• 31 มีนา “วันเจษฎาบดินทร์” ระลึกพระนั่งเกล้าฯ ผู้ให้กำเนิด "เงินถุงแดง" ไถ่บ้านไถ่เมือง

    ✨ วันแห่งประวัติศาสตร์ไทย ที่ไม่ควรลืม ✨ วันที่ 31 มีนาคมของทุกปี ได้รับการประกาศจากคณะรัฐมนตรีให้เป็น “วันระลึกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า” หรือเรียกกันว่า “วันเจษฎาบดินทร์” 💛

    เพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ของพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรี ผู้วางรากฐานสำคัญให้กับการค้า การป้องกันประเทศ การทำนุบำรุงศาสนา และเป็นผู้นำแนวคิดการเก็บออม ไว้ให้ชาติบ้านเมืองในยามคับขัน ที่รู้จักกันในนาม “เงินถุงแดง” 💰

    🏯 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระราชโอรส ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 กับสมเด็จพระศรีสุลาลัย หรือเจ้าจอมมารดาเรียม ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2331 ที่พระราชวังเดิม ธนบุรี 🏰

    พระองค์มีพระนามเดิมว่า “หม่อมเจ้าชายทับ” ต่อมาได้รับการสถาปนาเป็น “กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์” และขึ้นครองราชสมบัติเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2367 ทรงมีพระชนมพรรษา 37 ปี

    ตลอดรัชสมัยกว่า 27 ปี พระองค์ทรงใช้พระปรีชาญาณ ในการบริหารบ้านเมืองอย่างรอบคอบ ทรงวางระบบเศรษฐกิจ 📈 ขยายเส้นทางการค้า 🌏 และจัดสรรรายได้แผ่นดินอย่างเป็นระบบ เพื่อความมั่นคงในอนาคต 🇹🇭

    👑 จุดเริ่มต้นของคำว่า “พระมหาเจษฎาราชเจ้า” พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระนามใหม่อย่างย่อว่า “พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาเจษฎาธิบดินทร์ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว”

    โดยคำว่า “เจษฎา” หมายถึง เลิศล้ำ ยอดเยี่ยม และ “บดินทร์” หมายถึง พระเจ้าแผ่นดิน ดังนั้น “พระมหาเจษฎาราชเจ้า” จึงหมายถึง “พระเจ้าแผ่นดินผู้ยิ่งใหญ่และเป็นเลิศ” ✨

    🧭 รัชสมัยแห่งความมั่นคงและเจริญรุ่งเรือง พระองค์ทรงส่งเสริมการค้าขายกับต่างชาติ โดยเฉพาะกับจีน และประเทศทางตะวันตก อย่างอังกฤษและสหรัฐฯ มีการลงนามในสนธิสัญญาเบอร์นี พ.ศ. 2369 และสนธิสัญญากับอเมริกาใน พ.ศ. 2375 ซึ่งเป็นสนธิสัญญาฉบับแรก ระหว่างสหรัฐอเมริกา กับประเทศในเอเชียตะวันออก 🌐

    พระองค์ทรงวางรากฐานเศรษฐกิจการค้า เสริมสร้างรายได้แผ่นดิน โดยมีระบบภาษีใหม่ถึง 38 รายการ และทรงปกครองด้วยพระปรีชาญาณอย่างเด็ดขาด รวมถึงการสร้างคลอง เพื่อใช้ในสงครามและการพาณิชย์ เช่น คลองบางขุนเทียน คลองหมาหอน 🚤

    📚 “เงินถุงแดง” ตำนานที่กลายเป็นจริง หนึ่งในมรดกที่สำคัญที่สุ ดจากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว คือ เงินถุงแดง หรือ “พระคลังข้างที่” 💼

    📌 พระคลังข้างที่ คือ พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ที่สะสมไว้ใช้ในยามจำเป็นของแผ่นดิน พระองค์ทรงประหยัดมัธยัสถ์ และตั้งพระราชดำริว่า “เก็บไว้เพื่อไถ่บ้านไถ่เมือง” ในยามเกิดภัยพิบัติหรือสงคราม

    ต่อมาในเหตุการณ์ ร.ศ. 112 หรือ พ.ศ. 2436 เมื่อฝรั่งเศสบุกเรือรบ เข้ายึดดินแดนของไทย และเรียกร้องค่าปรับสงคราม 3,000,000 ฟรังก์ รัฐบาลสยามจึงได้นำเงินถุงแดง ออกมาใช้ในการไถ่แผ่นดิน 💸

    📆 เหตุการณ์ ร.ศ.112 และการใช้ “เงินถุงแดง” ไถ่ชาติ

    🔥 ความขัดแย้งไทย - ฝรั่งเศส ใน พ.ศ. 2436 ฝรั่งเศสกล่าวหาไทย ว่าเป็นฝ่ายเริ่มต้นสงคราม โดยอ้างเหตุการณ์ที่แม่น้ำโขง ที่กองกำลังไทยสังหารทหารฝรั่งเศส ทำให้ฝรั่งเศสส่งเรือรบ เข้าปิดล้อมแม่น้ำเจ้าพระยา

    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ต้องเผชิญกับสถานการณ์อันตึงเครียด ในระดับที่ชาติอาจล่มสลาย 💣 ฝรั่งเศสยื่นคำขาดให้ไทยจ่ายค่าปรับ และยกดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง

    🧾 ตัวเลขที่มากมาย
    ค่าเสียหายที่เรียกร้อง = 2,000,000 ฟรังก์
    เงินมัดจำเพิ่มเติม = 1,000,000 ฟรังก์
    รวมเป็น 3,000,000 ฟรังก์ ประมาณ 1.6 ล้านบาท ในขณะนั้น

    📤 แหล่งเงินสำคัญ เงินที่นำมาใช้จ่ายครั้งนั้น มาจาก “พระคลังข้างที่” ซึ่งเป็นเงินส่วนพระองค์ของรัชกาลที่ 3 ที่ถูกเก็บไว้ในถุงแดงอย่างเงียบงัน 😌

    🧠 ข้อเท็จจริงหรือแค่ตำนาน? เงินถุงแดงมีจริงหรือไม่ 🤔 มีบางความเห็นในยุคปัจจุบัน ที่ตั้งข้อสังเกตว่า “เงินถุงแดง” อาจไม่มีอยู่จริง และเป็นแค่เรื่องเล่าขาน แต่เมื่อพิจารณาหลักฐานจากหลายแหล่ง ทั้ง

    📖 หนังสือพิมพ์ Le Monde Illustré ของฝรั่งเศส
    📚 หนังสือ “เหตุการณ์ ร.ศ.112 และเรื่องเสียเขตแดนใน ร.5”
    📜 พระราชนิพนธ์ และคำกราบบังคมทูล ของกรมขุนนริศรานุวัดติวงศ์

    ต่างยืนยันว่า มีการชำระเงินมัดจำด้วยเหรียญเม็กซิกัน จำนวนกว่า 800,000 เหรียญ หรือประมาณ 23 ตัน ที่ขนส่งออกไปจากกรุงเทพฯ 🚢

    🔍 วิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์ เงินถุงแดงสะท้อนอะไร? เงินถุงแดงไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์ ของความสามารถในการบริหารเศรษฐกิจ ของรัชกาลที่ 3 แต่ยังสะท้อนถึงแนวคิด “เงินสำรองแผ่นดิน” ซึ่งในภายหลัง ก็กลายเป็นแนวคิดตั้งต้นของ “ทุนสำรองระหว่างประเทศ” ในรูปแบบที่เรารู้จักกันทุกวันนี้ 🌎💹

    📖 พระราชสมัญญา แห่งพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ต่อมาใน พ.ศ. 2541 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ได้พระราชทานพระราชสมัญญา “พระมหาเจษฎาราชเจ้า”

    ตามมาด้วยใน พ.ศ. 2551 และ พ.ศ. 2558 ได้มีการถวายพระราชสมัญญาเพิ่มเติม ได้แก่
    - พระบิดาแห่งการค้าไทย 🛍
    - พระบิดาแห่งการพาณิชย์นาวีไทย 🚢
    - พระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย 🌿

    🧡 วันเจษฎาบดินทร์ 31 มีนาคม วันแห่งความภาคภูมิใจของคนไทย คณะรัฐมนตรีมีมติให้วันที่ 31 มีนาคมของทุกปี เป็น “วันเจษฎาบดินทร์” เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ แห่งรัชกาลที่ 3 แม้ไม่ใช่วันหยุดราชการ แต่ถือเป็น วันสำคัญของชาติไทย 🗓🇹🇭

    💬 รัชกาลที่ 3 กับมรดกที่คนไทยไม่ควรลืม พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่เพียงเป็นกษัตริย์ ที่ทรงพระปรีชาสามารถ ด้านการค้าและเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังทรงเป็นกษัตริย์ที่ “เตรียมพร้อม” รับสถานการณ์ล่วงหน้าอย่างชาญฉลาด 💼💪

    “เงินถุงแดง” คือสัญลักษณ์ของ วินัยทางการเงินระดับชาติ และความห่วงใยต่อแผ่นดิน ของพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 310848 มี.ค. 2568

    📌 #วันเจษฎาบดินทร์ #พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว #เงินถุงแดง #ราชวงศ์จักรี #ประวัติศาสตร์ไทย #รัชกาลที่3 #รศ112 #บทเรียนจากอดีต #พระมหาเจษฎาราชเจ้า #อธิปไตยไทย
    31 มีนา “วันเจษฎาบดินทร์” ระลึกพระนั่งเกล้าฯ ผู้ให้กำเนิด "เงินถุงแดง" ไถ่บ้านไถ่เมือง ✨ วันแห่งประวัติศาสตร์ไทย ที่ไม่ควรลืม ✨ วันที่ 31 มีนาคมของทุกปี ได้รับการประกาศจากคณะรัฐมนตรีให้เป็น “วันระลึกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า” หรือเรียกกันว่า “วันเจษฎาบดินทร์” 💛 เพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ของพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรี ผู้วางรากฐานสำคัญให้กับการค้า การป้องกันประเทศ การทำนุบำรุงศาสนา และเป็นผู้นำแนวคิดการเก็บออม ไว้ให้ชาติบ้านเมืองในยามคับขัน ที่รู้จักกันในนาม “เงินถุงแดง” 💰 🏯 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระราชโอรส ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 กับสมเด็จพระศรีสุลาลัย หรือเจ้าจอมมารดาเรียม ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2331 ที่พระราชวังเดิม ธนบุรี 🏰 พระองค์มีพระนามเดิมว่า “หม่อมเจ้าชายทับ” ต่อมาได้รับการสถาปนาเป็น “กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์” และขึ้นครองราชสมบัติเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2367 ทรงมีพระชนมพรรษา 37 ปี ตลอดรัชสมัยกว่า 27 ปี พระองค์ทรงใช้พระปรีชาญาณ ในการบริหารบ้านเมืองอย่างรอบคอบ ทรงวางระบบเศรษฐกิจ 📈 ขยายเส้นทางการค้า 🌏 และจัดสรรรายได้แผ่นดินอย่างเป็นระบบ เพื่อความมั่นคงในอนาคต 🇹🇭 👑 จุดเริ่มต้นของคำว่า “พระมหาเจษฎาราชเจ้า” พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระนามใหม่อย่างย่อว่า “พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาเจษฎาธิบดินทร์ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว” โดยคำว่า “เจษฎา” หมายถึง เลิศล้ำ ยอดเยี่ยม และ “บดินทร์” หมายถึง พระเจ้าแผ่นดิน ดังนั้น “พระมหาเจษฎาราชเจ้า” จึงหมายถึง “พระเจ้าแผ่นดินผู้ยิ่งใหญ่และเป็นเลิศ” ✨ 🧭 รัชสมัยแห่งความมั่นคงและเจริญรุ่งเรือง พระองค์ทรงส่งเสริมการค้าขายกับต่างชาติ โดยเฉพาะกับจีน และประเทศทางตะวันตก อย่างอังกฤษและสหรัฐฯ มีการลงนามในสนธิสัญญาเบอร์นี พ.ศ. 2369 และสนธิสัญญากับอเมริกาใน พ.ศ. 2375 ซึ่งเป็นสนธิสัญญาฉบับแรก ระหว่างสหรัฐอเมริกา กับประเทศในเอเชียตะวันออก 🌐 พระองค์ทรงวางรากฐานเศรษฐกิจการค้า เสริมสร้างรายได้แผ่นดิน โดยมีระบบภาษีใหม่ถึง 38 รายการ และทรงปกครองด้วยพระปรีชาญาณอย่างเด็ดขาด รวมถึงการสร้างคลอง เพื่อใช้ในสงครามและการพาณิชย์ เช่น คลองบางขุนเทียน คลองหมาหอน 🚤 📚 “เงินถุงแดง” ตำนานที่กลายเป็นจริง หนึ่งในมรดกที่สำคัญที่สุ ดจากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว คือ เงินถุงแดง หรือ “พระคลังข้างที่” 💼 📌 พระคลังข้างที่ คือ พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ที่สะสมไว้ใช้ในยามจำเป็นของแผ่นดิน พระองค์ทรงประหยัดมัธยัสถ์ และตั้งพระราชดำริว่า “เก็บไว้เพื่อไถ่บ้านไถ่เมือง” ในยามเกิดภัยพิบัติหรือสงคราม ต่อมาในเหตุการณ์ ร.ศ. 112 หรือ พ.ศ. 2436 เมื่อฝรั่งเศสบุกเรือรบ เข้ายึดดินแดนของไทย และเรียกร้องค่าปรับสงคราม 3,000,000 ฟรังก์ รัฐบาลสยามจึงได้นำเงินถุงแดง ออกมาใช้ในการไถ่แผ่นดิน 💸 📆 เหตุการณ์ ร.ศ.112 และการใช้ “เงินถุงแดง” ไถ่ชาติ 🔥 ความขัดแย้งไทย - ฝรั่งเศส ใน พ.ศ. 2436 ฝรั่งเศสกล่าวหาไทย ว่าเป็นฝ่ายเริ่มต้นสงคราม โดยอ้างเหตุการณ์ที่แม่น้ำโขง ที่กองกำลังไทยสังหารทหารฝรั่งเศส ทำให้ฝรั่งเศสส่งเรือรบ เข้าปิดล้อมแม่น้ำเจ้าพระยา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ต้องเผชิญกับสถานการณ์อันตึงเครียด ในระดับที่ชาติอาจล่มสลาย 💣 ฝรั่งเศสยื่นคำขาดให้ไทยจ่ายค่าปรับ และยกดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง 🧾 ตัวเลขที่มากมาย ค่าเสียหายที่เรียกร้อง = 2,000,000 ฟรังก์ เงินมัดจำเพิ่มเติม = 1,000,000 ฟรังก์ รวมเป็น 3,000,000 ฟรังก์ ประมาณ 1.6 ล้านบาท ในขณะนั้น 📤 แหล่งเงินสำคัญ เงินที่นำมาใช้จ่ายครั้งนั้น มาจาก “พระคลังข้างที่” ซึ่งเป็นเงินส่วนพระองค์ของรัชกาลที่ 3 ที่ถูกเก็บไว้ในถุงแดงอย่างเงียบงัน 😌 🧠 ข้อเท็จจริงหรือแค่ตำนาน? เงินถุงแดงมีจริงหรือไม่ 🤔 มีบางความเห็นในยุคปัจจุบัน ที่ตั้งข้อสังเกตว่า “เงินถุงแดง” อาจไม่มีอยู่จริง และเป็นแค่เรื่องเล่าขาน แต่เมื่อพิจารณาหลักฐานจากหลายแหล่ง ทั้ง 📖 หนังสือพิมพ์ Le Monde Illustré ของฝรั่งเศส 📚 หนังสือ “เหตุการณ์ ร.ศ.112 และเรื่องเสียเขตแดนใน ร.5” 📜 พระราชนิพนธ์ และคำกราบบังคมทูล ของกรมขุนนริศรานุวัดติวงศ์ ต่างยืนยันว่า มีการชำระเงินมัดจำด้วยเหรียญเม็กซิกัน จำนวนกว่า 800,000 เหรียญ หรือประมาณ 23 ตัน ที่ขนส่งออกไปจากกรุงเทพฯ 🚢 🔍 วิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์ เงินถุงแดงสะท้อนอะไร? เงินถุงแดงไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์ ของความสามารถในการบริหารเศรษฐกิจ ของรัชกาลที่ 3 แต่ยังสะท้อนถึงแนวคิด “เงินสำรองแผ่นดิน” ซึ่งในภายหลัง ก็กลายเป็นแนวคิดตั้งต้นของ “ทุนสำรองระหว่างประเทศ” ในรูปแบบที่เรารู้จักกันทุกวันนี้ 🌎💹 📖 พระราชสมัญญา แห่งพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ต่อมาใน พ.ศ. 2541 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ได้พระราชทานพระราชสมัญญา “พระมหาเจษฎาราชเจ้า” ตามมาด้วยใน พ.ศ. 2551 และ พ.ศ. 2558 ได้มีการถวายพระราชสมัญญาเพิ่มเติม ได้แก่ - พระบิดาแห่งการค้าไทย 🛍 - พระบิดาแห่งการพาณิชย์นาวีไทย 🚢 - พระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย 🌿 🧡 วันเจษฎาบดินทร์ 31 มีนาคม วันแห่งความภาคภูมิใจของคนไทย คณะรัฐมนตรีมีมติให้วันที่ 31 มีนาคมของทุกปี เป็น “วันเจษฎาบดินทร์” เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ แห่งรัชกาลที่ 3 แม้ไม่ใช่วันหยุดราชการ แต่ถือเป็น วันสำคัญของชาติไทย 🗓🇹🇭 💬 รัชกาลที่ 3 กับมรดกที่คนไทยไม่ควรลืม พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่เพียงเป็นกษัตริย์ ที่ทรงพระปรีชาสามารถ ด้านการค้าและเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังทรงเป็นกษัตริย์ที่ “เตรียมพร้อม” รับสถานการณ์ล่วงหน้าอย่างชาญฉลาด 💼💪 “เงินถุงแดง” คือสัญลักษณ์ของ วินัยทางการเงินระดับชาติ และความห่วงใยต่อแผ่นดิน ของพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 310848 มี.ค. 2568 📌 #วันเจษฎาบดินทร์ #พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว #เงินถุงแดง #ราชวงศ์จักรี #ประวัติศาสตร์ไทย #รัชกาลที่3 #รศ112 #บทเรียนจากอดีต #พระมหาเจษฎาราชเจ้า #อธิปไตยไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 219 มุมมอง 0 รีวิว
  • 35 ปี ตึกร้างผีสิง “สาธร ยูนีค ทาวเวอร์” ร่องรอยวิกฤตต้มยำกุ้ง แต่… ไร้รอยฝุ่นฟุ้งแผ่นดินไหว 🏚️

    🏙️ เมื่อสถานที่กลายเป็น ร่องรอยของเหตุการณ์ในอดีต สถานที่บางแห่ง ถูกสร้างขึ้นเพื่อจดจำสิ่งยิ่งใหญ่ เช่น รูปปั้นเทพีเสรีภาพของอเมริกา หรืออนุสาวรีย์ประชาธิปไตยของไทย แต่บางครั้งสถานที่กลับกลายเป็น "ร่องรอยที่ไม่มีใครอยากจดจำ" อย่างเช่น ตึกสาธร ยูนีค ทาวเวอร์ (Sathorn Unique Tower) ที่ไม่ได้ตั้งอยู่เพื่อเป็นอนุสรณ์ แต่กลับกลายเป็นหนึ่งในหลักฐานชิ้นเอกของ วิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง ปี พ.ศ. 2540 🕰️

    🌉 Sathorn Unique Tower:ความหวังระดับลักซ์ชัวรี่ใจกลางกรุง ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2533 ช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไทย เฟื่องฟูแบบก้าวกระโดด โครงการอสังหาริมทรัพย์หรู ผุดขึ้นทั่วเมืองกรุง หนึ่งในนั้นคือ “สาธร ยูนีค ทาวเวอร์” ที่ออกแบบโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์รังสรรค์ ต่อสุวรรณ สถาปนิกชื่อดัง ผู้อยู่เบื้องหลังดีไซน์ของ State Tower ที่โด่งดังเช่นกัน

    ตึกสาธร ยูนีค ทาวเวอร์ เป็นคอนโดฯ สไตล์โรมันสูง 49 ชั้น รวมชั้นใต้ดิน 2 ชั้น บนความสูง 185 เมตร 🏢 รวมทั้งหมด 600 ยูนิต มูลค่าลงทุนมากถึง 1,800 ล้านบาท เป้าหมายคือการเป็นแลนด์มาร์กสุดหรู ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

    🏗️ โครงการในฝัน กลายเป็นฝันร้าย? แม้จะมีเงินลงทุนจากพรีเซลล์ และบริษัทร่วมทุน แต่ก็ยังไม่พอ จึงต้องพึ่งพาเงินกู้จาก บริษัทหลักทรัพย์ไทยเม็กซ์ ซึ่งต่อมากลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะทันทีที่เจ้าของโครงการ ถูกกล่าวหาคดีอาญาเรื่องจ้างวานฆ่า ซึ่งภายหลังถูกยกฟ้อง ก็ส่งผลให้สถาบันการเงิน “เบรก” การปล่อยกู้ทันที 😨

    แม้จะฟื้นคืนการเงินได้ในภายหลัง แต่ “ความเชื่อมั่น” ก็ไม่กลับมาอีกเลย…

    📉 วิกฤตต้มยำกุ้ง จุดเปลี่ยนเศรษฐกิจที่ทำให้ตึกหยุดสร้าง

    🔍 พื้นหลังเศรษฐกิจไทยยุคทอง ก่อนปี 2540 เศรษฐกิจไทยโตเฉลี่ย 9% ต่อปี เงินทุนไหลเข้ามหาศาล ดอกเบี้ยในประเทศสูง ต่างชาติแห่ลงทุน ธนาคารไทยเองก็ขยายเครดิตอย่างหนัก 🏦

    มีการตั้ง BIBF เพื่อปล่อยกู้เงินต่างประเทศ เข้ามาภายในประเทศ แต่บริษัทส่วนใหญ่กลับกู้ระยะสั้น ทั้งที่อสังหาฯ ต้องใช้เงินระยะยาว ระบบเศรษฐกิจ "เติบโตเกินจริง" หรือ Overextended

    เมื่อค่าเงินบาทถูก "ลอยตัว" จาก 25 บาท/ดอลลาร์ ไปแตะ 50 บาท/ดอลลาร์ ทำให้ภาคเอกชนต้องใช้หนี้เพิ่มขึ้น “เท่าตัว” โดยไม่มีรายได้เพิ่มขึ้น

    🧨 เมื่อฟองสบู่แตก บริษัทเงินทุนล่มสลาย ปี 2540 รัฐบาลประกาศปิดบริษัทเงินทุนกว่า 50 แห่ง รวมถึง ไทยเม็กซ์
    โครงการสาธร ยูนีค ที่เดินหน้าไปแล้ว 80% ก็ต้องหยุดกะทันหัน ท่ามกลางวิกฤตความเชื่อมั่น และต้นทุนกู้ยืมที่สูงเกินรับไหว

    👻 จาก “สาธร ยูนีค” สู่ “Ghost Tower” ตำนานความหลอนใจกลางเมือง หลังจากการก่อสร้างถูกปล่อยทิ้งร้าง ตึกนี้ก็เริ่มเสื่อมโทรมตามกาลเวลา และเพราะเป็นตึกสูงใหญ่โดดเด่นที่ "ไม่เสร็จ" ผู้คนก็เริ่มแต่งเรื่องลี้ลับขึ้นมา…

    💀 ข่าวลือที่สร้างชื่อเสียงแบบไม่ตั้งใจ บางคนเชื่อว่า ตึกสร้างไม่เสร็จเพราะอาถรรพ์ บ้างลือว่าตึกนี้ ตั้งอยู่บนพื้นที่สุสานเก่า มีข่าวลือถึงการเสียชีวิตปริศนาในตึก

    🎥 ในปี 2557 มีเหตุสลดจริง เมื่อพบศพชายชาวสวีเดน แขวนคอในตึกดังกล่าว ทำให้ทางเจ้าของตึกแจ้งความ และมีการ “ปิดทางเข้า” ไม่ให้คนภายนอกเข้าไปอีก

    อย่างไรก็ตาม ภาพจากตึกนี้ยังคงปรากฏในหนังหลายเรื่อง เช่น “เพื่อน…ที่ระลึก” ที่ตีแผ่ความหลอนจากวิกฤตเศรษฐกิจและการพลัดพราก 🕯️

    💡 ทำไมถึงขายไม่ได้? ราคาพุ่งจาก 3,000 ล้าน สู่ 4,000 ล้าน

    📌 ต้นทุนที่ยังค้างคา เจ้าของคนปัจจุบันคือ นายพรรษิษฐ์ ต่อสุวรรณ บุตรชาย ผศ.รังสรรค์ ยืนยันว่า จะขายตึกในราคาที่สามารถคืนทุนทั้งหมด และคืนเงินให้กับผู้ที่ซื้อพรีเซลล์ไว้แล้วกว่า 90%

    ปัจจุบันราคาตึกตั้งไว้ที่ 3,000-4,000 ล้านบาท ซึ่งสูงเกินกว่าที่นักลงทุนรายใหม่จะรับได้ โดยเฉพาะเมื่อโครงสร้างห้องในอดีตเน้น “ขนาดใหญ่” ซึ่งสวนทางกับเทรนด์ห้องยุคปัจจุบัน ที่ต้องการห้องขนาดกะทัดรัด 😕

    🧱 แต่… “Ghost Tower” แข็งแรงกว่าที่คิด! 🌍 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2568 ผู้ใช้โซเชียลมีเดียรายหนึ่ง ออกมาโพสต์ขายตึกนี้ในราคา 4,000 ล้านบาท พร้อมข้อมูลว่า…

    ❗ "แม้จะเกิดแผ่นดินไหว แต่โครงสร้างตึก ไม่กระทบเลยแม้แต่น้อย"

    ทำให้มีคนเริ่มสนใจตึกนี้ในฐานะ “อสังหาริมทรัพย์ที่แข็งแรง และโดดเด่นทางสถาปัตยกรรม” อีกครั้ง ตึกนี้ไม่เพียงรอดจากวิกฤตเศรษฐกิจ แต่ยัง "ยืนหยัดท่ามกลางแรงสั่นสะเทือนจากธรรมชาติ" ได้อีกด้วย 💪🌎

    🧠 “สาธร” หรือ “สาทร” สรุปใช้คำไหนกันแน่? แม้ตึกจะใช้ชื่อว่า “สาธร ยูนีค ทาวเวอร์” ตามชื่อบริษัทที่จดทะเบียน แต่ในความเป็นจริง ชื่อเขตที่ตั้งควรสะกดว่า “สาทร” โดยมีที่มาทางประวัติศาสตร์ดังนี้

    “สาทร” มาจาก หลวงสาทรราชายุตก์ ผู้สร้างถนนและคลองในยุค ร.5 เอกสารราชการในยุค ร.6 ใช้คำว่า “สาทร” อย่างชัดเจน ปัจจุบันการสะกดผิดพลาด และใช้คำว่า “สาธร” แพร่หลาย

    ราชบัณฑิตยสถานจึงแนะนำให้ใช้คำว่า “สาทร” เพื่อความถูกต้องตามประวัติศาสตร์ 📜

    🎬 "Sathorn Unique Tower" แลนด์มาร์กของ “อดีต” ที่ยังยืนอยู่ใน “ปัจจุบัน” แม้จะผ่านเวลามาแล้ว 35 ปี ตึกแห่งนี้ยังคงตั้งตระหง่าน อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ได้เพียงเป็นตึกร้าง แต่กลายเป็น สัญลักษณ์ของบทเรียนเศรษฐกิจ กลายเป็น แลนด์มาร์กแห่งความทรงจำ และอาจเป็น “โอกาสใหม่” ที่รอเพียงการตีความใหม่อีกครั้ง ในอนาคต…

    🔚 "ตึกสาธร ยูนีค ทาวเวอร์" อดีตที่ยัง “ยืนอยู่” ตึกนี้คือบทเรียนทางเศรษฐกิจ สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรม
    ที่ยังไม่จบ… และอาจเป็น “จุดเริ่มต้นใหม่” หากมีใครกล้าคิด…ต่าง 💡

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 301305 มี.ค. 2568

    🏷️ #ตึกสาธรยูนีค #GhostTower #วิกฤตต้มยำกุ้ง #ตึกร้างกรุงเทพ #อสังหาริมทรัพย์ไทย #สถานที่หลอน #ตึกผีสิง #กรุงเทพมหานคร #SathornUniqueTower #ตำนานเมืองกรุง
    35 ปี ตึกร้างผีสิง “สาธร ยูนีค ทาวเวอร์” ร่องรอยวิกฤตต้มยำกุ้ง แต่… ไร้รอยฝุ่นฟุ้งแผ่นดินไหว 🏚️ 🏙️ เมื่อสถานที่กลายเป็น ร่องรอยของเหตุการณ์ในอดีต สถานที่บางแห่ง ถูกสร้างขึ้นเพื่อจดจำสิ่งยิ่งใหญ่ เช่น รูปปั้นเทพีเสรีภาพของอเมริกา หรืออนุสาวรีย์ประชาธิปไตยของไทย แต่บางครั้งสถานที่กลับกลายเป็น "ร่องรอยที่ไม่มีใครอยากจดจำ" อย่างเช่น ตึกสาธร ยูนีค ทาวเวอร์ (Sathorn Unique Tower) ที่ไม่ได้ตั้งอยู่เพื่อเป็นอนุสรณ์ แต่กลับกลายเป็นหนึ่งในหลักฐานชิ้นเอกของ วิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง ปี พ.ศ. 2540 🕰️ 🌉 Sathorn Unique Tower:ความหวังระดับลักซ์ชัวรี่ใจกลางกรุง ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2533 ช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไทย เฟื่องฟูแบบก้าวกระโดด โครงการอสังหาริมทรัพย์หรู ผุดขึ้นทั่วเมืองกรุง หนึ่งในนั้นคือ “สาธร ยูนีค ทาวเวอร์” ที่ออกแบบโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์รังสรรค์ ต่อสุวรรณ สถาปนิกชื่อดัง ผู้อยู่เบื้องหลังดีไซน์ของ State Tower ที่โด่งดังเช่นกัน ตึกสาธร ยูนีค ทาวเวอร์ เป็นคอนโดฯ สไตล์โรมันสูง 49 ชั้น รวมชั้นใต้ดิน 2 ชั้น บนความสูง 185 เมตร 🏢 รวมทั้งหมด 600 ยูนิต มูลค่าลงทุนมากถึง 1,800 ล้านบาท เป้าหมายคือการเป็นแลนด์มาร์กสุดหรู ริมแม่น้ำเจ้าพระยา 🏗️ โครงการในฝัน กลายเป็นฝันร้าย? แม้จะมีเงินลงทุนจากพรีเซลล์ และบริษัทร่วมทุน แต่ก็ยังไม่พอ จึงต้องพึ่งพาเงินกู้จาก บริษัทหลักทรัพย์ไทยเม็กซ์ ซึ่งต่อมากลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะทันทีที่เจ้าของโครงการ ถูกกล่าวหาคดีอาญาเรื่องจ้างวานฆ่า ซึ่งภายหลังถูกยกฟ้อง ก็ส่งผลให้สถาบันการเงิน “เบรก” การปล่อยกู้ทันที 😨 แม้จะฟื้นคืนการเงินได้ในภายหลัง แต่ “ความเชื่อมั่น” ก็ไม่กลับมาอีกเลย… 📉 วิกฤตต้มยำกุ้ง จุดเปลี่ยนเศรษฐกิจที่ทำให้ตึกหยุดสร้าง 🔍 พื้นหลังเศรษฐกิจไทยยุคทอง ก่อนปี 2540 เศรษฐกิจไทยโตเฉลี่ย 9% ต่อปี เงินทุนไหลเข้ามหาศาล ดอกเบี้ยในประเทศสูง ต่างชาติแห่ลงทุน ธนาคารไทยเองก็ขยายเครดิตอย่างหนัก 🏦 มีการตั้ง BIBF เพื่อปล่อยกู้เงินต่างประเทศ เข้ามาภายในประเทศ แต่บริษัทส่วนใหญ่กลับกู้ระยะสั้น ทั้งที่อสังหาฯ ต้องใช้เงินระยะยาว ระบบเศรษฐกิจ "เติบโตเกินจริง" หรือ Overextended เมื่อค่าเงินบาทถูก "ลอยตัว" จาก 25 บาท/ดอลลาร์ ไปแตะ 50 บาท/ดอลลาร์ ทำให้ภาคเอกชนต้องใช้หนี้เพิ่มขึ้น “เท่าตัว” โดยไม่มีรายได้เพิ่มขึ้น 🧨 เมื่อฟองสบู่แตก บริษัทเงินทุนล่มสลาย ปี 2540 รัฐบาลประกาศปิดบริษัทเงินทุนกว่า 50 แห่ง รวมถึง ไทยเม็กซ์ โครงการสาธร ยูนีค ที่เดินหน้าไปแล้ว 80% ก็ต้องหยุดกะทันหัน ท่ามกลางวิกฤตความเชื่อมั่น และต้นทุนกู้ยืมที่สูงเกินรับไหว 👻 จาก “สาธร ยูนีค” สู่ “Ghost Tower” ตำนานความหลอนใจกลางเมือง หลังจากการก่อสร้างถูกปล่อยทิ้งร้าง ตึกนี้ก็เริ่มเสื่อมโทรมตามกาลเวลา และเพราะเป็นตึกสูงใหญ่โดดเด่นที่ "ไม่เสร็จ" ผู้คนก็เริ่มแต่งเรื่องลี้ลับขึ้นมา… 💀 ข่าวลือที่สร้างชื่อเสียงแบบไม่ตั้งใจ บางคนเชื่อว่า ตึกสร้างไม่เสร็จเพราะอาถรรพ์ บ้างลือว่าตึกนี้ ตั้งอยู่บนพื้นที่สุสานเก่า มีข่าวลือถึงการเสียชีวิตปริศนาในตึก 🎥 ในปี 2557 มีเหตุสลดจริง เมื่อพบศพชายชาวสวีเดน แขวนคอในตึกดังกล่าว ทำให้ทางเจ้าของตึกแจ้งความ และมีการ “ปิดทางเข้า” ไม่ให้คนภายนอกเข้าไปอีก อย่างไรก็ตาม ภาพจากตึกนี้ยังคงปรากฏในหนังหลายเรื่อง เช่น “เพื่อน…ที่ระลึก” ที่ตีแผ่ความหลอนจากวิกฤตเศรษฐกิจและการพลัดพราก 🕯️ 💡 ทำไมถึงขายไม่ได้? ราคาพุ่งจาก 3,000 ล้าน สู่ 4,000 ล้าน 📌 ต้นทุนที่ยังค้างคา เจ้าของคนปัจจุบันคือ นายพรรษิษฐ์ ต่อสุวรรณ บุตรชาย ผศ.รังสรรค์ ยืนยันว่า จะขายตึกในราคาที่สามารถคืนทุนทั้งหมด และคืนเงินให้กับผู้ที่ซื้อพรีเซลล์ไว้แล้วกว่า 90% ปัจจุบันราคาตึกตั้งไว้ที่ 3,000-4,000 ล้านบาท ซึ่งสูงเกินกว่าที่นักลงทุนรายใหม่จะรับได้ โดยเฉพาะเมื่อโครงสร้างห้องในอดีตเน้น “ขนาดใหญ่” ซึ่งสวนทางกับเทรนด์ห้องยุคปัจจุบัน ที่ต้องการห้องขนาดกะทัดรัด 😕 🧱 แต่… “Ghost Tower” แข็งแรงกว่าที่คิด! 🌍 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2568 ผู้ใช้โซเชียลมีเดียรายหนึ่ง ออกมาโพสต์ขายตึกนี้ในราคา 4,000 ล้านบาท พร้อมข้อมูลว่า… ❗ "แม้จะเกิดแผ่นดินไหว แต่โครงสร้างตึก ไม่กระทบเลยแม้แต่น้อย" ทำให้มีคนเริ่มสนใจตึกนี้ในฐานะ “อสังหาริมทรัพย์ที่แข็งแรง และโดดเด่นทางสถาปัตยกรรม” อีกครั้ง ตึกนี้ไม่เพียงรอดจากวิกฤตเศรษฐกิจ แต่ยัง "ยืนหยัดท่ามกลางแรงสั่นสะเทือนจากธรรมชาติ" ได้อีกด้วย 💪🌎 🧠 “สาธร” หรือ “สาทร” สรุปใช้คำไหนกันแน่? แม้ตึกจะใช้ชื่อว่า “สาธร ยูนีค ทาวเวอร์” ตามชื่อบริษัทที่จดทะเบียน แต่ในความเป็นจริง ชื่อเขตที่ตั้งควรสะกดว่า “สาทร” โดยมีที่มาทางประวัติศาสตร์ดังนี้ “สาทร” มาจาก หลวงสาทรราชายุตก์ ผู้สร้างถนนและคลองในยุค ร.5 เอกสารราชการในยุค ร.6 ใช้คำว่า “สาทร” อย่างชัดเจน ปัจจุบันการสะกดผิดพลาด และใช้คำว่า “สาธร” แพร่หลาย ราชบัณฑิตยสถานจึงแนะนำให้ใช้คำว่า “สาทร” เพื่อความถูกต้องตามประวัติศาสตร์ 📜 🎬 "Sathorn Unique Tower" แลนด์มาร์กของ “อดีต” ที่ยังยืนอยู่ใน “ปัจจุบัน” แม้จะผ่านเวลามาแล้ว 35 ปี ตึกแห่งนี้ยังคงตั้งตระหง่าน อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ได้เพียงเป็นตึกร้าง แต่กลายเป็น สัญลักษณ์ของบทเรียนเศรษฐกิจ กลายเป็น แลนด์มาร์กแห่งความทรงจำ และอาจเป็น “โอกาสใหม่” ที่รอเพียงการตีความใหม่อีกครั้ง ในอนาคต… 🔚 "ตึกสาธร ยูนีค ทาวเวอร์" อดีตที่ยัง “ยืนอยู่” ตึกนี้คือบทเรียนทางเศรษฐกิจ สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรม ที่ยังไม่จบ… และอาจเป็น “จุดเริ่มต้นใหม่” หากมีใครกล้าคิด…ต่าง 💡 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 301305 มี.ค. 2568 🏷️ #ตึกสาธรยูนีค #GhostTower #วิกฤตต้มยำกุ้ง #ตึกร้างกรุงเทพ #อสังหาริมทรัพย์ไทย #สถานที่หลอน #ตึกผีสิง #กรุงเทพมหานคร #SathornUniqueTower #ตำนานเมืองกรุง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 279 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวจริงหรือเฟกนิวส์ หลังพบมีนายหน้าประกาศขายตึก “สาธร ยูนีค” ราคา 4 พันล้านบาท ล่าสุดเผยว่ามีติดต่อมาแล้ว 5 รายใหญ่

    จากกรณี จากกรณีเกิดเหตุแผ่นดินไหวในประเทศเมียนมา ซึ่งส่งผลกระทบถึงประเทศไทยรู้สึกถึงความสั่นไหวในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอาคารของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ บนถนนกำแพงเพชร 2 ตรงข้ามศูนย์การค้าเจเจมอลล์ แขวงและเขตจตุจักร กรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม มีชาวเน็ตได้นำตึกของ สตง.ไปเปรียบเทียบกับ ตึกใบหยก , ตึกช้างและตึกสาธร ยูนีค

    อย่างไรก็ตาม พบว่าเมื่อวันที่ 28 มี.ค. ชาวเน็ตแห่แชร์โพสต์ของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งอ้างว่าตนเองเป็นนายหน้า ประกาศขายตึกสาธร ยูนีค ในราคา 4 พันล้าน โดยได้ระบุข้อความว่า

    “#ขายตึกสูง 49ชั้น #ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา #ตึกสาธร ยูนิท ที่ดิน3.19ไร่ ตึกยังสร้างไม่เสร็จ เจอ I M F,เสียก่อน ‼️อยู่ถนนเจริญกรุง ไม่โดนมรดกโลกปิดบังทัศนียภาพ ผู้ออกแบบสถาปนิก อ,รังสรรถ้าสร้างเสร็จจะสวยดั่งรูปภาพแบบคอนโดที่หรูที่สุดในใจกลางเมืองมีสระว่ายน้ำรวมอยู่ด้วยใกล้สถานี BTS ไกล้ห้างโรบิลสัน ร,ร,แซงการิล่า หรือโอเร็นเต้ลริมแม่น้ำ สวยสุดแปลงที่เหลือ ขาย 4,000ล้านบาท สี่พันล้านบาท)ราคามาคุยกันได้คับ

    ออกแบบรองรับ แผ่นดินไหว โดยผู้เชี่ยชาญ สถาปนิกมือหนึ่งของไทยและ จากต่างประเทศ ขาย 4 พันล้านถ้วน “

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000030057

    #MGROnline #สาธรยูนีค #สาทรยูนีค #ตึกร้างกรุงเทพ #อสังหาริมทรัพย์ไทย
    ข่าวจริงหรือเฟกนิวส์ หลังพบมีนายหน้าประกาศขายตึก “สาธร ยูนีค” ราคา 4 พันล้านบาท ล่าสุดเผยว่ามีติดต่อมาแล้ว 5 รายใหญ่ • จากกรณี จากกรณีเกิดเหตุแผ่นดินไหวในประเทศเมียนมา ซึ่งส่งผลกระทบถึงประเทศไทยรู้สึกถึงความสั่นไหวในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอาคารของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ บนถนนกำแพงเพชร 2 ตรงข้ามศูนย์การค้าเจเจมอลล์ แขวงและเขตจตุจักร กรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม มีชาวเน็ตได้นำตึกของ สตง.ไปเปรียบเทียบกับ ตึกใบหยก , ตึกช้างและตึกสาธร ยูนีค • อย่างไรก็ตาม พบว่าเมื่อวันที่ 28 มี.ค. ชาวเน็ตแห่แชร์โพสต์ของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งอ้างว่าตนเองเป็นนายหน้า ประกาศขายตึกสาธร ยูนีค ในราคา 4 พันล้าน โดยได้ระบุข้อความว่า “#ขายตึกสูง 49ชั้น #ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา #ตึกสาธร ยูนิท ที่ดิน3.19ไร่ ตึกยังสร้างไม่เสร็จ เจอ I M F,เสียก่อน ‼️อยู่ถนนเจริญกรุง ไม่โดนมรดกโลกปิดบังทัศนียภาพ ผู้ออกแบบสถาปนิก อ,รังสรรถ้าสร้างเสร็จจะสวยดั่งรูปภาพแบบคอนโดที่หรูที่สุดในใจกลางเมืองมีสระว่ายน้ำรวมอยู่ด้วยใกล้สถานี BTS ไกล้ห้างโรบิลสัน ร,ร,แซงการิล่า หรือโอเร็นเต้ลริมแม่น้ำ สวยสุดแปลงที่เหลือ ขาย 4,000ล้านบาท สี่พันล้านบาท)ราคามาคุยกันได้คับ ออกแบบรองรับ แผ่นดินไหว โดยผู้เชี่ยชาญ สถาปนิกมือหนึ่งของไทยและ จากต่างประเทศ ขาย 4 พันล้านถ้วน “ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000030057 • #MGROnline #สาธรยูนีค #สาทรยูนีค #ตึกร้างกรุงเทพ #อสังหาริมทรัพย์ไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 0 รีวิว
  • [ “พระแก้วมรกต” เป็นของใคร ? ]
    .
    เท้าความก่อนตามหลักฐาน “พระแก้วมรกต” ได้รับการสร้างขึ้นในล้านนา ยุคที่ได้รับอิทธิพลทางพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์จากสุโขทัย เป็นพระพุทธรูปสกุลช่างพะเยาที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะสุโขทัย เมืองซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของ “พระแก้วมรกต”
    .
    ขอเริ่มที่สมัย “พญากือนา” กษัตริย์ล้านนา พระองค์ที่ ๖ ครองนครเชียงใหม่ ช่วงปี ๑๘๙๙–๑๙๒๙ พระอนุชาของพระเจ้ากือนา ชื่อ “เจ้ามหาพรหม” ครองนครเชียงราย เป็นเมืองลูกหลวง ได้ยกกองทัพมาเมืองกำแพงเพชรในสมัยพระเจ้าติปัญญา (พระยาญาณดิศ) ทูลขอ “พระพุทธสิหิงค์” และ “พระแก้วมรกต” ไปเมืองเชียงราย ต่อมาพญากือนาสวรรคต แล้ว “พญาแสนเมืองมา” กษัตริย์ล้านนาองค์ต่อมา พระองค์ที่ ๗ ได้ครองเมืองเชียงใหม่ ช่วงปี ๑๙๒๘-๑๙๔๔ จึงยกทัพไปรบกับ “เจ้ามหาพรหม” ผู้เป็นพระปิตุลา (อา) ปรากฏว่า “พญาแสนเมืองมา” ชนะ จึงเชิญ “พระพุทธสิหิงค์” กลับไปเชียงใหม่ได้องค์เดียว ส่วน “พระแก้วมรกต” มีผู้นำไปซ่อนไว้
    .
    ครั้นถึงรัชสมัยของ “พญาสามฝั่งแกน” พระองค์ที่ ๘ ครองนครเชียงใหม่ ช่วงปี ๑๙๕๙-๑๙๙๐ ที่เชียงรายที่ประดิษฐานของ “พระแก้วมรกต” เกิดอสุนีบาต ฟ้าได้ผ่าลงองค์พระเจดีย์จนพังทลายลง จึงพบพระพุทธรูปพอกปูนลงรักปิดทอง จึงได้นำไปไว้ในวิหาร ต่อมาปูนบริเวณพระนาสิก (จมูก) เกิดกะเทาะออก เห็นเป็นเนื้อมรกต พระภิกษุเจ้าอาวาสได้กะเทาะรักและทองออกทั้งองค์ เห็นเป็นเนื้อหยกสีมรกตทั้งองค์ นั่นคือ “พระแก้วมรกต”
    .
    เรื่องนี้ไปถึงพระกรรณ “พญาสามฝั่งแกน” ทราบข่าวการค้นพบพระพุทธรูปนี้ จึงเชิญมาประดิษฐานที่เชียงใหม่ตามพระประสงค์ของพญาแสนเมือง (พระราชบิดา) แต่ช้างทรงของ “พระแก้วมรกต” ไม่ยอมเดินทางมาเชียงใหม่ แต่เดินทางไปลำปางแทน “พญาสามฝั่งแกน” เห็นว่าเมืองลำปางก็อยู่ในอาณาจักรล้านนาจึงนำไปประดิษฐานไว้ที่ “วัดพระแก้วดอนเต้า” แทน ประดิษฐานไว้นาน ๓๒ ปี
    .
    ครั้นถึงรัชสมัยของ “พระเจ้าติโลกราช” พระองค์ที่ ๙ ครองนครเชียงใหม่ (พ.ศ. ๑๙๘๕–๒๐๓๑) พระองค์ทำการรัฐประหารยึดพระราชอำนาจพญาสามฝั่งแกน (พระราชบิดา) ได้สำเร็จ โดยความช่วยเหลือของหมื่นโลกนครแห่งลำปาง จากนั้นพระองค์ได้เชิญ “พระแก้วมรกต” มายังเชียงใหม่ ในปี ๒๐๒๒ พระองค์โปรดให้บูรณะ “พระเจดีย์หลวง” เพื่อประดิษฐาน “พระแก้วมรกต” ไว้ ณ ซุ้มบนองค์เจดีย์ด้านตะวันออก แต่ก็ถูกฟ้าผ่าหลายครั้ง
    .
    หลังจากที่ “พระนางจิรประภาเทวี” พระองค์ที่ ๑๔ ครองนครเชียงใหม่ สละราชสมบัติ ตำแหน่งที่ล้านนาว่างลง “สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช” แห่งล้านช้าง ซึ่งเป็นพระญาติกับราชวงศ์ล้านนามา ก็ได้ครองนครเชียงใหม่ เป็นกษัตริย์พระองค์ที่ ๑๕ ต่อมาล้านช้างได้เกิดความวุ่นวาย เจ้านายทั้งหลายต่างแย่งชิงราชสมบัติกัน ขุนนางล้านช้างและเจ้าศรีวรวงษาราชกุมารจึงเชิญ “พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช” แห่งล้านนา เสด็จกลับมานครหลวงพระบาง แห่งล้านช้าง เพื่อรับราชสมบัติระงับเหตุวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น พระองค์ได้อัญเชิญ “พระแก้วมรกต” รวมทั้ง “พระพุทธสิหิงค์” “พระแก้วขาว” และ “พระแซกคำ” ไปหลวงพระบางด้วย โดยอ้างว่าหนีศึกพระเจ้าบุเรงนอง แห่งหงสาวดี
    .
    ครั้งถึงรัชสมัย “พระเมกุฏิสุทธิวงศ์” พระองค์ที่ ๑๖ ครองนครเชียงใหม่ ก็ขอคือพระพุทธรูปที่เอาไปจากเชียงใหม่ แต่ได้คืนมาเพียง ๒ องค์ คือ “พระพุทธสิหิงค์” กับ “พระแก้วขาว” เมื่อปี ๒๑๐๓ ทรงย้ายราชธานีจาก “หลวงพระบาง” มา “เวียงจันทน์” ก็เชิญ “พระแก้วมรกต” มาประดิษฐาน ณ ราชธานีใหม่ของอาณาจักรล้านช้าง “พระแก้วมรกต” จึงประดิษฐานอยู่ที่ “อาณาจักรล้านช้าง” ตั้งแต่นั้นมา
    .
    ต่อมาในปี ๒๓๒๒ “สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี” โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (รัชกาลที่ ๑ ในกาลต่อมา) ยกทัพไปปราบกบฏเมืองเวียงจันทน์ เมื่อปราบกบฏเรียบร้อยแล้วได้ขนย้ายกวาดต้อนบรรดาเชื้อพระวงศ์ ทรัพย์สินมีค่าต่าง ๆ แล้วให้อัญเชิญ “พระแก้วมรกต” และ “พระบาง ” ซึ่งสถิตอยู่ ณ พระวิหารในวังพระเจ้าล้านช้างนั้น อาราธนาลงเรือข้ามฟากมาประดิษฐานไว้ ณ เมืองพานพร้าวด้วย แล้วในครั้งนั้นประดิษฐานไว้ที่วัดอรุณราชวราราม
    .
    ต่อมาเมื่อสิ้นรัชสมัยของพระองค์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นเป็นราชธานี พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดพระศรีรัตนศาสนาดาขึ้น ในพระบรมมหาราชวัง และได้อัญเชิญ “พระแก้วมรกต” ลงบุษบกในเรือพระที่นั่ง เสด็จข้ามฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามาประดิษฐานในพระอุโบสถ เมื่อปี ๒๓๒๗ ซึ่ง “พระแก้วมรกต” ก็มาเป็นพระพุทธรูปที่เป็นมิ่งขวัญของบ้านเมืองของประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน ส่วน “พระบาง” ได้คืนให้แก่ หลวงพระบาง ปัจจุบัน คือ “ลาว”
    .
    ดังนั้น โดยสรุปแล้วสถานที่ประดิษฐาน “พระแก้วมรกต” พอจะเรียงตามช่วงเวลาได้ดังต่อไปนี้จาก เชียงราย (ล้านนา) > ลำปาง (ล้านนา) > เชียงใหม่ (ล้านนา) > หลวงพระบาง (ล้านช้าง) > เวียงจันทน์ (ล้านช้าง) > ธนบุรี > รัตนโกสินทร์ จึงไม่อาจกล่าวได้ว่า “พระแก้วมรกต” เป็นของลาวตั้งแต่ต้น
    .
    การพูดว่า “พระแก้วมรกต” เป็นของลาว จึงเรื่องที่คลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง ถ้าจะพูดให้ถูกตามข้อเท็จจริงต้องพูดว่า “พระแก้วมรกต” เคยประดิษฐานอยู่ที่ลาวในระยะหนึ่งเท่านั้น
    .
    ส่วนเรื่องการสาปแช่งของฝ่ายลาว ต่อเหตุการณ์ที่ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงให้เจ้าพระยาจักรี (ต่อมาคือรัชกาลที่ ๑) ทรงอัญเชิญ “พระแก้วมรกต” มากรุงเทพฯ อันนี้ไม่มีหลักฐานว่ารองรับหรือบันทึกไว้ เรื่องคำสาปแช่ง น่าจะเป็นเรื่องที่พูดไปพูดมากันภายหลังมากกว่า เพราะไม่มีเอกสารอะไรที่ยืนยันได้เลย
    .
    อ้างอิง
    (๑) สมบัติ พลายน้อย. (๒๕๖๓). ตำนานพระแก้วมรกต. วารสารวัฒนธรรม ค่าล้ำ...วัฒนธรรม ชาวภูเขา, (๑). ๓๔-๔๑.
    (๒) ศักดิ์ชัย สายสิงห์, “ตำนานพระแก้วมรกต (ฉบับหลวงพระบาง)” ในสุจิตต์ วงษ์เทศ (บรรณาธิการ), พระแก้วมรกต. หน้า ๑๑๘. “ตำนานพระแก้วมรกต” ฉบับนี้น่าจะมาจากเวียงจัน มิใช่หลวงพระบาง แต่เจ้าผู้ครองนครหลวงพระบาง
    (๓) โยซิยูกิ มาซูฮารา, ประวัติศาสตร์ลาว. หน้า ๙๘.
    (๔) ศักดิ์ชัย สายสิงห์, “พระแก้วมรกตคือพระพุทธรูปล้านนาที่มีความสัมพันธ์ทางด้านรูปแบบกับพระพุทธรูปหินทรายสกุลช่างพะเยา” ในสุจิตต์ วงษ์เทศ (บรรณาธิการ) พระแก้วมรกต. หน้า ๓๑๓-๓๒๓.
    (๕) พิเศษ เจียจันทร์พงษ์, “คำนำเสนอ พระแก้วมรกตกับประวัติศาสตร์ตำนาน”, ในสุจิตต์ วงษ์เทศ (บรรณาธิการ), พระแก้วมรกต. หน้า (๑๙).
    [ “พระแก้วมรกต” เป็นของใคร ? ] . เท้าความก่อนตามหลักฐาน “พระแก้วมรกต” ได้รับการสร้างขึ้นในล้านนา ยุคที่ได้รับอิทธิพลทางพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์จากสุโขทัย เป็นพระพุทธรูปสกุลช่างพะเยาที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะสุโขทัย เมืองซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของ “พระแก้วมรกต” . ขอเริ่มที่สมัย “พญากือนา” กษัตริย์ล้านนา พระองค์ที่ ๖ ครองนครเชียงใหม่ ช่วงปี ๑๘๙๙–๑๙๒๙ พระอนุชาของพระเจ้ากือนา ชื่อ “เจ้ามหาพรหม” ครองนครเชียงราย เป็นเมืองลูกหลวง ได้ยกกองทัพมาเมืองกำแพงเพชรในสมัยพระเจ้าติปัญญา (พระยาญาณดิศ) ทูลขอ “พระพุทธสิหิงค์” และ “พระแก้วมรกต” ไปเมืองเชียงราย ต่อมาพญากือนาสวรรคต แล้ว “พญาแสนเมืองมา” กษัตริย์ล้านนาองค์ต่อมา พระองค์ที่ ๗ ได้ครองเมืองเชียงใหม่ ช่วงปี ๑๙๒๘-๑๙๔๔ จึงยกทัพไปรบกับ “เจ้ามหาพรหม” ผู้เป็นพระปิตุลา (อา) ปรากฏว่า “พญาแสนเมืองมา” ชนะ จึงเชิญ “พระพุทธสิหิงค์” กลับไปเชียงใหม่ได้องค์เดียว ส่วน “พระแก้วมรกต” มีผู้นำไปซ่อนไว้ . ครั้นถึงรัชสมัยของ “พญาสามฝั่งแกน” พระองค์ที่ ๘ ครองนครเชียงใหม่ ช่วงปี ๑๙๕๙-๑๙๙๐ ที่เชียงรายที่ประดิษฐานของ “พระแก้วมรกต” เกิดอสุนีบาต ฟ้าได้ผ่าลงองค์พระเจดีย์จนพังทลายลง จึงพบพระพุทธรูปพอกปูนลงรักปิดทอง จึงได้นำไปไว้ในวิหาร ต่อมาปูนบริเวณพระนาสิก (จมูก) เกิดกะเทาะออก เห็นเป็นเนื้อมรกต พระภิกษุเจ้าอาวาสได้กะเทาะรักและทองออกทั้งองค์ เห็นเป็นเนื้อหยกสีมรกตทั้งองค์ นั่นคือ “พระแก้วมรกต” . เรื่องนี้ไปถึงพระกรรณ “พญาสามฝั่งแกน” ทราบข่าวการค้นพบพระพุทธรูปนี้ จึงเชิญมาประดิษฐานที่เชียงใหม่ตามพระประสงค์ของพญาแสนเมือง (พระราชบิดา) แต่ช้างทรงของ “พระแก้วมรกต” ไม่ยอมเดินทางมาเชียงใหม่ แต่เดินทางไปลำปางแทน “พญาสามฝั่งแกน” เห็นว่าเมืองลำปางก็อยู่ในอาณาจักรล้านนาจึงนำไปประดิษฐานไว้ที่ “วัดพระแก้วดอนเต้า” แทน ประดิษฐานไว้นาน ๓๒ ปี . ครั้นถึงรัชสมัยของ “พระเจ้าติโลกราช” พระองค์ที่ ๙ ครองนครเชียงใหม่ (พ.ศ. ๑๙๘๕–๒๐๓๑) พระองค์ทำการรัฐประหารยึดพระราชอำนาจพญาสามฝั่งแกน (พระราชบิดา) ได้สำเร็จ โดยความช่วยเหลือของหมื่นโลกนครแห่งลำปาง จากนั้นพระองค์ได้เชิญ “พระแก้วมรกต” มายังเชียงใหม่ ในปี ๒๐๒๒ พระองค์โปรดให้บูรณะ “พระเจดีย์หลวง” เพื่อประดิษฐาน “พระแก้วมรกต” ไว้ ณ ซุ้มบนองค์เจดีย์ด้านตะวันออก แต่ก็ถูกฟ้าผ่าหลายครั้ง . หลังจากที่ “พระนางจิรประภาเทวี” พระองค์ที่ ๑๔ ครองนครเชียงใหม่ สละราชสมบัติ ตำแหน่งที่ล้านนาว่างลง “สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช” แห่งล้านช้าง ซึ่งเป็นพระญาติกับราชวงศ์ล้านนามา ก็ได้ครองนครเชียงใหม่ เป็นกษัตริย์พระองค์ที่ ๑๕ ต่อมาล้านช้างได้เกิดความวุ่นวาย เจ้านายทั้งหลายต่างแย่งชิงราชสมบัติกัน ขุนนางล้านช้างและเจ้าศรีวรวงษาราชกุมารจึงเชิญ “พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช” แห่งล้านนา เสด็จกลับมานครหลวงพระบาง แห่งล้านช้าง เพื่อรับราชสมบัติระงับเหตุวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น พระองค์ได้อัญเชิญ “พระแก้วมรกต” รวมทั้ง “พระพุทธสิหิงค์” “พระแก้วขาว” และ “พระแซกคำ” ไปหลวงพระบางด้วย โดยอ้างว่าหนีศึกพระเจ้าบุเรงนอง แห่งหงสาวดี . ครั้งถึงรัชสมัย “พระเมกุฏิสุทธิวงศ์” พระองค์ที่ ๑๖ ครองนครเชียงใหม่ ก็ขอคือพระพุทธรูปที่เอาไปจากเชียงใหม่ แต่ได้คืนมาเพียง ๒ องค์ คือ “พระพุทธสิหิงค์” กับ “พระแก้วขาว” เมื่อปี ๒๑๐๓ ทรงย้ายราชธานีจาก “หลวงพระบาง” มา “เวียงจันทน์” ก็เชิญ “พระแก้วมรกต” มาประดิษฐาน ณ ราชธานีใหม่ของอาณาจักรล้านช้าง “พระแก้วมรกต” จึงประดิษฐานอยู่ที่ “อาณาจักรล้านช้าง” ตั้งแต่นั้นมา . ต่อมาในปี ๒๓๒๒ “สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี” โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (รัชกาลที่ ๑ ในกาลต่อมา) ยกทัพไปปราบกบฏเมืองเวียงจันทน์ เมื่อปราบกบฏเรียบร้อยแล้วได้ขนย้ายกวาดต้อนบรรดาเชื้อพระวงศ์ ทรัพย์สินมีค่าต่าง ๆ แล้วให้อัญเชิญ “พระแก้วมรกต” และ “พระบาง ” ซึ่งสถิตอยู่ ณ พระวิหารในวังพระเจ้าล้านช้างนั้น อาราธนาลงเรือข้ามฟากมาประดิษฐานไว้ ณ เมืองพานพร้าวด้วย แล้วในครั้งนั้นประดิษฐานไว้ที่วัดอรุณราชวราราม . ต่อมาเมื่อสิ้นรัชสมัยของพระองค์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ขึ้นเป็นราชธานี พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดพระศรีรัตนศาสนาดาขึ้น ในพระบรมมหาราชวัง และได้อัญเชิญ “พระแก้วมรกต” ลงบุษบกในเรือพระที่นั่ง เสด็จข้ามฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามาประดิษฐานในพระอุโบสถ เมื่อปี ๒๓๒๗ ซึ่ง “พระแก้วมรกต” ก็มาเป็นพระพุทธรูปที่เป็นมิ่งขวัญของบ้านเมืองของประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน ส่วน “พระบาง” ได้คืนให้แก่ หลวงพระบาง ปัจจุบัน คือ “ลาว” . ดังนั้น โดยสรุปแล้วสถานที่ประดิษฐาน “พระแก้วมรกต” พอจะเรียงตามช่วงเวลาได้ดังต่อไปนี้จาก เชียงราย (ล้านนา) > ลำปาง (ล้านนา) > เชียงใหม่ (ล้านนา) > หลวงพระบาง (ล้านช้าง) > เวียงจันทน์ (ล้านช้าง) > ธนบุรี > รัตนโกสินทร์ จึงไม่อาจกล่าวได้ว่า “พระแก้วมรกต” เป็นของลาวตั้งแต่ต้น . การพูดว่า “พระแก้วมรกต” เป็นของลาว จึงเรื่องที่คลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง ถ้าจะพูดให้ถูกตามข้อเท็จจริงต้องพูดว่า “พระแก้วมรกต” เคยประดิษฐานอยู่ที่ลาวในระยะหนึ่งเท่านั้น . ส่วนเรื่องการสาปแช่งของฝ่ายลาว ต่อเหตุการณ์ที่ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงให้เจ้าพระยาจักรี (ต่อมาคือรัชกาลที่ ๑) ทรงอัญเชิญ “พระแก้วมรกต” มากรุงเทพฯ อันนี้ไม่มีหลักฐานว่ารองรับหรือบันทึกไว้ เรื่องคำสาปแช่ง น่าจะเป็นเรื่องที่พูดไปพูดมากันภายหลังมากกว่า เพราะไม่มีเอกสารอะไรที่ยืนยันได้เลย . อ้างอิง (๑) สมบัติ พลายน้อย. (๒๕๖๓). ตำนานพระแก้วมรกต. วารสารวัฒนธรรม ค่าล้ำ...วัฒนธรรม ชาวภูเขา, (๑). ๓๔-๔๑. (๒) ศักดิ์ชัย สายสิงห์, “ตำนานพระแก้วมรกต (ฉบับหลวงพระบาง)” ในสุจิตต์ วงษ์เทศ (บรรณาธิการ), พระแก้วมรกต. หน้า ๑๑๘. “ตำนานพระแก้วมรกต” ฉบับนี้น่าจะมาจากเวียงจัน มิใช่หลวงพระบาง แต่เจ้าผู้ครองนครหลวงพระบาง (๓) โยซิยูกิ มาซูฮารา, ประวัติศาสตร์ลาว. หน้า ๙๘. (๔) ศักดิ์ชัย สายสิงห์, “พระแก้วมรกตคือพระพุทธรูปล้านนาที่มีความสัมพันธ์ทางด้านรูปแบบกับพระพุทธรูปหินทรายสกุลช่างพะเยา” ในสุจิตต์ วงษ์เทศ (บรรณาธิการ) พระแก้วมรกต. หน้า ๓๑๓-๓๒๓. (๕) พิเศษ เจียจันทร์พงษ์, “คำนำเสนอ พระแก้วมรกตกับประวัติศาสตร์ตำนาน”, ในสุจิตต์ วงษ์เทศ (บรรณาธิการ), พระแก้วมรกต. หน้า (๑๙).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 425 มุมมอง 0 รีวิว
  • วัดค้างคาว
    นนทบุรี

    วัดค้างคาว​ จากข่าวคราว​ การเสียชีวิตที่น่าสงสัย​ ของดาราสาวชื่อดัง​ คุณแตงโม​ ทำให้ชื่อเสียงวัดแห่งนี้โด่งดังขึ้นมา​ ด้วยเหตุที่มีการสันนิษฐาน​ว่า​ น่าจะเกี่ยวพันบางประการ​กับเหตุการณ์​ เห็น​ได้​จากปากคำเจ้าหน้าที​วัด​ เดิมที่วัดแห่งนั้เป็นวัดเงียบสงบ​ ก็เริ่มมีผู้สนใจแวะมาสักการะ​บ้าง

    วัดค้างคาว ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ใน ตำบลบางไผ่ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ซึ่งสันนิษฐานกันว่าน่าจะสร้างมาตั้งแต่ในสมัยอยุธยาตอนกลางแล้วค่ะ โดยมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า ที่มาของชื่อวัดค้างคาวนั้น มาจากการที่บริเวณวัดมีค้างคาวอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากนั่นเอง จนมาได้รับการบูรณะใหญ่ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งขณะนั้น​ มีการปฏิรูปพุทธศาสนา​ให้เคร่งครัด​มากขึ้น​ ผ่านการก่อตั้งนิกายธรรมยุต​ิ​นั่นเอง

    เมื่อเดินเข้ามาในบริเวณวัด​ เราจะเห็นอุโบสถโบราณหลังใหญ่​ ตัวอุโบสถนั้นจะเป็นอาคารก่ออิฐถือปูนขนาดกว้าง 10.35 เมตร ยาว 26 เมตร มีมุขยื่นทั้งด้านหน้าและด้านหลัง หน้าบันไม้จำหลักลายรูปเทวดาประทับในปราสาท และล้อมรอบด้วยลายก้านต่อดอกและเทพพนม ส่วนของบานประตูหน้าต่างจำหลักเป็นลวดลาย มีซุ้มจระนำ ประดิษฐานพระพุทธรูป​สำคัญ​ คือ​ พระพุทธรูปทรงเครื่องปางห้ามญาติ ที่มีขนาดสูงเท่าคนปกติเลยนามว่า “หลวงพ่อเก้า” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของวัดแห่งนี้​ ว่ากันว่า​ มาขออะไรถ้าไม่ผิดศีลธรรม​ หลวงพ่อดลบันดาล​ให้​ได้​ คนนิยมแก้บนด้วยการจุดประทัด​ ล่าสุดมีคนมาแก้บน​ 1 ล้านดอก​ จุดกันเป็​น​ชั่วโมงครับ

    นอกจากนี้ด้านในอุโบสถยังประดิษฐานพระประธาน ที่เป็นพระพุทธรูปศิลปกรรมสมัยอยุธยา และมีพระพุทธรูปรายล้อมอยู่อีก 28 องค์ ซึ่งจะหันหน้าไปยังทิศทั้ง 4 นับว่าสวยงดงามอย่างมากครับ​ ในซอยนี้​ นอกจากวัดค้างงคาว​ ยังมีวัดดัง​อาทิ​ วัดสังฆทาน​ วัดเขียน​ จังหวัด​นนทบุรี​ ใกล้แค่นี้​ มารับบุญ​ร่วมกัน​นะครับ
    วัดค้างคาว นนทบุรี วัดค้างคาว​ จากข่าวคราว​ การเสียชีวิตที่น่าสงสัย​ ของดาราสาวชื่อดัง​ คุณแตงโม​ ทำให้ชื่อเสียงวัดแห่งนี้โด่งดังขึ้นมา​ ด้วยเหตุที่มีการสันนิษฐาน​ว่า​ น่าจะเกี่ยวพันบางประการ​กับเหตุการณ์​ เห็น​ได้​จากปากคำเจ้าหน้าที​วัด​ เดิมที่วัดแห่งนั้เป็นวัดเงียบสงบ​ ก็เริ่มมีผู้สนใจแวะมาสักการะ​บ้าง วัดค้างคาว ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ใน ตำบลบางไผ่ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ซึ่งสันนิษฐานกันว่าน่าจะสร้างมาตั้งแต่ในสมัยอยุธยาตอนกลางแล้วค่ะ โดยมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า ที่มาของชื่อวัดค้างคาวนั้น มาจากการที่บริเวณวัดมีค้างคาวอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากนั่นเอง จนมาได้รับการบูรณะใหญ่ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งขณะนั้น​ มีการปฏิรูปพุทธศาสนา​ให้เคร่งครัด​มากขึ้น​ ผ่านการก่อตั้งนิกายธรรมยุต​ิ​นั่นเอง เมื่อเดินเข้ามาในบริเวณวัด​ เราจะเห็นอุโบสถโบราณหลังใหญ่​ ตัวอุโบสถนั้นจะเป็นอาคารก่ออิฐถือปูนขนาดกว้าง 10.35 เมตร ยาว 26 เมตร มีมุขยื่นทั้งด้านหน้าและด้านหลัง หน้าบันไม้จำหลักลายรูปเทวดาประทับในปราสาท และล้อมรอบด้วยลายก้านต่อดอกและเทพพนม ส่วนของบานประตูหน้าต่างจำหลักเป็นลวดลาย มีซุ้มจระนำ ประดิษฐานพระพุทธรูป​สำคัญ​ คือ​ พระพุทธรูปทรงเครื่องปางห้ามญาติ ที่มีขนาดสูงเท่าคนปกติเลยนามว่า “หลวงพ่อเก้า” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของวัดแห่งนี้​ ว่ากันว่า​ มาขออะไรถ้าไม่ผิดศีลธรรม​ หลวงพ่อดลบันดาล​ให้​ได้​ คนนิยมแก้บนด้วยการจุดประทัด​ ล่าสุดมีคนมาแก้บน​ 1 ล้านดอก​ จุดกันเป็​น​ชั่วโมงครับ นอกจากนี้ด้านในอุโบสถยังประดิษฐานพระประธาน ที่เป็นพระพุทธรูปศิลปกรรมสมัยอยุธยา และมีพระพุทธรูปรายล้อมอยู่อีก 28 องค์ ซึ่งจะหันหน้าไปยังทิศทั้ง 4 นับว่าสวยงดงามอย่างมากครับ​ ในซอยนี้​ นอกจากวัดค้างงคาว​ ยังมีวัดดัง​อาทิ​ วัดสังฆทาน​ วัดเขียน​ จังหวัด​นนทบุรี​ ใกล้แค่นี้​ มารับบุญ​ร่วมกัน​นะครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 242 มุมมอง 0 รีวิว
  • บางบัวทอง-บางปะอิน อนาคตมอเตอร์เวย์

    เมื่อวันก่อน สำนักก่อสร้างทางที่ 1 กรมทางหลวง เผยแพร่ภาพโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 3901 สายทางคู่ขนานวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ด้านตะวันตก) ด้านซ้ายทาง ตอน 2 ระหว่างกิโลเมตรที่ 73+800 ถึงกิโลเมตรที่ 86+559.873 แล้วเสร็จ ระยะทาง 12.759 กิโลเมตร ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จ เป็นการก่อสร้างทางขนาน (Frontage Road) ขนาด 3 ช่องจราจร จากภาพมีการสร้างสะพานข้ามทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 6 บางปะอิน-นครราชสีมา โดยให้รถยนต์จากทางขนานทุกคันข้ามสะพานดังกล่าว ปิดช่องทางหลัก (Main Road) ที่มีอยู่เดิมซึ่งจะลอดใต้สะพานไปยังด่านบางปะอิน

    การก่อสร้างดังกล่าวเป็นการรองรับโครงการมอเตอร์เวย์หมายเลข 9 สายบางบัวทอง-บางปะอิน ที่จะก่อสร้างแทนที่บนทางหลัก โดยมีแนวเขตทาง 42 เมตร ขนาด 6 ช่องจราจร กว้างช่องละ 3.60 เมตร พร้อมรั้วกั้น เหมือนมอเตอร์เวย์หมายเลข 7 ช่วงทางแยกต่างระดับคีรีถึงทางแยกต่างระดับโป่ง (พัทยา) ซึ่งที่ผ่านมาได้ก่อสร้างทางขนานพร้อมกำหนดให้เป็นทางหลวงหมายเลข 3901 (ด้านซ้ายทาง) และ 3902 (ด้านขวาทาง) อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ยังเหลือการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ที่จะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 27 ส.ค. 2569 แต่ติดปัญหาสาธารณูปโภคและการรุกล้ำแนวเขตทาง

    สำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนที่มาจากบางบัวทอง ช่องทางหลักมีสภาพผิวจราจรชำรุด ไม่แนะนำให้ใช้ทาง ส่วนช่องทางขนาน ช่วงบางบัวทอง ผ่านทางแยกต่างระดับลาดหลุมแก้ว และทางแยกต่างระดับสามโคก ก่อสร้างแล้วเสร็จ เป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็กอย่างดี แต่เมื่อถึงสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา จะเบี่ยงทางให้ใช้สะพานเก่าระหว่างการก่อสร้าง เมื่อลงจากสะพานแล้วจะมีทางขนานที่เพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จ แต่รถส่วนใหญ่จะใช้ทางหลัก ผ่านทางด่วนอุดรรัถยา ทางแยกต่างระดับเชียงรากน้อย (ทางหลวงหมายเลข 347) สะพานข้ามทางรถไฟ แล้วจะถึงสะพานที่เบี่ยงให้รถทุกคันขึ้นไป มุ่งหน้าทางแยกต่างระดับบางปะอิน

    ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ต.ค. 2566 กรมทางหลวงเคยเตรียมเสนอโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์หมายเลข 9 ช่วงบางบัวทอง-ลาดหลุมแก้ว งบประมาณ 4,300 ล้านบาท แต่สุดท้ายก็เงียบหายไป กระทั่งวันที่ 3 ธ.ค. 2567 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมทางหลวงดำเนินโครงการมอเตอร์เวย์หมายเลข 9 ตอนทางยกระดับบางขุนเทียน-บางบัวทอง ระยะทาง 35.85 กิโลเมตร ซึ่งเป็นทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร มีทางขึ้น 8 จุด ทางลง 6 จุด ทางแยกต่างระดับ 5 แห่ง มูลค่าโครงการ 68,686.63 ล้านบาท ลงทุนร่วมกับเอกชนในรูปแบบ PPP NET Cost ขณะนี้อยู่ในระหว่างพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)

    #Newskit
    บางบัวทอง-บางปะอิน อนาคตมอเตอร์เวย์ เมื่อวันก่อน สำนักก่อสร้างทางที่ 1 กรมทางหลวง เผยแพร่ภาพโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 3901 สายทางคู่ขนานวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ด้านตะวันตก) ด้านซ้ายทาง ตอน 2 ระหว่างกิโลเมตรที่ 73+800 ถึงกิโลเมตรที่ 86+559.873 แล้วเสร็จ ระยะทาง 12.759 กิโลเมตร ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จ เป็นการก่อสร้างทางขนาน (Frontage Road) ขนาด 3 ช่องจราจร จากภาพมีการสร้างสะพานข้ามทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 6 บางปะอิน-นครราชสีมา โดยให้รถยนต์จากทางขนานทุกคันข้ามสะพานดังกล่าว ปิดช่องทางหลัก (Main Road) ที่มีอยู่เดิมซึ่งจะลอดใต้สะพานไปยังด่านบางปะอิน การก่อสร้างดังกล่าวเป็นการรองรับโครงการมอเตอร์เวย์หมายเลข 9 สายบางบัวทอง-บางปะอิน ที่จะก่อสร้างแทนที่บนทางหลัก โดยมีแนวเขตทาง 42 เมตร ขนาด 6 ช่องจราจร กว้างช่องละ 3.60 เมตร พร้อมรั้วกั้น เหมือนมอเตอร์เวย์หมายเลข 7 ช่วงทางแยกต่างระดับคีรีถึงทางแยกต่างระดับโป่ง (พัทยา) ซึ่งที่ผ่านมาได้ก่อสร้างทางขนานพร้อมกำหนดให้เป็นทางหลวงหมายเลข 3901 (ด้านซ้ายทาง) และ 3902 (ด้านขวาทาง) อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ยังเหลือการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ที่จะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 27 ส.ค. 2569 แต่ติดปัญหาสาธารณูปโภคและการรุกล้ำแนวเขตทาง สำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนที่มาจากบางบัวทอง ช่องทางหลักมีสภาพผิวจราจรชำรุด ไม่แนะนำให้ใช้ทาง ส่วนช่องทางขนาน ช่วงบางบัวทอง ผ่านทางแยกต่างระดับลาดหลุมแก้ว และทางแยกต่างระดับสามโคก ก่อสร้างแล้วเสร็จ เป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็กอย่างดี แต่เมื่อถึงสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา จะเบี่ยงทางให้ใช้สะพานเก่าระหว่างการก่อสร้าง เมื่อลงจากสะพานแล้วจะมีทางขนานที่เพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จ แต่รถส่วนใหญ่จะใช้ทางหลัก ผ่านทางด่วนอุดรรัถยา ทางแยกต่างระดับเชียงรากน้อย (ทางหลวงหมายเลข 347) สะพานข้ามทางรถไฟ แล้วจะถึงสะพานที่เบี่ยงให้รถทุกคันขึ้นไป มุ่งหน้าทางแยกต่างระดับบางปะอิน ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ต.ค. 2566 กรมทางหลวงเคยเตรียมเสนอโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์หมายเลข 9 ช่วงบางบัวทอง-ลาดหลุมแก้ว งบประมาณ 4,300 ล้านบาท แต่สุดท้ายก็เงียบหายไป กระทั่งวันที่ 3 ธ.ค. 2567 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมทางหลวงดำเนินโครงการมอเตอร์เวย์หมายเลข 9 ตอนทางยกระดับบางขุนเทียน-บางบัวทอง ระยะทาง 35.85 กิโลเมตร ซึ่งเป็นทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร มีทางขึ้น 8 จุด ทางลง 6 จุด ทางแยกต่างระดับ 5 แห่ง มูลค่าโครงการ 68,686.63 ล้านบาท ลงทุนร่วมกับเอกชนในรูปแบบ PPP NET Cost ขณะนี้อยู่ในระหว่างพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 481 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตัวแทนบริษัทเรือสำราญหรูรับตกใจ สั่งเลิกจ้าง3พนง.เทขยะลงแม่น้ำเจ้าพระยา
    https://www.thai-tai.tv/news/17417/
    ตัวแทนบริษัทเรือสำราญหรูรับตกใจ สั่งเลิกจ้าง3พนง.เทขยะลงแม่น้ำเจ้าพระยา https://www.thai-tai.tv/news/17417/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • เอาให้หนักพวกมักง่าย………..โซเชียลสวดยับ! เรือภัตตาคาร พนักงานระดมทิ้งขยะลงแม่น้ำเจ้าพระยา โดยผู้โพสต์คลิประบุ "เพื่อนเปิดร้านริมแม่น้ำเจ้าพระยาค่ะ แล้วเพื่อนเราเห็นว่าเรือครูซบริษัทนี้มาทิ้งขยะหน้าร้านทุกวัน พอทางเรือครูซเห็นว่าทางร้านเห็น ก็เลยย้ายไปทิ้งด้านหลังเรือที่จอดไว้หน้าร้านแทนค่ะ นี่เพื่อนต้องแอบไปถ่ายมาถึงจะได้คลิปนี้"
    .
    ขณะที่ทางเพจเฟซบุ๊กของบริษัทเรือลำนี้ยังคงนิ่งเงียบไร้การชี้แจงใดๆ ท่ามกลางกระแสทัวร์ลงฉ่ำ ขณะที่ทีมข่าวพยายามติดต่อผ่านเบอร์บนหน้าเว็บไซต์บริษัท ทางปลายสายบอกเป็นแค่ตัวแทนจำหน่าย และให้ติดต่อไปอีกเบอร์หนึ่ง แต่ก็ไม่มีผู้รับสายแต่อย่างใด
    .
    ทั้งนี้ประกาศกรมเจ้าท่า ที่ 157/2563 ระบุไว้ว่า ห้ามเท ทิ้งขยะมูลฝอย น้ำมันหรือเคมีภัณฑ์ สิ่งของหรือสิ่งปฏิกูลใดๆ ลงในแหล่งน้ำสาธารณะหรือทะเลภายในน้ำน่านน้ำไทย ผู้ฝ่าฝืนกระทำความผิดต้องรับโทษจำคุก ปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ และชดใช้เงินค่าใช้จ่ายในการบำบัดหรือขจัดมลพิษทางน้ำที่เกิดขึ้นในอัตราสูงสุดตามกฎหมาย
    .
    #เรือภัตตาคาร #แม่น้ำเจ้าพระยา #ทิ้งขยะ #สำนักข่าววันนิวส์
    เอาให้หนักพวกมักง่าย………..โซเชียลสวดยับ! เรือภัตตาคาร พนักงานระดมทิ้งขยะลงแม่น้ำเจ้าพระยา โดยผู้โพสต์คลิประบุ "เพื่อนเปิดร้านริมแม่น้ำเจ้าพระยาค่ะ แล้วเพื่อนเราเห็นว่าเรือครูซบริษัทนี้มาทิ้งขยะหน้าร้านทุกวัน พอทางเรือครูซเห็นว่าทางร้านเห็น ก็เลยย้ายไปทิ้งด้านหลังเรือที่จอดไว้หน้าร้านแทนค่ะ นี่เพื่อนต้องแอบไปถ่ายมาถึงจะได้คลิปนี้" . ขณะที่ทางเพจเฟซบุ๊กของบริษัทเรือลำนี้ยังคงนิ่งเงียบไร้การชี้แจงใดๆ ท่ามกลางกระแสทัวร์ลงฉ่ำ ขณะที่ทีมข่าวพยายามติดต่อผ่านเบอร์บนหน้าเว็บไซต์บริษัท ทางปลายสายบอกเป็นแค่ตัวแทนจำหน่าย และให้ติดต่อไปอีกเบอร์หนึ่ง แต่ก็ไม่มีผู้รับสายแต่อย่างใด . ทั้งนี้ประกาศกรมเจ้าท่า ที่ 157/2563 ระบุไว้ว่า ห้ามเท ทิ้งขยะมูลฝอย น้ำมันหรือเคมีภัณฑ์ สิ่งของหรือสิ่งปฏิกูลใดๆ ลงในแหล่งน้ำสาธารณะหรือทะเลภายในน้ำน่านน้ำไทย ผู้ฝ่าฝืนกระทำความผิดต้องรับโทษจำคุก ปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ และชดใช้เงินค่าใช้จ่ายในการบำบัดหรือขจัดมลพิษทางน้ำที่เกิดขึ้นในอัตราสูงสุดตามกฎหมาย . #เรือภัตตาคาร #แม่น้ำเจ้าพระยา #ทิ้งขยะ #สำนักข่าววันนิวส์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 321 มุมมอง 0 รีวิว
  • โซเชียลสับเละ! เรือสำราญหรูทิ้งขยะลงแม่น้ำเจ้าพระยา เรื่องถึงกรมเจ้าท่าแล้ว
    https://www.thai-tai.tv/news/17399/
    โซเชียลสับเละ! เรือสำราญหรูทิ้งขยะลงแม่น้ำเจ้าพระยา เรื่องถึงกรมเจ้าท่าแล้ว https://www.thai-tai.tv/news/17399/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3 ปี สิ้นดาราสาว “แตงโม-ภัทรธิดา” คดีปริศนาแห่งแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ยังไร้ข้อสรุป

    📅 ครบ 3 ปี การจากไปของ "แตงโม นิดา" วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เป็นวันที่แฟนคลับ และประชาชนทั่วประเทศไทย ต้องตกใจและตกตะลึง กับข่าวการเสียชีวิตของ "แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์" นักแสดงสาวชื่อดัง ที่พลัดตกจากเรือสปีดโบ๊ต กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ท่ามกลางปริศนา และข้อกังขามากมาย คดีนี้กลายเป็นหนึ่งในคดี ที่ถูกจับตามองมากที่สุด ในประวัติศาสตร์ไทย

    ⏳ ย้อนรอยคืนเกิดเหตุ 24 กุมภาพันธ์ 2565
    🔹 ช่วงเย็น แตงโมพร้อมกลุ่มเพื่อน 5 คน ได้แก่ ปอ ตนุภัทร, กระติก อิจศรินทร์, แซน วิศาพัช, จ๊อบ นิทัศน์ และโรเบิร์ต ไพบูลย์ นัดกันไปทานอาหาร ก่อนทั้งหมดลงเรือสปีดโบ๊ต ล่องแม่น้ำเจ้าพระยา

    🔹 เวลา 22.32 น. แตงโมตกน้ำบริเวณสะพานพระราม 7 โดยอ้างว่าไปปัสสาวะท้ายเรือ

    🔹 หลังจากนั้น 30 นาที กลุ่มเพื่อนที่อยู่บนเรือ อ้างว่าวนเรือกลับมาหา แต่ไม่พบ

    🔹 00.20 น. 25 ก.พ. 2565 ทีมกู้ภัยและนักประดาน้ำ เริ่มปฏิบัติการค้นหา

    🔹 13.10 น. 26 ก.พ. 2565 พบศพแตงโม ลอยขึ้นใกล้ท่าเรือพิบูลสงคราม 1

    🚨 แม้จะพบร่างแล้ว แต่ปริศนาเกี่ยวกับการเสียชีวิต กลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ!

    🕵️‍♂️ คำถามที่ยังไม่มีคำตอบในคดีแตงโม
    แม้ว่าตำรวจจะสรุปว่า "แตงโมเสียชีวิต จากอุบัติเหตุพลัดตกน้ำ" แต่สังคมยังคงมีข้อสงสัยมากมาย อาทิ

    ❓ บาดแผลที่ต้นขาเกิดจากอะไร?
    ➡️ แพทย์นิติเวช พบแผลฉกรรจ์ที่ขาซ้าย คาดว่าเกิดจากใบพัดเรือ ทำให้ขาขยับไม่ได้ ซึ่งขัดแย้งกับคำให้การที่อ้างว่า "เธอตกน้ำ และพยายามว่ายน้ำกลับ"

    ❓ ทำไมกลุ่มเพื่อน จึงมีคำให้การไม่ตรงกัน?
    ➡️ แต่ละคนให้ปากคำแตกต่างกัน บางช่วงเวลา ไม่มีหลักฐานแน่ชัด ว่าทำอะไร

    ❓ หลักฐานที่สำคัญหายไปไหน?
    ➡️ เรือลำเกิดเหตุ ถูกทำความสะอาดก่อนตรวจสอบ ส่วนโทรศัพท์มือถือของแตงโม ถูกส่งไปต่างประเทศ แต่ภายหลังมีการกู้ข้อมูลกลับมา

    ❓ คลิปและรูปที่ถูกเผยแพร่ เป็นของจริงหรือไม่?
    ➡️ มีการตั้งข้อสังเกตว่า ภาพที่แตงโมถ่ายก่อนตกน้ำ อาจถูกตัดต่อ

    🏛️ การดำเนินคดี และคำตัดสิน
    📌 ตลอด 3 ปี ที่ผ่านมา มีการดำเนินคดี กับบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายราย แต่กระบวนการยุติธรรม ยังเต็มไปด้วยข้อกังขา

    🔴 ศาลจังหวัดนนทบุรี อนุมัติหมายจับ
    - ปอ ตนุภัทร และโรเบิร์ต ไพบูลย์ ข้อหากระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต
    - กระติก อิจศรินทร์ ให้การเท็จ และละเว้นการแจ้งเหตุ
    - แซน วิศาพัช ถูกตั้งข้อสงสัยว่า เป็นพยานปากสำคัญ ที่ให้ข้อมูลขัดแย้ง

    🔴 นางภนิดา แม่ของแตงโม รับเงินชดเชย 2 ล้านบาท
    ➡️ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า "แลกเงินกับคดีลูก"

    🔴 ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ ในปี 2567
    ➡️ มีการพบหลักฐานใหม่ ที่อาจทำให้คดีพลิก

    💔 ดราม่าภายในครอบครัว และคนใกล้ชิด
    😢 คดีนี้ไม่เพียงแต่ สร้างความสะเทือนใจต่อสังคม แต่ยังนำไปสู่ความขัดแย้งในครอบครัว
    🔹 แม่ของแตงโมถูกวิจารณ์หนัก เพราะยอมรับเงินเยียวยา และดูเหมือนไม่มุ่งหาความจริง
    🔹 เพื่อนสนิทแฉกันเอง หลายคนที่เคยสนิทกับแตงโม กลับกลายเป็นคู่กรณีกันในศาล
    🔹 ผู้ต้องหาให้สัมภาษณ์โต้แย้งกันเอง ทำให้คดีดูซับซ้อนยิ่งขึ้น

    📌 คดีแตงโม ความยุติธรรมจะมาถึงเมื่อไหร่?
    ⏳ แม้จะผ่านมา 3 ปี แต่คดีแตงโมยังเป็นปริศนา มีหลายฝ่ายเรียกร้อง ให้มีการรื้อฟื้นคดี และนำตัวผู้กระทำผิดที่แท้จริง มาลงโทษ

    🔎 ล่าสุดมีหลักฐานใหม่ ที่ถูกนำมาเปิดเผย เช่น
    ✅ คลิปจากมือถือแตงโม ที่อาจระบุได้ว่า เธอไม่ได้อยู่บนเรือ ในช่วงเวลาที่ตกน้ำ
    ✅ ข้อมูลจากกลุ่มอิสระ ที่พบข้อผิดพลาด ในการสืบสวนของตำรวจ

    🔥 “เวรกรรมกำลังทำงาน” เป็นคำพูดที่หลายคนในโซเชียล ใช้กันมากขึ้น เมื่อเห็นว่า หลายคนที่เคยปกป้องกันในคดีนี้ เริ่มมีปัญหากับกฎหมาย และสังคม

    📢 แตงโมยังคงรอความเป็นธรรม การเสียชีวิตของ "แตงโม นิดา" ไม่ใช่แค่เรื่องของดาราสาวคนหนึ่ง แต่เป็นตัวอย่าง ของปัญหาความยุติธรรมในสังคมไทย ที่ยังต้องการคำตอบ

    📍 สุดท้ายแล้ว "คดีนี้จะถูกปิดไปพร้อมกับความลับ หรือความจริงจะถูกเปิดเผยในที่สุด?" 📢

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241015 ก.พ. 2568

    🔥 #แตงโมนิดา #คดีแตงโม #3ปีที่จากไป #ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน #DSI #เปิดโปงความจริง #ลับลวงพราง #แตงโมต้องได้รับความเป็นธรรม
    3 ปี สิ้นดาราสาว “แตงโม-ภัทรธิดา” คดีปริศนาแห่งแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ยังไร้ข้อสรุป 📅 ครบ 3 ปี การจากไปของ "แตงโม นิดา" วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เป็นวันที่แฟนคลับ และประชาชนทั่วประเทศไทย ต้องตกใจและตกตะลึง กับข่าวการเสียชีวิตของ "แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์" นักแสดงสาวชื่อดัง ที่พลัดตกจากเรือสปีดโบ๊ต กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ท่ามกลางปริศนา และข้อกังขามากมาย คดีนี้กลายเป็นหนึ่งในคดี ที่ถูกจับตามองมากที่สุด ในประวัติศาสตร์ไทย ⏳ ย้อนรอยคืนเกิดเหตุ 24 กุมภาพันธ์ 2565 🔹 ช่วงเย็น แตงโมพร้อมกลุ่มเพื่อน 5 คน ได้แก่ ปอ ตนุภัทร, กระติก อิจศรินทร์, แซน วิศาพัช, จ๊อบ นิทัศน์ และโรเบิร์ต ไพบูลย์ นัดกันไปทานอาหาร ก่อนทั้งหมดลงเรือสปีดโบ๊ต ล่องแม่น้ำเจ้าพระยา 🔹 เวลา 22.32 น. แตงโมตกน้ำบริเวณสะพานพระราม 7 โดยอ้างว่าไปปัสสาวะท้ายเรือ 🔹 หลังจากนั้น 30 นาที กลุ่มเพื่อนที่อยู่บนเรือ อ้างว่าวนเรือกลับมาหา แต่ไม่พบ 🔹 00.20 น. 25 ก.พ. 2565 ทีมกู้ภัยและนักประดาน้ำ เริ่มปฏิบัติการค้นหา 🔹 13.10 น. 26 ก.พ. 2565 พบศพแตงโม ลอยขึ้นใกล้ท่าเรือพิบูลสงคราม 1 🚨 แม้จะพบร่างแล้ว แต่ปริศนาเกี่ยวกับการเสียชีวิต กลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ! 🕵️‍♂️ คำถามที่ยังไม่มีคำตอบในคดีแตงโม แม้ว่าตำรวจจะสรุปว่า "แตงโมเสียชีวิต จากอุบัติเหตุพลัดตกน้ำ" แต่สังคมยังคงมีข้อสงสัยมากมาย อาทิ ❓ บาดแผลที่ต้นขาเกิดจากอะไร? ➡️ แพทย์นิติเวช พบแผลฉกรรจ์ที่ขาซ้าย คาดว่าเกิดจากใบพัดเรือ ทำให้ขาขยับไม่ได้ ซึ่งขัดแย้งกับคำให้การที่อ้างว่า "เธอตกน้ำ และพยายามว่ายน้ำกลับ" ❓ ทำไมกลุ่มเพื่อน จึงมีคำให้การไม่ตรงกัน? ➡️ แต่ละคนให้ปากคำแตกต่างกัน บางช่วงเวลา ไม่มีหลักฐานแน่ชัด ว่าทำอะไร ❓ หลักฐานที่สำคัญหายไปไหน? ➡️ เรือลำเกิดเหตุ ถูกทำความสะอาดก่อนตรวจสอบ ส่วนโทรศัพท์มือถือของแตงโม ถูกส่งไปต่างประเทศ แต่ภายหลังมีการกู้ข้อมูลกลับมา ❓ คลิปและรูปที่ถูกเผยแพร่ เป็นของจริงหรือไม่? ➡️ มีการตั้งข้อสังเกตว่า ภาพที่แตงโมถ่ายก่อนตกน้ำ อาจถูกตัดต่อ 🏛️ การดำเนินคดี และคำตัดสิน 📌 ตลอด 3 ปี ที่ผ่านมา มีการดำเนินคดี กับบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายราย แต่กระบวนการยุติธรรม ยังเต็มไปด้วยข้อกังขา 🔴 ศาลจังหวัดนนทบุรี อนุมัติหมายจับ - ปอ ตนุภัทร และโรเบิร์ต ไพบูลย์ ข้อหากระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต - กระติก อิจศรินทร์ ให้การเท็จ และละเว้นการแจ้งเหตุ - แซน วิศาพัช ถูกตั้งข้อสงสัยว่า เป็นพยานปากสำคัญ ที่ให้ข้อมูลขัดแย้ง 🔴 นางภนิดา แม่ของแตงโม รับเงินชดเชย 2 ล้านบาท ➡️ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า "แลกเงินกับคดีลูก" 🔴 ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ ในปี 2567 ➡️ มีการพบหลักฐานใหม่ ที่อาจทำให้คดีพลิก 💔 ดราม่าภายในครอบครัว และคนใกล้ชิด 😢 คดีนี้ไม่เพียงแต่ สร้างความสะเทือนใจต่อสังคม แต่ยังนำไปสู่ความขัดแย้งในครอบครัว 🔹 แม่ของแตงโมถูกวิจารณ์หนัก เพราะยอมรับเงินเยียวยา และดูเหมือนไม่มุ่งหาความจริง 🔹 เพื่อนสนิทแฉกันเอง หลายคนที่เคยสนิทกับแตงโม กลับกลายเป็นคู่กรณีกันในศาล 🔹 ผู้ต้องหาให้สัมภาษณ์โต้แย้งกันเอง ทำให้คดีดูซับซ้อนยิ่งขึ้น 📌 คดีแตงโม ความยุติธรรมจะมาถึงเมื่อไหร่? ⏳ แม้จะผ่านมา 3 ปี แต่คดีแตงโมยังเป็นปริศนา มีหลายฝ่ายเรียกร้อง ให้มีการรื้อฟื้นคดี และนำตัวผู้กระทำผิดที่แท้จริง มาลงโทษ 🔎 ล่าสุดมีหลักฐานใหม่ ที่ถูกนำมาเปิดเผย เช่น ✅ คลิปจากมือถือแตงโม ที่อาจระบุได้ว่า เธอไม่ได้อยู่บนเรือ ในช่วงเวลาที่ตกน้ำ ✅ ข้อมูลจากกลุ่มอิสระ ที่พบข้อผิดพลาด ในการสืบสวนของตำรวจ 🔥 “เวรกรรมกำลังทำงาน” เป็นคำพูดที่หลายคนในโซเชียล ใช้กันมากขึ้น เมื่อเห็นว่า หลายคนที่เคยปกป้องกันในคดีนี้ เริ่มมีปัญหากับกฎหมาย และสังคม 📢 แตงโมยังคงรอความเป็นธรรม การเสียชีวิตของ "แตงโม นิดา" ไม่ใช่แค่เรื่องของดาราสาวคนหนึ่ง แต่เป็นตัวอย่าง ของปัญหาความยุติธรรมในสังคมไทย ที่ยังต้องการคำตอบ 📍 สุดท้ายแล้ว "คดีนี้จะถูกปิดไปพร้อมกับความลับ หรือความจริงจะถูกเปิดเผยในที่สุด?" 📢 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241015 ก.พ. 2568 🔥 #แตงโมนิดา #คดีแตงโม #3ปีที่จากไป #ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน #DSI #เปิดโปงความจริง #ลับลวงพราง #แตงโมต้องได้รับความเป็นธรรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 820 มุมมอง 0 รีวิว
  • #วัดธาตุทอง
    #กรุงเทพมหานครฯ

    วัดธาตุ​ทอง​ -​ ผมว่าหลาย​ ๆ​ ท่านที่โดยสารรถไฟฟ้า​ BTS.​ เป็น​ประจำ​ เมื่อผ่านสถานีเอกมัย​ มองไปจะเห็นเจดีย์​สีทองอร่าม​ ประดิษฐาน​ อยู่​ไกล​ๆ​ สวยงามมาก ที่สำคัญ​ดู​ contrast. กับตึกรามห้างสรรพสินค้า​ที่ตั้งตรงข้ามราวกับ​ โลกในอดีตกับปัจจุบัน​ประจันหน้ากันแบบ​ ไม่เกรงใจ

    ส่วนตัว​ จำได้ว่าเคยลงภาพและเรื่องราวของวัดธาตุทองไปแล้ว​ แต่ตอนนั้น​ พระมหาเจดีย์​กำลัง​บูรณะ​ วันนี้ขอแก้ตัว​ นำภาพสวย​ ๆ​ และเรื่องราววัดในเมือง​ ของชาวสุขุมวิท​แห่งนี้กลับมาอีกครั้ง​ มาฟังกันครับ​ วัดธาตุทอง

    พื้นที่แห่งนี้​ แต่เดิมเป็นที่ตั้งของวัดหน้าพระธาตุกับวัดทองล่าง ซึ่งวัดหน้าพระธาตุเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยที่มาของชื่อวัดก็มาจากหน้าวัดมีพระเจดีย์องค์ใหญ่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุอยู่ภายใน ส่วนวัดทองล่างนั้นเดิมทีเป็นสวนผลไม้ที่มีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางสวน เจ้าของสวนเห็นว่าต้นโพธิ์ควรเป็นต้นไม้ในวัดมากกว่าที่จะปลูกไว้ในบ้าน ประกอบกับไม่ต้องการโค่นทิ้ง เพราะเกรงว่าจะก่อให้เกิดอันตรายต่อตนเองและครอบครัว จึงได้บริจาคที่ดินในบริเวณนั้นเพื่อสร้างเป็นวัดเล็ก ๆ ขึ้นมาและตั้งชื่อว่า วัดโพธิ์สุวรรณาราม หรือ วัดโพธิ์ทอง ต่อมาชาวบ้านในแถบนั้นเรียกชื่ออย่างสั้น ๆ ว่า วัดทอง แต่ทว่าตามริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งตอนบนและตอนล่างมีวัดทองอยู่หลายแห่ง ชาวบ้านจึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วัดทองล่าง นั่นเอง

    ต่อมาในปี พ.ศ. 2480 รัฐบาลในสมัยนั้นต้องการขอเวนคืนพื้นที่วัดหน้าพระธาตุและวัดทองล่าง เพื่อสร้างท่าเรือกรุงเทพฯ โดยชดเชยเงินให้ทั้ง 2 วัด เพื่อไปรวมกับวัดอื่นหรือสร้างวัดใหม่ขึ้นมา ทำให้คณะสงฆ์มีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้น และมีความเห็นพ้องต้องกันในการซื้อที่ดินปัจจุบัน พร้อมกับย้ายเสนาสนะถาวรวัตถุของทั้ง 2 วัดมาปลูกสร้างรวมกันที่ตำบล คลองบ้านกล้วย โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นองค์อุปถัมภ์ และตั้งชื่อว่า วัดธาตุทอง โดยมีที่มาจากการนำชื่อของทั้ง 2 วัดรวมเข้าด้วยกัน เมื่อปี พ.ศ. 2481

    ในปี พ.ศ. 2550 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับวัดธาตุทองไว้ในพระอุปถัมภ์ และประทานตราสัญลักษณ์ใหม่ให้แก่วัด จากนั้นในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกให้ วัดธาตุทอง เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ มาจนถึงปัจจุบัน

    สิ่งที่ห้ามพลาด​ ไปกราบพระในพระอุโบสถ ภายใน​ ประดิษฐาน พระสัพพัญญู พระประธานประจำพระอุโบสถ มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 70 นิ้ว สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2495 พระพุทธชินินทร ที่เป็นพระประจำอุโบสถ สมัยอู่ทอง และพระพุทธมนต์ปรีชา สุโขทัย ที่เป็นพระประธานหอประชุม

    ถัดจากนั้น​เดินไปด้านหลัง​ ไปสักการะ​ พระมหาเจดีย์ 84 พรรษา ราชนครินทร์ เป็นพระเจดีย์ที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2553 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยใช้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปจากทั่วโลก รวมถึงพระบรมสารีริกธาตุจากหลวงพ่อไจทีเซา เจ้าอาวาสวัดไจทีเซา ในประเทศพม่าด้วยครับ​

    เป็น​ไงครับ​ แค่ลงรถไฟฟ้า​ สถานีเอกมัย​ มาไม่กี่ก้าว​ ก็จะพบกับ ความยิ่งใหญ่​ ความงาม​ และ​ความสงบ​ วัดธาตุ​ทอง​ ใกล้แค่นี้เอง

    #ชีวิตนี้ต้องมี1000วัด #เที่ยวไทยไปกับส้มโจ #เที่ยววัด #วัด #ไหว้พระ #ทำบุญ #travel #thailand #amazingthailand #thaitour #temple #history #architecture #culture #thaitemple #ท่องเที่ยว #CultureTrip
    #วัดธาตุทอง #กรุงเทพมหานครฯ วัดธาตุ​ทอง​ -​ ผมว่าหลาย​ ๆ​ ท่านที่โดยสารรถไฟฟ้า​ BTS.​ เป็น​ประจำ​ เมื่อผ่านสถานีเอกมัย​ มองไปจะเห็นเจดีย์​สีทองอร่าม​ ประดิษฐาน​ อยู่​ไกล​ๆ​ สวยงามมาก ที่สำคัญ​ดู​ contrast. กับตึกรามห้างสรรพสินค้า​ที่ตั้งตรงข้ามราวกับ​ โลกในอดีตกับปัจจุบัน​ประจันหน้ากันแบบ​ ไม่เกรงใจ ส่วนตัว​ จำได้ว่าเคยลงภาพและเรื่องราวของวัดธาตุทองไปแล้ว​ แต่ตอนนั้น​ พระมหาเจดีย์​กำลัง​บูรณะ​ วันนี้ขอแก้ตัว​ นำภาพสวย​ ๆ​ และเรื่องราววัดในเมือง​ ของชาวสุขุมวิท​แห่งนี้กลับมาอีกครั้ง​ มาฟังกันครับ​ วัดธาตุทอง พื้นที่แห่งนี้​ แต่เดิมเป็นที่ตั้งของวัดหน้าพระธาตุกับวัดทองล่าง ซึ่งวัดหน้าพระธาตุเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยที่มาของชื่อวัดก็มาจากหน้าวัดมีพระเจดีย์องค์ใหญ่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุอยู่ภายใน ส่วนวัดทองล่างนั้นเดิมทีเป็นสวนผลไม้ที่มีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางสวน เจ้าของสวนเห็นว่าต้นโพธิ์ควรเป็นต้นไม้ในวัดมากกว่าที่จะปลูกไว้ในบ้าน ประกอบกับไม่ต้องการโค่นทิ้ง เพราะเกรงว่าจะก่อให้เกิดอันตรายต่อตนเองและครอบครัว จึงได้บริจาคที่ดินในบริเวณนั้นเพื่อสร้างเป็นวัดเล็ก ๆ ขึ้นมาและตั้งชื่อว่า วัดโพธิ์สุวรรณาราม หรือ วัดโพธิ์ทอง ต่อมาชาวบ้านในแถบนั้นเรียกชื่ออย่างสั้น ๆ ว่า วัดทอง แต่ทว่าตามริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งตอนบนและตอนล่างมีวัดทองอยู่หลายแห่ง ชาวบ้านจึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วัดทองล่าง นั่นเอง ต่อมาในปี พ.ศ. 2480 รัฐบาลในสมัยนั้นต้องการขอเวนคืนพื้นที่วัดหน้าพระธาตุและวัดทองล่าง เพื่อสร้างท่าเรือกรุงเทพฯ โดยชดเชยเงินให้ทั้ง 2 วัด เพื่อไปรวมกับวัดอื่นหรือสร้างวัดใหม่ขึ้นมา ทำให้คณะสงฆ์มีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้น และมีความเห็นพ้องต้องกันในการซื้อที่ดินปัจจุบัน พร้อมกับย้ายเสนาสนะถาวรวัตถุของทั้ง 2 วัดมาปลูกสร้างรวมกันที่ตำบล คลองบ้านกล้วย โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นองค์อุปถัมภ์ และตั้งชื่อว่า วัดธาตุทอง โดยมีที่มาจากการนำชื่อของทั้ง 2 วัดรวมเข้าด้วยกัน เมื่อปี พ.ศ. 2481 ในปี พ.ศ. 2550 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับวัดธาตุทองไว้ในพระอุปถัมภ์ และประทานตราสัญลักษณ์ใหม่ให้แก่วัด จากนั้นในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกให้ วัดธาตุทอง เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ มาจนถึงปัจจุบัน สิ่งที่ห้ามพลาด​ ไปกราบพระในพระอุโบสถ ภายใน​ ประดิษฐาน พระสัพพัญญู พระประธานประจำพระอุโบสถ มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 70 นิ้ว สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2495 พระพุทธชินินทร ที่เป็นพระประจำอุโบสถ สมัยอู่ทอง และพระพุทธมนต์ปรีชา สุโขทัย ที่เป็นพระประธานหอประชุม ถัดจากนั้น​เดินไปด้านหลัง​ ไปสักการะ​ พระมหาเจดีย์ 84 พรรษา ราชนครินทร์ เป็นพระเจดีย์ที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2553 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยใช้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและพระพุทธรูปจากทั่วโลก รวมถึงพระบรมสารีริกธาตุจากหลวงพ่อไจทีเซา เจ้าอาวาสวัดไจทีเซา ในประเทศพม่าด้วยครับ​ เป็น​ไงครับ​ แค่ลงรถไฟฟ้า​ สถานีเอกมัย​ มาไม่กี่ก้าว​ ก็จะพบกับ ความยิ่งใหญ่​ ความงาม​ และ​ความสงบ​ วัดธาตุ​ทอง​ ใกล้แค่นี้เอง #ชีวิตนี้ต้องมี1000วัด #เที่ยวไทยไปกับส้มโจ #เที่ยววัด #วัด #ไหว้พระ #ทำบุญ #travel #thailand #amazingthailand #thaitour #temple #history #architecture #culture #thaitemple #ท่องเที่ยว #CultureTrip
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1096 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เผยคดีแตงโม นิดา สิ่งที่สนใจตอนนี้คือใครเป็นเจ้าของเรือลำเกิดเหตุ ต้องการให้นำเรือมาตรวจสอบใหม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ตรวจไม่ละเอียดรอบคอบ สงสัยทำไมต้องตรวจเวลา 6 โมงเย็น ส่วนโทรศัพท์มือถือของแตงโม มี 2 เครื่อง เครื่องหนึ่งเป็นของพ่อแตงโม อีกเครื่องเป็นของแตงโม ประกาศหานายเบิร์ด เทคนิค แฟนแตงโม 3 ปีที่แตงโมจากไป เบิร์ดเป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า เป็นแฟนรักแตงโม แต่ไม่เคยช่วยแตงโม ไม่เคยออกมาแสดงความกล้าหาญ วันที่ 23 ก.พ. 2565 แตงโมอยู่กับเบิร์ดที่ภูเก็ต แต่กระติกโทรเรียกให้กลับมา เพราะมีการรับงานบางอย่าง เบิร์ดรู้ข้อมูลมากที่สุด ต้องให้ข้อมูลกับดีเอสไอ ตั้งข้อสังเกตนำร่างแตงโมมาปล่อยหรือไม่ เชื่อแตงโมถูกแทงด้วยเหล็กแหลม คดีแตงโมอยากให้รอ 2 สัปดาห์ ทุกอย่างจะปรากฏให้เห็นทั้งหมด ทั้งเรื่องข้อมูลโทรศัพท์ และการสแกนแม่น้ำเจ้าพระยา

    -ร่างไม่เหมือนคนจมน้ำนาน
    -เอือม รมว. เดินสายเมืองนอก
    -ปัดฝุ่น 66/23 ดับไฟใต้
    -เพิ่มคุณภาพบินทำพิธีฮัจย์
    นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เผยคดีแตงโม นิดา สิ่งที่สนใจตอนนี้คือใครเป็นเจ้าของเรือลำเกิดเหตุ ต้องการให้นำเรือมาตรวจสอบใหม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ตรวจไม่ละเอียดรอบคอบ สงสัยทำไมต้องตรวจเวลา 6 โมงเย็น ส่วนโทรศัพท์มือถือของแตงโม มี 2 เครื่อง เครื่องหนึ่งเป็นของพ่อแตงโม อีกเครื่องเป็นของแตงโม ประกาศหานายเบิร์ด เทคนิค แฟนแตงโม 3 ปีที่แตงโมจากไป เบิร์ดเป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า เป็นแฟนรักแตงโม แต่ไม่เคยช่วยแตงโม ไม่เคยออกมาแสดงความกล้าหาญ วันที่ 23 ก.พ. 2565 แตงโมอยู่กับเบิร์ดที่ภูเก็ต แต่กระติกโทรเรียกให้กลับมา เพราะมีการรับงานบางอย่าง เบิร์ดรู้ข้อมูลมากที่สุด ต้องให้ข้อมูลกับดีเอสไอ ตั้งข้อสังเกตนำร่างแตงโมมาปล่อยหรือไม่ เชื่อแตงโมถูกแทงด้วยเหล็กแหลม คดีแตงโมอยากให้รอ 2 สัปดาห์ ทุกอย่างจะปรากฏให้เห็นทั้งหมด ทั้งเรื่องข้อมูลโทรศัพท์ และการสแกนแม่น้ำเจ้าพระยา -ร่างไม่เหมือนคนจมน้ำนาน -เอือม รมว. เดินสายเมืองนอก -ปัดฝุ่น 66/23 ดับไฟใต้ -เพิ่มคุณภาพบินทำพิธีฮัจย์
    Like
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1236 มุมมอง 51 0 รีวิว
  • “ดีเอสไอ” ใช้เครื่องเลเซอร์สแกนนิ่ง สแกน ภูมิประเทศบริเวณวัดค้างคาวนำไปประมวลผลเป็นภาพ 3 มิติเทียบเคียงข้อมูลจำลองเหตุการณ์วันเกิดเหตุ เทียบ GPS เรือ-โทรศัพท์ พบจอดเรือ บริเวณวัดค้างคาว กว่า 1 ชั่วโมง

    วันนี้ (17 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 9.30 น. พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม พร้อมคณะพนักงานสอบสวน พาตัวแทนสื่อมวลชนลงเรือสปีดโบ๊ท โดยวันนี้ได้มีการเตรียมเรือ ที่จะใช้ในการตรวจสอบจุดต่างๆ ตลอดลำน้ำเจ้าพระยาทั้งหมด 5 ลำ

    โดยเรือทั้งหมดเคลื่อนตัวออกจากท่าเรือบ้านเรือเล็ก มุ่งหน้าทางทิศใต้ ลอดใต้สะพานมหาเจษฎาบดินทรนุสรณ์ ผ่านสะพานพระราม 5 มุ่งหน้าไปจุดแรกที่เจ้าหน้าที่จะเริ่มทำการสแกนพื้นที่ คือ บริเวณท่าทรายใกล้เคียงกับ บริษัท พูนพิพัฒน์ จำกัด โดยจุดนี้ได้นำโดรนบินสำรวจสแกนเหนือลำน้ำเจ้าพระยา เพื่อนำภาพมุมสูงไปประกอบประมวลเป็นภาพสามมิติเส้นทางที่เรือลำเกิดเหตุแล่น ตามข้อมูล GPS เรือ

    จากนั้นเรือได้และมุ่งหน้าต่อไปทางทิศใต้ลอดใต้สะพาน พระราม 7 มาจอดบริเวณกลางลำน้ำเจ้าพระยา บริเวณซอยจรัญสนิทวงศ์ 92 ตรงข้ามกับหน้าอาคารรัฐสภา โดยบริเวณจุดนี้เจ้าหน้าที่ได้จอดให้คณะพนักงานสอบสวนและสื่อมวลชนบันทึกภาพและใช้เครื่องมือสแกนบริเวณโดยรอบพื้นที่รวมถึงสแกนหาวัตถุใต้ผิวแม่น้ำเจ้าพระยา โดยบริเวณจุดนี้เรือชะลอความเร็วเพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องมือที่เตรียมมาสแกน ทั้งทางอากาศและทางน้ำ รวมถึงมาจำลองตามคำกล่าวอ้างที่มีภาพถ่ายปรากฏอยู่ในโทรศัพท์ของแตงโม (นิดา) โดยบริเวณจุดที่ตรงกับปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 92 เรือลำของนายแพทย์ธวัชชัยให้ความสนใจ และใช้เวลาลอยลำอยู่ตรงจุดนี้ประมาณ 15 นาที ส่วนทางคณะพนักงานสอบสวนกลุ่มสอบสวนคดีพิเศษได้นำเรือลอยลำสำรวจตามจุดต่างๆ ล่วงหน้า ทั้งหมด 8 จุดตามที่แจ้งกับสื่อมวลชนไว้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000015736

    #MGROnline #ดีเอสไอ
    “ดีเอสไอ” ใช้เครื่องเลเซอร์สแกนนิ่ง สแกน ภูมิประเทศบริเวณวัดค้างคาวนำไปประมวลผลเป็นภาพ 3 มิติเทียบเคียงข้อมูลจำลองเหตุการณ์วันเกิดเหตุ เทียบ GPS เรือ-โทรศัพท์ พบจอดเรือ บริเวณวัดค้างคาว กว่า 1 ชั่วโมง • วันนี้ (17 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 9.30 น. พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม พร้อมคณะพนักงานสอบสวน พาตัวแทนสื่อมวลชนลงเรือสปีดโบ๊ท โดยวันนี้ได้มีการเตรียมเรือ ที่จะใช้ในการตรวจสอบจุดต่างๆ ตลอดลำน้ำเจ้าพระยาทั้งหมด 5 ลำ • โดยเรือทั้งหมดเคลื่อนตัวออกจากท่าเรือบ้านเรือเล็ก มุ่งหน้าทางทิศใต้ ลอดใต้สะพานมหาเจษฎาบดินทรนุสรณ์ ผ่านสะพานพระราม 5 มุ่งหน้าไปจุดแรกที่เจ้าหน้าที่จะเริ่มทำการสแกนพื้นที่ คือ บริเวณท่าทรายใกล้เคียงกับ บริษัท พูนพิพัฒน์ จำกัด โดยจุดนี้ได้นำโดรนบินสำรวจสแกนเหนือลำน้ำเจ้าพระยา เพื่อนำภาพมุมสูงไปประกอบประมวลเป็นภาพสามมิติเส้นทางที่เรือลำเกิดเหตุแล่น ตามข้อมูล GPS เรือ • จากนั้นเรือได้และมุ่งหน้าต่อไปทางทิศใต้ลอดใต้สะพาน พระราม 7 มาจอดบริเวณกลางลำน้ำเจ้าพระยา บริเวณซอยจรัญสนิทวงศ์ 92 ตรงข้ามกับหน้าอาคารรัฐสภา โดยบริเวณจุดนี้เจ้าหน้าที่ได้จอดให้คณะพนักงานสอบสวนและสื่อมวลชนบันทึกภาพและใช้เครื่องมือสแกนบริเวณโดยรอบพื้นที่รวมถึงสแกนหาวัตถุใต้ผิวแม่น้ำเจ้าพระยา โดยบริเวณจุดนี้เรือชะลอความเร็วเพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องมือที่เตรียมมาสแกน ทั้งทางอากาศและทางน้ำ รวมถึงมาจำลองตามคำกล่าวอ้างที่มีภาพถ่ายปรากฏอยู่ในโทรศัพท์ของแตงโม (นิดา) โดยบริเวณจุดที่ตรงกับปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 92 เรือลำของนายแพทย์ธวัชชัยให้ความสนใจ และใช้เวลาลอยลำอยู่ตรงจุดนี้ประมาณ 15 นาที ส่วนทางคณะพนักงานสอบสวนกลุ่มสอบสวนคดีพิเศษได้นำเรือลอยลำสำรวจตามจุดต่างๆ ล่วงหน้า ทั้งหมด 8 จุดตามที่แจ้งกับสื่อมวลชนไว้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000015736 • #MGROnline #ดีเอสไอ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 421 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ดีเอสไอ" ลงเรือเก็บหลักฐานคดี "แตงโม" สำรวจ 8 จุดสงสัย “อ.ปานเทพ-อัจฉริยะ” แฉเครือข่ายยาเสพติด เตรียมเปิดข้อมูลเด็ดเป็นฆาตกรรม

    วันนี้ (17 ก.พ.) เวลา 8.30 น. บ้านเรือเล็ก ต.บางศรีเมือง อ.เมือง จ.นนทบุรี พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม พร้อมด้วย นายไกรศรี สว่างศรี ผู้อำนวยการส่วนแผนที่และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมปฏิบัติการลงพื้นที่สำรวจแม่น้ำเจ้าพระยาตามเส้นทางจุดเกิดเหตุที่ยังมีข้อสงสัย 8 จุด หลังรับเป็นเลขสืบสวนที่ 20/2568 เพื่อสำรวจเส้นทาง GPS รวมถึงนำ ข้อมูลของภูมิประเทศ และ สภาพใต้น้ำมาประกอบ โดยใช้เรือทั้งสิ้น 8 ลำ เป็นเรือของกรมชลประทาน 2 ลำ และเรือของดีเอสไอ 6 ลำ โดยมี นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต , นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ และ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า มาในฐานะผู้ร่วมสังเกตการณ์และเป็นสักขีพยาน

    นายอัจฉริยะ เผยว่า ส่วนข้อมูลจากโทรศัพท์ที่กู้คืนได้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง และยังต้องตรวจสอบว่าเป็นเครื่องเดียวกับที่ส่งให้ตำรวจหรือไม่ โดยหลักฐานที่นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน มารดาของน้องแตงโม ซึ่งส่งไปยังบังแจ็คที่สหรัฐฯ อาจมีบุคคลอื่นเกี่ยวข้อง และพบว่าผู้เขียนที่อยู่บนกล่องไม่ใช่นางภนิดา นอกจากนี้ ยังต้องตรวจสอบโทรศัพท์ที่ตำรวจคืนให้มารดาว่าเป็นเครื่องเดิมหรือไม่ โดยผลตรวจ DNA จะออกภายในสัปดาห์นี้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000015651

    #MGROnline #ดีเอสไอ #คดีแตงโม

    "ดีเอสไอ" ลงเรือเก็บหลักฐานคดี "แตงโม" สำรวจ 8 จุดสงสัย “อ.ปานเทพ-อัจฉริยะ” แฉเครือข่ายยาเสพติด เตรียมเปิดข้อมูลเด็ดเป็นฆาตกรรม • วันนี้ (17 ก.พ.) เวลา 8.30 น. บ้านเรือเล็ก ต.บางศรีเมือง อ.เมือง จ.นนทบุรี พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม พร้อมด้วย นายไกรศรี สว่างศรี ผู้อำนวยการส่วนแผนที่และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมปฏิบัติการลงพื้นที่สำรวจแม่น้ำเจ้าพระยาตามเส้นทางจุดเกิดเหตุที่ยังมีข้อสงสัย 8 จุด หลังรับเป็นเลขสืบสวนที่ 20/2568 เพื่อสำรวจเส้นทาง GPS รวมถึงนำ ข้อมูลของภูมิประเทศ และ สภาพใต้น้ำมาประกอบ โดยใช้เรือทั้งสิ้น 8 ลำ เป็นเรือของกรมชลประทาน 2 ลำ และเรือของดีเอสไอ 6 ลำ โดยมี นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต , นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ และ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า มาในฐานะผู้ร่วมสังเกตการณ์และเป็นสักขีพยาน • นายอัจฉริยะ เผยว่า ส่วนข้อมูลจากโทรศัพท์ที่กู้คืนได้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง และยังต้องตรวจสอบว่าเป็นเครื่องเดียวกับที่ส่งให้ตำรวจหรือไม่ โดยหลักฐานที่นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน มารดาของน้องแตงโม ซึ่งส่งไปยังบังแจ็คที่สหรัฐฯ อาจมีบุคคลอื่นเกี่ยวข้อง และพบว่าผู้เขียนที่อยู่บนกล่องไม่ใช่นางภนิดา นอกจากนี้ ยังต้องตรวจสอบโทรศัพท์ที่ตำรวจคืนให้มารดาว่าเป็นเครื่องเดิมหรือไม่ โดยผลตรวจ DNA จะออกภายในสัปดาห์นี้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000015651 • #MGROnline #ดีเอสไอ #คดีแตงโม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 531 มุมมอง 0 รีวิว
  • 122 ปี ปักปันเขตแดนไทย-กัมพูชา-เมืองหลวงพระบาง: ฝ่าอิทธิพลจักรวรรดินิยม รักษาเอกราช ทวงคืนอธิปไตยจันทบุรี

    📅 ย้อนกลับไปเมื่อ 122 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446 (ค.ศ. 1903) ถือเป็นหมุดหมายสำคัญ ในประวัติศาสตร์ไทย 🇹🇭 เมื่อไทยและฝรั่งเศส 🇫🇷 ลงนามในสัญญาปักปันเขตแดน ระหว่างไทย-กัมพูชา และเมืองหลวงพระบาง ซึ่งเป็นดินแดน ที่อยู่ภายใต้การปกครอง ของฝรั่งเศสในขณะนั้น

    ภายใต้ข้อตกลงนี้ ไทยต้องยกดินแดน ฝั่งขวาของแม่น้ำโขง ที่อยู่ตรงข้ามเมืองหลวงพระบาง ให้แก่ฝรั่งเศส เพื่อแลกกับการถอนทหารฝรั่งเศส ออกจากจังหวัดจันทบุรี ซึ่งถูกยึดครองมา ตั้งแต่เหตุการณ์ วิกฤติการณ์ ร.ศ. 112 หรือสงครามฝรั่งเศส-สยาม (พ.ศ. 2436)

    อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของแรงกดดัน จากจักรวรรดินิยมฝรั่งเศส ไทยต้องเผชิญกับ การบีบบังคับทางการเมืองเพิ่มเติม จนต้องยอมเสียเมืองตราด และหมู่เกาะใกล้เคียง เพื่อแลกกับการได้จันทบุรีคืน 📌

    🌍 กระแสล่าอาณานิคมของฝรั่งเศส ในอินโดจีน 🔹
    ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จักรวรรดิฝรั่งเศส ได้ขยายอิทธิพลอย่างรวดเร็ว ในภูมิภาคอินโดจีน โดยสามารถยึดครองเวียดนาม ลาว และกัมพูชา ได้สำเร็จ ทำให้ไทยกลายเป็นรัฐกันชน ที่ต้องเผชิญแรงกดดันจากฝรั่งเศส ทางด้านตะวันออก

    💡 ฝรั่งเศสต้องการควบคุมดินแดน แถบลุ่มแม่น้ำโขงทั้งหมด เพื่อสร้างเส้นทางการค้าจากจีน ลงมาสู่อินโดจีนของตน ในขณะที่ไทย ต้องพยายามรักษาเอกราช และดินแดนของตนไว้

    🇹🇭 ไทยภายใต้รัชกาลที่ 5 พยายามรักษาเอกราช
    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงตระหนักถึงภัยคุกคาม จากจักรวรรดินิยม และพยายามใช้นโยบายการทูตเชิงรุก เพื่อรักษาความเป็นอิสระของไทย ทรงดำเนินแผนการ ปรับปรุงประเทศให้ทันสมัย เพื่อลดข้ออ้างของมหาอำนาจตะวันตก ในการเข้ามาแทรกแซง

    อย่างไรก็ตาม ฝรั่งเศสใช้ข้ออ้างเรื่องอธิปไตย เหนือดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง เป็นเหตุผลในการเรียกร้องดินแดนเพิ่มเติมจากไทย

    🔹 วิกฤติการณ์ ร.ศ. 112 จุดเริ่มต้นของการเสียเปรียบทางดินแดน
    📍 วิกฤติการณ์ ร.ศ. 112 (พ.ศ. 2436) เป็นเหตุการณ์ที่ฝรั่งเศส ใช้กำลังทหารเรือ บุกรุกปากแม่น้ำเจ้าพระยา และปะทะกับทหารไทย จนเป็นเหตุให้รัฐบาลไทย ต้องยอมลงนามในสนธิสัญญา ที่เสียเปรียบ

    📜 ข้อกำหนดสำคัญของสนธิสัญญา ร.ศ. 112
    ✔ ไทยต้องยกดินแดน ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงทั้งหมด รวมถึงลาว ให้แก่ฝรั่งเศส
    ✔ ฝรั่งเศสเข้ายึดจังหวัดจันทบุรี เป็นหลักประกันบังคับให้ไทย ปฏิบัติตามสัญญา
    ✔ ไทยต้องชดใช้ค่าเสียหายจำนวนมหาศาล ให้ฝรั่งเศส

    🛑 นี่เป็นครั้งแรกที่ไทย ต้องเสียดินแดนจำนวนมาก ให้แก่จักรวรรดินิยมฝรั่งเศส และทำให้สถานการณ์ของไทยในภูมิภาคนี้ ล่อแหลมยิ่งขึ้น

    🔹 สนธิสัญญา พ.ศ. 2446 การทวงคืนจันทบุรี แต่ต้องแลกด้วยดินแดนเพิ่ม
    หลังจากไทย ถูกฝรั่งเศสยึดครองจันทบุรี ไว้นานถึง 10 ปี รัฐบาลไทยพยายามเจรจา ขอคืนจันทบุรี แต่ต้องแลกด้วย การยอมมอบดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขง ที่ตรงข้ามกับเมืองหลวงพระบาง ให้แก่ฝรั่งเศส

    📌 สนธิสัญญานี้ ลงนามเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446 ทำให้ไทยได้รับจันทบุรีคืน แต่ฝรั่งเศสกลับยื่นเงื่อนไข ให้ไทยต้องยกเมืองตราด และหมู่เกาะอื่นๆ แทน

    🌏 ผลลัพธ์ของสนธิสัญญานี้
    ✅ ไทยได้จันทบุรีคืนจากฝรั่งเศส
    ❌ ไทยเสียเมืองตราด และหมู่เกาะให้ฝรั่งเศส
    ✅ ไทยยังสามารถรักษาเอกราชไว้ได้ แต่ต้องจำยอมต่ออำนาจ ของมหาอำนาจตะวันตก

    🔹 ไทยทวงคืนเมืองตราดสำเร็จในปี พ.ศ. 2450
    4 ปี ต่อมา ในปี พ.ศ. 2450 (ค.ศ. 1907) ไทยสามารถทวงคืนเมืองตราด กลับมาได้สำเร็จ โดยแลกกับดินแดนพระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณ ที่อยู่ทางฝั่งกัมพูชา ให้ฝรั่งเศสแทน

    นี่เป็นอีกหนึ่งครั้ง ที่ไทยต้องเสียสละดินแดน เพื่อให้สามารถปกป้อง เอกราชของตนเองเอาไว้

    🧐 จากเหตุการณ์ ปักปันเขตแดนในปี พ.ศ. 2446 ไทยได้เรียนรู้ว่า
    ✔ อำนาจทางการทูต มีความสำคัญอย่างยิ่ง ไทยสามารถใช้การเจรจา เพื่อลดความเสียหายได้ แม้ว่าจะต้องยอมเสียดินแดนบางส่วน
    ✔ จักรวรรดินิยมฝรั่งเศส ไม่เคยหยุดกดดันไทย ต้องอาศัยนโยบายเชิงรุก เพื่อรักษาเอกราช
    ✔ ไทยต้องพัฒนาประเทศให้ทันสมัย เพื่อป้องกันการถูกรุกรานในอนาคต

    🎯 แม้ว่าไทยจะต้องยอม สูญเสียดินแดนบางส่วน แต่ก็สามารถรักษา ความเป็นเอกราชเอาไว้ได้ ซึ่งแตกต่างจากประเทศเพื่อนบ้าน ที่ตกเป็นอาณานิคม ของจักรวรรดินิยมในช่วงเวลานั้น

    🔹 122 ปี แห่งความเปลี่ยนแปลงทางดินแดน และอธิปไตยของไทย
    🌏 ผ่านไป 122 ปี นับตั้งแต่สนธิสัญญา ปักปันเขตแดนไทย-กัมพูชา-เมืองหลวงพระบาง เหตุการณ์นี้ยังคงเป็นบทเรียนสำคัญ ทางประวัติศาสตร์ของไทย 🇹🇭

    📌 ถึงแม้ไทยจะเสียดินแดนไปบางส่วน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ไทยยังคงรักษาเอกราชไว้ได้ ไม่ต้องตกเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตก เหมือนประเทศเพื่อนบ้าน 💬

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 131208 ก.พ. 2568

    #ประวัติศาสตร์ไทย #ไทยฝรั่งเศส #อธิปไตย #วิกฤติการณ์รศ112 #เอกราชไทย
    122 ปี ปักปันเขตแดนไทย-กัมพูชา-เมืองหลวงพระบาง: ฝ่าอิทธิพลจักรวรรดินิยม รักษาเอกราช ทวงคืนอธิปไตยจันทบุรี 📅 ย้อนกลับไปเมื่อ 122 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446 (ค.ศ. 1903) ถือเป็นหมุดหมายสำคัญ ในประวัติศาสตร์ไทย 🇹🇭 เมื่อไทยและฝรั่งเศส 🇫🇷 ลงนามในสัญญาปักปันเขตแดน ระหว่างไทย-กัมพูชา และเมืองหลวงพระบาง ซึ่งเป็นดินแดน ที่อยู่ภายใต้การปกครอง ของฝรั่งเศสในขณะนั้น ภายใต้ข้อตกลงนี้ ไทยต้องยกดินแดน ฝั่งขวาของแม่น้ำโขง ที่อยู่ตรงข้ามเมืองหลวงพระบาง ให้แก่ฝรั่งเศส เพื่อแลกกับการถอนทหารฝรั่งเศส ออกจากจังหวัดจันทบุรี ซึ่งถูกยึดครองมา ตั้งแต่เหตุการณ์ วิกฤติการณ์ ร.ศ. 112 หรือสงครามฝรั่งเศส-สยาม (พ.ศ. 2436) อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของแรงกดดัน จากจักรวรรดินิยมฝรั่งเศส ไทยต้องเผชิญกับ การบีบบังคับทางการเมืองเพิ่มเติม จนต้องยอมเสียเมืองตราด และหมู่เกาะใกล้เคียง เพื่อแลกกับการได้จันทบุรีคืน 📌 🌍 กระแสล่าอาณานิคมของฝรั่งเศส ในอินโดจีน 🔹 ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จักรวรรดิฝรั่งเศส ได้ขยายอิทธิพลอย่างรวดเร็ว ในภูมิภาคอินโดจีน โดยสามารถยึดครองเวียดนาม ลาว และกัมพูชา ได้สำเร็จ ทำให้ไทยกลายเป็นรัฐกันชน ที่ต้องเผชิญแรงกดดันจากฝรั่งเศส ทางด้านตะวันออก 💡 ฝรั่งเศสต้องการควบคุมดินแดน แถบลุ่มแม่น้ำโขงทั้งหมด เพื่อสร้างเส้นทางการค้าจากจีน ลงมาสู่อินโดจีนของตน ในขณะที่ไทย ต้องพยายามรักษาเอกราช และดินแดนของตนไว้ 🇹🇭 ไทยภายใต้รัชกาลที่ 5 พยายามรักษาเอกราช พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงตระหนักถึงภัยคุกคาม จากจักรวรรดินิยม และพยายามใช้นโยบายการทูตเชิงรุก เพื่อรักษาความเป็นอิสระของไทย ทรงดำเนินแผนการ ปรับปรุงประเทศให้ทันสมัย เพื่อลดข้ออ้างของมหาอำนาจตะวันตก ในการเข้ามาแทรกแซง อย่างไรก็ตาม ฝรั่งเศสใช้ข้ออ้างเรื่องอธิปไตย เหนือดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง เป็นเหตุผลในการเรียกร้องดินแดนเพิ่มเติมจากไทย 🔹 วิกฤติการณ์ ร.ศ. 112 จุดเริ่มต้นของการเสียเปรียบทางดินแดน 📍 วิกฤติการณ์ ร.ศ. 112 (พ.ศ. 2436) เป็นเหตุการณ์ที่ฝรั่งเศส ใช้กำลังทหารเรือ บุกรุกปากแม่น้ำเจ้าพระยา และปะทะกับทหารไทย จนเป็นเหตุให้รัฐบาลไทย ต้องยอมลงนามในสนธิสัญญา ที่เสียเปรียบ 📜 ข้อกำหนดสำคัญของสนธิสัญญา ร.ศ. 112 ✔ ไทยต้องยกดินแดน ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงทั้งหมด รวมถึงลาว ให้แก่ฝรั่งเศส ✔ ฝรั่งเศสเข้ายึดจังหวัดจันทบุรี เป็นหลักประกันบังคับให้ไทย ปฏิบัติตามสัญญา ✔ ไทยต้องชดใช้ค่าเสียหายจำนวนมหาศาล ให้ฝรั่งเศส 🛑 นี่เป็นครั้งแรกที่ไทย ต้องเสียดินแดนจำนวนมาก ให้แก่จักรวรรดินิยมฝรั่งเศส และทำให้สถานการณ์ของไทยในภูมิภาคนี้ ล่อแหลมยิ่งขึ้น 🔹 สนธิสัญญา พ.ศ. 2446 การทวงคืนจันทบุรี แต่ต้องแลกด้วยดินแดนเพิ่ม หลังจากไทย ถูกฝรั่งเศสยึดครองจันทบุรี ไว้นานถึง 10 ปี รัฐบาลไทยพยายามเจรจา ขอคืนจันทบุรี แต่ต้องแลกด้วย การยอมมอบดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขง ที่ตรงข้ามกับเมืองหลวงพระบาง ให้แก่ฝรั่งเศส 📌 สนธิสัญญานี้ ลงนามเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446 ทำให้ไทยได้รับจันทบุรีคืน แต่ฝรั่งเศสกลับยื่นเงื่อนไข ให้ไทยต้องยกเมืองตราด และหมู่เกาะอื่นๆ แทน 🌏 ผลลัพธ์ของสนธิสัญญานี้ ✅ ไทยได้จันทบุรีคืนจากฝรั่งเศส ❌ ไทยเสียเมืองตราด และหมู่เกาะให้ฝรั่งเศส ✅ ไทยยังสามารถรักษาเอกราชไว้ได้ แต่ต้องจำยอมต่ออำนาจ ของมหาอำนาจตะวันตก 🔹 ไทยทวงคืนเมืองตราดสำเร็จในปี พ.ศ. 2450 4 ปี ต่อมา ในปี พ.ศ. 2450 (ค.ศ. 1907) ไทยสามารถทวงคืนเมืองตราด กลับมาได้สำเร็จ โดยแลกกับดินแดนพระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณ ที่อยู่ทางฝั่งกัมพูชา ให้ฝรั่งเศสแทน นี่เป็นอีกหนึ่งครั้ง ที่ไทยต้องเสียสละดินแดน เพื่อให้สามารถปกป้อง เอกราชของตนเองเอาไว้ 🧐 จากเหตุการณ์ ปักปันเขตแดนในปี พ.ศ. 2446 ไทยได้เรียนรู้ว่า ✔ อำนาจทางการทูต มีความสำคัญอย่างยิ่ง ไทยสามารถใช้การเจรจา เพื่อลดความเสียหายได้ แม้ว่าจะต้องยอมเสียดินแดนบางส่วน ✔ จักรวรรดินิยมฝรั่งเศส ไม่เคยหยุดกดดันไทย ต้องอาศัยนโยบายเชิงรุก เพื่อรักษาเอกราช ✔ ไทยต้องพัฒนาประเทศให้ทันสมัย เพื่อป้องกันการถูกรุกรานในอนาคต 🎯 แม้ว่าไทยจะต้องยอม สูญเสียดินแดนบางส่วน แต่ก็สามารถรักษา ความเป็นเอกราชเอาไว้ได้ ซึ่งแตกต่างจากประเทศเพื่อนบ้าน ที่ตกเป็นอาณานิคม ของจักรวรรดินิยมในช่วงเวลานั้น 🔹 122 ปี แห่งความเปลี่ยนแปลงทางดินแดน และอธิปไตยของไทย 🌏 ผ่านไป 122 ปี นับตั้งแต่สนธิสัญญา ปักปันเขตแดนไทย-กัมพูชา-เมืองหลวงพระบาง เหตุการณ์นี้ยังคงเป็นบทเรียนสำคัญ ทางประวัติศาสตร์ของไทย 🇹🇭 📌 ถึงแม้ไทยจะเสียดินแดนไปบางส่วน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ไทยยังคงรักษาเอกราชไว้ได้ ไม่ต้องตกเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตก เหมือนประเทศเพื่อนบ้าน 💬 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 131208 ก.พ. 2568 #ประวัติศาสตร์ไทย #ไทยฝรั่งเศส #อธิปไตย #วิกฤติการณ์รศ112 #เอกราชไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 626 มุมมอง 0 รีวิว
  • วัดอรุณฯ ศาสนสถานงานศิลป์ชั้นเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

    หากเอ่ยถึง วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร (Wat Arun Ratchawararam Ratchawaramahawihan) หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า วัดอรุณฯ เราเชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักเป็นอย่างดี เพราะเป็นวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองมาช้านาน แถมยังตั้งเด่นเป็นสง่าริมแม่น้ำเจ้าพระยา จนกลายเป็นสัญลักษณ์ความสวยงามที่ประจักษ์ต่อสายตาชาวโลก อีกทั้งยังเป็นสถาปัตยกรรมที่งดงามประเมินค่าไม่ได้ โดยมีคติความเชื่อที่ว่า หากได้ไปไหว้พระวัดอรุณฯ ชีวิตจะรุ่งโรจน์ทุกคืนวัน วันนี้เราเลยถือโอกาสพาเพื่อน ๆ ไปท่องเที่ยวพร้อมทำความรู้จักกับวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ให้มากขึ้นกัน

    และด้วยวัดอรุณฯเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม โดดเด่นด้วยพระปรางค์สีทองที่สูงตระหง่าน เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวไทยและชาวต่างชาติมากมาย จึงมีมักมีผู้ศรัทธามาวัดอรุณเพื่อสักการะพระปรางค์ ไหว้พระ และขอพร พิธีการขอพรที่พบเห็นโดยทั่วไปคือจะจุดธูป เทียน และดอกไม้ ไหว้พระประธานในพระอุโบสถ แล้วเดินรอบพระปรางค์ บ้างก็สวดเทวะมันตรา และตั้งจิตอธิษฐานขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเคารพศรัทธา เชื่อกันว่าการขอพรที่วัดอรุณฯจะทำให้สมหวังในสิ่งที่ปรารถนา

    ประวัติวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร

    วัดอรุณฯ เป็นวัดโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แรกเรียกว่า วัดมะกอก มีเรื่องเล่าว่า เมื่อพระเจ้าตาก (สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช) ทรงนำกองทัพมาเพื่อเลือกชัยภูมิในการสร้างราชธานีใหม่ พระองค์เสด็จฯ ถึงวัดมะกอกในเวลารุ่งแจ้ง เมื่อทรงสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี จึงทรงปฏิสังขรณ์พระอารามแห่งนี้ และสถาปนาเป็นพระอารามหลวง พระราชทานนามว่า วัดแจ้ง เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) ซึ่งอัญเชิญมาจากเวียงจันทน์

    ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) ทรงสถาปนาพระอุโบสถและพระวิหารหลังใหม่ พร้อมทั้งอัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรมาประดิษฐานที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม แต่ยังไม่ทันแล้วเสร็จพระองค์ก็เสด็จสวรรคต หลังจากนั้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) จึงทรงดำเนินการปฏิสังขรณ์ต่อ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า วัดอรุณราชธาราม ภายหลังพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า วัดอรุณราชวราราม

    วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 66 ตอนที่ 64 วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492 และประกาศระวางแนวเขตโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 72 ตอนที่ 14 วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498

    วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ที่ไหน?

    วัดอรุณฯ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร หมายถึงพระอารามที่พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี สมเด็จพระยุพราช ทรงสร้างหรือปฏิสังขรณ์เป็นการส่วนพระองค์ ตั้งอยู่ที่แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งธนบุรี ทั้งยังอยู่ในเขตพระบรมมหาราชวังเดิม
    ที่ตั้ง : เลขที่ 34 ถนนวังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร
    วัดอรุณฯ ศาสนสถานงานศิลป์ชั้นเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ หากเอ่ยถึง วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร (Wat Arun Ratchawararam Ratchawaramahawihan) หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า วัดอรุณฯ เราเชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักเป็นอย่างดี เพราะเป็นวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองมาช้านาน แถมยังตั้งเด่นเป็นสง่าริมแม่น้ำเจ้าพระยา จนกลายเป็นสัญลักษณ์ความสวยงามที่ประจักษ์ต่อสายตาชาวโลก อีกทั้งยังเป็นสถาปัตยกรรมที่งดงามประเมินค่าไม่ได้ โดยมีคติความเชื่อที่ว่า หากได้ไปไหว้พระวัดอรุณฯ ชีวิตจะรุ่งโรจน์ทุกคืนวัน วันนี้เราเลยถือโอกาสพาเพื่อน ๆ ไปท่องเที่ยวพร้อมทำความรู้จักกับวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ให้มากขึ้นกัน และด้วยวัดอรุณฯเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม โดดเด่นด้วยพระปรางค์สีทองที่สูงตระหง่าน เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวไทยและชาวต่างชาติมากมาย จึงมีมักมีผู้ศรัทธามาวัดอรุณเพื่อสักการะพระปรางค์ ไหว้พระ และขอพร พิธีการขอพรที่พบเห็นโดยทั่วไปคือจะจุดธูป เทียน และดอกไม้ ไหว้พระประธานในพระอุโบสถ แล้วเดินรอบพระปรางค์ บ้างก็สวดเทวะมันตรา และตั้งจิตอธิษฐานขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเคารพศรัทธา เชื่อกันว่าการขอพรที่วัดอรุณฯจะทำให้สมหวังในสิ่งที่ปรารถนา ประวัติวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร วัดอรุณฯ เป็นวัดโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แรกเรียกว่า วัดมะกอก มีเรื่องเล่าว่า เมื่อพระเจ้าตาก (สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช) ทรงนำกองทัพมาเพื่อเลือกชัยภูมิในการสร้างราชธานีใหม่ พระองค์เสด็จฯ ถึงวัดมะกอกในเวลารุ่งแจ้ง เมื่อทรงสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี จึงทรงปฏิสังขรณ์พระอารามแห่งนี้ และสถาปนาเป็นพระอารามหลวง พระราชทานนามว่า วัดแจ้ง เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) ซึ่งอัญเชิญมาจากเวียงจันทน์ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) ทรงสถาปนาพระอุโบสถและพระวิหารหลังใหม่ พร้อมทั้งอัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรมาประดิษฐานที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม แต่ยังไม่ทันแล้วเสร็จพระองค์ก็เสด็จสวรรคต หลังจากนั้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) จึงทรงดำเนินการปฏิสังขรณ์ต่อ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า วัดอรุณราชธาราม ภายหลังพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า วัดอรุณราชวราราม วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 66 ตอนที่ 64 วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492 และประกาศระวางแนวเขตโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 72 ตอนที่ 14 วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498 วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ที่ไหน? วัดอรุณฯ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร หมายถึงพระอารามที่พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี สมเด็จพระยุพราช ทรงสร้างหรือปฏิสังขรณ์เป็นการส่วนพระองค์ ตั้งอยู่ที่แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งธนบุรี ทั้งยังอยู่ในเขตพระบรมมหาราชวังเดิม ที่ตั้ง : เลขที่ 34 ถนนวังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 714 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ปอ-แซน" บิดอีก !?! อ้าง "แตงโม" เกาะเรือ 10 วิ จำลองเหตุไม่ตรงเรื่องจริง
    .
    "ปอ ตนุภัทร" พร้อมด้วย "แซน วิศาพัช" โต้กรณีจำลองเหตุการณ์ "แตงโม ภัทรธิดา" ตกน้ำ อ้างไม่ตรงกันเพราะตอนตกน้ำมีการเกาะเครื่องเอาต์บอร์ดท้ายเรือ ถูกใบพัดเรือ แนะลองแช่แล้วจุ่มสักครึ่งตัว เกาะเครื่อง 10 วิ.แล้วดูว่าขาถึงใบพัดไหม แต่ไม่อยากให้อุบัติเหตุซ้ำอีก ด้านแซนกล่าว ถ้าหมอธวัชชัยอยากจะทำ ติดเครื่องยนต์ก็ได้ อ้างไม่ตรงกันมีรายละเอียดปลีกย่อย ถามกลับมีเจตนาทวงคืนความยุติธรรมจริงหรือไม่
    .
    วันนี้ (16 ม.ค.) ที่โชว์รูมวัฒนาออโต้เซลล์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ กรุงเทพฯ นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือปอ พร้อมด้วย นายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือแซน สองผู้อยู่ในเหตุการณ์ที่ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ที่เสียชีวิตเพราะตกจากเรือสปีดโบ้ทลงแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณท่าเรือพิบูลสงคราม 1 ต.สวนใหญ่ อ.เมืองฯ จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 หรือเมื่อ 3 ปีก่อน แถลงข่าวถึงปฎิกิริยาการทดสอบเหตุการณ์จำลองการตกเรือของแตงโม ภัทรธิดา นำโดย อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    .
    นายตนุภัทร กล่าวว่า ตนเห็นด้วยที่มีการจำลองเหตุการณ์ตกเรือให้ชัดเจนและกระจ่าง ทำให้ประชาชนได้เห็นภาพจากเรือรุ่นเดียวกัน คือเรือโคบอลต์ 25 เอสซี แต่สิ่งที่รู้สึกว่าไม่ตรง คือ การตกไม่ได้ตกในลักษณะที่แซน วิศาพัช เคยให้ข้อมูลในการออกรายการโหนกระแส และให้การกับศาล ตนมองว่าไม่ตรง ทำไมไม่จำลองให้เหมือนกัน การที่แตงโมนั่งและจับขาแซน พบว่าการจำลองเหตุการณ์มีการเฉียงออกทางซ้ายของเรือ ไม่ตรงกับที่แซน วิศาพัช ให้การว่าตกไปแล้วต้องเกาะ แต่ไม่ใช่ดีดตัวออกจากเรือ เพราะฉะนั้นตำแหน่งที่คิดว่าควรจะเป็นคือ ตกเรือแล้วเกาะเครื่องยนต์ซึ่งจะถูกใบพัดดูด
    .
    แต่ถ้าตกแล้วดีดออกจากเรือ ถามผู้เชี่ยวชาญยังไงก็ไม่โดนใบพัดเรือ และจากการที่แซน วิศาพัช กล่าวและสาธิตในรายการโหนกระแส สาระก็คือตกไปแล้ว ต้องเกาะถึงจะหลุด แต่ถ้าตกแล้วดีดออกจากเรือเลย คนละเหตุการณ์กัน เพราะฉะนั้นมีคำถามว่า ทำไมการจำลองเหตุการณ์ครั้งนี้ถึงจำลองไม่ตรง ฝากถึงทีมผู้จัดการทดสอบว่า เราเห็นด้วยและขอบคุณที่ให้ความกระจ่าง แต่มีคำถามว่าถ้าจำลองแล้วไม่เหมือนเหตุการณ์ 100% จะจำลองทำไม ถ้าจะจำลองให้เหมือนจะจำลองแบบไหน
    .
    ทั้งนี้ บนแพลตฟอร์มของเรือโคบอลต์ 25 เอสซี จะมีเครื่องยนต์อยู่ท้ายเรือ เรียกว่าเครื่องเอาต์บอร์ด (Outboard) จะมีใบพัดอยู่ด้านข้าง จากที่แซน วิศาพัช เล่าในรายการโหนกระแสและให้การในชั้นศาล ตนนั่งอยู่ที่เบาะหลังและยืดขา ตำแหน่งที่ตกขาจะยื่นอยู่ใกล้เครื่องเอาต์บอร์ด ขาจะยื่นอยู่ในช่วงใบพัด เพราะฉะนั้นการจำลองแบบง่ายๆ ต้องอยู่ใกล้เครื่องเอาต์บอร์ด ลักษณะที่ตกต้องตกอยู่ข้างเครื่อง แต่ไม่ใช่ตกทะแยง 45 องศา กระโดดออกนอกเรือ มันคนละเรื่องกัน และต้องเกาะเครื่องก่อนสักประมาณ 10 วินาทีแล้วค่อยนับ เพราะใบพัดจะปัด ดูวิถีร่างจะเข้าที่เครื่องไหม
    .
    ตนได้ทราบจากทนายความว่า ได้ไปขอคัดพยานหลักฐาน พบว่าทางตำรวจจำลองเหตุการณ์แล้ว ทดสอบว่าจุดที่ตกดูดไปทางไหน ถ้าสมมติตกแล้วอยู่ด้านข้างของเรือจะไม่มีการดูด แต่ถ้าตกแล้วอยู่โซนเครื่องเอาต์บอร์ดมันจะมีการดูด สิ่งที่ตำรวจทำเท่าที่ทราบคือการใช้สีเทลงไปเพื่อดูสีของน้ำ ให้เห็นว่าน้ำวนแล้วดูดมาทางใบพัดเรือหรือไม่ อย่างที่สอง ให้คนใส่เสื้อชูชีพแล้วเกาะโดยไม่ติดเครื่องยนต์ ดูทิศทางของน้ำที่มีแรงดัน คนจะไหลตรงใบพัดหรือไม่ เขาทดสอบแล้วมันไหลและพัดเข้ามา อย่างที่สาม ใช้สุกรที่มีน้ำหนักเท่ากับแตงโม ภัทรธิดา มาเกาะ แล้วใบพัดดูดเข้ามามีรอยฟันหรือไม่ พบว่าแผลเข้า ทำให้พบว่ามีข้อมูลที่มาที่ไป จึงบอกว่าถ้าจะจำลองเหตุการณ์ อยากให้จำลองให้ตรง แต่บอกตรงๆ ไม่อยากให้อุบัติเหตุเกิดขึ้นอีก
    .
    "ถ้าจำลองง่ายๆ ลองจำลองตามที่ผมว่า ให้บุคคลที่มีอัตลักษณ์ความสูง 165 เซนติเมตร แล้วลองไปแช่ ไม่ต้องติดเครื่อง ลองจุ่มไปสักครึ่งตัว ดูที่ขาคุณจะถึงใบพัดไหม เอาแค่นี้พอ ถ้าถึง ผมว่าจบได้นะ"
    .
    ด้านนายวิศาพัช หรือแซน กล่าวตอบโต้ นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ ที่ออกมาเคลื่อนไหวคดีการเสียชีวิตของแตงโม ภัทรธิดา ว่า ถ้าคุณหมอฟังอยู่ นี่ก็คือคำตอบที่เมื่อกี้ท้ากันอยู่
    .
    นายตนุภัทร กล่าวว่า ขอย้ำว่าไม่อยากทดสอบโดยการติดเครื่องยนต์ เพราะถ้าตกอยู่ในวิถี ตำแหน่งอยู่ใกล้เครื่องเอาต์บอร์ดท้ายเรือ ไม่ได้อยู่นอกเรือ แล้วมีการดูด ตนเชื่อว่าใบพัดมีโอกาสสูงมาก ปัจจัยมีทั้งแรงดันของน้ำ ช่วงเวลาน้ำขึ้นน้ำลง และความเร็วของเรือ เพราะฉะนั้นสิ่งที่อยากจะให้ทดสอบก็คือ ให้บุคคลที่บอกอัตลักษณ์เท่าแตงโม ภัทรธิดา ลองมาทาบดูก่อน เครื่องที่ไม่ติดมันคงไม่บาด แต่ถ้าเครื่องติดอาจจะเกิดความเสียหาย เท่านี้ตอบสังคมได้เพียงพอแล้ว
    .
    ส่วนเรื่องการทดสอบเรือนั้น ลักษณะของการล่อง เรือ 8 นอต เห็นว่าบางเหตุการณ์เรือจะเชิดขึ้น ถ้าจะเปียกน้ำไม่มีทางนั่งได้ เพราะเรือเพิ่งออกตัว เรือเวลาออกตัวใหม่ๆ หน้าจะเชิดขึ้น แต่พอเรือออกตัวไปถึงจุดหนึ่งแล้ว เรือจะบิน ทำให้เรือจะอยู่ในสถานการณ์ลอยตัว ตนเชื่อว่าความเร็วที่ 8 นอต ตนเดาว่าทำให้เพื่อนไม่กังวล ณ ตอนนั้น และเราดื่มไวน์เรื่อยๆ ตั้งแต่ช่วงเย็น ทำให้คนปวดปัสสาวะปราศจากความกังวลที่คิดเยอะ (แซน วิศาพัช กล่าวเสริมว่า เรือมันนิ่งมาก) เพราะฉะนั้นการจำลองอยากให้จำลองให้เหมือนจริง และอยากให้ความเป็นธรรมกับทุกคน หมายถึงผู้เสียหาย
    .
    "ถ้าจะจำลองต้องจำลองให้เหมือนจริง และเพื่อนผม (แตงโม) เขาไปสงบแล้ว เพื่อนผมเนี่ยเราสูญเสีย ต้องมาคิดว่ามีหลายๆ คนที่สูญเสียตามมา คือบุคคลรอบข้างที่เสียใจ เพราะฉะนั้นการที่เพื่อนผมสูญเสียไปแล้ว ยังมาเป็นประเด็น มาเป็นกระแส ผมไม่เห็นด้วย อย่างที่สอง ผมยังยืนยันว่า ถ้าคุณจะทดสอบ ทดสอบแบบตรงไปตรงมา ให้เหมือนเหตุการณ์เดียวกัน"
    .
    นายวิศาพัช หรือแซน กล่าวว่า ฝากไปถึง นพ.ธวัชชัย และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ว่ามาพูดหรือท้าอะไรกับตน สมควรที่จะปรึกษาผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ วัยวุฒิ คุณวุฒิทุกอย่างก่อน จะได้ดูเหมือนกลั่นกรองมาแล้วค่อยมาถาม ส่วนการท้าด้วยจำนวนเงิน 1 แสนบาท 5 ล้านบาทนั้น ตนไม่ติดการพนัน เพราะฉะนั้นไม่ชอบเล่นแบบท้าด้วยเงินอยู่แล้ว ไปดูเรื่องการพนันของตัวเองดีกว่าไหม ไม่ได้พูดถึงใคร อันนี้พูดลอยๆ
    .
    นายตนุภัทร กล่าวว่า ตนขอขยายว่า ขอบคุณทีมงานของนายอัจฉริยะที่ทำความกระจ่าง ตอนที่เกิดเหตุใหม่ๆ ย้อนไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว มีประเด็นที่สังคมถามกันเยอะมากว่าท้ายเรือนั่งได้จริงไหม เพราะเรือมีหลายแพลตฟอร์ม มีเรือยอร์ช สปีดโบ้ท เรือพาย เรือแจว มันจะนั่งยังไง เชื่อว่าประชาชนได้เห็นแล้วว่า แตงโมตัวเล็ก แพทย์ที่นั่งทดสอบเมื่อวานตัวใหญ่กว่าแตงโมตั้งเยอะยังนั่งได้ เพราะฉะนั้นข้อแรกเราเห็นได้ชัดแล้วว่า นั่งท้ายเรือได้จริง ส่วนนั่งเสร็จแล้วปัสสาวะได้ไหม ขึ้นอยู่กับบุคคลว่าเขาเลือกจะทำอะไร เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ณ ช่วงเวลานั้นคนปวดปัสสาวะ เขาอยากจะปัสสาวะหรือใดๆ เราไปก้าวล่วงไม่ได้
    .
    "แต่ที่แน่ๆ ผมอยากถามว่าคนที่ใส่บอดี้สูทวันนี้ที่ไปทดสอบ คุณนั่งได้แน่ๆ ขนาดคุณหมอยังนั่งได้ คุณนั่งได้แน่ๆ คุณลองสิ นั่งแล้วเอามือทำท่าที่อย่างคุณแซนเล่า ทำได้ไหม อันนี้ที่ผมฝากทดสอบ ... และจุดตก ผมย้ำอีกที จุดตกต้องตกข้างเครื่อง (เอาต์บอร์ด) แล้วตกลงไปก่อน แล้วเกาะ (เครื่องเอาต์บอร์ด) ก่อน อย่างน้อยสัก 10 วินาที แต่ผมย้ำอีกที ผมไม่อยากทดสอบในลักษณะติดเครื่อง เพราะถ้าติดเครื่องแล้วเกิดความสูญเสีย ผมว่าเราจะเสียหายมากกว่าได้แค่ทดสอบ ติดเครื่องในลักษณะที่ใบพัดไม่ทำงานมันจะรู้แล้วว่าโดน ไม่โดน แช่อยู่ในน้ำ ขอคนที่ความสูง 165 เซนติเมตร ซึ่งผมเห็นพี่ณวัฒน์ (นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล) ได้คัดสรรมาอย่างดีแล้ว ขอบคุณพี่ณวัฒน์ด้วย"
    .
    "เพราะฉะนั้นผมขออนุญาตขยายว่า ขอบคุณสำหรับการทดสอบในครั้งนี้ แล้วมันจะดีมากๆ ที่สร้างความกระจ่างให้กับประชาชนคนไทยทั้งประเทศ สร้างความกระจ่างให้กับ 5 คนบนเรือ และครอบครัวของน้องแตงโม ที่จะได้รู้ข้อเท็จจริงว่าถ้าตกตามเหตุการณ์จริง ที่คุณแซนเป็นผู้เดียวที่เห็นเหตุการณ์ และได้ให้ปากคำ กับประชาชนคนไทยทั้งประเทศที่ดูรายการโหนกระแส และได้ให้ปากคำในชั้นศาล เป็นข้อมูลเดิมทั้งหมด เพราะฉะนั้นคุณแซนยังไม่ได้บิดเบือน คุณแซนพูดทุกอย่างตามข้อเท็จจริง ทำไมวันนี้การทดสอบถึงบิดเบือนหรือไม่ตรง ในเมื่อเจ้าตัวยังพูดคำเดิม ผ่านมา 3 ปี คุณแซนยังยืนคำเดิมว่าตกท้ายเรือ เกาะไหม (แซน กล่าวว่า เกาะแปบนึง) เพราะฉะนั้นคุณแซนบอกแล้วว่าเกาะ ถ้าเกาะแล้วคุณต้องจำลองก่อน"
    .
    นายวิศาพัช หรือแซน กล่าวว่า ติดเครื่องยนต์เลยก็ได้ เพราะ นพ.ธวัชชัย กล่าวว่า เขาจะจำลองเอง แล้วเขาถามแซน ตรงนี้ถ้าเขาบอกว่าปลอดภัย 100% คุณหมอลองทำดู จะไม่ท้า ถ้าอยากทำก็ทำ ส่วนนายอัจฉริยะท้าเดิมพัน 2 ล้านบาท ถ้าถนัดทางนั้นไปสนามมวยดีกว่า ไม่ต้องคุยกับตนเรื่องนี้ และว่า การทดสอบในวันนี้เป็นการละครเรื่องหนึ่งมากกว่า เอาไว้ดูเพื่อความบันเทิงเท่านั้น เพราะไม่ได้ใกล้เคียงกับข้อเท็จจริงเลย มันไม่ตรงตั้งแต่ที่เคยแนะนำไป 4 ข้อ ถ้าเกิดจะทำให้เหมือน และการตกท้ายเรือมีรายละเอียดปลีกย่อยเล็กๆ น้อยๆ ถ้า นพ.ธวัชชัยอยากทราบ นายตนุภัทรก็ได้แจ้งไปแล้ว ให้ทำตามที่บอกแบบนั้นดู
    .
    ทั้งนี้ ตนไม่กังวลใจถึงการทดสอบและการร้องเรียนของนายอัจฉริยะ ยังยืนยันเหมือนเดิมว่ามั่นใจมากด้วยซ้ำ เพราะยังรอดูว่าจะเปิดอะไรออกมา จะใช้ข้อวิชาการ หลักวิทยาศาสตร์ข้อไหน เอามาสนับสนุนให้สิ่งที่กำลังทำมีเนื้อหาสาระสำคัญพอที่จะเอามาเปลี่ยนสำนวนคดีได้ ส่วนวัตถุประสงค์ในการทดสอบเหตุการณ์ตนไม่ทราบ ตนรู้สึกว่าโดนทำลายชื่อเสียงแต่ไม่รู้ว่าเจตนาเขาคืออะไร ส่วนจะฟ้องกลับคนที่ตัวตั้งตัวตีในการทดสอบนั้น เท่าที่คิดก็ไม่ทำ อโหสิกรรมไป เผื่อเจ้ากรรมนายเวรจะได้หมดสิ้นไปบ้าง ระหว่างนั้นทนายความกล่าวเสริมว่า ต้องดูว่ามากไปไหม กระทบถึงใครบ้าง ไปถึงครอบครัวไหมต้องพิจารณาดู แต่ส่วนตัวเชื่อว่าหน่วยงานรัฐคงไม่ได้เพิกเฉยอยู่แล้ว เพราะเรื่องนี้กระทบหน่วยงานรัฐหลายหน่วย
    .
    นายวิศาพัช หรือแซน กล่าวว่า อยากให้ประชาชนดูให้ดีว่าสิ่งที่เขาทำ เขามีเจตนาเพื่อหาความยุติธรรมจริงหรือเปล่า หรือหาประโยชน์ให้กับใคร กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น อันนี้ตนไม่ได้ยืนยัน แค่อยากให้ประชาชนตรองกันดูบ้าง จากสิ่งที่เราได้ยินเข้ามา แล้วก็กลั่นกรองกันหน่อย ไม่ใช่ได้ยินปุ๊บแล้วมาด่าเลย มันไม่ได้ ไม่อย่างนั้นประเทศเราก็เป็นประเทศขวัญใจแก๊งคอลเซ็นเตอร์
    .
    นายตนุภัทร กล่าวว่า คนที่สูญเสียวันนี้ขั้นต้นคือเพื่อนเรา เพราะฉะนั้นวันนี้เราเชื่อมั่นว่าไม่มีใครอยากให้เกิด แต่การหาประโยชน์จากการสูญเสีย ตนว่าควรจะไม่เอาการสูญเสียมาเป็นโอกาส ถ้าถามว่ารู้สึกอย่างไร เรารู้สึกแบบนี้ เพราะฉะนั้นวันนี้เพื่อนเรา แตงโม ภัทรธิดา จากไปอย่างสงบแล้ว วันนี้ขอบคุณที่ได้มาทำการจำลอง แล้วขอให้ทำให้ตรงไปตรงมา มันจะได้ความชัดเจน
    .
    ขณะที่ทนายความกล่าวเสริมว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับแตงโมนำมาจำลอง เห็นว่าเป็นการนำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่ออดีตมา คนที่สูญเสียอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้เสียหายจริงๆ คือคุณแม่ อยากให้มีการขออนุญาตคุณแม่สักนิดนึง กรณีการทำจำลองควรจะขออนุญาตกับผู้เสียหาย เพราะเขาเป็นแม่ของลูก การนำเรื่องราวของเขามานำเสนอเห็นว่าส่วนหนึ่งเหมือนซ้ำเติมคนตาย ส่วนการยื่นเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รื้อฟื้นคดีอีกรอบ ในทางกฎหมายไม่กังวล เพราะพยานหลักฐานใหม่ ต้องเป็นพยานหลักฐานที่มีอยู่แล้ว และไม่ได้สร้างขึ้นมาใหม่ การสร้างขึ้นมาใหม่ต้องมีความน่าเชื่อถือต่อหน่วยงานรัฐ มีการสืบสวนสอบสวนที่ถูกต้อง
    .
    การทดสอบครั้งนี้ชัดเจนว่าเป็นการสร้างขึ้นมาใหม่เพื่อที่จะพิสูจน์ความจริง แต่ต้องใกล้เคียงอย่างที่นายตนุภัทรพูด สิ่งที่นายตนุภัทรพูดทั้งหมดมีการเบิกความจากพยานผู้เชี่ยวชาญ ที่ได้มีการทดลอง จำลอง อยู่ในสำนวนของศาล และได้เบิกความไปแล้ว แต่คดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณา ยังคงเปิดเผยอะไรมากไม่ได้ วันนี้เปิดเผยเท่าที่เห็นว่าเหมาะสมกับ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004865
    ..............
    Sondhi X
    "ปอ-แซน" บิดอีก !?! อ้าง "แตงโม" เกาะเรือ 10 วิ จำลองเหตุไม่ตรงเรื่องจริง . "ปอ ตนุภัทร" พร้อมด้วย "แซน วิศาพัช" โต้กรณีจำลองเหตุการณ์ "แตงโม ภัทรธิดา" ตกน้ำ อ้างไม่ตรงกันเพราะตอนตกน้ำมีการเกาะเครื่องเอาต์บอร์ดท้ายเรือ ถูกใบพัดเรือ แนะลองแช่แล้วจุ่มสักครึ่งตัว เกาะเครื่อง 10 วิ.แล้วดูว่าขาถึงใบพัดไหม แต่ไม่อยากให้อุบัติเหตุซ้ำอีก ด้านแซนกล่าว ถ้าหมอธวัชชัยอยากจะทำ ติดเครื่องยนต์ก็ได้ อ้างไม่ตรงกันมีรายละเอียดปลีกย่อย ถามกลับมีเจตนาทวงคืนความยุติธรรมจริงหรือไม่ . วันนี้ (16 ม.ค.) ที่โชว์รูมวัฒนาออโต้เซลล์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ กรุงเทพฯ นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือปอ พร้อมด้วย นายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือแซน สองผู้อยู่ในเหตุการณ์ที่ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ที่เสียชีวิตเพราะตกจากเรือสปีดโบ้ทลงแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณท่าเรือพิบูลสงคราม 1 ต.สวนใหญ่ อ.เมืองฯ จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 หรือเมื่อ 3 ปีก่อน แถลงข่าวถึงปฎิกิริยาการทดสอบเหตุการณ์จำลองการตกเรือของแตงโม ภัทรธิดา นำโดย อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต . นายตนุภัทร กล่าวว่า ตนเห็นด้วยที่มีการจำลองเหตุการณ์ตกเรือให้ชัดเจนและกระจ่าง ทำให้ประชาชนได้เห็นภาพจากเรือรุ่นเดียวกัน คือเรือโคบอลต์ 25 เอสซี แต่สิ่งที่รู้สึกว่าไม่ตรง คือ การตกไม่ได้ตกในลักษณะที่แซน วิศาพัช เคยให้ข้อมูลในการออกรายการโหนกระแส และให้การกับศาล ตนมองว่าไม่ตรง ทำไมไม่จำลองให้เหมือนกัน การที่แตงโมนั่งและจับขาแซน พบว่าการจำลองเหตุการณ์มีการเฉียงออกทางซ้ายของเรือ ไม่ตรงกับที่แซน วิศาพัช ให้การว่าตกไปแล้วต้องเกาะ แต่ไม่ใช่ดีดตัวออกจากเรือ เพราะฉะนั้นตำแหน่งที่คิดว่าควรจะเป็นคือ ตกเรือแล้วเกาะเครื่องยนต์ซึ่งจะถูกใบพัดดูด . แต่ถ้าตกแล้วดีดออกจากเรือ ถามผู้เชี่ยวชาญยังไงก็ไม่โดนใบพัดเรือ และจากการที่แซน วิศาพัช กล่าวและสาธิตในรายการโหนกระแส สาระก็คือตกไปแล้ว ต้องเกาะถึงจะหลุด แต่ถ้าตกแล้วดีดออกจากเรือเลย คนละเหตุการณ์กัน เพราะฉะนั้นมีคำถามว่า ทำไมการจำลองเหตุการณ์ครั้งนี้ถึงจำลองไม่ตรง ฝากถึงทีมผู้จัดการทดสอบว่า เราเห็นด้วยและขอบคุณที่ให้ความกระจ่าง แต่มีคำถามว่าถ้าจำลองแล้วไม่เหมือนเหตุการณ์ 100% จะจำลองทำไม ถ้าจะจำลองให้เหมือนจะจำลองแบบไหน . ทั้งนี้ บนแพลตฟอร์มของเรือโคบอลต์ 25 เอสซี จะมีเครื่องยนต์อยู่ท้ายเรือ เรียกว่าเครื่องเอาต์บอร์ด (Outboard) จะมีใบพัดอยู่ด้านข้าง จากที่แซน วิศาพัช เล่าในรายการโหนกระแสและให้การในชั้นศาล ตนนั่งอยู่ที่เบาะหลังและยืดขา ตำแหน่งที่ตกขาจะยื่นอยู่ใกล้เครื่องเอาต์บอร์ด ขาจะยื่นอยู่ในช่วงใบพัด เพราะฉะนั้นการจำลองแบบง่ายๆ ต้องอยู่ใกล้เครื่องเอาต์บอร์ด ลักษณะที่ตกต้องตกอยู่ข้างเครื่อง แต่ไม่ใช่ตกทะแยง 45 องศา กระโดดออกนอกเรือ มันคนละเรื่องกัน และต้องเกาะเครื่องก่อนสักประมาณ 10 วินาทีแล้วค่อยนับ เพราะใบพัดจะปัด ดูวิถีร่างจะเข้าที่เครื่องไหม . ตนได้ทราบจากทนายความว่า ได้ไปขอคัดพยานหลักฐาน พบว่าทางตำรวจจำลองเหตุการณ์แล้ว ทดสอบว่าจุดที่ตกดูดไปทางไหน ถ้าสมมติตกแล้วอยู่ด้านข้างของเรือจะไม่มีการดูด แต่ถ้าตกแล้วอยู่โซนเครื่องเอาต์บอร์ดมันจะมีการดูด สิ่งที่ตำรวจทำเท่าที่ทราบคือการใช้สีเทลงไปเพื่อดูสีของน้ำ ให้เห็นว่าน้ำวนแล้วดูดมาทางใบพัดเรือหรือไม่ อย่างที่สอง ให้คนใส่เสื้อชูชีพแล้วเกาะโดยไม่ติดเครื่องยนต์ ดูทิศทางของน้ำที่มีแรงดัน คนจะไหลตรงใบพัดหรือไม่ เขาทดสอบแล้วมันไหลและพัดเข้ามา อย่างที่สาม ใช้สุกรที่มีน้ำหนักเท่ากับแตงโม ภัทรธิดา มาเกาะ แล้วใบพัดดูดเข้ามามีรอยฟันหรือไม่ พบว่าแผลเข้า ทำให้พบว่ามีข้อมูลที่มาที่ไป จึงบอกว่าถ้าจะจำลองเหตุการณ์ อยากให้จำลองให้ตรง แต่บอกตรงๆ ไม่อยากให้อุบัติเหตุเกิดขึ้นอีก . "ถ้าจำลองง่ายๆ ลองจำลองตามที่ผมว่า ให้บุคคลที่มีอัตลักษณ์ความสูง 165 เซนติเมตร แล้วลองไปแช่ ไม่ต้องติดเครื่อง ลองจุ่มไปสักครึ่งตัว ดูที่ขาคุณจะถึงใบพัดไหม เอาแค่นี้พอ ถ้าถึง ผมว่าจบได้นะ" . ด้านนายวิศาพัช หรือแซน กล่าวตอบโต้ นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ ที่ออกมาเคลื่อนไหวคดีการเสียชีวิตของแตงโม ภัทรธิดา ว่า ถ้าคุณหมอฟังอยู่ นี่ก็คือคำตอบที่เมื่อกี้ท้ากันอยู่ . นายตนุภัทร กล่าวว่า ขอย้ำว่าไม่อยากทดสอบโดยการติดเครื่องยนต์ เพราะถ้าตกอยู่ในวิถี ตำแหน่งอยู่ใกล้เครื่องเอาต์บอร์ดท้ายเรือ ไม่ได้อยู่นอกเรือ แล้วมีการดูด ตนเชื่อว่าใบพัดมีโอกาสสูงมาก ปัจจัยมีทั้งแรงดันของน้ำ ช่วงเวลาน้ำขึ้นน้ำลง และความเร็วของเรือ เพราะฉะนั้นสิ่งที่อยากจะให้ทดสอบก็คือ ให้บุคคลที่บอกอัตลักษณ์เท่าแตงโม ภัทรธิดา ลองมาทาบดูก่อน เครื่องที่ไม่ติดมันคงไม่บาด แต่ถ้าเครื่องติดอาจจะเกิดความเสียหาย เท่านี้ตอบสังคมได้เพียงพอแล้ว . ส่วนเรื่องการทดสอบเรือนั้น ลักษณะของการล่อง เรือ 8 นอต เห็นว่าบางเหตุการณ์เรือจะเชิดขึ้น ถ้าจะเปียกน้ำไม่มีทางนั่งได้ เพราะเรือเพิ่งออกตัว เรือเวลาออกตัวใหม่ๆ หน้าจะเชิดขึ้น แต่พอเรือออกตัวไปถึงจุดหนึ่งแล้ว เรือจะบิน ทำให้เรือจะอยู่ในสถานการณ์ลอยตัว ตนเชื่อว่าความเร็วที่ 8 นอต ตนเดาว่าทำให้เพื่อนไม่กังวล ณ ตอนนั้น และเราดื่มไวน์เรื่อยๆ ตั้งแต่ช่วงเย็น ทำให้คนปวดปัสสาวะปราศจากความกังวลที่คิดเยอะ (แซน วิศาพัช กล่าวเสริมว่า เรือมันนิ่งมาก) เพราะฉะนั้นการจำลองอยากให้จำลองให้เหมือนจริง และอยากให้ความเป็นธรรมกับทุกคน หมายถึงผู้เสียหาย . "ถ้าจะจำลองต้องจำลองให้เหมือนจริง และเพื่อนผม (แตงโม) เขาไปสงบแล้ว เพื่อนผมเนี่ยเราสูญเสีย ต้องมาคิดว่ามีหลายๆ คนที่สูญเสียตามมา คือบุคคลรอบข้างที่เสียใจ เพราะฉะนั้นการที่เพื่อนผมสูญเสียไปแล้ว ยังมาเป็นประเด็น มาเป็นกระแส ผมไม่เห็นด้วย อย่างที่สอง ผมยังยืนยันว่า ถ้าคุณจะทดสอบ ทดสอบแบบตรงไปตรงมา ให้เหมือนเหตุการณ์เดียวกัน" . นายวิศาพัช หรือแซน กล่าวว่า ฝากไปถึง นพ.ธวัชชัย และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ว่ามาพูดหรือท้าอะไรกับตน สมควรที่จะปรึกษาผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ วัยวุฒิ คุณวุฒิทุกอย่างก่อน จะได้ดูเหมือนกลั่นกรองมาแล้วค่อยมาถาม ส่วนการท้าด้วยจำนวนเงิน 1 แสนบาท 5 ล้านบาทนั้น ตนไม่ติดการพนัน เพราะฉะนั้นไม่ชอบเล่นแบบท้าด้วยเงินอยู่แล้ว ไปดูเรื่องการพนันของตัวเองดีกว่าไหม ไม่ได้พูดถึงใคร อันนี้พูดลอยๆ . นายตนุภัทร กล่าวว่า ตนขอขยายว่า ขอบคุณทีมงานของนายอัจฉริยะที่ทำความกระจ่าง ตอนที่เกิดเหตุใหม่ๆ ย้อนไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว มีประเด็นที่สังคมถามกันเยอะมากว่าท้ายเรือนั่งได้จริงไหม เพราะเรือมีหลายแพลตฟอร์ม มีเรือยอร์ช สปีดโบ้ท เรือพาย เรือแจว มันจะนั่งยังไง เชื่อว่าประชาชนได้เห็นแล้วว่า แตงโมตัวเล็ก แพทย์ที่นั่งทดสอบเมื่อวานตัวใหญ่กว่าแตงโมตั้งเยอะยังนั่งได้ เพราะฉะนั้นข้อแรกเราเห็นได้ชัดแล้วว่า นั่งท้ายเรือได้จริง ส่วนนั่งเสร็จแล้วปัสสาวะได้ไหม ขึ้นอยู่กับบุคคลว่าเขาเลือกจะทำอะไร เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ณ ช่วงเวลานั้นคนปวดปัสสาวะ เขาอยากจะปัสสาวะหรือใดๆ เราไปก้าวล่วงไม่ได้ . "แต่ที่แน่ๆ ผมอยากถามว่าคนที่ใส่บอดี้สูทวันนี้ที่ไปทดสอบ คุณนั่งได้แน่ๆ ขนาดคุณหมอยังนั่งได้ คุณนั่งได้แน่ๆ คุณลองสิ นั่งแล้วเอามือทำท่าที่อย่างคุณแซนเล่า ทำได้ไหม อันนี้ที่ผมฝากทดสอบ ... และจุดตก ผมย้ำอีกที จุดตกต้องตกข้างเครื่อง (เอาต์บอร์ด) แล้วตกลงไปก่อน แล้วเกาะ (เครื่องเอาต์บอร์ด) ก่อน อย่างน้อยสัก 10 วินาที แต่ผมย้ำอีกที ผมไม่อยากทดสอบในลักษณะติดเครื่อง เพราะถ้าติดเครื่องแล้วเกิดความสูญเสีย ผมว่าเราจะเสียหายมากกว่าได้แค่ทดสอบ ติดเครื่องในลักษณะที่ใบพัดไม่ทำงานมันจะรู้แล้วว่าโดน ไม่โดน แช่อยู่ในน้ำ ขอคนที่ความสูง 165 เซนติเมตร ซึ่งผมเห็นพี่ณวัฒน์ (นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล) ได้คัดสรรมาอย่างดีแล้ว ขอบคุณพี่ณวัฒน์ด้วย" . "เพราะฉะนั้นผมขออนุญาตขยายว่า ขอบคุณสำหรับการทดสอบในครั้งนี้ แล้วมันจะดีมากๆ ที่สร้างความกระจ่างให้กับประชาชนคนไทยทั้งประเทศ สร้างความกระจ่างให้กับ 5 คนบนเรือ และครอบครัวของน้องแตงโม ที่จะได้รู้ข้อเท็จจริงว่าถ้าตกตามเหตุการณ์จริง ที่คุณแซนเป็นผู้เดียวที่เห็นเหตุการณ์ และได้ให้ปากคำ กับประชาชนคนไทยทั้งประเทศที่ดูรายการโหนกระแส และได้ให้ปากคำในชั้นศาล เป็นข้อมูลเดิมทั้งหมด เพราะฉะนั้นคุณแซนยังไม่ได้บิดเบือน คุณแซนพูดทุกอย่างตามข้อเท็จจริง ทำไมวันนี้การทดสอบถึงบิดเบือนหรือไม่ตรง ในเมื่อเจ้าตัวยังพูดคำเดิม ผ่านมา 3 ปี คุณแซนยังยืนคำเดิมว่าตกท้ายเรือ เกาะไหม (แซน กล่าวว่า เกาะแปบนึง) เพราะฉะนั้นคุณแซนบอกแล้วว่าเกาะ ถ้าเกาะแล้วคุณต้องจำลองก่อน" . นายวิศาพัช หรือแซน กล่าวว่า ติดเครื่องยนต์เลยก็ได้ เพราะ นพ.ธวัชชัย กล่าวว่า เขาจะจำลองเอง แล้วเขาถามแซน ตรงนี้ถ้าเขาบอกว่าปลอดภัย 100% คุณหมอลองทำดู จะไม่ท้า ถ้าอยากทำก็ทำ ส่วนนายอัจฉริยะท้าเดิมพัน 2 ล้านบาท ถ้าถนัดทางนั้นไปสนามมวยดีกว่า ไม่ต้องคุยกับตนเรื่องนี้ และว่า การทดสอบในวันนี้เป็นการละครเรื่องหนึ่งมากกว่า เอาไว้ดูเพื่อความบันเทิงเท่านั้น เพราะไม่ได้ใกล้เคียงกับข้อเท็จจริงเลย มันไม่ตรงตั้งแต่ที่เคยแนะนำไป 4 ข้อ ถ้าเกิดจะทำให้เหมือน และการตกท้ายเรือมีรายละเอียดปลีกย่อยเล็กๆ น้อยๆ ถ้า นพ.ธวัชชัยอยากทราบ นายตนุภัทรก็ได้แจ้งไปแล้ว ให้ทำตามที่บอกแบบนั้นดู . ทั้งนี้ ตนไม่กังวลใจถึงการทดสอบและการร้องเรียนของนายอัจฉริยะ ยังยืนยันเหมือนเดิมว่ามั่นใจมากด้วยซ้ำ เพราะยังรอดูว่าจะเปิดอะไรออกมา จะใช้ข้อวิชาการ หลักวิทยาศาสตร์ข้อไหน เอามาสนับสนุนให้สิ่งที่กำลังทำมีเนื้อหาสาระสำคัญพอที่จะเอามาเปลี่ยนสำนวนคดีได้ ส่วนวัตถุประสงค์ในการทดสอบเหตุการณ์ตนไม่ทราบ ตนรู้สึกว่าโดนทำลายชื่อเสียงแต่ไม่รู้ว่าเจตนาเขาคืออะไร ส่วนจะฟ้องกลับคนที่ตัวตั้งตัวตีในการทดสอบนั้น เท่าที่คิดก็ไม่ทำ อโหสิกรรมไป เผื่อเจ้ากรรมนายเวรจะได้หมดสิ้นไปบ้าง ระหว่างนั้นทนายความกล่าวเสริมว่า ต้องดูว่ามากไปไหม กระทบถึงใครบ้าง ไปถึงครอบครัวไหมต้องพิจารณาดู แต่ส่วนตัวเชื่อว่าหน่วยงานรัฐคงไม่ได้เพิกเฉยอยู่แล้ว เพราะเรื่องนี้กระทบหน่วยงานรัฐหลายหน่วย . นายวิศาพัช หรือแซน กล่าวว่า อยากให้ประชาชนดูให้ดีว่าสิ่งที่เขาทำ เขามีเจตนาเพื่อหาความยุติธรรมจริงหรือเปล่า หรือหาประโยชน์ให้กับใคร กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น อันนี้ตนไม่ได้ยืนยัน แค่อยากให้ประชาชนตรองกันดูบ้าง จากสิ่งที่เราได้ยินเข้ามา แล้วก็กลั่นกรองกันหน่อย ไม่ใช่ได้ยินปุ๊บแล้วมาด่าเลย มันไม่ได้ ไม่อย่างนั้นประเทศเราก็เป็นประเทศขวัญใจแก๊งคอลเซ็นเตอร์ . นายตนุภัทร กล่าวว่า คนที่สูญเสียวันนี้ขั้นต้นคือเพื่อนเรา เพราะฉะนั้นวันนี้เราเชื่อมั่นว่าไม่มีใครอยากให้เกิด แต่การหาประโยชน์จากการสูญเสีย ตนว่าควรจะไม่เอาการสูญเสียมาเป็นโอกาส ถ้าถามว่ารู้สึกอย่างไร เรารู้สึกแบบนี้ เพราะฉะนั้นวันนี้เพื่อนเรา แตงโม ภัทรธิดา จากไปอย่างสงบแล้ว วันนี้ขอบคุณที่ได้มาทำการจำลอง แล้วขอให้ทำให้ตรงไปตรงมา มันจะได้ความชัดเจน . ขณะที่ทนายความกล่าวเสริมว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับแตงโมนำมาจำลอง เห็นว่าเป็นการนำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่ออดีตมา คนที่สูญเสียอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้เสียหายจริงๆ คือคุณแม่ อยากให้มีการขออนุญาตคุณแม่สักนิดนึง กรณีการทำจำลองควรจะขออนุญาตกับผู้เสียหาย เพราะเขาเป็นแม่ของลูก การนำเรื่องราวของเขามานำเสนอเห็นว่าส่วนหนึ่งเหมือนซ้ำเติมคนตาย ส่วนการยื่นเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รื้อฟื้นคดีอีกรอบ ในทางกฎหมายไม่กังวล เพราะพยานหลักฐานใหม่ ต้องเป็นพยานหลักฐานที่มีอยู่แล้ว และไม่ได้สร้างขึ้นมาใหม่ การสร้างขึ้นมาใหม่ต้องมีความน่าเชื่อถือต่อหน่วยงานรัฐ มีการสืบสวนสอบสวนที่ถูกต้อง . การทดสอบครั้งนี้ชัดเจนว่าเป็นการสร้างขึ้นมาใหม่เพื่อที่จะพิสูจน์ความจริง แต่ต้องใกล้เคียงอย่างที่นายตนุภัทรพูด สิ่งที่นายตนุภัทรพูดทั้งหมดมีการเบิกความจากพยานผู้เชี่ยวชาญ ที่ได้มีการทดลอง จำลอง อยู่ในสำนวนของศาล และได้เบิกความไปแล้ว แต่คดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณา ยังคงเปิดเผยอะไรมากไม่ได้ วันนี้เปิดเผยเท่าที่เห็นว่าเหมาะสมกับ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004865 .............. Sondhi X
    Haha
    Like
    Love
    Sad
    13
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2419 มุมมอง 0 รีวิว
  • MGR Online-เปิดคุณสมบัติอาสาสมัครคนคล้าย "แตงโม-แซน" ทดสอบเหตุการณ์ตกเรือ แม่น้ำเจ้าพระยา อ.ปานเทพ เผย น้ำหนักและความสูงต้องใกล้เคียงกัน ที่สำคัญมีความกล้า ว่ายน้ำแข็ง นัดหมายทดสอบ 16 ม.ค.

    วันนี้ (6 ม.ค.) ที่บ้านพระอาทิตย์ อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า จากกรณีได้ติดตามการทดสอบ หรือจำลองเหตุการณ์ตกน้ำของ "แตงโม" ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีพงษ์ จากสื่อมวลชนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เรามีความเห็นว่าไม่เหมือนกับสภาพข้อเท็จจริง ดังนี้ 1. ผู้ตกเรือจะต้องมีลักษณะเพศตรงกัน 2. ผู้ตกเรือจะต้องมีน้ำหนักและความสูงเท่ากัน 3. ชุดแต่งกายจะต้องเหมือน หรือคล้ายกันมาก 4. ความเร็วเรือจะต้องมีความสอดรับกับสภาพข้อเท็จจริง

    จึงตัดสินใจทดสอบเหตุการณ์ที่มีความใกล้เคียงที่สุด โดยเปิดรับอาสาสมัครคนที่มีความคล้าย "แตงโม" นิดา และ "แซน" วิศาพัช มโนมัยรัตน์ เป้าหมายคือ น้ำหนัก ความสูง เครื่องแต่งกาย ต้องใกล้เคียงกัน หากมีหน้าใกล้เคียงกันด้วยจะดีมาก สำหรับอาสาสมัครคนคล้าย แตงโม ต้องมีความสูง 167-168 ซม. น้ำหนัก 50 กก. ส่วนอาสาสมัครคนคล้าย แซน ต้องมีความสูง 165-170 ซม. น้ำหนัก 45-52 กก. เพื่อใกล้เคียงกับสภาพความเป็นจริงมากที่สุด

    นอกจากนี้ คุณสมบัติของผู้สมัครต้องมีความกล้า ว่ายน้ำแข็ง เนื่องจากมีการทดสอบการตกน้ำจริง มีคนดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด ขณะนี้มีผู้สมัครเข้ามาแล้วและยังเปิดรับสมัครอยู่ "ใครก็ตามที่อยากทำให้ความจริงปรากฏขึ้น เชิญร่วมกับเราในการทำคดีประวัติศาสตร์" ผู้สนใจติดต่อเข้ามาที่แฟนเพจปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม หรือส่งไปรษณีย์มาที่บ้านพระอาทิตย์

    เบื้องต้นนัดหมายสื่อมวลชนร่วมสังเกตการณ์ทดสอบครั้งนี้ ในวันที่ 16 ม.ค. ที่ท่าเรือพิบูลย์สงคราม 1 จ.นนทบุรี จะได้เห็นการทดสอบความเร็ว บริเวณจุดเกิดเหตุ และเรื่องอื่นๆ

    #MGROnline #ปานเทพ #แตงโม #แตงโมภัทรธิดา
    MGR Online-เปิดคุณสมบัติอาสาสมัครคนคล้าย "แตงโม-แซน" ทดสอบเหตุการณ์ตกเรือ แม่น้ำเจ้าพระยา อ.ปานเทพ เผย น้ำหนักและความสูงต้องใกล้เคียงกัน ที่สำคัญมีความกล้า ว่ายน้ำแข็ง นัดหมายทดสอบ 16 ม.ค. • วันนี้ (6 ม.ค.) ที่บ้านพระอาทิตย์ อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า จากกรณีได้ติดตามการทดสอบ หรือจำลองเหตุการณ์ตกน้ำของ "แตงโม" ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีพงษ์ จากสื่อมวลชนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เรามีความเห็นว่าไม่เหมือนกับสภาพข้อเท็จจริง ดังนี้ 1. ผู้ตกเรือจะต้องมีลักษณะเพศตรงกัน 2. ผู้ตกเรือจะต้องมีน้ำหนักและความสูงเท่ากัน 3. ชุดแต่งกายจะต้องเหมือน หรือคล้ายกันมาก 4. ความเร็วเรือจะต้องมีความสอดรับกับสภาพข้อเท็จจริง • จึงตัดสินใจทดสอบเหตุการณ์ที่มีความใกล้เคียงที่สุด โดยเปิดรับอาสาสมัครคนที่มีความคล้าย "แตงโม" นิดา และ "แซน" วิศาพัช มโนมัยรัตน์ เป้าหมายคือ น้ำหนัก ความสูง เครื่องแต่งกาย ต้องใกล้เคียงกัน หากมีหน้าใกล้เคียงกันด้วยจะดีมาก สำหรับอาสาสมัครคนคล้าย แตงโม ต้องมีความสูง 167-168 ซม. น้ำหนัก 50 กก. ส่วนอาสาสมัครคนคล้าย แซน ต้องมีความสูง 165-170 ซม. น้ำหนัก 45-52 กก. เพื่อใกล้เคียงกับสภาพความเป็นจริงมากที่สุด • นอกจากนี้ คุณสมบัติของผู้สมัครต้องมีความกล้า ว่ายน้ำแข็ง เนื่องจากมีการทดสอบการตกน้ำจริง มีคนดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด ขณะนี้มีผู้สมัครเข้ามาแล้วและยังเปิดรับสมัครอยู่ "ใครก็ตามที่อยากทำให้ความจริงปรากฏขึ้น เชิญร่วมกับเราในการทำคดีประวัติศาสตร์" ผู้สนใจติดต่อเข้ามาที่แฟนเพจปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม หรือส่งไปรษณีย์มาที่บ้านพระอาทิตย์ • เบื้องต้นนัดหมายสื่อมวลชนร่วมสังเกตการณ์ทดสอบครั้งนี้ ในวันที่ 16 ม.ค. ที่ท่าเรือพิบูลย์สงคราม 1 จ.นนทบุรี จะได้เห็นการทดสอบความเร็ว บริเวณจุดเกิดเหตุ และเรื่องอื่นๆ • #MGROnline #ปานเทพ #แตงโม #แตงโมภัทรธิดา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 565 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขนลุก! “แตงโม” เข้าฝันคนสนิทนั่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา 28/12/67 #แตงโม นิดา #คนสนิท #พี่เซ้ง #แม่น้ำเจ้าพระยา
    ขนลุก! “แตงโม” เข้าฝันคนสนิทนั่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา 28/12/67 #แตงโม นิดา #คนสนิท #พี่เซ้ง #แม่น้ำเจ้าพระยา
    Like
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1223 มุมมอง 65 0 รีวิว
  • 6 พ.ย.พ.ศ.2310 วันกอบกู้เอกราชไทยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชในเดือนตุลาคม พ.ศ.2310
    เจ้าตากได้ยกกองทัพเรือจากจันทบุรีเข้ามาทางปากแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วเข้าโจมตีข้าศึกที่เมืองธนบุรี
    เมื่อเจ้าตากยึดเมืองธนบุรีและปราบนายทองอินได้แล้ว จึงเคลื่อนทัพต่อไปที่กรุงศรีอยุธยา
    เข้ายึดค่ายโพธิ์สามต้น ปราบพม่าจนราบคาบ จึงสามารถกอบกู้กรุงศรีอยุธยากลับคืนมา
    เมื่อวันศุกร์ เดือน 12 ขึ้น 15 ค่ำ จุลศักราช 1129 ปีกุน นพศก เวลาบ่ายโมงเศษ ซึ่งตรงกับวันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ.2310
    เวลาประมาณ13.00 น. ใช้เวลา 7 เดือนหลังจากคราวเสียกรุงศรีอยุธยา
    6 พ.ย.พ.ศ.2310 วันกอบกู้เอกราชไทยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชในเดือนตุลาคม พ.ศ.2310 เจ้าตากได้ยกกองทัพเรือจากจันทบุรีเข้ามาทางปากแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วเข้าโจมตีข้าศึกที่เมืองธนบุรี เมื่อเจ้าตากยึดเมืองธนบุรีและปราบนายทองอินได้แล้ว จึงเคลื่อนทัพต่อไปที่กรุงศรีอยุธยา เข้ายึดค่ายโพธิ์สามต้น ปราบพม่าจนราบคาบ จึงสามารถกอบกู้กรุงศรีอยุธยากลับคืนมา เมื่อวันศุกร์ เดือน 12 ขึ้น 15 ค่ำ จุลศักราช 1129 ปีกุน นพศก เวลาบ่ายโมงเศษ ซึ่งตรงกับวันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ.2310 เวลาประมาณ13.00 น. ใช้เวลา 7 เดือนหลังจากคราวเสียกรุงศรีอยุธยา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 478 มุมมอง 3 0 รีวิว
  • หนึ่งในทีมงานสร้างสรรค์“ยองฮี“ หรือ ”น้องโกโกวา“ ออกมาเล่าเบื้องหลังกว่าจะกลายมาเป็นตุ๊กตาที่ใหญ่ที่สุดในโลกเท่าตึก 4 ชั้น ใช้เวลา 8 เดือนกับ ทีมงาน 200 ชีวิต ชาวเน็ตแห่ชื่นชมคนไทยสุดเจ๋ง

    เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Aei Attanon“ ได้ออกมาโพสต์เล่าประสบการณ์ การทำงานเบื้องหลังกับการเปิดตัว ตุ๊กตาน้องยองฮี หรือ น้องโกโกวา ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ให้เหล่าแฟนซีรีส์ Squid Gameภาค 2 จาก Netflix ซึ่งคนไทยได้ชมผ่านขบวนเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาในวันที่ 21-22 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยได้ล่องเรือผ่านเส้นทางสะพานพระราม 8⁣, สะพานพระปิ่นเกล้า⁣, วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร⁣, สะพานพุทธ⁣, ICONSIAM⁣, สะพานตากสิน, สะพานพระราม 3, สะพานกรุงเทพ⁣, สะพานพระราม 9⁣, สะพานภูมิพล ซึ่งมีแฟนคลับร่วมรบชมเต็มริมแม่น้ำเจ้าพระยา

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000123307

    #MGROnline #สควิดเกม2 #SquidGame2 #เล่นลุ้นตาย #SquidGame #NetflixTH
    หนึ่งในทีมงานสร้างสรรค์“ยองฮี“ หรือ ”น้องโกโกวา“ ออกมาเล่าเบื้องหลังกว่าจะกลายมาเป็นตุ๊กตาที่ใหญ่ที่สุดในโลกเท่าตึก 4 ชั้น ใช้เวลา 8 เดือนกับ ทีมงาน 200 ชีวิต ชาวเน็ตแห่ชื่นชมคนไทยสุดเจ๋ง • เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Aei Attanon“ ได้ออกมาโพสต์เล่าประสบการณ์ การทำงานเบื้องหลังกับการเปิดตัว ตุ๊กตาน้องยองฮี หรือ น้องโกโกวา ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ให้เหล่าแฟนซีรีส์ Squid Gameภาค 2 จาก Netflix ซึ่งคนไทยได้ชมผ่านขบวนเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาในวันที่ 21-22 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยได้ล่องเรือผ่านเส้นทางสะพานพระราม 8⁣, สะพานพระปิ่นเกล้า⁣, วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร⁣, สะพานพุทธ⁣, ICONSIAM⁣, สะพานตากสิน, สะพานพระราม 3, สะพานกรุงเทพ⁣, สะพานพระราม 9⁣, สะพานภูมิพล ซึ่งมีแฟนคลับร่วมรบชมเต็มริมแม่น้ำเจ้าพระยา • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000123307 • #MGROnline #สควิดเกม2 #SquidGame2 #เล่นลุ้นตาย #SquidGame #NetflixTH
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 587 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในหลวง-พระราชินี ทรงเปิด “สะพานทศราชัน” •เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2567 เวลา 17.25 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด “สะพานทศราชัน” ณ สะพานทศราชัน ทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร• เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงบริเวณสะพานทศมราชัน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ผู้บริหาร และข้าราชการ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ จากนั้น เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงกราบ ทรงศีล ประธานสงฆ์ถวายศีล จบ เสร็จแล้ว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสูจิบัตร แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ต่อจากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม และนายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายบัตร Easy Passที่ระลึกแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสร็จแล้ว นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลรายงานความเป็นมาของการก่อสร้าง “สะพานทศราชัน” โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก •จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังแท่นพิธี ทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมป้ายชื่อ “สะพานทศราชัน” พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้อง ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ เสร็จแล้ว เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ต่อจากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายรัชนัย เปรมปราคิน ผู้อำนวยการสำนักผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย กราบบังคมทูลเบิกผู้มีอุปการคุณ เข้ารับพระราชทานของที่ระลึก เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรนิทรรศการเกี่ยวกับความเป็นมาของการก่อสร้าง “สะพานทศนราชัน”รูปแบบและแนวคิดในการออกแบบงานสถาปัตยกรรมของสะพานทศมราชัน จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และนายชาตรี ตันศิริ รองผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (วิศวกรรมและบำรุงรักษา) เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายของที่ระลึก แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปยังห้องรับรอง ทรงลงพระปรมาภิไธย และพระนามาภิไธย ในสมุดที่ระลึก สมควรแก่เวลา จึงประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับ• สะพานทศมราชัน” เป็นส่วนหนึ่งของโครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก เป็นสะพานคู่ขนานแม่น้ำเจ้าพระยาคู่ (Cable Stayed Bridge) แบบไม่มีเสาอยู่ในลำน้ำเจ้าพระยา ขนาด 8 ช่องจราจร ความยาวสะพาน 781.2 เมตร ซึ่งกระทรวงคมนาคม โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ได้มีแนวคิดในการออกแบบสถาปัตยกรรมสะพานแห่งนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยองค์ประกอบต่าง ๆ ของสะพานจะสื่อถึงพระองค์ท่าน ดังนี้ • ส่วนยอดของเสาสะพาน หมายถึง ฝ่าพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แสดงถึงความโอบอุ้มปกป้อง ให้ความรัก และความห่วงใยต่อพสกนิกร และพสกนิกรต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือเกล้า • สายเคเบิล เป็นสีเหลือง เพื่อสื่อถึงวันพระบรมราชสมภพ คือ วันจันทร์ •รูปปั้นพญานาคสีเหลืองทอง อยู่บนโคนเสาสะพานทั้ง 4 ต้น ซึ่งเป็นราศีประจำปีมะโรง ปีพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายอารักขาแด่พระองค์ • รั้วสะพานกันกระโดด ออกแบบให้เป็นลายดอกรวงผึ้ง ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำพระองค์ • โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ระยะทาง 18.7 กิโลเมตร ก่อสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกจากการเดินทางจากภาคใต้สู่กรุงเทพมหานคร และช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดบนทางพิเศษช่วงบางโคล่ - คาวคะนอง และถนนพระรามที่ ๒ ช่วงดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร • ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานชื่อสะพานนี้ว่า “สะพานทศมราชัน” หมายถึง พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 10 และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เชิญตราสัญลักษณ์ เนื่องในโอกาสพระราชทานพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ไปประดิษฐานบนสะพานแห่งนี้ด้วย
    ในหลวง-พระราชินี ทรงเปิด “สะพานทศราชัน” •เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2567 เวลา 17.25 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด “สะพานทศราชัน” ณ สะพานทศราชัน ทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร• เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงบริเวณสะพานทศมราชัน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ผู้บริหาร และข้าราชการ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ จากนั้น เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงกราบ ทรงศีล ประธานสงฆ์ถวายศีล จบ เสร็จแล้ว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสูจิบัตร แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ต่อจากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม และนายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายบัตร Easy Passที่ระลึกแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสร็จแล้ว นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลรายงานความเป็นมาของการก่อสร้าง “สะพานทศราชัน” โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก •จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังแท่นพิธี ทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมป้ายชื่อ “สะพานทศราชัน” พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้อง ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ เสร็จแล้ว เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ต่อจากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายรัชนัย เปรมปราคิน ผู้อำนวยการสำนักผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย กราบบังคมทูลเบิกผู้มีอุปการคุณ เข้ารับพระราชทานของที่ระลึก เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรนิทรรศการเกี่ยวกับความเป็นมาของการก่อสร้าง “สะพานทศนราชัน”รูปแบบและแนวคิดในการออกแบบงานสถาปัตยกรรมของสะพานทศมราชัน จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และนายชาตรี ตันศิริ รองผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (วิศวกรรมและบำรุงรักษา) เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายของที่ระลึก แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปยังห้องรับรอง ทรงลงพระปรมาภิไธย และพระนามาภิไธย ในสมุดที่ระลึก สมควรแก่เวลา จึงประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับ• สะพานทศมราชัน” เป็นส่วนหนึ่งของโครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก เป็นสะพานคู่ขนานแม่น้ำเจ้าพระยาคู่ (Cable Stayed Bridge) แบบไม่มีเสาอยู่ในลำน้ำเจ้าพระยา ขนาด 8 ช่องจราจร ความยาวสะพาน 781.2 เมตร ซึ่งกระทรวงคมนาคม โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ได้มีแนวคิดในการออกแบบสถาปัตยกรรมสะพานแห่งนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยองค์ประกอบต่าง ๆ ของสะพานจะสื่อถึงพระองค์ท่าน ดังนี้ • ส่วนยอดของเสาสะพาน หมายถึง ฝ่าพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แสดงถึงความโอบอุ้มปกป้อง ให้ความรัก และความห่วงใยต่อพสกนิกร และพสกนิกรต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือเกล้า • สายเคเบิล เป็นสีเหลือง เพื่อสื่อถึงวันพระบรมราชสมภพ คือ วันจันทร์ •รูปปั้นพญานาคสีเหลืองทอง อยู่บนโคนเสาสะพานทั้ง 4 ต้น ซึ่งเป็นราศีประจำปีมะโรง ปีพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายอารักขาแด่พระองค์ • รั้วสะพานกันกระโดด ออกแบบให้เป็นลายดอกรวงผึ้ง ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำพระองค์ • โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ระยะทาง 18.7 กิโลเมตร ก่อสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกจากการเดินทางจากภาคใต้สู่กรุงเทพมหานคร และช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดบนทางพิเศษช่วงบางโคล่ - คาวคะนอง และถนนพระรามที่ ๒ ช่วงดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร • ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานชื่อสะพานนี้ว่า “สะพานทศมราชัน” หมายถึง พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 10 และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เชิญตราสัญลักษณ์ เนื่องในโอกาสพระราชทานพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ไปประดิษฐานบนสะพานแห่งนี้ด้วย
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1084 มุมมอง 0 รีวิว
  • จับกระแสคอนเสิร์ต เคานต์ดาวน์ 2025

    คืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 หลายสถานที่ได้เปิดเผยศิลปินที่จะมาสร้างความสุขก่อนเข้าสู่ศักราชใหม่ ปีนี้ยังคงประชันกันระหว่างไอคอนสยาม ที่คว้าศิลปินระดับโลก ลิซ่า ลลิสา มโนบาล มาโชว์พิเศษริมแม่น้ำเจ้าพระยา กับเซ็นทรัลเวิลด์ ที่ประกาศเป็นไทม์สแควร์ออฟเอเชีย

    เมื่อดูรายชื่อศิลปินคืนวันที่ 31 ธ.ค. 2567 พบว่ามีศิลปินปรากฎทั้งเวทีไอคอนสยามและเซ็นทรัลเวิลด์ ได้แก่ นนท์ ธนนท์ จำเริญ, Jeff Satur หรือวรกมล ชาเตอร์, เกิร์ลกรุ๊ปสาว 4EVE, พีพี-บิวกิ้น แต่บางคนเลือกแสดงเวทีเดียว เช่น เป๊ก ผลิตโชค อายนบุตร เวทีไอคอนสยาม หรือเซ็นทรัลเวิลด์ก็มี ซี-นุนิว, ไอซ์ พาริส อินทรโกมาลย์สุต

    สำหรับศิลปินที่รับงานคืนส่งท้ายปีเก่ามากที่สุด 3 งาน ได้แก่ ยัวร์บอยทีเจ (URBOYTJ) จิรายุทธ ผโลประการ มีทั้งเซ็นทรัลเวิลด์ เมกาบางนา และร้าน ROUTE 66 RCA, อิ๊งค์ วรันธร เปานิล มีทั้งวันแบงค็อก เมกาบางนา และเอ็มควอเทียร์ หรือวงโนวันเอลส์ (No One Else) มีทั้งเดอะมอลล์ท่าพระ เอ็มควอเทียร์ และร้านมอนติคาโล เลียบด่วนฯ

    นอกนั้นยังคงรับ 1-2 งาน เช่น ศิลปินเกิร์ลกรุ๊ป PIXXIE เริ่มต้นที่เซ็นทรัลเวิลด์ ต่อด้วย 23.00 น. ที่ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต หรือจะเป็น ปาล์มมี่ อีฟ ปานเจริญ เริ่มต้น 19.00 น. ที่สยามพารากอน ต่อด้วย 23.00 น. ที่ซีคอนสแควร์ และวงทรีแมนดาวน์ เริ่มต้น 20.20 น. ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ต่อด้วย 23.00 น. ที่เมกาบางนา เป็นต้น

    แต่ก็มีศิลปินบางคนเลือกแสดงเฉพาะสถานบันเทิง เช่น แว่นใหญ่ หรือโอฬาร ชูใจ ที่ย่านสุขุมวิท และวง ZEAL ระบุว่าผับบาร์แห่งหนึ่งใน กทม.

    ต่างจังหวัด เช่น งานเคานต์ดาวน์ จ.พะเยา มีทั้ง หญิงลี ศรีจุมพล, วงวัชราวลี และวง Jetseter หรือจะเป็น กบ ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี และบอย อนุวัฒน์ สงวนศักดิ์ภักดี ไปที่เซ็นทรัล เชียงใหม่, เจ เจตริน วรรธนะสิน และเจ้านาย-เจ้าขุน ไปห้างบลูพอร์ต หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์, โจอี้บอย อภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต ไปเมืองพัทยา จ.ชลบุรี

    ส่วนศิลปินลูกทุ่ง จ๊ะ นงผณี มหาดไทย ปีนี้รับสองงาน ได้แก่ 19.00 น. ตลาดต้นไทร แบริ่ง กทม. ต่อด้วยเซ็นทรัล อยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ด้าน ลำไย ไหทองคำ หรือสุพรรณษา เวชกามา ปีนี้มีเฉพาะที่หอโหวดร้อยเอ็ด และศิลปินหนุ่ม เบิ้ล ปทุมราช หรืออาทิตย์ สมน้อย ขอกลับไปเคานต์ดาวน์ที่บ้านเกิด อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ

    ส่วนวงหมอลำอีสานนครศิลป์ นกน้อย อุไรพร จัดแสดงที่วัดทักษิณชลธาน อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด และหมอลำประถมบันเทิงศิลป์ จัดแสดงที่บ้านหนองบัว อ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ

    #Newskit
    จับกระแสคอนเสิร์ต เคานต์ดาวน์ 2025 คืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 หลายสถานที่ได้เปิดเผยศิลปินที่จะมาสร้างความสุขก่อนเข้าสู่ศักราชใหม่ ปีนี้ยังคงประชันกันระหว่างไอคอนสยาม ที่คว้าศิลปินระดับโลก ลิซ่า ลลิสา มโนบาล มาโชว์พิเศษริมแม่น้ำเจ้าพระยา กับเซ็นทรัลเวิลด์ ที่ประกาศเป็นไทม์สแควร์ออฟเอเชีย เมื่อดูรายชื่อศิลปินคืนวันที่ 31 ธ.ค. 2567 พบว่ามีศิลปินปรากฎทั้งเวทีไอคอนสยามและเซ็นทรัลเวิลด์ ได้แก่ นนท์ ธนนท์ จำเริญ, Jeff Satur หรือวรกมล ชาเตอร์, เกิร์ลกรุ๊ปสาว 4EVE, พีพี-บิวกิ้น แต่บางคนเลือกแสดงเวทีเดียว เช่น เป๊ก ผลิตโชค อายนบุตร เวทีไอคอนสยาม หรือเซ็นทรัลเวิลด์ก็มี ซี-นุนิว, ไอซ์ พาริส อินทรโกมาลย์สุต สำหรับศิลปินที่รับงานคืนส่งท้ายปีเก่ามากที่สุด 3 งาน ได้แก่ ยัวร์บอยทีเจ (URBOYTJ) จิรายุทธ ผโลประการ มีทั้งเซ็นทรัลเวิลด์ เมกาบางนา และร้าน ROUTE 66 RCA, อิ๊งค์ วรันธร เปานิล มีทั้งวันแบงค็อก เมกาบางนา และเอ็มควอเทียร์ หรือวงโนวันเอลส์ (No One Else) มีทั้งเดอะมอลล์ท่าพระ เอ็มควอเทียร์ และร้านมอนติคาโล เลียบด่วนฯ นอกนั้นยังคงรับ 1-2 งาน เช่น ศิลปินเกิร์ลกรุ๊ป PIXXIE เริ่มต้นที่เซ็นทรัลเวิลด์ ต่อด้วย 23.00 น. ที่ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต หรือจะเป็น ปาล์มมี่ อีฟ ปานเจริญ เริ่มต้น 19.00 น. ที่สยามพารากอน ต่อด้วย 23.00 น. ที่ซีคอนสแควร์ และวงทรีแมนดาวน์ เริ่มต้น 20.20 น. ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ต่อด้วย 23.00 น. ที่เมกาบางนา เป็นต้น แต่ก็มีศิลปินบางคนเลือกแสดงเฉพาะสถานบันเทิง เช่น แว่นใหญ่ หรือโอฬาร ชูใจ ที่ย่านสุขุมวิท และวง ZEAL ระบุว่าผับบาร์แห่งหนึ่งใน กทม. ต่างจังหวัด เช่น งานเคานต์ดาวน์ จ.พะเยา มีทั้ง หญิงลี ศรีจุมพล, วงวัชราวลี และวง Jetseter หรือจะเป็น กบ ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี และบอย อนุวัฒน์ สงวนศักดิ์ภักดี ไปที่เซ็นทรัล เชียงใหม่, เจ เจตริน วรรธนะสิน และเจ้านาย-เจ้าขุน ไปห้างบลูพอร์ต หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์, โจอี้บอย อภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต ไปเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ส่วนศิลปินลูกทุ่ง จ๊ะ นงผณี มหาดไทย ปีนี้รับสองงาน ได้แก่ 19.00 น. ตลาดต้นไทร แบริ่ง กทม. ต่อด้วยเซ็นทรัล อยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ด้าน ลำไย ไหทองคำ หรือสุพรรณษา เวชกามา ปีนี้มีเฉพาะที่หอโหวดร้อยเอ็ด และศิลปินหนุ่ม เบิ้ล ปทุมราช หรืออาทิตย์ สมน้อย ขอกลับไปเคานต์ดาวน์ที่บ้านเกิด อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ ส่วนวงหมอลำอีสานนครศิลป์ นกน้อย อุไรพร จัดแสดงที่วัดทักษิณชลธาน อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด และหมอลำประถมบันเทิงศิลป์ จัดแสดงที่บ้านหนองบัว อ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1331 มุมมอง 0 รีวิว
  • 4 ธันวาคม 2567-รายงานข่าวNBT Connext ระบุว่ากรมเจ้าท่า ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุการณ์เรือลากจูงเสียการควบคุม ชนกับเรือเจ้าพระยาปริ้นเซส ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บ (4 ธ.ค. 67) เวลา 10.40 น. เรือดัน-ลากจูง ชื่อ "โชคนพดารา" หมายเลขทะเบียน 1413-00907 ซึ่งเป็นเรือลำเลียงสินค้า จำนวน 4 ลำ ขณะผ่านสะพานกรุงเทพฯ เสียการควบคุม ไปกระแทกกับเรือภัตตาคารเจ้าพระยาปริ้นเซส 1 , 2 , 3 , 7 และ 8 ที่ผูกจอดอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งธนบุรี ได้รับความเสียหายจำนวน 4 ลำ กรมเจ้าท่า ได้นำเรือตรวจการณ์เจ้าท่า 141 พร้อมเจ้าหน้าที่กลุ่มตรวจการเดินเรือ สำนักความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมทางน้ำ เข้าตรวจสอบร่วมกับกองบังคับการตำรวจน้ำ สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร และสถานีตำรวจนครบาลบางคอแหลม เจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ เบื้องต้นพบว่า ไม่มีผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต ไม่พบคราบน้ำมัน หรือเรือจมกีดขวางการเดินเรือแต่อย่างใด
    4 ธันวาคม 2567-รายงานข่าวNBT Connext ระบุว่ากรมเจ้าท่า ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุการณ์เรือลากจูงเสียการควบคุม ชนกับเรือเจ้าพระยาปริ้นเซส ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บ (4 ธ.ค. 67) เวลา 10.40 น. เรือดัน-ลากจูง ชื่อ "โชคนพดารา" หมายเลขทะเบียน 1413-00907 ซึ่งเป็นเรือลำเลียงสินค้า จำนวน 4 ลำ ขณะผ่านสะพานกรุงเทพฯ เสียการควบคุม ไปกระแทกกับเรือภัตตาคารเจ้าพระยาปริ้นเซส 1 , 2 , 3 , 7 และ 8 ที่ผูกจอดอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งธนบุรี ได้รับความเสียหายจำนวน 4 ลำ กรมเจ้าท่า ได้นำเรือตรวจการณ์เจ้าท่า 141 พร้อมเจ้าหน้าที่กลุ่มตรวจการเดินเรือ สำนักความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมทางน้ำ เข้าตรวจสอบร่วมกับกองบังคับการตำรวจน้ำ สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร และสถานีตำรวจนครบาลบางคอแหลม เจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ เบื้องต้นพบว่า ไม่มีผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต ไม่พบคราบน้ำมัน หรือเรือจมกีดขวางการเดินเรือแต่อย่างใด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 386 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศึกชิงเคานต์ดาวน์ 2025 เทศกาลความสุขรอบกรุงฯ

    เทศกาลเคานต์ดาวน์ปีใหม่ 2025 ในวันที่ 31 ธ.ค. 2567 มีหลายสถานที่ประกาศความพร้อมจัดงานนับถอยหลังสู่ศักราชใหม่ ในกรุงเทพมหานคร งาน Amazing Thailand Countdown 2025 จัดขึ้นที่สวนนาคราภิรมย์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา จัดแสดงแสง สี เสียง และสื่อประสมบนพระปรางค์วัดอรุณราชวราราม

    จุดใหญ่ที่สุดก็คือลานริเวอร์พาร์ค ไอคอนสยาม กับการแสดงพลุรักษ์โลกที่ยาวถึง 1,400 เมตร ยาวที่สุดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ภายใต้แนวคิด “Celebrating the Everlasting Legacy of Siam เฉลิมฉลองมรดกไทยอันรุ่งโรจน์นิรันดร์” ไฮไลต์คือการแสดงจาก ลิซ่า ลลิษา มโนบาล นอกนั้นเป็นคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง 3 วัน 29 ถึง 31 ธ.ค. 2567 อาทิ เว่ยเจ๋อหมิง (30 ธ.ค.), เป็ก ผลิตโชค, นนท์ ธนนท์, PROXIE, 4EVE, BUS because of you I shine แต่ยังไม่ประกาศไลน์อัพออกมาว่าใครมาวันไหนบ้าง

    ด้านเซ็นทรัลเวิลด์ ที่พรีเซนต์ว่าเป็นไทม์สแควร์ออฟเอเชีย ประกาศไลน์อัพศิลปินคืนวันส่งท้ายปี อาทิ บิวกิ้น-พีพี, Jaylerr, Ice Paris, ซี-นุนิว, PROXIE, PiXXiE, 4EVE, นนท์ ธนนท์, URBOYTJ, BUS because of you I shine, Three Man Down และ Tattoo Colour และเผยโฉม โอปอล สุชาตา Miss Universe Thailand 2024 รองอันดับ 3 Miss Universe ถ่ายทอดสดทางช่อง 3 แต่พบว่ามีหลายศิลปินที่จะได้เจอทั้งไอคอนสยามและเซ็นทรัลเวิลด์ แต่ยังไม่ได้ระบุว่าวันเดียวกันหรือคนละวัน

    ส่วนศูนย์การค้าอื่นๆ อาทิ สยามพารากอน มีศิลปินที่คอนเฟิร์มแล้วคือ PALMY เอ็มควอเทียร์ที่คอนเฟิร์มแล้วมี Bowkylion, No One Else และ Ink Waruntorn โครงการวัน แบงค็อก มี The Toys, Ling & Orm, Jeff Satur, Ink Waruntorn, Bowkylion, Daou & Offroad, และ BUS โครงการเอเชียทีค มี BIG ASS, COCKTAIL, GETSUNOVA พร้อมการแสดงพิเศษจากศิลปิน OneN’Only จากญี่ปุ่น Calypso และ Siam Fantasy และการแสดงพลุริมแม่น้ำเจ้าพระยาในธีม “Chao Phraya Jump Up!

    ออกไปยังชานเมือง ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ มี FOOL STEP, SILLY FOOLS, TILLY BIRDS, และ PALMY เมกาบางนา มี THREE MAN DOWN, POTATO, URBOY TJ, INK - WARUNTORN, JOEY - PHUWASIT, วง ATLAS และ D GERRARD ถ่ายทอดสดทางช่องเวิร์คพอยต์ 23 และฟิวเจอร์พาร์ครังสิต เวลา 21.00 น. YOUR MOOD, 22.00 น. LYKN, 23.00 น. PIXXIE และ 23.50 น. BUS because of you I shine

    ส่วนศูนย์การค้าเซ็นทรัลในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้แก่ เซ็นทรัล เวสต์เกต จ.นนทบุรี พบกับ โอ๊ต ปราโมทย์, เซ็นทรัล ศาลายา จ.นครปฐม พบกับ EBOLA และเซ็นทรัล มหาชัย จ.สมุทรสาคร พบกับ The Richman Toy

    #Newskit
    ศึกชิงเคานต์ดาวน์ 2025 เทศกาลความสุขรอบกรุงฯ เทศกาลเคานต์ดาวน์ปีใหม่ 2025 ในวันที่ 31 ธ.ค. 2567 มีหลายสถานที่ประกาศความพร้อมจัดงานนับถอยหลังสู่ศักราชใหม่ ในกรุงเทพมหานคร งาน Amazing Thailand Countdown 2025 จัดขึ้นที่สวนนาคราภิรมย์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา จัดแสดงแสง สี เสียง และสื่อประสมบนพระปรางค์วัดอรุณราชวราราม จุดใหญ่ที่สุดก็คือลานริเวอร์พาร์ค ไอคอนสยาม กับการแสดงพลุรักษ์โลกที่ยาวถึง 1,400 เมตร ยาวที่สุดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ภายใต้แนวคิด “Celebrating the Everlasting Legacy of Siam เฉลิมฉลองมรดกไทยอันรุ่งโรจน์นิรันดร์” ไฮไลต์คือการแสดงจาก ลิซ่า ลลิษา มโนบาล นอกนั้นเป็นคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง 3 วัน 29 ถึง 31 ธ.ค. 2567 อาทิ เว่ยเจ๋อหมิง (30 ธ.ค.), เป็ก ผลิตโชค, นนท์ ธนนท์, PROXIE, 4EVE, BUS because of you I shine แต่ยังไม่ประกาศไลน์อัพออกมาว่าใครมาวันไหนบ้าง ด้านเซ็นทรัลเวิลด์ ที่พรีเซนต์ว่าเป็นไทม์สแควร์ออฟเอเชีย ประกาศไลน์อัพศิลปินคืนวันส่งท้ายปี อาทิ บิวกิ้น-พีพี, Jaylerr, Ice Paris, ซี-นุนิว, PROXIE, PiXXiE, 4EVE, นนท์ ธนนท์, URBOYTJ, BUS because of you I shine, Three Man Down และ Tattoo Colour และเผยโฉม โอปอล สุชาตา Miss Universe Thailand 2024 รองอันดับ 3 Miss Universe ถ่ายทอดสดทางช่อง 3 แต่พบว่ามีหลายศิลปินที่จะได้เจอทั้งไอคอนสยามและเซ็นทรัลเวิลด์ แต่ยังไม่ได้ระบุว่าวันเดียวกันหรือคนละวัน ส่วนศูนย์การค้าอื่นๆ อาทิ สยามพารากอน มีศิลปินที่คอนเฟิร์มแล้วคือ PALMY เอ็มควอเทียร์ที่คอนเฟิร์มแล้วมี Bowkylion, No One Else และ Ink Waruntorn โครงการวัน แบงค็อก มี The Toys, Ling & Orm, Jeff Satur, Ink Waruntorn, Bowkylion, Daou & Offroad, และ BUS โครงการเอเชียทีค มี BIG ASS, COCKTAIL, GETSUNOVA พร้อมการแสดงพิเศษจากศิลปิน OneN’Only จากญี่ปุ่น Calypso และ Siam Fantasy และการแสดงพลุริมแม่น้ำเจ้าพระยาในธีม “Chao Phraya Jump Up! ออกไปยังชานเมือง ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ มี FOOL STEP, SILLY FOOLS, TILLY BIRDS, และ PALMY เมกาบางนา มี THREE MAN DOWN, POTATO, URBOY TJ, INK - WARUNTORN, JOEY - PHUWASIT, วง ATLAS และ D GERRARD ถ่ายทอดสดทางช่องเวิร์คพอยต์ 23 และฟิวเจอร์พาร์ครังสิต เวลา 21.00 น. YOUR MOOD, 22.00 น. LYKN, 23.00 น. PIXXIE และ 23.50 น. BUS because of you I shine ส่วนศูนย์การค้าเซ็นทรัลในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้แก่ เซ็นทรัล เวสต์เกต จ.นนทบุรี พบกับ โอ๊ต ปราโมทย์, เซ็นทรัล ศาลายา จ.นครปฐม พบกับ EBOLA และเซ็นทรัล มหาชัย จ.สมุทรสาคร พบกับ The Richman Toy #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1108 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts