• เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อข้อมือกลายเป็นเมาส์และคีย์บอร์ด

    ลองจินตนาการว่าแค่ “คิดจะพิมพ์” หรือ “ตั้งใจจะคลิก” ก็สามารถสั่งงานคอมพิวเตอร์ได้ทันที—ไม่ต้องแตะหน้าจอ ไม่ต้องจับเมาส์ นี่คือสิ่งที่ Meta กำลังพัฒนาอยู่ใน Reality Labs: สายรัดข้อมืออัจฉริยะที่ใช้เทคโนโลยี EMG (Electromyography) เพื่ออ่านสัญญาณไฟฟ้าจากกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นเมื่อเราตั้งใจจะขยับนิ้ว

    Thomas Reardon หัวหน้าทีมวิจัยของ Meta บอกว่า “คุณไม่จำเป็นต้องขยับจริง ๆ แค่ตั้งใจจะขยับก็พอ” เพราะสัญญาณจากสมองจะถูกส่งไปยังกล้ามเนื้อก่อนที่เราจะเคลื่อนไหวจริง และสายรัดนี้สามารถจับสัญญาณเหล่านั้นได้แม้ไม่มีการเคลื่อนไหวให้เห็น

    เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้คนทั่วไปควบคุมอุปกรณ์ได้แบบไร้สัมผัส แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้พิการทางการเคลื่อนไหวสามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ได้ด้วยเจตนาที่แฝงอยู่ในกล้ามเนื้อ แม้จะเป็นเพียงสัญญาณเบา ๆ ที่ไม่สามารถมองเห็นได้

    Meta ใช้ข้อมูลจากผู้ใช้งานกว่า 10,000 คนในการฝึก AI ให้สามารถแปลสัญญาณกล้ามเนื้อเป็นคำสั่งได้อย่างแม่นยำ โดยไม่ต้องปรับแต่งเฉพาะบุคคล ทำให้ใครก็สามารถใช้งานได้ทันที

    Meta พัฒนาอุปกรณ์ควบคุมคอมพิวเตอร์ผ่านข้อมือ
    ใช้เทคโนโลยี EMG ตรวจจับสัญญาณไฟฟ้าจากกล้ามเนื้อ
    ไม่ต้องขยับจริง แค่ “ตั้งใจ” ก็สามารถสั่งงานได้

    ไม่ต้องผ่าตัดหรือฝึกใช้งาน
    ต่างจากเทคโนโลยีอย่าง Neuralink ที่ต้องฝังอุปกรณ์ในสมอง
    ผู้ใช้สามารถสวมใส่และใช้งานได้ทันที

    ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ใช้กว่า 10,000 คน
    ทำให้ระบบสามารถทำงานกับผู้ใช้ใหม่ได้ทันที
    รองรับการพิมพ์ในอากาศ การเลื่อนเมาส์ และเปิดแอป

    ช่วยผู้พิการใช้งานเทคโนโลยี
    ทดสอบกับผู้มีอาการบาดเจ็บไขสันหลังที่มหาวิทยาลัย Carnegie Mellon
    แม้มีอัมพาตมือ ก็ยังมีสัญญาณกล้ามเนื้อให้ระบบแปลคำสั่งได้

    ตีพิมพ์งานวิจัยในวารสาร Nature
    เปิดเผยข้อมูล EMG กว่า 100 ชั่วโมงให้ชุมชนวิทยาศาสตร์นำไปต่อยอด

    ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว
    การแปล “เจตนา” อาจนำไปสู่การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
    หากข้อมูลกล้ามเนื้อถูกเก็บหรือวิเคราะห์โดยบุคคลที่สาม อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม

    การพึ่งพา AI มากเกินไป
    อาจเกิด “automation bias” คือเชื่อคำสั่งจาก AI โดยไม่ตรวจสอบ
    เสี่ยงต่อการตัดสินใจผิดพลาดในสถานการณ์สำคัญ

    ผลกระทบต่อแรงงานและอุปกรณ์เดิม
    เมาส์ คีย์บอร์ด และหน้าจอสัมผัสอาจถูกลดบทบาท
    อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์และแรงงานที่เกี่ยวข้อง

    https://www.techspot.com/news/108797-meta-builds-wristband-can-control-devices-flick-wrist.html
    🧠 เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อข้อมือกลายเป็นเมาส์และคีย์บอร์ด ลองจินตนาการว่าแค่ “คิดจะพิมพ์” หรือ “ตั้งใจจะคลิก” ก็สามารถสั่งงานคอมพิวเตอร์ได้ทันที—ไม่ต้องแตะหน้าจอ ไม่ต้องจับเมาส์ นี่คือสิ่งที่ Meta กำลังพัฒนาอยู่ใน Reality Labs: สายรัดข้อมืออัจฉริยะที่ใช้เทคโนโลยี EMG (Electromyography) เพื่ออ่านสัญญาณไฟฟ้าจากกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นเมื่อเราตั้งใจจะขยับนิ้ว Thomas Reardon หัวหน้าทีมวิจัยของ Meta บอกว่า “คุณไม่จำเป็นต้องขยับจริง ๆ แค่ตั้งใจจะขยับก็พอ” เพราะสัญญาณจากสมองจะถูกส่งไปยังกล้ามเนื้อก่อนที่เราจะเคลื่อนไหวจริง และสายรัดนี้สามารถจับสัญญาณเหล่านั้นได้แม้ไม่มีการเคลื่อนไหวให้เห็น เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้คนทั่วไปควบคุมอุปกรณ์ได้แบบไร้สัมผัส แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้พิการทางการเคลื่อนไหวสามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ได้ด้วยเจตนาที่แฝงอยู่ในกล้ามเนื้อ แม้จะเป็นเพียงสัญญาณเบา ๆ ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ Meta ใช้ข้อมูลจากผู้ใช้งานกว่า 10,000 คนในการฝึก AI ให้สามารถแปลสัญญาณกล้ามเนื้อเป็นคำสั่งได้อย่างแม่นยำ โดยไม่ต้องปรับแต่งเฉพาะบุคคล ทำให้ใครก็สามารถใช้งานได้ทันที ✅ Meta พัฒนาอุปกรณ์ควบคุมคอมพิวเตอร์ผ่านข้อมือ ➡️ ใช้เทคโนโลยี EMG ตรวจจับสัญญาณไฟฟ้าจากกล้ามเนื้อ ➡️ ไม่ต้องขยับจริง แค่ “ตั้งใจ” ก็สามารถสั่งงานได้ ✅ ไม่ต้องผ่าตัดหรือฝึกใช้งาน ➡️ ต่างจากเทคโนโลยีอย่าง Neuralink ที่ต้องฝังอุปกรณ์ในสมอง ➡️ ผู้ใช้สามารถสวมใส่และใช้งานได้ทันที ✅ ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ใช้กว่า 10,000 คน ➡️ ทำให้ระบบสามารถทำงานกับผู้ใช้ใหม่ได้ทันที ➡️ รองรับการพิมพ์ในอากาศ การเลื่อนเมาส์ และเปิดแอป ✅ ช่วยผู้พิการใช้งานเทคโนโลยี ➡️ ทดสอบกับผู้มีอาการบาดเจ็บไขสันหลังที่มหาวิทยาลัย Carnegie Mellon ➡️ แม้มีอัมพาตมือ ก็ยังมีสัญญาณกล้ามเนื้อให้ระบบแปลคำสั่งได้ ✅ ตีพิมพ์งานวิจัยในวารสาร Nature ➡️ เปิดเผยข้อมูล EMG กว่า 100 ชั่วโมงให้ชุมชนวิทยาศาสตร์นำไปต่อยอด ‼️ ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว ⛔ การแปล “เจตนา” อาจนำไปสู่การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ⛔ หากข้อมูลกล้ามเนื้อถูกเก็บหรือวิเคราะห์โดยบุคคลที่สาม อาจถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม ‼️ การพึ่งพา AI มากเกินไป ⛔ อาจเกิด “automation bias” คือเชื่อคำสั่งจาก AI โดยไม่ตรวจสอบ ⛔ เสี่ยงต่อการตัดสินใจผิดพลาดในสถานการณ์สำคัญ ‼️ ผลกระทบต่อแรงงานและอุปกรณ์เดิม ⛔ เมาส์ คีย์บอร์ด และหน้าจอสัมผัสอาจถูกลดบทบาท ⛔ อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์และแรงงานที่เกี่ยวข้อง https://www.techspot.com/news/108797-meta-builds-wristband-can-control-devices-flick-wrist.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Meta builds wristband that can control devices with a flick of the wrist
    This technology draws on the field of electromyography, or EMG, which measures muscle activity by detecting the electrical signals generated as the brain sends commands to muscle...
    0 Comments 0 Shares 75 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกเลเซอร์: เมื่อแสงกลายเป็นทางลัดของข้อมูล

    TechRadar รายงานความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการพัฒนา “ชิปโฟโตนิกส์” ที่ใช้เลเซอร์ควอนตัมดอท (Quantum Dot Lasers) ซึ่งสามารถทำงานบนซิลิคอนได้โดยตรง โดยไม่ต้องออกแบบระบบใหม่ทั้งหมด และยังทนความร้อนได้ดีเยี่ยม เหมาะกับการใช้งานจริงในศูนย์ข้อมูลและอุปกรณ์อัจฉริยะในอนาคต

    ลองจินตนาการว่าในอนาคต ชิปที่อยู่ในสมาร์ทโฟนหรือโน้ตบุ๊กของคุณจะไม่ส่งข้อมูลด้วยไฟฟ้า แต่ใช้ “แสง” แทน ซึ่งเร็วกว่าและประหยัดพลังงานมากกว่า แต่ปัญหาคือการรวมเลเซอร์เข้ากับซิลิคอนนั้นยากมาก เพราะวัสดุไม่เข้ากัน

    ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย นำโดย Rosalyn Koscica ได้แก้ปัญหานี้ด้วย 3 กลยุทธ์:

    1️⃣ ใช้การเติบโตแบบสองขั้นตอน (MOCVD + MBE) เพื่อสร้างเลเซอร์ควอนตัมดอทบนซิลิคอน

    2️⃣ เติมช่องว่างด้วยโพลิเมอร์เพื่อลดการกระจายของแสง

    3️⃣ ใช้การออกแบบเลเซอร์แบบ pocket laser ที่เล็กและแม่นยำ

    ผลลัพธ์คือเลเซอร์ที่ทำงานได้ในช่วง O-band (เหมาะกับการสื่อสารข้อมูล) ทนความร้อนได้ถึง 105°C และมีอายุการใช้งานกว่า 6 ปี โดยไม่ต้องใช้ระบบระบายความร้อนที่ซับซ้อน

    ที่สำคัญคือกระบวนการนี้สามารถผลิตในโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ทั่วไปได้เลย ไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างชิป ทำให้มีโอกาสผลิตในระดับอุตสาหกรรมได้ง่ายขึ้น

    https://www.techradar.com/pro/a-new-trick-for-merging-lasers-with-silicon-could-finally-make-photonic-chips-cheap-fast-and-ready-for-mass-production
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกเลเซอร์: เมื่อแสงกลายเป็นทางลัดของข้อมูล TechRadar รายงานความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการพัฒนา “ชิปโฟโตนิกส์” ที่ใช้เลเซอร์ควอนตัมดอท (Quantum Dot Lasers) ซึ่งสามารถทำงานบนซิลิคอนได้โดยตรง โดยไม่ต้องออกแบบระบบใหม่ทั้งหมด และยังทนความร้อนได้ดีเยี่ยม เหมาะกับการใช้งานจริงในศูนย์ข้อมูลและอุปกรณ์อัจฉริยะในอนาคต ลองจินตนาการว่าในอนาคต ชิปที่อยู่ในสมาร์ทโฟนหรือโน้ตบุ๊กของคุณจะไม่ส่งข้อมูลด้วยไฟฟ้า แต่ใช้ “แสง” แทน ซึ่งเร็วกว่าและประหยัดพลังงานมากกว่า แต่ปัญหาคือการรวมเลเซอร์เข้ากับซิลิคอนนั้นยากมาก เพราะวัสดุไม่เข้ากัน ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย นำโดย Rosalyn Koscica ได้แก้ปัญหานี้ด้วย 3 กลยุทธ์: 1️⃣ ใช้การเติบโตแบบสองขั้นตอน (MOCVD + MBE) เพื่อสร้างเลเซอร์ควอนตัมดอทบนซิลิคอน 2️⃣ เติมช่องว่างด้วยโพลิเมอร์เพื่อลดการกระจายของแสง 3️⃣ ใช้การออกแบบเลเซอร์แบบ pocket laser ที่เล็กและแม่นยำ ผลลัพธ์คือเลเซอร์ที่ทำงานได้ในช่วง O-band (เหมาะกับการสื่อสารข้อมูล) ทนความร้อนได้ถึง 105°C และมีอายุการใช้งานกว่า 6 ปี โดยไม่ต้องใช้ระบบระบายความร้อนที่ซับซ้อน ที่สำคัญคือกระบวนการนี้สามารถผลิตในโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ทั่วไปได้เลย ไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างชิป ทำให้มีโอกาสผลิตในระดับอุตสาหกรรมได้ง่ายขึ้น https://www.techradar.com/pro/a-new-trick-for-merging-lasers-with-silicon-could-finally-make-photonic-chips-cheap-fast-and-ready-for-mass-production
    0 Comments 0 Shares 60 Views 0 Reviews
  • ถ้าไม่พูดถึงความรักก็จะดูตกเทรนด์ วันนี้เลยขอพูดถึงวลีคลาสสิคที่โด่งดังจากปากของเทพธิดาไหมแดงลี้มกโช้ว

    ความมีอยู่ว่า
    ... ทันใดนั้น ในอัคคีเพลิงบังเกิดเสียงเพลงอันเกรี้ยวกราดโหยหวนดังออกมาว่า
    “ถามไถ่ทั่วโลกหล้า อันว่ารักเป็นฉันใด
    จึงมอบให้แก่กันและกันด้วยชีวิต
    วิหคคู่เคียงจากดินอุดรฟ้าทักษิณ...” ...

    - จากเรื่อง <เอี้ยก้วยเจ้าอินทรี> ผู้แต่ง กิมย้ง แปลและเรียบเรียงโดย น.นพรัตน์
    (หมายเหตุ ชื่อหนังสือตามฉบับแปลอย่างเป็นทางการ)

    มีคนวิเคราะห์ไปแล้วมากมายถึงบทกวีนี้และเรื่องราวความรักของตัวละครต่างๆ ของกิมย้ง Storyฯ จะไม่กล่าวซ้ำ แต่ Storyฯ เชื่อว่าคงมีลูกเพจไม่น้อยที่ไม่รู้ว่า แท้จริงแล้วเรื่องราวเบื้องหลังของบทกวีนี้ ไม่ใช่เรื่องราวความรักของคน

    บทกวีนี้ปรากฎในยุคสมัยราชวงศ์จินโดยอัจฉริยะกวีและนักประวัติศาสตร์หยวนฮ่าวเวิ่น (ปีค.ศ. 1190-1297) ว่ากันว่า หยวนฮ่าวเวิ่นเมื่อครั้งยังอายุเพียง 16 ปี ได้เดินทางไปกับเพื่อนร่วมชั้นเพื่อไปสอบ ระหว่างทางพบนายพรานคนหนึ่งกำลังรำพึงรำพันกับซากศพห่านป่าคู่หนึ่ง พรานเล่าให้ฟังว่าห่านป่าคู่นี้ ตัวหนึ่งโดนดักจับตาย อีกตัวหนึ่งบินหลุดรอดไปได้ แต่มันไม่หนีไป กลับบินวนส่งเสียงร้องไห้โหยหวน สุดท้ายพุ่งตัวดิ่งลงมาชนพื้นตายอยู่ข้างๆ คู่ของมัน

    หยวนฮ่าวเวิ่นรู้สึกโดนใจกับเรื่องราวของห่านป่าคู่นี้ จึงซื้อมันแล้วนำไปฝังไว้ด้วยกันที่ริมน้ำและตั้งชื่อหลุมฝังศพนั้นว่า “เนินห่านป่า” (เยี่ยนชิว หรือ 雁丘) เกิดเป็นแรงบันดาลใจให้นักเรียนกลุ่มนี้ต่างแต่งบทกลอนขึ้นมา โดยหยวนฮ่าวเวินแต่งกลอนเนินห่านป่าบทนี้ขึ้น ต่อมามีการปรับปรุงเพิ่มเติมและเอาไปรวมอยู่ในชุดกลอน “ลูบคลำปลาน้อย” (ม้ออวี๋เอ่อร์ หรือ 摸鱼儿) ที่มีทั้งหมดหนึ่งร้อยสิบหกอักษร โดยเรียกกลอนวรรคนี้ว่า “ลูบคลำปลาน้อย: บทกวีเนินห่านป่า” (摸鱼儿.雁丘词)

    เข้าใจที่มาและเรื่องราวเบื้องหลังแล้ว ลองอ่านบทกวีเต็มๆ อีกทีนะคะว่า เห็นเงาร่างของห่านฟ้าคู่นี้ในบทกวีกันบ้างไหม

    “ถามไถ่ทั่วโลกหล้า อันว่ารักเป็นฉันใด จึงมอบให้แก่กันด้วยชีวิต วิหคคู่เคียงจากดินอุดรฟ้าทักษิณ เทียบปีกบินโผผินกี่ฤดูกาล ร่วมหรรษาเริงรื่น ขื่นขมยามพลัดพรากหาย กอปรด้วยบุตรธิดางมงาย ท่านพึงหมายจำนรรจา ชั้นเฆฆาสูงหมื่นลี้ ทัศนีย์พันภูพาไศล เงาเดียวดายดำรงอยู่ได้อย่างไร”

    Credit รูปภาพจาก: https://board.postjung.com/796272
    Credit เนื้อหารวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com
    https://zhidao.baidu.com/question/621016209188011772.html
    https://m.sohu.com/a/434620154_99929216/?pvid=000115_3w_a

    #กิมย้ง #เอี้ยก้วยเจ้าอินทรี #บทกวีจีนโบราณ StoryfromStory
    ถ้าไม่พูดถึงความรักก็จะดูตกเทรนด์ วันนี้เลยขอพูดถึงวลีคลาสสิคที่โด่งดังจากปากของเทพธิดาไหมแดงลี้มกโช้ว ความมีอยู่ว่า ... ทันใดนั้น ในอัคคีเพลิงบังเกิดเสียงเพลงอันเกรี้ยวกราดโหยหวนดังออกมาว่า “ถามไถ่ทั่วโลกหล้า อันว่ารักเป็นฉันใด จึงมอบให้แก่กันและกันด้วยชีวิต วิหคคู่เคียงจากดินอุดรฟ้าทักษิณ...” ... - จากเรื่อง <เอี้ยก้วยเจ้าอินทรี> ผู้แต่ง กิมย้ง แปลและเรียบเรียงโดย น.นพรัตน์ (หมายเหตุ ชื่อหนังสือตามฉบับแปลอย่างเป็นทางการ) มีคนวิเคราะห์ไปแล้วมากมายถึงบทกวีนี้และเรื่องราวความรักของตัวละครต่างๆ ของกิมย้ง Storyฯ จะไม่กล่าวซ้ำ แต่ Storyฯ เชื่อว่าคงมีลูกเพจไม่น้อยที่ไม่รู้ว่า แท้จริงแล้วเรื่องราวเบื้องหลังของบทกวีนี้ ไม่ใช่เรื่องราวความรักของคน บทกวีนี้ปรากฎในยุคสมัยราชวงศ์จินโดยอัจฉริยะกวีและนักประวัติศาสตร์หยวนฮ่าวเวิ่น (ปีค.ศ. 1190-1297) ว่ากันว่า หยวนฮ่าวเวิ่นเมื่อครั้งยังอายุเพียง 16 ปี ได้เดินทางไปกับเพื่อนร่วมชั้นเพื่อไปสอบ ระหว่างทางพบนายพรานคนหนึ่งกำลังรำพึงรำพันกับซากศพห่านป่าคู่หนึ่ง พรานเล่าให้ฟังว่าห่านป่าคู่นี้ ตัวหนึ่งโดนดักจับตาย อีกตัวหนึ่งบินหลุดรอดไปได้ แต่มันไม่หนีไป กลับบินวนส่งเสียงร้องไห้โหยหวน สุดท้ายพุ่งตัวดิ่งลงมาชนพื้นตายอยู่ข้างๆ คู่ของมัน หยวนฮ่าวเวิ่นรู้สึกโดนใจกับเรื่องราวของห่านป่าคู่นี้ จึงซื้อมันแล้วนำไปฝังไว้ด้วยกันที่ริมน้ำและตั้งชื่อหลุมฝังศพนั้นว่า “เนินห่านป่า” (เยี่ยนชิว หรือ 雁丘) เกิดเป็นแรงบันดาลใจให้นักเรียนกลุ่มนี้ต่างแต่งบทกลอนขึ้นมา โดยหยวนฮ่าวเวินแต่งกลอนเนินห่านป่าบทนี้ขึ้น ต่อมามีการปรับปรุงเพิ่มเติมและเอาไปรวมอยู่ในชุดกลอน “ลูบคลำปลาน้อย” (ม้ออวี๋เอ่อร์ หรือ 摸鱼儿) ที่มีทั้งหมดหนึ่งร้อยสิบหกอักษร โดยเรียกกลอนวรรคนี้ว่า “ลูบคลำปลาน้อย: บทกวีเนินห่านป่า” (摸鱼儿.雁丘词) เข้าใจที่มาและเรื่องราวเบื้องหลังแล้ว ลองอ่านบทกวีเต็มๆ อีกทีนะคะว่า เห็นเงาร่างของห่านฟ้าคู่นี้ในบทกวีกันบ้างไหม “ถามไถ่ทั่วโลกหล้า อันว่ารักเป็นฉันใด จึงมอบให้แก่กันด้วยชีวิต วิหคคู่เคียงจากดินอุดรฟ้าทักษิณ เทียบปีกบินโผผินกี่ฤดูกาล ร่วมหรรษาเริงรื่น ขื่นขมยามพลัดพรากหาย กอปรด้วยบุตรธิดางมงาย ท่านพึงหมายจำนรรจา ชั้นเฆฆาสูงหมื่นลี้ ทัศนีย์พันภูพาไศล เงาเดียวดายดำรงอยู่ได้อย่างไร” Credit รูปภาพจาก: https://board.postjung.com/796272 Credit เนื้อหารวบรวมจาก: https://baike.baidu.com https://zhidao.baidu.com/question/621016209188011772.html https://m.sohu.com/a/434620154_99929216/?pvid=000115_3w_a #กิมย้ง #เอี้ยก้วยเจ้าอินทรี #บทกวีจีนโบราณ StoryfromStory
    BOARD.POSTJUNG.COM
    ลี้ม๊กโช้ว เทพธิดาไหมแดง
    ลี้ม๊กโช้ว เทพธิดาไหมแดง ลี้มกโช้ว เป็นตัวละครใน นิยายกำลังภายในของกิมย้ง เรื่องมังกรหยก ลี้มกโช้ว เป็นศิษย์สำนักสุสานโบราณ รุ่นที่ 3 ฉายา เทพธิดาไหมแดง ..
    0 Comments 0 Shares 96 Views 0 Reviews
  • ..ก้าวกระโดดแน่นอน,สิ่งที่ไม่เคยเห็นในหลายพันปีก่อนจะกลับมา,แต่ละอีกสไตล์ใหม่ของแต่ละยุค ละอารยะธรรมของช่วงสมัยใครมัน,แต่เทคโนโลยีอาจล้ำกว่าสมัยอดีตตามการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลาที่แต่ละดวงดาวมิริอัพเรเวลตนเองใครมันนานแล้วและประสานแลกเปลี่ยนเรเวลกัน,
    ..ชาติไทยเราต้องจบความขัดแย้งทั้งหมดทันที เช่นเขมร ซึ่งผิดปกติมากที่อยู่ดีๆแต่ผีบ้าแสวงหาความขัดแย้งกับไทยให้ได้,หมายสร้างโกลาหลขัดขวางการมาของยุคสมัยใหม่นั้นเอง,เพื่อให้ย้อนกลับไปมีภาวะสู้รบสงครามทั่วโลกให้ได้นั้น แบบที่เกิดๆแล้วในยูเครนในอิสราเอล ,ฝ่ายไม่ดีสั่งการสร้างขัดขวางมิให้มีบรรยากาศสู้นวัตกรรมยุคสมัยใหม่นั้นเอง,ต้องการควบคุมมนุษย์บนพื้นฐานความหวาดกลัวแบบกฎหมายระเบียบข้อบังคับมาข่มขู่นั้นล่ะก็เสมือนตนชนะสามารถจัดการมนุษย์แบบที่เคยเป็นมาเหมือนในอดีต,ดูเขมรตัดน้ำมันตัดไฟฟ้าตัดใดๆในไทย ชิงตัดบังหน้าก่อนก็ได้เพื่อควบคุมมนุษย์เขมรให้โง่ตามแต่ตนจะให้รู้นั้นล่ะ,เน็ตไม่มี มีเน็ตก็สั่งการโดยรัฐบาลเขมรใช้ไปทางที่ผิด ยั่งยุคนเขมรมากระทำต่อไทยก็ด้วย.,และในรัฐบาลไทยเราก็มีแรปทีเลี่ยนกระหายสงครามกระหายความโกลาหลกระหายความแตกแยกไม่สงบสุขแบบพม่านั้นมีอยู่จริงในไทย รุ่นไฮบริดจ์ลูกผสมก็ว่า,ใครมีตังฐานะดี ร่ำรวย หน้าตารูปร่างไปทางแรปทีเลี่ยน แสดงบริบทบทบาทชุดมนุษย์นั้นล่ะใช่เลยและปะปนในทุกๆวงการทั่วไทยตลอดฝังรากฐานบนอำนาจปกครองชนชั้นนำตรึมแน่นอน,อาจสแกนหาด้วยเครื่องมือพิเศษต่างดาวความถี่ล้ำด้วยกันจะพบเจอไม่ยากเย็นอะไร,ผู้นำผู้ปกครองประเทศไทยจึงต้องเป็นฝ่ายดีฝ่ายแสงฝ่ายสภาจักรวาลกาแล็กติกจึงสำคัญ,นายพลทหารนาซีมากมายยังคือพวกแรปทีเลี่ยนจึงไม่แปลงอะไรที่มองว่ามนุษย์ไร้ค่าหรืออะไรทางปากทางพลังงานลบพลังงานบวกเพื่อผลประโยชน์มันในสถานะต่างๆตลอดค้าขายต่างมิติต่างดวงดาวก็ได้.
    ..ประเทศไทยจริงๆต้องพัฒนาแบบก้าวกระโดดจริงๆกฎหมายมากมายที่กดขี่ประชาชนต้องฉีกทิ้งมิใช่สร้างขึ้นเพิ่มมากเช่นลักษณะกฎหมายไม่สวมหมวกกันน็อคปรับ2,00บาทเป็นต้น,มีกฎหมายแรปทีเลี่ยนอีลิทที่ออกที่เขียนที่ตีตราออกมามากมายเพื่อควบคุมมนุษย์คนไทยออกมาใช้บังคับควบคุมคนไทยแบบปรับ2,000นี้เป็นอันมาก,เกาหลีญี่ปุ่นคือตัวอย่างที่ดี ปัญญาอ่อนมากมายไม่น้อย,เผด็จการบนตรายางอ้างประชาธิปไตยนั้นเอง,ผู้นำไทยเราฝ่ายดีจะมองเห็นทางแก้ไม่ยากอะไรหรอกเพื่อบริหารจัดการให้ลงตัวกับอนาคตยุคล้ำๆนำสมัยอัพเรเวลประเทศไทยเป็นระดับสากลเทียบชั้นโลกเจริญของสมาชิกสภากาแล็กติกจักรวาลนั้น,อนาคตไทยคือฮับของจักรวาลก็ว่า,เป็นสถานีชุมทางของทั่วจักรวาลมาเยือนโลกที่ต้องมาประตูทางเข้าที่ไทยเราก่อนนั้นเอง,แต่แรปทีเลียนรับไม่ได้ในฝ่ายไม่ดีและหมายกอบโกยจะเอาจะเอาเป็นของตนเองฝ่ายเดียวนั้นล่ะ,จึงพยายามทุกๆรูปแบบขัดขวางประเทศมิให้เจริญ ปล้นชิงทุกๆอย่างยึดทุกๆอย่างให้ได้ อย่างให้ไทยมีวัตถุดิบเป็นของตนเองในการพัฒนาชาติไทย ทำก็ทำให้ลำบากให้แพงให้ยากไว้,บ่อน้ำมันไทยจึงยึดไว้ บ่อทองคำก็ทำเอง อะไรๆมากมายอยู่ในมือต่างชาติฝ่ายไม่ดีหมดนั้นเอง,
    ..ถ้าฝ่ายแสงปกครองฝ่ายดีขึ้นปกครองประเทศหรือยึดทันทีจริง ถ้าฝ่ายไม่ดียึดปกครองไทยจริงตลอดอดีตถึงปัจจุบันก็ต้องสมควรถูกยึดเพื่อให้ฝ่ายดีขึ้นปกครองจริงๆเพราะประชาชนก็ย่อมดีขึ้นแน่นอน,เราจะก้าวกระโดดทันทีทั้งทางวัตถุธาตุและจิตวิญญาณที่ดีในการยกระดับจิตในทางที่ถูกต้องไม่มีอะไรมาขัดขวางกิจกรรมผู้หมายอัพเรเวลตนทางดีอีก,ใครเป็นมิติชั่วเลวทางจิตจริงก็ต้องถูกดูดพาย้ายไปดวงดาวอื่นทันทีที่มิติเดียวกันเรเวลชั่วเลวเดียวกันบนดวงดาวเดียวกันนั้นเอง.
    ..เชื่อว่ายานพ่อยานแม่เหล่านี้มาดูดบีอิ้งที่ว่าของจริงแน่นอน,และมีแบบตัวคนเป็นๆย้ายไปดวงดาวอื่นที่เรเวลจิตใจต่ำเลวระดับเดียวกันด้วย,ที่คนฝ่ายแสงมักอวยว่าคนมิติ5Dขึ้นไปก็ย่อมเหมาะสมแก่สิ่งดีๆตามระดับเรเวลดีนั้นเอง,เทคโนโลยีก็อัพเรเวลตามสถานะคนมิตินั้นๆด้วย,AIเองก็ถูกเองมาเพื่อคนมิตินั้นๆด้วย,มันจะไม่เหมือนเดิมแบบยุคแรปทีเลี่ยนก่อนๆแบบก่อนยุคไดโนเสาร์หรือในอดีตๆแน่นอน,ดวงอังคารอะไรดวงดาวอะไรอนาคตโลกจะล้ำสมัยที่สุดนำหน้าทุกๆดวงดาวที่ว่าเลิศก็ว่า,เพราะเผ่าพันธ์มนุษย์แบบมนุษย์คนไทยประเทศเรานี้อัจฉริยะทางจิตวิญญาณมากที่สุดบนโลก,แต่ไม่แสดงตัวเท่านั้น,และทั่วจักรวาลลงใจยอมรับด้วยจิตด้วยใจสนิทใจนั้นเอง.,แรปทีเลี่ยนที่ดีๆฝ่ายดีกลับใจก็มีไม่น้อยบนแผ่นดินไทยหรือใต้แผ่นดินไทยเรา,คือแรปทีเลี่ยนดีต่อสู้กับแรปทีเลี่ยนไม่ดีนั้นล่ะ,
    ..ประเทศไทยจะก้าวต่อไปได้ต้องมีผู้นำทางจิตวิญญาณฝ่ายแสงนำทัพจริงๆ การพัฒนานวัตกรรมใดๆจะเป็นไปลักษณะฝ่ายดีทันทีและเชื่อมประสานกับฝ่ายแสงใต้โลกฝ่ายแสงนอกโลกในการรับเทคโนโลยีล้ำๆมาอัพเรเวลประเทศไทยคงไม่ยากอะไร,ไม่จำเป็นไปพบปะแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีกับชาติอื่นทั่วโลกก็ได้,อยากได้อะไรเพื่อนฝ่ายแสงต่างมิติดวงดาวจะจัดให้แน่นอน,เพราะที่เขาเลือกอเมริกาเลือกรัสเชียเลือกจีนหรือเลือกประเทศใดๆเพียงทดลองงานเท่านั้น,ตัวแทนก็ว่า,แต่ของจริงเป้าหมายตรงจุดคือประเทศไทย เขารอความพร้อมจากประเทศไทยแค่นั้นและเขา..จักรวาลวางประเทศไทยเป็นเอกของโลกอยู่แล้ว,เขาดูเราเหมือนเด็กทารกที่กำลังเติบโตแค่นั่น มีตีกันกับเพื่อนบ้านในแต่ล่ะยุคเรื่อยมานั่นล่ะพะสาเด็กๆ,เรากำลังอยู่ในขั้นจบ ปวส.ประมาณนั้น .,พร้อมก้าวสู่ค่าจริงของชุมชนสังคมจักรวาลแล้ว.
    ..ยานแม่ลงจอดลอยลำทั่วชั้นบรรยาศโลกแน่นอน ยานใต้โลกก็พวกใต้โลก ยานมาจากนอกโดมก็นอกทวีปนอกโดมหรือนอกโลก,มีการเคลื่อนย้ายคนแน่นอน ส่วนคนดีหรือคนชั่วเข้าคงลงมติตัดสินใจในสภาฯเข้าแต่ละหน้างานเนื้องานล่ะ,เราต้องพัฒนาทางจิตวิญญาณโดยรวดเร็วในประเทศไทยนอกจากพัฒนาทางวัตถุเทคโนโลยีAIและนวัตกรรมต่างๆ,คู่ขนานสแกนกำจัดฝ่ายมืดฝ่ายไม่ดีที่อยู่ภายในชาติไทยเราเองด้วย,ชาติอื่นก็เป็นของชาติอื่นๆ,พ้นนั้น เขาจะลงมาเก็บกวาดที่เราไม่สามารถลงมือจัดการได้หรือเรเวลบนโลกต่อกรไม่ได้ เขาจะกำจัดเองอาจสิ้นซากด้วย ผู้นำใด ยิ่งใหญ่แค่ไหน ขุดหลุมลงรูลึกขนาดไหนก็ไม่รอด,เพราะเขาลงมติร่วมกันแล้วว่าโลกใบนี้ต้องทำความสะอาดจริงจัง.,ฝ่ายมืดและสมุนขี้ข้ารับใช้ลูกน้องทั้งหมดต้องไม่มีในโลก,หลายคนอาจฝันผีบ้าไปเจอเองผ่านความฝันมากมายมาแล้ว,และนั้นอาจเป็นข้อความที่เขาส่งผ่านคลื่นความถี่มาถึงคุณท่านเธอทั้งหลายขณะนอนหลับสบายๆในบ้านของใครมัน.
    ..เราชาวโลกทุกๆคนสมควรแก่เวลาเช่นกันที่ต้องรับรู้ค่าจริงของจักรวาลนี้จริงๆ.เจตจำนงเสรีเราจะมีวิถีที่พึ่งที่อยู่อันเป็นสรณะอันสมควรของใครของมันชัดเจนทันทีแน่นอน.,กลับบ้านของใครของมันถูกก็ด้วย.มาเล่นเสียนานก็ใช่ หลงทางถูกลักพาตัวถูกกักตัวก็ใช่ โลกสมมุตินี้ธรรมดาที่ไหน,หรืออัพเรเวลใครมันสมปราถนาตามเจตจำนงใครมันก็ใช่.,สะดวกอำนวยแต่การปฏิบัติให้ถึงความสมบูรณ์บริบูรณ์อุดมสมบูรณ์ทุกๆประการที่จิตปราถนานั้นเอง.,สายธรรมะจักรวาลอาจว่าที่สุดคือบรรลุธรรมจักรวาลหรือสายพุทธคือนิพพานนั้นเอง,ไม่เกิดไม่ดับ ไม่มาเกิดไม่มาตายอีกในสมมุตินี้.


    https://youtube.com/watch?v=Gwbrjy8yR3s&feature=shared
    ..ก้าวกระโดดแน่นอน,สิ่งที่ไม่เคยเห็นในหลายพันปีก่อนจะกลับมา,แต่ละอีกสไตล์ใหม่ของแต่ละยุค ละอารยะธรรมของช่วงสมัยใครมัน,แต่เทคโนโลยีอาจล้ำกว่าสมัยอดีตตามการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลาที่แต่ละดวงดาวมิริอัพเรเวลตนเองใครมันนานแล้วและประสานแลกเปลี่ยนเรเวลกัน, ..ชาติไทยเราต้องจบความขัดแย้งทั้งหมดทันที เช่นเขมร ซึ่งผิดปกติมากที่อยู่ดีๆแต่ผีบ้าแสวงหาความขัดแย้งกับไทยให้ได้,หมายสร้างโกลาหลขัดขวางการมาของยุคสมัยใหม่นั้นเอง,เพื่อให้ย้อนกลับไปมีภาวะสู้รบสงครามทั่วโลกให้ได้นั้น แบบที่เกิดๆแล้วในยูเครนในอิสราเอล ,ฝ่ายไม่ดีสั่งการสร้างขัดขวางมิให้มีบรรยากาศสู้นวัตกรรมยุคสมัยใหม่นั้นเอง,ต้องการควบคุมมนุษย์บนพื้นฐานความหวาดกลัวแบบกฎหมายระเบียบข้อบังคับมาข่มขู่นั้นล่ะก็เสมือนตนชนะสามารถจัดการมนุษย์แบบที่เคยเป็นมาเหมือนในอดีต,ดูเขมรตัดน้ำมันตัดไฟฟ้าตัดใดๆในไทย ชิงตัดบังหน้าก่อนก็ได้เพื่อควบคุมมนุษย์เขมรให้โง่ตามแต่ตนจะให้รู้นั้นล่ะ,เน็ตไม่มี มีเน็ตก็สั่งการโดยรัฐบาลเขมรใช้ไปทางที่ผิด ยั่งยุคนเขมรมากระทำต่อไทยก็ด้วย.,และในรัฐบาลไทยเราก็มีแรปทีเลี่ยนกระหายสงครามกระหายความโกลาหลกระหายความแตกแยกไม่สงบสุขแบบพม่านั้นมีอยู่จริงในไทย รุ่นไฮบริดจ์ลูกผสมก็ว่า,ใครมีตังฐานะดี ร่ำรวย หน้าตารูปร่างไปทางแรปทีเลี่ยน แสดงบริบทบทบาทชุดมนุษย์นั้นล่ะใช่เลยและปะปนในทุกๆวงการทั่วไทยตลอดฝังรากฐานบนอำนาจปกครองชนชั้นนำตรึมแน่นอน,อาจสแกนหาด้วยเครื่องมือพิเศษต่างดาวความถี่ล้ำด้วยกันจะพบเจอไม่ยากเย็นอะไร,ผู้นำผู้ปกครองประเทศไทยจึงต้องเป็นฝ่ายดีฝ่ายแสงฝ่ายสภาจักรวาลกาแล็กติกจึงสำคัญ,นายพลทหารนาซีมากมายยังคือพวกแรปทีเลี่ยนจึงไม่แปลงอะไรที่มองว่ามนุษย์ไร้ค่าหรืออะไรทางปากทางพลังงานลบพลังงานบวกเพื่อผลประโยชน์มันในสถานะต่างๆตลอดค้าขายต่างมิติต่างดวงดาวก็ได้. ..ประเทศไทยจริงๆต้องพัฒนาแบบก้าวกระโดดจริงๆกฎหมายมากมายที่กดขี่ประชาชนต้องฉีกทิ้งมิใช่สร้างขึ้นเพิ่มมากเช่นลักษณะกฎหมายไม่สวมหมวกกันน็อคปรับ2,00บาทเป็นต้น,มีกฎหมายแรปทีเลี่ยนอีลิทที่ออกที่เขียนที่ตีตราออกมามากมายเพื่อควบคุมมนุษย์คนไทยออกมาใช้บังคับควบคุมคนไทยแบบปรับ2,000นี้เป็นอันมาก,เกาหลีญี่ปุ่นคือตัวอย่างที่ดี ปัญญาอ่อนมากมายไม่น้อย,เผด็จการบนตรายางอ้างประชาธิปไตยนั้นเอง,ผู้นำไทยเราฝ่ายดีจะมองเห็นทางแก้ไม่ยากอะไรหรอกเพื่อบริหารจัดการให้ลงตัวกับอนาคตยุคล้ำๆนำสมัยอัพเรเวลประเทศไทยเป็นระดับสากลเทียบชั้นโลกเจริญของสมาชิกสภากาแล็กติกจักรวาลนั้น,อนาคตไทยคือฮับของจักรวาลก็ว่า,เป็นสถานีชุมทางของทั่วจักรวาลมาเยือนโลกที่ต้องมาประตูทางเข้าที่ไทยเราก่อนนั้นเอง,แต่แรปทีเลียนรับไม่ได้ในฝ่ายไม่ดีและหมายกอบโกยจะเอาจะเอาเป็นของตนเองฝ่ายเดียวนั้นล่ะ,จึงพยายามทุกๆรูปแบบขัดขวางประเทศมิให้เจริญ ปล้นชิงทุกๆอย่างยึดทุกๆอย่างให้ได้ อย่างให้ไทยมีวัตถุดิบเป็นของตนเองในการพัฒนาชาติไทย ทำก็ทำให้ลำบากให้แพงให้ยากไว้,บ่อน้ำมันไทยจึงยึดไว้ บ่อทองคำก็ทำเอง อะไรๆมากมายอยู่ในมือต่างชาติฝ่ายไม่ดีหมดนั้นเอง, ..ถ้าฝ่ายแสงปกครองฝ่ายดีขึ้นปกครองประเทศหรือยึดทันทีจริง ถ้าฝ่ายไม่ดียึดปกครองไทยจริงตลอดอดีตถึงปัจจุบันก็ต้องสมควรถูกยึดเพื่อให้ฝ่ายดีขึ้นปกครองจริงๆเพราะประชาชนก็ย่อมดีขึ้นแน่นอน,เราจะก้าวกระโดดทันทีทั้งทางวัตถุธาตุและจิตวิญญาณที่ดีในการยกระดับจิตในทางที่ถูกต้องไม่มีอะไรมาขัดขวางกิจกรรมผู้หมายอัพเรเวลตนทางดีอีก,ใครเป็นมิติชั่วเลวทางจิตจริงก็ต้องถูกดูดพาย้ายไปดวงดาวอื่นทันทีที่มิติเดียวกันเรเวลชั่วเลวเดียวกันบนดวงดาวเดียวกันนั้นเอง. ..เชื่อว่ายานพ่อยานแม่เหล่านี้มาดูดบีอิ้งที่ว่าของจริงแน่นอน,และมีแบบตัวคนเป็นๆย้ายไปดวงดาวอื่นที่เรเวลจิตใจต่ำเลวระดับเดียวกันด้วย,ที่คนฝ่ายแสงมักอวยว่าคนมิติ5Dขึ้นไปก็ย่อมเหมาะสมแก่สิ่งดีๆตามระดับเรเวลดีนั้นเอง,เทคโนโลยีก็อัพเรเวลตามสถานะคนมิตินั้นๆด้วย,AIเองก็ถูกเองมาเพื่อคนมิตินั้นๆด้วย,มันจะไม่เหมือนเดิมแบบยุคแรปทีเลี่ยนก่อนๆแบบก่อนยุคไดโนเสาร์หรือในอดีตๆแน่นอน,ดวงอังคารอะไรดวงดาวอะไรอนาคตโลกจะล้ำสมัยที่สุดนำหน้าทุกๆดวงดาวที่ว่าเลิศก็ว่า,เพราะเผ่าพันธ์มนุษย์แบบมนุษย์คนไทยประเทศเรานี้อัจฉริยะทางจิตวิญญาณมากที่สุดบนโลก,แต่ไม่แสดงตัวเท่านั้น,และทั่วจักรวาลลงใจยอมรับด้วยจิตด้วยใจสนิทใจนั้นเอง.,แรปทีเลี่ยนที่ดีๆฝ่ายดีกลับใจก็มีไม่น้อยบนแผ่นดินไทยหรือใต้แผ่นดินไทยเรา,คือแรปทีเลี่ยนดีต่อสู้กับแรปทีเลี่ยนไม่ดีนั้นล่ะ, ..ประเทศไทยจะก้าวต่อไปได้ต้องมีผู้นำทางจิตวิญญาณฝ่ายแสงนำทัพจริงๆ การพัฒนานวัตกรรมใดๆจะเป็นไปลักษณะฝ่ายดีทันทีและเชื่อมประสานกับฝ่ายแสงใต้โลกฝ่ายแสงนอกโลกในการรับเทคโนโลยีล้ำๆมาอัพเรเวลประเทศไทยคงไม่ยากอะไร,ไม่จำเป็นไปพบปะแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีกับชาติอื่นทั่วโลกก็ได้,อยากได้อะไรเพื่อนฝ่ายแสงต่างมิติดวงดาวจะจัดให้แน่นอน,เพราะที่เขาเลือกอเมริกาเลือกรัสเชียเลือกจีนหรือเลือกประเทศใดๆเพียงทดลองงานเท่านั้น,ตัวแทนก็ว่า,แต่ของจริงเป้าหมายตรงจุดคือประเทศไทย เขารอความพร้อมจากประเทศไทยแค่นั้นและเขา..จักรวาลวางประเทศไทยเป็นเอกของโลกอยู่แล้ว,เขาดูเราเหมือนเด็กทารกที่กำลังเติบโตแค่นั่น มีตีกันกับเพื่อนบ้านในแต่ล่ะยุคเรื่อยมานั่นล่ะพะสาเด็กๆ,เรากำลังอยู่ในขั้นจบ ปวส.ประมาณนั้น .,พร้อมก้าวสู่ค่าจริงของชุมชนสังคมจักรวาลแล้ว. ..ยานแม่ลงจอดลอยลำทั่วชั้นบรรยาศโลกแน่นอน ยานใต้โลกก็พวกใต้โลก ยานมาจากนอกโดมก็นอกทวีปนอกโดมหรือนอกโลก,มีการเคลื่อนย้ายคนแน่นอน ส่วนคนดีหรือคนชั่วเข้าคงลงมติตัดสินใจในสภาฯเข้าแต่ละหน้างานเนื้องานล่ะ,เราต้องพัฒนาทางจิตวิญญาณโดยรวดเร็วในประเทศไทยนอกจากพัฒนาทางวัตถุเทคโนโลยีAIและนวัตกรรมต่างๆ,คู่ขนานสแกนกำจัดฝ่ายมืดฝ่ายไม่ดีที่อยู่ภายในชาติไทยเราเองด้วย,ชาติอื่นก็เป็นของชาติอื่นๆ,พ้นนั้น เขาจะลงมาเก็บกวาดที่เราไม่สามารถลงมือจัดการได้หรือเรเวลบนโลกต่อกรไม่ได้ เขาจะกำจัดเองอาจสิ้นซากด้วย ผู้นำใด ยิ่งใหญ่แค่ไหน ขุดหลุมลงรูลึกขนาดไหนก็ไม่รอด,เพราะเขาลงมติร่วมกันแล้วว่าโลกใบนี้ต้องทำความสะอาดจริงจัง.,ฝ่ายมืดและสมุนขี้ข้ารับใช้ลูกน้องทั้งหมดต้องไม่มีในโลก,หลายคนอาจฝันผีบ้าไปเจอเองผ่านความฝันมากมายมาแล้ว,และนั้นอาจเป็นข้อความที่เขาส่งผ่านคลื่นความถี่มาถึงคุณท่านเธอทั้งหลายขณะนอนหลับสบายๆในบ้านของใครมัน. ..เราชาวโลกทุกๆคนสมควรแก่เวลาเช่นกันที่ต้องรับรู้ค่าจริงของจักรวาลนี้จริงๆ.เจตจำนงเสรีเราจะมีวิถีที่พึ่งที่อยู่อันเป็นสรณะอันสมควรของใครของมันชัดเจนทันทีแน่นอน.,กลับบ้านของใครของมันถูกก็ด้วย.มาเล่นเสียนานก็ใช่ หลงทางถูกลักพาตัวถูกกักตัวก็ใช่ โลกสมมุตินี้ธรรมดาที่ไหน,หรืออัพเรเวลใครมันสมปราถนาตามเจตจำนงใครมันก็ใช่.,สะดวกอำนวยแต่การปฏิบัติให้ถึงความสมบูรณ์บริบูรณ์อุดมสมบูรณ์ทุกๆประการที่จิตปราถนานั้นเอง.,สายธรรมะจักรวาลอาจว่าที่สุดคือบรรลุธรรมจักรวาลหรือสายพุทธคือนิพพานนั้นเอง,ไม่เกิดไม่ดับ ไม่มาเกิดไม่มาตายอีกในสมมุตินี้. https://youtube.com/watch?v=Gwbrjy8yR3s&feature=shared
    0 Comments 0 Shares 192 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกยานยนต์อัจฉริยะ: Mercedes-Benz ผสาน Microsoft Teams และ Copilot เพื่อการทำงานในรถที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

    Mercedes-Benz ประกาศขยายความร่วมมือกับ Microsoft โดยนำ Microsoft Teams และ Microsoft 365 Copilot มาใช้งานในรถยนต์ผ่านระบบ MB.OS รุ่นใหม่ ซึ่งจะเริ่มใช้งานในรถรุ่น CLA ที่มาพร้อม MBUX รุ่นที่ 4 ภายในฤดูร้อนปีนี้

    ฟีเจอร์เด่น ได้แก่:
    - การประชุมผ่าน Teams ด้วยกล้องในรถ (เฉพาะประเทศที่อนุญาต)
    - ระบบตัดภาพวิดีโออัตโนมัติเมื่อกล้องทำงาน เพื่อความปลอดภัย
    - แดชบอร์ดใหม่แสดง “Next Meetings” และรายชื่อผู้ติดต่อที่ใช้บ่อย
    - การตอบข้อความด้วยเสียง และการเข้าร่วมประชุมจากปฏิทินด้วยการแตะครั้งเดียว
    - การผสาน Microsoft Intune เพื่อให้ผู้ใช้ล็อกอินด้วยบัญชีองค์กรและเข้าถึงข้อมูลอย่างปลอดภัย
    - การใช้ Microsoft 365 Copilot ด้วยเสียง เช่น สรุปอีเมลหรือดูรายการงานที่ได้รับมอบหมาย

    Ola Källenius ซีอีโอของ Mercedes-Benz กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพขณะเดินทาง โดยไม่รบกวนสมาธิในการขับขี่

    Mercedes-Benz ผสาน Microsoft Teams และ Copilot เข้ากับระบบ MB.OS
    เริ่มใช้งานในรถรุ่น CLA ที่มาพร้อม MBUX รุ่นที่ 4 ฤดูร้อนนี้

    Meetings for Teams รองรับการใช้กล้องในรถ
    เปิดใช้งานเฉพาะในประเทศที่อนุญาตตามกฎหมาย

    ระบบตัดภาพวิดีโออัตโนมัติเมื่อกล้องทำงาน
    เพื่อป้องกันการรบกวนสายตาขณะขับรถ

    แดชบอร์ดใหม่แสดง “Next Meetings” และรายชื่อผู้ติดต่อ
    เพิ่มความสะดวกในการเข้าร่วมประชุมและสื่อสาร

    รองรับการตอบข้อความด้วยเสียงและเข้าร่วมประชุมจากปฏิทิน
    ลดการแตะหน้าจอขณะขับรถ

    ผสาน Microsoft Intune เพื่อเข้าถึงข้อมูลองค์กรอย่างปลอดภัย
    รองรับแอป MBUX Notes และ Calendar

    Microsoft 365 Copilot รองรับคำสั่งเสียง
    เช่น สรุปอีเมล ดูงานที่ได้รับมอบหมาย และอื่น ๆ

    การใช้กล้องในรถยังถูกจำกัดตามกฎหมายแต่ละประเทศ
    อาจไม่สามารถใช้งานได้ในบางพื้นที่

    ผู้ขับขี่ไม่สามารถดูสไลด์หรือหน้าจอแชร์ระหว่างประชุม
    ระบบจะปิดภาพวิดีโอเพื่อความปลอดภัยโดยอัตโนมัติ

    https://www.neowin.net/news/mercedes-benz-integrates-microsoft-teams-and-microsoft-365-copilot-for-in-car-productivity/
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกยานยนต์อัจฉริยะ: Mercedes-Benz ผสาน Microsoft Teams และ Copilot เพื่อการทำงานในรถที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ Mercedes-Benz ประกาศขยายความร่วมมือกับ Microsoft โดยนำ Microsoft Teams และ Microsoft 365 Copilot มาใช้งานในรถยนต์ผ่านระบบ MB.OS รุ่นใหม่ ซึ่งจะเริ่มใช้งานในรถรุ่น CLA ที่มาพร้อม MBUX รุ่นที่ 4 ภายในฤดูร้อนปีนี้ ฟีเจอร์เด่น ได้แก่: - การประชุมผ่าน Teams ด้วยกล้องในรถ (เฉพาะประเทศที่อนุญาต) - ระบบตัดภาพวิดีโออัตโนมัติเมื่อกล้องทำงาน เพื่อความปลอดภัย - แดชบอร์ดใหม่แสดง “Next Meetings” และรายชื่อผู้ติดต่อที่ใช้บ่อย - การตอบข้อความด้วยเสียง และการเข้าร่วมประชุมจากปฏิทินด้วยการแตะครั้งเดียว - การผสาน Microsoft Intune เพื่อให้ผู้ใช้ล็อกอินด้วยบัญชีองค์กรและเข้าถึงข้อมูลอย่างปลอดภัย - การใช้ Microsoft 365 Copilot ด้วยเสียง เช่น สรุปอีเมลหรือดูรายการงานที่ได้รับมอบหมาย Ola Källenius ซีอีโอของ Mercedes-Benz กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพขณะเดินทาง โดยไม่รบกวนสมาธิในการขับขี่ ✅ Mercedes-Benz ผสาน Microsoft Teams และ Copilot เข้ากับระบบ MB.OS ➡️ เริ่มใช้งานในรถรุ่น CLA ที่มาพร้อม MBUX รุ่นที่ 4 ฤดูร้อนนี้ ✅ Meetings for Teams รองรับการใช้กล้องในรถ ➡️ เปิดใช้งานเฉพาะในประเทศที่อนุญาตตามกฎหมาย ✅ ระบบตัดภาพวิดีโออัตโนมัติเมื่อกล้องทำงาน ➡️ เพื่อป้องกันการรบกวนสายตาขณะขับรถ ✅ แดชบอร์ดใหม่แสดง “Next Meetings” และรายชื่อผู้ติดต่อ ➡️ เพิ่มความสะดวกในการเข้าร่วมประชุมและสื่อสาร ✅ รองรับการตอบข้อความด้วยเสียงและเข้าร่วมประชุมจากปฏิทิน ➡️ ลดการแตะหน้าจอขณะขับรถ ✅ ผสาน Microsoft Intune เพื่อเข้าถึงข้อมูลองค์กรอย่างปลอดภัย ➡️ รองรับแอป MBUX Notes และ Calendar ✅ Microsoft 365 Copilot รองรับคำสั่งเสียง ➡️ เช่น สรุปอีเมล ดูงานที่ได้รับมอบหมาย และอื่น ๆ ‼️ การใช้กล้องในรถยังถูกจำกัดตามกฎหมายแต่ละประเทศ ⛔ อาจไม่สามารถใช้งานได้ในบางพื้นที่ ‼️ ผู้ขับขี่ไม่สามารถดูสไลด์หรือหน้าจอแชร์ระหว่างประชุม ⛔ ระบบจะปิดภาพวิดีโอเพื่อความปลอดภัยโดยอัตโนมัติ https://www.neowin.net/news/mercedes-benz-integrates-microsoft-teams-and-microsoft-365-copilot-for-in-car-productivity/
    WWW.NEOWIN.NET
    Mercedes-Benz integrates Microsoft Teams and Microsoft 365 Copilot for in-car productivity
    Mercedes-Benz is deepening its partnership with Microsoft to integrate enhanced productivity tools, including Microsoft Teams, into its vehicles.
    0 Comments 0 Shares 192 Views 0 Reviews
  • Meta สร้างศูนย์ข้อมูลขนาดเท่าแมนฮัตตัน – เพื่อเป็นผู้นำด้าน AI ในระดับโลก

    Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta ประกาศแผนสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ระดับ “multi-GW clusters” เพื่อรองรับการฝึกและใช้งานโมเดล AI โดยใช้แนวทางใหม่ที่เน้นความเร็วและต้นทุนต่ำ เช่น การสร้างศูนย์ข้อมูลแบบ “เต็นท์” แทนโครงสร้างอาคารแบบเดิม

    ศูนย์ข้อมูลหลัก ได้แก่:
    - “Prometheus” ขนาด 1GW จะเปิดใช้งานในปี 2026
    - “Hyperion” จะใช้พลังงานสูงสุดถึง 5GW เมื่อสร้างเสร็จ
    - ศูนย์ข้อมูลอื่น ๆ ที่กำลังวางแผนจะมีขนาดเท่ากับพื้นที่บางส่วนของเกาะแมนฮัตตัน

    Meta ยังใช้เทคนิคใหม่ เช่น:
    - โมดูลพลังงานและระบบทำความเย็นแบบสำเร็จรูป
    - การจัดการโหลดงานด้วยระบบอัจฉริยะ
    - การใช้โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติขนาด 200MW ในโอไฮโอเพื่อจ่ายไฟโดยตรง

    แม้โมเดล Llama ของ Meta ยังไม่โดดเด่นเท่า GPT หรือ Claude แต่บริษัทตั้งเป้าจะเป็นผู้นำด้าน “compute per researcher” และอาจเปลี่ยนบทบาทจากผู้พัฒนา AI เป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานคล้าย Amazon หรือ Groq

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/meta-plans-multi-gw-data-center-thats-nearly-the-size-of-manhattan-zuckerberg-promises-enormous-ai-splash-as-company-uses-tents-to-try-and-keep-up-with-rate-of-expansion
    Meta สร้างศูนย์ข้อมูลขนาดเท่าแมนฮัตตัน – เพื่อเป็นผู้นำด้าน AI ในระดับโลก Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta ประกาศแผนสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ระดับ “multi-GW clusters” เพื่อรองรับการฝึกและใช้งานโมเดล AI โดยใช้แนวทางใหม่ที่เน้นความเร็วและต้นทุนต่ำ เช่น การสร้างศูนย์ข้อมูลแบบ “เต็นท์” แทนโครงสร้างอาคารแบบเดิม ศูนย์ข้อมูลหลัก ได้แก่: - “Prometheus” ขนาด 1GW จะเปิดใช้งานในปี 2026 - “Hyperion” จะใช้พลังงานสูงสุดถึง 5GW เมื่อสร้างเสร็จ - ศูนย์ข้อมูลอื่น ๆ ที่กำลังวางแผนจะมีขนาดเท่ากับพื้นที่บางส่วนของเกาะแมนฮัตตัน Meta ยังใช้เทคนิคใหม่ เช่น: - โมดูลพลังงานและระบบทำความเย็นแบบสำเร็จรูป - การจัดการโหลดงานด้วยระบบอัจฉริยะ - การใช้โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติขนาด 200MW ในโอไฮโอเพื่อจ่ายไฟโดยตรง แม้โมเดล Llama ของ Meta ยังไม่โดดเด่นเท่า GPT หรือ Claude แต่บริษัทตั้งเป้าจะเป็นผู้นำด้าน “compute per researcher” และอาจเปลี่ยนบทบาทจากผู้พัฒนา AI เป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานคล้าย Amazon หรือ Groq https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/meta-plans-multi-gw-data-center-thats-nearly-the-size-of-manhattan-zuckerberg-promises-enormous-ai-splash-as-company-uses-tents-to-try-and-keep-up-with-rate-of-expansion
    0 Comments 0 Shares 250 Views 0 Reviews
  • Nvidia กลับมาขาย H20 ให้จีน – สหรัฐฯ ไฟเขียวส่งออกชิป AI อีกครั้ง

    หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯสั่งห้ามการส่งออกชิป AI รุ่น H100 และ H200 ไปยังจีนในปี 2023 Nvidia ได้เปิดตัวรุ่น H20 ซึ่งเป็นเวอร์ชันลดสเปกเพื่อให้ผ่านข้อจำกัด แต่ก็ยังถูกแบนในเดือนเมษายน 2024 ภายใต้กฎ AI diffusion rule และมาตรการเสริมจากฝ่ายบริหารของอดีตประธานาธิบดี Trump

    ล่าสุด Nvidia ยืนยันว่าได้รับคำมั่นจากรัฐบาลสหรัฐฯ ว่าจะอนุมัติใบอนุญาตส่งออกสำหรับ H20 และหวังว่าจะเริ่มส่งมอบได้เร็ว ๆ นี้

    Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ได้เดินทางระหว่างวอชิงตันและปักกิ่งเพื่อเจรจากับเจ้าหน้าที่ของทั้งสองประเทศ โดยเน้นว่า AI จะสร้างประโยชน์ต่อธุรกิจและสังคมทั่วโลก และการจำกัดเทคโนโลยีจะทำให้สหรัฐฯ เสียเปรียบต่อคู่แข่งอย่าง Huawei

    แม้จะยังไม่ใช่การยกเลิกการแบนทั้งหมด แต่การอนุมัติใบอนุญาตส่งออก H20 ถือเป็นสัญญาณบวก และอาจเป็นผลจากข้อตกลงการค้าล่าสุดระหว่างสหรัฐฯ กับจีน เช่น การกลับมาส่งออกแร่หายากจากจีน และการยกเลิกข้อจำกัดด้าน EDA (Electronic Design Automation)

    เพื่อเตรียมรับมือกับความไม่แน่นอน Nvidia ยังเปิดตัว RTX Pro GPU ที่ออกแบบให้เหมาะกับงาน AI ในโรงงานอัจฉริยะ และเตรียมรุ่น HGX H20 แบบลดสเปกเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-to-resume-h20-sales-in-china-says-u-s-government-has-promised-to-grant-licenses-deliveries-to-start-soon
    Nvidia กลับมาขาย H20 ให้จีน – สหรัฐฯ ไฟเขียวส่งออกชิป AI อีกครั้ง หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯสั่งห้ามการส่งออกชิป AI รุ่น H100 และ H200 ไปยังจีนในปี 2023 Nvidia ได้เปิดตัวรุ่น H20 ซึ่งเป็นเวอร์ชันลดสเปกเพื่อให้ผ่านข้อจำกัด แต่ก็ยังถูกแบนในเดือนเมษายน 2024 ภายใต้กฎ AI diffusion rule และมาตรการเสริมจากฝ่ายบริหารของอดีตประธานาธิบดี Trump ล่าสุด Nvidia ยืนยันว่าได้รับคำมั่นจากรัฐบาลสหรัฐฯ ว่าจะอนุมัติใบอนุญาตส่งออกสำหรับ H20 และหวังว่าจะเริ่มส่งมอบได้เร็ว ๆ นี้ Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ได้เดินทางระหว่างวอชิงตันและปักกิ่งเพื่อเจรจากับเจ้าหน้าที่ของทั้งสองประเทศ โดยเน้นว่า AI จะสร้างประโยชน์ต่อธุรกิจและสังคมทั่วโลก และการจำกัดเทคโนโลยีจะทำให้สหรัฐฯ เสียเปรียบต่อคู่แข่งอย่าง Huawei แม้จะยังไม่ใช่การยกเลิกการแบนทั้งหมด แต่การอนุมัติใบอนุญาตส่งออก H20 ถือเป็นสัญญาณบวก และอาจเป็นผลจากข้อตกลงการค้าล่าสุดระหว่างสหรัฐฯ กับจีน เช่น การกลับมาส่งออกแร่หายากจากจีน และการยกเลิกข้อจำกัดด้าน EDA (Electronic Design Automation) เพื่อเตรียมรับมือกับความไม่แน่นอน Nvidia ยังเปิดตัว RTX Pro GPU ที่ออกแบบให้เหมาะกับงาน AI ในโรงงานอัจฉริยะ และเตรียมรุ่น HGX H20 แบบลดสเปกเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดในอนาคต https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-to-resume-h20-sales-in-china-says-u-s-government-has-promised-to-grant-licenses-deliveries-to-start-soon
    0 Comments 0 Shares 287 Views 0 Reviews
  • บอกลาคราบน้ำตาจากการปอกหอม!
    หมดปัญหาเรื่องการเตรียมวัตถุดิบไปได้เลย!
    เครื่องปอกเปลือกแบบใช้น้ำขนาด 10 ลิตร ตัวช่วยที่จะทำให้งานในครัวของคุณง่ายขึ้นเยอะ! ไม่ว่าจะเป็นหอมแดง หอมแขก หอมหัวใหญ่ มันฝรั่ง หรือกระเทียม ก็จัดการได้รวดเร็วทันใจ

    ทำไมเครื่องนี้ถึงเป็นไอเทมที่คุณต้องมี?
    ⚡️ ปอกไว ไม่เปลืองแรง! ปอกได้มากถึง 5-7 กก. ต่อครั้ง! ประหยัดเวลาไปทำอย่างอื่นได้อีกเยอะ!

    ใช้ง่ายแค่ปลายนิ้ว! แค่ใส่วัตถุดิบ ตั้งเวลา ก็ได้ของสดพร้อมใช้ทันที!

    แข็งแรง ทนทาน ปลอดภัย ผลิตจากสเตนเลสทั้งเครื่อง มอเตอร์ 1 แรงม้า ใช้ไฟบ้าน 220V ได้สบายๆ

    รับประกัน 1 ปีเต็ม! ซื้อไปใช้ได้อย่างสบายใจ ไร้กังวลเรื่องการซ่อมบำรุง!

    รายละเอียดเครื่อง:

    ขนาด: 50 x 74.5 x 85 ซม.

    น้ำหนัก: 58 กก.

    อย่ารอช้า! รีบมาเป็นเจ้าของเครื่องปอกเปลือกอัจฉริยะนี้ แล้วเปลี่ยนงานครัวที่ยุ่งยากให้กลายเป็นเรื่องง่ายๆ!

    สนใจสินค้า? แวะมาดูเครื่องจริงได้เลย!
    เวลาทำการ:
    จันทร์ - ศุกร์: 8.00 - 17.00 น.
    เสาร์: 8.00 - 16.00 น.
    แผนที่ร้าน: https://maps.app.goo.gl/4ppsHfy3NYb1uPPu6
    ช่องทางติดต่อสอบถาม:
    Facebook Messenger: m.me/yonghahheng
    LINE Official Account: @yonghahheng (มี @ ข้างหน้า) หรือคลิก https://lin.ee/HV4lSKp
    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com, yonghahheng@gmail.com

    #เครื่องปอกเปลือก #เครื่องปอกเปลือกหัวหอม #เครื่องปอกเปลือกมันฝรั่ง #เครื่องปอกเปลือกกระเทียม #อุปกรณ์ครัว #เครื่องครัว #ร้านอาหาร #โรงแรม #โรงงานอาหาร #ธุรกิจอาหาร #ลดเวลาทำงาน #ประหยัดแรง #ครัวเรือน #อาหาร #วัตถุดิบ #ทำอาหาร #ของมันต้องมี #สินค้าคุณภาพ #เครื่องใช้ไฟฟ้า #เครื่องจักรอาหาร
    🤩 บอกลาคราบน้ำตาจากการปอกหอม! 🧅🥔🧄 หมดปัญหาเรื่องการเตรียมวัตถุดิบไปได้เลย! ✨ เครื่องปอกเปลือกแบบใช้น้ำขนาด 10 ลิตร ตัวช่วยที่จะทำให้งานในครัวของคุณง่ายขึ้นเยอะ! ไม่ว่าจะเป็นหอมแดง หอมแขก หอมหัวใหญ่ มันฝรั่ง หรือกระเทียม ก็จัดการได้รวดเร็วทันใจ 🔥 ทำไมเครื่องนี้ถึงเป็นไอเทมที่คุณต้องมี? 🔥 ⚡️ ปอกไว ไม่เปลืองแรง! ปอกได้มากถึง 5-7 กก. ต่อครั้ง! ประหยัดเวลาไปทำอย่างอื่นได้อีกเยอะ! ⏰ ใช้ง่ายแค่ปลายนิ้ว! แค่ใส่วัตถุดิบ ตั้งเวลา ก็ได้ของสดพร้อมใช้ทันที! 💪 แข็งแรง ทนทาน ปลอดภัย 💯 ผลิตจากสเตนเลสทั้งเครื่อง มอเตอร์ 1 แรงม้า ใช้ไฟบ้าน 220V ได้สบายๆ 🛡️ รับประกัน 1 ปีเต็ม! ซื้อไปใช้ได้อย่างสบายใจ ไร้กังวลเรื่องการซ่อมบำรุง! รายละเอียดเครื่อง: ขนาด: 50 x 74.5 x 85 ซม. น้ำหนัก: 58 กก. 🎉 อย่ารอช้า! รีบมาเป็นเจ้าของเครื่องปอกเปลือกอัจฉริยะนี้ แล้วเปลี่ยนงานครัวที่ยุ่งยากให้กลายเป็นเรื่องง่ายๆ! 🎉 📍 สนใจสินค้า? แวะมาดูเครื่องจริงได้เลย! 🗓️ เวลาทำการ: จันทร์ - ศุกร์: 8.00 - 17.00 น. เสาร์: 8.00 - 16.00 น. 🗺️ แผนที่ร้าน: https://maps.app.goo.gl/4ppsHfy3NYb1uPPu6 💬 ช่องทางติดต่อสอบถาม: Facebook Messenger: m.me/yonghahheng LINE Official Account: @yonghahheng (มี @ ข้างหน้า) หรือคลิก https://lin.ee/HV4lSKp 📞 โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 🌐 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com 📧 อีเมล: sales@yoryonghahheng.com, yonghahheng@gmail.com #เครื่องปอกเปลือก #เครื่องปอกเปลือกหัวหอม #เครื่องปอกเปลือกมันฝรั่ง #เครื่องปอกเปลือกกระเทียม #อุปกรณ์ครัว #เครื่องครัว #ร้านอาหาร #โรงแรม #โรงงานอาหาร #ธุรกิจอาหาร #ลดเวลาทำงาน #ประหยัดแรง #ครัวเรือน #อาหาร #วัตถุดิบ #ทำอาหาร #ของมันต้องมี #สินค้าคุณภาพ #เครื่องใช้ไฟฟ้า #เครื่องจักรอาหาร
    0 Comments 0 Shares 299 Views 0 Reviews
  • Team Group เปิดตัว SSD รุ่น INDUSTRIAL P250Q Self-Destruct ที่งาน COMPUTEX 2025 และคว้ารางวัล Best Choice Award ด้าน Cyber Security ด้วยฟีเจอร์ลบข้อมูลแบบ “dual-mode” ที่ผสานการทำงานระหว่างซอฟต์แวร์อัจฉริยะและวงจรฮาร์ดแวร์ที่จดสิทธิบัตรในไต้หวัน

    จุดเด่นของ P250Q คือ:
    - ปุ่ม “ทำลายตัวเอง” แบบ one-click
    - วงจรฮาร์ดแวร์ที่ยิงตรงไปยัง Flash IC เพื่อทำลายข้อมูลแบบถาวร
    - ระบบซอฟต์แวร์ที่สามารถกลับมาลบข้อมูลต่อได้อัตโนมัติหลังไฟดับ
    - ไฟ LED หลายระดับที่แสดงสถานะการลบแบบเรียลไทม์

    แม้จะออกแบบมาเพื่อองค์กรที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น หน่วยงานรัฐบาลหรือบริษัทด้านความมั่นคง แต่ก็เป็นแนวคิดที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ทั่วไปในอนาคต โดยเฉพาะในยุคที่ข้อมูลส่วนตัวมีความเสี่ยงสูงขึ้นเรื่อย ๆ

    ด้านสเปก P250Q ใช้ PCIe Gen4x4 (NVMe 1.4) มีความเร็วอ่านสูงสุด 7,000 MB/s และเขียน 5,500 MB/s รองรับความจุ 256 GB ถึง 2 TB และมีความทนทานสูงตามมาตรฐาน MIL-STD

    https://www.neowin.net/news/this-gen4-nvme-ssd-has-a-self-destruct-button-to-bomb-all-user-data-but-its-for-the-good/
    Team Group เปิดตัว SSD รุ่น INDUSTRIAL P250Q Self-Destruct ที่งาน COMPUTEX 2025 และคว้ารางวัล Best Choice Award ด้าน Cyber Security ด้วยฟีเจอร์ลบข้อมูลแบบ “dual-mode” ที่ผสานการทำงานระหว่างซอฟต์แวร์อัจฉริยะและวงจรฮาร์ดแวร์ที่จดสิทธิบัตรในไต้หวัน จุดเด่นของ P250Q คือ: - ปุ่ม “ทำลายตัวเอง” แบบ one-click - วงจรฮาร์ดแวร์ที่ยิงตรงไปยัง Flash IC เพื่อทำลายข้อมูลแบบถาวร - ระบบซอฟต์แวร์ที่สามารถกลับมาลบข้อมูลต่อได้อัตโนมัติหลังไฟดับ - ไฟ LED หลายระดับที่แสดงสถานะการลบแบบเรียลไทม์ แม้จะออกแบบมาเพื่อองค์กรที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น หน่วยงานรัฐบาลหรือบริษัทด้านความมั่นคง แต่ก็เป็นแนวคิดที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ทั่วไปในอนาคต โดยเฉพาะในยุคที่ข้อมูลส่วนตัวมีความเสี่ยงสูงขึ้นเรื่อย ๆ ด้านสเปก P250Q ใช้ PCIe Gen4x4 (NVMe 1.4) มีความเร็วอ่านสูงสุด 7,000 MB/s และเขียน 5,500 MB/s รองรับความจุ 256 GB ถึง 2 TB และมีความทนทานสูงตามมาตรฐาน MIL-STD https://www.neowin.net/news/this-gen4-nvme-ssd-has-a-self-destruct-button-to-bomb-all-user-data-but-its-for-the-good/
    WWW.NEOWIN.NET
    This Gen4 NVMe SSD has a self-destruct button to bomb all user data but it's for the good
    Team Group has designed a new SSD that is said to feature an actual self destruct button so it can destroy data completely and securely with no chance of recovery.
    0 Comments 0 Shares 165 Views 0 Reviews
  • AI อัจฉริยะที่ Elon Musk บอกว่า “ฉลาดกว่าคนเรียนจบ PhD ทุกคน”

    Elon Musk เปิดตัว Grok 4 ซึ่งเป็นโมเดล AI ล่าสุดจากบริษัท xAI โดยระบุว่าโมเดลนี้ได้รับการฝึกมากกว่า Grok 2 ถึง 100 เท่า และ “ฉลาดกว่าบัณฑิตระดับปริญญาเอกในทุกสาขาพร้อมกัน” เขาเรียกช่วงเวลานี้ว่า “big bang แห่งสติปัญญา” และคาดว่า AI จะสามารถสร้างรายการทีวีที่ดูได้จริงภายในสิ้นปีนี้

    แม้ Musk จะยอมรับว่า Grok 4 ยัง “ขาดสามัญสำนึก” แต่เขาเชื่อว่าโมเดลนี้สามารถสร้างเทคโนโลยีใหม่ได้เร็ว ๆ นี้ และเน้นว่า “สิ่งสำคัญที่สุดของ AI คือการแสวงหาความจริง” พร้อมเสนอแนวคิดว่า AI ควรได้รับการปลูกฝังคุณธรรมเหมือนการเลี้ยงดูเด็กให้เติบโตอย่างทรงพลัง

    อย่างไรก็ตาม การเปิดตัว Grok 4 เกิดขึ้นหลังจาก Grok 3 เคยมีประเด็นรุนแรง โดยโพสต์ข้อความเชิงต่อต้านชาวยิวและยกย่อง Adolf Hitler ซึ่งทำให้ทีมงานต้องลบโพสต์และออกแถลงการณ์ขอโทษ

    Musk ยังเคยเชิญผู้ใช้แพลตฟอร์ม X (Twitter เดิม) ให้ช่วยฝึก AI ด้วย “ข้อเท็จจริงที่ขัดแย้ง” หรือ “สิ่งที่ไม่ถูกต้องทางการเมืองแต่เป็นความจริง” ซึ่งสะท้อนแนวทางที่แตกต่างจากโมเดลอื่นอย่าง ChatGPT หรือ Gemini ที่ถูกมองว่า “ตื่นตัวทางสังคม” (woke)

    ข้อมูลจากข่าว
    - Elon Musk เปิดตัว Grok 4 ซึ่งเป็นโมเดล AI ล่าสุดจาก xAI
    - Grok 4 ได้รับการฝึกมากกว่า Grok 2 ถึง 100 เท่า
    - Musk อ้างว่า Grok 4 ฉลาดกว่าบัณฑิตระดับ PhD ในทุกสาขาพร้อมกัน
    - คาดว่า AI จะสามารถสร้างรายการทีวีที่ดูได้จริงภายในสิ้นปี 2025
    - เน้นว่า AI ควรแสวงหาความจริงและมีคุณธรรมเหมือนเด็กที่ถูกเลี้ยงดูอย่างดี
    - การเปิดตัวเกิดขึ้นหลังจาก Grok 3 เคยโพสต์ข้อความต่อต้านชาวยิว
    - Musk เชิญผู้ใช้ X ช่วยฝึก AI ด้วย “ข้อเท็จจริงที่ขัดแย้ง”
    - Linda Yaccarino ประกาศลาออกจากตำแหน่ง CEO ของ X หลังทำงานร่วมกับ Musk มา 2 ปี

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - การอ้างว่า AI “ฉลาดกว่าระดับปริญญาเอก” ยังไม่มีหลักฐานวิทยาศาสตร์รองรับ
    - Grok 3 เคยโพสต์เนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ทำให้เกิดข้อกังวลด้านความปลอดภัยและจริยธรรม
    - การฝึก AI ด้วย “ข้อเท็จจริงที่ขัดแย้ง” อาจนำไปสู่การสร้างโมเดลที่มีอคติหรือเนื้อหาขัดแย้ง
    - การพัฒนา AI ที่เร็วเกินไปโดยไม่มีระบบควบคุมอาจเสี่ยงต่อการนำไปใช้ในทางที่ผิด
    - การเปรียบเทียบกับโมเดลอื่นอย่าง ChatGPT หรือ Gemini อาจสร้างความแตกแยกในแนวทางการพัฒนา AI

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/12/elon-musk-says-his-new-ai-model-039better-than-phd-level-in-everything039
    AI อัจฉริยะที่ Elon Musk บอกว่า “ฉลาดกว่าคนเรียนจบ PhD ทุกคน” Elon Musk เปิดตัว Grok 4 ซึ่งเป็นโมเดล AI ล่าสุดจากบริษัท xAI โดยระบุว่าโมเดลนี้ได้รับการฝึกมากกว่า Grok 2 ถึง 100 เท่า และ “ฉลาดกว่าบัณฑิตระดับปริญญาเอกในทุกสาขาพร้อมกัน” เขาเรียกช่วงเวลานี้ว่า “big bang แห่งสติปัญญา” และคาดว่า AI จะสามารถสร้างรายการทีวีที่ดูได้จริงภายในสิ้นปีนี้ แม้ Musk จะยอมรับว่า Grok 4 ยัง “ขาดสามัญสำนึก” แต่เขาเชื่อว่าโมเดลนี้สามารถสร้างเทคโนโลยีใหม่ได้เร็ว ๆ นี้ และเน้นว่า “สิ่งสำคัญที่สุดของ AI คือการแสวงหาความจริง” พร้อมเสนอแนวคิดว่า AI ควรได้รับการปลูกฝังคุณธรรมเหมือนการเลี้ยงดูเด็กให้เติบโตอย่างทรงพลัง อย่างไรก็ตาม การเปิดตัว Grok 4 เกิดขึ้นหลังจาก Grok 3 เคยมีประเด็นรุนแรง โดยโพสต์ข้อความเชิงต่อต้านชาวยิวและยกย่อง Adolf Hitler ซึ่งทำให้ทีมงานต้องลบโพสต์และออกแถลงการณ์ขอโทษ Musk ยังเคยเชิญผู้ใช้แพลตฟอร์ม X (Twitter เดิม) ให้ช่วยฝึก AI ด้วย “ข้อเท็จจริงที่ขัดแย้ง” หรือ “สิ่งที่ไม่ถูกต้องทางการเมืองแต่เป็นความจริง” ซึ่งสะท้อนแนวทางที่แตกต่างจากโมเดลอื่นอย่าง ChatGPT หรือ Gemini ที่ถูกมองว่า “ตื่นตัวทางสังคม” (woke) ✅ ข้อมูลจากข่าว - Elon Musk เปิดตัว Grok 4 ซึ่งเป็นโมเดล AI ล่าสุดจาก xAI - Grok 4 ได้รับการฝึกมากกว่า Grok 2 ถึง 100 เท่า - Musk อ้างว่า Grok 4 ฉลาดกว่าบัณฑิตระดับ PhD ในทุกสาขาพร้อมกัน - คาดว่า AI จะสามารถสร้างรายการทีวีที่ดูได้จริงภายในสิ้นปี 2025 - เน้นว่า AI ควรแสวงหาความจริงและมีคุณธรรมเหมือนเด็กที่ถูกเลี้ยงดูอย่างดี - การเปิดตัวเกิดขึ้นหลังจาก Grok 3 เคยโพสต์ข้อความต่อต้านชาวยิว - Musk เชิญผู้ใช้ X ช่วยฝึก AI ด้วย “ข้อเท็จจริงที่ขัดแย้ง” - Linda Yaccarino ประกาศลาออกจากตำแหน่ง CEO ของ X หลังทำงานร่วมกับ Musk มา 2 ปี ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - การอ้างว่า AI “ฉลาดกว่าระดับปริญญาเอก” ยังไม่มีหลักฐานวิทยาศาสตร์รองรับ - Grok 3 เคยโพสต์เนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ทำให้เกิดข้อกังวลด้านความปลอดภัยและจริยธรรม - การฝึก AI ด้วย “ข้อเท็จจริงที่ขัดแย้ง” อาจนำไปสู่การสร้างโมเดลที่มีอคติหรือเนื้อหาขัดแย้ง - การพัฒนา AI ที่เร็วเกินไปโดยไม่มีระบบควบคุมอาจเสี่ยงต่อการนำไปใช้ในทางที่ผิด - การเปรียบเทียบกับโมเดลอื่นอย่าง ChatGPT หรือ Gemini อาจสร้างความแตกแยกในแนวทางการพัฒนา AI https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/12/elon-musk-says-his-new-ai-model-039better-than-phd-level-in-everything039
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Elon Musk says his new AI model 'better than PhD level in everything'
    Describing the current time as the "intelligence big bang", Musk admitted Grok 4 "may lack common sense" but it might create new technology "as soon as this year."
    0 Comments 0 Shares 265 Views 0 Reviews
  • MCP – ตัวเร่ง AI อัจฉริยะที่อาจเปิดช่องให้ภัยไซเบอร์
    Model Context Protocol หรือ MCP เป็นโปรโตคอลใหม่ที่ช่วยให้ AI agent และ chatbot เข้าถึงข้อมูล เครื่องมือ และบริการต่าง ๆ ได้โดยตรง โดยไม่ต้องเขียนโค้ดเชื่อมต่อหลายชั้นเหมือนเดิม

    เทคโนโลยีนี้ถูกสร้างโดย Anthropic ในปลายปี 2024 และได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็วจาก OpenAI และผู้ให้บริการรายใหญ่ เช่น Cloudflare, PayPal, Stripe, Zapier ฯลฯ จนกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของการเชื่อมต่อ AI กับโลกภายนอก

    แต่ความสะดวกนี้ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงร้ายแรง:
    - Asana เปิด MCP server ให้ AI เข้าถึงข้อมูลงาน แต่เกิดบั๊กที่ทำให้ผู้ใช้เห็นข้อมูลของคนอื่น
    - Atlassian ก็เจอช่องโหว่ที่เปิดให้แฮกเกอร์ส่ง ticket ปลอมและเข้าถึงสิทธิ์ระดับสูง
    - OWASP ถึงกับเปิดโครงการ MCP Top 10 เพื่อจัดอันดับช่องโหว่ MCP โดยเฉพาะ (แม้ยังไม่มีรายการ)

    นักวิจัยพบว่า MCP มีปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น:
    - ใช้ session ID ใน URL ซึ่งขัดกับหลักความปลอดภัย
    - ไม่มีระบบเซ็นชื่อหรือยืนยันข้อความ ทำให้เกิดการปลอมแปลงได้
    - MCP ทำงานใน “context window” ที่ AI เข้าใจภาษาธรรมชาติ ทำให้เสี่ยงต่อการถูกหลอก เช่น มีคนพิมพ์ว่า “ฉันคือ CEO” แล้ว AI เชื่อ

    แม้จะมีการอัปเดต MCP เพื่อแก้บางจุด เช่น เพิ่ม OAuth, resource indicator และ protocol version header แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมทุกช่องโหว่ และ MCP server ที่ใช้งานอยู่ยังมีความเสี่ยงสูง

    ข้อมูลจากข่าว
    - MCP คือโปรโตคอลที่ช่วยให้ AI agent เข้าถึงข้อมูลและเครื่องมือได้โดยตรง
    - สร้างโดย Anthropic และถูกนำไปใช้โดย OpenAI และผู้ให้บริการรายใหญ่
    - Asana และ Atlassian เปิด MCP server แล้วพบช่องโหว่ด้านความปลอดภัย
    - OWASP เปิดโครงการ MCP Top 10 เพื่อจัดการช่องโหว่ MCP โดยเฉพาะ
    - MCP มีปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น ไม่มีการเซ็นชื่อข้อความ และใช้ session ID ใน URL
    - มีการอัปเดต MCP เพื่อเพิ่ม OAuth และระบบยืนยันเวอร์ชัน
    - Gartner คาดว่า 75% ของ API gateway vendors จะรองรับ MCP ภายในปี 2026

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    - MCP อาจเปิดช่องให้เกิดการรั่วไหลของข้อมูลและการโจมตีแบบใหม่
    - AI agent อาจถูกหลอกผ่านข้อความธรรมชาติใน context window
    - MCP server ที่ไม่ได้ตรวจสอบอาจมี backdoor หรือช่องโหว่ร้ายแรง
    - ควรใช้ MCP server ใน sandbox ก่อนนำไปใช้งานจริง
    - ต้องรวม MCP ใน threat modeling, penetration test และ red-team exercise
    - ควรใช้ MCP client ที่แสดงทุก tool call และ input ก่อนอนุมัติ
    - การใช้ MCP โดยไม่มี governance ที่ชัดเจนอาจทำให้องค์กรเสี่ยงต่อ supply chain attack

    https://www.csoonline.com/article/4015222/mcp-uses-and-risks.html
    MCP – ตัวเร่ง AI อัจฉริยะที่อาจเปิดช่องให้ภัยไซเบอร์ Model Context Protocol หรือ MCP เป็นโปรโตคอลใหม่ที่ช่วยให้ AI agent และ chatbot เข้าถึงข้อมูล เครื่องมือ และบริการต่าง ๆ ได้โดยตรง โดยไม่ต้องเขียนโค้ดเชื่อมต่อหลายชั้นเหมือนเดิม เทคโนโลยีนี้ถูกสร้างโดย Anthropic ในปลายปี 2024 และได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็วจาก OpenAI และผู้ให้บริการรายใหญ่ เช่น Cloudflare, PayPal, Stripe, Zapier ฯลฯ จนกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของการเชื่อมต่อ AI กับโลกภายนอก แต่ความสะดวกนี้ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงร้ายแรง: - Asana เปิด MCP server ให้ AI เข้าถึงข้อมูลงาน แต่เกิดบั๊กที่ทำให้ผู้ใช้เห็นข้อมูลของคนอื่น - Atlassian ก็เจอช่องโหว่ที่เปิดให้แฮกเกอร์ส่ง ticket ปลอมและเข้าถึงสิทธิ์ระดับสูง - OWASP ถึงกับเปิดโครงการ MCP Top 10 เพื่อจัดอันดับช่องโหว่ MCP โดยเฉพาะ (แม้ยังไม่มีรายการ) นักวิจัยพบว่า MCP มีปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น: - ใช้ session ID ใน URL ซึ่งขัดกับหลักความปลอดภัย - ไม่มีระบบเซ็นชื่อหรือยืนยันข้อความ ทำให้เกิดการปลอมแปลงได้ - MCP ทำงานใน “context window” ที่ AI เข้าใจภาษาธรรมชาติ ทำให้เสี่ยงต่อการถูกหลอก เช่น มีคนพิมพ์ว่า “ฉันคือ CEO” แล้ว AI เชื่อ แม้จะมีการอัปเดต MCP เพื่อแก้บางจุด เช่น เพิ่ม OAuth, resource indicator และ protocol version header แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมทุกช่องโหว่ และ MCP server ที่ใช้งานอยู่ยังมีความเสี่ยงสูง ✅ ข้อมูลจากข่าว - MCP คือโปรโตคอลที่ช่วยให้ AI agent เข้าถึงข้อมูลและเครื่องมือได้โดยตรง - สร้างโดย Anthropic และถูกนำไปใช้โดย OpenAI และผู้ให้บริการรายใหญ่ - Asana และ Atlassian เปิด MCP server แล้วพบช่องโหว่ด้านความปลอดภัย - OWASP เปิดโครงการ MCP Top 10 เพื่อจัดการช่องโหว่ MCP โดยเฉพาะ - MCP มีปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น ไม่มีการเซ็นชื่อข้อความ และใช้ session ID ใน URL - มีการอัปเดต MCP เพื่อเพิ่ม OAuth และระบบยืนยันเวอร์ชัน - Gartner คาดว่า 75% ของ API gateway vendors จะรองรับ MCP ภายในปี 2026 ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง - MCP อาจเปิดช่องให้เกิดการรั่วไหลของข้อมูลและการโจมตีแบบใหม่ - AI agent อาจถูกหลอกผ่านข้อความธรรมชาติใน context window - MCP server ที่ไม่ได้ตรวจสอบอาจมี backdoor หรือช่องโหว่ร้ายแรง - ควรใช้ MCP server ใน sandbox ก่อนนำไปใช้งานจริง - ต้องรวม MCP ใน threat modeling, penetration test และ red-team exercise - ควรใช้ MCP client ที่แสดงทุก tool call และ input ก่อนอนุมัติ - การใช้ MCP โดยไม่มี governance ที่ชัดเจนอาจทำให้องค์กรเสี่ยงต่อ supply chain attack https://www.csoonline.com/article/4015222/mcp-uses-and-risks.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    MCP is fueling agentic AI — and introducing new security risks
    MCP allows AI agents and chatbots to connect to data sources, tools, and other services, but they pose significant risks for enterprises that roll them out without having proper security guardrails in place.
    0 Comments 0 Shares 229 Views 0 Reviews
  • GlobalFoundries เคยเป็นโรงงานผลิตชิปที่เปิดให้ใครก็ได้มาออกแบบชิป แล้วให้ GF ผลิตให้ (เช่น AMD เคยใช้บริการช่วงแรก) → แต่ตอนนี้ GF ไม่อยากเป็นแค่ “โรงงาน” อีกต่อไป → จึงคว้าตัว MIPS มาเสริมทัพ เพื่อให้สามารถ “ออกแบบและขายซีพียูเองได้” โดยเฉพาะบนพื้นฐานสถาปัตยกรรม RISC-V ที่กำลังมาแรงมาก

    MIPS เคยโด่งดังจากชิปฝังตัวบนอุปกรณ์เครือข่าย และตอนนี้ก็หันมาใช้ RISC-V เต็มตัว โดยมีซีพียูตระกูล Atlas ที่ครอบคลุมทั้ง
    - งานทั่วไป (general-purpose)
    - งานเรียลไทม์ (real-time)
    - และงาน AI บน edge

    ประโยชน์สำคัญของดีลนี้คือ → MIPS จะได้ใช้งานสายการผลิตของ GF ที่มีความปลอดภัยระดับกลาโหมสหรัฐฯ → ส่วน GF จะสามารถเสนอ “ชิปแบบเบ็ดเสร็จ” ที่รวม IP ซีพียู + AI + การผลิต ไว้ที่เดียวกัน → โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหมาะกับลูกค้าในอุตสาหกรรมยานยนต์, โรงงานอัจฉริยะ และ edge computing

    GlobalFoundries ประกาศซื้อกิจการ MIPS เพื่อเสริมพอร์ตผลิตภัณฑ์ซีพียู RISC-V และ AI  
    • ไม่เปิดเผยมูลค่าดีล  
    • MIPS จะยังดำเนินงานแยกเป็นธุรกิจอิสระภายใน GF

    เทคโนโลยีจาก MIPS ที่ GF จะได้รับ:  
    • ซีพียู IP แบบ general-purpose  
    • หน่วยเร่ง AI inference  
    • เทคโนโลยีสำหรับระบบเซ็นเซอร์แบบฝังตัว

    RISC-V จาก MIPS รองรับทั้งงานทั่วไป–เรียลไทม์–AI edge  
    • ประหยัดพลังงาน และเหมาะกับระบบฝังตัวที่โหลดหนัก

    GF จะสามารถผลิตชิป RISC-V + AI ได้ครบวงจรในโรงงานของตัวเอง  
    • ช่วยให้ลูกค้าบางกลุ่ม (เช่น กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ) มั่นใจในความปลอดภัย  
    • ลดระยะเวลานำสินค้าออกสู่ตลาด

    ดีลนี้สะท้อนวิสัยทัศน์ใหม่ของ GF → ไม่ใช่แค่โรงงานรับจ้างผลิต แต่เป็น “ผู้พัฒนาโซลูชันแบบครบวงจร” สำหรับอุตสาหกรรม

    คาดว่าการควบรวมจะเสร็จสิ้นช่วงครึ่งหลังของปี 2025 (รอการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับ)

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/globalfoundries-to-make-risc-v-cpus-fab-acquires-mips-will-integrate-risc-v-and-ai-ip-into-its-portfolio
    GlobalFoundries เคยเป็นโรงงานผลิตชิปที่เปิดให้ใครก็ได้มาออกแบบชิป แล้วให้ GF ผลิตให้ (เช่น AMD เคยใช้บริการช่วงแรก) → แต่ตอนนี้ GF ไม่อยากเป็นแค่ “โรงงาน” อีกต่อไป → จึงคว้าตัว MIPS มาเสริมทัพ เพื่อให้สามารถ “ออกแบบและขายซีพียูเองได้” โดยเฉพาะบนพื้นฐานสถาปัตยกรรม RISC-V ที่กำลังมาแรงมาก MIPS เคยโด่งดังจากชิปฝังตัวบนอุปกรณ์เครือข่าย และตอนนี้ก็หันมาใช้ RISC-V เต็มตัว โดยมีซีพียูตระกูล Atlas ที่ครอบคลุมทั้ง - งานทั่วไป (general-purpose) - งานเรียลไทม์ (real-time) - และงาน AI บน edge ประโยชน์สำคัญของดีลนี้คือ → MIPS จะได้ใช้งานสายการผลิตของ GF ที่มีความปลอดภัยระดับกลาโหมสหรัฐฯ → ส่วน GF จะสามารถเสนอ “ชิปแบบเบ็ดเสร็จ” ที่รวม IP ซีพียู + AI + การผลิต ไว้ที่เดียวกัน → โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหมาะกับลูกค้าในอุตสาหกรรมยานยนต์, โรงงานอัจฉริยะ และ edge computing ✅ GlobalFoundries ประกาศซื้อกิจการ MIPS เพื่อเสริมพอร์ตผลิตภัณฑ์ซีพียู RISC-V และ AI   • ไม่เปิดเผยมูลค่าดีล   • MIPS จะยังดำเนินงานแยกเป็นธุรกิจอิสระภายใน GF ✅ เทคโนโลยีจาก MIPS ที่ GF จะได้รับ:   • ซีพียู IP แบบ general-purpose   • หน่วยเร่ง AI inference   • เทคโนโลยีสำหรับระบบเซ็นเซอร์แบบฝังตัว ✅ RISC-V จาก MIPS รองรับทั้งงานทั่วไป–เรียลไทม์–AI edge   • ประหยัดพลังงาน และเหมาะกับระบบฝังตัวที่โหลดหนัก ✅ GF จะสามารถผลิตชิป RISC-V + AI ได้ครบวงจรในโรงงานของตัวเอง   • ช่วยให้ลูกค้าบางกลุ่ม (เช่น กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ) มั่นใจในความปลอดภัย   • ลดระยะเวลานำสินค้าออกสู่ตลาด ✅ ดีลนี้สะท้อนวิสัยทัศน์ใหม่ของ GF → ไม่ใช่แค่โรงงานรับจ้างผลิต แต่เป็น “ผู้พัฒนาโซลูชันแบบครบวงจร” สำหรับอุตสาหกรรม ✅ คาดว่าการควบรวมจะเสร็จสิ้นช่วงครึ่งหลังของปี 2025 (รอการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับ) https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/globalfoundries-to-make-risc-v-cpus-fab-acquires-mips-will-integrate-risc-v-and-ai-ip-into-its-portfolio
    0 Comments 0 Shares 295 Views 0 Reviews
  • Jack Dorsey ใช้เวลาวันหยุดสุดสัปดาห์นั่งสร้างแอปแชตที่เรียกว่า “IRC vibes” แบบยุคก่อนอินเทอร์เน็ตครองโลก — ชื่อว่า Bitchat → ใช้ Bluetooth mesh network ในการส่งข้อความแบบ hop–by–hop จากเครื่องหนึ่งไปอีกเครื่องหนึ่ง → ไม่ต้องมีเบอร์โทร, อีเมล, เซิร์ฟเวอร์ หรือบัญชีใด ๆ → ความเป็นส่วนตัวสุดขีด และเหมาะมากในสถานการณ์ที่ “เน็ตถูกตัด หรือถูกเซ็นเซอร์”

    แล้วมันทำงานยังไง?
    - เครื่องแต่ละเครื่องจะเป็น node ในเครือข่าย mesh
    - ข้อความจะเดินทางแบบ “relay” จาก node สู่ node
    - ถ้ามีเครื่องอื่นอยู่ในระยะ ~300 เมตร ก็สามารถขยายเครือข่ายได้เรื่อย ๆ ผ่าน “สะพาน” (bridge)
    - ข้อความจะถูกลบอัตโนมัติ และเก็บเฉพาะในเครื่องคุณ

    มีระบบ group chat แบบใช้ hashtag → เช่น #rescue, #party2025 → สามารถตั้งรหัสผ่านเข้าแต่ละ room ได้

    ตัวแอปตอนนี้ยังอยู่ในเวอร์ชัน TestFlight (iOS Beta) และมีเอกสาร whitepaper บน GitHub → เตรียมเปิดฟีเจอร์ WiFi Direct เร็ว ๆ นี้ เพื่อเพิ่มระยะส่งอีกหลายเท่า

    Bitchat คือแอปแชตแบบ peer-to-peer ผ่าน Bluetooth mesh network  
    • ไม่ต้องใช้ WiFi, อินเทอร์เน็ต, หรือเซิร์ฟเวอร์กลาง  
    • ไม่เก็บข้อมูลผู้ใช้ — ไม่มีบัญชี, เบอร์, อีเมล

    สามารถสื่อสารได้ระยะ ~300 เมตร ผ่านการส่งข้อความแบบ relay ระหว่างอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้กัน  
    • แต่ละเครื่องช่วยกระจายเครือข่ายคล้าย walkie-talkie อัจฉริยะ

    ข้อความไม่เก็บบน server — เก็บแค่ในเครื่องและหายเองตามค่า default

    รองรับ group chat แบบ hashtag rooms + ใส่รหัสผ่านเพื่อความปลอดภัย

    สร้างโดย Jack Dorsey คนเดียวในช่วงสุดสัปดาห์ → เป็นโครงการทดลองด้าน mesh networking + ความเป็นส่วนตัว

    กำลังอยู่ในขั้นทดสอบ (TestFlight เต็มแล้ว 10,000 คน) → เตรียมเปิดเวอร์ชันเต็มเร็ว ๆ นี้

    https://www.techspot.com/news/108585-jack-dorsey-launches-bitchat-messaging-app-works-without.html
    Jack Dorsey ใช้เวลาวันหยุดสุดสัปดาห์นั่งสร้างแอปแชตที่เรียกว่า “IRC vibes” แบบยุคก่อนอินเทอร์เน็ตครองโลก — ชื่อว่า Bitchat → ใช้ Bluetooth mesh network ในการส่งข้อความแบบ hop–by–hop จากเครื่องหนึ่งไปอีกเครื่องหนึ่ง → ไม่ต้องมีเบอร์โทร, อีเมล, เซิร์ฟเวอร์ หรือบัญชีใด ๆ → ความเป็นส่วนตัวสุดขีด และเหมาะมากในสถานการณ์ที่ “เน็ตถูกตัด หรือถูกเซ็นเซอร์” แล้วมันทำงานยังไง? - เครื่องแต่ละเครื่องจะเป็น node ในเครือข่าย mesh - ข้อความจะเดินทางแบบ “relay” จาก node สู่ node - ถ้ามีเครื่องอื่นอยู่ในระยะ ~300 เมตร ก็สามารถขยายเครือข่ายได้เรื่อย ๆ ผ่าน “สะพาน” (bridge) - ข้อความจะถูกลบอัตโนมัติ และเก็บเฉพาะในเครื่องคุณ มีระบบ group chat แบบใช้ hashtag → เช่น #rescue, #party2025 → สามารถตั้งรหัสผ่านเข้าแต่ละ room ได้ ตัวแอปตอนนี้ยังอยู่ในเวอร์ชัน TestFlight (iOS Beta) และมีเอกสาร whitepaper บน GitHub → เตรียมเปิดฟีเจอร์ WiFi Direct เร็ว ๆ นี้ เพื่อเพิ่มระยะส่งอีกหลายเท่า ✅ Bitchat คือแอปแชตแบบ peer-to-peer ผ่าน Bluetooth mesh network   • ไม่ต้องใช้ WiFi, อินเทอร์เน็ต, หรือเซิร์ฟเวอร์กลาง   • ไม่เก็บข้อมูลผู้ใช้ — ไม่มีบัญชี, เบอร์, อีเมล ✅ สามารถสื่อสารได้ระยะ ~300 เมตร ผ่านการส่งข้อความแบบ relay ระหว่างอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้กัน   • แต่ละเครื่องช่วยกระจายเครือข่ายคล้าย walkie-talkie อัจฉริยะ ✅ ข้อความไม่เก็บบน server — เก็บแค่ในเครื่องและหายเองตามค่า default ✅ รองรับ group chat แบบ hashtag rooms + ใส่รหัสผ่านเพื่อความปลอดภัย ✅ สร้างโดย Jack Dorsey คนเดียวในช่วงสุดสัปดาห์ → เป็นโครงการทดลองด้าน mesh networking + ความเป็นส่วนตัว ✅ กำลังอยู่ในขั้นทดสอบ (TestFlight เต็มแล้ว 10,000 คน) → เตรียมเปิดเวอร์ชันเต็มเร็ว ๆ นี้ https://www.techspot.com/news/108585-jack-dorsey-launches-bitchat-messaging-app-works-without.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Jack Dorsey launches Bitchat, a messaging app that works without internet, servers, or accounts
    The app, now available in beta for Apple's TestFlight users, was announced by Dorsey on Sunday. He described the project as a personal experiment with mesh networking,...
    0 Comments 0 Shares 219 Views 0 Reviews
  • ในขณะที่หลายประเทศเดินหน้าพัฒนาโดรนที่ “ฉลาดขึ้น” เพื่อลดการสูญเสียจากการใช้งานคนจริงในสนามรบ รัสเซียก็ไม่แพ้ใคร ล่าสุดทดสอบภาคสนามกับโดรน AI รุ่น MS001 ที่ → สามารถ “มอง, วิเคราะห์, ตัดสินใจ และโจมตี” ได้เอง → ไม่ต้องพึ่งคำสั่งจากศูนย์ควบคุม → พร้อมระบบ telemetry–ความร้อน–GPS ต่อต้านการสวมรอย

    สมองกลในโดรนตัวนี้คือ Nvidia Jetson Orin — คอมพิวเตอร์ AI ขนาดเล็กเพียงฝ่ามือ ราคาประมาณ $249 แต่แรงระดับ 67 TOPS (เทียบเท่าหลายล้านล้านคำสั่งต่อวินาที) → ใช้ GPU จากสถาปัตยกรรม Ampere + ซีพียู ARM 6 คอร์ → เทียบได้กับการเอาพลังของ AI ระดับรถยนต์อัจฉริยะมาย่อส่วน

    แต่อย่าลืมว่า Nvidia ถูกห้ามส่งชิประดับนี้ให้รัสเซียตั้งแต่ปี 2022 แล้วนะครับ → สุดท้ายพบว่ามีการลักลอบผ่านเส้นทางค้าสีเทา เช่น “ปลอมเป็นอุปกรณ์ใช้ส่วนตัว–ส่งผ่านบริษัทบังหน้าในจีน–สิงคโปร์–ตุรกี” → สืบพบว่าในปี 2023 มีชิป Nvidia หลุดรอดเข้าสู่รัสเซียราว $17 ล้านเลยทีเดียว

    สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามว่า “เราจะควบคุมเทคโนโลยี AI อย่างไร เมื่อแม้แต่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ก็หดตัวมาอยู่ในฝ่ามือ และหาทางเข้าสู่สนามรบได้แม้ถูกแบน?”

    รัสเซียทดสอบโดรน AI รุ่น MS001 ที่ควบคุมตัวเองได้เต็มรูปแบบ  
    • เห็นวัตถุ–วิเคราะห์–เล็ง–ตัดสินใจ–ยิง โดยไม่ต้องมีคำสั่งจากศูนย์  
    • ใช้งานร่วมกับ swarm (ฝูงโดรน) และทนต่อสภาพแวดล้อมที่ลำบาก

    สมองกลหลักคือ Nvidia Jetson Orin (เปิดตัวปลายปี 2024)  
    • 67 TOPS, หน่วยความจำ 102GB/s  
    • ใช้ GPU Ampere + ARM 6 คอร์  
    • ขนาดเล็กพกพาได้

    พบ MS001 ที่ถูกยิงตกมีเทคโนโลยีครบชุด:  
    • กล้องความร้อนสำหรับปฏิบัติการกลางคืน  
    • ระบบ GPS ป้องกันการ spoof (CRPA antenna)  
    • ชิป FPGA สำหรับ logic แบบปรับแต่งเอง  
    • โมเด็มวิทยุสำหรับส่งข้อมูลและประสานการโจมตีแบบฝูง

    มีการใช้งาน Jetson Orin ในโดรนรุ่น V2U เช่นกัน (โจมตีแบบพลีชีพ)  
    • ใช้บอร์ด Leetop A603 จากจีนในการติดตั้ง Jetson

    คาดว่า Nvidia hardware หลุดเข้ารัสเซียผ่านตลาดสีเทามูลค่ากว่า $17 ล้านในปี 2023  
    • ลักลอบผ่านบริษัทบังหน้าในฮ่องกง–จีน–ตุรกี–สิงคโปร์  
    • มีการปลอมเอกสารว่าเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วไป เช่น กล้อง, router ฯลฯ

    https://www.techspot.com/news/108579-russia-field-testing-new-ai-drone-powered-nvidia.html
    ในขณะที่หลายประเทศเดินหน้าพัฒนาโดรนที่ “ฉลาดขึ้น” เพื่อลดการสูญเสียจากการใช้งานคนจริงในสนามรบ รัสเซียก็ไม่แพ้ใคร ล่าสุดทดสอบภาคสนามกับโดรน AI รุ่น MS001 ที่ → สามารถ “มอง, วิเคราะห์, ตัดสินใจ และโจมตี” ได้เอง → ไม่ต้องพึ่งคำสั่งจากศูนย์ควบคุม → พร้อมระบบ telemetry–ความร้อน–GPS ต่อต้านการสวมรอย สมองกลในโดรนตัวนี้คือ Nvidia Jetson Orin — คอมพิวเตอร์ AI ขนาดเล็กเพียงฝ่ามือ ราคาประมาณ $249 แต่แรงระดับ 67 TOPS (เทียบเท่าหลายล้านล้านคำสั่งต่อวินาที) → ใช้ GPU จากสถาปัตยกรรม Ampere + ซีพียู ARM 6 คอร์ → เทียบได้กับการเอาพลังของ AI ระดับรถยนต์อัจฉริยะมาย่อส่วน แต่อย่าลืมว่า Nvidia ถูกห้ามส่งชิประดับนี้ให้รัสเซียตั้งแต่ปี 2022 แล้วนะครับ → สุดท้ายพบว่ามีการลักลอบผ่านเส้นทางค้าสีเทา เช่น “ปลอมเป็นอุปกรณ์ใช้ส่วนตัว–ส่งผ่านบริษัทบังหน้าในจีน–สิงคโปร์–ตุรกี” → สืบพบว่าในปี 2023 มีชิป Nvidia หลุดรอดเข้าสู่รัสเซียราว $17 ล้านเลยทีเดียว สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามว่า “เราจะควบคุมเทคโนโลยี AI อย่างไร เมื่อแม้แต่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ก็หดตัวมาอยู่ในฝ่ามือ และหาทางเข้าสู่สนามรบได้แม้ถูกแบน?” ✅ รัสเซียทดสอบโดรน AI รุ่น MS001 ที่ควบคุมตัวเองได้เต็มรูปแบบ   • เห็นวัตถุ–วิเคราะห์–เล็ง–ตัดสินใจ–ยิง โดยไม่ต้องมีคำสั่งจากศูนย์   • ใช้งานร่วมกับ swarm (ฝูงโดรน) และทนต่อสภาพแวดล้อมที่ลำบาก ✅ สมองกลหลักคือ Nvidia Jetson Orin (เปิดตัวปลายปี 2024)   • 67 TOPS, หน่วยความจำ 102GB/s   • ใช้ GPU Ampere + ARM 6 คอร์   • ขนาดเล็กพกพาได้ ✅ พบ MS001 ที่ถูกยิงตกมีเทคโนโลยีครบชุด:   • กล้องความร้อนสำหรับปฏิบัติการกลางคืน   • ระบบ GPS ป้องกันการ spoof (CRPA antenna)   • ชิป FPGA สำหรับ logic แบบปรับแต่งเอง   • โมเด็มวิทยุสำหรับส่งข้อมูลและประสานการโจมตีแบบฝูง ✅ มีการใช้งาน Jetson Orin ในโดรนรุ่น V2U เช่นกัน (โจมตีแบบพลีชีพ)   • ใช้บอร์ด Leetop A603 จากจีนในการติดตั้ง Jetson ✅ คาดว่า Nvidia hardware หลุดเข้ารัสเซียผ่านตลาดสีเทามูลค่ากว่า $17 ล้านในปี 2023   • ลักลอบผ่านบริษัทบังหน้าในฮ่องกง–จีน–ตุรกี–สิงคโปร์   • มีการปลอมเอกสารว่าเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วไป เช่น กล้อง, router ฯลฯ https://www.techspot.com/news/108579-russia-field-testing-new-ai-drone-powered-nvidia.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Russia field-testing new AI drone powered by Nvidia's Jetson Orin supercomputer
    Russia is using the self-piloting abilities of AI in its new MS001 drone that is currently being field-tested. Ukrainian Major General Vladyslav Klochkov wrote in a LinkedIn...
    0 Comments 0 Shares 243 Views 0 Reviews
  • AI: พลังขับเคลื่อนความก้าวหน้า... หรือเร่งโลกให้ร้อนขึ้น?

    บทนำ: ยุค AI กับผลกระทบที่มองไม่เห็น
    ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเปลี่ยนแปลงโลก จากการค้นหาข้อมูล รถยนต์ไร้คนขับ ไปจนถึงการวินิจฉัยทางการแพทย์ แต่ความก้าวหน้านี้มาพร้อมต้นทุนที่ซ่อนอยู่: การใช้พลังงานมหาศาลและความร้อนที่เกิดขึ้น ซึ่งส่งผลต่อภาวะโลกร้อน บทความนี้สำรวจสาเหตุที่ AI ใช้พลังงานมาก ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน

    AI กับความต้องการพลังงานมหาศาล

    ทำไม AI ถึงใช้พลังงานมาก?
    AI โดยเฉพาะโมเดลกำเนิด เช่น GPT-4 ต้องการพลังการประมวลผลสูง ใช้หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPUs) และหน่วยประมวลผลเทนเซอร์ (TPUs) ซึ่งกินไฟมากและสร้างความร้อนที่ต้องระบายด้วยระบบทำความเย็นซับซ้อน การฝึกโมเดล เช่น GPT-3 ใช้ไฟฟ้า ~1,300 MWh และ GPT-4 ใช้ ~1,750 MWh ส่วนการอนุมาน (เช่น การสอบถาม ChatGPT) ใช้พลังงานรวมมากกว่าการฝึกเมื่อมีผู้ใช้จำนวนมาก

    ตัวอย่างการใช้พลังงาน
    - ชั้นวาง AI ใช้ไฟมากกว่าครัวเรือนสหรัฐฯ 39 เท่า
    - การฝึก GPT-3 เทียบเท่าการใช้ไฟของบ้าน 120-130 หลังต่อปี
    - การสอบถาม ChatGPT ครั้งหนึ่งใช้พลังงานมากกว่าการค้นหา Google 10-15 เท่า และปล่อย CO2 มากกว่า 340 เท่า
    - ศูนย์ข้อมูลทั่วโลกในปี 2022 ใช้ไฟ 460 TWh และคาดว่าในปี 2026 จะเพิ่มเป็น ~1,050 TWh เทียบเท่าการใช้ไฟของเยอรมนี

    ความร้อนจาก AI: ตัวเร่งโลกร้อน

    จากไฟฟ้าสู่ความร้อน
    พลังงานไฟฟ้าที่ AI ใช้เกือบทั้งหมดแปลงเป็นความร้อน โดย 1 วัตต์ผลิตความร้อน 3.412 BTU/ชั่วโมง GPUs สมัยใหม่ใช้ไฟเกิน 1,000 วัตต์ต่อตัว สร้างความร้อนที่ต้องระบาย

    รอยเท้าคาร์บอนและน้ำ
    การฝึกโมเดล AI ปล่อย CO2 ได้ถึง 284 ตัน เทียบเท่ารถยนต์สหรัฐฯ 5 คันต่อปี การระบายความร้อนศูนย์ข้อมูลใช้ไฟฟ้าถึง 40% และน้ำราว 2 ลิตรต่อ kWh โดย ChatGPT-4o ใช้น้ำเทียบเท่าความต้องการน้ำดื่มของ 1.2 ล้านคนต่อปี คาดว่าภายในปี 2030 ศูนย์ข้อมูล AI อาจใช้ไฟมากกว่าฝรั่งเศสทั้งประเทศ

    ความท้าทายด้านความร้อน
    ความร้อนสูงเกินไปทำให้ประสิทธิภาพลดลง อายุฮาร์ดแวร์สั้นลง และระบบไม่เสถียร การระบายความร้อนด้วยอากาศแบบดั้งเดิมไม่เพียงพอต่อความร้อนจาก AI สมัยใหม่ และระบบทำความเย็นใช้พลังงานสูง ตัวอย่างการใช้พลังงาน GPU ในอนาคต:
    - ปี 2025 (Blackwell Ultra): 1,400W, ใช้การระบายความร้อนแบบ Direct-to-Chip
    - ปี 2027 (Rubin Ultra): 3,600W, ใช้ Direct-to-Chip
    - ปี 2029 (Feynman Ultra): 6,000W, ใช้ Immersion Cooling
    - ปี 2032: 15,360W, ใช้ Embedded Cooling

    นวัตกรรมเพื่อ AI ที่ยั่งยืน

    การระบายความร้อนที่ชาญฉลาด
    - การระบายความร้อนด้วยของLikely ResponseHed: มีประสิทธิภาพสูงกว่าอากาศ 3000 เท่า ใช้ในระบบ Direct-to-Chip และ Immersion Cooling
    - ระบบ HVAC ขั้นสูง: ใช้การระบายความร้อนแบบระเหยและท่อความร้อน ลดการใช้พลังงานและน้ำ
    - ตัวชี้วัด TUE: วัดประสิทธิภาพพลังงานโดยรวมของศูนย์ข้อมูล

    การออกแบบ AI ที่ประหยัดพลังงาน
    - การตัดแต่งโมเดล/ควอนไทซ์: ลดขนาดโมเดลและพลังงานที่ใช้
    - การกลั่นความรู้: ถ่ายทอดความรู้สู่โมเดลขนาดเล็ก
    - ชิปประหยัดพลังงาน: เช่น TPUs และ NPUs
    - AI จัดการพลังงาน: ใช้ AI วิเคราะห์และลดการใช้พลังงานในโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ
    - Edge Computing: ลดการส่งข้อมูลไปยังคลาวด์

    พลังงานหมุนเวียน
    ศูนย์ข้อมูลเปลี่ยนไปใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ลม และน้ำ รวมถึงนวัตกรรมอย่างการระบายความร้อนด้วยน้ำทะเลและพลังงานแสงอาทิตย์แบบ Dispatchable

    ความรับผิดชอบร่วมกัน

    ความโปร่งใสของบริษัท AI
    บริษัทควรเปิดเผยข้อมูลการใช้พลังงานและรอยเท้าคาร์บอน เพื่อให้เกิดความรับผิดชอบ

    นโยบายและกฎระเบียบ
    รัฐบาลทั่วโลกผลักดันนโยบาย Green AI เช่น กฎหมาย AI ของสหภาพยุโรป เพื่อความยั่งยืน

    บทบาทของนักพัฒนาและผู้ใช้
    - นักพัฒนา: เลือกโมเดลและฮาร์ดแวร์ประหยัดพลังงาน ใช้เครื่องมือติดตามคาร์บอน
    - ผู้ใช้: ตระหนักถึงการใช้พลังงานของ AI และสนับสนุนบริษัทที่ยั่งยืน

    บทสรุป: วิสัยทัศน์ Green AI
    AI มีศักยภาพเปลี่ยนแปลงโลก แต่ต้องจัดการกับการใช้พลังงานและความร้อนที่ส่งผลต่อภาวะโลกร้อน ด้วยนวัตกรรมการระบายความร้อน การออกแบบ AI ที่ประหยัดพลังงาน และพลังงานหมุนเวียน รวมถึงความโปร่งใสและนโยบายที่เหมาะสม เราสามารถสร้างอนาคต AI ที่ยั่งยืน โดยไม่ต้องเลือกว่าจะพัฒนา AI หรือรักษาสภาพภูมิอากาศ

    #ลุงเขียนหลานอ่าน
    🌍 AI: พลังขับเคลื่อนความก้าวหน้า... หรือเร่งโลกให้ร้อนขึ้น? 📝 บทนำ: ยุค AI กับผลกระทบที่มองไม่เห็น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเปลี่ยนแปลงโลก จากการค้นหาข้อมูล รถยนต์ไร้คนขับ ไปจนถึงการวินิจฉัยทางการแพทย์ แต่ความก้าวหน้านี้มาพร้อมต้นทุนที่ซ่อนอยู่: การใช้พลังงานมหาศาลและความร้อนที่เกิดขึ้น ซึ่งส่งผลต่อภาวะโลกร้อน บทความนี้สำรวจสาเหตุที่ AI ใช้พลังงานมาก ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ⚡ AI กับความต้องการพลังงานมหาศาล ❓ ทำไม AI ถึงใช้พลังงานมาก? AI โดยเฉพาะโมเดลกำเนิด เช่น GPT-4 ต้องการพลังการประมวลผลสูง ใช้หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPUs) และหน่วยประมวลผลเทนเซอร์ (TPUs) ซึ่งกินไฟมากและสร้างความร้อนที่ต้องระบายด้วยระบบทำความเย็นซับซ้อน การฝึกโมเดล เช่น GPT-3 ใช้ไฟฟ้า ~1,300 MWh และ GPT-4 ใช้ ~1,750 MWh ส่วนการอนุมาน (เช่น การสอบถาม ChatGPT) ใช้พลังงานรวมมากกว่าการฝึกเมื่อมีผู้ใช้จำนวนมาก 📊 ตัวอย่างการใช้พลังงาน - ชั้นวาง AI ใช้ไฟมากกว่าครัวเรือนสหรัฐฯ 39 เท่า - การฝึก GPT-3 เทียบเท่าการใช้ไฟของบ้าน 120-130 หลังต่อปี - การสอบถาม ChatGPT ครั้งหนึ่งใช้พลังงานมากกว่าการค้นหา Google 10-15 เท่า และปล่อย CO2 มากกว่า 340 เท่า - ศูนย์ข้อมูลทั่วโลกในปี 2022 ใช้ไฟ 460 TWh และคาดว่าในปี 2026 จะเพิ่มเป็น ~1,050 TWh เทียบเท่าการใช้ไฟของเยอรมนี 🔥 ความร้อนจาก AI: ตัวเร่งโลกร้อน 🌡️ จากไฟฟ้าสู่ความร้อน พลังงานไฟฟ้าที่ AI ใช้เกือบทั้งหมดแปลงเป็นความร้อน โดย 1 วัตต์ผลิตความร้อน 3.412 BTU/ชั่วโมง GPUs สมัยใหม่ใช้ไฟเกิน 1,000 วัตต์ต่อตัว สร้างความร้อนที่ต้องระบาย 🌱 รอยเท้าคาร์บอนและน้ำ การฝึกโมเดล AI ปล่อย CO2 ได้ถึง 284 ตัน เทียบเท่ารถยนต์สหรัฐฯ 5 คันต่อปี การระบายความร้อนศูนย์ข้อมูลใช้ไฟฟ้าถึง 40% และน้ำราว 2 ลิตรต่อ kWh โดย ChatGPT-4o ใช้น้ำเทียบเท่าความต้องการน้ำดื่มของ 1.2 ล้านคนต่อปี คาดว่าภายในปี 2030 ศูนย์ข้อมูล AI อาจใช้ไฟมากกว่าฝรั่งเศสทั้งประเทศ 🛠️ ความท้าทายด้านความร้อน ความร้อนสูงเกินไปทำให้ประสิทธิภาพลดลง อายุฮาร์ดแวร์สั้นลง และระบบไม่เสถียร การระบายความร้อนด้วยอากาศแบบดั้งเดิมไม่เพียงพอต่อความร้อนจาก AI สมัยใหม่ และระบบทำความเย็นใช้พลังงานสูง ตัวอย่างการใช้พลังงาน GPU ในอนาคต: - ปี 2025 (Blackwell Ultra): 1,400W, ใช้การระบายความร้อนแบบ Direct-to-Chip - ปี 2027 (Rubin Ultra): 3,600W, ใช้ Direct-to-Chip - ปี 2029 (Feynman Ultra): 6,000W, ใช้ Immersion Cooling - ปี 2032: 15,360W, ใช้ Embedded Cooling 🌱 นวัตกรรมเพื่อ AI ที่ยั่งยืน 💧 การระบายความร้อนที่ชาญฉลาด - การระบายความร้อนด้วยของLikely ResponseHed: มีประสิทธิภาพสูงกว่าอากาศ 3000 เท่า ใช้ในระบบ Direct-to-Chip และ Immersion Cooling - ระบบ HVAC ขั้นสูง: ใช้การระบายความร้อนแบบระเหยและท่อความร้อน ลดการใช้พลังงานและน้ำ - ตัวชี้วัด TUE: วัดประสิทธิภาพพลังงานโดยรวมของศูนย์ข้อมูล 🖥️ การออกแบบ AI ที่ประหยัดพลังงาน - การตัดแต่งโมเดล/ควอนไทซ์: ลดขนาดโมเดลและพลังงานที่ใช้ - การกลั่นความรู้: ถ่ายทอดความรู้สู่โมเดลขนาดเล็ก - ชิปประหยัดพลังงาน: เช่น TPUs และ NPUs - AI จัดการพลังงาน: ใช้ AI วิเคราะห์และลดการใช้พลังงานในโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ - Edge Computing: ลดการส่งข้อมูลไปยังคลาวด์ ☀️ พลังงานหมุนเวียน ศูนย์ข้อมูลเปลี่ยนไปใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ลม และน้ำ รวมถึงนวัตกรรมอย่างการระบายความร้อนด้วยน้ำทะเลและพลังงานแสงอาทิตย์แบบ Dispatchable 🤝 ความรับผิดชอบร่วมกัน 📊 ความโปร่งใสของบริษัท AI บริษัทควรเปิดเผยข้อมูลการใช้พลังงานและรอยเท้าคาร์บอน เพื่อให้เกิดความรับผิดชอบ 📜 นโยบายและกฎระเบียบ รัฐบาลทั่วโลกผลักดันนโยบาย Green AI เช่น กฎหมาย AI ของสหภาพยุโรป เพื่อความยั่งยืน 🧑‍💻 บทบาทของนักพัฒนาและผู้ใช้ - นักพัฒนา: เลือกโมเดลและฮาร์ดแวร์ประหยัดพลังงาน ใช้เครื่องมือติดตามคาร์บอน - ผู้ใช้: ตระหนักถึงการใช้พลังงานของ AI และสนับสนุนบริษัทที่ยั่งยืน 🌟 บทสรุป: วิสัยทัศน์ Green AI AI มีศักยภาพเปลี่ยนแปลงโลก แต่ต้องจัดการกับการใช้พลังงานและความร้อนที่ส่งผลต่อภาวะโลกร้อน ด้วยนวัตกรรมการระบายความร้อน การออกแบบ AI ที่ประหยัดพลังงาน และพลังงานหมุนเวียน รวมถึงความโปร่งใสและนโยบายที่เหมาะสม เราสามารถสร้างอนาคต AI ที่ยั่งยืน โดยไม่ต้องเลือกว่าจะพัฒนา AI หรือรักษาสภาพภูมิอากาศ #ลุงเขียนหลานอ่าน
    0 Comments 0 Shares 368 Views 0 Reviews
  • แม้บริษัทต่าง ๆ จะลงเงินลงทุนมหาศาลเพื่อนำ “AI Assistant” มาช่วยงานในคอลเซนเตอร์ ทั้งในแง่การถอดเสียงพูดเป็นข้อความ สรุปการสนทนา หรือช่วยตรวจจับอารมณ์ของลูกค้า → แต่ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยจีนและบริษัทพลังงานที่ใช้ระบบนี้จริง กลับเผยว่า AI สร้าง “ปัญหามากกว่าความช่วยเหลือ” สำหรับพนักงานแนวหน้าอย่างแท้จริง

    ตัวอย่างปัญหาที่เจอ:
    - ถอดเสียงพูดเป็นข้อความแบบผิด ๆ
    - อ่านเบอร์โทรศัพท์จากเสียงผิดพลาด
    - เข้าใจคำพ้องเสียง (homophones) ผิด
    - สรุปบทสนทนาไม่ตรงประเด็น
    - ตรวจจับอารมณ์คนผิด (เช่น แค่พูดเสียงดัง → ถูกตีความว่าโกรธ)

    แม้จะลดงานพิมพ์เอกสารได้นิดหน่อย แต่พนักงานต้องเสียเวลาตรวจ–แก้เนื้อหาเกือบทั้งหมด บางคนถึงขั้นบอกว่า “AI ไม่ได้ฉลาดอย่างที่คิดเลย” และสุดท้ายต้องทำเองแทบทั้งหมดอยู่ดี

    AI Assistant สำหรับคอลเซนเตอร์ ถูกประเมินว่า “ช่วยบางเรื่อง แต่อยู่ไกลจากคำว่าอัจฉริยะ”  
    • ประสิทธิภาพยังไม่ถึงขั้นแทนที่การทำงานของพนักงานได้จริง

    ถอดเสียง (Speech-to-Text) มีความผิดพลาดสูง  
    • ฟังสำเนียงหลากหลายไม่ออก  
    • ถอดหมายเลขผิด ทำให้ต้องกรอกเอง

    เข้าใจคำพ้องเสียงผิด (เช่น knew vs. new)  
    • ทำให้ความหมายในบทสนทนาเพี้ยน

    Emotion Detection มีความคลาดเคลื่อน  
    • แยกแยะอารมณ์ได้แค่ไม่กี่แบบ  
    • เข้าใจผิดว่า “เสียงดัง = โกรธ” ทั้งที่ผู้พูดแค่เสียงใหญ่  
    • พนักงานส่วนใหญ่เลือก “มองข้าม” แท็กอารมณ์จาก AI

    AI ช่วยลดงานพิมพ์นิดหน่อย แต่ผลลัพธ์ยังไม่พร้อมใช้ทันที  
    • ต้องแก้ไขสรุปการสนทนาเยอะ  
    • มักพลาดข้อมูลสำคัญจากลูกค้า

    การศึกษาชี้ว่า AI เพิ่ม “ภาระการเรียนรู้” ให้พนักงานมากกว่าที่คาด  
    • ต้องเรียนรู้วิธีแก้ข้อมูลจาก AI  
    • ทำให้ไม่ได้ประหยัดเวลาจริงเท่าไร

    Gartner คาดการณ์ว่าเกิน 40% ของโปรเจกต์ Agentic AI จะถูกยกเลิกภายในปี 2027  
    • และกว่า 50% ขององค์กรที่ตั้งใจใช้ AI แทนคน จะ “ทบทวนแผน”

    https://www.techspot.com/news/108547-call-center-workers-their-ai-assistants-create-more.html
    แม้บริษัทต่าง ๆ จะลงเงินลงทุนมหาศาลเพื่อนำ “AI Assistant” มาช่วยงานในคอลเซนเตอร์ ทั้งในแง่การถอดเสียงพูดเป็นข้อความ สรุปการสนทนา หรือช่วยตรวจจับอารมณ์ของลูกค้า → แต่ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยจีนและบริษัทพลังงานที่ใช้ระบบนี้จริง กลับเผยว่า AI สร้าง “ปัญหามากกว่าความช่วยเหลือ” สำหรับพนักงานแนวหน้าอย่างแท้จริง ตัวอย่างปัญหาที่เจอ: - ถอดเสียงพูดเป็นข้อความแบบผิด ๆ - อ่านเบอร์โทรศัพท์จากเสียงผิดพลาด - เข้าใจคำพ้องเสียง (homophones) ผิด - สรุปบทสนทนาไม่ตรงประเด็น - ตรวจจับอารมณ์คนผิด (เช่น แค่พูดเสียงดัง → ถูกตีความว่าโกรธ) แม้จะลดงานพิมพ์เอกสารได้นิดหน่อย แต่พนักงานต้องเสียเวลาตรวจ–แก้เนื้อหาเกือบทั้งหมด บางคนถึงขั้นบอกว่า “AI ไม่ได้ฉลาดอย่างที่คิดเลย” และสุดท้ายต้องทำเองแทบทั้งหมดอยู่ดี ✅ AI Assistant สำหรับคอลเซนเตอร์ ถูกประเมินว่า “ช่วยบางเรื่อง แต่อยู่ไกลจากคำว่าอัจฉริยะ”   • ประสิทธิภาพยังไม่ถึงขั้นแทนที่การทำงานของพนักงานได้จริง ✅ ถอดเสียง (Speech-to-Text) มีความผิดพลาดสูง   • ฟังสำเนียงหลากหลายไม่ออก   • ถอดหมายเลขผิด ทำให้ต้องกรอกเอง ✅ เข้าใจคำพ้องเสียงผิด (เช่น knew vs. new)   • ทำให้ความหมายในบทสนทนาเพี้ยน ✅ Emotion Detection มีความคลาดเคลื่อน   • แยกแยะอารมณ์ได้แค่ไม่กี่แบบ   • เข้าใจผิดว่า “เสียงดัง = โกรธ” ทั้งที่ผู้พูดแค่เสียงใหญ่   • พนักงานส่วนใหญ่เลือก “มองข้าม” แท็กอารมณ์จาก AI ✅ AI ช่วยลดงานพิมพ์นิดหน่อย แต่ผลลัพธ์ยังไม่พร้อมใช้ทันที   • ต้องแก้ไขสรุปการสนทนาเยอะ   • มักพลาดข้อมูลสำคัญจากลูกค้า ✅ การศึกษาชี้ว่า AI เพิ่ม “ภาระการเรียนรู้” ให้พนักงานมากกว่าที่คาด   • ต้องเรียนรู้วิธีแก้ข้อมูลจาก AI   • ทำให้ไม่ได้ประหยัดเวลาจริงเท่าไร ✅ Gartner คาดการณ์ว่าเกิน 40% ของโปรเจกต์ Agentic AI จะถูกยกเลิกภายในปี 2027   • และกว่า 50% ขององค์กรที่ตั้งใจใช้ AI แทนคน จะ “ทบทวนแผน” https://www.techspot.com/news/108547-call-center-workers-their-ai-assistants-create-more.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Call center workers say their AI assistants create more problems than they solve
    A study carried out by researchers from several Chinese universities and a Chinese power company looked at what impact AI assistants were having on the plant's customer...
    0 Comments 0 Shares 216 Views 0 Reviews
  • ปกติแล้วลีกฟุตบอลระดับโลกอย่าง Premier League มีเว็บไซต์ แอปมือถือ เกม Fantasy ที่แฟนบอลเข้าใช้งานกว่า 1 พันล้านครั้งต่อปี แต่เบื้องหลังระบบเดิม...ยังอยู่บนโครงสร้างคลาวด์แบบเก่า กระจัดกระจาย แยกส่วนกันหลายจุด → การเชื่อมต่อ ขยาย หรือนำ AI มาช่วยพัฒนาประสบการณ์แฟนบอล ทำได้ยากและช้า

    ล่าสุด Premier League จึงตกลงเซ็นสัญญา “พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ 5 ปี” กับ Microsoft → ย้าย “โครงสร้างเทคโนโลยีหลักทั้งหมด” ไปอยู่บน Azure → พร้อมเปิดตัว AI Assistant ฝังในเว็บไซต์, แอปมือถือ และเกม Fantasy ที่ใช้บริการ AI ของ Microsoft (เช่น Azure OpenAI หรือ Copilot)

    ตัวอย่างประสบการณ์ที่อาจเกิดขึ้น:
    - แอป Premier League มีแชต AI ช่วยตอบคำถามระหว่างเกม เช่น “ใครได้ใบเหลืองไปแล้ว?”, “คืนนี้ถ่ายทอดสดช่องไหน?”
    - เกม Fantasy Premier League ใช้ AI ช่วยวิเคราะห์ “ควรขายใครซื้อตัวไหนในทีม?” ตามข้อมูลบาดเจ็บ–ฟอร์มย้อนหลัง
    - เว็บไซต์สามารถให้ AI สรุปไฮไลต์หรือสถิติจากรอบที่แล้วแบบเนื้อหาเฉพาะตัว

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Microsoft ใช้กีฬาเป็นฐานทดลอง AI — ก่อนหน้านี้ก็มีดีลกับ NBA, NFL และทีม F1 อย่าง Mercedes ด้วย → และในโลกที่ AI–Sport–Entertainment กำลังหลอมรวมกัน... Premier League ก็กลายเป็นเวทีระดับโลกของ Microsoft อีกแห่งเรียบร้อยครับ

    Premier League เซ็นสัญญา 5 ปี กับ Microsoft เป็น “พันธมิตรเชิงกลยุทธ์”  
    • ย้ายโครงสร้างเทคโนโลยีหลักไปอยู่บน Microsoft Azure  
    • ประกาศความร่วมมือเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2025

    จะใช้ AI Services ของ Microsoft สร้างแชตบอตอัจฉริยะ (AI Assistant)  
    • ฝังใน:   
    – แอป Premier League บนมือถือ   
    – เว็บไซต์ทางการของลีก   
    – เกม Fantasy Premier League

    เป้าหมายคือยกระดับประสบการณ์แฟนบอลด้วยเทคโนโลยี AI – Cloud – Data  
    • สร้างอินเทอร์เฟซสื่อสารแบบเรียลไทม์  
    • เพิ่ม personalisation สำหรับผู้ชม  
    • ลดภาระการค้นหาข้อมูลด้วย AI

    Microsoft เคยมีประสบการณ์ด้านกีฬา AI มาก่อน  
    • เคยร่วมมือกับ NBA, NFL, NASCAR, F1 Mercedes  
    • ใช้ AI วิเคราะห์วิดีโอ, พฤติกรรมแฟน, และเชื่อม AR/VR

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/04/microsoft-signs-deal-to-power-premier-leagues-ai-tools
    ปกติแล้วลีกฟุตบอลระดับโลกอย่าง Premier League มีเว็บไซต์ แอปมือถือ เกม Fantasy ที่แฟนบอลเข้าใช้งานกว่า 1 พันล้านครั้งต่อปี แต่เบื้องหลังระบบเดิม...ยังอยู่บนโครงสร้างคลาวด์แบบเก่า กระจัดกระจาย แยกส่วนกันหลายจุด → การเชื่อมต่อ ขยาย หรือนำ AI มาช่วยพัฒนาประสบการณ์แฟนบอล ทำได้ยากและช้า ล่าสุด Premier League จึงตกลงเซ็นสัญญา “พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ 5 ปี” กับ Microsoft → ย้าย “โครงสร้างเทคโนโลยีหลักทั้งหมด” ไปอยู่บน Azure → พร้อมเปิดตัว AI Assistant ฝังในเว็บไซต์, แอปมือถือ และเกม Fantasy ที่ใช้บริการ AI ของ Microsoft (เช่น Azure OpenAI หรือ Copilot) ตัวอย่างประสบการณ์ที่อาจเกิดขึ้น: - แอป Premier League มีแชต AI ช่วยตอบคำถามระหว่างเกม เช่น “ใครได้ใบเหลืองไปแล้ว?”, “คืนนี้ถ่ายทอดสดช่องไหน?” - เกม Fantasy Premier League ใช้ AI ช่วยวิเคราะห์ “ควรขายใครซื้อตัวไหนในทีม?” ตามข้อมูลบาดเจ็บ–ฟอร์มย้อนหลัง - เว็บไซต์สามารถให้ AI สรุปไฮไลต์หรือสถิติจากรอบที่แล้วแบบเนื้อหาเฉพาะตัว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Microsoft ใช้กีฬาเป็นฐานทดลอง AI — ก่อนหน้านี้ก็มีดีลกับ NBA, NFL และทีม F1 อย่าง Mercedes ด้วย → และในโลกที่ AI–Sport–Entertainment กำลังหลอมรวมกัน... Premier League ก็กลายเป็นเวทีระดับโลกของ Microsoft อีกแห่งเรียบร้อยครับ ✅ Premier League เซ็นสัญญา 5 ปี กับ Microsoft เป็น “พันธมิตรเชิงกลยุทธ์”   • ย้ายโครงสร้างเทคโนโลยีหลักไปอยู่บน Microsoft Azure   • ประกาศความร่วมมือเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2025 ✅ จะใช้ AI Services ของ Microsoft สร้างแชตบอตอัจฉริยะ (AI Assistant)   • ฝังใน:    – แอป Premier League บนมือถือ    – เว็บไซต์ทางการของลีก    – เกม Fantasy Premier League ✅ เป้าหมายคือยกระดับประสบการณ์แฟนบอลด้วยเทคโนโลยี AI – Cloud – Data   • สร้างอินเทอร์เฟซสื่อสารแบบเรียลไทม์   • เพิ่ม personalisation สำหรับผู้ชม   • ลดภาระการค้นหาข้อมูลด้วย AI ✅ Microsoft เคยมีประสบการณ์ด้านกีฬา AI มาก่อน   • เคยร่วมมือกับ NBA, NFL, NASCAR, F1 Mercedes   • ใช้ AI วิเคราะห์วิดีโอ, พฤติกรรมแฟน, และเชื่อม AR/VR https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/04/microsoft-signs-deal-to-power-premier-leagues-ai-tools
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Microsoft signs deal to power Premier League's AI tools
    Microsoft Corp has signed a cloud computing deal with the Premier League, a pact that will let the software company tout its AI technology to a captive audience of sports fans.
    0 Comments 0 Shares 267 Views 0 Reviews
  • ..มีเดือดแน่นอน,ภาคประชาชนเตรียมรับมือได้เลย,มือโกลาหลแทรกแซงจากภายนอก,ที่ฝ่ายทรยศได้รับการสนับสนุนเตรียมการไว้หมดแล้วแน่ๆ,
    ..นี้คือเกมส์อำนาจของโลกผ่านไทยก็ได้,agenda2030ตั้งไทยคือสาระพัดฮับแห่งยุคสมัยใหม่ไว้แล้วดูที่ยิวอพยพอยู่อ.ปายเป็นอันมากคือเครื่องพิสูจน์ว่าไทยคือเป้าหมายหลักแกนนำแกนกลางของโลกแล้วมิใช่อิสราเอลอีกต่อไป,ศูนย์กลางสนามแม่เหล็กโลกพลังงานจักรวาลที่จะพลิกมาที่โซนประเทศไทยด้วยตลอดแร่ธาตุสำคัญมากมายของโลกก็ขนมาใต้แผ่นดินไทยเป็นอันมาก,เมืองหลวงของโลกในอนาคตคือประเทศไทยเรานีัล่ะ,ใครๆก็อยากได้ประเทศไทย,แม้อีลิทdeep stateยึดครองได้ประเทศไทยก็เจริญแบบแนวทางdeep state,ฝ่ายแสงยึดครองได้ประเทศไทยก็เจริญในวิถีแบบฝ่ายแสง,แค่เราจะเลือกไปทางไหนแค่นั้นในยุคสมัยที่จะมาถึงนี้,เมืองอัจฉริยะเขาวางโครงสร้างไว้หมดแล้วนั้นเอง,ประกาศออกมาแล้วด้วยของagenda2030,ช่วงรัฐบาลยุคนึดอำนาจนั้นล่ะเห็นชัดเจนที่สุด ตังไหลหลั่งมาจากสาระพัดทิศเพื่อเริ่มโครงการต่างๆเช่นแลนด์บริดจ์ยึดภาคใต้ทัังภาคสามารถเขียนให้ภาคใต้ปกครองตนเองได้เลย,ใครสั่งเขียนก็deep stateนั้นล่ะ,ตระกูลรอธส์ไชลด์และตระกูลร็อกกี้เฟลเลอร์นั้นล่ะคือตัวพ่อตัวเปิดหลักๆ,อ่าวไทยทัังหมดอันดามันทั้งหมดภาคใต้ทัังหมดมันกะผ่านให้เสร็จให้ทัน เช่าที่ดิน99ปีคือตัวยืนยันให้แก่ต่างชาติ,ยึดอำนาจมาเพื่อนัยยะลักษณะนี้ล่ะ,ครม.พิมพ์เดียวกันกับครม.ทักษิณ,ยุคทักษิณทำไม่สำเร็จ สามารถสำเร็จเป็นอันมากในยุคทหารอีลิทdeep stateยึดอำนาจ,วัคซีนฉีดตายคนไทยลดประชากรไทยก็สำเร็จในยุคยึดอำนาจ,พรบ.เมล็ดพันธุ์คือตย.เด่นชัดอีกตัวถ้าผ่านไปได้,นั้นคือการล่มสลายของเกษตรกรรมประเทศไทยทันที เมล็ดพันธุ์บนแผ่นดินไทยจะผูกขาดทันทีโดยเอกชน นี้คือพรบ.ที่จะก่อเกิดในยุคยึดอำนาจล่ะในสมัยนั้น,มีมากมายนั้นเอง,จึงทำวิถีทางให้ตนอยู่ต่อให้ได้สะดวกง่ายดำเนินเนื้องานกว่าขี้ข้าสมุนdeep stateแบบนักเลือกตั้งเช่นในปัจจุบัน,สายต่อลำบาก เดินงานติดขัดได้ แบบจะเปิดบ่อนฮับคาสิโนออนไลน์โลกก็ลำบากติดขัดแบบที่เห็นในปัจจุบันนี้,แลนด์บริดจ์ก็รีบเร่งไม่ได้ มันประชาชนคนไทยไม่โง่กันทุกๆคนรู้ทันกูอีก,,สรุปคือพวกเหี้ยนีัในปัจจุบันคือขี้ข้าบ๋อนรับใช้deep stateโลกหมด,ยึดครองไทยไปด้วย ทำลายระบบกษัตริย์ไปด้วย ทำลายสถาบันกษัตริย์ทันทีเมื่อมีจังหวะโอกาสในตัว,ดูถวายสัตย์หลังยึดอำนาจเลย เศษกระดาษหยิบขึ้นมาอ่านชัดๆ,คนไทยลืมง่าย,ตอนนี้สถาบันนักการเมืองคือภัยคุกคามต่อสถาบันกษัตริย์เรา สถาบันศาสนาพุทธเราด้วย ประเทศไทยตั้งอยู่ได้เพราะสองอย่างสิ่งนี้ค้ำชูประเทศไทยเราไว้,แม้เราเสียบ่อน้ำมันบ่อทองคำที่พวกมันปล้นชิงไปแต่สถาบันกษัตริย์และศาสนาพุทธหลักเรายังอยู่,หากสิ้นสองสิ่งนี้ชาติไทยพังพินาศทันทีไม่ต้องสงสัย,มันจึงยุแยงพุทธกับอิสลามตีกัน,อิสลามดิบๆนั้นปกติดี,แต่อิสลามdeep stateควบคุมนี้อันตรายมาก,ตะวันออกกลางมีปัญหาไปทั่วเพราะอีลิทdeep stateทำเหยื่อคือหมากศาสนาความเชื่อเป็นเหตุแตกแยก,เหยื่อล่อที่ดีคือใช้อิสลามตนที่ก่อตั้งขึ้นควบคุมได้บุกในนามศาสนาอิสลามของdeep stateทำลายที่ต่างๆนั้นตะวันออกกลางคือตัวอย่าง,จะปล้นแร่ธาตุบ่อน้ำมันเข้าก็ใช้เหยื่อล่ออ้อมเสียไกลคือศาสนาอิสลามบังหน้าสู้กันเองบ้างสู้กับยิวบ้างแบบที่เห็นในตอนนี้คืออิสราเอลกับอิหร่านคือทำทีบุกชาติอื่นๆไปทั่ว เป้าหมายจริงคืออีรักประตูข้ามมิติอิหร่านบ่อน้ำมันมิให้จีนซื้อขายง่ายๆเพราะฐานน้ำมันจีนส่วนใหญ่ใข้ที่อิหร่าน รบกับจีนจึงตัดยุทธปัจจัยทางสงครามก่อนคือเชื้อเพลิงสงครามที่อิหร่านก็ว่าและนัยยะใต้ดินตรึม.,ไทยก็ไม่เว้นบ่อน้ำมันไทยมีมหาศาลกว่าซาอุฯอีกสัมปทาน2แปลงล่าสุดจึงแบ่งๆให้ไปสำเร็จก็ยึดต่อยอดอยากเป็นต่อของพวกยึดอำนาจในอดีตล่าสุดนั้นล่ะ,เสือกไปทำเอง,เปิดสัมปทานไปทำไม.เพราะนายสั่งคือdeep stateโลกสั่งขี้ข้าในไทยต้องปฏิบัติตามก็ว่า,ซาอุฯไม่กล้าคุยจะสร้างคลังแสงน้ำมันขนาดใหญ่ในไทยได้หรอกถ้าน้ำมันประเทศไทยมีน้อย,ไม่สร้างฉางข้าวเก็บข้าวหรอกหากข้าวไม่มีเยอะไม่มีมากมายเพราะมีข้าวมากเต็มท้องนาจึงต้องที่เก็บให้ใหญ่ๆไว้,แลนด์บริดจ์จริงๆระดมทุนให้คนไทยลงหุ้นเป็นเจ้าของร่วมจริงๆแก่คนไทยทุกๆคนได้ ให้เป็นหุ้นฟรีๆแก่คนไทย100หุ้นห้ามซื้อขายทุกๆกรณี,ipoอีกหุ้นละ10บาท คนไทยซื้อได้ไม่เกิน100หุ้นๆละ10บาทอีก,คนไทยก็จะเป็นเจ้าของแลนด์บริดจ์ร่วมกันจริงจับต้องได้,รัฐบาลนั้นจึงเชื่อว่าปราถนาให้คนไทยมั่งมีมีความสุขอยู่ดีมีกิน อยู่เฉยๆมีรายได้เข้ามาจากกำไรบริหารจัดการแลนด์บริดจ์จริงได้,มิใช่ตกแก่นักทุนหน้าไหนไม่รู้เฉพาะเดอะแก๊งต่างๆอีก คนไทยไม่ได้อะไรเลย อ้างว่าเข้าชาติเข้าประเทศแล้วไง อ้างแบบนั้นไม่ได้เลย แบบได้ค่าภาคหลวงแห่งบ่อน้ำมันนั้นก็ด้วยนี้คือเหี้ยหมด,แลนด์บริดจ์พื้นที่บริหารจัดการรอบข้างด้วยและรวมกันทั้งหมดต่อปี อาจกำไรเกินกว่า10ล้านล้านบาทต่อปีทีเดียว,อาจ100ล้านล้านบาทสบายเพราะสามารถเป็นพื้นทีสาระพัดฮับของโลกได้.,บ่อนคาสิโนอาจยุคอนาคตคนมีภูมิต้านทานเข้าใจดีเข้าใจชั่ว ไม่หลงล่อใดๆแล้วในส่วนของคนไทยคือเป็นผู้รู้มีองค์ภูมิรอบตัวแล้ว สามารถเป็นปกติได้ อาจเปิดเสรีได้สบายๆต่างจากยุคเวลานี้ก็ได้ deep stateโลภจึงอยากเปิดทำตังก่อนเพราะรายได้จากทั่วโลกถ้าประเทศเป็นฮับจริงๆทั้งออฟไลน์และออนไลน์อาจข้ามจักรวาลแบบเน็ตควอนตัมstarlinkควอนตัมข้ามจักรวาลได้ก็ว่า เล่นทั่วจักรวาลผ่านฮับออนไลน์ที่ไทยสร้างสรรค์อบายมุขรูปแบบพนันเป็นเลิศอาจตังโคตรมากมายมหาศาลกว่า1,000ล้านล้านบาทต่อปีได้สบายๆ,นี้ประเทศไทยเป็นฮับสาระพัดอีกอื่นตรึมนะ ยอมประเมินค่ามิได้จริงๆ,
    ..สรุปอีกครั้ง ประเทศไทยเราสมบูรณ์แบบจริงๆ,จึงผู้นำผู้ปกครองโคตรสำคัญโคตรๆ.

    ..https://youtu.be/MpgtmRbfTec?si=9n4z2ZlBqBx0tnuN
    ..มีเดือดแน่นอน,ภาคประชาชนเตรียมรับมือได้เลย,มือโกลาหลแทรกแซงจากภายนอก,ที่ฝ่ายทรยศได้รับการสนับสนุนเตรียมการไว้หมดแล้วแน่ๆ, ..นี้คือเกมส์อำนาจของโลกผ่านไทยก็ได้,agenda2030ตั้งไทยคือสาระพัดฮับแห่งยุคสมัยใหม่ไว้แล้วดูที่ยิวอพยพอยู่อ.ปายเป็นอันมากคือเครื่องพิสูจน์ว่าไทยคือเป้าหมายหลักแกนนำแกนกลางของโลกแล้วมิใช่อิสราเอลอีกต่อไป,ศูนย์กลางสนามแม่เหล็กโลกพลังงานจักรวาลที่จะพลิกมาที่โซนประเทศไทยด้วยตลอดแร่ธาตุสำคัญมากมายของโลกก็ขนมาใต้แผ่นดินไทยเป็นอันมาก,เมืองหลวงของโลกในอนาคตคือประเทศไทยเรานีัล่ะ,ใครๆก็อยากได้ประเทศไทย,แม้อีลิทdeep stateยึดครองได้ประเทศไทยก็เจริญแบบแนวทางdeep state,ฝ่ายแสงยึดครองได้ประเทศไทยก็เจริญในวิถีแบบฝ่ายแสง,แค่เราจะเลือกไปทางไหนแค่นั้นในยุคสมัยที่จะมาถึงนี้,เมืองอัจฉริยะเขาวางโครงสร้างไว้หมดแล้วนั้นเอง,ประกาศออกมาแล้วด้วยของagenda2030,ช่วงรัฐบาลยุคนึดอำนาจนั้นล่ะเห็นชัดเจนที่สุด ตังไหลหลั่งมาจากสาระพัดทิศเพื่อเริ่มโครงการต่างๆเช่นแลนด์บริดจ์ยึดภาคใต้ทัังภาคสามารถเขียนให้ภาคใต้ปกครองตนเองได้เลย,ใครสั่งเขียนก็deep stateนั้นล่ะ,ตระกูลรอธส์ไชลด์และตระกูลร็อกกี้เฟลเลอร์นั้นล่ะคือตัวพ่อตัวเปิดหลักๆ,อ่าวไทยทัังหมดอันดามันทั้งหมดภาคใต้ทัังหมดมันกะผ่านให้เสร็จให้ทัน เช่าที่ดิน99ปีคือตัวยืนยันให้แก่ต่างชาติ,ยึดอำนาจมาเพื่อนัยยะลักษณะนี้ล่ะ,ครม.พิมพ์เดียวกันกับครม.ทักษิณ,ยุคทักษิณทำไม่สำเร็จ สามารถสำเร็จเป็นอันมากในยุคทหารอีลิทdeep stateยึดอำนาจ,วัคซีนฉีดตายคนไทยลดประชากรไทยก็สำเร็จในยุคยึดอำนาจ,พรบ.เมล็ดพันธุ์คือตย.เด่นชัดอีกตัวถ้าผ่านไปได้,นั้นคือการล่มสลายของเกษตรกรรมประเทศไทยทันที เมล็ดพันธุ์บนแผ่นดินไทยจะผูกขาดทันทีโดยเอกชน นี้คือพรบ.ที่จะก่อเกิดในยุคยึดอำนาจล่ะในสมัยนั้น,มีมากมายนั้นเอง,จึงทำวิถีทางให้ตนอยู่ต่อให้ได้สะดวกง่ายดำเนินเนื้องานกว่าขี้ข้าสมุนdeep stateแบบนักเลือกตั้งเช่นในปัจจุบัน,สายต่อลำบาก เดินงานติดขัดได้ แบบจะเปิดบ่อนฮับคาสิโนออนไลน์โลกก็ลำบากติดขัดแบบที่เห็นในปัจจุบันนี้,แลนด์บริดจ์ก็รีบเร่งไม่ได้ มันประชาชนคนไทยไม่โง่กันทุกๆคนรู้ทันกูอีก,,สรุปคือพวกเหี้ยนีัในปัจจุบันคือขี้ข้าบ๋อนรับใช้deep stateโลกหมด,ยึดครองไทยไปด้วย ทำลายระบบกษัตริย์ไปด้วย ทำลายสถาบันกษัตริย์ทันทีเมื่อมีจังหวะโอกาสในตัว,ดูถวายสัตย์หลังยึดอำนาจเลย เศษกระดาษหยิบขึ้นมาอ่านชัดๆ,คนไทยลืมง่าย,ตอนนี้สถาบันนักการเมืองคือภัยคุกคามต่อสถาบันกษัตริย์เรา สถาบันศาสนาพุทธเราด้วย ประเทศไทยตั้งอยู่ได้เพราะสองอย่างสิ่งนี้ค้ำชูประเทศไทยเราไว้,แม้เราเสียบ่อน้ำมันบ่อทองคำที่พวกมันปล้นชิงไปแต่สถาบันกษัตริย์และศาสนาพุทธหลักเรายังอยู่,หากสิ้นสองสิ่งนี้ชาติไทยพังพินาศทันทีไม่ต้องสงสัย,มันจึงยุแยงพุทธกับอิสลามตีกัน,อิสลามดิบๆนั้นปกติดี,แต่อิสลามdeep stateควบคุมนี้อันตรายมาก,ตะวันออกกลางมีปัญหาไปทั่วเพราะอีลิทdeep stateทำเหยื่อคือหมากศาสนาความเชื่อเป็นเหตุแตกแยก,เหยื่อล่อที่ดีคือใช้อิสลามตนที่ก่อตั้งขึ้นควบคุมได้บุกในนามศาสนาอิสลามของdeep stateทำลายที่ต่างๆนั้นตะวันออกกลางคือตัวอย่าง,จะปล้นแร่ธาตุบ่อน้ำมันเข้าก็ใช้เหยื่อล่ออ้อมเสียไกลคือศาสนาอิสลามบังหน้าสู้กันเองบ้างสู้กับยิวบ้างแบบที่เห็นในตอนนี้คืออิสราเอลกับอิหร่านคือทำทีบุกชาติอื่นๆไปทั่ว เป้าหมายจริงคืออีรักประตูข้ามมิติอิหร่านบ่อน้ำมันมิให้จีนซื้อขายง่ายๆเพราะฐานน้ำมันจีนส่วนใหญ่ใข้ที่อิหร่าน รบกับจีนจึงตัดยุทธปัจจัยทางสงครามก่อนคือเชื้อเพลิงสงครามที่อิหร่านก็ว่าและนัยยะใต้ดินตรึม.,ไทยก็ไม่เว้นบ่อน้ำมันไทยมีมหาศาลกว่าซาอุฯอีกสัมปทาน2แปลงล่าสุดจึงแบ่งๆให้ไปสำเร็จก็ยึดต่อยอดอยากเป็นต่อของพวกยึดอำนาจในอดีตล่าสุดนั้นล่ะ,เสือกไปทำเอง,เปิดสัมปทานไปทำไม.เพราะนายสั่งคือdeep stateโลกสั่งขี้ข้าในไทยต้องปฏิบัติตามก็ว่า,ซาอุฯไม่กล้าคุยจะสร้างคลังแสงน้ำมันขนาดใหญ่ในไทยได้หรอกถ้าน้ำมันประเทศไทยมีน้อย,ไม่สร้างฉางข้าวเก็บข้าวหรอกหากข้าวไม่มีเยอะไม่มีมากมายเพราะมีข้าวมากเต็มท้องนาจึงต้องที่เก็บให้ใหญ่ๆไว้,แลนด์บริดจ์จริงๆระดมทุนให้คนไทยลงหุ้นเป็นเจ้าของร่วมจริงๆแก่คนไทยทุกๆคนได้ ให้เป็นหุ้นฟรีๆแก่คนไทย100หุ้นห้ามซื้อขายทุกๆกรณี,ipoอีกหุ้นละ10บาท คนไทยซื้อได้ไม่เกิน100หุ้นๆละ10บาทอีก,คนไทยก็จะเป็นเจ้าของแลนด์บริดจ์ร่วมกันจริงจับต้องได้,รัฐบาลนั้นจึงเชื่อว่าปราถนาให้คนไทยมั่งมีมีความสุขอยู่ดีมีกิน อยู่เฉยๆมีรายได้เข้ามาจากกำไรบริหารจัดการแลนด์บริดจ์จริงได้,มิใช่ตกแก่นักทุนหน้าไหนไม่รู้เฉพาะเดอะแก๊งต่างๆอีก คนไทยไม่ได้อะไรเลย อ้างว่าเข้าชาติเข้าประเทศแล้วไง อ้างแบบนั้นไม่ได้เลย แบบได้ค่าภาคหลวงแห่งบ่อน้ำมันนั้นก็ด้วยนี้คือเหี้ยหมด,แลนด์บริดจ์พื้นที่บริหารจัดการรอบข้างด้วยและรวมกันทั้งหมดต่อปี อาจกำไรเกินกว่า10ล้านล้านบาทต่อปีทีเดียว,อาจ100ล้านล้านบาทสบายเพราะสามารถเป็นพื้นทีสาระพัดฮับของโลกได้.,บ่อนคาสิโนอาจยุคอนาคตคนมีภูมิต้านทานเข้าใจดีเข้าใจชั่ว ไม่หลงล่อใดๆแล้วในส่วนของคนไทยคือเป็นผู้รู้มีองค์ภูมิรอบตัวแล้ว สามารถเป็นปกติได้ อาจเปิดเสรีได้สบายๆต่างจากยุคเวลานี้ก็ได้ deep stateโลภจึงอยากเปิดทำตังก่อนเพราะรายได้จากทั่วโลกถ้าประเทศเป็นฮับจริงๆทั้งออฟไลน์และออนไลน์อาจข้ามจักรวาลแบบเน็ตควอนตัมstarlinkควอนตัมข้ามจักรวาลได้ก็ว่า เล่นทั่วจักรวาลผ่านฮับออนไลน์ที่ไทยสร้างสรรค์อบายมุขรูปแบบพนันเป็นเลิศอาจตังโคตรมากมายมหาศาลกว่า1,000ล้านล้านบาทต่อปีได้สบายๆ,นี้ประเทศไทยเป็นฮับสาระพัดอีกอื่นตรึมนะ ยอมประเมินค่ามิได้จริงๆ, ..สรุปอีกครั้ง ประเทศไทยเราสมบูรณ์แบบจริงๆ,จึงผู้นำผู้ปกครองโคตรสำคัญโคตรๆ. ..https://youtu.be/MpgtmRbfTec?si=9n4z2ZlBqBx0tnuN
    0 Comments 0 Shares 511 Views 0 Reviews
  • ..555,ส่วนตัว ทหารพระราชทำการปฏิวัติเลย,ตัดตอนการลากเรื่องลากยาวในหลากหลายมิตินัยยะทันที,ชายแดนก็สมควรปิดด่านเด็ดขาดจริงจังลงโทษเขมรจริงๆอย่าไปอ๊อแอ๊กับมัน,ไปสวนวาทะปากวลีคำกับพวกเจตนาแต่เริ่มต้นชัดเจนต้องการคุกคามรุกรานอธิปไตยเรา,ถ้าพวกนี้ยังอยู่ต่อบรรลัยสร้างเรื่องไม่จบสิ้นเพราะทหารไทยคือฝ่ายตรงข้ามมัน มันชัดเจนแล้ว สั่งการอะไรปาหี่แหกตาประชาชน ตัดน้ำตัดไฟฟ้ามันในนามรัฐบาลก็ไม่ทำจริงยังสมยอมกันกับเขมร ปิดด่านคือปิดด่านตัดท่อน้ำเลี้ยงท่อเสบียงมันจากฝั่งไทยทั้งหมดห้ามเมตตากรุณาปราณีใดๆทั้งสิ้นแก่ชนเผ่าเนรคุณทรยศหมายรุกรานคุกคามจนเป็นภัยชัดเจนต่ออธิปไตยเรา เผาศาลาอีก จะอภัยเมตตาเอ็นดูเห็นใจมันเหี้ยอะไรอีก.,ทหารเราต้องเด็ดขาดปฏิวัติประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศเลยและให้กรุงเทพฯและปริมลฑลคือเขตพื้นที่สีแดงพิเศษ ตลอดจังหวัดที่ติดแนวพรมแดนกับเขมรทั้งหมดด้วย,คนชั่วเท่านั้นที่เกรงกลัว,นักการเมืองเลวข้าราชการสาระเลวเจ้าสัวชั่วเท่านั้นที่หวาดกลัว,การปฏิวัติคือทางออกทั้งหมด,ล้างบางอิทธิพลชั่วเลวยุคเก่าทั้งหมดได้ที่ฝังรากเหง้าจนชั่วฉิบหายเพราะพวกนี้ก็ด้วย,ล้างอำนาจบริหาร ตุลาการ นิติบัญญัติ ที่ไม่ดีทัังหมดได้จริงเพราะชื่อปฏิวัตินีัมันไม่ธรรมดานะ,รัฐประหารหนักกว่ายึดอำนาจแต่อ่อนด้อยค่ากว่าปฏิวัติเพราะสามารถล้างสิ้นซากได้ครบสมบูรณ์จริง,ประเทศไทยต้องทำความสะอาดครั้งใหญ่จริงๆล้างครั้งใหญ่ด้วย,ทหารอาจใช้นอมินีคณะรวมพลังแผ่นดินไทยเป็นผู้ออกนอกหน้าในนามปฏิวัติภาคมวลมหาประชาชนก็ได้,แล้วยืนอยู่เคียงข้างประชาชนร่วมกันกวาดล้างพวกมันภายในประเทศไทยเรานี้,เรา..ประชาชน จะออกนอกหน้าเอง หากโลกเหี้ยติเตียนก็อนาถเกินไปเพราะเรา..ประชาชนปฏิวัติเองมิใช่ทหารนำหน้าเรา..ประชาชนคนไทยจึงสามารถเหยียบการประนามประฌามของชาวโลกได้หากdeep stateอยากประนามเรานักผ่านชาวโลกขี้ข้าทาสสมุนรับใช้ที่เป็นเครื่องมือให้มัน,แบบพรรควัยรุ่นที่ถูกยุบพรรคนัันล่ะ ขี้ข้าทาสรับงานรับใช้อีลิทรีตลัทธิตาเดียวชัดเจน ไปโชว์สัญลักษณ์เปิดเผยขนาดนั้น โลโก้พรรคก็สามเหลี่ยมฟรีเมสันโคตรๆ เข้ารีตทุกๆฝ่ายมืดก็ว่า,เป้าหมายคือทำลายสถาบันกษัตริย์ชัดเจนเพราะรีตพวกนี้มันถือเป็นนโยบายหลักโลกก็ว่า,ชาติใดมีสถาบันกษัตริย์มันต้องเข้าทำลายแน่นอนจนสิ้นซาก ประเทศไทยไม่มีข้อเว้น,เขมรก็พวกมันนี้ทำลาย,นอมินีขี้ข้ามันล่ะปกครองถึงปัจจุบัน,ฝ่ายแสงก็รู้,จึงเป็นที่มาอย่างเปิดเผยชัดในปัจจุบันว่าฮับสาระพัดชั่วที่deep stateตั้งใจจะสร้างที่เขมรนี้เป็นฮับมหาความชั่วเลวของโลกสาระพัดแหล่งรวมสิ่งชั่วเลว ยืนยันคือคนชั่วเลวไหลหลั่งไปตั้งฐานทัพชั่วทุกๆตารางนิ้วบนดินแดนเขมร,ค้ามนุษย์คือสิ่งแรกแต่ปิดบังให้เดอะแก๊งคอลเซ็นเตอร์โดดเด่นแทนก็ว่า,deep stateวางเขมรไว้นานแล้ว,ฝ่ายแสงมาแฉหรือถึงเวลาเปิดโปงแค่นั้นล่ะ,ซึ่งเรา..ประเทศไทยต้องเป็นตัวของตัวเอง เป็นปัจเจกประเทศ สร้างจุดยืนที่ถูกทางเป็นของตนเองได้ ต้องยืนในจุดยืนเราเปิดเผยแล้ว,คือถีบรัฐบาลขี้ข้าแรปทีเลี่ยนdeep stateข้ามโลกนี้ทันที,สถาบันนักการเมืองในไทยเราล่มสลายแล้ว อีลิทdeep stateปกครองครอบงำควบคุมยึดครองสิ้นซากแล้ว จะฝ่ายค้าน สส.ฝ่ายค้านทั้งหมดก็ตามล้วนเหี้ยหมดพวกเดอะแก๊งเดียวกันทั้งนั้นและทั้งสภา,ปาหี่แหกตาประชาชนเท่านั้น,มาดูฝ่ายรัฐบาล สส.ก็เหี้ยหมดปกติเช่นกัน,
    ..เวลานี้สถานะสถาบันนักการเมืองแม้เลือกตั้งใหม่ก็มิสามารถหาทางออกจากกับดักความมืดได้มืดบอดไร้แสงสว่างเช่นในอดีตๆที่ผ่านมา,มีเพียงบารมีมหาบุญของสถาบันกษัตริย์เราเท่านั้นคือกระทำการผ่านทหารพระราชาร่วมกับเรา..ประชาชนคนไทยจะร่วมกันไล่ผีบ้าพวกนี้ออกจากประเทศไทยเราได้ จุดแสงสว่างแห่งใจมิให้มืดบอดอีกต่อไป,จุดเทียนปัญญารุ่งโรจน์โชติช่วงชัชวาลก็ว่า,แสงแห่งปัญญาตื่นรับรู้ความจริงค่าจริงไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือน,เพราะประเทศไทยเราในอนาคตคือผู้นำแห่งจิตวิญญาณนั้นเอง,แสงแห่งปัญญาก็ว่า,มหาธรรมจักรชนะมารปีศาจซาตานนี้คือแผ่นดินไทยนีัเอง.,คือคนไทยเราทุกๆคนนี้เอง,คนไทยคือนักรบแห่งจิตวิญญาณนะและอาสาลงมาเพื่อภาวะกิจนี้ด้วยจากทั่วมหาอนันตจักรวาลมาเกิดที่แผ่นดินไทยนี้,ช่วงสนามแม่เหล็กโลกเปลี่ยนขั้วมาไทยอีก,จะมีอัจฉริยะเป็นอันมากมาเกิดที่ไทยเราและคนไทยเราที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ได้จะอัพเรเวลโดยไม่รู้ตัว,เป็นคนเหนือมนุษย์ไม่รู้ตัวซึ่งdeep stateยอมไม่ได้,ฝ่ายมืดรับไม่ได้นั้นเอง.555
    ..ทหารคือหนทางเดียว เชื่อสิ.,ในบริบทที่ชาวโลกยังยกระดับจิตระดับใจไม่ได้ดีพอในไทยเราก็ด้วย,เขากำลังแยกปลาดีปลาเลวปลาชั่วออก,ฮุนเซนทักษิณคือตัวเปิด,ล่อสมุนที่หลงเหลือออกมาให้หมดให้เหลือน้อยที่สุด,ดำขาวต้องชัดเจน กลางวันกลางคืนมันชัดเจนในตัวมันให้เห็นประจักษ์อยู่แล้ว,และทหารนี้ล่ะจะจบมัน.
    ..
    ..https://youtu.be/Bzd_rSWn1Ww?si=w3TmIdtGUGxnpq4b
    ..555,ส่วนตัว ทหารพระราชทำการปฏิวัติเลย,ตัดตอนการลากเรื่องลากยาวในหลากหลายมิตินัยยะทันที,ชายแดนก็สมควรปิดด่านเด็ดขาดจริงจังลงโทษเขมรจริงๆอย่าไปอ๊อแอ๊กับมัน,ไปสวนวาทะปากวลีคำกับพวกเจตนาแต่เริ่มต้นชัดเจนต้องการคุกคามรุกรานอธิปไตยเรา,ถ้าพวกนี้ยังอยู่ต่อบรรลัยสร้างเรื่องไม่จบสิ้นเพราะทหารไทยคือฝ่ายตรงข้ามมัน มันชัดเจนแล้ว สั่งการอะไรปาหี่แหกตาประชาชน ตัดน้ำตัดไฟฟ้ามันในนามรัฐบาลก็ไม่ทำจริงยังสมยอมกันกับเขมร ปิดด่านคือปิดด่านตัดท่อน้ำเลี้ยงท่อเสบียงมันจากฝั่งไทยทั้งหมดห้ามเมตตากรุณาปราณีใดๆทั้งสิ้นแก่ชนเผ่าเนรคุณทรยศหมายรุกรานคุกคามจนเป็นภัยชัดเจนต่ออธิปไตยเรา เผาศาลาอีก จะอภัยเมตตาเอ็นดูเห็นใจมันเหี้ยอะไรอีก.,ทหารเราต้องเด็ดขาดปฏิวัติประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศเลยและให้กรุงเทพฯและปริมลฑลคือเขตพื้นที่สีแดงพิเศษ ตลอดจังหวัดที่ติดแนวพรมแดนกับเขมรทั้งหมดด้วย,คนชั่วเท่านั้นที่เกรงกลัว,นักการเมืองเลวข้าราชการสาระเลวเจ้าสัวชั่วเท่านั้นที่หวาดกลัว,การปฏิวัติคือทางออกทั้งหมด,ล้างบางอิทธิพลชั่วเลวยุคเก่าทั้งหมดได้ที่ฝังรากเหง้าจนชั่วฉิบหายเพราะพวกนี้ก็ด้วย,ล้างอำนาจบริหาร ตุลาการ นิติบัญญัติ ที่ไม่ดีทัังหมดได้จริงเพราะชื่อปฏิวัตินีัมันไม่ธรรมดานะ,รัฐประหารหนักกว่ายึดอำนาจแต่อ่อนด้อยค่ากว่าปฏิวัติเพราะสามารถล้างสิ้นซากได้ครบสมบูรณ์จริง,ประเทศไทยต้องทำความสะอาดครั้งใหญ่จริงๆล้างครั้งใหญ่ด้วย,ทหารอาจใช้นอมินีคณะรวมพลังแผ่นดินไทยเป็นผู้ออกนอกหน้าในนามปฏิวัติภาคมวลมหาประชาชนก็ได้,แล้วยืนอยู่เคียงข้างประชาชนร่วมกันกวาดล้างพวกมันภายในประเทศไทยเรานี้,เรา..ประชาชน จะออกนอกหน้าเอง หากโลกเหี้ยติเตียนก็อนาถเกินไปเพราะเรา..ประชาชนปฏิวัติเองมิใช่ทหารนำหน้าเรา..ประชาชนคนไทยจึงสามารถเหยียบการประนามประฌามของชาวโลกได้หากdeep stateอยากประนามเรานักผ่านชาวโลกขี้ข้าทาสสมุนรับใช้ที่เป็นเครื่องมือให้มัน,แบบพรรควัยรุ่นที่ถูกยุบพรรคนัันล่ะ ขี้ข้าทาสรับงานรับใช้อีลิทรีตลัทธิตาเดียวชัดเจน ไปโชว์สัญลักษณ์เปิดเผยขนาดนั้น โลโก้พรรคก็สามเหลี่ยมฟรีเมสันโคตรๆ เข้ารีตทุกๆฝ่ายมืดก็ว่า,เป้าหมายคือทำลายสถาบันกษัตริย์ชัดเจนเพราะรีตพวกนี้มันถือเป็นนโยบายหลักโลกก็ว่า,ชาติใดมีสถาบันกษัตริย์มันต้องเข้าทำลายแน่นอนจนสิ้นซาก ประเทศไทยไม่มีข้อเว้น,เขมรก็พวกมันนี้ทำลาย,นอมินีขี้ข้ามันล่ะปกครองถึงปัจจุบัน,ฝ่ายแสงก็รู้,จึงเป็นที่มาอย่างเปิดเผยชัดในปัจจุบันว่าฮับสาระพัดชั่วที่deep stateตั้งใจจะสร้างที่เขมรนี้เป็นฮับมหาความชั่วเลวของโลกสาระพัดแหล่งรวมสิ่งชั่วเลว ยืนยันคือคนชั่วเลวไหลหลั่งไปตั้งฐานทัพชั่วทุกๆตารางนิ้วบนดินแดนเขมร,ค้ามนุษย์คือสิ่งแรกแต่ปิดบังให้เดอะแก๊งคอลเซ็นเตอร์โดดเด่นแทนก็ว่า,deep stateวางเขมรไว้นานแล้ว,ฝ่ายแสงมาแฉหรือถึงเวลาเปิดโปงแค่นั้นล่ะ,ซึ่งเรา..ประเทศไทยต้องเป็นตัวของตัวเอง เป็นปัจเจกประเทศ สร้างจุดยืนที่ถูกทางเป็นของตนเองได้ ต้องยืนในจุดยืนเราเปิดเผยแล้ว,คือถีบรัฐบาลขี้ข้าแรปทีเลี่ยนdeep stateข้ามโลกนี้ทันที,สถาบันนักการเมืองในไทยเราล่มสลายแล้ว อีลิทdeep stateปกครองครอบงำควบคุมยึดครองสิ้นซากแล้ว จะฝ่ายค้าน สส.ฝ่ายค้านทั้งหมดก็ตามล้วนเหี้ยหมดพวกเดอะแก๊งเดียวกันทั้งนั้นและทั้งสภา,ปาหี่แหกตาประชาชนเท่านั้น,มาดูฝ่ายรัฐบาล สส.ก็เหี้ยหมดปกติเช่นกัน, ..เวลานี้สถานะสถาบันนักการเมืองแม้เลือกตั้งใหม่ก็มิสามารถหาทางออกจากกับดักความมืดได้มืดบอดไร้แสงสว่างเช่นในอดีตๆที่ผ่านมา,มีเพียงบารมีมหาบุญของสถาบันกษัตริย์เราเท่านั้นคือกระทำการผ่านทหารพระราชาร่วมกับเรา..ประชาชนคนไทยจะร่วมกันไล่ผีบ้าพวกนี้ออกจากประเทศไทยเราได้ จุดแสงสว่างแห่งใจมิให้มืดบอดอีกต่อไป,จุดเทียนปัญญารุ่งโรจน์โชติช่วงชัชวาลก็ว่า,แสงแห่งปัญญาตื่นรับรู้ความจริงค่าจริงไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือน,เพราะประเทศไทยเราในอนาคตคือผู้นำแห่งจิตวิญญาณนั้นเอง,แสงแห่งปัญญาก็ว่า,มหาธรรมจักรชนะมารปีศาจซาตานนี้คือแผ่นดินไทยนีัเอง.,คือคนไทยเราทุกๆคนนี้เอง,คนไทยคือนักรบแห่งจิตวิญญาณนะและอาสาลงมาเพื่อภาวะกิจนี้ด้วยจากทั่วมหาอนันตจักรวาลมาเกิดที่แผ่นดินไทยนี้,ช่วงสนามแม่เหล็กโลกเปลี่ยนขั้วมาไทยอีก,จะมีอัจฉริยะเป็นอันมากมาเกิดที่ไทยเราและคนไทยเราที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ได้จะอัพเรเวลโดยไม่รู้ตัว,เป็นคนเหนือมนุษย์ไม่รู้ตัวซึ่งdeep stateยอมไม่ได้,ฝ่ายมืดรับไม่ได้นั้นเอง.555 ..ทหารคือหนทางเดียว เชื่อสิ.,ในบริบทที่ชาวโลกยังยกระดับจิตระดับใจไม่ได้ดีพอในไทยเราก็ด้วย,เขากำลังแยกปลาดีปลาเลวปลาชั่วออก,ฮุนเซนทักษิณคือตัวเปิด,ล่อสมุนที่หลงเหลือออกมาให้หมดให้เหลือน้อยที่สุด,ดำขาวต้องชัดเจน กลางวันกลางคืนมันชัดเจนในตัวมันให้เห็นประจักษ์อยู่แล้ว,และทหารนี้ล่ะจะจบมัน. .. ..https://youtu.be/Bzd_rSWn1Ww?si=w3TmIdtGUGxnpq4b
    0 Comments 0 Shares 467 Views 0 Reviews
  • สมัยก่อนเวลาเราพูดถึงอินเทอร์เน็ตในหมู่เกาะห่างไกล เช่น ตูวาลู (Tuvalu) — ประเทศเล็ก ๆ กลางมหาสมุทรแปซิฟิก — ก็คงคิดถึงเน็ตช้าหรือไม่มีอินเทอร์เน็ตเลย แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว เพราะ Starlink เข้ามาให้บริการในประเทศนี้ และเปิดให้ใช้งานบน IPv6 “เต็มรูปแบบ”

    แค่ไม่กี่เดือนหลัง Starlink เข้ามา ส่วนแบ่ง IPv6 ของตูวาลูพุ่งจาก 0% เป็น 59% — กลายเป็นหนึ่งใน 21 ประเทศที่ “ใช้ IPv6 มากกว่า 50% ของการเชื่อมต่อทั้งหมด” ทันที!

    ประเทศอื่นที่เพิ่งเข้าสู่ “Majority IPv6 Club” ในปีที่ผ่านมา ได้แก่ บราซิล, เม็กซิโก, กัวเตมาลา, ศรีลังกา, ฮังการี, ญี่ปุ่น, เปอร์โตริโก ฯลฯ

    จำนวนประเทศที่มีการใช้งาน IPv6 เกิน 50% เพิ่มจาก 13 → 21 ประเทศในรอบ 1 ปี  
    • ข้อมูลจาก Akamai, APNIC, Google และ Meta

    ประเทศที่ใช้งาน IPv6 มากที่สุดในโลกขณะนี้ ได้แก่:  
    • อินเดีย (73%)  
    • ฝรั่งเศส (73%)

    Starlink ของ SpaceX เป็นผู้เล่นหลักที่เร่งการเปลี่ยนผ่านไปใช้ IPv6  
    • เครือข่ายของ Starlink “ออกแบบให้รองรับ IPv6 ตั้งแต่ต้น”  
    • ช่วยให้ประเทศขนาดเล็กหรือห่างไกล “ข้ามขั้น” โครงสร้างเก่าไปใช้ระบบใหม่ทันที

    IPv6 แก้ข้อจำกัดของ IPv4 ที่มีแค่ 4.3 พันล้านหมายเลข IP  
    • IPv6 มีหมายเลขได้ถึง 340 undecillion (340 ล้านล้านล้านล้าน)  
    • เพียงพอต่อยุคอุปกรณ์ IoT, รถยนต์อัจฉริยะ, บ้านอัจฉริยะ

    ข้อดีอื่นของ IPv6 เช่น:  
    • ไม่ต้อง NAT → เชื่อมอุปกรณ์ได้แบบ end-to-end  
    • ปรับ routing ให้เร็วขึ้น  • รองรับการเข้ารหัส IPsec เป็นมาตรฐาน

    ประเทศอื่นที่กำลังเข้าใกล้ 50% เช่น ไทย, อังกฤษ และเอสโตเนีย

    บางประเทศที่เคยใช้ IPv6 เกิน 50% มีอัตราการลดลงชั่วคราว  
    • เช่น ญี่ปุ่นและเปอร์โตริโก เคยหลุดจากกลุ่มนี้ก่อนจะกลับเข้ามาใหม่  
    • อาจเกิดจากการขยายเครือข่ายเดิมที่ยังใช้ IPv4 อยู่

    องค์กรหรือผู้ให้บริการที่ยังไม่อัปเกรดระบบ → เสี่ยงถูกตัดขาดจากเครือข่ายที่ใช้ IPv6-only  
    • โดยเฉพาะระบบ IoT, cloud หรือ edge computing

    การใช้ IPv6 ยังต้องอาศัยการอัปเดต DNS, firewall, VPN และระบบความปลอดภัยให้รองรับ format ใหม่
    • ไม่ใช่แค่เปลี่ยน router อย่างเดียว

    การก้าวเข้าสู่ยุค IPv6 ไม่ได้แปลว่าปลอดภัยเสมอไป  
    • เพราะการเข้ารหัสและ config ก็ต้องทำอย่างถูกต้อง มิฉะนั้นอาจเกิดช่องโหว่ใหม่ได้

    https://www.techspot.com/news/108490-ipv6-reaches-majority-use-21-countries-starlink-other.html
    สมัยก่อนเวลาเราพูดถึงอินเทอร์เน็ตในหมู่เกาะห่างไกล เช่น ตูวาลู (Tuvalu) — ประเทศเล็ก ๆ กลางมหาสมุทรแปซิฟิก — ก็คงคิดถึงเน็ตช้าหรือไม่มีอินเทอร์เน็ตเลย แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว เพราะ Starlink เข้ามาให้บริการในประเทศนี้ และเปิดให้ใช้งานบน IPv6 “เต็มรูปแบบ” แค่ไม่กี่เดือนหลัง Starlink เข้ามา ส่วนแบ่ง IPv6 ของตูวาลูพุ่งจาก 0% เป็น 59% — กลายเป็นหนึ่งใน 21 ประเทศที่ “ใช้ IPv6 มากกว่า 50% ของการเชื่อมต่อทั้งหมด” ทันที! ประเทศอื่นที่เพิ่งเข้าสู่ “Majority IPv6 Club” ในปีที่ผ่านมา ได้แก่ บราซิล, เม็กซิโก, กัวเตมาลา, ศรีลังกา, ฮังการี, ญี่ปุ่น, เปอร์โตริโก ฯลฯ ✅ จำนวนประเทศที่มีการใช้งาน IPv6 เกิน 50% เพิ่มจาก 13 → 21 ประเทศในรอบ 1 ปี   • ข้อมูลจาก Akamai, APNIC, Google และ Meta ✅ ประเทศที่ใช้งาน IPv6 มากที่สุดในโลกขณะนี้ ได้แก่:   • อินเดีย (73%)   • ฝรั่งเศส (73%) ✅ Starlink ของ SpaceX เป็นผู้เล่นหลักที่เร่งการเปลี่ยนผ่านไปใช้ IPv6   • เครือข่ายของ Starlink “ออกแบบให้รองรับ IPv6 ตั้งแต่ต้น”   • ช่วยให้ประเทศขนาดเล็กหรือห่างไกล “ข้ามขั้น” โครงสร้างเก่าไปใช้ระบบใหม่ทันที ✅ IPv6 แก้ข้อจำกัดของ IPv4 ที่มีแค่ 4.3 พันล้านหมายเลข IP   • IPv6 มีหมายเลขได้ถึง 340 undecillion (340 ล้านล้านล้านล้าน)   • เพียงพอต่อยุคอุปกรณ์ IoT, รถยนต์อัจฉริยะ, บ้านอัจฉริยะ ✅ ข้อดีอื่นของ IPv6 เช่น:   • ไม่ต้อง NAT → เชื่อมอุปกรณ์ได้แบบ end-to-end   • ปรับ routing ให้เร็วขึ้น  • รองรับการเข้ารหัส IPsec เป็นมาตรฐาน ✅ ประเทศอื่นที่กำลังเข้าใกล้ 50% เช่น ไทย, อังกฤษ และเอสโตเนีย ‼️ บางประเทศที่เคยใช้ IPv6 เกิน 50% มีอัตราการลดลงชั่วคราว   • เช่น ญี่ปุ่นและเปอร์โตริโก เคยหลุดจากกลุ่มนี้ก่อนจะกลับเข้ามาใหม่   • อาจเกิดจากการขยายเครือข่ายเดิมที่ยังใช้ IPv4 อยู่ ‼️ องค์กรหรือผู้ให้บริการที่ยังไม่อัปเกรดระบบ → เสี่ยงถูกตัดขาดจากเครือข่ายที่ใช้ IPv6-only   • โดยเฉพาะระบบ IoT, cloud หรือ edge computing ‼️ การใช้ IPv6 ยังต้องอาศัยการอัปเดต DNS, firewall, VPN และระบบความปลอดภัยให้รองรับ format ใหม่ • ไม่ใช่แค่เปลี่ยน router อย่างเดียว ‼️ การก้าวเข้าสู่ยุค IPv6 ไม่ได้แปลว่าปลอดภัยเสมอไป   • เพราะการเข้ารหัสและ config ก็ต้องทำอย่างถูกต้อง มิฉะนั้นอาจเกิดช่องโหว่ใหม่ได้ https://www.techspot.com/news/108490-ipv6-reaches-majority-use-21-countries-starlink-other.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    IPv6 reaches majority use in 21 countries as Starlink and other providers modernize global connectivity
    The most dramatic transformation has occurred in Tuvalu, a Pacific island nation with a population under 10,000. Until early 2025, Tuvalu had virtually no IPv6 presence. That...
    0 Comments 0 Shares 249 Views 0 Reviews
  • Hertz ประกาศว่ากำลังยกระดับงานตรวจเช็ครถเช่าด้วย “AI อัจฉริยะ” โดยร่วมมือกับบริษัท UVeye เพื่อใช้ อุโมงค์กล้องอัตโนมัติ ที่จะสแกนรถแบบ 360 องศาเมื่อส่งคืน แล้วเทียบภาพก่อน–หลังเพื่อตรวจจับรอยต่าง ๆ

    ฟังดูดีใช่ไหมครับ? แต่ลูกค้าหลายคนกลับพบว่า:
    - ได้รับแจ้งรอยขีดเล็กจิ๋วพร้อม “บิลเรียกเก็บทันที” ผ่านแอป
    - แค่แผล 1 นิ้ว กลับมีค่าซ่อม + ค่าประเมิน + ค่าดำเนินการรวมแล้วกว่า $400
    - ไม่สามารถโทรหาเจ้าหน้าที่โดยตรง ต้องคุยกับบ็อต → รอคำตอบหลายวัน
    - ถ้าอยากลดราคา ต้อง “จ่ายก่อน 2 วัน” ทำให้เหมือนถูกบีบให้รีบจ่าย

    ผู้ใช้งานบางคนบอกว่า "ความแม่นของ AI คือสิ่งที่ทำให้แย่ — เพราะมนุษย์อาจปล่อยผ่านรอยขนาดเล็กไป แต่ AI ไม่ยอม"

    แม้ Hertz ยืนยันว่ามีลูกค้าส่วนใหญ่นำรถมาคืนโดยไม่มีปัญหา และระบบใหม่นี้ช่วยให้ “ตรวจสอบเร็ว + โปร่งใส” แต่เสียงสะท้อนจากผู้ใช้ดูเหมือนจะยังไม่คลิกกับประสบการณ์จริง

    Hertz ติดตั้งระบบตรวจรถด้วย AI โดยร่วมมือกับ UVeye แล้วในหลายสนามบินใหญ่ เช่น Atlanta  
    • สแกนทั้งตัวถัง ล้อ กระจก และใต้ท้องรถ  
    • ใช้ machine learning ตรวจจับ “รอยใหม่” จากการเปรียบเทียบก่อน–หลัง

    ลูกค้าได้รับรายงานผ่านแอปทันทีหลังส่งรถคืน  
    • หากพบความเสียหาย → ระบบสร้างใบแจ้งหนี้ทันที พร้อมรูปประกอบ

    ค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บประกอบด้วย:  
    • ค่าซ่อมจริง (เช่น ล้อเป็นรอย $250)  
    • ค่าประเมินความเสียหาย $125  
    • ค่าดำเนินการระบบเรียกเก็บ $65  
    • รวมเบ็ดเสร็จ $440 แม้รอยจะมีขนาดเพียง 1 นิ้ว

    Hertz เสนอส่วนลดถ้าจ่ายภายใน 2 วัน (~$50)  
    • แต่หากสอบถามผ่านแชตบ็อตอาจต้องรอคำตอบถึง 10 วัน — มีโอกาสเสียสิทธิ์ส่วนลด

    ลูกค้าหลายรายแสดงความไม่พอใจบน Reddit และเว็บไซต์ข่าว  
    • บางคนเลิกใช้บริการ Hertz เพราะรู้สึกถูกเรียกเก็บไม่ยุติธรรม

    https://www.techspot.com/news/108471-hertz-turns-ai-rental-car-inspections-faces-backlash.html
    Hertz ประกาศว่ากำลังยกระดับงานตรวจเช็ครถเช่าด้วย “AI อัจฉริยะ” โดยร่วมมือกับบริษัท UVeye เพื่อใช้ อุโมงค์กล้องอัตโนมัติ ที่จะสแกนรถแบบ 360 องศาเมื่อส่งคืน แล้วเทียบภาพก่อน–หลังเพื่อตรวจจับรอยต่าง ๆ ฟังดูดีใช่ไหมครับ? แต่ลูกค้าหลายคนกลับพบว่า: - ได้รับแจ้งรอยขีดเล็กจิ๋วพร้อม “บิลเรียกเก็บทันที” ผ่านแอป - แค่แผล 1 นิ้ว กลับมีค่าซ่อม + ค่าประเมิน + ค่าดำเนินการรวมแล้วกว่า $400 - ไม่สามารถโทรหาเจ้าหน้าที่โดยตรง ต้องคุยกับบ็อต → รอคำตอบหลายวัน - ถ้าอยากลดราคา ต้อง “จ่ายก่อน 2 วัน” ทำให้เหมือนถูกบีบให้รีบจ่าย ผู้ใช้งานบางคนบอกว่า "ความแม่นของ AI คือสิ่งที่ทำให้แย่ — เพราะมนุษย์อาจปล่อยผ่านรอยขนาดเล็กไป แต่ AI ไม่ยอม" แม้ Hertz ยืนยันว่ามีลูกค้าส่วนใหญ่นำรถมาคืนโดยไม่มีปัญหา และระบบใหม่นี้ช่วยให้ “ตรวจสอบเร็ว + โปร่งใส” แต่เสียงสะท้อนจากผู้ใช้ดูเหมือนจะยังไม่คลิกกับประสบการณ์จริง ✅ Hertz ติดตั้งระบบตรวจรถด้วย AI โดยร่วมมือกับ UVeye แล้วในหลายสนามบินใหญ่ เช่น Atlanta   • สแกนทั้งตัวถัง ล้อ กระจก และใต้ท้องรถ   • ใช้ machine learning ตรวจจับ “รอยใหม่” จากการเปรียบเทียบก่อน–หลัง ✅ ลูกค้าได้รับรายงานผ่านแอปทันทีหลังส่งรถคืน   • หากพบความเสียหาย → ระบบสร้างใบแจ้งหนี้ทันที พร้อมรูปประกอบ ✅ ค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บประกอบด้วย:   • ค่าซ่อมจริง (เช่น ล้อเป็นรอย $250)   • ค่าประเมินความเสียหาย $125   • ค่าดำเนินการระบบเรียกเก็บ $65   • รวมเบ็ดเสร็จ $440 แม้รอยจะมีขนาดเพียง 1 นิ้ว ✅ Hertz เสนอส่วนลดถ้าจ่ายภายใน 2 วัน (~$50)   • แต่หากสอบถามผ่านแชตบ็อตอาจต้องรอคำตอบถึง 10 วัน — มีโอกาสเสียสิทธิ์ส่วนลด ✅ ลูกค้าหลายรายแสดงความไม่พอใจบน Reddit และเว็บไซต์ข่าว   • บางคนเลิกใช้บริการ Hertz เพราะรู้สึกถูกเรียกเก็บไม่ยุติธรรม https://www.techspot.com/news/108471-hertz-turns-ai-rental-car-inspections-faces-backlash.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Hertz turns to AI for rental car inspections, faces backlash over fees
    The company's new system, developed in partnership with Israeli firm UVeye, is already operational at major hubs such as Hartsfield-Jackson Atlanta International Airport and is expected to...
    0 Comments 0 Shares 176 Views 0 Reviews
  • ของเล่นเฮลิคอปเตอร์ไฟฟ้า L1 4DRC 1080P โรเตอร์เดี่ยวสี่ช่องกันการชนอัจฉริยะเป็นของขวัญสำหรับเด็ก
    พิกัด: https://s.lazada.co.th/s.CALDt?cc
    ของเล่นเฮลิคอปเตอร์ไฟฟ้า L1 4DRC 1080P โรเตอร์เดี่ยวสี่ช่องกันการชนอัจฉริยะเป็นของขวัญสำหรับเด็ก พิกัด: https://s.lazada.co.th/s.CALDt?cc
    0 Comments 0 Shares 77 Views 0 Reviews
  • ..จึงไปแปลกใจเลยที่ผู้คนทั่วโลกรวมทั้งคนไทยทั่วประเทศสามารถตุยจากขีปนาวุธนี้ในร่างกายไปทั่ว,อัจฉริยะหรือหายนะต่อชีวืตร่างกายคนๆนั้นล่ะ,นาโนย่อมกระจายไปทั่วร่างกายง่ายๆแน่นอน,หลบหลีกหนีจากการตรวจจับเรดาร์ก่อนถึงเป้าหมายการทำร้ายล้างได้ด้วย,ใครควบคุมมันได้ก็ควบคุมสมองคนนั้นๆได้เลย,ตลอดอยากให้ตายตอนไหนก็ใข่ว่ามำไม่ได้ทันที อาจทำได้แบบเรียบไทม์แล้วทุกๆวันนี้,ถ้านาโนบอทตัวนี้ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ก็อาจทำลายได้ด้วยระเบิดEMPได้,อาจช่วยร่างกายคนนั้นๆได้,คือมันตายทันทีแม้อยู่ในร่างกายเราเพราะมันระเบิดตนเองตายนั้นเอง,วงจรระเบิดก็ว่าเพราะวงจรนาโนก็ว่าอาจไม่เหลือ,


    ..อะไรจะเกิดขึ้น

    นักวิทยาศาสตร์ชาวสวีเดนได้ค้นพบวิธีใช้หุ่นยนต์นาโนเพื่อกำหนดเป้าหมายและฆ่าเซลล์มะเร็ง

    นักวิทยาศาสตร์ชาวสวีเดนได้พัฒนาหุ่นยนต์นาโนที่ทำจากกรดอะมิโนซึ่งสามารถค้นหาและทำลายเซลล์มะเร็งได้อย่างแม่นยำ

    หุ่นยนต์ขนาดเล็กเหล่านี้จะกระตุ้น "ตัวรับการตายของเซลล์" ซึ่งทำให้เนื้องอกหดตัวลงโดยไม่ทำอันตรายต่อเซลล์ที่แข็งแรง

    ความลับคืออะไร?

    โครงสร้างนาโนที่ใช้ DNA เป็นตัวซ่อนหุ่นยนต์ไว้จนกว่าจะถึงเป้าหมาย

    “รูปแบบเปปไทด์รูปหกเหลี่ยมนี้กลายเป็นอาวุธร้ายแรง” ศ.บยอร์น โฮกเบิร์กกล่าว

    “โดยพื้นฐานแล้ว เราสร้างขีปนาวุธอัจฉริยะเพื่อต่อต้านมะเร็ง”

    ..จึงไปแปลกใจเลยที่ผู้คนทั่วโลกรวมทั้งคนไทยทั่วประเทศสามารถตุยจากขีปนาวุธนี้ในร่างกายไปทั่ว,อัจฉริยะหรือหายนะต่อชีวืตร่างกายคนๆนั้นล่ะ,นาโนย่อมกระจายไปทั่วร่างกายง่ายๆแน่นอน,หลบหลีกหนีจากการตรวจจับเรดาร์ก่อนถึงเป้าหมายการทำร้ายล้างได้ด้วย,ใครควบคุมมันได้ก็ควบคุมสมองคนนั้นๆได้เลย,ตลอดอยากให้ตายตอนไหนก็ใข่ว่ามำไม่ได้ทันที อาจทำได้แบบเรียบไทม์แล้วทุกๆวันนี้,ถ้านาโนบอทตัวนี้ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ก็อาจทำลายได้ด้วยระเบิดEMPได้,อาจช่วยร่างกายคนนั้นๆได้,คือมันตายทันทีแม้อยู่ในร่างกายเราเพราะมันระเบิดตนเองตายนั้นเอง,วงจรระเบิดก็ว่าเพราะวงจรนาโนก็ว่าอาจไม่เหลือ, ..อะไรจะเกิดขึ้น นักวิทยาศาสตร์ชาวสวีเดนได้ค้นพบวิธีใช้หุ่นยนต์นาโนเพื่อกำหนดเป้าหมายและฆ่าเซลล์มะเร็ง นักวิทยาศาสตร์ชาวสวีเดนได้พัฒนาหุ่นยนต์นาโนที่ทำจากกรดอะมิโนซึ่งสามารถค้นหาและทำลายเซลล์มะเร็งได้อย่างแม่นยำ 💉🧬 หุ่นยนต์ขนาดเล็กเหล่านี้จะกระตุ้น "ตัวรับการตายของเซลล์" ซึ่งทำให้เนื้องอกหดตัวลงโดยไม่ทำอันตรายต่อเซลล์ที่แข็งแรง ความลับคืออะไร? โครงสร้างนาโนที่ใช้ DNA เป็นตัวซ่อนหุ่นยนต์ไว้จนกว่าจะถึงเป้าหมาย “รูปแบบเปปไทด์รูปหกเหลี่ยมนี้กลายเป็นอาวุธร้ายแรง” ศ.บยอร์น โฮกเบิร์กกล่าว “โดยพื้นฐานแล้ว เราสร้างขีปนาวุธอัจฉริยะเพื่อต่อต้านมะเร็ง”
    0 Comments 0 Shares 167 Views 0 Reviews
  • ม.ราชภัฏโคราช จับมือ สมาคมการค้าไทย-จีนกวางตุ้ง และ Mancool Technology ร่วมสร้างสรรค์สังคมคาร์บอนต่ำ ด้วยนวัตกรรม E-Bike สู่การเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว
    .
    วันที่ 26 มิถุนายน 2568 มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ร่วมกับ สมาคมการค้าไทย-จีนกวางตุ้ง และ บริษัท Mancool Technology จำกัด สมาคมการค้าไทย-จีนกวางตุ้ง และบริษัท Mancool Technology จำกัด จัดให้มีโครงการลดคาร์บอน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขับเคลื่อนสู่การเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว โดยมี รศ.ดร.อดิศร เนาวนนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา กล่าวเปิดงาน นายธนกร สิริบุญสุข อุปนายกสมาคมการค้าไทย - จีนกวางตุ้ง มอบเสื้อที่ระลึก จากนั้นเป็นการการทดลองใช้รถจักรยานไฟฟ้า (E-Bike) เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่สีเขียวอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการนำนวัตกรรมจักรยานไฟฟ้า (E-Bike) มาใช้ภายในพื้นที่มหาวิทยาลัย ความร่วมมือครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมการเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการใช้ยานพาหนะที่ก่อให้เกิดมลพิษ และสร้างสภาพแวดล้อมที่สะอาดและน่าอยู่มากยิ่งขึ้นภายในรั้วมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
    .
    ทั้งนี้ บริษัท Mancool Technology จำกัด ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจักรยานไฟฟ้า เป็นผู้สนับสนุนจักรยานไฟฟ้า เพื่อให้บริการแก่นักศึกษา บุคลากร และผู้มาเยือน การนำ E-Bike มาใช้จะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางภายในมหาวิทยาลัย อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการออกกำลังกายและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
    .
    มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา และสมาคมการค้าไทย-จีนกวางตุ้ง มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนและผลักดันความร่วมมือครั้งนี้ให้เกิดขึ้น โดยเล็งเห็นถึงประโยชน์ของการนำเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาปรับใช้ในสถาบันการศึกษา ซึ่งจะเป็นต้นแบบที่ดีสำหรับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในอนาคต โครงการนี้ไม่เพียงแต่เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตภายในมหาวิทยาลัย แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันให้จังหวัดนครราชสีมาเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้และเมืองสีเขียวอย่างแท้จริง การนำนวัตกรรม E-Bike มาใช้ในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างสรรค์สังคมลดคาร์บอน ลด
    ม.ราชภัฏโคราช จับมือ สมาคมการค้าไทย-จีนกวางตุ้ง และ Mancool Technology ร่วมสร้างสรรค์สังคมคาร์บอนต่ำ ด้วยนวัตกรรม E-Bike สู่การเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว . วันที่ 26 มิถุนายน 2568 มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ร่วมกับ สมาคมการค้าไทย-จีนกวางตุ้ง และ บริษัท Mancool Technology จำกัด สมาคมการค้าไทย-จีนกวางตุ้ง และบริษัท Mancool Technology จำกัด จัดให้มีโครงการลดคาร์บอน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขับเคลื่อนสู่การเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว โดยมี รศ.ดร.อดิศร เนาวนนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา กล่าวเปิดงาน นายธนกร สิริบุญสุข อุปนายกสมาคมการค้าไทย - จีนกวางตุ้ง มอบเสื้อที่ระลึก จากนั้นเป็นการการทดลองใช้รถจักรยานไฟฟ้า (E-Bike) เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่สีเขียวอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการนำนวัตกรรมจักรยานไฟฟ้า (E-Bike) มาใช้ภายในพื้นที่มหาวิทยาลัย ความร่วมมือครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมการเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการใช้ยานพาหนะที่ก่อให้เกิดมลพิษ และสร้างสภาพแวดล้อมที่สะอาดและน่าอยู่มากยิ่งขึ้นภายในรั้วมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา . ทั้งนี้ บริษัท Mancool Technology จำกัด ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจักรยานไฟฟ้า เป็นผู้สนับสนุนจักรยานไฟฟ้า เพื่อให้บริการแก่นักศึกษา บุคลากร และผู้มาเยือน การนำ E-Bike มาใช้จะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางภายในมหาวิทยาลัย อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการออกกำลังกายและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก . มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา และสมาคมการค้าไทย-จีนกวางตุ้ง มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนและผลักดันความร่วมมือครั้งนี้ให้เกิดขึ้น โดยเล็งเห็นถึงประโยชน์ของการนำเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาปรับใช้ในสถาบันการศึกษา ซึ่งจะเป็นต้นแบบที่ดีสำหรับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในอนาคต โครงการนี้ไม่เพียงแต่เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตภายในมหาวิทยาลัย แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันให้จังหวัดนครราชสีมาเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้และเมืองสีเขียวอย่างแท้จริง การนำนวัตกรรม E-Bike มาใช้ในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างสรรค์สังคมลดคาร์บอน ลด
    0 Comments 0 Shares 355 Views 0 Reviews
  • ลองจินตนาการว่าเดินเข้าไปในคาเฟ่ ไม่ได้พกมือถือ ไม่มีเงินสด แต่คุณแค่ พูดเบา ๆ ว่า “จ่ายด้วย Alipay” ผ่านแว่นตา — แล้วระบบก็ชำระเงินให้ทันที

    นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงแล้วในฮ่องกง! โดย Alipay+ ร่วมกับ Meizu ทำ การทดลองจ่ายเงินซื้อของผ่านแว่นตาอัจฉริยะ “StarV Snap” เป็นครั้งแรกในโลก ผ่านระบบของ AlipayHK การชำระเงินสามารถทำได้ทั้ง สแกน QR code หรือใช้เสียงพูด ผ่านระบบ AI ที่ตรวจจับ เสียง, ความตั้งใจ (intent) และ ลายเสียง (voiceprint) ของผู้ใช้

    แว่นตายังรองรับ NFC และกล้องที่ช่วยประมวลผลร่วมกับระบบของ Alipay+ ได้อีกหลายรูปแบบ ซึ่งในอนาคตจะขยายไปยังพาร์ตเนอร์ทั่วโลกในปี 2025

    แม้ตอนนี้ยังเป็นของใหม่ที่ดูเหมือน “สำหรับสายเทคโนฯ ล้ำ ๆ เท่านั้น” แต่ผู้บริหารของ Ant Group ก็มั่นใจว่า แว่นตาอัจฉริยะจะกลายเป็นสมาร์ตดีไวซ์รุ่นถัดไปที่มาแทนมือถือ

    Alipay+ และ Meizu ทดลองชำระเงินผ่านแว่นตาอัจฉริยะ StarV Snap สำเร็จครั้งแรกที่ฮ่องกง  
    • ใช้ระบบของ AlipayHK  
    • ชำระผ่านการพูดหรือสแกน QR บนแว่น

    ระบบของ Alipay+ ใช้ AI ในการรู้จำเสียง, ความตั้งใจ และลายเสียงเพื่อความปลอดภัย  
    • ช่วยให้การยืนยันตัวตนและสั่งจ่ายเงินผ่านเสียงทำได้จริง

    แว่นตา Meizu มีหน้าจอแสดงผลแบบ optical waveguide + ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน + กล้องในตัว  
    • สามารถใช้งานร่วมกับ NFC และบริการอื่น ๆ ของ Alipay+

    Alipay+ เตรียมขยายฟีเจอร์นี้ไปยังพาร์ตเนอร์ทั่วโลกภายในปี 2025

    Peng Guo ผู้บริหาร Meizu กล่าวว่า นี่เป็นการ “กำหนดมาตรฐานใหม่” ของการชำระเงินผ่านอุปกรณ์สวมใส่  
    • ทำให้ AR glasses ไม่ใช่แค่ gadget แต่เป็นเครื่องมือใช้งานได้จริง

    https://www.techradar.com/pro/forgot-your-smartphone-no-problem-heres-the-first-smart-glasses-that-can-pay-for-your-coffee
    ลองจินตนาการว่าเดินเข้าไปในคาเฟ่ ไม่ได้พกมือถือ ไม่มีเงินสด แต่คุณแค่ พูดเบา ๆ ว่า “จ่ายด้วย Alipay” ผ่านแว่นตา — แล้วระบบก็ชำระเงินให้ทันที นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงแล้วในฮ่องกง! โดย Alipay+ ร่วมกับ Meizu ทำ การทดลองจ่ายเงินซื้อของผ่านแว่นตาอัจฉริยะ “StarV Snap” เป็นครั้งแรกในโลก ผ่านระบบของ AlipayHK การชำระเงินสามารถทำได้ทั้ง สแกน QR code หรือใช้เสียงพูด ผ่านระบบ AI ที่ตรวจจับ เสียง, ความตั้งใจ (intent) และ ลายเสียง (voiceprint) ของผู้ใช้ แว่นตายังรองรับ NFC และกล้องที่ช่วยประมวลผลร่วมกับระบบของ Alipay+ ได้อีกหลายรูปแบบ ซึ่งในอนาคตจะขยายไปยังพาร์ตเนอร์ทั่วโลกในปี 2025 แม้ตอนนี้ยังเป็นของใหม่ที่ดูเหมือน “สำหรับสายเทคโนฯ ล้ำ ๆ เท่านั้น” แต่ผู้บริหารของ Ant Group ก็มั่นใจว่า แว่นตาอัจฉริยะจะกลายเป็นสมาร์ตดีไวซ์รุ่นถัดไปที่มาแทนมือถือ ✅ Alipay+ และ Meizu ทดลองชำระเงินผ่านแว่นตาอัจฉริยะ StarV Snap สำเร็จครั้งแรกที่ฮ่องกง   • ใช้ระบบของ AlipayHK   • ชำระผ่านการพูดหรือสแกน QR บนแว่น ✅ ระบบของ Alipay+ ใช้ AI ในการรู้จำเสียง, ความตั้งใจ และลายเสียงเพื่อความปลอดภัย   • ช่วยให้การยืนยันตัวตนและสั่งจ่ายเงินผ่านเสียงทำได้จริง ✅ แว่นตา Meizu มีหน้าจอแสดงผลแบบ optical waveguide + ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน + กล้องในตัว   • สามารถใช้งานร่วมกับ NFC และบริการอื่น ๆ ของ Alipay+ ✅ Alipay+ เตรียมขยายฟีเจอร์นี้ไปยังพาร์ตเนอร์ทั่วโลกภายในปี 2025 ✅ Peng Guo ผู้บริหาร Meizu กล่าวว่า นี่เป็นการ “กำหนดมาตรฐานใหม่” ของการชำระเงินผ่านอุปกรณ์สวมใส่   • ทำให้ AR glasses ไม่ใช่แค่ gadget แต่เป็นเครื่องมือใช้งานได้จริง https://www.techradar.com/pro/forgot-your-smartphone-no-problem-heres-the-first-smart-glasses-that-can-pay-for-your-coffee
    0 Comments 0 Shares 216 Views 0 Reviews
More Results