• มาร์ค คาร์นีย์ นายกรัฐมนตรีแคนาดา ประกาศยุบสภาจัดการเลือกตั้งในวันที่ 28 เมษายน ระบุเขาต้องการอาณัติที่หนักแน่นเพื่อจัดการกับคุกคามจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ผู้ซึ่งต้องการ "ทำลายเรา เพื่อที่อเมริกาจะได้เป็นเจ้าของเรา"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000027770
    มาร์ค คาร์นีย์ นายกรัฐมนตรีแคนาดา ประกาศยุบสภาจัดการเลือกตั้งในวันที่ 28 เมษายน ระบุเขาต้องการอาณัติที่หนักแน่นเพื่อจัดการกับคุกคามจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ผู้ซึ่งต้องการ "ทำลายเรา เพื่อที่อเมริกาจะได้เป็นเจ้าของเรา" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000027770
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 796 มุมมอง 0 รีวิว
  • มิใช่ “บลูไดมอนด์” ของซาอุฯ ตามคำกล่าวเท็จใส่ร้าย

    วันนี้ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๓ ครบรอบ ๓๑ ปีเหตุการณ์ “โจรกรรมเครื่องเพชรราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย” เกิดขึ้นในปี ๒๕๓๒ แล้ววันนี้แอดมินเห็นคนบางกลุ่มกำลังพยายามบิดเบือนความจริงในโซเชียลมีเดียต่าง ๆ นานาว่า เพชรที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงสวมใส่ คือ “เพชรสีน้ำเงิน” หรือที่เรารู้จักในชื่อ “Blue Diamond” เป็นเพชรที่ถูกขโมยมาจากประเทศซาอุดิอารเบีย ซึ่งไม่เป็นความจริงตามคำกล่าวเท็จใส่ร้ายแต่ประกาศใด

    ตามพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงสวมสร้อยพระศอเป็น “สร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงิน (Blue Sapphire)” ไม่ใช่ “เพชรสีน้ำเงิน (Blue Diamond)” ตามที่คนบางกลุ่มกำลังพยายามบิดเบือนกล่าวหาพระองค์

    “สร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงิน (Blue Sapphire)” องค์นี้ ประดับเพชรโดยไพลินสีน้ำเงินเม็ดนี้มีขนาด ๑๐๙.๕๗ กะรัต จี้ไพลินสีน้ำเงินองค์นี้ เป็นฝีมือการออกแบบและประดิษฐ์จากบริษัทอัญมณี Van Cleef & Arpels จากประเทศฝรั่งเศส เมื่อประมาณปี ๒๕๐๖

    ซึ่งพระองค์ทรงสวมสร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงินองค์นี้ มานานกว่า ๕๐ ปีแล้ว และทรงสวมในหลาย ๆ โอกาสอีกด้วย เช่น ในปี ๒๕๑๑ ทรงสวมสร้อยพระศอนี้ ในโอกาสที่สมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งอิหร่าน เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๙ มกราคม ๒๕๑๑ (พระฉายาลักษณ์บนขวา) หรือในปี ๒๕๓๔ ทรงสวมสร้อยพระศอนี้ ในโอกาสที่สมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๒๖-๓๐ กันยายน ๒๕๓๔ (พระฉายาลักษณ์ล่างกลาง)

    และเหตุการณ์ “โจรกรรมเครื่องเพชรราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย” เกิดขึ้นในปี ๒๕๓๒ แต่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงสวมสร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงิน มานาน ๕๐ ปีแล้ว ตั้งแต่ปี ๒๕๑๐ เรื่อยมา จึงเป็นไปไม่ได้ที่พระสร้อยศอนี้ จะเป็นเครื่องประดับที่ถูกโจรกรรมมาจากประเทศซาอุดีอาระเบีย ในปี ๒๕๓๒

    และในคดีโจรกรรมเครื่องเพชรนั้น ได้จบไปนานแล้ว ในยุคนั้น นายโมฮัมหมัด ซาอิด โคจา ได้แสดงความขอบคุณทางการไทยอย่างสุดซึ้ง แม้จะยังไม่ได้เพชรคืนทุกชิ้นก็ตาม แต่ได้มาเพียงเท่านี้เขาก็พอใจแล้ว แต่สิ่งที่ซาอุดิอาระเบียโกรธทางการไทยอย่างมากจนลดความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยลง มาจากสาเหตุเรื่องการอุ้มฆ่านักธุรกิจซาอุดิอาระเบีย ต่างหาก

    และราชวงศ์จักรี มีเครื่องประดับที่เป็นเพชรมากมาย ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวงแล้ว หรือแม้แต่ในอดีต ตามบันทึกในหนังสือ “ความทรงจำในการตามเสด็จต่างประเทศทางราชการ” ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในโอกาสนั้นเสด็จเยือนแคนาดา เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๑๐ และเสด็จไปในงานเลี้ยงรับรองสำคัญ ซึ่งในงานจะมีบุคคลสำคัญในวงการราชการและธุรกิจ คืนนั้นพระองค์ได้โดยในหนังสือเล่มดังกล่าวมีการระบุความตอนหนึ่งว่า

    “...คืนนั้น ข้าพเจ้าได้สวมสร้อยพระศอเพชร ซึ่งเป็นของเก่าของสมเด็จพระพันปีหลวง…”

    หมายเหตุ “สมเด็จพระพันปีหลวง” ในบทความนี้ หมายถึง สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

    ในบันทึกยังบอกอีกว่า สร้อยพระศอเพชรเส้นนี้เอง ทำให้เกิดเหตุการณ์อย่างหนึ่งในงานนั้น เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ เกิดขึ้นเมื่อแขกคนสำคัญคนหนึ่งถามหม่อมเจ้าหญิงวิภาวดีรังสิต ซึ่งทำหน้าที่นางสนองพระโอษฐ์ แล้วไปในงานวันนั้นด้วยว่า

    “...เอ้อ…สร้อยพระศอที่พระราชินีของท่านทรงอยู่นั้น คงเพิ่งซื้อใหม่จากปารีสกระมัง...”

    หม่อมเจ้าวิภาวดี ทรงตอบว่า

    “...เอ๊ะ ! นี่ท่านไม่รู้หรอกหรือ ว่าเมืองไทยของฉันมีอายุกว่า ๗๐๐-๘๐๐ ปีแล้ว พระราชวงศ์จักรีก็มีมาตั้งเกือบสองศตวรรษ เราจึงมีเครื่องเพชรประจำพระราชวงศ์บ้าง ไม่เห็นจะต้องซื้อของใหม่ราคาแพงมาใช้เลย...”

    จากบันทึกในหนังสือ “ความทรงจำในการตามเสด็จต่างประเทศทางราชการ” ของพระองค์ ทำให้เห็นได้ว่า เครื่องเพชรที่พระองค์ประดับอยู่ หลาย ๆ ชิ้น ตลอดการเดินทางนั้น ล้วนเป็น เครื่องเพชรประจำพระราชวงศ์ทั้งนั้น รวมถึงสร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงิน นั้นก็เช่นกัน

    สุดท้ายนี้ แอดมินหวังว่าท่านที่ไปฟังเขาเล่ามาว่าแบบนั้นแบบนี้ อยากให้เข้าใจเสียใหม่ และหลังจากนี้ ก็หวังอีกว่าคงไม่มีใครจะกล่าวเท็จใส่ร้ายพระองค์อีก

    Cr. เพจ โบราณนานมา
    มิใช่ “บลูไดมอนด์” ของซาอุฯ ตามคำกล่าวเท็จใส่ร้าย วันนี้ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๓ ครบรอบ ๓๑ ปีเหตุการณ์ “โจรกรรมเครื่องเพชรราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย” เกิดขึ้นในปี ๒๕๓๒ แล้ววันนี้แอดมินเห็นคนบางกลุ่มกำลังพยายามบิดเบือนความจริงในโซเชียลมีเดียต่าง ๆ นานาว่า เพชรที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงสวมใส่ คือ “เพชรสีน้ำเงิน” หรือที่เรารู้จักในชื่อ “Blue Diamond” เป็นเพชรที่ถูกขโมยมาจากประเทศซาอุดิอารเบีย ซึ่งไม่เป็นความจริงตามคำกล่าวเท็จใส่ร้ายแต่ประกาศใด ตามพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงสวมสร้อยพระศอเป็น “สร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงิน (Blue Sapphire)” ไม่ใช่ “เพชรสีน้ำเงิน (Blue Diamond)” ตามที่คนบางกลุ่มกำลังพยายามบิดเบือนกล่าวหาพระองค์ “สร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงิน (Blue Sapphire)” องค์นี้ ประดับเพชรโดยไพลินสีน้ำเงินเม็ดนี้มีขนาด ๑๐๙.๕๗ กะรัต จี้ไพลินสีน้ำเงินองค์นี้ เป็นฝีมือการออกแบบและประดิษฐ์จากบริษัทอัญมณี Van Cleef & Arpels จากประเทศฝรั่งเศส เมื่อประมาณปี ๒๕๐๖ ซึ่งพระองค์ทรงสวมสร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงินองค์นี้ มานานกว่า ๕๐ ปีแล้ว และทรงสวมในหลาย ๆ โอกาสอีกด้วย เช่น ในปี ๒๕๑๑ ทรงสวมสร้อยพระศอนี้ ในโอกาสที่สมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งอิหร่าน เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๙ มกราคม ๒๕๑๑ (พระฉายาลักษณ์บนขวา) หรือในปี ๒๕๓๔ ทรงสวมสร้อยพระศอนี้ ในโอกาสที่สมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๒๖-๓๐ กันยายน ๒๕๓๔ (พระฉายาลักษณ์ล่างกลาง) และเหตุการณ์ “โจรกรรมเครื่องเพชรราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย” เกิดขึ้นในปี ๒๕๓๒ แต่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงสวมสร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงิน มานาน ๕๐ ปีแล้ว ตั้งแต่ปี ๒๕๑๐ เรื่อยมา จึงเป็นไปไม่ได้ที่พระสร้อยศอนี้ จะเป็นเครื่องประดับที่ถูกโจรกรรมมาจากประเทศซาอุดีอาระเบีย ในปี ๒๕๓๒ และในคดีโจรกรรมเครื่องเพชรนั้น ได้จบไปนานแล้ว ในยุคนั้น นายโมฮัมหมัด ซาอิด โคจา ได้แสดงความขอบคุณทางการไทยอย่างสุดซึ้ง แม้จะยังไม่ได้เพชรคืนทุกชิ้นก็ตาม แต่ได้มาเพียงเท่านี้เขาก็พอใจแล้ว แต่สิ่งที่ซาอุดิอาระเบียโกรธทางการไทยอย่างมากจนลดความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยลง มาจากสาเหตุเรื่องการอุ้มฆ่านักธุรกิจซาอุดิอาระเบีย ต่างหาก และราชวงศ์จักรี มีเครื่องประดับที่เป็นเพชรมากมาย ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวงแล้ว หรือแม้แต่ในอดีต ตามบันทึกในหนังสือ “ความทรงจำในการตามเสด็จต่างประเทศทางราชการ” ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในโอกาสนั้นเสด็จเยือนแคนาดา เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๑๐ และเสด็จไปในงานเลี้ยงรับรองสำคัญ ซึ่งในงานจะมีบุคคลสำคัญในวงการราชการและธุรกิจ คืนนั้นพระองค์ได้โดยในหนังสือเล่มดังกล่าวมีการระบุความตอนหนึ่งว่า “...คืนนั้น ข้าพเจ้าได้สวมสร้อยพระศอเพชร ซึ่งเป็นของเก่าของสมเด็จพระพันปีหลวง…” หมายเหตุ “สมเด็จพระพันปีหลวง” ในบทความนี้ หมายถึง สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในบันทึกยังบอกอีกว่า สร้อยพระศอเพชรเส้นนี้เอง ทำให้เกิดเหตุการณ์อย่างหนึ่งในงานนั้น เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ เกิดขึ้นเมื่อแขกคนสำคัญคนหนึ่งถามหม่อมเจ้าหญิงวิภาวดีรังสิต ซึ่งทำหน้าที่นางสนองพระโอษฐ์ แล้วไปในงานวันนั้นด้วยว่า “...เอ้อ…สร้อยพระศอที่พระราชินีของท่านทรงอยู่นั้น คงเพิ่งซื้อใหม่จากปารีสกระมัง...” หม่อมเจ้าวิภาวดี ทรงตอบว่า “...เอ๊ะ ! นี่ท่านไม่รู้หรอกหรือ ว่าเมืองไทยของฉันมีอายุกว่า ๗๐๐-๘๐๐ ปีแล้ว พระราชวงศ์จักรีก็มีมาตั้งเกือบสองศตวรรษ เราจึงมีเครื่องเพชรประจำพระราชวงศ์บ้าง ไม่เห็นจะต้องซื้อของใหม่ราคาแพงมาใช้เลย...” จากบันทึกในหนังสือ “ความทรงจำในการตามเสด็จต่างประเทศทางราชการ” ของพระองค์ ทำให้เห็นได้ว่า เครื่องเพชรที่พระองค์ประดับอยู่ หลาย ๆ ชิ้น ตลอดการเดินทางนั้น ล้วนเป็น เครื่องเพชรประจำพระราชวงศ์ทั้งนั้น รวมถึงสร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงิน นั้นก็เช่นกัน สุดท้ายนี้ แอดมินหวังว่าท่านที่ไปฟังเขาเล่ามาว่าแบบนั้นแบบนี้ อยากให้เข้าใจเสียใหม่ และหลังจากนี้ ก็หวังอีกว่าคงไม่มีใครจะกล่าวเท็จใส่ร้ายพระองค์อีก Cr. เพจ โบราณนานมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 203 มุมมอง 0 รีวิว
  • 46 ปี สิ้น “แม่ผู้ชุบชีวิตใหม่” ย่าไหล-อุไรวรรณ ศิริโสตร์ วีรสตรีอุบลราชธานี แม่คนที่สองของเชลยศึก 🌺

    ย้อนรำลึกถึงเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ของ “ย่าไหล-อุไรวรรณ ศิริโสตร์” วีรสตรีแห่งอุบลราชธานี ผู้เป็นเสมือนแม่คนที่สอง ของเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ในสงครามโลก ครั้งที่สอง บทเรียนแห่งความเมตตาและความกล้าหาญ ที่ควรค่าแก่การจารึกในประวัติศาสตร์

    🌏 เรื่องราวที่โลกต้องไม่ลืม ✨ ถ้าจะพูดถึงสงครามโลก ครั้งที่สอง คนส่วนใหญ่มักนึกถึงความโหดร้าย การสูญเสีย และความพินาศของชีวิตมนุษย์นับล้านคน แต่ในความโหดร้ายนั้น...กลับมีความงดงามของมนุษยธรรม และน้ำใจที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้น เรื่องเล่าของ "ย่าไหล-อุไรวรรณ ศิริโสตร์" วีรสตรีแห่งเมืองอุบลราชธานี คือหนึ่งในเรื่องราวที่โลกต้องจารึก ✍️

    ย่าไหลไม่ได้เป็นนักรบ ไม่ได้มีอาวุธใด ๆ แต่เธอมี “หัวใจ” ที่ยิ่งใหญ่ เธอเป็น “แม่คนที่สอง” ของเชลยศึกสัมพันธมิตร ที่ถูกกักขังในสงครามมหาเอเชียบูรพา ยืนหยัดช่วยเหลือมนุษย์ผู้ตกทุกข์ได้ยาก ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าความตายอยู่ไม่ไกลจากตัวเอง และครอบครัวเลยแม้แต่น้อย...

    🕊️ ย้อนรำลึกเหตุการณ์เมื่อ 46 ปี ที่ผ่านมา เมื่อวันจันทร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2522 โลกได้สูญเสีย “แม่ผู้ชุบชีวิตใหม่” แห่งอุบลราชธานี "ย่าไหล-อุไรวรรณ ศิริโสตร์" ในวัย 86 ปี เหล่าทหารสัมพันธมิตรจากหลายประเทศ อาทิ อังกฤษ, อเมริกา, แคนาดา, ฮอลแลนด์, ออสเตรเลีย, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ต่างร่วมไว้อาลัยด้วยความอาลัยรัก ❤️ เพราะยาไหลคือคนที่เคยให้ชีวิตใหม่ แก่พวกเขา

    "ย่าไหล-อุไรวรรณ ศิริโสตร์" เป็นหญิงชาวอุบลราชธานีธรรมดา แต่ไม่ธรรมดาในหัวใจ ✨ ถูกกล่าวขานว่าเป็น “แม่ผู้ชุบชีวิตใหม่” เพราะในยามที่ เชลยศึกสัมพันธมิตรหลายพันชีวิต ถูกกักขังอย่างโหดร้ายในจังหวัดอุบลราชธานี ย่าไหลและชาวบ้านกลุ่มเล็ก ๆ กลับไม่ละทิ้งมนุษยธรรม นำอาหาร, ยารักษาโรค, เครื่องนุ่งห่ม และแม้แต่การช่วยเหลือหลบหนี มาให้กับเชลยเหล่านั้น โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ 🌾

    🕊️ ความกล้าหาญท่ามกลางความโหดร้าย 🗡️ ย้อนกลับไปในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา พ.ศ. 2484 - 2488 ญี่ปุ่นได้เข้ายึดประเทศไทย และกักขังเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ไว้จำนวนมาก โดยเฉพาะที่จังหวัดอุบลราชธานี พวกเขาถูกทรมาน, อดอยาก และเผชิญโรคภัยต่าง ๆ ทหารญี่ปุ่นมีบทลงโทษที่โหดเหี้ยม เช่น หากจับได้ว่าใครขโมยน้ำมัน จะถูกกรอกน้ำมันจนตาย หรือขโมยตะปู ก็จะถูกตอกตะปูเข้าขา 😨

    แม้จะรู้ว่าความช่วยเหลือ อาจนำมาซึ่งความตาย แต่ย่าไหลก็ยังคงพายเรือฝ่าฝนฟ้าคะนอง นำเชลยศึกบางคน ที่อ่อนแอป่วยไข้ไปหายารักษา บางคืนถึงกับพาเชลยหนีไปตามแม่น้ำ โดยให้พวกเขาเกาะข้างเรือ ลอยไปในความมืด... ย่าไหลกล่าวไว้ว่า “เราคือข้าของแผ่นดิน จำไว้นะลูก เราต้องมีเมตตา ช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก โดยไม่ต้องหวังสิ่งใด ๆ ตอบแทน” 💖

    🌏 อนุสาวรีย์แห่งความดีที่คนทั้งโลกต้องรู้ เพื่อรำลึกถึงความเสียสละ และความเมตตาอันยิ่งใหญ่ ชาวเชลยศึกสัมพันธมิตร จึงร่วมกันสร้าง “อนุสาวรีย์แห่งความดี” (Monument of Merit) ตั้งอยู่ที่ทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี 🏛️ โดยมีการจัดงานรำลึกทุกปีในวันที่ 11 เดือน 11 เวลา 11:11 น. เพื่อยกย่องน้ำใจของชาวอุบลฯ และย่าไหลที่ไม่เลือกฝ่าย แต่เลือกช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์

    🏅พิธีเชิดชูเกียรติ และรางวัลแห่งคุณงามความดี หลังสงครามสิ้นสุดในปี 2488 เหล่าทหารสัมพันธมิตร ได้เชิญย่าไหลไปยังค่ายทหาร ที่สนามบินอุบลราชธานี เพื่อแสดงความขอบคุณแ ละมอบรางวัลเชิดชูเกียรติ รวมถึงสิ่งของและเงินช่วยเหลือ เพื่อเป็นการขอบคุณในน้ำใจอันประเสริฐ 🙏

    ❤️วีรสตรีที่ไม่ได้ถืออาวุธ แต่ถือหัวใจแห่งเมตตา ต่างจากวีรสตรีที่เราคุ้นเคยในประวัติศาสตร์ ย่าไหลไม่ได้เป็นนักรบ แต่เธอคือแม่พระที่ “ให้ชีวิตใหม่” ในยามที่คนหนึ่งไม่มีแม้แต่ความหวัง ในการมีชีวิตรอด... ย่าไหลใช้เพียง “หัวใจ” และ “มือเปล่า” เพื่อหยิบยื่นอาหาร ยารักษาโรค และเสื้อผ้าให้พวกเขา แม้จะเสี่ยงตายก็ไม่หวั่นเกรง 🌿

    คุณธรรมที่ส่งต่อผ่านสายเลือด และจิตวิญญาณ สิ่งที่ย่าไหลทำ ไม่ได้เกิดจากการอยากเป็นวีรสตรี แต่เป็นความเชื่อ และการปลูกฝังจากบรรพบุรุษ “เราคือข้าของแผ่นดิน” คือคำสอนที่แม่ถ่ายทอดสู่ย่าไหล และย่าไหลก็ถ่ายทอดต่อให้ลูกหลานเช่นกัน ✨

    🌾 มรดกทางจิตวิญญาณที่ยังคงอยู่จนถึงวันนี้ เรื่องราวของย่าไหลก ลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นหลัง เชลยศึกและทายาท ยังคงเดินทางกลับมาอุบลราชธานีทุกปี เพื่อแสดงความเคารพต่อย่าไหล และสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น ระหว่างชาวอุบลราชธานีและนานาชาติ 🕊️

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 191130 มี.ค. 2568

    #แม่ผู้ชุบชีวิตใหม่ #ย่าไหลอุไรวรรณ #อนุสาวรีย์แห่งความดี #วีรสตรีอุบล #ช่วยเหลือเชลยศึก #ประวัติศาสตร์ไทย #อุบลราชธานี #สงครามโลกครั้งที่2 #มนุษยธรรม #แรงบันดาลใจ
    46 ปี สิ้น “แม่ผู้ชุบชีวิตใหม่” ย่าไหล-อุไรวรรณ ศิริโสตร์ วีรสตรีอุบลราชธานี แม่คนที่สองของเชลยศึก 🌺 ย้อนรำลึกถึงเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ของ “ย่าไหล-อุไรวรรณ ศิริโสตร์” วีรสตรีแห่งอุบลราชธานี ผู้เป็นเสมือนแม่คนที่สอง ของเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ในสงครามโลก ครั้งที่สอง บทเรียนแห่งความเมตตาและความกล้าหาญ ที่ควรค่าแก่การจารึกในประวัติศาสตร์ 🌏 เรื่องราวที่โลกต้องไม่ลืม ✨ ถ้าจะพูดถึงสงครามโลก ครั้งที่สอง คนส่วนใหญ่มักนึกถึงความโหดร้าย การสูญเสีย และความพินาศของชีวิตมนุษย์นับล้านคน แต่ในความโหดร้ายนั้น...กลับมีความงดงามของมนุษยธรรม และน้ำใจที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้น เรื่องเล่าของ "ย่าไหล-อุไรวรรณ ศิริโสตร์" วีรสตรีแห่งเมืองอุบลราชธานี คือหนึ่งในเรื่องราวที่โลกต้องจารึก ✍️ ย่าไหลไม่ได้เป็นนักรบ ไม่ได้มีอาวุธใด ๆ แต่เธอมี “หัวใจ” ที่ยิ่งใหญ่ เธอเป็น “แม่คนที่สอง” ของเชลยศึกสัมพันธมิตร ที่ถูกกักขังในสงครามมหาเอเชียบูรพา ยืนหยัดช่วยเหลือมนุษย์ผู้ตกทุกข์ได้ยาก ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าความตายอยู่ไม่ไกลจากตัวเอง และครอบครัวเลยแม้แต่น้อย... 🕊️ ย้อนรำลึกเหตุการณ์เมื่อ 46 ปี ที่ผ่านมา เมื่อวันจันทร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2522 โลกได้สูญเสีย “แม่ผู้ชุบชีวิตใหม่” แห่งอุบลราชธานี "ย่าไหล-อุไรวรรณ ศิริโสตร์" ในวัย 86 ปี เหล่าทหารสัมพันธมิตรจากหลายประเทศ อาทิ อังกฤษ, อเมริกา, แคนาดา, ฮอลแลนด์, ออสเตรเลีย, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ต่างร่วมไว้อาลัยด้วยความอาลัยรัก ❤️ เพราะยาไหลคือคนที่เคยให้ชีวิตใหม่ แก่พวกเขา "ย่าไหล-อุไรวรรณ ศิริโสตร์" เป็นหญิงชาวอุบลราชธานีธรรมดา แต่ไม่ธรรมดาในหัวใจ ✨ ถูกกล่าวขานว่าเป็น “แม่ผู้ชุบชีวิตใหม่” เพราะในยามที่ เชลยศึกสัมพันธมิตรหลายพันชีวิต ถูกกักขังอย่างโหดร้ายในจังหวัดอุบลราชธานี ย่าไหลและชาวบ้านกลุ่มเล็ก ๆ กลับไม่ละทิ้งมนุษยธรรม นำอาหาร, ยารักษาโรค, เครื่องนุ่งห่ม และแม้แต่การช่วยเหลือหลบหนี มาให้กับเชลยเหล่านั้น โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ 🌾 🕊️ ความกล้าหาญท่ามกลางความโหดร้าย 🗡️ ย้อนกลับไปในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา พ.ศ. 2484 - 2488 ญี่ปุ่นได้เข้ายึดประเทศไทย และกักขังเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร ไว้จำนวนมาก โดยเฉพาะที่จังหวัดอุบลราชธานี พวกเขาถูกทรมาน, อดอยาก และเผชิญโรคภัยต่าง ๆ ทหารญี่ปุ่นมีบทลงโทษที่โหดเหี้ยม เช่น หากจับได้ว่าใครขโมยน้ำมัน จะถูกกรอกน้ำมันจนตาย หรือขโมยตะปู ก็จะถูกตอกตะปูเข้าขา 😨 แม้จะรู้ว่าความช่วยเหลือ อาจนำมาซึ่งความตาย แต่ย่าไหลก็ยังคงพายเรือฝ่าฝนฟ้าคะนอง นำเชลยศึกบางคน ที่อ่อนแอป่วยไข้ไปหายารักษา บางคืนถึงกับพาเชลยหนีไปตามแม่น้ำ โดยให้พวกเขาเกาะข้างเรือ ลอยไปในความมืด... ย่าไหลกล่าวไว้ว่า “เราคือข้าของแผ่นดิน จำไว้นะลูก เราต้องมีเมตตา ช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก โดยไม่ต้องหวังสิ่งใด ๆ ตอบแทน” 💖 🌏 อนุสาวรีย์แห่งความดีที่คนทั้งโลกต้องรู้ เพื่อรำลึกถึงความเสียสละ และความเมตตาอันยิ่งใหญ่ ชาวเชลยศึกสัมพันธมิตร จึงร่วมกันสร้าง “อนุสาวรีย์แห่งความดี” (Monument of Merit) ตั้งอยู่ที่ทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี 🏛️ โดยมีการจัดงานรำลึกทุกปีในวันที่ 11 เดือน 11 เวลา 11:11 น. เพื่อยกย่องน้ำใจของชาวอุบลฯ และย่าไหลที่ไม่เลือกฝ่าย แต่เลือกช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ 🏅พิธีเชิดชูเกียรติ และรางวัลแห่งคุณงามความดี หลังสงครามสิ้นสุดในปี 2488 เหล่าทหารสัมพันธมิตร ได้เชิญย่าไหลไปยังค่ายทหาร ที่สนามบินอุบลราชธานี เพื่อแสดงความขอบคุณแ ละมอบรางวัลเชิดชูเกียรติ รวมถึงสิ่งของและเงินช่วยเหลือ เพื่อเป็นการขอบคุณในน้ำใจอันประเสริฐ 🙏 ❤️วีรสตรีที่ไม่ได้ถืออาวุธ แต่ถือหัวใจแห่งเมตตา ต่างจากวีรสตรีที่เราคุ้นเคยในประวัติศาสตร์ ย่าไหลไม่ได้เป็นนักรบ แต่เธอคือแม่พระที่ “ให้ชีวิตใหม่” ในยามที่คนหนึ่งไม่มีแม้แต่ความหวัง ในการมีชีวิตรอด... ย่าไหลใช้เพียง “หัวใจ” และ “มือเปล่า” เพื่อหยิบยื่นอาหาร ยารักษาโรค และเสื้อผ้าให้พวกเขา แม้จะเสี่ยงตายก็ไม่หวั่นเกรง 🌿 คุณธรรมที่ส่งต่อผ่านสายเลือด และจิตวิญญาณ สิ่งที่ย่าไหลทำ ไม่ได้เกิดจากการอยากเป็นวีรสตรี แต่เป็นความเชื่อ และการปลูกฝังจากบรรพบุรุษ “เราคือข้าของแผ่นดิน” คือคำสอนที่แม่ถ่ายทอดสู่ย่าไหล และย่าไหลก็ถ่ายทอดต่อให้ลูกหลานเช่นกัน ✨ 🌾 มรดกทางจิตวิญญาณที่ยังคงอยู่จนถึงวันนี้ เรื่องราวของย่าไหลก ลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นหลัง เชลยศึกและทายาท ยังคงเดินทางกลับมาอุบลราชธานีทุกปี เพื่อแสดงความเคารพต่อย่าไหล และสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น ระหว่างชาวอุบลราชธานีและนานาชาติ 🕊️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 191130 มี.ค. 2568 #แม่ผู้ชุบชีวิตใหม่ #ย่าไหลอุไรวรรณ #อนุสาวรีย์แห่งความดี #วีรสตรีอุบล #ช่วยเหลือเชลยศึก #ประวัติศาสตร์ไทย #อุบลราชธานี #สงครามโลกครั้งที่2 #มนุษยธรรม #แรงบันดาลใจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 360 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้บริหารของบอมบาร์เดียร์ อิงค์ ผู้ผลิตเครื่องบินสัญชาติแคนาดา แสดงความกังวลเกี่ยวกับการตัดสินใจของแคนาดา ที่จะทบทวนสัญญาจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ F-35 จากล็อคฮีด มาร์ติน คอร์ป บริษัทของอเมริกา ชี้เสี่ยงโดนสหรัฐฯเอาคืน ท่ามกลางสงครามรีดภาษีตอบโต้กันไปมาระหว่างออตตาวาและวอชิงตัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000026126
    ผู้บริหารของบอมบาร์เดียร์ อิงค์ ผู้ผลิตเครื่องบินสัญชาติแคนาดา แสดงความกังวลเกี่ยวกับการตัดสินใจของแคนาดา ที่จะทบทวนสัญญาจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ F-35 จากล็อคฮีด มาร์ติน คอร์ป บริษัทของอเมริกา ชี้เสี่ยงโดนสหรัฐฯเอาคืน ท่ามกลางสงครามรีดภาษีตอบโต้กันไปมาระหว่างออตตาวาและวอชิงตัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000026126
    Like
    Haha
    Wow
    15
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1960 มุมมอง 1 รีวิว
  • แคนาดาไม่ยอมอยู่ใต้อุ้งteenสหรัฐ!
    มีรายงานว่ากำลังพิจารณายุติสัญญารซื้อเครื่องบิน F-35 จำนวน 88 ลำ

    ไม่กี่ชั่วโมงหลังเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการของ มาร์ค คาร์นีย์ (Mark Carney) นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแคนาดา มีรายงานว่าเขากำลังพิจารณายกเลิกคำสั่งซื้อเครื่องบินขับไล่ F-35 ที่มีกับ Lockheed

    รัฐมนตรีกลาโหมแคนาดากล่าวว่า แคนาดากำลังพิจารณาทางเลือกเครื่องบินรุ่นอื่นจากสหภาพยุโรปแทนเครื่องบิน F-35 ของสหรัฐฯ

    เหตุผลของแคนาดาไม่มีอะไรมากไปกว่าความตึงเครียดทางการค้ากับทรัมป์

    การจ่ายเงินให้กับ Lockheed ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ทางการทหารของสหรัฐฯ เป็นจำนวนหลายหมื่นล้านดอลลาร์สำหรับเครื่องบิน F-35 จำนวน 88 ลำ กลายเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ของ คาร์นีย์ นายกรัฐมนตรีคนใหม่แคนาดา

    มีรายงานว่า เขาส่งอีเมล์แจ้งการยุติสัญญาในการซื้อเครื่องบินขับไล่ไปแล้ว
    แคนาดาไม่ยอมอยู่ใต้อุ้งteenสหรัฐ! มีรายงานว่ากำลังพิจารณายุติสัญญารซื้อเครื่องบิน F-35 จำนวน 88 ลำ ไม่กี่ชั่วโมงหลังเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการของ มาร์ค คาร์นีย์ (Mark Carney) นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแคนาดา มีรายงานว่าเขากำลังพิจารณายกเลิกคำสั่งซื้อเครื่องบินขับไล่ F-35 ที่มีกับ Lockheed รัฐมนตรีกลาโหมแคนาดากล่าวว่า แคนาดากำลังพิจารณาทางเลือกเครื่องบินรุ่นอื่นจากสหภาพยุโรปแทนเครื่องบิน F-35 ของสหรัฐฯ เหตุผลของแคนาดาไม่มีอะไรมากไปกว่าความตึงเครียดทางการค้ากับทรัมป์ การจ่ายเงินให้กับ Lockheed ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ทางการทหารของสหรัฐฯ เป็นจำนวนหลายหมื่นล้านดอลลาร์สำหรับเครื่องบิน F-35 จำนวน 88 ลำ กลายเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ของ คาร์นีย์ นายกรัฐมนตรีคนใหม่แคนาดา มีรายงานว่า เขาส่งอีเมล์แจ้งการยุติสัญญาในการซื้อเครื่องบินขับไล่ไปแล้ว
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 270 มุมมอง 0 รีวิว
  • รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ คว่ำบาตรวีซ่า (VISA) เจ้าหน้าที่รัฐบาลไทย ตอบโต้ปมส่ง 40 อุยกูร์กลับจีน

    นโยบายข้อจำกัดเกี่ยวกับวีซ่าใหม่ จะมีผลกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันหรือในอดีต ซึ่งเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลักดันชาวอุยกูร์หรือชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์หรือศาสนากลุ่มอื่นที่อาจไม่ได้รับความคุ้มครองกลับจีน
    .
    เผื่อใครยังไม่รู้จักว่าประเทศสหรัฐเค้าเป็นใคร?

    👉สหรัฐอเมริกา (United States of America) ตั้งอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ ดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ชัดเจนคือ "กูใหญ่" และ "กูถูกเสมอ"

    👉สหรัฐ คว่ำบาตรทรัพย์สินและและห้ามเจ้าหน้าที่ของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนอาชญากรรมสงครามของทหารสหรัฐในอัฟกานิสถาน เดินทางเข้าสหรัฐ

    👉สหรัฐ คว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court -ICC) กรณีออกหมายจับเนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ในข้อกล่าวหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ โดยมองว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุและไม่มีมูลความจริงซึ่งมุ่งโจมตีสหรัฐที่มีความใกล้ชิดอิสราเอล

    👉สหรัฐไม่พอใจศาลโลก จะถอนตัวออกจากทุกข้อตกลงที่ทำกับอิหร่าน หลังจากอิหร่านร้องต่อศาลโลกว่า การที่สหรัฐประกาศมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านถือว่าละเมิด "ข้อตกลงไมตรี" ที่ทำไว้กับอิหร่านตั้งแต่ปี 2498 สมัยพระเจ้าชาห์ที่ยังสนับสนุนตะวันตก ก่อนเกิดการปฏิวัติอิสลามปี 2522 และศาลโลกมีคำตัดสินสั่งให้สหรัฐยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านในส่วนที่เกี่ยวข้องกับมนุษยธรรม

    👉สหรัฐ ไม่พอใจ TikTok บริษัทสัญชาติจีน ที่มีผู้ใช้ในสหรัฐกว่า 170 ล้านบัญชี โดยกล่าวหาว่าล้วงความลับด้านความมั่นคง และพยายามทุกวิธีการเพื่อให้ยุติการให้บริการทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังพยายามหาทางเข้าครอบครองเพื่อให้เป็นของสหรัฐ

    👉สหรัฐ คว่ำบาตรปากีสถาน หลังจากมองว่าการพัฒนาโครงการขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยไกล (long-range ballistic missile) รุ่นใหม่ของปากีสถานเป็นภัยคุกคามสหรัฐ

    👉สหรัฐ ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งในจอร์เจีย และประณามการสลายการชุมนุมในจอร์เจีย และให้รัฐบาลจอร์เจียฟังเสียงประชาชนที่ต้องการเข้าร่วมสหภาพยุโรป

    👉สหรัฐ ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งในวเนซุเอลา พร้อมทั้งประกาศรางวัล 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับผู้จับกุมมาดูโรผู้นำเวเนซุเอลา

    👉สหรัฐ ถอนสถานะผู้ก่อการร้ายของ "อาบู มูฮัมหมัด อัลโจลานี" อดีตผู้บัญชาการกลุ่มอัลกออิดะห์และไอเอส ที่ถูกสหรัฐฯตั้งรางวัลนำจับ 10 ล้านเหรียญ หลังจากสนับสนุนให้ขึ้นเป็นผู้นำคนใหม่ของซีเรีย

    👉การถอนสถานะผู้ก่อการร้ายครั้งนี้ "ปลดล็อค" ความเชื่อเดิมๆที่ว่า ใครที่ถูกตั้งสถานะผู้ก่อการร้าย เกิดจากการกระทำที่โหดร้ายต่อประชาชน แต่แท้จริงแล้ว เป็นเพียงนโยบายการเมืองของสหรัฐเท่านั้น!!

    นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กน้อยที่ทำให้เรารู้จักสหรัฐมากขึ้น

    ตอนนี้สหรัฐกำลังใช้มาตรการรุนแรงกดขี่ประเทศอื่นแบบไม่แคร์ใคร หาเรื่องไปทั่วเพื่อหาข้ออ้าง สร้างอำนาจต่อรอง จะได้ดำเนินนโยบายที่ตัวเองต้องการ ตั้งแต่ทะเลาะกับยุโรป แคนาดา นาโต้
    และกำลังใช้เคสอุยกูร์มาเล่นงานไทย ทั้งที่จริงๆไม่ได้เป็นห่วงเป็นใยอะไรใครหรอก
    👉ที่สำคัญคือ คนไทย นักการเมือง และสื่อ "เลวระ_ย_ำ" บางกลุ่มพร้อมจะเข้าร่วมสหรัฐทำร้ายประเทศไทยที่พวกมันก็หากินและใช้ชีวิตอยู่ในไทย
    รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ คว่ำบาตรวีซ่า (VISA) เจ้าหน้าที่รัฐบาลไทย ตอบโต้ปมส่ง 40 อุยกูร์กลับจีน นโยบายข้อจำกัดเกี่ยวกับวีซ่าใหม่ จะมีผลกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันหรือในอดีต ซึ่งเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลักดันชาวอุยกูร์หรือชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์หรือศาสนากลุ่มอื่นที่อาจไม่ได้รับความคุ้มครองกลับจีน . เผื่อใครยังไม่รู้จักว่าประเทศสหรัฐเค้าเป็นใคร? 👉สหรัฐอเมริกา (United States of America) ตั้งอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ ดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ชัดเจนคือ "กูใหญ่" และ "กูถูกเสมอ" 👉สหรัฐ คว่ำบาตรทรัพย์สินและและห้ามเจ้าหน้าที่ของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนอาชญากรรมสงครามของทหารสหรัฐในอัฟกานิสถาน เดินทางเข้าสหรัฐ 👉สหรัฐ คว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court -ICC) กรณีออกหมายจับเนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ในข้อกล่าวหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ โดยมองว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุและไม่มีมูลความจริงซึ่งมุ่งโจมตีสหรัฐที่มีความใกล้ชิดอิสราเอล 👉สหรัฐไม่พอใจศาลโลก จะถอนตัวออกจากทุกข้อตกลงที่ทำกับอิหร่าน หลังจากอิหร่านร้องต่อศาลโลกว่า การที่สหรัฐประกาศมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านถือว่าละเมิด "ข้อตกลงไมตรี" ที่ทำไว้กับอิหร่านตั้งแต่ปี 2498 สมัยพระเจ้าชาห์ที่ยังสนับสนุนตะวันตก ก่อนเกิดการปฏิวัติอิสลามปี 2522 และศาลโลกมีคำตัดสินสั่งให้สหรัฐยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านในส่วนที่เกี่ยวข้องกับมนุษยธรรม 👉สหรัฐ ไม่พอใจ TikTok บริษัทสัญชาติจีน ที่มีผู้ใช้ในสหรัฐกว่า 170 ล้านบัญชี โดยกล่าวหาว่าล้วงความลับด้านความมั่นคง และพยายามทุกวิธีการเพื่อให้ยุติการให้บริการทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังพยายามหาทางเข้าครอบครองเพื่อให้เป็นของสหรัฐ 👉สหรัฐ คว่ำบาตรปากีสถาน หลังจากมองว่าการพัฒนาโครงการขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยไกล (long-range ballistic missile) รุ่นใหม่ของปากีสถานเป็นภัยคุกคามสหรัฐ 👉สหรัฐ ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งในจอร์เจีย และประณามการสลายการชุมนุมในจอร์เจีย และให้รัฐบาลจอร์เจียฟังเสียงประชาชนที่ต้องการเข้าร่วมสหภาพยุโรป 👉สหรัฐ ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งในวเนซุเอลา พร้อมทั้งประกาศรางวัล 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับผู้จับกุมมาดูโรผู้นำเวเนซุเอลา 👉สหรัฐ ถอนสถานะผู้ก่อการร้ายของ "อาบู มูฮัมหมัด อัลโจลานี" อดีตผู้บัญชาการกลุ่มอัลกออิดะห์และไอเอส ที่ถูกสหรัฐฯตั้งรางวัลนำจับ 10 ล้านเหรียญ หลังจากสนับสนุนให้ขึ้นเป็นผู้นำคนใหม่ของซีเรีย 👉การถอนสถานะผู้ก่อการร้ายครั้งนี้ "ปลดล็อค" ความเชื่อเดิมๆที่ว่า ใครที่ถูกตั้งสถานะผู้ก่อการร้าย เกิดจากการกระทำที่โหดร้ายต่อประชาชน แต่แท้จริงแล้ว เป็นเพียงนโยบายการเมืองของสหรัฐเท่านั้น!! นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กน้อยที่ทำให้เรารู้จักสหรัฐมากขึ้น ตอนนี้สหรัฐกำลังใช้มาตรการรุนแรงกดขี่ประเทศอื่นแบบไม่แคร์ใคร หาเรื่องไปทั่วเพื่อหาข้ออ้าง สร้างอำนาจต่อรอง จะได้ดำเนินนโยบายที่ตัวเองต้องการ ตั้งแต่ทะเลาะกับยุโรป แคนาดา นาโต้ และกำลังใช้เคสอุยกูร์มาเล่นงานไทย ทั้งที่จริงๆไม่ได้เป็นห่วงเป็นใยอะไรใครหรอก 👉ที่สำคัญคือ คนไทย นักการเมือง และสื่อ "เลวระ_ย_ำ" บางกลุ่มพร้อมจะเข้าร่วมสหรัฐทำร้ายประเทศไทยที่พวกมันก็หากินและใช้ชีวิตอยู่ในไทย
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 634 มุมมอง 0 รีวิว
  • บังเอิญหรือตั้งใจ!?!

    “มาร์โก รูบิโอ” (Marco Rubio) รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเดินทางไปเยือนแคนาดา และพบกับการต้อนรับที่แปลกประหลาดด้วยการปูพรมแดงสั้นๆ ที่ทอดยาวลงไปในแอ่งน้ำ
    บังเอิญหรือตั้งใจ!?! “มาร์โก รูบิโอ” (Marco Rubio) รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเดินทางไปเยือนแคนาดา และพบกับการต้อนรับที่แปลกประหลาดด้วยการปูพรมแดงสั้นๆ ที่ทอดยาวลงไปในแอ่งน้ำ
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่วงเวลาที่ "จัสติน ทรูโด" กลายเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีของแคนาดาอย่างเป็นทางการ ขณะเขากำลังออกจากที่ทำการของรัฐบาลแคนาดา หลังจากการลาออกอย่างเป็นทางการ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมานานกว่า 9 ปี

    มาร์ค คาร์นีย์ (Mark Carney) จะก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแคนาดา หลังชนะการโหวตของพรรคลิเบอรัล
    ช่วงเวลาที่ "จัสติน ทรูโด" กลายเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีของแคนาดาอย่างเป็นทางการ ขณะเขากำลังออกจากที่ทำการของรัฐบาลแคนาดา หลังจากการลาออกอย่างเป็นทางการ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมานานกว่า 9 ปี มาร์ค คาร์นีย์ (Mark Carney) จะก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแคนาดา หลังชนะการโหวตของพรรคลิเบอรัล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในวันอังคาร (11 มี.ค.) เปิดเผยว่าเขาจะเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นสำหรับสินค้านำเข้าจากแคนาดา เพิ่มเพดานภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมสู่ระดับ 50% พร้อมเน้นย้ำถึงความต้องการผนวกประเทศแห่งนี้ ระบุหนทางเดียวที่คลี่คลายการเผชิญหน้าทางภาษี ก็คือแคนาดาเข้ามาเป็นรัฐที่ 51 ของอเมริกา

    อ่านต่อ..https://sondhitalk.com/detail/9680000023699
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในวันอังคาร (11 มี.ค.) เปิดเผยว่าเขาจะเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นสำหรับสินค้านำเข้าจากแคนาดา เพิ่มเพดานภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมสู่ระดับ 50% พร้อมเน้นย้ำถึงความต้องการผนวกประเทศแห่งนี้ ระบุหนทางเดียวที่คลี่คลายการเผชิญหน้าทางภาษี ก็คือแคนาดาเข้ามาเป็นรัฐที่ 51 ของอเมริกา อ่านต่อ..https://sondhitalk.com/detail/9680000023699
    Haha
    Like
    Love
    Sad
    Angry
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2255 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาร์ค คาร์นีย์ (Mark Carney) เตรียมเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแคนาดา หลังชนะการโหวตของพรรคลิเบอรัล โดยมาเป็นนายกฯแทน จัสติน ทรูโด ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกฯแคนาดามานานกว่า 9 ปี

    และสิ่งแรกที่เขาพูดเกี่ยวกับสหรัฐอเมริกา:

    “นี่คือวันอันมืดมน วันอันมืดมนที่เกิดจากประเทศที่เราไม่สามารถไว้วางใจได้อีกต่อไป”
    มาร์ค คาร์นีย์ (Mark Carney) เตรียมเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแคนาดา หลังชนะการโหวตของพรรคลิเบอรัล โดยมาเป็นนายกฯแทน จัสติน ทรูโด ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกฯแคนาดามานานกว่า 9 ปี และสิ่งแรกที่เขาพูดเกี่ยวกับสหรัฐอเมริกา: “นี่คือวันอันมืดมน วันอันมืดมนที่เกิดจากประเทศที่เราไม่สามารถไว้วางใจได้อีกต่อไป”
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐใช้สิทธิ์ยับยั้ง (วีโต้) ข้อเสนอของกลุ่ม G7 ที่จะจัดตั้งกองกำลังเฉพาะกิจเพื่อรับมือกับ 'กองเรือเงา' (shadow fleet) ของรัสเซีย เพื่อเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร

    ข้อเสนอให้จัดตั้งกลุ่มดังกล่าวได้รับการเสนอโดยแคนาดา ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานกลุ่ม G7 ในปีนี้ แต่สหรัฐฯ ไม่สนับสนุน
    สหรัฐใช้สิทธิ์ยับยั้ง (วีโต้) ข้อเสนอของกลุ่ม G7 ที่จะจัดตั้งกองกำลังเฉพาะกิจเพื่อรับมือกับ 'กองเรือเงา' (shadow fleet) ของรัสเซีย เพื่อเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร ข้อเสนอให้จัดตั้งกลุ่มดังกล่าวได้รับการเสนอโดยแคนาดา ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานกลุ่ม G7 ในปีนี้ แต่สหรัฐฯ ไม่สนับสนุน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 198 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลไทย ยังเฉย!? สงครามการค้า จ่อถล่มไทย : [Biz Talk]

    หอการค้าไทย แถลงการณ์ วอนรัฐบาล เร่งตั้ง ‘ทีมพิเศษ’ รัฐ+เอกชน วางแผนรับมือเชิงรุก กับการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงของนโยบายเศรษฐกิจการค้าของสหรัฐฯ กับทั่วโลก ถอดบทเรียนจากเม็กซิโก,แคนาดา ที่ถูกสหรัฐฯขึ้นภาษีแล้ว ทั้ง 2 ประเทศ ก็ใช้ทีมพิเศษตอบโต้และต่อรองได้คล่องตัว ย้ำอีกครั้ง ‘รัฐบาลเฉย เอกชนเหนื่อย!’
    รัฐบาลไทย ยังเฉย!? สงครามการค้า จ่อถล่มไทย : [Biz Talk] หอการค้าไทย แถลงการณ์ วอนรัฐบาล เร่งตั้ง ‘ทีมพิเศษ’ รัฐ+เอกชน วางแผนรับมือเชิงรุก กับการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงของนโยบายเศรษฐกิจการค้าของสหรัฐฯ กับทั่วโลก ถอดบทเรียนจากเม็กซิโก,แคนาดา ที่ถูกสหรัฐฯขึ้นภาษีแล้ว ทั้ง 2 ประเทศ ก็ใช้ทีมพิเศษตอบโต้และต่อรองได้คล่องตัว ย้ำอีกครั้ง ‘รัฐบาลเฉย เอกชนเหนื่อย!’
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 933 มุมมอง 42 0 รีวิว
  • แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี Trump จะประกาศเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกออกไปหนึ่งเดือน การเก็บภาษี 25% สำหรับสินค้าจากเม็กซิโกในอนาคตอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อการผลิตเกมวิดีโอแบบแผ่น ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของราคาหรือการย้ายไปสู่การขายเกมแบบดิจิทัลเท่านั้น

    ปัจจุบัน เม็กซิโกมีบทบาทสำคัญในการผลิตเกมแบบแผ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผ่นเกมสำหรับเครื่องเล่น PlayStation ของ Sony ซึ่งเคยผลิตในโรงงานที่อินเดียนา แต่ตอนนี้ได้ย้ายไปที่เม็กซิโกแล้ว การเก็บภาษีใหม่นี้อาจทำให้บริษัทผู้ผลิตเกมและผู้ค้าปลีกต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น และอาจผลักดันค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไปยังผู้บริโภค

    ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าการเก็บภาษีใหม่นี้อาจเร่งให้เกิดการย้ายไปสู่การขายเกมแบบดิจิทัลมากขึ้น ถึงแม้ว่ายอดขายเกมแบบแผ่นจะลดลงครึ่งหนึ่งตั้งแต่ปี 2021 แต่ผู้เล่นยังคงชอบการซื้อเกมแบบแผ่นเนื่องจากสามารถนำไปขายต่อหรือให้ยืมได้ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นไปได้มากขึ้นในอนาคตใกล้ ๆ โดยมีตัวอย่างเช่นเกม Alan Wake 2 ที่เปิดตัวโดยไม่มีเวอร์ชันแผ่นในปี 2023 และลดราคาเกมดิจิทัลลง

    การเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลกระทบหลายอย่าง:
    1) ราคาสูงขึ้น: หากมีการเก็บภาษี 25% ราคาของเกมแบบแผ่นจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
    2) เกมดิจิทัลมากขึ้น: บริษัทผู้ผลิตเกมอาจเพิ่มการขายเกมแบบดิจิทัลเพื่อหลีกเลี่ยงต้นทุนการผลิตแผ่น
    3) การย้ายการผลิตกลับสหรัฐฯ: แม้จะเป็นทางเลือก แต่ก็ใช้เวลานานและมีค่าใช้จ่ายสูง ทำให้ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน

    แม้ว่าการกลับไปผลิตแผ่นเกมในสหรัฐฯ จะมีค่าใช้จ่ายสูง แต่มีความเป็นไปได้ที่ผู้ผลิตจะตัดสินใจย้ายไปยังโมเดลการขายแบบดิจิทัลเท่านั้นเร็วขึ้น ซึ่งเป็นแนวโน้มที่เริ่มเห็นได้ชัดในตลาดเกมคอนโซล

    https://www.techspot.com/news/107053-import-tariffs-may-accelerate-death-physical-video-games.html
    แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี Trump จะประกาศเลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกออกไปหนึ่งเดือน การเก็บภาษี 25% สำหรับสินค้าจากเม็กซิโกในอนาคตอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อการผลิตเกมวิดีโอแบบแผ่น ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของราคาหรือการย้ายไปสู่การขายเกมแบบดิจิทัลเท่านั้น ปัจจุบัน เม็กซิโกมีบทบาทสำคัญในการผลิตเกมแบบแผ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผ่นเกมสำหรับเครื่องเล่น PlayStation ของ Sony ซึ่งเคยผลิตในโรงงานที่อินเดียนา แต่ตอนนี้ได้ย้ายไปที่เม็กซิโกแล้ว การเก็บภาษีใหม่นี้อาจทำให้บริษัทผู้ผลิตเกมและผู้ค้าปลีกต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น และอาจผลักดันค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไปยังผู้บริโภค ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าการเก็บภาษีใหม่นี้อาจเร่งให้เกิดการย้ายไปสู่การขายเกมแบบดิจิทัลมากขึ้น ถึงแม้ว่ายอดขายเกมแบบแผ่นจะลดลงครึ่งหนึ่งตั้งแต่ปี 2021 แต่ผู้เล่นยังคงชอบการซื้อเกมแบบแผ่นเนื่องจากสามารถนำไปขายต่อหรือให้ยืมได้ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นไปได้มากขึ้นในอนาคตใกล้ ๆ โดยมีตัวอย่างเช่นเกม Alan Wake 2 ที่เปิดตัวโดยไม่มีเวอร์ชันแผ่นในปี 2023 และลดราคาเกมดิจิทัลลง การเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลกระทบหลายอย่าง: 1) ราคาสูงขึ้น: หากมีการเก็บภาษี 25% ราคาของเกมแบบแผ่นจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน 2) เกมดิจิทัลมากขึ้น: บริษัทผู้ผลิตเกมอาจเพิ่มการขายเกมแบบดิจิทัลเพื่อหลีกเลี่ยงต้นทุนการผลิตแผ่น 3) การย้ายการผลิตกลับสหรัฐฯ: แม้จะเป็นทางเลือก แต่ก็ใช้เวลานานและมีค่าใช้จ่ายสูง ทำให้ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน แม้ว่าการกลับไปผลิตแผ่นเกมในสหรัฐฯ จะมีค่าใช้จ่ายสูง แต่มีความเป็นไปได้ที่ผู้ผลิตจะตัดสินใจย้ายไปยังโมเดลการขายแบบดิจิทัลเท่านั้นเร็วขึ้น ซึ่งเป็นแนวโน้มที่เริ่มเห็นได้ชัดในตลาดเกมคอนโซล https://www.techspot.com/news/107053-import-tariffs-may-accelerate-death-physical-video-games.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Import tariffs may accelerate the death of physical video games
    Analysts predict that a 25 percent tariff on goods imported from Mexico would substantially affect the U.S. retail console game market. Since Mexico plays a crucial role...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚩ทัวร์แคนาดา 14 วัน 11 คืน

    ✈️เดินทางโดย : BR-อีวีเอ แอร์

    📍 Grand Tour Canada : สะพานคาปิลาโน - ยอดเขาซัลเฟอร์ - ทะเลสาบหลุยส์ - โคลัมเบีย ไอซ์ฟิลด์ - เมืองเคเบกซิตี้ - Montmorency Fairmont Le Château Frontenac - น้ำตก Montmorency - ออตตาวา - ล่องเรือชมทะเลสาบ 1000 เกาะ - เที่ยวชมเมืองโตรอนโต้ - ล่องเรือ Hornblower ชมวิวน้ำตกไนแองการ่า - ช้อปปิ้งที่ Outlets Collection at Niagara

    🏢 พัก Fairmont Chateau Lake Luise 2 คืน,
    🏢 พัก Fairmont Le Chateau Frontenec 1 คืน,
    🏢 พักโรงแรมวิวน้ำตกไนแองการ่า 1 คืน / พิเศษ ทานอาหารบน Skylon Tower

    🅿️ 31 พ.ค. - 13 มิ.ย. 68 // 30 ส.ค. - 2 ก.ย. // 8 - 21 ต.ค. 68 ท่านละ 255,000

    ⭕️ระดับทัวร์ : ระดับสูง
    ⭕️รหัสทัวร์ : Z11884
    ⭕️ราคาเริ่มต้น : ฿255,000

    🏢โรงแรม : 4 ดาว

    ✔️คลิกดูโปรแกรม PDF : 78s.me/e82c67

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/e80576

    ดูทัวร์แคนาดาทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/688874

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    📷: etravelway 78s.me/05e8da
    ☎️: 0 2116 6395

    #ทัวร์แคนาดา #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    🚩ทัวร์แคนาดา 14 วัน 11 คืน ✈️เดินทางโดย : BR-อีวีเอ แอร์ 📍 Grand Tour Canada : สะพานคาปิลาโน - ยอดเขาซัลเฟอร์ - ทะเลสาบหลุยส์ - โคลัมเบีย ไอซ์ฟิลด์ - เมืองเคเบกซิตี้ - Montmorency Fairmont Le Château Frontenac - น้ำตก Montmorency - ออตตาวา - ล่องเรือชมทะเลสาบ 1000 เกาะ - เที่ยวชมเมืองโตรอนโต้ - ล่องเรือ Hornblower ชมวิวน้ำตกไนแองการ่า - ช้อปปิ้งที่ Outlets Collection at Niagara 🏢 พัก Fairmont Chateau Lake Luise 2 คืน, 🏢 พัก Fairmont Le Chateau Frontenec 1 คืน, 🏢 พักโรงแรมวิวน้ำตกไนแองการ่า 1 คืน / พิเศษ ทานอาหารบน Skylon Tower 🅿️ 31 พ.ค. - 13 มิ.ย. 68 // 30 ส.ค. - 2 ก.ย. // 8 - 21 ต.ค. 68 ท่านละ 255,000 ⭕️ระดับทัวร์ : ระดับสูง ⭕️รหัสทัวร์ : Z11884 ⭕️ราคาเริ่มต้น : ฿255,000 🏢โรงแรม : 4 ดาว ✔️คลิกดูโปรแกรม PDF : 78s.me/e82c67 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/e80576 ดูทัวร์แคนาดาทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/688874 LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์แคนาดา #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 326 มุมมอง 0 รีวิว
  • Doug Ford นายกรัฐมนตรีประจำจังหวัดออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา เพิ่งประกาศยกเลิกสัญญา มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ กับ Starlink ของ SpaceX การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากนโยบายของอดีตประธานาธิบดี Trump ที่เรียกเก็บภาษีสินค้าจากแคนาดาถึง 25% นอกจากนี้ Ford ยังตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีไฟฟ้าที่ส่งออกไปยังรัฐนิวยอร์ก มิชิแกน และมินนิโซตาอีกด้วย

    แม้ว่าจะมีการขู่ยกเลิกในอดีต แต่ Ford ได้ตัดสินใจเดินหน้าสัญญาในครั้งแรกหลัง Trump ชะลอการเรียกเก็บภาษี อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ Ford ยืนยันชัดเจนว่าการยกเลิกเป็นการตัดสินใจถาวร ไม่ว่าภาษีจะถูกยกเลิกหรือไม่ก็ตาม

    นอกจากออนแทรีโอแล้ว อิตาลีเองก็มีแนวโน้มที่จะยกเลิกดีลกับ Starlink เช่นกัน อิตาลีเคยพิจารณาใช้เครือข่ายดาวเทียมของ Starlink มูลค่ากว่า 1.6 พันล้านดอลลาร์ เพื่อให้บริการด้านการสื่อสารทางทหารและสถานการณ์ฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม ความเปลี่ยนแปลงในนโยบายของสหรัฐฯ เกี่ยวกับ NATO และความมั่นคงในยุโรป ทำให้อิตาลีพิจารณาเลือกทางเลือกอื่น เช่น Eutelsat จากฝรั่งเศส ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงและมีเครือข่ายดาวเทียมเป็นอันดับสองรองจาก SpaceX

    นายกรัฐมนตรี Giorgia Meloni ของอิตาลีกล่าวว่า ความไม่แน่นอนจากนโยบายของทำเนียบขาวเกี่ยวกับการสนับสนุนยูเครนส่งผลให้รัฐบาลต้องการแผนสำรองที่มั่นคงกว่าเดิม

    แม้ว่า SpaceX อาจเสียรายได้จากอิตาลีและออนแทรีโอ แต่ Elon Musk ได้แสดงปฏิกิริยาอย่างไม่กังวล โดยโพสต์ข้อความว่า "Oh well" ลงใน X (แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของเขาเอง) แสดงถึงความมั่นใจในสถานะทางการเงินของบริษัทที่มีดาวเทียมจำนวนมหาศาลที่ระดับวงโคจรต่ำกว่า 550 กิโลเมตร

    การยกเลิกดีลนี้สะท้อนถึงความซับซ้อนในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการพึ่งพาเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ การตัดสินใจของอิตาลีที่จะพิจารณา Eutelsat อาจทำให้ยุโรปเสริมความเป็นอิสระด้านเทคโนโลยีในอนาคต และลดการพึ่งพาบริษัทอเมริกันที่ไม่แน่นอนในด้านการสนับสนุน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/ontario-cancels-starlink-deal-over-us-tariffs-italy-may-follow-due-to-us-pullback-from-europe
    Doug Ford นายกรัฐมนตรีประจำจังหวัดออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา เพิ่งประกาศยกเลิกสัญญา มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ กับ Starlink ของ SpaceX การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากนโยบายของอดีตประธานาธิบดี Trump ที่เรียกเก็บภาษีสินค้าจากแคนาดาถึง 25% นอกจากนี้ Ford ยังตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีไฟฟ้าที่ส่งออกไปยังรัฐนิวยอร์ก มิชิแกน และมินนิโซตาอีกด้วย แม้ว่าจะมีการขู่ยกเลิกในอดีต แต่ Ford ได้ตัดสินใจเดินหน้าสัญญาในครั้งแรกหลัง Trump ชะลอการเรียกเก็บภาษี อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ Ford ยืนยันชัดเจนว่าการยกเลิกเป็นการตัดสินใจถาวร ไม่ว่าภาษีจะถูกยกเลิกหรือไม่ก็ตาม นอกจากออนแทรีโอแล้ว อิตาลีเองก็มีแนวโน้มที่จะยกเลิกดีลกับ Starlink เช่นกัน อิตาลีเคยพิจารณาใช้เครือข่ายดาวเทียมของ Starlink มูลค่ากว่า 1.6 พันล้านดอลลาร์ เพื่อให้บริการด้านการสื่อสารทางทหารและสถานการณ์ฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม ความเปลี่ยนแปลงในนโยบายของสหรัฐฯ เกี่ยวกับ NATO และความมั่นคงในยุโรป ทำให้อิตาลีพิจารณาเลือกทางเลือกอื่น เช่น Eutelsat จากฝรั่งเศส ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงและมีเครือข่ายดาวเทียมเป็นอันดับสองรองจาก SpaceX นายกรัฐมนตรี Giorgia Meloni ของอิตาลีกล่าวว่า ความไม่แน่นอนจากนโยบายของทำเนียบขาวเกี่ยวกับการสนับสนุนยูเครนส่งผลให้รัฐบาลต้องการแผนสำรองที่มั่นคงกว่าเดิม แม้ว่า SpaceX อาจเสียรายได้จากอิตาลีและออนแทรีโอ แต่ Elon Musk ได้แสดงปฏิกิริยาอย่างไม่กังวล โดยโพสต์ข้อความว่า "Oh well" ลงใน X (แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของเขาเอง) แสดงถึงความมั่นใจในสถานะทางการเงินของบริษัทที่มีดาวเทียมจำนวนมหาศาลที่ระดับวงโคจรต่ำกว่า 550 กิโลเมตร การยกเลิกดีลนี้สะท้อนถึงความซับซ้อนในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการพึ่งพาเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ การตัดสินใจของอิตาลีที่จะพิจารณา Eutelsat อาจทำให้ยุโรปเสริมความเป็นอิสระด้านเทคโนโลยีในอนาคต และลดการพึ่งพาบริษัทอเมริกันที่ไม่แน่นอนในด้านการสนับสนุน https://www.tomshardware.com/tech-industry/ontario-cancels-starlink-deal-over-us-tariffs-italy-may-follow-due-to-us-pullback-from-europe
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Ontario cancels Starlink deal over US tariffs — Italy may follow due to US pullback from Europe
    Trump policies are causing some countries to second-guess their Starlink contracts.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 399 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จะยกเว้นบรรดาผู้ผลิตรถยนต์จากมาตรการรีดภาษี 25% สินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกเป็นเวลา 1 เดือน ตราบใดที่พวกเขาปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าเสรีที่มีอยู่ในปัจจุบัน จากการเปิดเผยของทำเนียบขาว
    .
    นกอจากนี้ ทำเนียบขาวยังเผยด้วยว่าประธานาธิบดีทรัมป์ เปิดกว้างสำหรับพิจารณามอบข้อยกเว้นจากการรีดภาษีสำหรับสินค้าอื่นๆ ซึ่งมีผลบังคับใช้ไปแล้วเมื่อวันอังคาร (4 มี.ค.) ที่ผ่านมา
    .
    อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ แสดงจุดยืนว่าเขายังไม่ล้มเลิกสงครามการค้ากับแคนาดาและเม็กซิโก ในขณะที่เขาพยายามกดดันทั้ง 2 ประเทศ ที่ปราบปรามการลักลอบขนยาเฟนทานิล ทั้งนี้หลังจากพุดคุยทางโทรศัพท์กับ จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ทรัมป์บอกว่าเขาไม่แน่ใจว่าสถานการณ์ดีขึ้นแล้วหรือไม่
    .
    "เขาบอกว่ามันดีขึ้นแล้ว แต่ผมบอกกลับไปว่า มันยังไม่เพียงพอ" ทรัมป์เขียนบนทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง ส่วนทำเนียบนายกรัฐมนตรีแคนาดาระบุว่า "การพูดคุยทางโทรศัพท์จบลงด้วยรูปแบบความเป็นมิตร!" พร้อมบอกว่าจะมีการเดินหน้าเจรจากันต่อไป
    .
    ข้อยกเว้นจากการถูกรีดภาษี กระตุ้นให้บรรดาหุ้นยานยนต์ฟื้นตัวถ้วนหน้า หลังจากความตึงเครียดทางการค้าที่ก่อความไม่แน่นอนแก่เหล่าผู้ประกอบการสหรัฐฯ และกัดเซาะความเชื่อมั่นผู้บริโภค ได้นำมาซึ่งแรงขายในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
    .
    ความเคลื่อนไหวยกเว้นภาษีเป็นเวลา 1 เดือน สำหรับรถยนต์และรถกระบะที่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ในเนื้อหาของข้อตกลงการค้าเสรีสหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดา ตามกรอบของทรัมป์ จะเป็นประโยชน์กับฟอร์ดและจีเอ็ม 2 ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอเมริกา ตามความเห็นของนักวิเคราะห์
    .
    ขณะเดียวกัน ทรัมป์ อาจละเว้นรีดภาษี 10% พลังงานนำเข้าจากแคนาดา อย่างเช่นน้ำมันดิบและเบนซิน ที่ปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าเสรีที่มีชื่อว่า USMCA
    .
    คำขู่รีดภาษีของทรัมป์ ก่อความเสียหายร้ายแรงในความสัมพันธ์ระหว่าง 3 ชาติคู่หูทางการค้า แคนาดาตอบโต้ด้วยว่าการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ อย่างเจาะจง ส่วน เม็กซิโก ก็ประกาศแก้แค้นเช่นกัน
    .
    การรีดภาษีเสี่ยงบั่นทอนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นของแคนาดา และยิ่งไปกว่านั้นอาจโหมกระพือภาวะถดถอย เนื่องจากประเทศแห่งนี้พึ่งพิงตลาดสหรัฐฯ ในการส่งออก คิดเป็นสัดส่วนถึง 75% และนำเข้าสินค้าจากอเมริกา คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของสินค้านำเข้าทั้งหมด
    .
    ความตึงเครียดทางการค้าอาจก่อความเจ็บปวดแก่สหรัฐฯ เช่นกัน จากข้อมูลใหม่ที่เผยแพร่ในวันพุธ (5 มี.ค.) พบว่าการเติบโตของการจ้างงานกำลังชะลอตัว เช่นเดียวกับค่าจ้างสำหรับแรงงานที่เปลี่ยนงานใหม่ก็ลดลง ขณะที่รายงานของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) พบความไม่แน่ใจอย่างกว้างขวางในหมู่ภาคธุรกิจทั่วอเมริกาต่อนโยบายต่างๆ ของทรัมป์ และบางธุรกิจถึงขั้นตัดสินใจปรับขึ้นราคาไปแล้ว โดยไม่รอให้มาตรการรีดภาษีมีผลบังคับใช้
    .
    นอกจากแคนาดาและเม็กซิโกแล้ว ทรัมป์ยังกำหนดมาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีก 10% กระตุ้นให้ปักกิ่งตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมเช่นกัน
    .
    ถ้อยแถลงเกี่ยวกับการยกเว้นภาษี มีขึ้น 1 วันหลังจากทรัมป์พูดคุยทางโทรศัพท์กับซีอีโอของฟอร์ด จีเอ็ม และสเตลแลนทิส
    .
    รถยนต์ที่ผลิตโดยทั้ง 3 บริษัท จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของ USMCA ที่กำหนดให้ต้องมีชิ้นส่วนที่ผลิตในอเมริกาเหนือ 75% เพื่อที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าสู่ตลาดอเมริกา โดยไม่จำเป็นต้องเสียภาษีใดๆ
    .
    นอกจากนี้ กฎเกณฑ์ดังกล่าวยังบังคับให้ส่วนประกอบ 40% ของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลต้องผลิตในสหรัฐฯ หรือแคนาดา และต้องเป็นชิ้นส่วนหลักๆ ในนั้นรวมถึงเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ ตัวถังและโครงช่วงล่าง ในขณะที่รถกระบะนั้น กำหนดไว้ที่ 45%
    .
    แหล่งข่าวในภาคอุตสาหกรรมเผยว่าบรรดาผู้ผลิตรถยนต์สนับสนุนการส่งเสริมการลงทุนของสหรัฐฯ แต่ต้องการความแน่นอนเกี่ยวกับนโยบายรีดภาษี เช่นเดียวกับกฎเกณฑ์ด้านมลพิษ ก่อนดำเนินการเปลี่ยนแปลงใดๆ
    .
    มาตรการยกเว้นนี้ ยังก่อประโยชน์กับรถยนต์แบรนด์ต่างชาติบางส่วน ที่มีฐานการผลิตขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ในนั้นรวมถึงฮอนด้าและโตโยต้า แต่คู่แข่งบางแห่งที่ไม่ปฏิบัติตามจะต้องถูกรีดภาษี 25% เต็มจำนวน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021625
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จะยกเว้นบรรดาผู้ผลิตรถยนต์จากมาตรการรีดภาษี 25% สินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกเป็นเวลา 1 เดือน ตราบใดที่พวกเขาปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าเสรีที่มีอยู่ในปัจจุบัน จากการเปิดเผยของทำเนียบขาว . นกอจากนี้ ทำเนียบขาวยังเผยด้วยว่าประธานาธิบดีทรัมป์ เปิดกว้างสำหรับพิจารณามอบข้อยกเว้นจากการรีดภาษีสำหรับสินค้าอื่นๆ ซึ่งมีผลบังคับใช้ไปแล้วเมื่อวันอังคาร (4 มี.ค.) ที่ผ่านมา . อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ แสดงจุดยืนว่าเขายังไม่ล้มเลิกสงครามการค้ากับแคนาดาและเม็กซิโก ในขณะที่เขาพยายามกดดันทั้ง 2 ประเทศ ที่ปราบปรามการลักลอบขนยาเฟนทานิล ทั้งนี้หลังจากพุดคุยทางโทรศัพท์กับ จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ทรัมป์บอกว่าเขาไม่แน่ใจว่าสถานการณ์ดีขึ้นแล้วหรือไม่ . "เขาบอกว่ามันดีขึ้นแล้ว แต่ผมบอกกลับไปว่า มันยังไม่เพียงพอ" ทรัมป์เขียนบนทรัสต์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง ส่วนทำเนียบนายกรัฐมนตรีแคนาดาระบุว่า "การพูดคุยทางโทรศัพท์จบลงด้วยรูปแบบความเป็นมิตร!" พร้อมบอกว่าจะมีการเดินหน้าเจรจากันต่อไป . ข้อยกเว้นจากการถูกรีดภาษี กระตุ้นให้บรรดาหุ้นยานยนต์ฟื้นตัวถ้วนหน้า หลังจากความตึงเครียดทางการค้าที่ก่อความไม่แน่นอนแก่เหล่าผู้ประกอบการสหรัฐฯ และกัดเซาะความเชื่อมั่นผู้บริโภค ได้นำมาซึ่งแรงขายในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา . ความเคลื่อนไหวยกเว้นภาษีเป็นเวลา 1 เดือน สำหรับรถยนต์และรถกระบะที่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ในเนื้อหาของข้อตกลงการค้าเสรีสหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดา ตามกรอบของทรัมป์ จะเป็นประโยชน์กับฟอร์ดและจีเอ็ม 2 ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอเมริกา ตามความเห็นของนักวิเคราะห์ . ขณะเดียวกัน ทรัมป์ อาจละเว้นรีดภาษี 10% พลังงานนำเข้าจากแคนาดา อย่างเช่นน้ำมันดิบและเบนซิน ที่ปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าเสรีที่มีชื่อว่า USMCA . คำขู่รีดภาษีของทรัมป์ ก่อความเสียหายร้ายแรงในความสัมพันธ์ระหว่าง 3 ชาติคู่หูทางการค้า แคนาดาตอบโต้ด้วยว่าการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ อย่างเจาะจง ส่วน เม็กซิโก ก็ประกาศแก้แค้นเช่นกัน . การรีดภาษีเสี่ยงบั่นทอนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นของแคนาดา และยิ่งไปกว่านั้นอาจโหมกระพือภาวะถดถอย เนื่องจากประเทศแห่งนี้พึ่งพิงตลาดสหรัฐฯ ในการส่งออก คิดเป็นสัดส่วนถึง 75% และนำเข้าสินค้าจากอเมริกา คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของสินค้านำเข้าทั้งหมด . ความตึงเครียดทางการค้าอาจก่อความเจ็บปวดแก่สหรัฐฯ เช่นกัน จากข้อมูลใหม่ที่เผยแพร่ในวันพุธ (5 มี.ค.) พบว่าการเติบโตของการจ้างงานกำลังชะลอตัว เช่นเดียวกับค่าจ้างสำหรับแรงงานที่เปลี่ยนงานใหม่ก็ลดลง ขณะที่รายงานของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) พบความไม่แน่ใจอย่างกว้างขวางในหมู่ภาคธุรกิจทั่วอเมริกาต่อนโยบายต่างๆ ของทรัมป์ และบางธุรกิจถึงขั้นตัดสินใจปรับขึ้นราคาไปแล้ว โดยไม่รอให้มาตรการรีดภาษีมีผลบังคับใช้ . นอกจากแคนาดาและเม็กซิโกแล้ว ทรัมป์ยังกำหนดมาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีก 10% กระตุ้นให้ปักกิ่งตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมเช่นกัน . ถ้อยแถลงเกี่ยวกับการยกเว้นภาษี มีขึ้น 1 วันหลังจากทรัมป์พูดคุยทางโทรศัพท์กับซีอีโอของฟอร์ด จีเอ็ม และสเตลแลนทิส . รถยนต์ที่ผลิตโดยทั้ง 3 บริษัท จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของ USMCA ที่กำหนดให้ต้องมีชิ้นส่วนที่ผลิตในอเมริกาเหนือ 75% เพื่อที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าสู่ตลาดอเมริกา โดยไม่จำเป็นต้องเสียภาษีใดๆ . นอกจากนี้ กฎเกณฑ์ดังกล่าวยังบังคับให้ส่วนประกอบ 40% ของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลต้องผลิตในสหรัฐฯ หรือแคนาดา และต้องเป็นชิ้นส่วนหลักๆ ในนั้นรวมถึงเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ ตัวถังและโครงช่วงล่าง ในขณะที่รถกระบะนั้น กำหนดไว้ที่ 45% . แหล่งข่าวในภาคอุตสาหกรรมเผยว่าบรรดาผู้ผลิตรถยนต์สนับสนุนการส่งเสริมการลงทุนของสหรัฐฯ แต่ต้องการความแน่นอนเกี่ยวกับนโยบายรีดภาษี เช่นเดียวกับกฎเกณฑ์ด้านมลพิษ ก่อนดำเนินการเปลี่ยนแปลงใดๆ . มาตรการยกเว้นนี้ ยังก่อประโยชน์กับรถยนต์แบรนด์ต่างชาติบางส่วน ที่มีฐานการผลิตขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ในนั้นรวมถึงฮอนด้าและโตโยต้า แต่คู่แข่งบางแห่งที่ไม่ปฏิบัติตามจะต้องถูกรีดภาษี 25% เต็มจำนวน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021625 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    17
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2350 มุมมอง 0 รีวิว
  • รอยเตอร์เผยรายงานพิเศษ อ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ซึ่งระบุว่า แคนาดาและสหรัฐฯ เคยเสนอให้ที่พักพิงที่ชาวอุยกูร์ 48 คนที่ถูกกักอยู่ในประเทศไทยมานานกว่า 10 ปี ทว่ารัฐบาลไทยไม่ดำเนินการใดๆ เนื่องจากเกรงจะผิดใจกับ “จีน” จนสุดท้ายชาวอุยกูร์กลุ่มนี้ได้ถูกบังคับเนรเทศกลับไปยังแดนมังกรเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

    รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ออกมาปกป้องการตัดสินใจส่งชาวอุยกูร์กลับจีน ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางเสียงคัดค้านจากผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ โดยทางการไทยยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนทุกประการ

    องค์กรสิทธิมนุษยชนกล่าวหาจีนว่ากระทำการละเมิดกดขี่อย่างกว้างขวางต่อชาวอุยกูร์ ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยมุสลิมที่มีอยู่ราวๆ 10 ล้านคนในภูมิภาคซินเจียง ขณะที่ปักกิ่งปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ได้มีการละเมิดสิทธิคนเหล่านี้

    ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีไทย ได้แถลงเมื่อวันจันทร์ (3) ว่า ไม่มีประเทศใดแสดงความจำนงอย่างหนักแน่นที่จะรับชาวอุยกูร์ 48 คนเข้าไปตั้งถิ่นฐาน

    “เรารอมานานกว่า 10 ปี และผมก็ได้พูดคุยกับประเทศใหญ่ๆ หลายชาติ แต่ไม่มีใครให้คำตอบที่ชัดเจน” เขาให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน

    อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ คนหนึ่งยืนยันกับรอยเตอร์ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ เคยยื่นข้อเสนอรับชาวอุยกูร์ทั้ง 48 คนแล้ว

    “สหรัฐฯ พยายาทำงานร่วมกับไทยมาหลายปีเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์เช่นนี้ รวมถึงได้มีการย้ำข้อเสนออย่างต่อเนื่องว่าจะรับชาวอุยกูร์ไปตั้งถิ่นฐานในประเทศอื่น แม้แต่ในสหรัฐฯ เองด้วย ณ จุดหนึ่ง” เจ้าหน้าที่ผู้ไม่ประสงค์ออกนามกล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000021368

    #MGROnline #ชาวอุยกูร์
    รอยเตอร์เผยรายงานพิเศษ อ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ซึ่งระบุว่า แคนาดาและสหรัฐฯ เคยเสนอให้ที่พักพิงที่ชาวอุยกูร์ 48 คนที่ถูกกักอยู่ในประเทศไทยมานานกว่า 10 ปี ทว่ารัฐบาลไทยไม่ดำเนินการใดๆ เนื่องจากเกรงจะผิดใจกับ “จีน” จนสุดท้ายชาวอุยกูร์กลุ่มนี้ได้ถูกบังคับเนรเทศกลับไปยังแดนมังกรเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว • รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ออกมาปกป้องการตัดสินใจส่งชาวอุยกูร์กลับจีน ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางเสียงคัดค้านจากผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ โดยทางการไทยยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนทุกประการ • องค์กรสิทธิมนุษยชนกล่าวหาจีนว่ากระทำการละเมิดกดขี่อย่างกว้างขวางต่อชาวอุยกูร์ ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยมุสลิมที่มีอยู่ราวๆ 10 ล้านคนในภูมิภาคซินเจียง ขณะที่ปักกิ่งปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ได้มีการละเมิดสิทธิคนเหล่านี้ • ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีไทย ได้แถลงเมื่อวันจันทร์ (3) ว่า ไม่มีประเทศใดแสดงความจำนงอย่างหนักแน่นที่จะรับชาวอุยกูร์ 48 คนเข้าไปตั้งถิ่นฐาน • “เรารอมานานกว่า 10 ปี และผมก็ได้พูดคุยกับประเทศใหญ่ๆ หลายชาติ แต่ไม่มีใครให้คำตอบที่ชัดเจน” เขาให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน • อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ คนหนึ่งยืนยันกับรอยเตอร์ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ เคยยื่นข้อเสนอรับชาวอุยกูร์ทั้ง 48 คนแล้ว • “สหรัฐฯ พยายาทำงานร่วมกับไทยมาหลายปีเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์เช่นนี้ รวมถึงได้มีการย้ำข้อเสนออย่างต่อเนื่องว่าจะรับชาวอุยกูร์ไปตั้งถิ่นฐานในประเทศอื่น แม้แต่ในสหรัฐฯ เองด้วย ณ จุดหนึ่ง” เจ้าหน้าที่ผู้ไม่ประสงค์ออกนามกล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000021368 • #MGROnline #ชาวอุยกูร์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 317 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีการค้นพบมัลแวร์ตัวใหม่ที่ชื่อว่า Eleven11bot ซึ่งติดตั้งไปยังอุปกรณ์ IoT (Internet of Things) กว่า 86,000 เครื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกล้องวงจรปิดและ Network Video Recorders (NVRs) เพื่อทำการโจมตี DDoS (Distributed Denial of Service)

    ผู้เชี่ยวชาญจาก Nokia ได้ตรวจพบ Eleven11bot และแชร์ข้อมูลนี้กับแพลตฟอร์มการติดตามภัยคุกคาม GreyNoise Jérôme Meyer นักวิจัยความปลอดภัยของ Nokia กล่าวว่า Eleven11bot เป็นหนึ่งในบ็อตเน็ตที่ใหญ่ที่สุดที่พวกเขาเคยเห็นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และมาจากอุปกรณ์ IoT ที่ถูกเจาะระบบ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากกล้องวงจรปิดและ NVRs

    บ็อตเน็ต Eleven11bot นี้ถูกใช้เพื่อโจมตีให้บริการโทรคมนาคมและเซิร์ฟเวอร์เกมออนไลน์หลายแห่ง โดยในวันนี้ แพลตฟอร์มการติดตามภัยคุกคาม The Shadowserver Foundation รายงานว่าพบอุปกรณ์ที่ติดเชื้อจาก Eleven11bot กว่า 86,400 เครื่องในสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร เม็กซิโก แคนาดา และออสเตรเลีย

    การโจมตีจาก Eleven11bot นั้นมีปริมาณข้อมูลหลายร้อยล้านแพ็คเก็ตต่อวินาที และมักจะดำเนินไปหลายวัน โดย GreyNoise ได้บันทึก IP 1,400 แห่งที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของบ็อตเน็ตนี้ในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์จริงไม่ใช่ IP ปลอม

    มัลแวร์นี้แพร่กระจายโดยการใช้ช่องโหว่ของรหัสผ่านที่อ่อนแอหรือรหัสผ่านที่เป็นค่าเริ่มต้นของอุปกรณ์ IoT ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงอุปกรณ์เหล่านี้ได้ นอกจากนี้ยังมีการสแกนพอร์ต Telnet และ SSH ที่เปิดอยู่ในเครือข่ายเพื่อหาช่องทางในการเจาะระบบ

    GreyNoise ได้เผยแพร่รายชื่อ IP ที่เกี่ยวข้องกับ Eleven11bot และแนะนำให้ผู้ดูแลระบบเพิ่มรายการนี้ในบล็อกลิสต์ของพวกเขา และเฝ้าระวังการพยายามเข้าสู่ระบบที่น่าสงสัย

    เพื่อป้องกันการโจมตีนี้ ขอแนะนำให้ผู้ใช้งานตรวจสอบให้อุปกรณ์ IoT ของพวกเขาใช้เฟิร์มแวร์เวอร์ชันล่าสุดและปิดฟีเจอร์การเข้าถึงระยะไกลหากไม่จำเป็น ควรเปลี่ยนรหัสผ่านของบัญชีผู้ดูแลระบบให้แข็งแรงและไม่ซ้ำกับค่าเริ่มต้น นอกจากนี้ควรตรวจสอบว่าอุปกรณ์ที่ใช้งานยังได้รับการสนับสนุนจากผู้ผลิตหรือไม่ และหากอุปกรณ์ถึงจุดสิ้นสุดของการสนับสนุน (EOL) ก็ควรเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่ที่มีความปลอดภัยมากขึ้น

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/new-eleven11bot-botnet-infects-86-000-devices-for-ddos-attacks/
    มีการค้นพบมัลแวร์ตัวใหม่ที่ชื่อว่า Eleven11bot ซึ่งติดตั้งไปยังอุปกรณ์ IoT (Internet of Things) กว่า 86,000 เครื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกล้องวงจรปิดและ Network Video Recorders (NVRs) เพื่อทำการโจมตี DDoS (Distributed Denial of Service) ผู้เชี่ยวชาญจาก Nokia ได้ตรวจพบ Eleven11bot และแชร์ข้อมูลนี้กับแพลตฟอร์มการติดตามภัยคุกคาม GreyNoise Jérôme Meyer นักวิจัยความปลอดภัยของ Nokia กล่าวว่า Eleven11bot เป็นหนึ่งในบ็อตเน็ตที่ใหญ่ที่สุดที่พวกเขาเคยเห็นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และมาจากอุปกรณ์ IoT ที่ถูกเจาะระบบ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากกล้องวงจรปิดและ NVRs บ็อตเน็ต Eleven11bot นี้ถูกใช้เพื่อโจมตีให้บริการโทรคมนาคมและเซิร์ฟเวอร์เกมออนไลน์หลายแห่ง โดยในวันนี้ แพลตฟอร์มการติดตามภัยคุกคาม The Shadowserver Foundation รายงานว่าพบอุปกรณ์ที่ติดเชื้อจาก Eleven11bot กว่า 86,400 เครื่องในสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร เม็กซิโก แคนาดา และออสเตรเลีย การโจมตีจาก Eleven11bot นั้นมีปริมาณข้อมูลหลายร้อยล้านแพ็คเก็ตต่อวินาที และมักจะดำเนินไปหลายวัน โดย GreyNoise ได้บันทึก IP 1,400 แห่งที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของบ็อตเน็ตนี้ในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์จริงไม่ใช่ IP ปลอม มัลแวร์นี้แพร่กระจายโดยการใช้ช่องโหว่ของรหัสผ่านที่อ่อนแอหรือรหัสผ่านที่เป็นค่าเริ่มต้นของอุปกรณ์ IoT ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงอุปกรณ์เหล่านี้ได้ นอกจากนี้ยังมีการสแกนพอร์ต Telnet และ SSH ที่เปิดอยู่ในเครือข่ายเพื่อหาช่องทางในการเจาะระบบ GreyNoise ได้เผยแพร่รายชื่อ IP ที่เกี่ยวข้องกับ Eleven11bot และแนะนำให้ผู้ดูแลระบบเพิ่มรายการนี้ในบล็อกลิสต์ของพวกเขา และเฝ้าระวังการพยายามเข้าสู่ระบบที่น่าสงสัย เพื่อป้องกันการโจมตีนี้ ขอแนะนำให้ผู้ใช้งานตรวจสอบให้อุปกรณ์ IoT ของพวกเขาใช้เฟิร์มแวร์เวอร์ชันล่าสุดและปิดฟีเจอร์การเข้าถึงระยะไกลหากไม่จำเป็น ควรเปลี่ยนรหัสผ่านของบัญชีผู้ดูแลระบบให้แข็งแรงและไม่ซ้ำกับค่าเริ่มต้น นอกจากนี้ควรตรวจสอบว่าอุปกรณ์ที่ใช้งานยังได้รับการสนับสนุนจากผู้ผลิตหรือไม่ และหากอุปกรณ์ถึงจุดสิ้นสุดของการสนับสนุน (EOL) ก็ควรเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่ที่มีความปลอดภัยมากขึ้น https://www.bleepingcomputer.com/news/security/new-eleven11bot-botnet-infects-86-000-devices-for-ddos-attacks/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    New Eleven11bot botnet infects 86,000 devices for DDoS attacks
    A new botnet malware named 'Eleven11bot' has infected over 86,000 IoT devices, primarily security cameras and network video recorders (NVRs), to conduct DDoS attacks.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 228 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงครามการค้าระหว่างอเมริกากับหุ้นส่วนเศรษฐกิจและคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด 3 ชาติยิ่งบานปลายขยายตัว หลังจากทรัมป์ยืนยันว่ามาตรการขึ้นอัตราภาษีศุลกากรที่เงื้อง่าอยู่ เริ่มมีผลบังคับใช้กับแคนาดา เม็กซิโก และจีนแน่นอนส่งผลให้ปักกิ่งและออตตาวาประกาศตอบโต้แบบทันควัน ขณะที่เม็กซิโกก็ระบุเอาคืนแน่นอน แต่ยังไม่ได้ให้รายละเอียด
    .
    หลังเวลาเที่ยงคืนของวันจันทร์ (3 มี.ค.) ตามเวลาภาคตะวันออกของสหรัฐฯ (ซึ่งช้ากว่าเวลาเมืองไทย 12 ชั่วโมง) สินค้าแคนาดาและเม็กซิโกที่นำเข้าไปยังอเมริกา ซึ่งมีมูลค่ารวมกันสูงกว่า 918,000 ล้านดอลลาร์จะถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรสูงขึ้น 25% รวด เวลาเดียวกันประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังรีดภาษีจากสินค้านำเข้าจากจีนสูงขึ้นอีก 10% จากที่เพิ่มขึ้นไปแล้ว 10% เมื่อเดือนกุมภาพันธ์
    .
    ด้านนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด แถลงว่า แคนาดาจะตอบโต้โดยเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่ม 25% จากสินค้าอเมริกันมูลค่ากว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ในช่วง 21 วัน ขณะที่ประธานาธิบดี เกลาเดีย เชย์นเบาม์ ระบุว่าความเคลื่อนไหวช่นนี้ของสหรัฐฯไม่มีความชอบธรรม และประกาศจะตอบโต้กลับด้วยมาตรการภาษีของตัวเอง
    .
    ผู้นำหญิงของเม็กซิโกบอกว่า เธอจะประกาศรายการสินค้านำเข้าจากอเมริกาที่จะตกเป็นเป้าถูกขึ้นภาษีตอบโต้ในวันอาทิตย์ (9) นี้ ณ งานพิธีซึ่งกำหนดจัดขึ้นที่จัตุรัสใจกลางเมืองหลวงเม็กซิโกซิตี ท่าทีเช่นนี้ทำให้มองกันว่าการเลื่อนช้าออกไปเช่นนี้บ่งชี้ว่าเม็กซิโกยังคงมีความหวังที่จะเจรจาต่อรองกันก่อนเพื่อไม่ให้สงครามการค้าบานปลาย
    .
    แรกทีเดียวนั้น มาตรการภาษีศุลกากรสินค้าแคนาดาและเม็กซิโกจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ทว่า ทรัมป์ตกลงขยายเวลาออกไป 30 วันเพื่อเจรจาเพิ่มเติมกับสองประเทศคู่ค้าใหญ่ที่สุดของอเมริกา สำหรับเหตุผลในการขึ้นภาษีคือ เพื่อให้สองประเทศเพื่อนบ้านนี้จัดการปัญหาการลักลอบขนยาเสพติด โดยเฉพาะ เฟนทานิล และปัญหาการลักลอบเข้าเมืองผ่านดินแดนของประเทศทั้งสองเข้ามายังสหรัฐฯ
    .
    ขณะที่ทั้งสองชาติต่างยืนยันว่า มีความคืบหน้าในการแก้ปัญหา ทว่า ทรัมป์กลับบอกเพิ่มเติมว่า จะลดภาษีศุลกากรต่อเมื่อการขาดดุลการค้าของอเมริกาต่อเม็กซิโกและแคนาดาสิ้นสุดลง ถึงแม้เรื่องหลังนี้ย่อมเป็นกระบวนการที่ไม่สามารถแก้ไขได้ตามกรอบเวลาทางการเมือง
    .
    มีผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์กันว่า มาตรการที่สหรัฐฯขึ้นภาษีศุลกากรกับแคนาดาและเม็กซิโก น่าจะส่งผลสะท้อนกลับกระทบถึงเศรษฐกิจอเมริกันอย่างแรงๆ และดังนั้นจึงอาจบังคับใช้ได้เพียงช่วงสั้นๆ และสิ่งที่ทรัมป์อาจเลือกกระทำต่อไป อาจเป็นการหันไปรีดภาษีจากสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป และอินเดีย รวมทั้งพวก ชิปคอมพิวเตอร์ ยานยนต์ และยาเวชภัณฑ์นำเข้าเพิ่มมากขึ้น
    .
    ในส่วนของจีนนั้น ปักกิ่งประณามการบังคับใช้มาตรการ “ตามอำเภอใจฝ่ายเดียว” เช่นนี้ของอเมริกา และประกาศตอบโต้ทันทีด้วยการเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่ม 15% จากสินค้าเกษตรและอาหารของอเมริกามูลค่า 21,000 ล้านดอลลาร์ มีผลตั้งแต่สัปดาห์หน้า รวมทั้งเพิ่มบริษัทอเมริกันอีก 25 แห่งในบัญชีรายชื่อบริษัทที่ถูกจำกัดการส่งออกและการลงทุนภายใต้เหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติ
    .
    ทั้งนี้ จีนเป็นตลาดใหญ่ที่สุดที่รองรับสินค้าเกษตรของอเมริกา โดยปีที่แล้ว แม้จีนนำเข้าสินค้าเกษตรสหรัฐฯ ลดลงเป็นปีที่สอง แต่ก็ยังคงมีมูลค่าถึง 29,250 ล้านดอลลาร์ เท่าที่ผ่านมาภาคเศรษฐกิจนี้มักถูกใช้เป็นกระสอบทรายในยามที่สถานการณ์การค้าระหว่าง 2 ประเทศตึงเครียด โดยเฉพาะในเมื่อพวกรัฐที่เศรษฐกิจพึ่งพาการเกษตรอย่างมาก ยังเป็นพวกรัฐฐานเสียงของทรัมป์และรีพับลิกันอีกด้วย
    .
    ในวันอังคาร (3) กระทรวงการต่างประเทศจีนออกมาแถลงว่า จีนจะไม่ยอมจำนนต่อการรังแกหรือข่มขู่ และสำทับว่า การพยายามกดดันจีนเป็นการคำนวณผิดพลาด
    .
    อย่างไรก็ดี พวกนักวิเคราะห์เชื่อว่า ปักกิ่งยังหวังว่าจะสามารถเปิดการเจรจาสงบศึกกับคณะบริหารของทรัมป์ จึงกำหนดภาษีตอบโต้ในอัตราต่ำกว่า 20% เพื่อให้คณะผู้เจรจาของตนสามารถต่อรองและบรรลุข้อตกลงได้สำเร็จ ทว่าเมื่อการตอบโต้กันไปมาชักบานปลายออกไป มันก็อาจลดโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะประนีประนอมกันได้
    .
    เวลาเดียวกัน สำนักข่าวเอพีเสนอรายงานข่าวที่ระบุว่า ผู้นำสหรัฐฯ กำลังทำให้เศรษฐกิจของทั่วโลกผันผวนและไร้ความแน่นอน เนื่องจากไม่มีใครคาดเดาได้ว่า ทรัมป์จะทำอะไรต่อไป
    .
    การเรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้าแคนาดาและเม็กซิโกแบบเหวี่ยงแหยังมีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น ยานยนต์และวัสดุก่อสร้าง และเสี่ยงทำให้ค่าครองชีพของประชาชนเพิ่มขึ้น
    .
    นักเศรษฐศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่า มาตรการภาษีของทรัมป์อาจทำให้ราคาผู้บริโภคในสหรัฐฯพุ่งขึ้น และเพิ่มความกดดันต่อการเติบโตและการจ้างงานในอเมริกา
    .
    มูลนิธิแท็กซ์ ฟาวน์เดชัน ของสหรัฐฯประเมินว่า มาตรการภาษีต่อแคนาดา เม็กซิโก และจีนจะทำให้อัตราเติบโตของอเมริกาหายไป 0.1% ทั้งนี้ ยังไม่คำนวณผลกระทบจากมาตรการตอบโต้ของทั้งสามชาติ
    .
    ไดแอน สวองค์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเคพีเอ็มจี เตือนว่า ถ้าทรัมป์ยังเดินตามแผนรีดภาษีต่อไป อัตราภาษีศุลกากรของอเมริกาอาจเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดนับจากปี 1936 ภายในต้นปีหน้า โดยที่ทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิตของสหรัฐฯจะต้องเป็นผู้รับภาระหนักจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีศุลกากร ซึ่งอาจส่งผลตามมาทำให้ดีมานด์ลดลง และภาคธุรกิจต้องปลดพนักงานเพื่อควบคุมต้นทุน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021232
    ..............
    Sondhi X
    สงครามการค้าระหว่างอเมริกากับหุ้นส่วนเศรษฐกิจและคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด 3 ชาติยิ่งบานปลายขยายตัว หลังจากทรัมป์ยืนยันว่ามาตรการขึ้นอัตราภาษีศุลกากรที่เงื้อง่าอยู่ เริ่มมีผลบังคับใช้กับแคนาดา เม็กซิโก และจีนแน่นอนส่งผลให้ปักกิ่งและออตตาวาประกาศตอบโต้แบบทันควัน ขณะที่เม็กซิโกก็ระบุเอาคืนแน่นอน แต่ยังไม่ได้ให้รายละเอียด . หลังเวลาเที่ยงคืนของวันจันทร์ (3 มี.ค.) ตามเวลาภาคตะวันออกของสหรัฐฯ (ซึ่งช้ากว่าเวลาเมืองไทย 12 ชั่วโมง) สินค้าแคนาดาและเม็กซิโกที่นำเข้าไปยังอเมริกา ซึ่งมีมูลค่ารวมกันสูงกว่า 918,000 ล้านดอลลาร์จะถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรสูงขึ้น 25% รวด เวลาเดียวกันประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังรีดภาษีจากสินค้านำเข้าจากจีนสูงขึ้นอีก 10% จากที่เพิ่มขึ้นไปแล้ว 10% เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ . ด้านนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด แถลงว่า แคนาดาจะตอบโต้โดยเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่ม 25% จากสินค้าอเมริกันมูลค่ากว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ในช่วง 21 วัน ขณะที่ประธานาธิบดี เกลาเดีย เชย์นเบาม์ ระบุว่าความเคลื่อนไหวช่นนี้ของสหรัฐฯไม่มีความชอบธรรม และประกาศจะตอบโต้กลับด้วยมาตรการภาษีของตัวเอง . ผู้นำหญิงของเม็กซิโกบอกว่า เธอจะประกาศรายการสินค้านำเข้าจากอเมริกาที่จะตกเป็นเป้าถูกขึ้นภาษีตอบโต้ในวันอาทิตย์ (9) นี้ ณ งานพิธีซึ่งกำหนดจัดขึ้นที่จัตุรัสใจกลางเมืองหลวงเม็กซิโกซิตี ท่าทีเช่นนี้ทำให้มองกันว่าการเลื่อนช้าออกไปเช่นนี้บ่งชี้ว่าเม็กซิโกยังคงมีความหวังที่จะเจรจาต่อรองกันก่อนเพื่อไม่ให้สงครามการค้าบานปลาย . แรกทีเดียวนั้น มาตรการภาษีศุลกากรสินค้าแคนาดาและเม็กซิโกจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ทว่า ทรัมป์ตกลงขยายเวลาออกไป 30 วันเพื่อเจรจาเพิ่มเติมกับสองประเทศคู่ค้าใหญ่ที่สุดของอเมริกา สำหรับเหตุผลในการขึ้นภาษีคือ เพื่อให้สองประเทศเพื่อนบ้านนี้จัดการปัญหาการลักลอบขนยาเสพติด โดยเฉพาะ เฟนทานิล และปัญหาการลักลอบเข้าเมืองผ่านดินแดนของประเทศทั้งสองเข้ามายังสหรัฐฯ . ขณะที่ทั้งสองชาติต่างยืนยันว่า มีความคืบหน้าในการแก้ปัญหา ทว่า ทรัมป์กลับบอกเพิ่มเติมว่า จะลดภาษีศุลกากรต่อเมื่อการขาดดุลการค้าของอเมริกาต่อเม็กซิโกและแคนาดาสิ้นสุดลง ถึงแม้เรื่องหลังนี้ย่อมเป็นกระบวนการที่ไม่สามารถแก้ไขได้ตามกรอบเวลาทางการเมือง . มีผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์กันว่า มาตรการที่สหรัฐฯขึ้นภาษีศุลกากรกับแคนาดาและเม็กซิโก น่าจะส่งผลสะท้อนกลับกระทบถึงเศรษฐกิจอเมริกันอย่างแรงๆ และดังนั้นจึงอาจบังคับใช้ได้เพียงช่วงสั้นๆ และสิ่งที่ทรัมป์อาจเลือกกระทำต่อไป อาจเป็นการหันไปรีดภาษีจากสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป และอินเดีย รวมทั้งพวก ชิปคอมพิวเตอร์ ยานยนต์ และยาเวชภัณฑ์นำเข้าเพิ่มมากขึ้น . ในส่วนของจีนนั้น ปักกิ่งประณามการบังคับใช้มาตรการ “ตามอำเภอใจฝ่ายเดียว” เช่นนี้ของอเมริกา และประกาศตอบโต้ทันทีด้วยการเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่ม 15% จากสินค้าเกษตรและอาหารของอเมริกามูลค่า 21,000 ล้านดอลลาร์ มีผลตั้งแต่สัปดาห์หน้า รวมทั้งเพิ่มบริษัทอเมริกันอีก 25 แห่งในบัญชีรายชื่อบริษัทที่ถูกจำกัดการส่งออกและการลงทุนภายใต้เหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติ . ทั้งนี้ จีนเป็นตลาดใหญ่ที่สุดที่รองรับสินค้าเกษตรของอเมริกา โดยปีที่แล้ว แม้จีนนำเข้าสินค้าเกษตรสหรัฐฯ ลดลงเป็นปีที่สอง แต่ก็ยังคงมีมูลค่าถึง 29,250 ล้านดอลลาร์ เท่าที่ผ่านมาภาคเศรษฐกิจนี้มักถูกใช้เป็นกระสอบทรายในยามที่สถานการณ์การค้าระหว่าง 2 ประเทศตึงเครียด โดยเฉพาะในเมื่อพวกรัฐที่เศรษฐกิจพึ่งพาการเกษตรอย่างมาก ยังเป็นพวกรัฐฐานเสียงของทรัมป์และรีพับลิกันอีกด้วย . ในวันอังคาร (3) กระทรวงการต่างประเทศจีนออกมาแถลงว่า จีนจะไม่ยอมจำนนต่อการรังแกหรือข่มขู่ และสำทับว่า การพยายามกดดันจีนเป็นการคำนวณผิดพลาด . อย่างไรก็ดี พวกนักวิเคราะห์เชื่อว่า ปักกิ่งยังหวังว่าจะสามารถเปิดการเจรจาสงบศึกกับคณะบริหารของทรัมป์ จึงกำหนดภาษีตอบโต้ในอัตราต่ำกว่า 20% เพื่อให้คณะผู้เจรจาของตนสามารถต่อรองและบรรลุข้อตกลงได้สำเร็จ ทว่าเมื่อการตอบโต้กันไปมาชักบานปลายออกไป มันก็อาจลดโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะประนีประนอมกันได้ . เวลาเดียวกัน สำนักข่าวเอพีเสนอรายงานข่าวที่ระบุว่า ผู้นำสหรัฐฯ กำลังทำให้เศรษฐกิจของทั่วโลกผันผวนและไร้ความแน่นอน เนื่องจากไม่มีใครคาดเดาได้ว่า ทรัมป์จะทำอะไรต่อไป . การเรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้าแคนาดาและเม็กซิโกแบบเหวี่ยงแหยังมีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น ยานยนต์และวัสดุก่อสร้าง และเสี่ยงทำให้ค่าครองชีพของประชาชนเพิ่มขึ้น . นักเศรษฐศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่า มาตรการภาษีของทรัมป์อาจทำให้ราคาผู้บริโภคในสหรัฐฯพุ่งขึ้น และเพิ่มความกดดันต่อการเติบโตและการจ้างงานในอเมริกา . มูลนิธิแท็กซ์ ฟาวน์เดชัน ของสหรัฐฯประเมินว่า มาตรการภาษีต่อแคนาดา เม็กซิโก และจีนจะทำให้อัตราเติบโตของอเมริกาหายไป 0.1% ทั้งนี้ ยังไม่คำนวณผลกระทบจากมาตรการตอบโต้ของทั้งสามชาติ . ไดแอน สวองค์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเคพีเอ็มจี เตือนว่า ถ้าทรัมป์ยังเดินตามแผนรีดภาษีต่อไป อัตราภาษีศุลกากรของอเมริกาอาจเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดนับจากปี 1936 ภายในต้นปีหน้า โดยที่ทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิตของสหรัฐฯจะต้องเป็นผู้รับภาระหนักจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีศุลกากร ซึ่งอาจส่งผลตามมาทำให้ดีมานด์ลดลง และภาคธุรกิจต้องปลดพนักงานเพื่อควบคุมต้นทุน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021232 .............. Sondhi X
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2320 มุมมอง 0 รีวิว
  • จุดเดือดใหม่! 'ทรูโด' ประกาศแคนาดาพร้อมส่งทหารไปยูเครน 📌ร่วมขบวน UK-ฝรั่งเศส เตรียมจัดตั้ง "พันธมิตรแห่งความเต็มใจ" ขณะที่โฆษกรัสเซียโต้กลับประชด "ใครจะปกป้องแคนาดาจากการขยายดินแดนของสหรัฐฯ?" ชี้ชาวยูเครนที่หลบเลี่ยงการเกณฑ์ทหารในแคนาดาคงทำไม่ได้ ด้านลาฟรอฟเตือนกองกำลังต่างชาติในยูเครนจะเป็นเป้าหมายทางทหารที่ชอบธรรม ขณะที่ 'ฟรีแลนด์' ผู้มีโอกาสสืบทอดตำแหน่งทรูโดหนุนจับมือมหาอำนาจนิวเคลียร์ยุโรปต้านสหรัฐฯ👉ความขัดแย้งระดับโลกขยายวง! 'ทรูโด' แห่งแคนาดาประกาศพร้อมส่งทหารไปยูเครนร่วมกับพันธมิตรตะวันตก โฆษกรัสเซียตอบโต้เสียดสี "แล้วใครจะปกป้องแคนาดาจากสหรัฐฯ?" นายกฯ ทรูโดยืนยันว่า "ทุกอย่างอยู่บนโต๊ะเจรจา" ในการส่งกองกำลังไปยูเครน สอดคล้องกับนายกฯ สตาร์เมอร์ ของอังกฤษที่ประกาศจัดตั้ง "พันธมิตรแห่งความเต็มใจ" ทันทีที่มีการหยุดยิงแคนาดาฝึกทหารยูเครนกว่า 44,000 นายตั้งแต่ปี 2015 พร้อมให้ความช่วยเหลือทางการเงินจำนวนมาก ทำให้เป็นผู้บริจาครายใหญ่อันดับ 5 ของโลกมาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย ประชดประชันถึงความสัมพันธ์แคนาดา-สหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเด็นอ่อนไหวหลังทรัมป์เคยเรียกทรูโดว่า "ผู้ว่าการ"รัสเซียเตือนว่าหากไม่มีอาณัติจากสหประชาชาติ กองกำลังตะวันตกในยูเครนจะถูกมองว่าเป็นเป้าหมายทางการทหารที่ชอบธรรม#imctnews รายงาน
    จุดเดือดใหม่! 'ทรูโด' ประกาศแคนาดาพร้อมส่งทหารไปยูเครน 📌ร่วมขบวน UK-ฝรั่งเศส เตรียมจัดตั้ง "พันธมิตรแห่งความเต็มใจ" ขณะที่โฆษกรัสเซียโต้กลับประชด "ใครจะปกป้องแคนาดาจากการขยายดินแดนของสหรัฐฯ?" ชี้ชาวยูเครนที่หลบเลี่ยงการเกณฑ์ทหารในแคนาดาคงทำไม่ได้ ด้านลาฟรอฟเตือนกองกำลังต่างชาติในยูเครนจะเป็นเป้าหมายทางทหารที่ชอบธรรม ขณะที่ 'ฟรีแลนด์' ผู้มีโอกาสสืบทอดตำแหน่งทรูโดหนุนจับมือมหาอำนาจนิวเคลียร์ยุโรปต้านสหรัฐฯ👉ความขัดแย้งระดับโลกขยายวง! 'ทรูโด' แห่งแคนาดาประกาศพร้อมส่งทหารไปยูเครนร่วมกับพันธมิตรตะวันตก โฆษกรัสเซียตอบโต้เสียดสี "แล้วใครจะปกป้องแคนาดาจากสหรัฐฯ?" นายกฯ ทรูโดยืนยันว่า "ทุกอย่างอยู่บนโต๊ะเจรจา" ในการส่งกองกำลังไปยูเครน สอดคล้องกับนายกฯ สตาร์เมอร์ ของอังกฤษที่ประกาศจัดตั้ง "พันธมิตรแห่งความเต็มใจ" ทันทีที่มีการหยุดยิงแคนาดาฝึกทหารยูเครนกว่า 44,000 นายตั้งแต่ปี 2015 พร้อมให้ความช่วยเหลือทางการเงินจำนวนมาก ทำให้เป็นผู้บริจาครายใหญ่อันดับ 5 ของโลกมาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย ประชดประชันถึงความสัมพันธ์แคนาดา-สหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเด็นอ่อนไหวหลังทรัมป์เคยเรียกทรูโดว่า "ผู้ว่าการ"รัสเซียเตือนว่าหากไม่มีอาณัติจากสหประชาชาติ กองกำลังตะวันตกในยูเครนจะถูกมองว่าเป็นเป้าหมายทางการทหารที่ชอบธรรม#imctnews รายงาน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 229 มุมมอง 0 รีวิว
  • ราคาน้ำมันดิบลดลงแตะระดับต่ำสุดที่ไม่เคยเห็นนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2024 นี่คือข้อมูลสำคัญ:ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับแคนาดาและเม็กซิโกกำลังสั่นคลอนสถานการณ์- ความหวาดกลัวภาวะเศรษฐกิจถดถอยส่งผลให้ผู้ลงทุนเทขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง ส่งผลให้ความต้องการน้ำมันลดลงการเปลี่ยนไปใช้สินทรัพย์ที่ลดความเสี่ยงกำลังเพิ่มแรงกดดันให้ลดลงโดยสรุป เมื่อความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันก็ตกต่ำลง สะท้อนถึงความวิตกกังวลของตลาดโดยรวม
    ราคาน้ำมันดิบลดลงแตะระดับต่ำสุดที่ไม่เคยเห็นนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2024 นี่คือข้อมูลสำคัญ:ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับแคนาดาและเม็กซิโกกำลังสั่นคลอนสถานการณ์- ความหวาดกลัวภาวะเศรษฐกิจถดถอยส่งผลให้ผู้ลงทุนเทขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง ส่งผลให้ความต้องการน้ำมันลดลงการเปลี่ยนไปใช้สินทรัพย์ที่ลดความเสี่ยงกำลังเพิ่มแรงกดดันให้ลดลงโดยสรุป เมื่อความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันก็ตกต่ำลง สะท้อนถึงความวิตกกังวลของตลาดโดยรวม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘แล้วใครจะปกป้องแคนาดา หากสหรัฐฯ ขยายดินแดนไปทางเหนือ?’
    เห็นได้ชัดว่า ชาวยูเครนที่หลบเลี่ยงการเกณฑ์ทหารไปอยู่ในแคนาดาคงทำไม่ได้ (ขนาดบ้านเมืองตัวเองยังไม่ปกป้อง)
    มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย แซะจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา

    เมื่อวันก่อน ทรูโดเพิ่งประกาศความพร้อมในการรับประกันความปลอดภัยของยูเครนร่วมกับพันธมิตรยุโรป ซึ่งรวมถึงการส่งทหารไปยังยูเครนด้วย
    ‘แล้วใครจะปกป้องแคนาดา หากสหรัฐฯ ขยายดินแดนไปทางเหนือ?’ เห็นได้ชัดว่า ชาวยูเครนที่หลบเลี่ยงการเกณฑ์ทหารไปอยู่ในแคนาดาคงทำไม่ได้ (ขนาดบ้านเมืองตัวเองยังไม่ปกป้อง) มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย แซะจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา เมื่อวันก่อน ทรูโดเพิ่งประกาศความพร้อมในการรับประกันความปลอดภัยของยูเครนร่วมกับพันธมิตรยุโรป ซึ่งรวมถึงการส่งทหารไปยังยูเครนด้วย
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 224 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังจากทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดา 25% แคนาดาประกาศตอบโต้มาตรการภาษีของทรัมป์ทันที

    จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาประกาศขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ ซึ่งจะเริ่มมีผลพรุ่งนี้

    ทรูโดวิจารณ์มาตรการภาษีของทรัมป์ที่กำหนดภาษีนำเข้าสินค้าของแคนาดา 25% และภาษีพลังงาน 10% โดยเรียกภาษีเหล่านี้ว่า “ไม่ยุติธรรม”

    เพื่อเป็นการตอบโต้ แคนาดาจะกำหนดภาษีศุลกากร 25% สำหรับสินค้านำเข้าของสหรัฐจากมูลค่าทั้งหมด 155,000 ล้านดอลลาร์ โดยจะเริ่มขึ้นภาษีที่สินค้ารวมมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ทันที และอีก 21 วันหลังจากนี้สินค้าอีก 125,000 ล้านดอลลาร์ จะมีผลบังคับใช้

    ทรูโดเตือนว่าภาษีศุลกากรจะทำให้ราคาสินค้าของชาวอเมริกันสูงขึ้นและละเมิดข้อตกลงการค้าของทรัมป์เอง

    ทรัมป์เพิ่งยืนยันขึ้นภาษีแคนาดา 25% ชิ้นส่วนรถยนต์และสินค้าอื่นๆ โดยกล่าวว่า หากพวกเขาไม่อยากเสียภาษี จะต้องมาตั้งโรงงานเหล่านี้ในสหรัฐ
    หลังจากทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดา 25% แคนาดาประกาศตอบโต้มาตรการภาษีของทรัมป์ทันที จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาประกาศขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ ซึ่งจะเริ่มมีผลพรุ่งนี้ ทรูโดวิจารณ์มาตรการภาษีของทรัมป์ที่กำหนดภาษีนำเข้าสินค้าของแคนาดา 25% และภาษีพลังงาน 10% โดยเรียกภาษีเหล่านี้ว่า “ไม่ยุติธรรม” เพื่อเป็นการตอบโต้ แคนาดาจะกำหนดภาษีศุลกากร 25% สำหรับสินค้านำเข้าของสหรัฐจากมูลค่าทั้งหมด 155,000 ล้านดอลลาร์ โดยจะเริ่มขึ้นภาษีที่สินค้ารวมมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ทันที และอีก 21 วันหลังจากนี้สินค้าอีก 125,000 ล้านดอลลาร์ จะมีผลบังคับใช้ ทรูโดเตือนว่าภาษีศุลกากรจะทำให้ราคาสินค้าของชาวอเมริกันสูงขึ้นและละเมิดข้อตกลงการค้าของทรัมป์เอง ทรัมป์เพิ่งยืนยันขึ้นภาษีแคนาดา 25% ชิ้นส่วนรถยนต์และสินค้าอื่นๆ โดยกล่าวว่า หากพวกเขาไม่อยากเสียภาษี จะต้องมาตั้งโรงงานเหล่านี้ในสหรัฐ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 238 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีการรายงานเกี่ยวกับปัญหาการใช้งาน Microsoft 365 ที่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ Teams ทำให้ไม่สามารถรับสายและเกิดปัญหาในการยืนยันตัวตนได้ นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังรายงานว่ามีปัญหาในการเชื่อมต่อกับบริการอื่น ๆ เช่น Outlook, OneDrive และ Exchange โดยเหตุการณ์นี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อประมาณหนึ่งชั่วโมงที่แล้วและยังคงดำเนินต่อไป

    Microsoft ได้ออกประกาศในศูนย์ดูแลระบบ Microsoft 365 โดยระบุว่า "ผู้ใช้อาจไม่สามารถรับสายผ่านระบบรับสายอัตโนมัติและคิวสายของ Microsoft Teams ได้" และกล่าวว่ากำลังวิเคราะห์ข้อมูลการบริการและเมทาดาท้าของสายเพื่อทำความเข้าใจลักษณะของผลกระทบและกำหนดขั้นตอนถัดไป

    แม้ว่า Microsoft จะบอกว่าเหตุการณ์นี้ส่งผลเฉพาะกับแพลตฟอร์มการสื่อสารของ Teams แต่ผู้ใช้รายงานว่าผลกระทบกว้างขวางมากกว่านั้น และยังพบปัญหาการเชื่อมต่อกับ Outlook, OneDrive และ Exchange

    วันนี้ บริษัทยังได้เตือนในหน้าสถานะสุขภาพการบริการว่า ลูกค้าในแคนาดากำลังประสบปัญหาการยืนยันตัวตนและการเชื่อมต่อเมื่อพยายามเข้าถึงบริการ Microsoft 365 หลายรายการ เช่น Exchange Online, Microsoft Teams และศูนย์ดูแลระบบ Microsoft 365

    ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา Microsoft ได้แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับ Outlook และ Exchange Online ซึ่งส่งผลกระทบต่อการยืนยันตัวตนและทำให้การใช้งาน Teams และ Power Platform ลดลง ทั้งนี้ บริษัทเชื่อมโยงเหตุการณ์นี้กับปัญหาการเขียนโค้ดในอัปเดตล่าสุดของระบบการยืนยันตัวตนของ Microsoft 365

    นอกจากนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา Microsoft ได้แก้ไขปัญหาที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลง DNS ซึ่งทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการยืนยันตัวตนของ Entra ID สำหรับลูกค้าที่ใช้ Seamless SSO และ Microsoft Entra Connect Sync

    https://www.bleepingcomputer.com/news/microsoft/new-microsoft-365-outage-impacts-teams-causes-call-failures/
    มีการรายงานเกี่ยวกับปัญหาการใช้งาน Microsoft 365 ที่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ Teams ทำให้ไม่สามารถรับสายและเกิดปัญหาในการยืนยันตัวตนได้ นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังรายงานว่ามีปัญหาในการเชื่อมต่อกับบริการอื่น ๆ เช่น Outlook, OneDrive และ Exchange โดยเหตุการณ์นี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อประมาณหนึ่งชั่วโมงที่แล้วและยังคงดำเนินต่อไป Microsoft ได้ออกประกาศในศูนย์ดูแลระบบ Microsoft 365 โดยระบุว่า "ผู้ใช้อาจไม่สามารถรับสายผ่านระบบรับสายอัตโนมัติและคิวสายของ Microsoft Teams ได้" และกล่าวว่ากำลังวิเคราะห์ข้อมูลการบริการและเมทาดาท้าของสายเพื่อทำความเข้าใจลักษณะของผลกระทบและกำหนดขั้นตอนถัดไป แม้ว่า Microsoft จะบอกว่าเหตุการณ์นี้ส่งผลเฉพาะกับแพลตฟอร์มการสื่อสารของ Teams แต่ผู้ใช้รายงานว่าผลกระทบกว้างขวางมากกว่านั้น และยังพบปัญหาการเชื่อมต่อกับ Outlook, OneDrive และ Exchange วันนี้ บริษัทยังได้เตือนในหน้าสถานะสุขภาพการบริการว่า ลูกค้าในแคนาดากำลังประสบปัญหาการยืนยันตัวตนและการเชื่อมต่อเมื่อพยายามเข้าถึงบริการ Microsoft 365 หลายรายการ เช่น Exchange Online, Microsoft Teams และศูนย์ดูแลระบบ Microsoft 365 ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา Microsoft ได้แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับ Outlook และ Exchange Online ซึ่งส่งผลกระทบต่อการยืนยันตัวตนและทำให้การใช้งาน Teams และ Power Platform ลดลง ทั้งนี้ บริษัทเชื่อมโยงเหตุการณ์นี้กับปัญหาการเขียนโค้ดในอัปเดตล่าสุดของระบบการยืนยันตัวตนของ Microsoft 365 นอกจากนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา Microsoft ได้แก้ไขปัญหาที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลง DNS ซึ่งทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการยืนยันตัวตนของ Entra ID สำหรับลูกค้าที่ใช้ Seamless SSO และ Microsoft Entra Connect Sync https://www.bleepingcomputer.com/news/microsoft/new-microsoft-365-outage-impacts-teams-causes-call-failures/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    New Microsoft 365 outage impacts Teams, causes call failures
    Microsoft is investigating a new Microsoft 365 outage that is affecting Teams customers and causing call failures.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 198 มุมมอง 0 รีวิว
  • อัลเบิร์ต บัวร์ลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารไฟเซอร์ (Pfizer) ผู้ผลิตยาและเวชภัณฑ์ชั้นนำของโลก ระบุในวันจันทร์ (3 มี.ค.) ว่าบริษัทอาจตัดสินใจย้ายฐานการผลิตในต่างประเทศกลับเข้ามายังสหรัฐฯ หากมีความจำเป็น หลังจากรัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ใช้มาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากหลายประเทศ

    บัวร์ลา กล่าวในเวทีเสวนาด้านสุขภาพประจำปี TD Cowen ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ว่า "เรามีศักยภาพด้านการผลิตทุกอย่างที่นี่ และโรงงานผลิตต่างๆ ก็มีกำลังผลิตที่มากพอ หากมีอะไรเกิดขึ้น เราจะพยายามบรรเทาผลกระทบด้วยการย้ายฐานผลิตจากภายนอกเข้ามายังโรงงานที่นี่"

    เดือนที่แล้ว ทรัมป์ ได้มอบหมายให้ทีมงานด้านเศรษฐกิจไปจัดทำแผนรีดภาษีตอบโต้ประเทศต่างๆ ที่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากอเมริกา โดยผู้นำสหรัฐฯ ได้สั่งรีดภาษีสินค้าจากจีนทุกชนิดในอัตรา 10% ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ. และเตรียมที่จะบังคับใช้มาตรการรีดภาษีสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% สัปดาห์นี้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000020858

    #MGROnline #ไฟเซอร์ #Pfizer
    อัลเบิร์ต บัวร์ลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารไฟเซอร์ (Pfizer) ผู้ผลิตยาและเวชภัณฑ์ชั้นนำของโลก ระบุในวันจันทร์ (3 มี.ค.) ว่าบริษัทอาจตัดสินใจย้ายฐานการผลิตในต่างประเทศกลับเข้ามายังสหรัฐฯ หากมีความจำเป็น หลังจากรัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ใช้มาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากหลายประเทศ • บัวร์ลา กล่าวในเวทีเสวนาด้านสุขภาพประจำปี TD Cowen ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ว่า "เรามีศักยภาพด้านการผลิตทุกอย่างที่นี่ และโรงงานผลิตต่างๆ ก็มีกำลังผลิตที่มากพอ หากมีอะไรเกิดขึ้น เราจะพยายามบรรเทาผลกระทบด้วยการย้ายฐานผลิตจากภายนอกเข้ามายังโรงงานที่นี่" • เดือนที่แล้ว ทรัมป์ ได้มอบหมายให้ทีมงานด้านเศรษฐกิจไปจัดทำแผนรีดภาษีตอบโต้ประเทศต่างๆ ที่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากอเมริกา โดยผู้นำสหรัฐฯ ได้สั่งรีดภาษีสินค้าจากจีนทุกชนิดในอัตรา 10% ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ. และเตรียมที่จะบังคับใช้มาตรการรีดภาษีสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% สัปดาห์นี้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000020858 • #MGROnline #ไฟเซอร์ #Pfizer
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts