• BOOX เปิดตัว Note Air5 C และ Palma 2 Pro – อุปกรณ์ ePaper สีใหม่เพื่อการอ่าน เขียน และเชื่อมต่ออย่างอิสระ

    BOOX ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี E Ink เปิดตัวอุปกรณ์ใหม่ 2 รุ่น ได้แก่ Note Air5 C และ Palma 2 Pro ซึ่งเป็น ePaper สีรุ่นล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อการอ่าน เขียน และทำงานแบบพกพา โดยทั้งสองรุ่นใช้หน้าจอ Kaleido 3 ที่แสดงสีได้อย่างนุ่มนวลและสบายตา พร้อมฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ยุคใหม่

    Note Air5 C เป็นแท็บเล็ตขนาด 10.3 นิ้วที่รองรับการเชื่อมต่อคีย์บอร์ดผ่านแม่เหล็ก มีระบบ Android 15 และปากกา Pen3 รุ่นใหม่ที่ให้สัมผัสเหมือนเขียนบนกระดาษจริง รองรับการทำงานแบบแบ่งหน้าจอและมีไฟหน้าปรับโทนสีได้ เหมาะสำหรับนักเรียน นักเขียน และมืออาชีพที่ต้องการอุปกรณ์จดบันทึกที่ยืดหยุ่น

    Palma 2 Pro เป็นอุปกรณ์ขนาดพกพา 6.13 นิ้ว น้ำหนักเพียง 175 กรัม มาพร้อม 5G และระบบ Android 15 เหมาะสำหรับการอ่านและจดบันทึกระหว่างเดินทาง รองรับปากกา InkSense Plus และมีฟีเจอร์ปรับแสงอัตโนมัติเพื่อความสบายตา

    ทั้งสองรุ่นใช้เทคโนโลยี BOOX Super Refresh เพื่อการตอบสนองที่รวดเร็ว และมีระบบ Smart Scribe ที่ใช้ AI ช่วยจัดการโน้ตและแผนผังความคิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    การเปิดตัว Note Air5 C
    หน้าจอ Kaleido 3 ขนาด 10.3 นิ้ว แสดงสีได้สบายตา
    รองรับคีย์บอร์ดแม่เหล็กและปากกา Pen3 รุ่นใหม่
    ระบบ Android 15 และ BOOX Firmware V4.1
    รองรับการแบ่งหน้าจอและไฟหน้าปรับโทนสี
    เหมาะสำหรับงานจดบันทึกและสร้างสรรค์เนื้อหา

    การเปิดตัว Palma 2 Pro
    ขนาด 6.13 นิ้ว น้ำหนัก 175 กรัม พกพาสะดวก
    รองรับ 5G และ Android 15
    ใช้ปากกา InkSense Plus สำหรับจดโน้ต
    มีไฟหน้าปรับอัตโนมัติตามสภาพแสง
    เหมาะสำหรับการอ่านและจดบันทึกระหว่างเดินทาง

    เทคโนโลยีและฟีเจอร์เด่น
    BOOX Super Refresh ช่วยให้การตอบสนองเร็วขึ้น
    Smart Scribe ใช้ AI จัดการโน้ตและแผนผังความคิด
    รองรับการใช้งานแบบ multitasking และ chiplet CPU
    มีระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือและหมุนหน้าจออัตโนมัติ
    ดีไซน์กันน้ำแบบ textured พร้อมสี Charcoal Black และ Ivory White

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    ราคาค่อนข้างสูง: Note Air5 C เริ่มต้นที่ $499.99 และ Palma 2 Pro ที่ $379.99
    อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการอุปกรณ์มัลติมีเดียเต็มรูปแบบ
    การใช้งานบางฟีเจอร์อาจต้องเรียนรู้เพิ่มเติม เช่น Smart Scribe
    หน้าจอ E Ink สีอาจไม่เหมาะกับการดูภาพหรือวิดีโอที่ต้องการความคมชัดสูง

    https://www.techpowerup.com/342185/boox-introduces-new-color-epaper-devices-note-air5-c-and-palma-2-pro
    📚 BOOX เปิดตัว Note Air5 C และ Palma 2 Pro – อุปกรณ์ ePaper สีใหม่เพื่อการอ่าน เขียน และเชื่อมต่ออย่างอิสระ BOOX ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี E Ink เปิดตัวอุปกรณ์ใหม่ 2 รุ่น ได้แก่ Note Air5 C และ Palma 2 Pro ซึ่งเป็น ePaper สีรุ่นล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อการอ่าน เขียน และทำงานแบบพกพา โดยทั้งสองรุ่นใช้หน้าจอ Kaleido 3 ที่แสดงสีได้อย่างนุ่มนวลและสบายตา พร้อมฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ยุคใหม่ Note Air5 C เป็นแท็บเล็ตขนาด 10.3 นิ้วที่รองรับการเชื่อมต่อคีย์บอร์ดผ่านแม่เหล็ก มีระบบ Android 15 และปากกา Pen3 รุ่นใหม่ที่ให้สัมผัสเหมือนเขียนบนกระดาษจริง รองรับการทำงานแบบแบ่งหน้าจอและมีไฟหน้าปรับโทนสีได้ เหมาะสำหรับนักเรียน นักเขียน และมืออาชีพที่ต้องการอุปกรณ์จดบันทึกที่ยืดหยุ่น Palma 2 Pro เป็นอุปกรณ์ขนาดพกพา 6.13 นิ้ว น้ำหนักเพียง 175 กรัม มาพร้อม 5G และระบบ Android 15 เหมาะสำหรับการอ่านและจดบันทึกระหว่างเดินทาง รองรับปากกา InkSense Plus และมีฟีเจอร์ปรับแสงอัตโนมัติเพื่อความสบายตา ทั้งสองรุ่นใช้เทคโนโลยี BOOX Super Refresh เพื่อการตอบสนองที่รวดเร็ว และมีระบบ Smart Scribe ที่ใช้ AI ช่วยจัดการโน้ตและแผนผังความคิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ การเปิดตัว Note Air5 C ➡️ หน้าจอ Kaleido 3 ขนาด 10.3 นิ้ว แสดงสีได้สบายตา ➡️ รองรับคีย์บอร์ดแม่เหล็กและปากกา Pen3 รุ่นใหม่ ➡️ ระบบ Android 15 และ BOOX Firmware V4.1 ➡️ รองรับการแบ่งหน้าจอและไฟหน้าปรับโทนสี ➡️ เหมาะสำหรับงานจดบันทึกและสร้างสรรค์เนื้อหา ✅ การเปิดตัว Palma 2 Pro ➡️ ขนาด 6.13 นิ้ว น้ำหนัก 175 กรัม พกพาสะดวก ➡️ รองรับ 5G และ Android 15 ➡️ ใช้ปากกา InkSense Plus สำหรับจดโน้ต ➡️ มีไฟหน้าปรับอัตโนมัติตามสภาพแสง ➡️ เหมาะสำหรับการอ่านและจดบันทึกระหว่างเดินทาง ✅ เทคโนโลยีและฟีเจอร์เด่น ➡️ BOOX Super Refresh ช่วยให้การตอบสนองเร็วขึ้น ➡️ Smart Scribe ใช้ AI จัดการโน้ตและแผนผังความคิด ➡️ รองรับการใช้งานแบบ multitasking และ chiplet CPU ➡️ มีระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือและหมุนหน้าจออัตโนมัติ ➡️ ดีไซน์กันน้ำแบบ textured พร้อมสี Charcoal Black และ Ivory White ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ ราคาค่อนข้างสูง: Note Air5 C เริ่มต้นที่ $499.99 และ Palma 2 Pro ที่ $379.99 ⛔ อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการอุปกรณ์มัลติมีเดียเต็มรูปแบบ ⛔ การใช้งานบางฟีเจอร์อาจต้องเรียนรู้เพิ่มเติม เช่น Smart Scribe ⛔ หน้าจอ E Ink สีอาจไม่เหมาะกับการดูภาพหรือวิดีโอที่ต้องการความคมชัดสูง https://www.techpowerup.com/342185/boox-introduces-new-color-epaper-devices-note-air5-c-and-palma-2-pro
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    BOOX Introduces New Color ePaper Devices: Note Air5 C and Palma 2 Pro
    BOOX, a global leader in E Ink technology and innovation, has announced the launch of two new additions to its product lineup: the Note Air5 C, a 10.3-inch color ePaper tablet designed for light productivity and creativity, and the Palma 2 Pro, a 6.13-inch color mobile ePaper device that brings true...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดตำราสายดาร์ก ถอดรหัส 'คำสาป ๗ ประการ' เสมือนถูกร่ายขึ้นมาพันธนาการนักเขียนมือใหม่ ลองดูสิว่า ... คุณกำลังติดอยู่ในคำสาปข้อไหน?
    ---------

    คำสาปที่ ๑. ความกลัวว่าจะเขียนได้ไม่ดีพอ (Imposter Syndrome)

    อาการทางจิตวิทยา: นี่คือความกลัวที่พบบ่อยที่สุด นักเขียนมือใหม่มักจะเปรียบเทียบผลงานร่างแรกที่ยังไม่สมบูรณ์ของตัวเองกับผลงานที่ตีพิมพ์และขัดเกลามาอย่างดีของนักเขียนมืออาชีพ ทำให้เกิดความรู้สึกว่าตัวเองเป็น "ตัวปลอม" ไม่เก่งจริง และความสามารถยังไม่ถึงขั้น ความคิดนี้บั่นทอนความมั่นใจและอาจทำให้หยุดเขียนไปกลางคัน
    ---------

    คำสาปที่ ๒. ความกลัวคำวิจารณ์ (Fear of Criticism)

    อาการทางจิตวิทยา: งานเขียนเป็นสิ่งที่ออกมาจากความคิดและจิตใจของผู้เขียนโดยตรง การถูกวิจารณ์งานเขียนจึงให้ความรู้สึกเหมือนถูกวิจารณ์ตัวตนของตัวเองไปด้วย ความกลัวที่จะถูกปฏิเสธ ถูกหัวเราะเยาะ หรือถูกมองว่าไม่มีความสามารถ ทำให้นักเขียนจำนวนมากไม่กล้าแบ่งปันผลงานให้ใครอ่าน และเก็บมันไว้กับตัวเอง
    ---------

    คำสาปที่ ๓. ความกลัวหน้ากระดาษเปล่า (Fear of the Blank Page)

    อาการทางจิตวิทยา: การเผชิญหน้ากับความว่างเปล่าที่ต้องเติมเต็มให้ได้นั้นสร้างแรงกดดันมหาศาล มันคือความกลัวที่จะเริ่มต้นไม่ได้ กลัวว่าจะเขียนประโยคแรกได้ไม่ดีพอ หรือกลัวว่าความคิดจะตีบตัน ความคาดหวังที่จะต้องเขียนให้ "สมบูรณ์แบบ" ตั้งแต่แรกเป็นอัมพาตทางความคิดที่ทำให้นักเขียนไม่กล้าลงมือ
    ---------

    คำสาปที่ ๔. ความกลัวว่าไอเดียของเราไม่น่าสนใจหรือไม่ใช่เรื่องใหม่ (Fear of Unoriginality)

    อาการทางจิตวิทยา: ในโลกที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าและข้อมูลข่าวสาร นักเขียนมือใหม่มักจะกังวลว่าพล็อตหรือแนวคิดของตัวเองนั้นซ้ำกับคนอื่น หรือไม่น่าสนใจพอที่จะดึงดูดผู้อ่านได้ ความกลัวนี้เกิดจากการขาดความเชื่อมั่นในมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง และมักจะจบลงด้วยการล้มเลิกความคิดไปก่อนที่จะได้พัฒนาต่อ
    ---------

    คำสาปที่ ๕. ความกลัวความล้มเหลว (Fear of Failure)

    อาการทางจิตวิทยา: ความกลัวนี้มีหลายมิติ เช่น กลัวว่าจะเขียนไม่จบ, กลัวว่าจะไม่มีใครอ่าน, กลัวว่าจะไม่ได้รับการตีพิมพ์ การลงทุนลงแรงและเวลาไปกับบางสิ่งที่ไม่รับประกันผลตอบแทนเป็นเรื่องที่น่ากลัว ความคิดที่ว่า "ถ้ามันล้มเหลวขึ้นมา เวลาที่เสียไปจะสูญเปล่า" เป็นกำแพงขนาดใหญ่ที่ขวางกั้นการลงมือทำ
    ---------

    คำสาปที่ ๖. ความกลัวการเปิดเผยตัวตน (Fear of Vulnerability)

    อาการทางจิตวิทยา: งานเขียนที่ดีมักจะสะท้อนความรู้สึกนึกคิด ความเชื่อ หรือประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียน การนำสิ่งเหล่านี้ออกมาสู่สาธารณะเปรียบเสมือนการเปลือยเปล่าทางความคิดและอารมณ์ นักเขียนอาจกลัวว่าผู้อื่นจะตัดสินตัวตนของพวกเขาผ่านงานเขียนนั้นๆ ทำให้ไม่กล้าที่จะเขียนอย่างตรงไปตรงมาและลึกซึ้ง
    ---------

    คำสาปที่ ๗. ความกลัวว่าจะทำได้ไม่ดีเท่าที่จินตนาการไว้ (Fear of Imperfection)

    อาการทางจิตวิทยา: นักเขียนมักจะมีภาพเรื่องราวที่สมบูรณ์แบบและยิ่งใหญ่อยู่ในหัว แต่เมื่อเริ่มถ่ายทอดออกมาเป็นตัวอักษร กลับพบว่ามันไม่ดีเท่าที่คิดไว้ ช่องว่างระหว่าง "จินตนาการ" กับ "ความเป็นจริงบนหน้ากระดาษ" นี้สร้างความผิดหวังและท้อแท้ ทำให้นักเขียนรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสามารถพอที่จะทำให้เรื่องราวในหัวกลายเป็นจริงได้
    ---------

    ถ้าอ่านมาถึงประโยคนี้ คุณน่าจะเริ่มจะหาทางทำลายคำสาปได้แล้ว ... คาถาทรงพลังที่สุดเพียงบทเดียว นั่นคือ 'การลงมือเขียน'

    ถึงเวลาสารภาพ กระซิบมาหน่อยสิคะว่า 'คำสาป' ข้อไหนที่พันธนาการคุณไว้แน่นที่สุด? บางทีการเผยความลับ อาจเป็นก้าวแรกของการถอนคำสาปก็ได้

    #นักเขียน #นักเขียนนิยาย #นักเขียนมือใหม่ #นิยาย #เรื่องสั้น #นามปากกาฌาณินน์ #ฌาณินน์ #จิตวิทยา #บันทึกของฉัน #แรงบันดาลใจนักเขียน
    เปิดตำราสายดาร์ก ถอดรหัส 'คำสาป ๗ ประการ' เสมือนถูกร่ายขึ้นมาพันธนาการนักเขียนมือใหม่ ลองดูสิว่า ... คุณกำลังติดอยู่ในคำสาปข้อไหน? --------- ♦️คำสาปที่ ๑. ความกลัวว่าจะเขียนได้ไม่ดีพอ (Imposter Syndrome)♦️ อาการทางจิตวิทยา: นี่คือความกลัวที่พบบ่อยที่สุด นักเขียนมือใหม่มักจะเปรียบเทียบผลงานร่างแรกที่ยังไม่สมบูรณ์ของตัวเองกับผลงานที่ตีพิมพ์และขัดเกลามาอย่างดีของนักเขียนมืออาชีพ ทำให้เกิดความรู้สึกว่าตัวเองเป็น "ตัวปลอม" ไม่เก่งจริง และความสามารถยังไม่ถึงขั้น ความคิดนี้บั่นทอนความมั่นใจและอาจทำให้หยุดเขียนไปกลางคัน --------- ♦️คำสาปที่ ๒. ความกลัวคำวิจารณ์ (Fear of Criticism)♦️ อาการทางจิตวิทยา: งานเขียนเป็นสิ่งที่ออกมาจากความคิดและจิตใจของผู้เขียนโดยตรง การถูกวิจารณ์งานเขียนจึงให้ความรู้สึกเหมือนถูกวิจารณ์ตัวตนของตัวเองไปด้วย ความกลัวที่จะถูกปฏิเสธ ถูกหัวเราะเยาะ หรือถูกมองว่าไม่มีความสามารถ ทำให้นักเขียนจำนวนมากไม่กล้าแบ่งปันผลงานให้ใครอ่าน และเก็บมันไว้กับตัวเอง --------- ♦️คำสาปที่ ๓. ความกลัวหน้ากระดาษเปล่า (Fear of the Blank Page)♦️ อาการทางจิตวิทยา: การเผชิญหน้ากับความว่างเปล่าที่ต้องเติมเต็มให้ได้นั้นสร้างแรงกดดันมหาศาล มันคือความกลัวที่จะเริ่มต้นไม่ได้ กลัวว่าจะเขียนประโยคแรกได้ไม่ดีพอ หรือกลัวว่าความคิดจะตีบตัน ความคาดหวังที่จะต้องเขียนให้ "สมบูรณ์แบบ" ตั้งแต่แรกเป็นอัมพาตทางความคิดที่ทำให้นักเขียนไม่กล้าลงมือ --------- ♦️คำสาปที่ ๔. ความกลัวว่าไอเดียของเราไม่น่าสนใจหรือไม่ใช่เรื่องใหม่ (Fear of Unoriginality) ♦️ อาการทางจิตวิทยา: ในโลกที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าและข้อมูลข่าวสาร นักเขียนมือใหม่มักจะกังวลว่าพล็อตหรือแนวคิดของตัวเองนั้นซ้ำกับคนอื่น หรือไม่น่าสนใจพอที่จะดึงดูดผู้อ่านได้ ความกลัวนี้เกิดจากการขาดความเชื่อมั่นในมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง และมักจะจบลงด้วยการล้มเลิกความคิดไปก่อนที่จะได้พัฒนาต่อ --------- ♦️คำสาปที่ ๕. ความกลัวความล้มเหลว (Fear of Failure)♦️ อาการทางจิตวิทยา: ความกลัวนี้มีหลายมิติ เช่น กลัวว่าจะเขียนไม่จบ, กลัวว่าจะไม่มีใครอ่าน, กลัวว่าจะไม่ได้รับการตีพิมพ์ การลงทุนลงแรงและเวลาไปกับบางสิ่งที่ไม่รับประกันผลตอบแทนเป็นเรื่องที่น่ากลัว ความคิดที่ว่า "ถ้ามันล้มเหลวขึ้นมา เวลาที่เสียไปจะสูญเปล่า" เป็นกำแพงขนาดใหญ่ที่ขวางกั้นการลงมือทำ --------- ♦️คำสาปที่ ๖. ความกลัวการเปิดเผยตัวตน (Fear of Vulnerability)♦️ อาการทางจิตวิทยา: งานเขียนที่ดีมักจะสะท้อนความรู้สึกนึกคิด ความเชื่อ หรือประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียน การนำสิ่งเหล่านี้ออกมาสู่สาธารณะเปรียบเสมือนการเปลือยเปล่าทางความคิดและอารมณ์ นักเขียนอาจกลัวว่าผู้อื่นจะตัดสินตัวตนของพวกเขาผ่านงานเขียนนั้นๆ ทำให้ไม่กล้าที่จะเขียนอย่างตรงไปตรงมาและลึกซึ้ง --------- ♦️คำสาปที่ ๗. ความกลัวว่าจะทำได้ไม่ดีเท่าที่จินตนาการไว้ (Fear of Imperfection)♦️ อาการทางจิตวิทยา: นักเขียนมักจะมีภาพเรื่องราวที่สมบูรณ์แบบและยิ่งใหญ่อยู่ในหัว แต่เมื่อเริ่มถ่ายทอดออกมาเป็นตัวอักษร กลับพบว่ามันไม่ดีเท่าที่คิดไว้ ช่องว่างระหว่าง "จินตนาการ" กับ "ความเป็นจริงบนหน้ากระดาษ" นี้สร้างความผิดหวังและท้อแท้ ทำให้นักเขียนรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสามารถพอที่จะทำให้เรื่องราวในหัวกลายเป็นจริงได้ --------- ถ้าอ่านมาถึงประโยคนี้ คุณน่าจะเริ่มจะหาทางทำลายคำสาปได้แล้ว ... คาถาทรงพลังที่สุดเพียงบทเดียว นั่นคือ 'การลงมือเขียน' ถึงเวลาสารภาพ กระซิบมาหน่อยสิคะว่า 'คำสาป' ข้อไหนที่พันธนาการคุณไว้แน่นที่สุด? บางทีการเผยความลับ อาจเป็นก้าวแรกของการถอนคำสาปก็ได้ ❤️ #นักเขียน #นักเขียนนิยาย #นักเขียนมือใหม่ #นิยาย #เรื่องสั้น #นามปากกาฌาณินน์ #ฌาณินน์ #จิตวิทยา #บันทึกของฉัน #แรงบันดาลใจนักเขียน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สร้างฐานข้อมูลของคุณเอง! คู่มือสร้าง Key-Value Database ตั้งแต่ศูนย์ – เข้าใจง่าย พร้อมแนวคิดระดับมืออาชีพ”

    บทความนี้จาก nan.fyi พาเราย้อนกลับไปตั้งคำถามว่า “ถ้าเราไม่รู้จักฐานข้อมูลเลย แล้วต้องสร้างมันขึ้นมาเอง จะเริ่มยังไง?” คำตอบคือเริ่มจากสิ่งที่เรียบง่ายที่สุด: ไฟล์ และแนวคิดของ key-value pair เหมือน object ใน JavaScript

    เริ่มต้นจากการเขียนข้อมูลลงไฟล์แบบง่าย ๆ เช่น db set 'hello' 'world' แล้วค้นหาด้วย db get 'hello' ซึ่งจะคืนค่า 'world' กลับมา แต่เมื่อข้อมูลมากขึ้น การอัปเดตและลบข้อมูลในไฟล์จะเริ่มช้า เพราะต้องเลื่อนข้อมูลทั้งหมดตาม byte ที่เปลี่ยน

    เพื่อแก้ปัญหานี้ บทความเสนอให้ใช้ ไฟล์แบบ append-only คือไม่แก้ไขข้อมูลเดิม แต่เพิ่มข้อมูลใหม่ลงท้ายไฟล์เสมอ และใช้ “tombstone” เพื่อระบุว่าข้อมูลถูกลบแล้ว เช่น db set 7 null

    แต่ไฟล์จะโตขึ้นเรื่อย ๆ จึงต้องมีระบบ compaction คือแบ่งไฟล์เป็น segment และค่อย ๆ ล้างข้อมูลที่ไม่จำเป็นออก แล้วรวมไฟล์ใหม่ให้เล็กลง

    ต่อมาเพื่อให้ค้นหาข้อมูลเร็วขึ้น ก็ต้องมี index โดยเก็บ offset ของแต่ละ key เพื่อชี้ตำแหน่งในไฟล์ ซึ่งช่วยให้ค้นหาเร็วขึ้นมาก แต่ก็แลกกับการเขียนข้อมูลที่ช้าลง

    สุดท้าย บทความแนะนำให้ใช้ Sorted String Tables (SST) และ LSM Trees ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ใช้จริงในฐานข้อมูลระดับโลก เช่น LevelDB และ DynamoDB โดยใช้การจัดเรียงข้อมูลใน memory ก่อน แล้วค่อยเขียนลง disk พร้อม index เพื่อให้ค้นหาเร็วและเขียนได้ต่อเนื่อง

    แนวคิดพื้นฐานของ Key-Value Database
    ใช้ไฟล์เก็บข้อมูลแบบ key-value
    ค้นหาด้วยการวนลูปหา key ที่ตรง
    อัปเดตและลบข้อมูลทำได้ แต่ช้าเมื่อข้อมูลเยอะ

    การปรับปรุงด้วยไฟล์แบบ append-only
    เพิ่มข้อมูลใหม่ลงท้ายไฟล์เสมอ
    ใช้ tombstone เพื่อระบุการลบ
    ค้นหาค่าล่าสุดของ key แทนค่าตัวแรก

    การจัดการขนาดไฟล์ด้วย compaction
    แบ่งไฟล์เป็น segment
    ล้างข้อมูลที่ล้าสมัยหรือถูกลบ
    รวมไฟล์ใหม่ให้เล็กลงและมีข้อมูลล่าสุดเท่านั้น

    การเพิ่มประสิทธิภาพด้วย index
    เก็บ offset ของ key เพื่อค้นหาเร็วขึ้น
    ใช้ hash table ใน memory สำหรับ index
    แลกกับการเขียนข้อมูลที่ช้าลง

    การจัดเรียงข้อมูลด้วย SST และ LSM Tree
    จัดเรียงข้อมูลใน memory ก่อนเขียนลง disk
    ใช้ skip list หรือ binary search tree สำหรับการจัดเรียง
    เขียนลงไฟล์แบบ append-only พร้อม backup
    ใช้ index เพื่อค้นหาในไฟล์ที่ถูกจัดเรียงแล้ว
    เป็นโครงสร้างที่ใช้ใน LevelDB และ DynamoDB

    https://www.nan.fyi/database
    🗃️ “สร้างฐานข้อมูลของคุณเอง! คู่มือสร้าง Key-Value Database ตั้งแต่ศูนย์ – เข้าใจง่าย พร้อมแนวคิดระดับมืออาชีพ” บทความนี้จาก nan.fyi พาเราย้อนกลับไปตั้งคำถามว่า “ถ้าเราไม่รู้จักฐานข้อมูลเลย แล้วต้องสร้างมันขึ้นมาเอง จะเริ่มยังไง?” คำตอบคือเริ่มจากสิ่งที่เรียบง่ายที่สุด: ไฟล์ และแนวคิดของ key-value pair เหมือน object ใน JavaScript เริ่มต้นจากการเขียนข้อมูลลงไฟล์แบบง่าย ๆ เช่น db set 'hello' 'world' แล้วค้นหาด้วย db get 'hello' ซึ่งจะคืนค่า 'world' กลับมา แต่เมื่อข้อมูลมากขึ้น การอัปเดตและลบข้อมูลในไฟล์จะเริ่มช้า เพราะต้องเลื่อนข้อมูลทั้งหมดตาม byte ที่เปลี่ยน เพื่อแก้ปัญหานี้ บทความเสนอให้ใช้ ไฟล์แบบ append-only คือไม่แก้ไขข้อมูลเดิม แต่เพิ่มข้อมูลใหม่ลงท้ายไฟล์เสมอ และใช้ “tombstone” เพื่อระบุว่าข้อมูลถูกลบแล้ว เช่น db set 7 null แต่ไฟล์จะโตขึ้นเรื่อย ๆ จึงต้องมีระบบ compaction คือแบ่งไฟล์เป็น segment และค่อย ๆ ล้างข้อมูลที่ไม่จำเป็นออก แล้วรวมไฟล์ใหม่ให้เล็กลง ต่อมาเพื่อให้ค้นหาข้อมูลเร็วขึ้น ก็ต้องมี index โดยเก็บ offset ของแต่ละ key เพื่อชี้ตำแหน่งในไฟล์ ซึ่งช่วยให้ค้นหาเร็วขึ้นมาก แต่ก็แลกกับการเขียนข้อมูลที่ช้าลง สุดท้าย บทความแนะนำให้ใช้ Sorted String Tables (SST) และ LSM Trees ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ใช้จริงในฐานข้อมูลระดับโลก เช่น LevelDB และ DynamoDB โดยใช้การจัดเรียงข้อมูลใน memory ก่อน แล้วค่อยเขียนลง disk พร้อม index เพื่อให้ค้นหาเร็วและเขียนได้ต่อเนื่อง ✅ แนวคิดพื้นฐานของ Key-Value Database ➡️ ใช้ไฟล์เก็บข้อมูลแบบ key-value ➡️ ค้นหาด้วยการวนลูปหา key ที่ตรง ➡️ อัปเดตและลบข้อมูลทำได้ แต่ช้าเมื่อข้อมูลเยอะ ✅ การปรับปรุงด้วยไฟล์แบบ append-only ➡️ เพิ่มข้อมูลใหม่ลงท้ายไฟล์เสมอ ➡️ ใช้ tombstone เพื่อระบุการลบ ➡️ ค้นหาค่าล่าสุดของ key แทนค่าตัวแรก ✅ การจัดการขนาดไฟล์ด้วย compaction ➡️ แบ่งไฟล์เป็น segment ➡️ ล้างข้อมูลที่ล้าสมัยหรือถูกลบ ➡️ รวมไฟล์ใหม่ให้เล็กลงและมีข้อมูลล่าสุดเท่านั้น ✅ การเพิ่มประสิทธิภาพด้วย index ➡️ เก็บ offset ของ key เพื่อค้นหาเร็วขึ้น ➡️ ใช้ hash table ใน memory สำหรับ index ➡️ แลกกับการเขียนข้อมูลที่ช้าลง ✅ การจัดเรียงข้อมูลด้วย SST และ LSM Tree ➡️ จัดเรียงข้อมูลใน memory ก่อนเขียนลง disk ➡️ ใช้ skip list หรือ binary search tree สำหรับการจัดเรียง ➡️ เขียนลงไฟล์แบบ append-only พร้อม backup ➡️ ใช้ index เพื่อค้นหาในไฟล์ที่ถูกจัดเรียงแล้ว ➡️ เป็นโครงสร้างที่ใช้ใน LevelDB และ DynamoDB https://www.nan.fyi/database
    WWW.NAN.FYI
    Build Your Own Database
    A step-by-step guide to building a key-value database from scratch.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Fujitsu A77-K3 — แล็ปท็อป 16 นิ้วที่ยังมี DVD Drive ในปี 2026” — เมื่อการยึดมั่นในสื่อแบบดั้งเดิมกลายเป็นจุดขายในยุคที่ทุกคนวิ่งเข้าหาคลาวด์

    Fujitsu เปิดตัวโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ FMV Note A77-K3 ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่รุ่นที่ยังคงมี “DVD Drive” ในปี 2026 โดยออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ต้องการความมั่นคง, ความสามารถในการเชื่อมต่อแบบครบครัน และการใช้งานระยะยาว โดยไม่เน้นความบางเบาเหมือนโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ ๆ

    A77-K3 มาพร้อมหน้าจอ WUXGA ขนาด 16 นิ้ว อัตราส่วน 16:10 ขอบบาง ใช้ชิป Intel Core i5-1335U, RAM DDR5 16GB และ SSD 256GB โดยมีพอร์ตเชื่อมต่อครบครัน เช่น USB4, USB 3.2, HDMI, LAN, SD Card และ Wi-Fi 7

    จุดเด่นคือการมี optical drive สำหรับอ่านแผ่น DVD ซึ่งหายากมากในโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ และเหมาะกับผู้ใช้ที่ยังต้องการเข้าถึงข้อมูลจากแผ่นเก่า เช่น ซอฟต์แวร์, เอกสาร, หรือสื่อการเรียนรู้

    นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย เช่น กล้องที่รองรับ Windows Hello พร้อมม่านปิดกล้องแบบกายภาพ และคีย์บอร์ดที่มีปุ่มลัดสำหรับเปิดเบราว์เซอร์หรือแอปช่วยเหลือ

    น้ำหนักประมาณ 1.9 กิโลกรัม ถือว่าหนักเมื่อเทียบกับโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ที่เน้นความเบา แต่ Fujitsu มองว่าความมั่นคงและการใช้งานที่หลากหลายสำคัญกว่า

    Fujitsu เปิดตัว FMV Note A77-K3 พร้อม DVD Drive ในปี 2026
    เป็นหนึ่งในไม่กี่รุ่นที่ยังรองรับ optical disk

    หน้าจอ WUXGA ขนาด 16 นิ้ว อัตราส่วน 16:10
    ขอบบาง เหมาะกับงาน productivity

    ใช้ Intel Core i5-1335U, RAM DDR5 16GB, SSD 256GB
    รองรับงานทั่วไปได้ดี

    มีพอร์ตเชื่อมต่อครบ เช่น USB4, HDMI, LAN, SD Card
    รองรับการใช้งานแบบมืออาชีพ

    รองรับ Wi-Fi 7 และ Windows Hello พร้อมม่านปิดกล้อง
    เพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

    คีย์บอร์ดมีปุ่มลัดสำหรับเปิดเบราว์เซอร์และแอปช่วยเหลือ
    เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการความสะดวก

    น้ำหนักประมาณ 1.9 กิโลกรัม
    ไม่เน้นความเบา แต่เน้นความมั่นคงและการเชื่อมต่อ

    https://www.techradar.com/pro/its-almost-2026-and-fujitsu-is-doing-its-best-to-save-optical-disks-the-a77-k3-is-a-16-inch-13th-gen-core-i5-laptop-with-a-dvd-drive
    💽 “Fujitsu A77-K3 — แล็ปท็อป 16 นิ้วที่ยังมี DVD Drive ในปี 2026” — เมื่อการยึดมั่นในสื่อแบบดั้งเดิมกลายเป็นจุดขายในยุคที่ทุกคนวิ่งเข้าหาคลาวด์ Fujitsu เปิดตัวโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ FMV Note A77-K3 ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่รุ่นที่ยังคงมี “DVD Drive” ในปี 2026 โดยออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ต้องการความมั่นคง, ความสามารถในการเชื่อมต่อแบบครบครัน และการใช้งานระยะยาว โดยไม่เน้นความบางเบาเหมือนโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ ๆ A77-K3 มาพร้อมหน้าจอ WUXGA ขนาด 16 นิ้ว อัตราส่วน 16:10 ขอบบาง ใช้ชิป Intel Core i5-1335U, RAM DDR5 16GB และ SSD 256GB โดยมีพอร์ตเชื่อมต่อครบครัน เช่น USB4, USB 3.2, HDMI, LAN, SD Card และ Wi-Fi 7 จุดเด่นคือการมี optical drive สำหรับอ่านแผ่น DVD ซึ่งหายากมากในโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ และเหมาะกับผู้ใช้ที่ยังต้องการเข้าถึงข้อมูลจากแผ่นเก่า เช่น ซอฟต์แวร์, เอกสาร, หรือสื่อการเรียนรู้ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย เช่น กล้องที่รองรับ Windows Hello พร้อมม่านปิดกล้องแบบกายภาพ และคีย์บอร์ดที่มีปุ่มลัดสำหรับเปิดเบราว์เซอร์หรือแอปช่วยเหลือ น้ำหนักประมาณ 1.9 กิโลกรัม ถือว่าหนักเมื่อเทียบกับโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ที่เน้นความเบา แต่ Fujitsu มองว่าความมั่นคงและการใช้งานที่หลากหลายสำคัญกว่า ✅ Fujitsu เปิดตัว FMV Note A77-K3 พร้อม DVD Drive ในปี 2026 ➡️ เป็นหนึ่งในไม่กี่รุ่นที่ยังรองรับ optical disk ✅ หน้าจอ WUXGA ขนาด 16 นิ้ว อัตราส่วน 16:10 ➡️ ขอบบาง เหมาะกับงาน productivity ✅ ใช้ Intel Core i5-1335U, RAM DDR5 16GB, SSD 256GB ➡️ รองรับงานทั่วไปได้ดี ✅ มีพอร์ตเชื่อมต่อครบ เช่น USB4, HDMI, LAN, SD Card ➡️ รองรับการใช้งานแบบมืออาชีพ ✅ รองรับ Wi-Fi 7 และ Windows Hello พร้อมม่านปิดกล้อง ➡️ เพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ✅ คีย์บอร์ดมีปุ่มลัดสำหรับเปิดเบราว์เซอร์และแอปช่วยเหลือ ➡️ เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการความสะดวก ✅ น้ำหนักประมาณ 1.9 กิโลกรัม ➡️ ไม่เน้นความเบา แต่เน้นความมั่นคงและการเชื่อมต่อ https://www.techradar.com/pro/its-almost-2026-and-fujitsu-is-doing-its-best-to-save-optical-disks-the-a77-k3-is-a-16-inch-13th-gen-core-i5-laptop-with-a-dvd-drive
    WWW.TECHRADAR.COM
    Fujitsu just launched a 16-inch laptop that sports an optical drive
    Optical drive usage may be dropping, yet Fujitsu refuses to let them die
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Claude Code เปิดให้ใช้งานผ่านเว็บ — เปลี่ยนทุกคนให้เป็นนักพัฒนาได้ในไม่กี่คลิก” — เมื่อเครื่องมือเขียนโค้ดที่เคยจำกัดเฉพาะมืออาชีพ กลายเป็นผู้ช่วยสร้างซอฟต์แวร์สำหรับทุกคน

    Anthropic เปิดให้ Claude Code ซึ่งเป็นเครื่องมือเขียนโปรแกรมด้วย AI ใช้งานได้ผ่านเว็บเบราว์เซอร์และแอปมือถือ โดยไม่ต้องติดตั้งหรือใช้ command line เหมือนเดิม ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่มีพื้นฐานด้านเทคนิคสามารถสั่งงานเขียนโค้ดได้ทันที

    Claude Code รองรับการสั่งงานหลายคำสั่งพร้อมกัน และสามารถปรับคำสั่งระหว่างที่กำลังทำงานอยู่ได้ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมการทำงานของ AI ได้แบบเรียลไทม์ เหมาะกับนักออกแบบ, นักพัฒนาอิสระ, หรือผู้ใช้ทั่วไปที่อยากสร้างซอฟต์แวร์ของตัวเอง

    Anthropic ระบุว่า Claude Code ถูกใช้ภายในบริษัทในการเขียนโค้ดกว่า 90% และช่วยเพิ่ม productivity ของวิศวกรถึง 67% แม้ทีมจะขยายตัวเป็นสองเท่า

    Claude Code ยังเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดตัวโมเดลใหม่ Claude Sonnet 4.5 และ Claude Haiku 4.5 ซึ่งเน้นการทำงานแบบ “agentic AI” คือสามารถรับคำสั่งเชิงนามธรรมและดำเนินการได้เองโดยไม่ต้องอธิบายละเอียด

    แม้ Claude Code จะไม่สามารถแทนที่นักพัฒนาได้ทั้งหมด แต่ก็ช่วยลดภาระงานที่น่าเบื่อ เช่น boilerplate code และ regression test ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    Claude Code เปิดให้ใช้งานผ่านเว็บเบราว์เซอร์และมือถือ
    ไม่ต้องติดตั้งหรือใช้ command line เหมือนเดิม

    รองรับการสั่งงานหลายคำสั่งพร้อมกันและปรับคำสั่งระหว่างทำงาน
    ช่วยให้ควบคุมการทำงานของ AI ได้แบบเรียลไทม์

    Claude Code ถูกใช้ภายในบริษัทในการเขียนโค้ดกว่า 90%
    เพิ่ม productivity ของวิศวกรถึง 67% แม้ทีมจะขยายตัว

    Claude Code เป็นส่วนหนึ่งของการเปิดตัว Claude Sonnet 4.5 และ Haiku 4.5
    เน้นการทำงานแบบ agentic AI ที่รับคำสั่งเชิงนามธรรม

    Claude Code ช่วยลดภาระงานที่น่าเบื่อ เช่น boilerplate และ regression test
    ทำให้ผู้ใช้มีเวลาสร้างสรรค์มากขึ้น

    Claude Code มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 10 เท่าตั้งแต่เปิดให้ใช้งานทั่วไปในเดือนพฤษภาคม 2025
    คาดว่าจะสร้างรายได้กว่า 500 ล้านดอลลาร์ต่อปี

    https://www.techradar.com/pro/claude-code-comes-to-the-masses-and-its-a-game-changer
    💻 “Claude Code เปิดให้ใช้งานผ่านเว็บ — เปลี่ยนทุกคนให้เป็นนักพัฒนาได้ในไม่กี่คลิก” — เมื่อเครื่องมือเขียนโค้ดที่เคยจำกัดเฉพาะมืออาชีพ กลายเป็นผู้ช่วยสร้างซอฟต์แวร์สำหรับทุกคน Anthropic เปิดให้ Claude Code ซึ่งเป็นเครื่องมือเขียนโปรแกรมด้วย AI ใช้งานได้ผ่านเว็บเบราว์เซอร์และแอปมือถือ โดยไม่ต้องติดตั้งหรือใช้ command line เหมือนเดิม ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่มีพื้นฐานด้านเทคนิคสามารถสั่งงานเขียนโค้ดได้ทันที Claude Code รองรับการสั่งงานหลายคำสั่งพร้อมกัน และสามารถปรับคำสั่งระหว่างที่กำลังทำงานอยู่ได้ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ควบคุมการทำงานของ AI ได้แบบเรียลไทม์ เหมาะกับนักออกแบบ, นักพัฒนาอิสระ, หรือผู้ใช้ทั่วไปที่อยากสร้างซอฟต์แวร์ของตัวเอง Anthropic ระบุว่า Claude Code ถูกใช้ภายในบริษัทในการเขียนโค้ดกว่า 90% และช่วยเพิ่ม productivity ของวิศวกรถึง 67% แม้ทีมจะขยายตัวเป็นสองเท่า Claude Code ยังเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดตัวโมเดลใหม่ Claude Sonnet 4.5 และ Claude Haiku 4.5 ซึ่งเน้นการทำงานแบบ “agentic AI” คือสามารถรับคำสั่งเชิงนามธรรมและดำเนินการได้เองโดยไม่ต้องอธิบายละเอียด แม้ Claude Code จะไม่สามารถแทนที่นักพัฒนาได้ทั้งหมด แต่ก็ช่วยลดภาระงานที่น่าเบื่อ เช่น boilerplate code และ regression test ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ Claude Code เปิดให้ใช้งานผ่านเว็บเบราว์เซอร์และมือถือ ➡️ ไม่ต้องติดตั้งหรือใช้ command line เหมือนเดิม ✅ รองรับการสั่งงานหลายคำสั่งพร้อมกันและปรับคำสั่งระหว่างทำงาน ➡️ ช่วยให้ควบคุมการทำงานของ AI ได้แบบเรียลไทม์ ✅ Claude Code ถูกใช้ภายในบริษัทในการเขียนโค้ดกว่า 90% ➡️ เพิ่ม productivity ของวิศวกรถึง 67% แม้ทีมจะขยายตัว ✅ Claude Code เป็นส่วนหนึ่งของการเปิดตัว Claude Sonnet 4.5 และ Haiku 4.5 ➡️ เน้นการทำงานแบบ agentic AI ที่รับคำสั่งเชิงนามธรรม ✅ Claude Code ช่วยลดภาระงานที่น่าเบื่อ เช่น boilerplate และ regression test ➡️ ทำให้ผู้ใช้มีเวลาสร้างสรรค์มากขึ้น ✅ Claude Code มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น 10 เท่าตั้งแต่เปิดให้ใช้งานทั่วไปในเดือนพฤษภาคม 2025 ➡️ คาดว่าจะสร้างรายได้กว่า 500 ล้านดอลลาร์ต่อปี https://www.techradar.com/pro/claude-code-comes-to-the-masses-and-its-a-game-changer
    WWW.TECHRADAR.COM
    Claude Code just became the average person's on-demand dev team
    The most powerful AI coding assistant just became the most accessible, ditching the command line for the casual browser tab
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Microsoft Publisher จะสิ้นสุดการสนับสนุนในเดือนตุลาคม 2026 — ปิดตำนานเครื่องมือออกแบบยุค 90” — เมื่อแอปสร้างใบปลิวและจดหมายข่าวที่เคยอยู่ในทุกบ้านกำลังจะอำลาอย่างถาวร

    Microsoft ประกาศว่าจะยุติการสนับสนุนแอป Publisher อย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม 2026 ซึ่งตรงกับวันหมดอายุของ Office LTSC 2021 โดยหลังจากวันนั้น Publisher จะถูกถอดออกจาก Microsoft 365 และไม่สามารถติดตั้งหรือเปิดไฟล์ .pub ได้อีกต่อไปในเวอร์ชันใหม่

    Publisher เปิดตัวครั้งแรกในปี 1991 เพื่อให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถออกแบบสิ่งพิมพ์ เช่น ใบปลิว, โบรชัวร์, จดหมายข่าว โดยไม่ต้องใช้โปรแกรมระดับมืออาชีพอย่าง QuarkXPress หรือ Adobe InDesign ด้วยราคาที่เข้าถึงได้และการใช้งานง่าย ทำให้ Publisher กลายเป็นเครื่องมือยอดนิยมในโรงเรียน, ธุรกิจขนาดเล็ก และผู้ใช้ตามบ้าน

    แม้จะไม่เคยครองใจนักออกแบบมืออาชีพ แต่ Publisher ก็มีบทบาทสำคัญในการ “ประชาธิปไตยด้านการออกแบบ” โดยเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถสร้างสื่อสิ่งพิมพ์ได้ด้วยตัวเอง

    หลังจากการยุติการสนับสนุน Microsoft แนะนำให้ผู้ใช้แปลงไฟล์ .pub เป็น PDF เพื่อเก็บไว้ดู และหากต้องการแก้ไข ให้เปิด PDF ใน Word — แม้ว่าการจัดวางอาจเพี้ยน โดยเฉพาะไฟล์ที่มีกราฟิกจำนวนมาก

    สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการทางเลือกใหม่ Microsoft แนะนำให้ใช้ Word, PowerPoint หรือแอป Designer แทน ส่วนทางเลือกจากภายนอกก็มีเช่น:

    Canva — ใช้งานง่าย มีเทมเพลตหลากหลาย แต่ฟีเจอร์เต็มต้องสมัครสมาชิก
    LibreOffice Draw — ฟรีและโอเพ่นซอร์ส รองรับไฟล์ .pub ได้พอสมควร
    Affinity Publisher 2 — ซื้อครั้งเดียว ไม่มีรายเดือน เหมาะกับผู้ใช้จริงจัง

    Microsoft Publisher จะสิ้นสุดการสนับสนุนในเดือนตุลาคม 2026
    ตรงกับวันหมดอายุของ Office LTSC 2021

    Publisher จะถูกถอดออกจาก Microsoft 365
    ไม่สามารถติดตั้งหรือเปิดไฟล์ .pub ได้อีก

    Publisher เปิดตัวในปี 1991 และรวมอยู่ใน Office ตั้งแต่เวอร์ชัน 97
    เคยเป็นเครื่องมือออกแบบยอดนิยมสำหรับผู้ใช้ทั่วไป

    Microsoft แนะนำให้แปลงไฟล์ .pub เป็น PDF เพื่อเก็บไว้ดู
    และเปิด PDF ใน Word หากต้องการแก้ไข

    ทางเลือกใหม่จาก Microsoft ได้แก่ Word, PowerPoint และ Designer
    ใช้แทน Publisher สำหรับงานออกแบบทั่วไป

    ทางเลือกจากภายนอก ได้แก่ Canva, LibreOffice Draw, Affinity Publisher 2
    มีทั้งแบบฟรีและเสียเงินตามระดับความสามารถ

    https://www.slashgear.com/2001386/microsoft-ending-publisher-in-october-2026/
    📄 “Microsoft Publisher จะสิ้นสุดการสนับสนุนในเดือนตุลาคม 2026 — ปิดตำนานเครื่องมือออกแบบยุค 90” — เมื่อแอปสร้างใบปลิวและจดหมายข่าวที่เคยอยู่ในทุกบ้านกำลังจะอำลาอย่างถาวร Microsoft ประกาศว่าจะยุติการสนับสนุนแอป Publisher อย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคม 2026 ซึ่งตรงกับวันหมดอายุของ Office LTSC 2021 โดยหลังจากวันนั้น Publisher จะถูกถอดออกจาก Microsoft 365 และไม่สามารถติดตั้งหรือเปิดไฟล์ .pub ได้อีกต่อไปในเวอร์ชันใหม่ Publisher เปิดตัวครั้งแรกในปี 1991 เพื่อให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถออกแบบสิ่งพิมพ์ เช่น ใบปลิว, โบรชัวร์, จดหมายข่าว โดยไม่ต้องใช้โปรแกรมระดับมืออาชีพอย่าง QuarkXPress หรือ Adobe InDesign ด้วยราคาที่เข้าถึงได้และการใช้งานง่าย ทำให้ Publisher กลายเป็นเครื่องมือยอดนิยมในโรงเรียน, ธุรกิจขนาดเล็ก และผู้ใช้ตามบ้าน แม้จะไม่เคยครองใจนักออกแบบมืออาชีพ แต่ Publisher ก็มีบทบาทสำคัญในการ “ประชาธิปไตยด้านการออกแบบ” โดยเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถสร้างสื่อสิ่งพิมพ์ได้ด้วยตัวเอง หลังจากการยุติการสนับสนุน Microsoft แนะนำให้ผู้ใช้แปลงไฟล์ .pub เป็น PDF เพื่อเก็บไว้ดู และหากต้องการแก้ไข ให้เปิด PDF ใน Word — แม้ว่าการจัดวางอาจเพี้ยน โดยเฉพาะไฟล์ที่มีกราฟิกจำนวนมาก สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการทางเลือกใหม่ Microsoft แนะนำให้ใช้ Word, PowerPoint หรือแอป Designer แทน ส่วนทางเลือกจากภายนอกก็มีเช่น: 📐 Canva — ใช้งานง่าย มีเทมเพลตหลากหลาย แต่ฟีเจอร์เต็มต้องสมัครสมาชิก 📐 LibreOffice Draw — ฟรีและโอเพ่นซอร์ส รองรับไฟล์ .pub ได้พอสมควร 📐 Affinity Publisher 2 — ซื้อครั้งเดียว ไม่มีรายเดือน เหมาะกับผู้ใช้จริงจัง ✅ Microsoft Publisher จะสิ้นสุดการสนับสนุนในเดือนตุลาคม 2026 ➡️ ตรงกับวันหมดอายุของ Office LTSC 2021 ✅ Publisher จะถูกถอดออกจาก Microsoft 365 ➡️ ไม่สามารถติดตั้งหรือเปิดไฟล์ .pub ได้อีก ✅ Publisher เปิดตัวในปี 1991 และรวมอยู่ใน Office ตั้งแต่เวอร์ชัน 97 ➡️ เคยเป็นเครื่องมือออกแบบยอดนิยมสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ✅ Microsoft แนะนำให้แปลงไฟล์ .pub เป็น PDF เพื่อเก็บไว้ดู ➡️ และเปิด PDF ใน Word หากต้องการแก้ไข ✅ ทางเลือกใหม่จาก Microsoft ได้แก่ Word, PowerPoint และ Designer ➡️ ใช้แทน Publisher สำหรับงานออกแบบทั่วไป ✅ ทางเลือกจากภายนอก ได้แก่ Canva, LibreOffice Draw, Affinity Publisher 2 ➡️ มีทั้งแบบฟรีและเสียเงินตามระดับความสามารถ https://www.slashgear.com/2001386/microsoft-ending-publisher-in-october-2026/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Microsoft Will Be Ending Support For This Popular Software In October 2026 - SlashGear
    Microsoft Publisher will reach end-of-support in October 2026 -- Microsoft will drop updates and remove it from Microsoft 365 apps.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใหม่! เครื่องสับมะพร้าวอ่อน/มะพร้าวเนื้อหนา เป็นเส้นได้หลายแบบ! (MULTI-FUNCTIONAL VEGETABLE CUTTER)

    บอกลาความยุ่งยาก! หมดปัญหานั่งขูดมะพร้าวทีละลูก! ยกระดับงานครัวสำหรับธุรกิจอาหารของคุณด้วย เครื่องสับ/หั่นผักเอนกประสงค์ ที่แข็งแกร่งและทนทาน!

    เครื่องเดียวจบครบทุกการแปรรูป ทั้งผัก ผลไม้ และ เนื้อมะพร้าวอ่อน/มะพร้าวเนื้อหนา ให้เป็นเส้นสวยงาม สม่ำเสมอ ได้ตามต้องการ!

    สับมะพร้าวเป็นเส้นได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น:

    - แบบหั่นเส้นปกติ
    - แบบหั่นหยักฟันปลา
    - แบบหั่นท่อน/หั่นเต๋า (สำหรับทำมะพร้าวแก้ว หรือเมนูอื่นๆ)

    จุดเด่นที่ต้องมี!
    - มอเตอร์ทรงพลัง: 2 แรงม้า หั่นได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ติดขัด
    - วัสดุสแตนเลสคุณภาพสูง: แข็งแกร่ง ทนทาน และถูกสุขอนามัยสำหรับการแปรรูปวัตถุดิบ
    - กำลังการผลิตสูง: 130-660 กก./ชม. ประหยัดเวลา แรงงาน และเพิ่มผลผลิตได้จริง
    - ใบมีดเปลี่ยนได้: มีให้เลือกหลายแบบ เพื่อให้ได้ขนาดและรูปทรงที่หลากหลาย
    - ปรับความหนาบางได้: ปรับความหนาในการสไลด์ได้ตั้งแต่ 1-10 มม. และความกว้างซอย 1-20 มม.

    ตอบโจทย์ทุกธุรกิจอาหารที่ต้องการความรวดเร็วและคุณภาพ!

    ไม่ต้องเสียเวลาลงแรงงานคนอีกต่อไป! หั่น สับ ซอย สไลด์... วัตถุดิบได้คุณภาพสูง รวดเร็ว และปลอดภัย พร้อมใช้งานได้กับวัตถุดิบอื่น ๆ อีกมากมาย (มันฝรั่ง, แครอท, แตงกวา, ผักกาด...)

    สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม:

    ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
    เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.)
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    แชท: m.me/yonghahheng
    LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9
    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098

    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com

    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com

    #เครื่องสับมะพร้าว #เครื่องหั่นมะพร้าว #เครื่องสไลด์ผัก #เครื่องหั่นเอนกประสงค์ #มะพร้าวอ่อน #มะพร้าวแก้ว #อุปกรณ์เบเกอรี่ #yonghahheng #เครื่องครัวอุตสาหกรรม #เครื่องจักรอาหาร #ธุรกิจอาหาร #โรงงานอาหาร #ประหยัดเวลา #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต #เครื่องเตรียมวัตถุดิบ #สแตนเลส #เครื่องมือทำอาหาร #มะพร้าว #เนื้อมะพร้าว #กะทิ #เมี่ยงคำ #ลอดช่อง #ไอศครีมมะพร้าว #ร้านขนมไทย #ร้านน้ำปั่น #เครื่องบดผัก #เครื่องสไลด์ผลไม้ #เครื่องหั่นมันฝรั่ง #เครื่องหั่นแครอท #อุปกรณ์ร้านอาหาร #ครัวมืออาชีพ #วัตถุดิบคุณภาพ #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว #ครัวขนาดใหญ่ #เครื่องหั่นผักอัตโนมัติ #เทคโนโลยีอาหาร
    🎉 🔥 ใหม่! เครื่องสับมะพร้าวอ่อน/มะพร้าวเนื้อหนา เป็นเส้นได้หลายแบบ! (MULTI-FUNCTIONAL VEGETABLE CUTTER) 🔥 บอกลาความยุ่งยาก! ✋ หมดปัญหานั่งขูดมะพร้าวทีละลูก! 🥥 ยกระดับงานครัวสำหรับธุรกิจอาหารของคุณด้วย เครื่องสับ/หั่นผักเอนกประสงค์ ที่แข็งแกร่งและทนทาน! 💪 เครื่องเดียวจบครบทุกการแปรรูป ทั้งผัก 🥕 ผลไม้ 🍎 และ เนื้อมะพร้าวอ่อน/มะพร้าวเนื้อหนา ให้เป็นเส้นสวยงาม สม่ำเสมอ ได้ตามต้องการ! ✨ 🌟 สับมะพร้าวเป็นเส้นได้หลากหลายรูปแบบ 🌟 ไม่ว่าจะเป็น: - แบบหั่นเส้นปกติ 🥔 - แบบหั่นหยักฟันปลา 🍟 - แบบหั่นท่อน/หั่นเต๋า 🧊 (สำหรับทำมะพร้าวแก้ว หรือเมนูอื่นๆ) 🎯 จุดเด่นที่ต้องมี! 🎯 - มอเตอร์ทรงพลัง: 2 แรงม้า หั่นได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ติดขัด 💨 - วัสดุสแตนเลสคุณภาพสูง: แข็งแกร่ง ทนทาน และถูกสุขอนามัยสำหรับการแปรรูปวัตถุดิบ 🛡️ - กำลังการผลิตสูง: 130-660 กก./ชม. ประหยัดเวลา แรงงาน และเพิ่มผลผลิตได้จริง 📈 - ใบมีดเปลี่ยนได้: มีให้เลือกหลายแบบ เพื่อให้ได้ขนาดและรูปทรงที่หลากหลาย 🔪 - ปรับความหนาบางได้: ปรับความหนาในการสไลด์ได้ตั้งแต่ 1-10 มม. และความกว้างซอย 1-20 มม.📏 🚀 ตอบโจทย์ทุกธุรกิจอาหารที่ต้องการความรวดเร็วและคุณภาพ! 💯 ไม่ต้องเสียเวลาลงแรงงานคนอีกต่อไป! หั่น สับ ซอย สไลด์... วัตถุดิบได้คุณภาพสูง รวดเร็ว และปลอดภัย พร้อมใช้งานได้กับวัตถุดิบอื่น ๆ อีกมากมาย (มันฝรั่ง, แครอท, แตงกวา, ผักกาด...) 🥒🥬 🛒 สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม: ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 📍 เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.) ⏰ แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 🗺️ แชท: m.me/yonghahheng 💬 LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9 📱 โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 📞 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com 🌐 อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com 📧 #เครื่องสับมะพร้าว #เครื่องหั่นมะพร้าว #เครื่องสไลด์ผัก #เครื่องหั่นเอนกประสงค์ #มะพร้าวอ่อน #มะพร้าวแก้ว #อุปกรณ์เบเกอรี่ #yonghahheng #เครื่องครัวอุตสาหกรรม #เครื่องจักรอาหาร #ธุรกิจอาหาร #โรงงานอาหาร #ประหยัดเวลา #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต #เครื่องเตรียมวัตถุดิบ #สแตนเลส #เครื่องมือทำอาหาร #มะพร้าว #เนื้อมะพร้าว #กะทิ #เมี่ยงคำ #ลอดช่อง #ไอศครีมมะพร้าว #ร้านขนมไทย #ร้านน้ำปั่น #เครื่องบดผัก #เครื่องสไลด์ผลไม้ #เครื่องหั่นมันฝรั่ง #เครื่องหั่นแครอท #อุปกรณ์ร้านอาหาร #ครัวมืออาชีพ #วัตถุดิบคุณภาพ #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว #ครัวขนาดใหญ่ #เครื่องหั่นผักอัตโนมัติ #เทคโนโลยีอาหาร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • หัวข้อข่าว: “Intel Ultra 9 285HX: สุดยอดชิปมือถือที่มีแค่ 4 แบรนด์ใช้—และ 2 รุ่นลดราคาแรงเกินคาด”

    Intel เปิดตัวชิป Ultra 9 285HX ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์มือถือที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา และตอนนี้มีเพียง 4 แบรนด์เท่านั้นที่นำมาใช้ในแล็ปท็อประดับสูง ได้แก่ Dell, HP, MSI และ Lenovo โดยแต่ละรุ่นมาพร้อมสเปกสุดโหดที่เหมาะกับงานระดับมืออาชีพ เช่น การตัดต่อวิดีโอ 4K, การเรนเดอร์ 3D และการประมวลผล AI

    ที่น่าตกใจคือ มีถึง 2 รุ่นที่ลดราคาหนักมาก ทั้ง MSI Raider 18 HX AI และ HP ZBook Fury G1i ซึ่งลดราคาจากหลักหมื่นเหลือเพียงครึ่งเดียวในบางร้านค้า ทำให้เป็นโอกาสทองสำหรับผู้ที่ต้องการแล็ปท็อปประสิทธิภาพสูงในราคาคุ้มค่า

    Intel Ultra 9 285HX คืออะไร
    เป็นชิปมือถือที่เร็วที่สุดของ Intel ณ ปัจจุบัน
    ใช้ในแล็ปท็อประดับ workstation สำหรับงานหนัก
    รองรับการใช้งานร่วมกับ GPU ระดับสูง เช่น RTX Pro 5000 และ RTX 5080

    แบรนด์ที่ใช้ชิปนี้
    Dell: รุ่น Pro Max 18 Plus พร้อม RTX Pro 5000, RAM 128GB, SSD 4TB
    MSI: รุ่น Raider 18 HX AI พร้อม RTX 5080, RAM 64GB, SSD 2TB
    HP: รุ่น ZBook Fury G1i พร้อม RTX Pro 5000, RAM 128GB ECC
    Lenovo: รุ่น ThinkPad T16g Gen 3 พร้อม RTX 5080/5090, RAM สูงสุด 192GB

    รุ่นที่ลดราคาหนัก
    MSI Raider 18 HX AI ลดเหลือ ~$2,699 จาก ~$3,399
    HP ZBook Fury G1i ลดเหลือ ~$6,999 จาก ~$14,212
    Dell ยังราคาเต็ม ~$9,458 ส่วน Lenovo ยังไม่เปิดราคา

    จุดเด่นของแต่ละรุ่น
    MSI: เหมาะกับงานสร้างสรรค์และมัลติทาสก์
    HP: มี RAM ECC เหมาะกับงานที่ต้องการความเสถียรสูง
    Dell: สเปกสูงสุด เหมาะกับงานวิจัยและ simulation
    Lenovo: รองรับ SSD สูงสุด 12TB เหมาะกับงานเก็บข้อมูลขนาดใหญ่

    https://www.techradar.com/pro/only-4-brands-sell-laptops-with-intels-fastest-ever-mobile-cpu-the-ultra-9-285-hx-and-shockingly-two-are-already-massively-discounted
    💻 หัวข้อข่าว: “Intel Ultra 9 285HX: สุดยอดชิปมือถือที่มีแค่ 4 แบรนด์ใช้—และ 2 รุ่นลดราคาแรงเกินคาด” Intel เปิดตัวชิป Ultra 9 285HX ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์มือถือที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา และตอนนี้มีเพียง 4 แบรนด์เท่านั้นที่นำมาใช้ในแล็ปท็อประดับสูง ได้แก่ Dell, HP, MSI และ Lenovo โดยแต่ละรุ่นมาพร้อมสเปกสุดโหดที่เหมาะกับงานระดับมืออาชีพ เช่น การตัดต่อวิดีโอ 4K, การเรนเดอร์ 3D และการประมวลผล AI ที่น่าตกใจคือ มีถึง 2 รุ่นที่ลดราคาหนักมาก ทั้ง MSI Raider 18 HX AI และ HP ZBook Fury G1i ซึ่งลดราคาจากหลักหมื่นเหลือเพียงครึ่งเดียวในบางร้านค้า ทำให้เป็นโอกาสทองสำหรับผู้ที่ต้องการแล็ปท็อปประสิทธิภาพสูงในราคาคุ้มค่า ✅ Intel Ultra 9 285HX คืออะไร ➡️ เป็นชิปมือถือที่เร็วที่สุดของ Intel ณ ปัจจุบัน ➡️ ใช้ในแล็ปท็อประดับ workstation สำหรับงานหนัก ➡️ รองรับการใช้งานร่วมกับ GPU ระดับสูง เช่น RTX Pro 5000 และ RTX 5080 ✅ แบรนด์ที่ใช้ชิปนี้ ➡️ Dell: รุ่น Pro Max 18 Plus พร้อม RTX Pro 5000, RAM 128GB, SSD 4TB ➡️ MSI: รุ่น Raider 18 HX AI พร้อม RTX 5080, RAM 64GB, SSD 2TB ➡️ HP: รุ่น ZBook Fury G1i พร้อม RTX Pro 5000, RAM 128GB ECC ➡️ Lenovo: รุ่น ThinkPad T16g Gen 3 พร้อม RTX 5080/5090, RAM สูงสุด 192GB ✅ รุ่นที่ลดราคาหนัก ➡️ MSI Raider 18 HX AI ลดเหลือ ~$2,699 จาก ~$3,399 ➡️ HP ZBook Fury G1i ลดเหลือ ~$6,999 จาก ~$14,212 ➡️ Dell ยังราคาเต็ม ~$9,458 ส่วน Lenovo ยังไม่เปิดราคา ✅ จุดเด่นของแต่ละรุ่น ➡️ MSI: เหมาะกับงานสร้างสรรค์และมัลติทาสก์ ➡️ HP: มี RAM ECC เหมาะกับงานที่ต้องการความเสถียรสูง ➡️ Dell: สเปกสูงสุด เหมาะกับงานวิจัยและ simulation ➡️ Lenovo: รองรับ SSD สูงสุด 12TB เหมาะกับงานเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ https://www.techradar.com/pro/only-4-brands-sell-laptops-with-intels-fastest-ever-mobile-cpu-the-ultra-9-285-hx-and-shockingly-two-are-already-massively-discounted
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • “digiKam 8.8 เพิ่มฟีเจอร์ใช้โปรไฟล์สีจอภาพอัตโนมัติบน Wayland” — เมื่อการจัดการภาพถ่ายก้าวสู่ความแม่นยำระดับมืออาชีพ

    digiKam 8.8 ซึ่งเป็นแอปจัดการภาพถ่ายแบบโอเพ่นซอร์ส ได้เปิดตัวพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะการรองรับการใช้โปรไฟล์สีของจอภาพแบบอัตโนมัติบนระบบ Wayland ซึ่งช่วยให้การแสดงผลภาพมีความเที่ยงตรงมากขึ้น โดยไม่ต้องตั้งค่าด้วยตนเอง

    นอกจากนั้นยังมีการปรับปรุงหลายด้าน เช่น:

    รองรับการแสดงจุดโฟกัสของกล้อง FujiFilm และ Olympus/OM Systems ในโหมด Preview
    เพิ่มเครื่องมือเบลอพื้นหลังแบบค่อยเป็นค่อยไปใน Image Editor
    อัปเดตปลั๊กอิน G’MIC-Qt เป็นเวอร์ชัน 3.6 เพื่อเพิ่มความสามารถในการประมวลผลภาพ
    ปรับปรุงระบบแจ้งเตือน (Progress Manager) ให้ใช้ native desktop notifications บน Linux, macOS และ Windows
    แก้ปัญหาความเสถียรใน Wayland และ Windows 11
    รองรับ Qt 6.10 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความเข้ากันได้กับระบบปฏิบัติการใหม่
    ปรับปรุงการจัดการแท็ก, การแสดง thumbnail, การเลือกภาษา และการแปลเป็น 61 ภาษา

    ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลด digiKam 8.8 ได้ในรูปแบบ AppImage ซึ่งสามารถรันได้บน Linux ทุกดิสโทรโดยไม่ต้องติดตั้ง หรือเลือกติดตั้งผ่าน repository หรือ Flatpak จาก Flathub

    https://9to5linux.com/digikam-8-8-adds-support-to-automatically-use-monitor-color-profiles-on-wayland
    🖼️ “digiKam 8.8 เพิ่มฟีเจอร์ใช้โปรไฟล์สีจอภาพอัตโนมัติบน Wayland” — เมื่อการจัดการภาพถ่ายก้าวสู่ความแม่นยำระดับมืออาชีพ digiKam 8.8 ซึ่งเป็นแอปจัดการภาพถ่ายแบบโอเพ่นซอร์ส ได้เปิดตัวพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะการรองรับการใช้โปรไฟล์สีของจอภาพแบบอัตโนมัติบนระบบ Wayland ซึ่งช่วยให้การแสดงผลภาพมีความเที่ยงตรงมากขึ้น โดยไม่ต้องตั้งค่าด้วยตนเอง นอกจากนั้นยังมีการปรับปรุงหลายด้าน เช่น: 👍 รองรับการแสดงจุดโฟกัสของกล้อง FujiFilm และ Olympus/OM Systems ในโหมด Preview 👍 เพิ่มเครื่องมือเบลอพื้นหลังแบบค่อยเป็นค่อยไปใน Image Editor 👍 อัปเดตปลั๊กอิน G’MIC-Qt เป็นเวอร์ชัน 3.6 เพื่อเพิ่มความสามารถในการประมวลผลภาพ 👍 ปรับปรุงระบบแจ้งเตือน (Progress Manager) ให้ใช้ native desktop notifications บน Linux, macOS และ Windows 👍 แก้ปัญหาความเสถียรใน Wayland และ Windows 11 👍 รองรับ Qt 6.10 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความเข้ากันได้กับระบบปฏิบัติการใหม่ 👍 ปรับปรุงการจัดการแท็ก, การแสดง thumbnail, การเลือกภาษา และการแปลเป็น 61 ภาษา ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลด digiKam 8.8 ได้ในรูปแบบ AppImage ซึ่งสามารถรันได้บน Linux ทุกดิสโทรโดยไม่ต้องติดตั้ง หรือเลือกติดตั้งผ่าน repository หรือ Flatpak จาก Flathub https://9to5linux.com/digikam-8-8-adds-support-to-automatically-use-monitor-color-profiles-on-wayland
    9TO5LINUX.COM
    digiKam 8.8 Adds Support to Automatically Use Monitor Color Profiles on Wayland - 9to5Linux
    digiKam 8.8 open-source digital photo management software is now available for download with various new features and improvements.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • “CAD Assistant เวอร์ชัน PC — วิวัฒนาการใหม่ของการดูโมเดล 3D แบบมืออาชีพ” — เมื่อเครื่องมือจากมือถือถูกยกระดับสู่เดสก์ท็อป พร้อมเรนเดอร์ Ray-Tracing และ Path-Tracing เต็มรูปแบบ

    CAD Assistant ซึ่งเดิมเป็นแอปดูโมเดล 3D บนมือถือที่พัฒนาโดย Open CASCADE Technology ได้ถูกนำมาปรับใช้บนแพลตฟอร์ม PC โดยใช้ Android emulator อย่าง NoxPlayer เพื่อให้วิศวกรและนักออกแบบสามารถใช้งานได้บนหน้าจอใหญ่ พร้อมประสิทธิภาพที่สูงขึ้น

    ตัวแอปรองรับไฟล์ CAD หลากหลายรูปแบบ เช่น STEP, IGES, BREP, DXF, SAT, XT รวมถึงไฟล์ mesh อย่าง STL, OBJ, glTF และ JT โดยสามารถแสดงสี, texture, ข้อมูล scalar และ PMI ได้ครบถ้วน พร้อมแถบควบคุมการแสดงผล scalar แบบ interactive

    จุดเด่นของเวอร์ชัน PC คือการรองรับ GPU Ray-Tracing และ Path-Tracing ด้วยเทคโนโลยีของ Open CASCADE ซึ่งให้ภาพเรนเดอร์ที่สมจริงระดับ photorealistic เหมาะสำหรับการตรวจสอบงานออกแบบหรือใช้ในการนำเสนอแก่ลูกค้า

    นอกจากนี้ยังมี Material Editor ที่รองรับทั้ง Blinn-Phong และ PBR (metallic-roughness) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขวัสดุจาก Bill of Materials หรือสร้างวัสดุใหม่ได้อย่างง่ายดาย

    CAD Assistant ยังเหมาะกับการใช้งานในภาคอุตสาหกรรม เช่น ยานยนต์, อากาศยาน, การผลิต และการศึกษา โดยสามารถใช้ในการตรวจสอบหน้างาน, การฝึกอบรม หรือการทำงานร่วมกันระหว่างทีม

    CAD Assistant เดิมเป็นแอปมือถือจาก Open CASCADE
    ปรับใช้บน PC ผ่าน Android emulator เช่น NoxPlayer

    รองรับไฟล์ CAD หลากหลาย: STEP, IGES, BREP, DXF, SAT, XT
    รวมถึง mesh formats เช่น STL, OBJ, glTF, JT

    แสดงข้อมูล geometry, assembly, color, PMI และ scalar data
    พร้อมแถบควบคุม scalar แบบ interactive

    รองรับ GPU Ray-Tracing และ Path-Tracing บน PC
    ให้ภาพเรนเดอร์สมจริงระดับ photorealistic

    มี Material Editor รองรับ Blinn-Phong และ PBR
    แก้ไขวัสดุจาก BOM หรือสร้างใหม่ได้

    เหมาะกับภาคอุตสาหกรรมและการศึกษา
    ใช้ในการตรวจสอบ, ฝึกอบรม, และการนำเสนอ

    https://securityonline.info/cad-assistant-for-pc-professional-3d-cad-visualization-on-desktop/
    🧱 “CAD Assistant เวอร์ชัน PC — วิวัฒนาการใหม่ของการดูโมเดล 3D แบบมืออาชีพ” — เมื่อเครื่องมือจากมือถือถูกยกระดับสู่เดสก์ท็อป พร้อมเรนเดอร์ Ray-Tracing และ Path-Tracing เต็มรูปแบบ CAD Assistant ซึ่งเดิมเป็นแอปดูโมเดล 3D บนมือถือที่พัฒนาโดย Open CASCADE Technology ได้ถูกนำมาปรับใช้บนแพลตฟอร์ม PC โดยใช้ Android emulator อย่าง NoxPlayer เพื่อให้วิศวกรและนักออกแบบสามารถใช้งานได้บนหน้าจอใหญ่ พร้อมประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ตัวแอปรองรับไฟล์ CAD หลากหลายรูปแบบ เช่น STEP, IGES, BREP, DXF, SAT, XT รวมถึงไฟล์ mesh อย่าง STL, OBJ, glTF และ JT โดยสามารถแสดงสี, texture, ข้อมูล scalar และ PMI ได้ครบถ้วน พร้อมแถบควบคุมการแสดงผล scalar แบบ interactive จุดเด่นของเวอร์ชัน PC คือการรองรับ GPU Ray-Tracing และ Path-Tracing ด้วยเทคโนโลยีของ Open CASCADE ซึ่งให้ภาพเรนเดอร์ที่สมจริงระดับ photorealistic เหมาะสำหรับการตรวจสอบงานออกแบบหรือใช้ในการนำเสนอแก่ลูกค้า นอกจากนี้ยังมี Material Editor ที่รองรับทั้ง Blinn-Phong และ PBR (metallic-roughness) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขวัสดุจาก Bill of Materials หรือสร้างวัสดุใหม่ได้อย่างง่ายดาย CAD Assistant ยังเหมาะกับการใช้งานในภาคอุตสาหกรรม เช่น ยานยนต์, อากาศยาน, การผลิต และการศึกษา โดยสามารถใช้ในการตรวจสอบหน้างาน, การฝึกอบรม หรือการทำงานร่วมกันระหว่างทีม ✅ CAD Assistant เดิมเป็นแอปมือถือจาก Open CASCADE ➡️ ปรับใช้บน PC ผ่าน Android emulator เช่น NoxPlayer ✅ รองรับไฟล์ CAD หลากหลาย: STEP, IGES, BREP, DXF, SAT, XT ➡️ รวมถึง mesh formats เช่น STL, OBJ, glTF, JT ✅ แสดงข้อมูล geometry, assembly, color, PMI และ scalar data ➡️ พร้อมแถบควบคุม scalar แบบ interactive ✅ รองรับ GPU Ray-Tracing และ Path-Tracing บน PC ➡️ ให้ภาพเรนเดอร์สมจริงระดับ photorealistic ✅ มี Material Editor รองรับ Blinn-Phong และ PBR ➡️ แก้ไขวัสดุจาก BOM หรือสร้างใหม่ได้ ✅ เหมาะกับภาคอุตสาหกรรมและการศึกษา ➡️ ใช้ในการตรวจสอบ, ฝึกอบรม, และการนำเสนอ https://securityonline.info/cad-assistant-for-pc-professional-3d-cad-visualization-on-desktop/
    SECURITYONLINE.INFO
    CAD Assistant for PC: Professional 3D CAD Visualization on Desktop
    CAD Assistant represents a sophisticated solution for professionals who demand reliable 3D model visualization capabilities. Originally developed as
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Asus เปิดขาย Ascent GX10 เดสก์ท็อป AI พลัง 1 เพตาฟลอป ก่อน Dell Pro Max GB10” — เมื่อซูเปอร์คอมพิวเตอร์ย่อส่วนมาถึงมือคุณ

    ในขณะที่ Dell ยังไม่เปิดให้สั่งซื้อเวิร์กสเตชัน AI รุ่น Pro Max GB10 ที่ใช้ชิป Grace Blackwell GB10 ของ Nvidia แต่ Asus กลับชิงเปิดตัวและวางจำหน่าย Ascent GX10 ซึ่งใช้ฮาร์ดแวร์เดียวกัน พร้อมส่งถึงมือผู้ซื้อภายในไม่กี่วัน

    Ascent GX10 เป็นเดสก์ท็อปขนาดเล็กที่ให้พลังประมวลผลระดับศูนย์ข้อมูล ด้วยชิป GB10 ที่รวม CPU และ GPU เข้าด้วยกันบนสถาปัตยกรรม Grace Blackwell ให้พลังสูงสุดถึง 1 เพตาฟลอป (FP4) พร้อมหน่วยความจำ unified LPDDR5x ขนาด 128GB รองรับโมเดล AI ขนาดสูงสุด 200 พันล้านพารามิเตอร์

    เครื่องนี้มีขนาดเพียง 150 มม. x 150 มม. x 51 มม. น้ำหนัก 1.48 กก. แต่มีพอร์ตเชื่อมต่อครบครัน เช่น USB-C 180W PD, HDMI 2.1, Wi-Fi 7, Bluetooth 5 และ 10G Ethernet พร้อมระบบระบายความร้อนขั้นสูง และรองรับการเชื่อมต่อแบบ dual-system stacking ผ่าน NVLink-C2C และ ConnectX-7

    Asus วางจำหน่ายผ่าน Viperatech ในราคา $4,100 โดยเน้นกลุ่มนักพัฒนา AI ที่ต้องการพลังประมวลผลระดับสูงในขนาดกะทัดรัด

    Asus เปิดขาย Ascent GX10 เดสก์ท็อป AI ที่ใช้ชิป Nvidia GB10
    วางจำหน่ายผ่าน Viperatech ราคา $4,100 พร้อมจัดส่งภายใน 10 วัน

    ใช้ชิป Grace Blackwell GB10 รวม CPU และ GPU บนสถาปัตยกรรมเดียวกัน
    ให้พลังประมวลผลสูงสุด 1 เพตาฟลอป (FP4)

    มาพร้อมหน่วยความจำ unified LPDDR5x ขนาด 128GB
    รองรับโมเดล AI ขนาดสูงสุด 200 พันล้านพารามิเตอร์

    ขนาดเล็กเพียง 150 x 150 x 51 มม. น้ำหนัก 1.48 กก.
    พกพาสะดวกแต่ทรงพลัง

    พอร์ตเชื่อมต่อครบ: USB-C 180W PD, HDMI 2.1, Wi-Fi 7, 10G Ethernet
    รองรับการใช้งานระดับมืออาชีพ

    รองรับ dual-system stacking ผ่าน NVLink-C2C และ ConnectX-7
    ขยายการประมวลผลแบบ local ได้

    https://www.techradar.com/pro/you-cant-buy-the-dell-pro-max-gb10-yet-but-you-can-buy-the-asus-ascent-gx10-right-now-for-usd4100-get-nvidias-petaflop-desktop-supercomputer-shipped-within-days
    🖥️ “Asus เปิดขาย Ascent GX10 เดสก์ท็อป AI พลัง 1 เพตาฟลอป ก่อน Dell Pro Max GB10” — เมื่อซูเปอร์คอมพิวเตอร์ย่อส่วนมาถึงมือคุณ ในขณะที่ Dell ยังไม่เปิดให้สั่งซื้อเวิร์กสเตชัน AI รุ่น Pro Max GB10 ที่ใช้ชิป Grace Blackwell GB10 ของ Nvidia แต่ Asus กลับชิงเปิดตัวและวางจำหน่าย Ascent GX10 ซึ่งใช้ฮาร์ดแวร์เดียวกัน พร้อมส่งถึงมือผู้ซื้อภายในไม่กี่วัน Ascent GX10 เป็นเดสก์ท็อปขนาดเล็กที่ให้พลังประมวลผลระดับศูนย์ข้อมูล ด้วยชิป GB10 ที่รวม CPU และ GPU เข้าด้วยกันบนสถาปัตยกรรม Grace Blackwell ให้พลังสูงสุดถึง 1 เพตาฟลอป (FP4) พร้อมหน่วยความจำ unified LPDDR5x ขนาด 128GB รองรับโมเดล AI ขนาดสูงสุด 200 พันล้านพารามิเตอร์ เครื่องนี้มีขนาดเพียง 150 มม. x 150 มม. x 51 มม. น้ำหนัก 1.48 กก. แต่มีพอร์ตเชื่อมต่อครบครัน เช่น USB-C 180W PD, HDMI 2.1, Wi-Fi 7, Bluetooth 5 และ 10G Ethernet พร้อมระบบระบายความร้อนขั้นสูง และรองรับการเชื่อมต่อแบบ dual-system stacking ผ่าน NVLink-C2C และ ConnectX-7 Asus วางจำหน่ายผ่าน Viperatech ในราคา $4,100 โดยเน้นกลุ่มนักพัฒนา AI ที่ต้องการพลังประมวลผลระดับสูงในขนาดกะทัดรัด ✅ Asus เปิดขาย Ascent GX10 เดสก์ท็อป AI ที่ใช้ชิป Nvidia GB10 ➡️ วางจำหน่ายผ่าน Viperatech ราคา $4,100 พร้อมจัดส่งภายใน 10 วัน ✅ ใช้ชิป Grace Blackwell GB10 รวม CPU และ GPU บนสถาปัตยกรรมเดียวกัน ➡️ ให้พลังประมวลผลสูงสุด 1 เพตาฟลอป (FP4) ✅ มาพร้อมหน่วยความจำ unified LPDDR5x ขนาด 128GB ➡️ รองรับโมเดล AI ขนาดสูงสุด 200 พันล้านพารามิเตอร์ ✅ ขนาดเล็กเพียง 150 x 150 x 51 มม. น้ำหนัก 1.48 กก. ➡️ พกพาสะดวกแต่ทรงพลัง ✅ พอร์ตเชื่อมต่อครบ: USB-C 180W PD, HDMI 2.1, Wi-Fi 7, 10G Ethernet ➡️ รองรับการใช้งานระดับมืออาชีพ ✅ รองรับ dual-system stacking ผ่าน NVLink-C2C และ ConnectX-7 ➡️ ขยายการประมวลผลแบบ local ได้ https://www.techradar.com/pro/you-cant-buy-the-dell-pro-max-gb10-yet-but-you-can-buy-the-asus-ascent-gx10-right-now-for-usd4100-get-nvidias-petaflop-desktop-supercomputer-shipped-within-days
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Paint บน Windows 11 เตรียมเพิ่มฟีเจอร์ AI สร้างแอนิเมชันและแก้ไขภาพแบบ Nano Banana” — เมื่อแอปวาดภาพพื้นฐานกลายเป็นเครื่องมือสร้างสรรค์ระดับมืออาชีพ

    Microsoft กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ในแอป Paint บน Windows 11 ที่ใช้ AI ช่วยสร้างแอนิเมชันจากภาพนิ่ง และแก้ไขภาพด้วยคำสั่งข้อความแบบเดียวกับฟีเจอร์ “Generative Fill” ของ Photoshop หรือ “Nano Banana” ของ Google

    ฟีเจอร์แรกชื่อว่า “Animate” ช่วยให้ผู้ใช้สามารถคลิกเพียงครั้งเดียวเพื่อเปลี่ยนภาพนิ่งหรือสเก็ตช์ให้กลายเป็นแอนิเมชันสั้น ๆ โดยไม่ต้องใส่ prompt ใด ๆ AI จะตัดสินใจสร้างภาพเคลื่อนไหวให้เอง ซึ่งแม้ยังไม่สมบูรณ์ แต่ถือเป็นก้าวแรกของการนำ AI เข้ามาช่วยสร้างสรรค์งานศิลป์

    ฟีเจอร์ที่สองคือ “Generative Edit” ซึ่งให้ผู้ใช้พิมพ์คำสั่ง เช่น “เปลี่ยนพื้นหลังเป็นป่าผลไม้” แล้ว AI จะปรับภาพให้ตามคำสั่งทันที ตัวอย่างเช่น เปลี่ยนภาพกล้วยเดี่ยวให้กลายเป็นฉาก “fruit jungle” ได้อย่างน่าทึ่ง

    ทั้งสองฟีเจอร์นี้อยู่ในโครงการ Windows AI Labs ซึ่งเปิดให้เฉพาะผู้ใช้ Windows Insider ที่ได้รับเชิญเท่านั้น โดย Microsoft ใช้โมเดล AI ที่พัฒนาขึ้นเอง ไม่ได้พึ่งเทคโนโลยีจากภายนอก

    Microsoft กำลังทดสอบฟีเจอร์ AI ใหม่ในแอป Paint บน Windows 11
    อยู่ในโครงการ Windows AI Labs สำหรับผู้ใช้ Windows Insider

    ฟีเจอร์ “Animate” สร้างแอนิเมชันจากภาพนิ่งหรือสเก็ตช์
    ไม่ต้องใส่ prompt, AI ตัดสินใจเอง

    ฟีเจอร์ “Generative Edit” แก้ไขภาพตามคำสั่งข้อความ
    ตัวอย่างเช่น เปลี่ยนพื้นหลังเป็น “fruit jungle”

    ใช้โมเดล AI ที่ Microsoft พัฒนาขึ้นเอง
    ไม่พึ่งเทคโนโลยีจากบริษัทภายนอก

    Paint กำลังกลายเป็นแอปสร้างภาพที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ
    เดิมเป็นแอปวาดภาพพื้นฐานใน Windows

    ฟีเจอร์ยังอยู่ในช่วงทดสอบ และอาจยังไม่เสถียร
    ตัวอย่างแอนิเมชันที่สร้างอาจมีความผิดเพี้ยน

    ต้องเป็นสมาชิก Windows Insider และได้รับเชิญเท่านั้นจึงจะใช้งานได้
    ผู้ใช้ทั่วไปยังไม่สามารถเข้าถึงฟีเจอร์นี้

    ไม่มีการควบคุมผลลัพธ์ของแอนิเมชันในเวอร์ชันทดสอบ
    ผู้ใช้ไม่สามารถกำหนดทิศทางหรือรูปแบบของแอนิเมชันได้

    ยังไม่มีกำหนดการเปิดตัวฟีเจอร์เหล่านี้อย่างเป็นทางการ
    อาจใช้เวลานานกว่าจะปล่อยให้ผู้ใช้ทั่วไป

    https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11s-paint-app-could-soon-create-animations-for-you-with-ai-and-boast-a-nano-banana-style-generative-edit
    🎨 “Paint บน Windows 11 เตรียมเพิ่มฟีเจอร์ AI สร้างแอนิเมชันและแก้ไขภาพแบบ Nano Banana” — เมื่อแอปวาดภาพพื้นฐานกลายเป็นเครื่องมือสร้างสรรค์ระดับมืออาชีพ Microsoft กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ในแอป Paint บน Windows 11 ที่ใช้ AI ช่วยสร้างแอนิเมชันจากภาพนิ่ง และแก้ไขภาพด้วยคำสั่งข้อความแบบเดียวกับฟีเจอร์ “Generative Fill” ของ Photoshop หรือ “Nano Banana” ของ Google ฟีเจอร์แรกชื่อว่า “Animate” ช่วยให้ผู้ใช้สามารถคลิกเพียงครั้งเดียวเพื่อเปลี่ยนภาพนิ่งหรือสเก็ตช์ให้กลายเป็นแอนิเมชันสั้น ๆ โดยไม่ต้องใส่ prompt ใด ๆ AI จะตัดสินใจสร้างภาพเคลื่อนไหวให้เอง ซึ่งแม้ยังไม่สมบูรณ์ แต่ถือเป็นก้าวแรกของการนำ AI เข้ามาช่วยสร้างสรรค์งานศิลป์ ฟีเจอร์ที่สองคือ “Generative Edit” ซึ่งให้ผู้ใช้พิมพ์คำสั่ง เช่น “เปลี่ยนพื้นหลังเป็นป่าผลไม้” แล้ว AI จะปรับภาพให้ตามคำสั่งทันที ตัวอย่างเช่น เปลี่ยนภาพกล้วยเดี่ยวให้กลายเป็นฉาก “fruit jungle” ได้อย่างน่าทึ่ง ทั้งสองฟีเจอร์นี้อยู่ในโครงการ Windows AI Labs ซึ่งเปิดให้เฉพาะผู้ใช้ Windows Insider ที่ได้รับเชิญเท่านั้น โดย Microsoft ใช้โมเดล AI ที่พัฒนาขึ้นเอง ไม่ได้พึ่งเทคโนโลยีจากภายนอก ✅ Microsoft กำลังทดสอบฟีเจอร์ AI ใหม่ในแอป Paint บน Windows 11 ➡️ อยู่ในโครงการ Windows AI Labs สำหรับผู้ใช้ Windows Insider ✅ ฟีเจอร์ “Animate” สร้างแอนิเมชันจากภาพนิ่งหรือสเก็ตช์ ➡️ ไม่ต้องใส่ prompt, AI ตัดสินใจเอง ✅ ฟีเจอร์ “Generative Edit” แก้ไขภาพตามคำสั่งข้อความ ➡️ ตัวอย่างเช่น เปลี่ยนพื้นหลังเป็น “fruit jungle” ✅ ใช้โมเดล AI ที่ Microsoft พัฒนาขึ้นเอง ➡️ ไม่พึ่งเทคโนโลยีจากบริษัทภายนอก ✅ Paint กำลังกลายเป็นแอปสร้างภาพที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ ➡️ เดิมเป็นแอปวาดภาพพื้นฐานใน Windows ‼️ ฟีเจอร์ยังอยู่ในช่วงทดสอบ และอาจยังไม่เสถียร ⛔ ตัวอย่างแอนิเมชันที่สร้างอาจมีความผิดเพี้ยน ‼️ ต้องเป็นสมาชิก Windows Insider และได้รับเชิญเท่านั้นจึงจะใช้งานได้ ⛔ ผู้ใช้ทั่วไปยังไม่สามารถเข้าถึงฟีเจอร์นี้ ‼️ ไม่มีการควบคุมผลลัพธ์ของแอนิเมชันในเวอร์ชันทดสอบ ⛔ ผู้ใช้ไม่สามารถกำหนดทิศทางหรือรูปแบบของแอนิเมชันได้ ‼️ ยังไม่มีกำหนดการเปิดตัวฟีเจอร์เหล่านี้อย่างเป็นทางการ ⛔ อาจใช้เวลานานกว่าจะปล่อยให้ผู้ใช้ทั่วไป https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11s-paint-app-could-soon-create-animations-for-you-with-ai-and-boast-a-nano-banana-style-generative-edit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดร.เอ้ นำทีม "เหลืองเลมอนสัญจร" บุกน่าน 18 ต.ค. 68 เชิญชวนชาวเหนือ ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
    https://www.thai-tai.tv/news/21946/
    .
    #ไทยก้าวใหม่ #ก้าวใหม่ให้ไทยสตรอง #มืออาชีพ #ฟังเสียงประชาชน #ไทยไท #ไทยก้าวใหม่ #สุชัชวีร์ #ดรเอ้ #ทีมเหลืองเลมอนสัญจร #น่าน

    ดร.เอ้ นำทีม "เหลืองเลมอนสัญจร" บุกน่าน 18 ต.ค. 68 เชิญชวนชาวเหนือ ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น https://www.thai-tai.tv/news/21946/ . #ไทยก้าวใหม่ #ก้าวใหม่ให้ไทยสตรอง #มืออาชีพ #ฟังเสียงประชาชน #ไทยไท #ไทยก้าวใหม่ #สุชัชวีร์ #ดรเอ้ #ทีมเหลืองเลมอนสัญจร #น่าน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • “D-Link เปิดตัวชุดอุปกรณ์ 5G/4G Mobile Access ใหม่” — เชื่อมต่อโลกเคลื่อนที่ด้วย Wi-Fi 6 และดีไซน์เพื่อชีวิตดิจิทัล

    D-Link ประกาศขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ 5G/4G Mobile Access Series เพื่อตอบโจทย์การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ยืดหยุ่นและปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งานยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นนักเดินทาง, คนทำงานระยะไกล หรือครอบครัวที่ต้องการอินเทอร์เน็ตแบบพกพา

    ซีรีส์ใหม่นี้ประกอบด้วยอุปกรณ์หลากหลายประเภท เช่น mobile hotspot, mobile router และ USB adapter โดยทุกตัวรองรับ Wi-Fi 6 เพื่อความเร็วและความปลอดภัยที่เหนือกว่า

    ไฮไลต์ของผลิตภัณฑ์:

    F530 5G NR AX3000 Mobile Hotspot: หน้าจอสัมผัสควบคุมง่าย พร้อมฟีเจอร์แชร์ไฟล์ในตัว เหมาะสำหรับมืออาชีพที่ต้องการความเร็วและความคล่องตัว

    F518 5G NR AX1800 Mobile Hotspot: แบตเตอรี่ความจุสูง ใช้งานได้ทั้งวัน และสามารถใช้เป็น power bank ได้

    DBR-330-G 5G NR AX3000 Mobile Router: เหมาะสำหรับบ้านหรือออฟฟิศขนาดเล็ก รองรับ VPN และการแชร์ไฟล์

    DWR-932W 4G LTE AX300 Mobile Hotspot: ขนาดกะทัดรัด ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไป

    D501 5G NR USB Adapter: เสาอากาศพับได้ เชื่อมต่อผ่าน USB สำหรับโน้ตบุ๊กและพีซี

    DWM-222W 4G LTE USB Adapter: ตัวเลือกแบบ plug-and-play ที่รองรับหลายแพลตฟอร์ม

    ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดออกแบบภายใต้แนวคิด “One Connection – Infinite Possibilities” โดยเน้นความยั่งยืน ความคิดสร้างสรรค์ และการบริการแบบครบวงจร

    ข้อมูลในข่าว
    D-Link เปิดตัวชุดอุปกรณ์ 5G/4G Mobile Access Series ใหม่
    รองรับ Wi-Fi 6 เพื่อความเร็วและความปลอดภัยที่เหนือกว่า
    F530 มีหน้าจอสัมผัสและฟีเจอร์แชร์ไฟล์ในตัว
    F518 มีแบตเตอรี่ความจุสูงและใช้เป็น power bank ได้
    DBR-330-G รองรับ VPN และเหมาะสำหรับบ้านหรือออฟฟิศ
    DWR-932W เป็น 4G hotspot ขนาดเล็ก ใช้งานง่าย
    D501 เป็น USB adapter 5G พร้อมเสาอากาศพับได้
    DWM-222W เป็น USB adapter 4G แบบ plug-and-play
    อุปกรณ์ทั้งหมดออกแบบเพื่อชีวิตเคลื่อนที่และการใช้งานที่หลากหลาย
    แนวคิด “One Connection – Infinite Possibilities” สะท้อนความยืดหยุ่นของผลิตภัณฑ์

    https://www.techpowerup.com/341925/d-link-expands-its-5g-4g-mobile-access-series
    📶 “D-Link เปิดตัวชุดอุปกรณ์ 5G/4G Mobile Access ใหม่” — เชื่อมต่อโลกเคลื่อนที่ด้วย Wi-Fi 6 และดีไซน์เพื่อชีวิตดิจิทัล D-Link ประกาศขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ 5G/4G Mobile Access Series เพื่อตอบโจทย์การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ยืดหยุ่นและปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งานยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นนักเดินทาง, คนทำงานระยะไกล หรือครอบครัวที่ต้องการอินเทอร์เน็ตแบบพกพา ซีรีส์ใหม่นี้ประกอบด้วยอุปกรณ์หลากหลายประเภท เช่น mobile hotspot, mobile router และ USB adapter โดยทุกตัวรองรับ Wi-Fi 6 เพื่อความเร็วและความปลอดภัยที่เหนือกว่า ไฮไลต์ของผลิตภัณฑ์: 🔋 F530 5G NR AX3000 Mobile Hotspot: หน้าจอสัมผัสควบคุมง่าย พร้อมฟีเจอร์แชร์ไฟล์ในตัว เหมาะสำหรับมืออาชีพที่ต้องการความเร็วและความคล่องตัว 🔋 F518 5G NR AX1800 Mobile Hotspot: แบตเตอรี่ความจุสูง ใช้งานได้ทั้งวัน และสามารถใช้เป็น power bank ได้ 🏠 DBR-330-G 5G NR AX3000 Mobile Router: เหมาะสำหรับบ้านหรือออฟฟิศขนาดเล็ก รองรับ VPN และการแชร์ไฟล์ 📱 DWR-932W 4G LTE AX300 Mobile Hotspot: ขนาดกะทัดรัด ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไป 💻 D501 5G NR USB Adapter: เสาอากาศพับได้ เชื่อมต่อผ่าน USB สำหรับโน้ตบุ๊กและพีซี 💻 DWM-222W 4G LTE USB Adapter: ตัวเลือกแบบ plug-and-play ที่รองรับหลายแพลตฟอร์ม ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดออกแบบภายใต้แนวคิด “One Connection – Infinite Possibilities” โดยเน้นความยั่งยืน ความคิดสร้างสรรค์ และการบริการแบบครบวงจร ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ D-Link เปิดตัวชุดอุปกรณ์ 5G/4G Mobile Access Series ใหม่ ➡️ รองรับ Wi-Fi 6 เพื่อความเร็วและความปลอดภัยที่เหนือกว่า ➡️ F530 มีหน้าจอสัมผัสและฟีเจอร์แชร์ไฟล์ในตัว ➡️ F518 มีแบตเตอรี่ความจุสูงและใช้เป็น power bank ได้ ➡️ DBR-330-G รองรับ VPN และเหมาะสำหรับบ้านหรือออฟฟิศ ➡️ DWR-932W เป็น 4G hotspot ขนาดเล็ก ใช้งานง่าย ➡️ D501 เป็น USB adapter 5G พร้อมเสาอากาศพับได้ ➡️ DWM-222W เป็น USB adapter 4G แบบ plug-and-play ➡️ อุปกรณ์ทั้งหมดออกแบบเพื่อชีวิตเคลื่อนที่และการใช้งานที่หลากหลาย ➡️ แนวคิด “One Connection – Infinite Possibilities” สะท้อนความยืดหยุ่นของผลิตภัณฑ์ https://www.techpowerup.com/341925/d-link-expands-its-5g-4g-mobile-access-series
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    D-Link Expands Its 5G/4G Mobile Access Series
    D-Link Corporation (TWSE: 2332), one of the global leaders in networking solutions, today announced its expanded 5G/4G Mobile Access Series, a comprehensive lineup designed to meet the growing demand for flexible, high-speed connectivity. The new portfolio empowers users to overcome the limitations ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เกือบโดนแฮกเพราะสมัครงาน” — เมื่อโค้ดทดสอบกลายเป็นกับดักมัลแวร์สุดแนบเนียน

    David Dodda นักพัฒนาอิสระเกือบตกเป็นเหยื่อของการโจมตีไซเบอร์ที่แฝงมาในรูปแบบ “สัมภาษณ์งาน” จากบริษัทบล็อกเชนที่ดูน่าเชื่อถือบน LinkedIn ชื่อ Symfa โดยผู้ติดต่อคือ Mykola Yanchii ซึ่งมีโปรไฟล์จริง มีตำแหน่ง Chief Blockchain Officer และมีเครือข่ายมากกว่า 1,000 คน

    หลังจากได้รับข้อความเชิญสัมภาษณ์พร้อมโปรเจกต์ทดสอบเป็นโค้ด React/Node บน Bitbucket ที่ดูเป็นมืออาชีพ David เริ่มตรวจสอบและแก้ไขโค้ดตามปกติ แต่ก่อนจะรันคำสั่ง npm start เขาตัดสินใจถาม AI coding assistant ว่ามีโค้ดน่าสงสัยหรือไม่ และนั่นคือจุดที่เขารอดจากการโดนแฮก

    ในไฟล์ userController.js มีโค้ด obfuscated ที่จะโหลดมัลแวร์จาก URL ภายนอกและรันด้วยสิทธิ์ระดับเซิร์ฟเวอร์ทันทีที่มีการเข้าถึง route admin โดย payload ที่ถูกโหลดมานั้นสามารถขโมยข้อมูลทุกอย่างในเครื่อง เช่น crypto wallets, credentials และไฟล์ส่วนตัว

    ที่น่ากลัวคือ URL ดังกล่าวถูกตั้งให้หมดอายุภายใน 24 ชั่วโมงเพื่อทำลายหลักฐาน และโค้ดถูกฝังอย่างแนบเนียนในฟังก์ชันที่ดูเหมือนปกติ

    David สรุปว่า การโจมตีนี้มีความซับซ้อนสูง ใช้ความน่าเชื่อถือจาก LinkedIn, บริษัทจริง, และกระบวนการสัมภาษณ์ที่คุ้นเคยเพื่อหลอกนักพัฒนาให้รันโค้ดอันตรายโดยไม่รู้ตัว

    ข้อมูลในข่าว
    David ได้รับข้อความจากโปรไฟล์ LinkedIn จริงของ Mykola Yanchii จากบริษัท Symfa
    โปรเจกต์ทดสอบเป็นโค้ด React/Node บน Bitbucket ที่ดูน่าเชื่อถือ
    โค้ดมีมัลแวร์ฝังอยู่ใน userController.js ที่โหลด payload จาก URL ภายนอก
    Payload สามารถขโมยข้อมูลสำคัญในเครื่องได้ทันทีเมื่อรัน
    URL ถูกตั้งให้หมดอายุภายใน 24 ชั่วโมงเพื่อทำลายหลักฐาน
    การโจมตีใช้ความน่าเชื่อถือจาก LinkedIn และกระบวนการสัมภาษณ์ที่คุ้นเคย
    David รอดมาได้เพราะถาม AI assistant ให้ช่วยตรวจสอบก่อนรันโค้ด
    โค้ดถูกออกแบบให้รันด้วยสิทธิ์ระดับเซิร์ฟเวอร์ผ่าน route admin
    การโจมตีนี้มุ่งเป้าไปที่นักพัฒนาโดยเฉพาะ เพราะเครื่องของ dev มักมีข้อมูลสำคัญ

    คำเตือนจากข้อมูลข่าว
    การรันโค้ดจากแหล่งที่ไม่รู้จักโดยไม่ sandbox อาจนำไปสู่การโดนแฮก
    โปรไฟล์ LinkedIn จริงและบริษัทจริงไม่ได้หมายความว่าโอกาสงานนั้นปลอดภัย
    การเร่งให้ผู้สมัครรันโค้ดก่อนสัมภาษณ์เป็นเทคนิคสร้างความเร่งรีบเพื่อให้เผลอ
    นักพัฒนามักดาวน์โหลดและรันโค้ดจาก GitHub หรือ Bitbucket โดยไม่ตรวจสอบ
    มัลแวร์ฝังในโค้ด server-side สามารถเข้าถึง environment variables และฐานข้อมูล
    การโจมตีแบบนี้อาจเจาะระบบ production หรือขโมย crypto wallets ได้ทันที

    https://blog.daviddodda.com/how-i-almost-got-hacked-by-a-job-interview
    🎯 “เกือบโดนแฮกเพราะสมัครงาน” — เมื่อโค้ดทดสอบกลายเป็นกับดักมัลแวร์สุดแนบเนียน David Dodda นักพัฒนาอิสระเกือบตกเป็นเหยื่อของการโจมตีไซเบอร์ที่แฝงมาในรูปแบบ “สัมภาษณ์งาน” จากบริษัทบล็อกเชนที่ดูน่าเชื่อถือบน LinkedIn ชื่อ Symfa โดยผู้ติดต่อคือ Mykola Yanchii ซึ่งมีโปรไฟล์จริง มีตำแหน่ง Chief Blockchain Officer และมีเครือข่ายมากกว่า 1,000 คน หลังจากได้รับข้อความเชิญสัมภาษณ์พร้อมโปรเจกต์ทดสอบเป็นโค้ด React/Node บน Bitbucket ที่ดูเป็นมืออาชีพ David เริ่มตรวจสอบและแก้ไขโค้ดตามปกติ แต่ก่อนจะรันคำสั่ง npm start เขาตัดสินใจถาม AI coding assistant ว่ามีโค้ดน่าสงสัยหรือไม่ และนั่นคือจุดที่เขารอดจากการโดนแฮก ในไฟล์ userController.js มีโค้ด obfuscated ที่จะโหลดมัลแวร์จาก URL ภายนอกและรันด้วยสิทธิ์ระดับเซิร์ฟเวอร์ทันทีที่มีการเข้าถึง route admin โดย payload ที่ถูกโหลดมานั้นสามารถขโมยข้อมูลทุกอย่างในเครื่อง เช่น crypto wallets, credentials และไฟล์ส่วนตัว ที่น่ากลัวคือ URL ดังกล่าวถูกตั้งให้หมดอายุภายใน 24 ชั่วโมงเพื่อทำลายหลักฐาน และโค้ดถูกฝังอย่างแนบเนียนในฟังก์ชันที่ดูเหมือนปกติ David สรุปว่า การโจมตีนี้มีความซับซ้อนสูง ใช้ความน่าเชื่อถือจาก LinkedIn, บริษัทจริง, และกระบวนการสัมภาษณ์ที่คุ้นเคยเพื่อหลอกนักพัฒนาให้รันโค้ดอันตรายโดยไม่รู้ตัว ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ David ได้รับข้อความจากโปรไฟล์ LinkedIn จริงของ Mykola Yanchii จากบริษัท Symfa ➡️ โปรเจกต์ทดสอบเป็นโค้ด React/Node บน Bitbucket ที่ดูน่าเชื่อถือ ➡️ โค้ดมีมัลแวร์ฝังอยู่ใน userController.js ที่โหลด payload จาก URL ภายนอก ➡️ Payload สามารถขโมยข้อมูลสำคัญในเครื่องได้ทันทีเมื่อรัน ➡️ URL ถูกตั้งให้หมดอายุภายใน 24 ชั่วโมงเพื่อทำลายหลักฐาน ➡️ การโจมตีใช้ความน่าเชื่อถือจาก LinkedIn และกระบวนการสัมภาษณ์ที่คุ้นเคย ➡️ David รอดมาได้เพราะถาม AI assistant ให้ช่วยตรวจสอบก่อนรันโค้ด ➡️ โค้ดถูกออกแบบให้รันด้วยสิทธิ์ระดับเซิร์ฟเวอร์ผ่าน route admin ➡️ การโจมตีนี้มุ่งเป้าไปที่นักพัฒนาโดยเฉพาะ เพราะเครื่องของ dev มักมีข้อมูลสำคัญ ‼️ คำเตือนจากข้อมูลข่าว ⛔ การรันโค้ดจากแหล่งที่ไม่รู้จักโดยไม่ sandbox อาจนำไปสู่การโดนแฮก ⛔ โปรไฟล์ LinkedIn จริงและบริษัทจริงไม่ได้หมายความว่าโอกาสงานนั้นปลอดภัย ⛔ การเร่งให้ผู้สมัครรันโค้ดก่อนสัมภาษณ์เป็นเทคนิคสร้างความเร่งรีบเพื่อให้เผลอ ⛔ นักพัฒนามักดาวน์โหลดและรันโค้ดจาก GitHub หรือ Bitbucket โดยไม่ตรวจสอบ ⛔ มัลแวร์ฝังในโค้ด server-side สามารถเข้าถึง environment variables และฐานข้อมูล ⛔ การโจมตีแบบนี้อาจเจาะระบบ production หรือขโมย crypto wallets ได้ทันที https://blog.daviddodda.com/how-i-almost-got-hacked-by-a-job-interview
    BLOG.DAVIDDODDA.COM
    How I Almost Got Hacked By A 'Job Interview'
    I was 30 seconds away from running malware, Here's how a sophisticated scam operation almost got me, and why every developer needs to read this.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Intel เปิดตัว Crescent Island” — GPU สำหรับงาน AI โดยเฉพาะ พร้อมหน่วยความจำ 160GB และสถาปัตยกรรม Xe3P

    Intel ประกาศเปิดตัว GPU รุ่นใหม่สำหรับศูนย์ข้อมูลในชื่อ “Crescent Island” ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI inference โดยเฉพาะ โดยใช้สถาปัตยกรรมกราฟิก Xe3P ที่พัฒนาต่อจาก Xe3 ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในซีรีส์ Arc C สำหรับลูกค้าทั่วไป และ Arc Pro B สำหรับงานมืออาชีพ

    Crescent Island ถูกออกแบบให้เหมาะกับเซิร์ฟเวอร์แบบระบายความร้อนด้วยอากาศ โดยเน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์และต้นทุนที่เหมาะสม พร้อมหน่วยความจำ LPDDR5X ขนาดมหาศาลถึง 160GB ซึ่งช่วยเพิ่มแบนด์วิดธ์และรองรับข้อมูลหลากหลายประเภทที่ใช้ในงาน inference ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะสำหรับผู้ให้บริการ “tokens-as-a-service” ที่ต้องการประมวลผลโมเดลขนาดใหญ่

    Intel ยังพัฒนา software stack แบบ unified สำหรับระบบ AI heterogeneous ซึ่งกำลังทดสอบอยู่บน Arc Pro B-Series เพื่อให้สามารถนำไปใช้กับ Crescent Island ได้ทันทีเมื่อเปิดตัว

    การส่งมอบตัวอย่าง GPU รุ่นนี้ให้ลูกค้าเริ่มต้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2026 ซึ่งถือเป็นการกลับมาแข่งขันในตลาดศูนย์ข้อมูล AI ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเน้นความคุ้มค่าและการใช้งานที่ยืดหยุ่นมากกว่าการใช้หน่วยความจำ HBM ที่มีต้นทุนสูงและหายาก

    ข้อมูลในข่าว
    Intel เปิดตัว GPU “Crescent Island” สำหรับงาน AI inference โดยเฉพาะ
    ใช้สถาปัตยกรรม Xe3P ที่พัฒนาต่อจาก Xe3 และจะใช้ใน Arc C-Series และ Arc Pro B-Series
    มาพร้อมหน่วยความจำ LPDDR5X ขนาด 160GB
    ออกแบบให้เหมาะกับเซิร์ฟเวอร์แบบระบายความร้อนด้วยอากาศ
    รองรับข้อมูลหลากหลายประเภท เหมาะกับผู้ให้บริการ tokens-as-a-service
    พัฒนา software stack แบบ unified สำหรับระบบ AI heterogeneous
    เริ่มส่งตัวอย่างให้ลูกค้าในครึ่งหลังของปี 2026

    คำเตือนจากข้อมูลข่าว
    การใช้ LPDDR5X แทน HBM อาจมีข้อจำกัดด้าน latency และ bandwidth ในบางกรณี
    หาก software stack ไม่พร้อมใช้งานเมื่อเปิดตัว อาจกระทบต่อการนำไปใช้งานจริง
    การแข่งขันในตลาด inference GPU ยังมีผู้เล่นรายใหญ่อย่าง NVIDIA และ AMD
    การออกแบบสำหรับเซิร์ฟเวอร์แบบ air-cooled อาจไม่เหมาะกับงานที่ใช้พลังงานสูงมาก

    https://wccftech.com/intel-crescent-island-gpu-next-gen-xe3p-graphics-160-gb-lpddr5x-ai-inference/
    🧠 “Intel เปิดตัว Crescent Island” — GPU สำหรับงาน AI โดยเฉพาะ พร้อมหน่วยความจำ 160GB และสถาปัตยกรรม Xe3P Intel ประกาศเปิดตัว GPU รุ่นใหม่สำหรับศูนย์ข้อมูลในชื่อ “Crescent Island” ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI inference โดยเฉพาะ โดยใช้สถาปัตยกรรมกราฟิก Xe3P ที่พัฒนาต่อจาก Xe3 ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในซีรีส์ Arc C สำหรับลูกค้าทั่วไป และ Arc Pro B สำหรับงานมืออาชีพ Crescent Island ถูกออกแบบให้เหมาะกับเซิร์ฟเวอร์แบบระบายความร้อนด้วยอากาศ โดยเน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์และต้นทุนที่เหมาะสม พร้อมหน่วยความจำ LPDDR5X ขนาดมหาศาลถึง 160GB ซึ่งช่วยเพิ่มแบนด์วิดธ์และรองรับข้อมูลหลากหลายประเภทที่ใช้ในงาน inference ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะสำหรับผู้ให้บริการ “tokens-as-a-service” ที่ต้องการประมวลผลโมเดลขนาดใหญ่ Intel ยังพัฒนา software stack แบบ unified สำหรับระบบ AI heterogeneous ซึ่งกำลังทดสอบอยู่บน Arc Pro B-Series เพื่อให้สามารถนำไปใช้กับ Crescent Island ได้ทันทีเมื่อเปิดตัว การส่งมอบตัวอย่าง GPU รุ่นนี้ให้ลูกค้าเริ่มต้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2026 ซึ่งถือเป็นการกลับมาแข่งขันในตลาดศูนย์ข้อมูล AI ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเน้นความคุ้มค่าและการใช้งานที่ยืดหยุ่นมากกว่าการใช้หน่วยความจำ HBM ที่มีต้นทุนสูงและหายาก ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ Intel เปิดตัว GPU “Crescent Island” สำหรับงาน AI inference โดยเฉพาะ ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม Xe3P ที่พัฒนาต่อจาก Xe3 และจะใช้ใน Arc C-Series และ Arc Pro B-Series ➡️ มาพร้อมหน่วยความจำ LPDDR5X ขนาด 160GB ➡️ ออกแบบให้เหมาะกับเซิร์ฟเวอร์แบบระบายความร้อนด้วยอากาศ ➡️ รองรับข้อมูลหลากหลายประเภท เหมาะกับผู้ให้บริการ tokens-as-a-service ➡️ พัฒนา software stack แบบ unified สำหรับระบบ AI heterogeneous ➡️ เริ่มส่งตัวอย่างให้ลูกค้าในครึ่งหลังของปี 2026 ‼️ คำเตือนจากข้อมูลข่าว ⛔ การใช้ LPDDR5X แทน HBM อาจมีข้อจำกัดด้าน latency และ bandwidth ในบางกรณี ⛔ หาก software stack ไม่พร้อมใช้งานเมื่อเปิดตัว อาจกระทบต่อการนำไปใช้งานจริง ⛔ การแข่งขันในตลาด inference GPU ยังมีผู้เล่นรายใหญ่อย่าง NVIDIA และ AMD ⛔ การออกแบบสำหรับเซิร์ฟเวอร์แบบ air-cooled อาจไม่เหมาะกับงานที่ใช้พลังงานสูงมาก https://wccftech.com/intel-crescent-island-gpu-next-gen-xe3p-graphics-160-gb-lpddr5x-ai-inference/
    WCCFTECH.COM
    Intel Crescent Island GPU Unveiled: Features Next-Gen Xe3P Graphics Architecture, 160 GB LPDDR5X For AI Inference
    Intel has unveiled its brand new AI inference GPU solution for data centers, codenamed Crescent Island, which features the Xe3P architecture.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Supermicro เปิดตัว DCBBS” — โซลูชันสร้างศูนย์ข้อมูลครบวงจรจากผู้ผลิตรายเดียว

    Supermicro บริษัทผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT สำหรับ AI, HPC, Cloud และ 5G ได้เปิดตัวธุรกิจใหม่ในชื่อ Data Center Building Block Solutions (DCBBS) ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ในการออกแบบและสร้างศูนย์ข้อมูลแบบครบวงจรจากผู้ผลิตรายเดียว โดยมีเป้าหมายเพื่อลดเวลาในการออนไลน์ (Time-to-Online) และเพิ่มคุณภาพรวมถึงความสะดวกในการดูแลรักษา

    DCBBS ครอบคลุมทุกองค์ประกอบของศูนย์ข้อมูล ตั้งแต่เซิร์ฟเวอร์ ระบบจัดเก็บข้อมูล ซอฟต์แวร์บริหารจัดการ ระบบระบายความร้อนแบบของเหลว เครือข่าย และระบบไฟฟ้า โดยทุกชิ้นส่วนจะถูกทดสอบและประกอบในโรงงานของ Supermicro ก่อนส่งมอบ

    ระบบระบายความร้อนแบบของเหลวของ Supermicro สามารถลดการใช้พลังงานได้ถึง 40% เมื่อเทียบกับระบบระบายความร้อนด้วยอากาศแบบเดิม และสามารถรองรับความร้อนจาก GPU และ CPU รุ่นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    นอกจากนี้ยังมีโซลูชันเสริม เช่น ระบบจ่ายไฟ 33kW ต่อชั้นวาง, ระบบแบตเตอรี่สำรอง 48V DC, ระบบจัดการสายเคเบิลและเครือข่าย, รวมถึงซอฟต์แวร์บริหารจัดการศูนย์ข้อมูลแบบครบวงจร เช่น SuperCloud Composer และ Automation Center

    Supermicro ยังเปิดบริการระดับมืออาชีพสำหรับการออกแบบและติดตั้งศูนย์ข้อมูล พร้อมทีมงานที่สามารถให้การสนับสนุนในสถานที่ภายใน 4 ชั่วโมงสำหรับงานที่ต้องการความต่อเนื่องสูง

    ข้อมูลในข่าว
    Supermicro เปิดตัว Data Center Building Block Solutions (DCBBS) เป็นธุรกิจใหม่
    ครอบคลุมทุกองค์ประกอบของศูนย์ข้อมูลจากผู้ผลิตรายเดียว
    ระบบระบายความร้อนแบบของเหลวช่วยลดพลังงานได้ถึง 40%
    รองรับ GPU และ CPU รุ่นใหม่ด้วย cold plates ที่ลดความร้อนได้ถึง 98%
    มีระบบจ่ายไฟ 33kW ต่อชั้นวาง และแบตเตอรี่สำรอง 48V DC สำหรับงานสำคัญ
    ซอฟต์แวร์บริหารจัดการครบวงจร เช่น SuperCloud Composer และ SCAC
    บริการออกแบบและติดตั้งศูนย์ข้อมูล พร้อมทีมสนับสนุนในสถานที่

    คำเตือนจากข้อมูลข่าว
    การเปลี่ยนมาใช้ระบบระบายความร้อนแบบของเหลวต้องมีการปรับโครงสร้างพื้นฐาน
    หากไม่มีการจัดการพลังงานและความร้อนที่ดี อาจส่งผลต่อเสถียรภาพของศูนย์ข้อมูล
    การพึ่งพาผู้ผลิตรายเดียวอาจสร้างความเสี่ยงด้านการจัดหาและการซ่อมบำรุง
    การออกแบบศูนย์ข้อมูลใหม่ต้องใช้เวลาและงบประมาณสูงในการวางแผนและทดสอบ

    https://www.techpowerup.com/341891/supermicro-introduces-data-center-building-block-solutions
    🏗️ “Supermicro เปิดตัว DCBBS” — โซลูชันสร้างศูนย์ข้อมูลครบวงจรจากผู้ผลิตรายเดียว Supermicro บริษัทผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT สำหรับ AI, HPC, Cloud และ 5G ได้เปิดตัวธุรกิจใหม่ในชื่อ Data Center Building Block Solutions (DCBBS) ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ในการออกแบบและสร้างศูนย์ข้อมูลแบบครบวงจรจากผู้ผลิตรายเดียว โดยมีเป้าหมายเพื่อลดเวลาในการออนไลน์ (Time-to-Online) และเพิ่มคุณภาพรวมถึงความสะดวกในการดูแลรักษา DCBBS ครอบคลุมทุกองค์ประกอบของศูนย์ข้อมูล ตั้งแต่เซิร์ฟเวอร์ ระบบจัดเก็บข้อมูล ซอฟต์แวร์บริหารจัดการ ระบบระบายความร้อนแบบของเหลว เครือข่าย และระบบไฟฟ้า โดยทุกชิ้นส่วนจะถูกทดสอบและประกอบในโรงงานของ Supermicro ก่อนส่งมอบ ระบบระบายความร้อนแบบของเหลวของ Supermicro สามารถลดการใช้พลังงานได้ถึง 40% เมื่อเทียบกับระบบระบายความร้อนด้วยอากาศแบบเดิม และสามารถรองรับความร้อนจาก GPU และ CPU รุ่นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีโซลูชันเสริม เช่น ระบบจ่ายไฟ 33kW ต่อชั้นวาง, ระบบแบตเตอรี่สำรอง 48V DC, ระบบจัดการสายเคเบิลและเครือข่าย, รวมถึงซอฟต์แวร์บริหารจัดการศูนย์ข้อมูลแบบครบวงจร เช่น SuperCloud Composer และ Automation Center Supermicro ยังเปิดบริการระดับมืออาชีพสำหรับการออกแบบและติดตั้งศูนย์ข้อมูล พร้อมทีมงานที่สามารถให้การสนับสนุนในสถานที่ภายใน 4 ชั่วโมงสำหรับงานที่ต้องการความต่อเนื่องสูง ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ Supermicro เปิดตัว Data Center Building Block Solutions (DCBBS) เป็นธุรกิจใหม่ ➡️ ครอบคลุมทุกองค์ประกอบของศูนย์ข้อมูลจากผู้ผลิตรายเดียว ➡️ ระบบระบายความร้อนแบบของเหลวช่วยลดพลังงานได้ถึง 40% ➡️ รองรับ GPU และ CPU รุ่นใหม่ด้วย cold plates ที่ลดความร้อนได้ถึง 98% ➡️ มีระบบจ่ายไฟ 33kW ต่อชั้นวาง และแบตเตอรี่สำรอง 48V DC สำหรับงานสำคัญ ➡️ ซอฟต์แวร์บริหารจัดการครบวงจร เช่น SuperCloud Composer และ SCAC ➡️ บริการออกแบบและติดตั้งศูนย์ข้อมูล พร้อมทีมสนับสนุนในสถานที่ ‼️ คำเตือนจากข้อมูลข่าว ⛔ การเปลี่ยนมาใช้ระบบระบายความร้อนแบบของเหลวต้องมีการปรับโครงสร้างพื้นฐาน ⛔ หากไม่มีการจัดการพลังงานและความร้อนที่ดี อาจส่งผลต่อเสถียรภาพของศูนย์ข้อมูล ⛔ การพึ่งพาผู้ผลิตรายเดียวอาจสร้างความเสี่ยงด้านการจัดหาและการซ่อมบำรุง ⛔ การออกแบบศูนย์ข้อมูลใหม่ต้องใช้เวลาและงบประมาณสูงในการวางแผนและทดสอบ https://www.techpowerup.com/341891/supermicro-introduces-data-center-building-block-solutions
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Supermicro Introduces Data Center Building Block Solutions
    Super Micro Computer, Inc. (SMCI), a total IT solution provider for AI/ML, HPC, Cloud, Storage, and 5G/Edge, is announcing the availability of its Data Center Building Block Solutions (DCBBS). These solutions are considered a new business line for Supermicro and enable organizations to design, order...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • “TUXEDO InfinityBook Pro 15 Gen10 — โน้ตบุ๊ก Linux สายโปรที่เบา แรง และปรับแต่งได้สุดขีด”

    TUXEDO Computers ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กสาย Linux จากเยอรมนี เปิดตัว InfinityBook Pro 15 Gen10 รุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมขุมพลัง Intel Core Ultra 9 185H และหน้าจอ OLED ขนาด 15.3 นิ้ว ความละเอียด 3K ที่ให้สีสันคมชัดระดับมืออาชีพ

    โน้ตบุ๊กรุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ Linux โดยเฉพาะ รองรับการติดตั้งระบบปฏิบัติการ TUXEDO OS, Ubuntu, Kubuntu หรือแม้แต่แบบไม่มี OS เพื่อให้ผู้ใช้เลือกติดตั้งเองได้ตามใจชอบ

    ตัวเครื่องผลิตจากอะลูมิเนียม CNC น้ำหนักเพียง 1.6 กิโลกรัม และบางเพียง 17.2 มม. แต่ยังคงความแข็งแรงและความหรูหราแบบพรีเมียม พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 80 Wh ที่ใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมง

    ด้านการเชื่อมต่อก็จัดเต็มด้วย Thunderbolt 4, HDMI 2.1, USB-A, microSD reader และ Wi-Fi 6E รองรับการใช้งานทั้งสายทำงานและสายสร้างสรรค์

    TUXEDO เปิดตัว InfinityBook Pro 15 Gen10
    ใช้ซีพียู Intel Core Ultra 9 185H รุ่นใหม่ล่าสุด

    หน้าจอ OLED ขนาด 15.3 นิ้ว ความละเอียด 3K
    ให้สีสันคมชัด เหมาะสำหรับงานกราฟิกและมัลติมีเดีย

    ตัวเครื่องผลิตจากอะลูมิเนียม CNC
    น้ำหนักเบาเพียง 1.6 กก. และบางเพียง 17.2 มม.

    แบตเตอรี่ขนาด 80 Wh ใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมง
    เหมาะสำหรับการทำงานนอกสถานที่

    รองรับระบบปฏิบัติการ Linux หลายแบบ
    เช่น TUXEDO OS, Ubuntu, Kubuntu หรือแบบไม่มี OS

    พอร์ตเชื่อมต่อครบครัน
    Thunderbolt 4, HDMI 2.1, USB-A, microSD, Wi-Fi 6E

    รองรับ RAM สูงสุด 96 GB และ SSD สูงสุด 4 TB
    เหมาะสำหรับงานหนักและการใช้งานระยะยาว

    https://9to5linux.com/tuxedo-computers-unveil-intel-powered-infinitybook-pro-15-gen10-linux-laptop
    “TUXEDO InfinityBook Pro 15 Gen10 — โน้ตบุ๊ก Linux สายโปรที่เบา แรง และปรับแต่งได้สุดขีด” TUXEDO Computers ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กสาย Linux จากเยอรมนี เปิดตัว InfinityBook Pro 15 Gen10 รุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมขุมพลัง Intel Core Ultra 9 185H และหน้าจอ OLED ขนาด 15.3 นิ้ว ความละเอียด 3K ที่ให้สีสันคมชัดระดับมืออาชีพ โน้ตบุ๊กรุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ Linux โดยเฉพาะ รองรับการติดตั้งระบบปฏิบัติการ TUXEDO OS, Ubuntu, Kubuntu หรือแม้แต่แบบไม่มี OS เพื่อให้ผู้ใช้เลือกติดตั้งเองได้ตามใจชอบ ตัวเครื่องผลิตจากอะลูมิเนียม CNC น้ำหนักเพียง 1.6 กิโลกรัม และบางเพียง 17.2 มม. แต่ยังคงความแข็งแรงและความหรูหราแบบพรีเมียม พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 80 Wh ที่ใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมง ด้านการเชื่อมต่อก็จัดเต็มด้วย Thunderbolt 4, HDMI 2.1, USB-A, microSD reader และ Wi-Fi 6E รองรับการใช้งานทั้งสายทำงานและสายสร้างสรรค์ ✅ TUXEDO เปิดตัว InfinityBook Pro 15 Gen10 ➡️ ใช้ซีพียู Intel Core Ultra 9 185H รุ่นใหม่ล่าสุด ✅ หน้าจอ OLED ขนาด 15.3 นิ้ว ความละเอียด 3K ➡️ ให้สีสันคมชัด เหมาะสำหรับงานกราฟิกและมัลติมีเดีย ✅ ตัวเครื่องผลิตจากอะลูมิเนียม CNC ➡️ น้ำหนักเบาเพียง 1.6 กก. และบางเพียง 17.2 มม. ✅ แบตเตอรี่ขนาด 80 Wh ใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมง ➡️ เหมาะสำหรับการทำงานนอกสถานที่ ✅ รองรับระบบปฏิบัติการ Linux หลายแบบ ➡️ เช่น TUXEDO OS, Ubuntu, Kubuntu หรือแบบไม่มี OS ✅ พอร์ตเชื่อมต่อครบครัน ➡️ Thunderbolt 4, HDMI 2.1, USB-A, microSD, Wi-Fi 6E ✅ รองรับ RAM สูงสุด 96 GB และ SSD สูงสุด 4 TB ➡️ เหมาะสำหรับงานหนักและการใช้งานระยะยาว https://9to5linux.com/tuxedo-computers-unveil-intel-powered-infinitybook-pro-15-gen10-linux-laptop
    9TO5LINUX.COM
    TUXEDO Computers Unveil Intel-Powered InfinityBook Pro 15 Gen10 Linux Laptop - 9to5Linux
    TUXEDO Computers unveiled the InfinityBook Pro 15 Gen10 Linux laptop with Intel Core Ultra 7 255H CPU, up to 128GB RAM, and Intel Arc 140T.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เริ่มต้นอาชีพสาย Cybersecurity ด้วย TryHackMe – ฝึกจริง เข้าใจจริง พร้อมใบรับรอง”

    ในยุคที่ภัยไซเบอร์กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวมากขึ้นทุกวัน องค์กรทั่วโลกต่างต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างเร่งด่วน แต่ปัญหาคือ…จะเริ่มต้นยังไงดี?

    TryHackMe คือแพลตฟอร์มฝึกอบรมด้าน cybersecurity ที่ออกแบบมาเพื่อทุกคน ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น หรือเป็นมือโปรที่ต้องการอัปสกิลเพิ่มเติม จุดเด่นของ TryHackMe คือการฝึกแบบ “ลงมือทำจริง” ผ่านระบบจำลองที่เรียกว่า “rooms” ซึ่งมีมากกว่า 900 ห้อง ครอบคลุมทุกระดับความรู้

    คุณสามารถเรียนรู้ตั้งแต่พื้นฐาน เช่น การตั้งค่าความปลอดภัย ไปจนถึงการเจาะระบบ (ethical hacking) และการวิเคราะห์มัลแวร์ โดยไม่ต้องมีพื้นฐานมาก่อน และที่สำคัญคือมีใบรับรองที่ได้รับการยอมรับจากองค์กรใหญ่ เช่น Google, CompTIA และ KPMG

    ในรายงานของ World Economic Forum ระบุว่า “Information Security Analyst” จะเป็นหนึ่งในอาชีพที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกจนถึงปี 2030 และ TryHackMe กำลังช่วยให้คนทั่วไปเข้าถึงโอกาสนี้ได้ง่ายขึ้น ด้วยค่าบริการเริ่มต้นเพียง £9 ต่อเดือน

    จุดเด่นของ TryHackMe
    มีมากกว่า 900 ห้องฝึกอบรมแบบลงมือทำจริง
    ครอบคลุมตั้งแต่ระดับเริ่มต้นจนถึงระดับมืออาชีพ
    มีใบรับรองที่ได้รับการยอมรับจากองค์กรระดับโลก
    เรียนได้ทุกที่ทุกเวลาแบบ on-demand

    ความต้องการในตลาดแรงงาน
    องค์กรทั่วโลกขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญด้าน cybersecurity
    4 ใน 10 ธุรกิจ และ 3 ใน 10 องค์กรไม่แสวงกำไรใน UK ถูกโจมตีทางไซเบอร์ในปีที่ผ่านมา
    อาชีพด้านความปลอดภัยไซเบอร์ติดอันดับ Top 15 ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก

    ความคุ้มค่าและความยืดหยุ่น
    เริ่มต้นเพียง £9 ต่อเดือน
    เหมาะสำหรับคนที่ทำงานประจำและต้องการเปลี่ยนอาชีพ
    มีเส้นทางการเรียนรู้ที่ชัดเจน เช่น Red Team, Blue Team, SOC Analyst

    คำเตือนสำหรับผู้เริ่มต้น
    Cybersecurity ไม่ใช่อาชีพที่เรียนรู้แค่ทฤษฎีแล้วทำงานได้ทันที
    ต้องมีทักษะจริงและความเข้าใจในการใช้งานเครื่องมือ
    การเลือกแพลตฟอร์มฝึกอบรมที่ไม่มีใบรับรอง อาจทำให้เสียเวลาโดยไม่เกิดผลลัพธ์
    การเรียนรู้แบบไม่ต่อเนื่องอาจทำให้ทักษะไม่พัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ

    https://www.techradar.com/security/kickstart-your-path-towards-a-career-in-cyber-security-with-tryhackme
    🛡️ “เริ่มต้นอาชีพสาย Cybersecurity ด้วย TryHackMe – ฝึกจริง เข้าใจจริง พร้อมใบรับรอง” ในยุคที่ภัยไซเบอร์กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวมากขึ้นทุกวัน องค์กรทั่วโลกต่างต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างเร่งด่วน แต่ปัญหาคือ…จะเริ่มต้นยังไงดี? TryHackMe คือแพลตฟอร์มฝึกอบรมด้าน cybersecurity ที่ออกแบบมาเพื่อทุกคน ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น หรือเป็นมือโปรที่ต้องการอัปสกิลเพิ่มเติม จุดเด่นของ TryHackMe คือการฝึกแบบ “ลงมือทำจริง” ผ่านระบบจำลองที่เรียกว่า “rooms” ซึ่งมีมากกว่า 900 ห้อง ครอบคลุมทุกระดับความรู้ คุณสามารถเรียนรู้ตั้งแต่พื้นฐาน เช่น การตั้งค่าความปลอดภัย ไปจนถึงการเจาะระบบ (ethical hacking) และการวิเคราะห์มัลแวร์ โดยไม่ต้องมีพื้นฐานมาก่อน และที่สำคัญคือมีใบรับรองที่ได้รับการยอมรับจากองค์กรใหญ่ เช่น Google, CompTIA และ KPMG ในรายงานของ World Economic Forum ระบุว่า “Information Security Analyst” จะเป็นหนึ่งในอาชีพที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกจนถึงปี 2030 และ TryHackMe กำลังช่วยให้คนทั่วไปเข้าถึงโอกาสนี้ได้ง่ายขึ้น ด้วยค่าบริการเริ่มต้นเพียง £9 ต่อเดือน ✅ จุดเด่นของ TryHackMe ➡️ มีมากกว่า 900 ห้องฝึกอบรมแบบลงมือทำจริง ➡️ ครอบคลุมตั้งแต่ระดับเริ่มต้นจนถึงระดับมืออาชีพ ➡️ มีใบรับรองที่ได้รับการยอมรับจากองค์กรระดับโลก ➡️ เรียนได้ทุกที่ทุกเวลาแบบ on-demand ✅ ความต้องการในตลาดแรงงาน ➡️ องค์กรทั่วโลกขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญด้าน cybersecurity ➡️ 4 ใน 10 ธุรกิจ และ 3 ใน 10 องค์กรไม่แสวงกำไรใน UK ถูกโจมตีทางไซเบอร์ในปีที่ผ่านมา ➡️ อาชีพด้านความปลอดภัยไซเบอร์ติดอันดับ Top 15 ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ✅ ความคุ้มค่าและความยืดหยุ่น ➡️ เริ่มต้นเพียง £9 ต่อเดือน ➡️ เหมาะสำหรับคนที่ทำงานประจำและต้องการเปลี่ยนอาชีพ ➡️ มีเส้นทางการเรียนรู้ที่ชัดเจน เช่น Red Team, Blue Team, SOC Analyst ‼️ คำเตือนสำหรับผู้เริ่มต้น ⛔ Cybersecurity ไม่ใช่อาชีพที่เรียนรู้แค่ทฤษฎีแล้วทำงานได้ทันที ⛔ ต้องมีทักษะจริงและความเข้าใจในการใช้งานเครื่องมือ ⛔ การเลือกแพลตฟอร์มฝึกอบรมที่ไม่มีใบรับรอง อาจทำให้เสียเวลาโดยไม่เกิดผลลัพธ์ ⛔ การเรียนรู้แบบไม่ต่อเนื่องอาจทำให้ทักษะไม่พัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ https://www.techradar.com/security/kickstart-your-path-towards-a-career-in-cyber-security-with-tryhackme
    WWW.TECHRADAR.COM
    Kickstart your path towards a career in cyber security with TryHackMe
    Professional cyber security and training for just £9 per month
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.142 : เปิดใจ ‘สีหศักดิ์’ รมว.ต่างประเทศ ทำ 4 เดือนเพื่อ 4 ปี
    .
    ในรัฐบาลของนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล มีรัฐมนตรีคนนอกหลายคนที่ถูกพูดถึงกันว่า เป็นมืออาชีพ ที่แสดงความสามารถได้อย่างโดดเด่นตั้งแต่วันแรก ๆ ที่เข้ารับตำแหน่ง หนึ่งในนั้นก็คือ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีต่างประเทศ ที่เรียกเสียงฮือฮา จากการแถลงตอบโต้กัมพูชา ในที่ประชุมใหญ่สหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา นายสีหศักดิ์ได้ “ฉีกหน้ากาก” กัมพูชา กลางเวทีโลก ทำให้นานาชาติได้รับรู้ว่า ประเทศกัมพูชาไม่มีความจริงใจ หน้าไหว้หลังหลอก แสร้งทำตัวเป็นเหยื่อ เพื่อหวังให้นานาชาติเข้าแทรกแซงความขัดแย้งกับประเทศไทย
    .
    เรามีบทสัมภาษณ์พิเศษของ คุณสีหศักดิ์ ที่จะมีระยะเวลาในตำแหน่งเพียงแค่ประมาณ 4 เดือน ถึง 6 เดือนเท่านั้น .. ในระยะเวลาสั้น ๆ แค่นี้ ท่านจะจัดการปัญหาต่าง ๆ ระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน และจะฟื้นคืนสถานภาพของประเทศไทยในเวทีโลกได้ยังไง
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=PvB8HUvxFkQ
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #สีหศักดิ์ #รัฐมนตรีต่างประเทศ #ไทยกัมพูชา
    บูรพาไม่แพ้ Ep.142 : เปิดใจ ‘สีหศักดิ์’ รมว.ต่างประเทศ ทำ 4 เดือนเพื่อ 4 ปี . ในรัฐบาลของนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล มีรัฐมนตรีคนนอกหลายคนที่ถูกพูดถึงกันว่า เป็นมืออาชีพ ที่แสดงความสามารถได้อย่างโดดเด่นตั้งแต่วันแรก ๆ ที่เข้ารับตำแหน่ง หนึ่งในนั้นก็คือ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีต่างประเทศ ที่เรียกเสียงฮือฮา จากการแถลงตอบโต้กัมพูชา ในที่ประชุมใหญ่สหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา นายสีหศักดิ์ได้ “ฉีกหน้ากาก” กัมพูชา กลางเวทีโลก ทำให้นานาชาติได้รับรู้ว่า ประเทศกัมพูชาไม่มีความจริงใจ หน้าไหว้หลังหลอก แสร้งทำตัวเป็นเหยื่อ เพื่อหวังให้นานาชาติเข้าแทรกแซงความขัดแย้งกับประเทศไทย . เรามีบทสัมภาษณ์พิเศษของ คุณสีหศักดิ์ ที่จะมีระยะเวลาในตำแหน่งเพียงแค่ประมาณ 4 เดือน ถึง 6 เดือนเท่านั้น .. ในระยะเวลาสั้น ๆ แค่นี้ ท่านจะจัดการปัญหาต่าง ๆ ระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน และจะฟื้นคืนสถานภาพของประเทศไทยในเวทีโลกได้ยังไง . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=PvB8HUvxFkQ . #บูรพาไม่แพ้ #สีหศักดิ์ #รัฐมนตรีต่างประเทศ #ไทยกัมพูชา
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 240 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Kanto Obi3: เทิร์นเทเบิลบลูทูธสุดมินิมอลจากแคนาดา — เสียงดี ดีไซน์เด่น ราคาโดนใจ”

    Kanto Audio แบรนด์เครื่องเสียงจากแคนาดาเปิดตัวเทิร์นเทเบิลรุ่นแรกของบริษัทในชื่อ “Obi3” โดยชูจุดเด่นด้านดีไซน์เรียบง่าย ฟังก์ชันครบ และราคาที่เข้าถึงได้ เปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 2025 ด้วยราคา $199 / £179 (ประมาณ 7,500 บาท) ถือเป็นคู่แข่งโดยตรงของแบรนด์ระดับเริ่มต้นอย่าง Sony, Audio-Technica และ Pro-Ject

    Obi3 ใช้ระบบสายพานแบบสองสปีด (33⅓ และ 45 RPM) พร้อมหัวเข็ม Audio-Technica AT3600L ที่ติดตั้งมาให้จากโรงงาน ตัวเครื่องมีโครงสร้างไม้และจานหมุนอะลูมิเนียมแบบถ่วงน้ำหนักเพื่อความนิ่งในการเล่นแผ่นเสียง พร้อมแขนอ่านแบบ J-shape ที่ออกแบบมาเพื่อความแม่นยำในการติดตามร่องแผ่น

    ฟีเจอร์เด่นคือ Bluetooth 5.3 ที่สามารถเชื่อมต่อกับลำโพงหรือหูฟังไร้สายได้ทันที รวมถึงมี preamp ในตัวที่สามารถเปิด/ปิดได้ และช่อง RCA สำหรับเชื่อมต่อกับระบบเสียงแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมี pitch control ซึ่งหาได้ยากในเทิร์นเทเบิลระดับราคานี้

    Obi3 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ ดำ ขาว และเขียว Sage ซึ่งได้รับคำแนะนำว่า “เป็นสีที่ควรซื้อ” เพราะโชว์ความเรียบง่ายของดีไซน์ได้ดีที่สุด

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Kanto เปิดตัวเทิร์นเทเบิลรุ่นแรกชื่อ Obi3 ในเดือนพฤศจิกายน 2025
    ราคาเปิดตัว $199 / £179 (ประมาณ AU$300)
    ใช้ระบบสายพานแบบสองสปีด (33⅓ และ 45 RPM)
    หัวเข็ม Audio-Technica AT3600L ติดตั้งมาให้จากโรงงาน
    โครงสร้างไม้และจานหมุนอะลูมิเนียมแบบถ่วงน้ำหนัก
    แขนอ่านแบบ J-shape เพื่อความแม่นยำในการติดตามร่องแผ่น
    มี Bluetooth 5.3 สำหรับเชื่อมต่อกับลำโพงหรือหูฟังไร้สาย
    มี preamp ในตัวที่เปิด/ปิดได้ และช่อง RCA สำหรับระบบเสียงดั้งเดิม
    มี pitch control ซึ่งหาได้ยากในเทิร์นเทเบิลระดับราคานี้
    มีให้เลือก 3 สี: ดำ ขาว และเขียว Sage

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    หัวเข็ม AT3600L เป็นหัวเข็มระดับเริ่มต้นที่ให้เสียงชัดเจนและบาลานซ์
    Bluetooth 5.3 มี latency ต่ำและประหยัดพลังงานมากกว่าเวอร์ชันก่อน
    แขนอ่าน J-shape นิยมใช้ในเทิร์นเทเบิลระดับมืออาชีพเพื่อความแม่นยำ
    Pitch control ช่วยให้ปรับความเร็วเสียงได้ เช่น เล่นเพลงให้เร็วขึ้นหรือช้าลง
    Obi3 เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการความสะดวกแต่ยังรักษาคุณภาพเสียง

    https://www.techradar.com/audio/turntables/one-of-the-best-budget-hi-fi-makers-just-launched-an-irresistible-bluetooth-turntable-and-theres-only-one-color-you-should-buy-it-in
    🎶 “Kanto Obi3: เทิร์นเทเบิลบลูทูธสุดมินิมอลจากแคนาดา — เสียงดี ดีไซน์เด่น ราคาโดนใจ” Kanto Audio แบรนด์เครื่องเสียงจากแคนาดาเปิดตัวเทิร์นเทเบิลรุ่นแรกของบริษัทในชื่อ “Obi3” โดยชูจุดเด่นด้านดีไซน์เรียบง่าย ฟังก์ชันครบ และราคาที่เข้าถึงได้ เปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 2025 ด้วยราคา $199 / £179 (ประมาณ 7,500 บาท) ถือเป็นคู่แข่งโดยตรงของแบรนด์ระดับเริ่มต้นอย่าง Sony, Audio-Technica และ Pro-Ject Obi3 ใช้ระบบสายพานแบบสองสปีด (33⅓ และ 45 RPM) พร้อมหัวเข็ม Audio-Technica AT3600L ที่ติดตั้งมาให้จากโรงงาน ตัวเครื่องมีโครงสร้างไม้และจานหมุนอะลูมิเนียมแบบถ่วงน้ำหนักเพื่อความนิ่งในการเล่นแผ่นเสียง พร้อมแขนอ่านแบบ J-shape ที่ออกแบบมาเพื่อความแม่นยำในการติดตามร่องแผ่น ฟีเจอร์เด่นคือ Bluetooth 5.3 ที่สามารถเชื่อมต่อกับลำโพงหรือหูฟังไร้สายได้ทันที รวมถึงมี preamp ในตัวที่สามารถเปิด/ปิดได้ และช่อง RCA สำหรับเชื่อมต่อกับระบบเสียงแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมี pitch control ซึ่งหาได้ยากในเทิร์นเทเบิลระดับราคานี้ Obi3 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ ดำ ขาว และเขียว Sage ซึ่งได้รับคำแนะนำว่า “เป็นสีที่ควรซื้อ” เพราะโชว์ความเรียบง่ายของดีไซน์ได้ดีที่สุด ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Kanto เปิดตัวเทิร์นเทเบิลรุ่นแรกชื่อ Obi3 ในเดือนพฤศจิกายน 2025 ➡️ ราคาเปิดตัว $199 / £179 (ประมาณ AU$300) ➡️ ใช้ระบบสายพานแบบสองสปีด (33⅓ และ 45 RPM) ➡️ หัวเข็ม Audio-Technica AT3600L ติดตั้งมาให้จากโรงงาน ➡️ โครงสร้างไม้และจานหมุนอะลูมิเนียมแบบถ่วงน้ำหนัก ➡️ แขนอ่านแบบ J-shape เพื่อความแม่นยำในการติดตามร่องแผ่น ➡️ มี Bluetooth 5.3 สำหรับเชื่อมต่อกับลำโพงหรือหูฟังไร้สาย ➡️ มี preamp ในตัวที่เปิด/ปิดได้ และช่อง RCA สำหรับระบบเสียงดั้งเดิม ➡️ มี pitch control ซึ่งหาได้ยากในเทิร์นเทเบิลระดับราคานี้ ➡️ มีให้เลือก 3 สี: ดำ ขาว และเขียว Sage ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ หัวเข็ม AT3600L เป็นหัวเข็มระดับเริ่มต้นที่ให้เสียงชัดเจนและบาลานซ์ ➡️ Bluetooth 5.3 มี latency ต่ำและประหยัดพลังงานมากกว่าเวอร์ชันก่อน ➡️ แขนอ่าน J-shape นิยมใช้ในเทิร์นเทเบิลระดับมืออาชีพเพื่อความแม่นยำ ➡️ Pitch control ช่วยให้ปรับความเร็วเสียงได้ เช่น เล่นเพลงให้เร็วขึ้นหรือช้าลง ➡️ Obi3 เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการความสะดวกแต่ยังรักษาคุณภาพเสียง https://www.techradar.com/audio/turntables/one-of-the-best-budget-hi-fi-makers-just-launched-an-irresistible-bluetooth-turntable-and-theres-only-one-color-you-should-buy-it-in
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 200 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Wireshark 4.6 เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ — รองรับโปรโตคอลใหม่กว่า 40 รายการ พร้อมฟีเจอร์วิเคราะห์เครือข่ายระดับมืออาชีพ”

    Wireshark 4.6 ได้เปิดตัวในเดือนตุลาคม 2025 พร้อมการอัปเดตครั้งใหญ่ที่ยกระดับความสามารถในการวิเคราะห์เครือข่ายให้ลึกและแม่นยำยิ่งขึ้น โดยรองรับทั้ง Linux, macOS และ Windows

    หนึ่งในฟีเจอร์เด่นคือการรองรับการถอดรหัส NTP ที่ใช้ Network Time Security (NTS) ซึ่งช่วยให้สามารถวิเคราะห์การซิงค์เวลาแบบปลอดภัยได้ นอกจากนี้ยังสามารถบีบอัดข้อมูลขณะจับแพ็กเก็ตแบบ real-time เพื่อลดการใช้พื้นที่จัดเก็บ

    Wireshark 4.6 ยังเพิ่ม “Plots” dialog สำหรับการแสดงกราฟแบบ scatter plot ที่รองรับหลายชุดข้อมูลพร้อมกัน และมีการปรับปรุงการแสดงผลเวลาให้เป็นมาตรฐาน ISO 8601 พร้อม suffix “Z” สำหรับเวลาแบบ UTC

    ในด้านการวิเคราะห์ MACsec (Media Access Control Security) Wireshark สามารถใช้ SAK จาก MKA หรือ PSK เพื่อถอดรหัสแพ็กเก็ตได้ และยังรองรับการแสดงค่าบิตเรตและ byte count แบบละเอียดในหน้าต่าง Conversations และ Endpoints

    ฟีเจอร์ใหม่อื่น ๆ ได้แก่ การรองรับการถอดรหัส RIFF และ TTL file format, การแสดงข้อมูล raw hex ใน Export Dissections, และการเพิ่มเมนู “Copy as HTML” เพื่อคัดลอกข้อมูลแบบจัดรูปแบบ

    ที่สำคัญที่สุดคือ Wireshark 4.6 รองรับโปรโตคอลใหม่กว่า 40 รายการ เช่น Binary HTTP, Bluetooth HCI, DECT NR+, DLMS/COSEM, SGP.22 และ SGP.32 สำหรับการจัดการ eSIM บนเครือข่ายมือถือ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Wireshark 4.6 เปิดตัวในเดือนตุลาคม 2025 พร้อมฟีเจอร์ใหม่มากมาย
    รองรับการถอดรหัส NTP ที่ใช้ NTS (Network Time Security)
    รองรับการบีบอัดข้อมูลขณะจับแพ็กเก็ตแบบ live capture
    เพิ่ม “Plots” dialog สำหรับ scatter plot แบบหลายชุดข้อมูล
    ปรับการแสดงเวลาเป็น ISO 8601 พร้อม suffix “Z” สำหรับ UTC
    รองรับการถอดรหัส MACsec ด้วย SAK จาก MKA หรือ PSK
    เพิ่มการแสดง byte count และ bit rate แบบละเอียด
    รองรับการถอดรหัส RIFF และ TTL file format
    เพิ่มเมนู “Copy as HTML” และการแสดง raw hex ใน Export Dissections
    รองรับโปรโตคอลใหม่กว่า 40 รายการ เช่น Binary HTTP, Bluetooth HCI, DLMS/COSEM, SGP.22, SGP.32

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    NTS เป็นมาตรฐานใหม่สำหรับการซิงค์เวลาแบบปลอดภัยในระบบเครือข่าย
    MACsec ใช้ในเครือข่าย LAN เพื่อเข้ารหัสข้อมูลที่ส่งผ่าน Ethernet
    ISO 8601 เป็นมาตรฐานสากลสำหรับการแสดงเวลาแบบ machine-readable
    SGP.22 และ SGP.32 เป็นโปรโตคอลของ GSMA สำหรับการจัดการ eSIM ระยะไกล
    Scatter plot ช่วยให้เห็นรูปแบบการส่งข้อมูลและความผิดปกติได้ชัดเจน

    https://9to5linux.com/wireshark-4-6-open-source-network-protocol-analyzer-released-as-a-major-update
    🌐 “Wireshark 4.6 เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ — รองรับโปรโตคอลใหม่กว่า 40 รายการ พร้อมฟีเจอร์วิเคราะห์เครือข่ายระดับมืออาชีพ” Wireshark 4.6 ได้เปิดตัวในเดือนตุลาคม 2025 พร้อมการอัปเดตครั้งใหญ่ที่ยกระดับความสามารถในการวิเคราะห์เครือข่ายให้ลึกและแม่นยำยิ่งขึ้น โดยรองรับทั้ง Linux, macOS และ Windows หนึ่งในฟีเจอร์เด่นคือการรองรับการถอดรหัส NTP ที่ใช้ Network Time Security (NTS) ซึ่งช่วยให้สามารถวิเคราะห์การซิงค์เวลาแบบปลอดภัยได้ นอกจากนี้ยังสามารถบีบอัดข้อมูลขณะจับแพ็กเก็ตแบบ real-time เพื่อลดการใช้พื้นที่จัดเก็บ Wireshark 4.6 ยังเพิ่ม “Plots” dialog สำหรับการแสดงกราฟแบบ scatter plot ที่รองรับหลายชุดข้อมูลพร้อมกัน และมีการปรับปรุงการแสดงผลเวลาให้เป็นมาตรฐาน ISO 8601 พร้อม suffix “Z” สำหรับเวลาแบบ UTC ในด้านการวิเคราะห์ MACsec (Media Access Control Security) Wireshark สามารถใช้ SAK จาก MKA หรือ PSK เพื่อถอดรหัสแพ็กเก็ตได้ และยังรองรับการแสดงค่าบิตเรตและ byte count แบบละเอียดในหน้าต่าง Conversations และ Endpoints ฟีเจอร์ใหม่อื่น ๆ ได้แก่ การรองรับการถอดรหัส RIFF และ TTL file format, การแสดงข้อมูล raw hex ใน Export Dissections, และการเพิ่มเมนู “Copy as HTML” เพื่อคัดลอกข้อมูลแบบจัดรูปแบบ ที่สำคัญที่สุดคือ Wireshark 4.6 รองรับโปรโตคอลใหม่กว่า 40 รายการ เช่น Binary HTTP, Bluetooth HCI, DECT NR+, DLMS/COSEM, SGP.22 และ SGP.32 สำหรับการจัดการ eSIM บนเครือข่ายมือถือ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Wireshark 4.6 เปิดตัวในเดือนตุลาคม 2025 พร้อมฟีเจอร์ใหม่มากมาย ➡️ รองรับการถอดรหัส NTP ที่ใช้ NTS (Network Time Security) ➡️ รองรับการบีบอัดข้อมูลขณะจับแพ็กเก็ตแบบ live capture ➡️ เพิ่ม “Plots” dialog สำหรับ scatter plot แบบหลายชุดข้อมูล ➡️ ปรับการแสดงเวลาเป็น ISO 8601 พร้อม suffix “Z” สำหรับ UTC ➡️ รองรับการถอดรหัส MACsec ด้วย SAK จาก MKA หรือ PSK ➡️ เพิ่มการแสดง byte count และ bit rate แบบละเอียด ➡️ รองรับการถอดรหัส RIFF และ TTL file format ➡️ เพิ่มเมนู “Copy as HTML” และการแสดง raw hex ใน Export Dissections ➡️ รองรับโปรโตคอลใหม่กว่า 40 รายการ เช่น Binary HTTP, Bluetooth HCI, DLMS/COSEM, SGP.22, SGP.32 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ NTS เป็นมาตรฐานใหม่สำหรับการซิงค์เวลาแบบปลอดภัยในระบบเครือข่าย ➡️ MACsec ใช้ในเครือข่าย LAN เพื่อเข้ารหัสข้อมูลที่ส่งผ่าน Ethernet ➡️ ISO 8601 เป็นมาตรฐานสากลสำหรับการแสดงเวลาแบบ machine-readable ➡️ SGP.22 และ SGP.32 เป็นโปรโตคอลของ GSMA สำหรับการจัดการ eSIM ระยะไกล ➡️ Scatter plot ช่วยให้เห็นรูปแบบการส่งข้อมูลและความผิดปกติได้ชัดเจน https://9to5linux.com/wireshark-4-6-open-source-network-protocol-analyzer-released-as-a-major-update
    9TO5LINUX.COM
    Wireshark 4.6 Open-Source Network Protocol Analyzer Released as a Major Update - 9to5Linux
    Wireshark 4.6 open-source network protocol analyzer is now available to download with manjor new features and improvements.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • เตรียมพร้อมรับเทศกาลกินเจ! หั่นไชโป้วให้เป็นเส้นง่ายๆ ด้วย #เครื่องหั่นอาหารแท่งคู่ เบอร์ 268!
    เข้าสู่ช่วงเทศกาลกินเจแล้ว เตรียมวัตถุดิบเจให้พร้อมขาย! ปัญหาการหั่น หัวไชโป้ว ปริมาณมากให้เป็นเส้นบางสวย จบลงได้ทันทีด้วยเครื่องหั่นประสิทธิภาพสูงของเรา

    เครื่องหั่นอาหารแท่งคู่ เบอร์ 268 ช่วยคุณได้:

    หั่นเร็ว หั่นเยอะ ไม่มีสะดุด: ด้วยกำลังการผลิตสูงถึง 100-200 กก./ชม. หั่นหัวไชโป้วกองโตให้เป็นเส้นสวยได้ในเวลาอันรวดเร็ว
    ได้เส้นสวยงาม สม่ำเสมอ: เลือกระยะห่างหัวหั่นได้ตั้งแต่ 2.5 มม. - 30 มม. อยากได้เส้นเล็กใหญ่แค่ไหนก็จัดการได้ตามต้องการ
    สแตนเลสทั้งหัวหั่น! ผลิตจากสแตนเลสเกรดพิเศษ ทำความสะอาดง่าย ไม่เป็นสนิม ถูกสุขลักษณะแน่นอน
    อเนกประสงค์: นอกจากไชโป้วแล้ว ยังใช้หั่นวัตถุดิบเจอื่นๆ ได้อีกเพียบ เช่น เห็ด, สาหร่าย, หรือผักอื่นๆ ที่ต้องการให้เป็นเส้น

    ไม่ว่าคุณจะเป็นร้านอาหารเจ โรงครัว หรือโรงงานผลิตวัตถุดิบสำหรับกินเจ เครื่องนี้ตอบโจทย์ความรวดเร็วและคุณภาพ!

    อย่าปล่อยให้การหั่นมาขวางทางธุรกิจของคุณ ลงทุนกับเครื่องหั่นคุณภาพดี ประหยัดเวลา ประหยัดแรงงาน ต้อนรับออเดอร์เจที่กำลังจะเข้ามา!

    สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม:
    ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
    เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.)
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    แชท: m.me/yonghahheng
    LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9
    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com

    #HashTags
    #เทศกาลกินเจ #เครื่องหั่นไชโป้ว #เครื่องหั่นอาหารแท่งคู่ #เครื่องหั่น #เบอร์268 #วัตถุดิบเจ #ร้านอาหารเจ
    #กินเจ #อิ่มบุญอิ่มใจ #อาหารเจ #ผักเจ #โรงงานอาหาร #โรงงานผลิตอาหาร #อุปกรณ์ครัว #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร
    #เครื่องหั่นสแตนเลส #หั่นผัก #หั่นเส้น #ไชโป้ว #หัวไชโป้ว #ไชโป้วผัดไข่ #อาหารจีน #ทำอาหาร #ครัวร้านอาหาร
    #เครื่องหั่นเนื้อ #ปลาหมึก #เห็ด #มะกรูด #หนังหมู #ประหยัดเวลา #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต
    #เครื่องมือทำครัว #ย่งฮะเฮง #yonghahheng #yoryonghahheng #บรรทัดทอง #เครื่องครัว #เครื่องครัวมืออาชีพ
    #เจ2568 #เทศกาลบุญ #ถือศีลกินเจ #มังสวิรัติ #อาหารมังสวิรัติ
    📢 เตรียมพร้อมรับเทศกาลกินเจ! 📢 หั่นไชโป้วให้เป็นเส้นง่ายๆ ด้วย #เครื่องหั่นอาหารแท่งคู่ เบอร์ 268! เข้าสู่ช่วงเทศกาลกินเจแล้ว เตรียมวัตถุดิบเจให้พร้อมขาย! 🥢 ปัญหาการหั่น หัวไชโป้ว ปริมาณมากให้เป็นเส้นบางสวย จบลงได้ทันทีด้วยเครื่องหั่นประสิทธิภาพสูงของเรา เครื่องหั่นอาหารแท่งคู่ เบอร์ 268 ช่วยคุณได้: ✅ หั่นเร็ว หั่นเยอะ ไม่มีสะดุด: ด้วยกำลังการผลิตสูงถึง 100-200 กก./ชม. หั่นหัวไชโป้วกองโตให้เป็นเส้นสวยได้ในเวลาอันรวดเร็ว ✅ ได้เส้นสวยงาม สม่ำเสมอ: เลือกระยะห่างหัวหั่นได้ตั้งแต่ 2.5 มม. - 30 มม. อยากได้เส้นเล็กใหญ่แค่ไหนก็จัดการได้ตามต้องการ ✅ สแตนเลสทั้งหัวหั่น! ผลิตจากสแตนเลสเกรดพิเศษ ทำความสะอาดง่าย ไม่เป็นสนิม ถูกสุขลักษณะแน่นอน ✅ อเนกประสงค์: นอกจากไชโป้วแล้ว ยังใช้หั่นวัตถุดิบเจอื่นๆ ได้อีกเพียบ เช่น เห็ด, สาหร่าย, หรือผักอื่นๆ ที่ต้องการให้เป็นเส้น 📣 ไม่ว่าคุณจะเป็นร้านอาหารเจ โรงครัว หรือโรงงานผลิตวัตถุดิบสำหรับกินเจ เครื่องนี้ตอบโจทย์ความรวดเร็วและคุณภาพ! อย่าปล่อยให้การหั่นมาขวางทางธุรกิจของคุณ ลงทุนกับเครื่องหั่นคุณภาพดี ประหยัดเวลา ประหยัดแรงงาน ต้อนรับออเดอร์เจที่กำลังจะเข้ามา! 🛒 สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม: ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.) แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 แชท: m.me/yonghahheng LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9 โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com #HashTags #เทศกาลกินเจ #เครื่องหั่นไชโป้ว #เครื่องหั่นอาหารแท่งคู่ #เครื่องหั่น #เบอร์268 #วัตถุดิบเจ #ร้านอาหารเจ #กินเจ #อิ่มบุญอิ่มใจ #อาหารเจ #ผักเจ #โรงงานอาหาร #โรงงานผลิตอาหาร #อุปกรณ์ครัว #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #เครื่องหั่นสแตนเลส #หั่นผัก #หั่นเส้น #ไชโป้ว #หัวไชโป้ว #ไชโป้วผัดไข่ #อาหารจีน #ทำอาหาร #ครัวร้านอาหาร #เครื่องหั่นเนื้อ #ปลาหมึก #เห็ด #มะกรูด #หนังหมู #ประหยัดเวลา #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต #เครื่องมือทำครัว #ย่งฮะเฮง #yonghahheng #yoryonghahheng #บรรทัดทอง #เครื่องครัว #เครื่องครัวมืออาชีพ #เจ2568 #เทศกาลบุญ #ถือศีลกินเจ #มังสวิรัติ #อาหารมังสวิรัติ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 506 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AI เปลี่ยนชีวิตช่างภาพ — ลูกค้าไม่รู้ว่าใช้ AI แก้ภาพ แต่ช่างภาพรู้ว่าได้ชีวิตคืน”

    ในยุคที่ความเร็วกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของงานสร้างสรรค์ รายงาน Aftershoot Photography Workflow Report ปี 2025 เผยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการถ่ายภาพมืออาชีพทั่วโลก โดยเฉพาะผลกระทบจากการใช้ AI ในการจัดการงานหลังกล้อง ที่ไม่เพียงช่วยลดเวลา แต่ยังเปลี่ยนวิธีคิดของช่างภาพเกี่ยวกับ “ความสร้างสรรค์” และ “ความยั่งยืน” ในอาชีพ

    จากการสำรวจช่างภาพกว่า 1,000 คนทั่วโลก พบว่า 81% ของผู้ที่ใช้ AI ใน workflow รายงานว่าคุณภาพชีวิตดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการลดเวลาการแก้ภาพและการจัดการหลังงานถ่าย ส่วนที่น่าตกใจคือ 64% ระบุว่าลูกค้า “ไม่รู้เลย” ว่าภาพที่ได้รับผ่านการแก้ด้วย AI และมีเพียง 1% เท่านั้นที่ให้ feedback เชิงลบ

    สิ่งนี้สะท้อนว่า AI ไม่ได้ลดคุณภาพงาน แต่กลับช่วยให้ช่างภาพสามารถส่งงานได้เร็วขึ้น โดย 28% ของผู้ตอบแบบสอบถามสามารถส่งภาพครบชุดภายในหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากปี 2024

    นอกจากเรื่องเวลา ช่างภาพยังใช้เวลาที่ได้คืนจาก AI ไปกับการพัฒนาทักษะใหม่ สร้างโปรเจกต์ส่วนตัว หรือแม้แต่ฟื้นฟูสุขภาพจิตและความสัมพันธ์กับลูกค้า โดย 32% ระบุว่าใช้เวลานี้เพื่อขยายธุรกิจหรือเรียนรู้เพิ่มเติม

    แม้จะยังมีข้อถกเถียงเรื่อง “AI กับความสร้างสรรค์” แต่รายงานชี้ว่าช่างภาพที่ประสบความสำเร็จคือผู้ที่ใช้ AI อย่างมีกลยุทธ์ โดยเลือกใช้ในส่วนที่ซ้ำซาก เช่น การคัดภาพหรือแก้แสง แต่ยังคงควบคุมด้านศิลปะด้วยตัวเอง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    รายงาน Aftershoot ปี 2025 สำรวจช่างภาพกว่า 1,000 คนทั่วโลก
    81% ของผู้ใช้ AI รายงานว่าคุณภาพชีวิตดีขึ้น
    64% ระบุว่าลูกค้าไม่รู้ว่าภาพผ่านการแก้ด้วย AI
    มีเพียง 1% ที่ให้ feedback เชิงลบเกี่ยวกับภาพที่ใช้ AI
    28% ส่งภาพครบชุดภายในหนึ่งสัปดาห์ เพิ่มขึ้นจากปี 2024
    32% ใช้เวลาที่ได้คืนจาก AI ไปกับโปรเจกต์สร้างสรรค์หรือพัฒนาธุรกิจ
    ช่างภาพใช้ AI เพื่อจัดการงานหลังกล้อง เช่น คัดภาพและแก้แสง
    AI ช่วยเปลี่ยนแนวคิดจาก “ทำงานหนัก” เป็น “ทำงานอย่างยั่งยืน”

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Aftershoot เป็นแพลตฟอร์ม AI ที่ช่วยคัดภาพและแก้แสงอัตโนมัติ
    Lightroom และ Photoshop ยังเป็นเครื่องมือหลักในการรีทัชภาพ
    AI video editor และ photo editor ช่วยเร่งการผลิตคอนเทนต์ในหลายอุตสาหกรรม
    RAG (Retrieval-Augmented Generation) เป็นเทคนิค AI ที่ใช้ข้อมูลภายนอกช่วยตอบคำถาม
    การใช้ AI ในงานสร้างสรรค์กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมภาพนิ่งและวิดีโอ

    https://www.techradar.com/pro/a-wake-up-call-shocking-ai-survey-finds-that-clients-of-most-photographers-dont-notice-any-difference-in-ai-edited-work-and-thats-making-these-pros-less-stressed
    📸 “AI เปลี่ยนชีวิตช่างภาพ — ลูกค้าไม่รู้ว่าใช้ AI แก้ภาพ แต่ช่างภาพรู้ว่าได้ชีวิตคืน” ในยุคที่ความเร็วกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของงานสร้างสรรค์ รายงาน Aftershoot Photography Workflow Report ปี 2025 เผยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการถ่ายภาพมืออาชีพทั่วโลก โดยเฉพาะผลกระทบจากการใช้ AI ในการจัดการงานหลังกล้อง ที่ไม่เพียงช่วยลดเวลา แต่ยังเปลี่ยนวิธีคิดของช่างภาพเกี่ยวกับ “ความสร้างสรรค์” และ “ความยั่งยืน” ในอาชีพ จากการสำรวจช่างภาพกว่า 1,000 คนทั่วโลก พบว่า 81% ของผู้ที่ใช้ AI ใน workflow รายงานว่าคุณภาพชีวิตดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการลดเวลาการแก้ภาพและการจัดการหลังงานถ่าย ส่วนที่น่าตกใจคือ 64% ระบุว่าลูกค้า “ไม่รู้เลย” ว่าภาพที่ได้รับผ่านการแก้ด้วย AI และมีเพียง 1% เท่านั้นที่ให้ feedback เชิงลบ สิ่งนี้สะท้อนว่า AI ไม่ได้ลดคุณภาพงาน แต่กลับช่วยให้ช่างภาพสามารถส่งงานได้เร็วขึ้น โดย 28% ของผู้ตอบแบบสอบถามสามารถส่งภาพครบชุดภายในหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากปี 2024 นอกจากเรื่องเวลา ช่างภาพยังใช้เวลาที่ได้คืนจาก AI ไปกับการพัฒนาทักษะใหม่ สร้างโปรเจกต์ส่วนตัว หรือแม้แต่ฟื้นฟูสุขภาพจิตและความสัมพันธ์กับลูกค้า โดย 32% ระบุว่าใช้เวลานี้เพื่อขยายธุรกิจหรือเรียนรู้เพิ่มเติม แม้จะยังมีข้อถกเถียงเรื่อง “AI กับความสร้างสรรค์” แต่รายงานชี้ว่าช่างภาพที่ประสบความสำเร็จคือผู้ที่ใช้ AI อย่างมีกลยุทธ์ โดยเลือกใช้ในส่วนที่ซ้ำซาก เช่น การคัดภาพหรือแก้แสง แต่ยังคงควบคุมด้านศิลปะด้วยตัวเอง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ รายงาน Aftershoot ปี 2025 สำรวจช่างภาพกว่า 1,000 คนทั่วโลก ➡️ 81% ของผู้ใช้ AI รายงานว่าคุณภาพชีวิตดีขึ้น ➡️ 64% ระบุว่าลูกค้าไม่รู้ว่าภาพผ่านการแก้ด้วย AI ➡️ มีเพียง 1% ที่ให้ feedback เชิงลบเกี่ยวกับภาพที่ใช้ AI ➡️ 28% ส่งภาพครบชุดภายในหนึ่งสัปดาห์ เพิ่มขึ้นจากปี 2024 ➡️ 32% ใช้เวลาที่ได้คืนจาก AI ไปกับโปรเจกต์สร้างสรรค์หรือพัฒนาธุรกิจ ➡️ ช่างภาพใช้ AI เพื่อจัดการงานหลังกล้อง เช่น คัดภาพและแก้แสง ➡️ AI ช่วยเปลี่ยนแนวคิดจาก “ทำงานหนัก” เป็น “ทำงานอย่างยั่งยืน” ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Aftershoot เป็นแพลตฟอร์ม AI ที่ช่วยคัดภาพและแก้แสงอัตโนมัติ ➡️ Lightroom และ Photoshop ยังเป็นเครื่องมือหลักในการรีทัชภาพ ➡️ AI video editor และ photo editor ช่วยเร่งการผลิตคอนเทนต์ในหลายอุตสาหกรรม ➡️ RAG (Retrieval-Augmented Generation) เป็นเทคนิค AI ที่ใช้ข้อมูลภายนอกช่วยตอบคำถาม ➡️ การใช้ AI ในงานสร้างสรรค์กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมภาพนิ่งและวิดีโอ https://www.techradar.com/pro/a-wake-up-call-shocking-ai-survey-finds-that-clients-of-most-photographers-dont-notice-any-difference-in-ai-edited-work-and-thats-making-these-pros-less-stressed
    WWW.TECHRADAR.COM
    AI is rewriting photography’s future
    AI-driven consistency is turning speed and reliability into new creative currencies
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Intel Granite Rapids-WS หลุดสเปก! ซีพียู 86 คอร์ 172 เธรด เตรียมท้าชน AMD Threadripper ในตลาดเวิร์กสเตชันระดับสูง”

    Intel กำลังกลับมาอย่างแข็งแกร่งในตลาดเวิร์กสเตชันระดับสูง (HEDT) หลังจากมีข้อมูลหลุดจาก OpenBenchmarking.org เกี่ยวกับซีพียูรุ่นใหม่ Granite Rapids-WS ที่มาพร้อม 86 คอร์ 172 เธรด และความเร็วสูงสุด 4.8GHz ซึ่งอาจเป็นความเร็วแบบ Turbo บนบางคอร์ ไม่ใช่ความเร็วพื้นฐานทั้งหมด

    ซีพียูรุ่นนี้ยังไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการ โดยถูกระบุในฐานข้อมูลว่า “Intel 0000” และเป็นตัวอย่างทางวิศวกรรม (engineering sample) ที่ใช้โครงสร้างจากชิป XCC (Extreme Core Count) ซึ่งประกอบด้วย compute tiles 2 ชุด และ I/O tiles อีก 2 ชุด เพื่อรองรับ PCIe และหน่วยความจำ

    แม้จะยังไม่มีข้อมูลเรื่อง TDP หรือความเร็วพื้นฐาน แต่ระบบทดสอบที่ใช้ซีพียูนี้มี RAM 512GB, SSD 1TB และการ์ดจอ NVIDIA RTX 3090 โดยรันบน Red Hat Enterprise Linux 9.6 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าซีพียูนี้ถูกออกแบบมาสำหรับงานหนักระดับมืออาชีพ

    Granite Rapids-WS อาจใช้แพลตฟอร์มใหม่ W890 ที่รองรับ DDR5 แบบ 8 ช่อง และ PCIe Gen5 สูงสุด 128 เลน ซึ่งจะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ AMD Threadripper Pro 9000 ที่มี 96 คอร์ และแคชสูงถึง 384MB

    หาก Intel เปิดตัว Granite Rapids-WS อย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้ ก็อาจเป็นการกลับเข้าสู่ตลาด HEDT ที่เคยถูกครองโดย AMD มานาน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้ระดับมืออาชีพ เช่น นักสร้างคอนเทนต์ นักวิจัย และผู้พัฒนา AI

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Intel Granite Rapids-WS หลุดข้อมูลจาก OpenBenchmarking.org
    มี 86 คอร์ 172 เธรด และความเร็วสูงสุด 4.8GHz (Turbo บางคอร์)
    ใช้โครงสร้าง XCC: 2 compute tiles + 2 I/O tiles
    ระบบทดสอบมี RAM 512GB, SSD 1TB, GPU RTX 3090
    รันบน Red Hat Enterprise Linux 9.6
    อาจใช้แพลตฟอร์ม W890 รองรับ DDR5 แบบ 8 ช่อง และ PCIe Gen5 สูงสุด 128 เลน
    เป็นคู่แข่งโดยตรงกับ AMD Threadripper Pro 9000
    ยังไม่มีข้อมูลเรื่อง TDP, base clock หรือ thermal envelope

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    XCC เป็นโครงสร้างที่ใช้ในเซิร์ฟเวอร์ระดับสูงของ Intel
    DDR5-6400 และ MR-DIMM ช่วยเพิ่มความเร็วและความจุของหน่วยความจำ
    AMD Threadripper Pro 9995WX มี 96 คอร์ และแคช 384MB
    ตลาด HEDT เคยถูก Intel ครอง แต่ถูก AMD แซงในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
    การกลับมาของ Intel ในตลาดนี้อาจช่วยเพิ่มตัวเลือกให้กับ OEM และผู้ใช้มืออาชีพ

    https://www.techradar.com/pro/intels-most-powerful-cpu-ever-may-have-been-spotted-86-core-granite-rapids-ws-has-a-4-8ghz-base-speed-and-will-give-amds-threadripper-hedt-a-run-for-its-money
    🧠 “Intel Granite Rapids-WS หลุดสเปก! ซีพียู 86 คอร์ 172 เธรด เตรียมท้าชน AMD Threadripper ในตลาดเวิร์กสเตชันระดับสูง” Intel กำลังกลับมาอย่างแข็งแกร่งในตลาดเวิร์กสเตชันระดับสูง (HEDT) หลังจากมีข้อมูลหลุดจาก OpenBenchmarking.org เกี่ยวกับซีพียูรุ่นใหม่ Granite Rapids-WS ที่มาพร้อม 86 คอร์ 172 เธรด และความเร็วสูงสุด 4.8GHz ซึ่งอาจเป็นความเร็วแบบ Turbo บนบางคอร์ ไม่ใช่ความเร็วพื้นฐานทั้งหมด ซีพียูรุ่นนี้ยังไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการ โดยถูกระบุในฐานข้อมูลว่า “Intel 0000” และเป็นตัวอย่างทางวิศวกรรม (engineering sample) ที่ใช้โครงสร้างจากชิป XCC (Extreme Core Count) ซึ่งประกอบด้วย compute tiles 2 ชุด และ I/O tiles อีก 2 ชุด เพื่อรองรับ PCIe และหน่วยความจำ แม้จะยังไม่มีข้อมูลเรื่อง TDP หรือความเร็วพื้นฐาน แต่ระบบทดสอบที่ใช้ซีพียูนี้มี RAM 512GB, SSD 1TB และการ์ดจอ NVIDIA RTX 3090 โดยรันบน Red Hat Enterprise Linux 9.6 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าซีพียูนี้ถูกออกแบบมาสำหรับงานหนักระดับมืออาชีพ Granite Rapids-WS อาจใช้แพลตฟอร์มใหม่ W890 ที่รองรับ DDR5 แบบ 8 ช่อง และ PCIe Gen5 สูงสุด 128 เลน ซึ่งจะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ AMD Threadripper Pro 9000 ที่มี 96 คอร์ และแคชสูงถึง 384MB หาก Intel เปิดตัว Granite Rapids-WS อย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้ ก็อาจเป็นการกลับเข้าสู่ตลาด HEDT ที่เคยถูกครองโดย AMD มานาน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้ระดับมืออาชีพ เช่น นักสร้างคอนเทนต์ นักวิจัย และผู้พัฒนา AI ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Intel Granite Rapids-WS หลุดข้อมูลจาก OpenBenchmarking.org ➡️ มี 86 คอร์ 172 เธรด และความเร็วสูงสุด 4.8GHz (Turbo บางคอร์) ➡️ ใช้โครงสร้าง XCC: 2 compute tiles + 2 I/O tiles ➡️ ระบบทดสอบมี RAM 512GB, SSD 1TB, GPU RTX 3090 ➡️ รันบน Red Hat Enterprise Linux 9.6 ➡️ อาจใช้แพลตฟอร์ม W890 รองรับ DDR5 แบบ 8 ช่อง และ PCIe Gen5 สูงสุด 128 เลน ➡️ เป็นคู่แข่งโดยตรงกับ AMD Threadripper Pro 9000 ➡️ ยังไม่มีข้อมูลเรื่อง TDP, base clock หรือ thermal envelope ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ XCC เป็นโครงสร้างที่ใช้ในเซิร์ฟเวอร์ระดับสูงของ Intel ➡️ DDR5-6400 และ MR-DIMM ช่วยเพิ่มความเร็วและความจุของหน่วยความจำ ➡️ AMD Threadripper Pro 9995WX มี 96 คอร์ และแคช 384MB ➡️ ตลาด HEDT เคยถูก Intel ครอง แต่ถูก AMD แซงในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ➡️ การกลับมาของ Intel ในตลาดนี้อาจช่วยเพิ่มตัวเลือกให้กับ OEM และผู้ใช้มืออาชีพ https://www.techradar.com/pro/intels-most-powerful-cpu-ever-may-have-been-spotted-86-core-granite-rapids-ws-has-a-4-8ghz-base-speed-and-will-give-amds-threadripper-hedt-a-run-for-its-money
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts