• ศาลจังหวัดนนทบุรียกคำร้องตุ๋ย พรศักดิ์ ทนายความของ แซน วิศาพัช คนบนเรือขอให้ไต่สวนอัจฉริยะ-ปานเทพกรณีจำลองเหตุการณ์แตงโมตกน้ำ ชี้ไม่ละเมิดอำนาจศาล แถมเตือนไม่ให้สัมภาษณ์กระบวนการพิจารณาคดีในศาล
    .
    วันนี้ (29 ม.ค.) จากกรณีที่นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ หรือทนายตุ๋ย ทนายความของนายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือแซน หนึ่งในบุคคลที่อยู่ในเรือสปีดโบ้ท ที่ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ตกจากเรือเสียชีวิต ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อให้ไต่สวนการละเมิดอำนาจศาล 2 สำนวน ได้แก่ การจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือเสียชีวิต โดยมีผู้ถูกกล่าวหา ประกอบด้วย นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ หรือ อาจารย์หมอธวัชชัย และนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ เนื่องจากคดีหลักยังไม่มีคำพิพากษา และกรณีของนักอาชญวิทยารายหนึ่ง ที่ให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า มาเบิกความคดีแตงโมในศาล แต่ศาลกลับนั่งหัวเราะ ซึ่งจะยื่นให้ศาลไต่สวนว่า การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่
    .
    ปรากฎว่า นายพรศักดิ์ กล่าวหลังออกจากศาลว่า ในการสืบพยานวันนี้ ยังสืบพยานไม่เสร็จ คดีเดิมไปตามปกติทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ส่วนคดีที่มีการยื่นไต่สวนเรื่องละเมิดอำนาจศาล เรื่องการจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือ ขอยังไม่ขอให้ข้อมูล
    .
    "วันนี้ผมมายื่นคำร้องศาลขอให้ท่านพิจารณาเรื่องละเมิดอำนาจศาล วันนี้ศาลได้พิจารณาตามคำร้องของผมแล้ว เห็นว่าในชั้นนี้ยังไม่เรียกผู้ที่ถูกร้องมาไต่สวน แต่ศาลได้รับทราบและเริ่มนับหนึ่งจากวันนี้ไปว่า หลังจากนี้จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่ามีอะไรเกิดขึ้นอีกไหม ศาลจะพิจารณาและใช้ดุลยพินิจต่อไป นี่คือคำสั่งที่ออกมาตามนี้ ผมก็เลยมาแจ้งให้ทราบ ส่วนเรื่องอื่นๆ ขออนุญาตไม่พูดแล้วกัน เนื่องจากศาลกำชับมาว่าไม่ให้มีการเผยแพร่เรื่องกระบวนพิจารณาอะไรในคดีนี้กับทางสื่อมวลชนอีก ... ผมพูดได้แค่นี้จริงๆ เพราะศาลกำชับมา" นายพรศักดิ์ กล่าว
    .
    ปรากฎว่า นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ในฐานะผู้ที่ร่วมจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือเสียชีวิต กล่าวผ่านเฟซบุ๊กเพจว่า "ทนายตุ๋ยควรจะพูดให้ชัดๆ สรุปคือศาลยกคำร้องเพราะพวกเราไม่ได้ละเมิดอำนาจศาล จึงไม่มีการไต่สวนจำเลยตามคำร้องของทนายตุ๋ย และเตือนไม่ให้ทนายจำเลยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาคดีในศาล"
    .
    มีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า ศาลจังหวัดนนทบุรีได้ยกคำร้องกรณีที่นายพรศักดิ์ ทนายความของนายวิศาพัช หรือแซน ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนการละเมิดอำนาจศาล กรณีนายอัจฉริยะและคณะจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือเสียชีวิต เนื่องจากไม่ได้ละเมิดอำนาจศาล จึงไม่มีการไต่สวนจำเลยตามคำร้องของนายพรศักดิ์แต่อย่างใด
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009403
    .........
    Sondhi X
    ศาลจังหวัดนนทบุรียกคำร้องตุ๋ย พรศักดิ์ ทนายความของ แซน วิศาพัช คนบนเรือขอให้ไต่สวนอัจฉริยะ-ปานเทพกรณีจำลองเหตุการณ์แตงโมตกน้ำ ชี้ไม่ละเมิดอำนาจศาล แถมเตือนไม่ให้สัมภาษณ์กระบวนการพิจารณาคดีในศาล . วันนี้ (29 ม.ค.) จากกรณีที่นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ หรือทนายตุ๋ย ทนายความของนายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือแซน หนึ่งในบุคคลที่อยู่ในเรือสปีดโบ้ท ที่ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ตกจากเรือเสียชีวิต ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อให้ไต่สวนการละเมิดอำนาจศาล 2 สำนวน ได้แก่ การจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือเสียชีวิต โดยมีผู้ถูกกล่าวหา ประกอบด้วย นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ หรือ อาจารย์หมอธวัชชัย และนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ เนื่องจากคดีหลักยังไม่มีคำพิพากษา และกรณีของนักอาชญวิทยารายหนึ่ง ที่ให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า มาเบิกความคดีแตงโมในศาล แต่ศาลกลับนั่งหัวเราะ ซึ่งจะยื่นให้ศาลไต่สวนว่า การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ . ปรากฎว่า นายพรศักดิ์ กล่าวหลังออกจากศาลว่า ในการสืบพยานวันนี้ ยังสืบพยานไม่เสร็จ คดีเดิมไปตามปกติทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ส่วนคดีที่มีการยื่นไต่สวนเรื่องละเมิดอำนาจศาล เรื่องการจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือ ขอยังไม่ขอให้ข้อมูล . "วันนี้ผมมายื่นคำร้องศาลขอให้ท่านพิจารณาเรื่องละเมิดอำนาจศาล วันนี้ศาลได้พิจารณาตามคำร้องของผมแล้ว เห็นว่าในชั้นนี้ยังไม่เรียกผู้ที่ถูกร้องมาไต่สวน แต่ศาลได้รับทราบและเริ่มนับหนึ่งจากวันนี้ไปว่า หลังจากนี้จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่ามีอะไรเกิดขึ้นอีกไหม ศาลจะพิจารณาและใช้ดุลยพินิจต่อไป นี่คือคำสั่งที่ออกมาตามนี้ ผมก็เลยมาแจ้งให้ทราบ ส่วนเรื่องอื่นๆ ขออนุญาตไม่พูดแล้วกัน เนื่องจากศาลกำชับมาว่าไม่ให้มีการเผยแพร่เรื่องกระบวนพิจารณาอะไรในคดีนี้กับทางสื่อมวลชนอีก ... ผมพูดได้แค่นี้จริงๆ เพราะศาลกำชับมา" นายพรศักดิ์ กล่าว . ปรากฎว่า นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ในฐานะผู้ที่ร่วมจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือเสียชีวิต กล่าวผ่านเฟซบุ๊กเพจว่า "ทนายตุ๋ยควรจะพูดให้ชัดๆ สรุปคือศาลยกคำร้องเพราะพวกเราไม่ได้ละเมิดอำนาจศาล จึงไม่มีการไต่สวนจำเลยตามคำร้องของทนายตุ๋ย และเตือนไม่ให้ทนายจำเลยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกระบวนการพิจารณาคดีในศาล" . มีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า ศาลจังหวัดนนทบุรีได้ยกคำร้องกรณีที่นายพรศักดิ์ ทนายความของนายวิศาพัช หรือแซน ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนการละเมิดอำนาจศาล กรณีนายอัจฉริยะและคณะจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือเสียชีวิต เนื่องจากไม่ได้ละเมิดอำนาจศาล จึงไม่มีการไต่สวนจำเลยตามคำร้องของนายพรศักดิ์แต่อย่างใด . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009403 ......... Sondhi X
    Like
    Haha
    22
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 428 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทนายเดชา เผยศาลสืบพยานจำเลยคดีแตงโม 2 ปากสุดท้าย พิจารณา 2 เดือนครึ่งก่อนมีคำพิพากษา พร้อมยื่นคำร้องไต่สวน"ปานเทพ-อัจฉริยะ-หมอธวัชชัย" จำลองเหตุการณ์ตกเรือละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ ส่วนทนาย แซน วิศาพัช ยื่นไต่สวนนักอาชญวิทยาดังให้สัมภาษณ์
    .
    วันนี้ (29 ม.ค.) ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ดาราสาวที่ตกเรือสปีดโบ้ทเสียชีวิต เดินทางมายังศาลจังหวัดนนทบุรี ในนัดสืบพยานคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งวันนี้เป็นการสืบพยานจำเลย นัดสุดท้ายรวม 2 ปาก ประกอบด้วย น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือกระติก ผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม กับ นายภีม ธรรมศรี หรือเอ็ม โดยบรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มี น.ส.อิจศรินทร์ หรือกระติก พร้อมด้วย นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ หรือทนายตุ๋ย ทนายความของนายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือแซน และนางภนิดา เดินทางมาร่วมฟังการพิจารณาคดีเมื่อเวลา 9.00 น.
    .
    นายเดชา กล่าวว่า การสืบพยานจำเลยในวันนี้ คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากจำเลยจะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเรือให้ศาลรับฟัง ซึ่งเป็นไปตามข้อเท็จจริง ส่วนจะสืบพยานแล้วเสร็จในวันนี้เลยหรือไม่ ศาลจะเป็นผู้พิจารณา ขั้นตอนหลังจากนี้ ศาลจะใช้เวลาพิจารณาคดีอีกประมาณ 2 เดือนครึ่ง ก่อนที่จะมีคำพิพากษา และเท่าที่ได้คุยกับนายพรศักดิ์ ให้ข้อมูลว่า วันนี้จะมีการยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อให้ไต่สวนการละเมิดอำนาจศาล 2 สำนวน
    .
    สำนวนแรก เป็นเรื่องของการจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือเสียชีวิต โดยมีผู้ถูกกล่าวหา ประกอบด้วย นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ หรือ อาจารย์หมอธวัชชัย และนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ เนื่องจากคดีหลักยังไม่มีคำพิพากษา
    .
    ส่วนอีกสำนวน เป็นกรณีของนักอาชญวิทยารายหนึ่ง ที่ให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า มาเบิกความคดีแตงโมในศาล แต่ศาลกลับนั่งหัวเราะ ซึ่งการให้ข้อมูลดังกล่าว นายพรศักดิ์ ทนายความแซน วิศาพัช จะยื่นให้ศาลไต่สวนว่า การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่
    .
    ส่วนความพยายามรื้อคดีการเสียชีวิตของแตงโม ภัทรธิดา ของนายอัจฉริยะและพวก นายเดชาระบุว่า ที่ผ่านมามีการพูดคุยกับนายอัจฉริยะ เบื้องต้นยืนยันว่าการรื้อคดีเหตุแห่งการเสียชีวิต น่าจะมีความยุ่งยากซับซ้อนในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นในชั้นต้นและอุทธรณ์ แต่จะมุ่งเน้นไปที่ตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า มีความบกพร่อง หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ได้มีการยื่นเรื่องให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวแล้ว
    .
    ส่วนกรณีที่ทนายโจทก์ ทนายจำเลยในคดีเดียวกัน หารือกันในข้อกฎหมาย แต่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับข้อกฎหมาย สามารถทำได้ เพราะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสำนวนคดี ส่วนการตัดพยานบางปากออกจากสำนวน เป็นความประสงค์ของนางพนิดา แม่ของแตงโม เนื่องจากมองว่ามีพยานที่เป็นหมอมาเบิกความจำนวนหลายปากแล้ว ทำให้เสียเวลาในการสืบพยาน
    .
    นายเดชา ยังกล่าวว่า กรณีแม่ของแตงโมก็เห็นด้วย ถ้าหากมีพยานหลักฐานใหม่ ก็พร้อมจะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ แต่ไม่ได้ให้ความร่วมมือกับฝั่งของนายอัจฉริยะ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009329
    .........
    Sondhi X
    ทนายเดชา เผยศาลสืบพยานจำเลยคดีแตงโม 2 ปากสุดท้าย พิจารณา 2 เดือนครึ่งก่อนมีคำพิพากษา พร้อมยื่นคำร้องไต่สวน"ปานเทพ-อัจฉริยะ-หมอธวัชชัย" จำลองเหตุการณ์ตกเรือละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ ส่วนทนาย แซน วิศาพัช ยื่นไต่สวนนักอาชญวิทยาดังให้สัมภาษณ์ . วันนี้ (29 ม.ค.) ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ดาราสาวที่ตกเรือสปีดโบ้ทเสียชีวิต เดินทางมายังศาลจังหวัดนนทบุรี ในนัดสืบพยานคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งวันนี้เป็นการสืบพยานจำเลย นัดสุดท้ายรวม 2 ปาก ประกอบด้วย น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือกระติก ผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม กับ นายภีม ธรรมศรี หรือเอ็ม โดยบรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มี น.ส.อิจศรินทร์ หรือกระติก พร้อมด้วย นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ หรือทนายตุ๋ย ทนายความของนายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือแซน และนางภนิดา เดินทางมาร่วมฟังการพิจารณาคดีเมื่อเวลา 9.00 น. . นายเดชา กล่าวว่า การสืบพยานจำเลยในวันนี้ คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากจำเลยจะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเรือให้ศาลรับฟัง ซึ่งเป็นไปตามข้อเท็จจริง ส่วนจะสืบพยานแล้วเสร็จในวันนี้เลยหรือไม่ ศาลจะเป็นผู้พิจารณา ขั้นตอนหลังจากนี้ ศาลจะใช้เวลาพิจารณาคดีอีกประมาณ 2 เดือนครึ่ง ก่อนที่จะมีคำพิพากษา และเท่าที่ได้คุยกับนายพรศักดิ์ ให้ข้อมูลว่า วันนี้จะมีการยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อให้ไต่สวนการละเมิดอำนาจศาล 2 สำนวน . สำนวนแรก เป็นเรื่องของการจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือเสียชีวิต โดยมีผู้ถูกกล่าวหา ประกอบด้วย นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ หรือ อาจารย์หมอธวัชชัย และนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ เนื่องจากคดีหลักยังไม่มีคำพิพากษา . ส่วนอีกสำนวน เป็นกรณีของนักอาชญวิทยารายหนึ่ง ที่ให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า มาเบิกความคดีแตงโมในศาล แต่ศาลกลับนั่งหัวเราะ ซึ่งการให้ข้อมูลดังกล่าว นายพรศักดิ์ ทนายความแซน วิศาพัช จะยื่นให้ศาลไต่สวนว่า การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ . ส่วนความพยายามรื้อคดีการเสียชีวิตของแตงโม ภัทรธิดา ของนายอัจฉริยะและพวก นายเดชาระบุว่า ที่ผ่านมามีการพูดคุยกับนายอัจฉริยะ เบื้องต้นยืนยันว่าการรื้อคดีเหตุแห่งการเสียชีวิต น่าจะมีความยุ่งยากซับซ้อนในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นในชั้นต้นและอุทธรณ์ แต่จะมุ่งเน้นไปที่ตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า มีความบกพร่อง หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ได้มีการยื่นเรื่องให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวแล้ว . ส่วนกรณีที่ทนายโจทก์ ทนายจำเลยในคดีเดียวกัน หารือกันในข้อกฎหมาย แต่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับข้อกฎหมาย สามารถทำได้ เพราะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสำนวนคดี ส่วนการตัดพยานบางปากออกจากสำนวน เป็นความประสงค์ของนางพนิดา แม่ของแตงโม เนื่องจากมองว่ามีพยานที่เป็นหมอมาเบิกความจำนวนหลายปากแล้ว ทำให้เสียเวลาในการสืบพยาน . นายเดชา ยังกล่าวว่า กรณีแม่ของแตงโมก็เห็นด้วย ถ้าหากมีพยานหลักฐานใหม่ ก็พร้อมจะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ แต่ไม่ได้ให้ความร่วมมือกับฝั่งของนายอัจฉริยะ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009329 ......... Sondhi X
    Like
    Haha
    Angry
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 446 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้เปิดซอร์สโค้ดของ PebbleOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการของนาฬิกาอัจฉริยะ Pebble ให้สามารถดาวน์โหลดได้ภายใต้ใบอนุญาตโอเพ่นซอร์ส การตัดสินใจนี้เป็นการสนับสนุนกลุ่มอาสาสมัครที่ยังคงดูแลและพัฒนาฟังก์ชันการทำงานของอุปกรณ์ Pebble แม้ว่าการสนับสนุนฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของ Pebble จะถูกยกเลิกไปแล้วถึงแปดปี

    Pebble เริ่มต้นในปี 2012 ด้วยการระดมทุนผ่าน Kickstarter ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยขายนาฬิกาอัจฉริยะได้มากกว่าสองล้านเรือนในช่วงสี่ปี ก่อนที่จะถูกซื้อกิจการโดย Fitbit และในที่สุดก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตโฟลิโอทรัพย์สินทางปัญญาของ Google

    แม้ว่า Pebble จะหยุดการสนับสนุนฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ไปแล้ว แต่ยังคงมีแฟนๆ ที่ภักดีและกลุ่มอาสาสมัครจากโครงการ Rebble ที่ทำงานอย่างหนักเพื่อฟื้นฟูฟังก์ชันการทำงานของ Pebble ผ่านบริการเว็บภายนอก การเปิดซอร์สโค้ดของ PebbleOS จะช่วยให้กลุ่มอาสาสมัครเหล่านี้สามารถพัฒนาฟังก์ชันการทำงานของ Pebble ได้มากขึ้น

    อย่างไรก็ตาม โค้ดที่เปิดเผยยังขาดส่วนประกอบสำคัญบางอย่าง เช่น การสนับสนุนชิปเซ็ตและฟังก์ชันการทำงานของ Bluetooth เนื่องจากโค้ดเหล่านี้เป็นโค้ดที่มีลิขสิทธิ์และไม่สามารถเผยแพร่บน GitHub ได้ แม้จะมีข้อจำกัดเหล่านี้ ฟังก์ชันหลักของนาฬิกาอัจฉริยะ เช่น การแจ้งเตือน การควบคุมสื่อ การติดตามการออกกำลังกาย และการสนับสนุนแอปพลิเคชันที่กำหนดเอง ยังคงสามารถใช้งานได้

    Eric Migicovsky ผู้ก่อตั้ง Pebble ได้ยืนยันความสนใจในการกลับเข้าสู่ตลาดนาฬิกาอัจฉริยะอีกครั้ง โดยมีแผนที่จะพัฒนา PebbleOS เวอร์ชันที่ทันสมัยและออกแบบนาฬิกา Pebble รุ่นใหม่ แม้ว่าตลาดนาฬิกาอัจฉริยะจะเปลี่ยนแปลงไปมากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่ยังคงต้องรอดูว่าผู้บริโภคจะยอมแลกนาฬิกา Android รุ่นปัจจุบันกับอุปกรณ์ Pebble ที่ปรับปรุงใหม่หรือไม่

    https://www.techspot.com/news/106536-google-open-sources-pebble-smartwatch-software-framework.html
    Google ได้เปิดซอร์สโค้ดของ PebbleOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการของนาฬิกาอัจฉริยะ Pebble ให้สามารถดาวน์โหลดได้ภายใต้ใบอนุญาตโอเพ่นซอร์ส การตัดสินใจนี้เป็นการสนับสนุนกลุ่มอาสาสมัครที่ยังคงดูแลและพัฒนาฟังก์ชันการทำงานของอุปกรณ์ Pebble แม้ว่าการสนับสนุนฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของ Pebble จะถูกยกเลิกไปแล้วถึงแปดปี Pebble เริ่มต้นในปี 2012 ด้วยการระดมทุนผ่าน Kickstarter ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยขายนาฬิกาอัจฉริยะได้มากกว่าสองล้านเรือนในช่วงสี่ปี ก่อนที่จะถูกซื้อกิจการโดย Fitbit และในที่สุดก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตโฟลิโอทรัพย์สินทางปัญญาของ Google แม้ว่า Pebble จะหยุดการสนับสนุนฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ไปแล้ว แต่ยังคงมีแฟนๆ ที่ภักดีและกลุ่มอาสาสมัครจากโครงการ Rebble ที่ทำงานอย่างหนักเพื่อฟื้นฟูฟังก์ชันการทำงานของ Pebble ผ่านบริการเว็บภายนอก การเปิดซอร์สโค้ดของ PebbleOS จะช่วยให้กลุ่มอาสาสมัครเหล่านี้สามารถพัฒนาฟังก์ชันการทำงานของ Pebble ได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม โค้ดที่เปิดเผยยังขาดส่วนประกอบสำคัญบางอย่าง เช่น การสนับสนุนชิปเซ็ตและฟังก์ชันการทำงานของ Bluetooth เนื่องจากโค้ดเหล่านี้เป็นโค้ดที่มีลิขสิทธิ์และไม่สามารถเผยแพร่บน GitHub ได้ แม้จะมีข้อจำกัดเหล่านี้ ฟังก์ชันหลักของนาฬิกาอัจฉริยะ เช่น การแจ้งเตือน การควบคุมสื่อ การติดตามการออกกำลังกาย และการสนับสนุนแอปพลิเคชันที่กำหนดเอง ยังคงสามารถใช้งานได้ Eric Migicovsky ผู้ก่อตั้ง Pebble ได้ยืนยันความสนใจในการกลับเข้าสู่ตลาดนาฬิกาอัจฉริยะอีกครั้ง โดยมีแผนที่จะพัฒนา PebbleOS เวอร์ชันที่ทันสมัยและออกแบบนาฬิกา Pebble รุ่นใหม่ แม้ว่าตลาดนาฬิกาอัจฉริยะจะเปลี่ยนแปลงไปมากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่ยังคงต้องรอดูว่าผู้บริโภคจะยอมแลกนาฬิกา Android รุ่นปัจจุบันกับอุปกรณ์ Pebble ที่ปรับปรุงใหม่หรือไม่ https://www.techspot.com/news/106536-google-open-sources-pebble-smartwatch-software-framework.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google open-sources Pebble smartwatch software framework
    Google has announced that PebbleOS is now available for download under an open-source license, signaling its support for volunteers who continue to maintain Pebble devices. In a...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 82 มุมมอง 0 รีวิว
  • “อัจฉริยะ” ย้ำเก็บหลักฐานมา 3 ปีเต็ม หมดเงินไปล้านกว่าบาท เพื่อพิสูจน์ความจริง “แตงโม” ถูกฆาตกรรม ลั่นจะใช้นิติวิทยาศาสตร์ทำให้คนบนเรือนอนไม่หลับทั้งชีวิต ส่วนตำรวจชุดทำคดี 21 นายเป็นเหมือนลูกไก่ในกำมือ หลังศาลชี้บาดแผลแตงโมไม่ได้เกิดจากใบพักเรือ พร้อมจัดเต็มให้ทุกคนที่เป็นพยานเท็จ แต่จะไม่เร่งรัดดีเอสไอ จะกี่เดือนก็ได้ ขอให้กวาดให้หมด ย้ำไม่ได้บอกว่าแตงแตงโมตายบนบก แต่ตายในน้ำตื้น หลักฐานเด็ดใบไม้แปะหลังแน่น

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000009026

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “อัจฉริยะ” ย้ำเก็บหลักฐานมา 3 ปีเต็ม หมดเงินไปล้านกว่าบาท เพื่อพิสูจน์ความจริง “แตงโม” ถูกฆาตกรรม ลั่นจะใช้นิติวิทยาศาสตร์ทำให้คนบนเรือนอนไม่หลับทั้งชีวิต ส่วนตำรวจชุดทำคดี 21 นายเป็นเหมือนลูกไก่ในกำมือ หลังศาลชี้บาดแผลแตงโมไม่ได้เกิดจากใบพักเรือ พร้อมจัดเต็มให้ทุกคนที่เป็นพยานเท็จ แต่จะไม่เร่งรัดดีเอสไอ จะกี่เดือนก็ได้ ขอให้กวาดให้หมด ย้ำไม่ได้บอกว่าแตงแตงโมตายบนบก แต่ตายในน้ำตื้น หลักฐานเด็ดใบไม้แปะหลังแน่น อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000009026 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    27
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 694 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนท้าทาย OpenAI! Qwen AI เปิดตัวฟรี เน้นมัลติโมดัล-วิเคราะห์รูปภาพแม่นยำระดับเซียน

    เมื่อเร็ว ๆ นี้ วงการ AI ของจีนได้สร้างความตื่นตัวด้วยการเปิดตัว DeepSeek R1 โมเดลปัญญาประดิษฐ์ ที่ทำคะแนนเหนือ openAI ที่ทำคะแนนเหนือ ChatGPT-o1 (โมเดลที่เก่งที่สุดของ OpenAI ณ ปัจจุบัน) และ Claude 3.5 ในหลาย ๆ มิติเช่น งานด้านคณิตศาสตร์และเหตุผลเชิงตรรกะ รวมถึงการประมวลผลข้อความและโค้ดที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังใช้งานได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ เพราะเป็นโมเดลที่กระชับกว่า ไม่ได้ใช้ทรัพยากรมากเหมือน chatGPT และ จุดเด่นที่ทำให้ DeepSeek R1 แตกต่างจากโมเดลอื่น ๆ คือการเป็น โอเพนซอร์ส ที่สามารถดาวน์โหลดโค้ดต้นฉบับมาใช้งานบนคอมพิวเตอร์ส่วนตัวได้ทันที (ต่างกับ openAI ที่ไม่เปิดเผย code แม้ว่าจะมีคำว่า open อยู่บนชื่อก็ตาม) แต่ถึงกระนั้น DeepSeek R1 ยังมีจุดอ่อนสำคัญคือ ปัจจุบันไม่สามารถวิเคราะห์รูปภาพได้ และนี่คือช่องว่างที่ Qwen โมเดล AI จาก Alibaba Cloud ฉีกกฎด้วยการเปิดตัว Qwen2.5-VL โมเดลที่สามารถประมวลผลภาษากับภาพร่วมกัน ใช้งานฟรี ซึ่งอาจเป็นมาตรฐานใหม่ให้กับ AI ยุคนี้!

    Qwen2.5-VL: ความสามารถที่ DeepSeek R1 ทำไม่ได้
    1. วิเคราะห์ภาพระดับเทพ
    Qwen2.5-VL ไม่ใช่แค่ตรวจจับวัตถุทั่วไป เช่น ดอกไม้หรือสัตว์ แต่ยังเข้าใจ แผนภูมิ กราฟิก ไอคอน และแม้แต่ โครงสร้างเอกสาร ในรูปภาพได้อย่างแม่นยำ พร้อมระบุตำแหน่งวัตถุ เพื่อใช้ต่อในระบบอัตโนมัติ เช่น
    o ตรวจจับนักบิดในภาพพร้อมสถานะสวมหมวกนิรภัย
    o นับจำนวนนกในภาพแม้เห็นแค่ส่วนหัว
    o แยกข้อมูลจากใบแจ้งหนี้หรือตารางในภาพ ส่งออกเป็นโครงสร้างข้อมูลเพื่อใช้ในงานธุรกิจ
    2. ประมวลผลวิดีโอยาว 1 ชั่วโมง + จับเหตุการณ์เฉพาะช่วงเวลา
    ด้วยเทคโนโลยี Dynamic Frame Rate และ Absolute Time Encoding โมเดลนี้สามารถสรุปเนื้อหาวิดีโอยาวระดับชั่วโมง และระบุเหตุการณ์สำคัญได้แม่นยำถึงระดับวินาที เช่น การโต้ตอบระหว่างผู้ใช้กับฟีเจอร์สร้างภาพในวิดีโอ
    3. ดึงข้อความจากภาพ รองรับมือหลายภาษา
    เพิ่มความแม่นยำในการอ่านข้อความจากภาพ ไม่ว่าจะเป็นภาษาจีน ภาษาอังกฤษ หรือภาษาอื่น ๆ แม้ข้อความจะเอียงหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมซับซ้อน เช่น ตรวจสอบที่อยู่บนใบจัดส่งกับป้ายหน้าบ้านเพื่อยืนยันความถูกต้อง
    4. Visual Agent
    Qwen2.5-VL ทำหน้าที่เป็น "ตัวแทนอัจฉริยะ" ที่เชื่อมต่อกับเครื่องมือต่าง ๆ โดยตรง เช่น ควบคุมคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนผ่านการประมวลผลภาพ และสร้างผลลัพธ์แบบมีโครงสร้างเพื่อส่งต่อให้ระบบอื่น

    ในขณะที่ DeepSeek R1 โดดเด่นด้านคณิตศาสตร์และเหตุผล Qwen2.5-VL ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดด้วยความสามารถมัลติโมดัลที่สมบูรณ์แบบ พร้อมการสนับสนุนจากระบบ Cloud ของ Alibaba

    ผู้ก่อตั้งและข่าวสาร :
    https://x.com/huybery
    https://x.com/Alibaba_Qwen

    ใช้งาน AI ในข่าวฟรี สมัครฟรี ไม่มีโฆษณาที่: https://chat.qwenlm.ai/
    อ้างอิง: https://x.com/huybery

    คำอธิบายภาพ
    ภาพแรกแสดงการเปรียบเทียบระหว่างการแข่งขันของ โมเดล Qwen2.5-VL 72B เช่น การแก้ปัญหาในระดับมหาวิทยาลัย การอ่านเอกสารและแผนภูมิ การตอบคำถามทางภาพทั่วไป การคำนวณคณิตศาสตร์ การเข้าใจวิดีโอ และการควบคุมอุปกรณ์ผ่านภาพ ซึ่ง โมเดล Qwen2.5-VL 72B เก่งที่สุดในงานจำพวกการอ่านเอกสารและแผนภูมิ นอกจากนี้ยังทำได้ดีในงานตอบคำถามทางภาพทั่วไป

    คลิปมาจาก โมเดล Qwen2.5-plus แปลงข้อความ “Generate Thai people using the ThaiTime.co app everywhere!” เป็นวีดีโอ

    ภาพที่ 2 แสดงการถาม Qwen2.5-plus ว่า “รู้จัก Thaitimes.co ไหม” เพื่อทดสอบว่ามันสามารถหาข้อมูลใน internet ได้ลึกและเข้าใจภาษาไทย


    จีนท้าทาย OpenAI! Qwen AI เปิดตัวฟรี เน้นมัลติโมดัล-วิเคราะห์รูปภาพแม่นยำระดับเซียน เมื่อเร็ว ๆ นี้ วงการ AI ของจีนได้สร้างความตื่นตัวด้วยการเปิดตัว DeepSeek R1 โมเดลปัญญาประดิษฐ์ ที่ทำคะแนนเหนือ openAI ที่ทำคะแนนเหนือ ChatGPT-o1 (โมเดลที่เก่งที่สุดของ OpenAI ณ ปัจจุบัน) และ Claude 3.5 ในหลาย ๆ มิติเช่น งานด้านคณิตศาสตร์และเหตุผลเชิงตรรกะ รวมถึงการประมวลผลข้อความและโค้ดที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังใช้งานได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ เพราะเป็นโมเดลที่กระชับกว่า ไม่ได้ใช้ทรัพยากรมากเหมือน chatGPT และ จุดเด่นที่ทำให้ DeepSeek R1 แตกต่างจากโมเดลอื่น ๆ คือการเป็น โอเพนซอร์ส ที่สามารถดาวน์โหลดโค้ดต้นฉบับมาใช้งานบนคอมพิวเตอร์ส่วนตัวได้ทันที (ต่างกับ openAI ที่ไม่เปิดเผย code แม้ว่าจะมีคำว่า open อยู่บนชื่อก็ตาม) แต่ถึงกระนั้น DeepSeek R1 ยังมีจุดอ่อนสำคัญคือ ปัจจุบันไม่สามารถวิเคราะห์รูปภาพได้ และนี่คือช่องว่างที่ Qwen โมเดล AI จาก Alibaba Cloud ฉีกกฎด้วยการเปิดตัว Qwen2.5-VL โมเดลที่สามารถประมวลผลภาษากับภาพร่วมกัน ใช้งานฟรี ซึ่งอาจเป็นมาตรฐานใหม่ให้กับ AI ยุคนี้! Qwen2.5-VL: ความสามารถที่ DeepSeek R1 ทำไม่ได้ 1. วิเคราะห์ภาพระดับเทพ Qwen2.5-VL ไม่ใช่แค่ตรวจจับวัตถุทั่วไป เช่น ดอกไม้หรือสัตว์ แต่ยังเข้าใจ แผนภูมิ กราฟิก ไอคอน และแม้แต่ โครงสร้างเอกสาร ในรูปภาพได้อย่างแม่นยำ พร้อมระบุตำแหน่งวัตถุ เพื่อใช้ต่อในระบบอัตโนมัติ เช่น o ตรวจจับนักบิดในภาพพร้อมสถานะสวมหมวกนิรภัย o นับจำนวนนกในภาพแม้เห็นแค่ส่วนหัว o แยกข้อมูลจากใบแจ้งหนี้หรือตารางในภาพ ส่งออกเป็นโครงสร้างข้อมูลเพื่อใช้ในงานธุรกิจ 2. ประมวลผลวิดีโอยาว 1 ชั่วโมง + จับเหตุการณ์เฉพาะช่วงเวลา ด้วยเทคโนโลยี Dynamic Frame Rate และ Absolute Time Encoding โมเดลนี้สามารถสรุปเนื้อหาวิดีโอยาวระดับชั่วโมง และระบุเหตุการณ์สำคัญได้แม่นยำถึงระดับวินาที เช่น การโต้ตอบระหว่างผู้ใช้กับฟีเจอร์สร้างภาพในวิดีโอ 3. ดึงข้อความจากภาพ รองรับมือหลายภาษา เพิ่มความแม่นยำในการอ่านข้อความจากภาพ ไม่ว่าจะเป็นภาษาจีน ภาษาอังกฤษ หรือภาษาอื่น ๆ แม้ข้อความจะเอียงหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมซับซ้อน เช่น ตรวจสอบที่อยู่บนใบจัดส่งกับป้ายหน้าบ้านเพื่อยืนยันความถูกต้อง 4. Visual Agent Qwen2.5-VL ทำหน้าที่เป็น "ตัวแทนอัจฉริยะ" ที่เชื่อมต่อกับเครื่องมือต่าง ๆ โดยตรง เช่น ควบคุมคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนผ่านการประมวลผลภาพ และสร้างผลลัพธ์แบบมีโครงสร้างเพื่อส่งต่อให้ระบบอื่น ในขณะที่ DeepSeek R1 โดดเด่นด้านคณิตศาสตร์และเหตุผล Qwen2.5-VL ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดด้วยความสามารถมัลติโมดัลที่สมบูรณ์แบบ พร้อมการสนับสนุนจากระบบ Cloud ของ Alibaba ผู้ก่อตั้งและข่าวสาร : https://x.com/huybery https://x.com/Alibaba_Qwen ใช้งาน AI ในข่าวฟรี สมัครฟรี ไม่มีโฆษณาที่: https://chat.qwenlm.ai/ อ้างอิง: https://x.com/huybery คำอธิบายภาพ ภาพแรกแสดงการเปรียบเทียบระหว่างการแข่งขันของ โมเดล Qwen2.5-VL 72B เช่น การแก้ปัญหาในระดับมหาวิทยาลัย การอ่านเอกสารและแผนภูมิ การตอบคำถามทางภาพทั่วไป การคำนวณคณิตศาสตร์ การเข้าใจวิดีโอ และการควบคุมอุปกรณ์ผ่านภาพ ซึ่ง โมเดล Qwen2.5-VL 72B เก่งที่สุดในงานจำพวกการอ่านเอกสารและแผนภูมิ นอกจากนี้ยังทำได้ดีในงานตอบคำถามทางภาพทั่วไป คลิปมาจาก โมเดล Qwen2.5-plus แปลงข้อความ “Generate Thai people using the ThaiTime.co app everywhere!” เป็นวีดีโอ ภาพที่ 2 แสดงการถาม Qwen2.5-plus ว่า “รู้จัก Thaitimes.co ไหม” เพื่อทดสอบว่ามันสามารถหาข้อมูลใน internet ได้ลึกและเข้าใจภาษาไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 137 มุมมอง 0 รีวิว
  • Part 1 : The Beats and William S. Burroughs

    บีทเจนเนอเรชั่น คือ กลุ่มคนหนุ่ม-สาว ในยุคต้น 1960s ที่เกี่ยวข้องแวะกันด้วยอิทธิพลทางความคิดต้านกระแสสังคม พวกเขายืนอยู่บนเส้นแบ่งของแนวคิดแบบองค์รวมของสังคมอเมริกันอุดมคติแบบ แฟร้งคลิน ดีลาโน่ รูทส์เวลท์ และ สังคมที่นิยมความเป็นปัจเจกบุคคลแบบสุดโต่งในช่วงเวลานั้น ตัวตนขวกเขาถูกแสดงผ่านผลงานการเขียน หลากหลายรูปแบบ เซ็กซ์ ดนตรี และ ศิลปะ พวกเขาเชื่อกันเองว่าในกลุ่มพวกเขามีอยู่เพียงหลักร้อยคน ซึ่งอันที่จริง จำนวนที่แท้จริงของกลุ่ม บีทส์ นั้นไม่ปรากฏเป็นตัวเลขที่ชัดเจนนัก



    นอแมน เมลเลอร์ ผู้อุปถัมภ์ค้ำจุน ความมีตัวตนของ บีทส์ กล่าวไว้อย่างสวยงามมากว่า บีทส์นั้นคือผู้กล้าหาญที่จะแสดงถึงความเป็นตัวของตัวเอง ในยุคที่ทุกกระแสสังคมถูกจับจ้องโดยรัฐบาลสหรัฐ พวกเขาคือคนที่อยู่นอกกฏระเบียบของสังคม งานเขียนของพวกเขาสะท้อนสิ่งที่ประชาชนยุคนั้นมองไม่เห็นหรือแกล้งมองไม่เห็น ซึ่งครอบคลุมเรื่องการเมือง วัฒนธรรม และ การแสวงหาทางจิตวิญญาณ โดยที่พวกเขานั้นไม่อิงแอบกับตรรกะภายนอก ไม่ว่าจะเป็น เรื่องทุนนิยมเรื่องสังคมนิยม แต่เป็นการค้นพบสิ่งใหม่ด้วยตัวเอง ผลงานของพวกเขาจึงเป็นดั่งการเบิกทางให้กับผู้ที่จะค้นพบสิ่งใหม่ๆในยุคต่อๆมา



    แจ็ค คูโรแวค

    แอลลัน กินเบิร์ค

    วิลเลี่ยม เอส. เบอร์โรส์



    สามศาสดาแถวหน้า บีทเจนเนอเรชั่น



    วิลเลี่ยม เอส. เบอร์โรส์ “อัจฉริยะ รุนแรง บ้าคลั่ง”

    .

