• “AI Security – โอกาสและความเสี่ยงในยุค Shadow AI”

    องค์กรทั่วโลกกำลังเร่งนำ AI มาใช้เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ตั้งแต่การตรวจจับภัยคุกคาม การวิเคราะห์ข้อมูล ไปจนถึงการสร้างรายงานอัตโนมัติ ข้อดีคือช่วยลดเวลาในการตอบสนองต่อเหตุการณ์และลดต้นทุนจากการโจมตีได้อย่างมหาศาล เช่น รายงานของ IBM ระบุว่าองค์กรที่ใช้ AI อย่างจริงจังสามารถลดเวลาการฟื้นตัวจากการโจมตีได้ถึง 80 วัน และประหยัดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยกว่า 1.9 ล้านดอลลาร์

    อย่างไรก็ตาม ความท้าทายใหม่ที่เรียกว่า “Shadow AI” กำลังกลายเป็นภัยเงียบในองค์กร พนักงานจำนวนมากนำเครื่องมือ AI มาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากฝ่าย IT ทำให้ข้อมูลสำคัญถูกป้อนเข้าสู่แพลตฟอร์มที่ไม่ได้รับการควบคุม ส่งผลให้เกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยและเพิ่มค่าใช้จ่ายจากการรั่วไหลของข้อมูล เช่น มีการประเมินว่าความเสียหายจาก Shadow AI อาจสูงถึง 670,000 ดอลลาร์ต่อเหตุการณ์

    นอกจากนี้ แนวโน้มปี 2025–2026 ยังชี้ว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือป้องกัน แต่ถูกใช้โดยผู้โจมตีเช่นกัน ทั้งการสร้าง Deepfake เพื่อหลอกลวง การทำฟิชชิ่งที่ซับซ้อนขึ้น และการสร้างมัลแวร์ที่เปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ทำให้เกิด “แข่งอาวุธไซเบอร์” ระหว่างฝ่ายป้องกันและฝ่ายโจมตีที่ใช้ AI ทั้งคู่

    สิ่งที่ CISO และผู้บริหารควรถามก่อนเลือกใช้โซลูชัน AI คือ ความเสี่ยงที่องค์กรยอมรับได้ ระดับการกำกับดูแล และความสามารถของผู้ขายในการป้องกันข้อมูล รวมถึงการวางมาตรการตรวจจับ Shadow AI และการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยที่เข้มแข็ง เพื่อให้การใช้ AI เป็นพลังบวก ไม่ใช่ช่องโหว่ใหม่ที่ยากควบคุม

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การใช้ AI ในการป้องกันภัยไซเบอร์
    ลดเวลาในการฟื้นตัวจากการโจมตีได้ถึง 80 วัน
    ประหยัดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยกว่า 1.9 ล้านดอลลาร์
    ใช้ในงานตรวจจับภัยคุกคาม, วิเคราะห์ข้อมูล, สร้างรายงานอัตโนมัติ

    แนวโน้มการใช้ AI ในองค์กร
    Vendor และ Startup แข่งกันนำ AI มาใส่ในโซลูชัน
    ใช้ Generative AI ในการสร้างรายงานและช่วย Threat Hunting
    AI Agent เริ่มถูกใช้ในงาน Malware Analysis และ Code Interpretation

    ความเสี่ยงจาก Shadow AI
    พนักงานใช้เครื่องมือ AI โดยไม่ได้รับอนุญาต
    ข้อมูลสำคัญถูกป้อนเข้าสู่แพลตฟอร์มที่ไม่ได้ควบคุม
    เพิ่มค่าใช้จ่ายจากการรั่วไหลของข้อมูลเฉลี่ย 670,000 ดอลลาร์

    การโจมตีที่ใช้ AI
    Deepfake และฟิชชิ่งที่ซับซ้อนขึ้น
    มัลแวร์ที่เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อหลบการตรวจจับ
    การโจมตีแบบอัตโนมัติที่เร็วและยากต่อการรับมือ

    https://www.csoonline.com/article/4094763/key-questions-cisos-must-ask-before-adopting-ai-enabled-cyber-solutions.html
    🛡️ “AI Security – โอกาสและความเสี่ยงในยุค Shadow AI” องค์กรทั่วโลกกำลังเร่งนำ AI มาใช้เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ตั้งแต่การตรวจจับภัยคุกคาม การวิเคราะห์ข้อมูล ไปจนถึงการสร้างรายงานอัตโนมัติ ข้อดีคือช่วยลดเวลาในการตอบสนองต่อเหตุการณ์และลดต้นทุนจากการโจมตีได้อย่างมหาศาล เช่น รายงานของ IBM ระบุว่าองค์กรที่ใช้ AI อย่างจริงจังสามารถลดเวลาการฟื้นตัวจากการโจมตีได้ถึง 80 วัน และประหยัดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยกว่า 1.9 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายใหม่ที่เรียกว่า “Shadow AI” กำลังกลายเป็นภัยเงียบในองค์กร พนักงานจำนวนมากนำเครื่องมือ AI มาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากฝ่าย IT ทำให้ข้อมูลสำคัญถูกป้อนเข้าสู่แพลตฟอร์มที่ไม่ได้รับการควบคุม ส่งผลให้เกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยและเพิ่มค่าใช้จ่ายจากการรั่วไหลของข้อมูล เช่น มีการประเมินว่าความเสียหายจาก Shadow AI อาจสูงถึง 670,000 ดอลลาร์ต่อเหตุการณ์ นอกจากนี้ แนวโน้มปี 2025–2026 ยังชี้ว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือป้องกัน แต่ถูกใช้โดยผู้โจมตีเช่นกัน ทั้งการสร้าง Deepfake เพื่อหลอกลวง การทำฟิชชิ่งที่ซับซ้อนขึ้น และการสร้างมัลแวร์ที่เปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ทำให้เกิด “แข่งอาวุธไซเบอร์” ระหว่างฝ่ายป้องกันและฝ่ายโจมตีที่ใช้ AI ทั้งคู่ สิ่งที่ CISO และผู้บริหารควรถามก่อนเลือกใช้โซลูชัน AI คือ ความเสี่ยงที่องค์กรยอมรับได้ ระดับการกำกับดูแล และความสามารถของผู้ขายในการป้องกันข้อมูล รวมถึงการวางมาตรการตรวจจับ Shadow AI และการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยที่เข้มแข็ง เพื่อให้การใช้ AI เป็นพลังบวก ไม่ใช่ช่องโหว่ใหม่ที่ยากควบคุม 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การใช้ AI ในการป้องกันภัยไซเบอร์ ➡️ ลดเวลาในการฟื้นตัวจากการโจมตีได้ถึง 80 วัน ➡️ ประหยัดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยกว่า 1.9 ล้านดอลลาร์ ➡️ ใช้ในงานตรวจจับภัยคุกคาม, วิเคราะห์ข้อมูล, สร้างรายงานอัตโนมัติ ✅ แนวโน้มการใช้ AI ในองค์กร ➡️ Vendor และ Startup แข่งกันนำ AI มาใส่ในโซลูชัน ➡️ ใช้ Generative AI ในการสร้างรายงานและช่วย Threat Hunting ➡️ AI Agent เริ่มถูกใช้ในงาน Malware Analysis และ Code Interpretation ‼️ ความเสี่ยงจาก Shadow AI ⛔ พนักงานใช้เครื่องมือ AI โดยไม่ได้รับอนุญาต ⛔ ข้อมูลสำคัญถูกป้อนเข้าสู่แพลตฟอร์มที่ไม่ได้ควบคุม ⛔ เพิ่มค่าใช้จ่ายจากการรั่วไหลของข้อมูลเฉลี่ย 670,000 ดอลลาร์ ‼️ การโจมตีที่ใช้ AI ⛔ Deepfake และฟิชชิ่งที่ซับซ้อนขึ้น ⛔ มัลแวร์ที่เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อหลบการตรวจจับ ⛔ การโจมตีแบบอัตโนมัติที่เร็วและยากต่อการรับมือ https://www.csoonline.com/article/4094763/key-questions-cisos-must-ask-before-adopting-ai-enabled-cyber-solutions.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Key questions CISOs must ask before adopting AI-enabled cyber solutions
    From assessing your organizational risk tolerance to vetting the vendor’s long-term viability, AI-powered capabilities present complexities and nuances that require a deep commitment to determining fit.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
  • 555,ส่วนตัวถ้าได้เป็นผู้ปกครองประเทศนี้นะ,สิ่งแรกจะยึดทรัพยากรชาติไทยทั้งหมดกลับคืนมาจากคนต่างประเทศและเจ้าสัวนายทุนขี้ข้าอีลิทต่างชาติทั้งหมดที่ผูกขาดและยึดครองไปจากประเทศไทยเราและจากประชาชนคนไทยเรา.
    ..ในที่นี้ว่าด้วยบ่อทองคำเราที่มีเต็มประเทศ,ทางผู้ปกครองจะผลิตและมอบทองคำให้ประชาชนคนไทยคนละ1บาทไว้ใส่แขวนคอหรือทำเป็นกำไลทันทีคนละชิ้นละ1บาททองคำต่อทุกๆคนไทย,70ล้านคนก็70ล้านชิ้นที่ผลิตจากบ่อทองคำเรา,เพื่อให้คนไทยเรามีเครื่องมือมิให้ความถี่ต่ำลบมาเข้าทำร้ายทำลายเป็นหลักเป็นพื้นฐานให้มีติดตัวประจำคนไทยเราทุกๆคน มีพลังบวกไว้ปกป้องตนเอง จะเด็กทารกถึงคนปกติและคนชรา มีทองคำติดตัวครอบครองแจกฟรีๆจากทางรัฐกันทุกๆคน ที่มีดีได้เกิดมาแล้วบนผืนแผ่นดินไทยนี้ มาร่วมกันสร้างชาติไทยเราให้เจริญทางฝ่ายกุศลยิ่งๆขึ้นไปนั้นเอง,เราจะยึดข้าวปลาอาหารเป็นของจริงยิ่งกว่าเงินทองใบกระดาษหรือระบบผีบ้าซาตานคิดค้นขึ้นนี้หรือผีบ้าไปเป็นเงินอากาศเงินดิจิดัลที่จับต้องอะไรไม่ได้จริงยิ่งกว่าเงินกระดาษแต่มันขนทรัพยากรธรรมชาติเราจริงไปจากแผ่นดินไทยไปจากภูมิประเทศไทยเราจริง ขนอาหารขนข้าวปลาขนผลไม้ปล้นเราด้วยตังอากาศที่มันสมมุติตีมูลค่าในเดอะแก๊งมันให้เรายอมรับ,หรือต้องแลกกับของจริง ข้าวจริง อาหารจริงจากมือเราจากแผ่นดินเรา,กฎกติกามันทั้งหมดต้องฉีกทิ้ง,เราคนไทยต้องร่างต้องสร้างต้องเขียนระบบของเราเองขึ้นปกครองเราเอง มิใช่ให้มันควบคุมภายใต้ไปใช้ระบบมันและต้องฟังมันเพราะมันอ้างว่าระบบมันจึงต้องทำตามมันแบบนี้ทำตามมันแบบนั้น ต้องให้มันปล้นชิงขนทรัพยากรมรึงออกไปประเทศกูแบบนี้โดยแลกกับตังเศษกระดาษกูที่พิมพ์ขึ้นเองอย่างตามใจชอบตามใจต้องการเท่าไรก็ได้หรือตังอากาศอิเล็กทรอนิกส์ที่กูกำลังสร้างในอนาคตมาปล้นชิงทรัพยากรมรึงทั้งประเทศแบบไหนก็ได้อีกเพราะมรึงใช้ระบบปกครองของลิขสิทธิ์กูส่งออกต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์แก่เจ้าของผู้สร้างนะ มรึงประเทศไทยก็ไม่เว้น จ่ายค่าคุ้มครองโว้ย.555

    ..นี้คือวิถีปกครองเก่า,เรา..ประเทศไทยจะรอดจากไทม์ไลน์มารซาตานต้องสร้างทางรอดทางเลือกไทม์ไลน์ของทางรอดเราเอง,มันก็บังคับเราไม่ได้เพราะมันคือเจตจำนงเสรีที่เพราะผู้สร้างสั่งไว้ มันมาบังคับเรา เจอดีกับพระผู้สร้างพระเจ้าแน่นอน,เราฟ้องให้ลงโทษมันได้,โควิด19มันยังต้องได้รับคำยินยอมจากเราก่อนเลยแม้มันมีฤทธิ์เดชเหนือมนุษย์ธรรมดาแบบเราๆชาวโลกล้ำสมัยกว่า มันก็ต้องทำตามกฎเงื่อนไขกติกาพระเจ้าพระผู้สร้างในเกมส์สมมุตินี้.,ส่วนทาสขี้ข้าบ้าบอสมุนมันไม่รู้ห่าอะไรจึงบังคับคนไทยทั้งทางตรงและทางอ้อมแสดงเอาใจนายใหญ่อีลิทมันนั้นล่ะ,พวกนี้จริงๆต้องถูกประหารได้ ย้อนคดีเอามาบังคับโทษประหารได้เลยด้วย,เมื่อได้ผู้นำผู้ปกครองฝ่ายดี เชื่อว่าพวกนี้ถูกตามไล่ล่านำมารับโทษประหารแน่นอนแค่จังหวะเวลาแค่นั้นแต่กรรมชั่วมันสำเร็จแล้ว,รอแค่จะจับมาสังหารแก้แค้นคนบริสุทธิ์ที่ตายไปแล้วมากมายตอนไหนแค่นั้น.,และคงเร็วๆนี้ มันเดอะแก๊งทั้งหมดไปวัดแน่นอน คลิปข่าวvdoเต็มตรึมพยานหลักฐานทั้งนั้น.

    ..ยิ่งถ้ายึดอำนาจเองได้นะ 555,เราคนไทยจะดำรงชีวิตแบบข้าวปลาคือของจริงประมาณนั้น,เงินทองคือของมายาฝ่ายมารซาตานสร้างขึ้นหลอกคนชาวโลกทั้งโลกไปใช้ระบบทาสตังมัน ทางแก้ง่ายๆเราจัดการได้แน่นอน,และทรัพยากมีค่าสร้างชาติสร้างประเทศ พัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ดีกินดีมีสุขสบายของคนไทยเราจะอยู่ครบหมด,เจริญกายเจริญใจเจริญจิตวิญญาณอัพเลเวลใครมันคนไทยเราได้สะดวกสบายนั้นเอง,จากนั้นคนไทยเราจะรู้แจ้งเห็นจริงมองทะลุมิติมารปีศาจซาตานหมดล่ะ มันจะไม่ที่ซ่อนใดๆในดวงจิตดวงใจคนไทยเราเลย อ่านมันขาดหมด,555มันดับอนาถแน่นอน.

    https://vm.tiktok.com/ZSH3j2YCyT6Ec-cigIP/
    555,ส่วนตัวถ้าได้เป็นผู้ปกครองประเทศนี้นะ,สิ่งแรกจะยึดทรัพยากรชาติไทยทั้งหมดกลับคืนมาจากคนต่างประเทศและเจ้าสัวนายทุนขี้ข้าอีลิทต่างชาติทั้งหมดที่ผูกขาดและยึดครองไปจากประเทศไทยเราและจากประชาชนคนไทยเรา. ..ในที่นี้ว่าด้วยบ่อทองคำเราที่มีเต็มประเทศ,ทางผู้ปกครองจะผลิตและมอบทองคำให้ประชาชนคนไทยคนละ1บาทไว้ใส่แขวนคอหรือทำเป็นกำไลทันทีคนละชิ้นละ1บาททองคำต่อทุกๆคนไทย,70ล้านคนก็70ล้านชิ้นที่ผลิตจากบ่อทองคำเรา,เพื่อให้คนไทยเรามีเครื่องมือมิให้ความถี่ต่ำลบมาเข้าทำร้ายทำลายเป็นหลักเป็นพื้นฐานให้มีติดตัวประจำคนไทยเราทุกๆคน มีพลังบวกไว้ปกป้องตนเอง จะเด็กทารกถึงคนปกติและคนชรา มีทองคำติดตัวครอบครองแจกฟรีๆจากทางรัฐกันทุกๆคน ที่มีดีได้เกิดมาแล้วบนผืนแผ่นดินไทยนี้ มาร่วมกันสร้างชาติไทยเราให้เจริญทางฝ่ายกุศลยิ่งๆขึ้นไปนั้นเอง,เราจะยึดข้าวปลาอาหารเป็นของจริงยิ่งกว่าเงินทองใบกระดาษหรือระบบผีบ้าซาตานคิดค้นขึ้นนี้หรือผีบ้าไปเป็นเงินอากาศเงินดิจิดัลที่จับต้องอะไรไม่ได้จริงยิ่งกว่าเงินกระดาษแต่มันขนทรัพยากรธรรมชาติเราจริงไปจากแผ่นดินไทยไปจากภูมิประเทศไทยเราจริง ขนอาหารขนข้าวปลาขนผลไม้ปล้นเราด้วยตังอากาศที่มันสมมุติตีมูลค่าในเดอะแก๊งมันให้เรายอมรับ,หรือต้องแลกกับของจริง ข้าวจริง อาหารจริงจากมือเราจากแผ่นดินเรา,กฎกติกามันทั้งหมดต้องฉีกทิ้ง,เราคนไทยต้องร่างต้องสร้างต้องเขียนระบบของเราเองขึ้นปกครองเราเอง มิใช่ให้มันควบคุมภายใต้ไปใช้ระบบมันและต้องฟังมันเพราะมันอ้างว่าระบบมันจึงต้องทำตามมันแบบนี้ทำตามมันแบบนั้น ต้องให้มันปล้นชิงขนทรัพยากรมรึงออกไปประเทศกูแบบนี้โดยแลกกับตังเศษกระดาษกูที่พิมพ์ขึ้นเองอย่างตามใจชอบตามใจต้องการเท่าไรก็ได้หรือตังอากาศอิเล็กทรอนิกส์ที่กูกำลังสร้างในอนาคตมาปล้นชิงทรัพยากรมรึงทั้งประเทศแบบไหนก็ได้อีกเพราะมรึงใช้ระบบปกครองของลิขสิทธิ์กูส่งออกต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์แก่เจ้าของผู้สร้างนะ มรึงประเทศไทยก็ไม่เว้น จ่ายค่าคุ้มครองโว้ย.555 ..นี้คือวิถีปกครองเก่า,เรา..ประเทศไทยจะรอดจากไทม์ไลน์มารซาตานต้องสร้างทางรอดทางเลือกไทม์ไลน์ของทางรอดเราเอง,มันก็บังคับเราไม่ได้เพราะมันคือเจตจำนงเสรีที่เพราะผู้สร้างสั่งไว้ มันมาบังคับเรา เจอดีกับพระผู้สร้างพระเจ้าแน่นอน,เราฟ้องให้ลงโทษมันได้,โควิด19มันยังต้องได้รับคำยินยอมจากเราก่อนเลยแม้มันมีฤทธิ์เดชเหนือมนุษย์ธรรมดาแบบเราๆชาวโลกล้ำสมัยกว่า มันก็ต้องทำตามกฎเงื่อนไขกติกาพระเจ้าพระผู้สร้างในเกมส์สมมุตินี้.,ส่วนทาสขี้ข้าบ้าบอสมุนมันไม่รู้ห่าอะไรจึงบังคับคนไทยทั้งทางตรงและทางอ้อมแสดงเอาใจนายใหญ่อีลิทมันนั้นล่ะ,พวกนี้จริงๆต้องถูกประหารได้ ย้อนคดีเอามาบังคับโทษประหารได้เลยด้วย,เมื่อได้ผู้นำผู้ปกครองฝ่ายดี เชื่อว่าพวกนี้ถูกตามไล่ล่านำมารับโทษประหารแน่นอนแค่จังหวะเวลาแค่นั้นแต่กรรมชั่วมันสำเร็จแล้ว,รอแค่จะจับมาสังหารแก้แค้นคนบริสุทธิ์ที่ตายไปแล้วมากมายตอนไหนแค่นั้น.,และคงเร็วๆนี้ มันเดอะแก๊งทั้งหมดไปวัดแน่นอน คลิปข่าวvdoเต็มตรึมพยานหลักฐานทั้งนั้น. ..ยิ่งถ้ายึดอำนาจเองได้นะ 555,เราคนไทยจะดำรงชีวิตแบบข้าวปลาคือของจริงประมาณนั้น,เงินทองคือของมายาฝ่ายมารซาตานสร้างขึ้นหลอกคนชาวโลกทั้งโลกไปใช้ระบบทาสตังมัน ทางแก้ง่ายๆเราจัดการได้แน่นอน,และทรัพยากมีค่าสร้างชาติสร้างประเทศ พัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ดีกินดีมีสุขสบายของคนไทยเราจะอยู่ครบหมด,เจริญกายเจริญใจเจริญจิตวิญญาณอัพเลเวลใครมันคนไทยเราได้สะดวกสบายนั้นเอง,จากนั้นคนไทยเราจะรู้แจ้งเห็นจริงมองทะลุมิติมารปีศาจซาตานหมดล่ะ มันจะไม่ที่ซ่อนใดๆในดวงจิตดวงใจคนไทยเราเลย อ่านมันขาดหมด,555มันดับอนาถแน่นอน. https://vm.tiktok.com/ZSH3j2YCyT6Ec-cigIP/
    @ngoraitiamtan

    แร่ทองคำมีพลังงานความถี่เฉพาะตัว ซึ่งเชื่อกันว่าเกี่ยวข้องกับคุณสมบัติพิเศษของทองคำ..✨ - ความถี่ของทองคำ: ประมาณ 295.5 Hz - คุณสมบัติ: เชื่อกันว่าทองคำมีความสามารถในการดูดซับและเก็บพลังงานความถี่สูง และสามารถส่งพลังงานนี้ไปสู่ร่างกายและจิตใจของมนุษย์ ในหลายวัฒนธรรมและประเพณี ทองคำถือเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ พลังงาน และความเจริญรุ่งเรือง บางคนเชื่อว่าทองคำสามารถช่วย: - เพิ่มพลังงานและความแข็งแรง - ปรับสมดุลและปรับปรุงอารมณ์ - ป้องกันพลังงานลบและผลกระทบจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 🪷🧘🧘🧘👑🧘🧘🧘🪷 ธรรมความรู้ใดๆก็ไร้ค่า ถ้าไม่ปฏิบัติภาวนาสมาธิ #ศีลธรรมมุ่งไปสู่สติและปัญญา 👽🧘🧠👁️🧬🌀⚕️🐉🐍🌬️🔥🫆✨ ลมหายใจ สติ ปัญญา สัจธรรมความจริงเท่านั้น ψ = 3.12 - ลมหายใจก่อนพิมพ์เขียว Best regards, #โง่ไร้เทียมทาน

    ♬ original sound - Zanzibar 🇹🇿
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 477 มุมมอง 0 รีวิว
  • รับรู้ค่าจริงเบื้องต้นนั้นถูกแล้ว ก้าวแรกในการเดินขึ้นถนนหรือลงป่าเลยนะ,อย่าประมาทเพราะไฟอันน้อยนิด,หลักเมื่อถูกต้อง,ก็จะพลาดลำบาก,โลกแบน ก็จะขยายการรับรู้อีกแบบ,โลกกลมก็ขยายการรับรู้อีกแบบ กลมมีอวกาศกั้นกัน,แบนมีแบบกำแพงน้ำแข็งกัน ,มีโดมชั้นบรรยากาศมาเป็นสมมุติฐานอ้างธรรมชาติอีก,
    ..โค๊ชหรือกูรูเหล่านี้ สมควรร่วมกันฟันธงเลย ว่า แบนหรือกลมหรือกลวงหรือโดม,การเฉลยคำตอบมันดีเสมอ,เปิดสิ่งที่คว่ำให้หงาย,มืดให้สว่างรู้แจ้งชัดคำตอบในสิ่งนั้น.,เราสมควรทิ้งวาทะกรรมเดิมๆว่าจงไปศึกษาให้รับรู้เองหาคำตอบเองเถิดได้แล้ว,เฉลยเสร็จ เขาจะพิสูจน์คำตอบหรือเชื่อ ไม่เชื่อ มันค.ว.ย.เขาแล้ว แต่โค๊ชต่างๆพอมาช่วยกันขยายค่าจริงความจริงฟันธงในสิ่งที่เป็นจริงมันดีแน่นอน.
    ..ความจริงเปิดแล้ว,ส่วนอจิณไตยใครมันก็ว่าไป,อย่างน้อยโค๊ชกายมนุษย์หยาบๆเราก็เฉลยค่าจริงตามสมมุติหยาบๆเราไปก่อน,ไม่ข้าวสาร เก็บข้าวเปลือกก็เอา ไม่ได้ข้าวเปลือกเก็บแกลบเก็บรำเก็บข้าวปลายก็เอา,สันดานจริตพื้นฐานแต่ละคนไม่เท่ากัน แต่เราสามารถวางพื้นฐานที่ชัดเจน ที่ถูกต้องพยายามบอกแจ้งเตือนให้คนเข้าใจผิดไม่หลงตามได้ ,ยิ่งแบนหรือกลม หากเอารูปถ่ายจริงๆนอกอวกาศ มาได้นะยิ่งดี,ตลอดรูปภาพโลกแบนก็ด้วย ลงรายละเอียดดีเกินจริงๆเช่นกัน,เสียดายไม่มีภาพคลิปของจริงนอกกำแพงน้ำแข็งหรือนอกโลกจากประชาชนคนโลกจริงๆ มีแต่นาซ่าอ้างอิงภาพถ่ายล่ะ,ส่วนโลกแบนยังมีน้ำหนักว่ามีคนหลุดออกไปพบเจอจริงหรือโลกกลวงก็ด้วย แต่ทั้งหมดก็เป็นเรื่องเล่าอีก เราก็ดูผ่านสื่ออีลิทควบคุมเช่นกันด้วย.
    ..คิดเล่นๆนะ บางทีก็อยากให้ครูบาอาจารย์ตามวัดตามวาเราที่บรรลุธรรม ออกมายืนยันเรื่องนี้จริงๆ เราคนหนึ่งล่ะ อาจเชื่อว่าพระท่านไม่โกหกแน่นอน ท่านค้ำประกันชัดเจนด้วย,ผู้มีฤทธิ์ถอดจิตถอดใจท่องภพภูมิทั้งหยาบทั้งละเอียดได้,ด้านหยาบๆแบบเราๆเสือกสนใจทางหยาบว่าโลกมันกลมมันแบนมันกลวงมันโดมจริงมั้ย,ถ้าท่านบอกสิ่งใดมานะก็เป็นอันสามารถลงใจเชื่อตามได้สบายใจ ก็จะไม่หลงหยาบๆหักเหความสนใจอีก,ไม่ต้องรอบรรลุธรรมเองเห็นเองก็ว่า,สไตล์รับรู้ขั้นพื้นฐานในตัวเลย ว่าคนบนโลกนี้มีแขนสองข้างขาสองข้างตาสองดวงหูซ้ายขวาเป็นต้น,คนเราเกิดมาบนโลกใบนี้ รู้ว่ามีอาณาจักรอื่นนอกกำแพงน้ำแข็ง ติดๆโลกเรา นอกอวกาศคนละดวงดาว อนาคตสร้างยานบินไปมาหากันได้ก็ว่า ,ส่วนใครจะเข้าใจว่ารับรู้ไปก็เท่านั้นก็เรื่องของเขา,แต่โค๊ชๆเหล่านี้ร่วมกันหาค่าจริงมาเฉลยคนที่มีอวิชาย่อมเป็นสิ่งดีงามสร้างพลังบวกได้.,นี้คือมุมมองมโนส่วนตัว,เพราะคนเราโง่โดยมาก เราอยู่สำนักโง่ๆนานไป,มีคนมาบอกมาเตือนมาหยิกให้ตื่นมารู้บ้างก็ดี,ใครจะนอนหลับต่อก็เจตนาเขา.


    https://vm.tiktok.com/ZSHcEcRRqXHgH-2fCNQ/
    รับรู้ค่าจริงเบื้องต้นนั้นถูกแล้ว ก้าวแรกในการเดินขึ้นถนนหรือลงป่าเลยนะ,อย่าประมาทเพราะไฟอันน้อยนิด,หลักเมื่อถูกต้อง,ก็จะพลาดลำบาก,โลกแบน ก็จะขยายการรับรู้อีกแบบ,โลกกลมก็ขยายการรับรู้อีกแบบ กลมมีอวกาศกั้นกัน,แบนมีแบบกำแพงน้ำแข็งกัน ,มีโดมชั้นบรรยากาศมาเป็นสมมุติฐานอ้างธรรมชาติอีก, ..โค๊ชหรือกูรูเหล่านี้ สมควรร่วมกันฟันธงเลย ว่า แบนหรือกลมหรือกลวงหรือโดม,การเฉลยคำตอบมันดีเสมอ,เปิดสิ่งที่คว่ำให้หงาย,มืดให้สว่างรู้แจ้งชัดคำตอบในสิ่งนั้น.,เราสมควรทิ้งวาทะกรรมเดิมๆว่าจงไปศึกษาให้รับรู้เองหาคำตอบเองเถิดได้แล้ว,เฉลยเสร็จ เขาจะพิสูจน์คำตอบหรือเชื่อ ไม่เชื่อ มันค.ว.ย.เขาแล้ว แต่โค๊ชต่างๆพอมาช่วยกันขยายค่าจริงความจริงฟันธงในสิ่งที่เป็นจริงมันดีแน่นอน. ..ความจริงเปิดแล้ว,ส่วนอจิณไตยใครมันก็ว่าไป,อย่างน้อยโค๊ชกายมนุษย์หยาบๆเราก็เฉลยค่าจริงตามสมมุติหยาบๆเราไปก่อน,ไม่ข้าวสาร เก็บข้าวเปลือกก็เอา ไม่ได้ข้าวเปลือกเก็บแกลบเก็บรำเก็บข้าวปลายก็เอา,สันดานจริตพื้นฐานแต่ละคนไม่เท่ากัน แต่เราสามารถวางพื้นฐานที่ชัดเจน ที่ถูกต้องพยายามบอกแจ้งเตือนให้คนเข้าใจผิดไม่หลงตามได้ ,ยิ่งแบนหรือกลม หากเอารูปถ่ายจริงๆนอกอวกาศ มาได้นะยิ่งดี,ตลอดรูปภาพโลกแบนก็ด้วย ลงรายละเอียดดีเกินจริงๆเช่นกัน,เสียดายไม่มีภาพคลิปของจริงนอกกำแพงน้ำแข็งหรือนอกโลกจากประชาชนคนโลกจริงๆ มีแต่นาซ่าอ้างอิงภาพถ่ายล่ะ,ส่วนโลกแบนยังมีน้ำหนักว่ามีคนหลุดออกไปพบเจอจริงหรือโลกกลวงก็ด้วย แต่ทั้งหมดก็เป็นเรื่องเล่าอีก เราก็ดูผ่านสื่ออีลิทควบคุมเช่นกันด้วย. ..คิดเล่นๆนะ บางทีก็อยากให้ครูบาอาจารย์ตามวัดตามวาเราที่บรรลุธรรม ออกมายืนยันเรื่องนี้จริงๆ เราคนหนึ่งล่ะ อาจเชื่อว่าพระท่านไม่โกหกแน่นอน ท่านค้ำประกันชัดเจนด้วย,ผู้มีฤทธิ์ถอดจิตถอดใจท่องภพภูมิทั้งหยาบทั้งละเอียดได้,ด้านหยาบๆแบบเราๆเสือกสนใจทางหยาบว่าโลกมันกลมมันแบนมันกลวงมันโดมจริงมั้ย,ถ้าท่านบอกสิ่งใดมานะก็เป็นอันสามารถลงใจเชื่อตามได้สบายใจ ก็จะไม่หลงหยาบๆหักเหความสนใจอีก,ไม่ต้องรอบรรลุธรรมเองเห็นเองก็ว่า,สไตล์รับรู้ขั้นพื้นฐานในตัวเลย ว่าคนบนโลกนี้มีแขนสองข้างขาสองข้างตาสองดวงหูซ้ายขวาเป็นต้น,คนเราเกิดมาบนโลกใบนี้ รู้ว่ามีอาณาจักรอื่นนอกกำแพงน้ำแข็ง ติดๆโลกเรา นอกอวกาศคนละดวงดาว อนาคตสร้างยานบินไปมาหากันได้ก็ว่า ,ส่วนใครจะเข้าใจว่ารับรู้ไปก็เท่านั้นก็เรื่องของเขา,แต่โค๊ชๆเหล่านี้ร่วมกันหาค่าจริงมาเฉลยคนที่มีอวิชาย่อมเป็นสิ่งดีงามสร้างพลังบวกได้.,นี้คือมุมมองมโนส่วนตัว,เพราะคนเราโง่โดยมาก เราอยู่สำนักโง่ๆนานไป,มีคนมาบอกมาเตือนมาหยิกให้ตื่นมารู้บ้างก็ดี,ใครจะนอนหลับต่อก็เจตนาเขา. https://vm.tiktok.com/ZSHcEcRRqXHgH-2fCNQ/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำพูดของคุณ อาจเป็นประตูนรกให้คนอื่น... และตัวคุณเอง

    คุณอาจไม่รู้ว่า...
    • แค่ประโยคเดียว
    • แค่เสียงกระแทกเดียว
    • แค่การแดกดันอย่างจงใจ

    อาจทำให้ใครบางคน "ตายทั้งเป็น"
    และอาจเปลี่ยนตัวคุณ ให้กลายเป็น
    “ประตูนรกทางใจให้คนอื่น”
    และ “ประตูนรกทางภพภูมิให้ตัวเอง” โดยไม่รู้ตัว

    กรรมเริ่มต้นจาก ‘ใจ’
    • ใจประทุษร้าย → กรรมหนัก
    • ใจปรารถนาดี → กรรมเบา
    แล้วค่อยต่อยอดผ่านคำพูด การเขียน การกระทำ
    ที่สะท้อน "ความตั้งใจจริง" ออกมา

    คำพูดที่ทำร้ายคนอื่น
    แม้พูดเก่ง พูดฉลาด พูดคม
    แต่ถ้ามาด้วยเจตนา ‘ฆ่าใจ’ คน
    นั่นคือการฆ่าที่ทิ้งร่องรอยในโลก และในตน

    ด่ามาก → ใจมืดมาก
    ด่าน้อย → ใจหม่นน้อย
    ติเพื่อก่อ → ใจสว่างอย่างมีสติ
    ติเพื่อเติม → ใจอิ่มสุขด้วยเมตตา

    วันใดที่คุณบูลลี่คนอื่น
    โดยเฉพาะถ้าคนนั้นเป็นผู้ปฏิบัติดี
    กรรมไม่ใช่แค่ย้อนกลับมาธรรมดา
    แต่จะตามทันแบบ ‘ด่วนพิเศษ’
    หนักหนาสาหัสเกินคาดคิด

    นิยามตัวคุณเองด้วยจิตที่คุณฝึกใช้ประจำวัน
    • คนที่ก่อความวุ่นวาย = ใจวุ่นวาย ฟุ้งซ่าน ปั่นป่วน
    • คนที่ก่อกระแสเยือกเย็น = ใจสงบ หนักแน่น มีเหตุผล

    “พูดจาแบบไหน = ใจแบบนั้น”
    ถ้ารักษาใจได้... คำพูดก็เป็นพลังบวกได้ทุกคำ

    จงเลือกเป็น “ประตูแห่งความสว่าง”
    ให้คำของคุณ คือความสบายใจ
    ให้คำของคุณ คือแรงใจให้คนลุกขึ้นมาใหม่
    และให้คำของคุณ คือคำที่คุณภูมิใจจะรับผลกรรมจากมันในภายหน้า

    #ธรรมะเตือนใจ
    #วาจาสร้างกรรม
    #คำพูดมีพลัง
    #เตือนก่อนสาย
    #ฝึกใจทุกวันเพื่อคำที่มีฤทธิ์เยียวยา
    💥 คำพูดของคุณ อาจเป็นประตูนรกให้คนอื่น... และตัวคุณเอง คุณอาจไม่รู้ว่า... • แค่ประโยคเดียว • แค่เสียงกระแทกเดียว • แค่การแดกดันอย่างจงใจ อาจทำให้ใครบางคน "ตายทั้งเป็น" และอาจเปลี่ยนตัวคุณ ให้กลายเป็น “ประตูนรกทางใจให้คนอื่น” และ “ประตูนรกทางภพภูมิให้ตัวเอง” โดยไม่รู้ตัว 🔥 กรรมเริ่มต้นจาก ‘ใจ’ • ใจประทุษร้าย → กรรมหนัก • ใจปรารถนาดี → กรรมเบา แล้วค่อยต่อยอดผ่านคำพูด การเขียน การกระทำ ที่สะท้อน "ความตั้งใจจริง" ออกมา คำพูดที่ทำร้ายคนอื่น แม้พูดเก่ง พูดฉลาด พูดคม แต่ถ้ามาด้วยเจตนา ‘ฆ่าใจ’ คน นั่นคือการฆ่าที่ทิ้งร่องรอยในโลก และในตน 🌀 ด่ามาก → ใจมืดมาก 🌀 ด่าน้อย → ใจหม่นน้อย 🌱 ติเพื่อก่อ → ใจสว่างอย่างมีสติ 🌼 ติเพื่อเติม → ใจอิ่มสุขด้วยเมตตา 📍 วันใดที่คุณบูลลี่คนอื่น โดยเฉพาะถ้าคนนั้นเป็นผู้ปฏิบัติดี กรรมไม่ใช่แค่ย้อนกลับมาธรรมดา แต่จะตามทันแบบ ‘ด่วนพิเศษ’ หนักหนาสาหัสเกินคาดคิด 🧠 นิยามตัวคุณเองด้วยจิตที่คุณฝึกใช้ประจำวัน • คนที่ก่อความวุ่นวาย = ใจวุ่นวาย ฟุ้งซ่าน ปั่นป่วน • คนที่ก่อกระแสเยือกเย็น = ใจสงบ หนักแน่น มีเหตุผล 💬 “พูดจาแบบไหน = ใจแบบนั้น” ถ้ารักษาใจได้... คำพูดก็เป็นพลังบวกได้ทุกคำ ✨ จงเลือกเป็น “ประตูแห่งความสว่าง” ให้คำของคุณ คือความสบายใจ ให้คำของคุณ คือแรงใจให้คนลุกขึ้นมาใหม่ และให้คำของคุณ คือคำที่คุณภูมิใจจะรับผลกรรมจากมันในภายหน้า #ธรรมะเตือนใจ #วาจาสร้างกรรม #คำพูดมีพลัง #เตือนก่อนสาย #ฝึกใจทุกวันเพื่อคำที่มีฤทธิ์เยียวยา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 332 มุมมอง 0 รีวิว
  • รู้จัก 2 พี่น้อง อินฟลูฯ สายฮา : [News story]

    เปิดประวัติ "เลิ่กลั่ก" อินฟลูฯ สายฮา พี่น้องคอนเทนต์ครีเอเตอร์สุดเกรียน ที่มาพร้อมพลังบวกเต็มจอย

    https://www.youtube.com/watch?v=_1faPQUXxJ8
    รู้จัก 2 พี่น้อง อินฟลูฯ สายฮา : [News story] เปิดประวัติ "เลิ่กลั่ก" อินฟลูฯ สายฮา พี่น้องคอนเทนต์ครีเอเตอร์สุดเกรียน ที่มาพร้อมพลังบวกเต็มจอย https://www.youtube.com/watch?v=_1faPQUXxJ8
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 576 มุมมอง 0 รีวิว
  • เริ่มบันทึก 2 กรกฎาคม 2568
    หลังจากเห็นม้วนเทปเพลง ทั้งแบบเทปมีลิขสิทธิ์ และแบบเหมือนจะมีลิขสิทธิ์ ทุกม้วนที่เสียท่า ตกผ่านมาถึงมือผมด้วยการขอเงินพ่อแม่ไปซื้อทั้งแบบขอกันดื้อ ๆ และแบบหักจากค่าขนม ค่าใช้จ่ายรายเดือน รวม ๆ แล้วก็เอามาประกอบเป็นโลงให้ตัวเองนอนเล่น/นอนจริงได้แน่นอน

    มันชวนให้นึกไปถึงคนตัวเล็กที่แม้จะมีเรื่องอะไรให้บอกเล่า แต่กลับไม่มีพื้นที่ให้แสดงออกมา ม้วนเทปเพลงหลากแนว มันถูกบันทึกเสียงเอาไว้ในตัวตนเรียบร้อยแล้ว แต่หากความสะดวกสบาย/ความทันสมัย/ความล้าสมัย หรือจะความอะไรก็ตาม ทำให้มันไม่มีความเป็นแมสมีเดีย

    เครื่องเล่นเทปเองก็เอาตัวไม่รอดเหมือนกัน จากแมสโปรดักเมื่อวันวาน กลายเป็นแรโปรดักในวันนี้ เมื่อเทปไม่มีเครื่องเล่น มันก็ไม่เหลือทางแสดงสุนทรีย์แห่งเสียง แต่มันไม่สูญสิ้นสุนทรียภาพ สุนทรีย์แห่งอดีต พลังบวกเล็ก ๆ มักจะวูบขึ้นมา แทบจะทันทีที่ผมหยิบมันมาดู เปิดตลับ หยิบปกเทปมาสัมผัส พลิกดูสังขารที่ยังมีชีวิตของม้วนเทป จากชั้นไม้ ทีละม้วน ทีละม้วน และ...
    เริ่มบันทึก 2 กรกฎาคม 2568 หลังจากเห็นม้วนเทปเพลง ทั้งแบบเทปมีลิขสิทธิ์ และแบบเหมือนจะมีลิขสิทธิ์ ทุกม้วนที่เสียท่า ตกผ่านมาถึงมือผมด้วยการขอเงินพ่อแม่ไปซื้อทั้งแบบขอกันดื้อ ๆ และแบบหักจากค่าขนม ค่าใช้จ่ายรายเดือน รวม ๆ แล้วก็เอามาประกอบเป็นโลงให้ตัวเองนอนเล่น/นอนจริงได้แน่นอน มันชวนให้นึกไปถึงคนตัวเล็กที่แม้จะมีเรื่องอะไรให้บอกเล่า แต่กลับไม่มีพื้นที่ให้แสดงออกมา ม้วนเทปเพลงหลากแนว มันถูกบันทึกเสียงเอาไว้ในตัวตนเรียบร้อยแล้ว แต่หากความสะดวกสบาย/ความทันสมัย/ความล้าสมัย หรือจะความอะไรก็ตาม ทำให้มันไม่มีความเป็นแมสมีเดีย เครื่องเล่นเทปเองก็เอาตัวไม่รอดเหมือนกัน จากแมสโปรดักเมื่อวันวาน กลายเป็นแรโปรดักในวันนี้ เมื่อเทปไม่มีเครื่องเล่น มันก็ไม่เหลือทางแสดงสุนทรีย์แห่งเสียง แต่มันไม่สูญสิ้นสุนทรียภาพ สุนทรีย์แห่งอดีต พลังบวกเล็ก ๆ มักจะวูบขึ้นมา แทบจะทันทีที่ผมหยิบมันมาดู เปิดตลับ หยิบปกเทปมาสัมผัส พลิกดูสังขารที่ยังมีชีวิตของม้วนเทป จากชั้นไม้ ทีละม้วน ทีละม้วน และ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 253 มุมมอง 0 รีวิว
  • 555,อนาคตคือแกนนำปฏิวัติยึดอำนาจเลยครับ.,อนาคตดีแน่นอน.,คนดีๆต้องมาแทนที่คนไม่ดีเสียที,ต้องถึงเวลาทำให้คนไม่ดีไม่มีตำแหน่งอำนาจในบ้านในเมืองเราเสียทีหรือไม่สามารถมีที่ยืนบนแผ่นดินไทยนี้ได้อีก.
    ..น้ำใจกำลังใจคือพลังความสามัคคีดีๆนี้เอง.โคตรพลังบวกด้วย,ร่วมส่งกำลังใจแก่พี่น้องทุกๆคนที่รักชาติไทยรักบ้านรักเมืองไทยเราทุกๆคน ตลอดเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการปกป้องอธิปไตยชาติไทยเราทุกๆคนด้วย,เพราะทุกๆคนต่างรักชาติไทยและเต็มที่ตามหน้างานตนพึ่งแสดงออกและสามารถทำได้ตามอัตภาพตนกันทุกๆคน.

    https://youtu.be/wMv86kNM-0g?si=cl8ooDq9LGW62xHe
    555,อนาคตคือแกนนำปฏิวัติยึดอำนาจเลยครับ.,อนาคตดีแน่นอน.,คนดีๆต้องมาแทนที่คนไม่ดีเสียที,ต้องถึงเวลาทำให้คนไม่ดีไม่มีตำแหน่งอำนาจในบ้านในเมืองเราเสียทีหรือไม่สามารถมีที่ยืนบนแผ่นดินไทยนี้ได้อีก. ..น้ำใจกำลังใจคือพลังความสามัคคีดีๆนี้เอง.โคตรพลังบวกด้วย,ร่วมส่งกำลังใจแก่พี่น้องทุกๆคนที่รักชาติไทยรักบ้านรักเมืองไทยเราทุกๆคน ตลอดเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการปกป้องอธิปไตยชาติไทยเราทุกๆคนด้วย,เพราะทุกๆคนต่างรักชาติไทยและเต็มที่ตามหน้างานตนพึ่งแสดงออกและสามารถทำได้ตามอัตภาพตนกันทุกๆคน. https://youtu.be/wMv86kNM-0g?si=cl8ooDq9LGW62xHe
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 272 มุมมอง 0 รีวิว
  • อย่ายอมแพ้แค่เพราะมันยาก แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต ในวันที่โลกทั้งใบไม่เข้าข้างคุณ ชีวิตมันไม่ง่าย...แต่ก็คุ้มค่าที่จะ "ไม่ยอมแพ้"

    แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต ไม่หยุด = ชนะ สำหรับคนที่เจอวิกฤต ชีวิตมันยาก...แต่คุณ "ต้องรอด

    บทความนี้ถูกเขียนขึ้นเพื่อคุณ...ผู้ที่กำลังเผชิญช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในชีวิต ชีวิตอาจไม่ง่าย แต่คุณยังมีพลังเงียบในตัวเองเสมอ ขอแค่คุณไม่หยุดเดิน ก็ถือว่าคุณ "ชนะ" แล้ว

    ชีวิตไม่ได้ง่ายสำหรับใครเลย...แต่คุณก็ยังไปต่อได้เสมอ ทุกคนล้วนมี "วันที่เหนื่อยแทบล้มทั้งยืน" วันที่เหมือนถูกทั้งโลก ผลักให้จมดิ่งลงไปเรื่อยๆ วันที่ไม่เหลือแม้แต่ "คำปลอบใจ" จากใครสักคน...

    แต่รู้ไหม? คุณไม่ได้อ่อนแอที่รู้สึกท้อ และคุณไม่ได้อยู่คนเดียวในความรู้สึกแบบนี้... บทความนี้...เขียนเพื่อคุณ เพื่อบอกคุณว่า "แค่ไม่ยอมแพ้...ก็ถือว่าชนะแล้ว"

    แรงบันดาลใจ ไม่ใช่พลังวิเศษ ไม่ใช่พลังมหาศาลแบบในหนังฮีโร่ แต่มันคือ “พลังเงียบ” ที่ช่วยให้เรา "ลุกจากเตียง" ในวันที่ไม่อยากตื่นเลยด้วยซ้ำ...

    แรงบันดาลใจ... ไม่ต้องใหญ่ ไม่ต้องเว่อร์ แค่คิดถึง "คนที่เรารัก" ก็เป็นพลัง หรือบางทีแค่ "ประโยคหนึ่ง" จากบทความนี้
    ก็อาจเปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิตของคุณได้

    ทำไมเราต้องมีแรงบันดาลใจ? เพราะในวันที่ไม่มีอะไรเป็นไปตามแผน แรงบันดาลใจจะคอย "เตือนใจ" เราว่า ชีวิตยังมีความหมายอยู่...แม้มันจะยังไม่ง่ายก็ตาม

    เมื่อทุกอย่างพังทลาย...อะไรคือสิ่งที่ยังเหลืออยู่ ชีวิตบางครั้งเหมือนห้องที่ถูกพายุถล่ม จนเละไม่มีชิ้นดี บ้านอาจพอซ่อมได้...แต่ “ใจ” ที่พังนี่แหละ ซ่อมยากที่สุด

    ในวันที่คุณรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจ ไม่มีแสง ไม่มีทางเริ่มต้นใหม่ ลองมองดูให้ดี... คุณยังมี “ตัวเอง” ยังมี หัวใจ ที่ยังเต้น แปลว่าคุณยัง "มีโอกาส" ยังมี สมอง ที่จะเปลี่ยนความคิดทุกอย่างได้ และที่สำคัญ...ยัง เลือกได้ เสมอว่าจะ “ลุก” หรือ “นอนจม” ต่อไป

    อย่าลืมว่า...ต่อให้โลกจะไม่เข้าใจ แต่คุณยัง "เข้าใจตัวเอง" ได้เสมอ

    บทเรียนจากวิกฤต ทุกปัญหาคือของขวัญ ในรูปแบบที่เราไม่คาดคิด หลายคนค้นพบ "ตัวเอง" ในช่วงที่ยากที่สุดของชีวิต เพราะชีวิตไม่ได้ส่งวิกฤตมาเพื่อ "ทำร้ายเรา" แต่มันส่งมาเพื่อ "ทำให้เราเติบโต"

    คนที่เคยกลัวความล้มเหลว กลายเป็นคนที่ไม่กลัวอะไรอีกแล้ว

    คนที่เคยอ่อนแอ กลายเป็นคนที่เข้มแข็งจนคนรอบข้างทึ่ง

    ทุกปัญหา…มีของขวัญซ่อนอยู่ ถ้าคุณ “กล้าพอ” ที่จะเปิดมันออกมาดู

    อย่ายอมแพ้…แม้ในวันที่ไม่มีใครอยู่ข้างคุณ ในวันที่คุณไม่มีใคร คุณยังมี “ตัวเอง” และคุณต้องเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ของตัวเองให้ได้ พูดกับตัวเองในกระจกว่า “เก่งมากแล้วนะ ที่ยังยืนอยู่ได้” ให้กำลังใจตัวเอง แบบที่คุณอยากได้จากคนอื่น

    และจงจำไว้เสมอว่า คุณคือคนเดียวที่อยู่กับตัวเอง ไปจนวันสุดท้าย อย่าให้ความโดดเดี่ยวทำให้คุณยอมแพ้ เพราะคุณไม่จำเป็นต้องมีทุกคนเข้าใจ แค่คุณ “เข้าใจตัวเอง” ก็เพียงพอแล้ว

    ความหวัง & ความเชื่อ พลังเล็กๆ ที่เปลี่ยนโลกทั้งใบได้ ความหวัง คือ "แสง" ที่ปลายอุโมงค์ มันอาจจะไกล...แต่มัน "มีอยู่จริง" คนที่เชื่อว่า "ชีวิตจะดีขึ้น" มักมีโอกาส “เจอสิ่งดีๆ” มากกว่าคนที่หมดหวัง

    ความเชื่อ คือ “พลังล่องหน” ที่สามารถขับเคลื่อนเรา แม้ในวันที่ดูเหมือนไม่เหลืออะไรเลย ความหวังไม่ใช่คำปลอบใจ
    แต่มันคือเครื่องมือในการ “เอาตัวรอด” อย่างแท้จริง

    กลยุทธ์ฟื้นตัวในวันที่ชีวิตพัง ทำอย่างไรให้กลับมายืนได้อีกครั้ง

    ตั้งสติ ไม่โทษตัวเอง ความผิดพลาดไม่ใช่สิ่งที่ต้อง “ลงโทษตัวเอง” แต่เป็นสิ่งที่ต้อง “เรียนรู้”

    พัก แต่ไม่ถอย เหนื่อยได้ ร้องไห้ได้ แต่ขอแค่ “อย่าถอยกลับไปที่เดิม”

    มองหาความสุขเล็กๆ อย่ามองหาแต่เป้าหมายใหญ่ จนลืมว่ารอยยิ้มจากกาแฟแก้วหนึ่ง...ก็เป็นพลังได้เหมือนกัน

    เขียนไดอารี่ บันทึกความรู้สึก เพราะเมื่อคุณย้อนกลับมาอ่าน มันจะเตือนว่าคุณ "ผ่านอะไรมาได้มากแค่ไหนแล้ว"

    หาคนฟังที่ไม่ตัดสิน บางครั้งเราต้องการแค่คนที่ “ฟังเรา” โดยไม่พยายามแก้ไขอะไรเลย แค่รับฟัง

    ไม่หยุด = ชนะแล้ว คุณไม่ต้อง "ชนะทุกอย่าง" แค่คุณ “ไม่ยอมแพ้” ก็ถือว่า “คุณชนะแล้ว” ล้มได้ แต่ลุกอีกครั้ง เดินช้าได้ แต่ขอแค่อย่าหยุด เหนื่อยได้ แต่จงจำไว้ว่า "พัก" ไม่ใช่ "ถอย"

    อย่าลืมว่า… คนที่ผ่านช่วงมืดที่สุดมาได้ คือคนที่จะ "สว่างกว่าใคร" เมื่อถึงเวลา

    คำคมสร้างพลังใจ
    "ถ้าคุณยังหายใจอยู่ แปลว่าคุณยังเปลี่ยนทุกอย่างได้เสมอ"

    "ชีวิตมันไม่ง่าย...แต่มัน ‘คุ้มค่า’ ที่จะใช้"

    "ล้มได้ ไม่เป็นไร ขอแค่ ‘อย่าล้มเลิก’"

    ถ้ารู้สึกท้อทุกวัน ควรเริ่มจากการดูแลตัวเองทีละนิด พักผ่อนให้เพียงพอ หาแรงบันดาลใจจากสิ่งเล็กๆ และอย่าลืมหาคนที่พร้อมจะฟังคุณอย่างแท้จริง

    หากแรงบันดาลใจหายไป ให้กลับไปหา "จุดเริ่มต้น" ที่ทำให้คุณเริ่มฝัน ลองนึกถึงคนที่คุณอยากภูมิใจในตัวคุณ แล้วเริ่มใหม่จากตรงนั้น

    หากรู้สึกไม่มีค่าเลย เพราะคุณกำลังใช้มาตรฐานของคนอื่น ตัดสินตัวเอง ลองกลับมาโฟกัสที่สิ่งที่คุณทำได้ดี แม้จะเล็กน้อย ก็ยังมีคุณค่า

    ถ้าคุณยังยืนอยู่ได้หลังจากที่เจ็บมา นั่นแปลว่าคุณ “ผ่านวิกฤตมาแล้วครึ่งหนึ่ง”

    เขียนจดหมายถึงตัวเองในอนาคต เดินเล่นคนเดียว ไปเที่ยวธรรมชาติ หรือฟังเพลงที่ให้พลังบวก เพื่อฟืเนพลังใจ

    ไม่มีใครเก่งพอจะไม่ล้ม แต่ทุกคนเก่งพอที่จะ “ลุก” ได้เสมอ

    สาระสำคัญที่ควรจดจำ ชีวิตไม่ได้ต้องการให้เราชนะทุกวัน แค่คุณ “ไม่ยอมแพ้” ก็คือ “คุณเก่งมากแล้ว”

    จงเลือกที่จะเดินต่อ...แม้จะช้าก็ตาม เพราะความหวังอยู่ที่ปลายทางเสมอ พร้อมหรือยังที่จะ "ไม่ยอมแพ้"...?
    คุณไปต่อได้แน่นอน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 222210 เม.ย. 2568

    #แรงบันดาลใจ #ชีวิตไม่ง่ายแต่ต้องรอด #อย่ายอมแพ้ #กำลังใจดีๆ #สู้ชีวิต #พลังใจ #ความหวังยังมีเสมอ #คำคมชีวิต #เอาชนะใจตัวเอง #ชีวิตคือการเดินทาง
    อย่ายอมแพ้แค่เพราะมันยาก แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต ในวันที่โลกทั้งใบไม่เข้าข้างคุณ ชีวิตมันไม่ง่าย...แต่ก็คุ้มค่าที่จะ "ไม่ยอมแพ้" 🔍 แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต ไม่หยุด = ชนะ สำหรับคนที่เจอวิกฤต ชีวิตมันยาก...แต่คุณ "ต้องรอด ✨ 📌 บทความนี้ถูกเขียนขึ้นเพื่อคุณ...ผู้ที่กำลังเผชิญช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดในชีวิต ชีวิตอาจไม่ง่าย แต่คุณยังมีพลังเงียบในตัวเองเสมอ ขอแค่คุณไม่หยุดเดิน ก็ถือว่าคุณ "ชนะ" แล้ว 💪 ชีวิตไม่ได้ง่ายสำหรับใครเลย...แต่คุณก็ยังไปต่อได้เสมอ ทุกคนล้วนมี "วันที่เหนื่อยแทบล้มทั้งยืน" วันที่เหมือนถูกทั้งโลก ผลักให้จมดิ่งลงไปเรื่อยๆ วันที่ไม่เหลือแม้แต่ "คำปลอบใจ" จากใครสักคน... แต่รู้ไหม? คุณไม่ได้อ่อนแอที่รู้สึกท้อ และคุณไม่ได้อยู่คนเดียวในความรู้สึกแบบนี้... บทความนี้...เขียนเพื่อคุณ เพื่อบอกคุณว่า "แค่ไม่ยอมแพ้...ก็ถือว่าชนะแล้ว" 🌟 แรงบันดาลใจ ไม่ใช่พลังวิเศษ ไม่ใช่พลังมหาศาลแบบในหนังฮีโร่ แต่มันคือ “พลังเงียบ” ที่ช่วยให้เรา "ลุกจากเตียง" ในวันที่ไม่อยากตื่นเลยด้วยซ้ำ... แรงบันดาลใจ... ไม่ต้องใหญ่ ไม่ต้องเว่อร์ แค่คิดถึง "คนที่เรารัก" ก็เป็นพลัง หรือบางทีแค่ "ประโยคหนึ่ง" จากบทความนี้ ก็อาจเปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิตของคุณได้ 🎯 ทำไมเราต้องมีแรงบันดาลใจ? เพราะในวันที่ไม่มีอะไรเป็นไปตามแผน แรงบันดาลใจจะคอย "เตือนใจ" เราว่า ชีวิตยังมีความหมายอยู่...แม้มันจะยังไม่ง่ายก็ตาม 🧩 เมื่อทุกอย่างพังทลาย...อะไรคือสิ่งที่ยังเหลืออยู่ ชีวิตบางครั้งเหมือนห้องที่ถูกพายุถล่ม จนเละไม่มีชิ้นดี บ้านอาจพอซ่อมได้...แต่ “ใจ” ที่พังนี่แหละ ซ่อมยากที่สุด 🧱 ในวันที่คุณรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจ ไม่มีแสง ไม่มีทางเริ่มต้นใหม่ ลองมองดูให้ดี... คุณยังมี “ตัวเอง” ยังมี หัวใจ ที่ยังเต้น แปลว่าคุณยัง "มีโอกาส" ยังมี สมอง ที่จะเปลี่ยนความคิดทุกอย่างได้ และที่สำคัญ...ยัง เลือกได้ เสมอว่าจะ “ลุก” หรือ “นอนจม” ต่อไป ❤️ อย่าลืมว่า...ต่อให้โลกจะไม่เข้าใจ แต่คุณยัง "เข้าใจตัวเอง" ได้เสมอ ❤️ 🎁 บทเรียนจากวิกฤต ทุกปัญหาคือของขวัญ ในรูปแบบที่เราไม่คาดคิด หลายคนค้นพบ "ตัวเอง" ในช่วงที่ยากที่สุดของชีวิต เพราะชีวิตไม่ได้ส่งวิกฤตมาเพื่อ "ทำร้ายเรา" แต่มันส่งมาเพื่อ "ทำให้เราเติบโต" คนที่เคยกลัวความล้มเหลว กลายเป็นคนที่ไม่กลัวอะไรอีกแล้ว คนที่เคยอ่อนแอ กลายเป็นคนที่เข้มแข็งจนคนรอบข้างทึ่ง ทุกปัญหา…มีของขวัญซ่อนอยู่ ถ้าคุณ “กล้าพอ” ที่จะเปิดมันออกมาดู 🤝 อย่ายอมแพ้…แม้ในวันที่ไม่มีใครอยู่ข้างคุณ ในวันที่คุณไม่มีใคร คุณยังมี “ตัวเอง” และคุณต้องเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ของตัวเองให้ได้ พูดกับตัวเองในกระจกว่า “เก่งมากแล้วนะ ที่ยังยืนอยู่ได้” ให้กำลังใจตัวเอง แบบที่คุณอยากได้จากคนอื่น และจงจำไว้เสมอว่า คุณคือคนเดียวที่อยู่กับตัวเอง ไปจนวันสุดท้าย อย่าให้ความโดดเดี่ยวทำให้คุณยอมแพ้ เพราะคุณไม่จำเป็นต้องมีทุกคนเข้าใจ แค่คุณ “เข้าใจตัวเอง” ก็เพียงพอแล้ว ✨ ความหวัง & ความเชื่อ พลังเล็กๆ ที่เปลี่ยนโลกทั้งใบได้ ความหวัง คือ "แสง" ที่ปลายอุโมงค์ มันอาจจะไกล...แต่มัน "มีอยู่จริง" 💡 คนที่เชื่อว่า "ชีวิตจะดีขึ้น" มักมีโอกาส “เจอสิ่งดีๆ” มากกว่าคนที่หมดหวัง ความเชื่อ คือ “พลังล่องหน” ที่สามารถขับเคลื่อนเรา แม้ในวันที่ดูเหมือนไม่เหลืออะไรเลย ความหวังไม่ใช่คำปลอบใจ แต่มันคือเครื่องมือในการ “เอาตัวรอด” อย่างแท้จริง 🛠️ กลยุทธ์ฟื้นตัวในวันที่ชีวิตพัง ทำอย่างไรให้กลับมายืนได้อีกครั้ง ตั้งสติ ไม่โทษตัวเอง ความผิดพลาดไม่ใช่สิ่งที่ต้อง “ลงโทษตัวเอง” แต่เป็นสิ่งที่ต้อง “เรียนรู้” พัก แต่ไม่ถอย เหนื่อยได้ ร้องไห้ได้ แต่ขอแค่ “อย่าถอยกลับไปที่เดิม” มองหาความสุขเล็กๆ อย่ามองหาแต่เป้าหมายใหญ่ จนลืมว่ารอยยิ้มจากกาแฟแก้วหนึ่ง...ก็เป็นพลังได้เหมือนกัน ☕ เขียนไดอารี่ บันทึกความรู้สึก เพราะเมื่อคุณย้อนกลับมาอ่าน มันจะเตือนว่าคุณ "ผ่านอะไรมาได้มากแค่ไหนแล้ว" หาคนฟังที่ไม่ตัดสิน บางครั้งเราต้องการแค่คนที่ “ฟังเรา” โดยไม่พยายามแก้ไขอะไรเลย แค่รับฟัง 🏁 ไม่หยุด = ชนะแล้ว คุณไม่ต้อง "ชนะทุกอย่าง" แค่คุณ “ไม่ยอมแพ้” ก็ถือว่า “คุณชนะแล้ว” ล้มได้ แต่ลุกอีกครั้ง เดินช้าได้ แต่ขอแค่อย่าหยุด เหนื่อยได้ แต่จงจำไว้ว่า "พัก" ไม่ใช่ "ถอย" อย่าลืมว่า… คนที่ผ่านช่วงมืดที่สุดมาได้ คือคนที่จะ "สว่างกว่าใคร" เมื่อถึงเวลา 💬 คำคมสร้างพลังใจ "ถ้าคุณยังหายใจอยู่ แปลว่าคุณยังเปลี่ยนทุกอย่างได้เสมอ" "ชีวิตมันไม่ง่าย...แต่มัน ‘คุ้มค่า’ ที่จะใช้" "ล้มได้ ไม่เป็นไร ขอแค่ ‘อย่าล้มเลิก’" ถ้ารู้สึกท้อทุกวัน ควรเริ่มจากการดูแลตัวเองทีละนิด พักผ่อนให้เพียงพอ หาแรงบันดาลใจจากสิ่งเล็กๆ และอย่าลืมหาคนที่พร้อมจะฟังคุณอย่างแท้จริง หากแรงบันดาลใจหายไป ให้กลับไปหา "จุดเริ่มต้น" ที่ทำให้คุณเริ่มฝัน ลองนึกถึงคนที่คุณอยากภูมิใจในตัวคุณ แล้วเริ่มใหม่จากตรงนั้น หากรู้สึกไม่มีค่าเลย เพราะคุณกำลังใช้มาตรฐานของคนอื่น ตัดสินตัวเอง ลองกลับมาโฟกัสที่สิ่งที่คุณทำได้ดี แม้จะเล็กน้อย ก็ยังมีคุณค่า ถ้าคุณยังยืนอยู่ได้หลังจากที่เจ็บมา นั่นแปลว่าคุณ “ผ่านวิกฤตมาแล้วครึ่งหนึ่ง” เขียนจดหมายถึงตัวเองในอนาคต เดินเล่นคนเดียว ไปเที่ยวธรรมชาติ หรือฟังเพลงที่ให้พลังบวก เพื่อฟืเนพลังใจ ไม่มีใครเก่งพอจะไม่ล้ม แต่ทุกคนเก่งพอที่จะ “ลุก” ได้เสมอ 🔑 สาระสำคัญที่ควรจดจำ ชีวิตไม่ได้ต้องการให้เราชนะทุกวัน แค่คุณ “ไม่ยอมแพ้” ก็คือ “คุณเก่งมากแล้ว” จงเลือกที่จะเดินต่อ...แม้จะช้าก็ตาม เพราะความหวังอยู่ที่ปลายทางเสมอ พร้อมหรือยังที่จะ "ไม่ยอมแพ้"...? 💥 คุณไปต่อได้แน่นอน ✨ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 222210 เม.ย. 2568 📱 #แรงบันดาลใจ #ชีวิตไม่ง่ายแต่ต้องรอด #อย่ายอมแพ้ #กำลังใจดีๆ #สู้ชีวิต #พลังใจ #ความหวังยังมีเสมอ #คำคมชีวิต #เอาชนะใจตัวเอง #ชีวิตคือการเดินทาง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1132 มุมมอง 0 รีวิว
  • 19 ปี โศกนาฏกรรมศาลท้าวมหาพรหม หนุ่มป่วยจิตบุกทุบ รุมสกรัมดับกลางราชประสงค์!

    ย้อนเหตุการณ์ช็อก 19 ปี ที่ผ่านมา! หนุ่มป่วยจิตบุกทุบศาลท้าวมหาพรหม ชาวบ้านรุมสกรัมจนเสียชีวิต แรงศรัทธาและแรงแค้น ปะทะกันอย่างรุนแรง!

    19 ปี ผ่านไป กับเหตุการณ์ที่ยังฝังใจคนไทย วันอังคารที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2549 เช้ามืดที่ราชประสงค์ เวลาตีหนึ่ง กลายเป็นเวทีของเหตุการณ์ ที่คนไทยทั้งประเทศไม่อาจลืม... เมื่อชายหนุ่มรายหนึ่ง บุกเข้าไปในศาลท้าวมหาพรหม กลางสี่แยกสำคัญ ทุบองค์พระพรหมจนแตกละเอียด ก่อนจะถูกชาวบ้านรุมทำร้าย จนเสียชีวิตต่อหน้าสายตาคนมากมาย

    เรื่องราวครั้งนั้น ไม่ใช่เพียงข่าวฆาตกรรม แต่เป็นโศกนาฏกรรมที่ก่อให้เกิดคำถาม และข้อถกเถียงเกี่ยวกับศรัทธา ความเชื่อ และปัญหาทางสุขภาพจิตในสังคมไทย

    เวลาประมาณตีหนึ่งของวันอังคารที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2549 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี ได้รับแจ้งเหตุ มีชายคนหนึ่งถูกรุมทำร้ายจนเสียชีวิต หน้าทางเข้าโรงแรมเอราวัณ จุดศูนย์กลางของศรัทธาและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ กลางกรุงเทพมหานคร

    ชายคนดังกล่าว อายุประมาณ 30 ปี สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขายาว พับขาขึ้นมา เขามีรอยสักคำว่า "อามีน" บริเวณแผ่นหลัง พบค้อนและเหล็กเสียบร่ม ในพื้นที่ใกล้ศพ องค์ท้าวมหาพรหมถูกทุบจนแตกละเอียด เหลือแต่ฐาน ไม่มีเอกสารแสดงตัวตน พบเพียงบุหรี่ ยาเส้น ไฟแช็ก และเงิน 8 บาท
    ต่อมา

    พ่อของชายหนุ่มได้มายืนยันตัวตน ว่าผู้เคราะห์ร้ายชื่อ นายธนกร ภักดีผล อายุ 27 ปี ป่วยเป็นโรคจิตเวชมานานกว่า 6 ปี

    ศาลท้าวมหาพรหม สี่แยกราชประสงค์ เป็นมากกว่าสถานที่สักการะ แต่เป็นศูนย์รวมความเชื่อของคนไทย และชาวต่างชาติที่ศรัทธาใน "องค์มหาพรหม" เทพผู้ประทานพรให้สมปรารถนาในสิ่งที่หวัง

    สร้างขึ้นปี 2499 โดยบริษัทสหโรงแรมไทย และการท่องเที่ยว จำกัด เพื่อแก้เคล็ดฤกษ์ที่ไม่ดี ตามความเชื่อโหราศาสตร์ องค์พระพรหมปั้นจากปูนปลาสเตอร์ ปิดทอง โดยกรมศิลปากร กลายเป็นที่พึ่งพิงทางจิตใจ ผู้คนมาขอพรเรื่องความสำเร็จ ในชีวิตและการงาน

    ความเชื่อกับความกลัว ปฏิกิริยาของผู้คนต่อเหตุการณ์ หลังเหตุการณ์ หน้าศาลท้าวมหาพรหม เต็มไปด้วยความเศร้าโศก และตื่นตระหนก ผู้ศรัทธาหลายคนร่ำไห้ เชื่อว่านี่คือ "ลางร้าย" ที่บอกเหตุการณ์ไม่ดี ที่จะเกิดขึ้นในบ้านเมืองไทย

    นายภิญโญ พงศ์เจริญ นักโหราศาสตร์ชื่อดัง กล่าวว่า นี่เป็นสัญญาณจากฟ้าดิน ว่าเกิดสิ่งไม่เป็นมงคล

    ประเด็นปัญหาทางสังคม บทเรียนจากโศกนาฏกรรม สุขภาพจิต คือเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม! นายธนกรป่วยเป็นโรคจิตเวชมานาน แต่ไม่มีระบบสวัสดิการที่เพียงพอ ในการดูแลรักษา พ่อต้องพาไปโรงพยาบาลถึง 4 แห่ง แต่ไม่ได้ผลถาวร

    ประเด็นที่สังคมควรถาม
    - ทำไมถึงไม่มีการช่วยเหลือทันทีจากตำรวจ 191 ที่พ่อโทรแจ้งก่อนเหิดเหตุ?
    - ระบบสุขภาพจิตของไทย รองรับผู้ป่วยเรื้อรังเพียงพอหรือไม่?
    - ประชาทัณฑ์คือความยุติธรรม หรืออารมณ์ชั่ววูบ?

    บูรณะศาลท้าวมหาพรหม เยียวยาความรู้สึกคนไทย หลังเหตุการณ์ โรงแรมเอราวัณและกรมศิลปากร เร่งบูรณะองค์ท้าวมหาพรหม โดยใช้เทคนิคใหม่ เช่น ใยหิน ปูนเขียว แกนสเตนเลส และทองเหลืองจากสวีเดน พร้อมปิดทองใหม่ทุกจุด

    ในวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 มีพิธีบวงสรวงใหญ่ และเชิญองค์ท้าวมหาพรหม กลับประดิษฐาน ณ จุดเดิม ช่วยปลุกขวัญ และฟื้นฟูศรัทธาประชาชนอีกครั้ง

    เหตุการณ์ระเบิดปี 2558 ฝันร้ายซ้ำสองที่ไม่มีใครอยากจำ วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 18.55 น. เกิดเหตุระเบิดกลางศาลท้าวมหาพรหมอีกครั้ง ด้วยระเบิดทีเอ็นทีหนัก 5 กก. มีผู้เสียชีวิตทันที 16 ราย และบาดเจ็บกว่า 70 คน

    แรงระเบิดทำให้องค์มหาพรหม เสียหายอย่างหนัก ต้องบูรณะด้วยงบประมาณกว่า 70,000 บาท ภายในเวลาเพียง 9 วัน

    วิเคราะห์ผลกระทบทางสังคม ศรัทธา และความมั่นคง คำถามใหญ่ที่เกิดขึ้น รัฐบาลและหน่วยงานความมั่นคง สามารถป้องกันเหตุการณ์แบบนี้ได้แค่ไหน? ศรัทธายังเป็นพลังบวก หรือกำลังกลายเป็นเครื่องมือสร้างความหวาดกลัวในสังคม?

    ทางออกที่ควรพิจารณา เพิ่มการดูแลผู้ป่วยจิตเวช และสร้างระบบรับมือวิกฤตสุขภาพจิต ที่มีประสิทธิภาพ เสริมความเข้มแข็งในการป้องกันเหตุอาชญากรรม ที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

    ศรัทธา...ยังคงอยู่ หรือเลือนหายไป? 19 ปีผ่านไป เหตุการณ์ที่ศาลท้าวมหาพรหม ยังสอนว่า "ศรัทธา" อาจเป็นทั้งพลังสร้างสรรค์ และพลังทำลายได้ ถ้าไม่รู้จักใช้มันให้ถูกที่ถูกทาง

    สิ่งสำคัญที่สุดคือการเรียนรู้จากอดีต ไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ในรูปแบบใหม่อีกครั้ง

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 210927 มี.ค. 2568

    #ท้าวมหาพรหม #ศาลเอราวัณ #ศรัทธามหาชน #เหตุการณ์ราชประสงค์ #สุขภาพจิต #รุมประชาทัณฑ์ #บูรณะศาลท้าวมหาพรหม #ระเบิดราชประสงค์ #ข่าวอาชญากรรม #สังคมไทยวันนี้
    🔥 19 ปี โศกนาฏกรรมศาลท้าวมหาพรหม หนุ่มป่วยจิตบุกทุบ รุมสกรัมดับกลางราชประสงค์! 😱 📝 ย้อนเหตุการณ์ช็อก 19 ปี ที่ผ่านมา! หนุ่มป่วยจิตบุกทุบศาลท้าวมหาพรหม ชาวบ้านรุมสกรัมจนเสียชีวิต แรงศรัทธาและแรงแค้น ปะทะกันอย่างรุนแรง! 📚 ✨ 19 ปี ผ่านไป กับเหตุการณ์ที่ยังฝังใจคนไทย วันอังคารที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2549 🌙 เช้ามืดที่ราชประสงค์ เวลาตีหนึ่ง กลายเป็นเวทีของเหตุการณ์ ที่คนไทยทั้งประเทศไม่อาจลืม... เมื่อชายหนุ่มรายหนึ่ง บุกเข้าไปในศาลท้าวมหาพรหม กลางสี่แยกสำคัญ ทุบองค์พระพรหมจนแตกละเอียด ก่อนจะถูกชาวบ้านรุมทำร้าย จนเสียชีวิตต่อหน้าสายตาคนมากมาย 😢 เรื่องราวครั้งนั้น ไม่ใช่เพียงข่าวฆาตกรรม แต่เป็นโศกนาฏกรรมที่ก่อให้เกิดคำถาม และข้อถกเถียงเกี่ยวกับศรัทธา ความเชื่อ และปัญหาทางสุขภาพจิตในสังคมไทย 📖 🔎 เวลาประมาณตีหนึ่งของวันอังคารที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2549 🚨 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี ได้รับแจ้งเหตุ มีชายคนหนึ่งถูกรุมทำร้ายจนเสียชีวิต หน้าทางเข้าโรงแรมเอราวัณ จุดศูนย์กลางของศรัทธาและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ กลางกรุงเทพมหานคร 🏙️ 🎯 ชายคนดังกล่าว อายุประมาณ 30 ปี สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขายาว พับขาขึ้นมา เขามีรอยสักคำว่า "อามีน" บริเวณแผ่นหลัง พบค้อนและเหล็กเสียบร่ม ในพื้นที่ใกล้ศพ องค์ท้าวมหาพรหมถูกทุบจนแตกละเอียด เหลือแต่ฐาน 😢 ไม่มีเอกสารแสดงตัวตน พบเพียงบุหรี่ ยาเส้น ไฟแช็ก และเงิน 8 บาท ต่อมา พ่อของชายหนุ่มได้มายืนยันตัวตน ว่าผู้เคราะห์ร้ายชื่อ นายธนกร ภักดีผล อายุ 27 ปี ป่วยเป็นโรคจิตเวชมานานกว่า 6 ปี 🧠 🛕 ศาลท้าวมหาพรหม สี่แยกราชประสงค์ เป็นมากกว่าสถานที่สักการะ 😇 แต่เป็นศูนย์รวมความเชื่อของคนไทย และชาวต่างชาติที่ศรัทธาใน "องค์มหาพรหม" เทพผู้ประทานพรให้สมปรารถนาในสิ่งที่หวัง 📌 สร้างขึ้นปี 2499 โดยบริษัทสหโรงแรมไทย และการท่องเที่ยว จำกัด เพื่อแก้เคล็ดฤกษ์ที่ไม่ดี ตามความเชื่อโหราศาสตร์ องค์พระพรหมปั้นจากปูนปลาสเตอร์ ปิดทอง โดยกรมศิลปากร กลายเป็นที่พึ่งพิงทางจิตใจ ผู้คนมาขอพรเรื่องความสำเร็จ ในชีวิตและการงาน 🙏 💥 ความเชื่อกับความกลัว ปฏิกิริยาของผู้คนต่อเหตุการณ์ หลังเหตุการณ์ หน้าศาลท้าวมหาพรหม เต็มไปด้วยความเศร้าโศก และตื่นตระหนก 😭 ผู้ศรัทธาหลายคนร่ำไห้ เชื่อว่านี่คือ "ลางร้าย" ที่บอกเหตุการณ์ไม่ดี ที่จะเกิดขึ้นในบ้านเมืองไทย 🇹🇭 นายภิญโญ พงศ์เจริญ นักโหราศาสตร์ชื่อดัง กล่าวว่า นี่เป็นสัญญาณจากฟ้าดิน ว่าเกิดสิ่งไม่เป็นมงคล ⚡ 🩺 ประเด็นปัญหาทางสังคม บทเรียนจากโศกนาฏกรรม สุขภาพจิต คือเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม! 🧠 นายธนกรป่วยเป็นโรคจิตเวชมานาน แต่ไม่มีระบบสวัสดิการที่เพียงพอ ในการดูแลรักษา พ่อต้องพาไปโรงพยาบาลถึง 4 แห่ง แต่ไม่ได้ผลถาวร 😓 🚨 ประเด็นที่สังคมควรถาม - ทำไมถึงไม่มีการช่วยเหลือทันทีจากตำรวจ 191 ที่พ่อโทรแจ้งก่อนเหิดเหตุ? - ระบบสุขภาพจิตของไทย รองรับผู้ป่วยเรื้อรังเพียงพอหรือไม่? - ประชาทัณฑ์คือความยุติธรรม หรืออารมณ์ชั่ววูบ? 🛠️ บูรณะศาลท้าวมหาพรหม เยียวยาความรู้สึกคนไทย หลังเหตุการณ์ โรงแรมเอราวัณและกรมศิลปากร เร่งบูรณะองค์ท้าวมหาพรหม 🔧 โดยใช้เทคนิคใหม่ เช่น ใยหิน ปูนเขียว แกนสเตนเลส และทองเหลืองจากสวีเดน พร้อมปิดทองใหม่ทุกจุด ✨ 📅 ในวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 มีพิธีบวงสรวงใหญ่ และเชิญองค์ท้าวมหาพรหม กลับประดิษฐาน ณ จุดเดิม ช่วยปลุกขวัญ และฟื้นฟูศรัทธาประชาชนอีกครั้ง 🙏 💣 เหตุการณ์ระเบิดปี 2558 ฝันร้ายซ้ำสองที่ไม่มีใครอยากจำ วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 18.55 น. เกิดเหตุระเบิดกลางศาลท้าวมหาพรหมอีกครั้ง 🔥 ด้วยระเบิดทีเอ็นทีหนัก 5 กก. มีผู้เสียชีวิตทันที 16 ราย และบาดเจ็บกว่า 70 คน แรงระเบิดทำให้องค์มหาพรหม เสียหายอย่างหนัก ต้องบูรณะด้วยงบประมาณกว่า 70,000 บาท ภายในเวลาเพียง 9 วัน ⚒️ 📉 วิเคราะห์ผลกระทบทางสังคม ศรัทธา และความมั่นคง คำถามใหญ่ที่เกิดขึ้น 🤔 รัฐบาลและหน่วยงานความมั่นคง สามารถป้องกันเหตุการณ์แบบนี้ได้แค่ไหน? ศรัทธายังเป็นพลังบวก หรือกำลังกลายเป็นเครื่องมือสร้างความหวาดกลัวในสังคม? 💡 ทางออกที่ควรพิจารณา เพิ่มการดูแลผู้ป่วยจิตเวช และสร้างระบบรับมือวิกฤตสุขภาพจิต ที่มีประสิทธิภาพ เสริมความเข้มแข็งในการป้องกันเหตุอาชญากรรม ที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ 📝 ศรัทธา...ยังคงอยู่ หรือเลือนหายไป? 19 ปีผ่านไป เหตุการณ์ที่ศาลท้าวมหาพรหม ยังสอนว่า "ศรัทธา" อาจเป็นทั้งพลังสร้างสรรค์ และพลังทำลายได้ ถ้าไม่รู้จักใช้มันให้ถูกที่ถูกทาง 🙏✨ สิ่งสำคัญที่สุดคือการเรียนรู้จากอดีต ไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ในรูปแบบใหม่อีกครั้ง 💔 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 210927 มี.ค. 2568 📣 #ท้าวมหาพรหม #ศาลเอราวัณ #ศรัทธามหาชน #เหตุการณ์ราชประสงค์ #สุขภาพจิต #รุมประชาทัณฑ์ #บูรณะศาลท้าวมหาพรหม #ระเบิดราชประสงค์ #ข่าวอาชญากรรม #สังคมไทยวันนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1718 มุมมอง 0 รีวิว
  • เราเป็นอะไรให้ใคร และใครเป็นอะไรให้เรา?


    ---

    1️⃣ คนบางคนมีอิทธิพลกับเรามากกว่าที่คิด

    บางคนเดินเข้ามา → เรารู้สึกเหมือนถูกกดดัน
    บางคนพูดแค่ไม่กี่คำ → เรารู้สึกเหมือนโดนบีบหัวใจ
    บางคนยิ้มให้เรา → เรารู้สึกเย็นใจ สบายใจ
    บางคนอยู่ใกล้ๆ → เรารู้สึกอิสระ เหมือนได้เปิดหัวใจ

    "เรารับรู้พลังจากคนอื่นได้เสมอ แต่เราเคยสำรวจไหมว่า...เราส่งพลังแบบไหนให้คนอื่น?"


    ---

    2️⃣ เราเป็นอะไรให้คนอื่น?

    ลองถามตัวเอง…

    คุณชอบอยู่กับตัวเองไหม?
    ถ้าไม่… อะไรที่ทำให้คุณไม่อยากอยู่กับตัวเอง?

    คนอยู่ใกล้คุณแล้วรู้สึกอย่างไร?
    เขาสบายใจ หรืออึดอัด?

    เวลาคุณต้องการบางอย่างจากคนอื่น
    คุณขอด้วยเมตตา หรือใช้พลังผลักดันเหมือน "หอกดาบ"

    "การอยู่กับตัวเองได้นาน โดยไม่ต้องหาใครมาเติมเต็ม คือจุดเริ่มต้นของการเป็นคนที่อยู่กับใครก็มีความสุข"


    ---

    3️⃣ การสร้างพลังบวกให้ตัวเองและคนรอบข้าง

    ฝึกสังเกตว่าเรากำลังส่งพลังอะไรออกไป
    ลดพลังลบลงทีละนิด → ถ้ารู้ว่าทำให้คนอื่นอึดอัด ให้ลองถอยกลับมามองตัวเอง
    เพิ่มพลังบวกให้มากขึ้น → พูดคำที่เย็นใจ ให้รอยยิ้มมากขึ้น

    "เราไม่สามารถเลือกได้ว่าใครจะเข้ามาในชีวิต แต่เราเลือกได้ว่า...จะเป็นพลังแบบไหนให้คนอื่น"


    ---

    4️⃣ สรุป

    ถ้าเราเป็น "หอกดาบ" ให้คนอื่น → เราจะถูกจดจำแบบนั้น
    ถ้าเราเป็น "น้ำเย็น" ให้คนอื่น → เราจะเป็นที่ต้องการเสมอ

    "ไม่สำคัญว่าเราอยู่ในนรกหรือสวรรค์ของคนอื่น แต่สำคัญว่า...เราได้สร้างสวรรค์หรือนรกให้ตัวเองหรือยัง?"

    🎭 เราเป็นอะไรให้ใคร และใครเป็นอะไรให้เรา? --- 🔍 1️⃣ คนบางคนมีอิทธิพลกับเรามากกว่าที่คิด ✅ บางคนเดินเข้ามา → เรารู้สึกเหมือนถูกกดดัน ✅ บางคนพูดแค่ไม่กี่คำ → เรารู้สึกเหมือนโดนบีบหัวใจ ✅ บางคนยิ้มให้เรา → เรารู้สึกเย็นใจ สบายใจ ✅ บางคนอยู่ใกล้ๆ → เรารู้สึกอิสระ เหมือนได้เปิดหัวใจ 📌 "เรารับรู้พลังจากคนอื่นได้เสมอ แต่เราเคยสำรวจไหมว่า...เราส่งพลังแบบไหนให้คนอื่น?" --- 🪞 2️⃣ เราเป็นอะไรให้คนอื่น? 📌 ลองถามตัวเอง… ✅ คุณชอบอยู่กับตัวเองไหม? ➡️ ถ้าไม่… อะไรที่ทำให้คุณไม่อยากอยู่กับตัวเอง? ✅ คนอยู่ใกล้คุณแล้วรู้สึกอย่างไร? ➡️ เขาสบายใจ หรืออึดอัด? ✅ เวลาคุณต้องการบางอย่างจากคนอื่น ➡️ คุณขอด้วยเมตตา หรือใช้พลังผลักดันเหมือน "หอกดาบ" 📌 "การอยู่กับตัวเองได้นาน โดยไม่ต้องหาใครมาเติมเต็ม คือจุดเริ่มต้นของการเป็นคนที่อยู่กับใครก็มีความสุข" --- 🔥 3️⃣ การสร้างพลังบวกให้ตัวเองและคนรอบข้าง ✅ ฝึกสังเกตว่าเรากำลังส่งพลังอะไรออกไป ✅ ลดพลังลบลงทีละนิด → ถ้ารู้ว่าทำให้คนอื่นอึดอัด ให้ลองถอยกลับมามองตัวเอง ✅ เพิ่มพลังบวกให้มากขึ้น → พูดคำที่เย็นใจ ให้รอยยิ้มมากขึ้น 📌 "เราไม่สามารถเลือกได้ว่าใครจะเข้ามาในชีวิต แต่เราเลือกได้ว่า...จะเป็นพลังแบบไหนให้คนอื่น" --- 🔄 4️⃣ สรุป 💡 ถ้าเราเป็น "หอกดาบ" ให้คนอื่น → เราจะถูกจดจำแบบนั้น 💡 ถ้าเราเป็น "น้ำเย็น" ให้คนอื่น → เราจะเป็นที่ต้องการเสมอ 📌 "ไม่สำคัญว่าเราอยู่ในนรกหรือสวรรค์ของคนอื่น แต่สำคัญว่า...เราได้สร้างสวรรค์หรือนรกให้ตัวเองหรือยัง?" 🌿
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 407 มุมมอง 0 รีวิว
  • อารมณ์ vs. เหตุผล: ใช้อย่างไรให้ชีวิตเจริญ?


    ---

    มนุษย์ใช้เหตุผลได้… ถ้าอยากใช้!

    เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา
    แต่ส่วนใหญ่เลือกใช้อารมณ์นำหน้า
    ใช้เหตุผล → ชีวิตเจริญ
    ใช้อารมณ์นำ → ชีวิตวุ่นวาย

    "การเลือกใช้เหตุผลหรืออารมณ์" คือสิ่งที่กำหนด "ทิศทางชีวิต"


    ---

    4 ประเภทของคน ตามการใช้ "อารมณ์ vs. เหตุผล"

    1️⃣ ใช้อารมณ์ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน

    ทำให้ทั้งสองสถานที่มืดมน
    ไม่มีใครอยากเข้าใกล้
    ชีวิตเต็มไปด้วยปัญหาและความขัดแย้ง

    "ออกจากบ้านไปสู่ความมืด → กลับมาบ้านก็ยังอยู่ในความมืด"


    ---

    2️⃣ ใช้เหตุผลที่ทำงาน แต่ใช้อารมณ์ที่บ้าน

    เป็นคนฉลาดและมีเหตุผลเมื่ออยู่ข้างนอก
    แต่กลับบ้านแล้วใช้อารมณ์ ทำให้ครอบครัวไม่มีความสุข
    คนในบ้านรับเคราะห์จากความเครียดและอารมณ์แปรปรวน

    "ทำงานแบบคนมีเหตุผล → แต่กลับบ้านแล้วเป็นคนโง่"


    ---

    3️⃣ ใช้อารมณ์ที่ทำงาน แต่ใช้เหตุผลที่บ้าน

    ทำให้ที่ทำงานวุ่นวายและเป็นพิษ
    แต่กลับบ้านแล้วสงบสุข เพราะใช้เหตุผลกับครอบครัว
    เสี่ยงต่อการมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานและเจ้านาย

    "ก่อปัญหาให้สังคม → แต่ดูแลครอบครัวดี"


    ---

    4️⃣ ใช้เหตุผลทั้งที่ทำงานและที่บ้าน

    ทำให้ชีวิตราบรื่นทั้งสองด้าน
    เป็นแสงสว่างให้คนรอบตัว
    สร้างความสงบสุขและความเจริญในทุกที่

    "ออกจากบ้านไปไล่ความมืด → กลับมาขจัดความมืดที่บ้าน"


    ---

    วิธีเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์

    1️⃣ หยุดคิดก่อนพูด

    หายใจลึกๆ ก่อนตอบโต้
    ถามตัวเอง → "ถ้าฉันพูดแบบนี้ จะเกิดอะไรขึ้น?"
    ฝึกนิ่งก่อนโต้ตอบ


    ---

    2️⃣ ฝึก "เปลี่ยนมุมมอง" ก่อนใช้อารมณ์

    คนพูดไม่ดีใส่เรา → อาจเป็นเพราะเขาเครียด ไม่ใช่เพราะเรา
    เรื่องที่เกิดขึ้น → อาจมีแง่ดีให้เรียนรู้ ไม่ใช่แค่เรื่องแย่
    ทุกปัญหา → แก้ได้ด้วยสติ ไม่ใช่อารมณ์


    ---

    3️⃣ สร้าง "พื้นที่ปลอดภัย" สำหรับครอบครัว

    อย่าเอาความเครียดจากงานมาลงที่บ้าน
    กลับบ้าน → เปลี่ยนเป็นโหมด "ใจเย็น-ให้กำลังใจ"
    ทำให้บ้านเป็น "แหล่งพลังบวก" ไม่ใช่ "สนามรบ"


    ---

    สรุป: ใช้เหตุผลให้มากขึ้น = ชีวิตเจริญขึ้น!

    ✔ ใช้อารมณ์ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน → ชีวิตมืดมน
    ✔ ใช้เหตุผลที่ทำงาน แต่ใช้อารมณ์ที่บ้าน → บ้านไม่มีความสุข
    ✔ ใช้อารมณ์ที่ทำงาน แต่ใช้เหตุผลที่บ้าน → งานมีปัญหา
    ✔ ใช้เหตุผลทั้งที่ทำงานและที่บ้าน → ชีวิตเจริญที่สุด!

    "เลือกใช้เหตุผลให้มากขึ้น → ชีวิตจะดีขึ้นทุกด้าน"

    📌 อารมณ์ vs. เหตุผล: ใช้อย่างไรให้ชีวิตเจริญ? --- 🧠 มนุษย์ใช้เหตุผลได้… ถ้าอยากใช้! ✅ เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา ✅ แต่ส่วนใหญ่เลือกใช้อารมณ์นำหน้า ✅ ใช้เหตุผล → ชีวิตเจริญ ✅ ใช้อารมณ์นำ → ชีวิตวุ่นวาย 🎯 "การเลือกใช้เหตุผลหรืออารมณ์" คือสิ่งที่กำหนด "ทิศทางชีวิต" --- 🚨 4 ประเภทของคน ตามการใช้ "อารมณ์ vs. เหตุผล" ❌ 1️⃣ ใช้อารมณ์ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน 🔴 ทำให้ทั้งสองสถานที่มืดมน 🔴 ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ 🔴 ชีวิตเต็มไปด้วยปัญหาและความขัดแย้ง 🎯 "ออกจากบ้านไปสู่ความมืด → กลับมาบ้านก็ยังอยู่ในความมืด" --- 🤔 2️⃣ ใช้เหตุผลที่ทำงาน แต่ใช้อารมณ์ที่บ้าน 🔵 เป็นคนฉลาดและมีเหตุผลเมื่ออยู่ข้างนอก 🔴 แต่กลับบ้านแล้วใช้อารมณ์ ทำให้ครอบครัวไม่มีความสุข 🔴 คนในบ้านรับเคราะห์จากความเครียดและอารมณ์แปรปรวน 🎯 "ทำงานแบบคนมีเหตุผล → แต่กลับบ้านแล้วเป็นคนโง่" --- 🔥 3️⃣ ใช้อารมณ์ที่ทำงาน แต่ใช้เหตุผลที่บ้าน 🔴 ทำให้ที่ทำงานวุ่นวายและเป็นพิษ 🔵 แต่กลับบ้านแล้วสงบสุข เพราะใช้เหตุผลกับครอบครัว 🔴 เสี่ยงต่อการมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานและเจ้านาย 🎯 "ก่อปัญหาให้สังคม → แต่ดูแลครอบครัวดี" --- 💡 4️⃣ ใช้เหตุผลทั้งที่ทำงานและที่บ้าน ✅ ทำให้ชีวิตราบรื่นทั้งสองด้าน ✅ เป็นแสงสว่างให้คนรอบตัว ✅ สร้างความสงบสุขและความเจริญในทุกที่ 🎯 "ออกจากบ้านไปไล่ความมืด → กลับมาขจัดความมืดที่บ้าน" --- 🔥 วิธีเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ ✅ 1️⃣ หยุดคิดก่อนพูด 🎯 หายใจลึกๆ ก่อนตอบโต้ 🎯 ถามตัวเอง → "ถ้าฉันพูดแบบนี้ จะเกิดอะไรขึ้น?" 🎯 ฝึกนิ่งก่อนโต้ตอบ --- ✅ 2️⃣ ฝึก "เปลี่ยนมุมมอง" ก่อนใช้อารมณ์ 🎯 คนพูดไม่ดีใส่เรา → อาจเป็นเพราะเขาเครียด ไม่ใช่เพราะเรา 🎯 เรื่องที่เกิดขึ้น → อาจมีแง่ดีให้เรียนรู้ ไม่ใช่แค่เรื่องแย่ 🎯 ทุกปัญหา → แก้ได้ด้วยสติ ไม่ใช่อารมณ์ --- ✅ 3️⃣ สร้าง "พื้นที่ปลอดภัย" สำหรับครอบครัว 🎯 อย่าเอาความเครียดจากงานมาลงที่บ้าน 🎯 กลับบ้าน → เปลี่ยนเป็นโหมด "ใจเย็น-ให้กำลังใจ" 🎯 ทำให้บ้านเป็น "แหล่งพลังบวก" ไม่ใช่ "สนามรบ" --- 🎯 สรุป: ใช้เหตุผลให้มากขึ้น = ชีวิตเจริญขึ้น! ✔ ใช้อารมณ์ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน → ชีวิตมืดมน ✔ ใช้เหตุผลที่ทำงาน แต่ใช้อารมณ์ที่บ้าน → บ้านไม่มีความสุข ✔ ใช้อารมณ์ที่ทำงาน แต่ใช้เหตุผลที่บ้าน → งานมีปัญหา ✔ ใช้เหตุผลทั้งที่ทำงานและที่บ้าน → ชีวิตเจริญที่สุด! 🔥 "เลือกใช้เหตุผลให้มากขึ้น → ชีวิตจะดีขึ้นทุกด้าน" 🔥
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 370 มุมมอง 0 รีวิว
  • พลังของคำพูด: พูดลบ → ดึงอัปมงคล | พูดบวก → ดึงโชคดี


    ---

    "คำพูดลบ" เป็นอัปมงคลจริงหรือ?

    พูดลบครั้งสองครั้ง → อาจไม่มีผลมาก
    พูดลบบ่อย → กลายเป็น "นิสัย" และ "พลังงานชีวิต"
    คำพูดลบ = สร้าง "หลุมดำ" ดูดสิ่งไม่ดีเข้ามา

    ถ้าพูดบ่น พูดด่า พูดเป็นลางร้ายทุกวัน → ชีวิตจะยิ่งจมลง
    เพราะพลังงานลบจากคำพูด → กลายเป็นแม่เหล็กดึงโชคร้าย


    ---

    "คำพูดลบ" ส่งผลร้ายได้อย่างไร?

    1️⃣ ทำให้จิตใจ "จมดิ่ง" เองโดยไม่รู้ตัว

    บ่นทุกวัน = ใจหดหู่ทุกวัน
    ด่าทุกวัน = ใจร้อนทุกวัน
    สาปแช่งทุกวัน = ใจเป็นพิษทุกวัน

    "พูดแย่ → ใจแย่ → ดึงดูดสิ่งแย่เข้ามา"


    ---

    2️⃣ ทำให้คนรอบข้าง "รังเกียจ"

    คนที่พูดแง่ลบ → ทำให้คนอื่น "รู้สึกแย่"
    พลังงานลบจากคำพูด → ทำให้คนฟังหมดกำลังใจ
    คนที่ฟังบ่อยๆ → จะเริ่มตีตัวออกห่าง

    "พูดลบเยอะ → คนรอบข้างถอยห่าง → เหลือตัวคนเดียว"


    ---

    3️⃣ ดึง "เคราะห์ร้าย" เข้าตัวจริงๆ

    พูดลบ → จิตกลายเป็นลบ → ดึงดูดโชคร้าย
    พูดดี → จิตกลายเป็นบวก → ดึงดูดโชคดี

    "คำพูด = คำพยากรณ์ชีวิต"
    "พูดว่าแย่ → จิตสร้างความแย่ → ชีวิตก็แย่"
    "พูดว่าโชคดี → จิตสร้างโชคดี → ชีวิตก็ดีขึ้น"


    ---

    เปลี่ยนชีวิตด้วย "คำพูดบวก"

    1️⃣ เปลี่ยน "คำพูดลบ" เป็น "คำพูดสร้างพลัง"

    "แย่จัง" → "มีอะไรดีที่เราเรียนรู้จากเรื่องนี้?"
    "ซวยอีกแล้ว" → "นี่คือโอกาสให้ฉันแก้ปัญหา"
    "ไม่มีทางสำเร็จ" → "ต้องมีทางไหนสักทางที่เวิร์ก"

    "พูดเปลี่ยน → ใจเปลี่ยน → ชีวิตเปลี่ยน"


    ---

    2️⃣ ฝึก "มองหาสิ่งดีๆ" ในเรื่องแย่ๆ

    ล้มเหลว → ได้บทเรียน
    โดนหักหลัง → ได้รู้จักคน
    สูญเสียบางสิ่ง → ได้รับบางอย่างกลับมา

    "คิดดีได้ → พูดดีได้ → ดึงดูดสิ่งดีๆได้"


    ---

    3️⃣ ฝึกพูดให้ "ตัวเองมีพลัง" และ "คนอื่นรู้สึกดี"

    พูดให้กำลังใจตัวเอง → "ฉันทำได้"
    พูดให้กำลังใจคนอื่น → "เธอเก่งมาก"
    พูดให้ชีวิตเป็นพลังบวก → "ทุกอย่างกำลังดีขึ้น"

    "พลังคำพูด = พลังชีวิต"
    "พูดดีบ่อยๆ → จิตใจสว่าง → ชีวิตมีโชค"


    ---

    สรุป: พลังของคำพูด สร้างชีวิตได้จริง!

    ✔ พูดลบ = ดึงดูดอัปมงคล
    ✔ พูดบวก = ดึงดูดโชคดี
    ✔ คำพูด = คำพยากรณ์ชีวิต

    "พูดดี = ดึงดูดสิ่งดีเข้ามา"
    "พูดลบ = ดูดโชคร้ายเข้าตัว"

    เริ่มเปลี่ยนได้วันนี้ → ฝึกพูดดี → ชีวิตจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแน่นอน!

    📌 พลังของคำพูด: พูดลบ → ดึงอัปมงคล | พูดบวก → ดึงโชคดี --- ❌ "คำพูดลบ" เป็นอัปมงคลจริงหรือ? ✅ พูดลบครั้งสองครั้ง → อาจไม่มีผลมาก ✅ พูดลบบ่อย → กลายเป็น "นิสัย" และ "พลังงานชีวิต" ✅ คำพูดลบ = สร้าง "หลุมดำ" ดูดสิ่งไม่ดีเข้ามา 🎯 ถ้าพูดบ่น พูดด่า พูดเป็นลางร้ายทุกวัน → ชีวิตจะยิ่งจมลง 🎯 เพราะพลังงานลบจากคำพูด → กลายเป็นแม่เหล็กดึงโชคร้าย --- 📌 "คำพูดลบ" ส่งผลร้ายได้อย่างไร? 1️⃣ ทำให้จิตใจ "จมดิ่ง" เองโดยไม่รู้ตัว ❌ บ่นทุกวัน = ใจหดหู่ทุกวัน ❌ ด่าทุกวัน = ใจร้อนทุกวัน ❌ สาปแช่งทุกวัน = ใจเป็นพิษทุกวัน 🎯 "พูดแย่ → ใจแย่ → ดึงดูดสิ่งแย่เข้ามา" --- 2️⃣ ทำให้คนรอบข้าง "รังเกียจ" ❌ คนที่พูดแง่ลบ → ทำให้คนอื่น "รู้สึกแย่" ❌ พลังงานลบจากคำพูด → ทำให้คนฟังหมดกำลังใจ ❌ คนที่ฟังบ่อยๆ → จะเริ่มตีตัวออกห่าง 🎯 "พูดลบเยอะ → คนรอบข้างถอยห่าง → เหลือตัวคนเดียว" --- 3️⃣ ดึง "เคราะห์ร้าย" เข้าตัวจริงๆ ❌ พูดลบ → จิตกลายเป็นลบ → ดึงดูดโชคร้าย ❌ พูดดี → จิตกลายเป็นบวก → ดึงดูดโชคดี 🎯 "คำพูด = คำพยากรณ์ชีวิต" 🎯 "พูดว่าแย่ → จิตสร้างความแย่ → ชีวิตก็แย่" 🎯 "พูดว่าโชคดี → จิตสร้างโชคดี → ชีวิตก็ดีขึ้น" --- 🔥 เปลี่ยนชีวิตด้วย "คำพูดบวก" 🔥 ✅ 1️⃣ เปลี่ยน "คำพูดลบ" เป็น "คำพูดสร้างพลัง" ❌ "แย่จัง" → ✅ "มีอะไรดีที่เราเรียนรู้จากเรื่องนี้?" ❌ "ซวยอีกแล้ว" → ✅ "นี่คือโอกาสให้ฉันแก้ปัญหา" ❌ "ไม่มีทางสำเร็จ" → ✅ "ต้องมีทางไหนสักทางที่เวิร์ก" 🎯 "พูดเปลี่ยน → ใจเปลี่ยน → ชีวิตเปลี่ยน" --- ✅ 2️⃣ ฝึก "มองหาสิ่งดีๆ" ในเรื่องแย่ๆ ❌ ล้มเหลว → ✅ ได้บทเรียน ❌ โดนหักหลัง → ✅ ได้รู้จักคน ❌ สูญเสียบางสิ่ง → ✅ ได้รับบางอย่างกลับมา 🎯 "คิดดีได้ → พูดดีได้ → ดึงดูดสิ่งดีๆได้" --- ✅ 3️⃣ ฝึกพูดให้ "ตัวเองมีพลัง" และ "คนอื่นรู้สึกดี" ✅ พูดให้กำลังใจตัวเอง → "ฉันทำได้" ✅ พูดให้กำลังใจคนอื่น → "เธอเก่งมาก" ✅ พูดให้ชีวิตเป็นพลังบวก → "ทุกอย่างกำลังดีขึ้น" 🎯 "พลังคำพูด = พลังชีวิต" 🎯 "พูดดีบ่อยๆ → จิตใจสว่าง → ชีวิตมีโชค" --- 🎯 สรุป: พลังของคำพูด สร้างชีวิตได้จริง! ✔ พูดลบ = ดึงดูดอัปมงคล ✔ พูดบวก = ดึงดูดโชคดี ✔ คำพูด = คำพยากรณ์ชีวิต 🔥 "พูดดี = ดึงดูดสิ่งดีเข้ามา" 🔥 "พูดลบ = ดูดโชคร้ายเข้าตัว" 🎯 เริ่มเปลี่ยนได้วันนี้ → ฝึกพูดดี → ชีวิตจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแน่นอน!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 451 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่วงสุญญากาศของชีวิต : โอกาสทองของการเจริญสติ

    "ช่วงสุญญากาศของชีวิต" คือช่วงที่จิตใจรู้สึกว่างเปล่า เบื่อหน่าย ไม่แคร์อะไร ไม่รู้จะทำอะไรต่อไป หรือแม้กระทั่งรู้สึกว่าไม่มีเป้าหมายชีวิต ช่วงเวลาแบบนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน บางคนอาจพบเป็นครั้งคราว แต่ถ้าเกิดบ่อยหรือยืดเยื้อจนกลายเป็นสภาพจิตถาวร ก็อาจทำให้ชีวิตรู้สึกว่า "สูญเปล่า" ได้


    ---

    วิธีเปลี่ยนช่วงสุญญากาศของชีวิตให้เป็นประโยชน์

    1️⃣ เปลี่ยนมุมมอง : จาก “ฉันเบื่อ” เป็น “ภาวะเบื่อเกิดขึ้น”

    อย่าหลงไปคิดว่า "ฉันเป็นคนเบื่อ"
    → คิดแบบนี้จะทำให้รู้สึกว่า "ความเบื่อเป็นตัวฉัน" หลีกเลี่ยงไม่ได้ และต้องจมอยู่กับมัน
    ให้เปลี่ยนเป็น "ตอนนี้มีภาวะเบื่อเกิดขึ้น"
    → มองว่าความเบื่อเป็นเพียงอารมณ์ชั่วคราว ไม่ใช่ตัวเรา มันมาได้ ก็ไปได้

    ตัวอย่างการสังเกต:

    ตอนนี้รู้สึกเบื่อ เพราะไม่ได้อย่างที่หวัง

    ตอนนี้รู้สึกเซ็ง เพราะทำอะไรซ้ำๆ

    ตอนนี้รู้สึกหมดพลัง เพราะเจอเรื่องน่าเบื่อ


    เพียงแค่รู้ทันและแยก "ตัวเรา" ออกจากอารมณ์เบื่อ ความรู้สึกหนักๆ จะเริ่มเบาลง


    ---

    2️⃣ สังเกตเหตุของความเบื่อ : อะไรทำให้รู้สึกแบบนี้?

    เจาะลึกว่าทำไมถึงเบื่อ

    เบื่อเพราะไม่มีเป้าหมาย?

    เบื่อเพราะรู้สึกว่าชีวิตไม่มีอะไรท้าทาย?

    เบื่อเพราะสภาพแวดล้อมซ้ำซาก?

    เบื่อเพราะมีแรงกดดันที่ทำให้หมดพลัง?


    เมื่อรู้เหตุแล้ว ลองแก้ที่ต้นเหตุ:

    ถ้าเบื่อเพราะไม่มีเป้าหมาย → ตั้งเป้าหมายเล็กๆ ให้ชีวิตมีแรงขับเคลื่อน

    ถ้าเบื่อเพราะซ้ำซาก → เปลี่ยนกิจวัตร ลองทำอะไรใหม่ๆ

    ถ้าเบื่อเพราะกดดัน → ลดความคาดหวังหรือให้เวลากับตัวเองมากขึ้น



    ---

    3️⃣ เปลี่ยนเหตุของความเบื่อ : ทดลองเปลี่ยนกิจกรรม

    ลองเปลี่ยนสถานการณ์ให้จิตใจได้สดชื่นขึ้น

    ออกไปเดินเล่น สูดอากาศ เปลี่ยนสภาพแวดล้อม

    ลองทำกิจกรรมใหม่ๆ เช่น อ่านหนังสือ ดูสารคดี หรือเรียนรู้สิ่งใหม่

    พูดคุยกับคนที่ให้แรงบันดาลใจ


    ถ้าความเบื่อเกิดจากความรู้สึกซึมเศร้า → ออกกำลังกายสามารถช่วยได้
    เพราะการเคลื่อนไหวร่างกายสามารถเปลี่ยนสารเคมีในสมอง ทำให้รู้สึกดีขึ้นได้


    ---

    4️⃣ ใช้ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสฝึกเจริญสติ

    แทนที่จะปล่อยให้ความเบื่อเข้าครอบงำ → ใช้มันเป็นเครื่องมือฝึกสติ

    นั่งนิ่งๆ แล้วสังเกตความรู้สึกของตัวเอง

    รับรู้ถึงลมหายใจ → หายใจเข้าออกลึกๆ สังเกตว่าความเบื่อเปลี่ยนไปไหม

    จดจ่อกับปัจจุบัน เช่น ฟังเสียงรอบตัว สัมผัสอากาศที่ผิวกาย


    สติช่วยให้เห็นว่าอารมณ์ทุกชนิดไม่เที่ยง → ความเบื่อก็เช่นกัน

    เดี๋ยวมันมา เดี๋ยวมันไป

    ถ้าไม่ไปตอกย้ำหรือจมอยู่กับมัน ความเบื่อจะลดลงเอง



    ---

    5️⃣ เปลี่ยนช่วงว่างเปล่า ให้เป็นโอกาสตั้งเป้าหมายใหม่

    ถ้ารู้สึกว่าสูญเสียเป้าหมายชีวิต → นี่อาจเป็นโอกาสดีในการค้นหาเป้าหมายใหม่
    ลองถามตัวเอง:

    อะไรคือสิ่งที่เราสนใจแต่ยังไม่ได้ลอง?

    มีอะไรที่อยากเรียนรู้เพิ่มเติม?

    สิ่งที่เคยทำให้มีความสุขคืออะไร?


    เปลี่ยนช่วงเวลาว่างเปล่าให้เป็นช่วงเวลาของการ "เริ่มต้นใหม่"


    ---

    สรุป : สุญญากาศของชีวิตไม่ใช่เรื่องเลวร้าย

    ความเบื่อเป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้ แต่ไม่ได้เป็นตัวตนของเรา
    ใช้ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสฝึกสติ และค้นหาเป้าหมายใหม่
    แค่รู้เท่าทันความเบื่อ ก็สามารถเปลี่ยนมันเป็นพลังบวกได้

    คุณไม่ได้เกิดมาเพื่อให้ชีวิตสูญเปล่า ทุกช่วงเวลามีคุณค่า ขึ้นอยู่กับคุณเลือกใช้มันอย่างไร!

    ช่วงสุญญากาศของชีวิต : โอกาสทองของการเจริญสติ "ช่วงสุญญากาศของชีวิต" คือช่วงที่จิตใจรู้สึกว่างเปล่า เบื่อหน่าย ไม่แคร์อะไร ไม่รู้จะทำอะไรต่อไป หรือแม้กระทั่งรู้สึกว่าไม่มีเป้าหมายชีวิต ช่วงเวลาแบบนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน บางคนอาจพบเป็นครั้งคราว แต่ถ้าเกิดบ่อยหรือยืดเยื้อจนกลายเป็นสภาพจิตถาวร ก็อาจทำให้ชีวิตรู้สึกว่า "สูญเปล่า" ได้ --- 🔹 วิธีเปลี่ยนช่วงสุญญากาศของชีวิตให้เป็นประโยชน์ 1️⃣ เปลี่ยนมุมมอง : จาก “ฉันเบื่อ” เป็น “ภาวะเบื่อเกิดขึ้น” ✅ อย่าหลงไปคิดว่า "ฉันเป็นคนเบื่อ" → คิดแบบนี้จะทำให้รู้สึกว่า "ความเบื่อเป็นตัวฉัน" หลีกเลี่ยงไม่ได้ และต้องจมอยู่กับมัน ✅ ให้เปลี่ยนเป็น "ตอนนี้มีภาวะเบื่อเกิดขึ้น" → มองว่าความเบื่อเป็นเพียงอารมณ์ชั่วคราว ไม่ใช่ตัวเรา มันมาได้ ก็ไปได้ 💡 ตัวอย่างการสังเกต: ตอนนี้รู้สึกเบื่อ เพราะไม่ได้อย่างที่หวัง ตอนนี้รู้สึกเซ็ง เพราะทำอะไรซ้ำๆ ตอนนี้รู้สึกหมดพลัง เพราะเจอเรื่องน่าเบื่อ เพียงแค่รู้ทันและแยก "ตัวเรา" ออกจากอารมณ์เบื่อ ความรู้สึกหนักๆ จะเริ่มเบาลง --- 2️⃣ สังเกตเหตุของความเบื่อ : อะไรทำให้รู้สึกแบบนี้? ✅ เจาะลึกว่าทำไมถึงเบื่อ เบื่อเพราะไม่มีเป้าหมาย? เบื่อเพราะรู้สึกว่าชีวิตไม่มีอะไรท้าทาย? เบื่อเพราะสภาพแวดล้อมซ้ำซาก? เบื่อเพราะมีแรงกดดันที่ทำให้หมดพลัง? 💡 เมื่อรู้เหตุแล้ว ลองแก้ที่ต้นเหตุ: ถ้าเบื่อเพราะไม่มีเป้าหมาย → ตั้งเป้าหมายเล็กๆ ให้ชีวิตมีแรงขับเคลื่อน ถ้าเบื่อเพราะซ้ำซาก → เปลี่ยนกิจวัตร ลองทำอะไรใหม่ๆ ถ้าเบื่อเพราะกดดัน → ลดความคาดหวังหรือให้เวลากับตัวเองมากขึ้น --- 3️⃣ เปลี่ยนเหตุของความเบื่อ : ทดลองเปลี่ยนกิจกรรม ✅ ลองเปลี่ยนสถานการณ์ให้จิตใจได้สดชื่นขึ้น ออกไปเดินเล่น สูดอากาศ เปลี่ยนสภาพแวดล้อม ลองทำกิจกรรมใหม่ๆ เช่น อ่านหนังสือ ดูสารคดี หรือเรียนรู้สิ่งใหม่ พูดคุยกับคนที่ให้แรงบันดาลใจ 💡 ถ้าความเบื่อเกิดจากความรู้สึกซึมเศร้า → ออกกำลังกายสามารถช่วยได้ เพราะการเคลื่อนไหวร่างกายสามารถเปลี่ยนสารเคมีในสมอง ทำให้รู้สึกดีขึ้นได้ --- 4️⃣ ใช้ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสฝึกเจริญสติ ✅ แทนที่จะปล่อยให้ความเบื่อเข้าครอบงำ → ใช้มันเป็นเครื่องมือฝึกสติ นั่งนิ่งๆ แล้วสังเกตความรู้สึกของตัวเอง รับรู้ถึงลมหายใจ → หายใจเข้าออกลึกๆ สังเกตว่าความเบื่อเปลี่ยนไปไหม จดจ่อกับปัจจุบัน เช่น ฟังเสียงรอบตัว สัมผัสอากาศที่ผิวกาย 💡 สติช่วยให้เห็นว่าอารมณ์ทุกชนิดไม่เที่ยง → ความเบื่อก็เช่นกัน เดี๋ยวมันมา เดี๋ยวมันไป ถ้าไม่ไปตอกย้ำหรือจมอยู่กับมัน ความเบื่อจะลดลงเอง --- 5️⃣ เปลี่ยนช่วงว่างเปล่า ให้เป็นโอกาสตั้งเป้าหมายใหม่ ✅ ถ้ารู้สึกว่าสูญเสียเป้าหมายชีวิต → นี่อาจเป็นโอกาสดีในการค้นหาเป้าหมายใหม่ 💡 ลองถามตัวเอง: อะไรคือสิ่งที่เราสนใจแต่ยังไม่ได้ลอง? มีอะไรที่อยากเรียนรู้เพิ่มเติม? สิ่งที่เคยทำให้มีความสุขคืออะไร? 🎯 เปลี่ยนช่วงเวลาว่างเปล่าให้เป็นช่วงเวลาของการ "เริ่มต้นใหม่" --- 🔹 สรุป : สุญญากาศของชีวิตไม่ใช่เรื่องเลวร้าย 💡 ความเบื่อเป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้ แต่ไม่ได้เป็นตัวตนของเรา 💡 ใช้ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสฝึกสติ และค้นหาเป้าหมายใหม่ 💡 แค่รู้เท่าทันความเบื่อ ก็สามารถเปลี่ยนมันเป็นพลังบวกได้ 📌 คุณไม่ได้เกิดมาเพื่อให้ชีวิตสูญเปล่า ทุกช่วงเวลามีคุณค่า ขึ้นอยู่กับคุณเลือกใช้มันอย่างไร!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 577 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทานที่ทรงพลัง = พลังของใจที่สละได้

    การให้ "ทาน" ที่ทรงพลัง
    ✔ ไม่ใช่แค่สละสิ่งของ
    ✔ ไม่ใช่แค่ช่วยเหลือคนอื่น
    ✔ แต่คือ "การสละใจ" ที่ยึดมั่นถือมั่น


    ---

    3 องค์ประกอบของทานที่ทรงพลัง

    1️⃣ ตั้งต้นด้วยใจที่อยากช่วย

    ไม่ใช่แค่ทำเพราะต้องทำ

    ไม่ใช่แค่ให้เพราะถูกสั่งให้ให้

    แต่ทำด้วยความจริงใจ → "อยากให้" จริงๆ


    2️⃣ ลงมือให้ในแบบที่ไม่เบียดเบียนตัวเอง

    ไม่ต้องให้จนตัวเองเดือดร้อน

    ไม่ต้องให้เพราะกลัวว่าถ้าไม่ให้จะรู้สึกผิด

    แต่ให้ในแบบที่ ให้แล้วใจเป็นสุข


    3️⃣ จบลงด้วยความสุขใจ

    ไม่คาดหวังผลตอบแทน

    ไม่หวังว่าคนรับต้องสำนึกบุญคุณ

    แค่ "ได้ให้" ก็เป็นสุขแล้ว



    ---

    ผลของการให้ทานที่ทรงพลัง

    1. ทำให้ชีวิตเจอเส้นทางที่ดีขึ้น

    ยิ่งให้ ยิ่งได้ ยิ่งเป็นผู้รับพลังบวก

    ลาภมาหาโดยไม่ต้องวิ่งหา

    โอกาสดีๆ เปิดทางเข้ามาเอง


    2. ปลดเปลื้องตัวเองจากพันธนาการทางใจ

    หายของ → ปล่อยวางได้

    โกรธใคร → ให้อภัยได้

    ถูกเอาเปรียบ → ไม่ทุกข์กับมัน

    เจอทุกข์ → เห็นตามจริงว่า ทุกข์เป็นเพียงสิ่งชั่วคราว


    3. ทำให้จิตเป็นสุข แม้อยู่เฉยๆ

    จิตที่เคยคับแคบ → ค่อยๆ แผ่ออก

    จิตที่เคยหนัก → ค่อยๆ เบาสบาย

    ไม่ต้องรอให้ใครมายกย่อง → แต่สุขใจในตัวเอง



    ---

    สุดท้ายแล้ว...

    "ช่วยให้คนอื่นเป็นสุข"
    = "ช่วยให้ตัวเองพ้นทุกข์"

    เพราะการให้ที่แท้จริง
    ✔ ไม่ใช่แค่ให้สิ่งของ
    ✔ ไม่ใช่แค่ช่วยเหลือใคร
    ✔ แต่คือการสละอัตตา ปล่อยวางสิ่งที่ยึดติด

    ยิ่งให้ ยิ่งสุข
    ยิ่งปล่อย ยิ่งเบา
    ยิ่งสละ ยิ่งเป็นอิสระ

    📌 ทานที่ทรงพลัง = พลังของใจที่สละได้ การให้ "ทาน" ที่ทรงพลัง ✔ ไม่ใช่แค่สละสิ่งของ ✔ ไม่ใช่แค่ช่วยเหลือคนอื่น ✔ แต่คือ "การสละใจ" ที่ยึดมั่นถือมั่น --- 📌 3 องค์ประกอบของทานที่ทรงพลัง 1️⃣ ตั้งต้นด้วยใจที่อยากช่วย ไม่ใช่แค่ทำเพราะต้องทำ ไม่ใช่แค่ให้เพราะถูกสั่งให้ให้ แต่ทำด้วยความจริงใจ → "อยากให้" จริงๆ 2️⃣ ลงมือให้ในแบบที่ไม่เบียดเบียนตัวเอง ไม่ต้องให้จนตัวเองเดือดร้อน ไม่ต้องให้เพราะกลัวว่าถ้าไม่ให้จะรู้สึกผิด แต่ให้ในแบบที่ ให้แล้วใจเป็นสุข 3️⃣ จบลงด้วยความสุขใจ ไม่คาดหวังผลตอบแทน ไม่หวังว่าคนรับต้องสำนึกบุญคุณ แค่ "ได้ให้" ก็เป็นสุขแล้ว --- 📌 ผลของการให้ทานที่ทรงพลัง ✅ 1. ทำให้ชีวิตเจอเส้นทางที่ดีขึ้น ยิ่งให้ ยิ่งได้ ยิ่งเป็นผู้รับพลังบวก ลาภมาหาโดยไม่ต้องวิ่งหา โอกาสดีๆ เปิดทางเข้ามาเอง ✅ 2. ปลดเปลื้องตัวเองจากพันธนาการทางใจ หายของ → ปล่อยวางได้ โกรธใคร → ให้อภัยได้ ถูกเอาเปรียบ → ไม่ทุกข์กับมัน เจอทุกข์ → เห็นตามจริงว่า ทุกข์เป็นเพียงสิ่งชั่วคราว ✅ 3. ทำให้จิตเป็นสุข แม้อยู่เฉยๆ จิตที่เคยคับแคบ → ค่อยๆ แผ่ออก จิตที่เคยหนัก → ค่อยๆ เบาสบาย ไม่ต้องรอให้ใครมายกย่อง → แต่สุขใจในตัวเอง --- 📌 สุดท้ายแล้ว... "ช่วยให้คนอื่นเป็นสุข" = "ช่วยให้ตัวเองพ้นทุกข์" เพราะการให้ที่แท้จริง ✔ ไม่ใช่แค่ให้สิ่งของ ✔ ไม่ใช่แค่ช่วยเหลือใคร ✔ แต่คือการสละอัตตา ปล่อยวางสิ่งที่ยึดติด 🟢 ยิ่งให้ ยิ่งสุข 🟢 ยิ่งปล่อย ยิ่งเบา 🟢 ยิ่งสละ ยิ่งเป็นอิสระ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 294 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความไม่เที่ยงของ "คนคนหนึ่ง" → ทางขึ้น หรือทางลง?

    ในชีวิตของทุกคน เราต่างเคยเห็นว่า "ไม่มีอะไรคงที่"
    บางวัน สดใส → บางวัน หม่นหมอง
    บางช่วง จิตสว่าง → บางช่วง จิตมืด
    บางครา คิดดี → บางครั้ง คิดร้าย
    บางคน พูดน่าฟัง → บางคน พูดสับสน

    นี่คือ "อนิจจังของความเป็นคน"
    แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ…
    เราจะทำให้มันเป็น "อนิจจังขาขึ้น" หรือ "อนิจจังขาลง"?

    ---

    2 แบบของความไม่เที่ยง

    อนิจจังขาขึ้น

    > "ยิ่งนาน ยิ่งดีขึ้น ยิ่งเข้าใจกันมากขึ้น"
    "ยิ่งใช้เวลากับกันและกัน ยิ่งมีความสุข"

    กาย: ดูสดใสขึ้น, มีพลังบวก, มีสุขภาพที่ดี
    ใจ: มีเมตตามากขึ้น, เข้าใจโลกมากขึ้น
    ความคิด: มองโลกในแง่ดีขึ้น, มีเหตุผลมากขึ้น
    คำพูด: สื่อสารชัดเจน เข้าใจกันง่ายขึ้น

    อนิจจังขาขึ้น คือการพัฒนา
    หากเราอยู่กับใครแล้วทำให้ เขาดีขึ้น และเราดีขึ้น นั่นแปลว่า
    "เราเป็นพลังบวกให้กันและกัน"

    ---

    อนิจจังขาลง

    > "ยิ่งอยู่ ยิ่งทุกข์ ยิ่งทำร้ายกัน"
    "ยิ่งนาน ยิ่งเบื่อ ยิ่งหมดศรัทธา"

    กาย: โทรมลง, หมดพลัง, ป่วยง่ายขึ้น
    ใจ: หงุดหงิดง่ายขึ้น, ความอดทนน้อยลง
    ความคิด: ติดลบ, ขี้ระแวง, หวาดระแวง
    คำพูด: เริ่มสื่อสารไม่เข้าใจ, ใช้คำพูดที่ทำร้ายกัน

    อนิจจังขาลง คือความเสื่อมถอย
    หากเราอยู่กับใครแล้วทำให้ เขาแย่ลง และเราแย่ลง นั่นแปลว่า
    "เราเป็นภาระทางใจให้กันและกัน"

    ---

    เรามีผลต่อกันเสมอ → เลือกจะเป็นแรง "พาขึ้น" หรือ "พาลง"?

    หากเราเป็นพลังบวกให้ใคร → เราทำให้เขาดีขึ้น
    หากเราเป็นพลังลบให้ใคร → เราทำให้เขาแย่ลง

    อยู่ใกล้ใคร ให้เขาสบายใจขึ้น หรือเครียดลง?
    เราทำให้คนรอบข้าง มี "อนิจจังขาขึ้น" หรือ "ขาลง"?

    การพิจารณาตรงนี้จะทำให้เรารู้ว่า…
    เราเป็นคนแบบไหน?
    เราควรอยู่ใกล้ใคร?
    เราจะมีอิทธิพลต่อชีวิตใคร ในแบบที่ดีขึ้นหรือแย่ลง?

    ---

    วิธี "ฝึกตัวเอง" ให้เป็นอนิจจังขาขึ้น

    1️⃣ รู้จักสังเกต

    ถ้าเรามีอารมณ์ขุ่นมัว ใจร้อน หงุดหงิดง่าย
    ให้สังเกตว่ามันเกิดจากอะไร?

    ถ้าพบว่าเกิดจาก คนรอบตัว
    ให้ถามว่า "เราเป็นพลังลบให้กันหรือเปล่า?"

    2️⃣ ฝึกคิดบวกให้มากขึ้น

    หลีกเลี่ยงความคิดลบ ที่ทำให้รู้สึกทุกข์

    พยายามเข้าใจความไม่เที่ยงของอารมณ์

    เลือกโฟกัสที่สิ่งดีๆ ในตัวคนรอบข้าง

    3️⃣ สร้างสภาพแวดล้อมที่ดี

    อยู่ใกล้คนที่ ช่วยพัฒนาคุณ

    หลีกเลี่ยง สังคมที่ทำให้คุณเสื่อมถอย

    ฝึกทำ กิจกรรมที่เพิ่มพลังบวกในชีวิต เช่น อ่านหนังสือดีๆ, ฟังธรรมะ

    4️⃣ เจริญสติ - เห็นความเปลี่ยนแปลงของจิตตัวเอง

    ทุกวันจิตเราจะ ขึ้นๆ ลงๆ

    อย่าด่วนตัดสินว่า "เราจะเป็นคนแบบนี้ตลอดไป"

    ให้มองเห็นว่า "เรามีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลง"

    สังเกตดูว่า "ถ้าเราทำสิ่งนี้ จิตเราดีขึ้นไหม?"

    ---

    สรุป → "ทางเลือกของคุณ อยู่ที่ใจคุณ"

    คุณเลือกได้ว่า… จะเป็น "พลังบวก" หรือ "พลังลบ"

    คุณเลือกได้ว่า… จะทำให้คนรอบข้าง "พัฒนา" หรือ "เสื่อมถอย"

    คุณเลือกได้ว่า… จะอยู่ใน "อนิจจังขาขึ้น" หรือ "ขาลง"

    สุดท้าย… ถ้าคุณพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น
    คุณจะกลายเป็นคนที่ใครๆ ก็อยากอยู่ใกล้!
    📌 ความไม่เที่ยงของ "คนคนหนึ่ง" → ทางขึ้น หรือทางลง? ในชีวิตของทุกคน เราต่างเคยเห็นว่า "ไม่มีอะไรคงที่" บางวัน สดใส → บางวัน หม่นหมอง บางช่วง จิตสว่าง → บางช่วง จิตมืด บางครา คิดดี → บางครั้ง คิดร้าย บางคน พูดน่าฟัง → บางคน พูดสับสน นี่คือ "อนิจจังของความเป็นคน" แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ… 👉 เราจะทำให้มันเป็น "อนิจจังขาขึ้น" หรือ "อนิจจังขาลง"? --- 🎯 2 แบบของความไม่เที่ยง 🔺 อนิจจังขาขึ้น > "ยิ่งนาน ยิ่งดีขึ้น ยิ่งเข้าใจกันมากขึ้น" "ยิ่งใช้เวลากับกันและกัน ยิ่งมีความสุข" ✅ กาย: ดูสดใสขึ้น, มีพลังบวก, มีสุขภาพที่ดี ✅ ใจ: มีเมตตามากขึ้น, เข้าใจโลกมากขึ้น ✅ ความคิด: มองโลกในแง่ดีขึ้น, มีเหตุผลมากขึ้น ✅ คำพูด: สื่อสารชัดเจน เข้าใจกันง่ายขึ้น 👉 อนิจจังขาขึ้น คือการพัฒนา หากเราอยู่กับใครแล้วทำให้ เขาดีขึ้น และเราดีขึ้น นั่นแปลว่า "เราเป็นพลังบวกให้กันและกัน" --- 🔻 อนิจจังขาลง > "ยิ่งอยู่ ยิ่งทุกข์ ยิ่งทำร้ายกัน" "ยิ่งนาน ยิ่งเบื่อ ยิ่งหมดศรัทธา" ❌ กาย: โทรมลง, หมดพลัง, ป่วยง่ายขึ้น ❌ ใจ: หงุดหงิดง่ายขึ้น, ความอดทนน้อยลง ❌ ความคิด: ติดลบ, ขี้ระแวง, หวาดระแวง ❌ คำพูด: เริ่มสื่อสารไม่เข้าใจ, ใช้คำพูดที่ทำร้ายกัน 👉 อนิจจังขาลง คือความเสื่อมถอย หากเราอยู่กับใครแล้วทำให้ เขาแย่ลง และเราแย่ลง นั่นแปลว่า "เราเป็นภาระทางใจให้กันและกัน" --- 🔍 เรามีผลต่อกันเสมอ → เลือกจะเป็นแรง "พาขึ้น" หรือ "พาลง"? 🟢 หากเราเป็นพลังบวกให้ใคร → เราทำให้เขาดีขึ้น 🔴 หากเราเป็นพลังลบให้ใคร → เราทำให้เขาแย่ลง ✅ อยู่ใกล้ใคร ให้เขาสบายใจขึ้น หรือเครียดลง? ✅ เราทำให้คนรอบข้าง มี "อนิจจังขาขึ้น" หรือ "ขาลง"? 👉 การพิจารณาตรงนี้จะทำให้เรารู้ว่า… 🔹 เราเป็นคนแบบไหน? 🔹 เราควรอยู่ใกล้ใคร? 🔹 เราจะมีอิทธิพลต่อชีวิตใคร ในแบบที่ดีขึ้นหรือแย่ลง? --- 📌 วิธี "ฝึกตัวเอง" ให้เป็นอนิจจังขาขึ้น 1️⃣ รู้จักสังเกต ถ้าเรามีอารมณ์ขุ่นมัว ใจร้อน หงุดหงิดง่าย ให้สังเกตว่ามันเกิดจากอะไร? ถ้าพบว่าเกิดจาก คนรอบตัว ให้ถามว่า "เราเป็นพลังลบให้กันหรือเปล่า?" 2️⃣ ฝึกคิดบวกให้มากขึ้น หลีกเลี่ยงความคิดลบ ที่ทำให้รู้สึกทุกข์ พยายามเข้าใจความไม่เที่ยงของอารมณ์ เลือกโฟกัสที่สิ่งดีๆ ในตัวคนรอบข้าง 3️⃣ สร้างสภาพแวดล้อมที่ดี อยู่ใกล้คนที่ ช่วยพัฒนาคุณ หลีกเลี่ยง สังคมที่ทำให้คุณเสื่อมถอย ฝึกทำ กิจกรรมที่เพิ่มพลังบวกในชีวิต เช่น อ่านหนังสือดีๆ, ฟังธรรมะ 4️⃣ เจริญสติ - เห็นความเปลี่ยนแปลงของจิตตัวเอง ทุกวันจิตเราจะ ขึ้นๆ ลงๆ อย่าด่วนตัดสินว่า "เราจะเป็นคนแบบนี้ตลอดไป" ให้มองเห็นว่า "เรามีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลง" สังเกตดูว่า "ถ้าเราทำสิ่งนี้ จิตเราดีขึ้นไหม?" --- 📌 สรุป → "ทางเลือกของคุณ อยู่ที่ใจคุณ" คุณเลือกได้ว่า… จะเป็น "พลังบวก" หรือ "พลังลบ" คุณเลือกได้ว่า… จะทำให้คนรอบข้าง "พัฒนา" หรือ "เสื่อมถอย" คุณเลือกได้ว่า… จะอยู่ใน "อนิจจังขาขึ้น" หรือ "ขาลง" 💡 สุดท้าย… ถ้าคุณพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น คุณจะกลายเป็นคนที่ใครๆ ก็อยากอยู่ใกล้! 🔥
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 731 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/watch?v=AsI8xrgoZ9Y
    บทสนทนาวันตรุษจีน
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันตรุษจีน
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #ตรุษจีน

    The conversations from the clip :

    Jack: Hey, Anna! Are you ready for Chinese New Year?
    Anna: Hey, Jack! Almost! My family is busy preparing the offerings. How about you?
    Jack: Same here. My mom asked me to help buy fruits and incense sticks.
    Anna: That’s great! Did she give you a list of what to get?
    Jack: Yes, she said we need mandarin oranges, apples, and pears. They symbolize good fortune, peace, and prosperity.
    Anna: Oh, we’re buying similar things. But we also need pineapple because it’s considered a lucky fruit.
    Jack: That’s interesting! I didn’t know that. What about the incense and candles?
    Anna: My parents already got those. They said red candles are important for attracting positive energy.
    Jack: I see. Are you buying any sweets or snacks for the offerings?
    Anna: Yes, we’re getting sweet rice cakes and sesame balls. My grandma says they represent unity and success.
    Jack: That’s so meaningful! My family also includes some traditional pastries.
    Anna: What else do you prepare?
    Jack: We usually have a roasted duck and a whole fish to represent abundance.
    Anna: That’s nice! My family prepares chicken and pork. The elders say it’s to honor our ancestors.
    Jack: It’s amazing how every item has a symbolic meaning.
    Anna: Absolutely. I think that’s what makes Chinese New Year so special and meaningful.
    Jack: Agreed! Let’s finish our shopping soon so we don’t forget anything.
    Anna: Good idea! Let’s meet later and compare our shopping lists!

    แจ็ค: เฮ้ แอนนา! เตรียมตัวสำหรับตรุษจีนพร้อมหรือยัง?
    แอนนา: เฮ้ แจ็ค! เกือบแล้ว! ครอบครัวฉันกำลังยุ่งกับการเตรียมของไหว้ แล้วเธอล่ะ?
    แจ็ค: เหมือนกันเลย แม่ให้ฉันช่วยซื้อผลไม้กับธูป
    แอนนา: ดีจัง! แม่เธอให้ลิสต์มาด้วยหรือเปล่าว่าต้องซื้ออะไรบ้าง?
    แจ็ค: ใช่ แม่บอกว่าต้องซื้อส้มสีทอง แอปเปิล แล้วก็ลูกแพร์ เพราะมันสื่อถึงโชคลาภ ความสงบสุข และความเจริญรุ่งเรือง
    แอนนา: โอ้ ครอบครัวฉันก็ซื้อของคล้าย ๆ กัน แต่พวกเราต้องซื้อสับปะรดด้วย เพราะถือว่าเป็นผลไม้นำโชค
    แจ็ค: น่าสนใจจัง! ฉันไม่เคยรู้มาก่อน แล้วพวกธูปกับเทียนล่ะ?
    แอนนา: พ่อแม่ฉันซื้อมาเรียบร้อยแล้ว เขาบอกว่าเทียนสีแดงสำคัญมาก เพราะช่วยดึงดูดพลังบวก
    แจ็ค: เข้าใจแล้ว ครอบครัวเธอซื้อขนมหรือของกินเล่นสำหรับไหว้ด้วยไหม?
    แอนนา: ซื้อสิ เราซื้อขนมเข่งกับขนมงาทอด ยายฉันบอกว่ามันหมายถึงความสามัคคีและความสำเร็จ
    แจ็ค: ความหมายลึกซึ้งจัง! ครอบครัวฉันก็มีพวกขนมแบบดั้งเดิมเหมือนกัน
    แอนนา: แล้วครอบครัวเธอเตรียมอะไรอีก?
    แจ็ค: พวกเรามักจะเตรียมเป็ดอบกับปลาทั้งตัว เพราะมันหมายถึงความอุดมสมบูรณ์
    แอนนา: ดีจัง! ครอบครัวฉันเตรียมไก่กับหมู คนแก่บอกว่าเพื่อเป็นการเคารพบรรพบุรุษ
    แจ็ค: มันน่าทึ่งนะที่ทุกอย่างมีความหมายในเชิงสัญลักษณ์
    แอนนา: ใช่เลย ฉันคิดว่านั่นแหละที่ทำให้ตรุษจีนพิเศษและมีความหมายมาก
    แจ็ค: เห็นด้วย! เรารีบซื้อของให้ครบเร็ว ๆ ดีกว่า จะได้ไม่ลืมอะไร
    แอนนา: ดีเลย! เดี๋ยวเราเจอกันทีหลัง แล้วมาดูลิสต์ของกัน!

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Offerings (ออฟ-เฟอะ-ริงส์) n. แปลว่า ของไหว้
    Mandarin (แมน-ดะ-ริน) n. แปลว่า ส้มแมนดาริน
    Prosperity (พรอส-เพ-ริ-ที) n. แปลว่า ความเจริญรุ่งเรือง
    Fortune (ฟอร์-ชูน) n. แปลว่า โชคลาภ
    Symbolize (ซิม-โบล-ไลซ์) v. แปลว่า แสดงถึง หรือ สื่อถึง
    Pineapple (ไพ-แนป-เพิล) n. แปลว่า สับปะรด
    Incense (อิน-เซนส์) n. แปลว่า ธูป
    Candles (แคน-เดิลส์) n. แปลว่า เทียน
    Positive energy (พอซ-ซิ-ทีฟ เอน-เนอะ-จี) n. แปลว่า พลังบวก
    Unity (ยู-นิ-ที) n. แปลว่า ความสามัคคี
    Success (ซัค-เซส) n. แปลว่า ความสำเร็จ
    Traditional (ทรา-ดิช-เชอะ-เนิล) adj. แปลว่า ดั้งเดิม
    Pastries (เพส-ทรีส์) n. แปลว่า ขนมอบ
    Abundance (อะ-บัน-แดนซ์) n. แปลว่า ความอุดมสมบูรณ์
    Ancestors (แอน-เซส-เทอะส์) n. แปลว่า บรรพบุรุษ
    https://www.youtube.com/watch?v=AsI8xrgoZ9Y บทสนทนาวันตรุษจีน (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาวันตรุษจีน มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #บทสนทนาภาษาอังกฤษ #ฝึกฟังภาษาอังกฤษ #ตรุษจีน The conversations from the clip : Jack: Hey, Anna! Are you ready for Chinese New Year? Anna: Hey, Jack! Almost! My family is busy preparing the offerings. How about you? Jack: Same here. My mom asked me to help buy fruits and incense sticks. Anna: That’s great! Did she give you a list of what to get? Jack: Yes, she said we need mandarin oranges, apples, and pears. They symbolize good fortune, peace, and prosperity. Anna: Oh, we’re buying similar things. But we also need pineapple because it’s considered a lucky fruit. Jack: That’s interesting! I didn’t know that. What about the incense and candles? Anna: My parents already got those. They said red candles are important for attracting positive energy. Jack: I see. Are you buying any sweets or snacks for the offerings? Anna: Yes, we’re getting sweet rice cakes and sesame balls. My grandma says they represent unity and success. Jack: That’s so meaningful! My family also includes some traditional pastries. Anna: What else do you prepare? Jack: We usually have a roasted duck and a whole fish to represent abundance. Anna: That’s nice! My family prepares chicken and pork. The elders say it’s to honor our ancestors. Jack: It’s amazing how every item has a symbolic meaning. Anna: Absolutely. I think that’s what makes Chinese New Year so special and meaningful. Jack: Agreed! Let’s finish our shopping soon so we don’t forget anything. Anna: Good idea! Let’s meet later and compare our shopping lists! แจ็ค: เฮ้ แอนนา! เตรียมตัวสำหรับตรุษจีนพร้อมหรือยัง? แอนนา: เฮ้ แจ็ค! เกือบแล้ว! ครอบครัวฉันกำลังยุ่งกับการเตรียมของไหว้ แล้วเธอล่ะ? แจ็ค: เหมือนกันเลย แม่ให้ฉันช่วยซื้อผลไม้กับธูป แอนนา: ดีจัง! แม่เธอให้ลิสต์มาด้วยหรือเปล่าว่าต้องซื้ออะไรบ้าง? แจ็ค: ใช่ แม่บอกว่าต้องซื้อส้มสีทอง แอปเปิล แล้วก็ลูกแพร์ เพราะมันสื่อถึงโชคลาภ ความสงบสุข และความเจริญรุ่งเรือง แอนนา: โอ้ ครอบครัวฉันก็ซื้อของคล้าย ๆ กัน แต่พวกเราต้องซื้อสับปะรดด้วย เพราะถือว่าเป็นผลไม้นำโชค แจ็ค: น่าสนใจจัง! ฉันไม่เคยรู้มาก่อน แล้วพวกธูปกับเทียนล่ะ? แอนนา: พ่อแม่ฉันซื้อมาเรียบร้อยแล้ว เขาบอกว่าเทียนสีแดงสำคัญมาก เพราะช่วยดึงดูดพลังบวก แจ็ค: เข้าใจแล้ว ครอบครัวเธอซื้อขนมหรือของกินเล่นสำหรับไหว้ด้วยไหม? แอนนา: ซื้อสิ เราซื้อขนมเข่งกับขนมงาทอด ยายฉันบอกว่ามันหมายถึงความสามัคคีและความสำเร็จ แจ็ค: ความหมายลึกซึ้งจัง! ครอบครัวฉันก็มีพวกขนมแบบดั้งเดิมเหมือนกัน แอนนา: แล้วครอบครัวเธอเตรียมอะไรอีก? แจ็ค: พวกเรามักจะเตรียมเป็ดอบกับปลาทั้งตัว เพราะมันหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ แอนนา: ดีจัง! ครอบครัวฉันเตรียมไก่กับหมู คนแก่บอกว่าเพื่อเป็นการเคารพบรรพบุรุษ แจ็ค: มันน่าทึ่งนะที่ทุกอย่างมีความหมายในเชิงสัญลักษณ์ แอนนา: ใช่เลย ฉันคิดว่านั่นแหละที่ทำให้ตรุษจีนพิเศษและมีความหมายมาก แจ็ค: เห็นด้วย! เรารีบซื้อของให้ครบเร็ว ๆ ดีกว่า จะได้ไม่ลืมอะไร แอนนา: ดีเลย! เดี๋ยวเราเจอกันทีหลัง แล้วมาดูลิสต์ของกัน! Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Offerings (ออฟ-เฟอะ-ริงส์) n. แปลว่า ของไหว้ Mandarin (แมน-ดะ-ริน) n. แปลว่า ส้มแมนดาริน Prosperity (พรอส-เพ-ริ-ที) n. แปลว่า ความเจริญรุ่งเรือง Fortune (ฟอร์-ชูน) n. แปลว่า โชคลาภ Symbolize (ซิม-โบล-ไลซ์) v. แปลว่า แสดงถึง หรือ สื่อถึง Pineapple (ไพ-แนป-เพิล) n. แปลว่า สับปะรด Incense (อิน-เซนส์) n. แปลว่า ธูป Candles (แคน-เดิลส์) n. แปลว่า เทียน Positive energy (พอซ-ซิ-ทีฟ เอน-เนอะ-จี) n. แปลว่า พลังบวก Unity (ยู-นิ-ที) n. แปลว่า ความสามัคคี Success (ซัค-เซส) n. แปลว่า ความสำเร็จ Traditional (ทรา-ดิช-เชอะ-เนิล) adj. แปลว่า ดั้งเดิม Pastries (เพส-ทรีส์) n. แปลว่า ขนมอบ Abundance (อะ-บัน-แดนซ์) n. แปลว่า ความอุดมสมบูรณ์ Ancestors (แอน-เซส-เทอะส์) n. แปลว่า บรรพบุรุษ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1858 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปีใหม่มาถึงพร้อมกับโอกาสใหม่ ๆ และความหวังที่สดใส
    เติมเต็มทุกความสุขให้ล้นแก้วด้วยความหวานเย็นของ ไผ่ทองไอสครีม

    ไม่ว่าคุณจะตั้งเป้าหมายอะไรในปีนี้

    พบเจอความสำเร็จ
    ออกเดินทางสู่การผจญภัยใหม่ ๆ
    หรือเพียงแค่หาความสุขในวันธรรมดา
    ไผ่ทองไอสครีม ขอเป็นส่วนหนึ่งในทุกย่างก้าวของคุณ
    เพราะเรารู้ว่า "ความหวานเล็ก ๆ" ก็ช่วยสร้างกำลังใจยิ่งใหญ่ได้

    มาฉลองปีใหม่ไปด้วยกัน
    ให้ทุกคำของไอสครีมเต็มไปด้วยความสุข ความหวัง และพลังบวก!

    ไผ่ทองรังสิต บริการไอสครีมนอกสถานที่
    เลี้ยงสังสรรค์ / กิจกรรมโรงเรียน / ทำบุญเลี้ยงพระ
    โทร. 094 959 9425 หรือติดต่อไลน์
    https://line.me/ti/p/bJjoPuV1bi

    #ไผ่ทองไอสครีม #แบ่งปันความสุข #ขอบคุณที่เหนื่อยกันมา #ความอร่อยที่ไม่มีวันลืม #ไผ่ทองรังสิต #รังสิต #ปีใหม่ #ความหวังใหม่ #ไอสครีมแห่งความสุข
    ปีใหม่มาถึงพร้อมกับโอกาสใหม่ ๆ และความหวังที่สดใส เติมเต็มทุกความสุขให้ล้นแก้วด้วยความหวานเย็นของ ไผ่ทองไอสครีม ไม่ว่าคุณจะตั้งเป้าหมายอะไรในปีนี้ พบเจอความสำเร็จ ออกเดินทางสู่การผจญภัยใหม่ ๆ หรือเพียงแค่หาความสุขในวันธรรมดา ไผ่ทองไอสครีม ขอเป็นส่วนหนึ่งในทุกย่างก้าวของคุณ เพราะเรารู้ว่า "ความหวานเล็ก ๆ" ก็ช่วยสร้างกำลังใจยิ่งใหญ่ได้ มาฉลองปีใหม่ไปด้วยกัน ให้ทุกคำของไอสครีมเต็มไปด้วยความสุข ความหวัง และพลังบวก! 💛 ไผ่ทองรังสิต บริการไอสครีมนอกสถานที่ เลี้ยงสังสรรค์ / กิจกรรมโรงเรียน / ทำบุญเลี้ยงพระ โทร. 094 959 9425 หรือติดต่อไลน์ https://line.me/ti/p/bJjoPuV1bi #ไผ่ทองไอสครีม #แบ่งปันความสุข #ขอบคุณที่เหนื่อยกันมา #ความอร่อยที่ไม่มีวันลืม #ไผ่ทองรังสิต #รังสิต #ปีใหม่ #ความหวังใหม่ #ไอสครีมแห่งความสุข
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 930 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปีใหม่มาถึงพร้อมกับโอกาสใหม่ ๆ และความหวังที่สดใส
    เติมเต็มทุกความสุขให้ล้นแก้วด้วยความหวานเย็นของ ไผ่ทองไอสครีม

    ไม่ว่าคุณจะตั้งเป้าหมายอะไรในปีนี้

    พบเจอความสำเร็จ
    ออกเดินทางสู่การผจญภัยใหม่ ๆ
    หรือเพียงแค่หาความสุขในวันธรรมดา
    ไผ่ทองไอสครีม ขอเป็นส่วนหนึ่งในทุกย่างก้าวของคุณ
    เพราะเรารู้ว่า "ความหวานเล็ก ๆ" ก็ช่วยสร้างกำลังใจยิ่งใหญ่ได้

    มาฉลองปีใหม่ไปด้วยกัน
    ให้ทุกคำของไอสครีมเต็มไปด้วยความสุข ความหวัง และพลังบวก!

    ไผ่ทองรังสิต บริการไอสครีมนอกสถานที่
    เลี้ยงสังสรรค์ / กิจกรรมโรงเรียน / ทำบุญเลี้ยงพระ
    โทร. 094 959 9425 หรือติดต่อไลน์
    https://line.me/ti/p/bJjoPuV1bi

    #ไผ่ทองไอสครีม #แบ่งปันความสุข #ขอบคุณที่เหนื่อยกันมา #ความอร่อยที่ไม่มีวันลืม #ไผ่ทองรังสิต #รังสิต #ปีใหม่ #ความหวังใหม่ #ไอสครีมแห่งความสุข
    ปีใหม่มาถึงพร้อมกับโอกาสใหม่ ๆ และความหวังที่สดใส เติมเต็มทุกความสุขให้ล้นแก้วด้วยความหวานเย็นของ ไผ่ทองไอสครีม ไม่ว่าคุณจะตั้งเป้าหมายอะไรในปีนี้ พบเจอความสำเร็จ ออกเดินทางสู่การผจญภัยใหม่ ๆ หรือเพียงแค่หาความสุขในวันธรรมดา ไผ่ทองไอสครีม ขอเป็นส่วนหนึ่งในทุกย่างก้าวของคุณ เพราะเรารู้ว่า "ความหวานเล็ก ๆ" ก็ช่วยสร้างกำลังใจยิ่งใหญ่ได้ มาฉลองปีใหม่ไปด้วยกัน ให้ทุกคำของไอสครีมเต็มไปด้วยความสุข ความหวัง และพลังบวก! 💛 ไผ่ทองรังสิต บริการไอสครีมนอกสถานที่ เลี้ยงสังสรรค์ / กิจกรรมโรงเรียน / ทำบุญเลี้ยงพระ โทร. 094 959 9425 หรือติดต่อไลน์ https://line.me/ti/p/bJjoPuV1bi #ไผ่ทองไอสครีม #แบ่งปันความสุข #ขอบคุณที่เหนื่อยกันมา #ความอร่อยที่ไม่มีวันลืม #ไผ่ทองรังสิต #รังสิต #ปีใหม่ #ความหวังใหม่ #ไอสครีมแห่งความสุข
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 868 มุมมอง 0 รีวิว
  • จงสร้างพลังบวก
    ให้ตัวเองอยู่เสมอ

    จากหนังสือ |สัญญานะว่าจะยิ้มให้กับตัวเอง

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #สัญญานะว่าจะยิ้มให้กับตัวเอง
    จงสร้างพลังบวก ให้ตัวเองอยู่เสมอ จากหนังสือ |สัญญานะว่าจะยิ้มให้กับตัวเอง #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #สัญญานะว่าจะยิ้มให้กับตัวเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 297 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถอดสลัก...ปรับชีวิต...
    ปลด...พลังลบ ปล่อย..พลังบวก

    หลังจากผ่านการประกอบพิธีการส่งเทพเจ้าเสด็จสู่สรวงสวรรค์ 神上天 (ซิ้งเจี่ยที) แล้ว อีกหนึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณของชนชาวเชื้อสายจีนที่ปัจจุบันไม่ใคร่ได้พบเห็นกันโดยทั่วไปและไม่เป็นที่นิยมเหมือนกับขนบธรรมเนียมประเพณีอื่นๆในช่วงเทศกาลตรุษจีนคือ การประกอบพิธี"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) ที่เป็นส่วนหนึ่งของขนบธรรมเนียมประเพณีในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะขาดการสืบสานถ่ายทอดบอกกล่าวกันอย่างต่อเนื่องจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง เป็นผลให้สิ่งดีๆที่เป็นประโยชน์ของคนรุ่นก่อนๆได้ถูกปล่อยปละละเลยให้จืดจางหายไป ดังนั้นเพื่อเป็นการอนุรักษ์ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณให้ดำรงคงอยู่ไว้ต่อไป จึงใคร่ขอขยายไขความและรายละเอียดขั้นตอนของการประกอบพิธี"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) ดังนี้

    คำว่า "破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) หมายถึง การละทิ้งพฤติกรรมหรือสิ่งของเก่าหรือเครื่องใช้ประจำที่มีความผูกพันหรือประพฤติเป็นประจำออกไป แล้วนำพฤติกรรมหรือสิ่งของใหม่มาปรับใช้ทดแทน เปรียบเสมือนเป็นการประกอบพิธีสะเดาะเคราะห์เพื่อสลัดเคราะห์ร้ายภัยเวรอย่างหนึ่งที่กำลังประสบพบอยู่ทิ้งออกไป โดยแบ่งเป็น 4 ลำดับขั้นตอนดังนี้

    1. การชำระองค์เทพเจ้า ประกอบด้วย

    - ถังน้ำใบใหม่ 1 ใบ
    - น้ำพุทธมนต์ หรือน้ำสะอาด
    - ผ้าขนหนูผืนเล็กผืนใหม่ 1 ผืน
    - ดอกไม้สด 7 สี 7 ชนิด

    โดยนำถังน้ำใบใหม่ใส่น้ำพุทธมนต์หรือน้ำสะอาดหรือใส่ทั้ง 2 อย่าง (ใส่น้ำสะอาดก่อนแล้วค่อยตามด้วยน้ำพุทธมนต์) ตามด้วยดอกไม้สด 7 สี 7 ชนิด จากนั้นนำผ้าขนหนูผืนเล็กผืนใหม่มาชำระองค์เทพเจ้าให้ทั่วจนสะอาด

    2. การทำความสะอาดบ้าน

    หลังจากเสร็จสิ้นจากการชำระองค์เทพเจ้าแล้ว ลำดับต่อไปคือการทำความสะอาดบ้านโดยรอบไม่ว่าจะเก็บกวาดหยากไย่ใยแมงมุม ซักล้างผ้าม่าน ผ้าปูเตียง ปลอกหมอน ปัดกวาดมุ้งลวด เป็นต้น เช็ดถูทำความสะอาดทั้งภายในและภายนอกบ้าน แม้แต่การตัดต้นไม้ ตัดหญ้า เก็บทิ้งขยะ เพื่อให้บ้านดูสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย

    3. การทิ้งของเก่าเพื่อรับสิ่งใหม่

    ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเดิมๆที่ไม่ดีออกไป เช่น งดสูบบุหรี่ งดดื่มเหล้า ละเลิกเล่นพนัน ฯลฯ อีกทั้งปรับเปลี่ยนของใช้ประจำที่ผูกพันไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ฯลฯ โดยใช้วิธีการเผาทำลาย(ไม่ควรบริจาคให้แก่ใครเพราะจะเป็นการเพิ่มเคราะห์ของเราไปเป็นเคราะห์ของบุคคลอื่น) หรือแม้แต่ประตูบ้านที่เก่าหรือเสีย ก็อาจจะปรับเปลี่ยนติดตั้งประตูใหม่เพื่อใช้ทดแทนได้เช่นกัน

    4. การอบบ้าน ประกอบด้วย

    - ธูปหอม 1 ห่อ
    - กระถางหรือภาชนะใส่ธูป 5 ใบ
    แบ่งตำแหน่งพื้นที่ตัวอาคารบ้านออกเป็น 5 ตำแหน่ง ดังนี้
    - ตำแหน่งที่ 1 ตำแหน่งศูนย์กลางบ้าน
    - ตำแหน่งที่ 2 ตำแหน่งมุมซ้ายด้านหน้าตัวบ้าน
    - ตำแหน่งที่ 3 ตำแหน่งมุมขวาด้านหน้าตัวบ้าน
    - ตำแหน่งที่ 4 ตำแหน่งมุมซ้ายด้านหลังตัวบ้าน
    - ตำแหน่งที่ 5 ตำแหน่งมุมขวาด้านหลังตัวบ้าน

    เมื่อได้ตำแหน่งทั้ง 5 แล้วให้นำธูปหอมแบ่งออกเป็น 5 กำ จุดให้ติดไฟจนเกิดควันแล้วปักที่กระถางหรือภาชนะใส่ธูปที่ตั้งตาม 5 ตำแหน่งจนครบ อบบ้านด้วยการปิดทั้งประตูและหน้าต่างโดยรอบใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วยาม หรือ 2 ชั่วโมง โดยสมาชิกครอบครัวและสัตว์เลี้ยงในบ้านควรออกนอกตัวบ้านที่กำลังอบอยู่(เฝ้าระวังฟืนไฟก่อนจะเกิดเหตุเพลิงไหม้)

    หลังจากครบระยะเวลาตามที่กำหนดแล้วให้เปิดประตูตัวบ้านเพื่อเดินเข้าบ้าน พร้อมเปล่งเสียงคำพูดที่มงคล ตังอย่างเช่น ขอให้มั่งคั่งร่ำรวย ด้วยทรัพย์สินศฤงคาร ทรัพย์สินรายล้อม เงินทองเพชรพลอยหยกเต็มบ้าน ค้าขายได้กำไร เหลือกินเหลือใช้ ทุกๆอย่างราบรื่นสำเร็จสมปราถนา โชคดีมีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์ พูนสุข อายุยืนยาวตลอดไป เป็นต้น จากนั้นเปิดหน้าต่างทุกบานที่ปิดออก เพื่อให้กระแส"氣"(ขี่) ที่ดีมีมงคลไหลหมุนเวียนตลอดทั่วตัวบ้าน

    ทั้ง 4 ขั้นตอนสามารถดำเนินการได้ในช่วงระหว่างหลังวันส่งองค์เทพเจ้าเสด็จสู่สรวงสวรรค์ 神上天 (ซิ้งเจี่ยที) จนถึงก่อนวันตรุษจีน โดยใช้วัน"除日"(ตื้อยิ๊ก) หรือ"破日"(ผั่วยิ๊ก) หรือ "天赦日"(เทียนเซี๊ยยิ๊ก) ก็ได้เช่นกัน ซึ่งใน ปีพ.ศ.2568 นี้ มีฤกษ์งามยามเหมาะกับการประกอบพิธี"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) คือ วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ.2568) นี้ ตั้งแต่เวลา 07:00 เป็นต้นไป

    หวังเป็นอย่างยิ่งว่าขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณที่ดีมีประโยชน์ดั่งเช่น การทิ้งของเก่าเพื่อรับสิ่งใหม่อย่าง"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) จะได้รับการอนุรักษ์สืบสาน บอกกล่าว และถ่ายทอดกันอย่างต่อเนื่องจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่งให้ดำรงคงอยู่ถาวรสืบไป
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ถอดสลัก...ปรับชีวิต... ปลด...พลังลบ ปล่อย..พลังบวก หลังจากผ่านการประกอบพิธีการส่งเทพเจ้าเสด็จสู่สรวงสวรรค์ 神上天 (ซิ้งเจี่ยที) แล้ว อีกหนึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณของชนชาวเชื้อสายจีนที่ปัจจุบันไม่ใคร่ได้พบเห็นกันโดยทั่วไปและไม่เป็นที่นิยมเหมือนกับขนบธรรมเนียมประเพณีอื่นๆในช่วงเทศกาลตรุษจีนคือ การประกอบพิธี"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) ที่เป็นส่วนหนึ่งของขนบธรรมเนียมประเพณีในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะขาดการสืบสานถ่ายทอดบอกกล่าวกันอย่างต่อเนื่องจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง เป็นผลให้สิ่งดีๆที่เป็นประโยชน์ของคนรุ่นก่อนๆได้ถูกปล่อยปละละเลยให้จืดจางหายไป ดังนั้นเพื่อเป็นการอนุรักษ์ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณให้ดำรงคงอยู่ไว้ต่อไป จึงใคร่ขอขยายไขความและรายละเอียดขั้นตอนของการประกอบพิธี"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) ดังนี้ คำว่า "破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) หมายถึง การละทิ้งพฤติกรรมหรือสิ่งของเก่าหรือเครื่องใช้ประจำที่มีความผูกพันหรือประพฤติเป็นประจำออกไป แล้วนำพฤติกรรมหรือสิ่งของใหม่มาปรับใช้ทดแทน เปรียบเสมือนเป็นการประกอบพิธีสะเดาะเคราะห์เพื่อสลัดเคราะห์ร้ายภัยเวรอย่างหนึ่งที่กำลังประสบพบอยู่ทิ้งออกไป โดยแบ่งเป็น 4 ลำดับขั้นตอนดังนี้ 1. การชำระองค์เทพเจ้า ประกอบด้วย - ถังน้ำใบใหม่ 1 ใบ - น้ำพุทธมนต์ หรือน้ำสะอาด - ผ้าขนหนูผืนเล็กผืนใหม่ 1 ผืน - ดอกไม้สด 7 สี 7 ชนิด โดยนำถังน้ำใบใหม่ใส่น้ำพุทธมนต์หรือน้ำสะอาดหรือใส่ทั้ง 2 อย่าง (ใส่น้ำสะอาดก่อนแล้วค่อยตามด้วยน้ำพุทธมนต์) ตามด้วยดอกไม้สด 7 สี 7 ชนิด จากนั้นนำผ้าขนหนูผืนเล็กผืนใหม่มาชำระองค์เทพเจ้าให้ทั่วจนสะอาด 2. การทำความสะอาดบ้าน หลังจากเสร็จสิ้นจากการชำระองค์เทพเจ้าแล้ว ลำดับต่อไปคือการทำความสะอาดบ้านโดยรอบไม่ว่าจะเก็บกวาดหยากไย่ใยแมงมุม ซักล้างผ้าม่าน ผ้าปูเตียง ปลอกหมอน ปัดกวาดมุ้งลวด เป็นต้น เช็ดถูทำความสะอาดทั้งภายในและภายนอกบ้าน แม้แต่การตัดต้นไม้ ตัดหญ้า เก็บทิ้งขยะ เพื่อให้บ้านดูสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย 3. การทิ้งของเก่าเพื่อรับสิ่งใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเดิมๆที่ไม่ดีออกไป เช่น งดสูบบุหรี่ งดดื่มเหล้า ละเลิกเล่นพนัน ฯลฯ อีกทั้งปรับเปลี่ยนของใช้ประจำที่ผูกพันไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ฯลฯ โดยใช้วิธีการเผาทำลาย(ไม่ควรบริจาคให้แก่ใครเพราะจะเป็นการเพิ่มเคราะห์ของเราไปเป็นเคราะห์ของบุคคลอื่น) หรือแม้แต่ประตูบ้านที่เก่าหรือเสีย ก็อาจจะปรับเปลี่ยนติดตั้งประตูใหม่เพื่อใช้ทดแทนได้เช่นกัน 4. การอบบ้าน ประกอบด้วย - ธูปหอม 1 ห่อ - กระถางหรือภาชนะใส่ธูป 5 ใบ แบ่งตำแหน่งพื้นที่ตัวอาคารบ้านออกเป็น 5 ตำแหน่ง ดังนี้ - ตำแหน่งที่ 1 ตำแหน่งศูนย์กลางบ้าน - ตำแหน่งที่ 2 ตำแหน่งมุมซ้ายด้านหน้าตัวบ้าน - ตำแหน่งที่ 3 ตำแหน่งมุมขวาด้านหน้าตัวบ้าน - ตำแหน่งที่ 4 ตำแหน่งมุมซ้ายด้านหลังตัวบ้าน - ตำแหน่งที่ 5 ตำแหน่งมุมขวาด้านหลังตัวบ้าน เมื่อได้ตำแหน่งทั้ง 5 แล้วให้นำธูปหอมแบ่งออกเป็น 5 กำ จุดให้ติดไฟจนเกิดควันแล้วปักที่กระถางหรือภาชนะใส่ธูปที่ตั้งตาม 5 ตำแหน่งจนครบ อบบ้านด้วยการปิดทั้งประตูและหน้าต่างโดยรอบใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วยาม หรือ 2 ชั่วโมง โดยสมาชิกครอบครัวและสัตว์เลี้ยงในบ้านควรออกนอกตัวบ้านที่กำลังอบอยู่(เฝ้าระวังฟืนไฟก่อนจะเกิดเหตุเพลิงไหม้) หลังจากครบระยะเวลาตามที่กำหนดแล้วให้เปิดประตูตัวบ้านเพื่อเดินเข้าบ้าน พร้อมเปล่งเสียงคำพูดที่มงคล ตังอย่างเช่น ขอให้มั่งคั่งร่ำรวย ด้วยทรัพย์สินศฤงคาร ทรัพย์สินรายล้อม เงินทองเพชรพลอยหยกเต็มบ้าน ค้าขายได้กำไร เหลือกินเหลือใช้ ทุกๆอย่างราบรื่นสำเร็จสมปราถนา โชคดีมีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์ พูนสุข อายุยืนยาวตลอดไป เป็นต้น จากนั้นเปิดหน้าต่างทุกบานที่ปิดออก เพื่อให้กระแส"氣"(ขี่) ที่ดีมีมงคลไหลหมุนเวียนตลอดทั่วตัวบ้าน ทั้ง 4 ขั้นตอนสามารถดำเนินการได้ในช่วงระหว่างหลังวันส่งองค์เทพเจ้าเสด็จสู่สรวงสวรรค์ 神上天 (ซิ้งเจี่ยที) จนถึงก่อนวันตรุษจีน โดยใช้วัน"除日"(ตื้อยิ๊ก) หรือ"破日"(ผั่วยิ๊ก) หรือ "天赦日"(เทียนเซี๊ยยิ๊ก) ก็ได้เช่นกัน ซึ่งใน ปีพ.ศ.2568 นี้ มีฤกษ์งามยามเหมาะกับการประกอบพิธี"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) คือ วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ.2568) นี้ ตั้งแต่เวลา 07:00 เป็นต้นไป หวังเป็นอย่างยิ่งว่าขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณที่ดีมีประโยชน์ดั่งเช่น การทิ้งของเก่าเพื่อรับสิ่งใหม่อย่าง"破舊入新"(ผั๊วกู่หยิบซิง) จะได้รับการอนุรักษ์สืบสาน บอกกล่าว และถ่ายทอดกันอย่างต่อเนื่องจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่งให้ดำรงคงอยู่ถาวรสืบไป ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1343 มุมมอง 0 รีวิว
  • การดูดวงกับการเสี่ยงโชค คือ การเช็คโอกาส ไม่ใช่การการันตีความสำเร็จ
    .
    หลายคนอาจเข้าใจว่า การดูดวงสามารถบอกเลขเด็ด หรือทำให้ถูกหวยได้โดยตรง แต่แท้จริงแล้ว การดูดวงไม่ได้เป็นการบอกผลลัพธ์ล่วงหน้าอย่างแม่นยำเช่นนั้น สิ่งที่การดูดวงทำได้ คือ การช่วยให้เราตรวจสอบโอกาส ทิศทาง และช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเสี่ยงโชคมากกว่า
    .
    ดูดวงเพื่อเช็คจังหวะของชีวิต
    การดูดวงเป็นศาสตร์ที่ช่วยให้เราตระหนักถึงพลังงานหรือแนวโน้มที่อาจส่งผลต่อชีวิตในช่วงเวลานั้น ๆ โดยอาศัยหลักการทางโหราศาสตร์ ไพ่พยากรณ์ หรือศาสตร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง นักพยากรณ์จะช่วยวิเคราะห์ว่าช่วงเวลาดังกล่าวมีพลังงานส่งเสริมด้านโชคลาภหรือไม่ ซึ่งอาจช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น
    .
    โอกาสและความเป็นไปได้ ไม่ใช่การรับประกัน
    แม้ว่าช่วงเวลาหนึ่งอาจมีพลังบวกส่งเสริมด้านโชคลาภ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะถูกหวยหรือได้รับโชคใหญ่เสมอไป การเสี่ยงโชคยังคงเป็นเรื่องของสถิติ ดวง และจังหวะชีวิต การดูดวงช่วยให้เรารู้ว่าควรลองเสี่ยงโชคหรือควรรอจังหวะที่ดีกว่า
    .
    เสริมโอกาสด้วยการใช้สติและวางแผน
    แทนที่จะหวังพึ่งโชคเพียงอย่างเดียว การดูดวงสามารถเป็นเครื่องมือช่วยตัดสินใจ เช่น หากพบว่าช่วงเวลานั้นไม่เหมาะกับการลงทุนหรือเสี่ยงโชค ก็อาจเป็นสัญญาณให้เราระมัดระวังมากขึ้น หรือหากเป็นช่วงที่ดี ก็อาจใช้เป็นแนวทางในการลองเสี่ยงอย่างมีสติ
    .
    สรุป: ดูดวงคือแนวทาง ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย
    การดูดวงเพื่อเสี่ยงโชคไม่ได้หมายความว่าเราจะถูกรางวัลแน่นอน แต่เป็นการช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผลและมั่นใจขึ้น การใช้ดวงเป็นแนวทางประกอบกับการคิดวิเคราะห์ที่ดี จะช่วยให้เราบริหารจัดการความเสี่ยงและโอกาสได้อย่างเหมาะสม
    .
    การเสี่ยงโชคที่ดี คือ การเล่นอย่างมีสติ และอยู่ในขอบเขตที่ไม่กระทบต่อชีวิตประจำวัน หากเรารู้จักใช้การดูดวงเป็นเครื่องมือเช็คโอกาส แทนที่จะหวังพึ่งดวงเพียงอย่างเดียว ก็จะช่วยให้เราดำเนินชีวิตได้อย่างสมดุลและมีความสุขมากขึ้น
    .
    ลองเปิดใจ มาพูดคุย แลกเปลี่ยนบทสนทนา ผ่านสื่อกลางด้วยไพ่พรหมญาณ สามารถติดต่อ สอบถาม ได้ที่
    FB: Nataphat Jacky Promayarn
    FB Fanpage: พรหมอ่านไพ่
    หรือ
    Line OA: 874idjbu
    คลิ๊ก https://lin.ee/Te57Hii
    .
    #ใดใดในโลกล้วนสายมู #พรหมอ่านไพ่ #พรหมญาณพยากรณ์ #พรหมญาณ๗๔ #ไพ่พรหมญาณ #เคียงข้างทุกปัญหาให้คุณค่าทุกการตัดสินใจ
    การดูดวงกับการเสี่ยงโชค คือ การเช็คโอกาส ไม่ใช่การการันตีความสำเร็จ . หลายคนอาจเข้าใจว่า การดูดวงสามารถบอกเลขเด็ด หรือทำให้ถูกหวยได้โดยตรง แต่แท้จริงแล้ว การดูดวงไม่ได้เป็นการบอกผลลัพธ์ล่วงหน้าอย่างแม่นยำเช่นนั้น สิ่งที่การดูดวงทำได้ คือ การช่วยให้เราตรวจสอบโอกาส ทิศทาง และช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเสี่ยงโชคมากกว่า . 🔮 ดูดวงเพื่อเช็คจังหวะของชีวิต การดูดวงเป็นศาสตร์ที่ช่วยให้เราตระหนักถึงพลังงานหรือแนวโน้มที่อาจส่งผลต่อชีวิตในช่วงเวลานั้น ๆ โดยอาศัยหลักการทางโหราศาสตร์ ไพ่พยากรณ์ หรือศาสตร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง นักพยากรณ์จะช่วยวิเคราะห์ว่าช่วงเวลาดังกล่าวมีพลังงานส่งเสริมด้านโชคลาภหรือไม่ ซึ่งอาจช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น . 💰 โอกาสและความเป็นไปได้ ไม่ใช่การรับประกัน แม้ว่าช่วงเวลาหนึ่งอาจมีพลังบวกส่งเสริมด้านโชคลาภ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะถูกหวยหรือได้รับโชคใหญ่เสมอไป การเสี่ยงโชคยังคงเป็นเรื่องของสถิติ ดวง และจังหวะชีวิต การดูดวงช่วยให้เรารู้ว่าควรลองเสี่ยงโชคหรือควรรอจังหวะที่ดีกว่า . 🎯 เสริมโอกาสด้วยการใช้สติและวางแผน แทนที่จะหวังพึ่งโชคเพียงอย่างเดียว การดูดวงสามารถเป็นเครื่องมือช่วยตัดสินใจ เช่น หากพบว่าช่วงเวลานั้นไม่เหมาะกับการลงทุนหรือเสี่ยงโชค ก็อาจเป็นสัญญาณให้เราระมัดระวังมากขึ้น หรือหากเป็นช่วงที่ดี ก็อาจใช้เป็นแนวทางในการลองเสี่ยงอย่างมีสติ . ✨ สรุป: ดูดวงคือแนวทาง ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย การดูดวงเพื่อเสี่ยงโชคไม่ได้หมายความว่าเราจะถูกรางวัลแน่นอน แต่เป็นการช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผลและมั่นใจขึ้น การใช้ดวงเป็นแนวทางประกอบกับการคิดวิเคราะห์ที่ดี จะช่วยให้เราบริหารจัดการความเสี่ยงและโอกาสได้อย่างเหมาะสม . การเสี่ยงโชคที่ดี คือ การเล่นอย่างมีสติ และอยู่ในขอบเขตที่ไม่กระทบต่อชีวิตประจำวัน หากเรารู้จักใช้การดูดวงเป็นเครื่องมือเช็คโอกาส แทนที่จะหวังพึ่งดวงเพียงอย่างเดียว ก็จะช่วยให้เราดำเนินชีวิตได้อย่างสมดุลและมีความสุขมากขึ้น 😊🔮✨ . ❤️ลองเปิดใจ มาพูดคุย แลกเปลี่ยนบทสนทนา ผ่านสื่อกลางด้วยไพ่พรหมญาณ สามารถติดต่อ สอบถาม ได้ที่ FB: Nataphat Jacky Promayarn FB Fanpage: พรหมอ่านไพ่ หรือ Line OA: 874idjbu คลิ๊ก 👉 https://lin.ee/Te57Hii . #ใดใดในโลกล้วนสายมู #พรหมอ่านไพ่ #พรหมญาณพยากรณ์ #พรหมญาณ๗๔ #ไพ่พรหมญาณ #เคียงข้างทุกปัญหาให้คุณค่าทุกการตัดสินใจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1236 มุมมอง 0 รีวิว
  • หากเริ่มต้นวัน
    ด้วยเรื่องราวที่ไม่ดี
    จงรับมือด้วยพลังบวก
    ไม่ใช่รับมือด้วยพลังลบ

    จากหนังสือ |เป็นเราในเวอร์ชั่นที่มีความสุข

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #เป็นเราในเวอร์ชั่นที่มีความสุข
    หากเริ่มต้นวัน ด้วยเรื่องราวที่ไม่ดี จงรับมือด้วยพลังบวก ไม่ใช่รับมือด้วยพลังลบ จากหนังสือ |เป็นเราในเวอร์ชั่นที่มีความสุข #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #เป็นเราในเวอร์ชั่นที่มีความสุข
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทิงเดอะบันด์ The Bund Bull สัญลักษณ์ประจำเมืองเซี่ยงไฮ"กระทิงแห่งเซี่ยงไฮ้* (Shanghai Bull) "The Bund" ในเซี่ยงไฮ้ มีกระทิงทองแดงที่โดดเด่นซึ่ง เรียกว่า "กระทิงแห่งเซี่ยงไฮ้" (Shanghai Bull) ตั้งอยู่ใกล้ กับย่านธุรกิจและการท่องเที่ยวบนถนนสายประวัติศาสตร์ โดยกระทิงนี้ถักสร้างขึ้นโดยศิลปิน Arturo Di Modica ผ สร้างกระทิงที่มีชื่อเสียงใน Wall Street ของนิวยอร์ก กระทิงเชี่ยงไฮ้เป็นสัญลักษณ์ของพลังทางเศรษฐกิจและ การเจริญเติบโตของเมือง ผู้คนเชื่อว่าการสัมผัสกระทิง จะนําโซคดีมาให้ โดยเฉพาะการลูบที่ส่วนของเขาหรือจมูก เพราะถือเป็นการรับพลังบวกและเสริมโชคลาภทางการเงิน จึงทําให้กระทิงที่ The Bund เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยม ที่นักท่องเที่ยวมักจะมาถ่ายรูปและสัมผัสเพื่อความเป็นสิริ มงคล
    กระทิงเดอะบันด์ The Bund Bull 🇨🇳สัญลักษณ์ประจำเมืองเซี่ยงไฮ"กระทิงแห่งเซี่ยงไฮ้* (Shanghai Bull) "The Bund" ในเซี่ยงไฮ้ มีกระทิงทองแดงที่โดดเด่นซึ่ง เรียกว่า "กระทิงแห่งเซี่ยงไฮ้" (Shanghai Bull) ตั้งอยู่ใกล้ กับย่านธุรกิจและการท่องเที่ยวบนถนนสายประวัติศาสตร์ โดยกระทิงนี้ถักสร้างขึ้นโดยศิลปิน Arturo Di Modica ผ สร้างกระทิงที่มีชื่อเสียงใน Wall Street ของนิวยอร์ก กระทิงเชี่ยงไฮ้เป็นสัญลักษณ์ของพลังทางเศรษฐกิจและ การเจริญเติบโตของเมือง ผู้คนเชื่อว่าการสัมผัสกระทิง จะนําโซคดีมาให้ โดยเฉพาะการลูบที่ส่วนของเขาหรือจมูก เพราะถือเป็นการรับพลังบวกและเสริมโชคลาภทางการเงิน จึงทําให้กระทิงที่ The Bund เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยม ที่นักท่องเที่ยวมักจะมาถ่ายรูปและสัมผัสเพื่อความเป็นสิริ มงคล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 615 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • สุขนิยมอุ๊งอิ๊ง ไม่ชอบก็ปล่อยผ่าน

    ฉายารัฐบาลประจำปี 2567 รัฐบาล "พ่อ" เลี้ยง" ฉายา "แพทองโพย" และวาทะแห่งปี "สามีเป็นคนใต้" ของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร เจ้าตัวจะใจดีสู้เสือยังยิ้มได้ หยอกล้อกับสื่ออย่างอารมณ์ดีว่า "ไม่ใช่ เราเป็นแพทองแพด เราใช้ไอแพดไม่ได้ใช้โพย ทำไมถึงเป็นโพย โพยคือกระดาษใช่ไหม" และยืนยันว่าไม่โกรธ จะโกรธอะไร

    เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. แพทองธารกล่าวทำนองว่า ต้องหัดมองมุมที่ดีบ้าง ถ้าต้องดรามาทะเลาะกันอย่างนั้นเหนื่อย อยากให้ทุกคนคิดว่าทำงานมา 1 ปีมีความสุขอะไรบ้าง ภูมิใจในตัวเองเรื่องอะไรบ้าง และอยากปรับปรุงอะไร อย่าไปบี้ตัวเองหรือทำให้รู้สึกว่าแย่ และอย่าไปเครียดมาก เพราะมีเรื่องเครียดในชีวิตเยอะแล้ว

    "เป็นหนึ่งคนที่ผ่านอะไรมาเยอะในชีวิตตั้งแต่เด็ก ที่เจอเรื่องการเมืองหรืออะไรก็ตาม แต่ถ้าให้นึกว่าเกลียดใครจริงๆ นึกไม่ออก เพราะไม่ค่อยเกลียดใคร เกลียดแล้วเหนื่อย รู้สึกว่าไม่ต้องเกลียดหรอก สมมติถ้าเราไม่ชอบ หรือเรากับบุคคลนั้นไปกันไม่ได้ก็แค่ถอยออกมา จะไปเกลียดไม่ชอบใคร มันเหนื่อย"

    แม้แพทองธารจะไม่ทราบว่ามีภูมิต้านทานทางการเมืองมาตั้งแต่เด็ก แต่รู้สึกว่าถ้าไม่ชอบตรงไหนก็ถอยออกมาอยู่ในจุดที่ลงตัว มีความสุข และเป็นประโยชน์ได้ก็อยู่ตรงนั้น อย่าไปเกลียดใครมากมันเหนื่อย

    วันต่อมาในงานเลี้ยงสื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า อยากให้เข้าใจคาแรกเตอร์ส่วนตัว เป็นคนตรงๆ อาจจะดูโผงผาง พูดตรง เสียงดัง แต่ไม่ได้คิดร้ายกับใคร ถ้าไม่ชอบหรือไม่แฮปปี้ ก็บอกไปแล้วว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร เป็นแบบนี้มานานแล้ว ไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรมาก พร้อมกล่าวติดตลกว่า "หน้าอาจจะเหลี่ยมบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมมากมาย"

    "อยากให้ทุกคนมีความสุขในทุกๆวัน แม้บางวันที่มันยาก บางวันที่ไม่น่าจะมีความสุขเลยก็น่าจะหาความสุขให้ได้ในวันนั้น เพื่อรักษาใจตัวเองให้วันต่อไป ... เราเริ่มจากอะไรเล็กๆ ใกล้ๆ ตัวก่อน รักตัวเองให้ได้เพื่อจะมีแรงไปรักคนอื่น มีแรงไปทำดีให้คนอื่น ขอให้มีพลังบวกแบบนี้ไปเยอะๆ แต่อย่าบวกกันเยอะ"

    ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ก.ย. มีคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งพาดหัวบทความว่า "ประเทศในมือนายกฯ ฟันน้ำนม" ว่ากันว่าแพทองธารไม่พอใจคำว่า "นายกฯ ฟันน้ำนม" อย่างมาก ทีมงานนายกรัฐมนตรี วิม รุ่งวัฒนจินดา จี้ให้ลบบทความออกจากเว็บไซต์ สุดท้ายบทความนั้นหายไปจากระบบ

    แต่วันนี้ท่าทีที่ออกมาดูแตกต่างกันพอสมควร มองจากภายนอกเสมือนรู้ตัวว่าต้องทำอย่างไรในฐานะบุคคลสาธารณะ ส่วนจะเข้าใจโลกเข้าใจชีวิตหรือไม่ ไม่มีใครรู้ เพราะไม่ได้อยู่คฤหาสน์หรูย่านนวมินทร์-รามอินทรา

    #Newskit
    สุขนิยมอุ๊งอิ๊ง ไม่ชอบก็ปล่อยผ่าน ฉายารัฐบาลประจำปี 2567 รัฐบาล "พ่อ" เลี้ยง" ฉายา "แพทองโพย" และวาทะแห่งปี "สามีเป็นคนใต้" ของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร เจ้าตัวจะใจดีสู้เสือยังยิ้มได้ หยอกล้อกับสื่ออย่างอารมณ์ดีว่า "ไม่ใช่ เราเป็นแพทองแพด เราใช้ไอแพดไม่ได้ใช้โพย ทำไมถึงเป็นโพย โพยคือกระดาษใช่ไหม" และยืนยันว่าไม่โกรธ จะโกรธอะไร เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. แพทองธารกล่าวทำนองว่า ต้องหัดมองมุมที่ดีบ้าง ถ้าต้องดรามาทะเลาะกันอย่างนั้นเหนื่อย อยากให้ทุกคนคิดว่าทำงานมา 1 ปีมีความสุขอะไรบ้าง ภูมิใจในตัวเองเรื่องอะไรบ้าง และอยากปรับปรุงอะไร อย่าไปบี้ตัวเองหรือทำให้รู้สึกว่าแย่ และอย่าไปเครียดมาก เพราะมีเรื่องเครียดในชีวิตเยอะแล้ว "เป็นหนึ่งคนที่ผ่านอะไรมาเยอะในชีวิตตั้งแต่เด็ก ที่เจอเรื่องการเมืองหรืออะไรก็ตาม แต่ถ้าให้นึกว่าเกลียดใครจริงๆ นึกไม่ออก เพราะไม่ค่อยเกลียดใคร เกลียดแล้วเหนื่อย รู้สึกว่าไม่ต้องเกลียดหรอก สมมติถ้าเราไม่ชอบ หรือเรากับบุคคลนั้นไปกันไม่ได้ก็แค่ถอยออกมา จะไปเกลียดไม่ชอบใคร มันเหนื่อย" แม้แพทองธารจะไม่ทราบว่ามีภูมิต้านทานทางการเมืองมาตั้งแต่เด็ก แต่รู้สึกว่าถ้าไม่ชอบตรงไหนก็ถอยออกมาอยู่ในจุดที่ลงตัว มีความสุข และเป็นประโยชน์ได้ก็อยู่ตรงนั้น อย่าไปเกลียดใครมากมันเหนื่อย วันต่อมาในงานเลี้ยงสื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า อยากให้เข้าใจคาแรกเตอร์ส่วนตัว เป็นคนตรงๆ อาจจะดูโผงผาง พูดตรง เสียงดัง แต่ไม่ได้คิดร้ายกับใคร ถ้าไม่ชอบหรือไม่แฮปปี้ ก็บอกไปแล้วว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร เป็นแบบนี้มานานแล้ว ไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรมาก พร้อมกล่าวติดตลกว่า "หน้าอาจจะเหลี่ยมบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมมากมาย" "อยากให้ทุกคนมีความสุขในทุกๆวัน แม้บางวันที่มันยาก บางวันที่ไม่น่าจะมีความสุขเลยก็น่าจะหาความสุขให้ได้ในวันนั้น เพื่อรักษาใจตัวเองให้วันต่อไป ... เราเริ่มจากอะไรเล็กๆ ใกล้ๆ ตัวก่อน รักตัวเองให้ได้เพื่อจะมีแรงไปรักคนอื่น มีแรงไปทำดีให้คนอื่น ขอให้มีพลังบวกแบบนี้ไปเยอะๆ แต่อย่าบวกกันเยอะ" ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ก.ย. มีคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งพาดหัวบทความว่า "ประเทศในมือนายกฯ ฟันน้ำนม" ว่ากันว่าแพทองธารไม่พอใจคำว่า "นายกฯ ฟันน้ำนม" อย่างมาก ทีมงานนายกรัฐมนตรี วิม รุ่งวัฒนจินดา จี้ให้ลบบทความออกจากเว็บไซต์ สุดท้ายบทความนั้นหายไปจากระบบ แต่วันนี้ท่าทีที่ออกมาดูแตกต่างกันพอสมควร มองจากภายนอกเสมือนรู้ตัวว่าต้องทำอย่างไรในฐานะบุคคลสาธารณะ ส่วนจะเข้าใจโลกเข้าใจชีวิตหรือไม่ ไม่มีใครรู้ เพราะไม่ได้อยู่คฤหาสน์หรูย่านนวมินทร์-รามอินทรา #Newskit
    Like
    Angry
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1170 มุมมอง 0 รีวิว