• Ainex บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์คอมพิวเตอร์จากญี่ปุ่น ซึ่งได้เปิดตัวแผ่นป้องกัน CPU รุ่น MK-04C สำหรับชิป AM5 ที่ทำจากทองแดง แผ่นป้องกันนี้ช่วยให้การทาแผ่นระบายความร้อน (thermal paste) บน CPU เป็นไปอย่างสะอาดและไม่เลอะเทอะ โดยแผ่นป้องกันนี้จะช่วยให้แผ่นระบายความร้อนที่ทาไม่หลุดออกจากขอบของ CPU มากเกินไป

    Ainex ประกาศผ่านบัญชี X (เดิมคือ Twitter) ว่าแผ่นป้องกันนี้จะวางจำหน่ายในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ และคาดว่าจะมีราคาประมาณ 750 ถึง 880 เยน หรือประมาณ 5 ถึง 6 ดอลลาร์สหรัฐ แม้ว่าจะยังมีแผ่นระบายความร้อนบางส่วนที่อาจหลุดเข้าไปในช่องว่างระหว่างแผ่นป้องกันและ CPU แต่แผ่นป้องกันนี้จะช่วยลดปริมาณที่หลุดออกไปได้มาก

    นอกจากนี้ แผ่นป้องกันนี้ยังสามารถช่วยระบายความร้อนจาก CPU ได้อีกด้วย โดย Ainex ระบุว่าแผ่นป้องกันนี้สามารถลดอุณหภูมิของ CPU ได้ประมาณ 1 ถึง 2 องศาเซลเซียส อย่างไรก็ตาม Ainex ยังไม่ได้ทดสอบการลดอุณหภูมินี้อย่างละเอียด และอาจมีความคลาดเคลื่อนในการวัดผล

    แผ่นป้องกันนี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้ทั่วไป และไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะใช้งานได้กับทุกเครื่องระบายความร้อนในตลาด นอกจากนี้ Ainex ยังระบุว่าไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆ ที่เกิดจากการใช้งานผลิตภัณฑ์นี้

    สำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ CPU แผ่นป้องกันนี้อาจเป็นทางเลือกที่ดีในการลดความยุ่งยากในการทาแผ่นระบายความร้อนและช่วยระบายความร้อนได้ดีขึ้น

    ลุงเคยเห็นใน youtube ฝรั่งใช้เหมือนกันนะ แต่ลุงดูแล้วน่าจะเป็น Plastic นะ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/am5-copper-guard-stops-you-from-making-a-mess-on-your-ryzen-cpu-also-improves-heat-dissipation
    Ainex บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์คอมพิวเตอร์จากญี่ปุ่น ซึ่งได้เปิดตัวแผ่นป้องกัน CPU รุ่น MK-04C สำหรับชิป AM5 ที่ทำจากทองแดง แผ่นป้องกันนี้ช่วยให้การทาแผ่นระบายความร้อน (thermal paste) บน CPU เป็นไปอย่างสะอาดและไม่เลอะเทอะ โดยแผ่นป้องกันนี้จะช่วยให้แผ่นระบายความร้อนที่ทาไม่หลุดออกจากขอบของ CPU มากเกินไป Ainex ประกาศผ่านบัญชี X (เดิมคือ Twitter) ว่าแผ่นป้องกันนี้จะวางจำหน่ายในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ และคาดว่าจะมีราคาประมาณ 750 ถึง 880 เยน หรือประมาณ 5 ถึง 6 ดอลลาร์สหรัฐ แม้ว่าจะยังมีแผ่นระบายความร้อนบางส่วนที่อาจหลุดเข้าไปในช่องว่างระหว่างแผ่นป้องกันและ CPU แต่แผ่นป้องกันนี้จะช่วยลดปริมาณที่หลุดออกไปได้มาก นอกจากนี้ แผ่นป้องกันนี้ยังสามารถช่วยระบายความร้อนจาก CPU ได้อีกด้วย โดย Ainex ระบุว่าแผ่นป้องกันนี้สามารถลดอุณหภูมิของ CPU ได้ประมาณ 1 ถึง 2 องศาเซลเซียส อย่างไรก็ตาม Ainex ยังไม่ได้ทดสอบการลดอุณหภูมินี้อย่างละเอียด และอาจมีความคลาดเคลื่อนในการวัดผล แผ่นป้องกันนี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้ทั่วไป และไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะใช้งานได้กับทุกเครื่องระบายความร้อนในตลาด นอกจากนี้ Ainex ยังระบุว่าไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆ ที่เกิดจากการใช้งานผลิตภัณฑ์นี้ สำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ CPU แผ่นป้องกันนี้อาจเป็นทางเลือกที่ดีในการลดความยุ่งยากในการทาแผ่นระบายความร้อนและช่วยระบายความร้อนได้ดีขึ้น ลุงเคยเห็นใน youtube ฝรั่งใช้เหมือนกันนะ แต่ลุงดูแล้วน่าจะเป็น Plastic นะ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/am5-copper-guard-stops-you-from-making-a-mess-on-your-ryzen-cpu-also-improves-heat-dissipation
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทองเบรคกรอบสามเหลี่ยมแล้ว นวค.มองปีนี้วิ่งแตะ $3000/oz.
    ระดับราคาปิดตลาด ทะลุแนวต้าน กลับตัวเป็นขาขึ้น

    ANZ ให้ค่าเฉลี่ยทั้งปีที่ $2738/oz.

    ปัจจัยมีผลกับราคาทองคำ
    1. ทิศทางดอลลาร์สหรัฐ ส่วนใหญ่จะไปในทางผกผันกัน เช่น ดอลลาร์่อ่อนค่า ทองจะขึ้น ดอลลาร์แข็งค่า ทองจะลง
    2. เหตุการณ์วุ่นวายต่าง ๆ เช่น สงคราม ความขัดแย้งในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
    3. การเข้าสะสมทองคำของ ธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ และ ประเทศผู้ซื้อรายใหญ่ เช่น จีน อินเดีย

    *ปี 2567 ทองคำ +27.2%
    ทองเบรคกรอบสามเหลี่ยมแล้ว นวค.มองปีนี้วิ่งแตะ $3000/oz. ระดับราคาปิดตลาด ทะลุแนวต้าน กลับตัวเป็นขาขึ้น ANZ ให้ค่าเฉลี่ยทั้งปีที่ $2738/oz. ปัจจัยมีผลกับราคาทองคำ 1. ทิศทางดอลลาร์สหรัฐ ส่วนใหญ่จะไปในทางผกผันกัน เช่น ดอลลาร์่อ่อนค่า ทองจะขึ้น ดอลลาร์แข็งค่า ทองจะลง 2. เหตุการณ์วุ่นวายต่าง ๆ เช่น สงคราม ความขัดแย้งในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ 3. การเข้าสะสมทองคำของ ธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ และ ประเทศผู้ซื้อรายใหญ่ เช่น จีน อินเดีย *ปี 2567 ทองคำ +27.2%
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 82 มุมมอง 0 รีวิว
  • Scott Bessent มานั่งแทน เจเน็ต เยเลน , treasury secretary, นวค.มอง สิ่งที่เบสเซนจะเดินหน้า
    1. ขยายเวลามาตราการลดภาษีให้กับบริษัทสหรัฐ

    2. การคว่ำบาตรอุตฯน้ำมัน (อันนี้อาจจะขัดกับมุมมองที่เราเห็นความสัมพันธ์ของทรัมป์กับปูตินว่าไม่ได้เป็นเชิงตึง ต้องการจัดหนัก) แต่การดำเนินการใด ๆ ที่มีผลกับราคาน้ำมันรัสเซีย จะวนมาเป็นประโยชน์กับการส่งออกน้ำมันของสหรัฐ (ช่วยสถานะการคลังสหรัฐในที่สุด) ตอนนี้สหรัฐเป็นผู้ส่งน้ำมันรายใหญ่ของโลก ในขณะที่จีนเป็นผู้นำเข้าน้ำมันอันดับ 1 ของโลก การดันราคาน้ำมันทำให้สหรัฐมีรายได้เพิ่ม จีนมีภาระค่าใช้จ่ายราคาน้ำมันสูงขึ้น บั่นทอนสถานะการคลังจีน (แม้ส่วนหนึ่งจีนจะเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรัสเซียมากลั่นและส่งออกขายอีกทอดก็ตาม)

    3. รักษาสถานะ ดอลลาร์สหรัฐ ให้เป็นทุนสำรองของธนาคารกลางทั่วโลกต่อไปอย่างแข็งแกร่ง (ช่วงที่ผานมา ค่อนข้างจะถดถอย สังเกตุได้จากธนาคารกลางชาติต่าง ๆ เข้าถือทองคำกันมากขึ้น)

    4. ประเด็นคาร์บอน เครดิต จะถูกดันขึ้นมา
    * เบสเซน เป็นคนที่ชาวคริปโตฯ ชื่นชม มองว่าจะเป็นปัจจัยบวกกับราคาคริปโต โดยเฉพาะ BTC นอกจากนี้ยังคาดว่า ทรัมป์จะดัน คริปโตฯ เป็นวาระแห่งชาติ << ในพอร์ต bessent มี BTC ETF มูลค่า ~5 แสนเหรียญสหรัฐ
    ** เบสเซน เป็นอดีตมือขวา จอร์จ โซรอส มีประสบการณ์ร่วมช่วงโซรอสเข้าทำกำไรค่าเงินปอนด์ ฯลฯ
    #เศรษฐกิจ
    Scott Bessent มานั่งแทน เจเน็ต เยเลน , treasury secretary, นวค.มอง สิ่งที่เบสเซนจะเดินหน้า 1. ขยายเวลามาตราการลดภาษีให้กับบริษัทสหรัฐ 2. การคว่ำบาตรอุตฯน้ำมัน (อันนี้อาจจะขัดกับมุมมองที่เราเห็นความสัมพันธ์ของทรัมป์กับปูตินว่าไม่ได้เป็นเชิงตึง ต้องการจัดหนัก) แต่การดำเนินการใด ๆ ที่มีผลกับราคาน้ำมันรัสเซีย จะวนมาเป็นประโยชน์กับการส่งออกน้ำมันของสหรัฐ (ช่วยสถานะการคลังสหรัฐในที่สุด) ตอนนี้สหรัฐเป็นผู้ส่งน้ำมันรายใหญ่ของโลก ในขณะที่จีนเป็นผู้นำเข้าน้ำมันอันดับ 1 ของโลก การดันราคาน้ำมันทำให้สหรัฐมีรายได้เพิ่ม จีนมีภาระค่าใช้จ่ายราคาน้ำมันสูงขึ้น บั่นทอนสถานะการคลังจีน (แม้ส่วนหนึ่งจีนจะเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรัสเซียมากลั่นและส่งออกขายอีกทอดก็ตาม) 3. รักษาสถานะ ดอลลาร์สหรัฐ ให้เป็นทุนสำรองของธนาคารกลางทั่วโลกต่อไปอย่างแข็งแกร่ง (ช่วงที่ผานมา ค่อนข้างจะถดถอย สังเกตุได้จากธนาคารกลางชาติต่าง ๆ เข้าถือทองคำกันมากขึ้น) 4. ประเด็นคาร์บอน เครดิต จะถูกดันขึ้นมา * เบสเซน เป็นคนที่ชาวคริปโตฯ ชื่นชม มองว่าจะเป็นปัจจัยบวกกับราคาคริปโต โดยเฉพาะ BTC นอกจากนี้ยังคาดว่า ทรัมป์จะดัน คริปโตฯ เป็นวาระแห่งชาติ << ในพอร์ต bessent มี BTC ETF มูลค่า ~5 แสนเหรียญสหรัฐ ** เบสเซน เป็นอดีตมือขวา จอร์จ โซรอส มีประสบการณ์ร่วมช่วงโซรอสเข้าทำกำไรค่าเงินปอนด์ ฯลฯ #เศรษฐกิจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศุลกากรฮ่องกงได้ยึดรถบรรทุกที่บรรทุกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ได้แจ้งหรือไม่ได้ตรวจสอบมูลค่าประมาณ 1.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (14 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง) โดยในจำนวนนี้มีชิปประมาณ 670,000 ชิ้น และส่วนประกอบฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ประมาณ 80,000 ชิ้น รวมถึง CPU, RAM และเมนบอร์ด

    การตรวจสอบพบว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ถูกซ่อนอยู่ในกล่องที่บรรจุสินค้าที่แจ้งถูกต้องภายในตู้คอนเทนเนอร์ของรถบรรทุกเมื่อวันพุธที่ผ่านมา คนขับรถบรรทุกวัย 47 ปีที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้ถูกปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติม

    ฮ่องกงและมาเก๊าเป็นเขตปกครองพิเศษของจีนที่ไม่มีภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับสินค้าผู้บริโภค ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผู้อยู่อาศัยและนักท่องเที่ยว แต่ผู้คนจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่ต้องเผชิญกับภาษีมูลค่าเพิ่ม 13% อาจถูกล่อลวงให้นำสินค้าจากฮ่องกงกลับบ้านโดยไม่แจ้งต่อศุลกากร

    การลักลอบนำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์นี้อาจทำให้ผู้กระทำผิดต้องเผชิญกับค่าปรับสูงถึง 2 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 257,000 ดอลลาร์สหรัฐ) และโทษจำคุกสูงสุดถึงเจ็ดปี

    การยึดสินค้าลักลอบนำเข้าครั้งนี้เป็นการยืนยันถึงความเข้มงวดของศุลกากรฮ่องกงในการตรวจจับและป้องกันการลักลอบนำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นการเสริมสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/truck-with-usd1-8m-in-smuggled-electronics-seized-by-hong-kong-customs-670-000-undeclared-chips-670-000-chips-and-about-80-000-pc-hardware-components
    ศุลกากรฮ่องกงได้ยึดรถบรรทุกที่บรรทุกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ได้แจ้งหรือไม่ได้ตรวจสอบมูลค่าประมาณ 1.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (14 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง) โดยในจำนวนนี้มีชิปประมาณ 670,000 ชิ้น และส่วนประกอบฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ประมาณ 80,000 ชิ้น รวมถึง CPU, RAM และเมนบอร์ด การตรวจสอบพบว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ถูกซ่อนอยู่ในกล่องที่บรรจุสินค้าที่แจ้งถูกต้องภายในตู้คอนเทนเนอร์ของรถบรรทุกเมื่อวันพุธที่ผ่านมา คนขับรถบรรทุกวัย 47 ปีที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้ถูกปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติม ฮ่องกงและมาเก๊าเป็นเขตปกครองพิเศษของจีนที่ไม่มีภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับสินค้าผู้บริโภค ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผู้อยู่อาศัยและนักท่องเที่ยว แต่ผู้คนจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่ต้องเผชิญกับภาษีมูลค่าเพิ่ม 13% อาจถูกล่อลวงให้นำสินค้าจากฮ่องกงกลับบ้านโดยไม่แจ้งต่อศุลกากร การลักลอบนำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์นี้อาจทำให้ผู้กระทำผิดต้องเผชิญกับค่าปรับสูงถึง 2 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 257,000 ดอลลาร์สหรัฐ) และโทษจำคุกสูงสุดถึงเจ็ดปี การยึดสินค้าลักลอบนำเข้าครั้งนี้เป็นการยืนยันถึงความเข้มงวดของศุลกากรฮ่องกงในการตรวจจับและป้องกันการลักลอบนำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นการเสริมสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศ https://www.tomshardware.com/pc-components/truck-with-usd1-8m-in-smuggled-electronics-seized-by-hong-kong-customs-670-000-undeclared-chips-670-000-chips-and-about-80-000-pc-hardware-components
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว
  • สเปกของ GPU รุ่นใหม่จาก NVIDIA ที่ยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ RTX Titan Ada ได้ปรากฏบน Reddit โดยมีการแชร์ภาพหน้าจอจากโปรแกรม GPU-Z และภาพถ่ายของ GPU ที่มีการเปิดเผยรายละเอียดต่าง ๆ ของต้นแบบนี้

    GPU รุ่นนี้มี 18,432 CUDA cores, 192 ROPs, 576 TMUs, และหน่วยความจำขนาด 48GB GDDR6 บนบัส 384 บิต โดยมีความเร็วบูสต์สูงสุดถึง 2,490 MHz แต่ความเร็วพื้นฐานอยู่ที่ 735 MHz ซึ่งต่ำกว่ารุ่น RTX 40 series ที่มีอยู่ในตลาด

    เมื่อเปรียบเทียบกับ RTX 4090, RTX Titan Ada มีจำนวน shaders และความจุหน่วยความจำที่มากกว่า แต่มีแบนด์วิดท์หน่วยความจำที่ต่ำกว่าเนื่องจากใช้ GDDR6 แทน GDDR6X. การออกแบบนี้อาจเป็นผลมาจากการใช้ชิป AD102 ที่เปิดใช้งานเต็มรูปแบบ ซึ่งทำให้ RTX Titan Ada เป็น GPU รุ่นเดียวในตระกูล RTX 40 ที่มีชิปที่เปิดใช้งานเต็มรูปแบบ

