เวอร์จิเนีย—รัฐที่กลายเป็นศูนย์กลางของโลกแห่งดาต้าเซ็นเตอร์
 
ใครจะคิดว่าเวอร์จิเนีย รัฐที่ไม่ได้อยู่ใกล้ Silicon Valley หรือมีชื่อเสียงด้านเทคโนโลยี จะกลายเป็น “เมืองหลวงของดาต้าเซ็นเตอร์” ของโลก? ปัจจุบันมีดาต้าเซ็นเตอร์เกือบ 600 แห่งกระจายอยู่ทั่วรัฐ และยังมีแผนจะสร้างเพิ่มอีกมากมาย นี่คือเรื่องราวเบื้องหลังการเติบโตอย่างรวดเร็วของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่เปลี่ยนภูมิทัศน์ของเวอร์จิเนียไปอย่างสิ้นเชิง.
 
ทำไมเวอร์จิเนียถึงกลายเป็นศูนย์กลางดาต้าเซ็นเตอร์?
โครงสร้างพื้นฐานเก่าแก่จากยุค AOL
Northern Virginia เคยเป็นฐานของบริษัทอินเทอร์เน็ตยุคแรกอย่าง America Online
โครงสร้างพื้นฐานเดิมถูกนำมาใช้ต่อโดยผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์
 
พลังงานราคาถูกและที่ดินพัฒนาได้
ก่อนเกิดการบูม มีที่ดินราคาถูกจำนวนมาก
อัตราค่าไฟฟ้าในพื้นที่ถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับรัฐอื่น
 
ใกล้ศูนย์กลางการเมืองและธุรกิจ
อยู่ใกล้กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ทำให้สะดวกต่อการเจรจาธุรกิจ
ดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีให้มาตั้งฐานปฏิบัติการ
 
ผลกระทบที่ตามมา
การขยายตัวของดาต้าเซ็นเตอร์รุกล้ำพื้นที่ชุมชน
โครงสร้างขนาดใหญ่เริ่มเข้ามาแทนที่พื้นที่ชนบทและชานเมือง
ทำให้ภูมิทัศน์เปลี่ยนไปและเกิดความขัดแย้งกับชาวบ้าน
 
ดาต้าเซ็นเตอร์ไม่ได้สร้างงานในท้องถิ่นมากนัก
แม้จะมีการลงทุนมหาศาล แต่การจ้างงานกลับน้อย
ส่งผลต่อเศรษฐกิจชุมชนในระยะยาว
 
การใช้พลังงานและน้ำในปริมาณมหาศาล
ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมและอาจทำให้ค่าไฟฟ้าในพื้นที่สูงขึ้น
แม้บางบริษัท เช่น Amazon จะเริ่มปรับตัว แต่ปัญหายังไม่หมดไป
 
 
สรุปภาพรวม: เวอร์จิเนียกับบทบาทใหม่ในโลกดิจิทัล
 
มีดาต้าเซ็นเตอร์มากที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน
เกือบ 600 แห่ง และยังมีแผนขยายเพิ่ม
กลายเป็น “Data Center Alley” โดยเฉพาะบริเวณใกล้สนามบิน Dulles
 
ปัจจัยที่เอื้อต่อการเติบโต
โครงสร้างพื้นฐานเดิม, พลังงานราคาถูก, ที่ดินพัฒนาได้
ใกล้ศูนย์กลางธุรกิจและการเมือง
 
ผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม
รุกล้ำพื้นที่ชุมชน, ใช้ทรัพยากรสูง, ไม่สร้างงานมากนัก
 
เวอร์จิเนียอาจไม่ใช่รัฐที่คุณนึกถึงเมื่อพูดถึงเทคโนโลยี แต่วันนี้มันคือหัวใจของโลกดิจิทัลที่เต้นแรงที่สุดแห่งหนึ่ง
 
https://www.slashgear.com/2011454/us-state-most-data-centers-in-the-world/
  ใครจะคิดว่าเวอร์จิเนีย รัฐที่ไม่ได้อยู่ใกล้ Silicon Valley หรือมีชื่อเสียงด้านเทคโนโลยี จะกลายเป็น “เมืองหลวงของดาต้าเซ็นเตอร์” ของโลก? ปัจจุบันมีดาต้าเซ็นเตอร์เกือบ 600 แห่งกระจายอยู่ทั่วรัฐ และยังมีแผนจะสร้างเพิ่มอีกมากมาย นี่คือเรื่องราวเบื้องหลังการเติบโตอย่างรวดเร็วของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่เปลี่ยนภูมิทัศน์ของเวอร์จิเนียไปอย่างสิ้นเชิง.
ทำไมเวอร์จิเนียถึงกลายเป็นศูนย์กลางดาต้าเซ็นเตอร์?
โครงสร้างพื้นฐานเก่าแก่จากยุค AOL
Northern Virginia เคยเป็นฐานของบริษัทอินเทอร์เน็ตยุคแรกอย่าง America Online
โครงสร้างพื้นฐานเดิมถูกนำมาใช้ต่อโดยผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์
พลังงานราคาถูกและที่ดินพัฒนาได้
ก่อนเกิดการบูม มีที่ดินราคาถูกจำนวนมาก
อัตราค่าไฟฟ้าในพื้นที่ถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับรัฐอื่น
ใกล้ศูนย์กลางการเมืองและธุรกิจ
อยู่ใกล้กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ทำให้สะดวกต่อการเจรจาธุรกิจ
ดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีให้มาตั้งฐานปฏิบัติการ
ผลกระทบที่ตามมา
การขยายตัวของดาต้าเซ็นเตอร์รุกล้ำพื้นที่ชุมชน
โครงสร้างขนาดใหญ่เริ่มเข้ามาแทนที่พื้นที่ชนบทและชานเมือง
ทำให้ภูมิทัศน์เปลี่ยนไปและเกิดความขัดแย้งกับชาวบ้าน
ดาต้าเซ็นเตอร์ไม่ได้สร้างงานในท้องถิ่นมากนัก
แม้จะมีการลงทุนมหาศาล แต่การจ้างงานกลับน้อย
ส่งผลต่อเศรษฐกิจชุมชนในระยะยาว
การใช้พลังงานและน้ำในปริมาณมหาศาล
ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมและอาจทำให้ค่าไฟฟ้าในพื้นที่สูงขึ้น
แม้บางบริษัท เช่น Amazon จะเริ่มปรับตัว แต่ปัญหายังไม่หมดไป
สรุปภาพรวม: เวอร์จิเนียกับบทบาทใหม่ในโลกดิจิทัล
มีดาต้าเซ็นเตอร์มากที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน
เกือบ 600 แห่ง และยังมีแผนขยายเพิ่ม
กลายเป็น “Data Center Alley” โดยเฉพาะบริเวณใกล้สนามบิน Dulles
ปัจจัยที่เอื้อต่อการเติบโต
โครงสร้างพื้นฐานเดิม, พลังงานราคาถูก, ที่ดินพัฒนาได้
ใกล้ศูนย์กลางธุรกิจและการเมือง
ผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม
รุกล้ำพื้นที่ชุมชน, ใช้ทรัพยากรสูง, ไม่สร้างงานมากนัก
เวอร์จิเนียอาจไม่ใช่รัฐที่คุณนึกถึงเมื่อพูดถึงเทคโนโลยี แต่วันนี้มันคือหัวใจของโลกดิจิทัลที่เต้นแรงที่สุดแห่งหนึ่ง
https://www.slashgear.com/2011454/us-state-most-data-centers-in-the-world/
🌐 เวอร์จิเนีย—รัฐที่กลายเป็นศูนย์กลางของโลกแห่งดาต้าเซ็นเตอร์
ใครจะคิดว่าเวอร์จิเนีย รัฐที่ไม่ได้อยู่ใกล้ Silicon Valley หรือมีชื่อเสียงด้านเทคโนโลยี จะกลายเป็น “เมืองหลวงของดาต้าเซ็นเตอร์” ของโลก? ปัจจุบันมีดาต้าเซ็นเตอร์เกือบ 600 แห่งกระจายอยู่ทั่วรัฐ และยังมีแผนจะสร้างเพิ่มอีกมากมาย นี่คือเรื่องราวเบื้องหลังการเติบโตอย่างรวดเร็วของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่เปลี่ยนภูมิทัศน์ของเวอร์จิเนียไปอย่างสิ้นเชิง.
🧠 ทำไมเวอร์จิเนียถึงกลายเป็นศูนย์กลางดาต้าเซ็นเตอร์?
✅ โครงสร้างพื้นฐานเก่าแก่จากยุค AOL 
➡️ Northern Virginia เคยเป็นฐานของบริษัทอินเทอร์เน็ตยุคแรกอย่าง America Online 
➡️ โครงสร้างพื้นฐานเดิมถูกนำมาใช้ต่อโดยผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์
✅ พลังงานราคาถูกและที่ดินพัฒนาได้ 
➡️ ก่อนเกิดการบูม มีที่ดินราคาถูกจำนวนมาก 
➡️ อัตราค่าไฟฟ้าในพื้นที่ถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับรัฐอื่น
✅ ใกล้ศูนย์กลางการเมืองและธุรกิจ 
➡️ อยู่ใกล้กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ทำให้สะดวกต่อการเจรจาธุรกิจ 
➡️ ดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีให้มาตั้งฐานปฏิบัติการ
⚠️ ผลกระทบที่ตามมา
‼️ การขยายตัวของดาต้าเซ็นเตอร์รุกล้ำพื้นที่ชุมชน 
⛔ โครงสร้างขนาดใหญ่เริ่มเข้ามาแทนที่พื้นที่ชนบทและชานเมือง 
⛔ ทำให้ภูมิทัศน์เปลี่ยนไปและเกิดความขัดแย้งกับชาวบ้าน
‼️ ดาต้าเซ็นเตอร์ไม่ได้สร้างงานในท้องถิ่นมากนัก 
⛔ แม้จะมีการลงทุนมหาศาล แต่การจ้างงานกลับน้อย 
⛔ ส่งผลต่อเศรษฐกิจชุมชนในระยะยาว
‼️ การใช้พลังงานและน้ำในปริมาณมหาศาล 
⛔ ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมและอาจทำให้ค่าไฟฟ้าในพื้นที่สูงขึ้น 
⛔ แม้บางบริษัท เช่น Amazon จะเริ่มปรับตัว แต่ปัญหายังไม่หมดไป
สรุปภาพรวม: เวอร์จิเนียกับบทบาทใหม่ในโลกดิจิทัล
✅ มีดาต้าเซ็นเตอร์มากที่สุดในโลก ณ ปัจจุบัน 
➡️ เกือบ 600 แห่ง และยังมีแผนขยายเพิ่ม 
➡️ กลายเป็น “Data Center Alley” โดยเฉพาะบริเวณใกล้สนามบิน Dulles
✅ ปัจจัยที่เอื้อต่อการเติบโต 
➡️ โครงสร้างพื้นฐานเดิม, พลังงานราคาถูก, ที่ดินพัฒนาได้ 
➡️ ใกล้ศูนย์กลางธุรกิจและการเมือง
‼️ ผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม 
⛔ รุกล้ำพื้นที่ชุมชน, ใช้ทรัพยากรสูง, ไม่สร้างงานมากนัก
เวอร์จิเนียอาจไม่ใช่รัฐที่คุณนึกถึงเมื่อพูดถึงเทคโนโลยี แต่วันนี้มันคือหัวใจของโลกดิจิทัลที่เต้นแรงที่สุดแห่งหนึ่ง 🌍
https://www.slashgear.com/2011454/us-state-most-data-centers-in-the-world/
     0 Comments
               0 Shares
               56 Views
                0 Reviews