• คดีลักลอบนำข้อสอบนิติฯ จุฬาฯ ส่อเค้าซับซ้อน เมื่อ ดร.นิด ผู้ต้องหาถูกพาตัวออกจาก สน.ทุ่งสองห้องโดยไม่มีอำนาจ สะเทือนถึงรอง ผบก.ส.4 ที่อาจเอี่ยวกระบวนการแทรกแซงการสอบสวน ผบ.ตร.สั่งเร่งคลี่คลาย หวั่นกระทบความเชื่อมั่นทั้งในองค์กรและสังคม

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000068994

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    คดีลักลอบนำข้อสอบนิติฯ จุฬาฯ ส่อเค้าซับซ้อน เมื่อ ดร.นิด ผู้ต้องหาถูกพาตัวออกจาก สน.ทุ่งสองห้องโดยไม่มีอำนาจ สะเทือนถึงรอง ผบก.ส.4 ที่อาจเอี่ยวกระบวนการแทรกแซงการสอบสวน ผบ.ตร.สั่งเร่งคลี่คลาย หวั่นกระทบความเชื่อมั่นทั้งในองค์กรและสังคม อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000068994 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 326 Views 0 Reviews
  • ตำรวจหอบสำนวนคดี ตึก สตง.ถล่ม กว่า 233 แฟ้ม 9 หมื่นหน้า ยื่นอธิบดีอัยการคดีอาญาพิจารณาสั่งฟ้องกลุ่มผู้ต้องหา อธิบดีอัยการมั่นใจ พิจารณาสั่งฟ้องคดีทันกรอบฝากขัง

    วันนี้ (22 ก.ค.) เมื่อเวลา 09:00 น. ที่สำนักงานสำนักงานอัยการสูงสุด พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และสน.บางซื่อ นำสำนวนในคดีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม จำนวน 51 ลัง 233 แฟ้ม เอกสารจำนวนกว่า 98,926 แผ่น ใส่รถบรรทุก 6 ล้อ มาเพื่อส่งฟ้องต่อสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 เพื่อพิจารณาสั่งฟ้องในความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 227, 238 กับกลุ่มผู้ต้องหาทั้งนิติบุคคล และส่วนตัว รวม 23 คน รวม 3 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 บริษัทผู้ออกแบบ กลุ่มที่ 2 บริษัทผู้รับจ้างควบคุมการก่อสร้าง และกลุ่มที่ 3 บริษัทผู้รับจ้างก่อสร้าง

    โดยมี พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ และพล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รวมถึงหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน มายื่นสำนวนด้วยตนเอง

    หลังจากขึ้นไปพูดคุยกันนานกว่า 1 ชั่วโมง ทางด้าน พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต. นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. รวมถึงนายสัญจัย จันทร์ผ่อง อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ออกมาเปิดเผยภายหลังส่งสำนวนคดีตึกสตง.ถล่ม

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000068841

    #Thaitimes #MGROnline #ตึกสตง.
    ตำรวจหอบสำนวนคดี ตึก สตง.ถล่ม กว่า 233 แฟ้ม 9 หมื่นหน้า ยื่นอธิบดีอัยการคดีอาญาพิจารณาสั่งฟ้องกลุ่มผู้ต้องหา อธิบดีอัยการมั่นใจ พิจารณาสั่งฟ้องคดีทันกรอบฝากขัง • วันนี้ (22 ก.ค.) เมื่อเวลา 09:00 น. ที่สำนักงานสำนักงานอัยการสูงสุด พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และสน.บางซื่อ นำสำนวนในคดีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม จำนวน 51 ลัง 233 แฟ้ม เอกสารจำนวนกว่า 98,926 แผ่น ใส่รถบรรทุก 6 ล้อ มาเพื่อส่งฟ้องต่อสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 เพื่อพิจารณาสั่งฟ้องในความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 227, 238 กับกลุ่มผู้ต้องหาทั้งนิติบุคคล และส่วนตัว รวม 23 คน รวม 3 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 บริษัทผู้ออกแบบ กลุ่มที่ 2 บริษัทผู้รับจ้างควบคุมการก่อสร้าง และกลุ่มที่ 3 บริษัทผู้รับจ้างก่อสร้าง • โดยมี พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ และพล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รวมถึงหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน มายื่นสำนวนด้วยตนเอง • หลังจากขึ้นไปพูดคุยกันนานกว่า 1 ชั่วโมง ทางด้าน พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต. นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. รวมถึงนายสัญจัย จันทร์ผ่อง อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ออกมาเปิดเผยภายหลังส่งสำนวนคดีตึกสตง.ถล่ม • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000068841 • #Thaitimes #MGROnline #ตึกสตง.
    0 Comments 0 Shares 236 Views 0 Reviews
  • โจห์ โลว์ นักธุรกิจผู้อื้อฉาว ซุกเชี่ยงไฮ้-ใช้ชื่อปลอม

    โจห์ โลว์ (Jho Low) หรือ โลว์ เต็ก โจห์ (Low Taek Jho) นักธุรกิจชาวปีนัง ประเทศมาเลเซียวัย 43 ปี ในฐานะผู้ต้องหาหลบหนีคดีทุจริตยักยอกเงินกองทุนวันเอ็มดีบี (1MDB) กองทุนพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาวของมาเลเซีย 4,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่ตำรวจสากล (Interpol) ต้องการตัวมาตั้งแต่ปี 2561 ล่าสุดสองนักข่าวสายสืบสวนอย่าง แบรดลีย์ โฮป (Bradley Hope) และ ทอม ไรต์ (Tom Wright) เปิดเผยผ่านพอดแคสต์ Finding Jho Low เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (18 ก.ค.) ว่ายังคงใช้ชีวิตอย่างหรูหราในเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน และใช้หนังสือเดินทางปลอมของออสเตรเลีย

    ทั้งสองอ้างว่า อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นาจิบ ราซัค แนะนำให้โลว์หลบหนีออกนอกประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ แม้จะเป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดี แต่ก็ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในย่านกรีนฮิลล์ (Green Hills) ซึ่งเป็นย่านเศรษฐี มีบ้านสไตล์อเมริกันและเป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติ รวมทั้งขับรถยนต์หรู และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชาวจีน 2 คนคอยดูแล นอกจากนี้ ยังเปิดเผยเอกสารที่ได้รับมาใหม่ เป็นหนังสือเดินทางปลอมของออสเตรเลีย ใช้ชื่อภาษากรีกว่า คอนสเตนติโนส อคิลลีส (Constantinos Achilles) อีกด้วย

    อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวของสำนักข่าวเบอร์นามา ระบุว่า นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม ไม่ทราบอย่างเป็นทางการว่า โจห์ โลว์ หนีไปประเทศจีน ต้องตรวจสอบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยก่อน ส่วนสำนักข่าวเอบีซีนิวส์ของออสเตรเลีย ติดต่อไปยังกระทรวงการต่างประเทศและการค้า (DFAT) และตำรวจสหพันธรัฐออสเตรเลียเพื่อสอบถามเพิ่มเติม กลับไม่ยืนยันว่าทราบเรื่องนี้หรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาออสเตรเลียเคยขับไล่ทูตอิสราเอลออกไปเมื่อปี 2553 เพราะหน่วยข่าวกรองของอิสราเอล (Mossad) ใช้หนังสือเดินทางออสเตรเลียปลอมลอบ สังหารผู้นำระดับสูงของกลุ่มฮามาสในดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

    สำหรับโจห์ โลว์ ได้ชื่อว่าเป็นนักธุรกิจเพลย์บอยคนหนึ่งในมาเลเซีย ยักยอกเงินกองทุนวันเอ็มดีบีไปซื้ออสังหาริมทรัพย์หรูหราในสหรัฐฯ รวมถึงงานศิลปะ เครื่องบินเจ็ตส่วนตัว และเรือยอทช์สุดหรูที่ชื่อว่า อีควลนิมิตี (Equanimity) ซึ่งถูกทางการอินโดนีเซียกักบริเวณนอกชายฝั่งเกาะบาหลี ก่อนขายทอดตลาดและนำเงินคืนรัฐบาลมาเลเซีย รวมทั้งสนับสนุนการสร้างภาพยนตร์ The Wolf of Wall Street (คนจะรวย ช่วยไม่ได้) ในปี 2556 นำแสดงโดย ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ซึ่งต่อมากระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ อ้างว่าได้รับเงินทุนจากเงินมาเลเซียที่ยักยอกมา ปัจจุบันยังคงถูกทางการมาเลเซีย สิงคโปร์ และสหรัฐฯ ออกหมายจับ

    #Newskit
    โจห์ โลว์ นักธุรกิจผู้อื้อฉาว ซุกเชี่ยงไฮ้-ใช้ชื่อปลอม โจห์ โลว์ (Jho Low) หรือ โลว์ เต็ก โจห์ (Low Taek Jho) นักธุรกิจชาวปีนัง ประเทศมาเลเซียวัย 43 ปี ในฐานะผู้ต้องหาหลบหนีคดีทุจริตยักยอกเงินกองทุนวันเอ็มดีบี (1MDB) กองทุนพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาวของมาเลเซีย 4,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่ตำรวจสากล (Interpol) ต้องการตัวมาตั้งแต่ปี 2561 ล่าสุดสองนักข่าวสายสืบสวนอย่าง แบรดลีย์ โฮป (Bradley Hope) และ ทอม ไรต์ (Tom Wright) เปิดเผยผ่านพอดแคสต์ Finding Jho Low เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (18 ก.ค.) ว่ายังคงใช้ชีวิตอย่างหรูหราในเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน และใช้หนังสือเดินทางปลอมของออสเตรเลีย ทั้งสองอ้างว่า อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นาจิบ ราซัค แนะนำให้โลว์หลบหนีออกนอกประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ แม้จะเป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดี แต่ก็ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในย่านกรีนฮิลล์ (Green Hills) ซึ่งเป็นย่านเศรษฐี มีบ้านสไตล์อเมริกันและเป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติ รวมทั้งขับรถยนต์หรู และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชาวจีน 2 คนคอยดูแล นอกจากนี้ ยังเปิดเผยเอกสารที่ได้รับมาใหม่ เป็นหนังสือเดินทางปลอมของออสเตรเลีย ใช้ชื่อภาษากรีกว่า คอนสเตนติโนส อคิลลีส (Constantinos Achilles) อีกด้วย อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวของสำนักข่าวเบอร์นามา ระบุว่า นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม ไม่ทราบอย่างเป็นทางการว่า โจห์ โลว์ หนีไปประเทศจีน ต้องตรวจสอบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยก่อน ส่วนสำนักข่าวเอบีซีนิวส์ของออสเตรเลีย ติดต่อไปยังกระทรวงการต่างประเทศและการค้า (DFAT) และตำรวจสหพันธรัฐออสเตรเลียเพื่อสอบถามเพิ่มเติม กลับไม่ยืนยันว่าทราบเรื่องนี้หรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาออสเตรเลียเคยขับไล่ทูตอิสราเอลออกไปเมื่อปี 2553 เพราะหน่วยข่าวกรองของอิสราเอล (Mossad) ใช้หนังสือเดินทางออสเตรเลียปลอมลอบ สังหารผู้นำระดับสูงของกลุ่มฮามาสในดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สำหรับโจห์ โลว์ ได้ชื่อว่าเป็นนักธุรกิจเพลย์บอยคนหนึ่งในมาเลเซีย ยักยอกเงินกองทุนวันเอ็มดีบีไปซื้ออสังหาริมทรัพย์หรูหราในสหรัฐฯ รวมถึงงานศิลปะ เครื่องบินเจ็ตส่วนตัว และเรือยอทช์สุดหรูที่ชื่อว่า อีควลนิมิตี (Equanimity) ซึ่งถูกทางการอินโดนีเซียกักบริเวณนอกชายฝั่งเกาะบาหลี ก่อนขายทอดตลาดและนำเงินคืนรัฐบาลมาเลเซีย รวมทั้งสนับสนุนการสร้างภาพยนตร์ The Wolf of Wall Street (คนจะรวย ช่วยไม่ได้) ในปี 2556 นำแสดงโดย ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ซึ่งต่อมากระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ อ้างว่าได้รับเงินทุนจากเงินมาเลเซียที่ยักยอกมา ปัจจุบันยังคงถูกทางการมาเลเซีย สิงคโปร์ และสหรัฐฯ ออกหมายจับ #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 339 Views 0 Reviews
  • วันนี้ได้รับข่าวมาเมื่อเช้า ว่า 32 สส. ส่วนใหญ่จาก พท. ที่เหลืออดีต พปชร. เก่า แต่ได้อดีต สส. เพื่อไทยร่วมพรรค ก๊มั่นใจอยู่เต็มหัวอกอยู่แล้วว่าต้องได้กลับมาเป็น สส อย่างแน่นอน และสนามนายก อบจ. สนามหน้า พปชร. พร้อมจัดทัพชนกับเพื่อไทยเพื่อสางแค้นที่ทอดทิ้งอดีต สส. ที่ทักษิณคัดทิ้งเพราะอยู่ไปทำให้พรรคยิ่งเสื่อมเสียสอบตกสมัยหน้า
    มีจังหวัดที่ย้ายเข้าไปจาก พท. มี เชียงใหม่ ศรีสะเกษ ระยอง(อดีตไทยภักดีที่แปรพักตร์ไปลงในนามเพื่อไทย สุดท้ายโดนเพื่อไทยตัดหางปล่อยวัด) ชัยภูมิ ยโสธร นนทบุรี ตราด และประจวบคีรีขันธ์ ส่วนจังหวัดที่เหลือไม่แน่ใจเห็นว่ามาจากพรรคที่ไม่ใช่เพื่อไทย เด็ก พปชร. เดิม แต่ส่วนใหญ่เคยมีบทบาทมากในพรรคเพื่อไทย นับจาก ลุงสามารถ แก้วมีชัย ลุงวิชัย สามิตร ที่ไม่ได้อยู่พรรคเพื่อไทยแต่อยู่พรรคอื่นเมื่อคราวเลือกตั้ง 2566
    บางคนเด็ดหัวสอยนั่งร้าน สุดท้ายถูกคนสอยนั่งร้านเหลี่ยมจัดตัดทิ้งและหักหลัง เลยน้อยใจหนีไปอยู่พวกเดียวกับนั่งร้าน เพราะอยู่ในนั่งร้านยังมีน้ำใจกว่าอยู่กับคนทุบนั่งร้าน
    และที่หนักสุดคือกลุ่มสายรสนาส่วนมากเห็นดีเห็นงามกับส้ม NGO และตัวแทนต่างชาติ ผมเลยไม่อยากจะให้ราคากลุ่มสายรสนาที่แสดงความเป็นห่วงเป็นใยผู้ต้องหาคดีมาตรา 112
    ไม่รู้ว่าวันหนึ่งคุณรสนาจะเอ่ยปากเยินยอ ยกยอ สรรเสริญ คุณทักษิณ คุณแพทองธาร ในอนาคตหรือไม่
    วันนี้ได้รับข่าวมาเมื่อเช้า ว่า 32 สส. ส่วนใหญ่จาก พท. ที่เหลืออดีต พปชร. เก่า แต่ได้อดีต สส. เพื่อไทยร่วมพรรค ก๊มั่นใจอยู่เต็มหัวอกอยู่แล้วว่าต้องได้กลับมาเป็น สส อย่างแน่นอน และสนามนายก อบจ. สนามหน้า พปชร. พร้อมจัดทัพชนกับเพื่อไทยเพื่อสางแค้นที่ทอดทิ้งอดีต สส. ที่ทักษิณคัดทิ้งเพราะอยู่ไปทำให้พรรคยิ่งเสื่อมเสียสอบตกสมัยหน้า มีจังหวัดที่ย้ายเข้าไปจาก พท. มี เชียงใหม่ ศรีสะเกษ ระยอง(อดีตไทยภักดีที่แปรพักตร์ไปลงในนามเพื่อไทย สุดท้ายโดนเพื่อไทยตัดหางปล่อยวัด) ชัยภูมิ ยโสธร นนทบุรี ตราด และประจวบคีรีขันธ์ ส่วนจังหวัดที่เหลือไม่แน่ใจเห็นว่ามาจากพรรคที่ไม่ใช่เพื่อไทย เด็ก พปชร. เดิม แต่ส่วนใหญ่เคยมีบทบาทมากในพรรคเพื่อไทย นับจาก ลุงสามารถ แก้วมีชัย ลุงวิชัย สามิตร ที่ไม่ได้อยู่พรรคเพื่อไทยแต่อยู่พรรคอื่นเมื่อคราวเลือกตั้ง 2566 บางคนเด็ดหัวสอยนั่งร้าน สุดท้ายถูกคนสอยนั่งร้านเหลี่ยมจัดตัดทิ้งและหักหลัง เลยน้อยใจหนีไปอยู่พวกเดียวกับนั่งร้าน เพราะอยู่ในนั่งร้านยังมีน้ำใจกว่าอยู่กับคนทุบนั่งร้าน และที่หนักสุดคือกลุ่มสายรสนาส่วนมากเห็นดีเห็นงามกับส้ม NGO และตัวแทนต่างชาติ ผมเลยไม่อยากจะให้ราคากลุ่มสายรสนาที่แสดงความเป็นห่วงเป็นใยผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ไม่รู้ว่าวันหนึ่งคุณรสนาจะเอ่ยปากเยินยอ ยกยอ สรรเสริญ คุณทักษิณ คุณแพทองธาร ในอนาคตหรือไม่
    0 Comments 0 Shares 219 Views 0 Reviews
  • อเล็กเซย์ เชอร์นีชอฟ (Alexey Chernyshov) ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเอกภาพแห่งชาติของยูเครน (Ministry of National Unity) ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีทุจริตคอร์รัปชันอื้อฉาวของยูเครน

    "เชอร์นีชอฟ" ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเขาคือมือขวาคนสนิทของเซเลนสกี ถูกตั้งข้อหาใช้อำนาจในทางมิชอบเกี่ยวกับสัญญาที่น่าสงสัยในการซื้อขายที่ดินของรัฐร่วมกับผู้ร่วมขบวนการรายอื่น ส่งผลให้รัฐต้องสูญเสียงบประมาณสูงถึง 40 ล้านดอลลาร์

    ศาลกำหนดวงเงินประกันตัวไว้ที่ 2.9 ล้านยูโร (ประมาณ 110 ล้านบาท) และสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่เชอร์นีชอฟยืนยันจะไม่ลาออกจากตำแหน่งเช่นกัน

    ที่ผ่านมาเซเลนสกีพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อปกป้องเชอร์นีชอฟและ "เป่าคดี" นี้ออกจากระบบ แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขากลับปฏิเสธที่จะปฏิบัติตาม ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่คำสั่งของเซเลนสกีถูกเพิกเฉย

    คิริลล์ บูดานอฟ (Kyrylo Budanov) หัวหน้าหน่วยข่าวกรองกลาโหม และวาซิลี่ มาริอุค (Vasiliy Maliuk) หัวหน้าหน่วยข่าวกรองกลาง แห่งสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของยูเครน คือบุคคลที่ปฏิเสธคำสั่งของเซเลนสกี

    สิ่งนี้บ่งบอกได้ถึงสถานการณ์ของเซเลนสกีที่ไม่ได้แค่สูญเสียลูกน้องคู่กายไปอีกคน แต่เขากำลังจะสูญเสียการควบคุมอำนาจทางบริหารลงไปเรื่อยๆ

    อเล็กเซย์ เชอร์นีชอฟ (Alexey Chernyshov) ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเอกภาพแห่งชาติของยูเครน (Ministry of National Unity) ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีทุจริตคอร์รัปชันอื้อฉาวของยูเครน 👉"เชอร์นีชอฟ" ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเขาคือมือขวาคนสนิทของเซเลนสกี ถูกตั้งข้อหาใช้อำนาจในทางมิชอบเกี่ยวกับสัญญาที่น่าสงสัยในการซื้อขายที่ดินของรัฐร่วมกับผู้ร่วมขบวนการรายอื่น ส่งผลให้รัฐต้องสูญเสียงบประมาณสูงถึง 40 ล้านดอลลาร์ 👉ศาลกำหนดวงเงินประกันตัวไว้ที่ 2.9 ล้านยูโร (ประมาณ 110 ล้านบาท) และสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่เชอร์นีชอฟยืนยันจะไม่ลาออกจากตำแหน่งเช่นกัน 👉ที่ผ่านมาเซเลนสกีพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อปกป้องเชอร์นีชอฟและ "เป่าคดี" นี้ออกจากระบบ แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขากลับปฏิเสธที่จะปฏิบัติตาม ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่คำสั่งของเซเลนสกีถูกเพิกเฉย 👉คิริลล์ บูดานอฟ (Kyrylo Budanov) หัวหน้าหน่วยข่าวกรองกลาโหม และวาซิลี่ มาริอุค (Vasiliy Maliuk) หัวหน้าหน่วยข่าวกรองกลาง แห่งสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของยูเครน คือบุคคลที่ปฏิเสธคำสั่งของเซเลนสกี 👉สิ่งนี้บ่งบอกได้ถึงสถานการณ์ของเซเลนสกีที่ไม่ได้แค่สูญเสียลูกน้องคู่กายไปอีกคน แต่เขากำลังจะสูญเสียการควบคุมอำนาจทางบริหารลงไปเรื่อยๆ
    0 Comments 0 Shares 322 Views 0 Reviews
  • ฐานทัพแลกภาษีทรัมป์ เรียกแขก-ชักศึกเข้าบ้าน?

    ในที่สุดนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าสหรัฐอเมริกาขอใช้ฐานทัพเรือพังงา เพราะอยู่ในงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อีกทั้งอยู่ในแผนของกองทัพเรืออยู่แล้ว แต่เป็นคนละเรื่องกับการเจรจาภาษีนำเข้าสหรัฐฯ หลังนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือผู้จัดการ เปิดโปงว่าฝ่ายสหรัฐฯ ได้ต่อรอง 3-4 เรื่อง แลกกับเรื่องภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่ไทยโดนไป 36%

    ได้แก่ การปล่อยตัวนายพอล แชมเบอร์ส อาจารย์มหาวิทยาลัยนเรศวร ชาวอเมริกัน ผู้ต้องหาคดี 112 การเปิดให้ประชาชนคนไทยมีสิทธิเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะมาตรา 112 การห้ามส่งชาวอุยกูร์กลับไปจีนเพื่อที่จะกั๊กจีนเรื่องซินเกียง และการขอใช้ฐานทัพเรือพังงา เพื่อเลื่อนกองทัพเรือของสหรัฐฯ มาบล็อกช่องแคบมะละกา ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันไปประเทศจีนด้วย ซึ่งนายทักษิณ ชินวัตร บิดา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รู้อยู่แล้วแต่ไม่กล้าพูด

    ถึงกระนั้น ยังมีการทำสงครามข่าวสาร ด้วยแหล่งข่าวในกองทัพเรือที่ไม่เปิดเผยนาม ระบุว่า ยังไม่เคยมีข้อเสนอว่าจะใช้ฐานทัพเรือพังงาเป็นฐานทัพเรือของสหรัฐฯ แม้มีแผนพัฒนาแต่ติดขัดเรื่องงบประมาณ ฝ่ายรัฐบาลยังไม่ยืนยันถึงขั้นที่สหรัฐฯ จะมาร่วมพัฒนาหรือสนับสนุนบประมาณ แต้อ้างว่าไม่สามารถทำได้ ถึงกระนั้นตามข้อตกลงระหว่างไทยกับสหรัฐฯ การส่งกำลังบำรุง สหรัฐฯ สามารถจอดเรือที่ฐานทัพเรือพังงา และรับการส่งกำลังบำรุง เติมน้ำมัน หรือพักเรือได้อยู่แล้วเช่นเดียวกับประเทศอื่น

    รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว The Publisher เตือนว่าไทยต้องอยู่บนหลักว่า ไม่ชักศึกเข้าบ้าน ไม่ให้ตั้งฐานทัพถาวร และหากมีข้อตกลงใดเกิดขึ้น ต้องผ่านสภาฯ ให้ประชาชนรับรู้ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน สหรัฐฯ ต้องการยุทธศาสตร์ปิดล้อมจีนที่ลาดตระเวนในพื้นที่เชื่อมโยงกับอินโด-แปซิฟิกในรูปแบบครึ่งวงแหวนเพิ่มขึ้น อีกทั้งไทยต้องมีข้อเสนอกับจีนควบคู่ไปด้วย เพื่อรักษาสมดุลเชิงยุทธศาสตร์ หากเกิดสงครามระหว่างทั้งสองฝ่าย

    ขณะที่นายกรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร สำนักข่าว The Better ระบุว่า ทีมประธานาธิบดีทรัมป์ปฏิเสธข้อเสนอจากไทย เพราะต้องการฐานทัพในไทยและให้ไทยซื้ออาวุธเพิ่ม จากที่ให้ไทยแยกตัวจากเศรษฐกิจจีน (Decoupling) จะกลายเป็นการบีบให้ไทยเลือกข้างสหรัฐฯ ในด้านความมั่นคง และกลายเป็นหอกข้างแคร่ เพราะไทยเป็นหลังบ้านที่จะเข้าสู่จีน และสหรัฐฯ ล้มเหลวในการสร้างแนวพันธมิตรอินโด-แปซิฟิกเพื่อล้อมจีน หากปล่อยเช่นนั้นจะชักศึกเข้าบ้านโดยแท้

    #Newskit
    ฐานทัพแลกภาษีทรัมป์ เรียกแขก-ชักศึกเข้าบ้าน? ในที่สุดนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าสหรัฐอเมริกาขอใช้ฐานทัพเรือพังงา เพราะอยู่ในงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อีกทั้งอยู่ในแผนของกองทัพเรืออยู่แล้ว แต่เป็นคนละเรื่องกับการเจรจาภาษีนำเข้าสหรัฐฯ หลังนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือผู้จัดการ เปิดโปงว่าฝ่ายสหรัฐฯ ได้ต่อรอง 3-4 เรื่อง แลกกับเรื่องภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่ไทยโดนไป 36% ได้แก่ การปล่อยตัวนายพอล แชมเบอร์ส อาจารย์มหาวิทยาลัยนเรศวร ชาวอเมริกัน ผู้ต้องหาคดี 112 การเปิดให้ประชาชนคนไทยมีสิทธิเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะมาตรา 112 การห้ามส่งชาวอุยกูร์กลับไปจีนเพื่อที่จะกั๊กจีนเรื่องซินเกียง และการขอใช้ฐานทัพเรือพังงา เพื่อเลื่อนกองทัพเรือของสหรัฐฯ มาบล็อกช่องแคบมะละกา ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันไปประเทศจีนด้วย ซึ่งนายทักษิณ ชินวัตร บิดา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รู้อยู่แล้วแต่ไม่กล้าพูด ถึงกระนั้น ยังมีการทำสงครามข่าวสาร ด้วยแหล่งข่าวในกองทัพเรือที่ไม่เปิดเผยนาม ระบุว่า ยังไม่เคยมีข้อเสนอว่าจะใช้ฐานทัพเรือพังงาเป็นฐานทัพเรือของสหรัฐฯ แม้มีแผนพัฒนาแต่ติดขัดเรื่องงบประมาณ ฝ่ายรัฐบาลยังไม่ยืนยันถึงขั้นที่สหรัฐฯ จะมาร่วมพัฒนาหรือสนับสนุนบประมาณ แต้อ้างว่าไม่สามารถทำได้ ถึงกระนั้นตามข้อตกลงระหว่างไทยกับสหรัฐฯ การส่งกำลังบำรุง สหรัฐฯ สามารถจอดเรือที่ฐานทัพเรือพังงา และรับการส่งกำลังบำรุง เติมน้ำมัน หรือพักเรือได้อยู่แล้วเช่นเดียวกับประเทศอื่น รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว The Publisher เตือนว่าไทยต้องอยู่บนหลักว่า ไม่ชักศึกเข้าบ้าน ไม่ให้ตั้งฐานทัพถาวร และหากมีข้อตกลงใดเกิดขึ้น ต้องผ่านสภาฯ ให้ประชาชนรับรู้ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน สหรัฐฯ ต้องการยุทธศาสตร์ปิดล้อมจีนที่ลาดตระเวนในพื้นที่เชื่อมโยงกับอินโด-แปซิฟิกในรูปแบบครึ่งวงแหวนเพิ่มขึ้น อีกทั้งไทยต้องมีข้อเสนอกับจีนควบคู่ไปด้วย เพื่อรักษาสมดุลเชิงยุทธศาสตร์ หากเกิดสงครามระหว่างทั้งสองฝ่าย ขณะที่นายกรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร สำนักข่าว The Better ระบุว่า ทีมประธานาธิบดีทรัมป์ปฏิเสธข้อเสนอจากไทย เพราะต้องการฐานทัพในไทยและให้ไทยซื้ออาวุธเพิ่ม จากที่ให้ไทยแยกตัวจากเศรษฐกิจจีน (Decoupling) จะกลายเป็นการบีบให้ไทยเลือกข้างสหรัฐฯ ในด้านความมั่นคง และกลายเป็นหอกข้างแคร่ เพราะไทยเป็นหลังบ้านที่จะเข้าสู่จีน และสหรัฐฯ ล้มเหลวในการสร้างแนวพันธมิตรอินโด-แปซิฟิกเพื่อล้อมจีน หากปล่อยเช่นนั้นจะชักศึกเข้าบ้านโดยแท้ #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 489 Views 0 Reviews
  • ๒ราธิกา ยาดาฟ อดีตนักเทนนิสของอินเดียถูกพ่อเเท้ๆ ฆาตกรรมเหตุเพราะหาเงินได้ข้ามหน้าข้ามตาตนเอง

    เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า หญิงวัย 25 ปี ถูกยิงสี่นัด 3 นัดที่หลังและ 1 นัดที่ไหล่ขณะทำอาหารอยู่ในบ้านย่านซูชานต์ ล็อก ถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งผู้ต้องหาก็คือ ดีปัค ยาดาฟ วัย 49 ปี ที่น่าตกใจกว่านั้นคือเขาเป็นพ่อเเท้ๆของผู้ตาย

    ผู้ต้องหาสารภาพผิดและบอกกับตำรวจว่า เหตุผลที่เขาทำเพราะถูกเยาะเย้ยที่ลูกสาวหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว เเทนที่จะเป็นหน้าที่เขาเพราะเป็นผู้ช่ายเเละหัวหน้าครอบครัว

    จริงๆเเล้วฐานะของดีปัคถือว่าไม่เเย่ทำธุรกิจปล่อยเช่า, อสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ราธิกาหลังรีไทร์จากการเป็นนักเทนนิสอาชีพก็มาเปิดโรงเรียนสอนเทนนิสเเละทำคอนเทนต์มีผู้ติดตามเยอะ สร้างรายได้ด้วยตัวเอง หาเงินเข้าบ้านเเละมีชื่อเสียง ซึ่งโฆษกตำรวจยืนยันว่า "พ่อของเธอไม่พอใจกับเรื่องนี้"

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/sport/detail/9680000065777

    #Thaitimes #MGROnline #ราธิกายาดาฟ #อดีตนักเทนนิส #อินเดีย
    ๒ราธิกา ยาดาฟ อดีตนักเทนนิสของอินเดียถูกพ่อเเท้ๆ ฆาตกรรมเหตุเพราะหาเงินได้ข้ามหน้าข้ามตาตนเอง • เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า หญิงวัย 25 ปี ถูกยิงสี่นัด 3 นัดที่หลังและ 1 นัดที่ไหล่ขณะทำอาหารอยู่ในบ้านย่านซูชานต์ ล็อก ถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งผู้ต้องหาก็คือ ดีปัค ยาดาฟ วัย 49 ปี ที่น่าตกใจกว่านั้นคือเขาเป็นพ่อเเท้ๆของผู้ตาย • ผู้ต้องหาสารภาพผิดและบอกกับตำรวจว่า เหตุผลที่เขาทำเพราะถูกเยาะเย้ยที่ลูกสาวหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว เเทนที่จะเป็นหน้าที่เขาเพราะเป็นผู้ช่ายเเละหัวหน้าครอบครัว • จริงๆเเล้วฐานะของดีปัคถือว่าไม่เเย่ทำธุรกิจปล่อยเช่า, อสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ราธิกาหลังรีไทร์จากการเป็นนักเทนนิสอาชีพก็มาเปิดโรงเรียนสอนเทนนิสเเละทำคอนเทนต์มีผู้ติดตามเยอะ สร้างรายได้ด้วยตัวเอง หาเงินเข้าบ้านเเละมีชื่อเสียง ซึ่งโฆษกตำรวจยืนยันว่า "พ่อของเธอไม่พอใจกับเรื่องนี้" • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/sport/detail/9680000065777 • #Thaitimes #MGROnline #ราธิกายาดาฟ #อดีตนักเทนนิส #อินเดีย
    0 Comments 0 Shares 299 Views 0 Reviews
  • ตม.สระแก้ว นำภาพใบหน้าพร้อมหมายจับ "นายก๊ก อาน” คนสนิทฮุนเซน ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีร่วมกันในลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ติดทั่วด่านชายแดนคลองลึกฯ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000065323

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตม.สระแก้ว นำภาพใบหน้าพร้อมหมายจับ "นายก๊ก อาน” คนสนิทฮุนเซน ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีร่วมกันในลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ติดทั่วด่านชายแดนคลองลึกฯ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000065323 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 642 Views 0 Reviews
  • ลองจินตนาการว่าเห็นโลโก้บริษัทฉายบนตึก Burj Khalifa ยักษ์สุดหรูในดูไบ — พูดกันตรงๆ ใครจะไม่เชื่อว่า legit! → แต่จริง ๆ แล้ว OmegaPro คือโครงการ Ponzi Scheme ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ "ดูน่าเชื่อถือ" โดยใช้กลยุทธ์ทั้งการฉายโลโก้, จัดงานเทรนนิ่งหรู, และโชว์ชีวิตฟู่ฟ่าเพื่อหลอกผู้คนให้ลงทุน → ผู้เสียหายถูกล่อลวงให้ซื้อ “แพ็กเกจการลงทุนคริปโต” โดยอ้างว่าจะมีการเทรดฟอเร็กซ์โดย “เทรดเดอร์ระดับโลก” → แต่ในความจริง เงินถูกโอนเข้ากระเป๋าเครือข่ายผู้บริหารผ่านวอลเล็ตที่พวกเขาควบคุมเอง!

    เมื่อต้นปี 2023 OmegaPro อ้างว่าระบบถูกแฮ็ก และจะย้ายเงินไปยังแพลตฟอร์มชื่อ “Broker Group” → แต่เหยื่อไม่มีใครถอนเงินได้เลย → สุดท้ายถูก DoJ ตั้งข้อหาหลายกระทง รวมถึง conspiracy to commit wire fraud และ conspiracy to commit money laundering

    ตอนนี้ผู้ต้องหาหลักคือ
    - Michael Shannon Sims → ผู้ก่อตั้งและโปรโมตบริษัท
    - Juan Carlos Reynoso → ผู้นำปฏิบัติการในละตินอเมริกา

    ทั้งสองอาจโดนโทษจำคุกสูงสุด 20 ปีในแต่ละข้อหา หากศาลตัดสินว่าผิดจริง

    กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DoJ) ตั้งข้อหาหลอกลวงคริปโต OmegaPro มูลค่ากว่า $650M
    • หลอกให้ลงทุนโดยอ้างผลตอบแทน 300% ภายใน 16 เดือน  
    • แนะนำให้ชำระเงินด้วยคริปโตเพื่อซื้อ “แพ็กเกจการลงทุน”  
    • อ้างว่ามีเทรดเดอร์มืออาชีพดูแลเงิน

    ผู้ต้องหา:  
    • Michael Shannon Sims → ผู้ก่อตั้ง–โปรโมต OmegaPro  
    • Juan Carlos Reynoso → ผู้นำฝั่งละตินอเมริกา

    กลยุทธ์ลวงตา:  
    • ฉายโลโก้บน Burj Khalifa เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ  
    • โชว์รถหรู–เที่ยวหรูบนโซเชียล  
    • จัดงานเทรนนิ่งระดับโลก

    ปี 2023 OmegaPro อ้างว่าถูก hack → ย้ายเงินไป Broker Group แต่ถอนไม่ได้  
    • เงินถูกล้างผ่านวอลเล็ตของผู้บริหารแล้วโอนเข้ากลุ่ม insider

    ข้อหาที่ได้รับ:  
    • สมรู้ร่วมคิดฉ้อโกงผ่านระบบสื่อสาร (wire fraud)  
    • สมรู้ร่วมคิดฟอกเงิน → โทษสูงสุด 20 ปี/ข้อหา

    ผู้ร่วมขบวนการอื่น เช่น Andreas Szakacs ถูกจับในตุรกีฐานฉ้อโกง $4B ผ่านระบบ Ponzi คริปโตอีกแห่ง

    https://www.techspot.com/news/108609-doj-charges-two-men-over-650-million-crypto.html
    ลองจินตนาการว่าเห็นโลโก้บริษัทฉายบนตึก Burj Khalifa ยักษ์สุดหรูในดูไบ — พูดกันตรงๆ ใครจะไม่เชื่อว่า legit! → แต่จริง ๆ แล้ว OmegaPro คือโครงการ Ponzi Scheme ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ "ดูน่าเชื่อถือ" โดยใช้กลยุทธ์ทั้งการฉายโลโก้, จัดงานเทรนนิ่งหรู, และโชว์ชีวิตฟู่ฟ่าเพื่อหลอกผู้คนให้ลงทุน → ผู้เสียหายถูกล่อลวงให้ซื้อ “แพ็กเกจการลงทุนคริปโต” โดยอ้างว่าจะมีการเทรดฟอเร็กซ์โดย “เทรดเดอร์ระดับโลก” → แต่ในความจริง เงินถูกโอนเข้ากระเป๋าเครือข่ายผู้บริหารผ่านวอลเล็ตที่พวกเขาควบคุมเอง! เมื่อต้นปี 2023 OmegaPro อ้างว่าระบบถูกแฮ็ก และจะย้ายเงินไปยังแพลตฟอร์มชื่อ “Broker Group” → แต่เหยื่อไม่มีใครถอนเงินได้เลย → สุดท้ายถูก DoJ ตั้งข้อหาหลายกระทง รวมถึง conspiracy to commit wire fraud และ conspiracy to commit money laundering ตอนนี้ผู้ต้องหาหลักคือ - Michael Shannon Sims → ผู้ก่อตั้งและโปรโมตบริษัท - Juan Carlos Reynoso → ผู้นำปฏิบัติการในละตินอเมริกา ทั้งสองอาจโดนโทษจำคุกสูงสุด 20 ปีในแต่ละข้อหา หากศาลตัดสินว่าผิดจริง ✅ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DoJ) ตั้งข้อหาหลอกลวงคริปโต OmegaPro มูลค่ากว่า $650M • หลอกให้ลงทุนโดยอ้างผลตอบแทน 300% ภายใน 16 เดือน   • แนะนำให้ชำระเงินด้วยคริปโตเพื่อซื้อ “แพ็กเกจการลงทุน”   • อ้างว่ามีเทรดเดอร์มืออาชีพดูแลเงิน ✅ ผู้ต้องหา:   • Michael Shannon Sims → ผู้ก่อตั้ง–โปรโมต OmegaPro   • Juan Carlos Reynoso → ผู้นำฝั่งละตินอเมริกา ✅ กลยุทธ์ลวงตา:   • ฉายโลโก้บน Burj Khalifa เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ   • โชว์รถหรู–เที่ยวหรูบนโซเชียล   • จัดงานเทรนนิ่งระดับโลก ✅ ปี 2023 OmegaPro อ้างว่าถูก hack → ย้ายเงินไป Broker Group แต่ถอนไม่ได้   • เงินถูกล้างผ่านวอลเล็ตของผู้บริหารแล้วโอนเข้ากลุ่ม insider ✅ ข้อหาที่ได้รับ:   • สมรู้ร่วมคิดฉ้อโกงผ่านระบบสื่อสาร (wire fraud)   • สมรู้ร่วมคิดฟอกเงิน → โทษสูงสุด 20 ปี/ข้อหา ✅ ผู้ร่วมขบวนการอื่น เช่น Andreas Szakacs ถูกจับในตุรกีฐานฉ้อโกง $4B ผ่านระบบ Ponzi คริปโตอีกแห่ง https://www.techspot.com/news/108609-doj-charges-two-men-over-650-million-crypto.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    DOJ charges two men over $650 million crypto Ponzi scheme that promised 300% returns
    The DoJ writes that an indictment was unsealed yesterday in the District of Puerto Rico charging two men for their alleged roles in operating and promoting OmegaPro.
    0 Comments 0 Shares 313 Views 0 Reviews
  • ตอนแรกไม่มีใครเอะใจว่าทำไม ยอดขายของ NVIDIA ในสิงคโปร์ปี 2024 พุ่งถึง 28% ทั้งที่จัดส่งจริงในประเทศมีแค่ 1% — จนกระทั่ง DeepSeek เปิดตัวโมเดล LLM ระดับเทพในจีน… แล้วคำถามเริ่มตามมาว่า “GPU ที่ใช้เทรนได้มายังไง?”

    คำตอบอาจอยู่ที่คน 3 คนที่โดนจับในสิงคโปร์:
    - Woon Guo Jie (สิงคโปร์, 41 ปี)
    - Alan Wei Zhaolun (สิงคโปร์, 49 ปี)
    - Li Ming (จีน, 51 ปี)

    พวกเขาถูกกล่าวหาว่า แสดงข้อมูลปลอมเกี่ยวกับปลายทางของเซิร์ฟเวอร์ที่ซื้อจากสหรัฐฯ แล้วส่งต่อเข้าแดนจีน — ข้ามข้อกำหนดการส่งออกของสหรัฐฯ ที่ห้ามส่งอุปกรณ์ AI ขั้นสูงเข้าจีนโดยตรง

    การสืบสวนถูกเร่งด่วนขึ้นหลัง DeepSeek เปิดตัว และพบว่า บริษัทใช้ GPU ระดับสูงที่ถูกควบคุมการส่งออก แต่ด้าน NVIDIA ปฏิเสธว่า “ไม่เคยขายให้ผู้ต้องห้าม” และ CEO Jensen Huang ก็ออกมาบอกชัดว่า “ไม่มีหลักฐานชิปหลุดไปถึงมือผิด”

    ปัญหาคือ ช่องทางผ่าน “บริษัทบิลจากสิงคโปร์” แต่จัดส่งสินค้ากลับไปยังจีนหรือมาเลเซีย เป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปในอุตสาหกรรมการค้า → ทำให้สหรัฐฯ เตรียมร่างกฎหมายใหม่ที่บังคับให้ GPU ชั้นสูงต้องมี “ระบบติดตาม GPS” ตลอดการขนส่ง

    สามผู้ต้องหาในสิงคโปร์ถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงในปี 2023–2024  
    • แสดงข้อมูลเท็จเกี่ยวกับปลายทางจริงของเซิร์ฟเวอร์ที่ซื้อ  
    • เชื่อมโยงกับการส่งมอบชิปให้บริษัทจีน DeepSeek ซึ่งอยู่ระหว่างจับตามอง

    DeepSeek เป็นบริษัท AI สัญชาติจีนที่เปิดตัวโมเดลขนาดใหญ่ปลายปี 2024  
    • เทียบระดับ GPT-4 และ Claude  
    • สหรัฐสงสัยว่า GPU ที่ใช้มาจากแหล่งผิดกฎหมายผ่านชาติที่ 3

    NVIDIA รายงานว่าสิงคโปร์คิดเป็น 28% ของรายได้ในช่วงเวลาดังกล่าว แต่จัดส่งจริงแค่ 1%  
    • จุดชนวนให้เริ่มสืบสวนช่องทางการส่งต่อ

    NVIDIA ปฏิเสธว่าไม่ได้ขายให้รายชื่อที่ถูกแบน และไม่รู้เห็นการลักลอบ  
    • CEO ยืนยัน “ไม่มีหลักฐาน GPU หลุดไปถึง DeepSeek”

    สหรัฐฯ เตรียมออกกฎหมายให้ติดระบบติดตาม (tracking tech) กับ GPU ขั้นสูงที่ส่งออก  
    • เพื่อป้องกันการถูก “เบี่ยงปลายทาง” (diversion) ไปยังประเทศต้องห้าม

    สิงคโปร์ถือเป็นศูนย์กลางการค้าในภูมิภาค → การใช้ billing address จากที่นี่แต่จัดส่งที่อื่นเป็นเรื่องปกติ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/singapore-ai-chip-court-case-adjourned-until-august-trio-accused-of-illegally-smuggling-nvidia-chips-to-china-for-use-by-ai-firm-deepseek
    ตอนแรกไม่มีใครเอะใจว่าทำไม ยอดขายของ NVIDIA ในสิงคโปร์ปี 2024 พุ่งถึง 28% ทั้งที่จัดส่งจริงในประเทศมีแค่ 1% — จนกระทั่ง DeepSeek เปิดตัวโมเดล LLM ระดับเทพในจีน… แล้วคำถามเริ่มตามมาว่า “GPU ที่ใช้เทรนได้มายังไง?” คำตอบอาจอยู่ที่คน 3 คนที่โดนจับในสิงคโปร์: - Woon Guo Jie (สิงคโปร์, 41 ปี) - Alan Wei Zhaolun (สิงคโปร์, 49 ปี) - Li Ming (จีน, 51 ปี) พวกเขาถูกกล่าวหาว่า แสดงข้อมูลปลอมเกี่ยวกับปลายทางของเซิร์ฟเวอร์ที่ซื้อจากสหรัฐฯ แล้วส่งต่อเข้าแดนจีน — ข้ามข้อกำหนดการส่งออกของสหรัฐฯ ที่ห้ามส่งอุปกรณ์ AI ขั้นสูงเข้าจีนโดยตรง การสืบสวนถูกเร่งด่วนขึ้นหลัง DeepSeek เปิดตัว และพบว่า บริษัทใช้ GPU ระดับสูงที่ถูกควบคุมการส่งออก แต่ด้าน NVIDIA ปฏิเสธว่า “ไม่เคยขายให้ผู้ต้องห้าม” และ CEO Jensen Huang ก็ออกมาบอกชัดว่า “ไม่มีหลักฐานชิปหลุดไปถึงมือผิด” ปัญหาคือ ช่องทางผ่าน “บริษัทบิลจากสิงคโปร์” แต่จัดส่งสินค้ากลับไปยังจีนหรือมาเลเซีย เป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปในอุตสาหกรรมการค้า → ทำให้สหรัฐฯ เตรียมร่างกฎหมายใหม่ที่บังคับให้ GPU ชั้นสูงต้องมี “ระบบติดตาม GPS” ตลอดการขนส่ง ✅ สามผู้ต้องหาในสิงคโปร์ถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงในปี 2023–2024   • แสดงข้อมูลเท็จเกี่ยวกับปลายทางจริงของเซิร์ฟเวอร์ที่ซื้อ   • เชื่อมโยงกับการส่งมอบชิปให้บริษัทจีน DeepSeek ซึ่งอยู่ระหว่างจับตามอง ✅ DeepSeek เป็นบริษัท AI สัญชาติจีนที่เปิดตัวโมเดลขนาดใหญ่ปลายปี 2024   • เทียบระดับ GPT-4 และ Claude   • สหรัฐสงสัยว่า GPU ที่ใช้มาจากแหล่งผิดกฎหมายผ่านชาติที่ 3 ✅ NVIDIA รายงานว่าสิงคโปร์คิดเป็น 28% ของรายได้ในช่วงเวลาดังกล่าว แต่จัดส่งจริงแค่ 1%   • จุดชนวนให้เริ่มสืบสวนช่องทางการส่งต่อ ✅ NVIDIA ปฏิเสธว่าไม่ได้ขายให้รายชื่อที่ถูกแบน และไม่รู้เห็นการลักลอบ   • CEO ยืนยัน “ไม่มีหลักฐาน GPU หลุดไปถึง DeepSeek” ✅ สหรัฐฯ เตรียมออกกฎหมายให้ติดระบบติดตาม (tracking tech) กับ GPU ขั้นสูงที่ส่งออก   • เพื่อป้องกันการถูก “เบี่ยงปลายทาง” (diversion) ไปยังประเทศต้องห้าม ✅ สิงคโปร์ถือเป็นศูนย์กลางการค้าในภูมิภาค → การใช้ billing address จากที่นี่แต่จัดส่งที่อื่นเป็นเรื่องปกติ https://www.tomshardware.com/tech-industry/singapore-ai-chip-court-case-adjourned-until-august-trio-accused-of-illegally-smuggling-nvidia-chips-to-china-for-use-by-ai-firm-deepseek
    0 Comments 0 Shares 344 Views 0 Reviews
  • ความตกต่ำของกระทรวงการต่างประเทศ

    กระทรวงการต่างประเทศ ภายใต้การนำของ มาริษ เสงี่ยมพงษ์ คนใกล้ชิดอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ไม่มีผลงานโดดเด่น นอกจากไปเป็นพยานให้ทักษิณ ผู้ต้องหาคดี 112 ขออนุญาตศาลออกนอกประเทศ ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ที่สองพ่อลูก ฮุน เซน และ ฮุน มาเนต ปลุกกระแสชาตินิยม นำปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย และช่องบก ร้องต่อศาลโลก ขอให้ตกเป็นของกัมพูชา นอกจากจะแถลงข่าวรายวันก็ไม่มีอะไรโดดเด่น

    การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) นำโดย นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเจบีซีฝ่ายไทย เป็นที่เคลือบแคลงสงสัย นอกจากจะเป็นคู่กรณีนายวีระ สมความคิด เคยบีบบังคับให้ยอมรับผิดว่าบุกรุกดินแดนกัมพูชาและด่าว่าเป็นตัวปัญหาแล้ว ในการประชุมเจบีซีมีไลน์หลุดออกมาว่า นายประศาสน์ พยายามโน้มน้าวให้ไทยยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่ทำให้ไทยเสียดินแดน ทำให้เจ้าตัวถึงกับโกรธและไม่คุยด้วย หนำซ้ำ กัมพูชายังสรุปผลการประชุมว่าตกลงใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ทำให้คนไทยโกรธแค้นเพราะเสียเปรียบ ร้อนถึงกระทรวงต้องออกแถลงการณ์ตอนดึก ยืนยันว่าไม่ได้หารือ พร้อมแสดงความผิดหวังที่กัมพูชาเดินหน้านำพื้นที่ 4 จุดขึ้นสู่ศาลโลก

    สนธิ ลิ้มทองกุล ตั้งคำถามว่า ตั้งแต่ MOU 2543 ถึง MOU 2544 รู้อยู่แล้วว่าเป็นตัวการที่จะทำให้ไทยเสียดินแดน มีการระบุว่าต้องใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ไม่ใช่ 1 ต่อ 50,000 เคยถามตัวเองหรือไม่ว่าทำไมกัมพูชาเจรจากับเวียดนามใช้แผนที่ 1 ต่อ 50,000 ทำไมไทยถึงยอมใช้มาตรา 1 ต่อ 200,000 ส่วนนายประศาสน์ นับตั้งแต่ไปประชุมเจบีซี 3 สัปดาห์แล้วกลับมา ไม่เคยบอกคนไทยว่าไปพูดอะไรบ้าง และไม่บอกว่าไปลงนามข้อตกลงอะไรไว้ เปรียบเป็นไส้ศึกของกัมพูชา

    ที่น่าสนใจ คือ บทความหัวข้อ Thai diplomacy is now in need of a reset เขียนโดย กวี จงกิจถาวร ในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ระบุในตอนหนึ่งว่า แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทำผิดพลาดทางการทูตร้ายแรงจากคลิปเสียงสนทนากับ ฮุน เซน แม้กระทรวงการต่างประเทศพยายามอย่างหนักเพื่อกอบกู้สถานการณ์ทางการทูตที่เหลืออยู่ แต่ขวัญกำลังใจตกต่ำเป็นประวัติการณ์ นักการทูตและเจ้าหน้าที่รู้สึกว่าถูกละเลยและเพิกเฉย นับตั้งแต่แพทองธารเข้ารับตำแหน่ง การตัดสินใจเกี่ยวกับกิจการต่างประเทศก็ดำเนินการโดยทักษิณ และกลุ่มคนใกล้ชิด

    "นับตั้งแต่ ปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีต รมว.ต่างประเทศ ก้าวลงจากตำแหน่งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา กระทรวงฯ ก็ไร้ทิศทาง ไม่มีผู้นำที่เข้มแข็งมาควบคุม และไม่มีผู้ใดมีอำนาจที่จะควบคุมความเสียหายหรือวางแผนกลยุทธ์"

    #Newskit
    ความตกต่ำของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ภายใต้การนำของ มาริษ เสงี่ยมพงษ์ คนใกล้ชิดอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ไม่มีผลงานโดดเด่น นอกจากไปเป็นพยานให้ทักษิณ ผู้ต้องหาคดี 112 ขออนุญาตศาลออกนอกประเทศ ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ที่สองพ่อลูก ฮุน เซน และ ฮุน มาเนต ปลุกกระแสชาตินิยม นำปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย และช่องบก ร้องต่อศาลโลก ขอให้ตกเป็นของกัมพูชา นอกจากจะแถลงข่าวรายวันก็ไม่มีอะไรโดดเด่น การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) นำโดย นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเจบีซีฝ่ายไทย เป็นที่เคลือบแคลงสงสัย นอกจากจะเป็นคู่กรณีนายวีระ สมความคิด เคยบีบบังคับให้ยอมรับผิดว่าบุกรุกดินแดนกัมพูชาและด่าว่าเป็นตัวปัญหาแล้ว ในการประชุมเจบีซีมีไลน์หลุดออกมาว่า นายประศาสน์ พยายามโน้มน้าวให้ไทยยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่ทำให้ไทยเสียดินแดน ทำให้เจ้าตัวถึงกับโกรธและไม่คุยด้วย หนำซ้ำ กัมพูชายังสรุปผลการประชุมว่าตกลงใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ทำให้คนไทยโกรธแค้นเพราะเสียเปรียบ ร้อนถึงกระทรวงต้องออกแถลงการณ์ตอนดึก ยืนยันว่าไม่ได้หารือ พร้อมแสดงความผิดหวังที่กัมพูชาเดินหน้านำพื้นที่ 4 จุดขึ้นสู่ศาลโลก สนธิ ลิ้มทองกุล ตั้งคำถามว่า ตั้งแต่ MOU 2543 ถึง MOU 2544 รู้อยู่แล้วว่าเป็นตัวการที่จะทำให้ไทยเสียดินแดน มีการระบุว่าต้องใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ไม่ใช่ 1 ต่อ 50,000 เคยถามตัวเองหรือไม่ว่าทำไมกัมพูชาเจรจากับเวียดนามใช้แผนที่ 1 ต่อ 50,000 ทำไมไทยถึงยอมใช้มาตรา 1 ต่อ 200,000 ส่วนนายประศาสน์ นับตั้งแต่ไปประชุมเจบีซี 3 สัปดาห์แล้วกลับมา ไม่เคยบอกคนไทยว่าไปพูดอะไรบ้าง และไม่บอกว่าไปลงนามข้อตกลงอะไรไว้ เปรียบเป็นไส้ศึกของกัมพูชา ที่น่าสนใจ คือ บทความหัวข้อ Thai diplomacy is now in need of a reset เขียนโดย กวี จงกิจถาวร ในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ระบุในตอนหนึ่งว่า แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทำผิดพลาดทางการทูตร้ายแรงจากคลิปเสียงสนทนากับ ฮุน เซน แม้กระทรวงการต่างประเทศพยายามอย่างหนักเพื่อกอบกู้สถานการณ์ทางการทูตที่เหลืออยู่ แต่ขวัญกำลังใจตกต่ำเป็นประวัติการณ์ นักการทูตและเจ้าหน้าที่รู้สึกว่าถูกละเลยและเพิกเฉย นับตั้งแต่แพทองธารเข้ารับตำแหน่ง การตัดสินใจเกี่ยวกับกิจการต่างประเทศก็ดำเนินการโดยทักษิณ และกลุ่มคนใกล้ชิด "นับตั้งแต่ ปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีต รมว.ต่างประเทศ ก้าวลงจากตำแหน่งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา กระทรวงฯ ก็ไร้ทิศทาง ไม่มีผู้นำที่เข้มแข็งมาควบคุม และไม่มีผู้ใดมีอำนาจที่จะควบคุมความเสียหายหรือวางแผนกลยุทธ์" #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 461 Views 0 Reviews
  • สำนักข่าว Al Jazeera แฉคลิปเสียงหลุด!ฮุนเซน สั่ง “นายฮวด” ไล่ล่าคนเห็นต่างในไทย — ไม่สนว่าจับได้จะ “เป็นหรือตาย”!นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาภายในกัมพูชา —แต่คือคำสั่งจากผู้นำต่างชาติ ที่ล้ำเส้นเข้ามายัง “แผ่นดินไทย”!ในคลิปเสียงดังกล่าว ฮุนเซนได้สั่งตรงถึง “นายเคลียง ฮวด”ให้ดำเนินการ “ตามล่าคนที่วิพากษ์วิจารณ์ตน แม้จะอยู่ในประเทศไทย”พร้อมกำชับชัดเจนว่า“ไม่ต้องสนใจว่าจับมาได้จะ ‘เป็นหรือตาย’”การลอบสังหารนักการเมืองระดับสูงในกัมพูชา ในปี 2016 นายเขม ไลย์ นักวิจารณ์การเมืองซึ่งเป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์ฮุน เซน ชื่อดัง ถูกยิงเสียชีวิตในกรุงพนมเปญ และในปี 2012 นายจุ๊ต วุตติ นักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมก็ถูกสังหารด้วยเช่นกันล่าสุดเมื่อเดือนมกราคมปีนี้ กรณีสังหารนายลิม กิมยา อดีตสมาชิกรัฐสภาวัย 73 ปี ของพรรคแกนนำฝ่ายค้านของกัมพูชาที่ชื่อว่าพรรคกู้ชาติกัมพูชา หรือ ซีเอ็นอาร์พี (Cambodia National Rescue Party - CNRP) ซึ่งพรรคนี้ถูกแบนไปเมื่อปี 2017 จากรายงานของตำรวจไทย เขาถูกยิงด้วยกระสุน 2 นัดบริเวณหน้าอก ทั้งที่เพิ่งเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ ด้วยรถบัสจากกัมพูชา พร้อมกับภรรยาที่บริเวณหน้าวัดบวรนิเวศ บางลำพู เขตพระนคร กรุงเทพนายเอกลักษณ์ แพน้อย ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงนายลิม กิมยา อดีต สส. ฝ่ายค้านกัมพูชา ถูกจับตัวได้ที่ จ.พระตะบอง ประเทศกัมพูชา หลังหลบหนีออกจากไทย และถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดีที่ไทยแล้วเมื่อวันที่ 11 ม.ค.2568ที่ผ่านมาแล้วเรื่องก็เงียบhttps://youtu.be/FR39vs42N9I
    สำนักข่าว Al Jazeera แฉคลิปเสียงหลุด!ฮุนเซน สั่ง “นายฮวด” ไล่ล่าคนเห็นต่างในไทย — ไม่สนว่าจับได้จะ “เป็นหรือตาย”!นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาภายในกัมพูชา —แต่คือคำสั่งจากผู้นำต่างชาติ ที่ล้ำเส้นเข้ามายัง “แผ่นดินไทย”!ในคลิปเสียงดังกล่าว ฮุนเซนได้สั่งตรงถึง “นายเคลียง ฮวด”ให้ดำเนินการ “ตามล่าคนที่วิพากษ์วิจารณ์ตน แม้จะอยู่ในประเทศไทย”พร้อมกำชับชัดเจนว่า“ไม่ต้องสนใจว่าจับมาได้จะ ‘เป็นหรือตาย’”การลอบสังหารนักการเมืองระดับสูงในกัมพูชา ในปี 2016 นายเขม ไลย์ นักวิจารณ์การเมืองซึ่งเป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์ฮุน เซน ชื่อดัง ถูกยิงเสียชีวิตในกรุงพนมเปญ และในปี 2012 นายจุ๊ต วุตติ นักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมก็ถูกสังหารด้วยเช่นกันล่าสุดเมื่อเดือนมกราคมปีนี้ กรณีสังหารนายลิม กิมยา อดีตสมาชิกรัฐสภาวัย 73 ปี ของพรรคแกนนำฝ่ายค้านของกัมพูชาที่ชื่อว่าพรรคกู้ชาติกัมพูชา หรือ ซีเอ็นอาร์พี (Cambodia National Rescue Party - CNRP) ซึ่งพรรคนี้ถูกแบนไปเมื่อปี 2017 จากรายงานของตำรวจไทย เขาถูกยิงด้วยกระสุน 2 นัดบริเวณหน้าอก ทั้งที่เพิ่งเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ ด้วยรถบัสจากกัมพูชา พร้อมกับภรรยาที่บริเวณหน้าวัดบวรนิเวศ บางลำพู เขตพระนคร กรุงเทพนายเอกลักษณ์ แพน้อย ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงนายลิม กิมยา อดีต สส. ฝ่ายค้านกัมพูชา ถูกจับตัวได้ที่ จ.พระตะบอง ประเทศกัมพูชา หลังหลบหนีออกจากไทย และถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดีที่ไทยแล้วเมื่อวันที่ 11 ม.ค.2568ที่ผ่านมาแล้วเรื่องก็เงียบhttps://youtu.be/FR39vs42N9I
    Like
    1
    0 Comments 1 Shares 479 Views 0 Reviews
  • 17 มิถุนายน 2568 รายงานข่าวเนชั่นระบุว่า มินนี่” และพวกถูกปล่อยตัวจากคุก เพราะตำรวจทำสำนวนส่งฟ้อง “คดีเว็บพนัน-ฟอกเงิน” ไม่ทันก่อนครบกำหนดฝากขัง ผู้การตำรวจไซเบอร์แจงสาเหตุเพราะอะไร?17 มิถุนายน 2568 พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท. กล่าวถึงกรณีที่คดีร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือ คดีเว็บพนัน ร่วมกันฟอกเงิน สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่มีการสมคบกัน หรือคดีฟอกเงิน ที่มี น.ส.ธันยนันท์ สุจริตชินศรี อายุ 28 ปี หรือ มินนี่ กับพวกรวม 10 คน เป็นผู้ต้องหาในคดี ยังไม่สามารถฟ้องได้ จนครบกำหนดขาดขัง ต้องปล่อยตัวไปว่า คดีนี้ทางพนักงานสอบสวน ได้ยื่นคำร้องฝากขังผู้ต้องหากับพวกครั้งเเรก ไปเมื่อวันที่ 6 มี.ค.โดยผู้ต้องหาไม่ได้การปล่อยชั่วคราวจากศาลต่อมาพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ทำความเห็นสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา ไปส่งยังพนักงานอัยการคดีพิเศษในช่วงฝากขังครั้งที่ 7 ทางพนักงานอัยการเจ้าของสำนวนพิจารณาเเล้วยังเห็นว่า การสอบสวนยังไม่เเล้วเสร็จ ยังมีประเด็นเกี่ยวกับการเดินบัญชี ที่พนักงานสอบสวนปริ๊นมาจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ ยังไม่ได้สอบสวนธนาคาร จึงจะต้องไปสอบธนาคารเพิ่ม รวมถึงเจ้าหน้าที่ธนาคารรวมกว่า 14 บัญชี ซึ่งคืนสำนวนให้พนักงานสอบสวน มาก่อนที่จะครบฝากขังครั้งสุดท้ายในวันที่ 28 พ.ค.ประมาณ 2-3 วัน พนักงานสอบสวนไม่สามารถทำได้ทัน พนักงานอัยการจึงไม่สามารถยื่นฟ้องได้ทัน ศาลจึงปล่อยตัวมินนี่ กับพวกรวม 10 คน ในวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมาพล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ยืนยันว่า การปล่อยขาดตรงนี้ก็ไม่ถือว่า ได้รับความเสียหาย เนื่องจากเป็นอำนาจพิจารณาของอัยการ ที่จะคืนสำนวนให้ตำรวจสอบสวนเพิ่มเติมได้ โดยในวันพรุ่งนี้ (18 มิ.ย.) ตนจะเข้าปรึกษากับอัยการเจ้าของสำนวน เพื่อปรึกษาแนวทางเพื่อเร่งรัดการสอบสวนให้รอบคอบรัดกุมครบถ้วน ตามการสั่งสอบเพิ่มเติมของอัยการ เพื่อจะได้เสนอต่อพนักงานอัยการคดีพิเศษอีกครั้งหนึ่ง
    17 มิถุนายน 2568 รายงานข่าวเนชั่นระบุว่า มินนี่” และพวกถูกปล่อยตัวจากคุก เพราะตำรวจทำสำนวนส่งฟ้อง “คดีเว็บพนัน-ฟอกเงิน” ไม่ทันก่อนครบกำหนดฝากขัง ผู้การตำรวจไซเบอร์แจงสาเหตุเพราะอะไร?17 มิถุนายน 2568 พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท. กล่าวถึงกรณีที่คดีร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือ คดีเว็บพนัน ร่วมกันฟอกเงิน สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่มีการสมคบกัน หรือคดีฟอกเงิน ที่มี น.ส.ธันยนันท์ สุจริตชินศรี อายุ 28 ปี หรือ มินนี่ กับพวกรวม 10 คน เป็นผู้ต้องหาในคดี ยังไม่สามารถฟ้องได้ จนครบกำหนดขาดขัง ต้องปล่อยตัวไปว่า คดีนี้ทางพนักงานสอบสวน ได้ยื่นคำร้องฝากขังผู้ต้องหากับพวกครั้งเเรก ไปเมื่อวันที่ 6 มี.ค.โดยผู้ต้องหาไม่ได้การปล่อยชั่วคราวจากศาลต่อมาพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ทำความเห็นสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา ไปส่งยังพนักงานอัยการคดีพิเศษในช่วงฝากขังครั้งที่ 7 ทางพนักงานอัยการเจ้าของสำนวนพิจารณาเเล้วยังเห็นว่า การสอบสวนยังไม่เเล้วเสร็จ ยังมีประเด็นเกี่ยวกับการเดินบัญชี ที่พนักงานสอบสวนปริ๊นมาจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ ยังไม่ได้สอบสวนธนาคาร จึงจะต้องไปสอบธนาคารเพิ่ม รวมถึงเจ้าหน้าที่ธนาคารรวมกว่า 14 บัญชี ซึ่งคืนสำนวนให้พนักงานสอบสวน มาก่อนที่จะครบฝากขังครั้งสุดท้ายในวันที่ 28 พ.ค.ประมาณ 2-3 วัน พนักงานสอบสวนไม่สามารถทำได้ทัน พนักงานอัยการจึงไม่สามารถยื่นฟ้องได้ทัน ศาลจึงปล่อยตัวมินนี่ กับพวกรวม 10 คน ในวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมาพล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ยืนยันว่า การปล่อยขาดตรงนี้ก็ไม่ถือว่า ได้รับความเสียหาย เนื่องจากเป็นอำนาจพิจารณาของอัยการ ที่จะคืนสำนวนให้ตำรวจสอบสวนเพิ่มเติมได้ โดยในวันพรุ่งนี้ (18 มิ.ย.) ตนจะเข้าปรึกษากับอัยการเจ้าของสำนวน เพื่อปรึกษาแนวทางเพื่อเร่งรัดการสอบสวนให้รอบคอบรัดกุมครบถ้วน ตามการสั่งสอบเพิ่มเติมของอัยการ เพื่อจะได้เสนอต่อพนักงานอัยการคดีพิเศษอีกครั้งหนึ่ง
    Haha
    1
    1 Comments 0 Shares 332 Views 0 Reviews
  • "บินลิง วู" มอบตัวดีเอสไอ ผู้ต้องหารายสุดท้ายคดี "นอมินี" ตึก สตง. ถล่ม ส่งอัยการพิจารณา
    https://www.thai-tai.tv/news/19381/
    "บินลิง วู" มอบตัวดีเอสไอ ผู้ต้องหารายสุดท้ายคดี "นอมินี" ตึก สตง. ถล่ม ส่งอัยการพิจารณา https://www.thai-tai.tv/news/19381/
    0 Comments 0 Shares 113 Views 0 Reviews
  • รวบหมอแอร์คนดังค้ายาเสียสาว

    หลังหายเงียบไปนาน หมอแอร์ พ.ต.อ.พญ.อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล นายแพทย์ (สัญญาบัตร 5) กลุ่มงานเวชศาสตร์ครอบครัว โรงพยาบาลตำรวจ วัย 46 ปี ตกเป็นข่าวอีกครั้ง เมื่อคณะทำงานปราบปรามยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุข นำเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ตรวจค้นแฟลตตำรวจเฉลิมลาภ ย่านพญาไท กทม. ยึดของกลางยาอัลปราโซแลม หรือยาเสียสาว ซึ่งเป็นกลุ่มยานอนหลับ บรรจุอยู่ในกล่องลังกว่า 10 กล่อง นอกจากนี้ ยังจับกุมหมอแอร์ที่บ้านพักในย่านราชดำริ กทม. ได้ผู้ต้องหาทั้งหมดรวม 4 ราย

    จากการสืบสวนพบว่าหมอแอร์สั่งซื้อยาตั้งแต่ปี 2565-2568 จำนวน 15 ล้านบาท ทาง อย. เห็นความผิดปกติ จึงร่วมกับตำรวจตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่ามีการแอบอ้างคลินิก 11 แห่งสั่งซื้อยา มีเงินหมุนเวียนสูงถึง 400 ล้านบาท โดยหมอแอร์เป็นคนสั่งซื้อ และจ่ายเงินเพียงคนเดียว ตรวจสอบผู้ป่วยที่มารับยาจากคลินิกของหมอแอร์ พบว่ามีสถานะเสียชีวิตก่อนรับยาตั้งแต่ปี 2567-2568 รวม 370 คน และเมื่อตรวจสอบเส้นทางเงินของหมอแอร์ พบความผิดปกติ มีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 80 ล้านบาท ซึ่งไม่พบแหล่งที่มาชัดเจน อีกทั้งยังมีเส้นทางการเงินร่วมกับบุคคลอื่นอีกกว่า 400 ล้านบาท

    หมอแอร์เป็นชาวอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ในครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน จบปริญญาตรีแพทยศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยขอนแก่น แล้วศึกษาต่อด้านจิตเวชศาสตร์เด็กและวัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล มีชื่อเสียงจากการเป็นจิตแพทย์รับเชิญในรายการโทรทัศน์ช่วงปี 2550 แต่ที่เป็นข่าวโด่งดังในปี 2558 ถูกกล่าวหาว่าเป็นมือที่สามระหว่าง พ.ต.ท.อรรถพล อิทธโยภาสกุล หรือรองอั๋น กับไฮโซตั๋ม วิชชุดา ลีนุตพงษ์ ลูกสาวคนโตของนายวิเชียร ลีนุตพงษ์ หนึ่งในผู้บริหารใหญ่ค่ายรถยนต์ยนตรกิจ เกิดการเผชิญหน้าพร้อมวาทะคู่กรณี "มีอะไรพูดต่อหน้า ไม่ต้องแอ๊บแบ๊วแบบนี้ คนเค้าดูออก"

    อย่างไรก็ตาม ในปี 2559 ชีวิตคู่ของหมอแอร์ก็ลงเอยกับ นายอธิษฐาน เพ็ชรรัตน์ หรือปราณ ทายาทธุรกิจค้าไม้และอสังหาริมทรัพย์ มีลูก 2 คน หนึ่งในนั้นไปคลอดที่ไมอามี่ สหรัฐอเมริกา เมืิ่อปี 2562 อ้างว่าเพื่ออนาคตและโอกาสที่ดีของลูก และในปี 2564 เคยออกมาคอลเอาต์คัดค้านการจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ยี่ห้อซิโนแวค 12 ล้านโดส สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในห้วงเวลาเดียวกับกลุ่มม็อบราษฎร และกลุ่มผู้สนับสนุนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ออกมาเรียกร้องให้จัดซื้อวัคซีน mRNA เช่น ไฟเซอร์ โมเดอร์นา ก่อนเงียบหายไปจากพื้นที่ข่าว แล้วมีข่าวว่าถูกจับกุมในวันนี้

    #Newskit
    รวบหมอแอร์คนดังค้ายาเสียสาว หลังหายเงียบไปนาน หมอแอร์ พ.ต.อ.พญ.อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล นายแพทย์ (สัญญาบัตร 5) กลุ่มงานเวชศาสตร์ครอบครัว โรงพยาบาลตำรวจ วัย 46 ปี ตกเป็นข่าวอีกครั้ง เมื่อคณะทำงานปราบปรามยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุข นำเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ตรวจค้นแฟลตตำรวจเฉลิมลาภ ย่านพญาไท กทม. ยึดของกลางยาอัลปราโซแลม หรือยาเสียสาว ซึ่งเป็นกลุ่มยานอนหลับ บรรจุอยู่ในกล่องลังกว่า 10 กล่อง นอกจากนี้ ยังจับกุมหมอแอร์ที่บ้านพักในย่านราชดำริ กทม. ได้ผู้ต้องหาทั้งหมดรวม 4 ราย จากการสืบสวนพบว่าหมอแอร์สั่งซื้อยาตั้งแต่ปี 2565-2568 จำนวน 15 ล้านบาท ทาง อย. เห็นความผิดปกติ จึงร่วมกับตำรวจตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่ามีการแอบอ้างคลินิก 11 แห่งสั่งซื้อยา มีเงินหมุนเวียนสูงถึง 400 ล้านบาท โดยหมอแอร์เป็นคนสั่งซื้อ และจ่ายเงินเพียงคนเดียว ตรวจสอบผู้ป่วยที่มารับยาจากคลินิกของหมอแอร์ พบว่ามีสถานะเสียชีวิตก่อนรับยาตั้งแต่ปี 2567-2568 รวม 370 คน และเมื่อตรวจสอบเส้นทางเงินของหมอแอร์ พบความผิดปกติ มีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 80 ล้านบาท ซึ่งไม่พบแหล่งที่มาชัดเจน อีกทั้งยังมีเส้นทางการเงินร่วมกับบุคคลอื่นอีกกว่า 400 ล้านบาท หมอแอร์เป็นชาวอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ในครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน จบปริญญาตรีแพทยศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยขอนแก่น แล้วศึกษาต่อด้านจิตเวชศาสตร์เด็กและวัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล มีชื่อเสียงจากการเป็นจิตแพทย์รับเชิญในรายการโทรทัศน์ช่วงปี 2550 แต่ที่เป็นข่าวโด่งดังในปี 2558 ถูกกล่าวหาว่าเป็นมือที่สามระหว่าง พ.ต.ท.อรรถพล อิทธโยภาสกุล หรือรองอั๋น กับไฮโซตั๋ม วิชชุดา ลีนุตพงษ์ ลูกสาวคนโตของนายวิเชียร ลีนุตพงษ์ หนึ่งในผู้บริหารใหญ่ค่ายรถยนต์ยนตรกิจ เกิดการเผชิญหน้าพร้อมวาทะคู่กรณี "มีอะไรพูดต่อหน้า ไม่ต้องแอ๊บแบ๊วแบบนี้ คนเค้าดูออก" อย่างไรก็ตาม ในปี 2559 ชีวิตคู่ของหมอแอร์ก็ลงเอยกับ นายอธิษฐาน เพ็ชรรัตน์ หรือปราณ ทายาทธุรกิจค้าไม้และอสังหาริมทรัพย์ มีลูก 2 คน หนึ่งในนั้นไปคลอดที่ไมอามี่ สหรัฐอเมริกา เมืิ่อปี 2562 อ้างว่าเพื่ออนาคตและโอกาสที่ดีของลูก และในปี 2564 เคยออกมาคอลเอาต์คัดค้านการจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ยี่ห้อซิโนแวค 12 ล้านโดส สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในห้วงเวลาเดียวกับกลุ่มม็อบราษฎร และกลุ่มผู้สนับสนุนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ออกมาเรียกร้องให้จัดซื้อวัคซีน mRNA เช่น ไฟเซอร์ โมเดอร์นา ก่อนเงียบหายไปจากพื้นที่ข่าว แล้วมีข่าวว่าถูกจับกุมในวันนี้ #Newskit
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 700 Views 0 Reviews
  • พบ “หมอแอร์” เคยถูกสั่งตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงปมเอี่ยวจีนเทา วิ่งเต้นช่วยต่อวีซ่า ต้นสังกัดเตรียมสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน หลังถูกจับยาเสียสาว

    จากกรณีตำรวจปส. และ อย.เข้าตรวจสอบคลินิกสั่งซื้อยานอนหลับ ก่อนเชื่อมโยงถึง พ.ต.อ.หญิง อัญชุลี เพ็ชรรัตน์ญ หรือ หมอแอร์ ตำแหน่งนายแพทย์ (สบ5) กลุ่มงานเวชศาสตร์ครอบครัว โรงพยาบาลตำรวจ พร้อมจับกุมหมอแอร์และชายรายหนึ่ง ซึ่งรับเป็นผู้ดูแลห้องพักภายในแฟลตตำรวจ พร้อมยึดของกลางกลุ่มยานอนหลับ ที่บรรจุอยู่ในกล่องลังกว่า 10 กล่อง เบื้องต้นพบเงินหมุนเงินกว่า 80 ล้านบาท และมีเงินหมุนเวียนร่วมกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกว่า 400 ล้านบาท

    ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (10 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีรายงานว่าก่อนหน้านี้เมื่อปี 2565 มีผู้เสียหายร้องเรียน พ.ต.อ.หญิง อัญชุลี เกี่ยวกับกรณีที่ผู้เสียหายได้นำเงินมามอบให้เพื่อให้ช่วยต่อวีซ่าในการพักอาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนการฟ้องศาลคดีอาญา โดยศาลชั้นต้นสั่งจำคุก 7 ปี และมีการยื่นอุทรณ์ ซึ่งทราบว่าสามารถตกลงกับคู่กรณีได้ แต่อย่างไรก็ตามกระบวนการทางวินัยยังคงดำเนินการต่อ โดยทางโรงพยาบาลตำรวจได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงในกรณีนี้ และอยู่ระหว่างการนัดประชุมเพื่อพิจารณาผลวินัยร้ายแรงในเร็วๆ นี้

    ส่วนการจับกุมกรณีมีการสั่งซื้อ-ขายยานอนหลับ ในวันนี้นั้น ล่าสุดทางชุดทำคดีได้ทำหนังสือส่งมายังต้นสังกัดว่าทาง พ.ต.อ.หญิง อัญชุลี ตกเป็นผู้ต้องหาที่ 1 และมีความเห็นว่าหากให้รับราชการต่อไปอาจเกิดความเสียหายแก่ทางราชการ โดยทางต้นสังกัดจะมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง และหากพบว่ามีมูลจะต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงต่อไป

    #MGROnline #Thaitimes #ยา #อัลปราโซแลม #หมอแอร์
    พบ “หมอแอร์” เคยถูกสั่งตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงปมเอี่ยวจีนเทา วิ่งเต้นช่วยต่อวีซ่า ต้นสังกัดเตรียมสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน หลังถูกจับยาเสียสาว • จากกรณีตำรวจปส. และ อย.เข้าตรวจสอบคลินิกสั่งซื้อยานอนหลับ ก่อนเชื่อมโยงถึง พ.ต.อ.หญิง อัญชุลี เพ็ชรรัตน์ญ หรือ หมอแอร์ ตำแหน่งนายแพทย์ (สบ5) กลุ่มงานเวชศาสตร์ครอบครัว โรงพยาบาลตำรวจ พร้อมจับกุมหมอแอร์และชายรายหนึ่ง ซึ่งรับเป็นผู้ดูแลห้องพักภายในแฟลตตำรวจ พร้อมยึดของกลางกลุ่มยานอนหลับ ที่บรรจุอยู่ในกล่องลังกว่า 10 กล่อง เบื้องต้นพบเงินหมุนเงินกว่า 80 ล้านบาท และมีเงินหมุนเวียนร่วมกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกว่า 400 ล้านบาท • ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (10 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีรายงานว่าก่อนหน้านี้เมื่อปี 2565 มีผู้เสียหายร้องเรียน พ.ต.อ.หญิง อัญชุลี เกี่ยวกับกรณีที่ผู้เสียหายได้นำเงินมามอบให้เพื่อให้ช่วยต่อวีซ่าในการพักอาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนการฟ้องศาลคดีอาญา โดยศาลชั้นต้นสั่งจำคุก 7 ปี และมีการยื่นอุทรณ์ ซึ่งทราบว่าสามารถตกลงกับคู่กรณีได้ แต่อย่างไรก็ตามกระบวนการทางวินัยยังคงดำเนินการต่อ โดยทางโรงพยาบาลตำรวจได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงในกรณีนี้ และอยู่ระหว่างการนัดประชุมเพื่อพิจารณาผลวินัยร้ายแรงในเร็วๆ นี้ • ส่วนการจับกุมกรณีมีการสั่งซื้อ-ขายยานอนหลับ ในวันนี้นั้น ล่าสุดทางชุดทำคดีได้ทำหนังสือส่งมายังต้นสังกัดว่าทาง พ.ต.อ.หญิง อัญชุลี ตกเป็นผู้ต้องหาที่ 1 และมีความเห็นว่าหากให้รับราชการต่อไปอาจเกิดความเสียหายแก่ทางราชการ โดยทางต้นสังกัดจะมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง และหากพบว่ามีมูลจะต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงต่อไป • #MGROnline #Thaitimes #ยา #อัลปราโซแลม #หมอแอร์
    0 Comments 0 Shares 482 Views 0 Reviews
  • โฆษกอัยการ เผย อัยการคดีพิเศษ ยื่นฟ้องศาลอาญา 5 ผู้ต้องหานอมินี บ.ไชน่าเรลเวย์ เกี่ยวข้องเหตุการณ์ตึกสตง.ถล่ม คนงานบาดเจ็บ-ดับหลายสิบราย

    วันนี้ (5 มิ.ย.) นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า วันนี้พนักงานอัยการคดีพิเศษ ได้สั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา นอมินีบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เข้าเป็นกิจการร่วมค้า ITD-CREC คู่สัญญาก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และมีการถล่มพัวลงมาจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก

    นายศักดิ์เกษม กล่าวว่า สำนักงานอัยการคดีพิเศษได้พิจารณาสำนวนคดีพิเศษที่ 32/2568 จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ แล้ว มีความเห็นสั่งฟ้อง บริษัท ไซน่าเรลเวย์ นัมเบอร์ 10(ประเทศไทย) จำกัด ผู้ต้องหาที่ 1( โดย นายชวนหลิง จาง ) กรรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน ) กระทำความผิดฐานเป็นคนต่างด้าวฝ่า ฝืนประกอบธุรกิจที่คนไทยยังไม่มีความพร้อมที่จะแข่งขันในการประกอบกิจการกับคนต่างด้าวโดยไม่ได้รับอนุญาติ ตามบัญชีสาม (10) การก่อสร้าง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000052618

    #MGROnline #ตึกถล่ม #สตง.
    โฆษกอัยการ เผย อัยการคดีพิเศษ ยื่นฟ้องศาลอาญา 5 ผู้ต้องหานอมินี บ.ไชน่าเรลเวย์ เกี่ยวข้องเหตุการณ์ตึกสตง.ถล่ม คนงานบาดเจ็บ-ดับหลายสิบราย • วันนี้ (5 มิ.ย.) นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า วันนี้พนักงานอัยการคดีพิเศษ ได้สั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา นอมินีบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เข้าเป็นกิจการร่วมค้า ITD-CREC คู่สัญญาก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และมีการถล่มพัวลงมาจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก • นายศักดิ์เกษม กล่าวว่า สำนักงานอัยการคดีพิเศษได้พิจารณาสำนวนคดีพิเศษที่ 32/2568 จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ แล้ว มีความเห็นสั่งฟ้อง บริษัท ไซน่าเรลเวย์ นัมเบอร์ 10(ประเทศไทย) จำกัด ผู้ต้องหาที่ 1( โดย นายชวนหลิง จาง ) กรรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน ) กระทำความผิดฐานเป็นคนต่างด้าวฝ่า ฝืนประกอบธุรกิจที่คนไทยยังไม่มีความพร้อมที่จะแข่งขันในการประกอบกิจการกับคนต่างด้าวโดยไม่ได้รับอนุญาติ ตามบัญชีสาม (10) การก่อสร้าง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000052618 • #MGROnline #ตึกถล่ม #สตง.
    0 Comments 1 Shares 381 Views 0 Reviews
  • นครปฐม – กลืนยาบ้าหวังรอด แต่ไม่รอดชีวิต” หนุ่ม 25 ปิดบังความจริง กลืนยาบ้า 49 เม็ด ก่อนช็อกดับคาห้องขัง ตร.-รพ.แจงชัด ไม่ได้ละเลย ไม่ได้ปิดข้อมูลการรักษา

    วันนี้( 4 มิ.ย. ) จากกรณี นายธีรนัย ชุมปาน อายุ 25 ปี เสียชีวิตหลังถูกควบคุมตัวที่ สภ.เมืองนครปฐม ข้อหาเสพและขับเสพยาบ้า โดยมีข้อมูลภายหลังว่าเจ้าตัวกลืนยาบ้า 49 เม็ดเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุม

    ตำรวจแจงต่อผู้บังคับบัญชา ว่าหลังจับกุมเมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. วันที่ 2 มิ.ย. ได้ส่งตัวตรวจสารเสพติดที่ รพ.นครปฐม ซึ่งผู้ตายระบุเพียงว่าเสพยาบ้ามา 2 เม็ด แพทย์จึงเฝ้าดูอาการประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนส่งตัวกลับมาควบคุมเพื่อดำเนินคดีตามปกติ

    ต่อมาเวลา 09.15 น. ก่อนนำตัวส่งศาล นายธีรนัยฯ หมดสติ เจ้าหน้าที่จึงรีบแจ้งมูลนิธิฯ และส่งตัวไปรพ.อีกครั้ง และเสียชีวิตในเวลาประมาณ 15.44 น. ซึ่งมีเพื่อนผู้ต้องหายืนยันภายหลังว่า นายธีรนัยฯ กลืนยาบ้าเข้าไป 49 เม็ด

    รพ.นครปฐมชี้แจง โดย นพ.สุรชัย โชคครชิตชัย ผอ.รพ.นครปฐม ระบุว่า หลังจากมีสื่อบางแขนงได้มี นำเสนอข่าวว่าทางทีมแพทย์พยาบาลผู้ทำการรักษาได้มีการปิดบังข้อมูลในการรักษา ซึ่งโดยความเป็นจริงในการนำผู้ต้องหามาทำการตรวจสารเสพติด เจ้าตัวได้แจ้งว่าได้มีการเสพยาเสพติดมา 2เม็ดจึงได้ทำการตรวจสอบหาสารเสพติดตามหลักการ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000052205

    #MGROnline #นครปฐม #กลืนยาบ้า
    นครปฐม – กลืนยาบ้าหวังรอด แต่ไม่รอดชีวิต” หนุ่ม 25 ปิดบังความจริง กลืนยาบ้า 49 เม็ด ก่อนช็อกดับคาห้องขัง ตร.-รพ.แจงชัด ไม่ได้ละเลย ไม่ได้ปิดข้อมูลการรักษา • วันนี้( 4 มิ.ย. ) จากกรณี นายธีรนัย ชุมปาน อายุ 25 ปี เสียชีวิตหลังถูกควบคุมตัวที่ สภ.เมืองนครปฐม ข้อหาเสพและขับเสพยาบ้า โดยมีข้อมูลภายหลังว่าเจ้าตัวกลืนยาบ้า 49 เม็ดเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุม • ตำรวจแจงต่อผู้บังคับบัญชา ว่าหลังจับกุมเมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. วันที่ 2 มิ.ย. ได้ส่งตัวตรวจสารเสพติดที่ รพ.นครปฐม ซึ่งผู้ตายระบุเพียงว่าเสพยาบ้ามา 2 เม็ด แพทย์จึงเฝ้าดูอาการประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนส่งตัวกลับมาควบคุมเพื่อดำเนินคดีตามปกติ • ต่อมาเวลา 09.15 น. ก่อนนำตัวส่งศาล นายธีรนัยฯ หมดสติ เจ้าหน้าที่จึงรีบแจ้งมูลนิธิฯ และส่งตัวไปรพ.อีกครั้ง และเสียชีวิตในเวลาประมาณ 15.44 น. ซึ่งมีเพื่อนผู้ต้องหายืนยันภายหลังว่า นายธีรนัยฯ กลืนยาบ้าเข้าไป 49 เม็ด • รพ.นครปฐมชี้แจง โดย นพ.สุรชัย โชคครชิตชัย ผอ.รพ.นครปฐม ระบุว่า หลังจากมีสื่อบางแขนงได้มี นำเสนอข่าวว่าทางทีมแพทย์พยาบาลผู้ทำการรักษาได้มีการปิดบังข้อมูลในการรักษา ซึ่งโดยความเป็นจริงในการนำผู้ต้องหามาทำการตรวจสารเสพติด เจ้าตัวได้แจ้งว่าได้มีการเสพยาเสพติดมา 2เม็ดจึงได้ทำการตรวจสอบหาสารเสพติดตามหลักการ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000052205 • #MGROnline #นครปฐม #กลืนยาบ้า
    0 Comments 0 Shares 284 Views 0 Reviews
  • เห็นกับตา "ทักษิณ" ไม่ป่วย แจงยิบขั้นตอนเข้าพบ : [THE MESSAGE]
    พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เผยถึงการส่งหลักฐานและข้อเท็จจริงต่างๆ ในคดีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ขณะถูกคุมขังโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ยืนยัน ตัวเองเป็นประจักษ์พยานที่เคยเข้าพบนายทักษิณขณะรักษาตัวในรพ.ตำรวจ ไปเยี่ยมสองครั้ง นายทักษิณไม่ได้อยู่ในอาการป่วยจริง ในห้องพักไม่มีแพทย์พยาบาลหรือแม้แต่เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์คอยคุมผู้ต้องหาแม้แต่คนเดียว ขั้นตอนการเข้าพบมีคนไปรับที่ชั้นใต้ดิน ขณะนั้นไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสักคน มีหลักฐานเป็นแชทข้อความนัดหมายวันเวลาเข้าพบ ลงคิวไว้ชัดเจนหมายความว่าต้องมีคนอื่นได้เข้าพบด้วย ส่วนที่นายทักษิณบอกไม่หลบหนี กลุ่มตัวเองเป็นเหมือนพระ พระกับโจรจะเชื่อใครมากกว่ากัน เชื่อนายทักษิณจะไม่ไปศาลวันที่ 13 มิ.ย. นี้ ที่ออกมาอาจแค่สยบข่าว ท้ายที่สุดอาจหายไปเลยก็ได้
    เห็นกับตา "ทักษิณ" ไม่ป่วย แจงยิบขั้นตอนเข้าพบ : [THE MESSAGE] พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เผยถึงการส่งหลักฐานและข้อเท็จจริงต่างๆ ในคดีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ขณะถูกคุมขังโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ยืนยัน ตัวเองเป็นประจักษ์พยานที่เคยเข้าพบนายทักษิณขณะรักษาตัวในรพ.ตำรวจ ไปเยี่ยมสองครั้ง นายทักษิณไม่ได้อยู่ในอาการป่วยจริง ในห้องพักไม่มีแพทย์พยาบาลหรือแม้แต่เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์คอยคุมผู้ต้องหาแม้แต่คนเดียว ขั้นตอนการเข้าพบมีคนไปรับที่ชั้นใต้ดิน ขณะนั้นไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสักคน มีหลักฐานเป็นแชทข้อความนัดหมายวันเวลาเข้าพบ ลงคิวไว้ชัดเจนหมายความว่าต้องมีคนอื่นได้เข้าพบด้วย ส่วนที่นายทักษิณบอกไม่หลบหนี กลุ่มตัวเองเป็นเหมือนพระ พระกับโจรจะเชื่อใครมากกว่ากัน เชื่อนายทักษิณจะไม่ไปศาลวันที่ 13 มิ.ย. นี้ ที่ออกมาอาจแค่สยบข่าว ท้ายที่สุดอาจหายไปเลยก็ได้
    Like
    Love
    Haha
    5
    0 Comments 0 Shares 804 Views 35 0 Reviews
  • ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง ,จังหวัดนครราชสีมา และ ปปส.ภาค ๓ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดรายสําคัญ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด

    คณะรัฐมนตรีโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กรอบ นโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นําความ ปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรีและนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนไทย นโยบายด้านความปลอดภัย จะทำงาน รวมกับทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึด หลัก “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเขารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ส่วนผู้ผลิตผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย อย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดพร้อมดำเนินการเจรจาทางการทูต กับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร และตึง และปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนถือเป็นนโยบายเร่งด่วนต้อง ทําทันที

    ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓, พล.ต.ต.ประสงค์ เรื่องเดช รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.๓/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวน จับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายวงจร ยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน
    .
    พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, พ.ต.ท.สมาน เชาว์มะเริง รอง ผกก.สส. สภ.โพธิ์กลาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ชัยพล คงขุนทด สว.สส.สภ.โพธิ์กลาง, พธิ์กลาง, ร.ต.อ.ภาคิน พิทักษ์ศุภกร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ร่วมสืบสวนจับกุมตัว
    ๑. นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๑)
    ๒. นายยุทธ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๒)
    ๓. นายมอล (นามสมมุติ) อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๓)
    ๔. นางสาวพลอย (นามสมุติ) อายุ ๒๑ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๔)
    พร้อมด้วยของกลาง
    .
    ๑. ยาบ้า จํานวน ๒ เม็ด
    ๒. ยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด
    ๓. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น ๑๑ สีดำ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๔. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ ๒๔ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๕. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ๕๘ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๖. น้ำปัสสาวะบรรจุขวดพลาสติก จำนวน ๔ ขวด
    .
    พฤติการณ์แห่งคดี วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๘ เวลาประมาณ 00.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมและลำเลียงยาเสพติดที่ถนนมิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ชุดสนับสนุน จึงได้ทำการออกตรวจในบริเวณก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัดฯ ดังกล่าว
    .
    ต่อมาเวลา ๐๐.๒๐ น. พบว่ามีรถยนต์กลับรถก่อนถึงจุดตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงถนนหมายเลข ๒๙๐ บ้านหนองกุ้ง หมู่ที่ ๑๓ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา พบรถยนต์กระบะแค๊ปสีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ จังหวัดบุรีรัมย์ เลี้ยวเข้าไปจอดที่บริเวณอยู่หน้าสนามชนไก่แก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลชาย ๒ คน คือนายเสือ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นคนขับรถ และนายยุทธ (ผู้ต้องหาที่ ๒) นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร ท่าทางมีพิรุธสงสัย จึงได้ทำการสอบ ทั้งสองแจ้งว่ารถยนต์เสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้สอบถามจนทั้งสองคนยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาและเป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถที่ขนยาบ้า แต่ระหว่างขับรถมาทราบว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวกลับรถก่อนถึงจุดตรวจแล้วมาจอดรถรอเพื่อให้จุดตรวจเลิกก่อนจึงจะเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ดังกล่าวพบยาบ้าจำนวน ๒ เม็ด ของกลางลำดับที่ ๑) จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพ ติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบ
    .
    นายเสือฯ และนายยุทธฯ ทราบสิทธิดังกล่าวดีโดยละเอียดแล้วได้สมัครใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่าได้เป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถคันที่ขนยาบ้า จะขับรถนำทางห่างกันประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ซึ่งรถขนยาบ้ามีจำนวน ๓ คน ชื่อนายต้า (คนขับรถ), นายมอล และ น.ส.พลอย ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กทม. เดินทางไปรับยาบ้ามาจาก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งจะติดต่อกันผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของนายต้า ตลอดเวลาที่เดินทาง
    .
    เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ติดต่อกับรถคันที่ขนยาบ้าให้มาพบที่จุดที่ตนเอง
    อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้ๆจุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. รถยนต์เป้าหมายได้มาจอดที่จุดนัดหมาย โดยไม่ดับเครื่องและไม่ลงจากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่า เป้าหมายจะหลบหนีจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่รถยนต์เป้าหมายได้ขับ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา จนมาถึงจุดสร้างสะพานแห่งใหม่บ้านหนองบัวศาลา ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา รถยนต์เป้าหมายได้เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าข้างถนนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนภายในรถทั้ง ๓ คน ได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ามันสำปะหลังข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ จำนวน ๒ คน คือนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ส่วนผู้ชายอีก ๑ คน (นายต้า) หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาตรวจค้นรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาทั้งสองนั่งมา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด
    .
    เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ให้การว่าเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายต้าฯ ขับรถยนต์คันดังกล่าว มาพบและชวนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนที่ จว.สระบุรี โดยนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) นั่งข้างคนขับ ส่วน น.ส.พลอยฯ (ผู้ต้องหาที่ ๔) นั่งที่เบาะหลัง เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ได้จอดรถริมทางบริเวณทุ่งนาที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี นายต้าฯ ก็ได้ให้นายมอลฯ ลงไปเอาถุงสีดำที่วางไว้ข้างทางขึ้นมาเก็บบนรถ จำนวน ๑ ถุง แล้วเดินทางกลับ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ โดยให้รถยนต์ของนายเสือฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นรถนำเพื่อคอยดูเส้นทางว่ามีด่านตำรวจหรือไม่ จนมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งผู้ต้องหาทราบสิทธิ์และข้อกล่าวหาดีโดยละเอียดแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
    .
    ตำารวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้ง เบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถาน ประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งขอมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙ สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นเพื่อให้สั งคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป.
    ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง ,จังหวัดนครราชสีมา และ ปปส.ภาค ๓ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดรายสําคัญ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด คณะรัฐมนตรีโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กรอบ นโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นําความ ปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรีและนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนไทย นโยบายด้านความปลอดภัย จะทำงาน รวมกับทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึด หลัก “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเขารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ส่วนผู้ผลิตผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย อย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดพร้อมดำเนินการเจรจาทางการทูต กับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร และตึง และปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนถือเป็นนโยบายเร่งด่วนต้อง ทําทันที ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓, พล.ต.ต.ประสงค์ เรื่องเดช รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.๓/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวน จับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายวงจร ยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน . พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, พ.ต.ท.สมาน เชาว์มะเริง รอง ผกก.สส. สภ.โพธิ์กลาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ชัยพล คงขุนทด สว.สส.สภ.โพธิ์กลาง, พธิ์กลาง, ร.ต.อ.ภาคิน พิทักษ์ศุภกร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ร่วมสืบสวนจับกุมตัว ๑. นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๑) ๒. นายยุทธ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๒) ๓. นายมอล (นามสมมุติ) อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๓) ๔. นางสาวพลอย (นามสมุติ) อายุ ๒๑ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๔) พร้อมด้วยของกลาง . ๑. ยาบ้า จํานวน ๒ เม็ด ๒. ยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด ๓. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น ๑๑ สีดำ จำนวน ๑ เครื่อง ๔. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ ๒๔ จำนวน ๑ เครื่อง ๕. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ๕๘ จำนวน ๑ เครื่อง ๖. น้ำปัสสาวะบรรจุขวดพลาสติก จำนวน ๔ ขวด . พฤติการณ์แห่งคดี วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๘ เวลาประมาณ 00.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมและลำเลียงยาเสพติดที่ถนนมิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ชุดสนับสนุน จึงได้ทำการออกตรวจในบริเวณก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัดฯ ดังกล่าว . ต่อมาเวลา ๐๐.๒๐ น. พบว่ามีรถยนต์กลับรถก่อนถึงจุดตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงถนนหมายเลข ๒๙๐ บ้านหนองกุ้ง หมู่ที่ ๑๓ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา พบรถยนต์กระบะแค๊ปสีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ จังหวัดบุรีรัมย์ เลี้ยวเข้าไปจอดที่บริเวณอยู่หน้าสนามชนไก่แก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลชาย ๒ คน คือนายเสือ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นคนขับรถ และนายยุทธ (ผู้ต้องหาที่ ๒) นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร ท่าทางมีพิรุธสงสัย จึงได้ทำการสอบ ทั้งสองแจ้งว่ารถยนต์เสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้สอบถามจนทั้งสองคนยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาและเป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถที่ขนยาบ้า แต่ระหว่างขับรถมาทราบว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวกลับรถก่อนถึงจุดตรวจแล้วมาจอดรถรอเพื่อให้จุดตรวจเลิกก่อนจึงจะเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ดังกล่าวพบยาบ้าจำนวน ๒ เม็ด ของกลางลำดับที่ ๑) จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพ ติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบ . นายเสือฯ และนายยุทธฯ ทราบสิทธิดังกล่าวดีโดยละเอียดแล้วได้สมัครใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่าได้เป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถคันที่ขนยาบ้า จะขับรถนำทางห่างกันประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ซึ่งรถขนยาบ้ามีจำนวน ๓ คน ชื่อนายต้า (คนขับรถ), นายมอล และ น.ส.พลอย ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กทม. เดินทางไปรับยาบ้ามาจาก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งจะติดต่อกันผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของนายต้า ตลอดเวลาที่เดินทาง . เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ติดต่อกับรถคันที่ขนยาบ้าให้มาพบที่จุดที่ตนเอง อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้ๆจุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. รถยนต์เป้าหมายได้มาจอดที่จุดนัดหมาย โดยไม่ดับเครื่องและไม่ลงจากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่า เป้าหมายจะหลบหนีจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่รถยนต์เป้าหมายได้ขับ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา จนมาถึงจุดสร้างสะพานแห่งใหม่บ้านหนองบัวศาลา ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา รถยนต์เป้าหมายได้เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าข้างถนนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนภายในรถทั้ง ๓ คน ได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ามันสำปะหลังข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ จำนวน ๒ คน คือนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ส่วนผู้ชายอีก ๑ คน (นายต้า) หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาตรวจค้นรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาทั้งสองนั่งมา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด . เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ให้การว่าเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายต้าฯ ขับรถยนต์คันดังกล่าว มาพบและชวนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนที่ จว.สระบุรี โดยนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) นั่งข้างคนขับ ส่วน น.ส.พลอยฯ (ผู้ต้องหาที่ ๔) นั่งที่เบาะหลัง เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ได้จอดรถริมทางบริเวณทุ่งนาที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี นายต้าฯ ก็ได้ให้นายมอลฯ ลงไปเอาถุงสีดำที่วางไว้ข้างทางขึ้นมาเก็บบนรถ จำนวน ๑ ถุง แล้วเดินทางกลับ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ โดยให้รถยนต์ของนายเสือฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นรถนำเพื่อคอยดูเส้นทางว่ามีด่านตำรวจหรือไม่ จนมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งผู้ต้องหาทราบสิทธิ์และข้อกล่าวหาดีโดยละเอียดแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป . ตำารวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้ง เบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถาน ประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งขอมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙ สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นเพื่อให้สั งคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป.
    0 Comments 0 Shares 703 Views 0 Reviews
  • ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง, จังหวัดนครราชสีมา และ ปปส.ภาค ๓ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดรายสําคัญ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด

    คณะรัฐมนตรีโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กรอบ นโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นําความ ปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรีและนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนไทย นโยบายด้านความปลอดภัย จะทำงาน รวมกับทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึด หลัก “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเขารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ส่วนผู้ผลิตผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย อย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดพร้อมดำเนินการเจรจาทางการทูต กับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร และตึง และปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนถือเป็นนโยบายเร่งด่วนต้อง ทําทันที

    ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓, พล.ต.ต.ประสงค์ เรื่องเดช รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.๓/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวน จับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายวงจร ยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน
    .
    พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, พ.ต.ท.สมาน เชาว์มะเริง รอง ผกก.สส. สภ.โพธิ์กลาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ชัยพล คงขุนทด สว.สส.สภ.โพธิ์กลาง, พธิ์กลาง, ร.ต.อ.ภาคิน พิทักษ์ศุภกร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ร่วมสืบสวนจับกุมตัว
    ๑. นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๑)
    ๒. นายยุทธ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๒)
    ๓. นายมอล (นามสมมุติ) อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๓)
    ๔. นางสาวพลอย (นามสมุติ) อายุ ๒๑ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๔)
    พร้อมด้วยของกลาง
    .
    ๑. ยาบ้า จํานวน ๒ เม็ด
    ๒. ยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด
    ๓. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น ๑๑ สีดำ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๔. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ ๒๔ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๕. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ๕๘ จำนวน ๑ เครื่อง
    ๖. น้ำปัสสาวะบรรจุขวดพลาสติก จำนวน ๔ ขวด
    .
    พฤติการณ์แห่งคดี วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๘ เวลาประมาณ 00.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมและลำเลียงยาเสพติดที่ถนนมิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ชุดสนับสนุน จึงได้ทำการออกตรวจในบริเวณก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัดฯ ดังกล่าว
    .
    ต่อมาเวลา ๐๐.๒๐ น. พบว่ามีรถยนต์กลับรถก่อนถึงจุดตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงถนนหมายเลข ๒๙๐ บ้านหนองกุ้ง หมู่ที่ ๑๓ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา พบรถยนต์กระบะแค๊ปสีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ จังหวัดบุรีรัมย์ เลี้ยวเข้าไปจอดที่บริเวณอยู่หน้าสนามชนไก่แก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลชาย ๒ คน คือนายเสือ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นคนขับรถ และนายยุทธ (ผู้ต้องหาที่ ๒) นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร ท่าทางมีพิรุธสงสัย จึงได้ทำการสอบ ทั้งสองแจ้งว่ารถยนต์เสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้สอบถามจนทั้งสองคนยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาและเป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถที่ขนยาบ้า แต่ระหว่างขับรถมาทราบว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวกลับรถก่อนถึงจุดตรวจแล้วมาจอดรถรอเพื่อให้จุดตรวจเลิกก่อนจึงจะเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ดังกล่าวพบยาบ้าจำนวน ๒ เม็ด ของกลางลำดับที่ ๑) จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพ ติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบ
    .
    นายเสือฯ และนายยุทธฯ ทราบสิทธิดังกล่าวดีโดยละเอียดแล้วได้สมัครใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่าได้เป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถคันที่ขนยาบ้า จะขับรถนำทางห่างกันประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ซึ่งรถขนยาบ้ามีจำนวน ๓ คน ชื่อนายต้า (คนขับรถ), นายมอล และ น.ส.พลอย ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กทม. เดินทางไปรับยาบ้ามาจาก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งจะติดต่อกันผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของนายต้า ตลอดเวลาที่เดินทาง
    .
    เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ติดต่อกับรถคันที่ขนยาบ้าให้มาพบที่จุดที่ตนเอง
    อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้ๆจุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. รถยนต์เป้าหมายได้มาจอดที่จุดนัดหมาย โดยไม่ดับเครื่องและไม่ลงจากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่า เป้าหมายจะหลบหนีจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่รถยนต์เป้าหมายได้ขับ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา จนมาถึงจุดสร้างสะพานแห่งใหม่บ้านหนองบัวศาลา ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา รถยนต์เป้าหมายได้เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าข้างถนนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนภายในรถทั้ง ๓ คน ได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ามันสำปะหลังข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ จำนวน ๒ คน คือนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ส่วนผู้ชายอีก ๑ คน (นายต้า) หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาตรวจค้นรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาทั้งสองนั่งมา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด
    .
    เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ให้การว่าเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายต้าฯ ขับรถยนต์คันดังกล่าว มาพบและชวนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนที่ จว.สระบุรี โดยนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) นั่งข้างคนขับ ส่วน น.ส.พลอยฯ (ผู้ต้องหาที่ ๔) นั่งที่เบาะหลัง เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ได้จอดรถริมทางบริเวณทุ่งนาที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี นายต้าฯ ก็ได้ให้นายมอลฯ ลงไปเอาถุงสีดำที่วางไว้ข้างทางขึ้นมาเก็บบนรถ จำนวน ๑ ถุง แล้วเดินทางกลับ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ โดยให้รถยนต์ของนายเสือฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นรถนำเพื่อคอยดูเส้นทางว่ามีด่านตำรวจหรือไม่ จนมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งผู้ต้องหาทราบสิทธิ์และข้อกล่าวหาดีโดยละเอียดแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
    .
    ตำารวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้ง เบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถาน ประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งขอมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙ สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นเพื่อให้สั งคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป.
    ตำรวจภูธรภาค ๓ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, สถานีตำรวจภูธรโพธิ์กลาง, จังหวัดนครราชสีมา และ ปปส.ภาค ๓ ร่วมกันแถลงผลการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดรายสําคัญ ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 198,000 เม็ด คณะรัฐมนตรีโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา กรอบ นโยบายในการบริหารและพัฒนาประเทศตามกรอบความเร่งด่วน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นําความ ปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรีและนำความภาคภูมิใจมาสู่ประชาชนไทย นโยบายด้านความปลอดภัย จะทำงาน รวมกับทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทย โดยยึด หลัก “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” สนับสนุนให้ผู้เสพเขารับการรักษาบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง ส่วนผู้ผลิตผู้ค้า คือผู้ที่ต้องได้รับโทษตามกระบวนการยุติธรรม โดยใช้มาตรการปราบปรามทางกฎหมาย อย่างจริงจัง ซึ่งรวมถึงการ “ยึดทรัพย์” เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดพร้อมดำเนินการเจรจาทางการทูต กับประเทศตามแนวชายแดน เพื่อควบคุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนออกจากวงจรการค้ายาเสพติดอย่างถาวร และตึง และปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” เพื่อสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนถือเป็นนโยบายเร่งด่วนต้อง ทําทันที ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.๓/ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓, พล.ต.ต.ประสงค์ เรื่องเดช รอง จตร.รรท.รอง ผบช.ภ.๓/รอง ผอ.ศอ.ปส.ภ.๓ ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งรัดสืบสวน จับกุมผู้ค้ายาเสพติดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ การกวาดล้างยาเสพติดในทุกมิติการทำลายเครือข่ายวงจร ยาเสพติดทุกระดับ การสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพื้นที่ชั้นใน . พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ รอง ผบก.ภ.จว. นครราชสีมา, พ.ต.อ.วีณวัฒน์ ศรีแย้ม ผกก.สภ.โพธิ์กลาง, พ.ต.ท.สมาน เชาว์มะเริง รอง ผกก.สส. สภ.โพธิ์กลาง สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลาง จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.ชัยพล คงขุนทด สว.สส.สภ.โพธิ์กลาง, พธิ์กลาง, ร.ต.อ.ภาคิน พิทักษ์ศุภกร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลาง ร่วมสืบสวนจับกุมตัว ๑. นายเสือ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๑) ๒. นายยุทธ (นามสมมุติ) อายุ ๒๔ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๒) ๓. นายมอล (นามสมมุติ) อายุ ๓๒ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๓) ๔. นางสาวพลอย (นามสมุติ) อายุ ๒๑ ปี ที่อยู่ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ (ผู้ต้องหาที่ ๔) พร้อมด้วยของกลาง . ๑. ยาบ้า จํานวน ๒ เม็ด ๒. ยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด ๓. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อไอโฟน รุ่น ๑๑ สีดำ จำนวน ๑ เครื่อง ๔. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ ๒๔ จำนวน ๑ เครื่อง ๕. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง รุ่นเอ๕๘ จำนวน ๑ เครื่อง ๖. น้ำปัสสาวะบรรจุขวดพลาสติก จำนวน ๔ ขวด . พฤติการณ์แห่งคดี วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๘ เวลาประมาณ 00.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อป้องกันเหตุอาชญากรรมและลำเลียงยาเสพติดที่ถนนมิตรภาพ ต.โคกกรวด อ.เมือง จว.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.โพธิ์กลางได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ชุดสนับสนุน จึงได้ทำการออกตรวจในบริเวณก่อนถึงจุดตรวจจุดสกัดฯ ดังกล่าว . ต่อมาเวลา ๐๐.๒๐ น. พบว่ามีรถยนต์กลับรถก่อนถึงจุดตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถติดตามไปจนถึงถนนหมายเลข ๒๙๐ บ้านหนองกุ้ง หมู่ที่ ๑๓ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา พบรถยนต์กระบะแค๊ปสีเขียว ยี่ห้ออีซูซุ จังหวัดบุรีรัมย์ เลี้ยวเข้าไปจอดที่บริเวณอยู่หน้าสนามชนไก่แก้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจสอบ พบบุคคลชาย ๒ คน คือนายเสือ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นคนขับรถ และนายยุทธ (ผู้ต้องหาที่ ๒) นั่งอยู่ฝั่งผู้โดยสาร ท่าทางมีพิรุธสงสัย จึงได้ทำการสอบ ทั้งสองแจ้งว่ารถยนต์เสีย แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ จึงได้สอบถามจนทั้งสองคนยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาและเป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถที่ขนยาบ้า แต่ระหว่างขับรถมาทราบว่ามีการตั้งจุดตรวจอยู่ด้านหน้า จึงเลี้ยวกลับรถก่อนถึงจุดตรวจแล้วมาจอดรถรอเพื่อให้จุดตรวจเลิกก่อนจึงจะเดินทางต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้นภายในรถยนต์ดังกล่าวพบยาบ้าจำนวน ๒ เม็ด ของกลางลำดับที่ ๑) จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท ๑ (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและแจ้งผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพ ติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย” และสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบ . นายเสือฯ และนายยุทธฯ ทราบสิทธิดังกล่าวดีโดยละเอียดแล้วได้สมัครใจช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การว่าได้เป็นคนขับรถนำทางหรือสเก้าท์หน้ารถคันที่ขนยาบ้า จะขับรถนำทางห่างกันประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร ซึ่งรถขนยาบ้ามีจำนวน ๓ คน ชื่อนายต้า (คนขับรถ), นายมอล และ น.ส.พลอย ใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว กทม. เดินทางไปรับยาบ้ามาจาก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี ซึ่งจะติดต่อกันผ่านแอฟพลิเคชั่นเฟสบุ๊คของนายต้า ตลอดเวลาที่เดินทาง . เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้วางแผนจับกุมโดยให้ผู้ต้องหาทั้งสอง ติดต่อกับรถคันที่ขนยาบ้าให้มาพบที่จุดที่ตนเอง อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังซุ่มดูอยู่บริเวณใกล้ๆจุดนัดหมาย ต่อมาเวลาประมาณ ๐๑.๐๐ น. รถยนต์เป้าหมายได้มาจอดที่จุดนัดหมาย โดยไม่ดับเครื่องและไม่ลงจากรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกรงว่า เป้าหมายจะหลบหนีจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าทำการจับกุม แต่รถยนต์เป้าหมายได้ขับ หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามไปอย่างกระชั้นชิด มุ่งหน้าผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา จนมาถึงจุดสร้างสะพานแห่งใหม่บ้านหนองบัวศาลา ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา รถยนต์เป้าหมายได้เสียหลักไปชนเสาไฟฟ้าข้างถนนไม่สามารถขับต่อไปได้ คนภายในรถทั้ง ๓ คน ได้ลงจากรถแล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่ามันสำปะหลังข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ จำนวน ๒ คน คือนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ส่วนผู้ชายอีก ๑ คน (นายต้า) หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนมาตรวจค้นรถยนต์คันที่ผู้ต้องหาทั้งสองนั่งมา ผลการตรวจค้นพบยาบ้าที่ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาล จำนวน ๓๓ หมอน หมอนละ ๓ มัด รวม ๙๙ มัด มัดละ ๒,๐๐๐ เม็ด ซุกซ่อนอยู่ ถุงพลาสติกสีดำ รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ ๑๙๘,๐๐๐ เม็ด . เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) และ น.ส.พลอย (ผู้ต้องหาที่ ๔) ให้การว่าเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๘ เวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. นายต้าฯ ขับรถยนต์คันดังกล่าว มาพบและชวนให้นั่งรถไปเป็นเพื่อนที่ จว.สระบุรี โดยนายมอล (ผู้ต้องหาที่ ๓) นั่งข้างคนขับ ส่วน น.ส.พลอยฯ (ผู้ต้องหาที่ ๔) นั่งที่เบาะหลัง เวลาประมาณ ๒๐.๐๐น. ได้จอดรถริมทางบริเวณทุ่งนาที่ ต.หนองแก อ.พระพุทธบาท จว.สระบุรี นายต้าฯ ก็ได้ให้นายมอลฯ ลงไปเอาถุงสีดำที่วางไว้ข้างทางขึ้นมาเก็บบนรถ จำนวน ๑ ถุง แล้วเดินทางกลับ อ.ลำปลายมาศ จว.บุรีรัมย์ โดยให้รถยนต์ของนายเสือฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) เป็นรถนำเพื่อคอยดูเส้นทางว่ามีด่านตำรวจหรือไม่ จนมาถึงที่เกิดเหตุแล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับกุมตัวได้พร้อมของกลางดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (ยาบ้า) โดยมีไว้ เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ซึ่งก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม ประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งผู้ต้องหาทราบสิทธิ์และข้อกล่าวหาดีโดยละเอียดแล้ว ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่ง พงส.สภ.โพธิ์กลาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป . ตำารวจภูธรภาค ๓ จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน และสถานประกอบการทุกแห่งแจ้ง เบาะแส/ข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้เสพ ผู้ค้า ในสถานประกอบการฯ และอาศัยสถาน ประกอบการฯ ในการกระทำผิด โดยแจ้งขอมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด ๑๕๙๙ สายด่วน ๑๙๑ และ Application Police I lert U ได้ตลอด ๒๔ ชม. เพื่อดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดี ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นเพื่อให้สั งคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดต่อไป.
    0 Comments 0 Shares 797 Views 0 Reviews
  • นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา เผยถึงภาพนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการกอดกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ชัดเจนว่ามาร่วมกันทำงานให้บ้านเมืองดีขึ้น ไม่ได้พุ่งตรงรัฐบาล แต่พุ่งตรงต่อปัญหาใหญ่ของบ้านเมืองที่นักการเมืองทุกพรรคแก้ไขไม่ได้ ส่วนที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พยายามโชว์ว่าตัวเองมีบทบาท แม้จะมีคดีชั้น 14 โดยจะแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการปราบปรามยาเสพติดในวันที่ 27 พ.ค. นี้ รัฐมนตรีที่เชิญนายทักษิณต้องอ่านรัฐธรรมนูญ ม.160 ว่าจะผิดมาตรฐานจริยธรรมหรือไม่ ทั้งที่ใช้กำปั้นสังหารไปกว่า 2,000 ศพ แล้วเชิญคนอย่างนี้มาบรรยายการแก้ปัญหายาเสพติด สะท้อนจิตสำนึกของรัฐมนตรี ส่วนวันที่ 13 มิ.ย.นี้ หากนายทักษิณไม่เดินทางไปศาล สิ่งที่ศาลจะดำเนินการคือออกหมายจับ

    -พวกเราแค่หายใจแรงก็ผิด
    -ส่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหาคดีนอมินี
    -นายกต้องออกคำสั่ง
    -สหรัฐต้องการรถถัง-เอไอ
    นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา เผยถึงภาพนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการกอดกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ชัดเจนว่ามาร่วมกันทำงานให้บ้านเมืองดีขึ้น ไม่ได้พุ่งตรงรัฐบาล แต่พุ่งตรงต่อปัญหาใหญ่ของบ้านเมืองที่นักการเมืองทุกพรรคแก้ไขไม่ได้ ส่วนที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พยายามโชว์ว่าตัวเองมีบทบาท แม้จะมีคดีชั้น 14 โดยจะแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการปราบปรามยาเสพติดในวันที่ 27 พ.ค. นี้ รัฐมนตรีที่เชิญนายทักษิณต้องอ่านรัฐธรรมนูญ ม.160 ว่าจะผิดมาตรฐานจริยธรรมหรือไม่ ทั้งที่ใช้กำปั้นสังหารไปกว่า 2,000 ศพ แล้วเชิญคนอย่างนี้มาบรรยายการแก้ปัญหายาเสพติด สะท้อนจิตสำนึกของรัฐมนตรี ส่วนวันที่ 13 มิ.ย.นี้ หากนายทักษิณไม่เดินทางไปศาล สิ่งที่ศาลจะดำเนินการคือออกหมายจับ -พวกเราแค่หายใจแรงก็ผิด -ส่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหาคดีนอมินี -นายกต้องออกคำสั่ง -สหรัฐต้องการรถถัง-เอไอ
    Like
    Love
    7
    0 Comments 0 Shares 711 Views 32 0 Reviews
  • รองอธิบดีดีเอสไอ เผย สรุปสำนวนคดีนอมินี บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ ก่อสร้างตึก สตง. ถล่ม ส่งอัยการสั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา - ส่วนคดีฮั้วประมูลส่ง ป.ป.ช.เอาผิด เจ้าหน้าที่รัฐ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000049192

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    รองอธิบดีดีเอสไอ เผย สรุปสำนวนคดีนอมินี บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ ก่อสร้างตึก สตง. ถล่ม ส่งอัยการสั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา - ส่วนคดีฮั้วประมูลส่ง ป.ป.ช.เอาผิด เจ้าหน้าที่รัฐ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000049192 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    3
    0 Comments 0 Shares 733 Views 0 Reviews
  • "ดีเอสไอ" ส่งสำนวน "นอมินี" บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ ตึก สตง.ถล่ม เอาผิด 5 ผู้ต้องหา - "บินลิง วู" ยังหลบหนี
    https://www.thai-tai.tv/news/18944/
    "ดีเอสไอ" ส่งสำนวน "นอมินี" บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ ตึก สตง.ถล่ม เอาผิด 5 ผู้ต้องหา - "บินลิง วู" ยังหลบหนี https://www.thai-tai.tv/news/18944/
    0 Comments 0 Shares 158 Views 0 Reviews
  • DSI สั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหาเครือข่ายนอมินี บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10
    https://www.thai-tai.tv/news/18866/
    DSI สั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหาเครือข่ายนอมินี บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 https://www.thai-tai.tv/news/18866/
    0 Comments 0 Shares 152 Views 0 Reviews
More Results