    แม้ว่า RTX Titan Ada จะมีประสิทธิภาพที่สูงกว่า RTX 4090 ในบางด้าน แต่ NVIDIA อาจตัดสินใจไม่เปิดตัวผลิตภัณฑ์นี้เนื่องจากการแข่งขันภายในกับ GPU ระดับเวิร์กสเตชัน เช่น RTX 6000 Ada ที่มีราคาสูงถึง 6,800 ดอลลาร์สหรัฐ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/rtx-titan-ada-prototype-allegedly-surfaces-with-18-432-cuda-cores-and-48gb-vram-gpu-z-screenshot-shows-a-full-ad102-gpu-die
    สเปกของ GPU รุ่นใหม่จาก NVIDIA ที่ยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ RTX Titan Ada ได้ปรากฏบน Reddit โดยมีการแชร์ภาพหน้าจอจากโปรแกรม GPU-Z และภาพถ่ายของ GPU ที่มีการเปิดเผยรายละเอียดต่าง ๆ ของต้นแบบนี้ GPU รุ่นนี้มี 18,432 CUDA cores, 192 ROPs, 576 TMUs, และหน่วยความจำขนาด 48GB GDDR6 บนบัส 384 บิต โดยมีความเร็วบูสต์สูงสุดถึง 2,490 MHz แต่ความเร็วพื้นฐานอยู่ที่ 735 MHz ซึ่งต่ำกว่ารุ่น RTX 40 series ที่มีอยู่ในตลาด เมื่อเปรียบเทียบกับ RTX 4090, RTX Titan Ada มีจำนวน shaders และความจุหน่วยความจำที่มากกว่า แต่มีแบนด์วิดท์หน่วยความจำที่ต่ำกว่าเนื่องจากใช้ GDDR6 แทน GDDR6X. การออกแบบนี้อาจเป็นผลมาจากการใช้ชิป AD102 ที่เปิดใช้งานเต็มรูปแบบ ซึ่งทำให้ RTX Titan Ada เป็น GPU รุ่นเดียวในตระกูล RTX 40 ที่มีชิปที่เปิดใช้งานเต็มรูปแบบ แม้ว่า RTX Titan Ada จะมีประสิทธิภาพที่สูงกว่า RTX 4090 ในบางด้าน แต่ NVIDIA อาจตัดสินใจไม่เปิดตัวผลิตภัณฑ์นี้เนื่องจากการแข่งขันภายในกับ GPU ระดับเวิร์กสเตชัน เช่น RTX 6000 Ada ที่มีราคาสูงถึง 6,800 ดอลลาร์สหรัฐ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/rtx-titan-ada-prototype-allegedly-surfaces-with-18-432-cuda-cores-and-48gb-vram-gpu-z-screenshot-shows-a-full-ad102-gpu-die
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    RTX Titan Ada GPU allegedly emerges with 18,432 CUDA cores, 48GB VRAM
    Was there any doubt a more powerful RTX 4090 counterpart would not use a fully enabled AD102 die?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel ได้เปิดตัว GPU รุ่นใหม่ในซีรีส์ Battlemage โดย Arc B570 "Battlemage" ได้รับการทดสอบในฐานข้อมูล Geekbench OpenCL ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 มกราคมนี้

    Arc B570 มีหน่วยความจำ GDDR6 ขนาด 10 GB บนบัส 160 บิต และมีความเร็วบูสต์สูงสุดถึง 2.75 GHz ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เห็นความเร็วนี้ในรุ่น AIB แบบกำหนดเอง. GPU นี้ใช้ชิป BMG-G21 ที่มีขนาด 272 mm² และมีสเปคที่ลดลงจากรุ่น B580

    ข้อมูลการทดสอบใน Geekbench แสดงให้เห็นว่า Arc B570 ทำคะแนนได้ 86,716 คะแนนใน OpenCL ซึ่งช้ากว่า Arc B580 ประมาณ 12% ที่ทำคะแนนได้ระหว่าง 95,000-100,000 คะแนน. นอกจากนี้ยังมีการเปรียบเทียบกับ GPU อื่น ๆ เช่น RTX 4060 และ RX 7600 XT

    Arc B570 จะเปิดตัวในราคา 219 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น แต่รุ่นที่ออกแบบโดยพันธมิตรของ Intel จะมีราคาสูงกว่า แม้ว่า Arc B580 จะดูเหมือนมีความคุ้มค่ามากกว่า แต่เราจะต้องรอดูว่าผลิตภัณฑ์ใหม่นี้จะเป็นอย่างไรในตลาด

    https://wccf.tech/1ft50
    Intel ได้เปิดตัว GPU รุ่นใหม่ในซีรีส์ Battlemage โดย Arc B570 "Battlemage" ได้รับการทดสอบในฐานข้อมูล Geekbench OpenCL ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 มกราคมนี้ Arc B570 มีหน่วยความจำ GDDR6 ขนาด 10 GB บนบัส 160 บิต และมีความเร็วบูสต์สูงสุดถึง 2.75 GHz ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เห็นความเร็วนี้ในรุ่น AIB แบบกำหนดเอง. GPU นี้ใช้ชิป BMG-G21 ที่มีขนาด 272 mm² และมีสเปคที่ลดลงจากรุ่น B580 ข้อมูลการทดสอบใน Geekbench แสดงให้เห็นว่า Arc B570 ทำคะแนนได้ 86,716 คะแนนใน OpenCL ซึ่งช้ากว่า Arc B580 ประมาณ 12% ที่ทำคะแนนได้ระหว่าง 95,000-100,000 คะแนน. นอกจากนี้ยังมีการเปรียบเทียบกับ GPU อื่น ๆ เช่น RTX 4060 และ RX 7600 XT Arc B570 จะเปิดตัวในราคา 219 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น แต่รุ่นที่ออกแบบโดยพันธมิตรของ Intel จะมีราคาสูงกว่า แม้ว่า Arc B580 จะดูเหมือนมีความคุ้มค่ามากกว่า แต่เราจะต้องรอดูว่าผลิตภัณฑ์ใหม่นี้จะเป็นอย่างไรในตลาด https://wccf.tech/1ft50
    WCCF.TECH
    Intel Arc B570 "Battlemage" GPU Tested In Geekbench: Roughly 12% Slower Than Arc B580 For 12% Lower Price
    Intel's Battlemage-based Arc B570 GPU has been spotted in the Geekbench OpenCL database days ahead of its official launch.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไต้หวันมีแผนประจำการระบบป้องกันขีปนาวุธใหม่ล้ำสมัยจากสหรัฐฯ ในช่วงปลายปีนี้ จากคำแถลงของกระทรวงกลาโหม ตามรายงานข่าวของไทเปนิวส์ พร้อมระบุว่า ระบบขีปนาวุธยิงจากภาคพื้นสู่อากาศล้ำสมัย NASAMS จะถูกติดตั้งในตำแหน่งต่างๆ ที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ทางเหนือของเกาะ ในนั้นรวมถึงเขตซงซานของไทเป และเขตตั้นสุ่ย ในนิวไทเป
    .
    NASAMS ระบบป้องกันภัยทางอากาศพิสัยกลางที่ผลิตโดยบริษัทสัญชาตินอร์เวย์ สามารถใช้จัดการกับเครื่องบิน อากาศยานไร้คนขับและขีปนาวุธร่อน มันเป็นระบบที่บูรณาการเทคโนโลยีเรดาร์ล้ำสมัยเข้ากับระบบเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธีทางทหาร สำหรับตอบโต้ภัยคุกคามทางอากาศต่างๆ
    .
    สำนักงานความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศและความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (DSCA) อนุมัติขายระบบ NASAMS จำนวน 3 ชุด แก่ไต้หวัน ส่วนหนึ่งในแพกเกจอาวุธ 2,000 ล้านดอลลาร์ ที่แถลงออกมาเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน ซึ่งถือเป็นการอนุมัติขายอาวุธแก่ไต้หวันเป็นครั้งที่ 17 ภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน
    .
    กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุว่า การประจำการอาวุธดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งในความพยายามเสริมความเข้มแข็งแก่ศักยภาพด้านการป้องกันตนเอง ตอบสนองต่อความเคลื่อนไหวทางทหารที่เพิ่มขึ้นของจีน ในบริเวณช่องแคบไต้หวัน ทั้งนี้ NASAMS จะช่วยเสริมระบบป้องกันภัยทางอากาศต่างๆ ที่ไต้หวันมีอยู่ในปัจจุบัน ในนั้นรวมถึง Sky Sword II และ Sky Bow รวมไปถึงระบบขีปนาวุธล้ำสมัยแพทริออต PAC-3
    .
    นอกจากนี้ ไต้หวันยังลงนามสำหรับจัดหาระบบเรดาร์ electronic array แบบทั้ง L-band และไม่ใช่ L-band ซึ่งออกแบบมาเพื่อปรับปรุงอัตราการตรวจจับและต่อต้านการส่งสัญญาณรบกวน ระบบเรดาร์นี้จะถูกกระจายไปทั่วเกาะ มอบการป้องกันอย่างครอบคลุม ในขณะที่มีรายงานว่าทางกระทรวงจัดสรรงบประมาณสำหรับสัญญาณซื้อ NASAMS และเรดาร์ ไว้ที่ 737 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
    .
    คำแถลงนี้มีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดขั้่นสูงระหว่างปักกิ่งและไทเป เกี่ยวกับสถานะทางการเมืองของไต้หวัน โดยจีนมองเกาะปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตยแห่งนี้เป็นมณฑลหนึ่งของพวกเขาที่แยกตัวออกไป และประกาศจะทำการร่วมชาติกับไต้หวัน ในนั้นรวมถึงการใช้กำลังถ้าจำเป็น อย่างไรก็ตาม ไทเปปฏิเสธคำกล่าวอ้างของปักกิ่ง และยืนยันเกี่ยวกับอธิปไตยของตนเอง
    .
    รัฐบาลในไทเปประณามเกี่ยวกับการซ้อมรบทางทหารของปักกิ่งใกล้เกาะแห่งนี้ ที่ชักถี่ขึ้นในช่วงหลัง ว่าเป็นการยั่วยุและบ่อนทำลายเสถียรภาพในภูมิภาค
    .
    แม้สหรัฐฯ ยึดถืออย่างเป็นทางการต่อนโยบายจีนเดียว รับรองคำกล่าวอ้างของปักกิ่งที่มีเหนือไต้หวัน แต่พวกเขายังคงเดินหน้าขายอาวุธแก่เกาะแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้เมื่อเดือนธันวาคม อเมริกาเพิ่งอนุมัติร่างกฎหมายกลาโหมฉบับหนึ่งมูลค่า 895,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งในนั้นรวมถึงมาตรการต่างๆ ที่มีเจตนายกระดับสนับสนุนไทเป
    .
    ปักกิ่งคัดค้านอย่างแข็งกร้าวต่อความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ กำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่างๆ เล่นงานบริษัทกลาโหมอเมริกา 7 แห่งในเดือนธันวาคม และเมื่อช่วงต้นเดือน ได้แบนห้ามขายผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้ทั้งทางพลเรือนและทางทหารจำนวน 28 รายการ แก่เหล่าซัปพลายเออร์ของกองทัพอเมริกา อ้างว่ามีการละเมิดหลักการจีนเดียว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000003316
    ..............
    Sondhi X
    ไต้หวันมีแผนประจำการระบบป้องกันขีปนาวุธใหม่ล้ำสมัยจากสหรัฐฯ ในช่วงปลายปีนี้ จากคำแถลงของกระทรวงกลาโหม ตามรายงานข่าวของไทเปนิวส์ พร้อมระบุว่า ระบบขีปนาวุธยิงจากภาคพื้นสู่อากาศล้ำสมัย NASAMS จะถูกติดตั้งในตำแหน่งต่างๆ ที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ทางเหนือของเกาะ ในนั้นรวมถึงเขตซงซานของไทเป และเขตตั้นสุ่ย ในนิวไทเป . NASAMS ระบบป้องกันภัยทางอากาศพิสัยกลางที่ผลิตโดยบริษัทสัญชาตินอร์เวย์ สามารถใช้จัดการกับเครื่องบิน อากาศยานไร้คนขับและขีปนาวุธร่อน มันเป็นระบบที่บูรณาการเทคโนโลยีเรดาร์ล้ำสมัยเข้ากับระบบเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธีทางทหาร สำหรับตอบโต้ภัยคุกคามทางอากาศต่างๆ . สำนักงานความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศและความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (DSCA) อนุมัติขายระบบ NASAMS จำนวน 3 ชุด แก่ไต้หวัน ส่วนหนึ่งในแพกเกจอาวุธ 2,000 ล้านดอลลาร์ ที่แถลงออกมาเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน ซึ่งถือเป็นการอนุมัติขายอาวุธแก่ไต้หวันเป็นครั้งที่ 17 ภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน . กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุว่า การประจำการอาวุธดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งในความพยายามเสริมความเข้มแข็งแก่ศักยภาพด้านการป้องกันตนเอง ตอบสนองต่อความเคลื่อนไหวทางทหารที่เพิ่มขึ้นของจีน ในบริเวณช่องแคบไต้หวัน ทั้งนี้ NASAMS จะช่วยเสริมระบบป้องกันภัยทางอากาศต่างๆ ที่ไต้หวันมีอยู่ในปัจจุบัน ในนั้นรวมถึง Sky Sword II และ Sky Bow รวมไปถึงระบบขีปนาวุธล้ำสมัยแพทริออต PAC-3 . นอกจากนี้ ไต้หวันยังลงนามสำหรับจัดหาระบบเรดาร์ electronic array แบบทั้ง L-band และไม่ใช่ L-band ซึ่งออกแบบมาเพื่อปรับปรุงอัตราการตรวจจับและต่อต้านการส่งสัญญาณรบกวน ระบบเรดาร์นี้จะถูกกระจายไปทั่วเกาะ มอบการป้องกันอย่างครอบคลุม ในขณะที่มีรายงานว่าทางกระทรวงจัดสรรงบประมาณสำหรับสัญญาณซื้อ NASAMS และเรดาร์ ไว้ที่ 737 ล้านดอลลาร์สหรัฐ . คำแถลงนี้มีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดขั้่นสูงระหว่างปักกิ่งและไทเป เกี่ยวกับสถานะทางการเมืองของไต้หวัน โดยจีนมองเกาะปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตยแห่งนี้เป็นมณฑลหนึ่งของพวกเขาที่แยกตัวออกไป และประกาศจะทำการร่วมชาติกับไต้หวัน ในนั้นรวมถึงการใช้กำลังถ้าจำเป็น อย่างไรก็ตาม ไทเปปฏิเสธคำกล่าวอ้างของปักกิ่ง และยืนยันเกี่ยวกับอธิปไตยของตนเอง . รัฐบาลในไทเปประณามเกี่ยวกับการซ้อมรบทางทหารของปักกิ่งใกล้เกาะแห่งนี้ ที่ชักถี่ขึ้นในช่วงหลัง ว่าเป็นการยั่วยุและบ่อนทำลายเสถียรภาพในภูมิภาค . แม้สหรัฐฯ ยึดถืออย่างเป็นทางการต่อนโยบายจีนเดียว รับรองคำกล่าวอ้างของปักกิ่งที่มีเหนือไต้หวัน แต่พวกเขายังคงเดินหน้าขายอาวุธแก่เกาะแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้เมื่อเดือนธันวาคม อเมริกาเพิ่งอนุมัติร่างกฎหมายกลาโหมฉบับหนึ่งมูลค่า 895,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งในนั้นรวมถึงมาตรการต่างๆ ที่มีเจตนายกระดับสนับสนุนไทเป . ปักกิ่งคัดค้านอย่างแข็งกร้าวต่อความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ กำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่างๆ เล่นงานบริษัทกลาโหมอเมริกา 7 แห่งในเดือนธันวาคม และเมื่อช่วงต้นเดือน ได้แบนห้ามขายผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้ทั้งทางพลเรือนและทางทหารจำนวน 28 รายการ แก่เหล่าซัปพลายเออร์ของกองทัพอเมริกา อ้างว่ามีการละเมิดหลักการจีนเดียว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000003316 .............. Sondhi X
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 842 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาเรื่องลงทุนกันสักหน่อยครับ
    ข่าวล่าสุดจากเว็บไซต์ Wccftech รายงานว่า Goldman Sachs ได้ปรับลดอันดับหุ้นของ AMD จาก "ซื้อ" เป็น "เป็นกลาง" และลดราคาเป้าหมายจาก 175 ดอลลาร์สหรัฐเป็น 129 ดอลลาร์สหรัฐ การปรับลดนี้เกิดขึ้นเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของรายได้และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของ AMD ที่อาจได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของซีพียูที่ใช้สถาปัตยกรรม Arm

    เหตุผลในการปรับลดอันดับหุ้น:
    - การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากซีพียูที่ใช้สถาปัตยกรรม Arm
    - การเติบโตของรายได้จาก GPU สำหรับศูนย์ข้อมูลที่ช้ากว่าที่คาดไว้
    - ความอ่อนแอในความต้องการพีซีและเซิร์ฟเวอร์แบบดั้งเดิม

    การเปรียบเทียบกับตลาด:
    - หุ้นของ AMD เพิ่มขึ้นเพียง 50% ตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน 2020 ในขณะที่ S&P 500 เพิ่มขึ้น 72% ในช่วงเวลาเดียวกัน
    - การเติบโตที่ช้ากว่าคาดนี้ทำให้ตลาดขาดความเชื่อมั่นในอนาคตของ AMD

    การปรับลดอันดับหุ้นจากธนาคารอื่นๆ:
    - HSBC ปรับลดราคาเป้าหมายของหุ้น AMD จาก 200 ดอลลาร์สหรัฐเป็น 110 ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากแผนการพัฒนา GPU สำหรับ AI ของ AMD ที่ไม่สามารถแข่งขันได้ตามที่คาดหวัง
    - Bank of America (BofA) แสดงความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของผู้จำหน่ายซีพียูที่ใช้สถาปัตยกรรม Arm ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดเซิร์ฟเวอร์เพิ่มขึ้นถึง 7% ในไตรมาสที่ 3 ปี 2024

    การปรับลดอันดับหุ้นของ AMD จาก Goldman Sachs และธนาคารอื่นๆ แสดงให้เห็นถึงความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของบริษัทในตลาดที่มีการแข่งขันสูง แม้ว่า AMD จะมีความสามารถในการแข่งขันกับ Intel ในตลาดซีพียู x86 แต่การเพิ่มขึ้นของซีพียูที่ใช้สถาปัตยกรรม Arm อาจทำให้รายได้และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของ AMD ได้รับผลกระทบในอนาคตอันใกล้

    https://wccf.tech/1fsok
    มาเรื่องลงทุนกันสักหน่อยครับ ข่าวล่าสุดจากเว็บไซต์ Wccftech รายงานว่า Goldman Sachs ได้ปรับลดอันดับหุ้นของ AMD จาก "ซื้อ" เป็น "เป็นกลาง" และลดราคาเป้าหมายจาก 175 ดอลลาร์สหรัฐเป็น 129 ดอลลาร์สหรัฐ การปรับลดนี้เกิดขึ้นเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของรายได้และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของ AMD ที่อาจได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของซีพียูที่ใช้สถาปัตยกรรม Arm เหตุผลในการปรับลดอันดับหุ้น: - การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากซีพียูที่ใช้สถาปัตยกรรม Arm - การเติบโตของรายได้จาก GPU สำหรับศูนย์ข้อมูลที่ช้ากว่าที่คาดไว้ - ความอ่อนแอในความต้องการพีซีและเซิร์ฟเวอร์แบบดั้งเดิม การเปรียบเทียบกับตลาด: - หุ้นของ AMD เพิ่มขึ้นเพียง 50% ตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน 2020 ในขณะที่ S&P 500 เพิ่มขึ้น 72% ในช่วงเวลาเดียวกัน - การเติบโตที่ช้ากว่าคาดนี้ทำให้ตลาดขาดความเชื่อมั่นในอนาคตของ AMD การปรับลดอันดับหุ้นจากธนาคารอื่นๆ: - HSBC ปรับลดราคาเป้าหมายของหุ้น AMD จาก 200 ดอลลาร์สหรัฐเป็น 110 ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากแผนการพัฒนา GPU สำหรับ AI ของ AMD ที่ไม่สามารถแข่งขันได้ตามที่คาดหวัง - Bank of America (BofA) แสดงความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของผู้จำหน่ายซีพียูที่ใช้สถาปัตยกรรม Arm ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดเซิร์ฟเวอร์เพิ่มขึ้นถึง 7% ในไตรมาสที่ 3 ปี 2024 การปรับลดอันดับหุ้นของ AMD จาก Goldman Sachs และธนาคารอื่นๆ แสดงให้เห็นถึงความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของบริษัทในตลาดที่มีการแข่งขันสูง แม้ว่า AMD จะมีความสามารถในการแข่งขันกับ Intel ในตลาดซีพียู x86 แต่การเพิ่มขึ้นของซีพียูที่ใช้สถาปัตยกรรม Arm อาจทำให้รายได้และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของ AMD ได้รับผลกระทบในอนาคตอันใกล้ https://wccf.tech/1fsok
    WCCF.TECH
    After Barclays, Goldman Sachs Also Sours On AMD: "We Now Expect The Stock To Remain Range-Bound Until The Market Regains Confidence In AMD's Future Growth And Margin Trajectory"
    Goldman Sachs analyst Toshiya Hari has penned a new note on AMD, adopting a markedly cautious tone for the stock's near-term prospects.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิตาลีจะมีการควบคุมข้อมูลอย่างเต็มที่ภายใต้ข้อตกลงที่อาจเกิดขึ้นกับ Starlink ของ Elon Musk สำหรับการสื่อสารผ่านดาวเทียมที่ปลอดภัย ตัวแทนของบริษัทอวกาศของ Musk ในอิตาลีกล่าวว่า โรมกำลังพิจารณาใช้ระบบโทรคมนาคมของ Musk เพื่อให้การสื่อสารที่เข้ารหัสระหว่างรัฐบาล นักการทูตอิตาลี และเจ้าหน้าที่กลาโหมที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยง

    โครงการนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากพรรคฝ่ายค้านที่ตั้งคำถามว่าการจัดการการสื่อสารดังกล่าวควรจะมอบหมายให้กับบริษัทที่เป็นเจ้าของโดยมหาเศรษฐีเทคโนโลยีสหรัฐหรือไม่ Starlink ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจอวกาศ SpaceX ของ Musk มีดาวเทียมที่ใช้งานอยู่ 6,700 ดวงในวงโคจรต่ำของโลก และเป็นกำลังสำคัญในภาคส่วนนี้ อิตาลีกำลังพิจารณาข้อตกลงระยะเวลา 5 ปี มูลค่ารวม 1.5 พันล้านยูโร (ประมาณ 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อใช้งานของกิจการภายในของรัฐบาล

    Andrea Stroppa ที่ปรึกษาของ Elon Musk กล่าวกับสถานีโทรทัศน์แห่งชาติอิตาลี RAI ว่า "ข้อมูลจะยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเต็มที่ของสถาบันอิตาลี ซึ่งจะสามารถใช้เทคโนโลยีของสหรัฐได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ปกป้องผลประโยชน์ของชาติ" นายกรัฐมนตรี Giorgia Meloni ของอิตาลี ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายค้านเกี่ยวกับการเจรจาเนื่องจากความสัมพันธ์ที่ดีกับ Musk ได้ปฏิเสธข้อกังวลที่ว่าความสัมพันธ์เหล่านี้จะมีอิทธิพลต่อการประเมินโครงการ

    การควบคุมข้อมูลอย่างเต็มที่ของอิตาลีในข้อตกลงนี้เป็นประเด็นสำคัญที่ช่วยให้รัฐบาลสามารถใช้เทคโนโลยีขั้นสูงของสหรัฐได้โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูล ข้อตกลงนี้ยังเป็นการตอบสนองต่อความต้องการในการสื่อสารที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูง

    ในความคิดลุงคือ เพื่อความมั่นคงแห่งรัฐ อิตาลีไม่ควรจะใช้หรือพึ่งพิงดาวเทียมของอเมริกากับ กิจการภายในและภายนอกของรัฐบาล ซึ่งถือเป็นความลับ ไม่ว่าจะเกิดการสอดส่อง copy ข้อมูลโดยคำสั่งของอเมีริกาเอง หรือ อเมริกาสั่งให้ตัดการสื่อสาร จะทำให้หน่วยงานความมั่นคงของอิตาลีทำงา่นไม่ได้เต็ม 100%

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/10/italy-will-fully-control-data-in-any-starlink-deal-musk-adviser-says
    อิตาลีจะมีการควบคุมข้อมูลอย่างเต็มที่ภายใต้ข้อตกลงที่อาจเกิดขึ้นกับ Starlink ของ Elon Musk สำหรับการสื่อสารผ่านดาวเทียมที่ปลอดภัย ตัวแทนของบริษัทอวกาศของ Musk ในอิตาลีกล่าวว่า โรมกำลังพิจารณาใช้ระบบโทรคมนาคมของ Musk เพื่อให้การสื่อสารที่เข้ารหัสระหว่างรัฐบาล นักการทูตอิตาลี และเจ้าหน้าที่กลาโหมที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยง โครงการนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากพรรคฝ่ายค้านที่ตั้งคำถามว่าการจัดการการสื่อสารดังกล่าวควรจะมอบหมายให้กับบริษัทที่เป็นเจ้าของโดยมหาเศรษฐีเทคโนโลยีสหรัฐหรือไม่ Starlink ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจอวกาศ SpaceX ของ Musk มีดาวเทียมที่ใช้งานอยู่ 6,700 ดวงในวงโคจรต่ำของโลก และเป็นกำลังสำคัญในภาคส่วนนี้ อิตาลีกำลังพิจารณาข้อตกลงระยะเวลา 5 ปี มูลค่ารวม 1.5 พันล้านยูโร (ประมาณ 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อใช้งานของกิจการภายในของรัฐบาล Andrea Stroppa ที่ปรึกษาของ Elon Musk กล่าวกับสถานีโทรทัศน์แห่งชาติอิตาลี RAI ว่า "ข้อมูลจะยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเต็มที่ของสถาบันอิตาลี ซึ่งจะสามารถใช้เทคโนโลยีของสหรัฐได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ปกป้องผลประโยชน์ของชาติ" นายกรัฐมนตรี Giorgia Meloni ของอิตาลี ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายค้านเกี่ยวกับการเจรจาเนื่องจากความสัมพันธ์ที่ดีกับ Musk ได้ปฏิเสธข้อกังวลที่ว่าความสัมพันธ์เหล่านี้จะมีอิทธิพลต่อการประเมินโครงการ การควบคุมข้อมูลอย่างเต็มที่ของอิตาลีในข้อตกลงนี้เป็นประเด็นสำคัญที่ช่วยให้รัฐบาลสามารถใช้เทคโนโลยีขั้นสูงของสหรัฐได้โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูล ข้อตกลงนี้ยังเป็นการตอบสนองต่อความต้องการในการสื่อสารที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูง ในความคิดลุงคือ เพื่อความมั่นคงแห่งรัฐ อิตาลีไม่ควรจะใช้หรือพึ่งพิงดาวเทียมของอเมริกากับ กิจการภายในและภายนอกของรัฐบาล ซึ่งถือเป็นความลับ ไม่ว่าจะเกิดการสอดส่อง copy ข้อมูลโดยคำสั่งของอเมีริกาเอง หรือ อเมริกาสั่งให้ตัดการสื่อสาร จะทำให้หน่วยงานความมั่นคงของอิตาลีทำงา่นไม่ได้เต็ม 100% https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/10/italy-will-fully-control-data-in-any-starlink-deal-musk-adviser-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Italy will fully control data in any Starlink deal, Musk adviser says
    MILAN (Reuters) - Italy would have full control of its data under any potential deal struck with Elon Musk's Starlink for secure satellite communications, an Italian representative for the billionaire's aerospace businesses said.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เหยื่ออารมณ์ของอเมริกาอีกคน"
    สหรัฐประกาศเพิ่มรางวัล 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับผู้จับกุมมาดูโรแห่งเวเนซุเอลา

    การเพิ่มเงินรางวัลครั้งนี้ เป็นมาตรการตอบโต้เพื่อลงโทษมาดูโรผู้นำของเวเนซุเอลา "ที่ไม่ยอมสละอำนาจ" และเพิ่งเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งไปไม่นาน

    "มาดูโร" คงไม่ได้ตกใจอะไร เพราะเขามี อัล-จารา ผู้นำกลุ่มก่อการร้าย HTS "เป็นตัวอย่าง" ที่ขณะนี้กำลังปกครองซีเรีย หลังจากใช้กำลังทหารยึดอำนาจมาจากรัฐบาลอัสซาด
    "เหยื่ออารมณ์ของอเมริกาอีกคน" สหรัฐประกาศเพิ่มรางวัล 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับผู้จับกุมมาดูโรแห่งเวเนซุเอลา การเพิ่มเงินรางวัลครั้งนี้ เป็นมาตรการตอบโต้เพื่อลงโทษมาดูโรผู้นำของเวเนซุเอลา "ที่ไม่ยอมสละอำนาจ" และเพิ่งเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งไปไม่นาน "มาดูโร" คงไม่ได้ตกใจอะไร เพราะเขามี อัล-จารา ผู้นำกลุ่มก่อการร้าย HTS "เป็นตัวอย่าง" ที่ขณะนี้กำลังปกครองซีเรีย หลังจากใช้กำลังทหารยึดอำนาจมาจากรัฐบาลอัสซาด
    Like
    Love
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 298 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัทไทยเพิ่งชนะประมูลผลิตไฟจากโซลาร์ฟาร์มที่อินเดียราคา 1.09 บาทตลอด25ปี แต่นายกฯจะให้กกพ.รับซื้อราคา 2.17 บาทตลอด 25 ปี!!??

    ข่าวจากฐานเศรษฐกิจว่าบริษัทGPSC ของไทยคว้าโซลาร์ฯ ในอินเดียกำลังผลิต 421 เมกฯเพิ่มไฟฟ้าสีเขียว ดันกำลังการผลิตในประเทศอินเดียพุ่งสูงกว่า 5,000 เมกะวัตต์ ในราคา2.70 รูปี (0.03ดอลลาร์สหรัฐ) เทียบเป็นเงินไทย 1.09 บาท/หน่วย เป็นเวลา 25ปี

    ตามเงื่อนไขการประมูล ซึ่งจะมีการลงนามซื้อขายไฟฟ้า หรือ PPA ที่มีอายุสัญญารับซื้อเป็นเวลา 25 ปี แผนการดำเนินโครงการต้องให้แล้วเสร็จภายใน 18 เดือน โดยคาดว่าจะผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 750 ล้านหน่วยต่อปี สามารถจ่ายไฟฟ้าครอบคลุมภาคครัวเรือน ประมาณ 5 แสนครัวเรือนด้วยพลังงานสะอาด และยังมีส่วนสำคัญต่อการลดการปล่อย CO2 สู่ชั้นบรรยากาศเทียบเท่า 698,250 ตันต่อปี

    อินเดียประมูลซื้อขายไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ลดลงตลอดอย่างน่าทึ่ง เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 อินเดียประมูลซื้อไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ได้ในราคา 1.44 บาท/หน่วย พร้อมแบตเตอรี่

    แต่ประเทศไทยโดย คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)ภายใต้นโยบายของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)ที่มีนายกรัฐมนตรี
    แพทองธารเป็นประธาน ประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากแสงแดดในราคา 2.17 บาท/หน่วยโดยไม่มีแบตเตอรี่ เป็นเวลา25ปี และให้เวลาเข้าสู่ระบบได้ตั้งแต่ 2-5 ปี (2570-2573) ตามแผนพัฒนาพลังงาน(PDP) 2018

    ต้องถามว่ากกพ.ประกาศทำตามมติ กพช. ที่ให้ล็อคทั้งชื่อบริษัท และ ราคา โดยไม่ใช่การประมูล เรียกว่าเหมือนการประกวดนางงามบริษัทที่ใช้ดุลยพินิจเป็นหลัก บริษัทที่ผ่านเข้ารอบดูเพียงคุณสมบัติ แต่ไม่ให้มีการประมูลราคาที่บริษัทจะขายในราคาต่ำที่สุดซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประชาชนผู้ใช้ไฟอย่างแท้จริง

    ที่น่าสนใจคือ บริษัทGPSC ที่ชนะการประมูลผลิตโซลาร์ฟาร์มที่อินเดียในราคา 1.09 บาท ก็อยู่ในลิสต์รายชื่อบริษัทอันดับที่5 เสนอขายไฟฟ้า 118 เมกกะวัตต์ ที่กกพ.จะประกาศให้เป็นผู้มาทำสัญญาขายไฟในราคา 2.17 บาทโดยไม่มีแบตเตอรี่ (การมีแบตเตอรี่จะทำให้สามารถจ่ายไฟได้ทั้งกลางวันและกลางคืน)

    ส่วนการไฟฟ้าฝ่ายผลิต(กฟผ.) เสนอว่าสามารถผลิตได้ในราคา 1.50 บาท/หน่วย แต่ กกพ. ไม่ให้มาแข่งกับเอกชน ซึ่งที่จริงไม่ใช่การแข่งด้วยซ้ำ
    เพราะกพช. กำหนดราคาตายตัวไว้เลยที่2.17 บาท/หน่วย แสดงว่าจงใจให้บริษัทเอกชนได้กำไรเห็นๆ ไปยาวๆ 25ปี และไม่ต้องการให้กฟผ.ผลิตทั้งที่ทำได้ถูกกว่า เเละกฟผ.มีหน้าที่ผลิตไฟฟ้าโดยตรง แต่กำลังจะทำให้ กฟผ.กลายเป็น กฟซ.
    หรือการไฟฟ้าฝ่ายซื้อ(ไฟแพง)จากเอกชนมาขายประชาชนเป็นหลัก

    ราคาพลังงานไฟฟ้าไม่มีทางถูกในระบบผูกขาดกินรวบของระบอบธุรกิจการเมือง

    ค่าไฟถูกจะเป็นเพียงกลยุทธ์ประชานิยมเพื่อหวังสร้างคะแนนเสียงชั่วครั้งชั่วคราวของรัฐบาลและพรรคการเมืองเท่านั้น

    ถ้าจะทำให้ค่าไฟราคาถูกอย่างเป็นธรรมได้ ต้องปรับโครงสร้างพลังงานให้โปร่งใส มีธรรมาภิบาล และไม่ผูกขาดเท่านั้น ที่ประชาชนจะได้ค่าไฟที่เป็นธรรมอย่างถาวร

    ประชาชนควรตั้งคำถามว่ารัฐบาลไทยโง่กว่ารัฐบาลประเทศอื่น หรือจงใจคอร์รัปชันเชิงนโยบายผ่องถ่ายกำไรมหาศาลให้กลุ่มธุรกิจเอกชนกันแน่??!!

