• คณะทูตเห็นกับตา จุดเขมรถล่มคนไทย : [NEWS UPDATE]
    พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก นำคณะเอกอัครราชทูต ผู้ช่วยทูตทหารและสื่อมวลชน ดูความเสียหายจากการที่ทหารกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ร้านสะดวกซื้อ และปั๊มน้ำมัน ที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นจุดที่ถูกโจมตีวันแรก มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากหนึ่งในนั้นเป็นเด็ก เพื่อให้เห็นผลกระทบที่เกิดกับประชาชน จากการใช้อาวุธระยะไกล ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ห่างจากพื้นที่ปฏิบัติการทางทหารแนวชายแดนถึง 30 กม.
    ผิดหลักกฎหมาย หลักมนุษยธรรม และยังมีบ้านพลเรือน โรงพยาบาล โรงเรียน ที่ถูกโจมตี ซึ่งเข้าเงื่อนไขสิทธิมนุษยชน โดยมี
    ครอบครัวผู้เสียชีวิต จากการถูกกัมพูชา ยิงจรวด BM-21 ถล่มปั๊มน้ำมัน มาร้องขอความเป็นธรรมจากคณะทูตต่างชาติด้วย


    โลกต้องรู้ทุกรายละเอียด

    หลักฐานคลิปเสียงไร้น้ำหนัก

    ฟัน"พิเชษฐ์"ใช้อำนาจแปรงบ

    ภาษี 19% ไทยแข่งได้
    คณะทูตเห็นกับตา จุดเขมรถล่มคนไทย : [NEWS UPDATE] พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก นำคณะเอกอัครราชทูต ผู้ช่วยทูตทหารและสื่อมวลชน ดูความเสียหายจากการที่ทหารกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ร้านสะดวกซื้อ และปั๊มน้ำมัน ที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นจุดที่ถูกโจมตีวันแรก มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากหนึ่งในนั้นเป็นเด็ก เพื่อให้เห็นผลกระทบที่เกิดกับประชาชน จากการใช้อาวุธระยะไกล ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ห่างจากพื้นที่ปฏิบัติการทางทหารแนวชายแดนถึง 30 กม. ผิดหลักกฎหมาย หลักมนุษยธรรม และยังมีบ้านพลเรือน โรงพยาบาล โรงเรียน ที่ถูกโจมตี ซึ่งเข้าเงื่อนไขสิทธิมนุษยชน โดยมี ครอบครัวผู้เสียชีวิต จากการถูกกัมพูชา ยิงจรวด BM-21 ถล่มปั๊มน้ำมัน มาร้องขอความเป็นธรรมจากคณะทูตต่างชาติด้วย โลกต้องรู้ทุกรายละเอียด หลักฐานคลิปเสียงไร้น้ำหนัก ฟัน"พิเชษฐ์"ใช้อำนาจแปรงบ ภาษี 19% ไทยแข่งได้
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 319 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เปิดภาพบีบหัวใจ เขมรล็อคเป้าโจมตี รพ.ชุมชน จ.ศรีสะเกษ
    (Deliberate Targeting: Cambodia Attacks Community Hospital in Thailand) [27/7/68]

    #เขมรโจมตีรพ #ล็อคเป้าโรงพยาบาล #รพชุมชนศรีสะเกษ #ภาพบีบหัวใจ #โจมตีเป้าหมายพลเรือน #CambodiaAttacksHospital #DeliberateTargeting #ละเมิดสิทธิมนุษยชน #สงครามไม่เลือกเป้า #กัมพูชายิงก่อน #柬埔寨先开火 #カンボジアが先に発砲 #캄보디아가먼저발포 #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #thaitimes #news1 #shorts
    เปิดภาพบีบหัวใจ เขมรล็อคเป้าโจมตี รพ.ชุมชน จ.ศรีสะเกษ (Deliberate Targeting: Cambodia Attacks Community Hospital in Thailand) [27/7/68] #เขมรโจมตีรพ #ล็อคเป้าโรงพยาบาล #รพชุมชนศรีสะเกษ #ภาพบีบหัวใจ #โจมตีเป้าหมายพลเรือน #CambodiaAttacksHospital #DeliberateTargeting #ละเมิดสิทธิมนุษยชน #สงครามไม่เลือกเป้า #กัมพูชายิงก่อน #柬埔寨先开火 #カンボジアが先に発砲 #캄보디아가먼저발포 #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #thaitimes #news1 #shorts
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • "แพทองธาร" ลั่น! กัมพูชาเริ่มยิง 100% ซัดไร้มนุษยธรรมโจมตีพลเรือน ยันไทยมีอาวุธพร้อมสู้ไม่ถอย
    https://www.thai-tai.tv/news/20562/
    .
    #แพทองธาร #อาชญากรรมสงคราม #ชายแดนไทยกัมพูชา #ไทยไม่ถอย #กัมพูชาเริ่มก่อน #ปราบคอลเซ็นเตอร์ #ความสามัคคีของชาติ #อาวุธพร้อม #สิทธิมนุษยชน #ไทยไท
    "แพทองธาร" ลั่น! กัมพูชาเริ่มยิง 100% ซัดไร้มนุษยธรรมโจมตีพลเรือน ยันไทยมีอาวุธพร้อมสู้ไม่ถอย https://www.thai-tai.tv/news/20562/ . #แพทองธาร #อาชญากรรมสงคราม #ชายแดนไทยกัมพูชา #ไทยไม่ถอย #กัมพูชาเริ่มก่อน #ปราบคอลเซ็นเตอร์ #ความสามัคคีของชาติ #อาวุธพร้อม #สิทธิมนุษยชน #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซูมชัดๆ โล่มนุษย์ "หลักฐาน" ทัพเขมรตั้งฐานในบ้านคนเขมร [26/7/68]

    #ซูมชัดๆโล่มนุษย์
    #โล่มนุษย์เขมร
    #กองทัพเขมรใช้ชาวบ้าน
    #ตั้งฐานในบ้านคน
    #หลักฐานชัดเจน
    #ละเมิดสิทธิมนุษยชน
    #ทัพเขมรใช้พลเรือนบังหน้า
    #HumanShieldEvidence
    #CambodiaMilitaryInVillages
    #กัมพูชายิงก่อน
    #柬埔寨先开火 (จีน)
    #カンボジアが先に発砲 (ญี่ปุ่น)
    #캄보디아가먼저발포 (เกาหลี)
    #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    #CambodiaOpenedFire
    #thaitimes
    #news1
    #shorts
    ซูมชัดๆ โล่มนุษย์ "หลักฐาน" ทัพเขมรตั้งฐานในบ้านคนเขมร [26/7/68] #ซูมชัดๆโล่มนุษย์ #โล่มนุษย์เขมร #กองทัพเขมรใช้ชาวบ้าน #ตั้งฐานในบ้านคน #หลักฐานชัดเจน #ละเมิดสิทธิมนุษยชน #ทัพเขมรใช้พลเรือนบังหน้า #HumanShieldEvidence #CambodiaMilitaryInVillages #กัมพูชายิงก่อน #柬埔寨先开火 (จีน) #カンボジアが先に発砲 (ญี่ปุ่น) #캄보디아가먼저발포 (เกาหลี) #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #thaitimes #news1 #shorts
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • "แพทองธาร" ตื่นแล้ว!!! ประณามกัมพูชายิงพลเรือน-ละเมิดหลักสากล ยันไทยพร้อมตอบโต้ภายใต้กรอบกฎหมาย
    https://www.thai-tai.tv/news/20500/
    .
    #แพทองธารชินวัตร #ชายแดนไทยกัมพูชา #กัมพูชายิงก่อน #ละเมิดสิทธิมนุษยชน #สันติวิธี #มาตรการตอบโต้ #กองทัพไทย #กระทรวงการต่างประเทศ #ปกป้องอธิปไตย #ความปลอดภัยประชาชน
    "แพทองธาร" ตื่นแล้ว!!! ประณามกัมพูชายิงพลเรือน-ละเมิดหลักสากล ยันไทยพร้อมตอบโต้ภายใต้กรอบกฎหมาย https://www.thai-tai.tv/news/20500/ . #แพทองธารชินวัตร #ชายแดนไทยกัมพูชา #กัมพูชายิงก่อน #ละเมิดสิทธิมนุษยชน #สันติวิธี #มาตรการตอบโต้ #กองทัพไทย #กระทรวงการต่างประเทศ #ปกป้องอธิปไตย #ความปลอดภัยประชาชน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว
  • องค์การบรรเทาทุกข์กว่า 100 แห่งออกแถลงการณ์เตือนกาซากำลังเผชิญความอดอยากขาดอาหารรุนแรงอย่างกว้างขวาง พร้อมเรียกร้องให้หยุดยิงทันที รวมถึงขอให้อิสราเอลเปิดจุดผ่านแดนทางบกทั้งหมดและอนุญาตให้ความช่วยเหลือจากภายนอกเข้าสู่กาซา ขณะที่ยูเอ็นระบุนับจากปลายเดือนพ.ค. ที่มีการเปลี่ยนวิธีแจกจ่ายอาหารกันใหม่ ไม่ให้สหประชาชาติเข้าไปยุ่งเกี่ยว กองทัพยิวสังหารชาวปาเลสไตน์ที่กำลังรอรับอาหารกว่า 1,000 คน

    ธามีน อัล-กีตาน โฆษกของสำนักงานสิทธิมนุษยชนยูเอ็น ระบุว่า “จนถึงวันที่ 21 ก.ค. เราบันทึกได้ว่ามีผู้คน 1,054 คนถูกฆ่าในกาซา ขณะกำลังพยายามไปรับอาหาร ในจำนวนนี้ 766 คนถูกฆ่าในบริเวณรอบๆ ที่ตั้งของจีเอชเอฟ และอีก 288 คนใกล้ๆ ขบวนรถบรรทุกความช่วยเหลือของยูเอนและองค์การมนุษยธรรมอื่นๆ”
    องค์การบรรเทาทุกข์กว่า 100 แห่งออกแถลงการณ์เตือนกาซากำลังเผชิญความอดอยากขาดอาหารรุนแรงอย่างกว้างขวาง พร้อมเรียกร้องให้หยุดยิงทันที รวมถึงขอให้อิสราเอลเปิดจุดผ่านแดนทางบกทั้งหมดและอนุญาตให้ความช่วยเหลือจากภายนอกเข้าสู่กาซา ขณะที่ยูเอ็นระบุนับจากปลายเดือนพ.ค. ที่มีการเปลี่ยนวิธีแจกจ่ายอาหารกันใหม่ ไม่ให้สหประชาชาติเข้าไปยุ่งเกี่ยว กองทัพยิวสังหารชาวปาเลสไตน์ที่กำลังรอรับอาหารกว่า 1,000 คน ธามีน อัล-กีตาน โฆษกของสำนักงานสิทธิมนุษยชนยูเอ็น ระบุว่า “จนถึงวันที่ 21 ก.ค. เราบันทึกได้ว่ามีผู้คน 1,054 คนถูกฆ่าในกาซา ขณะกำลังพยายามไปรับอาหาร ในจำนวนนี้ 766 คนถูกฆ่าในบริเวณรอบๆ ที่ตั้งของจีเอชเอฟ และอีก 288 คนใกล้ๆ ขบวนรถบรรทุกความช่วยเหลือของยูเอนและองค์การมนุษยธรรมอื่นๆ”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่มีหรอกครับ พวกล้มล้างสถาบัน...
    .
    มีแต่ พวก...
    .
    1.ปล่อย Fake News ข่าวลือ ข่าวลวง ข่าวเท็จ พูดเล่าปากต่อปาก โจมตีสถาบัน โดย ไม่มีหลักฐาน ที่มาที่ไป
    .
    2.สร้างกลุ่ม ตาม โซเชียลมีเดีย เอาข่าวเท็จไปปั่นกัน ล่อให้ เด็ก ให้ ผู้ใหญ่ ออกมา ละเมิดกฎหมาย ม.112
    .
    3.จัดม็อบ บังหน้าด่า รัฐบาล แต่ ในม็อบ โจมตีสถาบัน เอา เรื่องเท็จที่ปั่นกัน ใน โซเชียลมีเดีย มาเล่ากัน มาด่ากัน ปั่นต่อในที่ชุมนุม
    .
    4.พอ ที่ชุมนุม ปั่นกันจน "คลั่ง" ก็มีพวกอินจัด ไปเผามั่ง ไปพ่นสี เขียนข้อความ พูดจา โพส ผิด ม.112
    .
    5.ที่นี้ พวกเด็กที่ออกมา ละเมิด ม.112 เพราะถูกปั่นจนคลั่ง ก็ ถูกจับ ถูกดำเนินคดี ขณะที่ ไอ้พวก Master Mind ศาสดา เจ้าลัทธิ แม่งนั่งกระดิกตีนจิบไวน์ ในห้องแอร์ โดยที่ ไม่เคยมีคดี เหล่านี้ติดตัวเลย
    .
    6.เมื่อ มีคน มีเด็ก ติดคุก ได้พวก Master Mind ศาสดา เจ้าลัทธิ ก็จะระดม หมากหัวแถวจำพวก ม้า และ เรือ ออกมา ตะโกน...
    .
    โอ้ย...!!!
    .
    สงสารเด็กเหลือเกิน ประเทศไทย ไม่มีเสรีภาพ ไม่มีสิทธิมนุษยชน

    .
    แค่เห็นต่างก็ติดคุก....!!!
    ....
    ....
    No No No...!!!
    .
    ไม่ครับไม่จริง ที่พวกคุณติดคุก ไม่ใข่เพราะแค่ เห็นต่าง...!!!
    .
    พวกคุณละเมิดกฎหมาย...!!!
    .
    เพราะ สิ่งที่พวกคุณทำมันร้ายแรง...
    มันคือการ ที่ถูกปั่นมาจนคลั่งแล้วมา...
    .
    ดูหมิ่น เหยียดหยาม ด้อยค่า ใส่ร้ายป้ายสี ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และ อาฆาตมาดร้าย ต่อสถาบัน...!!!
    .
    กฎหมายอาญา มันต้องเข้าครบองค์ประกอบความผิด ถ้าขาดแต่อย่างใดอย่างหนึ่ง จะติดคุกเป็นไปไม่ได้ครับ...!!!
    .
    และคดีนี้ เขาตั้งคณะทำงานพิเศษขึ้นมาเพื่อพิจารณาโดยเฉพาะ ว่าเข้าหลักกฎหมายมั้ย ต้องขอความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ เพราะ มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
    ....
    ....
    แล้วจากนั้น มันก็จะมีนักการเมืองบางพวก ใช้จังหว่ะนี้ ยื่นแก้ไขกฎหมาย ยกเลิก ม.112 ไปซะ...
    ....
    ....
    โดยที่ เบื้องหลัง หรือ ผลลัพธ์ปลายทางคือ...
    .
    ผู้ได้รับประโยชน์ จากการยกเลิก ม.112 ก็เป็น บุคคล ระดับเศรษฐี มีเงินเป็นหมื่นล้าน ที่หลบหนี้คดีไปพำนักที่ต่างประเทศ...
    .
    เจ้าของ "ตั๋วปารีส" ที่ สส. และ ไม่ใช่ สส. บางคน รู้จักกันดี...
    .
    เจ้าของ "ตั๋วปารีส" รายนี้ เคยปิดโรงแรมที่ใหญ่โตราว คฤหาสน์ เพียงเพื่อประชุมกับกลุ่มคนต่างๆที่เชิญตัวมา เพื่อ วางแผนจัดการให้ กฎหมายอาญา มาตรา 112 หายไปจากประเทศไทย...
    .
    เพื่อที่ นายทุน "ตั๋วปารีส" จะได้กลับมาครอบครอง ธุรกิจของตน กลับประเทศไทย โดยไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว...
    .
    อีกทั้ง เจ้าของพรรคการเมืองนึง ตอนที่เป็น สส. ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน ก็ปรากฎว่ามีการถือหุ้นตัวนี้ อยู่ในครอบครองด้วย ทั้งๆที่ หุ้นตัวนี้ ไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ แสดงให้เห็นว่า มีช่องทางติดต่อ รู้จักเป็นการส่วนตัวใช่หรือไม่...???
    .......
    .......
    ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ ว่าคนพวกนี้เป็นใคร...
    .
    มีตัวตนอยู่จริงหรือไม่...
    .
    ถ้าได้เจอตัวคุณเป็นๆ ในฐานะที่คุณเป็นผู้รู้ทุกเรื่องในประเทศไทย ผมเองก็อยากจะถามเหมือนกัน ว่า คุณ รู้จัก คนพวกนั้นมั้ย...???
    ไม่มีหรอกครับ พวกล้มล้างสถาบัน... . มีแต่ พวก... . 1.ปล่อย Fake News ข่าวลือ ข่าวลวง ข่าวเท็จ พูดเล่าปากต่อปาก โจมตีสถาบัน โดย ไม่มีหลักฐาน ที่มาที่ไป . 2.สร้างกลุ่ม ตาม โซเชียลมีเดีย เอาข่าวเท็จไปปั่นกัน ล่อให้ เด็ก ให้ ผู้ใหญ่ ออกมา ละเมิดกฎหมาย ม.112 . 3.จัดม็อบ บังหน้าด่า รัฐบาล แต่ ในม็อบ โจมตีสถาบัน เอา เรื่องเท็จที่ปั่นกัน ใน โซเชียลมีเดีย มาเล่ากัน มาด่ากัน ปั่นต่อในที่ชุมนุม . 4.พอ ที่ชุมนุม ปั่นกันจน "คลั่ง" ก็มีพวกอินจัด ไปเผามั่ง ไปพ่นสี เขียนข้อความ พูดจา โพส ผิด ม.112 . 5.ที่นี้ พวกเด็กที่ออกมา ละเมิด ม.112 เพราะถูกปั่นจนคลั่ง ก็ ถูกจับ ถูกดำเนินคดี ขณะที่ ไอ้พวก Master Mind ศาสดา เจ้าลัทธิ แม่งนั่งกระดิกตีนจิบไวน์ ในห้องแอร์ โดยที่ ไม่เคยมีคดี เหล่านี้ติดตัวเลย . 6.เมื่อ มีคน มีเด็ก ติดคุก ได้พวก Master Mind ศาสดา เจ้าลัทธิ ก็จะระดม หมากหัวแถวจำพวก ม้า และ เรือ ออกมา ตะโกน... . โอ้ย...!!! . สงสารเด็กเหลือเกิน ประเทศไทย ไม่มีเสรีภาพ ไม่มีสิทธิมนุษยชน . แค่เห็นต่างก็ติดคุก....!!! .... .... No No No...!!! . ไม่ครับไม่จริง ที่พวกคุณติดคุก ไม่ใข่เพราะแค่ เห็นต่าง...!!! . พวกคุณละเมิดกฎหมาย...!!! . เพราะ สิ่งที่พวกคุณทำมันร้ายแรง... มันคือการ ที่ถูกปั่นมาจนคลั่งแล้วมา... . ดูหมิ่น เหยียดหยาม ด้อยค่า ใส่ร้ายป้ายสี ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และ อาฆาตมาดร้าย ต่อสถาบัน...!!! . กฎหมายอาญา มันต้องเข้าครบองค์ประกอบความผิด ถ้าขาดแต่อย่างใดอย่างหนึ่ง จะติดคุกเป็นไปไม่ได้ครับ...!!! . และคดีนี้ เขาตั้งคณะทำงานพิเศษขึ้นมาเพื่อพิจารณาโดยเฉพาะ ว่าเข้าหลักกฎหมายมั้ย ต้องขอความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ เพราะ มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน .... .... แล้วจากนั้น มันก็จะมีนักการเมืองบางพวก ใช้จังหว่ะนี้ ยื่นแก้ไขกฎหมาย ยกเลิก ม.112 ไปซะ... .... .... โดยที่ เบื้องหลัง หรือ ผลลัพธ์ปลายทางคือ... . ผู้ได้รับประโยชน์ จากการยกเลิก ม.112 ก็เป็น บุคคล ระดับเศรษฐี มีเงินเป็นหมื่นล้าน ที่หลบหนี้คดีไปพำนักที่ต่างประเทศ... . เจ้าของ "ตั๋วปารีส" ที่ สส. และ ไม่ใช่ สส. บางคน รู้จักกันดี... . เจ้าของ "ตั๋วปารีส" รายนี้ เคยปิดโรงแรมที่ใหญ่โตราว คฤหาสน์ เพียงเพื่อประชุมกับกลุ่มคนต่างๆที่เชิญตัวมา เพื่อ วางแผนจัดการให้ กฎหมายอาญา มาตรา 112 หายไปจากประเทศไทย... . เพื่อที่ นายทุน "ตั๋วปารีส" จะได้กลับมาครอบครอง ธุรกิจของตน กลับประเทศไทย โดยไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว... . อีกทั้ง เจ้าของพรรคการเมืองนึง ตอนที่เป็น สส. ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน ก็ปรากฎว่ามีการถือหุ้นตัวนี้ อยู่ในครอบครองด้วย ทั้งๆที่ หุ้นตัวนี้ ไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ แสดงให้เห็นว่า มีช่องทางติดต่อ รู้จักเป็นการส่วนตัวใช่หรือไม่...??? ....... ....... ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ ว่าคนพวกนี้เป็นใคร... . มีตัวตนอยู่จริงหรือไม่... . ถ้าได้เจอตัวคุณเป็นๆ ในฐานะที่คุณเป็นผู้รู้ทุกเรื่องในประเทศไทย ผมเองก็อยากจะถามเหมือนกัน ว่า คุณ รู้จัก คนพวกนั้นมั้ย...???
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนและสเมริกามองประเทศไทยในบริบททางยุทธศาสตร์และผลประโยชน์ที่แตกต่างกัน แต่ทั้งสองประเทศต่างให้ความสำคัญกับบทบาทของไทยในภูมิภาค ดังนี้

    ### มุมมองของจีนต่อไทย:
    1. **หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เชิงภูมิภาค**
    - จีนมองไทยเป็น "ศูนย์กลางเชื่อมโยงอาเซียน-จีน" ภายใต้ความริเริ่ม Belt and Road (BRI) โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงและระเบียงเศรษฐกิจอีสานตะวันออก (EEC)
    - ให้ความสำคัญกับไทยในฐานะคู่ค้าอันดับ 1 ในอาเซียน (มูลค่าการค้า 1.35 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023)

    2. **ความร่วมมือด้านความมั่นคง**
    - ส่งเสริมการฝึกทหารร่วมและความร่วมมือด้านอาชญากรรมข้ามชาติ
    - เน้นการแก้ไขปัญหาภาคใต้ของไทยโดยไม่แทรกแซงกิจการภายใน

    3. **มิติทางวัฒนธรรม**
    - ใช้ "อำนาจอ่อน" ผ่านสถาบันขงจื่อและการท่องเที่ยว (นักท่องเที่ยวจีนมาไทยกว่า 5 ล้านคน/ปีก่อนโควิด)

    ### มุมมองของสหรัฐอเมริกาต่อไทย:
    1. **พันธมิตรด้านความมั่นคงแบบดั้งเดิม**
    - เน้นบทบาทไทยในสนธิสัญญาป้องกันร่วมกันอาเซียน-สหรัฐฯ (ADMM-Plus) และการฝึก Cobra Gold
    - ยังคงสถานะ "พันธมิตรนอกนาโต้" (Major Non-NATO Ally) แม้มีความกังวลหลังรัฐประการ 2557

    2. **เกมภูมิรัฐศาสตร์**
    - มองไทยเป็นจุดสมดุลสำคัญต่อการขยายอิทธิพลจีนในลุ่มแม่น้ำโขง
    - สนับสนุนความเข้มแข็งของอาเซียนผ่านโครงการ Mekong-US Partnership

    3. **ประเด็นค่านิยม**
    - กดดันไทยเรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง
    - ใช้กลไกตรวจสอบการค้า (เช่น รายงาน TIP Report) เป็นเครื่องมือทางการทูต

    ### จุดร่วมของทั้งสองมหาอำนาจ:
    - เห็นไทยเป็น "ประตูสู่อาเซียน" ด้วยศักยภาพทางโลจิสติกส์และฐานการผลิต
    - ต่างแข่งขันลงทุนใน EEC โดยจีนเน้นอุตสาหกรรม (เช่น ยานยนต์ EV) สหรัฐฯ เน้นดิจิทัลและพลังงานสะอาด
    - ให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางอาหารของไทยในห่วงโซ่อุปทานโลก

    ### ยุทธศาสตร์ "สมดุลอำนาจ" ของไทย:
    ไทยดำเนินนโยบาย "ไม้สามเส้า" อย่างชาญฉลาด โดย:
    1. รักษาความสัมพันธ์ทางทหารกับสหรัฐฯ
    2. ผลักดันความร่วมมือเศรษฐกิจกับจีน
    3. ยึดอาเซียนเป็นศูนย์กลาง

    ข้อมูลล่าสุดปี 2024 แสดงให้เห็นว่าไทยสามารถรักษาสัดส่วนการค้ากับทั้งสองมหาอำนาจได้ใกล้เคียงกัน (การค้าไทย-จีน 18% ของทั้งหมด ไทย-สหรัฐฯ 11%) สะท้อนความสำเร็จของยุทธศาสตร์นี้ภายใต้บริบทความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจที่ทวีความรุนแรงขึ้น
    จีนและสเมริกามองประเทศไทยในบริบททางยุทธศาสตร์และผลประโยชน์ที่แตกต่างกัน แต่ทั้งสองประเทศต่างให้ความสำคัญกับบทบาทของไทยในภูมิภาค ดังนี้ ### มุมมองของจีนต่อไทย: 1. **หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เชิงภูมิภาค** - จีนมองไทยเป็น "ศูนย์กลางเชื่อมโยงอาเซียน-จีน" ภายใต้ความริเริ่ม Belt and Road (BRI) โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงและระเบียงเศรษฐกิจอีสานตะวันออก (EEC) - ให้ความสำคัญกับไทยในฐานะคู่ค้าอันดับ 1 ในอาเซียน (มูลค่าการค้า 1.35 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023) 2. **ความร่วมมือด้านความมั่นคง** - ส่งเสริมการฝึกทหารร่วมและความร่วมมือด้านอาชญากรรมข้ามชาติ - เน้นการแก้ไขปัญหาภาคใต้ของไทยโดยไม่แทรกแซงกิจการภายใน 3. **มิติทางวัฒนธรรม** - ใช้ "อำนาจอ่อน" ผ่านสถาบันขงจื่อและการท่องเที่ยว (นักท่องเที่ยวจีนมาไทยกว่า 5 ล้านคน/ปีก่อนโควิด) ### มุมมองของสหรัฐอเมริกาต่อไทย: 1. **พันธมิตรด้านความมั่นคงแบบดั้งเดิม** - เน้นบทบาทไทยในสนธิสัญญาป้องกันร่วมกันอาเซียน-สหรัฐฯ (ADMM-Plus) และการฝึก Cobra Gold - ยังคงสถานะ "พันธมิตรนอกนาโต้" (Major Non-NATO Ally) แม้มีความกังวลหลังรัฐประการ 2557 2. **เกมภูมิรัฐศาสตร์** - มองไทยเป็นจุดสมดุลสำคัญต่อการขยายอิทธิพลจีนในลุ่มแม่น้ำโขง - สนับสนุนความเข้มแข็งของอาเซียนผ่านโครงการ Mekong-US Partnership 3. **ประเด็นค่านิยม** - กดดันไทยเรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง - ใช้กลไกตรวจสอบการค้า (เช่น รายงาน TIP Report) เป็นเครื่องมือทางการทูต ### จุดร่วมของทั้งสองมหาอำนาจ: - เห็นไทยเป็น "ประตูสู่อาเซียน" ด้วยศักยภาพทางโลจิสติกส์และฐานการผลิต - ต่างแข่งขันลงทุนใน EEC โดยจีนเน้นอุตสาหกรรม (เช่น ยานยนต์ EV) สหรัฐฯ เน้นดิจิทัลและพลังงานสะอาด - ให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางอาหารของไทยในห่วงโซ่อุปทานโลก ### ยุทธศาสตร์ "สมดุลอำนาจ" ของไทย: ไทยดำเนินนโยบาย "ไม้สามเส้า" อย่างชาญฉลาด โดย: 1. รักษาความสัมพันธ์ทางทหารกับสหรัฐฯ 2. ผลักดันความร่วมมือเศรษฐกิจกับจีน 3. ยึดอาเซียนเป็นศูนย์กลาง ข้อมูลล่าสุดปี 2024 แสดงให้เห็นว่าไทยสามารถรักษาสัดส่วนการค้ากับทั้งสองมหาอำนาจได้ใกล้เคียงกัน (การค้าไทย-จีน 18% ของทั้งหมด ไทย-สหรัฐฯ 11%) สะท้อนความสำเร็จของยุทธศาสตร์นี้ภายใต้บริบทความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจที่ทวีความรุนแรงขึ้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 427 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สม รังสี" วอนคนไทยอย่าเลือกปฏิบัติแรงงานเขมร ชี้เป็นเหยื่อ "ฮุน เซน"
    https://www.thai-tai.tv/news/20254/
    .
    #สมรังสี #กัมพูชา #แรงงานต่างด้าว #ฮุนเซน #ความสัมพันธ์ไทยกัมพูชา #ผู้นำฝ่ายค้าน #สิทธิมนุษยชน #ปัญหาแรงงาน #ข่าวอาเซียน #SamRainsy
    "สม รังสี" วอนคนไทยอย่าเลือกปฏิบัติแรงงานเขมร ชี้เป็นเหยื่อ "ฮุน เซน" https://www.thai-tai.tv/news/20254/ . #สมรังสี #กัมพูชา #แรงงานต่างด้าว #ฮุนเซน #ความสัมพันธ์ไทยกัมพูชา #ผู้นำฝ่ายค้าน #สิทธิมนุษยชน #ปัญหาแรงงาน #ข่าวอาเซียน #SamRainsy
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุโรปเป็นภูมิภาคแรกของโลกที่ออกกฎหมาย AI แบบครอบคลุมทั้งระบบ โดยเรียกว่า AI Act ซึ่งเน้นความปลอดภัย–ความโปร่งใส–และสิทธิมนุษยชนเป็นหลัก

    ฟังดูดีใช่ไหมครับ?

    แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ในยุโรปหลายแห่งกลับบอกว่า... “มันดีเกินไปจนทำให้นวัตกรรมไปไม่ถึงไหน” → เพราะกฎที่ซับซ้อน อาจทำให้สตาร์ทอัพ–องค์กรขนาดกลาง ไปจนถึง “European Champion” อย่าง Airbus หรือ ASML ไม่สามารถพัฒนา–ใช้งาน–ทดสอบ AI ได้ทันคู่แข่งในจีนและสหรัฐฯ → พวกเขาเลยเสนอให้ “หยุดพัก 2 ปี” สำหรับข้อบังคับที่เกี่ยวกับ AI แบบ “General-purpose” (เช่น ChatGPT, Gemini, Le Chat) และ AI แบบ “High-risk” (เช่น AI ในระบบสุขภาพ, กฎหมาย, ความมั่นคง)

    โดยเฉพาะกฎของ EU ที่ให้ AI ที่เสี่ยงต่อสุขภาพหรือสิทธิผู้ใช้ ต้องผ่านมาตรฐานหลายขั้นมาก (risk-based approach) → ยังไม่มีกำหนดแน่ชัดของ “code of practice” สำหรับ General-purpose AI ด้วยซ้ำ → แถมประธานาธิบดี Donald Trump และรองประธาน JD Vance ของสหรัฐฯ ยังเคยวิจารณ์ AI Act ว่า “เข้มจนเป็นภัยต่อการแข่งขัน”

    46 บริษัทใหญ่ของยุโรปยื่นจดหมายขอให้ EU ชะลอกฎหมาย AI Act ออกไป 2 ปี  
    • รวมถึง Airbus (ฝรั่งเศส), ASML (เนเธอร์แลนด์), Lufthansa และ Mercedes-Benz (เยอรมนี), Mistral (AI จากฝรั่งเศส)

    เสนอให้เลื่อนข้อกำหนด 2 กลุ่มหลักออกไปก่อน:  
    • General-purpose AI models (เช่น GPT, Gemini, Le Chat): เดิมจะเริ่มเดือนสิงหาคม 2025  
    • High-risk AI systems: เดิมจะเริ่มเดือนสิงหาคม 2026

    ให้เหตุผลว่ากฎเหล่านี้ “ทำลายความสามารถในการแข่งขันเชิงอุตสาหกรรม”  
    • ทั้งในด้านความเร็ว, งบวิจัย, การทดสอบ, และการสเกลโมเดลไปใช้จริง

    AI Act ใช้หลัก “ความเสี่ยงสูง–ความรับผิดสูง” (risk-based approach)  
    • ถ้าใช้ AI ในระบบสุขภาพ, กฎหมาย, ระบบคะแนนสังคม → ต้องผ่านเกณฑ์เข้มมาก  
    • General-purpose AI ยังไม่มี code of practice อย่างเป็นทางการ

    คณะกรรมาธิการยุโรปจะเผยแพร่แนวปฏิบัติ (code of practice) สำหรับ GPAI ภายในกรกฎาคม 2025 นี้

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/04/european-companies-urge-eu-to-delay-ai-rules
    ยุโรปเป็นภูมิภาคแรกของโลกที่ออกกฎหมาย AI แบบครอบคลุมทั้งระบบ โดยเรียกว่า AI Act ซึ่งเน้นความปลอดภัย–ความโปร่งใส–และสิทธิมนุษยชนเป็นหลัก ฟังดูดีใช่ไหมครับ? แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ในยุโรปหลายแห่งกลับบอกว่า... “มันดีเกินไปจนทำให้นวัตกรรมไปไม่ถึงไหน” → เพราะกฎที่ซับซ้อน อาจทำให้สตาร์ทอัพ–องค์กรขนาดกลาง ไปจนถึง “European Champion” อย่าง Airbus หรือ ASML ไม่สามารถพัฒนา–ใช้งาน–ทดสอบ AI ได้ทันคู่แข่งในจีนและสหรัฐฯ → พวกเขาเลยเสนอให้ “หยุดพัก 2 ปี” สำหรับข้อบังคับที่เกี่ยวกับ AI แบบ “General-purpose” (เช่น ChatGPT, Gemini, Le Chat) และ AI แบบ “High-risk” (เช่น AI ในระบบสุขภาพ, กฎหมาย, ความมั่นคง) โดยเฉพาะกฎของ EU ที่ให้ AI ที่เสี่ยงต่อสุขภาพหรือสิทธิผู้ใช้ ต้องผ่านมาตรฐานหลายขั้นมาก (risk-based approach) → ยังไม่มีกำหนดแน่ชัดของ “code of practice” สำหรับ General-purpose AI ด้วยซ้ำ → แถมประธานาธิบดี Donald Trump และรองประธาน JD Vance ของสหรัฐฯ ยังเคยวิจารณ์ AI Act ว่า “เข้มจนเป็นภัยต่อการแข่งขัน” ✅ 46 บริษัทใหญ่ของยุโรปยื่นจดหมายขอให้ EU ชะลอกฎหมาย AI Act ออกไป 2 ปี   • รวมถึง Airbus (ฝรั่งเศส), ASML (เนเธอร์แลนด์), Lufthansa และ Mercedes-Benz (เยอรมนี), Mistral (AI จากฝรั่งเศส) ✅ เสนอให้เลื่อนข้อกำหนด 2 กลุ่มหลักออกไปก่อน:   • General-purpose AI models (เช่น GPT, Gemini, Le Chat): เดิมจะเริ่มเดือนสิงหาคม 2025   • High-risk AI systems: เดิมจะเริ่มเดือนสิงหาคม 2026 ✅ ให้เหตุผลว่ากฎเหล่านี้ “ทำลายความสามารถในการแข่งขันเชิงอุตสาหกรรม”   • ทั้งในด้านความเร็ว, งบวิจัย, การทดสอบ, และการสเกลโมเดลไปใช้จริง ✅ AI Act ใช้หลัก “ความเสี่ยงสูง–ความรับผิดสูง” (risk-based approach)   • ถ้าใช้ AI ในระบบสุขภาพ, กฎหมาย, ระบบคะแนนสังคม → ต้องผ่านเกณฑ์เข้มมาก   • General-purpose AI ยังไม่มี code of practice อย่างเป็นทางการ ✅ คณะกรรมาธิการยุโรปจะเผยแพร่แนวปฏิบัติ (code of practice) สำหรับ GPAI ภายในกรกฎาคม 2025 นี้ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/04/european-companies-urge-eu-to-delay-ai-rules
    WWW.THESTAR.COM.MY
    European companies urge EU to delay AI rules
    Dozens of Europe's biggest companies urged the EU to hit the pause button on its landmark AI rules on July 3, warning that going too fast could harm the bloc's ability to lead in the global AI race.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 305 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2 นายพล หน่วยอารักขา “ฮุน เซน” ถูกศาลฝรั่งเศสฟ้อง ฐานอยู่เบื้องหลังการสังหารหมู่กลางกรุงพนมเปญ12 มีนาคม 2568ศาลฝรั่งเศสเปิดคดี “ฆ่าหมู่ 1997” กลางกรุงพนมเปญ — 2 นายพลเขมร อดีตบอดี้การ์ดของ “ฮุน เซน” ถูกไต่สวน!ฆ่าหมู่กลางกรุงพนมเปญ 1997 — ไม่มีใครถูกจับแม้แต่คนเดียว!30 มีนาคม 1997 — ผู้ประท้วงรวมตัวที่สวนสาธารณะฝั่งตรงข้ามรัฐสภากัมพูชา เพื่อเรียกร้องให้ยุติ “ตุลาการใต้ตีน” ของระบอบฮุน เซนจู่ ๆ เกิดระเบิดหลายลูกปะทุใส่ฝูงชนเสียชีวิตอย่างน้อย 16 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 150 ราย — เลือดสาดทั่วสวนพยานหลายคนเล่าว่า “มือระเบิดวิ่งเข้าไปหาหน่วยอารักขาฮุน เซน” ที่ใส่ชุดปราบจลาจลครบมือ — แต่กลับปล่อยให้พวกเขาหลบหนี!รอน แอบนีย์ พลเมืองสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในผู้บาดเจ็บสาหัส ทำให้ FBI ส่งทีมสอบสวนทันทีรายงาน FBI ถูกเปิดเผยในปี 2009แต่…ไม่มีใครถูกจับแม้แต่คนเดียว!จนกระทั่งปี 2021 ศาลฝรั่งเศสออกหมายจับ:• ฮิง บุน เหียง — รองผู้บัญชาการกองทัพ และหัวหน้าหน่วยอารักขาครอบครัวฮุน เซน• ฮุย พิเซธ — รัฐมนตรีช่วยกลาโหม และรองหัวหน้าคณะที่ปรึกษาของ “ฮุน มาเนต” ลูกชายฮุน เซนคดีนี้เริ่มจากคำร้องของ “แซม เรนซี” และภรรยาในฝรั่งเศสศาลฝรั่งเศสเคยออกหมายเรียกตัว “ฮุน เซน” ด้วยแต่รัฐบาลฝรั่งเศสกลับบล็อก โดยอ้างว่า “ผู้นำรัฐบาลมีเอกสิทธิ์คุ้มกันตามกฎหมาย”Brad Adams อดีตเจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชนแห่ง UN เล่าว่า“ผมไปถึงสวนหลังเหตุระเบิดแค่ 10 นาที…ศพเกลื่อนพื้นทหารยังขัดขวางไม่ให้ช่วยคนเจ็บตำรวจมาถึงทีหลังก็ยืนดูเฉย ๆ…สุดท้าย คนธรรมดานั่นแหละที่ช่วยกันหามคนเจ็บ”ฮิง บุน เหียง ยืนยันกับ RFA ว่า “จะไม่ไปศาล และไม่ส่งทนาย”พร้อมท้าทายว่า: “ไม่มีรูปผมโยนระเบิด แล้วคุณจะจับผมได้ยังไง?”ปี 2018 สหรัฐฯ คว่ำบาตร “ฮิง บุน เหียง” จากเหตุการณ์นี้ รวมถึงอีกหลายคดีทำร้ายประชาชนมือเปล่าขณะที่ฮุย พิเซธ ยอมรับกับ FBI ว่าเขาคือคนสั่งส่งกำลังทหารจากกองพลที่ 70 มาล้อมสวนในวันเกิดเหตุ⸻ฆ่าหมู่ต่อหน้าประชาชน — แต่ไม่มีใครต้องรับผิดรัฐบาลฮุน เซนไม่เคยสอบสวนใคร — มีแต่ปิดปากแต่โลกไม่ลืม — และความจริงจะไม่ตาย#CSI_LA #ฆ่าหมู่1997 #ฝรั่งเศสลากขึ้นศาล #ฮุนเซน #หน่วยฆ่าประชาชน #CambodiaMassacre #GrenadeAttack2 Generals from Hun Sen’s Bodyguard Unit Indicted by French Court for Role in Phnom Penh MassacreMarch 12, 2025A French court has officially opened a case over the 1997 Phnom Penh massacre — putting two Cambodian generals, both former bodyguards of Hun Sen, on trial in absentia.Phnom Penh Massacre, 1997 — Not a Single Person Has Ever Been ArrestedMarch 30, 1997 — Protesters gathered at a park across from the Cambodian National Assembly to denounce Hun Sen’s authoritarian judiciary.Suddenly, several grenades were hurled into the crowd.At least 16 people were killed and more than 150 were injured — blood stained the ground.Eyewitnesses say the grenade-throwers ran toward Hun Sen’s fully equipped bodyguards, who allowed them to escape without pursuit.Ron Abney, a U.S. citizen, was among those seriously injured — prompting the FBI to send investigators to Cambodia.The FBI report was declassified in 2009.But no one was ever arrested.It wasn’t until 2021 that France issued arrest warrants for:• Hing Bun Hieng — Now Deputy Commander-in-Chief of the Armed Forces and head of Hun Sen’s family bodyguard unit• Huy Piseth — Secretary of State at the Ministry of Defense and Deputy Chief of Staff to Hun Manet, Hun Sen’s son→ The case was launched after a legal complaint by Sam Rainsy and his wife, both living in exile in France.The French court initially summoned Hun Sen himself — but the French government blocked the warrant, citing diplomatic immunity laws protecting heads of government.Brad Adams, a former U.N. human rights officer, recalled:“I arrived at the park about 10 minutes after the blast — bodies were everywhere.Soldiers interfered with rescue efforts.Police arrived later but just stood around.It was civilians who carried the injured to safety.”Hing Bun Hieng told RFA he will not appear in court or send a lawyer, saying:“Sam Rainsy has accused me for over 30 years with no real evidence.Are there any photos of me ordering the grenade attack?”In 2018, the U.S. government sanctioned Hing Bun Hieng over this attack and other incidents involving violence against unarmed civilians.Meanwhile, Huy Piseth admitted to the FBI that he had ordered the 70th Brigade to be deployed to the park on the day of the attack.⸻A massacre in broad daylight — and no one has been held accountable.The Hun Sen regime never investigated — only silenced.But the world has not forgotten — and the truth will not die.#CSI_LA #PhnomPenhMassacre1997 #FranceOpensTrial #HunSen #Impunity #Cambodia #GrenadeAttack #JusticeDelayed
    2 นายพล หน่วยอารักขา “ฮุน เซน” ถูกศาลฝรั่งเศสฟ้อง ฐานอยู่เบื้องหลังการสังหารหมู่กลางกรุงพนมเปญ12 มีนาคม 2568ศาลฝรั่งเศสเปิดคดี “ฆ่าหมู่ 1997” กลางกรุงพนมเปญ — 2 นายพลเขมร อดีตบอดี้การ์ดของ “ฮุน เซน” ถูกไต่สวน!ฆ่าหมู่กลางกรุงพนมเปญ 1997 — ไม่มีใครถูกจับแม้แต่คนเดียว!30 มีนาคม 1997 — ผู้ประท้วงรวมตัวที่สวนสาธารณะฝั่งตรงข้ามรัฐสภากัมพูชา เพื่อเรียกร้องให้ยุติ “ตุลาการใต้ตีน” ของระบอบฮุน เซนจู่ ๆ เกิดระเบิดหลายลูกปะทุใส่ฝูงชนเสียชีวิตอย่างน้อย 16 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 150 ราย — เลือดสาดทั่วสวนพยานหลายคนเล่าว่า “มือระเบิดวิ่งเข้าไปหาหน่วยอารักขาฮุน เซน” ที่ใส่ชุดปราบจลาจลครบมือ — แต่กลับปล่อยให้พวกเขาหลบหนี!รอน แอบนีย์ พลเมืองสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในผู้บาดเจ็บสาหัส ทำให้ FBI ส่งทีมสอบสวนทันทีรายงาน FBI ถูกเปิดเผยในปี 2009แต่…ไม่มีใครถูกจับแม้แต่คนเดียว!จนกระทั่งปี 2021 ศาลฝรั่งเศสออกหมายจับ:• ฮิง บุน เหียง — รองผู้บัญชาการกองทัพ และหัวหน้าหน่วยอารักขาครอบครัวฮุน เซน• ฮุย พิเซธ — รัฐมนตรีช่วยกลาโหม และรองหัวหน้าคณะที่ปรึกษาของ “ฮุน มาเนต” ลูกชายฮุน เซนคดีนี้เริ่มจากคำร้องของ “แซม เรนซี” และภรรยาในฝรั่งเศสศาลฝรั่งเศสเคยออกหมายเรียกตัว “ฮุน เซน” ด้วยแต่รัฐบาลฝรั่งเศสกลับบล็อก โดยอ้างว่า “ผู้นำรัฐบาลมีเอกสิทธิ์คุ้มกันตามกฎหมาย”Brad Adams อดีตเจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชนแห่ง UN เล่าว่า“ผมไปถึงสวนหลังเหตุระเบิดแค่ 10 นาที…ศพเกลื่อนพื้นทหารยังขัดขวางไม่ให้ช่วยคนเจ็บตำรวจมาถึงทีหลังก็ยืนดูเฉย ๆ…สุดท้าย คนธรรมดานั่นแหละที่ช่วยกันหามคนเจ็บ”ฮิง บุน เหียง ยืนยันกับ RFA ว่า “จะไม่ไปศาล และไม่ส่งทนาย”พร้อมท้าทายว่า: “ไม่มีรูปผมโยนระเบิด แล้วคุณจะจับผมได้ยังไง?”ปี 2018 สหรัฐฯ คว่ำบาตร “ฮิง บุน เหียง” จากเหตุการณ์นี้ รวมถึงอีกหลายคดีทำร้ายประชาชนมือเปล่าขณะที่ฮุย พิเซธ ยอมรับกับ FBI ว่าเขาคือคนสั่งส่งกำลังทหารจากกองพลที่ 70 มาล้อมสวนในวันเกิดเหตุ⸻ฆ่าหมู่ต่อหน้าประชาชน — แต่ไม่มีใครต้องรับผิดรัฐบาลฮุน เซนไม่เคยสอบสวนใคร — มีแต่ปิดปากแต่โลกไม่ลืม — และความจริงจะไม่ตาย#CSI_LA #ฆ่าหมู่1997 #ฝรั่งเศสลากขึ้นศาล #ฮุนเซน #หน่วยฆ่าประชาชน #CambodiaMassacre #GrenadeAttack2 Generals from Hun Sen’s Bodyguard Unit Indicted by French Court for Role in Phnom Penh MassacreMarch 12, 2025A French court has officially opened a case over the 1997 Phnom Penh massacre — putting two Cambodian generals, both former bodyguards of Hun Sen, on trial in absentia.Phnom Penh Massacre, 1997 — Not a Single Person Has Ever Been ArrestedMarch 30, 1997 — Protesters gathered at a park across from the Cambodian National Assembly to denounce Hun Sen’s authoritarian judiciary.Suddenly, several grenades were hurled into the crowd.At least 16 people were killed and more than 150 were injured — blood stained the ground.Eyewitnesses say the grenade-throwers ran toward Hun Sen’s fully equipped bodyguards, who allowed them to escape without pursuit.Ron Abney, a U.S. citizen, was among those seriously injured — prompting the FBI to send investigators to Cambodia.The FBI report was declassified in 2009.But no one was ever arrested.It wasn’t until 2021 that France issued arrest warrants for:• Hing Bun Hieng — Now Deputy Commander-in-Chief of the Armed Forces and head of Hun Sen’s family bodyguard unit• Huy Piseth — Secretary of State at the Ministry of Defense and Deputy Chief of Staff to Hun Manet, Hun Sen’s son→ The case was launched after a legal complaint by Sam Rainsy and his wife, both living in exile in France.The French court initially summoned Hun Sen himself — but the French government blocked the warrant, citing diplomatic immunity laws protecting heads of government.Brad Adams, a former U.N. human rights officer, recalled:“I arrived at the park about 10 minutes after the blast — bodies were everywhere.Soldiers interfered with rescue efforts.Police arrived later but just stood around.It was civilians who carried the injured to safety.”Hing Bun Hieng told RFA he will not appear in court or send a lawyer, saying:“Sam Rainsy has accused me for over 30 years with no real evidence.Are there any photos of me ordering the grenade attack?”In 2018, the U.S. government sanctioned Hing Bun Hieng over this attack and other incidents involving violence against unarmed civilians.Meanwhile, Huy Piseth admitted to the FBI that he had ordered the 70th Brigade to be deployed to the park on the day of the attack.⸻A massacre in broad daylight — and no one has been held accountable.The Hun Sen regime never investigated — only silenced.But the world has not forgotten — and the truth will not die.#CSI_LA #PhnomPenhMassacre1997 #FranceOpensTrial #HunSen #Impunity #Cambodia #GrenadeAttack #JusticeDelayed
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 684 มุมมอง 0 รีวิว
  • วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานเมื่อวันจันทร์ว่า ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐแจ้งต่อมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดว่า จากการสอบสวนพบว่ามหาวิทยาลัยละเมิดกฎหมายสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลกลางเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อนักศึกษาชาวยิวและอิสราเอล

    รายงานดังกล่าวอ้างจากจดหมายที่ส่งถึงอลัน การ์เบอร์ ประธานาธิบดีฮาร์วาร์ดเมื่อวันจันทร์และวารสารดังกล่าวได้พิจารณาแล้วว่า "หากไม่สามารถดำเนินการเปลี่ยนแปลงที่เหมาะสมได้ในทันที จะส่งผลให้สูญเสียการสนับสนุนทางการเงินของรัฐบาลกลางทั้งหมด และยังคงส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดกับรัฐบาลกลางต่อไป"
    วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานเมื่อวันจันทร์ว่า ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐแจ้งต่อมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดว่า จากการสอบสวนพบว่ามหาวิทยาลัยละเมิดกฎหมายสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลกลางเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อนักศึกษาชาวยิวและอิสราเอล รายงานดังกล่าวอ้างจากจดหมายที่ส่งถึงอลัน การ์เบอร์ ประธานาธิบดีฮาร์วาร์ดเมื่อวันจันทร์และวารสารดังกล่าวได้พิจารณาแล้วว่า "หากไม่สามารถดำเนินการเปลี่ยนแปลงที่เหมาะสมได้ในทันที จะส่งผลให้สูญเสียการสนับสนุนทางการเงินของรัฐบาลกลางทั้งหมด และยังคงส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดกับรัฐบาลกลางต่อไป"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 263 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยังมีสมาชิกบางท่าน เพิกเฉยต่อบทบาทของ CIA ที่มีต่อประเทศไทย
    อยู่ นี่คือการสรุปย่อๆเท่าที่หามาได้ ในอนาคตจะพูดเรื่องความสำคัญของไทยในสายตา CIA

    การเคลื่อนไหวของ CIA ในประเทศไทย เป็นเรื่องที่มีทั้งข้อมูลที่เปิดเผยและข้อมูลที่เป็นความลับมาก ซึ่งบางส่วนถูกเปิดโปงผ่านเอกสารประวัติศาสตร์ หรือแหล่งข่าวอย่าง Wikileaks, บันทึกของนักข่าวสายความมั่นคง และงานวิชาการ



    สรุป “การเคลื่อนไหวของ CIA ในไทย” แบ่งเป็น 3 ยุคหลัก



    1. ยุคสงครามเย็น (1950s–1980s): ฐานข่าวกรอง-ฐานทัพลับ

    จุดประสงค์หลัก: ต่อต้านคอมมิวนิสต์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
    ไทย = พันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ในภูมิภาค
    • CIA ใช้ไทยเป็น “ฐานปฏิบัติการลับ (covert ops base)” เพื่อ:
    • สนับสนุนฝ่ายต่อต้านคอมมิวนิสต์ใน ลาว–เวียดนาม–กัมพูชา
    • ส่งกำลังทางอากาศ ลำเลียงข่าวกรอง และฝึกกองกำลังลับ

    ตัวอย่างที่เป็นที่รู้กัน:
    • ฐานทัพ อุดรธานี (เรียกในบางวงว่า “Udon CIA base”) ใช้เป็นที่ตั้งของ Air America สายการบินลับของ CIA
    • การฝึก “กองกำลังเงา” ในลาว-เขมร โดยมีเจ้าหน้าที่ CIA ประจำที่ไทย
    • ปฏิบัติการ Operation Cold Chop / Operation Hardnose: ส่งสายลับเข้าไปในจีนตอนใต้จากชายแดนไทย-พม่า



    2. ยุคหลังสงครามเย็น – 9/11 (1990s–2000s): ข่าวกรองและต่อต้านก่อการร้าย

    จุดประสงค์หลัก: ปราบก่อการร้าย-เครือข่ายอิสลามหัวรุนแรง
    • หลังเหตุการณ์ 9/11 สหรัฐฯ เริ่มจับตาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในฐานะแหล่งกบดานของกลุ่มหัวรุนแรง
    • CIA ร่วมมือกับไทยอย่างใกล้ชิด เช่น:
    • แลกเปลี่ยนข่าวกรองกับตำรวจไทยและหน่วยข่าวทหาร
    • ติดตามเครือข่ายอัลกออิดะห์ในเอเชีย
    • ปฏิบัติการลับเพื่อจับกุมหรือสอบสวนผู้ต้องสงสัย

    กรณีที่ถูกเปิดเผย:
    • ปี 2002–2003: CIA ใช้สถานที่ลับในไทยเป็น “black site” (คุกลับนอกอเมริกา) เพื่อสอบสวนผู้ต้องสงสัยก่อการร้าย เช่น อับู ซูไบดะห์ (Abu Zubaydah)
    • สถานที่นี้เชื่อกันว่าอยู่ทางภาคตะวันออกของไทย
    • ถูกเปิดเผยในรายงานวุฒิสภาสหรัฐฯ ปี 2014 ว่าใช้ “enhanced interrogation techniques” (การทรมาน)
    • CIA มีบทบาทร่วมในการล่าและส่งตัวผู้ต้องสงสัยจากไทยไปยังประเทศที่สาม (extraordinary rendition)



    3. ยุคใหม่ (2010s–ปัจจุบัน): แข่งอิทธิพลจีน-ไซเบอร์-การเมือง

    จุดประสงค์หลัก:
    1. จับตาจีนในไทย (BRI, 5G, การทหาร, ดิจิทัล)
    2. สกัดรัสเซียในเอเชีย
    3. ติดตามการเคลื่อนไหวทางการเมือง–กลุ่มเคลื่อนไหว
    4. ร่วมมือด้านไซเบอร์/ต่อต้านการแทรกแซง

    รูปแบบที่ปรากฏ:
    • การติดต่อกับนักการเมือง-นักเคลื่อนไหว ที่สนับสนุนเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน (เช่น NGO, นักศึกษาบางกลุ่ม)
    • ติดตามการลงทุนของจีน ในโครงการอย่างรถไฟความเร็วสูง, EEC, ท่าเรือน้ำลึก
    • ใช้ สถานทูตและหน่วยงานต่างประเทศ (USAID, IRI, NED) เป็นช่องทางซัพพอร์ตทางอ้อม
    • ปี 2020s: สื่อรายงานว่ารัสเซียและจีนพยายามตั้ง “สถานีดักฟัง” และ CIA พยายามห้ามไทยอนุญาต



    มุมที่คนไทยหลายคนอาจไม่รู้:
    • CIA ไม่จำเป็นต้อง “ลงมือ” เองทุกครั้ง แต่ใช้ Soft Power + ปฏิบัติการผ่านหน่วยงานในพื้นที่
    • ความร่วมมือข่าวกรองไทย–สหรัฐฯ เข้มแข็งต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับ สันติบาล, หน่วยข่าวทหาร, ปอท.
    • CIA ในไทยมักมี “เจ้าหน้าที่ภายใต้สถานทูต” (official cover) ซึ่งไม่ได้แสดงตัวเป็น CIA โดยตรง



    สรุปภาพรวม:

    CIA เคยมีและอาจยังคงมีบทบาทในไทย
    โดยเป้าหมายเปลี่ยนไปตามยุคสมัย:
    ยุคคอมมิวนิสต์ → ต่อต้านพรรคแดงในอินโดจีน
    ยุคหลัง 9/11 → ก่อการร้าย-จับผู้ต้องสงสัย
    ยุคปัจจุบัน → แข่งกับจีน-รัสเซีย, ไซเบอร์, การเมืองภายในไทย
    ยังมีสมาชิกบางท่าน เพิกเฉยต่อบทบาทของ CIA ที่มีต่อประเทศไทย อยู่ นี่คือการสรุปย่อๆเท่าที่หามาได้ ในอนาคตจะพูดเรื่องความสำคัญของไทยในสายตา CIA การเคลื่อนไหวของ CIA ในประเทศไทย เป็นเรื่องที่มีทั้งข้อมูลที่เปิดเผยและข้อมูลที่เป็นความลับมาก ซึ่งบางส่วนถูกเปิดโปงผ่านเอกสารประวัติศาสตร์ หรือแหล่งข่าวอย่าง Wikileaks, บันทึกของนักข่าวสายความมั่นคง และงานวิชาการ ⸻ 🔍 สรุป “การเคลื่อนไหวของ CIA ในไทย” แบ่งเป็น 3 ยุคหลัก ⸻ 🇺🇸 1. ยุคสงครามเย็น (1950s–1980s): ฐานข่าวกรอง-ฐานทัพลับ จุดประสงค์หลัก: ต่อต้านคอมมิวนิสต์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ • 🇹🇭 ไทย = พันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ในภูมิภาค • CIA ใช้ไทยเป็น “ฐานปฏิบัติการลับ (covert ops base)” เพื่อ: • สนับสนุนฝ่ายต่อต้านคอมมิวนิสต์ใน ลาว–เวียดนาม–กัมพูชา • ส่งกำลังทางอากาศ ลำเลียงข่าวกรอง และฝึกกองกำลังลับ 💥 ตัวอย่างที่เป็นที่รู้กัน: • ฐานทัพ อุดรธานี (เรียกในบางวงว่า “Udon CIA base”) ใช้เป็นที่ตั้งของ Air America สายการบินลับของ CIA • การฝึก “กองกำลังเงา” ในลาว-เขมร โดยมีเจ้าหน้าที่ CIA ประจำที่ไทย • ปฏิบัติการ Operation Cold Chop / Operation Hardnose: ส่งสายลับเข้าไปในจีนตอนใต้จากชายแดนไทย-พม่า ⸻ 🕵️‍♂️ 2. ยุคหลังสงครามเย็น – 9/11 (1990s–2000s): ข่าวกรองและต่อต้านก่อการร้าย จุดประสงค์หลัก: ปราบก่อการร้าย-เครือข่ายอิสลามหัวรุนแรง • หลังเหตุการณ์ 9/11 สหรัฐฯ เริ่มจับตาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในฐานะแหล่งกบดานของกลุ่มหัวรุนแรง • CIA ร่วมมือกับไทยอย่างใกล้ชิด เช่น: • แลกเปลี่ยนข่าวกรองกับตำรวจไทยและหน่วยข่าวทหาร • ติดตามเครือข่ายอัลกออิดะห์ในเอเชีย • ปฏิบัติการลับเพื่อจับกุมหรือสอบสวนผู้ต้องสงสัย 💣 กรณีที่ถูกเปิดเผย: • ปี 2002–2003: CIA ใช้สถานที่ลับในไทยเป็น “black site” (คุกลับนอกอเมริกา) เพื่อสอบสวนผู้ต้องสงสัยก่อการร้าย เช่น อับู ซูไบดะห์ (Abu Zubaydah) • สถานที่นี้เชื่อกันว่าอยู่ทางภาคตะวันออกของไทย • ถูกเปิดเผยในรายงานวุฒิสภาสหรัฐฯ ปี 2014 ว่าใช้ “enhanced interrogation techniques” (การทรมาน) • CIA มีบทบาทร่วมในการล่าและส่งตัวผู้ต้องสงสัยจากไทยไปยังประเทศที่สาม (extraordinary rendition) ⸻ 🌐 3. ยุคใหม่ (2010s–ปัจจุบัน): แข่งอิทธิพลจีน-ไซเบอร์-การเมือง จุดประสงค์หลัก: 1. จับตาจีนในไทย (BRI, 5G, การทหาร, ดิจิทัล) 2. สกัดรัสเซียในเอเชีย 3. ติดตามการเคลื่อนไหวทางการเมือง–กลุ่มเคลื่อนไหว 4. ร่วมมือด้านไซเบอร์/ต่อต้านการแทรกแซง รูปแบบที่ปรากฏ: • การติดต่อกับนักการเมือง-นักเคลื่อนไหว ที่สนับสนุนเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน (เช่น NGO, นักศึกษาบางกลุ่ม) • ติดตามการลงทุนของจีน ในโครงการอย่างรถไฟความเร็วสูง, EEC, ท่าเรือน้ำลึก • ใช้ สถานทูตและหน่วยงานต่างประเทศ (USAID, IRI, NED) เป็นช่องทางซัพพอร์ตทางอ้อม • ปี 2020s: สื่อรายงานว่ารัสเซียและจีนพยายามตั้ง “สถานีดักฟัง” และ CIA พยายามห้ามไทยอนุญาต ⸻ 🧭 มุมที่คนไทยหลายคนอาจไม่รู้: • CIA ไม่จำเป็นต้อง “ลงมือ” เองทุกครั้ง แต่ใช้ Soft Power + ปฏิบัติการผ่านหน่วยงานในพื้นที่ • ความร่วมมือข่าวกรองไทย–สหรัฐฯ เข้มแข็งต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับ สันติบาล, หน่วยข่าวทหาร, ปอท. • CIA ในไทยมักมี “เจ้าหน้าที่ภายใต้สถานทูต” (official cover) ซึ่งไม่ได้แสดงตัวเป็น CIA โดยตรง ⸻ ✅ สรุปภาพรวม: CIA เคยมีและอาจยังคงมีบทบาทในไทย โดยเป้าหมายเปลี่ยนไปตามยุคสมัย: 🔸 ยุคคอมมิวนิสต์ → ต่อต้านพรรคแดงในอินโดจีน 🔸 ยุคหลัง 9/11 → ก่อการร้าย-จับผู้ต้องสงสัย 🔸 ยุคปัจจุบัน → แข่งกับจีน-รัสเซีย, ไซเบอร์, การเมืองภายในไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 508 มุมมอง 0 รีวิว
  • คลิป 2 ชั่วโมงที่คนไทยทุกคนควรดู

    "เบื้องหลัง IHR ใหม่: สิทธิเสรีภาพของคุณอาจหายไปโดยไม่รู้ตัว!"
    ในขณะที่โลกกำลังวุ่นวาย มีกฎหมายฉบับใหม่ที่รัฐบาลหลายประเทศรวมถึงไทยกำลังเซ็นรับกับองค์การอนามัยโลก (WHO) เพื่อแก้ไขกฎอนามัยระหว่างประเทศ (IHR) ซึ่งอาจส่งผลโดยตรงต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนโดยที่หลายคนยังไม่รู้ตัว?
    ในวิดีโอนี้ เราจะพาคุณไปเจาะลึกถึง
    ❗️สิ่งที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการแก้ไข IHR
    ❗️ความเสี่ยงต่อสิทธิมนุษยชน
    ❗️ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับชีวิตประจำวันของคุณ
    แชร์ให้คนที่คุณรักรู้ก่อนที่จะสายเกินไป
    #วิเคราะห์ลึก #WHO #IHR2025 #หยุดแผนลับ #สิทธิมนุษยชน #ข่าวจริงไม่เฟคนิวส์
    https://www.facebook.com/share/v/1CHPifWEQX/
    https://t.me/ThaiPitaksithData/6889
    คลิป 2 ชั่วโมงที่คนไทยทุกคนควรดู "เบื้องหลัง IHR ใหม่: สิทธิเสรีภาพของคุณอาจหายไปโดยไม่รู้ตัว!" ในขณะที่โลกกำลังวุ่นวาย มีกฎหมายฉบับใหม่ที่รัฐบาลหลายประเทศรวมถึงไทยกำลังเซ็นรับกับองค์การอนามัยโลก (WHO) เพื่อแก้ไขกฎอนามัยระหว่างประเทศ (IHR) ซึ่งอาจส่งผลโดยตรงต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนโดยที่หลายคนยังไม่รู้ตัว? ในวิดีโอนี้ เราจะพาคุณไปเจาะลึกถึง ❗️สิ่งที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการแก้ไข IHR ❗️ความเสี่ยงต่อสิทธิมนุษยชน ❗️ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับชีวิตประจำวันของคุณ แชร์ให้คนที่คุณรักรู้ก่อนที่จะสายเกินไป #วิเคราะห์ลึก #WHO #IHR2025 #หยุดแผนลับ #สิทธิมนุษยชน #ข่าวจริงไม่เฟคนิวส์ https://www.facebook.com/share/v/1CHPifWEQX/ https://t.me/ThaiPitaksithData/6889
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 275 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางของประเทศออสเตรเลียเพิ่งมีคำตัดสินว่าจากการที่สำนักข่าว ABC ไล่ออกนักข่าว "Antoinette Lattouf " เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย หลังจากที่เธอโพสต์รายงานของ Human Rights Watch เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนที่ถูกทำลายในฉนวนกาซาบนโซเชียลมีเดีย และวิจารณ์สื่อกระแสหลักหลายครั้ง
    ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางของประเทศออสเตรเลียเพิ่งมีคำตัดสินว่าจากการที่สำนักข่าว ABC ไล่ออกนักข่าว "Antoinette Lattouf " เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย หลังจากที่เธอโพสต์รายงานของ Human Rights Watch เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนที่ถูกทำลายในฉนวนกาซาบนโซเชียลมีเดีย และวิจารณ์สื่อกระแสหลักหลายครั้ง
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 373 มุมมอง 34 0 รีวิว
  • OpenAI ได้รับสัญญา 200 ล้านดอลลาร์จากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ
    กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศว่า OpenAI ผู้พัฒนา ChatGPT ได้รับสัญญามูลค่า 200 ล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนา AI frontier capabilities สำหรับการใช้งานด้าน ความมั่นคงแห่งชาติและการทหาร โดยโครงการนี้จะดำเนินการในและรอบๆ กรุงวอชิงตัน และคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือนกรกฎาคม 2026.

    รายละเอียดของสัญญา
    OpenAI จะพัฒนา AI สำหรับการปฏิบัติการทางทหารและองค์กร เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงแห่งชาติ.
    โครงการนี้จะดำเนินการในกรุงวอชิงตันและพื้นที่ใกล้เคียง โดยมีระยะเวลาสิ้นสุดในเดือนกรกฎาคม 2026.
    OpenAI มีรายได้ต่อปีสูงถึง 10 พันล้านดอลลาร์ ณ เดือนมิถุนายน 2025 ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตของ AI ในตลาดโลก.
    SoftBank Group เป็นผู้นำการลงทุนรอบใหม่ของ OpenAI โดยตั้งเป้าระดมทุนสูงถึง 40 พันล้านดอลลาร์.

    ผลกระทบและข้อควรระวัง
    การใช้ AI ในการทหารอาจก่อให้เกิดข้อกังวลด้านจริยธรรม โดยเฉพาะเรื่องการตัดสินใจอัตโนมัติในสนามรบ.
    AI frontier capabilities อาจถูกนำไปใช้ในรูปแบบที่ยังไม่มีการควบคุมอย่างชัดเจน ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นคงระหว่างประเทศ.
    รัฐบาลทั่วโลกเริ่มออกกฎหมายควบคุม AI เพื่อป้องกันการใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิด.

    แนวทางป้องกันและข้อเสนอแนะ
    ติดตามการพัฒนา AI frontier capabilities เพื่อให้แน่ใจว่ามีการใช้เทคโนโลยีอย่างมีจริยธรรม.
    สนับสนุนการออกกฎหมายควบคุม AI เพื่อป้องกันการนำไปใช้ในทางที่อาจเป็นอันตราย.
    องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนควรมีบทบาทในการกำกับดูแล AI เพื่อให้แน่ใจว่าเทคโนโลยีถูกใช้เพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ.

    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AI และความมั่นคง
    รัฐบาลสหรัฐฯ ออกแนวทางใหม่เกี่ยวกับ AI เพื่อให้มั่นใจว่าการแข่งขันในตลาด AI เป็นไปอย่างยุติธรรม.
    OpenAI มีผู้ใช้งานรายสัปดาห์กว่า 500 ล้านคน ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2025.
    AI ที่ไม่มีมาตรการควบคุมอาจถูกใช้ในทางที่ผิด เช่น การสร้างข้อมูลเท็จหรือการตัดสินใจทางทหารโดยไม่มีมนุษย์ควบคุม.

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/17/openai-wins-200-million-us-defense-contract
    OpenAI ได้รับสัญญา 200 ล้านดอลลาร์จากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศว่า OpenAI ผู้พัฒนา ChatGPT ได้รับสัญญามูลค่า 200 ล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนา AI frontier capabilities สำหรับการใช้งานด้าน ความมั่นคงแห่งชาติและการทหาร โดยโครงการนี้จะดำเนินการในและรอบๆ กรุงวอชิงตัน และคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือนกรกฎาคม 2026. รายละเอียดของสัญญา ✅ OpenAI จะพัฒนา AI สำหรับการปฏิบัติการทางทหารและองค์กร เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงแห่งชาติ. ✅ โครงการนี้จะดำเนินการในกรุงวอชิงตันและพื้นที่ใกล้เคียง โดยมีระยะเวลาสิ้นสุดในเดือนกรกฎาคม 2026. ✅ OpenAI มีรายได้ต่อปีสูงถึง 10 พันล้านดอลลาร์ ณ เดือนมิถุนายน 2025 ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตของ AI ในตลาดโลก. ✅ SoftBank Group เป็นผู้นำการลงทุนรอบใหม่ของ OpenAI โดยตั้งเป้าระดมทุนสูงถึง 40 พันล้านดอลลาร์. ผลกระทบและข้อควรระวัง ‼️ การใช้ AI ในการทหารอาจก่อให้เกิดข้อกังวลด้านจริยธรรม โดยเฉพาะเรื่องการตัดสินใจอัตโนมัติในสนามรบ. ‼️ AI frontier capabilities อาจถูกนำไปใช้ในรูปแบบที่ยังไม่มีการควบคุมอย่างชัดเจน ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นคงระหว่างประเทศ. ‼️ รัฐบาลทั่วโลกเริ่มออกกฎหมายควบคุม AI เพื่อป้องกันการใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิด. แนวทางป้องกันและข้อเสนอแนะ ✅ ติดตามการพัฒนา AI frontier capabilities เพื่อให้แน่ใจว่ามีการใช้เทคโนโลยีอย่างมีจริยธรรม. ✅ สนับสนุนการออกกฎหมายควบคุม AI เพื่อป้องกันการนำไปใช้ในทางที่อาจเป็นอันตราย. ✅ องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนควรมีบทบาทในการกำกับดูแล AI เพื่อให้แน่ใจว่าเทคโนโลยีถูกใช้เพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ. ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AI และความมั่นคง ✅ รัฐบาลสหรัฐฯ ออกแนวทางใหม่เกี่ยวกับ AI เพื่อให้มั่นใจว่าการแข่งขันในตลาด AI เป็นไปอย่างยุติธรรม. ✅ OpenAI มีผู้ใช้งานรายสัปดาห์กว่า 500 ล้านคน ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2025. ‼️ AI ที่ไม่มีมาตรการควบคุมอาจถูกใช้ในทางที่ผิด เช่น การสร้างข้อมูลเท็จหรือการตัดสินใจทางทหารโดยไม่มีมนุษย์ควบคุม. https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/17/openai-wins-200-million-us-defense-contract
    WWW.THESTAR.COM.MY
    OpenAI wins $200 million US defense contract
    WASHINGTON (Reuters) -ChatGPT maker OpenAI was awarded a $200 million contract to provide the U.S. Defense Department with artificial intelligence tools, the Pentagon said in a statement on Monday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 308 มุมมอง 0 รีวิว
  • แนวคิดเรื่อง ‘เสรีภาพสื่อ’ ที่ประเทศสมาชิกนาโตประกาศถึงความชอบธรรมอย่างไม่สิ้นสุดนั้นหมดความหมายไปในทันที เมื่ออิสราเอลการกระทำอันโหดร้ายต่อสื่ออีกครั้ง หลังจากที่พวกเขาสังหารนักข่าวในพื้นที่ฉนวนกาซามากมายโดยไม่มีชาติใดกล้าออกมาประณาม

    เมื่อใดก็ตามที่สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร หรือสหภาพยุโรปพูดถึงเรื่องเสรีภาพสื่อหรือสิทธิมนุษยชน นั่นเป็นเพียงอาวุธที่ใช้โจมตีประเทศที่เป็น ‘ศัตรู’ พวกเขาเท่านั้น แต่ถ้าหากเป็นเรื่องของฝ่ายนาโตหรือพันธมิตรนาโต พวกเขาจะเหยียบย่ำทำลายเสรีภาพสื่ออย่างไรก็ได้ แม้แต่การใช้ขีปนาวุธ
    แนวคิดเรื่อง ‘เสรีภาพสื่อ’ ที่ประเทศสมาชิกนาโตประกาศถึงความชอบธรรมอย่างไม่สิ้นสุดนั้นหมดความหมายไปในทันที เมื่ออิสราเอลการกระทำอันโหดร้ายต่อสื่ออีกครั้ง หลังจากที่พวกเขาสังหารนักข่าวในพื้นที่ฉนวนกาซามากมายโดยไม่มีชาติใดกล้าออกมาประณาม เมื่อใดก็ตามที่สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร หรือสหภาพยุโรปพูดถึงเรื่องเสรีภาพสื่อหรือสิทธิมนุษยชน นั่นเป็นเพียงอาวุธที่ใช้โจมตีประเทศที่เป็น ‘ศัตรู’ พวกเขาเท่านั้น แต่ถ้าหากเป็นเรื่องของฝ่ายนาโตหรือพันธมิตรนาโต พวกเขาจะเหยียบย่ำทำลายเสรีภาพสื่ออย่างไรก็ได้ แม้แต่การใช้ขีปนาวุธ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 36 0 รีวิว
  • นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ขึ้นศาลไต่สวนเป็นพยานปากแรก กรณีส่งตัว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ เผย นายทักษิณมีอาการความดันโลหิตสูง ค่าออกซิเจนในเลือดต่ำ นอนไม่หลับ แน่นหน้าอก โดยแพทย์ไม่ได้ตรวจวินิจฉัยแต่พยาบาลเป็นผู้โทรไปประสาน นพ.ณัฐพร แพทย์ประจำรพ.ราชทัณฑ์ จึงมีความเห็นส่งตัวไปรักษากับรพ.ตำรวจ โดยอาศัยระเบียบกรมราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 ซึ่งนับเวลารักษาเข้าไปในวันจำขังด้วย ขณะที่ศาลสั่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ส่งรายงานการสอบสวนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) เรื่องมติที่ประชุมแพทยสภา ใบเบิกค่าใช้จ่ายของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่เข้าเวรควบคุมตัวนายทักษิณที่รพ.ตำรวจ และประวัติการรักษาตัวจากต่างประเทศ ส่งกลับมาศาลภายใน 15 วัน ถ้าไม่มีให้เเจ้งต่อศาล

    -อยู่ในรพ.ได้รับโทษแล้ว
    -ขู่วางระเบิด AIR INDIA
    -กัมพูชาขู่แบนไทย
    -น้ำมันสำรองพอใช้ 60 วัน
    นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ขึ้นศาลไต่สวนเป็นพยานปากแรก กรณีส่งตัว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ เผย นายทักษิณมีอาการความดันโลหิตสูง ค่าออกซิเจนในเลือดต่ำ นอนไม่หลับ แน่นหน้าอก โดยแพทย์ไม่ได้ตรวจวินิจฉัยแต่พยาบาลเป็นผู้โทรไปประสาน นพ.ณัฐพร แพทย์ประจำรพ.ราชทัณฑ์ จึงมีความเห็นส่งตัวไปรักษากับรพ.ตำรวจ โดยอาศัยระเบียบกรมราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 ซึ่งนับเวลารักษาเข้าไปในวันจำขังด้วย ขณะที่ศาลสั่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ส่งรายงานการสอบสวนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) เรื่องมติที่ประชุมแพทยสภา ใบเบิกค่าใช้จ่ายของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่เข้าเวรควบคุมตัวนายทักษิณที่รพ.ตำรวจ และประวัติการรักษาตัวจากต่างประเทศ ส่งกลับมาศาลภายใน 15 วัน ถ้าไม่มีให้เเจ้งต่อศาล -อยู่ในรพ.ได้รับโทษแล้ว -ขู่วางระเบิด AIR INDIA -กัมพูชาขู่แบนไทย -น้ำมันสำรองพอใช้ 60 วัน
    Like
    Love
    5
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 833 มุมมอง 24 0 รีวิว
  • ข่าวจากคุณ Wassana Nanuam ระบุว่ากองทัพเริ่มแจ้งเตือนว่า #กัมพูชา เริ่มมีการวางกับระเบิดสังหารในพื้นที่แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายต่อกำลังพลของฝ่ายไทย

    ทั้งนี้ ในระดับนานาชาตินั้นมีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-Personnel Mine Ban Convention) หรือสนธิสัญญาออตตาวา (Ottawa Treaty) ซึ่งห้ามการใช้ระเบิดสังหารบุคคลทั่วโลก เพราะผลกระทบของทุ่นระเบิดเหล่านี้ส่งผลต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนและสร้างความเสียหายให้กับประชาชนจำนวนมาก โดยไทยให้สัตยาบันต่ออนุสัญญานี้เมื่อปี 1998

    สิ่งที่น่าสนใจก็คือ กัมพูชาก็เป็นภาคีของอนุสัญญานี้ และให้สัตยาบันตั้งแต่ปี 1999 เช่นกัน

    ดังนั้นถ้ากัมพูชาใช้กับระเบิด สิ่งที่กองทัพไทยควรทำก็คือเก็บหลักฐานทั้งภาพถ่าย ตำแหน่งที่พบ รวมถึงเก็บกู้กับระเบิดเหล่านั้นและเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินการทางการทูตต่อไป เพราะแม้ว่าการละเมิดสนธิสัญญาออตตาวาจะไม่ต้องขึ้นศาลโลกหรือไม่ถูกบังคับด้วยกฎหมายระหว่างประเทศอื่น ๆ แต่สามารถนำไปใช้เพื่อผลในการกดดันทางการทูตได้ ซึ่งปกติแล้วชาติภาคีของสนธิสัญญาออตตาวาจะมีการจัดประชุมขึ้นทุกปี โดยในปีนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-5 ที่เจนิวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์

    ซึ่งถ้าไทยสามารถแสดงหลักฐานต่าง ๆ ว่ากัมพูชาละเมิดสนธิสัญญานี้ในการประชุม ก็จะสามารถนำไปดำเนินการทางการทูตตามที่เห็นสมควรต่อได้ อย่างน้อยที่สุดคือการทำให้ที่ประชุมระบุว่ากัมพูชาเป็นประเทศที่ละเมิดสนธิสัญญาออตตาวาครับ

    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/1FtsgELhHY/?mibextid=wwXIfr
    ข่าวจากคุณ Wassana Nanuam ระบุว่ากองทัพเริ่มแจ้งเตือนว่า #กัมพูชา เริ่มมีการวางกับระเบิดสังหารในพื้นที่แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายต่อกำลังพลของฝ่ายไทย ทั้งนี้ ในระดับนานาชาตินั้นมีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-Personnel Mine Ban Convention) หรือสนธิสัญญาออตตาวา (Ottawa Treaty) ซึ่งห้ามการใช้ระเบิดสังหารบุคคลทั่วโลก เพราะผลกระทบของทุ่นระเบิดเหล่านี้ส่งผลต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนและสร้างความเสียหายให้กับประชาชนจำนวนมาก โดยไทยให้สัตยาบันต่ออนุสัญญานี้เมื่อปี 1998 สิ่งที่น่าสนใจก็คือ กัมพูชาก็เป็นภาคีของอนุสัญญานี้ และให้สัตยาบันตั้งแต่ปี 1999 เช่นกัน ดังนั้นถ้ากัมพูชาใช้กับระเบิด สิ่งที่กองทัพไทยควรทำก็คือเก็บหลักฐานทั้งภาพถ่าย ตำแหน่งที่พบ รวมถึงเก็บกู้กับระเบิดเหล่านั้นและเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินการทางการทูตต่อไป เพราะแม้ว่าการละเมิดสนธิสัญญาออตตาวาจะไม่ต้องขึ้นศาลโลกหรือไม่ถูกบังคับด้วยกฎหมายระหว่างประเทศอื่น ๆ แต่สามารถนำไปใช้เพื่อผลในการกดดันทางการทูตได้ ซึ่งปกติแล้วชาติภาคีของสนธิสัญญาออตตาวาจะมีการจัดประชุมขึ้นทุกปี โดยในปีนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-5 ที่เจนิวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งถ้าไทยสามารถแสดงหลักฐานต่าง ๆ ว่ากัมพูชาละเมิดสนธิสัญญานี้ในการประชุม ก็จะสามารถนำไปดำเนินการทางการทูตตามที่เห็นสมควรต่อได้ อย่างน้อยที่สุดคือการทำให้ที่ประชุมระบุว่ากัมพูชาเป็นประเทศที่ละเมิดสนธิสัญญาออตตาวาครับ ที่มา https://www.facebook.com/share/p/1FtsgELhHY/?mibextid=wwXIfr
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 291 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอุทธรณ์กลางแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ ออกคำสั่งบังคับสปาเกาหลีแห่งหนึ่งในเมืองลีนน์วู้ด รัฐวอชิงตัน ให้บริการผู้หญิงข้ามเพศ หลังจากสปาแห่งนี้พยายามห้ามพวกผู้หญิงข้ามเพศที่ยังไม่ได้รับการผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิง เข้ามาใช้บริหาร

    รายงานข่าวระบุว่าศาลอุทธรณ์เขต 9 ของสหรัฐฯ ชี้ขาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ด้วยคะแนนน 2-1 เสียง ว่าสปาโอลิมปุส ต้องเปลี่ยนนโยบายการบริการให้สอดคล้องกับกฎหมายต่อต้านการเลือกปฏิบัติ ศาลชี้ว่าเจ้าของสปาต้องไม่ริดรอนสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนา เสรีภาพในการแสดงออกและสิทธิเสรีภาพในการคบค้าสมาคม ภายใต้การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯครั้งที่ 1 ตามข้อบังคับของรัฐวอชิงตัน

    สปาโอลิมปุส ซึ่งเปิดให้บริการ 2 แห่งในรัฐวอชิงตัน เป็นโรงอาบน้ำสไตล์เกาหลีโบราณ ที่มอบบริการนวด, ขัดผิวกายและอ่างน้ำร้อน ที่จำเป็นต้องเปลื้องผ้าทั้งหมดเหลือแต่ตัวล่อนจ้อน ในปี 2020 คณะกรรมาธิการด้านสิทธิมนุษยชนของรัฐวอชิงตัน ยื่นคำร้องหนึ่งหลังจากมีผู้หญิงข้ามเพศรายหนึ่ง ซึ่งยังไม่ผ่าตัดแปลงเพศ ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าไปใช้บริการ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000051529

    #MGROnline #สปาเกาหลี #ผู้หญิงข้ามเพศ
    ศาลอุทธรณ์กลางแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ ออกคำสั่งบังคับสปาเกาหลีแห่งหนึ่งในเมืองลีนน์วู้ด รัฐวอชิงตัน ให้บริการผู้หญิงข้ามเพศ หลังจากสปาแห่งนี้พยายามห้ามพวกผู้หญิงข้ามเพศที่ยังไม่ได้รับการผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิง เข้ามาใช้บริหาร • รายงานข่าวระบุว่าศาลอุทธรณ์เขต 9 ของสหรัฐฯ ชี้ขาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ด้วยคะแนนน 2-1 เสียง ว่าสปาโอลิมปุส ต้องเปลี่ยนนโยบายการบริการให้สอดคล้องกับกฎหมายต่อต้านการเลือกปฏิบัติ ศาลชี้ว่าเจ้าของสปาต้องไม่ริดรอนสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนา เสรีภาพในการแสดงออกและสิทธิเสรีภาพในการคบค้าสมาคม ภายใต้การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญสหรัฐฯครั้งที่ 1 ตามข้อบังคับของรัฐวอชิงตัน • สปาโอลิมปุส ซึ่งเปิดให้บริการ 2 แห่งในรัฐวอชิงตัน เป็นโรงอาบน้ำสไตล์เกาหลีโบราณ ที่มอบบริการนวด, ขัดผิวกายและอ่างน้ำร้อน ที่จำเป็นต้องเปลื้องผ้าทั้งหมดเหลือแต่ตัวล่อนจ้อน ในปี 2020 คณะกรรมาธิการด้านสิทธิมนุษยชนของรัฐวอชิงตัน ยื่นคำร้องหนึ่งหลังจากมีผู้หญิงข้ามเพศรายหนึ่ง ซึ่งยังไม่ผ่าตัดแปลงเพศ ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าไปใช้บริการ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000051529 • #MGROnline #สปาเกาหลี #ผู้หญิงข้ามเพศ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 335 มุมมอง 0 รีวิว
  • BIG Story | "โจ ด่านช้าง" วิสามัญอำพราง

    ย้อนรอยคดีอื้อฉาวปลายปี 2539 เมื่อ “โจ ด่านช้าง” กับพวกรวม 6 คน ถูกตำรวจนับร้อยนายล้อมจับ หลังถูกระบุว่าเป็นมือปืนรับจ้างและเอเย่นต์ยาม้า ผู้ก่อคดีโชกโชน ทั้งหมดจับตัวประกันก่อนยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ แต่เมื่อยอมมอบตัวแล้วกลับถูกวิสามัญเสียชีวิตทั้งหมด จุดจบที่ควรคลี่คลายกลับกลายเป็นปริศนา และจุดคำถามใหญ่ต่อพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่รัฐ

    #BigStory #โจด่านช้าง #วิสามัญอำพราง #คดีอื้อฉาว #สิทธิมนุษยชน #ความจริงที่ยังไม่ถูกพูดถึง #ThaiTimes
    BIG Story | "โจ ด่านช้าง" วิสามัญอำพราง ย้อนรอยคดีอื้อฉาวปลายปี 2539 เมื่อ “โจ ด่านช้าง” กับพวกรวม 6 คน ถูกตำรวจนับร้อยนายล้อมจับ หลังถูกระบุว่าเป็นมือปืนรับจ้างและเอเย่นต์ยาม้า ผู้ก่อคดีโชกโชน ทั้งหมดจับตัวประกันก่อนยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ แต่เมื่อยอมมอบตัวแล้วกลับถูกวิสามัญเสียชีวิตทั้งหมด จุดจบที่ควรคลี่คลายกลับกลายเป็นปริศนา และจุดคำถามใหญ่ต่อพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่รัฐ #BigStory #โจด่านช้าง #วิสามัญอำพราง #คดีอื้อฉาว #สิทธิมนุษยชน #ความจริงที่ยังไม่ถูกพูดถึง #ThaiTimes
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1206 มุมมอง 37 0 รีวิว
  • ผู้เชี่ยวชาญเตือน! แผนของ EU ที่ต้องการลดความปลอดภัยของการเข้ารหัสอาจส่งผลกระทบร้ายแรง

    กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ออกจดหมายเปิดผนึกถึงคณะกรรมาธิการยุโรป เพื่อเรียกร้องให้ ทบทวนแผน ProtectEU ที่ต้องการสร้างช่องโหว่ในระบบเข้ารหัส โดยพวกเขาเตือนว่า การลดความปลอดภัยของการเข้ารหัสจะทำให้บุคคลและองค์กรเสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางไซเบอร์มากขึ้น

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับแผน ProtectEU
    ProtectEU เป็นแผนของ EU ที่ต้องการสร้างช่องทางให้หน่วยงานรัฐสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เข้ารหัสได้
    - มีเป้าหมายเพื่อ ช่วยให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายสามารถตรวจสอบการสื่อสารที่เป็นภัยคุกคาม

    ผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรด้านความปลอดภัยไซเบอร์และผู้ให้บริการ VPN คัดค้านแผนนี้
    - รวมถึง Proton, Surfshark, Tuta Mail, Mozilla และ Element

    การเข้ารหัสเป็นเครื่องมือสำคัญในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวและความปลอดภัยทางไซเบอร์
    - ใช้ใน บริการเช่น Signal, WhatsApp และ Proton Mail

    แม้ว่า FBI และ CISA ในสหรัฐฯ จะสนับสนุนการใช้การเข้ารหัสเพื่อป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ แต่ EU กลับต้องการลดความปลอดภัยของมัน
    - ขัดแย้งกับ แนวทางที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้

    ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปเคยตัดสินว่าการทำลายการเข้ารหัสเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
    - เป็นอุปสรรคสำคัญต่อ ความพยายามของ EU ในการผลักดันแผนนี้

    https://www.techradar.com/computing/cyber-security/experts-deeply-concerned-by-the-eu-plan-to-weaken-encryption
    ผู้เชี่ยวชาญเตือน! แผนของ EU ที่ต้องการลดความปลอดภัยของการเข้ารหัสอาจส่งผลกระทบร้ายแรง กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ออกจดหมายเปิดผนึกถึงคณะกรรมาธิการยุโรป เพื่อเรียกร้องให้ ทบทวนแผน ProtectEU ที่ต้องการสร้างช่องโหว่ในระบบเข้ารหัส โดยพวกเขาเตือนว่า การลดความปลอดภัยของการเข้ารหัสจะทำให้บุคคลและองค์กรเสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางไซเบอร์มากขึ้น 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับแผน ProtectEU ✅ ProtectEU เป็นแผนของ EU ที่ต้องการสร้างช่องทางให้หน่วยงานรัฐสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เข้ารหัสได้ - มีเป้าหมายเพื่อ ช่วยให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายสามารถตรวจสอบการสื่อสารที่เป็นภัยคุกคาม ✅ ผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรด้านความปลอดภัยไซเบอร์และผู้ให้บริการ VPN คัดค้านแผนนี้ - รวมถึง Proton, Surfshark, Tuta Mail, Mozilla และ Element ✅ การเข้ารหัสเป็นเครื่องมือสำคัญในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวและความปลอดภัยทางไซเบอร์ - ใช้ใน บริการเช่น Signal, WhatsApp และ Proton Mail ✅ แม้ว่า FBI และ CISA ในสหรัฐฯ จะสนับสนุนการใช้การเข้ารหัสเพื่อป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ แต่ EU กลับต้องการลดความปลอดภัยของมัน - ขัดแย้งกับ แนวทางที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ✅ ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปเคยตัดสินว่าการทำลายการเข้ารหัสเป็นสิ่งผิดกฎหมาย - เป็นอุปสรรคสำคัญต่อ ความพยายามของ EU ในการผลักดันแผนนี้ https://www.techradar.com/computing/cyber-security/experts-deeply-concerned-by-the-eu-plan-to-weaken-encryption
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 265 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปัญหาภายในของซาอุดีอาระเบียมีหลากหลายประเด็นทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม. ปัญหาทางเศรษฐกิจรวมถึงการพึ่งพาอุตสาหกรรมน้ำมันที่มากเกินไป ทำให้เกิดปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงของราคาและปริมาณน้ำมันโลก. ปัญหาสังคมรวมถึงความไม่เท่าเทียมกันทางเพศ ความไม่พอใจต่อวิสัยทัศน์ 2030 และปัญหาการทุจริต. ปัญหาทางสิ่งแวดล้อมรวมถึงการขยายตัวของเมืองที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ มลพิษทางดิน และปัญหาการขาดแคลนน้ำ.
    รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหาภายในซาอุดีอาระเบีย:
    ปัญหาทางเศรษฐกิจ:
    การพึ่งพาอุตสาหกรรมน้ำมัน: ซาอุดีอาระเบียเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก แต่การพึ่งพาอุตสาหกรรมน้ำมันมากเกินไปทำให้เศรษฐกิจอ่อนแอต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาและปริมาณน้ำมันโลก.
    ขาดดุลงบประมาณ: ราคาน้ำมันที่ลดต่ำลงทำให้ซาอุดีอาระเบียประสบปัญหาขาดดุลงบประมาณ.
    การกระจายเม็ดเงินทางเศรษฐกิจ: ซาอุดีอาระเบียพยายามกระจายเม็ดเงินทางเศรษฐกิจไปสู่อุตสาหกรรมอื่นผ่านโครงการวิสัยทัศน์ 2030.
    ปัญหาการทุจริต: มีรายงานการทุจริตในระบบราชการซาอุดีอาระเบีย.
    ปัญหาสังคม:
    ความไม่เท่าเทียมกันทางเพศ: ยังคงมีความไม่เท่าเทียมกันทางเพศในซาอุดีอาระเบีย.
    ความไม่พอใจต่อวิสัยทัศน์ 2030: บางกลุ่มมีความไม่พอใจต่อวิสัยทัศน์ 2030 ที่รัฐบาลพยายามนำมาใช้.
    การอพยพออกนอกประเทศ: มีชาวซาอุดีอาระเบียจำนวนมากขึ้นที่อพยพออกนอกประเทศ เนื่องจากความไม่พอใจในสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจ.
    แรงงานต่างชาติ: ซาอุดีอาระเบียพึ่งพาแรงงานต่างชาติจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานทักษะต่ำ และอาจเผชิญกับปัญหาการล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชน.
    ปัญหาทางสิ่งแวดล้อม:
    มลพิษทางอากาศ: ปริมาณฝุ่นละอองในอากาศสูงเป็นอันดับต้นๆ ของตะวันออกกลาง.
    มลพิษทางดิน: การขุดเจาะน้ำมันและการขยายตัวของเมืองทำให้เกิดมลพิษทางดิน.
    ปัญหาการขาดแคลนน้ำ: พื้นที่เพาะปลูกสามในสี่เสื่อมโทรม และประชากร 60% ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ.
    ปัญหาการใช้พลังงาน: การใช้เครื่องปรับอากาศปริมาณมากส่งผลต่อปัญหาการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก.
    ปัญหาภายในของซาอุดีอาระเบียมีหลากหลายประเด็นทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม. ปัญหาทางเศรษฐกิจรวมถึงการพึ่งพาอุตสาหกรรมน้ำมันที่มากเกินไป ทำให้เกิดปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงของราคาและปริมาณน้ำมันโลก. ปัญหาสังคมรวมถึงความไม่เท่าเทียมกันทางเพศ ความไม่พอใจต่อวิสัยทัศน์ 2030 และปัญหาการทุจริต. ปัญหาทางสิ่งแวดล้อมรวมถึงการขยายตัวของเมืองที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ มลพิษทางดิน และปัญหาการขาดแคลนน้ำ. รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหาภายในซาอุดีอาระเบีย: ปัญหาทางเศรษฐกิจ: การพึ่งพาอุตสาหกรรมน้ำมัน: ซาอุดีอาระเบียเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก แต่การพึ่งพาอุตสาหกรรมน้ำมันมากเกินไปทำให้เศรษฐกิจอ่อนแอต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาและปริมาณน้ำมันโลก. ขาดดุลงบประมาณ: ราคาน้ำมันที่ลดต่ำลงทำให้ซาอุดีอาระเบียประสบปัญหาขาดดุลงบประมาณ. การกระจายเม็ดเงินทางเศรษฐกิจ: ซาอุดีอาระเบียพยายามกระจายเม็ดเงินทางเศรษฐกิจไปสู่อุตสาหกรรมอื่นผ่านโครงการวิสัยทัศน์ 2030. ปัญหาการทุจริต: มีรายงานการทุจริตในระบบราชการซาอุดีอาระเบีย. ปัญหาสังคม: ความไม่เท่าเทียมกันทางเพศ: ยังคงมีความไม่เท่าเทียมกันทางเพศในซาอุดีอาระเบีย. ความไม่พอใจต่อวิสัยทัศน์ 2030: บางกลุ่มมีความไม่พอใจต่อวิสัยทัศน์ 2030 ที่รัฐบาลพยายามนำมาใช้. การอพยพออกนอกประเทศ: มีชาวซาอุดีอาระเบียจำนวนมากขึ้นที่อพยพออกนอกประเทศ เนื่องจากความไม่พอใจในสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจ. แรงงานต่างชาติ: ซาอุดีอาระเบียพึ่งพาแรงงานต่างชาติจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานทักษะต่ำ และอาจเผชิญกับปัญหาการล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชน. ปัญหาทางสิ่งแวดล้อม: มลพิษทางอากาศ: ปริมาณฝุ่นละอองในอากาศสูงเป็นอันดับต้นๆ ของตะวันออกกลาง. มลพิษทางดิน: การขุดเจาะน้ำมันและการขยายตัวของเมืองทำให้เกิดมลพิษทางดิน. ปัญหาการขาดแคลนน้ำ: พื้นที่เพาะปลูกสามในสี่เสื่อมโทรม และประชากร 60% ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ. ปัญหาการใช้พลังงาน: การใช้เครื่องปรับอากาศปริมาณมากส่งผลต่อปัญหาการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 337 มุมมอง 0 รีวิว
  • คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งออสเตรเลียทำข้อมูลรั่วไหลโดยไม่ได้ตั้งใจ

    คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งออสเตรเลีย (AHRC) เกิดเหตุข้อมูลรั่วไหล เนื่องจากข้อผิดพลาดในการตั้งค่าการจัดทำดัชนีของเบราว์เซอร์ ทำให้เอกสารส่วนตัวและข้อมูลส่วนบุคคล ถูกเปิดเผยโดยไม่ได้ตั้งใจ บนอินเทอร์เน็ต

    เอกสารประมาณ 670 ฉบับถูกเปิดเผยโดยไม่ได้ตั้งใจ
    - ในจำนวนนี้ มีประมาณ 100 ฉบับที่ถูกเข้าถึงผ่าน Bing หรือ Google

    ข้อมูลที่รั่วไหลรวมถึงเอกสารจากโครงการสำคัญของ AHRC
    - เช่น Speaking from Experience Project (มี.ค. – ก.ย. 2024), Human Rights Awards 2023 (ก.ค. – ก.ย. 2023) และ National Anti-Racism Framework (ต.ค. 2021 – ก.พ. 2022)

    AHRC ได้แจ้งเตือนผู้ที่ได้รับผลกระทบแล้ว
    - ผู้ที่อาจได้รับผลกระทบ ควรตรวจสอบบัญชีและธุรกรรมทางการเงินเพื่อหากิจกรรมที่น่าสงสัย

    เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดจากการโจมตีทางไซเบอร์
    - เป็นข้อผิดพลาดทางเทคนิค ไม่ใช่การกระทำที่เป็นอาชญากรรม

    AHRC ยืนยันว่ากำลังดำเนินการแก้ไขและปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัย
    - เพื่อ ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีกในอนาคต

    https://www.techradar.com/pro/security/australian-human-right-commission-leaks-docs-and-personal-information-in-browser-indexing-mishap
    คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งออสเตรเลียทำข้อมูลรั่วไหลโดยไม่ได้ตั้งใจ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งออสเตรเลีย (AHRC) เกิดเหตุข้อมูลรั่วไหล เนื่องจากข้อผิดพลาดในการตั้งค่าการจัดทำดัชนีของเบราว์เซอร์ ทำให้เอกสารส่วนตัวและข้อมูลส่วนบุคคล ถูกเปิดเผยโดยไม่ได้ตั้งใจ บนอินเทอร์เน็ต ✅ เอกสารประมาณ 670 ฉบับถูกเปิดเผยโดยไม่ได้ตั้งใจ - ในจำนวนนี้ มีประมาณ 100 ฉบับที่ถูกเข้าถึงผ่าน Bing หรือ Google ✅ ข้อมูลที่รั่วไหลรวมถึงเอกสารจากโครงการสำคัญของ AHRC - เช่น Speaking from Experience Project (มี.ค. – ก.ย. 2024), Human Rights Awards 2023 (ก.ค. – ก.ย. 2023) และ National Anti-Racism Framework (ต.ค. 2021 – ก.พ. 2022) ✅ AHRC ได้แจ้งเตือนผู้ที่ได้รับผลกระทบแล้ว - ผู้ที่อาจได้รับผลกระทบ ควรตรวจสอบบัญชีและธุรกรรมทางการเงินเพื่อหากิจกรรมที่น่าสงสัย ✅ เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดจากการโจมตีทางไซเบอร์ - เป็นข้อผิดพลาดทางเทคนิค ไม่ใช่การกระทำที่เป็นอาชญากรรม ✅ AHRC ยืนยันว่ากำลังดำเนินการแก้ไขและปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัย - เพื่อ ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีกในอนาคต https://www.techradar.com/pro/security/australian-human-right-commission-leaks-docs-and-personal-information-in-browser-indexing-mishap
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 307 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้กล่าวถึงปัญหาการขาดการควบคุมเนื้อหาในโซเชียลมีเดียในประเทศเอธิโอเปีย ซึ่งส่งผลให้เกิดการเผยแพร่คำพูดแสดงความเกลียดชังและเนื้อหาที่เป็นอันตราย โดยเฉพาะในภาษาท้องถิ่น เช่น ภาษาอัมฮาริก ทิกรินยา และอาฟานโอโรโม ตัวอย่างที่ชัดเจนคือกรณีของ Lella Mesikir นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสตรีที่ต้องลี้ภัยไปยังประเทศเคนยา หลังจากถูกข่มขู่และโจมตีทางออนไลน์ผ่าน TikTok เนื่องจากโพสต์เกี่ยวกับสิทธิสตรี

    นักวิเคราะห์ระบุว่าโซเชียลมีเดียในประเทศที่มีความขัดแย้งทางการเมืองและสังคม เช่น เอธิโอเปีย มักกลายเป็นพื้นที่ที่ไม่มีการควบคุม ซึ่งนำไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชนและการกระทำที่รุนแรง

    กรณีของ Lella Mesikir
    - Lella Mesikir ถูกข่มขู่และโจมตีทางออนไลน์หลังจากโพสต์เกี่ยวกับสิทธิสตรีใน TikTok
    - เธอต้องลี้ภัยไปยังประเทศเคนยาเพื่อความปลอดภัย

    ปัญหาการควบคุมเนื้อหาในโซเชียลมีเดีย
    - TikTok ถูกวิจารณ์ว่าไม่สามารถควบคุมเนื้อหาในภาษาท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    - มีการเผยแพร่เนื้อหาที่เป็นอันตราย เช่น การข่มขืน การทรมาน และการแสดงความเกลียดชัง

    ผลกระทบต่อสังคมเอธิโอเปีย
    - โซเชียลมีเดียช่วยเพิ่มความรุนแรงในความขัดแย้งทางการเมือง ชาติพันธุ์ และศาสนา
    - ผู้หญิงที่ท้าทายบทบาททางเพศแบบดั้งเดิมมักตกเป็นเป้าหมายของการโจมตี

    การตอบสนองของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
    - TikTok อ้างว่ามีการใช้เทคโนโลยีและการตรวจสอบโดยมนุษย์ในกว่า 70 ภาษา รวมถึงภาษาอัมฮาริก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/24/online-threats-in-ethiopia-reveal-content-moderation-failures
    ข่าวนี้กล่าวถึงปัญหาการขาดการควบคุมเนื้อหาในโซเชียลมีเดียในประเทศเอธิโอเปีย ซึ่งส่งผลให้เกิดการเผยแพร่คำพูดแสดงความเกลียดชังและเนื้อหาที่เป็นอันตราย โดยเฉพาะในภาษาท้องถิ่น เช่น ภาษาอัมฮาริก ทิกรินยา และอาฟานโอโรโม ตัวอย่างที่ชัดเจนคือกรณีของ Lella Mesikir นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสตรีที่ต้องลี้ภัยไปยังประเทศเคนยา หลังจากถูกข่มขู่และโจมตีทางออนไลน์ผ่าน TikTok เนื่องจากโพสต์เกี่ยวกับสิทธิสตรี นักวิเคราะห์ระบุว่าโซเชียลมีเดียในประเทศที่มีความขัดแย้งทางการเมืองและสังคม เช่น เอธิโอเปีย มักกลายเป็นพื้นที่ที่ไม่มีการควบคุม ซึ่งนำไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชนและการกระทำที่รุนแรง ✅ กรณีของ Lella Mesikir - Lella Mesikir ถูกข่มขู่และโจมตีทางออนไลน์หลังจากโพสต์เกี่ยวกับสิทธิสตรีใน TikTok - เธอต้องลี้ภัยไปยังประเทศเคนยาเพื่อความปลอดภัย ✅ ปัญหาการควบคุมเนื้อหาในโซเชียลมีเดีย - TikTok ถูกวิจารณ์ว่าไม่สามารถควบคุมเนื้อหาในภาษาท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ - มีการเผยแพร่เนื้อหาที่เป็นอันตราย เช่น การข่มขืน การทรมาน และการแสดงความเกลียดชัง ✅ ผลกระทบต่อสังคมเอธิโอเปีย - โซเชียลมีเดียช่วยเพิ่มความรุนแรงในความขัดแย้งทางการเมือง ชาติพันธุ์ และศาสนา - ผู้หญิงที่ท้าทายบทบาททางเพศแบบดั้งเดิมมักตกเป็นเป้าหมายของการโจมตี ✅ การตอบสนองของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย - TikTok อ้างว่ามีการใช้เทคโนโลยีและการตรวจสอบโดยมนุษย์ในกว่า 70 ภาษา รวมถึงภาษาอัมฮาริก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/24/online-threats-in-ethiopia-reveal-content-moderation-failures
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Online threats in Ethiopia reveal content moderation failures
    Lella Mesikir built a huge following with online posts about gender rights in Ethiopia but says a lack of local language content moderation has forced her to flee into exile.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts