• “Microsoft ปฏิเสธข้อกล่าวหา — ศูนย์ข้อมูลในเม็กซิโกไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหาน้ำ, ไฟ และโรคระบาด” — เมื่อการขยายโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาด 1.5 กิกะวัตต์กลายเป็นประเด็นร้อนในชุมชนท้องถิ่น

    เล่าเรื่องให้ฟัง: Microsoft ถูกกล่าวหาว่าศูนย์ข้อมูลในเมืองเกเรตาโร ประเทศเม็กซิโก ซึ่งเปิดใช้งานเมื่อปี 2024 เป็นสาเหตุของปัญหาน้ำขาดแคลน, ไฟดับบ่อย และโรคระบาดในชุมชนใกล้เคียง เช่น โรคตับอักเสบและอาการป่วยในระบบทางเดินอาหาร

    รายงานจาก New York Times ระบุว่า:

    โรงเรียนในเมือง Las Cenizas ต้องปิดชั่วคราวเพราะไม่มีน้ำใช้
    คลินิกท้องถิ่นไม่สามารถรักษาผู้ป่วยได้เพราะไฟดับ
    ชาวบ้านต้องจ่ายเงินเพื่อใช้น้ำจากรถบรรทุก
    อุปกรณ์ไฟฟ้าเสียหายจากไฟกระชาก

    Microsoft ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหา โดย Bowen Wallace รองประธานฝ่ายศูนย์ข้อมูลในอเมริกา ระบุว่า “ไม่มีหลักฐานว่าศูนย์ข้อมูลของเราทำให้เกิดไฟดับหรือน้ำขาดแคลน” และยืนยันว่าจะยังคงให้ความสำคัญกับความต้องการพื้นฐานของชุมชน

    บริษัทไฟฟ้าแห่งชาติของเม็กซิโกชี้ว่าไฟดับเกิดจากฟ้าผ่าและสัตว์หลงเข้าไปในระบบไฟฟ้า ไม่เกี่ยวกับการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล

    Alejandro Sterling ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาอุตสาหกรรมของรัฐเกเรตาโรกล่าวว่า “นี่คือปัญหาที่ดี” เพราะสะท้อนถึงการเติบโตของพื้นที่ และยืนยันว่าแผนขยายศูนย์ข้อมูลในเม็กซิโกจะเพิ่มขึ้นอีกกว่า 1.5 กิกะวัตต์ใน 5 ปีข้างหน้า

    Microsoft ถูกกล่าวหาว่าศูนย์ข้อมูลในเม็กซิโกเป็นต้นเหตุของปัญหาท้องถิ่น
    เช่น น้ำขาดแคลน, ไฟดับ, และโรคตับอักเสบ

    ชาวบ้านในเมืองใกล้เคียงต้องจ่ายเงินใช้น้ำจากรถบรรทุก
    เพราะน้ำประปาไม่เพียงพอ

    Microsoft ปฏิเสธข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการ
    ระบุว่าไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงกับปัญหาที่เกิดขึ้น

    บริษัทไฟฟ้าแห่งชาติชี้ว่าไฟดับเกิดจากฟ้าผ่าและสัตว์
    ไม่เกี่ยวกับการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล

    เจ้าหน้าที่รัฐมองว่าปัญหาเหล่านี้สะท้อนการเติบโตของพื้นที่
    และสนับสนุนแผนขยายศูนย์ข้อมูลอีก 1.5 กิกะวัตต์ใน 5 ปี

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/microsoft-denies-mexico-data-center-linked-to-water-shortages-local-illnesses-and-power-outages-stomach-bugs-and-even-hepatitis-reported-in-region-as-1-5-gigawatt-ai-data-center-buildout-looms
    🏗️ “Microsoft ปฏิเสธข้อกล่าวหา — ศูนย์ข้อมูลในเม็กซิโกไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหาน้ำ, ไฟ และโรคระบาด” — เมื่อการขยายโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาด 1.5 กิกะวัตต์กลายเป็นประเด็นร้อนในชุมชนท้องถิ่น เล่าเรื่องให้ฟัง: Microsoft ถูกกล่าวหาว่าศูนย์ข้อมูลในเมืองเกเรตาโร ประเทศเม็กซิโก ซึ่งเปิดใช้งานเมื่อปี 2024 เป็นสาเหตุของปัญหาน้ำขาดแคลน, ไฟดับบ่อย และโรคระบาดในชุมชนใกล้เคียง เช่น โรคตับอักเสบและอาการป่วยในระบบทางเดินอาหาร รายงานจาก New York Times ระบุว่า: 🎗️ โรงเรียนในเมือง Las Cenizas ต้องปิดชั่วคราวเพราะไม่มีน้ำใช้ 🎗️ คลินิกท้องถิ่นไม่สามารถรักษาผู้ป่วยได้เพราะไฟดับ 🎗️ ชาวบ้านต้องจ่ายเงินเพื่อใช้น้ำจากรถบรรทุก 🎗️ อุปกรณ์ไฟฟ้าเสียหายจากไฟกระชาก Microsoft ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหา โดย Bowen Wallace รองประธานฝ่ายศูนย์ข้อมูลในอเมริกา ระบุว่า “ไม่มีหลักฐานว่าศูนย์ข้อมูลของเราทำให้เกิดไฟดับหรือน้ำขาดแคลน” และยืนยันว่าจะยังคงให้ความสำคัญกับความต้องการพื้นฐานของชุมชน บริษัทไฟฟ้าแห่งชาติของเม็กซิโกชี้ว่าไฟดับเกิดจากฟ้าผ่าและสัตว์หลงเข้าไปในระบบไฟฟ้า ไม่เกี่ยวกับการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล Alejandro Sterling ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาอุตสาหกรรมของรัฐเกเรตาโรกล่าวว่า “นี่คือปัญหาที่ดี” เพราะสะท้อนถึงการเติบโตของพื้นที่ และยืนยันว่าแผนขยายศูนย์ข้อมูลในเม็กซิโกจะเพิ่มขึ้นอีกกว่า 1.5 กิกะวัตต์ใน 5 ปีข้างหน้า ✅ Microsoft ถูกกล่าวหาว่าศูนย์ข้อมูลในเม็กซิโกเป็นต้นเหตุของปัญหาท้องถิ่น ➡️ เช่น น้ำขาดแคลน, ไฟดับ, และโรคตับอักเสบ ✅ ชาวบ้านในเมืองใกล้เคียงต้องจ่ายเงินใช้น้ำจากรถบรรทุก ➡️ เพราะน้ำประปาไม่เพียงพอ ✅ Microsoft ปฏิเสธข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการ ➡️ ระบุว่าไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงกับปัญหาที่เกิดขึ้น ✅ บริษัทไฟฟ้าแห่งชาติชี้ว่าไฟดับเกิดจากฟ้าผ่าและสัตว์ ➡️ ไม่เกี่ยวกับการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล ✅ เจ้าหน้าที่รัฐมองว่าปัญหาเหล่านี้สะท้อนการเติบโตของพื้นที่ ➡️ และสนับสนุนแผนขยายศูนย์ข้อมูลอีก 1.5 กิกะวัตต์ใน 5 ปี https://www.tomshardware.com/tech-industry/microsoft-denies-mexico-data-center-linked-to-water-shortages-local-illnesses-and-power-outages-stomach-bugs-and-even-hepatitis-reported-in-region-as-1-5-gigawatt-ai-data-center-buildout-looms
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 183 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้าคุณไม่เกี่ยว ทำไมไม่ปฏิเสธ?? (20/10/68)

    #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #การเมืองไทย #ประเด็นร้อน #ข่าวด่วน #ข่าวร้อน #newsupdate #ข่าวtiktok
    ถ้าคุณไม่เกี่ยว ทำไมไม่ปฏิเสธ?? (20/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #การเมืองไทย #ประเด็นร้อน #ข่าวด่วน #ข่าวร้อน #newsupdate #ข่าวtiktok
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • "BitLocker ล็อกข้อมูล 3TB โดยไม่แจ้งเตือน: เมื่อระบบป้องกันกลายเป็นกับดักข้อมูล"

    BitLocker ระบบเข้ารหัสดิสก์ของ Microsoft ที่เปิดใช้งานอัตโนมัติใน Windows 11 กำลังตกเป็นประเด็นร้อน หลังมีผู้ใช้รายหนึ่งใน Reddit รายงานว่า Backup Drive ขนาด 3TB ถูกล็อกโดยไม่รู้ตัวหลังจากติดตั้ง Windows ใหม่ ส่งผลให้ข้อมูลทั้งหมดไม่สามารถเข้าถึงได้ และไม่มีวิธีถอดรหัสกลับมาได้เลย

    ผู้ใช้รายนี้มีดิสก์ทั้งหมด 6 ลูก โดย 2 ลูกเป็น Backup Drive ที่ไม่ได้ตั้งค่า BitLocker ด้วยตัวเอง แต่หลังจากติดตั้ง Windows ใหม่และเข้าสู่ระบบด้วยบัญชี Microsoft ระบบกลับเปิดใช้งาน BitLocker โดยอัตโนมัติ และขอ Recovery Key ที่ผู้ใช้ไม่เคยได้รับหรือบันทึกไว้

    แม้จะพยายามใช้ซอฟต์แวร์กู้ข้อมูลหลายตัว แต่ก็ไม่สามารถเจาะระบบเข้ารหัสของ BitLocker ได้ เพราะระบบนี้ออกแบบมาเพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างแน่นหนา

    การทำงานของ BitLocker ใน Windows 11
    เปิดใช้งานอัตโนมัติเมื่อเข้าสู่ระบบด้วยบัญชี Microsoft
    เข้ารหัสดิสก์โดยไม่แจ้งเตือนผู้ใช้
    Recovery Key จะถูกเก็บไว้ในบัญชี Microsoft หากระบบบันทึกไว้

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
    ผู้ใช้ติดตั้ง Windows ใหม่และพบว่า Backup Drive ถูกเข้ารหัส
    ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูล 3TB ได้
    Recovery Key สำหรับ Backup Drive ไม่ปรากฏในบัญชี Microsoft

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Windows 11
    BitLocker อาจเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติแม้ผู้ใช้ไม่ตั้งใจ
    หากไม่มี Recovery Key จะไม่สามารถกู้ข้อมูลได้
    การติดตั้ง Windows ใหม่อาจทำให้ดิสก์อื่นถูกเข้ารหัสโดยไม่รู้ตัว

    ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกัน
    ตรวจสอบสถานะ BitLocker ก่อนติดตั้งหรือรีเซ็ต Windows
    บันทึก Recovery Key ไว้ในที่ปลอดภัยเสมอ
    ปิด BitLocker สำหรับดิสก์ที่ไม่ต้องการเข้ารหัส
    สำรองข้อมูลไว้ในอุปกรณ์ที่ไม่เชื่อมต่อกับระบบโดยตรง

    สาระเพิ่มเติมจากภายนอก:

    ความแตกต่างระหว่าง BitLocker แบบ Software และ Hardware
    แบบ Software ใช้ CPU ในการเข้ารหัส ทำให้ลดประสิทธิภาพการอ่าน/เขียน
    แบบ Hardware (OPAL) มีประสิทธิภาพสูงกว่าและไม่เปิดใช้งานอัตโนมัติ

    วิธีตรวจสอบสถานะ BitLocker
    ใช้คำสั่ง manage-bde -status ใน Command Prompt
    ตรวจสอบใน Control Panel > System and Security > BitLocker Drive Encryption

    https://www.tomshardware.com/software/windows/bitlocker-reportedly-auto-locks-users-backup-drives-causing-loss-of-3tb-of-valuable-data-windows-automatic-disk-encryption-can-permanently-lock-your-drives
    🛡️ "BitLocker ล็อกข้อมูล 3TB โดยไม่แจ้งเตือน: เมื่อระบบป้องกันกลายเป็นกับดักข้อมูล" BitLocker ระบบเข้ารหัสดิสก์ของ Microsoft ที่เปิดใช้งานอัตโนมัติใน Windows 11 กำลังตกเป็นประเด็นร้อน หลังมีผู้ใช้รายหนึ่งใน Reddit รายงานว่า Backup Drive ขนาด 3TB ถูกล็อกโดยไม่รู้ตัวหลังจากติดตั้ง Windows ใหม่ ส่งผลให้ข้อมูลทั้งหมดไม่สามารถเข้าถึงได้ และไม่มีวิธีถอดรหัสกลับมาได้เลย ผู้ใช้รายนี้มีดิสก์ทั้งหมด 6 ลูก โดย 2 ลูกเป็น Backup Drive ที่ไม่ได้ตั้งค่า BitLocker ด้วยตัวเอง แต่หลังจากติดตั้ง Windows ใหม่และเข้าสู่ระบบด้วยบัญชี Microsoft ระบบกลับเปิดใช้งาน BitLocker โดยอัตโนมัติ และขอ Recovery Key ที่ผู้ใช้ไม่เคยได้รับหรือบันทึกไว้ แม้จะพยายามใช้ซอฟต์แวร์กู้ข้อมูลหลายตัว แต่ก็ไม่สามารถเจาะระบบเข้ารหัสของ BitLocker ได้ เพราะระบบนี้ออกแบบมาเพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างแน่นหนา ✅ การทำงานของ BitLocker ใน Windows 11 ➡️ เปิดใช้งานอัตโนมัติเมื่อเข้าสู่ระบบด้วยบัญชี Microsoft ➡️ เข้ารหัสดิสก์โดยไม่แจ้งเตือนผู้ใช้ ➡️ Recovery Key จะถูกเก็บไว้ในบัญชี Microsoft หากระบบบันทึกไว้ ✅ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ➡️ ผู้ใช้ติดตั้ง Windows ใหม่และพบว่า Backup Drive ถูกเข้ารหัส ➡️ ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูล 3TB ได้ ➡️ Recovery Key สำหรับ Backup Drive ไม่ปรากฏในบัญชี Microsoft ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Windows 11 ⛔ BitLocker อาจเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติแม้ผู้ใช้ไม่ตั้งใจ ⛔ หากไม่มี Recovery Key จะไม่สามารถกู้ข้อมูลได้ ⛔ การติดตั้ง Windows ใหม่อาจทำให้ดิสก์อื่นถูกเข้ารหัสโดยไม่รู้ตัว ✅ ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกัน ➡️ ตรวจสอบสถานะ BitLocker ก่อนติดตั้งหรือรีเซ็ต Windows ➡️ บันทึก Recovery Key ไว้ในที่ปลอดภัยเสมอ ➡️ ปิด BitLocker สำหรับดิสก์ที่ไม่ต้องการเข้ารหัส ➡️ สำรองข้อมูลไว้ในอุปกรณ์ที่ไม่เชื่อมต่อกับระบบโดยตรง 📎 สาระเพิ่มเติมจากภายนอก: ✅ ความแตกต่างระหว่าง BitLocker แบบ Software และ Hardware ➡️ แบบ Software ใช้ CPU ในการเข้ารหัส ทำให้ลดประสิทธิภาพการอ่าน/เขียน ➡️ แบบ Hardware (OPAL) มีประสิทธิภาพสูงกว่าและไม่เปิดใช้งานอัตโนมัติ ✅ วิธีตรวจสอบสถานะ BitLocker ➡️ ใช้คำสั่ง manage-bde -status ใน Command Prompt ➡️ ตรวจสอบใน Control Panel > System and Security > BitLocker Drive Encryption https://www.tomshardware.com/software/windows/bitlocker-reportedly-auto-locks-users-backup-drives-causing-loss-of-3tb-of-valuable-data-windows-automatic-disk-encryption-can-permanently-lock-your-drives
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Framework สปอนเซอร์ Hyprland จุดชนวนดราม่า — ชุมชนลินุกซ์ถกเดือดเรื่องอุดมการณ์และการเมือง”

    Framework ผู้ผลิตแล็ปท็อปแบบโมดูลาร์ชื่อดัง ประกาศเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2025 ว่าได้เป็นผู้สนับสนุนระดับ Gold ของ Hyprland ซึ่งเป็น Wayland compositor ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ลินุกซ์สายปรับแต่งหน้าตา โดยข่าวนี้ถูกเผยแพร่พร้อมกับการเข้าร่วม Linux Foundation และการเป็นผู้สนับสนุนรายแรกของ Linux Vendor Firmware Service (LVFS)

    อย่างไรก็ตาม การสนับสนุน Hyprland กลับกลายเป็นประเด็นร้อนในชุมชนโอเพ่นซอร์ส เนื่องจาก Vaxry ผู้พัฒนา Hyprland เคยถูกแบนจาก freedesktop.org ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับการจัดการ moderation ใน Discord ของโครงการ ซึ่งทำให้หลายคนมองว่า Hyprland มีแนวโน้มสนับสนุนแนวคิดฝ่ายขวา และไม่เป็นมิตรกับผู้มีแนวคิดเสรีนิยม

    กระแสยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อ Framework โพสต์บน X (Twitter) เปรียบเทียบ Omarchy Linux ซึ่งสร้างโดย David Heinemeier Hansson (DHH) กับ Windows XP ในเชิงขำขัน โดย DHH เป็นบุคคลที่มีแนวคิดขวาชัดเจนและเคยวิจารณ์แนวคิดเสรีนิยมอย่างตรงไปตรงมา ทำให้ผู้ใช้บางส่วนมองว่า Framework กำลังสนับสนุนบุคคลและโครงการที่มีแนวคิดการเมืองขวาจัด

    ผลคือเกิดกระทู้ในฟอรัมของ Framework ชื่อ “Framework supporting far-right racists?” ซึ่งมีการถกเถียงกันอย่างดุเดือดกว่า 1,300 ความเห็น โดย CEO ของ Framework, Nirav Patel ได้ออกมาตอบว่า บริษัทมีแนวทาง “big tent” ที่เปิดรับทุกโครงการโอเพ่นซอร์สโดยไม่พิจารณาแนวคิดทางการเมืองของผู้พัฒนา เพราะเป้าหมายคือการผลักดันโอเพ่นซอร์สให้เติบโต

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Framework เป็นผู้สนับสนุนระดับ Gold ของ Hyprland
    Hyprland เป็น Wayland compositor ที่เน้นความสวยงามและปรับแต่งได้
    Vaxry ผู้พัฒนา Hyprland เคยถูกแบนจาก freedesktop.org
    Framework เข้าร่วม Linux Foundation และสนับสนุน LVFS
    Framework โพสต์สนับสนุน Omarchy Linux ของ DHH
    DHH มีแนวคิดการเมืองขวาชัดเจน
    เกิดกระทู้ “Framework supporting far-right racists?” ในฟอรัม
    CEO Framework ตอบว่าแนวทางบริษัทคือ “big tent” ไม่เลือกข้างการเมือง
    ฟอรัมมีการถกเถียงกว่า 1,300 ความเห็น

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    “Big tent” เป็นแนวคิดที่เปิดรับความหลากหลายเพื่อสร้างความร่วมมือ
    LVFS เป็นบริการที่ช่วยให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ปล่อย firmware ผ่านระบบลินุกซ์
    Hyprland ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ Arch และผู้ชอบปรับแต่ง UI
    DHH เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Ruby on Rails และมีบทบาทในวงการซอฟต์แวร์
    การเมืองในวงการโอเพ่นซอร์สเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในช่วงหลัง

    https://news.itsfoss.com/framework-hyprland-sponsorship/
    💻 “Framework สปอนเซอร์ Hyprland จุดชนวนดราม่า — ชุมชนลินุกซ์ถกเดือดเรื่องอุดมการณ์และการเมือง” Framework ผู้ผลิตแล็ปท็อปแบบโมดูลาร์ชื่อดัง ประกาศเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2025 ว่าได้เป็นผู้สนับสนุนระดับ Gold ของ Hyprland ซึ่งเป็น Wayland compositor ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ลินุกซ์สายปรับแต่งหน้าตา โดยข่าวนี้ถูกเผยแพร่พร้อมกับการเข้าร่วม Linux Foundation และการเป็นผู้สนับสนุนรายแรกของ Linux Vendor Firmware Service (LVFS) อย่างไรก็ตาม การสนับสนุน Hyprland กลับกลายเป็นประเด็นร้อนในชุมชนโอเพ่นซอร์ส เนื่องจาก Vaxry ผู้พัฒนา Hyprland เคยถูกแบนจาก freedesktop.org ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับการจัดการ moderation ใน Discord ของโครงการ ซึ่งทำให้หลายคนมองว่า Hyprland มีแนวโน้มสนับสนุนแนวคิดฝ่ายขวา และไม่เป็นมิตรกับผู้มีแนวคิดเสรีนิยม กระแสยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อ Framework โพสต์บน X (Twitter) เปรียบเทียบ Omarchy Linux ซึ่งสร้างโดย David Heinemeier Hansson (DHH) กับ Windows XP ในเชิงขำขัน โดย DHH เป็นบุคคลที่มีแนวคิดขวาชัดเจนและเคยวิจารณ์แนวคิดเสรีนิยมอย่างตรงไปตรงมา ทำให้ผู้ใช้บางส่วนมองว่า Framework กำลังสนับสนุนบุคคลและโครงการที่มีแนวคิดการเมืองขวาจัด ผลคือเกิดกระทู้ในฟอรัมของ Framework ชื่อ “Framework supporting far-right racists?” ซึ่งมีการถกเถียงกันอย่างดุเดือดกว่า 1,300 ความเห็น โดย CEO ของ Framework, Nirav Patel ได้ออกมาตอบว่า บริษัทมีแนวทาง “big tent” ที่เปิดรับทุกโครงการโอเพ่นซอร์สโดยไม่พิจารณาแนวคิดทางการเมืองของผู้พัฒนา เพราะเป้าหมายคือการผลักดันโอเพ่นซอร์สให้เติบโต ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Framework เป็นผู้สนับสนุนระดับ Gold ของ Hyprland ➡️ Hyprland เป็น Wayland compositor ที่เน้นความสวยงามและปรับแต่งได้ ➡️ Vaxry ผู้พัฒนา Hyprland เคยถูกแบนจาก freedesktop.org ➡️ Framework เข้าร่วม Linux Foundation และสนับสนุน LVFS ➡️ Framework โพสต์สนับสนุน Omarchy Linux ของ DHH ➡️ DHH มีแนวคิดการเมืองขวาชัดเจน ➡️ เกิดกระทู้ “Framework supporting far-right racists?” ในฟอรัม ➡️ CEO Framework ตอบว่าแนวทางบริษัทคือ “big tent” ไม่เลือกข้างการเมือง ➡️ ฟอรัมมีการถกเถียงกว่า 1,300 ความเห็น ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ “Big tent” เป็นแนวคิดที่เปิดรับความหลากหลายเพื่อสร้างความร่วมมือ ➡️ LVFS เป็นบริการที่ช่วยให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ปล่อย firmware ผ่านระบบลินุกซ์ ➡️ Hyprland ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ Arch และผู้ชอบปรับแต่ง UI ➡️ DHH เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Ruby on Rails และมีบทบาทในวงการซอฟต์แวร์ ➡️ การเมืองในวงการโอเพ่นซอร์สเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในช่วงหลัง https://news.itsfoss.com/framework-hyprland-sponsorship/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    Framework is Accused of Supporting the Far-right, Apparently for Sponsoring the Hyprland Project
    The announcement has generated quite some buzz but for all the wrong reasons.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 6-10-68
    .
    เช้าวันจันทร์หลังจากประชุม และรับประทานอาหารกับทีมงานบ้านพระอาทิตย์ เมนูเป็นข้าวคลุกกะปิ คุณสนธิกับ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ก็พูดคุยประเด็นร้อนแรงหลาย ๆ เรื่องทั้ง การยกเลิก MOU 2543-2544 และการรุกล้ำดินแดนไทยของกัมพูชาที่ยังไม่ได้ข้อเสียที แม้รัฐบาลจะเปลี่ยนจาก "รัฐบาลอังเคิลฮุน" มาเป็น "รัฐบาลหนู อนุทิน" แล้วก็ตาม นอกจากนี้แล้วยังมีอีกหลายประเด็นที่คุณสนธิจะนำมาเล่าสู่กันฟังในรายการสนธิเล่าเรื่องวันนี้ เช่น เรื่องราคาทองคำ , เรื่องการแทรกแซงคดีเขากระโดง-ฮั้ว สว. ของพรรคภูมิใจไทยด้วย
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=bw8mibtwYJ0
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #MOU2543 #รัฐบาลอนุทิน #ทรงฤทธิ์โพนเงิน #ราคาทองคำ #เขากระโดง #ฮั้วสว
    สนธิเล่าเรื่อง 6-10-68 . เช้าวันจันทร์หลังจากประชุม และรับประทานอาหารกับทีมงานบ้านพระอาทิตย์ เมนูเป็นข้าวคลุกกะปิ คุณสนธิกับ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ก็พูดคุยประเด็นร้อนแรงหลาย ๆ เรื่องทั้ง การยกเลิก MOU 2543-2544 และการรุกล้ำดินแดนไทยของกัมพูชาที่ยังไม่ได้ข้อเสียที แม้รัฐบาลจะเปลี่ยนจาก "รัฐบาลอังเคิลฮุน" มาเป็น "รัฐบาลหนู อนุทิน" แล้วก็ตาม นอกจากนี้แล้วยังมีอีกหลายประเด็นที่คุณสนธิจะนำมาเล่าสู่กันฟังในรายการสนธิเล่าเรื่องวันนี้ เช่น เรื่องราคาทองคำ , เรื่องการแทรกแซงคดีเขากระโดง-ฮั้ว สว. ของพรรคภูมิใจไทยด้วย . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=bw8mibtwYJ0 . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #MOU2543 #รัฐบาลอนุทิน #ทรงฤทธิ์โพนเงิน #ราคาทองคำ #เขากระโดง #ฮั้วสว
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 311 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Aiode เปิดตัวแพลตฟอร์ม AI ดนตรีแบบจริยธรรม — สร้างเพลงร่วมกับนักดนตรีเสมือนที่ได้รับค่าตอบแทนจริง”

    ในยุคที่เพลงจาก AI กำลังท่วมแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง และปัญหาลิขสิทธิ์กลายเป็นประเด็นร้อน Aiode ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ที่พลิกแนวคิดการสร้างเพลงด้วย AI โดยเน้น “จริยธรรม” และ “ความร่วมมือกับมนุษย์” เป็นหัวใจหลัก

    Aiode เป็นแอปเดสก์ท็อปสำหรับนักดนตรีและโปรดิวเซอร์ ที่ให้ผู้ใช้สร้างเพลงร่วมกับ “นักดนตรีเสมือน” ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่ถูกฝึกจากสไตล์ของนักดนตรีจริง โดยนักดนตรีเหล่านี้มีส่วนร่วมในการเลือกเครื่องดนตรี แนวเพลง และลักษณะการเล่นของโมเดล และที่สำคัญคือได้รับค่าตอบแทนทุกครั้งที่โมเดลของพวกเขาถูกใช้งาน

    ผู้ใช้สามารถเลือกนักดนตรีเสมือนที่ต้องการ แล้วให้พวกเขาเล่นท่อนโซโลหรือคอรัสใหม่ โดยไม่ต้องแก้ไขทั้งเพลง ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากการทดสอบแบบปิดก่อนเปิดตัวจริง นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งสไตล์ การเล่น และโครงสร้างของเพลงได้อย่างละเอียด

    Aiode ยังเน้นความโปร่งใสในการฝึกโมเดล โดยใช้ข้อมูลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น และมีระบบ “clean room” ที่แยกข้อมูลฝึกออกจากระบบอื่น เพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ พร้อมระบบจ่ายค่าลิขสิทธิ์กลับไปยังศิลปินต้นฉบับผ่านกลไก royalty pool

    แม้จะใช้เวลามากกว่าการพิมพ์ prompt แล้วรอเพลงจากแพลตฟอร์มอย่าง Suno หรือ Udio แต่ Aiode ให้ความสำคัญกับการควบคุมและความแม่นยำในการสร้างเพลงมากกว่า โดยเปรียบเสมือนการทำงานร่วมกับนักดนตรีจริงในสตูดิโอ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Aiode เปิดตัวแพลตฟอร์ม AI ดนตรีแบบเดสก์ท็อปสำหรับนักดนตรีและโปรดิวเซอร์
    ใช้ “นักดนตรีเสมือน” ที่ถูกฝึกจากสไตล์ของนักดนตรีจริง
    นักดนตรีต้นฉบับมีส่วนร่วมในการเลือกเครื่องดนตรีและแนวเพลงของโมเดล
    ได้รับค่าตอบแทนทุกครั้งที่โมเดลของพวกเขาถูกใช้งาน
    ผู้ใช้สามารถปรับแต่งท่อนเพลงเฉพาะ เช่น คอรัสหรือโซโล โดยไม่ต้องแก้ทั้งเพลง
    ใช้ระบบ clean room และข้อมูลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นในการฝึกโมเดล
    มีระบบจ่ายค่าลิขสิทธิ์ผ่าน royalty pool กลับไปยังศิลปินต้นฉบับ
    เน้นการควบคุมและความแม่นยำมากกว่าการสร้างเพลงแบบ prompt-based
    เปิดตัวหลังจากทดสอบแบบปิดนานกว่า 1 ปี และได้รับเงินทุน $5.5M เพื่อขยายแพลตฟอร์ม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Suno และ Udio เป็นแพลตฟอร์ม AI ดนตรีที่เน้นการสร้างเพลงจากข้อความแบบรวดเร็ว
    ปัญหาลิขสิทธิ์ในวงการ AI ดนตรีกำลังทวีความรุนแรง โดยมีการฟ้องร้องหลายกรณี
    การฝึกโมเดลด้วยข้อมูลที่ได้รับอนุญาตช่วยลดความเสี่ยงด้านกฎหมาย
    นักดนตรีสามารถใช้ Aiode เพื่อเข้าใจสไตล์ของตัวเองผ่านโมเดลเสมือน
    การใช้ AI แบบจริยธรรมอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในวงการสร้างสรรค์

    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/musicians-meet-your-ethical-ai-bandmates
    🎼 “Aiode เปิดตัวแพลตฟอร์ม AI ดนตรีแบบจริยธรรม — สร้างเพลงร่วมกับนักดนตรีเสมือนที่ได้รับค่าตอบแทนจริง” ในยุคที่เพลงจาก AI กำลังท่วมแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง และปัญหาลิขสิทธิ์กลายเป็นประเด็นร้อน Aiode ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ที่พลิกแนวคิดการสร้างเพลงด้วย AI โดยเน้น “จริยธรรม” และ “ความร่วมมือกับมนุษย์” เป็นหัวใจหลัก Aiode เป็นแอปเดสก์ท็อปสำหรับนักดนตรีและโปรดิวเซอร์ ที่ให้ผู้ใช้สร้างเพลงร่วมกับ “นักดนตรีเสมือน” ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่ถูกฝึกจากสไตล์ของนักดนตรีจริง โดยนักดนตรีเหล่านี้มีส่วนร่วมในการเลือกเครื่องดนตรี แนวเพลง และลักษณะการเล่นของโมเดล และที่สำคัญคือได้รับค่าตอบแทนทุกครั้งที่โมเดลของพวกเขาถูกใช้งาน ผู้ใช้สามารถเลือกนักดนตรีเสมือนที่ต้องการ แล้วให้พวกเขาเล่นท่อนโซโลหรือคอรัสใหม่ โดยไม่ต้องแก้ไขทั้งเพลง ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากการทดสอบแบบปิดก่อนเปิดตัวจริง นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งสไตล์ การเล่น และโครงสร้างของเพลงได้อย่างละเอียด Aiode ยังเน้นความโปร่งใสในการฝึกโมเดล โดยใช้ข้อมูลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น และมีระบบ “clean room” ที่แยกข้อมูลฝึกออกจากระบบอื่น เพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ พร้อมระบบจ่ายค่าลิขสิทธิ์กลับไปยังศิลปินต้นฉบับผ่านกลไก royalty pool แม้จะใช้เวลามากกว่าการพิมพ์ prompt แล้วรอเพลงจากแพลตฟอร์มอย่าง Suno หรือ Udio แต่ Aiode ให้ความสำคัญกับการควบคุมและความแม่นยำในการสร้างเพลงมากกว่า โดยเปรียบเสมือนการทำงานร่วมกับนักดนตรีจริงในสตูดิโอ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Aiode เปิดตัวแพลตฟอร์ม AI ดนตรีแบบเดสก์ท็อปสำหรับนักดนตรีและโปรดิวเซอร์ ➡️ ใช้ “นักดนตรีเสมือน” ที่ถูกฝึกจากสไตล์ของนักดนตรีจริง ➡️ นักดนตรีต้นฉบับมีส่วนร่วมในการเลือกเครื่องดนตรีและแนวเพลงของโมเดล ➡️ ได้รับค่าตอบแทนทุกครั้งที่โมเดลของพวกเขาถูกใช้งาน ➡️ ผู้ใช้สามารถปรับแต่งท่อนเพลงเฉพาะ เช่น คอรัสหรือโซโล โดยไม่ต้องแก้ทั้งเพลง ➡️ ใช้ระบบ clean room และข้อมูลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นในการฝึกโมเดล ➡️ มีระบบจ่ายค่าลิขสิทธิ์ผ่าน royalty pool กลับไปยังศิลปินต้นฉบับ ➡️ เน้นการควบคุมและความแม่นยำมากกว่าการสร้างเพลงแบบ prompt-based ➡️ เปิดตัวหลังจากทดสอบแบบปิดนานกว่า 1 ปี และได้รับเงินทุน $5.5M เพื่อขยายแพลตฟอร์ม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Suno และ Udio เป็นแพลตฟอร์ม AI ดนตรีที่เน้นการสร้างเพลงจากข้อความแบบรวดเร็ว ➡️ ปัญหาลิขสิทธิ์ในวงการ AI ดนตรีกำลังทวีความรุนแรง โดยมีการฟ้องร้องหลายกรณี ➡️ การฝึกโมเดลด้วยข้อมูลที่ได้รับอนุญาตช่วยลดความเสี่ยงด้านกฎหมาย ➡️ นักดนตรีสามารถใช้ Aiode เพื่อเข้าใจสไตล์ของตัวเองผ่านโมเดลเสมือน ➡️ การใช้ AI แบบจริยธรรมอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในวงการสร้างสรรค์ https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/musicians-meet-your-ethical-ai-bandmates
    WWW.TECHRADAR.COM
    New AI music platform Aiode pays artists for the digital clones collaborating on new songs.
    Aiode's AI-powered music studio pays the people inspiring its virtual session players
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 236 มุมมอง 0 รีวิว
  • “กราฟิกไดรเวอร์ไม่ใช่อาวุธลับ — คดี Rockenhaus สะท้อนความเข้าใจผิดทางเทคนิคในกระบวนการยุติธรรมสหรัฐฯ”

    เรื่องราวของ Conrad Rockenhaus อดีตผู้ดูแลโหนด Tor ที่เคยให้บริการ exit node ความเร็วสูง กลายเป็นประเด็นร้อนในชุมชนความเป็นส่วนตัวออนไลน์ หลังจากภรรยาของเขาโพสต์ว่าเขาถูกควบคุมตัวก่อนการพิจารณาคดีนานถึง 3 ปี โดยอ้างว่า FBI ไม่สามารถบังคับให้เขาถอดรหัสทราฟฟิกจาก Tor ได้ จึงใช้ข้อหาเก่าเกี่ยวกับการละเมิด CFAA (Computer Fraud and Abuse Act) จากเหตุการณ์ในที่ทำงานเมื่อหลายปีก่อนเป็นข้ออ้างในการจับกุม

    สิ่งที่ทำให้คดีนี้กลายเป็นที่สนใจคือคำให้การของเจ้าหน้าที่คุมประพฤติที่อ้างว่า Rockenhaus ใช้ “Linux OS ชื่อ Spice” เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบและเข้าถึง “dark web” ซึ่งในความเป็นจริง Spice เป็นเพียงกราฟิกไดรเวอร์สำหรับการแสดงผลจาก virtual machine ไม่ใช่ระบบปฏิบัติการ และไม่สามารถ “ปิดการตรวจสอบ” ได้ตามที่กล่าวอ้าง

    แต่เมื่อดูจากเอกสารของศาลและคำให้การของเจ้าหน้าที่ FBI พบว่า Rockenhaus ได้ติดตั้ง Spice เพื่อเชื่อมต่อกับ VM ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การตรวจสอบ ซึ่งถือเป็นการละเมิดเงื่อนไขการปล่อยตัวก่อนพิจารณาคดี โดยเฉพาะเมื่อเขาใช้ iPhone ที่ไม่ได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ตรวจสอบ และมีการเข้าถึงเว็บไซต์ Tor รวมถึงการค้นหาข้อมูลที่อ่อนไหวในช่วงเวลาเดียวกัน

    นอกจากนี้ ยังมีประเด็นจากอดีตที่เกี่ยวข้องกับการเข้าไปทำลายระบบของบริษัทเก่าที่เขาเคยทำงาน โดยใช้ VPN ที่หมดอายุเพื่อเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ และสร้างความเสียหายกว่า $500,000 ซึ่งเป็นต้นเหตุของการถูกตั้งข้อหาในครั้งแรก

    แม้ภรรยาของเขาจะยืนยันว่าเป็นการกลั่นแกล้งจากรัฐและมีการใช้ “หมายจับเท็จ” แต่ข้อมูลจากหลายแหล่ง รวมถึงเอกสารของศาลและการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญในชุมชนออนไลน์ แสดงให้เห็นว่าคดีนี้มีความซับซ้อน และไม่ใช่แค่เรื่องของการใช้ Tor หรือการปฏิเสธการถอดรหัสเท่านั้น

    ข้อมูลจากคดี Rockenhaus
    ถูกควบคุมตัวก่อนพิจารณาคดีนาน 3 ปีจากข้อหา CFAA เก่า
    เจ้าหน้าที่คุมประพฤติอ้างว่าใช้ “Linux OS ชื่อ Spice” เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ
    Spice เป็นกราฟิกไดรเวอร์สำหรับ VM ไม่ใช่ OS และไม่เกี่ยวข้องกับ dark web
    FBI ให้การว่า Rockenhaus ใช้ VM เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบจริง

    พฤติกรรมที่ละเมิดเงื่อนไขการปล่อยตัว
    ใช้ iPhone ที่ไม่ได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ตรวจสอบ
    เข้าถึงเว็บไซต์ Tor และดาวน์โหลด Spice ในช่วงเวลาเดียวกัน
    การใช้ VM ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การตรวจสอบถือเป็นการละเมิดเงื่อนไข
    มีการค้นหาข้อมูลอ่อนไหวในช่วงเวลาเดียวกันกับการติดตั้ง Spice

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Tor exit node สามารถเห็นทราฟฟิกที่ไม่ได้เข้ารหัส เช่น HTTP แต่ไม่สามารถถอดรหัส HTTPS ได้
    การใช้ VM เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบเป็นเทคนิคที่รู้จักในวงการ IT
    การควบคุมตัวก่อนพิจารณาคดีในสหรัฐฯ มีผู้ถูกควบคุมมากกว่า 450,000 คนในปี 2025
    คดีนี้สะท้อนความเข้าใจผิดทางเทคนิคในกระบวนการยุติธรรม และการใช้คำศัพท์ผิดพลาดในศาล

    กลุ่มที่สนับสนุนและเห็นใจ
    หลายคนรู้สึกว่าการควบคุมตัวก่อนพิจารณาคดีนานถึง 3 ปีเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน
    มีการวิจารณ์การใช้คำว่า “graphics driver” เพื่อกล่าวหาทางเทคนิคที่ไม่สมเหตุสมผล
    ผู้ใช้จำนวนมากแนะนำให้ติดต่อองค์กรช่วยเหลือ เช่น EFF, สื่อมวลชน, หรือทนายความที่เชี่ยวชาญ
    มีการแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับระบบยุติธรรมที่ไม่เป็นธรรม เช่น การถูกกดดันให้รับข้อเสนอ plea bargain

    กลุ่มที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือวิเคราะห์เชิงเทคนิค
    มีผู้ใช้ที่อธิบายว่า SPICE เป็นซอฟต์แวร์สำหรับ remote VM ไม่ใช่ OS และไม่เกี่ยวกับ dark web
    บางคนอธิบายโครงสร้างของ Tor exit node และการเข้ารหัสอย่างถูกต้อง
    มีการอ้างอิงเอกสารจาก PACER และ CourtListener เพื่อชี้ให้เห็นว่า Rockenhaus เคยมีคดี CFAA มาก่อน
    มีการวิเคราะห์ว่าการใช้ VM และ iPhone ที่ไม่ได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ตรวจสอบเป็นการละเมิดเงื่อนไขการปล่อยตัว

    กลุ่มที่ตั้งข้อสงสัยหรือไม่เชื่อในคำกล่าวอ้างของ OP
    มีผู้ใช้ที่ระบุว่าโพสต์นี้เป็นการ “เล่นบทเหยื่อ” โดยละเลยข้อเท็จจริงสำคัญ เช่น ความเสียหายที่เคยก่อไว้กับบริษัทเก่า
    บางคนชี้ว่า OP เลือกนำเสนอเฉพาะด้านที่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายตน และละเลยข้อมูลที่อยู่ใน transcript
    มีการตั้งข้อสังเกตว่า OP อาจใช้ภาษาที่คล้ายกับการเขียนโดย LLM (AI) และหลีกเลี่ยงการตอบคำถามตรง ๆ
    มีการกล่าวถึงการค้นหา “North American Man/Boy Love Association” ใน log ซึ่งสร้างข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจตนา

    https://old.reddit.com/r/TOR/comments/1ni5drm/the_fbi_couldnt_get_my_husband_to_decrypt_his_tor/
    ⚖️ “กราฟิกไดรเวอร์ไม่ใช่อาวุธลับ — คดี Rockenhaus สะท้อนความเข้าใจผิดทางเทคนิคในกระบวนการยุติธรรมสหรัฐฯ” เรื่องราวของ Conrad Rockenhaus อดีตผู้ดูแลโหนด Tor ที่เคยให้บริการ exit node ความเร็วสูง กลายเป็นประเด็นร้อนในชุมชนความเป็นส่วนตัวออนไลน์ หลังจากภรรยาของเขาโพสต์ว่าเขาถูกควบคุมตัวก่อนการพิจารณาคดีนานถึง 3 ปี โดยอ้างว่า FBI ไม่สามารถบังคับให้เขาถอดรหัสทราฟฟิกจาก Tor ได้ จึงใช้ข้อหาเก่าเกี่ยวกับการละเมิด CFAA (Computer Fraud and Abuse Act) จากเหตุการณ์ในที่ทำงานเมื่อหลายปีก่อนเป็นข้ออ้างในการจับกุม สิ่งที่ทำให้คดีนี้กลายเป็นที่สนใจคือคำให้การของเจ้าหน้าที่คุมประพฤติที่อ้างว่า Rockenhaus ใช้ “Linux OS ชื่อ Spice” เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบและเข้าถึง “dark web” ซึ่งในความเป็นจริง Spice เป็นเพียงกราฟิกไดรเวอร์สำหรับการแสดงผลจาก virtual machine ไม่ใช่ระบบปฏิบัติการ และไม่สามารถ “ปิดการตรวจสอบ” ได้ตามที่กล่าวอ้าง แต่เมื่อดูจากเอกสารของศาลและคำให้การของเจ้าหน้าที่ FBI พบว่า Rockenhaus ได้ติดตั้ง Spice เพื่อเชื่อมต่อกับ VM ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การตรวจสอบ ซึ่งถือเป็นการละเมิดเงื่อนไขการปล่อยตัวก่อนพิจารณาคดี โดยเฉพาะเมื่อเขาใช้ iPhone ที่ไม่ได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ตรวจสอบ และมีการเข้าถึงเว็บไซต์ Tor รวมถึงการค้นหาข้อมูลที่อ่อนไหวในช่วงเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ ยังมีประเด็นจากอดีตที่เกี่ยวข้องกับการเข้าไปทำลายระบบของบริษัทเก่าที่เขาเคยทำงาน โดยใช้ VPN ที่หมดอายุเพื่อเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ และสร้างความเสียหายกว่า $500,000 ซึ่งเป็นต้นเหตุของการถูกตั้งข้อหาในครั้งแรก แม้ภรรยาของเขาจะยืนยันว่าเป็นการกลั่นแกล้งจากรัฐและมีการใช้ “หมายจับเท็จ” แต่ข้อมูลจากหลายแหล่ง รวมถึงเอกสารของศาลและการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญในชุมชนออนไลน์ แสดงให้เห็นว่าคดีนี้มีความซับซ้อน และไม่ใช่แค่เรื่องของการใช้ Tor หรือการปฏิเสธการถอดรหัสเท่านั้น ✅ ข้อมูลจากคดี Rockenhaus ➡️ ถูกควบคุมตัวก่อนพิจารณาคดีนาน 3 ปีจากข้อหา CFAA เก่า ➡️ เจ้าหน้าที่คุมประพฤติอ้างว่าใช้ “Linux OS ชื่อ Spice” เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ ➡️ Spice เป็นกราฟิกไดรเวอร์สำหรับ VM ไม่ใช่ OS และไม่เกี่ยวข้องกับ dark web ➡️ FBI ให้การว่า Rockenhaus ใช้ VM เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบจริง ✅ พฤติกรรมที่ละเมิดเงื่อนไขการปล่อยตัว ➡️ ใช้ iPhone ที่ไม่ได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ตรวจสอบ ➡️ เข้าถึงเว็บไซต์ Tor และดาวน์โหลด Spice ในช่วงเวลาเดียวกัน ➡️ การใช้ VM ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การตรวจสอบถือเป็นการละเมิดเงื่อนไข ➡️ มีการค้นหาข้อมูลอ่อนไหวในช่วงเวลาเดียวกันกับการติดตั้ง Spice ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Tor exit node สามารถเห็นทราฟฟิกที่ไม่ได้เข้ารหัส เช่น HTTP แต่ไม่สามารถถอดรหัส HTTPS ได้ ➡️ การใช้ VM เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบเป็นเทคนิคที่รู้จักในวงการ IT ➡️ การควบคุมตัวก่อนพิจารณาคดีในสหรัฐฯ มีผู้ถูกควบคุมมากกว่า 450,000 คนในปี 2025 ➡️ คดีนี้สะท้อนความเข้าใจผิดทางเทคนิคในกระบวนการยุติธรรม และการใช้คำศัพท์ผิดพลาดในศาล ✅ กลุ่มที่สนับสนุนและเห็นใจ ➡️ หลายคนรู้สึกว่าการควบคุมตัวก่อนพิจารณาคดีนานถึง 3 ปีเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน ➡️ มีการวิจารณ์การใช้คำว่า “graphics driver” เพื่อกล่าวหาทางเทคนิคที่ไม่สมเหตุสมผล ➡️ ผู้ใช้จำนวนมากแนะนำให้ติดต่อองค์กรช่วยเหลือ เช่น EFF, สื่อมวลชน, หรือทนายความที่เชี่ยวชาญ ➡️ มีการแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับระบบยุติธรรมที่ไม่เป็นธรรม เช่น การถูกกดดันให้รับข้อเสนอ plea bargain ✅ กลุ่มที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือวิเคราะห์เชิงเทคนิค ➡️ มีผู้ใช้ที่อธิบายว่า SPICE เป็นซอฟต์แวร์สำหรับ remote VM ไม่ใช่ OS และไม่เกี่ยวกับ dark web ➡️ บางคนอธิบายโครงสร้างของ Tor exit node และการเข้ารหัสอย่างถูกต้อง ➡️ มีการอ้างอิงเอกสารจาก PACER และ CourtListener เพื่อชี้ให้เห็นว่า Rockenhaus เคยมีคดี CFAA มาก่อน ➡️ มีการวิเคราะห์ว่าการใช้ VM และ iPhone ที่ไม่ได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ตรวจสอบเป็นการละเมิดเงื่อนไขการปล่อยตัว ‼️ กลุ่มที่ตั้งข้อสงสัยหรือไม่เชื่อในคำกล่าวอ้างของ OP ⛔ มีผู้ใช้ที่ระบุว่าโพสต์นี้เป็นการ “เล่นบทเหยื่อ” โดยละเลยข้อเท็จจริงสำคัญ เช่น ความเสียหายที่เคยก่อไว้กับบริษัทเก่า ⛔ บางคนชี้ว่า OP เลือกนำเสนอเฉพาะด้านที่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายตน และละเลยข้อมูลที่อยู่ใน transcript ⛔ มีการตั้งข้อสังเกตว่า OP อาจใช้ภาษาที่คล้ายกับการเขียนโดย LLM (AI) และหลีกเลี่ยงการตอบคำถามตรง ๆ ⛔ มีการกล่าวถึงการค้นหา “North American Man/Boy Love Association” ใน log ซึ่งสร้างข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจตนา https://old.reddit.com/r/TOR/comments/1ni5drm/the_fbi_couldnt_get_my_husband_to_decrypt_his_tor/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 338 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สุชาติ ตันเจริญ" เตรียมลงพื้นที่ "วัดพระบาทน้ำพุ"...ตรวจสอบเงินบริจาค...หลังเกิดประเด็นร้อนบัญชี "หมอบี"
    https://www.thai-tai.tv/news/21005/
    .
    #สุชาติ ตันเจริญ #วัดพระบาทน้ำพุ #หมอบี #เงินบริจาค #ข่าวสังคม #ไทยไท

    "สุชาติ ตันเจริญ" เตรียมลงพื้นที่ "วัดพระบาทน้ำพุ"...ตรวจสอบเงินบริจาค...หลังเกิดประเด็นร้อนบัญชี "หมอบี" https://www.thai-tai.tv/news/21005/ . #สุชาติ ตันเจริญ #วัดพระบาทน้ำพุ #หมอบี #เงินบริจาค #ข่าวสังคม #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุก ตอนที่ 4

    ยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุก (4)
    เพื่อเป็นการเตรียมปฎิบัติการกระชากสร้อย ให้สมบูรณ์ อเมริกาได้ปรับปรุงฐานทัพตนเอง
    ที่ตั้งอยู่ที Okinawa ใ้ห้เป็นศูนย์กลางของกองทัพในการรับมือกับจีน
    ปี 2010 มีทหารอเมริกัน จำนวน 35,000 นาย กับ พลเรือนที่กินเงินเดือนรัฐบาล อีกจำนวน
    5,500 นาย ประจำอยู่ที่ฐานทัพนี้ ยังมีกองทัพเรือที่ 7 อยู่ที่ Yukosuku และหน่วย
    นาวิกโยธิน อยู่ที่ Okinawa กับเครื่องบินรบของกองทัพอากาศ อีก 130 ลำ อยู่ที่
    ฐานทัพอากาศ Misawa และ Kadena นี่ยังไม่นับทหารอีก 45,000 นาย ที่ประจำการอยู่ที่เกาหลีใต้
    นอกจากนี้ อเมริกายังมีฐานทัพใหญ่ แอบอยู่ที่เกาะDiego Garcia แถวมหาสมุทรอินเดีย
    ปี 1971 กองทัพอเมริกาได้ขับไล่ชาวเกาะ ที่อาศัยอยู่ที่เกาะนี้ออกไปทั้งหมด เพื่อยึดเกาะนี้สร้างฐานทัพใหญ่ และจากฐานทัพนี้แหละที่อเมริกาดำเนินภาระกิจต่ออิรัค และ อัฟกานิสถาน
    ไม่ใช่แค่นั้น ปฏิบัติการกระชากสร้อย ยังมีส่วนที่น่าสนใจยิ่ง สำหรับสมันน้อย
    เพื่อเป็นกุญแจ 2 ชั้น กันจีนไม่ให้ผงาดทาบอเมริกาสำเร็จ และเข้าถึงแหล่งน้ำมัน
    ยากขึ้น อเมริกาจึงจัดหนัก ส่งออกสินค้าประเภท “Arab Spring” ไปทั่ว
    ระหว่าง ที่ประชาชนเรือนล้าน ใน ตูนีเซีย ลิเบีย อียิปต์ และ อีกหลายๆแห่ง ทีกระหายในเสรีภาพและประชาธิปไตย เป็นเรื่องจริง แต่เขาเหล่านั้น ก็ตกเป็นเหยื่อ ของยุทธศาสตร์การสร้างความโกลาหล ที่มีการจัดให้เกิดขึ้นในโลกอิสลาม ที่อุดมด้วยน้ำมัน ตั้งแต่ ลิเบีย ในอาฟริกาเหนือ ไล่มาจนถึงซีเรียและ อิหร่าน ในตะวันออกกลาง
    แล้วแน่ใจไหมว่า สินค้าประเภท Spring นั้นจิ๊กโก๋ส่งมาให้ไทยแลนด์ด้วยหรือเปล่า ดูกันให้ดีๆแล้วกัน สมันน้อย
    ความอยากได้น้ำมันของอเมริกา และความไม่อยากให้จีนได้น้ำมัน คืบไปเกือบทุกพื้นที่ในโลก ที่มี หรือคาดว่ามีน้ำมัน
    จีนประเมินว่า ทะเลจีนใต้ มีน้ำมันดิบประมาณ 18,000ล้านตัน (เทียบกับคูเวต ที่มี
    13,000ตัน) และประเมินว่า อาจมีแหล่งน้ำมัน แถวหมู่เกาะ Spratly และ Paraceในบริเวณทะเลจีนใต้ สูงถึงประมาณ 105,000 บาเรล และทั่วบริเวณทะเลจีนใต้ อาจเป็นตัวเลขสูงถึง 213,000 บาเรล
    ไม่น่าแปลก ที่ทะเลจีนใต้ถึงเป็นประเด็นร้อน เป็นที่ต้องการของประเทศแถวนั้น รวมทั้งประเทศที่อยู่คนละฝากของโลก อเมริกา พยายามเข้าไปขัดขา โดยใช้อิทธิพลทางการค้า
    ที่มีกับเวียตนาม
    และเมื่อเดือน กรกฎาคม 2012 เวียตนาม ก็ผ่านกฏหมายกำหนดเขต
    แดนทางทะเลเสียใหม่ ซึ่งเหมารวมหมู่เกาะ Spratly และ Paracel เข้าไปด้วย ทั้งนี้โดยการสนับสนุนอย่างสุดตัว ของอเมริกา
    เพื่อให้เนียน ปี 2010 บริษัทน้ำมันใหญ่ ของอเมริกา และ อังกฤษ ได้พากันไปยื่นประมูลการ สำรวจน้ำมัน ในทะเลจีนใต้ การประมูลของ Chevron และ BP
    เป็นกลยุทธที่อเมริกา เอาไว้อ้าง สำหรับการยกทัพเข้าไปปกป้องผลประโยชน์ของตนในทะเลจีนใต้
    เล่านิทานตอน ยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุกมา เพื่อให้คนอ่านนิทานเห็นภาพ ของ
    หมากล้อม ที่เขากำลังเล่นกันอยู่ เผื่อจะสนใจกันบ้าง
    เข้าใจหรอกว่า ตอนนี้ท่านผู้อ่านเกือบทุกคน กำลังสนใจ กลุ้มใจ ฯลฯ รวมทั้ง นั่งตากแดด ตากฝน ประกาศให้รู้ว่า เราไม่เอากฎหมายนิรโทษกรรม
    (คนเขียนนิทานก็ไม่เอาครับ)
    แต่อย่าลืมเรื่องกรณีเวียตนาม ที่ออกกฏหมายกำหนดเขตแดนทางทะเลใหม่
    แล้วนึกถึงเขมร เขาพระวิหาร และ รัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ที่ เขาเพิ่งใช้เสียงข้างมาก
    ขโมยสิทธิ ในการรับรู้ของเราไปแล้ว เมื่อวันที่ 8 พย นี้เอง รวมทั้งสินค้าส่งออกยี่ห้อ Spring กันบ้าง
    จิ๊กโก๋ ยังไม่ได้เปลี่ยนนิสัยสันดาน เล่ห์เหลียมที่ใช้ ก็ เดิมๆ เรื่องมันเหมือนใหม่ แต่ให้ตายเถอะ มันแค่เปลี่ยนฉาก เปลี่ยนตัวเล่น แค่นั้นเอง
    สวัสดีครับ

    คนเล่านิทาน
    ยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุก ตอนที่ 4 ยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุก (4) เพื่อเป็นการเตรียมปฎิบัติการกระชากสร้อย ให้สมบูรณ์ อเมริกาได้ปรับปรุงฐานทัพตนเอง ที่ตั้งอยู่ที Okinawa ใ้ห้เป็นศูนย์กลางของกองทัพในการรับมือกับจีน ปี 2010 มีทหารอเมริกัน จำนวน 35,000 นาย กับ พลเรือนที่กินเงินเดือนรัฐบาล อีกจำนวน 5,500 นาย ประจำอยู่ที่ฐานทัพนี้ ยังมีกองทัพเรือที่ 7 อยู่ที่ Yukosuku และหน่วย นาวิกโยธิน อยู่ที่ Okinawa กับเครื่องบินรบของกองทัพอากาศ อีก 130 ลำ อยู่ที่ ฐานทัพอากาศ Misawa และ Kadena นี่ยังไม่นับทหารอีก 45,000 นาย ที่ประจำการอยู่ที่เกาหลีใต้ นอกจากนี้ อเมริกายังมีฐานทัพใหญ่ แอบอยู่ที่เกาะDiego Garcia แถวมหาสมุทรอินเดีย ปี 1971 กองทัพอเมริกาได้ขับไล่ชาวเกาะ ที่อาศัยอยู่ที่เกาะนี้ออกไปทั้งหมด เพื่อยึดเกาะนี้สร้างฐานทัพใหญ่ และจากฐานทัพนี้แหละที่อเมริกาดำเนินภาระกิจต่ออิรัค และ อัฟกานิสถาน ไม่ใช่แค่นั้น ปฏิบัติการกระชากสร้อย ยังมีส่วนที่น่าสนใจยิ่ง สำหรับสมันน้อย เพื่อเป็นกุญแจ 2 ชั้น กันจีนไม่ให้ผงาดทาบอเมริกาสำเร็จ และเข้าถึงแหล่งน้ำมัน ยากขึ้น อเมริกาจึงจัดหนัก ส่งออกสินค้าประเภท “Arab Spring” ไปทั่ว ระหว่าง ที่ประชาชนเรือนล้าน ใน ตูนีเซีย ลิเบีย อียิปต์ และ อีกหลายๆแห่ง ทีกระหายในเสรีภาพและประชาธิปไตย เป็นเรื่องจริง แต่เขาเหล่านั้น ก็ตกเป็นเหยื่อ ของยุทธศาสตร์การสร้างความโกลาหล ที่มีการจัดให้เกิดขึ้นในโลกอิสลาม ที่อุดมด้วยน้ำมัน ตั้งแต่ ลิเบีย ในอาฟริกาเหนือ ไล่มาจนถึงซีเรียและ อิหร่าน ในตะวันออกกลาง แล้วแน่ใจไหมว่า สินค้าประเภท Spring นั้นจิ๊กโก๋ส่งมาให้ไทยแลนด์ด้วยหรือเปล่า ดูกันให้ดีๆแล้วกัน สมันน้อย ความอยากได้น้ำมันของอเมริกา และความไม่อยากให้จีนได้น้ำมัน คืบไปเกือบทุกพื้นที่ในโลก ที่มี หรือคาดว่ามีน้ำมัน จีนประเมินว่า ทะเลจีนใต้ มีน้ำมันดิบประมาณ 18,000ล้านตัน (เทียบกับคูเวต ที่มี 13,000ตัน) และประเมินว่า อาจมีแหล่งน้ำมัน แถวหมู่เกาะ Spratly และ Paraceในบริเวณทะเลจีนใต้ สูงถึงประมาณ 105,000 บาเรล และทั่วบริเวณทะเลจีนใต้ อาจเป็นตัวเลขสูงถึง 213,000 บาเรล ไม่น่าแปลก ที่ทะเลจีนใต้ถึงเป็นประเด็นร้อน เป็นที่ต้องการของประเทศแถวนั้น รวมทั้งประเทศที่อยู่คนละฝากของโลก อเมริกา พยายามเข้าไปขัดขา โดยใช้อิทธิพลทางการค้า ที่มีกับเวียตนาม และเมื่อเดือน กรกฎาคม 2012 เวียตนาม ก็ผ่านกฏหมายกำหนดเขต แดนทางทะเลเสียใหม่ ซึ่งเหมารวมหมู่เกาะ Spratly และ Paracel เข้าไปด้วย ทั้งนี้โดยการสนับสนุนอย่างสุดตัว ของอเมริกา เพื่อให้เนียน ปี 2010 บริษัทน้ำมันใหญ่ ของอเมริกา และ อังกฤษ ได้พากันไปยื่นประมูลการ สำรวจน้ำมัน ในทะเลจีนใต้ การประมูลของ Chevron และ BP เป็นกลยุทธที่อเมริกา เอาไว้อ้าง สำหรับการยกทัพเข้าไปปกป้องผลประโยชน์ของตนในทะเลจีนใต้ เล่านิทานตอน ยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุกมา เพื่อให้คนอ่านนิทานเห็นภาพ ของ หมากล้อม ที่เขากำลังเล่นกันอยู่ เผื่อจะสนใจกันบ้าง เข้าใจหรอกว่า ตอนนี้ท่านผู้อ่านเกือบทุกคน กำลังสนใจ กลุ้มใจ ฯลฯ รวมทั้ง นั่งตากแดด ตากฝน ประกาศให้รู้ว่า เราไม่เอากฎหมายนิรโทษกรรม (คนเขียนนิทานก็ไม่เอาครับ) แต่อย่าลืมเรื่องกรณีเวียตนาม ที่ออกกฏหมายกำหนดเขตแดนทางทะเลใหม่ แล้วนึกถึงเขมร เขาพระวิหาร และ รัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ที่ เขาเพิ่งใช้เสียงข้างมาก ขโมยสิทธิ ในการรับรู้ของเราไปแล้ว เมื่อวันที่ 8 พย นี้เอง รวมทั้งสินค้าส่งออกยี่ห้อ Spring กันบ้าง จิ๊กโก๋ ยังไม่ได้เปลี่ยนนิสัยสันดาน เล่ห์เหลียมที่ใช้ ก็ เดิมๆ เรื่องมันเหมือนใหม่ แต่ให้ตายเถอะ มันแค่เปลี่ยนฉาก เปลี่ยนตัวเล่น แค่นั้นเอง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 541 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ไทย-กัมพูชา" ประชุม RBC ระดับเลขานุการ...ถก 5 ประเด็นร้อน! จาก "หยุดยิง" สู่ "การยั่วยุ"...หวังคลี่คลายสถานการณ์ชายแดน
    https://www.thai-tai.tv/news/20944/
    .
    #RBC #ชายแดนไทยกัมพูชา #การประชุม #ข่าวความมั่นคง #ตราด #ไทยไท
    "ไทย-กัมพูชา" ประชุม RBC ระดับเลขานุการ...ถก 5 ประเด็นร้อน! จาก "หยุดยิง" สู่ "การยั่วยุ"...หวังคลี่คลายสถานการณ์ชายแดน https://www.thai-tai.tv/news/20944/ . #RBC #ชายแดนไทยกัมพูชา #การประชุม #ข่าวความมั่นคง #ตราด #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ทักษิณไม่ไว้ใจ"! “อังคณา” เปิดประเด็นร้อน...ชี้ช่อง “ชัยเกษม” ขึ้นแทนนายกฯ ได้...แต่หวั่น "อำนาจนอกสภา" ไม่ยอม!
    https://www.thai-tai.tv/news/20729/
    .
    #อังคณา #แพทองธารชินวัตร #ชัยเกษมนิติสิริ #นายกฯคนนอก #รัฐธรรมนูญ #ทักษิณชินวัตร #การเมืองไทย #ไทยไท
    "ทักษิณไม่ไว้ใจ"! “อังคณา” เปิดประเด็นร้อน...ชี้ช่อง “ชัยเกษม” ขึ้นแทนนายกฯ ได้...แต่หวั่น "อำนาจนอกสภา" ไม่ยอม! https://www.thai-tai.tv/news/20729/ . #อังคณา #แพทองธารชินวัตร #ชัยเกษมนิติสิริ #นายกฯคนนอก #รัฐธรรมนูญ #ทักษิณชินวัตร #การเมืองไทย #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 303 มุมมอง 0 รีวิว
  • 22 กรกฏาคม 2568- รายงานจากเพจ ThePublisher ระบุว่า 144-88” รหัสล้างบางนักการเมือง!คำนูณ ชี้โทษร้ายแรงอาจล้มทั้ง ครม.ถึงขั้นปลัดกระทรวงนั่งแทนนายกฯ22 กรกฎาคม 2568 — นายคำนูณ สิทธิสมาน อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊กวิเคราะห์เจาะลึกกรณีการร้องเรียนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ซึ่งขณะนี้กลายเป็นประเด็นร้อนในทางการเมือง โดยเรียกคดีนี้ว่า “144-88 รหัสล้างบางนักการเมือง” พร้อมเตือนว่าโทษของความผิดร้ายแรงถึงขั้น “สิ้นสุดสมาชิกภาพ” ของ ส.ส. และ “พ้นตำแหน่งทั้งคณะ” สำหรับคณะรัฐมนตรี รวมถึงอาจนำไปสู่สถานการณ์ที่ “ปลัดกระทรวง” ต้องมานั่งแทนนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 168 วรรคสอง ซึ่งไม่เคยถูกใช้มาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองไทย—————จุดเริ่มต้น: ศาลรับเรื่องไต่สวนรองประธานสภานายคำนูณระบุว่า เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องที่กล่าวหารองประธานสภาผู้แทนราษฎรว่ากระทำผิดตามมาตรา 144 วรรคสอง (มีส่วนในการใช้งบประมาณรายจ่าย) โดยคำร้องดังกล่าวมาจาก ส.ส.พรรคประชาชนที่เข้าชื่อกันยื่นตรงต่อศาล ซึ่งต้องมีคำวินิจฉัยภายใน 15 วัน กระบวนการไต่สวนจึงเดินหน้าอย่างเร่งด่วน————-ตีความ “144” กับ “88” — จุดเปลี่ยนทางนิติรัฐนายคำนูณอธิบายว่ามาตรา 144 แห่งรัฐธรรมนูญปี 2560 มี 2 ฐานความผิดหลัก ได้แก่ 1. วรรคหนึ่ง – ห้าม ส.ส. แปรญัตติลดหรือตัดทอนรายจ่ายที่เป็นเงินส่งใช้ต้นเงินกู้ ดอกเบี้ยเงินกู้ และเงินที่กำหนดให้จ่ายตามกฎหมาย 2. วรรคสอง – ห้ามไม่ให้ผู้ดำรงตำแหน่งในรัฐสภามีส่วนร่วมโดยตรงหรืออ้อมกับการใช้งบประมาณโดยมีช่องทางร้องเรียน 2 ทาง ได้แก่ • ส.ส. หรือ ส.ว. เข้าชื่อยื่นตรงต่อศาล (ยื่นได้เฉพาะวรรคสอง) • แจ้งผ่าน ป.ป.ช. ตามวรรคสี่ ซึ่งนายคำนูณย้ำว่า “ประชาชนทั่วไป” ก็สามารถกระทำได้ภายใต้บทบัญญัติมาตรา 88 ของ พ.ร.ป. ป.ป.ช. ปี 2561คีย์เวิร์ดสำคัญในมาตรา 88 คือ “เมื่อความปรากฏต่อ ป.ป.ช.” ซึ่งนายคำนูณชี้ว่า เปิดทางให้กรณีที่ประชาชนร้องเรียนใด ๆ หาก ป.ป.ช. รับรู้และเห็นว่ามีมูล ก็ถือว่าเข้าหลักเกณฑ์ทันทีโดยไม่ต้องผูกกับช่วงเวลาของการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ————-โทษร้ายแรง—กระทบทั้งสภาและรัฐบาลขณะที่มาตรา 144 วรรคสาม ยังกำหนดเรียกเงินคืนบวกดอกเบี้ย กำหนดอายุความ 20 ปีด้วยสำหรับฐานความผิดมีโทษร้ายแรง : • สมาชิกภาพ ส.ส./ส.ว. สิ้นสุดทันที • เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง • ครม.พ้นตำแหน่งทั้งคณะ เว้นผู้ที่พิสูจน์ได้ว่าไม่อยู่ในที่ประชุม • ผู้กระทำผิดต้องใช้เงินคืนพร้อมดอกเบี้ย โดยมีอายุความ 20 ปี • และอาจมีความผิดทางอาญาตามมาอีกด้วย—————อาจได้เห็น ปลัดกระทรวงทำหน้าที่แทนนายกฯหากคณะรัฐมนตรีพ้นตำแหน่งเพราะคดีนี้ มาตรา 168 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญกำหนดว่า “จะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปมิได้” ส่งผลให้เกิดสุญญากาศทางอำนาจ ซึ่งนายคำนูณชี้ว่าอาจนำไปสู่กรณีที่ “ปลัดกระทรวงแต่ละกระทรวงทำหน้าที่แทน รัฐมนตรีเจ้ากระทรวง” และ “ประชุมคัดเลือกปลัดกระทรวงผู้หนึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ” ตามกลไกในรัฐธรรมนูญ — ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน——————— ต้องจับตาศาลรัฐธรรมนูญนายคำนูณปิดท้ายว่า “จะมากจะน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ” พร้อมระบุว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงเรื่องเฉพาะรายบุคคล แต่เป็น “รหัสล้างบางนักการเมือง” ที่อาจเปลี่ยนโฉมการเมืองไทยทั้งระบบ“บทเพลง 144 เริ่มบรรเลงแล้ว แม้นช่วงโหมโรงนี้ท่วงทำนองจะเริ่มต้นแบบเนิบ ๆ แต่ความความดุดันกระแทกกระทั้น และเหนือความคาดหมายยากคาดเดา กำลังจะตามมา…” — คำนูณ สิทธิสมาน#ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #พิเชษฐ์เชื้อเมืองพาน
    22 กรกฏาคม 2568- รายงานจากเพจ ThePublisher ระบุว่า 144-88” รหัสล้างบางนักการเมือง!คำนูณ ชี้โทษร้ายแรงอาจล้มทั้ง ครม.ถึงขั้นปลัดกระทรวงนั่งแทนนายกฯ22 กรกฎาคม 2568 — นายคำนูณ สิทธิสมาน อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊กวิเคราะห์เจาะลึกกรณีการร้องเรียนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ซึ่งขณะนี้กลายเป็นประเด็นร้อนในทางการเมือง โดยเรียกคดีนี้ว่า “144-88 รหัสล้างบางนักการเมือง” พร้อมเตือนว่าโทษของความผิดร้ายแรงถึงขั้น “สิ้นสุดสมาชิกภาพ” ของ ส.ส. และ “พ้นตำแหน่งทั้งคณะ” สำหรับคณะรัฐมนตรี รวมถึงอาจนำไปสู่สถานการณ์ที่ “ปลัดกระทรวง” ต้องมานั่งแทนนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 168 วรรคสอง ซึ่งไม่เคยถูกใช้มาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองไทย—————จุดเริ่มต้น: ศาลรับเรื่องไต่สวนรองประธานสภานายคำนูณระบุว่า เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องที่กล่าวหารองประธานสภาผู้แทนราษฎรว่ากระทำผิดตามมาตรา 144 วรรคสอง (มีส่วนในการใช้งบประมาณรายจ่าย) โดยคำร้องดังกล่าวมาจาก ส.ส.พรรคประชาชนที่เข้าชื่อกันยื่นตรงต่อศาล ซึ่งต้องมีคำวินิจฉัยภายใน 15 วัน กระบวนการไต่สวนจึงเดินหน้าอย่างเร่งด่วน————-ตีความ “144” กับ “88” — จุดเปลี่ยนทางนิติรัฐนายคำนูณอธิบายว่ามาตรา 144 แห่งรัฐธรรมนูญปี 2560 มี 2 ฐานความผิดหลัก ได้แก่ 1. วรรคหนึ่ง – ห้าม ส.ส. แปรญัตติลดหรือตัดทอนรายจ่ายที่เป็นเงินส่งใช้ต้นเงินกู้ ดอกเบี้ยเงินกู้ และเงินที่กำหนดให้จ่ายตามกฎหมาย 2. วรรคสอง – ห้ามไม่ให้ผู้ดำรงตำแหน่งในรัฐสภามีส่วนร่วมโดยตรงหรืออ้อมกับการใช้งบประมาณโดยมีช่องทางร้องเรียน 2 ทาง ได้แก่ • ส.ส. หรือ ส.ว. เข้าชื่อยื่นตรงต่อศาล (ยื่นได้เฉพาะวรรคสอง) • แจ้งผ่าน ป.ป.ช. ตามวรรคสี่ ซึ่งนายคำนูณย้ำว่า “ประชาชนทั่วไป” ก็สามารถกระทำได้ภายใต้บทบัญญัติมาตรา 88 ของ พ.ร.ป. ป.ป.ช. ปี 2561คีย์เวิร์ดสำคัญในมาตรา 88 คือ “เมื่อความปรากฏต่อ ป.ป.ช.” ซึ่งนายคำนูณชี้ว่า เปิดทางให้กรณีที่ประชาชนร้องเรียนใด ๆ หาก ป.ป.ช. รับรู้และเห็นว่ามีมูล ก็ถือว่าเข้าหลักเกณฑ์ทันทีโดยไม่ต้องผูกกับช่วงเวลาของการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ————-โทษร้ายแรง—กระทบทั้งสภาและรัฐบาลขณะที่มาตรา 144 วรรคสาม ยังกำหนดเรียกเงินคืนบวกดอกเบี้ย กำหนดอายุความ 20 ปีด้วยสำหรับฐานความผิดมีโทษร้ายแรง : • สมาชิกภาพ ส.ส./ส.ว. สิ้นสุดทันที • เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง • ครม.พ้นตำแหน่งทั้งคณะ เว้นผู้ที่พิสูจน์ได้ว่าไม่อยู่ในที่ประชุม • ผู้กระทำผิดต้องใช้เงินคืนพร้อมดอกเบี้ย โดยมีอายุความ 20 ปี • และอาจมีความผิดทางอาญาตามมาอีกด้วย—————อาจได้เห็น ปลัดกระทรวงทำหน้าที่แทนนายกฯหากคณะรัฐมนตรีพ้นตำแหน่งเพราะคดีนี้ มาตรา 168 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญกำหนดว่า “จะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปมิได้” ส่งผลให้เกิดสุญญากาศทางอำนาจ ซึ่งนายคำนูณชี้ว่าอาจนำไปสู่กรณีที่ “ปลัดกระทรวงแต่ละกระทรวงทำหน้าที่แทน รัฐมนตรีเจ้ากระทรวง” และ “ประชุมคัดเลือกปลัดกระทรวงผู้หนึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ” ตามกลไกในรัฐธรรมนูญ — ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน——————— ต้องจับตาศาลรัฐธรรมนูญนายคำนูณปิดท้ายว่า “จะมากจะน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ” พร้อมระบุว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงเรื่องเฉพาะรายบุคคล แต่เป็น “รหัสล้างบางนักการเมือง” ที่อาจเปลี่ยนโฉมการเมืองไทยทั้งระบบ“บทเพลง 144 เริ่มบรรเลงแล้ว แม้นช่วงโหมโรงนี้ท่วงทำนองจะเริ่มต้นแบบเนิบ ๆ แต่ความความดุดันกระแทกกระทั้น และเหนือความคาดหมายยากคาดเดา กำลังจะตามมา…” — คำนูณ สิทธิสมาน#ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #พิเชษฐ์เชื้อเมืองพาน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 567 มุมมอง 0 รีวิว
  • "พิชัย" เผย "ทักษิณ" ร่วมประชุมทีมไทยแลนด์ เตรียมรับมือภาษีสหรัฐฯ ยันเร่งเจรจาก่อน 1 ส.ค. ตั้งเป้าไม่เสียเปรียบคู่แข่ง!
    https://www.thai-tai.tv/news/20227/
    .
    #ทักษิณชินวัตร #พิชัยชุณหวชิร #ภาษีนำเข้า #โดนัลด์ทรัมป์ #ทีมไทยแลนด์ #บ้านพิษณุโลก #เศรษฐกิจไทย #การค้าระหว่างประเทศ #รัฐบาลไทย #ประเด็นร้อน
    "พิชัย" เผย "ทักษิณ" ร่วมประชุมทีมไทยแลนด์ เตรียมรับมือภาษีสหรัฐฯ ยันเร่งเจรจาก่อน 1 ส.ค. ตั้งเป้าไม่เสียเปรียบคู่แข่ง! https://www.thai-tai.tv/news/20227/ . #ทักษิณชินวัตร #พิชัยชุณหวชิร #ภาษีนำเข้า #โดนัลด์ทรัมป์ #ทีมไทยแลนด์ #บ้านพิษณุโลก #เศรษฐกิจไทย #การค้าระหว่างประเทศ #รัฐบาลไทย #ประเด็นร้อน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 463 มุมมอง 0 รีวิว
  • กัมพูชาฟ้องยูเนสโก! ไทยโต้กลับ ปม "วัดภูม่านฟ้า" ลอกเลียนนครวัด เวทีโลกเดือด
    https://www.thai-tai.tv/news/20204/
    .
    #วัดภูม่านฟ้า #นครวัด #กัมพูชา #ยูเนสโก #มรดกโลก #ประเทศไทย #ประเด็นร้อน #การต่างประเทศ #เฟืองสกุณา #สีหศักดิ์พวงเกตุแก้ว
    กัมพูชาฟ้องยูเนสโก! ไทยโต้กลับ ปม "วัดภูม่านฟ้า" ลอกเลียนนครวัด เวทีโลกเดือด https://www.thai-tai.tv/news/20204/ . #วัดภูม่านฟ้า #นครวัด #กัมพูชา #ยูเนสโก #มรดกโลก #ประเทศไทย #ประเด็นร้อน #การต่างประเทศ #เฟืองสกุณา #สีหศักดิ์พวงเกตุแก้ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 345 มุมมอง 0 รีวิว
  • รมว.วัฒนธรรม กัมพูชา โร่ฟ้อง ยูเนสโก ตรวจสอบไทย สร้างวัดภูม่านฟ้า
    https://www.thai-tai.tv/news/20194/
    .
    #วัดภูม่านฟ้า #นครวัด #บุรีรัมย์ #กัมพูชา #ยูเนสโก #มรดกโลก #วัฒนธรรมเขมร #สถาปัตยกรรมไทย #การต่างประเทศ #ประเด็นร้อน
    รมว.วัฒนธรรม กัมพูชา โร่ฟ้อง ยูเนสโก ตรวจสอบไทย สร้างวัดภูม่านฟ้า https://www.thai-tai.tv/news/20194/ . #วัดภูม่านฟ้า #นครวัด #บุรีรัมย์ #กัมพูชา #ยูเนสโก #มรดกโลก #วัฒนธรรมเขมร #สถาปัตยกรรมไทย #การต่างประเทศ #ประเด็นร้อน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 439 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยังคงเป็นประเด็นร้อนในแวดวงการเมือง ที่หลายฝ่ายกำลังจับตามอง สำหรับการทยอยลาออกของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ล่าสุด นายชานน สัมพันธารักษ์ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นความประสงค์ขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคฯ รวมไปถึง ขอลาออกจากทุกตำแหน่ง มีผลนับตั้งแต่วันที่ยื่นใบลาออก (9 กรกฎาคม 2568)

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000064850

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ยังคงเป็นประเด็นร้อนในแวดวงการเมือง ที่หลายฝ่ายกำลังจับตามอง สำหรับการทยอยลาออกของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ล่าสุด นายชานน สัมพันธารักษ์ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นความประสงค์ขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคฯ รวมไปถึง ขอลาออกจากทุกตำแหน่ง มีผลนับตั้งแต่วันที่ยื่นใบลาออก (9 กรกฎาคม 2568) อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000064850 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 683 มุมมอง 0 รีวิว
  • อยู่ดี ๆ บน GitHub ก็มีรายงานจากกลุ่มชื่อ HonestAGI โพสต์งานวิเคราะห์ที่ชี้ว่า → Huawei ใช้ โมเดล Qwen 2.5–14B ของ Alibaba เป็นพื้นฐาน → แล้ว “ปรับแต่ง–ฝึกต่อ (incremental training)” กลายเป็น Pangu Pro MOE ที่เปิดตัวเมื่อเร็ว ๆ นี้ → รายงานนี้บอกว่าโมเดลสองตัวมี “ความคล้ายอย่างผิดปกติ” จนไม่น่าเกิดจากแค่บังเอิญ

    ประเด็นร้อนคือ:
    - ถ้าจริง = Huawei อาจ ละเมิดลิขสิทธิ์โมเดล + ใส่ข้อมูลเท็จในรายงานทางเทคนิค
    - ถ้าไม่จริง = HonestAGI เองก็ไม่มีโปร่งใส และไม่รู้ว่าเบื้องหลังเป็นใคร

    Huawei ไม่รอช้า ออกแถลงการณ์ผ่านห้องวิจัย AI “Noah’s Ark Lab” → ยืนยันว่า Pangu Pro Moe ฝึกจากศูนย์ (from scratch) → ชี้ว่าโมเดลนี้ใช้ Huawei Ascend chip ทุกขั้นตอน และ “ออกแบบโครงสร้างเองทั้งหมด” → ยอมรับว่าอ้างอิง open-source แต่ ปฏิบัติตามเงื่อนไขลิขสิทธิ์อย่างเคร่งครัด

    Alibaba ปฏิเสธให้ความเห็น และยังไม่มีตัวตนของ HonestAGI เปิดเผยอย่างชัดเจน

    หลายฝ่ายมองว่าเรื่องนี้สะท้อน “การแข่งขันและความกดดันสูง” ในวงการ LLM จีน ที่ตอนนี้ Qwen–DeepSeek–Pangu–Baichuan ต่างเปิดโมเดลแข่งกันอย่างดุเดือด

    กลุ่ม HonestAGI เผยแพร่งานวิเคราะห์โมเดล Huawei ว่า “มีความสัมพันธ์สูงผิดปกติกับ Qwen 2.5”  
    • คาดว่าฝึกต่อจากโมเดล Alibaba โดยไม่ฝึกเองตั้งแต่ต้น  
    • ชี้ว่าอาจมีการใส่ข้อมูลเท็จ–ละเมิด open source license

    Huawei ออกแถลงการณ์โต้ทันทีว่า “ไม่ได้ลอก”  
    • โมเดล Pangu Pro MOE ใช้ชิป Ascend ทั้งหมด  
    • พัฒนาเองทุกด้าน ทั้งสถาปัตยกรรมและข้อมูล  
    • ยอมรับใช้อ้างอิง open source แต่ไม่ระบุว่าใช้อะไรบ้าง

    Huawei เปิด source โมเดลนี้บน GitCode ตั้งแต่ปลาย มิ.ย. 2025 เพื่อให้เข้าถึงง่ายขึ้น  
    • พยายามผลักดันการใช้งานในสายรัฐบาล, การเงิน, อุตสาหกรรม

    โมเดล Qwen ของ Alibaba ถูกออกแบบมาเน้นใช้งานฝั่ง consumer เช่น chatbot เหมือน GPT

    จนถึงขณะนี้ Alibaba ยังไม่มีแถลงอย่างเป็นทางการ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/07/huawei039s-ai-lab-denies-that-one-of-its-pangu-models-copied-alibaba039s-qwen
    อยู่ดี ๆ บน GitHub ก็มีรายงานจากกลุ่มชื่อ HonestAGI โพสต์งานวิเคราะห์ที่ชี้ว่า → Huawei ใช้ โมเดล Qwen 2.5–14B ของ Alibaba เป็นพื้นฐาน → แล้ว “ปรับแต่ง–ฝึกต่อ (incremental training)” กลายเป็น Pangu Pro MOE ที่เปิดตัวเมื่อเร็ว ๆ นี้ → รายงานนี้บอกว่าโมเดลสองตัวมี “ความคล้ายอย่างผิดปกติ” จนไม่น่าเกิดจากแค่บังเอิญ ประเด็นร้อนคือ: - ถ้าจริง = Huawei อาจ ละเมิดลิขสิทธิ์โมเดล + ใส่ข้อมูลเท็จในรายงานทางเทคนิค - ถ้าไม่จริง = HonestAGI เองก็ไม่มีโปร่งใส และไม่รู้ว่าเบื้องหลังเป็นใคร Huawei ไม่รอช้า ออกแถลงการณ์ผ่านห้องวิจัย AI “Noah’s Ark Lab” → ยืนยันว่า Pangu Pro Moe ฝึกจากศูนย์ (from scratch) → ชี้ว่าโมเดลนี้ใช้ Huawei Ascend chip ทุกขั้นตอน และ “ออกแบบโครงสร้างเองทั้งหมด” → ยอมรับว่าอ้างอิง open-source แต่ ปฏิบัติตามเงื่อนไขลิขสิทธิ์อย่างเคร่งครัด Alibaba ปฏิเสธให้ความเห็น และยังไม่มีตัวตนของ HonestAGI เปิดเผยอย่างชัดเจน หลายฝ่ายมองว่าเรื่องนี้สะท้อน “การแข่งขันและความกดดันสูง” ในวงการ LLM จีน ที่ตอนนี้ Qwen–DeepSeek–Pangu–Baichuan ต่างเปิดโมเดลแข่งกันอย่างดุเดือด ✅ กลุ่ม HonestAGI เผยแพร่งานวิเคราะห์โมเดล Huawei ว่า “มีความสัมพันธ์สูงผิดปกติกับ Qwen 2.5”   • คาดว่าฝึกต่อจากโมเดล Alibaba โดยไม่ฝึกเองตั้งแต่ต้น   • ชี้ว่าอาจมีการใส่ข้อมูลเท็จ–ละเมิด open source license ✅ Huawei ออกแถลงการณ์โต้ทันทีว่า “ไม่ได้ลอก”   • โมเดล Pangu Pro MOE ใช้ชิป Ascend ทั้งหมด   • พัฒนาเองทุกด้าน ทั้งสถาปัตยกรรมและข้อมูล   • ยอมรับใช้อ้างอิง open source แต่ไม่ระบุว่าใช้อะไรบ้าง ✅ Huawei เปิด source โมเดลนี้บน GitCode ตั้งแต่ปลาย มิ.ย. 2025 เพื่อให้เข้าถึงง่ายขึ้น   • พยายามผลักดันการใช้งานในสายรัฐบาล, การเงิน, อุตสาหกรรม ✅ โมเดล Qwen ของ Alibaba ถูกออกแบบมาเน้นใช้งานฝั่ง consumer เช่น chatbot เหมือน GPT ✅ จนถึงขณะนี้ Alibaba ยังไม่มีแถลงอย่างเป็นทางการ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/07/huawei039s-ai-lab-denies-that-one-of-its-pangu-models-copied-alibaba039s-qwen
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Huawei's AI lab denies that one of its Pangu models copied Alibaba's Qwen
    Huawei's artificial intelligence research division has rejected claims that a version of its Pangu Pro large language model has copied elements from an Alibaba model, saying that it was independently developed and trained.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 362 มุมมอง 0 รีวิว
  • กต.-กห.กัมพูชาแถลงประณามไทย ขวางคนเขมรคล้องผ้าขาวม้าติดธงเข้าปราสาทตาควาย ในประเทศไทย
    https://www.thai-tai.tv/news/20063/
    .
    #ไทยกัมพูชา #ปราสาทตาควาย #ข้อพิพาทชายแดน #ธงชาติ #ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ #กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา #กระทรวงกลาโหมกัมพูชา #ประเด็นร้อน #การท่องเที่ยว #ชายแดนไทยกัมพูชา
    กต.-กห.กัมพูชาแถลงประณามไทย ขวางคนเขมรคล้องผ้าขาวม้าติดธงเข้าปราสาทตาควาย ในประเทศไทย https://www.thai-tai.tv/news/20063/ . #ไทยกัมพูชา #ปราสาทตาควาย #ข้อพิพาทชายแดน #ธงชาติ #ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ #กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา #กระทรวงกลาโหมกัมพูชา #ประเด็นร้อน #การท่องเที่ยว #ชายแดนไทยกัมพูชา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 432 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่างนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร และสมเด็จ ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่เป็นประเด็นร้อนแรงถึงเนื้อหาและความเหมาะสมนั้น วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับบุคคลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการสื่อสารนี้ นั่นคือ "ล่ามปริศนา" ที่ทำหน้าที่แปลภาษาไทย-เขมร และเขมร-ไทย ให้ผู้นำทั้งสองเข้าใจกันได้อย่างลึกซึ้ง“พี่ฮวด” เขาคือใคร?จากการตรวจสอบของ "เนชั่นทีวี" ล่ามผู้นี้คือ นาย เคลียง ฮวด หรือที่คนใกล้ชิดในตระกูลชินวัตรเรียกขานอย่างสนิทสนมว่า "ผอ.ฮวด" หรือ "พี่ฮวด" ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีตำแหน่งปัจจุบันของเขาไม่ใช่ธรรมดา เพราะเป็นถึงนายกเทศมนตรีของเขตจรอย จองวา และรองผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้ช่วยคนสนิทของสมเด็จ ฮุน เซน ตั้งแต่สมัยที่ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชาแหล่งข่าวจากอดีตคนใกล้ชิดของตระกูลชินวัตรเล่าว่า "พี่ฮวด" ถือเป็นเหมือนเลขาฯ ส่วนตัวและผู้ช่วยใกล้ชิดของสมเด็จ ฮุน เซน มานานแล้ว โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย เนื่องจากเขาสามารถพูดและฟังภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่วมาก ทำให้เขารับหน้าที่เป็นผู้ประสานงานหลักระหว่างฮุน เซน และฝ่ายไทยมาโดยตลอด"พี่ฮวด" ไม่เพียงแค่สนิทสนมกับสมเด็จ ฮุน เซน เท่านั้น แต่เขายังรู้จักและสนิทกับอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เป็นอย่างดี เคยให้ความช่วยเหลืออดีตนายกฯ ทักษิณ ในช่วงที่หลบหนีคดีในต่างประเทศ คอยประสานงานต่างๆ ให้อย่างใกล้ชิด และรับบทบาทเป็นล่ามให้ทั้งสองฝ่าย คือทั้งของสมเด็จ ฮุน เซน และของตระกูลชินวัตรแสดงให้เห็นว่า "พี่ฮวด" หรือ "ผอ.ฮวด" เป็นบุคคลที่สมเด็จ ฮุน เซน ไว้วางใจอย่างมาก มักจะปรึกษาหารือและสอบถามในหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับประเทศไทย
    จากกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่างนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร และสมเด็จ ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่เป็นประเด็นร้อนแรงถึงเนื้อหาและความเหมาะสมนั้น วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับบุคคลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการสื่อสารนี้ นั่นคือ "ล่ามปริศนา" ที่ทำหน้าที่แปลภาษาไทย-เขมร และเขมร-ไทย ให้ผู้นำทั้งสองเข้าใจกันได้อย่างลึกซึ้ง“พี่ฮวด” เขาคือใคร?จากการตรวจสอบของ "เนชั่นทีวี" ล่ามผู้นี้คือ นาย เคลียง ฮวด หรือที่คนใกล้ชิดในตระกูลชินวัตรเรียกขานอย่างสนิทสนมว่า "ผอ.ฮวด" หรือ "พี่ฮวด" ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีตำแหน่งปัจจุบันของเขาไม่ใช่ธรรมดา เพราะเป็นถึงนายกเทศมนตรีของเขตจรอย จองวา และรองผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้ช่วยคนสนิทของสมเด็จ ฮุน เซน ตั้งแต่สมัยที่ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชาแหล่งข่าวจากอดีตคนใกล้ชิดของตระกูลชินวัตรเล่าว่า "พี่ฮวด" ถือเป็นเหมือนเลขาฯ ส่วนตัวและผู้ช่วยใกล้ชิดของสมเด็จ ฮุน เซน มานานแล้ว โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย เนื่องจากเขาสามารถพูดและฟังภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่วมาก ทำให้เขารับหน้าที่เป็นผู้ประสานงานหลักระหว่างฮุน เซน และฝ่ายไทยมาโดยตลอด"พี่ฮวด" ไม่เพียงแค่สนิทสนมกับสมเด็จ ฮุน เซน เท่านั้น แต่เขายังรู้จักและสนิทกับอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เป็นอย่างดี เคยให้ความช่วยเหลืออดีตนายกฯ ทักษิณ ในช่วงที่หลบหนีคดีในต่างประเทศ คอยประสานงานต่างๆ ให้อย่างใกล้ชิด และรับบทบาทเป็นล่ามให้ทั้งสองฝ่าย คือทั้งของสมเด็จ ฮุน เซน และของตระกูลชินวัตรแสดงให้เห็นว่า "พี่ฮวด" หรือ "ผอ.ฮวด" เป็นบุคคลที่สมเด็จ ฮุน เซน ไว้วางใจอย่างมาก มักจะปรึกษาหารือและสอบถามในหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับประเทศไทย
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 495 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3วัน-3ปมร้อน ”บิ๊กอ้วน”ยกเลิกไปปารีส ศุกร์13 มิ.ย.”ทักษิณ” คุก-ไม่คุก?
    .
    การเมืองสัปดาห์นี้ มีเรื่องฮอท ประเด็นร้อนให้ติตดามกันแบบเรียงสามวันรวด ติดๆกัน อัดกันไปแบบจุกๆเน้นๆ ที่ทำให้การเมืองสัปดาห์นี้ ร้อนทะลุปรอทแตกกลางฤดูฝน ชนิดที่ สายฝนที่โปรยปรายและโหมกระหน่ำกรุงเทพฯมาหลายวันติดกัน ก็ยังคลายความร้อนการเมืองสัปดาห์นี้ ลงไม่ได้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000054210

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    3วัน-3ปมร้อน ”บิ๊กอ้วน”ยกเลิกไปปารีส ศุกร์13 มิ.ย.”ทักษิณ” คุก-ไม่คุก? . การเมืองสัปดาห์นี้ มีเรื่องฮอท ประเด็นร้อนให้ติตดามกันแบบเรียงสามวันรวด ติดๆกัน อัดกันไปแบบจุกๆเน้นๆ ที่ทำให้การเมืองสัปดาห์นี้ ร้อนทะลุปรอทแตกกลางฤดูฝน ชนิดที่ สายฝนที่โปรยปรายและโหมกระหน่ำกรุงเทพฯมาหลายวันติดกัน ก็ยังคลายความร้อนการเมืองสัปดาห์นี้ ลงไม่ได้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000054210 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 727 มุมมอง 0 รีวิว
  • รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต วิเคราะห์งบประมาณ 2569: เครื่องมือพยุงอำนาจ หรือแผนพัฒนาชาติ?

    ร่างงบประมาณ 3.78 ล้านล้านของรัฐบาลแพทองธาร กำลังถูกตั้งคำถามว่าเพื่อประชาชนหรือเพื่อฐานเสียงทางการเมือง?

    การจัดทำร่าง งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ซึ่งมีวงเงินกว่า 3.78 ล้านล้านบาท กำลังกลายเป็นประเด็นร้อน ไม่ใช่แค่เพราะเม็ดเงินมหาศาล แต่เพราะมันสะท้อนว่า รัฐบาลบริหาร “อำนาจ” และ “ความคาดหวังของประชาชน” อย่างไร

    เมื่อมองผ่านมุม เศรษฐศาสตร์การเมือง—ซึ่งวิเคราะห์การใช้ทรัพยากรภายใต้แรงจูงใจทางอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมือง—คำถามใหญ่คือ งบนี้ออกแบบเพื่อ “พัฒนาชาติ” หรือแค่ “พยุงอำนาจ”?

    1. จากดิจิทัลวอลเล็ต สู่ท้องถิ่น: กลยุทธ์รักษาฐานเสียง?

    รัฐบาลโยกงบกว่า 157,000 ล้านบาท จากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) พร้อมเปิดให้ยื่นขอใช้งบในเวลาเพียง 3 วัน

    นี่อาจไม่ใช่การกระจายงบอย่างมีแผน แต่คือการ “ป้อนงบ” ให้กับเครือข่ายการเมืองท้องถิ่น ซึ่งสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ฐานเสียงสำคัญ

    2. กู้เงิน 8.6 แสนล้าน: ลงทุนเพื่ออนาคต หรือซื้อเวลา?

    การกู้เงินขาดดุลสูงสุดในรอบ 30 ปี สะท้อนแรงกดดันจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และความคาดหวังต่อรัฐบาลใหม่ แต่อีกด้านก็มีคำถามว่า เม็ดเงินเหล่านี้จะถูกใช้ “อย่างยั่งยืน” หรือไม่?

    การไม่มีรายละเอียดชัดเจนเกี่ยวกับโครงการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนระยะยาว ยิ่งทำให้เกิดข้อกังขาว่า นี่คือการใช้เงินเพื่อ “ผลทางการเมืองในระยะสั้น” มากกว่าการปฏิรูปเศรษฐกิจจริงจัง

    3. รัฐบาลผสม กับการจัดงบแบบแบ่งเค้ก

    การที่รัฐบาลเป็นรัฐบาลผสม ทำให้การจัดสรรงบประมาณกลายเป็นเวทีต่อรองอำนาจ
    การจัดสรรงบจำนวนมากไปยังพื้นที่ฐานเสียง และการบริหารงบกลางแบบไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ ชี้ว่าการเมืองภายในรัฐบาลส่งผลต่อการใช้งบมากกว่าความจำเป็นของประเทศ

    4. งบปี 2569 ไม่ตอบโจทย์โลกใหม่?

    แม้รัฐบาลจะพูดถึง “Soft Power” และ การผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ แต่งบปี 2569 กลับไม่มีทิศทางชัดเจนในเรื่อง การลงทุนด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม หรือการพัฒนาทักษะแรงงาน

    ในโลกที่เปลี่ยนเร็ว ไทยกลับยังเดินตามโมเดล “ทุ่มงบก่อสร้าง” ที่เห็นผลง่าย แต่มักไม่ตอบโจทย์ในระยะยาว โดยเฉพาะการพัฒนาปัญญาและเพิ่มทักษะแก่ประชาชน

    5. เหลื่อมล้ำยังอยู่ งบไม่ถึงชายขอบ

    การจัดงบยังคง “กระจุกตัวในเมืองใหญ่” ขณะที่งบพัฒนาจังหวัดเล็ก ๆ หรือจังหวัดชายแดนถูกลดลง งบด้านความมั่นคงกลับเพิ่มขึ้น

    ทั้งหมดนี้สะท้อนแนวคิดการบริหารที่เน้นการ “ควบคุม” มากกว่าการ “พัฒนา” ซึ่งอาจยิ่งทำให้ความเหลื่อมล้ำฝังรากลึกลงไปอีก

    บทสรุป: เมื่อ “งบประมาณ” กลายเป็นสนามอำนาจ

    งบประมาณปี 2569 ไม่ได้เป็นเพียงแค่ชุดตัวเลข แต่คือกระจกสะท้อนว่า รัฐบาลกำลังใช้อำนาจเพื่อใคร และอย่างไร การกระจายงบแบบไม่ทั่วถึง การกู้เงินมหาศาลโดยไร้ทิศทางระยะยาว และการเมืองแบบอุปถัมภ์ที่ฝังรากลึก ล้วนชี้ว่ารัฐบาลกำลังให้ความสำคัญกับ “เสถียรภาพทางการเมือง” มากกว่าการ “พัฒนาที่ยั่งยืน”

    หากอำนาจรัฐยังใช้งบประมาณเป็นเชือกผูกโยงฐานเสียง มากกว่าการเปิดทางให้โอกาสไหลถึงประชาชนทั้งแผ่นดิน

    ความมั่งคั่งก็จะกระจุกอยู่ในหมู่ชนชั้นนำและนักการเมืองเจ้าถิ่น ขณะที่คนส่วนใหญ่จะยังจมปลักอยู่ในทะเลแห่งความเหลื่อมล้ำ—ไร้ฝั่งฝัน ไร้เส้นทางรอด”
    รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต วิเคราะห์งบประมาณ 2569: เครื่องมือพยุงอำนาจ หรือแผนพัฒนาชาติ? ร่างงบประมาณ 3.78 ล้านล้านของรัฐบาลแพทองธาร กำลังถูกตั้งคำถามว่าเพื่อประชาชนหรือเพื่อฐานเสียงทางการเมือง? การจัดทำร่าง งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ซึ่งมีวงเงินกว่า 3.78 ล้านล้านบาท กำลังกลายเป็นประเด็นร้อน ไม่ใช่แค่เพราะเม็ดเงินมหาศาล แต่เพราะมันสะท้อนว่า รัฐบาลบริหาร “อำนาจ” และ “ความคาดหวังของประชาชน” อย่างไร เมื่อมองผ่านมุม เศรษฐศาสตร์การเมือง—ซึ่งวิเคราะห์การใช้ทรัพยากรภายใต้แรงจูงใจทางอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมือง—คำถามใหญ่คือ งบนี้ออกแบบเพื่อ “พัฒนาชาติ” หรือแค่ “พยุงอำนาจ”? 1. จากดิจิทัลวอลเล็ต สู่ท้องถิ่น: กลยุทธ์รักษาฐานเสียง? รัฐบาลโยกงบกว่า 157,000 ล้านบาท จากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) พร้อมเปิดให้ยื่นขอใช้งบในเวลาเพียง 3 วัน นี่อาจไม่ใช่การกระจายงบอย่างมีแผน แต่คือการ “ป้อนงบ” ให้กับเครือข่ายการเมืองท้องถิ่น ซึ่งสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ฐานเสียงสำคัญ 2. กู้เงิน 8.6 แสนล้าน: ลงทุนเพื่ออนาคต หรือซื้อเวลา? การกู้เงินขาดดุลสูงสุดในรอบ 30 ปี สะท้อนแรงกดดันจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และความคาดหวังต่อรัฐบาลใหม่ แต่อีกด้านก็มีคำถามว่า เม็ดเงินเหล่านี้จะถูกใช้ “อย่างยั่งยืน” หรือไม่? การไม่มีรายละเอียดชัดเจนเกี่ยวกับโครงการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนระยะยาว ยิ่งทำให้เกิดข้อกังขาว่า นี่คือการใช้เงินเพื่อ “ผลทางการเมืองในระยะสั้น” มากกว่าการปฏิรูปเศรษฐกิจจริงจัง 3. รัฐบาลผสม กับการจัดงบแบบแบ่งเค้ก การที่รัฐบาลเป็นรัฐบาลผสม ทำให้การจัดสรรงบประมาณกลายเป็นเวทีต่อรองอำนาจ การจัดสรรงบจำนวนมากไปยังพื้นที่ฐานเสียง และการบริหารงบกลางแบบไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ ชี้ว่าการเมืองภายในรัฐบาลส่งผลต่อการใช้งบมากกว่าความจำเป็นของประเทศ 4. งบปี 2569 ไม่ตอบโจทย์โลกใหม่? แม้รัฐบาลจะพูดถึง “Soft Power” และ การผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ แต่งบปี 2569 กลับไม่มีทิศทางชัดเจนในเรื่อง การลงทุนด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม หรือการพัฒนาทักษะแรงงาน ในโลกที่เปลี่ยนเร็ว ไทยกลับยังเดินตามโมเดล “ทุ่มงบก่อสร้าง” ที่เห็นผลง่าย แต่มักไม่ตอบโจทย์ในระยะยาว โดยเฉพาะการพัฒนาปัญญาและเพิ่มทักษะแก่ประชาชน 5. เหลื่อมล้ำยังอยู่ งบไม่ถึงชายขอบ การจัดงบยังคง “กระจุกตัวในเมืองใหญ่” ขณะที่งบพัฒนาจังหวัดเล็ก ๆ หรือจังหวัดชายแดนถูกลดลง งบด้านความมั่นคงกลับเพิ่มขึ้น ทั้งหมดนี้สะท้อนแนวคิดการบริหารที่เน้นการ “ควบคุม” มากกว่าการ “พัฒนา” ซึ่งอาจยิ่งทำให้ความเหลื่อมล้ำฝังรากลึกลงไปอีก บทสรุป: เมื่อ “งบประมาณ” กลายเป็นสนามอำนาจ งบประมาณปี 2569 ไม่ได้เป็นเพียงแค่ชุดตัวเลข แต่คือกระจกสะท้อนว่า รัฐบาลกำลังใช้อำนาจเพื่อใคร และอย่างไร การกระจายงบแบบไม่ทั่วถึง การกู้เงินมหาศาลโดยไร้ทิศทางระยะยาว และการเมืองแบบอุปถัมภ์ที่ฝังรากลึก ล้วนชี้ว่ารัฐบาลกำลังให้ความสำคัญกับ “เสถียรภาพทางการเมือง” มากกว่าการ “พัฒนาที่ยั่งยืน” หากอำนาจรัฐยังใช้งบประมาณเป็นเชือกผูกโยงฐานเสียง มากกว่าการเปิดทางให้โอกาสไหลถึงประชาชนทั้งแผ่นดิน ความมั่งคั่งก็จะกระจุกอยู่ในหมู่ชนชั้นนำและนักการเมืองเจ้าถิ่น ขณะที่คนส่วนใหญ่จะยังจมปลักอยู่ในทะเลแห่งความเหลื่อมล้ำ—ไร้ฝั่งฝัน ไร้เส้นทางรอด”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 701 มุมมอง 0 รีวิว
  • มุสลิมอินโดฯ ช็อก! ร้านไก่ทอดดังเพิ่งเผยเมนูไม่ฮาลาล

    ร้านไก่ทอดชื่อดังในอินโดนีเซีย กลายเป็นประเด็นร้อนบนโซเชียลฯ ในประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากกว่า 80% เมื่อร้านไก่ทอดชื่อดัง อะยัม โกเรง วิดูรัน (AYAM GORENG WIDURAN) ในเมืองซูราการ์ตา (โซโล) จังหวัดชวาเตงกะห์ กำลังถูกชาวมุสลิมแสดงความไม่พอใจ หลังบัญชีผู้ใช้เธรด (Thread) ที่ชื่อ @pedalranger สงสัยว่าเกล็ดกรุบกรอบ หรือเกรอเมอร์ส (Kremes) ที่โรยบนไก่ทอด ทอดด้วยไขมันหมู ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามปรุงอาหาร ทั้งที่นับตั้งแต่เปิดกิจการในปี 2516 หรือกว่า 50 ปีก่อน ไม่เคยบอกให้สาธารณชนรับรู้ ภายหลังทางร้านจึงใช้วิธีติดป้ายว่า "KREMES NON HALAL" แทน

    เรื่องนี้ทำให้ผู้บริโภคที่เป็นชาวมุสลิมรู้สึกว่าเหมือนถูกหลอก เพราะร้านอาหารไม่เคยแจ้งให้ทราบว่าเมนูภายในร้านไม่ใช่ฮาลาล นอกจากนี้ ยังมีชาวเน็ตบางคนไปขุดภาพร้านใน Google Street View แล้วพบว่าเคยขึ้นเครื่องหมายฮาลาลบนป้ายแบนเนอร์ในอดีตอีกด้วย ร้อนถึงฝ่ายบริหารของร้านออกมาขอโทษผ่านอินสตาแกรม @ayamgorengwiduransolo เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 พ.ค.) ว่า ได้แจ้งข้อมูลที่ไม่ใช่ฮาลาลอย่างชัดเจนในร้านค้าและโซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการของร้านทุกแห่ง หวังว่าสาธารณชนจะให้พื้นที่แก่ทางร้านในการแก้ไขและปรับปรุงทุกอย่างด้วยความตั้งใจ ขณะที่พนักงานร้านยืนยันว่าเมนูที่มีปัญหามีเพียงไก่ทอดเกรอเมอร์สเท่านั้น เมนูอื่นใช้น้ำมันพืชปกติ

    ขณะที่นายกเทศมนตรีเมืองโซโล เรสปาตี อาร์ดี สั่งปิดร้านอาหารชั่วคราว ยอมรับว่าผิดหวังที่ร้านอาหารในตำนานแห่งนี้ไม่ได้ติดป้าย NON HALAL มานาน ทั้งที่มีผู้บริโภคชาวมุสลิมจำนวนมากซื้อไก่ทอดที่ร้านแห่งนี้ และย้ำว่าการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ส่วนแกนนำกลุ่มด้านสิทธิผู้บริโภคอินโดนีเซีย Forum Konsumen Berdaya Indonesia (FKBI) ตูลุส อาบาดี ระบุว่า คำขอโทษดังกล่าวไม่เพียงพอ เพราะสิ่งที่ทางร้านทำมานานเป็นสิบปี เป็นการกระทำโดยจงใจ ทำให้ผู้บริโภคได้รับความเสียหาย อีกทั้งทางร้านละเมิดกฎหมายทั้งทางแพ่งและอาญา โดยเฉพาะกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค กฎหมายอาหาร และกฎหมายการรับประกันผลิตภัณฑ์ฮาลาล ซึ่งจัดอยู่ในประเภทการฉ้อโกง โดยเรียกร้องให้ดำเนินคดีและลงโทษทางปกครอง

    สำหรับเกรอเมอร์ส ภาษาอินโดนีเซีย ตรงกับคำว่า Crunch (ครันช์) เป็นเกล็ดที่ใช้โรยบนไก่ทอด ทำมาจากแป้งมันสำปะหลัง ผสมแป้งข้าวเจ้า ไข่แดง และซอสที่ใช้หมักไก่ทอดแบบอินโดนีเซีย เติมผงฟูลงไปเล็กน้อย แล้วค่อยใช้มือวักส่วนผสมโรยลงบนน้ำมันให้กลายเป็นเกล็ด ก่อนซับน้ำมันแล้วนำไปโรยหน้าบนจานไก่ทอด ข้าว และแตงกวาหั่น

    #Newskit
    มุสลิมอินโดฯ ช็อก! ร้านไก่ทอดดังเพิ่งเผยเมนูไม่ฮาลาล ร้านไก่ทอดชื่อดังในอินโดนีเซีย กลายเป็นประเด็นร้อนบนโซเชียลฯ ในประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากกว่า 80% เมื่อร้านไก่ทอดชื่อดัง อะยัม โกเรง วิดูรัน (AYAM GORENG WIDURAN) ในเมืองซูราการ์ตา (โซโล) จังหวัดชวาเตงกะห์ กำลังถูกชาวมุสลิมแสดงความไม่พอใจ หลังบัญชีผู้ใช้เธรด (Thread) ที่ชื่อ @pedalranger สงสัยว่าเกล็ดกรุบกรอบ หรือเกรอเมอร์ส (Kremes) ที่โรยบนไก่ทอด ทอดด้วยไขมันหมู ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามปรุงอาหาร ทั้งที่นับตั้งแต่เปิดกิจการในปี 2516 หรือกว่า 50 ปีก่อน ไม่เคยบอกให้สาธารณชนรับรู้ ภายหลังทางร้านจึงใช้วิธีติดป้ายว่า "KREMES NON HALAL" แทน เรื่องนี้ทำให้ผู้บริโภคที่เป็นชาวมุสลิมรู้สึกว่าเหมือนถูกหลอก เพราะร้านอาหารไม่เคยแจ้งให้ทราบว่าเมนูภายในร้านไม่ใช่ฮาลาล นอกจากนี้ ยังมีชาวเน็ตบางคนไปขุดภาพร้านใน Google Street View แล้วพบว่าเคยขึ้นเครื่องหมายฮาลาลบนป้ายแบนเนอร์ในอดีตอีกด้วย ร้อนถึงฝ่ายบริหารของร้านออกมาขอโทษผ่านอินสตาแกรม @ayamgorengwiduransolo เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 พ.ค.) ว่า ได้แจ้งข้อมูลที่ไม่ใช่ฮาลาลอย่างชัดเจนในร้านค้าและโซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการของร้านทุกแห่ง หวังว่าสาธารณชนจะให้พื้นที่แก่ทางร้านในการแก้ไขและปรับปรุงทุกอย่างด้วยความตั้งใจ ขณะที่พนักงานร้านยืนยันว่าเมนูที่มีปัญหามีเพียงไก่ทอดเกรอเมอร์สเท่านั้น เมนูอื่นใช้น้ำมันพืชปกติ ขณะที่นายกเทศมนตรีเมืองโซโล เรสปาตี อาร์ดี สั่งปิดร้านอาหารชั่วคราว ยอมรับว่าผิดหวังที่ร้านอาหารในตำนานแห่งนี้ไม่ได้ติดป้าย NON HALAL มานาน ทั้งที่มีผู้บริโภคชาวมุสลิมจำนวนมากซื้อไก่ทอดที่ร้านแห่งนี้ และย้ำว่าการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ส่วนแกนนำกลุ่มด้านสิทธิผู้บริโภคอินโดนีเซีย Forum Konsumen Berdaya Indonesia (FKBI) ตูลุส อาบาดี ระบุว่า คำขอโทษดังกล่าวไม่เพียงพอ เพราะสิ่งที่ทางร้านทำมานานเป็นสิบปี เป็นการกระทำโดยจงใจ ทำให้ผู้บริโภคได้รับความเสียหาย อีกทั้งทางร้านละเมิดกฎหมายทั้งทางแพ่งและอาญา โดยเฉพาะกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค กฎหมายอาหาร และกฎหมายการรับประกันผลิตภัณฑ์ฮาลาล ซึ่งจัดอยู่ในประเภทการฉ้อโกง โดยเรียกร้องให้ดำเนินคดีและลงโทษทางปกครอง สำหรับเกรอเมอร์ส ภาษาอินโดนีเซีย ตรงกับคำว่า Crunch (ครันช์) เป็นเกล็ดที่ใช้โรยบนไก่ทอด ทำมาจากแป้งมันสำปะหลัง ผสมแป้งข้าวเจ้า ไข่แดง และซอสที่ใช้หมักไก่ทอดแบบอินโดนีเซีย เติมผงฟูลงไปเล็กน้อย แล้วค่อยใช้มือวักส่วนผสมโรยลงบนน้ำมันให้กลายเป็นเกล็ด ก่อนซับน้ำมันแล้วนำไปโรยหน้าบนจานไก่ทอด ข้าว และแตงกวาหั่น #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 862 มุมมอง 0 รีวิว
  • "One Big Beautiful Bill": สภาผู้แทนฯ สหรัฐฯ สนับสนุนแผนของทรัมป์ในการระงับกฎหมาย AI ระดับรัฐเป็นเวลา 10 ปี

    สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมาย "One Big Beautiful Bill" ของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีเป้าหมาย ปรับโครงสร้างภาษีและนโยบายตรวจคนเข้าเมือง แต่ที่เป็นประเด็นร้อนแรงคือ ข้อกำหนดที่ห้ามรัฐออกกฎหมายควบคุม AI เป็นเวลา 10 ปี

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับร่างกฎหมาย "One Big Beautiful Bill"
    ร่างกฎหมายนี้ห้ามรัฐออกกฎหมายควบคุม AI เป็นเวลา 10 ปี
    - ครอบคลุม ทั้งโมเดล AI และผลิตภัณฑ์ที่ใช้ AI เช่น รถยนต์, IoT, โซเชียลมีเดีย และอุปกรณ์ทางการแพทย์

    นักวิจารณ์กังวลว่าการระงับกฎหมายระดับรัฐอาจเปิดช่องให้ AI ถูกใช้ในทางที่ผิด
    - อาจทำให้ นักพัฒนา AI สามารถสร้างระบบที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและความมั่นคง

    สมาชิกพรรครีพับลิกันบางส่วนเตือนว่าร่างกฎหมายนี้อาจกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
    - วุฒิสมาชิก Marsha Blackburn และ Josh Hawley ระบุว่าอาจทำให้ Deepfake และภัยคุกคาม AI เพิ่มขึ้น

    องค์กรด้านสิทธิและความเป็นส่วนตัว เช่น Electronic Frontier Foundation คัดค้านร่างกฎหมายนี้
    - มองว่า เป็นความพยายามของ Big Tech ในการลดข้อจำกัดด้าน AI

    ผู้สนับสนุนร่างกฎหมายมองว่าการระงับกฎหมายระดับรัฐช่วยให้บริษัทสหรัฐฯ แข่งขันกับจีนได้ดีขึ้น
    - เชื่อว่า กฎระเบียบที่เข้มงวดอาจขัดขวางนวัตกรรมและลดโอกาสของสหรัฐฯ ในการเป็นผู้นำด้าน AI

    ร่างกฎหมายยังต้องผ่านการพิจารณาของวุฒิสภาก่อนที่ทรัมป์จะลงนามเป็นกฎหมาย
    - นักวิเคราะห์มองว่า ทรัมป์อาจเผชิญแรงต้านจากวุฒิสมาชิกที่กังวลเรื่องอำนาจของรัฐ

    https://www.techspot.com/news/108036-one-big-beautiful-bill-house-backs-trump-plan.html
    "One Big Beautiful Bill": สภาผู้แทนฯ สหรัฐฯ สนับสนุนแผนของทรัมป์ในการระงับกฎหมาย AI ระดับรัฐเป็นเวลา 10 ปี สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมาย "One Big Beautiful Bill" ของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีเป้าหมาย ปรับโครงสร้างภาษีและนโยบายตรวจคนเข้าเมือง แต่ที่เป็นประเด็นร้อนแรงคือ ข้อกำหนดที่ห้ามรัฐออกกฎหมายควบคุม AI เป็นเวลา 10 ปี 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับร่างกฎหมาย "One Big Beautiful Bill" ✅ ร่างกฎหมายนี้ห้ามรัฐออกกฎหมายควบคุม AI เป็นเวลา 10 ปี - ครอบคลุม ทั้งโมเดล AI และผลิตภัณฑ์ที่ใช้ AI เช่น รถยนต์, IoT, โซเชียลมีเดีย และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ✅ นักวิจารณ์กังวลว่าการระงับกฎหมายระดับรัฐอาจเปิดช่องให้ AI ถูกใช้ในทางที่ผิด - อาจทำให้ นักพัฒนา AI สามารถสร้างระบบที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและความมั่นคง ✅ สมาชิกพรรครีพับลิกันบางส่วนเตือนว่าร่างกฎหมายนี้อาจกระทบต่อความมั่นคงของชาติ - วุฒิสมาชิก Marsha Blackburn และ Josh Hawley ระบุว่าอาจทำให้ Deepfake และภัยคุกคาม AI เพิ่มขึ้น ✅ องค์กรด้านสิทธิและความเป็นส่วนตัว เช่น Electronic Frontier Foundation คัดค้านร่างกฎหมายนี้ - มองว่า เป็นความพยายามของ Big Tech ในการลดข้อจำกัดด้าน AI ✅ ผู้สนับสนุนร่างกฎหมายมองว่าการระงับกฎหมายระดับรัฐช่วยให้บริษัทสหรัฐฯ แข่งขันกับจีนได้ดีขึ้น - เชื่อว่า กฎระเบียบที่เข้มงวดอาจขัดขวางนวัตกรรมและลดโอกาสของสหรัฐฯ ในการเป็นผู้นำด้าน AI ✅ ร่างกฎหมายยังต้องผ่านการพิจารณาของวุฒิสภาก่อนที่ทรัมป์จะลงนามเป็นกฎหมาย - นักวิเคราะห์มองว่า ทรัมป์อาจเผชิญแรงต้านจากวุฒิสมาชิกที่กังวลเรื่องอำนาจของรัฐ https://www.techspot.com/news/108036-one-big-beautiful-bill-house-backs-trump-plan.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    "One Big Beautiful Bill": House backs Trump plan to freeze state AI laws for a decade
    The moratorium applies not only to AI models but also to any products or services integrating AI, effectively banning and overriding state regulations in those areas. The...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 384 มุมมอง 0 รีวิว
  • กาตาร์เตรียมมอบ Boeing 747-8 สุดหรูให้รัฐบาลทรัมป์ ใช้เป็น Air Force One ลำใหม่.สื่อต่างประเทศหลายสำนักรายงานตรงกันว่า รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเตรียมรับมอบเครื่องบินเจ็ทสุดหรู Boeing 747-8 จากราชวงศ์กาตาร์ เพื่อนำไปดัดแปลงและใช้เป็น "Air Force One" ลำใหม่ โดยการส่งมอบครั้งนี้คาดว่าอยู่ในรูปแบบความร่วมมือระหว่างรัฐบาล ไม่ใช่การให้ของขวัญส่วนบุคคล.แหล่งข่าวใกล้ชิดเปิดเผยกับ ABC News ว่า เครื่องบินลำนี้ได้รับฉายาว่า “พระราชวังลอยฟ้า” ด้วยการตกแต่งภายในที่หรูหราเหนือระดับ โดยทรัมป์เคยขึ้นไปชมเครื่องลำดังกล่าวด้วยตนเองเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ขณะจอดอยู่ที่ท่าอากาศยานเวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา.เจ้าหน้าที่ของกาตาร์ระบุว่า เครื่องบินลำนี้อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงกลาโหมกาตาร์ และจะมอบให้แก่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพื่อใช้งานทางการทหาร โดยเฉพาะสำหรับภารกิจของประธานาธิบดี.อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวจากหน่วยซีเคร็ทเซอร์วิสให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่า การที่ต่างชาติมอบเครื่องบินให้ใช้งานในระดับผู้นำประเทศอาจเป็น “ฝันร้ายด้านความมั่นคง” เนื่องจากต้องตรวจสอบอย่างละเอียดถึงระบบภายในทั้งหมด เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการถูกฝังอุปกรณ์จารกรรม.ทั้งนี้ กองทัพอากาศสหรัฐฯ ได้ลงนามสั่งซื้อ Boeing 747-8I จำนวน 2 ลำ ภายใต้โครงการ VC-25B เพื่อมาแทนที่ฝูงบิน VC-25A เดิมที่ใช้งานมานานกว่า 30 ปี โดยอยู่ภายใต้สัญญามูลค่า 3.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยแสดงความไม่พอใจต่อโบอิ้งจากปัญหาความล่าช้าในการส่งมอบเครื่องบินใหม่.การรับมอบเครื่องบินจากกาตาร์ครั้งนี้อาจกลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนทางการเมือง สะท้อนถึงความซับซ้อนของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องถึงความโปร่งใสและความมั่นคงในระดับสูงสุดที่มา https://www.facebook.com/share/p/15h9it8GVW/?mibextid=wwXIfr
    กาตาร์เตรียมมอบ Boeing 747-8 สุดหรูให้รัฐบาลทรัมป์ ใช้เป็น Air Force One ลำใหม่.สื่อต่างประเทศหลายสำนักรายงานตรงกันว่า รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเตรียมรับมอบเครื่องบินเจ็ทสุดหรู Boeing 747-8 จากราชวงศ์กาตาร์ เพื่อนำไปดัดแปลงและใช้เป็น "Air Force One" ลำใหม่ โดยการส่งมอบครั้งนี้คาดว่าอยู่ในรูปแบบความร่วมมือระหว่างรัฐบาล ไม่ใช่การให้ของขวัญส่วนบุคคล.แหล่งข่าวใกล้ชิดเปิดเผยกับ ABC News ว่า เครื่องบินลำนี้ได้รับฉายาว่า “พระราชวังลอยฟ้า” ด้วยการตกแต่งภายในที่หรูหราเหนือระดับ โดยทรัมป์เคยขึ้นไปชมเครื่องลำดังกล่าวด้วยตนเองเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ขณะจอดอยู่ที่ท่าอากาศยานเวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา.เจ้าหน้าที่ของกาตาร์ระบุว่า เครื่องบินลำนี้อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงกลาโหมกาตาร์ และจะมอบให้แก่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพื่อใช้งานทางการทหาร โดยเฉพาะสำหรับภารกิจของประธานาธิบดี.อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวจากหน่วยซีเคร็ทเซอร์วิสให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่า การที่ต่างชาติมอบเครื่องบินให้ใช้งานในระดับผู้นำประเทศอาจเป็น “ฝันร้ายด้านความมั่นคง” เนื่องจากต้องตรวจสอบอย่างละเอียดถึงระบบภายในทั้งหมด เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการถูกฝังอุปกรณ์จารกรรม.ทั้งนี้ กองทัพอากาศสหรัฐฯ ได้ลงนามสั่งซื้อ Boeing 747-8I จำนวน 2 ลำ ภายใต้โครงการ VC-25B เพื่อมาแทนที่ฝูงบิน VC-25A เดิมที่ใช้งานมานานกว่า 30 ปี โดยอยู่ภายใต้สัญญามูลค่า 3.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยแสดงความไม่พอใจต่อโบอิ้งจากปัญหาความล่าช้าในการส่งมอบเครื่องบินใหม่.การรับมอบเครื่องบินจากกาตาร์ครั้งนี้อาจกลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนทางการเมือง สะท้อนถึงความซับซ้อนของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องถึงความโปร่งใสและความมั่นคงในระดับสูงสุดที่มา https://www.facebook.com/share/p/15h9it8GVW/?mibextid=wwXIfr
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 438 มุมมอง 0 รีวิว