    รสนา โตสิตระกูล
    10 มกราคม 2568
    บริษัทไทยเพิ่งชนะประมูลผลิตไฟจากโซลาร์ฟาร์มที่อินเดียราคา 1.09 บาทตลอด25ปี แต่นายกฯจะให้กกพ.รับซื้อราคา 2.17 บาทตลอด 25 ปี!!?? ข่าวจากฐานเศรษฐกิจว่าบริษัทGPSC ของไทยคว้าโซลาร์ฯ ในอินเดียกำลังผลิต 421 เมกฯเพิ่มไฟฟ้าสีเขียว ดันกำลังการผลิตในประเทศอินเดียพุ่งสูงกว่า 5,000 เมกะวัตต์ ในราคา2.70 รูปี (0.03ดอลลาร์สหรัฐ) เทียบเป็นเงินไทย 1.09 บาท/หน่วย เป็นเวลา 25ปี ตามเงื่อนไขการประมูล ซึ่งจะมีการลงนามซื้อขายไฟฟ้า หรือ PPA ที่มีอายุสัญญารับซื้อเป็นเวลา 25 ปี แผนการดำเนินโครงการต้องให้แล้วเสร็จภายใน 18 เดือน โดยคาดว่าจะผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 750 ล้านหน่วยต่อปี สามารถจ่ายไฟฟ้าครอบคลุมภาคครัวเรือน ประมาณ 5 แสนครัวเรือนด้วยพลังงานสะอาด และยังมีส่วนสำคัญต่อการลดการปล่อย CO2 สู่ชั้นบรรยากาศเทียบเท่า 698,250 ตันต่อปี อินเดียประมูลซื้อขายไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ลดลงตลอดอย่างน่าทึ่ง เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 อินเดียประมูลซื้อไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ได้ในราคา 1.44 บาท/หน่วย พร้อมแบตเตอรี่ แต่ประเทศไทยโดย คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)ภายใต้นโยบายของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)ที่มีนายกรัฐมนตรี แพทองธารเป็นประธาน ประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากแสงแดดในราคา 2.17 บาท/หน่วยโดยไม่มีแบตเตอรี่ เป็นเวลา25ปี และให้เวลาเข้าสู่ระบบได้ตั้งแต่ 2-5 ปี (2570-2573) ตามแผนพัฒนาพลังงาน(PDP) 2018 ต้องถามว่ากกพ.ประกาศทำตามมติ กพช. ที่ให้ล็อคทั้งชื่อบริษัท และ ราคา โดยไม่ใช่การประมูล เรียกว่าเหมือนการประกวดนางงามบริษัทที่ใช้ดุลยพินิจเป็นหลัก บริษัทที่ผ่านเข้ารอบดูเพียงคุณสมบัติ แต่ไม่ให้มีการประมูลราคาที่บริษัทจะขายในราคาต่ำที่สุดซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประชาชนผู้ใช้ไฟอย่างแท้จริง ที่น่าสนใจคือ บริษัทGPSC ที่ชนะการประมูลผลิตโซลาร์ฟาร์มที่อินเดียในราคา 1.09 บาท ก็อยู่ในลิสต์รายชื่อบริษัทอันดับที่5 เสนอขายไฟฟ้า 118 เมกกะวัตต์ ที่กกพ.จะประกาศให้เป็นผู้มาทำสัญญาขายไฟในราคา 2.17 บาทโดยไม่มีแบตเตอรี่ (การมีแบตเตอรี่จะทำให้สามารถจ่ายไฟได้ทั้งกลางวันและกลางคืน) ส่วนการไฟฟ้าฝ่ายผลิต(กฟผ.) เสนอว่าสามารถผลิตได้ในราคา 1.50 บาท/หน่วย แต่ กกพ. ไม่ให้มาแข่งกับเอกชน ซึ่งที่จริงไม่ใช่การแข่งด้วยซ้ำ เพราะกพช. กำหนดราคาตายตัวไว้เลยที่2.17 บาท/หน่วย แสดงว่าจงใจให้บริษัทเอกชนได้กำไรเห็นๆ ไปยาวๆ 25ปี และไม่ต้องการให้กฟผ.ผลิตทั้งที่ทำได้ถูกกว่า เเละกฟผ.มีหน้าที่ผลิตไฟฟ้าโดยตรง แต่กำลังจะทำให้ กฟผ.กลายเป็น กฟซ. หรือการไฟฟ้าฝ่ายซื้อ(ไฟแพง)จากเอกชนมาขายประชาชนเป็นหลัก ราคาพลังงานไฟฟ้าไม่มีทางถูกในระบบผูกขาดกินรวบของระบอบธุรกิจการเมือง ค่าไฟถูกจะเป็นเพียงกลยุทธ์ประชานิยมเพื่อหวังสร้างคะแนนเสียงชั่วครั้งชั่วคราวของรัฐบาลและพรรคการเมืองเท่านั้น ถ้าจะทำให้ค่าไฟราคาถูกอย่างเป็นธรรมได้ ต้องปรับโครงสร้างพลังงานให้โปร่งใส มีธรรมาภิบาล และไม่ผูกขาดเท่านั้น ที่ประชาชนจะได้ค่าไฟที่เป็นธรรมอย่างถาวร ประชาชนควรตั้งคำถามว่ารัฐบาลไทยโง่กว่ารัฐบาลประเทศอื่น หรือจงใจคอร์รัปชันเชิงนโยบายผ่องถ่ายกำไรมหาศาลให้กลุ่มธุรกิจเอกชนกันแน่??!! รสนา โตสิตระกูล 10 มกราคม 2568
    Like
    6
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 479 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลเนเธอร์แลนด์กำลังเจรจากับบริษัท Nvidia และ AMD ของสหรัฐอเมริกา เพื่อจัดหาฮาร์ดแวร์และความรู้ทางเทคโนโลยีสำหรับการสร้างศูนย์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในประเทศเนเธอร์แลนด์

    รัฐบาลเนเธอร์แลนด์มีแผนที่จะสร้างศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI เพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการของสหภาพยุโรปในการเสริมสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลของยุโรป เมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ได้จัดสรรงบประมาณ 204.5 ล้านยูโร (ประมาณ 210 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับการลงทุนใน AI และยังมีแผนที่จะใช้เงินสนับสนุนจากสหภาพยุโรปด้วย

    นาย Dirk Beljaarts รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจของเนเธอร์แลนด์ กล่าวว่า โอกาสในการสร้างโครงการนี้เพิ่มขึ้นเนื่องจากการเจรจากับ Nvidia และ AMD แม้ว่าเขาจะไม่ได้ให้รายละเอียดเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับการเจรจา

    การสร้างศูนย์ AI ในเนเธอร์แลนด์จะช่วยเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของยุโรปในด้านเทคโนโลยี AI และเป็นการตอบสนองต่อการแข่งขันที่รุนแรงในระดับโลก การเจรจานี้เป็นก้าวสำคัญในการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาสู่ยุโรปและเสริมสร้างความสามารถในการวิจัยและพัฒนาในภูมิภาคนี้

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/09/netherlands-secures-nvidia039s-supply-for-possible-ai-facility
    รัฐบาลเนเธอร์แลนด์กำลังเจรจากับบริษัท Nvidia และ AMD ของสหรัฐอเมริกา เพื่อจัดหาฮาร์ดแวร์และความรู้ทางเทคโนโลยีสำหรับการสร้างศูนย์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในประเทศเนเธอร์แลนด์ รัฐบาลเนเธอร์แลนด์มีแผนที่จะสร้างศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI เพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการของสหภาพยุโรปในการเสริมสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลของยุโรป เมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ได้จัดสรรงบประมาณ 204.5 ล้านยูโร (ประมาณ 210 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับการลงทุนใน AI และยังมีแผนที่จะใช้เงินสนับสนุนจากสหภาพยุโรปด้วย นาย Dirk Beljaarts รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจของเนเธอร์แลนด์ กล่าวว่า โอกาสในการสร้างโครงการนี้เพิ่มขึ้นเนื่องจากการเจรจากับ Nvidia และ AMD แม้ว่าเขาจะไม่ได้ให้รายละเอียดเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับการเจรจา การสร้างศูนย์ AI ในเนเธอร์แลนด์จะช่วยเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของยุโรปในด้านเทคโนโลยี AI และเป็นการตอบสนองต่อการแข่งขันที่รุนแรงในระดับโลก การเจรจานี้เป็นก้าวสำคัญในการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาสู่ยุโรปและเสริมสร้างความสามารถในการวิจัยและพัฒนาในภูมิภาคนี้ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/09/netherlands-secures-nvidia039s-supply-for-possible-ai-facility
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Netherlands holds supply talks with Nvidia, AMD on AI-facility
    AMSTERDAM (Reuters) - The Dutch government said on Thursday it is in discussions with U.S. chip firms Nvidia and AMD about suppling hardware and technological knowledge for a possible artificial intelligence (AI) facility.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 193 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia ได้เปิดเผยแผนการเข้าสู่ตลาดซีพียูสำหรับผู้บริโภค โดยในงาน CES 2025 Nvidia ได้เปิดตัว Project Digits ซึ่งเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่มีซีพียู GB10 Grace Blackwell Superchip ที่พัฒนาร่วมกับ MediaTek

    Project Digits มีพลังการประมวลผล AI สูงถึงหนึ่งเพตาฟลอป ซึ่งเทียบเท่ากับพลังการประมวลผลของศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ แต่มีขนาดเล็กเท่ากับก้อนอิฐ และมีราคาอยู่ที่ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เหมาะสำหรับนักพัฒนา AI มากกว่าผู้บริโภคทั่วไป

    การร่วมมือกับ MediaTek ในการพัฒนา GB10 Superchip แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของ Nvidia ที่จะพัฒนาซีพียูสำหรับผู้บริโภคและแข่งขันในตลาดที่ปัจจุบันถูกครอบครองโดย Intel, AMD และ Qualcomm. นอกจากนี้ Nvidia ยังมีแผนที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ที่รองรับทั้งระบบปฏิบัติการ Linux และ Windows เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างราบรื่น

    การเข้าสู่ตลาดซีพียูของ Nvidia เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ตลาดซีพียูกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดย Qualcomm ได้เปิดตัวซีพียู Snapdragon X Elite ที่มีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานเทียบเท่ากับ MacBook ของ Apple. การแข่งขันระหว่างสถาปัตยกรรม x86 และ Arm กำลังทวีความรุนแรงขึ้น และปี 2025 อาจเป็นปีที่สำคัญในการต่อสู้ครั้งนี้

    https://www.techspot.com/news/106264-nvidia-ceo-teases-plans-consumer-cpu-following-project.html
    Nvidia ได้เปิดเผยแผนการเข้าสู่ตลาดซีพียูสำหรับผู้บริโภค โดยในงาน CES 2025 Nvidia ได้เปิดตัว Project Digits ซึ่งเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่มีซีพียู GB10 Grace Blackwell Superchip ที่พัฒนาร่วมกับ MediaTek Project Digits มีพลังการประมวลผล AI สูงถึงหนึ่งเพตาฟลอป ซึ่งเทียบเท่ากับพลังการประมวลผลของศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ แต่มีขนาดเล็กเท่ากับก้อนอิฐ และมีราคาอยู่ที่ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เหมาะสำหรับนักพัฒนา AI มากกว่าผู้บริโภคทั่วไป การร่วมมือกับ MediaTek ในการพัฒนา GB10 Superchip แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของ Nvidia ที่จะพัฒนาซีพียูสำหรับผู้บริโภคและแข่งขันในตลาดที่ปัจจุบันถูกครอบครองโดย Intel, AMD และ Qualcomm. นอกจากนี้ Nvidia ยังมีแผนที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ที่รองรับทั้งระบบปฏิบัติการ Linux และ Windows เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างราบรื่น การเข้าสู่ตลาดซีพียูของ Nvidia เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ตลาดซีพียูกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดย Qualcomm ได้เปิดตัวซีพียู Snapdragon X Elite ที่มีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานเทียบเท่ากับ MacBook ของ Apple. การแข่งขันระหว่างสถาปัตยกรรม x86 และ Arm กำลังทวีความรุนแรงขึ้น และปี 2025 อาจเป็นปีที่สำคัญในการต่อสู้ครั้งนี้ https://www.techspot.com/news/106264-nvidia-ceo-teases-plans-consumer-cpu-following-project.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Nvidia CEO teases plans for consumer CPU following Project Digits and GB10 CPU unveiling
    Nvidia has sparked speculation about its entry into the consumer CPU market with the unveiling of Project Digits at CES 2025. The $3,000 personal AI supercomputer features...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Semiconductor Manufacturing International Corporation (SMIC) ของจีน มีศักยภาพที่จะตามทัน Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) ในด้านมูลค่าตลาด โดยนาย Wong Kok Hoi ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ APS Asset Management เชื่อว่า SMIC จะสามารถลดช่องว่างระหว่างสองบริษัทนี้ได้ในอนาคต

    นาย Wong Kok Hoi เชื่อว่า SMIC มีข้อได้เปรียบจากทรัพยากรมนุษย์และการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถดำเนินงานในขนาดใหญ่ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาลูกค้าจากตะวันตก นอกจากนี้ ตลาดภายในประเทศจีนที่ใหญ่โตยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ SMIC สามารถทำกำไรได้โดยไม่ต้องพึ่งพาตลาดสหรัฐอเมริกา

    นาย Wong ยังกล่าวถึงความสำคัญของการพัฒนาอุปกรณ์ EUV lithography ซึ่งหากบริษัทจีนสามารถพัฒนาได้สำเร็จ จะทำให้สงครามชิปสิ้นสุดลง และบริษัทสหรัฐอเมริกาจะประสบปัญหาใหญ่เนื่องจากบริษัทจีนจะไม่ต้องการซื้ออุปกรณ์หรือชิปจากสหรัฐอเมริกาอีกต่อไป

    TSMC เป็นผู้ผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าตลาดล่าสุดอยู่ที่ 841 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีความร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น Apple, NVIDIA และ AMD. ในขณะที่ SMIC เป็นผู้ผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในจีน แต่ยังคงประสบปัญหาในการพัฒนาชิปที่มีเทคโนโลยีสูงกว่า 7 นาโนเมตร เนื่องจากการคว่ำบาตรจากสหรัฐอเมริกา

    https://wccf.tech/1fsi0
    บริษัท Semiconductor Manufacturing International Corporation (SMIC) ของจีน มีศักยภาพที่จะตามทัน Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) ในด้านมูลค่าตลาด โดยนาย Wong Kok Hoi ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ APS Asset Management เชื่อว่า SMIC จะสามารถลดช่องว่างระหว่างสองบริษัทนี้ได้ในอนาคต นาย Wong Kok Hoi เชื่อว่า SMIC มีข้อได้เปรียบจากทรัพยากรมนุษย์และการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถดำเนินงานในขนาดใหญ่ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาลูกค้าจากตะวันตก นอกจากนี้ ตลาดภายในประเทศจีนที่ใหญ่โตยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ SMIC สามารถทำกำไรได้โดยไม่ต้องพึ่งพาตลาดสหรัฐอเมริกา นาย Wong ยังกล่าวถึงความสำคัญของการพัฒนาอุปกรณ์ EUV lithography ซึ่งหากบริษัทจีนสามารถพัฒนาได้สำเร็จ จะทำให้สงครามชิปสิ้นสุดลง และบริษัทสหรัฐอเมริกาจะประสบปัญหาใหญ่เนื่องจากบริษัทจีนจะไม่ต้องการซื้ออุปกรณ์หรือชิปจากสหรัฐอเมริกาอีกต่อไป TSMC เป็นผู้ผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าตลาดล่าสุดอยู่ที่ 841 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีความร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น Apple, NVIDIA และ AMD. ในขณะที่ SMIC เป็นผู้ผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในจีน แต่ยังคงประสบปัญหาในการพัฒนาชิปที่มีเทคโนโลยีสูงกว่า 7 นาโนเมตร เนื่องจากการคว่ำบาตรจากสหรัฐอเมริกา https://wccf.tech/1fsi0
    WCCF.TECH
    SMIC Will Catch Up With TSMC's 'Trillion Dollar' Market Cap, Says Hedge Fund Boss
    China's SMIC will catch up to TSMC in market value with key breakthrough being EUV equipment, believes a hedge fund boss.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 275 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมตา แพลตฟอร์มส์ บริษัทสื่อสังคมออนไลน์ ยกเลิกโครงการตรวจสอบข้อเท็จจริง (Fact-Checking) ในสหรัฐฯ และลดข้อจำกัดการสนทนาในหัวข้อซึ่งเป็นที่ถกเถียงต่างๆ อย่างเช่นผู้อพยพและความเท่าเทียมทางเพศ ยอมจำนนต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากพวกหัวอนุรักษนิยมทั้งหลาย ในนั้นรวมถึงว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เตรียมเข้ารับตำแหน่งเป็นสมัย 2
    .
    ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นการยกเครื่องครั้งใหญ่ที่สุดในช่วงความทรงจำเมื่อเร็วๆ นี้ของเมตา ในแนวทางบริหารจัดการกับเนื้อหาทางการเมืองในบริการของพวกเขา และมีขึ้นในขณะที่ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของบริษัทส่งสัญญาณปรารถนาปรับความเข้าใจกับว่าที่รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ
    .
    การเปลี่ยนแปลงจะครอบคลุมถึงเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และเธรดส์ ซึ่งเป็น 3 แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีผู้ใช้ทั่วโลกมากกว่า 3 ล้านคน
    .
    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เมตา ดัน โจเอล คาแพลน ผู้บริหารระดับสูงฝ่ายนโยบายที่สนับสนุนรีพับลิกัน ขึ้นเป็นหัวหน้าฝ่ายกิจการระหว่างประเทศ และในวันจันทร์ (6 ม.ค.) แถลงว่า ได้แต่งตั้ง ดานา ไวท์ ซีอีโอของอัลติเมทไฟต์ติงแชมเปียนชิพ และเพื่อนใกล้ชิดของทรัมป์ เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัท
    .
    ซัคเคอร์เบิร์กกล่าวในวิดีโอว่า "เราไปถึงจุดๆ หนึ่ง ที่มันมีความผิดพลาดมากมายมากเกินไป และเป็นการคัดครองมากเกินไป มันถึงเวลาแล้วที่จะกลับสู่รากเหง้าของเราเกี่ยวกับเสรีภาพในการแสดงออก" ทั้งนี้มีรายงานว่า ซัคเคอร์เบิร์ก มีแผนนำระบบ "Community Notes"มาใช้ แบบเดียวกับที่ใช้บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ของอีลอน มัสก์
    .
    นอกจากนี้แล้ว เมตาจะโฟกัสไปที่ระบบอัตโนมัติในการลบ "เนื้อหาที่อ่อนไหวสูงและผิดกฎหมาย" อย่างเช่นก่อการร้ายและยาเสพติด ซัคเตอร์เบิร์กล่าว พร้อมระบุว่าจะหยุดสแกนเชิงรุกหาวาทกรรมแห่งความเกลียดชังและการละเมิดกฎรูปแบบอื่นๆ และจะทบทวนตรวจสอบโพสต์เหล่านั้น ตอบสนองต่อรายงานของผู้ใช้เท่านั้น
    .
    การถึงจุดจบของการตรวจสอบข้อเท็จจริง (Fact-Checking) ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี 2016 สร้างความแปลกใจแก่องค์กรพันธมิตรทั้งหลาย "เราไม่รู้ว่าความเคลื่อนไหวนี้กำลังเกิดขึ้น และมันเป็นเรื่องช็อกสำหรับเรา ชัดเจนว่ามันจะส่งผลกระทบกับเรา" เจนซี สติลเลอร์ บรรณาธิการบริหารของ Check Your Fact ระบุ
    .
    คริสติน โรเบิร์ตส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเนื้อหาของ Gannett Media ระบุว่า "ความจริงและข้อเท็จจริงรับใช้ทุกๆ คน ไม่ใช่แค่ฝ่ายขวาหรือฝ่ายซ้าย และนั่นคือสิ่งที่เราจะต้องเดินหน้าต่อไป เราทราบข่าวนี้พร้อมๆ กับทุกคนในวันนี้ มันส่งผลกระทบอย่างหนักต่อประชาคมตรวจสอบข้อเท็จจริงและสื่อมวลชน เรากำลังประเมินสถานการณ์"
    .
    เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซัคเคอร์เบิร์ก แสดงความเสียใจต่อการกลั่นกรองเนื้อหาบางอย่างในหัวข้อต่างๆ ในนั้นรวมถึงโควิด-19 นอกจากนี้แล้ว เมตายังบริจาคเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เข้ากองทุนสาบานตนของทรัมป์ ความเคลื่อนไหวที่ต่างจากแนวทางปฏิบัติในอดีตของบริษัท
    .
    "นี่คือการก้าวถอยหลังครั้งใหญ่ สำหรับการกลั่นกรองเนื้อหาในช่วงเวลาหนึ่งๆ ที่เนื้อหาบิดเบือนข้อมูลและเป็นอันตรายที่เติบโตเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา" จากความเห็นของ รอส เบอร์ลีย์ ผู้ก่อตั้งองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Centre for Information Resilience "ความเคลื่อนไหวนี้ ดูเหมือนเป็นการเอาอกเอาใจทางการเมือง มากกว่าที่จะเป็นนโยบายที่ฉลาด"
    .
    สำหรับเวลานี้ เมตามีแผนเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้เฉพาะตลาดสหรัฐฯ โดยยังไม่มีแผนยุติโปรแกรม fact-checking ในดินแดนอื่นๆ อย่างเช่นสหภาพยุโรป ที่จะใช้แนวทางกระตือรือร้นมากกว่าในการกำหนดกฎระเบียบกับบรรดาบริษัทเทคโนโลยีทั้งหลาย โฆษกบอกกับรอยเตอร์
    .
    ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อถูกถามเกี่ยวกับแผนยุติโปรแกรม fact-checking ของเมตา แพลตฟอร์มส์ โดยระบุว่า "พวกเขาก้าวหน้าไปมาก เมตา ชายผู้ชื่อ ซัคเคอร์เบิร์ก น่าประทับใจอย่างมก" ทรัมป์ระบุบางที ซัคเคอร์เบิร์ก อาจตอบสนองต่อเหตุคำขู่ต่างๆ ที่มีต่อตัวเขา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001966
    ..............
    Sondhi X
    เมตา แพลตฟอร์มส์ บริษัทสื่อสังคมออนไลน์ ยกเลิกโครงการตรวจสอบข้อเท็จจริง (Fact-Checking) ในสหรัฐฯ และลดข้อจำกัดการสนทนาในหัวข้อซึ่งเป็นที่ถกเถียงต่างๆ อย่างเช่นผู้อพยพและความเท่าเทียมทางเพศ ยอมจำนนต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากพวกหัวอนุรักษนิยมทั้งหลาย ในนั้นรวมถึงว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เตรียมเข้ารับตำแหน่งเป็นสมัย 2 . ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นการยกเครื่องครั้งใหญ่ที่สุดในช่วงความทรงจำเมื่อเร็วๆ นี้ของเมตา ในแนวทางบริหารจัดการกับเนื้อหาทางการเมืองในบริการของพวกเขา และมีขึ้นในขณะที่ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของบริษัทส่งสัญญาณปรารถนาปรับความเข้าใจกับว่าที่รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ . การเปลี่ยนแปลงจะครอบคลุมถึงเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และเธรดส์ ซึ่งเป็น 3 แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีผู้ใช้ทั่วโลกมากกว่า 3 ล้านคน . เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เมตา ดัน โจเอล คาแพลน ผู้บริหารระดับสูงฝ่ายนโยบายที่สนับสนุนรีพับลิกัน ขึ้นเป็นหัวหน้าฝ่ายกิจการระหว่างประเทศ และในวันจันทร์ (6 ม.ค.) แถลงว่า ได้แต่งตั้ง ดานา ไวท์ ซีอีโอของอัลติเมทไฟต์ติงแชมเปียนชิพ และเพื่อนใกล้ชิดของทรัมป์ เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริษัท . ซัคเคอร์เบิร์กกล่าวในวิดีโอว่า "เราไปถึงจุดๆ หนึ่ง ที่มันมีความผิดพลาดมากมายมากเกินไป และเป็นการคัดครองมากเกินไป มันถึงเวลาแล้วที่จะกลับสู่รากเหง้าของเราเกี่ยวกับเสรีภาพในการแสดงออก" ทั้งนี้มีรายงานว่า ซัคเคอร์เบิร์ก มีแผนนำระบบ "Community Notes"มาใช้ แบบเดียวกับที่ใช้บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ของอีลอน มัสก์ . นอกจากนี้แล้ว เมตาจะโฟกัสไปที่ระบบอัตโนมัติในการลบ "เนื้อหาที่อ่อนไหวสูงและผิดกฎหมาย" อย่างเช่นก่อการร้ายและยาเสพติด ซัคเตอร์เบิร์กล่าว พร้อมระบุว่าจะหยุดสแกนเชิงรุกหาวาทกรรมแห่งความเกลียดชังและการละเมิดกฎรูปแบบอื่นๆ และจะทบทวนตรวจสอบโพสต์เหล่านั้น ตอบสนองต่อรายงานของผู้ใช้เท่านั้น . การถึงจุดจบของการตรวจสอบข้อเท็จจริง (Fact-Checking) ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี 2016 สร้างความแปลกใจแก่องค์กรพันธมิตรทั้งหลาย "เราไม่รู้ว่าความเคลื่อนไหวนี้กำลังเกิดขึ้น และมันเป็นเรื่องช็อกสำหรับเรา ชัดเจนว่ามันจะส่งผลกระทบกับเรา" เจนซี สติลเลอร์ บรรณาธิการบริหารของ Check Your Fact ระบุ . คริสติน โรเบิร์ตส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเนื้อหาของ Gannett Media ระบุว่า "ความจริงและข้อเท็จจริงรับใช้ทุกๆ คน ไม่ใช่แค่ฝ่ายขวาหรือฝ่ายซ้าย และนั่นคือสิ่งที่เราจะต้องเดินหน้าต่อไป เราทราบข่าวนี้พร้อมๆ กับทุกคนในวันนี้ มันส่งผลกระทบอย่างหนักต่อประชาคมตรวจสอบข้อเท็จจริงและสื่อมวลชน เรากำลังประเมินสถานการณ์" . เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซัคเคอร์เบิร์ก แสดงความเสียใจต่อการกลั่นกรองเนื้อหาบางอย่างในหัวข้อต่างๆ ในนั้นรวมถึงโควิด-19 นอกจากนี้แล้ว เมตายังบริจาคเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เข้ากองทุนสาบานตนของทรัมป์ ความเคลื่อนไหวที่ต่างจากแนวทางปฏิบัติในอดีตของบริษัท . "นี่คือการก้าวถอยหลังครั้งใหญ่ สำหรับการกลั่นกรองเนื้อหาในช่วงเวลาหนึ่งๆ ที่เนื้อหาบิดเบือนข้อมูลและเป็นอันตรายที่เติบโตเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา" จากความเห็นของ รอส เบอร์ลีย์ ผู้ก่อตั้งองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Centre for Information Resilience "ความเคลื่อนไหวนี้ ดูเหมือนเป็นการเอาอกเอาใจทางการเมือง มากกว่าที่จะเป็นนโยบายที่ฉลาด" . สำหรับเวลานี้ เมตามีแผนเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้เฉพาะตลาดสหรัฐฯ โดยยังไม่มีแผนยุติโปรแกรม fact-checking ในดินแดนอื่นๆ อย่างเช่นสหภาพยุโรป ที่จะใช้แนวทางกระตือรือร้นมากกว่าในการกำหนดกฎระเบียบกับบรรดาบริษัทเทคโนโลยีทั้งหลาย โฆษกบอกกับรอยเตอร์ . ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อถูกถามเกี่ยวกับแผนยุติโปรแกรม fact-checking ของเมตา แพลตฟอร์มส์ โดยระบุว่า "พวกเขาก้าวหน้าไปมาก เมตา ชายผู้ชื่อ ซัคเคอร์เบิร์ก น่าประทับใจอย่างมก" ทรัมป์ระบุบางที ซัคเคอร์เบิร์ก อาจตอบสนองต่อเหตุคำขู่ต่างๆ ที่มีต่อตัวเขา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001966 .............. Sondhi X
    Like
    7
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 955 มุมมอง 0 รีวิว
  • 7 มกราคม 2567-เจ้าหน้าที่ชาวอเมริกันรายหนึ่งยืนยันกับบีบีซีว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้แจ้งให้สภาคองเกรสทราบเกี่ยวกับแผนการขายอาวุธมูลค่า 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.75 แสนล้านบาท ให้กับอิสราเอล

    https://www.bbc.com/thai/articles/ce3l6039wggo
    แผนการขายอาวุธดังกล่าวที่มีจรวดนำวิถีจากอากาศสู่อากาศ กระสุนปืน และอาวุธยุทโธปกรณ์อื่น ๆ รวมอยู่ด้วย อย่างไรก็ตาม แผนดังกล่าวต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาก่อน
    ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงสองสัปดาห์ก่อนที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะออกจากตำแหน่ง รัฐบาลสหรัฐฯ ปฏิเสธเสียงเรียกร้องให้ระงับการสนับสนุนทางทหารแก่อิสราเอล เนื่องจากมีพลเรือนจำนวนมากเสียชีวิตระหว่างสงครามในฉนวนกาซา
    ในเดือน ส.ค. ปีที่แล้ว ทางการสหรัฐฯ ได้อนุมัติการขายเครื่องบินรบและยุทโธปกรณ์อื่นๆ มูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6.89 แสนล้านบาทให้กับอิสราเอลไปแล้ว
    เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวว่า แผนการขายอาวุธล่าสุดประกอบด้วยขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ ขีปนาวุธเฮลล์ไฟร์ กระสุนปืนใหญ่ และระเบิด
    7 มกราคม 2567-เจ้าหน้าที่ชาวอเมริกันรายหนึ่งยืนยันกับบีบีซีว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้แจ้งให้สภาคองเกรสทราบเกี่ยวกับแผนการขายอาวุธมูลค่า 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.75 แสนล้านบาท ให้กับอิสราเอล https://www.bbc.com/thai/articles/ce3l6039wggo แผนการขายอาวุธดังกล่าวที่มีจรวดนำวิถีจากอากาศสู่อากาศ กระสุนปืน และอาวุธยุทโธปกรณ์อื่น ๆ รวมอยู่ด้วย อย่างไรก็ตาม แผนดังกล่าวต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาก่อน ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงสองสัปดาห์ก่อนที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะออกจากตำแหน่ง รัฐบาลสหรัฐฯ ปฏิเสธเสียงเรียกร้องให้ระงับการสนับสนุนทางทหารแก่อิสราเอล เนื่องจากมีพลเรือนจำนวนมากเสียชีวิตระหว่างสงครามในฉนวนกาซา ในเดือน ส.ค. ปีที่แล้ว ทางการสหรัฐฯ ได้อนุมัติการขายเครื่องบินรบและยุทโธปกรณ์อื่นๆ มูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6.89 แสนล้านบาทให้กับอิสราเอลไปแล้ว เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวว่า แผนการขายอาวุธล่าสุดประกอบด้วยขีปนาวุธอากาศสู่อากาศ ขีปนาวุธเฮลล์ไฟร์ กระสุนปืนใหญ่ และระเบิด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 265 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้มีสื่อรายงานเกี่ยวกับ "อินเดียปฏิเสธข้อเสนอของ BRICS ที่จะซื้อขายกันด้วยสกุลเงินท้องถิ่น" โดยระบุว่า อินเดียยังคงต้องการให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงมีอยู่ต่อไป

    แต่ในความเป็นจริง อินเดียเพียงแค่ต้องการแยกตัวออกจากดอลลาร์อย่างช้าๆ หากเราพิจารณาสภาพสังคมของอินเดีย ที่การดำเนินนโยบายภายในประเทศมีความหลากหลายกว่าที่ใดในโลก ทำให้อินเดียจำเป็นต้องค่อยเป็นค่อยไป

    อินเดียมีโครงสร้างประชากรที่แตกต่างจากประเทศอื่นๆอย่างมาก อินเดียมีพรรคการเมืองระดับชาติ 6 พรรค และพรรคการเมืองระดับรัฐอีก 58 พรรค นโยบายแต่ละอย่างของอินเดียจะส่งผลกระทบต่อพรรคการเมืองเหล่านี้ทั้งหมด หากเกิดความผิดพลาดใดๆก็ตามจะทำให้พรรครัฐบาลอาจพังทลายได้

    อินเดียพูดภาษาต่างๆมากกว่า 700 ภาษา เป็นประเทศที่มีความหลากหลายมาก ดังนั้นความต้องการของอินเดียจึงแตกต่างกันด้วย
    วันนี้มีสื่อรายงานเกี่ยวกับ "อินเดียปฏิเสธข้อเสนอของ BRICS ที่จะซื้อขายกันด้วยสกุลเงินท้องถิ่น" โดยระบุว่า อินเดียยังคงต้องการให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงมีอยู่ต่อไป แต่ในความเป็นจริง อินเดียเพียงแค่ต้องการแยกตัวออกจากดอลลาร์อย่างช้าๆ หากเราพิจารณาสภาพสังคมของอินเดีย ที่การดำเนินนโยบายภายในประเทศมีความหลากหลายกว่าที่ใดในโลก ทำให้อินเดียจำเป็นต้องค่อยเป็นค่อยไป อินเดียมีโครงสร้างประชากรที่แตกต่างจากประเทศอื่นๆอย่างมาก อินเดียมีพรรคการเมืองระดับชาติ 6 พรรค และพรรคการเมืองระดับรัฐอีก 58 พรรค นโยบายแต่ละอย่างของอินเดียจะส่งผลกระทบต่อพรรคการเมืองเหล่านี้ทั้งหมด หากเกิดความผิดพลาดใดๆก็ตามจะทำให้พรรครัฐบาลอาจพังทลายได้ อินเดียพูดภาษาต่างๆมากกว่า 700 ภาษา เป็นประเทศที่มีความหลากหลายมาก ดังนั้นความต้องการของอินเดียจึงแตกต่างกันด้วย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายเดวิด เบอร์ริตต์( David B. Burritt )ประธานและ CEO ของ U.S. Steel เดือดจัดออกหนังสือด่าไบเดนยับข้อหาล้มดีลยักษ์มูลค่า14,900 ดอลลาร์สหรัฐ(480,000 ล้านบาท) กับบริษัท นิปปอนสตีล ของญี่ปุ่น

    บริษัท Nippon Steel และ U.S. Steel กล่าวว่าการตัดสินใจของ Biden แสดงให้เห็นว่าการขัดขวางข้อตกลงดังกล่าวนั้นทำเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองที่ทุจริต
    นายเดวิด เบอร์ริตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ U.S. Steel เรียกการกระทำของนายไบเดนว่า "น่าละอายและฉ้อฉล" และเสริมว่า นายไบเดนได้ดูหมิ่นญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติที่สำคัญยิ่งของสหรัฐ และทำให้ความสามารถในการแข่งขันของสหรัฐตกอยู่ในความเสี่ยง โดยแถลงการณ์ประณามไบเดน ข้อหาล้มดีลยักษ์กับบริษัทนิปปอน สตีล ของญี่ปุ่นว่า
    ”การกระทำของปธน.ไบเดนในวันนี้น่าละอายและฉ้อฉล เขาให้ผลตอบแทนทางการเมืองแก่หัวหน้าสหภาพแรงงาน ในขณะที่ทำร้ายอนาคตของบริษัท, คนงานของเราและความมั่นคงของชาติ เขาดูหมิ่นญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติที่สำคัญ และทำให้ความสามารถในการแข่งขันของอเมริกาตกอยู่ในความเสี่ยง ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปักกิ่งกำลังเต้นรำบนถนน และไบเดนทำทั้งหมดนี้โดยปฏิเสธที่จะพบกับเราเพื่อรับรู้ข้อเท็จจริง
    พนักงานและชุมชนของเราสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้ เราต้องการประธานาธิบดี. ซึ่งทำงานหนักและรู้วิธีทำข้อตกลงที่ดีที่สุดสำหรับอเมริกา อย่าเข้าใจผิด: การลงทุนนี้คือสิ่งที่รับประกันอนาคตที่ยิ่งใหญ่สำหรับ U. S. Steel พนักงานของเรา ชุมชนของเรา และประเทศของเรา เราตั้งใจที่จะต่อสู้กับการทุจริตทางการเมืองของประธานาธิบดีไบเดน“
    บริษัททั้งสองแห่งขู่ว่าจะฟ้องรัฐบาลหากข้อตกลงดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และได้กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่3มกราคมนี้ว่าจะ "ดำเนินการที่เหมาะสมเพื่อปกป้องสิทธิตามกฎหมายของพวกเขา" และระบุในแถลงการณ์ว่า "เราเชื่อว่าประธานาธิบดีไบเดนได้ทำลายอนาคตของคนงานโรงงานเหล็กชาวอเมริกันเพื่อวาระทางการเมืองของตัวเอง" และเสริมว่าการขัดขวางครั้งนี้ส่ง "ข้อความอันน่าสะพรึงกลัวไปยังบริษัทใดๆ ก็ตามที่มีฐานอยู่ในประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯ ที่กำลังพิจารณาลงทุนอย่างมีนัยสำคัญในสหรัฐฯ"
    ผลเสียหายที่ Nippon Steel อาจต้องเสียค่าธรรมเนียมการยกเลิกสัญญาจำนวน 565 ล้านดอลลาร์หรือราว 19,000 ล้านบาทให้กับ US Steel หากข้อตกลงดังกล่าวไม่ผ่าน นอกจากนี้ทางบริษัทยังต้องประเมินกลยุทธ์ในตลาดสหรัฐใหม่ ซึ่งคาดว่าอุปสงค์จะยังคงมีเสถียรภาพ
    เจ้าหน้าที่รัฐบาลญี่ปุ่นกล่าวว่าพวกเขาผิดหวังกับการตัดสินใจครั้งนี้ “มีความกังวลอย่างมากจากวงการเศรษฐกิจทั้งของญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น เกี่ยวกับการลงทุนในอนาคตระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา และรัฐบาลญี่ปุ่นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง” โยจิ มูโตะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของญี่ปุ่น กล่าวในแถลงการณ์ถึงรอยเตอร์
    การตัดสินใจของประธานาธิบดี โจ ไบเดนเกิดขึ้นหนึ่งปีหลังจากที่Nippon Steel ประกาศข้อตกลงมูลค่า 14.9 พันล้านดอลลาร์ (12 พันล้านปอนด์)เพื่อซื้อบริษัทคู่แข่งUSS Steel ที่มีขนาดเล็กกว่าและมีฐานอยู่ในเพนซิลเวเนีย เป็นครั้งแรก
    สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามสำคัญๆ เกี่ยวกับเส้นทางข้างหน้าของบริษัทUSS Steel  ซึ่งมีชื่อเสียงกว่า 124 ปี และครั้งหนึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์ของมหาอำนาจทางอุตสาหกรรมของอเมริกา แต่ปัจจุบันก็ความสำคัญลดน้อยลงไปมาก
    บริษัทUSS Steel ใช้เวลาหลายเดือนในการหาผู้ซื้อรายอื่นก่อนที่จะประกาศความร่วมมือกับบริษัท Nippon Steel ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก ในเดือนธันวาคม 2023
    บริษัท US Steel ได้เตือนว่าบริษัทอาจจำเป็นต้องปิดโรงงานโดยไม่ได้ผู้ร่วมลงทุนเจ้าของใหม่ ความกังวลนี้ได้รับการสะท้อนจากพนักงานบางส่วนและนักการเมืองท้องถิ่น
    บริษัททั้งสองแห่งให้คำมั่นว่าจะไม่เลิกจ้างพนักงานและยอมประนีประนอมในประเด็นอื่น ๆ เพื่อพยายามหาเสียงสนับสนุนข้อตกลงดังกล่าว เมื่อสัปดาห์นี้เอง บริษัททั้งสองแห่งเสนอที่จะให้ทุนสนับสนุนศูนย์ฝึกอบรมแรงงาน และมีรายงานว่าให้สิทธิ์รัฐบาลในการยับยั้งการลดการผลิตที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
    แต่ข้อเสนอดังกล่าวไม่สามารถโน้มน้าวใจไบเดน ซึ่งออกมาคัดค้านข้อตกลงดังกล่าวเมื่อต้นปีที่แล้ว เนื่องจากอยู่ระหว่างฤดูกาลเลือกตั้งที่กำลังเข้มข้นขึ้นในรัฐเพนซิลเวเนียซึ่งเป็นรัฐสำคัญที่จะมีบทบาท 
    ธุรกรรมดังกล่าวยังได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากประธานาธิบดีคนใหม่ โดนัลด์ ทรัมป์ และรองประธานาธิบดีคนใหม่ เจดี แวนซ์ ซึ่งการอุทธรณ์ต่อคนงานสหภาพแรงงานของเขาถือเป็นส่วนสำคัญของข้อความหาเสียงของพวกเขา
    คณะกรรมการรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ได้รับมอบหมายให้ทบทวนข้อตกลงและความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติ ไม่สามารถบรรลุฉันทามติได้ในช่วงปลายเดือนธันวาคม ส่งผลให้ไบเดนต้องตัดสินใจแทน โดยเขาต้องดำเนินการภายในระยะเวลา 15 วัน
    ในประกาศของประธานาธิบีไบเดนเมื่อวันศุกร์ที่ 3 มกราคมนี้  เขากล่าวว่าการเป็นเจ้าของUSS Steel โดยบริษัทชาวต่างชาตินั้นมีความเสี่ยงต่อความมั่นคง และสั่งให้บริษัททั้งสอง ยกเลิกข้อตกลงภายใน 30 วัน
    “อุตสาหกรรมเหล็กกล้าที่เป็นเจ้าของและดำเนินการในประเทศที่แข็งแกร่งถือเป็นสิ่งสำคัญลำดับแรกด้านความมั่นคงของชาติและมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อห่วงโซ่อุปทานที่มีความยืดหยุ่น” เขากล่าว
    “นั่นเป็นเพราะเหล็กกล้าเป็นกำลังขับเคลื่อนประเทศของเรา ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐาน อุตสาหกรรมยานยนต์ และฐานอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ หากไม่มีการผลิตเหล็กกล้าในประเทศและแรงงานจากเหล็กกล้าในประเทศ ประเทศของเราจะไม่แข็งแกร่งและปลอดภัย”
    สหภาพแรงงานคนงานเหล็กกล้าแห่งสหรัฐอเมริกา เรียกการตัดสินใจครั้งนี้ว่าเป็น "การตัดสินใจที่ถูกต้องสำหรับสมาชิกและความมั่นคงของชาติของเรา" และกล่าวว่าการคัดค้านของสหภาพฯ เกิดจากความกังวลเกี่ยวกับความยั่งยืนในระยะยาวของอุตสาหกรรมนี้
    “เรารู้สึกขอบคุณประธานาธิบดีไบเดนที่เต็มใจดำเนินการอันกล้าหาญเพื่อรักษาอุตสาหกรรมเหล็กกล้าในประเทศให้แข็งแกร่ง และสำหรับความมุ่งมั่นตลอดชีวิตของเขาที่มีต่อคนงานชาวอเมริกัน” เดวิด แมคคอลล์ประธานสหภาพUnited Steelworkers กล่าว
    ศาสตราจารย์สตีเฟน นาจี จากภาควิชาการเมืองและการศึกษาระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยคริสเตียนนานาชาติแห่งโตเกียว เรียกการตัดสินใจของไบเดนว่าเป็น "เรื่องการเมือง" โดยระบุว่ารัฐบาลตั้งแต่แรกเริ่มได้สัญญาไว้ถึงนโยบายต่างประเทศ "สำหรับชนชั้นกลาง"
    “นี่คือการตอบสนองโดยตรงและสานต่อแผนงาน MAGA ของทรัมป์ในการทำให้ประเทศอเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง” เขากล่าว “รัฐบาลของไบเดนไม่สามารถแสดงท่าทีอ่อนแอต่อธุรกิจต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรหรือศัตรูก็ตาม”
    จอห์น เคอร์บี้ โฆษกทำเนียบขาว ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับพันธมิตรญี่ปุ่น โดยกล่าวว่าไบเดนได้ชี้แจงชัดเจนว่าการตัดสินใจครั้งนี้ "ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลญี่ปุ่น"
    “นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการผลิตเหล็กกล้าของสหรัฐฯ และการรักษาให้ผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ เป็นบริษัทที่เป็นเจ้าของโดยชาวอเมริกัน” เขากล่าวในการแถลงข่าว
    หุ้นของบริษัท US Steel ร่วงลงมากกว่า 5% ในวันศุกร์
    นักวิเคราะห์กล่าวว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจไม่ถือเป็นการสิ้นสุดข้อตกลง คำสั่งของไบเดนระบุว่าคณะกรรมการการลงทุนจากต่างประเทศในสหรัฐฯ สามารถขยายเวลา 30 วันในการยกเลิกธุรกรรมดังกล่าวได้
    ศาสตราจารย์ Nagy กล่าวว่าเขาคิดว่าบริษัทต่างๆ อาจตัดสินใจที่จะลองอีกครั้งภายใต้การนำของทรัมป์ โดยอาจเสนอเงื่อนไขที่แตกต่างออกไปซึ่งจะทำให้ประธานาธิบดีคนใหม่สามารถอ้างได้ว่าเขาเจรจาข้อตกลงที่ดีกว่าได้
    นักวิเคราะห์การเมือง Terry Haines จาก Pangaea Policy กล่าวด้วยเช่นกันว่า แม้ทรัมป์จะวิพากษ์วิจารณ์ข้อตกลงดังกล่าว แต่เขาอาจมีเหตุผลให้พิจารณาการตัดสินใจดังกล่าวอีกครั้ง
    “สิ่งหนึ่งที่ยากในการตัดสินใจครั้งนี้ก็คือ ญี่ปุ่นเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับสหรัฐฯ” เขากล่าว “รัฐบาลมีภาระทางหลักฐานมากมายในการพิสูจน์สิ่งที่กำลังทำอยู่ในปัจจุบัน และสิ่งนี้ยังส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีกับญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ทรัมป์ต้องการหลีกเลี่ยง”

    นายเดวิด เบอร์ริตต์( David B. Burritt )ประธานและ CEO ของ U.S. Steel เดือดจัดออกหนังสือด่าไบเดนยับข้อหาล้มดีลยักษ์มูลค่า14,900 ดอลลาร์สหรัฐ(480,000 ล้านบาท) กับบริษัท นิปปอนสตีล ของญี่ปุ่น บริษัท Nippon Steel และ U.S. Steel กล่าวว่าการตัดสินใจของ Biden แสดงให้เห็นว่าการขัดขวางข้อตกลงดังกล่าวนั้นทำเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองที่ทุจริต นายเดวิด เบอร์ริตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ U.S. Steel เรียกการกระทำของนายไบเดนว่า "น่าละอายและฉ้อฉล" และเสริมว่า นายไบเดนได้ดูหมิ่นญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติที่สำคัญยิ่งของสหรัฐ และทำให้ความสามารถในการแข่งขันของสหรัฐตกอยู่ในความเสี่ยง โดยแถลงการณ์ประณามไบเดน ข้อหาล้มดีลยักษ์กับบริษัทนิปปอน สตีล ของญี่ปุ่นว่า ”การกระทำของปธน.ไบเดนในวันนี้น่าละอายและฉ้อฉล เขาให้ผลตอบแทนทางการเมืองแก่หัวหน้าสหภาพแรงงาน ในขณะที่ทำร้ายอนาคตของบริษัท, คนงานของเราและความมั่นคงของชาติ เขาดูหมิ่นญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติที่สำคัญ และทำให้ความสามารถในการแข่งขันของอเมริกาตกอยู่ในความเสี่ยง ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปักกิ่งกำลังเต้นรำบนถนน และไบเดนทำทั้งหมดนี้โดยปฏิเสธที่จะพบกับเราเพื่อรับรู้ข้อเท็จจริง พนักงานและชุมชนของเราสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้ เราต้องการประธานาธิบดี. ซึ่งทำงานหนักและรู้วิธีทำข้อตกลงที่ดีที่สุดสำหรับอเมริกา อย่าเข้าใจผิด: การลงทุนนี้คือสิ่งที่รับประกันอนาคตที่ยิ่งใหญ่สำหรับ U. S. Steel พนักงานของเรา ชุมชนของเรา และประเทศของเรา เราตั้งใจที่จะต่อสู้กับการทุจริตทางการเมืองของประธานาธิบดีไบเดน“ บริษัททั้งสองแห่งขู่ว่าจะฟ้องรัฐบาลหากข้อตกลงดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และได้กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่3มกราคมนี้ว่าจะ "ดำเนินการที่เหมาะสมเพื่อปกป้องสิทธิตามกฎหมายของพวกเขา" และระบุในแถลงการณ์ว่า "เราเชื่อว่าประธานาธิบดีไบเดนได้ทำลายอนาคตของคนงานโรงงานเหล็กชาวอเมริกันเพื่อวาระทางการเมืองของตัวเอง" และเสริมว่าการขัดขวางครั้งนี้ส่ง "ข้อความอันน่าสะพรึงกลัวไปยังบริษัทใดๆ ก็ตามที่มีฐานอยู่ในประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯ ที่กำลังพิจารณาลงทุนอย่างมีนัยสำคัญในสหรัฐฯ" ผลเสียหายที่ Nippon Steel อาจต้องเสียค่าธรรมเนียมการยกเลิกสัญญาจำนวน 565 ล้านดอลลาร์หรือราว 19,000 ล้านบาทให้กับ US Steel หากข้อตกลงดังกล่าวไม่ผ่าน นอกจากนี้ทางบริษัทยังต้องประเมินกลยุทธ์ในตลาดสหรัฐใหม่ ซึ่งคาดว่าอุปสงค์จะยังคงมีเสถียรภาพ เจ้าหน้าที่รัฐบาลญี่ปุ่นกล่าวว่าพวกเขาผิดหวังกับการตัดสินใจครั้งนี้ “มีความกังวลอย่างมากจากวงการเศรษฐกิจทั้งของญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น เกี่ยวกับการลงทุนในอนาคตระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา และรัฐบาลญี่ปุ่นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง” โยจิ มูโตะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของญี่ปุ่น กล่าวในแถลงการณ์ถึงรอยเตอร์ การตัดสินใจของประธานาธิบดี โจ ไบเดนเกิดขึ้นหนึ่งปีหลังจากที่Nippon Steel ประกาศข้อตกลงมูลค่า 14.9 พันล้านดอลลาร์ (12 พันล้านปอนด์)เพื่อซื้อบริษัทคู่แข่งUSS Steel ที่มีขนาดเล็กกว่าและมีฐานอยู่ในเพนซิลเวเนีย เป็นครั้งแรก สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามสำคัญๆ เกี่ยวกับเส้นทางข้างหน้าของบริษัทUSS Steel  ซึ่งมีชื่อเสียงกว่า 124 ปี และครั้งหนึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์ของมหาอำนาจทางอุตสาหกรรมของอเมริกา แต่ปัจจุบันก็ความสำคัญลดน้อยลงไปมาก บริษัทUSS Steel ใช้เวลาหลายเดือนในการหาผู้ซื้อรายอื่นก่อนที่จะประกาศความร่วมมือกับบริษัท Nippon Steel ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก ในเดือนธันวาคม 2023 บริษัท US Steel ได้เตือนว่าบริษัทอาจจำเป็นต้องปิดโรงงานโดยไม่ได้ผู้ร่วมลงทุนเจ้าของใหม่ ความกังวลนี้ได้รับการสะท้อนจากพนักงานบางส่วนและนักการเมืองท้องถิ่น บริษัททั้งสองแห่งให้คำมั่นว่าจะไม่เลิกจ้างพนักงานและยอมประนีประนอมในประเด็นอื่น ๆ เพื่อพยายามหาเสียงสนับสนุนข้อตกลงดังกล่าว เมื่อสัปดาห์นี้เอง บริษัททั้งสองแห่งเสนอที่จะให้ทุนสนับสนุนศูนย์ฝึกอบรมแรงงาน และมีรายงานว่าให้สิทธิ์รัฐบาลในการยับยั้งการลดการผลิตที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต แต่ข้อเสนอดังกล่าวไม่สามารถโน้มน้าวใจไบเดน ซึ่งออกมาคัดค้านข้อตกลงดังกล่าวเมื่อต้นปีที่แล้ว เนื่องจากอยู่ระหว่างฤดูกาลเลือกตั้งที่กำลังเข้มข้นขึ้นในรัฐเพนซิลเวเนียซึ่งเป็นรัฐสำคัญที่จะมีบทบาท  ธุรกรรมดังกล่าวยังได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากประธานาธิบดีคนใหม่ โดนัลด์ ทรัมป์ และรองประธานาธิบดีคนใหม่ เจดี แวนซ์ ซึ่งการอุทธรณ์ต่อคนงานสหภาพแรงงานของเขาถือเป็นส่วนสำคัญของข้อความหาเสียงของพวกเขา คณะกรรมการรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ได้รับมอบหมายให้ทบทวนข้อตกลงและความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติ ไม่สามารถบรรลุฉันทามติได้ในช่วงปลายเดือนธันวาคม ส่งผลให้ไบเดนต้องตัดสินใจแทน โดยเขาต้องดำเนินการภายในระยะเวลา 15 วัน ในประกาศของประธานาธิบีไบเดนเมื่อวันศุกร์ที่ 3 มกราคมนี้  เขากล่าวว่าการเป็นเจ้าของUSS Steel โดยบริษัทชาวต่างชาตินั้นมีความเสี่ยงต่อความมั่นคง และสั่งให้บริษัททั้งสอง ยกเลิกข้อตกลงภายใน 30 วัน “อุตสาหกรรมเหล็กกล้าที่เป็นเจ้าของและดำเนินการในประเทศที่แข็งแกร่งถือเป็นสิ่งสำคัญลำดับแรกด้านความมั่นคงของชาติและมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อห่วงโซ่อุปทานที่มีความยืดหยุ่น” เขากล่าว “นั่นเป็นเพราะเหล็กกล้าเป็นกำลังขับเคลื่อนประเทศของเรา ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐาน อุตสาหกรรมยานยนต์ และฐานอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ หากไม่มีการผลิตเหล็กกล้าในประเทศและแรงงานจากเหล็กกล้าในประเทศ ประเทศของเราจะไม่แข็งแกร่งและปลอดภัย” สหภาพแรงงานคนงานเหล็กกล้าแห่งสหรัฐอเมริกา เรียกการตัดสินใจครั้งนี้ว่าเป็น "การตัดสินใจที่ถูกต้องสำหรับสมาชิกและความมั่นคงของชาติของเรา" และกล่าวว่าการคัดค้านของสหภาพฯ เกิดจากความกังวลเกี่ยวกับความยั่งยืนในระยะยาวของอุตสาหกรรมนี้ “เรารู้สึกขอบคุณประธานาธิบดีไบเดนที่เต็มใจดำเนินการอันกล้าหาญเพื่อรักษาอุตสาหกรรมเหล็กกล้าในประเทศให้แข็งแกร่ง และสำหรับความมุ่งมั่นตลอดชีวิตของเขาที่มีต่อคนงานชาวอเมริกัน” เดวิด แมคคอลล์ประธานสหภาพUnited Steelworkers กล่าว ศาสตราจารย์สตีเฟน นาจี จากภาควิชาการเมืองและการศึกษาระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยคริสเตียนนานาชาติแห่งโตเกียว เรียกการตัดสินใจของไบเดนว่าเป็น "เรื่องการเมือง" โดยระบุว่ารัฐบาลตั้งแต่แรกเริ่มได้สัญญาไว้ถึงนโยบายต่างประเทศ "สำหรับชนชั้นกลาง" “นี่คือการตอบสนองโดยตรงและสานต่อแผนงาน MAGA ของทรัมป์ในการทำให้ประเทศอเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง” เขากล่าว “รัฐบาลของไบเดนไม่สามารถแสดงท่าทีอ่อนแอต่อธุรกิจต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรหรือศัตรูก็ตาม” จอห์น เคอร์บี้ โฆษกทำเนียบขาว ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับพันธมิตรญี่ปุ่น โดยกล่าวว่าไบเดนได้ชี้แจงชัดเจนว่าการตัดสินใจครั้งนี้ "ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลญี่ปุ่น" “นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการผลิตเหล็กกล้าของสหรัฐฯ และการรักษาให้ผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ เป็นบริษัทที่เป็นเจ้าของโดยชาวอเมริกัน” เขากล่าวในการแถลงข่าว หุ้นของบริษัท US Steel ร่วงลงมากกว่า 5% ในวันศุกร์ นักวิเคราะห์กล่าวว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจไม่ถือเป็นการสิ้นสุดข้อตกลง คำสั่งของไบเดนระบุว่าคณะกรรมการการลงทุนจากต่างประเทศในสหรัฐฯ สามารถขยายเวลา 30 วันในการยกเลิกธุรกรรมดังกล่าวได้ ศาสตราจารย์ Nagy กล่าวว่าเขาคิดว่าบริษัทต่างๆ อาจตัดสินใจที่จะลองอีกครั้งภายใต้การนำของทรัมป์ โดยอาจเสนอเงื่อนไขที่แตกต่างออกไปซึ่งจะทำให้ประธานาธิบดีคนใหม่สามารถอ้างได้ว่าเขาเจรจาข้อตกลงที่ดีกว่าได้ นักวิเคราะห์การเมือง Terry Haines จาก Pangaea Policy กล่าวด้วยเช่นกันว่า แม้ทรัมป์จะวิพากษ์วิจารณ์ข้อตกลงดังกล่าว แต่เขาอาจมีเหตุผลให้พิจารณาการตัดสินใจดังกล่าวอีกครั้ง “สิ่งหนึ่งที่ยากในการตัดสินใจครั้งนี้ก็คือ ญี่ปุ่นเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับสหรัฐฯ” เขากล่าว “รัฐบาลมีภาระทางหลักฐานมากมายในการพิสูจน์สิ่งที่กำลังทำอยู่ในปัจจุบัน และสิ่งนี้ยังส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีกับญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ทรัมป์ต้องการหลีกเลี่ยง”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 371 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพียงช่วงเวลาหนึ่งเดือน จากอดีตผู้ก่อการร้ายสากลที่มีรางวัลนำจับสิบล้านดอลลาร์สหรัฐ วันนี้กลายเป็นผู้นำที่ยุโรปและอเมริกาโปรดปรานที่สุด!

    คำถามง่ายๆ: เมื่อการอยู่ในบัญชีรายชื่อผู้ก่อการร้ายที่มีรางวัลนำจับ ต้องมีความผิดอย่างเลวร้ายที่สุด

    "วันนี้เขาลบล้างความผิดนั้นด้วยอะไร ถึงเป็นที่ถูกใจอเมริกาและยุโรป"




    เพียงช่วงเวลาหนึ่งเดือน จากอดีตผู้ก่อการร้ายสากลที่มีรางวัลนำจับสิบล้านดอลลาร์สหรัฐ วันนี้กลายเป็นผู้นำที่ยุโรปและอเมริกาโปรดปรานที่สุด! คำถามง่ายๆ: เมื่อการอยู่ในบัญชีรายชื่อผู้ก่อการร้ายที่มีรางวัลนำจับ ต้องมีความผิดอย่างเลวร้ายที่สุด "วันนี้เขาลบล้างความผิดนั้นด้วยอะไร ถึงเป็นที่ถูกใจอเมริกาและยุโรป"
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 186 มุมมอง 0 รีวิว
  • อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีและซีอีโอของเทสลา ได้เปลี่ยนชื่อผู้ใช้บนแพลตฟอร์ม X เป็น "Kekius Maximus" เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2024 การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้เหรียญมีมธีมกบชื่อ "Kekius Maximus" (KEKIUS) บนเครือข่าย Ethereum มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมาก

    จากการเปิดเผยของ dailyhodl ระบุว่าราคาของ KEKIUS พุ่งขึ้นจาก $0.00123 ในวันที่ 30 ธันวาคม 2567 ไปสู่จุดสูงสุดที่ $0.40 ในวันที่ 1 มกราคม 2568 ซึ่งคิดเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 32,000%

    อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นราคาก็ปรับตัวลงมาอยู่ที่ประมาณ $0.264 ในขณะที่มูลค่าตลาดของเหรียญนี้เพิ่มขึ้นเป็นกว่า $250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

    การเปลี่ยนชื่อของมัสก์เป็น "Kekius Maximus" สื่อถึงเทพเจ้ากบในตำนานอียิปต์ชื่อ "Kek" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่นิยมในวัฒนธรรมอินเทอร์เน็ตและเกมเมอร์

    นอกจากนี้ "Kek" ยังเชื่อมโยงกับมีม "Pepe the Frog" ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับเหรียญมีม PEPE ที่มีมูลค่าตลาดกว่า $8.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

    มัสก์เป็นที่รู้จักในฐานะผู้สนับสนุนเหรียญมีม เช่น Dogecoin (DOGE) และการกระทำของเขามักส่งผลต่อราคาของสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/stockmarket/detail/9680000000445

    #MGROnline #อีลอนมัสก์ #มหาเศรษฐี #ซีอีโอของเทสลา #KekiusMaximus #เหรียญมีมธีมกบ #KEKIUS #Ethereum
    อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีและซีอีโอของเทสลา ได้เปลี่ยนชื่อผู้ใช้บนแพลตฟอร์ม X เป็น "Kekius Maximus" เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2024 การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้เหรียญมีมธีมกบชื่อ "Kekius Maximus" (KEKIUS) บนเครือข่าย Ethereum มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมาก • จากการเปิดเผยของ dailyhodl ระบุว่าราคาของ KEKIUS พุ่งขึ้นจาก $0.00123 ในวันที่ 30 ธันวาคม 2567 ไปสู่จุดสูงสุดที่ $0.40 ในวันที่ 1 มกราคม 2568 ซึ่งคิดเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 32,000% • อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นราคาก็ปรับตัวลงมาอยู่ที่ประมาณ $0.264 ในขณะที่มูลค่าตลาดของเหรียญนี้เพิ่มขึ้นเป็นกว่า $250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ • การเปลี่ยนชื่อของมัสก์เป็น "Kekius Maximus" สื่อถึงเทพเจ้ากบในตำนานอียิปต์ชื่อ "Kek" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่นิยมในวัฒนธรรมอินเทอร์เน็ตและเกมเมอร์ • นอกจากนี้ "Kek" ยังเชื่อมโยงกับมีม "Pepe the Frog" ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับเหรียญมีม PEPE ที่มีมูลค่าตลาดกว่า $8.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ • มัสก์เป็นที่รู้จักในฐานะผู้สนับสนุนเหรียญมีม เช่น Dogecoin (DOGE) และการกระทำของเขามักส่งผลต่อราคาของสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/stockmarket/detail/9680000000445 • #MGROnline #อีลอนมัสก์ #มหาเศรษฐี #ซีอีโอของเทสลา #KekiusMaximus #เหรียญมีมธีมกบ #KEKIUS #Ethereum
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 297 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฟันธงยุทธศาสตร์ Made in China 2025
    จุดเริ่มต้นทำให้จีนแซงหน้าสหรัฐฯแน่นอน
    .
    20 กว่าปีที่ผ่านมา จีนทุ่มเงินไปหลายล้านล้านหยวน เพื่อสร้างเทคโนโลยีของตัวเอง และลดการพึ่งพาต่างชาติ เพราะจีนชูนโยบาย Made in China 2025 ทำให้จีนไม่ต้องไปหวั่นไหวกับคำขู่ที่จะคว่ำบาตรและขึ้นภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ยังคงหลงตัวเองว่าประเทศต่างๆ ต้องมาพึ่งตัวเอง
    .
    แต่ความจริงก็คือ ทุกวันนี้สหรัฐฯ พึ่งจีนมากกว่าที่จีนพึ่งสหรัฐฯ นี่คือสัจจะวาจาที่ผมให้ก่อนสิ้นปีนี้ การที่จีนมีระบบเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มของตัวเอง ทำให้การปิดล้อมทางเทคโนโลยีของสหรัฐฯ แทบจะไม่ประสบผลสำเร็จเลย ซ้ำยังเป็นแรงผลักดันให้จีนต้องเร่งสร้างเทคโนโลยี และห่วงโซ่อุปทานของตัวเองให้เร็วยิ่งขึ้น
    .
    ภายใน 14 ปีที่ผ่านมานี้ อุตสาหกรรมที่จีนสร้างผลิตผลทางอุตสาหกรรมกลายเพิ่มขึ้นเป็น 34% ของโลก จาก 19% ของโลก
    เพราะในนโยบาย Made in China จีนได้กำหนด 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งขณะนี้มีความก้าวหน้าไปทุกด้าน คือ
    (1) เทคโนโลยีสารสนเทศ อีกสองปีข้างหน้า จีนจะผลิตเซมิคอนดักเตอร์ได้เองเกือบ 30% ของโลก
    (2) เครื่องจักรชั้นสูงและหุ่นยนต์ในภาคอุตสาหกรรม ทุกประเทศรวมกันในโลกสู้จีนไม่ได้เลย
    (3) การบินและอากาศยาน จีนผลิตเครื่องบิน C-919 คู่แข่งโบอิ้ง และแอร์บัส และบริษัท DJI (Dà Jiāng Chuàngxīn)ของจีนผลิตโดรนรายใหญ่ที่สุดของโลกโดย
    (4) วิศวกรรมทางการทะเลและการต่อเรือ ครองสัดส่วนมากกว่า 70% ของตลาดโลก
    (5) การขนส่งทางราง รถไฟความเร็วสูงในจีนใช้เทคโนโลยีและใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศเกือบทั้งหมด และจีนยังได้ส่งออกเทคโนโลยีรถไฟไปยังต่างประเทศอีกด้วย น่าเสียดายรถไฟความเร็วสูงของบ้านเรายังไม่ไปไหนเลยแม้แต่นิดเดียว
    (6) รถยนต์พลังงานใหม่ BYDเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของโลก และจีนกำลังแซงหน้าสหรัฐฯ เยอรมนี ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ขึ้นเป็นผู้ส่งออกรถยนต์พลังงานใหม่รายใหญ่ที่สุดของโลก
    (7) อุปกรณ์ผลิตไฟฟ้า จีนครองตลาดอุปกรณ์โซลาร์เซลล์มากกว่า 80% ของทั่วโลกที่มีมูลค่ามากกว่า 130,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่แล้ว
    (8) เครื่องมือเกษตรกรรม แม้จีนยังคงต้องพึ่งพาการนำเข้าอุปกรณ์ล้ำสมัย แต่ได้ผสมผสานเครื่องจักรพลังไฟฟ้าใช้พิกัดดาวเทียมทำการเกษตรแบบอัจฉริยะ
    (9) วัสดุใหม่ จีนได้ดุลการค้าในวัสดุทางเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคาร์บอน ไฟเบอร์ ซึ่งเป็นวัสดุที่จะมาแทนโลหะ
    (10) อุปกรณ์การแพทย์และเทคโนโลยีเภสัชกรรม จีนมีความก้าวหน้าในการวิจัยวัคซีน ยารักษาโรค รวมถึงในเทคโนโลยีการผ่าตัดรักษาพยาบาลโดยใช้ระบบ AI (ปัญญาประดิษฐ์) และระบบ 5G เข้ามาช่วยในงานการแพทย์
    .
    หลังจากยุทธศาสตร์ Made in China 2025 แล้ว จีนยังมีเป้าหมายที่จะก้าวไปสู่ Made in China ซึ่งหมายความว่า สินค้าที่ใช้เทคโนโลยีของจีน ออกแบบโดยคนจีน แต่ว่าอาจจะไปผลิตที่ประเทศอื่นที่มีต้นทุนถูกกว่า เหมือนกับสินค้าแบรนด์ตะวันตกที่มาผลิตในประเทศต่างๆ นั่นเอง
    .
    สรุป ถ้านายโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 60- 100%จริงๆ ตามที่ขู่ไว้ ต้นทุนการผลิตในสหรัฐฯจะสูงขนาดไหน เพราะว่าวัตถุดิบ อุปกรณ์การผลิตหลายอย่างที่สหรัฐฯต้องใช้นั้น ต้องนำเข้าจากจีนที่นับวันมีแต่มากขึ้นๆ หรือถ้าสหรัฐฯ จะแยกตขั้วตัดขาดกับจีน คำถามมีอยู่ว่าแล้วโรงงานสหรัฐฯ จะเอาวัตถุดิบจากไหนล่ะ ไม่มีให้
    .
    นี่ยังไม่พูดถึงค่าแรงและต้นทุนต่างๆ ในสหรัฐฯ ที่แพงกว่าประเทศจีน ทักษะคนงานในสหรัฐฯบางสาขา เทียบไม่ได้กับความสามารถของคนจีน เช่นนี้แล้ว Made in China 2025 จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ในที่สุดทำให้จีนภายในไม่กี่ปีจากนี้ไป จะต้องแซงหน้าสหรัฐฯอย่างค่อนข้างแน่นอนที่สุด อันนี้ผมฟันธงได้เลย
    ฟันธงยุทธศาสตร์ Made in China 2025 จุดเริ่มต้นทำให้จีนแซงหน้าสหรัฐฯแน่นอน . 20 กว่าปีที่ผ่านมา จีนทุ่มเงินไปหลายล้านล้านหยวน เพื่อสร้างเทคโนโลยีของตัวเอง และลดการพึ่งพาต่างชาติ เพราะจีนชูนโยบาย Made in China 2025 ทำให้จีนไม่ต้องไปหวั่นไหวกับคำขู่ที่จะคว่ำบาตรและขึ้นภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ยังคงหลงตัวเองว่าประเทศต่างๆ ต้องมาพึ่งตัวเอง . แต่ความจริงก็คือ ทุกวันนี้สหรัฐฯ พึ่งจีนมากกว่าที่จีนพึ่งสหรัฐฯ นี่คือสัจจะวาจาที่ผมให้ก่อนสิ้นปีนี้ การที่จีนมีระบบเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มของตัวเอง ทำให้การปิดล้อมทางเทคโนโลยีของสหรัฐฯ แทบจะไม่ประสบผลสำเร็จเลย ซ้ำยังเป็นแรงผลักดันให้จีนต้องเร่งสร้างเทคโนโลยี และห่วงโซ่อุปทานของตัวเองให้เร็วยิ่งขึ้น . ภายใน 14 ปีที่ผ่านมานี้ อุตสาหกรรมที่จีนสร้างผลิตผลทางอุตสาหกรรมกลายเพิ่มขึ้นเป็น 34% ของโลก จาก 19% ของโลก เพราะในนโยบาย Made in China จีนได้กำหนด 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งขณะนี้มีความก้าวหน้าไปทุกด้าน คือ (1) เทคโนโลยีสารสนเทศ อีกสองปีข้างหน้า จีนจะผลิตเซมิคอนดักเตอร์ได้เองเกือบ 30% ของโลก (2) เครื่องจักรชั้นสูงและหุ่นยนต์ในภาคอุตสาหกรรม ทุกประเทศรวมกันในโลกสู้จีนไม่ได้เลย (3) การบินและอากาศยาน จีนผลิตเครื่องบิน C-919 คู่แข่งโบอิ้ง และแอร์บัส และบริษัท DJI (Dà Jiāng Chuàngxīn)ของจีนผลิตโดรนรายใหญ่ที่สุดของโลกโดย (4) วิศวกรรมทางการทะเลและการต่อเรือ ครองสัดส่วนมากกว่า 70% ของตลาดโลก (5) การขนส่งทางราง รถไฟความเร็วสูงในจีนใช้เทคโนโลยีและใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศเกือบทั้งหมด และจีนยังได้ส่งออกเทคโนโลยีรถไฟไปยังต่างประเทศอีกด้วย น่าเสียดายรถไฟความเร็วสูงของบ้านเรายังไม่ไปไหนเลยแม้แต่นิดเดียว (6) รถยนต์พลังงานใหม่ BYDเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของโลก และจีนกำลังแซงหน้าสหรัฐฯ เยอรมนี ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ขึ้นเป็นผู้ส่งออกรถยนต์พลังงานใหม่รายใหญ่ที่สุดของโลก (7) อุปกรณ์ผลิตไฟฟ้า จีนครองตลาดอุปกรณ์โซลาร์เซลล์มากกว่า 80% ของทั่วโลกที่มีมูลค่ามากกว่า 130,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่แล้ว (8) เครื่องมือเกษตรกรรม แม้จีนยังคงต้องพึ่งพาการนำเข้าอุปกรณ์ล้ำสมัย แต่ได้ผสมผสานเครื่องจักรพลังไฟฟ้าใช้พิกัดดาวเทียมทำการเกษตรแบบอัจฉริยะ (9) วัสดุใหม่ จีนได้ดุลการค้าในวัสดุทางเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคาร์บอน ไฟเบอร์ ซึ่งเป็นวัสดุที่จะมาแทนโลหะ (10) อุปกรณ์การแพทย์และเทคโนโลยีเภสัชกรรม จีนมีความก้าวหน้าในการวิจัยวัคซีน ยารักษาโรค รวมถึงในเทคโนโลยีการผ่าตัดรักษาพยาบาลโดยใช้ระบบ AI (ปัญญาประดิษฐ์) และระบบ 5G เข้ามาช่วยในงานการแพทย์ . หลังจากยุทธศาสตร์ Made in China 2025 แล้ว จีนยังมีเป้าหมายที่จะก้าวไปสู่ Made in China ซึ่งหมายความว่า สินค้าที่ใช้เทคโนโลยีของจีน ออกแบบโดยคนจีน แต่ว่าอาจจะไปผลิตที่ประเทศอื่นที่มีต้นทุนถูกกว่า เหมือนกับสินค้าแบรนด์ตะวันตกที่มาผลิตในประเทศต่างๆ นั่นเอง . สรุป ถ้านายโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 60- 100%จริงๆ ตามที่ขู่ไว้ ต้นทุนการผลิตในสหรัฐฯจะสูงขนาดไหน เพราะว่าวัตถุดิบ อุปกรณ์การผลิตหลายอย่างที่สหรัฐฯต้องใช้นั้น ต้องนำเข้าจากจีนที่นับวันมีแต่มากขึ้นๆ หรือถ้าสหรัฐฯ จะแยกตขั้วตัดขาดกับจีน คำถามมีอยู่ว่าแล้วโรงงานสหรัฐฯ จะเอาวัตถุดิบจากไหนล่ะ ไม่มีให้ . นี่ยังไม่พูดถึงค่าแรงและต้นทุนต่างๆ ในสหรัฐฯ ที่แพงกว่าประเทศจีน ทักษะคนงานในสหรัฐฯบางสาขา เทียบไม่ได้กับความสามารถของคนจีน เช่นนี้แล้ว Made in China 2025 จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ในที่สุดทำให้จีนภายในไม่กี่ปีจากนี้ไป จะต้องแซงหน้าสหรัฐฯอย่างค่อนข้างแน่นอนที่สุด อันนี้ผมฟันธงได้เลย
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 380 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลุดราคาขายของ Nvidia RTX50 ที่จีนครับ

    - RTX 5080 คาดว่าจะอยู่ที่ 9,999 หยวน (ประมาณ 1,370 ดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งสูงกว่าราคา RTX 4080 เล็กน้อย
    - RTX 5090 มีราคาสูงถึง 18,999 หยวน (ประมาณ 2,600 ดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 46% จาก RTX 4090

    https://www.techpowerup.com/330284/potential-rtx-5090-and-rtx-5080-pricing-in-china-leaks
    หลุดราคาขายของ Nvidia RTX50 ที่จีนครับ - RTX 5080 คาดว่าจะอยู่ที่ 9,999 หยวน (ประมาณ 1,370 ดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งสูงกว่าราคา RTX 4080 เล็กน้อย - RTX 5090 มีราคาสูงถึง 18,999 หยวน (ประมาณ 2,600 ดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 46% จาก RTX 4090 https://www.techpowerup.com/330284/potential-rtx-5090-and-rtx-5080-pricing-in-china-leaks
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Potential RTX 5090 and RTX 5080 Pricing in China Leaks
    What we've all been waiting for, might just have appeared and what we're talking about is of course the pricing of NVIDIA's upcoming graphics cards. @wxnod has posted a single screenshot on X/Twitter of what could be the MSRP of the RTX 5090 and RTX 5080 in China. The MSRP of the RTX 4080 was 9,499 ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇮🇳 อินเดียกำลังพิจารณาปรับลดภาษีเงินได้สำหรับบุคคลที่มีรายได้ไม่เกิน ๑.๕ ล้านรูปี (๑๗,๕๙๐ ดอลลาร์สหรัฐฯ) ต่อปี
    .
    JUST IN: 🇮🇳 India is considering cutting income tax for individuals making up to 1.5 million rupees ($17,590) a year.
    .
    1:14 PM · Dec 27, 2024 · 157.5K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1872526442149654689
    🇮🇳 อินเดียกำลังพิจารณาปรับลดภาษีเงินได้สำหรับบุคคลที่มีรายได้ไม่เกิน ๑.๕ ล้านรูปี (๑๗,๕๙๐ ดอลลาร์สหรัฐฯ) ต่อปี . JUST IN: 🇮🇳 India is considering cutting income tax for individuals making up to 1.5 million rupees ($17,590) a year. . 1:14 PM · Dec 27, 2024 · 157.5K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1872526442149654689
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 351 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัสเซียอ้างว่ายิงเครื่องบิน F16 ของยูเครนตก!

    เครื่องบิน F-16 ลำหนึ่งซึ่งนาโต้บริจาคให้ยูเครนถูกยิงตกขณะพยายามยิงขีปนาวุธโจมตีภูมิภาคซาโปริซเซีย(Zaporozhye)ของรัสเซีย

    วลาดิมีร์ โรกอฟ (Vladimir Rogov) ประธานคณะกรรมาธิการว่าด้วยอธิปไตย โครงการรักชาติ และการสนับสนุนทหารผ่านศึกของสภาสาธารณะสหพันธรัฐรัสเซีย กล่าว

    เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม ของปีนี้ FORES (ФОРЭС) บริษัทผู้ผลิตสารเคมี ceramic proppant สัญชาติรัสเซีย ประกาศจ่ายเงินโบนัส 15 ล้านรูเบิล (ราว 6.9 ล้านบาท) หรือ 168,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับเครื่องบินขับไล่ F-16 ลำแรกที่ถูกยิงตกในยูเครน - Sergey Shmotyev ผู้อำนวยการทั่วไปของบริษัท กล่าว

    ไม่เพียงเท่านี้ เมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมา มีรายงานว่ารัฐบาลรัสเซียจัดเตรียมเงินรางวัลเงินสด "1 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมกับได้รับสัญชาติรัสเซีย" สำหรับนักบิน F-16 ชาวยูเครน ที่ยอมขับไปมอบให้กับรัสเซีย

    และรางวัลอาจเพิ่มเกินกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หากเครื่องบิน F-16 ที่ขับไปมอบให้รัสเซีย มีการติดตั้งระบบอาวุธครบชุด เช่น ขีปนาวุธนำวิถีและระเบิด
    รัสเซียอ้างว่ายิงเครื่องบิน F16 ของยูเครนตก! เครื่องบิน F-16 ลำหนึ่งซึ่งนาโต้บริจาคให้ยูเครนถูกยิงตกขณะพยายามยิงขีปนาวุธโจมตีภูมิภาคซาโปริซเซีย(Zaporozhye)ของรัสเซีย วลาดิมีร์ โรกอฟ (Vladimir Rogov) ประธานคณะกรรมาธิการว่าด้วยอธิปไตย โครงการรักชาติ และการสนับสนุนทหารผ่านศึกของสภาสาธารณะสหพันธรัฐรัสเซีย กล่าว เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม ของปีนี้ FORES (ФОРЭС) บริษัทผู้ผลิตสารเคมี ceramic proppant สัญชาติรัสเซีย ประกาศจ่ายเงินโบนัส 15 ล้านรูเบิล (ราว 6.9 ล้านบาท) หรือ 168,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับเครื่องบินขับไล่ F-16 ลำแรกที่ถูกยิงตกในยูเครน - Sergey Shmotyev ผู้อำนวยการทั่วไปของบริษัท กล่าว ไม่เพียงเท่านี้ เมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมา มีรายงานว่ารัฐบาลรัสเซียจัดเตรียมเงินรางวัลเงินสด "1 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมกับได้รับสัญชาติรัสเซีย" สำหรับนักบิน F-16 ชาวยูเครน ที่ยอมขับไปมอบให้กับรัสเซีย และรางวัลอาจเพิ่มเกินกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หากเครื่องบิน F-16 ที่ขับไปมอบให้รัสเซีย มีการติดตั้งระบบอาวุธครบชุด เช่น ขีปนาวุธนำวิถีและระเบิด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • เดนมาร์กประกาศทุ่บงบประมาณด้านการป้องกันกรีนแลนด์อีก 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่ทรัมป์สนใจ "สั่งซื้อ"

    ทรัมป์ระบุชัดเจนว่า กรีนแลนด์ มีคุณค่าในเชิงยุทธศาสตต่อสหรัฐอย่างมาก

    รัฐมนตรีกลาโหมของเดนมาร์กระบุว่า "กรีนแลนด์ไม่ได้มีไว้ขาย" ประกาศเพิ่มงบประมาณด้านการป้องกันกรีนแลนด์ของเดนมาร์ก ที่รวมถึงโดรน เรือตรวจการณ์ การอัปเกรดสนามบิน และแน่นอนว่ารวมถึงทีมสุนัขลากเลื่อนอีก 2 ทีม เพราะในสถานที่แห่งนี้ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าทีมป้องกันภัยจากหน่วยสุนัขลากเลื่อน

    คงต้องรอดูท่าทีของทรัมป์ว่าสนใจจริงจังแค่ไหน หลังจากเห็นตัวเลข 1,500 ล้านดอลลาร์ ที่เดนมาร์กประกาศ ซึ่งอาจเป็นความหมายของตัวเลขเริ่มต้นของราคากรีนแลนด์ก็เป็นได้

    เดนมาร์กประกาศทุ่บงบประมาณด้านการป้องกันกรีนแลนด์อีก 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่ทรัมป์สนใจ "สั่งซื้อ" ทรัมป์ระบุชัดเจนว่า กรีนแลนด์ มีคุณค่าในเชิงยุทธศาสตต่อสหรัฐอย่างมาก รัฐมนตรีกลาโหมของเดนมาร์กระบุว่า "กรีนแลนด์ไม่ได้มีไว้ขาย" ประกาศเพิ่มงบประมาณด้านการป้องกันกรีนแลนด์ของเดนมาร์ก ที่รวมถึงโดรน เรือตรวจการณ์ การอัปเกรดสนามบิน และแน่นอนว่ารวมถึงทีมสุนัขลากเลื่อนอีก 2 ทีม เพราะในสถานที่แห่งนี้ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าทีมป้องกันภัยจากหน่วยสุนัขลากเลื่อน คงต้องรอดูท่าทีของทรัมป์ว่าสนใจจริงจังแค่ไหน หลังจากเห็นตัวเลข 1,500 ล้านดอลลาร์ ที่เดนมาร์กประกาศ ซึ่งอาจเป็นความหมายของตัวเลขเริ่มต้นของราคากรีนแลนด์ก็เป็นได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts