• จีนถือโอกาสที่สหรัฐและสหภาพยุโรปมีความสัมพันธ์ตกต่ำลงอย่างมาก เรียกร้องความร่วมมือกับสหภาพยุโรปเพื่อรับมือกับ "ความท้าทายระดับโลก" ขณะที่สหภาพยุโรปเตรียมรับมือกับภาษีศุลกากรที่อาจเกิดขึ้นภายใต้การนำของทรัมป์

    หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนเน้นย้ำถึงความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหภาพยุโรป โดยเน้นย้ำว่า โลกกำลังเผชิญกับ "ความแตกแยก ความวุ่นงาย และความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย"

    ด้านผู้นำสหภาพยุโรป เช่น เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน แสดงความเห็นโน้มเอียงถึงความเป็นไปได้ในการเปิดกว้างเพื่อทบทวนความสัมพันธ์กับปักกิ่ง แม้จะมีความตึงเครียดด้านการค้าในอดีตและความสัมพันธ์ของจีนกับรัสเซียก็ตาม โดยกำลังนำเสนอ "ข้อตกลง" เพื่อกระตุ้นการค้า แม้ว่ารายละเอียดจะยังไม่ชัดเจน

    จีนยังคงเห็นว่าสหภาพยุโรปคือหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญ และหวังว่าจะมีความร่วมมือที่เชื่อถือได้ แม้ว่าข้อพิพาททางการค้าล่าสุด เช่น ภาษีศุลกากรของสหภาพยุโรปต่อรถยนต์ไฟฟ้าของจีน จะสั่นคลอนความสัมพันธ์ดังกล่าวก็ตาม
    จีนถือโอกาสที่สหรัฐและสหภาพยุโรปมีความสัมพันธ์ตกต่ำลงอย่างมาก เรียกร้องความร่วมมือกับสหภาพยุโรปเพื่อรับมือกับ "ความท้าทายระดับโลก" ขณะที่สหภาพยุโรปเตรียมรับมือกับภาษีศุลกากรที่อาจเกิดขึ้นภายใต้การนำของทรัมป์ หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนเน้นย้ำถึงความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหภาพยุโรป โดยเน้นย้ำว่า โลกกำลังเผชิญกับ "ความแตกแยก ความวุ่นงาย และความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย" ด้านผู้นำสหภาพยุโรป เช่น เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน แสดงความเห็นโน้มเอียงถึงความเป็นไปได้ในการเปิดกว้างเพื่อทบทวนความสัมพันธ์กับปักกิ่ง แม้จะมีความตึงเครียดด้านการค้าในอดีตและความสัมพันธ์ของจีนกับรัสเซียก็ตาม โดยกำลังนำเสนอ "ข้อตกลง" เพื่อกระตุ้นการค้า แม้ว่ารายละเอียดจะยังไม่ชัดเจน จีนยังคงเห็นว่าสหภาพยุโรปคือหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญ และหวังว่าจะมีความร่วมมือที่เชื่อถือได้ แม้ว่าข้อพิพาททางการค้าล่าสุด เช่น ภาษีศุลกากรของสหภาพยุโรปต่อรถยนต์ไฟฟ้าของจีน จะสั่นคลอนความสัมพันธ์ดังกล่าวก็ตาม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนตอบรับมาตรการของประเทศไทยที่ตัดไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และระงับการส่งเชื้อเพลิงให้กับฐานของขบวนการสแกมเมอร์ในเมียนมา

    ในการแถลงข่าวประจำวัน ณ กระทรวงการต่างประเทศจีน วันที่ 5 ก.พ. ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงมาตรการของรัฐบาลไทยที่ระงับการจ่ายไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และการส่งเชื้อเพลิงให้กับพื้นที่ต่าง ๆ ในเมียนมา ซึ่งต้องสงสัยว่าเป็นฐานของขบวนการอาชญากรรมออนไลน์ มาตรการเหล่านี้มีขึ้นก่อนที่นางแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเดินทางเยือนประเทศจีน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000011878

    #MGROnline #ประเทศจีน #กระทรวงการต่างประเทศจีน
    โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนตอบรับมาตรการของประเทศไทยที่ตัดไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และระงับการส่งเชื้อเพลิงให้กับฐานของขบวนการสแกมเมอร์ในเมียนมา • ในการแถลงข่าวประจำวัน ณ กระทรวงการต่างประเทศจีน วันที่ 5 ก.พ. ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงมาตรการของรัฐบาลไทยที่ระงับการจ่ายไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และการส่งเชื้อเพลิงให้กับพื้นที่ต่าง ๆ ในเมียนมา ซึ่งต้องสงสัยว่าเป็นฐานของขบวนการอาชญากรรมออนไลน์ มาตรการเหล่านี้มีขึ้นก่อนที่นางแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเดินทางเยือนประเทศจีน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000011878 • #MGROnline #ประเทศจีน #กระทรวงการต่างประเทศจีน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เกี่ยวกับการออกแบบกฎหมายใหม่ในสหรัฐอเมริกาที่อาจทำให้การดาวน์โหลดและใช้งานโมเดล AI จากประเทศจีน เช่น DeepSeek อาจนำไปสู่การเข้าคุกถึง 20 ปีและปรับเงินถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กฎหมายนี้เป็นส่วนหนึ่งของ "Decoupling America's Artificial Intelligence Capabilities from China Act of 2025" ซึ่งเสนอโดยสมาชิกวุฒิสภา Josh Hawley จากรัฐมิสซูรี

    กฎหมายนี้มีเป้าหมายที่จะห้ามผู้คนในสหรัฐอเมริกาจากการพัฒนาความสามารถใน AI ในประเทศจีน และมีการลงโทษต่อบริษัทสหรัฐที่ทำงานร่วมกับบริษัท AI จากจีน หรือนำเทคโนโลยีหรือทรัพย์สินทางปัญญาจากจีนมาใช้ในสหรัฐ นอกจากนี้ยังมีการลงโทษผู้คนที่ดาวน์โหลดและใช้งานโมเดล AI จากจีน1

    Senator Hawley กล่าวว่า "ทุกดอลลาร์และกิโลไบต์ของข้อมูลที่ไหลเข้าไปยัง AI ของจีน จะถูกใช้ต่อต้านสหรัฐ" และ "สหรัฐไม่สามารถให้ความสำเร็จแก่ศัตรูใหญ่ของเราได้โดยการสนับสนุนการสร้างสรรค์ของจีน" นี่เป็นการกระทำที่ท้าทายที่สุดในด้านของ AI ที่เคยเกิดขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งของการต่อต้านต่อการเปิดแหล่งข้อมูล

    ข่าวนี้ยังเน้นถึงการที่ DeepSeek ได้รับการดาวน์โหลดมากที่สุดใน App Store ของสหรัฐและส่งผลให้ตลาดหุ้นเทคโนโลยีในสหรัฐลดลงอย่างรุนแรง โดยมีคำขอให้หยุดการใช้งาน DeepSeek ในหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ เช่น กองทัพเรือสหรัฐและ NASA

    https://www.techspot.com/news/106633-downloading-deepseek-could-lead-jail-time-1-million.html
    ข่าวนี้เกี่ยวกับการออกแบบกฎหมายใหม่ในสหรัฐอเมริกาที่อาจทำให้การดาวน์โหลดและใช้งานโมเดล AI จากประเทศจีน เช่น DeepSeek อาจนำไปสู่การเข้าคุกถึง 20 ปีและปรับเงินถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กฎหมายนี้เป็นส่วนหนึ่งของ "Decoupling America's Artificial Intelligence Capabilities from China Act of 2025" ซึ่งเสนอโดยสมาชิกวุฒิสภา Josh Hawley จากรัฐมิสซูรี กฎหมายนี้มีเป้าหมายที่จะห้ามผู้คนในสหรัฐอเมริกาจากการพัฒนาความสามารถใน AI ในประเทศจีน และมีการลงโทษต่อบริษัทสหรัฐที่ทำงานร่วมกับบริษัท AI จากจีน หรือนำเทคโนโลยีหรือทรัพย์สินทางปัญญาจากจีนมาใช้ในสหรัฐ นอกจากนี้ยังมีการลงโทษผู้คนที่ดาวน์โหลดและใช้งานโมเดล AI จากจีน1 Senator Hawley กล่าวว่า "ทุกดอลลาร์และกิโลไบต์ของข้อมูลที่ไหลเข้าไปยัง AI ของจีน จะถูกใช้ต่อต้านสหรัฐ" และ "สหรัฐไม่สามารถให้ความสำเร็จแก่ศัตรูใหญ่ของเราได้โดยการสนับสนุนการสร้างสรรค์ของจีน" นี่เป็นการกระทำที่ท้าทายที่สุดในด้านของ AI ที่เคยเกิดขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งของการต่อต้านต่อการเปิดแหล่งข้อมูล ข่าวนี้ยังเน้นถึงการที่ DeepSeek ได้รับการดาวน์โหลดมากที่สุดใน App Store ของสหรัฐและส่งผลให้ตลาดหุ้นเทคโนโลยีในสหรัฐลดลงอย่างรุนแรง โดยมีคำขอให้หยุดการใช้งาน DeepSeek ในหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ เช่น กองทัพเรือสหรัฐและ NASA https://www.techspot.com/news/106633-downloading-deepseek-could-lead-jail-time-1-million.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Downloading DeepSeek could lead to jail time and a $1 million fine under new US bill
    Republican Senator from Missouri Josh Hawley's proposed legislation, the Decoupling America's Artificial Intelligence Capabilities from China Act of 2025, aims to prohibit those in the US from...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • การรีไซเคิลแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าได้รับความสนใจมากขึ้น มีการเปิดตัวโรงงานต้นแบบสำหรับการรีไซเคิลแบตเตอรี่ใน Trappes ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีเป้าหมายที่จะดึงโลหะมีค่าจากแบตเตอรี่ที่ใช้แล้ว เพื่อนำกลับมาใช้ในกระบวนการผลิตใหม่ งานวิจัยจาก IDTechEx ได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับการใช้แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าในชีวิตที่สอง (Second-life) ตั้งแต่ปี 2025 ถึง 2035 โดยคาดว่าตลาดนี้อาจมีมูลค่าสูงถึง 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 18.66 พันล้านบาท) ภายในปี 2035

    แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ใช้งานในรถยนต์ไฟฟ้าสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ในงานที่ต้องการพลังงานต่ำกว่า เช่น การเก็บพลังงานในสถานีไฟฟ้าหรือการใช้งานในรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าและจักรยานไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่และส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน แม้ว่าทางทฤษฎีนี้จะเป็นที่น่าสนใจ แต่ยังคงมีความท้าทายทั้งทางเทคนิคและเศรษฐกิจ

    ประเทศจีนเป็นผู้นำในด้านการนำแบตเตอรี่กลับมาใช้ใหม่ โดยเฉพาะในการใช้งานเป็นพลังงานสำรอง ขณะที่ยุโรปและสหรัฐอเมริกายังคงอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาระบบการเก็บพลังงาน การรีไซเคิลโลหะหายากเป็นเรื่องท้าทายที่มีมิติทั้งทางสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ โดยภายใน 10 ปีข้างหน้า ลิเธียมที่รีไซเคิลในยุโรปอาจช่วยผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้มากกว่า 2 ล้านคัน

    นักวิจัยจาก University of Edinburgh กำลังทำงานเพื่อใช้แบคทีเรียในการดึงโลหะจากแบตเตอรี่ที่ใช้แล้ว แนวคิดนี้คือการใช้แบคทีเรียเพื่อรีไซเคิลวัสดุเหล่านี้ให้ได้มากที่สุด ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและกังหันลม

    ในภาพรวม การรีไซเคิลแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ากำลังเป็นเรื่องสำคัญที่มีความท้าทายหลากหลาย แต่ก็มีศักยภาพในการลดการขุดโลหะหายากและลดขยะสะสม หวังว่าข้อมูลนี้จะทำให้คุณได้มองเห็นภาพรวมของการพัฒนาและนวัตกรรมในวงการรีไซเคิลแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าได้ชัดเจนขึ้นนะครับ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/05/finding-ways-to-better-recycle-electric-car-batteries-in-the-future
    การรีไซเคิลแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าได้รับความสนใจมากขึ้น มีการเปิดตัวโรงงานต้นแบบสำหรับการรีไซเคิลแบตเตอรี่ใน Trappes ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีเป้าหมายที่จะดึงโลหะมีค่าจากแบตเตอรี่ที่ใช้แล้ว เพื่อนำกลับมาใช้ในกระบวนการผลิตใหม่ งานวิจัยจาก IDTechEx ได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับการใช้แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าในชีวิตที่สอง (Second-life) ตั้งแต่ปี 2025 ถึง 2035 โดยคาดว่าตลาดนี้อาจมีมูลค่าสูงถึง 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 18.66 พันล้านบาท) ภายในปี 2035 แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ใช้งานในรถยนต์ไฟฟ้าสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ในงานที่ต้องการพลังงานต่ำกว่า เช่น การเก็บพลังงานในสถานีไฟฟ้าหรือการใช้งานในรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าและจักรยานไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่และส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน แม้ว่าทางทฤษฎีนี้จะเป็นที่น่าสนใจ แต่ยังคงมีความท้าทายทั้งทางเทคนิคและเศรษฐกิจ ประเทศจีนเป็นผู้นำในด้านการนำแบตเตอรี่กลับมาใช้ใหม่ โดยเฉพาะในการใช้งานเป็นพลังงานสำรอง ขณะที่ยุโรปและสหรัฐอเมริกายังคงอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาระบบการเก็บพลังงาน การรีไซเคิลโลหะหายากเป็นเรื่องท้าทายที่มีมิติทั้งทางสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ โดยภายใน 10 ปีข้างหน้า ลิเธียมที่รีไซเคิลในยุโรปอาจช่วยผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้มากกว่า 2 ล้านคัน นักวิจัยจาก University of Edinburgh กำลังทำงานเพื่อใช้แบคทีเรียในการดึงโลหะจากแบตเตอรี่ที่ใช้แล้ว แนวคิดนี้คือการใช้แบคทีเรียเพื่อรีไซเคิลวัสดุเหล่านี้ให้ได้มากที่สุด ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและกังหันลม ในภาพรวม การรีไซเคิลแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ากำลังเป็นเรื่องสำคัญที่มีความท้าทายหลากหลาย แต่ก็มีศักยภาพในการลดการขุดโลหะหายากและลดขยะสะสม หวังว่าข้อมูลนี้จะทำให้คุณได้มองเห็นภาพรวมของการพัฒนาและนวัตกรรมในวงการรีไซเคิลแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าได้ชัดเจนขึ้นนะครับ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/05/finding-ways-to-better-recycle-electric-car-batteries-in-the-future
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Finding ways to better recycle electric car batteries in the future
    The future recycling of electric car batteries raises a number of challenges, from the recovery of raw materials to their reuse. A study published by IDTechEx provides some answers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานว่างานวิจัยจาก DeepSeek ได้เปิดเผยว่าชิพ AI ของ Huawei รุ่น Ascend 910C สามารถให้ประสิทธิภาพการประมวลผล inference ได้ถึง 60% ของชิพ Nvidia H100 ที่ยอดเยี่ยม งานวิจัยนี้ทำให้เห็นว่าแม้ชิพ Ascend 910C จะไม่ใช่แชมป์ในการฝึก AI แต่กลับมีประสิทธิภาพที่เพียงพอในด้าน inference และสามารถช่วยลดการพึ่งพา GPU ของ Nvidia ในประเทศจีนได้

    DeepSeek ได้ทำการทดสอบชิพ 910C และพบว่ามันมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าที่คาดไว้ในงาน inference และหากมีการปรับแต่งเคอร์เนล CUNN ด้วยตัวเอง จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้อีก ทั้งนี้การผนวกชิพ Ascend เข้ากับ PyTorch repository และการรองรับ CUDA-to-CUNN conversion โดยง่าย ช่วยให้สามารถใช้งานฮาร์ดแวร์ของ Huawei ในการประมวลผล AI ได้อย่างลงตัว

    นอกจากนี้ แม้จะมีการคว่ำบาตรจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและการขาดการเข้าถึงเทคโนโลยีชั้นนำจาก TSMC แต่ Huawei และ SMIC สามารถผลิตชิพที่สามารถแข่งขันกับชิพ Nvidia A100 และ H100 ได้ อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนหนึ่งของชิพจีนคือการฝึก AI ที่ยังคงต้องปรับปรุงต่อไป

    กล่าวโดยสรุป, Huawei's Ascend 910C เป็นชิพที่มีศักยภาพในการทำงาน inference ที่ดี แต่ยังคงต้องพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อแข่งขันในระดับโลก โดยเฉพาะในด้านการฝึก AI ที่ Nvidia ยังคงมีความเป็นผู้นำอย่างไม่ต้องสงสัย

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/deepseek-research-suggests-huaweis-ascend-910c-delivers-60-percent-nvidia-h100-inference-performance
    มีรายงานว่างานวิจัยจาก DeepSeek ได้เปิดเผยว่าชิพ AI ของ Huawei รุ่น Ascend 910C สามารถให้ประสิทธิภาพการประมวลผล inference ได้ถึง 60% ของชิพ Nvidia H100 ที่ยอดเยี่ยม งานวิจัยนี้ทำให้เห็นว่าแม้ชิพ Ascend 910C จะไม่ใช่แชมป์ในการฝึก AI แต่กลับมีประสิทธิภาพที่เพียงพอในด้าน inference และสามารถช่วยลดการพึ่งพา GPU ของ Nvidia ในประเทศจีนได้ DeepSeek ได้ทำการทดสอบชิพ 910C และพบว่ามันมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าที่คาดไว้ในงาน inference และหากมีการปรับแต่งเคอร์เนล CUNN ด้วยตัวเอง จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้อีก ทั้งนี้การผนวกชิพ Ascend เข้ากับ PyTorch repository และการรองรับ CUDA-to-CUNN conversion โดยง่าย ช่วยให้สามารถใช้งานฮาร์ดแวร์ของ Huawei ในการประมวลผล AI ได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ แม้จะมีการคว่ำบาตรจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาและการขาดการเข้าถึงเทคโนโลยีชั้นนำจาก TSMC แต่ Huawei และ SMIC สามารถผลิตชิพที่สามารถแข่งขันกับชิพ Nvidia A100 และ H100 ได้ อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนหนึ่งของชิพจีนคือการฝึก AI ที่ยังคงต้องปรับปรุงต่อไป กล่าวโดยสรุป, Huawei's Ascend 910C เป็นชิพที่มีศักยภาพในการทำงาน inference ที่ดี แต่ยังคงต้องพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อแข่งขันในระดับโลก โดยเฉพาะในด้านการฝึก AI ที่ Nvidia ยังคงมีความเป็นผู้นำอย่างไม่ต้องสงสัย https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/deepseek-research-suggests-huaweis-ascend-910c-delivers-60-percent-nvidia-h100-inference-performance
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตลาดหนังจีน ทำยอดรวมในประเทศทะลุ 10000 ล้านหยวน

    เมื่อเวลา 16:43 วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2025 (เมื่อวานนี้) บ็อกซ์ออฟฟิศในประเทศจีนของภาพยนตร์ (รวมพรีเซลแบบเรียลไทม์) ในปี 2025 ทําเงิน หนึ่งหมื่นล้านหยวน (10000 ล้านหยวน) นับเฉพาะภาพยนตร์ในเทศกาลตรุษจีน ที่เข้าฉายมาตั้งแต่ 28 มกราคม รวมเวลา 7 วัน

    ตลาดภาพยนตร์ในจีน ทำรายได้รวมแซงหน้าอเมริกาเหนือ ชั่วคราว ติดอันดับ #ที่หนึ่ง ใน box office ระดับโลก 👍
    ตลาดหนังจีน ทำยอดรวมในประเทศทะลุ 10000 ล้านหยวน เมื่อเวลา 16:43 วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2025 (เมื่อวานนี้) บ็อกซ์ออฟฟิศในประเทศจีนของภาพยนตร์ (รวมพรีเซลแบบเรียลไทม์) ในปี 2025 ทําเงิน หนึ่งหมื่นล้านหยวน (10000 ล้านหยวน) นับเฉพาะภาพยนตร์ในเทศกาลตรุษจีน ที่เข้าฉายมาตั้งแต่ 28 มกราคม รวมเวลา 7 วัน ตลาดภาพยนตร์ในจีน ทำรายได้รวมแซงหน้าอเมริกาเหนือ ชั่วคราว ติดอันดับ #ที่หนึ่ง ใน box office ระดับโลก 👍
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนาอัลกอริทึมใหม่โดยทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Shenzhen MSU-BIT ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย Lomonosov Moscow State University และสถาบันเทคโนโลยีปักกิ่ง (Beijing Institute of Technology) อัลกอริทึมใหม่นี้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของการประมวลผลแบบ peridynamics (PD) ซึ่งใช้ในการจำลองการแตกหักและความเสียหายของวัสดุได้สูงถึง 800 เท่า

    อัลกอริทึมนี้ทำให้การจำลองวัสดุที่มีขนาดใหญ่เร็วขึ้นมาก โดยใช้ทรัพยากรการประมวลผลที่น้อยลง ซึ่งเทคโนโลยีนี้มีประโยชน์ในหลายๆ อุตสาหกรรม เช่น การบินและอวกาศ วิศวกรรมโยธา และการทหาร นักวิจัยได้ใช้เทคโนโลยี CUDA ของ Nvidia เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการออกแบบอัลกอริทึมและการจัดการหน่วยความจำ ทำให้ได้ผลการประมวลผลที่รวดเร็วถึง 800 เท่าเมื่อเทียบกับโปรแกรมแบบซีเรียลดั้งเดิม และเร็วกว่าโปรแกรมที่ใช้ OpenMP ประมาณ 100 เท่า

    peridynamics (PD) เป็นทฤษฎีการจำลองที่ใช้ในการคาดการณ์ความล้มเหลวของวัสดุในหลายๆ สาขา เช่น การบินและอวกาศ วิศวกรรมโยธา และการทหาร อัลกอริทึม PD-General ที่ถูกพัฒนาขึ้นใช้เทคโนโลยี CUDA ของ Nvidia เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ทำให้สามารถทำการจำลองขนาดใหญ่ได้เร็วขึ้น โดยใช้การ์ดจอ Nvidia RTX 4070 การพัฒนาอัลกอริทึมนี้ช่วยลดการพึ่งพาเทคโนโลยีขั้นสูงจากประเทศตะวันตก และเปิดโอกาสให้การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในประเทศจีนและรัสเซียก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว

    การวิจัยนี้ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Chinese Journal of Computational Mechanics เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2025 ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาวิทยาศาสตร์การคำนวณและการจำลองวัสดุ ความก้าวหน้าในอัลกอริทึมสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการทำวิจัยในหลายๆ อุตสาหกรรม และเปิดโอกาสให้การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในหลายประเทศสามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/chinese-algorithm-claimed-to-boost-nvidia-gpu-performance-by-up-to-800x-for-advanced-science-applications
    ข่าวนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนาอัลกอริทึมใหม่โดยทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Shenzhen MSU-BIT ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย Lomonosov Moscow State University และสถาบันเทคโนโลยีปักกิ่ง (Beijing Institute of Technology) อัลกอริทึมใหม่นี้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของการประมวลผลแบบ peridynamics (PD) ซึ่งใช้ในการจำลองการแตกหักและความเสียหายของวัสดุได้สูงถึง 800 เท่า อัลกอริทึมนี้ทำให้การจำลองวัสดุที่มีขนาดใหญ่เร็วขึ้นมาก โดยใช้ทรัพยากรการประมวลผลที่น้อยลง ซึ่งเทคโนโลยีนี้มีประโยชน์ในหลายๆ อุตสาหกรรม เช่น การบินและอวกาศ วิศวกรรมโยธา และการทหาร นักวิจัยได้ใช้เทคโนโลยี CUDA ของ Nvidia เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการออกแบบอัลกอริทึมและการจัดการหน่วยความจำ ทำให้ได้ผลการประมวลผลที่รวดเร็วถึง 800 เท่าเมื่อเทียบกับโปรแกรมแบบซีเรียลดั้งเดิม และเร็วกว่าโปรแกรมที่ใช้ OpenMP ประมาณ 100 เท่า peridynamics (PD) เป็นทฤษฎีการจำลองที่ใช้ในการคาดการณ์ความล้มเหลวของวัสดุในหลายๆ สาขา เช่น การบินและอวกาศ วิศวกรรมโยธา และการทหาร อัลกอริทึม PD-General ที่ถูกพัฒนาขึ้นใช้เทคโนโลยี CUDA ของ Nvidia เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ทำให้สามารถทำการจำลองขนาดใหญ่ได้เร็วขึ้น โดยใช้การ์ดจอ Nvidia RTX 4070 การพัฒนาอัลกอริทึมนี้ช่วยลดการพึ่งพาเทคโนโลยีขั้นสูงจากประเทศตะวันตก และเปิดโอกาสให้การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในประเทศจีนและรัสเซียก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว การวิจัยนี้ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Chinese Journal of Computational Mechanics เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2025 ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาวิทยาศาสตร์การคำนวณและการจำลองวัสดุ ความก้าวหน้าในอัลกอริทึมสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการทำวิจัยในหลายๆ อุตสาหกรรม และเปิดโอกาสให้การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในหลายประเทศสามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/chinese-algorithm-claimed-to-boost-nvidia-gpu-performance-by-up-to-800x-for-advanced-science-applications
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Chinese algorithm claimed to boost Nvidia GPU performance by up to 800X for advanced science applications
    The breakthrough enables new solutions for complex mechanical challenges across multiple industries.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ่านเอาเรื่อง Ep.93 : อัลฟ่าโกะกับจีน

    ในปี ค.ศ.2016 มีเหตุการณ์เล็กๆที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นครับ คือ มีการแข่งขันเกมส์ “โกะ” (หรือ หมากล้อม) ระหว่างแชมป์โลกโกะชาวเกาหลีใต้ชื่อ “ลี เซดอล“ กับหุ่นยนต์เอไอของกูเกิ้ล ชื่อ ”อัลฟ่าโกะ - AlphaGo"

    ผลก็คือ อัลฟ่าโกะชนะลี เซดอลไปได้ขาดลอย คือ แข่งกัน 5 กระดาน อัลฟ่าโกะชนะไป 4 กระดาน ทำเอาแขมป์โลกลี เซดอลต้องยอมแพ้และถอนตัวจากแข่งขัน

    เผื่อใครไม่ทราบ โกะคือเกมส์ที่เล่นบนกระดานครับ ผู้เล่นสองฝั่งต้องวางแผนล่วงหน้าในการเดินหมากเพื่อลวงคู่ต่อสู้ เป็นเกมส์ที่ใช้พลังสมองและฝึกกระบวนการคิดซับซ้อนเป็นอย่างดี
    .
    .
    .
    ข่าวชัยชนะของอัลฟ่าโกะนี้แพร่กระจายไปทั่วโลก จนกระทั่งไปเข้าถึงหูของกลุ่มผู้นำจีนในเวลานั้น

    เรื่องใครชนะใครแพ้ในเกมส์โกะนั้นไม่สำคัญสำหรับกลุ่มผู้นำรัฐบาลจีนเท่ากับความจริงที่ว่า เทคโนโลยีเอไอนั้นก้าวล้ำไปรวดเร็วกว่าที่ใครจะคาดคิดครับ

    ผู้นำจีนได้พูดคุยกันและตัดสินใจทันทีว่า จีนจะต้องเร่งพัฒนาองค์ความรู้เรื่องเอไอเพื่อให้จีนเป็นผู้นำเทคโนโลยีนี้ให้ได้

    ดังนั้นแล้วหนึ่งปีหลังจากชัยชนะของอัลฟ่าโกะ คือ ค.ศ.2017 รัฐบาลจีนได้ประกาศแผนแห่งชาติที่ชื่อว่า “New Generation Artificial Intelligence Development Plan" หรือ ”แผนพัฒนาเอไอยุคใหม่“ ออกมาครับ

    กล่าวโดยสรุปคือ แผนนี้กำหนดเป้าหมายไว้ว่า

    ภายในปี 2020 จีนจะต้องตามทันอเมริกาและชาติที่ก้าวล้ำในด้านเอไอ

    ภายในปี 2025 จีนจะต้องสร้างนวัตกรรมสำคัญในเรื่อง เอไอ application

    ภายในปี 2030 จีนจะต้องเป็นผู้นำโลกด้านเอไอ

    และในหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา รัฐบาลจีนก็ได้จัดสรรเงินลงทุนประมาณ 200,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐมุ่งไปที่การพัฒนาเอไออย่างเดียว

    เงินก้อนนี้คิดเป็น 23% ของงบประมาณลงทุนทั้งหมดของรัฐบาลจีนในทศวรรษนี้ครับ

    บางท่านอาจถามว่า “อ้าว… แล้วก่อนหน้าปี 2017 นี่ จีนไม่ได้สนใจเรื่องเอไอเลยเหรอ?”

    คำตอบคือ สนใจครับ ในยุคนั้นมีบริษัทดังๆเช่น หัวเหว่ย, อาลีบาบา, เทนเซนท์ และไป่ตู้ (Baidu) ซึ่งเป็นบริษัทเทคสำคัญๆของจีนก็สนใจเอไออยู่ แต่งบประมาณยังไม่ได้มากมายอะไร

    เมื่อรัฐบาลจีนเข้ามาส่งเสริมเอไอเต็มสูบแบบนี้ พวกบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ของจีนก็เดินหน้าเต็มเหนี่ยวเช่นกัน เช่น ระบบเอไอเฮลธ์แคร์โดยเทนเซนท์, ระบบสมาร์ทซิตี้ของอาลีบาบา หรือ ระบบจดจำใบหน้าของเอไอโดยเซนส์ไทม์ ฯลฯ
    .
    .
    .
    งบ 2 แสนล้านดอลล่าร์ของรัฐบาลนี้ ไม่ได้ส่งไปที่บริษัทหรือเทคสตาร์ทอัพอย่างเดียวครับ แต่ส่งไปยังโรงเรียนและมหาวิทยาลัยทั่วประเทศจีนเพื่อส่งเสริมการเรียนการสอนทั้ง STEM + เอไอด้วย

    STEM ย่อมาจาก การเรียนสายวิทยาศาสตร์คือ Science, Technology, Engineering and Mathematic ครับ

    ในระดับประถม-มัธยมก็เริ่มสอนการเขียนโปรแกรม หรือ โค้ดดิ้ง (Coding) แต่เด็กๆ โดยใส่เข้าไปในหลักสูตรเลย

    ที่น่าสนใจคือ โรงเรียนและผู้ปกครองส่งเสริมให้เด็กๆหัดเล่นโกะเยอะขึ้นมาก เพื่อให้ฝึกกระบวนการคิดหลายชั้น

    และให้เอไอเป็นโค้ชสอนเด็กเล่นโกะด้วยซ้ำ

    มหาวิทยาลัยทั้งหลายในจีนเริ่มเปิดหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับเอไอและ STEM มากขึ้น

    ในช่วงปี 2016-2019 นักศึกษาปริญญาเอกในสาย STEM ของมหาวิทยาลัยจีนเพิ่มขึ้นจาก 59,000 คน เป็น 83,000 คน

    คาดว่าในปี 2025 จีนจะผลิตด็อกเตอร์จบใหม่สาย STEM ได้ปีละ 77,000 คน เทียบกับสหรัฐอเมริกาที่ผลิตปีละ 40,000 คน

    ส่วนในระดับปริญญาตรีและโท จีนผลิตบัณฑิตและมหาบัณฑิตได้ปีละหลักล้านคน

    ในจีนนั้นมีอยู่ 3 มหาวิทยาลัยที่ถือว่าโด่งดังในหลักสูตรเอไอ คือ ปักกิ่ง, ซิงหัว และ Zhejiang ครับ ซึ่งมหาลัยเหล่านี้เขาก็ทำงานร่วมกับบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ของจีน 3 แห่งคือ Baitu, Alibaba และ Tencent

    ย่อหน้าที่แล้วผมเขียนชื่อสามบริษัทนี้เป็นภาษาอังกฤษ เพราะยักษ์ใหญ่สามบริษัทนี้เขามีชื่อเรียกย่อๆรวมกันว่า BAT ครับ
    .
    .
    .
    ที่ผมนำเรื่องนี้มาเล่า ก็เพราะอยากจะบอกว่าความสำเร็จของเอไอ “ดีปซีค” นั้นไม่ใช่ความสำเร็จชั่วข้ามคืน

    แต่เกิดจากยุทธศาสตร์ที่มุ่งพัฒนาชาติของรัฐบาลจีนและความมานะหมั่นเพียรของเด็กจีน

    อัลฟ่าโกะนั้นเปรียบเสมือนเสียงนาฬิกาปลุกสำหรับมังกรจีน

    เทียบได้กับในวันที่โซเวียตส่งยานสปุตนิกขึ้นไปโคจรรอบโลกแล้วนั่นคือนาฬิกาปลุกของอเมริกา

    สำหรับประเทศไทยเรานั้น อย่าไปหวังยุทธศาสตร์อะไรกับนายกรัฐมนตรีที่เทงบซอฟท์พาวเวอร์ไป 5 พันล้านบาทเลยครับ

    ยิ่งเห็นข่าวคณะผู้แทนจีนตั้งคำถามกับฝ่ายความมั่นคงและตำรวจไทยเรื่องแก๊งคอลล์เซ็นเตอร์ว่า “ทำไมพวกคุณไม่สนใจดูแลบ้านเมืองของตัวเองบ้างเลย“ แล้ว

