• 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
    กฎหมายเพื่อความปลอดภัย กับ ปรากฎการณ์ประชาชนถ่ายคลิปปรับไม่ออกใบเสร็จ

    ไม่เถียงครับ ว่าขับรถด้วยความเร็ว 60 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง อุบัติเหตุถ้าจะเกิด จะเกิดการบาดเจ็บน้อยกว่า ความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ "ความเร็ว" คือต้นเหตุของอุบัติเหตุจริงๆ หรือ??

    ตามสถิติของ ศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุ Thai RSC ระบุว่า ในปี 2566 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน 14,122 ราย บาดเจ็บ 808,705 ราย

    เป็นอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ 90.53% และจากรถยนต์ 9.47% และช่วงเวลาที่เกิดเหตุสูงสุดคือ 17.00 - 18.00 น. คิดเป็นสัดส่วน 7.95% ของอุบัติเหตุทั้งหมด

    เจาะลึกลงมาในกรุงเทพฯ ในปี 2566 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน 922 ราย บาดเจ็บ 143,182 ราย เป็นเหตุจากรถจักรยานยนต์ 92.15% และรถยนต์ 7.85%

    ช่วงเวลาที่มีผู้ประสบภัยสุงสุด คือ
    17.00 - 18.00 น. มีเหตุคิดเป็น 6.72% ของการเกิดเหตุทั้งวัน
    08.00 - 09.00 น. มีเหตุคิดเป็น 6.70% ของการเกิดเหตุทั้งวัน
    และ 07.00 - 08.00 น. มีเหตุคิดเป็น 6.65% ของการเกิดเหตุทั้งวัน

    ใช่ครับ มันคือช่วงเวลารถติด!! ไม่ใช่เวลาใช้ความเร็ว

    ลงลึกอีกอย่าง แขวงที่มีเหตุสูงสุด 5 อันดับ
    1. คลองตัน
    2. แสมดำ
    3. ลาดพร้าว
    4. หัวหมาก
    5. สวนหลวง

    ล้วนแล้วแต่รถติดมหากาฬทั้งสิ้น

    รายงานการวิเคราะห์สถานการณ์อุบัติเหตุทางถนน ของกระทรวงคมนาคม พ.ศ. 2564 โดย สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร สำนักแผนความปลอดภัย เมื่อกรกฎาคม 2564 ระบุว่า สาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดจากบุคคล เหตุจากการขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด มีเพียง 19% แม้ว่าจะมากเป็นลำดับที่ 3 แต่หากเทียงกับ การเกิดอุบัติเหตุจากสาเหตุอื่นๆ ที่สูงถึง 58% เรียกว่า น้อยกว่าครึ่ง

    แม้กระทั่ง ข้อมูลจากสถาบันวิจัยพัฒนาประเทศไทยหรือ TDRI ยังระบุว่า 3 กลุ่มเสี่ยงสำคัญของอุบัติเหตุบนท้องถนน ได้แก่ ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ผู้สูงอายุ และ คนเดินเท้า

    มันเลยอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามว่า 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คือตัวเลขที่เหมาะสมแล้วหรือ? กฎหมายกำลังเกาที่คัน หรือว่าใครที่อยากคัน? โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้วงเวลาที่มีคำถามมากมายเกี่ยวกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจราจรถึงการจ่ายค่าปรับไม่มีใบเสร็จ ซึ่งน่าจะได้ประโยชน์จาก 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงมากขึ้นหรือไม่?

    มีคำอ้างอิงว่า ในเมืองใหญ่หลายๆ ประเทศ จำกัดความเร็วที่ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ผิดครับ แต่ความเร็วถัดมาคือ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือ 80 กิโลเมตร มันก็น้อยกว่าจำกัดความเร็วในถนนสายอื่นๆ ของเมืองใหญ่ๆ ที่มักจะกำหนดที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเช่นกัน

    ไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วยกับการ จำกัดความเร็ว แต่สำหรับในเมือง เร่งเครื่องถึง 80 ก็ต้องแตะเบรกเพื่อเข้าไฟแดงถัดไปแล้ว การขับเร็วเกินกำหนด โอกาสมีไม่มาก แต่อยากเขียนเรื่องนี้เพื่อถามหาความเหมาะสมของการบังคับใช้กฎหมาย และการเปิดช่องให้ผู้มีอำนาจทำมาหารับประทานมากกว่า

    เพราะหากต้องการลดอุบัติเหตุจริงๆ เลื่อนขึ้นไปอ่านรายงานต่างๆ แล้วหาวิธีเพิ่มเติมจากต้นตอของปัญหา มันก็จะแก้ได้ตรงจุดขึ้น ดีกว่าแก้เรื่องที่ไม่ใช่ปัญหา เพราะมันก็จะไม่สามารถลบปัญหาออกไปได้
    60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กฎหมายเพื่อความปลอดภัย กับ ปรากฎการณ์ประชาชนถ่ายคลิปปรับไม่ออกใบเสร็จ ไม่เถียงครับ ว่าขับรถด้วยความเร็ว 60 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง อุบัติเหตุถ้าจะเกิด จะเกิดการบาดเจ็บน้อยกว่า ความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ "ความเร็ว" คือต้นเหตุของอุบัติเหตุจริงๆ หรือ?? ตามสถิติของ ศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุ Thai RSC ระบุว่า ในปี 2566 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน 14,122 ราย บาดเจ็บ 808,705 ราย เป็นอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ 90.53% และจากรถยนต์ 9.47% และช่วงเวลาที่เกิดเหตุสูงสุดคือ 17.00 - 18.00 น. คิดเป็นสัดส่วน 7.95% ของอุบัติเหตุทั้งหมด เจาะลึกลงมาในกรุงเทพฯ ในปี 2566 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน 922 ราย บาดเจ็บ 143,182 ราย เป็นเหตุจากรถจักรยานยนต์ 92.15% และรถยนต์ 7.85% ช่วงเวลาที่มีผู้ประสบภัยสุงสุด คือ 17.00 - 18.00 น. มีเหตุคิดเป็น 6.72% ของการเกิดเหตุทั้งวัน 08.00 - 09.00 น. มีเหตุคิดเป็น 6.70% ของการเกิดเหตุทั้งวัน และ 07.00 - 08.00 น. มีเหตุคิดเป็น 6.65% ของการเกิดเหตุทั้งวัน ใช่ครับ มันคือช่วงเวลารถติด!! ไม่ใช่เวลาใช้ความเร็ว ลงลึกอีกอย่าง แขวงที่มีเหตุสูงสุด 5 อันดับ 1. คลองตัน 2. แสมดำ 3. ลาดพร้าว 4. หัวหมาก 5. สวนหลวง ล้วนแล้วแต่รถติดมหากาฬทั้งสิ้น รายงานการวิเคราะห์สถานการณ์อุบัติเหตุทางถนน ของกระทรวงคมนาคม พ.ศ. 2564 โดย สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร สำนักแผนความปลอดภัย เมื่อกรกฎาคม 2564 ระบุว่า สาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดจากบุคคล เหตุจากการขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด มีเพียง 19% แม้ว่าจะมากเป็นลำดับที่ 3 แต่หากเทียงกับ การเกิดอุบัติเหตุจากสาเหตุอื่นๆ ที่สูงถึง 58% เรียกว่า น้อยกว่าครึ่ง แม้กระทั่ง ข้อมูลจากสถาบันวิจัยพัฒนาประเทศไทยหรือ TDRI ยังระบุว่า 3 กลุ่มเสี่ยงสำคัญของอุบัติเหตุบนท้องถนน ได้แก่ ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ผู้สูงอายุ และ คนเดินเท้า มันเลยอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามว่า 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คือตัวเลขที่เหมาะสมแล้วหรือ? กฎหมายกำลังเกาที่คัน หรือว่าใครที่อยากคัน? โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้วงเวลาที่มีคำถามมากมายเกี่ยวกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจราจรถึงการจ่ายค่าปรับไม่มีใบเสร็จ ซึ่งน่าจะได้ประโยชน์จาก 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงมากขึ้นหรือไม่? มีคำอ้างอิงว่า ในเมืองใหญ่หลายๆ ประเทศ จำกัดความเร็วที่ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ผิดครับ แต่ความเร็วถัดมาคือ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือ 80 กิโลเมตร มันก็น้อยกว่าจำกัดความเร็วในถนนสายอื่นๆ ของเมืองใหญ่ๆ ที่มักจะกำหนดที่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเช่นกัน ไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วยกับการ จำกัดความเร็ว แต่สำหรับในเมือง เร่งเครื่องถึง 80 ก็ต้องแตะเบรกเพื่อเข้าไฟแดงถัดไปแล้ว การขับเร็วเกินกำหนด โอกาสมีไม่มาก แต่อยากเขียนเรื่องนี้เพื่อถามหาความเหมาะสมของการบังคับใช้กฎหมาย และการเปิดช่องให้ผู้มีอำนาจทำมาหารับประทานมากกว่า เพราะหากต้องการลดอุบัติเหตุจริงๆ เลื่อนขึ้นไปอ่านรายงานต่างๆ แล้วหาวิธีเพิ่มเติมจากต้นตอของปัญหา มันก็จะแก้ได้ตรงจุดขึ้น ดีกว่าแก้เรื่องที่ไม่ใช่ปัญหา เพราะมันก็จะไม่สามารถลบปัญหาออกไปได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบ.ตร.ช่วยเหลือเยียวยาตำรวจถูกชายเมาสุราซิ่งเก๋งชนเสียชีวิต ขณะปฏิบัติหน้าที่กลางเมืองโคราช กำชับวางมาตรการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่ช่วงปีใหม่อย่างเข้มงวด ทั้งการตั้งจุดตรวจ ตั้งด่านเมา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000123480

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผบ.ตร.ช่วยเหลือเยียวยาตำรวจถูกชายเมาสุราซิ่งเก๋งชนเสียชีวิต ขณะปฏิบัติหน้าที่กลางเมืองโคราช กำชับวางมาตรการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่ช่วงปีใหม่อย่างเข้มงวด ทั้งการตั้งจุดตรวจ ตั้งด่านเมา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000123480 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 291 มุมมอง 0 รีวิว
  • รอง ผบช.น.เผยเหตุผลจำกัดความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม.บนถนนในกรุงเทพฯ เพื่อลดอุบัติเหตุ คุมเข้มวินัยจราจร ชี้ 195 ประเทศทั่วโลกบังคับความเร็วในเขตเมืองเหลือนน้อบกว่า 60 กม./ชม.

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000123436

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    รอง ผบช.น.เผยเหตุผลจำกัดความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม.บนถนนในกรุงเทพฯ เพื่อลดอุบัติเหตุ คุมเข้มวินัยจราจร ชี้ 195 ประเทศทั่วโลกบังคับความเร็วในเขตเมืองเหลือนน้อบกว่า 60 กม./ชม. อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000123436 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    7
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 323 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ทักษิณ"ควงทีมงานพรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีปราศรัยที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ช่วย "สว.ก๊อง" หาเสียงเลือกตั้งป้องกันเก้าอี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เผยรอบก่อนแค่ส่งจดหมายน้อยยังได้ 4 แสนคะแนน แต่รอบนี้มาด้วยตัวเองขอเทคะแนนให้ทะลุ 6 แสน ส่วนเลือกตั้ง สส.ครั้งหน้า อ้อนขอให้เลือกเพื่อไทยทั้งจังหวัด พร้อมเหน็บนักการเมืองคนรุ่นใหม่จากบางพรรคที่ดีแต่พูดเก่งแต่ทำงานไม่เป็น

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000123417

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "ทักษิณ"ควงทีมงานพรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีปราศรัยที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ช่วย "สว.ก๊อง" หาเสียงเลือกตั้งป้องกันเก้าอี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เผยรอบก่อนแค่ส่งจดหมายน้อยยังได้ 4 แสนคะแนน แต่รอบนี้มาด้วยตัวเองขอเทคะแนนให้ทะลุ 6 แสน ส่วนเลือกตั้ง สส.ครั้งหน้า อ้อนขอให้เลือกเพื่อไทยทั้งจังหวัด พร้อมเหน็บนักการเมืองคนรุ่นใหม่จากบางพรรคที่ดีแต่พูดเก่งแต่ทำงานไม่เป็น อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000123417 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Angry
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 365 มุมมอง 0 รีวิว
  • เลขาฯ กฤษฎีกา แจงยังไม่สรุป “กิตติรัตน์” ขาดคุณสมบัตินั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติหรือไม่ ยังอยู่ระหว่างหารือ เผยเตรียมประชุมคณะกรรมการร่วม สอบคุณสมบัติ วันที่ 25 ธ.ค.67 นี้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000123414

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เลขาฯ กฤษฎีกา แจงยังไม่สรุป “กิตติรัตน์” ขาดคุณสมบัตินั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติหรือไม่ ยังอยู่ระหว่างหารือ เผยเตรียมประชุมคณะกรรมการร่วม สอบคุณสมบัติ วันที่ 25 ธ.ค.67 นี้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000123414 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 364 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนชาวชายแดนแม่สอดตื่นตัวสกัดอหิวาตกโรคลามข้ามฝั่ง ด้าน รพ.แม่สอด เตรียมแผนรับมือหากระบาดรุนแรงพร้อมเปิดพื้นที่รับผู้ป่วย แต่เชื่อมั่นไม่เท่าโควิด ส่วนผู้ป่วย 3 รายในแม่สอดอาการปลอดภัยทั้งหมดแล้ว

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000123366

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    คนชาวชายแดนแม่สอดตื่นตัวสกัดอหิวาตกโรคลามข้ามฝั่ง ด้าน รพ.แม่สอด เตรียมแผนรับมือหากระบาดรุนแรงพร้อมเปิดพื้นที่รับผู้ป่วย แต่เชื่อมั่นไม่เท่าโควิด ส่วนผู้ป่วย 3 รายในแม่สอดอาการปลอดภัยทั้งหมดแล้ว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000123366 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Angry
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 322 มุมมอง 0 รีวิว
  • “อิ๊งค์” ยันไม่ปล่อยผ่าน MOU44 แต่ต้องรอบคอบ แย้มต้นปีหน้ามีรายละเอียดเพิ่ม เมินเปิดเวทีสาธารณะ อ้างเป็นเรื่องระหว่างประเทศ บอกพูดอะไรไปก่อนทำไทยเสียเปรียบ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000123344

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes

    “อิ๊งค์” ยันไม่ปล่อยผ่าน MOU44 แต่ต้องรอบคอบ แย้มต้นปีหน้ามีรายละเอียดเพิ่ม เมินเปิดเวทีสาธารณะ อ้างเป็นเรื่องระหว่างประเทศ บอกพูดอะไรไปก่อนทำไทยเสียเปรียบ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000123344 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    3
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 325 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สนธิ-ปานเทพ” เผยรัฐบาลตอบแล้ว หลังยื่นข้อเรียกร้องยกเลิก MOU2544 และ JC2544 แต่ไม่ตรงคำถาม บอกเพียงแค่ส่งเรื่องให้กระทรวงการต่างประเทศแล้ว ไม่พุดถึงข้อเรียกร้อง 6 ข้อ จี้ตอบกลับมาใหม่ พร้อมเตรียมเคลื่อนไหวปีหน้าไปรัฐสภา ตามด้วยกระทรวงการต่างประเทศ

    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000123309

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “สนธิ-ปานเทพ” เผยรัฐบาลตอบแล้ว หลังยื่นข้อเรียกร้องยกเลิก MOU2544 และ JC2544 แต่ไม่ตรงคำถาม บอกเพียงแค่ส่งเรื่องให้กระทรวงการต่างประเทศแล้ว ไม่พุดถึงข้อเรียกร้อง 6 ข้อ จี้ตอบกลับมาใหม่ พร้อมเตรียมเคลื่อนไหวปีหน้าไปรัฐสภา ตามด้วยกระทรวงการต่างประเทศ อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000123309 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    16
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 349 มุมมอง 0 รีวิว
  • อย่าคิดมาก
    กับปฏิกิริยาของคนอื่น

    จากหนังสือ |วันนี้ฉันจะมอบความสุขเป็นของขวัญให้ตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #วันนี้ฉันจะมอบความสุขเป็นของขวัญให้ตัวเอง
    อย่าคิดมาก กับปฏิกิริยาของคนอื่น จากหนังสือ |วันนี้ฉันจะมอบความสุขเป็นของขวัญให้ตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #วันนี้ฉันจะมอบความสุขเป็นของขวัญให้ตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขอให้คุณมีชีวิตที่มีความสุข
    ในวันนี้
    แทนที่จะเป็นเมื่อวานหรือพรุ่งนี้

    จากหนังสือ |วันนี้ฉันจะมอบความสุขเป็นของขวัญให้ตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #วันนี้ฉันจะมอบความสุขเป็นของขวัญให้ตัวเอง
    ขอให้คุณมีชีวิตที่มีความสุข ในวันนี้ แทนที่จะเป็นเมื่อวานหรือพรุ่งนี้ จากหนังสือ |วันนี้ฉันจะมอบความสุขเป็นของขวัญให้ตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #วันนี้ฉันจะมอบความสุขเป็นของขวัญให้ตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • เราไม่อาจมีชีวิตที่มีความหมายได้
    โดยการเติมเต็มแค่ความสุข
    ของเราคนเดียว
    ขณะเดียวกัน
    คนที่เอาแต่เสียสละตัวเองเพื่อคนอื่น
    ก็ย่อมสูญเวลาที่จะใช้เพื่อตัวเอง

    จากหนังสือ |วันนี้ฉันจะมอบความสุขเป็นของขวัญให้ตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #วันนี้ฉันจะมอบความสุขเป็นของขวัญให้ตัวเอง
    เราไม่อาจมีชีวิตที่มีความหมายได้ โดยการเติมเต็มแค่ความสุข ของเราคนเดียว ขณะเดียวกัน คนที่เอาแต่เสียสละตัวเองเพื่อคนอื่น ก็ย่อมสูญเวลาที่จะใช้เพื่อตัวเอง จากหนังสือ |วันนี้ฉันจะมอบความสุขเป็นของขวัญให้ตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #วันนี้ฉันจะมอบความสุขเป็นของขวัญให้ตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความสำเร็จและความสุข
    อาจเกิดกับคน
    ที่มีจิตใจที่ยืดหยุ่นพอ
    ที่จะเปิดทางที่เหมาะกับตัวเอง
    ทุกๆทางแยกที่พบเจอ
    บนเส้นทางของชีวิต

    จากหนังสือ |วันนี้ฉันจะมอบความสุขเป็นของขวัญให้ตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #วันนี้ฉันจะมอบความสุขเป็นของขวัญให้ตัวเอง
    ความสำเร็จและความสุข อาจเกิดกับคน ที่มีจิตใจที่ยืดหยุ่นพอ ที่จะเปิดทางที่เหมาะกับตัวเอง ทุกๆทางแยกที่พบเจอ บนเส้นทางของชีวิต จากหนังสือ |วันนี้ฉันจะมอบความสุขเป็นของขวัญให้ตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #วันนี้ฉันจะมอบความสุขเป็นของขวัญให้ตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • การโอนอ่อน
    ไม่ใช่การยอมแพ้
    หากเป็นการเปิดประตู
    แห่งความเป็นไปได้

    จากหนังสือ |วันนี้ฉันจะมอบความสุขเป็นของขวัญให้ตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #วันนี้ฉันจะมอบความสุขเป็นของขวัญให้ตัวเอง
    การโอนอ่อน ไม่ใช่การยอมแพ้ หากเป็นการเปิดประตู แห่งความเป็นไปได้ จากหนังสือ |วันนี้ฉันจะมอบความสุขเป็นของขวัญให้ตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #วันนี้ฉันจะมอบความสุขเป็นของขวัญให้ตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีเพียงตัวฉันเท่านั้น
    ที่จะทำให้ชีวิตตัวเอง
    เป็นเหมือนดอกไม้

    จากหนังสือ |วันนี้ฉันจะมอบความสุขเป็นของขวัญให้ตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #วันนี้ฉันจะมอบความสุขเป็นของขวัญให้ตัวเอง
    มีเพียงตัวฉันเท่านั้น ที่จะทำให้ชีวิตตัวเอง เป็นเหมือนดอกไม้ จากหนังสือ |วันนี้ฉันจะมอบความสุขเป็นของขวัญให้ตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #วันนี้ฉันจะมอบความสุขเป็นของขวัญให้ตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้ารู้สึกลำบากใจ
    หรือใช้เวลานานมากกับการ
    เลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
    การเลือกอะไรก็ได้น่าจะดีกว่า
    ชีวิตเราไม่มีทางเผชิญหน้า
    กับทางตันอย่างกระทันหัน
    ต่อให้เราไม่ได้เลือกตัวเลือก
    ที่ถูกต้องเสมอไป
    แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังพอรับรู้
    และเห็นภาพตัวเอง
    ก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้อยู่ดี

    จากหนังสือ |เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคิดนะ วันนี้ขอนอนก่อนแล้วกัน

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคิดนะ วันนี้ขอนอนก่อนแล้วกัน
    ถ้ารู้สึกลำบากใจ หรือใช้เวลานานมากกับการ เลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง การเลือกอะไรก็ได้น่าจะดีกว่า ชีวิตเราไม่มีทางเผชิญหน้า กับทางตันอย่างกระทันหัน ต่อให้เราไม่ได้เลือกตัวเลือก ที่ถูกต้องเสมอไป แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังพอรับรู้ และเห็นภาพตัวเอง ก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้อยู่ดี จากหนังสือ |เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคิดนะ วันนี้ขอนอนก่อนแล้วกัน #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคิดนะ วันนี้ขอนอนก่อนแล้วกัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • อย่ายึดติดกับความสุข
    อย่าหลีกเลี่ยงเวลามีความทุกข์

    จากหนังสือ |เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคิดนะ วันนี้ขอนอนก่อนแล้วกัน

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคิดนะ วันนี้ขอนอนก่อนแล้วกัน
    อย่ายึดติดกับความสุข อย่าหลีกเลี่ยงเวลามีความทุกข์ จากหนังสือ |เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคิดนะ วันนี้ขอนอนก่อนแล้วกัน #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคิดนะ วันนี้ขอนอนก่อนแล้วกัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • แทนที่เราจะอึดอัดใจ
    ต่ออนาคตอันห่างไกล
    กังวลใจในสิ่งต่างๆ
    ที่ไม่อาจแก้ไขได้ในตอนนี้
    จงอย่าพลาดความสนุก
    ในช่วงวัยนี้ไป
    เพราะสิ่งที่เราทำได้
    มีแค่ขึ้นไปบนภูเขาแล้วเพลิดเพลิน
    ไปกับสีสันแปลกตาที่มีแค่ตรงนี้เท่านั้น

    จากหนังสือ |เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคิดนะ วันนี้ขอนอนก่อนแล้วกัน

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคิดนะ วันนี้ขอนอนก่อนแล้วกัน
    แทนที่เราจะอึดอัดใจ ต่ออนาคตอันห่างไกล กังวลใจในสิ่งต่างๆ ที่ไม่อาจแก้ไขได้ในตอนนี้ จงอย่าพลาดความสนุก ในช่วงวัยนี้ไป เพราะสิ่งที่เราทำได้ มีแค่ขึ้นไปบนภูเขาแล้วเพลิดเพลิน ไปกับสีสันแปลกตาที่มีแค่ตรงนี้เท่านั้น จากหนังสือ |เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคิดนะ วันนี้ขอนอนก่อนแล้วกัน #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคิดนะ วันนี้ขอนอนก่อนแล้วกัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเปลี่ยนชีวิตประจำวันเดิมๆ
    ด้วยบรรยากาศแปลกใหม่
    เป็นสิ่งสำคัญมาก
    เราอาจคิดว่าการหยุดพักชั่วคราว
    ไม่มีอะไรน่าประทับใจเท่าการท่องเที่ยว
    เพียงหยุดพักชั่วครู่ สุดหายใจเต็มปอด
    แล้วไม่ลืมว่าพรุ่งนี้ต้องฮึดสู้ใหม่
    ต้องตั้งใจขึ้นอีกครั้ง

    จากหนังสือ |เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคิดนะ วันนี้ขอนอนก่อนแล้วกัน

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคิดนะ วันนี้ขอนอนก่อนแล้วกัน
    การเปลี่ยนชีวิตประจำวันเดิมๆ ด้วยบรรยากาศแปลกใหม่ เป็นสิ่งสำคัญมาก เราอาจคิดว่าการหยุดพักชั่วคราว ไม่มีอะไรน่าประทับใจเท่าการท่องเที่ยว เพียงหยุดพักชั่วครู่ สุดหายใจเต็มปอด แล้วไม่ลืมว่าพรุ่งนี้ต้องฮึดสู้ใหม่ ต้องตั้งใจขึ้นอีกครั้ง จากหนังสือ |เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคิดนะ วันนี้ขอนอนก่อนแล้วกัน #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคิดนะ วันนี้ขอนอนก่อนแล้วกัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด้วยอัตราการเกิดที่ต่ำติดอันดับที่ 3 ของโลก ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอัตราการเกิดสูงขึ้นต่อเนื่อง จะส่งผลต่ออนาคตของประเทศไทยอย่างไร?

    เมื่อเร็วๆ นี้ ผมดูคลิปหนึ่งเรื่องความถดถอยของเกาหลีใต้ ตอนหนึ่งเอ่ยถึงอัตราการเกิดที่ต่ำมาก ซึ่งถ้าปล่อยไปแบบนี้เกาหลีใต้จะ "สิ้นชาติ" ภายในปี 2100 เพราะประชากร 70% จะหายไป

    แม้ว่าเกาหลีใต้จะทุ่มเงิน 2.7 แสนล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นอัตราการเกิด แต่ก็ไม่ได้ผล ซึ่งดูท่าว่าการใช้เงินจะไม่ได้ผลในประเทศอื่นด้วย เช่น ในญี่ปุ่น และสิงคโปร์

    เช่น การให้เงินอุดหนุนคนมีลูก หรือเพิ่มวันลาคลอดทั้งชายทั้งหญิงไปจนถึงรัฐบาลช่วยจับคู่ให้ประชากร ทั้งหมดดูจะล้มเหลว

    มีการเทียบสถานการณ์นี้กับสหภาพโซเวียตซึ่งในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษที่ 1960 จากอัตราการเกิดสูงถึง 24.9 คน/ประชากร 1,000 คน ในปี 1966 มาอยู่ที่ 17.4/ประชากร 1,000 คน

    ปัญหาเกิดจากอะไร? เกิดจากการพัฒนามากเกินไปแบบ "กระจุกตัว"

    จากเอกสารลับของ CIA (ตอนนี้ไม่ลับแล้ว) บอกว่า การที่อัตราการเกิดในโซเวียตต่ำเป็นเพราะการขยายตัวของเมือง (Urbanization) และการเปลี่ยนจากสังคมเกษตรเป็นอุตสาหกรรม

    ช่วงหนึ่งโซเวียตทำลายภาคเกษตรอย่างย่อยยับด้วยระบบคอมมูน ซึ่งทำให้การเกษตรล้มหลว จนเกษตรกรต้องอพยพเข้ามาอยูในเมืองและเป็นแรงงานโรงงาน ชีวิตคนเมืองแบบนี้ไม่เอื้อต่อการทำลูกมากๆ ต่างจากสังคมเกษตร

    ในเวลาเดียวกัน เมื่อคนแห่เข้ามาอยู่ในเมืองมากๆ ที่อาศัยในเมืองก็ไม่พอ ทำให้ยิ่งไม่เหมาะกับการมีลูกในแฟลตเล็กๆ ที่อยู่แออัดเหมือนรังหนู

    เมื่อคนมากขึ้นในเมือง แต่ภาคเกษตรล้ม ทำให้ของยิ่งแพง เศรษฐกิจแบบนี้คนจึงไม่อยากมีลูก

    ในเวลาเดียวกัน โซเวียตปลดปล่อยสิทธิสตรี ทำให้ผู้หญิงไม่ต้องผูกมัดกับการมีลูกเพื่อมีตัวตนในสังคม อีกทั้งยังให้สิทธิในการทำแท้งเสรี เมื่อผู้หญิงทำงานเท่าผู้ชาย ก็ไม่อยากจะมีลูกอีก

    ในกรณีของโซเวียต CIA วิเคราะห์ว่าอัตราการเกิดต่ำในปี 1960 ลงมาเพราะผู้หญิงออกมาทำงานและเรียนมากขึ้นถึง 90% แต่เมื่อดูจากสังคมญี่ปุ่นที่ผู้หญิงอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนมากกว่า แต่แล้วก็ยังมีอัตราเกิดต่ำที่สุดในโลก บางทีเรื่องนี้อาจไม่เกี่ยวกับผู้หญิงเลย

    และต่อมาอัตราเกิดของโซเวียตยิ่งต่ำกว่าสหรัฐฯ เสียอีก ซึ่งถือว่าเป็นปัญหามากในช่วงที่ทั้งสองประเทศทำสงครามเย็น หากแรงงานลดลง จะแข่งเรื่องการพัฒนาสร้างความก้าวหน้าไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการทำสงครามจริงๆ

    อีกปัญหาก็คือ สหภาพโซเวียตประกอบด้วยสาธารณรัฐและชนชาติต่างๆ มากมาย ในขณะที่ประชากรชาวรัสเซียลดลงฮวบฮาบ ประชากรชนชาติอื่นยิ่งเพิ่มสูงขึ้น และในที่สุดทำนายกันว่าภายในทศวรรษ 2000 ชาวรัสเซียจะไม่ใช่ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ

    ถามว่ารัสเซียนจะกลืนชนชาติอื่นมาเป็นตน (Russification) ได้ไหม? ตอบว่าทำไม่สำเร็จ เพราะกลุ่มที่เกิดมากกว่าไม่ยอมถูกลืนเป็นรัสเซียนและถืออัตลักษณ์ของตนมากกว่า

    ในประเด็นนี้ ผมเคยเสนอว่าวิธีการแก้ปัญหาอัตราการเกิดต่ำของไทย อาจแก้ด้วยการเปิดรับผู้อพยพที่มีทักษะเข้ามามากๆ แล้ว ทำให้พวกเขาเป็นไทย (Thaification) ด้วยการสร้างชาตินิยมไทยให้เข้มแข็ง เพื่อให้ "คนนอก" รู้สึกสำนึกว่าเป็น "คนใน" เช่นที่ไทยเคยทำ Thaification กับประชากรเชื้อชาติจีนสำเร็จมาแล้ว

    แต่เมื่อเห็นปัญหาของโซเวียตผมชักไม่แน่ใจว่าการเอาคนนอกเข้ามาเป็น "คนไทยใหม่" แทน "คนไทยเดิม" ที่เกิดน้อยลงเป็นไอเดียที่จะเวิร์กหรือไม่? ส่วนหนึ่งการทำลาย "ความภูมิใจในความเป็นไทย" ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้คนไทยบางคนก็ไม่อยากเป็นไทย แล้วคนนอกจะยังอยากเป็นไทยหรือ?

    ตัวอย่างเช่น ที่สหรัฐฯ อัตราการเกิดนับตั้งแต่ 1970 เป็นต้นมา ส่วนใหญ่มากจากแม่ที่เป็นผู้อพยพ ส่วนคนท้องถิ่นมีลูกน้อยลง แต่ปัญหาผู้อพยพในสหรัฐ ตอนนี้กำลังทำให้ประเทศแตกแยกอย่างหนัก

    บางทีการแก้ปัญหาหาอาจต้องเน้นการสร้างเด็กเกิดใหม่โดยคนท้องถิ่นเพิ่มขึ้นเป็นหลัก หากปัญหาของการไม่มีลูกอยู่ที่การกระจุกตัวของสังคมเมือง รัฐบาลก็ต้องกระจายโอกาสให้เมืองชนบทมากขึ้น

    คนทำเกษตรควรจะมีสวัสดิภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพราะพวกเขาอาจเป็นความหวังของการมีลูกมากว่าคนเมือง ดังนั้น แทนที่จะหนุนคนหนุ่มสาวในเมืองให้มีลูก รัฐควรเน้นที่นอกเมืองแทน

    กรณีของสหภาพโซเวียต CIA วิเคราะห์ว่า "เพราะปัญหาเมืองใหญ่ แต่บ้านเล็ก" นั่นคือ แม้เมืองจะโตขึ้นเรื่อยๆ เพราะคนบ้านนอกเข้ามาเยอะ แต่การมีบ้านในเมืองเป็นเรื่องยาก ในปี 1967 อัตราพื้นที่อยู่อาศัยต่อหัวของโซเวียตอยู่ที่แค่ 7 ตร.ม. เท่านั้น ขนาดคนเดียวยังไม่รอด แล้วจะไปมีลูกได้อย่างไร และในทศวรรษที่ 1950 มีการสำรวจพบว่า 14% ที่ไม่มีลูกในเมืองแล้วเลือกทำแท้ง เพราะบ้านไม่พออยู่

    นี่ขนาดโซเวียตเป็นรัฐสังคมนิยมที่บ้านไม่ใช่ของแพง (แต่สร้างยาก) แล้วยังมีพื้นที่ประเทศใหญ่ที่สุดในโลก

    ดูเหมือนที่อยู่แพงและหายากและเล็กจิ๋ว จะเป็นปัญหาของคนจีน เกาหลี สิงคโปร์ และญี่ปุ่นด้วย เพระาคนเยอะแต่ดินแดนมีจำกัด

    แต่สหรัฐฯ ในช่วง 1970 อัตรการเกิดสูงมาก เนื่องจากเป็นยุคเศรษฐกิจบูม บ้านราคาไม่แพง และภาคเกษตรไม่ตกต่ำและยืนเคียงข้างภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ดูเหมือนการพัฒนาจะไม่กระจุกในเมือง เพราะมีเขตรอบนอกเมือง และชนบทที่เข้าถึงการปัจจัยในการดำรงชีพได้พอๆ กัน

    ในกรณีของสหรัฐฯ ปี 1970 เป็นต้นมามีปัญหาหนึ่งคล้ายกับไทย คือ "ท้องนอกสมรสกันเยอะ" แต่เพราะทำแท้งยาก ลูกก็เลยเต็มเมือง แต่เมื่อลูกแบบนี้เยอะก็ไม่เป็นปัญหา เพราะเข้าถึงการศึกษาได้ถ้วนหน้า

    อัตราการเกิดของสหรัฐฯ จะคึกมาถึงทศวรรษที่ 1990 เลยด้วยซ้ำตามสภาวะเศรษฐกิจ หลังจากนั้นก็ลดลงเพราะ "จักรวรรดิเศรษฐกิจเริ่มพังทลาย" และสังคมแตกแยกสูง จนตั้งแง่กับผู้อพยพอย่างหนัก

    ดังนั้นเมื่อมองมาที่ไทย ถ้ารัฐบาลอยากให้มีลูก ไม่ควรจะแจกเงินเท่านั้นเพราจะตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ควรจะไปแก้ที่ปัจจัยสี่แห่งการมีลูก คือ บ้านต้องมีกันได้ง่ายๆ (บ้านไม่แพง) สาธารณสุขต้องครบครัน (มีลูกต้องไม่แพง) คนชนทบทต้องไม่หนีเข้ามาในเมือง (มีงานและโอกาสทั่วถึง) และควรให้สวัสดิการผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย (เช่นวันหยุดเพิ่มเติมสำหรับคนที่ตั้งใจหรือกำลังมีลูก)

    ถ้าปัจจัยครบ รัฐบาลไม่ต้องเสียเวลาบังคับให้ใครมีลูก เดี๋ยวเขาจะมีกันเอง

    หรือถ้ามีกระตุ้นให้มีลูกกันเองไม่ได้ บางทีอาจจะต้องอาศัยการรับผู้อพบพเข้ามาแล้วทำให้เป็นคนไทยโดยสมบูรณ์ อย่างในกรณีของสหรัฐมีผู้อพยพจากประเทศที่มีอัตราการเจริญพันธุ์สูงอย่างต่อเนื่อง เมื่อเข้ามาอยู่แล้วก็ถือเป็น "อเมริกัน" ไม่ใช่คนชาติเดิมอีก บางทีเราต้องดูตัวอย่างการกลืน (Assimilation) แบบสหรัฐฯ ด้วย

    ปัจจัยสี่แห่งการมีลูกนี้ผมนึกเอาเอง ผมคิดว่าหลายคนก็คงมีไอเดียอื่นๆ ด้วย และที่เล่ามานั้นไม่ใช่ถูกหรือผิด เพียงแค่อยากจะแบ่งปันวิธีแก้ปัญหาของชาติเท่านั้น ไม่ได้อยากจะอวดดีอวดเก่งอะไร



    Kornkit Disthan
    ด้วยอัตราการเกิดที่ต่ำติดอันดับที่ 3 ของโลก ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอัตราการเกิดสูงขึ้นต่อเนื่อง จะส่งผลต่ออนาคตของประเทศไทยอย่างไร? เมื่อเร็วๆ นี้ ผมดูคลิปหนึ่งเรื่องความถดถอยของเกาหลีใต้ ตอนหนึ่งเอ่ยถึงอัตราการเกิดที่ต่ำมาก ซึ่งถ้าปล่อยไปแบบนี้เกาหลีใต้จะ "สิ้นชาติ" ภายในปี 2100 เพราะประชากร 70% จะหายไป แม้ว่าเกาหลีใต้จะทุ่มเงิน 2.7 แสนล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นอัตราการเกิด แต่ก็ไม่ได้ผล ซึ่งดูท่าว่าการใช้เงินจะไม่ได้ผลในประเทศอื่นด้วย เช่น ในญี่ปุ่น และสิงคโปร์ เช่น การให้เงินอุดหนุนคนมีลูก หรือเพิ่มวันลาคลอดทั้งชายทั้งหญิงไปจนถึงรัฐบาลช่วยจับคู่ให้ประชากร ทั้งหมดดูจะล้มเหลว มีการเทียบสถานการณ์นี้กับสหภาพโซเวียตซึ่งในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษที่ 1960 จากอัตราการเกิดสูงถึง 24.9 คน/ประชากร 1,000 คน ในปี 1966 มาอยู่ที่ 17.4/ประชากร 1,000 คน ปัญหาเกิดจากอะไร? เกิดจากการพัฒนามากเกินไปแบบ "กระจุกตัว" จากเอกสารลับของ CIA (ตอนนี้ไม่ลับแล้ว) บอกว่า การที่อัตราการเกิดในโซเวียตต่ำเป็นเพราะการขยายตัวของเมือง (Urbanization) และการเปลี่ยนจากสังคมเกษตรเป็นอุตสาหกรรม ช่วงหนึ่งโซเวียตทำลายภาคเกษตรอย่างย่อยยับด้วยระบบคอมมูน ซึ่งทำให้การเกษตรล้มหลว จนเกษตรกรต้องอพยพเข้ามาอยูในเมืองและเป็นแรงงานโรงงาน ชีวิตคนเมืองแบบนี้ไม่เอื้อต่อการทำลูกมากๆ ต่างจากสังคมเกษตร ในเวลาเดียวกัน เมื่อคนแห่เข้ามาอยู่ในเมืองมากๆ ที่อาศัยในเมืองก็ไม่พอ ทำให้ยิ่งไม่เหมาะกับการมีลูกในแฟลตเล็กๆ ที่อยู่แออัดเหมือนรังหนู เมื่อคนมากขึ้นในเมือง แต่ภาคเกษตรล้ม ทำให้ของยิ่งแพง เศรษฐกิจแบบนี้คนจึงไม่อยากมีลูก ในเวลาเดียวกัน โซเวียตปลดปล่อยสิทธิสตรี ทำให้ผู้หญิงไม่ต้องผูกมัดกับการมีลูกเพื่อมีตัวตนในสังคม อีกทั้งยังให้สิทธิในการทำแท้งเสรี เมื่อผู้หญิงทำงานเท่าผู้ชาย ก็ไม่อยากจะมีลูกอีก ในกรณีของโซเวียต CIA วิเคราะห์ว่าอัตราการเกิดต่ำในปี 1960 ลงมาเพราะผู้หญิงออกมาทำงานและเรียนมากขึ้นถึง 90% แต่เมื่อดูจากสังคมญี่ปุ่นที่ผู้หญิงอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนมากกว่า แต่แล้วก็ยังมีอัตราเกิดต่ำที่สุดในโลก บางทีเรื่องนี้อาจไม่เกี่ยวกับผู้หญิงเลย และต่อมาอัตราเกิดของโซเวียตยิ่งต่ำกว่าสหรัฐฯ เสียอีก ซึ่งถือว่าเป็นปัญหามากในช่วงที่ทั้งสองประเทศทำสงครามเย็น หากแรงงานลดลง จะแข่งเรื่องการพัฒนาสร้างความก้าวหน้าไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการทำสงครามจริงๆ อีกปัญหาก็คือ สหภาพโซเวียตประกอบด้วยสาธารณรัฐและชนชาติต่างๆ มากมาย ในขณะที่ประชากรชาวรัสเซียลดลงฮวบฮาบ ประชากรชนชาติอื่นยิ่งเพิ่มสูงขึ้น และในที่สุดทำนายกันว่าภายในทศวรรษ 2000 ชาวรัสเซียจะไม่ใช่ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ ถามว่ารัสเซียนจะกลืนชนชาติอื่นมาเป็นตน (Russification) ได้ไหม? ตอบว่าทำไม่สำเร็จ เพราะกลุ่มที่เกิดมากกว่าไม่ยอมถูกลืนเป็นรัสเซียนและถืออัตลักษณ์ของตนมากกว่า ในประเด็นนี้ ผมเคยเสนอว่าวิธีการแก้ปัญหาอัตราการเกิดต่ำของไทย อาจแก้ด้วยการเปิดรับผู้อพยพที่มีทักษะเข้ามามากๆ แล้ว ทำให้พวกเขาเป็นไทย (Thaification) ด้วยการสร้างชาตินิยมไทยให้เข้มแข็ง เพื่อให้ "คนนอก" รู้สึกสำนึกว่าเป็น "คนใน" เช่นที่ไทยเคยทำ Thaification กับประชากรเชื้อชาติจีนสำเร็จมาแล้ว แต่เมื่อเห็นปัญหาของโซเวียตผมชักไม่แน่ใจว่าการเอาคนนอกเข้ามาเป็น "คนไทยใหม่" แทน "คนไทยเดิม" ที่เกิดน้อยลงเป็นไอเดียที่จะเวิร์กหรือไม่? ส่วนหนึ่งการทำลาย "ความภูมิใจในความเป็นไทย" ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้คนไทยบางคนก็ไม่อยากเป็นไทย แล้วคนนอกจะยังอยากเป็นไทยหรือ? ตัวอย่างเช่น ที่สหรัฐฯ อัตราการเกิดนับตั้งแต่ 1970 เป็นต้นมา ส่วนใหญ่มากจากแม่ที่เป็นผู้อพยพ ส่วนคนท้องถิ่นมีลูกน้อยลง แต่ปัญหาผู้อพยพในสหรัฐ ตอนนี้กำลังทำให้ประเทศแตกแยกอย่างหนัก บางทีการแก้ปัญหาหาอาจต้องเน้นการสร้างเด็กเกิดใหม่โดยคนท้องถิ่นเพิ่มขึ้นเป็นหลัก หากปัญหาของการไม่มีลูกอยู่ที่การกระจุกตัวของสังคมเมือง รัฐบาลก็ต้องกระจายโอกาสให้เมืองชนบทมากขึ้น คนทำเกษตรควรจะมีสวัสดิภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพราะพวกเขาอาจเป็นความหวังของการมีลูกมากว่าคนเมือง ดังนั้น แทนที่จะหนุนคนหนุ่มสาวในเมืองให้มีลูก รัฐควรเน้นที่นอกเมืองแทน กรณีของสหภาพโซเวียต CIA วิเคราะห์ว่า "เพราะปัญหาเมืองใหญ่ แต่บ้านเล็ก" นั่นคือ แม้เมืองจะโตขึ้นเรื่อยๆ เพราะคนบ้านนอกเข้ามาเยอะ แต่การมีบ้านในเมืองเป็นเรื่องยาก ในปี 1967 อัตราพื้นที่อยู่อาศัยต่อหัวของโซเวียตอยู่ที่แค่ 7 ตร.ม. เท่านั้น ขนาดคนเดียวยังไม่รอด แล้วจะไปมีลูกได้อย่างไร และในทศวรรษที่ 1950 มีการสำรวจพบว่า 14% ที่ไม่มีลูกในเมืองแล้วเลือกทำแท้ง เพราะบ้านไม่พออยู่ นี่ขนาดโซเวียตเป็นรัฐสังคมนิยมที่บ้านไม่ใช่ของแพง (แต่สร้างยาก) แล้วยังมีพื้นที่ประเทศใหญ่ที่สุดในโลก ดูเหมือนที่อยู่แพงและหายากและเล็กจิ๋ว จะเป็นปัญหาของคนจีน เกาหลี สิงคโปร์ และญี่ปุ่นด้วย เพระาคนเยอะแต่ดินแดนมีจำกัด แต่สหรัฐฯ ในช่วง 1970 อัตรการเกิดสูงมาก เนื่องจากเป็นยุคเศรษฐกิจบูม บ้านราคาไม่แพง และภาคเกษตรไม่ตกต่ำและยืนเคียงข้างภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ดูเหมือนการพัฒนาจะไม่กระจุกในเมือง เพราะมีเขตรอบนอกเมือง และชนบทที่เข้าถึงการปัจจัยในการดำรงชีพได้พอๆ กัน ในกรณีของสหรัฐฯ ปี 1970 เป็นต้นมามีปัญหาหนึ่งคล้ายกับไทย คือ "ท้องนอกสมรสกันเยอะ" แต่เพราะทำแท้งยาก ลูกก็เลยเต็มเมือง แต่เมื่อลูกแบบนี้เยอะก็ไม่เป็นปัญหา เพราะเข้าถึงการศึกษาได้ถ้วนหน้า อัตราการเกิดของสหรัฐฯ จะคึกมาถึงทศวรรษที่ 1990 เลยด้วยซ้ำตามสภาวะเศรษฐกิจ หลังจากนั้นก็ลดลงเพราะ "จักรวรรดิเศรษฐกิจเริ่มพังทลาย" และสังคมแตกแยกสูง จนตั้งแง่กับผู้อพยพอย่างหนัก ดังนั้นเมื่อมองมาที่ไทย ถ้ารัฐบาลอยากให้มีลูก ไม่ควรจะแจกเงินเท่านั้นเพราจะตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ควรจะไปแก้ที่ปัจจัยสี่แห่งการมีลูก คือ บ้านต้องมีกันได้ง่ายๆ (บ้านไม่แพง) สาธารณสุขต้องครบครัน (มีลูกต้องไม่แพง) คนชนทบทต้องไม่หนีเข้ามาในเมือง (มีงานและโอกาสทั่วถึง) และควรให้สวัสดิการผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย (เช่นวันหยุดเพิ่มเติมสำหรับคนที่ตั้งใจหรือกำลังมีลูก) ถ้าปัจจัยครบ รัฐบาลไม่ต้องเสียเวลาบังคับให้ใครมีลูก เดี๋ยวเขาจะมีกันเอง หรือถ้ามีกระตุ้นให้มีลูกกันเองไม่ได้ บางทีอาจจะต้องอาศัยการรับผู้อพบพเข้ามาแล้วทำให้เป็นคนไทยโดยสมบูรณ์ อย่างในกรณีของสหรัฐมีผู้อพยพจากประเทศที่มีอัตราการเจริญพันธุ์สูงอย่างต่อเนื่อง เมื่อเข้ามาอยู่แล้วก็ถือเป็น "อเมริกัน" ไม่ใช่คนชาติเดิมอีก บางทีเราต้องดูตัวอย่างการกลืน (Assimilation) แบบสหรัฐฯ ด้วย ปัจจัยสี่แห่งการมีลูกนี้ผมนึกเอาเอง ผมคิดว่าหลายคนก็คงมีไอเดียอื่นๆ ด้วย และที่เล่ามานั้นไม่ใช่ถูกหรือผิด เพียงแค่อยากจะแบ่งปันวิธีแก้ปัญหาของชาติเท่านั้น ไม่ได้อยากจะอวดดีอวดเก่งอะไร Kornkit Disthan
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เผย 10 กรณี คอร์รัปชันแห่งปี 2567 ยกกรณีลดโทษ พักโทษให้นักโทษชั้น 14 อันดับหนึ่ง นอกนั้นมีทั้งไฟไหม้รถบัส เขากระโดง ฮุบป่า ส.ป.ก. และคดีดิไอคอน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000123084

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เผย 10 กรณี คอร์รัปชันแห่งปี 2567 ยกกรณีลดโทษ พักโทษให้นักโทษชั้น 14 อันดับหนึ่ง นอกนั้นมีทั้งไฟไหม้รถบัส เขากระโดง ฮุบป่า ส.ป.ก. และคดีดิไอคอน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000123084 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    9
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 622 มุมมอง 1 รีวิว
  • "ทักษิณ" ถึงบ้านเกิดเชียงใหม่ขึ้นเวทีปราศรัยช่วย "สว.ก๊อง" ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่และ ผู้สมัคร ส.อบจ.เชียงใหม่ ในนามพรรคเพื่อไทยหาเสียง ท่ามกลางแฟนคลับนับหมื่นต้อนรับอบอุ่น อ้อนขอเทคะแนนให้ 100% ชูอดีตนายก อบจ.ขยันทำงานและเห็นผลชัดเจนเป็นที่ประจักษ์

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000123066

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "ทักษิณ" ถึงบ้านเกิดเชียงใหม่ขึ้นเวทีปราศรัยช่วย "สว.ก๊อง" ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่และ ผู้สมัคร ส.อบจ.เชียงใหม่ ในนามพรรคเพื่อไทยหาเสียง ท่ามกลางแฟนคลับนับหมื่นต้อนรับอบอุ่น อ้อนขอเทคะแนนให้ 100% ชูอดีตนายก อบจ.ขยันทำงานและเห็นผลชัดเจนเป็นที่ประจักษ์ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000123066 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Angry
    Like
    Sad
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 628 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพื่อนสส.ส้ม ป้อง "แก้วตา" ถามลั่นผิดยังไง ‘สูบบุหรี่ไฟฟ้า’ กลางสภาหมื่นล้าน อ้างเป็นที่สูบอยู่แล้ว แถมกม.ยังไม่ชัด ฉะคนแอบถ่าย ซัดสู้กันแฟร์ๆอย่าชกใต้เข็มขัด ย้อนให้เจ้าตัวขอโทษเรื่องอะไร

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000123046

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เพื่อนสส.ส้ม ป้อง "แก้วตา" ถามลั่นผิดยังไง ‘สูบบุหรี่ไฟฟ้า’ กลางสภาหมื่นล้าน อ้างเป็นที่สูบอยู่แล้ว แถมกม.ยังไม่ชัด ฉะคนแอบถ่าย ซัดสู้กันแฟร์ๆอย่าชกใต้เข็มขัด ย้อนให้เจ้าตัวขอโทษเรื่องอะไร อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000123046 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    Angry
    Like
    Sad
    8
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 619 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ทักษิณ" ไม่แคร์ฉายา รัฐบาล “พ่อ” เลี้ยง โวพท.ทำศก.ดี คนเหนือก็เป็นพ่อเลี้ยงกันหมด อวย "ลูกอิ๊งค์" เก่ง ส่วนใหญ่จะชี้นำพ่อ ผู้เขียนโพยให้ ซัดตั้งฉายา "ทวีไอพี" โยงตนพวกขาประจำมี 10 กว่าคน ลั่นเช็คบิลกลับ ไล่ "แฝดอติโพธิ" ติกคุก

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000122999

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "ทักษิณ" ไม่แคร์ฉายา รัฐบาล “พ่อ” เลี้ยง โวพท.ทำศก.ดี คนเหนือก็เป็นพ่อเลี้ยงกันหมด อวย "ลูกอิ๊งค์" เก่ง ส่วนใหญ่จะชี้นำพ่อ ผู้เขียนโพยให้ ซัดตั้งฉายา "ทวีไอพี" โยงตนพวกขาประจำมี 10 กว่าคน ลั่นเช็คบิลกลับ ไล่ "แฝดอติโพธิ" ติกคุก อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000122999 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Angry
    Like
    4
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 627 มุมมอง 0 รีวิว
  • อัยการคดีพิเศษ รับสำนวน "ดิไอคอน กรุ๊ป" ลั่นสั่งคดีได้ก่อนครบฝากขังครั้งสุดท้าย ยันไม่หนักใจสั่งคดีดาราดัง มูลค่าความเสียหายจำนวนมาก

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000122994

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    อัยการคดีพิเศษ รับสำนวน "ดิไอคอน กรุ๊ป" ลั่นสั่งคดีได้ก่อนครบฝากขังครั้งสุดท้าย ยันไม่หนักใจสั่งคดีดาราดัง มูลค่าความเสียหายจำนวนมาก อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000122994 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 620 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้าไม่ลองทำดูก่อน
    ก็ไม่มีใครรู้ว่าตัวเอง
    ทำได้มากน้อยแค่ไหน

    จากหนังสือ |จงอย่าหวั่นไหวไปกับทุกสิ่งที่เกิดขึัน

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #จงอย่าหวั่นไหวไปกับทุกสิ่งที่เกิดขึัน
    ถ้าไม่ลองทำดูก่อน ก็ไม่มีใครรู้ว่าตัวเอง ทำได้มากน้อยแค่ไหน จากหนังสือ |จงอย่าหวั่นไหวไปกับทุกสิ่งที่เกิดขึัน #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #จงอย่าหวั่นไหวไปกับทุกสิ่งที่เกิดขึัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts