• ทีมแพทย์วชิรพยาบาลร่วมซ้อมแผนใหญ่! เตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติทางน้ำ จำลองเหตุเรือชนใต้สะพานพระราม 8
    https://www.thai-tai.tv/news/21251/
    .
    #ไทยไท #วชิรพยาบาล #ศูนย์เอราวัณ #ฝึกซ้อมแผน #สาธารณภัย #การแพทย์ฉุกเฉิน #กรุงเทพมหานคร #แม่น้ำเจ้าพระยา
    ทีมแพทย์วชิรพยาบาลร่วมซ้อมแผนใหญ่! เตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติทางน้ำ จำลองเหตุเรือชนใต้สะพานพระราม 8 https://www.thai-tai.tv/news/21251/ . #ไทยไท #วชิรพยาบาล #ศูนย์เอราวัณ #ฝึกซ้อมแผน #สาธารณภัย #การแพทย์ฉุกเฉิน #กรุงเทพมหานคร #แม่น้ำเจ้าพระยา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากห้องแล็บ: เมื่อ “เลือดผง” กลายเป็นความหวังใหม่ของชีวิต

    ในห้องทดลองของมหาวิทยาลัย Maryland นักวิจัยกำลังเผชิญกับหนึ่งในความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดของการแพทย์ฉุกเฉิน—การให้เลือดแก่ผู้บาดเจ็บที่อยู่ห่างไกลจากโรงพยาบาล

    คำตอบของพวกเขาไม่ใช่ถุงเลือดแช่เย็น แต่เป็น “เลือดเทียมในรูปแบบผง” ที่สามารถเก็บไว้ได้นานหลายปีโดยไม่ต้องแช่เย็น และสามารถนำมาใช้ได้ทันทีเพียงแค่เติมน้ำ! ผลิตภัณฑ์นี้มีชื่อว่า ErythroMer ซึ่งสร้างจากฮีโมโกลบินที่สกัดจากเลือดหมดอายุ แล้วห่อหุ้มด้วยไขมันเพื่อสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงเทียมที่ปลอดภัย

    เมื่อทดลองกับกระต่ายที่ถูกจำลองภาวะเสียเลือดรุนแรง พบว่าหลังได้รับเลือดเทียมเพียง 3 เข็ม กระต่ายฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว สีผิวกลับมาเป็นสีชมพูสดใส แสดงว่าร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างมีประสิทธิภาพ

    ErythroMer คือเลือดเทียมชนิดผงที่สามารถเก็บไว้ได้นานโดยไม่ต้องแช่เย็น
    ผลิตจากฮีโมโกลบินที่สกัดจากเลือดหมดอายุ แล้วห่อหุ้มด้วยไขมันเพื่อป้องกันพิษ
    สามารถเติมน้ำเพื่อใช้งานทันทีในสถานการณ์ฉุกเฉิน

    การทดลองในสัตว์แสดงผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ
    กระต่ายที่อยู่ในภาวะช็อกฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังได้รับเลือดเทียม
    สีผิวและพฤติกรรมกลับมาเป็นปกติภายในไม่กี่นาที

    กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ลงทุนกว่า 58 ล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีนี้
    หวังใช้ในสนามรบที่การเสียเลือดยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่ป้องกันได้อันดับหนึ่ง
    สามารถช่วยชีวิตทหารและพลเรือนในพื้นที่ห่างไกล

    เลือดเทียมสามารถขนส่งง่ายและใช้ได้ทันทีในจุดเกิดเหตุ
    ไม่ต้องรอรถพยาบาลหรือการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
    เหมาะสำหรับอุบัติเหตุ, ภัยพิบัติ, และพื้นที่ห่างไกล

    ยังไม่มีการทดลองในมนุษย์ แต่มีความหวังสูง
    ทีมวิจัยในญี่ปุ่นเริ่มทดลองในมนุษย์แล้ว
    ผู้เชี่ยวชาญบางคนยังคงสงวนท่าที รอผลจากการทดลองขนาดใหญ่

    ยังไม่มีการรับรองจาก FDA สำหรับการใช้ในมนุษย์
    ต้องพิสูจน์ความปลอดภัยและประสิทธิภาพในระดับคลินิกก่อน
    การทดลองในสัตว์ยังไม่สามารถยืนยันผลในมนุษย์ได้

    การใช้ฮีโมโกลบินที่ไม่ได้ห่อหุ้มอาจเป็นพิษต่ออวัยวะ
    ความพยายามในอดีตล้มเหลวเพราะฮีโมโกลบินที่สัมผัสโดยตรงกับร่างกาย
    การห่อหุ้มด้วยไขมันเป็นนวัตกรรมที่ช่วยลดความเสี่ยงนี้

    การผลิตและการขยายขนาดอาจเผชิญกับความท้าทายด้านต้นทุนและเทคโนโลยี
    ต้องพัฒนาเทคโนโลยีให้สามารถผลิตในปริมาณมากโดยไม่ลดคุณภาพ
    ต้องมีระบบควบคุมคุณภาพที่เข้มงวดเพื่อความปลอดภัย

    การทดลองในสัตว์ต้องใช้การุณยฆาตเพื่อศึกษาผลกระทบต่ออวัยวะ
    แม้จะเป็นไปตามหลักจริยธรรม แต่ยังเป็นประเด็นที่ถกเถียงในวงการวิทยาศาสตร์
    ต้องมีการตรวจสอบผลกระทบระยะยาวต่อเนื้อเยื่อและระบบต่างๆ

    https://www.techspot.com/news/108813-researchers-create-artificial-blood-spot-use-accidents-combat.html
    🩸 เรื่องเล่าจากห้องแล็บ: เมื่อ “เลือดผง” กลายเป็นความหวังใหม่ของชีวิต ในห้องทดลองของมหาวิทยาลัย Maryland นักวิจัยกำลังเผชิญกับหนึ่งในความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดของการแพทย์ฉุกเฉิน—การให้เลือดแก่ผู้บาดเจ็บที่อยู่ห่างไกลจากโรงพยาบาล คำตอบของพวกเขาไม่ใช่ถุงเลือดแช่เย็น แต่เป็น “เลือดเทียมในรูปแบบผง” ที่สามารถเก็บไว้ได้นานหลายปีโดยไม่ต้องแช่เย็น และสามารถนำมาใช้ได้ทันทีเพียงแค่เติมน้ำ! ผลิตภัณฑ์นี้มีชื่อว่า ErythroMer ซึ่งสร้างจากฮีโมโกลบินที่สกัดจากเลือดหมดอายุ แล้วห่อหุ้มด้วยไขมันเพื่อสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงเทียมที่ปลอดภัย เมื่อทดลองกับกระต่ายที่ถูกจำลองภาวะเสียเลือดรุนแรง พบว่าหลังได้รับเลือดเทียมเพียง 3 เข็ม กระต่ายฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว สีผิวกลับมาเป็นสีชมพูสดใส แสดงว่าร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ErythroMer คือเลือดเทียมชนิดผงที่สามารถเก็บไว้ได้นานโดยไม่ต้องแช่เย็น ➡️ ผลิตจากฮีโมโกลบินที่สกัดจากเลือดหมดอายุ แล้วห่อหุ้มด้วยไขมันเพื่อป้องกันพิษ ➡️ สามารถเติมน้ำเพื่อใช้งานทันทีในสถานการณ์ฉุกเฉิน ✅ การทดลองในสัตว์แสดงผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ ➡️ กระต่ายที่อยู่ในภาวะช็อกฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังได้รับเลือดเทียม ➡️ สีผิวและพฤติกรรมกลับมาเป็นปกติภายในไม่กี่นาที ✅ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ลงทุนกว่า 58 ล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีนี้ ➡️ หวังใช้ในสนามรบที่การเสียเลือดยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่ป้องกันได้อันดับหนึ่ง ➡️ สามารถช่วยชีวิตทหารและพลเรือนในพื้นที่ห่างไกล ✅ เลือดเทียมสามารถขนส่งง่ายและใช้ได้ทันทีในจุดเกิดเหตุ ➡️ ไม่ต้องรอรถพยาบาลหรือการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ➡️ เหมาะสำหรับอุบัติเหตุ, ภัยพิบัติ, และพื้นที่ห่างไกล ✅ ยังไม่มีการทดลองในมนุษย์ แต่มีความหวังสูง ➡️ ทีมวิจัยในญี่ปุ่นเริ่มทดลองในมนุษย์แล้ว ➡️ ผู้เชี่ยวชาญบางคนยังคงสงวนท่าที รอผลจากการทดลองขนาดใหญ่ ‼️ ยังไม่มีการรับรองจาก FDA สำหรับการใช้ในมนุษย์ ⛔ ต้องพิสูจน์ความปลอดภัยและประสิทธิภาพในระดับคลินิกก่อน ⛔ การทดลองในสัตว์ยังไม่สามารถยืนยันผลในมนุษย์ได้ ‼️ การใช้ฮีโมโกลบินที่ไม่ได้ห่อหุ้มอาจเป็นพิษต่ออวัยวะ ⛔ ความพยายามในอดีตล้มเหลวเพราะฮีโมโกลบินที่สัมผัสโดยตรงกับร่างกาย ⛔ การห่อหุ้มด้วยไขมันเป็นนวัตกรรมที่ช่วยลดความเสี่ยงนี้ ‼️ การผลิตและการขยายขนาดอาจเผชิญกับความท้าทายด้านต้นทุนและเทคโนโลยี ⛔ ต้องพัฒนาเทคโนโลยีให้สามารถผลิตในปริมาณมากโดยไม่ลดคุณภาพ ⛔ ต้องมีระบบควบคุมคุณภาพที่เข้มงวดเพื่อความปลอดภัย ‼️ การทดลองในสัตว์ต้องใช้การุณยฆาตเพื่อศึกษาผลกระทบต่ออวัยวะ ⛔ แม้จะเป็นไปตามหลักจริยธรรม แต่ยังเป็นประเด็นที่ถกเถียงในวงการวิทยาศาสตร์ ⛔ ต้องมีการตรวจสอบผลกระทบระยะยาวต่อเนื้อเยื่อและระบบต่างๆ https://www.techspot.com/news/108813-researchers-create-artificial-blood-spot-use-accidents-combat.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Researchers create artificial blood for on-the-spot use in accidents and combat
    Inside a specialized intensive care unit for rabbits, Dr. Allan Doctor and his team simulate the trauma of severe blood loss. They drain a rabbit's blood to...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 316 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ดร.เอ้' ขอพลังใจและธารน้ำใจร่วมบริจาค ทำบุญ ให้เครื่องมือเพื่อการแพทย์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร
    https://www.thai-tai.tv/news/18323/
    'ดร.เอ้' ขอพลังใจและธารน้ำใจร่วมบริจาค ทำบุญ ให้เครื่องมือเพื่อการแพทย์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร https://www.thai-tai.tv/news/18323/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 198 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานจากศูนย์นเรนทร สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) เวลา 16.20 น.
    .
    จากสถานการณ์อาคารที่อยู่ระหว่างก่อสร้างสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว สพฉ. ได้รับแจ้งจากหัวหน้างานก่อสร้างอาคารดังกล่าวว่า มีคนงานก่อสร้างจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 320 คน ขณะนี้สูญหายจำนวน 70 คน ยังมีคนงานติดอยู่ในช่องลิฟท์ 20 คน สำหรับจำนวนผู้เสียชีวิตยังไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด
    รายงานจากศูนย์นเรนทร สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) เวลา 16.20 น. . จากสถานการณ์อาคารที่อยู่ระหว่างก่อสร้างสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว สพฉ. ได้รับแจ้งจากหัวหน้างานก่อสร้างอาคารดังกล่าวว่า มีคนงานก่อสร้างจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 320 คน ขณะนี้สูญหายจำนวน 70 คน ยังมีคนงานติดอยู่ในช่องลิฟท์ 20 คน สำหรับจำนวนผู้เสียชีวิตยังไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 217 มุมมอง 0 รีวิว
  • 15.04 น.
    รายงานจากศูนย์นเรนทร สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.)
    Update!! เหตุการณ์ตึกถล่มบริเวณจตุจักร
    ผู้บาดเจ็บ 50 ราย นำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงเป็นที่เรียบร้อย
    ติดอยู่ในซากตึก 1 ราย
    เสียชีวิต 1 ราย
    ที่มา สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ -สพฉ.1669
    15.04 น. รายงานจากศูนย์นเรนทร สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) 🚨Update!! เหตุการณ์ตึกถล่มบริเวณจตุจักร ▪️ผู้บาดเจ็บ 50 ราย นำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงเป็นที่เรียบร้อย ▪️ติดอยู่ในซากตึก 1 ราย ▪️เสียชีวิต 1 ราย ที่มา สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ -สพฉ.1669
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ระบุ อาคารกำลังก่อสร้างย่านจตุจักร ที่ถล่มลงมา มีคนงาน 50 ราย ติดอยู่ในอาคาร 43 ราย หนีออกมาได้ 7 ราย ศูนย์นเรนทร กำลังเข้าพื้นที่ช่วยเหลือ พร้อมเครือข่ายกู้ชีพ
    สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ระบุ อาคารกำลังก่อสร้างย่านจตุจักร ที่ถล่มลงมา มีคนงาน 50 ราย ติดอยู่ในอาคาร 43 ราย หนีออกมาได้ 7 ราย ศูนย์นเรนทร กำลังเข้าพื้นที่ช่วยเหลือ พร้อมเครือข่ายกู้ชีพ
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • Update!!
    อาคารที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ใกล้สวนจตุจักร ถล่มลงมา ในอาคารมีคนงานประมาณ 50 ราย หนีออกมาได้ 7 ราย ติดในอาคาร 43 ราย ทางศูนย์นเรนทร สพฉ. กำลังเร่งเข้าพื้นที่เพื่อช่วยเหลือ พร้อมเครือข่ายกู้ชีพ
    ขณะนี้สัญญาณการสื่อสารมีปัญหาจากแผ่นดินไหว ทาง สพฉ. ได้จัดเตรียมรถสื่อสารของศูนย์นเรนทร สแตนบายสำหรับใช้ในการสื่อสารเหตุฉุกเฉินเร่งด่วน มีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง
    ที่มา สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ -สพฉ.1669
    🚨 Update!! ▪️อาคารที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ใกล้สวนจตุจักร ถล่มลงมา ในอาคารมีคนงานประมาณ 50 ราย หนีออกมาได้ 7 ราย ติดในอาคาร 43 ราย ทางศูนย์นเรนทร สพฉ. กำลังเร่งเข้าพื้นที่เพื่อช่วยเหลือ พร้อมเครือข่ายกู้ชีพ ▪️ขณะนี้สัญญาณการสื่อสารมีปัญหาจากแผ่นดินไหว ทาง สพฉ. ได้จัดเตรียมรถสื่อสารของศูนย์นเรนทร สแตนบายสำหรับใช้ในการสื่อสารเหตุฉุกเฉินเร่งด่วน มีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง ที่มา สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ -สพฉ.1669
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครื่องบินโดยสารลำหนึ่งของสายการบินเดลตา แอร์ไลน์ส พลิกหงายท้องหลังลงจอดกระแทกที่สนามบินโทรอนโต เพียร์สัน ในแคนาดา ท่ามกลางลมแรง สืบเนื่องจากพายุหิมะ ในวันจันทร์ (17 ก.พ.) ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 15 ราย จากทั้งหมด 80 คนบนเครื่องบิน ตามการเปิดเผยของพวกเจ้าหน้าที่
    .
    ในบรรดาผู้ได้รับบาดเจ็บนั้น มีอยู่ 3 รายที่อาการสาหัส ในนั้นมีเด็กรวมอยู่ด้วย 1 คน
    .
    สายการบินเดลตา เปิดเผยว่าเครื่องบิน CRJ900 ที่ปฏิบัติการโดยสายการบินลูก "เอ็นเดเวอร์แอร์" เป็นเครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุ โดยมันบรรทุกผู้โดยสาร 76 คนและลูกเรือ 4 คน ทั้งนี้ CRJ900 ผลิตโดยบริษัทบอมบาร์เดียร์ของแคนาดา บรรทุกได้สูงสุด 90 คน
    .
    สาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่ผู้ใช้บนสื่อสังคมออนไลน์รายหนึ่งโพสต์วิดีโอหลังเกิดเหตุ เป็นภาพรถดับเพลิงกำลังฉีดน้ำเข้าใส่เครื่องบิน ที่พลิกหงายท้องอยู่บนรันเวย์ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ
    .
    "เราอยู่ในโทรอนโต เราเพิ่งลงจอด เครื่องบินของเรากระแทกและมันพลิกหงายท้อง หน่วยดับเพลิงอยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว แม้พลิกหงายท้อง แต่ทุกๆ คน ผู้คนเกือบทั้งหมดปลอดภัยดี เรากำลังออกไป มีควันคลุ้งออกมาบ้าง" จอห์น เบลสัน ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งบรรยายภาพในวิดีโอ
    .
    ท่าอากาศยานเพียร์สัน บอกก่อนหน้านี้ในวันจันทร์ (17 ก.พ.) ว่ากำลังรับมือกับลมแรงและอุณหภูมิเย็นยะเยือก ส่วนสายการบินต่างๆ ก็พยายามบริหารจัดการกับเที่ยวบินต่างๆ ที่ต้องยกเลิก หลังจากพายุหิมะในช่วงสุดสัปดาห์ ที่เทหิมะลงมาหนาถึง 22 เซนติเมตร บริเวณสนามบิน
    .
    ในบรรดาผู้ได้รับบาดเจ็บ 15 ราย มีอยู่ 2 คนที่ถูกลำเลียงทางอากาศไปยังศูนย์อุบัติเหตุ ส่วนเด็กถูกพาไปยังโรงพยาบาลเด็กแห่งหนึ่ง ขณะที่อีก 12 ที่เหลือ ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล "เราไม่มีผู้เสียชีวิต และเราพบตัวลูกเรือและผู้โดยสารทั้งหมดแล้ว" หัวหน้าหน่วยการแพทย์ฉุกเฉินระบุ
    .
    สนามบินโทรอนโต ต้องปิดทำการเป็นเวลา 90 นาที ก่อนกลับมาเปิดปฏิบัติการทั้งเที่ยวบินขาเข้าและขาออกหลังจากนั้น อย่างไรก็ตาม มันทำให้หลายเที่ยวบินต้องเบี่ยงไปลงจอดที่ท่าอากาศยานอื่นๆ และก่อปัญหาดีเลย์ตามสนามบินนั้นๆ ในนั้นรวมถึงสนามบินทรูโด ในมอนทรีออล ที่เผยว่ากำลังเตรียมพร้อมรองรับอีกหลายเที่ยวบินที่ต้องเบี่ยงมาลงจอด ซึ่งแน่นอนว่ามันอาจก่อปัญหาล่าช้าเพิ่มเติม
    .
    คณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งของแคนาดา (TSB) เผยว่ากำลังส่งคณะทำงานลงพื้นที่เพื่อทำการสืบสวน ส่วนคณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯ เผยว่าทีมสืบสวนของพวกเขาจะเข้าข่วยเหลือทีมงานของ TSB ด้วยเช่นกัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000015977
    ..............
    Sondhi X
    เครื่องบินโดยสารลำหนึ่งของสายการบินเดลตา แอร์ไลน์ส พลิกหงายท้องหลังลงจอดกระแทกที่สนามบินโทรอนโต เพียร์สัน ในแคนาดา ท่ามกลางลมแรง สืบเนื่องจากพายุหิมะ ในวันจันทร์ (17 ก.พ.) ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 15 ราย จากทั้งหมด 80 คนบนเครื่องบิน ตามการเปิดเผยของพวกเจ้าหน้าที่ . ในบรรดาผู้ได้รับบาดเจ็บนั้น มีอยู่ 3 รายที่อาการสาหัส ในนั้นมีเด็กรวมอยู่ด้วย 1 คน . สายการบินเดลตา เปิดเผยว่าเครื่องบิน CRJ900 ที่ปฏิบัติการโดยสายการบินลูก "เอ็นเดเวอร์แอร์" เป็นเครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุ โดยมันบรรทุกผู้โดยสาร 76 คนและลูกเรือ 4 คน ทั้งนี้ CRJ900 ผลิตโดยบริษัทบอมบาร์เดียร์ของแคนาดา บรรทุกได้สูงสุด 90 คน . สาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่ผู้ใช้บนสื่อสังคมออนไลน์รายหนึ่งโพสต์วิดีโอหลังเกิดเหตุ เป็นภาพรถดับเพลิงกำลังฉีดน้ำเข้าใส่เครื่องบิน ที่พลิกหงายท้องอยู่บนรันเวย์ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ . "เราอยู่ในโทรอนโต เราเพิ่งลงจอด เครื่องบินของเรากระแทกและมันพลิกหงายท้อง หน่วยดับเพลิงอยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว แม้พลิกหงายท้อง แต่ทุกๆ คน ผู้คนเกือบทั้งหมดปลอดภัยดี เรากำลังออกไป มีควันคลุ้งออกมาบ้าง" จอห์น เบลสัน ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งบรรยายภาพในวิดีโอ . ท่าอากาศยานเพียร์สัน บอกก่อนหน้านี้ในวันจันทร์ (17 ก.พ.) ว่ากำลังรับมือกับลมแรงและอุณหภูมิเย็นยะเยือก ส่วนสายการบินต่างๆ ก็พยายามบริหารจัดการกับเที่ยวบินต่างๆ ที่ต้องยกเลิก หลังจากพายุหิมะในช่วงสุดสัปดาห์ ที่เทหิมะลงมาหนาถึง 22 เซนติเมตร บริเวณสนามบิน . ในบรรดาผู้ได้รับบาดเจ็บ 15 ราย มีอยู่ 2 คนที่ถูกลำเลียงทางอากาศไปยังศูนย์อุบัติเหตุ ส่วนเด็กถูกพาไปยังโรงพยาบาลเด็กแห่งหนึ่ง ขณะที่อีก 12 ที่เหลือ ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล "เราไม่มีผู้เสียชีวิต และเราพบตัวลูกเรือและผู้โดยสารทั้งหมดแล้ว" หัวหน้าหน่วยการแพทย์ฉุกเฉินระบุ . สนามบินโทรอนโต ต้องปิดทำการเป็นเวลา 90 นาที ก่อนกลับมาเปิดปฏิบัติการทั้งเที่ยวบินขาเข้าและขาออกหลังจากนั้น อย่างไรก็ตาม มันทำให้หลายเที่ยวบินต้องเบี่ยงไปลงจอดที่ท่าอากาศยานอื่นๆ และก่อปัญหาดีเลย์ตามสนามบินนั้นๆ ในนั้นรวมถึงสนามบินทรูโด ในมอนทรีออล ที่เผยว่ากำลังเตรียมพร้อมรองรับอีกหลายเที่ยวบินที่ต้องเบี่ยงมาลงจอด ซึ่งแน่นอนว่ามันอาจก่อปัญหาล่าช้าเพิ่มเติม . คณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งของแคนาดา (TSB) เผยว่ากำลังส่งคณะทำงานลงพื้นที่เพื่อทำการสืบสวน ส่วนคณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯ เผยว่าทีมสืบสวนของพวกเขาจะเข้าข่วยเหลือทีมงานของ TSB ด้วยเช่นกัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000015977 .............. Sondhi X
    Like
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2188 มุมมอง 1 รีวิว
  • จอห์น ดอนเนลลี หัวหน้าหน่วยดับเพลิงและบริการการแพทย์ฉุกเฉิน (FEMS) ของ DC ระบุว่า:

    "ตอนนี้เราไม่เชื่อว่ามีผู้รอดชีวิต และปฏิบัติการค้นหาช่วยเหลือเปลี่ยนเป็นปฏิบัติการกู้เครื่องบินที่จมน้ำแล้ว จนถึงตอนนี้ พบศพ 27 ศพจากเครื่องบิน และ 1 ศพจากเฮลิคอปเตอร์"
    จอห์น ดอนเนลลี หัวหน้าหน่วยดับเพลิงและบริการการแพทย์ฉุกเฉิน (FEMS) ของ DC ระบุว่า: "ตอนนี้เราไม่เชื่อว่ามีผู้รอดชีวิต และปฏิบัติการค้นหาช่วยเหลือเปลี่ยนเป็นปฏิบัติการกู้เครื่องบินที่จมน้ำแล้ว จนถึงตอนนี้ พบศพ 27 ศพจากเครื่องบิน และ 1 ศพจากเฮลิคอปเตอร์"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 443 มุมมอง 24 0 รีวิว
  • รายงานข่าวออนไลนี้ 7 HD เมื่อ 6 มกราคม 2568 ระบุว่าอดีตที่ปรึกษา WHO แฉภาครัฐปกปิดตัวเลขตาย-เจ็บ ช่วงเทศกาลต่ำกว่าความเป็นจริง 10 เท่า เผยรายงานจาก สธ. บาดเจ็บกว่า 3 หมื่น ตาย 537 แต่รัฐแถลงแค่หลักพันตายกว่า 436 ราย มอร์เตอร์ไซค์ยังคงครองแชมป์เจ็บตายสูงสุด ขณะเด็กอายุต่ำกว่า 20 ดื่มแล้วขับร่วม 4,000 คน

    พญ.ชไมพันธุ์ สันติกาญจน์ อดีตที่ปรึกษาด้านป้องกันการบาดเจ็บและภาวะพิการประจำองค์การอนามัยโลกภาคพื้นเอเชียอาคเนย์ (Regional advisor WHO SEARO, Ret. ) และหัวหน้าโครงการขับเคลื่อนไทยปลอดจากภัยจักรยานยนต์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)และ มูลนิธิสถาบันศึกษานโยบายสาธารณะ (Public Policy Studies Institute Foundation เปิดเผยถึงการแถลงตัวเลขการบาดเจ็บและเสียชีวิตในช่วงเทศกาลปีใหม่ 10 วันอันตราย โดยศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ว่า

    เห็นตัวเลขที่ทางราชการแถลงแล้ว รู้สึกได้ถึงความไม่ตรงไปตรงมาของภาครัฐในการที่จะแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนเพื่อลดการบาดเจ็บและเสียชีวิตของคนไทย ตัวเลขที่แถลงสรุปว่าอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 10 วันของการรณรงค์ (27 ธันวาคม 2567 – 5 มกราคม 2568) เกิดอุบัติเหตุรวม 2,467 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 2,376 คน ผู้เสียชีวิต รวม 436 คน ซึ่งห่างจากตัวเลขที่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข ของ กระทรวงสาธารณสุขถึง 10 เท่า

    อดีตที่ปรึกษาด้านป้องกันการบาดเจ็บและภาวะพิการประจำองค์การอนามัยโลก ให้ข้อมูลว่า ตัวเลขการบาดเจ็บและเสียชีวิต ที่รายงานโดยกระทรวงสาธารณสุข เมื่อเวลา 07.20 น. วันที่ 6 มกราคม 2568 สรุปตัวเลขการบาดเจ็บและเสียชีวิตในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ระหว่าง 27ธ.ค.2567 – 5 ม.ค. 2568 จากทั่วประเทศ ว่า มีผู้บาดเจ็บทั้งสิ้น 31,572 ราย เสียชีวิต 537 ราย ใช้บริการการแพทย์ฉุกเฉินหรือ 16,026 ราย ผู้บาดเจ็บเข้ารักษาตัวในรพ. 8,347 ราย

    “เฉพาะตัวเลขคนเสียชีวิตก็ต่างกันถึง 101 ราย คนร้อยกว่าคนตายแต่ไม่มีรายงานตัวเลข แปลว่าอะไร ยิ่งตัวเลขการบาดเจ็บต่างกันหลักหมื่น ดิฉันจากเมืองไทยไปกว่า 20 ปี แต่ระบบการรายงานตัวเลขยังเป็นแบบเดิม ตั้งเป้าโดยใช้จำนวนตายมาวัดในหลายจังหวัดมีประวัติการแอบซ่อนจำนวนเคสมาตั้งแต่สมัยการตั้งเป้าไข้เลือดออกกับสาธารณสุขจังหวัด ซึ่งโดยหลักการการตั้งเป้าต้องมีเป้า input (งบประมาน) และ output ผลงานประกอบคู่กันด้วยเพื่อดูว่าทำจริงหรือแค่ซ่อนเคส ทั้ง ๆ ที่มีการตั้งจุดตรวจหลักถึง 1,768 จุด จัดชุดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานมากถึง 50,114 คน แต่ตัวเลขที่รายงานกับตกหล่นมากขนาดนี้ ” พญ.ชไมพันธุ์ กล่าว และว่า สาเหตุการบาดเจ็บและเสียชีวิต มาจากการดื่มแล้วขับถึง 4,798 ราย ในจำนวนนี้มีเด็กที่อายุน้อยกว่า 20 ปี ดื่มแล้วขับถึง 4,080 ราย

    “ดิฉันรู้สึกผิดหวังที่รัฐบาลที่แล้วต่อมาจนถึงรัฐบาลนี้ รวมทั้งพรรคฝ่ายค้านบางพรรคการเมือง ที่พยายามส่งสัญญาณ ถึงประชาชนเรื่องการลดภาษีไวน์ หรือการเปิดให้ดื่มเหล้าโดยไม่คุมเวลา ขยายเปิดผับถึงตีสี่ ขนาดยังไม่เต็มระบบก็เริ่มส่งสัญญาณถึงปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ใช่แค่เรื่องอุบัติเหตุ แต่เวลานี้ ทั้งเจ้าหน้าที่ ทั้งบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีหน้าที่ต้องดูแลคนเจ็บคนตายพากันร้องระงมว่าปัญหาเหล้าพุ่งสูงมาก สูงขนาดที่คนติดเหล้ามาผ่าไส้ติ่งแต่กลับอาละวาดในห้องฉุกเฉิน หอผู้ป่วย จนหวาดกลัวไปกันหมดทั้งคนไข้ทั้งเจ้าหน้าที่ รปภ. เป็น 10 ยังเอาไม่อยู่”อดีตที่ปรึกษาด้านป้องกันการบาดเจ็บและภาวะพิการประจำองค์การอนามัยโลก บอก

    พญ.ชไมพันธุ์ กล่าวว่า มีตัวเลขเดียวที่รัฐบาลพูดความจริงกับประชาชน นั่นก็คือ ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ยังคงเป็นรถจักรยานยนต์หรือมอร์เตอร์ไซค์ เป็นสัดส่วนสูงถึง 84.3 % .ในบางจังหวัดที่มีตัวเลขผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด มีรายงานการเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์ 20 นาทีต่อ1 คน หมายถึงมีการตายชั่วโมงละ 3 คนในช่วงเทศกาล

    ทั้งนี้ ตนมองว่า การส่งสัญญาณจากภาครัฐในหลาย ๆ เรื่องเป็นสิ่งที่น่ากังวล อย่างเช่น รัฐบาลที่แล้วส่งสัญญาณและส่งเสริมเรื่องขับรถเร็วโดยเพิ่มความเร็วบนถนนแค่สี่ท่อนไม่ใช่ทั่วประเทศแต่ประกาศให้คนรู้สึกเหมือนกับเพิ่มความเร็วแล้วทั่วประเทศเป็น 120 ซึ่งไม่ถูกต้อง การสื่อสารของรัฐบาลล้มเหลวในแง่ที่จะสร้างความเข้าใจและตระหนักรู้ให้กับประชาชนโดยสิ้นเชิง
    รายงานข่าวออนไลนี้ 7 HD เมื่อ 6 มกราคม 2568 ระบุว่าอดีตที่ปรึกษา WHO แฉภาครัฐปกปิดตัวเลขตาย-เจ็บ ช่วงเทศกาลต่ำกว่าความเป็นจริง 10 เท่า เผยรายงานจาก สธ. บาดเจ็บกว่า 3 หมื่น ตาย 537 แต่รัฐแถลงแค่หลักพันตายกว่า 436 ราย มอร์เตอร์ไซค์ยังคงครองแชมป์เจ็บตายสูงสุด ขณะเด็กอายุต่ำกว่า 20 ดื่มแล้วขับร่วม 4,000 คน พญ.ชไมพันธุ์ สันติกาญจน์ อดีตที่ปรึกษาด้านป้องกันการบาดเจ็บและภาวะพิการประจำองค์การอนามัยโลกภาคพื้นเอเชียอาคเนย์ (Regional advisor WHO SEARO, Ret. ) และหัวหน้าโครงการขับเคลื่อนไทยปลอดจากภัยจักรยานยนต์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)และ มูลนิธิสถาบันศึกษานโยบายสาธารณะ (Public Policy Studies Institute Foundation เปิดเผยถึงการแถลงตัวเลขการบาดเจ็บและเสียชีวิตในช่วงเทศกาลปีใหม่ 10 วันอันตราย โดยศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ว่า เห็นตัวเลขที่ทางราชการแถลงแล้ว รู้สึกได้ถึงความไม่ตรงไปตรงมาของภาครัฐในการที่จะแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนเพื่อลดการบาดเจ็บและเสียชีวิตของคนไทย ตัวเลขที่แถลงสรุปว่าอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 10 วันของการรณรงค์ (27 ธันวาคม 2567 – 5 มกราคม 2568) เกิดอุบัติเหตุรวม 2,467 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 2,376 คน ผู้เสียชีวิต รวม 436 คน ซึ่งห่างจากตัวเลขที่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข ของ กระทรวงสาธารณสุขถึง 10 เท่า อดีตที่ปรึกษาด้านป้องกันการบาดเจ็บและภาวะพิการประจำองค์การอนามัยโลก ให้ข้อมูลว่า ตัวเลขการบาดเจ็บและเสียชีวิต ที่รายงานโดยกระทรวงสาธารณสุข เมื่อเวลา 07.20 น. วันที่ 6 มกราคม 2568 สรุปตัวเลขการบาดเจ็บและเสียชีวิตในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ระหว่าง 27ธ.ค.2567 – 5 ม.ค. 2568 จากทั่วประเทศ ว่า มีผู้บาดเจ็บทั้งสิ้น 31,572 ราย เสียชีวิต 537 ราย ใช้บริการการแพทย์ฉุกเฉินหรือ 16,026 ราย ผู้บาดเจ็บเข้ารักษาตัวในรพ. 8,347 ราย “เฉพาะตัวเลขคนเสียชีวิตก็ต่างกันถึง 101 ราย คนร้อยกว่าคนตายแต่ไม่มีรายงานตัวเลข แปลว่าอะไร ยิ่งตัวเลขการบาดเจ็บต่างกันหลักหมื่น ดิฉันจากเมืองไทยไปกว่า 20 ปี แต่ระบบการรายงานตัวเลขยังเป็นแบบเดิม ตั้งเป้าโดยใช้จำนวนตายมาวัดในหลายจังหวัดมีประวัติการแอบซ่อนจำนวนเคสมาตั้งแต่สมัยการตั้งเป้าไข้เลือดออกกับสาธารณสุขจังหวัด ซึ่งโดยหลักการการตั้งเป้าต้องมีเป้า input (งบประมาน) และ output ผลงานประกอบคู่กันด้วยเพื่อดูว่าทำจริงหรือแค่ซ่อนเคส ทั้ง ๆ ที่มีการตั้งจุดตรวจหลักถึง 1,768 จุด จัดชุดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานมากถึง 50,114 คน แต่ตัวเลขที่รายงานกับตกหล่นมากขนาดนี้ ” พญ.ชไมพันธุ์ กล่าว และว่า สาเหตุการบาดเจ็บและเสียชีวิต มาจากการดื่มแล้วขับถึง 4,798 ราย ในจำนวนนี้มีเด็กที่อายุน้อยกว่า 20 ปี ดื่มแล้วขับถึง 4,080 ราย “ดิฉันรู้สึกผิดหวังที่รัฐบาลที่แล้วต่อมาจนถึงรัฐบาลนี้ รวมทั้งพรรคฝ่ายค้านบางพรรคการเมือง ที่พยายามส่งสัญญาณ ถึงประชาชนเรื่องการลดภาษีไวน์ หรือการเปิดให้ดื่มเหล้าโดยไม่คุมเวลา ขยายเปิดผับถึงตีสี่ ขนาดยังไม่เต็มระบบก็เริ่มส่งสัญญาณถึงปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ใช่แค่เรื่องอุบัติเหตุ แต่เวลานี้ ทั้งเจ้าหน้าที่ ทั้งบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีหน้าที่ต้องดูแลคนเจ็บคนตายพากันร้องระงมว่าปัญหาเหล้าพุ่งสูงมาก สูงขนาดที่คนติดเหล้ามาผ่าไส้ติ่งแต่กลับอาละวาดในห้องฉุกเฉิน หอผู้ป่วย จนหวาดกลัวไปกันหมดทั้งคนไข้ทั้งเจ้าหน้าที่ รปภ. เป็น 10 ยังเอาไม่อยู่”อดีตที่ปรึกษาด้านป้องกันการบาดเจ็บและภาวะพิการประจำองค์การอนามัยโลก บอก พญ.ชไมพันธุ์ กล่าวว่า มีตัวเลขเดียวที่รัฐบาลพูดความจริงกับประชาชน นั่นก็คือ ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ยังคงเป็นรถจักรยานยนต์หรือมอร์เตอร์ไซค์ เป็นสัดส่วนสูงถึง 84.3 % .ในบางจังหวัดที่มีตัวเลขผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด มีรายงานการเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์ 20 นาทีต่อ1 คน หมายถึงมีการตายชั่วโมงละ 3 คนในช่วงเทศกาล ทั้งนี้ ตนมองว่า การส่งสัญญาณจากภาครัฐในหลาย ๆ เรื่องเป็นสิ่งที่น่ากังวล อย่างเช่น รัฐบาลที่แล้วส่งสัญญาณและส่งเสริมเรื่องขับรถเร็วโดยเพิ่มความเร็วบนถนนแค่สี่ท่อนไม่ใช่ทั่วประเทศแต่ประกาศให้คนรู้สึกเหมือนกับเพิ่มความเร็วแล้วทั่วประเทศเป็น 120 ซึ่งไม่ถูกต้อง การสื่อสารของรัฐบาลล้มเหลวในแง่ที่จะสร้างความเข้าใจและตระหนักรู้ให้กับประชาชนโดยสิ้นเชิง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 632 มุมมอง 0 รีวิว