    ผมอายบรรพบุรุษครับ

    อายว่า “เจนเนอเรชั่นพวกเรานั้น ทำได้แค่นี้เหรอ? มีดีแค่นี้เหรอ?“
    อ่านเอาเรื่อง Ep.93 : อัลฟ่าโกะกับจีน ในปี ค.ศ.2016 มีเหตุการณ์เล็กๆที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นครับ คือ มีการแข่งขันเกมส์ “โกะ” (หรือ หมากล้อม) ระหว่างแชมป์โลกโกะชาวเกาหลีใต้ชื่อ “ลี เซดอล“ กับหุ่นยนต์เอไอของกูเกิ้ล ชื่อ ”อัลฟ่าโกะ - AlphaGo" ผลก็คือ อัลฟ่าโกะชนะลี เซดอลไปได้ขาดลอย คือ แข่งกัน 5 กระดาน อัลฟ่าโกะชนะไป 4 กระดาน ทำเอาแขมป์โลกลี เซดอลต้องยอมแพ้และถอนตัวจากแข่งขัน เผื่อใครไม่ทราบ โกะคือเกมส์ที่เล่นบนกระดานครับ ผู้เล่นสองฝั่งต้องวางแผนล่วงหน้าในการเดินหมากเพื่อลวงคู่ต่อสู้ เป็นเกมส์ที่ใช้พลังสมองและฝึกกระบวนการคิดซับซ้อนเป็นอย่างดี . . . ข่าวชัยชนะของอัลฟ่าโกะนี้แพร่กระจายไปทั่วโลก จนกระทั่งไปเข้าถึงหูของกลุ่มผู้นำจีนในเวลานั้น เรื่องใครชนะใครแพ้ในเกมส์โกะนั้นไม่สำคัญสำหรับกลุ่มผู้นำรัฐบาลจีนเท่ากับความจริงที่ว่า เทคโนโลยีเอไอนั้นก้าวล้ำไปรวดเร็วกว่าที่ใครจะคาดคิดครับ ผู้นำจีนได้พูดคุยกันและตัดสินใจทันทีว่า จีนจะต้องเร่งพัฒนาองค์ความรู้เรื่องเอไอเพื่อให้จีนเป็นผู้นำเทคโนโลยีนี้ให้ได้ ดังนั้นแล้วหนึ่งปีหลังจากชัยชนะของอัลฟ่าโกะ คือ ค.ศ.2017 รัฐบาลจีนได้ประกาศแผนแห่งชาติที่ชื่อว่า “New Generation Artificial Intelligence Development Plan" หรือ ”แผนพัฒนาเอไอยุคใหม่“ ออกมาครับ กล่าวโดยสรุปคือ แผนนี้กำหนดเป้าหมายไว้ว่า ภายในปี 2020 จีนจะต้องตามทันอเมริกาและชาติที่ก้าวล้ำในด้านเอไอ ภายในปี 2025 จีนจะต้องสร้างนวัตกรรมสำคัญในเรื่อง เอไอ application ภายในปี 2030 จีนจะต้องเป็นผู้นำโลกด้านเอไอ และในหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา รัฐบาลจีนก็ได้จัดสรรเงินลงทุนประมาณ 200,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐมุ่งไปที่การพัฒนาเอไออย่างเดียว เงินก้อนนี้คิดเป็น 23% ของงบประมาณลงทุนทั้งหมดของรัฐบาลจีนในทศวรรษนี้ครับ บางท่านอาจถามว่า “อ้าว… แล้วก่อนหน้าปี 2017 นี่ จีนไม่ได้สนใจเรื่องเอไอเลยเหรอ?” คำตอบคือ สนใจครับ ในยุคนั้นมีบริษัทดังๆเช่น หัวเหว่ย, อาลีบาบา, เทนเซนท์ และไป่ตู้ (Baidu) ซึ่งเป็นบริษัทเทคสำคัญๆของจีนก็สนใจเอไออยู่ แต่งบประมาณยังไม่ได้มากมายอะไร เมื่อรัฐบาลจีนเข้ามาส่งเสริมเอไอเต็มสูบแบบนี้ พวกบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ของจีนก็เดินหน้าเต็มเหนี่ยวเช่นกัน เช่น ระบบเอไอเฮลธ์แคร์โดยเทนเซนท์, ระบบสมาร์ทซิตี้ของอาลีบาบา หรือ ระบบจดจำใบหน้าของเอไอโดยเซนส์ไทม์ ฯลฯ . . . งบ 2 แสนล้านดอลล่าร์ของรัฐบาลนี้ ไม่ได้ส่งไปที่บริษัทหรือเทคสตาร์ทอัพอย่างเดียวครับ แต่ส่งไปยังโรงเรียนและมหาวิทยาลัยทั่วประเทศจีนเพื่อส่งเสริมการเรียนการสอนทั้ง STEM + เอไอด้วย STEM ย่อมาจาก การเรียนสายวิทยาศาสตร์คือ Science, Technology, Engineering and Mathematic ครับ ในระดับประถม-มัธยมก็เริ่มสอนการเขียนโปรแกรม หรือ โค้ดดิ้ง (Coding) แต่เด็กๆ โดยใส่เข้าไปในหลักสูตรเลย ที่น่าสนใจคือ โรงเรียนและผู้ปกครองส่งเสริมให้เด็กๆหัดเล่นโกะเยอะขึ้นมาก เพื่อให้ฝึกกระบวนการคิดหลายชั้น และให้เอไอเป็นโค้ชสอนเด็กเล่นโกะด้วยซ้ำ มหาวิทยาลัยทั้งหลายในจีนเริ่มเปิดหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับเอไอและ STEM มากขึ้น ในช่วงปี 2016-2019 นักศึกษาปริญญาเอกในสาย STEM ของมหาวิทยาลัยจีนเพิ่มขึ้นจาก 59,000 คน เป็น 83,000 คน คาดว่าในปี 2025 จีนจะผลิตด็อกเตอร์จบใหม่สาย STEM ได้ปีละ 77,000 คน เทียบกับสหรัฐอเมริกาที่ผลิตปีละ 40,000 คน ส่วนในระดับปริญญาตรีและโท จีนผลิตบัณฑิตและมหาบัณฑิตได้ปีละหลักล้านคน ในจีนนั้นมีอยู่ 3 มหาวิทยาลัยที่ถือว่าโด่งดังในหลักสูตรเอไอ คือ ปักกิ่ง, ซิงหัว และ Zhejiang ครับ ซึ่งมหาลัยเหล่านี้เขาก็ทำงานร่วมกับบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ของจีน 3 แห่งคือ Baitu, Alibaba และ Tencent ย่อหน้าที่แล้วผมเขียนชื่อสามบริษัทนี้เป็นภาษาอังกฤษ เพราะยักษ์ใหญ่สามบริษัทนี้เขามีชื่อเรียกย่อๆรวมกันว่า BAT ครับ . . . ที่ผมนำเรื่องนี้มาเล่า ก็เพราะอยากจะบอกว่าความสำเร็จของเอไอ “ดีปซีค” นั้นไม่ใช่ความสำเร็จชั่วข้ามคืน แต่เกิดจากยุทธศาสตร์ที่มุ่งพัฒนาชาติของรัฐบาลจีนและความมานะหมั่นเพียรของเด็กจีน อัลฟ่าโกะนั้นเปรียบเสมือนเสียงนาฬิกาปลุกสำหรับมังกรจีน เทียบได้กับในวันที่โซเวียตส่งยานสปุตนิกขึ้นไปโคจรรอบโลกแล้วนั่นคือนาฬิกาปลุกของอเมริกา สำหรับประเทศไทยเรานั้น อย่าไปหวังยุทธศาสตร์อะไรกับนายกรัฐมนตรีที่เทงบซอฟท์พาวเวอร์ไป 5 พันล้านบาทเลยครับ ยิ่งเห็นข่าวคณะผู้แทนจีนตั้งคำถามกับฝ่ายความมั่นคงและตำรวจไทยเรื่องแก๊งคอลล์เซ็นเตอร์ว่า “ทำไมพวกคุณไม่สนใจดูแลบ้านเมืองของตัวเองบ้างเลย“ แล้ว ผมอายบรรพบุรุษครับ อายว่า “เจนเนอเรชั่นพวกเรานั้น ทำได้แค่นี้เหรอ? มีดีแค่นี้เหรอ?“
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนออกมาประณามความเคลื่อนไหวของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่สั่งรีดภาษีสินค้านำเข้าจากแดนมังกรในอัตรา 10% เมื่อวานนี้ (2 ก.พ.) โดยกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์จีนประกาศจะยื่นฟ้องต่อองค์การการค้าโลก (World Trade Organization - WTO) เกี่ยวกับคำสั่งรีดภาษีของทรัมป์ และจะมี "มาตรการตอบโต้" นโยบายของสหรัฐฯ ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับในวันอังคารที่ 4 ก.พ.นี้
    .
    อย่างไรก็ตาม จีนยังส่งสัญญาณเปิดโอกาสสำหรับการเจรจาพูดคุย เพื่อไม่ให้ 2 มหาอำนาจเกิดการกระทบกระทั่งรุนแรงไปกว่าที่เป็นอยู่
    .
    เมื่อวันเสาร์ (1) ทรัมป์ ได้ออกคำสั่งเก็บภาษีศุลกากรจากสินค้าแคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% และสินค้าจีน 10% โดยชี้ว่าปักกิ่งจำเป็นต้องช่วยสกัดกั้นยาเฟนทานิลซึ่งเป็นสารเสพติดโอปิออยด์ชนิดรุนแรงไม่ให้ไหลเข้าสู่สหรัฐอเมริกา
    .
    กระทรวงพาณิชย์จีนแถลงว่า คำสั่งของ ทรัมป์ "ถือเป็นการฝ่าฝืนระเบียบการค้าสากลอย่างร้ายแรง" และจีนขอเรียกร้องให้สหรัฐฯ "พูดคุยกันอย่างจริงใจ และยกระดับความร่วมมือกัน"
    .
    ทั้งนี้ การยื่นฟ้องต่อ WTO จะให้ผลเชิงสัญลักษณ์ว่าจีนนั้นยืนหยัดสนับสนุนระบบการค้าที่อิงกฎเกณฑ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลสหรัฐฯ ทั้งเดโมแครตและรีพับลิกันยึดถือเรื่อยมา โดยก่อนหน้านี้จีนก็เคยยื่นฟ้องต่อ WTO มาแล้วตอนที่ถูกสหภาพยุโรปสั่งรีดภาษีรถอีวีนำเข้าจีนในอัตราสูงสุด 45%
    .
    อย่างไรก็ดี การร้องเรียนต่อ WTO ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบหรือเป็นภัยคุกคามใดๆ ต่อสหรัฐฯ เนื่องจากระบบไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของ WTO นั้นแทบจะถูกปิดไปโดยปริยายตั้งแต่ปี 2019 เมื่อ ทรัมป์ ขัดขวางการแต่งตั้งผู้พิพากษาที่จะมาทำหน้าที่พิจารณาคำอุทธรณ์ นอกจากนี้ สหรัฐฯ ตั้งแต่ยุค บารัค โอบามา เป็นต้นมายังกล่าวหาหน่วยงานอุทธรณ์ของ WTO ว่าละเมิดอำนาจของสหรัฐฯ ด้วย
    .
    เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ออกมาเอ่ยย้ำตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า "ไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้า"
    .
    ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศจีนก็ออกมาชี้ว่า "เฟนทานิลคือปัญหาของอเมริกา" พร้อมย้ำว่า "ที่ผ่านมาฝ่ายจีนได้มีมาตรการต่อต้านยาเสพติดอย่างจริงจังโดยร่วมมือกับสหรัฐฯ ซึ่งก็ได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ"
    .
    การหารือระหว่าง ทรัมป์ กับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เมื่อเดือนที่แล้วทำให้เจ้าหน้าที่จีนเริ่มมองเห็นสัญญาณที่ดีว่า ทรัมป์ อาจจะมุ่งลดความขัดแย้งกับจีนลงบ้าง ในขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ทั้งสายเดโมแครตและรีพับลิกันยังคงมองจีนเป็นความท้าทายอันดับ 1 ทั้งในด้านนโยบายต่างประเทศและเศรษฐกิจของอเมริกา
    .
    การที่จีนมียอดการค้าเกินดุลเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2024 ถือเป็นจุดอ่อนของปักกิ่ง การส่งออกในอุตสาหกรรมหลักๆ ของจีน เช่น ยานยนต์ เติบโตรวดเร็วในแง่ของปริมาณมากกว่ามูลค่า ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้ผลิตจีนเลือกหันมาใช้วิธีลดราคาสินค้าเพื่อเพิ่มยอดขายในต่างประเทศ ท่ามกลางอุปสงค์ในจีนที่ยังคงซบเซา และด้วยเหตุนี้นักวิเคราะห์จึงเชื่อว่าจีนน่าจะพยายามขอเจรจาเพื่อทำข้อตกลงกับรัฐบาล ทรัมป์ ให้ได้โดยเร็ว เพื่อลดผลกระทบจากมาตรการทางภาษีของสหรัฐฯ
    .
    ทั้งนี้ จีนยังได้เตรียมความพร้อมรับมือมาตรการรีดภาษีของ ทรัมป์ มานานหลายเดือนด้วยการกระชับความร่วมมือกับประเทศหุ้นส่วน ส่งเสริมการพึ่งพาตนเองในด้านเทคโนโลยีหลักๆ และจัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบาง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000010797
    ..................
    Sondhi X
    จีนออกมาประณามความเคลื่อนไหวของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่สั่งรีดภาษีสินค้านำเข้าจากแดนมังกรในอัตรา 10% เมื่อวานนี้ (2 ก.พ.) โดยกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์จีนประกาศจะยื่นฟ้องต่อองค์การการค้าโลก (World Trade Organization - WTO) เกี่ยวกับคำสั่งรีดภาษีของทรัมป์ และจะมี "มาตรการตอบโต้" นโยบายของสหรัฐฯ ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับในวันอังคารที่ 4 ก.พ.นี้ . อย่างไรก็ตาม จีนยังส่งสัญญาณเปิดโอกาสสำหรับการเจรจาพูดคุย เพื่อไม่ให้ 2 มหาอำนาจเกิดการกระทบกระทั่งรุนแรงไปกว่าที่เป็นอยู่ . เมื่อวันเสาร์ (1) ทรัมป์ ได้ออกคำสั่งเก็บภาษีศุลกากรจากสินค้าแคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% และสินค้าจีน 10% โดยชี้ว่าปักกิ่งจำเป็นต้องช่วยสกัดกั้นยาเฟนทานิลซึ่งเป็นสารเสพติดโอปิออยด์ชนิดรุนแรงไม่ให้ไหลเข้าสู่สหรัฐอเมริกา . กระทรวงพาณิชย์จีนแถลงว่า คำสั่งของ ทรัมป์ "ถือเป็นการฝ่าฝืนระเบียบการค้าสากลอย่างร้ายแรง" และจีนขอเรียกร้องให้สหรัฐฯ "พูดคุยกันอย่างจริงใจ และยกระดับความร่วมมือกัน" . ทั้งนี้ การยื่นฟ้องต่อ WTO จะให้ผลเชิงสัญลักษณ์ว่าจีนนั้นยืนหยัดสนับสนุนระบบการค้าที่อิงกฎเกณฑ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลสหรัฐฯ ทั้งเดโมแครตและรีพับลิกันยึดถือเรื่อยมา โดยก่อนหน้านี้จีนก็เคยยื่นฟ้องต่อ WTO มาแล้วตอนที่ถูกสหภาพยุโรปสั่งรีดภาษีรถอีวีนำเข้าจีนในอัตราสูงสุด 45% . อย่างไรก็ดี การร้องเรียนต่อ WTO ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบหรือเป็นภัยคุกคามใดๆ ต่อสหรัฐฯ เนื่องจากระบบไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของ WTO นั้นแทบจะถูกปิดไปโดยปริยายตั้งแต่ปี 2019 เมื่อ ทรัมป์ ขัดขวางการแต่งตั้งผู้พิพากษาที่จะมาทำหน้าที่พิจารณาคำอุทธรณ์ นอกจากนี้ สหรัฐฯ ตั้งแต่ยุค บารัค โอบามา เป็นต้นมายังกล่าวหาหน่วยงานอุทธรณ์ของ WTO ว่าละเมิดอำนาจของสหรัฐฯ ด้วย . เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ออกมาเอ่ยย้ำตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า "ไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้า" . ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศจีนก็ออกมาชี้ว่า "เฟนทานิลคือปัญหาของอเมริกา" พร้อมย้ำว่า "ที่ผ่านมาฝ่ายจีนได้มีมาตรการต่อต้านยาเสพติดอย่างจริงจังโดยร่วมมือกับสหรัฐฯ ซึ่งก็ได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ" . การหารือระหว่าง ทรัมป์ กับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เมื่อเดือนที่แล้วทำให้เจ้าหน้าที่จีนเริ่มมองเห็นสัญญาณที่ดีว่า ทรัมป์ อาจจะมุ่งลดความขัดแย้งกับจีนลงบ้าง ในขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ทั้งสายเดโมแครตและรีพับลิกันยังคงมองจีนเป็นความท้าทายอันดับ 1 ทั้งในด้านนโยบายต่างประเทศและเศรษฐกิจของอเมริกา . การที่จีนมียอดการค้าเกินดุลเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2024 ถือเป็นจุดอ่อนของปักกิ่ง การส่งออกในอุตสาหกรรมหลักๆ ของจีน เช่น ยานยนต์ เติบโตรวดเร็วในแง่ของปริมาณมากกว่ามูลค่า ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้ผลิตจีนเลือกหันมาใช้วิธีลดราคาสินค้าเพื่อเพิ่มยอดขายในต่างประเทศ ท่ามกลางอุปสงค์ในจีนที่ยังคงซบเซา และด้วยเหตุนี้นักวิเคราะห์จึงเชื่อว่าจีนน่าจะพยายามขอเจรจาเพื่อทำข้อตกลงกับรัฐบาล ทรัมป์ ให้ได้โดยเร็ว เพื่อลดผลกระทบจากมาตรการทางภาษีของสหรัฐฯ . ทั้งนี้ จีนยังได้เตรียมความพร้อมรับมือมาตรการรีดภาษีของ ทรัมป์ มานานหลายเดือนด้วยการกระชับความร่วมมือกับประเทศหุ้นส่วน ส่งเสริมการพึ่งพาตนเองในด้านเทคโนโลยีหลักๆ และจัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบาง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000010797 .................. Sondhi X
    Like
    Wow
    14
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 943 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.106 : วิกฤต PM 2.5 ปักกิ่งเปลี่ยน “ฟ้าหม่น” เป็น “ฟ้าใส” ได้อย่างไร ?
    .
    พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในวันนี้ เราจะไปพูดคุยกับ คุณรพีพรรณ วงษ์กรวรเวช หรือคุณยิ้ม คนไทยที่ใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงปักกิ่ง มานานกว่า 17 ปี เรียกได้ว่า เห็นมากับตา สัมผัสมากับตัวเอง ตั้งแต่ยุคที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยฝุ่นควัน มาจนถึงวันนี้ ที่ท้องฟ้ากรุงปักกิ่งเปลี่ยนเป็นสีฟ้าสดใส เธอจะมาเล่าประสบการณ์ให้ฟังว่า ประเทศจีนแก้ไขปัญหามลภาวะ เปลี่ยน “ฟ้าหม่น” เป็น “ฟ้าใส” ได้อย่างไร ?
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=ukpo9cQlOG8
    บูรพาไม่แพ้ Ep.106 : วิกฤต PM 2.5 ปักกิ่งเปลี่ยน “ฟ้าหม่น” เป็น “ฟ้าใส” ได้อย่างไร ? . พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในวันนี้ เราจะไปพูดคุยกับ คุณรพีพรรณ วงษ์กรวรเวช หรือคุณยิ้ม คนไทยที่ใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงปักกิ่ง มานานกว่า 17 ปี เรียกได้ว่า เห็นมากับตา สัมผัสมากับตัวเอง ตั้งแต่ยุคที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยฝุ่นควัน มาจนถึงวันนี้ ที่ท้องฟ้ากรุงปักกิ่งเปลี่ยนเป็นสีฟ้าสดใส เธอจะมาเล่าประสบการณ์ให้ฟังว่า ประเทศจีนแก้ไขปัญหามลภาวะ เปลี่ยน “ฟ้าหม่น” เป็น “ฟ้าใส” ได้อย่างไร ? . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=ukpo9cQlOG8
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
  • 5 ปี คนไทยรายแรกติดเชื้อโควิด-19 จุดเริ่มต้นโครงการ “คนละครึ่ง-เราไม่ทิ้งกัน”

    ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563 ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 คนไทยรายแรก เป็นชายวัย 50 ปี อาชีพขับแท็กซี่ ซึ่งติดเชื้อมาจากผู้โดยสาร ที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน นี่คือจุดเริ่มต้นของการรับมือ กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กลายเป็น วิกฤตการณ์ระดับโลก

    จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับ ความท้าทายด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม โควิด-19 ทำให้เกิดมาตรการล็อกดาวน์ การปิดประเทศ และวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยได้ออกมาตรการช่วยเหลือต่างๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบ หนึ่งในนั้นคือ โครงการ "คนละครึ่ง" และ "เราไม่ทิ้งกัน" ที่มีบทบาทสำคัญ ในการพยุงเศรษฐกิจ และช่วยเหลือประชาชน

    จากอู่ฮั่นสู่การระบาดทั่วโลก
    "โควิด-19" เป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งเกิดจาก ไวรัส SARS-CoV-2 เริ่มต้นระบาดในนครอู่ฮั่น ประเทศจีน เมื่อเดือนธันวาคม 2562 ก่อนแพร่กระจายไปทั่วโลก

    การประกาศขององค์การอนามัยโลก (WHO)
    30 มกราคม 2563 WHO ประกาศให้โควิด-19 เป็นภาวะฉุกเฉิน ทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ
    11 มีนาคม 2563 WHO ประกาศให้โควิด-19 เป็นการระบาดใหญ่ระดับโลก (Pandemic)

    ลักษณะการแพร่เชื้อ
    โควิด-19 สามารถแพร่กระจายผ่านละอองฝอย จากการไอหรือจาม โดยมีระยะฟักตัว 2-14 วัน อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่
    ✅ มีไข้
    ✅ ไอแห้ง
    ✅ หายใจลำบาก

    มาตรการป้องกันเบื้องต้น
    ✅ ล้างมือบ่อยๆ
    ✅ สวมหน้ากากอนามัย
    ✅ เว้นระยะห่างทางสังคม
    ✅ กักตัวเมื่อสงสัยว่าติดเชื้อ

    จากผู้ติดเชื้อรายแรก สู่การล็อกดาวน์
    ประเทศไทยเป็นประเทศที่สองของโลก ที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลังจากจีน โดยในช่วงต้นของการระบาด รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการที่เข้มงวด เพื่อควบคุมสถานการณ์

    มาตรการสำคัญที่ไทยใช้รับมือกับโควิด-19
    🔹 ปิดประเทศและล็อกดาวน์ ควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศ
    🔹 มาตรการ Work From Home ให้หน่วยงานและบริษัทต่างๆ ทำงานที่บ้าน
    🔹 Social Distancing จำกัดการรวมตัวในที่สาธารณะ
    🔹 การเร่งตรวจหาเชื้อและกักตัว สร้างศูนย์ตรวจโควิด-19 และสถานกักตัว

    ผลกระทบทางเศรษฐกิจ
    📉 ธุรกิจปิดตัวจำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว
    📉 อัตราการว่างงานสูงขึ้น
    📉 ประชาชนมีรายได้ลดลง และเกิดปัญหาความยากจน

    โครงการ "เราไม่ทิ้งกัน" และ "คนละครึ่ง" ตัวช่วยสำคัญของประชาชน
    เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ของประชาชน รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือที่สำคัญ ได้แก่

    💰 โครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” 💰
    📍 เริ่มต้นในปี 2563
    📍 แจกเงินเยียวยา 5,000 บาท ต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน
    📍 ครอบคลุมแรงงานนอกระบบ แรงงานอิสระ และผู้ประกอบอาชีพอิสระ

    🛍 โครงการ “คนละครึ่ง” 🛍
    📍 เริ่มต้นในปี 2563
    📍 รัฐบาลช่วยออกค่าใช้จ่าย 50% (สูงสุด 150 บาท/วัน)
    📍 ใช้ได้กับร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศ
    📍 กระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กอยู่รอด

    ผลกระทบทางสังคมและการศึกษา
    📉 รายได้และความเป็นอยู่ของประชาชน
    💸 ประชาชนกว่า 70% รายได้ลดลง
    💸 50% ของแรงงาน ได้รับผลกระทบโดยตรง
    💸 ครัวเรือนในชนบท ได้รับผลกระทบหนัก รายได้ลดลงมากกว่า 80%

    📚 ผลกระทบต่อการศึกษา
    🏫 โรงเรียนปิด และปรับเปลี่ยนเป็น การเรียนออนไลน์
    📶 เด็กที่ยากจน ขาดอุปกรณ์การเรียน และอินเทอร์เน็ต
    📉 คุณภาพการศึกษาลดลง ส่งผลต่อโอกาสทางการศึกษา ในอนาคต

    วัคซีนโควิด-19 จุดเปลี่ยนของการระบาด
    ในช่วงแรกของการระบาด ประเทศไทยประสบปัญหา การจัดหาวัคซีนล่าช้า อย่างไรก็ตาม ในปี 2564-2565 รัฐบาลได้เร่งนำเข้าวัคซีน และกระจายวัคซีนให้ประชาชน

    แผนการฉีดวัคซีนในไทย
    ✅ Sinovac & AstraZeneca เป็นวัคซีนชุดแรกที่ใช้ในไทย
    ✅ Pfizer & Moderna เพิ่มตัวเลือกให้ประชาชน
    ✅ ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (Booster Dose) เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน

    ผลของการฉีดวัคซีน
    📉 อัตราการเสียชีวิตลดลง
    📉 ระบบสาธารณสุขรับมือได้ดีขึ้น
    📉 เปิดประเทศและฟื้นฟูเศรษฐกิจ

    บทเรียนจากโควิด-19 อนาคตประเทศไทย
    ตลอด 5 ปีของโควิด-19 ประเทศไทยได้เผชิญกับความท้าทาย ทั้งด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและประชาชนร่วมมือกัน รับมือกับสถานการณ์นี้อย่างเต็มที่

    📌 บทเรียนสำคัญจากโควิด-19
    🔹 ต้องมีระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง เพื่อรับมือโรคระบาดในอนาคต
    🔹 การช่วยเหลือประชาชน ต้องรวดเร็วและทั่วถึง
    🔹 การพึ่งพาเทคโนโลยี และการทำงานออนไลน์ เป็นเรื่องสำคัญ
    🔹 ต้องมีแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะยาว

    ประเทศไทยหลังโควิด-19
    ✅ เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว
    ✅ การท่องเที่ยวกลับมาเติบโตอีกครั้ง
    ✅ การแพทย์และระบบสาธารณสุข พัฒนาไปอีกขั้น

    นี่คือภาพรวม 5 ปี ของโควิด-19 ในประเทศไทย จากวันแรกที่พบผู้ติดเชื้อรายแรก สู่ มาตรการช่วยเหลือประชาชน และ การฟื้นตัวของประเทศ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ก็เป็นบทเรียนสำคัญในการรับมือกับวิกฤต ในอนาคต 🚀💙

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 311121 ม.ค. 2568

    🔖 #โควิด19 #คนละครึ่ง #เราไม่ทิ้งกัน #ไทยหลังโควิด #ฟื้นฟูเศรษฐกิจ #วัคซีนโควิด #NewNormal #ล็อกดาวน์ #ช่วยเหลือประชาชน #ชีวิตหลังโควิด
    5 ปี คนไทยรายแรกติดเชื้อโควิด-19 จุดเริ่มต้นโครงการ “คนละครึ่ง-เราไม่ทิ้งกัน” ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563 ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 คนไทยรายแรก เป็นชายวัย 50 ปี อาชีพขับแท็กซี่ ซึ่งติดเชื้อมาจากผู้โดยสาร ที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน นี่คือจุดเริ่มต้นของการรับมือ กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กลายเป็น วิกฤตการณ์ระดับโลก จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับ ความท้าทายด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม โควิด-19 ทำให้เกิดมาตรการล็อกดาวน์ การปิดประเทศ และวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยได้ออกมาตรการช่วยเหลือต่างๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบ หนึ่งในนั้นคือ โครงการ "คนละครึ่ง" และ "เราไม่ทิ้งกัน" ที่มีบทบาทสำคัญ ในการพยุงเศรษฐกิจ และช่วยเหลือประชาชน จากอู่ฮั่นสู่การระบาดทั่วโลก "โควิด-19" เป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งเกิดจาก ไวรัส SARS-CoV-2 เริ่มต้นระบาดในนครอู่ฮั่น ประเทศจีน เมื่อเดือนธันวาคม 2562 ก่อนแพร่กระจายไปทั่วโลก การประกาศขององค์การอนามัยโลก (WHO) 30 มกราคม 2563 WHO ประกาศให้โควิด-19 เป็นภาวะฉุกเฉิน ทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ 11 มีนาคม 2563 WHO ประกาศให้โควิด-19 เป็นการระบาดใหญ่ระดับโลก (Pandemic) ลักษณะการแพร่เชื้อ โควิด-19 สามารถแพร่กระจายผ่านละอองฝอย จากการไอหรือจาม โดยมีระยะฟักตัว 2-14 วัน อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่ ✅ มีไข้ ✅ ไอแห้ง ✅ หายใจลำบาก มาตรการป้องกันเบื้องต้น ✅ ล้างมือบ่อยๆ ✅ สวมหน้ากากอนามัย ✅ เว้นระยะห่างทางสังคม ✅ กักตัวเมื่อสงสัยว่าติดเชื้อ จากผู้ติดเชื้อรายแรก สู่การล็อกดาวน์ ประเทศไทยเป็นประเทศที่สองของโลก ที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลังจากจีน โดยในช่วงต้นของการระบาด รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการที่เข้มงวด เพื่อควบคุมสถานการณ์ มาตรการสำคัญที่ไทยใช้รับมือกับโควิด-19 🔹 ปิดประเทศและล็อกดาวน์ ควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศ 🔹 มาตรการ Work From Home ให้หน่วยงานและบริษัทต่างๆ ทำงานที่บ้าน 🔹 Social Distancing จำกัดการรวมตัวในที่สาธารณะ 🔹 การเร่งตรวจหาเชื้อและกักตัว สร้างศูนย์ตรวจโควิด-19 และสถานกักตัว ผลกระทบทางเศรษฐกิจ 📉 ธุรกิจปิดตัวจำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว 📉 อัตราการว่างงานสูงขึ้น 📉 ประชาชนมีรายได้ลดลง และเกิดปัญหาความยากจน โครงการ "เราไม่ทิ้งกัน" และ "คนละครึ่ง" ตัวช่วยสำคัญของประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ของประชาชน รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือที่สำคัญ ได้แก่ 💰 โครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” 💰 📍 เริ่มต้นในปี 2563 📍 แจกเงินเยียวยา 5,000 บาท ต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน 📍 ครอบคลุมแรงงานนอกระบบ แรงงานอิสระ และผู้ประกอบอาชีพอิสระ 🛍 โครงการ “คนละครึ่ง” 🛍 📍 เริ่มต้นในปี 2563 📍 รัฐบาลช่วยออกค่าใช้จ่าย 50% (สูงสุด 150 บาท/วัน) 📍 ใช้ได้กับร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศ 📍 กระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กอยู่รอด ผลกระทบทางสังคมและการศึกษา 📉 รายได้และความเป็นอยู่ของประชาชน 💸 ประชาชนกว่า 70% รายได้ลดลง 💸 50% ของแรงงาน ได้รับผลกระทบโดยตรง 💸 ครัวเรือนในชนบท ได้รับผลกระทบหนัก รายได้ลดลงมากกว่า 80% 📚 ผลกระทบต่อการศึกษา 🏫 โรงเรียนปิด และปรับเปลี่ยนเป็น การเรียนออนไลน์ 📶 เด็กที่ยากจน ขาดอุปกรณ์การเรียน และอินเทอร์เน็ต 📉 คุณภาพการศึกษาลดลง ส่งผลต่อโอกาสทางการศึกษา ในอนาคต วัคซีนโควิด-19 จุดเปลี่ยนของการระบาด ในช่วงแรกของการระบาด ประเทศไทยประสบปัญหา การจัดหาวัคซีนล่าช้า อย่างไรก็ตาม ในปี 2564-2565 รัฐบาลได้เร่งนำเข้าวัคซีน และกระจายวัคซีนให้ประชาชน แผนการฉีดวัคซีนในไทย ✅ Sinovac & AstraZeneca เป็นวัคซีนชุดแรกที่ใช้ในไทย ✅ Pfizer & Moderna เพิ่มตัวเลือกให้ประชาชน ✅ ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น (Booster Dose) เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน ผลของการฉีดวัคซีน 📉 อัตราการเสียชีวิตลดลง 📉 ระบบสาธารณสุขรับมือได้ดีขึ้น 📉 เปิดประเทศและฟื้นฟูเศรษฐกิจ บทเรียนจากโควิด-19 อนาคตประเทศไทย ตลอด 5 ปีของโควิด-19 ประเทศไทยได้เผชิญกับความท้าทาย ทั้งด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม อย่างไรก็ตาม รัฐบาลและประชาชนร่วมมือกัน รับมือกับสถานการณ์นี้อย่างเต็มที่ 📌 บทเรียนสำคัญจากโควิด-19 🔹 ต้องมีระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง เพื่อรับมือโรคระบาดในอนาคต 🔹 การช่วยเหลือประชาชน ต้องรวดเร็วและทั่วถึง 🔹 การพึ่งพาเทคโนโลยี และการทำงานออนไลน์ เป็นเรื่องสำคัญ 🔹 ต้องมีแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะยาว ประเทศไทยหลังโควิด-19 ✅ เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ✅ การท่องเที่ยวกลับมาเติบโตอีกครั้ง ✅ การแพทย์และระบบสาธารณสุข พัฒนาไปอีกขั้น นี่คือภาพรวม 5 ปี ของโควิด-19 ในประเทศไทย จากวันแรกที่พบผู้ติดเชื้อรายแรก สู่ มาตรการช่วยเหลือประชาชน และ การฟื้นตัวของประเทศ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ก็เป็นบทเรียนสำคัญในการรับมือกับวิกฤต ในอนาคต 🚀💙 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 311121 ม.ค. 2568 🔖 #โควิด19 #คนละครึ่ง #เราไม่ทิ้งกัน #ไทยหลังโควิด #ฟื้นฟูเศรษฐกิจ #วัคซีนโควิด #NewNormal #ล็อกดาวน์ #ช่วยเหลือประชาชน #ชีวิตหลังโควิด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 437 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีน-อินเดียจับมือฟื้นสัมพันธ์! หนุนจีนนั่งประธาน SCO 📌พร้อมเปิดเที่ยวบินตรง-แลกเปลี่ยนบุคลากร เล็งฉลอง 75 ปีสถาปนาความสัมพันธ์ปี 2025
    👉Global Times รายงานความคืบหน้าการประชุมระดับรองรัฐมนตรีต่างประเทศจีน-อินเดียที่ปักกิ่ง นำโดยซุน เว่ยตง และวิกรม มิศรี บรรลุฉันทามติหลายประการ โดยอินเดียสนับสนุนจีนดำรงตำแหน่งประธาน SCO พร้อมตกลงเปิดเที่ยวบินตรงและอำนวยความสะดวกแลกเปลี่ยนบุคลากร เตรียมฉลอง 75 ปีสถาปนาความสัมพันธ์ปี 2025 ผ่านกิจกรรมหลากหลาย รวมถึงเปิดเส้นทางแสวงบุญ Kailash Mansarovar ในซีซาง ท่ามกลางการค้าที่แข็งแกร่งแม้อินเดียขาดดุล 85,100 ล้านดอลลาร์ ด้านผู้เชี่ยวชาญชี้อินเดียเล็งเห็นความสำคัญการฟื้นสัมพันธ์ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ #imctnews รายงาน
    จีน-อินเดียจับมือฟื้นสัมพันธ์! หนุนจีนนั่งประธาน SCO 📌พร้อมเปิดเที่ยวบินตรง-แลกเปลี่ยนบุคลากร เล็งฉลอง 75 ปีสถาปนาความสัมพันธ์ปี 2025 👉Global Times รายงานความคืบหน้าการประชุมระดับรองรัฐมนตรีต่างประเทศจีน-อินเดียที่ปักกิ่ง นำโดยซุน เว่ยตง และวิกรม มิศรี บรรลุฉันทามติหลายประการ โดยอินเดียสนับสนุนจีนดำรงตำแหน่งประธาน SCO พร้อมตกลงเปิดเที่ยวบินตรงและอำนวยความสะดวกแลกเปลี่ยนบุคลากร เตรียมฉลอง 75 ปีสถาปนาความสัมพันธ์ปี 2025 ผ่านกิจกรรมหลากหลาย รวมถึงเปิดเส้นทางแสวงบุญ Kailash Mansarovar ในซีซาง ท่ามกลางการค้าที่แข็งแกร่งแม้อินเดียขาดดุล 85,100 ล้านดอลลาร์ ด้านผู้เชี่ยวชาญชี้อินเดียเล็งเห็นความสำคัญการฟื้นสัมพันธ์ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ #imctnews รายงาน
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 216 มุมมอง 0 รีวิว
  • รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยสำนักงานคดีพิเศษ สั่งฟ้องทนายตั้ม ฉ้อโกง-ฟอกเงิน ทั้งสำนวนทำผิดในประเทศและนอกประเทศ รวมทั้งภรรยา พี่สาว และพวก รวมทั้งพนักงานโชว์รูมรถยนต์ รวมผู้ต้องหา 7 ราย พร้อมขอศาลสั่งให้กลุ่มผู้ต้องหาชดใช้เงินคุณอ้อย ทั้งแอปฯ หวยออนไลน์ ส่วนต่างรถเบนซ์ และสแกมเมอร์ทิพย์ รวม 111 ล้านบาท
    .
    วันนี้ (30 ม.ค.) นายกุญช์ฐาน์ ทัดทูน รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนการสอบสวนคดีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม จากพนักงานสอบสวนกองปราบปราม จำนวน 2 สำนวน เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2568 และได้มีคำสั่งตั้งคณะทำงานร่วมกันพิจารณา บัดนี้ สำนักงานคดีพิเศษ ได้พิจารณาสำนวนดังกล่าวและมีคำสั่ง ได้แก่ สำนวนที่ 1 (สำนวนที่กระทำความผิดในราชอาณาจักร กรณีการออกแบบโรงแรม) ที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ เศรษฐีชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และ พ.ต.ต.สันติชัย ศรีสวัสดิ์ สารวัตร กก.3 บก.ป. ผู้กล่าวหา กับนายษิทรา และ น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ หรือดาว พี่สาวภรรยานายษิทรา พนักงานอัยการสั่งฟ้อง นายษิทรา ผู้ต้องหาที่ 1 ฐานฉ้อโกง ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 341 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (18), 5, 9 วรรคสอง และมาตรา 60 และสั่งฟ้อง น.ส.ปิณฑิรา ผู้ต้องหาที่ 2 ฐานร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (18), 5, 9 วรรคสอง และมาตรา 60
    .
    สำนวนที่ 2 น.ส.จตุพร กับพวกรวม 4 คน ผู้กล่าวหา นายษิทรา, นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยานายษิทรา, นายนุวัฒน์ ยงยุทธ กับ น.ส.สารินี นุชนารถ สองสามีภรรยากรณีร่วมกันหลอกลวงว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ, น.ส.ปิณฑิรา พี่สาวภรรยานายษิทรา, น.ส.แก้วสวรรค์ สุขผล และ น.ส.วมนันพัทธ์ รามธีรพัฒน์ พนักงานโชว์รูมรถยนต์ รวมผู้ต้องหา 7 ราย เหตุเกิดระหว่างวันที่ 16 ก.พ. 2566 ถึงวันที่ 6 ก.พ. 2567 ในหลายท้องที่ในราชอาณาจักร เขตบริหารพิเศษฮ่องกง ประเทศจีน และประเทศฝรั่งเศส เกี่ยวพันกัน สำนวนคดีนี้เป็นความผิดที่กระทำนอกราชอาณาจักรไทย ซึ่งกฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจการสอบสวนของอัยการสูงสุด โดยอัยการสูงสุดได้มอบหมายให้พนักงานอัยการสำนักงานการสอบสวน ทำการสอบสวนร่วมกับพนักงานสืบสวนสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งอัยการสูงสุด มีคำสั่งดังนี้
    .
    1. สั่งฟ้องนายษิทรา ผู้ต้องหาที่ 1 ฐานฉ้อโกง (กรณีหลอกให้ลงทุนทำแอปพลิเคชันซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลออนไลน์) ฉ้อโกงโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอม (กรณีหลอกลวงเพื่อให้ได้รับค่าส่วนต่างในการซื้อรถยนต์ ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น จี 400) ร่วมกันฉ้อโกง, โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง, ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย, ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น, ร่วมกันใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น, รู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น ร่วมกันแจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำความผิด (กรณีร่วมกันหลอกลวงว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ), สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน (ในความผิดมูลฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3, 83, 84, 91, 137, 173, 264, 265, 267, 268, 341, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1), พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (18), 5, 6, 9, 60, 
    .
    2. สั่งฟ้องนางปทิตตา ผู้ต้องหาที่ 2 และ น.ส.ปิณฑิรา ผู้ต้องหาที่ 5 ฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน (ในความผิดมูลฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ) ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (18), 5, 6, 9, 60  
    .
    3. สั่งฟ้องนายนุวัฒน์ ผู้ต้องหาที่ 3 และ น.ส.สารินี ผู้ต้องหาที่ 4 ฐานร่วมกันฉ้อโกง โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง, ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย, รู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น ร่วมกันแจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำความผิด, ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น, ร่วมกันใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น (กรณีร่วมกันหลอกลวงว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ), สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน (ในความผิดมูลฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 137, 173, 267, 268, 341, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1), พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (18), 5, 6, 9, 60,        
    .
    4. สั่งฟ้อง น.ส.แก้วสวรรค์ ผู้ต้องหาที่ 6 และ น.ส.มนันพัทธ์ ผู้ต้องหาที่ 7 ฐานร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 264, 265 
    .
    5. ขอศาลสั่งให้นายษิทรา ผู้ต้องหาที่ 1 คืนหรือชดใช้เงิน จำนวน 72,597,764.70 บาท แก่ผู้เสียหาย กรณีหลอกให้ลงทุนทำแอปพลิเคชันซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลออนไลน์ และกรณีหลอกลวงเพื่อให้ได้รับค่าส่วนต่างในการซื้อรถยนต์ ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น จี 400 และขอศาลสั่งให้ผู้ต้องหาที่ 1, ที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันคืนหรือชดใช้เงินอีก จำนวน 39,000,000 บาท แก่ผู้เสียหาย กรณีร่วมกันหลอกลวงว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009738
    .........
    Sondhi X
    รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยสำนักงานคดีพิเศษ สั่งฟ้องทนายตั้ม ฉ้อโกง-ฟอกเงิน ทั้งสำนวนทำผิดในประเทศและนอกประเทศ รวมทั้งภรรยา พี่สาว และพวก รวมทั้งพนักงานโชว์รูมรถยนต์ รวมผู้ต้องหา 7 ราย พร้อมขอศาลสั่งให้กลุ่มผู้ต้องหาชดใช้เงินคุณอ้อย ทั้งแอปฯ หวยออนไลน์ ส่วนต่างรถเบนซ์ และสแกมเมอร์ทิพย์ รวม 111 ล้านบาท . วันนี้ (30 ม.ค.) นายกุญช์ฐาน์ ทัดทูน รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนการสอบสวนคดีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม จากพนักงานสอบสวนกองปราบปราม จำนวน 2 สำนวน เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2568 และได้มีคำสั่งตั้งคณะทำงานร่วมกันพิจารณา บัดนี้ สำนักงานคดีพิเศษ ได้พิจารณาสำนวนดังกล่าวและมีคำสั่ง ได้แก่ สำนวนที่ 1 (สำนวนที่กระทำความผิดในราชอาณาจักร กรณีการออกแบบโรงแรม) ที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ เศรษฐีชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และ พ.ต.ต.สันติชัย ศรีสวัสดิ์ สารวัตร กก.3 บก.ป. ผู้กล่าวหา กับนายษิทรา และ น.ส.ปิณฑิรา การิวัลย์ หรือดาว พี่สาวภรรยานายษิทรา พนักงานอัยการสั่งฟ้อง นายษิทรา ผู้ต้องหาที่ 1 ฐานฉ้อโกง ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 341 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (18), 5, 9 วรรคสอง และมาตรา 60 และสั่งฟ้อง น.ส.ปิณฑิรา ผู้ต้องหาที่ 2 ฐานร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (18), 5, 9 วรรคสอง และมาตรา 60 . สำนวนที่ 2 น.ส.จตุพร กับพวกรวม 4 คน ผู้กล่าวหา นายษิทรา, นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยานายษิทรา, นายนุวัฒน์ ยงยุทธ กับ น.ส.สารินี นุชนารถ สองสามีภรรยากรณีร่วมกันหลอกลวงว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ, น.ส.ปิณฑิรา พี่สาวภรรยานายษิทรา, น.ส.แก้วสวรรค์ สุขผล และ น.ส.วมนันพัทธ์ รามธีรพัฒน์ พนักงานโชว์รูมรถยนต์ รวมผู้ต้องหา 7 ราย เหตุเกิดระหว่างวันที่ 16 ก.พ. 2566 ถึงวันที่ 6 ก.พ. 2567 ในหลายท้องที่ในราชอาณาจักร เขตบริหารพิเศษฮ่องกง ประเทศจีน และประเทศฝรั่งเศส เกี่ยวพันกัน สำนวนคดีนี้เป็นความผิดที่กระทำนอกราชอาณาจักรไทย ซึ่งกฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจการสอบสวนของอัยการสูงสุด โดยอัยการสูงสุดได้มอบหมายให้พนักงานอัยการสำนักงานการสอบสวน ทำการสอบสวนร่วมกับพนักงานสืบสวนสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งอัยการสูงสุด มีคำสั่งดังนี้ . 1. สั่งฟ้องนายษิทรา ผู้ต้องหาที่ 1 ฐานฉ้อโกง (กรณีหลอกให้ลงทุนทำแอปพลิเคชันซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลออนไลน์) ฉ้อโกงโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอม (กรณีหลอกลวงเพื่อให้ได้รับค่าส่วนต่างในการซื้อรถยนต์ ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น จี 400) ร่วมกันฉ้อโกง, โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง, ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย, ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น, ร่วมกันใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น, รู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น ร่วมกันแจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำความผิด (กรณีร่วมกันหลอกลวงว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ), สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน (ในความผิดมูลฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3, 83, 84, 91, 137, 173, 264, 265, 267, 268, 341, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1), พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (18), 5, 6, 9, 60,  . 2. สั่งฟ้องนางปทิตตา ผู้ต้องหาที่ 2 และ น.ส.ปิณฑิรา ผู้ต้องหาที่ 5 ฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน (ในความผิดมูลฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ) ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (18), 5, 6, 9, 60   . 3. สั่งฟ้องนายนุวัฒน์ ผู้ต้องหาที่ 3 และ น.ส.สารินี ผู้ต้องหาที่ 4 ฐานร่วมกันฉ้อโกง โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง, ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย, รู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น ร่วมกันแจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำความผิด, ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น, ร่วมกันใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น (กรณีร่วมกันหลอกลวงว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ), สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน (ในความผิดมูลฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 137, 173, 267, 268, 341, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1), พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3 (18), 5, 6, 9, 60,         . 4. สั่งฟ้อง น.ส.แก้วสวรรค์ ผู้ต้องหาที่ 6 และ น.ส.มนันพัทธ์ ผู้ต้องหาที่ 7 ฐานร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 264, 265  . 5. ขอศาลสั่งให้นายษิทรา ผู้ต้องหาที่ 1 คืนหรือชดใช้เงิน จำนวน 72,597,764.70 บาท แก่ผู้เสียหาย กรณีหลอกให้ลงทุนทำแอปพลิเคชันซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลออนไลน์ และกรณีหลอกลวงเพื่อให้ได้รับค่าส่วนต่างในการซื้อรถยนต์ ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น จี 400 และขอศาลสั่งให้ผู้ต้องหาที่ 1, ที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันคืนหรือชดใช้เงินอีก จำนวน 39,000,000 บาท แก่ผู้เสียหาย กรณีร่วมกันหลอกลวงว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลถูกระงับ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000009738 ......... Sondhi X
    Like
    Love
    Yay
    41
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2174 มุมมอง 2 รีวิว
  • Donald Trump กำลังพิจารณาเพิ่มข้อจำกัดในการส่งออก GPU ของ NVIDIA ไปยังประเทศจีน รายงานจาก Bloomberg ระบุว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาขยายขอบเขตของการคว่ำบาตรที่มีอยู่แล้ว ซึ่งจะส่งผลให้ NVIDIA ไม่สามารถขาย GPU รุ่น H80 ให้กับจีนได้ GPU เหล่านี้เป็นผลิตภัณฑ์เฉพาะสำหรับจีนที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่า H100

    การคว่ำบาตรนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ OpenAI เปิดตัว ChatGPT ซึ่งใช้ GPU ของ NVIDIA ในการฝึกและประมวลผลโมเดล รัฐบาลสหรัฐฯ ได้กำหนดข้อจำกัดในการขาย GPU รุ่นใหม่ให้กับจีนตั้งแต่ปี 2022 และ 2023 ทำให้ NVIDIA ต้องพัฒนารุ่นที่มีประสิทธิภาพต่ำลงเพื่อให้สามารถขายได้

    นอกจากนี้ ข่าวยังระบุว่า DeepSeek บริษัท AI ของจีน ได้พัฒนาโมเดลที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับโมเดลของสหรัฐฯ แต่มีต้นทุนต่ำกว่า ซึ่งทำให้เกิดความกังวลในตลาดการเงินและส่งผลให้หุ้นของ NVIDIA ลดลง

    NVIDIA ได้แถลงว่าพร้อมที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาลใหม่และนโยบาย AI ของสหรัฐฯ และยืนยันว่า GPU ของบริษัทเป็นไปตามข้อกำหนดการควบคุมการส่งออก

    https://wccftech.com/nvidia-might-face-more-china-gpu-export-controls-from-trump-admin-report/
    Donald Trump กำลังพิจารณาเพิ่มข้อจำกัดในการส่งออก GPU ของ NVIDIA ไปยังประเทศจีน รายงานจาก Bloomberg ระบุว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาขยายขอบเขตของการคว่ำบาตรที่มีอยู่แล้ว ซึ่งจะส่งผลให้ NVIDIA ไม่สามารถขาย GPU รุ่น H80 ให้กับจีนได้ GPU เหล่านี้เป็นผลิตภัณฑ์เฉพาะสำหรับจีนที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่า H100 การคว่ำบาตรนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ OpenAI เปิดตัว ChatGPT ซึ่งใช้ GPU ของ NVIDIA ในการฝึกและประมวลผลโมเดล รัฐบาลสหรัฐฯ ได้กำหนดข้อจำกัดในการขาย GPU รุ่นใหม่ให้กับจีนตั้งแต่ปี 2022 และ 2023 ทำให้ NVIDIA ต้องพัฒนารุ่นที่มีประสิทธิภาพต่ำลงเพื่อให้สามารถขายได้ นอกจากนี้ ข่าวยังระบุว่า DeepSeek บริษัท AI ของจีน ได้พัฒนาโมเดลที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับโมเดลของสหรัฐฯ แต่มีต้นทุนต่ำกว่า ซึ่งทำให้เกิดความกังวลในตลาดการเงินและส่งผลให้หุ้นของ NVIDIA ลดลง NVIDIA ได้แถลงว่าพร้อมที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาลใหม่และนโยบาย AI ของสหรัฐฯ และยืนยันว่า GPU ของบริษัทเป็นไปตามข้อกำหนดการควบคุมการส่งออก https://wccftech.com/nvidia-might-face-more-china-gpu-export-controls-from-trump-admin-report/
    WCCFTECH.COM
    NVIDIA Might Face More China GPU Export Controls From Trump Admin - Report
    NVIDIA might face additional US sanctions against its GPUs that are designed for China suggests a new report from Bloomberg.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 198 มุมมอง 0 รีวิว
  • กินเกี๊ยวรับตรุษจีน

    สวัสดีค่ะ ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้! สัปดาห์นี้มาคุยกันเร็วหน่อยต้อนรับตรุษจีน

    วันนี้เรามาคุยกันเกี่ยวกับธรรมเนียมโบราณในการฉลองตรุษจีน เพื่อนเพจที่ได้ดูซีรีส์ <องค์หญิงใหญ่> คงจะจำได้ว่ามีฉากที่องค์หญิงหลี่หรงและเผยเหวินเซวียนร่วมสังสรรค์ฉลองตรุษจีนกับทุกคนในจวนองค์หญิง โดยพระเอกนางเอกห่อเกี๊ยวออกมาให้ทุกคนร่วมกิน

    ธรรมเนียมการกินเกี๊ยวตอนตรุษจีนในประเทศจีนยังมีอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในภาคพื้นที่ตอนเหนือของจีน และปัจจุบันมีเกี๊ยวหลากหลายชนิด บ้างเรียก ‘หุนถุน’ (馄饨) คือเกี๊ยวที่มีขนาดเล็กพอคำทรงกลม หรือบ้างเรียกว่า ‘เจี่ยวจือ’ (饺子) ซึ่งเป็นเกี๊ยวขนาดใหญ่ทรงจันทร์เสี้ยวหน้าตาประมาณเกี๊ยวซ่าที่มีขายในบ้านเรา ซึ่งจำแนกออกจากกันด้วยรายละเอียดเช่น แป้งที่ใช้ห่อ รูปทรงของแผ่นแป้ง ฯลฯ แต่ในหลายยุคสมัยโบราณไม่ได้แบ่งประเภทอย่างนี้ เรียกรวมเป็นเกี๊ยวทั้งหมด เพียงแต่ชื่อเรียกเปลี่ยนไปตามยุคสมัย

    ว่ากันว่าเกี๊ยวมีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตกเมื่อคุณหมอชื่อดังจางจ้งจิ่งได้คิดค้นมันขึ้นเพื่อรวบรวมสารอาหารที่จำเป็น (เช่น เนื้อแกะและพริกไทย) เข้าด้วยกันในรูปแบบที่สะดวกต่อการกิน ทั้งนี้เพื่อปรับสภาพร่างกายของชาวบ้านให้รับมือกับอากาศหนาวเย็นได้ดีขึ้น แต่คำว่าเกี๊ยวปรากฎบนเอกสารโบราณครั้งแรกในสารานุกรม ‘ก๋วงหย่า’ (广雅) ของแคว้นเว่ยสมัยสามก๊ก (วุยก๊ก จัดทำขึ้นในช่วงปีค.ศ. 227-232) โดยกล่าวถึงอาหารชนิดหนึ่งรูปทรงเหมือนจันทร์เสี้ยวมีชื่อเรียกว่า ‘หุนถุน’ (แต่รูปลักษณ์เหมือนกับ ‘เจี่ยวจือ’ปัจจุบัน) และยังมีวัตถุโบราณที่แสดงให้เห็นว่าชาวจีนนิยมกินเกี๊ยวกันมาแต่โบราณ
    มีคนไปค้นคว้าเพิ่มเติมมาว่าสมัยสามก๊กนั้นเขากินเป็นเกี๊ยวต้มพร้อมน้ำแกง ภายในเกี๊ยวสอดไส้เนื้อสับ และกรรมวิธีการกินเป็นเช่นนี้เรื่อยมาจวบจนในสมัยถังจึงเปลี่ยนเป็นการนึ่งหรือต้มสุกแล้วกินแห้ง

    แล้วทำไมตรุษจีนต้องกินเกี๊ยว?

    จริงๆ มีหลายตำนาน แต่ที่นิยมกล่าวถึงคือเนื่องจากในสมัยซ่งเรียกเกี๊ยวว่า ‘เจี่ยวจือ’ (角子 ตัวเขียนแตกต่างแต่ออกเสียงเหมือนกัน) และชื่อนี้พ้องเสียงกับคำเรียกการผลัดเปลี่ยนจากปีเก่าเข้าสู่ปีใหม่ในยามจื่อ (子时คือช่วงเวลาระหว่างห้าทุ่มกับตีหนึ่ง) การกินเกี๊ยวจึงมีความหมายอำลาปีเก่าต้อนรับปีใหม่นั่นเอง

    นอกจากนี้ เกี๊ยวยังถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของทรัพย์เนื่องจากมีรูปทรงคล้ายเงินหยวนเป่าของจีน และการห่อเกี๊ยวถือเป็นเคล็ดของการห่อทรัพย์หรือสิ่งดีๆ ดังนั้นชาวบ้านจึงไม่เพียงกินเกี๊ยว หากแต่ยังนิยมห่อเกี๊ยวกินเองอีกด้วย และบางครั้งจะมีการยัดไส้สิ่งของอื่นๆ ที่เป็นเคล็ดที่ดีเช่น ห่อเศษเงินอยู่ข้างในเกี๊ยวดังที่เราเห็นในซีรีส์ <องค์หญิงใหญ่>

    ธรรมเนียมการกินเกี๊ยวตอนตรุษจีนนี้กลายเป็นกิจกรรมร่วมของครอบครัวที่เสริมสร้างความสัมพันธ์และถือปฏิบัติกันอย่างแพร่หลายในยุคสมัยหมิงต่อเนื่องมายังสมัยชิง แต่มีความแตกต่างว่ากินกันวันไหน บ้างกินในวันสิ้นปี บ้างกินในวันแรกของปีใหม่ บ้างกินในวันที่ห้าของปีใหม่ (เพราะห้าวันแรกมีเคล็ดเยอะข้อห้ามเยอะ พอพ้นห้าวันเลยฉลองด้วยเกี๊ยว) ทั้งนี้แล้วแต่ธรรมเนียมท้องถิ่นซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามพื้นที่

    อนึ่ง เนื่องจากยังมีอีกหลายเคล็ดที่เกี่ยวกับเกี๊ยวอันสืบเนื่องมาจากชื่อมงคลของส่วนประกอบในไส้ของมัน มันจึงกลายเป็นอาหารมงคลสำหรับหลากหลายโอกาสอีกด้วย

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.harpersbazaar.com/tw/culture/drama/g61433159/the-princess-royal/
    https://www.shuge.org/meet/topic/19030/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/饺子/28977
    https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_1304595
    https://www.sohu.com/a/449146748_401284
    https://www.sohu.com/a/367953600_120207616

    #องค์หญิงใหญ่ #ตรุษจีน #กินเกี๊ยว #ธรรมเนียมจีนโบราณ #สาระจีน
    กินเกี๊ยวรับตรุษจีน สวัสดีค่ะ ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้! สัปดาห์นี้มาคุยกันเร็วหน่อยต้อนรับตรุษจีน วันนี้เรามาคุยกันเกี่ยวกับธรรมเนียมโบราณในการฉลองตรุษจีน เพื่อนเพจที่ได้ดูซีรีส์ <องค์หญิงใหญ่> คงจะจำได้ว่ามีฉากที่องค์หญิงหลี่หรงและเผยเหวินเซวียนร่วมสังสรรค์ฉลองตรุษจีนกับทุกคนในจวนองค์หญิง โดยพระเอกนางเอกห่อเกี๊ยวออกมาให้ทุกคนร่วมกิน ธรรมเนียมการกินเกี๊ยวตอนตรุษจีนในประเทศจีนยังมีอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในภาคพื้นที่ตอนเหนือของจีน และปัจจุบันมีเกี๊ยวหลากหลายชนิด บ้างเรียก ‘หุนถุน’ (馄饨) คือเกี๊ยวที่มีขนาดเล็กพอคำทรงกลม หรือบ้างเรียกว่า ‘เจี่ยวจือ’ (饺子) ซึ่งเป็นเกี๊ยวขนาดใหญ่ทรงจันทร์เสี้ยวหน้าตาประมาณเกี๊ยวซ่าที่มีขายในบ้านเรา ซึ่งจำแนกออกจากกันด้วยรายละเอียดเช่น แป้งที่ใช้ห่อ รูปทรงของแผ่นแป้ง ฯลฯ แต่ในหลายยุคสมัยโบราณไม่ได้แบ่งประเภทอย่างนี้ เรียกรวมเป็นเกี๊ยวทั้งหมด เพียงแต่ชื่อเรียกเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ว่ากันว่าเกี๊ยวมีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตกเมื่อคุณหมอชื่อดังจางจ้งจิ่งได้คิดค้นมันขึ้นเพื่อรวบรวมสารอาหารที่จำเป็น (เช่น เนื้อแกะและพริกไทย) เข้าด้วยกันในรูปแบบที่สะดวกต่อการกิน ทั้งนี้เพื่อปรับสภาพร่างกายของชาวบ้านให้รับมือกับอากาศหนาวเย็นได้ดีขึ้น แต่คำว่าเกี๊ยวปรากฎบนเอกสารโบราณครั้งแรกในสารานุกรม ‘ก๋วงหย่า’ (广雅) ของแคว้นเว่ยสมัยสามก๊ก (วุยก๊ก จัดทำขึ้นในช่วงปีค.ศ. 227-232) โดยกล่าวถึงอาหารชนิดหนึ่งรูปทรงเหมือนจันทร์เสี้ยวมีชื่อเรียกว่า ‘หุนถุน’ (แต่รูปลักษณ์เหมือนกับ ‘เจี่ยวจือ’ปัจจุบัน) และยังมีวัตถุโบราณที่แสดงให้เห็นว่าชาวจีนนิยมกินเกี๊ยวกันมาแต่โบราณ มีคนไปค้นคว้าเพิ่มเติมมาว่าสมัยสามก๊กนั้นเขากินเป็นเกี๊ยวต้มพร้อมน้ำแกง ภายในเกี๊ยวสอดไส้เนื้อสับ และกรรมวิธีการกินเป็นเช่นนี้เรื่อยมาจวบจนในสมัยถังจึงเปลี่ยนเป็นการนึ่งหรือต้มสุกแล้วกินแห้ง แล้วทำไมตรุษจีนต้องกินเกี๊ยว? จริงๆ มีหลายตำนาน แต่ที่นิยมกล่าวถึงคือเนื่องจากในสมัยซ่งเรียกเกี๊ยวว่า ‘เจี่ยวจือ’ (角子 ตัวเขียนแตกต่างแต่ออกเสียงเหมือนกัน) และชื่อนี้พ้องเสียงกับคำเรียกการผลัดเปลี่ยนจากปีเก่าเข้าสู่ปีใหม่ในยามจื่อ (子时คือช่วงเวลาระหว่างห้าทุ่มกับตีหนึ่ง) การกินเกี๊ยวจึงมีความหมายอำลาปีเก่าต้อนรับปีใหม่นั่นเอง นอกจากนี้ เกี๊ยวยังถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของทรัพย์เนื่องจากมีรูปทรงคล้ายเงินหยวนเป่าของจีน และการห่อเกี๊ยวถือเป็นเคล็ดของการห่อทรัพย์หรือสิ่งดีๆ ดังนั้นชาวบ้านจึงไม่เพียงกินเกี๊ยว หากแต่ยังนิยมห่อเกี๊ยวกินเองอีกด้วย และบางครั้งจะมีการยัดไส้สิ่งของอื่นๆ ที่เป็นเคล็ดที่ดีเช่น ห่อเศษเงินอยู่ข้างในเกี๊ยวดังที่เราเห็นในซีรีส์ <องค์หญิงใหญ่> ธรรมเนียมการกินเกี๊ยวตอนตรุษจีนนี้กลายเป็นกิจกรรมร่วมของครอบครัวที่เสริมสร้างความสัมพันธ์และถือปฏิบัติกันอย่างแพร่หลายในยุคสมัยหมิงต่อเนื่องมายังสมัยชิง แต่มีความแตกต่างว่ากินกันวันไหน บ้างกินในวันสิ้นปี บ้างกินในวันแรกของปีใหม่ บ้างกินในวันที่ห้าของปีใหม่ (เพราะห้าวันแรกมีเคล็ดเยอะข้อห้ามเยอะ พอพ้นห้าวันเลยฉลองด้วยเกี๊ยว) ทั้งนี้แล้วแต่ธรรมเนียมท้องถิ่นซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามพื้นที่ อนึ่ง เนื่องจากยังมีอีกหลายเคล็ดที่เกี่ยวกับเกี๊ยวอันสืบเนื่องมาจากชื่อมงคลของส่วนประกอบในไส้ของมัน มันจึงกลายเป็นอาหารมงคลสำหรับหลากหลายโอกาสอีกด้วย (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.harpersbazaar.com/tw/culture/drama/g61433159/the-princess-royal/ https://www.shuge.org/meet/topic/19030/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/饺子/28977 https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_1304595 https://www.sohu.com/a/449146748_401284 https://www.sohu.com/a/367953600_120207616 #องค์หญิงใหญ่ #ตรุษจีน #กินเกี๊ยว #ธรรมเนียมจีนโบราณ #สาระจีน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 350 มุมมอง 0 รีวิว
  • DeepSeek ประสบความสำเร็จในการใช้ชิป AI Ascend 910C ของ Huawei ในการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของอุตสาหกรรม AI ในประเทศจีนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

    DeepSeek ได้ประกาศโมเดล R1 LLM ที่สามารถทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ สูญเสียมูลค่าถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนเกิดความตื่นตระหนก แม้ว่าจะมีการถกเถียงเกี่ยวกับพลังการประมวลผลที่ DeepSeek ใช้ในการฝึกโมเดล R1 แต่ดูเหมือนว่า Huawei มีบทบาทสำคัญในการนี้ โดย DeepSeek R1 ใช้ชิป Ascend 910C ของ Huawei ในการวิเคราะห์ข้อมูล

    ชิป AI Ascend 910C ของ Huawei เป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Nvidia Hopper H100 AI accelerators และมีการคาดการณ์ว่า Huawei จะเริ่มการผลิตจำนวนมากในไตรมาสแรกของปี 2025 โดยมีความสนใจจากบริษัท AI ชั้นนำของจีน เช่น ByteDance และ Tencent

    การใช้ชิปของ Huawei ในการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เนื่องจากชิปเหล่านี้มีปริมาณมากและราคาถูกเมื่อเทียบกับชิปของ Nvidia ซึ่งทำให้ Huawei มีส่วนแบ่งตลาดที่มากขึ้น

    ความสำเร็จนี้ทำให้ตลาดเกิดความผันผวน เนื่องจากนักลงทุนบางคนเชื่อว่าความต้องการฮาร์ดแวร์ประสิทธิภาพสูงสำหรับโมเดล AI ใหม่จะลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทเช่น Nvidia อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเช่น Pat Gelsinger อดีตซีอีโอของ Intel เชื่อว่า AI สามารถใช้ประโยชน์จากพลังการประมวลผลทั้งหมดที่สามารถเข้าถึงได้

    https://wccftech.com/deepseek-r1-is-reportedly-running-inference-on-huawei-ascend-910c-ai-chip/
    DeepSeek ประสบความสำเร็จในการใช้ชิป AI Ascend 910C ของ Huawei ในการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของอุตสาหกรรม AI ในประเทศจีนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา DeepSeek ได้ประกาศโมเดล R1 LLM ที่สามารถทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ สูญเสียมูลค่าถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนเกิดความตื่นตระหนก แม้ว่าจะมีการถกเถียงเกี่ยวกับพลังการประมวลผลที่ DeepSeek ใช้ในการฝึกโมเดล R1 แต่ดูเหมือนว่า Huawei มีบทบาทสำคัญในการนี้ โดย DeepSeek R1 ใช้ชิป Ascend 910C ของ Huawei ในการวิเคราะห์ข้อมูล ชิป AI Ascend 910C ของ Huawei เป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Nvidia Hopper H100 AI accelerators และมีการคาดการณ์ว่า Huawei จะเริ่มการผลิตจำนวนมากในไตรมาสแรกของปี 2025 โดยมีความสนใจจากบริษัท AI ชั้นนำของจีน เช่น ByteDance และ Tencent การใช้ชิปของ Huawei ในการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เนื่องจากชิปเหล่านี้มีปริมาณมากและราคาถูกเมื่อเทียบกับชิปของ Nvidia ซึ่งทำให้ Huawei มีส่วนแบ่งตลาดที่มากขึ้น ความสำเร็จนี้ทำให้ตลาดเกิดความผันผวน เนื่องจากนักลงทุนบางคนเชื่อว่าความต้องการฮาร์ดแวร์ประสิทธิภาพสูงสำหรับโมเดล AI ใหม่จะลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทเช่น Nvidia อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเช่น Pat Gelsinger อดีตซีอีโอของ Intel เชื่อว่า AI สามารถใช้ประโยชน์จากพลังการประมวลผลทั้งหมดที่สามารถเข้าถึงได้ https://wccftech.com/deepseek-r1-is-reportedly-running-inference-on-huawei-ascend-910c-ai-chip/
    WCCFTECH.COM
    DeepSeek R1 Is Reportedly Running Inference On Huawei's Ascend 910C AI Chips, Showing China's Growing AI Capabilities
    DeepSeek's AI model is running inference workloads on Huawei's Ascend 910C chips, showing how massively China's AI industry has evolved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลุงก็ได้ลองใช้ DeepSeek มาแล้ว แจ่มจริง มาดู บทความของน้อง David Gewirtz ซึ่งเป็น Senior Contributing Editor ของ ZDNET ซึ่งคนนี้เก่งจริง เป็นผู้เขียนหนังสือหลายเล่ม ได้รับรางวัล Sigma Xi Research Award ในด้านวิศวกรรม และเคยเป็นศาสตราจารย์ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัย Princeton, University of California, Berkeley, UCLA, และ Stanford นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และเป็นที่ปรึกษาด้านนโยบายของสหรัฐอเมริกา

    บทความนี้กล่าวถึงการทดสอบความสามารถในการเขียนโค้ดของ DeepSeek R1 และ V3 ซึ่งเป็น AI chatbot จากประเทศจีน โดยผู้เขียนได้ทำการทดสอบ AI ทั้งสองรุ่นในหลายด้าน เช่น การเขียนปลั๊กอินสำหรับ WordPress การเขียนฟังก์ชันการจัดการสตริง การหาบั๊กที่น่ารำคาญ และการเขียนสคริปต์

    DeepSeek V3 และ R1 มีความสามารถที่น่าประทับใจในการเขียนโค้ด แต่ยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง ตัวอย่างเช่น DeepSeek V3 สามารถสร้างทั้งส่วนติดต่อผู้ใช้และตรรกะของโปรแกรมได้ตามที่กำหนด แต่ DeepSeek R1 มีการวิเคราะห์ที่ยาวเกินไปก่อนที่จะให้โค้ด นอกจากนี้ DeepSeek V3 ยังสามารถเขียนฟังก์ชันการจัดการสตริงได้ดี แต่ DeepSeek R1 มีปัญหาในการจัดการข้อมูลที่ไม่ใช่สตริง

    ในด้านการหาบั๊ก DeepSeek V3 และ R1 สามารถผ่านการทดสอบได้ แต่ในการเขียนสคริปต์ DeepSeek ทั้งสองรุ่นยังไม่สามารถทำได้ดีเท่าที่ควร

    ในภาพรวม DeepSeek V3 มีความสามารถที่ดีกว่า DeepSeek R1 แต่ยังคงมีพื้นที่ให้พัฒนาอยู่ โดยเฉพาะในด้านการเขียนสคริปต์และการจัดการข้อมูลที่ซับซ้อน

    นอกจากนี้ บทความยังกล่าวถึงความท้าทายในการใช้งาน DeepSeek เช่น การต้องใช้ที่อยู่อีเมลสาธารณะในการลงทะเบียน และปัญหาด้านความเร็วในการตอบสนอง

    DeepSeek เป็น AI ที่น่าจับตามองในอนาคต แม้ว่าจะยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง แต่ก็มีศักยภาพในการพัฒนาและปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น

    https://www.zdnet.com/article/i-tested-deepseeks-r1-and-v3-coding-skills-and-were-not-all-doomed-yet/
    ลุงก็ได้ลองใช้ DeepSeek มาแล้ว แจ่มจริง มาดู บทความของน้อง David Gewirtz ซึ่งเป็น Senior Contributing Editor ของ ZDNET ซึ่งคนนี้เก่งจริง เป็นผู้เขียนหนังสือหลายเล่ม ได้รับรางวัล Sigma Xi Research Award ในด้านวิศวกรรม และเคยเป็นศาสตราจารย์ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัย Princeton, University of California, Berkeley, UCLA, และ Stanford นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และเป็นที่ปรึกษาด้านนโยบายของสหรัฐอเมริกา บทความนี้กล่าวถึงการทดสอบความสามารถในการเขียนโค้ดของ DeepSeek R1 และ V3 ซึ่งเป็น AI chatbot จากประเทศจีน โดยผู้เขียนได้ทำการทดสอบ AI ทั้งสองรุ่นในหลายด้าน เช่น การเขียนปลั๊กอินสำหรับ WordPress การเขียนฟังก์ชันการจัดการสตริง การหาบั๊กที่น่ารำคาญ และการเขียนสคริปต์ DeepSeek V3 และ R1 มีความสามารถที่น่าประทับใจในการเขียนโค้ด แต่ยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง ตัวอย่างเช่น DeepSeek V3 สามารถสร้างทั้งส่วนติดต่อผู้ใช้และตรรกะของโปรแกรมได้ตามที่กำหนด แต่ DeepSeek R1 มีการวิเคราะห์ที่ยาวเกินไปก่อนที่จะให้โค้ด นอกจากนี้ DeepSeek V3 ยังสามารถเขียนฟังก์ชันการจัดการสตริงได้ดี แต่ DeepSeek R1 มีปัญหาในการจัดการข้อมูลที่ไม่ใช่สตริง ในด้านการหาบั๊ก DeepSeek V3 และ R1 สามารถผ่านการทดสอบได้ แต่ในการเขียนสคริปต์ DeepSeek ทั้งสองรุ่นยังไม่สามารถทำได้ดีเท่าที่ควร ในภาพรวม DeepSeek V3 มีความสามารถที่ดีกว่า DeepSeek R1 แต่ยังคงมีพื้นที่ให้พัฒนาอยู่ โดยเฉพาะในด้านการเขียนสคริปต์และการจัดการข้อมูลที่ซับซ้อน นอกจากนี้ บทความยังกล่าวถึงความท้าทายในการใช้งาน DeepSeek เช่น การต้องใช้ที่อยู่อีเมลสาธารณะในการลงทะเบียน และปัญหาด้านความเร็วในการตอบสนอง DeepSeek เป็น AI ที่น่าจับตามองในอนาคต แม้ว่าจะยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง แต่ก็มีศักยภาพในการพัฒนาและปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น https://www.zdnet.com/article/i-tested-deepseeks-r1-and-v3-coding-skills-and-were-not-all-doomed-yet/
    WWW.ZDNET.COM
    I tested DeepSeek's R1 and V3 coding skills - and we're not all doomed (yet)
    Are DeepSeek V3 and R1 the next big things in AI? How this Chinese open-source chatbot outperformed some big-name AIs in coding tests, despite using vastly less infrastructure than its competitors.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## จีน - อเมริกา บนสนามรบด้าน AI ##
    ..
    ..
    แค่ชั่วข้ามคืน ทั่วโลกได้รู้จัก DeepSeek AI จีน กันหมด...!!!
    .
    หลังถล่ม หุ้นเทคโนลียี อเมริกา ยับ ในคืนเดียว...
    .
    (เปิด Gap โดดทิ้งตัวลงมาแท่งแดงยาวเลย...!!!)
    .
    น่าหมั่นไส้ขนาดนี้ ล่าสุด DeepSeek AI จีน ก็เลยตองโดน "โจมตีทางไซเบอร์" ไปตามระเบียบ...
    .
    (ฝีมือใครกันหว่า...??? 🤣🤣🤣🤣)
    .
    ตอนนี้จำกัดการสมัคร เหลือแค่คนในประเทศจีนก่อน...
    .
    จากบริษัทสตาร์ทอัพเล็กๆ ที่มีฐานอยู่ในเมืองหางโจวและก่อตั้งขึ้นในปี 2023
    .
    วันนี้ ก้าวกระโดดมา จนเป็นรายแรกที่ได้รับการยกย่องจากอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของ อเมริกา...
    .
    ว่ามีประสิทธิภาพ เทียบเท่า หรือ เหนือกว่า "โมเดล" ที่ล้ำสมัยของ อเมริกา ด้วยซ้ำ...!!!
    .
    https://shorturl.asia/dyLo6
    ## จีน - อเมริกา บนสนามรบด้าน AI ## .. .. แค่ชั่วข้ามคืน ทั่วโลกได้รู้จัก DeepSeek AI จีน กันหมด...!!! . หลังถล่ม หุ้นเทคโนลียี อเมริกา ยับ ในคืนเดียว... . (เปิด Gap โดดทิ้งตัวลงมาแท่งแดงยาวเลย...!!!) . น่าหมั่นไส้ขนาดนี้ ล่าสุด DeepSeek AI จีน ก็เลยตองโดน "โจมตีทางไซเบอร์" ไปตามระเบียบ... . (ฝีมือใครกันหว่า...??? 🤣🤣🤣🤣) . ตอนนี้จำกัดการสมัคร เหลือแค่คนในประเทศจีนก่อน... . จากบริษัทสตาร์ทอัพเล็กๆ ที่มีฐานอยู่ในเมืองหางโจวและก่อตั้งขึ้นในปี 2023 . วันนี้ ก้าวกระโดดมา จนเป็นรายแรกที่ได้รับการยกย่องจากอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของ อเมริกา... . ว่ามีประสิทธิภาพ เทียบเท่า หรือ เหนือกว่า "โมเดล" ที่ล้ำสมัยของ อเมริกา ด้วยซ้ำ...!!! . https://shorturl.asia/dyLo6
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • พิพิธภัณฑ์ชนเผ่ากว่างซี

    มณฑลกวางสี เมืองหนานหนิง ประเทศจีน
    ความหมายของการทำกลองมโหระทึก
    ถูกอ่านมานานแล้ว มีเข้าใจมากันหลายอย่างหลายแบบ

    โพสต์นี้ก็เช่นกัน
    ภาพที่ลงอยู่ทางเข้าของ พิพิธภัณฑ์ชนเผ่ากว่างซี ที่ผู้ชมต้องเจอเป็นลำดับแรก โบราณวัตถุชิ้นนี้สำคัญต่อการเข้าใจในการทำกลองมโหระทึกที่ดีมาก

    บนวัตถุโบราณชิ้นนี้
    มีคน
    มีบ้าน
    มีกลอง
    เขาทำขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์อะไร
    บ้านคือที่อยู่อาศัย ทำไมบ้านเดียวมีคนเยอะแยะเหมือนทำให้รู้ว่าพวกเขาเคยอยู่บ้านที่ใหญ่โตนี้ แล้วบ้านที่ใหญ่โตนี้ มีความหมายลึกๆคืออะไร

    ผู้เขียนคิดเห็นต่อบ้านที่เห็น ที่มีคนเยอะๆหมายถึงแผ่นดินที่คนเยอะแยะเคยอาศัย และได้จากมา อพยพมา หรือหนีภัยมา จึงได้ทำวัตถุโบราณชิ้นนี้ขึ้นมา จะเห็นมีกลองมโหระทึกอยู่ 2 ใบ และในบ้านหลายใบ

    ผู้เขียนอ่านว่า สาเหตุที่มีคนเยอะและมีบ้านแทนแผ่นดิน และมาอยู่ตรงนี้ถูกทำบันทึกไว้บนกลองมโหระทึก

    ผู้เขียน จะนำบางรูปที่อยู่ข้างกลองที่อยู่ที่พิพิธภัณฑ์ชนเผ่ากว่างซีมาให้ชมว่า เพราะอะไร
    รูปข้างกลองมโหระทึกเป็นรูปเรือ มีการบันทึกใช่ไหมว่า พวกเขา ชนชาวจ้วงมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรือ แล้วเรือทำไมมาอยู่ข้างกลอง เรือต้องอยู่กับน้ำ รูปแบบนี้เขากำลังบอกอะไรเรา(ถ้าสมัยนั้นมีตัวหนังสือคงไม่ต้องลำบากแปลภาพ)

    โพสต์นี้เป็นการเริ่มต้นเขียนว่าคนไทย คนจ้วง คนบนเอเซียตะวันออกเฉียงใต้เป็นใครมาจากไหนทำไมมีวัตนธรรมและทัศนคติเหมือนกัน ถ้าใช่พวกเดียวกัน แล้วแต่ละกลุ่มทำไมมาอยู่ตรงนี้ ตรงสถานที่แตกต่างกัน

    มีการเขียนว่าคนไทยมาจากจ้วง #แต่ผู้เขียนไม่เห็นด้วย #ผู้เขียนเชื่อว่าคนจ้วงและคนเอเซียตะวันออกเฉียงใต้มาจากเผ่าเดียวกันแผ่นดินเดียวกัน แต่หนีภัยมาคนละกลุ่ม มากกว่าที่จะเป็นคนดั่งเดิมตรงพื้นที่นั้น

    ผู้เขียนคิดว่าจ้วงกับชนเผ่าทางภาคเหนือของพม่า ภาคเหนือของไทย ภาคเหนือของลาวและภาคเหนือไทยมาจากเทือกเขาหิมาลัยและทิเบต (มาพร้อมกับไทย มาเลย์เซีย เวียตนามโดยหนีภัยทางน้ำ ข้ามภูเขาหิมาลัย สมัยนั้ยยังไม่สูงแบบปัจจุบัน)

    ส่วนไทย ภาคใต้ของพม่า มาเลย์เซีย อินโดนีเซีย มาจากมหาสมุทรอินเดียโดยตรง

    ทำไมคิดแบบนั้น ผู้เขียนดูจากวัตถุโบราณจ้วงมีหน้ากลองเหมือนไทยแต่ สำริดลายไม่เหมือน หรือดินเผาแบบลายน้ำของไทย อายุวัตถุโบราณอายุเดียวกัน ไม่มีใครมีอายุแตกต่างกัน.

    บทความและหลักฐานโบราณ
    โดยคุณทราวิฑะ นอกกรอบ
    Fbทราวิฑะ นอกกรอบ
    พิพิธภัณฑ์ชนเผ่ากว่างซี มณฑลกวางสี เมืองหนานหนิง ประเทศจีน ความหมายของการทำกลองมโหระทึก ถูกอ่านมานานแล้ว มีเข้าใจมากันหลายอย่างหลายแบบ โพสต์นี้ก็เช่นกัน ภาพที่ลงอยู่ทางเข้าของ พิพิธภัณฑ์ชนเผ่ากว่างซี ที่ผู้ชมต้องเจอเป็นลำดับแรก โบราณวัตถุชิ้นนี้สำคัญต่อการเข้าใจในการทำกลองมโหระทึกที่ดีมาก บนวัตถุโบราณชิ้นนี้ มีคน มีบ้าน มีกลอง เขาทำขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์อะไร บ้านคือที่อยู่อาศัย ทำไมบ้านเดียวมีคนเยอะแยะเหมือนทำให้รู้ว่าพวกเขาเคยอยู่บ้านที่ใหญ่โตนี้ แล้วบ้านที่ใหญ่โตนี้ มีความหมายลึกๆคืออะไร ผู้เขียนคิดเห็นต่อบ้านที่เห็น ที่มีคนเยอะๆหมายถึงแผ่นดินที่คนเยอะแยะเคยอาศัย และได้จากมา อพยพมา หรือหนีภัยมา จึงได้ทำวัตถุโบราณชิ้นนี้ขึ้นมา จะเห็นมีกลองมโหระทึกอยู่ 2 ใบ และในบ้านหลายใบ ผู้เขียนอ่านว่า สาเหตุที่มีคนเยอะและมีบ้านแทนแผ่นดิน และมาอยู่ตรงนี้ถูกทำบันทึกไว้บนกลองมโหระทึก ผู้เขียน จะนำบางรูปที่อยู่ข้างกลองที่อยู่ที่พิพิธภัณฑ์ชนเผ่ากว่างซีมาให้ชมว่า เพราะอะไร รูปข้างกลองมโหระทึกเป็นรูปเรือ มีการบันทึกใช่ไหมว่า พวกเขา ชนชาวจ้วงมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรือ แล้วเรือทำไมมาอยู่ข้างกลอง เรือต้องอยู่กับน้ำ รูปแบบนี้เขากำลังบอกอะไรเรา(ถ้าสมัยนั้นมีตัวหนังสือคงไม่ต้องลำบากแปลภาพ) โพสต์นี้เป็นการเริ่มต้นเขียนว่าคนไทย คนจ้วง คนบนเอเซียตะวันออกเฉียงใต้เป็นใครมาจากไหนทำไมมีวัตนธรรมและทัศนคติเหมือนกัน ถ้าใช่พวกเดียวกัน แล้วแต่ละกลุ่มทำไมมาอยู่ตรงนี้ ตรงสถานที่แตกต่างกัน มีการเขียนว่าคนไทยมาจากจ้วง #แต่ผู้เขียนไม่เห็นด้วย #ผู้เขียนเชื่อว่าคนจ้วงและคนเอเซียตะวันออกเฉียงใต้มาจากเผ่าเดียวกันแผ่นดินเดียวกัน แต่หนีภัยมาคนละกลุ่ม มากกว่าที่จะเป็นคนดั่งเดิมตรงพื้นที่นั้น ผู้เขียนคิดว่าจ้วงกับชนเผ่าทางภาคเหนือของพม่า ภาคเหนือของไทย ภาคเหนือของลาวและภาคเหนือไทยมาจากเทือกเขาหิมาลัยและทิเบต (มาพร้อมกับไทย มาเลย์เซีย เวียตนามโดยหนีภัยทางน้ำ ข้ามภูเขาหิมาลัย สมัยนั้ยยังไม่สูงแบบปัจจุบัน) ส่วนไทย ภาคใต้ของพม่า มาเลย์เซีย อินโดนีเซีย มาจากมหาสมุทรอินเดียโดยตรง ทำไมคิดแบบนั้น ผู้เขียนดูจากวัตถุโบราณจ้วงมีหน้ากลองเหมือนไทยแต่ สำริดลายไม่เหมือน หรือดินเผาแบบลายน้ำของไทย อายุวัตถุโบราณอายุเดียวกัน ไม่มีใครมีอายุแตกต่างกัน. บทความและหลักฐานโบราณ โดยคุณทราวิฑะ นอกกรอบ Fbทราวิฑะ นอกกรอบ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว
  • DeepSeek ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) จากจีนที่กำลังสร้างความฮือฮาในวงการ AI DeepSeek ก่อตั้งโดย Liang Wenfeng ในเดือนพฤษภาคม 2023 และได้รับการสนับสนุนจาก High-Flyer ซึ่งเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ Wenfeng เป็นผู้บริหาร ความโดดเด่นของ DeepSeek คือการใช้โมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สที่เรียกว่า R1 ซึ่งสามารถทำงานได้ดีกว่าโมเดล o1 ของ OpenAI ในหลายด้าน เช่น คณิตศาสตร์ การเขียนโค้ด และการให้เหตุผล

    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว DeepSeek ได้เปิดตัวเวอร์ชันเต็มของ R1 และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยมีการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน AI ของ DeepSeek ใน App Store มากกว่า ChatGPT ซึ่งเคยเป็นแอปฟรีที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุด นอกจากนี้ DeepSeek ยังขึ้นเป็นอันดับสามใน HuggingFace's Chatbot Arena รองจากโมเดล Gemini และ ChatGPT-4o

    อย่างไรก็ตาม DeepSeek ต้องจำกัดการสมัครสมาชิกเนื่องจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้น. แม้จะมีปัญหาด้านความปลอดภัย แต่ DeepSeek ยังคงได้รับความสนใจจากผู้ใช้และนักวิจัยในวงการ AI

    นอกจากนี้ยังมีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่ DeepSeek อาจเก็บรวบรวมและแชร์กับรัฐบาลจีน นโยบายความเป็นส่วนตัวของ DeepSeek ระบุว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมอาจถูกเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศจีน อย่างไรก็ตาม การที่ R1 เป็นโอเพ่นซอร์สทำให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบโค้ดของโมเดลเพื่อดูว่ามีการเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัวหรือไม่

    ความสำเร็จของ R1 แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในวงการ AI ที่อาจช่วยให้นักวิจัยและห้องปฏิบัติการขนาดเล็กสามารถสร้างโมเดลที่แข่งขันได้และเพิ่มความหลากหลายในตัวเลือกที่มีอยู่ การพัฒนา AI แบบโอเพ่นซอร์สนี้อาจทำให้การลงทุนใน AI ลดลงและเปิดโอกาสให้กับผู้เล่นรายใหม่ในวงการ

    https://www.zdnet.com/article/why-you-should-pay-attention-to-deepseek-ai/
    DeepSeek ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) จากจีนที่กำลังสร้างความฮือฮาในวงการ AI DeepSeek ก่อตั้งโดย Liang Wenfeng ในเดือนพฤษภาคม 2023 และได้รับการสนับสนุนจาก High-Flyer ซึ่งเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ Wenfeng เป็นผู้บริหาร ความโดดเด่นของ DeepSeek คือการใช้โมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สที่เรียกว่า R1 ซึ่งสามารถทำงานได้ดีกว่าโมเดล o1 ของ OpenAI ในหลายด้าน เช่น คณิตศาสตร์ การเขียนโค้ด และการให้เหตุผล เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว DeepSeek ได้เปิดตัวเวอร์ชันเต็มของ R1 และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยมีการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน AI ของ DeepSeek ใน App Store มากกว่า ChatGPT ซึ่งเคยเป็นแอปฟรีที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุด นอกจากนี้ DeepSeek ยังขึ้นเป็นอันดับสามใน HuggingFace's Chatbot Arena รองจากโมเดล Gemini และ ChatGPT-4o อย่างไรก็ตาม DeepSeek ต้องจำกัดการสมัครสมาชิกเนื่องจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้น. แม้จะมีปัญหาด้านความปลอดภัย แต่ DeepSeek ยังคงได้รับความสนใจจากผู้ใช้และนักวิจัยในวงการ AI นอกจากนี้ยังมีความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่ DeepSeek อาจเก็บรวบรวมและแชร์กับรัฐบาลจีน นโยบายความเป็นส่วนตัวของ DeepSeek ระบุว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมอาจถูกเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศจีน อย่างไรก็ตาม การที่ R1 เป็นโอเพ่นซอร์สทำให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบโค้ดของโมเดลเพื่อดูว่ามีการเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัวหรือไม่ ความสำเร็จของ R1 แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในวงการ AI ที่อาจช่วยให้นักวิจัยและห้องปฏิบัติการขนาดเล็กสามารถสร้างโมเดลที่แข่งขันได้และเพิ่มความหลากหลายในตัวเลือกที่มีอยู่ การพัฒนา AI แบบโอเพ่นซอร์สนี้อาจทำให้การลงทุนใน AI ลดลงและเปิดโอกาสให้กับผู้เล่นรายใหม่ในวงการ https://www.zdnet.com/article/why-you-should-pay-attention-to-deepseek-ai/
    WWW.ZDNET.COM
    Why you should pay attention to DeepSeek AI
    Despite a cyber attack, the open-source startup is rapidly climbing over its more established competitors. Here's what we know.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 245 มุมมอง 0 รีวิว
  • "DeepSeek สตาร์ทอัพ AI จีนท้าชน OpenAI คว้าอันดับ 1 แอปสหรัฐฯ ด้วยโมเดล R1 โอเพนซอร์ส ต้นทุนพัฒนาเพียง 1 ใน 20 ของคู่แข่ง!"

    ที่มาและความเป็นมาของ DeepSeek

    DeepSeek คือสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) จากเมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ก่อตั้งใน พฤษภาคม 2023 โดย เหลียง เวินเฟิง (Liang Wenfeng) นักลงทุนชื่อดังและผู้เชี่ยวชาญ AI อดีตผู้บริหารกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ทีมวิจัยหลักประกอบด้วยบัณฑิตจบใหม่และนักศึกษาปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของจีน เช่น มหาวิทยาลัยปักกิ่ง และมหาวิทยาลัยชิงหวา

    จุดพลิกเกม
    DeepSeek เปิดตัว โมเดล R1 อย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม 2025 หลังมีข่าวลือตั้งแต่พฤศจิกายน 2024 โดยโมเดลนี้ถูกออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ OpenAI o1 โดยตรง ด้วยจุดเด่น 3 ด้าน:
    1. ความสามารถเชิงวิเคราะห์: ให้ผลลัพธ์เหนือกว่าในงานคำนวณคณิตศาสตร์-เขียนโปรแกรม และการให้เหตุผลขั้นสูง
    2. ต้นทุนพัฒนาต่ำสุดวงการ: ใช้เงินเพียง 5.6 ล้านดอลลาร์ เทียบกับคู่แข่งที่ใช้งบหลายร้อยล้าน (ต่ำกว่า 18-20 เท่า)
    3. ระบบโอเพนซอร์สเต็มรูปแบบ: เปิดเผยโค้ดและโครงสร้างโมเดลทั้งหมด ต่างจาก OpenAI ที่ยังปิดบางส่วน

    แม้มีสำนักงานใหญ่ในจีน แต่โมเดล R1 กลับโด่งดังในตลาดสหรัฐฯ ด้วยการขึ้นเป็น แอปฯ อันดับ 1 บน App Store และ Google Play แซงหน้า ChatGPT ภายใน 2 สัปดาห์หลังเปิดตัว

    เบื้องหลังความสำเร็จ
    • เทคโนโลยี MLA + DeepSeekMoESparse: สถาปัตยกรรม AI ที่ลดการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ได้ถึง 40%
    • กลยุทธ์ "วิจัยก่อนค้า": เปิด API ฟรีให้ชุมชนนักพัฒนาและวิจัย ทุ่มงบ 80% ของบริษัทเพื่อการวิจัยพื้นฐาน
    • แรงกดดันต่อตลาด: ก่อให้เกิด "สงครามราคา AI" ในจีน บีบให้ Alibaba, Tencent และ Baidu ต้องลดราคาโมเดลตัวเอง 30-50%

    สัญญาณเปลี่ยนสนาม AI โลก
    ความสำเร็จของ DeepSeek ถูกมองว่าเป็นหลักฐานว่า จีนสามารถท้าทายการผูกขาด AI ของสหรัฐฯ ได้ แม้ถูกจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง ดังที่ The Wall Street Journal วิเคราะห์ว่า
    "R1 คือตัวอย่างชัดเจนที่แสดงว่า มาตรการควบคุมชิปของสหรัฐฯ อาจส่งผลตรงข้าม – กระตุ้นให้จีนสร้างนวัตกรรมแบบ 'คิดนอกกรอบ'"
    ขณะที่ เหลียง เวินเฟิง ให้สัมภาษณ์ว่า
    "เราเชื่อว่า AGI (ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป) ต้องเกิดจากความร่วมมือของมวลมนุษยชาติ ไม่ใช่แค่บริษัทยักษ์ใหญ่ 2-3 แห่ง"

    อนาคตที่จับตาของ DeepSeek
    บริษัทประกาศแผนระยะยาว 3 ด้าน:
    1. พัฒนาโมเดลขนาดใหญ่ (Large Language Model) รุ่นถัดไปภายในปี 2026
    2. ขยายความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก
    3. ท้าทายเป้าหมายสูงสุด: สร้าง AGI ที่เข้าถึงได้ทุกคน
    ข้อเท็จจริงน่าสนใจ: หลังเปิดตัว R1 มีนักพัฒนาเกือบ 50,000 คน จาก 120 ประเทศ เข้ามาปรับใช้โมเดลนี้ในโครงการของตัวเองภายในเดือนแรก!

    ล่าสุด
    จีน: ประกาศแผนสนับสนุน AI ด้วยเงิน 1 ล้านล้านหยวน (137 พันล้านดอลลาร์)
    เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2025 ธนาคารแห่งประเทศจีน (Bank of China) ประกาศแผน "支持人工智能产业链发展行动方案" (แผนปฏิบัติการสนับสนุนห่วงโซ่อุตสาหกรรม AI) โดยจะจัดสรรเงินทุน 1 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 137 พันล้านดอลลาร์) ในระยะเวลา 5 ปี เพื่อสนับสนุนการพัฒนาห่วงโซ่อุตสาหกรรม AI ทั้งในด้านการวิจัยพื้นฐาน การประยุกต์ใช้ในภาคธุรกิจ และการสร้างระบบนิเวศ AI ที่แข็งแกร่ง

    ติดตามผู้ก่อตั้งได้ที่
    https://x.com/zizhpan
    https://x.com/deepseek_ai

    ใช้งานฟรีไม่จำกัดได้ที่ (สมัครสมาชิกฟรี):
    https://chat.deepseek.com/

    อ้างอิง: Spring News, Mekha News, https://x.com/kimmonismus
    "DeepSeek สตาร์ทอัพ AI จีนท้าชน OpenAI คว้าอันดับ 1 แอปสหรัฐฯ ด้วยโมเดล R1 โอเพนซอร์ส ต้นทุนพัฒนาเพียง 1 ใน 20 ของคู่แข่ง!" ที่มาและความเป็นมาของ DeepSeek DeepSeek คือสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) จากเมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ก่อตั้งใน พฤษภาคม 2023 โดย เหลียง เวินเฟิง (Liang Wenfeng) นักลงทุนชื่อดังและผู้เชี่ยวชาญ AI อดีตผู้บริหารกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ทีมวิจัยหลักประกอบด้วยบัณฑิตจบใหม่และนักศึกษาปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของจีน เช่น มหาวิทยาลัยปักกิ่ง และมหาวิทยาลัยชิงหวา จุดพลิกเกม DeepSeek เปิดตัว โมเดล R1 อย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม 2025 หลังมีข่าวลือตั้งแต่พฤศจิกายน 2024 โดยโมเดลนี้ถูกออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ OpenAI o1 โดยตรง ด้วยจุดเด่น 3 ด้าน: 1. ความสามารถเชิงวิเคราะห์: ให้ผลลัพธ์เหนือกว่าในงานคำนวณคณิตศาสตร์-เขียนโปรแกรม และการให้เหตุผลขั้นสูง 2. ต้นทุนพัฒนาต่ำสุดวงการ: ใช้เงินเพียง 5.6 ล้านดอลลาร์ เทียบกับคู่แข่งที่ใช้งบหลายร้อยล้าน (ต่ำกว่า 18-20 เท่า) 3. ระบบโอเพนซอร์สเต็มรูปแบบ: เปิดเผยโค้ดและโครงสร้างโมเดลทั้งหมด ต่างจาก OpenAI ที่ยังปิดบางส่วน แม้มีสำนักงานใหญ่ในจีน แต่โมเดล R1 กลับโด่งดังในตลาดสหรัฐฯ ด้วยการขึ้นเป็น แอปฯ อันดับ 1 บน App Store และ Google Play แซงหน้า ChatGPT ภายใน 2 สัปดาห์หลังเปิดตัว เบื้องหลังความสำเร็จ • เทคโนโลยี MLA + DeepSeekMoESparse: สถาปัตยกรรม AI ที่ลดการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ได้ถึง 40% • กลยุทธ์ "วิจัยก่อนค้า": เปิด API ฟรีให้ชุมชนนักพัฒนาและวิจัย ทุ่มงบ 80% ของบริษัทเพื่อการวิจัยพื้นฐาน • แรงกดดันต่อตลาด: ก่อให้เกิด "สงครามราคา AI" ในจีน บีบให้ Alibaba, Tencent และ Baidu ต้องลดราคาโมเดลตัวเอง 30-50% สัญญาณเปลี่ยนสนาม AI โลก ความสำเร็จของ DeepSeek ถูกมองว่าเป็นหลักฐานว่า จีนสามารถท้าทายการผูกขาด AI ของสหรัฐฯ ได้ แม้ถูกจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง ดังที่ The Wall Street Journal วิเคราะห์ว่า "R1 คือตัวอย่างชัดเจนที่แสดงว่า มาตรการควบคุมชิปของสหรัฐฯ อาจส่งผลตรงข้าม – กระตุ้นให้จีนสร้างนวัตกรรมแบบ 'คิดนอกกรอบ'" ขณะที่ เหลียง เวินเฟิง ให้สัมภาษณ์ว่า "เราเชื่อว่า AGI (ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป) ต้องเกิดจากความร่วมมือของมวลมนุษยชาติ ไม่ใช่แค่บริษัทยักษ์ใหญ่ 2-3 แห่ง" อนาคตที่จับตาของ DeepSeek บริษัทประกาศแผนระยะยาว 3 ด้าน: 1. พัฒนาโมเดลขนาดใหญ่ (Large Language Model) รุ่นถัดไปภายในปี 2026 2. ขยายความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก 3. ท้าทายเป้าหมายสูงสุด: สร้าง AGI ที่เข้าถึงได้ทุกคน ข้อเท็จจริงน่าสนใจ: หลังเปิดตัว R1 มีนักพัฒนาเกือบ 50,000 คน จาก 120 ประเทศ เข้ามาปรับใช้โมเดลนี้ในโครงการของตัวเองภายในเดือนแรก! ล่าสุด จีน: ประกาศแผนสนับสนุน AI ด้วยเงิน 1 ล้านล้านหยวน (137 พันล้านดอลลาร์) เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2025 ธนาคารแห่งประเทศจีน (Bank of China) ประกาศแผน "支持人工智能产业链发展行动方案" (แผนปฏิบัติการสนับสนุนห่วงโซ่อุตสาหกรรม AI) โดยจะจัดสรรเงินทุน 1 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 137 พันล้านดอลลาร์) ในระยะเวลา 5 ปี เพื่อสนับสนุนการพัฒนาห่วงโซ่อุตสาหกรรม AI ทั้งในด้านการวิจัยพื้นฐาน การประยุกต์ใช้ในภาคธุรกิจ และการสร้างระบบนิเวศ AI ที่แข็งแกร่ง ติดตามผู้ก่อตั้งได้ที่ https://x.com/zizhpan https://x.com/deepseek_ai ใช้งานฟรีไม่จำกัดได้ที่ (สมัครสมาชิกฟรี): https://chat.deepseek.com/ อ้างอิง: Spring News, Mekha News, https://x.com/kimmonismus
    Wow
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 412 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีการเจรจาระหว่าง Oracle และ Microsoft เพื่อเข้าซื้อกิจการ TikTok โดย ByteDance ซึ่งเป็นเจ้าของ TikTok ในประเทศจีน จะยังคงถือหุ้นส่วนน้อยในบริษัท การเจรจานี้เกิดขึ้นเนื่องจากความกังวลด้านความมั่นคงของชาติและการรักษาการดำเนินงานของ TikTok ในสหรัฐอเมริกา

    ภายใต้ข้อตกลงที่เสนอ Oracle จะดูแลการทำงานของแอปพลิเคชัน TikTok รวมถึงการเก็บข้อมูลและการอัปเดตซอฟต์แวร์ นอกจากนี้ Oracle ยังเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานเว็บของ TikTok อยู่แล้ว การเปลี่ยนแปลงนี้อาจได้รับการยอมรับจากหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศจีน ซึ่งเคยคัดค้านการขาย TikTok มาก่อน

    การเจรจายังมีความท้าทายอื่นๆ เช่น การทำให้สภาคองเกรสพอใจและการแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงของชาติ หนึ่งในแนวทางที่กำลังพิจารณาคือการทำข้อตกลงทางกฎหมายที่ผูกพันเพื่อให้แน่ใจว่า ByteDance จะไม่สามารถควบคุมการทำงานของแอปพลิเคชันได้

    นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงการที่ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวถึงการที่สหรัฐฯ ควรถือหุ้น 50% ของ TikTok ซึ่งทำให้เกิดความสับสนในหมู่ผู้เจรจา การเจรจานี้เกิดขึ้นหลังจากแผนความมั่นคงแห่งชาติที่เกี่ยวข้องกับ Oracle ล้มเหลวในการรับประกันความเป็นอิสระของ TikTok จาก ByteDance

    https://www.techspot.com/news/106506-white-house-negotiating-tiktok-rescue-plan-oracle-us.html
    มีการเจรจาระหว่าง Oracle และ Microsoft เพื่อเข้าซื้อกิจการ TikTok โดย ByteDance ซึ่งเป็นเจ้าของ TikTok ในประเทศจีน จะยังคงถือหุ้นส่วนน้อยในบริษัท การเจรจานี้เกิดขึ้นเนื่องจากความกังวลด้านความมั่นคงของชาติและการรักษาการดำเนินงานของ TikTok ในสหรัฐอเมริกา ภายใต้ข้อตกลงที่เสนอ Oracle จะดูแลการทำงานของแอปพลิเคชัน TikTok รวมถึงการเก็บข้อมูลและการอัปเดตซอฟต์แวร์ นอกจากนี้ Oracle ยังเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานเว็บของ TikTok อยู่แล้ว การเปลี่ยนแปลงนี้อาจได้รับการยอมรับจากหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศจีน ซึ่งเคยคัดค้านการขาย TikTok มาก่อน การเจรจายังมีความท้าทายอื่นๆ เช่น การทำให้สภาคองเกรสพอใจและการแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงของชาติ หนึ่งในแนวทางที่กำลังพิจารณาคือการทำข้อตกลงทางกฎหมายที่ผูกพันเพื่อให้แน่ใจว่า ByteDance จะไม่สามารถควบคุมการทำงานของแอปพลิเคชันได้ นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงการที่ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวถึงการที่สหรัฐฯ ควรถือหุ้น 50% ของ TikTok ซึ่งทำให้เกิดความสับสนในหมู่ผู้เจรจา การเจรจานี้เกิดขึ้นหลังจากแผนความมั่นคงแห่งชาติที่เกี่ยวข้องกับ Oracle ล้มเหลวในการรับประกันความเป็นอิสระของ TikTok จาก ByteDance https://www.techspot.com/news/106506-white-house-negotiating-tiktok-rescue-plan-oracle-us.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Oracle and Microsoft are negotiating a TikTok takeover, ByteDance could retain a minority stake
    The plan to save TikTok involves software company Oracle and a group of outside investors effectively taking control of the app's global operations, two sources with direct...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • แผนปฏิบัติการพัฒนาอุตสาหกรรม AI ใหม่ของจีน (ธนาคารแห่งประเทศจีนสนับสนุนการพัฒนาแผนปฏิบัติการห่วงโซ่อุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์) จะจัดสรรเงิน 1 ล้านล้านหยวน (137 พันล้านดอลลาร์) เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรม AI ในอีกห้าปีข้างหน้า  ถือเป็นความคิดริเริ่มด้านนโยบาย AI ของจีนที่สำคัญที่สุดในปี 2025

    ซึ่งเป็นไปตามที่ Arm, Microsoft, NVIDIA, Oracle และ OpenAI เปิดเผยโครงการ "Stargate" มูลค่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯของตน ขณะที่ DeepSeek R1 ของจีนสร้างกระแสสร้างความประหลาดใจให้กับทั้งอุตสาหกรรมและผู้กำหนดนโยบาย

    การแข่งขันด้านเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงมากขึ้น เช่นเดียวกับการแข่งขันที่กว้างขึ้นระหว่างสองมหาอำนาจ

    นี่คือคำแถลงอย่างเป็นทางการของธนาคารแห่งประเทศจีน

    https://www.boc.cn/big5/aboutboc/bi1/202501/t20250123_25254674.html
    แผนปฏิบัติการพัฒนาอุตสาหกรรม AI ใหม่ของจีน (ธนาคารแห่งประเทศจีนสนับสนุนการพัฒนาแผนปฏิบัติการห่วงโซ่อุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์) จะจัดสรรเงิน 1 ล้านล้านหยวน (137 พันล้านดอลลาร์) เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรม AI ในอีกห้าปีข้างหน้า  ถือเป็นความคิดริเริ่มด้านนโยบาย AI ของจีนที่สำคัญที่สุดในปี 2025 ซึ่งเป็นไปตามที่ Arm, Microsoft, NVIDIA, Oracle และ OpenAI เปิดเผยโครงการ "Stargate" มูลค่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯของตน ขณะที่ DeepSeek R1 ของจีนสร้างกระแสสร้างความประหลาดใจให้กับทั้งอุตสาหกรรมและผู้กำหนดนโยบาย การแข่งขันด้านเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงมากขึ้น เช่นเดียวกับการแข่งขันที่กว้างขึ้นระหว่างสองมหาอำนาจ นี่คือคำแถลงอย่างเป็นทางการของธนาคารแห่งประเทศจีน https://www.boc.cn/big5/aboutboc/bi1/202501/t20250123_25254674.html
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว
  • ล้างบางจีนเทาที่เมียวดี เมืองคนบาป
    .
    ถ้าใครสงสัยว่าทำไม ซิงซิง ถูกแก๊งสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ล่อลวงไปที่เมียวดี ประเทศพม่า มีอะไรดีที่เมียวดี คำตอบคือว่า ณ เวลานี้ เมียวดีกำลังเป็นเมืองหลวงของแก๊งสแกมเมอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เป็นแหล่งซ่องสุมของบอสจีนเทาที่ชำนาญการหลอกลวงออนไลน์เหยื่อข้ามชาติ คือหลอกคนจีนด้วยกัน และชาติอื่นๆ มาทำงานเยี่ยงทาสอยู่ในเมืองเมียวดี
    .
    ที่น่าตื่นตะลึงก็คือว่า ความแข็งแกร่งของจีนเทาในเมียวดี จากการสนับสนุนของผู้ปกครองเมียวดี ที่กลับไม่ใช่รัฐบาลพม่า หากแต่เป็นชาวกะเหรี่ยง คือชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงเทาผู้มั่งคั่งด้วยเงินทองและเพียบพร้อมด้วยกองกำลังติดอาวุธ เป็นเหมือนรัฐอิสระของคนนอกกฎหมายอันอู้ฟู่ ยากที่รัฐบาลเมียนมาจะปราบปรามได้
    .
    เจ้าพ่อตัวจริงของเมืองเมียวดีวันนี้ คือ พันเอก ซอว์ ชิต ตู (Saw Chit Thu) ผู้บัญชาการกองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ KNA มีคฤหาสน์หรูหรา ส่งลูกหลานไปเรียนถึงประเทศสิงคโปร์ รายได้สีเทานำมาจัดซื้ออาวุธทันสมัย เสริมเขี้ยวเล็บให้กองกำลังกะเหรี่ยงของเขา ต้นปี 2567 เขานำกองทัพ DKBA ของเขาแยกตัวออกมาจาก BGF ไม่ยอมขึ้นกับเมียนมาอีก แล้วตั้งชื่อเป็น กองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือที่เรียกว่า KNA
    .
    นอกจากนี้ยังมี พลจัตวา ซาย จอ หล่า (Sai Kyaw Hla) หรือ โกซาย ผู้นำหมายเลข 3 ของกะเหรี่ยงพุทธ DKBA มีอิทธิพลอยู่เขตไท่ฉาง ซึ่งเป็นบริเวณที่ดาราจีนซิงซิงถูกล่อลวงไปในเมืองสแกมเมอร์แห่งใหม่ ตรงข้ามกับตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก มีวัตถุประสงค์ไว้รองรับอาชญากร แก๊งสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ที่แตกหนีมาจากรัฐฉาน และสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา
    .
    16 มกราคม ที่ผ่านมา นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ออกโรงในเรื่องนี้ โดยพบปะทูต 10 ชาติอาเซียน หารือปราบขบวนการหลอกลวงและพนันออนไลน์ โดยนายหวัง อี้ ย้ำว่า ประเทศที่เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบ จัดการถอนรากถอนโคน เพราะคดีหลอกลวงและการพนันออนไลน์ที่ชายแดนไทย-พม่า เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร้ายแรงมาก ทำร้ายชาวจีนและพลเมืองของประเทศต่างๆ เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวด
    .
    ถ้าเราอ่านความระหว่างบรรทัดของนายหวัง อี้ เราจะตีความได้ว่า หนึ่ง เหตุการณ์ที่คุกคามความปลอดภัยของชาวจีนและประชาชนของประเทศต่างๆ จะยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้ ต้องจัดการอย่างเด็ดขาด สอง ประเทศที่เกี่ยวข้อง ไทย-พม่า ต้องรับผิดชอบ แต่จะมีประเทศใดบ้าง เรารู้กันดี สาม ประเทศจีนจะมีการปฏิบัติการร่วมกับชาติอาเซียนเพื่อปราบปรามขบวนการผิดกฎหมาย คุ้มครองความปลอดภัยให้ประชาชน และพิทักษ์ความสงบสุขระหว่างประเทศ นี่คือวิธีปฏิบัติของจีนที่เรียกว่า ใช้มารยาทก่อนใช้กำลัง
    .
    ท่านผู้ชมครับ รัฐบาลไทยจะต้องเจรจากับรัฐบาลจีน ท่านทูตหาน จื้อเฉียง ท่านทูตจีนประจำประเทศไทย ซึ่งผมรู้จักมักคุ้นสนิทสนมเป็นอย่างดีมาก ท่านเคยพูดกับผมตรงๆ ว่า คุณสนธิ ประเทศจีนไม่พอใจจีนเทามาก พวกนี้เป็นพวกมีปัญหากับสังคมจีน ด้วยเหตุนี้ถึงหนีมาประเทศไทย ท่านใช้ลิ้นการทูตพูด ท่านไม่พูดตรงๆ แต่ท่านบอกว่า พวกนี้อยู่ประเทศไทยสบายกว่าอยู่ประเทศจีน อีกนัยหนึ่งก็คือว่า ทั้งตำรวจ ทั้งทุกคนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมของไทยนั้น จีนเทามั่นใจว่าซื้อได้
    .
    จีนเทากลัวถูกส่งตัวกลับจีน ถ้าเราส่งตัวจีนเทาพร้อมข้อหาความผิดที่สืบสวนได้ส่งกลับให้จีนจัดการ คนพวกนี้จะกลัวมาก กลัวจริงๆ ที่จะถูกส่งกลับ เพราะจีนเขาจัดการขั้นเด็ดขาด หวัง อี้ ประกาศกร้าวไว้แล้ว ดังที่ผมเล่าให้ฟัง
    .
    ทำไมจีนเทาในประเทศไทยถึงเยอะ ท่านผู้ชมรู้ไหม ? จีนเทาในประเทศไทยมันจะมีขาใหญ่ มันจะชวนพรรคพวกที่สีเทาด้วยกัน มาๆๆ มาเมืองไทย ไม่ต้องกังวลเรื่องตำรวจ กูจัดการเอง ตำรวจไทยหมู เรียกเงินกันทั้งนั้น เอาเงินเข้าไปตัวอ่อน เนื้ออ่อนเลย ตำรวจไทยอายบ้างหรือเปล่า
    .
    ปัญหาอยู่ตรงไหน น่าจะรู้แล้วตอนนี้ ไฟฟ้าก็แอบใช้ของไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคทำอย่างไร อินเทอร์เน็ตก็ใช้ของไทย ก็สั่งของกินของใช้ให้คนนับพันที่อำเภอแม่สอดและที่อำเภอพบพระ ซึ่งอยู่ในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ภายใต้การบริหารงานของผู้บัญชาการภาค 6 เด็กเส้นใหญ่ แต่ทำงานไม่เป็น
    .
    แล้วตำรวจ พวกคุณทำอะไรอยู่? ผมชี้แหล่ง วิธีการสืบสวนสอบสวนให้พวกคุณ แต่พวกคุณก็ไม่สนใจ สนใจอย่างเดียวว่า คุณจ่ายเงินผมเท่าไร แล้วพวกเราจะทำอย่างไร จะทำอย่างไรกับพวกตำรวจไทย
    ล้างบางจีนเทาที่เมียวดี เมืองคนบาป . ถ้าใครสงสัยว่าทำไม ซิงซิง ถูกแก๊งสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ล่อลวงไปที่เมียวดี ประเทศพม่า มีอะไรดีที่เมียวดี คำตอบคือว่า ณ เวลานี้ เมียวดีกำลังเป็นเมืองหลวงของแก๊งสแกมเมอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เป็นแหล่งซ่องสุมของบอสจีนเทาที่ชำนาญการหลอกลวงออนไลน์เหยื่อข้ามชาติ คือหลอกคนจีนด้วยกัน และชาติอื่นๆ มาทำงานเยี่ยงทาสอยู่ในเมืองเมียวดี . ที่น่าตื่นตะลึงก็คือว่า ความแข็งแกร่งของจีนเทาในเมียวดี จากการสนับสนุนของผู้ปกครองเมียวดี ที่กลับไม่ใช่รัฐบาลพม่า หากแต่เป็นชาวกะเหรี่ยง คือชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงเทาผู้มั่งคั่งด้วยเงินทองและเพียบพร้อมด้วยกองกำลังติดอาวุธ เป็นเหมือนรัฐอิสระของคนนอกกฎหมายอันอู้ฟู่ ยากที่รัฐบาลเมียนมาจะปราบปรามได้ . เจ้าพ่อตัวจริงของเมืองเมียวดีวันนี้ คือ พันเอก ซอว์ ชิต ตู (Saw Chit Thu) ผู้บัญชาการกองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ KNA มีคฤหาสน์หรูหรา ส่งลูกหลานไปเรียนถึงประเทศสิงคโปร์ รายได้สีเทานำมาจัดซื้ออาวุธทันสมัย เสริมเขี้ยวเล็บให้กองกำลังกะเหรี่ยงของเขา ต้นปี 2567 เขานำกองทัพ DKBA ของเขาแยกตัวออกมาจาก BGF ไม่ยอมขึ้นกับเมียนมาอีก แล้วตั้งชื่อเป็น กองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือที่เรียกว่า KNA . นอกจากนี้ยังมี พลจัตวา ซาย จอ หล่า (Sai Kyaw Hla) หรือ โกซาย ผู้นำหมายเลข 3 ของกะเหรี่ยงพุทธ DKBA มีอิทธิพลอยู่เขตไท่ฉาง ซึ่งเป็นบริเวณที่ดาราจีนซิงซิงถูกล่อลวงไปในเมืองสแกมเมอร์แห่งใหม่ ตรงข้ามกับตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก มีวัตถุประสงค์ไว้รองรับอาชญากร แก๊งสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ ที่แตกหนีมาจากรัฐฉาน และสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา . 16 มกราคม ที่ผ่านมา นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ออกโรงในเรื่องนี้ โดยพบปะทูต 10 ชาติอาเซียน หารือปราบขบวนการหลอกลวงและพนันออนไลน์ โดยนายหวัง อี้ ย้ำว่า ประเทศที่เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบ จัดการถอนรากถอนโคน เพราะคดีหลอกลวงและการพนันออนไลน์ที่ชายแดนไทย-พม่า เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร้ายแรงมาก ทำร้ายชาวจีนและพลเมืองของประเทศต่างๆ เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวด . ถ้าเราอ่านความระหว่างบรรทัดของนายหวัง อี้ เราจะตีความได้ว่า หนึ่ง เหตุการณ์ที่คุกคามความปลอดภัยของชาวจีนและประชาชนของประเทศต่างๆ จะยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้ ต้องจัดการอย่างเด็ดขาด สอง ประเทศที่เกี่ยวข้อง ไทย-พม่า ต้องรับผิดชอบ แต่จะมีประเทศใดบ้าง เรารู้กันดี สาม ประเทศจีนจะมีการปฏิบัติการร่วมกับชาติอาเซียนเพื่อปราบปรามขบวนการผิดกฎหมาย คุ้มครองความปลอดภัยให้ประชาชน และพิทักษ์ความสงบสุขระหว่างประเทศ นี่คือวิธีปฏิบัติของจีนที่เรียกว่า ใช้มารยาทก่อนใช้กำลัง . ท่านผู้ชมครับ รัฐบาลไทยจะต้องเจรจากับรัฐบาลจีน ท่านทูตหาน จื้อเฉียง ท่านทูตจีนประจำประเทศไทย ซึ่งผมรู้จักมักคุ้นสนิทสนมเป็นอย่างดีมาก ท่านเคยพูดกับผมตรงๆ ว่า คุณสนธิ ประเทศจีนไม่พอใจจีนเทามาก พวกนี้เป็นพวกมีปัญหากับสังคมจีน ด้วยเหตุนี้ถึงหนีมาประเทศไทย ท่านใช้ลิ้นการทูตพูด ท่านไม่พูดตรงๆ แต่ท่านบอกว่า พวกนี้อยู่ประเทศไทยสบายกว่าอยู่ประเทศจีน อีกนัยหนึ่งก็คือว่า ทั้งตำรวจ ทั้งทุกคนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมของไทยนั้น จีนเทามั่นใจว่าซื้อได้ . จีนเทากลัวถูกส่งตัวกลับจีน ถ้าเราส่งตัวจีนเทาพร้อมข้อหาความผิดที่สืบสวนได้ส่งกลับให้จีนจัดการ คนพวกนี้จะกลัวมาก กลัวจริงๆ ที่จะถูกส่งกลับ เพราะจีนเขาจัดการขั้นเด็ดขาด หวัง อี้ ประกาศกร้าวไว้แล้ว ดังที่ผมเล่าให้ฟัง . ทำไมจีนเทาในประเทศไทยถึงเยอะ ท่านผู้ชมรู้ไหม ? จีนเทาในประเทศไทยมันจะมีขาใหญ่ มันจะชวนพรรคพวกที่สีเทาด้วยกัน มาๆๆ มาเมืองไทย ไม่ต้องกังวลเรื่องตำรวจ กูจัดการเอง ตำรวจไทยหมู เรียกเงินกันทั้งนั้น เอาเงินเข้าไปตัวอ่อน เนื้ออ่อนเลย ตำรวจไทยอายบ้างหรือเปล่า . ปัญหาอยู่ตรงไหน น่าจะรู้แล้วตอนนี้ ไฟฟ้าก็แอบใช้ของไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคทำอย่างไร อินเทอร์เน็ตก็ใช้ของไทย ก็สั่งของกินของใช้ให้คนนับพันที่อำเภอแม่สอดและที่อำเภอพบพระ ซึ่งอยู่ในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ภายใต้การบริหารงานของผู้บัญชาการภาค 6 เด็กเส้นใหญ่ แต่ทำงานไม่เป็น . แล้วตำรวจ พวกคุณทำอะไรอยู่? ผมชี้แหล่ง วิธีการสืบสวนสอบสวนให้พวกคุณ แต่พวกคุณก็ไม่สนใจ สนใจอย่างเดียวว่า คุณจ่ายเงินผมเท่าไร แล้วพวกเราจะทำอย่างไร จะทำอย่างไรกับพวกตำรวจไทย
    Like
    Love
    Haha
    Sad
    24
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1362 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีการเปิดตัว CPU รุ่นใหม่ของ Intel ที่ชื่อว่า Core Ultra 5 230F ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษที่จำหน่ายเฉพาะในประเทศจีนเท่านั้น CPU รุ่นนี้มีการออกแบบที่แตกต่างจากรุ่นอื่น ๆ ในตระกูลเดียวกัน โดยมีการใช้ heatspreader ที่แตกต่างกันและมีบรรจุภัณฑ์สีดำที่ดูหรูหรา

    Core Ultra 5 230F มีการจัดเรียงคอร์แบบ 10 คอร์ โดยแบ่งเป็น 6 P-cores และ 4 E-cores โดย P-cores มีความเร็วเริ่มต้นที่ 3.4 GHz และสามารถเพิ่มความเร็วได้สูงสุดถึง 5 GHz ส่วน E-cores มีความเร็วเริ่มต้นที่ 2.9 GHz และสามารถเพิ่มความเร็วได้สูงสุดถึง 4.4 GHz นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มขนาดแคชให้มากขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่น Core Ultra 5 225(F)

    การเปิดตัว CPU รุ่นนี้เป็นการยืนยันถึงความพยายามของ Intel ในการตอบสนองความต้องการของตลาดจีน และยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างและน่าสนใจ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/china-exclusive-arrow-lake-cpu-poses-for-photos-core-ultra-5-230f-debuts-in-sleek-black-box
    มีการเปิดตัว CPU รุ่นใหม่ของ Intel ที่ชื่อว่า Core Ultra 5 230F ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษที่จำหน่ายเฉพาะในประเทศจีนเท่านั้น CPU รุ่นนี้มีการออกแบบที่แตกต่างจากรุ่นอื่น ๆ ในตระกูลเดียวกัน โดยมีการใช้ heatspreader ที่แตกต่างกันและมีบรรจุภัณฑ์สีดำที่ดูหรูหรา Core Ultra 5 230F มีการจัดเรียงคอร์แบบ 10 คอร์ โดยแบ่งเป็น 6 P-cores และ 4 E-cores โดย P-cores มีความเร็วเริ่มต้นที่ 3.4 GHz และสามารถเพิ่มความเร็วได้สูงสุดถึง 5 GHz ส่วน E-cores มีความเร็วเริ่มต้นที่ 2.9 GHz และสามารถเพิ่มความเร็วได้สูงสุดถึง 4.4 GHz นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มขนาดแคชให้มากขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่น Core Ultra 5 225(F) การเปิดตัว CPU รุ่นนี้เป็นการยืนยันถึงความพยายามของ Intel ในการตอบสนองความต้องการของตลาดจีน และยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างและน่าสนใจ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/china-exclusive-arrow-lake-cpu-poses-for-photos-core-ultra-5-230f-debuts-in-sleek-black-box
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts