• "ชัยวัฒน์" เฮ! ศาลปกครองสูงสุดยืนยันเพิกถอนคำสั่งปลดพ้นราชการ ชี้ ป.ป.ท. ไม่มีอำนาจชี้มูลวินัยไม่ร้ายแรง
    https://www.thai-tai.tv/news/20318/
    .
    #ชัยวัฒน์ลิ้มลิขิตอักษร #ศาลปกครองสูงสุด #เพิกถอนคำสั่งปลด #กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม #ปปท #คดีอุทยานแก่งกระจาน #วินัยร้ายแรง #คดีบริหาร #ข่าววันนี้
    "ชัยวัฒน์" เฮ! ศาลปกครองสูงสุดยืนยันเพิกถอนคำสั่งปลดพ้นราชการ ชี้ ป.ป.ท. ไม่มีอำนาจชี้มูลวินัยไม่ร้ายแรง https://www.thai-tai.tv/news/20318/ . #ชัยวัฒน์ลิ้มลิขิตอักษร #ศาลปกครองสูงสุด #เพิกถอนคำสั่งปลด #กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม #ปปท #คดีอุทยานแก่งกระจาน #วินัยร้ายแรง #คดีบริหาร #ข่าววันนี้
    0 Comments 0 Shares 18 Views 0 Reviews
  • พบ “หมอแอร์” เคยถูกสั่งตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงปมเอี่ยวจีนเทา วิ่งเต้นช่วยต่อวีซ่า ต้นสังกัดเตรียมสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน หลังถูกจับยาเสียสาว

    จากกรณีตำรวจปส. และ อย.เข้าตรวจสอบคลินิกสั่งซื้อยานอนหลับ ก่อนเชื่อมโยงถึง พ.ต.อ.หญิง อัญชุลี เพ็ชรรัตน์ญ หรือ หมอแอร์ ตำแหน่งนายแพทย์ (สบ5) กลุ่มงานเวชศาสตร์ครอบครัว โรงพยาบาลตำรวจ พร้อมจับกุมหมอแอร์และชายรายหนึ่ง ซึ่งรับเป็นผู้ดูแลห้องพักภายในแฟลตตำรวจ พร้อมยึดของกลางกลุ่มยานอนหลับ ที่บรรจุอยู่ในกล่องลังกว่า 10 กล่อง เบื้องต้นพบเงินหมุนเงินกว่า 80 ล้านบาท และมีเงินหมุนเวียนร่วมกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกว่า 400 ล้านบาท

    ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (10 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีรายงานว่าก่อนหน้านี้เมื่อปี 2565 มีผู้เสียหายร้องเรียน พ.ต.อ.หญิง อัญชุลี เกี่ยวกับกรณีที่ผู้เสียหายได้นำเงินมามอบให้เพื่อให้ช่วยต่อวีซ่าในการพักอาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนการฟ้องศาลคดีอาญา โดยศาลชั้นต้นสั่งจำคุก 7 ปี และมีการยื่นอุทรณ์ ซึ่งทราบว่าสามารถตกลงกับคู่กรณีได้ แต่อย่างไรก็ตามกระบวนการทางวินัยยังคงดำเนินการต่อ โดยทางโรงพยาบาลตำรวจได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงในกรณีนี้ และอยู่ระหว่างการนัดประชุมเพื่อพิจารณาผลวินัยร้ายแรงในเร็วๆ นี้

    ส่วนการจับกุมกรณีมีการสั่งซื้อ-ขายยานอนหลับ ในวันนี้นั้น ล่าสุดทางชุดทำคดีได้ทำหนังสือส่งมายังต้นสังกัดว่าทาง พ.ต.อ.หญิง อัญชุลี ตกเป็นผู้ต้องหาที่ 1 และมีความเห็นว่าหากให้รับราชการต่อไปอาจเกิดความเสียหายแก่ทางราชการ โดยทางต้นสังกัดจะมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง และหากพบว่ามีมูลจะต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงต่อไป

    #MGROnline #Thaitimes #ยา #อัลปราโซแลม #หมอแอร์
    พบ “หมอแอร์” เคยถูกสั่งตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงปมเอี่ยวจีนเทา วิ่งเต้นช่วยต่อวีซ่า ต้นสังกัดเตรียมสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน หลังถูกจับยาเสียสาว • จากกรณีตำรวจปส. และ อย.เข้าตรวจสอบคลินิกสั่งซื้อยานอนหลับ ก่อนเชื่อมโยงถึง พ.ต.อ.หญิง อัญชุลี เพ็ชรรัตน์ญ หรือ หมอแอร์ ตำแหน่งนายแพทย์ (สบ5) กลุ่มงานเวชศาสตร์ครอบครัว โรงพยาบาลตำรวจ พร้อมจับกุมหมอแอร์และชายรายหนึ่ง ซึ่งรับเป็นผู้ดูแลห้องพักภายในแฟลตตำรวจ พร้อมยึดของกลางกลุ่มยานอนหลับ ที่บรรจุอยู่ในกล่องลังกว่า 10 กล่อง เบื้องต้นพบเงินหมุนเงินกว่า 80 ล้านบาท และมีเงินหมุนเวียนร่วมกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกว่า 400 ล้านบาท • ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (10 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีรายงานว่าก่อนหน้านี้เมื่อปี 2565 มีผู้เสียหายร้องเรียน พ.ต.อ.หญิง อัญชุลี เกี่ยวกับกรณีที่ผู้เสียหายได้นำเงินมามอบให้เพื่อให้ช่วยต่อวีซ่าในการพักอาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนการฟ้องศาลคดีอาญา โดยศาลชั้นต้นสั่งจำคุก 7 ปี และมีการยื่นอุทรณ์ ซึ่งทราบว่าสามารถตกลงกับคู่กรณีได้ แต่อย่างไรก็ตามกระบวนการทางวินัยยังคงดำเนินการต่อ โดยทางโรงพยาบาลตำรวจได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงในกรณีนี้ และอยู่ระหว่างการนัดประชุมเพื่อพิจารณาผลวินัยร้ายแรงในเร็วๆ นี้ • ส่วนการจับกุมกรณีมีการสั่งซื้อ-ขายยานอนหลับ ในวันนี้นั้น ล่าสุดทางชุดทำคดีได้ทำหนังสือส่งมายังต้นสังกัดว่าทาง พ.ต.อ.หญิง อัญชุลี ตกเป็นผู้ต้องหาที่ 1 และมีความเห็นว่าหากให้รับราชการต่อไปอาจเกิดความเสียหายแก่ทางราชการ โดยทางต้นสังกัดจะมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง และหากพบว่ามีมูลจะต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงต่อไป • #MGROnline #Thaitimes #ยา #อัลปราโซแลม #หมอแอร์
    0 Comments 0 Shares 390 Views 0 Reviews
  • รพ.ตำรวจ สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริง ปม "หมอแอร์" แพทย์หญิงคนดัง แอบอ้างคลินิกสั่งยานอนหลับ ย้ำหากผิดจริงฟันวินัยร้ายแรง-ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ยันควบคุมเข้ม จริยธรรมวิชาชีพ

    วันนี้ (10 มิ.ย.) ที่โรงพยาบาลตำรวจ (ตร.) พล.ต.ต.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า โฆษกโรงพยาบาลตำรวจ กล่าวถึงกรณีที่ปรากฎข้อมูลตามสื่อมวลชนว่า "แพทย์หญิง ยศ พ.ต.อ. สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ (พ.ต.อ.พญ.อัญชุลี เพ็ชรรัตน์ญ หรือ "หมอแอร์") ถูกจับกุมหลังแอบอ้างคลินิกสั่งซื้อยานอนหลับ มีเงินหมุนเวียนกว่า 80 ล้านบาท และสามารถตรวจยึดของกลางในแฟลตตำรวจได้เป็นจำนวนมากนั้น ว่า ขณะนี้ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว และได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และประสานข้อมูลไปยังกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เมื่อโรงพยาบาลตำรวจได้รับรายงานข้อมูลอย่างเป็นทางการแล้ว หากพบว่ามีการกระทำความผิดจริง ก็จะดำเนินการออกคำสั่งแต่งตั้งกรรมการสอบวินัยอย่างร้ายแรง และอาจพิจารณาสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนต่อไป

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000054398

    #MGROnline #Thaitimes #หมอแอร์ #หมอแอร์อัญชุลี #แพทย์ #หมอ #ไฮโซตั๋ม #จิตแแพทย์ #ยาเสียสาว #ตำรวจ #โกง
    รพ.ตำรวจ สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริง ปม "หมอแอร์" แพทย์หญิงคนดัง แอบอ้างคลินิกสั่งยานอนหลับ ย้ำหากผิดจริงฟันวินัยร้ายแรง-ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ยันควบคุมเข้ม จริยธรรมวิชาชีพ • วันนี้ (10 มิ.ย.) ที่โรงพยาบาลตำรวจ (ตร.) พล.ต.ต.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า โฆษกโรงพยาบาลตำรวจ กล่าวถึงกรณีที่ปรากฎข้อมูลตามสื่อมวลชนว่า "แพทย์หญิง ยศ พ.ต.อ. สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ (พ.ต.อ.พญ.อัญชุลี เพ็ชรรัตน์ญ หรือ "หมอแอร์") ถูกจับกุมหลังแอบอ้างคลินิกสั่งซื้อยานอนหลับ มีเงินหมุนเวียนกว่า 80 ล้านบาท และสามารถตรวจยึดของกลางในแฟลตตำรวจได้เป็นจำนวนมากนั้น ว่า ขณะนี้ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว และได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และประสานข้อมูลไปยังกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เมื่อโรงพยาบาลตำรวจได้รับรายงานข้อมูลอย่างเป็นทางการแล้ว หากพบว่ามีการกระทำความผิดจริง ก็จะดำเนินการออกคำสั่งแต่งตั้งกรรมการสอบวินัยอย่างร้ายแรง และอาจพิจารณาสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนต่อไป • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000054398 • #MGROnline #Thaitimes #หมอแอร์ #หมอแอร์อัญชุลี #แพทย์ #หมอ #ไฮโซตั๋ม #จิตแแพทย์ #ยาเสียสาว #ตำรวจ #โกง
    0 Comments 0 Shares 427 Views 0 Reviews
  • พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ส่งตัวแทน ยื่นอุทธรณ์โทษไล่ออกต่อ ก.พ.ค.ตร. ขอความเป็นธรรม คดีพัวพันเว็บพนัน หลังครบเดดไลน์วันนี้ ขณะที่ 4 ลูกน้องชิงยื่นอุทธรณ์ไปแล้วก่อนหน้า

    วันนี้ (11 เม.ย.) มีรายงานว่า พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ตัวแทนเข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) เพื่อขอความเป็นธรรม หลังถูกคณะกรรมการกลั่นกรองโทษพิจารณาว่ามีความผิดวินัยร้ายแรงจากกรณีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับเงินจากเว็บไซต์พนันออนไลน์ โดยคณะกรรมการมีมติเห็นชอบให้ลงโทษไล่ออกจากราชการ

    ต่อมา วันที่ 11มี.ค.68 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงนามในคำสั่งไล่ออก พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ มีผลตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2567 โดยเจ้าตัวในฐานะผู้ถูกลงโทษ มีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ต่อ ก.พ.ค.ตร. ได้ภายใน 30 วันนับแต่วันที่รับทราบคำสั่ง ซึ่งครบกำหนดในวันนี้ (11 เม.ย.)

    ส่วนลูกน้องคนสนิท 4 นาย มีรายงานว่าได้ยื่นอุทรณ์คำร้อง ต่อ ก.พ.ค.ตร.ไปก่อนหน้านี้แล้ว ประกอบด้วย พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร รองผบก.ภ.จว.สงขลา ,พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ รองผกก.สส.สภ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ,ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว ผบ.หมู่ (ทำหน้าที่จราจร) งานปฏิบัติการจราจรตามโครงการพระราชดำริ 1 กก.6 บก.จร. และ ส.ต.อ.ณัฐนันท์ ชูจักร ผบ.หมู่ งานสายตรวจ 1 กก.1 บก.จร.

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000034843

    #MGROnline #คดีพัวพันเว็บพนัน #สุรเชชษฐ์
    พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ส่งตัวแทน ยื่นอุทธรณ์โทษไล่ออกต่อ ก.พ.ค.ตร. ขอความเป็นธรรม คดีพัวพันเว็บพนัน หลังครบเดดไลน์วันนี้ ขณะที่ 4 ลูกน้องชิงยื่นอุทธรณ์ไปแล้วก่อนหน้า • วันนี้ (11 เม.ย.) มีรายงานว่า พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ตัวแทนเข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) เพื่อขอความเป็นธรรม หลังถูกคณะกรรมการกลั่นกรองโทษพิจารณาว่ามีความผิดวินัยร้ายแรงจากกรณีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับเงินจากเว็บไซต์พนันออนไลน์ โดยคณะกรรมการมีมติเห็นชอบให้ลงโทษไล่ออกจากราชการ • ต่อมา วันที่ 11มี.ค.68 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงนามในคำสั่งไล่ออก พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ มีผลตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2567 โดยเจ้าตัวในฐานะผู้ถูกลงโทษ มีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ต่อ ก.พ.ค.ตร. ได้ภายใน 30 วันนับแต่วันที่รับทราบคำสั่ง ซึ่งครบกำหนดในวันนี้ (11 เม.ย.) • ส่วนลูกน้องคนสนิท 4 นาย มีรายงานว่าได้ยื่นอุทรณ์คำร้อง ต่อ ก.พ.ค.ตร.ไปก่อนหน้านี้แล้ว ประกอบด้วย พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร รองผบก.ภ.จว.สงขลา ,พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ รองผกก.สส.สภ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ,ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว ผบ.หมู่ (ทำหน้าที่จราจร) งานปฏิบัติการจราจรตามโครงการพระราชดำริ 1 กก.6 บก.จร. และ ส.ต.อ.ณัฐนันท์ ชูจักร ผบ.หมู่ งานสายตรวจ 1 กก.1 บก.จร. • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000034843 • #MGROnline #คดีพัวพันเว็บพนัน #สุรเชชษฐ์
    0 Comments 1 Shares 593 Views 0 Reviews
  • เส้นทางชีวิต พ.ต.อ. พกโพยสะเทือนยุติธรรม

    วีดีโอคลิปที่ตำรวจยศพันตำรวจเอก (พ.ต.อ.) นายหนึ่ง ถูกกรรมการคุมสอบจับได้ว่าพกเอกสารเข้ามาในห้องสอบ ในการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการประจำศาลปกครองชั้นต้น ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 15 มี.ค. เป็นที่วิจารณ์อย่างมาก ทำให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. สั่งให้ต้นสังกัดดำเนินการทางวินัยทันที หากเป็นความผิดฐานทุจริตการสอบจริงให้ถือเป็นวินัยร้ายแรง รวมทั้งให้พิจารณาสั่งให้พักหรือออกจากราชการไว้ก่อนด้วย

    พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พ.ต.อ. รายนี้เป็นข้าราชการตำรวจ ตำแหน่งรองผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 8 แต่มีคำสั่งไปช่วยราชการที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 (กอ.รมน.ภาค 4) ซึ่ง ผบ.ตร.สั่งตรวจสอบที่มาที่ไปของการไปช่วยราชการ ว่าเป็นการขาดจากต้นสังกัดหรือไม่ มีหน้าที่อะไร เป็นเวลาราชการหรือไม่ มีการลาถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ ย้ำว่าจะดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญา เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง

    ขณะที่ พ.ต.อ. กล่าวกับสื่อว่า อยู่ระหว่างดำเนินการด้านเอกสาร พร้อมยินดีชี้แจง แต่ไม่ขอก้าวล่วงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอปรึกษาผู้บังคับบัญชาว่าสามารถให้คำตอบได้มากน้อยเพียงใด เพราะไม่อยากสื่อสารให้เกิดความเข้าใจผิดหรือข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ส่วนสำนักงานศาลปกครองชี้แจงว่า เอกสารที่พบเป็นการคัดลอกตัวบทกฎหมาย ไม่ใช่แนวคำวินิจฉัยของศาล หรือธงคำตอบ อีกทั้งข้อสอบออกในวันที่มีการสอบ ผู้ออกข้อสอบไม่สามารถออกจากห้องสอบได้ และถูกตัดการสื่อสารทั้งหมด จนกว่าหมดเวลาเข้าห้องสอบ เพราะฉะนั้นข้อสอบไม่สามารถเล็ดลอดออกไปสู่บุคคลภายนอกได้

    สำหรับ พ.ต.อ. คนดังกล่าวอายุ 57 ปี ผ่านการเปลี่ยนชื่อมาแล้ว 3 ครั้ง เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 44 การศึกษาสูงสุดปริญญาเอก มีผลงานทางวิชาการสมัยเป็นนักศึกษาสาขาอาชญวิทยา มหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่ง เคยถูกย้ายไปเป็นรองผู้บังคับการฝึกพิเศษ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เมื่อปี 2562 และรองผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 เมื่อปี 2566 ก่อนย้ายมาสังกัดปัจจุบัน แต่กลับไปช่วยราชการที่ กอ.รมน.ภาค 4 ทำหน้าที่ด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปี 2565 โดยไม่ไปที่ทำงานต้นสังกัด อ้างว่าไปช่วยราชการหน่วยอื่น

    แหล่งข่าวจากแวดวงตำรวจเปิดเผยผ่าน Newskit ตั้งข้อสังเกตว่า แรงจูงใจที่ไปช่วยราชการที่ กอ.รมน.ภาค 4 แทนที่จะอยู่ต้นสังกัด หนึ่งในนั้นอาจเป็นเรื่องวันทวีคูณ ที่หากใครเคยไปอยู่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็จะได้สิทธิ์นั้น

    #Newskit
    เส้นทางชีวิต พ.ต.อ. พกโพยสะเทือนยุติธรรม วีดีโอคลิปที่ตำรวจยศพันตำรวจเอก (พ.ต.อ.) นายหนึ่ง ถูกกรรมการคุมสอบจับได้ว่าพกเอกสารเข้ามาในห้องสอบ ในการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการประจำศาลปกครองชั้นต้น ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 15 มี.ค. เป็นที่วิจารณ์อย่างมาก ทำให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. สั่งให้ต้นสังกัดดำเนินการทางวินัยทันที หากเป็นความผิดฐานทุจริตการสอบจริงให้ถือเป็นวินัยร้ายแรง รวมทั้งให้พิจารณาสั่งให้พักหรือออกจากราชการไว้ก่อนด้วย พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พ.ต.อ. รายนี้เป็นข้าราชการตำรวจ ตำแหน่งรองผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 8 แต่มีคำสั่งไปช่วยราชการที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 (กอ.รมน.ภาค 4) ซึ่ง ผบ.ตร.สั่งตรวจสอบที่มาที่ไปของการไปช่วยราชการ ว่าเป็นการขาดจากต้นสังกัดหรือไม่ มีหน้าที่อะไร เป็นเวลาราชการหรือไม่ มีการลาถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ ย้ำว่าจะดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญา เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ขณะที่ พ.ต.อ. กล่าวกับสื่อว่า อยู่ระหว่างดำเนินการด้านเอกสาร พร้อมยินดีชี้แจง แต่ไม่ขอก้าวล่วงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอปรึกษาผู้บังคับบัญชาว่าสามารถให้คำตอบได้มากน้อยเพียงใด เพราะไม่อยากสื่อสารให้เกิดความเข้าใจผิดหรือข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ส่วนสำนักงานศาลปกครองชี้แจงว่า เอกสารที่พบเป็นการคัดลอกตัวบทกฎหมาย ไม่ใช่แนวคำวินิจฉัยของศาล หรือธงคำตอบ อีกทั้งข้อสอบออกในวันที่มีการสอบ ผู้ออกข้อสอบไม่สามารถออกจากห้องสอบได้ และถูกตัดการสื่อสารทั้งหมด จนกว่าหมดเวลาเข้าห้องสอบ เพราะฉะนั้นข้อสอบไม่สามารถเล็ดลอดออกไปสู่บุคคลภายนอกได้ สำหรับ พ.ต.อ. คนดังกล่าวอายุ 57 ปี ผ่านการเปลี่ยนชื่อมาแล้ว 3 ครั้ง เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 44 การศึกษาสูงสุดปริญญาเอก มีผลงานทางวิชาการสมัยเป็นนักศึกษาสาขาอาชญวิทยา มหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่ง เคยถูกย้ายไปเป็นรองผู้บังคับการฝึกพิเศษ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เมื่อปี 2562 และรองผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 2 เมื่อปี 2566 ก่อนย้ายมาสังกัดปัจจุบัน แต่กลับไปช่วยราชการที่ กอ.รมน.ภาค 4 ทำหน้าที่ด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปี 2565 โดยไม่ไปที่ทำงานต้นสังกัด อ้างว่าไปช่วยราชการหน่วยอื่น แหล่งข่าวจากแวดวงตำรวจเปิดเผยผ่าน Newskit ตั้งข้อสังเกตว่า แรงจูงใจที่ไปช่วยราชการที่ กอ.รมน.ภาค 4 แทนที่จะอยู่ต้นสังกัด หนึ่งในนั้นอาจเป็นเรื่องวันทวีคูณ ที่หากใครเคยไปอยู่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็จะได้สิทธิ์นั้น #Newskit
    Like
    Sad
    4
    0 Comments 0 Shares 1001 Views 0 Reviews
  • ผบ.ตร.สั่งดำเนินการเด็ดขาด "รอง ผบก.อก.ภ.8" พกโพยเข้าห้องสอบตุลาการประจำศาลปกครองชั้นต้น ให้ต้นสังกัดตั้งสอบวินัยร้ายแรง ฐานเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง

    วันนี้ (17 มี.ค.) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึง กรณีสื่อสังคมออนไลน์ วิพากษ์วิจารณ์คลิป เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยศ พ.ต.อ. ถูกเจ้าหน้าที่คุมสอบ จับได้ว่า นำโพยเข้าไปห้องสอบ ตุลาการศาลปกครองชั้นต้นว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ทราบเรื่องแล้ว ได้สั่งการให้ตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่า เป็นข้าราชการตำรวจ ยศ พ.ต.อ.จริง ตำแหน่ง รอง ผบก.อก.ภ.8 แต่มีคำสั่ง ไปช่วยราชการที่ กอ.รมน.ภาค 4

    โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นในการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการประจำศาลปกครองชั้นต้น ที่ศูนย์ประชุมธรรมศาสตร์ รังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อบ่ายวันเสาร์ที่ 15 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ตุลาการศาลปกครองที่ทำหน้าที่ประจำหน่วยสอบได้ตรวจพบการทุจริตการสอบ นำโพยเข้าไปลอกในสนามสอบ จึงประสานมายังตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี (ภ.จว.ปทุมธานี)

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000025378

    #MGROnline #ศาลปกครองชั้นต้น
    ผบ.ตร.สั่งดำเนินการเด็ดขาด "รอง ผบก.อก.ภ.8" พกโพยเข้าห้องสอบตุลาการประจำศาลปกครองชั้นต้น ให้ต้นสังกัดตั้งสอบวินัยร้ายแรง ฐานเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง • วันนี้ (17 มี.ค.) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึง กรณีสื่อสังคมออนไลน์ วิพากษ์วิจารณ์คลิป เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยศ พ.ต.อ. ถูกเจ้าหน้าที่คุมสอบ จับได้ว่า นำโพยเข้าไปห้องสอบ ตุลาการศาลปกครองชั้นต้นว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ทราบเรื่องแล้ว ได้สั่งการให้ตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่า เป็นข้าราชการตำรวจ ยศ พ.ต.อ.จริง ตำแหน่ง รอง ผบก.อก.ภ.8 แต่มีคำสั่ง ไปช่วยราชการที่ กอ.รมน.ภาค 4 • โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นในการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นตุลาการประจำศาลปกครองชั้นต้น ที่ศูนย์ประชุมธรรมศาสตร์ รังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อบ่ายวันเสาร์ที่ 15 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ตุลาการศาลปกครองที่ทำหน้าที่ประจำหน่วยสอบได้ตรวจพบการทุจริตการสอบ นำโพยเข้าไปลอกในสนามสอบ จึงประสานมายังตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี (ภ.จว.ปทุมธานี) • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000025378 • #MGROnline #ศาลปกครองชั้นต้น
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 865 Views 0 Reviews
  • ศธ. เตือนอย่าท้าทายระบบ พบเคสฉาวฟันไม่รอ จ่อเสิร์ฟวินัยร้ายแรง คุรุสภารับลูกต่อถอดใบประกอบวิชาชีพ
    https://www.facebook.com/pradenrath/posts/1283871496544045
    ศธ. เตือนอย่าท้าทายระบบ พบเคสฉาวฟันไม่รอ จ่อเสิร์ฟวินัยร้ายแรง คุรุสภารับลูกต่อถอดใบประกอบวิชาชีพ https://www.facebook.com/pradenrath/posts/1283871496544045
    0 Comments 0 Shares 148 Views 0 Reviews
  • 5 ปี สิ้นผู้พิพากษา "คณากร" เสียงสะท้อนการแทรกแซงศาล คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน

    ย้อนรอยโศกนาฏกรรม 5 ปี "คณากร เพียรชนะ" ผู้พิพากษาที่มุ่งมั่นเรียกร้องความยุติธรรม แต่กลับจบชีวิต ด้วยปลายกระบอกปืนของตนเอง

    คดีที่สะเทือนศรัทธาในกระบวนการยุติธรรมไทย เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2563 นายคณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นศาลจังหวัดยะลา ได้ลั่นไกปืนปลิดชีพตนเอง ที่บ้านพักในอำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ในวัยเพียง 50 ปี การตัดสินใจครั้งสุดท้ายของผู้พิพากษาคณากรไม่เพียงเป็นโศกนาฏกรรมของชีวิต แต่ยังเป็นเสียงสะท้อนถึงปัญหา การแทรกแซงในกระบวนการยุติธรรมไทย ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข

    ก่อนหน้านี้ ผู้พิพากษาคณากร เคยพยายามยิงตัวเองในห้องพิจารณาคดีที่ 4 ศาลจังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2562 หลังจากอ่านคำพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 5 ในคดีความมั่นคง และเปิดเผยว่าถูก "แทรกแซงให้เปลี่ยนคำพิพากษา" โดยฝ่ายบริหารศาล

    "คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน"

    วลีนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้ เพื่อความยุติธรรมของตุลาการ ซึ่งยังคงถูกพูดถึง แม้เวลาจะล่วงเลยมา 5 ปี

    จากห้องพิจารณาคดี สู่การสูญเสีย
    4 ตุลาคม 2562 ผู้พิพากษาคณากร ยิงตัวเองครั้งแรกในห้องพิจารณาคดี ศาลจังหวัดยะลา
    ผู้พิพากษาคณากร พิจารณาคดีหมายเลขดำที่ 3428/2561 ซึ่งจำเลย 5 คน ถูกกล่าวหาว่าเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบ
    พยานหลักฐานอ่อน ไม่มีน้ำหนักพอจะลงโทษ จึงมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องจำเลยทั้งหมด
    แต่ก่อนจะอ่านคำพิพากษา ผู้พิพากษาคณากรได้รับคำสั่งลับ ให้แก้ไขคำพิพากษา ตัดสินลงโทษจำเลย 3 คนให้ประหารชีวิต และอีก 2 คนให้จำคุกตลอดชีวิต
    ผู้พิพากษาคณากรปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่ง และเผยแพร่คำแถลงการณ์ 25 หน้า ผ่านโซเชียลมีเดีย
    หลังอ่านคำพิพากษา ผู้พิพากษาคณากรยิงตัวเองบริเวณหัวใจ ต่อหน้าผู้เข้าฟังในห้องพิจารณาคดี แต่โชคดีรอดชีวิต

    🗣 "หากยอมแก้คำพิพากษา ก็เท่ากับว่า ผมไม่ได้เป็นผู้พิพากษาอีกต่อไป" คณากร เพียรชนะ จากคำแถลงการณ์ก่อนยิงตัวเอง

    7 มีนาคม 2563 ผู้พิพากษาคณากรปลิดชีพตนเองที่บ้านพัก
    ผู้พิพากษาคณากรถูกสั่งย้ายไปช่วยราชการ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 เชียงใหม่ และอยู่ระหว่างการสอบสวนวินัยร้ายแรง
    เช้าวันเสาร์ที่ 7 มีนาคม 2563 เวลา 08.00 น. ผู้พิพากษาคณากรเขียนจดหมายลา 2 หน้า และตัดสินใจ ยิงตัวเองเป็นครั้งที่สอง
    ภรรยากลับบ้านมาประสบเหตุ จึงเเจ้งรถพยาบาลนำส่งโรงพยาบาลดอยสะเก็ด เเต่เมื่อพบว่าอาการหนัก จึงทำการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลแมคคอร์มิค กระทั่งเสียชีวิตในเวลาต่อมา
    งานศพจัดขึ้นที่สุสานสันกู่เหล็ก เชียงใหม่ ท่ามกลางผู้พิพากษา และประชาชนร่วมไว้อาลัย

    เหตุการณ์นี้ได้ตอกย้ำ ถึงความสิ้นหวังของผู้พิพากษา ในระบบศาลไทย

    การแทรกแซงตุลาการ ปัญหาที่ผู้พิพากษาคณากรต่อสู้ หนึ่งในข้อเรียกร้องสำคัญ คือ
    การตรวจร่างคำพิพากษา ก่อนอ่านให้คู่ความฟัง
    การแทรกแซงคำพิพากษา โดยอธิบดีผู้พิพากษาภาค
    ความไม่เป็นธรรมทางการเงิน แก่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้น

    "ศาลต้องเป็นอิสระจากอำนาจทางการเมือง และอำนาจบริหารภายในองค์กร" นี่คือสิ่งที่ผู้พิพากษาคณากร พยายามต่อสู้มาตลอดชีวิต

    กรณีคดี 3428/2561 ที่ศาลจังหวัดยะลา ในคำแถลงการณ์ ผู้พิพากษาคณากรอ้างว่า อธิบดีผู้พิพากษาภาค 9 ได้สั่งให้เปลี่ยนคำพิพากษา โดยระบุว่า "หากยืนยันจะยกฟ้อง ก็ให้ขังจำเลยระหว่างอุทธรณ์"

    พยานหลักฐานทั้งหมดเกิดขึ้น ระหว่างที่จำเลยถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก ซึ่งขัดต่อหลักนิติธรรม

    5 ปีผ่านไป คำถามยังคงอยู่ กระบวนการยุติธรรมของไทย มีอิสระจริงหรือไม่?

    คำแถลงการณ์สุดท้ายของผู้พิพากษาคณากร ก่อนตัดสินใจจบชีวิต ได้เขียนจดหมายลาฉบับสุดท้าย ซึ่งมีใจความว่า

    "ผมทำเพื่อความยุติธรรม ไม่เสียใจที่ได้กระทำ"
    "ขอให้ประชาชนเข้าใจว่า ผู้พิพากษาที่ดี ต้องมีอิสระในการตัดสิน"
    "คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน"

    เสียงสะท้อนจากสังคมและผลกระทบ
    การประท้วงทั่วประเทศ
    การเรียกร้องให้ปฏิรูประบบศาล
    การตื่นตัวของประชาชน เรื่องการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม

    5 ปีต่อมา ระบบศาลไทยเปลี่ยนไปหรือยัง?
    การตรวจร่างคำพิพากษายังคงมีอยู่
    ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นยังคงเผชิญแรงกดดัน ในการพิจารณาคดี
    กระบวนการยุติธรรมของไทย ยังคงถูกตั้งคำถาม

    5 ปีผ่านไป ปัญหายังไม่ถูกแก้ไข

    ชื่อของผู้พิพากษาคณากร ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ ของการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม
    เรื่องราวของผู้พิพากษาคณากร สะท้อนถึงปัญหาในกระบวนการยุติธรรมไทย ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
    "คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน" จะยังคงเป็นวลีที่สังคมต้องจดจำ

    "5 ปีผ่านไป อย่าให้เสียงของผู้พิพากษาคณากรถูกลืม"

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 070830 มี.ค. 2568

    #️⃣ #คณากรเพียรชนะ #คืนความยุติธรรมให้ประชาชน #ผู้พิพากษา #ปฏิรูประบบศาล #แทรกแซงตุลาการ #ความยุติธรรม #ศาลไทย #สิทธิมนุษยชน #ThailandJustice #FreeJudiciary
    5 ปี สิ้นผู้พิพากษา "คณากร" เสียงสะท้อนการแทรกแซงศาล คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน 📌 ย้อนรอยโศกนาฏกรรม 5 ปี "คณากร เพียรชนะ" ผู้พิพากษาที่มุ่งมั่นเรียกร้องความยุติธรรม แต่กลับจบชีวิต ด้วยปลายกระบอกปืนของตนเอง 🔍 คดีที่สะเทือนศรัทธาในกระบวนการยุติธรรมไทย เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2563 นายคณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นศาลจังหวัดยะลา ได้ลั่นไกปืนปลิดชีพตนเอง ที่บ้านพักในอำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ในวัยเพียง 50 ปี การตัดสินใจครั้งสุดท้ายของผู้พิพากษาคณากรไม่เพียงเป็นโศกนาฏกรรมของชีวิต แต่ยังเป็นเสียงสะท้อนถึงปัญหา การแทรกแซงในกระบวนการยุติธรรมไทย ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ก่อนหน้านี้ ผู้พิพากษาคณากร เคยพยายามยิงตัวเองในห้องพิจารณาคดีที่ 4 ศาลจังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2562 หลังจากอ่านคำพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 5 ในคดีความมั่นคง และเปิดเผยว่าถูก "แทรกแซงให้เปลี่ยนคำพิพากษา" โดยฝ่ายบริหารศาล 🛑 "คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน" วลีนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้ เพื่อความยุติธรรมของตุลาการ ซึ่งยังคงถูกพูดถึง แม้เวลาจะล่วงเลยมา 5 ปี ⚖️ จากห้องพิจารณาคดี สู่การสูญเสีย 📅 4 ตุลาคม 2562 ผู้พิพากษาคณากร ยิงตัวเองครั้งแรกในห้องพิจารณาคดี ศาลจังหวัดยะลา 📌 ผู้พิพากษาคณากร พิจารณาคดีหมายเลขดำที่ 3428/2561 ซึ่งจำเลย 5 คน ถูกกล่าวหาว่าเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบ 📌 พยานหลักฐานอ่อน ไม่มีน้ำหนักพอจะลงโทษ จึงมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องจำเลยทั้งหมด 📌 แต่ก่อนจะอ่านคำพิพากษา ผู้พิพากษาคณากรได้รับคำสั่งลับ ให้แก้ไขคำพิพากษา ตัดสินลงโทษจำเลย 3 คนให้ประหารชีวิต และอีก 2 คนให้จำคุกตลอดชีวิต 📌 ผู้พิพากษาคณากรปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่ง และเผยแพร่คำแถลงการณ์ 25 หน้า ผ่านโซเชียลมีเดีย 📌 หลังอ่านคำพิพากษา ผู้พิพากษาคณากรยิงตัวเองบริเวณหัวใจ ต่อหน้าผู้เข้าฟังในห้องพิจารณาคดี แต่โชคดีรอดชีวิต 🗣 "หากยอมแก้คำพิพากษา ก็เท่ากับว่า ผมไม่ได้เป็นผู้พิพากษาอีกต่อไป" คณากร เพียรชนะ จากคำแถลงการณ์ก่อนยิงตัวเอง 📅 7 มีนาคม 2563 ผู้พิพากษาคณากรปลิดชีพตนเองที่บ้านพัก 📌 ผู้พิพากษาคณากรถูกสั่งย้ายไปช่วยราชการ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 เชียงใหม่ และอยู่ระหว่างการสอบสวนวินัยร้ายแรง 📌 เช้าวันเสาร์ที่ 7 มีนาคม 2563 เวลา 08.00 น. ผู้พิพากษาคณากรเขียนจดหมายลา 2 หน้า และตัดสินใจ ยิงตัวเองเป็นครั้งที่สอง 📌 ภรรยากลับบ้านมาประสบเหตุ จึงเเจ้งรถพยาบาลนำส่งโรงพยาบาลดอยสะเก็ด เเต่เมื่อพบว่าอาการหนัก จึงทำการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลแมคคอร์มิค กระทั่งเสียชีวิตในเวลาต่อมา 📌 งานศพจัดขึ้นที่สุสานสันกู่เหล็ก เชียงใหม่ ท่ามกลางผู้พิพากษา และประชาชนร่วมไว้อาลัย 😔 เหตุการณ์นี้ได้ตอกย้ำ ถึงความสิ้นหวังของผู้พิพากษา ในระบบศาลไทย 🔍 การแทรกแซงตุลาการ ปัญหาที่ผู้พิพากษาคณากรต่อสู้ หนึ่งในข้อเรียกร้องสำคัญ คือ 📌 การตรวจร่างคำพิพากษา ก่อนอ่านให้คู่ความฟัง 📌 การแทรกแซงคำพิพากษา โดยอธิบดีผู้พิพากษาภาค 📌 ความไม่เป็นธรรมทางการเงิน แก่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้น 📢 "ศาลต้องเป็นอิสระจากอำนาจทางการเมือง และอำนาจบริหารภายในองค์กร" นี่คือสิ่งที่ผู้พิพากษาคณากร พยายามต่อสู้มาตลอดชีวิต 📌 กรณีคดี 3428/2561 ที่ศาลจังหวัดยะลา ในคำแถลงการณ์ ผู้พิพากษาคณากรอ้างว่า อธิบดีผู้พิพากษาภาค 9 ได้สั่งให้เปลี่ยนคำพิพากษา โดยระบุว่า "หากยืนยันจะยกฟ้อง ก็ให้ขังจำเลยระหว่างอุทธรณ์" 📌 พยานหลักฐานทั้งหมดเกิดขึ้น ระหว่างที่จำเลยถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก ซึ่งขัดต่อหลักนิติธรรม 5 ปีผ่านไป คำถามยังคงอยู่ กระบวนการยุติธรรมของไทย มีอิสระจริงหรือไม่? 📜 คำแถลงการณ์สุดท้ายของผู้พิพากษาคณากร ก่อนตัดสินใจจบชีวิต ได้เขียนจดหมายลาฉบับสุดท้าย ซึ่งมีใจความว่า 📝 "ผมทำเพื่อความยุติธรรม ไม่เสียใจที่ได้กระทำ" 📝 "ขอให้ประชาชนเข้าใจว่า ผู้พิพากษาที่ดี ต้องมีอิสระในการตัดสิน" 📝 "คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน" 📊 เสียงสะท้อนจากสังคมและผลกระทบ 📌 การประท้วงทั่วประเทศ 📌 การเรียกร้องให้ปฏิรูประบบศาล 📌 การตื่นตัวของประชาชน เรื่องการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ⏳ 5 ปีต่อมา ระบบศาลไทยเปลี่ยนไปหรือยัง? 📌 การตรวจร่างคำพิพากษายังคงมีอยู่ 📌 ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นยังคงเผชิญแรงกดดัน ในการพิจารณาคดี 📌 กระบวนการยุติธรรมของไทย ยังคงถูกตั้งคำถาม 😔 5 ปีผ่านไป ปัญหายังไม่ถูกแก้ไข 📌 ชื่อของผู้พิพากษาคณากร ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ ของการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม 📌 เรื่องราวของผู้พิพากษาคณากร สะท้อนถึงปัญหาในกระบวนการยุติธรรมไทย ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข 📌 "คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน" จะยังคงเป็นวลีที่สังคมต้องจดจำ 📢 "5 ปีผ่านไป อย่าให้เสียงของผู้พิพากษาคณากรถูกลืม" ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 070830 มี.ค. 2568 #️⃣ #คณากรเพียรชนะ #คืนความยุติธรรมให้ประชาชน #ผู้พิพากษา #ปฏิรูประบบศาล #แทรกแซงตุลาการ #ความยุติธรรม #ศาลไทย #สิทธิมนุษยชน #ThailandJustice #FreeJudiciary
    0 Comments 0 Shares 1093 Views 0 Reviews
  • ผบ.ตร.ยังไม่ได้รับผลสอบวินัย "บิ๊กโจ๊ก" จากกองวินัย ย้ำต้องพิจารณารอบคอบ ส่วนกรณีมีผู้ร้องให้สอบในฐานะพยานเพิ่ม เป็นหน้าที่กองวินัยจะพิจารณา

    วันนี้ (27 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ยังไม่ได้รับผลสอบวินัยร้ายแรง จากกองวินัย กรณีของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร. แต่อย่างใด ย้ำว่าทุกอย่าง ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ดังนั้น เมื่อคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ส่งสำนวนให้กับทางกองวินัยแล้ว ก็เป็นเรื่องของกองวินัย ที่จะต้องพิจารณาตรวจสอบกระบวนการต่างๆ ของคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ว่าทำถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ โดยต้องดูทั้งเรื่องการสอบสวนพยานต่างๆ ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเป็นหน้าที่ของกองวินัยที่จะต้องดำเนินการก่อนเสนอมาที่ตนเอง ซึ่งจะต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน

    ส่วนกรณีมีบุคคลอ้างว่ามีข้อมูล พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ถูกกลั่นแกล้งนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ถ้าคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง มีการเสนอเรื่องมาที่กองวินัยแล้วนั่นหมายถึงกระบวนการสอบสวน ได้เสร็จสิ้นแล้ว การจะสอบเพิ่มหรือไม่สอบเพิ่ม ก็เป็นเรื่องของกองวินัย ที่จะต้องพิจารณา ว่าเป็นประเด็นที่มีความจำเป็น จะต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวนหรือไม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กองวินัยจะเป็นผู้พิจารณายังมาไม่ถึงตนเอง

    #MGROnline #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #ผลสอบวินัยร้ายแรง
    ผบ.ตร.ยังไม่ได้รับผลสอบวินัย "บิ๊กโจ๊ก" จากกองวินัย ย้ำต้องพิจารณารอบคอบ ส่วนกรณีมีผู้ร้องให้สอบในฐานะพยานเพิ่ม เป็นหน้าที่กองวินัยจะพิจารณา • วันนี้ (27 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ยังไม่ได้รับผลสอบวินัยร้ายแรง จากกองวินัย กรณีของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร. แต่อย่างใด ย้ำว่าทุกอย่าง ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ดังนั้น เมื่อคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ส่งสำนวนให้กับทางกองวินัยแล้ว ก็เป็นเรื่องของกองวินัย ที่จะต้องพิจารณาตรวจสอบกระบวนการต่างๆ ของคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ว่าทำถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ โดยต้องดูทั้งเรื่องการสอบสวนพยานต่างๆ ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเป็นหน้าที่ของกองวินัยที่จะต้องดำเนินการก่อนเสนอมาที่ตนเอง ซึ่งจะต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน • ส่วนกรณีมีบุคคลอ้างว่ามีข้อมูล พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ถูกกลั่นแกล้งนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ถ้าคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง มีการเสนอเรื่องมาที่กองวินัยแล้วนั่นหมายถึงกระบวนการสอบสวน ได้เสร็จสิ้นแล้ว การจะสอบเพิ่มหรือไม่สอบเพิ่ม ก็เป็นเรื่องของกองวินัย ที่จะต้องพิจารณา ว่าเป็นประเด็นที่มีความจำเป็น จะต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวนหรือไม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กองวินัยจะเป็นผู้พิจารณายังมาไม่ถึงตนเอง • #MGROnline #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #ผลสอบวินัยร้ายแรง
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 527 Views 0 Reviews
  • "บิ๊กต่าย" เผยสอบวินัยร้ายแรง "บิ๊กโจ๊ก" เสร็จแล้ว เผยหากผิดจริงมี 2 สถานะไล่ออก หรือปลดออก
    https://www.thai-tai.tv/news/17268/
    "บิ๊กต่าย" เผยสอบวินัยร้ายแรง "บิ๊กโจ๊ก" เสร็จแล้ว เผยหากผิดจริงมี 2 สถานะไล่ออก หรือปลดออก https://www.thai-tai.tv/news/17268/
    0 Comments 0 Shares 252 Views 0 Reviews
  • ผบ.ตร.เผยยังไม่ได้รับรายงานผลสอบวินัยร้ายแรง "บิ๊กโจ๊ก" ชี้ยังอยู่ในขั้นตอนพิจารณา ย้ำหากผิดจริงเอาจากราชการได้ไม่ยาก

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000016715

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผบ.ตร.เผยยังไม่ได้รับรายงานผลสอบวินัยร้ายแรง "บิ๊กโจ๊ก" ชี้ยังอยู่ในขั้นตอนพิจารณา ย้ำหากผิดจริงเอาจากราชการได้ไม่ยาก อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000016715 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    9
    0 Comments 0 Shares 1210 Views 0 Reviews
  • ผบ.ตร.ลั่นฟันไม่เลี้ยง ตร.เอื้อประโยชน์ชาวต่างชาติ ทำผิดกฎหมาย ยกกรณีชาวอิสราเอล ใน อ.ปาย หากพบเอาผิดวินัยร้ายแรง สั่งการ “สำราญ” ลงพื้นที่ภายใน 2-3 วันนี้ บังคับใช้กม.เต็มที่ ฝาก ปชช.แจ้งเบาะแสมาที่ตำรวจได้ทุกช่องทาง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000016630

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผบ.ตร.ลั่นฟันไม่เลี้ยง ตร.เอื้อประโยชน์ชาวต่างชาติ ทำผิดกฎหมาย ยกกรณีชาวอิสราเอล ใน อ.ปาย หากพบเอาผิดวินัยร้ายแรง สั่งการ “สำราญ” ลงพื้นที่ภายใน 2-3 วันนี้ บังคับใช้กม.เต็มที่ ฝาก ปชช.แจ้งเบาะแสมาที่ตำรวจได้ทุกช่องทาง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000016630 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    10
    0 Comments 0 Shares 1093 Views 0 Reviews
  • จเรตำรวจแห่งชาติ เตรียมนัดประชุมสรุปผลสอบวินัยร้ายแรง "บิ๊กโจ๊ก" หลังครบ กำหนด 270 วัน 20 ก.พ.นี้ เผยหากสอบไม่แล้วเสร็จอาจเสนอ ผบ.ตร.ขอขยายระยะเวลาได้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000015778

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes

    จเรตำรวจแห่งชาติ เตรียมนัดประชุมสรุปผลสอบวินัยร้ายแรง "บิ๊กโจ๊ก" หลังครบ กำหนด 270 วัน 20 ก.พ.นี้ เผยหากสอบไม่แล้วเสร็จอาจเสนอ ผบ.ตร.ขอขยายระยะเวลาได้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000015778 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    7
    0 Comments 0 Shares 1083 Views 0 Reviews
  • ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สั่งยุติเรื่องสอบสวนวินัยร้ายแรงข้าราชการบางคน ปมทุจริตจัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย 7 โครงการ ระบุไม่มีหลักฐานบ่งชี้ อดีต ผอ.สำนักวัฒนธรรมฯ ทำผิดขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง แต่ยังต้องสอบสวนต่อ 11 คน
    .
    วันนี้ (27 ม.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มีคำสั่งยุติเรื่อง กรณีการดำเนินการของคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงของข้าราชการกรุงเทพมหานคร ในการดำเนินโครงการจัดซื้อครุภัณฑ์เสริมสร้างสมรรถภาพทางกายสำหรับศูนย์นันทนาการฯ และศูนย์กีฬา สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว (สวท.) จำนวน 7 โครงการ ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีราคาสูงเกินจากราคาตลาด ตามคำสั่ง กทม. ที่ 2364/2567 ลงวันที่ 1 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา
    .
    เนื่องจากในชั้นสอบสวนไม่ปรากฎพยานหลักฐานใดบ่งชี้ว่า นายสมบูรณ์ หอมนาน อดีตผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว (ปัจจุบันย้ายไปเป็นหัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านสิ่งแวดล้อม) และข้าราชการรวม 19 ราย ได้กระทำการหรือสั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชา กระทำผิดขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง ทั้ง 7 โครงการ พฤติการณ์เป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการ ตามสมควรแก่กรณีแล้ว จึงไม่ได้กระทำผิดวินัยในเรื่องที่ถูกกล่าวหา เห็นควรยุติเรื่อง
    .
    จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 และมาตรา 52 (1) แห่ง พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการกรุงเทพมหานครและบุคลากรกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2554 ประกอบกับ มาตรา 93 วรรคสอง พ.ร.บ.ข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ข้อ 63(1) และข้อ 72 ของกฎ ก.ก.ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2565 จึงให้ยุติ ตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค. 2568 เป็นต้นไป ขณะเดียวกัน ยังมีคำสั่งกรุงเทพมหานคร เรื่อง พบข้อบกพร่องของข้าราชการอีก 10 ราย ซึ่งเป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง มีโทษลดเงินเดือน 2% ระยะเวลา 1 เดือน อย่างไรก็ตาม ยังพบว่ามีข้าราชการ กทม. ต้องสอบสวนต่อ 11 คน
    .
    สำหรับการร้องเรียนการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายของศูนย์กีฬา กทม. จำนวน 7 โครงการ ได้แก่ 1. โครงการจัดซื้อครุภัณฑ์เสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย 21 รายการ สำหรับศูนย์กีฬาอ่อนนุช 15.69 ล้านบาท 2. โครงการจัดซื้อครุภัณฑ์เสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย สำหรับศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา 12.11 ล้านบาท 3. โครงการจัดซื้อครุภัณฑ์เสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย สำหรับศูนย์กีฬามิตรไมตรี 11.01 ล้านบาท
    .
    4. โครงการประกวดราคาซื้อครุภัณฑ์เสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย 11 รายการ ของศูนย์กีฬาวชิรเบญจทัศ วงเงินงบประมาณ 4.99 ล้านบาท 5. โครงการจัดซื้อครุภัณฑ์เสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย สำหรับศูนย์กีฬาวารีภิรมย์ 4.99 ล้านบาท 6. โครงการจัดซื้อครุภัณฑ์เสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย สำหรับศูนย์นันทนาการ สังกัดส่วนนันทนาการ 17.9 ล้านบาท และ 7. โครงการจัดซื้อครุภัณฑ์เสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย สำหรับศูนย์นันทนาการวัดดอกไม้ 11.52 ล้านบาท
    .
    โดยได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับข้าราชการที่เกี่ยวข้อง 25 ราย และขยายผลข้าราชการที่เกี่ยวข้องอีก 4 ราย รวม 29 ราย เมื่อผลการสอบสวนพบว่ามีมูล จึงรวบรวมข้อมูลส่งให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการตามกฎหมาย ขณะที่ปลัดกรุงเทพมหานคร มีคำสั่งย้ายผู้บริหารที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการจัดซื้อ ทั้ง 7 โครงการไปปฏิบัติหน้าที่ประจำสำนักงานปลัด กทม. พร้อมทั้งเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการสอบทางวินัยอย่างร้ายแรง กระทั่งการสอบสวนแล้วเสร็จ จึงสรุปสำนวนรายงานต่อผู้ว่าฯ กทม. เรียบร้อยแล้ว ในที่สุดนายชัชชาติมีคำสั่งยุติเรื่องและคำสั่งพบข้อบกพร่องดังกล่าว ซึ่งหลังสอบสวนพบว่ายังมีข้าราชการที่ต้องสอบสวนต่อ 11 คน ส่วนที่เหลือให้ยุติเรื่อง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008519
    .........
    Sondhi X
    ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สั่งยุติเรื่องสอบสวนวินัยร้ายแรงข้าราชการบางคน ปมทุจริตจัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย 7 โครงการ ระบุไม่มีหลักฐานบ่งชี้ อดีต ผอ.สำนักวัฒนธรรมฯ ทำผิดขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง แต่ยังต้องสอบสวนต่อ 11 คน . วันนี้ (27 ม.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มีคำสั่งยุติเรื่อง กรณีการดำเนินการของคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงของข้าราชการกรุงเทพมหานคร ในการดำเนินโครงการจัดซื้อครุภัณฑ์เสริมสร้างสมรรถภาพทางกายสำหรับศูนย์นันทนาการฯ และศูนย์กีฬา สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว (สวท.) จำนวน 7 โครงการ ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีราคาสูงเกินจากราคาตลาด ตามคำสั่ง กทม. ที่ 2364/2567 ลงวันที่ 1 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา . เนื่องจากในชั้นสอบสวนไม่ปรากฎพยานหลักฐานใดบ่งชี้ว่า นายสมบูรณ์ หอมนาน อดีตผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว (ปัจจุบันย้ายไปเป็นหัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านสิ่งแวดล้อม) และข้าราชการรวม 19 ราย ได้กระทำการหรือสั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชา กระทำผิดขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง ทั้ง 7 โครงการ พฤติการณ์เป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการ ตามสมควรแก่กรณีแล้ว จึงไม่ได้กระทำผิดวินัยในเรื่องที่ถูกกล่าวหา เห็นควรยุติเรื่อง . จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 และมาตรา 52 (1) แห่ง พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการกรุงเทพมหานครและบุคลากรกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2554 ประกอบกับ มาตรา 93 วรรคสอง พ.ร.บ.ข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ข้อ 63(1) และข้อ 72 ของกฎ ก.ก.ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2565 จึงให้ยุติ ตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค. 2568 เป็นต้นไป ขณะเดียวกัน ยังมีคำสั่งกรุงเทพมหานคร เรื่อง พบข้อบกพร่องของข้าราชการอีก 10 ราย ซึ่งเป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง มีโทษลดเงินเดือน 2% ระยะเวลา 1 เดือน อย่างไรก็ตาม ยังพบว่ามีข้าราชการ กทม. ต้องสอบสวนต่อ 11 คน . สำหรับการร้องเรียนการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายของศูนย์กีฬา กทม. จำนวน 7 โครงการ ได้แก่ 1. โครงการจัดซื้อครุภัณฑ์เสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย 21 รายการ สำหรับศูนย์กีฬาอ่อนนุช 15.69 ล้านบาท 2. โครงการจัดซื้อครุภัณฑ์เสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย สำหรับศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา 12.11 ล้านบาท 3. โครงการจัดซื้อครุภัณฑ์เสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย สำหรับศูนย์กีฬามิตรไมตรี 11.01 ล้านบาท . 4. โครงการประกวดราคาซื้อครุภัณฑ์เสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย 11 รายการ ของศูนย์กีฬาวชิรเบญจทัศ วงเงินงบประมาณ 4.99 ล้านบาท 5. โครงการจัดซื้อครุภัณฑ์เสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย สำหรับศูนย์กีฬาวารีภิรมย์ 4.99 ล้านบาท 6. โครงการจัดซื้อครุภัณฑ์เสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย สำหรับศูนย์นันทนาการ สังกัดส่วนนันทนาการ 17.9 ล้านบาท และ 7. โครงการจัดซื้อครุภัณฑ์เสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย สำหรับศูนย์นันทนาการวัดดอกไม้ 11.52 ล้านบาท . โดยได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับข้าราชการที่เกี่ยวข้อง 25 ราย และขยายผลข้าราชการที่เกี่ยวข้องอีก 4 ราย รวม 29 ราย เมื่อผลการสอบสวนพบว่ามีมูล จึงรวบรวมข้อมูลส่งให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการตามกฎหมาย ขณะที่ปลัดกรุงเทพมหานคร มีคำสั่งย้ายผู้บริหารที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการจัดซื้อ ทั้ง 7 โครงการไปปฏิบัติหน้าที่ประจำสำนักงานปลัด กทม. พร้อมทั้งเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการสอบทางวินัยอย่างร้ายแรง กระทั่งการสอบสวนแล้วเสร็จ จึงสรุปสำนวนรายงานต่อผู้ว่าฯ กทม. เรียบร้อยแล้ว ในที่สุดนายชัชชาติมีคำสั่งยุติเรื่องและคำสั่งพบข้อบกพร่องดังกล่าว ซึ่งหลังสอบสวนพบว่ายังมีข้าราชการที่ต้องสอบสวนต่อ 11 คน ส่วนที่เหลือให้ยุติเรื่อง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008519 ......... Sondhi X
    Like
    Haha
    Sad
    Angry
    16
    3 Comments 0 Shares 1667 Views 1 Reviews
  • ผบ.ตร.กำชับทุกหน่วยเตรียมความพร้อมการแต่งตั้งระดับ รอง ผบก.ลงมา วาระประจำปี 2567 ย้ำชัดต้องปฏิบัติตามกฎหมาย-กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งฯ อย่างเคร่งครัด ขู่ฟันวินัยร้ายแรง ผบช.ใช้อำนาจไม่เป็นธรรม

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000008247

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผบ.ตร.กำชับทุกหน่วยเตรียมความพร้อมการแต่งตั้งระดับ รอง ผบก.ลงมา วาระประจำปี 2567 ย้ำชัดต้องปฏิบัติตามกฎหมาย-กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งฯ อย่างเคร่งครัด ขู่ฟันวินัยร้ายแรง ผบช.ใช้อำนาจไม่เป็นธรรม อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000008247 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    Wow
    13
    0 Comments 0 Shares 1056 Views 0 Reviews
  • “บิ๊กโจ๊ก” แห้ว ศาลปกครองสูงสุดยกคำร้อง ทุเลาคำสั่งออกจากราชการ

    ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง ตามคำขอของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ในคดีที่ฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งให้ออกราชการไว้ก่อน โดยชี้ว่า ผบ.ตร. มีอำนาจออกคำสั่ง และผู้ร้องถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยร้ายแรง

    วันนี้ (16 ธ.ค.) ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ ฟ.117/2567 ระหว่าง พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ฟ้องคดี กับ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ 1 คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ ที่ 2 นายกรัฐมนตรี ที่ 3 ผู้ถูกฟ้องคดี ซึ่งผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน คำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง และผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งตามปกครองที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน คำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง

    ศาลปกครองสูงสุดโดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามกฎ หรือคำสั่งทางปกครองจะต้องเข้าเงื่อนไขสามประการประกอบกัน สำหรับเงื่อนไขประการที่หนึ่ง ว่าคำสั่งน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ให้ผู้ฟ้องคดีมาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี มิใช่เป็นการแต่งตั้งข้าราชการซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง ไปดำรงตำแหน่งอีกกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง ผู้ฟ้องคดีจึงยังมีสถานะเป็นข้าราชการตำรวจและดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติตามเดิม ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นผู้บังคับบัญชาของผู้ฟ้องคดี

    เมื่อผู้ฟ้องคดีมีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนและศาลอาญาได้ออกหมายจับผู้ฟ้องคดี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนผู้ฟ้องคดี และมีอำนาจออกคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน และยังไม่ปรากฏปัญหาเกี่ยวกับความไม่ชอบด้วยกฎหมายในประการอื่น การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคำสั่งดังกล่าวจึงไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย

    เมื่อวินิจฉัยเงื่อนไขที่ว่า คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดีไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่ครบองค์ประกอบในการที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี กรณีจึงไม่จำต้องพิจารณาเงื่อนไข

    ประการที่สอง ที่ว่าการให้คำสั่งดังกล่าวมีใช้ผลเฉพาะต่อไปจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลังหรือไม่ และเงื่อนไขประการที่สาม ที่ว่าการทุเลาการบังคับตามคำสั่งดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐ หรือแก่บริการสาธารณะหรือไม่อีก จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกราชการไว้ก่อน และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี
    .........
    Sondhi X
    “บิ๊กโจ๊ก” แห้ว ศาลปกครองสูงสุดยกคำร้อง ทุเลาคำสั่งออกจากราชการ ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง ตามคำขอของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ในคดีที่ฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งให้ออกราชการไว้ก่อน โดยชี้ว่า ผบ.ตร. มีอำนาจออกคำสั่ง และผู้ร้องถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยร้ายแรง วันนี้ (16 ธ.ค.) ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ ฟ.117/2567 ระหว่าง พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ฟ้องคดี กับ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ 1 คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ ที่ 2 นายกรัฐมนตรี ที่ 3 ผู้ถูกฟ้องคดี ซึ่งผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน คำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง และผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งตามปกครองที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน คำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง ศาลปกครองสูงสุดโดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามกฎ หรือคำสั่งทางปกครองจะต้องเข้าเงื่อนไขสามประการประกอบกัน สำหรับเงื่อนไขประการที่หนึ่ง ว่าคำสั่งน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ให้ผู้ฟ้องคดีมาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี มิใช่เป็นการแต่งตั้งข้าราชการซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง ไปดำรงตำแหน่งอีกกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง ผู้ฟ้องคดีจึงยังมีสถานะเป็นข้าราชการตำรวจและดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติตามเดิม ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นผู้บังคับบัญชาของผู้ฟ้องคดี เมื่อผู้ฟ้องคดีมีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนและศาลอาญาได้ออกหมายจับผู้ฟ้องคดี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนผู้ฟ้องคดี และมีอำนาจออกคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน และยังไม่ปรากฏปัญหาเกี่ยวกับความไม่ชอบด้วยกฎหมายในประการอื่น การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคำสั่งดังกล่าวจึงไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อวินิจฉัยเงื่อนไขที่ว่า คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดีไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่ครบองค์ประกอบในการที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี กรณีจึงไม่จำต้องพิจารณาเงื่อนไข ประการที่สอง ที่ว่าการให้คำสั่งดังกล่าวมีใช้ผลเฉพาะต่อไปจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลังหรือไม่ และเงื่อนไขประการที่สาม ที่ว่าการทุเลาการบังคับตามคำสั่งดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐ หรือแก่บริการสาธารณะหรือไม่อีก จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกราชการไว้ก่อน และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี ......... Sondhi X
    Like
    Haha
    6
    0 Comments 0 Shares 1250 Views 0 Reviews
  • ทนายตั้ม หลังหัก พี่สาวเมีย เผยความลับเกลี้ยง
    ทนายตั้ม โจ๊ก กลุ่ม 999 แก๊งสีเทาธุรกิจเว็บพนัน และคดีคริปโตฯ 39ล้าน กําลังเป็นคดีสําคัญที่สุดในบรรดาคดีฉ้อโกงที่ทนายตั้มตกเป็นผู้ต้องหา นอกจากเป็นคดีที่ลากคอสองสมุนของทนายตั้มคือนุกับสาให้ตกเป็นผู้ต้องหาด้วยแล้วมันยังส่อเขาจะลุกลามบานปลาย นําทางกองปราบปรามให้เจาะลึกเข้าไปในองค์กรซ่อนเงื่อนของทนายตั้ม
    อย่างตอนนี้ดาว พี่สาวของเดือนเมีย ทนายตั้มก็เปิดปากให้การที่เป็นประโยชน์อย่างมากหลังจากถูกกองปราบเชิญตัวมาสอบเค้น ดาวยอมชี้เบาะแสที่ซ่อนกระเป๋าสีชมพูซึ่งเป็นหนึ่งในกระเป๋าหลายๆใบที่ใช้ขนเงินกองใหญ่หลายสิบล้านที่ถอนมาจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว ซึ่งที่ซ่อนก็ดันเป็นบ้านเก่าของทนายตั้มเองที่ย่านพุทธมณฑลยิ่งมัดตัวทนายตั้มอีกเปราะเพราะกระเป๋าสีชมพูแป๊ดขนาดนั้น จําได้ง่าย
    ดาว พี่เมียของทนายตั้ม ยังถูกตรวจสอบบัญชีธนาคารพบว่าที่ผ่านมามีเงินหมุนเวียนเข้ามาถึงห้าสิบล้านบาททั้งที่สถานะจริงจริงของ ดาวคือ คนใช้ เป็นแค่คนเลี้ยงลูกให้กับน้องสาวคือเดือน เมียของทนายตั้ม ไม่มีศักยภาพที่จะทํารายได้มหาศาลขนาดนั้นด้วยตัวเอง เท่ากับว่าบัญชีธนาคารของเดือนถูกใครบางคนเอามาใช้เป็นบัญชีม้า สําหรับพักเงินสกปรก อย่างเป็นล่ําเป็นสัน
    สาวบ้านๆอย่างดาวไม่เก๋าพอที่จะกล้าโกหกพนักงานสอบสวนกองปราบ จึงเปิดปากซัดทอด ซึ่งช่วยให้ดาวมีโอกาสจะได้รับการกันตัวเป็นพยาน
    เมื่อกองปราบสืบประวัติของนุ หนึ่งในผู้ต้องหาคดีโกง 39ล้านก็พบว่ามีสายสัมพันธ์โยงใยไปถึงเจ้าพ่อเว็บพนันคนดังที่ชื่อ ทท ซึ่ง ทท เป็นคนที่ชอบทะเบียนรถที่มีแต่เลข9 เช่นเดียวกับ นุ สา และ ตั้ม แสดงความเป็นแก๊งเดียวกันผ่านทะเบียนรถ
    ย้อนไปถึงข้อมูลลับของจอมแฉ อย่างในชูวิทย์กมลวิศิษฏ์ ที่โพสต์ไว้เมื่อปี2566 ก็ระบุว่า ทนายตั้มทําธุรกิจเว็บพนันเฮงเกม โดยร่วมกับ อู๋เจ้าหน้าที่ dsiตัวเตี้ยๆและมีเทพจอเป็นแบ็คอีกที ณ เวลานั้นยังเป็น รอง ผบ ตร บิ๊กโจ๊กตกเป็นผู้ต้องหาคดีรับสวยและฟอกเงินเว็บพนันมินนี่และบีเอ็นเคมาสเตอร์ ใกล้จะโดนสํานักงานตํารวจแห่งชาติจัดการทางวินัยร้ายแรงระดับไล่ออกไปเลยทีเดียว
    สรุปว่า จริงๆแล้ว ทนายตั้ม ไม่ได้เพิ่งรวยจากเงินที่ฉ้อโกงพี่อ้อยมาอย่างเดียว แต่มีรายได้จากทางอื่นอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งไม่น่าจะใช่รายได้จากสิทราลอว์เฟิม เพราะตั้งแต่เปิดบริษัทมาจนบัดนี้ผลดําเนินการยังติดลบขาดทุนอยู่เลย
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    ทนายตั้ม หลังหัก พี่สาวเมีย เผยความลับเกลี้ยง ทนายตั้ม โจ๊ก กลุ่ม 999 แก๊งสีเทาธุรกิจเว็บพนัน และคดีคริปโตฯ 39ล้าน กําลังเป็นคดีสําคัญที่สุดในบรรดาคดีฉ้อโกงที่ทนายตั้มตกเป็นผู้ต้องหา นอกจากเป็นคดีที่ลากคอสองสมุนของทนายตั้มคือนุกับสาให้ตกเป็นผู้ต้องหาด้วยแล้วมันยังส่อเขาจะลุกลามบานปลาย นําทางกองปราบปรามให้เจาะลึกเข้าไปในองค์กรซ่อนเงื่อนของทนายตั้ม อย่างตอนนี้ดาว พี่สาวของเดือนเมีย ทนายตั้มก็เปิดปากให้การที่เป็นประโยชน์อย่างมากหลังจากถูกกองปราบเชิญตัวมาสอบเค้น ดาวยอมชี้เบาะแสที่ซ่อนกระเป๋าสีชมพูซึ่งเป็นหนึ่งในกระเป๋าหลายๆใบที่ใช้ขนเงินกองใหญ่หลายสิบล้านที่ถอนมาจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว ซึ่งที่ซ่อนก็ดันเป็นบ้านเก่าของทนายตั้มเองที่ย่านพุทธมณฑลยิ่งมัดตัวทนายตั้มอีกเปราะเพราะกระเป๋าสีชมพูแป๊ดขนาดนั้น จําได้ง่าย ดาว พี่เมียของทนายตั้ม ยังถูกตรวจสอบบัญชีธนาคารพบว่าที่ผ่านมามีเงินหมุนเวียนเข้ามาถึงห้าสิบล้านบาททั้งที่สถานะจริงจริงของ ดาวคือ คนใช้ เป็นแค่คนเลี้ยงลูกให้กับน้องสาวคือเดือน เมียของทนายตั้ม ไม่มีศักยภาพที่จะทํารายได้มหาศาลขนาดนั้นด้วยตัวเอง เท่ากับว่าบัญชีธนาคารของเดือนถูกใครบางคนเอามาใช้เป็นบัญชีม้า สําหรับพักเงินสกปรก อย่างเป็นล่ําเป็นสัน สาวบ้านๆอย่างดาวไม่เก๋าพอที่จะกล้าโกหกพนักงานสอบสวนกองปราบ จึงเปิดปากซัดทอด ซึ่งช่วยให้ดาวมีโอกาสจะได้รับการกันตัวเป็นพยาน เมื่อกองปราบสืบประวัติของนุ หนึ่งในผู้ต้องหาคดีโกง 39ล้านก็พบว่ามีสายสัมพันธ์โยงใยไปถึงเจ้าพ่อเว็บพนันคนดังที่ชื่อ ทท ซึ่ง ทท เป็นคนที่ชอบทะเบียนรถที่มีแต่เลข9 เช่นเดียวกับ นุ สา และ ตั้ม แสดงความเป็นแก๊งเดียวกันผ่านทะเบียนรถ ย้อนไปถึงข้อมูลลับของจอมแฉ อย่างในชูวิทย์กมลวิศิษฏ์ ที่โพสต์ไว้เมื่อปี2566 ก็ระบุว่า ทนายตั้มทําธุรกิจเว็บพนันเฮงเกม โดยร่วมกับ อู๋เจ้าหน้าที่ dsiตัวเตี้ยๆและมีเทพจอเป็นแบ็คอีกที ณ เวลานั้นยังเป็น รอง ผบ ตร บิ๊กโจ๊กตกเป็นผู้ต้องหาคดีรับสวยและฟอกเงินเว็บพนันมินนี่และบีเอ็นเคมาสเตอร์ ใกล้จะโดนสํานักงานตํารวจแห่งชาติจัดการทางวินัยร้ายแรงระดับไล่ออกไปเลยทีเดียว สรุปว่า จริงๆแล้ว ทนายตั้ม ไม่ได้เพิ่งรวยจากเงินที่ฉ้อโกงพี่อ้อยมาอย่างเดียว แต่มีรายได้จากทางอื่นอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งไม่น่าจะใช่รายได้จากสิทราลอว์เฟิม เพราะตั้งแต่เปิดบริษัทมาจนบัดนี้ผลดําเนินการยังติดลบขาดทุนอยู่เลย ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 Comments 0 Shares 1406 Views 0 Reviews
  • แพ้แล้วแพ้อีกแพ้มาตลอดทางเลย ก็คือบิ๊กโจ๊ก สุรเชชษฐ์ หักพาล ล่าสุดแพ้ในชั้นศาลปกครองสูงสุดในการยื่นคําร้องขอคุ้มครองชั่วคราวระหว่างการอุทธรณ์คดีเพื่อจะได้กลับมาเป็นตํารวจตามเดิม มติที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด มีมติเมื่อวันที่13 พฤศจิกายน 2567คะแนนออกมาฝ่ายไม่รับคําร้องของบิ๊กโจ๊กชนะท่วมท้นฝ่ายเข้าข้างโจ๊กที่มี5 มือ อันเป็นที่มาตัวเลข 200 กิโลกรัม
    สื่อตีข่าวบิ๊กโจ๊กมีลุ้นคัมแบ็คเป็นรอง ผบตร ตามเดิมโดยระบุว่าคณะอนุกรรมการของศาลปกครองสูงสุดมีมติ 5 ต่อ0 ชี้ว่า คําสั่งให้บิ๊กโจ๊กออกจากราชการเป็นคําสั่งที่มิชอบ บางสื่ออย่างหมาแก่รายงานข่าวนี้แบบปกปิดอาการกระหยิ่มไว้ไม่มิด ประสาคนรักกันชอบกันกับบิ๊กโจ๊ก หมาแก่บอกตอนนี้ผีโจ๊กเฮี้ยนทําเอาตํารวจหนาวขนหัวลุกกันทั้งสํานักงานตํารวจแห่งชาติ
    อย่างไรก็ตามพอเริ่มเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ของศาลปกครองสูงสุดผลคะแนนก็ออกมาอย่างที่เห็นบิ๊กโจ๊กแพ้ขาดลอยอีกครั้ง ยังดีไม่ถึงกับกินไข่ศูนย์แต้มแบบการพิจารณาในชั้น กตรและคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตํารวจ ท ถามว่าบิ๊กโจ๊กหมดหวังที่จะได้กลับมาเป็นตํารวจแล้วหรือไม่ จริงๆก็ยังมีหวังอยู่เพราะศาลปกครองสูงสุดยังไม่ได้ชี้ขาดว่าคําสั่งให้ออกชอบหรือไม่ชอบ
    จากเดิมที่บิ๊กโจ๊กรู้สึกอุ่นใจใน ปปช ที่ทําทุกวิถีทางให้คดีหลุดมือจากตํารวจมาอยู่ในมือ ปปช แต่ความซวยมาเยือนเมื่อ ปปช มีการผลัดใบแล้วจากการเกษียณอายุราชการของพลตํารวจเอก วัชรพล ประสานราชกิจ ประธานปปชคนเดิม ซึ่งพลตํารวจเอกวัชรพลและบิ๊กโจ๊กต่างก็เป็นคนของลุงป้อม ในยุคเรืองอํานาจของสามป. มีข่าวว่าปปช.ยุคใหม่ต้องการเรียกเกียรติและศักดิ์ศรีกลับคืนองค์กร หลังจากถูกประชาชนก่นด่าหูอื้อมาหลายปีนับจากคดีนาฬิกายืมเพื่อน ปปช.อยากเจริญลอยตามสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ในยุคบิ๊กต่า ซึ่งกําลังทํางานเข้าตาประชาชนจากการทําคดีใหญ่รัวๆ ด้วยความเที่ยงธรรมฉับไวดูทรงแล้วคดีของบิ๊กโจ๊กมีโอกาสที่จะได้เป็นคดีตัวอย่างที่ปปช.จะใช้กอบกู้ศรัทธาขณะที่การพิจารณาความผิดวินัยร้ายแรงซึ่งหยุดชะงักไปชั่วคราวจากการเกษียณอายุราชการของประธานสอบสวน ตอนนี้ บิ๊กต่า กําลังแบ่งงานให้กับรอง ผบตร 4 คนหากลงตัวเมื่อไหร่ก็จะมีการตั้งประธานสอบสวนวินัยคนใหม่การสอบสวนวินัยจะเป็นอีกดาบที่สํานักงานตํารวจแห่งชาติจะใช้เชือดบิ๊กโจ๊กเพราะคราวนี้จะไม่ใช่แค่ให้ออกจากราชการไว้ก่อนแต่อาจถึงขั้นไล่ออกถาวรเลยทีเดียว ต้องบอกว่าฟ้ามีตา พอบิ๊กโจ๊กหมดวาสนาก็ดับเลยทันที แบบไม่มีอะไรกั้น
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    แพ้แล้วแพ้อีกแพ้มาตลอดทางเลย ก็คือบิ๊กโจ๊ก สุรเชชษฐ์ หักพาล ล่าสุดแพ้ในชั้นศาลปกครองสูงสุดในการยื่นคําร้องขอคุ้มครองชั่วคราวระหว่างการอุทธรณ์คดีเพื่อจะได้กลับมาเป็นตํารวจตามเดิม มติที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด มีมติเมื่อวันที่13 พฤศจิกายน 2567คะแนนออกมาฝ่ายไม่รับคําร้องของบิ๊กโจ๊กชนะท่วมท้นฝ่ายเข้าข้างโจ๊กที่มี5 มือ อันเป็นที่มาตัวเลข 200 กิโลกรัม สื่อตีข่าวบิ๊กโจ๊กมีลุ้นคัมแบ็คเป็นรอง ผบตร ตามเดิมโดยระบุว่าคณะอนุกรรมการของศาลปกครองสูงสุดมีมติ 5 ต่อ0 ชี้ว่า คําสั่งให้บิ๊กโจ๊กออกจากราชการเป็นคําสั่งที่มิชอบ บางสื่ออย่างหมาแก่รายงานข่าวนี้แบบปกปิดอาการกระหยิ่มไว้ไม่มิด ประสาคนรักกันชอบกันกับบิ๊กโจ๊ก หมาแก่บอกตอนนี้ผีโจ๊กเฮี้ยนทําเอาตํารวจหนาวขนหัวลุกกันทั้งสํานักงานตํารวจแห่งชาติ อย่างไรก็ตามพอเริ่มเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ของศาลปกครองสูงสุดผลคะแนนก็ออกมาอย่างที่เห็นบิ๊กโจ๊กแพ้ขาดลอยอีกครั้ง ยังดีไม่ถึงกับกินไข่ศูนย์แต้มแบบการพิจารณาในชั้น กตรและคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตํารวจ ท ถามว่าบิ๊กโจ๊กหมดหวังที่จะได้กลับมาเป็นตํารวจแล้วหรือไม่ จริงๆก็ยังมีหวังอยู่เพราะศาลปกครองสูงสุดยังไม่ได้ชี้ขาดว่าคําสั่งให้ออกชอบหรือไม่ชอบ จากเดิมที่บิ๊กโจ๊กรู้สึกอุ่นใจใน ปปช ที่ทําทุกวิถีทางให้คดีหลุดมือจากตํารวจมาอยู่ในมือ ปปช แต่ความซวยมาเยือนเมื่อ ปปช มีการผลัดใบแล้วจากการเกษียณอายุราชการของพลตํารวจเอก วัชรพล ประสานราชกิจ ประธานปปชคนเดิม ซึ่งพลตํารวจเอกวัชรพลและบิ๊กโจ๊กต่างก็เป็นคนของลุงป้อม ในยุคเรืองอํานาจของสามป. มีข่าวว่าปปช.ยุคใหม่ต้องการเรียกเกียรติและศักดิ์ศรีกลับคืนองค์กร หลังจากถูกประชาชนก่นด่าหูอื้อมาหลายปีนับจากคดีนาฬิกายืมเพื่อน ปปช.อยากเจริญลอยตามสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ในยุคบิ๊กต่า ซึ่งกําลังทํางานเข้าตาประชาชนจากการทําคดีใหญ่รัวๆ ด้วยความเที่ยงธรรมฉับไวดูทรงแล้วคดีของบิ๊กโจ๊กมีโอกาสที่จะได้เป็นคดีตัวอย่างที่ปปช.จะใช้กอบกู้ศรัทธาขณะที่การพิจารณาความผิดวินัยร้ายแรงซึ่งหยุดชะงักไปชั่วคราวจากการเกษียณอายุราชการของประธานสอบสวน ตอนนี้ บิ๊กต่า กําลังแบ่งงานให้กับรอง ผบตร 4 คนหากลงตัวเมื่อไหร่ก็จะมีการตั้งประธานสอบสวนวินัยคนใหม่การสอบสวนวินัยจะเป็นอีกดาบที่สํานักงานตํารวจแห่งชาติจะใช้เชือดบิ๊กโจ๊กเพราะคราวนี้จะไม่ใช่แค่ให้ออกจากราชการไว้ก่อนแต่อาจถึงขั้นไล่ออกถาวรเลยทีเดียว ต้องบอกว่าฟ้ามีตา พอบิ๊กโจ๊กหมดวาสนาก็ดับเลยทันที แบบไม่มีอะไรกั้น ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 1410 Views 0 Reviews
  • ผบช.รร.นรต. มีคำสั่งย้าย "พ.ต.อ." อาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ มาปฏิบัติราชการ ศปก.รร.นรต. เซ่นปมชู้สาวภรรยา "บิ๊กโจ๊ก" พร้อมตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000105671

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผบช.รร.นรต. มีคำสั่งย้าย "พ.ต.อ." อาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ มาปฏิบัติราชการ ศปก.รร.นรต. เซ่นปมชู้สาวภรรยา "บิ๊กโจ๊ก" พร้อมตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000105671 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    13
    0 Comments 1 Shares 2450 Views 0 Reviews
  • มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเกี่ยวกับธุรกิจออนไลน์ ประกอบด้วย

    1. นายชาติพงษ์ จีระพันธุ์ อัยการอาวุโส เป็นประธานกรรมการ
    2.พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นกรรมการ
    3. นายนิรันต์ ยั่งยืน รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคุ้มครองสิทธิ และช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน เป็นกรรมการ
    4.นายกฤช เอื้อวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (น.ส.จิราพร สินธุไพร) เป็นกรรมการ
    5. พ.ต.ต.จตุพล บงกชมาศ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นกรรมการ
    6. นายวิทยา นีติธรรม ผู้อำนวยการกองกฎหมาย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เป็นกรรมการ
    7. นายปวริศ ผุดผ่อง คณะที่ปรึกษาของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการ
    8 นายวิสุทธิ์ ฉัตรานุฉัตร ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและระเบียบกลาง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เลขานุการ

    โดยให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงมีหน้าที่และอำนาจ ดังนี้
    ข้อ 1.ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเชิญผู้บริหาร พนักงานเจ้าหน้าที่ในสำนักงาน
    คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำหรือให้ข้อเท็จจริงและมีอำนาจ
    เรียกเอกสารใด ๆ จากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคหรือหน่วยงานใด ๆ เพื่อประกอบ
    การพิจารณา และให้รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อเสนอแนะต่อรองนายกรัฐมนตรี
    (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
    ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้ออกคำสั่ง ในกรณีจำเป็นรองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง)
    อาจมีคำสั่งให้ขยายระยะเวลาออกไปได้อีกตามที่เห็นสมควร
    ข้อ 2.คณะกรรมการอาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ รวมทั้งผู้ช่วยเลขานุการ และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อพิจารณาศึกษาหรือปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่คณะกรรมการมอบหมายก็ได้

    ข้อ 3.ให้คณะกรรมการ และคณะอนุกรรมการที่แต่งตั้งตามคำสั่งนี้ได้รับเบี้ยประชุมและค่าตอบแทนตามที่กระทรวงการคลังกำหนด โดยให้เบิกจ่ายจากสำนักนายกรัฐมนตรี
    ข้อ 4 ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ได้รับมอบหมาย

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายชาติพงษ์ จีระพันธุ ถูกตั้งขึ้นมาเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เคยเป็นอดีตรองอัยการสูงสุด มีชื่อเสียงเรื่องปราบการทุจริตคอร์รัปชัน มีประสบการณ์มากมาย เคยเป็นรองอธิบดีอัยการคดีพิเศษ ,เเละอธิบดีอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังเป็นหัวหน้าคณะทำงานที่คุมคดีสำคัญของสำนักงานคดีพิเศษหลายคดี ,คดีนิติบุคคล ฟิลิป มอร์ริส นำเข้าบุหรี่โดยหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร ซึ่งขณะนี้มีกรณีพิพาท ระหว่างประเทศไทยกับประเทศฟิลิปปินส์ ในเรื่องนี้ที่องค์การการค้าโลก หรือดับเบิลยูทีโอ,คดีทุจริตสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งเกี่ยวพันถึงคดีทุจริตฟอกเงินเครือข่ายวัดธรรมกาย ,คดีธนาคารกรุงไทย ปล่อยกู้ กลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร ,คดีทุจริตการฟอกเงินในโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ,เคยเป็นกรรมการสอบวินัยร้ายแรงนายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด กรณีสั่งไม่ฟ้องคดีลูกนักธุรกิจชื่อดังขับรถชนคนตาย

    ล่าสุดช่วงที่ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีเคย มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีการเข้าค้นบ้านพักอดีตรองผบ.ตร.ด้วย

    #Thaitimes
    มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเกี่ยวกับธุรกิจออนไลน์ ประกอบด้วย 1. นายชาติพงษ์ จีระพันธุ์ อัยการอาวุโส เป็นประธานกรรมการ 2.พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นกรรมการ 3. นายนิรันต์ ยั่งยืน รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคุ้มครองสิทธิ และช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน เป็นกรรมการ 4.นายกฤช เอื้อวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (น.ส.จิราพร สินธุไพร) เป็นกรรมการ 5. พ.ต.ต.จตุพล บงกชมาศ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นกรรมการ 6. นายวิทยา นีติธรรม ผู้อำนวยการกองกฎหมาย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เป็นกรรมการ 7. นายปวริศ ผุดผ่อง คณะที่ปรึกษาของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการ 8 นายวิสุทธิ์ ฉัตรานุฉัตร ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายและระเบียบกลาง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เลขานุการ โดยให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงมีหน้าที่และอำนาจ ดังนี้ ข้อ 1.ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเชิญผู้บริหาร พนักงานเจ้าหน้าที่ในสำนักงาน คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำหรือให้ข้อเท็จจริงและมีอำนาจ เรียกเอกสารใด ๆ จากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคหรือหน่วยงานใด ๆ เพื่อประกอบ การพิจารณา และให้รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อเสนอแนะต่อรองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้ออกคำสั่ง ในกรณีจำเป็นรองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ จันทรรวงทอง) อาจมีคำสั่งให้ขยายระยะเวลาออกไปได้อีกตามที่เห็นสมควร ข้อ 2.คณะกรรมการอาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ รวมทั้งผู้ช่วยเลขานุการ และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อพิจารณาศึกษาหรือปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่คณะกรรมการมอบหมายก็ได้ ข้อ 3.ให้คณะกรรมการ และคณะอนุกรรมการที่แต่งตั้งตามคำสั่งนี้ได้รับเบี้ยประชุมและค่าตอบแทนตามที่กระทรวงการคลังกำหนด โดยให้เบิกจ่ายจากสำนักนายกรัฐมนตรี ข้อ 4 ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ได้รับมอบหมาย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายชาติพงษ์ จีระพันธุ ถูกตั้งขึ้นมาเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เคยเป็นอดีตรองอัยการสูงสุด มีชื่อเสียงเรื่องปราบการทุจริตคอร์รัปชัน มีประสบการณ์มากมาย เคยเป็นรองอธิบดีอัยการคดีพิเศษ ,เเละอธิบดีอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังเป็นหัวหน้าคณะทำงานที่คุมคดีสำคัญของสำนักงานคดีพิเศษหลายคดี ,คดีนิติบุคคล ฟิลิป มอร์ริส นำเข้าบุหรี่โดยหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร ซึ่งขณะนี้มีกรณีพิพาท ระหว่างประเทศไทยกับประเทศฟิลิปปินส์ ในเรื่องนี้ที่องค์การการค้าโลก หรือดับเบิลยูทีโอ,คดีทุจริตสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ซึ่งเกี่ยวพันถึงคดีทุจริตฟอกเงินเครือข่ายวัดธรรมกาย ,คดีธนาคารกรุงไทย ปล่อยกู้ กลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร ,คดีทุจริตการฟอกเงินในโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ,เคยเป็นกรรมการสอบวินัยร้ายแรงนายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด กรณีสั่งไม่ฟ้องคดีลูกนักธุรกิจชื่อดังขับรถชนคนตาย ล่าสุดช่วงที่ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีเคย มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีการเข้าค้นบ้านพักอดีตรองผบ.ตร.ด้วย #Thaitimes
    สำนักนายกฯ ตั้ง ‘ชาติพงษ์’ อดีตรอง อสส.นั่ง ปธ.สอบข้อเท็จจริงคดี ‘ดิไอคอน’ จ่ายส่วยเทวดาเป็นค่าคุ้มครอง มีอำนาจเรียกสอบ-เอกสาร จาก สคบ.หน่วยงานเกี่ยวข้อง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000099909

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    5
    0 Comments 0 Shares 738 Views 0 Reviews
  • #ไอ่เฒ่านุแอดมินเพจDiyreviwev2ก่อเรื่องแล้ว
    จากที่เพจคิงส์โพธิ์แดงได้รับแจ้งเหตุ ว่าพบผู้ที่อ้างว่าเป็นตร.
    ได้เข้าไปเล่นตต.ในเวลาราชการตามปรากฏในคลิป
    โดยมีถ้อยคำที่มีลักษณะเยาะเย้ย เหน็นแนบประชาชน
    โดยแสดงออกด้วยท่าทีเป็นผู้ปกป้อง
    ตต.เกอร์ชาวเกาหลี ซึ่งมีความไม่เหมาะสม
    และเป็นสิ่งที่ผิดวินัยของข้าราชการ
    โดยเพจคิงส์โพธิ์แดงได้พิมพ์แคปชั่นไว้ว่า
    1.พฤติกรรมเหมาะสมหรือไม่ในเวลาราชการ
    2. เป็นเจ้าหน้าที่ ตร.จริงหรือไม่
    3. ถูกมิจนำภาพเจ้าหน้าที่ ตร.จริง และนำไปแอบอ้างหรือไม่
    ซึ่งมีความชัดเจนว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นข้อที่ 3
    เพราะมีผู้ใช้โซเชียลส่งข้อมูลหลักฐานมามากว่า
    โปรไฟล์ดังกล่าว ได้ไปคอมเม้นตามโซเชียลดุจเป็นด้อม
    ของตต.เกอร์เกาหลี รุ่นหลาน ซึ่งพี่คิงส์ก็ไม่เชื่อว่า
    ตร.ที่มียศสูง จะขาดวุฒิภาวะ มาเถียงชาวโซเชียล
    หรืออกตัวปกป้องชาวต่างชาติด้วยการ เยาะเย้ย เหน็บแนม
    ประชาชนไทย และใช้เวลาราชการในการกระทำดังกล่าว
    ซึ่งขณะนี้ ทางทีมงานเพจคิงส์โพธิ์แดง
    ก็ได้ส่งเรื่องให้ทางฝ่ายสืบสันติบาล ได้กรุณาตรวจสอบข้อมูลอยู่
    ว่า นายตำรวจในภาพมีความเป็นไปได้ว่าจะถูกมิจ
    มาแอบอ้างเป็นท่าน ซึ่งหากคิงส์โพธิ์แดงไม่นำเสนอเรื่องนี้
    แล้วปรากฏว่าท่านถูกแอบอ้างจริง แล้วท่านไม่รู้
    ก็เป็นไปได้ว่า ท่านจะมีความเสื่อมเสียชื่อเสียงโดยที่ท่านไม่รู้ตัว
    -แต่ระยะเวลาหลังจากโพสคลิปเพื่อหาความจริงไม่นาน
    พบว่า แอดมินเพจ diy reviwe V2 โดยพฤตินัย
    ที่แอดมินเพจดังกล่าว มักโพสพาดพิงเชื่อมโยงกับสิ่งที่
    เพจคิงส์โพธิ์แดงโพสเสมอ โดยพิมพ์ว่า
    "น้องคิง(หมายถึงเพจคิงส์โพธิ์แดง) เล่นท่านรองแล้วว่ะ"
    #ตำรวจจริงนะนั่น
    เพจคิงส์โพธิ์แดงถึงกับตกใจมากกับโพสดังกล่าว
    เพราะเป็นการปรักปรำว่า แอคเคาท์ดังกล่าว
    คือ นายตำรวจตัวจริง ที่ปฏิบัติผิดวินัยข้าราชการตำรวจ
    และมีการผิดวินัยร้ายแรงในการแสดงตนเป็นปฏิปักษ์กับ
    ประชาชนไทย โดยฝั่งใฝ่ชาวต่างชาติรุ่นหลาน
    ซึ่ง หากเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง
    จะต้องถูกตั้งกรรมการสอบทางวินัย และอาจนำไปสู่การถูกบทลงโทษ
    ทั้งๆที่ ขณะนี้เพจคิงส์โพธิ์แดงเอง ก็ยังอยู่ในขั้นตอนหาคำตอบ
    ว่าเจ้าหน้าที่ในภาพที่ใช้ในโปรไฟล์ อาจถูกแอบอ้าง
    ดังนั้น หากเกิดกรณี ที่ท่านเจ้าหน้าที่ตร.ในภาพ
    ได้ถูกแอบอ้างภาพ และชื่อไปใช้ เพจคิงส์โพธิ์แดงจึง
    ต้องขอเรียนว่า แอดมินเพจ Diy reviwe V2. ได้ทำการปรับปรำท่าน
    จนทำให้พี่น้องประชาชนจำนวนมากเข้าใจผิด และมีผลทำให้ท่าน
    เกิดความเสื่อมเสีย โดยคลิปที่โพสเพื่อสอบถามความจริงดังกล่าวก็จะเป็นข้อมูลตั้งต้นให้เจ้าหน้าที่ได้สืบหาความจริง และหากมิจนำภาพเจ้าหน้าที่ตร.ไปใช้ ก็จะได้มีการติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคะดีต่อไป
    -แต่หากตรวจสอบพบว่า ภาพดังกล่าวและแอคเคา์นั้นเป็นของจริงตามที่แอดมินเพจ Diy reviwe v2 อ้างนั้นเป็นจริง
    ก็ถือว่าจะต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบทางวินัย
    เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในคลิป และในโซเชียลนั้น
    เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ ซึ่งก็จะเรื่องของคณะกรรมการสอบสวน
    ที่ได้รับการแต่งตั้งต่อไป
    หากเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการข้อมูลของ
    แอดมินเพจ diy reviwe v2 ที่เป็นผู้โพสในลักษณะปรักปรัม
    ว่าตำรวจในภาพซึ่งมีพฤติกรรมผิดวินัยข้าราชการ ว่านั่นคือแอคเคาท์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงดังกล่าว สามารถทักมาสอบถามได้ที่
    เพจคิงส์โพธิ์แดง หรือติดต่อได้ที่ คุณโจ มณฑนี เนื่องจากแอดมินเพจดังกล่าว ให้ความเคารพเป็นอาจารย์ มีความสนิทสนมกันอย่างยิ่ง
    น่าจะมีข้อมูลต่างๆชัดเจน
    จึงเรียนมาเพื่อทราบ
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ไอ่เฒ่านุแอดมินเพจDiyreviwev2ก่อเรื่องแล้ว จากที่เพจคิงส์โพธิ์แดงได้รับแจ้งเหตุ ว่าพบผู้ที่อ้างว่าเป็นตร. ได้เข้าไปเล่นตต.ในเวลาราชการตามปรากฏในคลิป โดยมีถ้อยคำที่มีลักษณะเยาะเย้ย เหน็นแนบประชาชน โดยแสดงออกด้วยท่าทีเป็นผู้ปกป้อง ตต.เกอร์ชาวเกาหลี ซึ่งมีความไม่เหมาะสม และเป็นสิ่งที่ผิดวินัยของข้าราชการ โดยเพจคิงส์โพธิ์แดงได้พิมพ์แคปชั่นไว้ว่า 1.พฤติกรรมเหมาะสมหรือไม่ในเวลาราชการ 2. เป็นเจ้าหน้าที่ ตร.จริงหรือไม่ 3. ถูกมิจนำภาพเจ้าหน้าที่ ตร.จริง และนำไปแอบอ้างหรือไม่ ซึ่งมีความชัดเจนว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นข้อที่ 3 เพราะมีผู้ใช้โซเชียลส่งข้อมูลหลักฐานมามากว่า โปรไฟล์ดังกล่าว ได้ไปคอมเม้นตามโซเชียลดุจเป็นด้อม ของตต.เกอร์เกาหลี รุ่นหลาน ซึ่งพี่คิงส์ก็ไม่เชื่อว่า ตร.ที่มียศสูง จะขาดวุฒิภาวะ มาเถียงชาวโซเชียล หรืออกตัวปกป้องชาวต่างชาติด้วยการ เยาะเย้ย เหน็บแนม ประชาชนไทย และใช้เวลาราชการในการกระทำดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ ทางทีมงานเพจคิงส์โพธิ์แดง ก็ได้ส่งเรื่องให้ทางฝ่ายสืบสันติบาล ได้กรุณาตรวจสอบข้อมูลอยู่ ว่า นายตำรวจในภาพมีความเป็นไปได้ว่าจะถูกมิจ มาแอบอ้างเป็นท่าน ซึ่งหากคิงส์โพธิ์แดงไม่นำเสนอเรื่องนี้ แล้วปรากฏว่าท่านถูกแอบอ้างจริง แล้วท่านไม่รู้ ก็เป็นไปได้ว่า ท่านจะมีความเสื่อมเสียชื่อเสียงโดยที่ท่านไม่รู้ตัว -แต่ระยะเวลาหลังจากโพสคลิปเพื่อหาความจริงไม่นาน พบว่า แอดมินเพจ diy reviwe V2 โดยพฤตินัย ที่แอดมินเพจดังกล่าว มักโพสพาดพิงเชื่อมโยงกับสิ่งที่ เพจคิงส์โพธิ์แดงโพสเสมอ โดยพิมพ์ว่า "น้องคิง(หมายถึงเพจคิงส์โพธิ์แดง) เล่นท่านรองแล้วว่ะ" #ตำรวจจริงนะนั่น เพจคิงส์โพธิ์แดงถึงกับตกใจมากกับโพสดังกล่าว เพราะเป็นการปรักปรำว่า แอคเคาท์ดังกล่าว คือ นายตำรวจตัวจริง ที่ปฏิบัติผิดวินัยข้าราชการตำรวจ และมีการผิดวินัยร้ายแรงในการแสดงตนเป็นปฏิปักษ์กับ ประชาชนไทย โดยฝั่งใฝ่ชาวต่างชาติรุ่นหลาน ซึ่ง หากเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง จะต้องถูกตั้งกรรมการสอบทางวินัย และอาจนำไปสู่การถูกบทลงโทษ ทั้งๆที่ ขณะนี้เพจคิงส์โพธิ์แดงเอง ก็ยังอยู่ในขั้นตอนหาคำตอบ ว่าเจ้าหน้าที่ในภาพที่ใช้ในโปรไฟล์ อาจถูกแอบอ้าง ดังนั้น หากเกิดกรณี ที่ท่านเจ้าหน้าที่ตร.ในภาพ ได้ถูกแอบอ้างภาพ และชื่อไปใช้ เพจคิงส์โพธิ์แดงจึง ต้องขอเรียนว่า แอดมินเพจ Diy reviwe V2. ได้ทำการปรับปรำท่าน จนทำให้พี่น้องประชาชนจำนวนมากเข้าใจผิด และมีผลทำให้ท่าน เกิดความเสื่อมเสีย โดยคลิปที่โพสเพื่อสอบถามความจริงดังกล่าวก็จะเป็นข้อมูลตั้งต้นให้เจ้าหน้าที่ได้สืบหาความจริง และหากมิจนำภาพเจ้าหน้าที่ตร.ไปใช้ ก็จะได้มีการติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคะดีต่อไป -แต่หากตรวจสอบพบว่า ภาพดังกล่าวและแอคเคา์นั้นเป็นของจริงตามที่แอดมินเพจ Diy reviwe v2 อ้างนั้นเป็นจริง ก็ถือว่าจะต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบทางวินัย เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในคลิป และในโซเชียลนั้น เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ ซึ่งก็จะเรื่องของคณะกรรมการสอบสวน ที่ได้รับการแต่งตั้งต่อไป หากเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการข้อมูลของ แอดมินเพจ diy reviwe v2 ที่เป็นผู้โพสในลักษณะปรักปรัม ว่าตำรวจในภาพซึ่งมีพฤติกรรมผิดวินัยข้าราชการ ว่านั่นคือแอคเคาท์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงดังกล่าว สามารถทักมาสอบถามได้ที่ เพจคิงส์โพธิ์แดง หรือติดต่อได้ที่ คุณโจ มณฑนี เนื่องจากแอดมินเพจดังกล่าว ให้ความเคารพเป็นอาจารย์ มีความสนิทสนมกันอย่างยิ่ง น่าจะมีข้อมูลต่างๆชัดเจน จึงเรียนมาเพื่อทราบ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2 #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 1410 Views 0 Reviews
  • เชือดแล้ว 'ครูเบญ' ชื่อหาย พักราชการ ผอ.สพม.สระแก้ว
    .
    แม้ในทางกระแสสังคมกรณีของครูเบญที่มีชื่อเป็นผู้สอบได้ในตำแหน่งครูผู้สอน เอกวิทยาศาสตร์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) สระแก้ว จะไม่ค่อยร้อนแรงเท่าไหรแล้ว แต่ในแง่ของการตรวจสอบหาคนรับผิดชอบยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ​ คณะที่ปรึกษา​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​ศึกษาธิการ​ ปฏิบัติ​หน้า​ที่โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงพบว่ามีความผิดพลาดและก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ อีกทั้งยังกระทบต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้ศธ.สั่งพักราชการผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาจังหวัดสระแก้วเป็นการชั่วคราว จนกว่าผลสอบสวนจะเสร็จสิ้น ซึ่งเป็นมาตรการในการป้องกันการแทรกแซงหรือส่งผลกระทบต่อการสอบสวน เพื่อสร้างความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
    .
    ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการ ศธ. ยังได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่ประกอบด้วยตำรวจ อัยการ และเจ้าหน้าที่ ศธ.ส่วนกลาง ทำงานอีกชุดหนึ่งด้วย พร้อมส่งหลักฐานทุกอย่างให้กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อตรวจสอบความชัดเจน และยืนยันว่าไม่มีการแก้ไขหรือดัดแปลงหลักฐาน
    .
    “การทำงานของคณะกรรมการสอบสวนของ ศธ.จะไม่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานภายนอกที่ร่วมสอบสวน แต่เป็นการทำงานคู่ขนานเพื่อเร่งหาข้อเท็จจริง ซึ่งจะไม่ล่าช้าแน่นอน กระบวนการตรวจสอบครั้งนี้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นในระบบการศึกษา และคลายข้อสงสัยทุกประเด็นต่อสังคม” โฆษก ศธ.กล่าว
    ............
    Sondhi X
    เชือดแล้ว 'ครูเบญ' ชื่อหาย พักราชการ ผอ.สพม.สระแก้ว . แม้ในทางกระแสสังคมกรณีของครูเบญที่มีชื่อเป็นผู้สอบได้ในตำแหน่งครูผู้สอน เอกวิทยาศาสตร์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) สระแก้ว จะไม่ค่อยร้อนแรงเท่าไหรแล้ว แต่ในแง่ของการตรวจสอบหาคนรับผิดชอบยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ​ คณะที่ปรึกษา​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​ศึกษาธิการ​ ปฏิบัติ​หน้า​ที่โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงพบว่ามีความผิดพลาดและก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ อีกทั้งยังกระทบต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้ศธ.สั่งพักราชการผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาจังหวัดสระแก้วเป็นการชั่วคราว จนกว่าผลสอบสวนจะเสร็จสิ้น ซึ่งเป็นมาตรการในการป้องกันการแทรกแซงหรือส่งผลกระทบต่อการสอบสวน เพื่อสร้างความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย . ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการ ศธ. ยังได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่ประกอบด้วยตำรวจ อัยการ และเจ้าหน้าที่ ศธ.ส่วนกลาง ทำงานอีกชุดหนึ่งด้วย พร้อมส่งหลักฐานทุกอย่างให้กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อตรวจสอบความชัดเจน และยืนยันว่าไม่มีการแก้ไขหรือดัดแปลงหลักฐาน . “การทำงานของคณะกรรมการสอบสวนของ ศธ.จะไม่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานภายนอกที่ร่วมสอบสวน แต่เป็นการทำงานคู่ขนานเพื่อเร่งหาข้อเท็จจริง ซึ่งจะไม่ล่าช้าแน่นอน กระบวนการตรวจสอบครั้งนี้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นในระบบการศึกษา และคลายข้อสงสัยทุกประเด็นต่อสังคม” โฆษก ศธ.กล่าว ............ Sondhi X
    Like
    Yay
    8
    0 Comments 0 Shares 1307 Views 0 Reviews
  • ผบ.ตร.ลงนามคำสั่งให้ออก 8 ตำรวจลูกน้องคนสนิท "บิ๊กโจ๊ก" พร้อมตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ปมพัวพันคดีเว็บพนันมินนี่
    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000081430

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผบ.ตร.ลงนามคำสั่งให้ออก 8 ตำรวจลูกน้องคนสนิท "บิ๊กโจ๊ก" พร้อมตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ปมพัวพันคดีเว็บพนันมินนี่ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000081430 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    32
    1 Comments 1 Shares 4521 Views 0 Reviews
  • คณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง นัดประชุม 15 ส.ค.นี้ จ่อเรียก "บิ๊กโจ๊ก" กับพวกรับทราบข้อกล่าวหา คาดภายในเดือนส.ค.นี้ เผยคืบหน้าแล้ว 90 เปอร์เซ็นต์
    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000074269

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    คณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง นัดประชุม 15 ส.ค.นี้ จ่อเรียก "บิ๊กโจ๊ก" กับพวกรับทราบข้อกล่าวหา คาดภายในเดือนส.ค.นี้ เผยคืบหน้าแล้ว 90 เปอร์เซ็นต์ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000074269 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    8
    0 Comments 0 Shares 1735 Views 0 Reviews