• คำร้องของพรรคประชาชน มีเหตุผลอันสมควรอยู่ 2 หัวข้อ คือ คดีนาฬิกายืมเพื่อน กับคดีขัดศาลปกครอง ขณะที่คดีคลิปลับ มองเหลี่ยมไหน ก็น่าสงสัยว่า เป็นรายการช่วยเหลือบิ๊กโจ๊ก

    #จักรวาลรู้พรรคส้มไม่รู้ #คลิปลับโจ๊ก #คลิปลับโจ๊กจัดฉาก #พรรคประชาชน #สุรเชชษฐ์หักพาล #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    คำร้องของพรรคประชาชน มีเหตุผลอันสมควรอยู่ 2 หัวข้อ คือ คดีนาฬิกายืมเพื่อน กับคดีขัดศาลปกครอง ขณะที่คดีคลิปลับ มองเหลี่ยมไหน ก็น่าสงสัยว่า เป็นรายการช่วยเหลือบิ๊กโจ๊ก #จักรวาลรู้พรรคส้มไม่รู้ #คลิปลับโจ๊ก #คลิปลับโจ๊กจัดฉาก #พรรคประชาชน #สุรเชชษฐ์หักพาล #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1294 มุมมอง 47 0 รีวิว
  • น่าเสียดายนักการเมืองคนรุ่นใหม่ๆ หากต้องมาเป็นเครื่องมือคนอื่น ถูกหลอกใช้ เอาเรื่องส่วนรวมมาแก้แค้นส่วนตัว

    #พรรคส้มชำระแค้นถอดสุชาติ #พรรคส้มชำระแค้น #งานนี้เพื่อบิ๊กโจ๊ก #พรรคประชาชน #สุรเชชษฐ์หักพาล #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    น่าเสียดายนักการเมืองคนรุ่นใหม่ๆ หากต้องมาเป็นเครื่องมือคนอื่น ถูกหลอกใช้ เอาเรื่องส่วนรวมมาแก้แค้นส่วนตัว #พรรคส้มชำระแค้นถอดสุชาติ #พรรคส้มชำระแค้น #งานนี้เพื่อบิ๊กโจ๊ก #พรรคประชาชน #สุรเชชษฐ์หักพาล #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    Haha
    Love
    21
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2025 มุมมอง 53 0 รีวิว
  • ผบ.ตร.ยังไม่ได้รับผลสอบวินัย "บิ๊กโจ๊ก" จากกองวินัย ย้ำต้องพิจารณารอบคอบ ส่วนกรณีมีผู้ร้องให้สอบในฐานะพยานเพิ่ม เป็นหน้าที่กองวินัยจะพิจารณา

    วันนี้ (27 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ยังไม่ได้รับผลสอบวินัยร้ายแรง จากกองวินัย กรณีของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร. แต่อย่างใด ย้ำว่าทุกอย่าง ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ดังนั้น เมื่อคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ส่งสำนวนให้กับทางกองวินัยแล้ว ก็เป็นเรื่องของกองวินัย ที่จะต้องพิจารณาตรวจสอบกระบวนการต่างๆ ของคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ว่าทำถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ โดยต้องดูทั้งเรื่องการสอบสวนพยานต่างๆ ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเป็นหน้าที่ของกองวินัยที่จะต้องดำเนินการก่อนเสนอมาที่ตนเอง ซึ่งจะต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน

    ส่วนกรณีมีบุคคลอ้างว่ามีข้อมูล พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ถูกกลั่นแกล้งนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ถ้าคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง มีการเสนอเรื่องมาที่กองวินัยแล้วนั่นหมายถึงกระบวนการสอบสวน ได้เสร็จสิ้นแล้ว การจะสอบเพิ่มหรือไม่สอบเพิ่ม ก็เป็นเรื่องของกองวินัย ที่จะต้องพิจารณา ว่าเป็นประเด็นที่มีความจำเป็น จะต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวนหรือไม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กองวินัยจะเป็นผู้พิจารณายังมาไม่ถึงตนเอง

    #MGROnline #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #ผลสอบวินัยร้ายแรง
    ผบ.ตร.ยังไม่ได้รับผลสอบวินัย "บิ๊กโจ๊ก" จากกองวินัย ย้ำต้องพิจารณารอบคอบ ส่วนกรณีมีผู้ร้องให้สอบในฐานะพยานเพิ่ม เป็นหน้าที่กองวินัยจะพิจารณา • วันนี้ (27 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ยังไม่ได้รับผลสอบวินัยร้ายแรง จากกองวินัย กรณีของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร. แต่อย่างใด ย้ำว่าทุกอย่าง ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ดังนั้น เมื่อคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ส่งสำนวนให้กับทางกองวินัยแล้ว ก็เป็นเรื่องของกองวินัย ที่จะต้องพิจารณาตรวจสอบกระบวนการต่างๆ ของคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ว่าทำถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ โดยต้องดูทั้งเรื่องการสอบสวนพยานต่างๆ ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเป็นหน้าที่ของกองวินัยที่จะต้องดำเนินการก่อนเสนอมาที่ตนเอง ซึ่งจะต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน • ส่วนกรณีมีบุคคลอ้างว่ามีข้อมูล พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ถูกกลั่นแกล้งนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ถ้าคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง มีการเสนอเรื่องมาที่กองวินัยแล้วนั่นหมายถึงกระบวนการสอบสวน ได้เสร็จสิ้นแล้ว การจะสอบเพิ่มหรือไม่สอบเพิ่ม ก็เป็นเรื่องของกองวินัย ที่จะต้องพิจารณา ว่าเป็นประเด็นที่มีความจำเป็น จะต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวนหรือไม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กองวินัยจะเป็นผู้พิจารณายังมาไม่ถึงตนเอง • #MGROnline #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #ผลสอบวินัยร้ายแรง
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 19-2-68 (ภาคต่อ)
    .
    วันนี้รายการกลับมา Live อีกครั้ง หลังจากที่วันจันทร์คุณสนธิต้องตรากตรำเดินทางไปขึ้นศาลจังหวัดแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ในคดีความหมิ่นประมาทเกี่ยวกับการทุจริตใน ปตท. วันนี้คุณสนธิจึงจะมาถ่ายทอดประสบการณ์เดินทางไปขึ้นเหนือ ไปขึ้นศาลครั้งนี้ให้ฟัง นอกจากนี้ยังมีทัศนะของคุณสนธิเกี่ยวกับกรณีพิพาทระหว่าง "โจ๊ก สุรเชชษฐ์" กับ "ท่านวันนอร์" ประธานรัฐสภา ที่เป็นกรณีร้ายแรง รวมถึงถ้ามีเวลาเหลือคุณสนธิจะสรุปภาพรวมของความคืบหน้าในคดีการค้นหาความจริงกับการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทรธิดาให้ฟังด้วย ... จะสนุกสนานแค่ไหนโปรดติดตาม
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=RsnclcCP9iE
    .
    #SondhiTalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง
    สนธิเล่าเรื่อง 19-2-68 (ภาคต่อ) . วันนี้รายการกลับมา Live อีกครั้ง หลังจากที่วันจันทร์คุณสนธิต้องตรากตรำเดินทางไปขึ้นศาลจังหวัดแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ในคดีความหมิ่นประมาทเกี่ยวกับการทุจริตใน ปตท. วันนี้คุณสนธิจึงจะมาถ่ายทอดประสบการณ์เดินทางไปขึ้นเหนือ ไปขึ้นศาลครั้งนี้ให้ฟัง นอกจากนี้ยังมีทัศนะของคุณสนธิเกี่ยวกับกรณีพิพาทระหว่าง "โจ๊ก สุรเชชษฐ์" กับ "ท่านวันนอร์" ประธานรัฐสภา ที่เป็นกรณีร้ายแรง รวมถึงถ้ามีเวลาเหลือคุณสนธิจะสรุปภาพรวมของความคืบหน้าในคดีการค้นหาความจริงกับการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทรธิดาให้ฟังด้วย ... จะสนุกสนานแค่ไหนโปรดติดตาม . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=RsnclcCP9iE . #SondhiTalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 390 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 19-2-68
    วันนี้คุณสนธิจึงจะมาถ่ายทอดประสบการณ์เดินทางไปขึ้นเหนือ ไปขึ้นศาลครั้งนี้ให้ฟัง นอกจากนี้ยังมีทัศนะของคุณสนธิเกี่ยวกับกรณีพิพาทระหว่าง "โจ๊ก สุรเชชษฐ์" กับ "ท่านวันนอร์" รวมถึงถ้ามีเวลาเหลือคุณสนธิจะสรุปภาพรวมของความคืบหน้าในคดีการค้นหาความจริงกับการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทรธิดาให้ฟังด้วย ... จะสนุกสนานแค่ไหนโปรดติดตาม
    https://www.youtube.com/watch?v=Ccgt-pD7Ql0

    #SondhiTalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง
    สนธิเล่าเรื่อง 19-2-68 วันนี้คุณสนธิจึงจะมาถ่ายทอดประสบการณ์เดินทางไปขึ้นเหนือ ไปขึ้นศาลครั้งนี้ให้ฟัง นอกจากนี้ยังมีทัศนะของคุณสนธิเกี่ยวกับกรณีพิพาทระหว่าง "โจ๊ก สุรเชชษฐ์" กับ "ท่านวันนอร์" รวมถึงถ้ามีเวลาเหลือคุณสนธิจะสรุปภาพรวมของความคืบหน้าในคดีการค้นหาความจริงกับการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทรธิดาให้ฟังด้วย ... จะสนุกสนานแค่ไหนโปรดติดตาม https://www.youtube.com/watch?v=Ccgt-pD7Ql0 #SondhiTalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง
    Like
    Love
    Haha
    58
    6 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 3986 มุมมอง 4 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 19-2-68
    .
    วันนี้รายการกลับมา Live อีกครั้ง หลังจากที่วันจันทร์คุณสนธิต้องตรากตรำเดินทางไปขึ้นศาลจังหวัดแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ในคดีความหมิ่นประมาทเกี่ยวกับการทุจริตใน ปตท. วันนี้คุณสนธิจึงจะมาถ่ายทอดประสบการณ์เดินทางไปขึ้นเหนือ ไปขึ้นศาลครั้งนี้ให้ฟัง นอกจากนี้ยังมีทัศนะของคุณสนธิเกี่ยวกับกรณีพิพาทระหว่าง "โจ๊ก สุรเชชษฐ์" กับ "ท่านวันนอร์" ประธานรัฐสภา ที่เป็นกรณีร้ายแรง รวมถึงถ้ามีเวลาเหลือคุณสนธิจะสรุปภาพรวมของความคืบหน้าในคดีการค้นหาความจริงกับการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทรธิดาให้ฟังด้วย ... จะสนุกสนานแค่ไหนโปรดติดตาม
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=Ccgt-pD7Ql0
    .
    #SondhiTalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง
    สนธิเล่าเรื่อง 19-2-68 . วันนี้รายการกลับมา Live อีกครั้ง หลังจากที่วันจันทร์คุณสนธิต้องตรากตรำเดินทางไปขึ้นศาลจังหวัดแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ในคดีความหมิ่นประมาทเกี่ยวกับการทุจริตใน ปตท. วันนี้คุณสนธิจึงจะมาถ่ายทอดประสบการณ์เดินทางไปขึ้นเหนือ ไปขึ้นศาลครั้งนี้ให้ฟัง นอกจากนี้ยังมีทัศนะของคุณสนธิเกี่ยวกับกรณีพิพาทระหว่าง "โจ๊ก สุรเชชษฐ์" กับ "ท่านวันนอร์" ประธานรัฐสภา ที่เป็นกรณีร้ายแรง รวมถึงถ้ามีเวลาเหลือคุณสนธิจะสรุปภาพรวมของความคืบหน้าในคดีการค้นหาความจริงกับการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทรธิดาให้ฟังด้วย ... จะสนุกสนานแค่ไหนโปรดติดตาม . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=Ccgt-pD7Ql0 . #SondhiTalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง
    Love
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 366 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบ.ตร.หวั่นตำรวจกับประชาชนเอือมระอา ขอไม่ตอบโต้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หลังถูกอีกฝ่ายแจ้ง ม.157 ขอเอาเวลาไปคิด ทำงานเพื่อประชาชน ลุยปราบมิจฉาชีพหรือกลุ่มอาชญากร ลั่นพร้อมรับแรงกดดันหลังมีคำสั่งเด้ง ตั้งกก.สอบสีกากีเกี่ยวข้องแก๊งคอลฯ ย้ำจำเป็นต้องเด็ดขาด เพื่อกู้ภาพลักษณ์องค์กรและประเทศชาติ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000014240

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผบ.ตร.หวั่นตำรวจกับประชาชนเอือมระอา ขอไม่ตอบโต้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หลังถูกอีกฝ่ายแจ้ง ม.157 ขอเอาเวลาไปคิด ทำงานเพื่อประชาชน ลุยปราบมิจฉาชีพหรือกลุ่มอาชญากร ลั่นพร้อมรับแรงกดดันหลังมีคำสั่งเด้ง ตั้งกก.สอบสีกากีเกี่ยวข้องแก๊งคอลฯ ย้ำจำเป็นต้องเด็ดขาด เพื่อกู้ภาพลักษณ์องค์กรและประเทศชาติ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000014240 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    15
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 873 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔴Live SONDHITALK Ep279
    SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep279 (live)
    “บิ๊กโจ๊ก” สุรเชชษฐ์ หักพาล มาทำอะไรที่บ้านพระอาทิตย์ “สนธิ” มีคำตอบ ห้ามพลาด
    🔴Live SONDHITALK Ep279 SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep279 (live) “บิ๊กโจ๊ก” สุรเชชษฐ์ หักพาล มาทำอะไรที่บ้านพระอาทิตย์ “สนธิ” มีคำตอบ ห้ามพลาด
    Like
    Love
    Haha
    Sad
    131
    23 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6895 มุมมอง 11 รีวิว
  • น.1 ระบุ ปปง.เข้าแจ้งความ "พล.ต.อ.สุรเชษฐ์" หรือ "สุรเชชษฐ์ หักพาล" และ "นางศิรินัดดา หักพาล" อดีตนายตำรวจใหญ่ ข้อหา “ฟอกเงิน“ หลังพบการกระทำความผิด

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000003813

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    น.1 ระบุ ปปง.เข้าแจ้งความ "พล.ต.อ.สุรเชษฐ์" หรือ "สุรเชชษฐ์ หักพาล" และ "นางศิรินัดดา หักพาล" อดีตนายตำรวจใหญ่ ข้อหา “ฟอกเงิน“ หลังพบการกระทำความผิด อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000003813 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    16
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1136 มุมมอง 0 รีวิว
  • ”อัจฉริยะ“ ยื่นร้อง ผบ.ตร.ตรวจสอบการถอนอายัดทรัพย์สินเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์กว่า 700 ล้านบาท โดยมีผบก.สังกัดบช.ไซเบอร์ ลงนามเซ็นคำสั่ง เชื่อมีการใช้อำนาจช่วยเหลือกลุ่มผู้ต้องหา

    วันนี้ (6 ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพๆงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ให้ตรวจสอบกรณีการถอนอายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหาเครือข่ายเ็บพนันออนไลน์ โดยเมื่อปี 2565 ครั้งนั้น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็นผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล เป็นรอง ผบ.ตร.ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมเครือข่ายดังกล่าว ซึ่งได้อายัดทรัพย์สินผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้รวมกว่า 700 ล้านบาท แต่ต่อมามีการดำเนินคดีกับหัวหน้าแก๊งที่เป็นชาวจีนในข้อหาปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชนเพียงข้อหาเดียว แต่ไม่ดำเนินคดีหัวหน้าแก๊งและเครือข่ายที่เปิดเว็บพนันออนไลน์ อีกทั้งเครือข่ายนี้ยังมีความเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขบวนการฟอกเงิน รวมไปถึงกลุ่มทุนจีนสีเทา แต่ทำไมตำรวจถึงยังถอนอายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหา

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000001400

    #MGROnline #อัจฉริยะ #ถอนอายัดทรัพย์สิน #เครือข่ายเว็บพนันออนไลน์
    ”อัจฉริยะ“ ยื่นร้อง ผบ.ตร.ตรวจสอบการถอนอายัดทรัพย์สินเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์กว่า 700 ล้านบาท โดยมีผบก.สังกัดบช.ไซเบอร์ ลงนามเซ็นคำสั่ง เชื่อมีการใช้อำนาจช่วยเหลือกลุ่มผู้ต้องหา • วันนี้ (6 ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพๆงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ให้ตรวจสอบกรณีการถอนอายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหาเครือข่ายเ็บพนันออนไลน์ โดยเมื่อปี 2565 ครั้งนั้น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็นผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล เป็นรอง ผบ.ตร.ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมเครือข่ายดังกล่าว ซึ่งได้อายัดทรัพย์สินผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้รวมกว่า 700 ล้านบาท แต่ต่อมามีการดำเนินคดีกับหัวหน้าแก๊งที่เป็นชาวจีนในข้อหาปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชนเพียงข้อหาเดียว แต่ไม่ดำเนินคดีหัวหน้าแก๊งและเครือข่ายที่เปิดเว็บพนันออนไลน์ อีกทั้งเครือข่ายนี้ยังมีความเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขบวนการฟอกเงิน รวมไปถึงกลุ่มทุนจีนสีเทา แต่ทำไมตำรวจถึงยังถอนอายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหา • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000001400 • #MGROnline #อัจฉริยะ #ถอนอายัดทรัพย์สิน #เครือข่ายเว็บพนันออนไลน์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 654 มุมมอง 0 รีวิว
  • “บิ๊กโจ๊ก” แห้ว ศาลปกครองสูงสุดยกคำร้อง ทุเลาคำสั่งออกจากราชการ

    ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง ตามคำขอของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ในคดีที่ฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งให้ออกราชการไว้ก่อน โดยชี้ว่า ผบ.ตร. มีอำนาจออกคำสั่ง และผู้ร้องถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยร้ายแรง

    วันนี้ (16 ธ.ค.) ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ ฟ.117/2567 ระหว่าง พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ฟ้องคดี กับ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ 1 คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ ที่ 2 นายกรัฐมนตรี ที่ 3 ผู้ถูกฟ้องคดี ซึ่งผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน คำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง และผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งตามปกครองที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน คำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง

    ศาลปกครองสูงสุดโดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามกฎ หรือคำสั่งทางปกครองจะต้องเข้าเงื่อนไขสามประการประกอบกัน สำหรับเงื่อนไขประการที่หนึ่ง ว่าคำสั่งน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ให้ผู้ฟ้องคดีมาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี มิใช่เป็นการแต่งตั้งข้าราชการซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง ไปดำรงตำแหน่งอีกกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง ผู้ฟ้องคดีจึงยังมีสถานะเป็นข้าราชการตำรวจและดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติตามเดิม ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นผู้บังคับบัญชาของผู้ฟ้องคดี

    เมื่อผู้ฟ้องคดีมีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนและศาลอาญาได้ออกหมายจับผู้ฟ้องคดี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนผู้ฟ้องคดี และมีอำนาจออกคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน และยังไม่ปรากฏปัญหาเกี่ยวกับความไม่ชอบด้วยกฎหมายในประการอื่น การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคำสั่งดังกล่าวจึงไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย

    เมื่อวินิจฉัยเงื่อนไขที่ว่า คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดีไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่ครบองค์ประกอบในการที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี กรณีจึงไม่จำต้องพิจารณาเงื่อนไข

    ประการที่สอง ที่ว่าการให้คำสั่งดังกล่าวมีใช้ผลเฉพาะต่อไปจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลังหรือไม่ และเงื่อนไขประการที่สาม ที่ว่าการทุเลาการบังคับตามคำสั่งดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐ หรือแก่บริการสาธารณะหรือไม่อีก จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกราชการไว้ก่อน และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี
    .........
    Sondhi X
    “บิ๊กโจ๊ก” แห้ว ศาลปกครองสูงสุดยกคำร้อง ทุเลาคำสั่งออกจากราชการ ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง ตามคำขอของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ในคดีที่ฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งให้ออกราชการไว้ก่อน โดยชี้ว่า ผบ.ตร. มีอำนาจออกคำสั่ง และผู้ร้องถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยร้ายแรง วันนี้ (16 ธ.ค.) ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ ฟ.117/2567 ระหว่าง พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ฟ้องคดี กับ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ 1 คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ ที่ 2 นายกรัฐมนตรี ที่ 3 ผู้ถูกฟ้องคดี ซึ่งผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน คำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง และผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งตามปกครองที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน คำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง ศาลปกครองสูงสุดโดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามกฎ หรือคำสั่งทางปกครองจะต้องเข้าเงื่อนไขสามประการประกอบกัน สำหรับเงื่อนไขประการที่หนึ่ง ว่าคำสั่งน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ให้ผู้ฟ้องคดีมาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี มิใช่เป็นการแต่งตั้งข้าราชการซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง ไปดำรงตำแหน่งอีกกระทรวง ทบวง กรมหนึ่ง ผู้ฟ้องคดีจึงยังมีสถานะเป็นข้าราชการตำรวจและดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติตามเดิม ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นผู้บังคับบัญชาของผู้ฟ้องคดี เมื่อผู้ฟ้องคดีมีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามที่คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนและศาลอาญาได้ออกหมายจับผู้ฟ้องคดี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงเป็นผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนผู้ฟ้องคดี และมีอำนาจออกคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อน และยังไม่ปรากฏปัญหาเกี่ยวกับความไม่ชอบด้วยกฎหมายในประการอื่น การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคำสั่งดังกล่าวจึงไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อวินิจฉัยเงื่อนไขที่ว่า คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดีไม่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่ครบองค์ประกอบในการที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี กรณีจึงไม่จำต้องพิจารณาเงื่อนไข ประการที่สอง ที่ว่าการให้คำสั่งดังกล่าวมีใช้ผลเฉพาะต่อไปจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลังหรือไม่ และเงื่อนไขประการที่สาม ที่ว่าการทุเลาการบังคับตามคำสั่งดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐ หรือแก่บริการสาธารณะหรือไม่อีก จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกราชการไว้ก่อน และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้ข้าราชการตำรวจพ้นจากตำแหน่ง ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองตามคำขอของผู้ฟ้องคดี ......... Sondhi X
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 990 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญากรุงเทพใต้ อนุมัติออกหมายจับ "เจ๊หนิง-สามี-หลานชาย" เมียบิ๊กโจ๊ก ข้อหาร่วมกันแจ้งความเท็จ ล่าสุดเจ้าตัวติดต่อมอบตัวพรุ่งนี้ เวลา 09.00 น.

    จากกรณี น.ส.ธณัฏฐา ยอดเยี่ยม หรือ หนิง อดีตอาจารย์พิเศษสาวโรงเรียนนายร้อยตำรวจ แจ้งความให้ดำเนินคดีกับ “มาดามกุ๊บกิ๊บ” นางศิรินัดดา หักพาล ภรรยาพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รองผบ.ตร. ก่อเหตุลักเงินสดและทองคำมูลค่าเกือบ 6 ล้านที่จะใช้ไว้เป็นสินสอดในงานแต่งงาน ในข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถานและบุกรุกเคหสถาน ขณะเดียวกันนางศิรินัดดา แจ้งความกลับคู่กรณีแจ้งความเท็จกลั่นแกล้งผู้อื่นให้รับโทษทางอาญา

    ล่าสุด วันนี้ (22 พ.ย.) เมื่อเวลา 17.00 น.พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ประดับไทย ผกก.สน.พระโขนง เปิดเผยถึงคดีดังกล่าวว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนสน.พระโขนง ได้รวบรวมพยานหลักฐานเสนอต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลพิจารณาได้อนุมัติออกหมายจับที่ 1118/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ให้จับกุม น.ส.ธณัฏฐา ยอดเยี่ยม หรือ เจ๊หนิง หมายจับที่ 1119/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ให้จับกุม พ.ต.อ.ภีมพจน์ น้อมชอบพิทักษ์ อดีตอาจารย์ (สบ4) กลุ่มงานคณาจารย์ คณะตำรวจศาสตร์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ปฏิบัติราชการที่ ศปก. บช.รร.นรต และหมายจับที่ 1120/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ให้จับกุมนายพงษ์พัฒน์ วรเกต หลานเจ๊หนิง ข้อหา ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนเป็นการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษหรือรับโทษหนัก

    พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ข้อหาดังกล่าวมีอัตราโทษเกิน 3 ปี ณ เวลานี้ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนยังไม่ได้ติดต่อมอบตัวเจ้าหน้าที่พบเห็นที่ไหนสามารถจับกุมได้ทันที

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ธณัฏฐา หรือ เจ๊หนิง ติดต่อตำรวจมาแล้ว ทั้ง 3 คนจะเข้ามอบตัวตำรวจพรุ่งนี้วันที่ 23 พ.ย. เวลา 09.00 น.

    #MGROnline #จ๊หนิง #สามี #หลานชาย #เมียบิ๊กโจ๊ก
    ศาลอาญากรุงเทพใต้ อนุมัติออกหมายจับ "เจ๊หนิง-สามี-หลานชาย" เมียบิ๊กโจ๊ก ข้อหาร่วมกันแจ้งความเท็จ ล่าสุดเจ้าตัวติดต่อมอบตัวพรุ่งนี้ เวลา 09.00 น. • จากกรณี น.ส.ธณัฏฐา ยอดเยี่ยม หรือ หนิง อดีตอาจารย์พิเศษสาวโรงเรียนนายร้อยตำรวจ แจ้งความให้ดำเนินคดีกับ “มาดามกุ๊บกิ๊บ” นางศิรินัดดา หักพาล ภรรยาพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รองผบ.ตร. ก่อเหตุลักเงินสดและทองคำมูลค่าเกือบ 6 ล้านที่จะใช้ไว้เป็นสินสอดในงานแต่งงาน ในข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถานและบุกรุกเคหสถาน ขณะเดียวกันนางศิรินัดดา แจ้งความกลับคู่กรณีแจ้งความเท็จกลั่นแกล้งผู้อื่นให้รับโทษทางอาญา • ล่าสุด วันนี้ (22 พ.ย.) เมื่อเวลา 17.00 น.พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ประดับไทย ผกก.สน.พระโขนง เปิดเผยถึงคดีดังกล่าวว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนสน.พระโขนง ได้รวบรวมพยานหลักฐานเสนอต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลพิจารณาได้อนุมัติออกหมายจับที่ 1118/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ให้จับกุม น.ส.ธณัฏฐา ยอดเยี่ยม หรือ เจ๊หนิง หมายจับที่ 1119/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ให้จับกุม พ.ต.อ.ภีมพจน์ น้อมชอบพิทักษ์ อดีตอาจารย์ (สบ4) กลุ่มงานคณาจารย์ คณะตำรวจศาสตร์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ปฏิบัติราชการที่ ศปก. บช.รร.นรต และหมายจับที่ 1120/2567 ลงวันที่ 22 พ.ย.67 ให้จับกุมนายพงษ์พัฒน์ วรเกต หลานเจ๊หนิง ข้อหา ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวนเป็นการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษหรือรับโทษหนัก • พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ข้อหาดังกล่าวมีอัตราโทษเกิน 3 ปี ณ เวลานี้ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนยังไม่ได้ติดต่อมอบตัวเจ้าหน้าที่พบเห็นที่ไหนสามารถจับกุมได้ทันที • ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ธณัฏฐา หรือ เจ๊หนิง ติดต่อตำรวจมาแล้ว ทั้ง 3 คนจะเข้ามอบตัวตำรวจพรุ่งนี้วันที่ 23 พ.ย. เวลา 09.00 น. • #MGROnline #จ๊หนิง #สามี #หลานชาย #เมียบิ๊กโจ๊ก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 826 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง "ทนายตั้ม" ทำตัวผู้จัดการมรดก ส่อง GPS รถเบนซ์ เปิดแผนลวงเข้าป่า-ล่องแพ
    .
    รายการสนธิเล่าเรื่องเช้านี้ พบทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก เขียนพินัยกรรมเอง ก่อนเริ่มซื้อรถเบนซ์ พบให้พยานเซ็นเฉพาะหน้าสุดท้าย ไม่คืนคู่ฉบับ ซื้อรถเบนซ์คุณอ้อย ติด GPS ดูทุกความเคลื่อนไหว แถมชักชวนไปเที่ยวไกลๆ ไปเชียงราย แม้กระทั่งไปเขื่อนเชี่ยวหลาน สุราษฎร์ธานี ไม่มีสัญญาณมือถือ ผวาหากตายไปอ้างได้ว่าอุบัติเหตุ สุดท้ายทำพินัยกรรมฝ่ายเมืองสกัดกั้น
    .
    วันนี้ (20 พ.ย.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวในรายการสนธิเล่าเรื่อง ทางยูทูบ Sondhitalk ถึงความคืบหน้าคดีที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย เศรษฐีชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา แจ้งความดำเนินคดีกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ไฮไสต์สำคัญอยู่ที่การที่ทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก โดยสรุปดังนี้
    .
    - คุณอ้อยกล่าวว่า ทนายตั้มต้องการเป็นผู้จัดการมรดกในการเขียนพินัยกรรม พอได้รับการแต่งตั้งก็พยายามชวนคุณอ้อยไปเที่ยวไกลๆ เช่น เขื่อนรัชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งอะไรก็เกิดขึ้นได้โดยไม่มีใครคาดคิด หากคุณอ้อยเสียชีวิต ทนายตั้มจะได้เป็นผู้จัดการมรดก มีอำนาจเด็ดขาดแต่ผู้เดียว แต่โชคดีที่คุณอ้อยไหวตัวทัน
    .
    - ก่อนหน้านี้บริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม จำกัด ได้รับว่าจ้างจากคุณอ้อยเดือนละ 300,000 บาทให้เป็นที่ปรึกษาดูแลผลประโยชน์ธุรกิจ เมื่อ 2 ปีก่อน หลังจากนั้นทนายตั้มอาศัยความไว้ใจจากพี่อ้อยช่วยเหลือดำเนินการ เช่น ยกลูกตัวเองคนหนึ่งให้เป็นลูกบุญธรรม แต่ลูกชายคุณอ้อยไม่เห็นด้วย
    .
    - เมื่อรู้ว่าคุณอ้อยร่ำรวยเป็นหมื่นล้านบาท และการศึกษาน้อย ร่ำรวยจากการเสี่ยงโชค คุณอ้อยพลาดตรงที่หาทนายความจากเฟซบุ๊ก เห็นว่าทนายตั้มหน้าตาดี เป็นทนายความเพื่อประชาชน แต่คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ นึกไม่ถึงว่าเป็นคนเลวถึงขนาดนั้น
    .
    - พอได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดกแค่ 9 วัน ทนายตั้มก็คิดจะฮุบเงินฮุบทอง ทำพินัยกรรมที่สำนักงาน ษิทรา ลอว์เฟิร์ม มีทั้งหมด 7 ข้อ โดยมีทนายตั้มเป็นผู้เขียนและพิมพ์พินัยกรรม คุณเดวิดสามีคุณอ้อย และคุณน้อย เป็นพยาน ทีแรกไม่ผิดสังเกต แต่ภายหลังพบว่าทนายตั้มไม่ได้ทำงานสมค่าจ้าง ยกครอบครัวเที่ยวหรูอยู่สบาย รวมทั้งสำนักงาน ษิทรา ลอว์เฟิร์ม จัดทริปพาพนักงาน 20 คนเที่ยวญี่ปุ่น ก็ขอเงินคุณอ้อยหลายล้านบาท และขอเงินยิบย่อย
    .
    - ผ่านไป 1 ปี คุณอ้อยเห็นว่าทำงานไม่คุ้ม ไม่ไหว เลยยกเลิกสัญญาเป็นที่ปรึกษา แต่ทนายตั้มยังตื้อขอต่อสัญญาอีก 1 ปี พร้อมข้อเสนอการลงทุนตามมา เป็นที่มาของเงิน 2 ล้านยูโร ทำแอปฯ นาคี ต่อด้วยคดีสมคบกับนายนุวัฒน์และ น.ส.สาลินีหลอกลวงว่าถูกแฮกคริปโตฯ สูญ 39 ล้านบาท ฉ้อโกงเขียนแบบโรงแรม และอื่นๆ
    .
    - ทนายตั้มร่างพินัยกรรมคุณอ้อยฉบับใหม่ ทำที่บ้านชีวา ลงวันที่ 7 ส.ค. 2566 แก้ไขจากฉบับแรก แต่พินัยกรรมมีปัญหารายละเอียดสำคัญว่า สินทรัพย์ที่อยู่ต่างประเทศให้ลูกชายคนเดียว แต่ทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก ก่อนเริ่มซื้อรถเบนซ์ ติด GPS เอาไว้ โดยทนายตั้มติดเอง แสดงว่าจะตามว่ารถคันนี้ไปที่ไหนบ้าง จึงสงสัยว่าทำไมถึงติด GPS เอาไว้ แต่ทนายตั้มยังโกหก
    .
    - คุณอ้อยกล่าวว่า ทนายตั้มเคยชวนไปเชียงราย อ้างว่าทำบุญที่วัดห้วยปลากั้ง แต่ไม่ไปเพราะไกล เป็นห่วงความปลอดภัยของแฟน และไม่ได้รู้จักคนทางโน้น และชวนไปล่องแพที่ภาคใต้ เขื่อนรัชประภา จ.สุราษฎร์ธานี แต่ไม่ไปเพราะกลัวเป็นน้ำ ไปลำบากเลยปฎิเสธ ไม่ได้คิดเบื้องหน้าเบื้องหลัง พอรู้จากคนใกล้ชิดก็กลัวว่าอยู่ใต้แพ
    .
    - ในสัญญาติดตั้ง GPS ใช้ชื่อทนายตั้ม ทำสัญญารายปี และมีหลักฐานว่าทนายตั้มแอบดูข้อมูลการเดินทางว่าไปไหนบ้าง เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมาหลังมีเรื่อง นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาทนายตั้มยังแอบเข้าไปดู GPS ว่ารถคุณอ้อยเดินทางไปที่ไหน
    .
    - คุณอ้อยและคุณน้อยพบว่า หลังทำพินัยกรรมฉบับที่ 2 ทนายตั้มยังชักชวนไปเที่ยวแพที่เขื่อนรัชประภา อ้างว่าจะพาไปรู้จักนายตำรวจคนหนึ่งซึ่งเป็นคนใต้ คือ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล หรือโจ๊ก เหมือนกับที่ไปฮ่องกง ไปเจอนายอนุทิน ชาญวีรกุล และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ แต่คุณอ้อยไม่อยากไป เพราะไม่อยากลำบาก และไม่อยากรู้จักใคร
    .
    - เขื่อนรัชชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน เหมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์หรืออินเทอร์เน็ต ใครจะทำอะไรก็ไม่มีใครรู้ สมมติกรณีที่จัดการกับเจ้าของมรดกก็ไม่มีใครรู้ อ้างได้ว่าอุบัติเหตุทางน้ำ
    .
    - หลังจากทำพินัยกรรมฉบับที่ 2 คุณอ้อยและคุณน้อยพยายามทวงถามพินัยกรรมคู่ฉบับก็ไม่นำมาให้ กระทั่งแตกหักเรื่องรถเบนซ์ ได้ทำหนังสือทวงถามพินัยกรรม แต่ทนายตั้มตอบกลับว่า ทำลายไปหมดแล้ว ทั้งที่ไม่ได้ถามหรือทำลายต่อหน้า และพบว่าสัญญามีช่องโหว่ อีกทั้งให้ลงนามเฉพาะหน้าสุดท้าย แทนที่จะลงนามสัญญาทุกหน้า เพราะฉะนั้นเป็นพินัยกรรมปลอมและพินัยกรรมสอดไส้
    .
    - ต้นปี 2567 หลังจากคุณอ้อยใจสลาย ก็ได้ยกเลิกพินัยกรรมกับทนายตั้มทุกฉบับ แล้วไปทำพินัยกรรมฝ่ายเมือง จัดทำที่อำเภอ มีเจ้าหน้าที่รัฐรับรอง
    ..............
    Sondhi X
    สนธิเล่าเรื่อง "ทนายตั้ม" ทำตัวผู้จัดการมรดก ส่อง GPS รถเบนซ์ เปิดแผนลวงเข้าป่า-ล่องแพ . รายการสนธิเล่าเรื่องเช้านี้ พบทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก เขียนพินัยกรรมเอง ก่อนเริ่มซื้อรถเบนซ์ พบให้พยานเซ็นเฉพาะหน้าสุดท้าย ไม่คืนคู่ฉบับ ซื้อรถเบนซ์คุณอ้อย ติด GPS ดูทุกความเคลื่อนไหว แถมชักชวนไปเที่ยวไกลๆ ไปเชียงราย แม้กระทั่งไปเขื่อนเชี่ยวหลาน สุราษฎร์ธานี ไม่มีสัญญาณมือถือ ผวาหากตายไปอ้างได้ว่าอุบัติเหตุ สุดท้ายทำพินัยกรรมฝ่ายเมืองสกัดกั้น . วันนี้ (20 พ.ย.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวในรายการสนธิเล่าเรื่อง ทางยูทูบ Sondhitalk ถึงความคืบหน้าคดีที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย เศรษฐีชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา แจ้งความดำเนินคดีกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ไฮไสต์สำคัญอยู่ที่การที่ทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก โดยสรุปดังนี้ . - คุณอ้อยกล่าวว่า ทนายตั้มต้องการเป็นผู้จัดการมรดกในการเขียนพินัยกรรม พอได้รับการแต่งตั้งก็พยายามชวนคุณอ้อยไปเที่ยวไกลๆ เช่น เขื่อนรัชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งอะไรก็เกิดขึ้นได้โดยไม่มีใครคาดคิด หากคุณอ้อยเสียชีวิต ทนายตั้มจะได้เป็นผู้จัดการมรดก มีอำนาจเด็ดขาดแต่ผู้เดียว แต่โชคดีที่คุณอ้อยไหวตัวทัน . - ก่อนหน้านี้บริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม จำกัด ได้รับว่าจ้างจากคุณอ้อยเดือนละ 300,000 บาทให้เป็นที่ปรึกษาดูแลผลประโยชน์ธุรกิจ เมื่อ 2 ปีก่อน หลังจากนั้นทนายตั้มอาศัยความไว้ใจจากพี่อ้อยช่วยเหลือดำเนินการ เช่น ยกลูกตัวเองคนหนึ่งให้เป็นลูกบุญธรรม แต่ลูกชายคุณอ้อยไม่เห็นด้วย . - เมื่อรู้ว่าคุณอ้อยร่ำรวยเป็นหมื่นล้านบาท และการศึกษาน้อย ร่ำรวยจากการเสี่ยงโชค คุณอ้อยพลาดตรงที่หาทนายความจากเฟซบุ๊ก เห็นว่าทนายตั้มหน้าตาดี เป็นทนายความเพื่อประชาชน แต่คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ นึกไม่ถึงว่าเป็นคนเลวถึงขนาดนั้น . - พอได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดกแค่ 9 วัน ทนายตั้มก็คิดจะฮุบเงินฮุบทอง ทำพินัยกรรมที่สำนักงาน ษิทรา ลอว์เฟิร์ม มีทั้งหมด 7 ข้อ โดยมีทนายตั้มเป็นผู้เขียนและพิมพ์พินัยกรรม คุณเดวิดสามีคุณอ้อย และคุณน้อย เป็นพยาน ทีแรกไม่ผิดสังเกต แต่ภายหลังพบว่าทนายตั้มไม่ได้ทำงานสมค่าจ้าง ยกครอบครัวเที่ยวหรูอยู่สบาย รวมทั้งสำนักงาน ษิทรา ลอว์เฟิร์ม จัดทริปพาพนักงาน 20 คนเที่ยวญี่ปุ่น ก็ขอเงินคุณอ้อยหลายล้านบาท และขอเงินยิบย่อย . - ผ่านไป 1 ปี คุณอ้อยเห็นว่าทำงานไม่คุ้ม ไม่ไหว เลยยกเลิกสัญญาเป็นที่ปรึกษา แต่ทนายตั้มยังตื้อขอต่อสัญญาอีก 1 ปี พร้อมข้อเสนอการลงทุนตามมา เป็นที่มาของเงิน 2 ล้านยูโร ทำแอปฯ นาคี ต่อด้วยคดีสมคบกับนายนุวัฒน์และ น.ส.สาลินีหลอกลวงว่าถูกแฮกคริปโตฯ สูญ 39 ล้านบาท ฉ้อโกงเขียนแบบโรงแรม และอื่นๆ . - ทนายตั้มร่างพินัยกรรมคุณอ้อยฉบับใหม่ ทำที่บ้านชีวา ลงวันที่ 7 ส.ค. 2566 แก้ไขจากฉบับแรก แต่พินัยกรรมมีปัญหารายละเอียดสำคัญว่า สินทรัพย์ที่อยู่ต่างประเทศให้ลูกชายคนเดียว แต่ทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก ก่อนเริ่มซื้อรถเบนซ์ ติด GPS เอาไว้ โดยทนายตั้มติดเอง แสดงว่าจะตามว่ารถคันนี้ไปที่ไหนบ้าง จึงสงสัยว่าทำไมถึงติด GPS เอาไว้ แต่ทนายตั้มยังโกหก . - คุณอ้อยกล่าวว่า ทนายตั้มเคยชวนไปเชียงราย อ้างว่าทำบุญที่วัดห้วยปลากั้ง แต่ไม่ไปเพราะไกล เป็นห่วงความปลอดภัยของแฟน และไม่ได้รู้จักคนทางโน้น และชวนไปล่องแพที่ภาคใต้ เขื่อนรัชประภา จ.สุราษฎร์ธานี แต่ไม่ไปเพราะกลัวเป็นน้ำ ไปลำบากเลยปฎิเสธ ไม่ได้คิดเบื้องหน้าเบื้องหลัง พอรู้จากคนใกล้ชิดก็กลัวว่าอยู่ใต้แพ . - ในสัญญาติดตั้ง GPS ใช้ชื่อทนายตั้ม ทำสัญญารายปี และมีหลักฐานว่าทนายตั้มแอบดูข้อมูลการเดินทางว่าไปไหนบ้าง เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมาหลังมีเรื่อง นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาทนายตั้มยังแอบเข้าไปดู GPS ว่ารถคุณอ้อยเดินทางไปที่ไหน . - คุณอ้อยและคุณน้อยพบว่า หลังทำพินัยกรรมฉบับที่ 2 ทนายตั้มยังชักชวนไปเที่ยวแพที่เขื่อนรัชประภา อ้างว่าจะพาไปรู้จักนายตำรวจคนหนึ่งซึ่งเป็นคนใต้ คือ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล หรือโจ๊ก เหมือนกับที่ไปฮ่องกง ไปเจอนายอนุทิน ชาญวีรกุล และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ แต่คุณอ้อยไม่อยากไป เพราะไม่อยากลำบาก และไม่อยากรู้จักใคร . - เขื่อนรัชชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน เหมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์หรืออินเทอร์เน็ต ใครจะทำอะไรก็ไม่มีใครรู้ สมมติกรณีที่จัดการกับเจ้าของมรดกก็ไม่มีใครรู้ อ้างได้ว่าอุบัติเหตุทางน้ำ . - หลังจากทำพินัยกรรมฉบับที่ 2 คุณอ้อยและคุณน้อยพยายามทวงถามพินัยกรรมคู่ฉบับก็ไม่นำมาให้ กระทั่งแตกหักเรื่องรถเบนซ์ ได้ทำหนังสือทวงถามพินัยกรรม แต่ทนายตั้มตอบกลับว่า ทำลายไปหมดแล้ว ทั้งที่ไม่ได้ถามหรือทำลายต่อหน้า และพบว่าสัญญามีช่องโหว่ อีกทั้งให้ลงนามเฉพาะหน้าสุดท้าย แทนที่จะลงนามสัญญาทุกหน้า เพราะฉะนั้นเป็นพินัยกรรมปลอมและพินัยกรรมสอดไส้ . - ต้นปี 2567 หลังจากคุณอ้อยใจสลาย ก็ได้ยกเลิกพินัยกรรมกับทนายตั้มทุกฉบับ แล้วไปทำพินัยกรรมฝ่ายเมือง จัดทำที่อำเภอ มีเจ้าหน้าที่รัฐรับรอง .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    10
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2093 มุมมอง 0 รีวิว
  • แพ้แล้วแพ้อีกแพ้มาตลอดทางเลย ก็คือบิ๊กโจ๊ก สุรเชชษฐ์ หักพาล ล่าสุดแพ้ในชั้นศาลปกครองสูงสุดในการยื่นคําร้องขอคุ้มครองชั่วคราวระหว่างการอุทธรณ์คดีเพื่อจะได้กลับมาเป็นตํารวจตามเดิม มติที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด มีมติเมื่อวันที่13 พฤศจิกายน 2567คะแนนออกมาฝ่ายไม่รับคําร้องของบิ๊กโจ๊กชนะท่วมท้นฝ่ายเข้าข้างโจ๊กที่มี5 มือ อันเป็นที่มาตัวเลข 200 กิโลกรัม
    สื่อตีข่าวบิ๊กโจ๊กมีลุ้นคัมแบ็คเป็นรอง ผบตร ตามเดิมโดยระบุว่าคณะอนุกรรมการของศาลปกครองสูงสุดมีมติ 5 ต่อ0 ชี้ว่า คําสั่งให้บิ๊กโจ๊กออกจากราชการเป็นคําสั่งที่มิชอบ บางสื่ออย่างหมาแก่รายงานข่าวนี้แบบปกปิดอาการกระหยิ่มไว้ไม่มิด ประสาคนรักกันชอบกันกับบิ๊กโจ๊ก หมาแก่บอกตอนนี้ผีโจ๊กเฮี้ยนทําเอาตํารวจหนาวขนหัวลุกกันทั้งสํานักงานตํารวจแห่งชาติ
    อย่างไรก็ตามพอเริ่มเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ของศาลปกครองสูงสุดผลคะแนนก็ออกมาอย่างที่เห็นบิ๊กโจ๊กแพ้ขาดลอยอีกครั้ง ยังดีไม่ถึงกับกินไข่ศูนย์แต้มแบบการพิจารณาในชั้น กตรและคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตํารวจ ท ถามว่าบิ๊กโจ๊กหมดหวังที่จะได้กลับมาเป็นตํารวจแล้วหรือไม่ จริงๆก็ยังมีหวังอยู่เพราะศาลปกครองสูงสุดยังไม่ได้ชี้ขาดว่าคําสั่งให้ออกชอบหรือไม่ชอบ
    จากเดิมที่บิ๊กโจ๊กรู้สึกอุ่นใจใน ปปช ที่ทําทุกวิถีทางให้คดีหลุดมือจากตํารวจมาอยู่ในมือ ปปช แต่ความซวยมาเยือนเมื่อ ปปช มีการผลัดใบแล้วจากการเกษียณอายุราชการของพลตํารวจเอก วัชรพล ประสานราชกิจ ประธานปปชคนเดิม ซึ่งพลตํารวจเอกวัชรพลและบิ๊กโจ๊กต่างก็เป็นคนของลุงป้อม ในยุคเรืองอํานาจของสามป. มีข่าวว่าปปช.ยุคใหม่ต้องการเรียกเกียรติและศักดิ์ศรีกลับคืนองค์กร หลังจากถูกประชาชนก่นด่าหูอื้อมาหลายปีนับจากคดีนาฬิกายืมเพื่อน ปปช.อยากเจริญลอยตามสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ในยุคบิ๊กต่า ซึ่งกําลังทํางานเข้าตาประชาชนจากการทําคดีใหญ่รัวๆ ด้วยความเที่ยงธรรมฉับไวดูทรงแล้วคดีของบิ๊กโจ๊กมีโอกาสที่จะได้เป็นคดีตัวอย่างที่ปปช.จะใช้กอบกู้ศรัทธาขณะที่การพิจารณาความผิดวินัยร้ายแรงซึ่งหยุดชะงักไปชั่วคราวจากการเกษียณอายุราชการของประธานสอบสวน ตอนนี้ บิ๊กต่า กําลังแบ่งงานให้กับรอง ผบตร 4 คนหากลงตัวเมื่อไหร่ก็จะมีการตั้งประธานสอบสวนวินัยคนใหม่การสอบสวนวินัยจะเป็นอีกดาบที่สํานักงานตํารวจแห่งชาติจะใช้เชือดบิ๊กโจ๊กเพราะคราวนี้จะไม่ใช่แค่ให้ออกจากราชการไว้ก่อนแต่อาจถึงขั้นไล่ออกถาวรเลยทีเดียว ต้องบอกว่าฟ้ามีตา พอบิ๊กโจ๊กหมดวาสนาก็ดับเลยทันที แบบไม่มีอะไรกั้น
    ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    แพ้แล้วแพ้อีกแพ้มาตลอดทางเลย ก็คือบิ๊กโจ๊ก สุรเชชษฐ์ หักพาล ล่าสุดแพ้ในชั้นศาลปกครองสูงสุดในการยื่นคําร้องขอคุ้มครองชั่วคราวระหว่างการอุทธรณ์คดีเพื่อจะได้กลับมาเป็นตํารวจตามเดิม มติที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด มีมติเมื่อวันที่13 พฤศจิกายน 2567คะแนนออกมาฝ่ายไม่รับคําร้องของบิ๊กโจ๊กชนะท่วมท้นฝ่ายเข้าข้างโจ๊กที่มี5 มือ อันเป็นที่มาตัวเลข 200 กิโลกรัม สื่อตีข่าวบิ๊กโจ๊กมีลุ้นคัมแบ็คเป็นรอง ผบตร ตามเดิมโดยระบุว่าคณะอนุกรรมการของศาลปกครองสูงสุดมีมติ 5 ต่อ0 ชี้ว่า คําสั่งให้บิ๊กโจ๊กออกจากราชการเป็นคําสั่งที่มิชอบ บางสื่ออย่างหมาแก่รายงานข่าวนี้แบบปกปิดอาการกระหยิ่มไว้ไม่มิด ประสาคนรักกันชอบกันกับบิ๊กโจ๊ก หมาแก่บอกตอนนี้ผีโจ๊กเฮี้ยนทําเอาตํารวจหนาวขนหัวลุกกันทั้งสํานักงานตํารวจแห่งชาติ อย่างไรก็ตามพอเริ่มเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ของศาลปกครองสูงสุดผลคะแนนก็ออกมาอย่างที่เห็นบิ๊กโจ๊กแพ้ขาดลอยอีกครั้ง ยังดีไม่ถึงกับกินไข่ศูนย์แต้มแบบการพิจารณาในชั้น กตรและคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตํารวจ ท ถามว่าบิ๊กโจ๊กหมดหวังที่จะได้กลับมาเป็นตํารวจแล้วหรือไม่ จริงๆก็ยังมีหวังอยู่เพราะศาลปกครองสูงสุดยังไม่ได้ชี้ขาดว่าคําสั่งให้ออกชอบหรือไม่ชอบ จากเดิมที่บิ๊กโจ๊กรู้สึกอุ่นใจใน ปปช ที่ทําทุกวิถีทางให้คดีหลุดมือจากตํารวจมาอยู่ในมือ ปปช แต่ความซวยมาเยือนเมื่อ ปปช มีการผลัดใบแล้วจากการเกษียณอายุราชการของพลตํารวจเอก วัชรพล ประสานราชกิจ ประธานปปชคนเดิม ซึ่งพลตํารวจเอกวัชรพลและบิ๊กโจ๊กต่างก็เป็นคนของลุงป้อม ในยุคเรืองอํานาจของสามป. มีข่าวว่าปปช.ยุคใหม่ต้องการเรียกเกียรติและศักดิ์ศรีกลับคืนองค์กร หลังจากถูกประชาชนก่นด่าหูอื้อมาหลายปีนับจากคดีนาฬิกายืมเพื่อน ปปช.อยากเจริญลอยตามสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ในยุคบิ๊กต่า ซึ่งกําลังทํางานเข้าตาประชาชนจากการทําคดีใหญ่รัวๆ ด้วยความเที่ยงธรรมฉับไวดูทรงแล้วคดีของบิ๊กโจ๊กมีโอกาสที่จะได้เป็นคดีตัวอย่างที่ปปช.จะใช้กอบกู้ศรัทธาขณะที่การพิจารณาความผิดวินัยร้ายแรงซึ่งหยุดชะงักไปชั่วคราวจากการเกษียณอายุราชการของประธานสอบสวน ตอนนี้ บิ๊กต่า กําลังแบ่งงานให้กับรอง ผบตร 4 คนหากลงตัวเมื่อไหร่ก็จะมีการตั้งประธานสอบสวนวินัยคนใหม่การสอบสวนวินัยจะเป็นอีกดาบที่สํานักงานตํารวจแห่งชาติจะใช้เชือดบิ๊กโจ๊กเพราะคราวนี้จะไม่ใช่แค่ให้ออกจากราชการไว้ก่อนแต่อาจถึงขั้นไล่ออกถาวรเลยทีเดียว ต้องบอกว่าฟ้ามีตา พอบิ๊กโจ๊กหมดวาสนาก็ดับเลยทันที แบบไม่มีอะไรกั้น ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 969 มุมมอง 0 รีวิว
  • เส้นทาง‘สุรเชชษฐ์’หลังศาลยกคำร้องอุทธรณ์.เผอิญมันก็มีข่าวกระฉ่อนเลย ทุกวงการ ว่ามีคนทำเงินตก 100 ล้านบ้าง 200 ล้านบ้าง 250 ล้านบ้าง ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าข่าวนี้มาจากไหน แต่มีผลทำให้ท่านประธานศาลปกครองสูงสุดเรียกประชุมองค์คณะใหญ่ทันที และเอาเรื่องที่องค์คณะเล็กพิจารณาแล้ว เข้าเลย ที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดมีมติไม่รับคำร้องของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล แล้วมิหนำซ้ำ คำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ออกจากตำรวจนั้น เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายทุกอย่าง ก็ค่อนข้างจะแน่ชัดแล้ว รอเพียงการแถลงของเจ้าของคดีอย่างเป็นทางการเท่านั้นเอง.วัตถุประสงค์ของสุรเชชษฐ์ หักพาล ที่ต้องการกลับไป มีอยู่ข้อเดียว ต้องการไปใช้สิทธิ์ของตัวเองในฐานะเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอาวุโสอันดับหนึ่งที่เขาภูมิใจมาก เขาน่าจะรู้ดีว่าในช่วง 2 ปีจากนี้ไป พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ นั้น อย่างไรก็ยังเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอยู่ โดยที่ไม่มีใครสามารถจะโค่นล้มได้ เพราะถูกต้องตามกฎหมาย .จะเริ่มมีปัญหาก็ตอนที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ จะเกษียณอายุ แล้วต้องเสนอรายชื่อคนที่จะเข้าไปเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนต่อไป ซึ่งผมคิดว่า พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ มองประเด็นนี้มากกว่า เพราะความเป็นคนช่างฟ้อง และภูมิใจมากกับการเป็นผู้อาวุโสอันดับหนึ่ง แต่ พล.ต.อ.สุรเชษษฐ์ เอง ก็ลืมนึกไปว่า ในพระราชบัญญัติตำรวจชุดใหม่นี้ เขาไม่ได้ห้ามให้คณะกรรมการสามารถคัดเลือกคนอื่นที่ไม่ใช่อาวุโสอันดับหนึ่งได้ เปิดช่องเอาไว้.ในกรณีนี้ผมคิดว่าไม่สำเร็จ เพราะว่า พ.ร.บ.ตำรวจ ชัดเจนว่า นอกจากอาวุโสแล้ว ต้องคำนึงถึงความเหมาะสม คุณเอาตำรวจซึ่งถูกคดีอาญา ถูกหมายจับจากศาล แล้วมีคดีที่อยู่ใน ป.ป.ช. ถึงแม้จะยังไม่มีการชี้มูลว่าผิดหรือไม่ผิด แต่มีการกล่าวหาไปแล้ว ส่งเข้าไปให้ ป.ป.ช. พิจารณา แค่นี้ก็เป็นตำหนิที่สำคัญมากแล้ว คณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ (ก.ตร.) ก็ต้องคำนึงถึง "ความเหมาะสม" ตรงนี้ด้วย.ณ วันนี้ สุรเชชษฐ์ หักพาล ไม่ได้กลับเข้าตำรวจ และไม่ได้มีอำนาจเหมือนแต่ก่อน ตำรวจซึ่งเป็นลูกน้อง สุรเชชษฐ์ หักพาล รวมไปถึงสื่อมวลชนที่ยืนข้างสุรเชชษฐ์ มาตลอด ก็คือคุณดนัย เอกมหาสวัสดิ์ ตีปี๊บขยับปีกดีอกดีใจจังว่านายกูจะกลับมาแล้ว แต่พวกนี้ลืมไปอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกเขาจะต้องแช่แข็งเด็กสาย พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ลูกน้องคุณสุรเชชษฐ์ หักพาล และผมยังเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า หน่วยงานที่จะต้องรื้อถึงรากถึงโคนเลยก็คือ สตม. สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพราะนั่นเป็นฐานอำนาจของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล.แล้วพอคนใหม่ขึ้นมาอีก หลังจากที่สุรเชชษฐ์ ฟ้องแล้ว ผมเชื่อว่าศาลปกครองเมื่อดูข้อมูล ดู พ.ร.บ.แล้ว ดูคำว่า "เหมาะสม" ว่าอาวุโสอันดับหนึ่งไม่เหมาะสม เพราะโดนหมายจับ โดนคดีอาญา โดนร้องไปที่ ป.ป.ช. ตั้ง 3-4 คดี เขาก็บอกว่าคนนี้ไม่เหมาะสม ให้ไปที่คนที่สอง ถ้าคนที่สองขึ้นมา เขาก็อยู่อีก 2 ปี ก็เช่นกัน สองปีนี้ตำรวจสายสุรเชชษฐ์ หักพาล ก็จะถูกแช่แข็งต่อไปอีก 2 ปี สรุปแล้วแช่แข็งไป 4 ปี นี่ผมเตือนด้วยความหวังดี
    เส้นทาง‘สุรเชชษฐ์’หลังศาลยกคำร้องอุทธรณ์.เผอิญมันก็มีข่าวกระฉ่อนเลย ทุกวงการ ว่ามีคนทำเงินตก 100 ล้านบ้าง 200 ล้านบ้าง 250 ล้านบ้าง ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าข่าวนี้มาจากไหน แต่มีผลทำให้ท่านประธานศาลปกครองสูงสุดเรียกประชุมองค์คณะใหญ่ทันที และเอาเรื่องที่องค์คณะเล็กพิจารณาแล้ว เข้าเลย ที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดมีมติไม่รับคำร้องของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล แล้วมิหนำซ้ำ คำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ออกจากตำรวจนั้น เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายทุกอย่าง ก็ค่อนข้างจะแน่ชัดแล้ว รอเพียงการแถลงของเจ้าของคดีอย่างเป็นทางการเท่านั้นเอง.วัตถุประสงค์ของสุรเชชษฐ์ หักพาล ที่ต้องการกลับไป มีอยู่ข้อเดียว ต้องการไปใช้สิทธิ์ของตัวเองในฐานะเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอาวุโสอันดับหนึ่งที่เขาภูมิใจมาก เขาน่าจะรู้ดีว่าในช่วง 2 ปีจากนี้ไป พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ นั้น อย่างไรก็ยังเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอยู่ โดยที่ไม่มีใครสามารถจะโค่นล้มได้ เพราะถูกต้องตามกฎหมาย .จะเริ่มมีปัญหาก็ตอนที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ จะเกษียณอายุ แล้วต้องเสนอรายชื่อคนที่จะเข้าไปเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนต่อไป ซึ่งผมคิดว่า พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ มองประเด็นนี้มากกว่า เพราะความเป็นคนช่างฟ้อง และภูมิใจมากกับการเป็นผู้อาวุโสอันดับหนึ่ง แต่ พล.ต.อ.สุรเชษษฐ์ เอง ก็ลืมนึกไปว่า ในพระราชบัญญัติตำรวจชุดใหม่นี้ เขาไม่ได้ห้ามให้คณะกรรมการสามารถคัดเลือกคนอื่นที่ไม่ใช่อาวุโสอันดับหนึ่งได้ เปิดช่องเอาไว้.ในกรณีนี้ผมคิดว่าไม่สำเร็จ เพราะว่า พ.ร.บ.ตำรวจ ชัดเจนว่า นอกจากอาวุโสแล้ว ต้องคำนึงถึงความเหมาะสม คุณเอาตำรวจซึ่งถูกคดีอาญา ถูกหมายจับจากศาล แล้วมีคดีที่อยู่ใน ป.ป.ช. ถึงแม้จะยังไม่มีการชี้มูลว่าผิดหรือไม่ผิด แต่มีการกล่าวหาไปแล้ว ส่งเข้าไปให้ ป.ป.ช. พิจารณา แค่นี้ก็เป็นตำหนิที่สำคัญมากแล้ว คณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ (ก.ตร.) ก็ต้องคำนึงถึง "ความเหมาะสม" ตรงนี้ด้วย.ณ วันนี้ สุรเชชษฐ์ หักพาล ไม่ได้กลับเข้าตำรวจ และไม่ได้มีอำนาจเหมือนแต่ก่อน ตำรวจซึ่งเป็นลูกน้อง สุรเชชษฐ์ หักพาล รวมไปถึงสื่อมวลชนที่ยืนข้างสุรเชชษฐ์ มาตลอด ก็คือคุณดนัย เอกมหาสวัสดิ์ ตีปี๊บขยับปีกดีอกดีใจจังว่านายกูจะกลับมาแล้ว แต่พวกนี้ลืมไปอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกเขาจะต้องแช่แข็งเด็กสาย พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ลูกน้องคุณสุรเชชษฐ์ หักพาล และผมยังเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า หน่วยงานที่จะต้องรื้อถึงรากถึงโคนเลยก็คือ สตม. สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพราะนั่นเป็นฐานอำนาจของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล.แล้วพอคนใหม่ขึ้นมาอีก หลังจากที่สุรเชชษฐ์ ฟ้องแล้ว ผมเชื่อว่าศาลปกครองเมื่อดูข้อมูล ดู พ.ร.บ.แล้ว ดูคำว่า "เหมาะสม" ว่าอาวุโสอันดับหนึ่งไม่เหมาะสม เพราะโดนหมายจับ โดนคดีอาญา โดนร้องไปที่ ป.ป.ช. ตั้ง 3-4 คดี เขาก็บอกว่าคนนี้ไม่เหมาะสม ให้ไปที่คนที่สอง ถ้าคนที่สองขึ้นมา เขาก็อยู่อีก 2 ปี ก็เช่นกัน สองปีนี้ตำรวจสายสุรเชชษฐ์ หักพาล ก็จะถูกแช่แข็งต่อไปอีก 2 ปี สรุปแล้วแช่แข็งไป 4 ปี นี่ผมเตือนด้วยความหวังดี
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 536 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อ ป.ป.ช ฟ้าเปลี่ยนสี
    .
    ไม่เกินธันวาคมนี้ ก็จะมีเลือกตั้ง กรรมการ ป.ป.ช. ใหม่ ขณะนี้ ป.ป.ช. มีความจำเป็นต้องการคนเข้ามาเป็นกรรมการอย่างน้อย 7 คน ใน 10 คน ทำไมต้องเยอะขนาดนั้น ? เหตุผลเพราะว่าการพิจารณาข้าราชการตำแหน่งระดับสูง ระดับพลตำรวจเอกนั้น ต้องใช้กรรมการ ป.ป.ช. ประมาณ 7 คน แล้วคนที่จะเข้ามาใหม่ก็จะได้รับการเลือกเป็นกรรมการ ป.ป.ช.ในเดือนธันวาคมนี้ 2 คน มีอยู่คนหนึ่ง คือท่านประภาศ คงเอียด อดีตข้าราชการกระทรวงการคลัง และท่านประภาศนั้นกำลังรอโปรดเกล้าฯ อยู่
    .
    ป.ป.ช. นั้น ฟ้าเปลี่ยนสีแล้ว คนที่เข้ามาใหม่ คือท่านภัทรศักดิ์ วรรณแสง อดีตรองประธานศาลฎีกา และกรรมการ ป.ป.ช. ที่เข้ามาใหม่ทุกคนรับรู้ถึงความเน่าเฟะของ ป.ป.ช. ในอดีต ยุคที่ พล.ต.อ.วัชรพล เป็นประธาน ป.ป.ช. คุณนิวัติไชย เป็นเลขาธิการ ป.ป.ช.
    .
    แล้วท่านผู้ชมไม่คิดหรือว่าคนที่เข้ามาใหม่ ท่านประธาน ป.ป.ช. แล้วคนที่เพิ่งได้รับเลือกแล้วเข้ามา เขาไม่ต้องการจะล้างภาพพจน์เลวๆ ของ ป.ป.ช. ออกหรือ? เขาต้องการเช็ด ทำความสะอาด ป.ป.ช.
    .
    และท่านเลขาฯ ป.ป.ช. คนใหม่ ท่านเป็นคนลูกหม้อของ ป.ป.ช. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. คนไหนส่วนไหน ที่เป็นคณะอนุกรรมการคอยพิจารณาเรื่องของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ แล้วก็เก็บเรื่องเอาไว้ ช่วยเหลือเอาไว้ ผมถามว่าท่านเลขาฯ ป.ป.ช. คนใหม่ ท่านจะไม่รู้หรือว่าเป็นใครบ้าง ท่านรู้ ท่านรู้หมด ผมถึงกล้าพูดว่านี่คือฟ้าเปลี่ยนสี
    .
    เมื่อฟ้าเปลี่ยนสีแล้ว ไม่เกิน 2 ปี (2568-2569) เราจะเริ่มเห็นคดีที่สุรเชชษฐ์ หักพาล จะต้องถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ที่กระทำความผิดขึ้นมา อย่างน้อยที่สุดก็คือการแจ้งทรัพย์สินอันเป็นเท็จ จากการให้เช่าพระจากเฮียอั๊ง โดยอ้างว่าเฮียอั๊งให้สุรเชชษฐ์ ไปหาท่านผู้ว่าฯ ที่เกษียณแล้ว อายุ 90 ปี ท่านไปแจ้งความที่ สน.ตลิ่งชัน ว่าท่านไม่เคยรู้เรื่องเลย ท่านไม่เคยรู้จักสุรเชชษฐ์ หักพาล แล้วเฮียอั๊ง ก็ไม่ได้สนิท มาขอเช่าพระองค์หนึ่งมูลค่าหมื่นกว่าบาท แล้ว ป.ป.ช. ก็เข้าไปสอบท่านแล้วด้วย ท่านก็ให้การเป็นไปตามที่ผมพูด ตอนนี้รออย่างเดียว
    .
    คุณสุรเชชษฐ์ ครับ 2568-2569 ไม่เกินสองปีนี้ ชีวิตคุณจะเปลี่ยนแปลงไปเยอะเลย เพราะว่าถ้ามีการเอาเรื่องแจ้งทรัพย์สินอันเป็นเท็จขึ้นมา เพราะว่าได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ใน ป.ป.ช. ปิดบังข้อเท็จจริงและไม่ยอมพิจารณา ถ้าพิจารณาแล้วมีความผิด เขาชี้มูลความผิดเลย เมื่อเขาชี้มูลความผิดปัง เผอิญท่านไม่ได้เป็นตำรวจแล้ว เพราะท่านถูกให้ออก ไม่เป็นไร แต่สมมุติมองในมุมกลับ ถ้าท่านยังเป็นรอง ผบ.ตร. อยู่ ถ้าถูกชี้มูลความผิด ต้องให้ออกจากราชการเช่นกัน แล้วกระบวนการก็คือว่า เมื่อชี้มูลความผิดแล้ว ก็ส่งไปอัยการ อัยการพิจารณาแล้ว มีข้อมูลข้อเท็จจริง หลักฐานที่ฟ้องได้ ก็จะฟ้อง ถ้าอัยการถูกวิ่งเต้น จะโดยใครก็ตาม ไม่ยอมฟ้อง เรื่องก็กลับไปที่ ป.ป.ช. ป.ป.ช. ก็จำเป็นต้องฟ้องเอง
    .
    นี่คือภาพรวมทั้งหมดที่ผมตีแผ่ให้ดู ว่าชีวิตคุณจากนี้ไป ไม่ใช่สนุกสนาน คุณฟ้องผม 4-5 คดี เดี๋ยววันหน้าวันหลังผมจะเอาคดีที่คุณฟ้องผมมาว่ามีอะไรบ้าง แล้วคุณจงใจไปฟ้องผมที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะคุณรู้จักกับผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่นั่นหรือเปล่า ไม่เป็นไรครับ หนังเรื่องนี้ยังต้องดูกันอีกยาวนาน แต่อันหนึ่งที่แน่นอน ผมไม่ยอมแพ้คุณหรอก
    เมื่อ ป.ป.ช ฟ้าเปลี่ยนสี . ไม่เกินธันวาคมนี้ ก็จะมีเลือกตั้ง กรรมการ ป.ป.ช. ใหม่ ขณะนี้ ป.ป.ช. มีความจำเป็นต้องการคนเข้ามาเป็นกรรมการอย่างน้อย 7 คน ใน 10 คน ทำไมต้องเยอะขนาดนั้น ? เหตุผลเพราะว่าการพิจารณาข้าราชการตำแหน่งระดับสูง ระดับพลตำรวจเอกนั้น ต้องใช้กรรมการ ป.ป.ช. ประมาณ 7 คน แล้วคนที่จะเข้ามาใหม่ก็จะได้รับการเลือกเป็นกรรมการ ป.ป.ช.ในเดือนธันวาคมนี้ 2 คน มีอยู่คนหนึ่ง คือท่านประภาศ คงเอียด อดีตข้าราชการกระทรวงการคลัง และท่านประภาศนั้นกำลังรอโปรดเกล้าฯ อยู่ . ป.ป.ช. นั้น ฟ้าเปลี่ยนสีแล้ว คนที่เข้ามาใหม่ คือท่านภัทรศักดิ์ วรรณแสง อดีตรองประธานศาลฎีกา และกรรมการ ป.ป.ช. ที่เข้ามาใหม่ทุกคนรับรู้ถึงความเน่าเฟะของ ป.ป.ช. ในอดีต ยุคที่ พล.ต.อ.วัชรพล เป็นประธาน ป.ป.ช. คุณนิวัติไชย เป็นเลขาธิการ ป.ป.ช. . แล้วท่านผู้ชมไม่คิดหรือว่าคนที่เข้ามาใหม่ ท่านประธาน ป.ป.ช. แล้วคนที่เพิ่งได้รับเลือกแล้วเข้ามา เขาไม่ต้องการจะล้างภาพพจน์เลวๆ ของ ป.ป.ช. ออกหรือ? เขาต้องการเช็ด ทำความสะอาด ป.ป.ช. . และท่านเลขาฯ ป.ป.ช. คนใหม่ ท่านเป็นคนลูกหม้อของ ป.ป.ช. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. คนไหนส่วนไหน ที่เป็นคณะอนุกรรมการคอยพิจารณาเรื่องของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ แล้วก็เก็บเรื่องเอาไว้ ช่วยเหลือเอาไว้ ผมถามว่าท่านเลขาฯ ป.ป.ช. คนใหม่ ท่านจะไม่รู้หรือว่าเป็นใครบ้าง ท่านรู้ ท่านรู้หมด ผมถึงกล้าพูดว่านี่คือฟ้าเปลี่ยนสี . เมื่อฟ้าเปลี่ยนสีแล้ว ไม่เกิน 2 ปี (2568-2569) เราจะเริ่มเห็นคดีที่สุรเชชษฐ์ หักพาล จะต้องถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ที่กระทำความผิดขึ้นมา อย่างน้อยที่สุดก็คือการแจ้งทรัพย์สินอันเป็นเท็จ จากการให้เช่าพระจากเฮียอั๊ง โดยอ้างว่าเฮียอั๊งให้สุรเชชษฐ์ ไปหาท่านผู้ว่าฯ ที่เกษียณแล้ว อายุ 90 ปี ท่านไปแจ้งความที่ สน.ตลิ่งชัน ว่าท่านไม่เคยรู้เรื่องเลย ท่านไม่เคยรู้จักสุรเชชษฐ์ หักพาล แล้วเฮียอั๊ง ก็ไม่ได้สนิท มาขอเช่าพระองค์หนึ่งมูลค่าหมื่นกว่าบาท แล้ว ป.ป.ช. ก็เข้าไปสอบท่านแล้วด้วย ท่านก็ให้การเป็นไปตามที่ผมพูด ตอนนี้รออย่างเดียว . คุณสุรเชชษฐ์ ครับ 2568-2569 ไม่เกินสองปีนี้ ชีวิตคุณจะเปลี่ยนแปลงไปเยอะเลย เพราะว่าถ้ามีการเอาเรื่องแจ้งทรัพย์สินอันเป็นเท็จขึ้นมา เพราะว่าได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ใน ป.ป.ช. ปิดบังข้อเท็จจริงและไม่ยอมพิจารณา ถ้าพิจารณาแล้วมีความผิด เขาชี้มูลความผิดเลย เมื่อเขาชี้มูลความผิดปัง เผอิญท่านไม่ได้เป็นตำรวจแล้ว เพราะท่านถูกให้ออก ไม่เป็นไร แต่สมมุติมองในมุมกลับ ถ้าท่านยังเป็นรอง ผบ.ตร. อยู่ ถ้าถูกชี้มูลความผิด ต้องให้ออกจากราชการเช่นกัน แล้วกระบวนการก็คือว่า เมื่อชี้มูลความผิดแล้ว ก็ส่งไปอัยการ อัยการพิจารณาแล้ว มีข้อมูลข้อเท็จจริง หลักฐานที่ฟ้องได้ ก็จะฟ้อง ถ้าอัยการถูกวิ่งเต้น จะโดยใครก็ตาม ไม่ยอมฟ้อง เรื่องก็กลับไปที่ ป.ป.ช. ป.ป.ช. ก็จำเป็นต้องฟ้องเอง . นี่คือภาพรวมทั้งหมดที่ผมตีแผ่ให้ดู ว่าชีวิตคุณจากนี้ไป ไม่ใช่สนุกสนาน คุณฟ้องผม 4-5 คดี เดี๋ยววันหน้าวันหลังผมจะเอาคดีที่คุณฟ้องผมมาว่ามีอะไรบ้าง แล้วคุณจงใจไปฟ้องผมที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะคุณรู้จักกับผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่นั่นหรือเปล่า ไม่เป็นไรครับ หนังเรื่องนี้ยังต้องดูกันอีกยาวนาน แต่อันหนึ่งที่แน่นอน ผมไม่ยอมแพ้คุณหรอก
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1264 มุมมอง 0 รีวิว
  • เส้นทาง‘สุรเชชษฐ์’หลังศาลยกคำร้องอุทธรณ์
    .
    เผอิญมันก็มีข่าวกระฉ่อนเลย ทุกวงการ ว่ามีคนทำเงินตก 100 ล้านบ้าง 200 ล้านบ้าง 250 ล้านบ้าง ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าข่าวนี้มาจากไหน แต่มีผลทำให้ท่านประธานศาลปกครองสูงสุดเรียกประชุมองค์คณะใหญ่ทันที และเอาเรื่องที่องค์คณะเล็กพิจารณาแล้ว เข้าเลย ที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดมีมติไม่รับคำร้องของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล แล้วมิหนำซ้ำ คำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ออกจากตำรวจนั้น เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายทุกอย่าง ก็ค่อนข้างจะแน่ชัดแล้ว รอเพียงการแถลงของเจ้าของคดีอย่างเป็นทางการเท่านั้นเอง
    .
    วัตถุประสงค์ของสุรเชชษฐ์ หักพาล ที่ต้องการกลับไป มีอยู่ข้อเดียว ต้องการไปใช้สิทธิ์ของตัวเองในฐานะเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอาวุโสอันดับหนึ่งที่เขาภูมิใจมาก เขาน่าจะรู้ดีว่าในช่วง 2 ปีจากนี้ไป พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ นั้น อย่างไรก็ยังเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอยู่ โดยที่ไม่มีใครสามารถจะโค่นล้มได้ เพราะถูกต้องตามกฎหมาย
    .
    จะเริ่มมีปัญหาก็ตอนที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ จะเกษียณอายุ แล้วต้องเสนอรายชื่อคนที่จะเข้าไปเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนต่อไป ซึ่งผมคิดว่า พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ มองประเด็นนี้มากกว่า เพราะความเป็นคนช่างฟ้อง และภูมิใจมากกับการเป็นผู้อาวุโสอันดับหนึ่ง แต่ พล.ต.อ.สุรเชษษฐ์ เอง ก็ลืมนึกไปว่า ในพระราชบัญญัติตำรวจชุดใหม่นี้ เขาไม่ได้ห้ามให้คณะกรรมการสามารถคัดเลือกคนอื่นที่ไม่ใช่อาวุโสอันดับหนึ่งได้ เปิดช่องเอาไว้
    .
    ในกรณีนี้ผมคิดว่าไม่สำเร็จ เพราะว่า พ.ร.บ.ตำรวจ ชัดเจนว่า นอกจากอาวุโสแล้ว ต้องคำนึงถึงความเหมาะสม คุณเอาตำรวจซึ่งถูกคดีอาญา ถูกหมายจับจากศาล แล้วมีคดีที่อยู่ใน ป.ป.ช. ถึงแม้จะยังไม่มีการชี้มูลว่าผิดหรือไม่ผิด แต่มีการกล่าวหาไปแล้ว ส่งเข้าไปให้ ป.ป.ช. พิจารณา แค่นี้ก็เป็นตำหนิที่สำคัญมากแล้ว คณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ (ก.ตร.) ก็ต้องคำนึงถึง "ความเหมาะสม" ตรงนี้ด้วย
    .
    ณ วันนี้ สุรเชชษฐ์ หักพาล ไม่ได้กลับเข้าตำรวจ และไม่ได้มีอำนาจเหมือนแต่ก่อน ตำรวจซึ่งเป็นลูกน้อง สุรเชชษฐ์ หักพาล รวมไปถึงสื่อมวลชนที่ยืนข้างสุรเชชษฐ์ มาตลอด ก็คือคุณดนัย เอกมหาสวัสดิ์ ตีปี๊บขยับปีกดีอกดีใจจังว่านายกูจะกลับมาแล้ว แต่พวกนี้ลืมไปอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกเขาจะต้องแช่แข็งเด็กสาย พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ลูกน้องคุณสุรเชชษฐ์ หักพาล และผมยังเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า หน่วยงานที่จะต้องรื้อถึงรากถึงโคนเลยก็คือ สตม. สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพราะนั่นเป็นฐานอำนาจของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล
    .
    แล้วพอคนใหม่ขึ้นมาอีก หลังจากที่สุรเชชษฐ์ ฟ้องแล้ว ผมเชื่อว่าศาลปกครองเมื่อดูข้อมูล ดู พ.ร.บ.แล้ว ดูคำว่า "เหมาะสม" ว่าอาวุโสอันดับหนึ่งไม่เหมาะสม เพราะโดนหมายจับ โดนคดีอาญา โดนร้องไปที่ ป.ป.ช. ตั้ง 3-4 คดี เขาก็บอกว่าคนนี้ไม่เหมาะสม ให้ไปที่คนที่สอง ถ้าคนที่สองขึ้นมา เขาก็อยู่อีก 2 ปี ก็เช่นกัน สองปีนี้ตำรวจสายสุรเชชษฐ์ หักพาล ก็จะถูกแช่แข็งต่อไปอีก 2 ปี สรุปแล้วแช่แข็งไป 4 ปี นี่ผมเตือนด้วยความหวังดี
    เส้นทาง‘สุรเชชษฐ์’หลังศาลยกคำร้องอุทธรณ์ . เผอิญมันก็มีข่าวกระฉ่อนเลย ทุกวงการ ว่ามีคนทำเงินตก 100 ล้านบ้าง 200 ล้านบ้าง 250 ล้านบ้าง ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าข่าวนี้มาจากไหน แต่มีผลทำให้ท่านประธานศาลปกครองสูงสุดเรียกประชุมองค์คณะใหญ่ทันที และเอาเรื่องที่องค์คณะเล็กพิจารณาแล้ว เข้าเลย ที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดมีมติไม่รับคำร้องของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล แล้วมิหนำซ้ำ คำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ออกจากตำรวจนั้น เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายทุกอย่าง ก็ค่อนข้างจะแน่ชัดแล้ว รอเพียงการแถลงของเจ้าของคดีอย่างเป็นทางการเท่านั้นเอง . วัตถุประสงค์ของสุรเชชษฐ์ หักพาล ที่ต้องการกลับไป มีอยู่ข้อเดียว ต้องการไปใช้สิทธิ์ของตัวเองในฐานะเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอาวุโสอันดับหนึ่งที่เขาภูมิใจมาก เขาน่าจะรู้ดีว่าในช่วง 2 ปีจากนี้ไป พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ นั้น อย่างไรก็ยังเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอยู่ โดยที่ไม่มีใครสามารถจะโค่นล้มได้ เพราะถูกต้องตามกฎหมาย . จะเริ่มมีปัญหาก็ตอนที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ จะเกษียณอายุ แล้วต้องเสนอรายชื่อคนที่จะเข้าไปเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนต่อไป ซึ่งผมคิดว่า พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ มองประเด็นนี้มากกว่า เพราะความเป็นคนช่างฟ้อง และภูมิใจมากกับการเป็นผู้อาวุโสอันดับหนึ่ง แต่ พล.ต.อ.สุรเชษษฐ์ เอง ก็ลืมนึกไปว่า ในพระราชบัญญัติตำรวจชุดใหม่นี้ เขาไม่ได้ห้ามให้คณะกรรมการสามารถคัดเลือกคนอื่นที่ไม่ใช่อาวุโสอันดับหนึ่งได้ เปิดช่องเอาไว้ . ในกรณีนี้ผมคิดว่าไม่สำเร็จ เพราะว่า พ.ร.บ.ตำรวจ ชัดเจนว่า นอกจากอาวุโสแล้ว ต้องคำนึงถึงความเหมาะสม คุณเอาตำรวจซึ่งถูกคดีอาญา ถูกหมายจับจากศาล แล้วมีคดีที่อยู่ใน ป.ป.ช. ถึงแม้จะยังไม่มีการชี้มูลว่าผิดหรือไม่ผิด แต่มีการกล่าวหาไปแล้ว ส่งเข้าไปให้ ป.ป.ช. พิจารณา แค่นี้ก็เป็นตำหนิที่สำคัญมากแล้ว คณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ (ก.ตร.) ก็ต้องคำนึงถึง "ความเหมาะสม" ตรงนี้ด้วย . ณ วันนี้ สุรเชชษฐ์ หักพาล ไม่ได้กลับเข้าตำรวจ และไม่ได้มีอำนาจเหมือนแต่ก่อน ตำรวจซึ่งเป็นลูกน้อง สุรเชชษฐ์ หักพาล รวมไปถึงสื่อมวลชนที่ยืนข้างสุรเชชษฐ์ มาตลอด ก็คือคุณดนัย เอกมหาสวัสดิ์ ตีปี๊บขยับปีกดีอกดีใจจังว่านายกูจะกลับมาแล้ว แต่พวกนี้ลืมไปอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกเขาจะต้องแช่แข็งเด็กสาย พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ลูกน้องคุณสุรเชชษฐ์ หักพาล และผมยังเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า หน่วยงานที่จะต้องรื้อถึงรากถึงโคนเลยก็คือ สตม. สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพราะนั่นเป็นฐานอำนาจของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล . แล้วพอคนใหม่ขึ้นมาอีก หลังจากที่สุรเชชษฐ์ ฟ้องแล้ว ผมเชื่อว่าศาลปกครองเมื่อดูข้อมูล ดู พ.ร.บ.แล้ว ดูคำว่า "เหมาะสม" ว่าอาวุโสอันดับหนึ่งไม่เหมาะสม เพราะโดนหมายจับ โดนคดีอาญา โดนร้องไปที่ ป.ป.ช. ตั้ง 3-4 คดี เขาก็บอกว่าคนนี้ไม่เหมาะสม ให้ไปที่คนที่สอง ถ้าคนที่สองขึ้นมา เขาก็อยู่อีก 2 ปี ก็เช่นกัน สองปีนี้ตำรวจสายสุรเชชษฐ์ หักพาล ก็จะถูกแช่แข็งต่อไปอีก 2 ปี สรุปแล้วแช่แข็งไป 4 ปี นี่ผมเตือนด้วยความหวังดี
    Like
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1058 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปิดตำนานแมว 9 ชีวิต : SondhitalkEP268 VDO
    เบื้องลึก "โจ๊ก สุรเชชษฐ์" อดกลับ ตร. ศาลปกครองสูงสุดตีตกคำร้อง
    #Sondhitalk #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #sondhiapp #sondhiX #จีน #อเมริกา #ผู้นำเศรษฐกิจโลก
    ปิดตำนานแมว 9 ชีวิต : SondhitalkEP268 VDO เบื้องลึก "โจ๊ก สุรเชชษฐ์" อดกลับ ตร. ศาลปกครองสูงสุดตีตกคำร้อง #Sondhitalk #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #sondhiapp #sondhiX #จีน #อเมริกา #ผู้นำเศรษฐกิจโลก
    Like
    Haha
    Love
    Yay
    Sad
    29
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 6267 มุมมอง 421 1 รีวิว
  • Sondhitalk EP 268 : ตั้มมันร้าย สุมหัวโกงอีก 39 ล้าน - 151167 (Full)

    - “ตั้ม-นุ-สา”สุมหัวฉ้อโกง 39 ล้าน
    - "โจ๊ก”กินแห้ว ส่ออดกลับ ตร.
    - สารเปิดผนึก“สีจิ้นผิง” ถึง “ทรัมป์”
    - “อเมริกา” พ่าย “สงครามเทคโนโลยี”

    #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitime #ทนายตั้ม #จุดจบทนายตั้ม #โกงเป็นปกติธุระ #โจ๊กสุรเชชษฐ์ #แก๊ง999 #สีจิ้นผิง #ทรัมป์ #สงครามเทคโนโลยี
    Sondhitalk EP 268 : ตั้มมันร้าย สุมหัวโกงอีก 39 ล้าน - 151167 (Full) - “ตั้ม-นุ-สา”สุมหัวฉ้อโกง 39 ล้าน - "โจ๊ก”กินแห้ว ส่ออดกลับ ตร. - สารเปิดผนึก“สีจิ้นผิง” ถึง “ทรัมป์” - “อเมริกา” พ่าย “สงครามเทคโนโลยี” #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitime #ทนายตั้ม #จุดจบทนายตั้ม #โกงเป็นปกติธุระ #โจ๊กสุรเชชษฐ์ #แก๊ง999 #สีจิ้นผิง #ทรัมป์ #สงครามเทคโนโลยี
    Like
    Love
    Haha
    Wow
    59
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6274 มุมมอง 608 5 รีวิว
  • ฟ้ามีตา พอบิ๊กโจ๊กหมดวาสนา ม้าใช้คู่ใจอย่างทนายตั้ม ที่รับงานก่อกวนป่วนวงการตำรวจมาตลอด ก็ประสบชะตากรรมไม่ต่างกัน

    #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ #สุรเชชษฐ์หักพาล #ยกคำร้องบิ๊กโจ๊ก #ทนายต้ม #หมาแก่ #ฟ้ามีตา
    ฟ้ามีตา พอบิ๊กโจ๊กหมดวาสนา ม้าใช้คู่ใจอย่างทนายตั้ม ที่รับงานก่อกวนป่วนวงการตำรวจมาตลอด ก็ประสบชะตากรรมไม่ต่างกัน #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ #สุรเชชษฐ์หักพาล #ยกคำร้องบิ๊กโจ๊ก #ทนายต้ม #หมาแก่ #ฟ้ามีตา
    Like
    Haha
    Love
    14
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1855 มุมมอง 157 0 รีวิว
  • อัยการสูงสุดชี้ขาดฟ้อง 4 ผู้ต้องหาผิดสมคบฟอกเงินคดีพัวพันเว็บพนัน เครือข่าย ‘มินนี่’ ตามความเห็นแย้ง ผบ.ตร. ส่วนคดีที่ ‘บิ๊กโจ๊ก’ และตัว "มินนี่" ตกเป็นผู้ต้องหา สำนวนคดียังอยู่ ป.ป.ช.ไม่คืบหน้าวันนี้ (13 พ.ย.) นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 ได้ส่งสำนวนสอบสวนคดีที่ 724/2566 คดีระหว่าง พ.ต.ท.มนต์ชัย บุญเลิศ กล่าวหา นายณัฐวัตร พิมพ์สวัสดิ์ กับพวกรวม 61 คน ผู้ต้องหา ฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน อันขัดต่อบทแห่งพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน มายังสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 2 เพื่อพิจารณาดำเนินการโดยพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 2 มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 4 - 7, 15 - 19, 27, 31 – 32, 38 – 39, 44, 49 – 51, 53, 55 และที่ 59 รวม 21 คน และมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ยังไม่ได้ตัวมา รวม 20 คน คือ ผู้ต้องหาที่ 28, 30, 33 – 36, 40 – 43, 45 – 48, 52, 54, 56 – 58, ที่ 60 ตามข้อกล่าวหาและมีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 8 –11 รวม 4 คน (ผู้ต้องหาที่ 9 และ 10 หลบหนี) ฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงินต่อมา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความเห็นแย้งคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 8 - 11 และส่งสำนวนมายังอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาชี้ขาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145/1อัยการสูงสุด พิจารณาแล้วมีคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้อง ผู้ต้องหาที่ 8 และผู้ต้องหาที่ 11 และชี้ขาดควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 9 และผู้ต้องหาที่ 10 ฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3, 5, 9, 60 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2558 มาตรา 10 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 ตามความเห็นแย้งของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมทั้งแจ้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจัดการให้ได้ตัวผู้ต้องหาที่ 9 และ 10 มาดำเนินคดีภายในอายุความ 15 ปี นับแต่วันกระทำความผิดผู้ต้องหาที่ 1 - 3, ที่ 12 - 14, ที่ 20 - 26 และที่ 61 รวม 14 คน สำนวนอยู่ระหว่างการดำเนินการของสำนักงาน ป.ป.ช. และผู้ต้องหาที่ 29 และ 37 อีก 2 คน เป็นเยาวชน ส่วนผลความคืบหน้าทางคดีเป็นประการใด สำนักงานอัยการสูงสุดจะแจ้งให้ทราบต่อไปผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับ ผู้ต้องหาที่ 1 - 3, ที่ 12 - 14, ที่ 20 - 26 และ ที่ 61 รวม 14 คน ซึ่งมี พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล เเละ น.ส.ธันยนันท์ หรือสุชานันท์ หรือ "มินนี่" รวมอยู่ด้วยนั้นเป็นกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่ง ป.ป.ช.ขอสำนวนคืนจากอัยการไป ขณะนี้ยังไม่ปรากฎความคืบหน้า
    อัยการสูงสุดชี้ขาดฟ้อง 4 ผู้ต้องหาผิดสมคบฟอกเงินคดีพัวพันเว็บพนัน เครือข่าย ‘มินนี่’ ตามความเห็นแย้ง ผบ.ตร. ส่วนคดีที่ ‘บิ๊กโจ๊ก’ และตัว "มินนี่" ตกเป็นผู้ต้องหา สำนวนคดียังอยู่ ป.ป.ช.ไม่คืบหน้าวันนี้ (13 พ.ย.) นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 ได้ส่งสำนวนสอบสวนคดีที่ 724/2566 คดีระหว่าง พ.ต.ท.มนต์ชัย บุญเลิศ กล่าวหา นายณัฐวัตร พิมพ์สวัสดิ์ กับพวกรวม 61 คน ผู้ต้องหา ฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน อันขัดต่อบทแห่งพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน มายังสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 2 เพื่อพิจารณาดำเนินการโดยพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 2 มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 4 - 7, 15 - 19, 27, 31 – 32, 38 – 39, 44, 49 – 51, 53, 55 และที่ 59 รวม 21 คน และมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ยังไม่ได้ตัวมา รวม 20 คน คือ ผู้ต้องหาที่ 28, 30, 33 – 36, 40 – 43, 45 – 48, 52, 54, 56 – 58, ที่ 60 ตามข้อกล่าวหาและมีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 8 –11 รวม 4 คน (ผู้ต้องหาที่ 9 และ 10 หลบหนี) ฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงินต่อมา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความเห็นแย้งคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 8 - 11 และส่งสำนวนมายังอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาชี้ขาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145/1อัยการสูงสุด พิจารณาแล้วมีคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้อง ผู้ต้องหาที่ 8 และผู้ต้องหาที่ 11 และชี้ขาดควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 9 และผู้ต้องหาที่ 10 ฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3, 5, 9, 60 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2558 มาตรา 10 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 ตามความเห็นแย้งของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมทั้งแจ้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจัดการให้ได้ตัวผู้ต้องหาที่ 9 และ 10 มาดำเนินคดีภายในอายุความ 15 ปี นับแต่วันกระทำความผิดผู้ต้องหาที่ 1 - 3, ที่ 12 - 14, ที่ 20 - 26 และที่ 61 รวม 14 คน สำนวนอยู่ระหว่างการดำเนินการของสำนักงาน ป.ป.ช. และผู้ต้องหาที่ 29 และ 37 อีก 2 คน เป็นเยาวชน ส่วนผลความคืบหน้าทางคดีเป็นประการใด สำนักงานอัยการสูงสุดจะแจ้งให้ทราบต่อไปผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับ ผู้ต้องหาที่ 1 - 3, ที่ 12 - 14, ที่ 20 - 26 และ ที่ 61 รวม 14 คน ซึ่งมี พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล เเละ น.ส.ธันยนันท์ หรือสุชานันท์ หรือ "มินนี่" รวมอยู่ด้วยนั้นเป็นกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่ง ป.ป.ช.ขอสำนวนคืนจากอัยการไป ขณะนี้ยังไม่ปรากฎความคืบหน้า
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 727 มุมมอง 0 รีวิว
  • ที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดถกเครียด ปมคดี ‘บิ๊กโจ๊ก’ ขอคืนตำแหน่งหลังกระแสข่าวองค์คณะฯ ชุดเล็กมีมติเห็นว่าคำสั่งให้ออกจากราชการไม่ชอบด้วยกฎหมาย

    วันนี้( 13 พ.ย.) ที่ศาลปกครองกลาง ถนนเเจ้งวัฒนะ ตั้งแต่เวลา 09.30น. นายประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นประธานการประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด โดยมีรายงานว่าจะมีการนำประเด็นข้อกฎหมายในคดีหมายเลขดำที่ ฟ.117/2567 ที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ยื่นฟ้อง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.), นายกรัฐมนตรีเป็น ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-3 เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมาเข้สพิจารณา

    ซึ่งปรากฏว่าตั้งแต่เช้ามีผู้สื่อข่าวมาติดตามผลการประชุมจำนวนมาก

    โดยเจ้าหน้าที่ศาลปกครอง เปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมใหญ่ของตุลาการศาลปกครองสูงสุดและเป็นการประชุมภายใน มีตุลาการศาลปกครองสูงสุดเข้าร่วม 40-50 คน โดยวาระที่จะพิจารณาในวันนี้มี 4-5 วาระ เป็นความลับที่ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/politics/detail/9670000109260

    #MGROnline #ศาลปกครอง #บิ๊กโจ๊ก #ขอคืนตำแหน่ง
    ที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดถกเครียด ปมคดี ‘บิ๊กโจ๊ก’ ขอคืนตำแหน่งหลังกระแสข่าวองค์คณะฯ ชุดเล็กมีมติเห็นว่าคำสั่งให้ออกจากราชการไม่ชอบด้วยกฎหมาย • วันนี้( 13 พ.ย.) ที่ศาลปกครองกลาง ถนนเเจ้งวัฒนะ ตั้งแต่เวลา 09.30น. นายประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นประธานการประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด โดยมีรายงานว่าจะมีการนำประเด็นข้อกฎหมายในคดีหมายเลขดำที่ ฟ.117/2567 ที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ยื่นฟ้อง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.), นายกรัฐมนตรีเป็น ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-3 เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมาเข้สพิจารณา • ซึ่งปรากฏว่าตั้งแต่เช้ามีผู้สื่อข่าวมาติดตามผลการประชุมจำนวนมาก • โดยเจ้าหน้าที่ศาลปกครอง เปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมใหญ่ของตุลาการศาลปกครองสูงสุดและเป็นการประชุมภายใน มีตุลาการศาลปกครองสูงสุดเข้าร่วม 40-50 คน โดยวาระที่จะพิจารณาในวันนี้มี 4-5 วาระ เป็นความลับที่ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9670000109260 • #MGROnline #ศาลปกครอง #บิ๊กโจ๊ก #ขอคืนตำแหน่ง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 667 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ทนายจุ๊กกรู้" ที่ผมก็ไม่อยากรู้จักด้วย
    .
    เมื่อวันจันทร์ที่ 4พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทนายเดชาออกรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7 กับคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ในรายการ ทนายเดชากล่าวพาดพิงตอบโต้คณะกรรมการสภาทนายความ กรณีจะจัดการทนายโซเชียลที่เดินสายออกทีวี เนื่องจากได้ละเมิดต่อข้อบังคับของสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ จนส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงองค์กรและสมาชิกทนายความส่วนใหญ่
    .
    นายเดชาอ้างว่าสภาทนายความไม่ได้มีอำนาจพิพากษาทนายทำผิด ถือเป็นการกระทำเกินบทบาท เพราะสภาทนายความเป็นสภาวิชาชีพ แต่คนที่เป็นนายก และอุปนายก มาจากการเลือกตั้ง สามปีก็ไปแล้ว เป็นผู้ประกอบวิชาชีพ ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะทำตัวเป็นศาล จะจัดระเบียบทนายโซเชียล จะไปเอากฎหมายอะไรมาจัดการได้
    .
    อย่างที่ผมกล่าวไปแล้วในรายการวันศุกร์ที่แล้วว่าผมจะยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการสภาทนายความชุดปัจจุบันให้ถอดถอนตั๋วทนายหรือใบอนุญาตเป็นทนายความของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เสีย เนื่องจากมีการกระทำผิดกฎหมายและละเมิดมรรยาททนายความอย่างร้ายแรงในหลายประเด็นด้วยกัน
    .
    แม้ผมจะไม่ใช่นักกฎหมาย ไม่ใช่ทนาย แต่ผมระแคะระคายว่าทนายตั้ม ษิทรา เคยถูกร้องเรียนเรื่องราวต่อสภาทนายความมาแล้วเยอะแยะเลย รวมถึงคุณเดชาเองก็เคยร้องเรียนทนายตั้มเสียด้วยซ้ำ ตัวเองเคยร้องเรียนเอง แต่พอไกล่เกลี่ย เกี้ยเซียะกัน จะเกี้ยเซียะกันด้วยอะไร ผมไม่รู้ ทนายเดชาก็ถอนเรื่องไป แต่เรื่องก็ยังคาอยู่ที่การพิจารณาของคณะกรรมการมรรยาทฯ แม้คุณจะถอนเรื่องออกไปแล้วก็ตาม
    .
    จริงๆ วิธีการวางหมากของทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ในการจัดการเรื่องราวร้องเรียนต่อสภาทนายความที่มาถึงตนเองเป็นสิบเรื่องนั้น ไม่ได้แตกต่างกว่าวิธีของนายของทนายตั้ม คือ สุรเชชษฐ์ หักพาล ใช้เพื่อจัดการเรื่องราวร้องเรียนของตัวเองที่ถูกส่งไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เหมือนกัน โดยสุรเชชษฐ์ ใช้วิธีวางคนของตัวเองไว้ใน ป.ป.ช. ตั้งแต่ระดับกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อยไปจนถึงเจ้าหน้าที่ระดับต่างๆ ของ ป.ป.ช. ยกตัวอย่างเช่น นายสมบัติ ธรธรรม แต่กรณีทนายตั้ม ษิทรา นั้น อาจจะเรียกได้ว่าหนักหนากว่า เพราะไม่ได้วางคนทั่วไป แต่วางญาติตัวเองไว้ในคณะกรรมการมรรยาทสภาทนายความชุดเก่าเลยทีเดียว ผมไม่อยากจะเอ่ยชื่อ ชื่อย่อก็ไม่อยากจะเอ่ย
    .
    ทนายเดชาและคุณษิทรา เรื่องของพวกคุณกับแก๊งทนายหิวแสงนั้น ยังมีอีกเยอะ แค่ข้อมูลของคุณษิทราที่มีคน inbox ส่งเรื่องเข้ามาให้ผมได้รับรู้ รับทราบ และคัดกรองนั้นคุณเดชา คุณษิทรา รู้ไหม มากมายมหาศาล วันๆ พวกผมไม่ต้องทำงานอื่นแล้ว เพราะเรื่องฉาวๆ ของแก๊งพวกคุณมันเยอะจริงๆ ผมนึกไม่ถึงว่าจะมีเรื่องราวที่เลวทรามต่ำช้าแบบนี้เกิดขึ้นในสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกิดขึ้นกับแวดวงทนาย ที่ผมบอกแล้วว่าเอาโจรมาเป็นทนาย
    .
    ทนายเดชา คุณใจเย็นๆ ผมจะค่อยๆ ทยอยเอามานำเสนอทีละเรื่องๆ คุณคอยฝึกร้องจุ๊กกรู้ๆ เหมือนที่คุณชอบร้องเวลาไลฟ์สดอยู่ประจำก็แล้วกัน เวลามีเรื่องจริงๆ กรุณาอย่าหายหน้าหายตาหลบไปเหมือนทนายษิทราเลยนะครับ

    ที่มา คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    https://www.facebook.com/share/p/18cR1aRJcH/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    "ทนายจุ๊กกรู้" ที่ผมก็ไม่อยากรู้จักด้วย . เมื่อวันจันทร์ที่ 4พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทนายเดชาออกรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7 กับคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ในรายการ ทนายเดชากล่าวพาดพิงตอบโต้คณะกรรมการสภาทนายความ กรณีจะจัดการทนายโซเชียลที่เดินสายออกทีวี เนื่องจากได้ละเมิดต่อข้อบังคับของสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ จนส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงองค์กรและสมาชิกทนายความส่วนใหญ่ . นายเดชาอ้างว่าสภาทนายความไม่ได้มีอำนาจพิพากษาทนายทำผิด ถือเป็นการกระทำเกินบทบาท เพราะสภาทนายความเป็นสภาวิชาชีพ แต่คนที่เป็นนายก และอุปนายก มาจากการเลือกตั้ง สามปีก็ไปแล้ว เป็นผู้ประกอบวิชาชีพ ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะทำตัวเป็นศาล จะจัดระเบียบทนายโซเชียล จะไปเอากฎหมายอะไรมาจัดการได้ . อย่างที่ผมกล่าวไปแล้วในรายการวันศุกร์ที่แล้วว่าผมจะยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการสภาทนายความชุดปัจจุบันให้ถอดถอนตั๋วทนายหรือใบอนุญาตเป็นทนายความของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เสีย เนื่องจากมีการกระทำผิดกฎหมายและละเมิดมรรยาททนายความอย่างร้ายแรงในหลายประเด็นด้วยกัน . แม้ผมจะไม่ใช่นักกฎหมาย ไม่ใช่ทนาย แต่ผมระแคะระคายว่าทนายตั้ม ษิทรา เคยถูกร้องเรียนเรื่องราวต่อสภาทนายความมาแล้วเยอะแยะเลย รวมถึงคุณเดชาเองก็เคยร้องเรียนทนายตั้มเสียด้วยซ้ำ ตัวเองเคยร้องเรียนเอง แต่พอไกล่เกลี่ย เกี้ยเซียะกัน จะเกี้ยเซียะกันด้วยอะไร ผมไม่รู้ ทนายเดชาก็ถอนเรื่องไป แต่เรื่องก็ยังคาอยู่ที่การพิจารณาของคณะกรรมการมรรยาทฯ แม้คุณจะถอนเรื่องออกไปแล้วก็ตาม . จริงๆ วิธีการวางหมากของทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ในการจัดการเรื่องราวร้องเรียนต่อสภาทนายความที่มาถึงตนเองเป็นสิบเรื่องนั้น ไม่ได้แตกต่างกว่าวิธีของนายของทนายตั้ม คือ สุรเชชษฐ์ หักพาล ใช้เพื่อจัดการเรื่องราวร้องเรียนของตัวเองที่ถูกส่งไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เหมือนกัน โดยสุรเชชษฐ์ ใช้วิธีวางคนของตัวเองไว้ใน ป.ป.ช. ตั้งแต่ระดับกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อยไปจนถึงเจ้าหน้าที่ระดับต่างๆ ของ ป.ป.ช. ยกตัวอย่างเช่น นายสมบัติ ธรธรรม แต่กรณีทนายตั้ม ษิทรา นั้น อาจจะเรียกได้ว่าหนักหนากว่า เพราะไม่ได้วางคนทั่วไป แต่วางญาติตัวเองไว้ในคณะกรรมการมรรยาทสภาทนายความชุดเก่าเลยทีเดียว ผมไม่อยากจะเอ่ยชื่อ ชื่อย่อก็ไม่อยากจะเอ่ย . ทนายเดชาและคุณษิทรา เรื่องของพวกคุณกับแก๊งทนายหิวแสงนั้น ยังมีอีกเยอะ แค่ข้อมูลของคุณษิทราที่มีคน inbox ส่งเรื่องเข้ามาให้ผมได้รับรู้ รับทราบ และคัดกรองนั้นคุณเดชา คุณษิทรา รู้ไหม มากมายมหาศาล วันๆ พวกผมไม่ต้องทำงานอื่นแล้ว เพราะเรื่องฉาวๆ ของแก๊งพวกคุณมันเยอะจริงๆ ผมนึกไม่ถึงว่าจะมีเรื่องราวที่เลวทรามต่ำช้าแบบนี้เกิดขึ้นในสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกิดขึ้นกับแวดวงทนาย ที่ผมบอกแล้วว่าเอาโจรมาเป็นทนาย . ทนายเดชา คุณใจเย็นๆ ผมจะค่อยๆ ทยอยเอามานำเสนอทีละเรื่องๆ คุณคอยฝึกร้องจุ๊กกรู้ๆ เหมือนที่คุณชอบร้องเวลาไลฟ์สดอยู่ประจำก็แล้วกัน เวลามีเรื่องจริงๆ กรุณาอย่าหายหน้าหายตาหลบไปเหมือนทนายษิทราเลยนะครับ ที่มา คุยทุกเรื่องกับสนธิ https://www.facebook.com/share/p/18cR1aRJcH/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1144 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ทนายจุ๊กกรู้" ที่ผมก็ไม่อยากรู้จักด้วย
    .
    เมื่อวันจันทร์ที่่4พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทนายเดชาออกรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7 กับคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ในรายการ "ถกไม่เถียง" ทนายเดชากล่าวพาดพิงตอบโต้คณะกรรมการสภาทนายความ กรณีจะจัดการทนายโซเชียลที่เดินสายออกทีวี เนื่องจากได้ละเมิดต่อข้อบังคับของสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ จนส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงองค์กรและสมาชิกทนายความส่วนใหญ่
    .
    นายเดชาอ้างว่าสภาทนายความไม่ได้มีอำนาจพิพากษาทนายทำผิด ถือเป็นการกระทำเกินบทบาท เพราะสภาทนายความเป็นสภาวิชาชีพ แต่คนที่เป็นนายก และอุปนายก มาจากการเลือกตั้ง สามปีก็ไปแล้ว เป็นผู้ประกอบวิชาชีพ ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะทำตัวเป็นศาล จะจัดระเบียบทนายโซเชียล จะไปเอากฎหมายอะไรมาจัดการได้
    .
    อย่างที่ผมกล่าวไปแล้วในรายการวันศุกร์ที่แล้วว่าผมจะยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการสภาทนายความชุดปัจจุบันให้ถอดถอนตั๋วทนายหรือใบอนุญาตเป็นทนายความของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เสีย เนื่องจากมีการกระทำผิดกฎหมายและละเมิดมรรยาททนายความอย่างร้ายแรงในหลายประเด็นด้วยกัน
    .
    แม้ผมจะไม่ใช่นักกฎหมาย ไม่ใช่ทนาย แต่ผมระแคะระคายว่าทนายตั้ม ษิทรา เคยถูกร้องเรียนเรื่องราวต่อสภาทนายความมาแล้วเยอะแยะเลย รวมถึงคุณเดชาเองก็เคยร้องเรียนทนายตั้มเสียด้วยซ้ำ ตัวเองเคยร้องเรียนเอง แต่พอไกล่เกลี่ย เกี้ยเซียะกัน จะเกี้ยเซียะกันด้วยอะไร ผมไม่รู้ ทนายเดชาก็ถอนเรื่องไป แต่เรื่องก็ยังคาอยู่ที่การพิจารณาของคณะกรรมการมรรยาทฯ แม้คุณจะถอนเรื่องออกไปแล้วก็ตาม
    .
    จริงๆ วิธีการวางหมากของทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ในการจัดการเรื่องราวร้องเรียนต่อสภาทนายความที่มาถึงตนเองเป็นสิบเรื่องนั้น ไม่ได้แตกต่างกว่าวิธีของนายของทนายตั้ม คือ สุรเชชษฐ์ หักพาล ใช้เพื่อจัดการเรื่องราวร้องเรียนของตัวเองที่ถูกส่งไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เหมือนกัน โดยสุรเชชษฐ์ ใช้วิธีวางคนของตัวเองไว้ใน ป.ป.ช. ตั้งแต่ระดับกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อยไปจนถึงเจ้าหน้าที่ระดับต่างๆ ของ ป.ป.ช. ยกตัวอย่างเช่น นายสมบัติ ธรธรรม แต่กรณีทนายตั้ม ษิทรา นั้น อาจจะเรียกได้ว่าหนักหนากว่า เพราะไม่ได้วางคนทั่วไป แต่วางญาติตัวเองไว้ในคณะกรรมการมรรยาทสภาทนายความชุดเก่าเลยทีเดียว ผมไม่อยากจะเอ่ยชื่อ ชื่อย่อก็ไม่อยากจะเอ่ย
    .
    ทนายเดชาและคุณษิทรา เรื่องของพวกคุณกับแก๊งทนายหิวแสงนั้น ยังมีอีกเยอะ แค่ข้อมูลของคุณษิทราที่มีคน inbox ส่งเรื่องเข้ามาให้ผมได้รับรู้ รับทราบ และคัดกรองนั้นคุณเดชา คุณษิทรา รู้ไหม มากมายมหาศาล วันๆ พวกผมไม่ต้องทำงานอื่นแล้ว เพราะเรื่องฉาวๆ ของแก๊งพวกคุณมันเยอะจริงๆ ผมนึกไม่ถึงว่าจะมีเรื่องราวที่เลวทรามต่ำช้าแบบนี้เกิดขึ้นในสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกิดขึ้นกับแวดวงทนาย ที่ผมบอกแล้วว่าเอาโจรมาเป็นทนาย
    .
    ทนายเดชา คุณใจเย็นๆ ผมจะค่อยๆ ทยอยเอามานำเสนอทีละเรื่องๆ คุณคอยฝึกร้องจุ๊กกรู้ๆ เหมือนที่คุณชอบร้องเวลาไลฟ์สดอยู่ประจำก็แล้วกัน เวลามีเรื่องจริงๆ กรุณาอย่าหายหน้าหายตาหลบไปเหมือนทนายษิทราเลยนะครับ
    "ทนายจุ๊กกรู้" ที่ผมก็ไม่อยากรู้จักด้วย . เมื่อวันจันทร์ที่่4พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทนายเดชาออกรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7 กับคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ในรายการ "ถกไม่เถียง" ทนายเดชากล่าวพาดพิงตอบโต้คณะกรรมการสภาทนายความ กรณีจะจัดการทนายโซเชียลที่เดินสายออกทีวี เนื่องจากได้ละเมิดต่อข้อบังคับของสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ จนส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงองค์กรและสมาชิกทนายความส่วนใหญ่ . นายเดชาอ้างว่าสภาทนายความไม่ได้มีอำนาจพิพากษาทนายทำผิด ถือเป็นการกระทำเกินบทบาท เพราะสภาทนายความเป็นสภาวิชาชีพ แต่คนที่เป็นนายก และอุปนายก มาจากการเลือกตั้ง สามปีก็ไปแล้ว เป็นผู้ประกอบวิชาชีพ ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะทำตัวเป็นศาล จะจัดระเบียบทนายโซเชียล จะไปเอากฎหมายอะไรมาจัดการได้ . อย่างที่ผมกล่าวไปแล้วในรายการวันศุกร์ที่แล้วว่าผมจะยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการสภาทนายความชุดปัจจุบันให้ถอดถอนตั๋วทนายหรือใบอนุญาตเป็นทนายความของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เสีย เนื่องจากมีการกระทำผิดกฎหมายและละเมิดมรรยาททนายความอย่างร้ายแรงในหลายประเด็นด้วยกัน . แม้ผมจะไม่ใช่นักกฎหมาย ไม่ใช่ทนาย แต่ผมระแคะระคายว่าทนายตั้ม ษิทรา เคยถูกร้องเรียนเรื่องราวต่อสภาทนายความมาแล้วเยอะแยะเลย รวมถึงคุณเดชาเองก็เคยร้องเรียนทนายตั้มเสียด้วยซ้ำ ตัวเองเคยร้องเรียนเอง แต่พอไกล่เกลี่ย เกี้ยเซียะกัน จะเกี้ยเซียะกันด้วยอะไร ผมไม่รู้ ทนายเดชาก็ถอนเรื่องไป แต่เรื่องก็ยังคาอยู่ที่การพิจารณาของคณะกรรมการมรรยาทฯ แม้คุณจะถอนเรื่องออกไปแล้วก็ตาม . จริงๆ วิธีการวางหมากของทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ในการจัดการเรื่องราวร้องเรียนต่อสภาทนายความที่มาถึงตนเองเป็นสิบเรื่องนั้น ไม่ได้แตกต่างกว่าวิธีของนายของทนายตั้ม คือ สุรเชชษฐ์ หักพาล ใช้เพื่อจัดการเรื่องราวร้องเรียนของตัวเองที่ถูกส่งไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เหมือนกัน โดยสุรเชชษฐ์ ใช้วิธีวางคนของตัวเองไว้ใน ป.ป.ช. ตั้งแต่ระดับกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อยไปจนถึงเจ้าหน้าที่ระดับต่างๆ ของ ป.ป.ช. ยกตัวอย่างเช่น นายสมบัติ ธรธรรม แต่กรณีทนายตั้ม ษิทรา นั้น อาจจะเรียกได้ว่าหนักหนากว่า เพราะไม่ได้วางคนทั่วไป แต่วางญาติตัวเองไว้ในคณะกรรมการมรรยาทสภาทนายความชุดเก่าเลยทีเดียว ผมไม่อยากจะเอ่ยชื่อ ชื่อย่อก็ไม่อยากจะเอ่ย . ทนายเดชาและคุณษิทรา เรื่องของพวกคุณกับแก๊งทนายหิวแสงนั้น ยังมีอีกเยอะ แค่ข้อมูลของคุณษิทราที่มีคน inbox ส่งเรื่องเข้ามาให้ผมได้รับรู้ รับทราบ และคัดกรองนั้นคุณเดชา คุณษิทรา รู้ไหม มากมายมหาศาล วันๆ พวกผมไม่ต้องทำงานอื่นแล้ว เพราะเรื่องฉาวๆ ของแก๊งพวกคุณมันเยอะจริงๆ ผมนึกไม่ถึงว่าจะมีเรื่องราวที่เลวทรามต่ำช้าแบบนี้เกิดขึ้นในสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกิดขึ้นกับแวดวงทนาย ที่ผมบอกแล้วว่าเอาโจรมาเป็นทนาย . ทนายเดชา คุณใจเย็นๆ ผมจะค่อยๆ ทยอยเอามานำเสนอทีละเรื่องๆ คุณคอยฝึกร้องจุ๊กกรู้ๆ เหมือนที่คุณชอบร้องเวลาไลฟ์สดอยู่ประจำก็แล้วกัน เวลามีเรื่องจริงๆ กรุณาอย่าหายหน้าหายตาหลบไปเหมือนทนายษิทราเลยนะครับ
    Like
    13
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1273 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานเข้า…ผกก.เด็กโจ๊ก สน.บางซื่อพันคดี39 ล. รับแจ้งเท็จต้มเจ๊อ้อย

    คดีสแกมเมอร์ทิพย์ 39 ล้าน ส่อเค้าจะกลายเป็นคดีที่ใหญ่ เพราะนอกจากจะทำกันเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่กันหลอกต้มพี่อ้อย ยังโยงไปถึงตำรวจ เด็กโจ๊กอีกด้วย

    #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ #ทนายตั้ม #สนบางซื่อ #ผกกเด็กโจ๊ก#สุรเชชษฐ์หักพาล
    งานเข้า…ผกก.เด็กโจ๊ก สน.บางซื่อพันคดี39 ล. รับแจ้งเท็จต้มเจ๊อ้อย คดีสแกมเมอร์ทิพย์ 39 ล้าน ส่อเค้าจะกลายเป็นคดีที่ใหญ่ เพราะนอกจากจะทำกันเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่กันหลอกต้มพี่อ้อย ยังโยงไปถึงตำรวจ เด็กโจ๊กอีกด้วย #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ #ทนายตั้ม #สนบางซื่อ #ผกกเด็กโจ๊ก#สุรเชชษฐ์หักพาล
    Like
    Haha
    11
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1711 มุมมอง 815 1 รีวิว
Pages Boosts