• บริษัทไทยเพิ่งชนะประมูลผลิตไฟจากโซลาร์ฟาร์มที่อินเดียราคา 1.09 บาทตลอด25ปี แต่นายกฯจะให้กกพ.รับซื้อราคา 2.17 บาทตลอด 25 ปี!!??

    ข่าวจากฐานเศรษฐกิจว่าบริษัทGPSC ของไทยคว้าโซลาร์ฯ ในอินเดียกำลังผลิต 421 เมกฯเพิ่มไฟฟ้าสีเขียว ดันกำลังการผลิตในประเทศอินเดียพุ่งสูงกว่า 5,000 เมกะวัตต์ ในราคา2.70 รูปี (0.03ดอลลาร์สหรัฐ) เทียบเป็นเงินไทย 1.09 บาท/หน่วย เป็นเวลา 25ปี

    ตามเงื่อนไขการประมูล ซึ่งจะมีการลงนามซื้อขายไฟฟ้า หรือ PPA ที่มีอายุสัญญารับซื้อเป็นเวลา 25 ปี แผนการดำเนินโครงการต้องให้แล้วเสร็จภายใน 18 เดือน โดยคาดว่าจะผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 750 ล้านหน่วยต่อปี สามารถจ่ายไฟฟ้าครอบคลุมภาคครัวเรือน ประมาณ 5 แสนครัวเรือนด้วยพลังงานสะอาด และยังมีส่วนสำคัญต่อการลดการปล่อย CO2 สู่ชั้นบรรยากาศเทียบเท่า 698,250 ตันต่อปี

    อินเดียประมูลซื้อขายไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ลดลงตลอดอย่างน่าทึ่ง เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 อินเดียประมูลซื้อไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ได้ในราคา 1.44 บาท/หน่วย พร้อมแบตเตอรี่

    แต่ประเทศไทยโดย คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)ภายใต้นโยบายของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)ที่มีนายกรัฐมนตรี
    แพทองธารเป็นประธาน ประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากแสงแดดในราคา 2.17 บาท/หน่วยโดยไม่มีแบตเตอรี่ เป็นเวลา25ปี และให้เวลาเข้าสู่ระบบได้ตั้งแต่ 2-5 ปี (2570-2573) ตามแผนพัฒนาพลังงาน(PDP) 2018

    ต้องถามว่ากกพ.ประกาศทำตามมติ กพช. ที่ให้ล็อคทั้งชื่อบริษัท และ ราคา โดยไม่ใช่การประมูล เรียกว่าเหมือนการประกวดนางงามบริษัทที่ใช้ดุลยพินิจเป็นหลัก บริษัทที่ผ่านเข้ารอบดูเพียงคุณสมบัติ แต่ไม่ให้มีการประมูลราคาที่บริษัทจะขายในราคาต่ำที่สุดซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประชาชนผู้ใช้ไฟอย่างแท้จริง

    ที่น่าสนใจคือ บริษัทGPSC ที่ชนะการประมูลผลิตโซลาร์ฟาร์มที่อินเดียในราคา 1.09 บาท ก็อยู่ในลิสต์รายชื่อบริษัทอันดับที่5 เสนอขายไฟฟ้า 118 เมกกะวัตต์ ที่กกพ.จะประกาศให้เป็นผู้มาทำสัญญาขายไฟในราคา 2.17 บาทโดยไม่มีแบตเตอรี่ (การมีแบตเตอรี่จะทำให้สามารถจ่ายไฟได้ทั้งกลางวันและกลางคืน)

    ส่วนการไฟฟ้าฝ่ายผลิต(กฟผ.) เสนอว่าสามารถผลิตได้ในราคา 1.50 บาท/หน่วย แต่ กกพ. ไม่ให้มาแข่งกับเอกชน ซึ่งที่จริงไม่ใช่การแข่งด้วยซ้ำ
    เพราะกพช. กำหนดราคาตายตัวไว้เลยที่2.17 บาท/หน่วย แสดงว่าจงใจให้บริษัทเอกชนได้กำไรเห็นๆ ไปยาวๆ 25ปี และไม่ต้องการให้กฟผ.ผลิตทั้งที่ทำได้ถูกกว่า เเละกฟผ.มีหน้าที่ผลิตไฟฟ้าโดยตรง แต่กำลังจะทำให้ กฟผ.กลายเป็น กฟซ.
    หรือการไฟฟ้าฝ่ายซื้อ(ไฟแพง)จากเอกชนมาขายประชาชนเป็นหลัก

    ราคาพลังงานไฟฟ้าไม่มีทางถูกในระบบผูกขาดกินรวบของระบอบธุรกิจการเมือง

    ค่าไฟถูกจะเป็นเพียงกลยุทธ์ประชานิยมเพื่อหวังสร้างคะแนนเสียงชั่วครั้งชั่วคราวของรัฐบาลและพรรคการเมืองเท่านั้น

    ถ้าจะทำให้ค่าไฟราคาถูกอย่างเป็นธรรมได้ ต้องปรับโครงสร้างพลังงานให้โปร่งใส มีธรรมาภิบาล และไม่ผูกขาดเท่านั้น ที่ประชาชนจะได้ค่าไฟที่เป็นธรรมอย่างถาวร

    ประชาชนควรตั้งคำถามว่ารัฐบาลไทยโง่กว่ารัฐบาลประเทศอื่น หรือจงใจคอร์รัปชันเชิงนโยบายผ่องถ่ายกำไรมหาศาลให้กลุ่มธุรกิจเอกชนกันแน่??!!

    รสนา โตสิตระกูล
    10 มกราคม 2568
    บริษัทไทยเพิ่งชนะประมูลผลิตไฟจากโซลาร์ฟาร์มที่อินเดียราคา 1.09 บาทตลอด25ปี แต่นายกฯจะให้กกพ.รับซื้อราคา 2.17 บาทตลอด 25 ปี!!?? ข่าวจากฐานเศรษฐกิจว่าบริษัทGPSC ของไทยคว้าโซลาร์ฯ ในอินเดียกำลังผลิต 421 เมกฯเพิ่มไฟฟ้าสีเขียว ดันกำลังการผลิตในประเทศอินเดียพุ่งสูงกว่า 5,000 เมกะวัตต์ ในราคา2.70 รูปี (0.03ดอลลาร์สหรัฐ) เทียบเป็นเงินไทย 1.09 บาท/หน่วย เป็นเวลา 25ปี ตามเงื่อนไขการประมูล ซึ่งจะมีการลงนามซื้อขายไฟฟ้า หรือ PPA ที่มีอายุสัญญารับซื้อเป็นเวลา 25 ปี แผนการดำเนินโครงการต้องให้แล้วเสร็จภายใน 18 เดือน โดยคาดว่าจะผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 750 ล้านหน่วยต่อปี สามารถจ่ายไฟฟ้าครอบคลุมภาคครัวเรือน ประมาณ 5 แสนครัวเรือนด้วยพลังงานสะอาด และยังมีส่วนสำคัญต่อการลดการปล่อย CO2 สู่ชั้นบรรยากาศเทียบเท่า 698,250 ตันต่อปี อินเดียประมูลซื้อขายไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ลดลงตลอดอย่างน่าทึ่ง เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 อินเดียประมูลซื้อไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ได้ในราคา 1.44 บาท/หน่วย พร้อมแบตเตอรี่ แต่ประเทศไทยโดย คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)ภายใต้นโยบายของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)ที่มีนายกรัฐมนตรี แพทองธารเป็นประธาน ประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากแสงแดดในราคา 2.17 บาท/หน่วยโดยไม่มีแบตเตอรี่ เป็นเวลา25ปี และให้เวลาเข้าสู่ระบบได้ตั้งแต่ 2-5 ปี (2570-2573) ตามแผนพัฒนาพลังงาน(PDP) 2018 ต้องถามว่ากกพ.ประกาศทำตามมติ กพช. ที่ให้ล็อคทั้งชื่อบริษัท และ ราคา โดยไม่ใช่การประมูล เรียกว่าเหมือนการประกวดนางงามบริษัทที่ใช้ดุลยพินิจเป็นหลัก บริษัทที่ผ่านเข้ารอบดูเพียงคุณสมบัติ แต่ไม่ให้มีการประมูลราคาที่บริษัทจะขายในราคาต่ำที่สุดซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประชาชนผู้ใช้ไฟอย่างแท้จริง ที่น่าสนใจคือ บริษัทGPSC ที่ชนะการประมูลผลิตโซลาร์ฟาร์มที่อินเดียในราคา 1.09 บาท ก็อยู่ในลิสต์รายชื่อบริษัทอันดับที่5 เสนอขายไฟฟ้า 118 เมกกะวัตต์ ที่กกพ.จะประกาศให้เป็นผู้มาทำสัญญาขายไฟในราคา 2.17 บาทโดยไม่มีแบตเตอรี่ (การมีแบตเตอรี่จะทำให้สามารถจ่ายไฟได้ทั้งกลางวันและกลางคืน) ส่วนการไฟฟ้าฝ่ายผลิต(กฟผ.) เสนอว่าสามารถผลิตได้ในราคา 1.50 บาท/หน่วย แต่ กกพ. ไม่ให้มาแข่งกับเอกชน ซึ่งที่จริงไม่ใช่การแข่งด้วยซ้ำ เพราะกพช. กำหนดราคาตายตัวไว้เลยที่2.17 บาท/หน่วย แสดงว่าจงใจให้บริษัทเอกชนได้กำไรเห็นๆ ไปยาวๆ 25ปี และไม่ต้องการให้กฟผ.ผลิตทั้งที่ทำได้ถูกกว่า เเละกฟผ.มีหน้าที่ผลิตไฟฟ้าโดยตรง แต่กำลังจะทำให้ กฟผ.กลายเป็น กฟซ. หรือการไฟฟ้าฝ่ายซื้อ(ไฟแพง)จากเอกชนมาขายประชาชนเป็นหลัก ราคาพลังงานไฟฟ้าไม่มีทางถูกในระบบผูกขาดกินรวบของระบอบธุรกิจการเมือง ค่าไฟถูกจะเป็นเพียงกลยุทธ์ประชานิยมเพื่อหวังสร้างคะแนนเสียงชั่วครั้งชั่วคราวของรัฐบาลและพรรคการเมืองเท่านั้น ถ้าจะทำให้ค่าไฟราคาถูกอย่างเป็นธรรมได้ ต้องปรับโครงสร้างพลังงานให้โปร่งใส มีธรรมาภิบาล และไม่ผูกขาดเท่านั้น ที่ประชาชนจะได้ค่าไฟที่เป็นธรรมอย่างถาวร ประชาชนควรตั้งคำถามว่ารัฐบาลไทยโง่กว่ารัฐบาลประเทศอื่น หรือจงใจคอร์รัปชันเชิงนโยบายผ่องถ่ายกำไรมหาศาลให้กลุ่มธุรกิจเอกชนกันแน่??!! รสนา โตสิตระกูล 10 มกราคม 2568
    Like
    6
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 515 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปราจีนบุรี - สลดส่งท้ายปี 67 ชั้นลอยอาคารโรงงานผลิตล้อแมกซ์รถยนต์ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างใน อ.ศรีมหาโพธิ​ จ.ปราจีนบุรี พังถล่มทับคนงานดับ 5 ราย หน่วยงานเกี่ยวข้องอยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียดหาสาเหตุที่แน่ชัด

    เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (30 ธ.ค.)​ ได้เกิดเหตุโครงสร้างคานอาคารโรงงานผลิตล้อแมกซ์รถยนต์ บริษัทไทยากานาวา จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม 304 อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พังถล่มทับร่างคนงานบริษัทรับเหมาก่อสร้างกำลังทำงานอยู่ด้านล่างจนเสียชีวิตคาที่ จำนวน 5 ราย

    หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบำเพ็ญสถานปราจีนบุรี และเจ้าหน้าที่ร่วมกตัญญู รวมทั้งเจ้าหน้าที่มูลนิธิธรรมรัศมี ได้เร่งลงพื้นที่เข้าให้การช่วยเหลือและค้นหาผู้ได้รับบาดเจ็บที่ติดอยู่ในซากอาคาร รวมทั้งนำร่างผู้เสียชีวิตออกจากจุดเกิดเหตุ

    จากการตรวจสอบพื้นที่พบว่าส่วนที่พังถล่มลงมาเป็นชั้นลอยของอาคารโรงงานที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง จนทำให้แผ่นปูน และคานเหล็กหล่นทับร่างคนงานที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ด้านล่าง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/local/detail/9670000125085

    #MGROnline #ปราจีนบุรี #โรงงาน #ผลิตล้อแมกซ์รถยนต์
    ปราจีนบุรี - สลดส่งท้ายปี 67 ชั้นลอยอาคารโรงงานผลิตล้อแมกซ์รถยนต์ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างใน อ.ศรีมหาโพธิ​ จ.ปราจีนบุรี พังถล่มทับคนงานดับ 5 ราย หน่วยงานเกี่ยวข้องอยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียดหาสาเหตุที่แน่ชัด • เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (30 ธ.ค.)​ ได้เกิดเหตุโครงสร้างคานอาคารโรงงานผลิตล้อแมกซ์รถยนต์ บริษัทไทยากานาวา จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม 304 อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พังถล่มทับร่างคนงานบริษัทรับเหมาก่อสร้างกำลังทำงานอยู่ด้านล่างจนเสียชีวิตคาที่ จำนวน 5 ราย • หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบำเพ็ญสถานปราจีนบุรี และเจ้าหน้าที่ร่วมกตัญญู รวมทั้งเจ้าหน้าที่มูลนิธิธรรมรัศมี ได้เร่งลงพื้นที่เข้าให้การช่วยเหลือและค้นหาผู้ได้รับบาดเจ็บที่ติดอยู่ในซากอาคาร รวมทั้งนำร่างผู้เสียชีวิตออกจากจุดเกิดเหตุ • จากการตรวจสอบพื้นที่พบว่าส่วนที่พังถล่มลงมาเป็นชั้นลอยของอาคารโรงงานที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง จนทำให้แผ่นปูน และคานเหล็กหล่นทับร่างคนงานที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ด้านล่าง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/local/detail/9670000125085 • #MGROnline #ปราจีนบุรี #โรงงาน #ผลิตล้อแมกซ์รถยนต์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • ล้างตำนานสาย 8 คว้าผู้โดยสาร-รายได้สูงสุด

    หลังให้บริการรถโดยสารปรับอากาศพลังงานไฟฟ้ามานานกว่า 2 ปี ในที่สุดรถเมล์เส้นทางปฎิรูปสาย 2-38 หรือสาย 8 แฮปปี้แลนด์-ท่าเรือสะพานพุทธ ของบริษัท ไทยสมายล์บัส จำกัด กลายเป็นเส้นทางที่มีจำนวนผู้โดยสารและรายได้สูงสุดจากทั้งหมด 124 เส้นทาง โดยมีผู้โดยสารสูงสุด 20,500 คนต่อวัน รายได้สูงสุด 358,328 บาทต่อวัน ล้างอาถรรพ์ตำนานรถเมล์นรก ที่ขึ้นชื่อว่าซิ่งปาดซ้ายปาดขวา มารยาทแย่ อุบัติเหตุบ่อยครั้ง แม้ผู้โดยสารจะต้องเสียค่าโดยสารเพิ่มขึ้นก็ตาม

    รถเมล์สาย 8 เริ่มต้นจากแฮปปี้แลนด์ เลี้ยวขวาไปตามถนนลาดพร้าว ถึงห้าแยกลาดพร้าว เลี้ยวซ้ายไปตามถนนพหลโยธิน ถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จอดที่เกาะราชวิถี (เที่ยวกลับจอดที่เกาะพหลโยธิน) ไปตามถนนราชวิถี เลี้ยวซ้ายไปตามถนนพระรามที่ 6 เลี้ยวขวาแยกศรีอยุธยา ข้ามทางรถไฟ เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสวรรคโลก ถึงแยกยมราชตรงไปตามถนนหลานหลวง เลี้ยวซ้ายไปตามถนนจักรพรรดิพงษ์ เลี้ยวขวาที่วัดบพิตรพิมุข แล้วชิดซ้ายลอดใต้สะพาน สิ้นสุดที่ท่าน้ำสะพานพุทธ

    ให้บริการกับคนกรุงเทพฯ กว่า 90 ปี โดยมีบริษัท นายเลิศ จำกัด เป็นผู้ประกอบการรายแรก ก่อนที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จะให้สัมปทาน 3 บริษัท ได้แก่ บริษัทไทยบัสขนส่ง บริษัทกลุ่ม 39 และบริษัททรัพย์ 888 เมื่อกรมการขนส่งทางบกเข้ามากำกับดูแลและปฎิรูปเส้นทางรถเมล์ บริษัท ไทยสมายล์บัส จำกัด จึงชนะการประมูลไป แม้ผู้ประกอบการเดิมยังแอบให้บริการเป็นรถเถื่อน แต่กรมขนส่งฯ ก็สั่งหยุดเดินรถตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย. 2567 จึงทำให้ไทยสมายล์บัสเดินรถแต่เพียงผู้เดียว

    ส่วนอันดับ 2 ได้แก่ สาย 4-25L (สาย 147L) วงกลม การเคหะธนบุรี-บางแค ผู้โดยสาร 14,000 คน รายได้ 250,421 บาท อันดับ 3 สาย 4-46 (สาย 84) วัดไร่ขิง-สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี ผู้โดยสาร 13,000 คน รายได้ 240,000 บาท อันดับ 4 สาย 4-23E (สาย 140) ทางด่วน แสมดำ-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ผู้โดยสาร 12,000 คน รายได้ 237,191 บาท อันดับ 5 สาย 1-18E (สาย 504) ทางด่วน รังสิต-บางรัก ผู้โดยสาร 9,000 คน รายได้ 177,159 บาท

    น.ส.กุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทยสมายล์บัส เปิดเผยว่า ในปี 2568 จะเพิ่มรถโดยสารอีก 350 คัน จากทั้งหมด 1,650 คัน และติดตั้งระบบติดตามการปล่อยรถคล้ายหอบังคับการบิน ส่วนนายวรวิทย์ ชาญชญานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายปฏิบัติการและกลยุทธ์ กล่าวว่า ในปี 2568 เตรียมรับชำระค่าโดยสารด้วยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นำร่องแอปพลิเคชันถุงเงิน วางแผนรับบัตรเครดิต บัตรเดบิต VISA และ Mastercard รวมทั้ง China T-Union ของจีน

    #Newskit
    ล้างตำนานสาย 8 คว้าผู้โดยสาร-รายได้สูงสุด หลังให้บริการรถโดยสารปรับอากาศพลังงานไฟฟ้ามานานกว่า 2 ปี ในที่สุดรถเมล์เส้นทางปฎิรูปสาย 2-38 หรือสาย 8 แฮปปี้แลนด์-ท่าเรือสะพานพุทธ ของบริษัท ไทยสมายล์บัส จำกัด กลายเป็นเส้นทางที่มีจำนวนผู้โดยสารและรายได้สูงสุดจากทั้งหมด 124 เส้นทาง โดยมีผู้โดยสารสูงสุด 20,500 คนต่อวัน รายได้สูงสุด 358,328 บาทต่อวัน ล้างอาถรรพ์ตำนานรถเมล์นรก ที่ขึ้นชื่อว่าซิ่งปาดซ้ายปาดขวา มารยาทแย่ อุบัติเหตุบ่อยครั้ง แม้ผู้โดยสารจะต้องเสียค่าโดยสารเพิ่มขึ้นก็ตาม รถเมล์สาย 8 เริ่มต้นจากแฮปปี้แลนด์ เลี้ยวขวาไปตามถนนลาดพร้าว ถึงห้าแยกลาดพร้าว เลี้ยวซ้ายไปตามถนนพหลโยธิน ถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จอดที่เกาะราชวิถี (เที่ยวกลับจอดที่เกาะพหลโยธิน) ไปตามถนนราชวิถี เลี้ยวซ้ายไปตามถนนพระรามที่ 6 เลี้ยวขวาแยกศรีอยุธยา ข้ามทางรถไฟ เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสวรรคโลก ถึงแยกยมราชตรงไปตามถนนหลานหลวง เลี้ยวซ้ายไปตามถนนจักรพรรดิพงษ์ เลี้ยวขวาที่วัดบพิตรพิมุข แล้วชิดซ้ายลอดใต้สะพาน สิ้นสุดที่ท่าน้ำสะพานพุทธ ให้บริการกับคนกรุงเทพฯ กว่า 90 ปี โดยมีบริษัท นายเลิศ จำกัด เป็นผู้ประกอบการรายแรก ก่อนที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จะให้สัมปทาน 3 บริษัท ได้แก่ บริษัทไทยบัสขนส่ง บริษัทกลุ่ม 39 และบริษัททรัพย์ 888 เมื่อกรมการขนส่งทางบกเข้ามากำกับดูแลและปฎิรูปเส้นทางรถเมล์ บริษัท ไทยสมายล์บัส จำกัด จึงชนะการประมูลไป แม้ผู้ประกอบการเดิมยังแอบให้บริการเป็นรถเถื่อน แต่กรมขนส่งฯ ก็สั่งหยุดเดินรถตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย. 2567 จึงทำให้ไทยสมายล์บัสเดินรถแต่เพียงผู้เดียว ส่วนอันดับ 2 ได้แก่ สาย 4-25L (สาย 147L) วงกลม การเคหะธนบุรี-บางแค ผู้โดยสาร 14,000 คน รายได้ 250,421 บาท อันดับ 3 สาย 4-46 (สาย 84) วัดไร่ขิง-สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี ผู้โดยสาร 13,000 คน รายได้ 240,000 บาท อันดับ 4 สาย 4-23E (สาย 140) ทางด่วน แสมดำ-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ผู้โดยสาร 12,000 คน รายได้ 237,191 บาท อันดับ 5 สาย 1-18E (สาย 504) ทางด่วน รังสิต-บางรัก ผู้โดยสาร 9,000 คน รายได้ 177,159 บาท น.ส.กุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทยสมายล์บัส เปิดเผยว่า ในปี 2568 จะเพิ่มรถโดยสารอีก 350 คัน จากทั้งหมด 1,650 คัน และติดตั้งระบบติดตามการปล่อยรถคล้ายหอบังคับการบิน ส่วนนายวรวิทย์ ชาญชญานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายปฏิบัติการและกลยุทธ์ กล่าวว่า ในปี 2568 เตรียมรับชำระค่าโดยสารด้วยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นำร่องแอปพลิเคชันถุงเงิน วางแผนรับบัตรเครดิต บัตรเดบิต VISA และ Mastercard รวมทั้ง China T-Union ของจีน #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 466 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยกเลิก #MOU2544 #JC2544 แล้วให้ #บริษัทไทย ลุยขุดเจาะ #น้ำมัน #หาปลา ไปเลย #ทหารเรือ พร้อม ดูแล ปกป้อง #พื้นที่ไทย อยู่แล้ว ของของเราคือของของเรา ไม่ต้องแบ่งใคร #ทรัพยากรทางทะเล ของ #ชาติไทย #ประเทศไทย #คนไทย #ประชาชน ต้องมี #สิทธิ และ ใช้ #ประโยชน์ ได้อย่างเต็มที่
    https://www.youtube.com/live/-nCd_Qnfo48
    ยกเลิก #MOU2544 #JC2544 แล้วให้ #บริษัทไทย ลุยขุดเจาะ #น้ำมัน #หาปลา ไปเลย #ทหารเรือ พร้อม ดูแล ปกป้อง #พื้นที่ไทย อยู่แล้ว ของของเราคือของของเรา ไม่ต้องแบ่งใคร #ทรัพยากรทางทะเล ของ #ชาติไทย #ประเทศไทย #คนไทย #ประชาชน ต้องมี #สิทธิ และ ใช้ #ประโยชน์ ได้อย่างเต็มที่ https://www.youtube.com/live/-nCd_Qnfo48
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 384 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัทไทยยินตัน คู่กรณี "เชน ธนา"เข้าให้ปากคำกองปราบเพิ่มเติม คดีถูกโกงค่าจ้างผลิตสินค้า 79 ล้านบาท เผยเจ้าตัวถอนเงินออกในนามส่วนตัวนับ 100 ล้าน ซ้ำพยายามสู้ให้เป็นคดีแพ่ง เพื่อปัดภาระหนี้ให้เป็นของบริษัท

    วันนี้ ( 9 ธ.ค.) ที่ กองปราบปราม นายนริศ วิทยาวรากรณ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทไทยยินตัน จำกัด พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบ พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมในคดีที่เคยแจ้งความเอาผิด นายธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ หรือ เชน ธนา อดีตศิลปินนักร้องชื่อดัง ซีอีโอบริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด ฉ้อโกงค่าผลิตอาหารเสริม จำนวน 79 ล้านบาท

    นายนริศ กล่าวว่า วันนี้มาให้ปากคำเพิ่มเติมในบางประเด็นตามคำสั่งของอัยการ ที่อยากได้พยานหลักฐานเพิ่มเติม ส่วนประเด็นที่คู่กรณีเคยยื่นฟ้องทางบริษัทว่าผลิตสินค้าไม่ตรงตามที่ตกลง เบื้องต้นศาลชั้นต้นมีคำวินิจฉัยว่าคุณภาพสินค้าของเราเป็นไปตามที่ตกลงไว้ พร้อมให้คู่กรณีชำระค่าสินค้าเต็มตามจำนวน พร้อมดอกเบี้ย ขณะนี้ทราบว่าทางฝั่งคู่กรณีอยู่ระหว่างยื่นอุทธรณ์

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000118256

    #MGROnline #ฉ้อโกงค่าผลิตอาหารเสริม #อมาโด้ #เชนธนา
    บริษัทไทยยินตัน คู่กรณี "เชน ธนา"เข้าให้ปากคำกองปราบเพิ่มเติม คดีถูกโกงค่าจ้างผลิตสินค้า 79 ล้านบาท เผยเจ้าตัวถอนเงินออกในนามส่วนตัวนับ 100 ล้าน ซ้ำพยายามสู้ให้เป็นคดีแพ่ง เพื่อปัดภาระหนี้ให้เป็นของบริษัท • วันนี้ ( 9 ธ.ค.) ที่ กองปราบปราม นายนริศ วิทยาวรากรณ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทไทยยินตัน จำกัด พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบ พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมในคดีที่เคยแจ้งความเอาผิด นายธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ หรือ เชน ธนา อดีตศิลปินนักร้องชื่อดัง ซีอีโอบริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด ฉ้อโกงค่าผลิตอาหารเสริม จำนวน 79 ล้านบาท • นายนริศ กล่าวว่า วันนี้มาให้ปากคำเพิ่มเติมในบางประเด็นตามคำสั่งของอัยการ ที่อยากได้พยานหลักฐานเพิ่มเติม ส่วนประเด็นที่คู่กรณีเคยยื่นฟ้องทางบริษัทว่าผลิตสินค้าไม่ตรงตามที่ตกลง เบื้องต้นศาลชั้นต้นมีคำวินิจฉัยว่าคุณภาพสินค้าของเราเป็นไปตามที่ตกลงไว้ พร้อมให้คู่กรณีชำระค่าสินค้าเต็มตามจำนวน พร้อมดอกเบี้ย ขณะนี้ทราบว่าทางฝั่งคู่กรณีอยู่ระหว่างยื่นอุทธรณ์ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000118256 • #MGROnline #ฉ้อโกงค่าผลิตอาหารเสริม #อมาโด้ #เชนธนา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 275 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองปราบยื่นผัดฟ้องคดี ’เชนธนา-อมาโด้’ ฉ้อโกง ไทยยินตัน 79 ล้าน ชี้พฤติการณ์ใช้สัญญาซื้อขายหลอกลวง ส่งมอบสินค้าผลิตภัณฑ์ หลังเจ้าตัวให้การปฏิเสธสู้คดี

    วันนี้ (20 พ.ย.) ที่ศาลแขวงพระนครใต้ ถนนเจริญกรุง พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ได้ยื่นคำร้องผัดฟ้องผู้ต้องหาครั้งที่ 1 ในคดีที่มีการกล่าวหาบริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัดโดย นายธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจ ,นายธนาตรัยฉัตร หรือเชน ภูโชคอนันต์ อดีตนักร้องชื่อดัง อายุ 37 ปี น.ส.กาลกัลยา ภูโชคอนันต์ อายุ 34 ปี เป็นผู้ต้องหาที่ 1 - 3 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง

    คำร้องผัดฟ้องระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ย.2567 เวลา 14.00 น.พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 1กองบังคับการปราบปราม ได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด โดย นายธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ ในฐานะ กรรมการผู้มีอำนาจ ผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก รวม 3 คน ทราบว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกง" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 341

    พฤติการณ์ของคดี คือ ก่อนเกิดเหตุ บริษัทไทยยินต้น จำกัด ประกอบกิจการนำเข้าสินค้าจากประเทศญี่ปุ่น มาจำหน่ายในประเทศไทย และได้แจ้งจดทะเบียนผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโปรโบโอติก ภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ "ยินตัน บิฟิน่า อีเอ็กซ์" จากคณะกรรมการอาหารและยาตามกฎหมาย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000111751

    #MGROnline #กองปราบ #เชนธนา #อมาโด้
    กองปราบยื่นผัดฟ้องคดี ’เชนธนา-อมาโด้’ ฉ้อโกง ไทยยินตัน 79 ล้าน ชี้พฤติการณ์ใช้สัญญาซื้อขายหลอกลวง ส่งมอบสินค้าผลิตภัณฑ์ หลังเจ้าตัวให้การปฏิเสธสู้คดี • วันนี้ (20 พ.ย.) ที่ศาลแขวงพระนครใต้ ถนนเจริญกรุง พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ได้ยื่นคำร้องผัดฟ้องผู้ต้องหาครั้งที่ 1 ในคดีที่มีการกล่าวหาบริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัดโดย นายธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจ ,นายธนาตรัยฉัตร หรือเชน ภูโชคอนันต์ อดีตนักร้องชื่อดัง อายุ 37 ปี น.ส.กาลกัลยา ภูโชคอนันต์ อายุ 34 ปี เป็นผู้ต้องหาที่ 1 - 3 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง • คำร้องผัดฟ้องระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ย.2567 เวลา 14.00 น.พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 1กองบังคับการปราบปราม ได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด โดย นายธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ ในฐานะ กรรมการผู้มีอำนาจ ผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก รวม 3 คน ทราบว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกง" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 341 • พฤติการณ์ของคดี คือ ก่อนเกิดเหตุ บริษัทไทยยินต้น จำกัด ประกอบกิจการนำเข้าสินค้าจากประเทศญี่ปุ่น มาจำหน่ายในประเทศไทย และได้แจ้งจดทะเบียนผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโปรโบโอติก ภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ "ยินตัน บิฟิน่า อีเอ็กซ์" จากคณะกรรมการอาหารและยาตามกฎหมาย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000111751 • #MGROnline #กองปราบ #เชนธนา #อมาโด้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 388 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต่างชาติตะลึง ปลาหมอคางดำ อึดทนที่สุดในโลก แต่บริษัทไทยเบอร์ต้นนำเข้ามาเลี้ยงกลับไม่รอดทั้งชุด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ต่างชาติตะลึง ปลาหมอคางดำ อึดทนที่สุดในโลก แต่บริษัทไทยเบอร์ต้นนำเข้ามาเลี้ยงกลับไม่รอดทั้งชุด #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 417 มุมมอง 0 รีวิว