    .

    วิลเลี่ยม “บิล” เอส. เบอร์โรส์ อายุมากกว่าเพื่อนอีกสองคน และ ผลงานของเขาประสบความสำเร็จช้ากว่าอีกสองคนมาก แต่เป็นการประสบความสำเร็จที่ยาวนานและยั่งยืนที่สุด บิล เกิดในปี ค.ศ. 1914 ในเซนหลุยส์ มิสซูรี่ ปู่ของเขาร่ำรวยจากกว่าเป็นผู้ประดิษฐ์เครื่องบวกเลขเครื่องแรกของโลก แม้ครอบครัวของบิลจะไม่รวยเท่ากับรุ่นปู่แต่บอกได้ว่าเป็นครอบครัวที่มีฐานะดีมากๆครอบครัวหนึ่งในเวลานั้น เมื่ออายุได้ 15 ปี ตามกระแสในยุคนั้น ครอบครัวส่งบิลได้เรียนในโรงเรียน “บ้านไร่” โรงเรียนประจำที่อยู่ในรัฐตะวันตกอเมริกา ซึ่งเขาถูกส่งไปอยู่ถึงรัฐนิวแม็กซิโก - โรงเรียนประจำลอสอลาโมสแรนช์สกูล เนื่องจากบิลเป็นคนที่เกลียดกิจกรรมภายนอกห้องเรียนอยู่เป็นทุนเดิน เขาแทบจะเข้ากับที่นั่นไม่ได้ ยกเว้นเสียแต่กีฬาชนิดหนึ่งของโรงเรียนที่เขาชื่นชอบเป็นพิเศษนั่นก็คือ กีฬายิงปืนนั่นเอง

    .

    ที่นั่นบิลได้มีประสบการณ์เกี่ยวกับสารเสพติดเป็นครั้งแรกนั่นก็คือ คลอรอลไฮเดรต ยาระงับประสาท และเป็นที่รู้กันว่า บิลเกือบเอาชีวิตไม่รอดจากการเสพเกินขนาด พอเรียนต่อไม่ได้จึงต้องย้ายไปเข้าโรงเรียนเอกชนเพื่อเก็บเกรดไว้ไปต่อที่ฮาร์วาร์ด ซึ่งก็ทันตอนอายุ 18 พอดี พอเข้าไปได้ บิลก็ไม่ได้สนใจเล่าเรียนเท่าไหร่ แต่มักพบว่าไปซ่อนตัวอยู่ในห้องสมุดของมหาวิทยาลัย ที่นั่นเขาได้อ่านวรรณกรรมภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศสอย่างจุใจ พอเรียนจบตอนอายุ 21 ปีพอดี บิลขอพ่อแม่ออกเดินทางท่องเที่ยวทั่วยุโรป และ ก็ได้เมียเป็นแม่หม้าย ชาวยิวอายุ 35 ปี จาก ยูโกสลาเวีย นัยว่าตัวเขานั้นอยากเป็นฮีโร่ ปกป้องผู้หญิงคนหนึ่งจากลัทธิเผด็จการที่เริ่มก่อตัวในยุโรปในขณะนั้น ซึ่งก็อยู่กินกับเขาเกือบ 9 ปีในนิวยอร์ค กระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงในปี 1945

    .

    หลังจากกลับมาถึงสหรัฐอเมริกา บิลเลือกจะที่กลับไปสู่แวดวงการศึกษาโดยเข้าเรียนในระดับปริญญาโทอีกครั้งที่ ฮาร์วาร์ด โดยแรงจูงใจในครั้งนี้คือการได้ใกล้ชิดกับเพื่อนชายของเขา เคลส์ แอลวินส์ ที่นั่นเอง ทั้งสองคนได้ร่วมกันผลิตงานเขียนเสียดสี เกี่้ยวกับการจมลงของเรือไททานิคโดยใช้ชื่อว่า "แสงสะท้อนสุดท้ายของยามพลบค่ำ" ซึ่งพวกเขาไม่ประสบความสำเร็จในการหาสำนักพิมพ์ที่จะรับซื้องานเขียนดังกล่าวได้ โดยนิตยสาร Esquire ตอบกลับมาว่า มันไม่มีเนื้อหาอะไรลึกซึ้งพอที่จะให้พวกเขานำไปตีพิมพ์ได้ แต่อย่างไรก็ตาม งานเขียนนี้กลับมาปรากฏในนิยายเรื่อง "โนวา เอ็กซ์เพรส"ของบิลในเวลาต่อมา

    .

    บิลเลือกที่จะทิ้งการเรียนปริญญาโทไปแบบครึ่งๆกลางๆ และ กลับไปอยู่ที่ เซนหลุยส์ มิสซูรี่ เพื่อจะไปเป็นลูกศิษย์ของ อัลเฟรด คอซิบสกี้ นักอรรถศาสตร์ ผู้เสนอแนวคิดว่า "คำพูดต่างๆนั้นสูญเสียความหมายที่แท้จริง" และ จากนี้ต่อไปตลอดชีวิต บิลก็ทุ่มเทความคิดให้กับการค้นหาความหมายที่แท้จริงของคำศัพท์แต่ละคำที่เขาเล็งเห็นว่าถูกใช้อย่างผิดๆโดยมนุษย์
    .
    "ผมขอเสนอทฤษฎีอย่างกว้างๆว่า คำศัพท์ของมนุษย์เราจริงๆแล้วคือ ไวรัส แต่มนุษย์เราจะไม่ได้ทราบว่ามันเป็นไวรัส ก็เพราะว่าเราเป็นพาหะที่ค่อนข้างเสถียร ซึ่ง ไอ้ไวรัสนี่ไม่มีหน้าที่อะไรนอกจาก ทำสำเนาให้ตัวเอง และส่งต่อจากมนุษย์คนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งหรือหลายๆคน..."
    .
    หลังเหตุการณ์ประกาศสงครามกับฝ่ายอักษะ บิลถูกหมายเกณฑ์ให้เป็นทหาร แต่แม่ของบิลช่วยเขาหลีกเลี่ยงการเป็นทหารโดยการส่งเขาเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช และให้การรับรองว่าเขาป่วยทางจิตและไม่เหมาะสมกับการรับใช้ชาติ ช่วงเวลาดังกล่าว บิลเดินทางออกจาก เซนหลุยส์ มิสซูรี่ สู่เมืองชิคาโก้ และหาเลี้ยงชีพโดยการรับจ้างกำจัดสัตว์ไม่พึงประสงค์ (อาชีพนี้ทำให้เขาได้เข้าไปสัมผัสมุมมืดในสังคมเมืองใหญ่ ที่เขาเคยแต่เพียงอ่านจากในหนังสือเท่านั้น พอเป็นแบบนี้มันทำให้บิลมีความรู้สึกว่า สิ่งที่เขาพบเจอนั้นคือของแท้) นอกจากนี้ยังได้รับเงินอุดหนุนจากทางบ้านเป็นค่ากินอยู่อีกเดือนละ 200 เหรียญ เป็นอยู่อย่างนี้อีกประมาณแปดเดือนเศษ กระทั่งเขาได้เจอเพื่อนเก่าจาก เซนหลุยส์ มิสซูรี่ นั่นก็คือ ลูเชี่ยน คารร์ และ เดวิท แคมเมอเรอร์ ที่ชิคาโก้ (ในเวลาต่อมา คารร์ก็ปลิดชีพ แคมเมอเรอร์ ที่นิวยอร์ค)
    .
    คารร์ มาแวะเพียงชั่วคราว และ มุ่งหน้าสู่นิวยอร์คเพื่อจะกลับไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และ บิล กับ แคมเมอเรอร์ก็ตามไปสมทบในที่สุด ซึ่งที่นี่เองเป็นที่ ที่ บิลได้พบกับเพื่อนที่จะข้องเกี่ยวกับตัวเขาเองไปอีกครึ่งศตวรรษ เขาคนนั้นคือ แอลลัน กินเบิร์ค - และ แอลลันก็แนะนำพวกเขาให้รู้จักกับ แจ็ค คูโรแวค , อีดี้ ปาร์คเกอร์ (แฟนสาวของแจ็ค) และ โจแอน โวมเมอร์ (ภรรยาของบิลในเวลาต่อมา) แอลลัน กับ แจ็ค ร่วมกันผลิตงานเขียนด้วยกันเป็นครั้งแรก มีชื่อว่า "และฮิปโปโดนต้มในบ่อของมันเอง" ซึ่งก็ไม่ได้ถูกสำนักพิมพ์ใดๆนำไปตีพิมพ์ ขณะเดียวกัน บิลก็เริ่มเบนเข็มสู่อีกช่าวของชีวิต เขาเริ่มเป็นแมงดาข้างถนนย่านไทม์สแควร์ ขายของอีหยิบ ขายมอร์ฟีนแบบเข็มฉีดเข้าเส้น และ ปล้นจี้คนด้วยปืนพกในสถานีรถไฟใต้ดินในยามค่ำคืน คนที่เป็นผู้ชักชวนบิลสู่เส้นทางสายนี้คือ เฮอเบิร์ท ฮังค์คี ซึ่งอยู่ในสายอาชีพ ปล้นชิงทรัพย์ ลักเล็กขโมยน้อย มาแต่เดิม อีกด้านหนึ่ง บิลก็แนะนำ เฮอเบิร์ทให้รู้กจักกับพวกกลุ่มเพื่อนของเขาใน มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และ รวมกลุ่มกันอยู่แบบชุมชนเล็กในอพาร์ทเม็นท์ใกล้ๆ มหาวิทยาลัย นั่นแหละ
    .
    โจแอน โวมเมอร์ นักศึกษาสาวคณะวารสารศาสตร์ เริ่มคบหาเชิงชู้สาวกับ บิล ทั้งๆที่ใครๆในกลุ่มก็ทราบดีว่าบิลมีรสนิยมทางเพศแบบโฮโมเซ็กซ์ชั่ล แต่เธอให้เห็นผลว่า "บิลเก่งเรื่องบนเตียง แบบที่แมงดาควรเป็น" - สองคนนี้อยู่กินกันแบบสามีภรรยา และเสพยาหนักทั้งคู่ กระทั่งวันหนึ่งก็ถูกตำรวจบุกจับถึงอพาร์ทเม็นท์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สองคนยังหาเวลาไปเขียนบทละครสั้น เกี่ยวกับเรื่องรสนิยมทางเพศ อยู่ด้วยกันอยู่หลายเรื่อง ซึ่งในเวลาต่อมา บิลก็เอาไปยัดใส่ในวรรณกรรมของเขาทีละเรื่อง ทีละเรื่อง ไม่นานหลังจากห้วงเวลาในรั้วมหาวิทยาลัย โวมเมอร์กับบิล ร่วมกันซื้อไร่ขนาด 99 เอเคอร์ ในเมือง นิวเวเวอรี่ รัฐเท็กซัส และ โวมเมอร์ก็ให้กำเนิดลูกชายของบิลหนึ่งคน สองผัวเมียมองหาธุรกิจทำและในที่สุดก็ชักชวน ฮังค์คี ให้มาอยู่ด้วยกันที่ไร่ และไม่นานเกินรอผลผลิตหลักจากไร่ของสองผัวเมีย คือ กัญชา
    .
    เพื่อนที่เริ่มมีชื่อเสียงมาก ก็ได้แวะเวียนมาเยี่ยมสองผัวเมีย ไม่ว่าจะเป็น อัลแลน รวมไปถึง นีล แคซซิดี้ (คู่ขาเพศชายของอัลแลน) นีลทำหน้าที่หลักคือขนกัญชาของบิลไปขายในนิวยอร์ค ส่วน อัลแลนส่งกัญชาของสองผัวเมียไปขายผ่านเส้นสายของเหล่าพาณิชย์นาวี ที่เขามีแต่เดิม เป็นแผนธุรกิจฟังดูดีใช่ไหม? แต่เอาจริง แม่งเจ๊งไม่เป็นท่า เพราะค่าใช้จ่ายของแต่ละคนมันสูงมาก เนื่องจาก สองผัวเมียนักเสพ ต้องคอยส่งส่วยให้ตำรวจท้องถิ่นตลอด ราคาขายส่งที่ควรจะเป็นมันถีบสูงไปถึงร้อยเหรียญ ในที่สุดสองผัวเมียและอีกหนึ่งนักปลูกเพื่อนผัว ก็ต้องระเห็ดไปอยู่ที่ นิวออร์ลีนส์ แต่แค่พักเดียวยังไม่ทันได้ทำอะไรจริงจัง ตำรวจก็เข้าจับกุมพวกเขาถึงบ้าน ซ้ำร้ายนอกจากกัญชาที่ปลูกไว้เสพด้วย ขายด้วยแล้ว ก็เจอยาเสพติดอีกหลายประเภทในบ้านของสองผัวเมีย แต่โชคดีพวกนี้รู้จักทนายเก่ง ทนายก็ทำให้คดีหลุดด้วยช่องโหว่ทางกฏหมาย แต่ก็แนะนำว่า สองผัวเมียควรออกไปอยู่นอกประเทศสักพักจะเป็นการดีที่สุด
    .
    ในปี 1950 บิลเขียนจดหมายหาอัลแลน จากที่ประเทศแม็กซิโก แจ้งว่าเขาเขียนหนังสือเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขา ใกล้เสร็จแล้ว หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า "ไอ้ขี้ยา" - Junkie. ในวันที่ 6 กันยายน ปีเดียวกันนั้นเอง เล่ากันว่า บิลและโวมเมอร์กำลังเมากันได้ที่ จากการเสพและดื่ม โวมเมอร์เริ่มต้นก่อนด้วยการท้าทายฝีมือการแม่นปืนของบิล ซึ่งเธอเอาแก้วน้ำวางไว้เหนือหัว และ บิลก็ชักปืนสั้นขึ้นยิงแก้วนั้น แต่เล็งพลาด กระสุนเลยพุ่งเข้ากลางหน้าผากโวมเมอร์ ปลิดชีพภรรยาคู่เสพทันที และ ปิดบทบาทสามี ที่ บิลไม่ค่อยเต็มใจนัก
    .
    .
    to be continued...
    Part 1 : The Beats and William S. Burroughs บีทเจนเนอเรชั่น คือ กลุ่มคนหนุ่ม-สาว ในยุคต้น 1960s ที่เกี่ยวข้องแวะกันด้วยอิทธิพลทางความคิดต้านกระแสสังคม พวกเขายืนอยู่บนเส้นแบ่งของแนวคิดแบบองค์รวมของสังคมอเมริกันอุดมคติแบบ แฟร้งคลิน ดีลาโน่ รูทส์เวลท์ และ สังคมที่นิยมความเป็นปัจเจกบุคคลแบบสุดโต่งในช่วงเวลานั้น ตัวตนขวกเขาถูกแสดงผ่านผลงานการเขียน หลากหลายรูปแบบ เซ็กซ์ ดนตรี และ ศิลปะ พวกเขาเชื่อกันเองว่าในกลุ่มพวกเขามีอยู่เพียงหลักร้อยคน ซึ่งอันที่จริง จำนวนที่แท้จริงของกลุ่ม บีทส์ นั้นไม่ปรากฏเป็นตัวเลขที่ชัดเจนนัก นอแมน เมลเลอร์ ผู้อุปถัมภ์ค้ำจุน ความมีตัวตนของ บีทส์ กล่าวไว้อย่างสวยงามมากว่า บีทส์นั้นคือผู้กล้าหาญที่จะแสดงถึงความเป็นตัวของตัวเอง ในยุคที่ทุกกระแสสังคมถูกจับจ้องโดยรัฐบาลสหรัฐ พวกเขาคือคนที่อยู่นอกกฏระเบียบของสังคม งานเขียนของพวกเขาสะท้อนสิ่งที่ประชาชนยุคนั้นมองไม่เห็นหรือแกล้งมองไม่เห็น ซึ่งครอบคลุมเรื่องการเมือง วัฒนธรรม และ การแสวงหาทางจิตวิญญาณ โดยที่พวกเขานั้นไม่อิงแอบกับตรรกะภายนอก ไม่ว่าจะเป็น เรื่องทุนนิยมเรื่องสังคมนิยม แต่เป็นการค้นพบสิ่งใหม่ด้วยตัวเอง ผลงานของพวกเขาจึงเป็นดั่งการเบิกทางให้กับผู้ที่จะค้นพบสิ่งใหม่ๆในยุคต่อๆมา แจ็ค คูโรแวค แอลลัน กินเบิร์ค วิลเลี่ยม เอส. เบอร์โรส์ สามศาสดาแถวหน้า บีทเจนเนอเรชั่น วิลเลี่ยม เอส. เบอร์โรส์ “อัจฉริยะ รุนแรง บ้าคลั่ง” . . วิลเลี่ยม “บิล” เอส. เบอร์โรส์ อายุมากกว่าเพื่อนอีกสองคน และ ผลงานของเขาประสบความสำเร็จช้ากว่าอีกสองคนมาก แต่เป็นการประสบความสำเร็จที่ยาวนานและยั่งยืนที่สุด บิล เกิดในปี ค.ศ. 1914 ในเซนหลุยส์ มิสซูรี่ ปู่ของเขาร่ำรวยจากกว่าเป็นผู้ประดิษฐ์เครื่องบวกเลขเครื่องแรกของโลก แม้ครอบครัวของบิลจะไม่รวยเท่ากับรุ่นปู่แต่บอกได้ว่าเป็นครอบครัวที่มีฐานะดีมากๆครอบครัวหนึ่งในเวลานั้น เมื่ออายุได้ 15 ปี ตามกระแสในยุคนั้น ครอบครัวส่งบิลได้เรียนในโรงเรียน “บ้านไร่” โรงเรียนประจำที่อยู่ในรัฐตะวันตกอเมริกา ซึ่งเขาถูกส่งไปอยู่ถึงรัฐนิวแม็กซิโก - โรงเรียนประจำลอสอลาโมสแรนช์สกูล เนื่องจากบิลเป็นคนที่เกลียดกิจกรรมภายนอกห้องเรียนอยู่เป็นทุนเดิน เขาแทบจะเข้ากับที่นั่นไม่ได้ ยกเว้นเสียแต่กีฬาชนิดหนึ่งของโรงเรียนที่เขาชื่นชอบเป็นพิเศษนั่นก็คือ กีฬายิงปืนนั่นเอง . ที่นั่นบิลได้มีประสบการณ์เกี่ยวกับสารเสพติดเป็นครั้งแรกนั่นก็คือ คลอรอลไฮเดรต ยาระงับประสาท และเป็นที่รู้กันว่า บิลเกือบเอาชีวิตไม่รอดจากการเสพเกินขนาด พอเรียนต่อไม่ได้จึงต้องย้ายไปเข้าโรงเรียนเอกชนเพื่อเก็บเกรดไว้ไปต่อที่ฮาร์วาร์ด ซึ่งก็ทันตอนอายุ 18 พอดี พอเข้าไปได้ บิลก็ไม่ได้สนใจเล่าเรียนเท่าไหร่ แต่มักพบว่าไปซ่อนตัวอยู่ในห้องสมุดของมหาวิทยาลัย ที่นั่นเขาได้อ่านวรรณกรรมภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศสอย่างจุใจ พอเรียนจบตอนอายุ 21 ปีพอดี บิลขอพ่อแม่ออกเดินทางท่องเที่ยวทั่วยุโรป และ ก็ได้เมียเป็นแม่หม้าย ชาวยิวอายุ 35 ปี จาก ยูโกสลาเวีย นัยว่าตัวเขานั้นอยากเป็นฮีโร่ ปกป้องผู้หญิงคนหนึ่งจากลัทธิเผด็จการที่เริ่มก่อตัวในยุโรปในขณะนั้น ซึ่งก็อยู่กินกับเขาเกือบ 9 ปีในนิวยอร์ค กระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงในปี 1945 . หลังจากกลับมาถึงสหรัฐอเมริกา บิลเลือกจะที่กลับไปสู่แวดวงการศึกษาโดยเข้าเรียนในระดับปริญญาโทอีกครั้งที่ ฮาร์วาร์ด โดยแรงจูงใจในครั้งนี้คือการได้ใกล้ชิดกับเพื่อนชายของเขา เคลส์ แอลวินส์ ที่นั่นเอง ทั้งสองคนได้ร่วมกันผลิตงานเขียนเสียดสี เกี่้ยวกับการจมลงของเรือไททานิคโดยใช้ชื่อว่า "แสงสะท้อนสุดท้ายของยามพลบค่ำ" ซึ่งพวกเขาไม่ประสบความสำเร็จในการหาสำนักพิมพ์ที่จะรับซื้องานเขียนดังกล่าวได้ โดยนิตยสาร Esquire ตอบกลับมาว่า มันไม่มีเนื้อหาอะไรลึกซึ้งพอที่จะให้พวกเขานำไปตีพิมพ์ได้ แต่อย่างไรก็ตาม งานเขียนนี้กลับมาปรากฏในนิยายเรื่อง "โนวา เอ็กซ์เพรส"ของบิลในเวลาต่อมา . บิลเลือกที่จะทิ้งการเรียนปริญญาโทไปแบบครึ่งๆกลางๆ และ กลับไปอยู่ที่ เซนหลุยส์ มิสซูรี่ เพื่อจะไปเป็นลูกศิษย์ของ อัลเฟรด คอซิบสกี้ นักอรรถศาสตร์ ผู้เสนอแนวคิดว่า "คำพูดต่างๆนั้นสูญเสียความหมายที่แท้จริง" และ จากนี้ต่อไปตลอดชีวิต บิลก็ทุ่มเทความคิดให้กับการค้นหาความหมายที่แท้จริงของคำศัพท์แต่ละคำที่เขาเล็งเห็นว่าถูกใช้อย่างผิดๆโดยมนุษย์ . "ผมขอเสนอทฤษฎีอย่างกว้างๆว่า คำศัพท์ของมนุษย์เราจริงๆแล้วคือ ไวรัส แต่มนุษย์เราจะไม่ได้ทราบว่ามันเป็นไวรัส ก็เพราะว่าเราเป็นพาหะที่ค่อนข้างเสถียร ซึ่ง ไอ้ไวรัสนี่ไม่มีหน้าที่อะไรนอกจาก ทำสำเนาให้ตัวเอง และส่งต่อจากมนุษย์คนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งหรือหลายๆคน..." . หลังเหตุการณ์ประกาศสงครามกับฝ่ายอักษะ บิลถูกหมายเกณฑ์ให้เป็นทหาร แต่แม่ของบิลช่วยเขาหลีกเลี่ยงการเป็นทหารโดยการส่งเขาเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช และให้การรับรองว่าเขาป่วยทางจิตและไม่เหมาะสมกับการรับใช้ชาติ ช่วงเวลาดังกล่าว บิลเดินทางออกจาก เซนหลุยส์ มิสซูรี่ สู่เมืองชิคาโก้ และหาเลี้ยงชีพโดยการรับจ้างกำจัดสัตว์ไม่พึงประสงค์ (อาชีพนี้ทำให้เขาได้เข้าไปสัมผัสมุมมืดในสังคมเมืองใหญ่ ที่เขาเคยแต่เพียงอ่านจากในหนังสือเท่านั้น พอเป็นแบบนี้มันทำให้บิลมีความรู้สึกว่า สิ่งที่เขาพบเจอนั้นคือของแท้) นอกจากนี้ยังได้รับเงินอุดหนุนจากทางบ้านเป็นค่ากินอยู่อีกเดือนละ 200 เหรียญ เป็นอยู่อย่างนี้อีกประมาณแปดเดือนเศษ กระทั่งเขาได้เจอเพื่อนเก่าจาก เซนหลุยส์ มิสซูรี่ นั่นก็คือ ลูเชี่ยน คารร์ และ เดวิท แคมเมอเรอร์ ที่ชิคาโก้ (ในเวลาต่อมา คารร์ก็ปลิดชีพ แคมเมอเรอร์ ที่นิวยอร์ค) . คารร์ มาแวะเพียงชั่วคราว และ มุ่งหน้าสู่นิวยอร์คเพื่อจะกลับไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และ บิล กับ แคมเมอเรอร์ก็ตามไปสมทบในที่สุด ซึ่งที่นี่เองเป็นที่ ที่ บิลได้พบกับเพื่อนที่จะข้องเกี่ยวกับตัวเขาเองไปอีกครึ่งศตวรรษ เขาคนนั้นคือ แอลลัน กินเบิร์ค - และ แอลลันก็แนะนำพวกเขาให้รู้จักกับ แจ็ค คูโรแวค , อีดี้ ปาร์คเกอร์ (แฟนสาวของแจ็ค) และ โจแอน โวมเมอร์ (ภรรยาของบิลในเวลาต่อมา) แอลลัน กับ แจ็ค ร่วมกันผลิตงานเขียนด้วยกันเป็นครั้งแรก มีชื่อว่า "และฮิปโปโดนต้มในบ่อของมันเอง" ซึ่งก็ไม่ได้ถูกสำนักพิมพ์ใดๆนำไปตีพิมพ์ ขณะเดียวกัน บิลก็เริ่มเบนเข็มสู่อีกช่าวของชีวิต เขาเริ่มเป็นแมงดาข้างถนนย่านไทม์สแควร์ ขายของอีหยิบ ขายมอร์ฟีนแบบเข็มฉีดเข้าเส้น และ ปล้นจี้คนด้วยปืนพกในสถานีรถไฟใต้ดินในยามค่ำคืน คนที่เป็นผู้ชักชวนบิลสู่เส้นทางสายนี้คือ เฮอเบิร์ท ฮังค์คี ซึ่งอยู่ในสายอาชีพ ปล้นชิงทรัพย์ ลักเล็กขโมยน้อย มาแต่เดิม อีกด้านหนึ่ง บิลก็แนะนำ เฮอเบิร์ทให้รู้กจักกับพวกกลุ่มเพื่อนของเขาใน มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และ รวมกลุ่มกันอยู่แบบชุมชนเล็กในอพาร์ทเม็นท์ใกล้ๆ มหาวิทยาลัย นั่นแหละ . โจแอน โวมเมอร์ นักศึกษาสาวคณะวารสารศาสตร์ เริ่มคบหาเชิงชู้สาวกับ บิล ทั้งๆที่ใครๆในกลุ่มก็ทราบดีว่าบิลมีรสนิยมทางเพศแบบโฮโมเซ็กซ์ชั่ล แต่เธอให้เห็นผลว่า "บิลเก่งเรื่องบนเตียง แบบที่แมงดาควรเป็น" - สองคนนี้อยู่กินกันแบบสามีภรรยา และเสพยาหนักทั้งคู่ กระทั่งวันหนึ่งก็ถูกตำรวจบุกจับถึงอพาร์ทเม็นท์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สองคนยังหาเวลาไปเขียนบทละครสั้น เกี่ยวกับเรื่องรสนิยมทางเพศ อยู่ด้วยกันอยู่หลายเรื่อง ซึ่งในเวลาต่อมา บิลก็เอาไปยัดใส่ในวรรณกรรมของเขาทีละเรื่อง ทีละเรื่อง ไม่นานหลังจากห้วงเวลาในรั้วมหาวิทยาลัย โวมเมอร์กับบิล ร่วมกันซื้อไร่ขนาด 99 เอเคอร์ ในเมือง นิวเวเวอรี่ รัฐเท็กซัส และ โวมเมอร์ก็ให้กำเนิดลูกชายของบิลหนึ่งคน สองผัวเมียมองหาธุรกิจทำและในที่สุดก็ชักชวน ฮังค์คี ให้มาอยู่ด้วยกันที่ไร่ และไม่นานเกินรอผลผลิตหลักจากไร่ของสองผัวเมีย คือ กัญชา . เพื่อนที่เริ่มมีชื่อเสียงมาก ก็ได้แวะเวียนมาเยี่ยมสองผัวเมีย ไม่ว่าจะเป็น อัลแลน รวมไปถึง นีล แคซซิดี้ (คู่ขาเพศชายของอัลแลน) นีลทำหน้าที่หลักคือขนกัญชาของบิลไปขายในนิวยอร์ค ส่วน อัลแลนส่งกัญชาของสองผัวเมียไปขายผ่านเส้นสายของเหล่าพาณิชย์นาวี ที่เขามีแต่เดิม เป็นแผนธุรกิจฟังดูดีใช่ไหม? แต่เอาจริง แม่งเจ๊งไม่เป็นท่า เพราะค่าใช้จ่ายของแต่ละคนมันสูงมาก เนื่องจาก สองผัวเมียนักเสพ ต้องคอยส่งส่วยให้ตำรวจท้องถิ่นตลอด ราคาขายส่งที่ควรจะเป็นมันถีบสูงไปถึงร้อยเหรียญ ในที่สุดสองผัวเมียและอีกหนึ่งนักปลูกเพื่อนผัว ก็ต้องระเห็ดไปอยู่ที่ นิวออร์ลีนส์ แต่แค่พักเดียวยังไม่ทันได้ทำอะไรจริงจัง ตำรวจก็เข้าจับกุมพวกเขาถึงบ้าน ซ้ำร้ายนอกจากกัญชาที่ปลูกไว้เสพด้วย ขายด้วยแล้ว ก็เจอยาเสพติดอีกหลายประเภทในบ้านของสองผัวเมีย แต่โชคดีพวกนี้รู้จักทนายเก่ง ทนายก็ทำให้คดีหลุดด้วยช่องโหว่ทางกฏหมาย แต่ก็แนะนำว่า สองผัวเมียควรออกไปอยู่นอกประเทศสักพักจะเป็นการดีที่สุด . ในปี 1950 บิลเขียนจดหมายหาอัลแลน จากที่ประเทศแม็กซิโก แจ้งว่าเขาเขียนหนังสือเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขา ใกล้เสร็จแล้ว หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า "ไอ้ขี้ยา" - Junkie. ในวันที่ 6 กันยายน ปีเดียวกันนั้นเอง เล่ากันว่า บิลและโวมเมอร์กำลังเมากันได้ที่ จากการเสพและดื่ม โวมเมอร์เริ่มต้นก่อนด้วยการท้าทายฝีมือการแม่นปืนของบิล ซึ่งเธอเอาแก้วน้ำวางไว้เหนือหัว และ บิลก็ชักปืนสั้นขึ้นยิงแก้วนั้น แต่เล็งพลาด กระสุนเลยพุ่งเข้ากลางหน้าผากโวมเมอร์ ปลิดชีพภรรยาคู่เสพทันที และ ปิดบทบาทสามี ที่ บิลไม่ค่อยเต็มใจนัก . . to be continued...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานเลี้ยงขอบคุณผู้หาความจริงที่มีหนึ่งเดียว
    เดินสุดซอยแรกเข้าสู่ซอยที่ 2 กับดีเอสไอ
    .
    เมื่อวานซืนนี้ (22ม.ค.68 )ผมจัดงานเลี้ยงอาหารกลางวันที่บ้านพระอาทิตย์ เพื่อขอบคุณอาสาสมัครที่ร่วมช่วยเหลือจำลองเหตุการณ์ในการตกเรือสปีดโบ๊ตเสียชีวิตของน้องแตงโม-ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ คนที่เข้ามาร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน มี อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, คุณหมอธวัชชัย กาญจนรินทร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมอุบัติเหตุ , คุณณวัฒน์ อิสรไกรศีล พามิสแกรนด์ที่ร่วมพิสูจน์ความจริงมาในการแสดงเป็นน้องแตงโมที่ตกน้ำ ประกอบด้วย น้องปอย มิสแกรนด์นครพนม น้องเฟ-ริน มิสแกรนด์นครสวรรค์ น้องบาร์บี้ มิสแกรนด์เชียงใหม่ น้องนิวหยก มิสแกรนด์ชุมพร น้องหนูวรรณ มิสแกรนด์ฉะเชิงเทรา นอกจากนี้ ยังมีครูลิต้า ครูว่ายน้ำสอนนางเงือก มาด้วย
    .
    ส่วนคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ มาไม่ได้ เนื่องจากเข้ารับการผ่าตัดนิ่ว ยังไม่พอ ยังต้องถ่อสังขารออกจากโรงพยาบาลไปศาลอาญา เพื่อให้ไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาล
    .
    เมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา ช่วงบ่ายๆอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ได้เปิดเผยหนังสือที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อนุมัติสืบสวนคดีการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทรธิดา ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ โดยส่งต่อผู้เชี่ยวชาญด้านคดีพิเศษรับผิดชอบดำเนินการ พร้อมหลักฐานเอกสารคำร้อง 55 แผ่น โดยท่านอธิบดีมอบหมาย พ.ต.ต.ณัฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ และแจ้งให้ผู้รับเรื่องร้องทุกข์ทราบต่อไป
    .
    ท่านผู้ชมครับ การเดินทางเพื่อหาความจริงที่มีหนึ่งเดียวของคดีน้องแตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ก็ได้เดินทางมาถึงอย่างน้อยที่สุด ซอยแรก มาถึงสุดซอยแล้ว เรากำลังเดินเข้าซอยที่ 2 อยู่ ทั้งหมดนี้ไม่ได้มีเรื่องราวส่วนตัวกับใครเลยแม้แต่นิดเดียว
    .
    มีคนพูดว่าทำไมเราต้องไปยุ่งเรื่องนี้ คนที่พูดเรื่องนี้น่าจะเป็นคนที่ไร้เดียงสา เพราะปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นก็เพราะว่าตำรวจ อัยการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอาจจะมีส่วนรับรู้หรือรับเห็น หรือจงใจทำให้เกิดช่องโหว่นี้ขึ้นมา ที่สำคัญคือเขาได้ปิดกั้นความเห็นและข้อมูลที่แตกต่างไม่ให้นำเสนอ เมื่อกระบวนการขึ้นสู่ศาล ศาลก็ไม่มีทางเลือก ก็ต้องพิจารณาเฉพาะหลักฐานที่ตำรวจและอัยการส่งมา ตรงนี้เป็นจุดอ่อนของกระบวนการยุติธรรมของไทยมาก
    .
    ตรงนี้ล่ะครับท่านผู้ชม เราไม่ได้เข้าข้างน้องแตงโม และเราไม่ได้เข้าข้างตำรวจหรือว่าคุณแม่ หรือทนายความของน้องแตงโม แต่เรายืนอยู่บนความจริงมีหนึ่งเดียว นี่คือหลักการในชีวิตของผม ซึ่งถ่ายทอดต่อไป และเป็นหลักการของอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และเผอิญมันก็ไปตรงกับหลักการของคุณหมอธวัชชัย แล้วก็มีส่วนในการที่คุณอัจฉริยะ เป็นคนเปิดประเด็นขึ้นมา
    .
    บ้านพระอาทิตย์ สนธิ ลิ้มทองกุล ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ไม่ได้สนใจข้อมูลอันนี้จะไปกระเทือนใครบ้าง ถ้าข้อมูลอันนี้ออกมาแล้วพิสูจน์อย่างชัดเจนว่า เรื่องนี้จะหยุดแค่นี้ไม่ได้ ก็ต้องเดินหน้าต่อไป
    .
    แล้วเราก็มีที่พึ่งที่เดียว คือ ดีเอสไอ ถ้าคดีมีมูล สิ่งที่เราพิสูจน์แล้วดีเอสไอเชื่อว่าเป็นอย่างนั้นจริง เขาก็ต้องเอาเรื่องทั้งหมดที่สืบสวนสอบสวนมาแล้ว มีบทสรุปเข้าคณะกรรมการชุดใหญ่ทั้งหมด 21 คน ท่านนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นประธาน เมื่อตกลงแล้วข้อมูลที่ทำขึ้นมาจากการสืบสวนสอบสวนของดีเอสไอนั้น เขาคิดว่าน่าจะรับเป็นคดีพิเศษได้หรือเปล่า ถ้าเขารับเป็นคดีพิเศษ กระบวนการทั้งหมดก็จะเริ่มต้นจากหนึ่งใหม่
    .
    ถ้ารับเป็นคดีพิเศษ เขาก็ต้องถามว่า ผู้ใดบ้างที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ มีตำรวจยศอะไรบ้างที่เกี่ยวข้อง ต้องเรียกมาสอบทีละคนๆๆ ผมถึงบอกว่า เราเพิ่งผ่านซอยแรกไปแล้ว ตอนนี้เรากำลังเริ่มเดินเข้าซอยที่สอง แต่อย่างน้อย ปรัชญาของความจริงมีหนึ่งเดียวของเรานั้น ก็ได้รับการยืนยันว่าทุกคนกำลังเดินหน้าเข้าไปหาความจริงที่มีหนึ่งเดียว
    งานเลี้ยงขอบคุณผู้หาความจริงที่มีหนึ่งเดียว เดินสุดซอยแรกเข้าสู่ซอยที่ 2 กับดีเอสไอ . เมื่อวานซืนนี้ (22ม.ค.68 )ผมจัดงานเลี้ยงอาหารกลางวันที่บ้านพระอาทิตย์ เพื่อขอบคุณอาสาสมัครที่ร่วมช่วยเหลือจำลองเหตุการณ์ในการตกเรือสปีดโบ๊ตเสียชีวิตของน้องแตงโม-ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ คนที่เข้ามาร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน มี อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, คุณหมอธวัชชัย กาญจนรินทร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมอุบัติเหตุ , คุณณวัฒน์ อิสรไกรศีล พามิสแกรนด์ที่ร่วมพิสูจน์ความจริงมาในการแสดงเป็นน้องแตงโมที่ตกน้ำ ประกอบด้วย น้องปอย มิสแกรนด์นครพนม น้องเฟ-ริน มิสแกรนด์นครสวรรค์ น้องบาร์บี้ มิสแกรนด์เชียงใหม่ น้องนิวหยก มิสแกรนด์ชุมพร น้องหนูวรรณ มิสแกรนด์ฉะเชิงเทรา นอกจากนี้ ยังมีครูลิต้า ครูว่ายน้ำสอนนางเงือก มาด้วย . ส่วนคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ มาไม่ได้ เนื่องจากเข้ารับการผ่าตัดนิ่ว ยังไม่พอ ยังต้องถ่อสังขารออกจากโรงพยาบาลไปศาลอาญา เพื่อให้ไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาล . เมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา ช่วงบ่ายๆอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ได้เปิดเผยหนังสือที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อนุมัติสืบสวนคดีการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทรธิดา ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ โดยส่งต่อผู้เชี่ยวชาญด้านคดีพิเศษรับผิดชอบดำเนินการ พร้อมหลักฐานเอกสารคำร้อง 55 แผ่น โดยท่านอธิบดีมอบหมาย พ.ต.ต.ณัฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ และแจ้งให้ผู้รับเรื่องร้องทุกข์ทราบต่อไป . ท่านผู้ชมครับ การเดินทางเพื่อหาความจริงที่มีหนึ่งเดียวของคดีน้องแตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ก็ได้เดินทางมาถึงอย่างน้อยที่สุด ซอยแรก มาถึงสุดซอยแล้ว เรากำลังเดินเข้าซอยที่ 2 อยู่ ทั้งหมดนี้ไม่ได้มีเรื่องราวส่วนตัวกับใครเลยแม้แต่นิดเดียว . มีคนพูดว่าทำไมเราต้องไปยุ่งเรื่องนี้ คนที่พูดเรื่องนี้น่าจะเป็นคนที่ไร้เดียงสา เพราะปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นก็เพราะว่าตำรวจ อัยการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอาจจะมีส่วนรับรู้หรือรับเห็น หรือจงใจทำให้เกิดช่องโหว่นี้ขึ้นมา ที่สำคัญคือเขาได้ปิดกั้นความเห็นและข้อมูลที่แตกต่างไม่ให้นำเสนอ เมื่อกระบวนการขึ้นสู่ศาล ศาลก็ไม่มีทางเลือก ก็ต้องพิจารณาเฉพาะหลักฐานที่ตำรวจและอัยการส่งมา ตรงนี้เป็นจุดอ่อนของกระบวนการยุติธรรมของไทยมาก . ตรงนี้ล่ะครับท่านผู้ชม เราไม่ได้เข้าข้างน้องแตงโม และเราไม่ได้เข้าข้างตำรวจหรือว่าคุณแม่ หรือทนายความของน้องแตงโม แต่เรายืนอยู่บนความจริงมีหนึ่งเดียว นี่คือหลักการในชีวิตของผม ซึ่งถ่ายทอดต่อไป และเป็นหลักการของอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และเผอิญมันก็ไปตรงกับหลักการของคุณหมอธวัชชัย แล้วก็มีส่วนในการที่คุณอัจฉริยะ เป็นคนเปิดประเด็นขึ้นมา . บ้านพระอาทิตย์ สนธิ ลิ้มทองกุล ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ไม่ได้สนใจข้อมูลอันนี้จะไปกระเทือนใครบ้าง ถ้าข้อมูลอันนี้ออกมาแล้วพิสูจน์อย่างชัดเจนว่า เรื่องนี้จะหยุดแค่นี้ไม่ได้ ก็ต้องเดินหน้าต่อไป . แล้วเราก็มีที่พึ่งที่เดียว คือ ดีเอสไอ ถ้าคดีมีมูล สิ่งที่เราพิสูจน์แล้วดีเอสไอเชื่อว่าเป็นอย่างนั้นจริง เขาก็ต้องเอาเรื่องทั้งหมดที่สืบสวนสอบสวนมาแล้ว มีบทสรุปเข้าคณะกรรมการชุดใหญ่ทั้งหมด 21 คน ท่านนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นประธาน เมื่อตกลงแล้วข้อมูลที่ทำขึ้นมาจากการสืบสวนสอบสวนของดีเอสไอนั้น เขาคิดว่าน่าจะรับเป็นคดีพิเศษได้หรือเปล่า ถ้าเขารับเป็นคดีพิเศษ กระบวนการทั้งหมดก็จะเริ่มต้นจากหนึ่งใหม่ . ถ้ารับเป็นคดีพิเศษ เขาก็ต้องถามว่า ผู้ใดบ้างที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ มีตำรวจยศอะไรบ้างที่เกี่ยวข้อง ต้องเรียกมาสอบทีละคนๆๆ ผมถึงบอกว่า เราเพิ่งผ่านซอยแรกไปแล้ว ตอนนี้เรากำลังเริ่มเดินเข้าซอยที่สอง แต่อย่างน้อย ปรัชญาของความจริงมีหนึ่งเดียวของเรานั้น ก็ได้รับการยืนยันว่าทุกคนกำลังเดินหน้าเข้าไปหาความจริงที่มีหนึ่งเดียว
    Like
    Love
    20
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1037 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้เปิดตัวแอป Gemini ที่สามารถควบคุมบ้านอัจฉริยะผ่านส่วนขยายของ Google Home แอปนี้สามารถเข้าใจภาษาธรรมชาติและทำงานตามคำสั่งที่ผู้ใช้พูดได้ เช่น ถ้าคุณบอกว่า "แสงสว่างเกินไป" Gemini จะหรี่ไฟให้โดยไม่ต้องระบุระดับแสงที่ต้องการ นอกจากนี้ยังสามารถจัดการอุปกรณ์หลายตัวพร้อมกันได้ด้วยภาษาที่ไม่เป็นทางการ เช่น "หรี่ไฟในห้องนั่งเล่น เปิดโคมไฟในห้องนอน และลดม่านลง" Gemini จะเข้าใจและทำตามคำสั่งทั้งหมดนี้ได้

    Gemini ยังสามารถควบคุมการเล่นสื่อ เช่น ปรับระดับเสียงและการเล่นเพลงหรือวิดีโอ และสามารถเปิดแอป Google Home อัตโนมัติเมื่อมีการจัดการกล้องและล็อคเพื่อความปลอดภัยของข้อมูล นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่สามารถตอบคำถามเช่น "ฉันทิ้งไฟหน้าบ้านเปิดไว้หรือเปล่า" Gemini จะตรวจสอบและแจ้งให้คุณทราบ

    Google หวังว่า Gemini จะทำให้บ้านอัจฉริยะมีความสะดวกสบายและง่ายต่อการจัดการมากขึ้น และในอนาคตอาจมีการพัฒนาให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้มากขึ้น เช่น ถ้าคุณบอกว่า "ฉันเครียด" บ้านอาจจะชงชาให้คุณ หรี่ไฟ และเปิดเพลงผ่อนคลาย

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/google-gemini-is-your-new-smart-home-butler
    Google ได้เปิดตัวแอป Gemini ที่สามารถควบคุมบ้านอัจฉริยะผ่านส่วนขยายของ Google Home แอปนี้สามารถเข้าใจภาษาธรรมชาติและทำงานตามคำสั่งที่ผู้ใช้พูดได้ เช่น ถ้าคุณบอกว่า "แสงสว่างเกินไป" Gemini จะหรี่ไฟให้โดยไม่ต้องระบุระดับแสงที่ต้องการ นอกจากนี้ยังสามารถจัดการอุปกรณ์หลายตัวพร้อมกันได้ด้วยภาษาที่ไม่เป็นทางการ เช่น "หรี่ไฟในห้องนั่งเล่น เปิดโคมไฟในห้องนอน และลดม่านลง" Gemini จะเข้าใจและทำตามคำสั่งทั้งหมดนี้ได้ Gemini ยังสามารถควบคุมการเล่นสื่อ เช่น ปรับระดับเสียงและการเล่นเพลงหรือวิดีโอ และสามารถเปิดแอป Google Home อัตโนมัติเมื่อมีการจัดการกล้องและล็อคเพื่อความปลอดภัยของข้อมูล นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่สามารถตอบคำถามเช่น "ฉันทิ้งไฟหน้าบ้านเปิดไว้หรือเปล่า" Gemini จะตรวจสอบและแจ้งให้คุณทราบ Google หวังว่า Gemini จะทำให้บ้านอัจฉริยะมีความสะดวกสบายและง่ายต่อการจัดการมากขึ้น และในอนาคตอาจมีการพัฒนาให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้มากขึ้น เช่น ถ้าคุณบอกว่า "ฉันเครียด" บ้านอาจจะชงชาให้คุณ หรี่ไฟ และเปิดเพลงผ่อนคลาย https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/google-gemini-is-your-new-smart-home-butler
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดีเอสไอ มีมติเรียก ‘อัจฉริยะ‘ และพวก ให้ข้อมูลคดี ‘แตงโม’ ยัน ไม่ใช่การรื้อฟื้นคดี แต่เป็นคดีใหม่ ตรวจสอบผู้เกี่ยวข้องบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ขณะที่ ‘ปานเทพ - ณวัฒน์’ ควง มิสแกรนด์มาขอบคุณ ดีเอสไอ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000007707

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ดีเอสไอ มีมติเรียก ‘อัจฉริยะ‘ และพวก ให้ข้อมูลคดี ‘แตงโม’ ยัน ไม่ใช่การรื้อฟื้นคดี แต่เป็นคดีใหม่ ตรวจสอบผู้เกี่ยวข้องบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ขณะที่ ‘ปานเทพ - ณวัฒน์’ ควง มิสแกรนด์มาขอบคุณ ดีเอสไอ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000007707 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    17
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1151 มุมมอง 0 รีวิว
  • Live สด จากหน้า #DSI ผลการหารือ-สืบสวน #คดีแตงโม ระหว่าง DSI กับ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คุณหมอ #ธวัชชัย คุณ #อัจฉริยะ และทีม #มิสแกรนด์ #มิสแกรนด์โมเดล #ความจริงมีหนึ่งเดียว
    วันที่ 24 .คุณ. 2568 เวลา 15.00 น.

    ช่อง8
    https://www.youtube.com/live/URduphsFGe4

    อัมรินทร์
    https://www.youtube.com/live/ttVSBUw70RI

    ไทยรัฐ
    https://www.youtube.com/live/2mHYz5CDWc0
    Live สด จากหน้า #DSI ผลการหารือ-สืบสวน #คดีแตงโม ระหว่าง DSI กับ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คุณหมอ #ธวัชชัย คุณ #อัจฉริยะ และทีม #มิสแกรนด์ #มิสแกรนด์โมเดล #ความจริงมีหนึ่งเดียว วันที่ 24 .คุณ. 2568 เวลา 15.00 น. ช่อง8 https://www.youtube.com/live/URduphsFGe4 อัมรินทร์ https://www.youtube.com/live/ttVSBUw70RI ไทยรัฐ https://www.youtube.com/live/2mHYz5CDWc0
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • ของทานเล่น เม็ดขนุนต้ม ลูกมะยมแดง ต้นน้ำนมราชสีห์(ชงเป็นชาดื่ม) ระหว่างชม live อ.ปานเทพ คุณหมอธวัชชัย คุณอัจฉริยะ และทีมงาน จาก DSI เวลา 15.00น. วันนี้
    ของทานเล่น เม็ดขนุนต้ม ลูกมะยมแดง ต้นน้ำนมราชสีห์(ชงเป็นชาดื่ม) ระหว่างชม live อ.ปานเทพ คุณหมอธวัชชัย คุณอัจฉริยะ และทีมงาน จาก DSI เวลา 15.00น. วันนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • เอาแล้ว มีลุ้น DSI เรียกผู้เชี่ยวชาญ ระบุ GPS ตำแหน่งเรือ สิ่งที่อ.ปานเทพ บอสณวัฒน์ คุณอัจฉริยะ มิสแกรนและทุกคนทำไม่เสียของ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    เอาแล้ว มีลุ้น DSI เรียกผู้เชี่ยวชาญ ระบุ GPS ตำแหน่งเรือ สิ่งที่อ.ปานเทพ บอสณวัฒน์ คุณอัจฉริยะ มิสแกรนและทุกคนทำไม่เสียของ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 352 มุมมอง 0 รีวิว
  • อาจารย์ปานเทพ เผยกรมสอบสวนคดีพิเศษเริ่มต้นการสืบสวนคดี “แตงโม นิดา” หลัง “อัจฉริยะ” ยื่นคำร้องตั้งข้อสงสัยเจ้าหน้าที่รัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมชี้ช่องทางรื้อฟื้นคดีหากพบหลักฐานเท็จ พร้อมขอบคุณประชาชนและสื่อที่ร่วมผลักดันคดีเข้าสู่กระบวนการพิเศษ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000007155

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    อาจารย์ปานเทพ เผยกรมสอบสวนคดีพิเศษเริ่มต้นการสืบสวนคดี “แตงโม นิดา” หลัง “อัจฉริยะ” ยื่นคำร้องตั้งข้อสงสัยเจ้าหน้าที่รัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมชี้ช่องทางรื้อฟื้นคดีหากพบหลักฐานเท็จ พร้อมขอบคุณประชาชนและสื่อที่ร่วมผลักดันคดีเข้าสู่กระบวนการพิเศษ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000007155 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 690 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ปานเทพ” เผย “สนธิ” เตรียมเลี้ยงมื้อเที่ยงขอบคุณทีมงานร่วมจำลองเหตุการณ์ “แตงโม” ที่บ้านพระอาทิตย์ พรุ่งนี้ (22 ม.ค.) ส่วน “อัจฉริยะ” ป่วยนิ่วถุงน้ำดี ต้องผ่าตัดด่วน ต้องประเมินอาการไปขึ้นศาลพรุ่งนี้ได้หรือไม่

    วันนี้(21 ม.ค.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์” แจ้งสื่อมวลชนให้ทราบ 3 เรือง ดังนี้

    “เรื่องที่ 1 คุณสนธิ ลิ้มทองกุล เจ้าสำนักแห่งบ้านพระอาทิตย์ มีกำหนดการเลี้ยงรับประทานอาหารและขอบคุณอาสาสมัครที่มาจำลองสถานการณ์การเสียชีวิตของน้องแตงโม เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา โดยได้เชิญ บอสณวัฒน์ อิสรไกรศีล, น้องนิวหยก มิสแกรนด์ชุมพร, น้องหนูวรรณ มิสแกรนด์ฉะเชิงเทรา, น้องฟริน มิสแกรนด์นครสวรรค์, น้องปอย มิสแกรนด์นครพนม, น้องฟ้าบาร์บี้ มิสแกรนด์เชียงใหม่ ,ครูลิต้า ครูสนอนว่ายน้ำนางเงือก, พ.อ. นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์, คุณเอกราช นามโภคิน, คุณอัจริยะ เรืองรัตนพงศ์, รวมถึงพี่แบร์ คุณอาท และ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000006362

    #MGROnline #ปานเทพ #สนธิ #จำลองเหตุการณ์ #แตงโม
    “ปานเทพ” เผย “สนธิ” เตรียมเลี้ยงมื้อเที่ยงขอบคุณทีมงานร่วมจำลองเหตุการณ์ “แตงโม” ที่บ้านพระอาทิตย์ พรุ่งนี้ (22 ม.ค.) ส่วน “อัจฉริยะ” ป่วยนิ่วถุงน้ำดี ต้องผ่าตัดด่วน ต้องประเมินอาการไปขึ้นศาลพรุ่งนี้ได้หรือไม่ • วันนี้(21 ม.ค.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์” แจ้งสื่อมวลชนให้ทราบ 3 เรือง ดังนี้ • “เรื่องที่ 1 คุณสนธิ ลิ้มทองกุล เจ้าสำนักแห่งบ้านพระอาทิตย์ มีกำหนดการเลี้ยงรับประทานอาหารและขอบคุณอาสาสมัครที่มาจำลองสถานการณ์การเสียชีวิตของน้องแตงโม เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา โดยได้เชิญ บอสณวัฒน์ อิสรไกรศีล, น้องนิวหยก มิสแกรนด์ชุมพร, น้องหนูวรรณ มิสแกรนด์ฉะเชิงเทรา, น้องฟริน มิสแกรนด์นครสวรรค์, น้องปอย มิสแกรนด์นครพนม, น้องฟ้าบาร์บี้ มิสแกรนด์เชียงใหม่ ,ครูลิต้า ครูสนอนว่ายน้ำนางเงือก, พ.อ. นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์, คุณเอกราช นามโภคิน, คุณอัจริยะ เรืองรัตนพงศ์, รวมถึงพี่แบร์ คุณอาท และ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000006362 • #MGROnline #ปานเทพ #สนธิ #จำลองเหตุการณ์ #แตงโม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • จี้ DSI ให้รับ KADEE แตงโม รับเป็น KADEE พิเศษ
    บอส ณวัฒน์ เอาจริง พามิสแกรนด์ 71 จังหวัด
    เดินทางพร้อม อ.ปานเทพ คุณอัจฉริยะ
    ทำตามสัญญา ตัวแทนรมต กระทรงยุติธรรม ส่งตัวแทน อธิบายถึงขั้นตอน
    แต่รับว่า ขณะนี้ ได้รับไว้พิจารณาแล้ว
    แต่จะได้เป็น KADEEพิเศษ หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับผลการพิจารณา
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    จี้ DSI ให้รับ KADEE แตงโม รับเป็น KADEE พิเศษ บอส ณวัฒน์ เอาจริง พามิสแกรนด์ 71 จังหวัด เดินทางพร้อม อ.ปานเทพ คุณอัจฉริยะ ทำตามสัญญา ตัวแทนรมต กระทรงยุติธรรม ส่งตัวแทน อธิบายถึงขั้นตอน แต่รับว่า ขณะนี้ ได้รับไว้พิจารณาแล้ว แต่จะได้เป็น KADEEพิเศษ หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับผลการพิจารณา #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • สเปนกำลังจะให้เงินสนับสนุนถึง 155 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยบริษัทต่าง ๆ ในการพัฒนา AI! นายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ ได้ประกาศเรื่องนี้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยเงินสนับสนุนนี้จะช่วยเพิ่มการใช้และการบูรณาการปัญญาประดิษฐ์ในบริษัทต่าง ๆ ในสเปน

    การสนับสนุนนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาลสเปนในการส่งเสริมเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อให้ประเทศสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ การพัฒนา AI ยังสามารถช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ในสังคม เช่น การปรับปรุงระบบการแพทย์ การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และการพัฒนาระบบการขนส่งอัจฉริยะ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/20/spain-to-grant-155-million-in-subsidies-to-help-companies-develop-ai
    สเปนกำลังจะให้เงินสนับสนุนถึง 155 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยบริษัทต่าง ๆ ในการพัฒนา AI! นายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ ได้ประกาศเรื่องนี้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยเงินสนับสนุนนี้จะช่วยเพิ่มการใช้และการบูรณาการปัญญาประดิษฐ์ในบริษัทต่าง ๆ ในสเปน การสนับสนุนนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาลสเปนในการส่งเสริมเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อให้ประเทศสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ การพัฒนา AI ยังสามารถช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ในสังคม เช่น การปรับปรุงระบบการแพทย์ การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และการพัฒนาระบบการขนส่งอัจฉริยะ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/20/spain-to-grant-155-million-in-subsidies-to-help-companies-develop-ai
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Spain to grant $155 million in subsidies to help companies develop AI
    MADRID (Reuters) - Spain's government will grant additional subsidies totalling 150 million euros ($155 million) for companies to boost the use and integration of artificial intelligence (AI), Prime Minister Pedro Sanchez said on Monday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • live ณวัฒน์ ปานเทพ หมอธวัชชัย อัจฉริยะ มิสแกรนด์ 77 จังหวัด ไป DSI ขอความเป็นธรรม #คดีแตงโม 20 ม.ค. 2568 16.30น.
    https://www.youtube.com/live/Kd00pQM1ZN4
    live ณวัฒน์ ปานเทพ หมอธวัชชัย อัจฉริยะ มิสแกรนด์ 77 จังหวัด ไป DSI ขอความเป็นธรรม #คดีแตงโม 20 ม.ค. 2568 16.30น. https://www.youtube.com/live/Kd00pQM1ZN4
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขบวนการยุติ ความเป็นธรรมเริ่มทำงาน ทนายตุ๋ยส่งคนยื่นศาลฯ นนทบุรี พิจารณาเรื่องการละเมิดอำนาจศาลของทีมจำลองเหตุการณ์แตงโม เล่นงานทั้งอาจารย์ปานเทพ หมอธวัชชัย พี่อัจฉริยะ ทีมมิสแกรนด์ และบอสณวัฒน์ พร้อมสื่อที่ถ่ายทอดสดจำลองเหตุการณ์ ไหนเมิงไม่บอกรื้อไม่ได้ไง ไหนมึงบอกเค้าแต่งเรื่องไง เมิงก็ให้เค้าพิสูจน์สิว่าจริงหรือไม่ ไปร้องศาลทำเชี้ยไร
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    ขบวนการยุติ ความเป็นธรรมเริ่มทำงาน ทนายตุ๋ยส่งคนยื่นศาลฯ นนทบุรี พิจารณาเรื่องการละเมิดอำนาจศาลของทีมจำลองเหตุการณ์แตงโม เล่นงานทั้งอาจารย์ปานเทพ หมอธวัชชัย พี่อัจฉริยะ ทีมมิสแกรนด์ และบอสณวัฒน์ พร้อมสื่อที่ถ่ายทอดสดจำลองเหตุการณ์ ไหนเมิงไม่บอกรื้อไม่ได้ไง ไหนมึงบอกเค้าแต่งเรื่องไง เมิงก็ให้เค้าพิสูจน์สิว่าจริงหรือไม่ ไปร้องศาลทำเชี้ยไร #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Love
    Angry
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • แว่นตาอัจฉริยะ Even Realities G1 เป็นแว่นตาที่น่าจับตามองในปี 2025 นี้ แม้ว่าแว่นตานี้จะไม่มีทั้งกล้องและลำโพงเหมือนกับ Ray-Ban Meta แต่ก็ยังโดดเด่นในตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วนี้ได้อย่างน่าทึ่ง

    แว่นตา Even Realities G1 มีจอแสดงผลแบบ micro-LED optical engine ที่ยอดเยี่ยม ซึ่งสามารถช่วยในการนำทาง แปลภาษา และใช้เป็นเครื่องเตือนความจำได้ แม้ว่าแว่นตานี้จะมีราคาสูงถึง $599 และต้องจ่ายเพิ่มหากต้องการเลนส์สายตา แต่ก็ยังคุ้มค่าสำหรับคนที่ต้องการแว่นตาอัจฉริยะที่มีดีไซน์เรียบง่ายและทันสมัย

    แว่นตานี้มีระบบ Holistic Adaptive Optical System (HAOS) ที่ทำให้สามารถแสดงข้อมูลได้อย่างชัดเจนในเวลากลางวัน. นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์การแปลภาษาแบบเรียลไทม์ การจดบันทึก การนำทาง และการใช้เป็นเครื่องเตือนความจำสำหรับการนำเสนอ

    ระบบ Holistic Adaptive Optical System (HAOS) ใช้จอแสดงผลแบบ micro-LED optical engine ที่สามารถแสดงข้อมูลได้อย่างชัดเจนในเวลากลางวัน เมื่อคุณเอียงศีรษะขึ้น จอแสดงผลจะฉายข้อความดิจิทัลสีเขียวที่ความละเอียด 640 x 200 พิกเซล ข้อความนี้จะปรากฏบนเลนส์สองข้างที่ถูกออกแบบมาให้ไม่รบกวนการมองเห็นปกติของคุณ

    แม้ว่าแว่นตานี้จะยังต้องการการปรับปรุงเพิ่มเติม แต่ก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มที่จะเป็นแว่นตาอัจฉริยะที่น่าจับตามองในอนาคต

    https://www.zdnet.com/article/why-the-even-realities-g1-are-the-smart-glasses-to-beat-in-2025-and-ive-tested-several-pairs/
    แว่นตาอัจฉริยะ Even Realities G1 เป็นแว่นตาที่น่าจับตามองในปี 2025 นี้ แม้ว่าแว่นตานี้จะไม่มีทั้งกล้องและลำโพงเหมือนกับ Ray-Ban Meta แต่ก็ยังโดดเด่นในตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วนี้ได้อย่างน่าทึ่ง แว่นตา Even Realities G1 มีจอแสดงผลแบบ micro-LED optical engine ที่ยอดเยี่ยม ซึ่งสามารถช่วยในการนำทาง แปลภาษา และใช้เป็นเครื่องเตือนความจำได้ แม้ว่าแว่นตานี้จะมีราคาสูงถึง $599 และต้องจ่ายเพิ่มหากต้องการเลนส์สายตา แต่ก็ยังคุ้มค่าสำหรับคนที่ต้องการแว่นตาอัจฉริยะที่มีดีไซน์เรียบง่ายและทันสมัย แว่นตานี้มีระบบ Holistic Adaptive Optical System (HAOS) ที่ทำให้สามารถแสดงข้อมูลได้อย่างชัดเจนในเวลากลางวัน. นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์การแปลภาษาแบบเรียลไทม์ การจดบันทึก การนำทาง และการใช้เป็นเครื่องเตือนความจำสำหรับการนำเสนอ ระบบ Holistic Adaptive Optical System (HAOS) ใช้จอแสดงผลแบบ micro-LED optical engine ที่สามารถแสดงข้อมูลได้อย่างชัดเจนในเวลากลางวัน เมื่อคุณเอียงศีรษะขึ้น จอแสดงผลจะฉายข้อความดิจิทัลสีเขียวที่ความละเอียด 640 x 200 พิกเซล ข้อความนี้จะปรากฏบนเลนส์สองข้างที่ถูกออกแบบมาให้ไม่รบกวนการมองเห็นปกติของคุณ แม้ว่าแว่นตานี้จะยังต้องการการปรับปรุงเพิ่มเติม แต่ก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มที่จะเป็นแว่นตาอัจฉริยะที่น่าจับตามองในอนาคต https://www.zdnet.com/article/why-the-even-realities-g1-are-the-smart-glasses-to-beat-in-2025-and-ive-tested-several-pairs/
    WWW.ZDNET.COM
    Why the Even Realities G1 are the smart glasses to beat in 2025 - and I've tested several pairs
    The Even Realities G1 don't have a camera or speaker like the Ray-Ban Meta. Yet they somehow stand out in an ever-growing market.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • "คุณแม๊" พลิกแล้ว ยอมให้รื้อคดี
    ยัน "แตงโม"ถูกฆาตกรรม
    ลั่น "มาฆ่าลูกชั้นทำไม?"
    .
    วันนี้ (17 ม.ค.) รายการเรื่องเด่นเย็นนี้ หลังไมค์ ทางช่อง 3 ได้เปิดเผยบทสัมภาษณ์ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน มารดาของ “แตงโม” นิดา พัชรวีระพงศ์ เกี่ยวกับการจำลองเหตุการณ์การเสียชีวิตของ "แตงโม" เมื่อวานนี้ (16 ม.ค.) โดยทีมงานของนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม, นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์, อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และทีมงานรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ โดยนางภนิดาระบุว่า ตนยินดีให้รื้อคดีแตงโม หากมีพยานหลักฐานใหม่ ระบุจำลองเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่สูญเปล่า และเชื่อว่าสามารถช่วยในการคลี่คลายคดีได้
    .
    เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเห็นแย้งกับการจำลองเหตุการณ์ครั้งนี้หรือไม่? นายภนิดาระบุว่า เห็นด้วย และเป็นสิ่งที่ดี
    "ไม่เลยค่ะ เห็นดี เห็นดี สิ่งที่ดีทำไปเถอะลูก น้องโมก็มาช่วยด้วยล่ะ ช่วยบอก 1-2-3 (หัวเราะ) ... มันก็ไม่ใช่เรื่องเหลวไหลนะ ทำไปเถอะ ไม่ได้เสียหายอะไร แต่ว่ามันจะแสวงหาอะไรได้หรือไม่เนี่ย มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง สมมติว่าเจอหลักฐานใหม่ที่เขาว่า ต้องเป็นหลักฐานที่ใหม่เอี่ยมเลยที่ไม่ซ้ำเก่า"
    .
    นางภนิดายังระบุด้วยว่า ตนเชื่อว่าแตงโมถูกฆาตกรรมบนเรือ โดยตนเก็บข้อมูลมาตลอด บางเรื่องยังไม่ได้เปิดเผย ซึ่งอยู่ที่ตนเก็บไว้หมด โดยจะเอาหลักฐานไปให้นายอัจฉริยะ ทั้งนี้่ตนยอมรับว่านายอัจฉริยะเก่ง จริง ๆ เป็นเรื่องเก่าเล่าใหม่ แต่เมื่อ 3 ปี ที่ผ่านมาไม่มีคนสืบแบบนี้ ตำรวจก็ไม่ได้สืบเหมือนทีม อาจารย์ปานเทพ และนายอัจฉริยะ ที่เอาจริงเอาจัง
    .
    นางภนิดา กล่าวกับทีมข่าวช่อง 3 ด้วยว่า ตอนนี้ทีมนายอัจฉริยะ เดินหน้าเรื่องฆาตกรรม ประชาชนก็มองออกว่าแตงโมเสียชีวิตเพราะอะไร แต่ยังต้องสืบว่าแตงโม เสียชีวิตแบบไหน ใครทำ เสียชีวิตด้วยวิธีใด ต้องเอาคนบนเรือทั้งหมดมาสอบใหม่เพราะทำร้ายแตงโมทุกคน มีบาดแผลกันทุกคน อย่าง ’แซน วิศาพัช’ ก็โดนนายอัจฉริยะ เปิดเผยอึกอักมาหลายวัน
    .
    ส่วนกรณีที่ "ปอ" ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ และ "แซน" นายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ และเป็นจำเลยในคดีการเสียชีวิตของ "แตงโม" ออกมาตั้งโต๊ะแถลงตอบโต้ว่าการจำลองเหตุการณ์นั้นไม่ตรงกับความเป็นจริง มารดาของแตงโม ตอบว่า ตนไม่รู้ว่า "ปอ" กับ "แซน" จะพูดเรื่องนี้ทำไม เพราะมันตลกสิ้นดี
    .
    "(หัวเราะ) เขาจะพูดคำพวกนี้ทำไม มันตลกสิ้นดี เขาจะพูดทำไมว่ามันไม่ตรง มันจะตรงหรือไม่ตรง ไม่สนใจหรอกนะ เอาเป็นว่า คุณฆ่าแตงโมทำไมดีกว่า? ไอ้กระโดดเรือข้างซ้ายข้างขวา มันไม่ใช่ประเด็นการตายของน้องโม
    .
    "คือมันทำร้ายกันจริงๆ อันนี้เรื่องจริงลูก ต้องเชื่อคุณแม่เลยว่า เรื่องจริงมันเป็นเช่นนี้ และมันรุนแรงมาก คุณแม่มีสติพูดได้ขนาดนี้ ไม่อยากมีสติหรอก จริงๆ มันต้องพูดอ่ะเนอะ" นางภนิดากล่าว
    .
    เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าคุณแม่เชื่อว่าเหตุการณ์เสียชีวิตของแตงโมเป็นการฆาตกรรมหรือไม่? นางภนิดาตอบว่า แน่นอน
    "อ๊ะ! ก็ฆ่าลูกเราในเรือ ฆาตกรรมไหมล่ะ? ก็ฆ่าลูกเรา เขาเรียกว่าอะไรล่ะ ฆาตกรรม คำว่าอำพรางมันหมายความว่ายังไง? แกล้งฆ่าเหรอ หรือ แอบๆ ฆ่า มันไม่ต้องใช้คำว่าอำพรางแล้ว ตอนนั้น วันนั้นมันไม่มีหลักฐานจริง ๆ แต่วันนี้มีแล้ว วันนี้มีเยอะด้วย"
    .
    เมื่อถามว่ามีคำพูดอะไรอยากฝากถึง ปอ แซน และโรเบิร์ต (นายไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์) บ้างหรือไม่ นางภนิดาตอบว่า ไม่พูดได้ไหม เพราะตอนนี้คนเหล่านี้ก็น่าจะหนาวแย่แล้ว ตนไม่ชอบทับถมใคร ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกาลเวลา เพราะคนพวกนี้รู้อยู่แล้วว่าจะต้องโดนอะไร
    .
    ส่วนกรณีที่ แซน วิศาพัช ออกมาตอบโต้คนโน้นคนนี้ผ่านสื่อนั้น นางภนิดาระบุว่า "ใช่ ต้องเรียกว่าปากแซ๋บ ปากแจ๋ว โอ้โห! เถียงไม่หยุดเลย ผิดกับแซนเมื่อก่อน แซนเมื่อปีที่แล้วเงียบ ๆ แต่แซนเวลานี้พูดเยอะมาก"
    .
    คลิกชม >> "แม่ภนิดา" ยินดีรื้อคดี "แตงโม" ถ้ามีหลักฐานใหม่ ไม่สน "แซน-ปอ" โต้แย้ง ลั่น "ฆ่าลูกฉันทำไม" https://www.youtube.com/watch?v=_BOMPCebicE
    "คุณแม๊" พลิกแล้ว ยอมให้รื้อคดี ยัน "แตงโม"ถูกฆาตกรรม ลั่น "มาฆ่าลูกชั้นทำไม?" . วันนี้ (17 ม.ค.) รายการเรื่องเด่นเย็นนี้ หลังไมค์ ทางช่อง 3 ได้เปิดเผยบทสัมภาษณ์ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน มารดาของ “แตงโม” นิดา พัชรวีระพงศ์ เกี่ยวกับการจำลองเหตุการณ์การเสียชีวิตของ "แตงโม" เมื่อวานนี้ (16 ม.ค.) โดยทีมงานของนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม, นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์, อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และทีมงานรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ โดยนางภนิดาระบุว่า ตนยินดีให้รื้อคดีแตงโม หากมีพยานหลักฐานใหม่ ระบุจำลองเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่สูญเปล่า และเชื่อว่าสามารถช่วยในการคลี่คลายคดีได้ . เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเห็นแย้งกับการจำลองเหตุการณ์ครั้งนี้หรือไม่? นายภนิดาระบุว่า เห็นด้วย และเป็นสิ่งที่ดี "ไม่เลยค่ะ เห็นดี เห็นดี สิ่งที่ดีทำไปเถอะลูก น้องโมก็มาช่วยด้วยล่ะ ช่วยบอก 1-2-3 (หัวเราะ) ... มันก็ไม่ใช่เรื่องเหลวไหลนะ ทำไปเถอะ ไม่ได้เสียหายอะไร แต่ว่ามันจะแสวงหาอะไรได้หรือไม่เนี่ย มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง สมมติว่าเจอหลักฐานใหม่ที่เขาว่า ต้องเป็นหลักฐานที่ใหม่เอี่ยมเลยที่ไม่ซ้ำเก่า" . นางภนิดายังระบุด้วยว่า ตนเชื่อว่าแตงโมถูกฆาตกรรมบนเรือ โดยตนเก็บข้อมูลมาตลอด บางเรื่องยังไม่ได้เปิดเผย ซึ่งอยู่ที่ตนเก็บไว้หมด โดยจะเอาหลักฐานไปให้นายอัจฉริยะ ทั้งนี้่ตนยอมรับว่านายอัจฉริยะเก่ง จริง ๆ เป็นเรื่องเก่าเล่าใหม่ แต่เมื่อ 3 ปี ที่ผ่านมาไม่มีคนสืบแบบนี้ ตำรวจก็ไม่ได้สืบเหมือนทีม อาจารย์ปานเทพ และนายอัจฉริยะ ที่เอาจริงเอาจัง . นางภนิดา กล่าวกับทีมข่าวช่อง 3 ด้วยว่า ตอนนี้ทีมนายอัจฉริยะ เดินหน้าเรื่องฆาตกรรม ประชาชนก็มองออกว่าแตงโมเสียชีวิตเพราะอะไร แต่ยังต้องสืบว่าแตงโม เสียชีวิตแบบไหน ใครทำ เสียชีวิตด้วยวิธีใด ต้องเอาคนบนเรือทั้งหมดมาสอบใหม่เพราะทำร้ายแตงโมทุกคน มีบาดแผลกันทุกคน อย่าง ’แซน วิศาพัช’ ก็โดนนายอัจฉริยะ เปิดเผยอึกอักมาหลายวัน . ส่วนกรณีที่ "ปอ" ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ และ "แซน" นายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ และเป็นจำเลยในคดีการเสียชีวิตของ "แตงโม" ออกมาตั้งโต๊ะแถลงตอบโต้ว่าการจำลองเหตุการณ์นั้นไม่ตรงกับความเป็นจริง มารดาของแตงโม ตอบว่า ตนไม่รู้ว่า "ปอ" กับ "แซน" จะพูดเรื่องนี้ทำไม เพราะมันตลกสิ้นดี . "(หัวเราะ) เขาจะพูดคำพวกนี้ทำไม มันตลกสิ้นดี เขาจะพูดทำไมว่ามันไม่ตรง มันจะตรงหรือไม่ตรง ไม่สนใจหรอกนะ เอาเป็นว่า คุณฆ่าแตงโมทำไมดีกว่า? ไอ้กระโดดเรือข้างซ้ายข้างขวา มันไม่ใช่ประเด็นการตายของน้องโม . "คือมันทำร้ายกันจริงๆ อันนี้เรื่องจริงลูก ต้องเชื่อคุณแม่เลยว่า เรื่องจริงมันเป็นเช่นนี้ และมันรุนแรงมาก คุณแม่มีสติพูดได้ขนาดนี้ ไม่อยากมีสติหรอก จริงๆ มันต้องพูดอ่ะเนอะ" นางภนิดากล่าว . เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าคุณแม่เชื่อว่าเหตุการณ์เสียชีวิตของแตงโมเป็นการฆาตกรรมหรือไม่? นางภนิดาตอบว่า แน่นอน "อ๊ะ! ก็ฆ่าลูกเราในเรือ ฆาตกรรมไหมล่ะ? ก็ฆ่าลูกเรา เขาเรียกว่าอะไรล่ะ ฆาตกรรม คำว่าอำพรางมันหมายความว่ายังไง? แกล้งฆ่าเหรอ หรือ แอบๆ ฆ่า มันไม่ต้องใช้คำว่าอำพรางแล้ว ตอนนั้น วันนั้นมันไม่มีหลักฐานจริง ๆ แต่วันนี้มีแล้ว วันนี้มีเยอะด้วย" . เมื่อถามว่ามีคำพูดอะไรอยากฝากถึง ปอ แซน และโรเบิร์ต (นายไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์) บ้างหรือไม่ นางภนิดาตอบว่า ไม่พูดได้ไหม เพราะตอนนี้คนเหล่านี้ก็น่าจะหนาวแย่แล้ว ตนไม่ชอบทับถมใคร ให้ทุกอย่างเป็นไปตามกาลเวลา เพราะคนพวกนี้รู้อยู่แล้วว่าจะต้องโดนอะไร . ส่วนกรณีที่ แซน วิศาพัช ออกมาตอบโต้คนโน้นคนนี้ผ่านสื่อนั้น นางภนิดาระบุว่า "ใช่ ต้องเรียกว่าปากแซ๋บ ปากแจ๋ว โอ้โห! เถียงไม่หยุดเลย ผิดกับแซนเมื่อก่อน แซนเมื่อปีที่แล้วเงียบ ๆ แต่แซนเวลานี้พูดเยอะมาก" . คลิกชม >> "แม่ภนิดา" ยินดีรื้อคดี "แตงโม" ถ้ามีหลักฐานใหม่ ไม่สน "แซน-ปอ" โต้แย้ง ลั่น "ฆ่าลูกฉันทำไม" https://www.youtube.com/watch?v=_BOMPCebicE
    Haha
    Like
    Sad
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 486 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อัจฉริยะ"ของขึ้น! ซัด"ทนายเดชา"มันเด็กตำรวจภ.1 17/01/68 #อัจฉริยะ #ทนายเดชา #เด็กตำรวจภ.1
    "อัจฉริยะ"ของขึ้น! ซัด"ทนายเดชา"มันเด็กตำรวจภ.1 17/01/68 #อัจฉริยะ #ทนายเดชา #เด็กตำรวจภ.1
    Like
    Haha
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 955 มุมมอง 46 0 รีวิว
  • อัจฉริยะ หอบหลักฐานจำลองเหตุการณ์แตงโมตกน้ำ ร้องดีเอสไอ พิจารณารับเป็นคดีพิเศษ จี้สอบ จนท.รัฐ เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ด้านโฆษกดีเอสไอ ระบุ สำนวนคดีหลักยังอยู่ในชั้นศาล ไม่อาจก้าวล่วงได้ และต้องรับข้อมูลประกอบการพิจารณาอย่างระมัดระวัง ต้องดูข้อกฎหมาย ดูว่ามีอำนาจหรือไม่ ก่อนชงอธิบดีฯ รับหรือไม่รับเป็นคดีพิเศษ
    .
    วันนี้ (17 ม.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นเรื่องต่อ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ขอให้ตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนคดีของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม นักแสดงชื่อดัง ขอให้สืบสวนสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องในคดี ซึ่งมีข้อพิรุธอันเป็นเหตุสงสัยที่เชื่อว่าไม่ตรงกับความเป็นจริง มีการบิดเบือนพยานหลักฐานกระบวนการยุติธรรมในคดี และพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ โดยมี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และในฐานะโฆษกดีเอสไอ
    .
    นายอัจฉริยะ กล่าวว่า จากการจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือ วันที่ 15-16 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งมีคำถามเกิดขึ้นมากมาย โดยตนเองได้นำหลักฐานทั้งหมดมาใช้ในคดีใหม่ และมามอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ รับเป็นคดีพิเศษ ทำการสืบสวนสอบสวนเอาผิดกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำสำนวนคดีการเสียชีวิตของแตงโม รวมทั้งคนบนเรือ เนื่องจากการสืบสวนส่อในทางไม่สุจริต มีการให้การเท็จ พยานเท็จ มีลักษณะให้ความช่วยเหลือฝ่ายจำเลย เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
    .
    วันนี้ขอให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ รับดำเนินการตั้งเลขสืบสวน อ้างอิงจากคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส และคดีของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ ที่เคยรับไว้เป็นคดีพิเศษก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีลักษณะคดีคล้ายกัน ทำให้สามารถเรียกพยานบุคคลมาสอบปากคำได้ ส่วนสาเหตุไม่ไปร้อง กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เนื่องจากไม่เชื่อมั่นการทำงานหน่วยงานดังกล่าว เพราะเป็นองค์กรตำรวจ
    .
    นอกจากนี้ การยังไม่ไปร้องสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพราะมองว่าต้องการให้มีการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงก่อนโดยหากไปร้องทั้งที่ยังไม่มีการสอบสวน ก็ไม่มีประโยชน์อะไร บาดแผลแตงโมเกิดก่อนการตกน้ำเสียชีวิต และขาดอากาศหายใจ ซึ่งหมอก็ตอบไม่ได้ว่าการเสียชีวิตเกิดจากอะไร แต่ตำรวจสรุปว่าเสียชีวิตจากการพลัดตกกราบเรือด้านซ้ายโดนใบพัดเรือ
    .
    ประกอบกับศาลอาญาสืบพยานทั้ง 2 ฝ่ายเชื่อได้ว่าแตงโม ไม่ได้พลัดตกเรือ บาดแผลก็ไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือ ส่วนเส้นผม 3 เส้นบนเรือก็ไม่น่าเชื่อถือ ตนอยากเรียกร้องกระบวนการยุติธรรมเพราะบางคดีอาจมีการตั้งธงไว้ก่อน ทำให้ชาวบ้านไม่ศรัทธาหันไปร้องขอความช่วยเหลือจากเพจหรือคนที่ช่วยสังคม ซึ่งตนคาดหวังว่าคดีนี้ต้องมีคนรับโทษ
    .
    ด้าน พ.ต.ต.วรณัน กล่าวหลังรับหนังสือ ว่า สำหรับประเด็นดังกล่าว ขอแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ประเด็นแรก ตัวคดีหลักอยู่ในการพิจารณาของศาล ดังนั้น เป็นสิ่งที่ดีเอสไอก้าวล่วงไม่ได้ ส่วนประเด็นที่สอง คือ กรณีที่ผู้ร้องได้มายื่นขอให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งก็ต้องมาพิจารณาในรายละเอียดว่าเป็นการยื่นขอให้มีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาคนใหม่ในข้อหาใหม่หรือไม่อย่างไร
    .
    ทั้งนี้ จะมีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่ดีเอสไอจะรับไปดำเนินการนั้น ย้ำว่าเราต้องดูพยานหลักฐาน ซึ่งการจะรับเรื่องใดไว้เป็นคดีพิเศษ อย่างที่ย้ำไปว่าคดีหลักยังอยู่ในกระบวนการศาล ฉะนั้น สิ่งที่ดีเอสไอจะทำต่อก็ต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เพราะต้องดูข้อกฎหมายเป็นหลัก แต่ส่วนประเด็นที่ผู้ร้องได้ให้ข้อเท็จจริงมา อันนี้ก็ต้องนำไปพิจารณาประกอบกันว่าจะนำไปสู่การดำเนินการใหม่ได้หรือไม่
    .
    ส่วนกรณีเมื่อวันที่ 16 ม.ค. เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้เข้าร่วมสังเกตการณ์การจำลองสถานการณ์การเสียชีวิตของคุณแตงโมของภาคประชาชน ทราบว่ารายละเอียดข้อมูลต่าง ๆ ทางเจ้าหน้าที่ได้รับข้อมูลไปแล้ว คาดว่าอาจนำไปดูประกอบกับข้อมูลของผู้ร้องในวันนี้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาคดีใดที่อยู่ในระหว่างชั้นศาล ดีเอสไอต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เพราะคดีดังกล่าวมีผู้กระทำความผิดที่อยู่ในกระบวนการชั้นศาล ซึ่งโดยหลักการเมื่อคดีไปอยู่ในชั้นศาล เจ้าพนักงานสอบสวนจะไม่มีอำนาจหน้าที่ เว้นแต่เป็นกรณีที่มีข้อเท็จจริงอย่างอื่นที่นำไปสู่การสอบสวนได้ ซึ่งก็ต้องไปดูรายละเอียดก่อน ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงาน
    .
    เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่สังคมค่อนข้างให้การจับตามองในประเด็นดังกล่าว พ.ต.ต.วรณัน ระบุว่า ตนมองว่าเป็นปรากฎการณ์ที่ดีเพราะการที่ภาคประชาชนให้ความสำคัญในเรื่องของการทำงานร่วมกับภาครัฐถือเป็นเรื่องที่ดี แต่กลไกทางกฎหมายก็ต้องมาดูรายละเอียดกันด้วย ซึ่งรายละเอียดต่าง ๆ ที่ภาคประชาชนได้มา คาดว่าทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่ไปร่วมสังเกตการณ์น่าจะได้มีการรายงานต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษไปแล้ว
    .
    โดยกรอบเวลาการทำงานเพื่อดูความชัดเจนนั้น เบื้องต้นทราบว่าเป็นเรื่องของการตรวจสอบอยู่ ถ้าหากมีการตรวจสอบรายละเอียดข้อมูลใดของเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายก็ต้องการรายงานไปยังอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่ามีเหตุที่สามารถใช้อำนาจในการสืบสวนต่อไปได้หรือไม่ ซึ่งก็ต้องทำตามขั้นตอน ส่วนกรอบระยะเวลาเร็วหรือช้า ต้องขอให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานก่อนอย่าพึ่งไปบอกว่าเร็วหรือช้า ต้องดูก่อนว่าในเรื่องดังกล่าวดีเอสไอมีอำนาจหรือไม่ ถ้าหากผ่านขั้นตอนแรกไปแล้วก็จะได้ไปสู่ขั้นตอนที่สองในการพิจารณารับหรือไม่รับเป็นคดีพิเศษต่อไป
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000005212
    .........
    Sondhi X
    อัจฉริยะ หอบหลักฐานจำลองเหตุการณ์แตงโมตกน้ำ ร้องดีเอสไอ พิจารณารับเป็นคดีพิเศษ จี้สอบ จนท.รัฐ เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ด้านโฆษกดีเอสไอ ระบุ สำนวนคดีหลักยังอยู่ในชั้นศาล ไม่อาจก้าวล่วงได้ และต้องรับข้อมูลประกอบการพิจารณาอย่างระมัดระวัง ต้องดูข้อกฎหมาย ดูว่ามีอำนาจหรือไม่ ก่อนชงอธิบดีฯ รับหรือไม่รับเป็นคดีพิเศษ . วันนี้ (17 ม.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นเรื่องต่อ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ขอให้ตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนคดีของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม นักแสดงชื่อดัง ขอให้สืบสวนสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องในคดี ซึ่งมีข้อพิรุธอันเป็นเหตุสงสัยที่เชื่อว่าไม่ตรงกับความเป็นจริง มีการบิดเบือนพยานหลักฐานกระบวนการยุติธรรมในคดี และพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ โดยมี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และในฐานะโฆษกดีเอสไอ . นายอัจฉริยะ กล่าวว่า จากการจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือ วันที่ 15-16 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งมีคำถามเกิดขึ้นมากมาย โดยตนเองได้นำหลักฐานทั้งหมดมาใช้ในคดีใหม่ และมามอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ รับเป็นคดีพิเศษ ทำการสืบสวนสอบสวนเอาผิดกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำสำนวนคดีการเสียชีวิตของแตงโม รวมทั้งคนบนเรือ เนื่องจากการสืบสวนส่อในทางไม่สุจริต มีการให้การเท็จ พยานเท็จ มีลักษณะให้ความช่วยเหลือฝ่ายจำเลย เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ . วันนี้ขอให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ รับดำเนินการตั้งเลขสืบสวน อ้างอิงจากคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส และคดีของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ ที่เคยรับไว้เป็นคดีพิเศษก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีลักษณะคดีคล้ายกัน ทำให้สามารถเรียกพยานบุคคลมาสอบปากคำได้ ส่วนสาเหตุไม่ไปร้อง กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เนื่องจากไม่เชื่อมั่นการทำงานหน่วยงานดังกล่าว เพราะเป็นองค์กรตำรวจ . นอกจากนี้ การยังไม่ไปร้องสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพราะมองว่าต้องการให้มีการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงก่อนโดยหากไปร้องทั้งที่ยังไม่มีการสอบสวน ก็ไม่มีประโยชน์อะไร บาดแผลแตงโมเกิดก่อนการตกน้ำเสียชีวิต และขาดอากาศหายใจ ซึ่งหมอก็ตอบไม่ได้ว่าการเสียชีวิตเกิดจากอะไร แต่ตำรวจสรุปว่าเสียชีวิตจากการพลัดตกกราบเรือด้านซ้ายโดนใบพัดเรือ . ประกอบกับศาลอาญาสืบพยานทั้ง 2 ฝ่ายเชื่อได้ว่าแตงโม ไม่ได้พลัดตกเรือ บาดแผลก็ไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือ ส่วนเส้นผม 3 เส้นบนเรือก็ไม่น่าเชื่อถือ ตนอยากเรียกร้องกระบวนการยุติธรรมเพราะบางคดีอาจมีการตั้งธงไว้ก่อน ทำให้ชาวบ้านไม่ศรัทธาหันไปร้องขอความช่วยเหลือจากเพจหรือคนที่ช่วยสังคม ซึ่งตนคาดหวังว่าคดีนี้ต้องมีคนรับโทษ . ด้าน พ.ต.ต.วรณัน กล่าวหลังรับหนังสือ ว่า สำหรับประเด็นดังกล่าว ขอแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ประเด็นแรก ตัวคดีหลักอยู่ในการพิจารณาของศาล ดังนั้น เป็นสิ่งที่ดีเอสไอก้าวล่วงไม่ได้ ส่วนประเด็นที่สอง คือ กรณีที่ผู้ร้องได้มายื่นขอให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งก็ต้องมาพิจารณาในรายละเอียดว่าเป็นการยื่นขอให้มีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาคนใหม่ในข้อหาใหม่หรือไม่อย่างไร . ทั้งนี้ จะมีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่ดีเอสไอจะรับไปดำเนินการนั้น ย้ำว่าเราต้องดูพยานหลักฐาน ซึ่งการจะรับเรื่องใดไว้เป็นคดีพิเศษ อย่างที่ย้ำไปว่าคดีหลักยังอยู่ในกระบวนการศาล ฉะนั้น สิ่งที่ดีเอสไอจะทำต่อก็ต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เพราะต้องดูข้อกฎหมายเป็นหลัก แต่ส่วนประเด็นที่ผู้ร้องได้ให้ข้อเท็จจริงมา อันนี้ก็ต้องนำไปพิจารณาประกอบกันว่าจะนำไปสู่การดำเนินการใหม่ได้หรือไม่ . ส่วนกรณีเมื่อวันที่ 16 ม.ค. เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้เข้าร่วมสังเกตการณ์การจำลองสถานการณ์การเสียชีวิตของคุณแตงโมของภาคประชาชน ทราบว่ารายละเอียดข้อมูลต่าง ๆ ทางเจ้าหน้าที่ได้รับข้อมูลไปแล้ว คาดว่าอาจนำไปดูประกอบกับข้อมูลของผู้ร้องในวันนี้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาคดีใดที่อยู่ในระหว่างชั้นศาล ดีเอสไอต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เพราะคดีดังกล่าวมีผู้กระทำความผิดที่อยู่ในกระบวนการชั้นศาล ซึ่งโดยหลักการเมื่อคดีไปอยู่ในชั้นศาล เจ้าพนักงานสอบสวนจะไม่มีอำนาจหน้าที่ เว้นแต่เป็นกรณีที่มีข้อเท็จจริงอย่างอื่นที่นำไปสู่การสอบสวนได้ ซึ่งก็ต้องไปดูรายละเอียดก่อน ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงาน . เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่สังคมค่อนข้างให้การจับตามองในประเด็นดังกล่าว พ.ต.ต.วรณัน ระบุว่า ตนมองว่าเป็นปรากฎการณ์ที่ดีเพราะการที่ภาคประชาชนให้ความสำคัญในเรื่องของการทำงานร่วมกับภาครัฐถือเป็นเรื่องที่ดี แต่กลไกทางกฎหมายก็ต้องมาดูรายละเอียดกันด้วย ซึ่งรายละเอียดต่าง ๆ ที่ภาคประชาชนได้มา คาดว่าทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่ไปร่วมสังเกตการณ์น่าจะได้มีการรายงานต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษไปแล้ว . โดยกรอบเวลาการทำงานเพื่อดูความชัดเจนนั้น เบื้องต้นทราบว่าเป็นเรื่องของการตรวจสอบอยู่ ถ้าหากมีการตรวจสอบรายละเอียดข้อมูลใดของเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายก็ต้องการรายงานไปยังอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่ามีเหตุที่สามารถใช้อำนาจในการสืบสวนต่อไปได้หรือไม่ ซึ่งก็ต้องทำตามขั้นตอน ส่วนกรอบระยะเวลาเร็วหรือช้า ต้องขอให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานก่อนอย่าพึ่งไปบอกว่าเร็วหรือช้า ต้องดูก่อนว่าในเรื่องดังกล่าวดีเอสไอมีอำนาจหรือไม่ ถ้าหากผ่านขั้นตอนแรกไปแล้วก็จะได้ไปสู่ขั้นตอนที่สองในการพิจารณารับหรือไม่รับเป็นคดีพิเศษต่อไป . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000005212 ......... Sondhi X
    Like
    Love
    15
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1463 มุมมอง 0 รีวิว
  • อัจฉริยะจี้ DSI รับคดีแตงโมเป็นคดีใหม่ 17/01/68 #คดีแตงโม #แตงโม นิดา #อัจฉริยะ #DSI
    อัจฉริยะจี้ DSI รับคดีแตงโมเป็นคดีใหม่ 17/01/68 #คดีแตงโม #แตงโม นิดา #อัจฉริยะ #DSI
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 944 มุมมอง 36 0 รีวิว
  • กองทัพสหรัฐฯ กำลังร่วมมือกับบริษัท Skyryse เพื่อพัฒนาระบบปฏิบัติการใหม่ที่เรียกว่า "SkyOS" ซึ่งจะทำให้เฮลิคอปเตอร์ UH-60 Black Hawk สามารถบินได้ง่ายขึ้นและอาจไม่ต้องมีนักบินบนเครื่อง ระบบนี้ออกแบบมาเพื่อทำให้การควบคุมเฮลิคอปเตอร์เป็นเรื่องง่าย โดยใช้หน้าจอสัมผัสและคอนโทรลเลอร์แบบสติ๊กข้างเดียว

    SkyOS ใช้การแมปภูมิประเทศแบบ 3 มิติอัจฉริยะเพื่อเตือนนักบินถึงอันตราย และสามารถรักษาการลอยตัวได้อย่างมั่นคงด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว นอกจากนี้ยังมีระบบสำรองการบินแบบ fly-by-wire ที่มีความน่าเชื่อถือสูง

    ปัจจุบันการฝึกนักบินเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพสหรัฐฯ ใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี แต่ SkyOS มีเป้าหมายที่จะลดระยะเวลานี้ลงอย่างมาก และอาจทำให้เกือบทุกคนสามารถบินเฮลิคอปเตอร์ได้ด้วยการฝึกพื้นฐาน แม้ว่าจะไม่ใช่เจตนาของกองทัพก็ตาม

    ระบบนี้ยังสามารถทำให้เฮลิคอปเตอร์ Black Hawk บินได้โดยไม่ต้องมีนักบินในภารกิจที่มีความเสี่ยงสูง การติดตั้ง SkyOS ในเฮลิคอปเตอร์จะต้องมีการปรับปรุงฮาร์ดแวร์และการเดินสายไฟใหม่ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและจะดำเนินการเป็นระยะเวลาหลายปี

    การพัฒนานี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการทำให้การบินเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติและอินเตอร์เฟซอัจฉริยะ

    https://www.techspot.com/news/106380-new-operating-system-could-us-army-black-hawk.html
    กองทัพสหรัฐฯ กำลังร่วมมือกับบริษัท Skyryse เพื่อพัฒนาระบบปฏิบัติการใหม่ที่เรียกว่า "SkyOS" ซึ่งจะทำให้เฮลิคอปเตอร์ UH-60 Black Hawk สามารถบินได้ง่ายขึ้นและอาจไม่ต้องมีนักบินบนเครื่อง ระบบนี้ออกแบบมาเพื่อทำให้การควบคุมเฮลิคอปเตอร์เป็นเรื่องง่าย โดยใช้หน้าจอสัมผัสและคอนโทรลเลอร์แบบสติ๊กข้างเดียว SkyOS ใช้การแมปภูมิประเทศแบบ 3 มิติอัจฉริยะเพื่อเตือนนักบินถึงอันตราย และสามารถรักษาการลอยตัวได้อย่างมั่นคงด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว นอกจากนี้ยังมีระบบสำรองการบินแบบ fly-by-wire ที่มีความน่าเชื่อถือสูง ปัจจุบันการฝึกนักบินเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพสหรัฐฯ ใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี แต่ SkyOS มีเป้าหมายที่จะลดระยะเวลานี้ลงอย่างมาก และอาจทำให้เกือบทุกคนสามารถบินเฮลิคอปเตอร์ได้ด้วยการฝึกพื้นฐาน แม้ว่าจะไม่ใช่เจตนาของกองทัพก็ตาม ระบบนี้ยังสามารถทำให้เฮลิคอปเตอร์ Black Hawk บินได้โดยไม่ต้องมีนักบินในภารกิจที่มีความเสี่ยงสูง การติดตั้ง SkyOS ในเฮลิคอปเตอร์จะต้องมีการปรับปรุงฮาร์ดแวร์และการเดินสายไฟใหม่ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและจะดำเนินการเป็นระยะเวลาหลายปี การพัฒนานี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการทำให้การบินเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติและอินเตอร์เฟซอัจฉริยะ https://www.techspot.com/news/106380-new-operating-system-could-us-army-black-hawk.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    New operating system could let US army Black Hawk helicopters be piloted with basic training
    The US Army is teaming up with a company called Skyryse to make their massive fleet of over 2,100 UH-60 Black Hawks significantly smarter and easier to operate.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว
  • 17/1/68

    ความบังเอิญไม่มีอยู่จริง
    ไฟไหม้ยังไม่ยุติและมีเรื่องบังเอิญงอกแปลกขึ้นเรื่อยๆคือ

    1.บังเอิญผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียรายนี้กำลังแข่งขันเพื่อเป็นผู้นำพรรคเดโมแครตชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐวาระถัดไปในปี 2570 ก่อนเพลิงไหม้ไม่กี่วันเขาตัดงบประมาณสำหรับการดับไฟป่ามากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ ไม่ต่อสัญญาการป้องกันอัคคีภัยกับบริษัทการบินดับไฟป่าแล้วโยกเงิน 3,000 ล้านดอลลาร์ไปทำบริการดูแลสุขภาพฟรีสำหรับผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายที่จะได้รับการแปลงสัญชาติเป็นชาวอเมริกันและมีสิทธิ์เลือกตั้ง ส่วนชาวอเมริกันจริงๆต้องจ่ายเงินซื้อประกันสุขภาพเอาเอง

    2.บังเอิญนายกเทศมนตรีลอสแองเจลิสจากพรรคเดโมแครตตัดงบประมาณราว 17.6 ล้านดอลลาร์ของหน่วยดับเพลิงก่อนเกิดไฟไหม้พอดี พนักงานที่เคยมี 3,500 คนจึงถูกเลิกจ้างแทบทั้งหมด

    3.บังเอิญว่าอุปกรณ์ดับเพลิง ส่วนใหญ่ของเมืองถูกขนส่งไปให้ยูเครนตามนโยบายของรัฐบาลไบเดน ในวันเริ่มเพลิงไหม้ จึงเหลือคนงานดับเพลิงใหม่ที่ขาดประสบการณ์เพียง 109 คน รถดับเพลิง 65 คัน เฮลิคอปเตอร์ 7 ลำ และอุปกรณ์อีกเล็กน้อย หน่วยดับเพลิง 29 แห่งของนครลอสแองเจลิส จึงร้องขอนักดับเพลิงจากเทศบาลอื่นมาช่วยเหลือและกรมราชทัณฑ์รัฐแคลิฟอร์เนียส่งนักโทษที่ถูกคุมขัง 395 คนมาช่วยดับไฟ กลุ่มคนหนุ่มสาวใช้รถมอเตอร์ไซค์พยายามช่วยเหลือเพื่อนบ้านแต่พวกเขาหาน้ำดับไฟไม่ได้เพราะอ่างเก็บน้ำชำรุด จ้างซ่อม ปล่อย
    น้ำจนเกลี้ยงไม่มีเหลือแม้แต่หยดเดียวก่อนเกิดเพลิงไหม้พอดี

    4.บังเอิญในวันเริ่มไฟไหม้ เป็นวันที่มีแรงลมเร็วถึง 160 กมต่อชั่วโมง ประธานาธิบดีโจ ไบเดนผู้นำสหรัฐอยู่ที่นั่น มีกำหนดเปิดอนุสรณ์สถานแห่งชาติ 2 แห่ง แต่งานถูกยกเลิกเพราะต้นไม้ล้มเขาระบุว่าภัยคุกคามจากลมแรงที่ทำให้ไฟไหม้ อ้างว่าที่การดับเพลิงทำได้ล่าช้าเนื่องจากต้องตัดกระแสไฟเครื่องปั้มน้ำดับเพลิง จึงใช้งานไม่ได้ทั้งที่ปกติแล้วปั้มน้ำดับเพลิงติดตั้งรถส่วนใหญ่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง

    5.บังเอิญคฤหาสน์หรูคนดังเช่น ฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชายผู้นำสหรัฐชื่อกระฉ่อนถูกไฟไหม้เหลือแต่ตอ ไฟลุกลามไปที่เมืองที่ตั้งบ้านของกมลา แฮริส รองประธานาธิบดี อาโนลด์ ชวาเซเนกเกอร์ ดารารุ่นเดอะ และคนดังอีกมากมาย แต่คฤหาสน์ของทอม แฮงค์ ดาราคนดังรอดมาได้อย่างเหลือเชื่อทั้งที่บ้านเกือบทุกหลังที่อยู่ติดกันถูกไฟไหม้ แม้แต่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังเกาหัว บ้านคนดังเหล่านั้นสะสมของมีค่าเช่นเครื่องประดับสินค้าสารพัดแบรนด์เนม limited ภาพวาดศิลปะ ประมูลภาพถ่ายต้นฉบับส่วนตัว และของที่สะสมมาทั้งชีวิตประเมินมูลค่าไม่ได้

    6.บังเอิญเมล กิ๊บสัน ดาราคนดังที่ไฟไหม้คฤหาสน์หรูวอดวายเป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์การจัดการไฟป่าของรัฐแคลิฟอร์เนียอย่างเผ็ดร้อนมาหลายปี เรียกร้องให้ผู้นำรัฐออกมาชี้แจงว่านโยบายต่างๆที่ไม่สามารถปกป้องประชาชนจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะจากสถิติย้อนหลังแต่ละปีเกิดเหตุเพลิงไหม้ในรัฐนี้เฉลี่ยกว่า 8,000 ครั้ง หัวจะปวด

    7.บังเอิญว่าก่อนเพลิงไหม้ บริษัทประกันภัยต่างต่างพากันแจ้งยกเลิกกรมธรรม์ของเจ้าของคฤหาสน์หรูหลายพันหลังในพื้นที่เพลิงไหม้พอดี ทำให้ไม่ได้รับเงินชดเชยค่าสินใหมในการสร้างใหม่ คงต้องขายหรือให้เช่าที่ดินในราคาถูก

    8.บังเอิญในปี 2571 นคร ลอสแองเจลิสจะเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก มีนักลงทุนหัวใสทำโครงการชื่อสมารท์ LA 2028 มีเป้าหมายเปลี่ยนภูมิทัศน์ให้เป็นมหานครอัจฉริยะและยั่งยืน จะมีทีมนักกีฬาและผู้คนทั่วโลกมาเยือนจับจ่ายใช้สอย มีการระดมเงินทุนเครือข่ายผลประโยชน์จำนวนมากไปยังโครงการนี้ จัดการแบ่งเขตและแบ่งเค็ก การพัฒนาเมือง แม้แต่บริษัทประกันภัยต่างๆก็เอาด้วย

    9.บังเอิญกองทุน BlackRock ยักษ์ใหญ่ด้านการจัดการสินทรัพย์มูลค่า 11.5 ล้านล้านดอลลาร์หรือกว่า 391 ล้านล้านบาท ประกาศยกเลิกโครงการจัดการสินทรัพย์เท Zero ที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์เช่นการปลูกป่า การฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำชายฝั่ง การวัดปล่อยก๊าซคาร์บอนประเมินว่านักธุรกิจเงินหนา หันมาให้ความสำคัญกับผลกำไรตอบแทนจับต้องได้จากการลงทุนมากกว่า

    นามอธรรมสมมุติในจินตนาการไฟบรรลัยกันนี้คงไม่ใช่แค่ภัยธรรมชาติอย่างเดียว แต่ยังถูกกำหนดขึ้นอย่างมีกลยุทธ์เพื่อปูทางไปสู่สภาพแวดล้อมใหม่ที่พวกเขาควบคุมได้ซึ่งตรงกับช่วงไฮไลท์กีฬาโอลิมปิกจากทั่วโลกพอดีนั่นเอง

    โปรดกดไลค์กดแชร์พร้อมกดปุ่มติดตามไว้แจ้งเตือนตอนต่อไป

    World Update - ซุปเปอร์ไฟบรรลัยกัลป์ วายร้ายหักเหลี่ยมโหด
    https://youtu.be/XgX-zhUajsk?si=ZJFUMzWvCh7AmKxT

    Cr.fb.นบพ์ รตต์ฉัตร


    17/1/68 ความบังเอิญไม่มีอยู่จริง ไฟไหม้ยังไม่ยุติและมีเรื่องบังเอิญงอกแปลกขึ้นเรื่อยๆคือ 1.บังเอิญผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียรายนี้กำลังแข่งขันเพื่อเป็นผู้นำพรรคเดโมแครตชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐวาระถัดไปในปี 2570 ก่อนเพลิงไหม้ไม่กี่วันเขาตัดงบประมาณสำหรับการดับไฟป่ามากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ ไม่ต่อสัญญาการป้องกันอัคคีภัยกับบริษัทการบินดับไฟป่าแล้วโยกเงิน 3,000 ล้านดอลลาร์ไปทำบริการดูแลสุขภาพฟรีสำหรับผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายที่จะได้รับการแปลงสัญชาติเป็นชาวอเมริกันและมีสิทธิ์เลือกตั้ง ส่วนชาวอเมริกันจริงๆต้องจ่ายเงินซื้อประกันสุขภาพเอาเอง 2.บังเอิญนายกเทศมนตรีลอสแองเจลิสจากพรรคเดโมแครตตัดงบประมาณราว 17.6 ล้านดอลลาร์ของหน่วยดับเพลิงก่อนเกิดไฟไหม้พอดี พนักงานที่เคยมี 3,500 คนจึงถูกเลิกจ้างแทบทั้งหมด 3.บังเอิญว่าอุปกรณ์ดับเพลิง ส่วนใหญ่ของเมืองถูกขนส่งไปให้ยูเครนตามนโยบายของรัฐบาลไบเดน ในวันเริ่มเพลิงไหม้ จึงเหลือคนงานดับเพลิงใหม่ที่ขาดประสบการณ์เพียง 109 คน รถดับเพลิง 65 คัน เฮลิคอปเตอร์ 7 ลำ และอุปกรณ์อีกเล็กน้อย หน่วยดับเพลิง 29 แห่งของนครลอสแองเจลิส จึงร้องขอนักดับเพลิงจากเทศบาลอื่นมาช่วยเหลือและกรมราชทัณฑ์รัฐแคลิฟอร์เนียส่งนักโทษที่ถูกคุมขัง 395 คนมาช่วยดับไฟ กลุ่มคนหนุ่มสาวใช้รถมอเตอร์ไซค์พยายามช่วยเหลือเพื่อนบ้านแต่พวกเขาหาน้ำดับไฟไม่ได้เพราะอ่างเก็บน้ำชำรุด จ้างซ่อม ปล่อย น้ำจนเกลี้ยงไม่มีเหลือแม้แต่หยดเดียวก่อนเกิดเพลิงไหม้พอดี 4.บังเอิญในวันเริ่มไฟไหม้ เป็นวันที่มีแรงลมเร็วถึง 160 กมต่อชั่วโมง ประธานาธิบดีโจ ไบเดนผู้นำสหรัฐอยู่ที่นั่น มีกำหนดเปิดอนุสรณ์สถานแห่งชาติ 2 แห่ง แต่งานถูกยกเลิกเพราะต้นไม้ล้มเขาระบุว่าภัยคุกคามจากลมแรงที่ทำให้ไฟไหม้ อ้างว่าที่การดับเพลิงทำได้ล่าช้าเนื่องจากต้องตัดกระแสไฟเครื่องปั้มน้ำดับเพลิง จึงใช้งานไม่ได้ทั้งที่ปกติแล้วปั้มน้ำดับเพลิงติดตั้งรถส่วนใหญ่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง 5.บังเอิญคฤหาสน์หรูคนดังเช่น ฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชายผู้นำสหรัฐชื่อกระฉ่อนถูกไฟไหม้เหลือแต่ตอ ไฟลุกลามไปที่เมืองที่ตั้งบ้านของกมลา แฮริส รองประธานาธิบดี อาโนลด์ ชวาเซเนกเกอร์ ดารารุ่นเดอะ และคนดังอีกมากมาย แต่คฤหาสน์ของทอม แฮงค์ ดาราคนดังรอดมาได้อย่างเหลือเชื่อทั้งที่บ้านเกือบทุกหลังที่อยู่ติดกันถูกไฟไหม้ แม้แต่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังเกาหัว บ้านคนดังเหล่านั้นสะสมของมีค่าเช่นเครื่องประดับสินค้าสารพัดแบรนด์เนม limited ภาพวาดศิลปะ ประมูลภาพถ่ายต้นฉบับส่วนตัว และของที่สะสมมาทั้งชีวิตประเมินมูลค่าไม่ได้ 6.บังเอิญเมล กิ๊บสัน ดาราคนดังที่ไฟไหม้คฤหาสน์หรูวอดวายเป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์การจัดการไฟป่าของรัฐแคลิฟอร์เนียอย่างเผ็ดร้อนมาหลายปี เรียกร้องให้ผู้นำรัฐออกมาชี้แจงว่านโยบายต่างๆที่ไม่สามารถปกป้องประชาชนจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะจากสถิติย้อนหลังแต่ละปีเกิดเหตุเพลิงไหม้ในรัฐนี้เฉลี่ยกว่า 8,000 ครั้ง หัวจะปวด 7.บังเอิญว่าก่อนเพลิงไหม้ บริษัทประกันภัยต่างต่างพากันแจ้งยกเลิกกรมธรรม์ของเจ้าของคฤหาสน์หรูหลายพันหลังในพื้นที่เพลิงไหม้พอดี ทำให้ไม่ได้รับเงินชดเชยค่าสินใหมในการสร้างใหม่ คงต้องขายหรือให้เช่าที่ดินในราคาถูก 8.บังเอิญในปี 2571 นคร ลอสแองเจลิสจะเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก มีนักลงทุนหัวใสทำโครงการชื่อสมารท์ LA 2028 มีเป้าหมายเปลี่ยนภูมิทัศน์ให้เป็นมหานครอัจฉริยะและยั่งยืน จะมีทีมนักกีฬาและผู้คนทั่วโลกมาเยือนจับจ่ายใช้สอย มีการระดมเงินทุนเครือข่ายผลประโยชน์จำนวนมากไปยังโครงการนี้ จัดการแบ่งเขตและแบ่งเค็ก การพัฒนาเมือง แม้แต่บริษัทประกันภัยต่างๆก็เอาด้วย 9.บังเอิญกองทุน BlackRock ยักษ์ใหญ่ด้านการจัดการสินทรัพย์มูลค่า 11.5 ล้านล้านดอลลาร์หรือกว่า 391 ล้านล้านบาท ประกาศยกเลิกโครงการจัดการสินทรัพย์เท Zero ที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์เช่นการปลูกป่า การฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำชายฝั่ง การวัดปล่อยก๊าซคาร์บอนประเมินว่านักธุรกิจเงินหนา หันมาให้ความสำคัญกับผลกำไรตอบแทนจับต้องได้จากการลงทุนมากกว่า นามอธรรมสมมุติในจินตนาการไฟบรรลัยกันนี้คงไม่ใช่แค่ภัยธรรมชาติอย่างเดียว แต่ยังถูกกำหนดขึ้นอย่างมีกลยุทธ์เพื่อปูทางไปสู่สภาพแวดล้อมใหม่ที่พวกเขาควบคุมได้ซึ่งตรงกับช่วงไฮไลท์กีฬาโอลิมปิกจากทั่วโลกพอดีนั่นเอง โปรดกดไลค์กดแชร์พร้อมกดปุ่มติดตามไว้แจ้งเตือนตอนต่อไป World Update - ซุปเปอร์ไฟบรรลัยกัลป์ วายร้ายหักเหลี่ยมโหด https://youtu.be/XgX-zhUajsk?si=ZJFUMzWvCh7AmKxT Cr.fb.นบพ์ รตต์ฉัตร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 521 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts