• เสี่ยหนูเสียงแข็ง ผมไม่ใช่ผู้ต้องหาฮั้วสว. เพียงคนเดียว
    เพราะกกต.แจ้งข้อกล่าวหาเพียบ อนุทิน ไชยชนก ศิริพงศ์ เจเศรษฐ์ ไตรศุลี ศุภมาศ กรวีร์ ภราดร ฯ
    #7ดอกจิก
    เสี่ยหนูเสียงแข็ง ผมไม่ใช่ผู้ต้องหาฮั้วสว. เพียงคนเดียว เพราะกกต.แจ้งข้อกล่าวหาเพียบ อนุทิน ไชยชนก ศิริพงศ์ เจเศรษฐ์ ไตรศุลี ศุภมาศ กรวีร์ ภราดร ฯ #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว
  • เสี่ยหนูยืนกราน มิใช่ผู้ต้องหาคดีฮั้วสว.เพียงคนเดียว เพราะรายชื่อคนในพรรคที่โดน กกต.แจ้งข้อกล่าวหามีมากกว่า 20 คน เช่น อนุทิน ไชยชนก ศิริพงศ์ เจเศรษฐ์ ไตรศุลี ศุภมาศ กรวีร์ ภราดร สุขสมรวย เป็นต้น
    #คิงส์โพธิ์แดง
    เสี่ยหนูยืนกราน มิใช่ผู้ต้องหาคดีฮั้วสว.เพียงคนเดียว เพราะรายชื่อคนในพรรคที่โดน กกต.แจ้งข้อกล่าวหามีมากกว่า 20 คน เช่น อนุทิน ไชยชนก ศิริพงศ์ เจเศรษฐ์ ไตรศุลี ศุภมาศ กรวีร์ ภราดร สุขสมรวย เป็นต้น #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 183 มุมมอง 0 รีวิว
  • สองวัยรุ่นอังกฤษถูกตั้งข้อหาแฮกระบบขนส่ง TfL — เครือข่าย Scattered Spider เบื้องหลังการโจมตีระดับชาติ

    ในเดือนกันยายน 2025 สองวัยรุ่นชาวอังกฤษถูกตั้งข้อหาเกี่ยวกับการโจมตีทางไซเบอร์ที่สร้างความเสียหายให้กับระบบขนส่งของกรุงลอนดอน (TfL) เมื่อปี 2024 โดยมีการเชื่อมโยงกับกลุ่มแฮกเกอร์ชื่อฉาว “Scattered Spider” ซึ่งเคยก่อเหตุโจมตีองค์กรใหญ่ทั้งในสหรัฐฯ และยุโรป

    ผู้ต้องหาคือ Thalha Jubair อายุ 19 ปี จาก East London และ Owen Flowers อายุ 18 ปี จาก Walsall ถูกจับกุมโดยหน่วยงาน National Crime Agency (NCA) และถูกนำตัวขึ้นศาล Westminster Magistrates’ Court โดยถูกกล่าวหาว่าร่วมกันละเมิดพระราชบัญญัติ Computer Misuse Act และสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานระดับชาติของสหราชอาณาจักร

    การโจมตีดังกล่าวไม่ได้หยุดการเดินรถไฟใต้ดิน แต่ส่งผลกระทบต่อระบบบริการต่าง ๆ เช่น การเข้าสู่ระบบบัตร Oyster, การชำระเงินแบบ contactless และแอปพลิเคชันของบุคคลที่สามที่เชื่อมต่อกับ API ของ TfL โดยมีข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้กว่า 5,000 รายรั่วไหล รวมถึงรายละเอียดบัญชีธนาคาร

    นอกจากนี้ Jubair ยังถูกตั้งข้อหาในสหรัฐฯ จากการมีส่วนร่วมในแผนการแฮกและเรียกค่าไถ่กว่า 120 ครั้งต่อองค์กรในสหรัฐฯ รวมถึงการฟอกเงินและปฏิเสธการให้รหัสผ่านกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งละเมิดกฎหมาย Regulation of Investigatory Powers Act ของอังกฤษ

    Flowers ก็ถูกเชื่อมโยงกับการโจมตีเครือข่ายของ SSM Health และ Sutter Health ในสหรัฐฯ เช่นกัน โดยทั้งสองคนถูกมองว่าเป็นสมาชิกของ Scattered Spider ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์วัยรุ่นที่ใช้เทคนิค social engineering เช่น phishing และการโทรหลอกลวงเจ้าหน้าที่ IT เพื่อเข้าถึงระบบภายในองค์กร

    การจับกุมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการสืบสวนที่ยาวนานและซับซ้อน โดย NCA ยืนยันว่าการดำเนินคดีเป็น “ผลประโยชน์สาธารณะ” และเป็นก้าวสำคัญในการจัดการกับภัยไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มเยาวชนอังกฤษ ซึ่งจากรายงานพบว่า 1 ใน 5 เด็กอายุ 10–16 ปีเคยมีพฤติกรรมละเมิดกฎหมายไซเบอร์มาแล้ว

    https://hackread.com/two-uk-teenagers-charged-tfl-hack-scattered-spider/
    📰 สองวัยรุ่นอังกฤษถูกตั้งข้อหาแฮกระบบขนส่ง TfL — เครือข่าย Scattered Spider เบื้องหลังการโจมตีระดับชาติ ในเดือนกันยายน 2025 สองวัยรุ่นชาวอังกฤษถูกตั้งข้อหาเกี่ยวกับการโจมตีทางไซเบอร์ที่สร้างความเสียหายให้กับระบบขนส่งของกรุงลอนดอน (TfL) เมื่อปี 2024 โดยมีการเชื่อมโยงกับกลุ่มแฮกเกอร์ชื่อฉาว “Scattered Spider” ซึ่งเคยก่อเหตุโจมตีองค์กรใหญ่ทั้งในสหรัฐฯ และยุโรป ผู้ต้องหาคือ Thalha Jubair อายุ 19 ปี จาก East London และ Owen Flowers อายุ 18 ปี จาก Walsall ถูกจับกุมโดยหน่วยงาน National Crime Agency (NCA) และถูกนำตัวขึ้นศาล Westminster Magistrates’ Court โดยถูกกล่าวหาว่าร่วมกันละเมิดพระราชบัญญัติ Computer Misuse Act และสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานระดับชาติของสหราชอาณาจักร การโจมตีดังกล่าวไม่ได้หยุดการเดินรถไฟใต้ดิน แต่ส่งผลกระทบต่อระบบบริการต่าง ๆ เช่น การเข้าสู่ระบบบัตร Oyster, การชำระเงินแบบ contactless และแอปพลิเคชันของบุคคลที่สามที่เชื่อมต่อกับ API ของ TfL โดยมีข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้กว่า 5,000 รายรั่วไหล รวมถึงรายละเอียดบัญชีธนาคาร นอกจากนี้ Jubair ยังถูกตั้งข้อหาในสหรัฐฯ จากการมีส่วนร่วมในแผนการแฮกและเรียกค่าไถ่กว่า 120 ครั้งต่อองค์กรในสหรัฐฯ รวมถึงการฟอกเงินและปฏิเสธการให้รหัสผ่านกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งละเมิดกฎหมาย Regulation of Investigatory Powers Act ของอังกฤษ Flowers ก็ถูกเชื่อมโยงกับการโจมตีเครือข่ายของ SSM Health และ Sutter Health ในสหรัฐฯ เช่นกัน โดยทั้งสองคนถูกมองว่าเป็นสมาชิกของ Scattered Spider ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์วัยรุ่นที่ใช้เทคนิค social engineering เช่น phishing และการโทรหลอกลวงเจ้าหน้าที่ IT เพื่อเข้าถึงระบบภายในองค์กร การจับกุมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการสืบสวนที่ยาวนานและซับซ้อน โดย NCA ยืนยันว่าการดำเนินคดีเป็น “ผลประโยชน์สาธารณะ” และเป็นก้าวสำคัญในการจัดการกับภัยไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มเยาวชนอังกฤษ ซึ่งจากรายงานพบว่า 1 ใน 5 เด็กอายุ 10–16 ปีเคยมีพฤติกรรมละเมิดกฎหมายไซเบอร์มาแล้ว https://hackread.com/two-uk-teenagers-charged-tfl-hack-scattered-spider/
    HACKREAD.COM
    Two UK Teenagers Charged Over TfL Hack Linked to Scattered Spider
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 287 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่หลงกลเขมรการละคร ใช้ เด็ก-ผู้หญิง เป็นโล่ : [NEWS UPDATE]
    พล.ต.สุรวิชญ์ แดงจันทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 เผยถึงเหตุการณ์ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว เป็นบทพิสูจน์ความจริงใจของฝั่งกัมพูชา ประชาชนได้เห็นแล้ว ทหารกัมพูชาใช้เด็ก ผู้หญิง พระสงฆ์ เป็นโล่ป้องกันตัวเอง ไม่ใช่การปฏิบัติอย่างมีอารยะ ขอประณามผู้นำกัมพูชาที่ปล่อยให้เกิดขึ้นในพื้นที่อธิปไตยไทย ยืนยัน ไทยไม่หลงกลทราบดีว่ากัมพูชาจะใช้วิธีนี้สร้างภาพ สร้างละคร ให้ออกมาว่าไทยทำร้ายเด็กและผู้หญิง จึงประสานกับกองร้อยควบคุมฝูงชนจากตำรวจโดยยึดหลักสากล ไทยจะไม่เป็นผู้ใหญ่ใจดีอีกแล้ว ตอนนี้รถน้ำ แก๊สน้ำตา กระสุนยาง เตรียมพร้อม ไทยจะยกระดับความเข้มข้น จะไม่ยอมให้ยั่วยุ หากละเมิดรุกล้ำอธิปไตยไทยอีกจะจับกุมทันที แล้วนำขึ้นรถผู้ต้องหาดำเนินคดีในไทย โดยใช้กฎหมายสูงสุด


    รัฐบาล"อนุทิน"ไม่มีสินบน

    ..รู้..แต่จัดการไม่ได้

    "ชวน"ปรารภ"อภิสิทธิ์"เหมาะสม

    พ่อเครียดผมร่วงความดันขึ้น
    ไม่หลงกลเขมรการละคร ใช้ เด็ก-ผู้หญิง เป็นโล่ : [NEWS UPDATE] พล.ต.สุรวิชญ์ แดงจันทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 เผยถึงเหตุการณ์ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว เป็นบทพิสูจน์ความจริงใจของฝั่งกัมพูชา ประชาชนได้เห็นแล้ว ทหารกัมพูชาใช้เด็ก ผู้หญิง พระสงฆ์ เป็นโล่ป้องกันตัวเอง ไม่ใช่การปฏิบัติอย่างมีอารยะ ขอประณามผู้นำกัมพูชาที่ปล่อยให้เกิดขึ้นในพื้นที่อธิปไตยไทย ยืนยัน ไทยไม่หลงกลทราบดีว่ากัมพูชาจะใช้วิธีนี้สร้างภาพ สร้างละคร ให้ออกมาว่าไทยทำร้ายเด็กและผู้หญิง จึงประสานกับกองร้อยควบคุมฝูงชนจากตำรวจโดยยึดหลักสากล ไทยจะไม่เป็นผู้ใหญ่ใจดีอีกแล้ว ตอนนี้รถน้ำ แก๊สน้ำตา กระสุนยาง เตรียมพร้อม ไทยจะยกระดับความเข้มข้น จะไม่ยอมให้ยั่วยุ หากละเมิดรุกล้ำอธิปไตยไทยอีกจะจับกุมทันที แล้วนำขึ้นรถผู้ต้องหาดำเนินคดีในไทย โดยใช้กฎหมายสูงสุด รัฐบาล"อนุทิน"ไม่มีสินบน ..รู้..แต่จัดการไม่ได้ "ชวน"ปรารภ"อภิสิทธิ์"เหมาะสม พ่อเครียดผมร่วงความดันขึ้น
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 602 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ไม่เป็นผู้ใหญ่ใจดี เขมรรุกล้ำโดนจับแน่ : [THE MESSAGE]
    พล.ต.สุรวิชญ์ แดงจันทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 เผยถึงเหตุการณ์ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว เป็นบทพิสูจน์ความจริงใจของฝั่งกัมพูชา ซึ่งประชาชนได้เห็นแล้ว
    ทหารกัมพูชาใช้เด็ก ผู้หญิง พระสงฆ์เป็นโล่ป้องกันตัวเอง ไม่ใช่การปฏิบัติอย่างมีอารยะ ขอประณามผู้นำกัมพูชาที่ปล่อยให้เกิดขึ้นในพื้นที่อธิปไตยไทย ยืนยัน ไทยไม่ได้หลงกลกัมพูชา ทราบดีว่ากัมพูชาจะใช้วิธีนี้เพื่อสร้างภาพ สร้างละคร ให้ออกมาว่าไทยทำร้ายเด็กและผู้หญิง ทหารต้องสู้กับทหาร ไม่ใช่ประชาชน จึงประสานกับกองร้อยควบคุมฝูงชนจากตำรวจโดยยึดหลักสากล ไทยจะไม่เป็นผู้ใหญ่ใจดีอีกแล้ว ตอนนี้ รถน้ำ แก๊สน้ำตา กระสุนยาง เตรียมพร้อมแล้ว ไทยจะยกระดับความเข้มข้น จะไม่ยอมให้ยั่วยุ หากมีการละเมิดอีกจะจับกุมทันที แล้วนำขึ้นรถผู้ต้องหาดำเนินคดีในไทย ใช้กฎหมายสูงสุด เพราะคุณรุกล้ำและละเมิดอธิปไตยไทยชัดเจน
    ไม่เป็นผู้ใหญ่ใจดี เขมรรุกล้ำโดนจับแน่ : [THE MESSAGE] พล.ต.สุรวิชญ์ แดงจันทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 เผยถึงเหตุการณ์ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว เป็นบทพิสูจน์ความจริงใจของฝั่งกัมพูชา ซึ่งประชาชนได้เห็นแล้ว ทหารกัมพูชาใช้เด็ก ผู้หญิง พระสงฆ์เป็นโล่ป้องกันตัวเอง ไม่ใช่การปฏิบัติอย่างมีอารยะ ขอประณามผู้นำกัมพูชาที่ปล่อยให้เกิดขึ้นในพื้นที่อธิปไตยไทย ยืนยัน ไทยไม่ได้หลงกลกัมพูชา ทราบดีว่ากัมพูชาจะใช้วิธีนี้เพื่อสร้างภาพ สร้างละคร ให้ออกมาว่าไทยทำร้ายเด็กและผู้หญิง ทหารต้องสู้กับทหาร ไม่ใช่ประชาชน จึงประสานกับกองร้อยควบคุมฝูงชนจากตำรวจโดยยึดหลักสากล ไทยจะไม่เป็นผู้ใหญ่ใจดีอีกแล้ว ตอนนี้ รถน้ำ แก๊สน้ำตา กระสุนยาง เตรียมพร้อมแล้ว ไทยจะยกระดับความเข้มข้น จะไม่ยอมให้ยั่วยุ หากมีการละเมิดอีกจะจับกุมทันที แล้วนำขึ้นรถผู้ต้องหาดำเนินคดีในไทย ใช้กฎหมายสูงสุด เพราะคุณรุกล้ำและละเมิดอธิปไตยไทยชัดเจน
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 576 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • อนุทินนายกฯ 4 เดือน นับถอยหลังเพื่อไทย

    การเมืองไทยหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ฐานฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ช่วงนี้จะได้เห็นการชิงไหวชิงพริบเพื่อช่วงชิงอำนาจ เมื่อวันที่ 3 ก.ย. พรรคประชาชน ที่มีเสียงในสภาฯ 143 เสียง มีมติเลือกนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 แต่มีเงื่อนไข 5 ข้อ คือ ต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน นับตั้งแต่วันแถลงนโยบาย การเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ใช้สภาร่างรัฐธรรมนูญมาจากการเลือกตั้ง ห้ามพรรคภูมิใจไทยตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก และพรรคประชาชนจะขอเป็นฝ่ายค้าน

    ขณะที่พรรคเพื่อไทย ของนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นแคนดิเดตนายกฯ ที่เหลืออยู่ เมื่อรู้ว่าพรรคประชาชนจับมือกับพรรคภูมิใจไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งสถานะตอนนี้เพียงปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ไม่ใช่รักษาการนายกรัฐมนตรี เพราะนายกรัฐมนตรีตัวจริงพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว ก็เปิดเผยว่ายื่นทูลเกล้าฯ ร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว โดยไม่ฟังเสียงกฤษฎีกาและบรรดานักกฎหมายที่ท้วงติงว่าทำไม่ได้ กระทั่งมีรายงานข่าวว่า สำนักองคมนตรี ส่งคืนร่างดังกล่าวไปแล้ว เพราะไม่เป็นไปตามระเบียบ รัฐบาลรักษาการไม่สามารถกราบบังคมทูลฯ ยุบสภาได้

    ด้านสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้บรรจุวาระเรื่องด่วน พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 5 ก.ย.ที่จะถึงนี้

    ก่อนหน้านี้มีความเปลี่ยนแปลงขั้วทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นพรรคกล้าธรรม ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประกาศสนับสนุนนายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี แม้จะถูกนายทักษิณตัดพ้อว่า ผิดที่ไว้ใจ แต่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า อย่าไปคิดมาก เพราะเป็นการหาทางออกให้บ้านเมือง หรือจะเป็น สส.พรรคเพื่อไทยส่วนหนึ่งย้ายไปสนับสนุนนายอนุทิน ทำให้พรรคเพื่อไทยเลือดไหลออกไม่หยุด และมีผลไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า ที่มีชนักติดหลังเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา

    ขณะที่พรรคประชาชน แม้จะอธิบายว่าการโหวตเลือกนายอนุทินเพื่อหาทางออกให้กับบ้านเมือง แต่ก็ถูกวิจารณ์จากกลุ่มนักเคลื่อนไหว เช่น นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน อดีตแกนนำม็อบราษฎร ผู้ต้องหาคดี 112 ที่หลบหนีไปต่างประเทศ เตือนว่าสุดท้ายพรรคภูมิใจไทยจะทรยศและใช้อำนาจทำร้ายพรรคประชาชน รวมทั้งทำร้ายขบวนการประชาธิปไตยทั้งองคาพยพ การสนับสนุนนายอนุทิน ทำให้การปฏิรูปการเมืองถดถอย และทรยศหักหลังการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในปี 2563 อย่างรุนแรง

    #Newskit
    อนุทินนายกฯ 4 เดือน นับถอยหลังเพื่อไทย การเมืองไทยหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ฐานฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ช่วงนี้จะได้เห็นการชิงไหวชิงพริบเพื่อช่วงชิงอำนาจ เมื่อวันที่ 3 ก.ย. พรรคประชาชน ที่มีเสียงในสภาฯ 143 เสียง มีมติเลือกนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 แต่มีเงื่อนไข 5 ข้อ คือ ต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน นับตั้งแต่วันแถลงนโยบาย การเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ใช้สภาร่างรัฐธรรมนูญมาจากการเลือกตั้ง ห้ามพรรคภูมิใจไทยตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก และพรรคประชาชนจะขอเป็นฝ่ายค้าน ขณะที่พรรคเพื่อไทย ของนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นแคนดิเดตนายกฯ ที่เหลืออยู่ เมื่อรู้ว่าพรรคประชาชนจับมือกับพรรคภูมิใจไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งสถานะตอนนี้เพียงปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ไม่ใช่รักษาการนายกรัฐมนตรี เพราะนายกรัฐมนตรีตัวจริงพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว ก็เปิดเผยว่ายื่นทูลเกล้าฯ ร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว โดยไม่ฟังเสียงกฤษฎีกาและบรรดานักกฎหมายที่ท้วงติงว่าทำไม่ได้ กระทั่งมีรายงานข่าวว่า สำนักองคมนตรี ส่งคืนร่างดังกล่าวไปแล้ว เพราะไม่เป็นไปตามระเบียบ รัฐบาลรักษาการไม่สามารถกราบบังคมทูลฯ ยุบสภาได้ ด้านสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้บรรจุวาระเรื่องด่วน พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 5 ก.ย.ที่จะถึงนี้ ก่อนหน้านี้มีความเปลี่ยนแปลงขั้วทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นพรรคกล้าธรรม ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประกาศสนับสนุนนายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี แม้จะถูกนายทักษิณตัดพ้อว่า ผิดที่ไว้ใจ แต่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า อย่าไปคิดมาก เพราะเป็นการหาทางออกให้บ้านเมือง หรือจะเป็น สส.พรรคเพื่อไทยส่วนหนึ่งย้ายไปสนับสนุนนายอนุทิน ทำให้พรรคเพื่อไทยเลือดไหลออกไม่หยุด และมีผลไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า ที่มีชนักติดหลังเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่พรรคประชาชน แม้จะอธิบายว่าการโหวตเลือกนายอนุทินเพื่อหาทางออกให้กับบ้านเมือง แต่ก็ถูกวิจารณ์จากกลุ่มนักเคลื่อนไหว เช่น นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน อดีตแกนนำม็อบราษฎร ผู้ต้องหาคดี 112 ที่หลบหนีไปต่างประเทศ เตือนว่าสุดท้ายพรรคภูมิใจไทยจะทรยศและใช้อำนาจทำร้ายพรรคประชาชน รวมทั้งทำร้ายขบวนการประชาธิปไตยทั้งองคาพยพ การสนับสนุนนายอนุทิน ทำให้การปฏิรูปการเมืองถดถอย และทรยศหักหลังการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในปี 2563 อย่างรุนแรง #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 511 มุมมอง 0 รีวิว
  • ๒ตำรวจกองปราบควบคุมตัว "อดีตพระอลงกต-หมอบี" ฝากขังศาลผัดแรก พร้อมค้านประกันตัว เกรงหลบหนี-ยุ่งเกี่ยวพยานหลักฐาน ด้านอดีเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุยิ้มแย้มปัดตอบคำถามผู้สื่อข่าว

    วันนี้ (27 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. พนักงานสอบสวนกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม (กก.1 บก.ป.) ได้ควบคุมตัว อดีตพระราชวิสุทธิประชานาถ หรือหลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ที่ จ 81/2568 ลง 22 สิงหาคม 2568 ข้อหา"เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใด

    เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิขอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, ฟอกเงินและสมคนโดยการตกลงกันตั้งแต่

    สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน" และ นายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล หรือ "หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ" เจ้าของเพจ "งมงาย สไตล์หมอบี" ไปฝากขังศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ

    โดยอดีตหลวงอลงกต สวมเสื้อผ้าสีกรัก (น้ำตาลเข้ม) คล้ายจีวรพระสงฆ์สายธรรมยุติกนิกาย โดยคลุมผ้าสีคล้ายจีวรพระ ซึ่งขณะกำลังเดินขึ้นรถควบคุมผู้ต้องหา อดีตหลวงพ่ออลงกต มีสีหน้ายิ้มแย้ม โบกมือทักทายผู้สื่อข่าวที่มารอทำข่าวจำนวนมาก

    เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีอะไรจะชี้แจงไหม, รับสารภาพหรือปฏิเสธ,จะกลับมาบวชอีกไหม แต่อดีตหลวงพ่ออลงกต ได้ปฏิเสธที่ตอบคำถามสื่อมวลชนแต่อย่างใด ก่อนเจ้าหน้าที่นำขึ้นรถส่งศาลต่อไป

    ทั้งนี้ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายเนื่องจากเกรงจะหลบหนีและเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000081678

    #MGROnline #อดีตพระอลงกต #หมอบี #หมอบีทูตสื่อวิญญาณ #วัดพระบาทน้ำพุ #หลวงพ่ออลงกต
    ๒ตำรวจกองปราบควบคุมตัว "อดีตพระอลงกต-หมอบี" ฝากขังศาลผัดแรก พร้อมค้านประกันตัว เกรงหลบหนี-ยุ่งเกี่ยวพยานหลักฐาน ด้านอดีเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุยิ้มแย้มปัดตอบคำถามผู้สื่อข่าว • วันนี้ (27 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. พนักงานสอบสวนกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม (กก.1 บก.ป.) ได้ควบคุมตัว อดีตพระราชวิสุทธิประชานาถ หรือหลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ที่ จ 81/2568 ลง 22 สิงหาคม 2568 ข้อหา"เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใด • เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิขอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, ฟอกเงินและสมคนโดยการตกลงกันตั้งแต่ • สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน" และ นายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล หรือ "หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ" เจ้าของเพจ "งมงาย สไตล์หมอบี" ไปฝากขังศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ • โดยอดีตหลวงอลงกต สวมเสื้อผ้าสีกรัก (น้ำตาลเข้ม) คล้ายจีวรพระสงฆ์สายธรรมยุติกนิกาย โดยคลุมผ้าสีคล้ายจีวรพระ ซึ่งขณะกำลังเดินขึ้นรถควบคุมผู้ต้องหา อดีตหลวงพ่ออลงกต มีสีหน้ายิ้มแย้ม โบกมือทักทายผู้สื่อข่าวที่มารอทำข่าวจำนวนมาก • เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีอะไรจะชี้แจงไหม, รับสารภาพหรือปฏิเสธ,จะกลับมาบวชอีกไหม แต่อดีตหลวงพ่ออลงกต ได้ปฏิเสธที่ตอบคำถามสื่อมวลชนแต่อย่างใด ก่อนเจ้าหน้าที่นำขึ้นรถส่งศาลต่อไป • ทั้งนี้ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายเนื่องจากเกรงจะหลบหนีและเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000081678 • #MGROnline #อดีตพระอลงกต #หมอบี #หมอบีทูตสื่อวิญญาณ #วัดพระบาทน้ำพุ #หลวงพ่ออลงกต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 477 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อผู้พิทักษ์ไซเบอร์กลายเป็นผู้ต้องหา: คดีที่สะเทือนความเชื่อมั่นระดับโลก

    Tom Artiom Alexandrovich วัย 38 ปี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีของ Israel Cyber Directorate ถูกจับในลาสเวกัสระหว่างการประชุม Black Hat 2025 ซึ่งเป็นงานใหญ่ด้านความปลอดภัยไซเบอร์ระดับโลก

    เขาเป็นหนึ่งใน 8 ผู้ต้องหาที่ถูกจับจากปฏิบัติการลับร่วมกันระหว่าง FBI, ICAC และตำรวจท้องถิ่น โดยทั้งหมดถูกตั้งข้อหา “ล่อลวงเด็กผ่านคอมพิวเตอร์เพื่อการล่วงละเมิดทางเพศ” ซึ่งตามกฎหมายรัฐเนวาดา มีโทษจำคุก 1–10 ปี

    แม้ตำรวจลาสเวกัสจะยืนยันการจับกุมและการฝากขัง แต่รัฐบาลอิสราเอลกลับแถลงว่า Alexandrovich “ไม่ได้ถูกจับกุม แต่ถูกสอบสวน” และเดินทางกลับประเทศตามกำหนด โดยถูกสั่งพักงานเพื่อรอผลสอบสวน

    เขาเคยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนา “Cyber Dome” ระบบป้องกันภัยไซเบอร์ระดับชาติของอิสราเอล และเคยได้รับรางวัล Israel Defense Prize จากผลงานด้านความมั่นคงไซเบอร์

    เหตุการณ์นี้จึงไม่ใช่แค่คดีอาชญากรรมธรรมดา แต่สะท้อนถึงความเปราะบางของระบบที่ควรปกป้องผู้คนจากภัยออนไลน์ และยังตอกย้ำความจำเป็นของความร่วมมือระหว่างประเทศในการจัดการอาชญากรรมไซเบอร์ที่ข้ามพรมแดน

    ข้อมูลการจับกุม
    Tom Artiom Alexandrovich ถูกจับในลาสเวกัสระหว่างร่วมงาน Black Hat 2025
    เป็นหนึ่งใน 8 ผู้ต้องหาที่ถูกจับจากปฏิบัติการลับของ FBI และ ICAC
    ถูกตั้งข้อหาล่อลวงเด็กผ่านคอมพิวเตอร์เพื่อการล่วงละเมิดทางเพศ

    ความขัดแย้งระหว่างประเทศ
    ตำรวจสหรัฐฯ ยืนยันการจับกุมและฝากขัง
    รัฐบาลอิสราเอลแถลงว่าเป็นเพียงการสอบสวน ไม่ใช่การจับกุม
    Alexandrovich ถูกสั่งพักงานและกลับประเทศตามกำหนด

    ประวัติและบทบาทของผู้ต้องหา
    เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีของ Israel Cyber Directorate
    มีบทบาทสำคัญในการพัฒนา Cyber Dome และระบบป้องกันโครงสร้างพื้นฐาน
    เคยได้รับรางวัล Israel Defense Prize จากผลงานด้านความมั่นคงไซเบอร์

    ความร่วมมือระหว่างประเทศ
    ปฏิบัติการลับครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง FBI, ICAC และหน่วยงานท้องถิ่น
    แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นของการทำงานร่วมกันเพื่อจัดการภัยออนไลน์
    เป็นตัวอย่างของการบังคับใช้กฎหมายข้ามพรมแดนในยุคดิจิทัล

    การล่อลวงเด็กทางออนไลน์ยังคงเป็นภัยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
    ความขัดแย้งระหว่างข้อมูลจากต่างประเทศอาจทำให้คดีไม่โปร่งใส
    การขาดนโยบายตรวจสอบบุคลากรในหน่วยงานความมั่นคงอาจนำไปสู่ความเสี่ยงระดับชาติ

    https://hackread.com/israeli-cybersecurity-director-arrest-us-child-exploit-sting/
    🧠 เมื่อผู้พิทักษ์ไซเบอร์กลายเป็นผู้ต้องหา: คดีที่สะเทือนความเชื่อมั่นระดับโลก Tom Artiom Alexandrovich วัย 38 ปี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีของ Israel Cyber Directorate ถูกจับในลาสเวกัสระหว่างการประชุม Black Hat 2025 ซึ่งเป็นงานใหญ่ด้านความปลอดภัยไซเบอร์ระดับโลก เขาเป็นหนึ่งใน 8 ผู้ต้องหาที่ถูกจับจากปฏิบัติการลับร่วมกันระหว่าง FBI, ICAC และตำรวจท้องถิ่น โดยทั้งหมดถูกตั้งข้อหา “ล่อลวงเด็กผ่านคอมพิวเตอร์เพื่อการล่วงละเมิดทางเพศ” ซึ่งตามกฎหมายรัฐเนวาดา มีโทษจำคุก 1–10 ปี แม้ตำรวจลาสเวกัสจะยืนยันการจับกุมและการฝากขัง แต่รัฐบาลอิสราเอลกลับแถลงว่า Alexandrovich “ไม่ได้ถูกจับกุม แต่ถูกสอบสวน” และเดินทางกลับประเทศตามกำหนด โดยถูกสั่งพักงานเพื่อรอผลสอบสวน เขาเคยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนา “Cyber Dome” ระบบป้องกันภัยไซเบอร์ระดับชาติของอิสราเอล และเคยได้รับรางวัล Israel Defense Prize จากผลงานด้านความมั่นคงไซเบอร์ เหตุการณ์นี้จึงไม่ใช่แค่คดีอาชญากรรมธรรมดา แต่สะท้อนถึงความเปราะบางของระบบที่ควรปกป้องผู้คนจากภัยออนไลน์ และยังตอกย้ำความจำเป็นของความร่วมมือระหว่างประเทศในการจัดการอาชญากรรมไซเบอร์ที่ข้ามพรมแดน ✅ ข้อมูลการจับกุม ➡️ Tom Artiom Alexandrovich ถูกจับในลาสเวกัสระหว่างร่วมงาน Black Hat 2025 ➡️ เป็นหนึ่งใน 8 ผู้ต้องหาที่ถูกจับจากปฏิบัติการลับของ FBI และ ICAC ➡️ ถูกตั้งข้อหาล่อลวงเด็กผ่านคอมพิวเตอร์เพื่อการล่วงละเมิดทางเพศ ✅ ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ➡️ ตำรวจสหรัฐฯ ยืนยันการจับกุมและฝากขัง ➡️ รัฐบาลอิสราเอลแถลงว่าเป็นเพียงการสอบสวน ไม่ใช่การจับกุม ➡️ Alexandrovich ถูกสั่งพักงานและกลับประเทศตามกำหนด ✅ ประวัติและบทบาทของผู้ต้องหา ➡️ เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีของ Israel Cyber Directorate ➡️ มีบทบาทสำคัญในการพัฒนา Cyber Dome และระบบป้องกันโครงสร้างพื้นฐาน ➡️ เคยได้รับรางวัล Israel Defense Prize จากผลงานด้านความมั่นคงไซเบอร์ ✅ ความร่วมมือระหว่างประเทศ ➡️ ปฏิบัติการลับครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง FBI, ICAC และหน่วยงานท้องถิ่น ➡️ แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นของการทำงานร่วมกันเพื่อจัดการภัยออนไลน์ ➡️ เป็นตัวอย่างของการบังคับใช้กฎหมายข้ามพรมแดนในยุคดิจิทัล ⛔ การล่อลวงเด็กทางออนไลน์ยังคงเป็นภัยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ⛔ ความขัดแย้งระหว่างข้อมูลจากต่างประเทศอาจทำให้คดีไม่โปร่งใส ⛔ การขาดนโยบายตรวจสอบบุคลากรในหน่วยงานความมั่นคงอาจนำไปสู่ความเสี่ยงระดับชาติ https://hackread.com/israeli-cybersecurity-director-arrest-us-child-exploit-sting/
    HACKREAD.COM
    Top Israeli Cybersecurity Official Arrested in US Child Exploitation Sting
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 412 มุมมอง 0 รีวิว
  • รถตู้ตรวจจับใบหน้า — เทคโนโลยีล้ำยุคเพื่อความปลอดภัย หรือจุดเริ่มต้นของรัฐเฝ้าระวัง?

    รัฐบาลอังกฤษประกาศแผนขยายการใช้เทคโนโลยี Live Facial Recognition (LFR) โดยจะส่งรถตู้ตรวจจับใบหน้า 10 คันไปยัง 7 กองกำลังตำรวจทั่วประเทศ เช่น Greater Manchester, West Yorkshire และ Thames Valley เพื่อช่วยตามหาผู้ต้องสงสัยในคดีร้ายแรง เช่น ข่มขืน ทำร้ายร่างกาย และฆาตกรรม

    เทคโนโลยีนี้เคยถูกทดลองใช้ในลอนดอนและเซาธ์เวลส์ และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้กว่า 580 รายในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยระบบจะเปรียบเทียบใบหน้าของผู้คนกับ “watchlist” ที่จัดทำเฉพาะสำหรับแต่ละภารกิจ และมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบผลลัพธ์ทุกครั้ง

    แม้รัฐบาลจะยืนยันว่ามีการทดสอบความแม่นยำและไม่มีอคติทางเชื้อชาติหรือเพศ แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชน เช่น Amnesty International และ Big Brother Watch กลับเตือนว่าเทคโนโลยีนี้ “อันตรายและเลือกปฏิบัติ” โดยเฉพาะกับคนผิวสี และอาจนำไปสู่การจับผิดคนโดยไม่ตั้งใจ

    รัฐบาลจึงเตรียมเปิดให้ประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นผ่านการปรึกษาสาธารณะ เพื่อจัดทำกรอบกฎหมายใหม่ที่ชัดเจน ก่อนจะขยายการใช้งานในวงกว้าง

    รัฐบาลอังกฤษเตรียมส่งรถตู้ตรวจจับใบหน้า 10 คันไปยัง 7 กองกำลังตำรวจ
    ใช้เพื่อจับผู้ต้องสงสัยในคดีร้ายแรง เช่น ข่มขืนและฆาตกรรม

    เทคโนโลยี LFR เคยถูกทดลองใช้ในลอนดอนและเซาธ์เวลส์
    นำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา 580 รายใน 12 เดือน

    การใช้งานจะอิงจาก “watchlist” ที่จัดทำเฉพาะสำหรับแต่ละภารกิจ
    ตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอบรม

    รัฐบาลจะเปิดการปรึกษาสาธารณะเพื่อจัดทำกรอบกฎหมายใหม่
    เพื่อกำหนดวิธีใช้และมาตรการคุ้มครองความเป็นส่วนตัว

    การทดสอบโดย National Physical Laboratory พบว่าไม่มีอคติทางเชื้อชาติหรือเพศ
    สนับสนุนความแม่นยำของระบบ LFR

    กลุ่ม Liberty สนับสนุนการจัดทำกรอบกฎหมายก่อนขยายการใช้งาน
    เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมและได้รับการคุ้มครอง

    เทคโนโลยี LFR ใช้การวัดระยะระหว่างจุดบนใบหน้าเพื่อเปรียบเทียบกับฐานข้อมูล
    เช่น ระยะระหว่างตา ความยาวกราม

    LFR ถูกใช้ในงานใหญ่ เช่น คอนเสิร์ต Beyoncé และการแข่งขันฟุตบอล
    เพื่อป้องกันอาชญากรรมและรักษาความปลอดภัย

    การใช้งานใน South Wales มีการลบข้อมูลของผู้ที่ไม่ตรงกับ watchlist ทันที
    เป็นมาตรการป้องกันการละเมิดความเป็นส่วนตัว

    มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ประจำชุมชนทั่วประเทศเพื่อรับเรื่องร้องเรียน
    เป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูตำรวจท้องถิ่น

    https://news.sky.com/story/facial-recognition-vans-to-be-rolled-out-across-police-forces-in-england-13410613
    🚐🧠 รถตู้ตรวจจับใบหน้า — เทคโนโลยีล้ำยุคเพื่อความปลอดภัย หรือจุดเริ่มต้นของรัฐเฝ้าระวัง? รัฐบาลอังกฤษประกาศแผนขยายการใช้เทคโนโลยี Live Facial Recognition (LFR) โดยจะส่งรถตู้ตรวจจับใบหน้า 10 คันไปยัง 7 กองกำลังตำรวจทั่วประเทศ เช่น Greater Manchester, West Yorkshire และ Thames Valley เพื่อช่วยตามหาผู้ต้องสงสัยในคดีร้ายแรง เช่น ข่มขืน ทำร้ายร่างกาย และฆาตกรรม เทคโนโลยีนี้เคยถูกทดลองใช้ในลอนดอนและเซาธ์เวลส์ และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้กว่า 580 รายในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยระบบจะเปรียบเทียบใบหน้าของผู้คนกับ “watchlist” ที่จัดทำเฉพาะสำหรับแต่ละภารกิจ และมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบผลลัพธ์ทุกครั้ง แม้รัฐบาลจะยืนยันว่ามีการทดสอบความแม่นยำและไม่มีอคติทางเชื้อชาติหรือเพศ แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชน เช่น Amnesty International และ Big Brother Watch กลับเตือนว่าเทคโนโลยีนี้ “อันตรายและเลือกปฏิบัติ” โดยเฉพาะกับคนผิวสี และอาจนำไปสู่การจับผิดคนโดยไม่ตั้งใจ รัฐบาลจึงเตรียมเปิดให้ประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นผ่านการปรึกษาสาธารณะ เพื่อจัดทำกรอบกฎหมายใหม่ที่ชัดเจน ก่อนจะขยายการใช้งานในวงกว้าง ✅ รัฐบาลอังกฤษเตรียมส่งรถตู้ตรวจจับใบหน้า 10 คันไปยัง 7 กองกำลังตำรวจ ➡️ ใช้เพื่อจับผู้ต้องสงสัยในคดีร้ายแรง เช่น ข่มขืนและฆาตกรรม ✅ เทคโนโลยี LFR เคยถูกทดลองใช้ในลอนดอนและเซาธ์เวลส์ ➡️ นำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา 580 รายใน 12 เดือน ✅ การใช้งานจะอิงจาก “watchlist” ที่จัดทำเฉพาะสำหรับแต่ละภารกิจ ➡️ ตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอบรม ✅ รัฐบาลจะเปิดการปรึกษาสาธารณะเพื่อจัดทำกรอบกฎหมายใหม่ ➡️ เพื่อกำหนดวิธีใช้และมาตรการคุ้มครองความเป็นส่วนตัว ✅ การทดสอบโดย National Physical Laboratory พบว่าไม่มีอคติทางเชื้อชาติหรือเพศ ➡️ สนับสนุนความแม่นยำของระบบ LFR ✅ กลุ่ม Liberty สนับสนุนการจัดทำกรอบกฎหมายก่อนขยายการใช้งาน ➡️ เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมและได้รับการคุ้มครอง ✅ เทคโนโลยี LFR ใช้การวัดระยะระหว่างจุดบนใบหน้าเพื่อเปรียบเทียบกับฐานข้อมูล ➡️ เช่น ระยะระหว่างตา ความยาวกราม ✅ LFR ถูกใช้ในงานใหญ่ เช่น คอนเสิร์ต Beyoncé และการแข่งขันฟุตบอล ➡️ เพื่อป้องกันอาชญากรรมและรักษาความปลอดภัย ✅ การใช้งานใน South Wales มีการลบข้อมูลของผู้ที่ไม่ตรงกับ watchlist ทันที ➡️ เป็นมาตรการป้องกันการละเมิดความเป็นส่วนตัว ✅ มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ประจำชุมชนทั่วประเทศเพื่อรับเรื่องร้องเรียน ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูตำรวจท้องถิ่น https://news.sky.com/story/facial-recognition-vans-to-be-rolled-out-across-police-forces-in-england-13410613
    NEWS.SKY.COM
    Facial recognition vans to be rolled out across police forces in England
    Ten live facial recognition vans will be deployed - but human rights groups argue the tech is "dangerous and discriminatory".
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 436 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากห้องเรียนอเมริกัน: เมื่อ AI จับผิดนักเรียนจนกลายเป็นผู้ต้องหา

    ในยุคที่โรงเรียนพยายามใช้เทคโนโลยีเพื่อปกป้องนักเรียนจากภัยคุกคาม เช่น การกลั่นแกล้งหรือการทำร้ายตัวเอง หลายโรงเรียนในสหรัฐฯ ได้ติดตั้งระบบเฝ้าระวังด้วย AI เช่น Gaggle และ Lightspeed Alert เพื่อสแกนข้อความที่นักเรียนพิมพ์ในอีเมลหรือแชตที่เชื่อมกับบัญชีโรงเรียน

    แต่สิ่งที่ควรเป็นเครื่องมือช่วยชีวิต กลับกลายเป็นเครื่องมือที่ทำให้เด็กบางคนถูกจับกุมโดยไม่ตั้งใจ ตัวอย่างเช่น เด็กหญิงวัย 13 ปีในรัฐเทนเนสซีที่พิมพ์ข้อความล้อเล่นว่า “Thursday we kill all the Mexico’s” หลังถูกเพื่อนล้อเรื่องผิว เธอถูกจับกุม ถูกสอบสวน ถูกตรวจร่างกาย และต้องนอนคุกข้ามคืน แม้ข้อความจะเป็นแค่การประชดประชันในกลุ่มเพื่อน

    ระบบ AI เหล่านี้สามารถแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่โรงเรียนและตำรวจทันทีเมื่อพบข้อความต้องสงสัย โดยไม่พิจารณาบริบทหรือเจตนา ทำให้เกิดการแจ้งเตือนผิดพลาดจำนวนมาก เช่น การบ้านที่มีคำว่า “mental health” หรือภาพถ่ายในชั้นเรียนที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นภาพโป๊

    แม้ผู้พัฒนาอย่าง Gaggle จะยืนยันว่าเครื่องมือควรใช้เพื่อ “เตือนล่วงหน้า” ไม่ใช่ “ลงโทษ” แต่ในหลายกรณี โรงเรียนกลับใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีหรือส่งนักเรียนไปโรงเรียนทางเลือก

    โรงเรียนในสหรัฐฯ ใช้ระบบ AI เช่น Gaggle และ Lightspeed Alert เพื่อเฝ้าระวังข้อความของนักเรียน
    ตรวจจับคำที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรง การกลั่นแกล้ง หรือการทำร้ายตัวเอง

    เด็กหญิงวัย 13 ปีถูกจับกุมหลังพิมพ์ข้อความประชดเพื่อนในแชตโรงเรียน
    ถูกสอบสวน ตรวจร่างกาย และนอนคุกข้ามคืน

    ระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติสามารถแจ้งตำรวจทันทีโดยไม่พิจารณาบริบท
    นำไปสู่การดำเนินคดีแม้ไม่มีเจตนาร้าย

    กฎหมาย zero-tolerance ในรัฐเทนเนสซีบังคับให้รายงานภัยคุกคามทุกกรณี
    แม้จะเป็นคำพูดเล่นหรือไม่มีมูลเหตุจริง

    นักเรียนหลายคนถูกเรียกพบครูหรือถูกลงโทษจากข้อความที่ไม่เป็นภัยจริง
    เช่น การบ้านที่มีคำว่า “mental health” หรือภาพถ่ายในชั้นเรียน

    ระบบแจ้งเตือนของ Gaggle ในเขต Lawrence แจ้งเตือนกว่า 1,200 ครั้งใน 10 เดือน
    โดยสองในสามเป็น false alarm รวมถึงกว่า 200 กรณีจากการบ้านนักเรียน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/08/students-have-been-called-to-the-office---and-even-arrested---for-ai-surveillance-false-alarms
    🎓🔍 เรื่องเล่าจากห้องเรียนอเมริกัน: เมื่อ AI จับผิดนักเรียนจนกลายเป็นผู้ต้องหา ในยุคที่โรงเรียนพยายามใช้เทคโนโลยีเพื่อปกป้องนักเรียนจากภัยคุกคาม เช่น การกลั่นแกล้งหรือการทำร้ายตัวเอง หลายโรงเรียนในสหรัฐฯ ได้ติดตั้งระบบเฝ้าระวังด้วย AI เช่น Gaggle และ Lightspeed Alert เพื่อสแกนข้อความที่นักเรียนพิมพ์ในอีเมลหรือแชตที่เชื่อมกับบัญชีโรงเรียน แต่สิ่งที่ควรเป็นเครื่องมือช่วยชีวิต กลับกลายเป็นเครื่องมือที่ทำให้เด็กบางคนถูกจับกุมโดยไม่ตั้งใจ ตัวอย่างเช่น เด็กหญิงวัย 13 ปีในรัฐเทนเนสซีที่พิมพ์ข้อความล้อเล่นว่า “Thursday we kill all the Mexico’s” หลังถูกเพื่อนล้อเรื่องผิว เธอถูกจับกุม ถูกสอบสวน ถูกตรวจร่างกาย และต้องนอนคุกข้ามคืน แม้ข้อความจะเป็นแค่การประชดประชันในกลุ่มเพื่อน ระบบ AI เหล่านี้สามารถแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่โรงเรียนและตำรวจทันทีเมื่อพบข้อความต้องสงสัย โดยไม่พิจารณาบริบทหรือเจตนา ทำให้เกิดการแจ้งเตือนผิดพลาดจำนวนมาก เช่น การบ้านที่มีคำว่า “mental health” หรือภาพถ่ายในชั้นเรียนที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นภาพโป๊ แม้ผู้พัฒนาอย่าง Gaggle จะยืนยันว่าเครื่องมือควรใช้เพื่อ “เตือนล่วงหน้า” ไม่ใช่ “ลงโทษ” แต่ในหลายกรณี โรงเรียนกลับใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีหรือส่งนักเรียนไปโรงเรียนทางเลือก ✅ โรงเรียนในสหรัฐฯ ใช้ระบบ AI เช่น Gaggle และ Lightspeed Alert เพื่อเฝ้าระวังข้อความของนักเรียน ➡️ ตรวจจับคำที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรง การกลั่นแกล้ง หรือการทำร้ายตัวเอง ✅ เด็กหญิงวัย 13 ปีถูกจับกุมหลังพิมพ์ข้อความประชดเพื่อนในแชตโรงเรียน ➡️ ถูกสอบสวน ตรวจร่างกาย และนอนคุกข้ามคืน ✅ ระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติสามารถแจ้งตำรวจทันทีโดยไม่พิจารณาบริบท ➡️ นำไปสู่การดำเนินคดีแม้ไม่มีเจตนาร้าย ✅ กฎหมาย zero-tolerance ในรัฐเทนเนสซีบังคับให้รายงานภัยคุกคามทุกกรณี ➡️ แม้จะเป็นคำพูดเล่นหรือไม่มีมูลเหตุจริง ✅ นักเรียนหลายคนถูกเรียกพบครูหรือถูกลงโทษจากข้อความที่ไม่เป็นภัยจริง ➡️ เช่น การบ้านที่มีคำว่า “mental health” หรือภาพถ่ายในชั้นเรียน ✅ ระบบแจ้งเตือนของ Gaggle ในเขต Lawrence แจ้งเตือนกว่า 1,200 ครั้งใน 10 เดือน ➡️ โดยสองในสามเป็น false alarm รวมถึงกว่า 200 กรณีจากการบ้านนักเรียน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/08/students-have-been-called-to-the-office---and-even-arrested---for-ai-surveillance-false-alarms
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Students have been called to the office - and even arrested - for AI surveillance false alarms
    Surveillance systems in American schools increasingly monitor everything students write on school accounts and devices.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 331 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปฏิบัติการเชือดเครือข่ายฟอกเงินข้ามชาติ ตำรวจสอบสวนกลางบุกจับ 3 ผู้ต้องหาชาวเมียนมา พัวพันขบวนการหลอกลงทุนเทรดหุ้นผ่านเพจและแอปปลอม ลากเส้นทางเงินดิจิทัลโยง Huione Pay กัมพูชา ก่อนเปลี่ยนเป็นเงินสดขนข้ามแม่สอดสู่เมียวดี รวมมูลค่ากว่า 46 ล้านบาท จุดไฟร้อนในสงครามอาชญากรรมไซเบอร์ภูมิภาค

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000075439

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ปฏิบัติการเชือดเครือข่ายฟอกเงินข้ามชาติ ตำรวจสอบสวนกลางบุกจับ 3 ผู้ต้องหาชาวเมียนมา พัวพันขบวนการหลอกลงทุนเทรดหุ้นผ่านเพจและแอปปลอม ลากเส้นทางเงินดิจิทัลโยง Huione Pay กัมพูชา ก่อนเปลี่ยนเป็นเงินสดขนข้ามแม่สอดสู่เมียวดี รวมมูลค่ากว่า 46 ล้านบาท จุดไฟร้อนในสงครามอาชญากรรมไซเบอร์ภูมิภาค อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000075439 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 791 มุมมอง 0 รีวิว
  • อัยการสั่งฟ้องยกแก๊ง! รวม 23 ผู้ต้องหาคดีอาคาร สตง.ถล่ม...ทั้งนิติบุคคล-บุคคลธรรมดา...ยื่นฟ้องศาลอาญาแล้ววันนี้
    https://www.thai-tai.tv/news/20812/
    .
    #อัยการสูงสุด #อาคารสตงถล่ม #คดีอาคารถล่ม #อิตาเลียนไทย #เปรมชัยกรรณสูตร #ข่าวอาชญากรรม #ไทยไท
    อัยการสั่งฟ้องยกแก๊ง! รวม 23 ผู้ต้องหาคดีอาคาร สตง.ถล่ม...ทั้งนิติบุคคล-บุคคลธรรมดา...ยื่นฟ้องศาลอาญาแล้ววันนี้ https://www.thai-tai.tv/news/20812/ . #อัยการสูงสุด #อาคารสตงถล่ม #คดีอาคารถล่ม #อิตาเลียนไทย #เปรมชัยกรรณสูตร #ข่าวอาชญากรรม #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 265 มุมมอง 0 รีวิว
  • อัยการยื่นฟ้องผู้ต้องหา 23 ราย คดีตึกสตง.ถล่ม เหตุไม่ก่อสร้างตามมาตรฐานวิชาชีพ -ปลอมเอกสาร มีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บจำนวนมาก

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000074838

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    อัยการยื่นฟ้องผู้ต้องหา 23 ราย คดีตึกสตง.ถล่ม เหตุไม่ก่อสร้างตามมาตรฐานวิชาชีพ -ปลอมเอกสาร มีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บจำนวนมาก อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000074838 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Sad
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 550 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกชิป: เมื่ออดีตพนักงาน Huawei ถูกตัดสินจำคุกจากคดีลับเทคโนโลยี

    ในโลกของเซมิคอนดักเตอร์ที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด คดีล่าสุดจากประเทศจีนได้สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ เมื่อศาลในเซี่ยงไฮ้ตัดสินจำคุกอดีตพนักงาน Huawei จำนวน 14 คน จากข้อหาขโมยข้อมูลลับด้านเทคโนโลยีชิปไปใช้ในการก่อตั้งบริษัทใหม่ชื่อ Zunpai Communication Technology

    Zhang Kun อดีตนักวิจัยจาก HiSilicon ซึ่งเป็นหน่วยงานพัฒนาชิปของ Huawei ได้ลาออกในปี 2019 และก่อตั้ง Zunpai ในปี 2021 โดยดึงอดีตเพื่อนร่วมงานมาร่วมทีม พร้อมเสนอเงินเดือนสูงและหุ้นในบริษัท แต่สิ่งที่ตามมาคือข้อกล่าวหาว่า พวกเขาได้คัดลอกข้อมูลลับก่อนลาออก และนำไปใช้ในการพัฒนาชิป Wi-Fi ของ Zunpai

    ในเดือนธันวาคม 2023 ตำรวจเซี่ยงไฮ้ได้จับกุมผู้ต้องสงสัยทั้ง 14 คน และอายัดทรัพย์สินของ Zunpai มูลค่า 95 ล้านหยวน โดยพบว่าเทคโนโลยีที่ใช้ใน Zunpai มีความคล้ายคลึงกับของ Huawei ถึง 90% แม้คำตัดสินจะยังไม่เผยแพร่สู่สาธารณะ แต่มีรายงานว่าผู้ต้องหาอาจถูกจำคุกสูงสุด 6 ปี พร้อมโทษปรับ

    คดีนี้สะท้อนถึงความเข้มงวดของจีนในการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมชิปที่ถือเป็นหัวใจของเศรษฐกิจดิจิทัล และยังเป็นการเตือนว่า “การลอกเลียนเทคโนโลยี” ไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป

    ศาลเซี่ยงไฮ้ตัดสินจำคุกอดีตพนักงาน Huawei 14 คน
    จากข้อหาขโมยข้อมูลลับด้านเทคโนโลยีชิป

    ผู้ต้องหาก่อตั้งบริษัท Zunpai เพื่อพัฒนาชิป Wi-Fi
    โดยใช้ข้อมูลจาก HiSilicon ซึ่งเป็นหน่วยงานของ Huawei

    ตำรวจพบว่าเทคโนโลยีของ Zunpai คล้ายกับของ Huawei ถึง 90%
    และอายัดทรัพย์สินมูลค่า 95 ล้านหยวน

    คำตัดสินยังไม่เผยแพร่ แต่มีรายงานว่าผู้ต้องหาอาจถูกจำคุกสูงสุด 6 ปี
    พร้อมโทษปรับทางการเงิน

    Huawei ยังไม่ออกความเห็นอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับคดีนี้
    แต่ได้ดำเนินการทางกฎหมายตั้งแต่ปี 2023

    จีนมีแนวโน้มเพิ่มความเข้มงวดในการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา
    มีผู้ถูกดำเนินคดีด้าน IP มากกว่า 21,000 คนในปี 2024

    HiSilicon เป็นหน่วยงานพัฒนาชิปของ Huawei ที่มีบทบาทสำคัญ
    โดยเฉพาะในด้านการพัฒนา AI และการสื่อสาร

    การลอกเลียนเทคโนโลยีชิปส่งผลต่อการแข่งขันในระดับโลก
    และอาจกระทบต่อความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยี

    การตั้งบริษัทใหม่โดยอดีตพนักงานเป็นเรื่องปกติในวงการเทคโนโลยี
    แต่ต้องไม่ละเมิดข้อมูลลับของบริษัทเดิม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/14-ex-huawei-employees-handed-down-prison-sentences-in-china-accused-face-up-to-six-years-for-taking-chip-related-business-secrets-with-them-to-form-startup-zunpai
    🔐⚖️ เรื่องเล่าจากโลกชิป: เมื่ออดีตพนักงาน Huawei ถูกตัดสินจำคุกจากคดีลับเทคโนโลยี ในโลกของเซมิคอนดักเตอร์ที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด คดีล่าสุดจากประเทศจีนได้สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ เมื่อศาลในเซี่ยงไฮ้ตัดสินจำคุกอดีตพนักงาน Huawei จำนวน 14 คน จากข้อหาขโมยข้อมูลลับด้านเทคโนโลยีชิปไปใช้ในการก่อตั้งบริษัทใหม่ชื่อ Zunpai Communication Technology Zhang Kun อดีตนักวิจัยจาก HiSilicon ซึ่งเป็นหน่วยงานพัฒนาชิปของ Huawei ได้ลาออกในปี 2019 และก่อตั้ง Zunpai ในปี 2021 โดยดึงอดีตเพื่อนร่วมงานมาร่วมทีม พร้อมเสนอเงินเดือนสูงและหุ้นในบริษัท แต่สิ่งที่ตามมาคือข้อกล่าวหาว่า พวกเขาได้คัดลอกข้อมูลลับก่อนลาออก และนำไปใช้ในการพัฒนาชิป Wi-Fi ของ Zunpai ในเดือนธันวาคม 2023 ตำรวจเซี่ยงไฮ้ได้จับกุมผู้ต้องสงสัยทั้ง 14 คน และอายัดทรัพย์สินของ Zunpai มูลค่า 95 ล้านหยวน โดยพบว่าเทคโนโลยีที่ใช้ใน Zunpai มีความคล้ายคลึงกับของ Huawei ถึง 90% แม้คำตัดสินจะยังไม่เผยแพร่สู่สาธารณะ แต่มีรายงานว่าผู้ต้องหาอาจถูกจำคุกสูงสุด 6 ปี พร้อมโทษปรับ คดีนี้สะท้อนถึงความเข้มงวดของจีนในการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมชิปที่ถือเป็นหัวใจของเศรษฐกิจดิจิทัล และยังเป็นการเตือนว่า “การลอกเลียนเทคโนโลยี” ไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป ✅ ศาลเซี่ยงไฮ้ตัดสินจำคุกอดีตพนักงาน Huawei 14 คน ➡️ จากข้อหาขโมยข้อมูลลับด้านเทคโนโลยีชิป ✅ ผู้ต้องหาก่อตั้งบริษัท Zunpai เพื่อพัฒนาชิป Wi-Fi ➡️ โดยใช้ข้อมูลจาก HiSilicon ซึ่งเป็นหน่วยงานของ Huawei ✅ ตำรวจพบว่าเทคโนโลยีของ Zunpai คล้ายกับของ Huawei ถึง 90% ➡️ และอายัดทรัพย์สินมูลค่า 95 ล้านหยวน ✅ คำตัดสินยังไม่เผยแพร่ แต่มีรายงานว่าผู้ต้องหาอาจถูกจำคุกสูงสุด 6 ปี ➡️ พร้อมโทษปรับทางการเงิน ✅ Huawei ยังไม่ออกความเห็นอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับคดีนี้ ➡️ แต่ได้ดำเนินการทางกฎหมายตั้งแต่ปี 2023 ✅ จีนมีแนวโน้มเพิ่มความเข้มงวดในการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา ➡️ มีผู้ถูกดำเนินคดีด้าน IP มากกว่า 21,000 คนในปี 2024 ✅ HiSilicon เป็นหน่วยงานพัฒนาชิปของ Huawei ที่มีบทบาทสำคัญ ➡️ โดยเฉพาะในด้านการพัฒนา AI และการสื่อสาร ✅ การลอกเลียนเทคโนโลยีชิปส่งผลต่อการแข่งขันในระดับโลก ➡️ และอาจกระทบต่อความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยี ✅ การตั้งบริษัทใหม่โดยอดีตพนักงานเป็นเรื่องปกติในวงการเทคโนโลยี ➡️ แต่ต้องไม่ละเมิดข้อมูลลับของบริษัทเดิม https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/14-ex-huawei-employees-handed-down-prison-sentences-in-china-accused-face-up-to-six-years-for-taking-chip-related-business-secrets-with-them-to-form-startup-zunpai
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 390 มุมมอง 0 รีวิว
  • คดีลักลอบนำข้อสอบนิติฯ จุฬาฯ ส่อเค้าซับซ้อน เมื่อ ดร.นิด ผู้ต้องหาถูกพาตัวออกจาก สน.ทุ่งสองห้องโดยไม่มีอำนาจ สะเทือนถึงรอง ผบก.ส.4 ที่อาจเอี่ยวกระบวนการแทรกแซงการสอบสวน ผบ.ตร.สั่งเร่งคลี่คลาย หวั่นกระทบความเชื่อมั่นทั้งในองค์กรและสังคม

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000068994

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    คดีลักลอบนำข้อสอบนิติฯ จุฬาฯ ส่อเค้าซับซ้อน เมื่อ ดร.นิด ผู้ต้องหาถูกพาตัวออกจาก สน.ทุ่งสองห้องโดยไม่มีอำนาจ สะเทือนถึงรอง ผบก.ส.4 ที่อาจเอี่ยวกระบวนการแทรกแซงการสอบสวน ผบ.ตร.สั่งเร่งคลี่คลาย หวั่นกระทบความเชื่อมั่นทั้งในองค์กรและสังคม อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000068994 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 378 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจหอบสำนวนคดี ตึก สตง.ถล่ม กว่า 233 แฟ้ม 9 หมื่นหน้า ยื่นอธิบดีอัยการคดีอาญาพิจารณาสั่งฟ้องกลุ่มผู้ต้องหา อธิบดีอัยการมั่นใจ พิจารณาสั่งฟ้องคดีทันกรอบฝากขัง

    วันนี้ (22 ก.ค.) เมื่อเวลา 09:00 น. ที่สำนักงานสำนักงานอัยการสูงสุด พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และสน.บางซื่อ นำสำนวนในคดีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม จำนวน 51 ลัง 233 แฟ้ม เอกสารจำนวนกว่า 98,926 แผ่น ใส่รถบรรทุก 6 ล้อ มาเพื่อส่งฟ้องต่อสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 เพื่อพิจารณาสั่งฟ้องในความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 227, 238 กับกลุ่มผู้ต้องหาทั้งนิติบุคคล และส่วนตัว รวม 23 คน รวม 3 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 บริษัทผู้ออกแบบ กลุ่มที่ 2 บริษัทผู้รับจ้างควบคุมการก่อสร้าง และกลุ่มที่ 3 บริษัทผู้รับจ้างก่อสร้าง

    โดยมี พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ และพล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รวมถึงหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน มายื่นสำนวนด้วยตนเอง

    หลังจากขึ้นไปพูดคุยกันนานกว่า 1 ชั่วโมง ทางด้าน พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต. นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. รวมถึงนายสัญจัย จันทร์ผ่อง อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ออกมาเปิดเผยภายหลังส่งสำนวนคดีตึกสตง.ถล่ม

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000068841

    #Thaitimes #MGROnline #ตึกสตง.
    ตำรวจหอบสำนวนคดี ตึก สตง.ถล่ม กว่า 233 แฟ้ม 9 หมื่นหน้า ยื่นอธิบดีอัยการคดีอาญาพิจารณาสั่งฟ้องกลุ่มผู้ต้องหา อธิบดีอัยการมั่นใจ พิจารณาสั่งฟ้องคดีทันกรอบฝากขัง • วันนี้ (22 ก.ค.) เมื่อเวลา 09:00 น. ที่สำนักงานสำนักงานอัยการสูงสุด พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และสน.บางซื่อ นำสำนวนในคดีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม จำนวน 51 ลัง 233 แฟ้ม เอกสารจำนวนกว่า 98,926 แผ่น ใส่รถบรรทุก 6 ล้อ มาเพื่อส่งฟ้องต่อสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 เพื่อพิจารณาสั่งฟ้องในความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 227, 238 กับกลุ่มผู้ต้องหาทั้งนิติบุคคล และส่วนตัว รวม 23 คน รวม 3 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 บริษัทผู้ออกแบบ กลุ่มที่ 2 บริษัทผู้รับจ้างควบคุมการก่อสร้าง และกลุ่มที่ 3 บริษัทผู้รับจ้างก่อสร้าง • โดยมี พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ และพล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รวมถึงหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน มายื่นสำนวนด้วยตนเอง • หลังจากขึ้นไปพูดคุยกันนานกว่า 1 ชั่วโมง ทางด้าน พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต. นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. รวมถึงนายสัญจัย จันทร์ผ่อง อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ออกมาเปิดเผยภายหลังส่งสำนวนคดีตึกสตง.ถล่ม • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000068841 • #Thaitimes #MGROnline #ตึกสตง.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 548 มุมมอง 0 รีวิว
  • โจห์ โลว์ นักธุรกิจผู้อื้อฉาว ซุกเชี่ยงไฮ้-ใช้ชื่อปลอม

    โจห์ โลว์ (Jho Low) หรือ โลว์ เต็ก โจห์ (Low Taek Jho) นักธุรกิจชาวปีนัง ประเทศมาเลเซียวัย 43 ปี ในฐานะผู้ต้องหาหลบหนีคดีทุจริตยักยอกเงินกองทุนวันเอ็มดีบี (1MDB) กองทุนพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาวของมาเลเซีย 4,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่ตำรวจสากล (Interpol) ต้องการตัวมาตั้งแต่ปี 2561 ล่าสุดสองนักข่าวสายสืบสวนอย่าง แบรดลีย์ โฮป (Bradley Hope) และ ทอม ไรต์ (Tom Wright) เปิดเผยผ่านพอดแคสต์ Finding Jho Low เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (18 ก.ค.) ว่ายังคงใช้ชีวิตอย่างหรูหราในเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน และใช้หนังสือเดินทางปลอมของออสเตรเลีย

    ทั้งสองอ้างว่า อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นาจิบ ราซัค แนะนำให้โลว์หลบหนีออกนอกประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ แม้จะเป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดี แต่ก็ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในย่านกรีนฮิลล์ (Green Hills) ซึ่งเป็นย่านเศรษฐี มีบ้านสไตล์อเมริกันและเป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติ รวมทั้งขับรถยนต์หรู และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชาวจีน 2 คนคอยดูแล นอกจากนี้ ยังเปิดเผยเอกสารที่ได้รับมาใหม่ เป็นหนังสือเดินทางปลอมของออสเตรเลีย ใช้ชื่อภาษากรีกว่า คอนสเตนติโนส อคิลลีส (Constantinos Achilles) อีกด้วย

    อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวของสำนักข่าวเบอร์นามา ระบุว่า นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม ไม่ทราบอย่างเป็นทางการว่า โจห์ โลว์ หนีไปประเทศจีน ต้องตรวจสอบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยก่อน ส่วนสำนักข่าวเอบีซีนิวส์ของออสเตรเลีย ติดต่อไปยังกระทรวงการต่างประเทศและการค้า (DFAT) และตำรวจสหพันธรัฐออสเตรเลียเพื่อสอบถามเพิ่มเติม กลับไม่ยืนยันว่าทราบเรื่องนี้หรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาออสเตรเลียเคยขับไล่ทูตอิสราเอลออกไปเมื่อปี 2553 เพราะหน่วยข่าวกรองของอิสราเอล (Mossad) ใช้หนังสือเดินทางออสเตรเลียปลอมลอบ สังหารผู้นำระดับสูงของกลุ่มฮามาสในดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

    สำหรับโจห์ โลว์ ได้ชื่อว่าเป็นนักธุรกิจเพลย์บอยคนหนึ่งในมาเลเซีย ยักยอกเงินกองทุนวันเอ็มดีบีไปซื้ออสังหาริมทรัพย์หรูหราในสหรัฐฯ รวมถึงงานศิลปะ เครื่องบินเจ็ตส่วนตัว และเรือยอทช์สุดหรูที่ชื่อว่า อีควลนิมิตี (Equanimity) ซึ่งถูกทางการอินโดนีเซียกักบริเวณนอกชายฝั่งเกาะบาหลี ก่อนขายทอดตลาดและนำเงินคืนรัฐบาลมาเลเซีย รวมทั้งสนับสนุนการสร้างภาพยนตร์ The Wolf of Wall Street (คนจะรวย ช่วยไม่ได้) ในปี 2556 นำแสดงโดย ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ซึ่งต่อมากระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ อ้างว่าได้รับเงินทุนจากเงินมาเลเซียที่ยักยอกมา ปัจจุบันยังคงถูกทางการมาเลเซีย สิงคโปร์ และสหรัฐฯ ออกหมายจับ

    #Newskit
    โจห์ โลว์ นักธุรกิจผู้อื้อฉาว ซุกเชี่ยงไฮ้-ใช้ชื่อปลอม โจห์ โลว์ (Jho Low) หรือ โลว์ เต็ก โจห์ (Low Taek Jho) นักธุรกิจชาวปีนัง ประเทศมาเลเซียวัย 43 ปี ในฐานะผู้ต้องหาหลบหนีคดีทุจริตยักยอกเงินกองทุนวันเอ็มดีบี (1MDB) กองทุนพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาวของมาเลเซีย 4,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่ตำรวจสากล (Interpol) ต้องการตัวมาตั้งแต่ปี 2561 ล่าสุดสองนักข่าวสายสืบสวนอย่าง แบรดลีย์ โฮป (Bradley Hope) และ ทอม ไรต์ (Tom Wright) เปิดเผยผ่านพอดแคสต์ Finding Jho Low เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (18 ก.ค.) ว่ายังคงใช้ชีวิตอย่างหรูหราในเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน และใช้หนังสือเดินทางปลอมของออสเตรเลีย ทั้งสองอ้างว่า อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นาจิบ ราซัค แนะนำให้โลว์หลบหนีออกนอกประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ แม้จะเป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดี แต่ก็ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในย่านกรีนฮิลล์ (Green Hills) ซึ่งเป็นย่านเศรษฐี มีบ้านสไตล์อเมริกันและเป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติ รวมทั้งขับรถยนต์หรู และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชาวจีน 2 คนคอยดูแล นอกจากนี้ ยังเปิดเผยเอกสารที่ได้รับมาใหม่ เป็นหนังสือเดินทางปลอมของออสเตรเลีย ใช้ชื่อภาษากรีกว่า คอนสเตนติโนส อคิลลีส (Constantinos Achilles) อีกด้วย อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวของสำนักข่าวเบอร์นามา ระบุว่า นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม ไม่ทราบอย่างเป็นทางการว่า โจห์ โลว์ หนีไปประเทศจีน ต้องตรวจสอบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยก่อน ส่วนสำนักข่าวเอบีซีนิวส์ของออสเตรเลีย ติดต่อไปยังกระทรวงการต่างประเทศและการค้า (DFAT) และตำรวจสหพันธรัฐออสเตรเลียเพื่อสอบถามเพิ่มเติม กลับไม่ยืนยันว่าทราบเรื่องนี้หรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาออสเตรเลียเคยขับไล่ทูตอิสราเอลออกไปเมื่อปี 2553 เพราะหน่วยข่าวกรองของอิสราเอล (Mossad) ใช้หนังสือเดินทางออสเตรเลียปลอมลอบ สังหารผู้นำระดับสูงของกลุ่มฮามาสในดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สำหรับโจห์ โลว์ ได้ชื่อว่าเป็นนักธุรกิจเพลย์บอยคนหนึ่งในมาเลเซีย ยักยอกเงินกองทุนวันเอ็มดีบีไปซื้ออสังหาริมทรัพย์หรูหราในสหรัฐฯ รวมถึงงานศิลปะ เครื่องบินเจ็ตส่วนตัว และเรือยอทช์สุดหรูที่ชื่อว่า อีควลนิมิตี (Equanimity) ซึ่งถูกทางการอินโดนีเซียกักบริเวณนอกชายฝั่งเกาะบาหลี ก่อนขายทอดตลาดและนำเงินคืนรัฐบาลมาเลเซีย รวมทั้งสนับสนุนการสร้างภาพยนตร์ The Wolf of Wall Street (คนจะรวย ช่วยไม่ได้) ในปี 2556 นำแสดงโดย ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ซึ่งต่อมากระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ อ้างว่าได้รับเงินทุนจากเงินมาเลเซียที่ยักยอกมา ปัจจุบันยังคงถูกทางการมาเลเซีย สิงคโปร์ และสหรัฐฯ ออกหมายจับ #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 646 มุมมอง 0 รีวิว
  • อเล็กเซย์ เชอร์นีชอฟ (Alexey Chernyshov) ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเอกภาพแห่งชาติของยูเครน (Ministry of National Unity) ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีทุจริตคอร์รัปชันอื้อฉาวของยูเครน

    "เชอร์นีชอฟ" ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเขาคือมือขวาคนสนิทของเซเลนสกี ถูกตั้งข้อหาใช้อำนาจในทางมิชอบเกี่ยวกับสัญญาที่น่าสงสัยในการซื้อขายที่ดินของรัฐร่วมกับผู้ร่วมขบวนการรายอื่น ส่งผลให้รัฐต้องสูญเสียงบประมาณสูงถึง 40 ล้านดอลลาร์

    ศาลกำหนดวงเงินประกันตัวไว้ที่ 2.9 ล้านยูโร (ประมาณ 110 ล้านบาท) และสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่เชอร์นีชอฟยืนยันจะไม่ลาออกจากตำแหน่งเช่นกัน

    ที่ผ่านมาเซเลนสกีพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อปกป้องเชอร์นีชอฟและ "เป่าคดี" นี้ออกจากระบบ แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขากลับปฏิเสธที่จะปฏิบัติตาม ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่คำสั่งของเซเลนสกีถูกเพิกเฉย

    คิริลล์ บูดานอฟ (Kyrylo Budanov) หัวหน้าหน่วยข่าวกรองกลาโหม และวาซิลี่ มาริอุค (Vasiliy Maliuk) หัวหน้าหน่วยข่าวกรองกลาง แห่งสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของยูเครน คือบุคคลที่ปฏิเสธคำสั่งของเซเลนสกี

    สิ่งนี้บ่งบอกได้ถึงสถานการณ์ของเซเลนสกีที่ไม่ได้แค่สูญเสียลูกน้องคู่กายไปอีกคน แต่เขากำลังจะสูญเสียการควบคุมอำนาจทางบริหารลงไปเรื่อยๆ

    อเล็กเซย์ เชอร์นีชอฟ (Alexey Chernyshov) ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเอกภาพแห่งชาติของยูเครน (Ministry of National Unity) ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีทุจริตคอร์รัปชันอื้อฉาวของยูเครน 👉"เชอร์นีชอฟ" ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเขาคือมือขวาคนสนิทของเซเลนสกี ถูกตั้งข้อหาใช้อำนาจในทางมิชอบเกี่ยวกับสัญญาที่น่าสงสัยในการซื้อขายที่ดินของรัฐร่วมกับผู้ร่วมขบวนการรายอื่น ส่งผลให้รัฐต้องสูญเสียงบประมาณสูงถึง 40 ล้านดอลลาร์ 👉ศาลกำหนดวงเงินประกันตัวไว้ที่ 2.9 ล้านยูโร (ประมาณ 110 ล้านบาท) และสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่เชอร์นีชอฟยืนยันจะไม่ลาออกจากตำแหน่งเช่นกัน 👉ที่ผ่านมาเซเลนสกีพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อปกป้องเชอร์นีชอฟและ "เป่าคดี" นี้ออกจากระบบ แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขากลับปฏิเสธที่จะปฏิบัติตาม ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่คำสั่งของเซเลนสกีถูกเพิกเฉย 👉คิริลล์ บูดานอฟ (Kyrylo Budanov) หัวหน้าหน่วยข่าวกรองกลาโหม และวาซิลี่ มาริอุค (Vasiliy Maliuk) หัวหน้าหน่วยข่าวกรองกลาง แห่งสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของยูเครน คือบุคคลที่ปฏิเสธคำสั่งของเซเลนสกี 👉สิ่งนี้บ่งบอกได้ถึงสถานการณ์ของเซเลนสกีที่ไม่ได้แค่สูญเสียลูกน้องคู่กายไปอีกคน แต่เขากำลังจะสูญเสียการควบคุมอำนาจทางบริหารลงไปเรื่อยๆ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 542 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฐานทัพแลกภาษีทรัมป์ เรียกแขก-ชักศึกเข้าบ้าน?

    ในที่สุดนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าสหรัฐอเมริกาขอใช้ฐานทัพเรือพังงา เพราะอยู่ในงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อีกทั้งอยู่ในแผนของกองทัพเรืออยู่แล้ว แต่เป็นคนละเรื่องกับการเจรจาภาษีนำเข้าสหรัฐฯ หลังนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือผู้จัดการ เปิดโปงว่าฝ่ายสหรัฐฯ ได้ต่อรอง 3-4 เรื่อง แลกกับเรื่องภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่ไทยโดนไป 36%

    ได้แก่ การปล่อยตัวนายพอล แชมเบอร์ส อาจารย์มหาวิทยาลัยนเรศวร ชาวอเมริกัน ผู้ต้องหาคดี 112 การเปิดให้ประชาชนคนไทยมีสิทธิเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะมาตรา 112 การห้ามส่งชาวอุยกูร์กลับไปจีนเพื่อที่จะกั๊กจีนเรื่องซินเกียง และการขอใช้ฐานทัพเรือพังงา เพื่อเลื่อนกองทัพเรือของสหรัฐฯ มาบล็อกช่องแคบมะละกา ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันไปประเทศจีนด้วย ซึ่งนายทักษิณ ชินวัตร บิดา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รู้อยู่แล้วแต่ไม่กล้าพูด

    ถึงกระนั้น ยังมีการทำสงครามข่าวสาร ด้วยแหล่งข่าวในกองทัพเรือที่ไม่เปิดเผยนาม ระบุว่า ยังไม่เคยมีข้อเสนอว่าจะใช้ฐานทัพเรือพังงาเป็นฐานทัพเรือของสหรัฐฯ แม้มีแผนพัฒนาแต่ติดขัดเรื่องงบประมาณ ฝ่ายรัฐบาลยังไม่ยืนยันถึงขั้นที่สหรัฐฯ จะมาร่วมพัฒนาหรือสนับสนุนบประมาณ แต้อ้างว่าไม่สามารถทำได้ ถึงกระนั้นตามข้อตกลงระหว่างไทยกับสหรัฐฯ การส่งกำลังบำรุง สหรัฐฯ สามารถจอดเรือที่ฐานทัพเรือพังงา และรับการส่งกำลังบำรุง เติมน้ำมัน หรือพักเรือได้อยู่แล้วเช่นเดียวกับประเทศอื่น

    รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว The Publisher เตือนว่าไทยต้องอยู่บนหลักว่า ไม่ชักศึกเข้าบ้าน ไม่ให้ตั้งฐานทัพถาวร และหากมีข้อตกลงใดเกิดขึ้น ต้องผ่านสภาฯ ให้ประชาชนรับรู้ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน สหรัฐฯ ต้องการยุทธศาสตร์ปิดล้อมจีนที่ลาดตระเวนในพื้นที่เชื่อมโยงกับอินโด-แปซิฟิกในรูปแบบครึ่งวงแหวนเพิ่มขึ้น อีกทั้งไทยต้องมีข้อเสนอกับจีนควบคู่ไปด้วย เพื่อรักษาสมดุลเชิงยุทธศาสตร์ หากเกิดสงครามระหว่างทั้งสองฝ่าย

    ขณะที่นายกรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร สำนักข่าว The Better ระบุว่า ทีมประธานาธิบดีทรัมป์ปฏิเสธข้อเสนอจากไทย เพราะต้องการฐานทัพในไทยและให้ไทยซื้ออาวุธเพิ่ม จากที่ให้ไทยแยกตัวจากเศรษฐกิจจีน (Decoupling) จะกลายเป็นการบีบให้ไทยเลือกข้างสหรัฐฯ ในด้านความมั่นคง และกลายเป็นหอกข้างแคร่ เพราะไทยเป็นหลังบ้านที่จะเข้าสู่จีน และสหรัฐฯ ล้มเหลวในการสร้างแนวพันธมิตรอินโด-แปซิฟิกเพื่อล้อมจีน หากปล่อยเช่นนั้นจะชักศึกเข้าบ้านโดยแท้

    #Newskit
    ฐานทัพแลกภาษีทรัมป์ เรียกแขก-ชักศึกเข้าบ้าน? ในที่สุดนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าสหรัฐอเมริกาขอใช้ฐานทัพเรือพังงา เพราะอยู่ในงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อีกทั้งอยู่ในแผนของกองทัพเรืออยู่แล้ว แต่เป็นคนละเรื่องกับการเจรจาภาษีนำเข้าสหรัฐฯ หลังนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือผู้จัดการ เปิดโปงว่าฝ่ายสหรัฐฯ ได้ต่อรอง 3-4 เรื่อง แลกกับเรื่องภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่ไทยโดนไป 36% ได้แก่ การปล่อยตัวนายพอล แชมเบอร์ส อาจารย์มหาวิทยาลัยนเรศวร ชาวอเมริกัน ผู้ต้องหาคดี 112 การเปิดให้ประชาชนคนไทยมีสิทธิเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะมาตรา 112 การห้ามส่งชาวอุยกูร์กลับไปจีนเพื่อที่จะกั๊กจีนเรื่องซินเกียง และการขอใช้ฐานทัพเรือพังงา เพื่อเลื่อนกองทัพเรือของสหรัฐฯ มาบล็อกช่องแคบมะละกา ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันไปประเทศจีนด้วย ซึ่งนายทักษิณ ชินวัตร บิดา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รู้อยู่แล้วแต่ไม่กล้าพูด ถึงกระนั้น ยังมีการทำสงครามข่าวสาร ด้วยแหล่งข่าวในกองทัพเรือที่ไม่เปิดเผยนาม ระบุว่า ยังไม่เคยมีข้อเสนอว่าจะใช้ฐานทัพเรือพังงาเป็นฐานทัพเรือของสหรัฐฯ แม้มีแผนพัฒนาแต่ติดขัดเรื่องงบประมาณ ฝ่ายรัฐบาลยังไม่ยืนยันถึงขั้นที่สหรัฐฯ จะมาร่วมพัฒนาหรือสนับสนุนบประมาณ แต้อ้างว่าไม่สามารถทำได้ ถึงกระนั้นตามข้อตกลงระหว่างไทยกับสหรัฐฯ การส่งกำลังบำรุง สหรัฐฯ สามารถจอดเรือที่ฐานทัพเรือพังงา และรับการส่งกำลังบำรุง เติมน้ำมัน หรือพักเรือได้อยู่แล้วเช่นเดียวกับประเทศอื่น รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว The Publisher เตือนว่าไทยต้องอยู่บนหลักว่า ไม่ชักศึกเข้าบ้าน ไม่ให้ตั้งฐานทัพถาวร และหากมีข้อตกลงใดเกิดขึ้น ต้องผ่านสภาฯ ให้ประชาชนรับรู้ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน สหรัฐฯ ต้องการยุทธศาสตร์ปิดล้อมจีนที่ลาดตระเวนในพื้นที่เชื่อมโยงกับอินโด-แปซิฟิกในรูปแบบครึ่งวงแหวนเพิ่มขึ้น อีกทั้งไทยต้องมีข้อเสนอกับจีนควบคู่ไปด้วย เพื่อรักษาสมดุลเชิงยุทธศาสตร์ หากเกิดสงครามระหว่างทั้งสองฝ่าย ขณะที่นายกรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร สำนักข่าว The Better ระบุว่า ทีมประธานาธิบดีทรัมป์ปฏิเสธข้อเสนอจากไทย เพราะต้องการฐานทัพในไทยและให้ไทยซื้ออาวุธเพิ่ม จากที่ให้ไทยแยกตัวจากเศรษฐกิจจีน (Decoupling) จะกลายเป็นการบีบให้ไทยเลือกข้างสหรัฐฯ ในด้านความมั่นคง และกลายเป็นหอกข้างแคร่ เพราะไทยเป็นหลังบ้านที่จะเข้าสู่จีน และสหรัฐฯ ล้มเหลวในการสร้างแนวพันธมิตรอินโด-แปซิฟิกเพื่อล้อมจีน หากปล่อยเช่นนั้นจะชักศึกเข้าบ้านโดยแท้ #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 768 มุมมอง 0 รีวิว
  • ๒ราธิกา ยาดาฟ อดีตนักเทนนิสของอินเดียถูกพ่อเเท้ๆ ฆาตกรรมเหตุเพราะหาเงินได้ข้ามหน้าข้ามตาตนเอง

    เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า หญิงวัย 25 ปี ถูกยิงสี่นัด 3 นัดที่หลังและ 1 นัดที่ไหล่ขณะทำอาหารอยู่ในบ้านย่านซูชานต์ ล็อก ถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งผู้ต้องหาก็คือ ดีปัค ยาดาฟ วัย 49 ปี ที่น่าตกใจกว่านั้นคือเขาเป็นพ่อเเท้ๆของผู้ตาย

    ผู้ต้องหาสารภาพผิดและบอกกับตำรวจว่า เหตุผลที่เขาทำเพราะถูกเยาะเย้ยที่ลูกสาวหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว เเทนที่จะเป็นหน้าที่เขาเพราะเป็นผู้ช่ายเเละหัวหน้าครอบครัว

    จริงๆเเล้วฐานะของดีปัคถือว่าไม่เเย่ทำธุรกิจปล่อยเช่า, อสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ราธิกาหลังรีไทร์จากการเป็นนักเทนนิสอาชีพก็มาเปิดโรงเรียนสอนเทนนิสเเละทำคอนเทนต์มีผู้ติดตามเยอะ สร้างรายได้ด้วยตัวเอง หาเงินเข้าบ้านเเละมีชื่อเสียง ซึ่งโฆษกตำรวจยืนยันว่า "พ่อของเธอไม่พอใจกับเรื่องนี้"

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/sport/detail/9680000065777

    #Thaitimes #MGROnline #ราธิกายาดาฟ #อดีตนักเทนนิส #อินเดีย
    ๒ราธิกา ยาดาฟ อดีตนักเทนนิสของอินเดียถูกพ่อเเท้ๆ ฆาตกรรมเหตุเพราะหาเงินได้ข้ามหน้าข้ามตาตนเอง • เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า หญิงวัย 25 ปี ถูกยิงสี่นัด 3 นัดที่หลังและ 1 นัดที่ไหล่ขณะทำอาหารอยู่ในบ้านย่านซูชานต์ ล็อก ถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งผู้ต้องหาก็คือ ดีปัค ยาดาฟ วัย 49 ปี ที่น่าตกใจกว่านั้นคือเขาเป็นพ่อเเท้ๆของผู้ตาย • ผู้ต้องหาสารภาพผิดและบอกกับตำรวจว่า เหตุผลที่เขาทำเพราะถูกเยาะเย้ยที่ลูกสาวหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว เเทนที่จะเป็นหน้าที่เขาเพราะเป็นผู้ช่ายเเละหัวหน้าครอบครัว • จริงๆเเล้วฐานะของดีปัคถือว่าไม่เเย่ทำธุรกิจปล่อยเช่า, อสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ราธิกาหลังรีไทร์จากการเป็นนักเทนนิสอาชีพก็มาเปิดโรงเรียนสอนเทนนิสเเละทำคอนเทนต์มีผู้ติดตามเยอะ สร้างรายได้ด้วยตัวเอง หาเงินเข้าบ้านเเละมีชื่อเสียง ซึ่งโฆษกตำรวจยืนยันว่า "พ่อของเธอไม่พอใจกับเรื่องนี้" • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/sport/detail/9680000065777 • #Thaitimes #MGROnline #ราธิกายาดาฟ #อดีตนักเทนนิส #อินเดีย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 467 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตม.สระแก้ว นำภาพใบหน้าพร้อมหมายจับ "นายก๊ก อาน” คนสนิทฮุนเซน ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีร่วมกันในลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ติดทั่วด่านชายแดนคลองลึกฯ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000065323

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตม.สระแก้ว นำภาพใบหน้าพร้อมหมายจับ "นายก๊ก อาน” คนสนิทฮุนเซน ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีร่วมกันในลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ติดทั่วด่านชายแดนคลองลึกฯ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000065323 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 821 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลองจินตนาการว่าเห็นโลโก้บริษัทฉายบนตึก Burj Khalifa ยักษ์สุดหรูในดูไบ — พูดกันตรงๆ ใครจะไม่เชื่อว่า legit! → แต่จริง ๆ แล้ว OmegaPro คือโครงการ Ponzi Scheme ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ "ดูน่าเชื่อถือ" โดยใช้กลยุทธ์ทั้งการฉายโลโก้, จัดงานเทรนนิ่งหรู, และโชว์ชีวิตฟู่ฟ่าเพื่อหลอกผู้คนให้ลงทุน → ผู้เสียหายถูกล่อลวงให้ซื้อ “แพ็กเกจการลงทุนคริปโต” โดยอ้างว่าจะมีการเทรดฟอเร็กซ์โดย “เทรดเดอร์ระดับโลก” → แต่ในความจริง เงินถูกโอนเข้ากระเป๋าเครือข่ายผู้บริหารผ่านวอลเล็ตที่พวกเขาควบคุมเอง!

    เมื่อต้นปี 2023 OmegaPro อ้างว่าระบบถูกแฮ็ก และจะย้ายเงินไปยังแพลตฟอร์มชื่อ “Broker Group” → แต่เหยื่อไม่มีใครถอนเงินได้เลย → สุดท้ายถูก DoJ ตั้งข้อหาหลายกระทง รวมถึง conspiracy to commit wire fraud และ conspiracy to commit money laundering

    ตอนนี้ผู้ต้องหาหลักคือ
    - Michael Shannon Sims → ผู้ก่อตั้งและโปรโมตบริษัท
    - Juan Carlos Reynoso → ผู้นำปฏิบัติการในละตินอเมริกา

    ทั้งสองอาจโดนโทษจำคุกสูงสุด 20 ปีในแต่ละข้อหา หากศาลตัดสินว่าผิดจริง

    กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DoJ) ตั้งข้อหาหลอกลวงคริปโต OmegaPro มูลค่ากว่า $650M
    • หลอกให้ลงทุนโดยอ้างผลตอบแทน 300% ภายใน 16 เดือน  
    • แนะนำให้ชำระเงินด้วยคริปโตเพื่อซื้อ “แพ็กเกจการลงทุน”  
    • อ้างว่ามีเทรดเดอร์มืออาชีพดูแลเงิน

    ผู้ต้องหา:  
    • Michael Shannon Sims → ผู้ก่อตั้ง–โปรโมต OmegaPro  
    • Juan Carlos Reynoso → ผู้นำฝั่งละตินอเมริกา

    กลยุทธ์ลวงตา:  
    • ฉายโลโก้บน Burj Khalifa เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ  
    • โชว์รถหรู–เที่ยวหรูบนโซเชียล  
    • จัดงานเทรนนิ่งระดับโลก

    ปี 2023 OmegaPro อ้างว่าถูก hack → ย้ายเงินไป Broker Group แต่ถอนไม่ได้  
    • เงินถูกล้างผ่านวอลเล็ตของผู้บริหารแล้วโอนเข้ากลุ่ม insider

    ข้อหาที่ได้รับ:  
    • สมรู้ร่วมคิดฉ้อโกงผ่านระบบสื่อสาร (wire fraud)  
    • สมรู้ร่วมคิดฟอกเงิน → โทษสูงสุด 20 ปี/ข้อหา

    ผู้ร่วมขบวนการอื่น เช่น Andreas Szakacs ถูกจับในตุรกีฐานฉ้อโกง $4B ผ่านระบบ Ponzi คริปโตอีกแห่ง

    https://www.techspot.com/news/108609-doj-charges-two-men-over-650-million-crypto.html
    ลองจินตนาการว่าเห็นโลโก้บริษัทฉายบนตึก Burj Khalifa ยักษ์สุดหรูในดูไบ — พูดกันตรงๆ ใครจะไม่เชื่อว่า legit! → แต่จริง ๆ แล้ว OmegaPro คือโครงการ Ponzi Scheme ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ "ดูน่าเชื่อถือ" โดยใช้กลยุทธ์ทั้งการฉายโลโก้, จัดงานเทรนนิ่งหรู, และโชว์ชีวิตฟู่ฟ่าเพื่อหลอกผู้คนให้ลงทุน → ผู้เสียหายถูกล่อลวงให้ซื้อ “แพ็กเกจการลงทุนคริปโต” โดยอ้างว่าจะมีการเทรดฟอเร็กซ์โดย “เทรดเดอร์ระดับโลก” → แต่ในความจริง เงินถูกโอนเข้ากระเป๋าเครือข่ายผู้บริหารผ่านวอลเล็ตที่พวกเขาควบคุมเอง! เมื่อต้นปี 2023 OmegaPro อ้างว่าระบบถูกแฮ็ก และจะย้ายเงินไปยังแพลตฟอร์มชื่อ “Broker Group” → แต่เหยื่อไม่มีใครถอนเงินได้เลย → สุดท้ายถูก DoJ ตั้งข้อหาหลายกระทง รวมถึง conspiracy to commit wire fraud และ conspiracy to commit money laundering ตอนนี้ผู้ต้องหาหลักคือ - Michael Shannon Sims → ผู้ก่อตั้งและโปรโมตบริษัท - Juan Carlos Reynoso → ผู้นำปฏิบัติการในละตินอเมริกา ทั้งสองอาจโดนโทษจำคุกสูงสุด 20 ปีในแต่ละข้อหา หากศาลตัดสินว่าผิดจริง ✅ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DoJ) ตั้งข้อหาหลอกลวงคริปโต OmegaPro มูลค่ากว่า $650M • หลอกให้ลงทุนโดยอ้างผลตอบแทน 300% ภายใน 16 เดือน   • แนะนำให้ชำระเงินด้วยคริปโตเพื่อซื้อ “แพ็กเกจการลงทุน”   • อ้างว่ามีเทรดเดอร์มืออาชีพดูแลเงิน ✅ ผู้ต้องหา:   • Michael Shannon Sims → ผู้ก่อตั้ง–โปรโมต OmegaPro   • Juan Carlos Reynoso → ผู้นำฝั่งละตินอเมริกา ✅ กลยุทธ์ลวงตา:   • ฉายโลโก้บน Burj Khalifa เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ   • โชว์รถหรู–เที่ยวหรูบนโซเชียล   • จัดงานเทรนนิ่งระดับโลก ✅ ปี 2023 OmegaPro อ้างว่าถูก hack → ย้ายเงินไป Broker Group แต่ถอนไม่ได้   • เงินถูกล้างผ่านวอลเล็ตของผู้บริหารแล้วโอนเข้ากลุ่ม insider ✅ ข้อหาที่ได้รับ:   • สมรู้ร่วมคิดฉ้อโกงผ่านระบบสื่อสาร (wire fraud)   • สมรู้ร่วมคิดฟอกเงิน → โทษสูงสุด 20 ปี/ข้อหา ✅ ผู้ร่วมขบวนการอื่น เช่น Andreas Szakacs ถูกจับในตุรกีฐานฉ้อโกง $4B ผ่านระบบ Ponzi คริปโตอีกแห่ง https://www.techspot.com/news/108609-doj-charges-two-men-over-650-million-crypto.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    DOJ charges two men over $650 million crypto Ponzi scheme that promised 300% returns
    The DoJ writes that an indictment was unsealed yesterday in the District of Puerto Rico charging two men for their alleged roles in operating and promoting OmegaPro.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 531 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอนแรกไม่มีใครเอะใจว่าทำไม ยอดขายของ NVIDIA ในสิงคโปร์ปี 2024 พุ่งถึง 28% ทั้งที่จัดส่งจริงในประเทศมีแค่ 1% — จนกระทั่ง DeepSeek เปิดตัวโมเดล LLM ระดับเทพในจีน… แล้วคำถามเริ่มตามมาว่า “GPU ที่ใช้เทรนได้มายังไง?”

    คำตอบอาจอยู่ที่คน 3 คนที่โดนจับในสิงคโปร์:
    - Woon Guo Jie (สิงคโปร์, 41 ปี)
    - Alan Wei Zhaolun (สิงคโปร์, 49 ปี)
    - Li Ming (จีน, 51 ปี)

    พวกเขาถูกกล่าวหาว่า แสดงข้อมูลปลอมเกี่ยวกับปลายทางของเซิร์ฟเวอร์ที่ซื้อจากสหรัฐฯ แล้วส่งต่อเข้าแดนจีน — ข้ามข้อกำหนดการส่งออกของสหรัฐฯ ที่ห้ามส่งอุปกรณ์ AI ขั้นสูงเข้าจีนโดยตรง

    การสืบสวนถูกเร่งด่วนขึ้นหลัง DeepSeek เปิดตัว และพบว่า บริษัทใช้ GPU ระดับสูงที่ถูกควบคุมการส่งออก แต่ด้าน NVIDIA ปฏิเสธว่า “ไม่เคยขายให้ผู้ต้องห้าม” และ CEO Jensen Huang ก็ออกมาบอกชัดว่า “ไม่มีหลักฐานชิปหลุดไปถึงมือผิด”

    ปัญหาคือ ช่องทางผ่าน “บริษัทบิลจากสิงคโปร์” แต่จัดส่งสินค้ากลับไปยังจีนหรือมาเลเซีย เป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปในอุตสาหกรรมการค้า → ทำให้สหรัฐฯ เตรียมร่างกฎหมายใหม่ที่บังคับให้ GPU ชั้นสูงต้องมี “ระบบติดตาม GPS” ตลอดการขนส่ง

    สามผู้ต้องหาในสิงคโปร์ถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงในปี 2023–2024  
    • แสดงข้อมูลเท็จเกี่ยวกับปลายทางจริงของเซิร์ฟเวอร์ที่ซื้อ  
    • เชื่อมโยงกับการส่งมอบชิปให้บริษัทจีน DeepSeek ซึ่งอยู่ระหว่างจับตามอง

    DeepSeek เป็นบริษัท AI สัญชาติจีนที่เปิดตัวโมเดลขนาดใหญ่ปลายปี 2024  
    • เทียบระดับ GPT-4 และ Claude  
    • สหรัฐสงสัยว่า GPU ที่ใช้มาจากแหล่งผิดกฎหมายผ่านชาติที่ 3

    NVIDIA รายงานว่าสิงคโปร์คิดเป็น 28% ของรายได้ในช่วงเวลาดังกล่าว แต่จัดส่งจริงแค่ 1%  
    • จุดชนวนให้เริ่มสืบสวนช่องทางการส่งต่อ

    NVIDIA ปฏิเสธว่าไม่ได้ขายให้รายชื่อที่ถูกแบน และไม่รู้เห็นการลักลอบ  
    • CEO ยืนยัน “ไม่มีหลักฐาน GPU หลุดไปถึง DeepSeek”

    สหรัฐฯ เตรียมออกกฎหมายให้ติดระบบติดตาม (tracking tech) กับ GPU ขั้นสูงที่ส่งออก  
    • เพื่อป้องกันการถูก “เบี่ยงปลายทาง” (diversion) ไปยังประเทศต้องห้าม

    สิงคโปร์ถือเป็นศูนย์กลางการค้าในภูมิภาค → การใช้ billing address จากที่นี่แต่จัดส่งที่อื่นเป็นเรื่องปกติ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/singapore-ai-chip-court-case-adjourned-until-august-trio-accused-of-illegally-smuggling-nvidia-chips-to-china-for-use-by-ai-firm-deepseek
    ตอนแรกไม่มีใครเอะใจว่าทำไม ยอดขายของ NVIDIA ในสิงคโปร์ปี 2024 พุ่งถึง 28% ทั้งที่จัดส่งจริงในประเทศมีแค่ 1% — จนกระทั่ง DeepSeek เปิดตัวโมเดล LLM ระดับเทพในจีน… แล้วคำถามเริ่มตามมาว่า “GPU ที่ใช้เทรนได้มายังไง?” คำตอบอาจอยู่ที่คน 3 คนที่โดนจับในสิงคโปร์: - Woon Guo Jie (สิงคโปร์, 41 ปี) - Alan Wei Zhaolun (สิงคโปร์, 49 ปี) - Li Ming (จีน, 51 ปี) พวกเขาถูกกล่าวหาว่า แสดงข้อมูลปลอมเกี่ยวกับปลายทางของเซิร์ฟเวอร์ที่ซื้อจากสหรัฐฯ แล้วส่งต่อเข้าแดนจีน — ข้ามข้อกำหนดการส่งออกของสหรัฐฯ ที่ห้ามส่งอุปกรณ์ AI ขั้นสูงเข้าจีนโดยตรง การสืบสวนถูกเร่งด่วนขึ้นหลัง DeepSeek เปิดตัว และพบว่า บริษัทใช้ GPU ระดับสูงที่ถูกควบคุมการส่งออก แต่ด้าน NVIDIA ปฏิเสธว่า “ไม่เคยขายให้ผู้ต้องห้าม” และ CEO Jensen Huang ก็ออกมาบอกชัดว่า “ไม่มีหลักฐานชิปหลุดไปถึงมือผิด” ปัญหาคือ ช่องทางผ่าน “บริษัทบิลจากสิงคโปร์” แต่จัดส่งสินค้ากลับไปยังจีนหรือมาเลเซีย เป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปในอุตสาหกรรมการค้า → ทำให้สหรัฐฯ เตรียมร่างกฎหมายใหม่ที่บังคับให้ GPU ชั้นสูงต้องมี “ระบบติดตาม GPS” ตลอดการขนส่ง ✅ สามผู้ต้องหาในสิงคโปร์ถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงในปี 2023–2024   • แสดงข้อมูลเท็จเกี่ยวกับปลายทางจริงของเซิร์ฟเวอร์ที่ซื้อ   • เชื่อมโยงกับการส่งมอบชิปให้บริษัทจีน DeepSeek ซึ่งอยู่ระหว่างจับตามอง ✅ DeepSeek เป็นบริษัท AI สัญชาติจีนที่เปิดตัวโมเดลขนาดใหญ่ปลายปี 2024   • เทียบระดับ GPT-4 และ Claude   • สหรัฐสงสัยว่า GPU ที่ใช้มาจากแหล่งผิดกฎหมายผ่านชาติที่ 3 ✅ NVIDIA รายงานว่าสิงคโปร์คิดเป็น 28% ของรายได้ในช่วงเวลาดังกล่าว แต่จัดส่งจริงแค่ 1%   • จุดชนวนให้เริ่มสืบสวนช่องทางการส่งต่อ ✅ NVIDIA ปฏิเสธว่าไม่ได้ขายให้รายชื่อที่ถูกแบน และไม่รู้เห็นการลักลอบ   • CEO ยืนยัน “ไม่มีหลักฐาน GPU หลุดไปถึง DeepSeek” ✅ สหรัฐฯ เตรียมออกกฎหมายให้ติดระบบติดตาม (tracking tech) กับ GPU ขั้นสูงที่ส่งออก   • เพื่อป้องกันการถูก “เบี่ยงปลายทาง” (diversion) ไปยังประเทศต้องห้าม ✅ สิงคโปร์ถือเป็นศูนย์กลางการค้าในภูมิภาค → การใช้ billing address จากที่นี่แต่จัดส่งที่อื่นเป็นเรื่องปกติ https://www.tomshardware.com/tech-industry/singapore-ai-chip-court-case-adjourned-until-august-trio-accused-of-illegally-smuggling-nvidia-chips-to-china-for-use-by-ai-firm-deepseek
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 499 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความตกต่ำของกระทรวงการต่างประเทศ

    กระทรวงการต่างประเทศ ภายใต้การนำของ มาริษ เสงี่ยมพงษ์ คนใกล้ชิดอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ไม่มีผลงานโดดเด่น นอกจากไปเป็นพยานให้ทักษิณ ผู้ต้องหาคดี 112 ขออนุญาตศาลออกนอกประเทศ ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ที่สองพ่อลูก ฮุน เซน และ ฮุน มาเนต ปลุกกระแสชาตินิยม นำปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย และช่องบก ร้องต่อศาลโลก ขอให้ตกเป็นของกัมพูชา นอกจากจะแถลงข่าวรายวันก็ไม่มีอะไรโดดเด่น

    การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) นำโดย นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเจบีซีฝ่ายไทย เป็นที่เคลือบแคลงสงสัย นอกจากจะเป็นคู่กรณีนายวีระ สมความคิด เคยบีบบังคับให้ยอมรับผิดว่าบุกรุกดินแดนกัมพูชาและด่าว่าเป็นตัวปัญหาแล้ว ในการประชุมเจบีซีมีไลน์หลุดออกมาว่า นายประศาสน์ พยายามโน้มน้าวให้ไทยยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่ทำให้ไทยเสียดินแดน ทำให้เจ้าตัวถึงกับโกรธและไม่คุยด้วย หนำซ้ำ กัมพูชายังสรุปผลการประชุมว่าตกลงใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ทำให้คนไทยโกรธแค้นเพราะเสียเปรียบ ร้อนถึงกระทรวงต้องออกแถลงการณ์ตอนดึก ยืนยันว่าไม่ได้หารือ พร้อมแสดงความผิดหวังที่กัมพูชาเดินหน้านำพื้นที่ 4 จุดขึ้นสู่ศาลโลก

    สนธิ ลิ้มทองกุล ตั้งคำถามว่า ตั้งแต่ MOU 2543 ถึง MOU 2544 รู้อยู่แล้วว่าเป็นตัวการที่จะทำให้ไทยเสียดินแดน มีการระบุว่าต้องใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ไม่ใช่ 1 ต่อ 50,000 เคยถามตัวเองหรือไม่ว่าทำไมกัมพูชาเจรจากับเวียดนามใช้แผนที่ 1 ต่อ 50,000 ทำไมไทยถึงยอมใช้มาตรา 1 ต่อ 200,000 ส่วนนายประศาสน์ นับตั้งแต่ไปประชุมเจบีซี 3 สัปดาห์แล้วกลับมา ไม่เคยบอกคนไทยว่าไปพูดอะไรบ้าง และไม่บอกว่าไปลงนามข้อตกลงอะไรไว้ เปรียบเป็นไส้ศึกของกัมพูชา

    ที่น่าสนใจ คือ บทความหัวข้อ Thai diplomacy is now in need of a reset เขียนโดย กวี จงกิจถาวร ในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ระบุในตอนหนึ่งว่า แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทำผิดพลาดทางการทูตร้ายแรงจากคลิปเสียงสนทนากับ ฮุน เซน แม้กระทรวงการต่างประเทศพยายามอย่างหนักเพื่อกอบกู้สถานการณ์ทางการทูตที่เหลืออยู่ แต่ขวัญกำลังใจตกต่ำเป็นประวัติการณ์ นักการทูตและเจ้าหน้าที่รู้สึกว่าถูกละเลยและเพิกเฉย นับตั้งแต่แพทองธารเข้ารับตำแหน่ง การตัดสินใจเกี่ยวกับกิจการต่างประเทศก็ดำเนินการโดยทักษิณ และกลุ่มคนใกล้ชิด

    "นับตั้งแต่ ปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีต รมว.ต่างประเทศ ก้าวลงจากตำแหน่งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา กระทรวงฯ ก็ไร้ทิศทาง ไม่มีผู้นำที่เข้มแข็งมาควบคุม และไม่มีผู้ใดมีอำนาจที่จะควบคุมความเสียหายหรือวางแผนกลยุทธ์"

    #Newskit
    ความตกต่ำของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ภายใต้การนำของ มาริษ เสงี่ยมพงษ์ คนใกล้ชิดอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ไม่มีผลงานโดดเด่น นอกจากไปเป็นพยานให้ทักษิณ ผู้ต้องหาคดี 112 ขออนุญาตศาลออกนอกประเทศ ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ที่สองพ่อลูก ฮุน เซน และ ฮุน มาเนต ปลุกกระแสชาตินิยม นำปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย และช่องบก ร้องต่อศาลโลก ขอให้ตกเป็นของกัมพูชา นอกจากจะแถลงข่าวรายวันก็ไม่มีอะไรโดดเด่น การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) นำโดย นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเจบีซีฝ่ายไทย เป็นที่เคลือบแคลงสงสัย นอกจากจะเป็นคู่กรณีนายวีระ สมความคิด เคยบีบบังคับให้ยอมรับผิดว่าบุกรุกดินแดนกัมพูชาและด่าว่าเป็นตัวปัญหาแล้ว ในการประชุมเจบีซีมีไลน์หลุดออกมาว่า นายประศาสน์ พยายามโน้มน้าวให้ไทยยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่ทำให้ไทยเสียดินแดน ทำให้เจ้าตัวถึงกับโกรธและไม่คุยด้วย หนำซ้ำ กัมพูชายังสรุปผลการประชุมว่าตกลงใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ทำให้คนไทยโกรธแค้นเพราะเสียเปรียบ ร้อนถึงกระทรวงต้องออกแถลงการณ์ตอนดึก ยืนยันว่าไม่ได้หารือ พร้อมแสดงความผิดหวังที่กัมพูชาเดินหน้านำพื้นที่ 4 จุดขึ้นสู่ศาลโลก สนธิ ลิ้มทองกุล ตั้งคำถามว่า ตั้งแต่ MOU 2543 ถึง MOU 2544 รู้อยู่แล้วว่าเป็นตัวการที่จะทำให้ไทยเสียดินแดน มีการระบุว่าต้องใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ไม่ใช่ 1 ต่อ 50,000 เคยถามตัวเองหรือไม่ว่าทำไมกัมพูชาเจรจากับเวียดนามใช้แผนที่ 1 ต่อ 50,000 ทำไมไทยถึงยอมใช้มาตรา 1 ต่อ 200,000 ส่วนนายประศาสน์ นับตั้งแต่ไปประชุมเจบีซี 3 สัปดาห์แล้วกลับมา ไม่เคยบอกคนไทยว่าไปพูดอะไรบ้าง และไม่บอกว่าไปลงนามข้อตกลงอะไรไว้ เปรียบเป็นไส้ศึกของกัมพูชา ที่น่าสนใจ คือ บทความหัวข้อ Thai diplomacy is now in need of a reset เขียนโดย กวี จงกิจถาวร ในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ระบุในตอนหนึ่งว่า แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทำผิดพลาดทางการทูตร้ายแรงจากคลิปเสียงสนทนากับ ฮุน เซน แม้กระทรวงการต่างประเทศพยายามอย่างหนักเพื่อกอบกู้สถานการณ์ทางการทูตที่เหลืออยู่ แต่ขวัญกำลังใจตกต่ำเป็นประวัติการณ์ นักการทูตและเจ้าหน้าที่รู้สึกว่าถูกละเลยและเพิกเฉย นับตั้งแต่แพทองธารเข้ารับตำแหน่ง การตัดสินใจเกี่ยวกับกิจการต่างประเทศก็ดำเนินการโดยทักษิณ และกลุ่มคนใกล้ชิด "นับตั้งแต่ ปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีต รมว.ต่างประเทศ ก้าวลงจากตำแหน่งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา กระทรวงฯ ก็ไร้ทิศทาง ไม่มีผู้นำที่เข้มแข็งมาควบคุม และไม่มีผู้ใดมีอำนาจที่จะควบคุมความเสียหายหรือวางแผนกลยุทธ์" #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 572 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักข่าว Al Jazeera แฉคลิปเสียงหลุด!ฮุนเซน สั่ง “นายฮวด” ไล่ล่าคนเห็นต่างในไทย — ไม่สนว่าจับได้จะ “เป็นหรือตาย”!นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาภายในกัมพูชา —แต่คือคำสั่งจากผู้นำต่างชาติ ที่ล้ำเส้นเข้ามายัง “แผ่นดินไทย”!ในคลิปเสียงดังกล่าว ฮุนเซนได้สั่งตรงถึง “นายเคลียง ฮวด”ให้ดำเนินการ “ตามล่าคนที่วิพากษ์วิจารณ์ตน แม้จะอยู่ในประเทศไทย”พร้อมกำชับชัดเจนว่า“ไม่ต้องสนใจว่าจับมาได้จะ ‘เป็นหรือตาย’”การลอบสังหารนักการเมืองระดับสูงในกัมพูชา ในปี 2016 นายเขม ไลย์ นักวิจารณ์การเมืองซึ่งเป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์ฮุน เซน ชื่อดัง ถูกยิงเสียชีวิตในกรุงพนมเปญ และในปี 2012 นายจุ๊ต วุตติ นักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมก็ถูกสังหารด้วยเช่นกันล่าสุดเมื่อเดือนมกราคมปีนี้ กรณีสังหารนายลิม กิมยา อดีตสมาชิกรัฐสภาวัย 73 ปี ของพรรคแกนนำฝ่ายค้านของกัมพูชาที่ชื่อว่าพรรคกู้ชาติกัมพูชา หรือ ซีเอ็นอาร์พี (Cambodia National Rescue Party - CNRP) ซึ่งพรรคนี้ถูกแบนไปเมื่อปี 2017 จากรายงานของตำรวจไทย เขาถูกยิงด้วยกระสุน 2 นัดบริเวณหน้าอก ทั้งที่เพิ่งเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ ด้วยรถบัสจากกัมพูชา พร้อมกับภรรยาที่บริเวณหน้าวัดบวรนิเวศ บางลำพู เขตพระนคร กรุงเทพนายเอกลักษณ์ แพน้อย ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงนายลิม กิมยา อดีต สส. ฝ่ายค้านกัมพูชา ถูกจับตัวได้ที่ จ.พระตะบอง ประเทศกัมพูชา หลังหลบหนีออกจากไทย และถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดีที่ไทยแล้วเมื่อวันที่ 11 ม.ค.2568ที่ผ่านมาแล้วเรื่องก็เงียบhttps://youtu.be/FR39vs42N9I
    สำนักข่าว Al Jazeera แฉคลิปเสียงหลุด!ฮุนเซน สั่ง “นายฮวด” ไล่ล่าคนเห็นต่างในไทย — ไม่สนว่าจับได้จะ “เป็นหรือตาย”!นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาภายในกัมพูชา —แต่คือคำสั่งจากผู้นำต่างชาติ ที่ล้ำเส้นเข้ามายัง “แผ่นดินไทย”!ในคลิปเสียงดังกล่าว ฮุนเซนได้สั่งตรงถึง “นายเคลียง ฮวด”ให้ดำเนินการ “ตามล่าคนที่วิพากษ์วิจารณ์ตน แม้จะอยู่ในประเทศไทย”พร้อมกำชับชัดเจนว่า“ไม่ต้องสนใจว่าจับมาได้จะ ‘เป็นหรือตาย’”การลอบสังหารนักการเมืองระดับสูงในกัมพูชา ในปี 2016 นายเขม ไลย์ นักวิจารณ์การเมืองซึ่งเป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์ฮุน เซน ชื่อดัง ถูกยิงเสียชีวิตในกรุงพนมเปญ และในปี 2012 นายจุ๊ต วุตติ นักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมก็ถูกสังหารด้วยเช่นกันล่าสุดเมื่อเดือนมกราคมปีนี้ กรณีสังหารนายลิม กิมยา อดีตสมาชิกรัฐสภาวัย 73 ปี ของพรรคแกนนำฝ่ายค้านของกัมพูชาที่ชื่อว่าพรรคกู้ชาติกัมพูชา หรือ ซีเอ็นอาร์พี (Cambodia National Rescue Party - CNRP) ซึ่งพรรคนี้ถูกแบนไปเมื่อปี 2017 จากรายงานของตำรวจไทย เขาถูกยิงด้วยกระสุน 2 นัดบริเวณหน้าอก ทั้งที่เพิ่งเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ ด้วยรถบัสจากกัมพูชา พร้อมกับภรรยาที่บริเวณหน้าวัดบวรนิเวศ บางลำพู เขตพระนคร กรุงเทพนายเอกลักษณ์ แพน้อย ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงนายลิม กิมยา อดีต สส. ฝ่ายค้านกัมพูชา ถูกจับตัวได้ที่ จ.พระตะบอง ประเทศกัมพูชา หลังหลบหนีออกจากไทย และถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดีที่ไทยแล้วเมื่อวันที่ 11 ม.ค.2568ที่ผ่านมาแล้วเรื่องก็เงียบhttps://youtu.be/FR39vs42N9I
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 610 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts