• อ.ปานเทพ พลโทบุญสิน ขึ้นเวที ปัญหาไทยกัมพูชา ก่อนอนุทินเซ็นข้อตกลงสันติภาพ
    จิณห์นิภา บัวแสงใส ทีมข่าวออนไลน์ช่อง 8
    รายงานสดจาก มหาวิทยาลัยรังสิต


    https://www.youtube.com/live/43nVcEDBjog?si=YQaL6MeLjPU9HO-m
    อ.ปานเทพ พลโทบุญสิน ขึ้นเวที ปัญหาไทยกัมพูชา ก่อนอนุทินเซ็นข้อตกลงสันติภาพ จิณห์นิภา บัวแสงใส ทีมข่าวออนไลน์ช่อง 8 รายงานสดจาก มหาวิทยาลัยรังสิต https://www.youtube.com/live/43nVcEDBjog?si=YQaL6MeLjPU9HO-m
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 Comments 0 Shares 39 Views 0 Reviews
  • การได้เรียนรู้ Ai เป็นความยากลำบากของ gen y เนื่องจากโลกที่เปลี่ยนแปลงไปไวมากเราเริ่มใช้AI เข้ามามีส่วนในการเรียนและธุรกิจแล้วก็เป็นอีกหนึ่งคนที่พยายามเรียนรู้เกี่ยวกับ AI ขอบคุณมหาวิทยาลัยรังสิต
    การได้เรียนรู้ Ai เป็นความยากลำบากของ gen y เนื่องจากโลกที่เปลี่ยนแปลงไปไวมากเราเริ่มใช้AI เข้ามามีส่วนในการเรียนและธุรกิจแล้วก็เป็นอีกหนึ่งคนที่พยายามเรียนรู้เกี่ยวกับ AI ขอบคุณมหาวิทยาลัยรังสิต
    0 Comments 0 Shares 61 Views 0 Reviews
  • เรื่อง เสือกซ้ำซาก
    “เสือกซ้ำซาก”

    วันก่อน แฟนเพจท่านหนึ่งเพิ่งเขียนถามหน้าจอว่า “ลุงครับ ตาแดเนียล รัสเซล เขาจะมาหลอกล่อ ล้วงตับอะไรสมันน้อยไหม ตานี่ประวัติไม่ธรรมดา สงสัยมากดดันให้เลือกตั้งไวๆ ….”

    ผมละดีใจมาก ที่แฟนเพจนิทาน ตื่นตัว หูตากว้างไกล มองเห็นภัยของการเป็นสมันน้อยมากขึ้น ผมก็ตอบไปตามการวิเคราะห์ว่า ” เป็นจังหวะที่อเมริกาต้องมาตรวจแถว ก่อนจัดระเบียบแถวใหม่ และอื่นๆครับ อื่นๆ นี่ต้องไปถามท่านผู้นำเอง “

    ผมวิเคราะห์จากการขยับหมากตัวอื่นๆของไอ้นักล่าใบตองแห้ง ผมคิดว่ามันกำลังเตรียมแผน และตามนิสัยมัน ก่อนจะสรุปแผน ไอ้นักล่าต้องตรวจสอบทุกเรื่องก่อน และแน่นอนในการตรวจสอบ ก็คงทำการเสือกเหมือนเคย และผมก็เบื่อที่จะต้องด่าถึงความเสือกอย่างซ้ำซากของพวกมัน

    แต่วันนี้พอผมเปิดเครื่อง ผมยิ่งดีใจใหญ่ ที่มีหลายท่าน อินบ๊อกซ์เข้ามาด่าไอ้เวรทิ้งไว้ให้ผมอ่าน แสดงว่าเราไม่ได้เป็นสมันน้อยแล้ว เรารู้สึกไม่พอใจเป็นแล้ว และถ้าเราไม่พูดอะไรเสียเลย เดี๋ยวมันก็จะนึกว่าเราก็ไม่รู้ สึกรู้สา นึกว่าเราเป็นขี้ข้า อย่างเคยๆ กระดิกนิ้วเมื่อไหร่ก็มา ชี้ด่าเมื่อไหร่ก็ได้ เป็นสมันน้อยเหมือนเดิม งั้นวันนี้เราต้องฉลองการเลิกเป็นสมันน้อยของพวกเรา อย่างน้อยก็พวกเราในเพจนิทานล่ะครับ และผมเชื่อว่า มีคนไทยอีกมากมาย ที่ไม่อยากเป็นสมันน้อย และกำลังหาทางแหกคอกออกมา

    นายดาเนียล รัสเซล Daniel R Russel นี่เป็นใคร เขาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ ดูแลกิจการด้านเอเซียตะวันออกและแปซิฟิก ก่อนหน้ารับตำแหน่งนี้ เมื่อกรกฏาคม 2013 เขาเป็นที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดีโอบามา ในการวางนโยบาย ปรับกำลังมาทางแปซิฟิกมากขึ้น Pivot To Asia

    คงจำกันได้ ก่อนหน้านั้น อเมริกาวางน้ำหนักความสำคัญด้านความมั่นคงให้ทางยุโรป โดยผ่านกองกำลังนาโต้ 60% และให้น้ำหนักทางแปซิฟิก 40% แต่เมื่อเกิดอาการช๊อก ที่เห็นอาเฮียโตเร็วเกินคาดในปี 2012 อเมริกาจึงรีบปรับนโยบาย ตอนนั้นคุณนายคลินตันเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ เดินสายแถวแปซิฟิกเสียหน้าเหี่ยว และตอนนั้นอเมริกาก็คงพอใจ ที่ไทยแลนด์ แดนสมันน้อย มีรัฐบาลที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นพรมเช็ดเท้าให้อเมริกา เพราะมีหัวหน้ารัฐบาลที่แม้แต่พูดภาษาคนธรรมดายังไม่รู้เรื่อง อย่าว่าแต่พูดภาษาราชการ หรือภาษาการฑูตเลย

    แน่นอน นายเดเนียล รัสเซล ผู้มีส่วนสำคัญในการปรับนโยบายใหม่ คงยืดน่าดู เพราะได้เลื่อนตำแหน่งมาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ดูแลแปซิฟิกสมใจ

    5 กุมภาพันธ์ 2014 จากรายงานข่าวแจกของกระทรวงต่างประเทศ ที่วอชิงตัน บอกว่า อเมริกากำลังปรับดุลในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก “rebalance” โดยนายรัสเซลบอกว่า เราต้องใช้กำลังพลด้านการฑูตเพิ่มอีกมาก เพื่อให้ได้ตามวัตถุประสงค์ของ เรา rebalance นี้ จะครอบคลุมไปถึงเรื่อง เศรษฐกิจ ความมั่นคง สิ่งแวดล้อม ฯลฯ โดยจะเน้นเรื่อง Trans -Pacific Partnership (TPP) และเรื่องขัดแย้งในทะเลจีน โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่อง Air Defense Indentification Zone (ADIZ) ที่จีนประกาศใช้ในทะเลจีนตะวันออก ซึ่งอเมริกาไม่ชอบใจ
    แหม! อ่านตั้งนาน กว่าไต๋จะโผล่ นักล่าหงุดหงิดเรื่องนี้เอง แปลว่า ไอ้ที่อเมริกาเคยบินโฉบไปแอบดูอาหม่วยแถวนั้น โดยไม่แจง ไม่แจ้งน่ะ ทำไม่ได้แล้วนะ

    นายรัสเซล ยังบอกอีกว่า สหรัฐอเมริกา ในฐานะผู้ยิ่งใหญ่ของโลก และของแปซิฟิก มีสเต็กชิ้นใหญ่อยู่ในแปซิฟิก ที่จำเป็นจะต้องให้เอเซียแปซิฟิก เปิดประตูกว้างเอาไว้ เพื่อเดินเข้าไปกินสะดวก แปลว่าตอนนี้กินสเต็กไม่สะดวก เพราะจีนกำลังขวางทางเข้าไปกิน

    อ่านต่อไม่ไหวครับ ยาแก้คลื่นไส้ ไม่ช่วยเลย

    ขอเปลี่ยนไปต่อ ที่การเสนอข่าวฉบับนี้ ที่ผมว่าน่าสนใจกว่าที่ ไอ้ขี้โม้รัสเซลพูดอีก

    เป็นการเสนอข่าวของ นายกวี จงกิจถาวร ใน นสพ. The Nation เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2015 นี้เอง หัวเรื่อง ” Are Thai-US relations warming up slowly?”
    http://www.nationmultimedia.com/opinion/Are-Thai-US-relations-warming-up-slowly-30251708.html

    ก่อนไปถึงเนื้อข่าว ขอให้ข้อมูลท่านผู้อ่านเสียหน่อยว่า จากข้อมูลของวิกิลีกซ์ ที่หล่นมาให้พวกเราหูตาสว่างกัน เมื่อประมาณ 3 ปีก่อนนั้น นายกวี เป็นนักข่าว ที่มีชื่อปรากฏอยู่ในรายงานของสถานฑูตอเมริกัน ประจำราชอาณาจักรไทย เกือบทุกครั้งที่มีการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่สถานทูต หรือมีนายใหญ่จากวอชิงตันมา นายกวีจะต้องร่วมหารือและให้ความเห็นในฐานะสื่อใหญ่ของไทยเสมอ พูดง่ายๆว่า ไม่มากไม่น้อย อเมริกาก็เห็น หรือรู้จักประเทศไทย จากสายตาและความคิดของนายกวี ซึ่งก็มีข่าวว่า อเมริกายกย่องและดูแลอย่างดี

    เนื้อข่าวของนายกวี สรุปว่า นายรัสเซลมาเมืองไทยเมื่อเดือนเมษายน ปี 2014 และให้สัมภาษณ์กับ Thai PBS ว่า เขามีความหวังว่าไทยจะมีการเลือกตั้ง ผ่านระบบการเลือกตั้ง ซึ่งไทยควรมีการเลือกตั้งเช่นนั้น เพื่อที่จะสมกับการเป็นมิตรที่อเมริกาไว้วางใจ แต่หลังจากนั้น 44 วัน โดยไม่มีใครรู้ตัว (รวมทั้งนายรัสเซล และนายกวี ?!) ทหารก็ทำการยึดอำนาจ

    วอชิงตันแปลกใจมาก เพราะไม่ได้รู้ข่าวมาก่อน และนั่นเป็นสาเหตุที่นาย Kerry มีปฏิกริยารุนแรงกับไทย แล้วสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอเมริกา ก็ลงเหวอย่างรวดเร็ว โดยไม่เห็นหนทางที่จะเยียวยาให้ดีขึ้น Thai-US relations quickly went downhill without any prospect of amelioration !

    ว้าย ตาเถรหก! ผมอ่านแล้วตกใจแทบสิ้นสติ อ่านข่าวแจกของฝร้่ง ต้องกินยาแก้คลื่นไส้ แต่พอมาอ่านข่าวคนไทยเขียน ผมต้องรีบให้เด็กเอายาหอมมาให้!
    ผมไม่เคยรู้สึกเลยว่าการปฏิวัติของคุณพี่ตู่ มันน่ากลัวถึงขนาดนั้น แต่พอมาอ่านที่นายกวีเขียนว่า ถึงขนาดที่เราจะขาดมิตร ที่คบกับมากว่า 70 ปี โดย อย่างไม่เห็นหนทางเยียวยาเอาเลย นี่ ผมเลยลมรับประทาน….ด้วยความดีใจ…… ขอให้มันเป็นหยั่งงั้นเถิด เจ้าประคู้น เอ้า! แล้วนี่เสือกมาทำไมล่ะ มากรีดซ้ำเป็นการเยียวยาหรือยังไง เดี๋ยวต้องคอยตามอ่าน บทความของนายกวีเสียแล้วสินะ

    นายกวีขู่ผมต่อ …. หลังจาก 259 วันที่ปราศจากการติดต่อระดับรัฐมนตรี สัมพันธ์ที่เย็นยะเยือกของไทย-อเมริกัน ก็เริ่มปรับตัวอุ่นขึ้น ด้วยการมา (โปรด!) ของนายรัสเซล เขาบอกว่าระหว่าง 2 วัน ที่อยู่เมืองไทย เขาจะมาทำทุกอย่างที่เขาจะทำได้ให้อุ่นขึ้น เขาเน้นว่า ผู้บริหารระดับสูงของอเมริกา ยังไม่ติดต่อกับรัฐบาลไทยเลยนะ และนอกจากอเมริกาแล้ว EU ก็ยังไม่กลับมามีสัมพันธ์ปรกติกับไทยด้วย รอจนกว่าไทยจะมีการเลือกตั้งก่อน …

    กิจกรรมแรก ที่ไทยจะมีร่วมกับอเมริกาในต้นปีนี้คือ การฝึกประจำปี Cobra Gold ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพร่วมกับอเมริกามา 3 ทศวรรษ สำหรับปีนี้ จะมีขึ้นในช่วงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่นครนายก แม้ว่าจะมีการเรียกร้องให้ไปจัดที่อื่น หลังจากที่ไทยมีการปฏิวัติ คราวนี้การฝึกคงเป็นระดับเล็กลง และประชาสัมพันธ์น้อยลง อืม..,

    เดี๋ยวนี้ ประเทศไทยดูเหมือนจะมีความหลากหลายในการสร้างมั่นคงของตน ถ้าใช้ตามวลีอันขึ้นชื่อของอดีตรัฐมนตรีกลาโหม นาย Donald Rumsfeld ก็ต้องบอกว่า ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนไป จากการคบคนเคยรู้กันแล้ว เป็นการคบกับคนที่ไม่เคยรู้กัน ( known-knowns เป็น known-unknowns) ที่ผ่านมาไม่กี่เดือน ประเทศไทยมีการเจรจา และมีโครงการด้านความมั่นคงกับจีน รัสเซีย เวียตนาม..

    เอาละครับ สรุปมาให้ฟัง ทั้งที่ฝรั่งแจก กับไทยเขียนแทนฝรั่ง คงเห็นกันแล้วว่า อเมริกากำลังคิดอย่างไร

    – อเมริกา หน้าแตก แหกเป็นริ้ว มานั่งคุยจ้อเรื่องเลือกตั้ง นึกว่าสั่งแล้ว เขารู้เรื่องทำตาม ที่ไหนได้ กลับบ้านไป 44 วันเขาปฏิวัติ ไม่หน้าแหกยังไง จมูก CIA เสียหมดหรือไง ถึงดมกลิ่นปฏิวัติไม่เจอเลย แถมไอ้ลูกพี่ ที่มานั่งคุยกร่าง ยังจับทางไม่ได้ นั่งอยู่กลางบ้านเขาแท้ๆ ยังงี้มันน่าปลดให้หมด แล้วไอ้คนไทยที่เลี้ยงไว้เป็นสายสืบ ก็ต้องปลดด้วย ลูกเต้าที่ส่งเสียให้เรียนมหาวิทยาลัยดัง ส่งกลับไปอยู่วัดจานบินให้หมด

    – อุตส่าห์คิดนโยบายใหม่ ไล่บี้ไอ้พวกลูกหาบ แถวเอเซียแปซิฟิกแรงๆ ให้มันไปช่วยกดดันจีน ดันบี้แรงไปหน่อย ทำท่าจะแหกคอก แตกแถว ไปอยู่ฝั่งโน้น อย่างนี้ ยิ่งกว่าหน้าแตก มันหน้าหัก หักหน้ากัน ไม่ตามมาด่าซ้ำถึงกลางบ้านได้ยังไง เด็กเลี้ยงมา 70 ปี มาทำหือ อย่างนีต้องเจอโทษหนักแน่นอน

    – แต่ที่แสดงความหมดท่า เสียที คือ อุตส่าห์คิดนโยบายใหม่ ย้ายมากดดันจีน
    ลืมระวังอีกข้าง ถูกลูกหลอกฝั่งรัสเซียจีนผลัดกันโหม่ง วิ่งรับลูกผิดทาง เจอคุณพี่ปูตินซัดเต็มเหนี่ยว เกี่ยวเอาไครเมีย กล่องดวงใจกลับไปกก อันนี้มันเป็นเรื่อง แค้นนี้ต้องชำระ

    – แล้วใครล่ะ ที่เดินจ๋อยๆ เป็นสมันน้อยน่ารัก แต่จับมือกับเขาไปทั่ว ไอ้รูปจับมือ สร้างทางรถไฟนี่ มันต้องคารวะให้ 3 จอก จังหวะดีเหลือเชื่อ
    เอาแค่ตัวอย่างที่ยกมา ผมจึงไม่แปลกใจ ที่จะมีไอ้บ้าอะไรสักตัว มานั่งพล่าม นั่งเสือกยุ่งอยู่ในบ้านคนอื่นเขา เขาจัดการเรื่องบ้านเมืองของเขา ตามที่เขาเห็นเหมาะสม มันต้องเสือกอะไรด้วย เราไม่ได้เป็นเมืองขึ้นของใคร ไม่ได้เป็นทาสของใคร อย่าไปสนใจ ตกใจกับเสียงเห่า ตามสันดานของพวกหวงรางหญ้าครับ ปล่อยให้มันบ้าไป คุณพี่ตู่ท่านทำถูกแล้วที่ไม่รับนัด จริงๆ ไม่ควรมีใครรับนัดเลย ปล่อยให้มันคุยแต่กับนังเอ๋อ รายเดียวเหมาะสมกันดีจะตาย

    สวัสดีครับ
    ลุงนิทาน
    27 มกราคม 2558

    U.S. to Intensify Rebalancing in Asia in 2014
    https://geneva.usmission.gov/2014/02/06/u-s-to-intensify-rebalancing-in-asia-in-2014/
    เรื่อง เสือกซ้ำซาก “เสือกซ้ำซาก” วันก่อน แฟนเพจท่านหนึ่งเพิ่งเขียนถามหน้าจอว่า “ลุงครับ ตาแดเนียล รัสเซล เขาจะมาหลอกล่อ ล้วงตับอะไรสมันน้อยไหม ตานี่ประวัติไม่ธรรมดา สงสัยมากดดันให้เลือกตั้งไวๆ ….” ผมละดีใจมาก ที่แฟนเพจนิทาน ตื่นตัว หูตากว้างไกล มองเห็นภัยของการเป็นสมันน้อยมากขึ้น ผมก็ตอบไปตามการวิเคราะห์ว่า ” เป็นจังหวะที่อเมริกาต้องมาตรวจแถว ก่อนจัดระเบียบแถวใหม่ และอื่นๆครับ อื่นๆ นี่ต้องไปถามท่านผู้นำเอง “ ผมวิเคราะห์จากการขยับหมากตัวอื่นๆของไอ้นักล่าใบตองแห้ง ผมคิดว่ามันกำลังเตรียมแผน และตามนิสัยมัน ก่อนจะสรุปแผน ไอ้นักล่าต้องตรวจสอบทุกเรื่องก่อน และแน่นอนในการตรวจสอบ ก็คงทำการเสือกเหมือนเคย และผมก็เบื่อที่จะต้องด่าถึงความเสือกอย่างซ้ำซากของพวกมัน แต่วันนี้พอผมเปิดเครื่อง ผมยิ่งดีใจใหญ่ ที่มีหลายท่าน อินบ๊อกซ์เข้ามาด่าไอ้เวรทิ้งไว้ให้ผมอ่าน แสดงว่าเราไม่ได้เป็นสมันน้อยแล้ว เรารู้สึกไม่พอใจเป็นแล้ว และถ้าเราไม่พูดอะไรเสียเลย เดี๋ยวมันก็จะนึกว่าเราก็ไม่รู้ สึกรู้สา นึกว่าเราเป็นขี้ข้า อย่างเคยๆ กระดิกนิ้วเมื่อไหร่ก็มา ชี้ด่าเมื่อไหร่ก็ได้ เป็นสมันน้อยเหมือนเดิม งั้นวันนี้เราต้องฉลองการเลิกเป็นสมันน้อยของพวกเรา อย่างน้อยก็พวกเราในเพจนิทานล่ะครับ และผมเชื่อว่า มีคนไทยอีกมากมาย ที่ไม่อยากเป็นสมันน้อย และกำลังหาทางแหกคอกออกมา นายดาเนียล รัสเซล Daniel R Russel นี่เป็นใคร เขาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ ดูแลกิจการด้านเอเซียตะวันออกและแปซิฟิก ก่อนหน้ารับตำแหน่งนี้ เมื่อกรกฏาคม 2013 เขาเป็นที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดีโอบามา ในการวางนโยบาย ปรับกำลังมาทางแปซิฟิกมากขึ้น Pivot To Asia คงจำกันได้ ก่อนหน้านั้น อเมริกาวางน้ำหนักความสำคัญด้านความมั่นคงให้ทางยุโรป โดยผ่านกองกำลังนาโต้ 60% และให้น้ำหนักทางแปซิฟิก 40% แต่เมื่อเกิดอาการช๊อก ที่เห็นอาเฮียโตเร็วเกินคาดในปี 2012 อเมริกาจึงรีบปรับนโยบาย ตอนนั้นคุณนายคลินตันเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ เดินสายแถวแปซิฟิกเสียหน้าเหี่ยว และตอนนั้นอเมริกาก็คงพอใจ ที่ไทยแลนด์ แดนสมันน้อย มีรัฐบาลที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นพรมเช็ดเท้าให้อเมริกา เพราะมีหัวหน้ารัฐบาลที่แม้แต่พูดภาษาคนธรรมดายังไม่รู้เรื่อง อย่าว่าแต่พูดภาษาราชการ หรือภาษาการฑูตเลย แน่นอน นายเดเนียล รัสเซล ผู้มีส่วนสำคัญในการปรับนโยบายใหม่ คงยืดน่าดู เพราะได้เลื่อนตำแหน่งมาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ดูแลแปซิฟิกสมใจ 5 กุมภาพันธ์ 2014 จากรายงานข่าวแจกของกระทรวงต่างประเทศ ที่วอชิงตัน บอกว่า อเมริกากำลังปรับดุลในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก “rebalance” โดยนายรัสเซลบอกว่า เราต้องใช้กำลังพลด้านการฑูตเพิ่มอีกมาก เพื่อให้ได้ตามวัตถุประสงค์ของ เรา rebalance นี้ จะครอบคลุมไปถึงเรื่อง เศรษฐกิจ ความมั่นคง สิ่งแวดล้อม ฯลฯ โดยจะเน้นเรื่อง Trans -Pacific Partnership (TPP) และเรื่องขัดแย้งในทะเลจีน โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่อง Air Defense Indentification Zone (ADIZ) ที่จีนประกาศใช้ในทะเลจีนตะวันออก ซึ่งอเมริกาไม่ชอบใจ แหม! อ่านตั้งนาน กว่าไต๋จะโผล่ นักล่าหงุดหงิดเรื่องนี้เอง แปลว่า ไอ้ที่อเมริกาเคยบินโฉบไปแอบดูอาหม่วยแถวนั้น โดยไม่แจง ไม่แจ้งน่ะ ทำไม่ได้แล้วนะ นายรัสเซล ยังบอกอีกว่า สหรัฐอเมริกา ในฐานะผู้ยิ่งใหญ่ของโลก และของแปซิฟิก มีสเต็กชิ้นใหญ่อยู่ในแปซิฟิก ที่จำเป็นจะต้องให้เอเซียแปซิฟิก เปิดประตูกว้างเอาไว้ เพื่อเดินเข้าไปกินสะดวก แปลว่าตอนนี้กินสเต็กไม่สะดวก เพราะจีนกำลังขวางทางเข้าไปกิน อ่านต่อไม่ไหวครับ ยาแก้คลื่นไส้ ไม่ช่วยเลย ขอเปลี่ยนไปต่อ ที่การเสนอข่าวฉบับนี้ ที่ผมว่าน่าสนใจกว่าที่ ไอ้ขี้โม้รัสเซลพูดอีก เป็นการเสนอข่าวของ นายกวี จงกิจถาวร ใน นสพ. The Nation เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2015 นี้เอง หัวเรื่อง ” Are Thai-US relations warming up slowly?” http://www.nationmultimedia.com/opinion/Are-Thai-US-relations-warming-up-slowly-30251708.html ก่อนไปถึงเนื้อข่าว ขอให้ข้อมูลท่านผู้อ่านเสียหน่อยว่า จากข้อมูลของวิกิลีกซ์ ที่หล่นมาให้พวกเราหูตาสว่างกัน เมื่อประมาณ 3 ปีก่อนนั้น นายกวี เป็นนักข่าว ที่มีชื่อปรากฏอยู่ในรายงานของสถานฑูตอเมริกัน ประจำราชอาณาจักรไทย เกือบทุกครั้งที่มีการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่สถานทูต หรือมีนายใหญ่จากวอชิงตันมา นายกวีจะต้องร่วมหารือและให้ความเห็นในฐานะสื่อใหญ่ของไทยเสมอ พูดง่ายๆว่า ไม่มากไม่น้อย อเมริกาก็เห็น หรือรู้จักประเทศไทย จากสายตาและความคิดของนายกวี ซึ่งก็มีข่าวว่า อเมริกายกย่องและดูแลอย่างดี เนื้อข่าวของนายกวี สรุปว่า นายรัสเซลมาเมืองไทยเมื่อเดือนเมษายน ปี 2014 และให้สัมภาษณ์กับ Thai PBS ว่า เขามีความหวังว่าไทยจะมีการเลือกตั้ง ผ่านระบบการเลือกตั้ง ซึ่งไทยควรมีการเลือกตั้งเช่นนั้น เพื่อที่จะสมกับการเป็นมิตรที่อเมริกาไว้วางใจ แต่หลังจากนั้น 44 วัน โดยไม่มีใครรู้ตัว (รวมทั้งนายรัสเซล และนายกวี ?!) ทหารก็ทำการยึดอำนาจ วอชิงตันแปลกใจมาก เพราะไม่ได้รู้ข่าวมาก่อน และนั่นเป็นสาเหตุที่นาย Kerry มีปฏิกริยารุนแรงกับไทย แล้วสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอเมริกา ก็ลงเหวอย่างรวดเร็ว โดยไม่เห็นหนทางที่จะเยียวยาให้ดีขึ้น Thai-US relations quickly went downhill without any prospect of amelioration ! ว้าย ตาเถรหก! ผมอ่านแล้วตกใจแทบสิ้นสติ อ่านข่าวแจกของฝร้่ง ต้องกินยาแก้คลื่นไส้ แต่พอมาอ่านข่าวคนไทยเขียน ผมต้องรีบให้เด็กเอายาหอมมาให้! ผมไม่เคยรู้สึกเลยว่าการปฏิวัติของคุณพี่ตู่ มันน่ากลัวถึงขนาดนั้น แต่พอมาอ่านที่นายกวีเขียนว่า ถึงขนาดที่เราจะขาดมิตร ที่คบกับมากว่า 70 ปี โดย อย่างไม่เห็นหนทางเยียวยาเอาเลย นี่ ผมเลยลมรับประทาน….ด้วยความดีใจ…… ขอให้มันเป็นหยั่งงั้นเถิด เจ้าประคู้น เอ้า! แล้วนี่เสือกมาทำไมล่ะ มากรีดซ้ำเป็นการเยียวยาหรือยังไง เดี๋ยวต้องคอยตามอ่าน บทความของนายกวีเสียแล้วสินะ นายกวีขู่ผมต่อ …. หลังจาก 259 วันที่ปราศจากการติดต่อระดับรัฐมนตรี สัมพันธ์ที่เย็นยะเยือกของไทย-อเมริกัน ก็เริ่มปรับตัวอุ่นขึ้น ด้วยการมา (โปรด!) ของนายรัสเซล เขาบอกว่าระหว่าง 2 วัน ที่อยู่เมืองไทย เขาจะมาทำทุกอย่างที่เขาจะทำได้ให้อุ่นขึ้น เขาเน้นว่า ผู้บริหารระดับสูงของอเมริกา ยังไม่ติดต่อกับรัฐบาลไทยเลยนะ และนอกจากอเมริกาแล้ว EU ก็ยังไม่กลับมามีสัมพันธ์ปรกติกับไทยด้วย รอจนกว่าไทยจะมีการเลือกตั้งก่อน … กิจกรรมแรก ที่ไทยจะมีร่วมกับอเมริกาในต้นปีนี้คือ การฝึกประจำปี Cobra Gold ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพร่วมกับอเมริกามา 3 ทศวรรษ สำหรับปีนี้ จะมีขึ้นในช่วงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่นครนายก แม้ว่าจะมีการเรียกร้องให้ไปจัดที่อื่น หลังจากที่ไทยมีการปฏิวัติ คราวนี้การฝึกคงเป็นระดับเล็กลง และประชาสัมพันธ์น้อยลง อืม.., เดี๋ยวนี้ ประเทศไทยดูเหมือนจะมีความหลากหลายในการสร้างมั่นคงของตน ถ้าใช้ตามวลีอันขึ้นชื่อของอดีตรัฐมนตรีกลาโหม นาย Donald Rumsfeld ก็ต้องบอกว่า ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนไป จากการคบคนเคยรู้กันแล้ว เป็นการคบกับคนที่ไม่เคยรู้กัน ( known-knowns เป็น known-unknowns) ที่ผ่านมาไม่กี่เดือน ประเทศไทยมีการเจรจา และมีโครงการด้านความมั่นคงกับจีน รัสเซีย เวียตนาม.. เอาละครับ สรุปมาให้ฟัง ทั้งที่ฝรั่งแจก กับไทยเขียนแทนฝรั่ง คงเห็นกันแล้วว่า อเมริกากำลังคิดอย่างไร – อเมริกา หน้าแตก แหกเป็นริ้ว มานั่งคุยจ้อเรื่องเลือกตั้ง นึกว่าสั่งแล้ว เขารู้เรื่องทำตาม ที่ไหนได้ กลับบ้านไป 44 วันเขาปฏิวัติ ไม่หน้าแหกยังไง จมูก CIA เสียหมดหรือไง ถึงดมกลิ่นปฏิวัติไม่เจอเลย แถมไอ้ลูกพี่ ที่มานั่งคุยกร่าง ยังจับทางไม่ได้ นั่งอยู่กลางบ้านเขาแท้ๆ ยังงี้มันน่าปลดให้หมด แล้วไอ้คนไทยที่เลี้ยงไว้เป็นสายสืบ ก็ต้องปลดด้วย ลูกเต้าที่ส่งเสียให้เรียนมหาวิทยาลัยดัง ส่งกลับไปอยู่วัดจานบินให้หมด – อุตส่าห์คิดนโยบายใหม่ ไล่บี้ไอ้พวกลูกหาบ แถวเอเซียแปซิฟิกแรงๆ ให้มันไปช่วยกดดันจีน ดันบี้แรงไปหน่อย ทำท่าจะแหกคอก แตกแถว ไปอยู่ฝั่งโน้น อย่างนี้ ยิ่งกว่าหน้าแตก มันหน้าหัก หักหน้ากัน ไม่ตามมาด่าซ้ำถึงกลางบ้านได้ยังไง เด็กเลี้ยงมา 70 ปี มาทำหือ อย่างนีต้องเจอโทษหนักแน่นอน – แต่ที่แสดงความหมดท่า เสียที คือ อุตส่าห์คิดนโยบายใหม่ ย้ายมากดดันจีน ลืมระวังอีกข้าง ถูกลูกหลอกฝั่งรัสเซียจีนผลัดกันโหม่ง วิ่งรับลูกผิดทาง เจอคุณพี่ปูตินซัดเต็มเหนี่ยว เกี่ยวเอาไครเมีย กล่องดวงใจกลับไปกก อันนี้มันเป็นเรื่อง แค้นนี้ต้องชำระ – แล้วใครล่ะ ที่เดินจ๋อยๆ เป็นสมันน้อยน่ารัก แต่จับมือกับเขาไปทั่ว ไอ้รูปจับมือ สร้างทางรถไฟนี่ มันต้องคารวะให้ 3 จอก จังหวะดีเหลือเชื่อ เอาแค่ตัวอย่างที่ยกมา ผมจึงไม่แปลกใจ ที่จะมีไอ้บ้าอะไรสักตัว มานั่งพล่าม นั่งเสือกยุ่งอยู่ในบ้านคนอื่นเขา เขาจัดการเรื่องบ้านเมืองของเขา ตามที่เขาเห็นเหมาะสม มันต้องเสือกอะไรด้วย เราไม่ได้เป็นเมืองขึ้นของใคร ไม่ได้เป็นทาสของใคร อย่าไปสนใจ ตกใจกับเสียงเห่า ตามสันดานของพวกหวงรางหญ้าครับ ปล่อยให้มันบ้าไป คุณพี่ตู่ท่านทำถูกแล้วที่ไม่รับนัด จริงๆ ไม่ควรมีใครรับนัดเลย ปล่อยให้มันคุยแต่กับนังเอ๋อ รายเดียวเหมาะสมกันดีจะตาย สวัสดีครับ ลุงนิทาน 27 มกราคม 2558 U.S. to Intensify Rebalancing in Asia in 2014 https://geneva.usmission.gov/2014/02/06/u-s-to-intensify-rebalancing-in-asia-in-2014/
    0 Comments 0 Shares 235 Views 0 Reviews
  • “Symantec แฉแคมเปญจารกรรมจีน – ใช้ Zingdoor, ShadowPad และ KrustyLoader เจาะหน่วยงานทั่วโลก!”

    Symantec เปิดเผยแคมเปญจารกรรมไซเบอร์ระดับโลกที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่ม APT ของจีนหลายกลุ่ม โดยพบการใช้เครื่องมือมัลแวร์ที่ซับซ้อน ได้แก่ Zingdoor, ShadowPad และ KrustyLoader ซึ่งเคยถูกใช้โดยกลุ่ม Glowworm (Earth Estries) และ UNC5221 มาก่อน

    แคมเปญนี้เจาะระบบของหน่วยงานรัฐบาลในอเมริกาใต้และมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ โดยใช้ช่องโหว่ใน SQL Server และ Apache HTTP เป็นจุดเริ่มต้น จากนั้นฝัง DLL อันตรายผ่าน binary ที่ดูเหมือนซอฟต์แวร์ของ Symantec เพื่อหลบการตรวจจับ

    Zingdoor เป็น backdoor ที่เขียนด้วย Go สามารถเก็บข้อมูลระบบ, อัปโหลด/ดาวน์โหลดไฟล์ และรันคำสั่งได้ โดยถูก sideload ผ่าน binary ของ Trend Micro เพื่อให้ดูเหมือนโปรแกรมปกติ

    ShadowPad เป็น Remote Access Trojan (RAT) แบบ modular ที่สามารถโหลดโมดูลใหม่ได้ตามต้องการ ใช้ DLL sideloading เพื่อซ่อนตัว และถูกใช้โดยหลายกลุ่ม APT ของจีน เช่น APT41, Blackfly และ Grayfly

    KrustyLoader เป็น dropper ที่เขียนด้วย Rust มีฟีเจอร์ anti-analysis และ self-delete ก่อนจะโหลด payload ขั้นที่สอง เช่น Sliver C2 framework ซึ่งใช้ควบคุมระบบจากระยะไกล

    นอกจากมัลแวร์เฉพาะทางแล้ว แฮกเกอร์ยังใช้เครื่องมือทั่วไปของ Windows เช่น Certutil, Procdump, Revsocks และ PetitPotam เพื่อขโมย credentials และยกระดับสิทธิ์ในระบบ

    Symantec ระบุว่าการโจมตีนี้เกี่ยวข้องกับการใช้ช่องโหว่ ToolShell ที่ Microsoft เคยรายงาน โดยพบว่ามีการใช้จากกลุ่มอื่นนอกเหนือจาก Budworm, Sheathminer และ Storm-2603 ซึ่งแสดงให้เห็นถึง ecosystem การโจมตีที่กว้างกว่าที่เคยคิด

    เครื่องมือมัลแวร์ที่ใช้ในแคมเปญ
    Zingdoor – backdoor เขียนด้วย Go ใช้ sideload ผ่าน Trend Micro
    ShadowPad – modular RAT ที่โหลดโมดูลใหม่ได้ ใช้ DLL sideloading
    KrustyLoader – Rust-based dropper ที่โหลด Sliver C2 framework
    ใช้เครื่องมือทั่วไปของ Windows เช่น Certutil, Revsocks, Procdump
    ใช้ PetitPotam เพื่อขโมย credentials จาก domain controller

    กลุ่ม APT ที่เกี่ยวข้อง
    Glowworm (Earth Estries), FamousSparrow
    UNC5221 – กลุ่มที่มีความเชื่อมโยงกับจีน
    APT41, Blackfly, Grayfly – ใช้ ShadowPad
    REF3927 – กลุ่มใหม่ที่ใช้ ToolShell ร่วมกับกลุ่มอื่น

    เป้าหมายของการโจมตี
    หน่วยงานรัฐบาลในอเมริกาใต้
    มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ
    ระบบ SharePoint ที่มีช่องโหว่
    เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ที่มีข้อมูลสำคัญ
    สร้างการเข้าถึงระยะยาวและขโมยข้อมูลอย่างต่อเนื่อง

    https://securityonline.info/symantec-exposes-chinese-apt-overlap-zingdoor-shadowpad-and-krustyloader-used-in-global-espionage/
    🕵️‍♀️ “Symantec แฉแคมเปญจารกรรมจีน – ใช้ Zingdoor, ShadowPad และ KrustyLoader เจาะหน่วยงานทั่วโลก!” Symantec เปิดเผยแคมเปญจารกรรมไซเบอร์ระดับโลกที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่ม APT ของจีนหลายกลุ่ม โดยพบการใช้เครื่องมือมัลแวร์ที่ซับซ้อน ได้แก่ Zingdoor, ShadowPad และ KrustyLoader ซึ่งเคยถูกใช้โดยกลุ่ม Glowworm (Earth Estries) และ UNC5221 มาก่อน แคมเปญนี้เจาะระบบของหน่วยงานรัฐบาลในอเมริกาใต้และมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ โดยใช้ช่องโหว่ใน SQL Server และ Apache HTTP เป็นจุดเริ่มต้น จากนั้นฝัง DLL อันตรายผ่าน binary ที่ดูเหมือนซอฟต์แวร์ของ Symantec เพื่อหลบการตรวจจับ Zingdoor เป็น backdoor ที่เขียนด้วย Go สามารถเก็บข้อมูลระบบ, อัปโหลด/ดาวน์โหลดไฟล์ และรันคำสั่งได้ โดยถูก sideload ผ่าน binary ของ Trend Micro เพื่อให้ดูเหมือนโปรแกรมปกติ ShadowPad เป็น Remote Access Trojan (RAT) แบบ modular ที่สามารถโหลดโมดูลใหม่ได้ตามต้องการ ใช้ DLL sideloading เพื่อซ่อนตัว และถูกใช้โดยหลายกลุ่ม APT ของจีน เช่น APT41, Blackfly และ Grayfly KrustyLoader เป็น dropper ที่เขียนด้วย Rust มีฟีเจอร์ anti-analysis และ self-delete ก่อนจะโหลด payload ขั้นที่สอง เช่น Sliver C2 framework ซึ่งใช้ควบคุมระบบจากระยะไกล นอกจากมัลแวร์เฉพาะทางแล้ว แฮกเกอร์ยังใช้เครื่องมือทั่วไปของ Windows เช่น Certutil, Procdump, Revsocks และ PetitPotam เพื่อขโมย credentials และยกระดับสิทธิ์ในระบบ Symantec ระบุว่าการโจมตีนี้เกี่ยวข้องกับการใช้ช่องโหว่ ToolShell ที่ Microsoft เคยรายงาน โดยพบว่ามีการใช้จากกลุ่มอื่นนอกเหนือจาก Budworm, Sheathminer และ Storm-2603 ซึ่งแสดงให้เห็นถึง ecosystem การโจมตีที่กว้างกว่าที่เคยคิด ✅ เครื่องมือมัลแวร์ที่ใช้ในแคมเปญ ➡️ Zingdoor – backdoor เขียนด้วย Go ใช้ sideload ผ่าน Trend Micro ➡️ ShadowPad – modular RAT ที่โหลดโมดูลใหม่ได้ ใช้ DLL sideloading ➡️ KrustyLoader – Rust-based dropper ที่โหลด Sliver C2 framework ➡️ ใช้เครื่องมือทั่วไปของ Windows เช่น Certutil, Revsocks, Procdump ➡️ ใช้ PetitPotam เพื่อขโมย credentials จาก domain controller ✅ กลุ่ม APT ที่เกี่ยวข้อง ➡️ Glowworm (Earth Estries), FamousSparrow ➡️ UNC5221 – กลุ่มที่มีความเชื่อมโยงกับจีน ➡️ APT41, Blackfly, Grayfly – ใช้ ShadowPad ➡️ REF3927 – กลุ่มใหม่ที่ใช้ ToolShell ร่วมกับกลุ่มอื่น ✅ เป้าหมายของการโจมตี ➡️ หน่วยงานรัฐบาลในอเมริกาใต้ ➡️ มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ➡️ ระบบ SharePoint ที่มีช่องโหว่ ➡️ เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ที่มีข้อมูลสำคัญ ➡️ สร้างการเข้าถึงระยะยาวและขโมยข้อมูลอย่างต่อเนื่อง https://securityonline.info/symantec-exposes-chinese-apt-overlap-zingdoor-shadowpad-and-krustyloader-used-in-global-espionage/
    SECURITYONLINE.INFO
    Symantec Exposes Chinese APT Overlap: Zingdoor, ShadowPad, and KrustyLoader Used in Global Espionage
    Symantec exposed a complex Chinese APT network (Glowworm/UNC5221) deploying Zingdoor and ShadowPad across US/South American targets. The groups abuse DLL sideloading and PetitPotam for credential theft.
    0 Comments 0 Shares 118 Views 0 Reviews
  • จบไปแล้ว การบรรยายสั้นๆ ในจุฬาฯ เรื่องโควิด
    แต่ขนาดเป็นการบรรยายในภาควิชา
    ก็มี คนพยายาม ไม่ให้ใช้ ซูม
    ไม่ให้อัด การบรรยาย กลัวว่าจะหลุดออกไปข้างนอก!!

    ทำราวกับว่า นอกจุฬาฯ ไม่มีใครพูดเรื่องนี้
    แต่ ถึงกระนั้น การบรรยายเรื่องนี้ วันนี้ก็ยังเป็นสิ่งที่ดีมาก
    ผู้ฟังหลายคน ได้รับรู้ข้อมูล
    ข้อมูลที่ ทำให้เขา ไม่สามารถ อยู่เฉยได้
    เขื่อนที่แตก มิใช่เขื่อนที่ ปิดกั้น ซูม
    แต่เป็นเขื่อนที่ ปิดกั้น "ใจ"

    การบรรยายวันนี้ แค่ทำให้ เขื่อน ที่ปิดกั้น ใจ คนเพียงคนเดียว พังลง
    ก็คุ้มแล้ว
    นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    https://www.facebook.com/share/1D7vvevs4h/
    https://www.tiktok.com/@atapolhuawei/video/7563880418664107280
    ✍️จบไปแล้ว การบรรยายสั้นๆ ในจุฬาฯ เรื่องโควิด แต่ขนาดเป็นการบรรยายในภาควิชา ก็มี คนพยายาม ไม่ให้ใช้ ซูม ไม่ให้อัด การบรรยาย กลัวว่าจะหลุดออกไปข้างนอก!! ทำราวกับว่า นอกจุฬาฯ ไม่มีใครพูดเรื่องนี้ แต่ ถึงกระนั้น การบรรยายเรื่องนี้ วันนี้ก็ยังเป็นสิ่งที่ดีมาก ผู้ฟังหลายคน ได้รับรู้ข้อมูล ข้อมูลที่ ทำให้เขา ไม่สามารถ อยู่เฉยได้ เขื่อนที่แตก มิใช่เขื่อนที่ ปิดกั้น ซูม แต่เป็นเขื่อนที่ ปิดกั้น "ใจ" การบรรยายวันนี้ แค่ทำให้ เขื่อน ที่ปิดกั้น ใจ คนเพียงคนเดียว พังลง ก็คุ้มแล้ว 😊😊😊 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย https://www.facebook.com/share/1D7vvevs4h/ https://www.tiktok.com/@atapolhuawei/video/7563880418664107280
    0 Comments 0 Shares 93 Views 0 Reviews
  • “Stanford โชว์นวัตกรรม ‘ผ้าห่มเพชร’ ลดความร้อนทรานซิสเตอร์ได้ถึง 70°C – อนาคตของชิปยุค 1nm ใกล้เข้ามาแล้ว!”

    ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย Stanford ได้พัฒนาเทคนิคใหม่ในการจัดการความร้อนของทรานซิสเตอร์ ด้วยการใช้ “เพชร” เป็นวัสดุห่อหุ้มชิปโดยตรง ซึ่งสามารถลดอุณหภูมิได้ถึง 70°C ในการทดสอบจริง และถึง 90% ในการจำลองการทำงาน ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในสงครามกับความร้อนของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

    เทคนิคนี้เรียกว่า “Diamond Blanket” โดยใช้เพชรแบบ polycrystalline ที่มีเม็ดใหญ่พิเศษ เติบโตโดยตรงบนพื้นผิวของทรานซิสเตอร์ที่อุณหภูมิ 400°C ซึ่งถือว่าต่ำพอที่จะไม่ทำลายชิ้นส่วน CMOS ภายในชิป ต่างจากวิธีเดิมที่ต้องใช้ความร้อนสูงถึง 1,000°C

    ความลับของความสำเร็จอยู่ที่การเติมออกซิเจนในระดับสูงระหว่างการเติบโตของเพชร ซึ่งช่วยกำจัดคาร์บอนที่ไม่ใช่เพชรออกไป ทำให้ได้ผลึกเพชรที่นำความร้อนได้ดีมาก โดยเพชรชนิดนี้นำความร้อนได้มากกว่าทองแดงถึง 6 เท่า!

    เทคนิคนี้ไม่ใช่แค่แนวคิด เพราะ DARPA หน่วยงานวิจัยของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ว่าจ้าง Raytheon ให้พัฒนาเทคโนโลยีนี้ตั้งแต่ปี 2024 และตอนนี้ Stanford ก็เตรียมนำไปใช้ร่วมกับบริษัทใหญ่อย่าง TSMC, Micron และ Samsung เพื่อผลักดันสู่การผลิตจริงภายในปี 2027

    นวัตกรรม Diamond Blanket จาก Stanford
    ใช้เพชรห่อหุ้มทรานซิสเตอร์โดยตรงเพื่อลดความร้อน
    ลดอุณหภูมิได้ถึง 70°C ในการทดสอบจริง และ 90% ในการจำลอง
    ใช้เพชรแบบ polycrystalline เม็ดใหญ่พิเศษ
    เติบโตที่อุณหภูมิ 400°C ซึ่งปลอดภัยต่อ CMOS
    เติมออกซิเจนเพื่อกำจัดคาร์บอนที่ไม่ใช่เพชร
    เพชรนำความร้อนได้มากกว่าทองแดงถึง 6 เท่า
    เหมาะกับชิปแบบ 3D ที่มีปัญหาความร้อนสะสมภายใน

    การสนับสนุนและแผนการนำไปใช้
    DARPA เคยว่าจ้าง Raytheon พัฒนาเทคโนโลยีนี้ในปี 2024
    Stanford เตรียมร่วมมือกับ TSMC, Micron และ Samsung
    คาดว่าจะเริ่มใช้งานจริงในอุตสาหกรรมภายในปี 2027
    อาจเป็นทางออกก่อนเข้าสู่ยุคหลังซิลิคอน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/diamond-blanket-transistor-cooling-method-sees-incredible-success-in-testing-growing-micrometer-scale-diamond-layer-directly-on-transistors-drops-temps-by-70-c
    💎 “Stanford โชว์นวัตกรรม ‘ผ้าห่มเพชร’ ลดความร้อนทรานซิสเตอร์ได้ถึง 70°C – อนาคตของชิปยุค 1nm ใกล้เข้ามาแล้ว!” ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย Stanford ได้พัฒนาเทคนิคใหม่ในการจัดการความร้อนของทรานซิสเตอร์ ด้วยการใช้ “เพชร” เป็นวัสดุห่อหุ้มชิปโดยตรง ซึ่งสามารถลดอุณหภูมิได้ถึง 70°C ในการทดสอบจริง และถึง 90% ในการจำลองการทำงาน ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในสงครามกับความร้อนของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เทคนิคนี้เรียกว่า “Diamond Blanket” โดยใช้เพชรแบบ polycrystalline ที่มีเม็ดใหญ่พิเศษ เติบโตโดยตรงบนพื้นผิวของทรานซิสเตอร์ที่อุณหภูมิ 400°C ซึ่งถือว่าต่ำพอที่จะไม่ทำลายชิ้นส่วน CMOS ภายในชิป ต่างจากวิธีเดิมที่ต้องใช้ความร้อนสูงถึง 1,000°C ความลับของความสำเร็จอยู่ที่การเติมออกซิเจนในระดับสูงระหว่างการเติบโตของเพชร ซึ่งช่วยกำจัดคาร์บอนที่ไม่ใช่เพชรออกไป ทำให้ได้ผลึกเพชรที่นำความร้อนได้ดีมาก โดยเพชรชนิดนี้นำความร้อนได้มากกว่าทองแดงถึง 6 เท่า! เทคนิคนี้ไม่ใช่แค่แนวคิด เพราะ DARPA หน่วยงานวิจัยของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ว่าจ้าง Raytheon ให้พัฒนาเทคโนโลยีนี้ตั้งแต่ปี 2024 และตอนนี้ Stanford ก็เตรียมนำไปใช้ร่วมกับบริษัทใหญ่อย่าง TSMC, Micron และ Samsung เพื่อผลักดันสู่การผลิตจริงภายในปี 2027 ✅ นวัตกรรม Diamond Blanket จาก Stanford ➡️ ใช้เพชรห่อหุ้มทรานซิสเตอร์โดยตรงเพื่อลดความร้อน ➡️ ลดอุณหภูมิได้ถึง 70°C ในการทดสอบจริง และ 90% ในการจำลอง ➡️ ใช้เพชรแบบ polycrystalline เม็ดใหญ่พิเศษ ➡️ เติบโตที่อุณหภูมิ 400°C ซึ่งปลอดภัยต่อ CMOS ➡️ เติมออกซิเจนเพื่อกำจัดคาร์บอนที่ไม่ใช่เพชร ➡️ เพชรนำความร้อนได้มากกว่าทองแดงถึง 6 เท่า ➡️ เหมาะกับชิปแบบ 3D ที่มีปัญหาความร้อนสะสมภายใน ✅ การสนับสนุนและแผนการนำไปใช้ ➡️ DARPA เคยว่าจ้าง Raytheon พัฒนาเทคโนโลยีนี้ในปี 2024 ➡️ Stanford เตรียมร่วมมือกับ TSMC, Micron และ Samsung ➡️ คาดว่าจะเริ่มใช้งานจริงในอุตสาหกรรมภายในปี 2027 ➡️ อาจเป็นทางออกก่อนเข้าสู่ยุคหลังซิลิคอน https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/diamond-blanket-transistor-cooling-method-sees-incredible-success-in-testing-growing-micrometer-scale-diamond-layer-directly-on-transistors-drops-temps-by-70-c
    0 Comments 0 Shares 112 Views 0 Reviews
  • 112. วันที่ 1 ม.ค.2568 ประกาศถามหาจรรยาบรรณวิชาชีพของแพทยสภา https://drive.google.com/file/d/1kV3jlyTl_JNAzYo5HJ_nrw9Hx8DJTl6R/view?usp=drive_link
    ตามที่ กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ได้ทำหนังสือถึงแพทยสภา ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ ขอให้ดำเนินการสอบสวนจริยธรรมของ นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข https://drive.google.com/file/d/1sypT-zqTStHuo4CGJa1EevEt9cixfNhl/view?usp=drivesdk เนื่องจากปล่อยให้มีการใช้ใบยินยอมอันเป็นเท็จให้ผู้ที่ต้องการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ทั้งนี้ได้มีการทำหนังสือ ขอให้ทบทวนแก้ไขใบยินยอมดังกล่าวแล้ว แต่กระทรวงฯกลับไม่ใส่ใจที่จะทำให้ถูกต้อง ทางกลุ่มจึงจำเป็นต้อง ยื่นหนังสือให้แพทยสภา ดำเนินการสอบสวนเรื่องดังกล่าวกับ นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะที่มีหน้าที่กำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุข อย่างไรก็ดี แทนที่ แพทยสภา จะดำเนินการสอบสวนและเสนอให้มีการแก้ไขใบยินยอมดังกล่าวให้ถูกต้อง แพทยสภากลับเลือกที่จะปกป้อง ปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยอ้างว่าการกระทำดังกล่าวมิได้เป็นการประกอบวิชาชีพเวชกรรม แต่เป็นการกระทำในตำแหน่งบริหาร การปกป้องปลัดกระทรวงสาธารณสุขของแพทยสภาดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า กรรมการแพทยสภา มิได้สนใจที่จะปกป้อง สิทธิของผู้ป่วยที่จะได้รับข้อมูลที่เป็นจริงเกี่ยวกับการรักษา อันเป็นจรรยาบรรณขั้นพื้นฐานของการเป็นแพทย์ ทั้งที่ใบยินยอมดังกล่าว มิได้ให้ข้อมูลสำคัญที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้การรับรองไว้ในเอกสารกำกับยา ซึ่งระบุไว้ชัดเจนว่า วัคซีนดังกล่าว เป็นสารพันธุกรรมดัดแปลงที่ยังอยู่ระหว่างการทำวิจัย และไม่ได้ทดสอบความปลอดภัยว่าก่อให้เกิดความผิดปกติทางพันธุกรรม หรือไม่ได้ทดสอบว่า mRNA วัคซีนสามารถก่อมะเร็งหรือไม่
    ั้งนี้ หากแพทยสภามีเจตนาที่จะปกป้องความปลอดภัยเด็กและเยาวชน และยึดมั่นในจรรยาบรรณวิชาชีพแพทย์ แพทยสภาสามารถจัดแถลงข่าว เรียกร้องให้มีการแก้ไขข้อมูลในใบยินยอมดังกล่าวให้ถูกต้อง และลงโทษสถานเบาโดยการว่ากล่าวตักเตือนปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้ แต่แพทยสภากลับทำหนังสือ “ลับ” (ที่ พส.๐๑๑/๑/๑๗๔๐๖ วันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๗) พยายามปกป้องผู้ที่กระทำผิดโดยไม่ใส่ใจในความปลอดภัยของเด็กและเยาวชนแม้แต่น้อย การกระทำดังกล่าวของ คณะกรรมการแพทยสภา รวมทั้งพฤติกรรมของนายกแพทยสภา เลขาธิการนายกแพทยสภา และรองเลขาธิการแพทยสภา แสดงให้เห็นว่า มิได้ยึดถือจรรยาบรรณวิชาชีพแพทย์
    113. วันที่ 3 ม.ค.2568 กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ได้ส่งจดหมาย เรื่อง ขอให้ปกป้องความปลอดภัยของเด็กและเยาวชนก่อนการปกป้องปลัดกระทรวงสาธารณสุข https://drive.google.com/file/d/12c_6_kI3Q9wMaIbahsz5t-P_fAqbyesj/view?usp=drive_link
    เรียน พ.ญ.นางสมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา น.พ. นายอิทธิพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา น.พ. นายวิสูตร ฟองศิริไพบูลย์ รองเลขาธิการแพทยสภา
    สำเนาเรียน (ส่งวันที่ 9มค.) กรรมการแพทยสภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ทุกสถาบัน สื่อสารมวลชน และสำนักข่าวทุกสำนัก
    114. วันที่ 5 ม.ค.2568 ประกาศข่าว คนไทยตายเพิ่มขึ้นในปี 2567
    https://drive.google.com/file/d/1mfgjiKEyCTfccFf_TcdVjDmS0jvJwzPa/view?usp=drive_link
    https://www.facebook.com/share/p/1AHaC6eSK8/
    115. วันที่ 17 ม.ค.2568 กลุ่มฯได้ส่งจดหมายถึงเลขาธิการแพทยสภา ขอข้อมูลข่าวสาร
    https://drive.google.com/file/d/172-XOvnm43P4LUntgyydYHHM7ZTOtH8Y/view?usp=drive_link
    116. วันที่ 2 ก.พ.2568 รูต่ายส่ายสะโพก Special (หมออรรถพล x เทนโด้) วัคซีน mRNA ... มือที่มองไม่เห็นและปลายเข็มแห่งซาตาน (วัคซีน mRNA ส่งผลต่อร่างกายมนุษย์ยังไง)
    https://rumble.com/v6gea87--mrna-...-.html
    117. วันที่ 11 ก.พ.2568 บ๊วยLive EP.16 I Full Disclosure การเปิดโปงขั้นสุด กับคุณซันนี่
    https://www.youtube.com/watch?v=8d3zRy35Iqw
    118. วันที่ 26 ก.พ.2568 อัพเดทผลข้างเคียงจากวัคซีนโควิด ที่มีผลต่อร่างกาย | ปากซอย105 สัมภาษณ์ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    https://www.youtube.com/watch?v=nMawgnjhgcc
    119. วันที่ 6 มี.ค.2568 วัคซีนโควิด ยิ่งฉีดเยอะ ยิ่งเปลี่ยนชีวิต |ปากซอย105 สัมภาษณ์ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    https://www.youtube.com/watch?v=B3H0bySl-24
    120. วันที่ 2 มี.ค.2568 รูต่ายส่ายสะโพก Special (หมออรรถพล x เทนโด้)
    เปิดแฟ้มลับ...มือสังหารหมู่โลก (วัคซีน mRNA, เชื้อโควิด และการทุจริตในอเมริกา)
    https://rumble.com/v6q1hmg-...-mrna-.html?start=179
    121. วันที่ 14 มี.ค.2568 บ๊วยLive EP.18 l เข้าถึงปัญญาญาณ เข้าถึงDNA! กับคุณหมออรรถพล
    https://www.youtube.com/watch?app=desktop&v=B6_Z7LtIwBk
    122. วันที่ 30 มี.ค.2568 เปิดจักรวาล 'รายการมืด' หมออรรถพล นิลฉงน นลเฉลย ชวนพูดคุย พร้อมตอบคำถามใน ไลฟ์ "เปิดแฟ้มลับ...มือสังหาร JFK" #รต่ายส่ายสะโพก EP3
    (หมออรรถพล x เทนโด้ x อาจารย์ต้น ตำนานนักล้วงข้อมูลลับแห่งประเทศไทย)
    https://www.facebook.com/share/v/16YMx4sWn6/
    รับชมคลิปที่ https://rumble.com/v6rewkc-...-jfk-ep3.html
    หรือ https://zap.stream/naddr1qq9rzde5xqurjvfcx5mqz9thwden5te0wfjkccte9ejxzmt4wvhxjme0qgsfwrl76z6zy0tjhsdnlaj6tkqweyx5w9vdyja5n788vl07p3nw3ugrqsqqqan8vzj3gy
    123. วันที่ 1 เม.ย.2568 ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑาและนพ.ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ จัดรายการ Health Nexus
    ตอนที่ 1 เปิดเผยที่มาของการเซ็นเซอร์ข้อมูลข่าวสาร เซ็นเซอร์กำเนิดโควิดซึ่งมาจากการสร้างไวรัสใหม่และหลุดรั่วออกจากห้องปฏิบัติการ วัคซีนซึ่งเตรียมพร้อมมาก่อนการระบาด และการปกปิดข้อมูลผลข้างเคียงของวัคซีน
    https://youtu.be/aexZXA0QSKg?si=qoQxKZtu255RUhq1
    ตอนที่ 2 นโยบายใหม่ของรัฐบาลทรัมป์ส่งผลกระทบด้านสาธารณสุขทั้งในและต่างประเทศอย่างไร ?
    https://youtu.be/cuU1QmYGZtI?si=ftzZdTtK0bxen9PP
    ตอนที่ 3 วัคซีนโควิดและผลกระทบ
    https://youtu.be/ys_ykPbyMks?si=sOZ4BZpb1Zhg-MTz
    ตอนที่ 4 เกิดอะไรขึ้นหลังรับวัคซีนโควิด ?
    https://youtu.be/vfNhMVNZWNg?si=yS65NMKehklN7szQ
    https://t.me/ThaiPitaksithData/6914
    124. วันที่ 14 เม.ย.2568 กลุ่มฯได้ส่งหนังสือ ขอแสดงความเห็น “คัดค้าน” การยอมรับกฎ
    อนามัยระหว่างประเทศ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ค.ศ.๒๐๒๔ ถึงนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการ
    กระทรวงสาธารณสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ประธาน
    รัฐสภา และสื่อมวลชนทุกสํานัก
    และเรียกร้องการจัดเวทีสาธารณะให้คนไทยทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น
    https://www.facebook.com/share/p/1639NvU9RX/
    https://drive.google.com/file/d/1eOHJXX2DczIsh33Z1wzZ_dtaQ1sJccKU/view?u
    จดหมายที่เกี่ยวข้องที่เคยยื่นหน่วยงานทั้งหมด
    https://drive.google.com/drive/folders/1xAV-
    r3WhU5mt1WvTp8DBZktDPRatYrna
    125. วันที่ 22 เม.ย.2568 คุณอดิเทพ จาวลาห์ ตัวแทนกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์เข้ารับฟังการสัมมนาประชุมเชิงปฏิบัติการ
    ต่อกฎอนามัยระหว่างประเทศและมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็น
    ⭐️เหตุผลว่าทำไมต้องปฏิเสธ
    https://www.facebook.com/share/p/1EfD6VWF7A/?mibextid=wwXIfr
    ⭐️ร่าง กฏหมาย อนามัย
    https://drive.google.com/drive/folders/1aIfGOD-CE2dwcR1lFunjEFz4_yDriC-n
    รายการปากซอย 105 สัมภาษณ์ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    https://www.youtube.com/live/O62sTRIcOKE?si=TygTglExUaiNUein
    126. วันที่ 25 เม.ย. 2568
    ยื่นจดหมายขอแสดงความคิดเห็น “คัดค้าน” การยอมรับกฎอนามัยระหว่างประเทศ ฉบับ
    แก้ไขเพิ่มเติม ค.ศ๒๐๒๔
    เรียน อธิบดีกรมควบคุมโรค
    สําเนาเรียน นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
    ต่างประเทศ ประธานรัฐสภา และสื่อมวลชนทุกสํานัก
    ข้าพเจ้าอดิเทพ จาวลาห์ กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    ขอแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งต่อการแก้ไขที่ได้รับการรับรองในการประชุมสมัชชา องค์การอนามัยโลก ครั้งที่ 77 ผ่านมติ WHA77.17 ในปี 2024 ซึ่งข้าพเจ้ามีความกังวลในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขระเบียบสุขภาพระหว่างประเทศ ที่อาจส่งผลกระทบต่อสิทธิพื้นฐานและเสรีภาพของประชาชน รวมทั้งการใช้อํานาจในทางที่ผิดโดยไม่ผ่านการตรวจสอบอย่างเพียงพอ ข้าพเจ้าจึงขอใช้โอกาสนี้เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วย คัดค้าน และเรียกร้องให้มีการพิจารณาและทบทวนข้อกําหนดดังกล่าวอย่างรอบคอบ
    ไฟล์เอกสาร
    https://drive.google.com/file/d/1l0OQkErvfCimQrYl68IcrKQIT0VjuVGD/view?usp
    =drivesdk
    https://www.facebook.com/share/p/192ygrBgKv/
    127. วันที่ 28 เม.ย.2568 กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ยื่นจดหมายถึงอธิบดีกรม
    ควบคุมโรค ขอความโปร่งใสในการดําเนินงานเกี่ยวกับกฎอนามัยระหว่างประเทศ ฉบับแก้ไข
    เพิ่มเติม ค.ศ.2024 พร้อมเรียกร้องให้เปิดเผยเอกสารสําคัญและรายชื่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องภายใน
    7 วันทําการ
    https://mgronline.com/qol/detail/9680000039977
    https://drive.google.com/file/d/1lOx-z6YYotg4x6sm3w0aWb3k3xyimC4U/view?usp=drivesdk
    128.วันที่ 15 พ.ค. 2568 รายการสภากาแฟ ช่อง News1 หัวข้อ โลกรับรู้มนุษย์ทําไวรัสเขา
    มีเจตนาอะไร? คิดกุศลหรืออกุศล สัมภาษณ์ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    ยูทูบ https://www.youtube.com/live/LQcoOjcPNkQ?si=QFfCzxuYBKx14God
    เฟสบุ๊กไลฟ์ https://www.facebook.com/share/v/15PyyQ8pgE/
    129.วันที่ 19 พ.ค.2568 กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ยื่นหนังสือถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการยา ตามพระราชบัญญัติยา พุทธศักราช ๒๕๑๐
    เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และ คณะกรรมการยาทุกท่าน ขอให้ดำเนินการระงับการอนุญาตให้ใช้วัคซีน mRNA ในมนุษย์
    https://drive.google.com/file/d/1BR1vKiDPMrlXMykJqZUVgj3aAK-KkyjH/view?usp=drivesdk
    ข้อมูลเหล่านั้นบางส่วนได้รับการเปิดเผยในเว็บไซต์ทางการของทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา https://www.whitehouse.gov/lab-leak-true-origins-of-covid-19/
    https://www.facebook.com/share/p/1F5cKBiQSK/
    https://www.facebook.com/share/p/16EB5JToNy/
    ไฟล์จดหมายฉบับนี้
    https://drive.google.com/file/d/1zx62n7IaqEdPYL-SFeNcrS2s8cpnLuDE/view?usp=drivesdk
    130.วันที่ 22 พ.ค.2568 ผู้ที่ได้รับยาฉีดโควิดแล้วมีผลเสียต่อร่างกายและจิตใจ ร่างกายไม่เหมือนเดิม และญาติผู้เสียชีวิต รว่มกับ คุณอี้ แทนคุณ จิตต์อิสระ
    ประธานชมรมสันติประชาธรรม พอ.นพ.พงษฺศักดิ์ ตั้งคณา นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง พญ.ชนิฎา ศิริประภารัตน์ ดร.ศรีวิชัย ศรีสุวรรณ และจิตอาสากลุ่มคนไทยพิทักษฺสิทธิ์ ร่วมยื่นหนังสือขอความอนุเคราะห์ในการรับฟังความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนโควิด และให้มีการจัดเวทีทางวิชาการ ถึงท่านประธานรัฐสภาไทย และประธานสภาผู้แทนราษฎร พณฯท่าน วันมูหะมัดนอร์ มะทา
    จดหมายยื่นรัฐสภา
    https://drive.google.com/drive/folders/114MB4aBXnhPjSOb5iZKhThk0d9B0rs6f
    ไลฟ์สด https://www.facebook.com/share/v/189S4WxV6j/
    https://www.thaipithaksith.com/my-posta3c48515
    https://www.facebook.com/share/p/1NaPKfhgkD/
    https://www.khaosod.co.th/politics/news_9770255
    https://www.facebook.com/share/v/189S4WxV6j/
    https://www.facebook.com/share/19RpSX1zVx/
    131. วันที่ 29พ.ค.2568 กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากวัคซีนโควิด-19 พร้อมด้วย
    อ.นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    และ คุณอี้ แทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม
    ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ นายแพทย์นิติ เหตานุรักษ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
    เพื่อเรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุขสั่งการโดยเร่งด่วน กรณีปัญหาผลกระทบจากวัคซีนโควิด19
    https://drive.google.com/file/d/167IaJuYpekFBg7Le5GleNykqNsZzbJz_/view?usp=dri
    ve_link
    ในหนังสือฉบับนี้ มีข้อเรียกร้องหลัก 6 ประการ ได้แก่:
    1. ระงับการฉีดวัคซีน mRNA ในเด็กและเยาวชน จนกว่าจะมีผลการสอบสวนผลข้างเคียงอย่าง
    เป็นระบบ
    2. ให้สํานักงาน อย. ทบทวนการอนุญาตวัคซีน mRNA ทุกยี่ห้อ โดยโปร่งใส พร้อมเปิดข้อมูลจาก
    ต่างประเทศประกอบการพิจารณา
    3. เปิดเผยสัญญาจัดซื้อวัคซีน โดยเฉพาะในกลุ่ม mRNA ที่รัฐทําไว้กับบริษัทเอกชน
    4. เปิดให้รับคําร้องเรียนจากผู้ได้รับผลกระทบ เพื่อจัดทําทะเบียนผู้เดือดร้อน
    5. จัดเวทีวิชาการสาธารณะ โดยกรมควบคุมโรคร่วมกับสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เพื่ออภิปรายอย่าง
    เปิดเผยเรื่องผลกระทบจากวัคซีน โดยเชิญทั้งนักวิชาการและผู้ป่วยเข้าร่วม
    6. ให้แพทยสภาสอบสวนกรณีจริยธรรมทางการแพทย์ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ใบยินยอมที่อาจเป็น
    เท็จ

    การยื่นหนังสือในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้เกิดกระบวนการตรวจสอบอย่างโปร่งใส เป็นธรรม
    และมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน โดยเฉพาะในประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทั้ง
    ในปัจจุบันและอนาคต

    รายการจดหมายทั้งหมดที่ยื่นหน่วยงานต่างๆ
    https://drive.google.com/drive/folders/1xAV-r3WhU5mt1WvTp8DBZktDPRatYrna
    132. วันที่ 13ก.ย.2568 อสมท MCOT News FM100.5 ในรายการ สีสันชีวิต ช่วง เร้นไม่ลับกับเซเลบฯ คุณลักขณา จำปา อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ สัมภาษณ์ อ.นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    https://www.facebook.com/share/p/1Gj4PLybRN/
    https://www.facebook.com/share/p/166ByWxQNb/
    https://www.youtube.com/watch?v=sbfllJghw7w
    133. วันที่ 6 ต.ค.2568 กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ส่งหนังสือถึงอธิบดีกรมควบคุมโรค เรื่อง ขอให้กรมควบคุมโรคปรับแก้ข้อมูล แนวทางการให้บริการวัคซีนโควิด 19 เข็มกระตุ้นสำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี ในเว็บไซต์ของกรมควบคุมโรค
    https://drive.google.com/file/d/1zKmgZ-nGb7mJnKQYbkX9AbbXi-8S0VpZ/view?usp=drivesdk
    134. วันที่ 21ม.ค.-21ต.ค.2568 ศ.นพ. ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข
    และที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เผยแพร่บทความ
    โควิดความจริงที่ถูกเปิดเผย
    ตอนที่ 1 https://www.thairath.co.th/newspaper/2756723
    ตอนที่ 2 https://mgronline.com/daily/detail/9670000008184
    ตอนที่ 3 https://mgronline.com/daily/detail/9670000010320
    ตอนที่ 4 https://mgronline.com/daily/detail/9670000012549
    ตอนที่ 5 https://mgronline.com/daily/detail/9670000014922
    ตอนที่ 6 https://www.thairath.co.th/news/local/2765797
    ตอนที่ 7 https://www.facebook.com/share/p/19ohqtKnpQ/
    ตอนที่ 8 https://www.facebook.com/share/p/1FaswKgAHT/
    ตอนที่ 9 https://www.facebook.com/share/p/19fp8ufNYM/
    ตอน 10
    https://www.facebook.com/share/14MV2xoK5Bq/?mibextid=wwXIfr
    ตอน 11
    https://www.facebook.com/share/p/1JHQybX6oW/?mibextid=wwXIfr
    ตอน 12
    https://www.facebook.com/share/17XgRhXGNF/?mibextid=wwXIfr
    135. วันที่ 22ต.ค.2568 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บรรยายสั้นๆ ในภาควิชา จุฬาฯ เรื่องโควิด ข้อมูลที่จะเป็นดั่งรูรั่วเล็กๆที่จะทำให้ เขื่อน ที่ปิดกั้นความจริงพังทลายลงในไม่ช้า
    https://www.facebook.com/share/1D7vvevs4h/
    https://www.tiktok.com/@atapolhuawei/video/7563880418664107280

    รวบรวมข้อมูลโดยแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    🇹🇭112. วันที่ 1 ม.ค.2568 ประกาศถามหาจรรยาบรรณวิชาชีพของแพทยสภา https://drive.google.com/file/d/1kV3jlyTl_JNAzYo5HJ_nrw9Hx8DJTl6R/view?usp=drive_link ตามที่ กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ได้ทำหนังสือถึงแพทยสภา ลงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ ขอให้ดำเนินการสอบสวนจริยธรรมของ นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข https://drive.google.com/file/d/1sypT-zqTStHuo4CGJa1EevEt9cixfNhl/view?usp=drivesdk เนื่องจากปล่อยให้มีการใช้ใบยินยอมอันเป็นเท็จให้ผู้ที่ต้องการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ทั้งนี้ได้มีการทำหนังสือ ขอให้ทบทวนแก้ไขใบยินยอมดังกล่าวแล้ว แต่กระทรวงฯกลับไม่ใส่ใจที่จะทำให้ถูกต้อง ทางกลุ่มจึงจำเป็นต้อง ยื่นหนังสือให้แพทยสภา ดำเนินการสอบสวนเรื่องดังกล่าวกับ นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะที่มีหน้าที่กำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุข อย่างไรก็ดี แทนที่ แพทยสภา จะดำเนินการสอบสวนและเสนอให้มีการแก้ไขใบยินยอมดังกล่าวให้ถูกต้อง แพทยสภากลับเลือกที่จะปกป้อง ปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยอ้างว่าการกระทำดังกล่าวมิได้เป็นการประกอบวิชาชีพเวชกรรม แต่เป็นการกระทำในตำแหน่งบริหาร การปกป้องปลัดกระทรวงสาธารณสุขของแพทยสภาดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า กรรมการแพทยสภา มิได้สนใจที่จะปกป้อง สิทธิของผู้ป่วยที่จะได้รับข้อมูลที่เป็นจริงเกี่ยวกับการรักษา อันเป็นจรรยาบรรณขั้นพื้นฐานของการเป็นแพทย์ ทั้งที่ใบยินยอมดังกล่าว มิได้ให้ข้อมูลสำคัญที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้การรับรองไว้ในเอกสารกำกับยา ซึ่งระบุไว้ชัดเจนว่า ⚠️วัคซีนดังกล่าว เป็นสารพันธุกรรมดัดแปลงที่ยังอยู่ระหว่างการทำวิจัย และไม่ได้ทดสอบความปลอดภัยว่าก่อให้เกิดความผิดปกติทางพันธุกรรม หรือไม่ได้ทดสอบว่า mRNA วัคซีนสามารถก่อมะเร็งหรือไม่ ⁉️ ั้งนี้ หากแพทยสภามีเจตนาที่จะปกป้องความปลอดภัยเด็กและเยาวชน และยึดมั่นในจรรยาบรรณวิชาชีพแพทย์ แพทยสภาสามารถจัดแถลงข่าว เรียกร้องให้มีการแก้ไขข้อมูลในใบยินยอมดังกล่าวให้ถูกต้อง และลงโทษสถานเบาโดยการว่ากล่าวตักเตือนปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้ แต่แพทยสภากลับทำหนังสือ “ลับ” (ที่ พส.๐๑๑/๑/๑๗๔๐๖ วันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๗) พยายามปกป้องผู้ที่กระทำผิดโดยไม่ใส่ใจในความปลอดภัยของเด็กและเยาวชนแม้แต่น้อย การกระทำดังกล่าวของ คณะกรรมการแพทยสภา รวมทั้งพฤติกรรมของนายกแพทยสภา เลขาธิการนายกแพทยสภา และรองเลขาธิการแพทยสภา แสดงให้เห็นว่า มิได้ยึดถือจรรยาบรรณวิชาชีพแพทย์ 🇹🇭113. วันที่ 3 ม.ค.2568 กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ได้ส่งจดหมาย เรื่อง ขอให้ปกป้องความปลอดภัยของเด็กและเยาวชนก่อนการปกป้องปลัดกระทรวงสาธารณสุข https://drive.google.com/file/d/12c_6_kI3Q9wMaIbahsz5t-P_fAqbyesj/view?usp=drive_link เรียน พ.ญ.นางสมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา น.พ. นายอิทธิพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา น.พ. นายวิสูตร ฟองศิริไพบูลย์ รองเลขาธิการแพทยสภา สำเนาเรียน (ส่งวันที่ 9มค.) กรรมการแพทยสภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ทุกสถาบัน สื่อสารมวลชน และสำนักข่าวทุกสำนัก 🇹🇭114. วันที่ 5 ม.ค.2568 ประกาศข่าว คนไทยตายเพิ่มขึ้นในปี 2567 https://drive.google.com/file/d/1mfgjiKEyCTfccFf_TcdVjDmS0jvJwzPa/view?usp=drive_link https://www.facebook.com/share/p/1AHaC6eSK8/ 🇹🇭115. วันที่ 17 ม.ค.2568 กลุ่มฯได้ส่งจดหมายถึงเลขาธิการแพทยสภา ขอข้อมูลข่าวสาร https://drive.google.com/file/d/172-XOvnm43P4LUntgyydYHHM7ZTOtH8Y/view?usp=drive_link 🇹🇭116. วันที่ 2 ก.พ.2568 รูต่ายส่ายสะโพก Special (หมออรรถพล x เทนโด้) วัคซีน mRNA ... มือที่มองไม่เห็นและปลายเข็มแห่งซาตาน (วัคซีน mRNA ส่งผลต่อร่างกายมนุษย์ยังไง) https://rumble.com/v6gea87--mrna-...-.html 🇹🇭117. วันที่ 11 ก.พ.2568 บ๊วยLive EP.16 I Full Disclosure การเปิดโปงขั้นสุด กับคุณซันนี่ https://www.youtube.com/watch?v=8d3zRy35Iqw 🇹🇭118. วันที่ 26 ก.พ.2568 อัพเดทผลข้างเคียงจากวัคซีนโควิด ที่มีผลต่อร่างกาย | ปากซอย105 สัมภาษณ์ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา https://www.youtube.com/watch?v=nMawgnjhgcc 🇹🇭119. วันที่ 6 มี.ค.2568 วัคซีนโควิด ยิ่งฉีดเยอะ ยิ่งเปลี่ยนชีวิต |ปากซอย105 สัมภาษณ์ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา https://www.youtube.com/watch?v=B3H0bySl-24 🇹🇭120. วันที่ 2 มี.ค.2568 รูต่ายส่ายสะโพก Special (หมออรรถพล x เทนโด้) เปิดแฟ้มลับ...มือสังหารหมู่โลก (วัคซีน mRNA, เชื้อโควิด และการทุจริตในอเมริกา) https://rumble.com/v6q1hmg-...-mrna-.html?start=179 🇹🇭121. วันที่ 14 มี.ค.2568 บ๊วยLive EP.18 l เข้าถึงปัญญาญาณ เข้าถึงDNA! กับคุณหมออรรถพล https://www.youtube.com/watch?app=desktop&v=B6_Z7LtIwBk 🇹🇭122. วันที่ 30 มี.ค.2568 เปิดจักรวาล 'รายการมืด' หมออรรถพล นิลฉงน นลเฉลย ชวนพูดคุย พร้อมตอบคำถามใน ไลฟ์ "เปิดแฟ้มลับ...มือสังหาร JFK" #รต่ายส่ายสะโพก EP3 (หมออรรถพล x เทนโด้ x อาจารย์ต้น ตำนานนักล้วงข้อมูลลับแห่งประเทศไทย) https://www.facebook.com/share/v/16YMx4sWn6/ รับชมคลิปที่ https://rumble.com/v6rewkc-...-jfk-ep3.html หรือ https://zap.stream/naddr1qq9rzde5xqurjvfcx5mqz9thwden5te0wfjkccte9ejxzmt4wvhxjme0qgsfwrl76z6zy0tjhsdnlaj6tkqweyx5w9vdyja5n788vl07p3nw3ugrqsqqqan8vzj3gy 🇹🇭123. วันที่ 1 เม.ย.2568 ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑาและนพ.ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ จัดรายการ Health Nexus ตอนที่ 1 เปิดเผยที่มาของการเซ็นเซอร์ข้อมูลข่าวสาร เซ็นเซอร์กำเนิดโควิดซึ่งมาจากการสร้างไวรัสใหม่และหลุดรั่วออกจากห้องปฏิบัติการ วัคซีนซึ่งเตรียมพร้อมมาก่อนการระบาด และการปกปิดข้อมูลผลข้างเคียงของวัคซีน https://youtu.be/aexZXA0QSKg?si=qoQxKZtu255RUhq1 ตอนที่ 2 นโยบายใหม่ของรัฐบาลทรัมป์ส่งผลกระทบด้านสาธารณสุขทั้งในและต่างประเทศอย่างไร ? https://youtu.be/cuU1QmYGZtI?si=ftzZdTtK0bxen9PP ตอนที่ 3 วัคซีนโควิดและผลกระทบ https://youtu.be/ys_ykPbyMks?si=sOZ4BZpb1Zhg-MTz ตอนที่ 4 เกิดอะไรขึ้นหลังรับวัคซีนโควิด ? https://youtu.be/vfNhMVNZWNg?si=yS65NMKehklN7szQ https://t.me/ThaiPitaksithData/6914 🇹🇭124. วันที่ 14 เม.ย.2568 กลุ่มฯได้ส่งหนังสือ ขอแสดงความเห็น “คัดค้าน” การยอมรับกฎ อนามัยระหว่างประเทศ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ค.ศ.๒๐๒๔ ถึงนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงสาธารณสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ประธาน รัฐสภา และสื่อมวลชนทุกสํานัก และเรียกร้องการจัดเวทีสาธารณะให้คนไทยทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น https://www.facebook.com/share/p/1639NvU9RX/ https://drive.google.com/file/d/1eOHJXX2DczIsh33Z1wzZ_dtaQ1sJccKU/view?u จดหมายที่เกี่ยวข้องที่เคยยื่นหน่วยงานทั้งหมด https://drive.google.com/drive/folders/1xAV- r3WhU5mt1WvTp8DBZktDPRatYrna 🇹🇭125. วันที่ 22 เม.ย.2568 คุณอดิเทพ จาวลาห์ ตัวแทนกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์เข้ารับฟังการสัมมนาประชุมเชิงปฏิบัติการ ต่อกฎอนามัยระหว่างประเทศและมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็น ⭐️เหตุผลว่าทำไมต้องปฏิเสธ https://www.facebook.com/share/p/1EfD6VWF7A/?mibextid=wwXIfr ⭐️ร่าง กฏหมาย อนามัย https://drive.google.com/drive/folders/1aIfGOD-CE2dwcR1lFunjEFz4_yDriC-n รายการปากซอย 105 สัมภาษณ์ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา https://www.youtube.com/live/O62sTRIcOKE?si=TygTglExUaiNUein 🇹🇭126. วันที่ 25 เม.ย. 2568 ยื่นจดหมายขอแสดงความคิดเห็น “คัดค้าน” การยอมรับกฎอนามัยระหว่างประเทศ ฉบับ แก้ไขเพิ่มเติม ค.ศ๒๐๒๔ เรียน อธิบดีกรมควบคุมโรค สําเนาเรียน นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ต่างประเทศ ประธานรัฐสภา และสื่อมวลชนทุกสํานัก ข้าพเจ้าอดิเทพ จาวลาห์ กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ขอแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งต่อการแก้ไขที่ได้รับการรับรองในการประชุมสมัชชา องค์การอนามัยโลก ครั้งที่ 77 ผ่านมติ WHA77.17 ในปี 2024 ซึ่งข้าพเจ้ามีความกังวลในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขระเบียบสุขภาพระหว่างประเทศ ที่อาจส่งผลกระทบต่อสิทธิพื้นฐานและเสรีภาพของประชาชน รวมทั้งการใช้อํานาจในทางที่ผิดโดยไม่ผ่านการตรวจสอบอย่างเพียงพอ ข้าพเจ้าจึงขอใช้โอกาสนี้เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วย คัดค้าน และเรียกร้องให้มีการพิจารณาและทบทวนข้อกําหนดดังกล่าวอย่างรอบคอบ ไฟล์เอกสาร https://drive.google.com/file/d/1l0OQkErvfCimQrYl68IcrKQIT0VjuVGD/view?usp =drivesdk https://www.facebook.com/share/p/192ygrBgKv/ 🇹🇭127. วันที่ 28 เม.ย.2568 กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ยื่นจดหมายถึงอธิบดีกรม ควบคุมโรค ขอความโปร่งใสในการดําเนินงานเกี่ยวกับกฎอนามัยระหว่างประเทศ ฉบับแก้ไข เพิ่มเติม ค.ศ.2024 พร้อมเรียกร้องให้เปิดเผยเอกสารสําคัญและรายชื่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องภายใน 7 วันทําการ https://mgronline.com/qol/detail/9680000039977 https://drive.google.com/file/d/1lOx-z6YYotg4x6sm3w0aWb3k3xyimC4U/view?usp=drivesdk 🇹🇭128.วันที่ 15 พ.ค. 2568 รายการสภากาแฟ ช่อง News1 หัวข้อ โลกรับรู้มนุษย์ทําไวรัสเขา มีเจตนาอะไร? คิดกุศลหรืออกุศล สัมภาษณ์ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง ยูทูบ https://www.youtube.com/live/LQcoOjcPNkQ?si=QFfCzxuYBKx14God เฟสบุ๊กไลฟ์ https://www.facebook.com/share/v/15PyyQ8pgE/ 🇹🇭129.วันที่ 19 พ.ค.2568 กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ยื่นหนังสือถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการยา ตามพระราชบัญญัติยา พุทธศักราช ๒๕๑๐ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และ คณะกรรมการยาทุกท่าน ขอให้ดำเนินการระงับการอนุญาตให้ใช้วัคซีน mRNA ในมนุษย์ https://drive.google.com/file/d/1BR1vKiDPMrlXMykJqZUVgj3aAK-KkyjH/view?usp=drivesdk ข้อมูลเหล่านั้นบางส่วนได้รับการเปิดเผยในเว็บไซต์ทางการของทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา https://www.whitehouse.gov/lab-leak-true-origins-of-covid-19/ https://www.facebook.com/share/p/1F5cKBiQSK/ https://www.facebook.com/share/p/16EB5JToNy/ ไฟล์จดหมายฉบับนี้ https://drive.google.com/file/d/1zx62n7IaqEdPYL-SFeNcrS2s8cpnLuDE/view?usp=drivesdk 🇹🇭130.วันที่ 22 พ.ค.2568 ผู้ที่ได้รับยาฉีดโควิดแล้วมีผลเสียต่อร่างกายและจิตใจ ร่างกายไม่เหมือนเดิม และญาติผู้เสียชีวิต รว่มกับ คุณอี้ แทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม พอ.นพ.พงษฺศักดิ์ ตั้งคณา นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง พญ.ชนิฎา ศิริประภารัตน์ ดร.ศรีวิชัย ศรีสุวรรณ และจิตอาสากลุ่มคนไทยพิทักษฺสิทธิ์ ร่วมยื่นหนังสือขอความอนุเคราะห์ในการรับฟังความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนโควิด และให้มีการจัดเวทีทางวิชาการ ถึงท่านประธานรัฐสภาไทย และประธานสภาผู้แทนราษฎร พณฯท่าน วันมูหะมัดนอร์ มะทา จดหมายยื่นรัฐสภา https://drive.google.com/drive/folders/114MB4aBXnhPjSOb5iZKhThk0d9B0rs6f ไลฟ์สด https://www.facebook.com/share/v/189S4WxV6j/ https://www.thaipithaksith.com/my-posta3c48515 https://www.facebook.com/share/p/1NaPKfhgkD/ https://www.khaosod.co.th/politics/news_9770255 https://www.facebook.com/share/v/189S4WxV6j/ https://www.facebook.com/share/19RpSX1zVx/ 🇹🇭131. วันที่ 29พ.ค.2568 กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากวัคซีนโควิด-19 พร้อมด้วย อ.นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ และ คุณอี้ แทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ นายแพทย์นิติ เหตานุรักษ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุขสั่งการโดยเร่งด่วน กรณีปัญหาผลกระทบจากวัคซีนโควิด19 https://drive.google.com/file/d/167IaJuYpekFBg7Le5GleNykqNsZzbJz_/view?usp=dri ve_link ในหนังสือฉบับนี้ มีข้อเรียกร้องหลัก 6 ประการ ได้แก่: 1. ระงับการฉีดวัคซีน mRNA ในเด็กและเยาวชน จนกว่าจะมีผลการสอบสวนผลข้างเคียงอย่าง เป็นระบบ 2. ให้สํานักงาน อย. ทบทวนการอนุญาตวัคซีน mRNA ทุกยี่ห้อ โดยโปร่งใส พร้อมเปิดข้อมูลจาก ต่างประเทศประกอบการพิจารณา 3. เปิดเผยสัญญาจัดซื้อวัคซีน โดยเฉพาะในกลุ่ม mRNA ที่รัฐทําไว้กับบริษัทเอกชน 4. เปิดให้รับคําร้องเรียนจากผู้ได้รับผลกระทบ เพื่อจัดทําทะเบียนผู้เดือดร้อน 5. จัดเวทีวิชาการสาธารณะ โดยกรมควบคุมโรคร่วมกับสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เพื่ออภิปรายอย่าง เปิดเผยเรื่องผลกระทบจากวัคซีน โดยเชิญทั้งนักวิชาการและผู้ป่วยเข้าร่วม 6. ให้แพทยสภาสอบสวนกรณีจริยธรรมทางการแพทย์ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ใบยินยอมที่อาจเป็น เท็จ การยื่นหนังสือในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้เกิดกระบวนการตรวจสอบอย่างโปร่งใส เป็นธรรม และมีส่วนร่วมจากภาคประชาชน โดยเฉพาะในประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทั้ง ในปัจจุบันและอนาคต รายการจดหมายทั้งหมดที่ยื่นหน่วยงานต่างๆ https://drive.google.com/drive/folders/1xAV-r3WhU5mt1WvTp8DBZktDPRatYrna 🇹🇭132. วันที่ 13ก.ย.2568 อสมท MCOT News FM100.5 ในรายการ สีสันชีวิต ช่วง เร้นไม่ลับกับเซเลบฯ คุณลักขณา จำปา อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ สัมภาษณ์ อ.นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง https://www.facebook.com/share/p/1Gj4PLybRN/ https://www.facebook.com/share/p/166ByWxQNb/ https://www.youtube.com/watch?v=sbfllJghw7w 🇹🇭133. วันที่ 6 ต.ค.2568 กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ส่งหนังสือถึงอธิบดีกรมควบคุมโรค เรื่อง ขอให้กรมควบคุมโรคปรับแก้ข้อมูล แนวทางการให้บริการวัคซีนโควิด 19 เข็มกระตุ้นสำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี ในเว็บไซต์ของกรมควบคุมโรค https://drive.google.com/file/d/1zKmgZ-nGb7mJnKQYbkX9AbbXi-8S0VpZ/view?usp=drivesdk 🇹🇭134. วันที่ 21ม.ค.-21ต.ค.2568 ศ.นพ. ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข และที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เผยแพร่บทความ ✍️โควิดความจริงที่ถูกเปิดเผย ตอนที่ 1 https://www.thairath.co.th/newspaper/2756723 ตอนที่ 2 https://mgronline.com/daily/detail/9670000008184 ตอนที่ 3 https://mgronline.com/daily/detail/9670000010320 ตอนที่ 4 https://mgronline.com/daily/detail/9670000012549 ตอนที่ 5 https://mgronline.com/daily/detail/9670000014922 ตอนที่ 6 https://www.thairath.co.th/news/local/2765797 ตอนที่ 7 https://www.facebook.com/share/p/19ohqtKnpQ/ ตอนที่ 8 https://www.facebook.com/share/p/1FaswKgAHT/ ตอนที่ 9 https://www.facebook.com/share/p/19fp8ufNYM/ ตอน 10 https://www.facebook.com/share/14MV2xoK5Bq/?mibextid=wwXIfr ตอน 11 https://www.facebook.com/share/p/1JHQybX6oW/?mibextid=wwXIfr ตอน 12 https://www.facebook.com/share/17XgRhXGNF/?mibextid=wwXIfr 🇹🇭135. วันที่ 22ต.ค.2568 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บรรยายสั้นๆ ในภาควิชา จุฬาฯ เรื่องโควิด ข้อมูลที่จะเป็นดั่งรูรั่วเล็กๆที่จะทำให้ เขื่อน ที่ปิดกั้นความจริงพังทลายลงในไม่ช้า https://www.facebook.com/share/1D7vvevs4h/ https://www.tiktok.com/@atapolhuawei/video/7563880418664107280 รวบรวมข้อมูลโดยแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    0 Comments 0 Shares 275 Views 0 Reviews
  • “APU แบบ Compute-in-Memory จาก GSI ทำงานเร็วเท่ากับ GPU แต่ใช้พลังงานน้อยกว่า 98%” — เมื่อการประมวลผลแบบใหม่อาจเปลี่ยนเกม AI ทั้งในหุ่นยนต์, IoT และอวกาศ

    GSI Technology ร่วมกับทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย Cornell เผยผลการทดสอบ APU (Associative Processing Unit) รุ่น Gemini-I ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม Compute-in-Memory (CIM) ในการประมวลผล AI โดยไม่ต้องแยกหน่วยความจำออกจากหน่วยคำนวณเหมือน CPU หรือ GPU แบบเดิม

    ผลการทดสอบ Retrieval-Augmented Generation (RAG) บนชุดข้อมูลขนาด 10–200 GB พบว่า Gemini-I มีประสิทธิภาพเทียบเท่า NVIDIA A6000 GPU แต่ใช้พลังงานน้อยกว่าถึง 98% และเร็วกว่า CPU ทั่วไปถึง 80% ในงานค้นคืนข้อมูล

    เทคโนโลยีนี้เหมาะกับงานที่ต้องการประสิทธิภาพต่อวัตต์สูง เช่น:

    หุ่นยนต์และโดรนที่ใช้ Edge AI
    อุปกรณ์ IoT ที่มีข้อจำกัดด้านพลังงาน
    ระบบป้องกันประเทศและอวกาศที่ต้องการความเย็นต่ำและความเร็วสูง

    GSI ยังเผยว่า Gemini-II ซึ่งเป็นรุ่นถัดไปจะเร็วขึ้นอีก 10 เท่า และ Plato ซึ่งอยู่ในขั้นพัฒนา จะเน้นงาน embedded edge ที่ใช้พลังงานต่ำแต่ต้องการความสามารถสูง

    Gemini-I APU จาก GSI ใช้สถาปัตยกรรม Compute-in-Memory
    รวมหน่วยความจำและประมวลผลไว้ในชิปเดียว

    ประสิทธิภาพเทียบเท่า NVIDIA A6000 GPU ในงาน RAG
    แต่ใช้พลังงานน้อยกว่าถึง 98%

    เร็วกว่า CPU ทั่วไปถึง 80% ในงาน retrieval
    เหมาะกับงาน AI ที่ต้องการความเร็วและประหยัดพลังงาน

    Gemini-II จะเร็วขึ้นอีก 10 เท่าและลด latency
    เหมาะกับงาน memory-intensive

    Plato จะเน้น embedded edge AI ที่ใช้พลังงานต่ำ
    เช่น หุ่นยนต์, IoT, อุปกรณ์พกพา

    งานวิจัยตีพิมพ์ใน ACM และนำเสนอที่งาน Micro '25
    เป็นการประเมินเชิงลึกครั้งแรกของอุปกรณ์ CIM เชิงพาณิชย์

    https://www.techpowerup.com/342054/compute-in-memory-apu-achieves-gpu-class-ai-performance-at-a-fraction-of-the-energy-cost
    ⚡ “APU แบบ Compute-in-Memory จาก GSI ทำงานเร็วเท่ากับ GPU แต่ใช้พลังงานน้อยกว่า 98%” — เมื่อการประมวลผลแบบใหม่อาจเปลี่ยนเกม AI ทั้งในหุ่นยนต์, IoT และอวกาศ GSI Technology ร่วมกับทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย Cornell เผยผลการทดสอบ APU (Associative Processing Unit) รุ่น Gemini-I ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม Compute-in-Memory (CIM) ในการประมวลผล AI โดยไม่ต้องแยกหน่วยความจำออกจากหน่วยคำนวณเหมือน CPU หรือ GPU แบบเดิม ผลการทดสอบ Retrieval-Augmented Generation (RAG) บนชุดข้อมูลขนาด 10–200 GB พบว่า Gemini-I มีประสิทธิภาพเทียบเท่า NVIDIA A6000 GPU แต่ใช้พลังงานน้อยกว่าถึง 98% และเร็วกว่า CPU ทั่วไปถึง 80% ในงานค้นคืนข้อมูล เทคโนโลยีนี้เหมาะกับงานที่ต้องการประสิทธิภาพต่อวัตต์สูง เช่น: 🔋 หุ่นยนต์และโดรนที่ใช้ Edge AI 🔋 อุปกรณ์ IoT ที่มีข้อจำกัดด้านพลังงาน 🔋 ระบบป้องกันประเทศและอวกาศที่ต้องการความเย็นต่ำและความเร็วสูง GSI ยังเผยว่า Gemini-II ซึ่งเป็นรุ่นถัดไปจะเร็วขึ้นอีก 10 เท่า และ Plato ซึ่งอยู่ในขั้นพัฒนา จะเน้นงาน embedded edge ที่ใช้พลังงานต่ำแต่ต้องการความสามารถสูง ✅ Gemini-I APU จาก GSI ใช้สถาปัตยกรรม Compute-in-Memory ➡️ รวมหน่วยความจำและประมวลผลไว้ในชิปเดียว ✅ ประสิทธิภาพเทียบเท่า NVIDIA A6000 GPU ในงาน RAG ➡️ แต่ใช้พลังงานน้อยกว่าถึง 98% ✅ เร็วกว่า CPU ทั่วไปถึง 80% ในงาน retrieval ➡️ เหมาะกับงาน AI ที่ต้องการความเร็วและประหยัดพลังงาน ✅ Gemini-II จะเร็วขึ้นอีก 10 เท่าและลด latency ➡️ เหมาะกับงาน memory-intensive ✅ Plato จะเน้น embedded edge AI ที่ใช้พลังงานต่ำ ➡️ เช่น หุ่นยนต์, IoT, อุปกรณ์พกพา ✅ งานวิจัยตีพิมพ์ใน ACM และนำเสนอที่งาน Micro '25 ➡️ เป็นการประเมินเชิงลึกครั้งแรกของอุปกรณ์ CIM เชิงพาณิชย์ https://www.techpowerup.com/342054/compute-in-memory-apu-achieves-gpu-class-ai-performance-at-a-fraction-of-the-energy-cost
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Compute-In-Memory APU Achieves GPU-Class AI Performance at a Fraction of the Energy Cost
    GSI Technology, Inc. (Nasdaq: GSIT), the inventor of the Associative Processing Unit (APU), a paradigm shift in artificial intelligence (AI) and high-performance compute (HPC) processing providing true compute-in-memory technology, announced the publication of a paper led by researchers at Cornell U...
    0 Comments 0 Shares 78 Views 0 Reviews
  • "เมื่อความหวังกลายเป็นความเข้าใจผิด: นักวิจัย OpenAI กับประกาศความสำเร็จ GPT-5 ด้านคณิตศาสตร์ที่ไม่เคยเกิดขึ้น"

    ในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2025 โลกเทคโนโลยีต้องสะดุดกับข่าวที่ดูเหมือนจะเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของ AI ด้านคณิตศาสตร์ เมื่อหนึ่งในนักวิจัยระดับนำของ OpenAI ได้โพสต์ข้อความบน X (Twitter เดิม) ว่า GPT-5 สามารถแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ระดับมหาวิทยาลัยได้อย่างแม่นยำถึง 94.4% ซึ่งสูงกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง GPT-4 Turbo ที่ทำได้เพียง 32.8%

    แต่หลังจากนั้นไม่นาน ความจริงก็ปรากฏว่าโพสต์ดังกล่าวเป็นการเข้าใจผิดจากการตีความผลการทดลองที่ยังไม่สมบูรณ์ และไม่ได้ผ่านการตรวจสอบอย่างเป็นทางการจากทีมวิจัยของ OpenAI

    โพสต์ต้นทางถูกลบออกอย่างรวดเร็ว และนักวิจัยคนดังกล่าวได้ออกมาขอโทษ พร้อมชี้แจงว่าเป็นการสื่อสารที่คลาดเคลื่อนจากผลการทดลองภายในที่ยังไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจน

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
    นักวิจัย OpenAI โพสต์ว่า GPT-5 ทำคะแนนด้านคณิตศาสตร์ได้ 94.4%
    เปรียบเทียบกับ GPT-4 Turbo ที่ทำได้ 32.8%
    ข้อมูลดังกล่าวสร้างความตื่นเต้นในวงการ AI

    ความจริงที่เปิดเผย
    ผลการทดลองยังไม่สมบูรณ์และไม่ได้รับการตรวจสอบจากทีม
    โพสต์ดังกล่าวถูกลบออกภายในไม่กี่ชั่วโมง
    นักวิจัยออกมาขอโทษและชี้แจงว่าเป็นการสื่อสารผิดพลาด

    ผลกระทบต่อวงการ
    สะท้อนถึงความเปราะบางของการสื่อสารวิทยาศาสตร์ในยุคโซเชียลมีเดีย
    กระตุ้นให้เกิดการตั้งคำถามต่อความโปร่งใสของการพัฒนา AI
    ทำให้ผู้ใช้งานและนักวิจัยต้องระมัดระวังในการตีความผลการทดลอง

    https://the-decoder.com/leading-openai-researcher-announced-a-gpt-5-math-breakthrough-that-never-happened/
    📐 "เมื่อความหวังกลายเป็นความเข้าใจผิด: นักวิจัย OpenAI กับประกาศความสำเร็จ GPT-5 ด้านคณิตศาสตร์ที่ไม่เคยเกิดขึ้น" ในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2025 โลกเทคโนโลยีต้องสะดุดกับข่าวที่ดูเหมือนจะเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของ AI ด้านคณิตศาสตร์ เมื่อหนึ่งในนักวิจัยระดับนำของ OpenAI ได้โพสต์ข้อความบน X (Twitter เดิม) ว่า GPT-5 สามารถแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ระดับมหาวิทยาลัยได้อย่างแม่นยำถึง 94.4% ซึ่งสูงกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง GPT-4 Turbo ที่ทำได้เพียง 32.8% แต่หลังจากนั้นไม่นาน ความจริงก็ปรากฏว่าโพสต์ดังกล่าวเป็นการเข้าใจผิดจากการตีความผลการทดลองที่ยังไม่สมบูรณ์ และไม่ได้ผ่านการตรวจสอบอย่างเป็นทางการจากทีมวิจัยของ OpenAI โพสต์ต้นทางถูกลบออกอย่างรวดเร็ว และนักวิจัยคนดังกล่าวได้ออกมาขอโทษ พร้อมชี้แจงว่าเป็นการสื่อสารที่คลาดเคลื่อนจากผลการทดลองภายในที่ยังไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจน ✅ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ➡️ นักวิจัย OpenAI โพสต์ว่า GPT-5 ทำคะแนนด้านคณิตศาสตร์ได้ 94.4% ➡️ เปรียบเทียบกับ GPT-4 Turbo ที่ทำได้ 32.8% ➡️ ข้อมูลดังกล่าวสร้างความตื่นเต้นในวงการ AI ‼️ ความจริงที่เปิดเผย ⛔ ผลการทดลองยังไม่สมบูรณ์และไม่ได้รับการตรวจสอบจากทีม ⛔ โพสต์ดังกล่าวถูกลบออกภายในไม่กี่ชั่วโมง ⛔ นักวิจัยออกมาขอโทษและชี้แจงว่าเป็นการสื่อสารผิดพลาด ✅ ผลกระทบต่อวงการ ➡️ สะท้อนถึงความเปราะบางของการสื่อสารวิทยาศาสตร์ในยุคโซเชียลมีเดีย ➡️ กระตุ้นให้เกิดการตั้งคำถามต่อความโปร่งใสของการพัฒนา AI ➡️ ทำให้ผู้ใช้งานและนักวิจัยต้องระมัดระวังในการตีความผลการทดลอง https://the-decoder.com/leading-openai-researcher-announced-a-gpt-5-math-breakthrough-that-never-happened/
    0 Comments 0 Shares 94 Views 0 Reviews
  • "อำลา Yang Chen-Ning: นักฟิสิกส์ผู้เปลี่ยนโลกและสร้างสะพานวิทยาศาสตร์ระหว่างประเทศ"

    Yang Chen-Ning นักฟิสิกส์ระดับโลกและผู้ได้รับรางวัลโนเบลคนแรกของจีน เสียชีวิตอย่างสงบในกรุงปักกิ่งเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ด้วยวัย 103 ปี เขาเป็นบุคคลสำคัญที่มีบทบาททั้งในวงการฟิสิกส์ระดับโลกและการพัฒนาวิทยาศาสตร์ของจีน

    Yang ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ร่วมกับ Tsung-Dao Lee ในปี 1957 จากทฤษฎี “Parity Non-Conservation” ซึ่งพลิกโฉมความเข้าใจเกี่ยวกับแรงพื้นฐานในธรรมชาติ เขายังเป็นผู้ร่วมพัฒนา “Yang-Mills Theory” ซึ่งกลายเป็นรากฐานสำคัญของ Standard Model ในฟิสิกส์อนุภาค

    ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยการเดินทางทางวิชาการที่ยิ่งใหญ่ ตั้งแต่เรียนที่มหาวิทยาลัยชิคาโก ไปจนถึงเป็นศาสตราจารย์ที่ Princeton และ SUNY Stony Brook ก่อนจะกลับมารับตำแหน่งที่ Tsinghua University ในจีน ซึ่งเขาอุทิศตนเพื่อพัฒนาการศึกษาวิทยาศาสตร์และสร้างโอกาสให้กับนักวิจัยรุ่นใหม่

    Yang ไม่เพียงเป็นนักฟิสิกส์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่ยังเป็นผู้เชื่อมโยงโลกวิทยาศาสตร์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ ผ่านการแลกเปลี่ยนนักวิจัยและการให้คำปรึกษาแก่รัฐบาลจีนในโครงการวิทยาศาสตร์ระดับชาติ

    ประวัติชีวิตและการศึกษา
    เกิดที่ Hefei, Anhui ในปี 1922
    เรียนที่ National Southwestern Associated University และ Tsinghua University
    ได้รับปริญญาเอกจาก University of Chicago ในปี 1948

    เส้นทางอาชีพในต่างประเทศ
    เป็นสมาชิกถาวรของ Institute for Advanced Study ที่ Princeton
    ดำรงตำแหน่ง Albert Einstein Professor ที่ SUNY Stony Brook จนถึงปี 1999
    เป็น visiting professor ที่ Chinese University of Hong Kong ตั้งแต่ปี 1986

    ผลงานทางวิทยาศาสตร์
    ร่วมกับ Tsung-Dao Lee เสนอทฤษฎี Parity Non-Conservation ใน weak interaction
    พัฒนา Yang-Mills Theory ซึ่งเป็นรากฐานของ Standard Model
    ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักฟิสิกส์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของศตวรรษที่ 20

    บทบาทในจีน
    กลับมารับตำแหน่งที่ Tsinghua University และเป็นประธานกิตติมศักดิ์ของ Institute for Advanced Study
    เสนอแนวทางการฟื้นฟูงานวิจัยพื้นฐานให้รัฐบาลจีน
    สนับสนุนทุนการศึกษาให้นักวิจัยจีนไปศึกษาต่อในสหรัฐฯ
    มีบทบาทสำคัญในการพัฒนานโยบายวิทยาศาสตร์ระดับชาติ

    ความสูญเสียของวงการวิทยาศาสตร์
    การจากไปของ Yang ถือเป็นการสูญเสียบุคคลสำคัญที่มีบทบาททั้งในระดับโลกและระดับชาติ
    ทิ้งไว้เพียงผลงานและแรงบันดาลใจให้กับนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่

    มรดกทางวิชาการ
    ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยชั้นนำกว่า 20 แห่งทั่วโลก
    เป็นสมาชิกต่างชาติของสถาบันวิทยาศาสตร์มากกว่า 10 แห่ง
    ผลงานของเขายังคงเป็นรากฐานของฟิสิกส์ยุคใหม่

    https://www.chinadaily.com.cn/a/202510/18/WS68f3170ea310f735438b5bf2.html
    🪦 "อำลา Yang Chen-Ning: นักฟิสิกส์ผู้เปลี่ยนโลกและสร้างสะพานวิทยาศาสตร์ระหว่างประเทศ" Yang Chen-Ning นักฟิสิกส์ระดับโลกและผู้ได้รับรางวัลโนเบลคนแรกของจีน เสียชีวิตอย่างสงบในกรุงปักกิ่งเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ด้วยวัย 103 ปี เขาเป็นบุคคลสำคัญที่มีบทบาททั้งในวงการฟิสิกส์ระดับโลกและการพัฒนาวิทยาศาสตร์ของจีน Yang ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ร่วมกับ Tsung-Dao Lee ในปี 1957 จากทฤษฎี “Parity Non-Conservation” ซึ่งพลิกโฉมความเข้าใจเกี่ยวกับแรงพื้นฐานในธรรมชาติ เขายังเป็นผู้ร่วมพัฒนา “Yang-Mills Theory” ซึ่งกลายเป็นรากฐานสำคัญของ Standard Model ในฟิสิกส์อนุภาค ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยการเดินทางทางวิชาการที่ยิ่งใหญ่ ตั้งแต่เรียนที่มหาวิทยาลัยชิคาโก ไปจนถึงเป็นศาสตราจารย์ที่ Princeton และ SUNY Stony Brook ก่อนจะกลับมารับตำแหน่งที่ Tsinghua University ในจีน ซึ่งเขาอุทิศตนเพื่อพัฒนาการศึกษาวิทยาศาสตร์และสร้างโอกาสให้กับนักวิจัยรุ่นใหม่ Yang ไม่เพียงเป็นนักฟิสิกส์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่ยังเป็นผู้เชื่อมโยงโลกวิทยาศาสตร์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ ผ่านการแลกเปลี่ยนนักวิจัยและการให้คำปรึกษาแก่รัฐบาลจีนในโครงการวิทยาศาสตร์ระดับชาติ ✅ ประวัติชีวิตและการศึกษา ➡️ เกิดที่ Hefei, Anhui ในปี 1922 ➡️ เรียนที่ National Southwestern Associated University และ Tsinghua University ➡️ ได้รับปริญญาเอกจาก University of Chicago ในปี 1948 ✅ เส้นทางอาชีพในต่างประเทศ ➡️ เป็นสมาชิกถาวรของ Institute for Advanced Study ที่ Princeton ➡️ ดำรงตำแหน่ง Albert Einstein Professor ที่ SUNY Stony Brook จนถึงปี 1999 ➡️ เป็น visiting professor ที่ Chinese University of Hong Kong ตั้งแต่ปี 1986 ✅ ผลงานทางวิทยาศาสตร์ ➡️ ร่วมกับ Tsung-Dao Lee เสนอทฤษฎี Parity Non-Conservation ใน weak interaction ➡️ พัฒนา Yang-Mills Theory ซึ่งเป็นรากฐานของ Standard Model ➡️ ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักฟิสิกส์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของศตวรรษที่ 20 ✅ บทบาทในจีน ➡️ กลับมารับตำแหน่งที่ Tsinghua University และเป็นประธานกิตติมศักดิ์ของ Institute for Advanced Study ➡️ เสนอแนวทางการฟื้นฟูงานวิจัยพื้นฐานให้รัฐบาลจีน ➡️ สนับสนุนทุนการศึกษาให้นักวิจัยจีนไปศึกษาต่อในสหรัฐฯ ➡️ มีบทบาทสำคัญในการพัฒนานโยบายวิทยาศาสตร์ระดับชาติ ‼️ ความสูญเสียของวงการวิทยาศาสตร์ ⛔ การจากไปของ Yang ถือเป็นการสูญเสียบุคคลสำคัญที่มีบทบาททั้งในระดับโลกและระดับชาติ ⛔ ทิ้งไว้เพียงผลงานและแรงบันดาลใจให้กับนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ ✅ มรดกทางวิชาการ ➡️ ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยชั้นนำกว่า 20 แห่งทั่วโลก ➡️ เป็นสมาชิกต่างชาติของสถาบันวิทยาศาสตร์มากกว่า 10 แห่ง ➡️ ผลงานของเขายังคงเป็นรากฐานของฟิสิกส์ยุคใหม่ https://www.chinadaily.com.cn/a/202510/18/WS68f3170ea310f735438b5bf2.html
    0 Comments 0 Shares 148 Views 0 Reviews
  • “AI ตรวจจับภัยในชิปได้ 97% แต่ยังไม่พอ” — เมื่อความแม่นยำสูงยังไม่อาจรับประกันความปลอดภัยในโลกฮาร์ดแวร์

    ในโลกที่ชิปคอมพิวเตอร์เป็นหัวใจของทุกระบบ ตั้งแต่ศูนย์ข้อมูลไปจนถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์และการทหาร ความปลอดภัยของฮาร์ดแวร์จึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้าม ล่าสุดนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Missouri ได้พัฒนา PEARL — ระบบที่ใช้ AI ตรวจจับ “hardware trojans” หรือช่องโหว่ที่ถูกฝังไว้ในขั้นตอนการผลิตชิป

    PEARL ใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) เช่น GPT-3.5 Turbo, Gemini 1.5 Pro, Llama 3.1 และ DeepSeek-V2 เพื่อวิเคราะห์โค้ด Verilog โดยไม่ต้องใช้โมเดลอ้างอิงแบบ “golden chip” และสามารถอธิบายผลการตรวจจับได้อย่างเข้าใจง่าย

    ผลการทดลองพบว่า GPT-3.5 Turbo ตรวจจับได้แม่นยำถึง 97% ขณะที่ DeepSeek-V2 ทำได้ 91% ซึ่งถือว่าสูงมากในแง่เทคนิค แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า “แม้จะพลาดเพียง 3% ก็อาจนำไปสู่หายนะ” เพราะชิปเหล่านี้ถูกใช้ในระบบที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การเงินและความมั่นคงของชาติ

    การตรวจจับ hardware trojans เป็นเรื่องยาก เพราะชิปถูกผลิตผ่านห่วงโซ่อุปทานที่ซับซ้อนในหลายประเทศ และช่องโหว่อาจถูกฝังในขั้นตอนใดก็ได้ การตรวจสอบแบบ manual ยังจำเป็นเพื่อเสริมความมั่นใจ แม้ AI จะช่วยได้มากก็ตาม

    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Missouri พัฒนา PEARL เพื่อตรวจจับ hardware trojans
    ใช้ LLMs เช่น GPT-3.5 Turbo, Gemini 1.5 Pro, Llama 3.1 และ DeepSeek-V2
    วิเคราะห์โค้ด Verilog โดยไม่ต้องใช้ golden chip

    PEARL ใช้เทคนิค in-context learning เช่น zero-shot และ few-shot
    ให้ผลลัพธ์พร้อมคำอธิบายที่เข้าใจง่าย

    GPT-3.5 Turbo ตรวจจับได้แม่นยำถึง 97%
    DeepSeek-V2 ทำได้ 91%

    ทดสอบกับ benchmark เช่น Trust-Hub และ ISCAS 85/89
    ใช้ทั้งโมเดล open-source และ enterprise

    PEARL ไม่ต้องใช้โมเดลอ้างอิง ทำให้ใช้งานได้กว้างขึ้น
    เหมาะกับการตรวจสอบชิปในระบบที่ไม่มี golden reference

    แม้ AI จะตรวจจับได้ 97% แต่ยังมีช่องว่างที่อาจนำไปสู่หายนะ
    ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยในชิปอาจทำให้ระบบล่มหรือถูกเจาะ

    ห่วงโซ่อุปทานของชิปมีความซับซ้อนและเสี่ยงต่อการฝังช่องโหว่
    การตรวจสอบต้องครอบคลุมทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบจนถึงการประกอบ

    การพึ่งพา AI เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในระบบที่มีความเสี่ยงสูง
    ยังต้องมีการตรวจสอบแบบ manual และการทดสอบเชิงลึก

    ความแม่นยำของโมเดลอาจแตกต่างกันตามบริบทและประเภทของโค้ด
    ต้องเลือกโมเดลให้เหมาะกับงานและมีการปรับแต่งอย่างเหมาะสม

    https://www.techradar.com/pro/ai-can-detect-malicious-chip-vulnerabilities-with-a-97-success-rate-but-i-fear-that-is-simply-not-enough
    🧠 “AI ตรวจจับภัยในชิปได้ 97% แต่ยังไม่พอ” — เมื่อความแม่นยำสูงยังไม่อาจรับประกันความปลอดภัยในโลกฮาร์ดแวร์ ในโลกที่ชิปคอมพิวเตอร์เป็นหัวใจของทุกระบบ ตั้งแต่ศูนย์ข้อมูลไปจนถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์และการทหาร ความปลอดภัยของฮาร์ดแวร์จึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้าม ล่าสุดนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Missouri ได้พัฒนา PEARL — ระบบที่ใช้ AI ตรวจจับ “hardware trojans” หรือช่องโหว่ที่ถูกฝังไว้ในขั้นตอนการผลิตชิป PEARL ใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) เช่น GPT-3.5 Turbo, Gemini 1.5 Pro, Llama 3.1 และ DeepSeek-V2 เพื่อวิเคราะห์โค้ด Verilog โดยไม่ต้องใช้โมเดลอ้างอิงแบบ “golden chip” และสามารถอธิบายผลการตรวจจับได้อย่างเข้าใจง่าย ผลการทดลองพบว่า GPT-3.5 Turbo ตรวจจับได้แม่นยำถึง 97% ขณะที่ DeepSeek-V2 ทำได้ 91% ซึ่งถือว่าสูงมากในแง่เทคนิค แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า “แม้จะพลาดเพียง 3% ก็อาจนำไปสู่หายนะ” เพราะชิปเหล่านี้ถูกใช้ในระบบที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การเงินและความมั่นคงของชาติ การตรวจจับ hardware trojans เป็นเรื่องยาก เพราะชิปถูกผลิตผ่านห่วงโซ่อุปทานที่ซับซ้อนในหลายประเทศ และช่องโหว่อาจถูกฝังในขั้นตอนใดก็ได้ การตรวจสอบแบบ manual ยังจำเป็นเพื่อเสริมความมั่นใจ แม้ AI จะช่วยได้มากก็ตาม ✅ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Missouri พัฒนา PEARL เพื่อตรวจจับ hardware trojans ➡️ ใช้ LLMs เช่น GPT-3.5 Turbo, Gemini 1.5 Pro, Llama 3.1 และ DeepSeek-V2 ➡️ วิเคราะห์โค้ด Verilog โดยไม่ต้องใช้ golden chip ✅ PEARL ใช้เทคนิค in-context learning เช่น zero-shot และ few-shot ➡️ ให้ผลลัพธ์พร้อมคำอธิบายที่เข้าใจง่าย ✅ GPT-3.5 Turbo ตรวจจับได้แม่นยำถึง 97% ➡️ DeepSeek-V2 ทำได้ 91% ✅ ทดสอบกับ benchmark เช่น Trust-Hub และ ISCAS 85/89 ➡️ ใช้ทั้งโมเดล open-source และ enterprise ✅ PEARL ไม่ต้องใช้โมเดลอ้างอิง ทำให้ใช้งานได้กว้างขึ้น ➡️ เหมาะกับการตรวจสอบชิปในระบบที่ไม่มี golden reference ‼️ แม้ AI จะตรวจจับได้ 97% แต่ยังมีช่องว่างที่อาจนำไปสู่หายนะ ⛔ ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยในชิปอาจทำให้ระบบล่มหรือถูกเจาะ ‼️ ห่วงโซ่อุปทานของชิปมีความซับซ้อนและเสี่ยงต่อการฝังช่องโหว่ ⛔ การตรวจสอบต้องครอบคลุมทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบจนถึงการประกอบ ‼️ การพึ่งพา AI เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในระบบที่มีความเสี่ยงสูง ⛔ ยังต้องมีการตรวจสอบแบบ manual และการทดสอบเชิงลึก ‼️ ความแม่นยำของโมเดลอาจแตกต่างกันตามบริบทและประเภทของโค้ด ⛔ ต้องเลือกโมเดลให้เหมาะกับงานและมีการปรับแต่งอย่างเหมาะสม https://www.techradar.com/pro/ai-can-detect-malicious-chip-vulnerabilities-with-a-97-success-rate-but-i-fear-that-is-simply-not-enough
    WWW.TECHRADAR.COM
    New AI model spots dangerous chip code with near-perfect accuracy
    The PEARL system uses language models to expose malicious design changes
    0 Comments 0 Shares 181 Views 0 Reviews
  • “D-Link เปิดตัว Nuclias Network Controllers รุ่นใหม่” — จัดการเครือข่ายองค์กรได้ง่ายขึ้นด้วยระบบควบคุมแบบรวมศูนย์

    D-Link ประกาศเปิดตัว Nuclias Network Controllers รุ่นใหม่ ได้แก่ DNH-1000, DNH-3000 และ DNC-5000 ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยองค์กรทุกขนาดบริหารจัดการเครือข่ายแบบรวมศูนย์ ทั้งแบบมีสายและไร้สาย โดยสามารถควบคุมอุปกรณ์ได้ตั้งแต่ระดับ edge ไปจนถึง core switch

    จุดเด่นของ Nuclias คือการลดความซับซ้อนของการดูแลระบบ IT โดยให้ real-time dashboard, การแจ้งเตือนอัตโนมัติ, การวิเคราะห์ทราฟฟิก และการควบคุมสิทธิ์ผู้ดูแลระบบแบบ tiered access

    แต่ละรุ่นมีความสามารถต่างกัน:

    🛜 DNH-1000 รองรับอุปกรณ์สูงสุด 500 ชิ้น เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็ก โรงเรียน หรือร้านค้า
    🛜 DNH-3000 รองรับสูงสุด 1,500 ชิ้น เหมาะกับสำนักงานใหญ่ มหาวิทยาลัย หรือห้างสรรพสินค้า
    🛜 DNC-5000 เป็น software-based controller รองรับสูงสุด 2,000 ชิ้น เหมาะกับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีหลายสาขา

    ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดผลิตในไต้หวัน และมีจำหน่ายผ่านตัวแทนทั่วโลก พร้อมบริการให้คำปรึกษาและสาธิตการใช้งาน

    ข้อมูลในข่าว
    D-Link เปิดตัว Nuclias Network Controllers รุ่น DNH-1000, DNH-3000 และ DNC-5000
    รองรับการจัดการอุปกรณ์เครือข่ายแบบรวมศูนย์ ทั้งแบบมีสายและไร้สาย
    มี real-time dashboard, การแจ้งเตือนอัตโนมัติ และการวิเคราะห์ทราฟฟิก
    รองรับ tiered admin access เพื่อควบคุมสิทธิ์ผู้ดูแลระบบ
    DNH-1000 รองรับอุปกรณ์สูงสุด 500 ชิ้น เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็ก
    DNH-3000 รองรับสูงสุด 1,500 ชิ้น เหมาะกับองค์กรขนาดกลางถึงใหญ่
    DNC-5000 เป็น software-based controller รองรับสูงสุด 2,000 ชิ้น
    ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดผลิตในไต้หวัน
    มีจำหน่ายผ่านตัวแทนทั่วโลก พร้อมบริการให้คำปรึกษาและสาธิต

    https://www.techpowerup.com/341962/d-link-unveils-nuclias-network-controllers-for-businesses
    🌐 “D-Link เปิดตัว Nuclias Network Controllers รุ่นใหม่” — จัดการเครือข่ายองค์กรได้ง่ายขึ้นด้วยระบบควบคุมแบบรวมศูนย์ D-Link ประกาศเปิดตัว Nuclias Network Controllers รุ่นใหม่ ได้แก่ DNH-1000, DNH-3000 และ DNC-5000 ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยองค์กรทุกขนาดบริหารจัดการเครือข่ายแบบรวมศูนย์ ทั้งแบบมีสายและไร้สาย โดยสามารถควบคุมอุปกรณ์ได้ตั้งแต่ระดับ edge ไปจนถึง core switch จุดเด่นของ Nuclias คือการลดความซับซ้อนของการดูแลระบบ IT โดยให้ real-time dashboard, การแจ้งเตือนอัตโนมัติ, การวิเคราะห์ทราฟฟิก และการควบคุมสิทธิ์ผู้ดูแลระบบแบบ tiered access แต่ละรุ่นมีความสามารถต่างกัน: 🛜 DNH-1000 รองรับอุปกรณ์สูงสุด 500 ชิ้น เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็ก โรงเรียน หรือร้านค้า 🛜 DNH-3000 รองรับสูงสุด 1,500 ชิ้น เหมาะกับสำนักงานใหญ่ มหาวิทยาลัย หรือห้างสรรพสินค้า 🛜 DNC-5000 เป็น software-based controller รองรับสูงสุด 2,000 ชิ้น เหมาะกับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีหลายสาขา ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดผลิตในไต้หวัน และมีจำหน่ายผ่านตัวแทนทั่วโลก พร้อมบริการให้คำปรึกษาและสาธิตการใช้งาน ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ D-Link เปิดตัว Nuclias Network Controllers รุ่น DNH-1000, DNH-3000 และ DNC-5000 ➡️ รองรับการจัดการอุปกรณ์เครือข่ายแบบรวมศูนย์ ทั้งแบบมีสายและไร้สาย ➡️ มี real-time dashboard, การแจ้งเตือนอัตโนมัติ และการวิเคราะห์ทราฟฟิก ➡️ รองรับ tiered admin access เพื่อควบคุมสิทธิ์ผู้ดูแลระบบ ➡️ DNH-1000 รองรับอุปกรณ์สูงสุด 500 ชิ้น เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็ก ➡️ DNH-3000 รองรับสูงสุด 1,500 ชิ้น เหมาะกับองค์กรขนาดกลางถึงใหญ่ ➡️ DNC-5000 เป็น software-based controller รองรับสูงสุด 2,000 ชิ้น ➡️ ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดผลิตในไต้หวัน ➡️ มีจำหน่ายผ่านตัวแทนทั่วโลก พร้อมบริการให้คำปรึกษาและสาธิต https://www.techpowerup.com/341962/d-link-unveils-nuclias-network-controllers-for-businesses
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    D-Link Unveils Nuclias Network Controllers for Businesses
    D-Link Corporation (TWSE: 2332), one of the global leaders in networking solutions, today announced the launch of its next-generation Nuclias Network Controllers—DNH-1000, DNH-3000, and DNC-5000. Engineered for businesses of all sizes, these controllers offer centralized management, real-time visibi...
    0 Comments 0 Shares 116 Views 0 Reviews
  • “ฝึกพนักงานให้รู้ทันฟิชชิ่ง — ทำไมการเทรนแบบเดิมถึงยังล้มเหลว?” — เจาะลึกงานวิจัยใหม่ที่ชี้ว่า phishing training แบบเดิมไม่ได้ผล และแนวทางใหม่ที่องค์กรควรพิจารณา

    แม้หลายองค์กรจะลงทุนใน phishing training เพื่อป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามที่หวัง งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยชิคาโกและ UC San Diego พบว่า training แบบเดิม เช่น annual training และ embedded training ไม่ได้ช่วยลดอัตราการคลิกลิงก์ฟิชชิ่งอย่างมีนัยสำคัญ

    ปัญหาหลักคือพฤติกรรมของผู้ใช้ที่ไม่เปลี่ยน แม้จะรู้ว่าฟิชชิ่งอันตราย แต่เมื่อเจออีเมลจริงในช่วงงานยุ่ง ก็ยังคลิกโดยไม่คิด การฝึกแบบ “เช็คกล่อง” ไม่ช่วยให้เกิดพฤติกรรมอัตโนมัติที่ปลอดภัย

    ผู้เชี่ยวชาญเสนอแนวทางใหม่ เช่น:
    ใช้ gamification เพื่อเพิ่ม engagement
    ให้รางวัลเล็ก ๆ เช่น gift card หรือกิจกรรมสนุก
    สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย
    ฝึกให้ผู้ใช้มี “go-to action” เมื่อเจออีเมลน่าสงสัย เช่น รายงานผ่าน hotline
    วิเคราะห์พฤติกรรมตามอุปกรณ์ เช่น ผู้ใช้ PC มีแนวโน้มคลิกมากกว่าผู้ใช้มือถือ

    ข้อมูลในข่าว
    งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยชิคาโกและ UC San Diego วิเคราะห์พฤติกรรมพนักงานกว่า 20,000 คน
    พบว่า annual training และ embedded training ไม่ช่วยลดอัตราการคลิกลิงก์ฟิชชิ่ง
    ผู้ใช้มักไม่ engage กับ training และมี retention ต่ำ
    พฤติกรรมผู้ใช้ไม่เปลี่ยน แม้จะรู้ว่าฟิชชิ่งอันตราย
    ผู้ใช้ PC มีแนวโน้มคลิกลิงก์ฟิชชิ่งมากกว่าผู้ใช้มือถือ
    การฝึกแบบเดิมเป็น “เช็คกล่อง” ไม่สร้างพฤติกรรมอัตโนมัติ
    ผู้เชี่ยวชาญเสนอให้ใช้ gamification และ incentive เพื่อเพิ่ม engagement
    ควรมี “go-to action” ที่ชัดเจน เช่น hotline หรือปุ่มรายงาน
    วัฒนธรรมองค์กรต้องสนับสนุนความปลอดภัย ไม่ใช่แค่การเทรน
    การวัดผลควรดูจากอัตราการคลิกจริงและการรายงาน ไม่ใช่แค่ completion rate

    https://www.csoonline.com/article/4071289/what-to-consider-to-make-your-enterprise-phishing-training-effective.html
    🎯 “ฝึกพนักงานให้รู้ทันฟิชชิ่ง — ทำไมการเทรนแบบเดิมถึงยังล้มเหลว?” — เจาะลึกงานวิจัยใหม่ที่ชี้ว่า phishing training แบบเดิมไม่ได้ผล และแนวทางใหม่ที่องค์กรควรพิจารณา แม้หลายองค์กรจะลงทุนใน phishing training เพื่อป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามที่หวัง งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยชิคาโกและ UC San Diego พบว่า training แบบเดิม เช่น annual training และ embedded training ไม่ได้ช่วยลดอัตราการคลิกลิงก์ฟิชชิ่งอย่างมีนัยสำคัญ ปัญหาหลักคือพฤติกรรมของผู้ใช้ที่ไม่เปลี่ยน แม้จะรู้ว่าฟิชชิ่งอันตราย แต่เมื่อเจออีเมลจริงในช่วงงานยุ่ง ก็ยังคลิกโดยไม่คิด การฝึกแบบ “เช็คกล่อง” ไม่ช่วยให้เกิดพฤติกรรมอัตโนมัติที่ปลอดภัย ผู้เชี่ยวชาญเสนอแนวทางใหม่ เช่น: 📍 ใช้ gamification เพื่อเพิ่ม engagement 📍 ให้รางวัลเล็ก ๆ เช่น gift card หรือกิจกรรมสนุก 📍 สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย 📍 ฝึกให้ผู้ใช้มี “go-to action” เมื่อเจออีเมลน่าสงสัย เช่น รายงานผ่าน hotline 📍 วิเคราะห์พฤติกรรมตามอุปกรณ์ เช่น ผู้ใช้ PC มีแนวโน้มคลิกมากกว่าผู้ใช้มือถือ ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยชิคาโกและ UC San Diego วิเคราะห์พฤติกรรมพนักงานกว่า 20,000 คน ➡️ พบว่า annual training และ embedded training ไม่ช่วยลดอัตราการคลิกลิงก์ฟิชชิ่ง ➡️ ผู้ใช้มักไม่ engage กับ training และมี retention ต่ำ ➡️ พฤติกรรมผู้ใช้ไม่เปลี่ยน แม้จะรู้ว่าฟิชชิ่งอันตราย ➡️ ผู้ใช้ PC มีแนวโน้มคลิกลิงก์ฟิชชิ่งมากกว่าผู้ใช้มือถือ ➡️ การฝึกแบบเดิมเป็น “เช็คกล่อง” ไม่สร้างพฤติกรรมอัตโนมัติ ➡️ ผู้เชี่ยวชาญเสนอให้ใช้ gamification และ incentive เพื่อเพิ่ม engagement ➡️ ควรมี “go-to action” ที่ชัดเจน เช่น hotline หรือปุ่มรายงาน ➡️ วัฒนธรรมองค์กรต้องสนับสนุนความปลอดภัย ไม่ใช่แค่การเทรน ➡️ การวัดผลควรดูจากอัตราการคลิกจริงและการรายงาน ไม่ใช่แค่ completion rate https://www.csoonline.com/article/4071289/what-to-consider-to-make-your-enterprise-phishing-training-effective.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Phishing training needs a new hook — here’s how to rethink your approach
    Phishing training exercises are a staple of enterprise security strategy, but research shows current approaches aren’t all that effective.
    0 Comments 0 Shares 167 Views 0 Reviews
  • คณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษาบัณฑิต สาขาสรีรวิทยาการแพทย์
    #ภาควิชาสรีรวิทยา #คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล #มหาวิทยาลัยมหิดล
    ร่วมถ่ายภาพแสดงความยินดี กับปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (สรีรวิทยาการแพทย์) และมหาบัณฑิต สาขาวิชาสรีรวิทยาการแพทย์ ที่สำเร็จการศึกษา ในปี 2568
    คณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษาบัณฑิต สาขาสรีรวิทยาการแพทย์ #ภาควิชาสรีรวิทยา #คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล #มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมถ่ายภาพแสดงความยินดี กับปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (สรีรวิทยาการแพทย์) และมหาบัณฑิต สาขาวิชาสรีรวิทยาการแพทย์ ที่สำเร็จการศึกษา ในปี 2568
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 102 Views 0 Reviews
  • หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสรีรวิทยาการแพทย์ (หลักสูตรนานาชาติ) คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดสอนรายวิชาSIPS534 MEDICAL RESPIRATORY PHYSIOLOGY สำหรับนักศึกษาบัณฑิตศึกษา บุคคลทั่วไป

    ผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดผ่านทางบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล (MAP-C) ตามรายละเอียดที่แนบมา
    หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสรีรวิทยาการแพทย์ (หลักสูตรนานาชาติ) คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดสอนรายวิชาSIPS534 MEDICAL RESPIRATORY PHYSIOLOGY สำหรับนักศึกษาบัณฑิตศึกษา บุคคลทั่วไป ผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดผ่านทางบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล (MAP-C) ตามรายละเอียดที่แนบมา
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 119 Views 0 Reviews
  • “ไม่มีวิทยาศาสตร์ ก็ไม่มีสตาร์ทอัพ — เมื่อเครื่องยนต์แห่งนวัตกรรมกำลังถูกปิดโดยไม่รู้ตัว”

    Steve Blank ผู้บุกเบิกแนวคิด Lean Startup ได้เขียนบทความสะท้อนถึงวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา — การลดงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์และการวิจัยขั้นพื้นฐาน ซึ่งเป็นรากฐานของนวัตกรรมและความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ

    เขาอธิบายว่า “วิทยาศาสตร์” ไม่ใช่แค่การทดลองในห้องแล็บ แต่คือระบบที่เชื่อมโยงกันระหว่างนักวิทยาศาสตร์ (ทั้งทฤษฎีและทดลอง), วิศวกร, ผู้ประกอบการ และนักลงทุน โดยแต่ละบทบาทมีหน้าที่เฉพาะที่เสริมกันอย่างกลมกลืน:

    นักวิทยาศาสตร์สร้างองค์ความรู้ใหม่
    วิศวกรนำความรู้นั้นไปสร้างสิ่งของ
    ผู้ประกอบการนำสิ่งของไปทดสอบตลาด
    นักลงทุนให้ทุนเพื่อขยายผล

    Blank เตือนว่า หากตัดบทบาทใดบทบาทหนึ่งออก โดยเฉพาะ “นักวิทยาศาสตร์” ที่มักถูกมองข้ามเพราะไม่สร้างรายได้ทันที ระบบนวัตกรรมทั้งหมดจะล่มสลาย

    เขายกตัวอย่างว่า เทคโนโลยีอย่าง ChatGPT, SpaceX, หรือแม้แต่วัคซีน ล้วนมีรากฐานจากการวิจัยขั้นพื้นฐานที่เริ่มต้นในมหาวิทยาลัยหรือห้องแล็บของรัฐเมื่อหลายสิบปีก่อน

    นักวิทยาศาสตร์มี 2 ประเภทหลัก: ทฤษฎี (Theorists) และทดลอง (Experimentalists)
    ทฤษฎีสร้างแบบจำลองความจริง ส่วนทดลองทดสอบสมมติฐาน

    วิทยาศาสตร์แบ่งเป็น “พื้นฐาน” และ “ประยุกต์”
    พื้นฐานเพื่อความเข้าใจโลก ประยุกต์เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตจริง

    มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ เป็นแหล่งวิจัยหลักของประเทศ
    มีระบบสนับสนุนจากรัฐ เช่น NIH, NSF, DoD

    นักวิจัยในมหาวิทยาลัยทำงานเหมือนสตาร์ทอัพขนาดเล็ก
    มีการเขียน proposal, บริหารทีม, สร้างนวัตกรรม

    วิศวกรสร้างสิ่งของจากองค์ความรู้ของนักวิทยาศาสตร์
    เช่น ชิป Nvidia, จรวด SpaceX, อัลกอริทึม AI

    ผู้ประกอบการนำสิ่งของไปทดสอบตลาด
    ใช้หลักการทดลองแบบวิทยาศาสตร์เพื่อหาความต้องการจริง

    นักลงทุน (VC) สนับสนุนผู้ประกอบการ ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์โดยตรง
    เพราะต้องการผลตอบแทนในระยะสั้น

    การลดงบวิทยาศาสตร์ในสหรัฐฯ จะทำให้ประเทศอ่อนแอลง
    ทั้งด้านเศรษฐกิจ, เทคโนโลยี และความมั่นคง

    https://steveblank.com/2025/10/13/no-science-no-startups-the-unseen-engine-were-switching-off/
    🧪 “ไม่มีวิทยาศาสตร์ ก็ไม่มีสตาร์ทอัพ — เมื่อเครื่องยนต์แห่งนวัตกรรมกำลังถูกปิดโดยไม่รู้ตัว” Steve Blank ผู้บุกเบิกแนวคิด Lean Startup ได้เขียนบทความสะท้อนถึงวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา — การลดงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์และการวิจัยขั้นพื้นฐาน ซึ่งเป็นรากฐานของนวัตกรรมและความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ เขาอธิบายว่า “วิทยาศาสตร์” ไม่ใช่แค่การทดลองในห้องแล็บ แต่คือระบบที่เชื่อมโยงกันระหว่างนักวิทยาศาสตร์ (ทั้งทฤษฎีและทดลอง), วิศวกร, ผู้ประกอบการ และนักลงทุน โดยแต่ละบทบาทมีหน้าที่เฉพาะที่เสริมกันอย่างกลมกลืน: ⭐ นักวิทยาศาสตร์สร้างองค์ความรู้ใหม่ ⭐ วิศวกรนำความรู้นั้นไปสร้างสิ่งของ ⭐ ผู้ประกอบการนำสิ่งของไปทดสอบตลาด ⭐ นักลงทุนให้ทุนเพื่อขยายผล Blank เตือนว่า หากตัดบทบาทใดบทบาทหนึ่งออก โดยเฉพาะ “นักวิทยาศาสตร์” ที่มักถูกมองข้ามเพราะไม่สร้างรายได้ทันที ระบบนวัตกรรมทั้งหมดจะล่มสลาย เขายกตัวอย่างว่า เทคโนโลยีอย่าง ChatGPT, SpaceX, หรือแม้แต่วัคซีน ล้วนมีรากฐานจากการวิจัยขั้นพื้นฐานที่เริ่มต้นในมหาวิทยาลัยหรือห้องแล็บของรัฐเมื่อหลายสิบปีก่อน ✅ นักวิทยาศาสตร์มี 2 ประเภทหลัก: ทฤษฎี (Theorists) และทดลอง (Experimentalists) ➡️ ทฤษฎีสร้างแบบจำลองความจริง ส่วนทดลองทดสอบสมมติฐาน ✅ วิทยาศาสตร์แบ่งเป็น “พื้นฐาน” และ “ประยุกต์” ➡️ พื้นฐานเพื่อความเข้าใจโลก ประยุกต์เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตจริง ✅ มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ เป็นแหล่งวิจัยหลักของประเทศ ➡️ มีระบบสนับสนุนจากรัฐ เช่น NIH, NSF, DoD ✅ นักวิจัยในมหาวิทยาลัยทำงานเหมือนสตาร์ทอัพขนาดเล็ก ➡️ มีการเขียน proposal, บริหารทีม, สร้างนวัตกรรม ✅ วิศวกรสร้างสิ่งของจากองค์ความรู้ของนักวิทยาศาสตร์ ➡️ เช่น ชิป Nvidia, จรวด SpaceX, อัลกอริทึม AI ✅ ผู้ประกอบการนำสิ่งของไปทดสอบตลาด ➡️ ใช้หลักการทดลองแบบวิทยาศาสตร์เพื่อหาความต้องการจริง ✅ นักลงทุน (VC) สนับสนุนผู้ประกอบการ ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์โดยตรง ➡️ เพราะต้องการผลตอบแทนในระยะสั้น ✅ การลดงบวิทยาศาสตร์ในสหรัฐฯ จะทำให้ประเทศอ่อนแอลง ➡️ ทั้งด้านเศรษฐกิจ, เทคโนโลยี และความมั่นคง https://steveblank.com/2025/10/13/no-science-no-startups-the-unseen-engine-were-switching-off/
    STEVEBLANK.COM
    No Science, No Startups: The Innovation Engine We’re Switching Off
    Tons of words have been written about the Trump Administrations war on Science in Universities. But few people have asked what, exactly, is science? How does it work? Who are the scientists? What d…
    0 Comments 0 Shares 168 Views 0 Reviews
  • “TDK เปิดตัวชิป AI แบบแอนะล็อก – เรียนรู้แบบเรียลไทม์ ท้าทายมนุษย์ในเกมเป่ายิ้งฉุบ!”

    จากอดีตที่เคยเป็นแบรนด์เทปเสียงในยุค 80s วันนี้ TDK กลับมาอีกครั้งในบทบาทใหม่ ด้วยการเปิดตัว “ชิป AI แบบแอนะล็อก” ที่สามารถเรียนรู้แบบเรียลไทม์ และถึงขั้นสามารถทำนายการเคลื่อนไหวของมนุษย์ในเกมเป่ายิ้งฉุบได้อย่างแม่นยำ

    ชิปนี้ถูกพัฒนาโดย TDK ร่วมกับมหาวิทยาลัยฮอกไกโด โดยใช้แนวคิด “reservoir computing” ซึ่งเลียนแบบการทำงานของสมองมนุษย์ โดยเฉพาะสมองส่วน cerebellum ที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลแบบต่อเนื่องและการตอบสนองอย่างรวดเร็ว

    แตกต่างจากโมเดล deep learning ทั่วไปที่ต้องพึ่งพาการประมวลผลบนคลาวด์และชุดข้อมูลขนาดใหญ่ ชิปนี้ใช้วงจรแอนะล็อกในการประมวลผลสัญญาณแบบธรรมชาติ เช่น การแพร่กระจายของคลื่น ทำให้สามารถเรียนรู้และตอบสนองได้ทันทีด้วยพลังงานต่ำมาก

    TDK เตรียมนำชิปนี้ไปโชว์ในงาน CEATEC 2025 ที่ญี่ปุ่น โดยจะมีอุปกรณ์สาธิตที่ติดตั้งเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวของนิ้ว และใช้ชิป AI ในการทำนายว่าผู้เล่นจะออก “ค้อน กรรไกร หรือกระดาษ” ก่อนที่เขาจะทันได้ออกมือจริง ๆ

    จุดเด่นของชิป AI แบบแอนะล็อกจาก TDK
    ใช้แนวคิด reservoir computing ที่เลียนแบบสมองส่วน cerebellum
    ประมวลผลข้อมูลแบบ time-series ด้วยความเร็วสูงและพลังงานต่ำ
    ไม่ต้องพึ่งคลาวด์หรือชุดข้อมูลขนาดใหญ่
    เหมาะกับงาน edge computing เช่น อุปกรณ์สวมใส่, IoT, ระบบอัตโนมัติ

    การสาธิตในงาน CEATEC 2025
    อุปกรณ์ติดตั้งเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวของนิ้ว
    ใช้ชิป AI ทำนายการออกมือในเกมเป่ายิ้งฉุบแบบเรียลไทม์
    แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเรียนรู้และตอบสนองทันที

    ความร่วมมือและเป้าหมายของ TDK
    พัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยฮอกไกโด
    ต้องการผลักดัน reservoir computing สู่การใช้งานเชิงพาณิชย์
    เตรียมนำไปใช้ในแบรนด์ SensEI และธุรกิจระบบเซนเซอร์ของ TDK

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    reservoir computing ยังเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ต้องการการพิสูจน์ในระดับอุตสาหกรรม
    การประยุกต์ใช้งานจริงอาจต้องปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละอุปกรณ์
    ความแม่นยำในการทำนายยังขึ้นอยู่กับคุณภาพของเซนเซอร์และการเรียนรู้
    การแข่งขันจากเทคโนโลยี AI แบบดิจิทัลที่มี ecosystem แข็งแรงกว่า

    https://www.techradar.com/pro/remember-audio-tapes-from-tdk-they-just-developed-an-analog-reservoir-ai-chip-that-does-real-time-learning-and-will-even-challenge-humans-at-a-game-of-rock-paper-scissors
    💾 “TDK เปิดตัวชิป AI แบบแอนะล็อก – เรียนรู้แบบเรียลไทม์ ท้าทายมนุษย์ในเกมเป่ายิ้งฉุบ!” จากอดีตที่เคยเป็นแบรนด์เทปเสียงในยุค 80s วันนี้ TDK กลับมาอีกครั้งในบทบาทใหม่ ด้วยการเปิดตัว “ชิป AI แบบแอนะล็อก” ที่สามารถเรียนรู้แบบเรียลไทม์ และถึงขั้นสามารถทำนายการเคลื่อนไหวของมนุษย์ในเกมเป่ายิ้งฉุบได้อย่างแม่นยำ ชิปนี้ถูกพัฒนาโดย TDK ร่วมกับมหาวิทยาลัยฮอกไกโด โดยใช้แนวคิด “reservoir computing” ซึ่งเลียนแบบการทำงานของสมองมนุษย์ โดยเฉพาะสมองส่วน cerebellum ที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลแบบต่อเนื่องและการตอบสนองอย่างรวดเร็ว แตกต่างจากโมเดล deep learning ทั่วไปที่ต้องพึ่งพาการประมวลผลบนคลาวด์และชุดข้อมูลขนาดใหญ่ ชิปนี้ใช้วงจรแอนะล็อกในการประมวลผลสัญญาณแบบธรรมชาติ เช่น การแพร่กระจายของคลื่น ทำให้สามารถเรียนรู้และตอบสนองได้ทันทีด้วยพลังงานต่ำมาก TDK เตรียมนำชิปนี้ไปโชว์ในงาน CEATEC 2025 ที่ญี่ปุ่น โดยจะมีอุปกรณ์สาธิตที่ติดตั้งเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวของนิ้ว และใช้ชิป AI ในการทำนายว่าผู้เล่นจะออก “ค้อน กรรไกร หรือกระดาษ” ก่อนที่เขาจะทันได้ออกมือจริง ๆ ✅ จุดเด่นของชิป AI แบบแอนะล็อกจาก TDK ➡️ ใช้แนวคิด reservoir computing ที่เลียนแบบสมองส่วน cerebellum ➡️ ประมวลผลข้อมูลแบบ time-series ด้วยความเร็วสูงและพลังงานต่ำ ➡️ ไม่ต้องพึ่งคลาวด์หรือชุดข้อมูลขนาดใหญ่ ➡️ เหมาะกับงาน edge computing เช่น อุปกรณ์สวมใส่, IoT, ระบบอัตโนมัติ ✅ การสาธิตในงาน CEATEC 2025 ➡️ อุปกรณ์ติดตั้งเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวของนิ้ว ➡️ ใช้ชิป AI ทำนายการออกมือในเกมเป่ายิ้งฉุบแบบเรียลไทม์ ➡️ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเรียนรู้และตอบสนองทันที ✅ ความร่วมมือและเป้าหมายของ TDK ➡️ พัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยฮอกไกโด ➡️ ต้องการผลักดัน reservoir computing สู่การใช้งานเชิงพาณิชย์ ➡️ เตรียมนำไปใช้ในแบรนด์ SensEI และธุรกิจระบบเซนเซอร์ของ TDK ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ reservoir computing ยังเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ต้องการการพิสูจน์ในระดับอุตสาหกรรม ⛔ การประยุกต์ใช้งานจริงอาจต้องปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละอุปกรณ์ ⛔ ความแม่นยำในการทำนายยังขึ้นอยู่กับคุณภาพของเซนเซอร์และการเรียนรู้ ⛔ การแข่งขันจากเทคโนโลยี AI แบบดิจิทัลที่มี ecosystem แข็งแรงกว่า https://www.techradar.com/pro/remember-audio-tapes-from-tdk-they-just-developed-an-analog-reservoir-ai-chip-that-does-real-time-learning-and-will-even-challenge-humans-at-a-game-of-rock-paper-scissors
    WWW.TECHRADAR.COM
    TDK unveils analog AI chip that learns fast and predicts moves
    The chip mimics brain function for robotics and human-machine interfaces
    0 Comments 0 Shares 191 Views 0 Reviews
  • “Fudan สร้างชิปหน่วยความจำจากวัสดุ 2D บนซิลิคอนสำเร็จ — จุดเปลี่ยนวงการเซมิคอนดักเตอร์ระดับอะตอม”

    ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Fudan ประเทศจีน ได้สร้างชิปหน่วยความจำที่ใช้งานได้จริงโดยใช้วัสดุสองมิติ (2D materials) และฝังลงบนซิลิคอนแบบดั้งเดิมได้สำเร็จเป็นครั้งแรก โดยใช้กระบวนการที่เรียกว่า “ATOM2CHIP” ซึ่งช่วยให้สามารถเติบโตชั้น molybdenum disulfide (MoS₂) ที่บางเพียงไม่กี่อะตอมลงบนชิป CMOS ขนาด 0.13 ไมโครเมตรได้โดยตรง

    ผลลัพธ์คือชิปไฮบริดที่รวมหน่วยความจำแฟลชแบบ NOR ที่สร้างจากวัสดุ 2D เข้ากับคอนโทรลเลอร์ CMOS แบบมาตรฐาน ทำให้สามารถเขียน/ลบข้อมูลได้ในเวลาเพียง 20 นาโนวินาที เก็บข้อมูลได้นานถึง 10 ปี และทนต่อการเขียนซ้ำได้มากกว่า 100,000 ครั้ง โดยใช้พลังงานเพียง 0.644 พิโคจูลต่อบิต ซึ่งต่ำกว่าชิปแฟลชทั่วไปอย่างมาก

    ทีมวิจัยยังรายงานว่า yield ของการผลิตเต็มชิปอยู่ที่ 94.34% ซึ่งใกล้เคียงกับระดับการผลิตเชิงพาณิชย์ และถือเป็นก้าวสำคัญในการนำวัสดุ 2D เข้าสู่การใช้งานจริงในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์

    เพื่อให้วัสดุ 2D สามารถฝังลงบนพื้นผิวซิลิคอนได้โดยไม่เสียหาย ทีมงานได้พัฒนาเทคนิคการยึดเกาะแบบ conformal adhesion ที่ช่วยให้วัสดุสามารถ “ไหล” ไปตามพื้นผิวที่ไม่เรียบของซิลิคอนได้อย่างนุ่มนวล พร้อมระบบบรรจุภัณฑ์ที่ป้องกันความร้อนและไฟฟ้าสถิต

    นอกจากนี้ยังมีการออกแบบระบบ cross-platform interface ที่ช่วยให้ชั้น 2D สามารถสื่อสารกับตรรกะ CMOS ได้อย่างไร้รอยต่อ รองรับการทำงานแบบ instruction-driven, 32-bit parallelism และ random access

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    นักวิจัย Fudan สร้างชิปหน่วยความจำจากวัสดุ 2D บนซิลิคอนสำเร็จ
    ใช้กระบวนการ ATOM2CHIP เพื่อฝัง MoS₂ บน CMOS 0.13μm
    ชิปไฮบริดรวม NOR flash 2D กับคอนโทรลเลอร์ CMOS
    เขียน/ลบข้อมูลได้ใน 20 นาโนวินาที
    เก็บข้อมูลได้นาน 10 ปี และเขียนซ้ำได้มากกว่า 100,000 ครั้ง
    ใช้พลังงานเพียง 0.644 พิโคจูลต่อบิต
    Yield การผลิตเต็มชิปอยู่ที่ 94.34%
    ใช้เทคนิค conformal adhesion เพื่อฝังวัสดุ 2D บนพื้นผิวซิลิคอน
    มีระบบบรรจุภัณฑ์ป้องกันความร้อนและไฟฟ้าสถิต
    ออกแบบ cross-platform interface เพื่อเชื่อมต่อกับ CMOS logic

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    วัสดุ 2D เช่น MoS₂ มีคุณสมบัติทางไฟฟ้าและความบางระดับอะตอม
    NOR flash เป็นหน่วยความจำที่ใช้ในงานที่ต้องการความเร็วสูงและความทนทาน
    Yield สูงกว่า 90% ถือว่าใกล้เคียงกับระดับการผลิตเชิงพาณิชย์
    การใช้ conformal adhesion ช่วยลดความเสียหายจากพื้นผิวที่ไม่เรียบ
    การเชื่อมต่อกับ CMOS logic เป็นกุญแจสำคัญในการนำวัสดุ 2D ไปใช้งานจริง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/researchers-achieve-breakthrough-integration-of-2d-materials-on-silicon-chips
    🔬 “Fudan สร้างชิปหน่วยความจำจากวัสดุ 2D บนซิลิคอนสำเร็จ — จุดเปลี่ยนวงการเซมิคอนดักเตอร์ระดับอะตอม” ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Fudan ประเทศจีน ได้สร้างชิปหน่วยความจำที่ใช้งานได้จริงโดยใช้วัสดุสองมิติ (2D materials) และฝังลงบนซิลิคอนแบบดั้งเดิมได้สำเร็จเป็นครั้งแรก โดยใช้กระบวนการที่เรียกว่า “ATOM2CHIP” ซึ่งช่วยให้สามารถเติบโตชั้น molybdenum disulfide (MoS₂) ที่บางเพียงไม่กี่อะตอมลงบนชิป CMOS ขนาด 0.13 ไมโครเมตรได้โดยตรง ผลลัพธ์คือชิปไฮบริดที่รวมหน่วยความจำแฟลชแบบ NOR ที่สร้างจากวัสดุ 2D เข้ากับคอนโทรลเลอร์ CMOS แบบมาตรฐาน ทำให้สามารถเขียน/ลบข้อมูลได้ในเวลาเพียง 20 นาโนวินาที เก็บข้อมูลได้นานถึง 10 ปี และทนต่อการเขียนซ้ำได้มากกว่า 100,000 ครั้ง โดยใช้พลังงานเพียง 0.644 พิโคจูลต่อบิต ซึ่งต่ำกว่าชิปแฟลชทั่วไปอย่างมาก ทีมวิจัยยังรายงานว่า yield ของการผลิตเต็มชิปอยู่ที่ 94.34% ซึ่งใกล้เคียงกับระดับการผลิตเชิงพาณิชย์ และถือเป็นก้าวสำคัญในการนำวัสดุ 2D เข้าสู่การใช้งานจริงในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เพื่อให้วัสดุ 2D สามารถฝังลงบนพื้นผิวซิลิคอนได้โดยไม่เสียหาย ทีมงานได้พัฒนาเทคนิคการยึดเกาะแบบ conformal adhesion ที่ช่วยให้วัสดุสามารถ “ไหล” ไปตามพื้นผิวที่ไม่เรียบของซิลิคอนได้อย่างนุ่มนวล พร้อมระบบบรรจุภัณฑ์ที่ป้องกันความร้อนและไฟฟ้าสถิต นอกจากนี้ยังมีการออกแบบระบบ cross-platform interface ที่ช่วยให้ชั้น 2D สามารถสื่อสารกับตรรกะ CMOS ได้อย่างไร้รอยต่อ รองรับการทำงานแบบ instruction-driven, 32-bit parallelism และ random access ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ นักวิจัย Fudan สร้างชิปหน่วยความจำจากวัสดุ 2D บนซิลิคอนสำเร็จ ➡️ ใช้กระบวนการ ATOM2CHIP เพื่อฝัง MoS₂ บน CMOS 0.13μm ➡️ ชิปไฮบริดรวม NOR flash 2D กับคอนโทรลเลอร์ CMOS ➡️ เขียน/ลบข้อมูลได้ใน 20 นาโนวินาที ➡️ เก็บข้อมูลได้นาน 10 ปี และเขียนซ้ำได้มากกว่า 100,000 ครั้ง ➡️ ใช้พลังงานเพียง 0.644 พิโคจูลต่อบิต ➡️ Yield การผลิตเต็มชิปอยู่ที่ 94.34% ➡️ ใช้เทคนิค conformal adhesion เพื่อฝังวัสดุ 2D บนพื้นผิวซิลิคอน ➡️ มีระบบบรรจุภัณฑ์ป้องกันความร้อนและไฟฟ้าสถิต ➡️ ออกแบบ cross-platform interface เพื่อเชื่อมต่อกับ CMOS logic ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ วัสดุ 2D เช่น MoS₂ มีคุณสมบัติทางไฟฟ้าและความบางระดับอะตอม ➡️ NOR flash เป็นหน่วยความจำที่ใช้ในงานที่ต้องการความเร็วสูงและความทนทาน ➡️ Yield สูงกว่า 90% ถือว่าใกล้เคียงกับระดับการผลิตเชิงพาณิชย์ ➡️ การใช้ conformal adhesion ช่วยลดความเสียหายจากพื้นผิวที่ไม่เรียบ ➡️ การเชื่อมต่อกับ CMOS logic เป็นกุญแจสำคัญในการนำวัสดุ 2D ไปใช้งานจริง https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/researchers-achieve-breakthrough-integration-of-2d-materials-on-silicon-chips
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Researchers achieve breakthrough integration of 2D materials on standard silicon chips
    Researchers at Fudan University have created a working memory chip just a few atoms thick.
    0 Comments 0 Shares 147 Views 0 Reviews
  • “HydroHaptics: เทคโนโลยีสัมผัสใหม่จากมหาวิทยาลัย Bath ที่จะเปลี่ยนเมาส์และจอยสติ๊กให้ ‘บีบ-บิด-บังคับ’ ได้เหมือนของจริง”

    ทีมนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัย Bath ร่วมกับมหาวิทยาลัย Bristol และ Eindhoven ได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ชื่อว่า “HydroHaptics” ซึ่งเป็นระบบอินพุตแบบสัมผัสที่สามารถตอบสนองแบบสองทาง (bi-directional) ผ่านพื้นผิวซิลิโคนที่ยืดหยุ่นและบิดงอได้

    HydroHaptics ใช้โดมซิลิโคนที่บรรจุของเหลวและมอเตอร์ขนาดเล็กภายใน เพื่อให้ผู้ใช้สามารถ “บีบ บิด แตะ หรือบังคับ” ได้เหมือนกับวัตถุจริง และในขณะเดียวกันก็สามารถรับแรงสะท้อนกลับ (haptic feedback) จากระบบได้แบบเรียลไทม์ โดยไม่สูญเสียความนุ่มหรือความยืดหยุ่นของพื้นผิว

    เทคโนโลยีนี้ถูกนำเสนอครั้งแรกในงานประชุม ACM Symposium on User Interface Software and Technology และได้รับรางวัลชมเชยจากคณะกรรมการ โดยมีการสาธิตการใช้งานใน 4 รูปแบบ ได้แก่ เมาส์, จอยสติ๊ก, สายสะพายกระเป๋า, และหมอนควบคุมสมาร์ตโฮม

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    HydroHaptics เป็นเทคโนโลยีอินพุตแบบสัมผัสที่ตอบสนองสองทาง
    ใช้โดมซิลิโคนที่บรรจุของเหลวและมอเตอร์ขนาดเล็ก
    ผู้ใช้สามารถบีบ บิด แตะ หรือกดเพื่อควบคุมอุปกรณ์
    ระบบสามารถส่งแรงสะท้อนกลับผ่านพื้นผิวที่ยืดหยุ่นได้
    ได้รับรางวัลชมเชยจากงาน ACM UIST
    มีการสาธิตใน 4 รูปแบบ: เมาส์, จอยสติ๊ก, สายสะพายกระเป๋า, หมอนควบคุมสมาร์ตโฮม
    เมาส์สามารถใช้ปั้นวัตถุดิจิทัลพร้อมแรงสะท้อนจำลองความแข็ง
    จอยสติ๊กสามารถจำลองแรงต้าน แรงกระแทก และแรงดึง
    สายสะพายกระเป๋าสามารถส่งแรงแตะเพื่อแจ้งเตือนการนำทาง
    หมอนสามารถใช้ควบคุมอุปกรณ์สมาร์ตโฮม เช่น แสงไฟหรือทีวี

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    เทคโนโลยี GAI (Gate-All-Around) แบบสัมผัสเริ่มถูกใช้ในอุปกรณ์สวมใส่และ VR
    การตอบสนองแบบสัมผัสช่วยเพิ่ม immersion ในเกมและการออกแบบ 3D
    โดมซิลิโคนที่บรรจุของเหลวสามารถปรับแรงต้านได้ตามแรงดัน
    การใช้มอเตอร์ขนาดเล็กช่วยให้ระบบมีความละเอียดสูงและตอบสนองเร็ว
    เทคโนโลยีนี้อาจนำไปใช้ในอุปกรณ์ฟื้นฟูสมรรถภาพหรือการแพทย์

    https://www.tomshardware.com/peripherals/controllers-gamepads/new-hydrohaptic-technology-could-have-you-squeezing-pinching-and-twisting-a-pliable-mouse-or-joystick
    🖱️ “HydroHaptics: เทคโนโลยีสัมผัสใหม่จากมหาวิทยาลัย Bath ที่จะเปลี่ยนเมาส์และจอยสติ๊กให้ ‘บีบ-บิด-บังคับ’ ได้เหมือนของจริง” ทีมนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัย Bath ร่วมกับมหาวิทยาลัย Bristol และ Eindhoven ได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ชื่อว่า “HydroHaptics” ซึ่งเป็นระบบอินพุตแบบสัมผัสที่สามารถตอบสนองแบบสองทาง (bi-directional) ผ่านพื้นผิวซิลิโคนที่ยืดหยุ่นและบิดงอได้ HydroHaptics ใช้โดมซิลิโคนที่บรรจุของเหลวและมอเตอร์ขนาดเล็กภายใน เพื่อให้ผู้ใช้สามารถ “บีบ บิด แตะ หรือบังคับ” ได้เหมือนกับวัตถุจริง และในขณะเดียวกันก็สามารถรับแรงสะท้อนกลับ (haptic feedback) จากระบบได้แบบเรียลไทม์ โดยไม่สูญเสียความนุ่มหรือความยืดหยุ่นของพื้นผิว เทคโนโลยีนี้ถูกนำเสนอครั้งแรกในงานประชุม ACM Symposium on User Interface Software and Technology และได้รับรางวัลชมเชยจากคณะกรรมการ โดยมีการสาธิตการใช้งานใน 4 รูปแบบ ได้แก่ เมาส์, จอยสติ๊ก, สายสะพายกระเป๋า, และหมอนควบคุมสมาร์ตโฮม ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ HydroHaptics เป็นเทคโนโลยีอินพุตแบบสัมผัสที่ตอบสนองสองทาง ➡️ ใช้โดมซิลิโคนที่บรรจุของเหลวและมอเตอร์ขนาดเล็ก ➡️ ผู้ใช้สามารถบีบ บิด แตะ หรือกดเพื่อควบคุมอุปกรณ์ ➡️ ระบบสามารถส่งแรงสะท้อนกลับผ่านพื้นผิวที่ยืดหยุ่นได้ ➡️ ได้รับรางวัลชมเชยจากงาน ACM UIST ➡️ มีการสาธิตใน 4 รูปแบบ: เมาส์, จอยสติ๊ก, สายสะพายกระเป๋า, หมอนควบคุมสมาร์ตโฮม ➡️ เมาส์สามารถใช้ปั้นวัตถุดิจิทัลพร้อมแรงสะท้อนจำลองความแข็ง ➡️ จอยสติ๊กสามารถจำลองแรงต้าน แรงกระแทก และแรงดึง ➡️ สายสะพายกระเป๋าสามารถส่งแรงแตะเพื่อแจ้งเตือนการนำทาง ➡️ หมอนสามารถใช้ควบคุมอุปกรณ์สมาร์ตโฮม เช่น แสงไฟหรือทีวี ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ เทคโนโลยี GAI (Gate-All-Around) แบบสัมผัสเริ่มถูกใช้ในอุปกรณ์สวมใส่และ VR ➡️ การตอบสนองแบบสัมผัสช่วยเพิ่ม immersion ในเกมและการออกแบบ 3D ➡️ โดมซิลิโคนที่บรรจุของเหลวสามารถปรับแรงต้านได้ตามแรงดัน ➡️ การใช้มอเตอร์ขนาดเล็กช่วยให้ระบบมีความละเอียดสูงและตอบสนองเร็ว ➡️ เทคโนโลยีนี้อาจนำไปใช้ในอุปกรณ์ฟื้นฟูสมรรถภาพหรือการแพทย์ https://www.tomshardware.com/peripherals/controllers-gamepads/new-hydrohaptic-technology-could-have-you-squeezing-pinching-and-twisting-a-pliable-mouse-or-joystick
    0 Comments 0 Shares 167 Views 0 Reviews
  • “รมว.อว.” เดินหน้าปฏิรูปใน 4 เดือน สั่งเร่งสอบ-สางปัญหาทุจริตในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ เน้นความโปร่งใส ตรวจสอบได้ กำชับทุกกรณีต้องมีกรอบเวลาชัดเจน พร้อมลุยเอาผิดผู้แอบอ้างโครงการ อว. ยันไม่ปล่อยปัญหาทุจริตบั่นทอนความเชื่อมั่นการศึกษาไทย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000097493

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    “รมว.อว.” เดินหน้าปฏิรูปใน 4 เดือน สั่งเร่งสอบ-สางปัญหาทุจริตในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ เน้นความโปร่งใส ตรวจสอบได้ กำชับทุกกรณีต้องมีกรอบเวลาชัดเจน พร้อมลุยเอาผิดผู้แอบอ้างโครงการ อว. ยันไม่ปล่อยปัญหาทุจริตบั่นทอนความเชื่อมั่นการศึกษาไทย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000097493 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 485 Views 0 Reviews
  • “เพชรเทียมกำลังเปลี่ยนโลกของชิปคอมพิวเตอร์ — เย็นกว่า เร็วกว่า และอาจเป็นอนาคตของ AI”

    ในยุคที่ AI และการประมวลผลขั้นสูงต้องการพลังงานมหาศาล ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลทั่วโลกเผยว่า “มากกว่าครึ่งของพลังงานที่ใช้ในชิปสูญเสียไปในรูปของความร้อน” ซึ่งไม่เพียงทำให้ชิปทำงานช้าลง แต่ยังลดอายุการใช้งานและเพิ่มต้นทุนการระบายความร้อนอย่างมหาศาล

    บริษัท Diamond Foundry และ Element Six (ในเครือ De Beers) กำลังพัฒนา “แผ่นเพชรเทียม” สำหรับติดตั้งบนชิปโดยตรง เพื่อช่วยระบายความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเพชรมีคุณสมบัติการนำความร้อนสูงกว่าทองแดงถึงหลายเท่า เพราะโครงสร้างอะตอมของคาร์บอนที่เชื่อมกันแน่นหนาในทุกทิศทาง

    Diamond Foundry ใช้พลาสมาคาร์บอนร้อนจัดเพื่อสร้างผลึกเพชรขนาด 4 นิ้ว แล้วขัดให้เรียบระดับอะตอม ก่อนนำไปติดด้านหลังของเวเฟอร์ซิลิคอน ซึ่งช่วยกำจัดจุดร้อนในชิปได้เกือบหมด Element Six ก็พัฒนา “วัสดุผสมเพชร-ทองแดง” ที่มีต้นทุนต่ำกว่าเพชรบริสุทธิ์ แต่ยังคงประสิทธิภาพในการระบายความร้อนสูง

    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Stanford ยังทดลองใช้เพชรในการวางทรานซิสเตอร์แบบซ้อนชั้น ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วของชิปโดยไม่ทำให้เกิดความร้อนสะสมมากเกินไป แม้จะยังมีข้อจำกัดด้านอุณหภูมิในการผลิต แต่หากแก้ไขได้สำเร็จ เทคโนโลยีนี้อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของชิปในยุค AI

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    มากกว่าครึ่งของพลังงานในชิปสูญเสียไปเป็นความร้อนจากการรั่วไหลของกระแส
    Diamond Foundry และ Element Six พัฒนาแผ่นเพชรเทียมสำหรับติดตั้งบนชิป
    เพชรมีคุณสมบัติการนำความร้อนสูงกว่าทองแดงหลายเท่า
    Diamond Foundry ใช้พลาสมาคาร์บอนสร้างผลึกเพชรขนาด 4 นิ้ว
    แผ่นเพชรถูกขัดเรียบระดับอะตอมก่อนติดตั้งบนเวเฟอร์ซิลิคอน
    Element Six พัฒนาเพชร-ทองแดงผสมเพื่อระบายความร้อนในชิป AI
    นักวิจัยจาก Stanford ทดลองใช้เพชรในการวางทรานซิสเตอร์แบบซ้อนชั้น
    เพชรช่วยลดความร้อนสะสมในชิปและยืดอายุการใช้งาน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    การระบายความร้อนคือปัจจัยสำคัญในการออกแบบชิปยุคใหม่
    การใช้เพชรในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เริ่มมีในอุปกรณ์ระดับสูง เช่น ดาวเทียมและเรดาร์
    การนำเพชรมาใช้ในชิปมือถือและ PC อาจเกิดขึ้นภายในไม่กี่ปี
    การผลิตเพชรเทียมต้องควบคุมอุณหภูมิและโครงสร้างผลึกอย่างแม่นยำ
    DARPA สนับสนุนงานวิจัยด้านการใช้เพชรในชิปเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของ AI

    คำเตือนและข้อจำกัด
    การผลิตแผ่นเพชรเทียมคุณภาพสูงยังมีต้นทุนสูง
    การติดตั้งเพชรบนซิลิคอนต้องควบคุมอุณหภูมิอย่างเข้มงวด
    เพชรที่มีโครงสร้างผลึกหลายทิศทางอาจไม่ระบายความร้อนในแนวราบได้ดี
    การผลิตที่อุณหภูมิต่ำอาจทำให้ผลึกเพชรไม่สมบูรณ์
    เทคโนโลยีนี้ยังไม่ถูกพิสูจน์ในเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/10/why-diamonds-are-a-computer-chips-new-best-friend
    💎 “เพชรเทียมกำลังเปลี่ยนโลกของชิปคอมพิวเตอร์ — เย็นกว่า เร็วกว่า และอาจเป็นอนาคตของ AI” ในยุคที่ AI และการประมวลผลขั้นสูงต้องการพลังงานมหาศาล ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลทั่วโลกเผยว่า “มากกว่าครึ่งของพลังงานที่ใช้ในชิปสูญเสียไปในรูปของความร้อน” ซึ่งไม่เพียงทำให้ชิปทำงานช้าลง แต่ยังลดอายุการใช้งานและเพิ่มต้นทุนการระบายความร้อนอย่างมหาศาล บริษัท Diamond Foundry และ Element Six (ในเครือ De Beers) กำลังพัฒนา “แผ่นเพชรเทียม” สำหรับติดตั้งบนชิปโดยตรง เพื่อช่วยระบายความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเพชรมีคุณสมบัติการนำความร้อนสูงกว่าทองแดงถึงหลายเท่า เพราะโครงสร้างอะตอมของคาร์บอนที่เชื่อมกันแน่นหนาในทุกทิศทาง Diamond Foundry ใช้พลาสมาคาร์บอนร้อนจัดเพื่อสร้างผลึกเพชรขนาด 4 นิ้ว แล้วขัดให้เรียบระดับอะตอม ก่อนนำไปติดด้านหลังของเวเฟอร์ซิลิคอน ซึ่งช่วยกำจัดจุดร้อนในชิปได้เกือบหมด Element Six ก็พัฒนา “วัสดุผสมเพชร-ทองแดง” ที่มีต้นทุนต่ำกว่าเพชรบริสุทธิ์ แต่ยังคงประสิทธิภาพในการระบายความร้อนสูง นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Stanford ยังทดลองใช้เพชรในการวางทรานซิสเตอร์แบบซ้อนชั้น ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วของชิปโดยไม่ทำให้เกิดความร้อนสะสมมากเกินไป แม้จะยังมีข้อจำกัดด้านอุณหภูมิในการผลิต แต่หากแก้ไขได้สำเร็จ เทคโนโลยีนี้อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของชิปในยุค AI ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ มากกว่าครึ่งของพลังงานในชิปสูญเสียไปเป็นความร้อนจากการรั่วไหลของกระแส ➡️ Diamond Foundry และ Element Six พัฒนาแผ่นเพชรเทียมสำหรับติดตั้งบนชิป ➡️ เพชรมีคุณสมบัติการนำความร้อนสูงกว่าทองแดงหลายเท่า ➡️ Diamond Foundry ใช้พลาสมาคาร์บอนสร้างผลึกเพชรขนาด 4 นิ้ว ➡️ แผ่นเพชรถูกขัดเรียบระดับอะตอมก่อนติดตั้งบนเวเฟอร์ซิลิคอน ➡️ Element Six พัฒนาเพชร-ทองแดงผสมเพื่อระบายความร้อนในชิป AI ➡️ นักวิจัยจาก Stanford ทดลองใช้เพชรในการวางทรานซิสเตอร์แบบซ้อนชั้น ➡️ เพชรช่วยลดความร้อนสะสมในชิปและยืดอายุการใช้งาน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ การระบายความร้อนคือปัจจัยสำคัญในการออกแบบชิปยุคใหม่ ➡️ การใช้เพชรในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เริ่มมีในอุปกรณ์ระดับสูง เช่น ดาวเทียมและเรดาร์ ➡️ การนำเพชรมาใช้ในชิปมือถือและ PC อาจเกิดขึ้นภายในไม่กี่ปี ➡️ การผลิตเพชรเทียมต้องควบคุมอุณหภูมิและโครงสร้างผลึกอย่างแม่นยำ ➡️ DARPA สนับสนุนงานวิจัยด้านการใช้เพชรในชิปเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของ AI ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ การผลิตแผ่นเพชรเทียมคุณภาพสูงยังมีต้นทุนสูง ⛔ การติดตั้งเพชรบนซิลิคอนต้องควบคุมอุณหภูมิอย่างเข้มงวด ⛔ เพชรที่มีโครงสร้างผลึกหลายทิศทางอาจไม่ระบายความร้อนในแนวราบได้ดี ⛔ การผลิตที่อุณหภูมิต่ำอาจทำให้ผลึกเพชรไม่สมบูรณ์ ⛔ เทคโนโลยีนี้ยังไม่ถูกพิสูจน์ในเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/10/why-diamonds-are-a-computer-chips-new-best-friend
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Why diamonds are a computer chip's new best friend
    Data centres squander vast amounts of electricity, most of it as heat. The physical properties of diamond offer a potential solution, researchers say.
    0 Comments 0 Shares 144 Views 0 Reviews
  • “NTT สร้างชิปแสงอัจฉริยะตัวแรกของโลก — เปลี่ยนคลื่นแสงให้กลายเป็นเครื่องมือคำนวณที่ปรับเปลี่ยนได้ทันที”

    NTT Research ร่วมกับมหาวิทยาลัย Cornell และ Stanford ได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ที่อาจเปลี่ยนโฉมวงการออปติกและควอนตัมคอมพิวติ้งไปตลอดกาล — ชิปแสงแบบ nonlinear photonics ที่สามารถ “โปรแกรม” ฟังก์ชันได้แบบเรียลไทม์บนชิปเดียว โดยไม่ต้องผลิตอุปกรณ์ใหม่สำหรับแต่ละฟังก์ชันอีกต่อไป

    เทคโนโลยีนี้ใช้แกนกลางเป็นวัสดุ silicon nitride ที่สามารถปรับเปลี่ยนคุณสมบัติไม่เชิงเส้น (nonlinearity) ได้ด้วยการฉายแสงแบบมีโครงสร้าง (structured light) ลงบนชิป ซึ่งจะสร้างรูปแบบการตอบสนองของแสงที่แตกต่างกันไปตามลวดลายของแสงที่ฉาย ทำให้ชิปเดียวสามารถทำงานได้หลากหลาย เช่น สร้างคลื่นแสงแบบกำหนดเอง, สร้างฮาร์มอนิกที่ปรับได้, สร้างแสง holographic และออกแบบฟังก์ชันแบบย้อนกลับ (inverse design) ได้ทันที

    งานวิจัยนี้ตีพิมพ์ในวารสาร Nature เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2025 และจะตีพิมพ์ฉบับพิมพ์ในเดือนพฤศจิกายน โดยนักวิจัย Ryotatsu Yanagimoto จาก NTT Research เป็นผู้นำทีมภายใต้การดูแลของศาสตราจารย์ Peter McMahon จาก Cornell

    ผลลัพธ์ของงานนี้คือการ “ทำลายกรอบเดิม” ที่อุปกรณ์แสงหนึ่งตัวทำได้เพียงหนึ่งฟังก์ชัน ซึ่งเคยเป็นข้อจำกัดใหญ่ของวงการ photonics โดยเฉพาะในงานที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง เช่น การสื่อสารด้วยแสง, คอมพิวเตอร์ควอนตัม, การสร้างแหล่งกำเนิดแสงที่ปรับได้ และการวิเคราะห์คลื่นแสงในงานวิทยาศาสตร์

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    NTT Research ร่วมกับ Cornell และ Stanford พัฒนาชิป nonlinear photonics ที่โปรแกรมได้
    ใช้ structured light เพื่อปรับเปลี่ยนคุณสมบัติไม่เชิงเส้นของวัสดุ silicon nitride
    ชิปสามารถทำงานได้หลายฟังก์ชัน เช่น pulse shaping, second-harmonic generation, holography
    งานวิจัยตีพิมพ์ในวารสาร Nature เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2025
    นำโดยนักวิจัย Ryotatsu Yanagimoto ภายใต้การดูแลของศาสตราจารย์ Peter McMahon
    ชิปสามารถปรับฟังก์ชันแบบเรียลไทม์และทนต่อข้อผิดพลาดจากการผลิต
    เปลี่ยนแนวคิด “one device, one function” เป็น “one chip, many functions”
    มีศักยภาพในการใช้งานใน quantum computing, optical communication, sensing และ imaging

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ตลาด photonic-integrated circuits คาดว่าจะมีมูลค่ากว่า $50 พันล้านภายในปี 2035
    structured light ถูกใช้ในงาน imaging, holography และการควบคุมแสงในระดับนาโน
    inverse design คือการออกแบบฟังก์ชันโดยเริ่มจากผลลัพธ์ที่ต้องการ แล้วหาวิธีสร้าง
    quantum frequency conversion เป็นเทคนิคสำคัญในการเชื่อมโยงระบบควอนตัมต่างชนิด
    photonics เป็นเทคโนโลยีหลักในการลดพลังงานและเพิ่มความเร็วของการประมวลผล

    https://www.techpowerup.com/341717/ntt-research-collaboration-breaks-the-one-device-one-function-paradigm-with-worlds-first-programmable-nonlinear-photonics-chip
    💡 “NTT สร้างชิปแสงอัจฉริยะตัวแรกของโลก — เปลี่ยนคลื่นแสงให้กลายเป็นเครื่องมือคำนวณที่ปรับเปลี่ยนได้ทันที” NTT Research ร่วมกับมหาวิทยาลัย Cornell และ Stanford ได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ที่อาจเปลี่ยนโฉมวงการออปติกและควอนตัมคอมพิวติ้งไปตลอดกาล — ชิปแสงแบบ nonlinear photonics ที่สามารถ “โปรแกรม” ฟังก์ชันได้แบบเรียลไทม์บนชิปเดียว โดยไม่ต้องผลิตอุปกรณ์ใหม่สำหรับแต่ละฟังก์ชันอีกต่อไป เทคโนโลยีนี้ใช้แกนกลางเป็นวัสดุ silicon nitride ที่สามารถปรับเปลี่ยนคุณสมบัติไม่เชิงเส้น (nonlinearity) ได้ด้วยการฉายแสงแบบมีโครงสร้าง (structured light) ลงบนชิป ซึ่งจะสร้างรูปแบบการตอบสนองของแสงที่แตกต่างกันไปตามลวดลายของแสงที่ฉาย ทำให้ชิปเดียวสามารถทำงานได้หลากหลาย เช่น สร้างคลื่นแสงแบบกำหนดเอง, สร้างฮาร์มอนิกที่ปรับได้, สร้างแสง holographic และออกแบบฟังก์ชันแบบย้อนกลับ (inverse design) ได้ทันที งานวิจัยนี้ตีพิมพ์ในวารสาร Nature เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2025 และจะตีพิมพ์ฉบับพิมพ์ในเดือนพฤศจิกายน โดยนักวิจัย Ryotatsu Yanagimoto จาก NTT Research เป็นผู้นำทีมภายใต้การดูแลของศาสตราจารย์ Peter McMahon จาก Cornell ผลลัพธ์ของงานนี้คือการ “ทำลายกรอบเดิม” ที่อุปกรณ์แสงหนึ่งตัวทำได้เพียงหนึ่งฟังก์ชัน ซึ่งเคยเป็นข้อจำกัดใหญ่ของวงการ photonics โดยเฉพาะในงานที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง เช่น การสื่อสารด้วยแสง, คอมพิวเตอร์ควอนตัม, การสร้างแหล่งกำเนิดแสงที่ปรับได้ และการวิเคราะห์คลื่นแสงในงานวิทยาศาสตร์ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ NTT Research ร่วมกับ Cornell และ Stanford พัฒนาชิป nonlinear photonics ที่โปรแกรมได้ ➡️ ใช้ structured light เพื่อปรับเปลี่ยนคุณสมบัติไม่เชิงเส้นของวัสดุ silicon nitride ➡️ ชิปสามารถทำงานได้หลายฟังก์ชัน เช่น pulse shaping, second-harmonic generation, holography ➡️ งานวิจัยตีพิมพ์ในวารสาร Nature เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2025 ➡️ นำโดยนักวิจัย Ryotatsu Yanagimoto ภายใต้การดูแลของศาสตราจารย์ Peter McMahon ➡️ ชิปสามารถปรับฟังก์ชันแบบเรียลไทม์และทนต่อข้อผิดพลาดจากการผลิต ➡️ เปลี่ยนแนวคิด “one device, one function” เป็น “one chip, many functions” ➡️ มีศักยภาพในการใช้งานใน quantum computing, optical communication, sensing และ imaging ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ตลาด photonic-integrated circuits คาดว่าจะมีมูลค่ากว่า $50 พันล้านภายในปี 2035 ➡️ structured light ถูกใช้ในงาน imaging, holography และการควบคุมแสงในระดับนาโน ➡️ inverse design คือการออกแบบฟังก์ชันโดยเริ่มจากผลลัพธ์ที่ต้องการ แล้วหาวิธีสร้าง ➡️ quantum frequency conversion เป็นเทคนิคสำคัญในการเชื่อมโยงระบบควอนตัมต่างชนิด ➡️ photonics เป็นเทคโนโลยีหลักในการลดพลังงานและเพิ่มความเร็วของการประมวลผล https://www.techpowerup.com/341717/ntt-research-collaboration-breaks-the-one-device-one-function-paradigm-with-worlds-first-programmable-nonlinear-photonics-chip
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    NTT Research Collaboration Breaks the "One Device, One Function" Paradigm with World's First Programmable Nonlinear Photonics Chip
    NTT Research, Inc., a division of NTT, announced that its Physics and Informatics (PHI) Lab, working with Cornell University and Stanford University, has developed the world's first programmable nonlinear photonic waveguide that can switch between multiple nonlinear-optical functions on a single chi...
    0 Comments 0 Shares 220 Views 0 Reviews
  • เหยื่อติดคอ ตอนที่ 3
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ”
    ตอนที่ 3

    แล้ว Shah ก็อยู่ในอำนาจนานถึง 25 ปี ในฐานะหุ่นเชิดราคาแพงของอเมริกานักล่าหน้าใหม่ ที่แสดงวิธีการล่าเหยื่ออย่างเด็ดดวง ชนิดนักล่ารุ่นเก่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย ต้องจำใจคายเหยื่อให้ครึ่งตัว ศักดิ์ศรีของนักล่าชาวเกาะฯหมองหม่นไปจมหู

    CIA รับหน้าที่ดูแลด้านความมั่นคงภายในให้แก่ Shah โดยตั้งหน่วยงานชื่อ SAVAK ขึ้นมาใหม่ แน่นอน หน่วยงานนี่อยู่ในความดูแลของ Col. Schwazkopt เจ้าพ่อ CIA คนเดิม อเมริกาป้อนกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ให้ Shah อย่างไม่อั้น เงินจำนวน 68 ล้านเหรียญ ส่งให้ Shah วันขึ้นครองบัลลังก์เป็นการปลอบใจ ที่อิหร่านขาดรายได้ในช่วงที่ถูกอังกฤษคว่ำบาตร หลังจากนั้นก็ให้เงินกู้จำนวน 300 ล้านเหรียญ สำหรับฟื้นฟูเศรษฐกิจ และอีก 600 ล้านเหรียญ สำหรับสร้างกองทัพก็ตามมา นับเป็นเหยื่อที่อเมริกาลงทุนสูง สมันน้อยอย่าเอาตัวเองไปเทียบเลยนะ เดี๋ยวจะน้อยใจ ลมใส่กันเป็นแถวๆ

    หลังจากการปฏิวัติในปี ค.ศ.1953 แม้ Shah จะเป็นผู้ครองบัลลังก์ แต่ผู้บริหารประเทศอิหร่านจริงๆ ดูเหมือนจะเป็นบริษัทน้ำมันของอเมริกา อิหร่านยังต้องพึ่งอเมริกาทางด้านเทคนิคการผลิต กลไกการตลาดทุกอย่าง ถึงกับมีสื่อประชดว่า “Ownership Without Control”

    ค.ศ.1963 ภายใต้การชักใยของอเมริกา ซึ่งส่งที่ปรึกษา นักวิชาการเข้ามาล้นแทบขี่คอกันอยู่ในอิหร่าน อิหร่านก็เริ่มทำการปฏิรูปเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมตามที่อเมริกาสั่ง นโยบายที่เขียนโดยบรรดาอาจารย์จากมหาวิทยาลัย Harvard จัดมามาให้ เรียกว่า “White Revolution” ซึ่งมีเป้าหมายให้อิหร่านกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรม อเมริกาบอกเป็นการสร้างโอกาสให้ชนชั้นกลาง สร้างงานให้ชนชั้นแรงงานไงล่ะ แล้วทุนต่างชาติก็หลั่งไหลเข้ามาในอิหร่าน สังคมอิหร่านกลายเป็นสังคมศิวิไลซ์ตามความคิดของอเมริกา ต่างกันไหมกับเหยื่อชื่อไทยแลนด์แดนสมันน้อย

    White Revolution บอกว่าต้องปฏิรูปที่ดิน บังคับให้เจ้าของที่ดินขายคืนให้รัฐ เพื่อให้รัฐนำไปจัดสรรใหม่ ส่วนหนึ่งเอาไปทำเป็นพื้นที่อุตสาหรรรมเพิ่มเติม อีกส่วนหนึ่งจัดสรรให้ชาวไร่ชาวนา เจ้าของที่ดินส่วนใหญ่เป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ให้ชาวบ้านเช่าที่ดินและใช้ทำกิน เงินที่ได้จากการให้เช่าที่ดินก็ส่งไปสนับสนุนกิจกรรมทางศาสนา การยึดที่ดินทั้งหมดไปจากพวกเขา เปลี่ยนวัฒนธรรมประเพณีที่สนับสนุนศาสนาอิสลามที่ดำเนินกันมาเป็นเวลานาน ตามนโยบายของ White Revolution รายการนี้ ดูเหมือนจะไปสะดุดตอใหญ่ ที่รอเวลาการงอกมาขวางทางเดินของ Shah

    อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ของอิหร่านงอกงาม ขยายตัว แต่ส่วนใหญ่เป็นการผลิตสินค้าที่เป็นเครื่องอุปโภคบริโภคที่อำนวยความสะดวก เช่น รถยนต์ ในขณะที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ของอิหร่านยังอาศัยอยู่ในเรือนไม้เล็กๆ ชาวเมืองอิหร่านเองก็เริ่มเสพติด “ของนอก” การนำเข้าสินค้าของอิหร่านกระ โดดจาก 400 ล้านเหรียญในปี ค.ศ.1958-1959 เป็น 18.4 พันล้านเหรียญ ในปี ค.ศ.1975-1976 สื่ออังกฤษได้โอกาสเสียดสี “อิหร่านได้แปรสภาพเป็นตะวันตกอย่างผิดที่ผิดทาง มีแต่โรงงานผลิตน้ำอัดลม Pepsi, Coke และ Canada Dry โผล่ขึ้นทั่วไปหมด ในขณะที่ชาวบ้านในเขตยากจนยังดื่มน้ำจากก็อกน้ำหัวถนน ซึ่งอยู่ข้างๆกองขยะ สนามบินเตหะรานหรูหราที่สุดในตะวันออกกลาง แต่ถนนหนทางดูเหมือนจะยังไม่พร้อมจะเชื่อมโยง โรงแรม Hilton ของอเมริกันสูงลิบกำลังสร้างอยู่ แต่ชาวอิหร่านอีกมากมายยังอาศัยนอนอยู่ตามถนน”
    อเมริกาหนุนให้ Shah ทำหน้าที่ตำรวจเฝ้ายามประจำอ่าวเปอร์เซีย คอยกันไม่ให้สหภาพโซเวียตแหลมเข้ามาตามเขตแดนด้านใต้ของสหภาพโซเวียต อเมริกาเริ่มวางแผนด้านกองทัพให้อิหร่าน ตั้งแต่ ค.ศ.1940 กว่า แต่หลังการปฏิวัติ ค.ศ.1953 อเมริกาเหมือนเป็นผู้นำกองทัพของอิหร่านเสียเอง ในปี ค.ศ.1954 มีหน่วยงานด้านกองทัพของอเมริกา 3 หน่วยงานคอยดูแลกำกับกองทัพอิหร่าน ให้ทั้งการฝึกทางอากาศ ทางทะเล และด้วยอาวุธที่นำเข้าจากต่างประเทศ

    ในช่วง ค.ศ.1970 กว่า อิหร่านขึ้นตำแหน่งเป็นลูกรักของอเมริกาในตะวันออกกลาง แน่นอน คงสร้างความขมให้แก่ซาอุดิอารเบียไม่น้อย ประธานาธิบดี Nixon บอกว่า เรากำลังปวดหัวกับเรื่องเวียตนาม ระหว่างนี้เรื่องทางตะวันออกกลางเราขอให้ท่าน พร้อมกับซาอุดิอารเบียและอิสราเอล ถือบังเหียนไปก่อนนะ

    เพื่อให้สมกับเป็นผู้นำตะวันออกกลาง ที่ได้รับความไว้วางใจจากอเมริกา ในปี ค.ศ.1975 อิหร่านใช้เงิน 35 พันล้านเหรียญ (จากรายได้น้ำมัน 62 พันล้านเหรียญ) เพื่อลงทุนสร้างกองทัพอิหร่านให้แข็งแกร่ง ในช่วงนั้นมีที่ปรึกษาด้านการทหารของอเมริกาอยู่ในอิหร่านประมาณ 8,000 คน

    Shah มองตัวเองในกระจก เข้าใจว่าหลังจากได้อาหารดี ร่างกายแข็งแรงพอที่แหกกรงเหยื่อเป็นอิสระจากอเมริกา เขาเริ่มเปลี่ยนนโยบายการต่างประเทศของอิหร่าน มุ่งหน้าไปสู่การเป็นผู้นำของตะวันออกกลาง ตัวจริงไม่ใช่ตัวแทน เขาเร่งสร้างกองทัพให้ใหญ่ขึ้น แข็งแกร่งขึ้น อเมริกาเริ่มคิ้วขมวดมองดู

    Shah มองตัวเองในกระจก เห็นแต่ภาพที่ตัวเองอยากเห็น แต่ไม่เห็นภาพที่ตัวเองเป็น เหยื่อ มักไม่รู้ตัวว่าตกเป็นเหยื่อ เมื่อ Shah เริ่มเบ่งกล้ามใส่อเมริกา อนาคตของ Shah ก็เริ่มสั้นลง แต่ดูเหมือน Shah จะเดินไปไกลเกินกว่าจะถอยหลัง เขาให้สัมภาษณ์ใน US News and World Magazine เมื่อ ค.ศ.1976 เกี่ยวกับอำนาจและอิทธิพลของอเมริกาในอิหร่านว่า “ถ้าอเมริกาพยายามจะสร้างความรู้สึกที่ไม่เป็นมิตรต่อประเทศเรา เราก็สามารถทำให้อเมริกาเจ็บได้ ไม่น้อยกว่าที่อเมริกาจะทำให้เราเจ็บ ไม่ใช่แค่ในด้านของน้ำมัน เราสามารถสร้างปัญหาให้กับอเมริกาได้ในบริเวณนี้ ถ้าอเมริกาบีบให้เราต้องเปลี่ยนจากการเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ผลสะท้อนมันคงเกินจะประมาณได้” อเมริกาควันออกทุกทวาร ความร้อนขึ้นจนปรอทแทบแตก และชะตาชีวิตของ Shah ก็ถูกตัดสินโดยวอชิงตันเรียบร้อย

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    23 กันยายน 2557
    เหยื่อติดคอ ตอนที่ 3 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ” ตอนที่ 3 แล้ว Shah ก็อยู่ในอำนาจนานถึง 25 ปี ในฐานะหุ่นเชิดราคาแพงของอเมริกานักล่าหน้าใหม่ ที่แสดงวิธีการล่าเหยื่ออย่างเด็ดดวง ชนิดนักล่ารุ่นเก่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย ต้องจำใจคายเหยื่อให้ครึ่งตัว ศักดิ์ศรีของนักล่าชาวเกาะฯหมองหม่นไปจมหู CIA รับหน้าที่ดูแลด้านความมั่นคงภายในให้แก่ Shah โดยตั้งหน่วยงานชื่อ SAVAK ขึ้นมาใหม่ แน่นอน หน่วยงานนี่อยู่ในความดูแลของ Col. Schwazkopt เจ้าพ่อ CIA คนเดิม อเมริกาป้อนกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ให้ Shah อย่างไม่อั้น เงินจำนวน 68 ล้านเหรียญ ส่งให้ Shah วันขึ้นครองบัลลังก์เป็นการปลอบใจ ที่อิหร่านขาดรายได้ในช่วงที่ถูกอังกฤษคว่ำบาตร หลังจากนั้นก็ให้เงินกู้จำนวน 300 ล้านเหรียญ สำหรับฟื้นฟูเศรษฐกิจ และอีก 600 ล้านเหรียญ สำหรับสร้างกองทัพก็ตามมา นับเป็นเหยื่อที่อเมริกาลงทุนสูง สมันน้อยอย่าเอาตัวเองไปเทียบเลยนะ เดี๋ยวจะน้อยใจ ลมใส่กันเป็นแถวๆ หลังจากการปฏิวัติในปี ค.ศ.1953 แม้ Shah จะเป็นผู้ครองบัลลังก์ แต่ผู้บริหารประเทศอิหร่านจริงๆ ดูเหมือนจะเป็นบริษัทน้ำมันของอเมริกา อิหร่านยังต้องพึ่งอเมริกาทางด้านเทคนิคการผลิต กลไกการตลาดทุกอย่าง ถึงกับมีสื่อประชดว่า “Ownership Without Control” ค.ศ.1963 ภายใต้การชักใยของอเมริกา ซึ่งส่งที่ปรึกษา นักวิชาการเข้ามาล้นแทบขี่คอกันอยู่ในอิหร่าน อิหร่านก็เริ่มทำการปฏิรูปเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมตามที่อเมริกาสั่ง นโยบายที่เขียนโดยบรรดาอาจารย์จากมหาวิทยาลัย Harvard จัดมามาให้ เรียกว่า “White Revolution” ซึ่งมีเป้าหมายให้อิหร่านกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรม อเมริกาบอกเป็นการสร้างโอกาสให้ชนชั้นกลาง สร้างงานให้ชนชั้นแรงงานไงล่ะ แล้วทุนต่างชาติก็หลั่งไหลเข้ามาในอิหร่าน สังคมอิหร่านกลายเป็นสังคมศิวิไลซ์ตามความคิดของอเมริกา ต่างกันไหมกับเหยื่อชื่อไทยแลนด์แดนสมันน้อย White Revolution บอกว่าต้องปฏิรูปที่ดิน บังคับให้เจ้าของที่ดินขายคืนให้รัฐ เพื่อให้รัฐนำไปจัดสรรใหม่ ส่วนหนึ่งเอาไปทำเป็นพื้นที่อุตสาหรรรมเพิ่มเติม อีกส่วนหนึ่งจัดสรรให้ชาวไร่ชาวนา เจ้าของที่ดินส่วนใหญ่เป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ให้ชาวบ้านเช่าที่ดินและใช้ทำกิน เงินที่ได้จากการให้เช่าที่ดินก็ส่งไปสนับสนุนกิจกรรมทางศาสนา การยึดที่ดินทั้งหมดไปจากพวกเขา เปลี่ยนวัฒนธรรมประเพณีที่สนับสนุนศาสนาอิสลามที่ดำเนินกันมาเป็นเวลานาน ตามนโยบายของ White Revolution รายการนี้ ดูเหมือนจะไปสะดุดตอใหญ่ ที่รอเวลาการงอกมาขวางทางเดินของ Shah อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ของอิหร่านงอกงาม ขยายตัว แต่ส่วนใหญ่เป็นการผลิตสินค้าที่เป็นเครื่องอุปโภคบริโภคที่อำนวยความสะดวก เช่น รถยนต์ ในขณะที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ของอิหร่านยังอาศัยอยู่ในเรือนไม้เล็กๆ ชาวเมืองอิหร่านเองก็เริ่มเสพติด “ของนอก” การนำเข้าสินค้าของอิหร่านกระ โดดจาก 400 ล้านเหรียญในปี ค.ศ.1958-1959 เป็น 18.4 พันล้านเหรียญ ในปี ค.ศ.1975-1976 สื่ออังกฤษได้โอกาสเสียดสี “อิหร่านได้แปรสภาพเป็นตะวันตกอย่างผิดที่ผิดทาง มีแต่โรงงานผลิตน้ำอัดลม Pepsi, Coke และ Canada Dry โผล่ขึ้นทั่วไปหมด ในขณะที่ชาวบ้านในเขตยากจนยังดื่มน้ำจากก็อกน้ำหัวถนน ซึ่งอยู่ข้างๆกองขยะ สนามบินเตหะรานหรูหราที่สุดในตะวันออกกลาง แต่ถนนหนทางดูเหมือนจะยังไม่พร้อมจะเชื่อมโยง โรงแรม Hilton ของอเมริกันสูงลิบกำลังสร้างอยู่ แต่ชาวอิหร่านอีกมากมายยังอาศัยนอนอยู่ตามถนน” อเมริกาหนุนให้ Shah ทำหน้าที่ตำรวจเฝ้ายามประจำอ่าวเปอร์เซีย คอยกันไม่ให้สหภาพโซเวียตแหลมเข้ามาตามเขตแดนด้านใต้ของสหภาพโซเวียต อเมริกาเริ่มวางแผนด้านกองทัพให้อิหร่าน ตั้งแต่ ค.ศ.1940 กว่า แต่หลังการปฏิวัติ ค.ศ.1953 อเมริกาเหมือนเป็นผู้นำกองทัพของอิหร่านเสียเอง ในปี ค.ศ.1954 มีหน่วยงานด้านกองทัพของอเมริกา 3 หน่วยงานคอยดูแลกำกับกองทัพอิหร่าน ให้ทั้งการฝึกทางอากาศ ทางทะเล และด้วยอาวุธที่นำเข้าจากต่างประเทศ ในช่วง ค.ศ.1970 กว่า อิหร่านขึ้นตำแหน่งเป็นลูกรักของอเมริกาในตะวันออกกลาง แน่นอน คงสร้างความขมให้แก่ซาอุดิอารเบียไม่น้อย ประธานาธิบดี Nixon บอกว่า เรากำลังปวดหัวกับเรื่องเวียตนาม ระหว่างนี้เรื่องทางตะวันออกกลางเราขอให้ท่าน พร้อมกับซาอุดิอารเบียและอิสราเอล ถือบังเหียนไปก่อนนะ เพื่อให้สมกับเป็นผู้นำตะวันออกกลาง ที่ได้รับความไว้วางใจจากอเมริกา ในปี ค.ศ.1975 อิหร่านใช้เงิน 35 พันล้านเหรียญ (จากรายได้น้ำมัน 62 พันล้านเหรียญ) เพื่อลงทุนสร้างกองทัพอิหร่านให้แข็งแกร่ง ในช่วงนั้นมีที่ปรึกษาด้านการทหารของอเมริกาอยู่ในอิหร่านประมาณ 8,000 คน Shah มองตัวเองในกระจก เข้าใจว่าหลังจากได้อาหารดี ร่างกายแข็งแรงพอที่แหกกรงเหยื่อเป็นอิสระจากอเมริกา เขาเริ่มเปลี่ยนนโยบายการต่างประเทศของอิหร่าน มุ่งหน้าไปสู่การเป็นผู้นำของตะวันออกกลาง ตัวจริงไม่ใช่ตัวแทน เขาเร่งสร้างกองทัพให้ใหญ่ขึ้น แข็งแกร่งขึ้น อเมริกาเริ่มคิ้วขมวดมองดู Shah มองตัวเองในกระจก เห็นแต่ภาพที่ตัวเองอยากเห็น แต่ไม่เห็นภาพที่ตัวเองเป็น เหยื่อ มักไม่รู้ตัวว่าตกเป็นเหยื่อ เมื่อ Shah เริ่มเบ่งกล้ามใส่อเมริกา อนาคตของ Shah ก็เริ่มสั้นลง แต่ดูเหมือน Shah จะเดินไปไกลเกินกว่าจะถอยหลัง เขาให้สัมภาษณ์ใน US News and World Magazine เมื่อ ค.ศ.1976 เกี่ยวกับอำนาจและอิทธิพลของอเมริกาในอิหร่านว่า “ถ้าอเมริกาพยายามจะสร้างความรู้สึกที่ไม่เป็นมิตรต่อประเทศเรา เราก็สามารถทำให้อเมริกาเจ็บได้ ไม่น้อยกว่าที่อเมริกาจะทำให้เราเจ็บ ไม่ใช่แค่ในด้านของน้ำมัน เราสามารถสร้างปัญหาให้กับอเมริกาได้ในบริเวณนี้ ถ้าอเมริกาบีบให้เราต้องเปลี่ยนจากการเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ผลสะท้อนมันคงเกินจะประมาณได้” อเมริกาควันออกทุกทวาร ความร้อนขึ้นจนปรอทแทบแตก และชะตาชีวิตของ Shah ก็ถูกตัดสินโดยวอชิงตันเรียบร้อย สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 23 กันยายน 2557
    0 Comments 0 Shares 382 Views 0 Reviews
  • “IBM เปิดตัว Spyre Accelerator — ชิป AI สำหรับองค์กรที่เร็ว ปลอดภัย และปรับขนาดได้”

    IBM ประกาศเปิดตัว Spyre Accelerator อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นชิปเร่งการประมวลผล AI ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน inferencing แบบ low-latency สำหรับระบบ AI เชิงสร้างสรรค์ (generative) และ AI แบบตัวแทน (agentic AI) โดยเน้นความปลอดภัย ความยืดหยุ่น และประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกับข้อมูลระดับองค์กร

    Spyre จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 28 ตุลาคม 2025 สำหรับระบบ IBM z17 และ LinuxONE 5 และในเดือนธันวาคมสำหรับ Power11 โดยชิปนี้ถูกพัฒนาจากต้นแบบที่ใช้ในศูนย์วิจัย IBM AI Hardware Center และผ่านการทดสอบในคลัสเตอร์ที่มหาวิทยาลัย Albany ก่อนจะกลายเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์

    Spyre เป็นระบบ-on-a-chip ที่มี 32 คอร์เร่งความเร็ว และมีทรานซิสเตอร์ถึง 25.6 พันล้านตัว ผลิตด้วยเทคโนโลยี 5nm และติดตั้งบนการ์ด PCIe ขนาด 75 วัตต์ โดยสามารถติดตั้งได้สูงสุด 48 ใบในระบบ IBM Z หรือ LinuxONE และ 16 ใบในระบบ Power เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประมวลผล AI

    ชิปนี้รองรับการประมวลผลแบบความละเอียดต่ำ เช่น int4 และ int8 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน พร้อมระบบความปลอดภัยที่ช่วยให้ข้อมูลสำคัญยังคงอยู่ภายในองค์กร ไม่ต้องส่งออกไปยังคลาวด์

    Spyre ยังสามารถทำงานร่วมกับ Telum II processor เพื่อรองรับงานที่ต้องการความเร็วสูง เช่น การตรวจจับการฉ้อโกงแบบเรียลไทม์ และการวิเคราะห์ข้อมูลในระบบค้าปลีก โดยในระบบ Power ยังสามารถติดตั้งบริการ AI จากแคตตาล็อกได้ด้วยคลิกเดียว

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    IBM เปิดตัว Spyre Accelerator สำหรับงาน AI inferencing แบบ low-latency
    วางจำหน่ายวันที่ 28 ตุลาคม 2025 สำหรับ IBM z17 และ LinuxONE 5
    วางจำหน่ายในเดือนธันวาคมสำหรับ Power11
    มี 32 คอร์เร่งความเร็ว และ 25.6 พันล้านทรานซิสเตอร์
    ผลิตด้วยเทคโนโลยี 5nm และติดตั้งบนการ์ด PCIe ขนาด 75 วัตต์
    รองรับการติดตั้งสูงสุด 48 ใบใน IBM Z และ 16 ใบใน Power
    รองรับการประมวลผลแบบ int4 และ int8 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    ทำงานร่วมกับ Telum II processor เพื่อรองรับงานระดับองค์กร
    รองรับการติดตั้งบริการ AI จากแคตตาล็อกในระบบ Power ด้วยคลิกเดียว
    พัฒนาโดย IBM Research AI Hardware Center และผ่านการทดสอบในคลัสเตอร์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    IBM Z ประมวลผลธุรกรรมกว่า 70% ของมูลค่าทั่วโลก
    Agentic AI คือระบบที่สามารถตัดสินใจและดำเนินการได้เองตามเป้าหมาย
    การใช้ int4 และ int8 ช่วยลดการใช้หน่วยความจำและพลังงาน
    Spyre ออกแบบให้ส่งข้อมูลตรงระหว่าง compute engine เพื่อลด latency
    IBM ตั้งเป้าให้ Spyre รองรับงาน AI แบบ multimodel และการฝึกโมเดลในอนาคต

    https://www.techpowerup.com/341671/ibm-introduces-the-spyre-accelerator-for-commercial-availability
    🧠 “IBM เปิดตัว Spyre Accelerator — ชิป AI สำหรับองค์กรที่เร็ว ปลอดภัย และปรับขนาดได้” IBM ประกาศเปิดตัว Spyre Accelerator อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นชิปเร่งการประมวลผล AI ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน inferencing แบบ low-latency สำหรับระบบ AI เชิงสร้างสรรค์ (generative) และ AI แบบตัวแทน (agentic AI) โดยเน้นความปลอดภัย ความยืดหยุ่น และประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกับข้อมูลระดับองค์กร Spyre จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 28 ตุลาคม 2025 สำหรับระบบ IBM z17 และ LinuxONE 5 และในเดือนธันวาคมสำหรับ Power11 โดยชิปนี้ถูกพัฒนาจากต้นแบบที่ใช้ในศูนย์วิจัย IBM AI Hardware Center และผ่านการทดสอบในคลัสเตอร์ที่มหาวิทยาลัย Albany ก่อนจะกลายเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ Spyre เป็นระบบ-on-a-chip ที่มี 32 คอร์เร่งความเร็ว และมีทรานซิสเตอร์ถึง 25.6 พันล้านตัว ผลิตด้วยเทคโนโลยี 5nm และติดตั้งบนการ์ด PCIe ขนาด 75 วัตต์ โดยสามารถติดตั้งได้สูงสุด 48 ใบในระบบ IBM Z หรือ LinuxONE และ 16 ใบในระบบ Power เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประมวลผล AI ชิปนี้รองรับการประมวลผลแบบความละเอียดต่ำ เช่น int4 และ int8 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน พร้อมระบบความปลอดภัยที่ช่วยให้ข้อมูลสำคัญยังคงอยู่ภายในองค์กร ไม่ต้องส่งออกไปยังคลาวด์ Spyre ยังสามารถทำงานร่วมกับ Telum II processor เพื่อรองรับงานที่ต้องการความเร็วสูง เช่น การตรวจจับการฉ้อโกงแบบเรียลไทม์ และการวิเคราะห์ข้อมูลในระบบค้าปลีก โดยในระบบ Power ยังสามารถติดตั้งบริการ AI จากแคตตาล็อกได้ด้วยคลิกเดียว ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ IBM เปิดตัว Spyre Accelerator สำหรับงาน AI inferencing แบบ low-latency ➡️ วางจำหน่ายวันที่ 28 ตุลาคม 2025 สำหรับ IBM z17 และ LinuxONE 5 ➡️ วางจำหน่ายในเดือนธันวาคมสำหรับ Power11 ➡️ มี 32 คอร์เร่งความเร็ว และ 25.6 พันล้านทรานซิสเตอร์ ➡️ ผลิตด้วยเทคโนโลยี 5nm และติดตั้งบนการ์ด PCIe ขนาด 75 วัตต์ ➡️ รองรับการติดตั้งสูงสุด 48 ใบใน IBM Z และ 16 ใบใน Power ➡️ รองรับการประมวลผลแบบ int4 และ int8 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ➡️ ทำงานร่วมกับ Telum II processor เพื่อรองรับงานระดับองค์กร ➡️ รองรับการติดตั้งบริการ AI จากแคตตาล็อกในระบบ Power ด้วยคลิกเดียว ➡️ พัฒนาโดย IBM Research AI Hardware Center และผ่านการทดสอบในคลัสเตอร์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ IBM Z ประมวลผลธุรกรรมกว่า 70% ของมูลค่าทั่วโลก ➡️ Agentic AI คือระบบที่สามารถตัดสินใจและดำเนินการได้เองตามเป้าหมาย ➡️ การใช้ int4 และ int8 ช่วยลดการใช้หน่วยความจำและพลังงาน ➡️ Spyre ออกแบบให้ส่งข้อมูลตรงระหว่าง compute engine เพื่อลด latency ➡️ IBM ตั้งเป้าให้ Spyre รองรับงาน AI แบบ multimodel และการฝึกโมเดลในอนาคต https://www.techpowerup.com/341671/ibm-introduces-the-spyre-accelerator-for-commercial-availability
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    IBM Introduces the Spyre Accelerator for Commercial Availability
    IBM (NYSE: IBM) today announced the upcoming general availability of the IBM Spyre Accelerator, an AI accelerator enabling low-latency inferencing to support generative and agentic AI use cases while prioritizing the security and resilience of core workloads. Earlier this year, IBM announced the Spy...
    0 Comments 0 Shares 221 Views 0 Reviews
  • “AstraZeneca ทุ่ม 555 ล้านดอลลาร์ จับมือ Algen พัฒนาเทคโนโลยีตัดต่อยีนด้วย AI — เป้าหมายใหม่ของการรักษาโรคภูมิคุ้มกัน”

    AstraZeneca บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่จากอังกฤษ-สวีเดน ได้ลงนามข้อตกลงมูลค่า 555 ล้านดอลลาร์กับ Algen Biotechnologies บริษัทไบโอเทคจากซานฟรานซิสโก เพื่อร่วมพัฒนาเทคโนโลยีการรักษาโรคด้วยการตัดต่อยีนแบบ CRISPR โดยใช้แพลตฟอร์ม AI ที่ชื่อว่า “AlgenBrain” ซึ่งสามารถวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างยีนกับโรคได้อย่างแม่นยำ

    ข้อตกลงนี้ให้ AstraZeneca สิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการพัฒนาและจำหน่ายยาที่ได้จากเทคโนโลยีนี้ โดยเน้นไปที่โรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น โรคอักเสบเรื้อรัง หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง โดย Algen จะได้รับเงินล่วงหน้าและเงินตามเป้าหมายการพัฒนาและการอนุมัติ ซึ่งรวมกันแล้วอาจสูงถึง 555 ล้านดอลลาร์

    Algen เป็นบริษัทที่แยกตัวออกมาจากห้องวิจัยของมหาวิทยาลัย UC Berkeley ซึ่งเป็นที่ที่ Jennifer Doudna ผู้ได้รับรางวัลโนเบลได้พัฒนาเทคโนโลยี CRISPR ขึ้นมา โดยแพลตฟอร์ม AlgenBrain ใช้การวิเคราะห์ RNA แบบไดนามิกในเซลล์มนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับโรค เพื่อหาจุดแทรกแซงที่สามารถย้อนกลับกระบวนการของโรคได้

    แม้ AstraZeneca จะไม่ซื้อหุ้นของ Algen ในข้อตกลงนี้ แต่ก็ถือเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่เสริมความแข็งแกร่งให้กับเป้าหมายของบริษัทในการเพิ่มยอดขายเป็น 80 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 โดยเฉพาะในกลุ่มโรคระบบภูมิคุ้มกันที่สร้างรายได้กว่า 4.2 พันล้านดอลลาร์ในครึ่งแรกของปี 2025

    ข้อตกลงนี้ยังสะท้อนแนวโน้มของอุตสาหกรรมยา ที่หันมาใช้ AI และการตัดต่อยีนเพื่อเร่งการค้นพบยาใหม่ ๆ โดยมีบริษัทใหญ่อื่น ๆ เช่น Roche, BMS และ J&J ที่ร่วมมือกันพัฒนาโมเดล AI แบบ federated เพื่อค้นหายาโดยไม่ต้องแชร์ข้อมูลดิบ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    AstraZeneca ลงนามข้อตกลงมูลค่า 555 ล้านดอลลาร์กับ Algen Biotechnologies
    ข้อตกลงให้สิทธิ์พัฒนาและจำหน่ายยาจากเทคโนโลยี CRISPR โดยใช้ AI
    เน้นการรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน
    Algen ใช้แพลตฟอร์ม AlgenBrain วิเคราะห์ RNA ในเซลล์มนุษย์
    ข้อมูล RNA ถูกเชื่อมโยงกับผลลัพธ์ทางชีวภาพเพื่อหาจุดแทรกแซงของโรค
    AstraZeneca ไม่ซื้อหุ้นของ Algen แต่ให้เงินล่วงหน้าและตาม milestone
    เป้าหมายของ AstraZeneca คือยอดขาย 80 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030
    กลุ่มโรคภูมิคุ้มกันสร้างรายได้กว่า 4.2 พันล้านดอลลาร์ในครึ่งปีแรกของ 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Algen แยกตัวจากห้องวิจัยของ Jennifer Doudna ผู้พัฒนา CRISPR
    แพลตฟอร์ม AlgenBrain ใช้การตัดต่อยีนแบบ single-cell และการเรียนรู้เชิงลึก
    AstraZeneca เคยร่วมมือกับ BenevolentAI และ Tempus AI ในการพัฒนายา
    อุตสาหกรรมยาเริ่มใช้โมเดล federated learning เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
    การใช้ AI ช่วยลดเวลาและต้นทุนในการค้นคว้ายาใหม่ แต่ยังต้องพิสูจน์ผลลัพธ์ในระยะยาว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/06/astrazeneca-inks-555-million-gene-editing-technology-deal-with-algen-ft-reports
    🧬 “AstraZeneca ทุ่ม 555 ล้านดอลลาร์ จับมือ Algen พัฒนาเทคโนโลยีตัดต่อยีนด้วย AI — เป้าหมายใหม่ของการรักษาโรคภูมิคุ้มกัน” AstraZeneca บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่จากอังกฤษ-สวีเดน ได้ลงนามข้อตกลงมูลค่า 555 ล้านดอลลาร์กับ Algen Biotechnologies บริษัทไบโอเทคจากซานฟรานซิสโก เพื่อร่วมพัฒนาเทคโนโลยีการรักษาโรคด้วยการตัดต่อยีนแบบ CRISPR โดยใช้แพลตฟอร์ม AI ที่ชื่อว่า “AlgenBrain” ซึ่งสามารถวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างยีนกับโรคได้อย่างแม่นยำ ข้อตกลงนี้ให้ AstraZeneca สิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการพัฒนาและจำหน่ายยาที่ได้จากเทคโนโลยีนี้ โดยเน้นไปที่โรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น โรคอักเสบเรื้อรัง หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง โดย Algen จะได้รับเงินล่วงหน้าและเงินตามเป้าหมายการพัฒนาและการอนุมัติ ซึ่งรวมกันแล้วอาจสูงถึง 555 ล้านดอลลาร์ Algen เป็นบริษัทที่แยกตัวออกมาจากห้องวิจัยของมหาวิทยาลัย UC Berkeley ซึ่งเป็นที่ที่ Jennifer Doudna ผู้ได้รับรางวัลโนเบลได้พัฒนาเทคโนโลยี CRISPR ขึ้นมา โดยแพลตฟอร์ม AlgenBrain ใช้การวิเคราะห์ RNA แบบไดนามิกในเซลล์มนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับโรค เพื่อหาจุดแทรกแซงที่สามารถย้อนกลับกระบวนการของโรคได้ แม้ AstraZeneca จะไม่ซื้อหุ้นของ Algen ในข้อตกลงนี้ แต่ก็ถือเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่เสริมความแข็งแกร่งให้กับเป้าหมายของบริษัทในการเพิ่มยอดขายเป็น 80 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 โดยเฉพาะในกลุ่มโรคระบบภูมิคุ้มกันที่สร้างรายได้กว่า 4.2 พันล้านดอลลาร์ในครึ่งแรกของปี 2025 ข้อตกลงนี้ยังสะท้อนแนวโน้มของอุตสาหกรรมยา ที่หันมาใช้ AI และการตัดต่อยีนเพื่อเร่งการค้นพบยาใหม่ ๆ โดยมีบริษัทใหญ่อื่น ๆ เช่น Roche, BMS และ J&J ที่ร่วมมือกันพัฒนาโมเดล AI แบบ federated เพื่อค้นหายาโดยไม่ต้องแชร์ข้อมูลดิบ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ AstraZeneca ลงนามข้อตกลงมูลค่า 555 ล้านดอลลาร์กับ Algen Biotechnologies ➡️ ข้อตกลงให้สิทธิ์พัฒนาและจำหน่ายยาจากเทคโนโลยี CRISPR โดยใช้ AI ➡️ เน้นการรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน ➡️ Algen ใช้แพลตฟอร์ม AlgenBrain วิเคราะห์ RNA ในเซลล์มนุษย์ ➡️ ข้อมูล RNA ถูกเชื่อมโยงกับผลลัพธ์ทางชีวภาพเพื่อหาจุดแทรกแซงของโรค ➡️ AstraZeneca ไม่ซื้อหุ้นของ Algen แต่ให้เงินล่วงหน้าและตาม milestone ➡️ เป้าหมายของ AstraZeneca คือยอดขาย 80 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 ➡️ กลุ่มโรคภูมิคุ้มกันสร้างรายได้กว่า 4.2 พันล้านดอลลาร์ในครึ่งปีแรกของ 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Algen แยกตัวจากห้องวิจัยของ Jennifer Doudna ผู้พัฒนา CRISPR ➡️ แพลตฟอร์ม AlgenBrain ใช้การตัดต่อยีนแบบ single-cell และการเรียนรู้เชิงลึก ➡️ AstraZeneca เคยร่วมมือกับ BenevolentAI และ Tempus AI ในการพัฒนายา ➡️ อุตสาหกรรมยาเริ่มใช้โมเดล federated learning เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ➡️ การใช้ AI ช่วยลดเวลาและต้นทุนในการค้นคว้ายาใหม่ แต่ยังต้องพิสูจน์ผลลัพธ์ในระยะยาว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/06/astrazeneca-inks-555-million-gene-editing-technology-deal-with-algen-ft-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    AstraZeneca inks $555 million gene-editing technology deal with Algen, FT reports
    (Reuters) -AstraZeneca has signed a $555 million deal with a San Francisco-based biotech business Algen Biotechnologies, The Financial Times reported on Monday.
    0 Comments 0 Shares 244 Views 0 Reviews
More Results