• สถานทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย แจ้งเตือน!!

    “มีความเสี่ยงต่อการก่อการร้ายในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง สถานที่ท่องเที่ยวในไทยอาจตกเป็นเป้าหมายของการก่อการร้าย รวมถึงในกรุงเทพฯ และภูเก็ต

    มีการประท้วงขนาดใหญ่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ และพื้นที่อื่น ๆ ซึ่งบางครั้งนำไปสู่ความรุนแรง หลีกเลี่ยงการเข้าร่วมการประท้วงและการชุมนุมทุกประเภท

    การใช้กัญชาในประเทศไทยจำกัดเฉพาะเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์เท่านั้น และคุณต้องมีใบสั่งแพทย์
    สถานทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย แจ้งเตือน!! “มีความเสี่ยงต่อการก่อการร้ายในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง สถานที่ท่องเที่ยวในไทยอาจตกเป็นเป้าหมายของการก่อการร้าย รวมถึงในกรุงเทพฯ และภูเก็ต มีการประท้วงขนาดใหญ่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ และพื้นที่อื่น ๆ ซึ่งบางครั้งนำไปสู่ความรุนแรง หลีกเลี่ยงการเข้าร่วมการประท้วงและการชุมนุมทุกประเภท การใช้กัญชาในประเทศไทยจำกัดเฉพาะเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์เท่านั้น และคุณต้องมีใบสั่งแพทย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยจากเยอรมนีเลือกเกม A Plague Tale: Requiem ซึ่งเป็นเกมแอ็กชันดราม่าที่มีฉากรุนแรงชัดเจน พวกเขาแบ่งกลุ่มทดลองออกเป็นสองกลุ่ม:
    - กลุ่มแรกเล่น “ฉากรุนแรง” เช่น การต่อสู้หรือฆ่าศัตรู
    - กลุ่มที่สองเล่น “ฉากไม่รุนแรง” เช่น สำรวจหรือเล่าเนื้อเรื่อง

    ก่อนเล่น ทีมวิจัยทำให้ผู้ร่วมทดลอง “เครียด” โดยให้จุ่มมือในน้ำเย็นจัด 3 นาทีและโดนสอบสวนในเวลาเดียวกัน (เรียกว่า SECPT) เพื่อให้เกิดความเครียดทั้งทางกายและใจ จากนั้นให้เล่นเกม 25 นาที และวัดผลทั้งจากคลื่นหัวใจ, น้ำลาย และแบบสอบถาม

    ผลลัพธ์น่าสนใจคือ:
    - คนที่เล่นฉากรุนแรง “รู้สึกเครียดกว่า” ตอนตอบแบบสอบถาม
    - แต่เครื่องมือทางสรีรวิทยาพบว่า “ร่างกายของทั้งสองกลุ่มกลับลดความเครียดลง”

    แปลว่าเกมรุนแรงก็อาจ “ปล่อยระบาย” ความเครียดออกจากร่างกายได้ แม้ตัวเราจะไม่รู้ตัวเองก็ตาม

    ✅ ทั้งฉากรุนแรงและไม่รุนแรงของเกมสามารถลดระดับความเครียดทางสรีรวิทยาได้จริง  
    • วัดจาก ECG (คลื่นหัวใจ), น้ำลาย และอาการทางกาย

    ✅ แบบสอบถามชี้ว่าผู้เล่นฉากรุนแรงรู้สึกเครียดกว่า  
    • แต่อาการทางกายกลับบ่งชี้ว่าผ่อนคลายมากขึ้น

    ✅ นักวิจัยอธิบายว่าเป็น “dissociation” ระหว่างความรู้สึกและสภาพร่างกายจริง ๆ  
    • คนอาจประเมินอารมณ์ตัวเองคลาดเคลื่อนจากความจริง

    ✅ เกมที่ใช้คือ A Plague Tale: Requiem บน PS5 และฉากที่เลือกทั้งดราม่าและการต่อสู้  
    • มีผู้ร่วมทดลอง 82 คน อายุ 18–40 ปี ส่วนใหญ่มีประสบการณ์เล่นเกม

    ✅ ใช้การเหนี่ยวนำความเครียดแบบ SECPT (Socially Evaluated Cold Pressor Test)  
    • เป็นวิธีมาตรฐานที่ใช้ในจิตวิทยาการแพทย์และสรีรวิทยา

    https://www.techspot.com/news/108453-study-shows-gaming-can-reduce-stress-even-violent.html
    นักวิจัยจากเยอรมนีเลือกเกม A Plague Tale: Requiem ซึ่งเป็นเกมแอ็กชันดราม่าที่มีฉากรุนแรงชัดเจน พวกเขาแบ่งกลุ่มทดลองออกเป็นสองกลุ่ม: - กลุ่มแรกเล่น “ฉากรุนแรง” เช่น การต่อสู้หรือฆ่าศัตรู - กลุ่มที่สองเล่น “ฉากไม่รุนแรง” เช่น สำรวจหรือเล่าเนื้อเรื่อง ก่อนเล่น ทีมวิจัยทำให้ผู้ร่วมทดลอง “เครียด” โดยให้จุ่มมือในน้ำเย็นจัด 3 นาทีและโดนสอบสวนในเวลาเดียวกัน (เรียกว่า SECPT) เพื่อให้เกิดความเครียดทั้งทางกายและใจ จากนั้นให้เล่นเกม 25 นาที และวัดผลทั้งจากคลื่นหัวใจ, น้ำลาย และแบบสอบถาม ผลลัพธ์น่าสนใจคือ: - คนที่เล่นฉากรุนแรง “รู้สึกเครียดกว่า” ตอนตอบแบบสอบถาม - แต่เครื่องมือทางสรีรวิทยาพบว่า “ร่างกายของทั้งสองกลุ่มกลับลดความเครียดลง” แปลว่าเกมรุนแรงก็อาจ “ปล่อยระบาย” ความเครียดออกจากร่างกายได้ แม้ตัวเราจะไม่รู้ตัวเองก็ตาม ✅ ทั้งฉากรุนแรงและไม่รุนแรงของเกมสามารถลดระดับความเครียดทางสรีรวิทยาได้จริง   • วัดจาก ECG (คลื่นหัวใจ), น้ำลาย และอาการทางกาย ✅ แบบสอบถามชี้ว่าผู้เล่นฉากรุนแรงรู้สึกเครียดกว่า   • แต่อาการทางกายกลับบ่งชี้ว่าผ่อนคลายมากขึ้น ✅ นักวิจัยอธิบายว่าเป็น “dissociation” ระหว่างความรู้สึกและสภาพร่างกายจริง ๆ   • คนอาจประเมินอารมณ์ตัวเองคลาดเคลื่อนจากความจริง ✅ เกมที่ใช้คือ A Plague Tale: Requiem บน PS5 และฉากที่เลือกทั้งดราม่าและการต่อสู้   • มีผู้ร่วมทดลอง 82 คน อายุ 18–40 ปี ส่วนใหญ่มีประสบการณ์เล่นเกม ✅ ใช้การเหนี่ยวนำความเครียดแบบ SECPT (Socially Evaluated Cold Pressor Test)   • เป็นวิธีมาตรฐานที่ใช้ในจิตวิทยาการแพทย์และสรีรวิทยา https://www.techspot.com/news/108453-study-shows-gaming-can-reduce-stress-even-violent.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Study shows gaming can reduce stress, even the violent kind
    A recently published study aims to dispel yet another myth about video games, showing that both violent and non-violent gaming sessions can effectively reduce stress levels. The...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดงบกว่า 5 แสนบาท ขยายโอกาส สร้างอาชีพ สร้างชีวิตอย่างเท่าเทียม แก่ชาวขอนแก่นต่อเนื่อง
    มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ มอบวีลแชร์แก่ผู้พิการ มอบจักรยานให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ชนบท และมอบหุ่นจำลองช่วยฟื้นคืนชีพผู้ใหญ่และเครื่องช่วยสาธิตกระตุกไฟฟ้าหัวใจ พร้อมนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการฟรี
    .
    วานนี้ (วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นางจินดา บุญลาภทวีโชค กรรมการตรวจสอบ นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่นอีกครั้ง โดยมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ฐานะยากจน ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ จำนวน 20 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 397,610 บาท เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังจัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ ทีมบรรเทาสาธารณภัย (กู้ชีพ) และอาสาสมัครออกหน่วยให้บริการประชาชนในพื้นที่ฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ทันตกรรม คัดกรองเบาหวาน กิจกรรมนันทนาการ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ พร้อมกันนี้ มูลนิธิฯ ยังได้มอบหุ่นจำลองช่วยฟื้นคืนชีพผู้ใหญ่และเครื่องช่วยสาธิตกระตุกไฟฟ้าหัวใจ จำนวน 2 ชุด (4 ชิ้น) ในโครงการ “สนับสนุนเครื่องมือทางการแพทย์” ให้แก่ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวรัตนาภา เพื่อใช้ในหลักสูตรฝึกอบรมทักษะอาชีพดูแลผู้สูงอายุ รวมทั้ง มอบรถเข็นวีลแชร์แก่ผู้พิการ จำนวน 10 ราย และมอบรถจักรยานแก่โรงเรียนชนบทที่ขาดแคลน จำนวน 2 โรงเรียน รวม 20 คัน เพื่อให้นักเรียนที่ประสบปัญหาในการเดินทางได้ยืมเรียน รวมถึงเป็นการแบ่งเบาภาระค่าพาหนะแก่ผู้ปกครองได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังเสริมสร้างให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย เรียนรู้กฎจราจร เรียนรู้การแบ่งปัน และดูแลรักษาสาธารณสมบัติร่วมกัน รวมมูลค่าการดำเนินการช่วยเหลือชาวขอนแก่นในครั้งนี้ทั้งสิ้น 596,362 บาท (ห้าแสนเก้าหมื่นหกพันสามร้อยหกสิบสองบาทถ้วน) โดยมี ผศ.ดร.พนธ์พันธ์ เลิศจันทรางกูร ที่ปรึกษาอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว พร้อมด้วย นายสงวน สุธรรม ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 5 นางสาวศุภวรรณ ขูดแก้ว ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ และอาสาสมัครเฉพาะกิจมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวรัตนาภา จังหวัดขอนแก่น
    .
    นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการ ส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรีและครอบครัว มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ ในการประกอบอาชีพ โดยได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 12 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ชลบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพิษณุโลก ในการคัดกรองผู้ที่ผ่านการฝึกอบรม เสริมทักษะอาชีพ โดยมูลนิธิฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินการโครงการดังกล่าวนี้ จะมีส่วนสนับสนุน ช่วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป
    .
    ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    .
    ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##
    #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดงบกว่า 5 แสนบาท ขยายโอกาส สร้างอาชีพ สร้างชีวิตอย่างเท่าเทียม แก่ชาวขอนแก่นต่อเนื่อง มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ มอบวีลแชร์แก่ผู้พิการ มอบจักรยานให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ชนบท และมอบหุ่นจำลองช่วยฟื้นคืนชีพผู้ใหญ่และเครื่องช่วยสาธิตกระตุกไฟฟ้าหัวใจ พร้อมนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการฟรี . วานนี้ (วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นางจินดา บุญลาภทวีโชค กรรมการตรวจสอบ นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมลงพื้นที่จังหวัดขอนแก่นอีกครั้ง โดยมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ฐานะยากจน ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ จำนวน 20 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 397,610 บาท เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังจัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ ทีมบรรเทาสาธารณภัย (กู้ชีพ) และอาสาสมัครออกหน่วยให้บริการประชาชนในพื้นที่ฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ทันตกรรม คัดกรองเบาหวาน กิจกรรมนันทนาการ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ พร้อมกันนี้ มูลนิธิฯ ยังได้มอบหุ่นจำลองช่วยฟื้นคืนชีพผู้ใหญ่และเครื่องช่วยสาธิตกระตุกไฟฟ้าหัวใจ จำนวน 2 ชุด (4 ชิ้น) ในโครงการ “สนับสนุนเครื่องมือทางการแพทย์” ให้แก่ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวรัตนาภา เพื่อใช้ในหลักสูตรฝึกอบรมทักษะอาชีพดูแลผู้สูงอายุ รวมทั้ง มอบรถเข็นวีลแชร์แก่ผู้พิการ จำนวน 10 ราย และมอบรถจักรยานแก่โรงเรียนชนบทที่ขาดแคลน จำนวน 2 โรงเรียน รวม 20 คัน เพื่อให้นักเรียนที่ประสบปัญหาในการเดินทางได้ยืมเรียน รวมถึงเป็นการแบ่งเบาภาระค่าพาหนะแก่ผู้ปกครองได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังเสริมสร้างให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย เรียนรู้กฎจราจร เรียนรู้การแบ่งปัน และดูแลรักษาสาธารณสมบัติร่วมกัน รวมมูลค่าการดำเนินการช่วยเหลือชาวขอนแก่นในครั้งนี้ทั้งสิ้น 596,362 บาท (ห้าแสนเก้าหมื่นหกพันสามร้อยหกสิบสองบาทถ้วน) โดยมี ผศ.ดร.พนธ์พันธ์ เลิศจันทรางกูร ที่ปรึกษาอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว พร้อมด้วย นายสงวน สุธรรม ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 5 นางสาวศุภวรรณ ขูดแก้ว ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ และอาสาสมัครเฉพาะกิจมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวรัตนาภา จังหวัดขอนแก่น . นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการ ส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรีและครอบครัว มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว ผู้ด้อยโอกาสทางสังคม หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ ในการประกอบอาชีพ โดยได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 12 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ชลบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพิษณุโลก ในการคัดกรองผู้ที่ผ่านการฝึกอบรม เสริมทักษะอาชีพ โดยมูลนิธิฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินการโครงการดังกล่าวนี้ จะมีส่วนสนับสนุน ช่วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป . ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” . ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ## #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้ามึงขลังมากนัก ขอแนะนำให้เมิงร่ายคาถาเสกน้ำมันสำเร็จรูป เสกกระแสไฟฟ้า เสกแพทย์พยาบาลพร้อมโรงพยาบาล มาดูแลคนเขมรก่อนเถอะ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ถ้ามึงขลังมากนัก ขอแนะนำให้เมิงร่ายคาถาเสกน้ำมันสำเร็จรูป เสกกระแสไฟฟ้า เสกแพทย์พยาบาลพร้อมโรงพยาบาล มาดูแลคนเขมรก่อนเถอะ #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีงานวิจัยจาก University of Georgia วิเคราะห์แผนยุทธศาสตร์ด้าน AI ของ 50 ประเทศทั่วโลก โดยเน้นเรื่อง “การเตรียมคน” ผ่านนโยบายด้านการศึกษาและอาชีวะ ฝั่งยุโรป (เช่น เยอรมนี สเปน) ดูจะนำหน้าชัดเจน เพราะให้ความสำคัญสูงมากในเรื่อง lifelong learning และการฝึกอบรม AI สำหรับแรงงานทุกช่วงวัย

    ในขณะที่สหรัฐ, ญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศอยู่ในกลุ่ม “ให้ความสำคัญระดับกลาง” คือรู้ว่า AI สำคัญ แต่ยังไม่มีแผนจัดเต็มในระดับชาติเหมือนยุโรป

    สิ่งที่น่าสนใจคือ มีเพียง “13 จาก 50 ประเทศ” เท่านั้นที่ให้ AI training อยู่ในระดับความสำคัญสูงสุด — และมีเพียงบางประเทศเท่านั้นที่กล้าเริ่มสอน AI ตั้งแต่ชั้นประถมหรืออนุบาลเลย

    แต่แม้จะพูดถึง AI เป็นเรื่องใหญ่ สิ่งหนึ่งที่กลับถูกมองข้ามคือ “soft skills” แบบมนุษย์ เช่น การสื่อสาร ความคิดสร้างสรรค์ การทำงานร่วมกับผู้อื่น — ซึ่งนักวิจัยเตือนว่าทักษะเหล่านี้คือสิ่งที่ AI แทนไม่ได้ และจะเป็น “จุดต่างสำคัญของมนุษย์ในที่ทำงานอนาคต”

    ✅ งานวิจัยสำรวจแผนพัฒนาทักษะ AI ของ 50 ประเทศ พบว่าเพียง 13 ประเทศให้ความสำคัญสูงสุด  
    • 11 ประเทศในยุโรป + เม็กซิโก + ออสเตรเลีย อยู่ในกลุ่ม “ให้ความสำคัญระดับสูง”  
    • สหรัฐ, ญี่ปุ่น และอีก 22 ประเทศ จัดอยู่ในกลุ่ม “ให้ความสำคัญระดับกลาง”

    ✅ เกณฑ์วัดระดับความพร้อม ได้แก่:  
    • เป้าหมายระดับชาติ, วิธีการดำเนินงาน, ตัวอย่างโครงการ, ตัวชี้วัดความสำเร็จ, เครื่องมือสนับสนุน, และแผนระยะเวลา

    ✅ ประเทศที่เตรียมพร้อมสูงจะมีแผนบูรณาการตั้งแต่ระดับประถม – มหาวิทยาลัย – ที่ทำงาน  
    • เยอรมนีสร้างวัฒนธรรมส่งเสริมความสนใจด้าน AI  
    • สเปนเริ่มสอนพื้นฐาน AI ตั้งแต่ระดับอนุบาล

    ✅ มากกว่าครึ่งของประเทศมีนโยบายฝึกอบรมพนักงานในองค์กรแบบเฉพาะอุตสาหกรรม  
    • หลายประเทศสร้างหลักสูตรฝึกอบรม AI สำหรับงานเฉพาะทาง เช่น การผลิต, การแพทย์, พลังงาน

    ✅ บางประเทศ (เช่นในเอเชีย) มุ่งเน้นด้านความมั่นคงและสาธารณสุข มากกว่าการพัฒนาทักษะแรงงานโดยตรง

    ✅ ทักษะ AI เริ่มกลายเป็น "ข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขัน" ระหว่างประเทศในอนาคต  
    • ใครเตรียมคนไว้ก่อน = พร้อมเข้าสู่เศรษฐกิจใหม่ก่อน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/25/the-world-is-preparing-for-the-age-of-ai-in-the-workplace-but-not-at-the-same-pace
    มีงานวิจัยจาก University of Georgia วิเคราะห์แผนยุทธศาสตร์ด้าน AI ของ 50 ประเทศทั่วโลก โดยเน้นเรื่อง “การเตรียมคน” ผ่านนโยบายด้านการศึกษาและอาชีวะ ฝั่งยุโรป (เช่น เยอรมนี สเปน) ดูจะนำหน้าชัดเจน เพราะให้ความสำคัญสูงมากในเรื่อง lifelong learning และการฝึกอบรม AI สำหรับแรงงานทุกช่วงวัย ในขณะที่สหรัฐ, ญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศอยู่ในกลุ่ม “ให้ความสำคัญระดับกลาง” คือรู้ว่า AI สำคัญ แต่ยังไม่มีแผนจัดเต็มในระดับชาติเหมือนยุโรป สิ่งที่น่าสนใจคือ มีเพียง “13 จาก 50 ประเทศ” เท่านั้นที่ให้ AI training อยู่ในระดับความสำคัญสูงสุด — และมีเพียงบางประเทศเท่านั้นที่กล้าเริ่มสอน AI ตั้งแต่ชั้นประถมหรืออนุบาลเลย แต่แม้จะพูดถึง AI เป็นเรื่องใหญ่ สิ่งหนึ่งที่กลับถูกมองข้ามคือ “soft skills” แบบมนุษย์ เช่น การสื่อสาร ความคิดสร้างสรรค์ การทำงานร่วมกับผู้อื่น — ซึ่งนักวิจัยเตือนว่าทักษะเหล่านี้คือสิ่งที่ AI แทนไม่ได้ และจะเป็น “จุดต่างสำคัญของมนุษย์ในที่ทำงานอนาคต” ✅ งานวิจัยสำรวจแผนพัฒนาทักษะ AI ของ 50 ประเทศ พบว่าเพียง 13 ประเทศให้ความสำคัญสูงสุด   • 11 ประเทศในยุโรป + เม็กซิโก + ออสเตรเลีย อยู่ในกลุ่ม “ให้ความสำคัญระดับสูง”   • สหรัฐ, ญี่ปุ่น และอีก 22 ประเทศ จัดอยู่ในกลุ่ม “ให้ความสำคัญระดับกลาง” ✅ เกณฑ์วัดระดับความพร้อม ได้แก่:   • เป้าหมายระดับชาติ, วิธีการดำเนินงาน, ตัวอย่างโครงการ, ตัวชี้วัดความสำเร็จ, เครื่องมือสนับสนุน, และแผนระยะเวลา ✅ ประเทศที่เตรียมพร้อมสูงจะมีแผนบูรณาการตั้งแต่ระดับประถม – มหาวิทยาลัย – ที่ทำงาน   • เยอรมนีสร้างวัฒนธรรมส่งเสริมความสนใจด้าน AI   • สเปนเริ่มสอนพื้นฐาน AI ตั้งแต่ระดับอนุบาล ✅ มากกว่าครึ่งของประเทศมีนโยบายฝึกอบรมพนักงานในองค์กรแบบเฉพาะอุตสาหกรรม   • หลายประเทศสร้างหลักสูตรฝึกอบรม AI สำหรับงานเฉพาะทาง เช่น การผลิต, การแพทย์, พลังงาน ✅ บางประเทศ (เช่นในเอเชีย) มุ่งเน้นด้านความมั่นคงและสาธารณสุข มากกว่าการพัฒนาทักษะแรงงานโดยตรง ✅ ทักษะ AI เริ่มกลายเป็น "ข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขัน" ระหว่างประเทศในอนาคต   • ใครเตรียมคนไว้ก่อน = พร้อมเข้าสู่เศรษฐกิจใหม่ก่อน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/25/the-world-is-preparing-for-the-age-of-ai-in-the-workplace-but-not-at-the-same-pace
    WWW.THESTAR.COM.MY
    The world is preparing for the age of AI in the workplace, but not at the same pace
    There's no doubt that artificial intelligence will profoundly transform the job market in the coming decades. But how are governments preparing their citizens for this revolution?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สมศักดิ์” ลงนามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม(กัญชา) เน้นควบคุมเฉพาะส่วนของช่อดอกกัญชา ผู้ซื้อต้องมีใบรับรองแพทย์ ผู้จำหน่ายต้องเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมฯ ห้ามโฆษณาออนไลน์ ทุกช่องทางการค้า มีผลบังคับหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา

    กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เปิดรับฟังความคิดเห็น (ร่าง) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องสมุนไพรควบคุม(กัญชา) พ.ศ.2568 ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. – 5 มิ.ย.2568 และมีการขยายการรับฟังความคิดเห็นไปจนถึงวันที่ 15 มิ.ย.2568 รวมระยะเวลา 25 วัน โดยร้อยละ 59 เห็นด้วยกับร่างประกาศดังกล่าว และได้เสนอนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงนาม ซึ่งนายสมศักดิ์ลงนามเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2568 ที่ผ่านมา

    ทั้งนี้ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม(กัญชา) พ.ศ.2568 เป็นการปรับปรุงจากประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม(กัญชา) พ.ศ.2565 ลงวันที่ 11 พ.ย.2565 ที่กำหนดให้กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุมที่มีค่าต่อการศึกษาหรือวิจัย หรือมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบันประกอบกับปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายใดมาใช้ควบคุมเป็นการเฉพาะ เพื่อมิให้ใช้ไปในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ จึงควรมีการควบคุมไม่ให้นำกัญชาเฉพาะส่วนที่เป้นช่อดอกไปใช้ในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ของการใช้ประโยชน์จากสมุนไพรดังกล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/qol/detail/9680000059522

    #Thaitimes #MGROnline #ประกาศกระทรวงสาธารณสุข #สมุนไพรควบคุม #กัญชา
    “สมศักดิ์” ลงนามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม(กัญชา) เน้นควบคุมเฉพาะส่วนของช่อดอกกัญชา ผู้ซื้อต้องมีใบรับรองแพทย์ ผู้จำหน่ายต้องเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมฯ ห้ามโฆษณาออนไลน์ ทุกช่องทางการค้า มีผลบังคับหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา • กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เปิดรับฟังความคิดเห็น (ร่าง) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องสมุนไพรควบคุม(กัญชา) พ.ศ.2568 ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. – 5 มิ.ย.2568 และมีการขยายการรับฟังความคิดเห็นไปจนถึงวันที่ 15 มิ.ย.2568 รวมระยะเวลา 25 วัน โดยร้อยละ 59 เห็นด้วยกับร่างประกาศดังกล่าว และได้เสนอนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงนาม ซึ่งนายสมศักดิ์ลงนามเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2568 ที่ผ่านมา • ทั้งนี้ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม(กัญชา) พ.ศ.2568 เป็นการปรับปรุงจากประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม(กัญชา) พ.ศ.2565 ลงวันที่ 11 พ.ย.2565 ที่กำหนดให้กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุมที่มีค่าต่อการศึกษาหรือวิจัย หรือมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบันประกอบกับปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายใดมาใช้ควบคุมเป็นการเฉพาะ เพื่อมิให้ใช้ไปในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ จึงควรมีการควบคุมไม่ให้นำกัญชาเฉพาะส่วนที่เป้นช่อดอกไปใช้ในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ของการใช้ประโยชน์จากสมุนไพรดังกล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/qol/detail/9680000059522 • #Thaitimes #MGROnline #ประกาศกระทรวงสาธารณสุข #สมุนไพรควบคุม #กัญชา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สมศักดิ์” ลงนามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม(กัญชา) เน้นควบคุมเฉพาะส่วนของช่อดอกกัญชา ผู้ซื้อต้องมีใบรับรองแพทย์ ผู้จำหน่ายต้องเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมฯ ห้ามโฆษณาออนไลน์ ทุกช่องทางการค้า มีผลบังคับหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000059522

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    “สมศักดิ์” ลงนามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม(กัญชา) เน้นควบคุมเฉพาะส่วนของช่อดอกกัญชา ผู้ซื้อต้องมีใบรับรองแพทย์ ผู้จำหน่ายต้องเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมฯ ห้ามโฆษณาออนไลน์ ทุกช่องทางการค้า มีผลบังคับหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000059522 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 387 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปกติเราคุ้นกับ 3D printer ที่พิมพ์ของเล่น ชิ้นส่วนรถ หรือแม้แต่บ้านทั้งหลังใช่ไหมครับ? แต่โปรเจกต์นี้กลับสวนทาง ด้วยการพิมพ์ “โครงสร้างขนาดเล็กจิ๋ว” จนต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ดูถึงจะเห็น เพราะเส้นผ่านศูนย์กลางของเลเซอร์ที่ใช้พิมพ์นั้น บางกว่าเส้นผมถึง 10 เท่า

    วิธีที่เขาใช้คือเทคนิค “Two-Photon Polymerization” (2PP) คือการยิงลำแสงเลเซอร์ที่เข้มมากเป็นพิเศษในช่วงพัลส์สั้น ๆ ทำให้วัสดุโพลิเมอร์เกิดปฏิกิริยาเฉพาะจุด กลายเป็นชิ้นงานแบบสามมิติ และสามารถ ควบคุมให้ดูดซับเสียงเฉพาะความถี่ได้ ด้วยการออกแบบรูปร่างภายในได้ละเอียดสุด ๆ — เรียกว่า “Phononic Metamaterials”

    สิ่งที่เจ๋งคือ ผลลัพธ์นี้สามารถต่อยอดไปใช้ในงานป้องกันเสียง เช่น ในอาคารขนาดใหญ่ หรืองานทางการแพทย์ก็ได้เหมือนกัน อย่างการดูดซับเสียงภายในร่างกายเพื่อใช้กับอุปกรณ์ตรวจวินิจฉัย

    ตอนนี้ยังต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ ไม่ใช่ 3D printer บ้าน ๆ ที่เรามี แต่มันบอกใบ้ว่าอีกไม่นาน เราจะเห็นการพิมพ์ระดับนาโนแบบ customized ได้ด้วยตัวเอง ก็เป็นได้

    ✅ นักวิทยาศาสตร์ใช้เทคนิค “Two-Photon Polymerization” สร้างโครงสร้าง 3D ขนาดนาโน  
    • ใช้เลเซอร์พัลส์เข้มสูง ยิงจุดเฉพาะในวัสดุ  
    • เส้นผ่านศูนย์กลางของเลเซอร์บางกว่าเส้นผม 10 เท่า

    ✅ โครงสร้างนี้เป็น “Phononic Metamaterials” — ใช้ดูดซับเสียงเฉพาะความถี่ได้  
    • ปรับรูปร่างในระดับนาโนเพื่อคอนโทรลพฤติกรรมเสียง  
    • ศักยภาพต่อยอดสูงในงานอาคาร, การแพทย์, หุ่นยนต์จิ๋ว

    ✅ นักวิจัยทดลองหลายรูปแบบโครงสร้างเพื่อศึกษาและหาทางใช้งานที่เหมาะสมในอนาคต  
    • อาจใช้สร้างวัสดุกำบังเสียงแบบใหม่  
    • ใช้ตรวจสอบระดับจุลภาคในร่างกายผ่านการสะท้อนคลื่น

    ✅ แม้ยังใช้กับ 3D printer ทั่วไปไม่ได้ แต่ถือเป็น proof of concept สำคัญในวงการนาโนพิมพ์  
    • มีโอกาสพัฒนาเป็นเครื่องต้นแบบสำหรับอุตสาหกรรมระดับสูงในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/3d-printing/3d-printed-structures-10-times-thinner-than-a-human-hair-extremely-intense-laser-pulses-bring-3d-printing-closer-to-ant-mans-quantum-realm
    ปกติเราคุ้นกับ 3D printer ที่พิมพ์ของเล่น ชิ้นส่วนรถ หรือแม้แต่บ้านทั้งหลังใช่ไหมครับ? แต่โปรเจกต์นี้กลับสวนทาง ด้วยการพิมพ์ “โครงสร้างขนาดเล็กจิ๋ว” จนต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ดูถึงจะเห็น เพราะเส้นผ่านศูนย์กลางของเลเซอร์ที่ใช้พิมพ์นั้น บางกว่าเส้นผมถึง 10 เท่า วิธีที่เขาใช้คือเทคนิค “Two-Photon Polymerization” (2PP) คือการยิงลำแสงเลเซอร์ที่เข้มมากเป็นพิเศษในช่วงพัลส์สั้น ๆ ทำให้วัสดุโพลิเมอร์เกิดปฏิกิริยาเฉพาะจุด กลายเป็นชิ้นงานแบบสามมิติ และสามารถ ควบคุมให้ดูดซับเสียงเฉพาะความถี่ได้ ด้วยการออกแบบรูปร่างภายในได้ละเอียดสุด ๆ — เรียกว่า “Phononic Metamaterials” สิ่งที่เจ๋งคือ ผลลัพธ์นี้สามารถต่อยอดไปใช้ในงานป้องกันเสียง เช่น ในอาคารขนาดใหญ่ หรืองานทางการแพทย์ก็ได้เหมือนกัน อย่างการดูดซับเสียงภายในร่างกายเพื่อใช้กับอุปกรณ์ตรวจวินิจฉัย ตอนนี้ยังต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ ไม่ใช่ 3D printer บ้าน ๆ ที่เรามี แต่มันบอกใบ้ว่าอีกไม่นาน เราจะเห็นการพิมพ์ระดับนาโนแบบ customized ได้ด้วยตัวเอง ก็เป็นได้ ✅ นักวิทยาศาสตร์ใช้เทคนิค “Two-Photon Polymerization” สร้างโครงสร้าง 3D ขนาดนาโน   • ใช้เลเซอร์พัลส์เข้มสูง ยิงจุดเฉพาะในวัสดุ   • เส้นผ่านศูนย์กลางของเลเซอร์บางกว่าเส้นผม 10 เท่า ✅ โครงสร้างนี้เป็น “Phononic Metamaterials” — ใช้ดูดซับเสียงเฉพาะความถี่ได้   • ปรับรูปร่างในระดับนาโนเพื่อคอนโทรลพฤติกรรมเสียง   • ศักยภาพต่อยอดสูงในงานอาคาร, การแพทย์, หุ่นยนต์จิ๋ว ✅ นักวิจัยทดลองหลายรูปแบบโครงสร้างเพื่อศึกษาและหาทางใช้งานที่เหมาะสมในอนาคต   • อาจใช้สร้างวัสดุกำบังเสียงแบบใหม่   • ใช้ตรวจสอบระดับจุลภาคในร่างกายผ่านการสะท้อนคลื่น ✅ แม้ยังใช้กับ 3D printer ทั่วไปไม่ได้ แต่ถือเป็น proof of concept สำคัญในวงการนาโนพิมพ์   • มีโอกาสพัฒนาเป็นเครื่องต้นแบบสำหรับอุตสาหกรรมระดับสูงในอนาคต https://www.tomshardware.com/3d-printing/3d-printed-structures-10-times-thinner-than-a-human-hair-extremely-intense-laser-pulses-bring-3d-printing-closer-to-ant-mans-quantum-realm
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..มโนเลยว่า,วัคซีนโควิดมันออกฤทธิ์แล้ว,คนไทยหลายคนทำการรักษาบำบัดแบบไม่เป็นข่าวจำนวนมากและสารพัดโรคมีมาแปลกๆด้วย คนเดียวเป็นมากกว่า1โรคหรือ2โรคซึ่งผิดปกติก่อนมีโควิดมากและก่อนคนไทยจะเริ่มรับวัคซีนโควิด,
    ..หากได้นายกฯคนใหม่แบบมาทางพิเศษฉุกเฉินหรือสุดซอยยึดอำนาจโดยประขาชนโดยมาทหารยืนเคียงข้างร่วมกัน แล้วประกาศชัดอย่างเป็นทางการว่า วัคซีนโควิดที่คนไทยรับไปคือภัยคุกคามร้ายแรงต่อสุขภาพคือภาวะสงครามชีวภาพฉุกเฉินเพื่อเยี่ยวบาดแผลและพิษร้ายของอาวุธได้ตรงจุดรับมือถูกทางด้วย.,การรักษาก็จะมารอบด้านสาระพัดทางเพื่อกำจัดโรคร่วมกันในคนไทยเราด้วยผู้นำผู้ปกครองนายกฯที่มาจากภาคประชาชนรักคนไทยจริงมิใช่รักอำนาจทางการเมืองเพื่อคตโกงทุจริตตังแผ่นดินและสัญญาข้อตกลงต่างๆให้ตนได้มาซึ่งผลประโยชน์อันมหาศาลในภาวะอำนาจตำแหน่งที่ตนถือครองเพื่อกระทำชั่วเลวทั้งแบบอ้างกฎหมายอย่างชอบธรรมเพราะกูสั่งให้เขียนกฎหมายเข้าข้างกูเองเปิดทางให้กูเอง,กฎหมายมากมายจึงต้องฉีกทิ้งด้วยอำนาจพืเศษทันทีได้เช่นกัน,หากอำนาจปกติด้วยสันดานนิสัยเดิมของสถาบันนักการเมืองฝันไปเลยมันจะแก้ไขเพราะเจ้าสัวเอย นายใหญ่มันเองในระบบราชการไทยที่ส่งคนของมันแบบมันคุมจะจัดการสมุนแบบกูแน่,นี้คือวิถีปกครองที่ล้มเหลว เช่นผู้ปกครองสั่งนำเข้าวัคซีนโควิดมาฉีดในไทยนี้ล่ะ,กัญชาเสรียังวิจัยพิษภัยถึง5ปี,เหี้ยวัคซีนไม่มีงานวิจัยว่าปลอดภัยอะไร100%เลย,ปัจจุบันความจริงมากมายแฉออกมาทั่วโลกแต่รัฐบาลไทยกลับทำตาบอดหูหนวกขององค์รูรอบรู้จากข่าวสารจริงทั่วโลก ไม่บอกกล่าวความจริงอะไรแก่ประชาชนอย่างเป็นทางการผ่านอำนาจรัฐตน,พิษวัคซีนมีคดีความที่ชนะในแต่ละประเทศมากมาย,บริษัทวัคซีนก็ยอมรับผิดจริงเป็นข่าวออกมาแล้ว,วงการแพทย์ไทยก็ปล่อยปะละเลยไม่ยอมรับต้นเหตุของสารก่อโรคจริง,ระบุแค่สภาวะโรคที่เกิดหลังคนไทยตายจริงไปแล้ว,น่าอนาถบนวิถีผู้นำผู้ปกครองที่กากในอดีตสิ้นดี,ทรยศคนไทยจริง เป็นภัยคุกคามในชีวิตคนไทยจริงด้วย คนไทยตายหมดแผ่นดินนี้ก็จะถูกยึดครองโดยคนชาติอื่นทันทีและเสียอธิปไตยแบบไม่ต้องรบเลยก็ได้ เดินมายึดเนียนก็ยังได้กว่าเขมรปะทะพรมแดนไทยในขณะนี้อีก,โรคมากมายมาจากต่าวด้าว คนไทยภูมิคุ้มกันตกต่ำก็เป็นสาระพัดโรคได้สบาย,ปัจจุบันพ่อแม่เสียชีวิตก่อนเด็กเยาวชนได้เป็นไม่น้อย เจ็บป่วยทำงานปกติลำบากพักงานลาพักตรึมสูญเสียงานสูญเสียรายได้มาจ่ายค่าอาหารค่าข้าวค่าน้ำค่าไฟฟ้า โดยเฉพาะสังคมเมืองเงินคือปัจจัยจำเป็นสำคัญสิ่งแรกนอกจากตังมารักษาตนเองจากสาระพัดโรคต่างๆ,เอดส์ มะเร็ง ฝีดาษ งูสวัด และอีก1,291โรคสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาหากกำแพงป้องกันอ่อนแอคือnkcellตนตกต่ำลง,ชาวบ้านประชาชนคือเหยื่อผู้บริสุทธิ์ในสงครามนี้,ผู้นำนายกฯที่สั่งฉีดวัคซีนยุคนั้นๆและถึงปัจจุบันต้องรับผิดชอบเพราะสมคบคิดกันชัดเจนเจตนาก้าวข้ามศพคนไทยเหยียบย่ำความเจ็บป่วยคนไทยไม่เยียวยาดูแลให้ถูกทางเพื่อกำจัดโรค,ตัดงบประมาณมากมายอีก ทำกำไรหารายได้ค้าความตายค้ายาค้าชีวิตคนด้วยการเจ็บป่วยของคนไทย,หากไม่เกิดเรื่องพรมแดน เรื่องถีบกระบวนการรักษาคนไทยที่ฟรีจะเริ่มถูกกำจัดทิ้ง คนไทยจะเริ่มเสียตังเป็นอันมากเองเพื่อรักษาตัวเอง,กำไรมหาศาลจะตกแก่กิจการบริษัทยาและโรงพยาบาลที่เป็นทั้งของรัฐและเอกชน ยิ่งเอกชนในตลาดหุ้นยิ่งยินดีมากรายได้กำไรจะทวีคูณทันที,
    ..แค่เรามีนายกฯคนใหม่จะพลิกทันที,ระบบการรักษาสามารถฟรีตลอดชีพทุกๆโรคก็ได้,อย่าลืมว่าสมุนไพรไทยมันสกัดทางยาเทียบคุณภาพทางเคมีได้สบาย,ทำให้สะดวกต่อการรักษาหลากหลายวิธี,คนไทยมีสุขภาพดี มีแรงสร้างชาติไทยร่วมกันมีแรงทำงานมีแรงค้าขายมีสมองร่างกายไม่เจ็บป่วย ลูกหลายไม่กำพร้าพ่อแม่จากการเสียชีวิต อยู่ร่วมในครบหน้าพร้อมครอบครัวอย่างมีความสุขเบิกบานร่าเริง การเรียนวิชาก็เล่าเรียนฟรีสูงสุดในระบบยุคล้ำๆได้ เด็กๆเล่าเรียนไร้ภาวะค่าเล่าเรียนค่าใช้จ่ายใดๆ,ผู้ปกครองมีทุนสัมมาอาชีพกู้ยืมไร้ดอกเบี้ยมีแหล่งตังอหล่งเงินทุนไปประกอบอาชีพได้อิสระ,ทั้งประเทศขับเคลื่อนได้หมด,มิใช่แบบปัจจุบันนี้ทั้งตายผ่อนส่งบาดเจ็บด้วยโรคภัยจากอาวุธชีวะภาพอักเสบทั้งทางร่างกายและจิตใจของตนเองและคนที่ตนรักตนห่วงหรือรักษาตน,กังวลค่ารักษาพยาบาลตังไม่มีไปหาหมอเดินทางออกจากบ้านก็ใช้ตังหมด,รถรับส่งสาธารณะฟรีๆก็ไม่มีในแต่ละชุมชนหมู่บ้านสู่ตัวเมืองตัวจังหวัดซึ่งเราประเทศต้องมีบริการแล้ว,แม้ใครจะมีรถเป็นของตนเองก็ตาม,สุดท้ายทุกๆคนมาใช้บริการฟรีๆรับส่งสาธารณะเข้าตัวจังหวัดอำเภอ เชื้อเพลิงก็ประหยัดเป็นภาพรวม.รถไฟฟ้าพลังกลจลน์ศักย์ไอน้ำไฮโดรเจนหรือแม่เหล็กมอเตอร์ลมแสงอาทิตย์ฟรีๆตรึมมีอันมาก นี้คือวิสัยทัศน์ของผู้นำผู้ปกครองมิใช่กระตุ้นการทำกำไรสร้างรายได้ให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งคณะใดคณะหนึ่งบริษัทกิจการผูกขาดใดผูกขาดหนึ่ง,ที่ผ่านมาประเทศเรามีวิถีปกครองที่ล้มเหลว,วัคซีนคือสงครามชีวภาพก็นำมาฆ่ามาทำลายคนไทยตนเองมันอำมหิตมาก.

    https://youtu.be/ddHrCkhNABY?si=zC0Gcs5TnYylt_TU
    ..มโนเลยว่า,วัคซีนโควิดมันออกฤทธิ์แล้ว,คนไทยหลายคนทำการรักษาบำบัดแบบไม่เป็นข่าวจำนวนมากและสารพัดโรคมีมาแปลกๆด้วย คนเดียวเป็นมากกว่า1โรคหรือ2โรคซึ่งผิดปกติก่อนมีโควิดมากและก่อนคนไทยจะเริ่มรับวัคซีนโควิด, ..หากได้นายกฯคนใหม่แบบมาทางพิเศษฉุกเฉินหรือสุดซอยยึดอำนาจโดยประขาชนโดยมาทหารยืนเคียงข้างร่วมกัน แล้วประกาศชัดอย่างเป็นทางการว่า วัคซีนโควิดที่คนไทยรับไปคือภัยคุกคามร้ายแรงต่อสุขภาพคือภาวะสงครามชีวภาพฉุกเฉินเพื่อเยี่ยวบาดแผลและพิษร้ายของอาวุธได้ตรงจุดรับมือถูกทางด้วย.,การรักษาก็จะมารอบด้านสาระพัดทางเพื่อกำจัดโรคร่วมกันในคนไทยเราด้วยผู้นำผู้ปกครองนายกฯที่มาจากภาคประชาชนรักคนไทยจริงมิใช่รักอำนาจทางการเมืองเพื่อคตโกงทุจริตตังแผ่นดินและสัญญาข้อตกลงต่างๆให้ตนได้มาซึ่งผลประโยชน์อันมหาศาลในภาวะอำนาจตำแหน่งที่ตนถือครองเพื่อกระทำชั่วเลวทั้งแบบอ้างกฎหมายอย่างชอบธรรมเพราะกูสั่งให้เขียนกฎหมายเข้าข้างกูเองเปิดทางให้กูเอง,กฎหมายมากมายจึงต้องฉีกทิ้งด้วยอำนาจพืเศษทันทีได้เช่นกัน,หากอำนาจปกติด้วยสันดานนิสัยเดิมของสถาบันนักการเมืองฝันไปเลยมันจะแก้ไขเพราะเจ้าสัวเอย นายใหญ่มันเองในระบบราชการไทยที่ส่งคนของมันแบบมันคุมจะจัดการสมุนแบบกูแน่,นี้คือวิถีปกครองที่ล้มเหลว เช่นผู้ปกครองสั่งนำเข้าวัคซีนโควิดมาฉีดในไทยนี้ล่ะ,กัญชาเสรียังวิจัยพิษภัยถึง5ปี,เหี้ยวัคซีนไม่มีงานวิจัยว่าปลอดภัยอะไร100%เลย,ปัจจุบันความจริงมากมายแฉออกมาทั่วโลกแต่รัฐบาลไทยกลับทำตาบอดหูหนวกขององค์รูรอบรู้จากข่าวสารจริงทั่วโลก ไม่บอกกล่าวความจริงอะไรแก่ประชาชนอย่างเป็นทางการผ่านอำนาจรัฐตน,พิษวัคซีนมีคดีความที่ชนะในแต่ละประเทศมากมาย,บริษัทวัคซีนก็ยอมรับผิดจริงเป็นข่าวออกมาแล้ว,วงการแพทย์ไทยก็ปล่อยปะละเลยไม่ยอมรับต้นเหตุของสารก่อโรคจริง,ระบุแค่สภาวะโรคที่เกิดหลังคนไทยตายจริงไปแล้ว,น่าอนาถบนวิถีผู้นำผู้ปกครองที่กากในอดีตสิ้นดี,ทรยศคนไทยจริง เป็นภัยคุกคามในชีวิตคนไทยจริงด้วย คนไทยตายหมดแผ่นดินนี้ก็จะถูกยึดครองโดยคนชาติอื่นทันทีและเสียอธิปไตยแบบไม่ต้องรบเลยก็ได้ เดินมายึดเนียนก็ยังได้กว่าเขมรปะทะพรมแดนไทยในขณะนี้อีก,โรคมากมายมาจากต่าวด้าว คนไทยภูมิคุ้มกันตกต่ำก็เป็นสาระพัดโรคได้สบาย,ปัจจุบันพ่อแม่เสียชีวิตก่อนเด็กเยาวชนได้เป็นไม่น้อย เจ็บป่วยทำงานปกติลำบากพักงานลาพักตรึมสูญเสียงานสูญเสียรายได้มาจ่ายค่าอาหารค่าข้าวค่าน้ำค่าไฟฟ้า โดยเฉพาะสังคมเมืองเงินคือปัจจัยจำเป็นสำคัญสิ่งแรกนอกจากตังมารักษาตนเองจากสาระพัดโรคต่างๆ,เอดส์ มะเร็ง ฝีดาษ งูสวัด และอีก1,291โรคสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาหากกำแพงป้องกันอ่อนแอคือnkcellตนตกต่ำลง,ชาวบ้านประชาชนคือเหยื่อผู้บริสุทธิ์ในสงครามนี้,ผู้นำนายกฯที่สั่งฉีดวัคซีนยุคนั้นๆและถึงปัจจุบันต้องรับผิดชอบเพราะสมคบคิดกันชัดเจนเจตนาก้าวข้ามศพคนไทยเหยียบย่ำความเจ็บป่วยคนไทยไม่เยียวยาดูแลให้ถูกทางเพื่อกำจัดโรค,ตัดงบประมาณมากมายอีก ทำกำไรหารายได้ค้าความตายค้ายาค้าชีวิตคนด้วยการเจ็บป่วยของคนไทย,หากไม่เกิดเรื่องพรมแดน เรื่องถีบกระบวนการรักษาคนไทยที่ฟรีจะเริ่มถูกกำจัดทิ้ง คนไทยจะเริ่มเสียตังเป็นอันมากเองเพื่อรักษาตัวเอง,กำไรมหาศาลจะตกแก่กิจการบริษัทยาและโรงพยาบาลที่เป็นทั้งของรัฐและเอกชน ยิ่งเอกชนในตลาดหุ้นยิ่งยินดีมากรายได้กำไรจะทวีคูณทันที, ..แค่เรามีนายกฯคนใหม่จะพลิกทันที,ระบบการรักษาสามารถฟรีตลอดชีพทุกๆโรคก็ได้,อย่าลืมว่าสมุนไพรไทยมันสกัดทางยาเทียบคุณภาพทางเคมีได้สบาย,ทำให้สะดวกต่อการรักษาหลากหลายวิธี,คนไทยมีสุขภาพดี มีแรงสร้างชาติไทยร่วมกันมีแรงทำงานมีแรงค้าขายมีสมองร่างกายไม่เจ็บป่วย ลูกหลายไม่กำพร้าพ่อแม่จากการเสียชีวิต อยู่ร่วมในครบหน้าพร้อมครอบครัวอย่างมีความสุขเบิกบานร่าเริง การเรียนวิชาก็เล่าเรียนฟรีสูงสุดในระบบยุคล้ำๆได้ เด็กๆเล่าเรียนไร้ภาวะค่าเล่าเรียนค่าใช้จ่ายใดๆ,ผู้ปกครองมีทุนสัมมาอาชีพกู้ยืมไร้ดอกเบี้ยมีแหล่งตังอหล่งเงินทุนไปประกอบอาชีพได้อิสระ,ทั้งประเทศขับเคลื่อนได้หมด,มิใช่แบบปัจจุบันนี้ทั้งตายผ่อนส่งบาดเจ็บด้วยโรคภัยจากอาวุธชีวะภาพอักเสบทั้งทางร่างกายและจิตใจของตนเองและคนที่ตนรักตนห่วงหรือรักษาตน,กังวลค่ารักษาพยาบาลตังไม่มีไปหาหมอเดินทางออกจากบ้านก็ใช้ตังหมด,รถรับส่งสาธารณะฟรีๆก็ไม่มีในแต่ละชุมชนหมู่บ้านสู่ตัวเมืองตัวจังหวัดซึ่งเราประเทศต้องมีบริการแล้ว,แม้ใครจะมีรถเป็นของตนเองก็ตาม,สุดท้ายทุกๆคนมาใช้บริการฟรีๆรับส่งสาธารณะเข้าตัวจังหวัดอำเภอ เชื้อเพลิงก็ประหยัดเป็นภาพรวม.รถไฟฟ้าพลังกลจลน์ศักย์ไอน้ำไฮโดรเจนหรือแม่เหล็กมอเตอร์ลมแสงอาทิตย์ฟรีๆตรึมมีอันมาก นี้คือวิสัยทัศน์ของผู้นำผู้ปกครองมิใช่กระตุ้นการทำกำไรสร้างรายได้ให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งคณะใดคณะหนึ่งบริษัทกิจการผูกขาดใดผูกขาดหนึ่ง,ที่ผ่านมาประเทศเรามีวิถีปกครองที่ล้มเหลว,วัคซีนคือสงครามชีวภาพก็นำมาฆ่ามาทำลายคนไทยตนเองมันอำมหิตมาก. https://youtu.be/ddHrCkhNABY?si=zC0Gcs5TnYylt_TU
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนทันยาฮูมุ่งหน้าไปที่ศูนย์การแพทย์โซโรคาที่ได้รับความเสียหาย

    'เรากำลังโจมตีเป้าหมายของโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธ และพวกเขากำลังโจมตีวอร์ดเด็กหรือโรงพยาบาลของอิหร่าน'

    'นั่นบอกทุกอย่างให้คุณทราบ'
    เนทันยาฮูมุ่งหน้าไปที่ศูนย์การแพทย์โซโรคาที่ได้รับความเสียหาย 'เรากำลังโจมตีเป้าหมายของโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธ และพวกเขากำลังโจมตีวอร์ดเด็กหรือโรงพยาบาลของอิหร่าน' 'นั่นบอกทุกอย่างให้คุณทราบ'
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ทหารอิสราเอลทำลายอุปกรณ์การแพทย์ในโรงพยาบาลในกาซาอย่างไม่ละอาย
    ทหารอิสราเอลทำลายอุปกรณ์การแพทย์ในโรงพยาบาลในกาซาอย่างไม่ละอาย
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 236 มุมมอง 35 0 รีวิว
  • "Uriel Buso" รัฐมนตรีสาธารณสุขอิสราเอล ประณามการโจมตีศูนย์การแพทย์โซโรคาด้วยขีปนาวุธของอิหร่าน โดยเรียกการโจมตีครั้งนี้ว่าเป็น “อาชญากรรมสงคราม” และ “การก่อการร้าย”
    "Uriel Buso" รัฐมนตรีสาธารณสุขอิสราเอล ประณามการโจมตีศูนย์การแพทย์โซโรคาด้วยขีปนาวุธของอิหร่าน โดยเรียกการโจมตีครั้งนี้ว่าเป็น “อาชญากรรมสงคราม” และ “การก่อการร้าย”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..คนดีๆคนบริสุทธิ์ของทั้งสองฝ่ายไม่สมควรเป็นเครื่องมือให้อีลิทdeep state,นี้ล่ะจึงสมควรให้นักเรียนเยาวชนไทยเรารับรู้ความจริงได้เรียนรู้ว่าคนชั่วเลวนั่นมีอยู่จริงปะปนบนโลกของเราและสามารถทำลายสันติภาพความสุขความสงบของทุกๆสังคมชุมชนใดๆก็ได้ที่คนชั่วเลวมีตัวตนอยู่และเราประเทศไทยไม่ให้คนไทยรับการศึกษาค่าจริงนี้เลย.ปกปิดและปิดบัง.,ล่วงรู้ไม่ทันกาลแผนชั่วเลวมันได้.,ปกครองในสถานะโง่ของประชาชนคนไทยนั่นเองแบบแดกบ่อน้ำมันไทยจนร่ำรวยไง,ให้สถานะบัตรคนจนยากจนแก่คนส่วนใหญ่ของประเทศไทยตน.


    ❗️ขีปนาวุธพิสัยไกลของอิหร่านโจมตีศูนย์การแพทย์โซโรคาในอิสราเอลตอนใต้ ก่อให้เกิดความเสียหายมหาศาล

    ภาพจาก IRNA
    ..คนดีๆคนบริสุทธิ์ของทั้งสองฝ่ายไม่สมควรเป็นเครื่องมือให้อีลิทdeep state,นี้ล่ะจึงสมควรให้นักเรียนเยาวชนไทยเรารับรู้ความจริงได้เรียนรู้ว่าคนชั่วเลวนั่นมีอยู่จริงปะปนบนโลกของเราและสามารถทำลายสันติภาพความสุขความสงบของทุกๆสังคมชุมชนใดๆก็ได้ที่คนชั่วเลวมีตัวตนอยู่และเราประเทศไทยไม่ให้คนไทยรับการศึกษาค่าจริงนี้เลย.ปกปิดและปิดบัง.,ล่วงรู้ไม่ทันกาลแผนชั่วเลวมันได้.,ปกครองในสถานะโง่ของประชาชนคนไทยนั่นเองแบบแดกบ่อน้ำมันไทยจนร่ำรวยไง,ให้สถานะบัตรคนจนยากจนแก่คนส่วนใหญ่ของประเทศไทยตน. ❗️ขีปนาวุธพิสัยไกลของอิหร่านโจมตีศูนย์การแพทย์โซโรคาในอิสราเอลตอนใต้ ก่อให้เกิดความเสียหายมหาศาล ภาพจาก IRNA
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เจ้าหน้าที่อิหร่านบุกจับกุมสายลับอิสราเอลคนสำคัญพร้อมลูกชายได้ที่เมือง Khorramabad

    สายลับรายนี้ฉากหน้ามีอาชีพเป็นแพทย์ จัดเป็นสายลับคนสำคัญที่คอยเฝ้าติดตามฐานยิงขีปนาวุธของกองทัพอิหร่าน

    เจ้าหน้าที่อิหร่านพบโดรนขนาดเล็กประมาณ 300 ลำ ซุกซ่อนอยู่ในเขตพื้นที่บ้านพักของเขา

    เขาดัดแปลงหลังคาที่พักเพื่อใช้ในการปล่อยโดรนออกไปปฏิบัติภารกิจในทิศทางเมือง Khorramabad
    เจ้าหน้าที่อิหร่านบุกจับกุมสายลับอิสราเอลคนสำคัญพร้อมลูกชายได้ที่เมือง Khorramabad สายลับรายนี้ฉากหน้ามีอาชีพเป็นแพทย์ จัดเป็นสายลับคนสำคัญที่คอยเฝ้าติดตามฐานยิงขีปนาวุธของกองทัพอิหร่าน เจ้าหน้าที่อิหร่านพบโดรนขนาดเล็กประมาณ 300 ลำ ซุกซ่อนอยู่ในเขตพื้นที่บ้านพักของเขา เขาดัดแปลงหลังคาที่พักเพื่อใช้ในการปล่อยโดรนออกไปปฏิบัติภารกิจในทิศทางเมือง Khorramabad
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • แฟนคลับละครจีนย้อนยุคกำลังภายในจะเห็นว่ามียาผงชนิดหนึ่งที่ตัวละครส่วนใหญ่มีพกติดตัวไว้โรยแผล เพื่อนเพจสงสัยกันบ้างหรือไม่ มันคือยาอะไร? ทำไมมีแผลอะไรก็เอาออกมาโรย? ไม่แน่ใจว่านิยายจีนฉบับแปลไทยมีชื่อเรียกยานี้หรือไม่ แต่ฉบับภาษาจีนจะเรียกยานี้ว่า จินชวงเย่า (金疮药)

    ความมีอยู่ว่า
    ... “ท่านหัวหน้ากองเฉิง ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่?” จินเซี่ยถาม
    “ไม่เป็นไร ได้ยินมาว่าท่านมือปราบหยวนได้รับบาดเจ็บ นี้คือยาจินชวงเย่าที่ในวังทำขึ้นเพื่อหน่วยองครักษ์โดยเฉพาะ ดีกว่าข้างนอก ทาแล้วแผลจะสมานได้สมบูรณ์” เฉิงฝูกล่าวพลางวางขวดยาไว้บนโต๊ะ....

    - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ยอดองครักษ์เสื้อแพร>

    จินชวงเย่าเป็นผงยาที่ใช้สำหรับบาดแผล มีสรรพคุณห้ามเลือด แก้อักเสบและสมานแผล สูตรยาอาจมีส่วนผสมแตกต่างกันไป แต่เรียกโดยรวมว่าจินชวงเย่า และจินชวงเย่าที่มีชื่อที่สุดในสมัยราชวงศ์ชิง เพราะว่ากันว่าระงับเลือดได้ชะงัดทันใจที่สุด มีชื่อเรียกว่า “เตาเจียนเย่า” (刀尖药)

    จินชวงเย่ามีตัวยาที่สำคัญมากคือ “หลงกู่” (龙骨 แปลว่ากระดูกมังกร) แต่มันไม่ใช่กระดูกของมังกรจริงๆ “หลงกู่” เป็นการเรียกรวมซากกระดูกโบราณที่ขุดพบ เช่นกระดองเต่า กระดูกวัว เป็นต้น (ดูภาพประกอบขวาล่าง) ว่ากันว่า ตอนที่ค้นพบซากกระดูกโบราณเหล่านี้ คนที่ค้นพบพยายามใช้มีดขูดลวดลายบนกระดูกออกด้วยความสงสัย แต่โดนมีดบาดมือ แต่ผงที่ขูดออกจากซากกระดูกกลับทำให้เลือดหยุดไหลได้ทันที จึงเอากระดูกเหล่านี้ไปขายให้ร้านยา จึงเป็นที่มาของการค้นพบว่าผงของหลงกู่บดละเอียดคือตัวยาสำคัญที่มีสรรพคุณห้ามเลือดและลดการอักเสบของจินชวงเย่านั่นเอง

    ประวัติของจินชวงเย่ามีมานานตั้งแต่เมื่อใด Storyฯ ก็หาข้อมูลไม่พบ แต่ที่แน่ๆ คือมีบันทึกถึงจินชวงเย่าไว้ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ่ง (ค.ศ. 960–1279) และใช้กันอย่างแพร่หลายในสมัยราชวงศ์ชิง (ค.ศ. 1636-1912) สาเหตุที่ใช้กันมากในสมัยราชวงศ์ชิงนั้น เป็นเพราะในสมัยชิงต้องมีการโกนหัวจึงมักมีบาดแผลจากมีดโกน จินชวงเย่าจึงกลายเป็นยาสามัญประจำบ้าน

    และในยุคสมัยราชวงศ์ชิงนั้นเองที่จินชวงเย่าสาบสูญไป เหตุเพราะมีขุนนางชั้นผู้ใหญ่ผู้ดูแลงานอักษรนามว่า หวางอี้หรง สังเกตเห็นว่าเทียบยาของตนนั้นมียาหลงกู่ แต่เขาไม่รู้จักมัน จึงเรียกเอามาดู และสังเกตเห็นว่าลวดลายบนหลงกู่ที่แท้เป็นอักขระโบราณ แม้เขาอ่านไม่ออกแต่เชื่อว่ามันเป็นโบราณวัตถุอันทรงคุณค่า จึงออกกว้านซื้อเพื่อเก็บรักษาและใช้ศึกษาประวัติศาสตร์ ต่อมาในราชสำนักมีการทำอย่างนี้อย่างเป็นทางการ หลงกู่จึงมีราคาสูงมากและขาดตลาดไป ไม่สามารถนำมาใช้ทำจินชวงเย่าอีกต่อไป และด้วยตอนนั้นมีวิวัฒนาการด้านการแพทย์มากขึ้น จึงมีการคิดค้นตัวยาอื่นๆ มาทดแทน จึงเลิกใช้ผงยาจินชวงเย่าที่มีแก่นยามาจากหลงกู่จนมันสาบสูญไป (Storyฯ สงสัยว่าแล้วใช้กระดูกทั่วไปแทนไม่ได้หรืออย่างไร แต่หาคำตอบไม่ได้)

    ปัจจุบันมีการยืนยันแล้วว่าอักขระบนหลงกู่ ก็คืออักษรโบราณสมัยราชวงศ์ซาง (ประมาณปี1200–1050 ก่อนคริสตกาล) กระดูกเหล่านี้ถูกใช้บันทึกพิธีกรรมทางศาสนาที่สำคัญในยุคสมัยนั้น รวมถึงผลของพิธีทำนายต่างๆ และเหตุการณ์ทางด้านดาราศาสตร์ โหราศาสตร์ ฝรั่งเรียกกระดูกเหล่านี้ว่า Oracle Bones

    ที่บ้าน Storyฯ มีผงยาห้ามเลือดของจีน แต่ไม่รู้ชื่อและส่วนผสม แต่หน้าตาให้ความรู้สึกเหมือนจินชวงเย่ามาก เวลาดูหนังจีนมักมโนว่ามันคือยาเดียวกัน แต่วันนี้รู้แล้วว่ามันคงทำมาจากส่วนผสมอื่น เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายๆ คนคงมียาที่ว่านี้ที่บ้านเหมือนกัน ใครมีข้อมูลว่ามันคืออะไรก็มาเล่าสู่กันฟังได้นะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ ติดตามได้ที่ @StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    http://siaoyin.com/Info/8157030203451210773
    https://www.sohu.com/a/458843590_120172967
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.youtube.com/watch?v=U5NtRnOis9Y
    https://www.163.com/dy/article/G6S7ODGT05439D1U.html
    https://www.bilibili.com/read/cv10911896
    https://www.nms.ac.uk/explore-our-collections/stories/world-cultures/oracle-bones/

    #ยอดองครักษ์เสื้อแพร #ยาจีนโบราณ #ยาห้ามเลือดจีน #วัฒนธรรมจีนโบราณ #หลงกู่ #ราชวงศ์ชิง #จินเซี่ย #ใต้เท้าลู่ #จินชวงเย่า
    แฟนคลับละครจีนย้อนยุคกำลังภายในจะเห็นว่ามียาผงชนิดหนึ่งที่ตัวละครส่วนใหญ่มีพกติดตัวไว้โรยแผล เพื่อนเพจสงสัยกันบ้างหรือไม่ มันคือยาอะไร? ทำไมมีแผลอะไรก็เอาออกมาโรย? ไม่แน่ใจว่านิยายจีนฉบับแปลไทยมีชื่อเรียกยานี้หรือไม่ แต่ฉบับภาษาจีนจะเรียกยานี้ว่า จินชวงเย่า (金疮药) ความมีอยู่ว่า ... “ท่านหัวหน้ากองเฉิง ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่?” จินเซี่ยถาม “ไม่เป็นไร ได้ยินมาว่าท่านมือปราบหยวนได้รับบาดเจ็บ นี้คือยาจินชวงเย่าที่ในวังทำขึ้นเพื่อหน่วยองครักษ์โดยเฉพาะ ดีกว่าข้างนอก ทาแล้วแผลจะสมานได้สมบูรณ์” เฉิงฝูกล่าวพลางวางขวดยาไว้บนโต๊ะ.... - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ยอดองครักษ์เสื้อแพร> จินชวงเย่าเป็นผงยาที่ใช้สำหรับบาดแผล มีสรรพคุณห้ามเลือด แก้อักเสบและสมานแผล สูตรยาอาจมีส่วนผสมแตกต่างกันไป แต่เรียกโดยรวมว่าจินชวงเย่า และจินชวงเย่าที่มีชื่อที่สุดในสมัยราชวงศ์ชิง เพราะว่ากันว่าระงับเลือดได้ชะงัดทันใจที่สุด มีชื่อเรียกว่า “เตาเจียนเย่า” (刀尖药) จินชวงเย่ามีตัวยาที่สำคัญมากคือ “หลงกู่” (龙骨 แปลว่ากระดูกมังกร) แต่มันไม่ใช่กระดูกของมังกรจริงๆ “หลงกู่” เป็นการเรียกรวมซากกระดูกโบราณที่ขุดพบ เช่นกระดองเต่า กระดูกวัว เป็นต้น (ดูภาพประกอบขวาล่าง) ว่ากันว่า ตอนที่ค้นพบซากกระดูกโบราณเหล่านี้ คนที่ค้นพบพยายามใช้มีดขูดลวดลายบนกระดูกออกด้วยความสงสัย แต่โดนมีดบาดมือ แต่ผงที่ขูดออกจากซากกระดูกกลับทำให้เลือดหยุดไหลได้ทันที จึงเอากระดูกเหล่านี้ไปขายให้ร้านยา จึงเป็นที่มาของการค้นพบว่าผงของหลงกู่บดละเอียดคือตัวยาสำคัญที่มีสรรพคุณห้ามเลือดและลดการอักเสบของจินชวงเย่านั่นเอง ประวัติของจินชวงเย่ามีมานานตั้งแต่เมื่อใด Storyฯ ก็หาข้อมูลไม่พบ แต่ที่แน่ๆ คือมีบันทึกถึงจินชวงเย่าไว้ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ่ง (ค.ศ. 960–1279) และใช้กันอย่างแพร่หลายในสมัยราชวงศ์ชิง (ค.ศ. 1636-1912) สาเหตุที่ใช้กันมากในสมัยราชวงศ์ชิงนั้น เป็นเพราะในสมัยชิงต้องมีการโกนหัวจึงมักมีบาดแผลจากมีดโกน จินชวงเย่าจึงกลายเป็นยาสามัญประจำบ้าน และในยุคสมัยราชวงศ์ชิงนั้นเองที่จินชวงเย่าสาบสูญไป เหตุเพราะมีขุนนางชั้นผู้ใหญ่ผู้ดูแลงานอักษรนามว่า หวางอี้หรง สังเกตเห็นว่าเทียบยาของตนนั้นมียาหลงกู่ แต่เขาไม่รู้จักมัน จึงเรียกเอามาดู และสังเกตเห็นว่าลวดลายบนหลงกู่ที่แท้เป็นอักขระโบราณ แม้เขาอ่านไม่ออกแต่เชื่อว่ามันเป็นโบราณวัตถุอันทรงคุณค่า จึงออกกว้านซื้อเพื่อเก็บรักษาและใช้ศึกษาประวัติศาสตร์ ต่อมาในราชสำนักมีการทำอย่างนี้อย่างเป็นทางการ หลงกู่จึงมีราคาสูงมากและขาดตลาดไป ไม่สามารถนำมาใช้ทำจินชวงเย่าอีกต่อไป และด้วยตอนนั้นมีวิวัฒนาการด้านการแพทย์มากขึ้น จึงมีการคิดค้นตัวยาอื่นๆ มาทดแทน จึงเลิกใช้ผงยาจินชวงเย่าที่มีแก่นยามาจากหลงกู่จนมันสาบสูญไป (Storyฯ สงสัยว่าแล้วใช้กระดูกทั่วไปแทนไม่ได้หรืออย่างไร แต่หาคำตอบไม่ได้) ปัจจุบันมีการยืนยันแล้วว่าอักขระบนหลงกู่ ก็คืออักษรโบราณสมัยราชวงศ์ซาง (ประมาณปี1200–1050 ก่อนคริสตกาล) กระดูกเหล่านี้ถูกใช้บันทึกพิธีกรรมทางศาสนาที่สำคัญในยุคสมัยนั้น รวมถึงผลของพิธีทำนายต่างๆ และเหตุการณ์ทางด้านดาราศาสตร์ โหราศาสตร์ ฝรั่งเรียกกระดูกเหล่านี้ว่า Oracle Bones ที่บ้าน Storyฯ มีผงยาห้ามเลือดของจีน แต่ไม่รู้ชื่อและส่วนผสม แต่หน้าตาให้ความรู้สึกเหมือนจินชวงเย่ามาก เวลาดูหนังจีนมักมโนว่ามันคือยาเดียวกัน แต่วันนี้รู้แล้วว่ามันคงทำมาจากส่วนผสมอื่น เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายๆ คนคงมียาที่ว่านี้ที่บ้านเหมือนกัน ใครมีข้อมูลว่ามันคืออะไรก็มาเล่าสู่กันฟังได้นะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ ติดตามได้ที่ @StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: http://siaoyin.com/Info/8157030203451210773 https://www.sohu.com/a/458843590_120172967 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.youtube.com/watch?v=U5NtRnOis9Y https://www.163.com/dy/article/G6S7ODGT05439D1U.html https://www.bilibili.com/read/cv10911896 https://www.nms.ac.uk/explore-our-collections/stories/world-cultures/oracle-bones/ #ยอดองครักษ์เสื้อแพร #ยาจีนโบราณ #ยาห้ามเลือดจีน #วัฒนธรรมจีนโบราณ #หลงกู่ #ราชวงศ์ชิง #จินเซี่ย #ใต้เท้าลู่ #จินชวงเย่า
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 262 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพียงแค่ปิดด่านชั่วคราว ก็ช่วยลดคดีค้ามนุษย์ คอลเซ็นเตอร์ ลงได้เยอะ แถมลดภาระแพทย์พยาบาลในการรักษาชาวเหมนที่ไอ้สมเสร็จไม่มีปัญญาดูแล ลดการใช้จ่ายภาษีคนไทยรักษาคนทรยศ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #แสกมเมอร์กัมพูชา
    #แค่เลิกคบก็พบทางสว่าง
    เพียงแค่ปิดด่านชั่วคราว ก็ช่วยลดคดีค้ามนุษย์ คอลเซ็นเตอร์ ลงได้เยอะ แถมลดภาระแพทย์พยาบาลในการรักษาชาวเหมนที่ไอ้สมเสร็จไม่มีปัญญาดูแล ลดการใช้จ่ายภาษีคนไทยรักษาคนทรยศ #คิงส์โพธิ์แดง #แสกมเมอร์กัมพูชา #แค่เลิกคบก็พบทางสว่าง
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • มะเร็งยังคงเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนทั่วโลกมากที่สุด หนึ่งในเหตุผลสำคัญคือคนส่วนใหญ่มักตรวจพบเมื่อสายเกินไป แต่ตอนนี้...ทีมวิจัยจาก Johns Hopkins นำโดย ดร.ยวี่ซวน หวัง (Dr. Yuxuan Wang) ได้เปิดเผยผลงานในวารสาร Cancer Discovery ว่าเขาสามารถตรวจพบ "DNA ของเนื้องอก" ในเลือดได้ ล่วงหน้า 3 ปี ก่อนที่อาการจะปรากฏชัด

    พวกเขาศึกษาตัวอย่างพลาสมาเลือด 52 รายที่เคยบริจาคไว้ในการศึกษาก่อนหน้า พบว่า 8 รายมีผลตรวจ “บวก” ด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า MCED (Multicancer Early Detection test) และสุดท้ายทั้ง 8 รายถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งจริงภายใน 4 เดือน!

    ยิ่งน่าทึ่งคือ ในบางราย ทีมงานมีตัวอย่างเลือดย้อนหลังไปถึง 3.5 ปีก่อนวินิจฉัย และพบ "การกลายพันธุ์ของ DNA ที่ชี้ถึงมะเร็ง" ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว… ทั้งหมดนี้เกิดจากการตรวจหา ctDNA (circulating tumor DNA) หรือเศษดีเอ็นเอที่เซลล์เนื้องอกปล่อยออกสู่กระแสเลือด

    อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ MCED ยังไม่ผ่านการรับรองจาก FDA และมีราคาหลักหลายร้อยดอลลาร์ แถมประกันสุขภาพส่วนใหญ่ยังไม่ครอบคลุม และ American Cancer Society ก็เตือนว่า ผลตรวจ "บวก" ยังไม่ใช่ข้อยืนยันว่าคุณเป็นมะเร็งจริง ๆ

    แต่ที่แน่ ๆ งานนี้อาจกลายเป็นก้าวแรกของ “การตรวจสุขภาพแบบล้ำอนาคต” ที่ไม่ต้องรออาการ แค่เจาะเลือดก็รู้!

    ✅ ทีมวิจัย Johns Hopkins พัฒนาเทคนิคตรวจเลือดเพื่อหา DNA จากเนื้องอก (ctDNA)  
    • ใช้วิธี MCED (Multicancer Early Detection)  
    • ตรวจพบความผิดปกติได้ล่วงหน้าถึง 3.5 ปี ก่อนมีอาการ

    ✅ ผลการทดลองเบื้องต้น: มีผู้ที่ตรวจพบผลบวก 8 ราย และได้รับการวินิจฉัยมะเร็งจริงภายใน 4 เดือน  
    • ยืนยันว่าการตรวจ ctDNA อาจใช้ช่วยวินิจฉัยล่วงหน้าได้จริง

    ✅ วิธีการศึกษาคือวิเคราะห์พลาสมาเลือดย้อนหลังที่เก็บไว้จากโครงการวิจัยอื่น  
    • โดยเปรียบเทียบเลือดจากกลุ่มที่ป่วยกับกลุ่มไม่ป่วย

    ✅ บทความตีพิมพ์ในวารสาร Cancer Discovery  
    • นำโดย ดร. ยวี่ซวน หวัง จากมหาวิทยาลัย Johns Hopkins

    ‼️ MCED ยังไม่ผ่านการรับรองจาก FDA และไม่ครอบคลุมโดยประกันส่วนใหญ่  
    • การตรวจนี้ยังถือเป็นการวิจัย ไม่ใช่บริการทางการแพทย์ทั่วไป  
    • อาจมีต้นทุนหลักหลายร้อยดอลลาร์ต่อครั้ง

    ‼️ ผลตรวจ “บวก” ของ MCED ยังไม่ถือเป็นหลักฐานยืนยันการเป็นมะเร็ง  
    • ต้องใช้ร่วมกับการวินิจฉัยแบบดั้งเดิม เช่น CT scan, MRI หรือการตรวจชิ้นเนื้อ  
    • อาจเกิด “ผลบวกลวง (False Positive)” และสร้างความวิตกโดยไม่จำเป็น

    ‼️ ข้อมูลชุดทดสอบยังน้อยเกินไปที่จะใช้กับประชากรทั่วไปได้ทันที  
    • กลุ่มตัวอย่างในงานวิจัยมีเพียง 52 ราย

    ‼️ การวิเคราะห์ ctDNA มีความซับซ้อนและต้องการห้องปฏิบัติการเฉพาะทาง  
    • ยังไม่สามารถให้บริการได้ในโรงพยาบาลทั่วไป

    https://wccftech.com/this-blood-test-can-detect-cancer-tumors-years-before-clinical-symptoms-develop-claims-a-new-study/
    มะเร็งยังคงเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนทั่วโลกมากที่สุด หนึ่งในเหตุผลสำคัญคือคนส่วนใหญ่มักตรวจพบเมื่อสายเกินไป แต่ตอนนี้...ทีมวิจัยจาก Johns Hopkins นำโดย ดร.ยวี่ซวน หวัง (Dr. Yuxuan Wang) ได้เปิดเผยผลงานในวารสาร Cancer Discovery ว่าเขาสามารถตรวจพบ "DNA ของเนื้องอก" ในเลือดได้ ล่วงหน้า 3 ปี ก่อนที่อาการจะปรากฏชัด พวกเขาศึกษาตัวอย่างพลาสมาเลือด 52 รายที่เคยบริจาคไว้ในการศึกษาก่อนหน้า พบว่า 8 รายมีผลตรวจ “บวก” ด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า MCED (Multicancer Early Detection test) และสุดท้ายทั้ง 8 รายถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งจริงภายใน 4 เดือน! ยิ่งน่าทึ่งคือ ในบางราย ทีมงานมีตัวอย่างเลือดย้อนหลังไปถึง 3.5 ปีก่อนวินิจฉัย และพบ "การกลายพันธุ์ของ DNA ที่ชี้ถึงมะเร็ง" ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว… ทั้งหมดนี้เกิดจากการตรวจหา ctDNA (circulating tumor DNA) หรือเศษดีเอ็นเอที่เซลล์เนื้องอกปล่อยออกสู่กระแสเลือด อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ MCED ยังไม่ผ่านการรับรองจาก FDA และมีราคาหลักหลายร้อยดอลลาร์ แถมประกันสุขภาพส่วนใหญ่ยังไม่ครอบคลุม และ American Cancer Society ก็เตือนว่า ผลตรวจ "บวก" ยังไม่ใช่ข้อยืนยันว่าคุณเป็นมะเร็งจริง ๆ แต่ที่แน่ ๆ งานนี้อาจกลายเป็นก้าวแรกของ “การตรวจสุขภาพแบบล้ำอนาคต” ที่ไม่ต้องรออาการ แค่เจาะเลือดก็รู้! ✅ ทีมวิจัย Johns Hopkins พัฒนาเทคนิคตรวจเลือดเพื่อหา DNA จากเนื้องอก (ctDNA)   • ใช้วิธี MCED (Multicancer Early Detection)   • ตรวจพบความผิดปกติได้ล่วงหน้าถึง 3.5 ปี ก่อนมีอาการ ✅ ผลการทดลองเบื้องต้น: มีผู้ที่ตรวจพบผลบวก 8 ราย และได้รับการวินิจฉัยมะเร็งจริงภายใน 4 เดือน   • ยืนยันว่าการตรวจ ctDNA อาจใช้ช่วยวินิจฉัยล่วงหน้าได้จริง ✅ วิธีการศึกษาคือวิเคราะห์พลาสมาเลือดย้อนหลังที่เก็บไว้จากโครงการวิจัยอื่น   • โดยเปรียบเทียบเลือดจากกลุ่มที่ป่วยกับกลุ่มไม่ป่วย ✅ บทความตีพิมพ์ในวารสาร Cancer Discovery   • นำโดย ดร. ยวี่ซวน หวัง จากมหาวิทยาลัย Johns Hopkins ‼️ MCED ยังไม่ผ่านการรับรองจาก FDA และไม่ครอบคลุมโดยประกันส่วนใหญ่   • การตรวจนี้ยังถือเป็นการวิจัย ไม่ใช่บริการทางการแพทย์ทั่วไป   • อาจมีต้นทุนหลักหลายร้อยดอลลาร์ต่อครั้ง ‼️ ผลตรวจ “บวก” ของ MCED ยังไม่ถือเป็นหลักฐานยืนยันการเป็นมะเร็ง   • ต้องใช้ร่วมกับการวินิจฉัยแบบดั้งเดิม เช่น CT scan, MRI หรือการตรวจชิ้นเนื้อ   • อาจเกิด “ผลบวกลวง (False Positive)” และสร้างความวิตกโดยไม่จำเป็น ‼️ ข้อมูลชุดทดสอบยังน้อยเกินไปที่จะใช้กับประชากรทั่วไปได้ทันที   • กลุ่มตัวอย่างในงานวิจัยมีเพียง 52 ราย ‼️ การวิเคราะห์ ctDNA มีความซับซ้อนและต้องการห้องปฏิบัติการเฉพาะทาง   • ยังไม่สามารถให้บริการได้ในโรงพยาบาลทั่วไป https://wccftech.com/this-blood-test-can-detect-cancer-tumors-years-before-clinical-symptoms-develop-claims-a-new-study/
    WCCFTECH.COM
    This Blood Test Can Detect Cancer Tumors Years Before Clinical Symptoms Develop, Claims A New Study
    Despite a lack of approval from the FDA, MCED tests can play a critical ancillary role in the early diagnosis of cancer.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • สัปดาห์ที่แล้วพูดเรื่องยาโรยแผล วันนี้เลยมาคุยเรื่องอาวุธ
    Storyฯ เคยเล่าถึงชุดมัจฉาบินขององครักษ์เสื้อแพรไปแล้ว วันนี้คุยกันเรื่องสัญลักษณ์ประจำตัวอีกอย่างหนึ่งขององครักษ์เสื้อแพรอันเลื่องชื่อแห่งราชวงศ์หมิง ซึ่งก็คือดาบซิ่วชุน (绣春刀) ซึ่งเป็นดาบพระราชทาน

    ความมีอยู่ว่า
    ... ผู้ตรวจราชการเฝิงมิกล่าวกระไร เพียงหยิบดาบที่วางอยู่ข้างหน้าขึ้นมา มันเป็นดาบเรียวยาวปลายโค้งเล็กน้อย เบาแต่แข็งแกร่งคล่องมือ สะดวกต่อการใช้ประมือในระยะใกล้ เขาจ้องมองมันคล้ายกำลังรำลึกถึงความหลัง ดวงตาเริ่มทอประกายความพลุ่งพล่านในใจ เพียงสะกิดตรงคอดาบ เสียงครืดก็ดังขึ้นพร้อมกับใบดาบอันคมกริบโผล่ขึ้นมาครึ่งศอก ผู้ตรวจราชการเฝิงใช้นิ้วไล้ไปบนใบดาบพร้อมกับเอ่ยเบาๆ กับตนเอง “ดาบซิ่วชุน... อา... ดาบซิ่วชุน ต้องรออีกนานเท่าใด ความงดงามอหังการ์ของเจ้าจึงจะได้ปรากฎต่อสายตาผู้คนอีกครา?” ...

    - จากเรื่อง <เสื้อแพรเหินราตรี> ผู้แต่ง เยวี่ยกวน
    (หมายเหตุ ละครเรื่อง Braveness of The Ming ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้ เข้าใจว่ายังไม่เข้าฉาย)

    ว่ากันว่า ดาบซิ่วชุนทำจากเหล็กกล้าและอาจมีส่วนผสมอื่น ผ่านการ ‘ตีพันครั้งเผาร้อยครั้ง’ ขึ้นชื่อเรื่องความคมกริบ สามารถใช้บั่นหัวม้าได้ เหมาะกับการต่อสู้แบบประชิดตัวทั้งมือเดียวและสองมือ และยังสะดวกต่อการสู้รบบนหลังม้า ผู้ที่ตำแหน่งยิ่งสูงเนื้อดาบยิ่งบริสุทธิ์และลวดลายบนดาบยิ่งวิจิตร (เป็นที่มาของคำว่า ‘ซิ่วชุน’ แปลว่า ‘ลายปักวสันต์’) ลักษณะของดาบเป็นไปตามคำบรรยายในนิยายข้างต้น

    เห็นรูปดาบซิ่วชุนบนเน็ตมากมาย แต่เพื่อนเพจทราบหรือไม่ว่า จริงๆ แล้วไม่เคยมีการค้นพบของจริง เป็นเพียงการจำลองขึ้นตามคำบรรยายที่มีการจารึกไว้ ดังนั้นในความเห็นของ Storyฯ ดาบซิ่วชุนเป็นอาวุธที่ทั้งไม่ลึกลับและลึกลับ ที่ว่าไม่ลึกลับเพราะเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง แต่ที่ว่าลึกลับก็เพราะว่าไม่มีใครเคยเห็นของจริงนั่นเอง

    แล้วใครกันล่ะที่มีสิทธิ์ใช้? บางบันทึกบอกว่า เนื่องจากเป็นดาบพระราชทานจึงต้องเป็นผู้ที่มีตำแหน่งสูงในหน่วยองครักษ์เสื้อแพรเท่านั้นจึงจะมีใช้ และบางบันทึกกล่าวว่ากองทหารรักษาพระองค์อวี้หลิน (御林军) ก็มีใช้ดาบซิ่วชุน นอกจากนี้ยังเคยมีบันทึกว่ามีแพทย์หลวงผู้หนึ่งนามว่าอู๋เจี๋ยในรัชสมัยขององค์จูโฮ่วเจ้า (ฮ่องเต้เจิ้งเต๋อแห่งราชวงศ์หมิง ค.ศ. 1491-1521) มีผลงานโดดเด่นจนได้รับพระราชทานชุดลายพยัคฆ์พร้อมดาบซิ่วชุน

    ดาบซิ่วชุนที่แท้จริงหน้าตาเป็นอย่างไร? ใครนอกเหนือจากองครักษ์เสื้อแพรใช้ได้บ้าง? ไม่มีใครรู้แน่ชัด เพียงแต่กล่าวขานกันว่าเป็นดาบที่งามวิจิตรและมีอานุภาพร้ายแรง สมศักดิ์ศรีองครักษ์เสื้อแพรอันน่าเกรงขามแห่งราชวงศ์หมิง

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ ติดตามได้ที่ @StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.163.com/dy/article/EIJJNHRH05377G1M.html, https://kknews.cc/zh-my/history/zr5b99p.html
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://ishare.ifeng.com/c/s/7jdz4ruaDa2
    https://baike.baidu.com/item/%E7%BB%A3%E6%98%A5%E5%88%80/75656
    https://zh.wikipedia.org/wiki/%E7%B9%A1%E6%98%A5%E5%88%80

    #องครักษ์เสื้อแพร #ดาบซิ่วชุน #ราชวงศ์หมิง StoryfromStory
    สัปดาห์ที่แล้วพูดเรื่องยาโรยแผล วันนี้เลยมาคุยเรื่องอาวุธ Storyฯ เคยเล่าถึงชุดมัจฉาบินขององครักษ์เสื้อแพรไปแล้ว วันนี้คุยกันเรื่องสัญลักษณ์ประจำตัวอีกอย่างหนึ่งขององครักษ์เสื้อแพรอันเลื่องชื่อแห่งราชวงศ์หมิง ซึ่งก็คือดาบซิ่วชุน (绣春刀) ซึ่งเป็นดาบพระราชทาน ความมีอยู่ว่า ... ผู้ตรวจราชการเฝิงมิกล่าวกระไร เพียงหยิบดาบที่วางอยู่ข้างหน้าขึ้นมา มันเป็นดาบเรียวยาวปลายโค้งเล็กน้อย เบาแต่แข็งแกร่งคล่องมือ สะดวกต่อการใช้ประมือในระยะใกล้ เขาจ้องมองมันคล้ายกำลังรำลึกถึงความหลัง ดวงตาเริ่มทอประกายความพลุ่งพล่านในใจ เพียงสะกิดตรงคอดาบ เสียงครืดก็ดังขึ้นพร้อมกับใบดาบอันคมกริบโผล่ขึ้นมาครึ่งศอก ผู้ตรวจราชการเฝิงใช้นิ้วไล้ไปบนใบดาบพร้อมกับเอ่ยเบาๆ กับตนเอง “ดาบซิ่วชุน... อา... ดาบซิ่วชุน ต้องรออีกนานเท่าใด ความงดงามอหังการ์ของเจ้าจึงจะได้ปรากฎต่อสายตาผู้คนอีกครา?” ... - จากเรื่อง <เสื้อแพรเหินราตรี> ผู้แต่ง เยวี่ยกวน (หมายเหตุ ละครเรื่อง Braveness of The Ming ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้ เข้าใจว่ายังไม่เข้าฉาย) ว่ากันว่า ดาบซิ่วชุนทำจากเหล็กกล้าและอาจมีส่วนผสมอื่น ผ่านการ ‘ตีพันครั้งเผาร้อยครั้ง’ ขึ้นชื่อเรื่องความคมกริบ สามารถใช้บั่นหัวม้าได้ เหมาะกับการต่อสู้แบบประชิดตัวทั้งมือเดียวและสองมือ และยังสะดวกต่อการสู้รบบนหลังม้า ผู้ที่ตำแหน่งยิ่งสูงเนื้อดาบยิ่งบริสุทธิ์และลวดลายบนดาบยิ่งวิจิตร (เป็นที่มาของคำว่า ‘ซิ่วชุน’ แปลว่า ‘ลายปักวสันต์’) ลักษณะของดาบเป็นไปตามคำบรรยายในนิยายข้างต้น เห็นรูปดาบซิ่วชุนบนเน็ตมากมาย แต่เพื่อนเพจทราบหรือไม่ว่า จริงๆ แล้วไม่เคยมีการค้นพบของจริง เป็นเพียงการจำลองขึ้นตามคำบรรยายที่มีการจารึกไว้ ดังนั้นในความเห็นของ Storyฯ ดาบซิ่วชุนเป็นอาวุธที่ทั้งไม่ลึกลับและลึกลับ ที่ว่าไม่ลึกลับเพราะเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง แต่ที่ว่าลึกลับก็เพราะว่าไม่มีใครเคยเห็นของจริงนั่นเอง แล้วใครกันล่ะที่มีสิทธิ์ใช้? บางบันทึกบอกว่า เนื่องจากเป็นดาบพระราชทานจึงต้องเป็นผู้ที่มีตำแหน่งสูงในหน่วยองครักษ์เสื้อแพรเท่านั้นจึงจะมีใช้ และบางบันทึกกล่าวว่ากองทหารรักษาพระองค์อวี้หลิน (御林军) ก็มีใช้ดาบซิ่วชุน นอกจากนี้ยังเคยมีบันทึกว่ามีแพทย์หลวงผู้หนึ่งนามว่าอู๋เจี๋ยในรัชสมัยขององค์จูโฮ่วเจ้า (ฮ่องเต้เจิ้งเต๋อแห่งราชวงศ์หมิง ค.ศ. 1491-1521) มีผลงานโดดเด่นจนได้รับพระราชทานชุดลายพยัคฆ์พร้อมดาบซิ่วชุน ดาบซิ่วชุนที่แท้จริงหน้าตาเป็นอย่างไร? ใครนอกเหนือจากองครักษ์เสื้อแพรใช้ได้บ้าง? ไม่มีใครรู้แน่ชัด เพียงแต่กล่าวขานกันว่าเป็นดาบที่งามวิจิตรและมีอานุภาพร้ายแรง สมศักดิ์ศรีองครักษ์เสื้อแพรอันน่าเกรงขามแห่งราชวงศ์หมิง (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ ติดตามได้ที่ @StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.163.com/dy/article/EIJJNHRH05377G1M.html, https://kknews.cc/zh-my/history/zr5b99p.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://ishare.ifeng.com/c/s/7jdz4ruaDa2 https://baike.baidu.com/item/%E7%BB%A3%E6%98%A5%E5%88%80/75656 https://zh.wikipedia.org/wiki/%E7%B9%A1%E6%98%A5%E5%88%80 #องครักษ์เสื้อแพร #ดาบซิ่วชุน #ราชวงศ์หมิง StoryfromStory
    张翰《锦衣夜行》帅出新高度!徐正溪、魏千翔、吴倩,你最期待谁
    张翰《锦衣夜行》帅出新高度!徐正溪、魏千翔、吴倩,你最期待谁,
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซินโครตรอน อว. เปิดตัว 2 นวัตกรรมล้ำสมัย “เครื่องสังเคราะห์กราฟีน” และ “เครื่องเคลือบฟิล์ม DLC” ยกระดับอุตสาหกรรมไทยในงาน Thailand Research Expo 2025

    สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ร่วมแสดงผลงานในงานมหกรรมวิจัยแห่งชาติ Thailand Research Expo 2025 ชู 2 นวัตกรรมก้าวล้ำพร้อมต่อยอดสู่การยกระดับอุตสาหกรรมไทย “เครื่องสังเคราะห์กราฟีนในระดับอุตสาหกรรม” และ “เครื่องเคลือบฟิล์มดีแอลซีสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเลียม”

    กรุงเทพฯ – สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอนได้นำผลงานมาร่วมจัดแสดงภายในงานมหกรรมวิจัยแห่งชาติ 2568 หรือ Thailand Research Expo 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-20 มิถุนายน 2568
    ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ จำนวน 2 ผลงาน คือ “เครื่องสังเคราะห์กราฟีนสู่การนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์” และ“เครื่องต้นแบบการเคลือบฟิล์มดีแอลซีสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเลียม” โดยจัดแสดงที่บูธ CL2 ภายในโซนงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรมและพัฒนาเศรษฐกิจ

    ดร.พัฒนพงศ์ จันทร์พวง หัวหน้าฝ่ายพัฒนาเทคนิคและวิศวกรรม และหัวหน้าทีมวิจัยเครื่องสังเคราะห์กราฟีนฯ กล่าวว่า “กราฟีนเป็นคาร์บอนที่มีการจัดเรียงตัวในลักษณะ 2 มิติ ทำให้มีคุณสมบัติที่แข็งแรงกว่าเหล็กกล้าถึง 200 เท่า, นำไฟฟ้าได้ดีกว่าโลหะทองแดง, น้ำหนักเบา, แผ่ความร้อนได้ดี และความยืดหยุ่นสูง จึงถูกนำไปประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยีหลากหลายด้าน เช่น อิเล็กทรอนิกส์, การก่อสร้าง, การแพทย์, และการกักเก็บพลังงาน เป็นต้น ปัจจุบันมีเทคโนโลยีในการสังเคราะห์กราฟีนหลายวิธี แต่ละวิธีก็มีข้อจำกัดแตกต่างกัน ซึ่งวิธีที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุดในการสังเคราะห์กราฟีนให้ได้ระดับอุตสาหกรรม คือวิธี Flash Joule Heating (FJH) ที่อาศัยการจ่ายกระแสไฟฟ้าแรงสูงในเวลาฉับพลันผ่านผงคาร์บอนที่ได้จากขยะ จนทำให้เกิดความร้อนสูงกว่า 2700 องศาเซลเซียส แล้วเกิดการสลายพันธะระหว่างอะตอมของคาร์บอนกับแก๊ส หลังอุณหภูมิลดลงอะตอมของคาร์บอนจะจัดเรียงตัวกันกลายเป็นกราฟีนในเสี้ยววินาที”

    “ทั้งนี้ สถาบันฯ ประสบความสำเร็จในการพัฒนาระบบสังเคราะห์กราฟีนด้วยเทคนิคความร้อนกระตุ้นแบบพัลส์ยาว (Long-Pulse Joule Heating: LPJH) ที่มีกำลังผลิตวันละ 1 กิโลกรัม โดยอ้างอิงหลักการสังเคราะห์กราฟีนโดยใช้เทคนิค FJH และได้ศึกษาและพัฒนากระบวนการสังเคราะห์กราฟีนจากขยะเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ใบอ้อยและชานอ้อยจากอุตสาหกรรมผลิตน้ำตาล อุตสาหกรรมพอลิเมอร์, เศษผ้าและเสื้อผ้าเก่าจากอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและสิ่งทอ เป็นต้น พร้อมกันนี้ได้ศึกษา พัฒนา และประยุกต์ใช้ กราฟีนที่ผลิตได้ สำหรับพัฒนาคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมก่อสร้างและคอนกรีต, อุตสาหกรรมยางและพอลิเมอร์, อุตสาหกรรมเสื้อผ้าและสิ่งทอ, อุตสาหกรรมสีเคลือบ เป็นต้น” ดร.พัฒนพงศ์ จันทร์พวง กล่าว

    อีกหนึ่งนวัตกรรมสำคัญคือ เครื่องเคลือบฟิล์มดีแอลซี (DLC) สำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ซึ่ง
    ดร.ศรายุทธ ตั้นมี หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์องค์กรและหัวหน้าทีมวิจัยเครื่องต้นแบบการเคลือบฟิล์มดีแอลซีฯ อธิบายว่า “สิ่งปนเปื้อนในน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติก่อให้เกิดการกัดกร่อนของชิ้นส่วนทางวิศวกรรมในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ส่งผลให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงในกระบวนการบำรุงรักษาทั้งการซ่อมและเปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่ และยังส่งผลให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจต่อประเทศด้วย โดยเทคโนโลยีการเคลือบฟิล์มคาร์บอนคล้ายเพชร หรือ ฟิล์มดีแอลซี (DLC) ช่วยเพิ่มสมบัติความแข็ง ต้านการสึกกร่อนและการกัดกร่อน และลดแรงเสียดทานให้กับชิ้นส่วนอุตสาหกรรมได้”

    “สถาบันฯ ได้ร่วมกับ บริษัท ปตท.สํารวจและผลิตปิโตรเลียม จํากัด (มหาชน) พัฒนาเครื่องต้นแบบการเคลือบฟิล์มดีแอลซีสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเลียมเป็นเครื่องแรกของประเทศไทย เพื่อลดต้นทุนการนำเข้าจากต่างประเทศ และยกระดับขีดความสามารถของอุตสาหกรรมไทย ให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล เครื่องต้นแบบเครื่องเคลือบฟิล์มดีแอลซีฯ นี้ ใช้เทคโนโลยีพลาสมาและการเคลือบฟิล์มด้วยเทคนิคการใช้พลาสมาเพิ่มการตกสะสมของไอเชิงเคมี (RF-PECVD) เพื่อสังเคราะห์ฟิล์มดีแอลซี และใช้เทคนิคแสงซินโครตรอนขั้นสูง Near Edge X-ray Absorption Fine Structure (NEXAFS) เพื่อวิเคราะห์โครงสร้างฟิล์มดีแอลซี และศึกษาการกระจายตัวของพันธะคาร์บอน ซึ่งฟิล์มดีแอลซีที่พัฒนาขึ้นนี้มีคุณสมบัติต้านการสึกกร่อนและการกัดกร่อนสูง เหมาะสมกับอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ช่วยลดต้นทุนการซ่อมบำรุง และสามารถทดแทนวัสดุนำเข้าราคาแพงได้” ดร.ศรายุทธ ตั้นมี กล่าว

    สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถเข้าชมทั้ง 2 นวัตกรรมของสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน ได้ที่ บูธ CL2 ในงาน Thailand Research Expo 2025 ตั้งแต่เวลา 08.30 - 17.00 น. ระหว่างวันที่ 16-20 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ
    ซินโครตรอน อว. เปิดตัว 2 นวัตกรรมล้ำสมัย “เครื่องสังเคราะห์กราฟีน” และ “เครื่องเคลือบฟิล์ม DLC” ยกระดับอุตสาหกรรมไทยในงาน Thailand Research Expo 2025 สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ร่วมแสดงผลงานในงานมหกรรมวิจัยแห่งชาติ Thailand Research Expo 2025 ชู 2 นวัตกรรมก้าวล้ำพร้อมต่อยอดสู่การยกระดับอุตสาหกรรมไทย “เครื่องสังเคราะห์กราฟีนในระดับอุตสาหกรรม” และ “เครื่องเคลือบฟิล์มดีแอลซีสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเลียม” กรุงเทพฯ – สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอนได้นำผลงานมาร่วมจัดแสดงภายในงานมหกรรมวิจัยแห่งชาติ 2568 หรือ Thailand Research Expo 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-20 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ จำนวน 2 ผลงาน คือ “เครื่องสังเคราะห์กราฟีนสู่การนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์” และ“เครื่องต้นแบบการเคลือบฟิล์มดีแอลซีสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเลียม” โดยจัดแสดงที่บูธ CL2 ภายในโซนงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรมและพัฒนาเศรษฐกิจ ดร.พัฒนพงศ์ จันทร์พวง หัวหน้าฝ่ายพัฒนาเทคนิคและวิศวกรรม และหัวหน้าทีมวิจัยเครื่องสังเคราะห์กราฟีนฯ กล่าวว่า “กราฟีนเป็นคาร์บอนที่มีการจัดเรียงตัวในลักษณะ 2 มิติ ทำให้มีคุณสมบัติที่แข็งแรงกว่าเหล็กกล้าถึง 200 เท่า, นำไฟฟ้าได้ดีกว่าโลหะทองแดง, น้ำหนักเบา, แผ่ความร้อนได้ดี และความยืดหยุ่นสูง จึงถูกนำไปประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยีหลากหลายด้าน เช่น อิเล็กทรอนิกส์, การก่อสร้าง, การแพทย์, และการกักเก็บพลังงาน เป็นต้น ปัจจุบันมีเทคโนโลยีในการสังเคราะห์กราฟีนหลายวิธี แต่ละวิธีก็มีข้อจำกัดแตกต่างกัน ซึ่งวิธีที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุดในการสังเคราะห์กราฟีนให้ได้ระดับอุตสาหกรรม คือวิธี Flash Joule Heating (FJH) ที่อาศัยการจ่ายกระแสไฟฟ้าแรงสูงในเวลาฉับพลันผ่านผงคาร์บอนที่ได้จากขยะ จนทำให้เกิดความร้อนสูงกว่า 2700 องศาเซลเซียส แล้วเกิดการสลายพันธะระหว่างอะตอมของคาร์บอนกับแก๊ส หลังอุณหภูมิลดลงอะตอมของคาร์บอนจะจัดเรียงตัวกันกลายเป็นกราฟีนในเสี้ยววินาที” “ทั้งนี้ สถาบันฯ ประสบความสำเร็จในการพัฒนาระบบสังเคราะห์กราฟีนด้วยเทคนิคความร้อนกระตุ้นแบบพัลส์ยาว (Long-Pulse Joule Heating: LPJH) ที่มีกำลังผลิตวันละ 1 กิโลกรัม โดยอ้างอิงหลักการสังเคราะห์กราฟีนโดยใช้เทคนิค FJH และได้ศึกษาและพัฒนากระบวนการสังเคราะห์กราฟีนจากขยะเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ใบอ้อยและชานอ้อยจากอุตสาหกรรมผลิตน้ำตาล อุตสาหกรรมพอลิเมอร์, เศษผ้าและเสื้อผ้าเก่าจากอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและสิ่งทอ เป็นต้น พร้อมกันนี้ได้ศึกษา พัฒนา และประยุกต์ใช้ กราฟีนที่ผลิตได้ สำหรับพัฒนาคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมก่อสร้างและคอนกรีต, อุตสาหกรรมยางและพอลิเมอร์, อุตสาหกรรมเสื้อผ้าและสิ่งทอ, อุตสาหกรรมสีเคลือบ เป็นต้น” ดร.พัฒนพงศ์ จันทร์พวง กล่าว อีกหนึ่งนวัตกรรมสำคัญคือ เครื่องเคลือบฟิล์มดีแอลซี (DLC) สำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ซึ่ง ดร.ศรายุทธ ตั้นมี หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์องค์กรและหัวหน้าทีมวิจัยเครื่องต้นแบบการเคลือบฟิล์มดีแอลซีฯ อธิบายว่า “สิ่งปนเปื้อนในน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติก่อให้เกิดการกัดกร่อนของชิ้นส่วนทางวิศวกรรมในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ส่งผลให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงในกระบวนการบำรุงรักษาทั้งการซ่อมและเปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่ และยังส่งผลให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจต่อประเทศด้วย โดยเทคโนโลยีการเคลือบฟิล์มคาร์บอนคล้ายเพชร หรือ ฟิล์มดีแอลซี (DLC) ช่วยเพิ่มสมบัติความแข็ง ต้านการสึกกร่อนและการกัดกร่อน และลดแรงเสียดทานให้กับชิ้นส่วนอุตสาหกรรมได้” “สถาบันฯ ได้ร่วมกับ บริษัท ปตท.สํารวจและผลิตปิโตรเลียม จํากัด (มหาชน) พัฒนาเครื่องต้นแบบการเคลือบฟิล์มดีแอลซีสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเลียมเป็นเครื่องแรกของประเทศไทย เพื่อลดต้นทุนการนำเข้าจากต่างประเทศ และยกระดับขีดความสามารถของอุตสาหกรรมไทย ให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล เครื่องต้นแบบเครื่องเคลือบฟิล์มดีแอลซีฯ นี้ ใช้เทคโนโลยีพลาสมาและการเคลือบฟิล์มด้วยเทคนิคการใช้พลาสมาเพิ่มการตกสะสมของไอเชิงเคมี (RF-PECVD) เพื่อสังเคราะห์ฟิล์มดีแอลซี และใช้เทคนิคแสงซินโครตรอนขั้นสูง Near Edge X-ray Absorption Fine Structure (NEXAFS) เพื่อวิเคราะห์โครงสร้างฟิล์มดีแอลซี และศึกษาการกระจายตัวของพันธะคาร์บอน ซึ่งฟิล์มดีแอลซีที่พัฒนาขึ้นนี้มีคุณสมบัติต้านการสึกกร่อนและการกัดกร่อนสูง เหมาะสมกับอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ช่วยลดต้นทุนการซ่อมบำรุง และสามารถทดแทนวัสดุนำเข้าราคาแพงได้” ดร.ศรายุทธ ตั้นมี กล่าว สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถเข้าชมทั้ง 2 นวัตกรรมของสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน ได้ที่ บูธ CL2 ในงาน Thailand Research Expo 2025 ตั้งแต่เวลา 08.30 - 17.00 น. ระหว่างวันที่ 16-20 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘คปท.’ จี้ ‘ผบ.ตร.’ ตั้ง กก.สอบ 2 แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ปมให้ข้อมูลเท็จเอื้อ ‘ทักษิณ’ นอนชั้น 14
    https://www.thai-tai.tv/news/19456/
    ‘คปท.’ จี้ ‘ผบ.ตร.’ ตั้ง กก.สอบ 2 แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ปมให้ข้อมูลเท็จเอื้อ ‘ทักษิณ’ นอนชั้น 14 https://www.thai-tai.tv/news/19456/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝีเริ่มแตก ขบวนการขายชาติมานาน จะเริ่มผุดออกมาจากน้ำหนอง และไม่เกินความคาดหมายว่า การประชุม JBC ก็เป็นแค่ละคร ยื้อเวลาของสองตระกูล ที่กำลังเดินหมากมาถึงทางตัน

    ไทยไม่เคยรับอำนาจศาลโลกมาตั้งแต่ปี 2503
    ไทยไม่เคยรับแผนที่ ที่มาตราส่วน1:200,000 ของเขมร

    แต่ตระกูลชิน ที่ไม่ใช่คนรักชาติและกลุ่มขบวนการขายชาติ ยอมรับทั้งอำนาจศาลโลกและแอบลงนาม MOU ยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ของเขมร จนทำให้ไทยต้องเสียตัวปราสาทเขาพระวิหาร ให้กับเขมร และทำให้นาย วีระ สมความคิด ต้องติดคุกในเขมร และพรรคประชาธิปัตย์ ที่นำโดยนาย อภิสิทธิ์ ต้องยอมทำตามเงื่อนไขของเขมร แค่เพื่อช่วยเหลือ สส.ตนเองไม่ให้ติดคุกที่เขมร ทำให้คนไทยเจ็บปวดใจกันทั้งประเทศ ยกเว้นแค่พรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดง ที่ดีใจที่เห็นไทยเสียตัวปราสาทเขาพระวิหารให้กับเขมร

    ขบวนการขายชาติ มีทั้งอดีตนักการฑูตไทย ที่ประจำอยู่ประเทศเขมร และนักการฑูตในปัจจุบัน รวมไปถึง รัฐมนตรี เจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมือง อัยการ ศาลและกลุ่มนายทุนเจ้าสัวเชื้อจีน ที่ขายชาติ ที่ทำงานรับใช้สองตระกูลชินกับตระกูลฮุนมานาน

    การแอบใช้เล่ห์เหลี่ยม หลอกคนไทยว่า หากเราลงนาม MOUกับเขมรและยอมรับแผนที่ของเขมรที่เขียนขึ้นมาเอง ที่อัตราส่วน 1:200,000 ไทยจะได้ประโยชน์ จากพื้นที่เขมรเพิ่มขึ้นถึง 100ตารางวา
    แต่ในความเป็นจริงคนพวกนี้ วางแผนให้เขมรได้พื้นที่ประเทศไทยทั้งแนวตะเข็บชายแดน รวมกันมากถึงกว่า 2 ล้านไร่ หากไทยยอมรับแผนที่ของเขมร ที่เขียนขึ้นมาเอง แต่พรรคเพื่อไทยและตระกูลชิน ยอมรับเงื่อนไขของเขมรทั้งหมด เพราะเป็นญาติกัน

    การประชุม JBC ให้ยืดเยื้อออกไปเรื่อยๆ ก็แค่เล่นละครปาหี่ เพื่อประวิงเวลาหาทางส่งทักษิณ หนีออกนอกประเทศไปทางเขมรให้ได้เท่านั้น ในขณะที่ลิ่วล้อของทักษิณ ที่มีทั้งรัฐมนตรีและข้าราชการขายชาติ อัยการและศาล บางกลุ่มบางตัว ในประเทศไทย ก็พยายามดิ้นรน หาวิธีช่วยเหลือทักษิณ จนสุดความสามารถ แต่ดูเหมือนว่า เกมนี้จะมีคนมองออกกันหมด และถึงเวลาที่จะจัดการสองตระกูลนี้ให้สาสม ที่บังอาจทำตัวขายชาติ จนไทยต้องเสียตัวปราสาทเขาพระวิหารให้กับเขมร

    ***รอยแค้นนี้ฝังใจลึกมาช้านาน และใกล้จะถึงเวลากวาดล้างสองตระกูลนี้ให้สิ้นซากลง แบบหมดจรดและถาวร***

    ปัญหาของตระกูลชิน คือ ทักษิณ ต้องติดคุก และ ปปช.ชี้มูลความผิดต่อแพทองธาร ในคดีดิจิตอล วอลเล็ต ที่มีความผิดชัดเจน ที่เอาเงินภาษีรัฐไปแจก และทุจริตในเชิงนโยบาย ใช้เงินภาษีแผ่นดินไปแจกหาเสียงให้พรรคตนเอง และมีเจตนาทำผิดต่อเสถียรภาพทางการเงินและการคลัง

    ประเด็นมีสองทางคือ พ่อติดคุกและตามมาด้วยลูกสาวก็ต้องติดคุกตามพ่อ

    หรือ ต้องหนีออกนอกประเทศ ทั้งพ่อและลูกสาว และยอมให้รัฐบาลใหม่ ยึดทรัพย์ทั้งหมดของตระกูล ไปเป็นสมบัติของชาติ และตามไล่เช็ดปัดกวาด ลิ่วล้อลูกกระจ๊อก พวกกลุ่มขบวนการขายชาติ ให้หมดเกลี้ยง

    นี่คือทางตันของตระกูลชิน ที่กำลังเดินทางมาถึงปากเหว แม้จะพยายามสร้างภาพว่าตระกูลของตน ยังคงมีอำนาจทางการเมืองอยู่ก็ตาม ด้วยการสร้างภาพว่า กำลังปรับ ครม.อยู่ในตอนนี้ และพรรคเพื่อไทยยังมีอิทธิพลทางการเมืองอยู่ แต่เกมนี้ก็เป็นได้แค่เพียงฉากละครสั้นๆ ที่อีกไม่นาน ละครทั้งหมดก็ต้องถึงตอนจบในอีกไม่นาน อนุทิน จะเล่นเกมไปเป็นฝ่ายค้าน หากพรรคเพื่อไทย บีบจะเอากระทรวงมหาดไทยให้ได้ และบีบให้พรรคเพื่อไทยไปจับมือกับพรรคสีส้มแทน เพื่อขึ้นมาเป็นรัฐบาล และนั่นคือระเบิดเวลา ที่จะใช้โอกาสทำลายทั้งสองพรรคในคราเดียวกัน

    พรรคสีส้มเมื่อรวมกับพรรคเพื่อไทย จัดตั้งรัฐบาล พรรคสีส้มจะกลายเป็นสัญลักษณ์พรรคขายชาติในทันทีในสายตาของประชาชน และผลงานสุดห่วยแตกของพรรคเพื่อไทย กำลังดิ่งลงเหวอย่างหนัก หากพรรคไหนยังอยากจับมือกับพรรคนี้ โอกาสสูญพันธุ์ทางการเมืองมีสูงมาก

    และพรรคเพื่อไทยก็รู้ดีว่า หากเพื่อไทยรวมกับพรรคสีส้มเมื่อไหร่ และพรรคสีส้มก็รู้ดีไม่แพ้กันว่า****โอกาสสูงมาก หากสองพรรคนี้มารวมตัวกัน การปฏิวัติรัฐประหารจะเกิดขึ้นสูงมาก***

    นี่คือเกมที่พรรคเพื่อไทยกำลังถูกบีบ ให้กลายเป็นผีสัมภเวสีทางการเมือง ในขณะที่ภาคประชาชนและกองทัพ ก็กำลังเพ่งเล็ง ถึงพฤติกรรมของแพทองธารกับนายภูมิธรรม ต่อเจตนาและมีพฤติกรรมขายชาติและเอื้อผลประโยชน์ให้กับเขมร และกำลังเดินมาจนมุม เมื่อตระกูลฮุน ญาติฝั่งเขมร ก็กำลังจะพังพินาสทั้งตระกูลเช่นกัน

    และก็เป็นความจริงตามที่คาดการณ์เอาไว้ เขมรกำลังเผชิญน้ำท่วมอย่างหนักในหลายพื้นที่ จากปรากฏการณ์ Red Rain เข้าถล่มในหลายเมือง ทำให้อาวุธของเขมรจำนวนมาก ไปติดหล่มเคลื่อนที่ไม่ได้ กองทิ้งเป็นภูเขา แถมยังเกิดตึกถล่มอีก ไฟฟ้าเริ่มติดๆขัดๆ อินเตอร์เนตก็เริ่มใช้ไม่ได้ ผู้คนและกองทัพเขมรเริ่มขาดแคลนอาหารอย่างหนัก โรคมาลาเลียและไข้เลือดออก กำลังแพร่กระจายอย่างหนักกับทหารเขมรที่อยู่แนวหน้า บ่อนคาสิโนเริ่มร้าง
    คนเขมรไม่สามารถออกมาล่าสัตว์ป่าและอาหารป่าที่จะนำไปขายได้ในฝั่งไทย ผู้คนขาดเงินอย่างหนักที่จะเดินทางไปรักษาโรคได้ สะเบียงอาหารในประเทศก็เริ่มหร่อยหรอลง

    ล่าสุดฮุนมาเนต ก็โดนประธาน EU เรียกมาด่าและตำหนิอย่างรุนแรงว่า ชอบนำภาพที่ถ่ายคู่ผู้นำไปลงfacebook แล้วสร้างภาพเท็จและหลอกลวงคนเขมร และผู้นำฝรั่งเศส ก็ไม่เคยรับรู้แผนที่กระโปกของเขมร ที่อ้างเอาชื่อฝรั่งเศส มาเขียนแผนที่อัตราส่วน 1:200,000 กับไทย แล้วบอกว่าฝรั่งเศสเป็นคนเขียเอง ซึ่งไม่เป็นความจริงสักอย่าง แถมเมื่อสืบสาวไปเรื่อยๆ ผู้นำฝรั่งเศสเอง เป็นผู้เตือนฮุนมาเนตอย่างแรง ที่เมืองนีซ ว่า ระวังจะเสียตัวปราสาทเขาพระวิหารคืนให้กับประเทศไทยนะ เพราะไทยมีลายลักษณ์อักษร ในสัญญาแบ่งเขตแดนมาตั้งแต่สมัยยุคของ ร.5 แล้ว มีเสาแบ่งเขตแดนชัดเจนร่วมกัน และฝรั่งเศสก็จะไม่ยอมรับพื้นที่อัตราส่วน 1:200,000 ของเขมรที่เขียนขึ้นมาเองด้วย

    ในขณะที่ประธาน UN ก็ออกมาซ้ำเติมตระกูลฮุนว่า เป็นเผด็จการทางการเมืองที่เลวร้ายที่สุดในภูมิภาคอาเซี่ยน เป็นตระกูลที่ผูกขาดอำนาจมานาน ใส่ร้ายและคอยทำร้ายฝ่ายค้าน เพื่ออำนาจของตระกูลตนเอง และถูก UN งดความช่วยเหลือเขมรในทุกด้านด้วย ซวยซ้ำซวยซ้อน

    ตระกูลฮุน กำลังทำให้บ้านเมืองตนเอง กำลังจะล่มจม หวังพึ่งมหาอำนาจก็ไม่มีใครสนใจสักประเทศ

    ผู้นำจีน แสดงความชัดเจน ไม่เข้าร่วมซ้อมรบทางทะเลกับเขมร เพราะรู้ไส้รู้พุงเขมรแล้ว ว่า ตระกูลฮุน ต้องเอาชื่อเสียงของจีน มาสร้างภาพให้เกิดความขัดแย้งกับไทย เลยสั่งสอนตบกะบาลตระกูลฮุน ด้วยการประกาศจะเข้าร่วมฝึกซ้อมเครื่องบินรบกับไทยในทันที

    และตามมาด้วยผู้นำอินโดนีเซีย ประกาศมีแผนจะเข้าร่วมซ้อมรบกับกองทัพไทยในอีกไม่นาน

    แต่ช้ากว่าผู้นำมาเลเซีย ที่ออกมาประกาศชัดเจนว่า จะขอเข้ามาทำการซ้อมรบทางทะเลกับกองทัพเรือไทย แถมใจดีเปิดด่านถาวรให้ไทย จากปัญหาเรื่องยาเสพติดที่มาเลเซียสั่งปิดด่านมานาน และยังขยายความร่วมมือทางการแพทย์ตามแนวชายแดนร่วมกันด้วย

    และในอีกไม่นาน การฝึกรบร่วมกันของกลุ่มประเทศอาเซี่ยน ที่จัดขึ้นในประเทศไทย ที่ไม่มีเขมร ก็กำลังจะเกิดขึ้นตามมา

    แถมยังมีข่าวดีว่า รัสเซีย พร้อมจะส่งขีปนาวุธวิสัยไกล มาให้ไทยใช้ทดสอบแข่งกับอาวุธของค่ายตะวันตก ลองยิงไปสัก3-4 ลูก ลงไปที่กรุงพนมเปญ คงจะดีนะ

    และมีข่าวแว่วๆ ที่จะเป็นจริงว่า สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ อาจเลือกกองทัพไทยเข้าฝึกซ้อมรบพิเศษร่วมกัน เหมือนจะวางรากฐานสร้างกลุ่ม NATO ในเขตภูมิถาคเอเซียในอนาคต

    ทะเลาะกับเขมรในช่วงนี้ มีแต่เรื่องดี้ดี เพราะมหาอำนาจโลกและกลุ่มประเทศของเอเซียและในอาเซี่ยน ยอมรับแสนยานุภาพทางทหารไทยกันหมดแล้ว

    ดูไปดูมา ไม่ได้มีแค่ไทย แต่เหมือนทั้งโลก กำลังช่วยกัน ถล่มซ้ำสองตระกูลนี้ ให้จมธรณีตายไปเลย
    ว่าไหม.

    CR. เดชา นฤนารท.
    15/6/68 10.32 น.
    ฝีเริ่มแตก ขบวนการขายชาติมานาน จะเริ่มผุดออกมาจากน้ำหนอง และไม่เกินความคาดหมายว่า การประชุม JBC ก็เป็นแค่ละคร ยื้อเวลาของสองตระกูล ที่กำลังเดินหมากมาถึงทางตัน ไทยไม่เคยรับอำนาจศาลโลกมาตั้งแต่ปี 2503 ไทยไม่เคยรับแผนที่ ที่มาตราส่วน1:200,000 ของเขมร แต่ตระกูลชิน ที่ไม่ใช่คนรักชาติและกลุ่มขบวนการขายชาติ ยอมรับทั้งอำนาจศาลโลกและแอบลงนาม MOU ยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ของเขมร จนทำให้ไทยต้องเสียตัวปราสาทเขาพระวิหาร ให้กับเขมร และทำให้นาย วีระ สมความคิด ต้องติดคุกในเขมร และพรรคประชาธิปัตย์ ที่นำโดยนาย อภิสิทธิ์ ต้องยอมทำตามเงื่อนไขของเขมร แค่เพื่อช่วยเหลือ สส.ตนเองไม่ให้ติดคุกที่เขมร ทำให้คนไทยเจ็บปวดใจกันทั้งประเทศ ยกเว้นแค่พรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดง ที่ดีใจที่เห็นไทยเสียตัวปราสาทเขาพระวิหารให้กับเขมร ขบวนการขายชาติ มีทั้งอดีตนักการฑูตไทย ที่ประจำอยู่ประเทศเขมร และนักการฑูตในปัจจุบัน รวมไปถึง รัฐมนตรี เจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมือง อัยการ ศาลและกลุ่มนายทุนเจ้าสัวเชื้อจีน ที่ขายชาติ ที่ทำงานรับใช้สองตระกูลชินกับตระกูลฮุนมานาน การแอบใช้เล่ห์เหลี่ยม หลอกคนไทยว่า หากเราลงนาม MOUกับเขมรและยอมรับแผนที่ของเขมรที่เขียนขึ้นมาเอง ที่อัตราส่วน 1:200,000 ไทยจะได้ประโยชน์ จากพื้นที่เขมรเพิ่มขึ้นถึง 100ตารางวา แต่ในความเป็นจริงคนพวกนี้ วางแผนให้เขมรได้พื้นที่ประเทศไทยทั้งแนวตะเข็บชายแดน รวมกันมากถึงกว่า 2 ล้านไร่ หากไทยยอมรับแผนที่ของเขมร ที่เขียนขึ้นมาเอง แต่พรรคเพื่อไทยและตระกูลชิน ยอมรับเงื่อนไขของเขมรทั้งหมด เพราะเป็นญาติกัน การประชุม JBC ให้ยืดเยื้อออกไปเรื่อยๆ ก็แค่เล่นละครปาหี่ เพื่อประวิงเวลาหาทางส่งทักษิณ หนีออกนอกประเทศไปทางเขมรให้ได้เท่านั้น ในขณะที่ลิ่วล้อของทักษิณ ที่มีทั้งรัฐมนตรีและข้าราชการขายชาติ อัยการและศาล บางกลุ่มบางตัว ในประเทศไทย ก็พยายามดิ้นรน หาวิธีช่วยเหลือทักษิณ จนสุดความสามารถ แต่ดูเหมือนว่า เกมนี้จะมีคนมองออกกันหมด และถึงเวลาที่จะจัดการสองตระกูลนี้ให้สาสม ที่บังอาจทำตัวขายชาติ จนไทยต้องเสียตัวปราสาทเขาพระวิหารให้กับเขมร ***รอยแค้นนี้ฝังใจลึกมาช้านาน และใกล้จะถึงเวลากวาดล้างสองตระกูลนี้ให้สิ้นซากลง แบบหมดจรดและถาวร*** ปัญหาของตระกูลชิน คือ ทักษิณ ต้องติดคุก และ ปปช.ชี้มูลความผิดต่อแพทองธาร ในคดีดิจิตอล วอลเล็ต ที่มีความผิดชัดเจน ที่เอาเงินภาษีรัฐไปแจก และทุจริตในเชิงนโยบาย ใช้เงินภาษีแผ่นดินไปแจกหาเสียงให้พรรคตนเอง และมีเจตนาทำผิดต่อเสถียรภาพทางการเงินและการคลัง ประเด็นมีสองทางคือ พ่อติดคุกและตามมาด้วยลูกสาวก็ต้องติดคุกตามพ่อ หรือ ต้องหนีออกนอกประเทศ ทั้งพ่อและลูกสาว และยอมให้รัฐบาลใหม่ ยึดทรัพย์ทั้งหมดของตระกูล ไปเป็นสมบัติของชาติ และตามไล่เช็ดปัดกวาด ลิ่วล้อลูกกระจ๊อก พวกกลุ่มขบวนการขายชาติ ให้หมดเกลี้ยง นี่คือทางตันของตระกูลชิน ที่กำลังเดินทางมาถึงปากเหว แม้จะพยายามสร้างภาพว่าตระกูลของตน ยังคงมีอำนาจทางการเมืองอยู่ก็ตาม ด้วยการสร้างภาพว่า กำลังปรับ ครม.อยู่ในตอนนี้ และพรรคเพื่อไทยยังมีอิทธิพลทางการเมืองอยู่ แต่เกมนี้ก็เป็นได้แค่เพียงฉากละครสั้นๆ ที่อีกไม่นาน ละครทั้งหมดก็ต้องถึงตอนจบในอีกไม่นาน อนุทิน จะเล่นเกมไปเป็นฝ่ายค้าน หากพรรคเพื่อไทย บีบจะเอากระทรวงมหาดไทยให้ได้ และบีบให้พรรคเพื่อไทยไปจับมือกับพรรคสีส้มแทน เพื่อขึ้นมาเป็นรัฐบาล และนั่นคือระเบิดเวลา ที่จะใช้โอกาสทำลายทั้งสองพรรคในคราเดียวกัน พรรคสีส้มเมื่อรวมกับพรรคเพื่อไทย จัดตั้งรัฐบาล พรรคสีส้มจะกลายเป็นสัญลักษณ์พรรคขายชาติในทันทีในสายตาของประชาชน และผลงานสุดห่วยแตกของพรรคเพื่อไทย กำลังดิ่งลงเหวอย่างหนัก หากพรรคไหนยังอยากจับมือกับพรรคนี้ โอกาสสูญพันธุ์ทางการเมืองมีสูงมาก และพรรคเพื่อไทยก็รู้ดีว่า หากเพื่อไทยรวมกับพรรคสีส้มเมื่อไหร่ และพรรคสีส้มก็รู้ดีไม่แพ้กันว่า****โอกาสสูงมาก หากสองพรรคนี้มารวมตัวกัน การปฏิวัติรัฐประหารจะเกิดขึ้นสูงมาก*** นี่คือเกมที่พรรคเพื่อไทยกำลังถูกบีบ ให้กลายเป็นผีสัมภเวสีทางการเมือง ในขณะที่ภาคประชาชนและกองทัพ ก็กำลังเพ่งเล็ง ถึงพฤติกรรมของแพทองธารกับนายภูมิธรรม ต่อเจตนาและมีพฤติกรรมขายชาติและเอื้อผลประโยชน์ให้กับเขมร และกำลังเดินมาจนมุม เมื่อตระกูลฮุน ญาติฝั่งเขมร ก็กำลังจะพังพินาสทั้งตระกูลเช่นกัน และก็เป็นความจริงตามที่คาดการณ์เอาไว้ เขมรกำลังเผชิญน้ำท่วมอย่างหนักในหลายพื้นที่ จากปรากฏการณ์ Red Rain เข้าถล่มในหลายเมือง ทำให้อาวุธของเขมรจำนวนมาก ไปติดหล่มเคลื่อนที่ไม่ได้ กองทิ้งเป็นภูเขา แถมยังเกิดตึกถล่มอีก ไฟฟ้าเริ่มติดๆขัดๆ อินเตอร์เนตก็เริ่มใช้ไม่ได้ ผู้คนและกองทัพเขมรเริ่มขาดแคลนอาหารอย่างหนัก โรคมาลาเลียและไข้เลือดออก กำลังแพร่กระจายอย่างหนักกับทหารเขมรที่อยู่แนวหน้า บ่อนคาสิโนเริ่มร้าง คนเขมรไม่สามารถออกมาล่าสัตว์ป่าและอาหารป่าที่จะนำไปขายได้ในฝั่งไทย ผู้คนขาดเงินอย่างหนักที่จะเดินทางไปรักษาโรคได้ สะเบียงอาหารในประเทศก็เริ่มหร่อยหรอลง ล่าสุดฮุนมาเนต ก็โดนประธาน EU เรียกมาด่าและตำหนิอย่างรุนแรงว่า ชอบนำภาพที่ถ่ายคู่ผู้นำไปลงfacebook แล้วสร้างภาพเท็จและหลอกลวงคนเขมร และผู้นำฝรั่งเศส ก็ไม่เคยรับรู้แผนที่กระโปกของเขมร ที่อ้างเอาชื่อฝรั่งเศส มาเขียนแผนที่อัตราส่วน 1:200,000 กับไทย แล้วบอกว่าฝรั่งเศสเป็นคนเขียเอง ซึ่งไม่เป็นความจริงสักอย่าง แถมเมื่อสืบสาวไปเรื่อยๆ ผู้นำฝรั่งเศสเอง เป็นผู้เตือนฮุนมาเนตอย่างแรง ที่เมืองนีซ ว่า ระวังจะเสียตัวปราสาทเขาพระวิหารคืนให้กับประเทศไทยนะ เพราะไทยมีลายลักษณ์อักษร ในสัญญาแบ่งเขตแดนมาตั้งแต่สมัยยุคของ ร.5 แล้ว มีเสาแบ่งเขตแดนชัดเจนร่วมกัน และฝรั่งเศสก็จะไม่ยอมรับพื้นที่อัตราส่วน 1:200,000 ของเขมรที่เขียนขึ้นมาเองด้วย ในขณะที่ประธาน UN ก็ออกมาซ้ำเติมตระกูลฮุนว่า เป็นเผด็จการทางการเมืองที่เลวร้ายที่สุดในภูมิภาคอาเซี่ยน เป็นตระกูลที่ผูกขาดอำนาจมานาน ใส่ร้ายและคอยทำร้ายฝ่ายค้าน เพื่ออำนาจของตระกูลตนเอง และถูก UN งดความช่วยเหลือเขมรในทุกด้านด้วย ซวยซ้ำซวยซ้อน ตระกูลฮุน กำลังทำให้บ้านเมืองตนเอง กำลังจะล่มจม หวังพึ่งมหาอำนาจก็ไม่มีใครสนใจสักประเทศ ผู้นำจีน แสดงความชัดเจน ไม่เข้าร่วมซ้อมรบทางทะเลกับเขมร เพราะรู้ไส้รู้พุงเขมรแล้ว ว่า ตระกูลฮุน ต้องเอาชื่อเสียงของจีน มาสร้างภาพให้เกิดความขัดแย้งกับไทย เลยสั่งสอนตบกะบาลตระกูลฮุน ด้วยการประกาศจะเข้าร่วมฝึกซ้อมเครื่องบินรบกับไทยในทันที และตามมาด้วยผู้นำอินโดนีเซีย ประกาศมีแผนจะเข้าร่วมซ้อมรบกับกองทัพไทยในอีกไม่นาน แต่ช้ากว่าผู้นำมาเลเซีย ที่ออกมาประกาศชัดเจนว่า จะขอเข้ามาทำการซ้อมรบทางทะเลกับกองทัพเรือไทย แถมใจดีเปิดด่านถาวรให้ไทย จากปัญหาเรื่องยาเสพติดที่มาเลเซียสั่งปิดด่านมานาน และยังขยายความร่วมมือทางการแพทย์ตามแนวชายแดนร่วมกันด้วย และในอีกไม่นาน การฝึกรบร่วมกันของกลุ่มประเทศอาเซี่ยน ที่จัดขึ้นในประเทศไทย ที่ไม่มีเขมร ก็กำลังจะเกิดขึ้นตามมา แถมยังมีข่าวดีว่า รัสเซีย พร้อมจะส่งขีปนาวุธวิสัยไกล มาให้ไทยใช้ทดสอบแข่งกับอาวุธของค่ายตะวันตก ลองยิงไปสัก3-4 ลูก ลงไปที่กรุงพนมเปญ คงจะดีนะ และมีข่าวแว่วๆ ที่จะเป็นจริงว่า สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ อาจเลือกกองทัพไทยเข้าฝึกซ้อมรบพิเศษร่วมกัน เหมือนจะวางรากฐานสร้างกลุ่ม NATO ในเขตภูมิถาคเอเซียในอนาคต ทะเลาะกับเขมรในช่วงนี้ มีแต่เรื่องดี้ดี เพราะมหาอำนาจโลกและกลุ่มประเทศของเอเซียและในอาเซี่ยน ยอมรับแสนยานุภาพทางทหารไทยกันหมดแล้ว ดูไปดูมา ไม่ได้มีแค่ไทย แต่เหมือนทั้งโลก กำลังช่วยกัน ถล่มซ้ำสองตระกูลนี้ ให้จมธรณีตายไปเลย ว่าไหม. CR. เดชา นฤนารท. 15/6/68 10.32 น.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 325 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘โรม‘ โดนอดีตแพทย์ใหญ่ฟ้อง 50 ล้าน ปมอภิปราย ’ชั้น 14‘
    https://www.thai-tai.tv/news/19419/
    ‘โรม‘ โดนอดีตแพทย์ใหญ่ฟ้อง 50 ล้าน ปมอภิปราย ’ชั้น 14‘ https://www.thai-tai.tv/news/19419/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✍️กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเรื่องสุขภาพประชาชน ด้วยศาสตร์ต่างๆ ดังนี้
    🥸1.ศาสตร์แพทย์แผนไทย (Traditional Thai Medicine)
    ยาเบญจโลกวิเชียร(ห้าราก),ยาขาว,ยาใบมะขาม,ยาตรีผลา,ยาจันทลีลา,ยาเขียวหอม,ยาแสงหมึก, ยาประสะจันทน์แดง,ยามหานิลแท่งทอง,ยาสิงฆาณิกา,ยาธาตุบรรจบ,ยาเหลืองปิดสมุทร,ยาธาตุอบเชย,ยาปราบชมพูทวีป,ยาประสะมะแว้ง,ยาอัมฤควาที,ยาบำรุงโลหิต,ยาเลือดงาม,ยาชุมเห็ดเทศ, ยาธรณีสัณฑฆาต,ยาตรีหอม,ยาลม300จำพวก,ยาหอม,ยาดองมะกรูด,ยาประสะกะเพรา,ยาประสะกานพลู,ยาวิสัมพยาใหญ่,ยามันทธาตุ,ยามหาจักรใหญ่,ยาประสะเจตพังคี,ยามะฮอกกานี,ยาแก้ไอมะขามป้อม,ยาพญายอ,สมุนไพรถ่ายพยาธิต่างๆ เช่น ผงปวกหาด(มะหาด),ยาเปลือกมังคุด,รางจืด,
    ฟ้าทลายโจร,โกฐจุฬาลัมพา,พลูคาว,ใบหนุมานประสานกาย,กระชาย,กัญชา,ขมิ้นชัน,อ้อยดำ,ฝาง, ดอกเกลือ เป็นต้น
    🥸2.ศาสตร์แพทย์แผนจีน (Traditional Chinese Medicine)
    ยกตัวอย่าง สมุนไพรฉั่งฉิก ยาเขียวธรรมดา ยาเขียวพิเศษชิงเฟ่ยซองสีส้ม ยาชะลอวัย ยาวาสคิวล่าร์
    ถ้าเกี่ยวกับลิ่มเลือดอุดตันใช้ยา 脑心通胶囊 เหน่า ซิน ทง
    ถ้าก้อนเนื้องอกกำเริบ ใช้温胆汤加减 เวิน ต่าน ทัง เจีย เจี่ยน และศาสตร์การฝังเข็ม เป็นต้น
    🥸3.ศาสตร์โฮมิโอพาธีร์ (Homeophathy) ยาสกัดพลังธรมชาติ จาก พืช สัตว์ แร่ธาตุ
    ตำรับพื้นฐานต่างๆ และตำรับยาหมออมร (Benjalo แก้แพ้วัคซีนและลองโควิด TotalTox ล้างพิษที่ตกค้างในอาหาร RJHT ล้างพิษฟอร์มาลีนและสารเคมีการเกษตร CKDMHT ขจัดพิษตกค้างจากสารเคมีปรุงรส CBZA ช่วยล้างพิษสารเคมีกันบูดในอาหาร)
    🥸4.การครอบแก้ว,กรอกเลือด (Wet Cupping) เพื่อให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น เอาเลือดที่
    คั่งค้างออก ซึ่งส่งผลทำให้ลดอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อและสามารถบรรเทาได้หลายโรค
    🥸5.ศาสตร์ผสมผสาน (Integrative Medicine)
    การเหยียบดิน/หญ้า(Grounding),การอบตัว,อดอาหารเป็นระยะ(Intermittent Fasting),ศาสตร์ยา 9 เม็ดหมอเขียว,สวนล้างลำไส้(Enema),ล้างลำไส้แบบลึก(Colonics),Reiki,Vitamin C Flush,เสียงบำบัด(Sound Therapy),ความถี่บำบัด(Frequency Therapy),ใช้แสงFar Infrared,แช่เท้า(Herbal Foot Bath),ล้างพิษตับ(Liver Compression,Castor Oil Pack,การใช้ทองแดง(Copper Tensor Rings),Crystals,การเขียนบันทึก(Journaling),Art Therapy,Pasitive Affirmations,การทำสมาธิ,ฝึกการหายใจ(Breathing Exercises),การตากแดด,เข้าใกล้มังสวิรัติ,คลอรีนไดออกไซด์โซลูชัน(CDS),ไฮดรอกซีคลอโรควีน(HCQ),เมทาลีนบลู(Methylene Blue),ดินภูเขาไฟเบนโทไนท์(Bentonite Clay),ซีโอไลท์(Zeolite),ซิลเวอร์คอลลอยด์(Colloidal Silver),DMSO,ไอโอดีน(Iodine),ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์(Hydrogen Peroxide),ไอเวอร์เมคติน(Ivermectin),เฟนเบนดาโซล(Fenbendazole),แอสไพลิน(Aspirin),บอแรกซ์(Borax),นัตโตะไคเนส(Nattokinase),โบรมิเลน (Bromelain),Magnesium Antisense(แมกนีเซียมแอนไทเซนส์),เพนท็อกซิฟิลลีน(Pentoxifylline),แมกนีเซียม(Magnesium),กลูตาไธโอน (Glutathione),สังกะสี(Zinc),ซิลิเนียม(Selenium),เมลาโทนิน(Melatonin), CoQ10,ผักชี(coriander),มะระขี้นก(Bitter gourd),สาหร่ายเกลียวทอง (Spirulina),วิตามินดี(Vitamin D),NACหรือN-Acetylcysteine,พริกคาเยน (Chayenne Peper),กรดฟูลวิค(Fulvic Acid),มิลค์ทิสเซิล(Milk Thistle-Silymarin),ชาเขียว(Green Tea),เห็ดถั่งเช่า(Cordyceps Mushrooms),อาติโช๊ค(Artichoke),คลอเรลลา(Chlorella),สาหร่ายDulse,อุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆที่โลกมี เป็นต้น

    โอเพนแชท "ล้างพิษ ยาฉีด"
    https://line.me/ti/g2/wTvY1gxHGpGKCt15sQN1jMHw02XoSC1uXsjUsQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default

    กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    ✍️กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือเรื่องสุขภาพประชาชน ด้วยศาสตร์ต่างๆ ดังนี้ 🥸1.ศาสตร์แพทย์แผนไทย (Traditional Thai Medicine) ยาเบญจโลกวิเชียร(ห้าราก),ยาขาว,ยาใบมะขาม,ยาตรีผลา,ยาจันทลีลา,ยาเขียวหอม,ยาแสงหมึก, ยาประสะจันทน์แดง,ยามหานิลแท่งทอง,ยาสิงฆาณิกา,ยาธาตุบรรจบ,ยาเหลืองปิดสมุทร,ยาธาตุอบเชย,ยาปราบชมพูทวีป,ยาประสะมะแว้ง,ยาอัมฤควาที,ยาบำรุงโลหิต,ยาเลือดงาม,ยาชุมเห็ดเทศ, ยาธรณีสัณฑฆาต,ยาตรีหอม,ยาลม300จำพวก,ยาหอม,ยาดองมะกรูด,ยาประสะกะเพรา,ยาประสะกานพลู,ยาวิสัมพยาใหญ่,ยามันทธาตุ,ยามหาจักรใหญ่,ยาประสะเจตพังคี,ยามะฮอกกานี,ยาแก้ไอมะขามป้อม,ยาพญายอ,สมุนไพรถ่ายพยาธิต่างๆ เช่น ผงปวกหาด(มะหาด),ยาเปลือกมังคุด,รางจืด, ฟ้าทลายโจร,โกฐจุฬาลัมพา,พลูคาว,ใบหนุมานประสานกาย,กระชาย,กัญชา,ขมิ้นชัน,อ้อยดำ,ฝาง, ดอกเกลือ เป็นต้น 🥸2.ศาสตร์แพทย์แผนจีน (Traditional Chinese Medicine) ยกตัวอย่าง สมุนไพรฉั่งฉิก ยาเขียวธรรมดา ยาเขียวพิเศษชิงเฟ่ยซองสีส้ม ยาชะลอวัย ยาวาสคิวล่าร์ ถ้าเกี่ยวกับลิ่มเลือดอุดตันใช้ยา 脑心通胶囊 เหน่า ซิน ทง ถ้าก้อนเนื้องอกกำเริบ ใช้温胆汤加减 เวิน ต่าน ทัง เจีย เจี่ยน และศาสตร์การฝังเข็ม เป็นต้น 🥸3.ศาสตร์โฮมิโอพาธีร์ (Homeophathy) ยาสกัดพลังธรมชาติ จาก พืช สัตว์ แร่ธาตุ ตำรับพื้นฐานต่างๆ และตำรับยาหมออมร (Benjalo แก้แพ้วัคซีนและลองโควิด TotalTox ล้างพิษที่ตกค้างในอาหาร RJHT ล้างพิษฟอร์มาลีนและสารเคมีการเกษตร CKDMHT ขจัดพิษตกค้างจากสารเคมีปรุงรส CBZA ช่วยล้างพิษสารเคมีกันบูดในอาหาร) 🥸4.การครอบแก้ว,กรอกเลือด (Wet Cupping) เพื่อให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น เอาเลือดที่ คั่งค้างออก ซึ่งส่งผลทำให้ลดอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อและสามารถบรรเทาได้หลายโรค 🥸5.ศาสตร์ผสมผสาน (Integrative Medicine) การเหยียบดิน/หญ้า(Grounding),การอบตัว,อดอาหารเป็นระยะ(Intermittent Fasting),ศาสตร์ยา 9 เม็ดหมอเขียว,สวนล้างลำไส้(Enema),ล้างลำไส้แบบลึก(Colonics),Reiki,Vitamin C Flush,เสียงบำบัด(Sound Therapy),ความถี่บำบัด(Frequency Therapy),ใช้แสงFar Infrared,แช่เท้า(Herbal Foot Bath),ล้างพิษตับ(Liver Compression,Castor Oil Pack,การใช้ทองแดง(Copper Tensor Rings),Crystals,การเขียนบันทึก(Journaling),Art Therapy,Pasitive Affirmations,การทำสมาธิ,ฝึกการหายใจ(Breathing Exercises),การตากแดด,เข้าใกล้มังสวิรัติ,คลอรีนไดออกไซด์โซลูชัน(CDS),ไฮดรอกซีคลอโรควีน(HCQ),เมทาลีนบลู(Methylene Blue),ดินภูเขาไฟเบนโทไนท์(Bentonite Clay),ซีโอไลท์(Zeolite),ซิลเวอร์คอลลอยด์(Colloidal Silver),DMSO,ไอโอดีน(Iodine),ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์(Hydrogen Peroxide),ไอเวอร์เมคติน(Ivermectin),เฟนเบนดาโซล(Fenbendazole),แอสไพลิน(Aspirin),บอแรกซ์(Borax),นัตโตะไคเนส(Nattokinase),โบรมิเลน (Bromelain),Magnesium Antisense(แมกนีเซียมแอนไทเซนส์),เพนท็อกซิฟิลลีน(Pentoxifylline),แมกนีเซียม(Magnesium),กลูตาไธโอน (Glutathione),สังกะสี(Zinc),ซิลิเนียม(Selenium),เมลาโทนิน(Melatonin), CoQ10,ผักชี(coriander),มะระขี้นก(Bitter gourd),สาหร่ายเกลียวทอง (Spirulina),วิตามินดี(Vitamin D),NACหรือN-Acetylcysteine,พริกคาเยน (Chayenne Peper),กรดฟูลวิค(Fulvic Acid),มิลค์ทิสเซิล(Milk Thistle-Silymarin),ชาเขียว(Green Tea),เห็ดถั่งเช่า(Cordyceps Mushrooms),อาติโช๊ค(Artichoke),คลอเรลลา(Chlorella),สาหร่ายDulse,อุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆที่โลกมี เป็นต้น โอเพนแชท "ล้างพิษ ยาฉีด" https://line.me/ti/g2/wTvY1gxHGpGKCt15sQN1jMHw02XoSC1uXsjUsQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 308 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ขึ้นศาลไต่สวนเป็นพยานปากแรก กรณีส่งตัว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ เผย นายทักษิณมีอาการความดันโลหิตสูง ค่าออกซิเจนในเลือดต่ำ นอนไม่หลับ แน่นหน้าอก โดยแพทย์ไม่ได้ตรวจวินิจฉัยแต่พยาบาลเป็นผู้โทรไปประสาน นพ.ณัฐพร แพทย์ประจำรพ.ราชทัณฑ์ จึงมีความเห็นส่งตัวไปรักษากับรพ.ตำรวจ โดยอาศัยระเบียบกรมราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 ซึ่งนับเวลารักษาเข้าไปในวันจำขังด้วย ขณะที่ศาลสั่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ส่งรายงานการสอบสวนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) เรื่องมติที่ประชุมแพทยสภา ใบเบิกค่าใช้จ่ายของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่เข้าเวรควบคุมตัวนายทักษิณที่รพ.ตำรวจ และประวัติการรักษาตัวจากต่างประเทศ ส่งกลับมาศาลภายใน 15 วัน ถ้าไม่มีให้เเจ้งต่อศาล

    -อยู่ในรพ.ได้รับโทษแล้ว
    -ขู่วางระเบิด AIR INDIA
    -กัมพูชาขู่แบนไทย
    -น้ำมันสำรองพอใช้ 60 วัน
    นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ขึ้นศาลไต่สวนเป็นพยานปากแรก กรณีส่งตัว นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ เผย นายทักษิณมีอาการความดันโลหิตสูง ค่าออกซิเจนในเลือดต่ำ นอนไม่หลับ แน่นหน้าอก โดยแพทย์ไม่ได้ตรวจวินิจฉัยแต่พยาบาลเป็นผู้โทรไปประสาน นพ.ณัฐพร แพทย์ประจำรพ.ราชทัณฑ์ จึงมีความเห็นส่งตัวไปรักษากับรพ.ตำรวจ โดยอาศัยระเบียบกรมราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 ซึ่งนับเวลารักษาเข้าไปในวันจำขังด้วย ขณะที่ศาลสั่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ส่งรายงานการสอบสวนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) เรื่องมติที่ประชุมแพทยสภา ใบเบิกค่าใช้จ่ายของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่เข้าเวรควบคุมตัวนายทักษิณที่รพ.ตำรวจ และประวัติการรักษาตัวจากต่างประเทศ ส่งกลับมาศาลภายใน 15 วัน ถ้าไม่มีให้เเจ้งต่อศาล -อยู่ในรพ.ได้รับโทษแล้ว -ขู่วางระเบิด AIR INDIA -กัมพูชาขู่แบนไทย -น้ำมันสำรองพอใช้ 60 วัน
    Like
    Love
    5
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 630 มุมมอง 24 0 รีวิว
  • Newsstory : "หมอแอร์" พาเสื่อมทั้งวงการแพทย์และตำรวจ เหตุจากลักลอบสั่งยาเสียสาว

    #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล
    #หมอแอร์
    Newsstory : "หมอแอร์" พาเสื่อมทั้งวงการแพทย์และตำรวจ เหตุจากลักลอบสั่งยาเสียสาว #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #หมอแอร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 0 รีวิว
Pages Boosts