• กรมชลประทานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถอดบทเรียนอุทกภัยจังหวัดสงขลา เพื่อวางแผนรับมือน้ำท่วมหาดใหญ่อย่างเป็นระบบ ครอบคลุมทั้งระยะเร่งด่วน ระยะปานกลาง และระยะยาว เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่
    .
    การประชุมดังกล่าวมีการรายงานสถานการณ์น้ำท่วมและอุปสรรคในการบริหารจัดการอุทกภัย รวมถึงการเตรียมความพร้อม การรับมือระหว่างเกิดเหตุ และการฟื้นฟูหลังน้ำลด พร้อมพิจารณาการสนับสนุนจากภาครัฐในอนาคต
    .
    กรมชลประทานได้เสนอแผนเร่งด่วน เช่น การขุดลอกคลองและซ่อมแซมอาคารชลประทาน แผนระยะปานกลางในการเพิ่มประสิทธิภาพระบบระบายน้ำหลายสายคลอง และแผนระยะยาวในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำและคลองผันน้ำ เพื่อเสริมศักยภาพการระบายน้ำในช่วงฤดูน้ำหลาก และลดความเสียหายที่จะเกิดกับประชาชน
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122030
    .
    #News1live #News1 #กรมชลประทาน #น้ำท่วม #หาดใหญ่ #สงขลา #อุทกภัย
    กรมชลประทานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถอดบทเรียนอุทกภัยจังหวัดสงขลา เพื่อวางแผนรับมือน้ำท่วมหาดใหญ่อย่างเป็นระบบ ครอบคลุมทั้งระยะเร่งด่วน ระยะปานกลาง และระยะยาว เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ . การประชุมดังกล่าวมีการรายงานสถานการณ์น้ำท่วมและอุปสรรคในการบริหารจัดการอุทกภัย รวมถึงการเตรียมความพร้อม การรับมือระหว่างเกิดเหตุ และการฟื้นฟูหลังน้ำลด พร้อมพิจารณาการสนับสนุนจากภาครัฐในอนาคต . กรมชลประทานได้เสนอแผนเร่งด่วน เช่น การขุดลอกคลองและซ่อมแซมอาคารชลประทาน แผนระยะปานกลางในการเพิ่มประสิทธิภาพระบบระบายน้ำหลายสายคลอง และแผนระยะยาวในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำและคลองผันน้ำ เพื่อเสริมศักยภาพการระบายน้ำในช่วงฤดูน้ำหลาก และลดความเสียหายที่จะเกิดกับประชาชน . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122030 . #News1live #News1 #กรมชลประทาน #น้ำท่วม #หาดใหญ่ #สงขลา #อุทกภัย
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 7

    “ข่าวลือ ข่าวลวง”
    ตอน 7
    อเมริกาบอกว่า อิสลามกลุ่มวะฮาบีของซาอุดิอารเบีย เป็นอิสลามนิกายสุนนี ที่เคร่งครัดที่สุดในภูมิภาค แต่บัดนี้ กลับมีพวกเคร่งศาสนาอย่างสุดขั้ว ที่ไม่ยอมรับและเกลียดชาวต่างชาติ รุนแรงกว่าพวกวะฮาบี โผล่ขึ้นมาอีก คือ พวกรัฐอิสลาม Islamic State หรือที่เรารู้จักพวกเขาในชื่อ IS พวกนี้ก่อตัวขึ้นในอิรัค และซีเรียในช่วงปี ค.ศ.2014 เป็นกลุ่มใหม่ที่ออกมาท้าทายโลก และอเมริกาเหน็บว่า ดูเหมือนจะท้าทายโครงการฟื้นฟูผู้ก่อการร้ายของ เจ้าชาย บิน นาเยฟ เสียด้วยซ้ำ
    กลุ่ม IS นี้ มีรากมาจากพวกอัลไคดาในเมโสโปเตเมีย (อาณาจักรออโตมานเดิม) และดำดินแอบอยู่เมื่อตอนที่อเมริกาบุกอิรัค ในช่วงปี ค.ศ.2007 จนเมื่ออเมริกาถอยกองกำลังต่างชาติออกไป พวก IS จึงโผล่ขึ้นมาและมีประโคมข่าวการปรากฏตัวของพวกเขาน่าดู
    ในช่วงปี ค.ศ.2012- 2013 พวก IS บุกเข้าไปทลายคุกในอิรัก ที่พวกผู้ก่อการร้ายอัลไคดาถูกคุมขังอยู่ หลังจากคุกแตก ก็มีการรวมตัวมาสร้างฐานใหม่ ขยายออกมาทางซีเรีย
    ในช่วงหน้าร้อนของปี ค.ศ.2014 กลุ่ม IS บุกอย่างรวดเร็ว แบบสายฟ้าแลบ เข้าไปยึดเมืองโมซุล Mosul เมืองใหญ่อันดับ 2 ของอิรัคได้ และตั้งเป็นรัฐที่มีผู้นำทางศาสนาเป็นผู้ปกครอง caliphate เพื่อปกครองอิสลามทั้งปวง (และเมืองนี้ ก็เป็นเมืองที่มีน้ำมันมากที่สุดเมืองหนึ่งของอิรัค อันนี้ผมเพิ่มเติมให้ เพราะเห็นใบตองแห้งทำเป็นลืมใส่ เรื่องสำคัญ)
    ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2014 กลุ่ม IS ประกาศว่าพวกเขาจะยึดมัสยิดต่างๆ ในนครเมกกะและเมดินา และจะขับไล่พวกราชวงศ์ซาอูด ออกไปให้หมด
    หลังจากนั้น สื่อตะวันตกลงภาพวิหารกะบะห์ Kaaba ในนครเมกกะ ที่มีธงสีดำของกลุ่ม IS ที่โบกไสวอยู่ด้านบน กองกำลังของกลุ่ม IS ยังโจมตีด่านป้องกันของซาอุดิอารเบียมาตลอดแนวเขตแดนอิรัค และยังส่งนักรบพลีชีพเข้าไปโจมตีมัสยิดของพวกชีอะ ที่อยู่ในซาอุอิอารเบียอีกด้วย เพื่อให้ทั้ง 2 นิกายตีกันเองอีกต่อหนึ่ง
    บิน นาเยฟ ในฐานะรัฐมนตรีมหาดไทย ได้จับกุมกลุ่ม IS ได้หลายร้อยคน และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้กลุ่ม IS บุกเข้ามาในซาอุดิอารเบีย บิน นาเยฟ ให้สร้างรั้วยาว 600 ไมล์ ตลอดแนวเขตแดน ระหว่างซาอุดิอารเบียกับอิรัค เช่นเดียวกับที่สร้างรั้วกั้นแนวเขต ระหว่างซาอุดิอารเบียกับเยเมน ยาว 1 พันไมล์ เพื่อกันให้อัลไคดาออกไปจากคาบสมุทรอารเบีย
    …อ่านเผินๆ เหมือน อเมริกาจะชมวิธีวิธีการปราบ IS ของซาอุดิอารเบีย แต่ อ่านอีกที น่าจะตรงข้ามกันมากกว่า….
    ระหว่างที่ยังครองราชย์ กษัตริย์อับดุลลาห์ (ที่สิ้นพระชนม์เมื่อเดือนมกราคม ต้นปี ค.ศ.2015) ได้ตั้งน้องต่างมารดา เป็นมงกุฎราชกุมารไป แล้ว 2 คน คือ เจ้าชายสุลต่าน และเจ้าชายนาเยฟ the Black Prince แต่ปรากฏว่า ทั้ง 2 คน กลับสิ้นพระชนม์ก่อนกษัตริย์อับดุลลาห์เสียอีก กษัตริย์ิอับดุลลาห์ จึงตั้งเจ้าชายมุคริน น้องต่าง มารดาอีกคน ขึ้นเป็นมงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 2 ในปี ค.ศ.2012 ต่อจากมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 1 คือ เจ้าชายซาลมาน
    ในความเข้าใจของอเมริกา เจ้าชายมุคริน ค่อนข้างใกล้ชิดกับกษัตริยอับดุลลาห์ และเป็นแนวร่วมในการคิดปฏิรูปประเทศเช่นเดียวกัน
    เมื่อเจ้าชายซาลมาน ขึ้นครองราชย์เมื่อเดือนมกราคม ต้นปีนี้ (2015) ก็ตั้ง เจ้าชามุคริน เป็นมงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 1 และแต่งตั้งเจ้าชาย บิน นาเยฟ เป็นมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 2 และมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยนายกรัฐมนตรี เป็นที่คาดหมายกันว่า เจ้าชายมุคริน ลูกชายคนที่ 35 ของ อิบน์ ซาอูด จะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อไป และนำประเทศสู่ยุคใหม่ จากรุ่นลูก สู่รุ่นหลาน
    แต่แล้วก็มีข่าวเกี่ยวกับราชวงศ์ซาอูดเกิดขึ้น ที่ทำให้ทั้งในตะวันออกกลางและในตะวันตก โดยเฉพาะที่วอชิงตัน สั่นเสทือนอย่างไม่เคยมีมาก่อน
    เช้ามืดของวันที่ 29 เมษายน ค.ศ.2015 กษัตริย์ซาลมานประกาศปลดเจ้าชายมุคริน ออกจากตำแหน่งมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 1 และแต่งตั้งให้เจ้าชาย บิน นาเยฟ ขึ้นเป็นมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 1 แทน และแต่งตั้งลูกชายตนเอง เจ้าชาย มูฮะหมัด บิน ซาลมาน เป็นมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 2
    นี่เป็นครั้งแรก ที่มีการปลดมงกุฏราชกุมาร และโดยไม่มีการบอกเหตุผล
    อเมริกาให้ความสนใจรายการแต่งตั้งนี้มาก เพราะ บิน นาเยฟ มงกุฏราชกุมารลำดับที่ 1 ไม่มีลูกชาย มีแต่ลูกสาว 2 คน และ บิน ซาลมาน ก็อายุยังไม่ถึง 30 บิน ซาลมาน จึง มีโอกาสสูงมาก ที่จะเป็นกษัตริย์คนต่อไป และมีคนคาดการเอาไว้แล้วด้วยซ้ำว่า ไม่แน่หรอกว่า บิน นาเยฟ จะได้ขึ้นครองราชย์ แม้จะเป็นลำดับ 1 วันใดวันหนึ่งเขาก็อาจถูกปลดได้ เพื่อให้แน่ใจ บิน ซาลมาน จะได้ขึ้นมาครองราชย์แน่นอน … เสี้ยมล่วงหน้าเลยนะพี่..
    เจ้าชาย บิน ซาลมาน หรือที่อเมริกาเรียกว่า MBS ละอ่อนวัยไม่ถึง 30 ไม่เป็นที่ปลื้มของญาติพี่น้องด้วยกัน เพราะเขาว่ากันว่า มีนิสัยโหด ยะโส โอหัง นอกจากนี้ บินซาลมาน ยังได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลนโยบายน้ำมัน ที่เขาไม่มีประสพการณ์เลย แค่นั้นก็ทำให้ญาติๆ และอเมริกา หรี่ตามองแล้ว กษัตริย์ซาลมานยังให้ บิน ซาลมาน คุมความมั่นคง คือดูแลกิจการพระราชวัง และเป็นรัฐมนตรีกลาโหมอีกด้วย
    แล้วรัฐมนตรีกลาโหมใหม่ ก็ฉลองตำแหน่งด้วยการสั่งถล่มเยเมน อย่างที่ซาอุดิ อารเบีย ไม่เคยทำมานานกว่า 70 ปีแล้ว ละอ่อนหนุ่มเลือดพลุ่งแรงจริง
    และสุ้มเสียงของอเมริกา ก็ดูเหมือนจะไม่ปลื้มละอ่อนหนุ่มเอาเสียเลย
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    23 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 7 “ข่าวลือ ข่าวลวง” ตอน 7 อเมริกาบอกว่า อิสลามกลุ่มวะฮาบีของซาอุดิอารเบีย เป็นอิสลามนิกายสุนนี ที่เคร่งครัดที่สุดในภูมิภาค แต่บัดนี้ กลับมีพวกเคร่งศาสนาอย่างสุดขั้ว ที่ไม่ยอมรับและเกลียดชาวต่างชาติ รุนแรงกว่าพวกวะฮาบี โผล่ขึ้นมาอีก คือ พวกรัฐอิสลาม Islamic State หรือที่เรารู้จักพวกเขาในชื่อ IS พวกนี้ก่อตัวขึ้นในอิรัค และซีเรียในช่วงปี ค.ศ.2014 เป็นกลุ่มใหม่ที่ออกมาท้าทายโลก และอเมริกาเหน็บว่า ดูเหมือนจะท้าทายโครงการฟื้นฟูผู้ก่อการร้ายของ เจ้าชาย บิน นาเยฟ เสียด้วยซ้ำ กลุ่ม IS นี้ มีรากมาจากพวกอัลไคดาในเมโสโปเตเมีย (อาณาจักรออโตมานเดิม) และดำดินแอบอยู่เมื่อตอนที่อเมริกาบุกอิรัค ในช่วงปี ค.ศ.2007 จนเมื่ออเมริกาถอยกองกำลังต่างชาติออกไป พวก IS จึงโผล่ขึ้นมาและมีประโคมข่าวการปรากฏตัวของพวกเขาน่าดู ในช่วงปี ค.ศ.2012- 2013 พวก IS บุกเข้าไปทลายคุกในอิรัก ที่พวกผู้ก่อการร้ายอัลไคดาถูกคุมขังอยู่ หลังจากคุกแตก ก็มีการรวมตัวมาสร้างฐานใหม่ ขยายออกมาทางซีเรีย ในช่วงหน้าร้อนของปี ค.ศ.2014 กลุ่ม IS บุกอย่างรวดเร็ว แบบสายฟ้าแลบ เข้าไปยึดเมืองโมซุล Mosul เมืองใหญ่อันดับ 2 ของอิรัคได้ และตั้งเป็นรัฐที่มีผู้นำทางศาสนาเป็นผู้ปกครอง caliphate เพื่อปกครองอิสลามทั้งปวง (และเมืองนี้ ก็เป็นเมืองที่มีน้ำมันมากที่สุดเมืองหนึ่งของอิรัค อันนี้ผมเพิ่มเติมให้ เพราะเห็นใบตองแห้งทำเป็นลืมใส่ เรื่องสำคัญ) ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2014 กลุ่ม IS ประกาศว่าพวกเขาจะยึดมัสยิดต่างๆ ในนครเมกกะและเมดินา และจะขับไล่พวกราชวงศ์ซาอูด ออกไปให้หมด หลังจากนั้น สื่อตะวันตกลงภาพวิหารกะบะห์ Kaaba ในนครเมกกะ ที่มีธงสีดำของกลุ่ม IS ที่โบกไสวอยู่ด้านบน กองกำลังของกลุ่ม IS ยังโจมตีด่านป้องกันของซาอุดิอารเบียมาตลอดแนวเขตแดนอิรัค และยังส่งนักรบพลีชีพเข้าไปโจมตีมัสยิดของพวกชีอะ ที่อยู่ในซาอุอิอารเบียอีกด้วย เพื่อให้ทั้ง 2 นิกายตีกันเองอีกต่อหนึ่ง บิน นาเยฟ ในฐานะรัฐมนตรีมหาดไทย ได้จับกุมกลุ่ม IS ได้หลายร้อยคน และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้กลุ่ม IS บุกเข้ามาในซาอุดิอารเบีย บิน นาเยฟ ให้สร้างรั้วยาว 600 ไมล์ ตลอดแนวเขตแดน ระหว่างซาอุดิอารเบียกับอิรัค เช่นเดียวกับที่สร้างรั้วกั้นแนวเขต ระหว่างซาอุดิอารเบียกับเยเมน ยาว 1 พันไมล์ เพื่อกันให้อัลไคดาออกไปจากคาบสมุทรอารเบีย …อ่านเผินๆ เหมือน อเมริกาจะชมวิธีวิธีการปราบ IS ของซาอุดิอารเบีย แต่ อ่านอีกที น่าจะตรงข้ามกันมากกว่า…. ระหว่างที่ยังครองราชย์ กษัตริย์อับดุลลาห์ (ที่สิ้นพระชนม์เมื่อเดือนมกราคม ต้นปี ค.ศ.2015) ได้ตั้งน้องต่างมารดา เป็นมงกุฎราชกุมารไป แล้ว 2 คน คือ เจ้าชายสุลต่าน และเจ้าชายนาเยฟ the Black Prince แต่ปรากฏว่า ทั้ง 2 คน กลับสิ้นพระชนม์ก่อนกษัตริย์อับดุลลาห์เสียอีก กษัตริย์ิอับดุลลาห์ จึงตั้งเจ้าชายมุคริน น้องต่าง มารดาอีกคน ขึ้นเป็นมงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 2 ในปี ค.ศ.2012 ต่อจากมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 1 คือ เจ้าชายซาลมาน ในความเข้าใจของอเมริกา เจ้าชายมุคริน ค่อนข้างใกล้ชิดกับกษัตริยอับดุลลาห์ และเป็นแนวร่วมในการคิดปฏิรูปประเทศเช่นเดียวกัน เมื่อเจ้าชายซาลมาน ขึ้นครองราชย์เมื่อเดือนมกราคม ต้นปีนี้ (2015) ก็ตั้ง เจ้าชามุคริน เป็นมงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 1 และแต่งตั้งเจ้าชาย บิน นาเยฟ เป็นมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 2 และมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยนายกรัฐมนตรี เป็นที่คาดหมายกันว่า เจ้าชายมุคริน ลูกชายคนที่ 35 ของ อิบน์ ซาอูด จะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อไป และนำประเทศสู่ยุคใหม่ จากรุ่นลูก สู่รุ่นหลาน แต่แล้วก็มีข่าวเกี่ยวกับราชวงศ์ซาอูดเกิดขึ้น ที่ทำให้ทั้งในตะวันออกกลางและในตะวันตก โดยเฉพาะที่วอชิงตัน สั่นเสทือนอย่างไม่เคยมีมาก่อน เช้ามืดของวันที่ 29 เมษายน ค.ศ.2015 กษัตริย์ซาลมานประกาศปลดเจ้าชายมุคริน ออกจากตำแหน่งมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 1 และแต่งตั้งให้เจ้าชาย บิน นาเยฟ ขึ้นเป็นมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 1 แทน และแต่งตั้งลูกชายตนเอง เจ้าชาย มูฮะหมัด บิน ซาลมาน เป็นมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 2 นี่เป็นครั้งแรก ที่มีการปลดมงกุฏราชกุมาร และโดยไม่มีการบอกเหตุผล อเมริกาให้ความสนใจรายการแต่งตั้งนี้มาก เพราะ บิน นาเยฟ มงกุฏราชกุมารลำดับที่ 1 ไม่มีลูกชาย มีแต่ลูกสาว 2 คน และ บิน ซาลมาน ก็อายุยังไม่ถึง 30 บิน ซาลมาน จึง มีโอกาสสูงมาก ที่จะเป็นกษัตริย์คนต่อไป และมีคนคาดการเอาไว้แล้วด้วยซ้ำว่า ไม่แน่หรอกว่า บิน นาเยฟ จะได้ขึ้นครองราชย์ แม้จะเป็นลำดับ 1 วันใดวันหนึ่งเขาก็อาจถูกปลดได้ เพื่อให้แน่ใจ บิน ซาลมาน จะได้ขึ้นมาครองราชย์แน่นอน … เสี้ยมล่วงหน้าเลยนะพี่.. เจ้าชาย บิน ซาลมาน หรือที่อเมริกาเรียกว่า MBS ละอ่อนวัยไม่ถึง 30 ไม่เป็นที่ปลื้มของญาติพี่น้องด้วยกัน เพราะเขาว่ากันว่า มีนิสัยโหด ยะโส โอหัง นอกจากนี้ บินซาลมาน ยังได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลนโยบายน้ำมัน ที่เขาไม่มีประสพการณ์เลย แค่นั้นก็ทำให้ญาติๆ และอเมริกา หรี่ตามองแล้ว กษัตริย์ซาลมานยังให้ บิน ซาลมาน คุมความมั่นคง คือดูแลกิจการพระราชวัง และเป็นรัฐมนตรีกลาโหมอีกด้วย แล้วรัฐมนตรีกลาโหมใหม่ ก็ฉลองตำแหน่งด้วยการสั่งถล่มเยเมน อย่างที่ซาอุดิ อารเบีย ไม่เคยทำมานานกว่า 70 ปีแล้ว ละอ่อนหนุ่มเลือดพลุ่งแรงจริง และสุ้มเสียงของอเมริกา ก็ดูเหมือนจะไม่ปลื้มละอ่อนหนุ่มเอาเสียเลย สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 23 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • จับตาบทบาทจีนต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา หลังสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยเผยว่า กระทรวงการต่างประเทศจีนเตรียมส่งทูตพิเศษด้านกิจการเอเชียเดินทางไปกัมพูชาและไทยในวันที่ 18 ธันวาคม เพื่อไกล่เกลี่ยความตึงเครียด
    .
    จีนระบุว่า ในฐานะประเทศเพื่อนบ้านและมิตรของทั้งสองฝ่าย มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ปะทะตามแนวชายแดน และได้พยายามส่งเสริมการเจรจาอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้ทั้งไทยและกัมพูชาเดินหน้าเข้าหากัน และฟื้นฟูสันติภาพโดยเร็ว
    .
    ท่าทีดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดที่ยังคงดำเนินอยู่ ขณะที่จีนย้ำว่าความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศกับทั้งสองชาติในอดีต ไม่ได้มุ่งเป้าไปยังประเทศที่สาม และไม่เกี่ยวข้องกับการปะทะในปัจจุบัน
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000121658
    .
    #News1live #News1 #จีน #ทูตพิเศษจีน #ไทยกัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #การทูต #สันติภาพ #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    จับตาบทบาทจีนต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา หลังสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยเผยว่า กระทรวงการต่างประเทศจีนเตรียมส่งทูตพิเศษด้านกิจการเอเชียเดินทางไปกัมพูชาและไทยในวันที่ 18 ธันวาคม เพื่อไกล่เกลี่ยความตึงเครียด . จีนระบุว่า ในฐานะประเทศเพื่อนบ้านและมิตรของทั้งสองฝ่าย มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ปะทะตามแนวชายแดน และได้พยายามส่งเสริมการเจรจาอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้ทั้งไทยและกัมพูชาเดินหน้าเข้าหากัน และฟื้นฟูสันติภาพโดยเร็ว . ท่าทีดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดที่ยังคงดำเนินอยู่ ขณะที่จีนย้ำว่าความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศกับทั้งสองชาติในอดีต ไม่ได้มุ่งเป้าไปยังประเทศที่สาม และไม่เกี่ยวข้องกับการปะทะในปัจจุบัน . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000121658 . #News1live #News1 #จีน #ทูตพิเศษจีน #ไทยกัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #การทูต #สันติภาพ #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 6

    “ข่างลือ ข่าวลวง”
    ตอน 6
    เมื่อเจ้าชาย บิน นาเยฟ ขึ้นมารับตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทยแทนพ่อ เขาพยายามหาวิธีที่จะลดจำนวนผู้ก่อการร้าย โดยใช้นโยบายฟื้นฟูมากกว่า นโยบายลงโทษ
    ผู้ก่อการร้ายที่ถูกจับกุมมีประมาณ 3,500 คน และส่วนใหญ่เป็นพวกอัลไคดา ในระหว่างถูกคุมขัง “นักโทษ” จะได้รับการดูแลอย่างดี มีที่พักอาศัยที่ไม่เหมือนเป็นคุก มีญาติมาเยี่ยม ออกไปร่วมงานของครอบครัวได้ ส่วนญาติก็ได้รับการดูแลด้านที่อยู่อาศัย การกินอยู่ดีขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้ครอบครัวเป็นผู้กล่อมเกลาลูกหลานตัวเอง ให้กลับมาเห็นชอบจากการหลงผิด
    อเมริกาไม่ชอบวิธีการนี้เลย สื่ออเมริกาโจมตีนโยบายนี้อย่างรุนแรง
    แต่ในขณะเดียวกัน ในเรื่องเกี่ยวกับศาสนา บิน นาเยฟ ก็ไม่ต่างกับพ่อ เขาใช้นโยบาย เข้มงวด เช่นเดียวกับพ่อ โดย ถือว่าผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสอนของศาสนา คือผู้ก่อการร้ายต่อราชอาณาจักรซาอุดิอารเบีย
    ….เหมือนอเมริกากำลังบอกว่า กับ อัลไคดาที่เคร่งศาสนา แม้จะก่อการร้าย ซาอุดิอารเบีย ปฏิบัติอย่างหนึ่ง แต่กับ ผู้ที่ไม่เคร่งศาสนา ซาอุดิอารเบีย มองเป็นผู้ก่อการร้าย…
    อเมริกาบอกว่า เรื่องการเข้มงวดแบบนี้ กำลังเป็นประเด็นที่ทำให้อเมริกาและชาติตะวันตกที่เป็นประชาธิปไตยตั้งคำถามว่า การกดขี่ทางความคิด การกำจัดสิทธิในการแสดงความเห็นนั้น เหมาะสมหรือไม่ สำหรับผู้ที่อเมริกาจะนับเป็นเพื่อนด้วย …
    นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์ the Economist ยังเรียกร้องให้อเมริกาเลิกทำธุรกิจกับซาอุดิอารเบียได้แล้ว และอเมริกาควรจะเอาจริงกับการเรียกร้องให้ซาอุดิอารเบีย มีความโปร่งใสในการบริหารบ้านเมืองด้วย ในบทบรรณาธิการของ the Economist ที่เขียนหลังจากที่กษัตริย์ ซาลมาน ขึ้นครองราชย์สดๆ ชื่อ ” An Unholy Pact” บอกว่า การโอบอุ้มพวกวะฮาบี อย่างที่ราชวงศ์ซาอูดกำลังทำอยู่ ไม่ใช่เป็นอันตรายต่อโลกภายนอกเท่านั้น แต่ยังเป็นอันตรายต่อราชวงศ์เองอีกด้วย
    ที่ไปส่งเสริมพวกหัวรุนแรงอย่างนั้น (extremism)
    …เรื่องนี้ คงไม่ต้องขยายกันมาก ผมว่า เราคุ้นเคยกันดี กับความกร่าง ความเสือก ของสื่ออเมริกา เวลาเขียนเรื่องเกี่ยวกับในบ้านคนอื่น อเมริกาไม่เคยให้เกียรติเพื่อน ไม่ว่าเพื่อนคนไหน …
    อเมริกาบอกว่า โอบามา สนับสนุนซาอุดิอารเบีย อย่างเต็มที่มาตลอด และเป็นประเทศแรกในตะวันออกกลางที่เขามาเยี่ยม หลังจากได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานาธิบดี แต่โอบามาบอกว่า ขณะที่ซาอุดิอารเบียอ้างว่า กำลังถูกคุกคามจากเรื่องนอกบ้าน โดยเฉพาะเรื่องอิหร่าน แต่ดูเหมือนเรื่องคุกคามในบ้านอาจจะร้ายแรงกว่า และการที่ซาอุดิอารเบีย ไม่ให้ความสนใจกับวัยรุ่นในประเทศ ที่มีเป็นจำนวนมากและว่างงาน และมีความเชื่อที่จะนำไปสู่การทำลาย เป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง และเขาจะต้องพูดผู้นำประเทศอย่างจริงจังแล้ว เพื่อให้ซาอุดิอารเบีย มีนโยบายปกครองประเทศ ที่มีเสรีภาพมากกว่านี้
    ….เหมือนเป็นคำเตือนที่ดี ของเพื่อนที่หวังดี ต่อซาอุดิอารเบีย ….อเมริกา ดีอย่างนั้นเขียวหรือ….หรืออเมริกา กำลังคิดอะไร
    แต่กษัตริย์ซาลมาน ก็ดูเหมือนไม่ฟังอเมริกา และกลับยิ่งขยับเข้าไปใกล้กับ
    วะฮาบีมากขึ้น กษัตริย์ซาลมาน มีสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มวะฮาบี มานานกว่า 50 ปี ในช่วงที่เขาเป็นผู้ว่าการนครริยาร์ด ตั้งแต่มีพลเมืองประมาณ 2 แสนคน บัดนี้ มีมากถึง 7 ล้านคน แต่นครริยาร์ด ก็ยังเป็นเมืองที่เคร่งศาสนาที่สุด อย่างไม่เปลี่ยนแปลง
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    22 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 6 “ข่างลือ ข่าวลวง” ตอน 6 เมื่อเจ้าชาย บิน นาเยฟ ขึ้นมารับตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทยแทนพ่อ เขาพยายามหาวิธีที่จะลดจำนวนผู้ก่อการร้าย โดยใช้นโยบายฟื้นฟูมากกว่า นโยบายลงโทษ ผู้ก่อการร้ายที่ถูกจับกุมมีประมาณ 3,500 คน และส่วนใหญ่เป็นพวกอัลไคดา ในระหว่างถูกคุมขัง “นักโทษ” จะได้รับการดูแลอย่างดี มีที่พักอาศัยที่ไม่เหมือนเป็นคุก มีญาติมาเยี่ยม ออกไปร่วมงานของครอบครัวได้ ส่วนญาติก็ได้รับการดูแลด้านที่อยู่อาศัย การกินอยู่ดีขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้ครอบครัวเป็นผู้กล่อมเกลาลูกหลานตัวเอง ให้กลับมาเห็นชอบจากการหลงผิด อเมริกาไม่ชอบวิธีการนี้เลย สื่ออเมริกาโจมตีนโยบายนี้อย่างรุนแรง แต่ในขณะเดียวกัน ในเรื่องเกี่ยวกับศาสนา บิน นาเยฟ ก็ไม่ต่างกับพ่อ เขาใช้นโยบาย เข้มงวด เช่นเดียวกับพ่อ โดย ถือว่าผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสอนของศาสนา คือผู้ก่อการร้ายต่อราชอาณาจักรซาอุดิอารเบีย ….เหมือนอเมริกากำลังบอกว่า กับ อัลไคดาที่เคร่งศาสนา แม้จะก่อการร้าย ซาอุดิอารเบีย ปฏิบัติอย่างหนึ่ง แต่กับ ผู้ที่ไม่เคร่งศาสนา ซาอุดิอารเบีย มองเป็นผู้ก่อการร้าย… อเมริกาบอกว่า เรื่องการเข้มงวดแบบนี้ กำลังเป็นประเด็นที่ทำให้อเมริกาและชาติตะวันตกที่เป็นประชาธิปไตยตั้งคำถามว่า การกดขี่ทางความคิด การกำจัดสิทธิในการแสดงความเห็นนั้น เหมาะสมหรือไม่ สำหรับผู้ที่อเมริกาจะนับเป็นเพื่อนด้วย … นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์ the Economist ยังเรียกร้องให้อเมริกาเลิกทำธุรกิจกับซาอุดิอารเบียได้แล้ว และอเมริกาควรจะเอาจริงกับการเรียกร้องให้ซาอุดิอารเบีย มีความโปร่งใสในการบริหารบ้านเมืองด้วย ในบทบรรณาธิการของ the Economist ที่เขียนหลังจากที่กษัตริย์ ซาลมาน ขึ้นครองราชย์สดๆ ชื่อ ” An Unholy Pact” บอกว่า การโอบอุ้มพวกวะฮาบี อย่างที่ราชวงศ์ซาอูดกำลังทำอยู่ ไม่ใช่เป็นอันตรายต่อโลกภายนอกเท่านั้น แต่ยังเป็นอันตรายต่อราชวงศ์เองอีกด้วย ที่ไปส่งเสริมพวกหัวรุนแรงอย่างนั้น (extremism) …เรื่องนี้ คงไม่ต้องขยายกันมาก ผมว่า เราคุ้นเคยกันดี กับความกร่าง ความเสือก ของสื่ออเมริกา เวลาเขียนเรื่องเกี่ยวกับในบ้านคนอื่น อเมริกาไม่เคยให้เกียรติเพื่อน ไม่ว่าเพื่อนคนไหน … อเมริกาบอกว่า โอบามา สนับสนุนซาอุดิอารเบีย อย่างเต็มที่มาตลอด และเป็นประเทศแรกในตะวันออกกลางที่เขามาเยี่ยม หลังจากได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานาธิบดี แต่โอบามาบอกว่า ขณะที่ซาอุดิอารเบียอ้างว่า กำลังถูกคุกคามจากเรื่องนอกบ้าน โดยเฉพาะเรื่องอิหร่าน แต่ดูเหมือนเรื่องคุกคามในบ้านอาจจะร้ายแรงกว่า และการที่ซาอุดิอารเบีย ไม่ให้ความสนใจกับวัยรุ่นในประเทศ ที่มีเป็นจำนวนมากและว่างงาน และมีความเชื่อที่จะนำไปสู่การทำลาย เป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง และเขาจะต้องพูดผู้นำประเทศอย่างจริงจังแล้ว เพื่อให้ซาอุดิอารเบีย มีนโยบายปกครองประเทศ ที่มีเสรีภาพมากกว่านี้ ….เหมือนเป็นคำเตือนที่ดี ของเพื่อนที่หวังดี ต่อซาอุดิอารเบีย ….อเมริกา ดีอย่างนั้นเขียวหรือ….หรืออเมริกา กำลังคิดอะไร แต่กษัตริย์ซาลมาน ก็ดูเหมือนไม่ฟังอเมริกา และกลับยิ่งขยับเข้าไปใกล้กับ วะฮาบีมากขึ้น กษัตริย์ซาลมาน มีสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มวะฮาบี มานานกว่า 50 ปี ในช่วงที่เขาเป็นผู้ว่าการนครริยาร์ด ตั้งแต่มีพลเมืองประมาณ 2 แสนคน บัดนี้ มีมากถึง 7 ล้านคน แต่นครริยาร์ด ก็ยังเป็นเมืองที่เคร่งศาสนาที่สุด อย่างไม่เปลี่ยนแปลง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 22 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เผย เตรียมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.กทม. วันที่ 22 ธ.ค. นี้ ส่วนว่าที่ผู้สมัคร สส.พรรคประชาธิปัตย์ คาดเปิดตัววันที่ 25 ธ.ค. นี้ รอคณะกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.) เห็นชอบ ส่วนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคยืนยันว่าจะเสนอครบ 3 รายชื่อ ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรคจะพิจารณาว่าเป็นผู้สมัคร สส.ของพรรคหรือคนนอก ยอมรับ การเลือกตั้งทุกครั้งเป็นโจทย์ยาก เพราะตั้งใจทำการเมืองสุจริตยุติธรรม ไม่เช่นนั้นทั้งเศรษฐกิจ การเมืองและความมั่นคงจะเกิดปัญหา อาจส่งผู้สมัครไม่ครบ 400 เขต เนื่องจากขาดคุณสมบัติ ยังไม่คาดการณ์ได้ สส. เพิ่มหรือไม่ แม้ผลโพลชี้พรรคประชาธิปัตย์มีคะแนนนิยมดีขึ้น เปรียบนักมวยเรายังไม่เห็นคู่ต่อสู้แต่ละเขต การเลือกตั้งครั้งนี้มีเวลากระชั้นชิด ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่จะพยายามฟื้นฟูให้พรรคกลับมาได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
    นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เผย เตรียมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.กทม. วันที่ 22 ธ.ค. นี้ ส่วนว่าที่ผู้สมัคร สส.พรรคประชาธิปัตย์ คาดเปิดตัววันที่ 25 ธ.ค. นี้ รอคณะกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.) เห็นชอบ ส่วนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคยืนยันว่าจะเสนอครบ 3 รายชื่อ ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรคจะพิจารณาว่าเป็นผู้สมัคร สส.ของพรรคหรือคนนอก ยอมรับ การเลือกตั้งทุกครั้งเป็นโจทย์ยาก เพราะตั้งใจทำการเมืองสุจริตยุติธรรม ไม่เช่นนั้นทั้งเศรษฐกิจ การเมืองและความมั่นคงจะเกิดปัญหา อาจส่งผู้สมัครไม่ครบ 400 เขต เนื่องจากขาดคุณสมบัติ ยังไม่คาดการณ์ได้ สส. เพิ่มหรือไม่ แม้ผลโพลชี้พรรคประชาธิปัตย์มีคะแนนนิยมดีขึ้น เปรียบนักมวยเรายังไม่เห็นคู่ต่อสู้แต่ละเขต การเลือกตั้งครั้งนี้มีเวลากระชั้นชิด ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่จะพยายามฟื้นฟูให้พรรคกลับมาได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • พืชโบราณกับการสื่อสารผ่านความร้อน

    งานวิจัยใหม่เผยว่า พืชโบราณอย่างไซแคด (Cycads) ใช้ความร้อนจากโคนเพื่อดึงดูดแมลงผสมเกสร ซึ่งเป็นกลไกการสื่อสารที่เก่าแก่ที่สุดรูปแบบหนึ่งในโลกพืช และยังเชื่อมโยงกับการอยู่รอดของสายพันธุ์ที่ใกล้สูญพันธุ์ในปัจจุบัน

    นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าไซแคด (เช่น Zamia furfuracea) สามารถสร้างความร้อนสูงกว่าสภาพแวดล้อมได้ถึง 25–35°C เพื่อดึงดูดแมลง โดยเฉพาะด้วง Rhopalotria furfuracea ที่เป็นผู้ช่วยผสมเกสรหลัก กลไกนี้เกิดขึ้นตามจังหวะเวลาในแต่ละวัน: โคนเพศผู้จะร้อนขึ้นก่อนเพื่อเรียกแมลง จากนั้นโคนเพศเมียจะร้อนตามเพื่อรับละอองเกสร ถือเป็นการสื่อสารที่ไม่ใช่สีหรือกลิ่น แต่เป็น “สัญญาณอินฟราเรด” ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกพืช

    กลไกชีววิทยาที่ซับซ้อน
    การสร้างความร้อนเกิดจากยีน AOX1 ที่ทำงานเกินปกติในไซแคด ทำให้เซลล์เปลี่ยนพลังงานเป็นความร้อนแทนการสร้าง ATP ขณะเดียวกัน แมลงมีเซ็นเซอร์พิเศษที่หนวด เรียกว่า coeloconic sensilla ซึ่งเชื่อมกับช่องไอออน TRPA1 ที่ตอบสนองต่อรังสีอินฟราเรด ทำให้แมลงสามารถตรวจจับความร้อนและเคลื่อนย้ายละอองเกสรได้อย่างแม่นยำ

    ความเชื่อมโยงกับวิวัฒนาการ
    ไซแคดถูกเรียกว่า “ฟอสซิลมีชีวิต” เพราะแทบไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ยุคจูราสสิกกว่า 200 ล้านปีที่ผ่านมา กลไกการใช้ความร้อนอาจเป็นวิธีดึงดูดแมลงที่มีสายตาไม่ดีในยุคดึกดำบรรพ์ ก่อนที่พืชดอกจะวิวัฒนาการสีสันสดใสเพื่อดึงดูดผึ้งและผีเสื้อในภายหลัง การค้นพบนี้จึงช่วยเปิดมิติใหม่ในการเข้าใจการร่วมวิวัฒนาการระหว่างพืชและแมลง

    สถานะใกล้สูญพันธุ์
    ปัจจุบันไซแคดเหลือเพียงราว 300 สายพันธุ์ทั่วโลก และส่วนใหญ่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูญพันธุ์ตามบัญชี IUCN เนื่องจากการสูญเสียถิ่นที่อยู่และการแข่งขันกับพืชดอกที่มีสัญญาณหลากหลายกว่า นักอนุรักษ์จึงเร่งสร้างโครงการเพาะเลี้ยงและฟื้นฟูเพื่อรักษาสายพันธุ์โบราณนี้ไว้

    สรุปสาระสำคัญ

    การสื่อสารผ่านความร้อนของไซแคด
    โคนเพศผู้และเพศเมียร้อนขึ้นตามจังหวะเวลาเพื่อดึงดูดแมลง

    กลไกชีววิทยา
    ยีน AOX1 สร้างความร้อน, แมลงใช้ TRPA1 ตรวจจับอินฟราเรด

    ความสำคัญทางวิวัฒนาการ
    เป็นหนึ่งในวิธีดึงดูดแมลงที่เก่าแก่ที่สุด ก่อนพืชดอกจะใช้สีและกลิ่น

    สถานะใกล้สูญพันธุ์
    เหลือเพียง ~300 สายพันธุ์ และต้องการการอนุรักษ์เร่งด่วน

    ความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
    การสูญเสียถิ่นที่อยู่และการแข่งขันกับพืชดอกทำให้ไซแคดอ่อนแอ

    ความเปราะบางของระบบนิเวศ
    หากแมลงผสมเกสรเฉพาะสูญหาย อาจทำให้ไซแคดไม่สามารถสืบพันธุ์ได้

    https://www.sciencealert.com/an-ancient-form-of-plant-communication-still-lures-pollinators-using-heat
    🌱 พืชโบราณกับการสื่อสารผ่านความร้อน งานวิจัยใหม่เผยว่า พืชโบราณอย่างไซแคด (Cycads) ใช้ความร้อนจากโคนเพื่อดึงดูดแมลงผสมเกสร ซึ่งเป็นกลไกการสื่อสารที่เก่าแก่ที่สุดรูปแบบหนึ่งในโลกพืช และยังเชื่อมโยงกับการอยู่รอดของสายพันธุ์ที่ใกล้สูญพันธุ์ในปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าไซแคด (เช่น Zamia furfuracea) สามารถสร้างความร้อนสูงกว่าสภาพแวดล้อมได้ถึง 25–35°C เพื่อดึงดูดแมลง โดยเฉพาะด้วง Rhopalotria furfuracea ที่เป็นผู้ช่วยผสมเกสรหลัก กลไกนี้เกิดขึ้นตามจังหวะเวลาในแต่ละวัน: โคนเพศผู้จะร้อนขึ้นก่อนเพื่อเรียกแมลง จากนั้นโคนเพศเมียจะร้อนตามเพื่อรับละอองเกสร ถือเป็นการสื่อสารที่ไม่ใช่สีหรือกลิ่น แต่เป็น “สัญญาณอินฟราเรด” ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกพืช 🔬 กลไกชีววิทยาที่ซับซ้อน การสร้างความร้อนเกิดจากยีน AOX1 ที่ทำงานเกินปกติในไซแคด ทำให้เซลล์เปลี่ยนพลังงานเป็นความร้อนแทนการสร้าง ATP ขณะเดียวกัน แมลงมีเซ็นเซอร์พิเศษที่หนวด เรียกว่า coeloconic sensilla ซึ่งเชื่อมกับช่องไอออน TRPA1 ที่ตอบสนองต่อรังสีอินฟราเรด ทำให้แมลงสามารถตรวจจับความร้อนและเคลื่อนย้ายละอองเกสรได้อย่างแม่นยำ 🦖 ความเชื่อมโยงกับวิวัฒนาการ ไซแคดถูกเรียกว่า “ฟอสซิลมีชีวิต” เพราะแทบไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ยุคจูราสสิกกว่า 200 ล้านปีที่ผ่านมา กลไกการใช้ความร้อนอาจเป็นวิธีดึงดูดแมลงที่มีสายตาไม่ดีในยุคดึกดำบรรพ์ ก่อนที่พืชดอกจะวิวัฒนาการสีสันสดใสเพื่อดึงดูดผึ้งและผีเสื้อในภายหลัง การค้นพบนี้จึงช่วยเปิดมิติใหม่ในการเข้าใจการร่วมวิวัฒนาการระหว่างพืชและแมลง ⚠️ สถานะใกล้สูญพันธุ์ ปัจจุบันไซแคดเหลือเพียงราว 300 สายพันธุ์ทั่วโลก และส่วนใหญ่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูญพันธุ์ตามบัญชี IUCN เนื่องจากการสูญเสียถิ่นที่อยู่และการแข่งขันกับพืชดอกที่มีสัญญาณหลากหลายกว่า นักอนุรักษ์จึงเร่งสร้างโครงการเพาะเลี้ยงและฟื้นฟูเพื่อรักษาสายพันธุ์โบราณนี้ไว้ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การสื่อสารผ่านความร้อนของไซแคด ➡️ โคนเพศผู้และเพศเมียร้อนขึ้นตามจังหวะเวลาเพื่อดึงดูดแมลง ✅ กลไกชีววิทยา ➡️ ยีน AOX1 สร้างความร้อน, แมลงใช้ TRPA1 ตรวจจับอินฟราเรด ✅ ความสำคัญทางวิวัฒนาการ ➡️ เป็นหนึ่งในวิธีดึงดูดแมลงที่เก่าแก่ที่สุด ก่อนพืชดอกจะใช้สีและกลิ่น ✅ สถานะใกล้สูญพันธุ์ ➡️ เหลือเพียง ~300 สายพันธุ์ และต้องการการอนุรักษ์เร่งด่วน ‼️ ความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ⛔ การสูญเสียถิ่นที่อยู่และการแข่งขันกับพืชดอกทำให้ไซแคดอ่อนแอ ‼️ ความเปราะบางของระบบนิเวศ ⛔ หากแมลงผสมเกสรเฉพาะสูญหาย อาจทำให้ไซแคดไม่สามารถสืบพันธุ์ได้ https://www.sciencealert.com/an-ancient-form-of-plant-communication-still-lures-pollinators-using-heat
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    An Ancient Form of Plant Communication Still Lures Pollinators Using Heat
    Blazing colors and enticing scents may be showy, but they're just one part of the toolkit plants use to lure in pollinators.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นำคณะลงพื้นที่หาดใหญ่ เยี่ยมประชาชน โรงเรียน และภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยหนัก ชี้สถานการณ์ “สุญญากาศทางการเมือง” อาจเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟู หากการตัดสินใจล่าช้า
    อดีตนายกฯ เสนอให้รัฐบาลและ กกต. เร่งกระบวนการเพิ่มกำลังซื้อ โดยเฉพาะแนวคิด “คนละครึ่งพลัส” เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคใต้ พร้อมเรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งฟื้นฟูโรงเรียน ดูแลสภาพจิตใจเด็ก และสนับสนุนอุปกรณ์การเรียนที่เสียหายจากน้ำท่วม
    นอกจากนี้ ยังเสนอให้ตั้งคณะกรรมการอิสระด้านวิชาการ ถอดบทเรียนรับมือน้ำท่วมในอนาคต ไม่ใช่เพื่อเอาผิดใคร แต่เพื่อปรับปรุงโครงสร้างเมือง ระบบเตือนภัย และการบูรณาการทำงาน ลดความเสียหายในระยะยาว
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000120582
    .
    #News1live #News1 #อภิสิทธิ์เวชชาชีวะ #หาดใหญ่ #ฟื้นฟูเศรษฐกิจ #น้ำท่วมภาคใต้ #คนละครึ่ง #สุญญากาศการเมือง
    “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นำคณะลงพื้นที่หาดใหญ่ เยี่ยมประชาชน โรงเรียน และภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยหนัก ชี้สถานการณ์ “สุญญากาศทางการเมือง” อาจเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟู หากการตัดสินใจล่าช้า อดีตนายกฯ เสนอให้รัฐบาลและ กกต. เร่งกระบวนการเพิ่มกำลังซื้อ โดยเฉพาะแนวคิด “คนละครึ่งพลัส” เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคใต้ พร้อมเรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งฟื้นฟูโรงเรียน ดูแลสภาพจิตใจเด็ก และสนับสนุนอุปกรณ์การเรียนที่เสียหายจากน้ำท่วม นอกจากนี้ ยังเสนอให้ตั้งคณะกรรมการอิสระด้านวิชาการ ถอดบทเรียนรับมือน้ำท่วมในอนาคต ไม่ใช่เพื่อเอาผิดใคร แต่เพื่อปรับปรุงโครงสร้างเมือง ระบบเตือนภัย และการบูรณาการทำงาน ลดความเสียหายในระยะยาว . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000120582 . #News1live #News1 #อภิสิทธิ์เวชชาชีวะ #หาดใหญ่ #ฟื้นฟูเศรษฐกิจ #น้ำท่วมภาคใต้ #คนละครึ่ง #สุญญากาศการเมือง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 0 รีวิว
  • อธิบดีกรมศิลปากร ย้ำชัด “ปราสาทตาควาย” แม้ได้รับความเสียหายจากการสู้รบ ก็สามารถบูรณะซ่อมแซมกลับคืนมาได้ หากยังอยู่ภายใต้อธิปไตยของประเทศไทย พร้อมชี้ชัดว่าการใช้โบราณสถานเป็นที่มั่นทางทหาร ถือเป็นการละเมิดกติกาสากลอย่างร้ายแรง
    .
    อธิบดีกรมศิลป์ ระบุว่า ไทยเคยบูรณะโบราณสถานที่มีความซับซ้อนกว่ามาก เช่น ปราสาทพิมาย และพนมรุ้ง สำเร็จมาแล้วตั้งแต่กว่า 50 ปีก่อน ทั้งที่เทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้าเท่าปัจจุบัน ยืนยันองค์ความรู้และศักยภาพของกรมศิลปากรสามารถฟื้นฟูปราสาทตาควายได้อย่างแน่นอน
    .
    พร้อมย้ำว่า หัวใจสำคัญที่สุดคือการรักษาผืนแผ่นดินและอธิปไตยของชาติ เพราะหากโบราณสถานอยู่นอกอธิปไตยไทย จะไม่สามารถเข้าดำเนินการบูรณะใด ๆ ได้
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000120506
    .
    #News1live #News1 #ปราสาทตาควาย #กรมศิลปากร #อธิปไตยไทย #ชายแดนไทยกัมพูชา #โบราณสถาน #ละเมิดกติกาสากล #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    อธิบดีกรมศิลปากร ย้ำชัด “ปราสาทตาควาย” แม้ได้รับความเสียหายจากการสู้รบ ก็สามารถบูรณะซ่อมแซมกลับคืนมาได้ หากยังอยู่ภายใต้อธิปไตยของประเทศไทย พร้อมชี้ชัดว่าการใช้โบราณสถานเป็นที่มั่นทางทหาร ถือเป็นการละเมิดกติกาสากลอย่างร้ายแรง . อธิบดีกรมศิลป์ ระบุว่า ไทยเคยบูรณะโบราณสถานที่มีความซับซ้อนกว่ามาก เช่น ปราสาทพิมาย และพนมรุ้ง สำเร็จมาแล้วตั้งแต่กว่า 50 ปีก่อน ทั้งที่เทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้าเท่าปัจจุบัน ยืนยันองค์ความรู้และศักยภาพของกรมศิลปากรสามารถฟื้นฟูปราสาทตาควายได้อย่างแน่นอน . พร้อมย้ำว่า หัวใจสำคัญที่สุดคือการรักษาผืนแผ่นดินและอธิปไตยของชาติ เพราะหากโบราณสถานอยู่นอกอธิปไตยไทย จะไม่สามารถเข้าดำเนินการบูรณะใด ๆ ได้ . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000120506 . #News1live #News1 #ปราสาทตาควาย #กรมศิลปากร #อธิปไตยไทย #ชายแดนไทยกัมพูชา #โบราณสถาน #ละเมิดกติกาสากล #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 224 มุมมอง 0 รีวิว
  • “คนแปลกหน้าผู้ช่วยชีวิต – ความทรงจำที่ไม่เคยลืม”

    ผู้เขียนเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อกว่า 25 ปีก่อน ขณะกำลังปั่นจักรยานอย่างเพลิดเพลิน แต่เกิดอุบัติเหตุรุนแรงจนกระเด็นตกจากจักรยานและบาดเจ็บสาหัส ทั้งหมดเกิดขึ้นกลางถนนที่มีรถวิ่งผ่านไปมา โชคดีที่มีชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นทันที เขาเป็นแพทย์ฉุกเฉินที่บังเอิญอยู่ตรงนั้นพอดี เขาช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น โทรเรียกรถพยาบาล และแจ้งภรรยาของผู้เขียนอย่างใจเย็น ทำให้ผู้เขียนรอดพ้นจากสถานการณ์ที่อาจเลวร้ายกว่านี้

    เมื่อถึงโรงพยาบาล ผู้เขียนได้รับการดูแลอย่างดี ได้รับยาแก้ปวดและการรักษาที่เหมาะสม แม้จะต้องผ่าตัดและทำกายภาพบำบัด แต่ความทรงจำที่ชัดเจนที่สุดคือความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้าผู้มีเมตตา ซึ่งผู้เขียนเปรียบเสมือน “เทวดา” ที่มาช่วยในเวลาที่ต้องการที่สุด

    นอกจากเหตุการณ์นั้น ผู้เขียนยังเล่าถึงประสบการณ์อื่น ๆ ที่ได้รับน้ำใจจากคนแปลกหน้า เช่น การได้รับเงิน 100 ดอลลาร์จากชายคนหนึ่งเพื่อไปทานอาหารดี ๆ ระหว่างการเดินทางไกล การได้รับความช่วยเหลือพาไปโรงพยาบาลเมื่อภรรยามีแมลงบินเข้าไปในหู หรือการได้รถรับส่งในวันที่ฝนตกหนัก ทั้งหมดนี้เป็นความทรงจำที่ทำให้ผู้เขียนเชื่อมั่นว่าโลกยังเต็มไปด้วยคนดี

    เรื่องราวเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้ในวันที่รู้สึกสิ้นหวังหรือหมดกำลังใจ การระลึกถึงความเมตตาที่เคยได้รับจากคนแปลกหน้า สามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นในมนุษยชาติและทำให้เรามีกำลังใจเดินหน้าต่อไป

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    ผู้เขียนประสบอุบัติเหตุจักรยานและได้รับความช่วยเหลือจากแพทย์ฉุกเฉินที่บังเอิญอยู่ตรงนั้น
    แพทย์ช่วยปฐมพยาบาล โทรแจ้งภรรยา และอยู่ดูแลจนรถพยาบาลมาถึง
    ผู้เขียนได้รับการรักษาอย่างดี แม้ต้องผ่าตัดและทำกายภาพบำบัด

    ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Internet
    ผู้เขียนเคยได้รับน้ำใจจากคนแปลกหน้าในหลายเหตุการณ์ เช่น การให้เงิน การช่วยพาไปโรงพยาบาล และการให้ที่พักพิงจากฝน
    ประสบการณ์เหล่านี้ทำให้ผู้เขียนเชื่อมั่นว่าโลกยังเต็มไปด้วยคนดี

    คำเตือน
    อุบัติเหตุจักรยานอาจเกิดขึ้นได้ง่ายหากไม่ระมัดระวัง เช่น การเบรกกะทันหันหรือโซ่หลุด
    การเดินทางไกลโดยไม่มีการเตรียมพร้อม อาจทำให้ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่นในสถานการณ์ฉุกเฉิน
    ไม่ควรคาดหวังว่าจะมีคนแปลกหน้ามาช่วยเสมอไป จึงควรเตรียมอุปกรณ์และแผนฉุกเฉินไว้เอง

    https://louplummer.lol/nice-stranger/
    🚴 “คนแปลกหน้าผู้ช่วยชีวิต – ความทรงจำที่ไม่เคยลืม” ผู้เขียนเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อกว่า 25 ปีก่อน ขณะกำลังปั่นจักรยานอย่างเพลิดเพลิน แต่เกิดอุบัติเหตุรุนแรงจนกระเด็นตกจากจักรยานและบาดเจ็บสาหัส ทั้งหมดเกิดขึ้นกลางถนนที่มีรถวิ่งผ่านไปมา โชคดีที่มีชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นทันที เขาเป็นแพทย์ฉุกเฉินที่บังเอิญอยู่ตรงนั้นพอดี เขาช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น โทรเรียกรถพยาบาล และแจ้งภรรยาของผู้เขียนอย่างใจเย็น ทำให้ผู้เขียนรอดพ้นจากสถานการณ์ที่อาจเลวร้ายกว่านี้ เมื่อถึงโรงพยาบาล ผู้เขียนได้รับการดูแลอย่างดี ได้รับยาแก้ปวดและการรักษาที่เหมาะสม แม้จะต้องผ่าตัดและทำกายภาพบำบัด แต่ความทรงจำที่ชัดเจนที่สุดคือความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้าผู้มีเมตตา ซึ่งผู้เขียนเปรียบเสมือน “เทวดา” ที่มาช่วยในเวลาที่ต้องการที่สุด นอกจากเหตุการณ์นั้น ผู้เขียนยังเล่าถึงประสบการณ์อื่น ๆ ที่ได้รับน้ำใจจากคนแปลกหน้า เช่น การได้รับเงิน 100 ดอลลาร์จากชายคนหนึ่งเพื่อไปทานอาหารดี ๆ ระหว่างการเดินทางไกล การได้รับความช่วยเหลือพาไปโรงพยาบาลเมื่อภรรยามีแมลงบินเข้าไปในหู หรือการได้รถรับส่งในวันที่ฝนตกหนัก ทั้งหมดนี้เป็นความทรงจำที่ทำให้ผู้เขียนเชื่อมั่นว่าโลกยังเต็มไปด้วยคนดี เรื่องราวเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้ในวันที่รู้สึกสิ้นหวังหรือหมดกำลังใจ การระลึกถึงความเมตตาที่เคยได้รับจากคนแปลกหน้า สามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นในมนุษยชาติและทำให้เรามีกำลังใจเดินหน้าต่อไป 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ ผู้เขียนประสบอุบัติเหตุจักรยานและได้รับความช่วยเหลือจากแพทย์ฉุกเฉินที่บังเอิญอยู่ตรงนั้น ➡️ แพทย์ช่วยปฐมพยาบาล โทรแจ้งภรรยา และอยู่ดูแลจนรถพยาบาลมาถึง ➡️ ผู้เขียนได้รับการรักษาอย่างดี แม้ต้องผ่าตัดและทำกายภาพบำบัด ✅ ข้อมูลเพิ่มเติมจาก Internet ➡️ ผู้เขียนเคยได้รับน้ำใจจากคนแปลกหน้าในหลายเหตุการณ์ เช่น การให้เงิน การช่วยพาไปโรงพยาบาล และการให้ที่พักพิงจากฝน ➡️ ประสบการณ์เหล่านี้ทำให้ผู้เขียนเชื่อมั่นว่าโลกยังเต็มไปด้วยคนดี ‼️ คำเตือน ⛔ อุบัติเหตุจักรยานอาจเกิดขึ้นได้ง่ายหากไม่ระมัดระวัง เช่น การเบรกกะทันหันหรือโซ่หลุด ⛔ การเดินทางไกลโดยไม่มีการเตรียมพร้อม อาจทำให้ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่นในสถานการณ์ฉุกเฉิน ⛔ ไม่ควรคาดหวังว่าจะมีคนแปลกหน้ามาช่วยเสมอไป จึงควรเตรียมอุปกรณ์และแผนฉุกเฉินไว้เอง https://louplummer.lol/nice-stranger/
    LOUPLUMMER.LOL
    What Is the Nicest Thing A Stranger Has Ever Done for You?
    One of the things I do when I'm feeling blue is to make a mental list of the nice things people have done for me over the years, including perfect strangers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 0 รีวิว
  • "การนอนหลับ: กุญแจสำคัญของอายุยืนยาว"

    งานวิจัยจาก Oregon Health & Science University (OHSU) ระหว่างปี 2019–2025 พบว่า การนอนหลับไม่เพียงพอเป็นตัวแปรที่สัมพันธ์กับอายุขัยสั้นลงอย่างชัดเจน โดยมีความเชื่อมโยงที่แรงกว่าการรับประทานอาหารหรือการออกกำลังกายเสียอีก และมีเพียงการสูบบุหรี่เท่านั้นที่มีผลรุนแรงกว่า การนอนน้อยกว่า 7 ชั่วโมงต่อคืนถูกจัดว่าเป็น “การนอนหลับไม่เพียงพอ” และมีผลต่อสุขภาพในระยะยาว

    ผลกระทบต่อสมองและร่างกาย
    การขาดการนอนหลับเพียงคืนเดียวสามารถกระทบต่อระบบประสาทและภูมิคุ้มกันได้ทันที ในระยะยาวยังสัมพันธ์กับโรคอ้วนและเบาหวาน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ลดอายุขัยลงอย่างมีนัยสำคัญ นักวิจัยชี้ว่า การนอนหลับที่ดีช่วยให้สมองฟื้นฟูวงจรการทำงานและร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน ทำให้สุขภาพโดยรวมแข็งแรงขึ้น

    ข้อมูลเชิงสังคมและเศรษฐกิจ
    ผลการศึกษาในหลายรัฐของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่า พื้นที่ที่ประชากรนอนหลับไม่เพียงพอมีอายุขัยเฉลี่ยต่ำกว่า ไม่ว่าจะเป็นเมืองใหญ่หรือชนบท ข้อมูลนี้สะท้อนว่าการนอนหลับไม่ใช่เรื่องของรายได้หรือสถานะทางสังคม แต่เป็นปัจจัยพื้นฐานที่ทุกคนต้องให้ความสำคัญ

    พฤติกรรมยุคดิจิทัลและการแก้ไข
    นักวิจัยแนะนำให้เลี่ยงพฤติกรรม “doomscrolling” ก่อนนอน และหันมาใช้กิจกรรมผ่อนคลาย เช่น โยคะหรือไทเก็ก เพื่อปรับคุณภาพการนอน การนอน 7–9 ชั่วโมงต่อคืนถูกยืนยันว่าเป็นมาตรฐานที่เหมาะสมที่สุดต่อสุขภาพและอายุขัย

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การนอนหลับเพียงพอสัมพันธ์กับอายุขัยที่ยืนยาว
    นอน 7–9 ชั่วโมงต่อคืนเป็นมาตรฐานที่แนะนำ

    ผลกระทบของการนอนต่อสุขภาพมีมากกว่าการออกกำลังกายและอาหาร
    มีเพียงการสูบบุหรี่ที่มีผลรุนแรงกว่า

    การนอนหลับช่วยฟื้นฟูสมองและระบบภูมิคุ้มกัน
    ลดความเสี่ยงโรคอ้วนและเบาหวาน

    พื้นที่ที่ประชากรนอนน้อยมีอายุขัยเฉลี่ยต่ำกว่า
    ไม่ขึ้นกับรายได้หรือสถานะทางสังคม

    การนอนหลับไม่เพียงพอเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง
    โรคอ้วน เบาหวาน และโรคหัวใจ

    พฤติกรรมดิจิทัล เช่น doomscrolling ทำให้คุณภาพการนอนลดลง
    ส่งผลต่อสมอง ภูมิคุ้มกัน และสุขภาพจิต

    https://www.sciencealert.com/one-critical-factor-predicts-longevity-better-than-diet-or-exercise-study-says
    🛌 "การนอนหลับ: กุญแจสำคัญของอายุยืนยาว" งานวิจัยจาก Oregon Health & Science University (OHSU) ระหว่างปี 2019–2025 พบว่า การนอนหลับไม่เพียงพอเป็นตัวแปรที่สัมพันธ์กับอายุขัยสั้นลงอย่างชัดเจน โดยมีความเชื่อมโยงที่แรงกว่าการรับประทานอาหารหรือการออกกำลังกายเสียอีก และมีเพียงการสูบบุหรี่เท่านั้นที่มีผลรุนแรงกว่า การนอนน้อยกว่า 7 ชั่วโมงต่อคืนถูกจัดว่าเป็น “การนอนหลับไม่เพียงพอ” และมีผลต่อสุขภาพในระยะยาว 🧠 ผลกระทบต่อสมองและร่างกาย การขาดการนอนหลับเพียงคืนเดียวสามารถกระทบต่อระบบประสาทและภูมิคุ้มกันได้ทันที ในระยะยาวยังสัมพันธ์กับโรคอ้วนและเบาหวาน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ลดอายุขัยลงอย่างมีนัยสำคัญ นักวิจัยชี้ว่า การนอนหลับที่ดีช่วยให้สมองฟื้นฟูวงจรการทำงานและร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน ทำให้สุขภาพโดยรวมแข็งแรงขึ้น 🌍 ข้อมูลเชิงสังคมและเศรษฐกิจ ผลการศึกษาในหลายรัฐของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่า พื้นที่ที่ประชากรนอนหลับไม่เพียงพอมีอายุขัยเฉลี่ยต่ำกว่า ไม่ว่าจะเป็นเมืองใหญ่หรือชนบท ข้อมูลนี้สะท้อนว่าการนอนหลับไม่ใช่เรื่องของรายได้หรือสถานะทางสังคม แต่เป็นปัจจัยพื้นฐานที่ทุกคนต้องให้ความสำคัญ 📱 พฤติกรรมยุคดิจิทัลและการแก้ไข นักวิจัยแนะนำให้เลี่ยงพฤติกรรม “doomscrolling” ก่อนนอน และหันมาใช้กิจกรรมผ่อนคลาย เช่น โยคะหรือไทเก็ก เพื่อปรับคุณภาพการนอน การนอน 7–9 ชั่วโมงต่อคืนถูกยืนยันว่าเป็นมาตรฐานที่เหมาะสมที่สุดต่อสุขภาพและอายุขัย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การนอนหลับเพียงพอสัมพันธ์กับอายุขัยที่ยืนยาว ➡️ นอน 7–9 ชั่วโมงต่อคืนเป็นมาตรฐานที่แนะนำ ✅ ผลกระทบของการนอนต่อสุขภาพมีมากกว่าการออกกำลังกายและอาหาร ➡️ มีเพียงการสูบบุหรี่ที่มีผลรุนแรงกว่า ✅ การนอนหลับช่วยฟื้นฟูสมองและระบบภูมิคุ้มกัน ➡️ ลดความเสี่ยงโรคอ้วนและเบาหวาน ✅ พื้นที่ที่ประชากรนอนน้อยมีอายุขัยเฉลี่ยต่ำกว่า ➡️ ไม่ขึ้นกับรายได้หรือสถานะทางสังคม ‼️ การนอนหลับไม่เพียงพอเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง ⛔ โรคอ้วน เบาหวาน และโรคหัวใจ ‼️ พฤติกรรมดิจิทัล เช่น doomscrolling ทำให้คุณภาพการนอนลดลง ⛔ ส่งผลต่อสมอง ภูมิคุ้มกัน และสุขภาพจิต https://www.sciencealert.com/one-critical-factor-predicts-longevity-better-than-diet-or-exercise-study-says
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    One Critical Factor Predicts Longevity Better Than Diet or Exercise, Study Says
    What you gain in a day by staying up late might be curtailing how long you live, according to a new study linking insufficient sleep to a lower life expectancy.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
  • สวนเฉลิมพระเกียรติฯ 80 พรรษา คุ้งบางกะเจ้าแหล่งเรียนรู้ ท่องเที่ยว พักผ่อน รวบรวมพันธุกรรมพืชและฟื้นฟูระบบนิเวศ #สมุทรปราการ #วันหยุดไปไหนดี #ท่องเที่ยวไทย #travel #food #thailand #thaitimes #kaiaminute
    🌳สวนเฉลิมพระเกียรติฯ 80 พรรษา คุ้งบางกะเจ้า🌲แหล่งเรียนรู้ ท่องเที่ยว พักผ่อน รวบรวมพันธุกรรมพืชและฟื้นฟูระบบนิเวศ🥰 #สมุทรปราการ #วันหยุดไปไหนดี #ท่องเที่ยวไทย #travel #food #thailand #thaitimes #kaiaminute
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 264 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • นายกรัฐมนตรีอนุทินมอบหมายรองนายกฯ เอกนิติเป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ ติดตามความก้าวหน้านโยบาย Quick Big Win ที่ช่วยให้ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจทั้งระดับภูมิภาค ผู้บริโภค และ SMEs ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน พร้อมรับทราบมาตรการส่งเสริมการออมและความมั่นคงทางการเงินของประชาชน ก่อนเสนอต่อ ครม. ขณะเดียวกัน นายกฯ ยังได้ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในจังหวัดสงขลาและลงพื้นที่ติดตามการฟื้นฟู รวมถึงสั่งปรับหลักเกณฑ์เงินช่วยเหลือผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมครอบคลุม 9 จังหวัดภาคใต้
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000117667
    .
    #news1 #news1live #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #shorts #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #สันติภาพไม่มีอยู่จริง #ปกป้องอธิปไตย #กองทัพภาคที่2 #กองทัพไทย
    นายกรัฐมนตรีอนุทินมอบหมายรองนายกฯ เอกนิติเป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ ติดตามความก้าวหน้านโยบาย Quick Big Win ที่ช่วยให้ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจทั้งระดับภูมิภาค ผู้บริโภค และ SMEs ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน พร้อมรับทราบมาตรการส่งเสริมการออมและความมั่นคงทางการเงินของประชาชน ก่อนเสนอต่อ ครม. ขณะเดียวกัน นายกฯ ยังได้ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในจังหวัดสงขลาและลงพื้นที่ติดตามการฟื้นฟู รวมถึงสั่งปรับหลักเกณฑ์เงินช่วยเหลือผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมครอบคลุม 9 จังหวัดภาคใต้ . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000117667 . #news1 #news1live #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #shorts #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #สันติภาพไม่มีอยู่จริง #ปกป้องอธิปไตย #กองทัพภาคที่2 #กองทัพไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 429 มุมมอง 0 รีวิว
  • "การทดลอง 10 ปีเผย Retrobrighting ทำให้พลาสติกเหลืองหนักกว่าเดิม"

    บทความจาก Tom’s Hardware รายงานผลการทดลองของ Tech Tangents (Shelby Jueden) ที่ใช้เวลา 10 ปี สังเกตผลของการทำ retrobrighting บนเครื่อง Sega Dreamcast โดยใช้วิธีคลาสสิกคือ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ + แสงแดด เพื่อฟื้นฟูสีพลาสติกที่เหลือง

    ผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่า ชิ้นส่วนที่ผ่านการ retrobright เหลืองหนักกว่าเดิม เมื่อเทียบกับชิ้นส่วนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย หลังจากเวลาผ่านไป พลาสติกที่ untreated ดูดีกว่าและมีสีเหลืองน้อยกว่าอย่างชัดเจน

    Jueden อธิบายว่า การเหลืองของพลาสติกเกิดจาก สารหน่วงไฟ (flame retardant) ในวัสดุที่ออกซิไดซ์เมื่อสัมผัสกับแสง UV, ออกซิเจน และความร้อน การใช้สารฟอกขาวอย่างไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์อาจช่วยชั่วคราว แต่ในระยะยาวกลับทำให้พลาสติกเสียหาย เกิด streaking, blotching และความเปราะบาง

    นอกจากนี้ยังมีการทดลองวิธีอื่น เช่น sous vide method (น้ำร้อน + hydrogen peroxide), ozone treatment, และ UV light แต่ผลลัพธ์ก็ไม่สามารถคืนสีเดิมได้อย่างสมบูรณ์ และบางครั้งทำให้พลาสติกเสียหายยิ่งกว่าเดิม

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ผลการทดลอง 10 ปี
    Retrobright ทำให้พลาสติกเหลืองหนักกว่า untreated
    พื้นผิวที่ไม่ได้ทำอะไรเลยดูดีกว่าในระยะยาว

    สาเหตุการเหลือง
    Flame retardant ในพลาสติกออกซิไดซ์จาก UV, ออกซิเจน และความร้อน

    ปัญหาของ retrobright
    ทำให้เกิด streaking, blotching และพลาสติกเสียหาย
    ผลลัพธ์ชั่วคราว ไม่สามารถคืนสีเดิมได้ถาวร

    ข้อควรระวังสำหรับนักสะสม
    Retrobright อาจทำลายคุณค่าของเครื่อง retro gaming
    การปล่อยไว้ตามธรรมชาติอาจดีกว่าในระยะยาว

    https://www.tomshardware.com/video-games/retro-gaming/a-10-year-study-indicates-that-treated-surfaces-turn-yellow-more-severely-than-untreated-plastic-parts-retrobrighting-does-more-harm-than-good-to-consoles
    🕹️ "การทดลอง 10 ปีเผย Retrobrighting ทำให้พลาสติกเหลืองหนักกว่าเดิม" บทความจาก Tom’s Hardware รายงานผลการทดลองของ Tech Tangents (Shelby Jueden) ที่ใช้เวลา 10 ปี สังเกตผลของการทำ retrobrighting บนเครื่อง Sega Dreamcast โดยใช้วิธีคลาสสิกคือ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ + แสงแดด เพื่อฟื้นฟูสีพลาสติกที่เหลือง ผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่า ชิ้นส่วนที่ผ่านการ retrobright เหลืองหนักกว่าเดิม เมื่อเทียบกับชิ้นส่วนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย หลังจากเวลาผ่านไป พลาสติกที่ untreated ดูดีกว่าและมีสีเหลืองน้อยกว่าอย่างชัดเจน Jueden อธิบายว่า การเหลืองของพลาสติกเกิดจาก สารหน่วงไฟ (flame retardant) ในวัสดุที่ออกซิไดซ์เมื่อสัมผัสกับแสง UV, ออกซิเจน และความร้อน การใช้สารฟอกขาวอย่างไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์อาจช่วยชั่วคราว แต่ในระยะยาวกลับทำให้พลาสติกเสียหาย เกิด streaking, blotching และความเปราะบาง นอกจากนี้ยังมีการทดลองวิธีอื่น เช่น sous vide method (น้ำร้อน + hydrogen peroxide), ozone treatment, และ UV light แต่ผลลัพธ์ก็ไม่สามารถคืนสีเดิมได้อย่างสมบูรณ์ และบางครั้งทำให้พลาสติกเสียหายยิ่งกว่าเดิม 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ผลการทดลอง 10 ปี ➡️ Retrobright ทำให้พลาสติกเหลืองหนักกว่า untreated ➡️ พื้นผิวที่ไม่ได้ทำอะไรเลยดูดีกว่าในระยะยาว ✅ สาเหตุการเหลือง ➡️ Flame retardant ในพลาสติกออกซิไดซ์จาก UV, ออกซิเจน และความร้อน ✅ ปัญหาของ retrobright ➡️ ทำให้เกิด streaking, blotching และพลาสติกเสียหาย ➡️ ผลลัพธ์ชั่วคราว ไม่สามารถคืนสีเดิมได้ถาวร ‼️ ข้อควรระวังสำหรับนักสะสม ⛔ Retrobright อาจทำลายคุณค่าของเครื่อง retro gaming ⛔ การปล่อยไว้ตามธรรมชาติอาจดีกว่าในระยะยาว https://www.tomshardware.com/video-games/retro-gaming/a-10-year-study-indicates-that-treated-surfaces-turn-yellow-more-severely-than-untreated-plastic-parts-retrobrighting-does-more-harm-than-good-to-consoles
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรมโยธาฯ รายงานความคืบหน้าฟื้นฟูหาดใหญ่ หลังน้ำท่วมใหญ่-ภารกิจสำรวจบ้านเรือนเดินหน้าแล้ว 93% จาก 103 ชุมชน เร่งประเมินโครงสร้าง–ระบบไฟ–สุขาภิบาลเพื่อเยียวยาเร็วที่สุด พร้อมลุย Big Cleaning ย่านเมืองต่อเนื่อง ทั้งเก็บขยะ–ฉีดล้างถนน–ส่งน้ำอุปโภค ประชาชนยังขอให้ตรวจสอบอาคารได้ผ่าน สายด่วน 1531 ตลอด 24 ชม.
    .
    อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000117025
    .
    #News1live #News1 #หาดใหญ่ #อุทกภัย #กรมโยธา #ฟื้นฟูเมือง
    กรมโยธาฯ รายงานความคืบหน้าฟื้นฟูหาดใหญ่ หลังน้ำท่วมใหญ่-ภารกิจสำรวจบ้านเรือนเดินหน้าแล้ว 93% จาก 103 ชุมชน เร่งประเมินโครงสร้าง–ระบบไฟ–สุขาภิบาลเพื่อเยียวยาเร็วที่สุด พร้อมลุย Big Cleaning ย่านเมืองต่อเนื่อง ทั้งเก็บขยะ–ฉีดล้างถนน–ส่งน้ำอุปโภค ประชาชนยังขอให้ตรวจสอบอาคารได้ผ่าน สายด่วน 1531 ตลอด 24 ชม. . อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000117025 . #News1live #News1 #หาดใหญ่ #อุทกภัย #กรมโยธา #ฟื้นฟูเมือง
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 395 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกฯ อนุทิน ประกาศยกเว้น “ค่าไฟเดือน พ.ย.” ให้ผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมจังหวัดสงขลา ครอบคลุมกว่า 451,211 ราย มูลค่าช่วยเหลือรวม 420 ล้านบาท ใช้งบจากรายได้ กฟภ. ช่วยลดภาระช่วงฟื้นฟูหลังน้ำลด
    .
    อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000116896
    .
    #News1live #News1 #น้ำท่วมสงขลา #อนุทิน #ค่าไฟ
    นายกฯ อนุทิน ประกาศยกเว้น “ค่าไฟเดือน พ.ย.” ให้ผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมจังหวัดสงขลา ครอบคลุมกว่า 451,211 ราย มูลค่าช่วยเหลือรวม 420 ล้านบาท ใช้งบจากรายได้ กฟภ. ช่วยลดภาระช่วงฟื้นฟูหลังน้ำลด . อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000116896 . #News1live #News1 #น้ำท่วมสงขลา #อนุทิน #ค่าไฟ
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 361 มุมมอง 0 รีวิว
  • Newsstory : "แค่พูดพล่อยๆ" 7วัน-14วันที่หาดใหญ่

    #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล
    #น้ำท่วมหาดใหญ่ #น้ำท่วม68 #อนุทิน #นายกแป้น
    #พูดพล่อยๆ #พูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ #หาดใหญ่หลังน้ำลด
    #ฟื้นฟูหาดใหญ่
    Newsstory : "แค่พูดพล่อยๆ" 7วัน-14วันที่หาดใหญ่ #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #น้ำท่วมหาดใหญ่ #น้ำท่วม68 #อนุทิน #นายกแป้น #พูดพล่อยๆ #พูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ #หาดใหญ่หลังน้ำลด #ฟื้นฟูหาดใหญ่
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 334 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • แผนชั่ว ตอนที่ 4

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว”
    ตอน 4
    ปฏิบัติการต่างๆ ของอเมริกาหลังจากนั้น จึงเป็นปฏิบัติการพรางตัว จะอ้างว่าเพื่ออะไรก็แล้วแต่ แต่แท้จริงเป็นความพยายามที่จะ “กัน” ไม่ให้จีนมีโอกาสแทรกตัว แหย่ขา เข้ามาในอาฟริกาได้ง่ายๆ หรือไม่ได้เลยยิ่งดี เพราะอเมริการู้ดีว่า อาฟริกานั้นเต็มไปด้วยแร่มีค่าสาระพัด อเมริกานึกไม่ถึงว่า อาเฮียจากแดนมังกรจะหาญกล้า ข้ามน้ำข้ามภูเขา มาฉกของดีตัดหน้าอเมริกา ผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกได้ นึกว่าอาเฮียทำเป็น แค่ดีดลูกคิด….
    สาธารณารัฐคองโก หรือที่เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นสาธารณรัฐแซร์ Republic of Zaire ในปี คศ 1997 เมื่อกองกำลังของ โลรอง-เดซิเร คาบิล่า Laurent-Desire Kabila โค่นประธานาธิบดีตลอดกาล เซเซ เซกู หรือ โจเซฟ- โลรอง โมบูตู Sese Seku Joseph-Laurent Mobutu ที่ปกครองคองโก มาถึง 32 ปี ร่วงหล่นลงไปได้ ชาวอาฟริกาเรียกประเทศใหม่นี้ว่า คองโก-คินชาซา Congo-Kinshasa หรือคองโกใหญ่ ให้ต่างกับ คองโก-บราซาวิล Congo-Brazzaville ที่เล็กกว่า
    คองโกเคยอยู่ในอิทธิพลของเบลเยี่ยมมานาน ตั้งแต่ประมาณ ค.ศ.1885 จนในที่สุด ก็ตกเป็นอาณานิคมของเบลเยี่ยมใน ปี ค.ศ.1908 มาได้รับการปลดปล่อยเป็นไท เอาเมื่อปี ค.ศ.1960 นี้เอง
    เบลเยี่ยมเป็นแหล่งศูนย์กลางเจียรนัยเพชร ค้าเพชร กำหนดราคาเพชร และปริมาณเพชร ที่จะให้กระจายในตลาดเพชรแต่ละปี เพื่อควบคุมราคาเพชรในโลก และเป็นศูนย์กลางค้าเพชรใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งตลาดสว่าง และตลาดมืด ทำให้เบลเยี่ยมเป็นหนึ่งในประเทศร่ำรวยของยุโรป
    คองโกมีแหล่งเพชรเป็นจำนวนมากถึง 1 ใน 3 ของโลก คงไม่ต้องบอกว่า เบลเยี่ยมเอาเพชรมาจากไหน
    นอกจากมีแหล่งเพชรมากมายแล้ว แถบบริเวณ คิวู Kivu ในคองโก ที่มีเขตแดนยาวต่อกับรวันดาRwanda และ ยูกันดา Uganda นั้น นักธรณีวิทยา เชื่อว่าเป็นแหล่งที่มีทรัพยากรแร่มีค่า ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเฉพาะใน บริเวณที่เรียกว่า Great African Rift Valley
    นอกจากนี้ คองโกยังมีแหล่งทรัพยากรโคบอลท์ cobalt มากกว่าครึ่งหนึ่ง ของแร่โคบอลท์ที่มีทั้งหมดในโลก และที่สำคัญ คองโกมีแร่แทนทาไลท์ หรือโคลแทน ถึง 3 ใน 4 ของโลก โคลแทน เป็นโลหะสำคัญที่นำมาใช้ในการสร้างคอมพิวเตอร์ชิพ และแผงวงจรไฟฟ้า ที่จำเป็นมากสำหรับอุปกรณ์มือถือ เครื่องคอม และเครื่องมืออีเลคโทรนิคทั้งปวง และเชื่อกันว่า คองโกก็มีแหล่งน้ำมันแยะมากด้วย
    แต่มันเหลือเชื่อ และน่าเศร้าใจว่า จนถึงปัจจุบันชาวคองโกส่วนใหญ่ก็ยังมีชีวิตที่ลำบาก และประเทศยังยากจน
    ช่วงแรกๆ ที่โมบูตูปกครองคองโก เป็นช่วงสงครามเย็น อเมริกาจึงทำหวานเชื่อมกับโมบูตู เขาเป็นชาวอาฟริกันคนแรก ที่เป็นแขกเชิญของทำเนียบขาว โมบูตู เป็นนักการเมืองจอมแสบ เขาคบทั้งสหภาพโซเวียตและจีน เพื่อไว้ต่อรองกับอเมริกา ความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันกับโมบูตู จึงทั้งหวานทั้งขมปนกัน อเมริกาคงยอมไม่ได้ ถ้าคองโกประเทศใหญ่ในอาฟริกา จะกลายเป็นพรรคพวกของคอมมิวนิสต์ เสียหน้าพี่เบิ้มใหญ่ แห่งค่ายประชาธิปไตยโรเนียวหมด
    โมบูตูจึงฉวยโอกาสสร้างความร่ำรวยให้แก่ตัวเองและพรรคพวก เขารวยอย่างมหาศาล และเป็นเผด็จการอย่างเข้มข้น หลายครั้งที่เขาถูกรัฐประหาร แต่ก็รอดมาได้ ด้วยอาวุธที่อเมริกาจัดส่งให้ เพื่อเอาไว้ขู่ ไม่ให้โซเวียตกับจีนเข้ามาในคองโก แต่หลังจากสงครามเย็นใกล้จบ ความต้องการที่จะง้อโมบูตู ก็คงหมดตามไปด้วย
    และก็มีคนช่างคิด ช่างสงสัย ว่าโรคเอดส์นั้น ทำไมไปเกิดอยู่ที่คองโกเป็นแห่งแรก ก่อนจะระบาดเป็นไฟลามทุ่งไปทั่วโลก และก็น่าแปลกใจว่า ลูกชาย 2 คน ในจำนวนลูก 14 คนของโมบูตู ก็เสียชิวิตด้วยโรคเอดส์ และ 1 ใน 2 นั้น เป็นที่มุ่งหวังของโมบูตู ที่จะให้เป็นทายาทสืบทอดตำแหน่งผู้ปกครองคองโกต่อจากเขา
    American Minerals Fields, Inc บริษัทอเมริกันที่เป็นผู้ลงทุน และสนับสนุนให้ คาบิลาโค่นโมบูตู มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่รัฐอาร์แคนซอร์ ฐานใหญ่ของอดีตประธานาธิบดีอเมริกัน บิล คลินตัน คนนิยมเด็กฝึกงาน ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทนี้เป็นคนใกล้ชิดของคนนิยมเด็กฝึกงาน ตั้งแต่สมัยยังเป็นผู้ว่าการรัฐ อาแคนซอร์ แหม ใครเขาจะเอาชื่อตัวเองมาใส่
    ก่อนการโค่น มูบูตู ลงจากแท่นไม่กี่เดือน คาบิลา เริ่มทบทวนสัญญาสัมปทานขุดแร่ และทำการเจรจาเงื่อนไขกับพวกบริษัท อเมริกัน อังกฤษ ที่มาลงทุนทำเหมืองในคองโกเสียใหม่ รวมทั้งเจรจากับ American Minerals ด้วย คาบิลาคงเข้าใจอะไรผิด หรือประเมินผู้สนับสนุนตัวเองผิด อย่างไม่น่าเป็นไปได้
    แบบนี้ วอชิงตันคงไม่เลี้ยงเขาไว้นาน แล้วในปี ค.ศ.2001 คาบิลาก็ถูกฆ่าตาย ใครฆ่าเขา ผมไม่รู้
    มีรายงานออกมาในเดือนเมษายน ปี ค.ศ.1997 ว่า หลังจากโมบูตูถูกโค่นไปไม่กี่เดือน IMF ก็แนะนำให้รัฐบาลคองโกหยุดการพิมพ์ธนบัตรอย่างกระทันหัน และสิ้นเชิง ตามนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจคองโกของ IMF และเมื่อ คาบิลา ขึ้นมาปกครอง IMF แนะนำให้คาบิลาระงับการจ่ายเงินเดือนพนักงานรัฐ เพื่อสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ (ไม่รู้แปลว่าอะไร !) ซ้ำเข้าไปอีก หลังจากนั้นก็เกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างหนักในคองโก ค่าจ้างแรงงานโดยเฉลี่ยของชาวคองโกตกประมาณเดือนละ 3 หมื่นแซร์ หรือประมาณเดือนละ 1 เหรียญสหรัฐ …
    นักวิเคราะห์และนักเศรษฐศาสตร์ชาวแคนาดา นาย Michael Chossudovsky บอกว่า เงื่อนไขที่ IMF กำหนดให้รัฐบาลคองโกปฏิบัติมีผลเป็นการรักษาระดับความยากจนของประชาชนชาวคองโก ให้คงทนถาวรตลอดไป คองโกเป็นประเทศที่ร่ำรวยทรัพยากรอย่างมาก แต่ชาวคองโกถูกแผนชั่วกำหนด ไม่ให้พวกเขามีโอกาสพัฒนาประเทศตนเอง และต้องวนเวียนอยู่กับการสู้รบฆ่าฟันกันเอง จนมีคนตายไปเกือบ 2 ล้านคน
    เมื่อคาบิลา คนพ่อถูกเก็บ โจเซฟ ลูกชายเขาก็ถูกเอามาขึ้นแท่นแทนพ่อ เขาเป็นประธานาธิบดีของคองโกคนแรก ที่มาจากการ (สั่งให้มี) เลือกตั้ง และดูเหมือนจะไม่ (กล้า) สนใจที่จะพัฒนาประเทศตนเอง แต่อย่างใด
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    17 ก.ย. 2558
    แผนชั่ว ตอนที่ 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว” ตอน 4 ปฏิบัติการต่างๆ ของอเมริกาหลังจากนั้น จึงเป็นปฏิบัติการพรางตัว จะอ้างว่าเพื่ออะไรก็แล้วแต่ แต่แท้จริงเป็นความพยายามที่จะ “กัน” ไม่ให้จีนมีโอกาสแทรกตัว แหย่ขา เข้ามาในอาฟริกาได้ง่ายๆ หรือไม่ได้เลยยิ่งดี เพราะอเมริการู้ดีว่า อาฟริกานั้นเต็มไปด้วยแร่มีค่าสาระพัด อเมริกานึกไม่ถึงว่า อาเฮียจากแดนมังกรจะหาญกล้า ข้ามน้ำข้ามภูเขา มาฉกของดีตัดหน้าอเมริกา ผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกได้ นึกว่าอาเฮียทำเป็น แค่ดีดลูกคิด…. สาธารณารัฐคองโก หรือที่เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นสาธารณรัฐแซร์ Republic of Zaire ในปี คศ 1997 เมื่อกองกำลังของ โลรอง-เดซิเร คาบิล่า Laurent-Desire Kabila โค่นประธานาธิบดีตลอดกาล เซเซ เซกู หรือ โจเซฟ- โลรอง โมบูตู Sese Seku Joseph-Laurent Mobutu ที่ปกครองคองโก มาถึง 32 ปี ร่วงหล่นลงไปได้ ชาวอาฟริกาเรียกประเทศใหม่นี้ว่า คองโก-คินชาซา Congo-Kinshasa หรือคองโกใหญ่ ให้ต่างกับ คองโก-บราซาวิล Congo-Brazzaville ที่เล็กกว่า คองโกเคยอยู่ในอิทธิพลของเบลเยี่ยมมานาน ตั้งแต่ประมาณ ค.ศ.1885 จนในที่สุด ก็ตกเป็นอาณานิคมของเบลเยี่ยมใน ปี ค.ศ.1908 มาได้รับการปลดปล่อยเป็นไท เอาเมื่อปี ค.ศ.1960 นี้เอง เบลเยี่ยมเป็นแหล่งศูนย์กลางเจียรนัยเพชร ค้าเพชร กำหนดราคาเพชร และปริมาณเพชร ที่จะให้กระจายในตลาดเพชรแต่ละปี เพื่อควบคุมราคาเพชรในโลก และเป็นศูนย์กลางค้าเพชรใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งตลาดสว่าง และตลาดมืด ทำให้เบลเยี่ยมเป็นหนึ่งในประเทศร่ำรวยของยุโรป คองโกมีแหล่งเพชรเป็นจำนวนมากถึง 1 ใน 3 ของโลก คงไม่ต้องบอกว่า เบลเยี่ยมเอาเพชรมาจากไหน นอกจากมีแหล่งเพชรมากมายแล้ว แถบบริเวณ คิวู Kivu ในคองโก ที่มีเขตแดนยาวต่อกับรวันดาRwanda และ ยูกันดา Uganda นั้น นักธรณีวิทยา เชื่อว่าเป็นแหล่งที่มีทรัพยากรแร่มีค่า ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเฉพาะใน บริเวณที่เรียกว่า Great African Rift Valley นอกจากนี้ คองโกยังมีแหล่งทรัพยากรโคบอลท์ cobalt มากกว่าครึ่งหนึ่ง ของแร่โคบอลท์ที่มีทั้งหมดในโลก และที่สำคัญ คองโกมีแร่แทนทาไลท์ หรือโคลแทน ถึง 3 ใน 4 ของโลก โคลแทน เป็นโลหะสำคัญที่นำมาใช้ในการสร้างคอมพิวเตอร์ชิพ และแผงวงจรไฟฟ้า ที่จำเป็นมากสำหรับอุปกรณ์มือถือ เครื่องคอม และเครื่องมืออีเลคโทรนิคทั้งปวง และเชื่อกันว่า คองโกก็มีแหล่งน้ำมันแยะมากด้วย แต่มันเหลือเชื่อ และน่าเศร้าใจว่า จนถึงปัจจุบันชาวคองโกส่วนใหญ่ก็ยังมีชีวิตที่ลำบาก และประเทศยังยากจน ช่วงแรกๆ ที่โมบูตูปกครองคองโก เป็นช่วงสงครามเย็น อเมริกาจึงทำหวานเชื่อมกับโมบูตู เขาเป็นชาวอาฟริกันคนแรก ที่เป็นแขกเชิญของทำเนียบขาว โมบูตู เป็นนักการเมืองจอมแสบ เขาคบทั้งสหภาพโซเวียตและจีน เพื่อไว้ต่อรองกับอเมริกา ความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันกับโมบูตู จึงทั้งหวานทั้งขมปนกัน อเมริกาคงยอมไม่ได้ ถ้าคองโกประเทศใหญ่ในอาฟริกา จะกลายเป็นพรรคพวกของคอมมิวนิสต์ เสียหน้าพี่เบิ้มใหญ่ แห่งค่ายประชาธิปไตยโรเนียวหมด โมบูตูจึงฉวยโอกาสสร้างความร่ำรวยให้แก่ตัวเองและพรรคพวก เขารวยอย่างมหาศาล และเป็นเผด็จการอย่างเข้มข้น หลายครั้งที่เขาถูกรัฐประหาร แต่ก็รอดมาได้ ด้วยอาวุธที่อเมริกาจัดส่งให้ เพื่อเอาไว้ขู่ ไม่ให้โซเวียตกับจีนเข้ามาในคองโก แต่หลังจากสงครามเย็นใกล้จบ ความต้องการที่จะง้อโมบูตู ก็คงหมดตามไปด้วย และก็มีคนช่างคิด ช่างสงสัย ว่าโรคเอดส์นั้น ทำไมไปเกิดอยู่ที่คองโกเป็นแห่งแรก ก่อนจะระบาดเป็นไฟลามทุ่งไปทั่วโลก และก็น่าแปลกใจว่า ลูกชาย 2 คน ในจำนวนลูก 14 คนของโมบูตู ก็เสียชิวิตด้วยโรคเอดส์ และ 1 ใน 2 นั้น เป็นที่มุ่งหวังของโมบูตู ที่จะให้เป็นทายาทสืบทอดตำแหน่งผู้ปกครองคองโกต่อจากเขา American Minerals Fields, Inc บริษัทอเมริกันที่เป็นผู้ลงทุน และสนับสนุนให้ คาบิลาโค่นโมบูตู มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่รัฐอาร์แคนซอร์ ฐานใหญ่ของอดีตประธานาธิบดีอเมริกัน บิล คลินตัน คนนิยมเด็กฝึกงาน ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทนี้เป็นคนใกล้ชิดของคนนิยมเด็กฝึกงาน ตั้งแต่สมัยยังเป็นผู้ว่าการรัฐ อาแคนซอร์ แหม ใครเขาจะเอาชื่อตัวเองมาใส่ ก่อนการโค่น มูบูตู ลงจากแท่นไม่กี่เดือน คาบิลา เริ่มทบทวนสัญญาสัมปทานขุดแร่ และทำการเจรจาเงื่อนไขกับพวกบริษัท อเมริกัน อังกฤษ ที่มาลงทุนทำเหมืองในคองโกเสียใหม่ รวมทั้งเจรจากับ American Minerals ด้วย คาบิลาคงเข้าใจอะไรผิด หรือประเมินผู้สนับสนุนตัวเองผิด อย่างไม่น่าเป็นไปได้ แบบนี้ วอชิงตันคงไม่เลี้ยงเขาไว้นาน แล้วในปี ค.ศ.2001 คาบิลาก็ถูกฆ่าตาย ใครฆ่าเขา ผมไม่รู้ มีรายงานออกมาในเดือนเมษายน ปี ค.ศ.1997 ว่า หลังจากโมบูตูถูกโค่นไปไม่กี่เดือน IMF ก็แนะนำให้รัฐบาลคองโกหยุดการพิมพ์ธนบัตรอย่างกระทันหัน และสิ้นเชิง ตามนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจคองโกของ IMF และเมื่อ คาบิลา ขึ้นมาปกครอง IMF แนะนำให้คาบิลาระงับการจ่ายเงินเดือนพนักงานรัฐ เพื่อสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ (ไม่รู้แปลว่าอะไร !) ซ้ำเข้าไปอีก หลังจากนั้นก็เกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างหนักในคองโก ค่าจ้างแรงงานโดยเฉลี่ยของชาวคองโกตกประมาณเดือนละ 3 หมื่นแซร์ หรือประมาณเดือนละ 1 เหรียญสหรัฐ … นักวิเคราะห์และนักเศรษฐศาสตร์ชาวแคนาดา นาย Michael Chossudovsky บอกว่า เงื่อนไขที่ IMF กำหนดให้รัฐบาลคองโกปฏิบัติมีผลเป็นการรักษาระดับความยากจนของประชาชนชาวคองโก ให้คงทนถาวรตลอดไป คองโกเป็นประเทศที่ร่ำรวยทรัพยากรอย่างมาก แต่ชาวคองโกถูกแผนชั่วกำหนด ไม่ให้พวกเขามีโอกาสพัฒนาประเทศตนเอง และต้องวนเวียนอยู่กับการสู้รบฆ่าฟันกันเอง จนมีคนตายไปเกือบ 2 ล้านคน เมื่อคาบิลา คนพ่อถูกเก็บ โจเซฟ ลูกชายเขาก็ถูกเอามาขึ้นแท่นแทนพ่อ เขาเป็นประธานาธิบดีของคองโกคนแรก ที่มาจากการ (สั่งให้มี) เลือกตั้ง และดูเหมือนจะไม่ (กล้า) สนใจที่จะพัฒนาประเทศตนเอง แต่อย่างใด สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 17 ก.ย. 2558
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 478 มุมมอง 0 รีวิว
  • เป็นกำลังใจและแบ่งปันน้ำใจให้กันยามวิกฤติ
    พลิกฟื้นฟื้นฟูเยียวยาชีวิต
    ผู้ประสบภัยให้ผ่านไปด้วยดีครับ
    #กำลังใจ
    #น้ำท่วมหาดใหญ่2568 #น้ำท่วมภาคใต้2568
    เป็นกำลังใจและแบ่งปันน้ำใจให้กันยามวิกฤติ พลิกฟื้นฟื้นฟูเยียวยาชีวิต ผู้ประสบภัยให้ผ่านไปด้วยดีครับ #กำลังใจ #น้ำท่วมหาดใหญ่2568 #น้ำท่วมภาคใต้2568
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • นักวิจัยค้นพบกลไกใหม่ที่อาจพลิกการรักษาโรคกระดูกพรุน

    ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Leipzig ประเทศเยอรมนี และมหาวิทยาลัย Shandong ประเทศจีน ได้ค้นพบว่า ตัวรับเซลล์ GPR133 (หรือ ADGRD1) มีบทบาทสำคัญต่อการสร้างและความหนาแน่นของกระดูก โดยทำงานผ่านเซลล์สร้างกระดูก (osteoblasts) การทดลองในหนูพบว่า หากยีนนี้หายไป หนูจะมีอาการคล้ายโรคกระดูกพรุน แต่เมื่อกระตุ้นด้วยสารเคมี AP503 กระดูกกลับแข็งแรงขึ้นอย่างชัดเจน

    สิ่งที่น่าสนใจคือ AP503 ทำหน้าที่เหมือน “ปุ่มชีวภาพ” ที่กระตุ้นให้ osteoblasts ทำงานหนักขึ้น และเมื่อใช้ร่วมกับการออกกำลังกาย ผลลัพธ์ยิ่งดีขึ้นไปอีก การค้นพบนี้ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญ เพราะปัจจุบันการรักษาโรคกระดูกพรุนทำได้เพียงชะลอ ไม่สามารถย้อนกลับหรือรักษาให้หายขาดได้ อีกทั้งยาที่มีอยู่ยังมีผลข้างเคียงและประสิทธิภาพลดลงเมื่อใช้ระยะยาว

    นอกจากการค้นพบ GPR133 แล้ว งานวิจัยอื่น ๆ ยังเสริมแนวทางใหม่ เช่น วัสดุชีวภาพจากเลือด ที่สามารถซ่อมแซมกระดูกหักได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ ฮอร์โมน MBH ที่พบในสมองของหนูเพศเมียซึ่งช่วยสร้างกระดูกที่แข็งแรงและหนาแน่นกว่าปกติ ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าการแพทย์กำลังเข้าใกล้การพัฒนายาที่สามารถเสริมสร้างและฟื้นฟูกระดูกได้จริงในมนุษย์

    แม้ผลการทดลองยังอยู่ในสัตว์ แต่ศักยภาพของ GPR133 และ AP503 ทำให้เกิดความหวังใหม่ว่าในอนาคตอาจมีการรักษาที่สามารถ “ย้อนกลับ” โรคกระดูกพรุนได้ โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่มีความเสี่ยงสูงต่อโรคนี้

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การค้นพบใหม่
    ตัวรับเซลล์ GPR133 มีบทบาทสำคัญต่อความหนาแน่นของกระดูก
    สาร AP503 กระตุ้น osteoblasts ให้สร้างกระดูกแข็งแรงขึ้น

    ผลการทดลองในสัตว์
    หนูที่ขาด GPR133 มีอาการคล้ายโรคกระดูกพรุน
    เมื่อกระตุ้นด้วย AP503 กระดูกกลับแข็งแรงขึ้น

    แนวทางเสริมจากงานวิจัยอื่น
    วัสดุชีวภาพจากเลือดช่วยซ่อมแซมกระดูกหัก
    ฮอร์โมน MBH ในสมองหนูเพศเมียช่วยสร้างกระดูกหนาแน่น

    ข้อควรระวัง
    ผลการทดลองยังจำกัดอยู่ในสัตว์ ไม่สามารถยืนยันผลในมนุษย์ได้
    ยารักษาโรคกระดูกพรุนที่มีอยู่ยังมีผลข้างเคียงและประสิทธิภาพลดลงเมื่อใช้ระยะยาว
    ต้องมีการทดลองทางคลินิกเพิ่มเติมก่อนนำมาใช้จริง

    https://www.sciencealert.com/new-breakthrough-to-strengthen-bone-could-reverse-osteoporosis
    🦴 นักวิจัยค้นพบกลไกใหม่ที่อาจพลิกการรักษาโรคกระดูกพรุน ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Leipzig ประเทศเยอรมนี และมหาวิทยาลัย Shandong ประเทศจีน ได้ค้นพบว่า ตัวรับเซลล์ GPR133 (หรือ ADGRD1) มีบทบาทสำคัญต่อการสร้างและความหนาแน่นของกระดูก โดยทำงานผ่านเซลล์สร้างกระดูก (osteoblasts) การทดลองในหนูพบว่า หากยีนนี้หายไป หนูจะมีอาการคล้ายโรคกระดูกพรุน แต่เมื่อกระตุ้นด้วยสารเคมี AP503 กระดูกกลับแข็งแรงขึ้นอย่างชัดเจน สิ่งที่น่าสนใจคือ AP503 ทำหน้าที่เหมือน “ปุ่มชีวภาพ” ที่กระตุ้นให้ osteoblasts ทำงานหนักขึ้น และเมื่อใช้ร่วมกับการออกกำลังกาย ผลลัพธ์ยิ่งดีขึ้นไปอีก การค้นพบนี้ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญ เพราะปัจจุบันการรักษาโรคกระดูกพรุนทำได้เพียงชะลอ ไม่สามารถย้อนกลับหรือรักษาให้หายขาดได้ อีกทั้งยาที่มีอยู่ยังมีผลข้างเคียงและประสิทธิภาพลดลงเมื่อใช้ระยะยาว นอกจากการค้นพบ GPR133 แล้ว งานวิจัยอื่น ๆ ยังเสริมแนวทางใหม่ เช่น วัสดุชีวภาพจากเลือด ที่สามารถซ่อมแซมกระดูกหักได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ ฮอร์โมน MBH ที่พบในสมองของหนูเพศเมียซึ่งช่วยสร้างกระดูกที่แข็งแรงและหนาแน่นกว่าปกติ ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าการแพทย์กำลังเข้าใกล้การพัฒนายาที่สามารถเสริมสร้างและฟื้นฟูกระดูกได้จริงในมนุษย์ แม้ผลการทดลองยังอยู่ในสัตว์ แต่ศักยภาพของ GPR133 และ AP503 ทำให้เกิดความหวังใหม่ว่าในอนาคตอาจมีการรักษาที่สามารถ “ย้อนกลับ” โรคกระดูกพรุนได้ โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่มีความเสี่ยงสูงต่อโรคนี้ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การค้นพบใหม่ ➡️ ตัวรับเซลล์ GPR133 มีบทบาทสำคัญต่อความหนาแน่นของกระดูก ➡️ สาร AP503 กระตุ้น osteoblasts ให้สร้างกระดูกแข็งแรงขึ้น ✅ ผลการทดลองในสัตว์ ➡️ หนูที่ขาด GPR133 มีอาการคล้ายโรคกระดูกพรุน ➡️ เมื่อกระตุ้นด้วย AP503 กระดูกกลับแข็งแรงขึ้น ✅ แนวทางเสริมจากงานวิจัยอื่น ➡️ วัสดุชีวภาพจากเลือดช่วยซ่อมแซมกระดูกหัก ➡️ ฮอร์โมน MBH ในสมองหนูเพศเมียช่วยสร้างกระดูกหนาแน่น ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ผลการทดลองยังจำกัดอยู่ในสัตว์ ไม่สามารถยืนยันผลในมนุษย์ได้ ⛔ ยารักษาโรคกระดูกพรุนที่มีอยู่ยังมีผลข้างเคียงและประสิทธิภาพลดลงเมื่อใช้ระยะยาว ⛔ ต้องมีการทดลองทางคลินิกเพิ่มเติมก่อนนำมาใช้จริง https://www.sciencealert.com/new-breakthrough-to-strengthen-bone-could-reverse-osteoporosis
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    New Breakthrough to Strengthen Bone Could Reverse Osteoporosis
    A recent study points to a key bone-strengthening mechanism at work in the body, which could be targeted to treat the bone-weakening disease, osteoporosis.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 237 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 19

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด”
    ตอน 19
    นาย Hoover อดีตประธานาธิบดีอเมริกา คนที่แม้ตอนนั้นอกจะยังกลัดหนอง จากโดนบี้เสียเละ ในช่วงที่เป็นประธานาธิบดีสมัย Great Depression ของอเมริกา เขาเป็นประธานาธิบดีอเมริกันที่ถูกประชาชน ประท้วงรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ แถมมีคนซ้ำเติม เขาคงไม่ลืม เขาจึงนั่ง (รับใบสั่ง) เป็นผู้บัญชาการเงาของ SCAP อยู่ที่อพาทเม้นต์ข้างบนโรงแรมหรู ในนิวยอร์ค โดยมีอดีตทูต Grew และ Harry F Kern ร่วมนั่งรับการบัญชา
    หลังจากฝ่ายบัญชาการปล่อยข่าวออกไป จนน่าจะได้ที่ และได้ที เจ้าหน้าที่ของทางวังก็เริ่มมาหารือกับ Grew ถึงทางออกของจักรพรรดิ ที่คงจะเสียหน้ามาก ถ้าจะต้องออกมาเป็นผู้พูด รับผิดในการสั่งทหารญี่ปุ่นเข้าทำสงครามโลก ผลของการปรึกษา เจรจากันหลายรอบ ระหว่างตัวแทนของวังกับฝั่งของ ฝ่ายบัญชาการ ในที่สุดจักรพรรดิ ก็ตกลงยอมที่จะไปพบ นายพลแมค ที่สำนักงานใหญ่ของ SCAP ปิดห้องเจรจากัน 2 คน มันเป็นเรื่องที่จักรพรรดิไม่เคยต้องทำ แต่จักรพรรดิยอมเดินทางไปพบนายพลแมค มีแค่ องคมนตรีติดไปด้วย เพื่อทำหน้าที่เป็นล่าม โดยสาบานตนว่าจะไม่เปิดเผยต่อ ไม่ว่ากับใครทั้งสิ้น ไม่มีใครรู้ว่าทั้ง 2 เจรจาอะไรบ้าง
    แล้วคำแถลงของจักรพรรดิ ที่ใช้เวลาร่างและแก้อยู่หลายสิบ รอบ ก็ออกวิทยุที่ญี่ปุ่น ในวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ.1945 ไม่มีการพูดถึง การสั่งเข้าทำสงคราม ไม่มีคำขอโทษ แต่ให้คนฟังเข้าใจเอาเองว่า จักรพรรดิเสียใจสุดซึ้ง มันเป็นคำแถลงที่สุดยอดญี่ปุ่น แปลว่า เข้าใจยากครับ ผมพยายามอ่านอยู่หลายเที่ยว เป็นฉบับภาษาอังกฤษ ที่แปลมาจากภาษาญี่ปุ่นอีกที สงสัยภาษาอังกฤษผมอ่อนมาก ผมชักไม่แน่ใจว่า ตกลงจักรพรรดิเสียใจสุดซึ้งเรื่องอะไรกันแน่ (ท่านใดที่สนใจว่าจักรพรรดิพูดว่าอะไร กดดูในกูเกิล emperor speech ได้เลยครับ)
    หลังจากนั้นก็มาถึงคิวบรรดาหัวกะทิ นักธุรกิจนักการเงินใหญ่ ที่ SCAP สั่งดำเนินดคี เนื่องจากมีส่วนพัวพัน สนับสนุน รวมทั้งค้าขาย ทำกำไรจากการทำสงครามอันโหดร้ายของญี่ปุ่น บริษัทเหล่านี้จะมีสิทธิถูกพิจารณาลงโทษ ให้ปรับปรุงกิจการ เลิกการผูกขาด ลดขนาดบริษัท ไปจนถึง ต้องเลิกกิจการ
    Harry F Kern บรรณาธิการข่าวต่างประเทศของนิตยสาร Newsweek ซึ่งมีเสียงดังมากในสมัยนั้น เป็นหัวเรือใหญ่ ตั้งสำนักล้อบบี้รุ่นแรก American Council on Japan (ACJ) หรือบางทีเรียกกันว่า Japan Lobby ร่วมกับสื่อใหญ่อีกคน Compton Pakenham ประจำสำนักงานในโตเกียว และ James Lee Kauffman ทนายจากนิวยอร์ค ที่มาสอนหนังสือ อยู่ที่ มหาวิทยาลัยโตเกียว ในช่วงปี ค.ศ.1913 – 1919 และเป็นที่ปรึกษากฏหมาย ให้ธุรกิจใหญ่อเมริกันในโตเกียว เช่น บริษัท General Electric , Standard Oil, Westing House, Ford, Otis Elevator และ Dillion Reed ร่วมในขบวนการล้อบบี้ด้วย
    Kern เป็นสื่อ ที่จบจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาด สนใจด้านการเมืองแถบเอเซียมานานแล้วเป็นเพื่อนสนิทกับพวก Harriman คู่หูของร้อกกี้ the great ในจีน ส่วน Pakenham เกิดและโตมาในญี่ปุ่น และเป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าพ่อ ในญี่ปุ่นเกือบทุกคน
    Grew อดีตทูตอเมริกันประจำญี่ปุ่น รับหน้าที่เป็นประธานของสำนักล้อบบี้ AJC ร่วมกับ Wiiliam Castle เจ้าของไร่ใหญ่ในฮาวาย และเคยเป็นปลัดกระทรวงต่างประเทศสมัย Hoover เป็นประธานาธิบดี
    ปี ค.ศ.1947 Kuaffman ในฐานะตัวแทนของ Dillion Reed บริษัทการเงินในวอลสตรีท ที่มีความใกล้ชิดกับร้อกกี้มากกว่ามอร์แกน เดินทางมาโตเกียวเพื่อประเมินนโยบาย FEC-230 ของวอชิงตัน ที่ให้ตอนพันธ์ุพวกหัวกะทิ นักธุรกิจใหญ่ ที่เรียกว่า zaibatsu จากต้นใหญ่ เหลือเป็นบอนไซในกระถางน่าเอ็น ดู เมื่อเขากลับไปอเมริกา เขารีบส่งการบ้าน หลังจากนั้นนโยบาย FEC-230 ก็ถูกส่งไปให้ Newsweek โดย William Draper หุ้นส่วนใหญ่ ของ Dillion Reed ที่ขอลาชั่วคราวมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม
    Newsweek เขียนบทความ แบบด่าไม่เลี้ยงว่า การลงโทษธุรกิจญี่ปุ่น ตามนโยบายดังกล่าว จะทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นพังพินาศ จะทำให้ชาวญี่ปุ่นที่ทำงานในภาคธุรกิจ ตกงานเป็นหมื่นๆคน มันเป็นการลงโทษนักธุรกิจญี่ปุ่น แต่สร้างความเสียหายให้แก่ชาวอเมริกันที่เสียภาษีอย่างแสนสาหัส เพราะจะต้องไปรับภาระนั้นแทนญี่ปุ่น
    มันเป็นช่วงที่ นายพลแมค กำลังเริ่มหาเสียงจะลงเลือกตั้ง มาโดนสื่อใหญ่ถล่มเละ แถมพวกลิพับลิกันก็ช่วยกันด่าซ้ำ เพราะทำให้พรรคเสียคะแนน ท่านนายพลแมค จึงรีบสั่งระงับการเอาบอนไซพันธ์ุ zaibatsu ลงกระถางไว้ชั่วคราวก่อน แต่มีคนใจร้อนขี้เกียจคอย
    คราวนี้นาย William Draper มาญี่ปุ่นเอง ในฐานะตัวแทนรัฐบาลอเมริกัน แถมพ่วงเอานายธนาคารใหญ่ อีกคน Percy Johnson มาด้วย Johnson เป็นประธาน Chemical Bank ในนิวยอร์ค ซึ่งเป็นคู่ค้ากับ Mitsui Bank ยักษ์ใหญ่มากของญี่ปุ่น พวกเขาสอบถามซักไซ้ผู้ที่เกี่ยว ข้องอย่างรวดเร็ว แล้วรีบกลับไปทำรายงาน Draper-Johnson สรุปว่า พวก zaibatsu ไม่สมควรที่จะรับโทษ ในการทำสงคราม แต่ควรให้พวกเขารีบมาฟื้นฟูเศรษฐกิจของญี่ปุ่น จะได้ไม่เป็นภาระกับอเมรืกา ในการ(ควักกระเป๋า) ดูแลเลี้ยงดูญี่ปุ่น ด้วยภาษีของคนอเมริกัน เยี่ยมจริงๆ
    สรุปแบบนี้ วอชิงตันก็โกลาหล มีทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายเชียร์ ในที่สุด การเมืองอเมริกัน ที่ว่าเป็นประชาธิปไตย ก็ (ถูกสั่งให้) ตัดสินใจยกเลิกการตอนพันธ์ zaibatsu และบริษัทญี่ปุ่น ที่อยู่ในข่ายว่าจะต้องถูกตอนจำนวน 325 บริษัท ก็ลดลงเหลือเพียง 20 บริษัท ส่วนพวก zaibatsu ที่รอดมา เปลี่ยนชื่อใหม่ชั่วคราว พอให้ควันจาง ก็กลับไปใช้ชื่อเดิม
    ส่วนเรื่อง จักรพรรดิ ทหาร และนักการเมือง อเมริกา หลังจากขู่เข้ม จนราดเต็มกางเกงกันไปหมดแล้ว ก็สรุปว่า ให้ไประบุให้ชัดเจนว่า จักรพรรดิอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ต่อไปใครจะมากล่าวหาว่าจักรพรรดินำรบไม่ได้แล้วนะ และ ให้แน่ใจว่า ทหารเลิกบ้าเลือด ก็ยุบกองทัพ เหลือแค่เป็นกองกำลังป้องกันตัวเอง ทั้งหมดนี้ ให้กำหนดอยู่ในรัฐธรรมนูญใหม่ ที่นายพลแมคให้จัดร่างขึ้นมาใหม่
    พอถึงปี ค.ศ.1951 ทั้งสองแสนสองหมื่นคน ก็หลุดจากคุกหมด ยกเว้นพวกที่หลุดมาก่อนหน้านั้นแล้ว ก็พวกหัวกะทิไง ให้ออกมาก่อน เก็บไว้แต่หางกะทิ
    ในปี ค.ศ.1952 นายพลแมค ก็จัดให้มีการเลือกตั้งในญี่ปุ่น และนายโยชิดะ จากพรรค Liberal Democrat Party (LDP) ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนายพลแมค
    ส่วนความฝันของนายพลแมคเอง ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ในปี ค.ศ.1948 เขาหาเสียงโดยตรงไม่ได้ เพราะกำลังวุ่นเรื่อง SCAP อยู่ แต่เขาประกาศผ่านพวกรีพับลิกัน โดยเฉพาะกับ Hoover ที่กำกับเขามาตลอด ว่าเขาพร้อมแล้ว แต่ดูเหมือนท่านนายพลห้าดาวจะไม่ผ่านแม้แต่การเลือกตั้งตัวแทนภายในพรรครอบแรก แต่คงไม่ช้ำใจมาก ได้ของปลอบใจไปแยะ เรียงกันหลายหลักมาก
    ทั้งหมดนี่ น่าจะเป็นผลงานการทำงานหนักของ ACJ ใครจะว่าอย่างไรก็ตาม ภายหลังจักรพรรดิให้เหรียญตราสูงสุดกับ Kern และ Pakenham ทั้ง 2 ก็คนแล้วกัน
    ACJ เป็นหน่วยงานทำอะไรกันแน่ เห็นไม่ชัดเจนในช่วงนั้น เช่นเดียวกับ หน่วยงาน MRA แต่ต่อมาภายหลัง มีเอกสารเป็นหลักฐานว่า 2 หน่วยงานนี้ คือหน่วยงานหน้าฉากของ CIA และทำงานภายใต้ใบกำกับ เช่นเดียวกัน
    เรื่องของ ACJ นี้ เป็นตำนานของการใช้สื่อ และการล้อบบี้ที่บันลือโลกมาก เป็นตัวอย่างว่า ปากและปากกานั่น ใช้ให้ถูกที่ ถูกเวลา ถูกคน ก็ล้มรัฐบาล หรือ ครอบครองประเทศได้ โดยไม่ต้องใช้กำลังทหาร และแม้แต่ทหารใหญ่อย่าง นายพลแมค ที่มีหน้าที่ปกครองญี่ปุ่นในตอนนั้น ยังต้องรีบเปลี่ยนบท
    เฮ้ย ทำไมมันขึ้นต้นเป็นมะลิซ้อน พอแตกใบอ่อนดันกลายเป็นบ้องกัญ ชาอย่างนึ้ ทำเป็นฮึดฮัดโกรธจัดเรื่อง Pearl Habour ถึงขนาดต้องเอาคืน ด้วยการป้อนดอกเห็ดยักษ์ ให้พวกชอบปลาดิบกิน จนตายกันเป็นเบื่อ แล้วจบกันง่ายๆ อย่างนี้นะหรือ ที่บางประเทศ แค่ปฏิวัติบ่อยหน่อย ยังไม่ได้ถล่มกองเรือของใครเลย ทำไมด่าซ้ำด่าซาก ไม่ด่าเปล่า เสือกมีของแถมมาขู่อีก แบบนี้ ก็ยังจบเรื่องไม่ได้ แค่จบตอนครับ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    30 ส.ค. 2558
    ไม่ตกสะเก็ด ตอนที่ 19 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ไม่ตกสะเก็ด” ตอน 19 นาย Hoover อดีตประธานาธิบดีอเมริกา คนที่แม้ตอนนั้นอกจะยังกลัดหนอง จากโดนบี้เสียเละ ในช่วงที่เป็นประธานาธิบดีสมัย Great Depression ของอเมริกา เขาเป็นประธานาธิบดีอเมริกันที่ถูกประชาชน ประท้วงรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ แถมมีคนซ้ำเติม เขาคงไม่ลืม เขาจึงนั่ง (รับใบสั่ง) เป็นผู้บัญชาการเงาของ SCAP อยู่ที่อพาทเม้นต์ข้างบนโรงแรมหรู ในนิวยอร์ค โดยมีอดีตทูต Grew และ Harry F Kern ร่วมนั่งรับการบัญชา หลังจากฝ่ายบัญชาการปล่อยข่าวออกไป จนน่าจะได้ที่ และได้ที เจ้าหน้าที่ของทางวังก็เริ่มมาหารือกับ Grew ถึงทางออกของจักรพรรดิ ที่คงจะเสียหน้ามาก ถ้าจะต้องออกมาเป็นผู้พูด รับผิดในการสั่งทหารญี่ปุ่นเข้าทำสงครามโลก ผลของการปรึกษา เจรจากันหลายรอบ ระหว่างตัวแทนของวังกับฝั่งของ ฝ่ายบัญชาการ ในที่สุดจักรพรรดิ ก็ตกลงยอมที่จะไปพบ นายพลแมค ที่สำนักงานใหญ่ของ SCAP ปิดห้องเจรจากัน 2 คน มันเป็นเรื่องที่จักรพรรดิไม่เคยต้องทำ แต่จักรพรรดิยอมเดินทางไปพบนายพลแมค มีแค่ องคมนตรีติดไปด้วย เพื่อทำหน้าที่เป็นล่าม โดยสาบานตนว่าจะไม่เปิดเผยต่อ ไม่ว่ากับใครทั้งสิ้น ไม่มีใครรู้ว่าทั้ง 2 เจรจาอะไรบ้าง แล้วคำแถลงของจักรพรรดิ ที่ใช้เวลาร่างและแก้อยู่หลายสิบ รอบ ก็ออกวิทยุที่ญี่ปุ่น ในวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ.1945 ไม่มีการพูดถึง การสั่งเข้าทำสงคราม ไม่มีคำขอโทษ แต่ให้คนฟังเข้าใจเอาเองว่า จักรพรรดิเสียใจสุดซึ้ง มันเป็นคำแถลงที่สุดยอดญี่ปุ่น แปลว่า เข้าใจยากครับ ผมพยายามอ่านอยู่หลายเที่ยว เป็นฉบับภาษาอังกฤษ ที่แปลมาจากภาษาญี่ปุ่นอีกที สงสัยภาษาอังกฤษผมอ่อนมาก ผมชักไม่แน่ใจว่า ตกลงจักรพรรดิเสียใจสุดซึ้งเรื่องอะไรกันแน่ (ท่านใดที่สนใจว่าจักรพรรดิพูดว่าอะไร กดดูในกูเกิล emperor speech ได้เลยครับ) หลังจากนั้นก็มาถึงคิวบรรดาหัวกะทิ นักธุรกิจนักการเงินใหญ่ ที่ SCAP สั่งดำเนินดคี เนื่องจากมีส่วนพัวพัน สนับสนุน รวมทั้งค้าขาย ทำกำไรจากการทำสงครามอันโหดร้ายของญี่ปุ่น บริษัทเหล่านี้จะมีสิทธิถูกพิจารณาลงโทษ ให้ปรับปรุงกิจการ เลิกการผูกขาด ลดขนาดบริษัท ไปจนถึง ต้องเลิกกิจการ Harry F Kern บรรณาธิการข่าวต่างประเทศของนิตยสาร Newsweek ซึ่งมีเสียงดังมากในสมัยนั้น เป็นหัวเรือใหญ่ ตั้งสำนักล้อบบี้รุ่นแรก American Council on Japan (ACJ) หรือบางทีเรียกกันว่า Japan Lobby ร่วมกับสื่อใหญ่อีกคน Compton Pakenham ประจำสำนักงานในโตเกียว และ James Lee Kauffman ทนายจากนิวยอร์ค ที่มาสอนหนังสือ อยู่ที่ มหาวิทยาลัยโตเกียว ในช่วงปี ค.ศ.1913 – 1919 และเป็นที่ปรึกษากฏหมาย ให้ธุรกิจใหญ่อเมริกันในโตเกียว เช่น บริษัท General Electric , Standard Oil, Westing House, Ford, Otis Elevator และ Dillion Reed ร่วมในขบวนการล้อบบี้ด้วย Kern เป็นสื่อ ที่จบจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาด สนใจด้านการเมืองแถบเอเซียมานานแล้วเป็นเพื่อนสนิทกับพวก Harriman คู่หูของร้อกกี้ the great ในจีน ส่วน Pakenham เกิดและโตมาในญี่ปุ่น และเป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าพ่อ ในญี่ปุ่นเกือบทุกคน Grew อดีตทูตอเมริกันประจำญี่ปุ่น รับหน้าที่เป็นประธานของสำนักล้อบบี้ AJC ร่วมกับ Wiiliam Castle เจ้าของไร่ใหญ่ในฮาวาย และเคยเป็นปลัดกระทรวงต่างประเทศสมัย Hoover เป็นประธานาธิบดี ปี ค.ศ.1947 Kuaffman ในฐานะตัวแทนของ Dillion Reed บริษัทการเงินในวอลสตรีท ที่มีความใกล้ชิดกับร้อกกี้มากกว่ามอร์แกน เดินทางมาโตเกียวเพื่อประเมินนโยบาย FEC-230 ของวอชิงตัน ที่ให้ตอนพันธ์ุพวกหัวกะทิ นักธุรกิจใหญ่ ที่เรียกว่า zaibatsu จากต้นใหญ่ เหลือเป็นบอนไซในกระถางน่าเอ็น ดู เมื่อเขากลับไปอเมริกา เขารีบส่งการบ้าน หลังจากนั้นนโยบาย FEC-230 ก็ถูกส่งไปให้ Newsweek โดย William Draper หุ้นส่วนใหญ่ ของ Dillion Reed ที่ขอลาชั่วคราวมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม Newsweek เขียนบทความ แบบด่าไม่เลี้ยงว่า การลงโทษธุรกิจญี่ปุ่น ตามนโยบายดังกล่าว จะทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นพังพินาศ จะทำให้ชาวญี่ปุ่นที่ทำงานในภาคธุรกิจ ตกงานเป็นหมื่นๆคน มันเป็นการลงโทษนักธุรกิจญี่ปุ่น แต่สร้างความเสียหายให้แก่ชาวอเมริกันที่เสียภาษีอย่างแสนสาหัส เพราะจะต้องไปรับภาระนั้นแทนญี่ปุ่น มันเป็นช่วงที่ นายพลแมค กำลังเริ่มหาเสียงจะลงเลือกตั้ง มาโดนสื่อใหญ่ถล่มเละ แถมพวกลิพับลิกันก็ช่วยกันด่าซ้ำ เพราะทำให้พรรคเสียคะแนน ท่านนายพลแมค จึงรีบสั่งระงับการเอาบอนไซพันธ์ุ zaibatsu ลงกระถางไว้ชั่วคราวก่อน แต่มีคนใจร้อนขี้เกียจคอย คราวนี้นาย William Draper มาญี่ปุ่นเอง ในฐานะตัวแทนรัฐบาลอเมริกัน แถมพ่วงเอานายธนาคารใหญ่ อีกคน Percy Johnson มาด้วย Johnson เป็นประธาน Chemical Bank ในนิวยอร์ค ซึ่งเป็นคู่ค้ากับ Mitsui Bank ยักษ์ใหญ่มากของญี่ปุ่น พวกเขาสอบถามซักไซ้ผู้ที่เกี่ยว ข้องอย่างรวดเร็ว แล้วรีบกลับไปทำรายงาน Draper-Johnson สรุปว่า พวก zaibatsu ไม่สมควรที่จะรับโทษ ในการทำสงคราม แต่ควรให้พวกเขารีบมาฟื้นฟูเศรษฐกิจของญี่ปุ่น จะได้ไม่เป็นภาระกับอเมรืกา ในการ(ควักกระเป๋า) ดูแลเลี้ยงดูญี่ปุ่น ด้วยภาษีของคนอเมริกัน เยี่ยมจริงๆ สรุปแบบนี้ วอชิงตันก็โกลาหล มีทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายเชียร์ ในที่สุด การเมืองอเมริกัน ที่ว่าเป็นประชาธิปไตย ก็ (ถูกสั่งให้) ตัดสินใจยกเลิกการตอนพันธ์ zaibatsu และบริษัทญี่ปุ่น ที่อยู่ในข่ายว่าจะต้องถูกตอนจำนวน 325 บริษัท ก็ลดลงเหลือเพียง 20 บริษัท ส่วนพวก zaibatsu ที่รอดมา เปลี่ยนชื่อใหม่ชั่วคราว พอให้ควันจาง ก็กลับไปใช้ชื่อเดิม ส่วนเรื่อง จักรพรรดิ ทหาร และนักการเมือง อเมริกา หลังจากขู่เข้ม จนราดเต็มกางเกงกันไปหมดแล้ว ก็สรุปว่า ให้ไประบุให้ชัดเจนว่า จักรพรรดิอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ต่อไปใครจะมากล่าวหาว่าจักรพรรดินำรบไม่ได้แล้วนะ และ ให้แน่ใจว่า ทหารเลิกบ้าเลือด ก็ยุบกองทัพ เหลือแค่เป็นกองกำลังป้องกันตัวเอง ทั้งหมดนี้ ให้กำหนดอยู่ในรัฐธรรมนูญใหม่ ที่นายพลแมคให้จัดร่างขึ้นมาใหม่ พอถึงปี ค.ศ.1951 ทั้งสองแสนสองหมื่นคน ก็หลุดจากคุกหมด ยกเว้นพวกที่หลุดมาก่อนหน้านั้นแล้ว ก็พวกหัวกะทิไง ให้ออกมาก่อน เก็บไว้แต่หางกะทิ ในปี ค.ศ.1952 นายพลแมค ก็จัดให้มีการเลือกตั้งในญี่ปุ่น และนายโยชิดะ จากพรรค Liberal Democrat Party (LDP) ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรก ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนายพลแมค ส่วนความฝันของนายพลแมคเอง ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ในปี ค.ศ.1948 เขาหาเสียงโดยตรงไม่ได้ เพราะกำลังวุ่นเรื่อง SCAP อยู่ แต่เขาประกาศผ่านพวกรีพับลิกัน โดยเฉพาะกับ Hoover ที่กำกับเขามาตลอด ว่าเขาพร้อมแล้ว แต่ดูเหมือนท่านนายพลห้าดาวจะไม่ผ่านแม้แต่การเลือกตั้งตัวแทนภายในพรรครอบแรก แต่คงไม่ช้ำใจมาก ได้ของปลอบใจไปแยะ เรียงกันหลายหลักมาก ทั้งหมดนี่ น่าจะเป็นผลงานการทำงานหนักของ ACJ ใครจะว่าอย่างไรก็ตาม ภายหลังจักรพรรดิให้เหรียญตราสูงสุดกับ Kern และ Pakenham ทั้ง 2 ก็คนแล้วกัน ACJ เป็นหน่วยงานทำอะไรกันแน่ เห็นไม่ชัดเจนในช่วงนั้น เช่นเดียวกับ หน่วยงาน MRA แต่ต่อมาภายหลัง มีเอกสารเป็นหลักฐานว่า 2 หน่วยงานนี้ คือหน่วยงานหน้าฉากของ CIA และทำงานภายใต้ใบกำกับ เช่นเดียวกัน เรื่องของ ACJ นี้ เป็นตำนานของการใช้สื่อ และการล้อบบี้ที่บันลือโลกมาก เป็นตัวอย่างว่า ปากและปากกานั่น ใช้ให้ถูกที่ ถูกเวลา ถูกคน ก็ล้มรัฐบาล หรือ ครอบครองประเทศได้ โดยไม่ต้องใช้กำลังทหาร และแม้แต่ทหารใหญ่อย่าง นายพลแมค ที่มีหน้าที่ปกครองญี่ปุ่นในตอนนั้น ยังต้องรีบเปลี่ยนบท เฮ้ย ทำไมมันขึ้นต้นเป็นมะลิซ้อน พอแตกใบอ่อนดันกลายเป็นบ้องกัญ ชาอย่างนึ้ ทำเป็นฮึดฮัดโกรธจัดเรื่อง Pearl Habour ถึงขนาดต้องเอาคืน ด้วยการป้อนดอกเห็ดยักษ์ ให้พวกชอบปลาดิบกิน จนตายกันเป็นเบื่อ แล้วจบกันง่ายๆ อย่างนี้นะหรือ ที่บางประเทศ แค่ปฏิวัติบ่อยหน่อย ยังไม่ได้ถล่มกองเรือของใครเลย ทำไมด่าซ้ำด่าซาก ไม่ด่าเปล่า เสือกมีของแถมมาขู่อีก แบบนี้ ก็ยังจบเรื่องไม่ได้ แค่จบตอนครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 30 ส.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 754 มุมมอง 0 รีวิว
  • โปรตีน Sox9 สามารถกระตุ้นเซลล์สมองที่เสื่อมในหนูให้กลับมาทำงานได้อีกครั้ง

    งานวิจัยใหม่พบว่าโปรตีน Sox9 สามารถกระตุ้นเซลล์สมองที่เสื่อมในหนูให้กลับมาทำงานได้อีกครั้ง โดยช่วยกำจัดคราบโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์ และอาจเป็นแนวทางใหม่ในการรักษาโรคสมองเสื่อมในอนาคต

    นักวิจัยจาก Baylor College of Medicine ทดลองเพิ่มระดับโปรตีน Sox9 ในหนูที่มีภาวะคล้ายโรคอัลไซเมอร์ พบว่าเซลล์สมองชนิด astrocytes ซึ่งทำหน้าที่ดูแลและกำจัดของเสียในสมอง กลับมาทำงานได้ดีขึ้น สามารถ “ดูดซับ” คราบโปรตีน amyloid-beta ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้การทำงานด้านความจำและพฤติกรรมของหนูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

    กลไกการทำงานของ Sox9
    ผลการทดลองชี้ว่า Sox9 กระตุ้นการแสดงออกของตัวรับ MEGF10 บนผิวเซลล์ astrocytes ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกำจัดคราบโปรตีนที่เป็นสาเหตุของการเสื่อมสภาพของสมอง การทดลองในหนูที่ถูกตัดยีน Sox9 ออกกลับพบว่า astrocytes ทำงานแย่ลง ความจำเสื่อม และคราบโปรตีนสะสมมากขึ้น แสดงให้เห็นว่า Sox9 เป็นกุญแจสำคัญต่อสุขภาพสมอง

    ความซับซ้อนของโรคอัลไซเมอร์
    แม้การกำจัดคราบ amyloid-beta จะเป็นเป้าหมายหลักของการรักษาโรคอัลไซเมอร์ แต่งานวิจัยก่อนหน้านี้พบว่าการรักษาแบบนี้ไม่ได้ผลเสมอไป เนื่องจากโรคมีหลายปัจจัยร่วม เช่น การอักเสบในสมอง และการเสื่อมของเซลล์ประสาท การค้นพบ Sox9 จึงเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่เน้นการเสริมพลังให้กับ เซลล์ดูแลสมอง มากกว่าการรักษาเฉพาะเซลล์ประสาท

    ความหวังและข้อจำกัด
    แม้งานวิจัยนี้ยังอยู่ในระดับการทดลองกับหนู แต่ผลลัพธ์ที่ได้ถือว่าน่าตื่นเต้น เพราะแสดงให้เห็นว่า การฟื้นฟูสมองที่เสื่อมแล้ว อาจเป็นไปได้ในอนาคต อย่างไรก็ตาม นักวิจัยเตือนว่าจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในมนุษย์ เพื่อยืนยันความปลอดภัยและประสิทธิภาพก่อนนำไปใช้จริง

    สรุปสาระสำคัญ
    โปรตีน Sox9 ช่วยฟื้นฟูสมองเสื่อมในหนู
    กระตุ้น astrocytes ให้กำจัดคราบ amyloid-beta ได้ดีขึ้น
    หนูที่ได้รับ Sox9 มีความจำและพฤติกรรมดีขึ้น

    กลไก Sox9 ผ่านตัวรับ MEGF10
    เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ดูแลสมอง
    การตัด Sox9 ออกทำให้สมองเสื่อมเร็วขึ้น

    แนวทางใหม่ในการรักษาโรคอัลไซเมอร์
    เน้นเสริมพลังเซลล์ดูแลสมองมากกว่าการรักษาเซลล์ประสาท
    อาจช่วยแก้ปัญหาที่การรักษาแบบเดิมไม่สำเร็จ

    ข้อจำกัดและความเสี่ยง
    งานวิจัยยังอยู่ในระดับทดลองกับสัตว์
    ต้องมีการทดสอบในมนุษย์เพื่อยืนยันความปลอดภัย

    https://www.sciencealert.com/boosting-one-protein-reawakens-aging-brain-cells-in-mice-study-shows
    🧠 โปรตีน Sox9 สามารถกระตุ้นเซลล์สมองที่เสื่อมในหนูให้กลับมาทำงานได้อีกครั้ง งานวิจัยใหม่พบว่าโปรตีน Sox9 สามารถกระตุ้นเซลล์สมองที่เสื่อมในหนูให้กลับมาทำงานได้อีกครั้ง โดยช่วยกำจัดคราบโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์ และอาจเป็นแนวทางใหม่ในการรักษาโรคสมองเสื่อมในอนาคต นักวิจัยจาก Baylor College of Medicine ทดลองเพิ่มระดับโปรตีน Sox9 ในหนูที่มีภาวะคล้ายโรคอัลไซเมอร์ พบว่าเซลล์สมองชนิด astrocytes ซึ่งทำหน้าที่ดูแลและกำจัดของเสียในสมอง กลับมาทำงานได้ดีขึ้น สามารถ “ดูดซับ” คราบโปรตีน amyloid-beta ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้การทำงานด้านความจำและพฤติกรรมของหนูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 🔬 กลไกการทำงานของ Sox9 ผลการทดลองชี้ว่า Sox9 กระตุ้นการแสดงออกของตัวรับ MEGF10 บนผิวเซลล์ astrocytes ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกำจัดคราบโปรตีนที่เป็นสาเหตุของการเสื่อมสภาพของสมอง การทดลองในหนูที่ถูกตัดยีน Sox9 ออกกลับพบว่า astrocytes ทำงานแย่ลง ความจำเสื่อม และคราบโปรตีนสะสมมากขึ้น แสดงให้เห็นว่า Sox9 เป็นกุญแจสำคัญต่อสุขภาพสมอง 🧩 ความซับซ้อนของโรคอัลไซเมอร์ แม้การกำจัดคราบ amyloid-beta จะเป็นเป้าหมายหลักของการรักษาโรคอัลไซเมอร์ แต่งานวิจัยก่อนหน้านี้พบว่าการรักษาแบบนี้ไม่ได้ผลเสมอไป เนื่องจากโรคมีหลายปัจจัยร่วม เช่น การอักเสบในสมอง และการเสื่อมของเซลล์ประสาท การค้นพบ Sox9 จึงเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่เน้นการเสริมพลังให้กับ เซลล์ดูแลสมอง มากกว่าการรักษาเฉพาะเซลล์ประสาท 🌍 ความหวังและข้อจำกัด แม้งานวิจัยนี้ยังอยู่ในระดับการทดลองกับหนู แต่ผลลัพธ์ที่ได้ถือว่าน่าตื่นเต้น เพราะแสดงให้เห็นว่า การฟื้นฟูสมองที่เสื่อมแล้ว อาจเป็นไปได้ในอนาคต อย่างไรก็ตาม นักวิจัยเตือนว่าจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในมนุษย์ เพื่อยืนยันความปลอดภัยและประสิทธิภาพก่อนนำไปใช้จริง 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ โปรตีน Sox9 ช่วยฟื้นฟูสมองเสื่อมในหนู ➡️ กระตุ้น astrocytes ให้กำจัดคราบ amyloid-beta ได้ดีขึ้น ➡️ หนูที่ได้รับ Sox9 มีความจำและพฤติกรรมดีขึ้น ✅ กลไก Sox9 ผ่านตัวรับ MEGF10 ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ดูแลสมอง ➡️ การตัด Sox9 ออกทำให้สมองเสื่อมเร็วขึ้น ✅ แนวทางใหม่ในการรักษาโรคอัลไซเมอร์ ➡️ เน้นเสริมพลังเซลล์ดูแลสมองมากกว่าการรักษาเซลล์ประสาท ➡️ อาจช่วยแก้ปัญหาที่การรักษาแบบเดิมไม่สำเร็จ ‼️ ข้อจำกัดและความเสี่ยง ⛔ งานวิจัยยังอยู่ในระดับทดลองกับสัตว์ ⛔ ต้องมีการทดสอบในมนุษย์เพื่อยืนยันความปลอดภัย https://www.sciencealert.com/boosting-one-protein-reawakens-aging-brain-cells-in-mice-study-shows
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Boosting One Protein Reawakens Aging Brain Cells in Mice, Study Shows
    A discovery by researchers from the Baylor College of Medicine in the US could lead to treatments that clear the troublesome aggregations of protein thought to play a key role in Alzheimer's disease.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 280 มุมมอง 0 รีวิว
  • โปรตีนสมองและการเปลี่ยนแปลงเมื่ออายุมากขึ้น

    งานวิจัยใหม่จากเยอรมนีพบว่า การเปลี่ยนแปลงของโปรตีนในสมองที่เกิดจากวัยชรา อาจถูกปรับสมดุลบางส่วนได้ด้วย การควบคุมอาหารแบบจำกัดแคลอรี ซึ่งช่วยฟื้นฟูการทำงานของระบบรีไซเคิลโปรตีนในสมองของหนูทดลอง

    นักวิจัยจาก Leibniz Institute on Aging ใช้เทคนิค mass spectrometry วิเคราะห์สมองของหนูทั้งวัยหนุ่มและวัยชรา พบว่ากระบวนการ ubiquitylation ซึ่งเป็นการติดป้ายเคมีบอกให้โปรตีนถูกรีไซเคิล มีความผิดปกติเมื่ออายุมากขึ้น โปรตีนบางชนิดถูกติดป้ายมากเกินไปจนสมองจัดการไม่ทัน ทำให้เกิดการสะสมและเสี่ยงต่อโรคทางสมอง เช่น อัลไซเมอร์.

    อาหารจำกัดแคลอรีช่วยฟื้นฟูสมดุล
    ทีมวิจัยทดลองให้หนูสูงวัยรับประทานอาหารจำกัดแคลอรีเป็นเวลา 4 สัปดาห์ ก่อนกลับไปกินอาหารปกติ ผลลัพธ์พบว่าโปรตีนบางส่วนกลับมามีการติดป้ายเคมีใกล้เคียงกับสมองของหนุ่มสาว แสดงให้เห็นว่า อาหารสามารถปรับสมดุลโปรตีนในสมองได้แม้ในวัยชรา แม้ยังไม่ทราบกลไกทั้งหมด แต่ถือเป็นแนวทางใหม่ในการดูแลสุขภาพสมอง.

    ความหมายต่อการรักษาโรคสมองเสื่อม
    แม้การทดลองยังอยู่ในระดับสัตว์และเซลล์มนุษย์ในห้องแล็บ แต่ผลลัพธ์นี้เปิดประตูสู่การพัฒนาวิธีรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของโปรตีน เช่น อัลไซเมอร์และพาร์กินสัน การเข้าใจว่าการควบคุมอาหารมีผลต่อระบบรีไซเคิลโปรตีน อาจนำไปสู่การออกแบบ อาหารบำบัด หรือ เสริมด้วยสารอาหารเฉพาะ เพื่อชะลอความเสื่อมของสมองในอนาคต.

    ข้อจำกัดและสิ่งที่ต้องระวัง
    นักวิจัยเตือนว่าผลการทดลองนี้ยังไม่เคยทดสอบในมนุษย์จริง และไม่ใช่ว่าทุกโปรตีนจะตอบสนองต่อการควบคุมอาหารเหมือนกัน บางชนิดแทบไม่เปลี่ยนแปลง หรืออาจเสื่อมลงมากกว่าเดิม ดังนั้นการนำไปใช้จริงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมอย่างรอบคอบ.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การค้นพบใหม่เกี่ยวกับโปรตีนสมอง
    กระบวนการ ubiquitylation เสื่อมลงเมื่ออายุมากขึ้น
    โปรตีนสะสมมากเกินไป เสี่ยงต่อโรคสมองเสื่อม

    ผลของอาหารจำกัดแคลอรี
    ฟื้นฟูการติดป้ายโปรตีนบางชนิดให้ใกล้เคียงสมองวัยหนุ่มสาว
    แสดงให้เห็นว่าอาหารมีผลต่อสุขภาพสมองแม้ในวัยชรา

    ความหมายต่อการแพทย์
    อาจนำไปสู่การพัฒนาอาหารบำบัดโรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน
    เปิดแนวทางใหม่ในการดูแลสมองผ่านโภชนาการ

    ข้อควรระวัง
    ยังไม่เคยทดสอบในมนุษย์จริง
    ไม่ใช่ว่าทุกโปรตีนจะตอบสนองต่อการควบคุมอาหาร

    https://www.sciencealert.com/aging-scrambles-brain-proteins-and-diet-could-partly-reverse-it
    🧬 โปรตีนสมองและการเปลี่ยนแปลงเมื่ออายุมากขึ้น งานวิจัยใหม่จากเยอรมนีพบว่า การเปลี่ยนแปลงของโปรตีนในสมองที่เกิดจากวัยชรา อาจถูกปรับสมดุลบางส่วนได้ด้วย การควบคุมอาหารแบบจำกัดแคลอรี ซึ่งช่วยฟื้นฟูการทำงานของระบบรีไซเคิลโปรตีนในสมองของหนูทดลอง นักวิจัยจาก Leibniz Institute on Aging ใช้เทคนิค mass spectrometry วิเคราะห์สมองของหนูทั้งวัยหนุ่มและวัยชรา พบว่ากระบวนการ ubiquitylation ซึ่งเป็นการติดป้ายเคมีบอกให้โปรตีนถูกรีไซเคิล มีความผิดปกติเมื่ออายุมากขึ้น โปรตีนบางชนิดถูกติดป้ายมากเกินไปจนสมองจัดการไม่ทัน ทำให้เกิดการสะสมและเสี่ยงต่อโรคทางสมอง เช่น อัลไซเมอร์. 🍎 อาหารจำกัดแคลอรีช่วยฟื้นฟูสมดุล ทีมวิจัยทดลองให้หนูสูงวัยรับประทานอาหารจำกัดแคลอรีเป็นเวลา 4 สัปดาห์ ก่อนกลับไปกินอาหารปกติ ผลลัพธ์พบว่าโปรตีนบางส่วนกลับมามีการติดป้ายเคมีใกล้เคียงกับสมองของหนุ่มสาว แสดงให้เห็นว่า อาหารสามารถปรับสมดุลโปรตีนในสมองได้แม้ในวัยชรา แม้ยังไม่ทราบกลไกทั้งหมด แต่ถือเป็นแนวทางใหม่ในการดูแลสุขภาพสมอง. 🧠 ความหมายต่อการรักษาโรคสมองเสื่อม แม้การทดลองยังอยู่ในระดับสัตว์และเซลล์มนุษย์ในห้องแล็บ แต่ผลลัพธ์นี้เปิดประตูสู่การพัฒนาวิธีรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของโปรตีน เช่น อัลไซเมอร์และพาร์กินสัน การเข้าใจว่าการควบคุมอาหารมีผลต่อระบบรีไซเคิลโปรตีน อาจนำไปสู่การออกแบบ อาหารบำบัด หรือ เสริมด้วยสารอาหารเฉพาะ เพื่อชะลอความเสื่อมของสมองในอนาคต. ⚠️ ข้อจำกัดและสิ่งที่ต้องระวัง นักวิจัยเตือนว่าผลการทดลองนี้ยังไม่เคยทดสอบในมนุษย์จริง และไม่ใช่ว่าทุกโปรตีนจะตอบสนองต่อการควบคุมอาหารเหมือนกัน บางชนิดแทบไม่เปลี่ยนแปลง หรืออาจเสื่อมลงมากกว่าเดิม ดังนั้นการนำไปใช้จริงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมอย่างรอบคอบ. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การค้นพบใหม่เกี่ยวกับโปรตีนสมอง ➡️ กระบวนการ ubiquitylation เสื่อมลงเมื่ออายุมากขึ้น ➡️ โปรตีนสะสมมากเกินไป เสี่ยงต่อโรคสมองเสื่อม ✅ ผลของอาหารจำกัดแคลอรี ➡️ ฟื้นฟูการติดป้ายโปรตีนบางชนิดให้ใกล้เคียงสมองวัยหนุ่มสาว ➡️ แสดงให้เห็นว่าอาหารมีผลต่อสุขภาพสมองแม้ในวัยชรา ✅ ความหมายต่อการแพทย์ ➡️ อาจนำไปสู่การพัฒนาอาหารบำบัดโรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน ➡️ เปิดแนวทางใหม่ในการดูแลสมองผ่านโภชนาการ ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ยังไม่เคยทดสอบในมนุษย์จริง ⛔ ไม่ใช่ว่าทุกโปรตีนจะตอบสนองต่อการควบคุมอาหาร https://www.sciencealert.com/aging-scrambles-brain-proteins-and-diet-could-partly-reverse-it
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Aging Scrambles Brain Proteins – And Diet Could Partly Reverse It
    As we get older, our brains start to change in ways that make them increasingly vulnerable to disease – and a detailed new study of these changes points to a way some of this wear and tear might be prevented or reversed.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 275 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศูนย์ข้อมูลล่มเพราะระบบทำความเย็นเสีย

    เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน CME ต้องหยุดการซื้อขายทั่วโลก เนื่องจาก ระบบทำความเย็นในศูนย์ข้อมูล CyrusOne เกิดความขัดข้อง ส่งผลให้เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ประมวลผลการซื้อขายไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ทีมวิศวกรและผู้รับเหมาถูกเรียกเข้ามาแก้ไขทันที โดยมีการรีสตาร์ทเครื่องทำความเย็นบางส่วนและติดตั้งอุปกรณ์เสริมชั่วคราวเพื่อพยายามฟื้นฟูระบบ

    ผลกระทบต่อการซื้อขายทั่วโลก
    CME เป็นตลาดอนุพันธ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมการซื้อขายตั้งแต่สินค้าเกษตร พลังงาน ดัชนีหุ้น ไปจนถึงคริปโตและอัตราดอกเบี้ย การหยุดชะงักครั้งนี้จึงส่งผลกระทบไปถึง ลอนดอน กัวลาลัมเปอร์ และยุโรป โดยเฉพาะตลาดพันธบัตรและรีโปในยุโรปที่ต้องหยุดทำการ ขณะที่ BrokerTec US และ EU สามารถกลับมาเปิดได้บางส่วน แต่ระบบอื่น ๆ ยังคงหยุดอยู่

    เวลาและความรุนแรงของเหตุการณ์
    เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงเช้าวันศุกร์หลังวันหยุด ทำให้ผลกระทบในตลาดสหรัฐฯ ค่อนข้างจำกัด แต่ในตลาดเอเชียและยุโรปกลับได้รับผลกระทบหนักกว่า เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่มีการซื้อขายหนาแน่น เหตุการณ์นี้ยังสะท้อนถึง ความเสี่ยงของการพึ่งพาระบบเดียว ในการขับเคลื่อนธุรกรรมระดับโลกที่มีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์

    ความหมายต่ออนาคตของโครงสร้างพื้นฐานการเงิน
    การหยุดชะงักครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ใหญ่ที่สุดของ CME และเป็นสัญญาณเตือนว่าการจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีและพลังงานมีความสำคัญต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโลก การลงทุนในระบบสำรองและการกระจายความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งที่ตลาดการเงินต้องให้ความสำคัญมากขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สาเหตุของการหยุดชะงัก
    ระบบทำความเย็นในศูนย์ข้อมูล CyrusOne ขัดข้อง
    ทีมวิศวกรต้องรีสตาร์ทและติดตั้งอุปกรณ์เสริมชั่วคราว

    ผลกระทบต่อการซื้อขาย
    ตลาดอนุพันธ์ CME ครอบคลุมการซื้อขายทั่วโลก
    ตลาดยุโรปและเอเชียได้รับผลกระทบหนักที่สุด

    เวลาและความรุนแรง
    เกิดขึ้นเช้าวันศุกร์หลังวันหยุด ทำให้ตลาดสหรัฐฯ กระทบจำกัด
    ตลาดยุโรปและเอเชียได้รับผลกระทบมากกว่า

    ความหมายต่ออนาคต
    สะท้อนความเสี่ยงจากการพึ่งพาระบบเดียว
    จำเป็นต้องลงทุนในระบบสำรองและการกระจายความเสี่ยง

    คำเตือนจากเหตุการณ์
    การหยุดชะงักของโครงสร้างพื้นฐาน IT สามารถกระทบเศรษฐกิจโลกทันที
    ตลาดการเงินต้องเตรียมแผนสำรองเพื่อป้องกันการล่มซ้ำอีกครั้ง

    https://www.tomshardware.com/desktops/servers/data-center-cooling-issue-halts-worlds-largest-derivatives-exchange-cme-trading-shutdown-ripples-across-malaysia-uk-and-eu-markets
    🌡️ ศูนย์ข้อมูลล่มเพราะระบบทำความเย็นเสีย เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน CME ต้องหยุดการซื้อขายทั่วโลก เนื่องจาก ระบบทำความเย็นในศูนย์ข้อมูล CyrusOne เกิดความขัดข้อง ส่งผลให้เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ประมวลผลการซื้อขายไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ทีมวิศวกรและผู้รับเหมาถูกเรียกเข้ามาแก้ไขทันที โดยมีการรีสตาร์ทเครื่องทำความเย็นบางส่วนและติดตั้งอุปกรณ์เสริมชั่วคราวเพื่อพยายามฟื้นฟูระบบ 💹 ผลกระทบต่อการซื้อขายทั่วโลก CME เป็นตลาดอนุพันธ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมการซื้อขายตั้งแต่สินค้าเกษตร พลังงาน ดัชนีหุ้น ไปจนถึงคริปโตและอัตราดอกเบี้ย การหยุดชะงักครั้งนี้จึงส่งผลกระทบไปถึง ลอนดอน กัวลาลัมเปอร์ และยุโรป โดยเฉพาะตลาดพันธบัตรและรีโปในยุโรปที่ต้องหยุดทำการ ขณะที่ BrokerTec US และ EU สามารถกลับมาเปิดได้บางส่วน แต่ระบบอื่น ๆ ยังคงหยุดอยู่ 🕒 เวลาและความรุนแรงของเหตุการณ์ เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงเช้าวันศุกร์หลังวันหยุด ทำให้ผลกระทบในตลาดสหรัฐฯ ค่อนข้างจำกัด แต่ในตลาดเอเชียและยุโรปกลับได้รับผลกระทบหนักกว่า เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่มีการซื้อขายหนาแน่น เหตุการณ์นี้ยังสะท้อนถึง ความเสี่ยงของการพึ่งพาระบบเดียว ในการขับเคลื่อนธุรกรรมระดับโลกที่มีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ 🌍 ความหมายต่ออนาคตของโครงสร้างพื้นฐานการเงิน การหยุดชะงักครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ใหญ่ที่สุดของ CME และเป็นสัญญาณเตือนว่าการจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีและพลังงานมีความสำคัญต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโลก การลงทุนในระบบสำรองและการกระจายความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งที่ตลาดการเงินต้องให้ความสำคัญมากขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สาเหตุของการหยุดชะงัก ➡️ ระบบทำความเย็นในศูนย์ข้อมูล CyrusOne ขัดข้อง ➡️ ทีมวิศวกรต้องรีสตาร์ทและติดตั้งอุปกรณ์เสริมชั่วคราว ✅ ผลกระทบต่อการซื้อขาย ➡️ ตลาดอนุพันธ์ CME ครอบคลุมการซื้อขายทั่วโลก ➡️ ตลาดยุโรปและเอเชียได้รับผลกระทบหนักที่สุด ✅ เวลาและความรุนแรง ➡️ เกิดขึ้นเช้าวันศุกร์หลังวันหยุด ทำให้ตลาดสหรัฐฯ กระทบจำกัด ➡️ ตลาดยุโรปและเอเชียได้รับผลกระทบมากกว่า ✅ ความหมายต่ออนาคต ➡️ สะท้อนความเสี่ยงจากการพึ่งพาระบบเดียว ➡️ จำเป็นต้องลงทุนในระบบสำรองและการกระจายความเสี่ยง ‼️ คำเตือนจากเหตุการณ์ ⛔ การหยุดชะงักของโครงสร้างพื้นฐาน IT สามารถกระทบเศรษฐกิจโลกทันที ⛔ ตลาดการเงินต้องเตรียมแผนสำรองเพื่อป้องกันการล่มซ้ำอีกครั้ง https://www.tomshardware.com/desktops/servers/data-center-cooling-issue-halts-worlds-largest-derivatives-exchange-cme-trading-shutdown-ripples-across-malaysia-uk-and-eu-markets
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 287 มุมมอง 0 รีวิว
  • “หุ่นยนต์ช่วยประกอบชิ้นส่วนเฟรสโกโบราณใน Pompeii”

    นักวิจัยในโครงการ RePAIR ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากสหภาพยุโรป กำลังพัฒนาหุ่นยนต์ที่มีแขนกลสองข้างพร้อมมือที่ยืดหยุ่นและเซ็นเซอร์ตรวจจับ เพื่อช่วยนักโบราณคดีประกอบชิ้นส่วนเฟรสโกโบราณที่แตกหักในเมือง Pompeii ประเทศอิตาลี หุ่นยนต์นี้ใช้ AI และการจดจำภาพขั้นสูง เพื่อระบุและจับชิ้นส่วนที่เปราะบางโดยไม่ทำให้เสียหาย

    โครงการเริ่มต้นในปี 2021 โดยมหาวิทยาลัย Ca’ Foscari เมืองเวนิส และทีมวิจัยนานาชาติ จุดประสงค์แรกคือการประกอบเฟรสโกที่ถูกทำลายจากการทิ้งระเบิดในสงครามโลกครั้งที่สอง และต่อมาได้ขยายไปยังเฟรสโกจาก “House of the Gladiators” ที่พังทลายลงในปี 2010

    นักวิจัยเปรียบเทียบงานนี้เหมือนการแก้ปริศนาจิ๊กซอว์ขนาดมหึมา โดยไม่มีภาพตัวอย่างสุดท้ายและยังมีชิ้นส่วนที่หายไป AI จึงถูกใช้เพื่อจับคู่สีและลวดลายที่ตาเปล่าไม่สามารถแยกแยะได้ ทำให้การฟื้นฟูมีความแม่นยำและรวดเร็วขึ้น

    การทดลองเบื้องต้นใช้ ชิ้นส่วนจำลอง เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายต่อของจริง แต่หากประสบความสำเร็จ เทคโนโลยีนี้อาจเปลี่ยนวิธีการบูรณะโบราณวัตถุทั่วโลก และช่วยรักษามรดกทางวัฒนธรรมที่สูญหายไปนับพันปีให้กลับคืนมาอีกครั้ง

    สรุปสาระสำคัญ
    รายละเอียดโครงการ RePAIR
    เริ่มปี 2021 โดยมหาวิทยาลัย Ca’ Foscari เมืองเวนิส
    ได้รับทุนสนับสนุนจากสหภาพยุโรป

    เทคโนโลยีที่ใช้
    หุ่นยนต์แขนกลสองข้างพร้อมมือยืดหยุ่นและเซ็นเซอร์
    AI และการจดจำภาพเพื่อประกอบชิ้นส่วนเฟรสโก

    ตัวอย่างงานบูรณะ
    เฟรสโกที่ถูกทำลายจากสงครามโลกครั้งที่สอง
    เฟรสโกจาก House of the Gladiators ที่พังในปี 2010

    ความท้าทาย
    งานเหมือนการแก้จิ๊กซอว์หลายกล่องที่ปะปนกัน
    มีชิ้นส่วนที่หายไปและไม่มีภาพตัวอย่างสุดท้าย

    ผลกระทบระยะยาว
    หากสำเร็จจะเปลี่ยนวิธีการบูรณะโบราณวัตถุทั่วโลก
    ต้องทดสอบกับชิ้นส่วนจริงอย่างระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหาย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/28/putting-pompeii039s-pieces-together-with-the-help-of-a-robot
    🤖 “หุ่นยนต์ช่วยประกอบชิ้นส่วนเฟรสโกโบราณใน Pompeii” นักวิจัยในโครงการ RePAIR ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากสหภาพยุโรป กำลังพัฒนาหุ่นยนต์ที่มีแขนกลสองข้างพร้อมมือที่ยืดหยุ่นและเซ็นเซอร์ตรวจจับ เพื่อช่วยนักโบราณคดีประกอบชิ้นส่วนเฟรสโกโบราณที่แตกหักในเมือง Pompeii ประเทศอิตาลี หุ่นยนต์นี้ใช้ AI และการจดจำภาพขั้นสูง เพื่อระบุและจับชิ้นส่วนที่เปราะบางโดยไม่ทำให้เสียหาย โครงการเริ่มต้นในปี 2021 โดยมหาวิทยาลัย Ca’ Foscari เมืองเวนิส และทีมวิจัยนานาชาติ จุดประสงค์แรกคือการประกอบเฟรสโกที่ถูกทำลายจากการทิ้งระเบิดในสงครามโลกครั้งที่สอง และต่อมาได้ขยายไปยังเฟรสโกจาก “House of the Gladiators” ที่พังทลายลงในปี 2010 นักวิจัยเปรียบเทียบงานนี้เหมือนการแก้ปริศนาจิ๊กซอว์ขนาดมหึมา โดยไม่มีภาพตัวอย่างสุดท้ายและยังมีชิ้นส่วนที่หายไป AI จึงถูกใช้เพื่อจับคู่สีและลวดลายที่ตาเปล่าไม่สามารถแยกแยะได้ ทำให้การฟื้นฟูมีความแม่นยำและรวดเร็วขึ้น การทดลองเบื้องต้นใช้ ชิ้นส่วนจำลอง เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายต่อของจริง แต่หากประสบความสำเร็จ เทคโนโลยีนี้อาจเปลี่ยนวิธีการบูรณะโบราณวัตถุทั่วโลก และช่วยรักษามรดกทางวัฒนธรรมที่สูญหายไปนับพันปีให้กลับคืนมาอีกครั้ง 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ รายละเอียดโครงการ RePAIR ➡️ เริ่มปี 2021 โดยมหาวิทยาลัย Ca’ Foscari เมืองเวนิส ➡️ ได้รับทุนสนับสนุนจากสหภาพยุโรป ✅ เทคโนโลยีที่ใช้ ➡️ หุ่นยนต์แขนกลสองข้างพร้อมมือยืดหยุ่นและเซ็นเซอร์ ➡️ AI และการจดจำภาพเพื่อประกอบชิ้นส่วนเฟรสโก ✅ ตัวอย่างงานบูรณะ ➡️ เฟรสโกที่ถูกทำลายจากสงครามโลกครั้งที่สอง ➡️ เฟรสโกจาก House of the Gladiators ที่พังในปี 2010 ‼️ ความท้าทาย ⛔ งานเหมือนการแก้จิ๊กซอว์หลายกล่องที่ปะปนกัน ⛔ มีชิ้นส่วนที่หายไปและไม่มีภาพตัวอย่างสุดท้าย ‼️ ผลกระทบระยะยาว ⛔ หากสำเร็จจะเปลี่ยนวิธีการบูรณะโบราณวัตถุทั่วโลก ⛔ ต้องทดสอบกับชิ้นส่วนจริงอย่างระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหาย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/28/putting-pompeii039s-pieces-together-with-the-help-of-a-robot
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Putting Pompeii's pieces together, with the help of a robot
    POMPEII, Italy (Reuters) -Pompeii's ancient Roman frescoes, shattered and buried for centuries, could get a second life thanks to a pioneering robotic system designed to support archaeologists in one of their most painstaking tasks: reassembling fragmented artefacts.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 318 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกแป้น ทำหาดใหญ่พังคามือ

    เหตุการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ปี 2568 เป็นบทพิสูจน์การทำงานของนายกแป้น ณรงค์พร ณ พัทลุง นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ จ.สงขลา จากความประมาทและความมั่นหน้ามั่นใจในตัวเอง คิดว่าการบริหารจัดการน้ำท่วมของตัวเองนั้น "เอาอยู่" แต่สุดท้ายมวลน้ำจำนวนมหาศาล พัดพาเมืองเศรษฐกิจหลักภาคใต้ ให้พังทลายราวกับวันสิ้นโลก ผู้เสียชีวิตมากกว่า 110 ศพ การบริหารจัดการที่ย่ำแย่ของรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล ประชาชนต้องดูแลกันเอง ท่ามกลางกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก และความป่าเถื่อนของชาวบ้านบางคนในเขต 8 ยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่กู้ภัยจนล่าถอย ความวุ่นวายจากการที่ชาวบ้านบางคนลักทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ ขบวนรถไฟ คลังสินค้าเหล้าเบียร์ และคนทำมาหากินจำนวนมากสิ้นเนื้อประดาตัว จากข้าวของเครื่องใช้ถูกน้ำพัดพังเสียหาย

    จากความฉิบหายของเมืองหาดใหญ่ในวันนั้น เขาหายไปจากพื้นที่โซเชียลมีเดีย ของเทศบาลนครหาดใหญ่ ที่เขาคุ้นเคยในการทำคอนเทนต์วีดีโอ 3 วัน ก่อนกลับมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนด้วยสารพัดข้ออ้าง ระบุว่า ผมเพิ่งเข้ามาแค่ 4 เดือน เรือสภาพเก่าและพังหมด ไม่ได้ซื้อมาเป็นสิบปี มีอยู่แค่ 4-5 ลำ ก็เลยต้องสู้เท่าที่สู้ได้ ส่วนการแจ้งเตือนที่ว่ายังปักธงเขียว อ้างว่ามีคนดึงธงไป ตนประกาศยกธงเองไม่ได้ ต้องมีคณะกรรมการอนุมัติ อีกทั้งชลประทานมั่นใจว่ามวลน้ำจาก อ.สะเดา (คลองอู่ตะเภา) ห่างจากตลิ่งกว่า 3 เมตร แต่กลับมีน้ำจากเขาคอหงส์มาด้วย ก่อนจะขอโทษและจะฟื้นฟูบ้านเมืองให้กลับมาเหมือนเดิมเร็วที่สุด

    แต่เสียงสะท้อนจากชาวหาดใหญ่ ส่วนใหญ่ไม่ต้องการข้ออ้างและคำแก้ตัว แต่ต้องการสปิริตทางการเมือง เรียกร้องให้เขาลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อผู้เสียชีวิต และความสูญเสียแบบประเมินค่าไม่ได้ พร้อมขุดดิจิทัลฟุตพรินท์เก่าๆ ที่เคยหาเสียงไว้ อ้างว่าการทำงานของนักปกครอง ระหว่างเกิดเหตุต้องเตรียมรถ เตรียมเรือ อุปกรณ์ เตรียมของกินให้พี่น้องประชาชน ... แต่สุดท้ายทำไม่ได้จริง

    ในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่เมื่อเดือน พ.ค. 2568 ที่ผ่านมา นายกแป้นเอาชนะ "พี่หลวงคร" พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี นายกเทศมนตรีคนก่อนหน้า ด้วยคะแนน 23,595 ต่อ 21,577 คะแนน หรือห่างกันแค่ 2,000 คะแนนเศษ โดยมีรายงานว่า ปลัดแป้น ถือเป็นข้าราชการนักปกครอง เคยเป็นนายอำเภอในหลายพื้นที่ของจังหวัดสงขลา และปลัดจังหวัดอีกหลายจังหวัด อีกทั้งมีความใกล้ชิดกับเครือข่ายพรรคสีน้ำเงิน ซึ่งเหตุการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ครั้งนี้ พี่หลวงครยังคงช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมตามกำลังที่มี แม้บ้านพี่หลวงครจะถูกน้ำท่วม และรถยนต์พังขณะแจกถุงยังชีพ กลายเป็นผู้ประสบภัยพร้อมกับชาวบ้านก็ตาม

    #Newskit
    นายกแป้น ทำหาดใหญ่พังคามือ เหตุการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ปี 2568 เป็นบทพิสูจน์การทำงานของนายกแป้น ณรงค์พร ณ พัทลุง นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ จ.สงขลา จากความประมาทและความมั่นหน้ามั่นใจในตัวเอง คิดว่าการบริหารจัดการน้ำท่วมของตัวเองนั้น "เอาอยู่" แต่สุดท้ายมวลน้ำจำนวนมหาศาล พัดพาเมืองเศรษฐกิจหลักภาคใต้ ให้พังทลายราวกับวันสิ้นโลก ผู้เสียชีวิตมากกว่า 110 ศพ การบริหารจัดการที่ย่ำแย่ของรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล ประชาชนต้องดูแลกันเอง ท่ามกลางกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก และความป่าเถื่อนของชาวบ้านบางคนในเขต 8 ยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่กู้ภัยจนล่าถอย ความวุ่นวายจากการที่ชาวบ้านบางคนลักทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ ขบวนรถไฟ คลังสินค้าเหล้าเบียร์ และคนทำมาหากินจำนวนมากสิ้นเนื้อประดาตัว จากข้าวของเครื่องใช้ถูกน้ำพัดพังเสียหาย จากความฉิบหายของเมืองหาดใหญ่ในวันนั้น เขาหายไปจากพื้นที่โซเชียลมีเดีย ของเทศบาลนครหาดใหญ่ ที่เขาคุ้นเคยในการทำคอนเทนต์วีดีโอ 3 วัน ก่อนกลับมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนด้วยสารพัดข้ออ้าง ระบุว่า ผมเพิ่งเข้ามาแค่ 4 เดือน เรือสภาพเก่าและพังหมด ไม่ได้ซื้อมาเป็นสิบปี มีอยู่แค่ 4-5 ลำ ก็เลยต้องสู้เท่าที่สู้ได้ ส่วนการแจ้งเตือนที่ว่ายังปักธงเขียว อ้างว่ามีคนดึงธงไป ตนประกาศยกธงเองไม่ได้ ต้องมีคณะกรรมการอนุมัติ อีกทั้งชลประทานมั่นใจว่ามวลน้ำจาก อ.สะเดา (คลองอู่ตะเภา) ห่างจากตลิ่งกว่า 3 เมตร แต่กลับมีน้ำจากเขาคอหงส์มาด้วย ก่อนจะขอโทษและจะฟื้นฟูบ้านเมืองให้กลับมาเหมือนเดิมเร็วที่สุด แต่เสียงสะท้อนจากชาวหาดใหญ่ ส่วนใหญ่ไม่ต้องการข้ออ้างและคำแก้ตัว แต่ต้องการสปิริตทางการเมือง เรียกร้องให้เขาลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อผู้เสียชีวิต และความสูญเสียแบบประเมินค่าไม่ได้ พร้อมขุดดิจิทัลฟุตพรินท์เก่าๆ ที่เคยหาเสียงไว้ อ้างว่าการทำงานของนักปกครอง ระหว่างเกิดเหตุต้องเตรียมรถ เตรียมเรือ อุปกรณ์ เตรียมของกินให้พี่น้องประชาชน ... แต่สุดท้ายทำไม่ได้จริง ในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่เมื่อเดือน พ.ค. 2568 ที่ผ่านมา นายกแป้นเอาชนะ "พี่หลวงคร" พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี นายกเทศมนตรีคนก่อนหน้า ด้วยคะแนน 23,595 ต่อ 21,577 คะแนน หรือห่างกันแค่ 2,000 คะแนนเศษ โดยมีรายงานว่า ปลัดแป้น ถือเป็นข้าราชการนักปกครอง เคยเป็นนายอำเภอในหลายพื้นที่ของจังหวัดสงขลา และปลัดจังหวัดอีกหลายจังหวัด อีกทั้งมีความใกล้ชิดกับเครือข่ายพรรคสีน้ำเงิน ซึ่งเหตุการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ครั้งนี้ พี่หลวงครยังคงช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมตามกำลังที่มี แม้บ้านพี่หลวงครจะถูกน้ำท่วม และรถยนต์พังขณะแจกถุงยังชีพ กลายเป็นผู้ประสบภัยพร้อมกับชาวบ้านก็ตาม #Newskit
    Like
    2
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 639 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts