• ในความคิดเห็นส่วนตัวของแอดมิน
    ในอดีต การเคลื่อนไหวของราคาบิทคอยน์ ที่เคยเป็นอิสระ
    ไม่มีสิ่งไหนควบคุมได้ แนวคิดนี้อาจต้องเปลี่ยนไป
    เมื่อปัจจุบัน พบว่า การเคลื่อนไหวของราคาบิทคอยน์
    จะมีแนวโน้ม และทิศทางแปรผันตรง ไปกับค่าเงิน
    ดอลลาร์สหรัฐ คือ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้ม
    แข็งค่าขึ้น ราคาบิทคอยน์ก็จะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
    เช่นเดียวกัน เมื่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าลง
    ราคาบิทคอยน์ก็มีแนวโน้มปรับตัวลงด้วยเช่นเดียวกัน

    สาเหตุหลักๆน่าจะมาจาก ระบบนิเวศน์ที่ใหญ่ที่สุด
    ของบิทคอยน์อยู่ที่สหรัฐอเมริกา ทั้งบริษัทเหมืองขุด
    นายหน้าซื้อขายแลกเปลี่ยน Exchange, Spot Bitcoin ETF,
    คนซื้อคนขาย เป็นต้น

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #บิทคอยน์ #ดอลลาร์สหรัฐ
    #thaitimes
    🔥🔥ในความคิดเห็นส่วนตัวของแอดมิน ในอดีต การเคลื่อนไหวของราคาบิทคอยน์ ที่เคยเป็นอิสระ ไม่มีสิ่งไหนควบคุมได้ แนวคิดนี้อาจต้องเปลี่ยนไป เมื่อปัจจุบัน พบว่า การเคลื่อนไหวของราคาบิทคอยน์ จะมีแนวโน้ม และทิศทางแปรผันตรง ไปกับค่าเงิน ดอลลาร์สหรัฐ คือ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้ม แข็งค่าขึ้น ราคาบิทคอยน์ก็จะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เช่นเดียวกัน เมื่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าลง ราคาบิทคอยน์ก็มีแนวโน้มปรับตัวลงด้วยเช่นเดียวกัน 🚩สาเหตุหลักๆน่าจะมาจาก ระบบนิเวศน์ที่ใหญ่ที่สุด ของบิทคอยน์อยู่ที่สหรัฐอเมริกา ทั้งบริษัทเหมืองขุด นายหน้าซื้อขายแลกเปลี่ยน Exchange, Spot Bitcoin ETF, คนซื้อคนขาย เป็นต้น #หุ้นติดดอย #การลงทุน #บิทคอยน์ #ดอลลาร์สหรัฐ #thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 564 Views 0 Reviews
  • รัฐบาล เอลซัลวาดอร์เฉลิมฉลองการนำบิทคอยน์
    มาใช้ครบรอบ 3 ปี พร้อมกำไร 31 ล้านเหรียญสหรัฐ
    หรือ ประมาณ 1,045 ล้านบาท

    ย้อนหลังกลับไป เมื่อ 3 ปีก่อน ในวันที่
    7 กันยายน พ.ศ. 2564 เอลซัลวาดอร์ได้กลายเป็น
    ประเทศแรกของโลกที่นำ บิทคอยน์ มาใช้เป็นเงิน
    ที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อส่งเสริมการเข้าถึง
    บริการทางการเงิน อำนวยความสะดวกในการชำระเงิน
    โอนเงินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และดึงดูดนวัตกรรม
    ทางการเงิน

    การตัดสินใจของประธานาธิบดี Nayib Bukele ที่จะนำ
    บิทคอยน์มาใช้ ทำให้ประเทศนี้กลายเป็นผู้บุกเบิก
    สินทรัพย์ดิจิทัลในประวัติศาสตร์

    แต่อย่างไรก็ตาม ประเทศเศรษฐกิจใหญ่ๆ ทั้งหลาย
    กับมีแนวโน้มที่จะหันเหออก จากการนำบิทคอยน์มาใช้
    เนื่องจากการพึ่งพาความสัมพันธ์กับเจ้าหนี้ระหว่างประเทศ
    ที่ไม่สนับสนุนการกระทำดังกล่าว
    ที่มา : cointelegraph

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes #บิทคอยน์
    #Bitcoin #เอลซัลวาดอร์
    🔥🔥รัฐบาล เอลซัลวาดอร์เฉลิมฉลองการนำบิทคอยน์ มาใช้ครบรอบ 3 ปี พร้อมกำไร 31 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 1,045 ล้านบาท 🚩ย้อนหลังกลับไป เมื่อ 3 ปีก่อน ในวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2564 เอลซัลวาดอร์ได้กลายเป็น ประเทศแรกของโลกที่นำ บิทคอยน์ มาใช้เป็นเงิน ที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อส่งเสริมการเข้าถึง บริการทางการเงิน อำนวยความสะดวกในการชำระเงิน โอนเงินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และดึงดูดนวัตกรรม ทางการเงิน 🚩การตัดสินใจของประธานาธิบดี Nayib Bukele ที่จะนำ บิทคอยน์มาใช้ ทำให้ประเทศนี้กลายเป็นผู้บุกเบิก สินทรัพย์ดิจิทัลในประวัติศาสตร์ 🚩แต่อย่างไรก็ตาม ประเทศเศรษฐกิจใหญ่ๆ ทั้งหลาย กับมีแนวโน้มที่จะหันเหออก จากการนำบิทคอยน์มาใช้ เนื่องจากการพึ่งพาความสัมพันธ์กับเจ้าหนี้ระหว่างประเทศ ที่ไม่สนับสนุนการกระทำดังกล่าว ที่มา : cointelegraph #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes #บิทคอยน์ #Bitcoin #เอลซัลวาดอร์
    0 Comments 0 Shares 583 Views 0 Reviews
  • แนวโน้ม และความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐ
    ได้กดดันให้ราคาบิทคอยน์ และคริปโตเคอเรนซี รวมทั้ง
    ราคาหุ้นตกต่ำในวันนี้

    การที่ราคาลดลงในวันนี้ สะท้อนการลดลงในตลาดเสี่ยงทั่วโลก
    เนื่องมาจากความกลัวเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่มีแนวโน้ม
    ถดถอย

    ณ วันที่ 4 กันยายน บิทคอยน์ ร่วงลง 3.30% เหลือประมาณ
    55,600 ดอลลาร์สหรัฐ/BTC ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งเดือน
    ในทำนองเดียวกัน สัญญาฟิวเจอร์ส S&P 500 ก็ร่วงลง 0.4%
    หลังจากทำผลงานได้แย่ที่สุดนับตั้งแต่ตลาดตกต่ำ
    เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ที่ผ่านมา

    ผู้ค้าคริปโต กำลังเตรียมตัวรับมือกับความผันผวน
    ของตลาดเพิ่มขึ้น เนื่องจากพวกเขารอข้อมูลเศรษฐกิจ
    ที่สำคัญเพื่อดูว่าสหรัฐฯ กำลังใกล้เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจ
    ถดถอยหรือไม่ และธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจปรับ
    นโยบายอย่างไร

    รายงานการจ้างงานในวันที่ 4 กันยายน น่าจะแสดงให้เห็นถึง
    การชะลอตัวของตลาดแรงงาน หลังจากข้อมูลล่าสุดเผยให้เห็นว่า
    กิจกรรมการผลิตลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 โดยความกังวล
    เปลี่ยนจากภาวะเงินเฟ้อ เป็นการเติบโตทางเศรษฐกิจ
    ข้อมูลมหภาคที่อ่อนแอนี้ กดดันหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยง เช่น
    สกุลเงินดิจิทัล

    ตัวอย่างเช่น การคาดการณ์ว่าตลาดงานจะเย็นลงนั้น
    เกิดขึ้นพร้อมกับกระแสเงินไหลออกจากกองทุนซื้อขาย
    แลกเปลี่ยน Bitcoin (ETF) มูลค่า 287.80 ล้านดอลลาร์ต่อวัน
    หรือประมาณ 9,800 ล้านบาทต่อวัน
    ซึ่งถือเป็นกระแสเงินไหลออกที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่
    เดือนมิถุนายน
    ที่มา : cointelegraph
    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #บิทคอยน์ #เศรษฐกิจสหรัฐ
    #thaitimes
    🔥🔥แนวโน้ม และความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐ ได้กดดันให้ราคาบิทคอยน์ และคริปโตเคอเรนซี รวมทั้ง ราคาหุ้นตกต่ำในวันนี้ 🚩การที่ราคาลดลงในวันนี้ สะท้อนการลดลงในตลาดเสี่ยงทั่วโลก เนื่องมาจากความกลัวเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่มีแนวโน้ม ถดถอย 🚩ณ วันที่ 4 กันยายน บิทคอยน์ ร่วงลง 3.30% เหลือประมาณ 55,600 ดอลลาร์สหรัฐ/BTC ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งเดือน ในทำนองเดียวกัน สัญญาฟิวเจอร์ส S&P 500 ก็ร่วงลง 0.4% หลังจากทำผลงานได้แย่ที่สุดนับตั้งแต่ตลาดตกต่ำ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ที่ผ่านมา 🚩ผู้ค้าคริปโต กำลังเตรียมตัวรับมือกับความผันผวน ของตลาดเพิ่มขึ้น เนื่องจากพวกเขารอข้อมูลเศรษฐกิจ ที่สำคัญเพื่อดูว่าสหรัฐฯ กำลังใกล้เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจ ถดถอยหรือไม่ และธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจปรับ นโยบายอย่างไร 🚩รายงานการจ้างงานในวันที่ 4 กันยายน น่าจะแสดงให้เห็นถึง การชะลอตัวของตลาดแรงงาน หลังจากข้อมูลล่าสุดเผยให้เห็นว่า กิจกรรมการผลิตลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 โดยความกังวล เปลี่ยนจากภาวะเงินเฟ้อ เป็นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ข้อมูลมหภาคที่อ่อนแอนี้ กดดันหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยง เช่น สกุลเงินดิจิทัล 🚩ตัวอย่างเช่น การคาดการณ์ว่าตลาดงานจะเย็นลงนั้น เกิดขึ้นพร้อมกับกระแสเงินไหลออกจากกองทุนซื้อขาย แลกเปลี่ยน Bitcoin (ETF) มูลค่า 287.80 ล้านดอลลาร์ต่อวัน หรือประมาณ 9,800 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งถือเป็นกระแสเงินไหลออกที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ เดือนมิถุนายน ที่มา : cointelegraph #หุ้นติดดอย #การลงทุน #บิทคอยน์ #เศรษฐกิจสหรัฐ #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 764 Views 0 Reviews
  • การเทรดเงินเยนแบบ Carry Trade กลายเป็นเรื่องใหญ่ ตลาดทั่วโลกประสบภาวะขาดทุนอย่างหนักเนื่องจากความกลัวที่เพิ่มมากขึ้นว่าการซื้อขายสกุลเงินเยนแบบ Carry Trade

    รายงานของ Finnimena Editor อธิบาย Yen Carry Trade คืออะไร? หนึ่งในความวุ่นวายวัน Black Monday ที่เริ่มต้นจากญี่ปุ่น ตกใจไปทั้งโลก ว่า

    Carry Trade คืออะไร?

    Carry Trade เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่มองหาโอกาสทำกำไรจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยในแต่ละประเทศ ด้วยการไปกู้ยืมเงินในสกุลเงินที่ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อนำไปลงทุนในสกุลเงินที่ให้ดอกเบี้ยสูง

    ทำให้ช่วงที่ผ่านมา สกุลเงินเยนญี่ปุ่นกลายเป็นเป้าหมายหลักของบรรดา Hedge Funds โดยการทำ Yen Carry Trade ในจังหวะที่อัตราดอกเบี้ยญี่ปุ่นติดลบ

    โดยมีนักลงทุนเข้าไปกู้ยืมสกุลเงินเยนจำนวนมาก แล้วนำไปลงทุนในประเทศที่ให้่ดอกเบี้ยสูงกว่า เช่น สหรัฐฯ เม็กซิโก ซึ่งดอกเบี้ยสูงประมาณ 5% รวมถึงเก็งกำไรในตลาดหุ้น ทองคำ และบิทคอยน์ เป็นต้น

    แต่จุดเปลี่ยนมาถึงในวันที่ 31 ก.ค. 2024 เมื่อ BoJ ประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเป็น 0.25% แถมส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นต่ออีก เพื่อควบคุมการอ่อนค่าของเงินเยน

    Yen Carry Trade

    พอแนวโน้มดอกเบี้ยญี่ปุ่นเป็นขาขึ้นชัดเจน ในขณะที่ฝั่งสหรัฐฯ ก็กำลังจะลดดอกเบี้ย จึงเกิดสิ่งที่เรียกว่า Unwind Yen Carry Trade

    นั่นคือการรีบแลกเงินเยนเพื่อนำไปคืนที่กู้มา โดยการขาย (Short) เงินสกุลดอกสูง หุ้น ทอง นำเงินกลับไป Long Yen (เยนแข็ง)

    ผลคือค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับมีแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก เพราะมีกลุ่มคนที่ทำ Yen Carry Trade เทขายเพื่อนำเงินไปแลกเยนนั่นเอง

    หุ้นร่วงหนักทั่วโลก

    ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ร่วงแรงกว่าใครเพื่อน เนื่องจากธรรมชาติของหุ้นญีปุ่นไม่ชอบให้เงินเยนแข็งค่า เพราะมีรายได้หลักจากการส่งออก

    แต่จังหวะนรกก็คือเรื่องมาเกิดตอนที่ Sahm Rule เกิน 0.50% พอดี ซึ่งว่ากันว่าเป็นจุดทริกเกอร์เข้าสู่ Recession ทำให้นักลงทุนกังวลไปทั้งโลก ลุกลามบานปลายอย่างที่เห็น :
    ที่มา https://www.finnomena.com/editor/yen-carry-trade/

    #Thaitimes
    การเทรดเงินเยนแบบ Carry Trade กลายเป็นเรื่องใหญ่ ตลาดทั่วโลกประสบภาวะขาดทุนอย่างหนักเนื่องจากความกลัวที่เพิ่มมากขึ้นว่าการซื้อขายสกุลเงินเยนแบบ Carry Trade รายงานของ Finnimena Editor อธิบาย Yen Carry Trade คืออะไร? หนึ่งในความวุ่นวายวัน Black Monday ที่เริ่มต้นจากญี่ปุ่น ตกใจไปทั้งโลก ว่า Carry Trade คืออะไร? Carry Trade เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่มองหาโอกาสทำกำไรจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยในแต่ละประเทศ ด้วยการไปกู้ยืมเงินในสกุลเงินที่ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อนำไปลงทุนในสกุลเงินที่ให้ดอกเบี้ยสูง ทำให้ช่วงที่ผ่านมา สกุลเงินเยนญี่ปุ่นกลายเป็นเป้าหมายหลักของบรรดา Hedge Funds โดยการทำ Yen Carry Trade ในจังหวะที่อัตราดอกเบี้ยญี่ปุ่นติดลบ โดยมีนักลงทุนเข้าไปกู้ยืมสกุลเงินเยนจำนวนมาก แล้วนำไปลงทุนในประเทศที่ให้่ดอกเบี้ยสูงกว่า เช่น สหรัฐฯ เม็กซิโก ซึ่งดอกเบี้ยสูงประมาณ 5% รวมถึงเก็งกำไรในตลาดหุ้น ทองคำ และบิทคอยน์ เป็นต้น แต่จุดเปลี่ยนมาถึงในวันที่ 31 ก.ค. 2024 เมื่อ BoJ ประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเป็น 0.25% แถมส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นต่ออีก เพื่อควบคุมการอ่อนค่าของเงินเยน Yen Carry Trade พอแนวโน้มดอกเบี้ยญี่ปุ่นเป็นขาขึ้นชัดเจน ในขณะที่ฝั่งสหรัฐฯ ก็กำลังจะลดดอกเบี้ย จึงเกิดสิ่งที่เรียกว่า Unwind Yen Carry Trade นั่นคือการรีบแลกเงินเยนเพื่อนำไปคืนที่กู้มา โดยการขาย (Short) เงินสกุลดอกสูง หุ้น ทอง นำเงินกลับไป Long Yen (เยนแข็ง) ผลคือค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับมีแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก เพราะมีกลุ่มคนที่ทำ Yen Carry Trade เทขายเพื่อนำเงินไปแลกเยนนั่นเอง หุ้นร่วงหนักทั่วโลก ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ร่วงแรงกว่าใครเพื่อน เนื่องจากธรรมชาติของหุ้นญีปุ่นไม่ชอบให้เงินเยนแข็งค่า เพราะมีรายได้หลักจากการส่งออก แต่จังหวะนรกก็คือเรื่องมาเกิดตอนที่ Sahm Rule เกิน 0.50% พอดี ซึ่งว่ากันว่าเป็นจุดทริกเกอร์เข้าสู่ Recession ทำให้นักลงทุนกังวลไปทั้งโลก ลุกลามบานปลายอย่างที่เห็น : ที่มา https://www.finnomena.com/editor/yen-carry-trade/ #Thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 446 Views 0 Reviews