• ต้มข้ามศตวรรษ – ที่แท้ก็โจร 5 – 6
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร”

    ตอน 5

    คงพอเห็นแล้วว่า ฉากปฏิวัติ Bolsheviks เป็นฉากสำคัญ ที่มีผลต่อสงครามโลก ละครลวงโลก ที่เล่นกันข้ามเดือนข้ามปี มันต้องเป็นการจับมือวางแผนร่วมกัน ของหลายพวกหลายฝ่าย

    และคงไม่ต้องแปลกใจมากนักว่า เยอรมันก็เล่นละครเป็น และร่วมเล่นละครลวงโลกกับเขาด้วย แม้จะไม่ได้ร่วมเขียนบทด้วยกันกับกลุ่มอื่นๆ

    แต่ละครเรื่องนี้ คงเล่นสำเร็จถึงขนาดนี้ไม่ได้ ถ้าไม่มีนายโรงตัวจริง หรือหัวหน้าโจรตัวจริง ที่วางกลยุทธ์ อย่างลึกซึ้ง เลือดเย็น ยาวนาน และคอยชักใยทุกฝ่ายอย่างแนบเนียน

    เราย้อนกลับไปดูเรื่องและบทสำคัญ ของบางคนอีกที

    หัวหน้า Bolsheviks ผู้ทำการปฏิวัติที่โด่งดัง ตัวละคร ที่การมาเข้าฉากละครลวงโลก เหมือนจะยังไม่ชัดเจน พวกเขาน่าจะเป็นกุญแจสำคัญ

    Levi Davidovich Bronstien คือชื่อจริงของ Leon Trotsky เขาเป็นยิวทั้งแท่ง มาจากครอบครัวคนมีกิน ที่เป็นเจ้าของที่ดินทางใต้ของยูเครน เขาอ่านหนังสือของ Marx บรมครูของลัทธิสังคมนิยม (ซึ่งก็เป็นชาวยิว) แล้วซาบซึ้ง ใฝ่ฝันตั้งแต่ยังเป็นกระทงหนุ่มอายุ 18 ที่จะเป็นนักปฏิวัติ เขาจึงมาคลุกคลีอยู่กับพวกสังคมนิยมชาวยิว ถูกจับเข้าคุกหลายครั้ง เพราะวุ่นอยู่กับการปลุกระดมการประท้วงของพวกกรรมกร เขาเอาชื่อ Leon Trosky มาจากชื่อผู้คุมคุกชาวโปแลนด์

    Trosky ได้ยินชื่อ Lenin นักปลุกระดมลัทธิคอมมิวนิสม์ เขาจึงติดต่อไปหา แล้วทั้ง 2 คนก็แลกฝันกัน Lenin บอก Trosky ว่า เราต้องไปแสวงหาโลกข้างนอกที่กว้างใหญ่กว่ารัสเซีย ในที่สุด ทั้ง 2 คนก็นัดพบกันที่ลอนดอน อืม น่าสนใจ
    ปี ค.ศ. 1905 Trotsky กลับมารัสเซีย เพื่อพยายามก่อการปฏิวัติขับไล่ ซาร์ การปลุกระดมดำเนินอยู่หลายเดือน แต่ไม่สำเร็จ และ Trosky ถูกจับเข้าคุกอีกครั้ง คราวนี้ได้เจอตัวละครสำคัญในคุก Alexander “Parvus” Helphand ซึ่งเป็นผู้กว้างขวางชาวยิวและมือเก๋าในการปลุกระดม เป็น Parvus ที่แนะนำให้ Trotsky กับ Jacob H Schiff รู้จักกัน

    คนหนึ่ง อยากได้คนมาไล่ซาร์ ส่วนอีกคน กำลังอยากไล่ซาร์ อยากทำปฏิวัติตามฝัน สมประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย Schiff จึงตกลงอุดหนุนการปฏิวัติของTrotsky ด้วยทุน 20 ล้านเหรียญ ของ Kuhn, Loeb &Co หรือจริงๆ ก็คือเงิน ของ Rothschild ที่ต้องการกำจัด ซาร์ จากเรื่องน้ำมันที่ Baku และเรื่องของชาวยิวในรัสเซีย

    เมื่อ Trotsky และครอบครัวเดินทางมาถึงนิวยอร์ค เพื่อเก็บตัวก่อนการเข้าฉากสำคัญที่รัสเซีย ผู้ที่ไปรับเขาที่ท่าเรือ คือ Arthur Concors ผุ้อำนวยการ สมาคมช่วยเหลือชาวยิวที่เพิ่งเดิน ทางเข้าอเมริกา the Hebrew Shelterings and Immigration Aid Society ซึ่ง Schiff เป็นกรรมการที่ปรึกษา ส่วนอพาตเมนท์ที่ Trosky และครอบครัวไปพัก รวมทั้งรถและคนขับนั้น เป็นของ Dr Julius Hammer ที่อพยพมาจากรัสเซีย และเป็นผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์อเมริกา Armand ลูกชายของ Julius ประธานของ Occidental Petroleum Corporation เป็นต่างชาติรายแรก ที่ได้สัมปทานจากรัฐบาลโซเวียต

    เมื่อ Trosky ถูกจับที่แคนาดา คำสั่งปล่อยตัว Trotsky มาจากการตกลงใจร่วมกัน ระหว่าง Col. House กับเพื่อนร่วมอพาตเมนท์เดียวกัน ชื่อ Sir William Wiseman หัวหน้าข่าวกรองของอังกฤษที่อยู่ที่อเมริกานั่นเอง และมีตำแหน่งเป็นหุ้นส่วนคนหนึ่ง ของ Kuhn, Loeb ของ Schiff หรือของ Rothschild ด้วย

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร”

    ตอน 6

    Nikolai Lenin หรือชื่อจริงคือ Vladimir llyich Ulyanov ชาวรัสเซีย เชื้อสายยิวหนึ่งส่วนสี่ จากย่าที่เป็นชาวยิว เขาเป็นผู้นิยมลัทธิ Marx และคิดที่จะแก้แค้นแทนพี่ชาย ที่ถูกลงโทษแขวนคอ พร้อมพวกอีก 4 คน เนื่องจากร่วมกันลอบฆ่าซาร์ Alexander ที่ 2 ปู่ ของ ซาร์นิโคลัส ที่ 2

    Lenin คิดใช้นโยบายประชานิยม เพื่อล้มรัฐบาลซาร์ และนำลัทธิสังคมนิยมมาใช้ปกครองต่อ

    ปี ค.ศ. 1905 ขณะที่รัสเซีย กำลังวุ่นวายอยู่กับการรบกับญี่ปุ่น Lenin Trosky และพวก ก็พยายามยุให้ชาวนาต่อต้านซาร์ แต่ไม่สำเร็จ จึงพากันหนีออกไปจากรัสเซีย Lenin ตระเวนไปทั่วยุโรป สุดท้ายกบดานอยู่ที่สวิส

    เป็น Parvus คนสำคัญเจ้าเก่า ที่ไปหา Lenin ที่สวิส และชักชวนให้ Lenin ซึ่งยังฝันค้าง มาร่วมทำปฏิวัติรัสเซีย แต่ Lenin บอกไม่มีทุน แถมยังต้องกบดาน จะไปปฏิวัติได้ยังไง

    ช่วงนั้น Parvus ปักหลักอยู่ที่ Copenhagen จึงคุ้นเคยกับ Brockdorff-Rantzau รัฐมนตรีของเยอรมัน ที่ประจำอยู่ที่ เดนมาร์กและทำหน้าที่หาข่าว

    Parvus วิจารณ์การรบของเยอรมัน ให้รัฐมนตรีเยอรมันฟัง

    เยอรมันกำลังทำสงครามแบบขาถ่าง ด้านหนึ่งสู้กับกลุ่มอังกฤษ ฝรั่งเศส ทางตะวันตก ส่วนด้านตะวันออกก็สู้รัสเซีย เยอรมันสู้แบบห่วงหน้าพะวงหลัง รบแบบนี้ ให้ตายก็ไม่มีทางชนะ แถมจะขาถ่าง หัวทิ่มตาย มันต้องหาวิธีทำให้รัสเซียถอนตัวจากการรบ

    ทำให้รัสเซียถอนตัวจากสงคราม ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ เยอรมันจะได้รบอังกฤษด้านเดียว อัดตามสบาย
    แล้ว Lenin ก็ได้รับการสนับสนุนจากเยอรมัน เป็นจำนวน 10 ล้านเหรียญทอง เพื่อมาทำปฏิวัติในฝันที่รัสเซีย แต่เขาคงจะคุยโวยากหน่อย ถึงการปฏวัติ ที่รับทุนจากประเทศที่เป็นศัตรู และกำลังทำสงครามกัน มันน่าจะเรียกว่า เป็นการกบฏขายชาติ มากกว่าเป็นปฏิวัติที่โด่งดัง ละครฉากนี้บัดซบจริงๆ และคงเป็นเพราะเหตุนี้ กลุ่มนักปฏิวัติจึงมี ชาวรัสเซียแท้เพียง 25 % ที่เหลือเป็นรัสเซียเชื้อสายยิว
    Parvus มีชื่อเต็มตามที่เขาบอกใครๆ ว่า Alexander Israel Helphand แต่จริงๆ เขาชื่อ Israel Lazarevich Gelfand พ่อแม่เชื้อสายยิวทั้งคู่ เขาเป็นชาวยิวเต็มร้อย เขาเกิดที่เมือง Berazino ซึ่งปัจจุบัน เป็นส่วนหนึ่งของ Beralus เขาเจอ Lenin ครั้งแรก เมื่อปี 1900 ที่เมืองมิวนิค ของเยอรมัน ต่างคนต่างแลกเปลี่ยนทฤษฏีกัน

    Parvus เป็นคนที่ได้รับการชื่นชมว่า เฉลียวฉลาดมาก และฝักใฝ่เรื่องการปฏิวัติมาตลอด เขาเป็นคนคิดทฤษฏี เอาสงครามนอกบ้าน มาใช้ก่อเหตุในบ้าน

    Parvus ใช้ชีวิตอยู่แถบยุโรปส่วนใหญ่ ช่วงหนึ่งเขาร่อนเร่ไปอยู่ตุรกีถึง 5 ปี เป็นช่วงเดียวกับที่ Sir Basil Zaharoff ก็อยู่ที่นั่นด้วย เพื่อทำภาระกิจ ที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี Lloyd George ของอังกฤษ ในการจัดหาอาวุธให้กรีกไปรบกับ ตุรกี เป็นการตัดกำลังออตโตมาน อาวุธที่ส่งให้กรีก มาจากบริษัท Vickers บริษัทผลิตอาวุธ ยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ ที่ Zaharoff เป็นกรรมการ และมี Rothschild เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ Parvus ได้ร่วมงานด้วย และทำให้เขามีเงินใช้ชีวิตอย่างสบาย

    วันที่ Lenin และพวก เดินทางจากสวิส ผ่านเยอรมัน มาเข้ารัสเซีย พร้อมทองคำ 10 ล้านเหรียญ พวกเขาซ่อนตัวมาในรถไฟ ซึ่งปิดหน้าต่างมีผ้าคลุม ไม่ให้รู้ว่า ใครอยู่ในรถไฟ

    คำพูดของ หลอด Winston Churchill ที่พูดไว้ที่สภาของอังกฤษ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ค.ศ.1919 เกี่ยวกับ Lenin น่าสนใจ และน่าคิด

    “… Lenin ถูกนำตัวมารัสเซีย…เหมือนการนำเอาขวดแก้ว ที่ใส่เชื้อไทฟอยด์ หรืออหิวาต์เข้ามา เพื่อเอาไปเทใส่ในแหล่งน้ำ ให้มันแพร่กระจายไปทั่วเมือง และมันได้ผลดีอย่างมหัศจรรย์ ทันทีที่ Lenin ถึงที่หมาย เขาก็เริ่มชี้นิ้ว สั่งคนนั้น สั่งคนนี้ ที่แอบซ่อนอยู่ใน New York, Glasgow, Bern และเมืองอื่นๆ เขาเรียกให้พวกหัวหน้าของลัทธิ ที่น่ากลัว ที่มีอำนาจมากที่สุดในโลกมารวมตัวกัน และเมื่อมีพวกนี้อยู่รอบตัว เขาก็เริ่มงานที่เป็นการทำลายล้างทุกสถาบัน ที่ประกอบเป็นรัสเซีย ที่รัสเซียยึดถืออยู่ แหลกละเอียดจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย…”

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    10 พ.ค. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – ที่แท้ก็โจร 5 – 6 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร” ตอน 5 คงพอเห็นแล้วว่า ฉากปฏิวัติ Bolsheviks เป็นฉากสำคัญ ที่มีผลต่อสงครามโลก ละครลวงโลก ที่เล่นกันข้ามเดือนข้ามปี มันต้องเป็นการจับมือวางแผนร่วมกัน ของหลายพวกหลายฝ่าย และคงไม่ต้องแปลกใจมากนักว่า เยอรมันก็เล่นละครเป็น และร่วมเล่นละครลวงโลกกับเขาด้วย แม้จะไม่ได้ร่วมเขียนบทด้วยกันกับกลุ่มอื่นๆ แต่ละครเรื่องนี้ คงเล่นสำเร็จถึงขนาดนี้ไม่ได้ ถ้าไม่มีนายโรงตัวจริง หรือหัวหน้าโจรตัวจริง ที่วางกลยุทธ์ อย่างลึกซึ้ง เลือดเย็น ยาวนาน และคอยชักใยทุกฝ่ายอย่างแนบเนียน เราย้อนกลับไปดูเรื่องและบทสำคัญ ของบางคนอีกที หัวหน้า Bolsheviks ผู้ทำการปฏิวัติที่โด่งดัง ตัวละคร ที่การมาเข้าฉากละครลวงโลก เหมือนจะยังไม่ชัดเจน พวกเขาน่าจะเป็นกุญแจสำคัญ Levi Davidovich Bronstien คือชื่อจริงของ Leon Trotsky เขาเป็นยิวทั้งแท่ง มาจากครอบครัวคนมีกิน ที่เป็นเจ้าของที่ดินทางใต้ของยูเครน เขาอ่านหนังสือของ Marx บรมครูของลัทธิสังคมนิยม (ซึ่งก็เป็นชาวยิว) แล้วซาบซึ้ง ใฝ่ฝันตั้งแต่ยังเป็นกระทงหนุ่มอายุ 18 ที่จะเป็นนักปฏิวัติ เขาจึงมาคลุกคลีอยู่กับพวกสังคมนิยมชาวยิว ถูกจับเข้าคุกหลายครั้ง เพราะวุ่นอยู่กับการปลุกระดมการประท้วงของพวกกรรมกร เขาเอาชื่อ Leon Trosky มาจากชื่อผู้คุมคุกชาวโปแลนด์ Trosky ได้ยินชื่อ Lenin นักปลุกระดมลัทธิคอมมิวนิสม์ เขาจึงติดต่อไปหา แล้วทั้ง 2 คนก็แลกฝันกัน Lenin บอก Trosky ว่า เราต้องไปแสวงหาโลกข้างนอกที่กว้างใหญ่กว่ารัสเซีย ในที่สุด ทั้ง 2 คนก็นัดพบกันที่ลอนดอน อืม น่าสนใจ ปี ค.ศ. 1905 Trotsky กลับมารัสเซีย เพื่อพยายามก่อการปฏิวัติขับไล่ ซาร์ การปลุกระดมดำเนินอยู่หลายเดือน แต่ไม่สำเร็จ และ Trosky ถูกจับเข้าคุกอีกครั้ง คราวนี้ได้เจอตัวละครสำคัญในคุก Alexander “Parvus” Helphand ซึ่งเป็นผู้กว้างขวางชาวยิวและมือเก๋าในการปลุกระดม เป็น Parvus ที่แนะนำให้ Trotsky กับ Jacob H Schiff รู้จักกัน คนหนึ่ง อยากได้คนมาไล่ซาร์ ส่วนอีกคน กำลังอยากไล่ซาร์ อยากทำปฏิวัติตามฝัน สมประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย Schiff จึงตกลงอุดหนุนการปฏิวัติของTrotsky ด้วยทุน 20 ล้านเหรียญ ของ Kuhn, Loeb &Co หรือจริงๆ ก็คือเงิน ของ Rothschild ที่ต้องการกำจัด ซาร์ จากเรื่องน้ำมันที่ Baku และเรื่องของชาวยิวในรัสเซีย เมื่อ Trotsky และครอบครัวเดินทางมาถึงนิวยอร์ค เพื่อเก็บตัวก่อนการเข้าฉากสำคัญที่รัสเซีย ผู้ที่ไปรับเขาที่ท่าเรือ คือ Arthur Concors ผุ้อำนวยการ สมาคมช่วยเหลือชาวยิวที่เพิ่งเดิน ทางเข้าอเมริกา the Hebrew Shelterings and Immigration Aid Society ซึ่ง Schiff เป็นกรรมการที่ปรึกษา ส่วนอพาตเมนท์ที่ Trosky และครอบครัวไปพัก รวมทั้งรถและคนขับนั้น เป็นของ Dr Julius Hammer ที่อพยพมาจากรัสเซีย และเป็นผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์อเมริกา Armand ลูกชายของ Julius ประธานของ Occidental Petroleum Corporation เป็นต่างชาติรายแรก ที่ได้สัมปทานจากรัฐบาลโซเวียต เมื่อ Trosky ถูกจับที่แคนาดา คำสั่งปล่อยตัว Trotsky มาจากการตกลงใจร่วมกัน ระหว่าง Col. House กับเพื่อนร่วมอพาตเมนท์เดียวกัน ชื่อ Sir William Wiseman หัวหน้าข่าวกรองของอังกฤษที่อยู่ที่อเมริกานั่นเอง และมีตำแหน่งเป็นหุ้นส่วนคนหนึ่ง ของ Kuhn, Loeb ของ Schiff หรือของ Rothschild ด้วย นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร” ตอน 6 Nikolai Lenin หรือชื่อจริงคือ Vladimir llyich Ulyanov ชาวรัสเซีย เชื้อสายยิวหนึ่งส่วนสี่ จากย่าที่เป็นชาวยิว เขาเป็นผู้นิยมลัทธิ Marx และคิดที่จะแก้แค้นแทนพี่ชาย ที่ถูกลงโทษแขวนคอ พร้อมพวกอีก 4 คน เนื่องจากร่วมกันลอบฆ่าซาร์ Alexander ที่ 2 ปู่ ของ ซาร์นิโคลัส ที่ 2 Lenin คิดใช้นโยบายประชานิยม เพื่อล้มรัฐบาลซาร์ และนำลัทธิสังคมนิยมมาใช้ปกครองต่อ ปี ค.ศ. 1905 ขณะที่รัสเซีย กำลังวุ่นวายอยู่กับการรบกับญี่ปุ่น Lenin Trosky และพวก ก็พยายามยุให้ชาวนาต่อต้านซาร์ แต่ไม่สำเร็จ จึงพากันหนีออกไปจากรัสเซีย Lenin ตระเวนไปทั่วยุโรป สุดท้ายกบดานอยู่ที่สวิส เป็น Parvus คนสำคัญเจ้าเก่า ที่ไปหา Lenin ที่สวิส และชักชวนให้ Lenin ซึ่งยังฝันค้าง มาร่วมทำปฏิวัติรัสเซีย แต่ Lenin บอกไม่มีทุน แถมยังต้องกบดาน จะไปปฏิวัติได้ยังไง ช่วงนั้น Parvus ปักหลักอยู่ที่ Copenhagen จึงคุ้นเคยกับ Brockdorff-Rantzau รัฐมนตรีของเยอรมัน ที่ประจำอยู่ที่ เดนมาร์กและทำหน้าที่หาข่าว Parvus วิจารณ์การรบของเยอรมัน ให้รัฐมนตรีเยอรมันฟัง เยอรมันกำลังทำสงครามแบบขาถ่าง ด้านหนึ่งสู้กับกลุ่มอังกฤษ ฝรั่งเศส ทางตะวันตก ส่วนด้านตะวันออกก็สู้รัสเซีย เยอรมันสู้แบบห่วงหน้าพะวงหลัง รบแบบนี้ ให้ตายก็ไม่มีทางชนะ แถมจะขาถ่าง หัวทิ่มตาย มันต้องหาวิธีทำให้รัสเซียถอนตัวจากการรบ ทำให้รัสเซียถอนตัวจากสงคราม ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ เยอรมันจะได้รบอังกฤษด้านเดียว อัดตามสบาย แล้ว Lenin ก็ได้รับการสนับสนุนจากเยอรมัน เป็นจำนวน 10 ล้านเหรียญทอง เพื่อมาทำปฏิวัติในฝันที่รัสเซีย แต่เขาคงจะคุยโวยากหน่อย ถึงการปฏวัติ ที่รับทุนจากประเทศที่เป็นศัตรู และกำลังทำสงครามกัน มันน่าจะเรียกว่า เป็นการกบฏขายชาติ มากกว่าเป็นปฏิวัติที่โด่งดัง ละครฉากนี้บัดซบจริงๆ และคงเป็นเพราะเหตุนี้ กลุ่มนักปฏิวัติจึงมี ชาวรัสเซียแท้เพียง 25 % ที่เหลือเป็นรัสเซียเชื้อสายยิว Parvus มีชื่อเต็มตามที่เขาบอกใครๆ ว่า Alexander Israel Helphand แต่จริงๆ เขาชื่อ Israel Lazarevich Gelfand พ่อแม่เชื้อสายยิวทั้งคู่ เขาเป็นชาวยิวเต็มร้อย เขาเกิดที่เมือง Berazino ซึ่งปัจจุบัน เป็นส่วนหนึ่งของ Beralus เขาเจอ Lenin ครั้งแรก เมื่อปี 1900 ที่เมืองมิวนิค ของเยอรมัน ต่างคนต่างแลกเปลี่ยนทฤษฏีกัน Parvus เป็นคนที่ได้รับการชื่นชมว่า เฉลียวฉลาดมาก และฝักใฝ่เรื่องการปฏิวัติมาตลอด เขาเป็นคนคิดทฤษฏี เอาสงครามนอกบ้าน มาใช้ก่อเหตุในบ้าน Parvus ใช้ชีวิตอยู่แถบยุโรปส่วนใหญ่ ช่วงหนึ่งเขาร่อนเร่ไปอยู่ตุรกีถึง 5 ปี เป็นช่วงเดียวกับที่ Sir Basil Zaharoff ก็อยู่ที่นั่นด้วย เพื่อทำภาระกิจ ที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี Lloyd George ของอังกฤษ ในการจัดหาอาวุธให้กรีกไปรบกับ ตุรกี เป็นการตัดกำลังออตโตมาน อาวุธที่ส่งให้กรีก มาจากบริษัท Vickers บริษัทผลิตอาวุธ ยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ ที่ Zaharoff เป็นกรรมการ และมี Rothschild เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ Parvus ได้ร่วมงานด้วย และทำให้เขามีเงินใช้ชีวิตอย่างสบาย วันที่ Lenin และพวก เดินทางจากสวิส ผ่านเยอรมัน มาเข้ารัสเซีย พร้อมทองคำ 10 ล้านเหรียญ พวกเขาซ่อนตัวมาในรถไฟ ซึ่งปิดหน้าต่างมีผ้าคลุม ไม่ให้รู้ว่า ใครอยู่ในรถไฟ คำพูดของ หลอด Winston Churchill ที่พูดไว้ที่สภาของอังกฤษ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ค.ศ.1919 เกี่ยวกับ Lenin น่าสนใจ และน่าคิด “… Lenin ถูกนำตัวมารัสเซีย…เหมือนการนำเอาขวดแก้ว ที่ใส่เชื้อไทฟอยด์ หรืออหิวาต์เข้ามา เพื่อเอาไปเทใส่ในแหล่งน้ำ ให้มันแพร่กระจายไปทั่วเมือง และมันได้ผลดีอย่างมหัศจรรย์ ทันทีที่ Lenin ถึงที่หมาย เขาก็เริ่มชี้นิ้ว สั่งคนนั้น สั่งคนนี้ ที่แอบซ่อนอยู่ใน New York, Glasgow, Bern และเมืองอื่นๆ เขาเรียกให้พวกหัวหน้าของลัทธิ ที่น่ากลัว ที่มีอำนาจมากที่สุดในโลกมารวมตัวกัน และเมื่อมีพวกนี้อยู่รอบตัว เขาก็เริ่มงานที่เป็นการทำลายล้างทุกสถาบัน ที่ประกอบเป็นรัสเซีย ที่รัสเซียยึดถืออยู่ แหลกละเอียดจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย…” สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 10 พ.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตลาดเสพติด: เมื่อการพนันกลายเป็นธุรกิจที่รัฐควรยึดคืนจากบริษัทเอกชน

    บทความ “Addiction Markets” จาก The Big Newsletter ได้จุดประกายประเด็นร้อนแรงเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการพนันในสหรัฐฯ โดยเสนอแนวคิดที่ท้าทายระบบเดิม: ถึงเวลาหรือยังที่รัฐควรยึดอุตสาหกรรมการพนันกลับมาเป็นของสาธารณะ แทนที่จะปล่อยให้บริษัทเอกชนแสวงหากำไรจากความทุกข์ของผู้คน

    การพนัน = ตลาดเสพติด ผู้เขียนเปรียบเทียบอุตสาหกรรมการพนันกับ “ตลาดเสพติด” (Addiction Markets) ซึ่งหมายถึงธุรกิจที่สร้างรายได้จากพฤติกรรมที่ควบคุมไม่ได้ เช่น การพนัน บุหรี่ แอลกอฮอล์ หรือแม้แต่โซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะในยุคที่การพนันออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็วผ่านแอปมือถือและโฆษณาแบบเจาะกลุ่ม

    บริษัทพนันทำกำไรจากความพ่ายแพ้ของผู้เล่น โมเดลธุรกิจของบริษัทเหล่านี้คือการทำให้ผู้เล่น “เล่นต่อไปเรื่อยๆ” แม้จะเสียเงินไปมากแค่ไหนก็ตาม พวกเขาใช้เทคนิคทางจิตวิทยา เช่น การให้รางวัลเล็กๆ น้อยๆ การออกแบบ UX ที่กระตุ้นให้เล่นต่อ และการโฆษณาที่เจาะกลุ่มเป้าหมายที่เปราะบาง เช่น วัยรุ่นหรือผู้มีรายได้น้อย

    แนวคิดใหม่: ให้รัฐเป็นผู้ดำเนินการ ผู้เขียนเสนอว่า หากรัฐเป็นผู้ควบคุมและดำเนินการอุตสาหกรรมนี้เอง:
    รัฐสามารถจำกัดการโฆษณาและออกแบบระบบให้ลดความเสี่ยง
    รายได้จากการพนันสามารถนำไปใช้ในบริการสาธารณะ เช่น การศึกษาและสุขภาพ
    ลดแรงจูงใจในการทำให้ผู้คน “ติด” เพราะรัฐไม่มีเป้าหมายในการแสวงหากำไรสูงสุด

    ตัวอย่างจากต่างประเทศ บางประเทศ เช่น ฟินแลนด์ และแคนาดาบางจังหวัด มีระบบการพนันที่รัฐเป็นเจ้าของ ซึ่งช่วยควบคุมอัตราการติดพนันได้ดีกว่าระบบเอกชน

    อุตสาหกรรมการพนันคือ “ตลาดเสพติด”
    สร้างรายได้จากพฤติกรรมที่ควบคุมไม่ได้ของผู้เล่น

    บริษัทเอกชนมีแรงจูงใจให้ผู้เล่นติด
    ใช้เทคนิคจิตวิทยา UX และโฆษณาเจาะกลุ่มเปราะบาง

    แนวคิดใหม่: ให้รัฐเป็นผู้ดำเนินการ
    ลดแรงจูงใจในการทำให้ผู้เล่นติด และนำรายได้กลับสู่สังคม

    มีตัวอย่างจากต่างประเทศ
    ฟินแลนด์และแคนาดาบางพื้นที่ใช้ระบบนี้ได้ผลดี

    ความเสี่ยงจากระบบเอกชน
    บริษัทมีเป้าหมายคือกำไร ไม่ใช่ความปลอดภัยของผู้เล่น

    โฆษณาและเทคโนโลยีทำให้เข้าถึงง่ายเกินไป
    โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและผู้มีรายได้น้อย

    การติดพนันมีผลกระทบทางสังคมรุนแรง
    เช่น หนี้สิน ความเครียด ความรุนแรงในครอบครัว และการฆ่าตัวตาย

    https://www.thebignewsletter.com/p/addiction-markets-abolish-corporate
    🎰 ตลาดเสพติด: เมื่อการพนันกลายเป็นธุรกิจที่รัฐควรยึดคืนจากบริษัทเอกชน บทความ “Addiction Markets” จาก The Big Newsletter ได้จุดประกายประเด็นร้อนแรงเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการพนันในสหรัฐฯ โดยเสนอแนวคิดที่ท้าทายระบบเดิม: ถึงเวลาหรือยังที่รัฐควรยึดอุตสาหกรรมการพนันกลับมาเป็นของสาธารณะ แทนที่จะปล่อยให้บริษัทเอกชนแสวงหากำไรจากความทุกข์ของผู้คน 🧠 การพนัน = ตลาดเสพติด ผู้เขียนเปรียบเทียบอุตสาหกรรมการพนันกับ “ตลาดเสพติด” (Addiction Markets) ซึ่งหมายถึงธุรกิจที่สร้างรายได้จากพฤติกรรมที่ควบคุมไม่ได้ เช่น การพนัน บุหรี่ แอลกอฮอล์ หรือแม้แต่โซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะในยุคที่การพนันออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็วผ่านแอปมือถือและโฆษณาแบบเจาะกลุ่ม 📈 บริษัทพนันทำกำไรจากความพ่ายแพ้ของผู้เล่น โมเดลธุรกิจของบริษัทเหล่านี้คือการทำให้ผู้เล่น “เล่นต่อไปเรื่อยๆ” แม้จะเสียเงินไปมากแค่ไหนก็ตาม พวกเขาใช้เทคนิคทางจิตวิทยา เช่น การให้รางวัลเล็กๆ น้อยๆ การออกแบบ UX ที่กระตุ้นให้เล่นต่อ และการโฆษณาที่เจาะกลุ่มเป้าหมายที่เปราะบาง เช่น วัยรุ่นหรือผู้มีรายได้น้อย 🏛️ แนวคิดใหม่: ให้รัฐเป็นผู้ดำเนินการ ผู้เขียนเสนอว่า หากรัฐเป็นผู้ควบคุมและดำเนินการอุตสาหกรรมนี้เอง: 💠 รัฐสามารถจำกัดการโฆษณาและออกแบบระบบให้ลดความเสี่ยง 💠 รายได้จากการพนันสามารถนำไปใช้ในบริการสาธารณะ เช่น การศึกษาและสุขภาพ 💠 ลดแรงจูงใจในการทำให้ผู้คน “ติด” เพราะรัฐไม่มีเป้าหมายในการแสวงหากำไรสูงสุด 📚 ตัวอย่างจากต่างประเทศ บางประเทศ เช่น ฟินแลนด์ และแคนาดาบางจังหวัด มีระบบการพนันที่รัฐเป็นเจ้าของ ซึ่งช่วยควบคุมอัตราการติดพนันได้ดีกว่าระบบเอกชน ✅ อุตสาหกรรมการพนันคือ “ตลาดเสพติด” ➡️ สร้างรายได้จากพฤติกรรมที่ควบคุมไม่ได้ของผู้เล่น ✅ บริษัทเอกชนมีแรงจูงใจให้ผู้เล่นติด ➡️ ใช้เทคนิคจิตวิทยา UX และโฆษณาเจาะกลุ่มเปราะบาง ✅ แนวคิดใหม่: ให้รัฐเป็นผู้ดำเนินการ ➡️ ลดแรงจูงใจในการทำให้ผู้เล่นติด และนำรายได้กลับสู่สังคม ✅ มีตัวอย่างจากต่างประเทศ ➡️ ฟินแลนด์และแคนาดาบางพื้นที่ใช้ระบบนี้ได้ผลดี ‼️ ความเสี่ยงจากระบบเอกชน ⛔ บริษัทมีเป้าหมายคือกำไร ไม่ใช่ความปลอดภัยของผู้เล่น ‼️ โฆษณาและเทคโนโลยีทำให้เข้าถึงง่ายเกินไป ⛔ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและผู้มีรายได้น้อย ‼️ การติดพนันมีผลกระทบทางสังคมรุนแรง ⛔ เช่น หนี้สิน ความเครียด ความรุนแรงในครอบครัว และการฆ่าตัวตาย https://www.thebignewsletter.com/p/addiction-markets-abolish-corporate
    WWW.THEBIGNEWSLETTER.COM
    Addiction Markets: Abolish Corporate-Run Gambling
    Corporate gambling is economic coercion, a way to shift tax burdens away from the wealthy to the poor. It's been here since the 1970s, and now it's corrupting sports and young men. Abolish it.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 137 มุมมอง 0 รีวิว
  • ย้อนรอยความสำเร็จ Debbie Gibson และ “Foolish Beat” เพลงบัลลาดแห่งยุค 80s

    ในยุค 80s ที่ดนตรีป๊อปกำลังเบ่งบาน Debbie Gibson คือหนึ่งในศิลปินวัยรุ่นที่สร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการเพลง ด้วยเพลง “Foolish Beat” ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นซิงเกิ้ลฮิตอันดับหนึ่ง แต่ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงพรสวรรค์ของเธอในฐานะนักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ และนักร้อง บทความนี้จะพาไปสำรวจประวัติของเพลงและศิลปิน ความหมายเบื้องลึก ความนิยมที่สร้างประวัติศาสตร์ พร้อมกับมุมมองส่วนตัวของผมที่มองว่าเธอคือ “Princess of Pop” ที่ไม่มีใครเทียบได้แม้กระทั่งในปัจจุบัน

    ประวัติของศิลปิน: Debbie Gibson
    Debbie Gibson หรือชื่อเต็ม Deborah Ann Gibson เกิดเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 1970 ที่เมืองบรูคลิน นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เธอเริ่มต้นเส้นทางดนตรีตั้งแต่เด็ก โดยเริ่มแต่งเพลงตั้งแต่อายุยังน้อยและเคยร้องในคณะประสานเสียงเด็กของ Metropolitan Opera House ตอนอายุ 8 ขวบ ในวัย 16 ปี ขณะที่ยังเรียนมัธยม เธอเซ็นสัญญากับค่าย Atlantic Records และเริ่มแสดงในไนต์คลับทั่วสหรัฐฯ บางครั้งเล่นถึงสามเซ็ตต่อคืนแม้จะมีตารางเรียนหนัก
    อัลบั้มเดบิวต์ของเธอ Out of the Blue (1987) ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม โดยมีซิงเกิ้ลฮิตติดท็อป 5 บนชาร์ต Billboard Hot 100 ถึงสี่เพลง ได้แก่ “Only in My Dreams”, “Shake Your Love”, “Out of the Blue” และ “Foolish Beat” อัลบั้มนี้ขายได้หลายล้านแผ่นและได้รับสถานะ multi-platinum ตามมาด้วยอัลบั้ม Electric Youth (1989) ที่มีเพลงฮิตอันดับหนึ่งอีกเพลงอย่าง “Lost in Your Eyes” ทำให้เธอมีซิงเกิ้ลท็อป 10 รวมห้าเพลง
    หลังจากยุคป๊อปวัยรุ่น เธอหันไปทำงานละครบรอดเวย์ เช่น เล่นใน Les Misérables, Grease, Cabaret และ Beauty and the Beast เธอยังคง active ในวงการบันเทิงจนถึงปัจจุบัน รวมถึงการออกอัลบั้มใหม่และทัวร์คอนเสิร์ต Debbie Gibson คือตัวอย่างของศิลปินที่เริ่มจาก teen idol แต่พัฒนาตัวเองไปสู่การเป็นศิลปินหลากหลายแขนง

    ประวัติของเพลง Foolish Beat
    “Foolish Beat” เป็นซิงเกิ้ลที่สี่จากอัลบั้ม Out of the Blue ปล่อยออกมาในเดือนมีนาคม 1988 (บางแหล่งระบุเมษายน) เพลงนี้แตกต่างจากซิงเกิ้ลก่อนหน้าที่เป็นแนว upbeat โดยเป็นบัลลาดเศร้าที่ Debbie เขียน โปรดิวซ์ และร้องเองทั้งหมด เธอทำงานร่วมกับโปรดิวเซอร์ Fred Zarr เพื่อบันทึกอัลบั้มนี้ในเวลาเพียงสี่สัปดาห์
    มิวสิกวิดีโอของเพลง กำกับโดย Nick Willing แสดงภาพ Debbie ในบรรยากาศเศร้า เช่น ในคาบาเรต์ ถนนเมือง และร้านอาหารที่เธอนั่งคนเดียว ซึ่งได้รับการออกอากาศบน MTV และ VH1 ในปี 2010 เธอรีเรคคอร์ดเพลงนี้ใหม่สำหรับ Deluxe Edition ของอัลบั้มญี่ปุ่น เพลงนี้ยังถูกปล่อยในญี่ปุ่นเป็น B-side ของ “Out of the Blue”

    ความหมายของเพลง
    “Foolish Beat” พูดถึงความรู้สึกของเด็กสาววัยรุ่นที่อกหักครั้งแรก เธอรู้สึกเศร้า สงสัยว่าตัวเองจะรักใครได้อีกไหม และตำหนิตัวเองที่ปล่อยให้ความรักจบลงด้วย “foolish beat” หรือจังหวะโง่เขลาในหัวใจ Debbie เขียนเพลงนี้ตอนที่ยังไม่มีประสบการณ์จริงในความรัก เธอ “เดา” ว่าความรักและการสูญเสียจะเป็นยังไง แต่เนื้อเพลงที่เรียบง่ายกลับเปิดช่องให้ผู้ฟังเติมเต็มด้วยประสบการณ์ของตัวเอง ในสัมภาษณ์ปี 2013 เธอบอกว่าตอนนี้เธอร้องเพลงนี้ด้วยความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นหลังจากผ่านความรักจริงๆ เพลงนี้จึงไม่ใช่แค่บัลลาดป๊อป แต่เป็นการสำรวจอารมณ์ที่ซับซ้อนสำหรับวัยรุ่น

    ความดังและความนิยม
    “Foolish Beat” ขึ้นอันดับหนึ่งบน Billboard Hot 100 เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 1988 ทำให้ Debbie วัย 17 ปี 9 เดือน กลายเป็นศิลปินอายุน้อยที่สุดที่เขียน โปรดิวซ์ และร้องเพลงฮิตอันดับหนึ่งด้วยตัวเอง บันทึกนี้ถูกทำลายโดย Soulja Boy ในปี 2007 แต่เธอยังคงเป็นผู้หญิงอายุน้อยที่สุดที่ทำได้ เพลงนี้ยังติดท็อป 5 ในแคนาดาและไอร์แลนด์ ท็อป 10 ในสหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ และสวิตเซอร์แลนด์
    ความนิยมของเพลงช่วยผลักดันอัลบั้ม Out of the Blue ให้ขึ้นอันดับ 7 บน Billboard 200 และทำให้ Debbie กลายเป็นไอดอลวัยรุ่นที่ปรากฏบนปกนิตยสารทั่วโลก แม้ในปี 2025 เพลงนี้ยังถูกกล่าวถึงในบทความและโซเชียลมีเดีย เช่น บน Reddit ที่แฟนๆ ยกย่องว่าเป็นเพลงคลาสสิกยุค 80s และในบทความ回顾ประวัติศาสตร์ดนตรี

    มุมมองส่วนตัว: Debbie Gibson คือ Princess of Pop ที่ไม่มีใครเทียบ
    จากประสบการณ์ของผมที่ติดตามดนตรีป๊อปมานาน Debbie Gibson คือ “Princess of Pop” แท้จริงที่ไม่มีใครเทียบได้จนถึงปัจจุบัน เธอไม่ใช่แค่ร้องเพลง แต่เขียนและโปรดิวซ์เองตั้งแต่อายุยังน้อย ในยุคที่ศิลปินวัยรุ่นมักถูกควบคุมโดยค่าย เธอสร้างสรรค์งานด้วยตัวเอง ทำให้เพลงอย่าง “Foolish Beat” มีความจริงใจและลึกซึ้ง แม้ในยุคปัจจุบันที่มีศิลปินอย่าง Britney Spears หรือ Taylor Swift ที่ถูกเรียกในชื่อคล้ายกัน แต่ Debbie คือต้นแบบที่ผสมผสานพรสวรรค์ดนตรีกับภาพลักษณ์สดใสแบบวัยรุ่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ เธอปูทางให้ศิลปินรุ่นหลัง และแม้เวลาจะผ่านไปกว่า 30 ปี ความมหัศจรรย์ของเธอยังคงอยู่ เหมือนกับที่เพลง “Foolish Beat” สอนเราเรื่องความรักที่ไม่มีวันเก่า

    #ลุงเล่าหลานฟัง

    https://www.youtube.com/watch?v=bAhmMOJjTnk
    👑 ย้อนรอยความสำเร็จ Debbie Gibson และ “Foolish Beat” เพลงบัลลาดแห่งยุค 80s 🕰️ ในยุค 80s ที่ดนตรีป๊อปกำลังเบ่งบาน Debbie Gibson คือหนึ่งในศิลปินวัยรุ่นที่สร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการเพลง ด้วยเพลง “Foolish Beat” ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นซิงเกิ้ลฮิตอันดับหนึ่ง แต่ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงพรสวรรค์ของเธอในฐานะนักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ และนักร้อง บทความนี้จะพาไปสำรวจประวัติของเพลงและศิลปิน ความหมายเบื้องลึก ความนิยมที่สร้างประวัติศาสตร์ พร้อมกับมุมมองส่วนตัวของผมที่มองว่าเธอคือ “Princess of Pop” ที่ไม่มีใครเทียบได้แม้กระทั่งในปัจจุบัน 🎤 ประวัติของศิลปิน: Debbie Gibson Debbie Gibson หรือชื่อเต็ม Deborah Ann Gibson เกิดเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 1970 ที่เมืองบรูคลิน นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เธอเริ่มต้นเส้นทางดนตรีตั้งแต่เด็ก โดยเริ่มแต่งเพลงตั้งแต่อายุยังน้อยและเคยร้องในคณะประสานเสียงเด็กของ Metropolitan Opera House ตอนอายุ 8 ขวบ ในวัย 16 ปี ขณะที่ยังเรียนมัธยม เธอเซ็นสัญญากับค่าย Atlantic Records และเริ่มแสดงในไนต์คลับทั่วสหรัฐฯ บางครั้งเล่นถึงสามเซ็ตต่อคืนแม้จะมีตารางเรียนหนัก อัลบั้มเดบิวต์ของเธอ Out of the Blue (1987) ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม โดยมีซิงเกิ้ลฮิตติดท็อป 5 บนชาร์ต Billboard Hot 100 ถึงสี่เพลง ได้แก่ “Only in My Dreams”, “Shake Your Love”, “Out of the Blue” และ “Foolish Beat” อัลบั้มนี้ขายได้หลายล้านแผ่นและได้รับสถานะ multi-platinum ตามมาด้วยอัลบั้ม Electric Youth (1989) ที่มีเพลงฮิตอันดับหนึ่งอีกเพลงอย่าง “Lost in Your Eyes” ทำให้เธอมีซิงเกิ้ลท็อป 10 รวมห้าเพลง หลังจากยุคป๊อปวัยรุ่น เธอหันไปทำงานละครบรอดเวย์ เช่น เล่นใน Les Misérables, Grease, Cabaret และ Beauty and the Beast เธอยังคง active ในวงการบันเทิงจนถึงปัจจุบัน รวมถึงการออกอัลบั้มใหม่และทัวร์คอนเสิร์ต Debbie Gibson คือตัวอย่างของศิลปินที่เริ่มจาก teen idol แต่พัฒนาตัวเองไปสู่การเป็นศิลปินหลากหลายแขนง 🎶 ประวัติของเพลง Foolish Beat “Foolish Beat” เป็นซิงเกิ้ลที่สี่จากอัลบั้ม Out of the Blue ปล่อยออกมาในเดือนมีนาคม 1988 (บางแหล่งระบุเมษายน) เพลงนี้แตกต่างจากซิงเกิ้ลก่อนหน้าที่เป็นแนว upbeat โดยเป็นบัลลาดเศร้าที่ Debbie เขียน โปรดิวซ์ และร้องเองทั้งหมด เธอทำงานร่วมกับโปรดิวเซอร์ Fred Zarr เพื่อบันทึกอัลบั้มนี้ในเวลาเพียงสี่สัปดาห์ มิวสิกวิดีโอของเพลง กำกับโดย Nick Willing แสดงภาพ Debbie ในบรรยากาศเศร้า เช่น ในคาบาเรต์ ถนนเมือง และร้านอาหารที่เธอนั่งคนเดียว ซึ่งได้รับการออกอากาศบน MTV และ VH1 ในปี 2010 เธอรีเรคคอร์ดเพลงนี้ใหม่สำหรับ Deluxe Edition ของอัลบั้มญี่ปุ่น เพลงนี้ยังถูกปล่อยในญี่ปุ่นเป็น B-side ของ “Out of the Blue” 💔 ความหมายของเพลง “Foolish Beat” พูดถึงความรู้สึกของเด็กสาววัยรุ่นที่อกหักครั้งแรก เธอรู้สึกเศร้า สงสัยว่าตัวเองจะรักใครได้อีกไหม และตำหนิตัวเองที่ปล่อยให้ความรักจบลงด้วย “foolish beat” หรือจังหวะโง่เขลาในหัวใจ Debbie เขียนเพลงนี้ตอนที่ยังไม่มีประสบการณ์จริงในความรัก เธอ “เดา” ว่าความรักและการสูญเสียจะเป็นยังไง แต่เนื้อเพลงที่เรียบง่ายกลับเปิดช่องให้ผู้ฟังเติมเต็มด้วยประสบการณ์ของตัวเอง ในสัมภาษณ์ปี 2013 เธอบอกว่าตอนนี้เธอร้องเพลงนี้ด้วยความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นหลังจากผ่านความรักจริงๆ เพลงนี้จึงไม่ใช่แค่บัลลาดป๊อป แต่เป็นการสำรวจอารมณ์ที่ซับซ้อนสำหรับวัยรุ่น 🌟 ความดังและความนิยม “Foolish Beat” ขึ้นอันดับหนึ่งบน Billboard Hot 100 เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 1988 ทำให้ Debbie วัย 17 ปี 9 เดือน กลายเป็นศิลปินอายุน้อยที่สุดที่เขียน โปรดิวซ์ และร้องเพลงฮิตอันดับหนึ่งด้วยตัวเอง บันทึกนี้ถูกทำลายโดย Soulja Boy ในปี 2007 แต่เธอยังคงเป็นผู้หญิงอายุน้อยที่สุดที่ทำได้ เพลงนี้ยังติดท็อป 5 ในแคนาดาและไอร์แลนด์ ท็อป 10 ในสหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ และสวิตเซอร์แลนด์ ความนิยมของเพลงช่วยผลักดันอัลบั้ม Out of the Blue ให้ขึ้นอันดับ 7 บน Billboard 200 และทำให้ Debbie กลายเป็นไอดอลวัยรุ่นที่ปรากฏบนปกนิตยสารทั่วโลก แม้ในปี 2025 เพลงนี้ยังถูกกล่าวถึงในบทความและโซเชียลมีเดีย เช่น บน Reddit ที่แฟนๆ ยกย่องว่าเป็นเพลงคลาสสิกยุค 80s และในบทความ回顾ประวัติศาสตร์ดนตรี 👑 มุมมองส่วนตัว: Debbie Gibson คือ Princess of Pop ที่ไม่มีใครเทียบ จากประสบการณ์ของผมที่ติดตามดนตรีป๊อปมานาน Debbie Gibson คือ “Princess of Pop” แท้จริงที่ไม่มีใครเทียบได้จนถึงปัจจุบัน เธอไม่ใช่แค่ร้องเพลง แต่เขียนและโปรดิวซ์เองตั้งแต่อายุยังน้อย ในยุคที่ศิลปินวัยรุ่นมักถูกควบคุมโดยค่าย เธอสร้างสรรค์งานด้วยตัวเอง ทำให้เพลงอย่าง “Foolish Beat” มีความจริงใจและลึกซึ้ง แม้ในยุคปัจจุบันที่มีศิลปินอย่าง Britney Spears หรือ Taylor Swift ที่ถูกเรียกในชื่อคล้ายกัน แต่ Debbie คือต้นแบบที่ผสมผสานพรสวรรค์ดนตรีกับภาพลักษณ์สดใสแบบวัยรุ่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ เธอปูทางให้ศิลปินรุ่นหลัง และแม้เวลาจะผ่านไปกว่า 30 ปี ความมหัศจรรย์ของเธอยังคงอยู่ เหมือนกับที่เพลง “Foolish Beat” สอนเราเรื่องความรักที่ไม่มีวันเก่า 🎗️ #ลุงเล่าหลานฟัง https://www.youtube.com/watch?v=bAhmMOJjTnk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 203 มุมมอง 0 รีวิว
  • แฮกเกอร์โจมตีระบบควบคุมโรงงานในแคนาดา! รัฐบาลเตือนภัย ICS หลังพบการแทรกแซงในน้ำมัน น้ำ และเกษตรกรรม

    รัฐบาลแคนาดาออกประกาศเตือนภัยไซเบอร์หลังพบกลุ่มแฮกเกอร์เจาะระบบควบคุมอุตสาหกรรม (ICS) หลายแห่งทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายที่โรงงานน้ำ, บริษัทน้ำมัน และฟาร์มเกษตร ซึ่งอาจส่งผลต่อความปลอดภัยของประชาชนและชื่อเสียงของประเทศ

    รายงานจาก Cyber Centre และตำรวจม้าแคนาดา (RCMP) ระบุว่ามี “หลายเหตุการณ์” ที่ระบบ ICS ถูกโจมตีผ่านอินเทอร์เน็ต โดยหนึ่งในนั้นคือโรงงานน้ำที่ถูกปรับแรงดันน้ำจนบริการเสียหาย อีกกรณีคือบริษัทน้ำมันที่ระบบตรวจวัดถัง (ATG) ถูกแฮกให้ส่งสัญญาณเตือนผิดพลาด และฟาร์มแห่งหนึ่งที่ระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้นของไซโลถูกเปลี่ยนค่าจนเกือบเกิดอันตราย

    ICS หรือ Industrial Control Systems คือระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ควบคุมโครงสร้างพื้นฐาน เช่น SCADA, DCS และ PLC ซึ่งหากถูกแฮกอาจทำให้ไฟดับ, น้ำไม่ไหล, หรือสายการผลิตหยุดชะงัก

    รัฐบาลแคนาดาเชื่อว่ากลุ่มแฮกเกอร์มีเป้าหมายเพื่อสร้างกระแสในสื่อ, ทำลายความน่าเชื่อถือขององค์กร และ “บั่นทอนชื่อเสียงของแคนาดา” โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศกำลังลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
    โรงงานน้ำถูกปรับแรงดันน้ำจนบริการเสียหาย
    บริษัทน้ำมันถูกแฮกระบบตรวจวัดถังให้ส่งสัญญาณผิด
    ฟาร์มถูกเปลี่ยนค่าควบคุมไซโลจนเกือบเกิดอันตราย

    ความหมายของ ICS
    รวมถึง SCADA, DCS, PLC ที่ควบคุมโครงสร้างพื้นฐาน
    หากถูกแฮกอาจทำให้ไฟดับ, น้ำไม่ไหล, หรือระบบขนส่งหยุด

    คำแนะนำจากรัฐบาลแคนาดา
    ใช้ VPN และ 2FA เพื่อป้องกันการเข้าถึง
    ติดตั้งระบบตรวจจับภัยคุกคามแบบ real-time
    ทำ penetration testing และ vulnerability management อย่างสม่ำเสมอ
    จัดทำเอกสารและแผนการป้องกันสินทรัพย์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

    https://www.techradar.com/pro/security/canada-says-hacktivists-breached-water-and-energy-facilities
    🚨💧 แฮกเกอร์โจมตีระบบควบคุมโรงงานในแคนาดา! รัฐบาลเตือนภัย ICS หลังพบการแทรกแซงในน้ำมัน น้ำ และเกษตรกรรม รัฐบาลแคนาดาออกประกาศเตือนภัยไซเบอร์หลังพบกลุ่มแฮกเกอร์เจาะระบบควบคุมอุตสาหกรรม (ICS) หลายแห่งทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายที่โรงงานน้ำ, บริษัทน้ำมัน และฟาร์มเกษตร ซึ่งอาจส่งผลต่อความปลอดภัยของประชาชนและชื่อเสียงของประเทศ รายงานจาก Cyber Centre และตำรวจม้าแคนาดา (RCMP) ระบุว่ามี “หลายเหตุการณ์” ที่ระบบ ICS ถูกโจมตีผ่านอินเทอร์เน็ต โดยหนึ่งในนั้นคือโรงงานน้ำที่ถูกปรับแรงดันน้ำจนบริการเสียหาย อีกกรณีคือบริษัทน้ำมันที่ระบบตรวจวัดถัง (ATG) ถูกแฮกให้ส่งสัญญาณเตือนผิดพลาด และฟาร์มแห่งหนึ่งที่ระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้นของไซโลถูกเปลี่ยนค่าจนเกือบเกิดอันตราย ICS หรือ Industrial Control Systems คือระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ควบคุมโครงสร้างพื้นฐาน เช่น SCADA, DCS และ PLC ซึ่งหากถูกแฮกอาจทำให้ไฟดับ, น้ำไม่ไหล, หรือสายการผลิตหยุดชะงัก รัฐบาลแคนาดาเชื่อว่ากลุ่มแฮกเกอร์มีเป้าหมายเพื่อสร้างกระแสในสื่อ, ทำลายความน่าเชื่อถือขององค์กร และ “บั่นทอนชื่อเสียงของแคนาดา” โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศกำลังลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ✅ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ➡️ โรงงานน้ำถูกปรับแรงดันน้ำจนบริการเสียหาย ➡️ บริษัทน้ำมันถูกแฮกระบบตรวจวัดถังให้ส่งสัญญาณผิด ➡️ ฟาร์มถูกเปลี่ยนค่าควบคุมไซโลจนเกือบเกิดอันตราย ✅ ความหมายของ ICS ➡️ รวมถึง SCADA, DCS, PLC ที่ควบคุมโครงสร้างพื้นฐาน ➡️ หากถูกแฮกอาจทำให้ไฟดับ, น้ำไม่ไหล, หรือระบบขนส่งหยุด ✅ คำแนะนำจากรัฐบาลแคนาดา ➡️ ใช้ VPN และ 2FA เพื่อป้องกันการเข้าถึง ➡️ ติดตั้งระบบตรวจจับภัยคุกคามแบบ real-time ➡️ ทำ penetration testing และ vulnerability management อย่างสม่ำเสมอ ➡️ จัดทำเอกสารและแผนการป้องกันสินทรัพย์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต https://www.techradar.com/pro/security/canada-says-hacktivists-breached-water-and-energy-facilities
    WWW.TECHRADAR.COM
    Canadian government claims hacktivists are attacking water and energy facilities
    Businesses operating ICS systems need “effective communication and collaboration"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • เล่าให้ฟัง: เมื่ออีโมจิไม่ใช่แค่สื่ออารมณ์ แต่กลายเป็นรหัสลับของอาชญากร

    ในยุคที่อีโมจิกลายเป็นภาษาที่สองของคนรุ่นใหม่ ตำรวจออสเตรเลียพบว่าอีโมจิและสแลงออนไลน์ถูกใช้เป็น “รหัสลับ” ในการวางแผนก่ออาชญากรรม โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นที่เรียกกันว่า “crimefluencers” — กลุ่มเยาวชนที่ถูกชักจูงเข้าสู่เครือข่ายความรุนแรงผ่านโซเชียลมีเดีย

    ผู้บัญชาการ AFP, Krissy Barrett เผยว่า กลุ่มเหล่านี้ไม่มีผู้นำที่ชัดเจน แต่มีเป้าหมายร่วมกันคือ “ความวุ่นวายและความรุนแรง” โดยเฉพาะต่อเด็กหญิงวัยรุ่น พวกเขาใช้แอปเข้ารหัสและอีโมจิ เช่น (ซึ่งอาจหมายถึง “ตาย” หรือ “ขำจนตาย”) หรือ (ที่อาจหมายถึงพิซซ่าจริง ๆ หรือเป็นรหัสส่งยา) เพื่อสื่อสารกันอย่างแนบเนียน

    เพื่อรับมือกับภัยคุกคามนี้ AFP กำลังพัฒนา AI แบบ multimodal ที่สามารถแยกแยะความหมายของอีโมจิและสแลงตามบริบท โดยใช้โมเดล NLP อย่าง BERT ที่เรียนรู้จากข้อมูลโซเชียลมีเดีย เช่น TikTok, Instagram และข้อมูลจากคดีจริง เพื่อให้ AI เข้าใจความหมายที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

    นอกจากนี้ AFP ยังร่วมมือกับกลุ่ม Five Eyes Law Enforcement (สหรัฐฯ, อังกฤษ, แคนาดา, นิวซีแลนด์) และใช้เทคนิคนิติวิทยาศาสตร์แบบใหม่ เช่น การวิเคราะห์มือถือที่ฝังอยู่กับศพ เพื่อประเมินเวลาการเสียชีวิต

    AFP พัฒนา AI ถอดรหัสอีโมจิและสแลงของ Gen Z และ Gen Alpha
    ใช้ในแอปแชตเข้ารหัสและกลุ่มออนไลน์
    เป้าหมายคือกลุ่ม “crimefluencers” ที่ใช้โซเชียลในการวางแผนก่อเหตุ

    ลักษณะของกลุ่ม crimefluencers
    ไม่มีผู้นำชัดเจน แต่มีแนวคิดร่วม เช่น ความรุนแรงและอนาธิปไตย
    ใช้สื่อออนไลน์ล่อลวงวัยรุ่นให้เข้าร่วม โดยบางครั้งต้อง “พิสูจน์ตัว” ด้วยการทำร้ายตัวเอง

    ตัวอย่างการใช้ AI
    แยกแยะอีโมจิที่มีความหมายหลากหลาย เช่น หรือ
    ใช้ language embeddings เพื่อจับบริบท เช่น “pizza drop tonight?” +

    ความร่วมมือและเทคนิคเสริม
    ทำงานร่วมกับ Five Eyes Law Enforcement Group
    ใช้เทคนิค forensic ใหม่ เช่น วิเคราะห์มือถือที่ฝังกับศพเพื่อประเมินเวลาการตาย

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/australias-police-will-soon-start-to-use-ai-to-curb-online-crime-emoji-slang-will-be-decoded-and-translated-for-investigators-to-better-understand-crimefluencers
    🎙️ เล่าให้ฟัง: เมื่ออีโมจิไม่ใช่แค่สื่ออารมณ์ แต่กลายเป็นรหัสลับของอาชญากร ในยุคที่อีโมจิกลายเป็นภาษาที่สองของคนรุ่นใหม่ ตำรวจออสเตรเลียพบว่าอีโมจิและสแลงออนไลน์ถูกใช้เป็น “รหัสลับ” ในการวางแผนก่ออาชญากรรม โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นที่เรียกกันว่า “crimefluencers” — กลุ่มเยาวชนที่ถูกชักจูงเข้าสู่เครือข่ายความรุนแรงผ่านโซเชียลมีเดีย ผู้บัญชาการ AFP, Krissy Barrett เผยว่า กลุ่มเหล่านี้ไม่มีผู้นำที่ชัดเจน แต่มีเป้าหมายร่วมกันคือ “ความวุ่นวายและความรุนแรง” โดยเฉพาะต่อเด็กหญิงวัยรุ่น พวกเขาใช้แอปเข้ารหัสและอีโมจิ เช่น 💀 (ซึ่งอาจหมายถึง “ตาย” หรือ “ขำจนตาย”) หรือ 🍕 (ที่อาจหมายถึงพิซซ่าจริง ๆ หรือเป็นรหัสส่งยา) เพื่อสื่อสารกันอย่างแนบเนียน เพื่อรับมือกับภัยคุกคามนี้ AFP กำลังพัฒนา AI แบบ multimodal ที่สามารถแยกแยะความหมายของอีโมจิและสแลงตามบริบท โดยใช้โมเดล NLP อย่าง BERT ที่เรียนรู้จากข้อมูลโซเชียลมีเดีย เช่น TikTok, Instagram และข้อมูลจากคดีจริง เพื่อให้ AI เข้าใจความหมายที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นอกจากนี้ AFP ยังร่วมมือกับกลุ่ม Five Eyes Law Enforcement (สหรัฐฯ, อังกฤษ, แคนาดา, นิวซีแลนด์) และใช้เทคนิคนิติวิทยาศาสตร์แบบใหม่ เช่น การวิเคราะห์มือถือที่ฝังอยู่กับศพ เพื่อประเมินเวลาการเสียชีวิต ✅ AFP พัฒนา AI ถอดรหัสอีโมจิและสแลงของ Gen Z และ Gen Alpha ➡️ ใช้ในแอปแชตเข้ารหัสและกลุ่มออนไลน์ ➡️ เป้าหมายคือกลุ่ม “crimefluencers” ที่ใช้โซเชียลในการวางแผนก่อเหตุ ✅ ลักษณะของกลุ่ม crimefluencers ➡️ ไม่มีผู้นำชัดเจน แต่มีแนวคิดร่วม เช่น ความรุนแรงและอนาธิปไตย ➡️ ใช้สื่อออนไลน์ล่อลวงวัยรุ่นให้เข้าร่วม โดยบางครั้งต้อง “พิสูจน์ตัว” ด้วยการทำร้ายตัวเอง ✅ ตัวอย่างการใช้ AI ➡️ แยกแยะอีโมจิที่มีความหมายหลากหลาย เช่น 💀 หรือ 🍕 ➡️ ใช้ language embeddings เพื่อจับบริบท เช่น “pizza drop tonight?” + 🩸 ✅ ความร่วมมือและเทคนิคเสริม ➡️ ทำงานร่วมกับ Five Eyes Law Enforcement Group ➡️ ใช้เทคนิค forensic ใหม่ เช่น วิเคราะห์มือถือที่ฝังกับศพเพื่อประเมินเวลาการตาย https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/australias-police-will-soon-start-to-use-ai-to-curb-online-crime-emoji-slang-will-be-decoded-and-translated-for-investigators-to-better-understand-crimefluencers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนเพิ่มพื้นที่ป่าเท่ารัฐเท็กซัส! ความหวังใหม่ท่ามกลางวิกฤตการสูญเสียป่าทั่วโลก

    ในขณะที่โลกยังคงสูญเสียพื้นที่ป่าราว 20 ล้านเอเคอร์ต่อปี โดยเฉพาะในเขตร้อนอย่างบราซิล อินโดนีเซีย และคองโก จีนกลับกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่สวนกระแส ด้วยการเพิ่มพื้นที่ป่ากว่า 173 ล้านเอเคอร์ ตั้งแต่ปี 1990 — เทียบเท่าขนาดของรัฐเท็กซัสเลยทีเดียว!

    เล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่าย จีนใช้กลยุทธ์ปลูกป่าอย่างเข้มข้นเพื่อรับมือกับการขยายตัวของทะเลทราย เช่น ทะเลทรายทาคลามากันและโกบี โดยโครงการปลูกต้นไม้รอบทะเลทรายเหล่านี้เริ่มตั้งแต่ปี 1978 และยังคงดำเนินต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

    แม้จะมีไฟป่าและภัยแล้งที่ทำลายป่าในบางพื้นที่ แต่โดยรวมแล้ว จีน อินเดีย รัสเซีย และประเทศร่ำรวยอื่น ๆ กลับมีแนวโน้มเพิ่มพื้นที่ป่า เนื่องจากการทำเกษตรมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ไม่ต้องขยายพื้นที่เพาะปลูกเหมือนในอดีต

    จีนเพิ่มพื้นที่ป่ามากที่สุดในโลกตั้งแต่ปี 1990
    เพิ่มขึ้นกว่า 173 ล้านเอเคอร์
    ปลูกต้นไม้กว่า 120 ล้านเอเคอร์เพื่อสกัดการขยายตัวของทะเลทราย
    โครงการปลูกป่ารอบทะเลทรายทาคลามากันเสร็จสิ้นในปี 2024
    โครงการรอบทะเลทรายโกบียังดำเนินอยู่

    ประเทศอื่นที่มีแนวโน้มเพิ่มพื้นที่ป่า
    รัสเซียเพิ่มขึ้น 52 ล้านเอเคอร์
    อินเดียเพิ่มขึ้น 22 ล้านเอเคอร์
    แคนาดาเพิ่มขึ้น 20 ล้านเอเคอร์
    สหรัฐฯ และยุโรปมีการฟื้นตัวของป่าเช่นกัน

    สาเหตุหลักของการสูญเสียป่าในโลก
    การแผ้วถางเพื่อเกษตรและปศุสัตว์
    ไฟป่าและภัยแล้งที่รุนแรงขึ้นจากภาวะโลกร้อน

    https://e360.yale.edu/digest/china-new-forest-report
    🌳 จีนเพิ่มพื้นที่ป่าเท่ารัฐเท็กซัส! ความหวังใหม่ท่ามกลางวิกฤตการสูญเสียป่าทั่วโลก ในขณะที่โลกยังคงสูญเสียพื้นที่ป่าราว 20 ล้านเอเคอร์ต่อปี โดยเฉพาะในเขตร้อนอย่างบราซิล อินโดนีเซีย และคองโก จีนกลับกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่สวนกระแส ด้วยการเพิ่มพื้นที่ป่ากว่า 173 ล้านเอเคอร์ ตั้งแต่ปี 1990 — เทียบเท่าขนาดของรัฐเท็กซัสเลยทีเดียว! 🎯 เล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่าย จีนใช้กลยุทธ์ปลูกป่าอย่างเข้มข้นเพื่อรับมือกับการขยายตัวของทะเลทราย เช่น ทะเลทรายทาคลามากันและโกบี โดยโครงการปลูกต้นไม้รอบทะเลทรายเหล่านี้เริ่มตั้งแต่ปี 1978 และยังคงดำเนินต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน แม้จะมีไฟป่าและภัยแล้งที่ทำลายป่าในบางพื้นที่ แต่โดยรวมแล้ว จีน อินเดีย รัสเซีย และประเทศร่ำรวยอื่น ๆ กลับมีแนวโน้มเพิ่มพื้นที่ป่า เนื่องจากการทำเกษตรมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ไม่ต้องขยายพื้นที่เพาะปลูกเหมือนในอดีต ✅ จีนเพิ่มพื้นที่ป่ามากที่สุดในโลกตั้งแต่ปี 1990 ➡️ เพิ่มขึ้นกว่า 173 ล้านเอเคอร์ ➡️ ปลูกต้นไม้กว่า 120 ล้านเอเคอร์เพื่อสกัดการขยายตัวของทะเลทราย ➡️ โครงการปลูกป่ารอบทะเลทรายทาคลามากันเสร็จสิ้นในปี 2024 ➡️ โครงการรอบทะเลทรายโกบียังดำเนินอยู่ ✅ ประเทศอื่นที่มีแนวโน้มเพิ่มพื้นที่ป่า ➡️ รัสเซียเพิ่มขึ้น 52 ล้านเอเคอร์ ➡️ อินเดียเพิ่มขึ้น 22 ล้านเอเคอร์ ➡️ แคนาดาเพิ่มขึ้น 20 ล้านเอเคอร์ ➡️ สหรัฐฯ และยุโรปมีการฟื้นตัวของป่าเช่นกัน ✅ สาเหตุหลักของการสูญเสียป่าในโลก ➡️ การแผ้วถางเพื่อเกษตรและปศุสัตว์ ➡️ ไฟป่าและภัยแล้งที่รุนแรงขึ้นจากภาวะโลกร้อน https://e360.yale.edu/digest/china-new-forest-report
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sora บุกตลาดเอเชีย! แอปสร้างวิดีโอจาก OpenAI พร้อมฟีเจอร์ Cameo สุดฮิตและกฎความปลอดภัยใหม่

    OpenAI เปิดตัว Sora App ในเอเชียอย่างเป็นทางการ พร้อมฟีเจอร์ Cameo ที่ให้ผู้ใช้ใส่ตัวเองลงในวิดีโอ AI และระบบความปลอดภัยหลายชั้นเพื่อป้องกันเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม

    Sora App คือแอปสร้างวิดีโอด้วย AI จาก OpenAI ที่เปิดตัวครั้งแรกในสหรัฐฯ และแคนาดาเมื่อเดือนกันยายน และตอนนี้ได้ขยายสู่เอเชีย โดยเริ่มที่ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีชุมชนครีเอเตอร์ที่แข็งแกร่ง

    ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอปได้ทันทีจาก Apple App Store โดยไม่ต้องใช้โค้ดเชิญ ฟีเจอร์เด่นของ Sora ได้แก่การสร้างวิดีโอจากข้อความ (text-to-video), การรีมิกซ์วิดีโอของผู้ใช้อื่น, ฟีดวิดีโอที่ปรับแต่งได้ และ Cameo — ฟีเจอร์ที่ให้ผู้ใช้บันทึกคลิปและเสียงของตัวเองเพื่อให้ AI สร้างวิดีโอที่มีใบหน้าและเสียงของผู้ใช้ในฉากต่างๆ

    OpenAI เน้นย้ำเรื่องความปลอดภัย โดยใช้ระบบกรองหลายชั้น เช่น การตรวจสอบเฟรมวิดีโอ, คำสั่งข้อความ และเสียง เพื่อป้องกันเนื้อหาลามก, ส่งเสริมการทำร้ายตัวเอง หรือเนื้อหาก่อการร้าย นอกจากนี้ยังมีระบบ watermark แบบ C2PA ที่ฝังในวิดีโอเพื่อระบุว่าเป็นเนื้อหา AI

    ฟีเจอร์ Cameo ยังให้ผู้ใช้ควบคุมสิทธิ์ของตัวเองได้เต็มที่ เช่น ถอนการอนุญาต หรือขอลบวิดีโอที่มีใบหน้าตนเอง แม้จะยังอยู่ในร่างต้นฉบับก็ตาม

    สำหรับผู้ใช้วัยรุ่น Sora มีการจำกัดเวลาการใช้งานรายวัน และเพิ่มการตรวจสอบจากมนุษย์เพื่อป้องกันการกลั่นแกล้ง พร้อมระบบควบคุมโดยผู้ปกครองผ่าน ChatGPT

    สรุปเนื้อหาสำคัญและคำเตือน

    Sora App เปิดตัวในเอเชีย
    เริ่มใช้งานในไต้หวัน ไทย และเวียดนาม
    ดาวน์โหลดได้ทันทีจาก Apple App Store โดยไม่ต้องใช้โค้ดเชิญ

    ฟีเจอร์เด่นของ Sora
    สร้างวิดีโอจากข้อความ (text-to-video)
    รีมิกซ์วิดีโอของผู้ใช้อื่น
    ฟีดวิดีโอที่ปรับแต่งได้
    Cameo: ใส่ใบหน้าและเสียงของผู้ใช้ลงในวิดีโอ AI

    ระบบความปลอดภัยของ Sora
    กรองเนื้อหาด้วยการตรวจสอบเฟรม, ข้อความ และเสียง
    ป้องกันเนื้อหาลามก, ส่งเสริมการทำร้ายตัวเอง และก่อการร้าย
    ใช้ watermark แบบ C2PA เพื่อระบุว่าเป็นวิดีโอจาก AI

    การควบคุมสิทธิ์ของผู้ใช้
    ผู้ใช้สามารถถอนการอนุญาต Cameo ได้ทุกเมื่อ
    ขอให้ลบวิดีโอที่มีใบหน้าตนเองได้ แม้ยังไม่เผยแพร่

    การป้องกันสำหรับผู้ใช้วัยรุ่น
    จำกัดเวลาการใช้งานรายวัน
    เพิ่มการตรวจสอบจากมนุษย์
    ผู้ปกครองสามารถควบคุมผ่าน ChatGPT

    เกร็ดน่ารู้เพิ่มเติม
    เทคโนโลยี C2PA (Coalition for Content Provenance and Authenticity) เป็นมาตรฐานใหม่ที่ใช้ระบุแหล่งที่มาของเนื้อหาดิจิทัล
    ฟีเจอร์ Cameo คล้ายกับเทคโนโลยี deepfake แต่มีการควบคุมสิทธิ์และความปลอดภัยมากกว่า
    การเปิดตัวในเอเชียสะท้อนถึงการเติบโตของตลาดครีเอเตอร์ในภูมิภาคนี้อย่างชัดเจน

    https://securityonline.info/openai-launches-sora-app-in-asia-featuring-viral-cameos-and-new-safety-rules/
    📹 Sora บุกตลาดเอเชีย! แอปสร้างวิดีโอจาก OpenAI พร้อมฟีเจอร์ Cameo สุดฮิตและกฎความปลอดภัยใหม่ OpenAI เปิดตัว Sora App ในเอเชียอย่างเป็นทางการ พร้อมฟีเจอร์ Cameo ที่ให้ผู้ใช้ใส่ตัวเองลงในวิดีโอ AI และระบบความปลอดภัยหลายชั้นเพื่อป้องกันเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม Sora App คือแอปสร้างวิดีโอด้วย AI จาก OpenAI ที่เปิดตัวครั้งแรกในสหรัฐฯ และแคนาดาเมื่อเดือนกันยายน และตอนนี้ได้ขยายสู่เอเชีย โดยเริ่มที่ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีชุมชนครีเอเตอร์ที่แข็งแกร่ง ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอปได้ทันทีจาก Apple App Store โดยไม่ต้องใช้โค้ดเชิญ ฟีเจอร์เด่นของ Sora ได้แก่การสร้างวิดีโอจากข้อความ (text-to-video), การรีมิกซ์วิดีโอของผู้ใช้อื่น, ฟีดวิดีโอที่ปรับแต่งได้ และ Cameo — ฟีเจอร์ที่ให้ผู้ใช้บันทึกคลิปและเสียงของตัวเองเพื่อให้ AI สร้างวิดีโอที่มีใบหน้าและเสียงของผู้ใช้ในฉากต่างๆ OpenAI เน้นย้ำเรื่องความปลอดภัย โดยใช้ระบบกรองหลายชั้น เช่น การตรวจสอบเฟรมวิดีโอ, คำสั่งข้อความ และเสียง เพื่อป้องกันเนื้อหาลามก, ส่งเสริมการทำร้ายตัวเอง หรือเนื้อหาก่อการร้าย นอกจากนี้ยังมีระบบ watermark แบบ C2PA ที่ฝังในวิดีโอเพื่อระบุว่าเป็นเนื้อหา AI ฟีเจอร์ Cameo ยังให้ผู้ใช้ควบคุมสิทธิ์ของตัวเองได้เต็มที่ เช่น ถอนการอนุญาต หรือขอลบวิดีโอที่มีใบหน้าตนเอง แม้จะยังอยู่ในร่างต้นฉบับก็ตาม สำหรับผู้ใช้วัยรุ่น Sora มีการจำกัดเวลาการใช้งานรายวัน และเพิ่มการตรวจสอบจากมนุษย์เพื่อป้องกันการกลั่นแกล้ง พร้อมระบบควบคุมโดยผู้ปกครองผ่าน ChatGPT 📌 สรุปเนื้อหาสำคัญและคำเตือน ✅ Sora App เปิดตัวในเอเชีย ➡️ เริ่มใช้งานในไต้หวัน ไทย และเวียดนาม ➡️ ดาวน์โหลดได้ทันทีจาก Apple App Store โดยไม่ต้องใช้โค้ดเชิญ ✅ ฟีเจอร์เด่นของ Sora ➡️ สร้างวิดีโอจากข้อความ (text-to-video) ➡️ รีมิกซ์วิดีโอของผู้ใช้อื่น ➡️ ฟีดวิดีโอที่ปรับแต่งได้ ➡️ Cameo: ใส่ใบหน้าและเสียงของผู้ใช้ลงในวิดีโอ AI ✅ ระบบความปลอดภัยของ Sora ➡️ กรองเนื้อหาด้วยการตรวจสอบเฟรม, ข้อความ และเสียง ➡️ ป้องกันเนื้อหาลามก, ส่งเสริมการทำร้ายตัวเอง และก่อการร้าย ➡️ ใช้ watermark แบบ C2PA เพื่อระบุว่าเป็นวิดีโอจาก AI ✅ การควบคุมสิทธิ์ของผู้ใช้ ➡️ ผู้ใช้สามารถถอนการอนุญาต Cameo ได้ทุกเมื่อ ➡️ ขอให้ลบวิดีโอที่มีใบหน้าตนเองได้ แม้ยังไม่เผยแพร่ ✅ การป้องกันสำหรับผู้ใช้วัยรุ่น ➡️ จำกัดเวลาการใช้งานรายวัน ➡️ เพิ่มการตรวจสอบจากมนุษย์ ➡️ ผู้ปกครองสามารถควบคุมผ่าน ChatGPT 🌐 เกร็ดน่ารู้เพิ่มเติม 💠 เทคโนโลยี C2PA (Coalition for Content Provenance and Authenticity) เป็นมาตรฐานใหม่ที่ใช้ระบุแหล่งที่มาของเนื้อหาดิจิทัล 💠 ฟีเจอร์ Cameo คล้ายกับเทคโนโลยี deepfake แต่มีการควบคุมสิทธิ์และความปลอดภัยมากกว่า 💠 การเปิดตัวในเอเชียสะท้อนถึงการเติบโตของตลาดครีเอเตอร์ในภูมิภาคนี้อย่างชัดเจน https://securityonline.info/openai-launches-sora-app-in-asia-featuring-viral-cameos-and-new-safety-rules/
    SECURITYONLINE.INFO
    OpenAI Launches Sora App in Asia, Featuring Viral ‘Cameos’ and New Safety Rules
    OpenAI expanded the Sora App to Asia, featuring the popular 'Cameos' tool and strict copyright safeguards after calls from the Japanese government.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้มข้ามศตวรรษ – สร้างฉากปฏิวัติ 4 – 5
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ”

    ตอน 4

    หลังจากนายTrotsky ออกเดินทางจากนครนิวยอร์คได้ไม่นาน เมื่อเรือ S S Kristainiafjord มาถึงเมือง Halifax ประเทศแคนาดา ในวันที่ 3 เมษายน 1917 Trotsky ก็ถูกทางการแคนาดานำตัวขึ้นจากเรือ คราวนี้เขาถูกตั้งข้อหาว่า เป็นนักโทษสงครามชาวเยอรมัน และถูกคุมตัวไว้ที่เมือง Amherst ที่ ค่ายกักกันนักโทษเยอรมัน ไม่ใช่อยู่คุกแบบชั้นหนี่งอีกแล้ว ส่วนเมียของ Trotsky และลูก อีก 2 คน รวมทั้งพรรคพวกอีก 5 คน ซึ่งอ้างตัวเองว่าเป็นคนรัสเซีย ก็ถูกส่งไปอยู่ที่ค่ายกักกันนี้ด้วย

    เจ้าหน้าที่แคนาดาได้บันทึกราย ละเอียดเกี่ยวกับ Trotsky ไว้ในแบบฟอร์ม LB-1V หมายเลข 1098 ว่า “อายุ 37 ปี ลี้ภัยการเมือง อาชีพสื่อ เกิดที่เมือง Gromskty, Chuson รัสเซีย สัญชาติรัสเซีย” และTrotsky ได้เขียนชื่อเต็มของตัวเองในแบบฟอร์ม ว่า Leon Bromstein Trotsky

    Trotsky และคณะ ถูกให้นำตัวขึ้นจากเรือ S S Kristainiafjord โดยคำสั่งทางโทรเลขลงวันที่ 29 มี ค 1917 ส่งมาจากกองทัพเรือของอังกฤษ ทีลอนดอน มาที่ด่าน Halifax ในโทรเลขระบุว่า

    “ให้นำขึ้นจากเรือและคุมตัวไว้ เพื่อรอคำสั่ง เนื่องจากพวกสังคมนิยมกลุ่มนี้ กำลังเดินทางเพื่อไปทำการปฏิวัติรัฐบาลรัสเซียชุดปัจจุบัน โดย Trotsky รับเงินจำนวน 1 หมื่นเหรียญ มาจากพวกสังคมนิยมเยอรมัน”

    หลังจากรับโทรเลขของกองทัพเรือ กัปตัน O M Makins ก็แจ้งกลับไปทาง Halifax เมื่อวันที่ 1 เม.ย 1917 ว่า ได้ตรวจดูผู้โดยสารชาวรัสเซียที่มากับเรือ S S Kristainiafjord แล้ว พบว่ามี 6 คน ที่บอกว่าตนเองเป็นพวกสังคมนิยม และกัปตันเตรียมที่จะเชิญคนพวกนี้ขึ้นไปจากเรือ พร้อมด้วยเมียนาย Trotsky และลูก 2 คน เมื่อถึงเมือง Halifax

    วันที่ 7 เม.ย. 1917 เจ้าหน้าที่เมือง Ottawa บันทึกเกี่ยวกับเรื่องการกักตัวพวกสังคมนิยมชาวรัสเซียว่า ” เราได้รับโทรเลขยาวเหยียด จากกงสุลรัสเซียประจำ Montreal ประท้วง การกักตัวบุคคลดังกล่าว เนื่องจากบุคคลดังกล่าว ถือพาสปอร์ตที่ออกโดยกงสุลใหญ่รัสเซียประจำเมืองนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา และเราจะต้องปล่อยตัวพวกเขา เมื่อมีข้อพิสูจน์ว่า พวกเขาไม่ได้เป็นชาวเยอรมัน แต่เป็นพวกสัมพันธมิตร ”

    (หมายเหตุ: ในช่วงเริ่มต้นของสงครามโลกครั้ง ที่ 1 รัสเซีย อยู่ฝ่ายเดียวกับอังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี ฯลฯ ที่เรียกกันว่า ฝ่าย “สัมพันธมิตร” เพื่อรบ กับอีกฝ่าย ที่นำโดย เยอรมันและ ออสเตรีย ฮังการี ฯลฯ )

    ข้อมูลชักเริ่มไปคนละทาง
    นอกจากนี้ ยังมีโทรเลขจากทนายความในนิวยอร์ค ชื่อ N. Aleinikoff แจ้งไปยัง R.M. Coulter นายด่านที่เมือง Ottawa “ชาวรัสเซียลี้ภัยทางการเมือง ถูกกักตัวที่ Halifax และอยู่ค่ายกักกัน Amherst โปรดตรวจสอบสาเหตุของการกักตัว และแจ้งรายชื่อมาด้วย เชื่อว่าในฐานะเป็นผู้รักเสรีภาพ คุณคงจะดูแลพวกเขาอย่างดี”

    วันที่ 11 เม.ย. R.M. Coulter โทรเลขกลับไปหานาย Aleinikoff ว่า “ได้รับโทรเลขแล้ว จะเขียนกลับไปหาบ่ายนี้ คุณคงได้รับพรุ่งนี้เย็น”

    จดหมายของ R.M. Coulter ถึง Aleinikoff มีข้อความน่าสนใจ “……พวกเขาต้องสงสัยว่า โฆษณาชวนเชื่อให้คัดค้านรัฐบาลรัสเซียปัจจุบัน และถูกสงสัยว่า เป็นสายลับของเยอรมัน แต่พวกเขาคงไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกอ้าง พวกเขาไม่ได้ถูกกักตัวโดยแคนาดา แต่เป็นคำสั่งมาจากนายใหญ่ที่อังกฤษ และเราจะดูแลเขาอย่างดี….”

    Aleinikoff ติดต่อกับ Coulter อีกหลายครั้ง เพื่อบอกว่าตนเองสนิทสนมกับ Trotsky เป็นอย่างดี และการที่กลุ่มของ Trotsky แสดงอาการที่ดูเหมือนไม่เป็นมิตรกับรัสเซีย ก็เพราะไม่พอใจการกระทำของรัสเซียสมัยซาร์ ต่อพวกยิว แต่ขณะนี้พวกเขาก็ดูจะไม่มีปฏิกริยารุนแรงต่อผู้บริหารปัจจุบันของรัสเซีย(หมายถึงกลุ่ม Kerensky) จึงขอให้ Coulter ช่วยหาทางติดต่อพูดกับนายใหญ่ต ่อไปด้วย ในที่สุด R.M. Coulter ก็ส่งจดหมายทั้งหมดของ Aleinikoff ไปให้นายใหญ่ของตน คือ Major General Willoughby Gwatkin ที่แคนาดา ให้พิจารณา

    วันที่ 21 เม.ย. Gwatkin แจ้ง Coulter ว่า “เพื่อนของเรา พวกสังคมนิยมชาวรัสเซีย จะได้รับการปล่อยตัว และจะมีการจัดการให้พวกเขาเดินทางไปยุโรป ผู้ที่อนุมัติการปล่อยตัวกลุ่ม Trotsky คือนายใหญ่ที่ลอนดอน หวังว่าข่าวนี้คงเป็นที่พอใจกับทางนิวยอร์คอย่างยิ่ง”

    นาย Trotsky นี่ นอกจากน่าสงสัยว่า มีปลอกคอแล้ว เขาคงมีเส้นใหญ่อีกด้วย Coulter และ Gwatkin ถึงออกแรงเต็มที่ เพื่อให้ปล่อยตัว

    พวกเขาเกี่ยว หรือพัวพัน กันอย่างไร ?!!

    จากเอกสารที่ทางแคนาดา เปิดเผยภายหลังระบุว่า Coulter เป็นแพทย์ชาวไอริช จบแพทย์จากสก๊อตแลนด์ ส่วน Major General Willoughby Gwatkin เป็นทหารอังกฤษ ถูกส่งให้มาประจำอยู่ที่แคนาดา ตั้งแต่ ค.ศ.1905 ถึง 1918 ดูแล้วยังไม่เห็นความเชื่อมโยง ความเกี่ยว ความพัน ที่จะต้องให้ทั้ง 2 คน ช่วยกันออกแรง ให้มีการปล่อยตัวกลุ่มนายTrotsky

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ”

    ตอน 5
    เรื่องการปล่อยตัวนาย Trotsky มันน่าสงสัย แต่ไม่มีฝ่ายใดออกมาชี้แจง ผ่านไปปีกว่า มีคนขี้สงสัย ออกมาเขียนทวง

    ในปี ค.ศ.1918 Colonel John Bayne Maclean นักธุรกิจชาวแคนาดา เจ้าของโรงพิมพ์ใหญ่ และมีความคุ้นเคยอย่างดี กับพวกข่าวกรองของแคนาดา ทนไม่ไหว ลุกขึ้นมาเขียนบทความเมื่อปี ค.ศ.1918 ลงในนิตยสารของเขาเอง เรื่อง “Why did We let Trotsky Go?” ทำไมเราถึงปล่อยตัว Trotsky?

    ใครคือ Trotsky ? Maclean บอกว่า Trotsky ไม่ใช่คนรัสเซีย แต่เป็นคนเยอรมัน เขาพูดภาษาเยอรมันได้ดีกว่าภาษารัสเซียเสียอีก เขาอยู่ในกลุ่ม “Black Bond” ของเยอรมัน แต่ภายหลังเล่นละครว่า ถูกไล่ออกมาจากเบอร์ลินในปี ค.ศ.1914 แล้วมาโผล่อยู่ที่อเมริกา เพื่อรวบรวมพรรคพวกที่อเมริกาและแคนาดา จากกลุ่มคนที่อ้างว่าเป็นรัสเซีย แต่ความจริง คนพวกนั้นเป็นเยอรมันกับออสเตรีย เพื่อไปทำการปฏิวัติที่รัสเซีย

    นาย Maclean บรรยายต่อไปว่า: ทางการอังกฤษ รู้จากพรรคพวกที่เป็นคนรัสเซียว่า ทั้ง Kerensky, Lenin และหัวหน้าย่อยๆลงมา ต่างได้รับค่าจ้างจากเยอรมันทั้งนั้น ตั้งแต่ปี ค.ศ.1915 และมารู้ข้อมูลเพิ่มเติมในปี ค.ศ.1916 ว่า Trotsky หลบมาอาศัยอยู่ที่นิวยอร์ค จากนั้น กลุ่ม Bomb Squad ของอเมริกา ก็ตามต่อ ต้นปี ค.ศ. 1916 มีรายงานหลุดมาว่า มีเจ้าหน้าที่เยอรมันคนหนึ่ง กำลังนั่งเรือเพื่อมานิวยอร์ค ฝ่ายข่าวกรองอังกฤษประกบติดคนเยอรมันดังกล่าว ซึ่งถูกกักตัวไว้ที่ Halifax ภายหลังมีการขอโทษที่กักตัวไว้ และในที่สุดก็ปล่อยตัวไป ฝ่ายข่าวกรองไม่ยอมปล่อยมือ ทำการแกะรอยตามต่อ ไปพบตัวอยู่ในสำนักพิมพ์เก่าๆ แถวนิวยอร์คใช้ชื่อว่า Trotsky และรู้ว่าชื่อจริงคือ Braustein และเป็นคนเยอรมัน ไม่ใช่คนรัสเซีย

    Maclean บอกว่า เงินลึกลับ 1 หมื่นเหรียญ มาจากพวกเยอรมันในนิวยอร์ค และการปล่อยตัว Trotsky มาจากคำขอร้องของ Kerensky ซึ่งพวกอังกฤษเข้าใจว่า การปฏิวัติของ Kerensky จะทำให้รัสเซียยังอยู่ในกลุ่มสัมพันธมิตร และร่วมกันต่อสู้เยอรมัน แต่หลังจากมีการปล่อยตัว Trotsky ไปแล้วหลายเดือน ทหารแคนาดาที่ประจำการอยู่ที่รัสเซียและสามารถพูดภาษารัสเซียได้ รายงานไปทางลอนดอนและวอชิงตันว่า Kerensky เองก็เป็นคนเยอรมัน !
    ข่าวของนาย Maclean นี่ สงสัยต้องกรองแยะหน่อย

    ขณะเดียวกัน ก็มีข่าวลือมาจากวงในระดับสูง ว่า Trotsky ได้ รับการปล่อยตัวจากคำร้องขอ ของสถานฑูตอังกฤษในวอชิงตัน ซึ่งถูกขอร้องโดยกระทรวงต่างประเทศอเมริกัน ซึ่งทำการแทนใครบางคน…อีกต่อหนึ่ง ฝ่ายแคนาดาถูกสั่งให้แจ้งแก่สื่อว่า การปล่อยตัว Trotsky เป็นไปตามคำสั่งของกระทรวงต่างประเทศของอเมริกา

    ข่าวนี้จริงหรือเปล่ายังไม่รู้ แต่น่าสนใจกว่าข่าวของนาย Maclean

    ข้อมูลเกี่ยวกับนาย Trotsky เท่าที่มีจนถึงตอนนี้ มาจากหลายฝ่ายและดูสับสน แต่ก็พอจับความได้ว่า นาย Trotsky กำลังเดินทางจากนิวยอร์คไป Petrograd (คือเมือง St Petersberg ในปัจจุบัน) ด้วยพาสปอร์ตของอเมริกา ที่มีการอ้างว่า ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ของอเมริกาเป็นคนจัดการให้ โดยมีการพูดกันว่า นาย Trotsky จะไปทำการปฏิวัติรัสเซีย ให้สมบูรณ์ (ปฏิวัติรอบ 2 ?) ส่วนรัฐบาลอังกฤษ มีส่วนสำคัญในการปล่อยตัว Trotsky จากแคนาดา ในเดือน เม.ย. 1917 ด้วยเหตุผลใดยังไม่รู้

    ส่วนนาย Cranes คงเป็นผู้มีบทบาทสำคัญคนหนึ่ง เกี่ยวกับการปฏิวัติในรัสเซีย ด้านหนึ่ง คงเชื่อมกับ Lincoln Steffens และอีกด้านอาจจะเชื่อมกับ Trotsky ขณะที่ Cranes ไม่มีตำแหน่งทางการเมือง แต่ลูกชายของ Cranes เป็นผู้ช่วย ของรัฐมนตรีต่างประเทศ Robert Lansing ที่ได้รับการไว้วางใจอย่างยิ่ง และ Cranes คนพ่อ ได้รับการรายงานเกี่ยวกับปฏิวัติบอลเซวิกอย่างละเอียดจากทางการ นอกจากนี้ Cranes น่าจะมีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลอเมริกัน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล

    ความน่าสนใจ ไม่ใช่แค่การเชื่อมโยง ของบุคคลด้านอเมริกา กับTrotsky นักปฏิวัติรัสเซียเท่านั้น แต่การที่ Trotsky บอกว่า รัฐบาลเฉพาะกาล Provisional ของ Kerensky คงเป็นรัฐบาลเฉพาะกาลชั่วคราว และเหมือนจะมีการปฏิวัติซ้ำตามมานั้น ตกลงมันเป็นเรื่องรู้กันอยู่ มวยล้มต้มคนดู ตั้งแต่ต้นอย่างนั้นหรือ

    แต่ประเด็นสำคัญ ที่ต้องตามดูอย่างยิ่งคือ ตกลง Trotsky ทำการปฏิวัติรัสเซียให้ใคร มันเป็นการปฏิวัติ ตามอุดมการณ์ของตัวเขาเอง หรือเขาเป็นเพียง “ผู้รับจ้าง” ให้ทำการปฏิวัติ และถ้าเป็น “ผู้รับจ้าง” ใครเป็นผู้จ้างเขา และผู้จ้าง Trotsky ทำไปเพื่ออะไร หรือ Trotsky เล่นบท 2 หน้า

    มีรายงานวันที่ 20 มีนาคม 1918 จากมอสโคว์ จากข่าวของ นสพ รัสเซีย Russkoe Slovo ว่า ได้มีการสัมภาษณ์ Trotsky ซึ่งพูดชัดเจนว่า การเป็นพันธมิตรกับอเมริกาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ โซเวียตไม่มีทางเป็นมิตรกับพวกทุนนิยมอย่างอเมริกา มันเป็นการทรยศต่ออุดมการณ์ และเป็นไปไม่ได้ ที่อเมริกาจะมาสร้างสัมพันธ์กับเรา ยังไงก็เป็นไปไม่ได้ ที่เราจะคบค้ากับประเทศที่เป็นสังคมนายทุน

    ในขณะเดียวกัน ก็มีรายงานมาจากทางมอสโคว์เช่นเดียวกัน เป็นโทรเลขลงวันที่ 17 มีนาคม 1918 จากฑูต Francis ของอเมริกา ที่ประจำอยู่ที่รัสเซีย แจ้งไปทางกระทรวงต่างประเทศอเมริกาว่า “Trotsky ขอให้ทางเราส่งเจ้าหน้าที่อเมริกันมา 5 คน เพื่อมาช่วยสำรวจกองทัพ รวมทั้งส่งคนและสิ่งของมาเพื่อจัดการเรื่องทางรถไฟ”

    โทรเลขดังกล่าวของฑูต Francis ดูเป็นการขัดและสวนทางกับการให้สัมภาษณ์ของ Trotsky ต้องมีฝ่ายหนึ่งที่พูดไม่จริง

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    24 เม.ย. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – สร้างฉากปฏิวัติ 4 – 5 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ” ตอน 4 หลังจากนายTrotsky ออกเดินทางจากนครนิวยอร์คได้ไม่นาน เมื่อเรือ S S Kristainiafjord มาถึงเมือง Halifax ประเทศแคนาดา ในวันที่ 3 เมษายน 1917 Trotsky ก็ถูกทางการแคนาดานำตัวขึ้นจากเรือ คราวนี้เขาถูกตั้งข้อหาว่า เป็นนักโทษสงครามชาวเยอรมัน และถูกคุมตัวไว้ที่เมือง Amherst ที่ ค่ายกักกันนักโทษเยอรมัน ไม่ใช่อยู่คุกแบบชั้นหนี่งอีกแล้ว ส่วนเมียของ Trotsky และลูก อีก 2 คน รวมทั้งพรรคพวกอีก 5 คน ซึ่งอ้างตัวเองว่าเป็นคนรัสเซีย ก็ถูกส่งไปอยู่ที่ค่ายกักกันนี้ด้วย เจ้าหน้าที่แคนาดาได้บันทึกราย ละเอียดเกี่ยวกับ Trotsky ไว้ในแบบฟอร์ม LB-1V หมายเลข 1098 ว่า “อายุ 37 ปี ลี้ภัยการเมือง อาชีพสื่อ เกิดที่เมือง Gromskty, Chuson รัสเซีย สัญชาติรัสเซีย” และTrotsky ได้เขียนชื่อเต็มของตัวเองในแบบฟอร์ม ว่า Leon Bromstein Trotsky Trotsky และคณะ ถูกให้นำตัวขึ้นจากเรือ S S Kristainiafjord โดยคำสั่งทางโทรเลขลงวันที่ 29 มี ค 1917 ส่งมาจากกองทัพเรือของอังกฤษ ทีลอนดอน มาที่ด่าน Halifax ในโทรเลขระบุว่า “ให้นำขึ้นจากเรือและคุมตัวไว้ เพื่อรอคำสั่ง เนื่องจากพวกสังคมนิยมกลุ่มนี้ กำลังเดินทางเพื่อไปทำการปฏิวัติรัฐบาลรัสเซียชุดปัจจุบัน โดย Trotsky รับเงินจำนวน 1 หมื่นเหรียญ มาจากพวกสังคมนิยมเยอรมัน” หลังจากรับโทรเลขของกองทัพเรือ กัปตัน O M Makins ก็แจ้งกลับไปทาง Halifax เมื่อวันที่ 1 เม.ย 1917 ว่า ได้ตรวจดูผู้โดยสารชาวรัสเซียที่มากับเรือ S S Kristainiafjord แล้ว พบว่ามี 6 คน ที่บอกว่าตนเองเป็นพวกสังคมนิยม และกัปตันเตรียมที่จะเชิญคนพวกนี้ขึ้นไปจากเรือ พร้อมด้วยเมียนาย Trotsky และลูก 2 คน เมื่อถึงเมือง Halifax วันที่ 7 เม.ย. 1917 เจ้าหน้าที่เมือง Ottawa บันทึกเกี่ยวกับเรื่องการกักตัวพวกสังคมนิยมชาวรัสเซียว่า ” เราได้รับโทรเลขยาวเหยียด จากกงสุลรัสเซียประจำ Montreal ประท้วง การกักตัวบุคคลดังกล่าว เนื่องจากบุคคลดังกล่าว ถือพาสปอร์ตที่ออกโดยกงสุลใหญ่รัสเซียประจำเมืองนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา และเราจะต้องปล่อยตัวพวกเขา เมื่อมีข้อพิสูจน์ว่า พวกเขาไม่ได้เป็นชาวเยอรมัน แต่เป็นพวกสัมพันธมิตร ” (หมายเหตุ: ในช่วงเริ่มต้นของสงครามโลกครั้ง ที่ 1 รัสเซีย อยู่ฝ่ายเดียวกับอังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี ฯลฯ ที่เรียกกันว่า ฝ่าย “สัมพันธมิตร” เพื่อรบ กับอีกฝ่าย ที่นำโดย เยอรมันและ ออสเตรีย ฮังการี ฯลฯ ) ข้อมูลชักเริ่มไปคนละทาง นอกจากนี้ ยังมีโทรเลขจากทนายความในนิวยอร์ค ชื่อ N. Aleinikoff แจ้งไปยัง R.M. Coulter นายด่านที่เมือง Ottawa “ชาวรัสเซียลี้ภัยทางการเมือง ถูกกักตัวที่ Halifax และอยู่ค่ายกักกัน Amherst โปรดตรวจสอบสาเหตุของการกักตัว และแจ้งรายชื่อมาด้วย เชื่อว่าในฐานะเป็นผู้รักเสรีภาพ คุณคงจะดูแลพวกเขาอย่างดี” วันที่ 11 เม.ย. R.M. Coulter โทรเลขกลับไปหานาย Aleinikoff ว่า “ได้รับโทรเลขแล้ว จะเขียนกลับไปหาบ่ายนี้ คุณคงได้รับพรุ่งนี้เย็น” จดหมายของ R.M. Coulter ถึง Aleinikoff มีข้อความน่าสนใจ “……พวกเขาต้องสงสัยว่า โฆษณาชวนเชื่อให้คัดค้านรัฐบาลรัสเซียปัจจุบัน และถูกสงสัยว่า เป็นสายลับของเยอรมัน แต่พวกเขาคงไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกอ้าง พวกเขาไม่ได้ถูกกักตัวโดยแคนาดา แต่เป็นคำสั่งมาจากนายใหญ่ที่อังกฤษ และเราจะดูแลเขาอย่างดี….” Aleinikoff ติดต่อกับ Coulter อีกหลายครั้ง เพื่อบอกว่าตนเองสนิทสนมกับ Trotsky เป็นอย่างดี และการที่กลุ่มของ Trotsky แสดงอาการที่ดูเหมือนไม่เป็นมิตรกับรัสเซีย ก็เพราะไม่พอใจการกระทำของรัสเซียสมัยซาร์ ต่อพวกยิว แต่ขณะนี้พวกเขาก็ดูจะไม่มีปฏิกริยารุนแรงต่อผู้บริหารปัจจุบันของรัสเซีย(หมายถึงกลุ่ม Kerensky) จึงขอให้ Coulter ช่วยหาทางติดต่อพูดกับนายใหญ่ต ่อไปด้วย ในที่สุด R.M. Coulter ก็ส่งจดหมายทั้งหมดของ Aleinikoff ไปให้นายใหญ่ของตน คือ Major General Willoughby Gwatkin ที่แคนาดา ให้พิจารณา วันที่ 21 เม.ย. Gwatkin แจ้ง Coulter ว่า “เพื่อนของเรา พวกสังคมนิยมชาวรัสเซีย จะได้รับการปล่อยตัว และจะมีการจัดการให้พวกเขาเดินทางไปยุโรป ผู้ที่อนุมัติการปล่อยตัวกลุ่ม Trotsky คือนายใหญ่ที่ลอนดอน หวังว่าข่าวนี้คงเป็นที่พอใจกับทางนิวยอร์คอย่างยิ่ง” นาย Trotsky นี่ นอกจากน่าสงสัยว่า มีปลอกคอแล้ว เขาคงมีเส้นใหญ่อีกด้วย Coulter และ Gwatkin ถึงออกแรงเต็มที่ เพื่อให้ปล่อยตัว พวกเขาเกี่ยว หรือพัวพัน กันอย่างไร ?!! จากเอกสารที่ทางแคนาดา เปิดเผยภายหลังระบุว่า Coulter เป็นแพทย์ชาวไอริช จบแพทย์จากสก๊อตแลนด์ ส่วน Major General Willoughby Gwatkin เป็นทหารอังกฤษ ถูกส่งให้มาประจำอยู่ที่แคนาดา ตั้งแต่ ค.ศ.1905 ถึง 1918 ดูแล้วยังไม่เห็นความเชื่อมโยง ความเกี่ยว ความพัน ที่จะต้องให้ทั้ง 2 คน ช่วยกันออกแรง ให้มีการปล่อยตัวกลุ่มนายTrotsky นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ” ตอน 5 เรื่องการปล่อยตัวนาย Trotsky มันน่าสงสัย แต่ไม่มีฝ่ายใดออกมาชี้แจง ผ่านไปปีกว่า มีคนขี้สงสัย ออกมาเขียนทวง ในปี ค.ศ.1918 Colonel John Bayne Maclean นักธุรกิจชาวแคนาดา เจ้าของโรงพิมพ์ใหญ่ และมีความคุ้นเคยอย่างดี กับพวกข่าวกรองของแคนาดา ทนไม่ไหว ลุกขึ้นมาเขียนบทความเมื่อปี ค.ศ.1918 ลงในนิตยสารของเขาเอง เรื่อง “Why did We let Trotsky Go?” ทำไมเราถึงปล่อยตัว Trotsky? ใครคือ Trotsky ? Maclean บอกว่า Trotsky ไม่ใช่คนรัสเซีย แต่เป็นคนเยอรมัน เขาพูดภาษาเยอรมันได้ดีกว่าภาษารัสเซียเสียอีก เขาอยู่ในกลุ่ม “Black Bond” ของเยอรมัน แต่ภายหลังเล่นละครว่า ถูกไล่ออกมาจากเบอร์ลินในปี ค.ศ.1914 แล้วมาโผล่อยู่ที่อเมริกา เพื่อรวบรวมพรรคพวกที่อเมริกาและแคนาดา จากกลุ่มคนที่อ้างว่าเป็นรัสเซีย แต่ความจริง คนพวกนั้นเป็นเยอรมันกับออสเตรีย เพื่อไปทำการปฏิวัติที่รัสเซีย นาย Maclean บรรยายต่อไปว่า: ทางการอังกฤษ รู้จากพรรคพวกที่เป็นคนรัสเซียว่า ทั้ง Kerensky, Lenin และหัวหน้าย่อยๆลงมา ต่างได้รับค่าจ้างจากเยอรมันทั้งนั้น ตั้งแต่ปี ค.ศ.1915 และมารู้ข้อมูลเพิ่มเติมในปี ค.ศ.1916 ว่า Trotsky หลบมาอาศัยอยู่ที่นิวยอร์ค จากนั้น กลุ่ม Bomb Squad ของอเมริกา ก็ตามต่อ ต้นปี ค.ศ. 1916 มีรายงานหลุดมาว่า มีเจ้าหน้าที่เยอรมันคนหนึ่ง กำลังนั่งเรือเพื่อมานิวยอร์ค ฝ่ายข่าวกรองอังกฤษประกบติดคนเยอรมันดังกล่าว ซึ่งถูกกักตัวไว้ที่ Halifax ภายหลังมีการขอโทษที่กักตัวไว้ และในที่สุดก็ปล่อยตัวไป ฝ่ายข่าวกรองไม่ยอมปล่อยมือ ทำการแกะรอยตามต่อ ไปพบตัวอยู่ในสำนักพิมพ์เก่าๆ แถวนิวยอร์คใช้ชื่อว่า Trotsky และรู้ว่าชื่อจริงคือ Braustein และเป็นคนเยอรมัน ไม่ใช่คนรัสเซีย Maclean บอกว่า เงินลึกลับ 1 หมื่นเหรียญ มาจากพวกเยอรมันในนิวยอร์ค และการปล่อยตัว Trotsky มาจากคำขอร้องของ Kerensky ซึ่งพวกอังกฤษเข้าใจว่า การปฏิวัติของ Kerensky จะทำให้รัสเซียยังอยู่ในกลุ่มสัมพันธมิตร และร่วมกันต่อสู้เยอรมัน แต่หลังจากมีการปล่อยตัว Trotsky ไปแล้วหลายเดือน ทหารแคนาดาที่ประจำการอยู่ที่รัสเซียและสามารถพูดภาษารัสเซียได้ รายงานไปทางลอนดอนและวอชิงตันว่า Kerensky เองก็เป็นคนเยอรมัน ! ข่าวของนาย Maclean นี่ สงสัยต้องกรองแยะหน่อย ขณะเดียวกัน ก็มีข่าวลือมาจากวงในระดับสูง ว่า Trotsky ได้ รับการปล่อยตัวจากคำร้องขอ ของสถานฑูตอังกฤษในวอชิงตัน ซึ่งถูกขอร้องโดยกระทรวงต่างประเทศอเมริกัน ซึ่งทำการแทนใครบางคน…อีกต่อหนึ่ง ฝ่ายแคนาดาถูกสั่งให้แจ้งแก่สื่อว่า การปล่อยตัว Trotsky เป็นไปตามคำสั่งของกระทรวงต่างประเทศของอเมริกา ข่าวนี้จริงหรือเปล่ายังไม่รู้ แต่น่าสนใจกว่าข่าวของนาย Maclean ข้อมูลเกี่ยวกับนาย Trotsky เท่าที่มีจนถึงตอนนี้ มาจากหลายฝ่ายและดูสับสน แต่ก็พอจับความได้ว่า นาย Trotsky กำลังเดินทางจากนิวยอร์คไป Petrograd (คือเมือง St Petersberg ในปัจจุบัน) ด้วยพาสปอร์ตของอเมริกา ที่มีการอ้างว่า ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ของอเมริกาเป็นคนจัดการให้ โดยมีการพูดกันว่า นาย Trotsky จะไปทำการปฏิวัติรัสเซีย ให้สมบูรณ์ (ปฏิวัติรอบ 2 ?) ส่วนรัฐบาลอังกฤษ มีส่วนสำคัญในการปล่อยตัว Trotsky จากแคนาดา ในเดือน เม.ย. 1917 ด้วยเหตุผลใดยังไม่รู้ ส่วนนาย Cranes คงเป็นผู้มีบทบาทสำคัญคนหนึ่ง เกี่ยวกับการปฏิวัติในรัสเซีย ด้านหนึ่ง คงเชื่อมกับ Lincoln Steffens และอีกด้านอาจจะเชื่อมกับ Trotsky ขณะที่ Cranes ไม่มีตำแหน่งทางการเมือง แต่ลูกชายของ Cranes เป็นผู้ช่วย ของรัฐมนตรีต่างประเทศ Robert Lansing ที่ได้รับการไว้วางใจอย่างยิ่ง และ Cranes คนพ่อ ได้รับการรายงานเกี่ยวกับปฏิวัติบอลเซวิกอย่างละเอียดจากทางการ นอกจากนี้ Cranes น่าจะมีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลอเมริกัน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ความน่าสนใจ ไม่ใช่แค่การเชื่อมโยง ของบุคคลด้านอเมริกา กับTrotsky นักปฏิวัติรัสเซียเท่านั้น แต่การที่ Trotsky บอกว่า รัฐบาลเฉพาะกาล Provisional ของ Kerensky คงเป็นรัฐบาลเฉพาะกาลชั่วคราว และเหมือนจะมีการปฏิวัติซ้ำตามมานั้น ตกลงมันเป็นเรื่องรู้กันอยู่ มวยล้มต้มคนดู ตั้งแต่ต้นอย่างนั้นหรือ แต่ประเด็นสำคัญ ที่ต้องตามดูอย่างยิ่งคือ ตกลง Trotsky ทำการปฏิวัติรัสเซียให้ใคร มันเป็นการปฏิวัติ ตามอุดมการณ์ของตัวเขาเอง หรือเขาเป็นเพียง “ผู้รับจ้าง” ให้ทำการปฏิวัติ และถ้าเป็น “ผู้รับจ้าง” ใครเป็นผู้จ้างเขา และผู้จ้าง Trotsky ทำไปเพื่ออะไร หรือ Trotsky เล่นบท 2 หน้า มีรายงานวันที่ 20 มีนาคม 1918 จากมอสโคว์ จากข่าวของ นสพ รัสเซีย Russkoe Slovo ว่า ได้มีการสัมภาษณ์ Trotsky ซึ่งพูดชัดเจนว่า การเป็นพันธมิตรกับอเมริกาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ โซเวียตไม่มีทางเป็นมิตรกับพวกทุนนิยมอย่างอเมริกา มันเป็นการทรยศต่ออุดมการณ์ และเป็นไปไม่ได้ ที่อเมริกาจะมาสร้างสัมพันธ์กับเรา ยังไงก็เป็นไปไม่ได้ ที่เราจะคบค้ากับประเทศที่เป็นสังคมนายทุน ในขณะเดียวกัน ก็มีรายงานมาจากทางมอสโคว์เช่นเดียวกัน เป็นโทรเลขลงวันที่ 17 มีนาคม 1918 จากฑูต Francis ของอเมริกา ที่ประจำอยู่ที่รัสเซีย แจ้งไปทางกระทรวงต่างประเทศอเมริกาว่า “Trotsky ขอให้ทางเราส่งเจ้าหน้าที่อเมริกันมา 5 คน เพื่อมาช่วยสำรวจกองทัพ รวมทั้งส่งคนและสิ่งของมาเพื่อจัดการเรื่องทางรถไฟ” โทรเลขดังกล่าวของฑูต Francis ดูเป็นการขัดและสวนทางกับการให้สัมภาษณ์ของ Trotsky ต้องมีฝ่ายหนึ่งที่พูดไม่จริง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 24 เม.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 354 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้มข้ามศตวรรษ – สร้างฉากปฏิวัติ 1 – 3
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ”

    ตอน 1

    เดือนกันยายน ปี ค.ศ. 1916 ประมาณ 1 ปี ก่อนการปฏิวัติอันโด่งดังของรัสเซีย Russian Revolution หรือ Bolshevik Revolution นาย Leon Trotsky ซึ่งตามประวัติศาสตร์ระบุว่า เขาเป็นหนึ่งในหัวหน้าคณะปฏิวัติ กำลังถูกไล่ให้ออกจากประเทศฝรั่งเศส สาเหตุจากบทความที่เขาเขียนลงใน Nashe Slovo หนังสือพิมพ์ภาษารัสเซีย ที่ออกจำหน่ายในฝรั่งเศส มันคงเร้าใจมากขนาดฝรั่งเศส ซึ่งคุ้นเคยกับการปฏิวัติโหดมาแล้ว ยังรับไม่ไหว ตำรวจฝรั่งเศสจึงจัดการส่งตัวนาย Trotsky ออกนอกประเทศ ไปทางเขตแดนด้านประเทศสเปน

    ไม่กี่วัน นายTrotsky ก็มาถึงเมืองมาดริด และถูกตำรวจที่เมืองมาดริด จับใส่ห้องขัง มันเป็นห้องขังประเภทชั้นพิเศษ first class cell ซึ่งต้องมีการจ่ายเงินค่าความพิเศษ ไม่เหมือนห้องขังทั่วไป แต่เหมือนโรงแรมมากกว่า นาย Trotsky นี่น่าจะเป็นผู้ต้องขัง ชนิดมีปลอกคอ จากนั้นก็มีการส่งตัวเขาต่อมายังเมืองบาร์เซโลนา เพื่อมาลงเรือเดินสมุทรของ Spanish Transatlantic Company ชื่อ Monserrat

    Trosky และครอบครัวนั่งเรือ Monserrat ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก มาขึ้นบกที่เมืองนิวยอร์ค เมื่อ วันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 1917

    จากหนังสือชีวประวัติ ที่ Trosky เขียนเอง ชื่อ My Life คนมีปลอกคอ เล่าว่า ” อาชีพเดียวที่ผมทำ ตอนอยู่ที่นิวยอร์คคือ เป็นนักปฏิวัติเพื่อสังคมนิยม นอกเหนือจากการเขียนบทความเป็นครั้งคราว ลงในหนังสือพิมพ์ Novy Mir ของพวกสังคมนิยม ”

    แต่ระหว่างที่อยู่นิวยอร์ค เมืองของนายทุน Trosky นักสังคมนิยมและครอบครัว พักอยู่ในอพาร์ตเมนท์ ที่มีตู้เย็นและโทรศัพท์ ซึ่งถือว่าเป็นของหรูหรา ฟุ่มเฟือยอย่างมากในสมัยเมื่อ 100 ปีก่อน นอกจากนั้นครอบครัว Trotsky ยังเดินทาง ไปมาในเมืองนิวยอร์ค ด้วยรถยนต์ ที่มีคนขับรถประจำ

    นี่ใช่เรื่องของ Leon Trostky ซึ่งมีชื่อปรากฎในประวัติศาสตร์ว่า เป็นนักปฏิวัติสังคมนิยมคนดัง ของรัสเซีย แน่หรือ

    Trotsky เขียนเล่าถึงชีวิตเขาที่นิวยอร์ค ในชีวประวัติของเขาต่อไปว่า ” ระหว่างอยู่นิวยอร์ค ช่วงปี 1916 ถึง 1917 ผมมีรายได้เพียง 310 เหรียญ ซึ่งผมได้แจกเงินดังกล่าวทั้งหมดให้แก่คนรัสเซีย 5 คน ที่อยู่นิวยอร์ค เพื่อเป็นค่าเดินทางกลับบ้าน”

    ขณะเดียวกัน อพาร์ตเมนท์ที่เขาอยู่ ก็มีการจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า 3 เดือน เขาต้องเลี้ยงดูเมีย 1 และลูกอีก 2 เขามีรถยนต์ใช้และมีคนขับรถประจำ นี่คือวิถีชีวิตของนักปฏิวัติเพื่อสังคมนิยม ที่อ้างว่าดำรงชีพ ด้วยการเขียนบทความลงหนังหนังสือพิมพ์เป็นครั้งคราว

    เรื่องราวของเขา คงไม่ตรงไปตรงมา อย่างที่เราเคยเข้าใจกัน หรือว่าพวกนักปฏิวัติ นักปฏิรูป เขาเป็นกันอย่างนี้ทั้งนั้น

    นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเงินสดจำนวน 1 หมื่นเหรียญ ที่นาย Trotsky พกติดตัวและถูกเจ้าหน้าที่ค้นพบ ระหว่างที่เขาถูกเจ้าหน้าที่แคนาดาจับ ในเดือนเมษายน 1917 ที่เมือง Halifax เมื่อ 100 ปีก่อน เงิน 1 หมื่นเหรียญ นี่เป็นเงินจำนวนไม่เล็กน้อยนะครับ นักปฏิวัติเพื่อสังคมนิยม เอาเงินจำนวนนี้มาจากไหนกัน
    มีข่าวลือว่า เงิน 1 หมื่นเหรียญนั้น มาจากเยอรมัน ข่าวนี้มาจากฝ่ายข่าวกรองของอังกฤษ ซึ่งรายงานว่า นาย Gregory Weinstein ซึ่งต่อมา เป็นสมาชิกที่โด่งดังของ Soviet Bureau ประจำนครนิวยอร์ค เป็นคนรับเงินมา และนำมาส่งให้นาย Trotsky ที่นิวยอร์ค เงินจำนวนนี้มาจากเยอรมัน โดยการฟอกผ่าน Volks-zeitung น.ส.พ. รายวันของเยอรมัน ที่รัฐบาลเยอรมันสนับสนุนอยู่

    ขณะที่มีข่าวว่า Trotsky ได้รับเงินอุดหนุนจากเยอรมัน Trotsky กลับเคลี่อนไหวอยู่ในอเมริกา ก่อนที่เขาจะเดินทางออกจากนิวยอร์ค ไปรัสเซีย….เพื่อไปทำการปฏิวัติ !

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ”

    ตอน 2

    วันที่ 5 มีนาคม 1917 หนังสือพิมพ์อเมริกัน พากันพาดหัวข่าวตัวโต ถึงความเป็นไปได้ ที่อเมริกาจะเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร เพื่อทำสงครามกับเยอรมัน คืนวันนั้นเอง Trotsky ก็ไปร่วมการชุมนุมของกลุ่มชาวสังคมนิยมในนิวยอร์คด้วย เขาพูดปลุกระดมให้ชาวสังคมนิยมในอเมริกา จัดการให้มีการนัดหยุดงาน และต่อต้านการเกณท์ทหาร หากอเมริกาจะเข้าร่วมทำสงครามต่อสู้กับเยอรมัน (ท่านผู้อ่านนิทาน คงพอจำกันได้ว่า ขณะที่ฝ่ายสัมพันธมิตร ที่นำโดยอังกฤษ ประกาศสงครามกับฝ่ายเยอรมัน ในปี 1914 นั้น อเมริกายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมสงครามด้วย และมีสถานะเป็นประเทศเป็นกลางอยู่หลายปี)

    หลังจากนั้นประมาณสัปดาห์กว่า ในวันที่ 16 มีนาคม 1917 ก็เกิดเหตุการณ์ใหญ่ในรัสเซีย ซาร์นิโคลัส ที่ 2 ถูกปฏิวัติให้ลงจากบัลลังก์ โดยกลุ่มนักปฏิวัติ ที่นำโดยนาย Aleksandre Kerensky หนังสือพิมพ์ Novy Mir ได้มาขอสัมภาษณ์ Leon Trotsky ซึ่งให้ความเห็นไว้เหมือนคนรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่า

    “คณะผู้บริหาร ที่ตั้งขึ้นมาทำหน้าที่แทนพวกซาร์ ที่ถูกปฏิวัติไปนั้น ไม่ได้เป็นตัวแทนของกลุ่มผลประโยชน์ หรือทำตามวัตถุประสงค์ ของพวกที่ต้องการปฏิวัติ คณะผู้บริหารนี้คงอยู่ไม่นานหรอก อีกหน่อยก็คงลาออกไป เพื่อให้กลุ่มคนที่สามารถจะนำพารัสเซียไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย มาทำหน้าที่ต่อไป…”

    กลุ่มคนที่สามารถนำพารัสเซียไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย ในความหมายของ Trotsky คือ พวก Bolsheviks และ Menshevik ซึ่งกำลังลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ และกำลังรีบเร่งเดินทางกลับรัส เซีย ส่วนคณะผู้บริหารนั้น หมายถึง รัฐบาลเฉพาะกาล Provisional Government ของกลุ่มนาย Aleksandr Kerensky ที่ทำการปฏิวัติในวันที่ 16 มีนาคม คศ 1917
    แล้วนาย Trotsky ก็ออกเดินทางจากนครนิวยอร์ค เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 1917 ด้วยเรือเดินสมุทรชื่อ S S Kristainiafjord เขาผ่านด่านตรวจ ขึ้นเรือดังกล่าวด้วยพาสปอร์ตของอเมริกา เขาเดินทางพร้อมพรรคพวกอีกหลายคน เพื่อจะไปทำการปฏิวัติ นอกจากนี้ ยังมีนักการเงินจากวอลสตรีท คอมมิวนิสต์สัญชาติอเมริกัน และบุคคลน่าสนใจอีกหลายคน ร่วมเดินทางไปกับนาย Trotsky ด้วย

    นาย Trotsky เอาพาสปอร์ตของอเมริกามาจากไหน

    นาย Jennings C. Wise เขียนไว้ในหนังสือเรื่อง “Woodlow Wilson : Disciple Revolution” ว่า นักประวัติศาสตร์จะต้องไม่ลืมว่า ประธานาธิบดีของอเมริกา นาย Woodlow Wilson เป็นนางฟ้า ที่มาเศกให้นาย Leon Trotsky เดินทางเข้ารัสเซียได้สำเร็จ ด้วยพาสปอร์ตของอเมริกา แม้ว่าจะมีการพยายามขัดขวางโดยตำรวจอังกฤษก็ตาม”

    คงเกินกว่าที่เราจะคาดคิดว่า ประธานาธิบดี Wilson เป็นนางฟ้ามาเศกให้นาย Trotsky ได้ถือพาสปอร์ตที่ออกโดยอเมริกา เพื่อเดินทางกลับไปรัสเซีย และไปดำเนินการปฏิวัติต่อให้สำเร็จ (ตามเป้าหมาย!?) และเป็นพาสปอร์ตของอเมริกา ที่สามารถผ่านเข้าออกได้ทุกด่านของอเมริกา รวมทั้งมีวีซ่าอนุญาตให้เข้าประเทศอังกฤษอีกด้วย

    นางฟ้าทำได้ทุกอย่างจริงๆ ตั้งแต่สมัยนั้น จนถึงเดี๋ยวนี่ แต่ควรจะเรียกว่าเป็นนางฟ้า หรือไม่ อ่านนิทานต่อไปเรื่อยๆ คนอ่านนิทาน คงนึกออกว่าควรจะเรียกว่าอะไร

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ”

    ตอน 3

    ส่วนผสมของผู้โดยสาร ที่เดินทางไปในเรือ S S Kristainiafjord ได้ถูกบันทึกไว้โดยนาย Lincoln Steffens คอมมิวนิสต์ชาวอเมริกัน ดังนี้:

    “…รายชื่อผู้โดยสารยาวเหยียด และดูลึกลับน่าสนใจ แน่นอน Trotsky แสดงตัวเป็นหัวหน้ากลุ่มนักปฏิวัติ มีนักปฎิวัติชาวญี่ปุ่น นอนเคบินเดียวกับผม มีชาวดัชท์หลายคนที่รีบร้อนกลับเมืองชะวา พวกนี้ดูจะเป็นกลุ่มเดียวที่ไม่เกี่ยวโยงกับใคร ที่เหลือดูเหมือนจะเป็นผู้ที่เกี่ยวโยงกับสงครามโลกที่กำลังเกิดขึ้น นอกจากนี้ มีพวกนักการเงินวอลสตรีท 2 คน มุ่งหน้าไปเยอรมัน.. ”
    นาย Steffens เองนั้น โดยสารไปในเรือเดินสมุทร โดยคำเชิญของ นาย Charles R Crane เจ้าของกระเป๋าทุนใบใหญ่ที่สนับสนุน ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ในการสมัครเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี

    นาย Crane นั้น เป็นรองประธานบริษัท Crane Company ซึ่งภายหลัง เป็นคนไปตั้งบริษัท Westinghouse สาขารัสเซีย หลังการปฏิวัติของรัสเซียรอบที่กลุ่ม Bolsheviks เป็นผู้ปฎิบัติการสำเร็จเรียบร้อย นาย Crane ยังเป็นหนึ่งในกรรมาธิการ Root Mission ที่ประธานาธิบดี Wilson ส่งไปสำรวจรัสเซียทุกตารางนิ้ว หลังการปฏิวัติอีกด้วย

    นาย Crane เดินทางไปรัสเซียในระหว่างช่วงปี ค.ศ.1890 ถึง 1930 ประมาณ 23 ครั้ง ลูกชายของเขา Richard Crane เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างเทศ ที่ได้รับความไว้วางใจอย่างมาก ของนาย Robert Lansing รัฐมนตรีต่างเทศของอเมริกาขณะนั้น

    นาย William Dodd อดีตทูตอเมริกันประจำเยอรมัน พูดถึงนาย Crane ว่า เป็นผู้มีส่วนอย่างมาก ที่ทำให้การปฏิวัติในรัสเซียเมื่อเดือนมีนาคม โดยกลุ่มของ Aleksandr Kerensky กลายเป็นการปฏิวัติชั่วคราว ที่นำร่อง เปิดทางให้กับการปฏิวัติของจริง ที่เกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ในปีเดียวกัน

    นาย Steffens ได้บันทึกการสนทนา ที่เขาได้ยินระหว่างการเดินทางในเรือเดินสมุทรไว้ว่า “…. ดูเหมือนทุกคนจะเห็นพ้องกันว่า การปฏิวัติที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม (โดย Aleksandr Kerensky) เป็นเพียงขั้นตอนแรกเท่านั้นเอง มันจะต้องมีตอนต่อไป Crane และพวกรัสเซียหัวก้าวหน้าที่อยู่ในเรือ คิดว่าพวกที่กำลังเดินทางจะไปเมือง Petrograd (ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็นเมือง St Petersberg ) เพื่อไปทำการปฏิวัติซ้ำ…”

    เมื่อนาย Crane กลับมาอเมริกาในเดือนธันวาคม 1917 หลังจากการปฏิวัติบอลเชวิก Bolsheviks Revolution (หรือการปฏิวัติซ้ำ นั่นแหละ) สำเร็จเรียบร้อยแล้ว นาย Crane ก็ได้รับโทรเลข ลงวันที่ 11 ธันวาคม 1917 จากกระทรวงต่างประเทศ รายงานความคืบหน้าโดย นาย Maddin Summers กงสุลอเมริกันประจำกรุงมอสโคว์ พร้อมจดหมายปะหน้าจากนาย Summers ว่า

    ” กระผม ขออนุญาตนำเสนอรายงานที่แนบมา นี้ และสำเนาอีกหนึ่งฉบับ โดยขอให้กระทรวงฯ ได้โปรดนำส่งให้ นาย Charles Crane เพื่อทราบความคืบหน้าด้วย หวังว่าทางกระทรวงคงไม่ขัดข้อง ที่จะให้นาย Crane ได้เห็นรายงาน….”

    สำหรับท่านผู้อ่านนิทานเรื่องจริง เรื่องเหยื่อ คงพอจำชื่อนี้ได้ เขาคือ นาย Crane คนเดียวกันกับ เจ้าของรายงาน King Crane Report ที่ไปเดินสำรวจตะวันออกกลาง เพื่อทำประชามติว่า ชาวอาหรับต้องการจะอยู่ในความปกครอง ของใคร หลังจากถูกอังกฤษหลอก โดยให้สายลับ ที่เรารู้จักกันในนาม Lawrence of Arabia เป็นผู้นำชาวอาหรับ ไปรบกับตุรกี และยึดหลายเมืองในตะวันออกกลางได้
    และเป็นนาย Crane คนเดียวกัน ที่สามารถจับมือให้กษัตริย์ซาอุดิอารเบีย ตัดสินใจเปิดประตูเมืองครั้งแรก และให้สัมปทานน้ำมันแก่อเมริกา เริ่มศักราช Petro Dollar ร่วมกันรวย ช่วยกันปั่น มาจนถึงทุกวันนี้

    พอเห็นเค้าแล้วนะครับ ว่านิทานเรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    23 เม.ย. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – สร้างฉากปฏิวัติ 1 – 3 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ” ตอน 1 เดือนกันยายน ปี ค.ศ. 1916 ประมาณ 1 ปี ก่อนการปฏิวัติอันโด่งดังของรัสเซีย Russian Revolution หรือ Bolshevik Revolution นาย Leon Trotsky ซึ่งตามประวัติศาสตร์ระบุว่า เขาเป็นหนึ่งในหัวหน้าคณะปฏิวัติ กำลังถูกไล่ให้ออกจากประเทศฝรั่งเศส สาเหตุจากบทความที่เขาเขียนลงใน Nashe Slovo หนังสือพิมพ์ภาษารัสเซีย ที่ออกจำหน่ายในฝรั่งเศส มันคงเร้าใจมากขนาดฝรั่งเศส ซึ่งคุ้นเคยกับการปฏิวัติโหดมาแล้ว ยังรับไม่ไหว ตำรวจฝรั่งเศสจึงจัดการส่งตัวนาย Trotsky ออกนอกประเทศ ไปทางเขตแดนด้านประเทศสเปน ไม่กี่วัน นายTrotsky ก็มาถึงเมืองมาดริด และถูกตำรวจที่เมืองมาดริด จับใส่ห้องขัง มันเป็นห้องขังประเภทชั้นพิเศษ first class cell ซึ่งต้องมีการจ่ายเงินค่าความพิเศษ ไม่เหมือนห้องขังทั่วไป แต่เหมือนโรงแรมมากกว่า นาย Trotsky นี่น่าจะเป็นผู้ต้องขัง ชนิดมีปลอกคอ จากนั้นก็มีการส่งตัวเขาต่อมายังเมืองบาร์เซโลนา เพื่อมาลงเรือเดินสมุทรของ Spanish Transatlantic Company ชื่อ Monserrat Trosky และครอบครัวนั่งเรือ Monserrat ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก มาขึ้นบกที่เมืองนิวยอร์ค เมื่อ วันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 1917 จากหนังสือชีวประวัติ ที่ Trosky เขียนเอง ชื่อ My Life คนมีปลอกคอ เล่าว่า ” อาชีพเดียวที่ผมทำ ตอนอยู่ที่นิวยอร์คคือ เป็นนักปฏิวัติเพื่อสังคมนิยม นอกเหนือจากการเขียนบทความเป็นครั้งคราว ลงในหนังสือพิมพ์ Novy Mir ของพวกสังคมนิยม ” แต่ระหว่างที่อยู่นิวยอร์ค เมืองของนายทุน Trosky นักสังคมนิยมและครอบครัว พักอยู่ในอพาร์ตเมนท์ ที่มีตู้เย็นและโทรศัพท์ ซึ่งถือว่าเป็นของหรูหรา ฟุ่มเฟือยอย่างมากในสมัยเมื่อ 100 ปีก่อน นอกจากนั้นครอบครัว Trotsky ยังเดินทาง ไปมาในเมืองนิวยอร์ค ด้วยรถยนต์ ที่มีคนขับรถประจำ นี่ใช่เรื่องของ Leon Trostky ซึ่งมีชื่อปรากฎในประวัติศาสตร์ว่า เป็นนักปฏิวัติสังคมนิยมคนดัง ของรัสเซีย แน่หรือ Trotsky เขียนเล่าถึงชีวิตเขาที่นิวยอร์ค ในชีวประวัติของเขาต่อไปว่า ” ระหว่างอยู่นิวยอร์ค ช่วงปี 1916 ถึง 1917 ผมมีรายได้เพียง 310 เหรียญ ซึ่งผมได้แจกเงินดังกล่าวทั้งหมดให้แก่คนรัสเซีย 5 คน ที่อยู่นิวยอร์ค เพื่อเป็นค่าเดินทางกลับบ้าน” ขณะเดียวกัน อพาร์ตเมนท์ที่เขาอยู่ ก็มีการจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า 3 เดือน เขาต้องเลี้ยงดูเมีย 1 และลูกอีก 2 เขามีรถยนต์ใช้และมีคนขับรถประจำ นี่คือวิถีชีวิตของนักปฏิวัติเพื่อสังคมนิยม ที่อ้างว่าดำรงชีพ ด้วยการเขียนบทความลงหนังหนังสือพิมพ์เป็นครั้งคราว เรื่องราวของเขา คงไม่ตรงไปตรงมา อย่างที่เราเคยเข้าใจกัน หรือว่าพวกนักปฏิวัติ นักปฏิรูป เขาเป็นกันอย่างนี้ทั้งนั้น นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเงินสดจำนวน 1 หมื่นเหรียญ ที่นาย Trotsky พกติดตัวและถูกเจ้าหน้าที่ค้นพบ ระหว่างที่เขาถูกเจ้าหน้าที่แคนาดาจับ ในเดือนเมษายน 1917 ที่เมือง Halifax เมื่อ 100 ปีก่อน เงิน 1 หมื่นเหรียญ นี่เป็นเงินจำนวนไม่เล็กน้อยนะครับ นักปฏิวัติเพื่อสังคมนิยม เอาเงินจำนวนนี้มาจากไหนกัน มีข่าวลือว่า เงิน 1 หมื่นเหรียญนั้น มาจากเยอรมัน ข่าวนี้มาจากฝ่ายข่าวกรองของอังกฤษ ซึ่งรายงานว่า นาย Gregory Weinstein ซึ่งต่อมา เป็นสมาชิกที่โด่งดังของ Soviet Bureau ประจำนครนิวยอร์ค เป็นคนรับเงินมา และนำมาส่งให้นาย Trotsky ที่นิวยอร์ค เงินจำนวนนี้มาจากเยอรมัน โดยการฟอกผ่าน Volks-zeitung น.ส.พ. รายวันของเยอรมัน ที่รัฐบาลเยอรมันสนับสนุนอยู่ ขณะที่มีข่าวว่า Trotsky ได้รับเงินอุดหนุนจากเยอรมัน Trotsky กลับเคลี่อนไหวอยู่ในอเมริกา ก่อนที่เขาจะเดินทางออกจากนิวยอร์ค ไปรัสเซีย….เพื่อไปทำการปฏิวัติ ! นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ” ตอน 2 วันที่ 5 มีนาคม 1917 หนังสือพิมพ์อเมริกัน พากันพาดหัวข่าวตัวโต ถึงความเป็นไปได้ ที่อเมริกาจะเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร เพื่อทำสงครามกับเยอรมัน คืนวันนั้นเอง Trotsky ก็ไปร่วมการชุมนุมของกลุ่มชาวสังคมนิยมในนิวยอร์คด้วย เขาพูดปลุกระดมให้ชาวสังคมนิยมในอเมริกา จัดการให้มีการนัดหยุดงาน และต่อต้านการเกณท์ทหาร หากอเมริกาจะเข้าร่วมทำสงครามต่อสู้กับเยอรมัน (ท่านผู้อ่านนิทาน คงพอจำกันได้ว่า ขณะที่ฝ่ายสัมพันธมิตร ที่นำโดยอังกฤษ ประกาศสงครามกับฝ่ายเยอรมัน ในปี 1914 นั้น อเมริกายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมสงครามด้วย และมีสถานะเป็นประเทศเป็นกลางอยู่หลายปี) หลังจากนั้นประมาณสัปดาห์กว่า ในวันที่ 16 มีนาคม 1917 ก็เกิดเหตุการณ์ใหญ่ในรัสเซีย ซาร์นิโคลัส ที่ 2 ถูกปฏิวัติให้ลงจากบัลลังก์ โดยกลุ่มนักปฏิวัติ ที่นำโดยนาย Aleksandre Kerensky หนังสือพิมพ์ Novy Mir ได้มาขอสัมภาษณ์ Leon Trotsky ซึ่งให้ความเห็นไว้เหมือนคนรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่า “คณะผู้บริหาร ที่ตั้งขึ้นมาทำหน้าที่แทนพวกซาร์ ที่ถูกปฏิวัติไปนั้น ไม่ได้เป็นตัวแทนของกลุ่มผลประโยชน์ หรือทำตามวัตถุประสงค์ ของพวกที่ต้องการปฏิวัติ คณะผู้บริหารนี้คงอยู่ไม่นานหรอก อีกหน่อยก็คงลาออกไป เพื่อให้กลุ่มคนที่สามารถจะนำพารัสเซียไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย มาทำหน้าที่ต่อไป…” กลุ่มคนที่สามารถนำพารัสเซียไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย ในความหมายของ Trotsky คือ พวก Bolsheviks และ Menshevik ซึ่งกำลังลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ และกำลังรีบเร่งเดินทางกลับรัส เซีย ส่วนคณะผู้บริหารนั้น หมายถึง รัฐบาลเฉพาะกาล Provisional Government ของกลุ่มนาย Aleksandr Kerensky ที่ทำการปฏิวัติในวันที่ 16 มีนาคม คศ 1917 แล้วนาย Trotsky ก็ออกเดินทางจากนครนิวยอร์ค เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 1917 ด้วยเรือเดินสมุทรชื่อ S S Kristainiafjord เขาผ่านด่านตรวจ ขึ้นเรือดังกล่าวด้วยพาสปอร์ตของอเมริกา เขาเดินทางพร้อมพรรคพวกอีกหลายคน เพื่อจะไปทำการปฏิวัติ นอกจากนี้ ยังมีนักการเงินจากวอลสตรีท คอมมิวนิสต์สัญชาติอเมริกัน และบุคคลน่าสนใจอีกหลายคน ร่วมเดินทางไปกับนาย Trotsky ด้วย นาย Trotsky เอาพาสปอร์ตของอเมริกามาจากไหน นาย Jennings C. Wise เขียนไว้ในหนังสือเรื่อง “Woodlow Wilson : Disciple Revolution” ว่า นักประวัติศาสตร์จะต้องไม่ลืมว่า ประธานาธิบดีของอเมริกา นาย Woodlow Wilson เป็นนางฟ้า ที่มาเศกให้นาย Leon Trotsky เดินทางเข้ารัสเซียได้สำเร็จ ด้วยพาสปอร์ตของอเมริกา แม้ว่าจะมีการพยายามขัดขวางโดยตำรวจอังกฤษก็ตาม” คงเกินกว่าที่เราจะคาดคิดว่า ประธานาธิบดี Wilson เป็นนางฟ้ามาเศกให้นาย Trotsky ได้ถือพาสปอร์ตที่ออกโดยอเมริกา เพื่อเดินทางกลับไปรัสเซีย และไปดำเนินการปฏิวัติต่อให้สำเร็จ (ตามเป้าหมาย!?) และเป็นพาสปอร์ตของอเมริกา ที่สามารถผ่านเข้าออกได้ทุกด่านของอเมริกา รวมทั้งมีวีซ่าอนุญาตให้เข้าประเทศอังกฤษอีกด้วย นางฟ้าทำได้ทุกอย่างจริงๆ ตั้งแต่สมัยนั้น จนถึงเดี๋ยวนี่ แต่ควรจะเรียกว่าเป็นนางฟ้า หรือไม่ อ่านนิทานต่อไปเรื่อยๆ คนอ่านนิทาน คงนึกออกว่าควรจะเรียกว่าอะไร นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ” ตอน 3 ส่วนผสมของผู้โดยสาร ที่เดินทางไปในเรือ S S Kristainiafjord ได้ถูกบันทึกไว้โดยนาย Lincoln Steffens คอมมิวนิสต์ชาวอเมริกัน ดังนี้: “…รายชื่อผู้โดยสารยาวเหยียด และดูลึกลับน่าสนใจ แน่นอน Trotsky แสดงตัวเป็นหัวหน้ากลุ่มนักปฏิวัติ มีนักปฎิวัติชาวญี่ปุ่น นอนเคบินเดียวกับผม มีชาวดัชท์หลายคนที่รีบร้อนกลับเมืองชะวา พวกนี้ดูจะเป็นกลุ่มเดียวที่ไม่เกี่ยวโยงกับใคร ที่เหลือดูเหมือนจะเป็นผู้ที่เกี่ยวโยงกับสงครามโลกที่กำลังเกิดขึ้น นอกจากนี้ มีพวกนักการเงินวอลสตรีท 2 คน มุ่งหน้าไปเยอรมัน.. ” นาย Steffens เองนั้น โดยสารไปในเรือเดินสมุทร โดยคำเชิญของ นาย Charles R Crane เจ้าของกระเป๋าทุนใบใหญ่ที่สนับสนุน ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ในการสมัครเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี นาย Crane นั้น เป็นรองประธานบริษัท Crane Company ซึ่งภายหลัง เป็นคนไปตั้งบริษัท Westinghouse สาขารัสเซีย หลังการปฏิวัติของรัสเซียรอบที่กลุ่ม Bolsheviks เป็นผู้ปฎิบัติการสำเร็จเรียบร้อย นาย Crane ยังเป็นหนึ่งในกรรมาธิการ Root Mission ที่ประธานาธิบดี Wilson ส่งไปสำรวจรัสเซียทุกตารางนิ้ว หลังการปฏิวัติอีกด้วย นาย Crane เดินทางไปรัสเซียในระหว่างช่วงปี ค.ศ.1890 ถึง 1930 ประมาณ 23 ครั้ง ลูกชายของเขา Richard Crane เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างเทศ ที่ได้รับความไว้วางใจอย่างมาก ของนาย Robert Lansing รัฐมนตรีต่างเทศของอเมริกาขณะนั้น นาย William Dodd อดีตทูตอเมริกันประจำเยอรมัน พูดถึงนาย Crane ว่า เป็นผู้มีส่วนอย่างมาก ที่ทำให้การปฏิวัติในรัสเซียเมื่อเดือนมีนาคม โดยกลุ่มของ Aleksandr Kerensky กลายเป็นการปฏิวัติชั่วคราว ที่นำร่อง เปิดทางให้กับการปฏิวัติของจริง ที่เกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ในปีเดียวกัน นาย Steffens ได้บันทึกการสนทนา ที่เขาได้ยินระหว่างการเดินทางในเรือเดินสมุทรไว้ว่า “…. ดูเหมือนทุกคนจะเห็นพ้องกันว่า การปฏิวัติที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม (โดย Aleksandr Kerensky) เป็นเพียงขั้นตอนแรกเท่านั้นเอง มันจะต้องมีตอนต่อไป Crane และพวกรัสเซียหัวก้าวหน้าที่อยู่ในเรือ คิดว่าพวกที่กำลังเดินทางจะไปเมือง Petrograd (ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็นเมือง St Petersberg ) เพื่อไปทำการปฏิวัติซ้ำ…” เมื่อนาย Crane กลับมาอเมริกาในเดือนธันวาคม 1917 หลังจากการปฏิวัติบอลเชวิก Bolsheviks Revolution (หรือการปฏิวัติซ้ำ นั่นแหละ) สำเร็จเรียบร้อยแล้ว นาย Crane ก็ได้รับโทรเลข ลงวันที่ 11 ธันวาคม 1917 จากกระทรวงต่างประเทศ รายงานความคืบหน้าโดย นาย Maddin Summers กงสุลอเมริกันประจำกรุงมอสโคว์ พร้อมจดหมายปะหน้าจากนาย Summers ว่า ” กระผม ขออนุญาตนำเสนอรายงานที่แนบมา นี้ และสำเนาอีกหนึ่งฉบับ โดยขอให้กระทรวงฯ ได้โปรดนำส่งให้ นาย Charles Crane เพื่อทราบความคืบหน้าด้วย หวังว่าทางกระทรวงคงไม่ขัดข้อง ที่จะให้นาย Crane ได้เห็นรายงาน….” สำหรับท่านผู้อ่านนิทานเรื่องจริง เรื่องเหยื่อ คงพอจำชื่อนี้ได้ เขาคือ นาย Crane คนเดียวกันกับ เจ้าของรายงาน King Crane Report ที่ไปเดินสำรวจตะวันออกกลาง เพื่อทำประชามติว่า ชาวอาหรับต้องการจะอยู่ในความปกครอง ของใคร หลังจากถูกอังกฤษหลอก โดยให้สายลับ ที่เรารู้จักกันในนาม Lawrence of Arabia เป็นผู้นำชาวอาหรับ ไปรบกับตุรกี และยึดหลายเมืองในตะวันออกกลางได้ และเป็นนาย Crane คนเดียวกัน ที่สามารถจับมือให้กษัตริย์ซาอุดิอารเบีย ตัดสินใจเปิดประตูเมืองครั้งแรก และให้สัมปทานน้ำมันแก่อเมริกา เริ่มศักราช Petro Dollar ร่วมกันรวย ช่วยกันปั่น มาจนถึงทุกวันนี้ พอเห็นเค้าแล้วนะครับ ว่านิทานเรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 23 เม.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 383 มุมมอง 0 รีวิว
  • หุ่นยนต์ลอยน้ำจากแคนาดาเผยความลับใต้ทะเล – มวลแพลงก์ตอนพืชมหาศาลเทียบเท่าช้าง 250 ล้านตัว

    ลองนึกภาพหุ่นยนต์ลอยน้ำหลายร้อยตัวที่ล่องอยู่ในมหาสมุทรทั่วโลก พวกมันไม่ได้แค่ลอยเล่น แต่กำลังเก็บข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่เรียกว่า “แพลงก์ตอนพืช” ซึ่งเป็นหัวใจของระบบนิเวศทางทะเล และยังผลิตออกซิเจนให้โลกถึงครึ่งหนึ่ง

    หุ่นยนต์เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ BioGeoChemical-Argo (BGC-Argo) ที่ติดตั้งเซ็นเซอร์วัดค่าต่างๆ เช่น ความเข้มข้นของออกซิเจน, pH, คลอโรฟิลล์, อนุภาคแขวนลอย และพลังงานแสงที่ทะลุผ่านผิวน้ำ

    ข้อมูลที่ได้ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถประเมินมวลรวมของแพลงก์ตอนพืชได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดาวเทียมไม่สามารถทำได้ทั้งหมด เพราะแพลงก์ตอนบางส่วนอยู่ลึกเกินกว่าที่กล้องจากอวกาศจะมองเห็น

    นอกจากการวัดมวลรวมแล้ว หุ่นยนต์เหล่านี้ยังช่วยติดตามการเกิด “แพลงก์ตอนบลูม” หรือการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของแพลงก์ตอน ซึ่งบางครั้งอาจสร้างผลกระทบต่อระบบนิเวศ เช่น การสร้างสารพิษ หรือทำให้เกิด “เขตตาย” ที่สัตว์น้ำไม่สามารถอยู่รอดได้

    การค้นพบมวลรวมของแพลงก์ตอนพืช
    ประเมินได้ประมาณ 346 ล้านตัน
    เทียบเท่าช้างแอฟริกา 250 ล้านตัว
    ใช้ข้อมูลจากหุ่นยนต์ลอยน้ำ BGC-Argo

    ระบบหุ่นยนต์ BGC-Argo
    ลอยอยู่ในมหาสมุทรทั่วโลก
    ติดตั้งเซ็นเซอร์วัดออกซิเจน, pH, คลอโรฟิลล์ ฯลฯ
    ช่วยวัดการเปลี่ยนแปลงระยะสั้นและระยะยาวของมหาสมุทร

    ความสำคัญของแพลงก์ตอนพืช
    ผลิตออกซิเจนให้โลกถึงครึ่งหนึ่ง
    เป็นฐานของห่วงโซ่อาหารในทะเล
    มีอยู่หลายล้านตัวในหยดน้ำทะเลเพียงหยดเดียว

    การเกิดแพลงก์ตอนบลูม
    อาจสร้างสารพิษสะสมในห่วงโซ่อาหาร
    ทำให้เกิด “เขตตาย” ที่สัตว์น้ำขาดออกซิเจน
    บางครั้งสามารถมองเห็นได้จากอวกาศ

    ข้อจำกัดของการสังเกตจากดาวเทียม
    ดาวเทียมไม่สามารถมองเห็นแพลงก์ตอนที่อยู่ลึก
    อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของมวลแพลงก์ตอนไม่ถูกตรวจจับจากอวกาศ
    ต้องใช้หุ่นยนต์ลอยน้ำเพื่อเก็บข้อมูลโดยตรง

    ผลกระทบจากแพลงก์ตอนบลูม
    อาจทำลายระบบนิเวศชายฝั่ง
    ส่งผลต่อธุรกิจประมงและสุขภาพมนุษย์
    เกิดจากปัจจัยมนุษย์ เช่น มลพิษและภาวะโลกร้อน

    https://www.slashgear.com/2004414/biogeochemical-argo-canadian-robots-analyzes-earth-phytoplankton-finds-heavy-ocean-mass/
    🌊 หุ่นยนต์ลอยน้ำจากแคนาดาเผยความลับใต้ทะเล – มวลแพลงก์ตอนพืชมหาศาลเทียบเท่าช้าง 250 ล้านตัว ลองนึกภาพหุ่นยนต์ลอยน้ำหลายร้อยตัวที่ล่องอยู่ในมหาสมุทรทั่วโลก พวกมันไม่ได้แค่ลอยเล่น แต่กำลังเก็บข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่เรียกว่า “แพลงก์ตอนพืช” ซึ่งเป็นหัวใจของระบบนิเวศทางทะเล และยังผลิตออกซิเจนให้โลกถึงครึ่งหนึ่ง หุ่นยนต์เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ BioGeoChemical-Argo (BGC-Argo) ที่ติดตั้งเซ็นเซอร์วัดค่าต่างๆ เช่น ความเข้มข้นของออกซิเจน, pH, คลอโรฟิลล์, อนุภาคแขวนลอย และพลังงานแสงที่ทะลุผ่านผิวน้ำ ข้อมูลที่ได้ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถประเมินมวลรวมของแพลงก์ตอนพืชได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดาวเทียมไม่สามารถทำได้ทั้งหมด เพราะแพลงก์ตอนบางส่วนอยู่ลึกเกินกว่าที่กล้องจากอวกาศจะมองเห็น นอกจากการวัดมวลรวมแล้ว หุ่นยนต์เหล่านี้ยังช่วยติดตามการเกิด “แพลงก์ตอนบลูม” หรือการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของแพลงก์ตอน ซึ่งบางครั้งอาจสร้างผลกระทบต่อระบบนิเวศ เช่น การสร้างสารพิษ หรือทำให้เกิด “เขตตาย” ที่สัตว์น้ำไม่สามารถอยู่รอดได้ ✅ การค้นพบมวลรวมของแพลงก์ตอนพืช ➡️ ประเมินได้ประมาณ 346 ล้านตัน ➡️ เทียบเท่าช้างแอฟริกา 250 ล้านตัว ➡️ ใช้ข้อมูลจากหุ่นยนต์ลอยน้ำ BGC-Argo ✅ ระบบหุ่นยนต์ BGC-Argo ➡️ ลอยอยู่ในมหาสมุทรทั่วโลก ➡️ ติดตั้งเซ็นเซอร์วัดออกซิเจน, pH, คลอโรฟิลล์ ฯลฯ ➡️ ช่วยวัดการเปลี่ยนแปลงระยะสั้นและระยะยาวของมหาสมุทร ✅ ความสำคัญของแพลงก์ตอนพืช ➡️ ผลิตออกซิเจนให้โลกถึงครึ่งหนึ่ง ➡️ เป็นฐานของห่วงโซ่อาหารในทะเล ➡️ มีอยู่หลายล้านตัวในหยดน้ำทะเลเพียงหยดเดียว ✅ การเกิดแพลงก์ตอนบลูม ➡️ อาจสร้างสารพิษสะสมในห่วงโซ่อาหาร ➡️ ทำให้เกิด “เขตตาย” ที่สัตว์น้ำขาดออกซิเจน ➡️ บางครั้งสามารถมองเห็นได้จากอวกาศ ‼️ ข้อจำกัดของการสังเกตจากดาวเทียม ⛔ ดาวเทียมไม่สามารถมองเห็นแพลงก์ตอนที่อยู่ลึก ⛔ อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของมวลแพลงก์ตอนไม่ถูกตรวจจับจากอวกาศ ⛔ ต้องใช้หุ่นยนต์ลอยน้ำเพื่อเก็บข้อมูลโดยตรง ‼️ ผลกระทบจากแพลงก์ตอนบลูม ⛔ อาจทำลายระบบนิเวศชายฝั่ง ⛔ ส่งผลต่อธุรกิจประมงและสุขภาพมนุษย์ ⛔ เกิดจากปัจจัยมนุษย์ เช่น มลพิษและภาวะโลกร้อน https://www.slashgear.com/2004414/biogeochemical-argo-canadian-robots-analyzes-earth-phytoplankton-finds-heavy-ocean-mass/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    This Canadian Robot Made A Big Discovery While Analyzing Earth's Phytoplankton - SlashGear
    A team of scientists has estimated that the mass of the world's phytoplankton, a pillar of the global ecosystem, is equal to 250 million elephants.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • Starshield ดาวเทียมทหารสหรัฐฯ ส่งสัญญาณรบกวนระบบพลเรือน – ความลับที่เพิ่งถูกเปิดเผย

    ในช่วงกลางเดือนตุลาคม 2025 มีเหตุการณ์ที่ทำให้วงการอวกาศต้องหันมามองอย่างจริงจัง เมื่อเครือข่ายดาวเทียม Starshield ซึ่งเป็นระบบสื่อสารของกองทัพสหรัฐฯ ที่พัฒนาโดย SpaceX ภายใต้สัญญากับสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ (NRO) ถูกพบว่ากำลังส่งสัญญาณรบกวนคลื่นความถี่ที่ใช้โดยดาวเทียมพลเรือน

    เรื่องนี้ไม่ได้ถูกเปิดเผยโดยหน่วยงานรัฐ แต่กลับเป็น Scott Tilley นักดาราศาสตร์สมัครเล่นจากแคนาดา ที่บังเอิญตรวจพบสัญญาณจากอวกาศที่เชื่อมโยงกลับไปยัง Starshield โดยตรง เขาให้สัมภาษณ์กับ NPR แต่ยังไม่แสดงความเห็นเพิ่มเติมในช่องทางอื่น

    แม้ว่าเหตุการณ์นี้ยังไม่ส่งผลกระทบในระดับรุนแรง แต่หากการรบกวนยังดำเนินต่อไป อาจสร้างปัญหาใหญ่ต่อระบบสื่อสารพลเรือน เช่น GPS, การพยากรณ์อากาศ และอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม

    Starshield มีจุดเด่นคือใช้ดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO) ซึ่งช่วยให้การส่งข้อมูลทางทหารรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ต่างจากระบบเดิมที่ใช้ดาวเทียมวงโคจรสูงที่มีต้นทุนสูงและจำกัดผู้ให้บริการ

    นอกจากนี้ การใช้คลื่นความถี่ที่ไม่ใช่ของทหารโดยไม่มีคำอธิบายชัดเจน ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเป็นเพราะช่องสัญญาณเดิมแออัด หรือมีเหตุผลลับอื่นที่ยังไม่เปิดเผย

    ระบบดาวเทียม Starshield ของกองทัพสหรัฐฯ
    พัฒนาโดย SpaceX ภายใต้สัญญากับ NRO
    ใช้ดาวเทียมวงโคจรต่ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสาร
    ช่วยให้ทหารภาคสนามรับข้อมูลได้เกือบทันที

    การรบกวนคลื่นความถี่ของดาวเทียมพลเรือน
    เกิดจากสัญญาณที่ส่งจาก Starshield โดยไม่ใช่คลื่นทหารทั่วไป
    อาจเป็นเพราะช่องสัญญาณทหารแออัด
    ยังไม่มีคำชี้แจงจาก SpaceX หรือ NRO

    การค้นพบโดยนักดาราศาสตร์สมัครเล่น
    Scott Tilley ตรวจพบสัญญาณโดยบังเอิญ
    ให้สัมภาษณ์กับ NPR แต่ยังไม่โพสต์ในโซเชียลมีเดีย

    ความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมดาวเทียม
    ดาวเทียมวงโคจรต่ำเปิดโอกาสให้บริษัทใหม่เข้ามาแข่งขัน
    เช่น Project Kuiper และ OneWeb

    ความเสี่ยงต่อระบบสื่อสารพลเรือน
    หากการรบกวนเพิ่มขึ้น อาจกระทบ GPS, อินเทอร์เน็ต และการพยากรณ์อากาศ
    ยังไม่มีการสอบสวนจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ

    การใช้คลื่นความถี่โดยไม่มีการแจ้งเตือน
    อาจละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศด้านการสื่อสาร
    สร้างความไม่ไว้วางใจต่อการใช้งานดาวเทียมทหารในพื้นที่พลเรือน

    https://www.slashgear.com/2005346/starlink-vs-starshield-civilian-satellite-control/
    🛰️ Starshield ดาวเทียมทหารสหรัฐฯ ส่งสัญญาณรบกวนระบบพลเรือน – ความลับที่เพิ่งถูกเปิดเผย ในช่วงกลางเดือนตุลาคม 2025 มีเหตุการณ์ที่ทำให้วงการอวกาศต้องหันมามองอย่างจริงจัง เมื่อเครือข่ายดาวเทียม Starshield ซึ่งเป็นระบบสื่อสารของกองทัพสหรัฐฯ ที่พัฒนาโดย SpaceX ภายใต้สัญญากับสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ (NRO) ถูกพบว่ากำลังส่งสัญญาณรบกวนคลื่นความถี่ที่ใช้โดยดาวเทียมพลเรือน เรื่องนี้ไม่ได้ถูกเปิดเผยโดยหน่วยงานรัฐ แต่กลับเป็น Scott Tilley นักดาราศาสตร์สมัครเล่นจากแคนาดา ที่บังเอิญตรวจพบสัญญาณจากอวกาศที่เชื่อมโยงกลับไปยัง Starshield โดยตรง เขาให้สัมภาษณ์กับ NPR แต่ยังไม่แสดงความเห็นเพิ่มเติมในช่องทางอื่น แม้ว่าเหตุการณ์นี้ยังไม่ส่งผลกระทบในระดับรุนแรง แต่หากการรบกวนยังดำเนินต่อไป อาจสร้างปัญหาใหญ่ต่อระบบสื่อสารพลเรือน เช่น GPS, การพยากรณ์อากาศ และอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม Starshield มีจุดเด่นคือใช้ดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO) ซึ่งช่วยให้การส่งข้อมูลทางทหารรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ต่างจากระบบเดิมที่ใช้ดาวเทียมวงโคจรสูงที่มีต้นทุนสูงและจำกัดผู้ให้บริการ นอกจากนี้ การใช้คลื่นความถี่ที่ไม่ใช่ของทหารโดยไม่มีคำอธิบายชัดเจน ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเป็นเพราะช่องสัญญาณเดิมแออัด หรือมีเหตุผลลับอื่นที่ยังไม่เปิดเผย ✅ ระบบดาวเทียม Starshield ของกองทัพสหรัฐฯ ➡️ พัฒนาโดย SpaceX ภายใต้สัญญากับ NRO ➡️ ใช้ดาวเทียมวงโคจรต่ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสาร ➡️ ช่วยให้ทหารภาคสนามรับข้อมูลได้เกือบทันที ✅ การรบกวนคลื่นความถี่ของดาวเทียมพลเรือน ➡️ เกิดจากสัญญาณที่ส่งจาก Starshield โดยไม่ใช่คลื่นทหารทั่วไป ➡️ อาจเป็นเพราะช่องสัญญาณทหารแออัด ➡️ ยังไม่มีคำชี้แจงจาก SpaceX หรือ NRO ✅ การค้นพบโดยนักดาราศาสตร์สมัครเล่น ➡️ Scott Tilley ตรวจพบสัญญาณโดยบังเอิญ ➡️ ให้สัมภาษณ์กับ NPR แต่ยังไม่โพสต์ในโซเชียลมีเดีย ✅ ความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมดาวเทียม ➡️ ดาวเทียมวงโคจรต่ำเปิดโอกาสให้บริษัทใหม่เข้ามาแข่งขัน ➡️ เช่น Project Kuiper และ OneWeb ‼️ ความเสี่ยงต่อระบบสื่อสารพลเรือน ⛔ หากการรบกวนเพิ่มขึ้น อาจกระทบ GPS, อินเทอร์เน็ต และการพยากรณ์อากาศ ⛔ ยังไม่มีการสอบสวนจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ‼️ การใช้คลื่นความถี่โดยไม่มีการแจ้งเตือน ⛔ อาจละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศด้านการสื่อสาร ⛔ สร้างความไม่ไว้วางใจต่อการใช้งานดาวเทียมทหารในพื้นที่พลเรือน https://www.slashgear.com/2005346/starlink-vs-starshield-civilian-satellite-control/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    The Military Version Of Starlink Is Causing Problems For Civilian Satellites - SlashGear
    The military's equivalent of Starlink, which allows for troops to remain in contact, is now disrupting other satellites, as discovered by a civilian tracker.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่อง ปั่นหัวเสี่ยปั้ม
    “ปั่นหัวเสี่ยปั้ม”

    (1)

    ตะวันออกกลางร้อนระอุขึ้นมาอีกแล้ว เมื่อเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุ ดิ ทนร้อนไม่ไหว ลุกออกมาไล่ถล่มพวก Houthi ในเยเมน แหม เสี่ยก็ใจร้อนไปได้ ช่วงนี้ที่ไหนๆ ก็ร้อนทั้งนั้น อุณหภูมิบ้านสมันน้อย ยังพุ่งปรืดร้อนไปถึง 44 องศาเลยคร้าบ

    ทำไมเสี่ยซาอุต้องเป็นเดือดเป็นร้อน ที่พวก Houthi เขาจะลุกขึ้นมาขับไล่รัฐบาลมืออ่อนในบ้านของเขา

    Foreign Affairs นิตยสาร ของ Council on Foreign Relations (CFR) ถังขยะความคิดจอมจุ้น ลงบทความเรื่อง Houthi and the Blowback เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ค.ศ 2015 นี้ บอกว่า ซาอุดิกำลังใช้กระสุนนัดเดียวยิงนกหลายตัว ซาอุดิถือว่า การที่พวก Houthi กล้าลุกหือขึ้นมาสู้กับรัฐบาลตัวก็เพราะมีลูกพี่อิหร่าน เสี่ยนิวเคลียร์ยุแยง ถ้าเสี่ยใหญ่ซาอุทำเฉย ก็เหมือนจะยอมให้อิหร่านขี่คอ แต่ถ้าปราบ Houthi ให้หมอบราบได้ บารมีของเสี่ยใหญ่ซาอุ ก็จะฉายแสงสำแดงรัศมี ให้ลูกกระเป๋งแถบอ่าว Gulf Cooperation Coucil (GCC) นับถือในความเป็นพี่ใหญ่ของเสี่ยซาอุ ที่สามารถจัดระเบียบในตะวันออกกลางได้ โดยไม่ต้องประสาทหลอนกันว่า เรื่องมันจะบานปลาย เพราะความไม่สมดุลยของอำนาจในตะวันออกกลาง ระหว่างซาอุดิอารเบียกับอิหร่าน หมายความว่าไม่ได้กลัวอิหร่านจนหดหมดอีกแล้ว

    ถังขยะความคิด CFR ซึ่งเหมือนเป็นผู้ออกใบสั่งนโยบาย ของไอ้นักล่า บอกว่า เสี่ยปั้มทำได้น่า ยิงมันแรงๆ นัดเดียว แล้วได้นกหลายตัวน่ะ ถ้าเล่นให้เป็น ยิงให้แม่น มันจะเป็นการช่วยไม่ให้สถานการณ์การเมืองในตะวันออกกลาง ร้อนฉ่าขึ้นไปอีก เพราะเสี่ยใหญ่ จะกลายเป็นผู้คุมตะวันออกกลาง

    นี่มันปั่นให้พวกเสี่ยตะวันออกกลางเขาขี่อูฐมาชนกันเองนี่หว่า ไอ้นักล่าใบตองแห้งสงสัยมีแผนชั่ว

    เยเมน เป็นหนามตำใจของซาอุดิ และกลุ่มประเทศที่อยู่ริมอ่าว รวมทั้งโอมาน มาตั้งแต่ เยเมนตั้งประเทศแล้ว เพราะรสนิยมเยเมน ออกไปทางชอบสีแดง ฝักฝ่ายในลัทธิมาร์กซ ฯลฯ แถมระยะหลัง ยังพ่วงเอาพวกกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง พวกอัลกออิดะ เข้าไปสามัคคีชุมนุมกันอีกด้วย ยิ่งทำให้ ซาอุดิอารเบียที่หลังบ้านติดกับเยเมน นอนหลับแบบผวา ไม่ว่านอนกลางวัน หรือนอนกลางคืน ยิ่งมาเห็น พวก Houthi ทำท่าจะชนะในการไล่รัฐบาลของตัว เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน คนรวยแต่ขวัญอ่อน ก็ยิ่งผวาหนัก

    นี่ถ้า Houthi ซึ่งเป็นชีอ่ะ และมีอิหร่านหนุน ยึดเยเมนไปได้ พวกเรามิควันโขมงทั้งเมืองหรือ เสี่ยซาอุจึงต้องสั่งระดมพลพรรค ลูกกระเป๋ง ทั้งหลาย เช่น บาห์เรน อียิปต์ จอร์แดน คูเวต มอรอคโค ปากีสถาน กาต้าร์ ซูดาน เอมิเรต มาช่วยกันสำแดงเดช ไม่ให้พวก Houthi ยึดครองเยเมน และมาปิดอ่าวเอเดน Gulf of Aden ด้านเยเมน
    เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุ โวยข้ามทะเลทรายให้เข้าหูท่านประธานาธิบดีนักล่าใบตองแห้งว่า การใช้กำลังทางอากาศของพวกเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ไม่แน่ว่าจะสามารถจัดการให้เรื่องราวในเยเมนสงบราบเรียบได้หรอกนะ และถ้ามันไม่สงบ ผลกระทบของมันจะบานไปในหลายประเทศเลย และรัศมีอิทธิพลของเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ก็จะแผ่วลงอย่างน่าใจหาย ไอ้ที่จะให้เสี่ยใหญ่ดูแลเด็กๆแถวอ่าว พวก GCC คงเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ ที่สำคัญ มันจะไปกระตุ้นต่อมฮึกเหิมของอิหร่านเสี่ยนิวเคลียร์อย่างช่วยไม่ได้ และแน่นอนเสี่ยนิวเคลียร์ก็คงแบ่งเอาความฮึกเหิมไปทิ้งใว้ใน อิรัค ซีเรีย เลบานอน เยเมน และที่อื่นๆ อีก คิดแล้วเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันก็รันทดใจ รวยซะเปล่า แต่หามีความสุขไม่ มันเป็นการรำพึงที่น่าสนใจ ว่านักล่าใบตองแห้งจะตอบรับอย่างไร

    ถังขยะความคิดรีบเติมเชื้อ กลัวเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันจะระทมไม่พอ บอกว่า อะไรกัน สัมพันธ์ระหว่าง ซาอุดิกับอเมริกาก็ยังแข็งแรง ไม่ได้สั่นคลอนเสียหน่อย ไม่ต้อง ป ส ด ไปก่อน และที่คนแถวนี้พูดกันลั่นไปหมดว่า อเมริกากำลังประะเคนข้อเสนอใส่ถาดทองให้อิหร่าน แลกกับข้อตกลงเรื่องนิวเคลียร์ มันเป็นแค่ข่าวลือเข้าใจไหม คิดมากไปได้น่าเสี่ย

    แม้หลายคน ในรัฐบาลใบตองแห้ง อาจจะบอกว่า เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ทำเกินไป ไม่ควรจะต้องไปยกระดับ ยกกำลัง ไปให้ความสำคัญกับพวก Houthi ถึงขนาดนี้ ซึ่งจะทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ทั้งในบ้านตัวเองและในภูมิภาค แต่ในความเป็นจริงด้านยุทธศาสตร์แล้ว เสี่ยใหญ่ไม่ได้ทำพลาดเรื่องเยเมน มันสมควรแล้วที่เสี่ยใหญ่จะต้องประสาทรับประทาน สถานการณ์ในเยเมน เป็นเรื่องคอขาดบาดตายของซาอุดิอารเบียทีเดียว

    อันที่จริงไม่ใช่เรื่องคอขาดของเสี่ยปั้มน้ำมันฝ่ายเดียว

    หากเยเมน ยอมให้อิหร่านมานั่งสบายใจอยู่ที่ Bab El Mandebของเยเมน ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือระหว่าง Red sea (ทะเลแดง) อ่าวเอเดน ( Gulf of Aden) และคลองสุเอซ ซึ่งอิหร่านได้พยายามที่จะควบคุมช่องแคบฮอร์มุซ (Strait of Hormuz) ซึ่งเกือบหนึ่งในสี่ ของน้ำมันโลก จะต้องผ่าน แทนที่จะกล่าวหาว่าเสี่ยใหญ่ซาอุ ป ส ด ทางวอชิงตันนั่นแหละ ควรทบทวนท่าทีของตนบ้าง หรือทางวอชิตันมีแผนอะไร ที่เสี่ยใหญ่ไม่รู้ ไม่เฉลียวใจ

    (2)

    ไปเอาแผนที่มาดูกันหน่อย จะได้เข้าใจหัวอกเสี่ยใหญ่ซาอุว่า ขวัญแข็ง หรือขวัญอ่อน ประสาทรับประทาน

    ด้านเหนือของซาอุดิอารเบียติดกับจอร์แดน ซี่งเป็นเด็กอยู่ในบัญชีรายจ่าย ของเสี่ยใหญ่ซาอุ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องห่วง ตัดทิ้งไปได้ ถัดไปเป็น อิรัค และเหนืออิรัคเป็นเลบานอน ทั้ง 2 ประเทศ เสี่ยใหญ่ซาอุ กล่าวหา (หรือเป็นเรื่องจริง ! ) ว่า อยู่ในบัญชีรายจ่ายของอิหร่านเสี่ยนิวเคลียร์ ถ้าเป็นเรื่องจริง และถ้าเยเมนตกไปอยู่ในมือ Houthi ซึ่งซาอุก็ว่าอิหร่านสนับสนุนด้วย เช่นกัน ถ้าเด็กในบัญชีอิหร่าน ทั้ง 3 รายการ จับมือกัน ซาอุดิ เท่ากับถูกล็อก ทั้งข้างบนข้างล่าง และประตูออกทะเลของ ซาอุดิอารเบียจะถูกบีบเหลือให้ออกด้านเดียว คือออกได้เฉพาะทางอ่าวเปอร์เซีย

    แปลว่าอะไรครับ แปลว่าซาอุดิอารเบียถูกบีบให้ไป เดินผ่านปากของอิหร่าน ไปสู่ทะเลที่ อ่าวโอมานเท่านั้น ผ่านกลุ่มประเทศแถบอ่าว เช่น บาห์เรน การ์ต้า อามิเรต โอมาน ฯลฯ แล้วไปออกอ่าว แถบนั้นเต็มไปด้วยฐานทัพอากาศ และฐานทัพเรือที่ประเทศเหล่านั้น ยอมให้อเมริกาขนกองกำลัง ขนอาวุธมาตั้งอยูเต็ม เพื่อเป็นการดักคออิหร่านไว้ และด้วยความพร้อมใจของพวกเสี่ยคนรวย แต่ขวัญอ่อนทั้งหลาย ที่อยากอุ่นอยู่ในเงื้อมมือของนักล่าใบตองแห้ง เออ แดดทะเลทรายมันคงแรงจริง พวกเสี่ยเขาถึงคิดได้เพี้ยนกันแบบนั้น
    ดูๆก็ ไม่น่าจะเป็นปัญหากับเสี่ยใหญ่ซาอุ ที่มีฐานทัพนักล่าใบตองแห้งอยู่เต็มแถบปากอ่าว แต่เมื่อมันเยื้องอยู่กับปากอิหร่าน ก็ต้องถามเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุว่า ด่าอิหร่านเอาไว้แยะ กล้าเดินผ่านปากเขาไหม หรือว่ากล้า เพราะมีฐานทัพของยอดรักนักล่าใบตองแห้ง ต้ังฐานกระจายไว้เต็มอยู่ตรงแถบนั้น

    เสี่ยก็คิดให้ดีแล้วกันว่า ยามนี้มีฐานทัพของไอ้นักล่าใบตองแห้งอยู่ใกล้ตัว มันเป็นโชคดีหรือโชคร้าย เผลอๆจะเป็นตัวล่อเป้า ไม่ใช่เฉพาะแต่ตัวเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันเท่าน้ันนะ ที่ต้องระวัง ลูกกระเป๋งที่เอาใจเจ้านายให้เขามาตั้งฐานทัพน่ะอยู่ริมอ่าวน่ะ ระวังจะโดนทะลายหายไปพร้อมกับฐานทัพด้วย

    Duncan Campbell สื่อกัดติดเรื่องของนาย Edward Snowden จอมแฉ รายงานว่า จากข้อมูลที่จอมแฉทะยอยปล่อยออกมา เมือง Seeb ในรัฐโอมาน เป็นชุมสายใหญ่ของสายไยแก้ว fiber optic ชื่อรหัส CIRCUIT ที่โอมานยอมให้ GCHQ (Government Communication Headquarters) ของอังกฤษ มาติดตั้งระบบ CIRCUIT ของ ECHELON เครื่องดักสัญญานสุดยอดไว้ตั้งแต่ปี 2009 เพื่อเก็บข้อมูลทุกชิ้นที่ผ่าน ไปมาในแถบนั้น และแชร์ข้อมูลกับพวก 5 ตา the Five Eyes คือ อเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา หลังจากนั้นข้อมูลจะวิ่งขึ้นฝั่งไปถูกเก็บอยู่ที่ คอนวอล (Cornwall) ของอังกฤษ เหมือนกับที่ไปติดตั้งไว้ที่สวีเดน คอยดักข้อมูลของรัสเซีย

    คราวนี้ คงคอยดักข้อมูลของอิหร่านที่อยู่เยื้องกัน แถมเส้นทางเดินเรือแถบน้ัน อาเฮียของคุณพี่ปูตินเขาก็ชอบใช้ขนน้ำมันจากอาฟริกาไปจีน เรื่องดักฟังที่สวีเดน เขาว่าทำให้สวีเดนได้รับการเยี่ยมเยียน จากเรือดำน้ำรัสเซียถึงหน้ากรุงสต๊อกโฮม คราวนี้ ไม่รู้อาเฮียและอิหร่าน และ ฯลฯ จะส่งอะไรไปเยี่ยมโอมาน

    แค่มีฐานทัพของไอ้นักล่าใบตองแห้ง อยู่แถบอ่าว ก็เป็นเป้าล่อพอแล้ว คราวนี้ยังมี ลูกปิงปอง ECHELON เครื่องดักสัญญานเป็นสายล่อฟ้า คอยอยู่ที่โอมาน ผมก็กลุ้มใจแทนเสี่ยใหญ่ปั้มนำ้มันซาอุจริงๆ ว่าจะตัดสินใจเดินทางไหน ที่จะทำให้ไม่ต้องทุกข์ระทม แต่ดูจากเรื่องราว และบทความของ Foreign Affairs แล้ว ผมคลับคล้าย คราวนี้ เสี่ยใหญ่ซาอุ จะถูกหลอกใช้ ให้เป็นเครื่องสังเวยยังไงไม่รู้ เขามีแผนอยากได้แต่ปั้มน้ำมัน ไม่อยากได้คนคุมปั้มติดไปด้วย เสี่ยพอนึกออกไหมครับ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    3 เม.ย. 2558
    เรื่อง ปั่นหัวเสี่ยปั้ม “ปั่นหัวเสี่ยปั้ม” (1) ตะวันออกกลางร้อนระอุขึ้นมาอีกแล้ว เมื่อเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุ ดิ ทนร้อนไม่ไหว ลุกออกมาไล่ถล่มพวก Houthi ในเยเมน แหม เสี่ยก็ใจร้อนไปได้ ช่วงนี้ที่ไหนๆ ก็ร้อนทั้งนั้น อุณหภูมิบ้านสมันน้อย ยังพุ่งปรืดร้อนไปถึง 44 องศาเลยคร้าบ ทำไมเสี่ยซาอุต้องเป็นเดือดเป็นร้อน ที่พวก Houthi เขาจะลุกขึ้นมาขับไล่รัฐบาลมืออ่อนในบ้านของเขา Foreign Affairs นิตยสาร ของ Council on Foreign Relations (CFR) ถังขยะความคิดจอมจุ้น ลงบทความเรื่อง Houthi and the Blowback เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ค.ศ 2015 นี้ บอกว่า ซาอุดิกำลังใช้กระสุนนัดเดียวยิงนกหลายตัว ซาอุดิถือว่า การที่พวก Houthi กล้าลุกหือขึ้นมาสู้กับรัฐบาลตัวก็เพราะมีลูกพี่อิหร่าน เสี่ยนิวเคลียร์ยุแยง ถ้าเสี่ยใหญ่ซาอุทำเฉย ก็เหมือนจะยอมให้อิหร่านขี่คอ แต่ถ้าปราบ Houthi ให้หมอบราบได้ บารมีของเสี่ยใหญ่ซาอุ ก็จะฉายแสงสำแดงรัศมี ให้ลูกกระเป๋งแถบอ่าว Gulf Cooperation Coucil (GCC) นับถือในความเป็นพี่ใหญ่ของเสี่ยซาอุ ที่สามารถจัดระเบียบในตะวันออกกลางได้ โดยไม่ต้องประสาทหลอนกันว่า เรื่องมันจะบานปลาย เพราะความไม่สมดุลยของอำนาจในตะวันออกกลาง ระหว่างซาอุดิอารเบียกับอิหร่าน หมายความว่าไม่ได้กลัวอิหร่านจนหดหมดอีกแล้ว ถังขยะความคิด CFR ซึ่งเหมือนเป็นผู้ออกใบสั่งนโยบาย ของไอ้นักล่า บอกว่า เสี่ยปั้มทำได้น่า ยิงมันแรงๆ นัดเดียว แล้วได้นกหลายตัวน่ะ ถ้าเล่นให้เป็น ยิงให้แม่น มันจะเป็นการช่วยไม่ให้สถานการณ์การเมืองในตะวันออกกลาง ร้อนฉ่าขึ้นไปอีก เพราะเสี่ยใหญ่ จะกลายเป็นผู้คุมตะวันออกกลาง นี่มันปั่นให้พวกเสี่ยตะวันออกกลางเขาขี่อูฐมาชนกันเองนี่หว่า ไอ้นักล่าใบตองแห้งสงสัยมีแผนชั่ว เยเมน เป็นหนามตำใจของซาอุดิ และกลุ่มประเทศที่อยู่ริมอ่าว รวมทั้งโอมาน มาตั้งแต่ เยเมนตั้งประเทศแล้ว เพราะรสนิยมเยเมน ออกไปทางชอบสีแดง ฝักฝ่ายในลัทธิมาร์กซ ฯลฯ แถมระยะหลัง ยังพ่วงเอาพวกกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง พวกอัลกออิดะ เข้าไปสามัคคีชุมนุมกันอีกด้วย ยิ่งทำให้ ซาอุดิอารเบียที่หลังบ้านติดกับเยเมน นอนหลับแบบผวา ไม่ว่านอนกลางวัน หรือนอนกลางคืน ยิ่งมาเห็น พวก Houthi ทำท่าจะชนะในการไล่รัฐบาลของตัว เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน คนรวยแต่ขวัญอ่อน ก็ยิ่งผวาหนัก นี่ถ้า Houthi ซึ่งเป็นชีอ่ะ และมีอิหร่านหนุน ยึดเยเมนไปได้ พวกเรามิควันโขมงทั้งเมืองหรือ เสี่ยซาอุจึงต้องสั่งระดมพลพรรค ลูกกระเป๋ง ทั้งหลาย เช่น บาห์เรน อียิปต์ จอร์แดน คูเวต มอรอคโค ปากีสถาน กาต้าร์ ซูดาน เอมิเรต มาช่วยกันสำแดงเดช ไม่ให้พวก Houthi ยึดครองเยเมน และมาปิดอ่าวเอเดน Gulf of Aden ด้านเยเมน เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุ โวยข้ามทะเลทรายให้เข้าหูท่านประธานาธิบดีนักล่าใบตองแห้งว่า การใช้กำลังทางอากาศของพวกเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ไม่แน่ว่าจะสามารถจัดการให้เรื่องราวในเยเมนสงบราบเรียบได้หรอกนะ และถ้ามันไม่สงบ ผลกระทบของมันจะบานไปในหลายประเทศเลย และรัศมีอิทธิพลของเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ก็จะแผ่วลงอย่างน่าใจหาย ไอ้ที่จะให้เสี่ยใหญ่ดูแลเด็กๆแถวอ่าว พวก GCC คงเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ ที่สำคัญ มันจะไปกระตุ้นต่อมฮึกเหิมของอิหร่านเสี่ยนิวเคลียร์อย่างช่วยไม่ได้ และแน่นอนเสี่ยนิวเคลียร์ก็คงแบ่งเอาความฮึกเหิมไปทิ้งใว้ใน อิรัค ซีเรีย เลบานอน เยเมน และที่อื่นๆ อีก คิดแล้วเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันก็รันทดใจ รวยซะเปล่า แต่หามีความสุขไม่ มันเป็นการรำพึงที่น่าสนใจ ว่านักล่าใบตองแห้งจะตอบรับอย่างไร ถังขยะความคิดรีบเติมเชื้อ กลัวเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันจะระทมไม่พอ บอกว่า อะไรกัน สัมพันธ์ระหว่าง ซาอุดิกับอเมริกาก็ยังแข็งแรง ไม่ได้สั่นคลอนเสียหน่อย ไม่ต้อง ป ส ด ไปก่อน และที่คนแถวนี้พูดกันลั่นไปหมดว่า อเมริกากำลังประะเคนข้อเสนอใส่ถาดทองให้อิหร่าน แลกกับข้อตกลงเรื่องนิวเคลียร์ มันเป็นแค่ข่าวลือเข้าใจไหม คิดมากไปได้น่าเสี่ย แม้หลายคน ในรัฐบาลใบตองแห้ง อาจจะบอกว่า เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ทำเกินไป ไม่ควรจะต้องไปยกระดับ ยกกำลัง ไปให้ความสำคัญกับพวก Houthi ถึงขนาดนี้ ซึ่งจะทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ทั้งในบ้านตัวเองและในภูมิภาค แต่ในความเป็นจริงด้านยุทธศาสตร์แล้ว เสี่ยใหญ่ไม่ได้ทำพลาดเรื่องเยเมน มันสมควรแล้วที่เสี่ยใหญ่จะต้องประสาทรับประทาน สถานการณ์ในเยเมน เป็นเรื่องคอขาดบาดตายของซาอุดิอารเบียทีเดียว อันที่จริงไม่ใช่เรื่องคอขาดของเสี่ยปั้มน้ำมันฝ่ายเดียว หากเยเมน ยอมให้อิหร่านมานั่งสบายใจอยู่ที่ Bab El Mandebของเยเมน ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือระหว่าง Red sea (ทะเลแดง) อ่าวเอเดน ( Gulf of Aden) และคลองสุเอซ ซึ่งอิหร่านได้พยายามที่จะควบคุมช่องแคบฮอร์มุซ (Strait of Hormuz) ซึ่งเกือบหนึ่งในสี่ ของน้ำมันโลก จะต้องผ่าน แทนที่จะกล่าวหาว่าเสี่ยใหญ่ซาอุ ป ส ด ทางวอชิงตันนั่นแหละ ควรทบทวนท่าทีของตนบ้าง หรือทางวอชิตันมีแผนอะไร ที่เสี่ยใหญ่ไม่รู้ ไม่เฉลียวใจ (2) ไปเอาแผนที่มาดูกันหน่อย จะได้เข้าใจหัวอกเสี่ยใหญ่ซาอุว่า ขวัญแข็ง หรือขวัญอ่อน ประสาทรับประทาน ด้านเหนือของซาอุดิอารเบียติดกับจอร์แดน ซี่งเป็นเด็กอยู่ในบัญชีรายจ่าย ของเสี่ยใหญ่ซาอุ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องห่วง ตัดทิ้งไปได้ ถัดไปเป็น อิรัค และเหนืออิรัคเป็นเลบานอน ทั้ง 2 ประเทศ เสี่ยใหญ่ซาอุ กล่าวหา (หรือเป็นเรื่องจริง ! ) ว่า อยู่ในบัญชีรายจ่ายของอิหร่านเสี่ยนิวเคลียร์ ถ้าเป็นเรื่องจริง และถ้าเยเมนตกไปอยู่ในมือ Houthi ซึ่งซาอุก็ว่าอิหร่านสนับสนุนด้วย เช่นกัน ถ้าเด็กในบัญชีอิหร่าน ทั้ง 3 รายการ จับมือกัน ซาอุดิ เท่ากับถูกล็อก ทั้งข้างบนข้างล่าง และประตูออกทะเลของ ซาอุดิอารเบียจะถูกบีบเหลือให้ออกด้านเดียว คือออกได้เฉพาะทางอ่าวเปอร์เซีย แปลว่าอะไรครับ แปลว่าซาอุดิอารเบียถูกบีบให้ไป เดินผ่านปากของอิหร่าน ไปสู่ทะเลที่ อ่าวโอมานเท่านั้น ผ่านกลุ่มประเทศแถบอ่าว เช่น บาห์เรน การ์ต้า อามิเรต โอมาน ฯลฯ แล้วไปออกอ่าว แถบนั้นเต็มไปด้วยฐานทัพอากาศ และฐานทัพเรือที่ประเทศเหล่านั้น ยอมให้อเมริกาขนกองกำลัง ขนอาวุธมาตั้งอยูเต็ม เพื่อเป็นการดักคออิหร่านไว้ และด้วยความพร้อมใจของพวกเสี่ยคนรวย แต่ขวัญอ่อนทั้งหลาย ที่อยากอุ่นอยู่ในเงื้อมมือของนักล่าใบตองแห้ง เออ แดดทะเลทรายมันคงแรงจริง พวกเสี่ยเขาถึงคิดได้เพี้ยนกันแบบนั้น ดูๆก็ ไม่น่าจะเป็นปัญหากับเสี่ยใหญ่ซาอุ ที่มีฐานทัพนักล่าใบตองแห้งอยู่เต็มแถบปากอ่าว แต่เมื่อมันเยื้องอยู่กับปากอิหร่าน ก็ต้องถามเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุว่า ด่าอิหร่านเอาไว้แยะ กล้าเดินผ่านปากเขาไหม หรือว่ากล้า เพราะมีฐานทัพของยอดรักนักล่าใบตองแห้ง ต้ังฐานกระจายไว้เต็มอยู่ตรงแถบนั้น เสี่ยก็คิดให้ดีแล้วกันว่า ยามนี้มีฐานทัพของไอ้นักล่าใบตองแห้งอยู่ใกล้ตัว มันเป็นโชคดีหรือโชคร้าย เผลอๆจะเป็นตัวล่อเป้า ไม่ใช่เฉพาะแต่ตัวเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันเท่าน้ันนะ ที่ต้องระวัง ลูกกระเป๋งที่เอาใจเจ้านายให้เขามาตั้งฐานทัพน่ะอยู่ริมอ่าวน่ะ ระวังจะโดนทะลายหายไปพร้อมกับฐานทัพด้วย Duncan Campbell สื่อกัดติดเรื่องของนาย Edward Snowden จอมแฉ รายงานว่า จากข้อมูลที่จอมแฉทะยอยปล่อยออกมา เมือง Seeb ในรัฐโอมาน เป็นชุมสายใหญ่ของสายไยแก้ว fiber optic ชื่อรหัส CIRCUIT ที่โอมานยอมให้ GCHQ (Government Communication Headquarters) ของอังกฤษ มาติดตั้งระบบ CIRCUIT ของ ECHELON เครื่องดักสัญญานสุดยอดไว้ตั้งแต่ปี 2009 เพื่อเก็บข้อมูลทุกชิ้นที่ผ่าน ไปมาในแถบนั้น และแชร์ข้อมูลกับพวก 5 ตา the Five Eyes คือ อเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา หลังจากนั้นข้อมูลจะวิ่งขึ้นฝั่งไปถูกเก็บอยู่ที่ คอนวอล (Cornwall) ของอังกฤษ เหมือนกับที่ไปติดตั้งไว้ที่สวีเดน คอยดักข้อมูลของรัสเซีย คราวนี้ คงคอยดักข้อมูลของอิหร่านที่อยู่เยื้องกัน แถมเส้นทางเดินเรือแถบน้ัน อาเฮียของคุณพี่ปูตินเขาก็ชอบใช้ขนน้ำมันจากอาฟริกาไปจีน เรื่องดักฟังที่สวีเดน เขาว่าทำให้สวีเดนได้รับการเยี่ยมเยียน จากเรือดำน้ำรัสเซียถึงหน้ากรุงสต๊อกโฮม คราวนี้ ไม่รู้อาเฮียและอิหร่าน และ ฯลฯ จะส่งอะไรไปเยี่ยมโอมาน แค่มีฐานทัพของไอ้นักล่าใบตองแห้ง อยู่แถบอ่าว ก็เป็นเป้าล่อพอแล้ว คราวนี้ยังมี ลูกปิงปอง ECHELON เครื่องดักสัญญานเป็นสายล่อฟ้า คอยอยู่ที่โอมาน ผมก็กลุ้มใจแทนเสี่ยใหญ่ปั้มนำ้มันซาอุจริงๆ ว่าจะตัดสินใจเดินทางไหน ที่จะทำให้ไม่ต้องทุกข์ระทม แต่ดูจากเรื่องราว และบทความของ Foreign Affairs แล้ว ผมคลับคล้าย คราวนี้ เสี่ยใหญ่ซาอุ จะถูกหลอกใช้ ให้เป็นเครื่องสังเวยยังไงไม่รู้ เขามีแผนอยากได้แต่ปั้มน้ำมัน ไม่อยากได้คนคุมปั้มติดไปด้วย เสี่ยพอนึกออกไหมครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 3 เม.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 330 มุมมอง 0 รีวิว
  • TSMC เผยผลกระทบจากการจำกัดส่งออกแร่หายากของจีนยังไม่รุนแรงในระยะสั้น – แต่การเปลี่ยนแหล่งผลิตในระยะยาวคือความท้าทาย

    TSMC บริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของโลกจากไต้หวัน ระบุว่าการจำกัดการส่งออกแร่หายากของจีนจะไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตในระยะสั้น เพราะบริษัทมีสต็อกเพียงพอสำหรับ 1–2 ปี อย่างไรก็ตาม ความกังวลหลักอยู่ที่การเปลี่ยนแหล่งวัตถุดิบจากจีนไปยังประเทศอื่น เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา หรือสหรัฐฯ ซึ่งต้องใช้เวลาและการลงทุนสูง

    จีนถือครองกำลังการผลิตแร่หายากกว่า 85% ของโลก และได้ประกาศให้ทรัพยากรเหล่านี้เป็นของรัฐตั้งแต่ปี 2024 พร้อมทั้งออกมาตรการควบคุมการส่งออกหลายครั้งในปี 2025 ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก โดยเฉพาะชิปที่มีขนาดเล็กกว่า 14nm หรือมีมากกว่า 256 เลเยอร์

    แม้จะมีแหล่งแร่หายากในประเทศอื่น แต่ยังขาดโครงสร้างพื้นฐานในการสกัดและแปรรูป เช่นเดียวกับโรงงานในมาเลเซียที่แม้จะเป็นโรงงานนอกจีนที่ใหญ่ที่สุด ก็ยังต้องพึ่งพาความร่วมมือกับจีนในการพัฒนา

    สถานการณ์ของ TSMC
    มีสต็อกแร่หายากเพียงพอสำหรับ 1–2 ปี
    ไม่กังวลผลกระทบระยะสั้นจากการจำกัดส่งออกของจีน
    ความท้าทายหลักคือการเปลี่ยนแหล่งวัตถุดิบในระยะยาว

    บทบาทของจีนในตลาดแร่หายาก
    ครองกำลังการผลิตกว่า 85% ของโลก
    ประกาศให้แร่หายากเป็นทรัพย์สินของรัฐในปี 2024
    ออกมาตรการควบคุมการส่งออกหลายครั้งในปี 2025
    ส่งผลกระทบต่อการผลิตชิปขั้นสูงทั่วโลก

    ทางเลือกจากประเทศอื่น
    ออสเตรเลียพยายามสกัดแร่จากของเสียในเหมือง
    แคนาดาและสหรัฐฯ เตรียมลงทุนเพื่อขยายกำลังผลิต
    มาเลเซียมีโรงงานแปรรูปใหญ่ที่สุดนอกจีน แต่ยังต้องพึ่งพาความร่วมมือกับจีน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/manufacturing/tsmc-says-chinas-rare-earth-export-restrictions-will-have-limited-short-term-impact-on-company-concern-lies-in-transitioning-away-from-china-supply
    🌏 TSMC เผยผลกระทบจากการจำกัดส่งออกแร่หายากของจีนยังไม่รุนแรงในระยะสั้น – แต่การเปลี่ยนแหล่งผลิตในระยะยาวคือความท้าทาย TSMC บริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของโลกจากไต้หวัน ระบุว่าการจำกัดการส่งออกแร่หายากของจีนจะไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตในระยะสั้น เพราะบริษัทมีสต็อกเพียงพอสำหรับ 1–2 ปี อย่างไรก็ตาม ความกังวลหลักอยู่ที่การเปลี่ยนแหล่งวัตถุดิบจากจีนไปยังประเทศอื่น เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา หรือสหรัฐฯ ซึ่งต้องใช้เวลาและการลงทุนสูง จีนถือครองกำลังการผลิตแร่หายากกว่า 85% ของโลก และได้ประกาศให้ทรัพยากรเหล่านี้เป็นของรัฐตั้งแต่ปี 2024 พร้อมทั้งออกมาตรการควบคุมการส่งออกหลายครั้งในปี 2025 ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก โดยเฉพาะชิปที่มีขนาดเล็กกว่า 14nm หรือมีมากกว่า 256 เลเยอร์ แม้จะมีแหล่งแร่หายากในประเทศอื่น แต่ยังขาดโครงสร้างพื้นฐานในการสกัดและแปรรูป เช่นเดียวกับโรงงานในมาเลเซียที่แม้จะเป็นโรงงานนอกจีนที่ใหญ่ที่สุด ก็ยังต้องพึ่งพาความร่วมมือกับจีนในการพัฒนา ✅ สถานการณ์ของ TSMC ➡️ มีสต็อกแร่หายากเพียงพอสำหรับ 1–2 ปี ➡️ ไม่กังวลผลกระทบระยะสั้นจากการจำกัดส่งออกของจีน ➡️ ความท้าทายหลักคือการเปลี่ยนแหล่งวัตถุดิบในระยะยาว ✅ บทบาทของจีนในตลาดแร่หายาก ➡️ ครองกำลังการผลิตกว่า 85% ของโลก ➡️ ประกาศให้แร่หายากเป็นทรัพย์สินของรัฐในปี 2024 ➡️ ออกมาตรการควบคุมการส่งออกหลายครั้งในปี 2025 ➡️ ส่งผลกระทบต่อการผลิตชิปขั้นสูงทั่วโลก ✅ ทางเลือกจากประเทศอื่น ➡️ ออสเตรเลียพยายามสกัดแร่จากของเสียในเหมือง ➡️ แคนาดาและสหรัฐฯ เตรียมลงทุนเพื่อขยายกำลังผลิต ➡️ มาเลเซียมีโรงงานแปรรูปใหญ่ที่สุดนอกจีน แต่ยังต้องพึ่งพาความร่วมมือกับจีน https://www.tomshardware.com/tech-industry/manufacturing/tsmc-says-chinas-rare-earth-export-restrictions-will-have-limited-short-term-impact-on-company-concern-lies-in-transitioning-away-from-china-supply
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 211 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้อมูลก่อนหน้า
    https://t.me/ThaiPitaksithData/6914

    เปิดโปงเบื้องหลัง ธุรกิจไวรัสตัดต่อพันธุกรรม ทำไมคนไทยต้อง Save หมอธีระวัฒน์ เพื่อ Save ประชาชน จากรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ ศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567
    https://fb.watch/qpJFWeLSO0/?
    “หมอธีระวัฒน์” เผยความจริงต้นตอที่มาโควิด พร้อมแจงละเอียดยิบเหตุยุติวิจัยไวรัสค้างคาว
    https://news1live.com/detail/9670000005954
    “หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ“ แจงละเอียดยิบ “แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด” (White Clot) และโปรตีนหนามทั่วร่างกายไปไกลถึงลูกอัณฑะ / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    https://www.facebook.com/100044511276276/posts/pfbid0mcjQWeLT6R55prCBLgHHxQXfATwsQjRnh8dTuNmaYYhrC1eigXFAWG6tZUweSTTUl/?
    ปรากฏการณ์แท่งย้วยสีขาวตันเส้นเลือด
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000015694
    สารคดี Died Suddenly เป็นการค้นพบเส้นอุดตันในเส้นเลือด ที่ไม่ใช่การอุดตันปกติ นักแต่งศพหลายๆคน มีปัญหาฉีดน้ำยารักษาศพเข้าเส้นเลือดไม่ได้ จึงทำการผ่าดู ปรากฏว่าเจอการอุดตันผิดปกติ ยาวเป็นฟุต!! ฝรั่งเขารู้ก่อนเรามานานแล้ว แล้วคุณยังจะเชื่อว่ามันคือ ฮีทสโตรกอยู่เหรอ สารคดีที่ลงสื่อหลักไม่ได้ เพราะเขาไม่อยากให้คุณรู้
    https://rumble.com/v1wac7i-world-premier-died-suddenly.html
    Thai sub https://rumble.com/v1ytofw-died-suddenly-thai-subtitles-.html
    https://t.me/awakened_thailand/415
    “หมอธีระวัฒน์” ย้ำแท่งย้วยสีขาวเริ่มพบกลางปี 2021 หลังมีการใช้วัคซีน mRNA ยันไม่ใช่นักต่อต้านวัคซีน
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000015912
    “หมอธีระวัฒน์” ย้ำแท่งย้วยสีขาวเริ่มพบกลางปี 2021 หลังมีการใช้วัคซีน mRNA ยันไม่ใช่นักต่อต้านวัคซีน
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000015912
    “หมอธีระวัฒน์” เผย 5 เหตุผล ลาออก หน.ศูนย์ฯโรคอุบัติใหม่
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000037010
    วัคซีน : ที่ปฏิบัติในปัจจุบันเป็นการฝ่าฝืนกฎข้อบังคับทางจริยธรรมทางการแพทย์ทั้งหมดหรือไม่? (ตอนที่ 1)
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000036764
    หัวข้อ ทำไม พระสงฆ์ คนหนุ่มสาว ป่วยทรดตัวไว? รายการสภากาแฟ ช่อง News1
    https://www.youtube.com/live/4BHNF3zpCz0?si=nzF8PfAMNCo_mS8x
    "หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ" เชิญร่วมเสวนา “อันตรายจากวัคซีนร้ายแรงกว่าที่คิด” ณ หอศิลป์กรุงเทพฯ 3 พ.ค.นี้
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000035647
    เรื่องใหญ่! “หมอธีระวัฒน์” เผยนักวิจัย “โมเดอร์นา” ยอมรับเอง วัคซีน mRNA ยังต้องผ่านการปรับปรุงอีกหลายขั้นตอน
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000035583
    มะเร็งเพิ่มหลังฉีดวัคซีนโควิดในญี่ปุ่น : กรณีศึกษาในไทย
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000034512
    “หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ“ แจงละเอียดยิบ “แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด” และโปรตีนหนามทั่วร่างกายไปไกลถึงลูกอัณฑะ
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000025152
    ไวรัสโควิด สร้างได้ในห้องทดลองและ มีจด สิทธิบัตร ตั้งแต่ปี 2018
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000025130
    นวัตกรรมสุดยอดของวัคซีนเลื้อยดุ ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    https://mgronline.com/daily/detail/9670000023136
    White Clot ยังไม่จบ “หมอธีระวัฒน์” พร้อมตอบแบบจัดเต็ม ในงาน “ความจริงมีหนึ่งเดียว” 17 มี.ค.2567
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000020769
    อจ หมออรรถพล CDC Webinar Live Talk 04 มี.ค. 2567 หัวข้อ ภัยของ Covid Vaccine
    https://rumble.com/v4hcoae--covid-vaccine.html
    ชันสูตรศพผู้ตายจากวัคซีนโควิด 326 ราย
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000019343
    คนไทยพิทักษ์สิทธิ์ฯ ร้องดีอีปรับปรุงศูนย์ต้านข่าวปลอม พร้อมแก้ไขข้อมูลเท็จ
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000019152
    ฝ่ายค้านแคนาดาแฉ “ทรูโด” ปกปิดหลักฐานวิจัยไวรัสร่วมกับจีน
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000018855
    "ปานเทพ" เผย 7 ประเด็นสำคัญผลกระทบจากวัคซีนโควิด อันตราย-อำมหิตกว่าที่คิด จี้หยุดฉีด
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000018762
    Save หมอธีระวัฒน์ ผู้เปิดโปงธุรกิจไวรัสตัดต่อพันธุกรรม
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000017172
    https://youtu.be/ucQZu7LbZCM?si=YPMxtmhRnYQrnAnk
    จี้คณบดีแพทยศาสตร์ ศิริราช-จุฬาฯ เลิกติดต่อ “เฟาซี” และ EHA ที่ให้ทุนวิจัยสร้างไวรัสอันตราย
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000016687
    “ปานเทพ” เสียดายคนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้อ่าน งานวิจัยผลกระทบจากวัคซีนต่อเด็กและเยาวชนไทย
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000016219


    จวก “หมอธีระ” ยืนข้างบริษัทยา ปล่อยข่าวปลอมเสียเอง ท้าดีเบตกับวิชาการตัวจริง
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000015945
    หมอธีระ หมอที่ยืนข้างบริษัทยา
    https://www.facebook.com/share/p/9x61sF5dLf2dy6wk/?mibextid=Nif5oz
    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid049af37rusAcp8AW12nnFEe2MehpUHd5buVdroxoPy6tmSBFnx7M4RRcHoCSXLFYWl&id=100064810775743&mibextid=Nif5oz
    ปรากฏการณ์แท่งย้วยสีขาวตันเส้นเลือด
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000015694
    “หมอธีระวัฒน์” เผยพบปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เห็นมาก่อนในคนฉีดวัคซีน mRNA
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000015334
    โลกใช้เชื้อโรคเป็นอาวุธ..แผ่นดินเรามีโอสถภูมิปัญญา WHO..อย่ายุ่งมาก! | สภากาแฟเวทีชาวบ้าน ช่อง News1
    เข้าใจ สนธิสัญญาโรคระบาดและการแก้ไข IHR ( International Health Regulation หรือ กฎระเบียบด้านสุขภาพระหว่างประเทศ) ของ WHO (องค์การอนามัยโลก)
    https://youtu.be/Cvml6w6c5WI?si=UL81i3lAOVL9872W
    https://www.rookon.com/?p=1176
    สภาทนายความ แถลงข่าว เรื่อง ประกันโควิด กับผลกระทบวัคซีน 05-06-2024
    https://rumble.com/v4zrij6--05-06-2024.html
    เปิดโปงธุรกิจไวรัสตัดต่อพันธุกรรม : Sondhitalk (ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง) EP.230
    https://m.youtube.com/watch?si=Q9kw0ho0R0JfKya5&fbclid=IwAR2tadgM38rB01iG7B_EKK8lvTA4DScCO4-iSpyg9bBZyAmXfGLsiExEFmI_aem_AZq7B_ZfF8BLBoKcmTknNdVCH9GPFMRKMg6tuV_UV8w2m106s6kASAKDgBYMmG3Lzmg&v=ucQZu7LbZCM&feature=youtu.be
    นวัตกรรมสุดยอดของวัคซีนเลื้อยดุ ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    https://mgronline.com/daily/detail/9670000023136
    สร้างเท็จเป็นจริง เปลี่ยนจริงเป็นเท็จ
    https://m.youtube.com/watch?si=XN7rAI1qEWlI-kr6&fbclid=IwAR1mynXiLAbnauASWUlJJWFbJ9YUkDlYd3MpVN975-j1XiXKT8m6LK2stvs_aem_AQH-ZkLmZSDYhXTbonKF3fZqbmCD50usAsDLiZk9cI9WNJJdVKVS7dUUuc-N1nedwd8&v=D6NboVSczKU&feature=youtu.be
    “หมอธีระวัฒน์” เผยความจริงปรากฏ โควิดหลุดจากแล็บเป็นเรื่องจริง ฝีมือหมอใหญ่สหรัฐฯ ผ่านองค์กร Eco Health Alliance
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000042959
    เราจะรอดพ้นจากการเป็นซอมบี้ได้อย่างไร ?!! / โดย ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    https://youtu.be/RLWADSjPdC0?si=6oot2AiWzNbH7efq
    “อีลอน มัสก์” ร้องเอาผิด “เฟาซี” ตอกย้ำโควิดมาจากแล็บอู่ฮั่นที่อเมริกาให้เงินอุดหนุน
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000043013
    อย่าเงียบ!กดดันไฟเซอร์-โมเดอร์นาถอนใบอนุญาตวัคซีนโควิด อ้างพบตายมากกว่าแอสตร้าฯ3เท่า
    https://mgronline.com/around/detail/9670000040887
    “หมอธีระวัฒน์” ตั้งคำถามหลังแอสตร้าฯ หยุดขาย แล้ววัคซีนชนิดอื่นทำไมทางการไทยยังปกป้อง แฉไฟเซอร์ต้องยอมความ 1 หมื่นคดี
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000040486
    “หมอธีระวัฒน์” ถามแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ รับเงิน 2 พันล้านก๊อปปี้วัคซีนโควิดไฟเซอร์ ได้ผลสำเร็จอย่างไร
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000040290
    “ปานเทพ” ชี้แอสตร้าฯ ถอนใบอนุญาตการตลาดวัคซีนทั่วโลกหลังยอมรับก่อผลข้างเคียง แต่องค์กรรัฐไทยเงียบกริบ สะท้อนสำนึกความปลอดภัยที่ตกต่ำ
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000040078
    “ฉีดแล้ว แถมอะไรบ้าง?” ฟังเวอร์ชั่นมึผู้ดัดแปลง แรพเตอร์ประยุกต์
    https://fb.watch/rY3hwhondy/?
    https://fb.watch/rY3jv7hMym/?
    เปิดวิธีป้องกัน ความอันตราย จากพิษของวัคซีน / ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา สัมภาษณ์โดย ปากซอย 105 รู้ก่อนใคร ลึกจากข่าววงใน
    https://youtu.be/44uwz3X0Gh4?si=_qNy29hSXEYptH4g
    “หมอธีระวัฒน์” เผยเคสคนป่วยจากแอสตร้า-ไฟเซอร์ ชี้ทั้งวัคซีนเชื้อเป็นและ mRNA ส่งผลกระทบระยะสั้นถึงยาว ต่อสมอง-กล้ามเนื้อ
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000037733
    แท่งย้วยสีขาวในหลอดเลือด เกิดขึ้น “ก่อน”ตายเท่านั้น รีบช่วยชมและแชร์ก่อนถูกลบ
    https://fb.watch/s0hNc3DymZ/?
    https://fb.watch/s0hJ12wEyq/?
    ช็อค!!! คำสารภาพของไฟเซอร์ รีบชมและแชร์ก่อนโดนลบ
    https://fb.watch/s0bmq6HW8P/?
    “หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ“ แจงละเอียดยิบ “แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด” (White Clot) และโปรตีนหนามทั่วร่างกายไปไกลถึงลูกอัณฑะ / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    https://www.facebook.com/100044511276276/posts/945435006950200/?
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000025152
    ไวรัสโควิด สร้างได้ในห้องทดลองและ มีจด สิทธิบัตร ตั้งแต่ปี 2018
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000025130
    “หมอชลธวัช” เผยวัคซีน mRNA โยงโรคสมองเสื่อม แนะคนกลัวอัลไซเมอร์-พาร์กินสัน ไม่ควรฉีด
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000052341
    เงินสำคัญกว่าชีวิต! ผู้เชี่ยวชาญเชื่อ US บิดเบือนวัคซีน 'โควิด' จีน มีเป้าหมายเพื่อสกัดคู่แข่ง
    https://mgronline.com/around/detail/9670000051671

    วัคซีนเทพระส่ำ! รัฐแคนซัสลุยฟ้องเอาผิด 'ไฟเซอร์' กล่าวหาปกปิดความเสี่ยง-โป้ปดประสิทธิภาพ
    https://mgronline.com/around/detail/9670000052000
    ความจริงปรากฏ! รอยเตอร์แฉเอง US ใช้ยุทธการบิดเบือน ใส่ร้ายป้ายสีวัคซีนโควิดของจีน
    https://mgronline.com/around/detail/9670000051466
    “หมอธีระวัฒน์” เผยผลชันสูตรคนตาย วัคซีนโควิดอาจเป็นสาเหตุเชื้ออสุจิไม่วิ่ง
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000051903
    สะเทือนแน่! ศาลสหรัฐฯ ตัดสิน วัคซีนโควิด mRNA ไม่ใช่วัคซีนตามความหมายเดิม
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000051429
    เผยเหตุเชื้อ “ฝีดาษลิง” รุนแรงขึ้นอาจเป็นเพราะการทดลองของมนุษย์
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000050851
    วัคซีนเล่มสีชมพู – ดร. เชอร์รี เทนเพนนี
    https://www.rookon.com/?p=1112
    เรื่องใหญ่! 'หมอธีระวัฒน์'แฉนักวิทยาศาสตร์ของ 'โมเดนา' ยอมรับ วัคซีน mRNR มีอันตรายต้องปรับปรุง https://www.thaipost.net/x-cite-news/574701/
    ตัวเร่งอัลไซเมอร์ ปัจจัยสมองเสื่อม
    https://www.thairath.co.th/news/local/2780279?fbclid=IwZXh0bgNhZW0BMQABHasG0naYhGMWkauoJynJJogiy5_NDCd315hbeWbq9VKsujvb0QlhIDaYXw_aem_AVdXSF5wlAW6xu0DqygB78_9MAXrrrSl80nxmlnJULaXM7V7p4XE8sSaW8nA80wGr9U
    “หมอธีระวัฒน์” แฉวัคซีนไฟเซอร์โดนฟ้องแหลกในสหรัฐฯ แต่ในไทยยังประชาสัมพันธ์ให้ฉีด
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000052545
    ลับ ลวง พราง ชั่วร้าย ยาและวัคซีน (ตอนที่ 1)
    https://mgronline.com/daily/detail/9670000053749
    ขึ้นเครื่องบิน ตอนนี้ต้องถามว่า นักบินฉีดกี่เข็ม มีมรณา mRNA ด้วยไหม ถ้าตอบว่ามี รอไฟลต์หน้าปลอดภัย กว่า
    https://x.com/makismd/status/1805541350026199289?s=53&t=Pd2sCn9Dej9GlmSuERlElA
    งานวิจัย วัคซีน mRNA แทรกตัว เปลี่ยน DNA มนุษย์ได้ใน 6 ชม. โดย รศ.ดร.คล้ายอัปสร พงศ์รพีพร
    https://youtu.be/S32-hkJBJKA
    รูต่ายส่ายสะโพก เสนอ ความจริงที่สื่อกระแสหลักไม่กล้าพูดถึง การหลอกลวงและความเชื่อมโยง...
    วัคซีน mRNA ... มือที่มองไม่เห็นและปลายเข็มแห่งซาตาน (วัคซีน mRNA ส่งผลต่อร่างกายมนุษย์ยังไง)
    https://rumble.com/v6gea87--mrna-...-.html?e9s=src_v1_upp_a
    เปิดแฟ้มลับ...มือสังหารหมู่โลก (วัคซีน mRNA, กำเนิดเชื้อโควิด และ RFK JR. แหกทุจริตในอเมริกา)
    https://rumble.com/v6q1hmg-...-mrna-.html?e9s=src_v1_upp_a
    เปิดแฟ้มลับ...มือสังหาร JFK (วัคซีนก่อมะเร็ง,การลอบสังหาร, รัฐลึก, 911)
    https://rumble.com/v6rewkc-...-jfk-ep3.html?e9s=src_v1_upp_a
    ตัวอย่างหนังสือปฏิเสธวัคซีน
    https://t.me/ThaiPitaksithData/6897
    ชำแหละหมอธนีย์
    ตอนที่ 1. ใครกันแน่ที่หาแสง เพื่อขายของ https://www.facebook.com/share/p/1GzjbbbCHp/
    ตอนที่ 2.สื่อไหนนะที่ให้ข่าวปลอม https://www.facebook.com/share/p/1MVZc5gBdM/
    ตอนที่ 3.ก่อนอ่านงานวิจัย อ่านเอกสารกำกับยาก่อนดีไหม
    https://www.facebook.com/share/p/17W8FE6zLY/
    ตอนที่ 4. มีคนเอาข้อมูลไฟเซอร์มาเขียนรายงาน 102 ฉบับ หมอเคยอ่านไหม https://www.facebook.com/share/p/1JCYxQopJV/
    ตอนที่ 5. อาจารย์ธีระวัฒน์ที่เป็น ครู ของหมอ อธิบายได้ดีพร้อมมีหลักฐานแสดง https://www.facebook.com/share/p/1GU7bL72BH/
    ตอนที่ 6.ไหนว่า อ่านงานวิจัยเป็น ทำไมหมอโดนหลอก?
    https://www.facebook.com/share/p/16YVXEaET1/
    ตอนที่ 7.หมอเข้าใจ mRNA มากแค่ไหน Antigen คืออะไร ตอบได้รึเปล่า? https://www.facebook.com/share/p/1BcP47gdMN/
    ตอนที่ 8. อคติ คือ อะไร ทำไม หมอไม่รู้ตัว ?
    https://www.facebook.com/share/p/1GnAz468Kk/
    ตอนที่ 9.หมอสนใจข้อมูล จริงๆ หรือ? แค่พูดให้ดูดี หรือ กล้าไปขอมาดูจริงๆ
    https://www.facebook.com/share/p/14M6mFcCrE2/
    ตอนที่ 10.กาลามสูตรคือ อะไร ต่างจากใช้ AI อย่างไร
    https://www.facebook.com/share/p/17Wua35Hmi/
    โควิดความจริงที่ถูกเปิดเผย
    ตอนที่ 1 https://www.thairath.co.th/newspaper/2756723
    ตอนที่ 2 https://mgronline.com/daily/detail/9670000008184
    ตอนที่ 3 https://mgronline.com/daily/detail/9670000010320
    ตอนที่ 4 https://mgronline.com/daily/detail/9670000012549
    ตอนที่ 5 https://mgronline.com/daily/detail/9670000014922
    ตอนที่ 6 https://www.thairath.co.th/news/local/2765797
    ตอนที่ 7 https://www.facebook.com/share/p/19ohqtKnpQ/
    ตอนที่ 8 https://www.facebook.com/share/p/1FaswKgAHT/
    ตอนที่ 9 https://www.facebook.com/share/p/19fp8ufNYM/
    ตอน 10
    https://www.facebook.com/share/14MV2xoK5Bq/?mibextid=wwXIfr
    ตอน 11
    https://www.facebook.com/share/p/1JHQybX6oW/?mibextid=wwXIfr
    ตอน 12
    https://www.facebook.com/share/17XgRhXGNF/?mibextid=wwXIfr





    ข้อมูลก่อนหน้า https://t.me/ThaiPitaksithData/6914 ✍️เปิดโปงเบื้องหลัง ธุรกิจไวรัสตัดต่อพันธุกรรม ทำไมคนไทยต้อง Save หมอธีระวัฒน์ เพื่อ Save ประชาชน จากรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ ศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 https://fb.watch/qpJFWeLSO0/? ✍️“หมอธีระวัฒน์” เผยความจริงต้นตอที่มาโควิด พร้อมแจงละเอียดยิบเหตุยุติวิจัยไวรัสค้างคาว https://news1live.com/detail/9670000005954 ✍️“หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ“ แจงละเอียดยิบ “แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด” (White Clot) และโปรตีนหนามทั่วร่างกายไปไกลถึงลูกอัณฑะ / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ https://www.facebook.com/100044511276276/posts/pfbid0mcjQWeLT6R55prCBLgHHxQXfATwsQjRnh8dTuNmaYYhrC1eigXFAWG6tZUweSTTUl/? ✍️ปรากฏการณ์แท่งย้วยสีขาวตันเส้นเลือด https://mgronline.com/qol/detail/9670000015694 ✍️สารคดี Died Suddenly เป็นการค้นพบเส้นอุดตันในเส้นเลือด ที่ไม่ใช่การอุดตันปกติ นักแต่งศพหลายๆคน มีปัญหาฉีดน้ำยารักษาศพเข้าเส้นเลือดไม่ได้ จึงทำการผ่าดู ปรากฏว่าเจอการอุดตันผิดปกติ ยาวเป็นฟุต!! ฝรั่งเขารู้ก่อนเรามานานแล้ว แล้วคุณยังจะเชื่อว่ามันคือ ฮีทสโตรกอยู่เหรอ สารคดีที่ลงสื่อหลักไม่ได้ เพราะเขาไม่อยากให้คุณรู้ https://rumble.com/v1wac7i-world-premier-died-suddenly.html Thai sub https://rumble.com/v1ytofw-died-suddenly-thai-subtitles-.html https://t.me/awakened_thailand/415 ✍️“หมอธีระวัฒน์” ย้ำแท่งย้วยสีขาวเริ่มพบกลางปี 2021 หลังมีการใช้วัคซีน mRNA ยันไม่ใช่นักต่อต้านวัคซีน https://mgronline.com/qol/detail/9670000015912 ✍️“หมอธีระวัฒน์” ย้ำแท่งย้วยสีขาวเริ่มพบกลางปี 2021 หลังมีการใช้วัคซีน mRNA ยันไม่ใช่นักต่อต้านวัคซีน https://mgronline.com/qol/detail/9670000015912 ✍️“หมอธีระวัฒน์” เผย 5 เหตุผล ลาออก หน.ศูนย์ฯโรคอุบัติใหม่ https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000037010 ✍️วัคซีน : ที่ปฏิบัติในปัจจุบันเป็นการฝ่าฝืนกฎข้อบังคับทางจริยธรรมทางการแพทย์ทั้งหมดหรือไม่? (ตอนที่ 1) https://mgronline.com/qol/detail/9670000036764 ✍️หัวข้อ ทำไม พระสงฆ์ คนหนุ่มสาว ป่วยทรดตัวไว? รายการสภากาแฟ ช่อง News1 https://www.youtube.com/live/4BHNF3zpCz0?si=nzF8PfAMNCo_mS8x ✍️"หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ" เชิญร่วมเสวนา “อันตรายจากวัคซีนร้ายแรงกว่าที่คิด” ณ หอศิลป์กรุงเทพฯ 3 พ.ค.นี้ https://mgronline.com/qol/detail/9670000035647 ✍️เรื่องใหญ่! “หมอธีระวัฒน์” เผยนักวิจัย “โมเดอร์นา” ยอมรับเอง วัคซีน mRNA ยังต้องผ่านการปรับปรุงอีกหลายขั้นตอน https://mgronline.com/qol/detail/9670000035583 ✍️มะเร็งเพิ่มหลังฉีดวัคซีนโควิดในญี่ปุ่น : กรณีศึกษาในไทย https://mgronline.com/qol/detail/9670000034512 ✍️“หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ“ แจงละเอียดยิบ “แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด” และโปรตีนหนามทั่วร่างกายไปไกลถึงลูกอัณฑะ https://mgronline.com/qol/detail/9670000025152 ✍️ไวรัสโควิด สร้างได้ในห้องทดลองและ มีจด สิทธิบัตร ตั้งแต่ปี 2018 https://mgronline.com/qol/detail/9670000025130 ✍️นวัตกรรมสุดยอดของวัคซีนเลื้อยดุ ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา https://mgronline.com/daily/detail/9670000023136 ✍️White Clot ยังไม่จบ “หมอธีระวัฒน์” พร้อมตอบแบบจัดเต็ม ในงาน “ความจริงมีหนึ่งเดียว” 17 มี.ค.2567 https://mgronline.com/qol/detail/9670000020769 ✍️อจ หมออรรถพล CDC Webinar Live Talk 04 มี.ค. 2567 หัวข้อ ภัยของ Covid Vaccine https://rumble.com/v4hcoae--covid-vaccine.html ✍️ชันสูตรศพผู้ตายจากวัคซีนโควิด 326 ราย https://mgronline.com/qol/detail/9670000019343 ✍️คนไทยพิทักษ์สิทธิ์ฯ ร้องดีอีปรับปรุงศูนย์ต้านข่าวปลอม พร้อมแก้ไขข้อมูลเท็จ https://mgronline.com/qol/detail/9670000019152 ✍️ฝ่ายค้านแคนาดาแฉ “ทรูโด” ปกปิดหลักฐานวิจัยไวรัสร่วมกับจีน https://mgronline.com/qol/detail/9670000018855 ✍️"ปานเทพ" เผย 7 ประเด็นสำคัญผลกระทบจากวัคซีนโควิด อันตราย-อำมหิตกว่าที่คิด จี้หยุดฉีด https://mgronline.com/qol/detail/9670000018762 ✍️Save หมอธีระวัฒน์ ผู้เปิดโปงธุรกิจไวรัสตัดต่อพันธุกรรม https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000017172 https://youtu.be/ucQZu7LbZCM?si=YPMxtmhRnYQrnAnk ✍️จี้คณบดีแพทยศาสตร์ ศิริราช-จุฬาฯ เลิกติดต่อ “เฟาซี” และ EHA ที่ให้ทุนวิจัยสร้างไวรัสอันตราย https://mgronline.com/qol/detail/9670000016687 ✍️“ปานเทพ” เสียดายคนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้อ่าน งานวิจัยผลกระทบจากวัคซีนต่อเด็กและเยาวชนไทย https://mgronline.com/qol/detail/9670000016219 ✍️จวก “หมอธีระ” ยืนข้างบริษัทยา ปล่อยข่าวปลอมเสียเอง ท้าดีเบตกับวิชาการตัวจริง https://mgronline.com/qol/detail/9670000015945 ✍️หมอธีระ หมอที่ยืนข้างบริษัทยา https://www.facebook.com/share/p/9x61sF5dLf2dy6wk/?mibextid=Nif5oz https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid049af37rusAcp8AW12nnFEe2MehpUHd5buVdroxoPy6tmSBFnx7M4RRcHoCSXLFYWl&id=100064810775743&mibextid=Nif5oz ✍️ปรากฏการณ์แท่งย้วยสีขาวตันเส้นเลือด https://mgronline.com/qol/detail/9670000015694 ✍️“หมอธีระวัฒน์” เผยพบปรากฏการณ์ที่ไม่ได้เห็นมาก่อนในคนฉีดวัคซีน mRNA https://mgronline.com/qol/detail/9670000015334 ✍️ โลกใช้เชื้อโรคเป็นอาวุธ..แผ่นดินเรามีโอสถภูมิปัญญา WHO..อย่ายุ่งมาก! | สภากาแฟเวทีชาวบ้าน ช่อง News1 เข้าใจ สนธิสัญญาโรคระบาดและการแก้ไข IHR ( International Health Regulation หรือ กฎระเบียบด้านสุขภาพระหว่างประเทศ) ของ WHO (องค์การอนามัยโลก) https://youtu.be/Cvml6w6c5WI?si=UL81i3lAOVL9872W https://www.rookon.com/?p=1176 ✍️ สภาทนายความ แถลงข่าว เรื่อง ประกันโควิด กับผลกระทบวัคซีน 05-06-2024 https://rumble.com/v4zrij6--05-06-2024.html ✍️ เปิดโปงธุรกิจไวรัสตัดต่อพันธุกรรม : Sondhitalk (ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง) EP.230 https://m.youtube.com/watch?si=Q9kw0ho0R0JfKya5&fbclid=IwAR2tadgM38rB01iG7B_EKK8lvTA4DScCO4-iSpyg9bBZyAmXfGLsiExEFmI_aem_AZq7B_ZfF8BLBoKcmTknNdVCH9GPFMRKMg6tuV_UV8w2m106s6kASAKDgBYMmG3Lzmg&v=ucQZu7LbZCM&feature=youtu.be ✍️ นวัตกรรมสุดยอดของวัคซีนเลื้อยดุ ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา https://mgronline.com/daily/detail/9670000023136 ✍️ สร้างเท็จเป็นจริง เปลี่ยนจริงเป็นเท็จ https://m.youtube.com/watch?si=XN7rAI1qEWlI-kr6&fbclid=IwAR1mynXiLAbnauASWUlJJWFbJ9YUkDlYd3MpVN975-j1XiXKT8m6LK2stvs_aem_AQH-ZkLmZSDYhXTbonKF3fZqbmCD50usAsDLiZk9cI9WNJJdVKVS7dUUuc-N1nedwd8&v=D6NboVSczKU&feature=youtu.be ✍️“หมอธีระวัฒน์” เผยความจริงปรากฏ โควิดหลุดจากแล็บเป็นเรื่องจริง ฝีมือหมอใหญ่สหรัฐฯ ผ่านองค์กร Eco Health Alliance https://mgronline.com/qol/detail/9670000042959 ✍️เราจะรอดพ้นจากการเป็นซอมบี้ได้อย่างไร ?!! / โดย ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา https://youtu.be/RLWADSjPdC0?si=6oot2AiWzNbH7efq ✍️“อีลอน มัสก์” ร้องเอาผิด “เฟาซี” ตอกย้ำโควิดมาจากแล็บอู่ฮั่นที่อเมริกาให้เงินอุดหนุน https://mgronline.com/qol/detail/9670000043013 ✍️อย่าเงียบ!กดดันไฟเซอร์-โมเดอร์นาถอนใบอนุญาตวัคซีนโควิด อ้างพบตายมากกว่าแอสตร้าฯ3เท่า https://mgronline.com/around/detail/9670000040887 ✍️“หมอธีระวัฒน์” ตั้งคำถามหลังแอสตร้าฯ หยุดขาย แล้ววัคซีนชนิดอื่นทำไมทางการไทยยังปกป้อง แฉไฟเซอร์ต้องยอมความ 1 หมื่นคดี https://mgronline.com/qol/detail/9670000040486 ✍️“หมอธีระวัฒน์” ถามแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ รับเงิน 2 พันล้านก๊อปปี้วัคซีนโควิดไฟเซอร์ ได้ผลสำเร็จอย่างไร https://mgronline.com/qol/detail/9670000040290 ✍️“ปานเทพ” ชี้แอสตร้าฯ ถอนใบอนุญาตการตลาดวัคซีนทั่วโลกหลังยอมรับก่อผลข้างเคียง แต่องค์กรรัฐไทยเงียบกริบ สะท้อนสำนึกความปลอดภัยที่ตกต่ำ https://mgronline.com/qol/detail/9670000040078 ✍️“ฉีดแล้ว แถมอะไรบ้าง?” ฟังเวอร์ชั่นมึผู้ดัดแปลง แรพเตอร์ประยุกต์ https://fb.watch/rY3hwhondy/? https://fb.watch/rY3jv7hMym/? ✍️เปิดวิธีป้องกัน ความอันตราย จากพิษของวัคซีน / ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา สัมภาษณ์โดย ปากซอย 105 รู้ก่อนใคร ลึกจากข่าววงใน https://youtu.be/44uwz3X0Gh4?si=_qNy29hSXEYptH4g ✍️“หมอธีระวัฒน์” เผยเคสคนป่วยจากแอสตร้า-ไฟเซอร์ ชี้ทั้งวัคซีนเชื้อเป็นและ mRNA ส่งผลกระทบระยะสั้นถึงยาว ต่อสมอง-กล้ามเนื้อ https://mgronline.com/qol/detail/9670000037733 ✍️แท่งย้วยสีขาวในหลอดเลือด เกิดขึ้น “ก่อน”ตายเท่านั้น รีบช่วยชมและแชร์ก่อนถูกลบ https://fb.watch/s0hNc3DymZ/? https://fb.watch/s0hJ12wEyq/? ✍️ช็อค!!! คำสารภาพของไฟเซอร์ รีบชมและแชร์ก่อนโดนลบ https://fb.watch/s0bmq6HW8P/? ✍️ “หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพ“ แจงละเอียดยิบ “แท่งย้วยขาวในหลอดเลือด” (White Clot) และโปรตีนหนามทั่วร่างกายไปไกลถึงลูกอัณฑะ / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ https://www.facebook.com/100044511276276/posts/945435006950200/? https://mgronline.com/qol/detail/9670000025152 ✍️ ไวรัสโควิด สร้างได้ในห้องทดลองและ มีจด สิทธิบัตร ตั้งแต่ปี 2018 https://mgronline.com/qol/detail/9670000025130 ✍️ “หมอชลธวัช” เผยวัคซีน mRNA โยงโรคสมองเสื่อม แนะคนกลัวอัลไซเมอร์-พาร์กินสัน ไม่ควรฉีด https://mgronline.com/qol/detail/9670000052341 ✍️ เงินสำคัญกว่าชีวิต! ผู้เชี่ยวชาญเชื่อ US บิดเบือนวัคซีน 'โควิด' จีน มีเป้าหมายเพื่อสกัดคู่แข่ง https://mgronline.com/around/detail/9670000051671 ✍️ วัคซีนเทพระส่ำ! รัฐแคนซัสลุยฟ้องเอาผิด 'ไฟเซอร์' กล่าวหาปกปิดความเสี่ยง-โป้ปดประสิทธิภาพ https://mgronline.com/around/detail/9670000052000 ✍️ ความจริงปรากฏ! รอยเตอร์แฉเอง US ใช้ยุทธการบิดเบือน ใส่ร้ายป้ายสีวัคซีนโควิดของจีน https://mgronline.com/around/detail/9670000051466 ✍️ “หมอธีระวัฒน์” เผยผลชันสูตรคนตาย วัคซีนโควิดอาจเป็นสาเหตุเชื้ออสุจิไม่วิ่ง https://mgronline.com/qol/detail/9670000051903 ✍️ สะเทือนแน่! ศาลสหรัฐฯ ตัดสิน วัคซีนโควิด mRNA ไม่ใช่วัคซีนตามความหมายเดิม https://mgronline.com/qol/detail/9670000051429 ✍️เผยเหตุเชื้อ “ฝีดาษลิง” รุนแรงขึ้นอาจเป็นเพราะการทดลองของมนุษย์ https://mgronline.com/qol/detail/9670000050851 ✍️ วัคซีนเล่มสีชมพู – ดร. เชอร์รี เทนเพนนี https://www.rookon.com/?p=1112 ✍️ เรื่องใหญ่! 'หมอธีระวัฒน์'แฉนักวิทยาศาสตร์ของ 'โมเดนา' ยอมรับ วัคซีน mRNR มีอันตรายต้องปรับปรุง https://www.thaipost.net/x-cite-news/574701/ ✍️ ตัวเร่งอัลไซเมอร์ ปัจจัยสมองเสื่อม https://www.thairath.co.th/news/local/2780279?fbclid=IwZXh0bgNhZW0BMQABHasG0naYhGMWkauoJynJJogiy5_NDCd315hbeWbq9VKsujvb0QlhIDaYXw_aem_AVdXSF5wlAW6xu0DqygB78_9MAXrrrSl80nxmlnJULaXM7V7p4XE8sSaW8nA80wGr9U ✍️ “หมอธีระวัฒน์” แฉวัคซีนไฟเซอร์โดนฟ้องแหลกในสหรัฐฯ แต่ในไทยยังประชาสัมพันธ์ให้ฉีด https://mgronline.com/qol/detail/9670000052545 ✍️ ลับ ลวง พราง ชั่วร้าย ยาและวัคซีน (ตอนที่ 1) https://mgronline.com/daily/detail/9670000053749 ✍️ขึ้นเครื่องบิน ตอนนี้ต้องถามว่า นักบินฉีดกี่เข็ม มีมรณา mRNA ด้วยไหม ถ้าตอบว่ามี รอไฟลต์หน้าปลอดภัย กว่า https://x.com/makismd/status/1805541350026199289?s=53&t=Pd2sCn9Dej9GlmSuERlElA ✍️งานวิจัย วัคซีน mRNA แทรกตัว เปลี่ยน DNA มนุษย์ได้ใน 6 ชม. โดย รศ.ดร.คล้ายอัปสร พงศ์รพีพร https://youtu.be/S32-hkJBJKA รูต่ายส่ายสะโพก เสนอ ความจริงที่สื่อกระแสหลักไม่กล้าพูดถึง การหลอกลวงและความเชื่อมโยง... ✍️วัคซีน mRNA ... มือที่มองไม่เห็นและปลายเข็มแห่งซาตาน (วัคซีน mRNA ส่งผลต่อร่างกายมนุษย์ยังไง) https://rumble.com/v6gea87--mrna-...-.html?e9s=src_v1_upp_a ✍️เปิดแฟ้มลับ...มือสังหารหมู่โลก (วัคซีน mRNA, กำเนิดเชื้อโควิด และ RFK JR. แหกทุจริตในอเมริกา) https://rumble.com/v6q1hmg-...-mrna-.html?e9s=src_v1_upp_a ✍️เปิดแฟ้มลับ...มือสังหาร JFK (วัคซีนก่อมะเร็ง,การลอบสังหาร, รัฐลึก, 911) https://rumble.com/v6rewkc-...-jfk-ep3.html?e9s=src_v1_upp_a ✍️ตัวอย่างหนังสือปฏิเสธวัคซีน https://t.me/ThaiPitaksithData/6897 ✍️🔪ชำแหละหมอธนีย์ ตอนที่ 1. ใครกันแน่ที่หาแสง เพื่อขายของ https://www.facebook.com/share/p/1GzjbbbCHp/ ตอนที่ 2.สื่อไหนนะที่ให้ข่าวปลอม https://www.facebook.com/share/p/1MVZc5gBdM/ ตอนที่ 3.ก่อนอ่านงานวิจัย อ่านเอกสารกำกับยาก่อนดีไหม https://www.facebook.com/share/p/17W8FE6zLY/ ตอนที่ 4. มีคนเอาข้อมูลไฟเซอร์มาเขียนรายงาน 102 ฉบับ หมอเคยอ่านไหม https://www.facebook.com/share/p/1JCYxQopJV/ ตอนที่ 5. อาจารย์ธีระวัฒน์ที่เป็น ครู ของหมอ อธิบายได้ดีพร้อมมีหลักฐานแสดง https://www.facebook.com/share/p/1GU7bL72BH/ ตอนที่ 6.ไหนว่า อ่านงานวิจัยเป็น ทำไมหมอโดนหลอก? https://www.facebook.com/share/p/16YVXEaET1/ ตอนที่ 7.หมอเข้าใจ mRNA มากแค่ไหน Antigen คืออะไร ตอบได้รึเปล่า? https://www.facebook.com/share/p/1BcP47gdMN/ ตอนที่ 8. อคติ คือ อะไร ทำไม หมอไม่รู้ตัว ? https://www.facebook.com/share/p/1GnAz468Kk/ ตอนที่ 9.หมอสนใจข้อมูล จริงๆ หรือ? แค่พูดให้ดูดี หรือ กล้าไปขอมาดูจริงๆ https://www.facebook.com/share/p/14M6mFcCrE2/ ตอนที่ 10.กาลามสูตรคือ อะไร ต่างจากใช้ AI อย่างไร https://www.facebook.com/share/p/17Wua35Hmi/ ✍️โควิดความจริงที่ถูกเปิดเผย ตอนที่ 1 https://www.thairath.co.th/newspaper/2756723 ตอนที่ 2 https://mgronline.com/daily/detail/9670000008184 ตอนที่ 3 https://mgronline.com/daily/detail/9670000010320 ตอนที่ 4 https://mgronline.com/daily/detail/9670000012549 ตอนที่ 5 https://mgronline.com/daily/detail/9670000014922 ตอนที่ 6 https://www.thairath.co.th/news/local/2765797 ตอนที่ 7 https://www.facebook.com/share/p/19ohqtKnpQ/ ตอนที่ 8 https://www.facebook.com/share/p/1FaswKgAHT/ ตอนที่ 9 https://www.facebook.com/share/p/19fp8ufNYM/ ตอน 10 https://www.facebook.com/share/14MV2xoK5Bq/?mibextid=wwXIfr ตอน 11 https://www.facebook.com/share/p/1JHQybX6oW/?mibextid=wwXIfr ตอน 12 https://www.facebook.com/share/17XgRhXGNF/?mibextid=wwXIfr
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 624 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลัดกันล้วง ตอนที่ 4
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ผลัดกันล้วง”
    ตอนที่ 4 (ตอนจบ)

    “สวีเดน ทำการจารกรรมข้อมูลเกี่ยวกับ รัสเซีย ให้อเมริกามานานแล้ว ”

    โทรทัศน์ สวีเดน Sveriges Television ( SVT ) ออกข่าวนี้ ตั้งแต่ปลายปี 2013 บอกว่า เรื่องนี้อยู่ในเอกสาร ที่นาย Edward Snowden เอามาปูด จนต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปน่ะและตอนนี้ นาย Snowden ก็คงกำลังนั่งซุกหัว ซุกตัว อยู่ในที่หลบภัยอุ่นๆ ตรงไหนสักแห่งหนึ่งของรัสเซีย และเล่าเรื่องที่มีรายละเอียดน่าสนใจเพิ่มเติม ให้เจ้าของที่หลบภัยฟังต่อ

    ความจริงเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ผู้สื่อข่าวสวีเดน นาย Martin Jonsson ได้พยายามขุดมา ตั้งแต่ปี 2005 เกี่ยวกับหน่วยงานข่าวกรองของสวีเดน ชื่อ Forsvarets Radioanstalt ( FRA ) แปลคร่าวๆ คือ National Defense Radio Establishment ซึ่งมีข่าวว่า ตั้งขึ้นมา เพื่อทำการจารกรรมข้อมูลจากสัญญาน ( wiretap ) ที่ผ่านไปมาอยู่แถบนั้น ให้กับ National Security Agency (NSA) ของอเมริกา โดยใช้ระบบที่รู้จักกันในชื่อ Echelon ที่โด่งดัง และประสิทธิภาพน่าขนลุก (ที่ใช้ลูกกลมเหมือนลูกปิงปองยักษ์) แต่ความเป็นจริง Echelon เป็นเพียงหนึ่งในระบบต่างๆที่ NSA ใช้ ยังมีระบบอื่นที่น่าตกใจกว่า อีกแยะ.

    นาย Jonsson บอกว่า NSA เป็นหน่วยงานข่าวกรองที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกา และเป็นศูนย์กลางของเครือข่ายการดักฟัง ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ FRA ก็เป็นส่วนหนึ่ง ของเครือข่ายนี้

    NSA มีขนาด และเครือข่ายใหญ่กว่า CIA มาก โดย NSA เน้นการหาข่าวกรองจากคลื่นสัญญานต่างๆ ที่ส่งกันทั้ง บนดิน ใต้ดิน บนเรือ ใต้น้ำ บนท้องฟ้า ในเครื่องบิน จากดาวเทียม ฯลฯ โดยมีการทำสัญญาการให้ร่วมมือกัน ระหว่าง อเมริกา อังกฤษ แคนาดา นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย เรียกว่า กลุ่ม Five Eyes ตั้งแต่ ปี 1954 เพื่อแลกเปลี่ยน ข้อมูลระหว่างกันอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในช่วงสงครามเย็น

    นาย Jonssen เล่าว่า ตอนนั้น เราเพียงรู้ว่า เครือข่ายดักฟังข้อมูล มีเพียง 5 ประเทศ ดังกล่าว ต่อมาปี 2007 มีข่าวเล็ดลอดออกมาว่า สวีเดน อาจจะเป็น ประเทศที่ 6 ที่จะได้เข้าไปร่วมกับเครือข่ายนี้ด้วย โดยจะทำสัญญาเพิ่ม ขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการเตรียมตัวให้พร้อม สวีเดนก็ดำเนินการออกกฏหมาย ที่รู้จักกันในชื่อ FRA law ให้รัฐสามารถดักฟัง เก็บข้อมูลทุกอย่าง ที่ผ่านเข้ามาในอาณาเขตของสวีเดน ไม่ว่า จะเป็นทางโทรศัพท์ หรือทางเอกสาร ฯลฯได้ ซึ่งเดิมถือว่าเป็นการผิดกฏหมาย ในเรื่องการละเมิดสิทธิ โดยทาง NSA ส่งทีมมาช่วยร่างกฏหมาย เตี๊ยมคำถามคำตอบ ที่ทางรัฐจะต้องตอบกับสภาประชาชนและสื่อ เล่นกันแบบนั้นเลย นึกว่าจะมีแต่แถวบ้านสมันน้อย

    ชาวสวีเดน ต่างออกมาประท้วงร่างกฏหมายฉบับนี้ อย่างมากมาย แต่ในที่สุด ฝ่ายรัฐก็ชนะไปอย่างเฉียดฉิว วันที่ 13 เดือนเมษายน 2007 Odenberg รัฐมนตรีกลาโหมของสวีเดน กับ Chertoff หัวหน้า Homeland Security ของอเมริกา ก็ลงนามในสัญญาที่มีผลให้ สวีเดน รับหน้าที่ ทำการดักฟังการสื่อสารระหว่างประเทศทั้งหมดของรัสเซีย และแชร์ข้อมูลที่ได้รับกับอเมริกา หลังจากนั้นไม่นาน ข่าวเกี่ยวกับสัญญาล้วงตับนี้ก็หลุดออกมาถึงสื่อ รัฐบาลสวีเดนพยายามแก้ตัวว่า มันเป็นเรื่องจำเป็น เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ เป็นเรื่องธรรมดา หลายประเทศก็ทำสัญญาเช่นนี้กับอเมริกา
    ส่วน FRA law ฝีแตกที่หลัง ชาวสวีเดนเพิ่งรู้เรื่อง ต่างไม่พอใจการกระทำของรัฐบาล สื่อ และพรรคฝ่ายค้าน พากันสอบถามรัฐบาล รัฐบาลแก้ตัวไม่หลุด แถไปเรื่อยๆ ข้อแก้ตัวอันหนึ่ง ที่ทำให้ชาวบ้านยิ่งงงหนัก คือคำตอบที่บอกว่า การล้วงตับรัสเซีย เป็นเรื่องจำเป็น สำหรับการป้องกันพวกทหารของเรา ที่ส่งไปรบที่อาฟกานิสถาน อืม เป็นการอ้างเหตุผลได้บัดซบ ไม่น้อยกว่านักการเมืองแถวบ้านสมันน้อย สวีเดนส่งกองทหารไปช่วยอเมริกาถล่มอาฟกานิสถาน และลิเบียในช่วงปี 2011 รวมทั้งส่งเครื่องบินรบ Saab Gripen ที่โด่งดัง ไปช่วยด้วย

    เป็นการดูแลความมั่นคงของสวีเดน ที่ใช้วิสัยทัศน์ ที่ยาว และระยะทางอ้อมไกลมาก

    สื่อสวีเดนไม่ยอมหยุด ช่วยกันขุดต่อ และนำมาเปิดเผยว่า ประมาณ 80% ของการใช้อินเตอร์เนทระหว่างประเทศของรัสเซีย ต้องผ่านเส้นทางสวีเดน นับว่าอเมริกามีตาแหลมคม เลือกคนล้วงตับได้เก่งจริงๆ นอกจากนี้ TeliaSonera บริษัทร่วมทุนยักษ์ใหญ่ ของสวีเดนและฟินแลนด์ ซึ่งมีเครือข่ายใยแก้ว ( fiberoptic ) ใหญ่ที่สุดของโลกบริษัทหนึ่ง และได้รับสัมปทานประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในรัสเซียรายหนึ่งนั้น ถ้าดูตามแผนที่ของบริษัท จะเห็นว่า ได้มีการวางแผน การวางเส้นทางสายใยแก้วของบริษัท ที่มีผลให้การสื่อสารของรัสเซีย ต้องทำผ่านสวีเดน การส่งเมล์ และโทรศัพท์ ไปต่างประเทศของรัสเซีย ต้องผ่านสต๊อกโฮมก่อน ไม่ว่าผู้รับจะอยูที่ใด เยี่ยมจริงๆ

    ความร่วม มือระหว่าง FRA กับ NSA ขยายตัวขึ้นอย่างมโหฬาร ตั้งแต่ 2011 NSA สามารถดักฟัง การสื่อสารในประเทศแถบบอลติกได้หมด ผ่านเคเบิลของสวีเดน

    Duncan Campbell สื่อชาวอังกฤษ ประเภทเกาะติด ตามขุดลึกอย่างไม่เลิก ตามสืบเรื่อง การล้วงตับดักฟังข้อมูลต่อ ได้ข้อมูลลึกมาเพียบ เขาบอกว่า องค์กรที่มาร่วมเป็นตาที่ 6 กับกลุ่ม Five Eyes และถือว่าเป็นหุ้นส่วนใหญ่ ที่ ไม่ได้เป็นประเทศ ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ แต่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่ง กับหน่วยงานของรัฐบาลอังกฤษ UK’s Government Communications Head Quarters (GCHQ) คือสวีเดน!

    ตกลง สวีเดนเป็นนักล้วงตัวจริง ไม่ล้วงธรรมดา ล้วงแล้ว แล้วแหกปากบอกต่อไปทั่วอีกด้วย สวีเดนทำอย่างนี้ทำไม

    โฆษก ของ FRA ยอมรับว่า NSA ของอเมริกา มี full access ผ่านได้ทุกด่าน เข้าได้ตลอดเวลาถึงศูนย์ข้อมูล ที่ฝ่ายข่าวกรองของสวีเดนได้มา เขาให้เหตุผลว่า ” เราคงไม่ทำอะไร โดยไม่ได้อะไรกลับมาหรอกนะ เมื่อเราสามารถหาข้อมูลในส่วนนี้ของโลกได้ เราก็เอาข้อมูลเหล่านี้ ไปแลกกับข้อมูลของส่วนอื่นของโลก ซึ่งยากสำหรับเราที่จะได้มา แต่มันเป็นข้อมูล ที่อาจมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด สำหรับนโยบายต่างประเทศของเรา”

    อย่างหนึ่งที่ สวีเดนได้รับมาจาก NSA ในการเป็นมิตรร่วมล้วง คือได้ โปรแกรมสุดยอดสำหรับการตามประกบเป้าหมาย ที่ต้องการจะล้วงลึกถึงสุดทางชื่อ Xkeyscore คือการตาม online ของทุกคนได้อย่างหมดจด อ้อ ไอ้เจ้านี่เอง ที่มันตาม ป่วนลุงนิทาน! โปรแกรมนี้ สามารถทำให้สวีเดน แฮ๊กเข้าไปในคอมพิวเตอร์ และสอดส่องดูกิจกรรมของประชาชน ของตนได้แบบไม่เหลือ อืม มันเลวได้เหมือนกันหมด นอกจากนี้ สวีเดนยังได้เข้าร่วม Project Quantum ที่ว่าเป็นการปฏิบัติการ hijacks ด้านคอมพิวเตอร์ที่สุดยอด
    Edward Snowden พูดถึงฤทธิ์เดช ของ Xkeyscore ไว้ว่า “ผมแค่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของ ผม ผมก็สามารถ wiretap ใครก็ได้ จากคุณ หรือบัญชีของคุณ ไปจนถึง ผู้พิพากษาศาลสูง แม้กระทั่งประธานาธิบดี เพียงมีอีเมล์ ของคนนั้นเท่านั้น

    ส่วน Quantum เขาว่า เป็นการใช้คลื่นวิทยุ กับอุปกรณ์ ที่ NSA สร้างขึ้นพิเศษ มีชื่อเรียกกันวงในว่า Cottonmouth I ก็ดูดข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ได้หมด แถมส่งต่อไปตามสถานีใหญ่ของ NSA หรือส่งไปสถานีย่อยแบบพกพา portable ได้อีก

    เรื่องการจารกรรมข้อมูลของรัสเซีย โดยสวีเดน เพื่ออเมริกาและพวก เป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ และค้านกับการที่สวีเดนประกาศตัวเสมอว่า ฉันเป็นชาติเป็นกลาง มันเป็นกลางแบบที่เราคงนึกกันไม่ถึง โลกนี้ยังมีอะไรอีกแยะที่เรายังไม่รู้ ตราบเท่าที่ยังไม่เอากระป๋องสี่เหลี่ยมที่เขาครอบหัวเราออก

    แล้วรัสเซียรู้เรื่องการล้วงตับ นี้ไหม รัสเซียคงยิ่งกว่ารู้ การเอาเครื่องบินรบ บินเฉี่ยวหัว และเอาเรือดำน้ำ โผล่ขึ้นไปตบหน้า แล้วหายตัวไป เบ็ดเสร็จประมาณ 40 ครั้ง ในรอบ 8 เดือน อย่างที่ครูอี ด่าหน้าเสาธงนั่นแหละ คงเป็นคำตอบของรัสเซียอย่างหนึ่ง ก็ไหนว่ามีมือยาวล้วงได้ล้ำลึกนัก ก็ผลัดกันล้วงบ้างแล้วกัน และเราก็ดูกันต่อไปว่า ที่สุดแล้ว ใครจะล้วงลึก หรือ ลวงลึก ได้กว่ากัน

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    22 ธค. 2557

    ————————–———————–

    บทส่งท้าย

    เขียนเรื่องเขา ผลัดกันล้วงแล้ว อดนึกถึงเรื่องของเรา สมันน้อยไม่ได้ สมันน้อยเคยถูกล้วงบ้างไหม โดยใคร แล้วยังล้วงกันอยู่หรือเปล่า เคยคิดกันบ้างไหมครับ

    ลองคิดเป็นตัวอย่างเล่นๆ ประมาณ ปี พ.ศ. 2533 แดนสมันน้อยประกาศเชิญชวนติดตั้ง โทรศัพท์ 3 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็น กทม. 2 ล้านเลขหมาย ต่างจังหวัด 1 ล้านเลขหมาย ใครประมูลได้ ส่วนไหนบ้าง ใครเป็นคนได้งานวางไฟเบอร์ออพติก ใครรับช่วงต่อ ใครเป็นหัวเรือใหญ่ดูแลต่อรองเงื่อนไข ไปลองหาอ่านกันบ้างก็ดีนะครับ จะได้รู้หนา รู้บาง รู้ข้าง รู้ฝ่าย กันบ้าง

    แล้วลองนึกถึงอีกเรื่อง เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2535 แดนสมันน้อยให้สัมปทานดาวเทียม ใครเป็นคนได้สัมปทาน ทำอยู่กี่ปีแล้วดันขายไปให้ใคร ผิดเงื่อนไขสัมปทาน ผิดกฏหมายไหม มีใครคิดดำเนินการอะไรกันบ้างหรือเปล่า

    ตอนนี้ ดาวเทียมของบริษัทที่ขายไป ก็ยังใช้ตำแหน่งวงโคจรประจำ ของสมันน้อยอยู่เหมือนเดิม แต่เจ้าของใหม่กลายเป็นลูกกระเป๋ง ของไอ้นักล่า

    ลองต่อจิ๊กซอว์ เรื่องดาวเทียม โทรศัพท์ และสายไฟเบอร์ออพติก ดูเล่นกันหน่อย เห็นภาพอะไรไหมครับ นี่ยังไม่ได้เอาเรื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่มารวมต่อเลยนะ

    ถ้าเห็นภาพแล้ว จะทำอะไรก็ให้มันมิดชิด ระวังกันหน่อยนะครับ เดี๋ยวไอ้คนแอบอ่านแอบดูแอบฟังมันกุ้งยิงกินหมด ฮาออกไหมครับ ผมฮาไม่ออกหรอก ยิ่งเคยเห็นไอ้ลูกปิงปองยักษ์แว็บๆ ยิ่งคิดมาก ใครอยากเห็น นู่นครับ แถวเชียงใหม่ ออกนอกเมืองไปไม่ถึงชั่วโมงมีลูกเบ้อเริ่ม
    ผลัดกันล้วง ตอนที่ 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ผลัดกันล้วง” ตอนที่ 4 (ตอนจบ) “สวีเดน ทำการจารกรรมข้อมูลเกี่ยวกับ รัสเซีย ให้อเมริกามานานแล้ว ” โทรทัศน์ สวีเดน Sveriges Television ( SVT ) ออกข่าวนี้ ตั้งแต่ปลายปี 2013 บอกว่า เรื่องนี้อยู่ในเอกสาร ที่นาย Edward Snowden เอามาปูด จนต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปน่ะและตอนนี้ นาย Snowden ก็คงกำลังนั่งซุกหัว ซุกตัว อยู่ในที่หลบภัยอุ่นๆ ตรงไหนสักแห่งหนึ่งของรัสเซีย และเล่าเรื่องที่มีรายละเอียดน่าสนใจเพิ่มเติม ให้เจ้าของที่หลบภัยฟังต่อ ความจริงเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ผู้สื่อข่าวสวีเดน นาย Martin Jonsson ได้พยายามขุดมา ตั้งแต่ปี 2005 เกี่ยวกับหน่วยงานข่าวกรองของสวีเดน ชื่อ Forsvarets Radioanstalt ( FRA ) แปลคร่าวๆ คือ National Defense Radio Establishment ซึ่งมีข่าวว่า ตั้งขึ้นมา เพื่อทำการจารกรรมข้อมูลจากสัญญาน ( wiretap ) ที่ผ่านไปมาอยู่แถบนั้น ให้กับ National Security Agency (NSA) ของอเมริกา โดยใช้ระบบที่รู้จักกันในชื่อ Echelon ที่โด่งดัง และประสิทธิภาพน่าขนลุก (ที่ใช้ลูกกลมเหมือนลูกปิงปองยักษ์) แต่ความเป็นจริง Echelon เป็นเพียงหนึ่งในระบบต่างๆที่ NSA ใช้ ยังมีระบบอื่นที่น่าตกใจกว่า อีกแยะ. นาย Jonsson บอกว่า NSA เป็นหน่วยงานข่าวกรองที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกา และเป็นศูนย์กลางของเครือข่ายการดักฟัง ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ FRA ก็เป็นส่วนหนึ่ง ของเครือข่ายนี้ NSA มีขนาด และเครือข่ายใหญ่กว่า CIA มาก โดย NSA เน้นการหาข่าวกรองจากคลื่นสัญญานต่างๆ ที่ส่งกันทั้ง บนดิน ใต้ดิน บนเรือ ใต้น้ำ บนท้องฟ้า ในเครื่องบิน จากดาวเทียม ฯลฯ โดยมีการทำสัญญาการให้ร่วมมือกัน ระหว่าง อเมริกา อังกฤษ แคนาดา นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย เรียกว่า กลุ่ม Five Eyes ตั้งแต่ ปี 1954 เพื่อแลกเปลี่ยน ข้อมูลระหว่างกันอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในช่วงสงครามเย็น นาย Jonssen เล่าว่า ตอนนั้น เราเพียงรู้ว่า เครือข่ายดักฟังข้อมูล มีเพียง 5 ประเทศ ดังกล่าว ต่อมาปี 2007 มีข่าวเล็ดลอดออกมาว่า สวีเดน อาจจะเป็น ประเทศที่ 6 ที่จะได้เข้าไปร่วมกับเครือข่ายนี้ด้วย โดยจะทำสัญญาเพิ่ม ขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการเตรียมตัวให้พร้อม สวีเดนก็ดำเนินการออกกฏหมาย ที่รู้จักกันในชื่อ FRA law ให้รัฐสามารถดักฟัง เก็บข้อมูลทุกอย่าง ที่ผ่านเข้ามาในอาณาเขตของสวีเดน ไม่ว่า จะเป็นทางโทรศัพท์ หรือทางเอกสาร ฯลฯได้ ซึ่งเดิมถือว่าเป็นการผิดกฏหมาย ในเรื่องการละเมิดสิทธิ โดยทาง NSA ส่งทีมมาช่วยร่างกฏหมาย เตี๊ยมคำถามคำตอบ ที่ทางรัฐจะต้องตอบกับสภาประชาชนและสื่อ เล่นกันแบบนั้นเลย นึกว่าจะมีแต่แถวบ้านสมันน้อย ชาวสวีเดน ต่างออกมาประท้วงร่างกฏหมายฉบับนี้ อย่างมากมาย แต่ในที่สุด ฝ่ายรัฐก็ชนะไปอย่างเฉียดฉิว วันที่ 13 เดือนเมษายน 2007 Odenberg รัฐมนตรีกลาโหมของสวีเดน กับ Chertoff หัวหน้า Homeland Security ของอเมริกา ก็ลงนามในสัญญาที่มีผลให้ สวีเดน รับหน้าที่ ทำการดักฟังการสื่อสารระหว่างประเทศทั้งหมดของรัสเซีย และแชร์ข้อมูลที่ได้รับกับอเมริกา หลังจากนั้นไม่นาน ข่าวเกี่ยวกับสัญญาล้วงตับนี้ก็หลุดออกมาถึงสื่อ รัฐบาลสวีเดนพยายามแก้ตัวว่า มันเป็นเรื่องจำเป็น เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ เป็นเรื่องธรรมดา หลายประเทศก็ทำสัญญาเช่นนี้กับอเมริกา ส่วน FRA law ฝีแตกที่หลัง ชาวสวีเดนเพิ่งรู้เรื่อง ต่างไม่พอใจการกระทำของรัฐบาล สื่อ และพรรคฝ่ายค้าน พากันสอบถามรัฐบาล รัฐบาลแก้ตัวไม่หลุด แถไปเรื่อยๆ ข้อแก้ตัวอันหนึ่ง ที่ทำให้ชาวบ้านยิ่งงงหนัก คือคำตอบที่บอกว่า การล้วงตับรัสเซีย เป็นเรื่องจำเป็น สำหรับการป้องกันพวกทหารของเรา ที่ส่งไปรบที่อาฟกานิสถาน อืม เป็นการอ้างเหตุผลได้บัดซบ ไม่น้อยกว่านักการเมืองแถวบ้านสมันน้อย สวีเดนส่งกองทหารไปช่วยอเมริกาถล่มอาฟกานิสถาน และลิเบียในช่วงปี 2011 รวมทั้งส่งเครื่องบินรบ Saab Gripen ที่โด่งดัง ไปช่วยด้วย เป็นการดูแลความมั่นคงของสวีเดน ที่ใช้วิสัยทัศน์ ที่ยาว และระยะทางอ้อมไกลมาก สื่อสวีเดนไม่ยอมหยุด ช่วยกันขุดต่อ และนำมาเปิดเผยว่า ประมาณ 80% ของการใช้อินเตอร์เนทระหว่างประเทศของรัสเซีย ต้องผ่านเส้นทางสวีเดน นับว่าอเมริกามีตาแหลมคม เลือกคนล้วงตับได้เก่งจริงๆ นอกจากนี้ TeliaSonera บริษัทร่วมทุนยักษ์ใหญ่ ของสวีเดนและฟินแลนด์ ซึ่งมีเครือข่ายใยแก้ว ( fiberoptic ) ใหญ่ที่สุดของโลกบริษัทหนึ่ง และได้รับสัมปทานประกอบกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในรัสเซียรายหนึ่งนั้น ถ้าดูตามแผนที่ของบริษัท จะเห็นว่า ได้มีการวางแผน การวางเส้นทางสายใยแก้วของบริษัท ที่มีผลให้การสื่อสารของรัสเซีย ต้องทำผ่านสวีเดน การส่งเมล์ และโทรศัพท์ ไปต่างประเทศของรัสเซีย ต้องผ่านสต๊อกโฮมก่อน ไม่ว่าผู้รับจะอยูที่ใด เยี่ยมจริงๆ ความร่วม มือระหว่าง FRA กับ NSA ขยายตัวขึ้นอย่างมโหฬาร ตั้งแต่ 2011 NSA สามารถดักฟัง การสื่อสารในประเทศแถบบอลติกได้หมด ผ่านเคเบิลของสวีเดน Duncan Campbell สื่อชาวอังกฤษ ประเภทเกาะติด ตามขุดลึกอย่างไม่เลิก ตามสืบเรื่อง การล้วงตับดักฟังข้อมูลต่อ ได้ข้อมูลลึกมาเพียบ เขาบอกว่า องค์กรที่มาร่วมเป็นตาที่ 6 กับกลุ่ม Five Eyes และถือว่าเป็นหุ้นส่วนใหญ่ ที่ ไม่ได้เป็นประเทศ ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ แต่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่ง กับหน่วยงานของรัฐบาลอังกฤษ UK’s Government Communications Head Quarters (GCHQ) คือสวีเดน! ตกลง สวีเดนเป็นนักล้วงตัวจริง ไม่ล้วงธรรมดา ล้วงแล้ว แล้วแหกปากบอกต่อไปทั่วอีกด้วย สวีเดนทำอย่างนี้ทำไม โฆษก ของ FRA ยอมรับว่า NSA ของอเมริกา มี full access ผ่านได้ทุกด่าน เข้าได้ตลอดเวลาถึงศูนย์ข้อมูล ที่ฝ่ายข่าวกรองของสวีเดนได้มา เขาให้เหตุผลว่า ” เราคงไม่ทำอะไร โดยไม่ได้อะไรกลับมาหรอกนะ เมื่อเราสามารถหาข้อมูลในส่วนนี้ของโลกได้ เราก็เอาข้อมูลเหล่านี้ ไปแลกกับข้อมูลของส่วนอื่นของโลก ซึ่งยากสำหรับเราที่จะได้มา แต่มันเป็นข้อมูล ที่อาจมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด สำหรับนโยบายต่างประเทศของเรา” อย่างหนึ่งที่ สวีเดนได้รับมาจาก NSA ในการเป็นมิตรร่วมล้วง คือได้ โปรแกรมสุดยอดสำหรับการตามประกบเป้าหมาย ที่ต้องการจะล้วงลึกถึงสุดทางชื่อ Xkeyscore คือการตาม online ของทุกคนได้อย่างหมดจด อ้อ ไอ้เจ้านี่เอง ที่มันตาม ป่วนลุงนิทาน! โปรแกรมนี้ สามารถทำให้สวีเดน แฮ๊กเข้าไปในคอมพิวเตอร์ และสอดส่องดูกิจกรรมของประชาชน ของตนได้แบบไม่เหลือ อืม มันเลวได้เหมือนกันหมด นอกจากนี้ สวีเดนยังได้เข้าร่วม Project Quantum ที่ว่าเป็นการปฏิบัติการ hijacks ด้านคอมพิวเตอร์ที่สุดยอด Edward Snowden พูดถึงฤทธิ์เดช ของ Xkeyscore ไว้ว่า “ผมแค่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของ ผม ผมก็สามารถ wiretap ใครก็ได้ จากคุณ หรือบัญชีของคุณ ไปจนถึง ผู้พิพากษาศาลสูง แม้กระทั่งประธานาธิบดี เพียงมีอีเมล์ ของคนนั้นเท่านั้น ส่วน Quantum เขาว่า เป็นการใช้คลื่นวิทยุ กับอุปกรณ์ ที่ NSA สร้างขึ้นพิเศษ มีชื่อเรียกกันวงในว่า Cottonmouth I ก็ดูดข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ได้หมด แถมส่งต่อไปตามสถานีใหญ่ของ NSA หรือส่งไปสถานีย่อยแบบพกพา portable ได้อีก เรื่องการจารกรรมข้อมูลของรัสเซีย โดยสวีเดน เพื่ออเมริกาและพวก เป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ และค้านกับการที่สวีเดนประกาศตัวเสมอว่า ฉันเป็นชาติเป็นกลาง มันเป็นกลางแบบที่เราคงนึกกันไม่ถึง โลกนี้ยังมีอะไรอีกแยะที่เรายังไม่รู้ ตราบเท่าที่ยังไม่เอากระป๋องสี่เหลี่ยมที่เขาครอบหัวเราออก แล้วรัสเซียรู้เรื่องการล้วงตับ นี้ไหม รัสเซียคงยิ่งกว่ารู้ การเอาเครื่องบินรบ บินเฉี่ยวหัว และเอาเรือดำน้ำ โผล่ขึ้นไปตบหน้า แล้วหายตัวไป เบ็ดเสร็จประมาณ 40 ครั้ง ในรอบ 8 เดือน อย่างที่ครูอี ด่าหน้าเสาธงนั่นแหละ คงเป็นคำตอบของรัสเซียอย่างหนึ่ง ก็ไหนว่ามีมือยาวล้วงได้ล้ำลึกนัก ก็ผลัดกันล้วงบ้างแล้วกัน และเราก็ดูกันต่อไปว่า ที่สุดแล้ว ใครจะล้วงลึก หรือ ลวงลึก ได้กว่ากัน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 22 ธค. 2557 ————————–———————– บทส่งท้าย เขียนเรื่องเขา ผลัดกันล้วงแล้ว อดนึกถึงเรื่องของเรา สมันน้อยไม่ได้ สมันน้อยเคยถูกล้วงบ้างไหม โดยใคร แล้วยังล้วงกันอยู่หรือเปล่า เคยคิดกันบ้างไหมครับ ลองคิดเป็นตัวอย่างเล่นๆ ประมาณ ปี พ.ศ. 2533 แดนสมันน้อยประกาศเชิญชวนติดตั้ง โทรศัพท์ 3 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็น กทม. 2 ล้านเลขหมาย ต่างจังหวัด 1 ล้านเลขหมาย ใครประมูลได้ ส่วนไหนบ้าง ใครเป็นคนได้งานวางไฟเบอร์ออพติก ใครรับช่วงต่อ ใครเป็นหัวเรือใหญ่ดูแลต่อรองเงื่อนไข ไปลองหาอ่านกันบ้างก็ดีนะครับ จะได้รู้หนา รู้บาง รู้ข้าง รู้ฝ่าย กันบ้าง แล้วลองนึกถึงอีกเรื่อง เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2535 แดนสมันน้อยให้สัมปทานดาวเทียม ใครเป็นคนได้สัมปทาน ทำอยู่กี่ปีแล้วดันขายไปให้ใคร ผิดเงื่อนไขสัมปทาน ผิดกฏหมายไหม มีใครคิดดำเนินการอะไรกันบ้างหรือเปล่า ตอนนี้ ดาวเทียมของบริษัทที่ขายไป ก็ยังใช้ตำแหน่งวงโคจรประจำ ของสมันน้อยอยู่เหมือนเดิม แต่เจ้าของใหม่กลายเป็นลูกกระเป๋ง ของไอ้นักล่า ลองต่อจิ๊กซอว์ เรื่องดาวเทียม โทรศัพท์ และสายไฟเบอร์ออพติก ดูเล่นกันหน่อย เห็นภาพอะไรไหมครับ นี่ยังไม่ได้เอาเรื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่มารวมต่อเลยนะ ถ้าเห็นภาพแล้ว จะทำอะไรก็ให้มันมิดชิด ระวังกันหน่อยนะครับ เดี๋ยวไอ้คนแอบอ่านแอบดูแอบฟังมันกุ้งยิงกินหมด ฮาออกไหมครับ ผมฮาไม่ออกหรอก ยิ่งเคยเห็นไอ้ลูกปิงปองยักษ์แว็บๆ ยิ่งคิดมาก ใครอยากเห็น นู่นครับ แถวเชียงใหม่ ออกนอกเมืองไปไม่ถึงชั่วโมงมีลูกเบ้อเริ่ม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 502 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลัดกันล้วง ตอนที่ 3
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ผลัดกันล้วง”
    ตอนที่ 3

    ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2014 สถาบัน European Leadership Network (ELN) ได้ออกรายงานยาวประมาณ 20 หน้า ชื่อ Dangerous Brinkmanship: Close Military Encounters Between Russia and the West in 2014 บรรยายอย่างละเอียดถึงความประพฤติของรัสเซีย ซึ่งถ้าเปรียบกับนักเรียน ก็เป็นประเภทนักเรียนเกเร ที่ถูกครูใหญ่ดุประจาน ต่อหน้านักเรียนทั้งโรงเรียน ตอนเคารพธงชาติน่ะครับ

    ครูอี (ELN) บอกว่า ตั้งแต่รัสเซียปฏิบัติการผนวกไครเมียเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ความตึงเครียดระหว่างตะวันตกกับรัสเซียเพิ่มจำนวน และเพิ่มความน่าระทึกใจขึ้นทุกที ครูอี นี่ท่าทางเข้มงวด แต่ขวัญอ่อนนะ ครูอีบอกว่า ผ่านมาแค่ 8 เดือน รัสเซียก่อเหตุ ประมาณ 40 ครั้ง มากกว่าปีที่แล้ว 3 เท่า แยกการก่อเหตุ เป็น 3 ประเภท คือ

    – กึ่งปฏิบัติการประจำ (near routine)
    – ปฏิบัติการยั่วยุ (provacative nature)
    – ปฏิบัติการสร้างความเสียว (serious with evident risk of escalation)

    ปฏิบัติการสร้างความเสียวมี 3 ครั้ง ( น้อยจังคุณพี่ พวกขวัญอ่อนนี่ น่าจะให้เสียวมากกว่านี้หน่อยนะ เป็นการฝึกหัดให้อดทน)

    ครั้งที่ 1 เมื่อ 3 มีนาคม 2014 รายการบินเฉี่ยวหัวครั้งแรก ผู้ถูกเฉี่ยวคือ เครื่อง SAS ขวัญใจคุณพี่ปูติน สงสัยจะแอบชอบแอร์สาวชาวสแกน (ฮา) บินขึ้นจาก กรุงโคเปนฮาเกน ก็เกือบจ้ะเอ๋กับเครื่องลาดตระเวนของรัสเซีย ที่ไม่เปิดเรดาร์ แหมเวลาแอบดูสาว ใครเขาเปิดไฟกันบ้างเนอะ

    ครั้งที่ 2 วันที่ 5 กันยายน 2014 นาย Eston Kohver เจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติการด้านความมั่นคงของเอสโทเนียอยู่ดีๆ ก็ ถูกสายลับรัสเซียดอดเข้ามาอุ้มตัวไปมอสโคว์ เหตุเกิดที่หน่วยปฏิบัติการ ประจำเขตแดนเอสโทเนียนั่นเอง ซึ่ง ครูอี ถือว่าเป็นเขตแดนของนาโต้

    นาย Kohver ถูกรัสเซียกล่าวหาว่ากำลังทำการจารกรรม เหตุการณ์นี้ทำให้ระบบการติดต่อขัดข้องไปหมด ก็คือล่มนั่นแหละ (communication jamming) และเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นทันทีหลังจากที่ นายโอบามา ไปเยี่ยมบริเวณดังกล่าว และให้ความยืนยันซ้ำถึงความปลอดภัยของบรรดารัฐ ที่อยู่ในบริเวณทะเลบอลติก เช่น เอสโทเนีย

    แปลว่าการอุ้มเกิดขึ้น หลังจากนายโอบามาเพิ่งลุกกลับไป กลิ่นยังไม่ทันจางเลย ฮาจริง ครูอี นี่ก็พาซื่อ เล่าหมด

    นี่มันรายงานเรื่องสำคัญ หรือบทตลกกันแน่ ผมชักงงว่า หยิบเอกสารผิดหรือเปล่า
    ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 17-27 ตุลาคม 2014 มีการตามล่าหาเรือดำน้ำ บริเวณเกาะเล็กเกาะน้อย ในน่านน้ำสวีเดน หน้ากรุงสต๊อกโฮมนั่นเอง สวีเดนยัวะจัด บอกพร้อมที่จะใช้อาวุธจัดการกับเรือดำน้ำ… ถ้าหาเจอ ….แต่ปรากฎว่าหาไม่เจอ แต่แน่ใจว่าเป็นเรือดำน้ำรัสเซีย เอะ ไม่เจอแล้วแน่ใจได้ยังไง แน่นอน เมื่อหาไม่เจอ จับไม่ได้คามือ รัสเซียก็ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ใครจะไปรับกันง่ายๆ

    สวีเดนบอกว่า ปฏิบัติการล่าเรือดำน้ำครั้งนี้ เป็นเรื่องใหญ่ รุนแรงที่สุดของสวีเดน นับแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เชียวนะ

    เอ! สงสัยมันเป็นรายงานคนขวัญอ่อนจริงๆ แหละ ผมอ่านตอนแรกๆก็นึกว่า มีเรื่องน่าระทึกใจ นี่ขนาด 3 รายการรุนแรง มันยังอ่อนยวบอย่างนี้ ไอ้ที่เหลืออีก 30 กว่ารายการ ผมไม่บรรยายดีกว่านะครับ ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่อง เครืองบินรบของรัสเซีย บินเฉี่ยวไปโฉบมาไปทั่ว แถบบริเวณทะเลเหนือ ทะเลดำ ทะเลบอลติก ก็บ้านเขาอยู่ตรงนั้น ไม่บินแถวนั้นก็ประหลาดอยู่ ซึ่งพวกกินปลาดิบดองน้ำมันแถวนั้นคงขัดใจ ไม่ชอบให้เฉี่ยวหัว เฉี่ยวหู ผ้าเช็ด ตากยังไม่ทันแห้ง เฉี่ยวหัว ต้องเช็ดกันอีกแล้ว

    แล้วรัสเซียทำอย่างนี้ทำไม ชอบถูกด่าหน้าเสาธงนักหรือ

    ครูอี บอกว่า ด้านการทหารวิเคราะห์ว่า รัสเซียกำลังทดสอบสมรรถนะของนาโต้ ดูความพร้อม ระยะเวลาของปฏิกิริยา และอาวุธของกองกำลังนาโต้

    เอ ครูอีครับ แต่สวีเดน กับฟินแลนด์ไม่ได้อยู่ในนาโต้นะครับ

    ครูอีไม่ตอบ แต่แจงเพิ่มว่า น่าสังเกตว่า การยั่วยุของรัสเซียจะเกิดขึ้นสอดคล้องกับการแวะมาเยี่ยมของพวกลูกพี่เสมอเช่น เมื่อนายโอบามาแวะมาเยี่ยมยุโรปกลาง รัสเซียก็เฉียวหัวให้ดู พอนายช๊อกโกแลต ประธานาธิบดียูเครนไปเยี่ยมแคนาดา คุณพี่ปูตินก็ส่งเครื่องโฉบผ่านหัวที่แคนาดา ไปสวัสดีช๊อกโกแลต ส่วนกรณีเรือดำน้ำ ที่แวะไปประทับตราวีซ่าขาเข้าให้ตัวเองแถวสก๊อตแลนด์ ที่ชาวเกาะใหญ่เรียกระดมพล ก็เป็นช่วงประชุมสุดยอดของนาโต้ที่ Wales ผมว่า คุณพี่ปูติน เขาก็เลือกจังหวะทักทายได้เหมาะสม ตามมารยาทดีนี่นะ

    แต่ครูอีไม่เห็นด้วย บอกว่า ถ้ารัสเซียทำตัวท้าทายอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เหตุการณ์มันจะพัฒนาไปถึงจุดที่ เป็นการยากสำหรับแต่ละฝ่ายที่จะหยุด หรือควบคุม

    ฮั่นแน่ ครูอี ขู่เป็นเหมือนกัน แต่เป็นการขูฝ้อเล็กๆ น่าเอ็นดู

    แต่สุ้มเสียงของสวีเดนเอง ดูเหมือนจะคนละรสกับครูอี นาย Johan Wiktorin เจ้าหน้าที่ประจำ Swedish Royal Acadamy of War Science วิเคราะห์ว่า เรือดำน้ำรัสเซียน่า เข้ามา เพื่อมาสำรวจ และทำแผนที่บริเวณน่านน้ำแถวนั้น และเป็นไปได้ว่ารัสเซียเข้ามาติดตั้งเครื่องจารกรรมใว้ใต้ท้องน้ำด้วย และเป็นการทดสอบระบบการป้องกันความมั่นคงของสวีเดนด้วย เป็นการวิเคราะห์ที่ดูเหมือนสวีเดนกำลังคิด (หรือ รู้ ) ว่า รัสเซียน่าจะกำลังมีแผน คิดทำการใหญ่

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    22 ธค. 2557
    ผลัดกันล้วง ตอนที่ 3 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ผลัดกันล้วง” ตอนที่ 3 ประมาณเดือนพฤศจิกายน 2014 สถาบัน European Leadership Network (ELN) ได้ออกรายงานยาวประมาณ 20 หน้า ชื่อ Dangerous Brinkmanship: Close Military Encounters Between Russia and the West in 2014 บรรยายอย่างละเอียดถึงความประพฤติของรัสเซีย ซึ่งถ้าเปรียบกับนักเรียน ก็เป็นประเภทนักเรียนเกเร ที่ถูกครูใหญ่ดุประจาน ต่อหน้านักเรียนทั้งโรงเรียน ตอนเคารพธงชาติน่ะครับ ครูอี (ELN) บอกว่า ตั้งแต่รัสเซียปฏิบัติการผนวกไครเมียเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ความตึงเครียดระหว่างตะวันตกกับรัสเซียเพิ่มจำนวน และเพิ่มความน่าระทึกใจขึ้นทุกที ครูอี นี่ท่าทางเข้มงวด แต่ขวัญอ่อนนะ ครูอีบอกว่า ผ่านมาแค่ 8 เดือน รัสเซียก่อเหตุ ประมาณ 40 ครั้ง มากกว่าปีที่แล้ว 3 เท่า แยกการก่อเหตุ เป็น 3 ประเภท คือ – กึ่งปฏิบัติการประจำ (near routine) – ปฏิบัติการยั่วยุ (provacative nature) – ปฏิบัติการสร้างความเสียว (serious with evident risk of escalation) ปฏิบัติการสร้างความเสียวมี 3 ครั้ง ( น้อยจังคุณพี่ พวกขวัญอ่อนนี่ น่าจะให้เสียวมากกว่านี้หน่อยนะ เป็นการฝึกหัดให้อดทน) ครั้งที่ 1 เมื่อ 3 มีนาคม 2014 รายการบินเฉี่ยวหัวครั้งแรก ผู้ถูกเฉี่ยวคือ เครื่อง SAS ขวัญใจคุณพี่ปูติน สงสัยจะแอบชอบแอร์สาวชาวสแกน (ฮา) บินขึ้นจาก กรุงโคเปนฮาเกน ก็เกือบจ้ะเอ๋กับเครื่องลาดตระเวนของรัสเซีย ที่ไม่เปิดเรดาร์ แหมเวลาแอบดูสาว ใครเขาเปิดไฟกันบ้างเนอะ ครั้งที่ 2 วันที่ 5 กันยายน 2014 นาย Eston Kohver เจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติการด้านความมั่นคงของเอสโทเนียอยู่ดีๆ ก็ ถูกสายลับรัสเซียดอดเข้ามาอุ้มตัวไปมอสโคว์ เหตุเกิดที่หน่วยปฏิบัติการ ประจำเขตแดนเอสโทเนียนั่นเอง ซึ่ง ครูอี ถือว่าเป็นเขตแดนของนาโต้ นาย Kohver ถูกรัสเซียกล่าวหาว่ากำลังทำการจารกรรม เหตุการณ์นี้ทำให้ระบบการติดต่อขัดข้องไปหมด ก็คือล่มนั่นแหละ (communication jamming) และเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นทันทีหลังจากที่ นายโอบามา ไปเยี่ยมบริเวณดังกล่าว และให้ความยืนยันซ้ำถึงความปลอดภัยของบรรดารัฐ ที่อยู่ในบริเวณทะเลบอลติก เช่น เอสโทเนีย แปลว่าการอุ้มเกิดขึ้น หลังจากนายโอบามาเพิ่งลุกกลับไป กลิ่นยังไม่ทันจางเลย ฮาจริง ครูอี นี่ก็พาซื่อ เล่าหมด นี่มันรายงานเรื่องสำคัญ หรือบทตลกกันแน่ ผมชักงงว่า หยิบเอกสารผิดหรือเปล่า ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 17-27 ตุลาคม 2014 มีการตามล่าหาเรือดำน้ำ บริเวณเกาะเล็กเกาะน้อย ในน่านน้ำสวีเดน หน้ากรุงสต๊อกโฮมนั่นเอง สวีเดนยัวะจัด บอกพร้อมที่จะใช้อาวุธจัดการกับเรือดำน้ำ… ถ้าหาเจอ ….แต่ปรากฎว่าหาไม่เจอ แต่แน่ใจว่าเป็นเรือดำน้ำรัสเซีย เอะ ไม่เจอแล้วแน่ใจได้ยังไง แน่นอน เมื่อหาไม่เจอ จับไม่ได้คามือ รัสเซียก็ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ใครจะไปรับกันง่ายๆ สวีเดนบอกว่า ปฏิบัติการล่าเรือดำน้ำครั้งนี้ เป็นเรื่องใหญ่ รุนแรงที่สุดของสวีเดน นับแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เชียวนะ เอ! สงสัยมันเป็นรายงานคนขวัญอ่อนจริงๆ แหละ ผมอ่านตอนแรกๆก็นึกว่า มีเรื่องน่าระทึกใจ นี่ขนาด 3 รายการรุนแรง มันยังอ่อนยวบอย่างนี้ ไอ้ที่เหลืออีก 30 กว่ารายการ ผมไม่บรรยายดีกว่านะครับ ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่อง เครืองบินรบของรัสเซีย บินเฉี่ยวไปโฉบมาไปทั่ว แถบบริเวณทะเลเหนือ ทะเลดำ ทะเลบอลติก ก็บ้านเขาอยู่ตรงนั้น ไม่บินแถวนั้นก็ประหลาดอยู่ ซึ่งพวกกินปลาดิบดองน้ำมันแถวนั้นคงขัดใจ ไม่ชอบให้เฉี่ยวหัว เฉี่ยวหู ผ้าเช็ด ตากยังไม่ทันแห้ง เฉี่ยวหัว ต้องเช็ดกันอีกแล้ว แล้วรัสเซียทำอย่างนี้ทำไม ชอบถูกด่าหน้าเสาธงนักหรือ ครูอี บอกว่า ด้านการทหารวิเคราะห์ว่า รัสเซียกำลังทดสอบสมรรถนะของนาโต้ ดูความพร้อม ระยะเวลาของปฏิกิริยา และอาวุธของกองกำลังนาโต้ เอ ครูอีครับ แต่สวีเดน กับฟินแลนด์ไม่ได้อยู่ในนาโต้นะครับ ครูอีไม่ตอบ แต่แจงเพิ่มว่า น่าสังเกตว่า การยั่วยุของรัสเซียจะเกิดขึ้นสอดคล้องกับการแวะมาเยี่ยมของพวกลูกพี่เสมอเช่น เมื่อนายโอบามาแวะมาเยี่ยมยุโรปกลาง รัสเซียก็เฉียวหัวให้ดู พอนายช๊อกโกแลต ประธานาธิบดียูเครนไปเยี่ยมแคนาดา คุณพี่ปูตินก็ส่งเครื่องโฉบผ่านหัวที่แคนาดา ไปสวัสดีช๊อกโกแลต ส่วนกรณีเรือดำน้ำ ที่แวะไปประทับตราวีซ่าขาเข้าให้ตัวเองแถวสก๊อตแลนด์ ที่ชาวเกาะใหญ่เรียกระดมพล ก็เป็นช่วงประชุมสุดยอดของนาโต้ที่ Wales ผมว่า คุณพี่ปูติน เขาก็เลือกจังหวะทักทายได้เหมาะสม ตามมารยาทดีนี่นะ แต่ครูอีไม่เห็นด้วย บอกว่า ถ้ารัสเซียทำตัวท้าทายอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เหตุการณ์มันจะพัฒนาไปถึงจุดที่ เป็นการยากสำหรับแต่ละฝ่ายที่จะหยุด หรือควบคุม ฮั่นแน่ ครูอี ขู่เป็นเหมือนกัน แต่เป็นการขูฝ้อเล็กๆ น่าเอ็นดู แต่สุ้มเสียงของสวีเดนเอง ดูเหมือนจะคนละรสกับครูอี นาย Johan Wiktorin เจ้าหน้าที่ประจำ Swedish Royal Acadamy of War Science วิเคราะห์ว่า เรือดำน้ำรัสเซียน่า เข้ามา เพื่อมาสำรวจ และทำแผนที่บริเวณน่านน้ำแถวนั้น และเป็นไปได้ว่ารัสเซียเข้ามาติดตั้งเครื่องจารกรรมใว้ใต้ท้องน้ำด้วย และเป็นการทดสอบระบบการป้องกันความมั่นคงของสวีเดนด้วย เป็นการวิเคราะห์ที่ดูเหมือนสวีเดนกำลังคิด (หรือ รู้ ) ว่า รัสเซียน่าจะกำลังมีแผน คิดทำการใหญ่ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 22 ธค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 431 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลัดกันล้วง ตอนที่ 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ผลัดกันล้วง”
    ตอนที่ 2

    ก่อนหน้ารายการ บินเฉี่ยวหัว ไม่กี่วัน แถวๆเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ก็มีเหตุการณ์ตื่นตูมกัน

    The Telegraph สื่อเสียงดังของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ออกข่าวเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2014 สรุปว่า เครื่องบินลาดตระเวนจากฝรั่งเศส อเมริกา และแคนาดา ถูกเรียกให้มาร่วมด้วยช่วยกัน กับราชนาวีของชาวเกาะ ที่เคยโม้ไว้ว่าใหญ่คับฟ้า แต่คราวนี้โม้ไม่ออก ต้องส่งเสียงเรียกพวกให้มาช่วยกันตามล่า วัตถุที่ต้องสงสัยกันว่า เป็นเรือดำน้ำ แต่ดันไปโผล่พ้นน้ำ โชว์อยู่แถวตะวันตกของสก๊อตแลนด์ ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน

    เครืองบินลาดตะเวน ที่ถูกชาวเกาะจีบปากเรียกให้มา ใช้เวลาบินตรวจแถว Lossiemouth ของสก๊อตแลนด์อยู่หลายวัน ไม่พบอะไร แม้แต่ล๊อคเนส พญานาคสัญชาติสก๊อต ก็ไม่แวบมาให้ชม ข่าวบอกว่า วัตถุต้องสงสัยว่าเป็นเรือดำน้ำนั้น น่าจะเป็นของรัสเซีย ที่เพิ่งไปแวะเยี่ยมน่านน้ำสวีเดน ( ฮั่นแน่ เรื่องนี้เอง ) เมื่อประมาณเดือนตุลาคม ซึ่งสวีเดนเม้มปากแน่น ไม่ยอมแอะออกมา เพราะกลัวเสียหน้า ไม่เสียยังไง เขาว่า เรือดำน้ำโผล่หัวขึ้นมาสวัสดี ที่ทะเลหน้ากรุงสต๊อกโฮม เมืองหลวงเลยนะ นี่มันไม่ใช่แค่เฉี่ยวหัว แต่มันเปียกเต็มหน้า แล้วก็จับไม่ได้คาหนัง แบบนี้จะไม่ให้แค้นค้างบัญชีได้ยังไง

    ที่เสียหน้าไม่แพ้กัน ก็ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้ายนั่นแหละคุยดีนั กว่า กองทัพเรืออังกฤษ ใหญ่เป็นที่หนึ่งของโลก ปี 2010 ชาวเกาะถังแตก ไม่ต่างกับ นักล่าใบตองแห้ง ต้องตัตงบด้านความมั่นคง เอาอย่างกัน เลยต้องแบกหน้าอันยิ่งใหญ่ เรียกให้ลูกสมุนมาด่วน มาช่วยกันค้นหา ไอ้ตัวที่กำลังดำน้ำมาล้วงคอพวกเรา

    Nimrod เป็นเครื่องบินจารกรรมที่ชาวเกาะภาคภูมืใจมาก ใช้มาตั้งแต่สมัย 1960 กว่า มีเครื่องดักจับเรือดำน้ำ อย่างไม่มีหลุด กองทัพเรือมีแผนพัฒนาให้จับให้ แม่น ให้อยู่หมัดมากขึ้น เสียดาย การพัฒนาใช้เวลานานเกินไป 9 ปี งบบานเกินไป ประมาณ 1.25 พันล้านปอนด์ การพัฒนาก็เลยค้าง เป็นโอกาสให้ฝ่ายคุณพี่ปูตินขอ ทดลองดูว่า ไม่มี Nimrod มาคอยจับแล้ว เรือดำน้ำเราจะรอดไหม ก็รอดจริงๆ เพราะเอาเด็กๆ มาช่วยตระเวนหา มันยังละอ่อนทั้งนั้น แล้วเวลาทำสงครามจะทำไงนี่ แค่เรือดำน้ำลำเดียว ขนกันมา 4 ประเทศ ยังหาไม่เจอเลย ไหนว่าเทคโนโลยีฝั่งนักล่าเจ๋งกว่าไง
    เรื่องเรือดำน้ำหายตัวได้นี่ ปิดกันเงียบ เพราะมันเสียหน้ากันทั่ว นาย Matthew Barzen ทูตอเมริกัน ประจำอังกฤษ ถึงกับขอร้องอังกฤษว่า อย่าเพิ่งตัดงบด้านความมั่นคงตอนนี้ได้ไหม เพราะเรา 2 ประเทศ มีผลประโยชน์ร่วมกัน จะให้อเมริกาแบกน้ำหนักข้างเดียวเหรอ ข้างตูก็ถูกตัดนะเว้ย แบบนี้ ฝ่ายโน้นมันก็เห็นฟันหรอของเราหมดสิ

    จนบัดนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า จับวัตถูต้องสงสัยคล้ายเรือดำน้ำ ในท้องทะเลของชาวเกาะได้หรือไม่อย่างไร ข่าวแจงเพิ่มว่า ฝ่ายอังกฤษ ใช้เรือรบหลายลำ รวมทั้งขนเอาเรือสำหรับลากเรือดำน้ำ พร้อมเครื่องตรวจจับไปด้วย เรียกว่าขนกันเต็มยศเต็มอัตรามา เลย ส่วนเครื่องบิน ของลูกสมุนที่มาช่วยกันล่า อเมริกาส่ง P-3 Orions 2 ลำ แคนาดา ส่ง CP-140 Aurora ส่วนฝรั่งเศส ส่ง Atlantique 2 รวมทั้งเครื่องบินจารกรรมของอังกฤษเองด้วย

    ขณะที่ ด้านนี้กำลังตามล่าเรือดำน้ำ กองทัพเรือของชาวเกาะ ก็ตรวจพบร่องรอย ของเรือรบรัสเซียอีก 4 ลำ แล่นผ่านทะเลเหนือและช่องแคบ …ในช่วงเวลาไม่ห่างกันเท่าไหร่ อือหือ คุณพี่ปูตินเล่นเขาแรงนะ

    เมื่อโดนฉีกหน้ามากๆ ว่าต้องขอแรงลูกสมุนมาช่วย ชาวเกาะชักหน้าแเดงเป็นลูกมะอึก ให้โฆษกกลาโหมออกมาแถลงสั้นๆว่า ” สมาชิกนาโต้ได้ส่ง เครื่องบินลาดตระเวนมาช่วยราชนาวีของเรา ที่ Lossiemouth เป็นเวลาจำกัดระยะหนึ่ง เราขอไม่ลงในรายละเอียดของการปฏิบัติการ ”

    สงสัยเครื่องลาดตระเวน ที่มาช่วยตามล่า มันห่วยมากหรือไงครับ ถึงแถลงกันแบบไม่มีใยบัวกันเลย ท่านผู้อ่านที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องบิน ช่วยวิเคราะห์หน่อยครับว่า เครื่องล่ามันไม่เอาไหน หรือเรือดำน้ำของรัสเซียเขาเหนือกว่า

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    21 ธค. 2557
    ผลัดกันล้วง ตอนที่ 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ผลัดกันล้วง” ตอนที่ 2 ก่อนหน้ารายการ บินเฉี่ยวหัว ไม่กี่วัน แถวๆเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ก็มีเหตุการณ์ตื่นตูมกัน The Telegraph สื่อเสียงดังของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ออกข่าวเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2014 สรุปว่า เครื่องบินลาดตระเวนจากฝรั่งเศส อเมริกา และแคนาดา ถูกเรียกให้มาร่วมด้วยช่วยกัน กับราชนาวีของชาวเกาะ ที่เคยโม้ไว้ว่าใหญ่คับฟ้า แต่คราวนี้โม้ไม่ออก ต้องส่งเสียงเรียกพวกให้มาช่วยกันตามล่า วัตถุที่ต้องสงสัยกันว่า เป็นเรือดำน้ำ แต่ดันไปโผล่พ้นน้ำ โชว์อยู่แถวตะวันตกของสก๊อตแลนด์ ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน เครืองบินลาดตะเวน ที่ถูกชาวเกาะจีบปากเรียกให้มา ใช้เวลาบินตรวจแถว Lossiemouth ของสก๊อตแลนด์อยู่หลายวัน ไม่พบอะไร แม้แต่ล๊อคเนส พญานาคสัญชาติสก๊อต ก็ไม่แวบมาให้ชม ข่าวบอกว่า วัตถุต้องสงสัยว่าเป็นเรือดำน้ำนั้น น่าจะเป็นของรัสเซีย ที่เพิ่งไปแวะเยี่ยมน่านน้ำสวีเดน ( ฮั่นแน่ เรื่องนี้เอง ) เมื่อประมาณเดือนตุลาคม ซึ่งสวีเดนเม้มปากแน่น ไม่ยอมแอะออกมา เพราะกลัวเสียหน้า ไม่เสียยังไง เขาว่า เรือดำน้ำโผล่หัวขึ้นมาสวัสดี ที่ทะเลหน้ากรุงสต๊อกโฮม เมืองหลวงเลยนะ นี่มันไม่ใช่แค่เฉี่ยวหัว แต่มันเปียกเต็มหน้า แล้วก็จับไม่ได้คาหนัง แบบนี้จะไม่ให้แค้นค้างบัญชีได้ยังไง ที่เสียหน้าไม่แพ้กัน ก็ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้ายนั่นแหละคุยดีนั กว่า กองทัพเรืออังกฤษ ใหญ่เป็นที่หนึ่งของโลก ปี 2010 ชาวเกาะถังแตก ไม่ต่างกับ นักล่าใบตองแห้ง ต้องตัตงบด้านความมั่นคง เอาอย่างกัน เลยต้องแบกหน้าอันยิ่งใหญ่ เรียกให้ลูกสมุนมาด่วน มาช่วยกันค้นหา ไอ้ตัวที่กำลังดำน้ำมาล้วงคอพวกเรา Nimrod เป็นเครื่องบินจารกรรมที่ชาวเกาะภาคภูมืใจมาก ใช้มาตั้งแต่สมัย 1960 กว่า มีเครื่องดักจับเรือดำน้ำ อย่างไม่มีหลุด กองทัพเรือมีแผนพัฒนาให้จับให้ แม่น ให้อยู่หมัดมากขึ้น เสียดาย การพัฒนาใช้เวลานานเกินไป 9 ปี งบบานเกินไป ประมาณ 1.25 พันล้านปอนด์ การพัฒนาก็เลยค้าง เป็นโอกาสให้ฝ่ายคุณพี่ปูตินขอ ทดลองดูว่า ไม่มี Nimrod มาคอยจับแล้ว เรือดำน้ำเราจะรอดไหม ก็รอดจริงๆ เพราะเอาเด็กๆ มาช่วยตระเวนหา มันยังละอ่อนทั้งนั้น แล้วเวลาทำสงครามจะทำไงนี่ แค่เรือดำน้ำลำเดียว ขนกันมา 4 ประเทศ ยังหาไม่เจอเลย ไหนว่าเทคโนโลยีฝั่งนักล่าเจ๋งกว่าไง เรื่องเรือดำน้ำหายตัวได้นี่ ปิดกันเงียบ เพราะมันเสียหน้ากันทั่ว นาย Matthew Barzen ทูตอเมริกัน ประจำอังกฤษ ถึงกับขอร้องอังกฤษว่า อย่าเพิ่งตัดงบด้านความมั่นคงตอนนี้ได้ไหม เพราะเรา 2 ประเทศ มีผลประโยชน์ร่วมกัน จะให้อเมริกาแบกน้ำหนักข้างเดียวเหรอ ข้างตูก็ถูกตัดนะเว้ย แบบนี้ ฝ่ายโน้นมันก็เห็นฟันหรอของเราหมดสิ จนบัดนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า จับวัตถูต้องสงสัยคล้ายเรือดำน้ำ ในท้องทะเลของชาวเกาะได้หรือไม่อย่างไร ข่าวแจงเพิ่มว่า ฝ่ายอังกฤษ ใช้เรือรบหลายลำ รวมทั้งขนเอาเรือสำหรับลากเรือดำน้ำ พร้อมเครื่องตรวจจับไปด้วย เรียกว่าขนกันเต็มยศเต็มอัตรามา เลย ส่วนเครื่องบิน ของลูกสมุนที่มาช่วยกันล่า อเมริกาส่ง P-3 Orions 2 ลำ แคนาดา ส่ง CP-140 Aurora ส่วนฝรั่งเศส ส่ง Atlantique 2 รวมทั้งเครื่องบินจารกรรมของอังกฤษเองด้วย ขณะที่ ด้านนี้กำลังตามล่าเรือดำน้ำ กองทัพเรือของชาวเกาะ ก็ตรวจพบร่องรอย ของเรือรบรัสเซียอีก 4 ลำ แล่นผ่านทะเลเหนือและช่องแคบ …ในช่วงเวลาไม่ห่างกันเท่าไหร่ อือหือ คุณพี่ปูตินเล่นเขาแรงนะ เมื่อโดนฉีกหน้ามากๆ ว่าต้องขอแรงลูกสมุนมาช่วย ชาวเกาะชักหน้าแเดงเป็นลูกมะอึก ให้โฆษกกลาโหมออกมาแถลงสั้นๆว่า ” สมาชิกนาโต้ได้ส่ง เครื่องบินลาดตระเวนมาช่วยราชนาวีของเรา ที่ Lossiemouth เป็นเวลาจำกัดระยะหนึ่ง เราขอไม่ลงในรายละเอียดของการปฏิบัติการ ” สงสัยเครื่องลาดตระเวน ที่มาช่วยตามล่า มันห่วยมากหรือไงครับ ถึงแถลงกันแบบไม่มีใยบัวกันเลย ท่านผู้อ่านที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องบิน ช่วยวิเคราะห์หน่อยครับว่า เครื่องล่ามันไม่เอาไหน หรือเรือดำน้ำของรัสเซียเขาเหนือกว่า สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 21 ธค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 327 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 9
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3”
    ตอนที่ 9

    ลองมาไล่เรียงดูพันธมิตรของแต่ละฝ่าย ว่ามีใคร ฝีไม้ลายมือขนาดไหนกันบ้าง

    ฝ่ายอเมริกา
    – กลุ่ม Anglo Saxon นำโดย อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา
    – กลุ่มตะวันออกกลาง นำโดย พวกเสี่ยน้ำมันค่ายซาอุดิอารเบีย มี ซาอุดิ อารเบีย, อาหรับอามิเรต, บาห์เรน, คูเวต, การ์ต้า, จอร์แดน , อิรัก (น่าสงสัย) และ ตุรกี (ซึ่งแม้จะอยู่นอกกลุ่มพวกเสี่ย แต่ก็ถือว่าเป็นลูกหาบอเมริกา แต่ระยะหลังพฤติกรรมน่าสงสัย) และอิสราเอลตัวแสบ
    – กลุ่มยุโรป หมดทั้งทวีป รักกันมากน้อยนั้นอีกเรื่องหนึ่ง มี NATOเป็นผู้คุมฝูง
    – กลุ่มเอเซีย มีญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ เวียตนาม ลาว เขมร พม่า (น่าสงสัย) ปากีสถาน อาฟกานิสถาน
    – กลุ่มอาฟริกา มี อิยิปต์เป็นตัวหลัก
    – กลุ่มลาตินอเมริกา ยังมองไม่เห็นตัวหลัก

    ฝ่ายรัสเซีย
    – กลุ่มเอเซีย มี จีน เกาหลีเหนือ อินเดีย พม่า และกลุ่มเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Co-Operation)
    – กลุ่มยุโรป ที่เปิดเผยยังไม่มี
    – กลุ่มตะวันออกกลาง มีอิหร่าน ซีเรีย และเลบานอน
    – กลุ่มอาฟริกา ยังไม่ยอมเปิดเผยตัว
    – กลุ่มลาติน มีบราซิล และคิวบา

    เห็นได้ชัดว่าในด้านปริมาณ ฝ่ายอเมริกามีมากกว่าฝ่ายรัสเซีย จนฝ่ายรัสเซียน่าจะถอดใจ แต่ถ้าลองมาไล่เรียงด้านศักยภาพของเหล่าพันธมิตรของแต่ละฝ่ายดูบ้าง ว่าใครเป็นมวยประเภทไม้ประดับ หรือใครเป็นมวยประเภทหมัดหนักแบบท่อนซุง

    ฝ่ายอเมริกา

    หมัดหนักที่สุดคืออิสราเอล มีความพร้อมทั้งด้านกองกำลังอาวุธ ส่วนหมัดรองมี ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ฝรั่งเศษ สวีเดน และซาอุดิ ที่มีกองกำลังใกล้เคียงกัน และอาวุธไม่น้อยหน้ากัน ส่วนแถบเอเซีย ที่พอใช้การได้มี เกาหลี ฟิลิปปินส์ เวียตนาม และญี่ปุ่น แต่เป็นพวกหมัดเบา

    สรุปพันธมิตรที่อเมริกาจะพึ่งได้จริงๆมี 9 ประเทศ เป็นรุ่นหมัดหนักแค่ 1 เดียว !

    ฝ่ายรัสเซีย
    รุ่นใหญ่หมัดหนักมีเพียบ คือ จีน อินเดีย บราซิล เกาหลีเหนือ (แม้จะเป็นประเทศเล็ก แต่แรงและเผ็ดจัด) อิหร่าน เลบานอน และม้ามืดคือคิวบา
    รุ่นกลางมีซีเรีย (และอาจจะพ่วงเอาตุรกีและอิรัก เข้ามาด้วย ต้องดูอีกสักระยะหนึ่ง) และพม่า มี 9 ประเทศเท่ากัน เป็นรุ่นหมัดหนักเสีย 7 ประเทศ !

    สำหรับเลบานอน เป็นหมากสำคัญอีกตัวหนึ่ง หลายท่านอาจจะไม่รู้ จากการที่เลบานอน เป็นเจ้าของกองกำลัง Hezbollah ซึ่ง มีศักยภาพสูง และมีวินัยสูงครอบครองบริเวณที่สามารถก่อการอันตรายให้กับอิสราเอลอย่างยิ่ง ทำให้เลบานอนเป็นประเทศที่อเมริกาพยายามซื้อ ถ้าซื้อไม่ได้ก็ต้องทำลาย ขณะเดียวกัน อิหร่านก็ทุ่มสุดตัวเช่นเดียวกัน ในการส่งเสียเลี้ยงดูพวก Hezbollah ดังนั้น ถ้าเลบานอนสามารถทำให้อิสราเอลเหนื่อยได้ อเมริกาก็เซได้

    สรุป เรื่องพันธมิตร

    ฝ่ายอเมริกา แม้จะมีจำนวนมากกว่า ดูเผินๆ ฟังแต่ข่าวย้อมสี มันน่าคึกคัก ว่าโลกทั้งใบอยู่ฝ่ายอเมริกาทั้งนั้น แต่ดูเหมือนจะเป็นพวกที่จำเป็นจะต้องอยู่กับอเมริกา เพราะมีเชือกผูกหรือถูกต้อนเข้าคอกไม่น้อย แบบนี้เวลาจะไปรบน่ะ ถามจริงๆ เขาจะไปตายแทนให้หรือ แถมจะเป็นภาระให้อเมริกาต้องมาดูแล เพราะกองกำลังของตัวเองก็มีไม่พอแม้จะดูแลตัวเอง จะเอาที่ไหนไปช่วยลูกพี่ มีแต่กำลังปาก ถึงตอนเข้าฉากรบจริง อเมริกาอาจบอกตัวใครตัวมันนะพวก

    ส่วน ฝ่ายรัสเซีย เห็นแล้วเหมือนจำนวนน้อยจนน่าใจหาย แต่ดูศักยภาพแล้ว ไม่น่าต้องอธิบายมาก เป็นพวกถูกอเมริกาไล่บี้ เสียจนแทบไม่มีที่ยืนแทบทั้งนั้น ตั้งแต่ตัวหัวหน้าเอง แบบนี้มีอะไรจะต้องเสีย ไม่รบต่างหาก อาจจะเสียจนไม่มีที่ยืน แล้วการรบด้วยความคับแค้น ความฮึด และความอึด มันเป็นอย่างไร นึกถึงภาพเด็กแสบเกาหลีกับอิหร่านเสี่ยนิวเคลียร์ ก็น่าจะพอเห็นภาพกันออก ไม่ต้องบรรยายมากนะครับ

    ตกลงฝ่ายอเมริกา ที่ว่าพวกมาก เกรงจะเป็นประเภทพวกมาก ลากลงเหวเสียมากกว่า แบบนี้ ฝ่ายรัสเซีย กลุ่มเล็กแต่เหนียวและหนัก น่าจะดีกว่า

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    4 ธค. 2557
    แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 9 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3” ตอนที่ 9 ลองมาไล่เรียงดูพันธมิตรของแต่ละฝ่าย ว่ามีใคร ฝีไม้ลายมือขนาดไหนกันบ้าง ฝ่ายอเมริกา – กลุ่ม Anglo Saxon นำโดย อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา – กลุ่มตะวันออกกลาง นำโดย พวกเสี่ยน้ำมันค่ายซาอุดิอารเบีย มี ซาอุดิ อารเบีย, อาหรับอามิเรต, บาห์เรน, คูเวต, การ์ต้า, จอร์แดน , อิรัก (น่าสงสัย) และ ตุรกี (ซึ่งแม้จะอยู่นอกกลุ่มพวกเสี่ย แต่ก็ถือว่าเป็นลูกหาบอเมริกา แต่ระยะหลังพฤติกรรมน่าสงสัย) และอิสราเอลตัวแสบ – กลุ่มยุโรป หมดทั้งทวีป รักกันมากน้อยนั้นอีกเรื่องหนึ่ง มี NATOเป็นผู้คุมฝูง – กลุ่มเอเซีย มีญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ เวียตนาม ลาว เขมร พม่า (น่าสงสัย) ปากีสถาน อาฟกานิสถาน – กลุ่มอาฟริกา มี อิยิปต์เป็นตัวหลัก – กลุ่มลาตินอเมริกา ยังมองไม่เห็นตัวหลัก ฝ่ายรัสเซีย – กลุ่มเอเซีย มี จีน เกาหลีเหนือ อินเดีย พม่า และกลุ่มเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Co-Operation) – กลุ่มยุโรป ที่เปิดเผยยังไม่มี – กลุ่มตะวันออกกลาง มีอิหร่าน ซีเรีย และเลบานอน – กลุ่มอาฟริกา ยังไม่ยอมเปิดเผยตัว – กลุ่มลาติน มีบราซิล และคิวบา เห็นได้ชัดว่าในด้านปริมาณ ฝ่ายอเมริกามีมากกว่าฝ่ายรัสเซีย จนฝ่ายรัสเซียน่าจะถอดใจ แต่ถ้าลองมาไล่เรียงด้านศักยภาพของเหล่าพันธมิตรของแต่ละฝ่ายดูบ้าง ว่าใครเป็นมวยประเภทไม้ประดับ หรือใครเป็นมวยประเภทหมัดหนักแบบท่อนซุง ฝ่ายอเมริกา หมัดหนักที่สุดคืออิสราเอล มีความพร้อมทั้งด้านกองกำลังอาวุธ ส่วนหมัดรองมี ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ฝรั่งเศษ สวีเดน และซาอุดิ ที่มีกองกำลังใกล้เคียงกัน และอาวุธไม่น้อยหน้ากัน ส่วนแถบเอเซีย ที่พอใช้การได้มี เกาหลี ฟิลิปปินส์ เวียตนาม และญี่ปุ่น แต่เป็นพวกหมัดเบา สรุปพันธมิตรที่อเมริกาจะพึ่งได้จริงๆมี 9 ประเทศ เป็นรุ่นหมัดหนักแค่ 1 เดียว ! ฝ่ายรัสเซีย รุ่นใหญ่หมัดหนักมีเพียบ คือ จีน อินเดีย บราซิล เกาหลีเหนือ (แม้จะเป็นประเทศเล็ก แต่แรงและเผ็ดจัด) อิหร่าน เลบานอน และม้ามืดคือคิวบา รุ่นกลางมีซีเรีย (และอาจจะพ่วงเอาตุรกีและอิรัก เข้ามาด้วย ต้องดูอีกสักระยะหนึ่ง) และพม่า มี 9 ประเทศเท่ากัน เป็นรุ่นหมัดหนักเสีย 7 ประเทศ ! สำหรับเลบานอน เป็นหมากสำคัญอีกตัวหนึ่ง หลายท่านอาจจะไม่รู้ จากการที่เลบานอน เป็นเจ้าของกองกำลัง Hezbollah ซึ่ง มีศักยภาพสูง และมีวินัยสูงครอบครองบริเวณที่สามารถก่อการอันตรายให้กับอิสราเอลอย่างยิ่ง ทำให้เลบานอนเป็นประเทศที่อเมริกาพยายามซื้อ ถ้าซื้อไม่ได้ก็ต้องทำลาย ขณะเดียวกัน อิหร่านก็ทุ่มสุดตัวเช่นเดียวกัน ในการส่งเสียเลี้ยงดูพวก Hezbollah ดังนั้น ถ้าเลบานอนสามารถทำให้อิสราเอลเหนื่อยได้ อเมริกาก็เซได้ สรุป เรื่องพันธมิตร ฝ่ายอเมริกา แม้จะมีจำนวนมากกว่า ดูเผินๆ ฟังแต่ข่าวย้อมสี มันน่าคึกคัก ว่าโลกทั้งใบอยู่ฝ่ายอเมริกาทั้งนั้น แต่ดูเหมือนจะเป็นพวกที่จำเป็นจะต้องอยู่กับอเมริกา เพราะมีเชือกผูกหรือถูกต้อนเข้าคอกไม่น้อย แบบนี้เวลาจะไปรบน่ะ ถามจริงๆ เขาจะไปตายแทนให้หรือ แถมจะเป็นภาระให้อเมริกาต้องมาดูแล เพราะกองกำลังของตัวเองก็มีไม่พอแม้จะดูแลตัวเอง จะเอาที่ไหนไปช่วยลูกพี่ มีแต่กำลังปาก ถึงตอนเข้าฉากรบจริง อเมริกาอาจบอกตัวใครตัวมันนะพวก ส่วน ฝ่ายรัสเซีย เห็นแล้วเหมือนจำนวนน้อยจนน่าใจหาย แต่ดูศักยภาพแล้ว ไม่น่าต้องอธิบายมาก เป็นพวกถูกอเมริกาไล่บี้ เสียจนแทบไม่มีที่ยืนแทบทั้งนั้น ตั้งแต่ตัวหัวหน้าเอง แบบนี้มีอะไรจะต้องเสีย ไม่รบต่างหาก อาจจะเสียจนไม่มีที่ยืน แล้วการรบด้วยความคับแค้น ความฮึด และความอึด มันเป็นอย่างไร นึกถึงภาพเด็กแสบเกาหลีกับอิหร่านเสี่ยนิวเคลียร์ ก็น่าจะพอเห็นภาพกันออก ไม่ต้องบรรยายมากนะครับ ตกลงฝ่ายอเมริกา ที่ว่าพวกมาก เกรงจะเป็นประเภทพวกมาก ลากลงเหวเสียมากกว่า แบบนี้ ฝ่ายรัสเซีย กลุ่มเล็กแต่เหนียวและหนัก น่าจะดีกว่า สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 4 ธค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 362 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 8
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3”
    ตอนที่ 8

    ในการทำสงคราม สิ่งสำคัญที่จะตัดสินแพ้ชนะกันคือ ยุทธศาสตร์ของแต่ละฝ่าย ซึ่งเราคงไม่สามารถจะไปรู้ได้ แต่ในการวางยุทธศาสตร์ มันก็คล้ายกับการเขียนบทละครและกำกับการแสดง ซึ่งจะต้องคำนึงถึงปัจจัยที่เกี่ ยวข้อง เช่น ความสามารถของตัวละคร ฉากประกอบ งบประมาณ และองค์ประกอบอื่นๆ ที่จะเอามาใช้ในการแสดงว่า ปัจจัยที่มีอยู่เหมาะสมกับการวางยุทธศาสตร์นั้นๆแค่ไหน ยุทธศาสตร์จะดีเลิศอย่างไร แต่ถ้าปัจจัยมันไม่เอื้อ มันก็ไม่แน่ว่าจะชนะใส หรืออาจจะชนะ แต่แบบหืดขึ้นคอก็เป็นได้

    สำหรับคู่ชิงสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่เปิดหน้าเปิดตัวกันชัดเจนแล้วคือ อเมริกากับพวกฝ่ายหนึ่งและ รัสเซียกับพวก อีกฝ่ายหนึ่ง

    แม้เราจะไม่รู้ยุทธศาสตร์ หรือรู้ว่าบทละครชิงโลกของแต่ละฝ่าย ว่าจะเดินกันอย่างไร แต่มันก็พอมีหลายปัจจัยของแต่ละฝ่าย ที่เป็นส่วนสำคัญที่ฝ่ายวางยุทธศาสตร์เขาก็ต้องนำมาพิจารณา และเราก็น่าจะพอตามดูและประเมินได้ระดับหนึ่ง คือ

    – พันธมิตร
    – สภาพเศรษฐกิจ
    – กำลังอาวุธยุโธปกรณ์ ทั้งด้าน hardware และ software
    – กำลังพล ทั้งในระบบ และนอกระบบ

    สำหรับปัจจัยเกี่ยวกับพันธมิตร ตั้งแต่กลางปีเป็นต้นมา การแบ่งค่าย แบ่งข้าง โดยความสมัครใจ หรือโดยการหักแขนล๊อกคอก็ตาม ต่างทำกันอย่างชัดเจน แทบไม่เหลือให้เดามาก แต่ละฝายคงคาดการณ์รู้กันเองแล้วว่า เวลาออกโรงแสดงฉากใหญ่ น่าจะใกล้เข้ามาทุกที ถึงมีการแจกบทให้แสดงกันอย่างเปิดเผย

    ดูตัวอย่างเล็กๆน้อยๆจากการ ประชุม APEC เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2014 ที่แดนมังกร และการประชุม G20 ที่แดนจิงโจ้ ในกลางเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2014 นี่ก็แล้วกันเป็นการแสดงที่เห็นชัด ถึงการแบ่งพวกของ คู่ชิงศึกสงครามโลกชัดเจนดี
    ที่แดนมังกร ตัวละครเอก ผู้นำของแต่ละฝ่าย นายโอบามาและนายปูติน มีการเผชิญหน้ากันจังๆ แต่สื่อรายงานว่า นายโอบามา พยายามเลี่ยงนายปูตินอย่างเห็นชัด เลี่ยงทำไม ทำให้มองไม่เห็นความองอาจผ่าเผยของผู้นำฝ่ายอเมริกา แถมหน้าตาท่าทางของท่านผู้นำอเมริกา ก็เหมือนคนไปกินยาผิดมา ทั้งหมอง ทั้งหม่น ราศรีพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก ไม่รู้หล่นไปไหนหมด

    ส่วนนายปูตินเดินอาดๆมาเข้าฉาก หลังจากแสดงบทสุภาพบุรุษคลุมไหล่คุณนายสีแล้ว ก็โดดมาเล่นบทตบไหล่ฝ่ายตรงข้าม เหมือนเป็นการทักทาย หรือท้าทาย ไม่แน่ใจ แต่นายโอบามาดันเอียงหลบ ยกแรกแสดงแบบนี้ นายปูตินก็น่าจะได้คะแนนนำ ส่วนนายโอบามา ถ้าพวกพันธมิตรลูกหาบ เห็นทั้ง โหงวเฮ้งและการแสดงเปิดตัวของลูกพี่แล้ว อาจเหนื่อยใจ แทน แทบไม่อยากไปเข้าฉากรบด้วย

    ส่วนมังกรเจ้าถิ่น ทำตัวเป็นเจ้าภาพที่ดูเหมือนกำลังดี แต่ตอนท้ายก็เปิดไต๋ แสดงตัวว่าเป็นคนรักเพื่อนแบบไม่กลัวถูกนินทา เวลาถ่ายรูปหมู่ จัดให้นายโอบามาไปยืนเสียไกลเกือบตกเฟรม ส่วนนายปูตินเอามายืนทำหน้าหล่ออยู่ติดกับเจ้าภาพ ให้มันรู้กันว่า คู่นี้เขารักจริง ไม่ทิ้งกันยามยาก

    ส่วนที่แดนจิงโจ้ ก็ตรงกันข้าม ทีใครทีมัน กลุ่มเจ้าภาพไม่เล่นบทลำเอียงเหมือนที่แดนมังกร มันไม่ถึงใจ แต่หยิบเอาบทผู้ดีรุมตีแขก (แถวบ้านผมเขาเรียกหมาหมู่ครับ) มา รับรองนายปูติน ไล่มาตั้งแต่เจ้าภาพ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย นายกรัฐมนตรีอังกฤษ แต่เยี่ยมสุดน่าจะได้รางวัลจากอเมริกา คือนายกรัฐมนตรีแคนาดาที่บอกว่า ผมคงต้องจับมือกับคุณกระมัง ปูติน แต่จะให้ดีรัสเซียควรจะออกไปจากไปUkraine ได้แล้ว กลุ่ม Anglo Saxon ช่วยกันแจกคำด่ารัสเซียเป็นของชำร่วย เป็นการต้อน มากกว่ารับนายปูติน

    ขนาดสื่อเรียกการประชุมนี้ว่า G20-1 เหมือนไม่เห็นหัวรัสเซียว่าเป็นสมาชิกด้วย

    นายปูตินก็ใช่เล่นที่ไหน ไม่ไปเข้าประชุมตัวเปล่า หอบเอาเรือรบบรรทุกอาวุธนิวเคลียร์ไปด้วย 4 ลำ อ้างว่า มีข่าวกรองมา ว่าจะมีการต้อนรับจัดเต็มแบบพิเศษจากใครก็ไม่รู้ จริงไม่จริงไม่รู้ แต่เรื่องแบบนี้ประมาทไม่ได้ เอาชื่อไปทิ้งแถวแดนจิงโจ้คงไม่เท่ห์นัก ยังไม่ได้เริ่มเล่นบทพระเอกในสงครามชิงโลกกันเลย

    แต่ดูๆไปแล้ว เหมือนนายปูตินตั้งใจยียวน ก๊วน อเมริกากับพวกมากกว่า นายปูตินน่าจะกำลังส่งสัญญาณว่า ไม่ใช่แค่พร้อมสู้กับการรุมกินโต๊ะของอเมริกาและพวกเท่านั้นนะ เข้าใจไหม…!? มันเป็นการยกระดับการส่งสัญญาณของรัสเซีย !

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    3 ธค. 2557
    แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 8 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3” ตอนที่ 8 ในการทำสงคราม สิ่งสำคัญที่จะตัดสินแพ้ชนะกันคือ ยุทธศาสตร์ของแต่ละฝ่าย ซึ่งเราคงไม่สามารถจะไปรู้ได้ แต่ในการวางยุทธศาสตร์ มันก็คล้ายกับการเขียนบทละครและกำกับการแสดง ซึ่งจะต้องคำนึงถึงปัจจัยที่เกี่ ยวข้อง เช่น ความสามารถของตัวละคร ฉากประกอบ งบประมาณ และองค์ประกอบอื่นๆ ที่จะเอามาใช้ในการแสดงว่า ปัจจัยที่มีอยู่เหมาะสมกับการวางยุทธศาสตร์นั้นๆแค่ไหน ยุทธศาสตร์จะดีเลิศอย่างไร แต่ถ้าปัจจัยมันไม่เอื้อ มันก็ไม่แน่ว่าจะชนะใส หรืออาจจะชนะ แต่แบบหืดขึ้นคอก็เป็นได้ สำหรับคู่ชิงสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่เปิดหน้าเปิดตัวกันชัดเจนแล้วคือ อเมริกากับพวกฝ่ายหนึ่งและ รัสเซียกับพวก อีกฝ่ายหนึ่ง แม้เราจะไม่รู้ยุทธศาสตร์ หรือรู้ว่าบทละครชิงโลกของแต่ละฝ่าย ว่าจะเดินกันอย่างไร แต่มันก็พอมีหลายปัจจัยของแต่ละฝ่าย ที่เป็นส่วนสำคัญที่ฝ่ายวางยุทธศาสตร์เขาก็ต้องนำมาพิจารณา และเราก็น่าจะพอตามดูและประเมินได้ระดับหนึ่ง คือ – พันธมิตร – สภาพเศรษฐกิจ – กำลังอาวุธยุโธปกรณ์ ทั้งด้าน hardware และ software – กำลังพล ทั้งในระบบ และนอกระบบ สำหรับปัจจัยเกี่ยวกับพันธมิตร ตั้งแต่กลางปีเป็นต้นมา การแบ่งค่าย แบ่งข้าง โดยความสมัครใจ หรือโดยการหักแขนล๊อกคอก็ตาม ต่างทำกันอย่างชัดเจน แทบไม่เหลือให้เดามาก แต่ละฝายคงคาดการณ์รู้กันเองแล้วว่า เวลาออกโรงแสดงฉากใหญ่ น่าจะใกล้เข้ามาทุกที ถึงมีการแจกบทให้แสดงกันอย่างเปิดเผย ดูตัวอย่างเล็กๆน้อยๆจากการ ประชุม APEC เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2014 ที่แดนมังกร และการประชุม G20 ที่แดนจิงโจ้ ในกลางเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2014 นี่ก็แล้วกันเป็นการแสดงที่เห็นชัด ถึงการแบ่งพวกของ คู่ชิงศึกสงครามโลกชัดเจนดี ที่แดนมังกร ตัวละครเอก ผู้นำของแต่ละฝ่าย นายโอบามาและนายปูติน มีการเผชิญหน้ากันจังๆ แต่สื่อรายงานว่า นายโอบามา พยายามเลี่ยงนายปูตินอย่างเห็นชัด เลี่ยงทำไม ทำให้มองไม่เห็นความองอาจผ่าเผยของผู้นำฝ่ายอเมริกา แถมหน้าตาท่าทางของท่านผู้นำอเมริกา ก็เหมือนคนไปกินยาผิดมา ทั้งหมอง ทั้งหม่น ราศรีพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก ไม่รู้หล่นไปไหนหมด ส่วนนายปูตินเดินอาดๆมาเข้าฉาก หลังจากแสดงบทสุภาพบุรุษคลุมไหล่คุณนายสีแล้ว ก็โดดมาเล่นบทตบไหล่ฝ่ายตรงข้าม เหมือนเป็นการทักทาย หรือท้าทาย ไม่แน่ใจ แต่นายโอบามาดันเอียงหลบ ยกแรกแสดงแบบนี้ นายปูตินก็น่าจะได้คะแนนนำ ส่วนนายโอบามา ถ้าพวกพันธมิตรลูกหาบ เห็นทั้ง โหงวเฮ้งและการแสดงเปิดตัวของลูกพี่แล้ว อาจเหนื่อยใจ แทน แทบไม่อยากไปเข้าฉากรบด้วย ส่วนมังกรเจ้าถิ่น ทำตัวเป็นเจ้าภาพที่ดูเหมือนกำลังดี แต่ตอนท้ายก็เปิดไต๋ แสดงตัวว่าเป็นคนรักเพื่อนแบบไม่กลัวถูกนินทา เวลาถ่ายรูปหมู่ จัดให้นายโอบามาไปยืนเสียไกลเกือบตกเฟรม ส่วนนายปูตินเอามายืนทำหน้าหล่ออยู่ติดกับเจ้าภาพ ให้มันรู้กันว่า คู่นี้เขารักจริง ไม่ทิ้งกันยามยาก ส่วนที่แดนจิงโจ้ ก็ตรงกันข้าม ทีใครทีมัน กลุ่มเจ้าภาพไม่เล่นบทลำเอียงเหมือนที่แดนมังกร มันไม่ถึงใจ แต่หยิบเอาบทผู้ดีรุมตีแขก (แถวบ้านผมเขาเรียกหมาหมู่ครับ) มา รับรองนายปูติน ไล่มาตั้งแต่เจ้าภาพ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย นายกรัฐมนตรีอังกฤษ แต่เยี่ยมสุดน่าจะได้รางวัลจากอเมริกา คือนายกรัฐมนตรีแคนาดาที่บอกว่า ผมคงต้องจับมือกับคุณกระมัง ปูติน แต่จะให้ดีรัสเซียควรจะออกไปจากไปUkraine ได้แล้ว กลุ่ม Anglo Saxon ช่วยกันแจกคำด่ารัสเซียเป็นของชำร่วย เป็นการต้อน มากกว่ารับนายปูติน ขนาดสื่อเรียกการประชุมนี้ว่า G20-1 เหมือนไม่เห็นหัวรัสเซียว่าเป็นสมาชิกด้วย นายปูตินก็ใช่เล่นที่ไหน ไม่ไปเข้าประชุมตัวเปล่า หอบเอาเรือรบบรรทุกอาวุธนิวเคลียร์ไปด้วย 4 ลำ อ้างว่า มีข่าวกรองมา ว่าจะมีการต้อนรับจัดเต็มแบบพิเศษจากใครก็ไม่รู้ จริงไม่จริงไม่รู้ แต่เรื่องแบบนี้ประมาทไม่ได้ เอาชื่อไปทิ้งแถวแดนจิงโจ้คงไม่เท่ห์นัก ยังไม่ได้เริ่มเล่นบทพระเอกในสงครามชิงโลกกันเลย แต่ดูๆไปแล้ว เหมือนนายปูตินตั้งใจยียวน ก๊วน อเมริกากับพวกมากกว่า นายปูตินน่าจะกำลังส่งสัญญาณว่า ไม่ใช่แค่พร้อมสู้กับการรุมกินโต๊ะของอเมริกาและพวกเท่านั้นนะ เข้าใจไหม…!? มันเป็นการยกระดับการส่งสัญญาณของรัสเซีย ! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 3 ธค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 311 มุมมอง 0 รีวิว
  • “จีนขึ้นบัญชีดำ TechInsights — บริษัทแคนาดาที่เปิดโปง Huawei ใช้เทคโนโลยี TSMC ฝ่าฝืนมาตรการสหรัฐฯ”

    รัฐบาลจีนประกาศขึ้นบัญชีดำบริษัท TechInsights จากแคนาดา โดยระบุว่าเป็น “หน่วยงานที่ไม่น่าเชื่อถือ” หลังจากบริษัทดังกล่าวเปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีจาก TSMC และผู้ผลิตชิปต่างประเทศในผลิตภัณฑ์ของ Huawei แม้จะอยู่ภายใต้ข้อจำกัดการส่งออกจากสหรัฐฯ

    TechInsights เป็นบริษัทวิจัยด้านเซมิคอนดักเตอร์ที่เชี่ยวชาญในการ “แยกชิ้นส่วน” อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อวิเคราะห์โครงสร้างภายใน โดยรายงานล่าสุดของบริษัทพบว่า Huawei ยังคงใช้ชิ้นส่วนจาก TSMC, Samsung และ SK Hynix ในชิป AI รุ่น Ascend 910C ซึ่งขัดกับมาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ ที่พยายามจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูงของจีน

    กระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า TechInsights และบริษัทในเครือทั่วโลกจะถูกห้ามไม่ให้ทำธุรกรรมหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกับองค์กรหรือบุคคลในจีน โดยให้เหตุผลว่า TechInsightsมีส่วนร่วมใน “ความร่วมมือทางเทคนิคทางทหารกับไต้หวัน” และ “ให้ข้อมูลที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของจีน”

    การขึ้นบัญชีดำครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจาก TechInsights เผยแพร่รายงานที่แสดงให้เห็นว่า Huawei ยังพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ แม้จะพยายามสร้างห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศเองก็ตาม

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    จีนขึ้นบัญชีดำ TechInsights โดยระบุว่าเป็น “หน่วยงานที่ไม่น่าเชื่อถือ”
    TechInsights เปิดเผยว่า Huawei ใช้ชิ้นส่วนจาก TSMC, Samsung และ SK Hynix
    ชิ้นส่วนเหล่านี้ปรากฏในชิป AI รุ่น Ascend 910C ของ Huawei
    การเปิดเผยขัดกับมาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ
    กระทรวงพาณิชย์จีนห้าม TechInsights ทำธุรกรรมหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกับองค์กรในจีน
    เหตุผลที่จีนให้คือความร่วมมือทางเทคนิคกับไต้หวันและการให้ข้อมูลที่เป็นภัยต่อจีน
    TechInsights เป็นบริษัทวิจัยที่เชี่ยวชาญด้านการแยกชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Huawei ถูกขึ้นบัญชีดำโดยสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2019
    TSMC และ Samsung อยู่ภายใต้ข้อจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงไปยังจีน
    Ascend 910C เป็นชิป AI ระดับสูงที่ใช้ในงานประมวลผลแบบ deep learning
    การแยกชิ้นส่วน (teardown) เป็นวิธีการวิเคราะห์ที่ใช้ตรวจสอบแหล่งที่มาของชิ้นส่วน
    การควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ มุ่งลดความสามารถของจีนในการพัฒนาเทคโนโลยีทางทหาร

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-bans-research-company-that-helped-unearth-huaweis-use-of-tsmc-tech-despite-u-s-bans-techinsights-added-to-unreliable-entity-list-by-state-authorities
    🚫 “จีนขึ้นบัญชีดำ TechInsights — บริษัทแคนาดาที่เปิดโปง Huawei ใช้เทคโนโลยี TSMC ฝ่าฝืนมาตรการสหรัฐฯ” รัฐบาลจีนประกาศขึ้นบัญชีดำบริษัท TechInsights จากแคนาดา โดยระบุว่าเป็น “หน่วยงานที่ไม่น่าเชื่อถือ” หลังจากบริษัทดังกล่าวเปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีจาก TSMC และผู้ผลิตชิปต่างประเทศในผลิตภัณฑ์ของ Huawei แม้จะอยู่ภายใต้ข้อจำกัดการส่งออกจากสหรัฐฯ TechInsights เป็นบริษัทวิจัยด้านเซมิคอนดักเตอร์ที่เชี่ยวชาญในการ “แยกชิ้นส่วน” อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อวิเคราะห์โครงสร้างภายใน โดยรายงานล่าสุดของบริษัทพบว่า Huawei ยังคงใช้ชิ้นส่วนจาก TSMC, Samsung และ SK Hynix ในชิป AI รุ่น Ascend 910C ซึ่งขัดกับมาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ ที่พยายามจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูงของจีน กระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า TechInsights และบริษัทในเครือทั่วโลกจะถูกห้ามไม่ให้ทำธุรกรรมหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกับองค์กรหรือบุคคลในจีน โดยให้เหตุผลว่า TechInsightsมีส่วนร่วมใน “ความร่วมมือทางเทคนิคทางทหารกับไต้หวัน” และ “ให้ข้อมูลที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของจีน” การขึ้นบัญชีดำครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจาก TechInsights เผยแพร่รายงานที่แสดงให้เห็นว่า Huawei ยังพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ แม้จะพยายามสร้างห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศเองก็ตาม ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ จีนขึ้นบัญชีดำ TechInsights โดยระบุว่าเป็น “หน่วยงานที่ไม่น่าเชื่อถือ” ➡️ TechInsights เปิดเผยว่า Huawei ใช้ชิ้นส่วนจาก TSMC, Samsung และ SK Hynix ➡️ ชิ้นส่วนเหล่านี้ปรากฏในชิป AI รุ่น Ascend 910C ของ Huawei ➡️ การเปิดเผยขัดกับมาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ ➡️ กระทรวงพาณิชย์จีนห้าม TechInsights ทำธุรกรรมหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลกับองค์กรในจีน ➡️ เหตุผลที่จีนให้คือความร่วมมือทางเทคนิคกับไต้หวันและการให้ข้อมูลที่เป็นภัยต่อจีน ➡️ TechInsights เป็นบริษัทวิจัยที่เชี่ยวชาญด้านการแยกชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Huawei ถูกขึ้นบัญชีดำโดยสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2019 ➡️ TSMC และ Samsung อยู่ภายใต้ข้อจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงไปยังจีน ➡️ Ascend 910C เป็นชิป AI ระดับสูงที่ใช้ในงานประมวลผลแบบ deep learning ➡️ การแยกชิ้นส่วน (teardown) เป็นวิธีการวิเคราะห์ที่ใช้ตรวจสอบแหล่งที่มาของชิ้นส่วน ➡️ การควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ มุ่งลดความสามารถของจีนในการพัฒนาเทคโนโลยีทางทหาร https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-bans-research-company-that-helped-unearth-huaweis-use-of-tsmc-tech-despite-u-s-bans-techinsights-added-to-unreliable-entity-list-by-state-authorities
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 252 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตอนที่ 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “กลืนไม่เข้าคายไม่ออก”
    ตอนที่ 2
ก่อน หน้าวันที่ 23 กันยายน ค.ศ.2014 อเมริกาบอกยังไม่มียุทธศาสตร์ เกี่ยวกับตะวันออกกลางประกาศอ อกมาให้โลกรู้ แต่โลกก็รู้ว่า อเมริกากำลังอึดอัดเต็มแก่ บรรดาถังความคิด think tank ต่างๆ ออกมาบอกว่า ขณะนี้อเมริกาใช้นโยบาย “Right Sizing” ขนาดกำลังดี คือกระบวนท่าที่อเมริกาใช้เกี่ยวกับตะวันออกกลาง พูดแบบนี้ชาวบ้านที่ไม่ใช่ตาสีตาสาก็เดาออก ว่าอเมริกากำลังอาการหนัก กระเป๋าแห้ง และน่าจะยังรักษาแผล จากการไปถล่มอิรักและล้มละลายกลับมาไม่หายดี มันเป็นการล้มละลายทางสังคม ทางการเมือง ทางการเงิน และทางยุทธศาสตร์ ครบทุกประการ แผลนี้น่าจะใหญ่และลึก ถึงขนาดคุณโอบามา หน้าดำ โทรม ผมหงอกโผล่กระจายเต็มหัว หมดราศีคนเป็นประธานาธิบดีหมายเลขหนึ่งของโลก เมื่อถูกถามว่าเรื่องซีเรียจะเอายังไง 3 ปีมาแล้วยังตีกรรเชียงไม่เลิก เรื่องซีเรียยังจัดการไม่ได้ เรื่องอิรักรอบสองกำลังจะโผล่มา คุณโอบามาแทบจะอยากกลับไปนุ่งโสร่งนอนเล่นที่อินโดนีเซียเหมือนตอนเป็นรุ่น กะทง
    รัฐบาล โอบามาถอนทหารประมาณ 100,000 นาย ออกจากอิรัก ลดขนาดกองกำลังในอาฟกานิสถาน เป็นการใช้ยุทธศาสตร์ตรงกันข้ามกับคาวบอย Bush ทั้งๆที่รู้ว่าขณะนี้ มีเจ้าพ่อทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ อย่างคุณพี่ปูตินกับอาเฮียกระเป๋าหนัก กำลังยืนจ้องดูตาเขม็งอยู่ แม้จะยังไม่ขยับหมาก แต่อเมริกาอย่าได้เผลอเชียว
    การเดินหมาก ขี่ช้างจับตั้กกะแตนที่อิรัก ของสายเหยี่ยวคาวบอย Bush ทำให้อเมริกาต้องกลับมาใช้นโยบาย Right Sizing บวกกับนโยบาย ให้คนในบ้านเขาจัดการกันเอง ตามที่เรายุ แผน Arab Spring จึงเกิดขึ้น แต่ใช่ว่า คาวบอย Bush จะพลาดรายเดียว รัฐบาล Obama ก็พลาด เช่นเดียวกัน แม้คนละแบบ แต่ผลลัพธ์สาหัสไม่แพ้กัน Arab Spring ทำให้เกิดกลุ่มต่อต้านอเมริกา และตะวันตกมากขึ้น และ Arab Spring ทำให้เกิดผึ้งแตกรัง ที่อิยิปต์ และ ลิเบีย และที่กำลังตามมา คือ ซีเรีย และ อิรัก อาจกลายเป็นสนามฆ่าที่โหดน่ากลัว
    และถึงบัดนี้ แม้คนในบ้านอเมริกาจะออกมาส่งเสียงว่า เรื่องตะวันออกกลางให้คนตะวันออกกลางจัดการกันเอง แต่ดูเหมือนโอบามาจะน้ำท่วมปาก หรือเกิดอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อคนตะวันออกกลาง อย่างน้อยก็ครึ่งหนึ่ง เป็นค่ายที่สนับสนุนอเมริกา เรียกร้องให้อเมริกาจัดการ เรื่องซีเรียกับอิรักให้ “เรียบร้อย” เรียบร้อยแบบไหนล่ะ ก็แบบที่คาวบอย Bush เคยทำไงล่ะ ถล่มมันให้เหี้ยนเลย
    เสี่ย ใหญ่ซาอุดิ ยื่นรายการต่อว่า ยาวเป็นหางว่าว ตะแคงข้างส่งให้ลูกพี่ด้วยความขัดใจ เรื่องอะไรบ้าง ก็ทุกเรื่องที่เล่ามาข้างต้นนั่นแหละ เสี่ยใหญ่ไม่ถูกใจเลยสักเรื่อง อเมริกายังจะเดินหน้าใช้ Right Sizing ขนาดกำลังพอดีอยู่อีกหรือ อย่างนี้พวกเราก็ม่อยกระรอกแหลกเกลื่อนกันหมด
    อเมริกาคิดหนัก ไม่ใช่ห่วงเสี่ยใหญ่ซาอุดิกับพวกหรอก อเมริกาห่วงไอ้ที่อยู่ใต้ดินของพวกเสี่ยใหญ่ซาอุดิกับพวกต่างหาก เรื่องลามมาถึงตรงนี้ ไม่ยกทัพกรีฑาไปกวาดทะเลทรายอีกรอบ ก็คงมีหวังเสร็จกลุ่ม เสี่ยนิวเคลียร์กับพวก และเพื่อนตัวใหญ่ที่กอดอกดูอยู่เงียบๆ อีก 2 ราย คุณพี่ปูตินและอาเฮีย จะปล่อยให้โอกาสทอง ลอยผ่านหน้าไปเฉยๆอย่างงั้นหรือ แต่ถ้าจะรบ อเมริกาจะไปแบบ Right Sizing ก็นอนอยู่บ้าน กอดคุณนายมิเชล (ถ้าคุณนายแกยอมนะ) ดีกว่า เพราะมันสู้เขาไม่ได้แน่ ถ้าจะไป มันต้องให้ใหญ่โต อลังการ กระเทือนโลก สมฐานะ ของพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก แล้วจะไปเดี่ยวๆได้อย่างอย่างไร เรามันคนใหญ่คนโต จะไปไหนที่ยังต้องมีบอดี้การ์ดล้อมหน้าล้อมหลัง บางทีมากกว่าประชาชนที่ถูกเกณท์มาคอยรับซะอีก นี่จะยกทัพไปชิงแเดน อาจยาวไปถึงชิงโลก แบบนี้ต้องสั่งให้พรรคพวกและลูกกระเป๋ง ไม่ว่า หัวทอง หัวดำ หัวด่าง หัวล้าน ขานชื่อเอาไปให้ครบ เอ้อ เขียนแล้วเหนื่อยใจแทน
    แล้วก็เหมือนฉากหนัง Hollywood สร้าง ทยอยออกมาแสดงให้ดูกัน
    เมื่อ วันที่ 12 ,13 พฤษภาคม ค.ศ.2014 สถาบันข่าวกรองเกี่ยวกับความมั่นคงของแคนาดา Canadian Security Intelligence Service (CSIS) หน่วยงานของรัฐบาลแคนาดา จัดรายการสัมมนาใหญ่เกี่ยวกับตะวัน ออกกลาง โดยบอกว่า เป็นการจัดตามการกำกับของ Chatham House ถ้ายังจำกันได้ Chatham House เป็น think tank ที่มีอิทธิพลสูงสุดของอังกฤษ ที่เกิดคู่กับ Council for Foreign Relation (CFR) ของอเมริกา เมื่อประมาณปี ค.ศ. 1919
    หลัง จากการสัมมนา CSIS แคนาดา เพิ่งออกรายงานเผยแพร่เมื่อกลางเดือนสิงหาคมนี้เอง กระดาษพิมพ์ยังร้อนอยู่เลย ยาวประมาณ 100 หน้า ส่วนที่วิเคราะห์อื่นๆ ส่วนใหญ่ เหมือนที่ค่ายต่างๆวิเคราะห์กัน ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น แต่ที่น่าสนใจคือ รายงานนี้ระบุว่า ขบวนการ Al-Qaeda ยังไม่ตาย นอกจากยังไม่ตายแล้ว ยังฟื้นคืนชีพอย่างน่าทึ่ง !! ว้าว มาแล้ว หนังตื่นเต้น
    ตลอดช่วงปี ค.ศ.2009-2012 อเมริกาบอกว่าใช้ drone ถล่มฐานที่มั่นของกลุ่ม Al-Qaeda จนทำให้ระดับหัวหน้าของขบวนการตายเกลื่อน รวมทั้งลูกน้องระดับสำคัญอีกก ว่า 200 นาย ทำให้ขบวนการแตกกระเจิง ที่ไหนได้ ถึงถูกตัดหัวทิ้ง แต่ตัวยังอยู่ พวกที่เหลือ ค่อยๆย้ายฐาน แอบไปซ่อนตัว กระจายอยู่บริเวณอาฟริกาเหนือ อาฟริกาตะวันตก Sinai และที่ Levant
    Levant คือส่วนที่ชาวคริสต์เคยอยู่ในออตโตมาน ซึ่งปัจจุบันคือบริเวณที่ประกอบด้วย ไซปรัส อิสราเอล จอร์แดน เลบานอน ปาเลสไตน์ ซีเรีย และทางใต้ของตุรกี อืม! แดนเดือดเกือบทั้งนั้น
    ซีเรีย กำลังเป็นหัวหาดใหม่ของ Al-Qaeda เพื่อบุกกลับเข้าไปในตะวันออกกลาง ซีเรีย กลายเป็นแดนเดือดเหมือนที่อาฟกานิสถานเคยเป็นเมื่อ 30 ปีก่อน เป็นแม่เหล็กดึงดูด ให้พวกนักสู้หัวเห็ดกระหายเลือดทั้งหลาย หลั่งไหลเข้าไปจับจองพื้นที่ เพื่อสำแดงอิทธิฤทธิ์
    แม้จะมี ข่าวว่ากลุ่ม Al-Qaeda เอง ก็ไม่ได้ลงรอยกันนัก ระหว่างกลุ่มที่เป็นซีอ่ะห์กับสุนหนี่ แตกแยกเป็นกลุ่ม Jabhat al-Nusra และ Islamic State of Iraq and the Levant (ISIL) และกลุ่มเดิมคือพวกที่อยู่ในความดูแลของ Aymarn al-Zawahiri ซึ่งขึ้นมาเป็นหัวหน้าขบวนการแทนหลัง Bin Laden ถูกเก็บ แต่การแตกแยก กลับกลายเป็นการแข่งขัน สร้างความรุนแรงให้เพิ่มขึ้น
    นอกจากนี้ รายงานยังบอกว่า ขบวนการ Al-Qaeda ได้เริ่มมีการแตกหน่อรับสมาชิกเพิ่ม โดยเล็งไปที่กลุ่มชนชั้นกลางและ ชั้นสูงในปากีสถาน โดนเฉพาะพวกมีปริญญา วิศวฯ และวิทยาศาสตร์ Ahmad Faruq, Asim Lumar และ Abu Zar Assami ซึ่งเป็นชาวปากีสถาน ได้ก้าวขึ้นเป็นระดับหัวหน้าของขบวนการแล้ว พวกเขาคิดจะทำอะไรกันนะ
    รายงาน บอกว่าขณะนี้แม้ Al-Qaeda จะมีฐานใหม่ อยู่ที่ตะวันออกกลาง (Levant) และฐานที่เอเซียใต้ (South Asian) แต่เป้าหมายเดิม ที่จะทำลายล้างอเมริกาและตะวัน ตกไม่เปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นเป็นไปได้ว่า การที่ Al-Qaeda สร้างฉากตื่นเต้นขึ้นที่ North Africa และ Levant เป็นการออกบัตรเชิญ พวกหนุ่มห้าวทั้งหลายให้มาร่วม รายการ ขณะนี้มีหนุ่มห้าวประมาณ 8,000 คน จากอเมริกา แคนาดา อังกฤษ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม เยอรมัน และสวีเดน เข้ามาร่วมขบวนการด้วย และเป็นไปได้ว่าพวกหนุ่มห้าวนี้แหละ เมื่อกลับไปบ้าน ก็จะสร้างแผน เตรียมการในการก่อการร้ายในประเทศที่ตนเองพำนักอยู่ เพราะกลุ่มหนุ่มห้าว 8,000 คนนี้ สามารถเดินทางเข้าออกผ่านประเทศในสหภาพยุโรป และอเมริกาได้ อย่างยากต่อการตรวจสอบของฝ่ายความมั่นคง
    นี่! อย่างนี้ต้องปรบมือให้ ดังๆ ถือว่าเป็นการออกรายงาน ที่ใช้เรื่องและเวลาที่เหมาะสม แก่ยุทธศาสตร์ เพื่อการเปลี่ยนนโยบาย Right Sizing ยิ่งนัก แบบนี้ทั้งคนอเมริกา คนยุโรป ไม่แคล้วหน้าซีด หูตก หางจุก จมูกชื้น กันหมด ไม่มีทางเลือกอื่น จำเป็นต้องให้รัฐบาลโอบามา เดินหน้าถล่มซีเรียลูกเดียว แถมย้อนหลังมาแถมอิรัก และบวกอิหร่านรายสำคัญ หมากจริงด้วย ไม่งั้นอาจโดนขบวนการ Al-Qaeda ถล่มตึกอีกรอบ ถ้าเกิดจริง รอบนี้น่าเป็นห่วง กลัวหวยจะออกที่ทำเนียบขาว และรัฐสภาอังกฤษเหลือเกินครับ
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
2 ตุลาคม 2557
    กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตอนที่ 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “กลืนไม่เข้าคายไม่ออก” ตอนที่ 2
ก่อน หน้าวันที่ 23 กันยายน ค.ศ.2014 อเมริกาบอกยังไม่มียุทธศาสตร์ เกี่ยวกับตะวันออกกลางประกาศอ อกมาให้โลกรู้ แต่โลกก็รู้ว่า อเมริกากำลังอึดอัดเต็มแก่ บรรดาถังความคิด think tank ต่างๆ ออกมาบอกว่า ขณะนี้อเมริกาใช้นโยบาย “Right Sizing” ขนาดกำลังดี คือกระบวนท่าที่อเมริกาใช้เกี่ยวกับตะวันออกกลาง พูดแบบนี้ชาวบ้านที่ไม่ใช่ตาสีตาสาก็เดาออก ว่าอเมริกากำลังอาการหนัก กระเป๋าแห้ง และน่าจะยังรักษาแผล จากการไปถล่มอิรักและล้มละลายกลับมาไม่หายดี มันเป็นการล้มละลายทางสังคม ทางการเมือง ทางการเงิน และทางยุทธศาสตร์ ครบทุกประการ แผลนี้น่าจะใหญ่และลึก ถึงขนาดคุณโอบามา หน้าดำ โทรม ผมหงอกโผล่กระจายเต็มหัว หมดราศีคนเป็นประธานาธิบดีหมายเลขหนึ่งของโลก เมื่อถูกถามว่าเรื่องซีเรียจะเอายังไง 3 ปีมาแล้วยังตีกรรเชียงไม่เลิก เรื่องซีเรียยังจัดการไม่ได้ เรื่องอิรักรอบสองกำลังจะโผล่มา คุณโอบามาแทบจะอยากกลับไปนุ่งโสร่งนอนเล่นที่อินโดนีเซียเหมือนตอนเป็นรุ่น กะทง รัฐบาล โอบามาถอนทหารประมาณ 100,000 นาย ออกจากอิรัก ลดขนาดกองกำลังในอาฟกานิสถาน เป็นการใช้ยุทธศาสตร์ตรงกันข้ามกับคาวบอย Bush ทั้งๆที่รู้ว่าขณะนี้ มีเจ้าพ่อทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ อย่างคุณพี่ปูตินกับอาเฮียกระเป๋าหนัก กำลังยืนจ้องดูตาเขม็งอยู่ แม้จะยังไม่ขยับหมาก แต่อเมริกาอย่าได้เผลอเชียว การเดินหมาก ขี่ช้างจับตั้กกะแตนที่อิรัก ของสายเหยี่ยวคาวบอย Bush ทำให้อเมริกาต้องกลับมาใช้นโยบาย Right Sizing บวกกับนโยบาย ให้คนในบ้านเขาจัดการกันเอง ตามที่เรายุ แผน Arab Spring จึงเกิดขึ้น แต่ใช่ว่า คาวบอย Bush จะพลาดรายเดียว รัฐบาล Obama ก็พลาด เช่นเดียวกัน แม้คนละแบบ แต่ผลลัพธ์สาหัสไม่แพ้กัน Arab Spring ทำให้เกิดกลุ่มต่อต้านอเมริกา และตะวันตกมากขึ้น และ Arab Spring ทำให้เกิดผึ้งแตกรัง ที่อิยิปต์ และ ลิเบีย และที่กำลังตามมา คือ ซีเรีย และ อิรัก อาจกลายเป็นสนามฆ่าที่โหดน่ากลัว และถึงบัดนี้ แม้คนในบ้านอเมริกาจะออกมาส่งเสียงว่า เรื่องตะวันออกกลางให้คนตะวันออกกลางจัดการกันเอง แต่ดูเหมือนโอบามาจะน้ำท่วมปาก หรือเกิดอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อคนตะวันออกกลาง อย่างน้อยก็ครึ่งหนึ่ง เป็นค่ายที่สนับสนุนอเมริกา เรียกร้องให้อเมริกาจัดการ เรื่องซีเรียกับอิรักให้ “เรียบร้อย” เรียบร้อยแบบไหนล่ะ ก็แบบที่คาวบอย Bush เคยทำไงล่ะ ถล่มมันให้เหี้ยนเลย เสี่ย ใหญ่ซาอุดิ ยื่นรายการต่อว่า ยาวเป็นหางว่าว ตะแคงข้างส่งให้ลูกพี่ด้วยความขัดใจ เรื่องอะไรบ้าง ก็ทุกเรื่องที่เล่ามาข้างต้นนั่นแหละ เสี่ยใหญ่ไม่ถูกใจเลยสักเรื่อง อเมริกายังจะเดินหน้าใช้ Right Sizing ขนาดกำลังพอดีอยู่อีกหรือ อย่างนี้พวกเราก็ม่อยกระรอกแหลกเกลื่อนกันหมด อเมริกาคิดหนัก ไม่ใช่ห่วงเสี่ยใหญ่ซาอุดิกับพวกหรอก อเมริกาห่วงไอ้ที่อยู่ใต้ดินของพวกเสี่ยใหญ่ซาอุดิกับพวกต่างหาก เรื่องลามมาถึงตรงนี้ ไม่ยกทัพกรีฑาไปกวาดทะเลทรายอีกรอบ ก็คงมีหวังเสร็จกลุ่ม เสี่ยนิวเคลียร์กับพวก และเพื่อนตัวใหญ่ที่กอดอกดูอยู่เงียบๆ อีก 2 ราย คุณพี่ปูตินและอาเฮีย จะปล่อยให้โอกาสทอง ลอยผ่านหน้าไปเฉยๆอย่างงั้นหรือ แต่ถ้าจะรบ อเมริกาจะไปแบบ Right Sizing ก็นอนอยู่บ้าน กอดคุณนายมิเชล (ถ้าคุณนายแกยอมนะ) ดีกว่า เพราะมันสู้เขาไม่ได้แน่ ถ้าจะไป มันต้องให้ใหญ่โต อลังการ กระเทือนโลก สมฐานะ ของพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก แล้วจะไปเดี่ยวๆได้อย่างอย่างไร เรามันคนใหญ่คนโต จะไปไหนที่ยังต้องมีบอดี้การ์ดล้อมหน้าล้อมหลัง บางทีมากกว่าประชาชนที่ถูกเกณท์มาคอยรับซะอีก นี่จะยกทัพไปชิงแเดน อาจยาวไปถึงชิงโลก แบบนี้ต้องสั่งให้พรรคพวกและลูกกระเป๋ง ไม่ว่า หัวทอง หัวดำ หัวด่าง หัวล้าน ขานชื่อเอาไปให้ครบ เอ้อ เขียนแล้วเหนื่อยใจแทน แล้วก็เหมือนฉากหนัง Hollywood สร้าง ทยอยออกมาแสดงให้ดูกัน เมื่อ วันที่ 12 ,13 พฤษภาคม ค.ศ.2014 สถาบันข่าวกรองเกี่ยวกับความมั่นคงของแคนาดา Canadian Security Intelligence Service (CSIS) หน่วยงานของรัฐบาลแคนาดา จัดรายการสัมมนาใหญ่เกี่ยวกับตะวัน ออกกลาง โดยบอกว่า เป็นการจัดตามการกำกับของ Chatham House ถ้ายังจำกันได้ Chatham House เป็น think tank ที่มีอิทธิพลสูงสุดของอังกฤษ ที่เกิดคู่กับ Council for Foreign Relation (CFR) ของอเมริกา เมื่อประมาณปี ค.ศ. 1919 หลัง จากการสัมมนา CSIS แคนาดา เพิ่งออกรายงานเผยแพร่เมื่อกลางเดือนสิงหาคมนี้เอง กระดาษพิมพ์ยังร้อนอยู่เลย ยาวประมาณ 100 หน้า ส่วนที่วิเคราะห์อื่นๆ ส่วนใหญ่ เหมือนที่ค่ายต่างๆวิเคราะห์กัน ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น แต่ที่น่าสนใจคือ รายงานนี้ระบุว่า ขบวนการ Al-Qaeda ยังไม่ตาย นอกจากยังไม่ตายแล้ว ยังฟื้นคืนชีพอย่างน่าทึ่ง !! ว้าว มาแล้ว หนังตื่นเต้น ตลอดช่วงปี ค.ศ.2009-2012 อเมริกาบอกว่าใช้ drone ถล่มฐานที่มั่นของกลุ่ม Al-Qaeda จนทำให้ระดับหัวหน้าของขบวนการตายเกลื่อน รวมทั้งลูกน้องระดับสำคัญอีกก ว่า 200 นาย ทำให้ขบวนการแตกกระเจิง ที่ไหนได้ ถึงถูกตัดหัวทิ้ง แต่ตัวยังอยู่ พวกที่เหลือ ค่อยๆย้ายฐาน แอบไปซ่อนตัว กระจายอยู่บริเวณอาฟริกาเหนือ อาฟริกาตะวันตก Sinai และที่ Levant Levant คือส่วนที่ชาวคริสต์เคยอยู่ในออตโตมาน ซึ่งปัจจุบันคือบริเวณที่ประกอบด้วย ไซปรัส อิสราเอล จอร์แดน เลบานอน ปาเลสไตน์ ซีเรีย และทางใต้ของตุรกี อืม! แดนเดือดเกือบทั้งนั้น ซีเรีย กำลังเป็นหัวหาดใหม่ของ Al-Qaeda เพื่อบุกกลับเข้าไปในตะวันออกกลาง ซีเรีย กลายเป็นแดนเดือดเหมือนที่อาฟกานิสถานเคยเป็นเมื่อ 30 ปีก่อน เป็นแม่เหล็กดึงดูด ให้พวกนักสู้หัวเห็ดกระหายเลือดทั้งหลาย หลั่งไหลเข้าไปจับจองพื้นที่ เพื่อสำแดงอิทธิฤทธิ์ แม้จะมี ข่าวว่ากลุ่ม Al-Qaeda เอง ก็ไม่ได้ลงรอยกันนัก ระหว่างกลุ่มที่เป็นซีอ่ะห์กับสุนหนี่ แตกแยกเป็นกลุ่ม Jabhat al-Nusra และ Islamic State of Iraq and the Levant (ISIL) และกลุ่มเดิมคือพวกที่อยู่ในความดูแลของ Aymarn al-Zawahiri ซึ่งขึ้นมาเป็นหัวหน้าขบวนการแทนหลัง Bin Laden ถูกเก็บ แต่การแตกแยก กลับกลายเป็นการแข่งขัน สร้างความรุนแรงให้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ รายงานยังบอกว่า ขบวนการ Al-Qaeda ได้เริ่มมีการแตกหน่อรับสมาชิกเพิ่ม โดยเล็งไปที่กลุ่มชนชั้นกลางและ ชั้นสูงในปากีสถาน โดนเฉพาะพวกมีปริญญา วิศวฯ และวิทยาศาสตร์ Ahmad Faruq, Asim Lumar และ Abu Zar Assami ซึ่งเป็นชาวปากีสถาน ได้ก้าวขึ้นเป็นระดับหัวหน้าของขบวนการแล้ว พวกเขาคิดจะทำอะไรกันนะ รายงาน บอกว่าขณะนี้แม้ Al-Qaeda จะมีฐานใหม่ อยู่ที่ตะวันออกกลาง (Levant) และฐานที่เอเซียใต้ (South Asian) แต่เป้าหมายเดิม ที่จะทำลายล้างอเมริกาและตะวัน ตกไม่เปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นเป็นไปได้ว่า การที่ Al-Qaeda สร้างฉากตื่นเต้นขึ้นที่ North Africa และ Levant เป็นการออกบัตรเชิญ พวกหนุ่มห้าวทั้งหลายให้มาร่วม รายการ ขณะนี้มีหนุ่มห้าวประมาณ 8,000 คน จากอเมริกา แคนาดา อังกฤษ ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม เยอรมัน และสวีเดน เข้ามาร่วมขบวนการด้วย และเป็นไปได้ว่าพวกหนุ่มห้าวนี้แหละ เมื่อกลับไปบ้าน ก็จะสร้างแผน เตรียมการในการก่อการร้ายในประเทศที่ตนเองพำนักอยู่ เพราะกลุ่มหนุ่มห้าว 8,000 คนนี้ สามารถเดินทางเข้าออกผ่านประเทศในสหภาพยุโรป และอเมริกาได้ อย่างยากต่อการตรวจสอบของฝ่ายความมั่นคง นี่! อย่างนี้ต้องปรบมือให้ ดังๆ ถือว่าเป็นการออกรายงาน ที่ใช้เรื่องและเวลาที่เหมาะสม แก่ยุทธศาสตร์ เพื่อการเปลี่ยนนโยบาย Right Sizing ยิ่งนัก แบบนี้ทั้งคนอเมริกา คนยุโรป ไม่แคล้วหน้าซีด หูตก หางจุก จมูกชื้น กันหมด ไม่มีทางเลือกอื่น จำเป็นต้องให้รัฐบาลโอบามา เดินหน้าถล่มซีเรียลูกเดียว แถมย้อนหลังมาแถมอิรัก และบวกอิหร่านรายสำคัญ หมากจริงด้วย ไม่งั้นอาจโดนขบวนการ Al-Qaeda ถล่มตึกอีกรอบ ถ้าเกิดจริง รอบนี้น่าเป็นห่วง กลัวหวยจะออกที่ทำเนียบขาว และรัฐสภาอังกฤษเหลือเกินครับ สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
2 ตุลาคม 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 447 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Kanto Obi3: เทิร์นเทเบิลบลูทูธสุดมินิมอลจากแคนาดา — เสียงดี ดีไซน์เด่น ราคาโดนใจ”

    Kanto Audio แบรนด์เครื่องเสียงจากแคนาดาเปิดตัวเทิร์นเทเบิลรุ่นแรกของบริษัทในชื่อ “Obi3” โดยชูจุดเด่นด้านดีไซน์เรียบง่าย ฟังก์ชันครบ และราคาที่เข้าถึงได้ เปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 2025 ด้วยราคา $199 / £179 (ประมาณ 7,500 บาท) ถือเป็นคู่แข่งโดยตรงของแบรนด์ระดับเริ่มต้นอย่าง Sony, Audio-Technica และ Pro-Ject

    Obi3 ใช้ระบบสายพานแบบสองสปีด (33⅓ และ 45 RPM) พร้อมหัวเข็ม Audio-Technica AT3600L ที่ติดตั้งมาให้จากโรงงาน ตัวเครื่องมีโครงสร้างไม้และจานหมุนอะลูมิเนียมแบบถ่วงน้ำหนักเพื่อความนิ่งในการเล่นแผ่นเสียง พร้อมแขนอ่านแบบ J-shape ที่ออกแบบมาเพื่อความแม่นยำในการติดตามร่องแผ่น

    ฟีเจอร์เด่นคือ Bluetooth 5.3 ที่สามารถเชื่อมต่อกับลำโพงหรือหูฟังไร้สายได้ทันที รวมถึงมี preamp ในตัวที่สามารถเปิด/ปิดได้ และช่อง RCA สำหรับเชื่อมต่อกับระบบเสียงแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมี pitch control ซึ่งหาได้ยากในเทิร์นเทเบิลระดับราคานี้

    Obi3 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ ดำ ขาว และเขียว Sage ซึ่งได้รับคำแนะนำว่า “เป็นสีที่ควรซื้อ” เพราะโชว์ความเรียบง่ายของดีไซน์ได้ดีที่สุด

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Kanto เปิดตัวเทิร์นเทเบิลรุ่นแรกชื่อ Obi3 ในเดือนพฤศจิกายน 2025
    ราคาเปิดตัว $199 / £179 (ประมาณ AU$300)
    ใช้ระบบสายพานแบบสองสปีด (33⅓ และ 45 RPM)
    หัวเข็ม Audio-Technica AT3600L ติดตั้งมาให้จากโรงงาน
    โครงสร้างไม้และจานหมุนอะลูมิเนียมแบบถ่วงน้ำหนัก
    แขนอ่านแบบ J-shape เพื่อความแม่นยำในการติดตามร่องแผ่น
    มี Bluetooth 5.3 สำหรับเชื่อมต่อกับลำโพงหรือหูฟังไร้สาย
    มี preamp ในตัวที่เปิด/ปิดได้ และช่อง RCA สำหรับระบบเสียงดั้งเดิม
    มี pitch control ซึ่งหาได้ยากในเทิร์นเทเบิลระดับราคานี้
    มีให้เลือก 3 สี: ดำ ขาว และเขียว Sage

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    หัวเข็ม AT3600L เป็นหัวเข็มระดับเริ่มต้นที่ให้เสียงชัดเจนและบาลานซ์
    Bluetooth 5.3 มี latency ต่ำและประหยัดพลังงานมากกว่าเวอร์ชันก่อน
    แขนอ่าน J-shape นิยมใช้ในเทิร์นเทเบิลระดับมืออาชีพเพื่อความแม่นยำ
    Pitch control ช่วยให้ปรับความเร็วเสียงได้ เช่น เล่นเพลงให้เร็วขึ้นหรือช้าลง
    Obi3 เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการความสะดวกแต่ยังรักษาคุณภาพเสียง

    https://www.techradar.com/audio/turntables/one-of-the-best-budget-hi-fi-makers-just-launched-an-irresistible-bluetooth-turntable-and-theres-only-one-color-you-should-buy-it-in
    🎶 “Kanto Obi3: เทิร์นเทเบิลบลูทูธสุดมินิมอลจากแคนาดา — เสียงดี ดีไซน์เด่น ราคาโดนใจ” Kanto Audio แบรนด์เครื่องเสียงจากแคนาดาเปิดตัวเทิร์นเทเบิลรุ่นแรกของบริษัทในชื่อ “Obi3” โดยชูจุดเด่นด้านดีไซน์เรียบง่าย ฟังก์ชันครบ และราคาที่เข้าถึงได้ เปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 2025 ด้วยราคา $199 / £179 (ประมาณ 7,500 บาท) ถือเป็นคู่แข่งโดยตรงของแบรนด์ระดับเริ่มต้นอย่าง Sony, Audio-Technica และ Pro-Ject Obi3 ใช้ระบบสายพานแบบสองสปีด (33⅓ และ 45 RPM) พร้อมหัวเข็ม Audio-Technica AT3600L ที่ติดตั้งมาให้จากโรงงาน ตัวเครื่องมีโครงสร้างไม้และจานหมุนอะลูมิเนียมแบบถ่วงน้ำหนักเพื่อความนิ่งในการเล่นแผ่นเสียง พร้อมแขนอ่านแบบ J-shape ที่ออกแบบมาเพื่อความแม่นยำในการติดตามร่องแผ่น ฟีเจอร์เด่นคือ Bluetooth 5.3 ที่สามารถเชื่อมต่อกับลำโพงหรือหูฟังไร้สายได้ทันที รวมถึงมี preamp ในตัวที่สามารถเปิด/ปิดได้ และช่อง RCA สำหรับเชื่อมต่อกับระบบเสียงแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ยังมี pitch control ซึ่งหาได้ยากในเทิร์นเทเบิลระดับราคานี้ Obi3 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ ดำ ขาว และเขียว Sage ซึ่งได้รับคำแนะนำว่า “เป็นสีที่ควรซื้อ” เพราะโชว์ความเรียบง่ายของดีไซน์ได้ดีที่สุด ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Kanto เปิดตัวเทิร์นเทเบิลรุ่นแรกชื่อ Obi3 ในเดือนพฤศจิกายน 2025 ➡️ ราคาเปิดตัว $199 / £179 (ประมาณ AU$300) ➡️ ใช้ระบบสายพานแบบสองสปีด (33⅓ และ 45 RPM) ➡️ หัวเข็ม Audio-Technica AT3600L ติดตั้งมาให้จากโรงงาน ➡️ โครงสร้างไม้และจานหมุนอะลูมิเนียมแบบถ่วงน้ำหนัก ➡️ แขนอ่านแบบ J-shape เพื่อความแม่นยำในการติดตามร่องแผ่น ➡️ มี Bluetooth 5.3 สำหรับเชื่อมต่อกับลำโพงหรือหูฟังไร้สาย ➡️ มี preamp ในตัวที่เปิด/ปิดได้ และช่อง RCA สำหรับระบบเสียงดั้งเดิม ➡️ มี pitch control ซึ่งหาได้ยากในเทิร์นเทเบิลระดับราคานี้ ➡️ มีให้เลือก 3 สี: ดำ ขาว และเขียว Sage ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ หัวเข็ม AT3600L เป็นหัวเข็มระดับเริ่มต้นที่ให้เสียงชัดเจนและบาลานซ์ ➡️ Bluetooth 5.3 มี latency ต่ำและประหยัดพลังงานมากกว่าเวอร์ชันก่อน ➡️ แขนอ่าน J-shape นิยมใช้ในเทิร์นเทเบิลระดับมืออาชีพเพื่อความแม่นยำ ➡️ Pitch control ช่วยให้ปรับความเร็วเสียงได้ เช่น เล่นเพลงให้เร็วขึ้นหรือช้าลง ➡️ Obi3 เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการความสะดวกแต่ยังรักษาคุณภาพเสียง https://www.techradar.com/audio/turntables/one-of-the-best-budget-hi-fi-makers-just-launched-an-irresistible-bluetooth-turntable-and-theres-only-one-color-you-should-buy-it-in
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 228 มุมมอง 0 รีวิว
  • “แคนาดาเสนอร่างกฎหมาย C-8 — เปิดช่องให้รัฐตัดอินเทอร์เน็ตบุคคลใดก็ได้โดยไม่ต้องมีหมายศาล”

    ในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2025 รัฐบาลแคนาดาได้เสนอร่างกฎหมาย C-8 ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร โดยมีสาระสำคัญคือการให้อำนาจรัฐในการ “ตัดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต” ของบุคคลที่ถูกระบุว่าเป็น “บุคคลที่ระบุไว้” (specified persons) โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการยุติธรรมล่วงหน้า

    ร่างกฎหมายนี้จะปรับแก้พระราชบัญญัติการสื่อสารโทรคมนาคม (Telecommunications Act) โดยเพิ่มบทบัญญัติที่ให้อำนาจรัฐมนตรีอุตสาหกรรม (ปัจจุบันคือ Mélanie Joly) ร่วมกับรัฐมนตรีความมั่นคงสาธารณะ (Gary Anandasangaree) ในการสั่งให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต เช่น Rogers หรือ Telus “หยุดให้บริการแก่บุคคลใดก็ได้” ที่รัฐเห็นว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงไซเบอร์

    สิ่งที่น่ากังวลคือ คำสั่งนี้ไม่ต้องมีหมายศาล และการตรวจสอบโดยศาลจะเกิดขึ้น “หลังจาก” ที่มีการตัดบริการไปแล้ว กล่าวคือ บุคคลที่ถูกตัดอินเทอร์เน็ตจะไม่มีโอกาสโต้แย้งหรือรับรู้ล่วงหน้า

    รัฐบาลให้เหตุผลว่า กฎหมายนี้จำเป็นต่อการรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์ที่รุนแรงขึ้น เช่น การโจมตีจากแฮกเกอร์ การขโมยข้อมูลจากรัฐ และการแทรกแซงระบบโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ โดยระบุว่า “เพื่อปกป้องระบบโทรคมนาคมของแคนาดาจากการแทรกแซง การบิดเบือน การหยุดชะงัก หรือการเสื่อมถอย”

    อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์จากสมาคมสิทธิเสรีภาพพลเมืองแคนาดา (CCLA) เตือนว่า ร่างกฎหมายนี้ให้อำนาจรัฐมากเกินไปในการสอดแนมและควบคุมข้อมูลโดยไม่ต้องแจ้งให้ประชาชนทราบ และอาจนำไปสู่การลดทอนมาตรฐานการเข้ารหัสข้อมูลของเอกชน

    ที่สำคัญคือ ร่างกฎหมายนี้ขัดแย้งกับจุดยืนเดิมของรัฐบาลแคนาดา ที่เคยประกาศว่า “การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตคือสิทธิมนุษยชน” และเคยเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งของ Freedom Online Coalition ซึ่งส่งเสริมเสรีภาพออนไลน์ทั่วโลก

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ร่างกฎหมาย C-8 ให้อำนาจรัฐในการตัดอินเทอร์เน็ตของบุคคลที่ถูกระบุว่าเป็นภัย
    ไม่ต้องมีหมายศาล และการตรวจสอบโดยศาลจะเกิดหลังจากมีคำสั่งแล้ว
    รัฐมนตรีอุตสาหกรรมและรัฐมนตรีความมั่นคงสามารถออกคำสั่งร่วมกันได้
    ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตต้องปฏิบัติตามคำสั่งโดยไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ
    เหตุผลของรัฐคือเพื่อรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์ เช่น แฮกเกอร์และการแทรกแซงระบบ
    ร่างกฎหมายนี้แก้ไขพระราชบัญญัติการสื่อสารโทรคมนาคมของแคนาดา
    มีการวิจารณ์จาก CCLA ว่าอาจนำไปสู่การสอดแนมและลดมาตรฐานการเข้ารหัส
    ขัดแย้งกับจุดยืนเดิมของรัฐบาลที่เคยสนับสนุนเสรีภาพออนไลน์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Freedom Online Coalition เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ส่งเสริมเสรีภาพอินเทอร์เน็ต
    หลายประเทศ เช่น เยอรมนีและเนเธอร์แลนด์ เคยวิจารณ์การควบคุมอินเทอร์เน็ตของรัฐ
    การตัดอินเทอร์เน็ตของบุคคลอาจกระทบสิทธิในการแสดงออกและการเข้าถึงข้อมูล
    การสอดแนมโดยไม่แจ้งล่วงหน้าอาจละเมิดสิทธิในความเป็นส่วนตัวตามกฎบัตรสิทธิ
    การลดมาตรฐานการเข้ารหัสอาจทำให้ข้อมูลของประชาชนตกอยู่ในความเสี่ยง

    https://nationalpost.com/opinion/canadian-bill-would-strip-internet-access-from-specified-persons
    🛑 “แคนาดาเสนอร่างกฎหมาย C-8 — เปิดช่องให้รัฐตัดอินเทอร์เน็ตบุคคลใดก็ได้โดยไม่ต้องมีหมายศาล” ในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2025 รัฐบาลแคนาดาได้เสนอร่างกฎหมาย C-8 ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร โดยมีสาระสำคัญคือการให้อำนาจรัฐในการ “ตัดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต” ของบุคคลที่ถูกระบุว่าเป็น “บุคคลที่ระบุไว้” (specified persons) โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการยุติธรรมล่วงหน้า ร่างกฎหมายนี้จะปรับแก้พระราชบัญญัติการสื่อสารโทรคมนาคม (Telecommunications Act) โดยเพิ่มบทบัญญัติที่ให้อำนาจรัฐมนตรีอุตสาหกรรม (ปัจจุบันคือ Mélanie Joly) ร่วมกับรัฐมนตรีความมั่นคงสาธารณะ (Gary Anandasangaree) ในการสั่งให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต เช่น Rogers หรือ Telus “หยุดให้บริการแก่บุคคลใดก็ได้” ที่รัฐเห็นว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงไซเบอร์ สิ่งที่น่ากังวลคือ คำสั่งนี้ไม่ต้องมีหมายศาล และการตรวจสอบโดยศาลจะเกิดขึ้น “หลังจาก” ที่มีการตัดบริการไปแล้ว กล่าวคือ บุคคลที่ถูกตัดอินเทอร์เน็ตจะไม่มีโอกาสโต้แย้งหรือรับรู้ล่วงหน้า รัฐบาลให้เหตุผลว่า กฎหมายนี้จำเป็นต่อการรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์ที่รุนแรงขึ้น เช่น การโจมตีจากแฮกเกอร์ การขโมยข้อมูลจากรัฐ และการแทรกแซงระบบโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ โดยระบุว่า “เพื่อปกป้องระบบโทรคมนาคมของแคนาดาจากการแทรกแซง การบิดเบือน การหยุดชะงัก หรือการเสื่อมถอย” อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์จากสมาคมสิทธิเสรีภาพพลเมืองแคนาดา (CCLA) เตือนว่า ร่างกฎหมายนี้ให้อำนาจรัฐมากเกินไปในการสอดแนมและควบคุมข้อมูลโดยไม่ต้องแจ้งให้ประชาชนทราบ และอาจนำไปสู่การลดทอนมาตรฐานการเข้ารหัสข้อมูลของเอกชน ที่สำคัญคือ ร่างกฎหมายนี้ขัดแย้งกับจุดยืนเดิมของรัฐบาลแคนาดา ที่เคยประกาศว่า “การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตคือสิทธิมนุษยชน” และเคยเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งของ Freedom Online Coalition ซึ่งส่งเสริมเสรีภาพออนไลน์ทั่วโลก ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ร่างกฎหมาย C-8 ให้อำนาจรัฐในการตัดอินเทอร์เน็ตของบุคคลที่ถูกระบุว่าเป็นภัย ➡️ ไม่ต้องมีหมายศาล และการตรวจสอบโดยศาลจะเกิดหลังจากมีคำสั่งแล้ว ➡️ รัฐมนตรีอุตสาหกรรมและรัฐมนตรีความมั่นคงสามารถออกคำสั่งร่วมกันได้ ➡️ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตต้องปฏิบัติตามคำสั่งโดยไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ➡️ เหตุผลของรัฐคือเพื่อรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์ เช่น แฮกเกอร์และการแทรกแซงระบบ ➡️ ร่างกฎหมายนี้แก้ไขพระราชบัญญัติการสื่อสารโทรคมนาคมของแคนาดา ➡️ มีการวิจารณ์จาก CCLA ว่าอาจนำไปสู่การสอดแนมและลดมาตรฐานการเข้ารหัส ➡️ ขัดแย้งกับจุดยืนเดิมของรัฐบาลที่เคยสนับสนุนเสรีภาพออนไลน์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Freedom Online Coalition เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ส่งเสริมเสรีภาพอินเทอร์เน็ต ➡️ หลายประเทศ เช่น เยอรมนีและเนเธอร์แลนด์ เคยวิจารณ์การควบคุมอินเทอร์เน็ตของรัฐ ➡️ การตัดอินเทอร์เน็ตของบุคคลอาจกระทบสิทธิในการแสดงออกและการเข้าถึงข้อมูล ➡️ การสอดแนมโดยไม่แจ้งล่วงหน้าอาจละเมิดสิทธิในความเป็นส่วนตัวตามกฎบัตรสิทธิ ➡️ การลดมาตรฐานการเข้ารหัสอาจทำให้ข้อมูลของประชาชนตกอยู่ในความเสี่ยง https://nationalpost.com/opinion/canadian-bill-would-strip-internet-access-from-specified-persons
    NATIONALPOST.COM
    FIRST READING: Canadian bill would strip internet access from 'specified persons'
    Not too long ago, Liberals were defending internet access as akin to a human right.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 318 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Refurbished vs Used — มือถือมือสองแบบไหนคุ้มกว่า ปลอดภัยกว่า และเหมาะกับคุณที่สุด?”

    ในยุคที่สมาร์ตโฟนใหม่มีราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆ ผู้บริโภคจำนวนมากหันมาเลือกซื้อโทรศัพท์มือสองเพื่อประหยัดงบ ซึ่งมีสองทางเลือกหลักคือ “Refurbished” และ “Used” แม้ทั้งสองแบบจะเป็นเครื่องที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว แต่ความแตกต่างระหว่างสองคำนี้มีผลต่อคุณภาพ ความปลอดภัย และความคุ้มค่าในระยะยาว

    มือถือแบบ Refurbished คือเครื่องที่ผ่านการตรวจสอบ ซ่อมแซม และปรับปรุงโดยช่างผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ผลิตโดยตรง เช่น Apple หรือ Samsung โดยมีการเปลี่ยนชิ้นส่วนที่สึกหรอ อัปเดตซอฟต์แวร์ และทดสอบการทำงานทุกจุด บางแบรนด์มีการตรวจสอบถึง 64 จุดก่อนนำกลับมาขายใหม่ พร้อมรับประกัน 90 วันถึง 1 ปี

    ในทางกลับกัน มือถือแบบ Used คือเครื่องที่เจ้าของเดิมขายต่อโดยไม่มีการตรวจสอบหรือซ่อมแซมใด ๆ สภาพของเครื่องขึ้นอยู่กับการใช้งานของเจ้าของเดิม ซึ่งอาจมีปัญหาซ่อนอยู่ เช่น แบตเตอรี่เสื่อม หน้าจอมีรอย หรือระบบภายในไม่สมบูรณ์ และมักไม่มีการรับประกัน

    แม้มือถือ Used จะมีราคาถูกกว่ามาก บางครั้งลดจากราคาปกติถึง 40–60% แต่ความเสี่ยงก็สูงตามไปด้วย โดยเฉพาะหากซื้อจากแพลตฟอร์มที่ไม่มีระบบคุ้มครองผู้ซื้อ เช่น Facebook Marketplace หรือ Craigslist

    ในแง่ของสิ่งแวดล้อม ทั้งสองแบบช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และลดการปล่อยคาร์บอนจากการผลิตเครื่องใหม่ โดยเฉพาะ Refurbished ที่ผ่านการฟื้นฟูอย่างมืออาชีพ ทำให้สามารถใช้งานได้อีกหลายปี

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Refurbished คือมือถือที่ผ่านการตรวจสอบ ซ่อมแซม และปรับปรุงโดยผู้เชี่ยวชาญ
    มีการเปลี่ยนชิ้นส่วน อัปเดตซอฟต์แวร์ และทดสอบการทำงานทุกจุด
    มักมีการรับประกัน 90 วันถึง 1 ปีจากผู้ผลิตหรือร้านค้า
    Used คือมือถือที่ขายต่อโดยเจ้าของเดิม โดยไม่มีการตรวจสอบหรือซ่อมแซม
    ราคาของ Used ถูกกว่ามาก แต่มีความเสี่ยงสูง
    Refurbished มีมาตรฐานแบตเตอรี่ เช่น ต้องมีความจุเกิน 85% หรือเปลี่ยนใหม่
    Refurbished ใช้ระบบ grading เพื่อบอกสภาพเครื่อง เช่น Fair, Good, Premium
    Refurbished ลดการปล่อยคาร์บอนถึง 92% เมื่อเทียบกับการผลิตเครื่องใหม่
    ผู้บริโภคในแคนาดานิยมซื้อ Refurbished มากขึ้น โดยตลาดรวมแตะ $69 พันล้านในปี 2024

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Apple, Samsung, และ Google มีโปรแกรม Refurbished ที่รับประกันคุณภาพ
    Amazon Renewed ใช้ระบบตรวจสอบโดยช่างเทคนิค พร้อมอุปกรณ์เสริมที่เทียบเท่าเครื่องใหม่
    Refurbished iPhone สามารถตรวจสอบแบตเตอรี่ได้ผ่านเมนู Battery Health
    ร้านที่น่าเชื่อถือมักให้การรับประกันอย่างน้อย 90 วันสำหรับเครื่อง Refurbished
    Refurbished บางรุ่นมีการเปลี่ยนฝาหลังหรือหน้าจอใหม่เพื่อให้ดูเหมือนเครื่องใหม่

    https://securityonline.info/refurbished-vs-used-phones-whats-the-real-difference/
    📱 “Refurbished vs Used — มือถือมือสองแบบไหนคุ้มกว่า ปลอดภัยกว่า และเหมาะกับคุณที่สุด?” ในยุคที่สมาร์ตโฟนใหม่มีราคาสูงขึ้นเรื่อย ๆ ผู้บริโภคจำนวนมากหันมาเลือกซื้อโทรศัพท์มือสองเพื่อประหยัดงบ ซึ่งมีสองทางเลือกหลักคือ “Refurbished” และ “Used” แม้ทั้งสองแบบจะเป็นเครื่องที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว แต่ความแตกต่างระหว่างสองคำนี้มีผลต่อคุณภาพ ความปลอดภัย และความคุ้มค่าในระยะยาว มือถือแบบ Refurbished คือเครื่องที่ผ่านการตรวจสอบ ซ่อมแซม และปรับปรุงโดยช่างผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ผลิตโดยตรง เช่น Apple หรือ Samsung โดยมีการเปลี่ยนชิ้นส่วนที่สึกหรอ อัปเดตซอฟต์แวร์ และทดสอบการทำงานทุกจุด บางแบรนด์มีการตรวจสอบถึง 64 จุดก่อนนำกลับมาขายใหม่ พร้อมรับประกัน 90 วันถึง 1 ปี ในทางกลับกัน มือถือแบบ Used คือเครื่องที่เจ้าของเดิมขายต่อโดยไม่มีการตรวจสอบหรือซ่อมแซมใด ๆ สภาพของเครื่องขึ้นอยู่กับการใช้งานของเจ้าของเดิม ซึ่งอาจมีปัญหาซ่อนอยู่ เช่น แบตเตอรี่เสื่อม หน้าจอมีรอย หรือระบบภายในไม่สมบูรณ์ และมักไม่มีการรับประกัน แม้มือถือ Used จะมีราคาถูกกว่ามาก บางครั้งลดจากราคาปกติถึง 40–60% แต่ความเสี่ยงก็สูงตามไปด้วย โดยเฉพาะหากซื้อจากแพลตฟอร์มที่ไม่มีระบบคุ้มครองผู้ซื้อ เช่น Facebook Marketplace หรือ Craigslist ในแง่ของสิ่งแวดล้อม ทั้งสองแบบช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์และลดการปล่อยคาร์บอนจากการผลิตเครื่องใหม่ โดยเฉพาะ Refurbished ที่ผ่านการฟื้นฟูอย่างมืออาชีพ ทำให้สามารถใช้งานได้อีกหลายปี ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Refurbished คือมือถือที่ผ่านการตรวจสอบ ซ่อมแซม และปรับปรุงโดยผู้เชี่ยวชาญ ➡️ มีการเปลี่ยนชิ้นส่วน อัปเดตซอฟต์แวร์ และทดสอบการทำงานทุกจุด ➡️ มักมีการรับประกัน 90 วันถึง 1 ปีจากผู้ผลิตหรือร้านค้า ➡️ Used คือมือถือที่ขายต่อโดยเจ้าของเดิม โดยไม่มีการตรวจสอบหรือซ่อมแซม ➡️ ราคาของ Used ถูกกว่ามาก แต่มีความเสี่ยงสูง ➡️ Refurbished มีมาตรฐานแบตเตอรี่ เช่น ต้องมีความจุเกิน 85% หรือเปลี่ยนใหม่ ➡️ Refurbished ใช้ระบบ grading เพื่อบอกสภาพเครื่อง เช่น Fair, Good, Premium ➡️ Refurbished ลดการปล่อยคาร์บอนถึง 92% เมื่อเทียบกับการผลิตเครื่องใหม่ ➡️ ผู้บริโภคในแคนาดานิยมซื้อ Refurbished มากขึ้น โดยตลาดรวมแตะ $69 พันล้านในปี 2024 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Apple, Samsung, และ Google มีโปรแกรม Refurbished ที่รับประกันคุณภาพ ➡️ Amazon Renewed ใช้ระบบตรวจสอบโดยช่างเทคนิค พร้อมอุปกรณ์เสริมที่เทียบเท่าเครื่องใหม่ ➡️ Refurbished iPhone สามารถตรวจสอบแบตเตอรี่ได้ผ่านเมนู Battery Health ➡️ ร้านที่น่าเชื่อถือมักให้การรับประกันอย่างน้อย 90 วันสำหรับเครื่อง Refurbished ➡️ Refurbished บางรุ่นมีการเปลี่ยนฝาหลังหรือหน้าจอใหม่เพื่อให้ดูเหมือนเครื่องใหม่ https://securityonline.info/refurbished-vs-used-phones-whats-the-real-difference/
    SECURITYONLINE.INFO
    Refurbished vs used phones: what's the real difference?
    Shopping for a smartphone on a budget presents two main options: refurbished devices and used phones. While both
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 334 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 6 – ซาอุดิฯ 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 6”
    ซาอุดิ 2
ชาวเกาะใหญ่ฯ ใช้ชื่อ Anglo – Persian Oil Company (APOC) และ Turkish Petroleum Company (TPC) เป็นตัวแทนในการควบคุมแหล่งน้ำมันที่ตัวเองฮุบมาในอิหร่านและอิรัก
    ใน ส่วนของ Turkish Petroleum เอง อังกฤษใช้ชื่อ Anglo – Persian Oil Company ถือหุ้น 47.5% ที่เหลือเป็นของพวกดัชท์ 22.5% ฝรั่งเศส 25% และอาร์มาเนียน 5% เมื่อแบ่งให้อเมริกาไป 23.75% ส่วนของอังกฤษอย่างเป็นทางการจึงเหลือ 23.75% เท่ากับอเมริกา เหมือนนักล่าชาวเกาะใหญ่ฯจะใจดีกับอเมริกานักล่ารุ่นใหม่ เกินสันดาน
    อังกฤษ ไม่ได้แบ่งหุ้นให้อเมริกาด้วยความเสน่หา แต่เป็นการล่อให้อเมริกาเดินเข้า ไปติดกับดัก ที่วางเอาล่อไว้ ผู้ถือหุ้นใน Turkish Petroleum Company (ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Iraqi Petroleum Company) ต้องเซ็นสัญญาเรียกว่า Red Line Agreement ห้ามผู้ถือหุ้นแข่งขันกันขุดน้ำมัน ในบริเวณต้องห้าม คือ ตุรกี อิรัก เลบานอน ซีเรีย จอร์แดน ปาเลสไตน์ และซาอุดิอารเบีย รายหลังนี่สำคัญ แหม! คุณพี่ชาวเกาะฯ แบบนี้มันก็เกือบหมดตะวันออกกลางไปแล้ว ถึงว่า เหมือนจะใจดีกับน้องใหม่ ที่ไหนได้ เขารักกันแบบนี้เอง !
    บังเอิญ Gulf Oil บริษัทน้ำมัน ไม่ใหญ่ไม่เล็กของอเมริกา เกิดไปได้สัมปทานจากบาห์เรน และคูเวต อังกฤษชาวเกาะใหญ่ฯ ก็คัดค้านอีก อ้าว ! ก็ไม่อยู่ในเขตเส้นแดงต้องห้ามนี่หว่า จะมาโวยวายได้ไง Gulf Oil ขอให้กระทรวงต่างประเทศของอเมริกา เข้ามาช่วยจัดการ
    ในที่สุด Gulf Oil ก็โอนสิทธิสัมปทานที่ได้มาจากบาห์เรน ให้แก่ Standard Oil of California (SOCAL) ที่ไม่อยู่ในสัญญา Red Line อังกฤษถึงกับอ้าปากค้าง พูดไม่ออก นี่ถ้ารู้ว่า Gulf Oil ก็คือหน้าม้าของ Standard Oil ที่ตั้งขึ้น เพื่อแอบยื่นเท้าเข้าไปในบาห์เรน ไม่ให้อังกฤษรู้ตัว อังกฤษคงถึงกับช้ำใน SOCAL ใส่เสื้อเกราะหลายชั้น ทั้งปลอมตัว ทั้งเลี่ยงกฏหมาย ตั้งบริษัท ใหม่ ชื่อ Bahrain Petroleum Company ตามกฏหมายของแคนาดา มารับสัมปทานจากบาห์เรนแทน ค.ศ.1932 Bahrain Petroleum Company ก็เริ่มขุดน้ำมันได้
    อเมริกาเร่งเครื่อง รุกต่อที่คูเวต ซึ่งขณะนั้นยังเป็นรัฐที่อยู่ในอาณัติปกครองของอังกฤษ อังกฤษเองกำลังปวดหัว กับการเริ่มลุกขึ้นมาแข็งข้อของ พวกอาหรับ คิดยี่ต๋อกแล้ว มีอเมริกามาเป็นพวก แถมมีโอกาสได้น้ำมันเพิ่ม น่าจะแสดงเดี่ยว ในที่สุด ค.ศ.1934 อเมริกา อังกฤษ ก็จับมือกันตั้ง Kuwait Oil Company ถือหุ้นฝ่ายละ 50 เท่ากัน
    น้ำมันในบาห์เรน ทำให้อเมริกานักล่าหน้าใหม่ถึงกับซูดปาก ฉวยโอกาสขณะที่อังกฤษกำลังโดนศอกจากเหยื่อ เอะ ! หรืออเมริกาช่วยสอนวิธีศอกกลับ ให้พวกเหยื่อของชาวเกาะใหญ่ด้วย Standard Oil of California (SOCAL) ไม่ได้ถูกล็อคคอทำสัญญาเขตเส้นแดง แอบไปคอยดักคำนับ สวัสดีกับ King Ibn Saud ของซาอุดิอารเบีย
    แม้ซาอุดิอารเบียจะตั้งเป็นรัฐเอกราชตั้งแต่ ค.ศ.1931 แต่อเมริกาก็ยังไม่เคยมีสัมพันธ์อย่างเป็นทางการด้วย อเมริกาถือว่าเป็นนักล่าหน้าใหม่ กำลังเรียนงาน เรียนวิธีล่าเหยื่อจากลูกพี่ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ การเรียนวิธีการล่าเหยื่อของอเมริกาน่าสนใจ
    ขณะนั้นอเมริกาส่งนาย Bert Fish เข้าเป็นกงสุลอยู่ในอิยิปต์ มีหน้าที่สอดส่องกิจกรรมแถบตะวันออกกลาง คุณ Fish คงเคยอยู่แต่ในน้ำ มาว่ายแถวทะเลทรายเลยไม่คล่องตัว เขาเคยไปเยี่ยมเมือง Jidda ของซาอุดิอารเบีย 1 ครั้ง ได้มีโอกาสพบผู้ก่อตั้งและผู้นำรัฐ คือ กษัตริย์ Alb al-Aziz bin al-Rahman al-Saud หรือเรียกย่อๆว่า Ibn Saud แต่คุณปลามองผ่าน โดยไม่รู้ตัวว่าเดินไปสะดุดเอาเจ้าของแหล่งใหญ่ ของสิ่งมหัศจรรย์มีค่าของโลก คงนั่งรอให้น้ำขึ้นกลางทะเลทรายไปเรื่อยๆ
    แต่กลับกลายเป็น กษัตริย์ Ibn Saud เองที่เล็งเห็นอาวุธที่มองหามานาน
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
15 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 6 – ซาอุดิฯ 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 6” ซาอุดิ 2
ชาวเกาะใหญ่ฯ ใช้ชื่อ Anglo – Persian Oil Company (APOC) และ Turkish Petroleum Company (TPC) เป็นตัวแทนในการควบคุมแหล่งน้ำมันที่ตัวเองฮุบมาในอิหร่านและอิรัก ใน ส่วนของ Turkish Petroleum เอง อังกฤษใช้ชื่อ Anglo – Persian Oil Company ถือหุ้น 47.5% ที่เหลือเป็นของพวกดัชท์ 22.5% ฝรั่งเศส 25% และอาร์มาเนียน 5% เมื่อแบ่งให้อเมริกาไป 23.75% ส่วนของอังกฤษอย่างเป็นทางการจึงเหลือ 23.75% เท่ากับอเมริกา เหมือนนักล่าชาวเกาะใหญ่ฯจะใจดีกับอเมริกานักล่ารุ่นใหม่ เกินสันดาน อังกฤษ ไม่ได้แบ่งหุ้นให้อเมริกาด้วยความเสน่หา แต่เป็นการล่อให้อเมริกาเดินเข้า ไปติดกับดัก ที่วางเอาล่อไว้ ผู้ถือหุ้นใน Turkish Petroleum Company (ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Iraqi Petroleum Company) ต้องเซ็นสัญญาเรียกว่า Red Line Agreement ห้ามผู้ถือหุ้นแข่งขันกันขุดน้ำมัน ในบริเวณต้องห้าม คือ ตุรกี อิรัก เลบานอน ซีเรีย จอร์แดน ปาเลสไตน์ และซาอุดิอารเบีย รายหลังนี่สำคัญ แหม! คุณพี่ชาวเกาะฯ แบบนี้มันก็เกือบหมดตะวันออกกลางไปแล้ว ถึงว่า เหมือนจะใจดีกับน้องใหม่ ที่ไหนได้ เขารักกันแบบนี้เอง ! บังเอิญ Gulf Oil บริษัทน้ำมัน ไม่ใหญ่ไม่เล็กของอเมริกา เกิดไปได้สัมปทานจากบาห์เรน และคูเวต อังกฤษชาวเกาะใหญ่ฯ ก็คัดค้านอีก อ้าว ! ก็ไม่อยู่ในเขตเส้นแดงต้องห้ามนี่หว่า จะมาโวยวายได้ไง Gulf Oil ขอให้กระทรวงต่างประเทศของอเมริกา เข้ามาช่วยจัดการ ในที่สุด Gulf Oil ก็โอนสิทธิสัมปทานที่ได้มาจากบาห์เรน ให้แก่ Standard Oil of California (SOCAL) ที่ไม่อยู่ในสัญญา Red Line อังกฤษถึงกับอ้าปากค้าง พูดไม่ออก นี่ถ้ารู้ว่า Gulf Oil ก็คือหน้าม้าของ Standard Oil ที่ตั้งขึ้น เพื่อแอบยื่นเท้าเข้าไปในบาห์เรน ไม่ให้อังกฤษรู้ตัว อังกฤษคงถึงกับช้ำใน SOCAL ใส่เสื้อเกราะหลายชั้น ทั้งปลอมตัว ทั้งเลี่ยงกฏหมาย ตั้งบริษัท ใหม่ ชื่อ Bahrain Petroleum Company ตามกฏหมายของแคนาดา มารับสัมปทานจากบาห์เรนแทน ค.ศ.1932 Bahrain Petroleum Company ก็เริ่มขุดน้ำมันได้ อเมริกาเร่งเครื่อง รุกต่อที่คูเวต ซึ่งขณะนั้นยังเป็นรัฐที่อยู่ในอาณัติปกครองของอังกฤษ อังกฤษเองกำลังปวดหัว กับการเริ่มลุกขึ้นมาแข็งข้อของ พวกอาหรับ คิดยี่ต๋อกแล้ว มีอเมริกามาเป็นพวก แถมมีโอกาสได้น้ำมันเพิ่ม น่าจะแสดงเดี่ยว ในที่สุด ค.ศ.1934 อเมริกา อังกฤษ ก็จับมือกันตั้ง Kuwait Oil Company ถือหุ้นฝ่ายละ 50 เท่ากัน น้ำมันในบาห์เรน ทำให้อเมริกานักล่าหน้าใหม่ถึงกับซูดปาก ฉวยโอกาสขณะที่อังกฤษกำลังโดนศอกจากเหยื่อ เอะ ! หรืออเมริกาช่วยสอนวิธีศอกกลับ ให้พวกเหยื่อของชาวเกาะใหญ่ด้วย Standard Oil of California (SOCAL) ไม่ได้ถูกล็อคคอทำสัญญาเขตเส้นแดง แอบไปคอยดักคำนับ สวัสดีกับ King Ibn Saud ของซาอุดิอารเบีย แม้ซาอุดิอารเบียจะตั้งเป็นรัฐเอกราชตั้งแต่ ค.ศ.1931 แต่อเมริกาก็ยังไม่เคยมีสัมพันธ์อย่างเป็นทางการด้วย อเมริกาถือว่าเป็นนักล่าหน้าใหม่ กำลังเรียนงาน เรียนวิธีล่าเหยื่อจากลูกพี่ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ การเรียนวิธีการล่าเหยื่อของอเมริกาน่าสนใจ ขณะนั้นอเมริกาส่งนาย Bert Fish เข้าเป็นกงสุลอยู่ในอิยิปต์ มีหน้าที่สอดส่องกิจกรรมแถบตะวันออกกลาง คุณ Fish คงเคยอยู่แต่ในน้ำ มาว่ายแถวทะเลทรายเลยไม่คล่องตัว เขาเคยไปเยี่ยมเมือง Jidda ของซาอุดิอารเบีย 1 ครั้ง ได้มีโอกาสพบผู้ก่อตั้งและผู้นำรัฐ คือ กษัตริย์ Alb al-Aziz bin al-Rahman al-Saud หรือเรียกย่อๆว่า Ibn Saud แต่คุณปลามองผ่าน โดยไม่รู้ตัวว่าเดินไปสะดุดเอาเจ้าของแหล่งใหญ่ ของสิ่งมหัศจรรย์มีค่าของโลก คงนั่งรอให้น้ำขึ้นกลางทะเลทรายไปเรื่อยๆ แต่กลับกลายเป็น กษัตริย์ Ibn Saud เองที่เล็งเห็นอาวุธที่มองหามานาน สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
15 ก.ย. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 323 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts