่ามันมีความจำเป็นอย่างที่สุดสำหรับความมั่นคงแห่งชาติ และไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารและมาตรการกดดันทางเศรษฐกิจเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว "ประชาชนไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เดนมาร์ก มีสิทธิโดยชอบธรรมทางกฎหมายใดๆ เหนือเกาะกรีนแลนด์หรือไม่ แต่ถ้าพวกเขามี พวกเขาควรปล่อยมือ เพราะเราต้องการมัน" ทรัมป์ กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว . มูเต เอเกเด นายกรัฐมนตรีกรีนแลนด์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เน้นย้ำว่าเกาะแห่งนี้มีความทะเทอทะยานอยากเป็นเอกราชแยกออกจากเดนมาร์ก พร้อมระบุประชาชนชาวกรีนแลนด์ไม่ต้องการเป็นทั้งคนเดนมาร์กหรืออเมริกันชน นอกจากนี้ เขายังแสดงถึงความพร้อมที่จะพูดคุยกับทรัมป์ และยอมรับว่าการที่ ทรัมป์ ไม่ตัดความเป็นไปได้ในการบีบบังคับขอซื้อเกาะกรีนแลนด์ เป็นสิ่งที่ "น่าเคร่งเครียดอย่างยิ่ง" . กรีนแลนด์ เป็นเกาะใหญ่ที่สุดในโลก มีชายฝั่งทั้งด้านแอตแลนติกและอาร์กติก ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ถึงปี 1950 มันเป็นดินแดนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเดนมาร์กโดยสมบูรณ์ แต่ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เกาะแห่งนี้ถูกยึดครองโดยสหรัฐฯ หลังจากเดนมาร์ก ถูกยึดโดยนาซีเยอรมนี ปัจจุบันเกาะแห่งนี้เป็นที่ตั้งฐานทัพทหารอเมริกาแห่งหนึ่ง และมีระบบแจ้งเตือนล่วงหน้าสำหรับภัยคุกคามจากขีปนาวุธ . เกาะแห่งนี้เป็นอิสระมากขึ้นเรื่อยๆ และได้รับอนุมัติให้ปกครองตนเองในปี 1979 พร้อมได้รับสิทธิในปี 2009 ในการประกาศเอกราช หากว่าประชามติผ่านความเห็นชอบ "ความปรารถนาเป็นเอกราช ความปรารถนาที่จะมีบ้านของตนเอง คงได้รับความเข้าใจจากประชาชนทั่วโลก" เอเกเด กล่าว พร้อมระบุว่าการลงประชามติประกาศเอกราช "จะมีขึ้นเร็วๆ นี้" . กรีนแลนด์ เป็นถิ่นพำนักของประชาชนไม่ถึง 57,000 คน และ 80% ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง แต่มันอุดมไปด้วยทรัพยากรทองคำ เงิน ทองแดงและอะลูมิเนียม และเชื่อว่ามันมีแหล่งสำรองน้ำมันมหาศาลอยู่ในเขตน่านน้ำ . ผลสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้ของ Patriot Polling สถาบันวิจัยสหรัฐฯ พบว่ามีพลเมืองเกาะกรีนแลนด์ 57% สนับสนุนข้อเสนอของทรัมป์ โดยโพลดังกล่าวเป็นการสอบถามผู้ตอบแบบสอบถาม 416 คน และจัดทำเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ ในช่วงที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชายของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินทางไปเยือนเกาะกรีนแลนด์ ในทริปส่วนตัวพอดี . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004284 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    Love
    9
    0 Comments 0 Shares 1746 Views 0 Reviews
  • "การลงทุนที่คุ้มค่าของทรัมป์"

    ไม่ว่าอเมริกาต้องจ่ายเงินเท่าไหร่ในการได้เกาะกรีนแลนด์ที่มีประชากรเพียง 57,000 คนมาครอบครอง แต่คงไม่มากไปกว่างบประมาณด้านกองทัพที่อเมริกาต้องจ่ายอยู่ทุกวันนี้

    แลกกับจุดยุทธศาสตร์ ทรัพยากร และเส้นทางเดินเรือในอาร์กติกที่สหรัฐฯ จะได้รับแล้ว ถือว่าคุ้มค่าอย่างมาก

    นอกจากนี้ จำนวนเงินที่ใส่ลงไป คนที่รับเงินก็คือชาวกรีนแลนด์ที่อาจได้สัญชาติอเมริกันต่ออีกด้วย และเงินเหล่านี้จะยังอยู่ในวงจรเศรษฐกิจของอเมริกาต่อไป
    "การลงทุนที่คุ้มค่าของทรัมป์" ไม่ว่าอเมริกาต้องจ่ายเงินเท่าไหร่ในการได้เกาะกรีนแลนด์ที่มีประชากรเพียง 57,000 คนมาครอบครอง แต่คงไม่มากไปกว่างบประมาณด้านกองทัพที่อเมริกาต้องจ่ายอยู่ทุกวันนี้ แลกกับจุดยุทธศาสตร์ ทรัพยากร และเส้นทางเดินเรือในอาร์กติกที่สหรัฐฯ จะได้รับแล้ว ถือว่าคุ้มค่าอย่างมาก นอกจากนี้ จำนวนเงินที่ใส่ลงไป คนที่รับเงินก็คือชาวกรีนแลนด์ที่อาจได้สัญชาติอเมริกันต่ออีกด้วย และเงินเหล่านี้จะยังอยู่ในวงจรเศรษฐกิจของอเมริกาต่อไป
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 367 Views 0 Reviews
  • เชื่อว่าอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ อาจได้ความคิดซื้อเกาะกรีนแลนด์จากทายาทเครื่องสำอาง ESTÉE LAUDER “โรแนลด์ ลอเดอร์” (Ronald Lauder) เพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย นายกรัฐมนตรีอิตาลีฟันธง เหมือนสัญญาณเตือนไป “ปักกิ่ง” ไม่กี่วันหลังวอชิงตันล็อบบี้ไม่ให้ขายบริษัทเหมืองแร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) ของกรีนแลนด์ไปให้ปักกิ่ง
    .
    หนังสือพิมพ์ดิอินดีเพนเดนท์ของอังกฤษรายงานวันพุธ (8 ม.ค.) ว่า มีการเชื่อว่า ความคิดการซื้อเกาะกรีนแลนด์อาจมาจากเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของทรัมป์ ทายาทเครื่องสำอาง ESTÉE LAUDER “โรแนลด์ ลอเดอร์” (Ronald Lauder) อ้างจากหนังสือ The Divider ของปีเตอร์ เบเกอร์ (Peter Baker) จากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส และซูซาน กลาสเซอร์ (Susan Glasser) จาก The New Yorker ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับอดีตผู้นำสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ในขณะที่อยู่ในทำเนียบขาวระหว่างปี 2017-2021
    .
    “เพื่อนคนหนึ่งของผมที่เป็นนักธุรกิจที่มีประสบการณ์มากๆ คิดว่าเราควรได้เกาะกรีนแลนด์” ทรัมป์กล่าวต่อที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติในเวลานั้น อ้างอิงจากหนังสือ
    .
    ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ในเวลานั้นถามย้ำว่า “คุณคิดว่าอย่างไร?”
    .
    และส่งผลทำให้มีการตั้งทีมศึกษา การหาทางออกต่างๆ เป็นต้นว่า ข้อเสนอขอเช่าเกาะ ที่คล้ายข้อตกลงอสังหาริมทรัพย์นิวยอร์ก
    .
    อ้างอิงจากนิวยอร์กไทม์ส มีความวิตกในกลุ่มผู้ช่วยทรัมป์ว่า หากแนวคิดการซื้อเกาะกรีนแลนด์หากรั่วออกไปอาจส่งผลกระทบทางการทูตได้
    .
    ทรัมป์ให้มสัมภาษณ์กับผู้แต่งว่า “ผมพูดว่า ทำไมพวกเราไม่ครอบครองมัน” และเสริมว่า “คุณมองไปที่แผนที่สิ ผมเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ผมมองไปที่ตรงมุม ผมพูดว่า ผมจะต้องมีร้านสำหรับตึกที่ผมกำลังจะสร้างและอื่นๆ มันไม่ต่างกันเลย”
    .
    ผู้นำสหรัฐฯ ย้ำว่า “ผมรักแผน และผมมักพูดว่า มองไปที่ขนาดของมันสิ มันใหญ่มหึมามาก มันสมควรเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐอเมริกา”
    .
    ดิอินดีเพนเดนท์รายงานว่า อ้างอิงจากหนังสือพบว่า ทายาท Estée Lauder ได้หารือกับทรัมป์เกี่ยวกับเกาะกรีนแลนด์มาตั้งแต่เริ่มแรกของสมัยการดำรงตำแหน่งเมื่อปี 2017 และแม้กระทั่งเสนอตัวเองเป็นประตูหลังติดต่อรัฐบาลเดนมาร์กสำหรับการเจรจาต่อรอง
    .
    ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ จอห์น โบลตัน (John Bolton) ในเวลานั้นได้สั่งผู้ช่วยของเขา ฟิโอนา ฮิลล์ (Fiona Hill) ให้ตั้งทีมงานเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ และพบมีการแอบหารือลับร่วมกับเอกอัครราชทูตเดนมาร์ก พร้อมกับเมโมเสนอช่องทางตัวเลือก
    .
    ทั้งนี้ โบลตันวิตกการแผ่อิทธิพลของ "ปักกิ่ง" มายังภูมิภาคอาร์กติก ขั้วโลกเหนือ และเชื่อว่าการที่สหรัฐฯ จะเพิ่มอิทธิพลปรากฏตัวบนเกาะกรีนแลนด์จะเป็นความคิดที่ดี แต่อย่างไรก็ตาม โบลตันเชื่อว่า ความคิดซื้อเกาะกรีนแลนด์นั้นไม่มีความเป็นไปได้
    .
    มีการสานสัมพันธ์ระหว่างกรีนแลนด์และจีน อ้างอิงจาก highnorthnews รายงานเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ปี 2021 ว่า เกาะกรีนแลนด์ได้เปิดสำนักงานตัวแทนขึ้นที่กรุงปักกิ่ง เพื่อโปรโมตทางเศรษฐกิจ การค้า วัฒนธรรมระหว่างกรีนแลนด์และเอเชีย โดยมีเป้าหมายไปที่ "จีน" แต่ยังครอบคลุมไปถึงญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้
    .
    ความกังวลของโบลตันเกี่ยวกับกรีนแลนด์ในเวลานั้นยังสอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของวอชิงตันเมื่อล่าสุด
    .
    รอยเตอร์รายงานวันศุกร์ (10) ล่าสุดว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่กำลังจะหมดสมัยได้ร่วมกับโคเปนเฮเกนแอบล็อบบี้บริษัทเหมืองแร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) Tanbreez Mining ของกรีนแลนด์ที่มีนโยบายว่า ทำเหมืองเพื่อเทคโนโลยีสะอาดกว่า (Mining for Greener Technologies) ไม่ให้ถูกขายไปให้ปักกิ่ง
    .
    แร่แรร์เอิร์ธนั้นมีคุณสมบัติความเป็นแม่เหล็กสูงและมีความสำคัญต่อการพัฒนาตั้งแต่รถยนต์ไฟฟ้าไปจนถึงจรวดมิสไซล์ที่ทั้งสหรัฐฯ และจีนต่างแข่งขันเพื่อครอบครอง
    .
    เกร็ก บาร์นส์ (Greg Barnes) ซีอีโอบริษัท Tanbreez Mining ที่ขัดสนเงินให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า เจ้าหน้าที่อเมริกันปีที่แล้วเดินทางมาที่ทางใต้ของเกาะกรีนแลนด์ถึง 2 ครั้งเพื่อเตือนไม่ให้ขายไปให้ผู้ซื้อที่เชื่อมโยงกับปักกิ่ง
    .
    และในท้ายที่สุดเขาจำเป็นต้องขายบริษัทเหมืองแร่กรีนแลนด์ไปให้บริษัทเหมืองแร่ Critical Metals ที่มีฐานในนิวยอร์กในข้อตกลงที่สลับซับซ้อนและได้เงินน้อยกว่า ซึ่งสัญญาจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปีนี้
    .
    ทั้งนี้บาร์นส์จะได้เงินสด 5 ล้านดอลลาร์และหุ้นใน Critical Metals สำหรับ Tanbreez Mining เป็นมูลค่า 211 ล้านดอลลาร์ เป็นมูลค่าสัญญาขายน้อยกว่ามากเมื่อเปรียบเทียบออกมาจากฝั่งของบริษัทจีน
    .
    ทรัมป์ต้องการได้เกาะกรีนแลนด์เพื่อกันจีนนั้นยังออกมาจากความเห็นของนายกรัฐมนตรีอิตาลี จอร์เจีย เมโลนี (Giorgia Meloni)
    .
    ฟรานซ์24 ของฝรั่งเศสรายงานวันพฤหัสบดี (9) ว่า ผู้นำหญิงอิตาลีเปิดเผยว่า เธอมองว่าการที่ว่าที่ประธานาธิบดีอเมริกันคนใหม่ข่มขู่จะใช้กำลังทหารเข้ายึดเกาะกรีนแลนด์หรือคลองปานามาเป็นเสมือนคำเตือนไปยังประเทศฝ่ายตรงข้ามเป็นต้นว่า “จีน” ที่สมควรทำตัวออกห่างจากพื้นที่ทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ
    .
    เดลีเมลของอังกฤษรายงานวันเสาร์ (11) ว่า นายกรัฐมนตรีกรีนแลนด์ Múte Egede ในวันศุกร์ (10) ที่เดนมาร์ก ได้แสดงความปรารถนาจะเข้าสู่การเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ สำหรับผลประโยชน์ร่วมกัน พร้อมย้ำว่า “ชาวกรีนแลนด์ไม่ต้องการเป็นอเมริกันชน”
    .
    เกิดขึ้นหลังแอ็กซิออส (Axios) รายงานว่า เจ้าหน้าที่เดนมาร์กได้สื่อสารในทางลับกับทีมของทรัมป์ประเด็นเกาะกรีนแลนด์ก่อนหน้าวันพิธีสาบานตนในวันที่ 20 ม.ค.
    .
    สหรัฐฯ ที่ตั้งชาติมาอย่างหลากหลายวิธีทั้งสู้รบในสงครามปฏิวัติอเมริกากับอังกฤษ และการสู้รบสเปน และเม็กซิโกในการขยายดินแดน และยังรวมไปถึงการใช้เงินเพื่อซื้อดินแดน
    .
    เดลีเมลของอังกฤษประเมินว่า หากสหรัฐฯ เดินหน้าซื้อเกาะกรีนแลนด์จริงอาจต้องจ่ายแพงกว่าตอนซื้อรัฐอะแลสกาจากรัสเซียเมื่อปี 1867 ในราคา 7.2 ล้านดอลลาร์ หรือเท่ากับ 153.5 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน
    .
    โดยชี้ว่า เกาะกรีนแลนด์ใหญ่กว่ารัฐอะแลสกา 150 เท่า คาดว่าอาจต้องควักกระเป๋าจ่ายถึง 230.25 ล้านดอลลาร์
    สหรัฐฯ เคยซื้อเกาะเวอร์จินจากเดนมาร์กเมื่อปี 1917 ด้วยทองคำมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์ เทียบเท่ากับ 616.2 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน
    .
    และรัฐบาลลุงแซมยังเคยทุ่มซื้อรัฐลุยเซียนาจากฝรั่งเศสเมื่อปี 1803 ในราคา 15 ล้านดอลลาร์ หรือตกราว 418.8 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000003916
    ..............
    Sondhi X
    เชื่อว่าอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ อาจได้ความคิดซื้อเกาะกรีนแลนด์จากทายาทเครื่องสำอาง ESTÉE LAUDER “โรแนลด์ ลอเดอร์” (Ronald Lauder) เพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย นายกรัฐมนตรีอิตาลีฟันธง เหมือนสัญญาณเตือนไป “ปักกิ่ง” ไม่กี่วันหลังวอชิงตันล็อบบี้ไม่ให้ขายบริษัทเหมืองแร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) ของกรีนแลนด์ไปให้ปักกิ่ง . หนังสือพิมพ์ดิอินดีเพนเดนท์ของอังกฤษรายงานวันพุธ (8 ม.ค.) ว่า มีการเชื่อว่า ความคิดการซื้อเกาะกรีนแลนด์อาจมาจากเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของทรัมป์ ทายาทเครื่องสำอาง ESTÉE LAUDER “โรแนลด์ ลอเดอร์” (Ronald Lauder) อ้างจากหนังสือ The Divider ของปีเตอร์ เบเกอร์ (Peter Baker) จากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส และซูซาน กลาสเซอร์ (Susan Glasser) จาก The New Yorker ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับอดีตผู้นำสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ในขณะที่อยู่ในทำเนียบขาวระหว่างปี 2017-2021 . “เพื่อนคนหนึ่งของผมที่เป็นนักธุรกิจที่มีประสบการณ์มากๆ คิดว่าเราควรได้เกาะกรีนแลนด์” ทรัมป์กล่าวต่อที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติในเวลานั้น อ้างอิงจากหนังสือ . ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ในเวลานั้นถามย้ำว่า “คุณคิดว่าอย่างไร?” . และส่งผลทำให้มีการตั้งทีมศึกษา การหาทางออกต่างๆ เป็นต้นว่า ข้อเสนอขอเช่าเกาะ ที่คล้ายข้อตกลงอสังหาริมทรัพย์นิวยอร์ก . อ้างอิงจากนิวยอร์กไทม์ส มีความวิตกในกลุ่มผู้ช่วยทรัมป์ว่า หากแนวคิดการซื้อเกาะกรีนแลนด์หากรั่วออกไปอาจส่งผลกระทบทางการทูตได้ . ทรัมป์ให้มสัมภาษณ์กับผู้แต่งว่า “ผมพูดว่า ทำไมพวกเราไม่ครอบครองมัน” และเสริมว่า “คุณมองไปที่แผนที่สิ ผมเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ผมมองไปที่ตรงมุม ผมพูดว่า ผมจะต้องมีร้านสำหรับตึกที่ผมกำลังจะสร้างและอื่นๆ มันไม่ต่างกันเลย” . ผู้นำสหรัฐฯ ย้ำว่า “ผมรักแผน และผมมักพูดว่า มองไปที่ขนาดของมันสิ มันใหญ่มหึมามาก มันสมควรเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐอเมริกา” . ดิอินดีเพนเดนท์รายงานว่า อ้างอิงจากหนังสือพบว่า ทายาท Estée Lauder ได้หารือกับทรัมป์เกี่ยวกับเกาะกรีนแลนด์มาตั้งแต่เริ่มแรกของสมัยการดำรงตำแหน่งเมื่อปี 2017 และแม้กระทั่งเสนอตัวเองเป็นประตูหลังติดต่อรัฐบาลเดนมาร์กสำหรับการเจรจาต่อรอง . ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ จอห์น โบลตัน (John Bolton) ในเวลานั้นได้สั่งผู้ช่วยของเขา ฟิโอนา ฮิลล์ (Fiona Hill) ให้ตั้งทีมงานเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ และพบมีการแอบหารือลับร่วมกับเอกอัครราชทูตเดนมาร์ก พร้อมกับเมโมเสนอช่องทางตัวเลือก . ทั้งนี้ โบลตันวิตกการแผ่อิทธิพลของ "ปักกิ่ง" มายังภูมิภาคอาร์กติก ขั้วโลกเหนือ และเชื่อว่าการที่สหรัฐฯ จะเพิ่มอิทธิพลปรากฏตัวบนเกาะกรีนแลนด์จะเป็นความคิดที่ดี แต่อย่างไรก็ตาม โบลตันเชื่อว่า ความคิดซื้อเกาะกรีนแลนด์นั้นไม่มีความเป็นไปได้ . มีการสานสัมพันธ์ระหว่างกรีนแลนด์และจีน อ้างอิงจาก highnorthnews รายงานเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ปี 2021 ว่า เกาะกรีนแลนด์ได้เปิดสำนักงานตัวแทนขึ้นที่กรุงปักกิ่ง เพื่อโปรโมตทางเศรษฐกิจ การค้า วัฒนธรรมระหว่างกรีนแลนด์และเอเชีย โดยมีเป้าหมายไปที่ "จีน" แต่ยังครอบคลุมไปถึงญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ . ความกังวลของโบลตันเกี่ยวกับกรีนแลนด์ในเวลานั้นยังสอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของวอชิงตันเมื่อล่าสุด . รอยเตอร์รายงานวันศุกร์ (10) ล่าสุดว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่กำลังจะหมดสมัยได้ร่วมกับโคเปนเฮเกนแอบล็อบบี้บริษัทเหมืองแร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earth) Tanbreez Mining ของกรีนแลนด์ที่มีนโยบายว่า ทำเหมืองเพื่อเทคโนโลยีสะอาดกว่า (Mining for Greener Technologies) ไม่ให้ถูกขายไปให้ปักกิ่ง . แร่แรร์เอิร์ธนั้นมีคุณสมบัติความเป็นแม่เหล็กสูงและมีความสำคัญต่อการพัฒนาตั้งแต่รถยนต์ไฟฟ้าไปจนถึงจรวดมิสไซล์ที่ทั้งสหรัฐฯ และจีนต่างแข่งขันเพื่อครอบครอง . เกร็ก บาร์นส์ (Greg Barnes) ซีอีโอบริษัท Tanbreez Mining ที่ขัดสนเงินให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า เจ้าหน้าที่อเมริกันปีที่แล้วเดินทางมาที่ทางใต้ของเกาะกรีนแลนด์ถึง 2 ครั้งเพื่อเตือนไม่ให้ขายไปให้ผู้ซื้อที่เชื่อมโยงกับปักกิ่ง . และในท้ายที่สุดเขาจำเป็นต้องขายบริษัทเหมืองแร่กรีนแลนด์ไปให้บริษัทเหมืองแร่ Critical Metals ที่มีฐานในนิวยอร์กในข้อตกลงที่สลับซับซ้อนและได้เงินน้อยกว่า ซึ่งสัญญาจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปีนี้ . ทั้งนี้บาร์นส์จะได้เงินสด 5 ล้านดอลลาร์และหุ้นใน Critical Metals สำหรับ Tanbreez Mining เป็นมูลค่า 211 ล้านดอลลาร์ เป็นมูลค่าสัญญาขายน้อยกว่ามากเมื่อเปรียบเทียบออกมาจากฝั่งของบริษัทจีน . ทรัมป์ต้องการได้เกาะกรีนแลนด์เพื่อกันจีนนั้นยังออกมาจากความเห็นของนายกรัฐมนตรีอิตาลี จอร์เจีย เมโลนี (Giorgia Meloni) . ฟรานซ์24 ของฝรั่งเศสรายงานวันพฤหัสบดี (9) ว่า ผู้นำหญิงอิตาลีเปิดเผยว่า เธอมองว่าการที่ว่าที่ประธานาธิบดีอเมริกันคนใหม่ข่มขู่จะใช้กำลังทหารเข้ายึดเกาะกรีนแลนด์หรือคลองปานามาเป็นเสมือนคำเตือนไปยังประเทศฝ่ายตรงข้ามเป็นต้นว่า “จีน” ที่สมควรทำตัวออกห่างจากพื้นที่ทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ . เดลีเมลของอังกฤษรายงานวันเสาร์ (11) ว่า นายกรัฐมนตรีกรีนแลนด์ Múte Egede ในวันศุกร์ (10) ที่เดนมาร์ก ได้แสดงความปรารถนาจะเข้าสู่การเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ สำหรับผลประโยชน์ร่วมกัน พร้อมย้ำว่า “ชาวกรีนแลนด์ไม่ต้องการเป็นอเมริกันชน” . เกิดขึ้นหลังแอ็กซิออส (Axios) รายงานว่า เจ้าหน้าที่เดนมาร์กได้สื่อสารในทางลับกับทีมของทรัมป์ประเด็นเกาะกรีนแลนด์ก่อนหน้าวันพิธีสาบานตนในวันที่ 20 ม.ค. . สหรัฐฯ ที่ตั้งชาติมาอย่างหลากหลายวิธีทั้งสู้รบในสงครามปฏิวัติอเมริกากับอังกฤษ และการสู้รบสเปน และเม็กซิโกในการขยายดินแดน และยังรวมไปถึงการใช้เงินเพื่อซื้อดินแดน . เดลีเมลของอังกฤษประเมินว่า หากสหรัฐฯ เดินหน้าซื้อเกาะกรีนแลนด์จริงอาจต้องจ่ายแพงกว่าตอนซื้อรัฐอะแลสกาจากรัสเซียเมื่อปี 1867 ในราคา 7.2 ล้านดอลลาร์ หรือเท่ากับ 153.5 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน . โดยชี้ว่า เกาะกรีนแลนด์ใหญ่กว่ารัฐอะแลสกา 150 เท่า คาดว่าอาจต้องควักกระเป๋าจ่ายถึง 230.25 ล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ เคยซื้อเกาะเวอร์จินจากเดนมาร์กเมื่อปี 1917 ด้วยทองคำมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์ เทียบเท่ากับ 616.2 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน . และรัฐบาลลุงแซมยังเคยทุ่มซื้อรัฐลุยเซียนาจากฝรั่งเศสเมื่อปี 1803 ในราคา 15 ล้านดอลลาร์ หรือตกราว 418.8 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000003916 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Yay
    5
    0 Comments 0 Shares 2107 Views 0 Reviews
  • ผู้นำกรีนแลนด์ มูเต เอเกเด กล่าวว่าเขาพร้อมเจรจากับทรัมป์เกี่ยวกับอนาคตของดินแดนอาร์กติกแห่งนี้
    ผู้นำกรีนแลนด์ มูเต เอเกเด กล่าวว่าเขาพร้อมเจรจากับทรัมป์เกี่ยวกับอนาคตของดินแดนอาร์กติกแห่งนี้
    Like
    Haha
    3
    0 Comments 0 Shares 347 Views 0 Reviews
  • เริ่มนับหนึ่ง!
    "กรีนแลนด์อาจกลายเป็นเอกราชได้ แต่จะไม่ใช่รัฐของสหรัฐ"
    ลาร์ส ล็อกเก้ ราสมุสเซน (Lars Løkke Rasmussen) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเดนมาร์ก

    หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ปฏิเสธที่จะตัดความเป็นไปได้ที่จะใช้กำลังเข้าควบคุมเกาะอาร์กติก รัฐมนตรีต่างประเทศเดนมาร์กกล่าวเมื่อวันพุธว่า กรีนแลนด์ ซึ่งเป็นเกาะที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุและมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของเดนมาร์ก อาจกลายเป็นเอกราชได้ หากประชาชนต้องการ
    "แต่มันไม่น่าจะกลายเป็นรัฐหนึ่งของสหรัฐ"
    (but it is unlikely to become a U.S. state)
    เริ่มนับหนึ่ง! "กรีนแลนด์อาจกลายเป็นเอกราชได้ แต่จะไม่ใช่รัฐของสหรัฐ" ลาร์ส ล็อกเก้ ราสมุสเซน (Lars Løkke Rasmussen) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเดนมาร์ก หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ปฏิเสธที่จะตัดความเป็นไปได้ที่จะใช้กำลังเข้าควบคุมเกาะอาร์กติก รัฐมนตรีต่างประเทศเดนมาร์กกล่าวเมื่อวันพุธว่า กรีนแลนด์ ซึ่งเป็นเกาะที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุและมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของเดนมาร์ก อาจกลายเป็นเอกราชได้ หากประชาชนต้องการ "แต่มันไม่น่าจะกลายเป็นรัฐหนึ่งของสหรัฐ" (but it is unlikely to become a U.S. state)
    Like
    Haha
    6
    0 Comments 0 Shares 707 Views 0 Reviews
  • New York Post เผยถึงเหตุที่ #ทรัมป์ ต้องการ #กรีนแลนด์ ถึงขั้นบอกว่าถ้าจำเป็น ก็อาจจะต้องใช้กำลังทหารเพื่อผนวกกรีนแลนด์ ซึ่งทำให้ชาวอเมริกันหลายคนตั้งคำถามว่า “แต่ทำไมล่ะ”

    ทั้งนี้ เพราะกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ริมเส้นทางเดินเรือที่สำคัญ และมีวัตถุดิบสำคัญที่หาได้ยากจากที่อื่น

    ปัจจุบัน #สหรัฐฯ กำลังต่อสู้กับ #จีน และ #รัสเซีย เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติของ #ภูมิภาคอาร์กติก เช่น ลิเธียม โคบอลต์ และกราไฟต์

    มี 2 เหตุผลหลัก ที่สหรัฐฯต้องการผนวกกรีนแลนด์
    - ประการแรกคือ แหล่งแร่หายากจำนวนมากที่จำเป็นสำหรับการผลิตอุปกรณ์ป้องกันประเทศและอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญ

    - ประการที่สอง กรีนแลนด์มีสิทธิใน #อาร์กติก อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐฯ มีสถานะที่แข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากการแข่งขันด้านการเดินเรือและทรัพยากรกำลังทวีความรุนแรงขึ้น

    สหรัฐฯ แข่งขันอย่างเงียบๆ กับจีนและรัสเซียในการเข้าถึงอาร์กติกมาหลายปีแล้ว โดยส่งเรือตัดน้ำแข็งทางทหารไปยังภูมิภาคนี้เพื่อปฏิบัติภารกิจสำรวจทุ่งทุนดราที่อุดมด้วยทรัพยากร

    ปัจจุบันสหรัฐฯ พึ่งพาแร่ธาตุหายากจากจีนอย่างมาก

    ขณะที่แร่ธาตุหายากก็พบในอาร์กติกนอกเหนือจากในเอเชีย และใช้ในทุกอย่างตั้งแต่โทรศัพท์มือถือไปจนถึงอาวุธทำลายล้างสูง

    “ด้วยความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า ระบบพลังงานหมุนเวียน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงที่เพิ่มมากขึ้น สหรัฐฯ จึงพึ่งพาวัสดุที่สำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรมและรักษาความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจระดับโลก”

    “[แร่ธาตุหายาก] ถูกใช้ในการป้องกันประเทศ เทคโนโลยี ขีปนาวุธ รถถัง ดาวเทียม เรือรบ เครื่องบินขับไล่ และด้วยเหตุนี้ การรักษาความปลอดภัยจึงกลายมาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความมั่นคงของชาติ”

    การแข่งขันในอาร์กติกทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลให้แผ่นน้ำแข็งที่เคยทำให้ทรัพยากรต่างๆ แทบจะเข้าถึงไม่ได้ละลายลง

    "ภาวะโลกร้อนทำให้การเดินเรือในอาร์กติกมีอิสระมากขึ้น"

    แต่จนถึงขณะนี้ สหรัฐฯ ก็ยังถูกแซงหน้าโดยฝ่ายตรงข้าม ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะสหรัฐฯ เข้าถึงพื้นที่ดังกล่าวได้จำกัด และมีเรือตัดน้ำแข็งจำนวนค่อนข้างน้อย

    ปัญหานี้สร้างความรำคาญให้กับสมาชิกพรรครีพับลิกันบางคนมานานแล้ว รวมถึง ส.ส. ไมค์ วอลซ์ (R-Fla.) ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์

    “ในอาร์กติกที่เราต้องแข่งขันกันเพื่อทรัพยากรธรรมชาติ กองกำลังชายฝั่งต้องการเรือตัดน้ำแข็งมากกว่าหนึ่งลำ! รัสเซียมีเป็นโหล!” เขาโพสต์บน X เมื่อปี 2017

    ปัจจุบัน กองกำลังชายฝั่งของสหรัฐฯมีเรือตัดน้ำแข็งเพียงสองลำ แต่เมื่อไม่นานมานี้ วอลซ์ได้ให้คำมั่นว่าจะผลักดันให้มีเรือตัดน้ำแข็งเพิ่มขึ้นในรัฐสภาชุดที่ 119 ในการตอบกลับโพสต์บน X ที่เรียกร้องให้มีเรือตัดน้ำแข็ง “เพิ่มอีกสิบลำ”
    “นั่นคือแผน!” วอลซ์ให้คำมั่นเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม

    การจัดหาเรือตัดน้ำแข็งเพิ่มเติมและการซื้อกรีนแลนด์ถือเป็นโอกาสที่น่าสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากสหรัฐฯ กำลังสร้างโรงงานแปรรูปแร่ธาตุหายากเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามล่าสุดของสหรัฐฯ ที่ต้องการลดการพึ่งพาจีน
    แต่เนื่องจากสหรัฐฯ มีแร่ธาตุหายากเพียง 1.3% ของโลก ในขณะที่จีนมีมากถึง 70% "ตอนนี้เราจำเป็นต้องหาแร่ธาตุหายากเหล่านี้จากที่ใดสักแห่งเพื่อแปรรูปในประเทศ ... ซึ่งทำให้กรีนแลนด์มีเสน่ห์ดึงดูดใจ เนื่องจากกรีนแลนด์อาจเป็นแหล่งแร่ธาตุหายาก"

    ทรัมป์ ได้สรุปวิสัยทัศน์ของเขาสำหรับซีกโลกตะวันตกในงานแถลงข่าวที่มาร์อาลาโก
    🎯กรีนแลนด์
    ทรัมป์บอกจะไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะใช้กำลังทางเศรษฐกิจหรือการทหารเพื่อยึดกรีนแลนด์หรือคลองปานามาออกไป “ไม่ ผมรับรองคุณไม่ได้หรอกว่าจะใช้กำลังทั้งสองอย่าง แต่ผมบอกได้ว่าเราต้องการมันเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ”

    🎯อ่าวเม็กซิโก
    ทรัมป์บอกจะขยายการขุดเจาะนอกชายฝั่ง “เราจะเปลี่ยนแปลง ซึ่งตรงข้ามกับการที่ไบเดนปิดทุกอย่างและกำจัดทรัพย์สินมูลค่า 50 ถึง 60 ล้านล้านดอลลาร์ เราจะเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา ซึ่งมีความหมายที่สวยงาม”

    🎯แคนาดา
    ทรัมป์บอก #แคนาดา อาจกลายเป็นรัฐที่ 51 โดยมีเวย์น เกรตสกี้ นักฮ็อกกี้ชื่อดังเป็นผู้ว่าการรัฐ “คุณสามารถกำจัดเส้นแบ่งที่วาดขึ้นอย่างไม่เป็นธรรมชาตินั้นได้ และลองดูว่ามันเป็นอย่างไร และมันจะดีขึ้นมากสำหรับความมั่นคงของชาติด้วย “พวกเขาเป็นคนดี แต่เราใช้เงินหลายร้อยพันล้านที่นี่เพื่อปกป้องมัน เราใช้เงินหลายร้อยพันล้านต่อปีเพื่อดูแลแคนาดา เราสูญเสียดุลการค้า”

    🎯คลองปานามา
    “จีนเป็นผู้ดำเนินการ! จีน! และเรามอบคลองปานามาให้ปานามา” ทรัมป์กล่าว “เราไม่ได้มอบคลองนี้ให้จีน และพวกเขาใช้คลองนี้ในทางที่ผิด พวกเขาใช้ของขวัญนั้นในทางที่ผิด”

    ❌“ไม่ขาย”
    ความทะเยอทะยานของทรัมป์ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีในเดนมาร์ก ซึ่งนายกรัฐมนตรีเมตเต้ เฟรเดอริกเซน ย้ำเมื่อวันอังคารว่าดินแดนนี้ “ไม่ขาย”

    “กรีนแลนด์เป็นของชาวกรีนแลนด์” นายกรัฐมนตรีเมตเตอ เฟรเดอริกเซนแห่งเดนมาร์ก ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เดนมาร์ก TV 2 “ในแง่หนึ่ง ผมยินดีที่อเมริกาสนใจกรีนแลนด์มากขึ้น แต่แน่นอนว่าสิ่งสำคัญคือเรื่องนี้ต้องเกิดขึ้นในลักษณะที่ชาวกรีนแลนด์เป็นผู้ตัดสินใจเองว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต”

    “ในแง่ของการเป็นเจ้าของ เราอาจเห็นต่างกันได้มาก เพราะเรากำลังดำเนินการสร้างประเทศที่มีอำนาจอธิปไตยซึ่งก็คือกรีนแลนด์ และเราต้องการสร้างรัฐกรีนแลนด์” เฟนเคอร์กล่าว พร้อมเสริมว่ารัฐบาลอาณาเขตอาจเต็มใจทำงานร่วมกับสหรัฐฯ ในข้อตกลงการค้าโดยเสรี
    .
    ลิ้งค์ต้นทาง:
    https://web.facebook.com/share/p/15nuKPRz54/
    New York Post เผยถึงเหตุที่ #ทรัมป์ ต้องการ #กรีนแลนด์ ถึงขั้นบอกว่าถ้าจำเป็น ก็อาจจะต้องใช้กำลังทหารเพื่อผนวกกรีนแลนด์ ซึ่งทำให้ชาวอเมริกันหลายคนตั้งคำถามว่า “แต่ทำไมล่ะ” ทั้งนี้ เพราะกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ริมเส้นทางเดินเรือที่สำคัญ และมีวัตถุดิบสำคัญที่หาได้ยากจากที่อื่น ปัจจุบัน #สหรัฐฯ กำลังต่อสู้กับ #จีน และ #รัสเซีย เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติของ #ภูมิภาคอาร์กติก เช่น ลิเธียม โคบอลต์ และกราไฟต์ มี 2 เหตุผลหลัก ที่สหรัฐฯต้องการผนวกกรีนแลนด์ - ประการแรกคือ แหล่งแร่หายากจำนวนมากที่จำเป็นสำหรับการผลิตอุปกรณ์ป้องกันประเทศและอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญ - ประการที่สอง กรีนแลนด์มีสิทธิใน #อาร์กติก อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐฯ มีสถานะที่แข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากการแข่งขันด้านการเดินเรือและทรัพยากรกำลังทวีความรุนแรงขึ้น สหรัฐฯ แข่งขันอย่างเงียบๆ กับจีนและรัสเซียในการเข้าถึงอาร์กติกมาหลายปีแล้ว โดยส่งเรือตัดน้ำแข็งทางทหารไปยังภูมิภาคนี้เพื่อปฏิบัติภารกิจสำรวจทุ่งทุนดราที่อุดมด้วยทรัพยากร ปัจจุบันสหรัฐฯ พึ่งพาแร่ธาตุหายากจากจีนอย่างมาก ขณะที่แร่ธาตุหายากก็พบในอาร์กติกนอกเหนือจากในเอเชีย และใช้ในทุกอย่างตั้งแต่โทรศัพท์มือถือไปจนถึงอาวุธทำลายล้างสูง “ด้วยความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า ระบบพลังงานหมุนเวียน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงที่เพิ่มมากขึ้น สหรัฐฯ จึงพึ่งพาวัสดุที่สำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนการสร้างสรรค์นวัตกรรมและรักษาความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจระดับโลก” “[แร่ธาตุหายาก] ถูกใช้ในการป้องกันประเทศ เทคโนโลยี ขีปนาวุธ รถถัง ดาวเทียม เรือรบ เครื่องบินขับไล่ และด้วยเหตุนี้ การรักษาความปลอดภัยจึงกลายมาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความมั่นคงของชาติ” การแข่งขันในอาร์กติกทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลให้แผ่นน้ำแข็งที่เคยทำให้ทรัพยากรต่างๆ แทบจะเข้าถึงไม่ได้ละลายลง "ภาวะโลกร้อนทำให้การเดินเรือในอาร์กติกมีอิสระมากขึ้น" แต่จนถึงขณะนี้ สหรัฐฯ ก็ยังถูกแซงหน้าโดยฝ่ายตรงข้าม ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะสหรัฐฯ เข้าถึงพื้นที่ดังกล่าวได้จำกัด และมีเรือตัดน้ำแข็งจำนวนค่อนข้างน้อย ปัญหานี้สร้างความรำคาญให้กับสมาชิกพรรครีพับลิกันบางคนมานานแล้ว รวมถึง ส.ส. ไมค์ วอลซ์ (R-Fla.) ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ “ในอาร์กติกที่เราต้องแข่งขันกันเพื่อทรัพยากรธรรมชาติ กองกำลังชายฝั่งต้องการเรือตัดน้ำแข็งมากกว่าหนึ่งลำ! รัสเซียมีเป็นโหล!” เขาโพสต์บน X เมื่อปี 2017 ปัจจุบัน กองกำลังชายฝั่งของสหรัฐฯมีเรือตัดน้ำแข็งเพียงสองลำ แต่เมื่อไม่นานมานี้ วอลซ์ได้ให้คำมั่นว่าจะผลักดันให้มีเรือตัดน้ำแข็งเพิ่มขึ้นในรัฐสภาชุดที่ 119 ในการตอบกลับโพสต์บน X ที่เรียกร้องให้มีเรือตัดน้ำแข็ง “เพิ่มอีกสิบลำ” “นั่นคือแผน!” วอลซ์ให้คำมั่นเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม การจัดหาเรือตัดน้ำแข็งเพิ่มเติมและการซื้อกรีนแลนด์ถือเป็นโอกาสที่น่าสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากสหรัฐฯ กำลังสร้างโรงงานแปรรูปแร่ธาตุหายากเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามล่าสุดของสหรัฐฯ ที่ต้องการลดการพึ่งพาจีน แต่เนื่องจากสหรัฐฯ มีแร่ธาตุหายากเพียง 1.3% ของโลก ในขณะที่จีนมีมากถึง 70% "ตอนนี้เราจำเป็นต้องหาแร่ธาตุหายากเหล่านี้จากที่ใดสักแห่งเพื่อแปรรูปในประเทศ ... ซึ่งทำให้กรีนแลนด์มีเสน่ห์ดึงดูดใจ เนื่องจากกรีนแลนด์อาจเป็นแหล่งแร่ธาตุหายาก" ทรัมป์ ได้สรุปวิสัยทัศน์ของเขาสำหรับซีกโลกตะวันตกในงานแถลงข่าวที่มาร์อาลาโก 🎯กรีนแลนด์ ทรัมป์บอกจะไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะใช้กำลังทางเศรษฐกิจหรือการทหารเพื่อยึดกรีนแลนด์หรือคลองปานามาออกไป “ไม่ ผมรับรองคุณไม่ได้หรอกว่าจะใช้กำลังทั้งสองอย่าง แต่ผมบอกได้ว่าเราต้องการมันเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ” 🎯อ่าวเม็กซิโก ทรัมป์บอกจะขยายการขุดเจาะนอกชายฝั่ง “เราจะเปลี่ยนแปลง ซึ่งตรงข้ามกับการที่ไบเดนปิดทุกอย่างและกำจัดทรัพย์สินมูลค่า 50 ถึง 60 ล้านล้านดอลลาร์ เราจะเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา ซึ่งมีความหมายที่สวยงาม” 🎯แคนาดา ทรัมป์บอก #แคนาดา อาจกลายเป็นรัฐที่ 51 โดยมีเวย์น เกรตสกี้ นักฮ็อกกี้ชื่อดังเป็นผู้ว่าการรัฐ “คุณสามารถกำจัดเส้นแบ่งที่วาดขึ้นอย่างไม่เป็นธรรมชาตินั้นได้ และลองดูว่ามันเป็นอย่างไร และมันจะดีขึ้นมากสำหรับความมั่นคงของชาติด้วย “พวกเขาเป็นคนดี แต่เราใช้เงินหลายร้อยพันล้านที่นี่เพื่อปกป้องมัน เราใช้เงินหลายร้อยพันล้านต่อปีเพื่อดูแลแคนาดา เราสูญเสียดุลการค้า” 🎯คลองปานามา “จีนเป็นผู้ดำเนินการ! จีน! และเรามอบคลองปานามาให้ปานามา” ทรัมป์กล่าว “เราไม่ได้มอบคลองนี้ให้จีน และพวกเขาใช้คลองนี้ในทางที่ผิด พวกเขาใช้ของขวัญนั้นในทางที่ผิด” ❌“ไม่ขาย” ความทะเยอทะยานของทรัมป์ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีในเดนมาร์ก ซึ่งนายกรัฐมนตรีเมตเต้ เฟรเดอริกเซน ย้ำเมื่อวันอังคารว่าดินแดนนี้ “ไม่ขาย” “กรีนแลนด์เป็นของชาวกรีนแลนด์” นายกรัฐมนตรีเมตเตอ เฟรเดอริกเซนแห่งเดนมาร์ก ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เดนมาร์ก TV 2 “ในแง่หนึ่ง ผมยินดีที่อเมริกาสนใจกรีนแลนด์มากขึ้น แต่แน่นอนว่าสิ่งสำคัญคือเรื่องนี้ต้องเกิดขึ้นในลักษณะที่ชาวกรีนแลนด์เป็นผู้ตัดสินใจเองว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต” “ในแง่ของการเป็นเจ้าของ เราอาจเห็นต่างกันได้มาก เพราะเรากำลังดำเนินการสร้างประเทศที่มีอำนาจอธิปไตยซึ่งก็คือกรีนแลนด์ และเราต้องการสร้างรัฐกรีนแลนด์” เฟนเคอร์กล่าว พร้อมเสริมว่ารัฐบาลอาณาเขตอาจเต็มใจทำงานร่วมกับสหรัฐฯ ในข้อตกลงการค้าโดยเสรี . ลิ้งค์ต้นทาง: https://web.facebook.com/share/p/15nuKPRz54/
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 926 Views 0 Reviews
  • ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ข่มขู่ใช้กำลังทหารเข้ายึดคลองปานามาและเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งเขาอ้างว่ามีความสำคัญต่อความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา ขณะเดียวกันก็ประกาศใช้มาตรการบีบบังคับทางเศรษฐกิจเพื่อผนวกแคนาดาเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐอเมริกา
    .
    ภายหลังรัฐสภาสหรัฐฯประกาศรับรองอย่างเป็นทางการในวันอังคาร (7) ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้มีชัยในการเลือกตั้งซึ่งจัดขึ้นเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่าน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯผู้นี้ได้เชิญพวกผู้สื่อข่าวไปที่รีสอร์ตส่วนตัว มาร์-อา-ลาโก ของเขา ในรัฐฟลอริดา เพื่อประกาศโครงการลงทุนด้านเทคโนโลยีในสหรัฐฯมูลค่า 20,000 ล้านดอลลาร์ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ก่อนที่บรรยากาศของการแถลงข่าวจะเปลี่ยนไปจนคล้ายกับช่วงการหาเสียงอย่างรวดเร็ว
    .
    ทรัมป์ที่จะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 ที่จะถึงนี้ เริ่มต้นด้วยการอวดอ้างว่า นับจากที่เขาชนะการเลือกตั้ง ความคิดของทั่วโลกก็เปลี่ยนไป และผู้คนจากประเทศต่างๆ โทรศัพท์มาขอบคุณเขา
    .
    มหาเศรษฐีจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ผู้นี้ประกาศว่า จะเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโก เป็น “อ่าวอเมริกา” พร้อมขู่รีดภาษี ถ้าเม็กซิโกไม่จัดการปัญหาผู้อพยพลักลอบข้ามพรมแดนเข้าสู่อเมริกา
    .
    ทรัมป์ยังไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารเพื่อยึดเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นดินแดนในอธิปไตยของเดนมาร์ก ตลอดจนคลองปานามา ที่เขาระบุว่าอยากได้มานานแล้ว ซ้ำยังวิพากษ์วิจารณ์อดีตประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ ผู้เพิ่งล่วงลับ ที่อนุญาตให้ปานามาเข้าควบคุมคลองปานามาแทนที่สหรัฐฯ เมื่อตอนที่เป็นประธานาธิบดี
    .
    เกี่ยวกับแคนาดาที่ทรัมป์คุยฟุ้งมาหลายหนแล้วว่า จะทำให้ประเทศนี้กลายเป็นรัฐที่ 51 ของอเมริกานั้น ล่าสุดเมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามว่า จะใช้กำลังทหารบุกแคนาดาหรือไม่ ว่าที่ประมุขทำเนียบขาวตอบว่า จะใช้มาตรการทางเศรษฐกิจ และสำทับว่า การลบ “เส้นเขตแดนที่มนุษย์กำหนดขึ้น” ระหว่างพรมแดนอเมริกากับแคนาดาน่าจะเป็นผลดีต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ
    .
    แม้มีความยากลำบากที่จะแยกความแตกต่างระหว่างการมุ่งโอ้อวดและปล่อยมุกมุ่งสร้างอารมณ์ขันของทรัมป์ กับการมุ่งมั่นดำเนินนโยบายที่แท้จริง แต่การประกาศเหล่านี้อีกคำรบหนึ่งของเขา ก็ถูกมองว่า เป็นการตอกย้ำวาทกรรมเกี่ยวกับการขยายดินแดน และทำให้ถูกต่อต้านจากพวกประเทศที่ถูกพาดพิงถึง
    .
    เริ่มจากนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา ที่ตอบโต้ว่า ไม่มีทางที่แคนาดาจะผนวกกับอเมริกา
    .
    ด้าน ฌาเวียร์ มาร์ติเนซ-อาชา รัฐมนตรีต่างประเทศปานามา ยืนกรานว่า อธิปไตยคลองปานามาเป็นสิ่งที่ไม่อาจต่อรองได้ และสำทับว่า ผู้ที่ควบคุมคลองปานามาในเวลานี้มีเพียงปานามาเท่านั้นและจะเป็นเช่นนี้ต่อไป ซึ่งเป็นการตอบโต้การกล่าวหาอย่างเป็นเท็จของทรัมป์ที่ว่า ปัจจุบันทหารจีนเป็นผู้ควบคุมคลองแห่งนี้ ที่เป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างมหาสมุทรแอตแลนติกกับแปซิฟิก
    .
    ทั้งนี้ อเมริกาเป็นผู้ขุดคลองปานามา และตั้งแต่เมื่อ 25 ปีก่อนในสมัยประธานาธิบีดคาร์เตอร์ ได้ยินยอมมอบสิทธิในการควบคุมดูแลคืนให้รัฐบาลปานามา
    .
    ไม่เพียงเท่านั้น ทรัมป์ยังทำให้ยุโรปขุ่นเคืองด้วยการเสนอซื้อกรีนแลนด์ เกาะใหญ่ในอาร์กติกซึ่งปัจจุบันมีฐานทัพของอเมริกาตั้งอยู่ด้วย
    .
    ก่อนที่ทรัมป์จะพูดพาดพิงถึงกรีนแลนด์ในครั้งนี้ไม่กี่วัน โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชายคนโตของทรัมป์ได้เดินทางไปยังเกาะนี้ โดยระบุว่า เป็นทริปส่วนตัวและไม่มีกำหนดการพบกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นแต่อย่างใด
    .
    กรีนแลนด์เป็นเขตปกครองตนเองของเดนมาร์กที่เป็นพันธมิตรของอเมริกา และสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต)
    .
    นายกรัฐมนตรีเมตเทอ เฟรเดริกเซน ของเดนมาร์ก แสดงปฏิกิริยาโดยให้สัมภาษณ์สถานีทีวี2 ของแดนโคนมว่า อเมริกาเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดและสำคัญที่สุดของเดนมาร์ก และเธอไม่เชื่อว่า อเมริกาจะใช้อำนาจทางทหารหรือเศรษฐกิจเพื่อเข้ายึดกรีนแลนด์
    .
    ไม่เพียงระรานดินแดนของหลายประเทศ ในการพูดคุยกับผู้สื่อข่าวครั้งนี้ ทรัมป์ยังโจมตีประธานาธิบดีโจ ไบเดน เรื่องถอนทหารออกจากอัฟกานิสถาน ความขัดแย้งในยูเครนและซีเรีย รวมทั้งย้ำข้อกล่าวอ้างอย่างผิดข้อเท็จจริงที่ว่า ระหว่างที่ตนเองเป็นประธานาธิบดีสมัยแรกนั้น อเมริกา “ไม่เคยมีสงคราม”
    .
    เขายังกล่าวหาพวกเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวในปัจจบันพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางการเปลี่ยนผ่านอำนาจ โดยไม่เอ่ยถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ตั้งแต่เมื่อ 4 ปีที่แล้วจนกระทั่งถึงตอนนี้ ตัวเขาเองไม่เคยยอมรับว่าพ่ายแพ้การเลือกตั้งแก่ ไบเดน อีกทั้งไม่ยอมไปร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของไบเดน
    .
    ทรัมป์ยังกล่าวหาไบเดนว่า อยู่เบื้องหลังการฟ้องร้องทางกฎหมายมากมายหลายคดีที่ตนเองเผชิญอยู่ และขู่ว่า จะยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารของผู้นำเดโมแครตในการห้ามการพัฒนาโครงการก๊าซและน้ำมันนอกชายฝั่งอเมริกา
    .
    ทรัมป์ปิดท้ายค่ำวันอังคารด้วยการโพสต์มีมภาพแคนาดาเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนสหรัฐฯอเมริกา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000002351
    ..............
    Sondhi X
    ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ข่มขู่ใช้กำลังทหารเข้ายึดคลองปานามาและเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งเขาอ้างว่ามีความสำคัญต่อความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา ขณะเดียวกันก็ประกาศใช้มาตรการบีบบังคับทางเศรษฐกิจเพื่อผนวกแคนาดาเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐอเมริกา . ภายหลังรัฐสภาสหรัฐฯประกาศรับรองอย่างเป็นทางการในวันอังคาร (7) ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้มีชัยในการเลือกตั้งซึ่งจัดขึ้นเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่าน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯผู้นี้ได้เชิญพวกผู้สื่อข่าวไปที่รีสอร์ตส่วนตัว มาร์-อา-ลาโก ของเขา ในรัฐฟลอริดา เพื่อประกาศโครงการลงทุนด้านเทคโนโลยีในสหรัฐฯมูลค่า 20,000 ล้านดอลลาร์ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ก่อนที่บรรยากาศของการแถลงข่าวจะเปลี่ยนไปจนคล้ายกับช่วงการหาเสียงอย่างรวดเร็ว . ทรัมป์ที่จะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 ที่จะถึงนี้ เริ่มต้นด้วยการอวดอ้างว่า นับจากที่เขาชนะการเลือกตั้ง ความคิดของทั่วโลกก็เปลี่ยนไป และผู้คนจากประเทศต่างๆ โทรศัพท์มาขอบคุณเขา . มหาเศรษฐีจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ผู้นี้ประกาศว่า จะเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโก เป็น “อ่าวอเมริกา” พร้อมขู่รีดภาษี ถ้าเม็กซิโกไม่จัดการปัญหาผู้อพยพลักลอบข้ามพรมแดนเข้าสู่อเมริกา . ทรัมป์ยังไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารเพื่อยึดเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นดินแดนในอธิปไตยของเดนมาร์ก ตลอดจนคลองปานามา ที่เขาระบุว่าอยากได้มานานแล้ว ซ้ำยังวิพากษ์วิจารณ์อดีตประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ ผู้เพิ่งล่วงลับ ที่อนุญาตให้ปานามาเข้าควบคุมคลองปานามาแทนที่สหรัฐฯ เมื่อตอนที่เป็นประธานาธิบดี . เกี่ยวกับแคนาดาที่ทรัมป์คุยฟุ้งมาหลายหนแล้วว่า จะทำให้ประเทศนี้กลายเป็นรัฐที่ 51 ของอเมริกานั้น ล่าสุดเมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามว่า จะใช้กำลังทหารบุกแคนาดาหรือไม่ ว่าที่ประมุขทำเนียบขาวตอบว่า จะใช้มาตรการทางเศรษฐกิจ และสำทับว่า การลบ “เส้นเขตแดนที่มนุษย์กำหนดขึ้น” ระหว่างพรมแดนอเมริกากับแคนาดาน่าจะเป็นผลดีต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ . แม้มีความยากลำบากที่จะแยกความแตกต่างระหว่างการมุ่งโอ้อวดและปล่อยมุกมุ่งสร้างอารมณ์ขันของทรัมป์ กับการมุ่งมั่นดำเนินนโยบายที่แท้จริง แต่การประกาศเหล่านี้อีกคำรบหนึ่งของเขา ก็ถูกมองว่า เป็นการตอกย้ำวาทกรรมเกี่ยวกับการขยายดินแดน และทำให้ถูกต่อต้านจากพวกประเทศที่ถูกพาดพิงถึง . เริ่มจากนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา ที่ตอบโต้ว่า ไม่มีทางที่แคนาดาจะผนวกกับอเมริกา . ด้าน ฌาเวียร์ มาร์ติเนซ-อาชา รัฐมนตรีต่างประเทศปานามา ยืนกรานว่า อธิปไตยคลองปานามาเป็นสิ่งที่ไม่อาจต่อรองได้ และสำทับว่า ผู้ที่ควบคุมคลองปานามาในเวลานี้มีเพียงปานามาเท่านั้นและจะเป็นเช่นนี้ต่อไป ซึ่งเป็นการตอบโต้การกล่าวหาอย่างเป็นเท็จของทรัมป์ที่ว่า ปัจจุบันทหารจีนเป็นผู้ควบคุมคลองแห่งนี้ ที่เป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างมหาสมุทรแอตแลนติกกับแปซิฟิก . ทั้งนี้ อเมริกาเป็นผู้ขุดคลองปานามา และตั้งแต่เมื่อ 25 ปีก่อนในสมัยประธานาธิบีดคาร์เตอร์ ได้ยินยอมมอบสิทธิในการควบคุมดูแลคืนให้รัฐบาลปานามา . ไม่เพียงเท่านั้น ทรัมป์ยังทำให้ยุโรปขุ่นเคืองด้วยการเสนอซื้อกรีนแลนด์ เกาะใหญ่ในอาร์กติกซึ่งปัจจุบันมีฐานทัพของอเมริกาตั้งอยู่ด้วย . ก่อนที่ทรัมป์จะพูดพาดพิงถึงกรีนแลนด์ในครั้งนี้ไม่กี่วัน โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชายคนโตของทรัมป์ได้เดินทางไปยังเกาะนี้ โดยระบุว่า เป็นทริปส่วนตัวและไม่มีกำหนดการพบกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นแต่อย่างใด . กรีนแลนด์เป็นเขตปกครองตนเองของเดนมาร์กที่เป็นพันธมิตรของอเมริกา และสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) . นายกรัฐมนตรีเมตเทอ เฟรเดริกเซน ของเดนมาร์ก แสดงปฏิกิริยาโดยให้สัมภาษณ์สถานีทีวี2 ของแดนโคนมว่า อเมริกาเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดและสำคัญที่สุดของเดนมาร์ก และเธอไม่เชื่อว่า อเมริกาจะใช้อำนาจทางทหารหรือเศรษฐกิจเพื่อเข้ายึดกรีนแลนด์ . ไม่เพียงระรานดินแดนของหลายประเทศ ในการพูดคุยกับผู้สื่อข่าวครั้งนี้ ทรัมป์ยังโจมตีประธานาธิบดีโจ ไบเดน เรื่องถอนทหารออกจากอัฟกานิสถาน ความขัดแย้งในยูเครนและซีเรีย รวมทั้งย้ำข้อกล่าวอ้างอย่างผิดข้อเท็จจริงที่ว่า ระหว่างที่ตนเองเป็นประธานาธิบดีสมัยแรกนั้น อเมริกา “ไม่เคยมีสงคราม” . เขายังกล่าวหาพวกเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวในปัจจบันพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางการเปลี่ยนผ่านอำนาจ โดยไม่เอ่ยถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ตั้งแต่เมื่อ 4 ปีที่แล้วจนกระทั่งถึงตอนนี้ ตัวเขาเองไม่เคยยอมรับว่าพ่ายแพ้การเลือกตั้งแก่ ไบเดน อีกทั้งไม่ยอมไปร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของไบเดน . ทรัมป์ยังกล่าวหาไบเดนว่า อยู่เบื้องหลังการฟ้องร้องทางกฎหมายมากมายหลายคดีที่ตนเองเผชิญอยู่ และขู่ว่า จะยกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารของผู้นำเดโมแครตในการห้ามการพัฒนาโครงการก๊าซและน้ำมันนอกชายฝั่งอเมริกา . ทรัมป์ปิดท้ายค่ำวันอังคารด้วยการโพสต์มีมภาพแคนาดาเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนสหรัฐฯอเมริกา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000002351 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Sad
    Love
    10
    0 Comments 0 Shares 1590 Views 0 Reviews
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ชี้แนะว่า แคนาดา ควรเข้ามาเป็นรัฐที่ 51 ของอเมริกา อย่างเป็นทางการ หลัง จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาแถลงเตรียมลาออกจากตำแหน่ง
    .
    ทรูโด ประกาศลาออกในวันจันทร์(6ม.ค.) อ้างถึง "การต่อสู้" ภายในพรรคลิเบอรัลของเขา อย่างไรก็ตาม ทรูโด จะยังคงทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีไปจนกว่าจะการเลือกผู้นำพรรคคนใหม่ ซึ่งจะก้าวมาเป็นผู้นำ ไปจนถึงศึกเลือกตั้งทั่วไปรอบใหม่ ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนตุลาคม
    .
    "ผู้คนจำนวนมากในแคนาดา อยากเป็นรัฐที่ 51" ทรัมป์ โพสต์ข้อความบนทรัตช์ โซเชียล แพลตฟอร์มของเขาเองเมื่อช่วงบ่ายวันจันทร์(6ม.ค.) "สหรัฐฯอาจไม่ทนได้อีกต่อไปแล้วกับการขาดดุลการค้ามหาศาลและการอุดหนุน ที่มีความจำเป็นเพื่อให้แคนาดายังคงยืนหยัดอยู่ได้ จัสติน ทรูโด ทราบเรื่องนี้ดี"
    .
    "ถ้าแคนาดาผนวกเข้ากับสหรัฐฯ จะไม่มีมาตรการรีดภาษี แคนาดาจะจ่ายภาษีต่ำลง และจะได้รับการคุ้มกันโดยสมบูรณ์ จากภัยคุกคามของกองเรือรัสเซียและจีน ที่ล้อมกรอบพวกเขาอยู่เป็นนิจ" ทรัมป์กล่าว "เมื่อรวมกัน สิ่งที่จะเป็นก็คือ ประเทศที่ยิ่งใหญ่"
    .
    ดูเหมือนว่าการลาออกของทรูโด เกิดจากแรงกดดันภายในพรรค ซึ่งเชื่อว่าส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากคำขู่รีดภาษี 25% ของทรัมป์ ต่อสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯกล่าวหาเพื่อนบ้านทั้ง 2 ชาติ ปล่อยให้ผู้อพยพ อาชญากรและพวกค้ายา ลักลอบเข้าสู่อเมริกา ขณะเดียวกันก็มีตัวเลขเกินดุลการค้าอย่างไม่ยุติธรรมกับสหรัฐฯเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผ่านการละเมิดสนธิสัญญาการค้าเสรีต่างๆนานา
    .
    ทั้งนี้มาตรการรีดภาษีของทรัมป์ ได้จุดชนวนการลาออกของ คริสเตียน ฟรีแลนด์ รองนายกรัฐมนตรีแคนาดา ก่อนหน้านี้ ท่ามกลางรอยร้าวที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆภายในพรรคลิเบอรัล
    .
    ผู้นำแคนาดา พยายามหารือในประเด็นนี้กับ ทรัมป์ โดยตรง ถึงขั้นบินไปยังบ้านพักของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในช่วงต้นเดือนธันวาคม อย่างไรก็ตามระหว่างรับประทานอาหารค่ำ ณ รีสอร์ทมาร์อาลาโก ทาง ทรัมป์ ได้ปล่อยมุขเรียก ทรูโด ว่าเป็น "ผู้การรัฐ" และพูดติดตลกว่า แคนาดา ควรเข้ามาเป็นรัฐที่ 51 ของอเมริกา
    .
    ทรัมป์ ยังคงพูดจาหยอกล้อมานับตั้งแต่นั้น โดยหนหนึ่งถึงขั้นคาดการณ์ว่า แคนาดา อาจถึงขั้นถูกแบ่งเป็น 2 รัฐ รัฐหนึ่งเป็นรัฐเสรีนิยม ส่วนอีกรัฐเป็นรัฐอนุรักษ์นิยม นอกจากนี้แล้วเขายังพูดเกี่ยวกับการขอซื้อกรีนแลนด์ หมู่เกาะในอาร์กติก ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก ซึ่งตั้งนอกชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของแคนาดา
    .
    แม้เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ของออตตาวา ปฏิเสธความเป็นไปได้ในการรวมชาติตามคำพูดของทรัมป์ แต่ เควิน โอเลียรี เศรษฐีนักลงทุนและดาราดังเรียลิตีโชว์ของแคนาดา อ้างว่ามีชาวแคนาดาราวๆครึ่งหนึ่งที่สนับสนุนในเรื่องนี้
    .
    โพสต์ล่าสุดของทรัมป์เกี่ยวกับแคนาดา มีขึ้นไม่นานก่อนสภาคองเกรสให้การรับรองผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี 2024 รับประกันว่าเขาจะสาบานตนเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001596
    ..............
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ชี้แนะว่า แคนาดา ควรเข้ามาเป็นรัฐที่ 51 ของอเมริกา อย่างเป็นทางการ หลัง จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาแถลงเตรียมลาออกจากตำแหน่ง . ทรูโด ประกาศลาออกในวันจันทร์(6ม.ค.) อ้างถึง "การต่อสู้" ภายในพรรคลิเบอรัลของเขา อย่างไรก็ตาม ทรูโด จะยังคงทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีไปจนกว่าจะการเลือกผู้นำพรรคคนใหม่ ซึ่งจะก้าวมาเป็นผู้นำ ไปจนถึงศึกเลือกตั้งทั่วไปรอบใหม่ ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนตุลาคม . "ผู้คนจำนวนมากในแคนาดา อยากเป็นรัฐที่ 51" ทรัมป์ โพสต์ข้อความบนทรัตช์ โซเชียล แพลตฟอร์มของเขาเองเมื่อช่วงบ่ายวันจันทร์(6ม.ค.) "สหรัฐฯอาจไม่ทนได้อีกต่อไปแล้วกับการขาดดุลการค้ามหาศาลและการอุดหนุน ที่มีความจำเป็นเพื่อให้แคนาดายังคงยืนหยัดอยู่ได้ จัสติน ทรูโด ทราบเรื่องนี้ดี" . "ถ้าแคนาดาผนวกเข้ากับสหรัฐฯ จะไม่มีมาตรการรีดภาษี แคนาดาจะจ่ายภาษีต่ำลง และจะได้รับการคุ้มกันโดยสมบูรณ์ จากภัยคุกคามของกองเรือรัสเซียและจีน ที่ล้อมกรอบพวกเขาอยู่เป็นนิจ" ทรัมป์กล่าว "เมื่อรวมกัน สิ่งที่จะเป็นก็คือ ประเทศที่ยิ่งใหญ่" . ดูเหมือนว่าการลาออกของทรูโด เกิดจากแรงกดดันภายในพรรค ซึ่งเชื่อว่าส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากคำขู่รีดภาษี 25% ของทรัมป์ ต่อสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯกล่าวหาเพื่อนบ้านทั้ง 2 ชาติ ปล่อยให้ผู้อพยพ อาชญากรและพวกค้ายา ลักลอบเข้าสู่อเมริกา ขณะเดียวกันก็มีตัวเลขเกินดุลการค้าอย่างไม่ยุติธรรมกับสหรัฐฯเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผ่านการละเมิดสนธิสัญญาการค้าเสรีต่างๆนานา . ทั้งนี้มาตรการรีดภาษีของทรัมป์ ได้จุดชนวนการลาออกของ คริสเตียน ฟรีแลนด์ รองนายกรัฐมนตรีแคนาดา ก่อนหน้านี้ ท่ามกลางรอยร้าวที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆภายในพรรคลิเบอรัล . ผู้นำแคนาดา พยายามหารือในประเด็นนี้กับ ทรัมป์ โดยตรง ถึงขั้นบินไปยังบ้านพักของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในช่วงต้นเดือนธันวาคม อย่างไรก็ตามระหว่างรับประทานอาหารค่ำ ณ รีสอร์ทมาร์อาลาโก ทาง ทรัมป์ ได้ปล่อยมุขเรียก ทรูโด ว่าเป็น "ผู้การรัฐ" และพูดติดตลกว่า แคนาดา ควรเข้ามาเป็นรัฐที่ 51 ของอเมริกา . ทรัมป์ ยังคงพูดจาหยอกล้อมานับตั้งแต่นั้น โดยหนหนึ่งถึงขั้นคาดการณ์ว่า แคนาดา อาจถึงขั้นถูกแบ่งเป็น 2 รัฐ รัฐหนึ่งเป็นรัฐเสรีนิยม ส่วนอีกรัฐเป็นรัฐอนุรักษ์นิยม นอกจากนี้แล้วเขายังพูดเกี่ยวกับการขอซื้อกรีนแลนด์ หมู่เกาะในอาร์กติก ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก ซึ่งตั้งนอกชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของแคนาดา . แม้เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ของออตตาวา ปฏิเสธความเป็นไปได้ในการรวมชาติตามคำพูดของทรัมป์ แต่ เควิน โอเลียรี เศรษฐีนักลงทุนและดาราดังเรียลิตีโชว์ของแคนาดา อ้างว่ามีชาวแคนาดาราวๆครึ่งหนึ่งที่สนับสนุนในเรื่องนี้ . โพสต์ล่าสุดของทรัมป์เกี่ยวกับแคนาดา มีขึ้นไม่นานก่อนสภาคองเกรสให้การรับรองผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี 2024 รับประกันว่าเขาจะสาบานตนเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001596 .............. Sondhi X
    Haha
    Like
    Wow
    5
    0 Comments 0 Shares 1204 Views 0 Reviews
  • รัฐบาลเดนมาร์กแถลงเพิ่มการใช้จ่ายด้านการป้องกันตนเองครั้งใหญ่ สำหรับเกาะกรีนแลนด์ ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ พูดย้ำอีกครั้งเกี่ยวกับความปรารถนาของเขาที่อยากซื้อดินแดนในอาร์กติกแห่งนี้
    .
    โทรเอลส์ ลุนด์ พอลเซน รัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์ก บอกว่าแพกเกจใช้จ่ายด้านการป้องกันตนเองสำหรับเกาะกรีนแลนด์ จะเพิ่มขึ้นเท่าตัวสู่หลักพันล้านโครเนอ หรืออย่างน้อยๆ 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
    .
    เขาให้คำจำกัดความกรอบเวลาของการแถลงครั้งนี้ว่าราวกับเป็น "โชคชะตาเล่นตลก" หลังจากเมื่อวันจันทร์ (23 ธ.ค.) ทรัมป์ กล่าวว่าการเป็นเจ้าของและการควบคุมเกาะขนาดใหญ่แห่งนี้ "เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง" สำหรับสหรัฐฯ
    .
    เกาะกรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก เป็นที่ตั้งของฐานทัพอวกาศขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ และมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์สำหรับอเมริกา เนื่องจากมันตั้งอยู่บนเส้นทางที่สั้นที่สุดจากอเมริกาเหนือสู่ยุโรป ขณะเดียวกัน มันยังมีทรัพยากรแร่อันสำคัญด้วย
    .
    พอลเซน บอกว่าแพกเกจนี้จะเปิดทางสำหรับจัดซื้อเรือตรวจการณ์ใหม่ 2 ลำ โดรนพิสัยไกลใหม่ 2 ลำ และทีมลากเลื่อนสุนัขพิเศษ 2 ชุด
    .
    นอกจากนี้ แพกเกจดังกล่าวยังรวมถึงเงินทุนสำหรับเพิ่มจำนวนบุคลากรในกองบัญชาการอาร์กติกในเมืองนุก เมืองเอกของเกาะกรีนแลนด์ และปรับปรุงยกระดับหนึ่งในท่าอากาศยานพลเมืองหลักที่มีอยู่ 3 แห่งบนเกาะกรีนแลนด์ เพื่อรองรับเครื่องบินขับไล่ซูเปอร์โซนิก F-35 "เราลงทุนในอาร์ติกไม่มากพอมานานหลายปีแล้ว ตอนนี้เรากำลังมีแผนยกระดับประจำการเข้มแข็งขึ้น" พอลเซนระบุ
    .
    รัฐมนตรีกลาโหมรายนี้ไม่ได้ให้ตัวเลขที่ชัดเจนเกี่ยวกับแพกเกจดังกล่าว แต่สื่อมวลชนเดนมาร์กคาดหมายว่ามันน่าจะอยู่ที่ราว 12,000 ล้าน ถึง 15,000 ล้านโครเนอ
    .
    ถ้อยแถลงนี้มีขึ้น 1 วัน หลังจาก ทรัมป์ ระบุบนทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง ว่า "เพื่อจุดประสงค์ด้านความมั่นคงแห่งชาติและเสรีภาพทั่วทั้งโลก สหรัฐอเมริการู้สึกว่าการเป็นเจ้าของและการควบคุมเกาะกรีนแลนด์ เป็นสิ่งจำเป็นอย่างที่สุด"
    .
    มูเต เอเกเด นายกรัฐมนตรีกรีนแลนด์ ตอบโต้ความเห็นของทรัมป์ บอกว่า "เราไม่ได้มีไว้ขาย" อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่าชาวกรีนแลนด์ควรยังคงเปิดกว้างสำหรับความร่วมมือและการค้า โดยเฉพาะกับบรรดาชาติเพื่อนบ้าน
    .
    พวกนักวิเคราะห์บอกว่าแผนยกระดับป้องกันเกาะกรีนแลนด์ อยู่ภายใต้การพูดคุยหารือมานานแล้ว และไม่ควรถูกมองว่าเป็นการตอบโต้โดยตรงต่อความเห็นของทรัมป์
    .
    เหล่านักวิเคราะห์มองว่าจนถึงตอนนี้ เดนมาร์ก ยกระดับศักยภาพทางทหารบนเกาะกรีนแลนด์ค่อนข้างช้ามากๆ และหากประเทศแห่งนี้ไม่อาจปกป้องน่านน้ำต่างๆ รอบเกาะจากการล่วงล้ำของจีนและรัสเซีย เมื่อนั้นความต้องการของสหรัฐฯ ในการควบคุมเกาะแห่งนี้ก็จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ
    .
    นายพลสตีน เคียร์การ์ด แห่งสถาบันป้องกันตนเองเดนมาร์ก เชื่อว่าบางทีทรัมป์อาจมีเจตนากดดันให้เดนมาร์ก เคลื่อนไหวดังกล่าว "มีความเป็นไปได้ที่ความเคลื่อนไหวนี้จะถูกจุดชนวนจากคำพูดของทรัมป์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่มุ่งเน้นถึงความจำเป็นสำหรับการควบคุมทางอากาศและทางทะเลรอบเกาะกรีนแลนด์และการพัฒนาต่างๆ ภายในกรีนแลนด์ ดินแดนที่ผู้คนบางส่วนจ้องมองไปยังสหรัฐฯ และเพิ่งเปิดตัวสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ในเมืองนุก"
    .
    เขาบอกกับบีบีซีต่อว่า "ผมคิดว่าทรัมป์ฉลาด เขาทำให้เดนมาร์กให้ความสำคัญกับการยกระดับศักยภาพทางทหารในอาร์กติก ด้วยสุ้มเสียงนี้ โดยไม่จำเป็นต้องรับช่วงต่อระบบสวัสดิการใดๆ ที่ไม่ใช่อเมริกา" เขากล่าว อ้างถึงกรณีที่เกาะกรีนแลนด์ ต้องพึ่งพิงเงินสนับสนุนจากเดนมาร์กเป็นอย่างมาก
    .
    ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2019 ทรัมป์เคยแนะนำให้สหรัฐฯ ซื้อเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก แต่มันนำมาซึ่งเสียงประณามดุด่าอย่างดุเดือดจากพวกผู้นำเกาะ
    .
    ในตอนนั้น เมตเต เฟรเดอริกเซน นายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก ณ ขณะนั้น ให้คำจำกัดความแนวคิดดังกล่าวว่า "ไร้สาระ" ซึ่งมันกระตุ้นให้ ทรัมป์ ยกเลิกทริปเดินทางไปยังเดนมาร์ก ในการเยือนแบบรัฐพิธี
    .
    ทรัมป์ ไม่ใช่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกที่บ่งชี้ว่าอยากซื้อเกาะกรีนแลนด์ แนวคิดนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นครั้งแรกในช่วงทศวรรษ 1860 ภายใต้ประธานาธิบดีแอนดรูว์ จอห์นสัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000123564
    ..............
    Sondhi X
    รัฐบาลเดนมาร์กแถลงเพิ่มการใช้จ่ายด้านการป้องกันตนเองครั้งใหญ่ สำหรับเกาะกรีนแลนด์ ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ พูดย้ำอีกครั้งเกี่ยวกับความปรารถนาของเขาที่อยากซื้อดินแดนในอาร์กติกแห่งนี้ . โทรเอลส์ ลุนด์ พอลเซน รัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์ก บอกว่าแพกเกจใช้จ่ายด้านการป้องกันตนเองสำหรับเกาะกรีนแลนด์ จะเพิ่มขึ้นเท่าตัวสู่หลักพันล้านโครเนอ หรืออย่างน้อยๆ 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ . เขาให้คำจำกัดความกรอบเวลาของการแถลงครั้งนี้ว่าราวกับเป็น "โชคชะตาเล่นตลก" หลังจากเมื่อวันจันทร์ (23 ธ.ค.) ทรัมป์ กล่าวว่าการเป็นเจ้าของและการควบคุมเกาะขนาดใหญ่แห่งนี้ "เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง" สำหรับสหรัฐฯ . เกาะกรีนแลนด์ ดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก เป็นที่ตั้งของฐานทัพอวกาศขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ และมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์สำหรับอเมริกา เนื่องจากมันตั้งอยู่บนเส้นทางที่สั้นที่สุดจากอเมริกาเหนือสู่ยุโรป ขณะเดียวกัน มันยังมีทรัพยากรแร่อันสำคัญด้วย . พอลเซน บอกว่าแพกเกจนี้จะเปิดทางสำหรับจัดซื้อเรือตรวจการณ์ใหม่ 2 ลำ โดรนพิสัยไกลใหม่ 2 ลำ และทีมลากเลื่อนสุนัขพิเศษ 2 ชุด . นอกจากนี้ แพกเกจดังกล่าวยังรวมถึงเงินทุนสำหรับเพิ่มจำนวนบุคลากรในกองบัญชาการอาร์กติกในเมืองนุก เมืองเอกของเกาะกรีนแลนด์ และปรับปรุงยกระดับหนึ่งในท่าอากาศยานพลเมืองหลักที่มีอยู่ 3 แห่งบนเกาะกรีนแลนด์ เพื่อรองรับเครื่องบินขับไล่ซูเปอร์โซนิก F-35 "เราลงทุนในอาร์ติกไม่มากพอมานานหลายปีแล้ว ตอนนี้เรากำลังมีแผนยกระดับประจำการเข้มแข็งขึ้น" พอลเซนระบุ . รัฐมนตรีกลาโหมรายนี้ไม่ได้ให้ตัวเลขที่ชัดเจนเกี่ยวกับแพกเกจดังกล่าว แต่สื่อมวลชนเดนมาร์กคาดหมายว่ามันน่าจะอยู่ที่ราว 12,000 ล้าน ถึง 15,000 ล้านโครเนอ . ถ้อยแถลงนี้มีขึ้น 1 วัน หลังจาก ทรัมป์ ระบุบนทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง ว่า "เพื่อจุดประสงค์ด้านความมั่นคงแห่งชาติและเสรีภาพทั่วทั้งโลก สหรัฐอเมริการู้สึกว่าการเป็นเจ้าของและการควบคุมเกาะกรีนแลนด์ เป็นสิ่งจำเป็นอย่างที่สุด" . มูเต เอเกเด นายกรัฐมนตรีกรีนแลนด์ ตอบโต้ความเห็นของทรัมป์ บอกว่า "เราไม่ได้มีไว้ขาย" อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่าชาวกรีนแลนด์ควรยังคงเปิดกว้างสำหรับความร่วมมือและการค้า โดยเฉพาะกับบรรดาชาติเพื่อนบ้าน . พวกนักวิเคราะห์บอกว่าแผนยกระดับป้องกันเกาะกรีนแลนด์ อยู่ภายใต้การพูดคุยหารือมานานแล้ว และไม่ควรถูกมองว่าเป็นการตอบโต้โดยตรงต่อความเห็นของทรัมป์ . เหล่านักวิเคราะห์มองว่าจนถึงตอนนี้ เดนมาร์ก ยกระดับศักยภาพทางทหารบนเกาะกรีนแลนด์ค่อนข้างช้ามากๆ และหากประเทศแห่งนี้ไม่อาจปกป้องน่านน้ำต่างๆ รอบเกาะจากการล่วงล้ำของจีนและรัสเซีย เมื่อนั้นความต้องการของสหรัฐฯ ในการควบคุมเกาะแห่งนี้ก็จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ . นายพลสตีน เคียร์การ์ด แห่งสถาบันป้องกันตนเองเดนมาร์ก เชื่อว่าบางทีทรัมป์อาจมีเจตนากดดันให้เดนมาร์ก เคลื่อนไหวดังกล่าว "มีความเป็นไปได้ที่ความเคลื่อนไหวนี้จะถูกจุดชนวนจากคำพูดของทรัมป์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่มุ่งเน้นถึงความจำเป็นสำหรับการควบคุมทางอากาศและทางทะเลรอบเกาะกรีนแลนด์และการพัฒนาต่างๆ ภายในกรีนแลนด์ ดินแดนที่ผู้คนบางส่วนจ้องมองไปยังสหรัฐฯ และเพิ่งเปิดตัวสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ในเมืองนุก" . เขาบอกกับบีบีซีต่อว่า "ผมคิดว่าทรัมป์ฉลาด เขาทำให้เดนมาร์กให้ความสำคัญกับการยกระดับศักยภาพทางทหารในอาร์กติก ด้วยสุ้มเสียงนี้ โดยไม่จำเป็นต้องรับช่วงต่อระบบสวัสดิการใดๆ ที่ไม่ใช่อเมริกา" เขากล่าว อ้างถึงกรณีที่เกาะกรีนแลนด์ ต้องพึ่งพิงเงินสนับสนุนจากเดนมาร์กเป็นอย่างมาก . ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2019 ทรัมป์เคยแนะนำให้สหรัฐฯ ซื้อเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก แต่มันนำมาซึ่งเสียงประณามดุด่าอย่างดุเดือดจากพวกผู้นำเกาะ . ในตอนนั้น เมตเต เฟรเดอริกเซน นายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก ณ ขณะนั้น ให้คำจำกัดความแนวคิดดังกล่าวว่า "ไร้สาระ" ซึ่งมันกระตุ้นให้ ทรัมป์ ยกเลิกทริปเดินทางไปยังเดนมาร์ก ในการเยือนแบบรัฐพิธี . ทรัมป์ ไม่ใช่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกที่บ่งชี้ว่าอยากซื้อเกาะกรีนแลนด์ แนวคิดนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นครั้งแรกในช่วงทศวรรษ 1860 ภายใต้ประธานาธิบดีแอนดรูว์ จอห์นสัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000123564 .............. Sondhi X
    Like
    5
    0 Comments 0 Shares 1049 Views 0 Reviews
  • รัสเซียเปิดเผยกองทัพของพวกเขา ทำการซ้อมรบนิวเคลียร์รอบใหม่ ภายใต้การตรวจตราของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ได้เรียกร้องให้ปรับแก้เกณฑ์การใช้มาตรการป้องปรามทางนิวเคลียร์ของมอสโก
    .
    ปูติน พูดถึงแนวโน้มเกี่ยวกับการใช้อาวุธนิวเคลียร์หลายต่อหลายครั้ง ระหว่างรัสเซียปฏิบัติการรุกรานยูเครน และเมื่อเดือนที่แล้ว เขาเสนอให้เปลี่ยนเงื่อนไขการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซีย ให้ครอบคลุมบรรดาประเทศที่ไม่ได้ครอบครองอาวุธร้ายแรงนี้ด้วย
    .
    ข้อเสนอการปรับเปลี่ยนหลักการด้านนิวเคลียร์ของรัสเซียในครั้งนั้น ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนแรงๆ ไปยังสหรัฐฯ และอังกฤษ ซึ่งกำลังใคร่ครวญว่าจะอนุญาตให้ยูเครนนำขีปนาวุธตามแบบของตะวันตกไปใช้ยิงโจมตีเป้าหมายที่อยู่ลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซียหรือไม่
    .
    สำหรับหลักนิยมด้านนิวเคลียร์ฉบับปัจจุบันที่ออกโดยกฤษฎีกาของ ปูติน เมื่อปี 2020 กำหนดเอาไว้ว่า รัสเซียอาจใช้อาวุธนิวเคลียร์ได้ในกรณีที่ถูกศัตรูโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์หรือถูกโจมตีด้วยอาวุธตามแบบ จนถึงขั้น “คุกคามความอยู่รอดของรัฐ”
    .
    เงื่อนไขหลักๆ ที่ ปูติน เพิ่มเติมเข้ามาใหม่ก็คือ การประกาศให้ “เบลารุส” เข้ามาอยู่ภายใต้ร่มนิวเคลียร์ของรัสเซีย และการถือว่ามหาอำนาจนิวเคลียร์ที่สนับสนุนปฏิบัติการโจมตีรัสเซียด้วยอาวุธตามแบบ เป็น "คู่สงคราม" ของรัสเซียด้วย
    .
    กระทรวงหลาโหมรัสเซียระบุในวันอังคาร(29ต.ค.) ว่า "การฝึกซ้อมเป็นการซ้อมรบด้านกำลังพล และแนวทางต่างๆขององค์ประกอบทั้งทางภาคพื้น ทางทะเลและทางอากาศ ของกองกำลังป้องปรามทางยุทธศาสตร์ และได้มีการยิงขีปนาวุธข้ามทวีปลูกหนึ่ง"
    .
    ถ้อยแถลงของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย บอกว่าขีปนาวุธถูกยิงออกจากฐานทดสอบขีปนาวุธ ในแถบคาบสมุทรคัมชัตคา ทางตะวันออกไกล ส่วนขีปนาวุธอื่นๆถูกยิงออกจากเรือดำน้ำลำหนึ่งในทะเลแบเรนตส์ ในแถบอาร์กติก และจากทะเลโอคอตสค์ ในแถบตะวันออกไกลของรัสเซีย
    .
    กระทรวงกลาโหมรัสเซีย อ้างว่าการฝึกฝนประสบความสำเร็จ และขีปนาวุธพุ่งโดนเป้าหมายต่างๆที่กำหนดไว้
    .
    เมื่อเดือนกันยายน ปูติน ได้แนะนำให้มอสโกปรับแก้หลักการนิวเคลียร์ เปิดทางให้พวกเขาปลดปล่อยการตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ในกรณีที่ถูกโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่
    .
    ภายใต้ข้อเสนอปรับแก้นั้น รวมไปถึงกรณีที่รัสเซียจะถือว่าการโจมตีใดๆจากประเทศที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ แต่ได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจนิวเคลียร์หนึ่งๆ เป็นการโจมตีร่วมของทั้ง 2 ชาติ ซึ่งในกรณีนี้น่าจะหมายถึงยูเครน
    .
    แผนดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ ยูเครนกำลังเรียกร้องตะวันตก อนุญาตให้พวกเขาใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่ตะวันตกมอบให้ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้สหรัฐฯยังคงลังเลที่จะให้ไฟเขียว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000104401
    ..............
    Sondhi X
    รัสเซียเปิดเผยกองทัพของพวกเขา ทำการซ้อมรบนิวเคลียร์รอบใหม่ ภายใต้การตรวจตราของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ได้เรียกร้องให้ปรับแก้เกณฑ์การใช้มาตรการป้องปรามทางนิวเคลียร์ของมอสโก . ปูติน พูดถึงแนวโน้มเกี่ยวกับการใช้อาวุธนิวเคลียร์หลายต่อหลายครั้ง ระหว่างรัสเซียปฏิบัติการรุกรานยูเครน และเมื่อเดือนที่แล้ว เขาเสนอให้เปลี่ยนเงื่อนไขการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซีย ให้ครอบคลุมบรรดาประเทศที่ไม่ได้ครอบครองอาวุธร้ายแรงนี้ด้วย . ข้อเสนอการปรับเปลี่ยนหลักการด้านนิวเคลียร์ของรัสเซียในครั้งนั้น ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนแรงๆ ไปยังสหรัฐฯ และอังกฤษ ซึ่งกำลังใคร่ครวญว่าจะอนุญาตให้ยูเครนนำขีปนาวุธตามแบบของตะวันตกไปใช้ยิงโจมตีเป้าหมายที่อยู่ลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซียหรือไม่ . สำหรับหลักนิยมด้านนิวเคลียร์ฉบับปัจจุบันที่ออกโดยกฤษฎีกาของ ปูติน เมื่อปี 2020 กำหนดเอาไว้ว่า รัสเซียอาจใช้อาวุธนิวเคลียร์ได้ในกรณีที่ถูกศัตรูโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์หรือถูกโจมตีด้วยอาวุธตามแบบ จนถึงขั้น “คุกคามความอยู่รอดของรัฐ” . เงื่อนไขหลักๆ ที่ ปูติน เพิ่มเติมเข้ามาใหม่ก็คือ การประกาศให้ “เบลารุส” เข้ามาอยู่ภายใต้ร่มนิวเคลียร์ของรัสเซีย และการถือว่ามหาอำนาจนิวเคลียร์ที่สนับสนุนปฏิบัติการโจมตีรัสเซียด้วยอาวุธตามแบบ เป็น "คู่สงคราม" ของรัสเซียด้วย . กระทรวงหลาโหมรัสเซียระบุในวันอังคาร(29ต.ค.) ว่า "การฝึกซ้อมเป็นการซ้อมรบด้านกำลังพล และแนวทางต่างๆขององค์ประกอบทั้งทางภาคพื้น ทางทะเลและทางอากาศ ของกองกำลังป้องปรามทางยุทธศาสตร์ และได้มีการยิงขีปนาวุธข้ามทวีปลูกหนึ่ง" . ถ้อยแถลงของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย บอกว่าขีปนาวุธถูกยิงออกจากฐานทดสอบขีปนาวุธ ในแถบคาบสมุทรคัมชัตคา ทางตะวันออกไกล ส่วนขีปนาวุธอื่นๆถูกยิงออกจากเรือดำน้ำลำหนึ่งในทะเลแบเรนตส์ ในแถบอาร์กติก และจากทะเลโอคอตสค์ ในแถบตะวันออกไกลของรัสเซีย . กระทรวงกลาโหมรัสเซีย อ้างว่าการฝึกฝนประสบความสำเร็จ และขีปนาวุธพุ่งโดนเป้าหมายต่างๆที่กำหนดไว้ . เมื่อเดือนกันยายน ปูติน ได้แนะนำให้มอสโกปรับแก้หลักการนิวเคลียร์ เปิดทางให้พวกเขาปลดปล่อยการตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ในกรณีที่ถูกโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ . ภายใต้ข้อเสนอปรับแก้นั้น รวมไปถึงกรณีที่รัสเซียจะถือว่าการโจมตีใดๆจากประเทศที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ แต่ได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจนิวเคลียร์หนึ่งๆ เป็นการโจมตีร่วมของทั้ง 2 ชาติ ซึ่งในกรณีนี้น่าจะหมายถึงยูเครน . แผนดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ ยูเครนกำลังเรียกร้องตะวันตก อนุญาตให้พวกเขาใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่ตะวันตกมอบให้ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้สหรัฐฯยังคงลังเลที่จะให้ไฟเขียว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000104401 .............. Sondhi X
    Like
    Yay
    Sad
    Angry
    9
    0 Comments 0 Shares 1648 Views 0 Reviews
  • ..ไม่อยากจะเชื่อว่านี้คือของจริง อาจคิดว่าเป็นCGIทำแน่ๆ ตรองกันเอง.

    ..วิดีโอนี้ถ่ายทำในอาร์กติกเซอร์เคิล ระหว่างชายแดนแคนาดา-อลาสก้า-รัสเซีย

    ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นได้เพียงปีละครั้ง เป็นเวลา 36 วินาที ดวงจันทร์ปรากฏและหายไป

    หลังจากนั้นไม่นาน สุริยุปราคาเต็มดวงจะเกิดเป็นเวลา 5 วินาที

    ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นเฉพาะที่ตำแหน่งใกล้โลกที่สุดเท่านั้น
    ..ไม่อยากจะเชื่อว่านี้คือของจริง อาจคิดว่าเป็นCGIทำแน่ๆ ตรองกันเอง. ..วิดีโอนี้ถ่ายทำในอาร์กติกเซอร์เคิล ระหว่างชายแดนแคนาดา-อลาสก้า-รัสเซีย ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นได้เพียงปีละครั้ง เป็นเวลา 36 วินาที ดวงจันทร์ปรากฏและหายไป หลังจากนั้นไม่นาน สุริยุปราคาเต็มดวงจะเกิดเป็นเวลา 5 วินาที ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นเฉพาะที่ตำแหน่งใกล้โลกที่สุดเท่านั้น
    0 Comments 0 Shares 269 Views 19 0 Reviews
  • รัสเซียพร้อมถล่มนาโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ทุกเมื่อ:

    วันก่อน กองทัพยูเครนยิงโดรนถล่มคลังแสงของรัสเซียที่เมืองตเวียร์ เพลิงลุกโชติช่วงชัชวาล ตอนนี้ รัสเซียได้ข้อมูลชัดเจนแล้วว่าจักรวรรดิ์นิยมอเมริกาเสแสร้งบอกว่าจะไม่สนับสนุนให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลยิงใส่รัสเซีย แต่ลับหลังกลับใช้ดาวเทียมคอยระบุพิกัดเมืองต่างๆ ของรัสเซียให้ยูเครนยิงถล่มใส่

    กองทัพรัสเซียจึงยิงถล่มสำนักงานใหญ่ค่ายทหารของยูเครนที่กรุงเคียฟ ซึ่งเป็นสำนักงานที่เสนาธิการทหารนาโต้จำนวนมากไปอยู่ช่วยวางแผนให้ยูเครนรบกับรัสเซีย ผลก็คือเสนาธิการทหารของนาโต้เสียชีวิตจำนวนมาก

    พร้อมกันนั้น รัสเซียก็กำลังทดลองเอาขีปนาวุธซึ่งจะนำหัวรบนิวเคลียร์ไปปล่อยมาทดสอบความพร้อมอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็ส่งเรือดำน้ำติดอาวุธนิวเคลียร์จำนวนหนึ่งเข้าประจำที่มหาสมุทรอาร์กติกด้วย

    เครือข่ายยิวไซออนิสต์จะต้องถูกถล่มให้เดี๊ยงในอเมริกาและยุโรป และหมดพิษสงในตะวันออกกลาง โลกนี้จึงจะสงบลงครับ


    ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    รัสเซียพร้อมถล่มนาโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ทุกเมื่อ: วันก่อน กองทัพยูเครนยิงโดรนถล่มคลังแสงของรัสเซียที่เมืองตเวียร์ เพลิงลุกโชติช่วงชัชวาล ตอนนี้ รัสเซียได้ข้อมูลชัดเจนแล้วว่าจักรวรรดิ์นิยมอเมริกาเสแสร้งบอกว่าจะไม่สนับสนุนให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลยิงใส่รัสเซีย แต่ลับหลังกลับใช้ดาวเทียมคอยระบุพิกัดเมืองต่างๆ ของรัสเซียให้ยูเครนยิงถล่มใส่ กองทัพรัสเซียจึงยิงถล่มสำนักงานใหญ่ค่ายทหารของยูเครนที่กรุงเคียฟ ซึ่งเป็นสำนักงานที่เสนาธิการทหารนาโต้จำนวนมากไปอยู่ช่วยวางแผนให้ยูเครนรบกับรัสเซีย ผลก็คือเสนาธิการทหารของนาโต้เสียชีวิตจำนวนมาก พร้อมกันนั้น รัสเซียก็กำลังทดลองเอาขีปนาวุธซึ่งจะนำหัวรบนิวเคลียร์ไปปล่อยมาทดสอบความพร้อมอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็ส่งเรือดำน้ำติดอาวุธนิวเคลียร์จำนวนหนึ่งเข้าประจำที่มหาสมุทรอาร์กติกด้วย เครือข่ายยิวไซออนิสต์จะต้องถูกถล่มให้เดี๊ยงในอเมริกาและยุโรป และหมดพิษสงในตะวันออกกลาง โลกนี้จึงจะสงบลงครับ ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    0 Comments 0 Shares 386 Views 0 Reviews
  • “อันตราย” เอามากๆ กับความคิด ความริเริ่ม ของคุณพ่ออเมริกาและพวกพรมเช็ดเท้าแห่งโลกตะวันตก ที่กำลังจะอนุมัติ อนุญาต ให้ “ตัวตลก-ตัวแทน” อย่างยูเครน นำเอาขีปนาวุธพิสัยไกลที่ได้รับการสนับสนุน ประเภท “Storm Shadows” หรือ “ATACMS” อะไรทำนองนั้น โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของหมีขาวรัสเซีย อันเป็นสิ่งที่ผู้นำรัสเซียอย่างประธานาธิบดี “ปูติน” ท่านได้แปลความ อธิบายขยายความ ไว้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน ว่าย่อมหมายถึง “การกระทำให้ NATO คือคู่สงครามโดยตรงกับรัสเซีย” และได้เตือนเอาไว้นิ่มๆ ประมาณว่า “ถ้าหากกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นจริง...เมื่อคำนึงถึงการเปลี่ยนไปของลักษณะความขัดแย้ง เราก็คงต้องตัดสินใจอย่างเหมาะสมต่อภัยคุกคามที่เราจะต้องเผชิญหน้า!!!”

    คือถึงจะเป็นอะไรที่นิ่มๆ...แต่ก็อย่าลืมไปว่าหมีขาวรัสเซียที่ออกจะดุแสนดุนั้น ก็คือ “ชาตินิวเคลียร์” อันดับต้นๆ ของโลก หรืออันดับหนึ่งของโลกเอาเลยก็ว่าได้ ดังนั้น...การที่รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา “นายAntony Blinken” และรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ “นายDavid Lammy” ที่เกี่ยวก้อยไปเยือนประเทศยูเครนกันถึงที่เมื่อไม่กี่วันนี้ จะออกมาพูดด้วยน้ำเสียง หางเสียงเดียวกัน ถึงความเป็นไปได้ที่จะอนุมัติให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่ฝ่ายตะวันตกมอบให้โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย รวมทั้งประธานาธิบดีอเมริกา อย่าง “โจ เอ๋อ” หรือ “โจ ซึมเซา” ที่เหลือเวลาดำรงตำแหน่งแค่อีกไม่กี่เดือนจะออกมาแสดงท่าทีกำๆ กวมๆ ว่ากำลังเร่งพิจารณาเรื่องราวดังกล่าวอย่างเต็มที่ มันจึงแทบไม่ต่างอะไรไปจาก “เด็ก” ที่ชอบเล่นไม้ขีดไฟ ที่กำลังจุดไม้ขีดก้านแล้ว-ก้านเล่า อยู่หน้าโรงงานดินระเบิดซึ่งถูกชโลมไว้ด้วยน้ำมันก๊าด น้ำมันเบนซิน ชนิดอะไรต่อมิอะไรอาจลุกพึ่บๆ พั่บๆ ขึ้นมาได้ง่ายๆ...

    เพราะแม้แต่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” และผู้ร่วมก่อตั้งชุมชนข่าวกรอง “VIPS” (Veteran Intelligence Professionals for Sanity) อย่าง “นายRay McGovern” ที่เป็นชาวอเมริกันด้วยกันเอง ยังต้องออกมาให้ความคิด-ความเห็นกับสำนักข่าว “Sputnik” ไปเมื่อสองวันก่อนนั่นแหละว่า... “พวกเขา(อเมริกา)ต้องการที่จะยั่วยุปูติน ให้ต้องลงมือกระทำบางสิ่งบางอย่างที่ร้ายแรงก่อนที่จะมีการเลือกตั้งอเมริกาในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ เพราะพวกเขาสูญเสียอย่างมากในการบุกแคว้น Kursk ของรัสเซีย” หรือพยายายาม “ยั่วยวนกวนส้นตีน” แบบเดียวกับอิสราเอลยั่วอิหร่านในแนวรบตะวันออกกลาง หรือไต้หวัน ฟิลิปปินส์ยั่วจีนในแนวรบทะเลจีนใต้ เพื่อที่จะก่อให้เกิดฉากสถานการณ์ที่ “เครื่องจักรสังหาร” อย่างกองทัพอเมริกันเกิดความชอบธรรมในการใช้กำลังทหาร หรือความชอบธรรมที่จะนำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งอเมริกา...นั่นเอง...

    โดยที่การยั่วยวนกวนส้นตีนของอเมริกาและพันธมิตรตะวันตกต่อรัสเซียช่วงหลังๆ นี้...ต้องเรียกว่าน่าหวาดเสียว น่าขนลุกขนพองยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ชนิดที่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” ถึงกับต้องปรารภ รำพึง ถึงขั้นว่า... “สิ่งที่ผมกลัวก็คือ พวกเขาอาจไปไกลถึงขั้นคิดให้ยูเครนใช้อาวุธนิวเคลียร์ฉบับกระเป๋า หรือนิวเคลียร์ทางยุทธวิธี (mini nuke) สู้กับรัสเซียเอาเลยก็ไม่แน่!!!” และ “มันเป็นเรื่องค่อนข้างยากที่จะรู้ว่าไบเดน ที่ปรึกษาความมั่นคง Sullivan และคณะผู้บริหารรัฐบาลอเมริกันชุดนี้คิดอย่างไร? เพื่อนสนิทของผมบางคนที่เป็นนักวิเคราะห์ด้วยกันถึงกับต้องสรุปว่าพวกเขา...บ้าไปแล้ว (insane) ดังนั้นมันเลยเป็นเรื่องจริงยิ่งกว่าจริงว่าคงยากเอามากๆ ที่จะทำนายได้ว่าพวกเขาคิดทำอะไรต่อไป ถ้าหากเขาทั้งหลาย...บ้าไปแล้ว!!!” ซึ่งก็คงไม่ใช่แต่เฉพาะอดีตนักวิเคราะห์ “CIA” อย่าง “นายRay McGovern” รายเดียวเท่านั้น อดีตเอกอัครราชทูตอเมริกันประจำโซเวียตรัสเซียอย่าง “นายJack Matlock” เอง ก็ยังต้องออกมาตอกย้ำไว้ด้วยว่าความพยายามของรัฐบาลอเมริกันในอันที่จะอาศัย “สงครามที่ไม่มีความชัดเจน” สู้กับรัสเซียโดยอาศัยยูเครนเป็นตัวแทนนั้น เป็นสิ่งที่ “อันตราย”

    เอามากๆ...หรือกระทั่งอดีตผู้คิดจะสมัครลงแข่ง ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกันคราวนี้ อย่าง “Robert F. Kennedy Jr.” ยังอดไม่ได้ที่จะต้องออกมาเตือนไว้ล่วงหน้าว่า... “นโยบายเผชิญหน้าขั้นสูงสุดของไบเดนเพื่อยัดเยียดความปราชัยอันน่าอับอายให้กับรัสเซียและเพื่อเปลี่ยนระบอบการปกครองของปูตินนั้น...คือสูตรสำเร็จสำหรับหายนะทางนิวเคลียร์” เอาเลยถึงขั้นนั้นหรือรัฐบาลคุณปู่ “โจ ซึมเซา” ที่กำลังเหลือเวลาอยู่ในตำแหน่งแค่อีกไม่กี่เดือนนี่แหละ อาจกำลังฉุดกระชากลากถูบรรดาชาวอเมริกันทั้งประเทศรวมทั้งชาวโลกทั้งหลาย เข้าสู่ “สงครามนิวเคลียร์” เอาเลยก็เป็นได้ ด้วยเหตุเพราะรัสเซียนั้นไม่ใช่ประเทศอื่นๆโดยทั่วไป แต่ถือเป็น “ชาตินิวเคลียร์” แถมยังกำอาวุธมหาประลัยชนิดนี้ไว้ในมือไม่รู้จะกี่พันต่อกี่พันลูก โดยผู้ที่อาจต้อง “ซวย” เป็นอันดับแรก ก็ดังที่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” “นายRay McGovern” ได้วาดจินตนาการไว้ล่วงหน้านั่นแหละว่า... “ถ้าหากรัสเซียต้องการจะบอกกับชาวยุโรปว่า ถ้าพวกคุณคิดจะใช้นิวเคลียร์ทางยุทธวิธีกับเราก็อย่าลืมว่าเราก็มีอาวุธนิวเคลียร์เหมือนกัน แล้วที่ไหนล่ะ...ที่รัสเซียจะงัดคำเตือนเหล่านี้ออกมาแสดงให้เห็น นั่นก็น่าจะเป็น...ยุโรปนั่นเอง!!!”...

    อย่างไรก็ตาม...สิ่งที่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” รายนี้ ยังพยายาม “มองโลกในแง่ดี” เอาไว้มั่ง นั่นก็คือ... “ผมคิดว่าปูตินยังฉลาดพอ ที่จะรอให้เห็นกันชัดๆ ซะก่อนว่า ใคร??? ที่จะชนะเลือกตั้งได้เป็นผู้นำอเมริกา เพียงแต่ในช่วงระหว่างนั้นแม้แต่ผมก็ยังต้องกลั้นหายใจกับสถานการณ์ที่กำลังเป็นอยู่” อันน่าจะเป็นไปเช่นเดียวกับพันธมิตรของจีนและรัสเซียอย่างอิหร่าน เป็นต้น ที่ต้องพยายามก้าวย่างอย่างระมัดระวังในการ “แก้แค้น-เอาคืน” ต่อการยั่วยวนกวนส้นตีนของอิสราเอล เพื่อไม่ให้ต้องก้าวไปสู่ “กับดัก”

    ของพันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์ของคุณพ่ออเมริกาเอาง่ายๆ ต้องกลั้นใจ สะกดใจ หันไปเล่น “หมากล้อม” ต่อไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เกิดเงื่อนไข-เหตุปัจจัย อันจะทำให้พวก “อีลิทโลก” ผู้ซึ่งเพียรพยายามพิทักษ์ ปกป้อง “ระเบียบโลกแบบเดิมๆ” ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้ตัวเองมั่งคั่ง ร่ำรวย อย่างชนิดอภิมหาศาล สามารถดำรงคงอยู่ได้อีกต่อไป ที่พยายามทั้งผลัก ทั้งดัน ให้บรรดารัฐบาลแห่งโลกตะวันตกทั้งหลาย “จุดไฟนรกสุดขอบฟ้า” ขึ้นมาให้จงได้!!!

    และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้หมีขาวที่ได้ชื่อว่าดุแสนดุอย่างรัสเซีย เลยต้องหันไปส่งสัญญาณด้วยปฏิบัติการ “ซ้อมรบ” ทางเรือครั้งใหญ่ ที่เรียกๆ กันว่า “Ocean-2024” ตั้งแต่เมื่อช่วงวันอังคารที่ผ่านมา (10 ก.ย.) ด้วยการขนเอาเรือรบไม่ต่ำกว่า 400 ลำ เครื่องบินรบอีก 120 ลำ ทวยทหารอีกถึง 90,000 นาย ออกมาเบ่งกล้ามอวดโชว์กำลังในน่านน้ำแทบทุกน่านน้ำไม่ว่าในมหาสมุทรแปซิฟิก อาร์กติก ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทะเลแคสเปียน ไปจนแถบทะเลบอลติกโดยมีคุณพี่จีนเข้าร่วมด้วยหรือร่วมส่งสัญญาณไปถึงประเทศญี่ปุ่น-ยุ่นปี่ ที่กำลังคิดเอาขีปนาวุธพิสัยกลางของคุณพ่ออเมริกามาติดตั้งไว้ในประเทศตัวเองในอีกไม่นาน-ไม่ช้านับจากนี้...

    แต่ส่วนจะทำให้อเมริกาและพันธมิตรพรมเช็ดเท้าแห่งโลกตะวันตก...พอที่จะ “หายบ้า” หรือพอที่จะได้ “สติ” ขึ้นมาได้มั่งหรือไม่? อย่างไร? อันนั้น...คงต้องคอยสวดมนต์และภาวนากันไปตามสภาพ ไม่ก็ต้องหันไป “กลั้นหายใจ” แบบเดียวกับที่ “นายRay McGovern” ได้ว่าเอาไว้นั่นแหละ คือถ้าหากอีก 2 เดือนข้างหน้า “ทรัมป์บ้า” สามารถดิ้นรนกลับมาเป็นผู้นำอเมริกาได้ดังเดิม มันก็อาจเบาๆ ลงไปได้บ้างสำหรับ “แนวรบ” บางด้าน เช่นแนวรบยุโรปตะวันออก เป็นต้น แต่ถ้าหากคุณน้อง “กมลา” เธอสามารถนอนมาโดยไม่ต้องมีพระสวดนำหน้า แบบที่บรรดา “โพล” หลายๆ สำนักพยายามเชียร์แล้ว เชียร์อีก แม้จะก่อให้เกิดความซี๊ดๆ ซ๊าดๆ ต่อบรรดา “ติ่งอเมริกา” เพียงใดก็เถอะ แต่...ก็อาจนำมาซึ่ง “สงครามกลางเมืองครั้งใหม่” ของอเมริกา หรือนำมาซึ่ง “ความล่มสลาย” ลงไปเองเอาเลยก็เป็นได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปงัดอาวุธมหาประลัยใดๆ ออกมาใช้ให้ต้องมากเรื่อง-มากความ หรือให้บรรดา “พลโลก” อย่างเราๆ-ทั่นๆ ทั้งหลาย ต้องพลอยเดือดร้อน หรือพลอย “ซวย” ไปด้วยอย่างมิอาจช่วยอะไรได้เลย...

    https://mgronline.com/daily/detail/9670000086180

    #Thaitimes
    “อันตราย” เอามากๆ กับความคิด ความริเริ่ม ของคุณพ่ออเมริกาและพวกพรมเช็ดเท้าแห่งโลกตะวันตก ที่กำลังจะอนุมัติ อนุญาต ให้ “ตัวตลก-ตัวแทน” อย่างยูเครน นำเอาขีปนาวุธพิสัยไกลที่ได้รับการสนับสนุน ประเภท “Storm Shadows” หรือ “ATACMS” อะไรทำนองนั้น โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของหมีขาวรัสเซีย อันเป็นสิ่งที่ผู้นำรัสเซียอย่างประธานาธิบดี “ปูติน” ท่านได้แปลความ อธิบายขยายความ ไว้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน ว่าย่อมหมายถึง “การกระทำให้ NATO คือคู่สงครามโดยตรงกับรัสเซีย” และได้เตือนเอาไว้นิ่มๆ ประมาณว่า “ถ้าหากกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นจริง...เมื่อคำนึงถึงการเปลี่ยนไปของลักษณะความขัดแย้ง เราก็คงต้องตัดสินใจอย่างเหมาะสมต่อภัยคุกคามที่เราจะต้องเผชิญหน้า!!!” คือถึงจะเป็นอะไรที่นิ่มๆ...แต่ก็อย่าลืมไปว่าหมีขาวรัสเซียที่ออกจะดุแสนดุนั้น ก็คือ “ชาตินิวเคลียร์” อันดับต้นๆ ของโลก หรืออันดับหนึ่งของโลกเอาเลยก็ว่าได้ ดังนั้น...การที่รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา “นายAntony Blinken” และรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ “นายDavid Lammy” ที่เกี่ยวก้อยไปเยือนประเทศยูเครนกันถึงที่เมื่อไม่กี่วันนี้ จะออกมาพูดด้วยน้ำเสียง หางเสียงเดียวกัน ถึงความเป็นไปได้ที่จะอนุมัติให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่ฝ่ายตะวันตกมอบให้โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย รวมทั้งประธานาธิบดีอเมริกา อย่าง “โจ เอ๋อ” หรือ “โจ ซึมเซา” ที่เหลือเวลาดำรงตำแหน่งแค่อีกไม่กี่เดือนจะออกมาแสดงท่าทีกำๆ กวมๆ ว่ากำลังเร่งพิจารณาเรื่องราวดังกล่าวอย่างเต็มที่ มันจึงแทบไม่ต่างอะไรไปจาก “เด็ก” ที่ชอบเล่นไม้ขีดไฟ ที่กำลังจุดไม้ขีดก้านแล้ว-ก้านเล่า อยู่หน้าโรงงานดินระเบิดซึ่งถูกชโลมไว้ด้วยน้ำมันก๊าด น้ำมันเบนซิน ชนิดอะไรต่อมิอะไรอาจลุกพึ่บๆ พั่บๆ ขึ้นมาได้ง่ายๆ... เพราะแม้แต่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” และผู้ร่วมก่อตั้งชุมชนข่าวกรอง “VIPS” (Veteran Intelligence Professionals for Sanity) อย่าง “นายRay McGovern” ที่เป็นชาวอเมริกันด้วยกันเอง ยังต้องออกมาให้ความคิด-ความเห็นกับสำนักข่าว “Sputnik” ไปเมื่อสองวันก่อนนั่นแหละว่า... “พวกเขา(อเมริกา)ต้องการที่จะยั่วยุปูติน ให้ต้องลงมือกระทำบางสิ่งบางอย่างที่ร้ายแรงก่อนที่จะมีการเลือกตั้งอเมริกาในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ เพราะพวกเขาสูญเสียอย่างมากในการบุกแคว้น Kursk ของรัสเซีย” หรือพยายายาม “ยั่วยวนกวนส้นตีน” แบบเดียวกับอิสราเอลยั่วอิหร่านในแนวรบตะวันออกกลาง หรือไต้หวัน ฟิลิปปินส์ยั่วจีนในแนวรบทะเลจีนใต้ เพื่อที่จะก่อให้เกิดฉากสถานการณ์ที่ “เครื่องจักรสังหาร” อย่างกองทัพอเมริกันเกิดความชอบธรรมในการใช้กำลังทหาร หรือความชอบธรรมที่จะนำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งอเมริกา...นั่นเอง... โดยที่การยั่วยวนกวนส้นตีนของอเมริกาและพันธมิตรตะวันตกต่อรัสเซียช่วงหลังๆ นี้...ต้องเรียกว่าน่าหวาดเสียว น่าขนลุกขนพองยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ชนิดที่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” ถึงกับต้องปรารภ รำพึง ถึงขั้นว่า... “สิ่งที่ผมกลัวก็คือ พวกเขาอาจไปไกลถึงขั้นคิดให้ยูเครนใช้อาวุธนิวเคลียร์ฉบับกระเป๋า หรือนิวเคลียร์ทางยุทธวิธี (mini nuke) สู้กับรัสเซียเอาเลยก็ไม่แน่!!!” และ “มันเป็นเรื่องค่อนข้างยากที่จะรู้ว่าไบเดน ที่ปรึกษาความมั่นคง Sullivan และคณะผู้บริหารรัฐบาลอเมริกันชุดนี้คิดอย่างไร? เพื่อนสนิทของผมบางคนที่เป็นนักวิเคราะห์ด้วยกันถึงกับต้องสรุปว่าพวกเขา...บ้าไปแล้ว (insane) ดังนั้นมันเลยเป็นเรื่องจริงยิ่งกว่าจริงว่าคงยากเอามากๆ ที่จะทำนายได้ว่าพวกเขาคิดทำอะไรต่อไป ถ้าหากเขาทั้งหลาย...บ้าไปแล้ว!!!” ซึ่งก็คงไม่ใช่แต่เฉพาะอดีตนักวิเคราะห์ “CIA” อย่าง “นายRay McGovern” รายเดียวเท่านั้น อดีตเอกอัครราชทูตอเมริกันประจำโซเวียตรัสเซียอย่าง “นายJack Matlock” เอง ก็ยังต้องออกมาตอกย้ำไว้ด้วยว่าความพยายามของรัฐบาลอเมริกันในอันที่จะอาศัย “สงครามที่ไม่มีความชัดเจน” สู้กับรัสเซียโดยอาศัยยูเครนเป็นตัวแทนนั้น เป็นสิ่งที่ “อันตราย” เอามากๆ...หรือกระทั่งอดีตผู้คิดจะสมัครลงแข่ง ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกันคราวนี้ อย่าง “Robert F. Kennedy Jr.” ยังอดไม่ได้ที่จะต้องออกมาเตือนไว้ล่วงหน้าว่า... “นโยบายเผชิญหน้าขั้นสูงสุดของไบเดนเพื่อยัดเยียดความปราชัยอันน่าอับอายให้กับรัสเซียและเพื่อเปลี่ยนระบอบการปกครองของปูตินนั้น...คือสูตรสำเร็จสำหรับหายนะทางนิวเคลียร์” เอาเลยถึงขั้นนั้นหรือรัฐบาลคุณปู่ “โจ ซึมเซา” ที่กำลังเหลือเวลาอยู่ในตำแหน่งแค่อีกไม่กี่เดือนนี่แหละ อาจกำลังฉุดกระชากลากถูบรรดาชาวอเมริกันทั้งประเทศรวมทั้งชาวโลกทั้งหลาย เข้าสู่ “สงครามนิวเคลียร์” เอาเลยก็เป็นได้ ด้วยเหตุเพราะรัสเซียนั้นไม่ใช่ประเทศอื่นๆโดยทั่วไป แต่ถือเป็น “ชาตินิวเคลียร์” แถมยังกำอาวุธมหาประลัยชนิดนี้ไว้ในมือไม่รู้จะกี่พันต่อกี่พันลูก โดยผู้ที่อาจต้อง “ซวย” เป็นอันดับแรก ก็ดังที่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” “นายRay McGovern” ได้วาดจินตนาการไว้ล่วงหน้านั่นแหละว่า... “ถ้าหากรัสเซียต้องการจะบอกกับชาวยุโรปว่า ถ้าพวกคุณคิดจะใช้นิวเคลียร์ทางยุทธวิธีกับเราก็อย่าลืมว่าเราก็มีอาวุธนิวเคลียร์เหมือนกัน แล้วที่ไหนล่ะ...ที่รัสเซียจะงัดคำเตือนเหล่านี้ออกมาแสดงให้เห็น นั่นก็น่าจะเป็น...ยุโรปนั่นเอง!!!”... อย่างไรก็ตาม...สิ่งที่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” รายนี้ ยังพยายาม “มองโลกในแง่ดี” เอาไว้มั่ง นั่นก็คือ... “ผมคิดว่าปูตินยังฉลาดพอ ที่จะรอให้เห็นกันชัดๆ ซะก่อนว่า ใคร??? ที่จะชนะเลือกตั้งได้เป็นผู้นำอเมริกา เพียงแต่ในช่วงระหว่างนั้นแม้แต่ผมก็ยังต้องกลั้นหายใจกับสถานการณ์ที่กำลังเป็นอยู่” อันน่าจะเป็นไปเช่นเดียวกับพันธมิตรของจีนและรัสเซียอย่างอิหร่าน เป็นต้น ที่ต้องพยายามก้าวย่างอย่างระมัดระวังในการ “แก้แค้น-เอาคืน” ต่อการยั่วยวนกวนส้นตีนของอิสราเอล เพื่อไม่ให้ต้องก้าวไปสู่ “กับดัก” ของพันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์ของคุณพ่ออเมริกาเอาง่ายๆ ต้องกลั้นใจ สะกดใจ หันไปเล่น “หมากล้อม” ต่อไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เกิดเงื่อนไข-เหตุปัจจัย อันจะทำให้พวก “อีลิทโลก” ผู้ซึ่งเพียรพยายามพิทักษ์ ปกป้อง “ระเบียบโลกแบบเดิมๆ” ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้ตัวเองมั่งคั่ง ร่ำรวย อย่างชนิดอภิมหาศาล สามารถดำรงคงอยู่ได้อีกต่อไป ที่พยายามทั้งผลัก ทั้งดัน ให้บรรดารัฐบาลแห่งโลกตะวันตกทั้งหลาย “จุดไฟนรกสุดขอบฟ้า” ขึ้นมาให้จงได้!!! และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้หมีขาวที่ได้ชื่อว่าดุแสนดุอย่างรัสเซีย เลยต้องหันไปส่งสัญญาณด้วยปฏิบัติการ “ซ้อมรบ” ทางเรือครั้งใหญ่ ที่เรียกๆ กันว่า “Ocean-2024” ตั้งแต่เมื่อช่วงวันอังคารที่ผ่านมา (10 ก.ย.) ด้วยการขนเอาเรือรบไม่ต่ำกว่า 400 ลำ เครื่องบินรบอีก 120 ลำ ทวยทหารอีกถึง 90,000 นาย ออกมาเบ่งกล้ามอวดโชว์กำลังในน่านน้ำแทบทุกน่านน้ำไม่ว่าในมหาสมุทรแปซิฟิก อาร์กติก ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทะเลแคสเปียน ไปจนแถบทะเลบอลติกโดยมีคุณพี่จีนเข้าร่วมด้วยหรือร่วมส่งสัญญาณไปถึงประเทศญี่ปุ่น-ยุ่นปี่ ที่กำลังคิดเอาขีปนาวุธพิสัยกลางของคุณพ่ออเมริกามาติดตั้งไว้ในประเทศตัวเองในอีกไม่นาน-ไม่ช้านับจากนี้... แต่ส่วนจะทำให้อเมริกาและพันธมิตรพรมเช็ดเท้าแห่งโลกตะวันตก...พอที่จะ “หายบ้า” หรือพอที่จะได้ “สติ” ขึ้นมาได้มั่งหรือไม่? อย่างไร? อันนั้น...คงต้องคอยสวดมนต์และภาวนากันไปตามสภาพ ไม่ก็ต้องหันไป “กลั้นหายใจ” แบบเดียวกับที่ “นายRay McGovern” ได้ว่าเอาไว้นั่นแหละ คือถ้าหากอีก 2 เดือนข้างหน้า “ทรัมป์บ้า” สามารถดิ้นรนกลับมาเป็นผู้นำอเมริกาได้ดังเดิม มันก็อาจเบาๆ ลงไปได้บ้างสำหรับ “แนวรบ” บางด้าน เช่นแนวรบยุโรปตะวันออก เป็นต้น แต่ถ้าหากคุณน้อง “กมลา” เธอสามารถนอนมาโดยไม่ต้องมีพระสวดนำหน้า แบบที่บรรดา “โพล” หลายๆ สำนักพยายามเชียร์แล้ว เชียร์อีก แม้จะก่อให้เกิดความซี๊ดๆ ซ๊าดๆ ต่อบรรดา “ติ่งอเมริกา” เพียงใดก็เถอะ แต่...ก็อาจนำมาซึ่ง “สงครามกลางเมืองครั้งใหม่” ของอเมริกา หรือนำมาซึ่ง “ความล่มสลาย” ลงไปเองเอาเลยก็เป็นได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปงัดอาวุธมหาประลัยใดๆ ออกมาใช้ให้ต้องมากเรื่อง-มากความ หรือให้บรรดา “พลโลก” อย่างเราๆ-ทั่นๆ ทั้งหลาย ต้องพลอยเดือดร้อน หรือพลอย “ซวย” ไปด้วยอย่างมิอาจช่วยอะไรได้เลย... https://mgronline.com/daily/detail/9670000086180 #Thaitimes
    MGRONLINE.COM
    “สงครามโลก” ก่อนหรือหลัง “เลือกตั้งอเมริกา”???
    ถึงแม้การเลือกตั้งอเมริกาจะเหลืออีกประมาณเดือนกว่าๆ ใกล้ๆ 2 เดือน...แต่ก็คงไม่น่าถึงกับต้องไปให้ความสำคัญกับการ “ดีเบต” หรือการโต้กันไป-โต้กันมา ระหว่าง 2 ผู้สมัคร คู่ชิง อย่าง “ทรัมป์บ้า” หรือคุณน้อง “กมลา”
    Like
    Sad
    3
    0 Comments 0 Shares 1414 Views 0 Reviews
More Results